➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ  (อ่าน 144193 ครั้ง)

ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2
25 – อินทรีหัวขาว

ใจเย็นจำได้ว่ามันเป็นช่วงเย็นวันศุกร์ของปิดเทอมที่น่าจะยาวนานที่สุดในชีวิต เขากำลังนั่งดูรายการสารดีสัตว์โลกอยู่ในห้องนั่งเล่น ซึมซับเรื่องราวของอินทรีหัวขาว นกนักล่าที่เป็นตำนานอันน่าเกรงขามหากก็ใกล้สูญพันธุ์เต็มที ด้วยต้องต่อสู้กับสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายจากธรรมชาติและมนุษย์ ทั้งยังเป็นสัตว์คู่แท้* ที่จะจับคู่เพียงครั้งเดียวตลอดชีวิต

ตอนที่มันกำลังโบยบินบนฟากฟ้าเพื่อล่าตัวมอร์มอต คุณเกษราแม่ของเขาก็เลื่อนเปิดประตูกระจกเดินเข้ามาในห้อง ให้กลิ่นหอมของดอกไม้อบอวล ถามแบบไม่ต้องการคำตอบว่าดูรายการนี้อีกแล้วหรือ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ เขา นั่งเงียบๆ เหมือนเพียงต้องร่วมวงดูด้วย กระทั่งถึงช่วงการจับคู่ของอินทรี คุณเกษราก็ถามขึ้น

“ใจเย็นไม่คิดจะไปเรียนต่างประเทศเลยเหรอ”

บ่อยครั้ง เรียกได้ว่าบ่อยครั้ง ที่ระยะหลังมานี้คุณเกษราจะเอ่ยถามเรื่องนี้ ทั้งที่ปกติแล้วจะปล่อยให้เขาเป็นหัวคิด เห็นดีเห็นงามตามตลอดไม่ว่าเรื่องอะไร แน่นอนว่าใจเย็นแปลกใจแต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไรนัก และครั้งนั้นก็แค่ส่ายหัวไปอย่างเคย ไม่ใช่ว่ามีเป้าหมายแน่วแน่เด็ดเดี่ยวอะไรในประเทศไทย ใจเย็นรู้ว่าอย่างไรการเรียนในต่างประเทศก็ให้โอกาสกว้างไกลกว่า แต่เหตุผลเดียวที่ใจเย็นไม่ไปก็คือเป็นไท

แม้ฟังดูเป็นเหตุผลบกพร่อง แต่มันก็สมบูรณ์แบบสำหรับใจเย็น เพราะแค่เหตุผลนี้ก็เพียงพอที่ทำให้เขาไม่อยากไปไหน ถ้าเขาเอ่ยปากบอกใครสักคนก็คงได้ยินคำพูดสะท้อนกลับว่าเขานั้นช่างเอาแต่ใจในเรื่องไม่เป็นเรื่อ ก็คงใช่ เขาเอาแต่ใจมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ใจเย็นรู้ดีและบอกตนเองเช่นนั้น โดยที่ไม่คิดพลิกเบื้องหลังความรู้สึกขึ้นมาดูเลยว่าแท้จริงแล้วเขานั้นกลัว กลัวว่าอะไรๆ จะไม่เป็นดังใจ

ในช่วงที่ใจเย็นต้องคร่ำเคร่งกับการสอบเข้าไม่ต่างจากเด็ก ม.6 คนอื่นๆ เป็นไทก็อยู่ในช่วงฝึกงานตามตารางของปีสามเทอมสอง ทำให้เวลาที่มีไม่ค่อยตรงกันนั้นทวีเท่า ยิ่งเป็นไทหมดหน้าที่สอนพิเศษเขาด้วยแล้วก็ยิ่งไม่ได้เจอหน้า แต่ใจเย็นก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เขาจำข้อตกลงได้ดี ข้อตกลงที่จะไม่ก้าวก่ายอีกฝ่ายจนเกินควร ข้อตกลงที่จะทำให้คนเอาแต่ใจอย่างเขาไม่เอาแต่ใจ ข้อตกลงที่เขาไม่ชอบแต่ก็ยอมตามใจอีกฝ่าย

ใจเย็นไม่เข้าใจอะไรในความสัมพันธ์นี้นัก เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถลำลึกไปกว่านี้ไม่ได้ เขาไม่เข้าใจว่าเป็นไทรู้สึกอย่างไร จนสุดท้ายเขาก็ได้แต่ปล่อยความไม่เข้าใจไว้เช่นนั้น ให้เหมือนกับที่เขาจะไม่เข้าใจอะไรเลยบนโลกใบนี้ และเมื่อปล่อยความเข้าใจให้ตกตะกอนนอนก้นบ่อ ก็เหลือเพียงสิ่งที่เขารู้สึก และเขายังคงรู้สึกอยากอยู่ข้างๆ เป็นไทเหมือนที่เป็นมาตลอดต่อให้จะไม่เข้าใจอะไรเลยก็ตาม

ขณะเดียวกัน ก็เพราะความรู้สึกอีกนั่นแหละที่ทำให้เขาบอกเป็นไทเป็นคนแรกเรื่องที่เขาสอบติดมหาวิทยาลัย เขาโทรไปหา รอสาย แน่ใจว่าตื่นเต้น แต่พอเอ่ยบอกและได้ยินเสียงของเป็นไทตอบกลับมา ก็ไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่เขารู้สึกอะไร เพราะมั่นใจว่าหัวใจสูบฉีดแรงกว่าระหว่างที่รอสาย

“เออ รู้อยู่แล้วว่ามึงจะติด”

เป็นประโยคง่ายๆ ทั้งยังไร้คำแสดงความยินดีสมกับเป็นคนปลายสาย แต่ใจเย็นก็ไม่ได้ยินประโยคทำนองนี้จากใครอีกเลยแม้แต่จากแม่ของเขา หรือแม้แต่จากตัวของเขาเอง

ใจเย็นรู้สึกเหมือนถูกรู้จักตัวตนมากกว่าที่ตนเองรู้จัก หรือจะคิดตลบไปว่าใครๆ ก็รู้จักเขามากกว่าตัวเขาเอง เขาก็ยังดีใจ และแอบเสียดายที่ในตอนนั้นเป็นไทไม่ได้นั่งอยู่ตรงหน้า ในซุ้มม่านบาหลี ที่บนโต๊ะมีแจกันแก้วบรรจุดอกสวีทพีไว้ทุกปีของเดือนพฤษภาคม และทุกปีเป็นไทก็ไม่เคยจะดอมดมมันตามที่เขาบอกเลย

อย่างไรก็ตาม เขาก็หวังไว้ว่าเป็นไทจะมานั่งที่นี่อีก หรือบางครั้งอาจจะเปลี่ยนไปนั่งในห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร ห้องของเขา ตรงไหนก็ได้ที่เป็นอาณาบริเวณในครอบครองของเขา ใจเย็นหวังไว้เช่นนั้น หวังจนอาจฟุ้งคล้ายกลิ่นละอองเกสรดอกไม้ที่กระจัดกระจายภายในอากาศทั่วบ้านโดยไม่รู้ตัว

แต่กลิ่นเกสรนั้นก็มัวหมดลงในเย็นวันศุกร์อีกวันของปิดเทอมอันยาวนานก่อนจะขึ้นมหาวิทยาลัย

เหมือนเดิมที่ใจเย็นนั่งดูรายการเดิมอยู่ในห้องนั่งเล่น คราวนี้เป็นเรื่องราวของนกอัลบาทรอส สัตว์คู่แท้อีกชนิดที่ใกล้สูญพันธุ์ ชวนให้เขานึกถึงนกอินทรีหัวขาวที่เป็นหัวข้อให้เขาถกเถียงกับแม่จนจำเย็นวันนั้นได้ดี เขาบอกแม่ว่าสัตว์ใกล้สูญพันธ์ส่วนใหญ่มักเป็นสัตว์คู่แท้ ทำให้โอกาสในการดำรงเผ่าพันธุ์มีน้อยกว่าสัตว์คู่เทียมที่จับคู่ได้หลายครั้งตลอดชีวิต ซึ่งแม่ก็ถกเถียงว่ามันย่อมมีข้อดีเพราะจะร่วมกันดูแลลูกได้ดีกว่า แต่ก็อีก ใจเย็นเถียงกลับไปว่าสัตว์คู่เทียมก็ดูแลลูกของมันให้อยู่รอดได้เหมือนกัน กระทั่งเปรียบกับมนุษย์ที่แท้จริงแล้วก็เป็นสัตว์คู่เทียมตามบรรพบุรุษอย่างเอปยังดูแลลูกได้ดีเลย

ถึงตรงนี้คุณเกษราแม่ของเขาก็ดูหมดกำลังเถียง หล่อนหัวเราะเล็กๆ ตามนิสัยตอนเถียงแพ้ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ใจเย็นสัมผัสได้ว่าหล่อนดูจริงจังกว่าปกติ

“แล้วใจเย็นคิดไหมว่าทำไมทุกวันนี้มนุษย์ถึงพยายามทำตัวเหมือนเป็นสัตว์คู่แท้”

“เริ่มต้นบรรทัดฐานนี้ก็เพื่อตัดความยุ่งยากในสังคมไม่ใช่เหรอครับ แต่ผมว่ามันยุ่งยากกว่าเดิมอีก”

“อา...”

ใจเย็นได้ยินเสียงคุณเกษราครวญคำนั้นดังชัด ก่อนประโยคต่อมาจะเสียงแผ่วจางก่อนจะเปลี่ยนเรื่องไปอย่างรวดเร็ว

“คงพูดเรื่องความรักไม่เข้าใจสินะ”

เย็นวันนั้นจึงเป็นเย็นวันศุกร์ที่ใจเย็นจำได้ดี เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้คำตอบอะไรที่ชัดเจน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมแม่ถึงพึมพำออกมาเรื่องความรักในเมื่อครอบครัวของตัวเองนั้นก็เป็นไปตามโครงสร้างของสัตว์คู่เทียม เป็นไปตามธรรมชาติของบรรพบุรุษและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมส่วนใหญ่ สุดท้าย เหมือนเดิมๆ ใจเย็นจึงปล่อยผ่านไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนมาหวนนึกจริงจังเมื่อเห็นสัตว์คู่แท้อีกครั้งบนหน้าจอโทรทัศน์

พลันเมื่อสารคดีบรรยายถึงคู่ของนกอัลบาทรอสที่ออกเดินทางแยกกันไปหนึ่งปีและกลับมาพบกันอีกรอบก็ยังจับคู่เดิม คุณเกษราก็เลื่อนเปิดประตูกระจกเดินเข้ามาในห้อง หากครั้งนี้ใจเย็นกลับไม่รู้สึกถึงหอมหวานของดอกไม้

“ใจเย็น แม่มีเรื่องจะคุยด้วย”

จริงจังที่ได้ยินจากน้ำเสียงทำให้เขาผละสายตาจากสารคดีหันไปมอง คุณเกษราค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่งข้างๆ เขา เอ่ยถามว่าปิดโทรทัศน์ก่อนได้ไหม ถ้าเป็นเวลาปกติเขาอาจแค่หรี่เสียง แต่แววตาของแม่ในตอนนี้ทำให้ใจเย็นเลือกกดปิดให้หน้าจอมืดดับ

“แม่มีเรื่องอะไรเหรอครับ”

“แม่จะไม่อ้อมค้อมนะ” หากถึงจะพูดเช่นนั้น คุณเกษรากลับอ้อมค้อมด้วยความเงียบ ราวต้องการสื่อสารผ่านแววตา ชวนให้ใจเย็นอึดอัด แต่สุดท้ายก็ขาวโพลนสว่างวาบ “แม่เพิ่งฟ้องหย่าพ่อ”

จากขาวโพลนไร้สิ้นสุดก็ค่อยๆ กลับมามีสีอาบแต้มย้อมสิ่งต่างๆ รอบสายตา แต่ใจเย็นรู้สึกเหมือนสีสันนั้นเพี้ยนไป ใช่ อะไรๆ ที่เขามองเห็นมันเพี้ยนไปหมดและเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจอย่างที่เขาไม่เคยเข้าใจอะไรเลย หากทวีเท่าทับถมยิ่งกว่านั้นจนเขากลัวว่าจะพาตัวเองขึ้นมาจากทับถมนั้นไม่ได้เลย

ใจเย็นรู้สึกว่าลำคอตัวเองแห้งผากฉับพลันทั้งที่คำถามเป็นล้านๆ ก็ประเดประดังขึ้นมาในหัว จนสุดท้ายก็ได้แต่ถามไปว่าทำไม ทำไม หากแม่ก็ดูจะกลั่นกรองคำพูดออกมาได้ยากเมื่อเผชิญความจริง ใจเย็นรู้สึกเหมือนจะเห็นน้ำตาของหล่อนไหลออกมา

“พ่อ...พ่อทำอะไรไม่ดีกับแม่เหรอ”

ประโยคนั้นเองที่คุณเกษราร้องไห้ และใจเย็นรู้สึกเหมือนหัวใจสลาย

“ใจเย็นจำเรื่องนกอินทรีหัวขาวที่เราเถียงกันได้ไหม”

“ได้... ผมจำได้”

“ใจเย็นยังจำได้ไหมที่แม่ถามว่าทำไมทุกวันนี้มนุษย์ถึงพยายามทำตัวเป็นสัตว์คู่แท้”

“จำได้ครับ”

“ถ้าแม่ตอบว่าความรัก ใจเย็นจะเข้าใจไหม”

ใจเย็นเงียบ และนั่นก็ทำให้คุณเกษราเข้าใจว่าลูกชายของหล่อนไม่เคยเข้าใจสิ่งที่เรียกว่าความรักเลย

“แม่ขอโทษนะที่ทำให้ลูกไม่เข้าใจมัน” คุณเกษราเอ่ยเสียงเครือ “งั้นแม่จะอธิบายแบบที่ง่ายที่สุดในตอนนี้ การที่มนุษย์ทำตัวเป็นสัตว์คู่แท้น่ะ ไม่ใช่เพียงเพราะทำตามข้อตกลงทางสังคมหรอกนะ เพราะใจเย็นก็เห็นใช่ไหมว่ายังคงวุ่นวายอยู่ดี”

“แล้ว...มันเพราะอะไรล่ะครับ”

คุณเกษราเงียบไปชั่วครู่ ปาดน้ำตาที่หลั่งรินบนพวงแก้ม ก่อนจะพูดออกมาอย่างฉะฉาน ไม่สั่นเครือ และฟังดูเข้มแข็งปราศจากอ่อนแอใดๆ

“มันคือการที่มนุษย์รู้ว่าคนอื่นจะเจ็บปวดจึงมีความยับยั้งชั่งใจไม่ทำ และนั่นแหละสิ่งที่ยกระดับมนุษย์ให้ต่างจากสัตว์”

ใจเย็นพบเพียงความเงียบงันหลังประโยคนั้น

“เรื่องแค่นี้ใจเย็นเข้าใจได้ใช่ไหม”

เขาไม่ได้ตอบ เขารู้ว่าแค่ว่าสีของสรรพสิ่งรอบกายผิดเพี้ยนจากที่เคยเห็นไปทุกที

“แม่ขอโทษนะ”

...ทุกที

“ขอโทษนะ ที่ไม่เคยบอกว่าพ่อทำแม่เสียใจมาตลอด”

และสุดท้ายกลายเป็นสีน้ำตาของแม่เขาเอง

กระนั้น ใจเย็นก็นึกไม่ออกแม้แต่วิธีปลอบแม่ในเวลานั้น นึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไรให้ร่างกายและจิตใจอันบอบบางของหล่อนหยุดสั่นเทา เขาไม่รู้ ไม่รู้อะไรเลยเหมือนที่เป็นเสมอมา พลันเจ็บปวดทำให้เบือนหนีจากภาพตรงหน้า เขามองไปยังหน้าจออันมืดดำของโทรทัศน์ ในว่างเปล่านั้นปรากฏภาพอินทรีหัวขาวโบยบินบนฟากฟ้า เป็นเจ้าเวหาที่สง่างามน่าเกรงขาม ทั้งยังรักเดียวใจเดียวให้น่าเคารพยกย่อง

หากไม่รู้ทำไม ใจเย็นกลับอยากยิงอินทรีหัวขาวตัวนั้นให้ตายคามือ ให้พ้นจากสายตาเขาเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี













**********************************************************************************

*สัตว์คู่แท้ - คู่เทียม จริงๆ ควรใช้คำว่าสัตว์ผัวเดียวเมียเดียว (monogamous) และสัตว์หลายผัวหลายเมีย (Polygamous)
แต่เนื่องจากแยมเห็นว่าคำมันซ้อนๆ กันเยอะ ทั้งจะใช้ภาษาอังกฤษเดี๋ยวจะลายตากัน เลยเลือกใช้เป็นคำว่า คู่แท้-คู่เทียม เพื่อให้อ่านลื่นไหลค่ะ

และที่คุณเกษราลากยาวเรื่องหย่ามาเป็นปี คือรอให้ใจเย็นเคลียร์เรื่องมหาวิทยาลัยเรียบร้อยค่ะ เดี๋ยวรายละเอียดนี้ใส่ทีหลัง

อ่านแล้วมีฟี้ดแบ้คยังไงเม้นบอกได้น้า หรือจะติดแท็ก #ใจเย็นกับเป็นไท ก็ได้ค่ะ
 :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2017 21:30:56 โดย แยมส้มขมคอ »

ออฟไลน์ MOMAMi_96

  • เรื่อยๆ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
เนี่ยเรื่องครอบครัวใจเย็นนี่แหละสนู๊กสนุก รอให้อีกสองแม่มาเล่าอย่างใจจดใจจ่อ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ความรักยับยั้งไม่ให้เราทำในสิ่งที่จะทำให้คนที่เรารักและรักเราเสียใจ

เป็นไทรู้ว่าตัวเองจะเสียใจเพราะใจเย็น เป็นไทต้องการสิ่งเป็นของเขาจริง ไว้วางใจ วางความรัก วางชีวิตไว้กับคนคนนั้นได้
แต่ใจเย็นไม่เข้าใจ ยังไม่เข้าใจ ไม่เคยได้เรียนรู้ ได้เห็นการซื่อสัตย์ในชีวิตคู่

สงสารทั้งเป็นไท ทั้งใจเย็น ครอบครัวทำร้ายเด็กสองคนนี้มาก ๆ เลย

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
โอ้ยยยเข้มข้นนน

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
ใจเย็นค่อยๆเรียนรู้ไปลูก

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ความรักยับยั้งไม่ให้เราทำในสิ่งที่จะทำให้คนที่เรารักและรักเราเสียใจ

เป็นไทรู้ว่าตัวเองจะเสียใจเพราะใจเย็ เป็นไทต้องการสิ่งเป็นของเขาจริง ไว้วางใจ วางความรัก วางชีวิตไว้กับคนคนนั้นได้
แต่ใจเย็นไม่เข้าใจ ยังไม่เข้าใจ ไม่เคยได้เรียนรู้ ได้เห็นการซื่อสัตย์ในชีวิตคู่

สงสารทั้งเป็นไท ทั้งใจเย็น ครอบครัวทำร้ายเด็กสองคนนี้มาก ๆ เลย

ครอบครัวทำร้าย ใจเย็น กับเป็นไท จริงๆ
ใจเย็นอยู่กับครอบครัวที่พ่อมีเมียหลายคนตั้งแต่เกิด
เลยมองเป็นเรื่องปกติสามัญ เฉยๆ

เป็นไท ครอบครัวแตกแยก พ่อไปมีคนใหม่
เห็นการทะเลาะ มากกว่าการรักใคร่ปรองดอง
เป็นไท ไม่เชื่อเรื่องความรักที่มั่นคงยืนนาน
ไปบ้านใจเย็น ก็เห็นครอบครัวที่มีหลายแม่
ยิ่งตระหนักถึงความรักที่ไม่ทำให้มีความสุข

พอใจเย็นมาบอกชอบ แม้เป็นไท เริ่มไหวหวั่น แต่ไม่เห็นถึงความเป็นไปได้
ไหนจะเพศเดียวกัน ไม่เป็นไปอย่างที่สังคมยอมรับ
เป็นไท จีงยิ่งขลาดกลัวความรักเพิ่มเข้าไปอีก

ใจเย็นที่ชีวิตมีความสุขมาตลอด
ในใจมีแต่เป็นไท พอฟังว่าแม่ฟ้องหย่า
เลยพาลโกรธ ไปถึงเรื่อง นกอินทรีหัวขาว นกอัลบาทรอส สัตว์ที่มีคู่แท้ตลอดชีวิต
ใจเย็นจะสามารถนำเรื่องคู่แท้ ไปทำความเข้าใจลึกๆได้มั้ยนะ
แต่ชอบที่แม่บอกใจเย็นนะ
“มันคือการที่มนุษย์รู้ว่าคนอื่นจะเจ็บปวดจึงมีความยับยั้งชั่งใจไม่ทำ และนั่นแหละสิ่งที่ยกระดับมนุษย์ให้ต่างจากสัตว์”
และสิ่งนั้นเรียกว่าความรัก
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2
26 – ทำร้าย


บางครั้งที่เป็นไทไม่แน่ใจว่าความรู้สึกว่างเปล่ากับความเจ็บปวด แบบไหนดีกว่ากัน เพราะถ้าหวนย้อนนึกถึงตอนเป็นเด็ก แน่นอนว่าเขาเกลียดความเจ็บปวดทั้งทางกายและทางใจ แต่บางครั้งถ้าเขาเจ็บรวดร้าวอยู่ภายใน เขาจะทำร้ายภายนอกของตัวเองให้เจ็บยิ่งกว่า หรือบางขณะที่ไม่รู้สึกถึงตัวตนของตนเอง นั่นแหละ เป็นไทก็จะทำร้ายตัวเองเพื่อให้รู้สึกว่ามีชีวิตอยู่ ต่อให้จะเกลียดความเจ็บปวดก็ตาม

เมื่อโตขึ้น เมื่อหลุดพ้นจากต้นเหตุความเจ็บปวดที่เป็นพ่อของเขาเองได้ พฤติกรรมทำร้ายตนเองก็หายไป ที่คงอยู่คือปกติของมนุษย์ที่เป็นไทไม่ชอบเวลารู้สึกว่าตนเองว่างเปล่า ไม่มีค่า ไม่ว่าจะจากทางตรงหรือทางอ้อม โดยเฉพาะจากแม่ แม่ที่สร้างความสับสนให้เขาในหลายๆ ครั้งว่าแม่นั้นห่วงเขาหรือแค่ห่วงตัวเองกันแน่ แต่ก็เพราะเขาโตแล้ว โตพอที่จะมองข้ามปลีกย่อยเหล่านั้น จึงผ่านมันไปได้อย่างปกติธรรมดาและไม่คิดทำร้ายตัวเอง

“ไท แม่ขอยืมเงินไปลงทุนรอบนี้หน่อยได้ไหม”

“อ้าว เดือนที่แล้วแม่ก็ไม่ได้ขาดทุนนี่”

“กานต์ขอเอาเงินไปหมุน—”

“แม่”

“เป็นไท แม่รู้ว่าลูกจะพูดอะไร แต่กานต์เป็นเพื่อนแม่มาตั้งกี่ปีแล้วนะ”

เป็นไทได้แต่ถอนหายใจเมื่อแม่ยืนกรานสิ่งที่ตัวเองคิด สิ่งที่ตัวเองเชื่อ โดยน้อยครั้งที่ฟังเขา สุดท้ายเป็นไทก็ได้แต่ทำตามความต้องการของแม่ ถอนเงินที่เป็นเงินเก็บของตัวเองออกมาให้แม่ยืมตามที่ร้องขอ

“จะทำอะไรก็อย่าลืมเก็บหลักฐานเอาไว้ดีๆ อะแม่”

“จ้า”

แม่ตอบรับแค่นั้น แสดงความรักด้วยการลูบหัวเขาทีหนึ่งซึ่งเขาก็ดึงออก ไม่ใช่แค่รู้สึกไม่ชอบเพราะโตแล้ว แต่เป็นไทรู้สึกไม่ชอบการกระทำเหล่านั้นของแม่จริงๆ

เป็นไทนึกไม่ค่อยออกว่าคนครอบครัวอื่นที่เขาแสดงความรักต่อกันได้อย่างไม่กระอักกระอ่วนนั้นต้องมีหรือไม่มีสิ่งใดในความสัมพันธ์ ต้องไม่เคยถูกทำร้ายหรือ ต้องไม่เคยถูกมองข้ามหรือ เรื่องง่ายๆ แค่นี้เขากลับนึกไม่ออกจริงๆ และก็น่าขันที่เขานึกลามไปถึงครอบครัวของใจเย็น มีอยู่หลายครั้งที่เขาเห็นคุณเกษราเข้ามาพูดคุยกับลูกชาย บางครั้งบทสนทนานึกจะหวานรักก็หวาน แต่เป็นไทไม่เห็นความกระอักกระอ่วนในนั้น มันแค่ดำเนินไปเรียบง่าย แต่เรียบง่ายนั้นแหละที่ชวนน่าอิจฉา

หากพอคิดลามไปถึงคนพ่อที่เป็นไทไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง เขาก็คิดว่าใจเย็นอาจจะไม่น่าอิจฉาก็ได้ พลันก็ต้องระงับความคิดตนเอง เขาไม่อยากคิดแทนคนอื่น และที่สำคัญใจเย็นก็ไม่เคยแสดงท่าทีเป็นเดือดเป็นร้อนอะไร หรือไม่ ก็เพราะไม่เข้าใจอะไรเลยจึงไม่เคยเป็นเดือดเป็นร้อน

เป็นไทยังจำวันที่ใจเย็นพูดถึงความไม่เข้าใจต่อการมีรักเดียวใจเดียวได้ดี มันเป็นวันที่เขาร้าวลึกอยู่ข้างใน และทั้งที่คิดว่าเข้าใจได้ดีว่าทำไมถึงเจ็บปวดขนาดนั้น แต่ระยะหลังๆ มานี้เขาก็เริ่มมองข้ามมันเหมือนรายละเอียดปลีกย่อยซับซ้อนต่างๆ ที่เขาชอบมองข้าม เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเจ็บปวด ง่ายดายเพียงนั้น

ความสัมพันธ์ที่เขามีกับใจเย็นตอนนี้จึงเรียบเรื่อย นานๆ ครั้งจะมีกลิ่นดอกไม้ลอยอวลในบรรยากาศเหมือนกับนานๆ ครั้งที่เขาจะได้เจอกับใจเย็น และบางครั้งที่นึกครึ้มอะไรไม่รู้ได้ เขาก็จะเปิดโทรทัศน์เลือกดูรายการสารคดีสัตว์โลกที่ใจเย็นชอบดู

เป็นไทคิดว่าเป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว นานครั้งเจอกันก็เพียงเพื่อได้รู้ว่าต่างฝ่ายต่างยังสุขสบายดีก็น่าจะพอ แต่บางทีก็เหมือนว่านานเกินไป เพราะรู้ตัวอีกที ใจเย็นก็จะไม่หวนกลับไปใส่เครื่องแบบนักเรียนอีกแล้ว

เป็นไทไม่เคยนึกภาพใจเย็นในชุดนักศึกษามาก่อน ภาพใจเย็นที่ชินตานั้นมีแต่ใส่เสื้อยืดคอกลมแขนยาวไม่ก็ชุดนักเรียนไปเลย ดังนั้นการที่ได้เห็นใจเย็นลองเสื้อนักศึกษาอยู่ตรงหน้าจึงแปลกตาไม่น้อย

“มึงจะเป็นเด็กช่างหรือไง ไหล่ตกจะถึงศอกละ”

“เผื่อโตไงครับ” ใจเย็นหันมายิ้ม ก่อนจะถอดชุดนักศึกษาที่ลองสวมทับออก ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวแค่หยิบมาลองเล่นๆ

“ทำตัวเป็นเด็กประถมไปได้”

“ก็ผมอยากตัวใหญ่กว่านี้นี่ครับ”

เอ่ยบอกก่อนจะเลือกเสื้อที่ขนาดเหมาะกับตัวเองมาลองสวม ครั้งนี้ดูไม่ขัดหูขัดตาเพราะพอดีตัว

“เออ ตัวนี้แหละ”

เขาบอกใจเย็น ซึ่งเจ้าตัวได้ฟังก็ลองยกแขน สับเปลี่ยนอิริยาบถ ดูตัวเองหน้ากระจกอยู่เล็กน้อยก็ตกลงปลงใจกับขนาดที่ใส่อยู่ ส่วนกางเกงก็ใช้เวลาเลือกไม่นานนักเพราะไม่ได้หยิบมาลองเล่นแบบเสื้อ และเมื่อใจเย็นใส่ชุดนักศึกษาทั้งชุดเดินออกจากห้องลองเสื้อก็ยิ่งทำให้เป็นไทรู้สึกแปลกตาทั้งที่เป็นเรื่องปกติ

ใช่ ปกติที่คนเราต้องเติบโตและเปลี่ยนแปลง แต่เขาเพิ่งรู้สึกได้ว่าใจเย็นเปลี่ยนแปลงไปมากกว่าที่คิด

ต่างจากวันแรกๆ ที่ใจเย็นดูเก้งก้างกว่านี้ ตอนนี้ใจเย็นตัวสูง ไหล่กว้าง ที่ขาดอาจยังเป็นกล้ามเนื้อ เหมือนเป็นหุ่นวัยรุ่นที่อีกนิดก็จะเข้าที่เข้าทาง และต่อให้เจ้าตัวจะบอกว่าอยากตัวใหญ่กว่านี้อีก เป็นไทกลับรู้สึกว่าแค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว เพราะเขาไม่อยากรู้สึกขัดเคืองเล็กๆ หากถูกคนที่เคยเตี้ยกว่าแซงหน้าไปไกลลิบ

และไม่ใช่แค่ทางกายภาพที่ใจเย็นเปลี่ยนไป ความคิดความอ่านก็ดูเติบโตขึ้น อย่างน้อยก็ในเรื่องที่เลือกจะเผชิญหน้ากับสิ่งที่เคยหลีกเลี่ยง กระทั่งได้ค้นพบตัวเองในที่สุด แต่ก็อีก ใจเย็นมักจะบอกว่าที่เป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา และเขาเป็นส่วนหนึ่งในตัวตนของใจเย็น บอกแบบนั้นด้วยสีหน้าที่บางทีก็แยกไม่ออกว่าจริงจังหรือแค่หน้าตาย

อย่างไร เขาก็ดีใจอยู่ดี แม้ปฏิกิริยาตอบกลับคือบ่นไปว่าพูดเกินจริงเสียทุกครั้ง

“อยากให้เป็นไทได้เห็นผมใส่ชุดนักศึกษาเต็มยศจัง” ใจเย็นเอ่ยบอกหลังพากันเดินออกจากร้านเสื้อผ้ามาแล้ว

“มึงนี่ขี้เห่อ”

“งั้นเหรอ” ตอบรับคำติดปาก “ไหนๆ แล้วก็ไปซื้อเน็กไท้กับเข็มขัดที่มอเลยได้ไหมครับ”

“จริงจังไปไหนวะสัด” เป็นไทขำคนทำตัวเป็นเด็กตรงหน้า เพราะเพิ่งคิดไปแท้ๆ ว่าโตขึ้นเยอะ แต่เจ้าตัวก็ ‘จริงจัง’ อย่างที่เขาว่าด้วยการขับรถไปที่มหาวิทยาลัยจริงๆ ก่อนพบว่าสหกรณ์นั้นปิด ให้เขาหัวเราะขำอีกระลอก ซึ่งก็ไม่กี่ครั้งหรอกที่จะได้เห็นใจเย็นบ่นอุบอิบเมื่อมีอะไรขัดใจ

นั่นแหละ ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่ผ่านไปเรียบเรื่อยเช่นนั้น และเป็นไทก็เห็นว่าดีกว่าที่จะไม่แบ่งปันความทุกข์ใจเรื่องที่บ้านให้ฟัง ในเมื่อก็ไม่ได้มีอะไรหนักหนา ที่สำคัญชีวิตเขาเคยแย่กว่านี้หลายเท่าแต่ไม่มีคนมารับฟังก็ไม่เห็นเป็นไร

จนกระทั่งวันที่ใจเย็นมาหาเขาอีกครั้งที่คอนโด เป็นไทถึงถูกรื้อความรู้สึกที่เก็บซ่อนว่าเขาเคยปรารถนาจะมีคนรับฟังมากแค่ไหน

มันไม่ใช่วันที่เขามีอะไรจะเล่าให้ใครฟัง แต่เป็นใจเย็นเองที่มีอะไรจะเล่าให้เขาฟัง เป็นไทเพิ่งรู้ตัวว่าแพ้คำพูดแบบนั้น –  คำพูดที่บอกว่าอยากมีคนรับฟัง – ก็ตอนที่ใจเย็นถือวิสาสะทิ้งตัวลงบนโซฟา และวางหัวลงบนตักของเขา ทั้งที่เขาอยากจะด่าที่ทำตัวลามปามแต่ก็กลับด่าไม่ออกเลยสักคำ

“แม่ผมเพิ่งฟ้องหย่ากับพ่อ”

เป็นถ้อยคำหนักหน่วงที่ดึงบรรยากาศให้หนักตามไปด้วย สรรพเสียงเหมือนตกตะกอนอยู่บนพื้นห้องสักพักก่อนที่เป็นไทจะตัดสินใจกวนมันให้ขุ่นขึ้นมา เขาถามถึงเหตุผลด้วยเสียงแผ่วเบา ซึ่งใจเย็นก็ตอบด้วยระดับเสียงที่ดังกว่าเพียงเล็กน้อย แต่เพราะตั้งใจฟังจึงไม่ใช่ปัญหาอะไร

ใจเย็นเล่าให้ฟังว่ามันเป็นครั้งที่สองนับจากทันใจตายที่ใจเย็นรู้สึกว่าโลกมันบิดเบี้ยว ใจเย็นอยู่ในความเข้าใจว่าแม่ยอมรับได้กับสิ่งที่พ่อเลือกและก็มีความสุขดีมาตลอด ใจเย็นเข้าใจว่าสิ่งที่พบเจอนั้นคือความรักที่แท้จริงมาตลอดชีวิต ซึ่งน่าเศร้าเหลือเกินที่ทั้งหมดนั้นเป็นแค่ความเข้าใจผิด

เป็นไทได้ฟังก็ไม่รู้จะเอ่ยคำพูดใด เขาปลอบคนไม่เก่ง อาจถึงขั้นห่วยเลยด้วยซ้ำ และเมื่อไร้วาจา การกระทำจึงทำหน้าที่แทน แทบไม่รู้ตัวที่เขาเอื้อมมือไปลูบไล้เส้นผมของใจเย็นอย่างที่ใจเย็นเคยทำกับเขา ได้รู้ในตอนนั้นเองว่าเส้นผมของใจเย็นนั้นนุ่มแค่ไหน จึงยิ่งเบามือแผ่วเบาราวต้องการทะนุถนอม พลันหวังที่เคยกดให้ลึกสุดใจว่าอยากให้ใจเย็นรับฟังเรื่องของเขาอย่างอ่อนโยนแบบนี้เช่นกันก็ล่องลอยขึ้นมาในชั้นบรรยากาศรอบตัว

“แปลกไหมครับถ้าจะบอกว่าผมรู้สึกเหมือนโดนหักหลัง”

“ไม่แปลกหรอก”

“เป็นไท...อยู่ข้างๆ ผมนะ”

“เออ อยู่ตลอดอะ” เขาตอบ หมายความแบบนั้นเต็มความหมาย

สรรพเสียงตกตะกอนลงไปอีกครั้ง ห้องทั้งห้องจึงกลับเงียบ แต่เป็นความเงียบที่อึดอัดน้อยลงจากเมื่อครู่ อย่างน้อยใจเย็นก็ได้ระบายสิ่งที่อยู่ในใจออกมาแล้ว อย่างน้อยเขาก็ได้พูดออกไปว่าจะอยู่ข้างๆ และอย่างน้อยเขาก็ได้ทำในสิ่งที่อยากจะทำให้ เขายังคงลูบหัวใจเย็นแบบที่ไม่เคยทำกับใคร กระทั่งนานพอเหมือนความคิดตกตะกอนตามความเงียบ ใจเย็นจึงตีมันให้ขุ่นขึ้นมา เอ่ยบอกกับเป็นไทถึงสิ่งที่แม่บอก บอกเหตุผลที่การนอกใจเป็นเรื่องผิดเพราะเท่ากับไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจที่จะไม่ทำให้ผู้อื่นเจ็บปวด

ได้ฟัง เป็นไทก็เหมือนถูกรื้อความรู้สึกขึ้นมาอีกครั้ง ความหวังที่เคยฝังให้ลึกจนไม่คิดว่าจะขุดกลับขึ้นมาได้ก็ล่องลอยขึ้นมา เป็นความหวังที่ว่าใจเย็นจะค่อยๆ เข้าใจในสิ่งที่เขารู้สึก

“แต่รู้ไหมครับ จะคิดยังไงผมก็ไม่เข้าใจ”

หากพลันหวังนั้นกลับแตกสลายกระจัดกระจายด้วยคำพูดเดียว

เป็นไทรู้สึกเหมือนเห็นซากความหวังชิ้นเล็กชิ้นน้อยกองอยู่บนพื้น เป็นเศษซากที่ไม่อาจประกอบกลับ เขาหลับตาลงด้วยไม่อยากจะเห็นมัน แต่เหตุใดไม่รู้ได้ ใต้เปลือกตานั้นเขากลับเห็นภาพย้อนไปตอนฝึกงาน บ่อยครั้งที่เป็นไทเหม่อมองเครื่องจักรทำงานจนลืมหน้าที่ จ้องมองรถเครนขนย้ายท่อนเหล็กไร้ชีวิต เหม่อมองจนเหมือนจะทะลุทะลวงไปยังฉากหลังสีฟ้าจ้า ชั่วขณะนั้นเป็นไทคิดว่าความรู้สึกของตนเองว่างเปล่า แต่แท้จริงแล้วเขากำลังหวัง หวังไว้อย่างหนักหนาว่าอะไรๆ มันจะไม่พังลงมาแม้รากฐานอาจดูโอนเอนอ่อนไหว

“นั่นคือความหมายของการรักเดียวใจเดียวเหรอครับ”

แต่มันก็พังทลายลงมาไม่มีชิ้นดี

“ไม่รู้เหมือนกัน”

สุดท้ายเป็นไทก็ได้แต่ตอบไปแค่นั้น ลูบผมปลอบใจอีกฝ่ายจนหลับใหล ขณะที่เขายังตื่นลืมตาในความเสียใจ

เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นไทจำไม่ได้ว่าพูดคุยอะไรกับใจเย็นไปบ้าง จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองได้หลับสักงีบหรือแค่ฝันร้ายทั้งลืมตา ที่จำได้ดีมีแต่ความเจ็บปวดที่แตกแขนงลามเลยมาถึงตอนเช้า เช้าที่เขาก็แค่ทำตัวปกติเหมือนเดิมและคงความสัมพันธ์เอาไว้

ต่อให้พูดไม่ออกถึงสิ่งที่อยากจะพูดให้ฟัง แต่เขาก็อยากจะรับฟังเรื่องต่างๆ ของใจเย็นอยู่ดี

หลังจากที่ใจเย็นไปแล้ว เป็นไทก็ตัดสินใจกลับบ้าน เขาแค่ไม่อยากจะอยู่เงียบๆ คนเดียวที่คอนโด ไม่อยากจะเห็นเศษซากความเจ็บปวดกองอยู่บนพื้นห้อง แต่แล้วการที่ได้เห็นแม่นั่งร้องไห้พร้อมคำสารภาพว่าถูกชนากานต์เพื่อนผู้เป็นหุ้นส่วนในร้านเสื้อผ้าโกงเงิน สารภาพว่าไม่ได้เก็บหลักฐานต่างๆ ไว้เลยเพราะไว้ใจ ก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนเห็นความหวังแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ อีกครั้ง แต่ในเศษซากชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่กองอยู่บนพื้น ครั้งนี้มีเศษส่วนของตัวเขาเองด้วยที่กระจัดกระจายอยู่ ทั้งรู้สึกได้ว่าไม่อาจนำมาประกอบคืนอีกเพราะเขาไม่รู้แล้วว่าจะไปพูดให้ใครรับฟัง

ไม่สิ เป็นไทรู้ตัวว่าอยากไปพูดให้ใจเย็นฟัง แต่ก็รู้ดีว่าจะพูดไม่ออกสักคำ

คำถามที่ว่าระหว่างความว่างเปล่ากับความเจ็บปวด แบบไหนดีกว่ากัน พลันหวนมาอีกครั้งเหมือนผิดที่ผิดเวลา และเหมือนเดิมที่เป็นไทไม่มีคำตอบ

รู้แค่ว่าตอนนี้เขาอยากทำร้ายกายตัวเองให้เจ็บปวด ให้มากกว่าที่ใจรู้สึกเป็นร้อยเท่าพันเท่า












*****************************************************************************
เวลาไม่ค่อยมีคอมเม้น แยมก็อยากทำร้ายตัวเองเหมือนกันเลยค่ะ  :z3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-06-2017 15:42:28 โดย แยมส้มขมคอ »

ออฟไลน์ ursleepingxd

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ฮืออออออ เป็นไทททททททท สงสาร

อะไรชีวิตหนูจะรันทดขนาดนี้

แต่ถ้ามันเหนื่อยมันหนักมากๆแล้วไม่ระบายออกซะบ้างมันจะทำร้ายตัวเองแล้วก็คนรอบข้างนะ ตั้งสตินะเป็นไท ; - ;

ออฟไลน์ jaejae

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
น่าสงสารใจเย็น...เพราะตลอดชีวิตเข้าใจมาตลอด ว่าความเจ้าชู้ และมีเมียเยอะๆ เป็นชีวิตที่่ปกติ และไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วไม่ใช่ แต่เป็นชีวิตที่อยู่บนความเจ็บปวด จนกลายเป็นความชินชา

แต่เราสงสารน้องเป็นไทที่สุดเลย ชีวิตที่ถูกทำร้ายจิตใจด้วยคนเป็นพ่อ แต่แสร้งว่าตัวเองไม่เป็นอะไร แต่เหมือนรอเวลาที่จะปริแตก..

รอให้ถึงวันที่ใจเย็นจะรู้จักความรักที่เป็นรักเดียวใจเดียว  รอให้ถึงวันที่เป็นไทจะมีคนที่รู้สึกว่ารักเค้าจริงๆ  ทั้งคู่ต่างก้อรักกันและต่างเติมเต็มกันได้  เพียงแต่ใจเย็นยังไม่รู้จักความรัก และเป็นไทก้อมีบาดแผลจึงต้องมีกำแพงเอาไว้

ขอโทษที่ไม่ค่อยได้เม้นนนนนน...แต่ตามอ่านตลอด

ต่อไปจะเม้นบ่อยๆ ค่ะ  ชอบเรื่องนี้มากๆ มาต่อบ่อยนะคะ


 

ออฟไลน์ garnetsecret

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เป็นไทควรสตรองขนาดไหนถึงจะไม่เป็นบ้า
มันหลายอย่างเกินไปแล้ว เหมือนโดนค้อนทุบซ้ำๆลงบนความหวังความเชื่อใจจนแตกจนพัง
ไหนจะเรื่องใจเย็น ไหนจะเรื่องแม่
ตอนหน้า ถ้าเป็นไทไม่ฆ่าตัวตาย ก็ให้นางพบความสุขบ้างได้ไหม

เกลียดความเจ็บปวดของคนที่รู้สึกรักทีหลัง เมื่อรู้ว่าคนที่เริ่มรักเราก่อน มันไม่ใช่อย่างที่เราคิด



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
ฮืออออ สงสารเป็นไท

ออฟไลน์ vwm666

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :mew6: :mew6:

สงสารทั้งคู่

ตบใครดี ตบแม่ หรือตบชนากาน

เป็นไทอย่าาาาน้า แงง 

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ทำไมอ่ะๆๆๆๆๆๆๆ ทำไมทำให้ความรู้สึกฟิวดาวน์ขนาดนี้
ไม่ชอบแม่ของเป็นไทเลยอ่ะ ไม่ชอบความไว้ใจเพราะแค่เป็นเพื่อนแบบนี้ ไม่ชอบที่ไม่คิดถึงความรู้สึกของเป็นไทเลย

ชอบการอธิบายเรื่องความรักของคุณเกษรามากค่ะ เพราะตอนที่ใจเย็นถามคำถามนั้น เราก็พยายามที่จะคิดหาคำตอบด้วยว่าทำไม แต่มันก็ได้คำตอบที่ไม่พอดี จนมาได้เห็นคำตอบที่ไรต์เขียน มันดีจริงๆนะ

ชอบการบรรยายมากๆค่ะ ภาษดีมากเลย ถ้าเขียนเองคงคิดไม่ออกอ่ะแบบนี้

ชอบค่ะ เราจะติดตามเรื่อยๆน่า ถึงจะคอมเม้นไม่ทันทุกตอบก็เถอะ 5555555

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เป็นไทอย่าทำร้ายตัวเองนะ

เป็นไทถูกทำร้ายโดยบุคคลที่น่าจะเป็นที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยได้มากที่สุดคือ พ่อกับแม่
ทำให้เป็นไทไม่สามารถรู้สึกไว้วางใจใคร แม้จะมีเพื่อน แต่ก็คบแค่ผิวเผิน กลายเป็นความหวาดระแวงที่ฝังใจ

กับใจเย็นยิ่งแล้วใหญ่ เพราะเขารู้สึกว่า อยากไว้ใจคน ๆ นี้ แต่กลับพบว่า ใจเย็นเป็นคนที่ทำร้ายคนรอบข้างได้โดยไม่รู้สึกว่ามันผิด ไม่รู้สึกผิด (แม้ใจเย็นจะไม่ได้ตั้งใจเช่นนั้น เพราะตนเองก็มีครอบครัวที่ไม่สมประกอบเข่นกัน)

ดังนั้น เป็นไทจึงไม่กล้าเข้าใกล้ หรือเปิดใจรับมากกว่าที่เป็น เพราะกลัวถูกหักหลัง

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ครั้งนี้คือเป็นไทต้องเคลียกับแม่อะ พูดให้รู้ตัวต่อให้แม่จะเสียใจก็พูดเลย

ออฟไลน์ mamemoo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอ๊ยยย ตอนนี้แตกสลายมากเลยค่ะ ทั้งใจเย็น เป็นไทแล้วก็ใจคนอ่าน โลกใบนี้ทำไมต้องแกล้งนายขนมต้มของเราขนาดนี้คะ แงงงงงง
แอบๆรำคาญคุณแม่ของเป็นไทจังค่ะ เราเป็นคนบาปมั้ยเนี่ย ทำไมต้องผิดพลาดหลายครั้งแบบนี้ ซ้ำๆซากๆเลย เป็นไทก็บอกอยู่นะแม่ ทำไมไม่เชื่อลูก โอ๊ยยยย แต่การที่คุณเกษราฟ้องหย่าไปซะ เราคิดว่าดีมากเลยค่ะ อาจจะไม่ได้เป็นการตัดไฟแต่ต้นลม เพราะตอนนี้มันไหม้จนลามไปถึงไหนต่อไหนจนดับไม่ทันแล้ว แต่เป็นการตัดเนื้อร้ายทิ้งไปซะ ต่อไปคุณเกษราก็ไม่ต้องมาเสียใจกับผู้ชายคนนี้อีก ส่วนใจเย็นก็โตพอที่จะรู้เรื่องรู้ราวได้แล้ว ต่อไปนี้ก็ดูแลคุณแม่นะลูกนะ ฮืออออ
เป็นกำลังใจให้คุณแยมเสมอ และยังรอวันที่เขาได้กันนะคะ #ถูก :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
เป็นไทททท ใจเย็นช่วยด้วยย  :hao5:

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
เป็นไทลูกก


ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:  แม่เป็นไท ทำไมเป็นคนอย่างนี้  :z3: :z3: :z3:
ทำไมไม่รอบคอบ ทั้งที่ลูกเตือนเรื่องให้เก็บหลักฐานดีๆ
ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนใจอ่อน ช้า ทำอะไรไม่ทันเพื่อนเลยหรือ
ที่ไม่เข้าใจแม่เป็นไทอีกอย่างคือ เรื่องเงิน
เงินตัวเองก็ไม่มี ก็ไม่วางเฉย
ยังมาเอาเงินลูกไปให้เพื่อนยืม พูดไม่ออกเลย

เป็นไท  ชอบใจเย็น แต่ใจเย็นก็ยังไม่รู้สำนึกเรื่องรักเดียวใจเดียว  :z3: :z3: :z3:
มันก็น่าที่เป็นไท จะหน่วงๆ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ reverofjs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โอ๊ยยยยย เป็นไทลูกกกกกกก  :hao5: :hao5: :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ snoopy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
ประจวบเหมาะกับที่ทั้งสองคนเกิดมีเรื่องราวหนักๆในชีวิต
สงสารทั้งเป็นไท ที่แม่ดูจะรักตัวเองเหลือเกิน และใจเย็น
ที่แม่ก็ปกป้องลูกไม่ให้รับรู้เรื่องที่ให้เจ็บปวดใจมาเป็นเวลานาน สงสารทั้งคู่  ปมใหญ่สุดคือครอบครัวนี่แหละ
ไม่ว่าจะเกิดอะไร มักจะให้ความรู้สึกที่เจ็บปวดมากที่สุด  :mew6:

ออฟไลน์ ceylon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ภาษาดีมากอ่ะ ไม่ค่อยได้อ่านแบบนี้ อาจจะด้วยเนื้อเรื่องที่มัน down ด้วย
อ่านตั้งแต่แรกจนถึงตอนล่าสุดก็ว่ามันยังคง down ไม่เสื่อมคลาย
คิดว่าถ้าตัวใจเย็นเข้าใจคำว่ารักดีกว่านี้อาจจะเดินหน้ากับเป็นไทไปแล้ว
แต่ปัญหาคือมีปมทั้งคู่ งานยากเลยทีนี้ จบ happy ไหมคะนี่ กลัวใจ 55555
ปล.บทพูดน้อยไปหน่อย อาจจะเพราะเราไม่ค่อยอ่านบทบรรยายด้วย -,-

ออฟไลน์ mam79

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
พึ่งได้อ่านเรื่องนี้ค่ะ อ่านเป็นเรื่องแรกของคนเขียนเลย อ่านรวดเดียวถึงตอนล่าสุด อินมากกกกกกกก สงสารแม่ใจเย็นนะ แต่สงสารเป็นไทที่สุด แต่งดีจังเลยชอบบบบ รอต่อนะคะ

ออฟไลน์ nottto

  • MaxNuzz
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
  เพิ่งอ่านทันครับ มีความคิดว่าตัวเองมีนิสัยคล้ายๆ ใจเย็นอยู่ 555 เข้าใจยาก ชอบมองคนอื่น สังเกต อยากรู่ว่าถ้าเขาทำแบบนี้ผลจะเป็นไง เค้าคิดอะไร
  ชอบการตีความตังละครของเรื่องนี้มาก ๆ เป็นนิยายที่พล็อตสวย เรียบง่าย แต่เขียนยาก
  ยังไงเป็นกำลังใจให้นะครับ จะคอยติดตาม แต่อย่าทิ้งกันนะครับ

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ ชอบนะ ชอบภาษา การบรรยาย อ่านแล้วมันก็จะรู้สึกมึนๆหน่วงๆหน่อย
เข้าใจนิสัยตัวละครนะ มันมีที่มามีเหตุผลรองรับ แต่บางทีก็เพลียกับใจเย็น สงสารด้วย
ทั้งคู่เลย เป็นไท ใจเย็น น่าสงสาร ครอบครัวมีส่สนอย่างมาก
ขอให้ใจเย็นเข้าใจความรู้สึกได้ไวๆนะ เอาใจช่วยเป็นไท ให้กำลังใจคนแต่งด้วย เย้!

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
สงสารทั้งคู่ที่โตมากับความบิดเบี้ยวแบบนี้จริงๆ

ออฟไลน์ SimplyDelicious

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ฮืออ เราชอบเรื่องนี้ เหมือนเรากำลังนั่งดูหนังอาร์ตๆที่เล่นกับความรู้สึกอยู่
ชอบที่เอาความรู้สึกมาบรรยายเป็นเสียงดนตรี เป็นกลิ่นดอกไม้ เป็นภาพในหัวฟุ้งๆ
คนเขียนเขียนเก่งจัง เราไม่เคยเห็นงานแบบนี้เลย
ภาษาแบบนี้มันอาจจะไม่แมส ดูเข้าใจยาก แต่สำหรับเรา เราประทับใจและรออยู่ตลอดนะ

พูดถึงเนื้อหาตอนปัจจุบันสักหน่อย
เราสงสารเป็นไทมากเลย มันเจ็บปวดน่าดู
กับการที่คนที่เราคิดว่าเขาจะเข้าใจและเราจะแบ่งปันความทุกข์เล็กๆน้อยร่วมกันได้
แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลยอ่ะ แตกสลายครั้งแล้วครั้งเล่า

ออฟไลน์ joyly

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านแล้วรู้สึกหน่วงๆเลยค่ะ แต่ชอบนะ  :hao5:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ มึนๆกับอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครยิ่งกับใจเย็นนี่ยิ่งไปกันใหญ่ อ่านๆไปบางทีเราก็รู้สึกเหมือนใจเย็นเป็นเด็กที่พัฒนาการช้าแล้วถูกเลี้ยงดูแบบไข่ในหินไม่ให้รับรู้โลกภายนอกอะไรเลย ซึ่งเอาจริงๆมันผิดปกติสำหรับเด็กวัยนี้นะ

ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2

27 – กึ่งกลาง


พิชญะไม่รู้ว่าตัวเองได้รู้เป็นลำดับที่เท่าไหร่สำหรับข่าวใหญ่ในบ้านอัครเสนีย์ ข่าวที่ว่าคุณเกษราฟ้องหย่า พิชญะรู้แค่ว่าคุณพิทักษ์นั้นโกรธมาก เขาไม่เคยเห็นชายคนนี้ระเบิดอารมณ์ผรุสวาทกราดเกรี้ยวขนาดนั้นมาก่อน แต่สิ่งที่คุณเกษราทำกลับเป็นเพียงการเฉย นิ่ง เงียบ เยียบเย็นราวกับคุณพิทักษ์ไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น จนไฟโกรธยิ่งโหมเป็นเท่าทวี ทว่าก็ไม่อาจละลายผาน้ำแข็งที่อยู่ตรงหน้าได้

หลังจากวันนั้น บรรยากาศในบ้านอัครเสนีย์ที่ดูจะเรียบเรื่อยอยู่แล้วก็กลับยิ่งเฉื่อยชา พิชญะรู้สึกเหมือนเข็มของนาฬิกาเดินช้าลง คล้ายพลอยหลงทางไปด้วยในเขาวงกตความสัมพันธ์ของบ้านหลังนี้ แต่ก็มีบ้างบางครั้งที่กลับถูกเร่งให้เร็วขึ้นอย่างลุกลี้ลุกลน

ไม่บ่อยที่คุณพิทักษ์จะมาชวนลูกคนกลางอย่างเขาไปไหนมาไหนด้วย โดยเฉพาะการพาเขาไปดูระบบการทำงานในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ตนเองควบตำแหน่งเจ้าของและประธาน – ประธานกรรมการไปในตัว พิชญะรู้มาตลอดว่าเขาไม่ถูกคาดหวังให้เป็นหัวหอกหลักที่จะรับช่วงต่อต่างๆ เหล่านี้ ใจเย็นต่างหากที่คุณพิทักษ์คาดหวังไว้เสียมากมาย กระทั่งตอนที่คุณพิทักษ์พาเขาไปทำความรู้จักกรรมการบริหารสักคน สองคน พิชญะก็ยังคงรู้สึกเช่นนั้น

“คนนี้คนกลาง พิชญะ”

“พิชญะหรือ? ยังเรียนอยู่ล่ะสิ ม.อะไรแล้วล่ะ”

“ม.5 ครับ” พิชญะตอบด้วยตนเอง แอบคิดว่าพ่ออาจขัดใจท่าทีนอบน้อมในน้ำเสียงของเขา

“สนใจงานเหล่านี้หรือเปล่าล่ะครับ หรือชอบแบบพี่ชาย” ถามก่อนหัวเราะน้อยๆ ขณะที่พิชญะไม่รู้สึกว่ามีอะไรน่าขำ จังหวะนั้นเองที่คุณพิทักษ์พูดแทรก

“ใจเย็นน่ะเดี๋ยวให้ต่อโทด้านนี้ก่อนจะมาทำที่นี่ ถ้าไม่ปล่อยตามใจบ้างก็จะควบคุมอะไรไม่ได้เลย”

นั่นแหละที่พิชญะถูกย้ำว่าใจเย็นยังคงถูกคาดหวัง หนักแน่น ไม่เปลี่ยนแปลง การที่พาเขามาด้วยนั้นก็เพียงเพราะความร้อนรนล้นทะลักซ่อนไม่มิด มันเป็นความร้อนรนที่กลัวว่าจะแพ้คดีความต่อให้คุณพิทักษ์จะมีท่าทีมั่นใจแค่ไหนก็ตาม และถ้าแพ้ ใครต่อใครก็คงตอบได้ไม่ต้องคิดเลยว่าใจเย็นจะเลือกอยู่ฝั่งใด

ที่คุณพิทักษ์มั่นใจว่าจะไม่แพ้คดีก็เพราะแม่ของเขาและแม่ของพริมานั้นไม่ใช่เหตุที่คุณเกษราจะฟ้องหย่าได้ ด้วยคุณเกษรารู้เห็นเป็นใจที่สามีตนเองอุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่นฉันภริยามาตั้งแต่แรก และถ้าไม่นับเรื่องนั้นแล้วคุณพิทักษ์ก็ปฏิบัติหน้าที่สามีได้ดีไม่ขาดตกบกพร่อง – อย่างน้อยก็เท่าที่พิชญะเห็น กระนั้นเลยลุกลี้ลุกลนที่ร่นลามมาถึงพิชญะในบางครั้งก็ทำให้เขารู้สึกได้ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อาจเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว แต่คงยังไม่ใช่ภายในปีนี้ ไม่ใช่ภายในห้าสิบวันที่ศาลจะนัดพร้อมกันในครั้งแรก หลายครั้งที่พิชญะรู้สึกว่ากระบวนการนั้นดูเชื่องช้าไม่ต่างจากเข็มนาฬิกาภายในบ้านแม้แต่น้อย

และในระยะระหว่างเข็มวินาทีที่หมุนวนเป็นร้อยเป็นพันรอบ พิชญะก็แทบจะไม่ได้เห็นหน้าค่าตาพี่ชายของตนเอง อาจเป็นเรื่องปกติเมื่อภายในรั้วรอบขอบชิดของบ้านอัครเสนีย์ก็เหมือนมีเขาวงกตวางคั่นความสัมพันธ์มาตลอด แม้พวกเขาไม่ใช่พี่น้องที่ห่างไกลกัน แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันจนเกินไป ยิ่งใจเย็นย้ายออกไปอยู่คอนโดในเครือของพ่อซึ่งใกล้กับมหาวิทยาลัยก็ยิ่งไม่แปลกที่จะหายหน้าหายตาไป

แต่พิชญะรู้สึกไม่สบายใจ และพริมาก็คงเช่นเดียวกัน

ระยะหลังมานี้ก่อนหน้าที่คุณเกษราจะฟ้องหย่า พริมาชอบมาขลุกอยู่กับเขา เอ่ยปากเจื้อยแจ้วเจรจาชวนคุยนั่นนี่รบกวนเวลาศึกษาเรื่องรถของเขาอยู่บ่อยๆ และถ้าเขาไม่ได้ดังใจ พริมาก็จะโวยวาย ถึงเวลานั้นแล้วพิชญะจะทำอะไรได้หรือ คำตอบก็คือไม่ ดังนั้นแล้วเขาจำต้องสนใจน้องสาวผู้เอาแต่ใจ กระทั่งบางครั้งก็ถูกบังคับให้รู้จักวิธีพูดกับคนอื่นๆ ในต่างสถานการณ์ แม้สุดท้ายเขายังแก้นิสัยชอบขุดหลุมถล่มตนเองไม่หายก็ตาม

พิชญะเคยเอ่ยถามอย่างฝืนนิสัยขี้เกรงใจ เขาเอ่ยถามพริมาว่าทำไมถึงมาหาเขาบ่อยๆ แต่พริมาก็ไม่ได้ตอบอะไรชัดเจน กระทั่งวันที่ไฟโมโหโกรธาของคุณพิทักษ์กระหน่ำกลางบ้าน พริมาก็บอกในเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคำถามนั้นเลย

“พริมรู้มานานแล้วว่าแม่เกษจะฟ้องหย่า”

“พริมรู้ได้ไง”

“จากแม่”

พริมาตอบแค่นั้น พิชญะก็ไม่ได้ถามอะไรอีก หรืออีกนัยหนึ่ง เขาไม่มีอะไรจะถามแล้ว ขณะเดียวกันเขามีคำถามอื่นปรากฏขึ้นในความรู้สึก พิชญะรู้สึกเหมือนพวกเขาสามพี่น้องในบ้านอัครเสนีย์อยู่กึ่งกลางของอะไรสักอย่างมาตลอด อะไรที่เขาคงไม่กล้าถามหาคำตอบแม้แต่กับตัวเขาเอง

“พี่พิชญ์ เรื่องนี้ห้ามไปบอกใครนะ”

แล้ววันหนึ่งในห้าสิบวันนั้น พริมาก็เอ่ยเรื่องที่ฟังดูเป็นความลับสุดยอดในบ่ายวันอาทิตย์ของห้องนั่งเล่นที่ใจเย็นไม่มาให้เห็นหน้าเห็นตา

“มันอาจไม่สำคัญหรอกนะ แต่พริมแค่อยากบอก”

“เรื่องอะไรเหรอพริม”

“พริม...ไม่ค่อยรู้สึกว่าแม่ของพริมรักพ่อเท่าไหร่” เมื่อได้ฟัง พิชญะไม่รู้จะโต้ตอบคำใด “พริมรู้สึกแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ขณะที่แม่เกษน่ะ ถึงจะดูนิ่งๆ แต่พริมคิดว่าเขารักพ่อมาก”

“อือ...”

“ส่วนแม่ทิพย์ พริมว่าพี่พิชญ์ก็คงรู้อยู่แล้วล่ะ”

“แม่พี่รักพ่อมาก”

สิ้นคำ พิชญะก็เพิ่งรู้ตัวว่าเอ่ยฉะฉานแบบที่น้อยครั้งจะทำ ทำให้พริมาเงียบชะงัก ยิ้มบางเบาตรงมุมปากคล้ายรอยยิ้มของพี่คนโต และเอ่ยพึมพำ “อยากพูดว่าดีจัง แต่คงพูดไม่ได้หรอกเนอะ”

“คิดว่าพี่เย็นจะรู้เรื่องแบบนี้ไหม” พิชญะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินและถามออกไป

“งี่เง่าแบบนั้นน่ะไม่รู้หรอก” ทันควันพริมาเอ่ยตอบ ก่อนจะย้ำคำสมทบราวกับโกรธอะไรมา “ทึ่ม สมองทึบ”

พิชญะได้ฟังก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ในตอนนั้นเขาแอบเห็นด้วยกับน้องสาวไม่มากก็น้อย ว่าใจเย็นพี่ชายคนโตน่ะสมองทึบในด้านความสัมพันธ์ เขาเคยสงสัยอยู่บ่อยครั้งว่าต่อให้จะได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างไร จะไม่รู้เชียวหรือว่าใครรู้สึกอะไรอย่างไร หรืออะไรถูก อะไรผิด

กระทั่งในวันที่ห้าสิบ วันที่คุณพิทักษ์และคุณเกษรามีนัดขึ้นศาลด้วยกัน ใจเย็นคนสมองทึบก็กลับมาที่บ้าน ไม่ได้กลับมาเพื่อธุระใดของใคร แต่กลับมาทวงตำแหน่งเอาแต่ใจที่สุดในตระกูลจากพริมา พี่ชายของเขาสั่งทั้งเขาและพริมาให้ไปขึ้นรถ ก่อนจะขับออกไปโดยบอกเพียงสั้นๆ ว่า “ขับรถเล่น”

กระนั้นเลย พิชญะและพริมาก็ไม่ได้คิดคัดค้าน ทั้งน่าแปลกใจและไม่น่าแปลกในเวลาเดียวกันที่เป็นอย่างนั้น และไม่นานพริมาก็กลมกลืนไปกับคำว่าขับรถเล่นของใจเย็นได้อย่างเนียนสนิท เอ่ยบอกให้แวะปั๊มน้ำมันข้างทางเพื่อแวะซื้อขนม เปิดประเด็นสนทนาว่าจะขับไปสิ้นสุดที่ไหน ถกเถียงกับใจเย็นว่าทะเลหรือภูเขา พิชญะยิ้มขำเมื่อสุดท้ายใจเย็นชนะทั้งที่บอกว่าจะไปสิ้นสุดที่สวนสัตว์

“เออๆ แล้วแต่พี่เย็นเลย” พริมาบ่นอุบ แต่ไม่นานนัก หล่อนก็เปิดประเด็นขึ้นมาใหม่ “ยังไงอีกหน่อยก็คงไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากันบ่อยๆ แล้วนี่”

“งั้นเหรอ”

“โอ๊ย เกลียดคำนี้ของพี่จริงๆ” พริมาโวยวาย ขณะที่ใจเย็นยิ้ม “แต่นะ พริมจะไม่ถือสา พริมไม่รู้นี่ว่าพี่จะออกไปอยู่กับแม่เกษถาวรเมื่อไหร่”

“พี่บอกตอนไหนเหรอว่าจะไปอยู่กับแม่” หากทันควันที่ใจเย็นสวนมา และพิชญะเองก็ชะงักในหลุมสนทนาไปด้วยทั้งที่ไม่ได้เอ่ยพูดสักคำ

“เอ่อ...ต้องให้พริมพูดด้วยเหรอว่าถ้ามันเกิดเรื่องนั้นขึ้น มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วนี่”

ใจเย็นเงียบไปนาน แววตาไม่อาจอ่านด้วยจับจ้องไปที่ท้องถนนตรงหน้า แต่พิชญะคิดว่าต่อให้สบตาอยู่ บางทีก็ไม่อาจอ่านใจได้ด้วยซ้ำ – หากถ้าให้เดา ใจเย็นอาจไม่พอใจที่พริมาทำนายว่าพ่อแม่ต้องหย่ากัน

“พี่ยังไม่ได้ตัดสินใจ”

ทว่าพิชญะเดาผิด

“อ้าว แต่ใครๆ ก็คิดว่าพี่เย็นจะเลือกแม่เกษนะ”

“ก็จริงว่าพี่สนิทกับแม่มากกว่าพ่อ แต่ตอนนี้รู้สึกไม่สนิทใจแล้ว”

“ทำไมอย่างนั้นล่ะคะ...”

“เขาก็โกหกไม่ต่างจากพ่อไม่ใช่เหรอ”

“แต่ว่า...” พริมาเหมือนมีอะไรจะพูดไม่ต่างจากพิชญะที่เงียบฟังอยู่ตลอด แต่สุดท้ายก็เก็บกลืนคำพูดลงคอ ปิดปาก และเปิดเพียงโสตประสาทรับฟังคำพูดที่พร่างพรูจากใจเย็น

“มันน่ากลัวนะที่เขาบอกว่าพวกเขารักกันดีมาตลอด เขาพูดกรอกหูพี่ทุกวันตั้งแต่เด็กจนเชื่อคำพูดนั้นได้ท่ามกลางเสียงของสังคมรอบข้าง เชื่ออย่างหนักแน่นเลยด้วย แต่สุดท้ายก็ได้รู้ว่ามันไม่จริง ทำให้กลับมาคิดเยอะมากว่าเขาโกหกอะไรเรามาบ้าง หรือว่าไม่เคยมีอะไรจริงเลย พอรู้สึกแบบนั้นก็จะคิดต่อไปอีกว่าอะไรที่ทำให้เขาต้องโกหก – เป็นตัวเราเองใช่ไหมที่ทำให้เขาต้องโกหก ทำไมเขาไม่บอก ไม่อธิบายแต่แรก ถามไปก็มีแต่บอกว่าไม่อยากทำให้เราเจ็บปวด ไม่อยากทำให้เราเสียใจ แต่ทำไม...พี่กลับไม่รู้สึกอย่างนั้น”

สิ้นสุดประโยคนั้น พิชญะก็พลันเหมือนได้คำตอบของสิ่งที่พวกเขาสามคนพี่น้องอยู่กึ่งกลางระหว่างมันมาตลอด แต่ยังดูเลือนราง ไม่ชัดเจน สิ่งที่ชัดกว่าคือเขารู้สึกขึ้นมาว่าพี่ชายของเขาไม่ใช่คนงี่เง่า ไม่ได้สมองทึบในด้านความสัมพันธ์ แต่เพราะคิดมากไป – ขบคิดซับซ้อนจนหลายครั้งก็ตีกลับให้เหนื่อยจนไม่อยากจะคิด หรือไม่ก็เพราะไม่ได้คำตอบจึงได้แต่ปล่อยค้างกลายเป็นคนไม่เข้าใจอะไรเลยในโลกใบนี้ ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นคนละเอียดลออเปราะบางจนน่ากลัวจะแตกหัก

“ที่จริงความรักมันก็ไม่ต้องสอนใช่ไหม แค่สัมผัสได้จากการได้รับ” เป็นอีกคำถามของใจเย็นที่พิชญะคิดว่าเพิ่งได้รู้จักตัวตนจริงๆ

“อื้ม เป็นอย่างนั้นแหละค่ะ” พริมาตอบ อ่อนหวานในน้ำเสียงราวต้องการปลอบโยนทางอ้อม

“แต่ตอนนี้พี่กลับรู้สึกว่าสัมผัสอะไรไม่ได้เลย”

พลันประโยคต่อมาที่สวนกลับทันควันก็ทำให้พิชญะ – อย่างน้อยก็พิชญะที่รู้ว่าไม่มีอะไรปลอบประโลมได้เลย

“น้องพริมว่ามันคืออะไร”

สิ้นคำถามนั้น คำถามที่ฟังดูว่างเปล่าจนพริมานิ่งเงียบไม่ยอมตอบ พิชญะก็กลับมีคำตอบชัดเจนขึ้นมาในใจ แจ่มชัดจนอยากกรีดตะโกน

ว่าพวกเขาสามคนพี่น้อง – หรืออาจจะมนุษย์ทุกคน – ล้วนอยู่กึ่งกลางระหว่างความรักแท้จริงกับความเห็นแก่ตัว









********************************************************************
จากตอนล่าสุด ขอบคุณทุกคอมเม้นจริงๆนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเลย

ถ้าจะพูดถึงในทวิต ติดแท็ก #ใจเย็นกับเป็นไท ได้นะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด