...วาระซ่อนเร้น...ตอนพิเศษ บนสุดของห่วงโซ่อาหาร (31/07/2020) หน้า 53
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...วาระซ่อนเร้น...ตอนพิเศษ บนสุดของห่วงโซ่อาหาร (31/07/2020) หน้า 53  (อ่าน 695367 ครั้ง)

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
โซ่คนซื่อ น่ารักเกิน โจ๊กคงจะเป็นไบโพราก่อนจีบติด555

ออฟไลน์ pamhicc

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
โจ๊กมีความหลงโซ่หนักมาก ขี้หึงสุดๆ
น่ารักกกกกกกกกกกกก

 :pig4:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
เพื่อนก็เป็นผู้ช่วย แต่พี่ก็ป้องกันสุดๆ แพทตอบให้เคลียร์นะ

55555 โซ่คะ ไม่ซื่อธรรมดานะ นอกจากเรียนแล้ว กินข้าวก็คิดนาน เรื่องอื่นๆนี่สอบตกมากอะ
แต่ไม่เป็นไรนะ มีคนอยากสอน อยากบอกจะแย่แล้ว อัดอั้นจะระเบิดหลายรอบละ ขนาดโดนง้อ ยังมีสิบสองอารมณ์
กว่าจะได้คบกัน โจ๊กคงเละ

สมชื่อเลยค่ะ เจ๋ง

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
น้องนำว่ะพี่โจ๊ก แบบมีรอยที่คอแล้วอ่าาาา
ของพี่เนี่ย นอกจากจะยังไม่ได้แสดงตัวว่าจีบแล้ว
โซ่ยังไม่เจ้าใจคู่รักด้วย
จะสงสารหรือขำดีเนี่ยยย

ออฟไลน์ rcha

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ช่วงแรกขำกับความไบโพลาร์ของโจ๊ก
ช่วงหลังหน่วงเบาๆ ตอนที่ถามความรู้สึกโซ่เกี่ยวกับเรื่องปก
เมื่อไหร่โซ่จะรู้ใจตัวเองล่ะเนี่ย  :hao5:
กลัวดราม่าจังเลยค่ะ 5555555
พี่โจ๊กสู้ๆ นะ เอาชนะใจโซ่ให้ได้

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
ชอบเรื่องนี้  น่ารักมากกกก

โซ่น่ารักมาก ซื่อๆ

โจ๊กนี่แบบน่ารัก ทั้งรักทั้งหลงเลย

ออฟไลน์ wijii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
หมั่นไส้พระเอกแบบโจ๊ก โอ้ยยยยย จะดุเค้าแต่พอเจอเค้าอ้อนหน่อยก็ไปไม่เป็นเอง

ส่วนน้องโซ่ก็ หนูลู้กกกกกก เอ็นดู
จะรอน้องโซ่คิดได้พี่ว่าคงจะไม่ทันการ โจ๊กปล้ำจูบไปเลยลูก ค่อยง้อตอนนั้นคงไม่สาย5555

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
โจ๊กชอบเพราะโซ่เป็นแบบเนี้ย ต้องเข้าใจนะ

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
คู่ของเจ๋งกับปกฉัตรนี่คือโผล่มาเพื่อเป็นยากระตุ้นให้โจ๊กดับเครื่องชนใช่ไหมคะ งานนี้จะให้น้อยหน้าน้องได้ไงโจ๊ก จัดการสร้างรอยดูดให้กับโซ่เลยสิจ๊ะ หึๆ

ขอบคุณคุณบัวมากๆ ค่ะ สำหรับตอนใหม่นี้ และสวัสดีปีใหม่ไทยค่า ขอให้เที่ยวสงกรานต์อย่างมีความสุขนะคะ ^______^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ไม่รู้จะขำหรือจะสงสารโจ๊กดี ฮ่าาาาา

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
ความรักของพี่โจ๊กเหมือนหอยทากค่อยๆกระตึ๊บไป

ออฟไลน์ xหยกน้อยx

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ชอบจังน่ารักดี มาต่อไวๆนะคะ

ออฟไลน์ SiHong

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 484
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
สายรหัสนี้เขาดีจริงครับ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
55555 โจ๊กค่ะรับยาช่องถัดไปด้วยค่ะ ยาน่าจะหมด ไบโพล่าจะกำเริบบ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
โงยยยยยยย น่ารักอ่ะ ขอบคุณคุณบัว เรื่องนี้น่ารักจัง ชอบอ่ะ อิโซ่มันทั้งซื่อทั้งบื้อ ใสๆ งงๆ นางวิ่งเล่นทุ่งลาเวนเดอร์มาก แอบสงสัย? มันรอดมาจนถึงปี 4 นี่ได้ยังไง? ได้ข่าวมีแค่โดนแทะโลมด้วยวาจาและสายตา 55555  สงสัยคุณพ่อแพทกับพ่อกตคงทำงานหนักน่าดู

มาถึงอิพระเอกไบโพล่าร์ของเรา สงสารนางงงงงง #ทีมเดียวกับบัว  นางใกล้จะเป็นบ้าละ เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวดุเสียงแข็ง 55555 โจ๊กเอ้ยยย เจ่ขอแนะนำ สถานะการณ์แบบอิโซ่นี้ ปล้ำก่อนเคลียร์ทีหลัง จบทุกประเด็นค่ะ!  :hao6:

ออฟไลน์ dyomonrain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบมากค่ะ นานๆ ทีจะได้เห็นตัวเอกเรียนรัฐศาสตร์
คณะที่ไปกินบะหมี่เกี๋ยวหมูแดงบ่อย 5555555555

ณ ตอนนี้สนุกมากกก ขออย่าให้มีดราม่าแสนสาหัสอะไรเลยนะคะ
มันไม่ใช่แนวทางเราเลยจริงๆ ㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠ

ออฟไลน์ HuskyLover

  • นิยาย "วาย" ละมุน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ดีนะที่น้องโซ่ไม่โดนเพื่อนเมาจับปล้ำซะก่อน รอดมาได้ไงเนี่ย
ส่วนน้องโจ๊กไทรโพลาร์ (รัก เฉย บ้า) ต้องรีบทำให้น้องโซ่รู้ตัวเร็วๆ นะ เดี๋ยวไม่ทันลูกพี่ลูกน้อง
แต่อย่าดูดแรงนักล่ะ น้องยิ่งขาวๆ อยู่ เห็นง่าย 555

ออฟไลน์ Preenp

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โจ๊กอย่าไปยอมเจ๋ง
 :hao7: :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1691
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
น้องโซ่คนซื่อ น่ารักจังเลย

ออฟไลน์ Rebtur

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 120
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอ๊ยต่ายแหล่ววววว น่ารักอ่ะพี่โจ๊กกก
รีบทำให้โซ่ได้ยินเสียงในหัวใจเร็วๆนะคะะะะ

ออฟไลน์ ichnuan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
กรี๊ดด ขอมาติดขอบ ติดตามโจ๊กไบโพลาร์ด้วยคนค่ะ
น่ารักมาก 55555  เดี๋ยวผีเข้าผีออกแบบนี้

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
NOV: วาระซ่อนเร้น
By: Dezair
………………..
ตอนที่ 6

ความรักในแบบคู่รักเป็นเรื่องยิ่งใหญ่เกินกว่าที่สิตางศุ์จะเข้าใจ


คนที่มีพร้อมทั้งครอบครัว ญาติสนิทมิตรสหาย ต่อให้จะมาเรียนที่กรุงเทพฯเพียงลำพังตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย แต่ทุกๆวันจะต้องโทร.คุยกับพ่อแม่ ทุกๆเดือนจะมีญาติหมุนเวียนกันแวะมาเยี่ยมเยียน ไหนจะเพื่อนสนิทอีก คนที่มีคนรอบข้างรักใคร่เอ็นดูแบบนี้เลยไม่มีที่เหลือเพียงพอสำหรับคนที่จะเข้ามาเป็นคนรักเลยสักนิด


...แล้วแบบนี้จะเข้าใจได้ยังไง ว่ารู้สึกกับคนอื่นๆแบบไหน...


...รู้สึกแบบไหนกับนิตา รู้สึกแบบไหนกับ...


ชื่อใครบางคนวูบขึ้นมาในใจพอดีกับที่สิตางศุ์หันไปวางนมขวดใหญ่ลงในรถเข็นของซุปเปอร์มาร์เก็ต แล้วก็พบว่ามีของบางอย่างที่เขาไม่ได้หยิบ


...อ้อ โจ๊ก...


...จริงด้วย ของไอ้โจ๊ก...


...ไอ้โจ๊กมาซื้อของด้วย เพราะมันบอกว่ามันมีรถ ถ้าซื้อของเยอะจะได้ไม่ลำบาก แล้วพอเข้ามาในซุปเปอร์ มันก็บอกว่าให้ใช้รถเข็นคันเดียวกัน จะได้ไม่เกะกะ แล้วค่อยแยกของตอนจ่ายเงิน...



มือใหญ่ๆวางขนมปังโฮลวีทลงในรถเข็นท่ามกลางสายตาของสิตางศุ์ ทำเอาดวงตาคู่สวยต้องเหลือบขึ้นมองคนที่มาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าในวันเสาร์ด้วยกัน


...ไม่สิ ไม่ได้มาด้วยกัน แต่โจ๊กอาสามาเป็นเพื่อน แล้ว...พอเข้าซุปเปอร์ มันก็เลยจะซื้อของด้วย...


“ของกูครบแล้ว มึงจะซื้ออะไรอีก” เจียระไนถาม สีหน้าเรียบเฉย อันที่จริง สีหน้าแบบนี้ก็เป็นสีหน้าที่สิตางศุ์เห็นบ่อยพอๆกับเวลามันยิ้มมุมปาก ตาเป็นประกายนั่นแหละ


“เหลือเบียร์อีกอย่างนึง” คราวนี้คนถามเลิ่กคิ้ว ก่อนจะแทรกตัวมาเข็นรถ ปล่อยให้สิตางศุ์เดินตามหลัง

“มึงกินเองเหรอ” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เจ้าของดวงตาเรียวยาวตั้งคำถาม แต่ไม่ได้หันมอง

“อืม”

“ไม่น่าเชื่อ”

“ไม่น่าเชื่อยังไง กูอายุเลย 18 แล้วนะ กูกินได้”

“ก็เห็นซื่...เอ่อ...เซ่อๆ...ไม่คิดว่าจะกินเป็น” จะบอกว่าซื่อก็ดูน่ารักเกินไป เลยต้องเปลี่ยนเป็นคำว่าเซ่อแทน

เสียงหัวเราะดังขึ้นเบาๆ ทำเอาเจียระไนต้องหันมอง คนผิวขาวจัดกำลังยิ้มกว้าง ดวงตาใสๆที่แสนซื่อนั้นมีแววซุกซนเจืออยู่ด้วย


“กูไม่ได้เซ่อซะหน่อย” พวกเขาไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ก็เดินมาถึงชั้นวางขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เจียระไนเห็นแล้วก็นึกอยากซื้อตุนไว้ที่คอนโดบ้าง เขาทิ้งรถเข็นให้ร่างโปร่งบางที่กำลังก้มหน้าก้มตาเลือกเบียร์กระป๋อง ส่วนตนเองแยกไปดูชั้นวางใกล้ๆกัน


พอสิตางศุ์เหลือตัวคนเดียว เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น


“โซ่...รึเปล่า” คนกำลังก้มๆเงยๆเลือกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หันมองตามเสียงเรียกนั้น เจ้าของเสียงคือชายหนุ่มหน้าคม คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ดูรู้ว่ามีเชื้อสายทางอเมริกาใต้ แล้วหน้าแบบนี้ เสียงแบบนี้ สิตางศุ์มีหรือจะจำไม่ได้ว่าเป็นรุ่นพี่ในคณะที่เรียนจบไปแล้ว


...แต่...แย่ล่ะสิ...จำชื่อไม่ได้...

“อ่า...หวัดดีครับ” จำชื่อไม่ได้ แต่ยกมือไหว้ไปก่อนเพราะความคุ้นเคย ทำเอาอีกฝ่ายยกยิ้มแล้วรับไหว้

“จำพี่ได้มั้ย”

“ได้ครับ...เอ่อ...มาซื้อของเหรอครับ”

“อืม โซ่ล่ะ มาคนเดียวเหรอ หรือมากับแฟน?” ดวงตาที่ล้อมกรอบด้วยขนตาเป็นแพจับจ้องมาที่ใบหน้าขาวจัดของรุ่นน้องร่วมภาคฯ ร่วมคณะและร่วมสถาบัน

“มากับเพื่อน อ่า...พี่เป็นยังไงบ้าง สบายดีมั้ยครับ”


คนคุยไม่เก่ง ไม่รู้จะชวนคุยอะไร ทำได้แค่ชวนคุยประโยคพื้นๆ ก่อนที่ความอึดอัดจะก่อตัว เขาจะขอตัวไปก็ไม่ได้เพราะยังเลือกเบียร์ไม่เสร็จ จะหันไปเลือกเบียร์ต่อก็ดูไม่มีมารยาท เพราะรุ่นพี่คนนี้อุตส่าห์มาทัก พอไม่รู้จะทำยังไง สิตางศุ์เลยต้องชวนคุยเท่าที่จะทำได้


รุ่นพี่หนุ่มที่จบไปแล้วหัวเราะเบาๆ เห็นสีหน้าคิดไม่ตกของคนตรงหน้าก็พอจะเดาได้ ว่าอีกฝ่ายคงจำได้แค่หน้าเขา


“พี่รอนสบายดี” ชายหนุ่มลูกครึ่งสเปนเอ่ยชื่อตัวเองออกมา สีหน้าของสิตางศุ์คลายลงเล็กน้อยแต่ก็เหมือนจะเครียดขึ้นมาอีก หนุ่มรุ่นพี่อมยิ้มแล้วเอ่ยปากเล่าเรื่องของตัวเองแทนที่จะรอให้อีกฝ่ายถาม


“ตอนนี้พี่ทำงานกับบริษัทที่บ้าน ก็ไปๆมาๆ แต่โชคดีว่าวันนี้อยู่กรุงเทพฯ แล้วของในบ้านหมด ก็เลยออกมาซื้อ...”


...เลยโชคดีได้เจอโซ่...


ความคิดนี้ ชายหนุ่มผิวเข้มไม่ได้เอ่ยปากออกไป และเขาก็แน่ใจว่ามีรุ่นพี่รุ่นน้องทั้งหญิงและชายอีกมากที่พร้อมใจกันเก็บความรู้สึกที่มีต่อคนตรงหน้าเอาไว้โดยไม่แพร่งพรายให้เจ้าตัวรู้ สิตางศุ์แสนซื่อมีคนรุมล้อมมากมายก็จริง แต่ไม่มีใครคนไหนกล้าเข้าไปเหยียบยืนในสถานะพิเศษของเจ้าตัวได้เลย


“บ้านพี่อยู่แถวนี้เหรอครับ” ริมฝีปากสีสดตั้งคำถาม สิตางศุ์อยู่คอนโดแถวนี้มานาน นับตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย แต่น่าแปลกที่ไม่เคยเจอรุ่นพี่คนนี้แถวนี้เลย


“มึงจะเสือกถามไปทำไม?!!” คำตอบจากหนุ่มรุ่นพี่ยังไม่ทันดังขึ้น คำถามหนึ่งก็ดังแทรกจากทางด้านหลังของร่างโปร่ง


สิตางศุ์หันไปมองด้วยความตกใจ พร้อมๆกับที่รุ่นพี่ลูกครึ่งก็เหลือบตามองเช่นกัน พอเห็นว่าใครยืนอยู่ข้างหลังรุ่นน้องร่วมภาควิชา เขาก็ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น


เจียระไนสบตารุ่นพี่ที่จบไปแล้ว เขาไม่พูดอะไร แต่ก็ยังมีมารยาทยกมือไหว้


“ไม่ได้อยู่ภาคฯเราใช่มั้ย โซ่” คนเป็นรุ่นพี่หันมาถามสิตางศุ์ มนุษย์คนกลางที่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้ว่าตัวเองตกอยู่ในสถานะคนกลางไปแล้วเรียบร้อย


“โจ๊กอยู่ปกครองครับ” พอบอกชื่อตามด้วยภาควิชา หนุ่มลูกครึ่งก็ถึงกับร้องในใจ


...อ๋ออออออ...ไอ้โจ๊ก ปกครอง!...


“มึงซื้อของเสร็จรึยัง” เจียระไนถือคติไม่พูดกับคนแปลกหน้า แต่หันมาคุยกับคนสนิทเป็นการส่วนตัว แถมเรียกแบบสนิทสนมให้รู้กันไป ว่าสิตางศุ์กับเขา ‘ขึ้นมึงขึ้นกู’ กันแล้ว!


คนซื่อบื้ออึกอัก ร่างสูงเลยดุอีกหน


“เร็วๆ จะได้ไปกินข้าว!”


สิตางศุ์หันไปสบตาแล้วค้อมศีรษะให้รุ่นพี่หนุ่มเพื่อขอตัวเลือกของ ก่อนจะเดินไปดูเบียร์กระป๋องในชั้นวางใกล้ๆ ทิ้งเจียระไนเอาไว้เป็นไม้กันลูกครึ่งอยู่ตรงนี้


คนเป็นรุ่นพี่กระตุกยิ้ม มองเจียระไนที มองสิตางศุ์ที


“ไม่น่าเชื่อ...สำเร็จเหรอเนี่ย”


ไม่มีคำตอบ นอกจากตาเรียวตวัดมาจ้องเขม็ง แต่คนเป็นรุ่นพี่ยังดูอารมณ์ดีเกินกว่าจะเอาเรื่อง เขาขยับเข้าไปใกล้เจียระไนแล้วพูดเบาๆให้ได้ยินเพียงสองคน


“สำนึกในบุญคุณของกูด้วย อุตส่าห์เคยให้ยืมมอ’ไซค์ไปซื้อยาแก้แพ้...” มอเตอร์ไซค์คันที่ว่า คือบิ๊กไบค์ราคาพอๆกับรถยนต์หนึ่งคัน แต่ ณ วินาทีนั้น มันก็เป็นเพียงแค่พาหนะให้ใช้ไปซื้อยาที่ร้านขายยาที่ใกล้ที่สุดเท่านั้น


“หุบปาก!” กับรุ่นพี่ เจียระไนก็ไม่เว้น แต่อีกฝ่ายไม่ถือสา ยังหัวเราะอย่างนึกสนุก พอดีกับที่สิตางศุ์เดินกลับมาพร้อมกับเบียร์กระป๋องหนึ่งแพ็ค


“ครบแล้วใช่มั้ย จะได้ออก” เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มเชื้อสายจีนพูดกับสิตางศุ์โดยทำเป็นไม่สนใจคนอื่นอีก ร่างโปร่งพยักหน้าก่อนจะหันไปขอตัวกับรุ่นพี่แล้วเดินตามเจียระไนออกมา


พ้นมุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาได้ คนผิวขาวจัดก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่


“ดีนะ ที่มึงกลับไปพอดี กูกำลังเครียดเลย ไม่รู้จะชวนพี่เขาคุยอะไร” เจียระไนตวัดสายตามามองคนพูด


“เครียดแล้วไปคุยกับมันทำไม?!”


“ก็พี่เขามาทัก จำได้ว่าเป็นรุ่นพี่ในภาคฯ แต่จำชื่อไม่ได้แล้ว ตอนเราเข้าปีหนึ่ง พี่เขาเคยเป็นพี่วินัยด้วยไง”


คณะอื่นเรียกพี่ว้าก แต่คณะรัฐศาสตร์เรียกพี่วินัย มีหน้าที่สำคัญคือการกดดันและไซโคน้องๆปีหนึ่งให้รู้รักสามัคคี...ซึ่งเจียระไนที่ไม่เคยคิดจะสามัคคีกับใคร ก็เลยไม่เคยเข้าห้องเชียร์ไปเจอหน้าพี่วินัยเลยสักครั้ง


“ไม่เคยเข้าห้องเชียร์ล่ะสิ...” สิตางศุ์ย้อนถามหน้าตาเหมือนจะหยอกล้อ จนร่างสูงต้องเหลือบตามองไปทางอื่น


“ยุ่ง!” นอกจากจะไม่คิดสามัคคีกับใครแล้ว ตอนนั้นรู้สึกว่ากำลังจีบน้องม.5 โรงเรียนหญิงล้วนอยู่ เลิกเรียนสี่โมงต้องรีบเผ่นไปตามที่โรงเรียนกวดวิชา จะมีเวลามาเข้าห้องเชียร์ได้ยังไง


“ตอนปีสอง เทอมสอง ที่ทำโครงภาคฯ พี่เขามาช่วยทำนะ...อ่า มึงอยู่ปกครอง คงไม่เคยเจอ...”


เจียระไนอยากเถียงว่าทำไมจะไม่เคยเจอ ก็ในเมื่อตอนนั้นสิตางศุ์แพ้ฝุ่นในตึกกิจฯจนจามไม่หยุด น้ำหูน้ำตาไหล แถมเป็นผื่น คนขี่มอเตอร์ไซค์ไปซื้อยาแก้แพ้มาให้ก็คือเขา


...ส่วนเจ้าของมอเตอร์ไซค์น่ะหรือ? ก็ไอ้เชี่ยพี่รอนเมื่อกี้นี้ไง!!...


“ถึงคิวแล้ว เลิกพูดๆ” เขารีบไล่ เมื่อคนก่อนหน้าคิดเงินเสร็จเรียบร้อย สิตางศุ์เลยหันไปหยิบของของตนเองจากในรถเข็นวางบนแท่นแคชเชียร์เพื่อจ่ายเงิน พอเขาจ่ายของตนเองเรียบร้อยก็เป็นคิวของร่างสูง ระหว่างพวกเขามีแต่เสียงจ้อกแจ้กจอแจของรอบด้าน เสียงประกาศของห้างสรรพสินค้า เสียงดนตรีจากบู้ทขายสินค้าไม่ไกล แต่...ตรงที่พวกเขายืนอยู่ด้วยกันตรงนี้ กลับมีแต่ความเงียบ


...ไม่ต้องชวนคุย ไม่ต้องคิดเรื่องคุย ไม่ต้องเครียด...


...อยู่กับโจ๊ก...อยู่เงียบๆ...อยู่เฉยๆ...ก็อยู่ได้...


“เสร็จแล้ว ไปเอาของแถมก่อน แล้วค่อยไปหาอะไรกิน มึงอยากกินอะไร”


เจียระไนเข็นรถเข็นที่มีทั้งของของเขาและของของสิตางศุ์รวมกันออกมาจากช่องจ่ายเงิน คำพูดของเขาทำเอาดวงตาคู่สวยหันมาสบ แล้วพอสบตา ความรู้สึกเย็นปลาบก็ลุกลามไปทั้งร่างของสิตางศุ์อย่างรวดเร็ว


ร่างโปร่งกะพริบตาถี่ๆเพื่อตั้งสติ ความหนาวเย็นที่จู่ๆก็ลามไปทั้งตัวทำให้เขาต้องห่อไหล่

“อยาก...อยากกินอะไรร้อนๆ”

...เพราะตอนนี้หนาว...อยู่ดีๆก็หนาว...อยู่ดีๆ พอสบตาโจ๊กก็รู้สึกหนาว...

“มึงไม่สบายเหรอ”

“เปล่า แค่...หนาวๆน่ะ...”

   ...หนาว...จนไม่กล้ามองโจ๊กอีก...


มือใหญ่เอื้อมมาแตะแขนขาวเบาๆเพื่อวัดอุณหภูมิ แต่ก็พบว่ามันยังปกติ เขาขยับรถเข็นไปหลบมุมเสาแล้วดึงคนผิวขาวจัดให้มายืนใกล้รถ


“มึงรอตรงนี้ แล้วเอาใบเสร็จมา กูจะไปแลกของแถมให้” สิตางศุ์ไม่ปฏิเสธ เขายื่นใบเสร็จค่าสินค้าที่ซื้อมาทั้งหมดส่งให้คนตัวใหญ่กว่า แล้วปล่อยให้เจียระไนเดินจากไป ในขณะที่เขา...บีบมือเข้าหากันเพื่อสร้างความอบอุ่นแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆราวกับว่ามันจะช่วยลดความรู้สึกที่แล่นพล่านไปทั้งร่างในขณะนี้


แล้วตอนนั้น...สายตาก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มวัยกลางคนคู่หนึ่งกำลังยืนจ่ายเงินในช่องแคชเชียร์ที่พวกเขาเพิ่งออกมา สองคนนั้นคุยอะไรกันเบาๆสักอย่าง น่าจะเกี่ยวกับบัตรสมาชิกของห้างฯ ก่อนที่ชายคนหนึ่งที่หล่อเหมือนนายแบบจะส่งบัตรให้พนักงาน ในระหว่างรอพนักงานคิดราคาสินค้าทั้งหมด สองคนนั้นยืนกันเงียบๆ ก่อนที่ชายอีกคนซึ่งผิวคล้ำกว่าจะส่งบัตรเครดิตให้ โดยไม่ต้องมีใครพูดอะไร


...มันดู...รู้ใจ...


เหมือนทุกอย่างคือความปกติ การซื้อของด้วยกัน การยืนอยู่ด้วยกันเงียบๆ การรู้หน้าที่ของตัวเองว่าต้องทำอะไรในเวลานี้ ไม่ต้องมีคำพูด ไม่ต้องมีการบอกกล่าว


...ทุกอย่างเป็นธรรมชาติ...


“เสร็จแล้ว ไป เอาของไปเก็บ จะได้ไปกินข้าว สุกี้มั้ย มึงอยากกินของร้อนนี่” เสียงของเจียระไนดังขึ้น ทำเอาสิตางศุ์ต้องละสายตาจากชายหนุ่มทั้งสองคนที่เขาเฝ้ามองมาตั้งแต่เมื่อครู่


“อืม...” เป็นอีกครั้งที่รถเข็นถูกแย่งไปเข็น ร่างสูงใหญ่ไม่พูดอะไร เขาเข็นรถออกนำ แต่ยังปรายสายตามามองเพื่อความแน่ใจว่าสิตางศุ์กำลังเดินตามเขามา


“เดินไหวรึเปล่า” เจียระไนตั้งคำถาม ยอมชะลอฝีเท้าเพื่อให้อีกฝ่ายเดินมาทัน

“ไหว”


แล้วหลังจากนั้น พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก แต่สิ่งที่สิตางศุ์รับรู้คือร่างสูงมักจะเหลือบมามองเขาเสมอ ดวงตาเรียวที่มีนัยน์ตาสีดำสนิทนั้นทอแววห่วงใยอย่างปิดไม่มิด ทว่า...แม้จะรู้สึกตัวว่าถูกมองอยู่บ่อยๆ เขากลับไม่อึดอัดเลยสักนิด


อยู่ด้วยกันแล้วสบาย อยู่ด้วยกันแล้วผ่อนคลาย อยู่ด้วยกันแล้วไม่ต้องคิดมาก ถ้าวันนี้มีคนตั้งคำถามกับสิตางศุ์ว่าอยากอยู่กับเจียระไนมั้ย แน่นอน...คำตอบคืออยาก


...อยากอยู่กับโจ๊ก เพราะอยู่กับโจ๊กแล้วสบายใจ...


....อยู่กับโจ๊กแล้ว...เป็นธรรมชาติ...

..........................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-04-2017 22:33:58 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8


...หืม?...


…อยากอยู่กับโจ๊กอย่างนั้นหรือ?!...


สิตางศุ์ขมวดคิ้วฉับกับความคิดนี้ที่อยู่ๆก็เหมือนจะดังขึ้นมาในหัว เขาเม้มปากเพื่อตัดสินใจกับความคิดชั่ววูบที่ดูเหมือนจะไปตรงกับคำพูดของเจียระไน


‘อยากอยู่กับเขา อยากเป็นที่พึ่งให้เขา อยากอยู่ในสายตาเขา อยากเป็นทุกๆอย่างของเขา คนที่เป็นความรักของกู เขาก็จะเป็นทุกๆอย่างในชีวิตกูเหมือนกัน’


ตอนนั้น เขาตั้งคำถามกับเจียระไนเรื่องความรัก ถ้ารัก...จะรู้สึกเช่นไร คำตอบของเจียระไนคือ ‘อยากอยู่กับคนที่รัก’ ถ้าอย่างนั้น...แล้วเขาที่อยากอยู่กับเจียระไนล่ะ? เพราะรักหรือ?


...แล้วกับนิตาล่ะ?...เคยมีความรู้สึกว่าอยากอยู่กับนิตามั้ย?...


คิ้วเหนือดวงตาคู่สวยที่ขมวดเข้าหากันดูเหมือนจะยิ่งชิดกันหนักกว่าเดิม เมื่อเจ้าของคิดไม่ตกกับความคิดที่ดังวนไปวนมาอยู่ในสมอง ความรู้สึกของตนเองในเวลานี้ที่มีต่อนิตาเป็นความรักไหม หรือเป็นเพียงแค่ความเอ็นดู ความชอบ ไม่ใช่ความรัก


...แล้วกับโจ๊กล่ะ?...


...ทำไมอยู่ดีๆถึงคิดว่าอยากอยู่กับโจ๊กขึ้นมา? กับไอ้แพท ไอ้กต เคยคิดว่าอยากอยู่กับพวกมันมั้ย?...


“เป็นอะไรไปอีก แดกไปถอนหายใจไป” เสียงทุ้มจากคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทำเอาดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่จมจ่อมอยู่กับหม้อสุกี้ซึ่งเดือดปุดๆและเต็มไปด้วยผัก ลูกชิ้นและเนื้อสัตว์ที่สุกแล้วต้องเหลือบมอง


“เปล่า”

“หรือว่าป่วย? ที่มึงบอกว่าหนาวๆน่ะ ตอนนี้หายรึยัง”

“หายแล้ว”

“แล้วเป็นอะไร” ถูกถามย้ำ พร้อมกับสายตาจับจ้องก็ทำเอาสิตางศุ์จำเป็นต้องเอ่ยปากสิ่งที่อยู่ในหัว

“...อ่า...กูแค่...กูแค่คิดเรื่องที่มึงพูดคราวก่อนน่ะ ที่มึงบอกว่าเวลารักใครจะอยากอยู่กับคนนั้น”

“แล้วยังไง?” ดวงตาคมเหลือบมอง ขณะที่คีบเส้นหมี่สีเขียวเข้าปาก

“ก็...กูมาคิดดูแล้ว กูไม่รู้ด้วยซ้ำ...ว่าอยากจะอยู่กับนิตามั้ย”

“ก็เพราะมึงไม่ได้รักนิตามาตั้งแต่แรกไง กูเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ”

 “แล้วถ้ากูสนิทกับนิตามากขึ้น กูจะอยากอยู่กับนิตามากกว่านี้มั้ยล่ะ” เจียระไนชะงักกึก

...เนี่ย! ไอ้ฉิบหาย!! กูกำลังอารมณ์ดีๆ เสือกพูดจาไม่เข้าหูอีกแล้ว!!!...

“จะไปรู้มึงเหรอ!!”

 “อ้าว...”

“แดกๆ! จะได้กลับ!!” ร่างสูงเบี่ยงประเด็นด้วยการตักทั้งลูกชิ้นและผักที่ลอยเต็มหม้อใส่ในชามของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เรื่องอะไรเขาจะสนับสนุนให้สิตางศุ์เข้าไปใกล้ชิดนิตา เกิดไปๆมาๆมันดันหลงรักนิตาจริงๆ การที่เขาอดทนมาตลอดก็ไม่มีประโยชน์เลยน่ะสิ


“พอแล้ว โจ๊ก เยอะไป กูกินไม่หมด”

“แดกเข้าไปเถอะหน่า!”

“กูกินไม่หมด มึงช่วยกูกินลูกชิ้นด้วยสิ ไหนว่าถ้าสั่งมา จะช่วยไง” มือขาวคีบลูกชิ้นที่ถูกอีกฝ่ายตักใส่ชามตัวเองไปใส่ในชามของเจียระไนแทน

“ก็ตอนกูไปรับ มึงบอกว่าหิวมาก”

“เมื่อเช้ากูตื่นมาแล้วหิวมากจริงๆ สงสัยเพราะเมื่อคืนนอนดึก” คำว่านอนดึก ทำเอาร่างสูงยิ้ม

“นอนดึกของมึงน่ะกี่ทุ่ม”

“เที่ยงคืนเหอะ”

“เคยนอนดึกสุดกี่โมง”

“ก็...น่าจะเที่ยงคืนกว่านี่แหละ”

“มึงผ่านมาจนถึงปีสี่ได้ไง”

“ก็ผ่านมาได้แล้วกันหน่า” สิตางศุ์ย้อน ไม่ใช่ไม่รู้ว่าคนอื่นๆนอนกันกี่โมงกี่ยาม เพราะทั้งอลงกตทั้งพฤกษาต่างก็บอกว่าเขาเป็นเด็กอนามัย แล้วพวกนั้นก็เคยโต้รุ่งทำเปเปอร์กันมาแล้ว ส่วนเขา...ขอเลือกนอนไวแล้วตื่นเช้ามานั่งทำดีกว่า

“แล้วมึงล่ะ” ร่างโปร่งถามบ้าง ดวงตาคมเรียวเหลือบมองคนถามอย่างมีเล่ห์นัย

“ไม่นอนเลย”

เจ้าของดวงตาคู่สวยทำตาเหลือกโตอย่างคาดไม่ถึง

“จริงน่ะ?! ไม่ได้นอนเลยเหรอ ทำไมไม่นอนอ่ะ ทำเปเปอร์?”

“เปล่า คนที่อยู่ด้วยกวนน่ะ”

“หะ?”

“ก็แบบ...มีอะไรกันถึงเช้า...”


จากที่ตอนแรกตาโตเพราะอีกฝ่ายไม่นอน ตอนนี้กลายเป็นตาโตเพราะเหตุผลของการไม่ได้นอนแทน อากัปกริยาของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทำเอาเจียระไนหัวเราะเบาๆ


“มึงเชื่อเหรอ?” พอถูกถามแบบนี้ ด้วยน้ำเสียงหยอกเอิน คนที่อุตส่าห์ตกตะลึงก็ถึงกับต้องเรียกสติกลับมาในวินาทีนั้น

“อ้าว”

“กูเป็นคนไม่ใช่เครื่องจักร ใครจะบ้าทำจนเช้า” เจียระไนหัวเราะแล้วส่ายหน้ากับความซื่อของร่างโปร่ง

“ก็กูจะไปรู้เหรอ...”

“...หัวเราะอยู่ได้ ก็มึงพูดหน้าตาจริงจังอ่ะ!” สิตางศุ์ทำหน้ามุ่ยที่ถูกอีกฝ่ายแกล้งหลอกแล้วมาหัวเราะแบบนี้ แต่เพราะเจียระไนเอาแต่หัวเราะ สุดท้ายเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะให้กับความบื้อของตัวเองด้วยคน


เสียงหัวเราะดังอยู่ที่โต๊ะของพวกเขาอยู่นาน ก่อนที่บทสนทนาจะเปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นซึ่งก็ล้วนเป็นเรื่องที่เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของสิตางศุ์ได้อย่างดี


...ตอนที่อยู่ด้วยกันเงียบๆก็ไม่อึดอัด ตอนที่คุยกันก็สนุก อยู่กับโจ๊กแล้วสบาย อยู่กับโจ๊กแล้วไม่ต้องกังวลอะไร...

...อยู่กับโจ๊กแล้ว...มีความสุข...


“โจ๊ก...” เสียงเรียกของคนผิวขาวจัดทำเอาเจ้าของชื่อต้องเหลือบตามองทั้งๆที่รอยยิ้มยังคงติดอยู่บนใบหน้า นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่ทอดมองมานั้นซื่อและบริสุทธิ์ยามที่พวกเขาสบตากัน


“กูว่า...กูอยากอยู่กับมึงมากกว่านิตาอีก...”


เจียระไนนิ่งงันเพราะคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้ ดวงตาสองคู่ทอดมองกันและกัน ฝ่ายหนึ่งนั้นเต็มไปด้วยความจริงใจในสิ่งที่ตนพูด ส่วนอีกฝ่าย...อยากบอกความรู้สึกที่เก็บซ่อนเอาไว้ในใจให้ได้รู้


...ถ้าอยากอยู่...ก็อยู่สิ...

...ที่ยืนข้างๆกู เป็นของมึงนานแล้ว...


ร่างสูงอยากเอ่ยในสิ่งที่คิด แต่เสียงโทรศัพท์มือถือของอีกฝ่ายดังขึ้นเสียก่อน ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่สวยละจากเขาไปมองต้นเสียงซึ่งวางอยู่ข้างกาย ก่อนที่มือขาวจะวางตะเกียบลงแล้วหยิบขึ้นมากดรับสาย


   “ว่าไง ทัศน์”


บรรยากาศที่อบอวลเมื่อครู่หายวับเมื่อชื่อใครสักคนที่เจียระไนไม่รู้จักดังออกมาจากริมฝีปากสีจัด คิ้วเข้มของร่างสูงขมวดฉับเข้าหากัน


   ...ทัศน์ไหนอีกวะแม่ง?!!...


   “มาวันศุกร์เหรอ กี่โมงนะ ไฟลท์อะไร”


ปลายสายตอบว่าอะไรไม่รู้ เพราะในร้านเสียงดังเกินไปที่จะได้ยินเสียงของปลายสายที่อาจจะลอดออกมาจากโทรศัพท์ แต่ที่รู้ๆคือตอนนี้เขาอยากรู้มากว่าไอ้คนที่ชื่อทัศน์คือใคร และมันจะมาที่ไหน มาทำไม


   “ถ้าของเยอะงั้นนั่งแท็กซี่จากสนามบินมาได้มั้ยล่ะ พี่ไม่มีรถนี่นา...” สิตางศุ์แทนตัวเองว่าพี่ แสดงว่าอีกฝ่ายเป็นน้อง แต่...หมอนี่เป็นลูกคนเดียว ไม่มีทั้งพี่ไม่มีทั้งน้อง


   “ถ้างั้นไม่ต้องขนมาได้มั้ย บอกพวกน้าๆหน่อยสิว่าไม่ต้องเอามาฝากหรอก” สีหน้าคนคุยโทรศัพท์ดูลำบากใจกับสิ่งที่ปลายสายบอก ดวงตาคู่สวยสีน้ำตาลมีแววคิดไม่ตก ก่อนจะเหลือบมองคนที่นั่งจ้องเขาเขม็งมาจากฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ


   “ทัศน์รอแป๊บนะ...” แล้วสิตางศุ์ก็ลดโทรศัพท์ลงจากหู ก่อนจะสบตากับดวงตาเอาเรื่องของคนที่กำลังจ้องเขาอยู่


   “ศุกร์หน้าตอนสายๆมึงว่างมั้ย”


   “มีอะไร” ถามเรียบๆ แต่ใจอยากรู้ไปหมดซะทุกเรื่อง เจียระไนพยายามควบคุมความรู้สึกนึกคิดไม่ให้แสดงออกมากเกินไปนักว่าเขากำลังอยากรู้เรื่องที่สิตางศุ์คุยโทรศัพท์ที่สุด


   “จะรบกวนให้มึงไปกับกูหน่อย กูจะไปรับน้องที่สนามบิน”


   “น้องที่ไหน มึงลูกคนเดียวไม่ใช่เหรอ”


   “น้องกูคนนี้เป็นลูกของน้า” อ้อ...ลูกพี่ลูกน้องนั่นเอง


   “ได้” เจียระไนรับปากสั้นๆ แต่ไม่ถามอะไรเพิ่มเติม ปล่อยให้สิตางศุ์หันไปนัดแนะกับปลายสายซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องที่ชื่อทัศน์ พักใหญ่ๆมันก็วางสายแล้วหันมายิ้มให้เขา


   “ขอบใจนะ กูจะให้มันนั่งแท็กซี่มาเอง มันก็บอกว่าของเยอะ ทั้งของที่ฝากมาให้กูแล้วก็ให้พี่กูด้วย”

   “พี่มึง? พี่คนไหนอีกล่ะ”

   “ลูกของลุงกับป้า อยู่อุดรฯน่ะ”

   “แล้วฝากมาให้มึงเนี่ยนะ”

   “อืม ก็น้องกูมาวันศุกร์ แล้ววันเสาร์ พวกกูจะไปเชียงคานกัน พี่ที่อยู่ที่อุดรฯจะรับที่สนามบินแล้วพาไป” เจียระไนชะงักกึก หันมองคนพูดแทบไม่ทัน

   “เอาใหม่ซิ เมื่อกี้มึงบอกว่าจะไปไหนนะ?”

   “ไปเชียงคาน”

   “เชียงคาน?! เชียงคานคือที่ไหน?!”

   “อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย”

   “จังหวัดเลย?!!! หมายความว่าไง มึงจะไปเชียงคาน แต่กูไม่รู้?!” ร่างสูงร้องลั่นในวินาทีนั้นอย่างไม่เข้าใจผสมกับอารมณ์หงุดหงิดที่เขาเพิ่งมารู้ทั้งๆที่ตามรับตามส่งทุกวัน กระทั่งวันนี้ที่เป็นวันเสาร์ เขาก็ยังตามติดเป็นเงาตามตัว แต่ไม่มีวันเวลาไหนเลยที่สิตางศุ์จะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา


   “อ้าว” สีหน้าของร่างโปร่งดูงุนงงราวกับจะถามว่าทำไมเขาต้องบอก และนั่นทำให้เจียระไนนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ควรถามคำถามนี้ แต่ถึงอย่างนั้นอารมณ์หงุดหงิดในใจก็ยังก่อตัวอย่างรวดเร็วเพราะคนข้างกายไม่คิดจะบอกเขาแม้แต่นิดเดียวเรื่องไปเชียงคาน


ดวงตาคมเหลือบมองไปทางอื่นเพื่อระงับอารมณ์ แล้วพูดขึ้นมาใหม่


“ลงเครื่องที่ไหน?!”

“สนามบินเลย”

“งั้นกูไปด้วย!”

“หา” ดวงตาคู่สวยสีน้ำตาลเข้มกะพริบปริบๆด้วยความงุนงงที่จู่ๆร่างสูงก็ขอร่วมทริปไปกับเขา

“กูไม่เคยไปเชียงคาน! กูจะไปด้วย!!”


ไม่มีการขออนุญาต ที่รู้ๆคือไม่ว่ายังไง เขาก็ไม่มีวันปล่อยให้สิตางศุ์ไปโดยไม่มีเขาแน่ ท่าทางนิ่งงันและตกตะลึงของใบหน้าขาว ทำเอาคนขี้หงุดหงิด ชักจะไม่สบอารมณ์ขึ้นมาอีก


“หรือไง?! หรือกูไปไม่ได้?!”

“ก็...ไปได้...”

“งั้นบอกไฟลท์บินมึงมา!”


ต่อให้เป็นสิตางศุ์ แต่เรื่องกรรโชกข้อมูลขอให้บอกเจียระไน เพราะทั้งน้ำเสียงและสีหน้า แม้จะใจกล้าท้าตายแค่ไหน ก็ไม่ควรขัดใจคนอารมณ์ร้อนอย่างเจียระไนในตอนนี้


ท้ายที่สุด มื้อสุกี้วันนี้ ก็จบลงที่ร่างสูงจองตั๋วเครื่องบินด่วน เดินทางวันเสาร์หน้า เพื่อไปอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย


ส่วนความหงุดหงิดที่เพาะสุมอยู่ในอกนั้น คนขี้หงุดหงิดได้แต่เก็บกักมันโดยไม่ระเบิดออกมา แล้ววันหนึ่งข้างหน้า เขาจะให้สิตางศุ์ใช้คืนทั้งต้นทั้งดอกที่ริอ่านมาทำให้ผู้ชายคนนี้หงุดหงิดได้มากขนาดนี้!!


...ไอ้ฉิบหาย!! ไหนเมื่อกี้บอกว่าอยากอยู่กับกู แต่เสือกจะไปเชียงคานโดยไม่บอกกูแบบนี้ได้ยังไง!!!...

................................

สนามบินดอนเมือง คลาคล่ำไปด้วยผู้คน และหนึ่งในผู้คนเหล่านั้นก็คือเจียระไน สิตางศุ์และน้องชายลูกพี่ลูกน้องที่ชื่อทัศน์ ญาติทางฝั่งแม่ซึ่งหน้าตา รูปร่างและนิสัยไม่ได้ใกล้เคียงกับสิตางศุ์เลยแม้แต่นิดเดียว แต่โดยรวมแล้วก็คุยกับเจียระไนถูกคอดี เพราะเป็นเด็กเฮ้วๆ สนุกสนาน คุยเก่ง และเพราะความคุยเก่งของมัน ร่างสูงเลยได้รู้ว่าทริปไปเชียงคานนี้ คนต้นคิดก็คือไอ้คนตัวขาวที่นั่งรอเรียกขึ้นเครื่องอยู่ข้างๆเขาเนี่ยแหละ


“พี่โซ่โทร.ไปบอกลุงว่าอยากไปเชียงคาน ผมอยากไปถ่ายรูปพอดี เลยรับอาสามารับพี่โซ่ที่กรุงเทพฯ แล้วพี่ชายอีกคนที่อุดรฯรู้เข้า ก็เลยจะขับรถไปรอรับที่เลย แล้วพาไปน่ะพี่”


ความญาติเยอะของสิตางศุ์ทำเอาเจียระไนนึกหงุดหงิดขึ้นมาอีก มันโทรศัพท์ไปบอกทางบ้านว่าอยากไปเชียงคาน ในขณะที่เขารับส่งมันทุกวัน แต่กลับไม่เคยพูดให้ได้ยินเลยสักแอะ


ดวงตาเรียวเหลือบมองคนข้างกายที่เอาแต่โทรศัพท์คุยกับญาติ ไม่รู้ญาติฝั่งไหนเป็นฝั่งไหน แต่ที่รู้ๆคือไม่ว่าจะฝั่งไหนสิตางศุ์ก็มีเยอะไปหมด อย่างทัศน์เองก็เป็นลูกชายของน้องสาวของแม่ของสิตางศุ์ ในขณะที่พี่ชายที่อยู่จังหวัดอุดรธานีและจะเป็นคนรับพาไปเชียงคานเป็นลูกของพี่ชายของพ่อ


...ไอ้มนุษย์สเป็คสาธารณะ!! นอกจากจะมีคนชอบมากมายแล้ว ยังมีญาติเยอะอีกต่างหาก! ช่วยเหลือที่ยืนข้างๆมึงไว้ให้กูด้วยได้มั้ย?!!!!...


“แล้วพี่โจ๊กเป็นเพื่อนที่ภาคฯพี่โซ่เหรอ ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ทุกทีเจอแต่พี่กตกับพี่แพท” ทัศน์ตั้งคำถาม

“เปล่า พี่อยู่ปกครอง”

“อ้อ แต่เพิ่งมาสนิทกันงี้เหรอ”

“ก็ประมาณนั้น”

“แล้วพี่โซ่มีแฟนป่ะพี่ เนี่ย ญาติๆทุกคนฝากมาถาม” น้องชายลูกพี่ลูกน้องของสิตางศุ์เริ่มซอกแซก เจียระไนนิ่งไปเล็กน้อย

“ไม่มีหรอก ไอ้โซ่มันจีบใครไม่เป็น”


อย่าว่าแต่จีบใครไม่เป็นเลย ขนาดถูกตามรับตามส่งทุกวัน ซื้อของอร่อยๆมาให้กินบ่อยๆ มันยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาทำไปเพื่ออะไร ยกให้มันเป็นมาตรฐานต่ำที่สุดของความบื้อก็แล้วกัน


“จีบใครไม่เป็นไม่พอ เวลาถูกจีบยังไม่รู้ตัวอีกต่างหาก สมัยก่อนเพื่อนผมที่อยู่บ้านติดกันเอาดอกไม้มาให้ พี่โซ่ยังคิดว่าฝากดอกไม้ไปถวายพระ ไอ้นั่นก็โคตรงี่เง่า เสือกเอาให้ตอนเช้าวันปีใหม่ก่อนพี่โซ่จะออกไปทำบุญกับที่บ้าน” คนฟังคิ้วกระตุกเล็กน้อย เหลือบตาไปมองร่างโปร่งผิวขาวจัดที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างเขากับทัศน์ แต่ดูเหมือนหมอนั่นจะไม่ได้ฟังว่ากำลังถูกเผาระยะประชิดเพราะเอาแต่คุยโทรศัพท์


“เพื่อนที่ว่าน่ะผู้หญิงหรือผู้ชาย” เขาชะโงกหน้าไปถามหนุ่มรุ่นน้องร่างบึ้ก ทัศน์ยิ้มกว้าง ทำตาหลิ่วตาเหล่มองพี่ชายตัวเองแล้วหันมามองคนถาม


“ผู้หญิง แต่พอมันรู้ว่าพี่โซ่เอาดอกไม้ไปถวายพระ มันก็กลายเป็นทอมไปเลย” เจียระไนรู้สึกโล่งอกขึ้นมาเล็กน้อย ที่อดีตคนมาจีบสิตางศุ์เป็นผู้หญิง แต่ความสบายใจมีไม่นาน เพราะทัศน์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วกระซิบเสียงเบา


“แต่เพื่อนผมที่เป็นผู้ชายมันก็ชอบพี่โซ่นะพี่ มันบอกว่าสเป็คเลย”


...สเป็คเลย สเป็คสาธารณะ สเป็คของมนุษย์ทุกคน...


เจียระไนฟังแล้วหงุดหงิด อยากจะเขกหัวไอ้คนที่นั่งตรงกลางระหว่างเขาและทัศน์สักที หน้าตาแบบมัน นิสัยแบบมัน ยังริอ่านไปไหนโดยไม่มีเขาไปด้วยอีกต่างหาก มันน่าสักทีจริงๆ


“โอ๊ย” ความคิดไวเท่ากับมือ เพราะพอคิดว่าอยากจะเขกหัวสิตางศุ์ดูสักที กำปั้นของเจียระไนก็เคาะลงที่หน้าผากขาวๆนั่น


สิตางศุ์คุยโทรศัพท์เสร็จพอดีเลยหันมามองคนเขกหัวเขาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“อะไรของมึงเนี่ย อยู่ดีๆเขกหัวกูทำไม”

“หมั่นไส้”

...ใช่ หมั่นไส้ คนอะไรแค่นั่งเฉยๆ ไอ้ผู้ชายที่มากับเมียตรงนั้นยังแอบมองจนตาแฉะ ไหนจะผู้หญิงตรงมุมเสานั่นอีก สเป็คสาธารณะฉิบหาย...


“ใกล้เรียกขึ้นเครื่องแล้ว เดี๋ยวผมไปห้องน้ำก่อนนะพี่” ทัศน์ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะลุกขึ้นปลดกระเป๋ากล้องฝากสิตางศุ์เอาไว้แล้วเดินออกจากเก้าอี้ไป เมื่อเหลือกันเพียงแค่สองคน เจียระไนเลยหันมามองคนข้างกายเต็มตา


“อ...อะไร” คนถูกจ้องเริ่มเสียวสันหลังเล็กน้อย ถูกจ้องด้วยตาคมๆนี่ทีไร เขารู้สึกแปลกๆทุกที

“คราวหลังมึงจะไปไหน บอกกูด้วย”

“อ่า...ก็...กูไม่รู้ว่ามึงอยากไป”

“กูอยากไปทั้งนั้นแหละ”

...ถ้าที่ไหนที่มึงอยากไป กูก็อยากไปทั้งนั้น...


ใบหน้าขาวพยักหน้ารับสั้นๆ เส้นผมสีน้ำตาลที่พลิ้วไปมายามเจ้าของขยับศีรษะนั้นดูนิ่มนวลจนมือใหญ่อดไม่ไหวต้องแตะปลายนิ้วเบาๆ ความรู้สึกแปลกๆแล่นวูบขึ้นมาในใจสิตางศุ์ แต่อะไรบางอย่างกลับตรึงเขาเอาไว้อย่างนั้น แล้วปล่อยให้อีกฝ่ายไล้นิ้วกับเส้นผมของเขาแผ่วเบา


“คราวหน้าจะไปไหนอีก” เสียงทุ้มดังขึ้นเบาๆ น่าแปลกที่มันออกมาจากปากของคนนิสัยใจร้อนขี้หงุดหงิด แต่กลับฟังแล้วลื่นหูดี ดวงตาคู่สวยสีน้ำตาลเข้มเหลือบมองเจ้าของเสียงที่กำลังไล้ปลายนิ้วกับผมของเขา


“กลับมาจากเชียงคานก่อนได้มั้ย กูคิดไม่ทัน”


“แล้วหมู่บ้านมรดกโลกนั่นล่ะ” เจียระไนหมายถึงภาพที่ถูกตั้งเป็นภาพพื้นหลังของโทรศัพท์มือถือของสิตางศุ์ ร่างโปร่งเลิกคิ้วเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะจำได้ แต่ก็ส่งยิ้มตอบกลับไป


“ยังไม่รู้เลย แต่พ่อแม่แล้วก็ญาติๆอยากไปเหมือนกัน”


“มึงญาติเยอะเหรอ” ร่างสูงชวนคุย ในขณะที่ปลายนิ้วยังเกี่ยวพันปอยผมเล่น ดวงตาคมเหลือบมองไปยังไอ้หนุ่มมีเมียที่มองสิตางศุ์ตาเป็นมันเมื่อครู่นี้ แต่พอมันเห็นสายตาเขาและการกระทำอย่างถึงเนื้อ ถึงตัว ถึงผมของเขา มันก็หลบสายตาหนีไปทางอื่น คราวนี้เจียระไนเลยมองไปทางหญิงสาวที่มุมเสา รายนั้นพอเห็นเขามองตอบพร้อมกับพันผมสิตางศุ์เล่นกับปลายนิ้ว หล่อนก็รีบเบือนสายตาหนีไป


...ให้รู้ซะมั่ง ว่าของใครเป็นของใคร...


คำตอบของสิตางศุ์ลอยเข้าหู แต่เจียระไนเอาแต่แสดงความเป็นเจ้าของผ่านทางสายตาและการกระทำเลยไม่ได้ตั้งใจฟังนัก แต่พออีกฝ่ายตั้งคำถามกลับมา ดวงตาเรียวยาวเลยต้องเหลือบลงมองสบกับเจ้าของคำถาม


“โจ๊ก แล้วมึงอ่ะ ญาติเยอะมั้ย”

“เยอะมั้ง กูมีพี่น้องสามคน ป๊ากูก็มีพี่น้องเจ็ดคน อาม่ากูคลอดลูกเก่งน่ะ”

“อาม่านี่คือแม่ของพ่อ หรือ แม่ของแม่?”

“แม่ของใครก็ได้ เรียกอาม่าได้หมด แต่อาม่าคนนี้เป็นแม่ของป๊ากู” คนหน้าจีนๆ ตาชั้นเดียวรูปทรงเรียวยาว แถมผิวขาวเหลือง เวลาเรียกพ่อแม่ว่าป๊าม้าแล้วก็เข้ากันดี สิตางศุ์ยิ้มน้อยๆ

“กูเคยอยากเรียกพ่อว่าป๊าเหมือนกันนะ แต่...จำความได้ก็เรียกพ่อว่าพ่อแล้ว แล้วญาติกูก็ไม่มีคนไหนเรียกพ่อตัวเองด้วยคำอื่นนอกจากคำว่าพ่อเลย ก็เลย...ไม่มีแนวร่วม”


“ที่บ้านมึงเป็นคนไทยแท้เหรอ”


ขาวจัดขนาดนี้ไม่น่าจะเป็นคนไทยแท้ได้เลย แต่หน้าตาของสิตางศุ์ก็ไม่ได้ดูเป็นลูกคนจีนนัก ดวงตารูปทรงสวยไม่ได้ยาวเรียวแบบเจียระไนแต่มีเสน่ห์น่ามอง จมูกโด่งเป็นสัน ปลายจมูกเล็ก และริมฝีปากสีจัดตัดกับผิว


...ไม่รู้ว่าไทยแท้ จีนผสมหรือมีเชื้อชาติอื่นมั้ย แต่ที่แน่ๆ ไม่อยากปล่อยให้ออกไปเพ่นพ่านที่ไหนเลย...


“คิดว่าอย่างงั้น ตอนเด็กๆ เพื่อนไหว้เจ้ากัน กูก็อยากไหว้อย่างเขา แต่ที่บ้านไม่ไหว้” คนไม่มีเชื้อจีนพูดแล้วยิ้มซนน่าเอ็นดู

“งั้นไว้ปีหน้า กูจะพามึงไปไหว้เจ้าบ้านกูก็แล้วกัน” มนุษย์จีนแท้ทั้งตระกูลชวนแบบรวบรัด เจียระไนหมายมั่นปั้นมือจะพาคนข้างกายไปไหว้เจ้าด้วยกันให้ได้ แถมพาไปไหว้เช้งเม้ง ไหว้พระจันทร์ ไหว้ราหูด้วย! ที่บ้านเขาไหว้อะไร จะพามันไปร่วมให้หมด!

“ใครก็ไหว้เจ้าได้เหรอ กูไม่มีเชื้อจีนเลยนะ”

“ก็เอาเชื้อกูไปสิ”

สิตางศุ์หัวเราะอย่างไม่จริงจังนัก แต่อีกฝ่ายน่ะแทบอยากจะโทร.บอกที่บ้านให้รู้แล้วรู้รอดไปว่าไหว้เจ้าปีหน้ามีสมาชิกเพิ่ม!!

“...แล้วกูจะให้มึงเรียกป๊ากูว่าป๊าด้วย” คนจริงต้องแบบนี้ นอกจากจะให้ไหว้เจ้าไหว้บรรพบุรุษร่วมกันแล้ว ยังให้เรียกป๊าเหมือนกันอีกด้วย

“หืม? ป๊ามึงจะยอมเหรอ”

“ทำไมจะไม่ยอม” เจียระไนย้อน ดวงตาคมจับจ้องเข้าไปในนัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นั้นอย่างจริงจัง สิตางศุ์พูดไม่ออก เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมบางครั้งถึงรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังส่งความรู้สึกบางอย่างมาให้ ความรู้สึกที่...จริงจัง หนักแน่น และมั่นคง


ทว่า...ไม่รู้ว่ามันคืออะไร...


เสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่องดังมาจากสายการบิน ปลุกสติของสิตางศุ์ออกมาจากดวงตาคมกริบสีดำสนิทคู่นั้น เขาเลี่ยงสายตาไปทางอื่นแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างประหม่า รู้สึกถึงปลายนิ้วที่พันผมเขาเมื่อครู่นี้ผละจากไปแล้ว แล้วจู่ๆก็รู้สึกเสียดายขึ้นมา


...เสียดายอะไร ไม่เข้าใจเหมือนกัน...


ไม่มีคำพูดระหว่างคนสองคน พอดีกับที่ทัศน์เดินกลับมา แล้วพวกเขาก็ไม่ได้พูดคุยกันอีก จนกระทั่งออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองไปยังสนามบินจังหวัดเลย...


ติดตามตอนต่อไป (วันพฤหัสฯหน้าค่ะ)

เพราะว่าพรุ่งนี้ต้องไปต่างจังหวัด กว่าจะกลับ กลัวจะทำตอนต่อไปไม่ทัน เพราะงั้น ตอนหน้าขอเป็นวันพฤหัสฯนะคะ

สำหรับตอนนี้ เริ่มมีนิมิตหมายอันดี โซ่เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองแล้วววว แต่จะได้คำตอบมั้ยนี่ก็...ขึ้นกับบุญกรรมของโจ๊กค่ะ ฮาฮา

ส่วนเม้นท์จากตอนที่แล้ว มีคนจับได้ด้วย ว่าบัวสร้างจักรวาลมาเวล กรี๊ดดดดด...จำคุณพัฒน์ พ่อน้องเชอร์รี่ได้ยังไง????? ถามจริงงงงง อ่านถฟ.กี่รอบเนี่ยยยยย (สารภาพตรงนี้ ว่าบัวเป็นพวกชอบใช้คาแรกเตอร์ให้คุ้ม ชอบให้พวกเขาเกี่ยวข้องกันไม่ทางใดทางหนึ่ง เพราะฉะนั้น...อาจจะมีมาอีกเรื่อย เช็กตัวประกอบดีๆ กร๊ากกกกก)

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ ทุกกำลังใจและพื้นที่บอร์ดเช่นเคยค่ะ

ไปเก็บกระเป๋าก่อน แล้วเจอกันตอนหน้ากับทริป ‘เชียงคานชั่ววูบ’ ของโจ๊กนะคะ (แกล้งพระเอกให้ไบโพลาร์นี่มันสนุกอย่างงี้นี่เองงงง)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-04-2017 22:33:37 โดย Dezair »

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
โซ่นี่สุดยอดจริงๆ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับใครเค้าเล้ยยยยยย น่าเอ็นดู

ออฟไลน์ NUTSANAN

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1031
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-3
โซ่ก่ซึ้นน โจ้กก้ไบโพล่า บางทีคนอ่านก่อยากกกรี้ดดดด

ออฟไลน์ ชมรดา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
สงสารอิโจ๊กผีเข้าผีออกวันละกี่รอบเพราะความบื้อของโซ่
แต่โจ๊กก็เหนียวแน่นเนาะเกาะติดเป็นเหาฉลามเลย

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ถ้าเราเป็นเทวดาประจำตัวโจ๊ก เราคงพกยาดมกับยาแก้ไมเกรนเป็นไอเทมฮีลพลัง

ฉากสารภาพหน้าหม้อสุกี้เหมือนวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์แล้วพลาดตกหน้าผา
 ฮ่า ๆ ๆ ๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด