...วาระซ่อนเร้น...ตอนพิเศษ บนสุดของห่วงโซ่อาหาร (31/07/2020) หน้า 53
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...วาระซ่อนเร้น...ตอนพิเศษ บนสุดของห่วงโซ่อาหาร (31/07/2020) หน้า 53  (อ่าน 695231 ครั้ง)

ออฟไลน์ therappizdrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โจ๊กไม่น่าเป็นไบโพล่าร์นะคะ แบบนี้ไตรโพล่าร์ไปเลยยยยย

อารมณ์นางเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาสุดๆ

มาคิดย้อนไป แท้จริงแล้วโจ๊ะคบกับนิตาเพื่อกันโซ่ออกจากนิตาป่าววว


55555 ขอตั้งสติอ่านทวนใหม่อีกครั้งก่อนนน

ออฟไลน์ ป้ากิ่งkingkarn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ไม่น่าสงสารเลยซักนิดเดียวค่ะ แต่น่ารักมากกกก555
น่ารักน่าหมั่นเขี้ยวทั้งคู่เลยค่ะ
เอ็นดูคนแสนซื่อไม่เคยรู้จักความรัก
เอาใจช่วยคนกวนๆที่แอบมีแผนมาจีบ
ขอความกวนแต่จริงใจจีบกับความงงแต่มีหวั่นไหวอีกเยอะๆนะคะ
อย่าเพิ่งรีบให้จีบติดอย่าเพิ่งให้เลิกงง
ชอบโมเม้นท์แอบยิ้มเอ็นดูและอ่อนโยนแต่รีบไปหวีดกับผู้สมรู้ร่วมคิด
ชอบโมเม้นท์เดินตามเขาต้อยๆไปอ้อนให้เขาสอนจีบหญิงแต่กลับได้รู้จักรักที่แท้มาแทน
น่ารักจริงๆค่ะ หลงรักตั้งแต่อ่านตอนแรกเลย
รอติดตามอยู่นะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
เปลี่ยนเป็นจีบแบบธรรมดาไม่ต้องมีเรืาองนิตามาเกี่ยวอาจจะเวิร์คกว่สนะโจ๊ก 5555 จะได้ไม่ต้องอามรมณ์เสีย

 ขอบคุณพี่บัวมากนะคะ

ออฟไลน์ HuskyLover

  • นิยาย "วาย" ละมุน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
มีการบังคับไม่ให้มองคนอื่นด้วยเว้ย 555 น่ารักจังเลยโจ๊ก
แอบคิดเหมือนกันว่าที่โจ๊กไปจีบนิตา น่าจะเป็นเพราะอยากกันนิตาออกมามากกว่า
ทุ่มเทขนาดนี้เชียวหรือนี่

เรื่องภาษา พอดีผมก็เป็นนักเขียนเหมือนกัน แต่ไม่มีคนอ่านเยอะเท่าของคุณหรอก
มีนักเขียนซีไรท์ท่านหนึ่งแนะนำว่า อย่าเขียนประโยคยาว อย่าเชื่อมประโยคหลายๆ ประโยคเข้าด้วยกัน
โดยเฉพาะการใช้ "ที่" หรือ "ซึ่ง" เชื่อมหลายประโยค
ให้แยกประโยคกันไปเลย ภาษาจะได้กระชับและอ่านง่ายขึ้น
ผมก็ลองมาวิเคราะห์และทำตามดู ก็ปรากฎว่ามันทำให้อ่านง่ายขึ้น คนเขียนก็ไม่งงด้วย
เพราะเวลาเขียนประโยคยาวๆ เราจะงงได้ว่ากำลังจะสื่ออะไร ใช่ไหมครับ :)

เช่น นางสาวกอไก่ซึ่งเมื่อเมื่อปีที่แล้วอยู่ปีสองมาเป็นผู้จัดการให้ชมรม
ผมก็จะแก้ใหม่เป็น
นางสาวกอไก่มาเป็นผู้จัดการให้ชมรม เมื่อปีที่แล้วเธออยู่ปีสอง

ประโยคก็จะสั้นลงเพราะไม่ต้องเชื่อมกัน ประมาณนี้ครับ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ :)
วันพฤหัสหน้าจะมาติดตามใหม่ ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆ ครับ

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
โจ๊กที่น่าสงสาร 5555555555555555
โกรธไปเค้าก็ไม่รู้เรื่องหรอก ขำมาก

ออฟไลน์ Preenp

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบโจ๊กงะ น่ารักมาก :mew1:

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
มอบเพลง รู้ยัง ไว้ให้ไอ้โจ๊กกับโซ่น่าาาา
ไบโพลาร์โจ๊กเอ๊ยยยย

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
สนุก^^ รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
ทั้งสงสาร ทั้งขำ

ออฟไลน์ PiiNaffe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
อิพี่โจ๊กเกรี้ยวกราดจังเลย 55555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ FHUNWHAN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เรารู้สึกว่านี่เป็นสงคราม (ที่ดูเหมือนจะเป็นของโจ๊กคนเดียว) แต่ละฝ่ายสุดโต่งทั้งคู่และสุดโต่งกันคนละด้าน 555555
สงสารทั้งคู่ สงสารโซ่ที่ต้องรับมือกับคนเกรี้ยวกราด สงสารโจ๊กที่ต้องรับมือกับแมวผู้อ่อนต่อโลก
แต่เราชอบความแตกต่างที่ลงตัวนี้นะ น่ารัก จะรอดูว่าเขาจะค่อยๆปรับตัวมาอยู่ตรงกลางกันยังไง
เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ ^^

ออฟไลน์ sosobo21

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
ถ้าเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ พระเอกของเราจะกลายเป็นไบโพลาร์จริงๆแน่เลยค่ะ 555

สงสารโจ๊ก แต่ก็เอ็นดูหนูโซ่ด้วย งึยยยยย คนอะไรทำไมบริสุทธิ์เป็นผ้าขาวอย่างนี้คะลูก


ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1510
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
โถพ่อคุณ โกรธแล้วไม่มีคนง้อ  :m20:
สะกดจิตนังน้องโซ่ไปเรื่อยๆโจ๊ก :oni3:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เป็นพระเอกที่อารมณ์แปรปรวนแรงมาก 55555555555555555

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
กว่าจะได้โซ่ โจ๊กต้องพบจิตแพทย์ก่อนไม๊? 555

ออฟไลน์ QueenPedGabGab

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 311
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
ชอบพิโจ๊กมากขะ เชียร์อยู่นะคะพี่

ออฟไลน์ angelhani

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
เรื่องนี้พระเอกเป็นผีบ้า 55

ออฟไลน์ Moose

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
โจ๊กน่ารักม้ากกก ชอบพระเอกแบบนี้ค่ะ 555555  ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ

ออฟไลน์ phoenixa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 569
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
วงวารพี่โจ๊กกกกก
น้องก็ดีใจหาย
พี่โจ๊กเอาแต่ใจ เปลี่ยนอารมณ์วันละสามเวลาน้องยังตามใจ


ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ไบโพลาร์คงไม่พอแล้ว
โจ๊กช่างน่าอนาถ

 :m20:

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


สงสารพระเอกของเรื่องนี้ที่สุด
แต่ก็มั่นใจมากว่าเมื่อพ่อคุณสมหวัง
โจ๊กจะแฮปปี้ที่อุตส่าห์ลงทุนเป็นบ้าในช่วงแรกจีบโซ่
โธ่! พ่อคุณพ่อขนุนหนังของป้า ฮ่า ๆๆๆๆ  :laugh3:


ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
NOV: วาระซ่อนเร้น
By: Dezair
…………………..
ตอนที่ 4

…เป็นการดูหนังที่โคตรสนุก ไอ้ฉิบหาย!!…


เจียระไนทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาในคอนโดสุดหรูของตนเอง หลังจากแยกย้ายกับสิตางศุ์เมื่อดูหนังจบ ไอ้คนที่ดูจบน่ะมีแค่เขาคนเดียว ส่วนคนที่ไม่ได้ดูเลยทั้งเรื่องคือคนที่เขาพาเข้าโรงไปด้วย เพราะมันหลับตลอดทั้งเรื่อง!


...ฉิบหายมั้ย อุตส่าห์พาดูหนังระเบิดตูมตามก็ยังหลับได้! เอากับมันสิ!!...


`กูนอนน้อยน่ะ ช่วงนี้ปั่นเปเปอร์’ เหตุผลง่ายๆของคนหลับคาโรงทำเอาเจียระไนยิ่งปึ้ดหนัก


…เรื่องทำเปเปอร์นั่นกูรู้! แต่มันใช่เรื่องมั้ยที่ปีสี่แล้วแต่ยังโหมเรียน โหมเปเปอร์แบบนี้!!…


พอไอ้คนตัวบางผิวขาวจัดออกปากว่านอนน้อย แถมยังหลับคาโรงให้ดูเป็นขวัญตา เจียระไนก็เลยไม่กล้าชวนไปไหนต่อ แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมันเอาน่าจะทำให้สบายใจมากกว่า


แต่...พอแยกกันแล้ว ร่างสูงก็เพิ่งรู้ตัวว่าในหัวเขามีแต่เรื่องของมันเต็มไปหมด


ตอนที่อยู่ด้วยกันโรงอาหาร ตอนที่ตาจ้องตาในร้านกาแฟ ตอนที่เหลือบไปมองคนข้างๆที่นั่งหลับเอนศีรษะมาทางเขาในโรงหนัง ตอนที่งัวเงียตื่นขึ้นมาเมื่อหนังจบ ตอนที่พูดซื่อๆถึงสาเหตุที่หลับคาโรง สิตางศุ์อยู่ในทุกความทรงจำของวันนี้่


พอคิดแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มจางๆอย่างเอ็นดู เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดไล่ดูเบอร์โทรศัพท์ที่เซฟเอาไว้ด้วยจุดสามจุด ถึงมันจะขยันทำให้เขาหงุดหงิด ถึงมันจะชอบถามเรื่องนิตาอย่างไม่รู้กาลเทศะ แต่...เขาก็ยังอยากได้ยินเสียงมันอีกสักครั้ง...ในวันนี้...


‘กูจะทักไปหามันก่อน มึงว่ากูจะทักยังไงดี’


เขาตัดสินใจเรียกใช้ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ทางแอพลิเคชั่นแชท อีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างรวดเร็วราวกับรอการรายงานของเขาอยู่แล้ว


‘ทักว่านอนรึยังครับมึง’


‘นอนห่านอนเหวอะไรอีก เมื่อกี้กูปล่อยมันหลับคาโรงตลอดทั้งเรื่อง’


‘แต่นี่มันสี่ทุ่มกว่าแล้วนะโว้ย ช่วยสะกดคำว่าเกรงใจให้กูดูด้วยครับ’


‘เสียใจ’


‘สัดนี่ กูจะแช่งให้ไม่สำเร็จ’ เจียระไนกำลังจะพิมพ์คำด่าอีกสักประโยค แต่บนหน้าจอกลับปรากฏว่ามีสายเรียกเข้าแทรกเข้ามา ชื่อที่ปรากฏคือ ‘…’ แน่นอนว่ามีแค่คนเดียวเท่านั้น ที่เขาเซฟแบบนี้


‘เสียใจจริงๆ ที่มึงแช่งยังไงก็ไม่สำเร็จ มันโทร.มาหากู’


แล้วเขาก็กดรับสายอย่างรวดเร็ว


“มีอะไร” เสียงแข็งแต่หน้ายิ้ม ความสามารถระดับนี้ต้องเจียระไนเท่านั้น


‘อ่า...มึงยังไม่นอนใช่มั้ย’


“ยัง กูนอนดึก” และไม่ควรมีมนุษย์ปีสี่คนไหนที่ได้นอนตอนสี่ทุ่ม...ยกเว้นมนุษย์สิตางศุ์


‘เอ่อ...แล้วพรุ่งนี้...มึงมีเรียนรึเปล่า’ คิ้วของร่างสูงกระตุก เมื่อถูกถามถึงโปรแกรมวันพรุ่งนี้...หรือว่า...มันจะชวนไปไหน?


“ไม่มี มีอะไร”


‘อ่า...ก็...ก็วันนี้มึงเลี้ยงกูตั้งหลายรอบ ทั้งข้าวกลางวัน ทั้งลาเต้ ทั้งหนัง...กู...ก็เลยอยากจะตอบแทนมึงบ้าง’ ประโยคหลังที่แสดงเจตจำนงนั้นฟังยังไงก็มีแต่คำว่าน่ารักกระแทกเข้ามาในใจร่างสูง เจียระไนแทบกลั้นยิ้มกับตัวเองไม่อยู่ แต่ก็จำเป็นต้องทำเสียงเข้มๆกลับไปเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรเลย


“พรุ่งนี้กูว่าจะทำความสะอาดห้องน่ะ” ทำตัวให้ยากนิดหน่อย จะได้ดูน่าตื้อบ้าง แต่...เขาลืมอะไรไปหนึ่งอย่าง คนอย่างสิตางศุ์ตื้อใครไม่ค่อยเป็น และเป็นมนุษย์ประเภทตัดใจง่ายมากกกกก...


‘อ้าวเหรอ งั้นไม่เป็นไร กูไม่รบกวนแล้วกัน’


...ไอ้ฉิบหาย! เกิดเป็นคน ไม่ควรตัดใจง่ายแบบนี้มั้ย?!...


“มึงมาช่วยกูทำความสะอาดสิ” เป็นอีกครั้งที่คนท่ามากต้องรีบยื่นข้อเสนอให้ก่อนที่ลาภลอยจะลอยหนีไป


‘หืม?’


“ก็มึงจะตอบแทนกูไม่ใช่รึไงล่ะ มาช่วยกูทำความสะอาดห้องแล้วกัน”


‘จะดีเหรอ กูว่าให้กูเลี้ยงข้าวน่าจะ...’


“เออ มึงซื้อข้าวมาด้วยเลย พรุ่งนี้มาหากูที่ห้องนะ เดี๋ยวกูส่งโลเกชั่นให้” เจียระไนตัดสินใจเสร็จสรรพก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบด้วยซ้ำ เรื่องอะไรเขาจะปล่อยให้มันอยู่สบายเป็นคุณชายสิตางศุ์แล้วปล่อยเคมีเรี่ยราดให้คนนั้นคนนี้มอง เรียกมันมาช่วยทำความสะอาดห้องดีกว่า ได้อยู่ด้วยกันสองคน ไม่ต้องแบ่งมันให้ใครเห็นด้วย


‘แล้วจะให้กูไปหากี่โมงอ่ะ’


“เก้าโมง มึงตื่นรึยัง”


‘ตื่นแล้ว งั้น...พรุ่งนี้กูแวะซื้อข้าวไปให้แล้วก็ช่วยมึงทำความสะอาดห้องนะ เอ่อ...จะพอรึเปล่า คือ...วันนี้มึงเลี้ยงกูตั้งหลายอย่างแหน่ะ’


“พอ มึงมาให้ตรงเวลาแล้วกัน” พอปลายสายรับคำ เขาก็ตัดสายแล้วจัดแจงส่งตำแหน่งที่อยู่ของตัวเอง บอกพิกัดเลขห้องและชั้นให้สิตางศุ์เรียบร้อยก็เหลือบมองไปรอบคอนโดของตัวเอง คอนโดหรูใจกลางกรุงเทพฯที่ถูกตกแต่งและดูแลอย่างดีเพราะบิดามารดาส่งคนมาทำความสะอาดให้ทุกสัปดาห์ มองยังไงก็ไม่เห็นว่าจะมีส่วนไหนที่ต้องทำความสะอาด


แต่ไม่เป็นไร...ถึงจะสะอาด เขาก็สร้างความสกปรกได้


ร่างสูงลุกขึ้นเดินเข้าไปถล่มห้องนอนเป็นที่แรก ตามมาด้วยห้องนั่งเล่นและห้องครัว ชั่วโมงต่อมา คอนโดที่เคยเรียบร้อยเป็นระเบียบก็ระเกะระกะไปด้วยข้าวของมากมายที่ถูกเขารื้อออกมา เจียระไนยกยิ้มกับตัวเอง ยืนมองผลงานอย่างภาคภูมิใจ


...พรุ่งนี้มึงไม่ได้กลับไวแน่นอน...ไอ้โซ่...

........................

สิตางศุ์ตื่นแต่เช้าตามประสาคนนอนเร็ว พอตื่นมาแล้วถึงได้เห็นข้อความจากเพื่อนสนิทสองคนที่ถามไถ่เรื่องเมื่อวาน พวกนั้นมักจะถามเขาว่าได้อะไรจากเจียระไนบ้าง แต่จนแล้วจนรอด เขาก็ยังไม่แน่ใจนักว่าวิธีเรียนจากแฟนเก่าของนิตาจะทำให้เขาสามารถจีบหญิงสาวได้จริงๆ


...แต่...เอาเถอะ อยู่กับหมอนั่นก็สนุกดีเหมือนกัน...


ร่างโปร่งลุกจากเตียงอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกจากห้องหาซื้อน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋และโจ๊กติดมือไปเป็นข้าวเช้าให้เจ้าของคอนโดที่เขาจะไปช่วยทำความสะอาดในวันนี้


อีกสิบนาทีจะก้าวโมง ร่างสูงโปร่งผิวขาวจัดในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์ก็มาถึงคอนโดของเจียระไน


ทว่า...เจ้าของคอนโดลงมารอที่ล็อบบี้อยู่ก่อนแล้ว ดวงตาคมกริบกวาดมองตั้งแต่เสื้อลงมาที่กางเกงไปที่รองเท้าผ้าใบแล้วก็วกกลับมาที่เสื้อใหม่


“คิดอะไร ใส่เสื้อขาวมาช่วยกูทำความสะอาด” ปากถามแต่ตาคมกริบมีประกายบางอย่าง ทว่าสิตางศุ์ไม่ทันได้สังเกต เพราะก้มลงมองเสื้อผ้าตัวเอง


“ก็ถ้ามีอะไรเลอะเสื้อ จะได้เห็นไง”


“แล้วมึงไม่คิดรึไงว่ามันจะซักไม่ออก”


“ซักไม่ออกก็ไม่เป็นไรหรอก ตัวนี้เก่าแล้ว” เจียระไนเอาลิ้นดุนข้างแก้มเพื่ออุดปากตัวเองจะได้ไม่ต้องพูด


...เสื้อเก่าห่าอะไร! ใส่ยังไงก็ยังน่ารักอยู่ดี!...


“แล้วนั่นมึงซื้ออะไรมา” เขาถามแล้วเอื้อมไปดึงถุงจากมือขาวมาถือเอง และก็พบว่ามันหนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน เพราะมีทั้งน้ำเต้าหู้ ทั้งโจ๊ก ไหนจะปาท่องโก๋อีก อย่างหลังไม่หนักเท่าไร แต่สองอย่างแรกนั่นสิ มีตั้งหลายถุง


“กูไม่รู้ว่ามึงกินน้ำเต้าหู้แบบใส่เครื่องรึเปล่าเลยซื้อมาสองแบบ โจ๊กก็มีแบบใส่เครื่องในกับไม่ใส่ คือ...กูไม่รู้จะซื้ออะไร ก็เลย...ซื้อแบบนี้มา” คนซื้อมาหลายอย่างอธิบายเป็นฉากๆด้วยหน้าซื่อๆ ตาใสๆ ชนิดที่เจียระไนไม่กล้าดุ


“แล้วมีของมึงรึเปล่า” ใบหน้าขาวพยักหน้ารับ ร่างสูงไม่พูดอะไรต่อ หยิบปาท่องโก๋สีเหลืองกรอบเข้าปากขณะเบี่ยงปลายเท้าเดินนำไปที่โถงลิฟต์ มีคนร่างโปร่งตัวขาวจัดเดินตามหลัง


“ปาท่องโก๋อร่อยดี แล้วซื้อมาทำไมเยอะ ไหนมึงว่าไม่กินของทอด” เขาหันกลับไปพูดกับคนซื้อ ริมฝีปากสีสดแย้มยิ้มกว้างตอบกลับมา


“ก็ไม่กินน่ะสิ แต่เจ้านี้ขายหน้าคอนโดกู เจ้าเดียวกับน้ำเต้าหู้นั่นแหละ ป้าคนขายใจดี วันนี้เห็นกูซื้อเยอะ เลยแถมมาให้อีก อุตส่าห์บอกแล้วว่าซื้อมาให้เพื่อนคนเดียว แกก็ยังให้มาตั้งเยอะ” สมกับที่ถูกแซวว่าเป็นสเป็คสาธารณะ สิตางศุ์มีหน้าใสๆ ดวงตาซื่อๆ และรอยยิ้มสวยๆเป็นอาวุธ ฆ่าทุกคนตายเรียบทั้งในคณะ นอกคณะ ตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่ กระทั่งคนขายน้ำเต้าหู้แถวคอนโดก็ยังโดนเคมีเรี่ยราดของมันไปด้วย


สิตางศุ์เห็นร่างสูงเงียบไปตั้งแต่เดินเข้าลิฟต์ก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายคงไม่อยากทานของที่เขาซื้อมา ในฐานะที่ตนเองเป็นคนกินยาก เขาก็พอจะเข้าใจว่าการกินอะไรไม่ได้ หรือกินของที่ไม่ถูกปาก ความรู้สึกมันแย่แค่ไหน ริมฝีปากสีสดเสนอทางเลือกขึ้นมาใหม่


“...อ่า...กูเห็นมีข้าวมันไก่ขายอยู่ใกล้ๆ เอามั้ย เดี๋ยวกูไปซื้อใ...”


“มึงแดกไหวเหรอ? นี่ก็โจ๊กกับน้ำเต้าหู้ ยังจะไปซื้อข้าวมันไก่อีก


“อ้าว...ก็เห็นมึงเงียบ เลยนึกว่ามึงไม่อยากทานของที่กูซื้อมา...” ร่างสูงปรายสายตามามองแล้วกัดปาท่องโก๋อีกคำต่อหน้าต่อตา


“กูเงียบเพราะกูแดกอยู่ มึงมีปัญหาอะไรอีกมั้ย”


ปิดประเด็นที่สิตางศุ์เป็นห่วง สรุปว่าที่เจ้าของสถานที่เงียบเป็นเพราะ ‘แดกอยู่’ นั่นเอง


ในลิฟต์เงียบกริบไม่มีคำพูดอะไรอีก ร่างโปร่งได้แต่ยืนเงียบๆอยู่มุมหนึ่งของลิฟต์ ปล่อยให้คนที่ยัง ‘แดกอยู่’ เคี้ยวปาท่องโก๋หงับๆจนกระทั่งลิฟต์เปิดอีกครั้งหนึ่ง


ร่างสูงก้าวเท้าเดินนำ มีคนร่างโปร่งผิวขาวจัดเดินตามหลังอย่างเงียบๆเช่นเดิม คอนโดแห่งนี้ นอกจากพิกัดจะอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวกแล้ว ยังตกแต่งหรูหราแม้กระทั่งส่วนกลางอย่างโถงทางเดิน ยิ่งพอสิตางศุ์ได้เห็นห้องของเจียระไน เขาก็เข้าใจขึ้นมาทันทีว่าเพื่อนบางคนที่ทำตัวติดดินมากๆ พอถึงเวลาจริงๆ มันก็รวยมากเช่นกัน


แถมยัง...สกปรกมากๆอีกด้วย


ดวงตาคู่สวยมองเลยไปยังห้องนั่งเล่นที่อิเหละเขละขละไปด้วยข้าวของกระจัดกระจายไม่เป็นที่เป็นทาง คอนโดหรูแค่ไหนก็ไม่อาจดูดีได้เลย ถ้าสภาพห้องจะเละเทะแบบนี้


เจียระไนเห็นสายตาของคนที่เขาพามามองผ่านไปยังห้องนั่งเล่นทางด้านหลัง แต่เขาไม่พูดอะไร วางถุงอาหารเช้าลงบนโต๊ะอาหารขนาด 8 ที่นั่ง ซึ่ง...ก็ระเกะระกะไปด้วยเอกสาร หนังสือ ถุงขนมที่ยังไม่ได้แกะและกระป๋องเครื่องดื่มที่หมดแล้ว...ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่เขาเพิ่งดื่มเมื่อตอนก่อนจะลงไปรอสิตางศุ์นั่นแหละ


“วันนี้จะทำเสร็จมั้ยเนี่ย” ร่างโปร่งเห็นสภาพห้องแล้วได้แต่บ่นกับตัวเอง เขาไม่นึกว่าคอนโดของเจียระไนจะใหญ่ขนาดนี้ ขนาดส่วนนั่งเล่นยังใหญ่กว่าคอนโดของเขาทั้งห้องเลย โต๊ะอาหารยาวถึง 8 ที่นั่ง บ้านเดี่ยวบางหลังก็ยังวางโต๊ะแบบนี้ไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงห้องครัว ห้องนอนและห้องน้ำ เพราะขนาดคงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเท่าไร


“ไม่เสร็จไม่เป็นไร เตียงกูกว้าง นอนที่นี่ได้เลย เดี๋ยวกูหาเสื้อผ้าให้” เจ้าของห้องพูดเรียบๆ ไม่บ่งอารมณ์ว่าพูดเล่นหรือพูดจริง แต่ต่อให้พูดจริง สิตางศุ์ก็ไม่นอนด้วยเด็ดขาด


...ห้องนั่งเล่นยังรกขนาดนั้น ห้องนอนคงสภาพแย่ไม่ต่างกัน เขากลับไปนอนห้องตัวเองน่าจะดีกว่า...

...................................

หลังอาหารเช้าเป็นโจ๊ก น้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ พวกเขาก็เริ่มจัดเก็บคอนโดของเจียระไน น่าประหลาดที่แม้ข้าวของจะอยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง แต่กลับไม่มีฝุ่นเลยสักนิด มนุษย์แพ้ฝุ่นที่เคยถึงขั้นต้องกินยาแก้แพ้ออกจะสงสัยอยู่ไม่น้อย แต่เพราะเกรงว่าถ้าทำไม่เสร็จจะถูกเจ้าของห้องบังคับให้นอนที่นี่ เขาก็เลยไม่ได้ฉุกใจใดๆอีก


เสียงสัญญาณจากเครื่องซักผ้าดังเบาๆบอกให้รู้ว่าผ้าปูที่นอนถูกซักเสร็จเรียบร้อยแล้ว สิตางศุ์เดินไปจัดการเอาออกมาตากที่ระเบียงกว้าง แม้จะเป็นช่วงใกล้เที่ยงแต่เพราะห้องนี้อยู่ชั้นเกือบบนสุด เลยทำให้มีลมเย็นพัดผ่าน แถมมองเห็นวิวเมืองหลวงจนสุดสายตาก็ยิ่งทำเอาสิตางศุ์ยืนมองเพลิน


“ทำไร” เสียงทุ้มดังขึ้นปลุกสติร่างโปร่งให้หันกลับไปมอง ใบหน้าคมดุจับจ้องมาที่เขาแต่ไม่บ่งอารมณ์ใดก็ทำเอาสิตางศุ์รู้สึกผิดเล็กน้อยเหมือนตัวเองแอบอู้งานมายืนที่ระเบียง


“วิวสวยดีก็เลยมองเพลินไปหน่อย เอ่อ...ในห้องนอนเก็บถึงไหนแล้วล่ะ เดี๋ยวกูเข้าไปช่วย” ร่างขาวจัดกำลังจะเดินสวนกลับเข้าไปข้างใน แต่แขนใหญ่ยกขึ้นขวางแล้วจับไหล่หมุนตัวให้สิตางศุ์หันกลับไปมองวิวกรุงเทพฯอีกครั้ง


“วิวสวยก็ดูต่อ”


“แต่...ห้องมึงจะไม่เสร็จ...”


“ไม่เป็นไร กูไม่รีบ” เจ้าของห้องว่าอย่างนั้นแล้วชี้นิ้วไปที่ไกลๆ “ตอนกลางคืน ตึกนั้นจะเปิดไฟสวยมาก”


สิตางศุ์มองตาม อาคารสูงรูปทรงแปลกตา แม้แต่ตอนกลางวันก็ยังดูโดดเด่นท่ามกลางตึกสูงมากมาย หากตอนกลางคืนมีแสงไฟจากห้องต่างๆ ก็คงน่ามองไม่ต่างกัน


“คืนนี้มึงอยู่ดูสิ”


“หืม?” คนถูกชวนชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยสีน้ำตาลหันมามองคนพูดที่เหลือบตามามองเขา


“เดี๋ยวดึกๆกูไปส่งที่ห้อง”


“ไม่เป็นไรหรอก กูเกรงใจ...”


“กูเต็มใจ” ร่างสูงชิงพูดอย่างที่ทำเอาริมฝีปากสีสดพูดต่อไม่ออก ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจับจ้องใบหน้าของคนที่หันมาพูดแทรกเขา เป็นอีกครั้งที่นัยน์ตาสีดำสนิทที่แสนลึกลับนั้นมีประกายบางอย่างที่อ่านไม่ออก สิตางศุ์ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายนึกคิดอะไร แต่ที่รู้...เหมือนดวงตาคู่นี้ดึงดูดให้เขาไม่อาจขัดขืนได้


“อย่ามองกูอย่างนั้น” แล้วก็เป็นฝ่ายเจียระไนที่เบี่ยงสายตาหนีไปทางอื่นก่อน สิตางศุ์กะพริบตาปริบๆเพื่อเรียกสติกลับมา แม้จะยังงุนงงกับคำพูดของเจ้าของคอนโด แต่ร่างสูงไม่เปิดโอกาสให้เขาถามอะไร ชี้นิ้วไปที่โซฟาเบดที่ระเบียงแล้วสั่ง


“มึงนั่งเล่นตรงนี้ไปก่อน ไว้กินข้าวเที่ยงเสร็จแล้วค่อยทำต่อ จะแดกอะไร กูจะโทร.สั่ง”


“โจ๊ก...”


“กูไม่แดกโจ๊กสองมื้อหรอกนะ”


“ไม่ๆ กูเรียกมึง” เจ้าของชื่อ ‘โจ๊ก’ หันมามอง


“มีอะไร”


“มึงก็ทำมาตั้งแต่เช้าแล้ว...” ริมฝีปากสีสดเม้มเข้าหากันเหมือนตัดสินใจไม่ถูกว่าจะพูดต่อดีมั้ย แต่สุดท้ายก็เอ่ยออกมา


“...เอ่อ...กูยังไม่หิวหรอก ยังไม่ต้องสั่งอะไรก็ได้ อ่า...มึง...มานั่งด้วยกันก่อนสิ... ”


...นั่งด้วยกันก่อนสิ...นั่งด้วยกันก่อนสิ...นั่งด้วยกันก่อนสิ...
เหมือนในหัวคนฟังมีแต่ประโยคนี้ดังซ้ำๆ ร่างเย็นเฉียบทว่าหัวใจกลับเต้นแรงจนต้องยกมือขึ้นแตะหน้าอกตัวเองแล้วถูไปมาแรงๆราวกับจะปลอบให้มันเต้นช้าลง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเลื้อยขึ้นไปเกาศีรษะตัวเองอย่างเก้อๆ เจียระไนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องโดยไม่พูดอะไร


สิตางศุ์ชะงักไปเล็กน้อยที่คำชวนของเขาถูกเมิน แต่ไม่ทันจะตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไม เจ้าของห้องก็เดินกลับมาที่ระเบียงอีกครั้งพร้อมด้วยกีต้าร์โปร่ง


“กูไม่ชอบนั่งเงียบๆ...” เจียระไนว่าอย่างนั้น ก่อนจะเดินมาทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาเบดแล้วตั้งกีต้าร์บนตัก


“...อยากฟังเพลงอะไรล่ะ” คนถือกีต้าร์ถามพร้อมรอยยิ้มจางๆ ในขณะที่สายตาทอดมองคนที่เดินมานั่งข้างๆ เป็นคำถามที่อ่อนโยนเหมือนจะเอาใจ และเป็นสายตากับรอยยิ้มที่ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดจนคนถูกมองรู้สึกราวกับตัวเองเป็นคนสำคัญ


...อยากฟังเพลงอะไรอย่างนั้นหรือ?...ถ้าอยากฟังเพลงอะไร ก็จะเล่นให้ฟังทุกเพลงอย่างนั้นใช่มั้ย...


“งั้น...เอาเพลง Zombie”


รอยยิ้มของเจียระไนเหือดในวินาทีนั้น


“หะ? มึงจะเอาเพลงอะไรนะ”


“Zombie ของ The Cranberries” คนอุตส่าห์ไปหยิบกีต้าร์ออกมากะสร้างบรรยากาศโรแมนติกถึงกับถอนหายใจเฮือก แล้วยื่นโอกาสครั้งใหม่


“กูให้ขออีกที” สิตางศุ์กะพริบตาปริบๆ ที่คนถือกีต้าร์บอกให้เขาขอเพลงอื่น เดาเอาว่าหมอนี่อาจจะเล่นคอร์ดเพลงนี้ไม่ได้

“อ่า...ซอมบี้ยากไปเหรอ งั้น...เพลง imagine ของจอห์น เลนนอนก็ได้” ครั้งที่สองสำหรับการถอนหายใจ แถมเจียระไนกรอกตามองบนอีกสามทีด้วยความเซ็ง


...ไอ้ฉิบหายเอ๊ย!!! แต่ละเพลงที่เลือกมา ไม่สงครามก็สันติภาพ!!!...


“ไม่ต้องขอแล้ว มึงนั่งฟังเฉยๆไปเลย” แล้วนิ้วยาวก็เริ่มดีดสายให้เกิดเป็นเสียงดังแผ่ว คนฟังขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะตั้งคำถามด้วยความสงสัย


“เพลงอะไรน่ะ”


“Wherever you are”


แล้วหลังจากนั้น เสียงเกลากีต้าร์เบาๆก็ดังขึ้น คนเล่นกีต้าร์ไม่ยอมร้อง บทเพลงนี้จึงมีแค่เสียงดนตรี ทว่า...สิตางศุ์กลับรู้สึกสงบอย่างน่าประหลาด เขาทอดสายตามองไปยังเมืองหลวงที่มีตึกสูงต่ำไกลสุดลูกหูลูกตา กรุงเทพมหานครที่คึกคักและจอแจ แต่ที่ระเบียงคอนโดแห่งนี้กลับมีเพียงคนสองคนและกีต้าร์หนึ่งตัว ท่วงทำนองหวานหูดังเบาๆอยู่ข้างกาย ทว่าน่าเสียดายที่สิตางศุ์ไม่รู้เนื้อเพลง


“โจ๊ก...เพลงนี้ไม่มีเนื้อเหรอ” เพราะมีแต่เสียงดีดกีต้าร์ ไม่มีเสียงร้อง คนฟังเลยตั้งคำถาม


“มี แต่กูไม่ร้อง” คนที่ยังก้มหน้าก้มตาอยู่กับกีต้าร์โปร่งตอบกลับมาโดยไม่สนใจจะร้อง เป็นอันว่าเพลงนั้นดำเนินต่อไปโดยที่มีแค่เสียงกีต้าร์อย่างเดียว


สิตางศุ์ไม่ได้เรียกร้องอะไรอีกเพราะคิดเอาเองว่าอีกฝ่ายคงร้องเพลงไม่เป็นเลยไม่กล้าร้อง ทว่าเหตุผลที่แท้จริง คือเจียระไนไม่อยากให้คนฟังรู้ความหมายของเพลงนี้


เพราะหากเมื่อไรที่รู้ เมื่อนั้น...ประกายประหลาดในดวงตาและรอยยิ้มของเขาก็คงไม่เป็นความลับอีกต่อไป...

..........................

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8


สี่ทุ่มกว่า รถหรูของคนที่ขันอาสาว่าจะมาส่งก็เลี้ยวมาจอดที่หน้าตึกขนาดย่อมสูงราวๆสิบชั้น สิตางศุ์ปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วหันมาหาคนขับที่กำลังสอดส่องมองไปรอบๆ แม้ที่นี่จะเป็นอาคารเก่า แต่ก็ยังได้รับการดูแลอย่างดี ไฟสว่างสอดส่องทั่วถึง ไม่เปลี่ยววิเวกวังเวงแต่อย่างใด


“ขอบใจนะ” เสียงของคนข้างกายดังขึ้น ทำเอาคนที่กำลังมองออกไปนอกหน้ากระจกรถต้องหันมองต้นเสียง เขาพยักหน้ารับรู้แล้วก็หันไปมองทางอื่นอีก ร่างโปร่งเห็นอีกฝ่ายไม่ได้สนใจตนเท่าไรนักเลยหันไปเปิดประตู ทว่าคนที่เหมือนจะไม่ได้สนใจเขาในทีแรกกลับพูดขึ้นมา


“พรุ่งนี้มีเรียนเช้าใช่มั้ย” ดวงตาคู่สวยสีน้ำตาลที่แม้จะอยู่ในความมืดสลัวก็ยังมีแววซื่อบริสุทธิ์นั้นหันกลับมามอง


“อื้อ”


“งั้นกูมารับ”


“มารับทำไม กูไปเองได้”


“กูรู้ว่าไปเองได้ แต่กูจะมารับ” สิตางศุ์ขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ แต่เจียระไนกลับไม่สนใจความไม่เข้าใจนั้นเลย เขาโบ้ยไปที่ประตู


“ลงไปได้แล้ว สี่ทุ่มกว่าแล้ว มึงนอนเร็วไม่ใช่เหรอ”


“เอ่อ...แต่...เรื่องพรุ่งนี้ที่มึงจะมารับ...”


“เรื่องพรุ่งนี้ก็เอาไว้พรุ่งนี้ วันนี้และตอนนี้คือมึงควรจะขึ้นไปนอนได้แล้ว แล้วห้องอยู่ชั้นไหน”


“ชั้นห้า”


“เข้าห้องปิดประตูแล้วโทร.บอกกูด้วย ไป ลงไปได้แล้ว กูจะได้กลับ” ถูกไล่ลงแบบเรียบๆ สิตางศุ์ก็ถึงกับพูดไม่ออก ได้แต่เปิดประตูรถลงไปยืนอย่างงงๆ และก่อนที่รถหรูจะเคลื่อนตัวออกจากหน้าตึกไป กระจกฝั่งข้างคนขับก็ถูกกดลง แล้วเสียงทุ้มของเจียระไนก็ดังออกมาให้คนที่ยืนกะพริบตาปริบๆได้ยิน


“ถึงห้องแล้วโทร.บอกกู แล้วพรุ่งนี้เช้ากูจะมารับ”


แล้วรถหรูก็แล่นออกไปโดยไม่รอฟังคำพูดของคนถูกสั่งเลยแม้แต่นิดเดียว สิตางศุ์เกาศีรษะด้วยความงุนงง ก่อนจะถอนหายใจเฮือก เพราะรู้ดีว่าคนอย่างเจียระไน เป็นมนุษย์ที่เข้าใจยากที่สุดในโลก

....................

ไม่ใช่แค่ ‘เรื่องของวันพรุ่งนี้ที่เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้’ เพราะหลังจากนั้น ก็มีคนในคณะอีกหลายคนที่เห็นสิตางศุ์ลงจากรถหรูของหนุ่มปีสี่แห่งภาควิชาการปกครอง ใครๆก็รู้กันทั้งนั้นว่ารถคันนี้เป็นของเจียระไน และกลายเป็นข้อสงสัยว่าเหตุใด มนุษย์สเป็คสาธารณะแห่งภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศถึงลงจากรถเพื่อนร่วมคณะแต่ต่างภาคฯได้


“หมู่นี้น้องติซซี่บ่นมาเข้าหูกูนะ ว่ามึงไม่ค่อยเดินไปไหนเลย มีรถขับมาส่งถึงหน้าตึกตลอดดดด” พฤกษาทรุดตัวลงนั่งบนโต๊ะม้าหินตัวเดิมหน้าตึกเรียนใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ร่มรื่นแม้จะเป็นเวลาบ่ายแล้วก็ตาม คนมาถึงก่อนจะเป็นใครไปไม่ได้ สเป็คสาธารณะอย่างสิตางศุ์นั่นเอง


ใบหน้าขาวหันมามองคนแซว คิ้วขมวดมุ่น


“กูก็งงเหมือนกัน ทำไมอยู่ดีๆไอ้โจ๊กถึงใจดีไปรับกูทุกวัน วันนี้กูไม่มีเรียน จะมาคณะ มันก็ยังไปรับมาส่ง...แล้วไอ้กตล่ะ” เห็นเพื่อนซี้เพียงหนึ่งเดียว สิตางศุ์ก็ถามถึงเพื่อนร่างใหญ่ผิวเข้มจากชมรมฟุตบอลของคณะที่ไม่ได้โผล่มาด้วย


“ทำภารกิจ” คนทะเล้นตอบแบบไม่น่าจะฟังแล้วเข้าใจ แต่เพราะพฤกษาเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร คนถามเลยไม่คิดจะซักไซ้อะไรอีก


“ถ้าเสร็จแล้ว ให้มันซื้อน้ำมาให้หน่อย มันอยู่ใกล้โรงอาหารมั้ย”


“แหมมมมม...แล้วทำไมไม่ใช้บอดี้การ์ดล่ะครับคุณโซ่” พฤกษาหยอก แน่นอนว่าคนถูกหยอกไม่เข้าใจ


“ใครเป็นบอดี้การ์ด?”


“เออ ช่างเหอะ เดี๋ยวกูบอกไอ้กตให้ ให้มันแวะร้านพม่าซื้อเฟรนซ์ฟรายให้ด้วยดีกว่า” แล้วเพื่อนทะเล้นก็พิมพ์ข้อความรัวๆส่งไปหาเพื่อนอีกรายที่ยังมาไม่ถึงโต๊ะม้าหิน ก่อนจะเหลือบตาขึ้นมองคนที่นั่งร่วมโต๊ะ สิตางศุ์กำลังอ่านหนังสือ หมอนี่เป็นพวกขยันเรียน จบไปคงสอบเข้ารับราชการ ทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับที่มันเรียนมา แนวรักสันติอย่างมัน คงทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ ถ้า...ไม่ถูกพวกไม่รักสันติอื่นๆฆ่าตายไปซะก่อน


...แต่...คงจะตายยาก เพราะคนดีผีคุ้ม เทพเจ้าคุ้มอย่างมัน ไม่มีใครปล่อยให้ตายง่ายๆหรอก...


“เรื่องนิตาเป็นไงมั่ง” แล้วจู่ๆ พฤกษาก็ตั้งคำถามขึ้นมา ทำเอาคนที่กำลังอ่านหนังสือตรงหน้าถึงกับชะงัก ดวงตาคู่สวยเหลือบขึ้นมองคนถาม แต่พฤกษาดูจะไม่ได้ใส่ใจนักเพราะก้มหน้าเล่นมือถือตัวเอง


“ก็...กูก็ไม่รู้ว่ะ บางทีกูไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากูรู้สึกยังไง” คิ้วคนฟังกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้ามองคนพูด สิตางศุ์มองเขาวูบหนึ่ง แล้วก็เบือนสายตาลงจ้องตัวอักษรบนหนังสือ


“ไอ้โจ๊กถามมึงมาเหรอ”


“หืม? ทำไมถึงคิดว่าไอ้โจ๊กถามกู” คราวนี้คนที่เบนสายตาลงมองหนังสือถึงกับต้องเงยหน้ากลับขึ้นมาย้อนถาม


“ก็มึงไม่น่าจะคิดเองได้ มึงคิดมาตลอดตั้งแต่ปีหนึ่งว่าชอบนิตา พวกกูชี้ให้ดูน้องคนนั้น น้องคนนี้ ไอ้กตถึงขนาดพาเพื่อนมันมาให้มึงรู้จัก มึงก็ยังไม่สน คนอย่างมึงไม่น่าจะมาตั้งคำถามกับตัวเองได้หรอก ถ้าไม่ใช่ว่ามีใครถามมาให้มึงสะกิดใจ” สิตางศุ์ถอนหายใจเฮือก


“ไอ้โจ๊กคุยอะไรกับมึงบ้างล่ะ” พฤกษาโหมดถามคำถามจริงจังแบบนี้เห็นไม่บ่อยนัก นับตั้งแต่ลงเรียนวิชากฎหมายตอนปีหนึ่งที่มันท่องเอาเป็นเอาตายจนได้เอมาประดับบนทรานสคริปต์ ก็แทบไม่เคยเห็นมันทำหน้าแบบนี้อีกเลย


และเพราะเป็นสีหน้าแบบนี้ของเพื่อนซึ่งรู้จักกันมาสี่ปี สิตางศุ์ก็รู้ดีว่าต้องตอบความจริงเท่านั้น


“ก็...คุยเรื่องทั่วๆไป”


“มีเรื่องนิตามั้ย”


“แทบจะไม่มี”


“อยู่กับมันแล้วรู้สึกยังไงล่ะ”


“ก็...ดี...”


“ดีแบบไหน?” คราวนี้คนถูกถามเริ่มคิดหนัก เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าดีที่ว่าคือดีแบบไหน แต่แค่อยู่กับหมอนั่นแล้วสบายใจ ถึงจะถูกกวนประสาทบ้าง หรือหมอนั่นพูดไม่รู้เรื่องบ้าง แต่โดยรวมแล้วก็สนุกดี สงบด้วย สบายด้วย


“อืม...มันมีอะไรแปลกๆเยอะมั้ง แล้ว...บางทีมันก็ใจดี บางทีมันก็ดุๆ แต่โดยรวมแล้วก็ดี”


“สรุปว่ามึงอยู่กับมันแล้วรู้สึกดีอย่างนั้นใช่มั้ย?”


“อืม...คิดว่านะ” สิตางศุ์เหลือบตามาเห็นสายตาของเพื่อนรักจอมทะเล้นที่มองมาที่เขาพลางยิ้มน้อยๆแล้วก็รู้สึกแปลกๆ แต่พอมันเห็นเขาทำหน้าสงสัย พฤกษาก็เบี่ยงสายตาไปทางอื่นแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


“แพท...มึงมีอะไรที่อยากบอกกูรึเปล่า” คนก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์เหลือบสายตาขึ้นมองเจ้าของคำถาม


“ไม่ใช่กูที่ต้องบอก”


“หมายความว่าไง”


“ก็หมายความไม่ใช่กูที่ต้องพูด...นั่นไง ไอ้โจ๊กมา...” แล้วพฤกษาก็ชี้ไปด้านหลังของเพื่อนรัก สิตางศุ์หันไปมอง เจียระไนกำลังเดินตรงเข้ามาหาพวกเขา ในมือมีน้ำเปล่าหนึ่งขวดและถุงขนมจีบซาลาเปายี่ห้อดัง ร่างสูงใหญ่เดินตรงมาที่โต๊ะม้าหินที่สองเพื่อนซี้แห่งภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั่งอยู่ ก่อนจะวางของที่ถือมาลงบนโต๊ะ


“ไอ้กตฝากน้ำมาให้” สิตางศุ์กำลังจะล้วงเหรียญจากกระเป๋ากางเกงมาส่งเป็นค่าน้ำ แต่ร่างสูงรีบพูด


“เอาตังค์ให้มัน ไม่ต้องให้กู” ใบหน้าขาวพยักหน้ารับรู้ก่อนจะหยิบขวดน้ำมาเปิด


“อ้าว! แล้วเฟรนซ์ฟรายร้านพม่าของกูล่ะครับ” พฤกษารีบถาม เจียระไนเลยเหลือบสายตาไปมอง


“ยังไม่สุก เดี๋ยวตามมาทีหลัง” ตอบเสร็จ มันก็ก้มลงมองร่างโปร่งผิวขาวจัดที่กำลังดูดน้ำ


“กินขนมจีบกับซาลาเปาด้วย” ดวงตาคู่สวยเหลือบขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ปกติเจียระไนก็นับว่าเป็นผู้ชายตัวสูงมากอยู่แล้ว ยิ่งพอมายืนในขณะที่เขายังนั่งอยู่ ยิ่งต้องแหงนหน้าคุย


“แล้วมึงไม่เอาไว้กินล่ะ”


“เอาไว้ทำไม กูกินแล้ว นี่ซื้อมาฝาก” สิตางศุ์ลองเปิดถุงดู มีซาลาเปาสี่ลูก ขนมจีบฮะเก๋าอีกอย่างละกล่อง


“เท่าไร”


“กูบอกว่าซื้อ-มา-ฝาก” คนถูกบังคับให้รับของฝากนิ่งไปเล็กน้อย


“แต่...เยอะขนาดนี้กูกินไม่หมดหรอก”


“แบ่งไอ้แพทสิ รอแดกน้ำลายยืดอยู่น่ะ” แล้วเจียระไนก็โบ้ยไปที่มนุษย์ผู้ถูกลืมที่นั่งร่วมโต๊ะด้วย สิตางศุ์หันไปมองเพื่อนรัก เลยเป็นโอกาสให้ร่างสูงรวบรัดอีกหน


“มึงจะกลับแล้วโทร.บอกกูละกัน กูอยู่ห้องคอมฯ” แล้วเจียระไนก็เดินจากไป คนถูกรวบรัดพากลับโดยรถหรูคันเดิมจะร้องห้ามก็ไม่ทันแล้ว เพราะผู้ชายตัวสูงใหญ่เดินไวข้ามถนนหน้าคณะไปยังตึกเรียนอีกฝั่งซึ่งมีห้องคอมพิวเตอร์แล้วเรียบร้อย


สิตางศุ์ถอนหายใจเบาๆ พอดีกับที่อลงกตเดินเลี้ยวพ้นมุมตึกมาจากโรงอาหาร ในมือมีถาดกระดาษใส่เฟรนซ์ฟรายจากร้านซึ่งคนขายเป็นพม่ามาด้วย พฤกษารีบควักเงินส่งให้เพื่อนซี้แลกกับเฟรนซ์ฟรายที่ตัวเองสั่ง ร่างโปร่งเลยล้วงเอาเศษเงินขึ้นมาส่งเป็นค่าน้ำเปล่าบ้าง


ทว่าอลงกตกลับหันมาถาม “ค่าอะไร”


“อ้าว ก็น้ำที่มึงฝากไอ้โจ๊กถือมา...” เท่านั้นล่ะ เพื่อนผิวเข้มจากชมรมฟุตบอลถึงกับส่ายหน้าหวือ


“กูไม่ได้ซื้อแล้วฝากมา แต่กูฝากไอ้โจ๊กซื้อแล้วให้มันถือมา” เพียงเท่านั้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มก็เหลือบลงมองขวดน้ำและขนมจีบซาลาเปาที่วางอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกแปลกๆที่ตีรวนในหัวใจ ก่อนจะบ่นให้เพื่อนสองคนได้ยิน


“ทำไมไอ้โจ๊กชอบเลี้ยงกูวะ”


ดวงตาคู่สวยเหลือบมองอลงกตและพฤกษา ทว่าไม่มีคำตอบจากพวกมันสองคน


“หรือมันเห็นว่ากูจนกว่ามัน?”


“หืม?! มึงว่าอะไรนะ” พฤกษาร้องถามเสียงหลง เฟรนซ์ฟรายที่กำลังเคี้ยวแทบติดคอ


“ก็...ไอ้โจ๊กมันรวย มันคงคิดว่ากูไม่มีเงิน ก็เลยซื้อนั่นซื้อนี่มาฝากกูบ่อยๆ ก็จริง...ที่บ้านกูไม่ได้รวยเท่ามัน แต่กูก็อยู่ได้ไม่เดือดร้อนให้มันต้องมาคอยเลี้ยง” พอได้ระบาย ก็เหมือนสิตางศุ์จะปล่อยความอัดอั้นในใจออกมา หลายครั้งที่รู้สึกไม่ดีเวลาที่เจียระไนแย่งจ่ายค่าอาหาร พอเขาจะช่วยออก หมอนั่นก็ชอบทำหน้าดุ ทำหน้าหงุดหงิด คนไม่ชอบการปะทะอย่างเขา ก็เลยพลอยเป็นไม่ขัดใจไปด้วย


“มันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นหรอก โซ่” อลงกตเอ่ยปากแล้วเดินมาทรุดตัวลงนั่งที่ม้านั่งตัวข้างๆ


“มึงรู้ได้ไงว่ามันไม่คิด” อลงกตและพฤกษาหันมองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร สิตางศุ์รู้ในทันทีว่าพวกมันมีเรื่องที่รู้กันเพียงลำพัง โดยที่เขาไม่รู้


“พวกมึงรู้อะไรมา เมื่อกี้ไอ้แพทก็พูดแปลกๆ” เขาถามซ้ำ ทำเอาเพื่อนผิวเข้มจากชมรมฟุตบอลตวัดสายตาไปมองพฤกษา


“มึงพูดอะไร แพท”


“ก็มันถามว่ากูมีอะไรจะบอกมันมั้ย กูเลยบอกว่ากูไม่ใช่คนที่ต้องบอก ก็แค่เนี้ย” อลงกตถอนหายใจเฮือก ก่อนจะเหลือบตากลับมามองสิตางศุ์ที่จ้องเขาอย่างคาดหวัง และเพราะรู้จักนิสัยของเพื่อนดี การถูกจ้องแบบนี้ย่อมหมายความว่าอลงกตต้องพูดเท่านั้น เฉไฉไม่ได้เป็นอันขาด


“โซ่...” เขาเริ่มต้นเรียกชื่อเพื่อนสนิทเบาๆ ทว่าน้ำเสียงมั่นคง


“...มึงไม่ต้องมองอะไรกว้างๆหรอก เรื่องนี้มันเล็กนิดเดียว แค่มึงมองรอบตัวมึงดีๆ แล้วก้มลงมองใจมึงดีๆ แค่นั้นแหละ มึงจะรู้ทุกอย่าง” สิตางศุ์นิ่งชะงัก ดวงตาคู่สวยหลุบต่ำลงมองถุงขนมจีบซาลาเปาและน้ำเปล่าหนึ่งขวดที่วางอยู่ตรงหน้า


“กูไม่รู้ว่ะกต...” ร่างโปร่งตอบเสียงแผ่ว


“...ไอ้โจ๊กก็บอกให้กูคิดให้ดีว่าชอบนิตาจริงๆรึเปล่า แต่...กูไม่รู้...”


อลงกตยิ้มจาง เอื้อมมือไปบีบไหล่เพื่อนสนิทเป็นการให้กำลังใจ


“งั้นก็ไม่เป็นไร ค่อยๆคิดก็ได้ ไม่ต้องรีบ”


“เอ่อออออ...ขอกูขัดนิดนึง คือแบบ...ตอนนี้เราก็ปีสี่กันแล้ว มึงไม่รีบ มันก็จะไม่ทันอ่ะนะครับ” พฤกษารีบแทรก


“ไม่ทันก็ไม่ต้องทัน ไม่ทันก็ไม่ต้องมีแฟน ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ไม่มีแฟนสักคน ก็เรียนจบ รับปริญญา ทำงานได้ ไว้เกษียณแล้วค่อยหาแฟนก็ยังได้” อลงกตย้อน เล่นเอาคนสนับสนุนให้รีบมีแฟนก่อนเรียนจบถึงกับทิ้งแท่งเฟรนซ์ฟรายในมือลงกับถาด


“อ๊ะหือ!! ไว้เกษียณแล้วค่อยหาแฟน?! กว่าเพื่อนกูจะได้แต่งงาน มันคงได้ลอยอังคารแฟนมันก่อน!”


“ถ้าแฟนไอ้โซ่รีบตายก่อนก็ช่วยไม่ได้!”


“เห็นมั้ย โซ่ ไอ้เชี่ยกตมันไม่ช่วยอะไรมึงหรอกนะ ถ้ามึงมีแฟนตอนเกษียณแล้วไม่ทันได้แต่งงาน แต่ได้จัดงานศพให้แฟนมึงแทนน่ะ!”


“แล้วมันความผิดกูรึไงที่แฟนไอ้โซ่จะชิงตายห่าไปก่อน?!”


“พวกมึงจะเถียงกันทำไมเนี่ย” คนกลางผู้กลายเป็นประเด็นให้เพื่อนสนิทสองคนเถียงกันรีบออกปากห้าม


“ก็กูอยากให้มึงมีแฟนสักที” ฝ่ายเชียร์ให้เพื่อนมีแฟนก่อนเรียนจบอย่างพฤกษาออกตัว


“ไม่มีก็ไม่เห็นเป็นห่าอะไร” ส่วนอลงกต ฝ่ายนี้ชูประเด็นไม่มีก็ได้ ไว้มีตอนเกษียณก็ได้ ง่ายๆว่าอาวุโสก็โอ.เคนั่นแหละ


“มึงน่ะมันพ่อหวงลูกสาว!!” พฤกษาชี้หน้าเพื่อนซี้


“ก็ดีกว่ามึงที่ขายเพื่อน!!” อลงกตชี้หน้ากลับ


“แหมมมมม ทีมึงพาเพื่อนผู้หญิงของมึงมาแนะนำให้ไอ้โซ่รู้จักนี่ไม่ขายเพื่อนเลยนะไอ้หอก!”


“ของกูมันไว้ใจได้”


“แล้วของกูมันไว้ใจไม่ได้ตรงไหน”


สิตางศุ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหยิบหูฟังมาเสียบหูเปิดเพลงเพื่อตัดเสียงของเพื่อนสนิทสองคนที่เถียงกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ตาเหลือบไปเห็นถุงขนมจีบซาลาเปาที่วางอยู่ตรงหน้า แล้วเสียงของอลงกตที่พูดเมื่อครู่นี้ก็ดังขึ้นในหัว


‘…เรื่องนี้มันเล็กนิดเดียว แค่มึงมองรอบตัวมึงดีๆ…’


…มองรอบตัวดีๆอย่างนั้นหรือ...


มือขาวหยิบถุงขนมจีบมาเปิดดู ก่อนจะลองหยิบไม้มาจิ้มเข้าปากไปหนึ่งลูก แล้วก็พบว่ามันอร่อยมากกว่าขนมจีบสำเร็จรูปอุ่นไมโครเวฟ จะว่าไปแล้วของฝากแทบทุกอย่างที่เจียระไนซื้อมาให้เขาก็อร่อยทั้งนั้น ยกเว้นกล้วยแขกของฝากชิ้นแรกที่เขาไม่ทาน แต่ถึงอย่างนั้น เพื่อนๆที่ได้ทานก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อยมาก


...หรือบางที... ‘ไอ้โจ๊ก’ ไม่ได้ซื้อมาฝากเพราะเห็นว่าเขาจนกว่ามัน แต่มันแค่อยากให้เขาได้ทานของอร่อยๆเท่านั้นเอง...


พอคิดถึงเจ้าของขนมจีบซาลาเปาแล้ว สิตางศุ์ก็อดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แอพลิเคชั่นแชทในหน้าของเขากับเจียระไนแทบไม่ค่อยคุยกันเลย หมอนั่นบอกว่าไม่ชอบพิมพ์ ตัวอักษรเล็ก ขี้เกียจเพ่ง แป้นก็เล็ก จิ้มไม่ถูก ไม่ว่าจะเรื่องไหนๆคนอย่างเจียระไนก็บ่นได้ทั้งนั้น แต่...ถ้าให้อ่านที่เขาพิมพ์ไป ก็คงไม่บ่นอะไรนัก


‘ขนมจีบอร่อย ขอบใจนะ’


นิ้วขาวพิมพ์ข้อความสั้นๆแล้วส่งไปหาร่างสูง ชั่วอึดใจเดียวข้อความของเขาก็ถูกอ่าน แล้วปลายทางก็เงียบไป...จนกระทั่งมีข้อความถูกส่งกลับมา


‘กูซื้อให้สามอย่าง บอกอร่อยอย่างเดียว แล้วอีกสองอย่างคือแดกไม่ลงรึไง’


เป็นมนุษย์ที่หาเรื่องเก่งที่สุดในโลก สิตางศุ์หัวเราะเบาๆก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบกลับไป


‘มึงหาเรื่องอ่ะ’


‘แล้วใครหาเรื่องกูก่อน รีบแดกให้หมดสามอย่าง แล้วบอกกูด้วย’


‘เออ แต่ยังไงก็ขอบใจ กูกำลังหิวเลย’


ข้อความนี้ถูกอ่านแล้ว แต่ไม่มีการตอบกลับมาอย่างรวดเร็วอีก สิตางศุ์รอจนคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ตอบแล้วเลยจะเก็บมือถือลงแล้วหยิบซาลาเปามาลองชิม ทว่าข้อความจากเจียระไนกลับปรากฏขึ้นก่อน


‘ไม่เป็นไร’


เขากะพริบตาเล็กน้อย แล้วอีกประโยคก็ปรากฏตามมา


‘กูเต็มใจ’


รอยยิ้มจางปรากฏบนริมฝีปากสีจัด สิตางศุ์ไม่รู้ว่ารอยยิ้มนี้ออกมาจากความรู้สึกแบบไหน ไม่เข้าใจว่าหัวใจของตัวเองรู้สึกอะไร แต่...มันรู้สึกดี...มันดีชะมัด...ที่มีใครสักคน ‘เต็มใจ’ ทำอะไรสักอย่างให้เขา


   พฤกษาและอลงกตเลิกทะเลาะกันนานแล้ว นับตั้งแต่เพื่อนสนิทอีกหนึ่งเอาหูฟังขึ้นมาเสียบตัดรำคาญ และนับตั้งแต่ที่มันพิมพ์ยุกยิกลงในโทรศัพท์มือถือโดยที่ไม่มีข้อความใดส่งมาที่เครื่องของพวกเขาสองคนก็พอจะบอกให้รู้ว่า บุคคลสเป็คสาธารณะแห่งคณะรัฐศาสตร์ มีเพื่อนคุยคนใหม่นอกจากพวกเขา


   หนุ่มหน้าทะเล้นเหลือบมองเพื่อนผิวเข้มแล้วยักคิ้วอย่างเหนือกว่า ในขณะที่คนถูกยักใส่คิ้วใส่ก็ได้แต่ชี้หน้าด้วยสีหน้าไม่ยอมแพ้


   แต่ไม่ว่ายังไง ต่อให้อลงกตจะไม่ยอมแพ้ หรือพฤกษาจะสนับสนุนแค่ไหน แต่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาต้องตัดสินใจ


...เพราะมันเป็นแค่เรื่องเล็กๆ...


...เป็นแค่เรื่องของคนสองคน...


และเป็นแค่เรื่องที่...ต้องให้ ‘คนที่ควรพูด’ ได้เป็นคนพูด...เมื่อถึงเวลาเท่านั้นเอง...


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสฯหน้าค่ะ)
มีคนแซวว่าพระเอกเป็นผีบ้า ฮา มันก็บ้าจริงๆนั่นแหละค่ะ นอกจากจะน่าสงสารแล้วยังบ้าด้วย เป็นพระเอกที่ไม่คีพลุคพระเอกของบัวเลยยยยย แต่ก็อย่างเคยค่ะ เดี๋ยวบัวคืนกำไรพระเอกทีหลังได้ ช้าๆได้พร้าเล่มงาม พระเอกของบัวทุกคนยืนยันมาแล้ว กร๊ากกก

อ้อ...แล้วก็มีคนถมเรื่องชื่อของโซ่ 'สิตางศุ์' แปลว่าแสงสีขาว แสงพระจันทร์ อันนี้ตั้งให้โซ่เพราะว่าโซ่ผิวขาวมากๆค่ะ โซ่ไม่เกี่ยวกับจันทร์จ้าวนะคะ รายนั้นให้เขาไปเกี่ยวกับจอมขวัญก็ปวดหัวแล้วววว

ส่วนใครสงสัยว่าเพลง wherever you are ที่โจ๊กเล่นแต่กีต้าร์แต่ไม่ยอมร้องให้โซ่ฟัง เป็นเพลงของใคร อันนี้ก็บอกเลยว่าบอกไม่ได้ เพราะว่าเรื่องนี้ชื่อวาระซ่อนเร้นไง ต้องซ่อนมั่ง อะไรมั่งนะ ฮาๆ
เจอกันใหม่ พฤหัสฯหน้า (จากนี้จะมาทุกพฤหัสฯนะคะ ถ้าไม่มีอะไรมาทำให้ต้องเลื่อน)
ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม และพื้นที่บอร์ดเช่นเคยค่ะ


ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
มาอย่างไว แป๊บ ๆ วันพฤหัส วนมาอีกแล้ว โซ่เหมือนจะมองอะไรกว้างมากขึ้น ขำโจ๊กมาก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2017 22:17:41 โดย kinjikung »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ phoenixa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 569
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
ไอ้พี่โจ๊กคนเลววววว
แต่ตอนนางถล่มห้องตัวเองนี่เราอมยิ้มเลย
ทำไมดูงอแงและขยันหาเรื่องวอแวน้องขนาดนี้
เป็นพระเอกน่ารักๆ ได้อยู่นะ
แต่น่ารักสู้น้องโซ่ไม่ได้ น้องใสๆ จริงๆ
เราก็หลงไปสิคะ

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
รอบนี้ค่อยยังชั่ว
โจ๊กอารมณ์ไม่ค่อยสวิงเหมือนตอนที่แล้ว
ไม่งั้นโซ่คงได้มึนๆอึนๆ เดินเตาะแตะๆตามเรื่องตามราว
รอบนี้เว้นให้คิดหน่อย ค่อยยังชั่ว 5555555555  :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เอ้าาาาา จะมองเห็นไหมนะโซ่

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด