...วาระซ่อนเร้น...ตอนพิเศษ บนสุดของห่วงโซ่อาหาร (31/07/2020) หน้า 53
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...วาระซ่อนเร้น...ตอนพิเศษ บนสุดของห่วงโซ่อาหาร (31/07/2020) หน้า 53  (อ่าน 696255 ครั้ง)

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
โฮะโฮะโฮะ ขนมจีบหวานมาก  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ fsbeentaken

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
 :katai2-1: :katai2-1:

รอคุณบัวววว น่ารักทั้งเรื่องเลยยยยยย ฮาสุดอะไรสุด

ออฟไลน์ Moose

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
สู้ๆ นะโจ๊ก  o13

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
NOV: วาระซ่อนเร้น
By: Dezair
………………..
ตอนที่ 5

   ความเคยชินกำลังเข้าครอบงำสิตางศุ์ทีละน้อย การไปรับไปส่งไม่เพียงแต่เป็นเรื่องคุ้นตาของคนพบเห็น แต่กระทั่งเจ้าตัวก็ลืมที่จะตั้งคำถามไปแล้วว่าเพราะอะไร อยู่ดีๆเจียระไนถึงกลายมาเป็นสารถีประจำตัวแบบนี้


   ร่างโปร่งผิวขาวจัดนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินหน้าตึกเรียนในยามบ่าย เพราะต้นไม้ใหญ่ทำให้แดดส่องลงมาเพียงรำไรเท่านั้น ตอนนี้เกือบบ่ายโมงแล้ว และเขาก็ไม่เรียน แต่...คนที่จะไปส่งต้องแวะไปพบอาจารย์ที่ปรึกษาก่อน เลยบอกให้เขารอ สิตางศุ์ก็เลยรอ

   ฝ่ามือใหญ่ๆตบปั่กลงบนบ่าทำเอาคนกำลังนั่งอ่านหนังสือรอถึงกับสะดุ้ง ดวงตาคู่สวยเหลือบไปมองเพราะความเจ็บ กำลังจะดุที่มีคนแกล้งเขาแรงๆ แต่ชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนยิ้มเผล่อยู่ข้างหลังและเป็นเจ้าของฝ่ามือใหญ่ๆเมื่อครู่นี้กลับทำให้สิตางศุ์ชะงัก


“พี่เวฟ!”

“เออ กูเอง”

“มาได้ไง ไม่ทำงานเหรอ”

ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงสแล็คคนนี้คือ อรรณพ  หรือ ‘พี่เวฟ’ เป็นพี่รหัสของสิตางศุ์ซึ่งเรียนจบไปเมื่อปีที่แล้ว


“มาประชุมแถวนี้ เลยแวะมา กะว่าถ้าไม่เจอใครก็จะกลับ ไม่คิดว่าจะเจอมึง”


“แล้วไม่ต้องกลับไปทำงานเหรอ”


“ดูด้วยกูเป็นใคร เจ้าของกิจการนะครับ” ชายหนุ่มตอบพร้อมยิ้มกว้าง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ยาวตัวเดียวกับน้องรหัส เห็นหน้าใสๆแล้วอดไม่ได้จนต้องเอื้อมมือไปหยิกแก้มขาวๆด้วยความหมั่นเขี้ยว


“แล้วมึงมีเรียนอีกรึเปล่า”


“ไม่มีแล้ว พี่เวฟมาอย่างงี้ต้องเลี้ยงสายนะ” ชายหนุ่มยกยิ้มแล้วยักไหล่อย่างใจกว้าง


“เรียกมาให้หมด ไอ้ฟาง ไอ้ปก แล้วก็ไอ้ปีหนึ่ง ชื่ออะไรนะ”


“นอร์ธ”


“เออ ไอ้นั่นน่ะ กูเจอมันคราวก่อนที่สยามเห็นเดินกับไอ้ปก ท่าทางมันใช้ได้ เป็นตัวแทนกูได้” สิตางศุ์มองพี่รหัสรูปหล่อตาปริบๆ ในขณะที่มือกดข้อความส่งหาน้องรหัสทั้งสามชั้นปีของตนเอง


“ตัวแทนเรื่องอะไร”


“ตัวแทนดูแลสายไงครับคุณสิตางศุ์”


“แล้วทำไมเป็นไอ้นอร์ธล่ะ ผมปีสี่นะ พี่เวฟต้องฝากผมสิ” อรรณพกวาดตามองน้องรหัสหน้าซื่อตาใสแถมขาวจั๊วะ แล้วก็ต้องเหลือบตามองไปทางอื่น


...อย่าว่าแต่จะฝากให้มันดูแลสายรหัสเลย ขนาดตัวมันเอง ถ้าไม่ได้บารมีเขาและพี่คนอื่นๆในสาย ก็ไม่รู้จะรอดมาจนถึงปีสี่รึเปล่า...


“โซ่!” เสียงเรียกดังขึ้น ทำเอาสิตางศุ์ที่กำลังอ่านข้อความของน้องรหัสที่ตอบกลับมาต้องหันมอง รวมถึงอรรณพก็ด้วย


ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผู้เป็นเจ้าของเสียงเรียกชะงักไปเล็กน้อยที่เห็นว่าผู้ชายที่นั่งข้างๆสิตางศุ์คือใคร ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ภาคฯเดียวกัน แต่ก็คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่ แม้จะเรียนจบไปแล้ว แต่ฝ่ายนั้นก็ถือสถานะรุ่นพี่ เขาเลยยกมือไหว้ แต่ไม่พูดอะไร


“หน้าตาคุ้นๆ...” อรรณพรับไหว้แล้วเปรยเบาๆ


“ไอ้โจ๊ก อยู่ปกครอง” สิตางศุ์แนะนำ


“อ้อ น้องรหัสไอ้ตฤณใช่มั้ย”


“ครับ” เจียระไนตอบสั้น เดินเข้ามาที่โต๊ะแต่ไม่ยอมทรุดตัวลงนั่งด้วย เขายืนอยู่อย่างนั้น ทำเอารุ่นพี่หนุ่มต้องเลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วเหลือบมองน้องรหัสข้างกายที่ยังเอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านข้อความในโทรศัพท์


“ไอ้นอร์ธมีเรียนแต่มันจะโดดออกมา ส่วนปกก็อยู่แถวนี้ แต่ฟางโดดไม่ได้”


“ไม่เป็นไร ก็ไปกันแค่นี้” อรรณพสรุปและแทบจะในทันทีที่เจียระไนพูดขึ้นมา


“จะไปไหน?!” เสียงแข็งแถมสายตาดุๆจับจ้องไปที่สิตางศุ์เพียงคนเดียว ร่างโปร่งเหมือนจะรู้ตัวเลยเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาคมที่มองมานั้นบอกให้รู้ว่าเจียระไนไม่พอใจ


“อ่า…พี่เวฟจะพาไปเลี้ยง” เขาตอบ แล้วก็หันไปทางพี่รหัสของตัวเอง


“พี่เวฟ ให้ไอ้โจ๊กไปด้วยได้เปล่า”


ไม่ต้องรอคำอนุญาตจากอรรณพ เสียงของเจียระไนก็ดังแทรกทันที


“กูไม่ไป” สิตางศุ์หันมอง ตาใสๆที่เต็มไปด้วยคำถามดูเหมือนจะดึงสติของคนหงุดหงิดให้กลับมาได้บ้าง แต่ก็ได้กลับมาเพียงนิดเดียวเท่านั้น เพราะเจียระไนยังคงอารมณ์ไม่ดี


“มึงไปกับสายมึงเถอะ กูกลับก่อนล่ะ!” แล้วคนพูดก็หันไปยกมือไหว้รุ่นพี่ต่างภาควิชาที่นั่งกระดิกเท้ายิกๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากตรงนั้นทันที สิตางศุ์อ้าปากจะร้องเรียก แต่อีกฝ่ายก็เดินไวเกินกว่าที่เขาจะเรียกทัน สุดท้ายเลยได้แค่มองตามแต่ไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว อรรณพมองเหตุการณ์ตรงหน้าแล้วก็ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น


“มึงกับไอ้โจ๊ก...” เขากำลังจะถามแต่เสียงตะโกนดังขึ้นเสียก่อน


“พี่เวฟสวัสดีคร้าบบบบ” เด็กหนุ่มผูกไทต์บอกให้รู้ว่าเป็นปีหนึ่งโผล่พรวดเข้ามา อรรณพและสิตางศุ์หันไปมอง แล้วหลังจากนั้นอีกอึดใจหนึ่งนิสิตชายร่างโปร่งอีกคนซึ่งเป็นรุ่นน้องปีสองของสายก็เดินเข้ามา เมื่อนั้น...สายรหัสที่มีแต่ผู้ชายก็ยกโขยงออกจากคณะไป โดยที่รุ่นพี่โตสุดอย่างอรรณพได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้เพียงลำพัง

.....................


ร้านอาหารที่อรรณพพามาเลี้ยงเป็นร้านอาหารไทย มีครบทั้งของคาวของหวาน โดยเฉพาะของหวานจำพวกเค้กนั้นอร่อยเป็นพิเศษ สิตางศุ์ซื้อเค้กใส่กล่องสองชิ้น โดยให้พนักงานเลือกเค้กรสเปรี้ยวให้


“มึงกินของเปรี้ยวเป็นตั้งแต่เมื่อไร” พี่รหัสผู้ดูแลน้องรหัสอย่างสิตางศุ์มาตั้งแต่ปีหนึ่งและรู้จักนิสัยกินยากของน้องคนนี้ดี ถึงกับตั้งคำถามเมื่ออีกฝ่ายสั่งเค้กกับพนักงานที่หน้าตู้


“ไม่ได้กินเอง ซื้อไปฝากไอ้โจ๊ก”


“หืม? ซื้อฝากมันทำไม”


คนถูกถามนิ่งไปเล็กน้อย เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องเจาะจงซื้อฝากแต่เจียระไน อาจจะเพราะเมื่อตอนบ่าย ฝ่ายนั้นทำหน้าตาเหมือนโกรธเขาล่ะมั้ง...ก็เลย...นึกอยากจะง้อขึ้นมา


“ก็...กวนมันหลายเรื่อง เลยว่าจะซื้อของไปฝากมันบ้างน่ะ”


อรรณพไม่ถามอะไรอีก แต่สายตาที่จับจ้องน้องรหัสนั้นกลับพยายามประเมินสถานการณ์


“...มีหลายอย่าง...พี่อยากกินอะไร” เสียงของน้องรหัสอีกคนที่ดังขึ้นใกล้ๆ ทำให้เขาต้องละสายตาจากสิตางศุ์ไปมอง รุ่นน้องปีสองอย่างปกฉัตรซึ่งกำลังยืนอยู่หน้าตู้แช่เค้ก รายนี้ก็กำลังง่วนอยู่กับการเลือกเค้ก มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์แนบหู


“เค้กมะพร้าวอ่อนหมดแล้ว เอาอย่างอื่นได้มั้ย”


ปลายสายตอบอะไรไม่รู้ จู่ๆใบหน้าขาวๆของปกฉัตรก็แดงขึ้นมา


“ม...ไม่...ไม่ต้องเลย เดี๋ยวซื้ออย่างอื่นไปให้ พี่รอที่คณะเหรอ อืม...งั้นเดี๋ยวกลับเข้าไป” แล้วเจ้าตัวก็หันไปสั่งเค้กกับพนักงาน ก่อนจะเหลือบมาเห็นสายตาของอรรณพเข้า


“มีอะไรเหรอครับ พี่เวฟ”

“มึงกลับยังไง กลับพร้อมกูก็ได้นะ เดี๋ยวกูแวะไปส่ง บ้านมึงไปทางเดียวกับออฟฟิศกูเลย”

“ไม่เป็นไรครับ จะกลับเข้ามหา’ลัยก่อน”

“กลับเข้าไปทำไม”

“อ่า…พี่รออยู่”

“มึงมีพี่ด้วยเหรอ”

“เอ่อ…ก็…พี่ที่รู้จักกันน่ะครับ” ตอบแล้วหลบสายตา รายนี้ก็มีความลับซุกซ่อนอยู่แน่นอน


อรรณพปรายตามองน้องรหัสสองคนทั้งไอ้เจ้าปีสี่และไอ้เจ้าปีสอง สรุปได้ว่าพอเขาเรียนจบไป น้องรหัสสองคนในสายก็เปลี่ยนไป รายหนึ่งคือสิตางศุ์ที่เดี๋ยวนี้ดูเหมือนจะสนิทกับ ‘เพื่อน’ ต่างภาคฯเป็นพิเศษ ส่วนอีกรายคือปกฉัตรที่อยู่ดีๆก็มี ‘พี่’ โผล่ขึ้นมา ทั้งๆที่เป็นลูกคนเดียว


ชายหนุ่มไม่พูดอะไรอีก แต่ก็อาสาพาน้องรหัสแต่ละคนไปส่งตามที่ที่พวกมันต้องการ น้องปีหนึ่งจะกลับหอ ปกฉัตรจะกลับเข้ามหาวิทยาลัยและขอลงที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีซึ่งไม่ควรจะเป็นที่ที่เด็กรัฐศาสตร์จะต้องไป และท้ายสุดคือสิตางศุ์


ที่ที่เขาพาไปส่งไม่ใช่คอนโดของมัน แต่เป็นคอนโดหรูใจกลางเมืองที่ราคาเริ่มต้นของห้องที่ถูกที่สุดก็ยังแพงลิบลิ่ว


...คอนโดไอ้โจ๊ก...


อรรณพรู้ได้ยังไงน่ะเหรอ เพราะพี่รหัสไอ้โจ๊กเป็นเพื่อนสนิทของเขาน่ะสิ! และพอเขาส่งข้อความไปถามเพื่อน มันก็บอกว่าน้องรหัสของมันอยู่ที่นี่


ชายหนุ่มเหลือบตามองเข้าไปในอาคารสูงที่สิตางศุ์เดินลับเข้าไปในนั้นนานแล้ว ก่อนจะตัดสินใจกดโทร.ออกหาคนที่จะเฉลยความข้องใจของเขาได้


‘ครับ? พี่เวฟ ผมเรียนอยู่’ ปลายสายทำเสียงกระซิบกระซาบ แต่การปฏิเสธไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ


“งั้นมึงออกไปนอกห้อง กูมีเรื่องจะคุย”


‘อ๊ะหือ เอาแต่ใจเหมือนสมัยยังเรียนไม่มีผิด เดี๋ยวนะพี่’ เสียงกุกกักดังขึ้น ดูท่าปลายสายคงยอมลุกจากโต๊ะเดินออกจากห้องเรียนจริง เขารอจนเดาว่ามันคงออกจากห้องเรียนแล้ว เลยยิงคำถามต่อ


“กูจะถามเรื่องไอ้โซ่กับไอ้โจ๊ก ปกครอง” ปลายสายเงียบกริบ อย่างนี้แสดงว่ามีความลับที่เขาไม่รู้ อรรณพถามรัวอย่างรวดเร็ว


“...พวกมันสองคนเป็นอะไรกัน แล้วสนิทกันได้ไง ไอ้โซ่ดูท่าทางจะแคร์ไอ้โจ๊กด้วย แล้วไอ้โจ๊กอะไรนี่ไม่มีเพื่อนในภาคฯรึไง ทำไมต้องถ่อมาคบน้องกู อ้อ กูจะถามเรื่องไอ้ปก ปีสองด้วย เดี๋ยวนี้มันมีพี่เรียนอยู่บัญชีฯตั้งแต่เมื่อไร เท่าที่กูจำได้คือมันเป็นลูกคนเดียว มึงรู้อะไร คายออกมาให้หมด ก่อนที่กูจะบุกไปบีบคอมึงถึงหน้าห้องเรียน ไอ้แพท”

............................

   เสียงเพลงเบาๆในห้างสรรพสินค้าไม่ได้ทำให้คนหงุดหงิดอารมณ์ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย เจียระไนหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่สมกับคนมาเดินห้างฯ แต่...ยิ่งกลับไปอยู่ที่ห้อง เขาก็คงเป็นบ้าแน่ๆ เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะใครบางคนที่มันไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่รู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำน่ะสิ!


   ...ไอ้มนุษย์สเป็คสาธารณะ! ไอ้คนเพียบพร้อม ไอ้คนที่มีแต่คนรัก!!...

   …แม่งเอ๊ย!!!...


   ยิ่งเดินยิ่งหงุดหงิด ขนาดผู้หญิงสวยๆเดินผ่านยังไม่มีอารมณ์จะมอง เจียระไนเลี้ยวเข้าร้านกาแฟสั่งเอสเปรสโซ่เย็นมาดื่ม เอาความขมดับความโกรธ


   ‘หงุดหงิดฉิบหาย พอพี่มันมา มันทิ้งกูเฉยเลย’ ตัวช่วยรอฟังการระบายอารมณ์มีเพียงหนึ่งเดียวคือที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ทางแอพลิเคชั่นในมือถือ ถึงแม้ว่ามันจะยังไม่อ่านก็ตาม


   ‘กูควรจะทำยังไงกับมันดี ปล่อยไว้แบบนี้ ชาติหน้ามันคงไม่รู้ตัวแน่ๆ’


แม้จะถามเป็นนัยว่าเขาควรจะรุกไปข้างหน้ามากกว่านี้หรือไม่ แต่ใจจริงแล้วเจียระไนก็ยังกลัว หากก้าวพลาดแม้แต่ก้าวเดียว การรอคอยมาตลอดเกือบสองปีจะกลายเป็นอากาศ ดีไม่ดี พาซวยให้มันมองหน้าเขาไม่ติดอีกต่างหาก


   ผู้ช่วยกิตติมศักดิ์ไม่อ่าน และไม่ตอบอะไรกลับมา ชายหนุ่มเลยโยนมือถือลงกับโต๊ะอย่างหงุดหงิดแล้วคว้าเอสเปรสโซ่มาดูดปรื้ดใหญ่ แต่แล้วเสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้น เขาหยิบมาดูเพราะคิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนสักคนที่โทร.หา แต่ชื่อที่ปรากฏทำให้เขาชะงัก


   ‘…’


   …จุดสามจุดแบบนี้มีคนเดียว ‘ไอ้โซ่’ !!!...


   ร่างสูงใหญ่กระเด้งขึ้นนั่งหลังตรงทันทีเพราะไม่คาดคิดว่าสิตางศุ์จะโทร.หาเขา ชายหนุ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะกดรับสาย แต่ไม่กรอกเสียงลงไป


   ‘ฮัลโล โจ๊ก อยู่ที่ห้องรึเปล่า’ ตอนแรกก็ไม่อยากจะตอบหรอก แต่พอได้ยินเสียงจากปลายสาย กำแพงหัวใจชั้นนอกสุดก็พังถล่ม


“มีอะไร” ตอบไปแล้วด้วยน้ำเสียงแข็งๆ ใจคนเรามีกำแพงหลายชั้น ชั้นแรกถล่มได้ ก็ยังเหลือชั้นถัดๆไป ยิ่งนึกภาพว่าตอนนี้สิตางศุ์คงกำลังสนุกสนานอยู่กับสายรหัสที่แสนสนิทสนม เขาก็นึกอยากจะก่อกำแพงขึ้นมาใหม่


‘กูซื้อเค้กมาฝากน่ะ จะให้ลงมารับของ แต่ถ้ามึงไม่อยู่ เดี๋ยว…’


...อะไรนะ?!! ซื้อเค้กมาฝาก?!!!...


กำแพงชั้นที่สองและสามพังยวบอย่างรวดเร็ว ตอนแรกว่าจะไม่คุยกับมันแล้ว ตอนนี้กลายเป็นไม่คุยไม่ได้แล้ว!!


“เฮ้ยๆ มึงอยู่ที่ไหนน่ะ ไม่ได้กินข้าวกับสายรหัสมึงรึไง” เจียระไนพูดแทรกอย่างรวดเร็ว กับคนแบบสิตางศุ์ ต้องเจอคนไร้มารยาทถามแทรกแบบนี่แหละ ถึงจะรอด


‘กินเสร็จแล้ว เลยซื้อเค้กมาฝากมึงด้วย แต่ถ้ามึงไม่อยู่ห้อง เดี๋ยวกูฝากไว้กับ...’


“ไม่ต้องๆ” ร่างสูงรีบพูด กำแพงในใจไม่ว่าจะมีกี่ชั้น ถล่มมันลงมาให้หมด!


...ไอ้โซ่ซื้อเค้กมาฝาก!! ไอ้โซ่ซื้อเค้กมาฝาก!!!...


‘ไม่ต้องคือไม่เอาเหรอ อ่า...ร้านนี้อร่อยนะ’


...ไอ้ฉิบหาย!!! ไม่ใช่กูจะไม่เอา แต่กูจะไปเอาเอง ไม่ต้องฝากไว้กับใครทั้งนั้น!!...



“ไม่ใช่! กูไม่ได้จะไม่เอา! มึงรอที่ล็อบบี้ก่อน เดี๋ยวกูไป” เขาพูดแล้วลุกพรวดทิ้งเอสเปรสโซ่ที่ดูดไปไม่ถึงครึ่งเอาไว้บนโต๊ะก่อนจะวิ่งออกจากร้านอย่างไม่คิดชีวิต


...ไอ้โซ่มาหา! ไอ้โซ่ซื้อของมาฝาก!! และไอ้โซ่รออยู่!!!...


…วิ่งอย่างเดียว ไอ้โจ๊ก!!!! วิ่งเท่านั้น!! ไอ้โซ่รอ!!!!!...

……………………………….


   ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ออกจากห้างฯมาขึ้นรถไฟฟ้านั่งไปลงที่สถานีซึ่งอยู่ใกล้กับคอนโดของเขา แล้ววิ่งต่อ งานนี้นึกโกรธตัวเองสุดๆเพราะเอารถกลับไปเก็บที่คอนโดมาแล้วรอบนึงแล้วก็ออกไปเดินห้างฯ ถ้ารู้ว่าจะมีคนมาหาแบบนี้ เขาไม่โง่ออกมาจากห้องหรอก หรือถึงจะออก ก็จะเอารถออกมาเอง จะได้ไม่ต้องวิ่งให้เหนื่อยแบบนี้!


   “โอ้โฮ วิ่งมาเลยเหรอ” ตัวต้นเหตุให้เจียระไนแทบเหาะกลับมาจากห้างสรรพสินค้ายังมีหน้ามาถามซื่อๆ ตอนที่เขาวิ่งไปหยุดหอบแฮ่กอยู่ตรงหน้ามัน


   “พูดมาก” แม้จะหอบก็ยังดุได้อยู่ สิตางศุ์ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะส่งถุงกล่องเค้กให้


   “อ่ะ กูซื้อมาฝาก” เจียระไนไม่แม้แต่จะปรายตาไปมองกล่องเค้กที่ถูกยื่นมาตรงหน้าเลยแม้แต่นิด แถมยังดุอีกต่างหาก


   “กูวิ่งมา! กูหอบ! และกูเหนื่อย! มึงไม่เห็นรึไง?! ยังจะให้กูถืออีก!! ตามกูมานี่!!” เรื่องอะไรลูกแกะมาถึงถิ่นแล้วเจียระไนจะปล่อยให้กลับไว เขาหมุนตัวเดินนำไปที่โถงลิฟต์ มีลูกแกะตัวขาวจั๊วะเดินถือกล่องเค้กตามต้อยๆ


   แต่...ลูกแกะซื่อๆตัวนี้ ไม่ใช่ไม่มีอาวุธ เพราะความซื่อของมันคืออาวุธที่ร้ายกาจที่สุด


   พอเข้ามาในคอนโดปุ๊บ สิตางศุ์ก็วางกล่องเค้กลงที่โต๊ะ แล้วสั่งลาปั๊บ


“กูแวะเอาเค้กมาให้แค่นี้แหละ ถ้าไม่กินก็เอาเข้าตู้เย็นนะ เดี๋ยวเสีย”  เจ้าถิ่นที่อุตส่าห์หลอกล่อลูกแกะมาเข้าถ้ำถึงกับหันขวับไปมอง


   “มึงจะรีบไปไหน?!”


   “เปล่า แต่กูแค่เอาเค้กมาให้ ไม่ได้มีธุระอะไร” พูดซื่อๆตรงๆ ทำเอาเจ้าของห้องถึงกับอ้าปากค้าง


   ...ไงล่ะ ห้องหรูใจกลางเมือง แต่เสือกไม่มีธุระให้ไอ้โซ่ทำ ฟังแล้วเจ็บฉิบหาย!!...


   เจียระไนมองซ้ายสิบที มองขวาอีกสิบที แต่ห้องที่ไม่มีธุระอะไรให้ทำก็คือไม่มีอะไรให้ทำนั่นแหละ สุดท้ายเขาก็เลยตาตกลงมามองกล่องเค้ก


“งั้นมึงมาช่วยกูกินสิ” เจ้าของห้องหาเรื่องมาล่อตาล่อใจ แต่แทบจะในทันทีที่ใบหน้าขาวส่ายไปมา


   “มันมีแต่เค้กเปรี้ยวๆ” คิ้วเข้มเหนือดวงตาเรียวเหมือนตาเหยี่ยวเลิกขึ้นเล็กน้อย สิตางศุ์เลยหยิบกล่องเค้กมาเปิดแล้วก้มลงมองเค้กสีสดใส


   “เนี่ย พนักงานที่ร้านเลือกมาให้ มีเค้กเสาวรสกับเค้กเบอร์รี่อะไรสักอย่าง กูเห็นมึงชอบกินน้ำกระเจี๊ยบ เลยเดาว่าน่าจะชอบกินเค้กเปรี้ยวๆ ก็เลย...โอ๊ย!” เพราะเอาแต่ก้มลงมองเค้กที่ตัวเองยกขึ้นมา จู่ๆอะไรแข็งๆก็เขกลงมาที่หน้าผากเขา สิตางศุ์ยกมือขึ้นลูบตรงที่เจ็บยิบๆแล้วเงยหน้ามอง ถึงได้รู้ว่าเจียระไนยืนอยู่ใกล้มาก


   ดวงตาคมกดต่ำลงมองคนที่กำลังลูบหน้าผาก ท่าทางจะเจ็บอยู่หรอก เพราะเขาเอาหน้าผากตัวเองไปโขกกับหน้าผากของสิตางศุ์เต็มๆ ช่วยไม่ได้ที่มันทำตัวน่าหมั่นไส้ ทำเขาหงุดหงิดแล้วก็มาแก้ความหงุดหงิดของเขาด้วยการซื้อเค้กมาให้ด้วยตาใสๆ แถมพอมาแล้วก็ทำท่ารีบกลับเหมือนไม่อยากอยู่ด้วยกันอีก แล้วจากนั้นก็มาแจกแจงเค้กให้ดูด้วยท่าทางซื่อๆ


   ...กูจะไบโพลาร์ก็เพราะมึง ไอ้ฉิบหาย!!!...


   “กูเจ็บนะโจ๊ก” คนถูกโขกหน้าผากประท้วงเบาๆ ดวงตาคู่สวยช้อนมองแบบที่ทำเอาคนแกล้งเขกหน้าผากให้เจ็บ อยากจะจูบประโลมความเจ็บสักร้อยที


   ...ยั้งปากไว้ไอ้โจ๊ก ยั้งปากไว้...


...จูบมันตอนนี้ไม่ได้ แต่ด่ามันได้...


   “โง่ๆอย่างมึงน่ะโดนซะมั่งก็ดี”


   คนถูกด่าทำปากยู่เล็กน้อย ในขณะที่มือยังลูบหน้าผากที่เจ็บ ดูท่าแล้วมันคงจะเจ็บจริงจนคนแกล้งชักรู้สึกผิด เจียระไนเอาลิ้นดุนข้างแก้มเหมือนตัดสินใจ


“รออยู่ตรงนี้ ไม่ต้องเสือกรีบกลับ” แล้วเขาก็หมุนตัวเดินหายเข้าไปในครัว ก่อนจะออกมาอีกทีพร้อมกับแก้วใบใหญ่ที่มีน้ำสีเหลืองทองเกือบเต็มมายื่นให้ตรงหน้าคนที่ยังลูบหน้าผาก


   “น้ำเก็กฮวย ม้ากูต้มเอง”


   “ขอบใจนะ” มือหนึ่งยังลูบ แต่อีกมือยื่นออกไปรับแก้วน้ำเก็กฮวยมาจากเจ้าของห้อง เจียระไนส่งน้ำให้แล้วก็ดึงมือขาวที่กำลังลูบหน้าผากมนออก รอยแดงที่ยังหลงเหลือทำเอาหัวใจคนแกล้งไหวยวบ มือใหญ่อีกข้างที่ถือแผ่นประคบเย็นมาด้วยแตะที่รอยแดงนั่นเบาๆ ความเย็นเฉียบของแผ่นเจลที่ประคบลงบนรอยแดงทำเอาสิตางศุ์สะดุ้งเล็กน้อย แต่ไม่ทันได้เบี่ยงตัวออก เจียระไนก็ชวนคุยเรื่องอื่นแล้ว


   “กูให้ม้าต้มมาเผื่อมึงด้วย ตอนจะกลับอย่าลืมเตือนให้กูหยิบให้มึงล่ะ”


   “ฝากขอบคุณแม่ของมึงด้วยนะ” สิตางศุ์จิบน้ำเก็กฮวยหอมๆที่มีรสหวานน้อยๆในขณะที่ยืนนิ่งๆให้คนตัวสูงกว่าประคบหน้าผากเขาเบาๆ ไม่รู้ว่าเพราะความเย็นที่ประคบหรืออะไร ความเจ็บถึงจางลงอย่างรวดเร็ว


   “เรียกม้าสิ บ้านกูคนจีน ไม่มีใครเรียกแม่หรอก”


   “อืม...” พอพูดถึงคนจีน สิตางศุ์ก็นึกถึงเพื่อนสนิทอย่างพฤกษา “...ไอ้แพทก็เรียกแม่ว่าหม่าม้านะ แต่เคยได้ยินมันเรียกย่าว่าอาผ่อ”


   “อ้อ มันเป็นจีนแคะล่ะสิ” ดวงตาคู่สวยเหลือบมองคนที่ยังประคบเจลเย็นให้


   “แล้วมึงอ่ะ”


   “แต้จิ๋ว”


   “อ้อ...” สิตางศุ์รับคำเบาๆ ก่อนจะท้วงเล็กๆ “โจ๊ก...กูหายเจ็บแล้วล่ะ” เจียระไนยอมผละมือจากไปแล้วเสนอเรื่องเค้กขึ้นมาอีกหน


   “เดี๋ยวกูไปเอาช้อนมากินเค้กก่อน” แล้วร่างสูงก็หายเข้าไปในห้องครัวอีกหน ก่อนจะกลับออกมาพร้อมช้อนส้อมสองคู่ แน่นอน คนไม่ชอบกินของเปรี้ยวอย่างสิตางศุ์โดนบังคับให้ชิมเค้กเปรี้ยวๆไปตามระเบียบ แต่ก็ได้น้ำเก็กฮวยแก้วใหญ่ดับความเปรี้ยวนั้น


เป็นอันว่าลูกแกะที่เกือบจะออกจากห้องหมาป่าอย่างรวดเร็วถูกรั้งให้นั่งต่อไปจนกว่าน้ำเก็กฮวยแก้วใหญ่ๆจะหมดนั่นแหละ


   “พรุ่งนี้มีเรียนเช้าใช่มั้ย เดี๋ยวกูไปรับเวลาเดิม” เจียระไนที่กำลังนั่งกินเค้กเหลือบตามองคนที่นั่งจิบน้ำเก็กฮวยอยู่ข้างๆแล้วก็หาเรื่องล็อกเวลาของตัวเองและล็อกตำแหน่งสารถีซะ


   “อืม เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะยกหนังสือไปให้ไอ้ปกด้วย”

   “ปก?”

   “น้องรหัสกูไง ที่เรียนปีสอง มันจะเรียนเอเชียตะวันออก กูก็เลยจะขนหนังสือไปให้มัน”

   “เยอะมั้ยล่ะ เดี๋ยวกูไปช่วยยกที่ห้อง”


โอกาสมาเห็นๆ ร่างสูงจินตนาการไปถึงคอนโดของคนตรงหน้าแล้วเรียบร้อย เพราะนับตั้งแต่รับส่งมาพักใหญ่ เขาก็ยังไม่เคยได้ขึ้นไปถึงห้องของอีกฝ่ายเลย แต่ตอนนี้สิ!!...จากเพื่อนต่างภาควิชา กลายเป็นคนมารับมาส่ง และมันก็สมควรแก่เวลาแล้ว...ที่จะได้ขึ้นคอนโดของอีกฝ่ายสักที!!


   “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวกูให้คุณพัฒน์ช่วย” วูบแรกของความคิดของเจียระไนคือ…ใครวะคุณพัฒน์?!!...


คิ้วเข้มเหนือดวงตาคมเรียวขมวดฉับ ตาจ้องคนที่นั่งจิบน้ำเก็กฮวยเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาวว่าคำพูดของตนเองกำลังสร้างความหงุดหงิดให้เจ้าของสายตามากแค่ไหน


   “ใคร?”


   “เจ้าของเดิมห้องกูเอง เขาแต่งงานก็เลยขายห้องนี้ให้กูแล้วไปซื้อห้องแบบสองห้องนอนชั้นบนอยู่กับแฟนเขา ตอนนี้มีลูกสาวคนนึงชื่อน้องเชอร์รี่ ปกติเขาต้องไปส่งน้องเชอร์รี่ตอนเจ็ดโมงครึ่ง เดี๋ยวกูให้เขาแวะที่ห้องกูช่วยขนลงไปก็ได้” สิตางศุ์อธิบายประวัติความเป็นมาของ ‘คุณพัฒน์’ พอสังเขป และเป็นความสังเขปที่ทำเอาเจียระไนรู้สึกเก้อไปเล็กน้อย แต่...ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้นล่ะ! เพราะต่อให้มีครอบครัวแล้วก็ไว้ใจไม่ได้ โดยเฉพาะกับมนุษย์ที่เป็นสเป็คของสาธารณชนอย่างสิตางศุ์ 


   “ไม่ต้องเลย เขามีลูกมีครอบครัวแล้ว มึงยิ่งไม่ควรไปรบกวนเขาใหญ่ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูขึ้นไปช่วยมึงขนเอง”

   “จะดีเหรอ”

   “ดี! ห้องมึงเลขอะไร”

   “504”

   “พรุ่งนี้กูจะขึ้นไปหา แล้วไม่ต้องให้ใครมาช่วยล่ะ!”


   “อืม ขอบใจนะ มึงใจดีว่ะ” สิตางศุ์ชมแล้วส่งยิ้มให้คนที่นั่งกินเค้กอยู่ใกล้ๆ เจียระไนแทบกลั้นรอยยิ้มเขินของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ แค่คำชมสั้นๆ แค่รอยยิ้มสวยๆ สิตางศุ์ก็ทำให้เขาแทบเป็นบ้า ร่างสูงดุนลิ้นกับข้างแก้มแล้วรีบตักเค้กเสาวรสยัดใส่ปากร่างโปร่ง


   “ใจดีห่าอะไร! ช่วยกูแดกเลย!!”


   “อื้ม! โจ๊ก! มันเปรี้ยว” เสียงประท้วงของสิตางศุ์ไม่มีความหมาย เพราะเจียระไนตักยัดเข้าปากคนไม่กินเปรี้ยวไปอีกสองคำ ทำเอาร่างขาวหมดแรงประท้วงได้อีก เพราะเอาแต่ตัวสั่นห่อไหล่แล้วทำตาหยี ซึ่ง...ก็ยังน่ารักอยู่ดีในสายตาคนมอง


   ...พอไม่แดกก็ทำกูละลาย พอแดกแล้วตัวสั่นกูก็ยิ่งละลาย!!! เลิกน่ารักสักที!! กูกุมหัวใจตัวเองไม่ไหวแล้ว ไอ้หอก!!...

..................................

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8


ห้อง 504 เลขนี้จะอยู่ในระบบความทรงจำของเจียระไนตราบนานเท่านาน


   คอนโดของสิตางศุ์ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากนัก แค่มีบัตรสแกนที่ประตูหน้าก็เข้าออกได้แล้ว ซึ่งเจ้าถิ่นให้เขาถือเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานตอนที่มาส่ง เพื่อที่เช้านี้ พอเขามาถึงจะได้ขึ้นไปหาที่ห้องได้เลย


   และนี่...จะเป็นครั้งแรกที่เจียระไนได้เข้าห้องที่เขาอยากเห็นมาตลอด


   เสียงกุกกักดังมาจากหลังประตู แล้วบานประตูห้อง 504 ก็เปิดออก พร้อมด้วยใบหน้าขาวของเจ้าของห้องที่ส่งยิ้มให้เขา


   “ตรงเวลาจัง กูยังหาของไม่เสร็จเลยอ่ะ” คนพูดส่งยิ้มแก้ตัวขณะเปิดประตูให้ผู้มาเยือนเดินเข้ามา หนุ่มเชื้อสายจีนพาร่างสูงใหญ่ของตนเองเข้ามาในคอนโดขนาดเล็ก หนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ มีครัวแยกเป็นสัดส่วนกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกใส กะทัดรัดสำหรับอยู่คนเดียว แต่ก็สะอาดและเป็นระเบียบสมกับเป็นห้องของสิตางศุ์นั่นล่ะ


   “นั่งรอแปบนึง ขอกูหาหนังสือที่จะเอาไปคืนห้องสมุดก่อน” เจ้าของห้องชี้ไปที่โซฟายาว แล้วก็หันไปวุ่นวายกับโต๊ะคอมพิวเตอร์ที่อยู่ใกล้ๆโซฟา มีหนังสือเล่มหนาวางซ้อนกันเป็นตั้ง


เจียระไนทำตามอย่างว่าง่าย อารมณ์ดีๆเพราะได้มายืนสูดอากาศอยู่ในห้องของคนที่เขาไม่คิดว่าจะได้มาทำเอาแทบกลั้นยิ้มไม่อยู่อีกแล้ว ยิ่งพอได้ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา...ที่ที่สิตางศุ์คงจะนั่งบ่อยๆในทุกๆวัน ได้เหลือบตามองไปรอบๆห้อง ได้มารับรู้ชีวิตส่วนตัวของคนที่อยู่ในใจมาตลอด ก็ยิ่งรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งอก


มือใหญ่คว้าหมอนอิงมากอดหมายจะให้มันมาบดบังความอบอวลในใจ ทว่า...สายตากลับเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่ซุกอยู่ข้างใต้


เขาคว้าซองขึ้นมาดู ก่อนจะตวัดสายตาไปยังคนที่หยิบหนังสือออกมาจากกอง


“นี่ของมึงเหรอโซ่?!” คนถูกถามหันมามอง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่สวยเพ่งซองบุหรี่ในมือของเจียระไนเล็กน้อยก่อนจะทำหน้าเหมือนนึกออก


“สงสัยของพวกไอ้แฮ็ก”


“ไอ้แฮ็กไหน”


“แฮ็กภาคฯกู เมื่อตอนเช้ามืดมันแวะมาที่นี่” ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมีนิสิตหญิงมากกว่าชาย นอกจากกลุ่มของสิตางศุ์แล้ว ก็มีกลุ่มผู้ชายแท้ๆอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่ง ‘ไอ้แฮ็ก’ ที่ว่า อยู่ในกลุ่มนั้น


“มันมาทำไม” เจียระไนถามเสียงแข็งโป้ก หน้าตาหงุดหงิดขึ้นมาอีก แต่สิตางศุ์เอาแต่เปิดหนังสือในมือดูเลยไม่ทันสังเกตอากัปกิริยาของคนถาม


“มันเที่ยวแถวนี้ แล้วดื่มไปเยอะ ไม่อยากโดนจับเลยมาแวะนอนน่ะ“


“มาคนเดียว?” ตั้งคำถามอย่างใจเย็น แต่ใครจะรู้ว่าตอนนี้มีกองไฟกองย่อมๆลุกพรึ่บอยู่ในใจของเจียระไน


“เปล่า มีไอ้โอมกับไอ้บูมด้วย” รายชื่อที่พูดมาล้วนเป็นเพื่อนผู้ชายในภาคฯของสิตางศุ์ทั้งสิ้น แต่สำหรับคนฟังแล้ว แค่ได้ยินชื่อก็เห็นหน้าไอ้พวกผู้ชายที่อุดมไปด้วยสัญชาตญาณดิบลอยวนอยู่เต็มหัว!


“แล้วมึงให้พวกมันขึ้นมานอนได้ไง?!!!” ร่างสูงลุกพรวดตะคอกเสียงลั่น ทำเอาสิตางศุ์ชะงักเงยหน้ามอง


“ก็บอกแล้วว่าพวกมันเมา ไม่อยากโดนจับ”


“แล้วมันหน้าที่มึงต้องรับผิดชอบพวกมันรึไง?! ตอนมันแดก มันก็แดกของมันเอง! มึงเอาเหล้ายัดปากมันเหรอ?! เวลามันเมา มึงถึงต้องให้มันมานอน!! ห้องมึงไม่ใช่โรงแรม! ถึงได้ปล่อยให้ใครเข้ามาก็ได้!!”


“ก็ไม่ใช่ใครก็ได้ พวกนั้นก็เพื่อนกู” สิตางศุ์งุนงงที่อยู่ดีๆอีกฝ่ายก็โวยวายอย่างไม่พอใจ แต่เขาก็ใจเย็นพอที่จะอธิบายด้วยเหตุผล


“แต่ก็ไม่ใช่หน้าที่มึงที่ต้องช่วยพวกมัน! คราวหลังอย่าให้ใครเข้าห้อง!!” เจียระไนสั่งอย่างหงุดหงิด แต่พอเห็นสายตางงๆของคนตรงหน้า เขาก็ถึงได้รู้ตัวว่าพูดเกินสถานะความเป็นเพื่อนมากเกินไป ยิ่งกว่านั้น เขาเองก็ยืนอยู่ในห้องของสิตางศุ์ด้วย


“เอ่อ...กู...กูแค่เห็นว่าห้องมึงแคบ! ให้คนนั้นคนนี้เข้ามานอน อีกหน่อยมันยกโขยงกันมาเป็นสิบ มึงไม่ต้องลงไปนอนที่ล็อบบี้รึไง?!” เจียระไนยกเหตุผลขาดๆเกินๆขึ้นมาบังหน้า เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะระแคะระคายความรู้สึกที่เขามีอยู่ตอนนี้


“ไม่ขนาดนั้นหรอก กูก็ให้แต่พวกที่สนิทเท่านั้นเอง”


คำพูดของเจ้าของห้องก็พอจะทำให้อารมณ์เย็นได้หรอก โดยเฉพาะวิธีการทอดเสียงอ่อนอย่างใจเย็นนั่นเหมือนหิมะมาถมใจร้อนๆของคนฟังได้ดี แต่ถึงอย่างนั้นร่างสูงก็ยังนึกหวง แม้จะรู้แก่ใจว่าสิตางศุ์เป็นคนใจดี หมูหมากาไก่ตกทุกข์ได้ยากเป็นต้องเห็นใจให้ความช่วยเหลือไปหมด แต่เรื่องให้คนอื่นขึ้นมาค้างที่ห้องด้วยมันก็เกินไปจริงๆ


“อ้อ งั้นถ้าวันนึงกูขอมานอนบ้าง มึงก็ให้เหมือนกันงั้นสิ?” เขาตีรวนอย่างหงุดหงิดหน่อยๆ จะว่าหาเรื่องก็ได้ ก็ใครใช้ให้มันกวนอารมณ์เขาด้วยการใจดีไม่เข้าท่ากับคนอื่นอย่างนี้ล่ะ!


“อืม” คำตอบสั้นๆ แม้คนตอบจะไม่คิดอะไร แต่คนฟังถึงกับชะงัก และในวินาทีต่อมาหัวใจก็ฟูฟ่องเหมือนถูกเป่าลมอย่างรวดเร็ว เจียระไนแทบลืมหายใจ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตอบไวขนาดนี้ มันเป็นการตอบโดยไม่ต้องคิด ตอบโดยไม่ต้องตัดสินใจ หากว่าเขามาขออาศัย สิตางศุ์ก็จะให้เขาเหมือนกัน


...เพราะสนิทแล้ว...


...จากเพื่อนร่วมคณะ จากเพื่อนต่างภาคฯ กลายร่างมาเป็นสารถีรับส่ง และวันนี้...กลายเป็นเพื่อนที่สนิทกันแล้ว...


ริมฝีปากเม้มเข้าหากันเพื่อกลั้นรอยยิ้มที่อาจหยุดไม่ได้ ก่อนที่ดวงตาคมจะเหลือบมองไปรอบกายหาประเด็นอื่นมากลบประเด็นนี้แทน 


“นั่นหนังสือที่มึงจะให้น้องรหัสใช่มั้ย?! กูยกลงไปเลยแล้วกัน!!”


แล้วเขาก็ไม่รออะไรอีก อุ้มลังหนังสือใบใหญ่ออกจากห้องของสิตางศุ์อย่างรวดเร็ว


...ไอ้ฉิบหาย!! เข้าห้องครั้งแรก โดนเจ้าของห้องแอ็ทแท็ก หนีหางจุกตูดออกมาแทบไม่ทัน!!...

..............................

หลังจากกลับมาขึ้นยกลังหนังสืออีกลังหนึ่ง เจียระไนก็พาคนข้างกายมาที่คณะ วันนี้ต่างคนต่างมีเรียนตอนเก้าโมง พอทานข้าวเช้าด้วยกันที่โรงอาหารเสร็จก็แยกย้ายกันเข้าเรียน แล้วนัดเจอกันอีกทีตอนเที่ยงที่โต๊ะม้าหินหน้าตึกเรียน เพราะสิตางศุ์นัดน้องรหัสปีสองเอาไว้ 


“พี่โซ่ หวัดดีครับ” เสียงเรียกดังมาจากด้านหลัง ทำเอาทั้งเจ้าของชื่อและคนที่นั่งอยู่ด้วยกันอย่างเจียระไนต้องหันมอง


น้องรหัสปีสองของสิตางศุ์ชื่อปกฉัตร รายนี้ก็ขึ้นชื่อลือชาด้านหน้าตาดีเหมือนกัน หน้าซื่อๆตาใสๆ สมกับเป็นพี่น้องสายรหัสที่ได้มาด้วยการจับฉลากจริงๆ


ปกฉัตรยกมือไหว้ทั้งพี่รหัสตัวเองและเจียระไน คณะรัฐศาสตร์มีประเพณีที่ถือกันมาตั้งแต่รุ่นแรกๆ คือรุ่นน้องไหว้รุ่นพี่ แม้จะอยู่ต่างภาคฯ หรือไม่เคยคุยกันเลยก็ตามที


“รอนานรึเปล่าครับ ขอโทษที อาจารย์เพิ่งปล่อย” สิตางศุ์ส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นยืนเมื่อน้องรหัสเดินมาถึง เจียระไนมองสองพี่น้องร่วมสายรหัสที่สมเป็นสายรหัสกันที่สุด เพราะนอกจากจะหน้าตาคล้ายกันแล้ว รูปร่างสูงโปร่งแต่ตัวบางๆก็เหมือนกันอีกต่างหาก เพียงแต่คนพี่ขาวกว่าเท่านั้น


“ไปเอาเลยมั้ย แล้วปกเอารถมารึเปล่า จะขนหนังสือกลับยังไง”


“เอ่อ...พี่ผมเอารถมา เดี๋ยวเอาใส่รถพี่”


“พี่? ปกมีพี่น้องด้วยเหรอ?” เพราะค่อนข้างเป็นสายรหัสที่สนิทกัน สิตางศุ์จึงพอรู้ว่าน้องรหัสปีสองของตนเองเป็นลูกคนเดียวที่บิดามารดาย้ายไปทำงานต่างประเทศ เหลือเพียงเจ้าตัวอยู่ที่เมืองไทย


“พี่...พี่ที่สนิทน่ะครับ” คนน้องว่าอย่างนั้น สิตางศุ์เลยหันไปพยักหน้ากับเจียระไนซึ่งเป็นเจ้าของรถที่เขาฝากลังหนังสือเอาไว้ สองหนุ่มรุ่นพี่ปีสี่พาน้องปีสองเดินไปยังลานจอดรถใกล้ๆตึกเรียนของคณะ

ทว่าแม้ที่นี่จะเป็นลานจอดรถในอาณาเขตคณะรัฐศาสตร์ แต่กลับมีนิสิตต่างคณะมาป้วนเปี้ยนยืนพิงรถหรูที่จอดอยู่ เจียระไนขมวดคิ้วเพ่งมองป้ายทะเบียนรถแล้ววกกลับไปมองใบหน้าด้านข้างของคนที่ยืนพิงรถรอ


...หน้าอย่างนี้ ป้ายทะเบียนนี้...


“ไอ้เจ๋ง” เขาร้องทัก ทำเอาคนที่กำลังยืนพิงรถหรูต้องหันมอง


“เฮียโจ๊ก!”


“มึงมาที่นี่ทำไม” เฮียโจ๊กของ ‘ไอ้เจ๋ง’ ตั้งคำถามอีกครั้ง และคราวนี้คนถูกถามชี้นิ้วข้ามไหล่เจียระไนไปที่รุ่นน้องของสิตางศุ์


“มากับมัน”


สองคนพี่น้องสายรหัสมองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ทั้งคู่ตรงหน้า ทั้งเจียระไนและ ‘ไอ้เจ๋ง’ สูงใหญ่พอๆกัน ตาเรียวชั้นเดียวแบบเดียวกัน แถมหน้าตายังพิมพ์เดียวกันด้วย


“นี่ไอ้เจ๋ง ลูกพี่ลูกน้องกูเอง อยู่บัญชีฯ ปีสาม” พอเห็นสายตางุนงงของสิตางศุ์และปกฉัตร เจียระไนเลยแนะนำคนที่หน้าตาคล้ายตนเองให้รู้จัก ก่อนจะหันมาทางญาติผู้น้อง


“ไอ้เจ๋ง นี่โซ่” เว้นวรรคเอาไว้ไม่บอกสถานะ คนเป็นน้องกำลังจะหันไปผงกหัวเป็นการทักทาย แต่เจียระไนพูดเสียงเฉียบ


“ไหว้ด้วย” คราวนี้ดวงตาเรียวของคนมีศักดิ์เป็นน้องเหลือบมองคนสั่งทันที เจียระไนไม่พูดอะไร แต่ยักคิ้วหนึ่งทีเป็นอันว่าต้องทำตาม หนุ่มปีสามจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีเลยต้องยกมือไหว้


“หน้าตาเหมือนกันเลยนะ ถ้าบอกว่าเป็นพี่น้องแท้ๆก็เชื่อ” สิตางศุ์ทักแล้วส่งยิ้มจางให้น้องของเพื่อนร่วมคณะ หนุ่มปีสามจากต่างถิ่นเหลือบมองพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของตนเองทีหนึ่ง ก่อนจะแสยะยิ้มเมื่อเหลือบมามองคนผิวขาวจัดเจ้าของรอยยิ้มสวย


“นอกจากจะหน้าเหมือนกันแล้ว ผมกับเฮียโจ๊กยังชอบอะไรเหมือนๆกันด้วย ตอนเด็กๆก็แย่งของเล่นกันบ่อย จริงมั้ยเฮีย” สองพี่น้องร่วมสายเลือดครึ่งนึงสบตากันราวกับรู้ทัน แต่ก่อนที่ใครจะพูดอะไรขึ้นมาอีก เสียงของปกฉัตรก็ดังขึ้น


“เอ่อ...เอาหนังสือเลยดีมั้ยครับ”


แล้วหลังจากนั้น กระบวนการขนย้ายหนังสือเลยเริ่มต้นขึ้น เจียระไนเปิดหลังรถของตนเองให้เห็นลังหนังสือสองลังใหญ่ๆที่วางอยู่ท้ายรถ แต่พอน้องรหัสของสิตางศุ์จะเดินเข้าไปยก น้องชายของเขากลับดึงแขนไว้


“กูยกเอง มึงยืนเฉยๆ” ปกฉัตรไม่พูดอะไร ขยับถอยห่างมายืนข้างสิตางศุ์แล้วปล่อยให้คนตัวใหญ่กว่ายกลังหนังสือไปเก็บใส่รถอีกคัน


“แล้วหนังสือพวกนี้ พี่โซ่ไม่เก็บไว้อ่านเหรอ” คนรับช่วงต่อหนังสือหันมาถามเจ้าของตัวจริง


“ไม่ล่ะ ตอนแรกยังคิดอยู่เลยว่าจะให้ใครดี เพราะฟางมันเรียนยุโรป ดีว่าปกจะเรียน ก็เลยมีคนรับช่วงต่อ ไม่งั้นคงชั่งกิโลขาย เสียดายเหมือนกัน” สิตางศุ์หันมาตอบ ในสายรหัสของเขา น้องรหัสปีสามเลือกเรียนด้านยุโรปก็เลยไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารและหนังสือที่เขามี โชคดีว่าปกฉัตรคิดจะเรียนฝั่งเอเชียตะวันออกแบบที่เขาเรียน เลยมีคนรับช่วงต่อ


คนพี่กำลังจะชวนคุยต่อเกี่ยวกับเรื่องเรียน ทว่ารอยบางอย่างที่คอขาวๆของน้องรหัสทำเอาชะงัก


“รอยอะไรน่ะปก แพ้อากาศเหรอ ตรงคอเป็นรอยแดงๆเต็มเลย” พอทักว่ามีรอยแดงๆเต็มคอ ปกฉัตรก็ถึงกับยกมือขึ้นปิดคอทันควัน ในขณะที่หนุ่มจากคณะบัญชีฯปีสามที่กำลังยกลังหนังสือลังที่สองไปเก็บที่รถของตนเองก็ถึงกับชะงักไปเช่นเดียวกัน


“เอ่อ...ค...ครับ” คนถูกทักว่ามีรอยแดงๆเต็มคอได้แต่รับคำสั้นๆ ทว่าไม่กล้าสบตาใคร แต่สิตางศุ์ไม่ได้สังเกตปฏิกิริยาของรุ่นน้องนัก


“พักนี้อากาศร้อนขึ้นนะ อย่าเกาล่ะ เดี๋ยวถลอก”


“ค...ครับ...” เสียงรับคำของน้องรหัสดังแผ่ว เป็นจังหวะเดียวกับที่น้องชายของเจียระไนพูดแทรก


“เสร็จแล้ว” ปกฉัตรหันไปมองคนที่ปิดฝากระโปรงรถ แล้วก็รีบหันมาบอกพี่รหัสปีสี่ของตนเอง


“ง...งั้นผมไปก่อนนะพี่โซ่” เขายกมือไหว้รุ่นพี่ทั้งสองคนแล้วรีบเดินไปขึ้นรถหรูของญาติผู้น้องของเจียระไน


พอรถคันนั้นเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถไปแล้ว ร่างสูงที่ยืนเงียบๆมานานก็หันมาเคาะหน้าผากสิตางศุ์ทีหนึ่งถือเป็นบทลงโทษของความบื้อ


“คราวหลังอย่าทักสุ่มสี่สุ่มห้า”


“ทักอะไร” คนถูกเขกหน้าผากย้อนถามอย่างไม่เข้าใจ มือลูบตรงที่โดนมะเหงกเขกเพราะมันเจ็บยิบๆ

“ก็รอยแดงนั่น”

”อ้าว ทำไมล่ะ ก็ผดไม่ใช่เหรอ”

”ผดห่าอะไร นั่นมันรอยดูด”

“รอยดูด? ดูดคอเนี่ยนะ? ใครจะมาดูด แล้วดูดทำไมอ่ะ”


เจียระไนหันมองคนถามซื่อๆด้วยความรู้สึกอยากจะเขกหัวมันเพิ่มอีกสักที


“เวลาเอากันไม่ให้ดูดคอแล้วให้ดูดอะไรล่ะ” พอโดนเพื่อนร่วมคณะพูดตรงๆ คนกำลังงงก็ถึงกับชะงักตาเหลือกโต อ้าปากพะงาบๆพูดไม่เป็นประโยค


“ม...หมาย...หมายความว่า...ไอ้ปก...” ร่างสูงเอาลิ้นดุนข้างแก้มไม่ชี้โพรงอะไรเพิ่มเติม ของแบบนี้มันดูกันง่าย ยิ่ง ‘ไอ้เจ๋ง’ เป็นญาติยิ่งแล้วใหญ่ เพราะรู้จักมันมาตั้งแต่จำความได้ แต่...อะไรก็ไม่สำคัญเท่า...โดน ‘ไอ้เจ๋ง’ แซงหน้าได้ไงวะ!!...


“ไปหาอะไรแดกดีกว่า ขึ้นรถ” เจียระไนเซ็งในอารมณ์ที่ตนเองยังไปไม่ถึงไหน ในขณะที่น้องชายลูกพี่ลูกน้องถึงขั้นได้ดูดคอแฟนมันเป็นรอยแดงเถือก เขาเปิดประตูขึ้นนั่ง อึดใจต่อมาสิตางศุ์ที่ยังตะลึงกับความรู้ใหม่เกี่ยวกับน้องรหัสปีสองของตนเองก็เปิดประตูขึ้นนั่งด้วยสภาพหัวใจที่หายไปมากกว่าครึ่ง


“ไม่ต้องคิดมากหรอกหน่า น้องมึงเป็นผู้ชายยังไงก็ไม่ท้อง น้องกูก็ไม่ใช่พวกมั่วไม่เลือก มันคบใครคบทีละคน”


“ม...ไม่ใช่...เอ่อ...กู...กูไม่คิดว่า...ไอ้ปกจะ...จะชอบผู้ชาย...” คนกำลังหมุนพวงมาลัยออกจากลานจอดรถถึงกับชะงัก เจียระไนรู้สึกเหมือนใจหายวาบที่เรื่องของปกฉัตรและน้องชายของเขาพาไปสู่ประเด็นความสัมพันธ์ของผู้ชายสองคนในสายตาของสิตางศุ์


“มึงรังเกียจเหรอ” เขาถามเสียงแปร่ง พยายามบังคับสติให้อยู่กับการขับรถ แต่ถึงอย่างนั้นสัมปชัญญะมากกว่าครึ่งก็เฝ้าจดจ่ออยู่กับคำตอบที่จะออกมาจากริมฝีปากแดงจัด


“ก็...ไม่ได้รังเกียจ...แต่...คิดไม่ถึง...”


เพราะสิตางศุ์เห็นปกฉัตรมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ไม่คิดว่าน้องในสายรหัสของตนเองจะมีแฟนเป็นผู้ชาย หนำซ้ำ...ยังมีรอยดูดที่คอเป็นแถบเลยด้วย


“แล้วมึงล่ะ...น้องมึงเป็นผู้ชาย...ไอ้ปกก็ผู้ชาย...มึง...คิดยังไง” ร่างโปร่งหันไปถามคนที่กำลังพาพวกเขาออกสู่ถนนใหญ่ เจียระไนเหลือบมามองวูบหนึ่ง ทว่าวูบเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้สิตางศุ์นิ่งงันกับพลังบางอย่างที่อยู่ในดวงตาสีดำสนิทคู่นั้น


“เพศมันก็เหมือนหน้าตานั่นแหละ เป็นแค่รสนิยมให้อีกคนนึงเข้าหา แต่ความรักมันไม่ได้เลือกว่าจะเกิดกับเพศอะไรหรือหน้าตาแบบไหน ถ้ามันจะเกิด...มันก็เกิด ไม่เกี่ยวหรอกว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง”


อะไรบางอย่างที่แฝงมากับคำพูดของเจียระไนทำให้คนฟังได้แต่เงียบและครุ่นคิดกับตัวเอง


สิตางศุ์ไม่เคยมีคนรัก และไม่รู้จักความรักในรูปแบบของคนรัก แต่...เจียระไนคงรู้จักดี เพราะไม่อย่างนั้นคงพูดประโยคเมื่อครู่ด้วยน้ำเสียงที่เข้มแข้งและจริงจังอย่างนั้นไม่ได้หรอก


“โจ๊ก...ตอนที่มึงรักใครสักคน มึงรู้สึกยังไงเหรอ”


คำถามที่ร่างสูงไม่คิดจะได้ยินทำเอาดวงตาคมต้องเหลือบมามอง เขามองสบเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่สวยใสแจ๋วที่มองมาที่เขาอย่างอยากรู้


...ตอนที่รักใครสักคน รู้สึกอย่างไรน่ะหรือ?...


“รู้สึกอยากอยู่กับเขา”


“แค่อยากอยู่กับเขาเองเหรอ”


“อยากอยู่กับเขา อยากเป็นที่พึ่งให้เขา อยากอยู่ในสายตาเขา อยากเป็นทุกๆอย่างของเขา คนที่เป็นความรักของกู เขาก็จะเป็นทุกๆอย่างในชีวิตกูเหมือนกัน” ดวงตาสีดำสนิททอดมองเข้าไปในดวงตาของสิตางศุ์ราวกับจะสื่ออะไรบางอย่าง แต่เพราะรถคันหน้าเคลื่อนตัว เจียระไนเลยต้องหันกลับไปสนใจถนนตรงหน้าต่อ แล้วทิ้งสิตางศุ์เอาไว้กับภวังค์


...‘คนที่เป็นความรักของกู เขาก็จะเป็นทุกๆอย่างในชีวิตกูเหมือนกัน’...


ร่างโปร่งก้มลงมองมือตัวเองแล้วทบทวนความรู้สึกในใจ


แล้วตัวเขาเองล่ะ ใครกันที่จะเป็นทุกๆอย่างในชีวิตของเขา?


ชั่วขณะหนึ่ง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบมองคนข้างกาย คำถามยังดังอยู่ในสมอง ทว่าคำตอบจากหัวใจ กลับบางเบาเกินไปที่สิตางศุ์จะได้ยิน



ติดตามตอนต่อไป (วันพุธนะคะ)

หลังจากตอนที่แล้ว ปล่อยให้โจ๊กพักผ่อน ดีดกีต้าร์ชิวๆให้โซ่ฟัง ตอนนี้โจ๊กก็กลับมา(เกือบจะ)เป็นไบโพลาร์อีกครั้งค่ะ กร๊ากกกก
โซ่มันซื่อไม่พอ แต่มันไม่รู้จักความรักแบบคู่รักด้วยค่ะ (งานเข้าโจ๊กจริงๆ บอกแล้วว่าพระเอกเรื่องนี้น่าสงสารรรรร)

ส่วนเพลงจากตอนที่แล้ว คาดว่าหลายคนน่าจะเดาถูก เพลงนี้เนื้อร้องออกจะหวาน แต่บางท่อนนักร้องก็ร้องอย่างเกรี้ยวกราด (ช่างเหมาะกับอารมณ์และความรู้สึกของโจ๊กจริงๆ ฮ่าๆ)

สำหรับตอนนี้ ยาวนิดนึงนะคะ และตอนหน้าจะมาวันพุธแทน เพราะว่าวันพฤหัสฯ บัวติดธุระแหละ T.T (ความแน่นอนของชีวิต คือความไม่แน่นอนจริงๆเลย)

เจอกันวันพุธหน้า ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม และพื้นที่บอร์ดเช่นเคยค่ะ

ป.ล. สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะ


ออฟไลน์ Starry[Blue]

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
อ่าว โจ๊กโดนน้องแซงแล้ว5555555555555555555

จู่ๆก็มีคู่ใหม่อ่ะ แล้วไปกันไวกว่าด้วย กรี้ดเลยค่ะ55555555
อุ๊ย คุณพัฒน์กับน้องเชอร์รี่นี่ที่โผล่ในตอนพิเศษของถ้วยฟูหรือเปล่าคะตอนไปญี่ปุ่น ที่ชอบทานหอมหัวใหญ่ ใช่มั้ยคะเนี่ย ฮือ ทดสอบความทรงจำเว่อร์ ครอบจักรวาลสุด มาเวลเว่อร์ /สรุปจำผิด อ่าวๆๆ แฮ่ๆ

ชอบโจ๊กจริงๆค่ะ ดูไร้สติดีอ่ะ(คำชม) สู้ๆนะเว้ยโจ๊ก หนทางนี้ดูท่าจะยาว เหมือนฝึกเด็กวัยหัดเดินเลย ไม่เป็นไร อย่างงี้แหละเลี้ยงง่าย (ถ้าแกไม่เป็นไบโพล่าร์ไปซะก่อนนะ555555)

 :กอด1:


ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
คู่น้องนี่น่าติดตามไม่แพ้กันเลย มีนำหน้าไปด้วย  :hao5:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ฮาาาา พี่โจ๊ก ไบโพล่าห์

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ HuskyLover

  • นิยาย "วาย" ละมุน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
มาแล้วๆ คราวนี้มาตรงเวลา แต่ผมยังไม่มีเวลาอ่านเลยช่วงนี้
เห็นคอมเมนต์แล้วน่าสนใจ จะรีบเคลียร์งานอย่างไว :)

ออฟไลน์ ชมรดา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
ขอบคุณค่ะ
น่ารักมากกกก
พัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นไปอีกขั้นแล้ว
รออ่านวันพุธนะจ๊ะ

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
โจ๊กแน่ในนะว่าแค่เกือบเป็นไบโพลาร์ นี่นึกว่าเป็นแล้ว ก๊ากกกกกก :m20: :m20:

ความสัมพันธ์เหมือนจะคืบหน้า รึป่าว?5555 ยอมโซ่ล้าววว น่ารักเกิน ฮืออ  :haun5: :m1: :m1:

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
โจ๊กต้องสู้นะ555555

ออฟไลน์ monkey_saru

  • ทำไมหัวใจถึงเอียงซ้าย...*
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่โจ๊กหัวร้อนง่ายมากอะ ฮ่าๆๆ แต่เจอความเย็นของสิตางค์เข้าไปเลยฮีลขึ้นอย่างไว
แต่กลัวใจความหัวร้อนง่ายแบบนี้มากเลย ถ้าคบกันแล้วมีปัญหาแน่นอนเลย :m15:

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
น่าสงสารเฮียโจ๊กตรงโดนน้องแซงหน้า 555

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สนุกมากกกกก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เข้าใจอารมณ์โจ๊กเลย น่าสงสาร / คนอ่านไม่ไบโพลาร์นะ
แต่ความสัมพันธ์ของโจ๊ก สิตางศ์ุ เข้าใกล้กันดีมาก
สิตางศ์ุ ก็ยังซื่อ ไร้เดียงสา อย่างเดิม
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ phoenixa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 569
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
ปกติก็สงสารพี่โจ๊กอยู่แล้ว
มาตอนนี้ที่ได้รู้จักน้องเจ๋งแล้ว
วงวารมากไปอีก
แต่เราคงไม่เชียร์อะไรมากไปกว่านี้
เพราะเราชอบโซ่มากกว่า อยากให้โซ่ใสๆ แบบนี้ต่อไปอีกนานๆ
โจ๊กอดทนนะ

ออฟไลน์ G-NaF

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
เกลียดดดดดดความซื่อของโซ่  :laugh: เข้าใจแล้วทำไมคุณบัวบอกโจ๊กน่าสงสาร  :laugh:  :m20:

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
ว๊ายยยพี่โจ๊ก ไม่เป็นไรน้าอย่างน้อยก็ได้ขึ้นห้องโซ่แล้ว
สู้ๆต่อไปนะคะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
เอาน่าโจ๊ก
ใจเย็นๆน่ะดีแล้ว  แค่ตอนนี้โซ่ก็ยอมมากแล้วนะ
โซ่เองยังต้องการเวลา ให้รู้ตัวชัดกว่านี้
เชียร์มากกกกกก
ตลกโจ๊ก ขี้หึงขี้หวงสุดๆ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
โจ๊กเป็นไบโพลาร์ ส่วนโซ่ซื่อจนเซ่อ

แหม่ เหมาะกันประหนึ่งหมอจิตเวชกะคนไข้ 55555

ออฟไลน์ wiseducky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โจ๊กดูท่าแล้วถ้าเป็นแฟนกันต้องขี้หึงและขี้หวงมากแน่55555555 หมดกันความหล่อ
โซ่ก็รีบๆเก็ทสักที สงสารโจ๊ก  เฝ้ามองมานาน5555



ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ถึงจะต้องเหนื่อยกับความซื่อของโซ่ แต่นับว่าความสัมพันธ์ก้าวหน้าไปมาก
แถมยังมีคู่น้อง ๆ มาเป็นตัวเร่งอีก
ว่าแต่อิสองปีที่แอบรักนี่ คบหญิงบังหน้าหรอกรึ

ออฟไลน์ Moose

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
คู่ใหม่เปิดตัวได้น่าสนใจม้ากกก โซ่ยังน่ารักเหมือนเดิมเลยน้า ส่วนโจ็กเป็นไบโพล่า 55555545

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
คู่รองนี่มาเหนือแซงไปแล้ว 555
โจ๊กจะเป็นไพโบลาร์ก่อนได้เมียไม๊เนี่ย? โซ่ก็ซื่อได้ใจจริงๆ

ออฟไลน์ rainiefonnie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
ไม่ชอบเพื่อนนิสัยแบบนี้เลยเสือกจัง

ออฟไลน์ konnarak

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-0
น่ารักกกกก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด