❤ค่ายสร้างรัก❤ [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤ค่ายสร้างรัก❤ [END]  (อ่าน 624864 ครั้ง)

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17
- ไปค่ายตอนที่สาม : พี่ปืน -




         เช้านี้หลังจากชาวค่ายกินข้าวเช้าซึ่งได้อานิสงค์จากกลุ่มเจ่ตื่นแต่ดึกมาทำให้เพราะยังไม่มีการจัดเวรทำอาหารแต่ละวัน หลังจากนั้นพี่ปิงปองและพี่ต้องก็นำทีมแยกเป็นสองกลุ่มเพื่อไปทำความรู้จักชาวบ้านตามบ้านในช่วงเช้า ตลอดเส้นทางตามไหล่เขาที่ชาวบ้านปลูกบ้านพัก ผมสังเกตเห็นคนที่นี่ต่างออกมาทำกิจกรรมยามเช้า ผ่านบ้านไหนแทบทุกบ้านก็เรียกพวกเราให้กินข้าวเช้าด้วยกันตลอดทาง น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้พบเจอทำเอาเช้าวันนี้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

         พี่ปืนและแก๊งโจรดูจะเป็นที่รู้จักของชาวบ้านแทบทุกหลังคาเรือนที่เดินผ่าน คงไม่แปลกอะไรเพราะได้ยินว่ากลุ่มพี่ปืนเขามาฝังตัวอยู่ที่นี่และทำความรู้จักกับชาวบ้านเกือบสัปดาห์ก่อนที่ชาวค่ายจะมาถึง ดังนั้นทั้งสี่คนจึงถูกเอ็นดูเป็นพิเศษทั้งได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นลูกเป็นหลานของคนที่นี่จริงๆ

         พี่ปิงปองที่นำทีมกลุ่มนี้พาพวกเรามาแวะร้ายขายของชำแห่งหนึ่งซึ่งเจ้าของเป็นหญิงม่ายมีลูกสองคน เป็นเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งและเด็กผู้ชายหน้ากลมเจ้าของช่อดอกไม้ที่ให้ผมเมื่อวาน

        “อ้ายครับ”

        เด็กน้อยร้องดีใจวิ่งมาเขย่ามือ ผมเลยย่อตัวลงนั่งยองๆ คุยกับเด็กน้อย

        “สวัสดีตอนเช้าครับหนุ่มน้อย”

        “อ้ายครับ อ้ายกิ๋นข้าวเจ๊ามาละก๋า เอ่อกินข้าว เค๊าะ หยังมาอู้ยากป่ะล้ำป่ะเหลือ” (พี่ครับ พี่กินข้าวเช้ามารึยังครับ เอ่อกินข้าว ฮ่วยพูดยากจัง)

        เด็กน้อยเกาหัวยิกๆ สีหน้ายุ่งยากใจ ผมยิ้มเอ็นดูกับท่าทางพูดภาษากลางปนภาษาพื้นเมืองดูสับสน เด็กหนุ่มหน้ากลมตรงหน้าพยายามสื่อสารกับผมเป็นภาษากลางทั้งที่เจ้าตัวดูจะไม่ถนัดทำให้ผมนึกเอ็นดู

        “พูดตามที่เราถนัดเถอะ”

        “อ้ายหยั๋งมาใจ๋ดี เปิ้นจะถามอ้ายว่า อ้ายกิ๋นข้าวเจ๊ามาละก๋า ถ้าอ้ายบ่ะได้กิ๋นเตื้อ มากิ๋นตวยกั๋นนี้แล่” (พี่ใจดีจัง ผมจะถามพี่ว่าพี่กินข้าวเช้ามารึยัง ถ้ายังกินข้าวด้วยกันสิครับ)

         ผมยิ้มแหยเมื่อถูกภาษาคำเมืองรัวใส่โดยไม่ทันตั้งตัว จะว่าฟังไม่ออกก็ไม่เชิงเพราะสังเกตจากท่าทางแล้วเด็กน้อยเหมือนจะชวนผมทำอะไรสักอย่าง

        “อะไรนะครับ?”

        “กิ๋นข้าว”

        “อ๋อ” ผมทำหน้าเข้าใจตอนที่เด็กน้อยทำมือเหมือนจะตักข้าว

        “พี่ทานมาแล้วครับ”


         ถึงแม้จะกินไปแค่นิดเดียวเพราะกินไม่ลงก็เถอะ ผมถอนหายใจเมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อเช้าจะเรียกว่าประชดหรืออะไรก็แล้วแต่ พอเห็นเขมกับพี่เก้าหยอกล้อป้อนข้าวกันแต่เช้า ความอยากอาหารก็แทบไม่มี สู้ฝืนทนกินไปได้ไม่กี่คำก็จำต้องวางมือ เลยได้แต่กล่าวขอโทษกับข้าวฝีมือเจ่ๆ ที่ทำอย่างสุดฝีมือในใจ

        พอบอกว่ากินข้าวเช้าแล้วเพื่อนต่างวัยที่ผมได้รับน้ำใจตั้งแต่วันแรกที่มาถึงก็อุตส่าห์ยื่นลูกผมในมือให้อีก ความใสซื่อน่าเอ็นดูทำให้ผมลืมเรื่องเมื่อเช้าไปได้ราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น ผมนั่งหยอกกับน้องจนเพลินโดนที่ไม่รู้เลยว่าภาพความสนิทสนมของผมกับเด็กน้อยกำลังเป็นที่สนใจของใครบางคน

         หลังจากใช้เวลาตลอดช่วงเช้าพบปะพูดคุยกับชาวบ้านไปสักพักใหญ่ พอสายๆ ชาวค่ายพร้อมกับชาวบ้านกลุ่มใหญ่ก็เริ่มช่วยกันเตรียมพื้นที่ปรับหน้าดินเพื่อเตรียมสำหรับการทำสนามกีฬา สนามกีฬาที่ว่าเป็นสนามกีฬาไว้ใช้สำหรับเล่นกีฬากลางแจ้งเนื่องจากสนามเก่าเป็นพื้นดินธรรมดาที่ปรับให้เป็นพื้นเรียบโดยใช้วิธีการตีเส้นโดยเอาปูนขาวโรยเพื่อแบ่งเส้นให้ชัดเจนเท่านั้น

         ขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงตรงอากาศโดยรอบค่อนข้างร้อน ทั้งไอแดดส่องลงมาลามเลียผิวกาย ผมชะงักมือที่ถือจอบขุดดินเพื่อปาดเหงื่อที่ไหลย้อยเต็มใบหน้า ไม่ต่างจากคนอื่นๆ ที่ขยับปกเสื้อคลายร้อนเป็นทิวแถว ชาวค่ายทุกคนต่างร่วมแรงร่วมใจกันทำงาน ไม่เว้นแม้แต่เด็กน้อยหน้ากลมที่ใช้จอบอันเล็กของตัวเองขุดดินช่วยทั้งที่ทำตั้งนานดินยังไม่ขยับเลย ผมเห็นแล้วนึกขำจนรีบยกมือถือขึ้นมากดบันทึกภาพเรียกรอยยิ้มนี้เอาไว้ทันที แต่เพียงแค่เงยหน้าขึ้นกลับรู้สึกวิงเวียนปวดศีรษะกับอาการแสบที่ท้องเลยทำให้ผมถึงบางอ้อว่าตัวเองคงจะเริ่มหิวมื้อเที่ยงซะแล้ว

         ผมสะบัดศีรษะไปมาแต่ภาพซ้อนทับเบื้องหน้าก็ยังไม่หายไป ตรงกันข้ามกลับรู้สึกร้อนวูบวาบขณะที่มือก็เริ่มเย็นเฉียบ เหงื่อที่ไหลโทรมกายทำให้หายใจเร็วด้วยความเหนื่อยอ่อน ก่อนที่สติจะดับวูบผมเห็นเงาของใครบางคนถลามาตรงหน้าแล้วโอบกอดผมเอาไว้ เสียงรอบกายอื้ออึงจับใจความไม่ได้ ผมรู้แต่ว่าหน้าอกแข็งแรงของใครคนนั้นทำให้นึกถึงฝันดียามค่ำคืนที่ผ่านมา


         “ตายห่าน้องเป็นลม”




        .


        .


        “เมื่อเช้าแรกมันไม่ค่อยกินข้าวครับ อาจจะหิวจนเป็นลม”

        “นั่นสิวันนี้แดดแรงด้วยน้องอาจจะเป็นลมแดด”

        “........”

        “น่าสงสารดูซิหน้าซีดเผือดเชียว”

        เสียงผู้คนมากมายพูดจากที่ไกลๆ ทำให้ผมพยายามเปิดเปลือกตามองหาต้นกำเนินของเสียงแต่พยายามอยู่นานก็ทำได้แค่ขยับเปลือกตาไปมาเท่านั้น

        “เมื่อเช้าก็เห็นกินข้าวไปนิดเดียว หรือว่าอาหารไม่ค่อยถูกปากน้องอ่ะ เห็นกินไปไม่กี่คำเองพอมาทำงานหนักๆ เลยไม่ไหว”

        “นั่นสิพี่”

         เสียงบทสนทนาที่คุ้นหูระหว่างพี่ปิงปองกับเบิร์ดดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ กระตุ้นให้ผมเริ่มขยับตัวหลังจากที่นอนนิ่งอยู่พักหนึ่ง ผมหรี่ตามองภาพพร่าเบลอเบื้องหน้า

        “หิวจนเป็นลมงั้นเหรอ”

        เสียงทุ้มของบุคคลที่สามดังขึ้นอย่างราบเรียบ

        “คงจะอย่างนั้น” ใครสักคนตอบทำให้ผมเริ่มขยับตัวไปมาเรียกความสนใจจากทุกคนที่อยู่ระหว่างบทสนทนาอันเคร่งเครียด

        “น้องแรกเป็นยังไงบ้าง?”

        “ไหวมั้ยมึง”

        พี่ปิงปองกับไอ้เบิร์ดปราดเข้ามาประคองอย่างรวดเร็ว ผมส่ายหัวไล่ความมึนงงและพยายามเรียกสตินึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมมองไปรอบๆ จำได้ว่าก่อนหน้านี้กำลังขุดดินอยู่นี่หว่า


        ..ฉิบหายแล้ว..

        ..นี่ผมเป็นลมเหรอวะ แล้วไม่ใช่เป็นลมธรรมดาด้วยเสือกเป็นลมคากองดินอีกต่างหาก

        ...ห่าเอ้ย..

        “น้องแรก”

        พี่ปิงปองทำหน้าเครียดผิดคาแรคเตอร์จนนึกอยากแหย่ แต่สีหน้าพี่แกดูเป็นกังวลผมเลยไม่กล้าเล่น

        “ครับ”

        “ดีขึ้นมั้ยรู้สึกว่าเป็นยังไงบ้าง”

        “ดีขึ้นแล้วครับ ว่าแต่เอ่อ ผมคงไม่ได้เป็นลมคากองดินใช่มั้ยครับ” ถามเพื่อความแน่ใจว่าผมคงไม่ถึงกับทำอะไรน่าอายขนาดนั้น


         “หน้าเกือบจูบดินเลยว่ะ ดีว่าพี่ปืนแม่งคว้าไว้ทัน ไม่งั้นหน้ามึงแหกแน่”


        ..อะ อะไรนะ..

        ไอ้พี่ปืนน่ะเหรอจะช่วยผม ไม่มีทางอ่ะ ผมสะบัดหน้าไปมาพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้หูฝาด

        “หิวจนเป็นลมล่ะสิมึง”

        “ก็เอ่อ”

        ถึงกับเก้อเขินเพราะสิ่งที่ไอ้เบิร์ดพูดมันตรงทุกอย่าง พอนึกถึงแล้วท้องก็ดันร้องขึ้นมาจนพี่ปิงปองหัวเราะ

         “พี่มีขนมปังอ่ะเอาไปกินก่อน” พี่ปิงปองยื่นขนมในมือให้ “กับข้าวเมื่อเช้าไม่ถูกปากรึเปล่าพี่เห็นเราไม่ค่อยกิน”

          อยากจะตอบใจจะขาดว่าไม่ใช่เลย แต่ผมไม่กล้าพอที่จะบอกว่าเพราะเขมกับพี่เก้าต่างหากเล่าที่ทำให้ความอยากอาหารเมื่อเช้าแทบไม่มี เฮ้ย ไอ้แรกเอ้ยมึงนี่มันเป็นภาระคนอื่นจริงๆ ให้ตายเถอะ

         ผมถอนหายใจแรงๆ แต่เป็นปฏิกิริยาที่ทำให้คนมองเข้าใจผิดว่าอาหารไม่ถูกปาก

         “มื้อต่อไปพี่จะให้เวรทำอาหารพวกไข่เจียวให้เนอะ ว่าแต่เรากินอาหารพื้นๆ แบบนี้ได้มั้ย”

         “เอ่อ” ผมเหมือนทำท่วมปากไม่ใช่เพราะเหตุผลของอาหารไม่ถูกปากสักนิดเลยแต่จะอธิบายให้พี่ปิงปองเข้าใจยังไงได้วะ โอ้ย โคตรอึดอัด

         “ครับ แต่ว่าคือไม่ใช่..”

         “สบายเกินไปรึเปล่า”

         ยังไม่ทันผมจะเปิดปากเล่า ใครอีกคนซึ่งยืนกอดอกทำหน้านิ่งอยู่มุมห้องก็โพล่งขึ้น นั่นแหละผมถึงเพิ่งสังเกตได้ว่านอกจากเบิร์ดกับพี่ปิงปองแล้วยังมีไอ้พี่ปืนยืนกอดอกหน้าบอกบุญไม่รับอยู่

         “คือ”

         “ที่นี่ไม่ใช่โรงแรม ถ้าจะถามหาความสะดวกสบายถูกใจ ที่นี่ไม่มีให้”

         ไอ้พี่ปืนใส่ผมเป็นชุดจนอ้าปากค้าง

          “ปืน”

          พี่ปิงปองกระตุกแขนไอ้พี่ปืนปากนรกแต่มันดันยักไหล่แล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผมจังๆ

          “การมาค่ายคือการมาเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อมาทำประโยชน์ให้ส่วนรวม ถ้าสักแต่ว่าจะมาเพื่อถ่ายรูปแล้วโพสบอกคนทั้งโลกว่ามาถึงแล้วก็อย่ามา”

          “.........”

          “หรือถ้ามาเพราะตามใครมา มาเพราะเพื่อน มาเพราะคนรัก มาเพราะถูกบังคับ แต่ไม่มีจิตสาธารณะสักแต่ว่าจะมาให้มันจบๆ ไป ไม่นานก็จะกลับมึงก็ควรเก็บเสื้อผ้ากลับไปเสียตั้งแต่วันนี้เพราะมึงไม่เหมาะกับที่นี่หรอก”

          ผมนั่งอึ้งรู้สึกจุกๆ ในอกยิ่งตอนที่ไอ้พี่ปืนพูดว่า ‘มาเพราะคนรัก’ คำๆ นั้นกระแทกกลางใจผมเต็มๆ ยิ่งแววตาสีดำสนิทจ้องมาเหมือนจะทะลุไปถึงความคิดภายในใจของผม เหมือนว่ามันมานั่งอยู่กลางใจผมแล้วมองเห็นทุกอย่างที่แอบซ่อนอยู่ภายใน

          “ปิงปอง”

          พี่ปิงปองหน้าเจื่อนลง “ยังไงมึงช่วยหาอะไรให้มันรองท้องด้วยนะ”

          “อืม”

          “เสร็จแล้วก็เก็บกระเป๋าเลย” คราวนี้หันมาคุยกับผม “กูจะส่งมึงกลับบ้าน”

          “อะไรนะ!”

          เบิร์ดกับพี่ปิงปองอุทานหน้าตื่น ส่วนผมยิ่งงงหนักกว่าเดิมเหมือนถูกอาวุธฟาดที่ท้ายทอยแรงๆ เพราะตอนนี้ทั้งมึนทั้งตื้อไปหมด เมื่ออยู่ดีๆ ถูกไล่กลับกะทันหันแบบนี้ซ้ำคนพูดยังมีท่าทางจริงจัง

          “พี่พูดแบบนี้หมายความว่าไง”

          ผมถลาไปดักหน้าจอมเผด็จการที่กำลังจะผละออกไป

           “แค่เป็นลมคงไม่ได้กระทบกระเทือนจนทำให้หนวกหรอกมั้ง”

           “ผมไม่กลับ”

           ผมกำหมัดแน่นยอมรับว่าโกรธและอยากลองดีอีกฝ่ายมากถึงมากที่สุด ส่วนคนที่ผมกำลังลองดีมันแค่ยักไหล่แล้วเดินมาประจันหน้ากับผมอีกที

           “กูจะส่งมึงกลับบ้าน”

           “ผมไม่กลับ”

           “ใจเย็นๆ ก่อนนะปืน น้องแรก”ประธานค่ายถลามาแยกพวกผมออกจากกัน ขณะที่เบิร์ดมันพยายามดันๆ ไหล่ผมให้ถอยออกมาเพราะสังเกตแววตาเข้มจัดของอดีตหัวหน้าโจรที่จ้องมองผมตาวาว

           “สภาพอย่างนี้เหรอไม่กลับ”

           ฝ่ายนั้นมองผมอย่างดูแคลนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ท่าทางแบบนี้ทำให้ผมโมโหจนตัวสั่น ผมยอมรับว่าโกรธมาก เวลาที่โกรธมากๆ แล้วทำอะไรไม่ได้อยู่ๆ น้ำตาก็มักจะค่อยๆ เอ่อล้นรอบดวงตา มันเป็นอาการประหลาดที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยครั้งนักหรอก และผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้นตอนนี้ ขณะที่อยู่ต่อหน้าไอ้พี่ปืนปากนรก


          “ดูสารรูปตัวเองก่อนว่าจะทนไปได้สักกี่น้ำ มึงมันคุณหนูเกินกว่าจะมาใช้ชีวิตลำบากแบบนี้ ที่นี่ไม่เหมาะกับคนอย่างมึงหรอก กลับไปซะ ไปเดินห้างกินอาหารร้านหรูในแบบของมึงโน่น อย่ามาทำตัวเป็นภาระของคนที่นี่”

           ปากนรก!!!

           แม่งเอ้ย ไอ้เหี้ย ด่ากูขนาดนี้ไม่ถมน้ำลายใส่ด้วยล่ะ ไอ้เหี้ยพี่ปืนมึงแม่งสันดานไม่ดี โกรธเกลียดอะไรกันนักกันหนาวะ มึงมันใจร้ายทำไมต้องด่าว่ากันขนาดนี้ด้วย ผมกำหมัดแน่นรู้สึกร้อนหัวตาจนกลั้นน้ำตาไว้แทบไม่ไหว

           แต่ไม่เด็ดขาด ยังไงผมจะไม่มีวันร้องไห้ต่อหน้ามัน ไม่มีวัน ผมฝืนเกร็งหน้าทั้งที่รู้สึกแย่เพราะที่พี่มันพูดมาทั้งหมดมันมีความจริงปะปนอยู่ไม่น้อย ผมกำลังทำตัวเป็นภาระของคนที่นี่ถึงไม่อยากจะยอมรับนัก แต่มันด่าได้ถูกจุดจริงๆ ทำเอาผมเจ็บในอกเพราะผมกำลังทำตัวแบบนั้นจริงๆ มันคือความจริงที่ไอ้พี่ปืนด่าได้แสบสันต์ ฝ่ายนั้นชะงักไปเมื่อสบตากับผมตรงๆ อีกครั้งแล้วเห็นผมปาดน้ำตา


          “.........”

          “กินข้าวซะแล้วรีบเก็บของ” มันตัดบท “กูจะไปส่งมึงขึ้นรถในเมือง”

          “ผมไม่กลับ”

          มั่นใจว่าตัวเองตะโกนเต็มแรง แต่เสียงที่หลุดออกมาจากลำคอช่างแผ่วเบาสวนทางกัน

          “ขอโทษนะปิงปองที่ทำอะไรข้ามหน้าข้ามตามึง แต่กูว่ามันจำเป็น”

           ทันทีที่แผ่นหลังกว้างเดินห่างออกไป น้ำตาผมถึงกับหยดแหมะจนพี่ปิงปองผวาเข้ามากอด

           “ใจเย็นๆ ก่อนน้องแรก” ประธานค่ายลูบหลังผมเบาๆ “เดี๋ยวพี่คุยกับปืนให้”

           “ผมไม่อยากกลับ”

           ในตอนแรกที่ถูกเบิร์ดบังคับให้มาเผชิญความจริง ผมมีความคิดว่าแค่อยากมาให้มันจบๆ ไป ไม่เคยคิดที่จะทำประโยชน์อะไรจริง แต่วันนี้วันที่โดนไอ้พี่ปืนด่าเสียหมาขนาดนี้ ผมเลยอยากพิสูจน์ตัวเองว่าผมสามารถลบคำสบประมาทเหล่านั้นให้ได้ ผมจะต้องอยู่ให้ได้ไม่ใช่แค่ทนอยู่แต่จะอยู่พิสูจน์ตัวเอง ผมจะทำให้พี่มันเอ่ยปากขอโทษผมให้ได้

           “ผมไม่กลับนะพี่ปิงปอง”

          พี่ปิงปองถอนหายใจ “ที่ปืนมันทำไปทั้งหมดมันหวังดีกับเรานะ”

           “หวังดี?”

           หวังดีมากสินะ...ตั้งแต่ฟื้นมาพี่มันด่าผมไม่หยุดเลยให้ตายเถอะ ผมทำหน้าไม่เชื่อพอๆ กับไอ้เบิร์ดที่เดาจากสีหน้ามันแล้วคงจะคาดไม่ถึงที่เห็นไอ้พี่ปืนปากนรกของแท้ เพราะก่อนหน้านี้มันยังเถียงหัวชนฝาว่าไอดอลคนใหม่ของมันไม่มีทางปากเจ็บขนาดนี้ แต่คราวนี้เห็นทีมันจะเชื่อสนิทใจแล้วล่ะ

           "ที่ปืนมันทำแบบนี้เพราะมันห่วงแรกมากนะ"
           ผมทำหน้าไม่เข้าใจ

           “ปีที่แล้วมีน้องคนหนึ่งเป็นลมในค่าย ดีว่าพวกเราพาส่งโรงพยาบาลทัน”

           พี่ปิงปองทำหน้าเครียดตอนเล่า “น้องคนนั้นมีโรคประจำตัวคือโรคหัวใจแต่ไม่ยอมบอก ซ้ำยังอาสาไปช่วยขนปูนในงานสร้างด้วย วันนั้นอากาศร้อนแบบวันนี้แหละแล้วน้องเขาก็เป็นลม สุดท้ายน้องเลยสารภาพว่ามีโรคประจำตัวแต่ไม่ยอมบอกเพราะกลัวว่าจะไม่ได้มาค่ายด้วย นี่น้องก็โกหกพ่อแม่ว่ามาทัศนศึกษาเฉยๆ กว่าจะรู้เรื่องมันก็บานปลายไปไกลแล้ว”

           “......”

           “น้องเขาอยากมาค่ายมากพอพ่อแม่ไม่อนุญาตเลยโกหก พี่เข้าใจนะว่าน้องอยากมาจริงๆ แต่ทำแบบนี้มันอันตรายมากเลยนะ เพราะไม่ใช่ตัวน้องที่เดือดร้อนหากเป็นอะไรร้ายแรง แต่พวกรุ่นพี่ทุกคนต่างโดนตำหนิ แล้วปืนมันก็ขอยอมรับเรื่องนี้แต่เพียงผู้เดียวเพราะเป็นคนที่อนุญาตให้น้องมาค่ายเอง”

           ผมทำหน้าไม่เชื่อเมื่อได้ยินว่าไอ้ปืนแม่งทำตัวเป็นฮีโร่รับผิดชอบคนเดียวแบบนั้น

          “จริงๆ ค่ายปีนี้จะไม่ได้จัดด้วยซ้ำเพราะทางส่วนกลางของมหาลัยไม่อนุญาตให้จัดขึ้นแต่สุดท้ายเพราะใครบางคนที่ทำให้มันเกิดขึ้นได้”

          “ทำไมล่ะครับ”

          เบิร์ดมันถามอย่างข้องใจ “ทำไมถึงอยากทำค่ายกันนัก”

          พี่ปิงปองยิ้มๆ “วันนี้พี่ไม่มีคำตอบให้หรอก แต่วันที่เราจะกลับนั้นแหละพวกเราถึงจะรู้คำตอบด้วยตัวเอง”

          เบิร์ดทำหน้าสงสัย

          “แต่ถ้าน้องเบิร์ดอยากรู้ไวๆ คืนนี้มามุดมุ้งถามพี่อีกทีสิ”

          “โธ่พี่”

          เบิร์ดมันโอดครวญขณะที่พี่ปิงปองทำมินิฮาร์ทใส่ทำให้บรรยากาศตึงๆ เมื่อกี้ผ่อนคลายลงแทบจะทันที

          “พี่หยอดจนผมจะเป็นขนมครกแล้วนะครับ”

          “สุกจนแคะได้ยังอ่ะ?”

         นั่นไงยังอุตส่าห์หยอดต่ออีก

          “แซวเล่นน่า เห็นเมื่อกี้ทำหน้าเครียดกันแต่เมื่อกี้พี่คิดจริงนะน้องเบิร์ด”

          ขยิบตาชวนสยิวไปอีก..โอ้ย...

          พี่ปิงปองหัวเราะขำพวกเรา

          “น้องแรก” ผมถูกประธานค่ายโยกศีรษะเบาๆ “ถึงปืนมันจะดูดิบเถื่อน พูดจาขวานผ่าซากไปบ้าง แต่เชื่อพี่เถอะว่ามันเป็นคนดีคนหนึ่ง  มันอาจจะดีชนิดที่เราคาดไม่ถึงเชียวล่ะ”

           ...คนแบบพี่ปืนน่ะเหรอวะ...

          "เชื่อพี่เถอะว่ามันห่วงแรกจริงๆ ถ้าแรกไม่อยู่ในสายตามันป่านนี้เราคงบาดเจ็บยิ่งกว่านี้"
 
          "ไม่จริงหรอกครับ"

          "ปืนไม่เคยปล่อยให้รุ่นน้องต้องบาดเจ็บ ถ้าน้องอยู่ในสายตาของปืน รับรองว่าปืนมันจะทำยิ่งกว่าใส่ใจ"

          สีหน้ายิ้มๆ ของพี่ปิงปองทำให้นึกประหลาดใจ

         “และที่แรกกับเพื่อนๆ ได้มาค่ายครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเพราะการเสียสละให้ปืนมันนะ”

         “ยังไงครับ?”

         “จริงๆ แล้วปืนต่างหากที่ได้รับเลือกให้เป็นประธานค่ายปีนี้ แต่เขาเสียสละไม่เอาตำแหน่งเพื่อให้ค่ายครั้งนี้เกิดขึ้น” พี่ปิงปองพูดช้าๆ “เป็นความเห็นของผู้หลักผู้ใหญ่ที่ไม่ยอมให้จัดค่ายหากว่าปืนยังเป็นประธานเพราะเหตุการณ์ปีที่แล้ว ปืนมันเลยขอลาออกเอง”

         “ขอลาออก” ผมทวน

         “ใช่” พี่ปิงปองถอนหายใจ “ลาออกเพื่อแลกกับการมีค่ายครั้งนี้”

         ผมนิ่งเงียบในหัวก็ประมวลสิ่งที่ได้รับรู้มา ทุกอย่างแม่งโคตรชวนสับสนมึนงง ผมยังไม่เข้าใจว่าทำไมไอ้พี่ปืนปากนรกถึงต้องเสียสละตัวเองขนาดนั้น การทำค่ายมันมีความสำคัญยังไงวะ แล้วมันสำคัญอะไรที่ต้องเสียสละตัวเอง

         ความรู้สึกที่จะได้จากการทำค่ายมันคืออะไร

         และมันสำคัญขนาดไหน เอาจริงๆ ผมไม่เข้าใจหรอกและดูเหมือนจะไม่เข้าใจง่ายๆ ซะด้วยสิ จนกว่าว่าจะได้รับรู้และเห็นอะไรมันกับตา

        .

        .


        ผมไม่รู้ว่าพี่ปิงปองไปคุยอีท่าไหนกับไอ้พี่ปืนเพราะสุดท้ายผมก็ไม่ถูกเฉดหัวจากค่ายแล้วกลับบ้านก่อนกำหนด ยอมรับว่าผมโล่งใจไม่น้อยถึงแม้ในตอนแรกจะมาเพราะถูกบังคับแต่ผมได้ปฏิญาณไว้ในใจแล้วว่าต้องทำให้พี่ปืนมันเห็นว่าผมก็ใช้ชีวิตอยู่ในค่ายนี้ได้เหมือนกับคนอื่น ผมไม่ได้คุณหนูถึงขนาดที่รับเรื่องหนักไม่ไหวแล้วหนีกลับบ้าน นั่นไม่ใช่ผม ผมไม่ยอมเสียศักดิ์ศรีแบบนั้นเด็ดขาด

        เรามาดูสักตั้งไอ้พี่ปืน!

        กว่าจะจบเรื่องยุ่งๆ ก็เกือบบ่ายผมเดินลงมาจากห้องพักอย่างเบื่อๆ เพราะก่อนหน้านี้ผมได้รับอนุญาตจากพี่ปิงปองว่าให้พักหายดีก่อนค่อยมาช่วงงาน แต่การนอนเฉยๆ มันน่าเบื่อเกินไปและอาจถูกใครบางคนที่จ้องจะจับผิดกล่าวหาเอาได้เลยตัดสินใจลงมาหาอะไรทำ

        ใต้ร่มไม้ใหญ่ข้างสนามตรงหน้ามีชาวบ้านจำนวนหนึ่งกำลังล้อมวงนั่งกินข้าวกับชาวค่ายและมีบางส่วนที่เดินถือปิ่นโตโบกไม้โบกมือมาแต่ไกล ภาพเหล่านั้นทำให้ผมเผลอยิ้มออกมา ได้ยินว่ากับข้าวมื้อเที่ยงชาวบ้านต่างหอบกับข้าวตัวเองใส่ปิ่นโตมาเพื่อแบ่งให้กับนักศึกษาที่มาปักหลักทำค่ายกัน กับข้าวพื้นๆ ไม่ได้หรูหราราคาแพงบางอย่างไม่ได้มีหน้าตาดึงดูด แต่ทำไมทุกคนที่นั่งล้อมลงกินกันถึงได้ทำสีหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุขแบบนั้น

        ...นี่หรือเปล่า...

        ...นี่คือคำตอบที่ผมกำลังตามหารึเปล่า...

        เราจะได้อะไรจากการมาทำค่ายและเรามาค่ายกันทำไม?  ผมยืนเหม่อคิดเรื่อยเปื่อยและคำพูดของพี่ปิงปองก็สว่างวาบขึ้นมาในหัว


         “ถ้าแรกไม่อยู่ในสายตามันป่านนี้เราคงบาดเจ็บยิ่งกว่านี้”

        .

        .

        .

        “ถ้าน้องอยู่ในสายตาของปืน รับรองว่าปืนมันจะทำยิ่งกว่าใส่ใจ”









Talk.
เมื่อวานติดธุระค่ะเลยยกยอดมาวันนี้นะจ๊ะ
ฮืออออ ถึงพี่ปืนจะปากร้ายแต่พี่แกก็ห่วงใยนะเออ ฮ่าๆๆๆๆ พี่มีเหตุผลของพี่แต่พี่ทำน้องร้องไห้เลย ถถถถถถ
หวีดในทวิต #ค่ายสร้างรัก  และ #ทีมเมียพี่ปืน ด้วยนะจ๊ะ

ปล. มีข่าวดีจะแจ้งเรามีแจกลายเซ็นงานหนังสือวันที่ 1 เมษานี้ที่บูธเอเวอร์วาย เวลา 14.30-15.30น. นะคะ วันนั้นเรามีโปสการ์ดลายพิเศษที่พิมพ์เองสองลายไปแจกด้วยนะ ถ้าใครว่างไปเจอกันนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-03-2017 10:07:01 โดย [Karnsaii] »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
โอ้ยยยย พี่ปืนนี่มีน้องในสายตาไม่ใช่แค่เป็นห่วงหรอก น่าจะเหตุผลอื่นมากกว่า หึหึ

ออฟไลน์ skysky

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-0
พี่ปืนช่างดีต่อใจ ส่งมินิฮาร์ทให้พี่ปืนรัวๆ  :impress2: :impress2:
แรกอยู่ในสายตาพี่ปืนตลอดดดด~ มีความเขิน  :-[ :-[
ทั้งความอบอุ่นเมื่อคืนก่อน ทั้งอ้อมกอดที่มารับตอนเป็นลม
แรกจะค่อยๆรับรู้ความดี ความใส่ใจ และความรักของพี่ปืน
แล้วแรกก็จะมีความรู้สึกดีๆตามมา โอ้ยยย หัวใจจจจ
ทางด้านพี่ปืนก็คงรู้สึกไม่น้อยกับน้ำตาของแรก
รอๆวันจันทร์หน้า #ดีดดิ้น อ่านเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ
 :ling1: :ling1: :ling1:
 :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1810
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
แรกอยู่ในสายตาพี่ปืนแล้วววว  :impress2:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
 “ถ้าน้องอยู่ในสายตาของปืน รับรองว่าปืนมันจะทำยิ่งกว่าใส่ใจ”
แอ่ะ.....พี่ปิงปอง พูดแบบนี้เพราะรู้อะไรมาหรือเปล่า
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ therappizdrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
หมายความว่า แรกอยู่ในสายตาพี่ปืนมาตั้งแต่ก่อนมาค่าย

จริงงงงงงงงหรือไม่ กรี๊ดดดดดดดด



ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
อีพี่ปืนทำน้องแรกน้ำตาคลอเลย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ชอบอ่าน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โธ่ พี่ปืน ทำไมดีต่อใจขนาดนี้คะ น้องอยู่ในสายตาตลอดเลยเหรอออ ปิงปองนี่ต้องรู้อะไรมาบ้างแหละ ชงซะหวานมันเลย พี่ปืนจะให้น้องกลับบ้านนี่ ไม่คิดถึงน้องเหรอ เป็นไงเจอน้ำตาน้องเข้าไป ตัดบทฉับเลยดิ ไปต่อไม่เป็นเลยดิ ถถ มีแววเกลียวมัวนะเราพี่ปืน

skip ไปวันจันทร์เลยได้ไหม ทั้งๆที่ไม่อยากให้ถึง โอ้ยย สับสนในตัวเอง แต่อยากอ่านอ่ะ อยากอ่านอ่ะอยากอ่าน

ออฟไลน์ zenesty

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ปืนคือผัวเรา!!! กร๊ากกกกกกก มโนกว่านี้มีอีกมั้ยค่ะ  :laugh:  :laugh:

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
พี่ปืนปากร้าย เพราะห่วงแรกมากสินะ
แอบชอบแรกสินะ เพื่อนๆคงรู้กันใช่มั้ย
พี่ปิงปองถึงพูดแบบนั้นน  :impress2:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ itsgonnabeme

  • It's me, not you.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
#ทีมแม่พี่ปืน มาล้าวววววว

ฮือ​ออ ชอบมากเลย พี่ปืนคือจริงจัง พี่ปืนคนจริง
น้องแรกลองเปิดใจนะลูก เตรียมหลงรักผู้ชายปากกรรไกรคนนี้ได้เลย

เป็นกำลังใจให้คนเขียนเสมอค่า
รอตอนหน้านะจ้ะ

ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
ปากดีนะพี่ปืนน่าตีปากจริงๆๆทำเป็นดุเตรียมตัวเข้าสมาคมพ่อบ้านใจกล้าได้เลยค่าาา :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
พี่ปืนสารภาพมานะว่าแอบมองน้องมานานเท่าไหร่แล้ว

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
พี่ปืนแอบชอบน้องแรกรึป่าว  :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
พี่ปืนใจดีแต่ปากร้ายไปหน่อย??

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
ตามๆ ชอบทำค่ายย

ออฟไลน์ GOLDMIND

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ปืนขี้ดุไปงั้นแซะ ปากตรงข้ามใจจริง แรกสู้ๆ
ระวังนะปืน มองแรกมากๆ เดี๋ยวก็เลิกมองไม่ได้น้า

ออฟไลน์ memozy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
รออยู่นะ !!!!!!

ออฟไลน์ marisa9397

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สนุกค่ะ รอลุ้ยพี่ปืน น้องแรกพบ ^^

ออฟไลน์ __mxsae

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ถึงพี่ปืนจะพูดไม่ค่อยดีแต่พี่เขาก็มีความเป็นห่วงน้อง น่ารักกกก

ออฟไลน์ minduen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ karamailpraleen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ปืนแอบมองแรกอยู่ตลอดใช่ไหมล่า :o8:

ออฟไลน์ Pakeleiei

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ใส่ใจกันด้วยยยยยยย

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17
- ไปค่ายตอนที่สี่ : มองต่างมุม -





         “มายืนทำอะไรตรงนี้?”

         “พี่กลม”

         “เออก็พี่สิวะ นึกว่าใคร”

         “ผมตกใจหมด”

          พี่กลมหัวเราะจนตาหยี ไม่วายเอื้อมมือมาดึงแก้มผมเล่นอีก

         “โอ้ยพี่...แก้มผมยานหมดแล้วเนี่ย”

         “ก็แรกแก้มนิ่มนี่หว่า จับแล้วนุ่มมือดีเหมือนปุกปุยที่บ้าน”

         ..ตัวอะไรวะเนี่ย..

         “แมวที่บ้าน”

        ก็ยังดีวะถูกเปรียบกับแมวนึกแล้วก็น่าเอ็นดูอยู่สักหน่อยขืนเป็นตัวเหี้ยนี่ผมคงอยากจะร้องไห้
 
         “หืม?”

         ผมสะดุ้งอีกรอบเมื่อมือพี่กลมแตะหน้าผากผมอย่างแผ่วเบา

         “ดีขึ้นยังเนี่ย อยู่ๆ ก็ล้มพับไปดีว่าพี่ปืนอยู่ใกล้ๆ นี่ก้าวไปก้าวเดียวถึงตัวเราเลย ว่าก็ว่าเถอะพี่ปืนแม่งขายาวจริงๆ ก้าวพรวดเลย ไม่งั้นพี่ว่าแรกมีจมูกหักเพราะฟาดพื้นแน่”

         รีบกุมสันจมูกอย่างไว ก่อนจะเผลอพ่นลมหายใจออกมาเมื่อนึกได้ว่ายังโชคดีที่มีคนช่วย ก็นั่นแหละ ไอ้พี่ปืนปากนรกนั่นแหละนึกแล้วก็กระดากใจพออารมณ์โกรธเบาบางลงผมถึงได้เก้อเขินหน่อยๆ ที่ไอ้พี่ปืนกลายเป็นผู้มีพระคุณทั้งที่เรากัดกันแง่งๆ ขนาดนั้น

          “แรก”

          ผมยิ้มแหย

          “เป็นยังไงบ้างวะ ดีขึ้นแล้วเหรอ”

          “กูโอเคขึ้นแล้ว”

          โอ้โห คาดว่าเรื่องที่ผมเป็นลมคงรู้กันทั่วค่ายแล้วมั้ง ผมยิ้มแหยให้เขมที่มันเดินมาทางนี้พอดี สีหน้าแววตาที่ห่วงใยที่ทอดมองมาทำให้ผมจุกในอก มันก็แค่เศษความห่วงใยเผลอดีใจได้แวบเดียวก็ต้องกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอเมื่อมองเลยไหล่มันไปเห็นพี่เก้าเดินตามมันมาติดๆ ซ้ำมันยังหันไปยิ้มให้พี่เก้าด้วยรอยยิ้มที่ผมอยากได้มาตลอด ผมพ่นลมหายใจเพราะดันคิดไม่ดีกับพี่เก้าเพียงเพราะฝ่ายนั้นอยู่ในตำแหน่งที่ผมปรารถนามาตลอด แต่ทำยังไงผมก็ไม่มีทางได้มาครอบครอง


          ผมเผลอถอนหายใจหรุบตามองพื้นอยู่เนิ่นนานหลังจากที่เขมมันไถ่ถามผมจนพอใจแล้วผละเดินออกไปพร้อมกับพี่เก้า แต่สัมผัสที่บ่าทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นทันเห็นลูกอมเม็ดหนึ่งยื่นมาตรงหน้า

         “กินของหวานแล้วจะอารมณ์ดี”

         พี่กลมยิ้มแฉ่ง

         “ขอบคุณครับ”

         ผมแกะฟรอยแล้วยัดใส่ปากทันที แรกสัมผัสแทบคายออกเพราะมันเปรี้ยวมาก

         “อย่าคายนะ”

         “มันเปรี้ยวนี่พี่ พี่แม่งหลอกผมนี่หว่า”

         “อมไปสักพักมันจะหวานขึ้นเอง”

         “ไม่ไหวพี่โคตรเปรี้ยว แหวะ”

         ผมมองหาพุ่มไม้ที่จะคายทิ้ง แต่พี่กลมล๊อคบ่าไม่ให้ผมขยับไปไหน


         “มันก็เหมือนกับยานั่นแหละกินตอนแรกโคตรขมแต่มันมีประโยชน์กับร่างกายนะ แต่ถึงแม้ลูกอมนี่จะดูไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่กินครั้งแรกก็โคตรเปรี้ยวแต่ผ่านไปสักพักมันจะหวาน และรสหวานของมันจะทำให้เรารู้สึกดี”


          ...รู้สึกดีงั้นเหรอ...


         ผมกลั้วลิ้นไปรอบๆ จนรู้สึกได้ว่ารสชาติลูกอมในปากมันหวานขึ้นจริงๆ ผมสบตากับพี่กลมนิ่งอีกฝ่ายเลยยักคิ้วให้

          “การตัดใจจากใครสักคนก็เหมือนกัน แรกๆ มันก็ยากเหมือนการทนอมลูกอมรสเปรี้ยวนั่นแหละ แต่นานไปมันจะดีขึ้น”

          พี่กลมคลี่ยิ้มให้ผม

          “เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น”

          ผมไม่รู้หรอกว่าพี่กลมหมายถึงลูกอมหรือผมกันแน่ ผมไม่แน่ใจว่าพี่กลมเดาอาการประหลาดของผมได้มั้ย ในเมื่อพี่แกเป็นพี่สนิทกับพี่เก้า แต่ผมมองข้ามความรู้สึกเหล่านั้นเพราะผมรู้สึกดีอย่างประหลาดกับลูกอมในปาก

          นั่นสินะ ไม่นานมันจะดีขึ้น

          “พี่ไกด์”

         พี่กลมตะโกนโหวกเหวกโวยวายตอนที่หนึ่งในแก๊งสี่โจรเดินทางนี้ ฝ่ายนั้นถึงกับชะงักก่อนจะเดินเลี้ยวไปอีกทาง

          “ไปแอ๊วพี่ปีสามก่อนนะ” พี่กลมหันมาขยิบตาใส่ “รู้สึกเหมือนอมลูกอมรสเปรี้ยวสักสิบเม็ด เปรี้ยวเข็ดฟันจนอยากรู้ผลลัพธ์ว่าอมไปนานๆ มันจะหวานสักแค่ไหน”

          แล้วก็ถลาไปดักหน้าดักหลังรุ่นพี่หน้าหล่อที่ยิ้มยากอย่างพี่ไกด์ทันที ผมว่าพี่กลมชอบพี่ไกด์อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ท่าทางพี่ไกด์นี่สิโคตรเฉยชา น่าแปลกที่ความสัมพันธ์น่าซับซ้อนนั่นดูมีเสน่ห์บอกไม่ถูก


          .

          .



         “ยิ้มอะไร?”

         “เฮ้ย”

         ผมสะดุ้งโหยงเผลอถอยหลังไปหลายก้าว เห็นไอ้พี่ปืนทำหน้ายักษ์อยู่ตรงหน้า ถามว่ายิ้มอะไรก็ยิ้มให้พี่กลมที่วิ่งไปดักหน้าดักหลังพี่ไกด์ซึ่งเดินชิ่งหนีไปโน่นแล้วไง ไม่ได้ยิ้มให้มึงหรอกพี่ปืน อ่อ ถ้าจะยิ้มจริงๆ ผมยิ้มให้พี่หนวดกับพี่นะโมที่ยิ้มทักทายผมอยู่ข้างหลังพี่โน่น

          “แล้วมาทำอะไรตรงนี้”

          “เอ่อ”

          ทำไมผมแม่งต้องทำท่าทำทางกลัวมันขนาดนั้นด้วยวะ ไม่แมนเลยห่าเอ้ย ผมสูดลมหายใจลึกๆ ปลุกใจตัวเองตอนที่พยายามจะสบตากับอีกฝ่ายตรงๆ

          “ปิงปองบอกให้มึงพักไม่ใช่เหรอ?”

          “ผมอยากลงมาช่วยงานข้างล่างครับ”

          “หายแล้ว?”

          “ก็ดีขึ้นแล้วครับ”

          “หึ”


         
          แววตาสีดำสนิทมองจ้องผมนิ่ง ทำให้รู้สึกวูบวาบแปลกๆ เอาจริงก่อนหน้านี้ผมแอบมองหาพี่มันเพื่อจะไปขอบคุณพี่มันสักหน่อย ทั้งที่ไม่อยากจะยอมรับหรอกว่ามันช่วยผมไว้จริงๆ

         “อย่าดีแต่ปากก็แล้วกัน”

          เชี่ย...กลืนคำขอบคุณลงคอแทบไม่ทัน เผลอรู้สึกดีด้วยไม่ได้เลยนะด่ากูเสียหมาทุกทีสิน่า ไอ้พี่ปืนปากนรก

          “น้องมันหน้าเสียแล้วไอ้ห่า”

          พี่หนวดเม่นที่ยืนอยู่ข้างหลังแซวขำๆ “มึงโหดกับน้องมันไปรึเปล่า?”

          “ถ้าป๊อดขนาดนั้นก็กลับไปเหอะ”

          ผมเบ้หน้าทันทีหลังจากไอ้พี่ปืนเดินผละออกไปแล้ว พี่เม่นกับพี่นะโมสบตากันขำๆ แล้วหันมายิ้มให้กำลังใจผม

          “สู้ๆ นะน้องเอ่อ” พี่เม่นหรือพี่หนวดที่ผมแอบเรียกเกาหัวยุ่งๆ “มึงชื่ออะไรนะ”

          “ผมชื่อแรกครับ”

          “เออแรก มึงเป็นคนแรกสมชื่อเลยวุ้ยที่กล้าต่อปากต่อคำกับไอ้ปืน”

          แหะๆ มันน่ายินดีตรงไหนวะ

          “เอาน่ามึง” พี่แกตบไหล่ผมปุๆ “เดี๋ยวก็ดีเอง”

          “ยังไงอะพี่?”

          “มึงจะชินเองที่โดนมันด่า”

          ฮ่วย!

          พี่เม่นขำก๊ากตอนผมถอนหายใจแรงๆ

         “เอาน่ามึงขยับมาใกล้ๆ กูมีของดีจะให้”

         ผมหูกระดิกทันทีเมื่อพี่นะโมเอ่ยปลอบมือก็ล้วงเข้าไปในถุงย่ามสีเหลืองอ๋อยชวนให้ตะขิดตะขวงใจยังไงไม่รู้ พี่แกยื่นผ้าที่ลงอักขระน่าเกรงขามผืนหนึ่งมาให้

          “ยันต์กันปืน?” พี่เม่นสงสัย

          “ทำนองนั้น”

          “กันไม่ให้ไอ้ปืนด่า?”

          “ฮื้อ” พี่นะโมส่ายหัว “เอาไว้ซับน้ำตาเวลามันด่าแรงๆ”

           “ถุยยยยยยยยยยยย”


           ทำเสียงไม่พอยังพ่นน้ำลายลงพื้นจนผมกระเด้งหนีแทบไม่ทัน หยีน้ำลายมึงเลยไอ้พี่เม่น ผมทำหน้ารังเกียจจนฝ่ายนั้นหัวเราะขำ นี่ชักกลัวแล้วนะว่าแก๊งโจรนี่สติดีสักคนรึเปล่า

         “ผมเอาคืนได้ป่ะพี่”

         “กูไม่รับคืน” พี่นะโมพูดยิ้มๆ “ให้แล้วให้เลย”

         อื้อหือ ผมอยากได้มากจริงๆ อยากได้ไปทิ้งตอนนี้เลยครับ

         “เออเอาไปเหอะ นานๆ มหามันจะแจกของดี”

         มหาไหนวะ...ผมทำหน้างงส่วนพี่เม่นยิ้มกริ่มไม่อธิบายใดๆ ก่อนจะพยักพเยิดไปทางพี่นะโมเป็นอันเข้าใจได้ว่า ‘มหา’ ที่ว่านี่คือคนที่สะพายถุงย่ามสีเหลืองอ๋อยนั่นแหละโอ้ย สาธุๆๆ

          แล้วดูสิผ้ายันต์ลงอักขระอย่างดี แต่มุมผ้าทุกด้านเสือกมีรูปหมีพูร์น่ารักเชียว

          “หมีพูร์นั่นตุ๊กตาตัวโปรดของมหาเลย”
 
          น่าเลื่อมใสศรัทธาจริงๆ ตัดภาพไปที่เสียงพี่เม่นถมน้ำลายเมื่อกี้แรงๆ อีกสักทีซิ

          “มึงทำหน้าเหวอตลกว่ะแรก”

          “พวกกูล้อเล่น”พี่เม่นตบบ่าผมแรงๆ “นั่นไม่ใช่ผ้ายันต์หรอก ผ้าเช็ดหน้าลายใหม่ออกแบบโดยมหาผู้รักธรรมมะและหมีพูร์”

           อ๊ะจ้า เอาที่สบายใจกันเลยนะ

          พี่มหา เอ้ย พี่นะโมเดินมาตบบ่าผมปุๆ สองทีแล้วกระซิบข้างหูเบาๆ ว่า “ไอ้ปืนมันแพ้คนขี้อ้อน ถ้ามึงลองพูดอ้อนกับมันรับรองเลย”

           “รับรองว่าดี”

           “เออสิ”

          ผมถึงกับหน้าเหวอตอนที่พี่นะโมรับคำหน้าตาย

           “พี่แม่งไม่เล่นมุกแล้วเหรอวะ”

           “เล่นมากไม่ได้เสียลุคคูลๆ ของกูหมด”

          สภาพพี่ไม่น่าคูลนะน่าจะไปทางแคระ โทษๆ ก็พี่แม่งดันเตี้ยทำไมวะ ฮ่าๆๆ ผมได้แต่คิดในใจนะไม่กล้าปากดีพูดออกมาหรอกเพราะยังไม่ไว้ใจแก๊งสี่โจรนี่สักคน

          “จัดมุกคนคูลๆ มาสักมุกดิมหา”

          “กูไม่เล่น”

          พี่เม่นแสยะยิ้มก่อนจะเปิดปาก “ถึงหน้าพี่จะดูบ้านๆ”

          "แต่ถ้าได้ลองทานแล้วโคตรอร่อย” พี่นะโมต่อมุกอย่างคล่องปากผิดจากท่าทางปฏิเสธก่อนหน้านี้ เหมือนแกเพิ่งรู้ตัวจึงชะงักไปก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมา ไม่ต่างจากผมที่หลุดขำเพราะทนไม่ไหว ให้ตายเถอะไอ้รุ่นพี่พวกนี้แม่ง


         .

         .


          หลังจากนั้นผมสาวเท้าเดินไปยังกลุ่มรุ่นพี่ที่ทำอะไรสักอย่างอยู่ห้องพัสดุ ตอนที่เยี่ยมหน้าเข้าไปพี่ปิงปองก็กวักมือเรียกให้เขาไปหาทันที

         “ดีขึ้นแล้วเหรอน้องแรก”

         “ครับพี่มีอะไรให้ผมช่วยมั้ย”

          ผมมองไปรอบๆ เห็นเบิร์ดมันนั่งแยกอะไรสักอย่างอยู่ตรงมุมห้อง ใกล้ๆ กันมีเขมกับพี่เก้านั่งคุยกันอยู่เงียบๆ ผมมองภาพนั้นแล้วได้แต่ถอนหายใจเบือนหน้าหนี

         “จะดีเหรอเราเพิ่งหายแท้ๆ”

         “ผมอยากช่วยอ่ะพี่”

         “เอองั้นพี่ไม่เกรงใจนะ”

          พี่ปิงปองพูดแซวๆ “ถ้างั้นช่วยเอากล่องโบชัวร์นี่ไปให้พี่ต้องทีเห็นว่ามันจะเอาไปให้เจ้าหน้าที่ที่อนามัยหมู่บ้าน”

           “ครับ”

          ผมรับเอากล่องสี่เหลี่ยมไม่หนักเท่าไหร่มาอุ้มไว้ก่อนจะมุ่งหน้าไปหาพี่ต้องรองประธานค่าย

           “อ้าวแรก หายแล้วเหรอวะถึงได้ยกของมาให้ได้เนี่ย” พี่ต้องทัก

           “ครับพี่”

          ผมมองไปยังลังกล่องใหญ่ที่ใส่โบชัวร์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพเบื้องต้นของประชาชนจำนวนมากอย่างสงสัย แต่ยังไม่ทันที่จะเอ่ยถามคนที่ไม่อยากเจอหน้ามากที่สุดก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าซะแล้ว

          “มาพอดีเลยปืนเสร็จแล้วว่ะ มึงเอาไปส่งที่อนามัยได้เลย”

          “เออกูเพิ่งไปยืมรถมอเตอร์ไซค์ภารโรงมาพอดี”

          “อีแก่เนี่ยอ่ะนะ”

          “เออ”

          “มันจะถึงอนามัยมั้ยวะปืน”

          “ขาไปกูว่าน่าจะถึงแต่ขากลับกลัวต้องจูงกลับอยู่”

          “เออกูอวยพรให้มึงกลับมาปลอดภัย” พี่ต้องหัวเราะขบขันเมื่อเห็นสภาพรถจักรยานยนต์ที่จอดนิ่งอยู่เบื้องหน้า

          “ก็เกินไป”

          พี่ปืนหันมามองผมแวบนึงก่อนจะตวัดขาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ พี่ต้องก็ยกลังที่ผมถือมาไปวางตรงหว่างขาของพี่ปืนทันที ส่วนกล่องที่หนักกว่าซึ่งวางอยู่กันพื้นพี่แกได้แต่มองแล้วเกาหัวยุ่งๆ

         “ขึ้นมาสิ”

          “หา?”

          ผมทำหน้างงชี้นิ้วใส่ถามตัวเองเป็นเชิงถาม

          “อะไรครับ?”

          “อยากทำงานไม่ใช่เหรอ”

          “ครับ..แต่”

          พี่ต้องทำหน้ากังวล “จะดีเหรอวะปืนลังมันหนักนะแรกมันจะไหวเหรอวะ”

          ผมทำหน้างงฟังบทสนทนาคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ

          “ถ้ารู้ตัวว่าไม่ไหวก็กลับไป”

          สบประมาทกูอีกแล้วนะ

          เหมือนว่าไอ้พี่ปืนแม่งจี้ได้ถูกจุดเพราะมันทำให้ผมฮึดฮัดจนอยากเอาชนะคำสบประมาทของมัน ผมเลยเดินหน้าตึงไปยกลังใบใหญ่ขึ้นกอดแล้วคร่อมรถซ้อนท้ายไอ้พี่ปืนแทบจะที พี่ต้องได้แต่มองเพราะห้ามไม่ทัน ทันทีที่ผมก้นสัมผัสเบาะรถมอเตอร์ไซค์ก็ออกตัวอย่างว่องไวจนแทบไม่ทันได้ตั้งตัว

         ไอ้เหี้ย

         “จะรีบไปตามแมวรึไงวะ”

         “เปล่ากูจะรีบพาแมวไปอนามัย”

         มึง..ไอ้พี่ปืนปากนรก!

         ผมผวาเกาะบ่าคนขับทันที มืออีกข้างก็ประคองกล่องลังเอาไว้ ผมนึกโกรธแววตาคู่คมที่สะท้อนจากกระจกหน้ารถทันเห็นมุมปากหนากระตุกยิ้มเหมือนสมใจที่ได้แกล้งกัน ไอ้โรคจิตเอ้ย

         “โอ้ย”

         รถจักรยานยนต์คันเก่าเบรกอย่างกะทันหันตรงลานจอดรถหน้าอนามัย ทำเอาผมถลาเอาหน้าไปซุกหลังพี่มันเต็มๆ

         “โทษทีพอดีรถมันแรงไปหน่อย”

         แรงบ้าอะไร...ขึ้นเนินทีเครื่องแทบดับหวิดจะไหลลงเนินหัวทิ่ม รถที่มีสภาพผ่านการใช้งานมาอย่างหนักหน่วงแบบนี้กำลังเครื่องแทบไม่มี แต่เพราะใครบางคนมันแกล้งเบรกแรงๆ ต่างหากมันถึงหยุดกึกได้แรงขนาดนี้ ผมกุมหน้าผากนึกแช่งไอ้คนขี้แกล้งในใจ กลัวปากดีออกไปมันคงแกล้งผมให้เดินกลับขาลากแน่

          ผมแอบขยับปากด่ามันไม่ออกเสียงก่อนจะประคองลังใบใหญ่ซึ่งอุ้มไว้ตั้งแต่ออกมาจนถึงที่นี่วางลงพื้น แล้วทุบต้นแขนตัวเองที่ปวดเกร็งเพราะเกร็งค้างมานาน จังหวะนั้นผมเห็นไอ้พี่ปืนยิ้มขำผมด้วยนี่สิ พอเงยหน้าขึ้นมาพี่มันกลับทำหน้านิ่งแบบเดิม ยังไม่ทันได้ต่อความยาวพอดีเจ้าหน้าที่อนามัยมาเห็นเข้าเลยร้องทักก่อนจะกวักมือเรียกไหวๆ

          น่าแปลกที่กลุ่มคนเหล่านั้นดูจะนิยมชมชอบไอ้พี่ปืนไม่น้อย เห็นได้ชัดจากสีหน้าแววตาที่มองพี่มันอย่างเอ็นดู  จังหวะที่คนกำลังมะรุมมะตุ้มพี่ปืนพอดีมีชาวบ้านคนหนึ่งวิ่งหน้าตื่นเข้ามา

         “มีคนเป็นลมครับ”

         เท่านั้นแหละเหล่าเจ้าหน้าที่ต่างวิ่งไปหยิบอุปกรณ์ปฐมพยาบาลแล้ววิ่งตามพี่ปืนที่วิ่งตามชาวบ้านคนนั้นไปติดๆ ทันที พวกเราวิ่งไปถึงลานหน้าบ้านหลังหนึ่งเห็นผู้หญิงวัยกลางคนนางหนึ่งนอนชักอยู่กับพื้น โดยมีเพื่อนบ้านช่วยกันจับตัวเอาไว้ด้วยเกรงว่าจะชักจนไปกระแทกกับสิ่งกีดขวาง

          “ลมบ้าหมู”

          เจ้าหน้าที่อนามัยคนหนึ่งร้องบอก “พลิกตัวคนไข้ให้นอนตะแคงแล้วพยายามอย่าให้เขากัดลิ้นตัวเอง”

          ทุกอย่างรวดเร็วมากจนผมตกใจทำอะไรไม่ถูก ต่างจากพี่ปืนที่กระโจนเข้าไปประคองใบหน้าคนป่วยไว้ก่อนจะใช้มือเปิดปากอย่างรวดเร็ว แต่โชคร้ายมันเป็นจังหวะที่คนป่วยชักจนเผยอปากกัดปลายนิ้วมือไอ้พี่ปืนอย่างจัง

          “โอ้ย”

         เจ้าหน้าที่ทำหน้าตกใจรีบมาง้างปากช่วยดึงนิ้วออก แต่ดึงเท่าไหร่ก็ไม่ออกสักที

          “ไม่เป็นไรครับ รีบปฐมพยายามเขาก่อน ผมไม่เป็นไร”

         ผมหน้าซีดเผือดจ้องใบหน้าพี่ปืนที่เหงื่อชุ่มเต็มใบหน้า พี่มันดูเจ็บไม่น้อยผมว่าแต่ใบหน้านิ่งนั่นยังเรียบเฉยไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ ผมภาวนาให้เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเร็วๆ เพราะสังเกตว่านิ้วมือใหญ่เริ่มมีเลือดไหลซึมออกมา

          ผมใจหายวาบมองภาพนั้นตาไม่กระพริบ นั่นแหละที่ทำให้ผมเพิ่งสังเกตเห็นแววตาห่วงใยที่ไอ้พี่ปืนมองคนป่วยที่กัดมือตัวเองอยู่ มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกรู้แต่ว่ามันทำให้ผมเผลอเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดัง

         “พี่ปืน”

          ไม่รู้ว่าตัวเองทำสีหน้าแบบไหนออกไป คนตรงหน้าถึงกับชะงักไป ยิ่งตอนที่ชาวบ้านคนหนึ่งถลาเอาผ้าเช็ดหน้าพับสอดเข้าไปในปากแทนแล้วจึงดึงนิ้วพี่ปืนออกมาได้ ผมจึงถลาไปคว้ามือข้างนั้นอย่างรวดเร็วก่อนล้วงเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับเลือดให้

          “เจ็บมากมั้ยพี่”

           “.......”

           “พี่ปืน” ผมละล้ำละลักถาม “เจ็บมากเหรอวะทำไมแม่งไม่ตอบผมอ่ะ”

            “พี่ปืน อย่าเงียบดิวะผมใจไม่ดี”

            “พี่..”

            “กูไม่เป็นไร”

            “พี่เป็นแผลนะ เลือดไหลเยอะด้วย”

            “.......”

            “พี่ปืนทำแผลก่อนเถอะ”

            ผมเขย่าแขนอีกฝ่ายแรงๆ

           “กูไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ”

          เสียงทุ้มที่เปล่งออกมาทำให้หัวใจที่เต้นสั่นระรัวด้วยความหวาดกลัวกลับมาสงบนิ่งเช่นเดิม ผมเผลอจับหน้าอกตัวเองแล้วมองตามแผ่นหลังกว้างที่ช่วยอุ้มคนป่วยที่อาการดีขึ้นแล้วไปวางนอนหนุนหมอนเพื่อช่วยให้หายใจสะดวกมากขึ้นโดยที่ไม่ได้สนใจแผลที่นิ้วตัวเองซึ่งมีเลือดไหลซึมออกมาเลย

          ไม่ห่วงตัวเองด้วยซ้ำ

          ผมถอนหายใจแรงๆ นึกถึงคำพูดของพี่ปิงปองขึ้นมาทันที

        ...มันอาจจะดีชนิดที่เราคาดไม่ถึงเชียวล่ะ...

          พี่เป็นคนยังไงกันแน่วะพี่ปืน!









เกร็ดความรู้เพิ่มเติม : การปฐมพยาบาลผู้ป่วยลมชัก คือพยายามจับเค้าให้ตะแคงหน้าลง และที่สำคัญคือไม่ควรเอาอะไรยัดปากผู้ป่วย เพราะมีโอกาสน้อยมากที่ผู้ป่วยจะกัดลิ้น แถมยังอาจทำให้มีโอกาสฟันหลุดแล้วหลุดเข้าคอไปอุดทางเดินหายใจได้
Cr. พี่หมอหรือน้องหมอคนหนึ่ง (ไม่แน่ใจอายุ) ขอบคุณมากนะคะ


ถถถถถถ พี่ปืนคนดีของน้อง สันดานขี้แกล้งไม่พอยังชอบโชว์แมนอีก  :-[
เม้นท์หน่อยนะจ๊ะคนดีทั้งหลาย เม้นท์น้อยหมดแรงเดี๋ยวอัพสองอาทิตย์ต่อตอนเลยนะ 5555+++
ปล.สปอยว่าครั้งหน้าพี่ปืนจะพาไปเดทสองต่อสอง อิอิ

หวีดในทวิต #ค่ายสร้างรัก และ #ทีมเมียพี่ปืน ด้วยนะจ๊ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-05-2017 20:57:57 โดย [Karnsaii] »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด