(ครึ่งหลัง)
สรุปก็คือ ชายชุดดำในบทโจรทั้งสี่คือรุ่นพี่ปีสามซึ่งเป็นพี่ค่ายที่มาถึงก่อนเพื่อเตรียมค่ายให้กับคณะที่เดินทางมาวันนี้ ส่วนกลุ่มคนในรถกระบะเมื่อถอดหมวกออกมาก็คือชาวบ้านที่มารอรับ ทุกคนต่างส่งเสียงหัวเราะพร้อมกับขอโทษขอโพยกันใหญ่ ผมและทุกคนบนรถถอนหายใจเสียงดังเฮือกกับบทบาทสมมุติที่ลงทุนเล่นกันซะใหญ่โต ทั้งหมดนี้รวมคนขับรถกับพี่ปิงปองซึ่งก็เอากับเขาด้วย เพราะทั้งคู่ก็เล่นบทบาทกลัวได้เนียนจนทั้งคันตกอกตกใจ
เรียกได้ว่าพวกเราชาวค่ายถูกแกล้งกันตั้งแต่ยังไม่ถึงที่หมายเลยให้ตายเถอะ
พอทุกอย่างคลี่คลายรุ่นพี่ทั้งสี่ถอดหมวกออกเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงซึ่งทำเอาสาวๆ ทุกคนอุทานตกตะลึงโดยเฉพาะอดีตหัวหน้าโจรซึ่งพี่ปิงปองแนะนำให้รู้จักว่าพี่เขาคือ ‘พี่ปืน’ ประธานฝ่ายสวัสดิการและหาทุนซึ่งเดินทางล่วงหน้ามาก่อน
พี่ปืนมันคือผู้ชายตัวสูงลิ่วผิวขาวแต่ไม่ถึงกับขาวจัดคงจะโดนแดดบ่อยจากผิวดั้งเดิมที่ขาวมันถึงออกแดงๆ คล้ำๆ ใบหน้าคมคายดวงตาสีดำสนิท ตรงสันกรามและเหนือริมฝีปากไว้เคราพอประมาณทำให้ดูดิบเถื่อน แต่ดันเป็นบุคลิกที่ทำเอาสาวๆ แอบกรี๊ดกันใหญ่ อย่าว่าแต่สาวๆ เลยผมเห็นครั้งแรกยังถึงกับใจกระตุก ผู้ชายห่าอะไรวะโคตรหล่อเลย บุคลิกแบบนี้โคตรตรงกันข้ามกับเขมทุกอย่าง ขณะที่เขมแม่งดูสำอางค์สะอาดสะอ้าน แต่พี่ปืนดูเป็นผู้ชายเซอร์ หล่อแบบเถื่อนๆ สบตาด้วยทีไรแม่งใจเต้นไม่เป็นจังหวะทุกที
หลังจากพวกพี่เขาขอโทษขอโพยที่แกล้งทุกคนให้ตกอกตกใจกันแล้วจึงไปนั่งคุยกับพี่ปิงปองและกลุ่มปีสามเฮดในตำแหน่งอื่นๆ ด้านหน้า และสุดท้ายพวกเรามาถึงจุดเปลี่ยนรถเพราะรถบัสไม่สามารถขับเข้าไปในตัวหมู่บ้านได้ ดังนั้นสัมภาระทุกอย่างยกเว้นของมีค่าจึงต้องขนถ่ายไปยังรถหกล้อที่จอดรอรับอยู่ ส่วนชาวค่ายต่างอาศัยรถกระบะของชาวบ้านซึ่งมาจอดรอรับอยู่ประมาณห้าคันรวมกับสองคันก่อนหน้านี้ที่จะนำเรามาถึงจุดเปลี่ยนรถ
ผมกับเบิร์ดสบตากันอย่างโล่งใจ ต่างพี่กลมรุ่นพี่สุดเปิ่นที่มองหนึ่งในสี่แก๊งโจรด้วยสีหน้าแค้นเคือง
“ไอ้เหี้ยพี่ไกด์แม่งก็เอากับเขาด้วย” พี่กลมพึมพำ “อย่าเผลอเชียวนะมึงกูจับทำผัวแน่”
..ห่ะ..
ผมเผลอหัวเราะออกจนพี่กลมหันมาทำหน้าเบ้ใส่ ถึงจะดูขึงขังยังไงผมก็มองว่าพี่แกน่ารักอยู่ดี ให้ตายเถอะผู้ชายห่าอะไรวะบุคลิกโคตรน่ารัก
“อย่ามองหน้าพี่แบบนี้”
“ครับ?”
ผมทำหน้างงตอนที่พี่กลมทำหน้ากรุ้มกริ่มใส่ผม แต่มันเหมือนถูกหยอกซะมากกว่า “เดี๋ยวจีบทำเมียซะดีมั้ยวะ”
“โหพี่ผมขนลุกเลย”
“โอ้ย”
พี่กลมแม่งหยิกแก้มผมอย่างมันเขี้ยว ก่อนจะเดินตัวปลิวไปกับกลุ่มพี่ปีสองสี่ห้าคนแต่ไม่วายกวักมือเรียกผมให้ตามไปขึ้นรถกระบะที่จอดรอ
“ไงมึง” เบิร์ดแซว “มาค่ายวันแรกไปต้องตารุ่นพี่จนเขาจะจับทำเมียเลยเหรอวะ”
“ไอ้ห่าพี่เขาแค่แซวเล่น”
ผมพูดขำๆ นึกถึงคนที่จะจีบผมทำเมียแล้วสภาพไม่น่าเป็นฝ่ายรุกใครเขาได้
“มึงระวังตัวให้ดีไอ้แรก กลับจากค่ายครั้งนี้ระวังจะมีคนดามใจ”
“มึงก็พูดไปเรื่อย”
“อ้าวมึงไม่เคยได้ยินสโลแกนค่ายปลายปีคณะเราเหรอวะ”
“.........” ผมทำหน้างง
“เขาว่ากันว่า ‘ระวังหัวใจตัวเองไว้ให้ดี เพราะจะตกหลุมรักรุ่นพี่ที่มาค่าย’ ไม่มีทาง...เรื่องแบบนี้มันไม่มีเกิดขึ้นกับผมแน่นอน
ผมสั่นหน้าอย่างไม่เชื่อ อย่างผมน่ะเหรอจะรักใครได้ง่ายๆ ในเมื่อรักแรกยังฝังแน่นอยู่ในใจแบบนี้ ผมถอนหายใจในอกรู้สึกเจ็บแปลบๆ เพราะตั้งแต่เหตุการณ์ระทึกบนรถบัสเมื่อกี้จนถึงตอนนี้เขมยังไม่ผละออกจากคนรักมาหาเพื่อนอย่างผมเลยด้วยซ้ำ ผมกลืนน้ำลายแล้วถามตัวเองในใจว่ามันถึงเวลาหรือยังที่จะต้องตัดใจเสียที
ถึงเวลาหรือยัง?
******************************
บรรยากาศโพล้เพล้ตอนนี้มีฝนตกลงมาพรำๆ เล็กน้อยจนต้องเอาเสื้อกันหนาวคลุมศีรษะเอาไว้ พื้นดินที่กำลังย่ำเดินอยู่ก็ลื่นจนผมแทบเซถลาดีว่ามีมือคู่หนึ่งคว้าจับเอวผมเอาไว้ทัน เกือบไปแล้ว ผมหลุดอุทานอย่างตกใจก่อนจะรีบก้มศีรษะขอบคุณคนที่ช่วยเหลือ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองเห็นดวงตาคมกริบจ้องมองอยู่ก็ถึงกับสะดุ้งโหยง
“มองอะไร หน้ากูเหมือนหน้าผัวมึงรึไง!” ...ว่าไงนะ...
ยังไม่ทันที่ผมจะหาเสียงตัวเองเจอ มือหนาก็สะบัดจากเอวผมอย่างเร็วแล้วเจ้าของคำพูดน่ารังเกียจนั่นก็หันหลังไปไกลลิบ
ไอ้เหี้ย อุตส่าห์เผลอใจเต้นแรงไปกับความหล่อของมัน
ไอ้พี่ปืน ไอ้คนเถื่อน ไอ้ผู้ชายหน้าเทพบุตรแต่ปากดุจขุมนรก ผมกำหมัดแน่นนึกหาเหตุผลที่อาจไปทำให้รุ่นพี่หน้าเถื่อนอย่างมันพูดจาเหี้ยๆ แบบนี้ใส่ แต่นึกให้ตายก็นึกไม่ออกในเมื่อเราเพิ่งเคยเห็นหน้าคร่ากันก่อนหน้านี้เอง ซึ่งระยะสั้นๆ แค่นั้นผมไม่น่าไปสำแดงความชั่วจนเตะตาใครจนต้องด่ากันเสียหมาขนาดนี้
หน้ากูเหมือนหน้าผัวมึงงั้นเหรอ
นี่คือคำพูดทักทายของคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนเหรอวะ ด่าซะกูซะเสียหมาเลย แม่ง ผมนึกเรียบเรียงคำพูดในหัวแล้วได้นึกเคืองไอ้รุ่นพี่อดีตหัวหน้าโจรคนนี้ชะมัด
ถ้ากูจะมีผัวจริงๆ กูหาได้ดีกว่าเหง้าหน้ามึงแน่ ไอ้เหี้ย ไอ้รุ่นพี่ปากนรก
จริงอยู่ที่ผมรู้ตัวว่าชอบผู้ชายมาตั้งแต่เด็ก แต่นั่นมันก็ไม่ได้หมายความว่าผมทำตัวเละเทะมีรักไปเรื่อย ในเมื่อคนที่ผมฝังใจด้วยมีแค่เขมคนเดียว และมันก็ชิงมีคนรักเรียบร้อยแล้วทิ้งให้ผมช้ำใจอยู่แบบนี้ คำพูดของไอ้พี่อดีตหัวหน้าโจรทำเอาผมหัวร้อนจนอยากจะบวกใส่อีกฝ่ายตรงๆ แต่ก็นั่นแหละผมได้แต่ข่มใจเพราะการเป็นปีหนึ่งทำให้รู้สึกว่าตัวเองแม่งมีสิทธิ์แค่ศูนย์
ผมพยายามระงับอารมณ์ ขาก็ก้าวขึ้นกระบะคันที่เบิร์ดมันกวักมือเรียกอยู่ ยังไม่ทันที่อารมณ์จะคงที่ เขมกับพี่เก้าดันเดินโอบกันผ่านหน้าไปติดๆ แม่งเอ้ย ผมถอนหายใจก้มหน้านิ่งไม่อยากเห็นภาพความห่วงใยที่ทั้งคู่แสดงให้เห็น
เดินกันดีๆ ไม่เป็นรึไงวะ เดินเบียดไหล่กันขนาดนั้นไม่อุ้มกันเดินเลยล่ะ
ผมจำใจกระโดดขึ้นกระทะท้ายคันเดียวกับคู่รักที่ชวนปวดใจเพราะไอ้เบิร์ดมันไม่ยอมให้ผมไปขึ้นคันอื่น ผมเลยนั่งพิงกระจกตรงกระบะท้ายหลังรถกับเบิร์ด ส่วนเขมกับพี่เก้านั่งอยู่ด้านซ้าย ฝั่งขวาเป็นรุ่นพี่ผู้ชายปีสามสองคน ขณะที่รถกำลังออกตัวพี่ปิงปองก็ตะโกนโหวกเหวกมาแต่ไกล
“รอด้วย ไปด้วยจ๊ะลุง”
“ขึ้นมาเลยอีหนู”
ลุงคนขับแกพูดยิ้มๆ จนคนถูกเรียกว่าอีหนูถึงกับหัวเราะชอบอกชอบใจ ทุกคนขยับให้พี่เขานั่งเพราะมองไปยังรถคันอื่นๆ กระบะท้ายก็เต็มกันหมด
“มาเร็วปืน”
...หืม...
ผมหันขวับเมื่อได้ยินชื่อที่ไม่อยากได้ยินที่สุดตอนนี้ ไอ้รุ่นพี่ปากนรกนั่นตวัดขาขึ้นคร่อมกระบะท้ายแล้วทรุดตัวลงนั่งพิงกระบะท่าทางชิวๆ ผมเบือนหน้าหนีทันทีที่เห็นเจ้าของคำพูดกวนตีนก่อนหน้านี้ และเหมือนฝ่ายนั้นจะสังเกตเห็นพี่เขาเลิกคิ้วมองผมอย่างท้าทาย ผมคิ้วกระตุกมือข้างที่โอบกอดตัวเองเพราะแรงลมและสายฝนปรอยเลื่อนมาด้านหน้าแล้ววางทับต้นขาด้านหน้านิ้วมือทั้งห้าชี้ไปทางพี่ปืน ก่อนที่ผมจะงอนิ้วแทบทุกนิ้วเหลือไว้แต่นิ้วกลางแบบเนียนๆ ผมไม่รู้ว่าคนอื่นจะเห็นมั้ยเห็นแค่ไอ้พี่ปืนชักสีหน้าแม่งก็โคตรรู้สึกดีแล้ว
ผมเปล่าแจกนิ้วกลางเลยนะให้ตายเถอะ มันบังเอิญว่านิ้วทั้งสี่ยกเว้นนิ้วกลางมันเมื่อยพอดีเลยอยากพักเฉยๆ ผมไม่มีเจตนาไม่ดีเลยนะ เชื่อสิ!
.
.
ระยะทางจากปากทางเข้าหมู่บ้านจนถึงตัวหมู่บ้านเป็นระยะทางแค่สิบกิโลเมตรเห็นจะได้แต่ใช้เวลาเดินทางไปสองชั่วโมงเต็มๆ เพราะถนนเป็นดินลูกรังลัดเลาะไปตามไหล่เขาเป็นเส้นทางที่น่ากลัวและอันตรายมาก ยิ่งฝนตกถนนยิ่งลื่นต้องขับรถระมัดระวังเป็นพิเศษ กว่าจะถึงพวกเราจึงพากันบ่นปวดเนื้อปวดตัวกันเป็นทิวแถว รถกระบะเจ็ดคันพามาจอดสนิทอยู่หน้าโรงเรียนในตัวหมู่ตัวซึ่งจะใช้เป็นที่พักให้กับกลุ่มนักศึกษาที่มาทำค่าย
เวลาหกโมงกว่าแล้วบรรยากาศรอบข้างดูเงียบสงัด แต่ขณะที่พวกเรากำลังก้าวลงจากรถเสียงกลองยาวก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงโห่ร้องของชาวบ้าน พวกเราถูกต้อนลงจากรถไปรวมตัวกันอยู่หน้าโรงเรียน เมื่อชาวบ้านจำนวนไม่น้อยเดินรำมากับขบวนกลองยาวแห่มาต้อนรับพวกเราทุกคน สีหน้าของคนที่นี่ยิ้มแย้มแจ่มใสราวกับว่าดีใจนักหนาที่เห็นพวกเรา
ภาพเหล่านั้นทำเอาผมอดยิ้มตามไม่ได้
“ยินดีต้อนรับคณะนิสิตนักศึกษาสู่หมู่บ้านลานดาวครับ”
ผู้พูดคือชายในชุดสีกากีถ้าให้เดาผมว่าเขาคงเป็นผอ.โรงเรียนแห่งนี้เป็นแน่ ส่วนผู้ชายที่ยืนข้างๆ กันที่ถือช่อดอกไม้ซึ่งทำจากวัตถุดิบธรรมชาติแนะนำตัวเองว่าคือผู้ใหญ่บ้าน หลังจากนั้นชาวบ้านที่รำกลองยาวอยู่ก็นำเอาพวงมาลัยมาสวมคอให้พวกเราพร้อมกับช่อดอกไม้เล็กๆ ยื่นให้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
"อ้ายครับ” (พี่ครับ)
แรงกระตุกตรงชายเสื้อทำให้ผมต้องเหลียวหาอยู่นานจนเมื่อก้มลงมาจึงเห็นเด็กชายอายุไม่น่าเกินสี่ขวบมือข้างหนึ่งกำชายเสื้อผม ส่วนอีกข้างยื่นช่อดอกไม้รูปทรงบิดเบี้ยว ดอกไม้เริ่มเหี่ยวเฉาจนดอกมันงอหน้าคว่ำแล้ว ดวงตากลมโตใสแจ๋วนิ่งมองผมแล้วยิ้มอายๆ
“ผมเก้บดอกไม้มารอตั้งกะเจ้าละ” (ผมเก็บมารอตั้งแต่เช้าแล้วครับ)
เสียงภาษาไทยไม่ค่อยชัด เพราะเจ้าตัวเหมือนจะติดสำเนียงพื้นถิ่น ผมยิ้มกว้างแล้วย่อตัวให้เท่าตัวเด็กน้อยก่อนจะรับดอกไม้ในมือมาถือไว้ มืออีกข้างที่ว่างก็ลูบศีรษะทุยอย่างเอ็นดู
“ขอบคุณมากครับเด็กน้อย”
ดอกไม้ในมือสวยเทียบไม่ได้กับดอกแพงๆ เลยด้วยซ้ำ แต่คุณค่าของมันช่างงดงาม ในสายตาของผมมันคือดอกไม้ที่สวยที่สุดเพราะมันมาจากจิตใจที่บริสุทธิ์ของคนที่นี่
Talk.
ขอตั้งชื่อตอนนี้ว่า #ปืนปากนรก ฮ่าๆๆๆ ผู้ชายบ้าอะไรโคตรปากร้าย
มีเรื่องจะขอความคิดเห็นสักหน่อยค่ะ ว่านักอ่านอยากให้อัพนิยายแบบไหน
ระหว่างอาทิตย์ละครั้งครบตอน(น่าจะลงทุกวันจันทร์) กับ อาทิตย์ละสองครั้งครั้งละครึ่งตอน (น่าจะลงจันทร์กับพฤหัสฯ)
และถ้าหวีดในทวิตติด #ค่ายสร้างรัก และ #ทีมเมียพี่ปืน กันด้วยนะจ๊ะ
ปล.อ่านแล้วคอมเม้นท์กันด้วยเนอะ อยากรู้ว่ามีสนุกถูกใจมากน้อยแค่ไหน บางครั้งมีคนอ่านแต่ไม่มีความคิดเห็น
คนเขียนก็แอบน้อยใจนิดนึงเนอะ