➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ  (อ่าน 124965 ครั้ง)

ออฟไลน์ vwm666

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :mew6: :mew6:

สงสารทั้งคู่

ตบใครดี ตบแม่ หรือตบชนากาน

เป็นไทอย่าาาาน้า แงง 

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ทำไมอ่ะๆๆๆๆๆๆๆ ทำไมทำให้ความรู้สึกฟิวดาวน์ขนาดนี้
ไม่ชอบแม่ของเป็นไทเลยอ่ะ ไม่ชอบความไว้ใจเพราะแค่เป็นเพื่อนแบบนี้ ไม่ชอบที่ไม่คิดถึงความรู้สึกของเป็นไทเลย

ชอบการอธิบายเรื่องความรักของคุณเกษรามากค่ะ เพราะตอนที่ใจเย็นถามคำถามนั้น เราก็พยายามที่จะคิดหาคำตอบด้วยว่าทำไม แต่มันก็ได้คำตอบที่ไม่พอดี จนมาได้เห็นคำตอบที่ไรต์เขียน มันดีจริงๆนะ

ชอบการบรรยายมากๆค่ะ ภาษดีมากเลย ถ้าเขียนเองคงคิดไม่ออกอ่ะแบบนี้

ชอบค่ะ เราจะติดตามเรื่อยๆน่า ถึงจะคอมเม้นไม่ทันทุกตอบก็เถอะ 5555555

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เป็นไทอย่าทำร้ายตัวเองนะ

เป็นไทถูกทำร้ายโดยบุคคลที่น่าจะเป็นที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยได้มากที่สุดคือ พ่อกับแม่
ทำให้เป็นไทไม่สามารถรู้สึกไว้วางใจใคร แม้จะมีเพื่อน แต่ก็คบแค่ผิวเผิน กลายเป็นความหวาดระแวงที่ฝังใจ

กับใจเย็นยิ่งแล้วใหญ่ เพราะเขารู้สึกว่า อยากไว้ใจคน ๆ นี้ แต่กลับพบว่า ใจเย็นเป็นคนที่ทำร้ายคนรอบข้างได้โดยไม่รู้สึกว่ามันผิด ไม่รู้สึกผิด (แม้ใจเย็นจะไม่ได้ตั้งใจเช่นนั้น เพราะตนเองก็มีครอบครัวที่ไม่สมประกอบเข่นกัน)

ดังนั้น เป็นไทจึงไม่กล้าเข้าใกล้ หรือเปิดใจรับมากกว่าที่เป็น เพราะกลัวถูกหักหลัง

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ครั้งนี้คือเป็นไทต้องเคลียกับแม่อะ พูดให้รู้ตัวต่อให้แม่จะเสียใจก็พูดเลย

ออฟไลน์ mamemoo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอ๊ยยย ตอนนี้แตกสลายมากเลยค่ะ ทั้งใจเย็น เป็นไทแล้วก็ใจคนอ่าน โลกใบนี้ทำไมต้องแกล้งนายขนมต้มของเราขนาดนี้คะ แงงงงงง
แอบๆรำคาญคุณแม่ของเป็นไทจังค่ะ เราเป็นคนบาปมั้ยเนี่ย ทำไมต้องผิดพลาดหลายครั้งแบบนี้ ซ้ำๆซากๆเลย เป็นไทก็บอกอยู่นะแม่ ทำไมไม่เชื่อลูก โอ๊ยยยย แต่การที่คุณเกษราฟ้องหย่าไปซะ เราคิดว่าดีมากเลยค่ะ อาจจะไม่ได้เป็นการตัดไฟแต่ต้นลม เพราะตอนนี้มันไหม้จนลามไปถึงไหนต่อไหนจนดับไม่ทันแล้ว แต่เป็นการตัดเนื้อร้ายทิ้งไปซะ ต่อไปคุณเกษราก็ไม่ต้องมาเสียใจกับผู้ชายคนนี้อีก ส่วนใจเย็นก็โตพอที่จะรู้เรื่องรู้ราวได้แล้ว ต่อไปนี้ก็ดูแลคุณแม่นะลูกนะ ฮืออออ
เป็นกำลังใจให้คุณแยมเสมอ และยังรอวันที่เขาได้กันนะคะ #ถูก :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
เป็นไทททท ใจเย็นช่วยด้วยย  :hao5:

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
เป็นไทลูกก


ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:  แม่เป็นไท ทำไมเป็นคนอย่างนี้  :z3: :z3: :z3:
ทำไมไม่รอบคอบ ทั้งที่ลูกเตือนเรื่องให้เก็บหลักฐานดีๆ
ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนใจอ่อน ช้า ทำอะไรไม่ทันเพื่อนเลยหรือ
ที่ไม่เข้าใจแม่เป็นไทอีกอย่างคือ เรื่องเงิน
เงินตัวเองก็ไม่มี ก็ไม่วางเฉย
ยังมาเอาเงินลูกไปให้เพื่อนยืม พูดไม่ออกเลย

เป็นไท  ชอบใจเย็น แต่ใจเย็นก็ยังไม่รู้สำนึกเรื่องรักเดียวใจเดียว  :z3: :z3: :z3:
มันก็น่าที่เป็นไท จะหน่วงๆ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ reverofjs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โอ๊ยยยยย เป็นไทลูกกกกกกก  :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ snoopy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
ประจวบเหมาะกับที่ทั้งสองคนเกิดมีเรื่องราวหนักๆในชีวิต
สงสารทั้งเป็นไท ที่แม่ดูจะรักตัวเองเหลือเกิน และใจเย็น
ที่แม่ก็ปกป้องลูกไม่ให้รับรู้เรื่องที่ให้เจ็บปวดใจมาเป็นเวลานาน สงสารทั้งคู่  ปมใหญ่สุดคือครอบครัวนี่แหละ
ไม่ว่าจะเกิดอะไร มักจะให้ความรู้สึกที่เจ็บปวดมากที่สุด  :mew6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ceylon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ภาษาดีมากอ่ะ ไม่ค่อยได้อ่านแบบนี้ อาจจะด้วยเนื้อเรื่องที่มัน down ด้วย
อ่านตั้งแต่แรกจนถึงตอนล่าสุดก็ว่ามันยังคง down ไม่เสื่อมคลาย
คิดว่าถ้าตัวใจเย็นเข้าใจคำว่ารักดีกว่านี้อาจจะเดินหน้ากับเป็นไทไปแล้ว
แต่ปัญหาคือมีปมทั้งคู่ งานยากเลยทีนี้ จบ happy ไหมคะนี่ กลัวใจ 55555
ปล.บทพูดน้อยไปหน่อย อาจจะเพราะเราไม่ค่อยอ่านบทบรรยายด้วย -,-

ออฟไลน์ mam79

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
พึ่งได้อ่านเรื่องนี้ค่ะ อ่านเป็นเรื่องแรกของคนเขียนเลย อ่านรวดเดียวถึงตอนล่าสุด อินมากกกกกกกก สงสารแม่ใจเย็นนะ แต่สงสารเป็นไทที่สุด แต่งดีจังเลยชอบบบบ รอต่อนะคะ

ออฟไลน์ nottto

  • MaxNuzz
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
  เพิ่งอ่านทันครับ มีความคิดว่าตัวเองมีนิสัยคล้ายๆ ใจเย็นอยู่ 555 เข้าใจยาก ชอบมองคนอื่น สังเกต อยากรู่ว่าถ้าเขาทำแบบนี้ผลจะเป็นไง เค้าคิดอะไร
  ชอบการตีความตังละครของเรื่องนี้มาก ๆ เป็นนิยายที่พล็อตสวย เรียบง่าย แต่เขียนยาก
  ยังไงเป็นกำลังใจให้นะครับ จะคอยติดตาม แต่อย่าทิ้งกันนะครับ

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ ชอบนะ ชอบภาษา การบรรยาย อ่านแล้วมันก็จะรู้สึกมึนๆหน่วงๆหน่อย
เข้าใจนิสัยตัวละครนะ มันมีที่มามีเหตุผลรองรับ แต่บางทีก็เพลียกับใจเย็น สงสารด้วย
ทั้งคู่เลย เป็นไท ใจเย็น น่าสงสาร ครอบครัวมีส่สนอย่างมาก
ขอให้ใจเย็นเข้าใจความรู้สึกได้ไวๆนะ เอาใจช่วยเป็นไท ให้กำลังใจคนแต่งด้วย เย้!

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
สงสารทั้งคู่ที่โตมากับความบิดเบี้ยวแบบนี้จริงๆ

ออฟไลน์ SimplyDelicious

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ฮืออ เราชอบเรื่องนี้ เหมือนเรากำลังนั่งดูหนังอาร์ตๆที่เล่นกับความรู้สึกอยู่
ชอบที่เอาความรู้สึกมาบรรยายเป็นเสียงดนตรี เป็นกลิ่นดอกไม้ เป็นภาพในหัวฟุ้งๆ
คนเขียนเขียนเก่งจัง เราไม่เคยเห็นงานแบบนี้เลย
ภาษาแบบนี้มันอาจจะไม่แมส ดูเข้าใจยาก แต่สำหรับเรา เราประทับใจและรออยู่ตลอดนะ

พูดถึงเนื้อหาตอนปัจจุบันสักหน่อย
เราสงสารเป็นไทมากเลย มันเจ็บปวดน่าดู
กับการที่คนที่เราคิดว่าเขาจะเข้าใจและเราจะแบ่งปันความทุกข์เล็กๆน้อยร่วมกันได้
แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลยอ่ะ แตกสลายครั้งแล้วครั้งเล่า

ออฟไลน์ joyly

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านแล้วรู้สึกหน่วงๆเลยค่ะ แต่ชอบนะ  :hao5:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ มึนๆกับอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครยิ่งกับใจเย็นนี่ยิ่งไปกันใหญ่ อ่านๆไปบางทีเราก็รู้สึกเหมือนใจเย็นเป็นเด็กที่พัฒนาการช้าแล้วถูกเลี้ยงดูแบบไข่ในหินไม่ให้รับรู้โลกภายนอกอะไรเลย ซึ่งเอาจริงๆมันผิดปกติสำหรับเด็กวัยนี้นะ

ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2

27 – กึ่งกลาง


พิชญะไม่รู้ว่าตัวเองได้รู้เป็นลำดับที่เท่าไหร่สำหรับข่าวใหญ่ในบ้านอัครเสนีย์ ข่าวที่ว่าคุณเกษราฟ้องหย่า พิชญะรู้แค่ว่าคุณพิทักษ์นั้นโกรธมาก เขาไม่เคยเห็นชายคนนี้ระเบิดอารมณ์ผรุสวาทกราดเกรี้ยวขนาดนั้นมาก่อน แต่สิ่งที่คุณเกษราทำกลับเป็นเพียงการเฉย นิ่ง เงียบ เยียบเย็นราวกับคุณพิทักษ์ไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น จนไฟโกรธยิ่งโหมเป็นเท่าทวี ทว่าก็ไม่อาจละลายผาน้ำแข็งที่อยู่ตรงหน้าได้

หลังจากวันนั้น บรรยากาศในบ้านอัครเสนีย์ที่ดูจะเรียบเรื่อยอยู่แล้วก็กลับยิ่งเฉื่อยชา พิชญะรู้สึกเหมือนเข็มของนาฬิกาเดินช้าลง คล้ายพลอยหลงทางไปด้วยในเขาวงกตความสัมพันธ์ของบ้านหลังนี้ แต่ก็มีบ้างบางครั้งที่กลับถูกเร่งให้เร็วขึ้นอย่างลุกลี้ลุกลน

ไม่บ่อยที่คุณพิทักษ์จะมาชวนลูกคนกลางอย่างเขาไปไหนมาไหนด้วย โดยเฉพาะการพาเขาไปดูระบบการทำงานในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ตนเองควบตำแหน่งเจ้าของและประธาน – ประธานกรรมการไปในตัว พิชญะรู้มาตลอดว่าเขาไม่ถูกคาดหวังให้เป็นหัวหอกหลักที่จะรับช่วงต่อต่างๆ เหล่านี้ ใจเย็นต่างหากที่คุณพิทักษ์คาดหวังไว้เสียมากมาย กระทั่งตอนที่คุณพิทักษ์พาเขาไปทำความรู้จักกรรมการบริหารสักคน สองคน พิชญะก็ยังคงรู้สึกเช่นนั้น

“คนนี้คนกลาง พิชญะ”

“พิชญะหรือ? ยังเรียนอยู่ล่ะสิ ม.อะไรแล้วล่ะ”

“ม.5 ครับ” พิชญะตอบด้วยตนเอง แอบคิดว่าพ่ออาจขัดใจท่าทีนอบน้อมในน้ำเสียงของเขา

“สนใจงานเหล่านี้หรือเปล่าล่ะครับ หรือชอบแบบพี่ชาย” ถามก่อนหัวเราะน้อยๆ ขณะที่พิชญะไม่รู้สึกว่ามีอะไรน่าขำ จังหวะนั้นเองที่คุณพิทักษ์พูดแทรก

“ใจเย็นน่ะเดี๋ยวให้ต่อโทด้านนี้ก่อนจะมาทำที่นี่ ถ้าไม่ปล่อยตามใจบ้างก็จะควบคุมอะไรไม่ได้เลย”

นั่นแหละที่พิชญะถูกย้ำว่าใจเย็นยังคงถูกคาดหวัง หนักแน่น ไม่เปลี่ยนแปลง การที่พาเขามาด้วยนั้นก็เพียงเพราะความร้อนรนล้นทะลักซ่อนไม่มิด มันเป็นความร้อนรนที่กลัวว่าจะแพ้คดีความต่อให้คุณพิทักษ์จะมีท่าทีมั่นใจแค่ไหนก็ตาม และถ้าแพ้ ใครต่อใครก็คงตอบได้ไม่ต้องคิดเลยว่าใจเย็นจะเลือกอยู่ฝั่งใด

ที่คุณพิทักษ์มั่นใจว่าจะไม่แพ้คดีก็เพราะแม่ของเขาและแม่ของพริมานั้นไม่ใช่เหตุที่คุณเกษราจะฟ้องหย่าได้ ด้วยคุณเกษรารู้เห็นเป็นใจที่สามีตนเองอุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่นฉันภริยามาตั้งแต่แรก และถ้าไม่นับเรื่องนั้นแล้วคุณพิทักษ์ก็ปฏิบัติหน้าที่สามีได้ดีไม่ขาดตกบกพร่อง – อย่างน้อยก็เท่าที่พิชญะเห็น กระนั้นเลยลุกลี้ลุกลนที่ร่นลามมาถึงพิชญะในบางครั้งก็ทำให้เขารู้สึกได้ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อาจเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว แต่คงยังไม่ใช่ภายในปีนี้ ไม่ใช่ภายในห้าสิบวันที่ศาลจะนัดพร้อมกันในครั้งแรก หลายครั้งที่พิชญะรู้สึกว่ากระบวนการนั้นดูเชื่องช้าไม่ต่างจากเข็มนาฬิกาภายในบ้านแม้แต่น้อย

และในระยะระหว่างเข็มวินาทีที่หมุนวนเป็นร้อยเป็นพันรอบ พิชญะก็แทบจะไม่ได้เห็นหน้าค่าตาพี่ชายของตนเอง อาจเป็นเรื่องปกติเมื่อภายในรั้วรอบขอบชิดของบ้านอัครเสนีย์ก็เหมือนมีเขาวงกตวางคั่นความสัมพันธ์มาตลอด แม้พวกเขาไม่ใช่พี่น้องที่ห่างไกลกัน แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันจนเกินไป ยิ่งใจเย็นย้ายออกไปอยู่คอนโดในเครือของพ่อซึ่งใกล้กับมหาวิทยาลัยก็ยิ่งไม่แปลกที่จะหายหน้าหายตาไป

แต่พิชญะรู้สึกไม่สบายใจ และพริมาก็คงเช่นเดียวกัน

ระยะหลังมานี้ก่อนหน้าที่คุณเกษราจะฟ้องหย่า พริมาชอบมาขลุกอยู่กับเขา เอ่ยปากเจื้อยแจ้วเจรจาชวนคุยนั่นนี่รบกวนเวลาศึกษาเรื่องรถของเขาอยู่บ่อยๆ และถ้าเขาไม่ได้ดังใจ พริมาก็จะโวยวาย ถึงเวลานั้นแล้วพิชญะจะทำอะไรได้หรือ คำตอบก็คือไม่ ดังนั้นแล้วเขาจำต้องสนใจน้องสาวผู้เอาแต่ใจ กระทั่งบางครั้งก็ถูกบังคับให้รู้จักวิธีพูดกับคนอื่นๆ ในต่างสถานการณ์ แม้สุดท้ายเขายังแก้นิสัยชอบขุดหลุมถล่มตนเองไม่หายก็ตาม

พิชญะเคยเอ่ยถามอย่างฝืนนิสัยขี้เกรงใจ เขาเอ่ยถามพริมาว่าทำไมถึงมาหาเขาบ่อยๆ แต่พริมาก็ไม่ได้ตอบอะไรชัดเจน กระทั่งวันที่ไฟโมโหโกรธาของคุณพิทักษ์กระหน่ำกลางบ้าน พริมาก็บอกในเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคำถามนั้นเลย

“พริมรู้มานานแล้วว่าแม่เกษจะฟ้องหย่า”

“พริมรู้ได้ไง”

“จากแม่”

พริมาตอบแค่นั้น พิชญะก็ไม่ได้ถามอะไรอีก หรืออีกนัยหนึ่ง เขาไม่มีอะไรจะถามแล้ว ขณะเดียวกันเขามีคำถามอื่นปรากฏขึ้นในความรู้สึก พิชญะรู้สึกเหมือนพวกเขาสามพี่น้องในบ้านอัครเสนีย์อยู่กึ่งกลางของอะไรสักอย่างมาตลอด อะไรที่เขาคงไม่กล้าถามหาคำตอบแม้แต่กับตัวเขาเอง

“พี่พิชญ์ เรื่องนี้ห้ามไปบอกใครนะ”

แล้ววันหนึ่งในห้าสิบวันนั้น พริมาก็เอ่ยเรื่องที่ฟังดูเป็นความลับสุดยอดในบ่ายวันอาทิตย์ของห้องนั่งเล่นที่ใจเย็นไม่มาให้เห็นหน้าเห็นตา

“มันอาจไม่สำคัญหรอกนะ แต่พริมแค่อยากบอก”

“เรื่องอะไรเหรอพริม”

“พริม...ไม่ค่อยรู้สึกว่าแม่ของพริมรักพ่อเท่าไหร่” เมื่อได้ฟัง พิชญะไม่รู้จะโต้ตอบคำใด “พริมรู้สึกแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ขณะที่แม่เกษน่ะ ถึงจะดูนิ่งๆ แต่พริมคิดว่าเขารักพ่อมาก”

“อือ...”

“ส่วนแม่ทิพย์ พริมว่าพี่พิชญ์ก็คงรู้อยู่แล้วล่ะ”

“แม่พี่รักพ่อมาก”

สิ้นคำ พิชญะก็เพิ่งรู้ตัวว่าเอ่ยฉะฉานแบบที่น้อยครั้งจะทำ ทำให้พริมาเงียบชะงัก ยิ้มบางเบาตรงมุมปากคล้ายรอยยิ้มของพี่คนโต และเอ่ยพึมพำ “อยากพูดว่าดีจัง แต่คงพูดไม่ได้หรอกเนอะ”

“คิดว่าพี่เย็นจะรู้เรื่องแบบนี้ไหม” พิชญะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินและถามออกไป

“งี่เง่าแบบนั้นน่ะไม่รู้หรอก” ทันควันพริมาเอ่ยตอบ ก่อนจะย้ำคำสมทบราวกับโกรธอะไรมา “ทึ่ม สมองทึบ”

พิชญะได้ฟังก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ในตอนนั้นเขาแอบเห็นด้วยกับน้องสาวไม่มากก็น้อย ว่าใจเย็นพี่ชายคนโตน่ะสมองทึบในด้านความสัมพันธ์ เขาเคยสงสัยอยู่บ่อยครั้งว่าต่อให้จะได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างไร จะไม่รู้เชียวหรือว่าใครรู้สึกอะไรอย่างไร หรืออะไรถูก อะไรผิด

กระทั่งในวันที่ห้าสิบ วันที่คุณพิทักษ์และคุณเกษรามีนัดขึ้นศาลด้วยกัน ใจเย็นคนสมองทึบก็กลับมาที่บ้าน ไม่ได้กลับมาเพื่อธุระใดของใคร แต่กลับมาทวงตำแหน่งเอาแต่ใจที่สุดในตระกูลจากพริมา พี่ชายของเขาสั่งทั้งเขาและพริมาให้ไปขึ้นรถ ก่อนจะขับออกไปโดยบอกเพียงสั้นๆ ว่า “ขับรถเล่น”

กระนั้นเลย พิชญะและพริมาก็ไม่ได้คิดคัดค้าน ทั้งน่าแปลกใจและไม่น่าแปลกในเวลาเดียวกันที่เป็นอย่างนั้น และไม่นานพริมาก็กลมกลืนไปกับคำว่าขับรถเล่นของใจเย็นได้อย่างเนียนสนิท เอ่ยบอกให้แวะปั๊มน้ำมันข้างทางเพื่อแวะซื้อขนม เปิดประเด็นสนทนาว่าจะขับไปสิ้นสุดที่ไหน ถกเถียงกับใจเย็นว่าทะเลหรือภูเขา พิชญะยิ้มขำเมื่อสุดท้ายใจเย็นชนะทั้งที่บอกว่าจะไปสิ้นสุดที่สวนสัตว์

“เออๆ แล้วแต่พี่เย็นเลย” พริมาบ่นอุบ แต่ไม่นานนัก หล่อนก็เปิดประเด็นขึ้นมาใหม่ “ยังไงอีกหน่อยก็คงไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากันบ่อยๆ แล้วนี่”

“งั้นเหรอ”

“โอ๊ย เกลียดคำนี้ของพี่จริงๆ” พริมาโวยวาย ขณะที่ใจเย็นยิ้ม “แต่นะ พริมจะไม่ถือสา พริมไม่รู้นี่ว่าพี่จะออกไปอยู่กับแม่เกษถาวรเมื่อไหร่”

“พี่บอกตอนไหนเหรอว่าจะไปอยู่กับแม่” หากทันควันที่ใจเย็นสวนมา และพิชญะเองก็ชะงักในหลุมสนทนาไปด้วยทั้งที่ไม่ได้เอ่ยพูดสักคำ

“เอ่อ...ต้องให้พริมพูดด้วยเหรอว่าถ้ามันเกิดเรื่องนั้นขึ้น มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วนี่”

ใจเย็นเงียบไปนาน แววตาไม่อาจอ่านด้วยจับจ้องไปที่ท้องถนนตรงหน้า แต่พิชญะคิดว่าต่อให้สบตาอยู่ บางทีก็ไม่อาจอ่านใจได้ด้วยซ้ำ – หากถ้าให้เดา ใจเย็นอาจไม่พอใจที่พริมาทำนายว่าพ่อแม่ต้องหย่ากัน

“พี่ยังไม่ได้ตัดสินใจ”

ทว่าพิชญะเดาผิด

“อ้าว แต่ใครๆ ก็คิดว่าพี่เย็นจะเลือกแม่เกษนะ”

“ก็จริงว่าพี่สนิทกับแม่มากกว่าพ่อ แต่ตอนนี้รู้สึกไม่สนิทใจแล้ว”

“ทำไมอย่างนั้นล่ะคะ...”

“เขาก็โกหกไม่ต่างจากพ่อไม่ใช่เหรอ”

“แต่ว่า...” พริมาเหมือนมีอะไรจะพูดไม่ต่างจากพิชญะที่เงียบฟังอยู่ตลอด แต่สุดท้ายก็เก็บกลืนคำพูดลงคอ ปิดปาก และเปิดเพียงโสตประสาทรับฟังคำพูดที่พร่างพรูจากใจเย็น

“มันน่ากลัวนะที่เขาบอกว่าพวกเขารักกันดีมาตลอด เขาพูดกรอกหูพี่ทุกวันตั้งแต่เด็กจนเชื่อคำพูดนั้นได้ท่ามกลางเสียงของสังคมรอบข้าง เชื่ออย่างหนักแน่นเลยด้วย แต่สุดท้ายก็ได้รู้ว่ามันไม่จริง ทำให้กลับมาคิดเยอะมากว่าเขาโกหกอะไรเรามาบ้าง หรือว่าไม่เคยมีอะไรจริงเลย พอรู้สึกแบบนั้นก็จะคิดต่อไปอีกว่าอะไรที่ทำให้เขาต้องโกหก – เป็นตัวเราเองใช่ไหมที่ทำให้เขาต้องโกหก ทำไมเขาไม่บอก ไม่อธิบายแต่แรก ถามไปก็มีแต่บอกว่าไม่อยากทำให้เราเจ็บปวด ไม่อยากทำให้เราเสียใจ แต่ทำไม...พี่กลับไม่รู้สึกอย่างนั้น”

สิ้นสุดประโยคนั้น พิชญะก็พลันเหมือนได้คำตอบของสิ่งที่พวกเขาสามคนพี่น้องอยู่กึ่งกลางระหว่างมันมาตลอด แต่ยังดูเลือนราง ไม่ชัดเจน สิ่งที่ชัดกว่าคือเขารู้สึกขึ้นมาว่าพี่ชายของเขาไม่ใช่คนงี่เง่า ไม่ได้สมองทึบในด้านความสัมพันธ์ แต่เพราะคิดมากไป – ขบคิดซับซ้อนจนหลายครั้งก็ตีกลับให้เหนื่อยจนไม่อยากจะคิด หรือไม่ก็เพราะไม่ได้คำตอบจึงได้แต่ปล่อยค้างกลายเป็นคนไม่เข้าใจอะไรเลยในโลกใบนี้ ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นคนละเอียดลออเปราะบางจนน่ากลัวจะแตกหัก

“ที่จริงความรักมันก็ไม่ต้องสอนใช่ไหม แค่สัมผัสได้จากการได้รับ” เป็นอีกคำถามของใจเย็นที่พิชญะคิดว่าเพิ่งได้รู้จักตัวตนจริงๆ

“อื้ม เป็นอย่างนั้นแหละค่ะ” พริมาตอบ อ่อนหวานในน้ำเสียงราวต้องการปลอบโยนทางอ้อม

“แต่ตอนนี้พี่กลับรู้สึกว่าสัมผัสอะไรไม่ได้เลย”

พลันประโยคต่อมาที่สวนกลับทันควันก็ทำให้พิชญะ – อย่างน้อยก็พิชญะที่รู้ว่าไม่มีอะไรปลอบประโลมได้เลย

“น้องพริมว่ามันคืออะไร”

สิ้นคำถามนั้น คำถามที่ฟังดูว่างเปล่าจนพริมานิ่งเงียบไม่ยอมตอบ พิชญะก็กลับมีคำตอบชัดเจนขึ้นมาในใจ แจ่มชัดจนอยากกรีดตะโกน

ว่าพวกเขาสามคนพี่น้อง – หรืออาจจะมนุษย์ทุกคน – ล้วนอยู่กึ่งกลางระหว่างความรักแท้จริงกับความเห็นแก่ตัว









********************************************************************
จากตอนล่าสุด ขอบคุณทุกคอมเม้นจริงๆนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเลย

ถ้าจะพูดถึงในทวิต ติดแท็ก #ใจเย็นกับเป็นไท ได้นะคะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รอตอนต่อไปค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ceylon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สู้ๆนะใจเย็น สงสารทั้งคู่เลย เป็นไทก็เจอหนัก

ออฟไลน์ mamemoo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มันจึงเป็นความรักที่ไม่ถึงกับสุข เป็นความทุกข์ที่ไม่ถึงกับเศร้า เป็นความรักที่ทั้งซึ้งทั้งเหงาอยู่ด้วยกัน~~~
ทำไมมันถึงทั้งว่างโหวง ทั้งเจ็บปวด ทั้งอบอุ่นปนๆไปด้วยกันในทุกตอนได้แบบนี้~~~~~~
ตอนแรกเราดีใจมากที่คุณเกษฟ้องหย่าสักที แต่พอมาอ่านตอนนี้แล้วสงสารเด็กๆมากเลยค่ะ แต่คุณเกษทำดีแล้วค่ะ ทำต่อไปปปปป
ไม่ใช่แค่คนในเรื่องนะคะที่คิดว่าใจเย็นต้องไปอยู่กับคุณแม่แน่ๆ คนอ่านคนนี้ก็คิดค่ะ เพราะเราเห็นแต่ใจเย็นกับคุณแม่มาตลอด พอมาเป็นแบบนี้แล้วรู้สึกว่าโดนหักหลัง ใจเย็นมีความรู้สึกนึกคิดในเรื่องแบบนี้มากกว่าที่เราคิดจริงๆค่ะ ฮา
เริ่มเข้าใจได้แบบนี้ก็ดีแล้วเนอะ จะได้เข้าใจพี่ขนมต้มด้วย แล้วในเมื่อยังลังเลและเลือกไม่ได้ว่าจะไปอยู่กับใครแบบนี้แล้ว แนะนำให้ใจเย็นไปอยู่กับเป็นไทเลยค่ะ มีแต่ได้กับได้!!!!!! (เหยย ได้อะไรอ่ะ?) รอเขาได้กันอยู่ทุกตอนเลยนะคะ  :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
บีบรัดหัวใจแท้ อย่าลากนานเด้ออ

ออฟไลน์ nottto

  • MaxNuzz
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
น่าสงสารใจเย็น

ออฟไลน์ Rungsai

  • ใครบอกว่ารุ้งมีเจ็ดสี :D
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เหมือนใจเย็นจะเริ่มมีความรู้สึกขึ้นเเฮะ
จะเริ่มมีหัวใจกับคนอื่นเขาเร็ว ๆ นี้มั้ยน้อ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พ่อแม่ทะเลาะกัน
ลูกๆ ใช่ไม่รู้เรื่องอะไร
แต่ที่แน่ๆ ทุกข์กันทั้งนั้น

การปกป้องลูก โดยคิดแต่ไม่อยากให้ลูกเจ็บปวด
แต่การไม่บอกความจริงกับลูก ก็ทำให้ลูกไม่เชื่อใจ ทำไมต้องโกหก
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ความจริงมันแหลมคมและทำให้แสบร้อนได้เสมอ

เด็ก 3 คนนี้โตมาในช่องว่างระหว่างหวังดี (ไม่อยากให้รับรู้ว่าครอบครัวบิดเบี้ยวและอยากให้มีสถานะการเงินมั่งคงจนอยู่ได้อย่างดีกับพ่อที่รวย) กับความเห็นแก่ตัว (แม่กลัวจะเสียหน้า เสียสถานะทางสังคม และความมั่นคงทางการเงิน)

จึงมีคุณเกษที่หน้าชื่นอกตรม มีแม่ของพิชย์ที่หวังให้ลูกชายสนิทกับพ่อและพี่ชาย รวมทั้งโดดเด่นพอจะแทนที่พี่ชายได้ และมีแม่ของพริมาที่ผลักดันให้ลูกสาวเลือกสนิทกับพี่ชายคนที่น่าจะให้ผลประโยชน์ได้

และมีเด็กสามคนที่ถูกคนที่ไว้วางใจมากที่สุดโกหก

ผลพวงมาจากผู้ชายเห็นแก่ตัว มักมากในกามคนหนึ่ง

อันที่จริง ทางที่ดีคือการสื่อสารให้เด็กได้รับรู้ตามความจริงว่า พ่อกับแม่แยกทางกัน แต่ยังอยู่ด้วยกัน (หรืออาจตะไม่ก็ได้) เพื่อทำหน้าที่ของพ่อกับแม่ พ่อกับแม่อาจจะหมดรักกัน แต่ทั้งพ่อและแม่รักลูก ความรักที่มีให้ไม่เปลี่ยนไปแม้พ่อกับแม่จะไม่รักกันก็ตาม

แต่ก็นะ เมื่อรวมกับความหวังดี (แบบผิด ๆ) และความเห็นแก่ตัว (ก็ไม่ใช่ทุกคนจะมีจิตใจและสถานะการเงินที่เข้มแข็งมากพอจะเดินออกมาจากความซับซ้อนนี้ได้) ดังที่กล่าวข้างต้น แม่ ๆ ทั้งหลาย (และคนอีกมากมายในชีวิตจริง) เลยจำยอมอยู่ในบ้านและครอบครัวที่บิดเบี้ยวหลังนี้

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
สงสารทุกคน​เลย ฮือออ

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
ใจเย็นฉลาดจนเบี้ยวไปหมดเลยค่ะ..

ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2

28 – ทะเล


สุดท้ายแล้วเป็นไทก็ไม่ได้ทำร้ายตัวเอง เขาคิดว่าอาจเพราะโตพอแล้วจึงกอดเก็บความเจ็บปวดภายในใจเอาไว้ได้ เขาคิดว่าผิวของเนื้อแขนนั้นหนาทื่อพอจะใช้โอบกอดหนามแหลมโดยไม่ถูกทิ่มแทง เป็นไทคิด คิด คิด และเชื่อเช่นนั้น และคิดว่าถ้าเชื่อมากพอก็จะเป็นความจริง แต่เขาไม่ได้คิดเลยว่ามันจะย้อนกลับมาทำร้ายคนรอบตัวเขาเอง

แตกต่างกับใจเย็น ปรายสอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเขา การที่ปรายย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน – หรือพูดให้ถูกว่าย้ายกลับมาอยู่ที่คอนโด – จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่แปลกคือปรายไม่หือไม่อือยิ่งกว่าที่เคย คล้ายมาขยับขยายห้องให้เพิ่มความเงียบ บ่อยครั้งที่เป็นไทเปิดเพลงเสียงดังกลบทับเงียบงันนั้น แต่ก็ไม่อาจกลบความอึดอัดใจที่มีต่อปรายได้เลยสักนิด

เป็นไทคิดว่าเพราะความเกลียดที่มีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงทำให้เขาไม่ชอบขี้หน้าน้องตนเอง แต่ความจริงคือเงียบงันของปรายนั้นไม่ได้ละลายตัวตนของปรายให้หายไป แต่เป็นตัวตนของเขาเองต่างหากที่ถูกเจือจาง บ่อยครั้งจึงกลายเป็นว่าหาเรื่องทะเลาะเพื่อจะได้ยินคำโต้เถียง แต่ก็บ่อยครั้งที่ปรายเพียงเงียบ กระทั่งครั้งที่เขาปากระป๋องเบียร์ใส่ หยามเหยียดถากถางต่อหน้าเพื่อนตนเอง ปรายก็ทำเพียงแค่หนีหน้า ไม่ต่อล้อต่อเถียง จนเขาแทบอยากจะตามไปกรีดตะโกนใส่หน้าว่าพูดกับเขาสิ – ทะเลาะกับเขา – มองเขา – เขามีตัวตน – อย่าทำกับเขาแบบนี้

แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่เดินกลับไปเก็บกระป๋องเบียร์ขึ้นมา บี้ให้บุบแบนเหมือนที่เขาไม่รู้จะเรียบเรียงคำพูดดีๆ ออกไปได้อย่างไร

เป็นไทเริ่มไม่รู้ถึงวิธีที่จะสื่อสารความรู้สึกของตนเองมากขึ้นทุกที เขารู้สึกเหมือนตนเองจมดิ่งลงไปในทะเลถ้อยคำ ไม่รู้วิธีแหวกว่ายโผล่พ้นเหนือผิวน้ำ แม้แต่กับใจเย็นก็ไม่อาจฉุดดึงเขาขึ้นไปได้ มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับว่าเห็นอยู่ตรงหน้าแต่ไม่กล้ายื่นมือไปคว้า เขารู้สึกแย่ แย่ แย่ ย้ำซ้ำ แต่เขาก็ไม่ได้หนีไปไหน ทำได้แค่จมอยู่ที่เดิม และคอยผลักดันใจเย็นเอาไว้ไม่ให้ต้องจมลงมาด้วยกัน

เป็นไทยังคงเจอกับใจเย็นเท่าที่อีกฝ่ายจะมาหา ขณะที่เขาเองถ้าไม่นับที่ต้องไปสอนพิเศษก็ไม่เคยไปหาใจเย็นเองเลยสักครั้ง แม้แต่ตอนที่ได้รู้ว่าแม่ไม่เชื่อเขาจนทำให้ถูกโกงเงิน ตอนที่เขารู้สึกแย่ที่สุดและต้องการใครสักคน เป็นไทก็ทำได้แค่เก็บตัวอยู่เงียบๆ คนเดียว และทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยเฉพาะต่อหน้าใจเย็น

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาไม่กล้าปล่อยตัวเองให้ร่วงหล่นเพราะกลัวจะไม่มีใครรับไว้ แต่ขณะเดียวกันเขาก็พยายามหยัดยืนอยู่เบื้องล่าง ไม่ได้คอยรอรับ แต่เป็นการประคับประคองอีกฝ่ายเอาไว้ เป็นไทไม่รู้ว่าทำไมเป็นแบบนี้ กระทั่งในวันที่ฝนตกกระหน่ำและใจเย็นชวนมาหลบฝนที่คอนโด เป็นไทถึงได้รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นแทรกอยู่ในรายละเอียดของตัวตนใจเย็น แทรกอยู่ในกลิ่นดอกไม้ที่ล่องลอยในรู้สึก แทรกอยู่ในคาโมมายล์ ชาคาโมมายล์ที่ถูกชงและหยิบยื่นมาวางให้ตรงหน้า

“ชาเหรอ” เขาถาม ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่ารู้สึกดีกับชาร้อนๆ ท่ามกลางอากาศเย็นของฝนตก

“ก็เป็นไทไม่ชอบกาแฟ”

พลันคำตอบทำให้เขารู้สึกร้อนรานอยู่กลางอก

เป็นไทอยากจะบ่นออกไปว่าจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยบอก อยากบ่นออกไปว่าคิดเองเออเองอีกแล้ว แต่ก็พูดไม่ออกสักคำ ตอนนั้นเขาทำได้แค่ยกขึ้นจิบ สัมผัสถึงกลิ่นและรสอันนวลเนียนเหมือนล่องลอยออกจากความรู้สึกที่รู้สึกตลอดมา

ท่ามกลางวันเหล่านั้น ท่ามกลางกลิ่นของดอกไม้ที่ไม่มีในคอนโดของใจเย็นเลยสักช่อ เป็นไทรับฟังเรื่องราวต่างๆ ของใจเย็น เรื่องเรียนที่บ่นว่าเทอมแรกน่าเบื่อเพราะยังไม่ค่อยเจาะลึกเรื่องสัตว์ เรื่องเพื่อนที่ดูจะหายากกว่าวัยมัธยม เรื่องห้องเชียร์น่าเบื่อที่ตัวเองก็ไม่ได้เข้า เรื่องที่ทั้งพูดและไม่ได้พูด เรื่องที่ใจเย็นไม่คิดจะไปที่ศาลเลยสักครั้งระหว่างที่การฟ้องหย่ายังคงดำเนิน เรื่องที่ผิดหวังและรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง เรื่องที่ถูกเอาใจแต่ไม่รู้สึกว่าถูกรัก

สิ่งที่ไม่ได้พูดนั้นแทรกในรายละเอียดรอบตัว หรืออาจเป็นคำพูดทางอ้อมอย่างเช่นว่าไม่ต้องการ แม้แต่กับห้องเพนท์เฮาส์ที่ใจเย็นชวนเขามาบ่อยๆ

มันเป็นคอนโดที่มีสองห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ และพื้นที่ใช้สอยประมาณหนึ่งครอบครัวใหญ่อยู่ได้สบาย เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องส่วนใหญ่เป็นสีโทนน้ำตาล หรือวัสดุจากไม้ สว่างด้วยสีครีมในบางชิ้น ซึ่งที่นั่งประจำของใจเย็นเป็นโซฟาหุ้มเบาะหนังหน้าโต๊ะกาแฟ จากโซฟามองไปข้างหน้าคือกำแพงกระจกที่กรุถึงเพดานที่สูงสามเมตร ทั้งหมดนี้เป็นไทเห็นครั้งแรกแล้วก็บ่นหมั่นไส้ตามนิสัย

“พ่อแค่เอาใจ เหมือนที่บอกว่าจะยกหุ้นช่องทีวีให้ผมน่ะแหละ”

“ฟังยังไงกูก็หมั่นไส้มึงอยู่ดี”

กระนั้น ในความน่าหมั่นไส้ เป็นไทก็สัมผัสได้ว่ามีความหม่นหมองเคลือบคลุมอยู่ เวลาที่เขาได้มาอยู่ที่ห้องนี้ท่ามกลางฝนของเดือนตุลาคม กำแพงกระจกสามเมตรนั่นจึงเหมือนเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาที่อาบครองโลกทั้งใบ

“ระยะหลังเป็นไทดูมีอะไรในใจแต่ไม่ยอมบอกผมเลย”

และก็ยิ่งย้ำว่าเขากำลังจมอยู่ใต้ผืนน้ำ เป็นผืนน้ำของถ้อยคำเมื่อถูกใจเย็นเอ่ยถามแบบนั้น ถูกจับได้ผ่านแววตาที่เขาทั้งชอบและชังในเวลาเดียวกัน

เป็นไทยังคงไม่รู้จะตอบอย่างไร ไม่รู้จะเรียบเรียงหรือกลั่นกรองมันออกมาได้อย่างไร เขาไม่รู้แม้แต่วิธีจะเริ่มเรื่อง และไม่รู้ทำไมมันถึงได้ยากเย็นนัก สุดท้ายก็ได้แต่บ่ายเบี่ยง หาเรื่องคุยอื่น บ่นเรื่องเรียนของตัวเอง เรื่องเกม เรื่องหนัง เรื่องอะไรก็ได้ที่ทำให้ตัวเองตะเกียกตะกายขึ้นไปพ้นผืนน้ำได้ แต่สุดท้ายก็ได้รู้ว่ายังคงจมอยู่เช่นนั้น เมื่อพบว่าสื่อสารความรู้สึกตัวเองออกไปไม่ได้เลยสักอย่าง

ซ้ำร้าย คนที่ดึงเขาให้ยิ่งจมลึกลงไปอีกกลับเป็นแม่ของเขาเอง

ไม่ใช่แค่เป็นไทที่ปราณีเอ่ยปากขอหยิบยืมเงินก่อนที่จะถูกโกง หล่อนแค่ไม่พูดให้เขาฟังว่าเงินนั้นไม่พอจึงไปขอหยิบยืนจากคนอื่นมาอีกก้อน ให้เป็นไทได้รู้ในภายหลัง และได้รู้พร้อมรู้สึกเจ็บแสบที่สุดว่าแม่แก้ไขมันได้ – ไม่ใช่ด้วยตนเอง แต่ด้วยเงินจากพ่อของเขา

พ่อที่เขาเกลียดกลัวยิ่งกว่าอะไรดี

วินาทีที่ได้รู้ สายฟ้าจากเบื้องบนฟาดผ่าลงมาพร้อมโมโหโกรธาจากตัวเขา สายฝนถั่งเทลงมาพร้อมความรู้สึกนับล้าน เป็นไม่กี่ครั้งที่เป็นไทหลุดออกจากทะเลคำพูด เขาพาถ้อยคำโผล่ขึ้นเหนือน้ำ และอยากตะโกนย้ำชัดทุกคำให้ประทับลงโสตประสาทและจิตใจของผู้เป็นแม่ แต่แล้วก็ได้แค่สั่นเครือ ก่อนจางหายพร้อมประโยคในใจ

ทำไมทำกับเขาแบบนี้ ทำไม ทำไม

ทั้งที่คิดว่าทนได้แล้ว ทั้งที่คิดว่าชีวิตเขาไม่ได้แย่เท่าไหร่ ทั้งที่กล่อมเกลาตัวเองตลอดเวลาว่าชีวิตเขายังมีทางไป ยังมีลู่ทางให้หนีพ้น แต่แล้วความจริงก็ย้อนกลับมาทำร้ายเขา บอกกับเขาว่าต่อให้กายหนีไปได้ พาตัวเองไปมีอนาคตที่ดีกว่านี้ได้ แต่จิตใจของเขากลับยังติดอยู่ที่เดิม และยิ่งดิ้นพล่านเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งถูกบีบรัดและดึงรั้งให้จมลงไป ทุกที ทุกที

เป็นไทไม่แน่ใจว่าตัวเองร้องไห้หรือเปล่า เขารู้แค่ว่าท้องฟ้านั้นร้องไห้ คร่ำครวญ ยังความเดือดร้อนให้มนุษย์ที่ย่ำย่างลงบนพื้นถนน เขาเปียกปอนไปทั้งร่าง พาตัวเองโซซัดโซเซไปตามทางเหมือนแมวจรจัดพลัดหลง ฝนยังคงกระหน่ำความใจร้าย ย้ำชัดรู้สึกที่เหมือนไม่มีที่ไป แต่ปลายทางที่คนเรามักคิดในเวลาแบบนี้ไม่ใช่สถานที่ หากเป็นใครสักคน

ทั้งที่เป็นไทอยากจะนึกถึงเพื่อน อยากจะบอกตัวเองว่าคนคนแรกที่เขานึกถึงไม่ใช่ใจเย็น แต่ในหัวเขากลับมีแค่ชื่อเดียววนเวียนอยู่เช่นนั้น ใจเย็น ใจเย็น ชื่อที่นับครั้งได้ที่เขาจะเอ่ยเรียก แต่กลับคร่ำครวญในความรู้สึกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนถูกกลั่นแกล้งให้โหยหาและถูกดึงดูดให้หลงทางจนท้ายที่สุดแล้ว เขาที่ไม่เคยไปหาใจเย็นก่อนเลยสักครั้ง ก็พาตัวเองไปหา ไปยืนอยู่ตรงหน้าของใจเย็น ทว่าก็พูดอะไรไม่ออกสักคำ

เป็นไทเป็นอะไร – เกิดอะไรขึ้น – โอเคหรือเปล่า – ใจเย็นถามซ้ำไปซ้ำมา แววตาที่เขาทั้งชอบและชังในบางครั้งนั้นดูตระหนกกว่าที่คาดคิด อย่างที่ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะได้เห็น แต่เป็นไทก็ไร้คำตอบ ได้แค่หวังว่าใบหน้าของเขาตอนนี้จะไม่เหมือนคนเพิ่งร้องไห้หรือกำลังร้องไห้

สุดท้ายใจเย็นก็ถอดใจกับการเอ่ยถาม เสียงที่เปล่งออกมาจึงเป็นการเอ่ยปากให้ขึ้นไปอาบน้ำล้างตัวที่ห้อง ระหว่างทางนั้นเงียบงัน จนกระทั่งมาถึง กระทั่งผ้าขนหนูถูกวางลงบนหัวของเขา ใจเย็นถึงเอ่ยถามย้ำอีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เพราะเป็นไทไร้คำตอบ ไร้คำตอบแม้แต่อิริยาบถทางกาย คำตอบเดียวที่มีคือความเจ็บปวดรวดร้าวภายใน ใจเย็นจึงไม่ได้ถามอะไรอีก

มีเพียงมือที่เอื้อมขึ้นมา มือที่เย็นไม่ต่างจากอุณหภูมิของอากาศในตอนนี้แนบเข้ามาที่แก้มของเป็นไท แววตาจับจ้อง หม่นเศร้า ไม่เหลืออะไรให้เขาชังอีกต่อไปในเวลานี้

“เป็นไทมาอยู่กับผมไหม”

และคำพูดนั้นเสียงดังฟังชัด ชัดกว่าเสียงคำรามลั่นของท้องฟ้าในวินาทีต่อมา

“จริงๆ จะพูดว่ามาอยู่ด้วยก็ไม่ถูก ผมยังไม่รู้เลยว่าสุดท้ายแล้วจะได้อยู่ที่คอนโดนี้ไหม หรือว่าต้องไปอยู่กับแม่ แต่...ที่รู้ๆ ผมไม่อยากอยู่กับใครสักคน”

ใจเย็นยังคงพูด อาจเรียกได้ว่าพร่ำพูด อีกแล้วที่เห็นท่าทีที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น น้ำเสียงนั้นดูร้อนลน ไม่มั่นใจ ไม่ใช่ใจเย็นแบบที่เคยเป็น ถ้อยความที่พูดออกมาก็เหมือนกัน เป็นไทไม่คิดเลยว่าจะได้ยินมัน

และก็ไม่คิดเลยว่ามันจะเจ็บปวดกว่าที่แม่ทำกับเขา

ทั้งที่เขาไม่กล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมาเลยสักคำ ทั้งที่เขาพยายามเผชิญหน้าและประคับประคองความสัมพันธ์พิลึกพิลั่นและงี่เง่านี้ให้คงไว้ ทั้งที่เขากล้ำกลืนจะเป็นจะตายกับการจมอยู่ในทะเลถ้อยคำ ทั้งที่เขาจมลงไปทุกที ทุกที แต่คนตรงหน้าเขาตอนนี้...

“เป็นไทอยู่กับผมได้ไหม—”

“รู้ตัวไหมวะว่าพูดอะไรอยู่!” พร้อมกับคำนั้น เป็นไทกระชากคอเสื้อของใจเย็นด้วยอารมณ์ที่หลุดจากการควบคุม ท้องฟ้าที่คร่ำครวญคำรามคล้ายต้องการแข่งกับเสียงตวาดลั่น “ทำไมขี้ขลาดแบบนี้วะ มึงเอาแต่ใจ มึงหนีทุกอย่างที่ไม่ตรงตามความต้องการ มึงโกรธแม่ มึงรู้สึกเหมือนแม่หักหลัง มึงก็เลยหนีทุกอย่าง ไม่ยอมอยู่ข้างๆ แม่ของมึง เผชิญหน้าก็ไม่ทำ แล้วตลอดมามึงสัมผัสไม่ได้เลยหรือไงว่าแม่มึงน่ะยังไงก็เจ็บปวด”

เป็นไทพูด พูด พูดเท่าที่ทะเลถ้อยคำจะอนุญาต กระนั้นแววตาของใจเย็นที่เขาอุตส่าห์สื่อสารความรู้สึกออกไปก็กลับไม่อาจอ่านสิ่งที่ซ่อนในใจได้เลย

“แล้วมึงยังมาพูดแบบนี้กับกูอีก...มึงพูดว่าอยากอยู่กับกูทั้งที่มึงยังไม่เข้าใจอะไรเลย มึงไม่รู้เลยเหรอว่าไม่มีใครยอมให้คนที่ตัวเองรักมีคนอื่นได้โดยไม่รู้สึกอะไร มึง...มึงสัมผัสไม่ได้เลยหรือไงว่ามันผิดปกติ ความเชื่อความเข้าใจของมึงน่ะมันผิดปกติ มันทำร้ายคนอื่น ทำร้ายกูด้วย มึงจะไม่รู้เลยเหรอวะ!”

แต่พลันผรุสวาทลั่นคำสุดท้ายก็ถูกตัดกลัดกลืนไปพร้อมกับที่ร่างของเขาถูกเหวี่ยงกระแทกเข้ากำแพงในเมื่อมือที่กระชากคอเสื้ออีกฝ่ายเอาไว้ยังคงไม่ยอมปล่อย เมื่อตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเป็นไทก็ตั้งใจจะใช้แรงเอาชนะ ตั้งใจจะทำร้ายให้เจ็บ เจ็บเท่าที่เขาเจ็บ เท่าที่เขาโกรธ โกรธที่ต้องเสียใจไปกับทุกอย่างบนโลกใบนี้

“ผมรู้”

แต่แล้ว...ทุกอย่างกลับหยุดชะงักลงด้วยคำสั้นๆ

“แต่ตอนเด็ก...ผมก็อยากเชื่อในความรักแบบที่แม่บอก”

แววตาของใจเย็นที่ดูจับจ้องทะลุทะลวงสิ่งข้างในใจเขาได้ตลอด ตอนนี้กลับเหมือนอยู่ท่ามกลางสายฝนน้ำหม่นเศร้า

“เพราะถ้าผมไม่เชื่อแบบนั้น ผมก็จะไม่เหลืออะไร”

และน้ำตาของท้องฟ้าก็แผ่ขยายขจัดขจายบนพื้นดิน เอ่อล้นจนท่วมทนมาถึงจิตใจของคนรับฟัง ทั้งที่ไม่คิดว่าจะมีอะไรทำให้เจ็บได้กว่านี้อีกแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมมันยังกรีดลึกลงมาถึงข้างใน ยิ่งมองสีหน้าของใจเย็นตอนนี้ก็รู้สึกเหมือนหัวใจค่อยๆ สลายลงทีละน้อย

“ผมเชื่อ...เชื่อจนกลายเป็นคนที่ไม่เข้าใจคนอื่นเลย และก็ยังคงไม่เข้าใจด้วย”

ทั้งแหลกสลาย และบิดเบี้ยว

“แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าผมไม่เหลืออะไรอยู่ดี”

ถึงประโยคนี้ เป็นไทก็รู้สึกว่าหัวใจนั้นไม่ได้อยู่ในตัวตนของเขาเอง มันสูญหายไปแล้ว เหลือไว้แต่ความเจ็บปวด ทั้งยังเป็นความเจ็บปวดของใจเย็นที่เขารับเข้ามา และเพราะไม่มีหัวใจเขาจึงไม่รู้วิธีจะเยียวยา ได้แต่ปล่อยตัวเองให้จมลงในทะเลคำพูดอีกครั้ง ดำดิ่ง ลึกลงไป สิ่งที่ทำได้เป็นเพียงการดึงคนตรงหน้าเข้ามากอด คนที่เขาไม่อยากให้ร่วงหล่นเลยแม้แต่น้อย และยังประคับประคองเอาไว้ด้วยหวังจะผลักดันขึ้นไป แต่เมื่อมองไปตรงหน้า ยังกำแพงกระจกที่หม่นมัวด้วยหยาดน้ำและราตรีกาล เป็นไทก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนกำลังถูกโอบล้อมด้วยทะเล ไร้ผิวน้ำ ไร้หนทางหนีรอด

ทั้งที่อยากพูดออกไปว่ายังเหลือเขาอีกคน ยังเหลือเขา แต่เป็นไทกลับพูดไม่ออก ได้แต่กอดคนตรงหน้าเอาไว้

และจมลงไปด้วยกันให้ถึงห้วงที่ลึกที่สุดของทะเลน้ำตา








***************************************************************************
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ฝากแท็ก #ใจเย็นกับเป็นไท ด้วยค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-12-2017 22:06:26 โดย แยมส้มขมคอ »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด