พิมพ์หน้านี้ - ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 07-02-2017 22:50:47

หัวข้อ: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 07-02-2017 22:50:47
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



************************************************************************************************************

ผลงานที่ผ่านมา


นิยาย :
ต่างขั้ว - THE CONTRAST (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54497.0) (#เตติณ จบแล้ว)

เรื่องสั้น:
ถ้า 0072 คือนักโทษ คนทั้งโลกคงถูกจองจำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59730.0) (ตอนเดียวจบ)
เสียงกรีดร้องของปลาในโหลแก้ว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61115.0) (ตอนเดียวจบ)

************************************************************************************************************



#ใจเย็นกับเป็นไท

(https://www.img.in.th/images/395aa9342e50f2a1c0b60607e43efce9.png)

เย็นเป็นน้ำแข็งจะละลายลงเพราะไฟ
หรือไฟเลยจะดับมอดเพราะน้ำแข็ง



สารบัญ

1-ใจเย็น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3573885#msg3573885)
2-เป็นไท (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3575416#msg3575416)
3-ทันใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3577620#msg3577620)
4-ไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3579577#msg3579577)
5-คำนวณ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3582219#msg3582219)
6-หวงของ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3583831#msg3583831)
7-ใจกลางพายุ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3585515#msg3585515)
8-แววตา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3589539#msg3589539)
9-พิชญะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3591444#msg3591444)
10-ไม่เข้าใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3592666#msg3592666)
11-สนิท (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3593516#msg3593516)
12-ดอกไม้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3595119#msg3595119)
13-อุบัติเหตุ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3596482#msg3596482)
14-ดับ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3601043#msg3601043)
15-คำถามที่ไม่มีคำตอบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3601488#msg3601488)
16-กลิ่นของไฟ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3602464#msg3602464)
17-ละลาย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3605193#msg3605193)
18-กาแฟ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3607963#msg3607963)
19-หวานขม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3610854#msg3610854)
20-พริมา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3643043#msg3643043)
21-บุหรี่ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3643795#msg3643795)
22-ฉากหลังที่ว่างเปล่า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3645373#msg3645373)
23-ที่ตกลงกันไว้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3647173#msg3647173)
24-สะท้อน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3648444#msg3648444)
25-อินทรีหัวขาว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3649714#msg3649714)
26-ทำร้าย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3651559#msg3651559)
27-กึ่งกลาง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3655000#msg3655000)
28-ทะเล (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3658198#msg3658198)
29-ครั้งสุดท้าย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3663243#msg3663243)
30-ปราย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3668514#msg3668514)
31-ฝุ่นผง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3673254#msg3673254)
32-เกษรา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3683466#msg3683466)
33-พิทักษ์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3688661#msg3688661)
34-เหนือผิวน้ำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3691417#msg3691417)
35-นราธิป (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3693597#msg3693597)
36-เติบโต (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3697169#msg3697169)
37-แสงสว่าง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3699328#msg3699328)
38-ใจเย็นกับเป็นไท (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3701065#msg3701065)
บทส่งท้าย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58029.msg3705082#msg3705082)

หัวข้อ: Re: ◐ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่1-ใจเย็น
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 07-02-2017 23:03:22
1 - ใจเย็น


‘ใจเย็น’ เคยเป็นชื่อของหมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ในตระกูลอัครเสนีย์ ด้วยเหตุผลว่าผู้นำครอบครัวอย่างคุณพิทักษ์นั้นเป็นคนใจร้อน ภรรยาอย่างคุณเกษราจึงเดินทางไปหาซื้อลูกหมาหน้าตาและนิสัยใจคอดี๊ดีอย่างโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ถึงที่ฟาร์มเพาะพันธุ์ เลือกตัวที่พ่อมีสายเลือดอเมริกันแชมป์ ส่วนแม่ก็ไม่แพ้ด้วยแคนาดาแชมป์ ขนแน่น กระดูกใหญ่ ราคาก็แพงตามเบอร์กระดูก แต่คุณเกษราคิดว่ามันคุ้มค่า เพราะในวันที่อุ้มมันเข้ามาในบ้านคุณพิทักษ์ก็เริ่มเปลี่ยนไป

จากที่เคยเป็นคนใจร้อน ไม่ค่อยฟังใคร พอโดนภรรยาบังคับให้แบ่งเวลางานมาอยู่กับใจเย็นอย่างน้อยวันละชั่วโมง แรกๆ คุณพิทักษ์ก็นึกหงุดหงิดใจ แต่ไปๆ มาๆ ก็เหมือนโดนสะกดจิตด้วยใบหน้าโง่ๆ ของใจเย็น ใช่ คุณพิทักษ์ว่าแบบนั้นแหละ หน้าโง่ ก็ในเมื่อทำหน้าใจดีไม่เลือก ไม่เคยไม่ไว้ใจใคร จะไม่ให้เรียกว่าหน้าโง่ได้อย่างไร หากท้ายที่สุดคุณพิทักษ์ก็แพ้ราบคาบ เพราะถึงใจเย็นจะทำให้เขาหงุดหงิดใจได้ด้วยความไม่เชื่อฟังในบางครั้ง แต่ก็สัมผัสได้ถึงความรักอันไม่มีเงื่อนไขของมัน

คุณพิทักษ์มักจะพาใจเย็นไปเดินเล่นในตอนเช้า กลายเป็นว่าจากที่ตื่นมาเช็กข่าวสารบ้านเมืองและธุรกิจผ่านหน้าจอโทรทัศน์หรือหนังสือพิมพ์อย่างเคร่งเครียด ก็เปลี่ยนเป็นผ่อนคลายทั้งกายและใจด้วยหมาหน้าโง่ชื่อใจเย็นนั้นเอง คุณเกษราจึงเห็นดีด้วย ทุกคนในบ้านตั้งแต่คนใช้ยันคนสวนก็รักใจเย็น ทุกคนใจเย็นไปกับใจเย็น และเมื่อใจเย็นอายุได้ห้าปีเป็นหนุ่มฉกรรจ์ คุณเกษราก็ตั้งครรภ์ลูกชายคนแรก

ด้วยแต่งงานตั้งแต่ยังสาว อายุแต่งงานประมาณหกปีถึงเพิ่งค่อยมีลูกจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร คุณพิทักษ์เองแน่นอนว่าเห่อลูก ด้วยเป็นลูกคนแรก และจากภรรยาคนแรก

ใช่ คุณเกษราตอนนั้นอยู่ในฐานะภรรยาหลวง

ใจเย็นทำให้คุณพิทักษ์ใจเย็นแต่กลับไม่เคยทำให้คุณพิทักษ์รับรู้ว่าความซื่อสัตย์นั้นดีอย่างไร เขาแค่ได้รับมันทั้งจากภรรยาและใจเย็น ทั้งจากคนใช้ยันคนสวน ได้รับแม้แต่กับลูกน้องในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คุณพิทักษ์ได้รับ ได้รับ ได้รับ แต่ไม่ค่อยจะให้ใครนักแม้แต่กับภรรยาที่ตนเองก็รักนักหนาอย่างคุณเกษรา

ตอนที่คุณเกษรารู้ว่าคุณพิทักษ์มีหญิงอื่นนั้นหล่อนท้องได้สองเดือน กำลังแพ้ท้องอย่างหนัก เสียใจก็เสียใจ ร่างกายจึงชำรุดทรุดโทรม เคยหน้ามืดเป็นลมเป็นแล้งเกือบตกบันไดแต่ก็เหมือนสั่งสมบุญมาดี คนที่ช่วย...ไม่สิ ตัวที่ช่วยคุณเกษราไว้ก็คือใจเย็นนั่นแหละ มันงับชายเสื้อของคุณเกษราไว้ได้ก่อนจะตกบันได ใจเย็นตกใจทำอะไรไม่ถูกได้แต่ดอมดมร่างนายหญิงของตนอยู่สักพัก ครั้นได้สติเมื่อรับรู้ถึงลมหายใจของนาย ใจเย็นร้องโหยหวนวิ่งไปตามคนใช้ที่หลังครัวให้มาดูคุณเกษรา เมื่อป้าไสวมาพบร่างคุณนายนอนอยู่ก็ส่งเสียงร้องตกอกตกใจไปสามบ้านแปดบ้าน เป็นเรื่องราวใหญ่โตกระทั่งถึงโรงพยาบาล โชคดีที่คุณเกษราและลูกในท้องไม่ได้รับการกระทบเทือนอะไรแค่เป็นลมไปเท่านั้น คุณพิทักษ์เองก็ใจหายใจคว่ำและโล่งอกเมื่อรู้ว่าภรรยาและลูกปลอดภัยดี แต่กระนั้นเลย เขาที่เป็นต้นเหตุแท้จริงก็ไม่ได้จัดการเรื่องชู้สาวให้ขาดสัมพันธ์สิ้น มีแต่คุณเกษรานั้นเองที่จัดการ

ด้วยเกือบเสียลูกไปครั้งนั้นทำให้ใจของคุณเกษราที่เคยอ่อนโยนยวบยาบเปลี่ยนแปลงเป็นแข็งแกร่งดั่งหินผา หล่อนยินดีทำทุกอย่างเพื่อลูกของตนจากนี้ไป และเพื่อจัดการปัญหาทุกอย่างให้หมดสิ้น หล่อนไม่ได้คิดกำราบสันดานหลายใจของคุณพิทักษ์ แต่กลับให้คนไปตามภรรยาน้อยทั้งสองคนของสามีตัวเองมาหาหล่อนถึงที่บ้านเพื่อจะร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกันให้พร้อมหน้า สั่งให้ป้าไสวจัดสำรับอาหารอย่างดิบดีเลี้ยงผู้หญิงสองคนนั้น อาจเป็นโชคดีในความบัดซบอับปางของหัวใจของคุณเกษราที่ภรรยาน้อยสองคนนั้นถึงไม่ได้ดูเป็นผู้ดีมีการศึกษาแต่ก็ดูเป็นคนพอมีจิตสำนึกอยู่บ้าง พวกหล่อนไม่เคยคิดแย่งสามีใคร พวกหล่อนถูกคุณพิทักษ์ตุ๋นเสียเปื่อยว่ายังไม่ได้แต่งงาน ตอนที่คุณเกษราได้ฟังจากปากหญิงสองคนนั้นที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น หล่อนอยากกรีดตะโกนออกไปเหลือเกินว่าฉันสิเสียใจกว่าพวกหล่อนเป็นร้อยเท่าพันเท่า ฉันสิที่ต้องร้องไห้ แต่คุณเกษราก็แค่ยิ้มรับเมื่อนึกถึงลูกชายในท้อง

คุณเกษราได้ยื่นข้อเสนอที่ภรรยาน้อยทั้งสองคนจะปฏิเสธเสียก็ได้ นั่นคือคุณเกษรายินดีหากคุณพิทักษ์พอใจจะคบพวกหล่อนต่อไป และยินดีที่ทำให้ทั้งสองสาวตกใจคือหล่อนยอมแบ่งทรัพย์สมบัติให้ตามแต่ใจคุณพิทักษ์จะเขียนพินัยกรรม เงื่อนไขเพียงอย่างเดียวคืออย่าเป็นศัตรูกับหล่อนและลูกของหล่อน ข้อเดียว ง่ายดายเพียงนั้น

สองสาวที่ตกอยู่ในสถานะเดียวกันมองหน้ากันเลิ่กลั่กสลับกับหันกลับมามองหน้าคุณเกษรา คุณเกษราเห็นก็เพียงยิ้ม และบอกให้พวกหล่อนกลับไปคิดมาก่อนก็ได้ ฉันไม่เร่งรีบนักหรอก ก่อนจะตักข้าวคำต่อไปเข้าปาก หุบปาก เคี้ยวเชื่องช้า ผู้ดี ทำทุกอย่างเหมือนปกติราวกับไม่ได้พูดอะไรที่น่าอัศจรรย์ใจออกไปเลย

และคุณเกษราก็ไม่แปลกใจแม้สักนิดที่ได้รู้ว่าสองสาวภรรยาน้อยยอมรับเงื่อนไข หล่อนได้รับรู้มันผ่านคุณพิทักษ์สามีของตนเอง เขาบอกว่าไม่คิดเลยว่าภรรยาตนเองจะทำเช่นนี้ ตอนนั้นเกษรานึกอยากเถียง ก็แล้วอย่างไรล่ะในเมื่อคุณไม่คิดแย้งที่ภรรยาน้อยของตนตอบตกลงกลับมาเลย ไม่คิดเลยว่าการคบชู้เป็นเรื่องผิด ไม่คิดเลยว่าฉันจะเสียใจ ไม่คิดเลย

หากตั้งแต่วันนั้น อาจเป็นหนึ่งในเศษเสี้ยวความรู้สึกผิดของคุณพิทักษ์ที่คุณเกษราไม่มีวันได้รับรู้ และไม่อยากรับรู้มันอีกแล้ว คุณพิทักษ์ก็ไม่เคยคิดหาภรรยาน้อยเพิ่มอีกเลย

กลับมาที่ด้านลูกชายในท้องของคุณเกษรา จากที่ตรวจเช็กร่างกายตามที่หมอนัด ผลอัลตราซาวด์ที่เผยให้เห็นการพัฒนาของลูกน้อยทุกเดือนก็ทำให้ได้รู้ว่าทั้งหล่อนและลูกนั้นแข็งแรงปลอดภัยดีไม่มีอะไรน่ากังวล หลังจากแพ้ท้องอย่างหนักมาสองเดือน คุณเกษราก็ชอบกินแต่ของหวานเย็น ไอศกรีม น้ำแข็งไส อะไรเย็นๆ นี่ชอบนักล่ะ ป้าไสวที่มักจะเตรียมของหวานให้คุณนายทานอยู่เสมอก็ชอบแซวว่าเด็กคนนี้เกิดมาคงมีนิสัยเหมือนหวานเย็น หล่อนฟังแล้วก็ยิ้ม หวานเย็นก็ดีสิ จะได้ไม่เป็นเหมือนอย่างพ่อของเขา

และจุดเริ่มต้นชีวิตของเด็กชายที่คาดว่าจะนิสัยเหมือนหวานเย็นก็เริ่มต้นในวันที่หนึ่งกุมภาพันธ์ วันนั้นลมหนาวพัดหวน เป็นวันที่อากาศสดใส ท้องฟ้าโปร่งสวย คุณเกษรากำลังนั่งถักถุงเท้าเตรียมให้ลูกน้อยที่กำลังจะเกิดในอีกไม่กี่วันข้างหน้า นั่งคิดชื่อลูกชายไปพลาง ฮัมเพลงให้ใจเย็นที่นอนหมอบอยู่ข้างๆ ฟังไปพลาง

กรันย์ กรินทร์ กวินท์ เป็นหนึ่งในบรรดาชื่อ ก.ไก่ ที่คุณพิทักษ์คิดมาให้ บอกว่าอยากให้ลูกชายมีชื่อใกล้ชิดกับแม่ คงเป็นหนึ่งในความเอาใจและเห่อลูกที่น่ารักน่าหยิกดี ใช่ หล่อนเกือบจะยิ้มแล้วเมื่อนึกแบบนั้น แต่เมื่อหน้าภรรยาน้อยสองคนเริงลอยมาในความคิด มุมปากของหล่อนก็หุบยิ้ม แต่ห้วงคิดใดผุดขึ้นมาไม่อาจรู้ได้ หล่อนยิ้มออกมา หันไปถามกับใจเย็นว่าให้ลูกชายชื่ออะไรดี

ใจเย็นเพียงยิ้มตอบ เป็นรอยยิ้มของหมาโง่ใจดีตัวหนึ่ง ตวัดหางไปมากระแทกพื้นดังตุบๆ คุณเกษราเห็นดังนั้นก็หัวเราะ แค่เพียงเบาๆ แต่กลับเจ็บปวดขึ้นมาสาหัส หล่อนเริ่มร้องโอดโอย รู้สึกได้ถึงน้ำที่ไหลออกมาตามขาของตัวเอง ใจเย็นรับรู้ถึงความผิดปกติของนายหญิง มันรับรู้ถึงความเจ็บปวด แต่เป็นความเจ็บปวดที่จะน่ายินดี ใจเย็นได้กลิ่นของชีวิตใหม่ ชีวิตใหม่กำลังจะเกิดแล้ว ใจเย็นร้อนรนกว่าตอนที่นายหญิงเกือบจะหกล้มตกบันไดเสียอีก แต่ในที่สุดแล้วใจเย็นก็สามารถวิ่งไปตามป้าไสวมาช่วยได้ไม่ต่างจากครั้งนั้น

แน่นอนว่าทั้งบ้านวุ่นวายกว่าที่เคยเป็นมา ทั้งตื่นเต้นตกใจดีใจที่จะได้เห็นลูกชายตัวน้อยๆ ของคุณเกษราลืมตาดูโลก รถพยาบาลห้อตะบึงด้วยความเร็วที่ถ้าไม่ระวังก็อาจจะได้คนเจ็บเพิ่ม กระนั้นก็ถึงโรงพยาบาลอย่างปลอดภัยดี คุณพิทักษ์เองก็ตามมาติดๆ จากที่ทำงาน และในเวลาไม่นานนัก ไม่สิ อาจยาวนานเหมือนชั่วนิรันดร์ในห้วงลุ้นวุ่นวายกระสับกระส่ายของทุกคนในบ้านอัครเสนีย์ เสียงทารกร้องแผดจ้าที่ดังลั่นลอดห้องคลอดออกมาก็ทำให้เวลากลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง

ครั้งแรกที่คุณเกษราเห็นหน้าลูกชาย ทั้งที่ก็ดูเป็นเด็กทารกตัวแดงๆ หน้าเหมือนลิงไม่ต่างจากเด็กทารกแรกเกิดคนไหน แต่หล่อนก็รู้สึกว่าเขาช่างน่ารักเหลือเกิน นี่แหละลูกของฉัน เกษราคิดในใจ น่ารัก น่ารักเหลือเกิน กระนั้นปากก็ชมออกไปว่าช่างน่าเกลียดน่าชัง น่าเกลียดน่าชังเหลือเกิน แล้วน้ำตาหยาดใสๆ ก็ไหลจากดวงตาของคุณเกษรา น้ำตาที่ไม่เคยปล่อยให้ไหลออกมาสักหยดแม้รู้ตัวว่าถูกสามีที่เชื่อใจมาตลอดหักหลังก็กลับมาไหลเอาในวันนี้

คืนนั้นทั้งคืนคุณเกษรานอนไม่ค่อยหลับ เฝ้าวนเวียนอยู่หน้าห้องลูกของตนเองจนคุณพิทักษ์ที่มาอยู่เป็นเพื่อนต้องพากลับห้อง คุณเกษรานอนพลิกตัวไปมาไร้จุดหมาย รู้สึกเคว้งคว้างว่างเปล่าและมีแต่ลูกของตนเท่านั้นที่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวในจักรวาลนี้ แต่ด้วยความเหนื่อยล้าสุดแสนจะทน คุณเกษราก็ผล็อยหลับไป

และในเช้าวันนั้นเองที่คนสวนชาวใต้หน้าซื่อของบ้านอัครเสนีย์มาเยี่ยมคุณเกษราพร้อมกระเช้าดอกไม้ที่จัดมาให้อย่างสวยงาม บอกด้วยเสียงสำเนียงทองแดงว่าคุณนายต้องพักฟื้นในห้องขาวๆ นี่คงไม่สดชื่น ผมอยากให้คุณนายสดชื่น ซื่อๆ เช่นนั้นไม่มากความ คุณเกษรายิ้มรับและขอบคุณอย่างจริงใจ ก่อนเอ่ยชวนให้คนสวนไปดูหน้าลูกชายของหล่อนพร้อมกับคุณพิทักษ์ เดินไปคุยไปเพลิดเพลินก่อนที่ความสุขจะพลันปลิดปลิวหายสิ้น

“ใจเย็นตายแล้วนะครับคุณนาย”

คนสวนบอกออกมาหน้าซื่อให้คุณเกษราหันขวับไปมอง ราวต้องการหาความจริงในสิ่งที่เพิ่งได้ฟัง และเมื่อเห็นดังนั้นคนรู้ความจึงเอ่ยบอกเหตุผลในประโยคต่อมา

“หลังจากรถพยาบาลมารับคุณนายน่ะครับ มันก็วิ่งตามรถพยาบาลไปด้วย ไล่จับยังไงก็ไม่ทัน หายไปจนอาแปะร้านชำหน้าปากซอยมาบอกว่ามันโดนรถชนตายแล้ว”

ฟังจบคุณเกษรารู้สึกใจสลาย ใจสลายเป็นครั้งที่สองหลังถูกสามีหักหลังย่อยยับ หล่อนร้องไห้เงียบเชียบแต่การกระทำกรีดตะโกนลั่น คุณเกษราอุ้มลูกชายอายุเพียงวันเดียวออกมาท่ามกลางความงุนงงของคุณพิทักษ์ คนสวน และพยาบาล และเมื่อโดนขวางเอาไว้หล่อนกรีดร้องแบบที่ใครคนใดในโลกก็ไม่อาจขัด หล่อนกรีดร้องดื้อดึงว่าจะกลับไปหาใจเย็น ใจเย็นที่เคยให้ชีวิตกับลูกชายของหล่อนเอาไว้ครั้งหนึ่ง

สุดท้ายคุณพิทักษ์ก็ต้องพาคุณเกษรากลับบ้านอย่างเสียไม่ได้ เมื่อถึงบ้านและลงจากรถท่ามกลางความมึนงงของบรรดาคนรับใช้ที่ไม่คิดว่าคุณนายจะกลับมาในวันนี้หล่อนก็อุ้มลูกและสั่งเสียงเรียบกับคนสวนชาวใต้ให้นำไปหาใจเย็น หล่อนเดินตามไปด้วยท่วงท่ากระฉับกระเฉงงดงามราวไม่เจ็บไม่เหนื่อยจากวันวานแม้แต่น้อย จนกระทั่งถึงซากไร้วิญญาณของใจเย็นที่ถูกคลุมด้วยผ้าขาวบางเปื้อนเลือดเลอะเทอะน่าอดสู หล่อนก็ทรุดฮวบลงตรงนั้นและร้องไห้ร้องไห้ให้กับหมาตัวหนึ่งที่หล่อนก็เพิ่งรู้ว่าหล่อนรักมันแทบขาดใจ

และในเวลานั้นเองที่มือของคุณเกษราเอื้อมไปปิดตาที่เหลือกค้างของใจเย็นด้วยเป็นสิ่งสุดท้ายที่พอจะทำให้มันได้ น้ำตาก็ร่วงหล่นลงบนใบหน้าของลูกน้อยในอ้อมอก ลูกน้อยที่เคยเกือบจะไม่ได้เกิดมาแล้วบนโลกใบนี้หากไม่ได้ใจเย็นช่วยเอาไว้ และในห้วงเวลาก่อนน้ำตาอีกหยาดหยดจะไหลริน หล่อนก็เอ่ยออกมา ไร้สุ้มเสียงสะอื้นไห้

“ฉันจะให้ลูกชายคนนี้ชื่อใจเย็น”

ท่ามกลางตกใจของทุกคน บรรยากาศจึงเงียบงัน หล่อนจึงพูดซ้ำ กระนั้นก็ยังไม่มีใครพูดอะไรต่อ คุณเกษราจึงยังจมอยู่กับความคิด จมอยู่กับเหตุผลที่หล่อนให้ชื่อลูกชายคนนี้มีชื่อเดียวกันกับหมาที่ตายไป แต่ใช่ แม้จะเป็นชื่อหมา หล่อนคิดว่ามันช่างยิ่งใหญ่นัก ซื่อสัตย์ เสียสละ และชื่อนี้จะไม่มีสิ่งใดเกาะเกี่ยวโยงกับสิ่งที่คนเป็นพ่อตั้งใจแม้แต่น้อย

จนกระทั่งป้าไสวที่ยืนดูเหตุการณ์ตั้งแต่แรกตั้งสติได้ หรืออาจจะเพราะไม่มีสติจึงพูดออกมาให้คุณเกษรายิ้มรับ จริงใจ

“ก็ดีนะคะคุณนาย คุณหนูจะได้ใจเย็น และก็...เหมือนหวานเย็นที่คุณนายชอบกินตอนตั้งท้องไงคะ”

และตามคำที่ป้าไสวพูด ชีวิตนับจากนั้นของเด็กชายใจเย็นก็ช่างคล้ายหวานเย็นต่อคนรอบข้าง

แต่ไม่ใช่ส่วนของความหวาน

หากเป็นน้ำแข็ง เย็นเยียบ และบาดลึกกรีดถึงใจหากไม่ทันตั้งตัวให้ดี











********************************************************************************
สวัสดีค่ะ แยมส้มขมคอคนเดิมเองค่ะ

ติดแท็กน่ารักๆ (?) #ใจเย็นกับเป็นไท ได้เลยค่ะ

ฝากเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ◐ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่1-ใจเย็น
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-02-2017 23:11:27
สงสารคุณนายแม่ ทำไมใจเย็นถึงกลายเป็นเย็นเป็นน้ำแข็งไปได้ล่ะ

ว่าถึงเป็นไท ต้องย้อนกลับไปหาเลยเชียว ที่แท้ก็ลูกของป้าของปรายนี่เอง
หัวข้อ: Re: ◐ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่1-ใจเย็น
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 07-02-2017 23:31:55
อิน น้ำตาซึมกับใจเย็นที่เป็นหมา
แต่ไม่รู้ว่าจะน้ำตาแตกกับใจเย็นที่เป็นคนหรือเปล่า
สายหน่วงค่ะ กัลป์ปรายเพิ่งหายหน่วงไปก็ตามมาหน่วงต่อกับเรื่องนี้555555
รอนะคะ

หัวข้อ: Re: ◐ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่1-ใจเย็น
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-02-2017 23:50:50
มาตอนแรกก็หน่วงเลย น้ำตาไหลซะและ
โมโหกับความไม่ซื่อสัตย์ของสามี
แค้นแทนคนภรรยาเลย
แต่ใจเย็นสุนัข แสนจะซื่อสัตย์
รักนายโดยไม่มีข้อแม้ ช่วยชีวิตนายอีก
ตายเพราะรัก วิ่งตามจนถูกรถชนตาย
แล้วใจเย็นคน ถูกเลี้ยงดูแบบไหน
ทำไมถึงเย็นเยียบ เหมือนน้ำแข็งไปซะล่ะ
แต่มีพ่อ ที่มีเมียน้อย ลูกคงไร้ใจเพราะพ่อหรือเปล่า
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◐ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่1-ใจเย็น
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 08-02-2017 00:08:01
เฮ้อ สงสารคุณนายจัง ผัวมีเมียน้อยตั้งสองคนแถมหมาที่ตัวเองรักยังมาตายจากไปวันคลอดลูกอีก
หัวข้อ: Re: ◐ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่1-ใจเย็น
เริ่มหัวข้อโดย: Pamaipraewa ที่ 08-02-2017 01:58:59
รออ่านค่ะะะะะ  :hao7:

ชอบความหน่วงของทุกเรื่อง ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ◐ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่1-ใจเย็น
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 08-02-2017 04:38:30
รอติดตามต่อนะคะ

ใจเย็นกับเป็นไท
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่1-ใจเย็น
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 08-02-2017 09:18:43


รอติดตามค่ะ ^^

หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่1-ใจเย็น
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 08-02-2017 09:36:17
 :3123: :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่1-ใจเย็น
เริ่มหัวข้อโดย: MOMAMi_96 ที่ 08-02-2017 10:02:49
นี่แค่ทีอินโทรหนูใจเย็นนะ โหยยยยยย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่1-ใจเย็น
เริ่มหัวข้อโดย: MOMAMi_96 ที่ 08-02-2017 14:29:36
กลับมาดู ชื่อคนแต่งกัลปาบนี่นา มิน่าละเราถึงชอบสำนวนดี555
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่1-ใจเย็น
เริ่มหัวข้อโดย: jejiiee ที่ 08-02-2017 14:44:54
เป็นไทคนใจร้อน ต้องมาเย็นเพราะคนนี้นี่เอง
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่1-ใจเย็น
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-02-2017 18:41:26
ใจจะเจ็บจนชาเหมือนกัลป์ปรายหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่1-ใจเย็น
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 08-02-2017 18:51:40
อ่านแล้วสงสารหมา
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่1-ใจเย็น
เริ่มหัวข้อโดย: karamailpraleen ที่ 08-02-2017 19:04:43
รอค่ะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่1-ใจเย็น
เริ่มหัวข้อโดย: Frankdar ที่ 08-02-2017 19:50:33
ร้องไห้เลย 
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่1-ใจเย็น
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 08-02-2017 21:22:06
อะ...อ้าว...ทำไมได้มาแต่ "เย็น" ล่ะลูกกกกก
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่1-ใจเย็น
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 09-02-2017 00:12:09
คุณเกษราไม่น่ากินหวานเย็นเยอะเลย หะ ๆ
เป็นไทจะเป็นคนมาละลายเหรอเนี่ย  สู้เขานะเป็นไท  :sad4:


//ร้องเชียร์ในใจว่า ตอน 2 รัว ๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่1-ใจเย็น
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 09-02-2017 01:57:03
สงสารคุณเกษรา
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่1-ใจเย็น
เริ่มหัวข้อโดย: Viewonohm ที่ 09-02-2017 11:53:26
เกิดอะไรขึ้นกับหนูล่ะลูโตมาท่าทางจะเอาแต่ใจน่าดู
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่1-ใจเย็น
เริ่มหัวข้อโดย: polkadot ที่ 09-02-2017 12:33:49
น้ำตาซึมตอนอ่านถึงเย็นใจโดนรถชน
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่1-ใจเย็น
เริ่มหัวข้อโดย: airargad ที่ 09-02-2017 19:55:26
แค่ตอนแรกก็ทำให้ใจชาๆเหมือนโดนน้ำแข็งมาวางทับไว้แล้ว 55555555 ชอบผลงานคุณแยมมากเลยค่ะ ตามอ่านมาทุกเรื่องแล้วนะคะ จะติดตามต่อไปเรื่อยๆเลยค่ะ รอตามฝั่งเป็นไทบ้างค่ะ ติดใจหนักมากจากเรื่องที่แล้ว ที่น้องปรายบอกว่า ก็จริงที่ว่าคนที่อะไรดีๆไปมักไม่รู้ตัวหรอก รู้สึกแทงใจคนอ่านอย่างบอกไม่ถูกกเลยค่ะ อยากรู้ว่าเป็นไทต้องเจอกับอะไรกันแน่  โอมมมม ตอน2มาไวไวๆ เพี้ยงงงงง ยำยำ หรือมาม่าไม่เอาค่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่2-เป็นไท (10/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: MOMAMi_96 ที่ 10-02-2017 00:00:09
รอตอน2จ้า
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่2-เป็นไท (10/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 10-02-2017 00:05:44

2 – เป็นไท



‘เป็นไท’ เป็นชื่อที่ปราณีตั้งให้ลูกชายของตนเองราวกับจะประชด เพราะชีวิตในช่วงสิบสองปีแรกของเป็นไทนั้นพบเจอแต่ความบัดซบ ขมขื่น ไร้ชื่นมื่นใดแห่งความเป็นอิสระทั้งกายและใจ

ย้อนไปก่อนที่เป็นไทจะเกิด ปราณีนั้นเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยไม่ต่างจากปรีดาผู้เป็นน้องสาว มีชายมากหน้าหลายตามาป้วนเปี้ยนวนเวียนในชีวิต แต่ปราณีก็ไม่เคยสนใจ ไม่เคยมีชายใดเฉียดใกล้อุดมคติของหล่อน ทั้งปราณีและปรีดาต่างชอบอ่านนวนิยายพาฝัน พาจินตนาการให้เพริดแพร้วแสนไกลในแดนแห่งรัก หากก็มีเพียงปราณีที่จริงจังกับภาพฝันเหล่านั้น หล่อนหวังพบหนุ่มรูปงาม งามทรัพย์ งามใจ งามศักดิ์ศรี และทะนุถนอมหล่อนได้ราวกับสมบัติล้ำค่าที่มีชิ้นเดียวในโลก ขณะที่ปรีดาไม่เคยหวังใดๆ เหล่านั้น หล่อนแค่หวังผู้ชายที่รักหล่อนอย่างจริงใจ และอาจเพราะหวังมักน้อย ปรีดาจึงพบเจอชายคนนั้นได้ก่อนปราณี

กระนั้นเลย แม้จะบอกว่าหวังมักน้อย แต่ชายคนรักของปรีดาอย่างปุริมนั้นก็ช่างเพียบพร้อมทั้งรูปกายและรูปใจ ปราณีอดเคืองขัดเล็กๆ ในอกไม่ได้ที่น้องสาวมีแฟนก่อน ระยะหลังหล่อนจึงชอบเผลอนั่งครุ่นคิดให้ขุ่นใจว่าเมื่อไหร่ชายในฝันจะเดินออกมา และในชั่วขณะฝันหวานเกือบจะไม่รู้ตัวแล้วนั้น นราธิปก็ย่างก้าวเข้ามาในความจริง

นราธิปเป็นชายหนุ่มรูปงาม หรือเรียกว่างามต้องตรงใจของปราณีก็ดูจะเหมาสม ทั้งบุคลิกท่าทาง กริยามารยาท หน้าที่การงาน และความช่างเอาอกเอาใจพร้อมรอยยิ้มแสนหวานทำให้ปราณีต้อนรับเขาเข้าสู่หัวใจได้ในเวลาไม่นานนัก อาจเพียงชั่วอึดใจด้วยซ้ำ และไม่นานหลังจากนั้น ด้วยกลัวว่าปรีดาจะประกาศแต่งงานก่อนผู้เป็นพี่สาวอย่างหล่อน ปราณีจึงตกลงปลงใจใช้ชีวิตคู่กับนราธิปทั้งที่เพิ่งคบหาดูใจกันไม่กี่เดือน

โดยไม่รู้เลยว่านั่นแหละคือต้นเหตุแห่งฝันสลายทั้งปวง

แต่ก่อนที่ฝันจะสลายแหลกเละ เป็นไทผู้เป็นลูกชายของทั้งคู่ก็มีอายุได้สามขวบปี ดูราวกับเป็นคำสาป เพราะทรงจำของเด็กชายเริ่มต้นชัดเจนที่ตรงนั้น เริ่มต้นให้เห็นชัดถึงรอยร้าวที่เตรียมปริแตก แม้ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ภาพพ่อแม่ทะเลาะถกเถียงด้วยเสียงหยาบกร้านก็ทำให้เด็กน้อยร้องไห้จ้า ก่อนต้องเก็บกลืนสะอื้นฮักเมื่อผู้เป็นพ่อหันมาตวาดด้วยรำคาญเสียงของเขา

ปราณีไม่รู้ว่าชีวิตครอบครัวผิดพลาดที่ตรงไหน ในเมื่อหล่อนก็แค่อยากจะประคับประคองให้มันสวยเหมือนใหม่ตลอดเวลา ไม่ต่างจากบ้านหลังงามที่นราธิปบันดาลให้ หล่อนมักจะปัดกวาดเช็ดถูและหาเครื่องเรือนเครื่องใช้มาตกแต่งให้สวยงาม แต่บางทีนราธิปคงไม่ได้เป็นเหมือนบ้าน แม้แค่เปรียบเปรยก็ไม่อาจใช่ บ้านของหัวใจก็ไม่ใกล้เคียง เขาเริ่มกะเทาะเปลือกตัวเองและเผยธาตุแท้ให้เห็นทีละน้อย ทีละน้อย

แล้ววันแรกที่รอยร้าวเริ่มแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก็มาถึง มันเป็นคืนที่นราธิปเมาเละเทะ กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนจัดจ้านในจมูกของเป็นไทที่อายุได้ห้าขวบ เสียงทะเลาะถกเถียงตามมาหลังกลิ่นนั้น หากครั้งนี้ต่างไป เป็นไทเห็นแม่ของตนเองถูกตบจนลงไปกองกับพื้น ด้วยอารามตกใจและเด็กเกินไปจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี เขาจึงทำได้แค่ร้องไห้ ร้องไห้ และร้องไห้จนนราธิปผู้เป็นพ่อแท้ๆ นึกรำคาญเสียง ไม่สิ นราธิปก็รำคาญเสียงร้องไห้ของเป็นไทเสมอมานั่นแหละ อาจนับตั้งแต่วันที่สองของการเกิด หรืออาจตั้งแต่ที่คลอดออกจากท้องแม่ด้วยซ้ำ เพราะสิ่งที่กระทำนับแต่นี้ไปไม่ใช่สิ่งที่พึงกระทำกับลูกแม้แต่น้อย

ทุบตี ขู่กร้าว ก่นด่าว่าไร้ค่าไม่น่าเกิดมา สิ่งเหล่านั้นถูกกรอกใส่หูของเด็กชายเป็นไทผู้ไร้แรงสู้ ก่อนจะถูกลากไปขังในห้องน้ำที่มืดสนิท ให้เสียงร้องไห้ของเขาสะท้อนก้องอยู่ในนั้น จนอายุเจ็ดขวบกว่าที่เป็นไทจะเข้าใจว่าพ่อไม่ต้องการได้ยินเสียงของเขา หากคืนนั้นมันช่างทรมานแสนสาหัส มืดมนข้นคลั่กด้วยความหวาดกลัวหวั่นผวา กว่าที่ปราณีแม่ของเขาจะพ้นจากพ่อที่เหนื่อยล้าอาละวาดจนผล็อยหลับไปมาเปิดประตูพาเขาออกมาได้ เป็นไทก็รู้สึกว่าตนถูกปิศาจในความมืดกัดกินหัวใจแหว่งวิ่นและไม่อาจเติมคืนได้ตลอดกาล

“พ่อเขาเมาลูก พ่อเขาเมา” หากปราณีก็เอ่ยบอกกับเป็นไทเช่นนั้น บอกกรอกหูไม่ต่างจากที่บอกว่าเขาไร้ค่า ร้องไห้ไม่ต่างจากที่เขาร้อง แต่ดูเป็นร้องไห้ที่มีสาเหตุต่างกัน ความเศร้าของแม่เขานั้นมาจากภาพฝันที่ถูกบิดเบือนเลื่อนลั่นและไม่อาจจะยอมรับมันได้นั้นเอง

ปราณีไม่ยอมรับแม้แต่จะเอ่ยบอกใครให้มาช่วย ไม่แม้แต่จะบอกกับปรีดาผู้เป็นเครือญาติใกล้ชิดที่สุดคนสุดท้าย ด้วยหวังมหาศาลไม่ต่างจากครั้งยังสาวสดงดงามที่ว่าจะมีเจ้าชายเดินออกมาจากฝัน ปราณีหวังว่ามันจะกลับไปดีเหมือนเดิม โดยไม่รู้ตัวเลยว่าขณะที่ตัวเองจมลงในความหวังนั้น ลูกชายตนเองก็จมลงในความไร้ค่าหาตัวตนไม่เจอ

เป็นไทรู้สึกเหมือนถูกกลืนกินในความมืดมิด ปิศาจก่นบอกอยู่ข้างหูว่าเขานั้นช่างไร้ค่า ทุบตีทำร้ายทั้งที่ไม่มีกลิ่นใดฉุนจมูกอีกต่อไป แต่ปราณีก็พยายามบอกกับเขาว่าพ่อเขาเมา พ่อเขาเมา ก่อนจะร่ำไห้ท่ามกลางเศษซากเครื่องเรือนเครื่องใช้สวยงามที่หล่อนเคยรำพันรักใส่พวกมันด้วยการค่อยๆ เช็ดถูพวกมันอย่างประณีตบรรจงทีละชิ้น เห็นสิ่งเหล่านั้นแล้วเป็นไทรู้สึกพะอืดพะอม เจ็บปวด แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่รู้แม้แต่จะบรรยายมันอย่างไร และบางทีเป็นไทอาจไม่เข้าใจอะไรเลย ไม่เข้าใจพอที่จะออกความเห็นใดๆ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงยังพร่ำรำพันว่าพ่อเคยเป็นคนดี เขาอยากกรีดร้องตะโกนถาม แต่สิ่งที่ทำได้ก็มีเพียงความนิ่งเงียบ นิ่งเงียบแบบที่พ่อของเขาชอบ หรืออาจไม่เคยชอบอะไรในตัวของเขาเลยก็ได้ ก็แค่ไม่อยากรับรู้ถึงตัวตนของเขา จึงสั่งให้เขานิ่งเงียบ ก็เพียงเท่านั้น

ครั้งสุดท้ายที่ถูกจับขังในห้องน้ำ เป็นไทกลั้นหายใจ พาศีรษะตัวเองจุ่มลงไปในน้ำ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำลงไปทำไม เขาอาจแค่อยากดำดิ่งลงไปแสนไกลในความมืดมิด หรือบางที อาจแค่อยากหาคุณค่าของตัวเองว่าอยู่ที่แห่งใดกันแน่ แต่ก็พบเพียงความเงียบงัน ว่างเปล่า จนรู้สึกขลาดกลัวสั่นสะท้าน หากในบางห้วงขณะที่เจ็บปวดและหวั่นกลัวนั่นแหละที่เขารู้สึกว่าตนเองมีตัวตนอยู่ที่สุด

แล้วหลังจากนั้นเป็นไทก็ไม่ได้ถูกขังในห้องน้ำอีกต่อไป แต่กลายเป็นตู้เสื้อผ้าที่มืดมิดมากกว่าห้องน้ำเป็นร้อยเป็นพันเท่า

ซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่จิตใจถูกกัดกินแหว่งวิ่นเข้าไปทุกที ทุกที จนเริ่มไม่แน่ใจว่าจะเหลือพื้นที่พอให้รู้สึกได้ถึงคุณค่าของตัวเองหรือเปล่า เป็นไทกลายเป็นคนหวาดระแวง ก้าวร้าว และทำร้ายตัวเองในบางครั้งเพื่อให้รู้สึกว่าตัวเองยังมีตัวตนอยู่ ณ ตรงนั้น แต่เหมือนว่ายิ่งทำ นราธิปก็บดขยี้คุณค่าในตัวเขาให้แหลกละเอียดป่นปี้จนไม่อาจประกอบคืนได้ และในวันที่ถูกทุบตีทำร้ายจนลามมาถึงใบหน้าอย่างไม่ที่เคยทำ ด้วยเหตุผลน่ารังเกียจที่ไม่ต้องการให้คนภายนอกเห็นชัดถึงรอยบาดแผล เป็นไทก็หมดความอดทน หรืออาจเรียกได้ว่าสติแตก

มีดหั่นเนื้อในครัวถูกหยิบยกขึ้นมาด้วยมือของเด็กชายอายุสิบสองที่ดูเล็กจ้อยไร้เรี่ยวแรง แต่แววตาแข็งกร้าวทำให้นราธิปหยุดชะงัก กระนั้นก็แค่ชั่วครู่ นราธิปไม่นึกกลัวแม้แต่น้อย แต่ใช่ เป็นไทก็ไม่ได้จะขู่ให้พ่อของตนเองกลัว ไม่ได้คิดจะแทงพ่อแท้ๆ ของตนเองด้วย แม้แม่ของเขาจะร่ำร้องเสียงสั่นห้ามปรามว่าอย่าทำพ่อเลย อย่าทำพ่อเลย

และก็ตามนั้น เป็นไทเชื่อคำพูดของแม่ เป็นไทไม่ได้ทำพ่อ แต่มีดเล่มนั้นหันเข้าหาตัวเองแบบที่ต้องการจะแทงลงไปให้จมด้าม

ในชั่ววินาทีของความสิ้นหวังทั้งหมด ปราณีพุ่งเข้าไปจับคมมีดนั้นไว้ด้วยมือของตัวเอง และเมื่อได้สติรับรู้ว่าลูกชายยังปลอดภัยดีก็ทรุดลงทั้งยังกำมีดแน่นจนเลือดไหลซิบก่อนร้องไห้แทบขาดใจ เป็นไทได้แต่ยืนนิ่งอึ้งค้างอยู่แบบนั้น ในหัวขาวโพลนไปหมดกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เขาจำได้ เขาจำได้ดีถึงแววตาว่างเปล่าของพ่อในตอนนั้น ราวกับหมดธุระกับพวกเขาแล้ว และกลับทำตามคำขอของแม่ที่เพิ่งเอ่ยปากเป็นครั้งแรกในชีวิตว่าอย่ายุ่งกับพวกเขาอีก ง่ายดายจนน่าตกใจ ถึงกับทำให้เป็นไทฝันร้ายเพราะแววตานั้นอยู่หลายคืน

ปราณีพาลูกชายกลับไปยังบ้านดั้งเดิมของตนเอง แม้จะร้างไร้สองตายายของเป็นไทมาได้สักพักแล้ว แต่เปลี่ยวเหงาก็คงดีกว่าถูกกัดกร่อนหัวใจแบบวันต่อวัน และในบ้านเล็กๆ หลังนั้นเองที่ไม่มีเครื่องเรือนสวยงามให้ถูกปาแตกกระจาย สภาพจิตใจของเป็นไทก็ค่อยๆ ดีขึ้น แม้จะคงความก้าวร้าวที่ฝังลึกจนแก้ไม่หาย แต่มันก็ดีขึ้น ดีขึ้น จนเหมือนเรื่องโกหกที่เบาหวิวไร้น้ำหนักใด ก่อนกลับมาหนักอึ้งเมื่อได้รับรู้ว่าความทรมานตลอดมานั้นไม่ใช่เพียงเพราะปราณีหวังให้ครอบครัวกลับไปดีดังเดิม แต่เพราะอับอายถ้าใครเขาจะรู้ว่าภาพฝันความรักสวยงามของหล่อนนั้นถูกทำให้แตกสลายไม่มีชิ้นดี

เป็นไทรู้สึกโหวงว่างในหัวใจ เขาไม่เข้าใจเรื่องสลักซับซ้อนในจิตใจมนุษย์ ทั้งสายตาว่างเปล่าของพ่อที่กลับทำให้เขาฝันร้าย ทั้งเรื่องที่แม่แค่อับอายหากครอบครัวต้องแตกแยก ทั้งความเจ็บปวดที่กลับทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ ทั้งหมดนั่นเลย เขาไม่เข้าใจจนพาลเกลียดไม่อยากทำความเข้าใจแม้แต่ใจของตัวเอง ทว่าก็ได้แค่ฝังมันให้ลึกที่สุดของห้วงทรงจำเพราะรู้ดีว่าไม่อาจลืม

แต่แล้วทุกอย่างก็กลับรื้อฟื้นคืนมาเหมือนเล่นตลกในคืนที่ฝนตกหนัก เสียงหน้าต่างถูกลมกระชากเปิดปิดดังปึงปังเพราะกลอนล็อกหลวมทำให้นึกรำคาญใจ เป็นไทลุกไปหาอะไรมาผูกขึงหน้าต่างไว้ ในจังหวะที่จะยื่นมือไปจับบานหน้าต่างนั้นเองมันก็กระแทกปิดเข้ามาดังปังพร้อมกับเสียงฟ้าผ่าให้สั่นสะเทือนเลื่อนลั่น ก่อนที่ไฟจะมืดดับลงทั้งหมู่บ้าน

และอนธการชั่วขณะนั้นเองที่ทำให้เป็นไทเกิดอาการหายใจหอบถี่ หัวใจเต้นระรัวและรู้สึกหมดเรี่ยวแรง ภาพฝันร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งในห้องน้ำและตู้เสื้อผ้าย้อนคืนกลับมาหลอกหลอน เสียงฝนตกและเสียงหน้าต่างกระแทกกรอบดังปึงปังไม่หยุดหย่อนก็ฟังราวกับเสียงผรุสวาทลั่นของพ่อที่บอกกับเขาซ้ำๆ ว่าไร้ค่า ก่อนจะหลุดจากฝันร้ายที่ดูเหมือนยาวนานชั่วนิรันดร์เมื่อแม่เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเชิงเทียนส่องสว่าง ถามปลอบประโลมเขาว่าเป็นอะไรไหม ไม่รู้ทำไมเขากลับร้องไห้จนแม่ตกใจ แต่ก็ไม่นานนัก เป็นไทปาดน้ำตาของตัวเองทิ้งให้ราวกับว่ามันไม่เคยมีตัวตน จ้องมองเปลวไฟเล่นระบำอยู่เหนือก้านเทียน กระพริบวิบวับส่องสว่างให้ความมืดที่เขาหวาดกลัวจางหาย

แต่ก็รู้ดี ว่าไฟนั้นไม่ได้ช่วยเขาให้หายสนิทจากหลอกหลอนไม่หมดสิ้น และก็พาลคิดไปว่ามันคงยังแผดเผาไม่พอ ไม่เพียงพอ แต่กระนั้นก็ไม่อยากไขว่คว้าหาสิ่งใดอีก

เป็นไทอยากจะเป็นไฟที่เผาทำลายทุกอย่างให้มอดไหม้เสียเอง







****************************************************************************************
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่2-เป็นไท (10/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 10-02-2017 00:06:42
รอตอน2จ้า

เหมือนใจตรงกันเลย เห็นว่าคอมเม้นขึ้นตอนกำลังกดแสดงตัวอย่างกระทู้เลยค่ะ 55 ดีใจที่รอน้า
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่2-เป็นไท (10/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-02-2017 00:15:22
ปัญหาครอบครัว (ที่ส่งผลต่อตัวตน) ของทั้งคู่ช่างหนักหน่วง
เห็นด้วยกับคนเขียนแล้วค่ะ (พยักหน้า) ว่าชื่อเรื่องดูจะมุ้งมิ้ง ใสใส กว่าเนื้อหามากนัก (หัวเราะ)
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่2-เป็นไท (10/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Viewonohm ที่ 10-02-2017 00:18:27
สถาบันครอบครัวสำคัญจริงๆนะ  :mew6:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่2-เป็นไท (10/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Pamaipraewa ที่ 10-02-2017 00:45:16
โอ้ แม่ของเป็นไทช่างพร่ำเพ้อนัก

สงสารลูกจริงๆ คือเด็กจะเป็นยังไงคิดอะไรมันขึ้นอยู่กับการแสดงออก การสอนของผู้ใหญ่จริงๆ

รออ่านต่อ อยากรู้ว่าเรื่องจะเป็นไง
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่2-เป็นไท (10/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 10-02-2017 01:13:10
อื้อหือออออ

หนักหน่วง
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่2-เป็นไท (10/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-02-2017 01:29:49
 :ling3:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่2-เป็นไท (10/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: MOMAMi_96 ที่ 10-02-2017 01:33:48
รอน้องใจเย็นมาเป็นน้ำแข็งให้ไฟอย่างเป็นไทยนะคะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่2-เป็นไท (10/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: toutnoir ที่ 10-02-2017 06:31:14

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ตามอ่านงานแยมเรื่อยๆ เป็นเพราะแต่ละเรื่องรสชาติไม่เหมือนกัน อย่าให้ผมนับเลยว่ากี่คนที่เพิ่งจบไปนั้น'น้อย'มาก พอมาเรื่องนี้กลับ'เยอะ'มาก

ยังคงไม่ชินสำนวนแนวนี้ แต่ก็ยังมีจุดที่ชอบให้ตามอ่านต่อไปเสมอ เอาล่ะตอนหน้าน้ำแข็งกับไฟจะเจอกันแล้วใช่ม๊ายยยย /ลุ้น

ปล.ไหนว่าเรื่องหน้าจะตลก ง้างรอขำมาตั้งกะตอน 1 ละนะคะ :z13:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่2-เป็นไท (10/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 10-02-2017 07:03:29
ติดตามค่ะ :mew2:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่2-เป็นไท (10/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 10-02-2017 07:56:29


เป็นดราม่าที่ดีต่อใจเหลือเกิน - ชอบ!
(สารภาพว่าลืมว่าเป็นไทคือใคร...
แต่พออ่านตอนนี้จบก็เกิดพุทธิปัญญา
เพราะความกร้าวของเด็กน้อยนี้ช่างคุ้นเคยเสียจริง ๆ )

รอตอนต่อไปค่ะ  :กอด1:

หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่2-เป็นไท (10/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-02-2017 18:51:31
โอ้.... ไรท์ ชื่อเรื่อง ไม่ได้มุ้งมิ้งหรอก
แต่มันตรงกันข้ามเลยแหละ
อธิป นายไม่ควรมีครอบครัวโคตรจริง
ควรเป็นโสด  เป็นพ่อพวงมาลัย
ไม่มีใครให้ดูแลปกป้อง เพราะนายทำไม่ได้
และจะได้ไม่ทำร้ายจิตใจ และร่างกายของลูกเมีย
จนลูกเป็นโรคจิต หรือเล็กๆนายก็ถูกพ่อทำแบบนี้
เป็นความผิดของนายซะ 80%
อีก 20% เป็นของแม่เป็นไท
ที่ไม่ปกป้องลูก เอาแต่เพ้อเจ้อไปวันๆ
อยากรู้ นายทำกับลูกคนอื่นเหมือนเป็นไทไหม
หรือไม่มีลูกกับเมียคนอื่น
นี่ขนาดลูกเมียแต่งนะเนี่ย
เกลียดโคตร พ่อแบบนี้  :fire:
อย่าหวังว่าลูกจะกลับไปหาพ่อแบบนี้
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่2-เป็นไท (10/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 10-02-2017 18:54:54
โดนทำร้ายทั้งกายและใจจนฝังลึก
เด็กที่โตมากับความหวาดระแวงและความกลัว

ไม่แปลกใจเลยที่เป็นไทอารมณ์ร้าย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่2-เป็นไท (10/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 10-02-2017 21:03:58
เป็นไทเจอแบบนี้มาแต่เด็กสินะ
ถึงได้ดูก้าวร้าวตลอดเวลา
คนก้าวร้าวกับคนเย็นชาจะมาป๊ะกันได้จะได๋น้ออออออ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่2-เป็นไท (10/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Taohoo ที่ 10-02-2017 21:16:01
 :hao4: หนักจัง ตอนนี้เราคิดไปถึงตอนที่สองคนคบกัน มันน่าจะคล้ายกับคนโรคจิตรักกันอ่ะ ไม่รู้สิ  :mew3:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่2-เป็นไท (10/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Frankdar ที่ 10-02-2017 21:41:43
สงสารเป็นไท  บางทีแค่โดนด่าก็เจ็บมากแล้ว  มาเจอแบบนี้อีก  :hao5:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่2-เป็นไท (10/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: nippy ที่ 12-02-2017 09:58:28
ตามมาจากเรื่องของ กัลป์ปลาย อยากอ่นต่อเร็วๆจัง แต่เข้าใจค่ะ รออออออ
ตอนเรื่องของปลาย เราจำได้ว่าเราถูกหลอกด้วยชื่อเรื่องอยู่นานมาก (คือไม่อ่านเพร่ะชื่อเรื่อง) จนเมื่อวานคือกดเข้าไปอ่าน แล้วมันก็แบบใช่ที่เราชอบจริงๆ เขาถึงบอกว่าอย่าตัดสินหนังสือจากปกสินะ นี่เอาเรื่องนู้นมาเวิ่นเว้อในเรื่องนี้ค่ะ ขออภัย
จะติดตามต่อไปนะคะ เป็นไทกับใจเย็น
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่2-เป็นไท (10/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 12-02-2017 12:52:12
ไฟจะละลายน้ำแข็งไปเอง และน้ำแข็งที่ละลายก็มากพอจะดับไฟ

จะได้จริง ๆ ไหมน่อ 5555 ใจเป็นไทพังเหลือเกิน  :hao5:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่2-เป็นไท (10/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 12-02-2017 17:53:36
หูยยยยยย กลลิ่นมาม่าหึ่งเลยค่ะเรื่องนี้  :katai1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่2-เป็นไท (10/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ravyy ที่ 12-02-2017 18:20:37
ยิ่งรู้จักยิ่งรักเธอออออ สงสารเป็นไททท แงงงงงงงงงงงง
สู้ๆนะลูกกกก ฮึบบบ ฮึบบบบบบบบบ  :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่3-ทันใจ (12/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 12-02-2017 22:33:24

3 – ทันใจ





เด็กชายใจเย็นเติบโตมาด้วยความใจเย็นของบ้านอัครเสนีย์ เพราะมั่นคงมั่งคั่งสมบูรณ์พูนพร้อมจึงไม่เห็นจำเป็นต้องร้อนใจเพราะขาดสิ่งใด ทั้งคุณเกษราผู้เป็นแม่ก็มอบความรักความอบอุ่นให้แบบพอเหมาะพอควร ไม่มากเกินไปจนเหลิงระเริง และไม่น้อยเกินไปจนเกิดช่องโหว่ในหัวใจ เป็นการเติบโตจากการเลี้ยงดูที่ไม่ใคร่เหมือนใครทั้งนั้นในบรรดาน้องต่างแม่อีกสองคน

พิชญะ น้องชายคนกลางจากคุณแม่ทิพย์นั้นมีนิสัยนอบน้อม ถ่อมตน จนบางครั้งใจเย็นรู้สึกเหมือนพิชญะชอบขุดหลุมในจุดที่ตนเองกำลังจะย่างก้าว ให้ต่ำลงไป ต่ำลงไปกว่าคนอื่น ไม่ให้ใครต้องสังเกตสังกาเขามากนัก และหากมีของมีค่าชิ้นใดจะช่วยถมหลุมนั้นให้เติมเต็มและหยัดยืนด้วยความสูงเท่าคนอื่น พิชญะก็จะมอบมันให้ใจเย็น ไม่ก็แบ่งมันให้กับพริมา น้องสาวคนเล็กจากคุณแม่ปัทมา

พริมามีนิสัยดังน้องคนสุดท้องแท้ๆ เอาแต่ใจ เจื้อยแจ้วเจรจามั่นอกมั่นใจในตัวเอง แต่ก็ไม่ใช่นิสัยที่มีพิษภัยนัก อย่างมากก็เป็นมลพิษทางเสียงให้กับใจเย็นที่มีนิสัยรักสงบ จนหลายครั้งใจเย็นต้องสรรหาของมาไหว้วานให้น้องสาวชะงักการแผดเสียงลง และของที่ได้ผลดีที่สุดเห็นจะเป็นไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ ของโปรดของใจเย็นเองนั่นแหละ

ทั้งหมดนี้เองจึงทำให้ใจเย็นเรียนรู้การเป็นผู้ให้และผู้รับได้อย่างดีเยี่ยมมากกว่าหลักสูตรไหนๆ คุณเกษราเองก็ดูจะพออกพอใจ แม้ครั้งที่ลูกต่างแม่สองคนนี้เกิดมาหล่อนจะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นหัวใจ เป็นความรู้สึกแปลกแปร่งที่ว่าจะหาคำอธิบายได้ก็ไม่เชิง แต่สุดท้ายหล่อนก็ไม่อยากขบคิดถึงมันมากนัก เพราะรู้ดีว่าถึงอย่างไรก็คงทำอะไรกับเรื่องที่เกิดไปแล้วไม่ได้ ห้ามคนหลายใจไม่ให้ปันใจนั้นยากยิ่งกว่าพร่ำสอนหมาไม่ให้ซื่อสัตย์เสียอีก

กระนั้นเลย คุณเกษราก็ปลดปลงได้ไม่ถึงที่สุดเมื่อนึกย้อนถึงลูกชายเพียงคนเดียวของตน คุณเกษราจนปัญญาเหลือเกินที่จะพร่ำสอนเรื่องความซื่อสัตย์ในความรักให้ใจเย็นฟัง ในเมื่อใจเย็นเกิดมาก็พบเจอกับพ่อที่ไม่ซื่อสัตย์ในรักเดียว และต่อให้เอ่ยความแก้ไข ใจเย็นก็เด็กเกินกว่าจะเข้าใจ รอให้โตขึ้นก็คงไม่ทันการในเมื่อสมองอาจจดจารลงในทรงจำว่ามันเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว

ดังนั้นคุณเกษราจึงหาทางแก้ปัญหาด้วยวิธีเดิม นั่นคือให้เรียนรู้ความซื่อสัตย์จากสัตว์ เป็นการเรียนรู้ทางอ้อมและซึมลึก ครั้งนี้คุณเกษราเลือกบีเกิล หมาสายพันธุ์ล่าสัตว์ที่ร่าเริงโลดโผนโจนทะยานยากจะควบคุม ด้วยเห็นว่าต่างกับลูกชายของตนเองที่แค่ห้าขวบปีก็ฉายแววหวานเย็น แม้จะยิ้มได้สดใส แต่เนื้อแท้นั้นนิ่งสงบสุขุมต่างจากเด็กทั่วไป ผลพลอยได้มากกว่าซื่อสัตย์คือหวังให้ใจเย็นร่าเริงตาม ‘ทันใจ’ เสียบ้าง

ทว่าก็ได้ผลตรงข้าม ทันใจเองเสียอีกที่เรียนรู้ความสุขุมจากใจเย็น เพราะตั้งแต่วันแรกที่ได้รับการต้อนรับเข้าบ้านอัครเสนีย์ คนเดียวที่ไม่เข้าหาทันใจก่อนก็คือใจเย็น เพียงอยู่นิ่ง ขรึม ปล่อยให้ลูกหมาร่าเริงค่อยๆ เข้าหาด้วยตัวเอง จนสุดท้ายใจเย็นก็ดูจะถูกยอมรับในฐานะจ่าฝูงไปในที่สุด

แล้วจะว่าใจเย็นได้เรียนรู้ความซื่อสัตย์จากทันใจหรือเปล่าก็คงไม่มีใครตอบได้ ที่เห็นชัดคือใจเย็นดูสนใจเรื่องของสัตว์มากขึ้น เป็นวันๆ ที่ใจเย็นสามารถอยู่เล่นกับทันใจเงียบๆ คนเดียวได้ หรือถ้าวันไหนทันใจแวะไปเล่นกับคนอื่น ใจเย็นก็จะมานั่งนิ่งๆ อยู่หน้าจอโทรทัศน์ แต่สิ่งที่เปิดดูไม่ใช่การ์ตูน หากเป็นสารคดีสัตว์โลก นั่งดูไปอย่างนั้น ทั้งวัน ตราบเท่าที่มันจะมีฉายให้ดู

คุณเกษราเห็นดังนั้นก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร คิดว่าดีเสียอีกหากลูกชายจะค้นพบสิ่งที่ชอบตั้งแต่เด็กไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม คุณเกษราไม่ได้หวังอย่างหนักแน่นให้ใจเย็นสืบทอดธุรกิจของครอบครัว หล่อนหวังให้ใจเย็นพบทางของตนเองและจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ ไม่ให้เหมือนกับหล่อนที่เลือกทางผิดและหัวใจล่มสลายอยู่เงียบๆ ข้างใน ฉะนั้นจึงดีใจที่ใจเย็นเลือกตอบมาหนึ่งอาชีพเวลาถามถึงอาชีพในฝัน ‘สัตวแพทย์’ ใจเย็นตอบพร้อมยิ้มบางเบา

แต่เมื่อใจเย็นอายุได้สิบสี่ปี อะไรทั้งหลายก็หักพัง กร่อนกระจายชิ้นเล็กชิ้นน้อยและคล้อยหายไปตามสายลม

ตอนนั้นเองที่ทันใจอายุได้เก้าปี ถือว่าเริ่มเข้าวัยแก่ชราสำหรับหมาตัวเล็กๆ และเพราะบีเกิลเป็นหมาที่มีโรคประจำสายพันธุ์มากมาย ทันใจจึงมีโรคภัยรุมเร้าอย่างโรคทางระบบประสาท เยื่อหุ้มสมองอักเสบ แต่สิ่งที่คร่าชีวิตของทันใจไปก็คือไตวาย

ก่อนที่จะตาย ทันใจไม่แสดงอาการอะไรล่วงหน้า ไม่แม้แต่เบื่ออาหารเซื่องซึม มันยังกระดิกหางร่าเริงสดใสให้ใจเย็นผู้เงียบขรึม รู้ตัวอีกทีก็เป็นระยะสุดท้ายที่ทันใจอาเจียนบ่อยครั้ง ถ่ายเหลวดำคล้ำ กินอาหารไม่ได้ หมดแรง จนพาส่งโรงพยาบาลก็ไม่ทันการ ทันใจมีอาการชัก ทุรนทุราย ดิ้นพล่านราวจะหนีความตายให้ใจเย็นรู้สึกจะขาดใจตาม และแววตาสุดท้ายที่มันโหยไห้ประสานสบตาเขา เหมือนเป็นแววตาของความเศร้าสลดใจที่รู้ตัวว่าจะไม่ได้พบกับคนที่มันรักอีกแล้ว ก่อนแววนั้นจะดับสิ้นไปชั่วนิรันดร์ต่อหน้าต่อตาของใจเย็น

ตอนนั้นเองที่ใจเย็นรู้สึกเหมือนมีพายุรุนแรงพัดกระหน่ำเข้ามาในใจ น้ำตาของเขาไหลออกมาช้าๆ ไร้สติรู้ตัว ไม่รู้แม้แต่ว่าพายุนั้นหอบอะไรมาบ้าง เอาอะไรไปบ้าง และเหลือทิ้งอะไรไว้ในใจของเขาบ้าง จนเมื่อสำรวจตรวจค้นอีกที ใจเย็นก็พบว่าตนเองไม่ได้สูญเสียแค่ทันใจ แต่สูญสิ้นความหมายที่ตั้งมั่นเอาไว้มาตลอด

ใจเย็นพบว่าตนเองไม่ได้รักสัตว์เลยแม้แต่นิดเดียว

ใจเย็นก็แค่รักทันใจเท่านั้น หากเป็นหมาตัวอื่นหรือสัตว์อื่น เขาแค่ชอบที่จะจ้องมองพฤติกรรม ไม่ได้สนใจจะเล่นด้วยหรือเมตตาอาดูรใดๆ แล้วด้วยนิสัยใจคอแบบนี้จะเป็นสัตวแพทย์ที่เขาว่ากันว่าควรมีใจรักสัตว์แบบเห็นแล้วก็เต็มใจปรี่เข้าหาต่อให้สัตว์ตัวนั้นเป็นขี้เรื้อนได้หรือ

คำตอบคือไม่ และใจเย็นก็ไม่รู้สึกว่าฝันนั้นเป็นฝันอีกแล้ว ในเมื่อทันใจก็ตายแล้ว จะมีความหมายใดอีกเล่า

ตั้งแต่นั้นใจเย็นจึงไม่ดูรายการสารคดีสัตว์โลกอีก แต่จะว่าเขาหมดความสนใจในการสังเกตพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตก็ไม่น่าใช่ เขาแค่ปฏิเสธตัวตนของฝันที่ล่มสลายไปก็เท่านั้น และนิสัยที่ชอบสังเกตสังกาสิ่งมีชีวิตก็ย้ายจากสัตว์มาเป็นมนุษย์เสียแทนโดยไม่รู้ตัว

ใจเย็นเริ่มจากสังเกตพฤติกรรมของคนในบ้าน เริ่มจากลำดับชั้นที่เล็กน้อยที่สุดอย่างบรรดาคนรับใช้ รู้สึกได้ว่าพวกเขามีการกระทำที่เกิดจากระบบความคิดเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน เป็นอะไรที่ดูเพลินแต่ไม่นานก็เบื่อด้วยเป็นวงจรอันซ้ำเดิม ถัดขึ้นมาก็เป็นน้องชายและน้องสาว พิชญะและพริมา แต่ก็ดูยังเด็กวัยไล่เลี่ยและไม่ต่างจากเพื่อนที่โรงเรียนของเขาเท่าไหร่นักจึงหมดความสนใจ ถัดขึ้นมาอีกก็เป็นคุณแม่ทิพย์และคุณแม่ปัทมา ทับซ้อนเกี่ยวโยงจนพาลสังเกตไปถึงคุณเกษราแม่ของตัวเอง พวกหล่อนจะมาจากต่างบ้านเพื่อพบหน้ารับประทานอาหารเย็นเป็นครอบครัวใหญ่กันทุกวันอาทิตย์ พูดคุยกระหนุงกระหนิงตามประสาผู้หญิงราวเป็นมิตรกันดี และนั่นเองที่ใจเย็นเริ่มเห็นช่องว่างบางอย่าง

ช่องว่างระหว่างชนชั้นแต่เดิม ช่องว่างระหว่างความคิดความอ่าน ช่องว่างระหว่างความรู้สึกตามสถานะ เมื่อสังเกตก็ยิ่งเห็นชัด ความเกรงใจ การเหน็บแนม การวางอำนาจอย่างเงียบงันไม่ให้ก้าวก่ายเกินขอบเขต รวมถึงความสบายใจจากการลอยตัวอยู่เหนือปัญหาใดของคุณพิทักษ์พ่อของเขาเอง

แต่ไม่รู้ทำไมใจเย็นกลับรู้สึกว่ามันก็ปกติดีทุกอย่าง

สมเหตุสมผล ไม่มีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง ไม่ได้รักกันจนเกินไปแต่ก็ไม่ได้เกลียดกันจนเกินไป ทุกอย่างเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ท่ามกลางความไม่เข้าใจจากเจ้าของเสียงติฉินนินทาที่เขาได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ให้แม่พร่ำบอกกรอกหูดังกว่าเสียงเหล่านั้นว่าครอบครัวเราปกติดี รักกันดี ไม่ได้เป็นอย่างที่ใครเขาว่ากัน

และบิดเบี้ยวนั้นเองยิ่งถูกย้ำซ้ำว่าปกติในตอนที่พ่อนินทาติดตลกกับสำเนียงเสียงทองแดงของคนสวนประจำบ้าน ความคิดหนึ่งกลั่นกรองออกมาว่ามนุษย์ล้วนสำรวจกันเอง สังเกตได้จากถ้อยคำติฉินนินทาที่หาได้ในทุกชนชั้น ฉะนั้นแล้วใจเย็นจึงถือถ้อยนินทาเหล่านั้นเป็นเรื่องปกติ โดยไม่คิดใคร่ครวญสำรวจหาความหมายของระบบคิดอีกฟากแม้แต่น้อย

จนกระทั่งอายุสิบห้าปี ใจเย็นก็รู้สึกเหมือนถูกตบหน้าเข้าอย่างจัง

มันเป็นวัน Open House ของมหาวิทยาลัยรัฐบาลแห่งหนึ่ง อากาศร้อนอบอ้าวจนคนที่ขาดไร้ความสนใจใดๆ ในเรื่องเรียนต่ออย่างใจเย็นอยากจะหนีออกไปให้พ้น ถ้าไม่ติดว่าคนที่พาเขามานั้นกระตือรือร้นเหลือเกินล่ะก็นะ หล่อนเป็นเด็กสาวที่แก่กว่าเขาทั้งอายุและชั้นปี หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มพอให้เขาชอบพอ แต่ก็ไม่ต่างจากเด็กสาวคนอื่นๆ ที่เขาเริ่มผูกสัมพันธ์ด้วยตั้งแต่ทันใจจากไปมากนัก

และอากาศร้อนตอนนี้ก็ทำให้ใจเย็นไม่ค่อยนึกสนใจหล่อน ออกจะหงุดหงิดด้วยซ้ำที่ร้อนอับด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาขนาดนี้หล่อนยังจับมือเขาพาเดินไปนู่นมานี่จนรู้สึกเหนียวเหนอะในฝ่ามือ แต่ด้วยนิสัยนิ่งขรึมจึงข่มคำพูดเอาไว้ เปลี่ยนความสนใจอย่างเงียบเชียบไปยังแก้วชานมไข่มุกในมือของนักศึกษาคนหนึ่งที่เดินอยู่ข้างหน้า นึกสงสัยว่าซื้อจากตรงไหนเพราะอยากดื่มดับร้อนเหลือเกิน และจังหวะที่จะหันไปบอกกับเด็กสาวผู้กุมมือ เสียงพูดคุยจากนักศึกษาข้างหน้าก็แทงโสตเขาอย่างไม่อาจอธิบาย

“ไอ้สัด กูแค่คบซ้อน มึงด่ากูอย่างกับกูไปฆ่าใครตาย”

“เอ้า ทำร้ายจิตใจแม่งก็เหมือนฆ่าให้ตายทั้งเป็นน่ะแหละ” ถ้อยคำด่ามาจากนักศึกษาที่ถือแก้วน้ำอยู่ในมือ “มึงเลิกนิสัยแบบนี้สักทีเหอะ แม่งเหมือนพวกเหี้ยที่ควบคุมตัวเองไม่ได้”

“โอ๊ย มึงไปอินมาจากไหน แฟนก็ไม่เคยมี”

“ไม่รู้แม่ง”

แล้วสนทนาที่ได้ฟังก็จบลงแค่นั้น สั้นง่าย พร้อมกับการเดินของทั้งคู่ที่สิ้นสุดลงเมื่อมาถึงซุ้มของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ให้ใจเย็นชะงักตาม รั้งมือเด็กสาวให้พลอยหยุดเดินไปด้วยโดยไม่รู้ตัว กระทั่งถูกไถ่ถามนั่นแหละเขาก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร พาลโดนเข้าใจผิดว่าสนใจคณะนี้จนโดนหล่อนลากเข้าไปอย่างช่วยไม่ได้

และก็อาจเป็นโชคชะตาที่จะพลิกผันชีวิตของใจเย็นไปตลอดกาล ที่หล่อนจะพาเขามาหยุดยืนตรงหน้านักศึกษาคนที่ทำให้เขาสะดุดใจ นักศึกษาที่ถือแก้วน้ำอยู่ในมือ เพิ่งสังเกตเห็นตอนนี้ว่าปุ่มกระดูกที่ข้อมือนั้นดูนูนชัด นักศึกษาคนเดียวกับที่เปรียบพวกไม่ภักดีในรักว่าทำผิดร้ายแรงเหมือนไปฆ่าใครตายคนนั้น

แต่ใจเย็นก็ไม่รู้จะพูดหรือไถ่ถามอะไร ไม่รู้จะเปิดบทสนทนาถึงเรื่องที่เขาบังเอิญได้ยินเมื่อครู่ได้อย่างไร ถึงจะอยากรู้เหตุผลที่ทำให้เปรียบเปรยร้ายแรงขนาดนั้น อย่างที่ไม่เคยได้ยินปลิดปลิวมากับคำติฉินนินทา แต่ใจเย็นก็ได้แค่ปิดปากเงียบ ปล่อยเด็กสาวที่มาด้วยเจรจาเจื้อยแจ้วจนพาลนึกถึงพริมาขึ้นมาในบางครั้ง

หล่อนบอกว่าใจเย็นสนใจคณะนี้ หล่อนว่าอย่างนั้นทั้งที่เขาไม่ได้บอกสักคำ ให้นักศึกษาคนนั้นเอ่ยถามว่าสาขาอะไร หล่อนถึงเพิ่งหันมาถามเขา ใจเย็นตอบไปมั่วซั่วทั้งที่ไม่สนใจจะเรียนมหาวิทยาลัยเลยด้วยซ้ำ กระนั้นเลย ไอ้ความมั่วซั่วไม่สนใจก็ยังลงล็อกไปตรงกับสาขาของนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์คนเดิม ให้เป็นคนพูดแนะนำสาขากับเขาจนได้

แน่นอนว่าใจเย็นไม่ได้สนใจฟัง ปล่อยให้เด็กสาวคอยตอบรับแทน ในหัวคิดเรื่องอื่น คิดสงสัยใคร่รู้ถึงระบบคิดอีกฟากเกี่ยวกับความรักขึ้นมา ทำไมหรือ มันผิดร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือ ก็ในเมื่อรักเหมือนกันทุกคน ก็ในเมื่อไม่ใช่ความเกลียด ในเมื่อไม่ได้ทำร้ายอะไรใคร ทำไมจึงดูเป็นความผิดเสียเหลือเกินในเมื่อเขาก็มองมันเป็นเรื่องปกติมาตลอดชีวิต

กระนั้นก็ได้แค่สงสัย สงสัยจนรู้สึกโหวงว่างขึ้นมาในหัวใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และเพื่อทับถมกลบเกลื่อน ใจเย็นจึงเปลี่ยนความสนใจไปสังเกตท่าทีของคนตรงหน้า สังเกตพฤติกรรมอย่างที่ชอบทำเสมอมา นักศึกษาคนนั้นพูดจาชัดถ้อยชัดคำ แม้จะมีความห้วนห้าวในสำเนียงแต่ก็ไม่ได้ฟังแสลงหู ใบหน้าไม่ได้ยิ้มแย้มแต่ก็ไม่ได้ขับไส ดูแล้วน่าจะเป็นคนยิ้มยากคนหนึ่ง แววตาดูแฝงความกร้าวเอาไว้ บุคลิกทันสมัย ผมเปิดข้างรองทรง เสื้อนักศึกษาเรียบร้อยน่าจะเพราะวันกิจกรรม Open House กระนั้นก็ยังพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นมาเหมือนรำคาญอากาศร้อน และพอนึกถึงตรงนี้ใจเย็นก็เพิ่งรู้สึกได้ว่าตัวเองนั้นหงุดหงิดกับอากาศร้อนแค่ไหนในเมื่อครู่ ความรำคาญมือที่เหนอะหนะ และความกระหายน้ำจึงคืนกลับ เป็นจังหวะเดียวกับที่นักศึกษาเอ่ยถามกลับว่ามีอะไรจะถามเพิ่มเติมไหม

ซึ่งก็แน่นอนว่าไม่มี

กระนั้นใจเย็นก็เอ่ยปากถามออกไป

“พี่ชื่ออะไร”

รู้ตัวว่าฟังแปลกในตอนที่อีกฝ่ายเหมือนจะสะดุดอยู่ในความเงียบ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า แค่ตอบมาเรียบๆ

“เป็นไท”

“งั้นเหรอ” เขาตอบรับ เรียบง่ายไม่แพ้กัน “ขอบคุณครับ”

ใจเย็นตัดจบที่ตรงนั้น ไม่ได้เอ่ยอะไรเกี่ยวกับตนเองมากกว่านั้น ไม่แม้แต่จะบอกว่าสนใจหรือไม่สนใจในคณะนี้เพิ่มเติมในเมื่อคนชื่อเป็นไทก็ไม่ได้เอ่ยถาม ใจเย็นดึงมือเด็กสาวออกมาจากคณะวิศวะ ก่อนจะผละปล่อยแสร้งทำเป็นหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเช็กข้อความ แล้วไม่หวนคืนมือกลับให้หล่อนอีกตลอดวันนั้นทั้งวัน

เย็นนั้น หล่อนจึงเอ่ยถามเหมือนไม่แน่ใจในตัวเขา เอ่ยถามว่ารักหล่อนไหม แววตาจากดวงหน้าจิ้มลิ้มนั้นดูเว้าวอนอ้อนออด แต่ใจเย็นรู้สึกแปลก บางอย่างแทรกเข้ามาในใจที่โหวงว่างนับตั้งแต่สงสัยโถมเข้ามาทั้งที่กลบเกลื่อนลงไปแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าความผิดใคร เป็นความผิดที่ตัวเขาเอง ผิดที่จังหวะไม่ดีไปพบกับนักศึกษาชื่อเป็นไทซึ่งคงไม่น่าจะโคจรมาเจอกันอีกแล้ว หรือผิดที่เขาคิดว่าการรักใครหลายคนเป็นเรื่องปกติ ไม่ ใจเย็นไม่รู้ว่าผิดตรงไหน

แค่รู้ว่ามีอะไรผิดไป อะไรที่เขาบงการไม่ได้ อะไรที่มันไม่ได้ดั่งใจ อะไรที่ทำให้เขาบิดเบี้ยวหนักกว่าเก่า แต่ใจเย็นก็ไม่รู้จะระบุให้ชัดได้อย่างไร สุดท้ายเขาเลยตัดสินใจตอบเด็กสาวออกไปว่ารัก ให้ไม่ต้องเคลือบแคลงกันอีก

โดยไม่รู้ตัวเลยว่า เขารู้สึกกับหล่อนไม่ต่างจากหมาตัวอื่นที่ไม่ใช่ทันใจเลยแม้แต่น้อย










***********************************************************************************
สรุปคือใจเย็นรักใครไม่เป็นนั่นเองค่ะ

ตอนนี้ไม่มีไรพีคเลย แค่ออร์เดิฟสำหรับการพบกัน ไม่รู้ว่าเป็นไทจะจำใจเย็นได้ในครั้งต่อไปหรือเปล่า แต่น่าจะได้นะ 555

อีกอย่างที่อยากพูด เป็นไทเป็นคนที่ค่อนข้างไม่ยืดหยุ่นกับสิ่งต่างๆ น่ะค่ะ เถรตรง เพราะงั้นมุมมองเรื่องรัก (ที่ก็ไม่เคยมี) ก็เถรตรงเช่นเดียวกัน

ดีใจที่ทุกคนติดตามกันค่ะ  :กอด1:

ติดแท็ก #ใจเย็นกับเป็นไท กันได้นะคะ

หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่3-ทันใจ (12/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-02-2017 22:49:46
ใจเย็น ไร้หัวใจ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่3-ทันใจ (12/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 12-02-2017 22:52:10
อื้อหืออออออออออ

Coming of age จากสภาพครอบครัวที่ซับซ้อน บรรยายได้ดีมาก

หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่3-ทันใจ (12/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: lolli_candy99 ที่ 12-02-2017 23:19:44
สนุกมากกกก รอนะคะะะะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่3-ทันใจ (12/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Viewonohm ที่ 12-02-2017 23:37:32
ไร้หัวใจมาก เปรียบเด็กสาวคนนั้นเป็นทันใจได้ยังไง 55555
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่3-ทันใจ (12/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ravyy ที่ 13-02-2017 00:02:42
ควรเปลี่ยนชื่อจากใจเย็นเป็นใจร้ายอ้ะ!
ขนาดรู้ตัวว่าไม่ได้รักเค้ายังโกหกได้แบบไม่รู้สึกอะไรเลย
เอ็งจะทำงี้กะใครก็ได้แต่ทำกับเป็นไทไม่ได้นะ!!! //กางปีกปกป้องลูกรักอย่างเต็มที่ 5555555555555555555
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่3-ทันใจ (12/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 13-02-2017 00:09:43
นอกจากจะรักใครไม่เป็นแล้ว ยังเหมือนจะไร้ความรู้สึกซะด้วยไหมเนี่ย 555
ไม่ได้สนใจความต้องการของตัวเอง ไม่ได้เอารอบข้างมาใส่ใจ
ตอบไปอย่างนั้นเอง

ทีแรกก็นึกว่าช่วงอายุเท่า ๆ กันซะอีก
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่3-ทันใจ ◑หน้า2 (12/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 13-02-2017 00:38:50
ตามเรื่องนี้ต่อ มีปมกันทั้ง2คนเลย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่3-ทันใจ ◑หน้า2 (12/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Anong2013 ที่ 13-02-2017 01:12:56
ชอบครับ มาเร็วๆน่ะคับ อยากจะอ่านอีก สงสานแม่ของน้องใจเย็นมากกๆๆๆ แต่อยากจะ  :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: พ่อของใจเย็น ทำไมมีเมียหลายคนแบบนีี้ เอาตอนของคุณพ่อของใจเย็นมาให้อ่านหน่อยน่ะครับ อยากรู้เรื่องของพ่อใจเย็นด้วย ว่าพ่อของใจเย็นกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้มีเมียน้อยด้วยยยยย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่3-ทันใจ ◑หน้า2 (12/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-02-2017 01:44:57
 :serius2:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่3-ทันใจ ◑หน้า2 (12/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 13-02-2017 02:32:02
ตามติด ติดตาม
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่3-ทันใจ ◑หน้า2 (12/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 13-02-2017 09:13:02
บางทีก็เป็นเพราะผู้ใหญ่ไม่ยอมรับความจริงว่าครอบครัวตัวเองมีปัญหานะ เด็กอย่างใจเย็นเลยสับสนเลย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่3-ทันใจ ◑หน้า2 (12/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: airargad ที่ 13-02-2017 10:00:14
แย่เนอะ อะไรที่เด็กเป็นก็ล้วนหล่อหลอมมาจากผู้ใหญ่รอบตัวทั้งนั้น ความเจ็บปวดที่ไม่ได้เลือก เลี่ยงก็ไม่ได้ หน่วงจัง นิยายสนุกมากค่ะ รอติดตามน้าา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่3-ทันใจ ◑หน้า2 (12/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: MOMAMi_96 ที่ 13-02-2017 11:15:47
งงๆนิดๆแต่เราชอบอ่านของฝากใจเย็นมากๆอ่ะมันเป็นมุมมองที่ประหลาดดี 555
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่3-ทันใจ ◑หน้า2 (12/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 13-02-2017 16:34:09
เด็กก็เหมือนเฟรมภาพแฟรมหนึ่ง คนในครอบครัวคือพู่กัน แงะสภาพแวดล้อมการเลียงดูคือสี เด็กจะกลายมาเป็นภาพอะไรสีอะไร ล้วนเกิดจากครอบครัวทั้งนั้น  :katai1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่3-ทันใจ ◑หน้า2 (12/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 13-02-2017 18:09:48
พระเอกคุณแยมส้มมาแนวเข้าใจยากอีกแล้วค่าา
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่3-ทันใจ ◑หน้า2 (12/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: nippy ที่ 14-02-2017 21:02:02
ใจเย็นคงจะเป็นพวกร้ายตาใส
ร้ายแบบ ไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่ทำมันผิด อะนะ
อยากให้ลงนิยายจนจบตอนนี้เลยเนี่ย งอแงๆ
เพราะเราอะชื่อใจร้อนนนนน
คนเขียนเขียนบทบรรยายดีมากเลยอะ
ชื่นชมและเป็นกำลังใจให้นะคะ
รีบๆมาต่อนะ เค้ารอออออออ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่4-ไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ ◑หน้า3 (15/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 15-02-2017 15:06:05
4 – ไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่



แตกต่างกับใจเย็น เป็นไทไม่ชอบสังเกตพฤติกรรมของคนอื่น ไม่เคยด้วยซ้ำที่จะเพ่งลึกลงในจิตใจของตนเอง เพราะเขาปิดผนึกมันไว้แล้วด้วยน้ำตาเทียนของค่ำคืนมืดมนอนธการนั้น เพื่อที่จะตัดปัญหาสับสนซับซ้อนในจิตใจ และเพื่อที่จะใช้ชีวิตได้อย่างปกติธรรมดาที่สุด

เป็นไทไม่ค่อยยืดหยุ่นต่อสิ่งใดนัก ไม่ค่อยชอบแกะกะเทาะความคิดความรู้สึกของผู้คน ถูกก็ว่าไปตามถูก ผิดก็ว่าไปตามผิด ถึงรู้อยู่แก่ใจว่าทุกสิ่งย่อมมีตื้นลึกหนาบาง แต่เป็นไทก็มักจะมองข้าม แม้แต่สาเหตุของความรู้สึกตนเองเขาก็มองข้ามไปเช่นกัน

เกลียดก็คือเกลียด เป็นไทคิดแค่นั้น

ตั้งแต่เด็ก เป็นไทเกลียดปรายผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องตัวเองเข้าไส้ เกลียดตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นหน้า ตอนนั้นเขาอายุสักเจ็ดขวบได้ ปรายอายุได้สี่ขวบ ตัวเล็ก ยิ้มหวาน และน่ารำคาญ

เป็นไทไม่รู้ว่าทำไมถึงเกลียดปรายนักหนา ทั้งที่ควรจะนับปรายเป็นน้องชายคนหนึ่งแต่เขาก็ทำไม่ได้ ทุกครั้งที่ได้เห็นเด็กตัวเล็กๆ คนนั้นยิ้ม หัวเราะ ดังก้องกังวาน บางอย่างในใจสั่นสะท้านไหวกระเพื่อม ส่งผลกระทบให้เจ็บปวดรวดร้าวจนเขาไม่อยากเข้าใกล้ สุดท้ายจึงผลักไส ไม่ใยดี และห่างกันไปโดยไม่เคยรู้ถึงสาเหตุที่เกลียดปรายแม้แต่น้อย

จนวนกลับมาพบอีกครั้งเมื่อปรายขาดไร้ทั้งพ่อและแม่ ให้ต้องตกมาอยู่ในอุปการะของแม่เขาเอง เป็นไทก็ยังคงรู้สึกเกลียด แม้จะน้อยลงกว่าเมื่อครั้งเป็นเด็กแต่มันก็ฝังลึกยากจะจางหาย เป็นไทกระทำแต่สิ่งไม่พึงกระทำของการเป็นพี่ชาย และไม่เคยแบ่งปันความรักให้ จนผู้เป็นน้องรู้สึกโหวงว่างในหัวใจ นั่นแหละเป็นไทถึงจะพอใจขึ้นมาบ้าง

โดยไม่รู้ตัวเลยว่ายิ่งขุดหลุมในใจของปรายเท่าไหร่ หลุมในใจของเขาก็ยิ่งเปิดกว้างขึ้นเท่านั้น

แต่ก็นั่นแหละ นั่นแหละที่เป็นไทไม่เคยสำรวจตรวจค้นลงไปในใจของตนเอง เขาชอบอะไรที่มีคำตอบตายตัว ต่อให้ต้องค้นคิดซับซ้อนแต่ถ้าได้ผลลัพธ์ เขาก็ยังรู้สึกดีกับมัน ไม่ว่าอะไรๆ ก็ดีกว่าการต้องค้นลงไปในจิตใจมนุษย์ที่ซับซ้อน บิดพลิ้ว ผันเปลี่ยนได้ตลอดเวลา

จนในวันหนึ่งของเดือนกุมภาพันธ์ เป็นกุมภาพันธ์ที่อากาศร้อนอ้าวราวกับเดือนเมษา เป็นไทก็ถูกสะกิดแง้มถึงซับซ้อนเล็กๆ ในจิตใจตนเอง

เป็นไทไปงานคอนเสิร์ตที่คลื่นวิทยุออนไลน์แห่งหนึ่งเป็นผู้จัด เป็นงานรวมศิลปินหลากค่ายหลายวงดนตรี เวทีกระจายไปตามจุดต่างๆ ในสวนสนุกร้างที่ใช้เป็นสถานที่จัดงาน ตามสไตล์ของงานดนตรีที่ก้ำกึ่งระหว่างนอกและในกระแส ไม่ได้มีพิธีรีตองอะไรมากนัก ผู้คนในงานเดินกระจัดกระจายไปตามเวทีนู้นเวทีนี้ ไม่ได้มีมุมไหนกระจุกเบียดเสียด และก็ไม่มีเวทีไหนที่ผู้คนจะเต้นกันเป็นบ้าเป็นหลัง ส่วนใหญ่ก็แค่ยืน ยินดี และโห่ร้องไปตามโอกาสแห่งท่วงทำนองเพลง ซึ่งเป็นไทก็คงเป็นหนึ่งในคนที่ดูเฉยเมยเหล่านั้น เขามาเพียงเพราะเพื่อนชวนมาเปลี่ยนบรรยากาศตอนจิบเบียร์เท่านั้น

ด้วยไม่ได้คลั่งไคล้วงดนตรีไหนเป็นพิเศษจึงนั่งจับกลุ่มกันอยู่บนพื้นอย่างที่เห็นได้ทั่วไปในงาน ให้มีมารยาทหน่อยก็จะไม่เบียดเสียดอยู่หน้าเวที ขยับมาด้านหลังไกลโพ้นเพื่อให้เกียรติศิลปินที่กำลังขึ้นเล่นไม่ให้เห็นแล้วเสียกำลังใจ  และข้อดีอีกอย่างคือเสียงดนตรีจะดังคลอกับบทสนทนาไร้สาระเรื่อยเปื่อย วิพากษ์วิจารณ์สไตล์การแต่งตัวของผู้คนในงาน ทั้งเอิร์ธโทนเรียบง่ายและเสื้อฮาวายสีแสบสันตัดกันสับสนซับซ้อน หุ่นของหญิงสาวที่เดินผ่าน เสียงดนตรีวงที่รู้จักและไม่รู้จัก และเสียงสายลมที่พัดผ่านมาเป็นระยะ ให้บรรเทาอบอ้าวในค่ำคืน แม้สุดท้ายแล้วจะยังเหนียวเนื้อตัวจากเหงื่อไคลก็ตาม

และคืนนั้นก็คงจบลงด้วยดีหากกระป๋องเบียร์กระป๋องสุดท้ายของเป็นไทไม่ได้ถูกเตะล้มจากใครบางคน

ไม่ ถึงเป็นไทจะอารมณ์ร้อนเพียงใดก็ใช่ว่าจะลุกขึ้นไปเอาเรื่องทันที เขายังดูท่าทีของตัวการว่าจะทำอย่างไร แต่ที่เห็นก็มีเพียงยืนหมกมุ่นกับสนทนารื่นเริงของพวกพ้องตัวเอง จนเมื่อสะกิดบอกว่าทำเบียร์หก สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงการหันมอง ยกมือเป็นสัญญาณขอโทษเล็กน้อยและกลับไปคุยกันต่อราวกับมีอะไรสำคัญนักหนา และจังหวะนั้นแหละ ที่อารมณ์เดือดดาลของเป็นไทพุ่งปรี๊ดปรอทแตก

“เฮ้ย มึงจะขอโทษสักคำนี่ตายเหรอวะ”

เขาลุกขึ้น โวยถาม ขึ้นมึงกูไม่เกรงใจใดๆ ในเมื่ออีกฝ่ายก็ดูเป็นแค่พวกเด็ก ม.ปลาย เพื่อนของเป็นไทเห็นท่าไม่ดีก็รีบลุกตาม ไม่ใช่ว่าถ้ามีเรื่องจะช่วยตะลุมบอน แต่หาจังหวะห้ามปรามต่างหาก ด้วยก็รู้ว่าเป็นไทนั้นเลือดร้อน วีรกรรมที่แทบจะแปะอยู่บนหน้าเพื่อนของตนก็คือการอัดหมัดเข้าหน้าพี่ว้ากที่พูดจาไร้เหตุผล จนไม่มีรุ่นพี่คนไหนอยากยุ่งด้วยอีกเลย

“ขอโทษแล้วกัน” และเพื่อนของเป็นไทก็แทบจะปาดเหงื่อเมื่อได้ยินวาจากระด้างกระเดื่องเหล่านั้น แทบจะคว้าตัวเป็นไทล็อกไว้เมื่อได้ยินเสียงพึมพำแผ่วแต่ยินชัดว่าทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ แน่นอนว่ายิ่งโหมกระพือไฟเดือดดาลของเป็นไทให้ยากจะดับมอด และเด็กพวกนั้นก็กลับพูดจาวอนตีนอีกว่าจะให้มีเรื่องก็ได้ กระทั่งพวกของมันอีกสองสามคนเข้ามาสมทบ แต่ไม่ ไม่ได้จะมีเรื่อง หากเข้ามาห้ามปรามและฉุดกระชากให้ถอยห่างจากกัน สถานการณ์ดูเหมือนจะบรรเทาลงบ้าง ก่อนหยุดชะงักเยือกแข็งจากถ้อยคำของเพื่อนที่เพิ่งเข้ามาเมื่อครู่ และเป็นคนเดียวที่ไม่ได้พาตัวเองเข้ามาดึงรั้งห้ามปราม

“วันเกิดกู ยังจะมีเรื่องกันอีกเหรอ”

แต่ก็แค่นั้น แค่นั้นที่ทำให้เพื่อนสงบความวุ่นวายลง อาจเพราะเห็นแก่วันเกิดของเพื่อน หรืออาจเพราะที่จริงแล้วเป็นหัวโจกของกลุ่ม หากเป็นไทก็ไม่ได้สนใจในจุดนั้น ไฟโกรธของเขายังปะทุกรุ่น ขณะที่เพื่อนก็พยายามดับไฟนั้นให้มอดโดยบีบรั้งไหล่เอาไว้เหมือนเรียกสติ ก่อนจะเล่าอธิบายสาเหตุของเรื่องแทนเขา มีถ้อยถกเถียงจากฝ่ายนั้นบ้าง แต่สรุปแล้วฝ่ายผิดก็ดูจะเป็นคนที่ไม่ยอมขอโทษเต็มปากเต็มคำ

“งั้นเหรอ” แล้วคนฟังความก็ตอบรับสั้นง่ายเช่นนั้น น้ำเสียงเรียบ นิ่ง จนไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรกับปัญหานี้กันแน่ กระทั่งแววตาที่ดูนิ่งไม่ต่างจากน้ำเสียงหันมาสบตากับเป็นไท และเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้ชะงักยิ่งกว่าใดๆ ในเมื่อครู่ “ให้ผมซื้อเบียร์คืนให้เป็นไทก็ได้นะ”

“เดี๋ยว รู้ชื่อกูได้ยังไง” เป็นไทมั่นใจว่าไม่มีใครเอ่ยชื่อเขาในบทสนทนาเมื่อครู่ ความสงสัยพุ่งแซงไฟโกรธที่ดูจะมอดลงชั่วพริบตา

“เราเคยเจอกันนะครับ” เด็กคนนั้นเอ่ยเฉลย “ที่งาน Open House”

เป็นไทคิ้วขมวด พยายามนึกย้อนไปถึงเด็กที่เจอในวันนั้น มากหน้าหลายตาจนอยากเอ่ยปากด่าให้รู้แล้วรู้รอด แต่เมื่อเพ่งมองดีๆ ถึงโครงหน้า แววตา บรรยากาศนิ่งเย็นทั้งที่ร้อนอบอ้าวไม่ต่างกันไม่ว่าจะบ่ายวันนั้นหรือคืนนี้ เขาก็เริ่มจะนึกออก

และก็มีเด็กเพียงคนเดียวที่ถามชื่อเขา

“ว่ายังไง อยากได้เบียร์คืนไหมครับ” แต่ไม่ให้ทันได้เอ่ยอะไร คนตรงหน้าก็เอ่ยถามประเด็นเดิม

“ในงานไม่มีเบียร์ขาย พวกกูหิ้วเข้ามาเอง”

“งั้นเหรอ” อีกแล้วกับการตอบรับสั้นง่าย และนิ่งเรียบ “เอายังไงดีล่ะ”

“บุหรี่สักซองก็ได้”

“ผมไม่สูบ” อีกฝ่ายตอบมาทันควัน และไม่เว้นระยะให้เป็นไทได้เอ่ยถามถึงเพื่อนคนอื่น เพื่อนที่เป็นตัวการก็ได้ว่ามีไหม คำถามก็เอ่ยมาก่อน “อย่างอื่นในงานได้ไหมครับ แผ่นเพลง เสื้อ หรือว่าของกิน”

“เออๆๆ สักอย่างก็ได้”

เป็นไทตัดบท เพราะรู้สึกว่าอีกฝ่ายก็พยายามจบปัญหาด้วยดี เขาขี้เกียจจะยืดเยื้อมากความ เห็นรอยยิ้มบางเบาปรากฏบนใบหน้า เอ่ยบอกให้เขาไปเลือกดูของ และก่อนจะปลีกตัวจากมาด้วยก็ได้ยินถ้อยคำที่บอกกับเพื่อน ไม่เป็นไร เคลียร์ได้แล้ว รู้จักกัน ทั้งที่จริงแล้วไม่รู้จักเลยสักนิด

“ผมชื่อใจเย็นนะครับ” แต่เหมือนรู้ว่าถูกนินทาอยู่ในใจ ‘ใจเย็น’ จึงเอ่ยแนะนำตัวเองตอนที่เดินตามเขามาที่โซนขายของ อยากจะเอ่ยไปว่าไม่ได้ถาม แต่ชื่อที่ได้ฟังก็ชวนให้ด่าออกไปอีกอย่าง

“ชื่อแหววสัด”

เป็นไทรู้ตัวว่าปากไว ไวพอที่จะก่อให้เกิดเหตุทะเลาะกันได้อีกสักยกสองยก แต่ใจเย็นก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่ยิ้มเบาบางเหมือนกับที่เห็นเมื่อครู่

“เป็นไทอยากได้อะไร”

“มึงจะไม่มีคำนำหน้าชื่อให้กูหน่อยเหรอวะ”

“มันยาวไป” เอ่ยตอบเรียบนิ่งแฝงความเอาแต่ใจ หากก็ดูเป็นเรื่องปกติของเจ้าตัวเมื่อเปลี่ยนเรื่องไปอย่างเนียนสนิท “ชอบวงอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”

“หึ ไม่มี”

“งั้นเหรอ” พลันอยากนับว่ากี่ครั้งแล้วที่ใจเย็นพูดคำนี้ “งั้นของกินไหม”

ดูประจวบเหมาะเจาะพอดีที่ทั้งคู่เดินมาถึงซุ้มของกิน ทั้งจริงจังและกินเล่นปะปนสลับกันไปแบบซุ้มต่อซุ้ม ผู้คนต่อคิวกันยาวยืดในบางร้าน และเงียบเหงาซบเซาในร้านข้างเคียง เป็นไทไม่ได้อยากจะกินอะไรเป็นพิเศษนัก แต่คงดีกว่าซื้อแผ่นเพลงที่ได้มาก็ไม่เปิดฟัง

“ก็ได้”

“ไอติมไหมครับ” และไม่ทันได้เลือกอะไรก็ถูกแนะแนวทางไปอีกครั้ง “ดับร้อน”

เป็นไทไม่ได้ตอบทันที แต่มองป้ายราคาเห็นว่าไอศกรีมหนึ่งสกูปก็แพงกว่าค่าเบียร์แล้วจึงพยักหน้าเออออ อีกครั้งที่ใจเย็นยิ้มบางเบา หากก็เริ่มรู้สึกว่ามันเป็นยิ้มกวนตีนในเมื่อเขาเอ่ยบอกว่ารสช็อกโกแลต ใจเย็นกลับสั่งกับแม่ค้าว่ารสสตรอเบอร์รี่

“ผมว่าสตรอเบอร์รี่อร่อยนะ” พูดเองเออเองเสร็จสรรพ “สั่งไซส์แอลให้เลย”

เป็นไทรู้สึกหมดคำพูด จะด่าว่ากวนตีนยังขี้เกียจ เริ่มจับนิสัยเด็กคนนี้ขึ้นมาได้เลาๆ ว่าค่อนข้างเอาแต่ใจ ภายใต้คำพูดคำจาที่ดูมีมารยาทนั่นก็แฝงความกระด้างกระเดื่องเอาไว้เต็มไปหมด ไม่บ่อยนักที่เป็นไทจะสังเกตใครให้ชัดในครั้งแรกที่เจอ ไม่สิ นี่คงเป็นครั้งที่สอง แต่อย่างไรก็จำครั้งแรกได้ไม่ชัดนัก ที่จำได้เห็นจะมีแต่แววตาที่ดูนิ่ง สุขุม ยากคาดเดา ครั้งนี้ที่เพิ่มเติมคือพวกอากัปกริยา การแต่งกาย เสื้อแขนยาวลายขวางเส้นเล็กกับกางเกงขาสั้น สไตล์เหมือนนายแบบของเสื้อผ้าแบรนด์ญี่ปุ่นที่เห็นบ่อยๆ ตามห้าง หรืออันที่จริงก็เห็นได้ในวัยรุ่นทั่วไปน่ะแหละ แค่ดูโดดเด่นกว่าด้วยหุ่น ผิวพรรณ และบุคลิก

สรุปง่ายๆ คือใจเย็นดูเป็นลูกคนมีเงิน และได้รับการอบรมมาดีพอสมควร กระนั้นเลยก็ปิดความเอาแต่ใจแข็งกระด้างไว้ได้ไม่มิด

“ขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะครับ” พลันเด็กเอาแต่ใจคนนั้นก็หันมาพูดกับเป็นไทพร้อมยื่นถ้วยไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่มาให้ “บางครั้งก็ออกจะไม่มีมารยาทไปบ้าง”

“มึงก็ไม่มีมารยาทเหมือนกัน” อีกครั้งที่เป็นไทปากไว ว่าไปทั้งที่ก็เพิ่งรับของมาและลองตักชิมโดยไม่สนอีกคน รสหวานของไอศกรีมสตรอเบอร์รี่แผ่ซ่านบนลิ้น ดับร้อนชุ่มชื่นคอชวนให้นึกว่าก็ไม่เลวนัก

“ทำไมล่ะครับ” หากเงยหน้ามา ก็เห็นใจเย็นเอ่ยถามด้วยสงสัย

“ก็รสไอติมยังเลือกเองเออเองไม่ถามกูสักคำ”

“งั้นเหรอ” ตอบรับแบบที่ดูไม่รู้ตัวตามนั้นจริงๆ “งั้น...เดี๋ยวคราวหน้าผมจะถามแล้วกัน”

คำว่า ‘คราวหน้า’ ทำให้เป็นไทรู้สึกคิ้วกระตุก แต่กระนั้นเลย ประโยคต่อๆ มาก็ส่งผลหนักกว่านั้น

“แต่ผมว่า”

“ว่าอะไร”

“ตอนนี้เป็นไทออกจะพอใจกับรสนี้”

นั่นแหละ ที่เป็นไทรู้สึกว่าเลือกสีหน้าไม่ถูก

“มึงจะรู้ได้ยังไง”

“ผมสังเกตผู้คนเยอะ” ใจเย็นเอ่ย แววตาที่ยากจะคาดเดาในตอนนี้ทำให้คนถูกจ้องรู้สึกเหมือนกำลังถูกล้วงความลับ “เลยคิดว่าดูรู้”

และไม่รู้ทำไม ทั้งที่อากาศร้อนอบอ้าว แต่เป็นไทรู้สึกเย็นขึ้นมา เย็นแบบที่บอกไม่ถูก เหมือนเย็นอยู่ในบรรยากาศรอบตัวที่แผ่ออกมาจากตัวตนของใจเย็น แต่เขาก็คิดว่าคงเป็นเพราะไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ที่แผ่ซ่านอยู่ในปาก ในกาย แต่พลันบรรยากาศเหล่านั้นก็เลือนหายเมื่อใจเย็นยิ้มออกมา เป็นยิ้มกว้าง สดใส ไม่ได้บางเบาและปรุงแต่งเหมือนที่เคย

“แต่ผมจะไม่คิดเองเออเองแล้วกัน” เอ่ยคำนั้น ให้เป็นไทไม่รู้จะเถียงหรือสนทนาอะไรต่อ “เราหายกันแล้ว ไปแล้วนะครับ”

“เออไปเหอะ”

เป็นไทตอบรับ แทบอยากจะไล่ให้ไปพ้นๆ ด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ดีว่าไม่ต้องลงแรงไร้สาระขนาดนั้น เขามองเด็กคนนั้นหันหลังเดินจากไป มองแผ่นหลังที่ห่างออกไปไกลเรื่อยๆ ก่อนจะละสายตา กลับมาสนใจกับไอศกรีมในถ้วย ไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ที่เขาไม่ได้เลือกเอง พลันก็ให้ความรู้สึกเย็นพัดหวนกลับแบบที่ไม่ใช่แค่อุณหภูมิจากไอศกรีม แต่เป็นความเย็นเมื่อนึกถึงถ้อยคำของใจเย็น นึกถึงแววตาที่ดูทะลุทะลวงเข้ามาถึงลึกๆ ในใจและจับความลับได้

ว่าความจริงเป็นไทชอบไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ และชอบมาตั้งแต่เด็กแล้ว

กระนั้นด้วยเพราะกลัวจะขาดไร้เพื่อน กลัวคำที่เพื่อนล้อว่ากินอะไรเป็นผู้หญิง กลัวว่าจะไม่มีสังคมแม้แต่ที่โรงเรียนทั้งที่ที่บ้านก็แย่พออยู่แล้ว เวลาเลือกกินไอศกรีม เป็นไทจึงเลือกแต่รสที่ตัวเองไม่ได้ชอบ อะไรก็ได้ที่จะทำให้ไม่ดูแปลกในสายตาเพื่อน จนกระทั่งที่สุดแล้วเขาก็ลืมเลือนรสและกลิ่นหอมหวานของมันไป และเพิ่งกลับมาย้อนนึกเอาได้ในวันนี้เอง

ฟังดูเป็นเรื่องเล็ก แต่เป็นไทรู้สึกว่ามันกระทบกระเทือนสั่นไหว อยากจะรีบกินต่อให้หมดๆ ถ้วย ไม่อยากให้เพื่อนเห็นว่าเขาได้อะไรกลับมาเป็นการชดเชย แต่จนบทเพลงที่แว่วดังมาไกลๆ จากเวทีไหนสักเวทีจบลงแล้วเขาก็ยังไม่อาจกินให้หมดได้ ตอนนั้นเองจึงเริ่มหงุดหงิด เพราะรู้สึกเหมือนถูกงัดแง้มเข้ามาในซับซ้อนของจิตใจ และกลัวว่าจะถูกทะลุทะลวงลึกเข้าไปในทุกๆ เรื่องที่ซ่อนเอาไว้

เรื่องที่เขาเกลียดปรายก็เหมือนกัน ไม่อยากถูกสะกิดบอกให้รู้ตัวเลยว่าที่จริงก็เพราะอิจฉา อิจฉาที่ปรายมีพ่อแม่มอบความรักให้อย่างเปี่ยมล้นแบบที่เขาไม่เคยได้รับเลยตลอดชีวิต













*******************************************************************************************

เหมือนว่าทั้งคู่ไปคุ้ยตะกอนในใจของกันและกันโดยไม่รู้ตัวเลยเนอะ  :ling1:

คงได้เห็นบุคลิกของใจเย็นชัดขึ้น จะชังหรือชอบก็อยากให้บอกสักหน่อย แต่หวังให้ชอบนะคะ 55

*เผื่อใครลืม ใจเย็นชอบไอศกรีมรสนี้อยู่แล้ว ไม่ได้เลือกเพราะรู้ว่าเป็นไทชอบ มารู้ทีหลังค่ะ

สำหรับแท็กเรื่องนี้ #ใจเย็นกับเป็นไท ค่ะ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่4-ไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ ◑หน้า3 (15/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 15-02-2017 19:48:28
ใจเย็นแสดงอำนาจแบบเนียน ๆ

น่ากลัว
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่4-ไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ ◑หน้า3 (15/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-02-2017 21:19:43
ใจเย็น เป็นไท
มีความเหมือนกันนะ
เก็บแอบความลับ ซุกซ่อนภายใน
ใจเย็น อ่านความเป็นไท ออก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่4-ไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ ◑หน้า3 (15/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-02-2017 21:21:45
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่4-ไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ ◑หน้า3 (15/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 15-02-2017 21:45:20
ใจเย็นจะใช้วิธีไหนกลบหลุมลึกของใจเป็นไทกันน้อ~~
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่4-ไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ ◑หน้า3 (15/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ravyy ที่ 15-02-2017 23:27:22
งืออ ขอให้ เจอกันบ่อยๆ ชอบบบบบ ชอบเป็นไทตอนที่อยู่กะใจเย็น :o8:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่4-ไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ ◑หน้า3 (15/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 16-02-2017 08:35:33
ใจเย็นรู้ได้ไงอ่ะ ว่าเป็นไทชอบไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่4-ไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ ◑หน้า3 (15/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 16-02-2017 09:40:44


งูยยย ยิ่งอ่านยิ่งชอบ
รักใจเย็นมาก รู้สึกเป็นตัวละครที่เปี่ยมพลังแต่ก็หมิ่นเหม่ใกล้พังได้ทุกเมื่อ
ส่วนเป็นไทนั้น... อืม ไม่รู้แฮะ ยังกลัวอยู่มาก (เพราะติดมาจากปราย ฮ่า ๆๆๆ )
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ ^^
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่4-ไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ ◑หน้า3 (15/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 16-02-2017 12:35:20
ฮู้ยยยย ชอบเรื่องนี้อ่ะ   :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่4-ไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ ◑หน้า3 (15/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-02-2017 19:05:17
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่4-ไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ ◑หน้า3 (15/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: MOMAMi_96 ที่ 16-02-2017 22:22:54
เป็นไทโดนแน่ 5555
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่4-ไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ ◑หน้า3 (15/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 17-02-2017 18:01:34
ชอบอ่ะะ ชอบใจเย็น ชอบเป็นไทท
ติดตามๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่4-ไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ ◑หน้า3 (15/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 17-02-2017 19:29:10
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่4-ไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ ◑หน้า3 (15/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Atroce ที่ 17-02-2017 20:14:45
สนุกมากค่ะ รออ่านต่อเลย ชอบๆแนวนี้
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่4-ไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ ◑หน้า3 (15/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: nippy ที่ 17-02-2017 21:08:13
คนอ่านน่ะ เหมือนเป็นไท>>>>ใจร้อน

ส่วนคนเขียนอะ จะเหมือนใครล่ะ ก็ใจเย็นไง

ใจเย็นๆๆๆๆๆ

เมื่อไหร่จะมา รอน้าาาาา งอแงๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่5-คำนวณ ◑หน้า3 (19/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 19-02-2017 11:37:44
5 – คำนวณ



ใจเย็นไม่เก่งวิชาคำนวณ ทั้งไม่สนใจและไม่ชอบจนหมิ่นเหม่ไปทางเกลียดด้วยซ้ำ ดังนั้นการที่ใจเย็นเลือกเรียนสายวิทย์ – คณิตทั้งที่ต้องพบปะกับนายคำนวณมากหน้าหลายตา จึงเป็นหลักฐานชิ้นเดียวที่หลงเหลือจากซากฝันแหลกเละว่าใจเย็นอยากเป็นสัตวแพทย์ เนื่องด้วยสายวิทย์ – คณิตนั้นมีวิชาชีววิทยา

กระนั้น งานอดิเรกของใจเย็นก็ไม่ได้เป็นเหมือนเก่า เขาไม่เสียเวลามานั่งดูสารคดีสัตว์โลกอีก แต่กลับใช้เวลาไปกับการสังเกตพฤติกรรมของผู้คนอย่างไม่เบื่อหน่าย ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ใจเย็นเฉยชินกับรถติดแถวห้าแยกลาดพร้าว อโศก สุขุมวิท หรือแยกใดๆ ที่หลับไปห้าตื่นแล้วสัญญาณไฟเขียวก็ยังไม่ฟื้น เพราะในช่วงเวลานรกเหล่านั้นกลับเป็นช่วงที่ใจเย็นใช้สังเกตผู้คนบนบาทวิถีอย่างเย็นใจ เฝ้าเพ่งพิศละเอียดลออผ่านกระจกรถที่ติดฟิลม์ดำไม่ให้ล่วงรู้ว่าถูกเขาเฝ้ามอง

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ใจเย็นสังเกตขอทานขาด้วนอยู่นาน นานพอจนรู้แล้วว่าขอทานคนนี้ได้เงินมากพอที่จะไปกินบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นเป็นมื้อเย็นของวันนี้และวันถัดๆ ไป แต่คำแม่ที่พร่ำสอนว่าคนเรามีความขาดแคลนไม่เท่ากันก็ทำให้ใจเย็นพับเมนูบุฟเฟต์นั้นเก็บ และรื้อคำนึงถึงค่ารักษาพยาบาล ปัจจัยสี่อื่นที่ขอทานคนนี้พึงจะใช้ ก่อนความคิดเหล่านั้นจะถูกบดละเอียดละลายไปกับพื้นถนน

ใจเย็นสะกิดบอกลุงบุญเพิ่มคนขับรถด้วยน้ำเสียงตกใจตอนที่เห็นขอทานยืดขาออกมาและลุกเดินปร๋อหายไปในฝูงชน พยายามกวาดตาตามหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ ราวกับขอทานคนนั้นไม่เคยมีตัวตนอยู่ ราวกับเรื่องโกหก เช่นเดียวกับเรื่องขาด้วนนั้นเอง

“เรื่องปกติน่ะครับคุณหนู” ลุงบุญเพิ่มหัวเราะ ด้วยเอ็นดูความไร้เดียงสา แต่ใจเย็นไม่เข้าใจว่าลุงบุญเพิ่มหัวเราะอะไร

“ปกติเหรอครับ”

“ใช่ครับคุณหนู”

จนกลับไปใจเย็นก็ยังไม่เข้าใจคำว่าปกติของลุงบุญเพิ่ม เขารู้สึกเหมือนฝันร้ายด้วยซ้ำในคืนนั้นแต่จำไม่ได้ว่าฝันอะไร ตื่นมาในเช้าวันใหม่ใจเย็นก็ยังคงไม่เข้าใจ และเพื่อให้หลุดพ้นการติดค้างทรมานทางความคิด ใจเย็นจึงปฏิวัติพฤติกรรมของตัวเองเสียใหม่

เหมือนกับที่นั่งดูสารคดีสัตว์โลกอยู่เป็นวันๆ และพบว่าทุกพฤติกรรมของเหล่าสัตว์นั้นมีเหตุผล มนุษย์เองก็เช่นกัน

ใจเย็นเริ่มที่จะสังเกตผู้คนอย่างเฝ้าหาเหตุผลในพฤติกรรม ไม่ให้ตนเองสั่นคลอนเมื่อเจออะไรผิดแปลก ใจเย็นสังเกตถึงบริบทแวดล้อมตั้งแต่เพศ วัย อาชีพ ชนชั้นในสังคม กริยาท่าทางที่ทำให้เห็นลุไปถึงแวดล้อมที่หล่อหลอม การเลือกแสดงออกในแต่ละสถานการณ์ที่ทำให้ลุถึงนิสัยและเนื้อแท้แม้อาจไม่ถึงแก่น แต่ที่ใจเย็นเพลิดเพลินจากการเฝ้าสังเกตผู้คนมากที่สุดก็คือได้ล่วงรู้เรื่องของรสนิยมและความชอบ

อย่างพิชญะที่อ่อนน้อมถ่อมตนจนลามเลยไปถึงบุคลิกให้ดูไม่มั่นใจในตนเอง แต่เมื่อไหร่ที่ได้พูดเรื่องรถยนต์ก็จะฉะฉานมั่นใจมีประกายในแววตา ทั้งท่าทีที่จับสัมผัสโมเดลรถแต่ละคันบนชั้นวางก็ดูทะนุถนอมราวแม่แมวเลียทำความสะอาดลูกน้อยอย่างรักใคร่ พริมาเองที่พูดมากน่ารำคาญ นอกจากไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่แล้วก็มีเรื่องอื่นที่ทำให้สงบปากสงบคำเหมือนกัน นั่นคือตอนที่หล่อนได้เริ่มจับเครื่องสำอางและประทินลงบนผิวหน้า ปิดท้ายด้วยรอยยิ้มเฉิดฉายพร้อมแววตาพราวระยับ

เหล่านี้เองที่ใจเย็นสัมผัสได้ถึงความสุข เขาจึงชอบมองหาสิ่งเหล่านั้นในตัวผู้คน และเมื่อจับทางได้ก็เหมือนว่าสานสัมพันธ์ง่ายขึ้น บางครั้งก็ดูจะควบคุมง่ายขึ้นด้วย แต่แน่นอน ทุกสิ่งย่อมมีข้อยกเว้น

และใจเย็นก็ได้เรียนรู้มันจากเป็นไทเป็นคนแรก

ทั้งที่คิดว่าคนอารมณ์ร้อนนั้นดูออกง่าย ด้วยโผงผางผ่าซากคงค้นลึกลงในใจไม่ยาก ใบหน้าของเป็นไทก็ดูผ่อนคลายลงเห็นได้ชัดเมื่อตักไอศกรีมเข้าปาก ดูชอบใจในรสสตรอเบอร์รี่เมื่อลิ้นลิ้มเลียริมฝีปากที่เลอะเปรอะเล็กน้อย ดูเข้ากันดีกับบทเพลงซินธ์ป๊อบที่แว่วมาแต่ไกลๆ จากเวทีไหนสักเวที แต่เมื่อใจเย็นเอ่ยถึงความชอบรสสตรอเบอร์รี่ของเป็นไท เขาก็เห็นแววตาที่เปลี่ยนไป

เหมือนใจเย็นไปสะกิดอะไรบางอย่างเข้า ไม่แน่ใจว่าอะไร แต่ก็รู้ได้ว่าเป็นไทไม่ชอบใจนัก และเมื่อสนทนาสะดุด เขาก็คร้านจะแก้ไขจึงเพียงยิ้มให้และเอ่ยลา ก่อนมานึกเสียดายภายหลังเมื่อรู้สึกติดค้าง ทั้งเรื่องประโยคที่ได้ยินในงาน Open House ทั้งเหตุผลที่เป็นไทดูไม่สบายใจเมื่อถูกล่วงรู้ถึงความชอบของตนเอง

ถึงจะบอกเอาไว้ว่าจะไม่คิดเองเออเอง แต่ใจเย็นแน่ใจว่าเป็นไทชอบไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่แน่ๆ

และเมื่อพบกันอีกครั้งในปลายเดือนเมษายนของปีเดียวกัน ต่อให้เป็นไทจะมีแก้วโกโก้วางอยู่ตรงหน้า ใจเย็นก็ยังแน่ใจว่าเป็นไทชอบไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่

ไม่รู้ว่าทำไม อาจเป็นความดื้อดึงเอาแต่ใจที่เขาเองก็ไม่ค่อยรู้ตัว

ครั้งนี้ที่พบกันไม่ได้มีบทเพลงซินธ์ป๊อบคลอในบรรยากาศ แต่เป็นเพลงโซลฟังสบายภายในร้านกาแฟ และต่างฝ่ายต่างไม่ได้มีเพื่อนรายล้อม คนกลางที่ทำให้พวกเขามาพบกันอีกครั้งก็คือผู้หญิงของใจเย็น

ใช่ เรียกว่าผู้หญิงของใจเย็นดูจะเหมาะกว่า ในเมื่อเขาก็คบอยู่หลายคน และคนนี้ก็เป็นหนึ่งในเด็กสาวที่แก่กว่าใจเย็น ปีหน้าหล่อนก็จะขึ้น ม.6 แล้วจึงไม่แปลกอะไรถ้าใจเย็นจะต้องมาหาหล่อนหลังติวพิเศษวิชาคณิตศาสตร์ ที่แปลกคือพี่ติวเตอร์ของหล่อนน่ะแหละ ใจเย็นไม่คาดคิดแม้แต่นิดว่าจะได้พบอีกเป็นครั้งที่สาม

“โลกกลมจังนะครับ” ใจเย็นเอ่ย ยิ้มให้ ขณะที่เป็นไทดูอยากจะทำหน้าบอกบุญไม่รับแต่ก็ระงับเอาไว้

“กูเริ่มอยากให้มันเป็นสี่เหลี่ยม”

และเอ่ยออกมาทางคำพูดเสียแทน

ขณะที่ใจเย็นตีบตันกับคำตอบโต้ ผู้หญิงของเขาเองก็แทรกสนทนาโพล่งถามว่ารู้จักกันหรือ แน่นอนว่าใจเย็นต้องเป็นฝ่ายตอบ เขาตอบว่าเคยเจอในงานคอนเสิร์ตเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ แค่นั้นไม่ใส่รายละเอียด หล่อนก็ไม่ได้ถามอะไรต่อและชวนเขาออกจากร้านกาแฟ

“วันก่อนไม่ใช่คนนี้นี่”

แต่ดูท่าเป็นไทจะไม่อยากให้เขาได้ออกไปอย่างสงบนัก หันกลับไปมองก็เห็นว่าเจ้าของคำพูดแค่ยักไหล่ใส่ ทำทีไม่รู้ไม่ชี้และง่วนมือลงบนชีทเรียนตรงหน้า และเพราะตีบตันทางคำพูดตั้งแต่เมื่อครู่ใจเย็นจึงโดนเด็กสาวจู่โจมเสียก่อน นั่นแหละทำให้เขาต้องลากหล่อนออกจากร้านไปคุยเคลียร์ให้เข้าใจ อธิบายต่อยอดว่าที่เจอกันในงานคอนเสิร์ต ก็เจอเพราะมีเรื่องกัน ดูไม่ชอบเขานักก็ไม่แปลก แต่พอใจเย็นพูดถึงตรงนี้ ตัวเขาก็สงสัยขึ้นมาเสียเองจนกลับเป็นฝ่ายเอ่ยถามหล่อน

“ผมดูกวนตีนเหรอ เขาเลยไม่ชอบ”

พอหล่อนได้ฟังก็หัวเราะ ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม จนใจเย็นรู้สึกว่าชีวิตของเขามักจะไม่ได้รับคำอธิบายอะไรที่อยากได้ และก็คงจะเป็นอย่างนี้เสมอ กระนั้นก็ได้แต่ปล่อยความไม่เข้าใจนั้นลอยฟุ้งในอากาศ ปะปนไปในห้วงเวลาที่ใช้เดินเล่นกับหล่อนสองคน ซึ่งใจเย็นก็รู้สึกเหมือนเดินอยู่บนความรู้สึกติดค้าง ทั้งเรื่องประโยคที่ได้ยินในงาน Open House ทั้งเรื่องไอศกรีมรสตรอเบอร์รี่ ทั้งเรื่องที่ดูไม่ชอบขี้หน้าเขา ยิ่งพบก็ดูเหมือนจะยิ่งพูนเพิ่ม คั่งค้างวังวน แต่ก็รู้สึกเหมือนจนปัญญาที่จะกลับไปถามหาคำตอบทั้งมวล

กระทั่งถึงเวลากลับที่ต้องเดินผ่านร้านกาแฟร้านเดิม ใจเย็นไม่แน่ใจว่าโชคชะตาหรือตนเองจงใจ ที่เขาจะมองเข้าไปในร้านกาแฟและพบเป็นไทยังนั่งอยู่ในนั้น

“ยังนั่งอยู่เลย” ใจเย็นมองอยู่นานก่อนจะเอ่ยประโยคนี้กับเด็กสาว ให้หล่อนมองตามและเอ่ยบอก

“อ๋อ รู้สึกว่าพี่เขาชอบนั่งอ่านหนังสือต่อนะ”

“อ่านอะไร”

“ไม่รู้สิ อาจนั่งแก้โจทย์แคลคูลัสก็ได้”

“ที่มีแต่ตัวเลขน่ะเหรอ”

“อือ คงงั้นแหละ”

ใจเย็นไม่ได้ตอบรับอะไรอีก เขาเพียงยืนมองผ่านมุมที่เป็นไทจะไม่รู้ตัว เหมือนกับที่ชอบมองผ่านกระจกรถติดฟิลม์ดำ ใจเย็นเห็นสีหน้าของเป็นไทดูคร่ำเคร่ง คิ้วขมวดเล็กๆ เหมือนแก้โจทย์ปัญหาไม่ออก จนมือของเป็นไทละมาควงปากกาเล่น ใจเย็นก็ถูกเด็กสาวดึงมือเป็นสัญญาณให้ไปกันได้แล้ว เขาจึงเดินออกไปทั้งที่ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรหนึบขึ้นมาในใจ แต่จะอะไรเสียอีก ก็เรื่องติดค้างเหล่านั้นน่ะแหละ

และมันก็ดูจะพูนเพิ่มขึ้นมาอีกเรื่อง เมื่อใจเย็นหันกลับมาแล้วเห็นว่าเป็นไทหยุดควงปากกาเล่น เปลี่ยนมาเขียนอะไรยุกยิกลงบนกระดาษ พร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ เหมือนครึ้มอกครึ้มใจที่แก้โจทย์ปัญหาออก

ใจเย็นไม่มีคำอธิบายว่าทำไมเขาจึงเก็บรอยยิ้มนั้นมาเป็นอีกเรื่องที่คั่งค้างวังวน มันคงเหมือนกับที่รอบตัวเขาก็มีเรื่องไร้คำอธิบายเต็มไปหมด เหมือนกับที่เขาเอ่ยถามหาทางติดต่อเป็นไทจากเด็กสาว เหมือนกับที่บอกกับหล่อนว่าอยากเรียนพิเศษกับเป็นไทให้หล่อนมึนงงเพราะเพิ่งเล่าให้ฟังว่าไม่ค่อยถูกกัน แต่ก็นั่นแหละ ทุกอย่างก็เป็นไปตามนั้นและไร้คำอธิบาย

“นึกครึ้มอะไรเนี่ยลูก ถึงอยากเรียนพิเศษวิชาเลข”

แม้แต่คุณเกษราก็ยังมึนงงเมื่อใจเย็นนำเรื่องกลับไปบอก ด้วยหล่อนก็รู้ดีว่าลูกชายของตนเองนั้นเหนื่อยหน่ายกับวิชาคำนวณแค่ไหน แต่ใจเย็นก็แค่ยิ้ม ไม่มีคำอธิบาย คุณเกษราจึงยิ้มตอบ เห็นดีเห็นงามไปกับทุกเรื่องที่ลูกชายกระตือรือร้นสนใจขึ้นมา

“สงสัยจะเจออะไรให้เปลี่ยนใจชอบเลขขึ้นมาหรือเปล่า”

หล่อนเอ่ยถาม ดูอารมณ์ดี แต่ใจเย็นก็เพียงยิ้ม และเอ่ยขอให้ติดต่อไปให้หน่อย อยากให้มาสอนที่บ้านเพราะเขาคร้านจะออกไปเรียนข้างนอกที่หนวกหูไม่มีสมาธิ คุณเกษราส่งเสียงร้องหืมในลำคอ แปลกใจกับลูกชายที่ดูเหมือนจะสนใจวิชาคณิตศาสตร์ขึ้นมาเป็นพิเศษ

แต่ไม่หรอก ความจริงแล้วใจเย็นก็ยังคงไม่ชอบวิชาคำนวณอยู่ดี











***************************************************************************************
ตอนนี้เบาๆ เนอะ จริงๆ แล้วใจเย็นเป็นเด็กที่น่าตีคนหนึ่งบอกไม่ถูกค่ะ ไม่ได้ร้ายอะไรหรอก ออกแนวร้ายเดียงสามากกว่า 55

และเหมือนเดิมค่ะ ติดแท็ก #ใจเย็นกับเป็นไท ได้นะคะ รักคนอ่านทุกคนค่ะ :กอด1:

หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่5-คำนวณ ◑หน้า3 (19/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 19-02-2017 12:34:49
ชอบบบบบ :hao7:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่5-คำนวณ ◑หน้า3 (19/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-02-2017 13:04:56
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่5-คำนวณ ◑หน้า3 (19/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-02-2017 13:33:45
 o13
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่5-คำนวณ ◑หน้า3 (19/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 19-02-2017 13:45:40
คนหนึ่งชอบค้นหา
คนหนึ่งเลือกปกปิด ละทิ้ง เพื่อลืมเลือน

ใครจะเปิดแผลใครกันแน่
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่5-คำนวณ ◑หน้า3 (19/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 19-02-2017 14:23:32
ไม่ชอบวิชาเลข แต่ชอบคนที่สอนเลขใช่ปะ
ไม่ดีเลยย เหมือนจะติดเรื่องนี้เเล้วว
พออ่านจบแล้วอยากอ่านต่อ ฮือออ ทรมานชิบ 55555
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่5-คำนวณ ◑หน้า3 (19/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Atroce ที่ 19-02-2017 15:03:20
ทำไมเป็นไท น่ารักนะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่5-คำนวณ ◑หน้า3 (19/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 19-02-2017 15:31:53
คนหนึ่งชอบค้นหา
คนหนึ่งเลือกปกปิด ละทิ้ง เพื่อลืมเลือน

ใครจะเปิดแผลใครกันแน่
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่5-คำนวณ ◑หน้า3 (19/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-02-2017 21:03:40
ไม่ชอบวิชาเลข แต่ชอบคนที่สอนเลขใช่ปะ
ไม่ดีเลยย เหมือนจะติดเรื่องนี้เเล้วว
พออ่านจบแล้วอยากอ่านต่อ ฮือออ ทรมานชิบ 55555
ใช่เลย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่5-คำนวณ ◑หน้า3 (19/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Viewonohm ที่ 19-02-2017 23:58:46
เป็นไทดูใจเย็นกว่าใจเย็นอีก / ขอชื่อย่อทั้ง2ทีค่ะ พลีส พลีส
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่6-หวงของ ◑หน้า3 (21/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 21-02-2017 18:23:10


6 – หวงของ




เป็นไทเป็นคนหวงของ เขาไม่แน่ใจว่าได้นิสัยนี้มาจากไหน มันอาจเป็นตอนที่ดวงตาของเขาได้เห็นภาพเครื่องเรือนของแม่ถูกทำลายแหลกเละไปทีละชิ้น ทีละชิ้น ให้รวดร้าวลึกลงกลางใจ หยั่งรากความเจ็บปวดนั้นไว้จนเติบโตงอกเงยเป็นนิสัยหวงข้าวหวงของไปในที่สุด

ตั้งแต่เด็ก เป็นไทหวงกระทั่งของชิ้นเล็กชิ้นน้อยในถุงขนม ในกล่องของเล่น ในกล่องดินสอ แต่เมื่อนิสัยนั้นเริ่มย้อนมาเป็นภัยต่อการมีเพื่อนเหมือนไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ เขาจึงจัดของไว้ในกล่องดินสอสองชุด ชุดหนึ่งของเขาเอง อีกชุดหนึ่งเป็นของราคาถูกสำหรับหยิบยื่นให้เพื่อนเวลาถูกขอยืม ไม่รู้ทำไมทั้งที่มันเป็นของเขาทั้งหมด แต่แบบนี้เขากลับทำใจยอมรับได้มากกว่า

จนขึ้นมัธยมเป็นไทก็ยังไม่วายพกของพวกนั้นติดกระเป๋า แต่ก็ดูไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรนักในเมื่อเขาเรียนเก่งฉายชัดในวิชาคณิตศาสตร์ และสังคมนักเรียนเมื่อเรียนเก่งแค่วิชาใดวิชาหนึ่งเพื่อนก็พร้อมจะรุมล้อมห้อมตอม ทั้งขอให้สอนหรือลอกการบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นแบบหลัง และเป็นไทก็สนิทกับเพื่อนเหล่านั้นมากกว่าพวกที่มาขอให้สอนเสียอีก

แต่นิสัยหวงของก็ใช่ว่าจะหายไป มันกลับเกรี้ยวกราดย้ำชัดก็ในตอนที่ปรายย้ายมาอยู่บ้านเขาตอนเขาขึ้น ม.6 กระทั่งผ่านช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อไปเผชิญโลกใบใหม่ในมหาวิทยาลัยที่ทั้งเหนื่อยและปรับตัวไม่ทันก็ยิ่งสับสนและหงุดหงิด ดังนั้นตอนเห็นปรายแอบเข้ามายุ่งกับกีตาร์ในห้องตน อารมณ์โมโหจึงพลุ่งพล่านแบบยากจะบรรเทา ไม่ฟังใดใดแม้แต่ที่ปรายบอกว่าจะซื้อกีตาร์เอง เขาตวาดลั่นว่าจะพังมันทิ้ง ทั้งที่ก็รู้ดีว่าหัวใจสลายจากการถูกทำลายของรักนั้นเป็นอย่างไร ขนาดกีตาร์ที่เขาไม่ได้ชอบพอมันมากไปกว่าซื้อตามเพื่อนยังทำให้เขาหงุดหงิดเพียงนี้เมื่อถูกยุ่มย่าม

ตอนนั้นเองที่เป็นไทเกลียดตัวเองขึ้นมา แต่ก็ระงับมันไว้ด้วยเหตุผลที่คิดเองเออเองถึงเรื่องเงิน ใช่ ในเมื่อบ้านเขาตอนนี้ขัดสนซ้ำซ้อนเมื่อต้องอุปการะปรายอีกคน ตอนได้ยินว่าปรายจะใช้เงินฟุ่มเฟือยก็ย่อมหงุดหงิดเป็นธรรมดา

โดยก็ไม่เคยยอมรับตรงๆ ว่าที่ทำให้เกลียดตัวเองน้อยลง แท้จริงคือต่อให้ปรายซื้อกีตาร์มา เขาก็ตั้งใจว่าจะไม่พังมันอย่างคำที่พูดต่างหาก

ทางด้านปราณีก็ไม่เคยจัดการกับนิสัยขี้โมโหของลูกชาย ด้วยคิดว่าเป็นไปตามวัยไม่น่ามีปัญหาอะไรเกินไปกว่าเรื่องชกต่อยที่โรงเรียนในบางครั้ง หล่อนคิดว่าถ้าเป็นไทเห็นหล่อนลำบากลำบนไปพบอาจารย์ฝ่ายปกครองตามคำเชิญบ่อยเข้าก็คงลดละไปเอง และเพราะเป็นจริงตามคิดจึงยิ่งทำให้หล่อนไม่ใคร่สนใจนัก

สิ่งที่หล่อนใส่ใจตั้งแต่หย่าขาดกับนราธิปก็คือเรื่องเงิน และเพราะไม่เคยทำงานเป็นจริงเป็นจังตั้งแต่เรียนจบด้านภาษาก็ทำให้ชีวิตทุลักทุเล ที่เคยฝันอยากเป็นแอร์โฮสเตสก็พับเก็บไปตั้งแต่แต่งงาน ครั้นมาตอนนี้อายุอานามก็ล่วงเลย สิ่งที่พอหยิบจับได้จึงเป็นงานแปลจากสำนักพิมพ์ที่พอจะมีคนรู้จักช่วยเหลืออยู่บ้าง แต่ก็เป็นงานหนักเงินน้อย เงินเก็บและเงินที่ได้จากแบ่งสินสมรสจะเอาไปลงทุนทำอะไรก็ขลาดกลัวจะเจ็บหนักกว่าเดิมด้วยไม่เคยเผชิญโลกความจริง สุดท้ายก็สลายหายไปกับความไม่พอใช้ให้ต้องกู้หนี้ยืมสินไปทั่ว

ที่ดีหน่อยก็เห็นจะเป็นเรื่องที่ลูกชายหล่อนเรียนดีนั่นแหละ ค่าเทอมถูกตัดจากรายจ่ายเพราะขอทุนให้เปล่าได้ แม้ไม่ใช่ทุนที่จะได้แน่นอนทุกเทอมแต่ก็บรรเทาลง ยิ่งเป็นไทสอนพิเศษหาเงินใช้เองก็ยิ่งจุนเจือ แต่รวมๆ แล้วก็ยังขัดสนอยู่ดีเมื่อมีปรายลูกชายของน้องสาวที่ล่วงลับให้ต้องดูแลอีกคน

จนกระทั่งบ่ายแก่วันหนึ่งในเดือนพฤษภาคม วันที่เป็นไทไม่ได้ออกไปเที่ยวหรือสอนพิเศษที่ไหนนอนหลับอยู่หน้าโทรทัศน์ ปราณีเห็นลูกชายหลับสนิททั้งที่เสียงดังและอากาศร้อนอ้าวก็นึกเอ็นดูสงสาร คงจะเหนื่อย หล่อนคิด และมองลูกชายตัวใหญ่ด้วยความรู้สึกเหมือนเขายังเป็นเด็กตัวน้อยๆ ก่อนจะถูกขัดจังหวะด้วยเสียงโทรศัพท์ เมื่อพบว่าเป็นโทรศัพท์มือถือของเป็นไทก็ตัดสินใจกดรับแทนไปก่อนเพราะไม่อยากให้ลูกชายถูกรบกวนเวลาพักผ่อน

และเมื่อเป็นไทตื่นมาอีกที เขาก็รู้สึกเหมือนหลงงุนงงอยู่ในสวนของบ้านใครสักคน ต้นไม้ใหญ่ล้อมบ้าน บ่อน้ำตกชอุ่มชื้น และกลิ่นดอกไม้ที่เยอะจนแยกไม่ถูกว่าดอกอะไร ไม่สิ เขาไม่น่าจะรู้จักด้วยซ้ำ

ปราณีแม่ของเขาบอกให้ฟังหลังตื่นว่าหล่อนรับโทรศัพท์แทนเขา ปลายสายเป็นแม่ของเด็กชายที่อยากจะจ้างวานเป็นไทให้สอนพิเศษ และตามประสาผู้ปกครอง คุยกันไปคุยกันมาก็ได้รู้ชื่อเสียงเรียงนามว่าใครเป็นใคร และก็โลกกลมเหลือเกินที่อีกฝ่ายเคยเป็นรุ่นน้องคนสนิทในชมรมวรรณศิลป์สมัยเรียนมหาวิทยาลัย คุยไปเรื่อยจนรู้สารทุกข์สุกดิบกันและกันซึ่งเป็นไทก็ไม่ค่อยได้สนใจฟังแม่นัก จนมาถึงประโยคที่แม่บอกว่าหล่อนจะช่วยจ่ายค่าเทอมให้นี่แหละ

“แลกกับไปสอนเลขให้ลูกชายเขานะไท เห็นว่ากำลังจะขึ้น ม.5 เอง ไม่ยากหรอกเนอะ”

เป็นไทเห็นแม่ยิ้ม เขาที่แม้จะยังงงๆ กับโชคดีที่วิ่งเข้าหาก็ยิ้มตาม ตอบตกลงก่อนเริ่มจินตนาการไปไกลถึงสิ่งที่อยากได้ และถ้าเทอมนี้ขอทุนให้เปล่ามาสมทบได้อีก เขาก็จะไม่ต้องลำบากเรื่องค่ากินอยู่ค่าเดินทางไปอีกสักพัก

โดยไม่คำนึงเผื่อถึงสิ่งที่ต้องรับมือเลยแม้แต่น้อย

อย่างแรกที่เป็นไทเจอในวันเสาร์วันเริ่มสอนก็คือมีรถมารับ เป็นเมอร์เซเดสเบนซ์สีงาช้างที่แม้จะตกรุ่นไปแล้วแต่ก็ทำให้รู้สึกขนลุกบอกไม่ถูก ไม่ใช่เพราะความแพงของมันหรอก แต่ขนลุกตรงที่ว่าทำไมต้องลงทุนสั่งคนขับรถมารับเขาถึงหน้าบ้าน หากคิดไปคิดมาว่าอาจเป็นเรื่องปกติของเศรษฐีเงินเหลือก็พยายามไม่ติดใจอะไร คิดสมทบเข้าไปด้วยว่าเพราะแม่ของเขาเคยเป็นรุ่นพี่แสนดีที่มหาวิทยาลัยนั่นเอง

อย่างที่สองคือบ้าน เป็นบ้านหน้าตาปกตินั่นแหละแต่แค่รั้วรอบขอบชิดยาวไปนิด และเมื่อประตูรั้วบ้านบานสูงเลื่อนเปิดให้เมอร์เซเดสเบนซ์กลับถิ่น เป็นไทก็รู้สึกแปลกกับแวดล้อมก่อนถึงตัวบ้าน ไม่ถึงกับมีน้ำพุให้รถวนรอบแบบในละคร ไม่มีไม้พุ่ม ไม้ดัด หรือบอนไซพันปีที่คิดว่าคนรวยชอบใช้แต่งสวนให้ดูหรู ทุกอย่างผิดจากที่คิดเพราะเท่าที่เห็นคือสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ เรียกได้ว่าแทบจะล้อมบ้าน ตั้งแต่ไม้เลื้อยรั้วอย่างเล็บมือนางที่ออกดอกสะพรั่ง ชูช่อแข่งกับเฟื่องฟ้า ไล่ไปยันจำปี จำปา จำปูน ลำดวน ประดู่ป่า กันเกรา สารภี จิปาถะอีกมากใกล้แนวกำแพงหน้าบ้าน แต่ก็ไม่ได้สะเปะสะปะ มองดีๆ ก็ยังเห็นสบายตาด้วยจัดแต่งเป็นสามระดับตามสูตรแต่งสวน และตระหง่านกลางสนามหญ้าชอุ่มด้วยกลุ่มชมพูพันธุ์ทิพย์ที่โรยดอกไปแล้วตั้งแต่มีนาคม

ส่วนอีกฟากทางซ้ายเป็นสวนดอกไม้เหมือนหลุดจากนิทาน ยี่โถ กาหลง ผกากรอง โบตั๋น รสสุคนธ์ เบญจมาศ แก้ว อะไรต่อมิอะไรที่เป็นไทไม่รู้ชื่อและไม่เคยเห็น และเมื่อล้อรถหยุดหมุน เป็นไทที่เดินตามคนขับรถเข้าไปในสวนดอกไม้นั้นก็เห็นใบโกสนสีจัดจ้านสดสวย เห็นใบเฟิร์นประดับประดาบ่อน้ำตกที่มีปลาคาร์ฟแหวกว่าย เดินผ่านชงโคข้ามสะพานเหนือน้ำไปก็จะเจอซุ้มไม้ที่มีรากอ่อนชมพูของม่านบาหลีห้อยระย้า และเมื่อแหวกม่านเข้าไป เป็นไทก็รู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในโลกอีกใบโดยสมบูรณ์

ไม่แน่ใจว่าเป็นกลิ่นหอมดอกไม้ที่ไม่รู้ว่าเป็นกลิ่นอะไร หรือว่าเป็นกลิ่นบรรยากาศรอบตัวของคุณเกษราที่นั่งอ่านหนังสือรอเขาอยู่บนเก้าอี้ไม้ระแนงสีขาว หล่อนยิ้มและเอ่ยต้อนรับให้เป็นไทรู้สึกเย็นแบบที่ไม่คิดว่ามีที่แบบนี้กลางกรุงเทพในฤดูร้อน บอกไม่ถูกว่าทำไม ทั้งที่หล่อนแค่ยิ้มแต่เขารู้สึกว่าได้รับการต้อนรับอย่างดีจนเก้กังกับการยกมือไหว้เพราะกลัวไม่นอบน้อมพอ

“ลูกชายน้าชอบนั่งเล่นตรงนี้ แต่จะไปสอนข้างในบ้านเปิดแอร์เย็นๆ ก็ได้นะ”

“ไม่เป็นไรครับ ตรงนี้ก็ได้” เป็นไทตอบ ยังคงรู้สึกเกร็งไม่หาย จนกระทั่งคุณเกษราเดินออกไปอีกทางเพื่อไปตามลูกชายข้างในบ้าน เขาจึงรู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง มองดอกไม้กลีบกลมหยักสีม่วงในแจกันใสตรงหน้าแล้วพาลคิดว่าแจกันใสนี่มีราคาแพงกว่าที่คิดหรือเปล่า สำรวจรอบๆ มองผ่านรากระย้าสีชมพูก็ยังคงรู้สึกว่าเป็นโลกอีกใบ เสียงน้ำตกไหลเย็น เสียงลมที่หอบไอเย็นจากผิวน้ำพัดมาไล้แก้ม พลันสะดุ้งกับเสียงทุ้มของใครบางคน

“เป็นไท”

แล้วก็รู้สึกเหมือนถูกดึงกลับโลกใบเดิมเมื่อหันกลับไปแล้วเจอเด็กหนุ่มที่คุ้นหน้าแม้จะเคยเจอแค่สามครั้ง ครั้งนี้ก็ครั้งที่สี่ ซึ่งก็เป็นครั้งที่ดูจะ...ไม่อยากเจอกว่าครั้งไหนๆ ในทั้งหมด

“กินไอติมไหมครับ”

“มึง...” เขารู้สึกเหมือนจนคำพูด ขณะที่ใจเย็นก็แค่ยืนค้ำหัวเขาอยู่อย่างนั้น “มึงเองเหรอวะ”

“แม่ผมไม่ได้บอกเหรอ”

“ไม่อะ ไม่รู้ว่าเป็นมึง”

หากใจเย็นก็แค่ยิ้ม “ตกลงว่ากินไอติมไหมครับ”

“ทำไมต้องไอติมวะ”

“ผมชอบ”

แล้วเหตุผลที่โลกดูหมุนรอบตัวเองก็ออกจากปาก เป็นไทนึกอยากจะด่าแต่ก็ด่าไม่ออก สุดท้ายก็ตอบเออๆ ตัดบทไป

“รสอะไรดีครับ”

“ช็อกโกแลต”

“มีแต่สตรอเบอร์รี่ครับ”

“กวนตีนเหรอวะ”

ทันทีทันใดที่ใจเย็นหัวเราะ “ก็เป็นไทบอกให้ถาม”

ได้ยินแบบนั้นเป็นไทก็นึกได้ว่าเคยพูดไว้จริงๆ แต่ตอนจะด่าว่าถ้าไม่มีก็ไม่ต้องถาม ใจเย็นก็เดินกลับเข้าบ้านไปแล้ว ครู่เดียวเท่านั้นก็ออกมาพร้อมถ้วยไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่สองถ้วย เขาหนึ่ง ใจเย็นหนึ่ง ดูเอ้อระเหยไม่คิดจะเรียนเลยสักนิด

“นึกยังไงให้กูมาสอนวะ” เป็นไทเอ่ยถาม จำได้จากที่แม่เล่าว่าตัวลูกชายนั่นแหละที่อยากเรียนกับเขา ไม่ใช่เพราะผู้ปกครองบังคับอะไร แต่ก็ไม่คิดเลยว่า...ไอ้ลูกชายคนนั้นก็คือใจเย็น ซึ่งเจ้าตัวก็เพียงตักไอศกรีมเข้าปากเงียบๆ ยิ้มน้อยๆ ไม่ตอบคำถามอะไรเขา ชวนหงุดหงิดขึ้นมาเล็กๆ “หรือว่าแค้นอะไร”

“จะแค้นอะไรล่ะครับ”

“ไม่งั้นจะเรียกกูมาสอนทำไม คนอื่นก็มีเยอะแยะ สอนดีกว่ากูด้วย” เขาว่า ตักไอศกรีมเข้าปากบ้าง

“ถ้าแค้น จะให้มาสอนเหรอครับ”

อยากจะบีบปากไม่ให้ย้อนตอบด้วยคำถาม แต่เป็นไทก็รู้สึกว่านั่งเงียบๆ กินไปไม่ให้ปวดหัวคงดีกว่า และก็น่าตลกที่ใจเย็นก็ไม่คิดหาอะไรมาชวนคุยเช่นกัน ต่างคนต่างตักไอศกรีมเข้าปากอย่างเงียบๆ เงียบจนรู้สึกแปลกประหลาดและกลับเข้าไปในโลกที่คุณเกษรานั่งอยู่ในตอนแรกอีกครั้ง ได้ยินเสียงน้ำตกไหลเย็น เสียงลม เสียงนกร้องแบบขี้เกรงใจ จนในที่สุดก็ทนไม่ไหว หาเรื่องคุยขึ้นมาเสียเอง และที่คิดออกก็เห็นจะเป็นเรื่องเด็กสาวที่ใจเย็นมารับวันนั้น ก่อนได้รู้ความว่าเลิกกับหล่อนไปแล้ว

“ไม่ใช่เพราะเป็นไทแกล้งผมหรอกครับ” ใจเย็นยิ้มขำเมื่อเป็นไทถามว่าเป็นเพราะคำพูดตนเองหรือเปล่า มือวางช้อนลงเมื่อไอศกรีมหมดถ้วย “เป็นไทชอบดอกไม้ไหม”

“เฉยๆ” เป็นไทตอบ มองคนถามเอียงแจกันบนโต๊ะให้ดอกไม้โน้มเข้าหาจมูกตนเอง

“ดอกสวีทพีหอมนะ” ใจเย็นเอ่ย เลื่อนแจกันมาทางเขาเหมือนอยากให้สัมผัสความหอมของมันเหมือนกัน “ในเดือนพฤษภาคมก็ยิ่งหอม”

“ไร้สาระ” แต่เป็นไทตัดบทการเอ้อระเหยของคนใจเย็นแบบไร้เยื่อใย “ไอติมก็กินหมดแล้ว เรียนเหอะ”

พลันก็เห็นความอิดออดเล็กน้อยในแววตา เงียบเพียงครู่ ก่อนเอ่ยมาตรงๆ “ไม่ต้องเรียนได้ไหมครับ”

“แต่มึงให้กูมาสอนนะ”

“ก็นั่นแหละ ผมขี้เกียจเรียน” ใจเย็นเอ่ยหน้าตาย เห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาบอกไม่ถูก ด้วยเขาไม่เข้าใจอะไรคนตรงหน้าเลยสักอย่าง ไอ้ท่าทีเอ้อระเหยเท้าคางแถมยังจ้องหน้าเขานั่นก็ด้วย แล้วยัง... “มานั่งคุยกันเฉยๆ ได้ไหม”

ฟังแล้วก็ยิ่งทวีความหงุดหงิดเข้าไปอีกสามเท่า

แค่ให้มาสอนแต่กลับบอกว่าขี้เกียจเรียน เป็นไทก็อยากอัดหน้าสักหมัดแล้ว ที่สำคัญเขาก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรให้อยากคุยกับคนคนนี้ด้วย สายตาที่จับจ้องมาก็ไม่ชอบ คล้ายอยากจะมองเขาให้ทะลุปรุโปร่งตลอดเวลา

หรืออีกแง่ เป็นไทรู้สึกว่าใจเย็นกวนตีนเขาตลอดเวลานั่นแหละ

“ไม่ได้ เรียน”

“งั้นเหรอ” คำตอบรับแบบนี้ของใจเย็นก็เหมือนกัน ที่เป็นไทรู้สึกว่ามันกวนตีน “ถ้างั้น...ขอยืมปากกาหน่อย ผมไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย”

วินาทีนั้นที่เป็นไทรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกระลอกจนอยากจะยกเลิกงานสอนพิเศษนี้ให้รู้แล้วรู้รอด แล้วที่แย่คือนิสัยหวงของกำเริบขึ้นมาจนได้

แต่ไม่ ไม่ได้หวงปากกาที่ใจเย็นขอยืม

เป็นค่าเทอมที่คุณเกษราโอนให้ตั้งแต่วันที่เขาตอบตกลงต่างหาก





หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่6-หวงของ ◑หน้า3 (21/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Viewonohm ที่ 21-02-2017 18:44:21
กรี๊ดดดดดดดดดดด ใจเย็นจะชวนเป็นไทกินไอติมแบบนี้ไม่ได้นะคะ คนอื่นเขาคิดลึก  :hao6:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่6-หวงของ ◑หน้า3 (21/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-02-2017 19:05:50
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่6-หวงของ ◑หน้า3 (21/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-02-2017 19:12:01
เข้าใกล้กัน แต่ดูจะสนิทกันยาก
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่6-หวงของ ◑หน้า3 (21/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-02-2017 19:14:39
เป็นไทอาจจะคิดในใจว่า นี่กูมาเจอมนุษย์ประเภทไหนวะ (หัวเราะ)
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่6-หวงของ ◑หน้า3 (21/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 21-02-2017 19:19:52
รอดูความหวงของต่อไป ใจเย้นจะทำให้เป็นไทระเบิดเมื่อไหร่น้าาา
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่6-หวงของ ◑หน้า3 (21/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 21-02-2017 22:00:12
เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ

บินเฉียง ๆ ในโลกเบี้ยว ๆ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่6-หวงของ ◑หน้า3 (21/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-02-2017 22:11:41
ยังนึกถึงภาพความรุนแรงทุกอย่างที่ปรายโดนตลอดเลยเมื่ออ่านเป็นไท
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่6-หวงของ ◑หน้า3 (21/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 21-02-2017 22:21:50
เป็นไทททท หวงเยอะๆเลยลูกกก จะได้สอนพิเศษใจเย็นไปนานๆ
ชอบอ่ะ พระเอกพูดเพราะ ตามหามานาน ดีจายยยย
พอเห็นว่าอัพ ก็ยิ่งดีต่อจายยยย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่6-หวงของ ◑หน้า3 (21/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 22-02-2017 08:43:28
ชวนกันกิมติม :hao6:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่6-หวงของ ◑หน้า3 (21/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: MOMAMi_96 ที่ 22-02-2017 09:30:01
ใจเย็นกวนตีนเว่อออออ 555
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่6-หวงของ ◑หน้า3 (21/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: chubbymeuk ที่ 22-02-2017 17:54:46
อื้อหือออ คนรวยนี่ก็รวยจริงจริ๊งง สายเปย์ที่แท้จริงสินะใจเย็น
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่6-หวงของ ◑หน้า3 (21/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 22-02-2017 21:52:58
เป็นไทมีความเคะ ส่วนใจเย็นมีความเมะ แฮะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่6-หวงของ ◑หน้า3 (21/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Atroce ที่ 23-02-2017 19:17:47
ใจเย็นสายเปย์
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่7-ใจกลางพายุ ◑หน้า4 (24/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 24-02-2017 00:15:14

7 – ใจกลางพายุ




ตอนที่ใจเย็นเห็นเป็นไทนั่งอยู่ในบ้านตนเอง ในซุ้มไม้ บนเก้าอี้ตัวประจำที่เขาชอบนั่งเล่น ความรู้สึกประหลาดๆ ก็ดูจะพัดมาพร้อมกับไอเย็นจากผิวน้ำตก ใช่ ประหลาด บอกไม่ถูก และความรู้สึกนั้นก็ดลให้เขาหยุดยืนมองเป็นไทอยู่ชั่วครู่ จากตำแหน่งที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว อย่างที่เขามักจะจ้องมองผู้คนเช่นนั้นเสมอมา

ใจเย็นเห็นเป็นไทหันมองสำรวจรอบๆ คร่าวๆ ไม่ได้เพ่งพินิจ ก่อนกลับมาหยุดที่ดอกสวีทพีตรงหน้า ราวครุ่นคิดบางอย่าง หรืออาจจะแค่รอ เห็นนิ้วชี้ขยับเคาะเบาๆ กับโต๊ะ เบาจนไม่ได้ยินเสียง ตอนนั้นที่ใจเย็นเริ่มอยากรู้ว่าเป็นไทคิดอะไรอยู่ อยากเห็นสีหน้า อยากเห็นอารมณ์ พลันก็นึกถึงไอศกรีมสตรอเบอร์รี่ขึ้นมา

และนั่นแหละที่ทำให้ใจเย็นเริ่มบทสนทนา แกล้งถามถึงรสที่อยากกินแม้ทั้งบ้านจะมีแต่รสสตรอเบอร์รี่ ไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่าจะเห็นสีหน้าขัดใจ เขาหัวเราะ แต่ก็สนุกกับการแกล้งแค่นั้น จนที่เหลือก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเป็นไทถึงมีสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก

อันที่จริงใจเย็นก็ได้ยินบ่อย ที่เพื่อนๆ จะบอกว่าเขากวนตีน แน่นอนว่าบางเรื่องเขาตั้งใจ บางเรื่องก็ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าตนเองกวนตีนตรงไหน บางทีสีหน้าเป็นไทไม่สบอารมณ์คงเพราะรู้สึกว่าเขากวนตีน แต่ใจเย็นก็ไม่ได้ถามออกไปว่าอย่างไร เขาเงียบให้เหมือนตอนที่กินไอศกรีมกันอยู่แล้วนึกเรื่องชวนคุยไม่ออกนั่นแหละ

จนสุดท้าย ที่อยากพบกับเป็นไทเพื่อเคลียร์ปัญหาค้างคาใจ ก็กลายเป็นว่าเพิ่มเรื่องคาใจอีกเรื่องจนได้

ในช่วงเวลาที่ดอกสวีทพีจะลดกลิ่นหอมเมื่อเดือนพฤษภาคมร่นหาย ใจเย็นขบคิดค้างใจ ทั้งสิ่งที่ได้ยินในงาน Open House ทั้งไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ ทั้งรอยยิ้ม ทั้งสีหน้าไม่สบอารมณ์เหล่านั้น ทั้งหมดนั่นเลย จนก่อนที่จะได้เจอเป็นไทอีกครั้งในวันเสาร์ครั้งหน้า ใจเย็นก็หาเพื่อนมาช่วยตอบ

“คบหลายคนแล้วผิดเหมือนไปฆ่าคนตายไหมไม่รู้นะ แต่กูว่ายังไงก็ผิดว่ะ”

“ผิดยังไงวะ”

“อ้าว ก็ใครๆ ก็อยากให้แฟนมีเราคนเดียวปะวะ”

“งั้นเหรอ”

ใจเย็นตอบรับด้วยคำพูดติดปาก แบบที่ไม่เคยตั้งใจกวนตีนใครด้วยคำพูดนี้ แต่ก็นั่นแหละที่เพื่อนมักบอกว่าคำนี้มันกวนตีน แต่เขาก็แก้ไม่ได้ แค่ทำให้น้ำเสียงมันนิ่งเรียบเท่านั้น ถ้าให้เปรียบคงเหมือนคนญี่ปุ่นที่เวลาครุ่นคิดคำตอบจะไม่ได้ปล่อยเงียบ จะพูดอะไรออกมาสักอย่างให้ดูเหมือนว่าใส่ใจอยู่ พูดทั้งๆ ที่ใช้ช่วงเวลานั้นคิดประโยคอื่นอยู่นั่นแหละ เพียงแต่ใจเย็นพูดคำนี้แล้วก็แค่ปล่อยเฉย ผ่านเลย เก็บเงียบงำ คิด และก็พบแต่ความไม่เข้าใจอะไรเลย

“ทำไมเสียใจถ้าแฟนเรามีคนอื่นน่ะเหรอ” จนใจเย็นเก็บไปถามกระทั่งผู้หญิงที่เขาคบอยู่ อีกแล้วที่หล่อนเป็นเด็กสาวอายุมากกว่า คล้ายว่าเขาจะเป็นที่ชื่นชอบของพวกหล่อน หรือเขาเองที่ชอบพวกหล่อนก็ไม่แน่ใจนัก

“อืม”

“ถามอะไรแปลกๆ นะใจเย็น” หล่อนยิ้ม พลันใจเย็นก็รู้สึกอีกแล้วว่าเขาจะไม่ได้คำอธิบาย “ในเมื่อตอนนี้เราก็คบกันอยู่หลายคนไม่ใช่เหรอ”

“...งั้นเหรอ”

ครั้งนี้เขาเจอคำตอบที่ทำให้ความคิดยิ่งชะงักงัน ใช่ ระยะหลังมานี้กลายเป็นที่รู้ดีว่าเขาไม่ได้คบใครแค่คนเดียว และคนที่เข้ามาหาก็เป็นคนประเภทเดียวกัน รับได้ ไม่สร้างปัญหา และพากันบิดเบี้ยวในความสัมพันธ์ที่ไม่คิดว่าผิดอะไรเรื่อยไป

สุดท้ายใจเย็นก็ไม่เข้าใจอะไรเลย ต่อให้คิดย้อนไปถึงใบหน้าโกรธขึ้ง หรือมืดหม่นเศร้าเสียใจของผู้หญิงที่รับไม่ได้เมื่อรู้ความจริง ใจเย็นรู้ว่าพวกหล่อนเสียใจ รู้ว่ามันไม่ดีที่เป็นแบบนี้ แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจ ทำไมพวกหล่อนเหล่านั้นถึงมองว่าเรื่องพวกนี้เป็นความผิดและรับมันไม่ได้ ในเมื่อเวลาที่อยู่ด้วยกันก็เป็นความสุขดี แล้วมันมีอะไรที่พลาดไปตรงไหนถ้าจะหาความสุขไว้เยอะๆ

จะอย่างไรก็ตามใจเย็นก็ไม่ได้คบใครมากมายขนาดนั้น เขาคบเท่าที่จะมีเวลาแบ่งให้ มีเวลาเหลือพอให้เขาได้นั่งอยู่กับตัวเอง จ้องมองผู้คนด้วยหัวสมองว่างเปล่า หรือขบคิดอะไรเรื่อยเปื่อย แต่ขบคิดเท่าไหร่เขาก็ยังขบไม่แตกถ้าเป็นเรื่องของเป็นไท

เมื่อวันเสาร์วนมาถึงอีกครั้ง ใจเย็นจึงคิดที่จะถามออกไปตรงๆ แต่ใบหน้าหงุดหงิดไม่ยิ้มไม่หือไม่อือแถมยังสั่งให้เขานั่งเรียน ตั้งใจเรียน บอกว่าไม่ให้ยืมปากกา ไม่ให้ยืมอุปกรณ์การเรียนอะไรทั้งนั้น ให้หยิบออกจากบ้านมาเอง ก็ทำให้เขารู้สึกได้ว่าต่อให้ถามอะไรก็จะไม่มีทางตอบสักอย่าง สิ่งเดียวที่หลอกล่อได้เห็นจะเป็นไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ที่เขาเอาออกมาให้ตอนขอพักเบรก

ใจเย็นมั่นใจแบบที่ชีวิตไม่เคยมั่นใจอะไรเท่านี้มาก่อนว่าเป็นไทชอบไอศกรีมรสนี้ กระนั้นก็ไม่ได้ถามอยู่ดีว่าทำไมถึงไม่อยากถูกล่วงรู้ ทำไมถึงชอบถามว่าบ้านไม่มีไอศกรีมรสอื่นแล้วหรือ ใจเย็นได้แต่ตอบว่าทั้งตู้ไอศกรีมที่บ้านมีแต่รสนี้ ให้เป็นไททำสีหน้า ‘งั้นเหรอ’ ในแบบที่เพื่อนๆ เขาบอกว่ามันกวนตีน กระนั้นเลย ใจเย็นก็ชอบมากกว่าจะได้เห็นแต่สีหน้าหงุดหงิดของเป็นไท

“คราวหน้าเป็นดอกไม้อะไรดีครับ” ด้วยช่องว่างที่ใจเย็นแก้โจทย์เลขที่ถูกสั่งให้ทำได้แล้ว และเป็นไทกำลังก้มหน้าก้มตาจิ้มโทรศัพท์มือถือ เขาจึงเอ่ยถามถึงดอกไม้ในแจกัน อันที่จริงก็เพราะไม่รู้จะชวนคุยอะไรดีเหมือนครั้งแรกที่พูดถึงดอกสวีทพีน่ะแหละ

“ไม่ได้ชอบดอกไม้ ไม่ต้องถามกู”

“ครั้งแรกเป็นไทบอกว่าเฉยๆ นี่”

“ก็ไม่ได้ชอบน่ะแหละ เฉยๆ”

“ผมคิดว่า ‘ไม่ได้ชอบ’ ก็คือ ‘เกลียด’ เลยเสียอีก”

“โอ๊ย มึงทำเสร็จแล้วเหรอวะ” พลันเป็นไทก็ดูจะหงุดหงิดขึ้นมาอีกกับการต่อคำ ต่อล้อ ต่อเถียง จนใจเย็นซึมซับขึ้นมาบ้างว่าการขบถึงอะไรที่ซับซ้อน กำกวม อาจกลายเป็นความกวนตีนโดยง่าย

รวมถึงภารกิจที่ตั้งใจไว้ในวันนั้นก็ล้มเหลวด้วย

ก่อนจะถึงวันเสาร์ถัดไป ใจเย็นจึงนั่งคิดว่าจะทำอย่างไรให้ทำลายกำแพงความสัมพันธ์ได้ ทำอย่างไรจะเปลี่ยนสีหน้าบูดบึ้งของเป็นไทเป็นสีหน้าอื่นได้บ้าง คิดไปเรื่อยจนวนกลับมาที่เงื่อนไขที่ง่ายที่สุดคือต้องหาเรื่องที่ชอบมาประเคนในบทสนทนา แต่ไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ก็ดันห้ามแตะไปเสียอีก ดังนั้นเห็นทีก็เหลืออยู่อย่างเดียวคือวิชาคณิตศาสตร์

“ทำไมเป็นไทชอบวิชาเลขล่ะครับ”

ใจเย็นถาม หวังไว้สุดกำลังว่าบทสนทนานี้จะทำให้ชวนคุยสำเร็จ แต่เป็นไทก็แค่มองหน้าด้วยสีหน้าที่ไม่ต่างจากเดิมนัก

“สอนแล้วได้เงิน”

และคำตอบก็ใจร้ายพอตัว นึกอยากถอนตัวจากภารกิจที่ตั้งไว้ว่าจะทำให้เป็นไทเปลี่ยนสีหน้าได้ในตอนนั้น แต่ก็บังเอิญที่เขามีการบ้านวิชาคณิตศาสตร์อยากให้ช่วยดู เห็นเป็นไทคิ้วขมวดนิ่งคิด ควงปากกาในมือ ใจเย็นก็นึกบางอย่างออก

ถัดจากนี้ถ้าแก้โจทย์ได้ เป็นไทจะยิ้มออกมา เป็นยิ้มเจือจาง มุมปาก แต่ก็ชัดว่ายิ้ม และมันก็เป็นตามนั้นจริงๆ เป็นไทดูอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย หากตอนที่จะอ้าปากชวนคุยนั้นเอง

“เรื่องนี้สอนไปตั้งเยอะ มึงฟังเข้าหัวบ้างไหมเนี่ย กากว่ะ”

ก็ได้ ก็ได้ พับเก็บไปก่อนก็ได้ ใจเย็นจำใจต้องคิดเช่นนั้น นึกหงุดหงิดขึ้นมาบ้างอย่างที่ไม่ได้เป็นมานาน แต่ก็ไม่ได้หงุดหงิดเพราะเป็นไทด่า แต่หงุดหงิดเพราะทำอย่างไรก็เข้าไม่ถึง และทำอย่างไรก็ไม่เปลี่ยนสีหน้าเลยต่างหาก

วันเสาร์ถัดไปจึงกลายเป็นเป้าหมายของใจเย็น ไม่รู้ทำไมกลายเป็นว่าเขาเริ่มนึกอยากเอาชนะ เหมือนเขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าอยากจะถามอะไรกับเป็นไทบ้าง ลืมไปแล้วว่าค้างคาใจกับเรื่องที่ไม่รักเดียวแล้วสมควรตาย ลืมไปแล้วว่าไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ไม่ดีตรงไหน ลืมไปหมดแล้ว และคิดเอาแต่หาโจทย์เลข ม.ปลาย ที่ดูยากและน่าจะทำให้คนแก้มันได้รู้สึกพอใจ สรรหาจากครูบาอาจารย์จนพวกท่านแปลกใจ และเมื่อวันเสาร์มาถึง ใจเย็นก็รู้สึกพอใจที่ได้เห็นเป็นไทหน้าเครียดกับโจทย์คณิตศาสตร์ที่เขาหามา

“เอามาจากไหนวะเนี่ย” เป็นคำถามจากปากเป็นไท แต่ใจเย็นก็แค่เงียบ ยิ้มกริ่ม “แม่งยาก เรื่องนี้กูลืมๆ ไปแล้วด้วย”

“ค่อยๆ นึกก็ได้ครับ”

“จะนานอะดิ”

“อยู่กินข้าวเย็นเลยก็ได้”

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวกูเอากลับไปทำ ได้แล้วจะโทรบอก”

“แต่อยากให้เป็นไทอยู่บ้านผมตอนกลางคืนนี่”

ใจเย็นพูดไปตามที่รู้สึก ไม่ได้คิด พลันเป็นไทก็เงยหน้าขึ้นมาจากโจทย์เลขที่ใจเย็นไปสรรหามา จ้องหน้า เอ่ยถาม “ทำไม”

“บ้านผมมีดอกไม้ที่หอมตอนกลางคืนเยอะ” และนั่นก็เป็นคำตอบที่ใจเย็นคิดออกมาแบบทันด่วน ชวนให้เป็นไทเบะปาก

“เป็นตุ๊ดหรือไง พูดแต่เรื่องดอกไม้”

“จำเป็นด้วยเหรอครับ”

ดูเหมือนคำถามนี้จะทำคนฟังอยากเตะเขาขึ้นมาแต่ก็ระงับไว้ ใจเย็นพอจะเข้าใจขึ้นมาทีละนิดว่าอะไรบ้างที่ทำหรือพูดออกไปแล้วกวนตีน แต่เขาก็รู้สึกสนุกดีที่ได้เรียนรู้มันจากเป็นไท

และสนุกดี ที่ได้เห็นคนตรงหน้าแสดงใบหน้าหลากอารมณ์ แม้จะเป็นความหงุดหงิดต่างระดับก็เถอะ

“นั่งแก้โจทย์ของมึงไป” สุดท้ายเป็นไทก็ตัดจบแบบนั้น ให้ใจเย็นนั่งแก้โจทย์ไม่กี่ข้อท้ายเรื่องที่สอนเพื่อดูว่าเขาเข้าใจหรือเปล่า ซึ่งเขาก็มักจะทำตามโดยดี แต่วันนี้ฝืนคำสั่ง เพื่อจะลอบมองคนตรงหน้าหมุนควงปากกาในมือระหว่างคิดคำตอบ บ้างก็หยุดแล้วเปลี่ยนอิริยาบถมาจับมันเขียนทดสิ่งที่คิด สลับกันไปอย่างนั้น และในที่สุด ใจเย็นก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกประหลาดๆ ที่ดูจะพัดมาพร้อมกับไอเย็นจากผิวน้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเป็นไทคลี่ยิ้มออกมา

“เฮ้ย ได้แล้ว”

ไม่รู้ว่าเป็นไทรู้ตัวหรือเปล่าว่าสีหน้าตัวเองเป็นแบบไหน แต่ใจเย็นเห็นทั้งหมด เห็นรอยยิ้มคลี่กว้างกว่าที่เคย หรืออาจจะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นแบบนี้ เห็นเป็นไทพูดอธิบายอย่างกระตือรือร้นแม้เขาจะฟังอะไรไม่เข้าใจเลยสักอย่าง พอๆ กับที่ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมความรู้สึกประหลาดนั้นดูจะพัดรอบใจเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“เป็นไทยิ้มจริงๆ ด้วยอะ เวลาแก้โจทย์เลขได้”

จนในที่สุดก็พูดไปตามที่คิด ให้เป็นไทเงยหน้าขึ้นมาถาม และจากน้ำเสียงคาดว่าเจ้าตัวคงรู้สึกว่ากำลังโดนกวนตีน

“มันทำไมล่ะวะ”

“ชอบ”

อีกครั้งที่พูดไปตามที่คิด ไม่กลั่นกรอง ไม่รู้หรอกว่ากวนตีนหรือเปล่า แต่บางทีอาจจะใช่ เพราะรูปปากของคนตรงหน้าขยับทำท่าจะด่าอะไรออกมาสักคำ แต่สุดท้ายก็นิ่ง กริบ ดูวางเฉยขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง กระนั้นหัวคิ้วก็ยังขมวดอยู่เล็กๆ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าไม่พอใจหรืออะไร

จะอย่างไร ใจเย็นก็รู้สึกเหมือนว่าได้เอาชนะ รู้สึกเหมือนความรู้สึกประหลาดนั้นพัดหวนปั่นป่วนเป็นร้อยเป็นพันรอบ รู้สึกชอบที่เป็นไทเปลี่ยนสีหน้า เปลี่ยนเรื่อง เปลี่ยนกลับมาด่าที่เขาไม่แตะโจทย์เลขเลยแม้แต่น้อย ชอบทั้งหมดนั้น อย่างที่ก็ไม่มีคำอธิบาย แต่ก็ดูเป็นเรื่องปกติ ในเมื่อชีวิตของใจเย็นก็เต็มไปด้วยสิ่งซึ่งไร้คำอธิบายอยู่แล้ว

ดังนั้นคงไม่แปลกถ้าใจเย็นจะไม่เข้าใจ และไม่รู้ตัวว่ารู้สึกอะไรอยู่ ความรู้สึกใหม่นั้นอาจก่อเกิดขึ้นใจกลางพายุที่พัดมาจากไอเย็นเหนือน้ำตกให้เขายากจะทะลวงไปทำความเข้าใจ

ว่าเขาอยากเห็นทุกๆ อารมณ์ของเป็นไท แม้แต่ใบหน้าตอนร้องไห้ก็ตาม













******************************************************************************************
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่7-ใจกลางพายุ ◑หน้า4 (24/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mony ที่ 24-02-2017 02:15:21
ภาษาอย่างนี้แหละค่ะ ชอบ

เป็นกำลังใจให้รักษาแนวทางของตัวเองไว้นะคะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่7-ใจกลางพายุ ◑หน้า4 (24/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 24-02-2017 02:17:46
 :pig4:

เราชอบสำนวนคุณแยมส้มจัง เหมือนกินซอฟเค้กเลย แม้รสจะหวานอมขมกลืนก็เถอะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่7-ใจกลางพายุ ◑หน้า4 (24/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-02-2017 03:35:20
สนุกดี
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่7-ใจกลางพายุ ◑หน้า4 (24/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 24-02-2017 07:36:38
นี่คือ ใจเย็นกำลังรุกแบบใึนๆป่ะ 555
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่7-ใจกลางพายุ ◑หน้า4 (24/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 24-02-2017 07:58:49
ใจเย็นเหมือนเจ้าหนูจำไมแต่ชอบถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ความรู้สึก จิตใจ อะไรแบบนี้
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่7-ใจกลางพายุ ◑หน้า4 (24/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Atroce ที่ 24-02-2017 08:32:45
ใจเย็นนน รู้สึกอะไรกับเป็นไืทแล้วว
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่7-ใจกลางพายุ ◑หน้า4 (24/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-02-2017 13:56:19
ความใกล้ชิด ทำให้เห็น สัมผัสกันมากขึ้น  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่7-ใจกลางพายุ ◑หน้า4 (24/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 24-02-2017 15:57:35
ใจเย็นคงเริ่มสนใจแล้วล่ะมั้ง
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่7-ใจกลางพายุ ◑หน้า4 (24/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Frankdar ที่ 24-02-2017 19:28:51
ใจเย็นอยากทำให้เป็นไทร้องไห้หรอ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่7-ใจกลางพายุ ◑หน้า4 (24/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: chubbymeuk ที่ 24-02-2017 20:44:36
ขอเข้ามาแอร๊ยยยกับคำว่าชอบของใจเย็นก่อนนะคะ
ตอนนี้เริ่มลืมแล้วเหมิอนกันว่าใจเย้นพยายามเข้าหาเป็นไทเพราะอะไร 5555
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่7-ใจกลางพายุ ◑หน้า4 (24/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 24-02-2017 21:20:51
เอาแล้วววว ความรู้สึกที่ิอยากเห็นเขาร้องไห้
แล้วอยากจะเป็นคนโอ๋เองด้วยไหมล่ะ  :-[

พยายามเข้านะใจเย็น
แต่ถ้าไม่เลิกมองการคบหลายคนเป็นเรื่องผิด
โดนเป็นไทฆ่าแน่ o18
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่7-ใจกลางพายุ ◑หน้า4 (24/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 24-02-2017 22:16:42
สััมผัสได้ถึงความ S
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่7-ใจกลางพายุ ◑หน้า4 (24/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 24-02-2017 22:49:54
โอยยย ยิ่งอ่านยิ่งชอบอ่ะ
ดีใจทุกครั้งที่เห็นว่านิยายอัพ ฮืออออออ
ชอบบ ใจเย็น กับ เป็นไททท
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่7-ใจกลางพายุ ◑หน้า4 (24/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 25-02-2017 05:26:54
ชอบแบบงง ๆ สินะ

ใจเย็นสไตล์
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่7-ใจกลางพายุ ◑หน้า4 (24/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 25-02-2017 05:44:05
เป็นความสัมพันธ์ที่แปลกดี เริ่มจากสนใจในความแตกต่างระหว่างกัน แล้วจะกลายเป็นความรักได้ยังไงนะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่7-ใจกลางพายุ ◑หน้า4 (24/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: MOMAMi_96 ที่ 25-02-2017 08:11:03
สายเอสก็มาน้องเย็นนนนนนนนน :hao7:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่7-ใจกลางพายุ ◑หน้า4 (24/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 25-02-2017 12:17:46
ชอบบบบบบบบบบบ ทุกอย่างในเรื่องนี้เลย เป็นกำลังใจให้นะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่7-ใจกลางพายุ ◑หน้า4 (24/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 25-02-2017 18:04:02
อ้าว ใจเย็นแบบนี้มันเรียกว่าตกหลุมรักแบบไม่รู้ตัวซะแล้วล่ะมั้ง
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่7-ใจกลางพายุ ◑หน้า4 (24/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 25-02-2017 21:27:09
เป็นเรื่องที่ดูเรื่อยๆ  แต่ก็น่าติดตาม ทั้งสองคนมีปมใในใจคนละอย่าง เหมือนมันจะอึมครึมครึ้มฟ้าครึ้มฝนแต่มันก็สนุกดี
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่7-ใจกลางพายุ ◑หน้า4 (24/2/60)
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 26-02-2017 09:47:43
เจอสำนวนแบบนี้ทีไร ติดตามทูกที
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่8-แววตา ◑หน้า5 (1/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 01-03-2017 21:31:20

8 – แววตา





นานครั้งเป็นไทจะสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกในห้องที่เขาไม่เคยปิดโคมไฟเหนือหัวเตียง หัวใจสั่นระรัว หายใจหอบถี่เหมือนเพิ่งวิ่งหนีจากอะไรบางอย่าง ใช่ ไม่ผิดนัก เพราะทุกครั้งที่เป็นแบบนี้ คือทุกครั้งที่เขาเพิ่งวิ่งหนีจากฝันร้าย และก็ไม่มีฝันใดจะร้ายเท่าอดีตที่ตามมาหลอกหลอนอีกแล้ว

เป็นไทเห็นแววตาคู่เดิมในความฝัน แววตาว่างเปล่าของพ่อที่หมดธุระทั้งกับเขาและแม่ แววตาที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บแสบยิ่งกว่าการถูกผรุสวาทด่าทอว่าไร้ค่า ไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องนี้ถึงตามกลับมาหลอกหลอนเขาบ่อยครั้ง ไม่เข้าใจว่าทำไมมันดูฝังลึกยิ่งกว่ารอยแผลเป็นบางรอยบนแผ่นหลัง แต่สุดท้ายเป็นไทก็ไม่คิดจะใคร่ครวญให้กระจ่าง เขาก็แค่อยากจะลืมและได้แต่หวังว่าจะไม่ฝันถึงมันอีก

ทุกคืนที่สะดุ้งตื่นเพราะฝันร้าย เป็นไทจะลุกไปเปิดไฟนีออนให้ส่องสว่าง ขับไล่ความมืดทุกซอกทุกมุม จุดบุหรี่สูบ หาอะไรทำให้ลืมเลือน เล่นเกม ดูหนัง กระทั่งนั่งแก้โจทย์เลข จนง่วงเขาก็จะกลับไปล้มตัวลงนอน ข่มตาให้หลับโดยที่เปิดไฟทิ้งไว้อย่างนั้นทั้งคืน

ตื่นมาในเช้าวันเสาร์ เป็นไทรู้สึกหลับไม่เต็มอิ่ม อันที่จริงไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าตนเองหลับหรือเปล่า ไม่แน่ใจว่าเป็นฝันหรือตะกอนของความทรงจำที่ทำงานให้ราตรีผ่าน กระนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้และไม่อยากจำนัก ลุกจากเตียงไปปิดไฟ เดินเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตามองตัวเองในกระจกแล้วรู้สึกว่าสภาพดูไม่ได้สักเท่าไหร่ ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงนั่นก็ด้วย

ก่อนเที่ยงวันนั้นเป็นไทจึงออกไปตัดผมที่ร้านประจำแถวบ้าน ลังเลอยู่ไม่นานก็เลือกรองทรงต่ำธรรมดา ด้วยเขาก็ไม่ได้สำอางชอบเซทผมนัก เปิดข้างที่เคยตัดก็เพราะเพื่อนบอกว่าจะได้เหมือนกัน คิดๆ ดูแล้วเขาเองก็ไม่ค่อยมีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่ก็ได้อิทธิพลมาจากเพื่อนทั้งนั้น

เป็นไทกลับบ้านมาในตอนบ่าย ตรงกับที่เมอเซเดสเบนซ์สีงาช้างจะมารับเขาที่บ้าน ทั้งที่เคยบอกไปว่าเกรงใจแต่คุณเกษราก็บอกไม่เป็นไร แล้วเขาจะขัดอะไรได้นอกจากเปิดประตูรถเข้าไปนั่งเงียบๆ จนกว่าจะถึงบ้านที่เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่หลังนั้น

ในซุ้มไม้ที่โอบล้อมไว้ด้วยม่านบาหลี รากเริ่มยาวและเปลี่ยนเป็นสีเหลือง แหวกม่านเข้าไปก็พบเด็กหนุ่มที่คุ้นตานั่งอยู่ ยิ้มบางเบาถูกส่งมาให้ ใจเย็นยิ้มให้แบบนี้เสมอ แต่เป็นไทก็ไม่เคยยิ้มตอบ เขาแค่เตรียมรับมือความกวนประสาทหน้าตายนั่นอยู่ในใจ เตรียมฟังคำทักทายที่ไม่เคยเป็นคำว่าสวัสดี ไม่เคยยกมือไหว้ เพราะใจเย็นจะถามว่ากินไอศกรีมไหม ไม่ก็จะพูดถึงดอกไม้ในแจกันโง่ๆ นั่น วันนี้เป็นดอกไม้สีชมพูอมขาว หน้าตาดูอยู่ในตระกูลกล้วยไม้ และเป็นไทไม่รู้ชื่อ

“เป็นไทตัดผมมาเหรอ”

แต่สิ่งที่คิดไว้ก็ผิดถนัดเมื่อถูกถามถึงรูปลักษณ์ของเขาเอง เป็นไทเพียงพยักหน้า นั่งลงข้างๆ เหมือนทุกทีเพราะสะดวกในการสอน และตอนที่เปิดกระเป๋าหยิบชีท ก็รู้สึกได้ว่ามือของใจเย็นจับเข้ามาที่เส้นผมของเขา

“ชอบตอนผมหน้ายาวกว่านี้อะ”

“ปีนเกลียว” แทบไม่ต้องพิจารณาอะไร เป็นไทด่าออกไปพร้อมกับดึงมือของใจเย็นวางลงบนโต๊ะ แรงแบบที่เรียกได้ว่ากระแทก ให้ใจเย็นชะงักเงียบ เหมือนทุกสรรพเสียงเงียบหายไปชั่วครู่แม้แต่เสียงน้ำตก ก่อนจะกลับคืนปกติเมื่อใจเย็นเอ่ยถาม

“ไม่ชอบให้แตะตัวเหรอครับ”

“ใครเขาเล่นหัวรุ่นพี่วะ”

เป็นไทบอกเหตุผลที่ทำให้ตนหงุดหงิด อันที่จริงเขาก็ไม่ได้ถืออาวุโสอะไรนัก แค่ไม่ชอบความถือวิสาสะของใจเย็น และก็ไม่ชอบแววตาเรียบนิ่งนั่นด้วย หลายครั้งดูเป็นภัยต่อความส่วนตัวของห้วงคิด หลายครั้งเดาอารมณ์ไม่ออก ครั้งนี้ก็เหมือนกัน

“ขอโทษครับ”

และไม่รู้ทำไมเขารู้สึกผิดคาดที่ใจเย็นเอ่ยคำนั้น เรียบง่าย ดูเต็มความรู้สึก ไม่ใช่ต่อล้อต่อเถียงกวนประสาท แต่เอาเถอะ เป็นไทคิด เขารู้สึกว่าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว จนกระทั่งเริ่มสอนไปได้สักพักนั่นแหละ เป็นไทถึงรับรู้ได้ว่ามันมีอะไรตกค้าง

“มึงจะมองอะไรกูนักหนา” เขาหันไปถาม สบตาตรงๆ ทั้งที่ก็ไม่ชอบสบตากับใจเย็นเท่าไหร่นัก

“ผมแค่คิดว่าแล้วต้องเป็นใครถึงจะจับผมของเป็นไทได้” คำเฉลยทำให้เขาขมวดคิ้ว “ต้องแก่กว่าเหรอ”

“คงใช่” เป็นไทตอบส่งๆ ให้ได้ยินเสียงรับ ‘งั้นเหรอ’ ของใจเย็น คิดว่าอีกฝ่ายก็คงไม่ใส่ใจอะไรนัก แต่ก็อีกแล้วที่ผิดคาด

“งั้นผมก็ไม่มีสิทธิ์เลยดิ”

“จะอยากได้สิทธิ์ไปทำไม”

“ไม่รู้สิครับ”

ตอบเสียงเรียบ หน้าตาย ให้ไม่เข้าใจว่าคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่เป็นไทก็คร้านจะต่อความในเมื่อใจเย็นเลิกจ้องเขาให้รำคาญแล้ว ไม่สิ ไม่ใช่แค่เลิกจ้อง แต่ขอตัวไปหยิบไอศกรีมมากินเป็นการพักเบรกโดยผู้เรียนเองหน้าตาเฉย

ตอนที่รสไอศกรีมหวานซ่านในปาก ต่อให้เป็นไทไม่อยากวิเคราะห์ความคิดคนข้างๆ แต่มันก็อดไม่ได้ เพราะใจเย็นมักจะเงียบในเวลานี้ ปล่อยให้สรรพเสียงจากสวนดอกไม้และน้ำตกดังเป็นฉากหลัง เสียงความคิดดังเป็นฉากหน้า หากสุดท้ายเป็นไทก็ไม่เข้าใจอะไรใจเย็นเลย ปากจึงเอ่ยชวนคุยไม่ให้ความเงียบงันปั่นหัว

“วันนี้ไม่พูดถึงดอกไม้หรือไง” และหัวข้อก็ถูกหยิบยกมาง่ายๆ จากสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

“อยากรู้เหรอครับ”

“เปล่า ก็ปกติเห็นพูดถึง”

ตอนนั้นเองที่เห็นใจเย็นยิ้มบางเบา “วันนี้เป็นดอกซิมบีเดียมครับ”

ใจเย็นเอ่ยเสริมว่าเป็นกล้วยไม้ ดอกที่เห็นเป็นลูกผสม ซึ่งเป็นไทก็แค่ฟัง ไม่ตอบรับอะไร ตักไอศกรีมเข้าปากพลางคิดว่าคุณเกษราน่าจะชอบดอกไม้ ใจเย็นถึงได้รู้เรื่องเยอะแยะเต็มไปหมด

“ชอบเหรอครับ” พลันก็ถูกถามขัดความคิด

“ดอกไม้อะนะ”

“ครับ ดอกซิมบีเดียม”

“ไม่อะ ถามเฉยๆ”

“แต่ปกติไม่เคยถามนี่ครับ”

อีกแล้ว เป็นไทเริ่มรู้สึกถึงการต่อล้อต่อเถียงวกวนซับซ้อน เขาจึงรีบตัดบทไปง่ายๆ

“เออๆ สวยดี”

ตอบไปพอดีกับที่ไอศกรีมคำสุดท้ายหมดถ้วย ให้เขาตัดบทกลับเข้าการสอนได้สักที รู้สึกชอบทำงานขึ้นมาถนัดใจเมื่อคนที่เรียนเป็นใจเย็น เพราะจะได้ไม่ต้องคุยนอกเรื่อง ไม่ต้องถูกจับจ้อง ด้วยเขาไม่ชอบสายตาของใจเย็นนัก เวลาบังคับให้จับจ้องลงไปที่ชีทเรียนได้จึงสบายใจมากกว่า

“เป็นไท ถามอะไรหน่อย”

“ว่า”

“ตอนนี้เป็นไทเห็นผมเป็นรุ่นน้องใช่ไหม”

คำถามประหลาดก่อนจากทำให้เป็นไทมุ่นหัวคิ้ว

“เออ ทำไม”

“มีอย่างอื่นไหม”

“อะไรของมึง”

ถึงตรงนี้ใจเย็นก็ยกยิ้มจาง ขณะที่ปมคิ้วของเป็นไทยิ่งขมวด “ไม่มีเลยเหรอครับ”

“นายจ้างกับลูกจ้างไง”

“งั้นเหรอ” คำตอบรับทำให้เป็นไทยิ่งรู้สึกว่าถูกกวนตีน แม้จะเริ่มชินและพยายามคิดว่าเป็นเรื่องปกติของใจเย็นก็ตาม สายตาแบบที่ใจเย็นใช้มองเขามาก็ด้วย “กลับดีๆ นะครับ”

จนได้ยินคำลา เป็นไทก็คร้านจะเก็บมาใส่ใจ เดินกลับออกไปขึ้นรถยนต์สีงาช้างคันเดิมที่เสริมให้การทำงานพิเศษของเขาสะดวกกว่าทุกงานที่ผ่านมา ไม่เคยมีงานไหนที่มีรถไปรับไปส่งเขาแบบนี้ กระนั้นเลย เขาก็ยังปวดประสาทกับ ‘นายจ้าง’ อย่างใจเย็นอยู่ดี

หากคิดมุมกลับ ใจเย็นก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก แค่เข้าใจยากไปหน่อย ไม่สิ เป็นไทแทบจะไม่เข้าใจอะไรใจเย็นเลยสักนิด และเพราะแบบนั้นจึงรู้สึกเหมือนโดนกวนตีนอยู่บ่อยๆ ทั้งจากคำพูดจา สีหน้า แววตา กวนตีนยิ่งกว่าโจทย์เลขที่คิดเท่าไรก็ไม่ได้คำตอบเพราะโจทย์ผิดเสียอีก

แต่อย่างไรก็ตาม เป็นไทก็ยังต้องมาสอนใจเย็นทุกวันเสาร์ อย่างน้อยก็จนกว่าจะหมดเทอมตามที่ตกลงกับคุณเกษราไว้ อย่างน้อยก็เห็นแก่ความช่วยเหลือของคุณเกษรา เป็นไทท่องทวนซ้ำแบบนั้น ให้รู้สึกตัวอีกทีวันเสาร์ก็เดินทางมาถึงอีกครั้ง

ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าที่รากอากาศของม่านบาหลีเริ่มแปรเป็นสีน้ำตาลในตอนที่เดินเข้าไปถึงซุ้มไม้ แต่ก็คงไม่แปลกกับความเปลี่ยนแปลงที่แม้จะคืบช้าแต่ก็ดำเนินตลอด เหมือนกับที่อีกไม่นานมหาวิทยาลัยก็จะใกล้เปิดเทอมแล้ว เป็นไทคิดเรื่อยเปื่อยก่อนแหวกม่านเข้าไป พบเด็กหนุ่มคนเดิมที่เห็นหน้าทีไรก็รู้สึกว่าต้องเตรียมตัวรับมือให้ดี

“เป็นไท” และครั้งนี้ใจเย็นดูกระตือรือร้นอะไรสักอย่าง ทว่าก็ไม่ได้เอ่ยอะไรตามชื่อ แค่ยิ้มเบาบางให้เหมือนเคย จนกระทั่งเขานั่งลงข้างๆ ถึงเพิ่งสังเกตเห็นดอกไม้ในแจกัน

ว่ามันยังคงเป็นดอกซิมบีเดียมกลีบเรียวสีชมพูอมขาว ทั้งยังดูช่อใหญ่กว่าเดิมด้วย

“อย่าเพิ่งด่าผมนะ” พลันคำพูดของใจเย็นทำให้เขาหันไปมอง จนประสานสายตาเข้าตรงๆ ใจเย็นก็ยังไม่สะทก เอื้อมมือมาจับสัมผัสเรือนผมของเขาที่ยาวกว่าสัปดาห์ที่แล้วมาเล็กน้อย และด้วยอารามตกใจ ไม่เข้าใจ มึนงง จึงทำให้รู้สึกว่าบังคับปากให้ไปตามความคิดได้ยาก ใจเย็นจึงชิงพูดมาก่อน “ถือเป็นคำสั่งของนายจ้างได้ไหมครับ”

นายจ้างอะไร เป็นไทคิดทวน ย้อนไปไกลถึงเสาร์ที่แล้ว ก่อนจะนึกออกถึงคำที่ตนเองเคยพูดไว้ก่อนจะกลับ

“อยากลูบหัวเป็นไทอะ”

พลันเข้าใจซึ่งทุกอย่างเมื่อได้ยินคำนี้ เข้าใจแล้วว่าใจเย็นต้องการอะไร แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไม พอๆ กับที่ไม่เข้าใจคำบอกชอบรอยยิ้มของเขาตอนแก้โจทย์เลขได้ และยิ่งจ้องลงไปในแววตาของใจเย็นตอนนี้ เป็นไทก็รู้สึกเหมือนถูกพาย้อนเวลา ย้อนไปในฝันของเสาร์ที่แล้ว กระทั่งย้อนไปในอดีตตอนเขาอายุสิบสอง ให้รู้สึกป่วนปั่น สั่นคลอน อาศัยเวลาสักพักจึงตั้งสติได้และดึงมือของใจเย็นที่ถือวิสาสะเขาอยู่ออกไป แต่คราวนี้ไม่ได้กระแทกลงบนโต๊ะ แค่วางลงเท่านั้น

“มันเกินสิ่งที่จะทำได้ละ” เป็นไทเอ่ยบอก แปลกใจไม่น้อยเหมือนกันที่ตัวเองอารมณ์เย็นกว่าที่คิด “มึงจ้างกูมาสอน ไม่ใช่ให้มาทำอะไรแบบนี้”

“งั้นต้องทำยังไงล่ะครับ”

“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เรียนเหอะ”

เขาบอก เสียงเรียบ ตัดกับความรู้สึกภายใน เป็นความรุนแรงที่เหวี่ยงไหว ความรุนแรงของความไม่เข้าใจอะไรเลย ไม่เข้าใจใจเย็น ไม่เข้าใจแววตานั้น จนกระทั่งสบตาเข้ากับเหล่ากล้วยไม้ซิมบีเดียม เป็นไทก็เหมือนถูกย้ำถึงอะไรบางอย่าง เป็นอดีต เป็นแววตาว่างเปล่าของพ่อในวันนั้น

พลันก็เข้าใจว่าตลอดมาที่เขาไม่ชอบแววตาของใจเย็นไม่ใช่เพราะรู้สึกเหมือนถูกทะลวงล้วงความลับอะไรหรอก แต่เป็นเพราะใจเย็นมักจะจ้องมองด้วยความต้องการอะไรสักอย่างที่อยู่ลึกๆ ข้างใน แบบที่เขาไม่เคยถูกจ้องมองจากคนอื่นเลยสักคน

และตรงข้ามกับแววตาว่างเปล่าของพ่อเขาในวันนั้นโดยสิ้นเชิง











*****************************************************************************************
ติดแท็ก #ใจเย็นกับเป็นไท กันได้นะคะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ อยากให้ติดตามไปเรื่อยๆน้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่8-แววตา ◑หน้า5 (1/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-03-2017 22:34:11
ใจเย็น อยากเข้าหา ค้นคว้า ตัวตนของเป็นไท
แต่แววตา ท่าทีของใจเย็น ชอบลูบผมเป็นไท
ไม่ทำให้เป็นไทเข้าใจซะเลย
ถูกว่ากลับว่าปีนเกลียว
ก็น่าที่เป็นไท จะสับสนกับใจเย็นนะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่8-แววตา ◑หน้า5 (1/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 01-03-2017 23:16:47
เดินหลงวนไปวนมาใต้ซุ้มม่านบาหลี

เหมือนจะเห็นทางออก แต่ก็ไม่เห็น

ติดตามต่อไป
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่8-แววตา ◑หน้า5 (1/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 02-03-2017 05:46:40
มันเป็นความสัมพันธ์ที่อึดอัดนะ ถึงไม่ได้บรรยายถึงความคิดของใจเย็นด้วย แต่เจ้าตัวน่าจะสับสนกับความรู้สึกที่มีต่อเป็นไทไม่น้อย ยังไงก็เด็กเนอะ ถึงจะความคิดอินดี้สุดโต่งก็เถอะ
แต่เชื่อว่าพอเปิดใจให้กันคู่นี้ต้องรักกันแบบสุดๆ แน่
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่8-แววตา ◑หน้า5 (1/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-03-2017 09:10:10
ให้ความรู้สึกคลุมเครือ ทึม ๆ เหมือนเรื่องโน้นเลย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่8-แววตา ◑หน้า5 (1/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Viewonohm ที่ 02-03-2017 13:33:55
ถ้าเราเป็นเป็นไทก็ค่อนข้างจะงงๆและอึดอัดนะ  o22
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่8-แววตา ◑หน้า5 (1/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 02-03-2017 13:35:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่8-แววตา ◑หน้า5 (1/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-03-2017 13:43:46
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่8-แววตา ◑หน้า5 (1/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 02-03-2017 14:02:03
ถ้าเราเป็นเป็นไทคงไม่เข้าใจกับความคิดของใจเย็นเหมือนกันแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่8-แววตา ◑หน้า5 (1/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Atroce ที่ 02-03-2017 19:06:13
เป็นไทคงงง
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่8-แววตา ◑หน้า5 (1/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 02-03-2017 21:54:59
อยากให้ใจเย็นเป็นเคะ ที่จับเอาเป็นไทมาเป็นวัตถุทางเพศ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่8-แววตา ◑หน้า5 (1/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-03-2017 22:00:19
เข้าใจยากกันทั้งคู่อึมครึมกันดีแท้
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่8-แววตา ◑หน้า5 (1/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-03-2017 23:08:20
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่8-แววตา ◑หน้า5 (1/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 02-03-2017 23:35:59
ชอบเป็นใจเย็นนน
ชอบพระเอกพูดเพราะ แล้วนายเอกดูห่ามๆนิดๆ
ปลื้มปริ่ม ติดตามตลอด รอวันที่อัพทุกวันนน
ช๊อบบๆๆๆ รุกเยอะๆเลยลูกกก ใจเย็นนนน 555555
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่9-พิชญะ ◑หน้า5 (5/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 05-03-2017 00:13:44

9 – พิชญะ




‘พิชญะ’ แปลว่าผู้ชนะ แต่น้อยครั้งที่ชีวิตของพิชญะจะได้เป็นผู้ชนะ ถ้าให้ว่ากันตรงๆ พิชญะจัดอยู่ในหมวดมนุษย์ค่าเฉลี่ย ทุกอย่างไม่ว่าจะการเรียน กีฬา หน้าตา จัดอยู่ในระดับกลาง แม้แต่การเป็นลูกของชายสักคนก็ยังเป็นลูกคนกลาง มีก็แค่หญิงสาวชื่อทิพย์ผู้เป็นแม่ที่ยกให้เขาชนะในความพิเศษ

ทุกครั้งที่ร่วมโต๊ะอาหารในบ้านอัครเสนีย์ น้อยครั้งอีกเช่นกันที่คุณพิทักษ์หรือพ่อของเขาจะตักกับข้าวใส่จานให้ น้อยครั้งที่จะซักไซ้ไถ่ถามเรื่องของพิชญะและฟังอย่างตั้งใจ ส่วนใหญ่พ่อจะแค่ถามและตอบรับพอเป็นพิธี ก่อนเปลี่ยนไปถามคนอื่น หรือไม่ก็เบนกลับไปถามลูกชายคนโตอย่างใจเย็น

“เรียนพิเศษเลขเป็นยังไงบ้างล่ะ”

“ก็ดีครับ”

“สนใจเปลี่ยนคนสอนบ้างไหม เอาที่ดีกว่านี้”

“แล้วดีกว่านี้คือแบบไหนล่ะครับ”

ถ้าคนอื่นได้ฟังคงคิดว่าใจเย็นถามย้อน ตอบคำถามด้วยคำถาม แต่พิชญะฟังแล้วรู้ว่าใจเย็นก็แค่อยากได้คำตอบ หมายความตรงตัวไม่มีอื่นใด กระนั้นก็ยังได้ยินเสียงพ่อถอนหายใจ

“แล้วคิดได้หรือยังว่าอยากเรียนอะไรต่อ”

กระนั้น พ่อก็ยังคุยกับใจเย็นมากกว่าลูกคนอื่นๆ

“ยังเลยครับ”

พิชญะจำได้ว่าพ่อไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ตอนที่ใจเย็นยังมีความฝันอยากเป็นสัตวแพทย์ จำได้ว่าตอนนั้นคุณเกษราก็คอยขัดบทสนทนาระหว่างใจเย็นกับพ่อ ทั้งคอยตะล่อมส่งเสริมใจเย็นไปทีละนิดอีกด้วย แต่แล้วเมื่อทันใจตาย ความฝันของใจเย็นก็เปลี่ยน ซึ่งพ่อก็ดูพอใจที่เป็นอย่างนั้น

แต่ใจเย็นก็คือใจเย็น พิชญะคิดว่ารู้จักใจเย็นมากพอที่จะพูดได้แต่ก็ไม่เคยพูดหรอกว่าใจเย็นนั้นเอาแต่ใจ ยึดตนเป็นศูนย์กลาง จนอาจทำให้พ่อพอใจได้ไม่นานนัก

“น้องพิชญ์ โตขึ้นอยากเป็นอะไร” ใจเย็นเคยเข้ามาถามเขาด้วยตัวเองในวันที่ทันใจยังมีชีวิตอยู่

“ยังไม่รู้เลย น่าจะเกี่ยวกับรถนะครับ”

“รับช่วงธุรกิจของพ่อต่อสิ” ใจเย็นพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับพูดเรื่องลมฟ้าอากาศ

“พี่เย็นไม่ได้จะรับต่อเหรอครับ”

“พี่ก็ทำอะไรที่อยากทำไม่ได้น่ะสิ”

ในตอนนั้นพิชญะไม่ได้ถามกลับไปว่าแล้วสิ่งที่เขาอยากทำล่ะ มันมีความหมายไม่เท่ากันหรือ และด้วยความที่เป็นคนขี้เกรงอกเกรงใจชอบงำเงียบเรื่องสำคัญของตัวเองไม่ต่างจากแม่ของเขา พิชญะจึงไม่เคยพูดเรื่องนี้ออกไป ทั้งเห็นว่าหมดสำคัญจะพูดเมื่อทันใจจากไป เพราะใจเย็นก็อาจเปลี่ยนกลับมาสืบธุรกิจต่อจากพ่อได้ทุกเมื่อ

กระนั้นก็ยังไม่เห็นแววอยู่ดี

“น้องพิชญ์ ชอบวิชาเลขไหม” ใจเย็นถามขึ้นในบ่ายวันอาทิตย์ที่สามพี่น้องมักจะมารวมตัวตากแอร์กันอยู่ในห้องนั่งเล่น ซึ่งก็น้อยครั้งที่ใจเย็นจะเป็นคนเปิดประเด็นสนทนาแบบนี้

“เป็นบางครั้งครับ”

“ยังไงเหรอ”

“บางเรื่องทำแล้วสนุกดี บางเรื่องก็ยากไปครับ”

“พริมว่าก็ยากทั้งหมดน่ะแหละ” พริมาพูดแทรก

“งั้นเหรอ” ใจเย็นตอบรับ “แล้วคนที่ชอบวิชาเลขล่ะ คิดว่าเขาเป็นคนยังไง”

“น่าเบื่อ” พริมาชิงตอบเหมือนเคย ทำให้พิชญะไม่ได้พูดอะไร ได้ยินคำว่า ‘งั้นเหรอ’ ของใจเย็นอีกครั้ง และอีกประโยคที่ใจเย็นเหมือนจะพูดกับตัวเอง

“ไม่เห็นน่าเบื่อเลย”

นั่นแหละที่ทำให้พิชญะคิดว่าไม่เห็นแววที่ใจเย็นอยากสืบธุรกิจต่อจากพ่อ เพราะใจเย็นดูไม่ได้สนใจในเรื่องการคำนวณ การเงิน การบริหาร เศรษฐศาสตร์ หรือใดๆ ทั้งปวง เหมือนใจเย็นแค่กำลังค้นหาบางอย่างในตัวบุคคลมากกว่า และคนคนนั้นก็อาจเป็นครูสอนเลขของใจเย็น คนที่ไม่ได้เก่ง ไม่ได้มากประสบการณ์ แค่สอนเป็นงานพิเศษ จนพ่ออยากให้เปลี่ยนคนสอนแต่ใจเย็นก็ยืนกรานปฏิเสธ

พิชญะแอบเก็บมาคิดด้วยซ้ำว่าใจเย็นอาจกำลังชอบใครสักคน ชอบแบบที่จริงจังกว่าที่แล้วๆ มา แม้เขาจะยังไม่เคยเห็นครูสอนพิเศษคนนั้น แต่ก็คิดว่าคงมีอะไรแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นพอสมควร อาจไม่ได้แก่ปีกว่า อาจไม่ได้รู้อะไรๆ มากกว่า หรือบางทีอาจไม่สวยหรือน่ารักเลยด้วยซ้ำ

จนวันหนึ่ง ความคิดนั้นก็สั่นคลอน

“พี่เย็น พริมแต่งหน้าแบบนี้ดีไหม”

“ก็ดีนะ”

“พี่เย็นก็ตอบแต่คำนี้อะ พี่พิชญ์ก็เหมือนกัน” พริมาบ่น “แต่พี่เย็นอะ ใช้เกณฑ์อะไรเลือกผู้หญิงเหรอ เห็นคบตั้งเยอะตั้งแยะ”

“ไม่รู้สิ”

“อะไร ไม่มีสเป็กเลยเหรอ”

“ก็ต้องน่ารักมั้ง”

“เฮ่อ อ้ะๆ ถ้างั้นนิสัยล่ะ”

“ก็ต้องน่ารัก”

ฟังถึงตรงนี้พิชญะก็อมยิ้ม เพราะรู้ว่าพริมาจะเริ่มโวยวาย ให้ใจเย็นต้องหารายละเอียดมาชี้แจงเพิ่มเติม

“ก็ต้องไม่น่ารำคาญด้วย”

“อ้าวแล้วถ้าแรกๆ น่ารัก หลังๆ เริ่มน่ารำคาญทำไงอะ”

“ก็ไม่ชอบแล้ว”

“เฮ้ย ง่ายงั้นเลยเหรอ”

“อืม มันมีอะไรยากเหรอพริม”

“งั้นพี่เย็นก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงคนนั้นจริงๆ แต่แรกสักหน่อย”

“ชอบสิ ถึงคบ”

“ไม่จริงอะ ชอบจริงๆ จะเบื่อง่ายแบบนั้นเหรอ”

“ไม่ทำให้เรามีความสุขแล้วก็ตัดทิ้ง ผิดอะไรล่ะ”

ถึงตรงนี้พิชญะรู้สึกเย็นวาบอย่างไม่อาจอธิบาย แม้เสียงโวยวายว่าไม่คุยด้วยแล้วของพริมาจะดังแสบแก้วหู แต่คำพูดของใจเย็นก็ตรึงอยู่ในโสต ในรู้สึก ในทรงจำ ด้วยมันเป็นถ้อยความแสนเย็นชาที่คนพูดดูจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเป็นเช่นนั้น

อันที่จริงพิชญะก็น่าจะตระหนักได้ตั้งแต่ที่ใจเย็นคบผู้หญิงหลายคนเหมือนพ่อแล้ว ซึ่งยิ่งพิชญะระลึกได้ก็ยิ่งรู้สึกกลัวความเย็นชานั้นขึ้นมาจับใจ กลัวว่าหัวใจของบุคคลเหล่านั้นอาจไม่รู้จักคำว่ารักเลยด้วยซ้ำ

“คิดว่าพ่อรักแม่แค่ไหนน่ะเหรอ” จนพิชญะเก็บงำความกลัวไว้เงียบๆ เพียงคนเดียวไม่ได้ ถึงกับยอมเปิดปากถามกับแม่ของตนเอง

“ครับ”

“ไม่รู้สิ แค่รักก็พอแล้ว จะมากจะน้อยก็ช่างมันเถอะ”

“ทำไมล่ะครับแม่” พิชญะถามด้วยความไม่เข้าใจ แม่เงียบไปชั่วครู่จนทำให้คิดว่าถามอะไรไม่ดีไปหรือเปล่า กระทั่งเสียงแผ่วเบาตอบกลับมา

“ทำไงได้ ก็แม่รักเขา”

ถ้อยคำนั้นฟังดูเจ็บปวดอยู่ลึกๆ จนพิชญะไม่กล้าถามอะไรอีก ไม่กล้าถามแม้แต่ว่าทำไมถึงรัก ทั้งที่ทำให้เจ็บปวด

หรือว่าความรักเองก็เป็นเช่นนั้น

แล้วคนที่ไม่ยอมเจ็บปวดอะไรเลยเพราะมัน ก็คือรักไม่เป็นหรือเปล่า

พิชญะคิด คิด คิด เก็บงำเงียบเพียงในใจ ยิ่งทำให้ความคิดเหล่านั้นรบกวนเข้ามาแม้แต่ตอนที่จ้องมองโมเดลรถของตนเอง เป็นแบบนั้นอยู่หลายวันจนเขาได้เจอกับพี่ชายของตนเองอีกครั้งในวันสุดสัปดาห์

“น้องพิชญ์ เคยอยากลูบหัวใครสักคนไหม”

ซึ่งครั้งนี้มาแปลกกว่าที่เคย

“คิดว่าไม่น่ะครับ”

“งั้นเหรอ” ใจเย็นเอ่ย นิ่งไปสักพัก จนพิชญะที่ไม่ค่อยชอบถามอะไรนักเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

“เอ็นดูใครเป็นพิเศษเหรอครับ”

ทว่าใจเย็นเงียบ ไม่ตอบ ทำให้พิชญะรู้สึกว่าไม่น่าถามออกไป เขาไม่ชอบการที่ไม่ได้รับคำตอบกลับคืน

“ไม่รู้สิ แค่อยากสัมผัสดู”

หากสุดท้ายใจเย็นก็ตอบออกมา กระนั้นพิชญะก็ไม่รู้จะต่อความอย่างไรดีเพราะคำตอบฟังดูแปลก อย่างน้อยก็แปลกสำหรับใจเย็น

“ไม่ก็อยากได้มาอยู่ในบ้าน”

และยิ่งแปลกเข้าไปอีกเมื่อพิชญะได้ยินอีกประโยค

“ฟังเหมือน...อยากแต่งงานพาเขาเข้าบ้านเลยนะครับ”

“งั้นเหรอ” พลันใจเย็นก็ยิ้ม ยิ้มขำ พูดอีกประโยคก่อนจะไม่พูดอะไรอีก “ถ้าทำแล้วได้เป็นเจ้าของก็ดีสิ”

พิชญะรู้สึกว่าใจเย็นน่าจะชอบใครสักคนเข้าจริงๆ เพราะไม่เคยได้ยินใจเย็นพูดอะไรแบบนี้ แต่ก็ระลึกได้กลางคันของความคิดว่าหลายวันที่ผ่านเขาเหม่อมุ่นอยู่กับเรื่องอะไร

แล้วก็นึกสงสัยให้เย็นวาบหัวใจขึ้นมาว่า แม้แต่กับคนที่ใจเย็นเพิ่งพูดถึง ถ้าวันใดไม่ทำให้ใจเย็นมีความสุขอีกแล้ว ใจเย็นจะตัดทิ้งไปแบบไม่นึกเสียดายเลยหรือเปล่า








หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่9-พิชญะ ◑หน้า5 (5/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Viewonohm ที่ 05-03-2017 01:05:58
เย็นชาเหลือเกินค่ะคุณใจเย็น  :hao7:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่9-พิชญะ ◑หน้า5 (5/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 05-03-2017 05:06:38
ดีใจที่มีคนปกติมาปรากฏตัวในเรื่องนี้บ้าง พิชญะน่าเอ็นดูเกิ๊น
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่9-พิชญะ ◑หน้า5 (5/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-03-2017 07:31:38
ดูเป็นเด็กมีความคิดนะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่9-พิชญะ ◑หน้า5 (5/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: MOMAMi_96 ที่ 05-03-2017 08:06:55
น้องพิชญ์คือแฟนหนูอ่ะโอ้ยคนปกติที่สุดในบ้าน
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่9-พิชญะ ◑หน้า5 (5/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 05-03-2017 08:41:35
ไม่นะะะะ โอยยยย เริ่มกลัวใจเย็น
กลัวใจพี่แก กลัวทิ้งเป็นอ่ะ
ถ้าทิ้งนี่ เป็นไทเป็นหนักกว่าเดิมแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่9-พิชญะ ◑หน้า5 (5/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 05-03-2017 09:00:47
กลัวใจเย็น :katai1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่9-พิชญะ ◑หน้า5 (5/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 05-03-2017 09:48:18
ใจเย็น เย็นเกิ๊นนนนนน
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่9-พิชญะ ◑หน้า5 (5/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 05-03-2017 09:49:27
พิชญะ จะปกติจริงหรือ
ดูมีความเก็บกดและครุ่นคำนึงอยู่เสมอ

พริมาสิดูเป็นสาวน้อยปกติ

แต่ก็นะ คนในบ้านใจเย็นไม่ปกติไปได้หรอก
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่9-พิชญะ ◑หน้า5 (5/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-03-2017 11:29:47
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่9-พิชญะ ◑หน้า5 (5/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-03-2017 14:32:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่9-พิชญะ ◑หน้า5 (5/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-03-2017 14:40:32
ใจเย็น สืบยีนไร้หัวใจมาจากพ่อเหรอ
“ไม่ทำให้เรามีความสุขแล้วก็ตัดทิ้ง ผิดอะไรล่ะ”
“น้องพิชญ์ เคยอยากลูบหัวใครสักคนไหม”
“ไม่รู้สิ แค่อยากสัมผัสดู”
“ไม่ก็อยากได้มาอยู่ในบ้าน”
เหมือนใจเย็นอยากเลี้ยงสัตว์นะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่9-พิชญะ ◑หน้า5 (5/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 05-03-2017 15:04:24
โหหหห ใจเย็นนี่แอบน่ากลัวนะเนี่ย จะเย็นชาไปไหน
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่9-พิชญะ ◑หน้า5 (5/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 05-03-2017 17:15:59
พ่อคุณ นี่ไม่ใช่ใจเย็นแล้ว นี่เลือดเย็นจะเหมาะกว่า
สภาพแวดล้อมครอบครัวแท้ ๆ ทำให้กลายเป็นเฉยชากับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ
แค่ว่าต้องการ ไม่ได้รู้สึกผูกพัน
ลักษณะนี้ เป็นไทไม่ควรชอบก่อน จิตใจบอบช้ำกับเรื่องเป็นคนสำคัญ เป็นที่ต้องการ ไม่ใช่คนที่ไร้ค่า  :katai1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่10-ไม่เข้าใจ ◑หน้า5 (ุ6/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 06-03-2017 21:19:46
10 – ไม่เข้าใจ




มันเป็นเดือนสิงหาคมที่เป็นไทรู้สึกว่าอะไรหลายอย่างในชีวิตเข้าที่เข้าทางกว่าเดิม ไม่ว่าจะการได้ย้ายออกมาอยู่คนเดียวใกล้มหาวิทยาลัย หรือการมีเงินเก็บไว้ใช้ซื้อของที่อยากได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่เข้าที่เข้าทางสักทีเห็นจะเป็นความเข้าใจที่มีต่อใจเย็น

ก็จริงที่เป็นไทไม่ได้โกรธกับการถูกลามปามลูบหัวในวันนั้น แต่ก็ไม่ได้เข้าใจ ไม่ได้กระจ่างแจ้งอะไรเลยกับความต้องการของใจเย็น เลยเถิดไปถึงอึดอัดคับข้องกับความต้องการแบบนั้น สายตาแบบนั้น และล่าสุดคือการขับรถมารับเขาด้วยตัวเอง...ในตอนนี้

เป็นไทนึกอยากหันหลังกลับ เดินขึ้นห้องไปนอนให้สมกับเป็นบ่ายวันหยุดอันมีค่า แต่พอนึกเรื่องค่าของเงินที่ได้มาเพราะสอนพิเศษใจเย็นผู้ยากจะเข้าใจ เป็นไทก็ตัดสินใจเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งเบาะหลังจนได้ แต่ก็อีก เขาไม่เข้าใจว่าทำไมใจเย็นไม่ยอมออกรถ กระทั่งได้ยินคำเฉลย

“เป็นไทไม่นั่งข้างหน้าล่ะครับ”

“ทุกทีกูก็นั่งตรงนี้”

“แต่ผมไม่ใช่คนขับรถนะ”

“แล้ววันนี้มึงขับมาทำไม”

“ก็ได้ยินว่าเป็นไทย้ายที่อยู่” ใจเย็นเอ่ยพลางมองที่อยู่ที่ว่า “คอนโดของเป็นไทเหรอครับ”

“ของลูกพี่ลูกน้อง”

“อยู่ด้วยกันเหรอ”

“เปล่า มึงจะถามอะไรนักหนาวะ ไม่ไปสักที”

“ย้ายมานั่งข้างหน้าสิครับ”

“ขี้เกียจว่ะ” เป็นไทตอบ อันที่จริงจะให้ย้ายที่นั่งก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนัก แค่ไม่อยากจะตามใจใจเย็นมากกว่า กระนั้นก็ลุ้นอยู่สักพักว่าอีกฝ่ายจะยอมหรือเปล่าถ้าโลกไม่ได้หมุนรอบตัว แต่สุดท้ายเมื่อเท้าของใจเย็นเหยียบคันเร่ง เป็นไทก็ยิ้มออกมา เป็นยิ้มมุมปากที่จางหายเพียงชั่ววินาที

ผ่านไปประมาณสิบนาทีกับบรรยากาศชวนง่วง แอร์เย็นฉ่ำ เพลงแจ๊ส และบ่ายโมง เป็นไทกะว่าจะหลับสักงีบในเมื่อใจเย็นก็ไม่ได้ชวนคุยอะไร แต่การหักเลี้ยวเข้าสถานที่ที่ไม่ได้ตกลงกันไว้ก็ชวนให้ตาสว่าง

“เดี๋ยว เลี้ยวเข้าโรงแรมทำไมวะ”

“กินข้าวครับ”

เป็นไทอยากจะร้องอ๋อ แต่ก็รู้สึกเคืองขัดด้วยความคิดว่าตั้งแต่รู้จักผู้คนมาก็เห็นใจเย็นเป็นคนแรกนี่แหละ ที่แค่อยากกินมื้อเที่ยงธรรมดาๆ ก็แวะโรงแรมห้าดาวหน้าตาเฉย แถมไม่ใช่บุฟเฟต์อีกด้วยแต่เป็นห้องอาหารสเต็กเฮาส์นานาชาติ

“เป็นไทกินอะไรไหม”

“ไม่อะ กินมาแล้ว”

“กินเถอะ ผมเลี้ยง”

ได้ฟังก็รู้สึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่คนพูดคงไม่ได้คิดอะไร เป็นไทวางแผนว่าจะเลือกเมนูที่แพงที่สุด แต่เมื่อได้เดินเข้าไป นั่งลง เปิดเมนูดูราคา เห็นตัวเลขที่บวกลบอย่างไรก็ไม่ต่างกันมากนัก ความรู้สึกยอมแพ้ก็จู่จับพร้อมๆ กับความคิดที่ว่าจะเลือกแพงแค่ไหนคนตรงหน้าก็คงไม่สะทก ทำให้เขาจิ้มเลือกเมนูที่แค่อยากกินอย่างแซลมอนแทน จะพิเศษหน่อยตรงที่เมนูระบุว่าเสิร์ฟพร้อมคาเวียร์และซอสไวน์ขาว ส่วนใจเย็นเลือกสเต็กเนื้อสันนอกวากิวออสเตรเลียและลาซานญ่าอีกที่

และก็เหมือนเคยที่ระหว่างกิน ใจเย็นจะไม่ค่อยพูดอะไร ยังความอึดอัดมาถึงเป็นไทอีกครั้ง เรื่องที่พอจะนึกได้ก็คุยไปหมดแล้วตอนรออาหารเสิร์ฟ จนในที่สุดเขาก็ปล่อยเลยตามเลย เงียบก็เงียบ ให้ได้ยินเสียงช้อนส้อมกับจานกระเบื้องคุยกันเสียแทน

“ไอติมไหมครับ”

จนสเต็กและลาซานญ่าหมดเกลี้ยงแบบที่เจ้าตัวดูไม่เลี่ยนสักนิด คำถามนั้นถึงเอ่ยออกมา ยืนยันว่ายังไม่ลืมไอศกรีมสตรอเบอร์รี่ทำให้เป็นไทนึกขำ

“มึงกินทุกวันเลยปะวะ”

“เกือบครับ”

“ชอบมากเลยเหรอวะ”

“ครับ แม่ผมก็ชอบ” ใจเย็นบอก “ตอนท้องแม่ก็อยากกินแต่ของหวานเย็น”

“เออดีไม่กินทุเรียน”

“ถ้าทุเรียน แม่ของน้องครับที่กิน”

“แม่ของน้อง?”

“น้องพริม น้องสาวผมน่ะ คนละแม่กัน”

“อ่า เหรอ”

เป็นไทตอบรับ ปกติ ในเมื่อใจเย็นก็ไม่ได้ปกปิดหรือคิดว่ามันแปลกอะไร

“ถ้าแม่ของน้องชายก็จะกินแต่ของเปรี้ยว เห็นว่ากินจนฟันกร่อน”

“มีน้องสองคนเหรอ”

“ครับ เป็นไทล่ะมีพี่น้องไหม”

“ไม่มี”

“เหงาไหม”

“ไม่อะ ไร้สาระ” เขาหมายความตามนั้น หากใจเย็นก็ยิ้มออกมา บางเบา

“ตกลงกินไอติมไหมครับ”

“แค่นี้ก็อิ่มจะตายละ มึงจะกินก็กินไป”

คำนั้นทำให้ใจเย็นยิ้มกว้างขึ้นมาอีกนิดก่อนจะสั่งไอศกรีม แน่นอนว่าต้องเป็นรสสตรอเบอร์รี่ ให้เป็นไทนั่งมองคนอายุอ่อนกว่านั่งกินไม่พูดไม่จา ดูชอบพอ เอร็ดอร่อย ดูมีความสุข และก็ดูไม่คิดอะไรจนคนอื่นอาจคิดแทนอย่างที่เขาเป็นตอนนี้

เป็นไทสงสัยขึ้นมาว่าสภาพครอบครัวของใจเย็นตอนนี้เป็นอย่างไร สงสัยว่าคุณเกษราไม่กี่ปีก่อนจะสวยกว่านี้แค่ไหนในเมื่อตอนนี้ก็ยังสวย สวยจนเขาเหมือนได้กลิ่นดอกไม้หอมหวานฟุ้งฟ่องจากบรรยากาศรอบตัวตน และสงสัยสุดท้ายคือสงสัยว่าพ่อของใจเย็นคิดอะไรอยู่

หากความสงสัยเหล่านั้นก็ถูกตัดบททิ้งไปด้วยเขาเองก็ไม่เคยเข้าใจเหมือนกันว่าพ่อของตนคิดอะไร แต่อย่างไรก็ไม่ได้อยากจะรู้อีกแล้ว ในเมื่อตอนนี้ก็อยู่ได้แล้ว ไม่ได้จะเป็นจะตายกับเรื่องอะไรแล้ว และใจเย็นก็คงเหมือนกัน

หรือบางทีอาจไม่เคยทุกข์ร้อนกับพ่อของตนเองเลยด้วยซ้ำ

และก็เป็นอีกครั้งที่เป็นไทเบื่อความซับซ้อนย้อนยอกของมนุษย์ เมื่อเพื่อนก็เคยเล่าให้ฟังเหมือนกันว่าพ่อมีเมียหลายคนแต่ก็ไม่ได้รู้สึกผิดหวังเสียใจอะไร ไม่ได้ฟูมฟาย ไม่ได้ละคร ยิ่งคิดเป็นไทก็ยิ่งเบื่อตัวเองที่คิดแทนคนอื่น เบื่อความเถรตรงของตนเองทั้งที่ก็รู้ดีถึงความคดเคี้ยว เบื่อที่ไม่ค่อยเข้าใจคนอื่น แต่ก็แค่เบื่อ เขาก็ไม่ได้อยากจะเข้าใจอะไรนัก

ยกเว้นกรณีใจเย็นที่ออกจะเกินความไม่เข้าใจไปไกลเสียหน่อย

“ไปหาที่เดินเล่นกันเถอะครับ”

“คือมึงจะไม่เรียนแล้วหรือไง”

“ยิ่งอิ่มยิ่งง่วงนะ”

แล้วคำพูดของใจเย็นก็ทำให้เป็นไทขี้เกียจขัดอะไร เพราะสเต็กแซลมอนกับข้าวหมูกรอบเมื่อเที่ยงทำให้อิ่มจนขี้เกียจจะสอนพอดู ตอบรับเออออและขึ้นนั่งเบาะหลังรถให้ใจเย็นทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็เงียบ และขับรถคลอไปกับเสียงเพลงแจ๊สเหมือนเดิม

เป็นไทไม่ได้ถามใจเย็นว่าจะไปไหน ไม่ได้รู้สึกขัดใจอะไรเมื่อใจเย็นวนรถเข้าไปจอดในห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ แม้จะรถเยอะ คนเยอะ ลานว่างชั้นกราวน์ของห้างก็มีงานดนตรีอะไรสักอย่างให้เสียงกระหึ่มก้องทั่วอาณาบริเวณ และคนก็ยืนดูกันเยอะพอสมควร

“เป็นไทจะซื้ออะไรไหม” ใจเย็นเอ่ยถามตอนที่เดินผ่านกลุ่มคนที่กำลังยืนอิงรั้วกระจกของชั้นสองเพื่อดูดนตรีสดของชั้นล่าง

“ไม่อะ”

“ไม่ซื้อเหรอ”

“เออ มาเดินเล่นไม่ใช่ไง หรือมึงจะซื้ออะไร”

“เปล่าครับ” ใจเย็นตอบทันที “ที่ผมถามเพราะจะซื้อให้”

“เงินเหลือเหรอสัด”

เป็นไทมั่นใจว่าเป็นคำด่า แต่ใจเย็นก็ยิ้ม นั่นแหละที่เขารู้สึกว่ากวนตีน

“ไปยืนดูดนตรีตรงนั้นไหมครับ”

หากคำถามตัดเปลี่ยนเรื่องก็ทำให้คร้านจะใส่ใจอะไร อีกครั้งที่เขาเออออ เดินไปหามุมที่มองเห็นวงดนตรีที่ชั้นล่างได้ชัด เป็นไทจำได้ว่ามันเป็นวงซินธ์ป๊อบที่เขาเคยไปฟังสดในคอนเสิร์ตเมื่อต้นปี ไม่ใช่วงโปรดอะไรมากมายนัก แต่เพลงก็ดังเป็นปรากฏการณ์อยู่ช่วงหนึ่งเหมือนกัน

แล้วใจเย็นก็ยืนดูไปเรื่อยๆ ไม่พูดอะไร พอๆ กับตอนตักข้าวหรือไอศกรีมเข้าปาก จนผ่านไปสามเพลงเขาก็เลยถาม

“ชอบวงนี้เหรอวะ”

“ไม่ได้ชอบหรอกครับ”

“เฉยๆ ว่างั้น” เขาทวนความหมาย “แล้วมายืนดูอะไร”

“ดูคนครับ”

“คนในวงเหรอ”

“เปล่าครับ คนดู” คำตอบทำให้เป็นไทคิ้วขมวดพอดู “ผมเห็นคนขี้อาย คนที่ทำอะไรก็ทำไม่สุดอยู่ในนั้นด้วย”

“ฮะ? รู้ได้ยังไงวะ”

“ผู้หญิงเสื้อดำริมเวทีด้านซ้าย” ใจเย็นชี้บอก แต่จากชั้นสองแล้ว การมองตามคำบรรยายทำให้เป็นไทหาเจอง่ายกว่า “ผมเห็นเขายิ้มตลอดแล้วก็ร้องตามได้ทุกเพลง แต่ดูร้องเสียงเบาเพราะปากอ้าไม่กว้าง ไม่กล้าเต้นด้วย แค่โยกตัวนิดๆ ตอนที่ดูอยากจะเต้นมากขึ้นก็หันมองคนข้างๆ ทั้งซ้าย ขวา ด้านหลังด้วย แล้วก็หยุดแค่นั้น ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม”

คำร่ายยาวของใจเย็นอย่างที่เขาไม่ค่อยได้ยินนักทำให้นึกย้อนไปถึงตอนที่เจอกันในงานคอนเสิร์ต นึกถึงคำที่ใจเย็นพูดไว้ว่าชอบสังเกตผู้คน และก็ดูท่าว่าจะจริง...ทั้งยังจริงจังมากด้วย

“สังเกตขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

“ครับ เขาดูขี้อาย ขี้เกรงใจ”

“ก็คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยอินปะ” เป็นไทเอ่ยถึงภาพรวม เพราะจะคอนเสิร์ตไหนๆ ถ้าไม่ใช่เฉพาะกลุ่มจริงๆ ก็น่าจะหากลุ่มคนที่ใส่เต็มที่กับมันได้ยาก

“แต่คนที่เต้นไม่สนใจใครก็มีนี่ครับ”

“อันนั้นก็เหมือนคนบ้า”

ได้ยินใจเย็นหัวเราะ และยิ้มเหมือนเด็กๆ “ผมรู้จักคนที่เต้นเหมือนคนบ้าอยู่สองคนนะ คนหนึ่งก็บ้าๆ บอๆ นั่นแหละ แต่อีกคนก็เป็นคนที่จะทำอะไรก็ทำให้สุด”

“ก็เลยคิดว่าผู้หญิงคนนั้นน่าจะทำอะไรก็ทำไม่เต็มที่เหรอ”

“คงงั้นครับ”

“ตัดสินผิวเผินนี่หว่า”

“จากการมองก็ได้เท่านี้แหละครับ” ใจเย็นตอบเรียบๆ “แต่กับเป็นไทต่างจากคนอื่นนะ”

“ยังไง”

“เผินๆ เหมือนจะดูออกง่าย” พลันก็เป็นอีกครั้งที่ใจเย็นจ้องมองเขาด้วยแววตาแบบที่ไม่ชอบ แววตาที่ทำให้รู้สึกอึดอัดทั้งที่คิดว่าจะเลิกสนใจเรื่องนี้ได้แล้ว “แต่ก็เข้าไม่ถึงเลย”

“กูว่ากูไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้นนะ อีกอย่างกูเกลียดอะไรที่มันซับซ้อน”

“อย่างเช่นอะไรบ้างครับ”

“มึงไง”

ถึงตรงนี้ใจเย็นดูชะงักไป แต่ก็ชั่วครู่ก่อนจะหัวเราะออกมา และยิ้มเหมือนเด็กๆ ในจังหวะที่เพลงจบ ประสานด้วยเสียงคนดูปรบมือโห่ร้อง “แต่ผมชอบนะ”

“ชอบตัวเองเหรอวะ ประสาท”

“ชอบเป็นไท”

เสียงของใจเย็นฟังชัดในตอนที่เสียงของคนดูซาลง และรอยยิ้มก็ชัด ไม่ได้บางเบา ชัดแบบที่ไม่ต้องตัดภาพบรรยากาศใดทิ้งสักภาพ

แววตาที่ทำให้อึดอัดก็เหมือนกัน ชัดจนตรึงในความรู้สึก

“ซับซ้อนก็ชอบ หรือจะดูออกง่ายก็ชอบ”

แต่ตรึงกว่าด้วยรอยยิ้มในแววตาแบบนั้น ให้ลืมความอึดอัดไปชั่วครู่

และก็แค่ชั่วครู่เท่านั้น

“คือ มึงเป็นเกย์ปะเนี่ย”

“ต้องเป็นด้วยเหรอครับ”

เสียงของพิธีกรในงานดนตรีดังหนวกหูในจังหวะนั้น เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เป็นไทรู้สึกว่าถูกกวนประสาท ปั่นหัว เพราะใจเย็นถามกลับแบบไม่รู้หนาวรู้ร้อน ดูอย่างไรก็แค่เพราะอยากทำอะไรก็ทำ อยากพูดอะไรก็พูด ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะมองอย่างไร ทั้งไม่น่าจะมีความหมายใดลึกซึ้งให้เขารู้สึกขยะแขยง แต่เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าใจเย็นชอบอะไรในตัวเขานัก ไม่เข้าใจว่าเขามีอะไรแตกต่างจากคนอื่น ไม่เข้าใจว่าใจเย็นคิดอะไร และไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมใจเย็นใช้แววตาเดียวกันนั้นทำให้ความอึดอัดหายไปอย่างน่าฉงน

และเป็นไทก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมตอนที่เดินกลับมาที่รถ เขาถึงเลือกเปิดประตูเข้าไปนั่งเบาะข้างคนขับ ให้ใจเย็นยิ้มออกมาเหมือนเด็กๆ









----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนนี้ยาวมาก (ปกติเขียนอยู่5หน้า) แต่ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากใจเย็นสายเปย์ค่ะ 5555555
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่10-ไม่เข้าใจ ◑หน้า5 (ุ6/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 06-03-2017 21:26:23
ลุ้นๆ
เหมือนใจเย็นจะรุกคืบมาหลายตอนแล้ว แต่ดูๆ ก็ไปไม่ถึงไหน
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่10-ไม่เข้าใจ ◑หน้า5 (ุ6/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Atroce ที่ 06-03-2017 21:39:20
เป็นการเดทกันสินะคะ 
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่10-ไม่เข้าใจ ◑หน้า5 (ุ6/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Frankdar ที่ 06-03-2017 21:47:44
ถ้าคนอื่นพูดแบบนี้ถ้าไม่เขินก็คงเบ้ปากใส่  แต่พอใจเย็นพูดทำไมคิดไม่ออกว่าต้องทำหน้ายังไง  :hao4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่10-ไม่เข้าใจ ◑หน้า5 (ุ6/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 06-03-2017 23:44:32
หวาน...มั้ย?
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่10-ไม่เข้าใจ ◑หน้า5 (ุ6/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-03-2017 01:15:11
เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงติดเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่10-ไม่เข้าใจ ◑หน้า5 (ุ6/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 07-03-2017 01:18:39
อ่านตอนนี้ แล้วก็อยากอ่านอีก อยากอ่นเรื่อยๆ
คือตอนนึงก็ความยาวโอเค แต่อ่านเพลินไง
แปปๆ จบตอนแหละ รอตอนต่อไปค่าาาา
สนุกอ่ะ ชอบความเขยิบเข้ามาเรื่อยๆของใจเย็น
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่10-ไม่เข้าใจ ◑หน้า5 (ุ6/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 07-03-2017 08:49:14
อ่านไปกลัวดราม่าไป
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่10-ไม่เข้าใจ ◑หน้า5 (ุ6/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: MOMAMi_96 ที่ 07-03-2017 09:32:01
เขินอ่ะใจเย็นคนซึน โอ้ยๆหัวใจจะวายเป็นไทคือเคะไปเลยอ่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่10-ไม่เข้าใจ ◑หน้า5 (ุ6/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 07-03-2017 11:59:38
เดท!!! นี่คือการเดท  :-[  #ใจเย็นสายเปย์
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่10-ไม่เข้าใจ ◑หน้า5 (ุ6/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 07-03-2017 12:18:19
จริง ๆ แล้วใจเย็นก็ไม่ใช่คนซับซ้อนอะไร ชอบอะไรก็บอก แสดงออกมาแบบตรง ๆ ดูซื่อ ๆ ซะด้วยซ้ำ
แต่ทำไม ไม่เข้าใจเขาเลยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่10-ไม่เข้าใจ ◑หน้า5 (ุ6/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-03-2017 14:30:47
พูดกันก็เข้าใจ จะมากจะน้อยก็ยังดีกว่าไม่พูดกันเลย
ตอนนี้เป็นไท ก็รู้ว่าพ่อใจเย็นมีเมียสามคน
แม่แต่ละแม่มีลูกคนเดียว รู้ว่าใจเย็นชอบสังเกตคนจริงจัง
และใจเย็น ชอบเป็นไท จะเข้าใจยาก หรือง่ายก็ชอบ
เป็นไท คร้านที่จะเข้าใจพ่อใจเย็นทำไมมีเมียหลายคน
เหมือนที่ยังไงก็ไม่เข้าใจพ่อตัวเอง ก็เลิกสนใจ
จริงๆ คนที่มีเมียหลายคนนี่อีโก้คงสูง และรู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจ
จะมากกว่าพวกเมีย หรือมากกว่าคนที่มีเมียคนเดียวมั้ง  :katai1: :katai1: :katai1:
         :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่11-สนิท ◑หน้า6 (ุ8/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 08-03-2017 00:09:27
11 – สนิท




ถึงเป็นไทจะมองว่าใจเย็นเข้าใจยากแค่ไหน แต่ใจเย็นก็เป็นคนเพื่อนเยอะ เยอะแบบที่รู้ตัวอีกทีมันก็เป็นแบบนี้แล้ว จำไม่ค่อยได้ว่าจุดเริ่มต้นคืออะไร แต่ก็น้อยที่เขาเข้าหาใครก่อน ใจเย็นมักจะนั่งอยู่เงียบๆ เรื่อยๆ จนดูเหมือนคนพูดน้อย ไม่ก็ไม่ค่อยสนใจใครนัก แต่เมื่อมีใครเข้ามาชวนคุย ใจเย็นก็มักจะจับจุดถูกว่าต้องพูดด้วยแบบไหน และเรื่องอะไร ก่อนจะขยับขยายบทสนทนาไปเรื่อยๆ พร้อมกับจำนวนเพื่อนที่เพิ่มตาม

และเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป แม้ไม่ได้ชอบหรือสนใจอะไรเป็นพิเศษเท่าเรื่องของบรรดาสัตว์ แต่ใจเย็นก็พาตัวเองวนอยู่ในกระแสสังคมทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว ให้ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจใจเย็นจึงไม่หลุดจากวงโคจรของสังคม ยิ่งไปกว่านั้น ใจเย็นดูเป็นจุดศูนย์กลางของเพื่อนด้วยซ้ำ อาจเพราะดูไม่เคยกลัวใครเลยสักคน

กระนั้นเลย ใจเย็นก็ไม่เคยมีเพื่อนสนิท

เวลามีคนถามถึงเรื่องนี้ ใจเย็นมักจะเงียบ ไม่ก็เบี่ยงประเด็น เพราะจากประสบการณ์ที่เคยตอบว่า ‘ไม่มี’ มันทำให้เพื่อนบางคนโกรธ และใจเย็นก็ไม่ชอบปัญหาแบบนี้ เขาพยายามแก้ปมไปพลาง ไม่เข้าใจไปพลางว่าพูดความจริงมันผิดตรงไหน แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรแบบนั้นอีก

แล้วใจเย็นก็ได้เรียนรู้ว่ายิ่งกับผู้หญิง พวกหล่อนยิ่งไม่ชอบให้พูดตรงๆ แต่ก็ใช่ว่าใจเย็นจะเลือกโกหกบ่อยนัก เขามักลากบทสนทนาให้ไกลจากเรื่องที่ดูจะเป็นปัญหาเสียมากกว่า หรือบางครั้งการตอบตรงของเขาก็ทำให้ถูกมองว่ากำลังกวนประสาทเล่นน่ะแหละ

กับเป็นไทก็เหมือนกัน บ่อยครั้งที่คำพูดแบบไม่คิดอะไรของเขากลับกลายเป็นกวนประสาท แค่สังเกตจากสีหน้าก็ดูรู้ เป็นไทเป็นคนดูออกง่าย แต่ก็นั่นแหละ ยังมีกำแพงบางอย่างขวางกั้นให้ยากจะเข้าถึง และชัดว่าต่างจากคนอื่นที่ใจเย็นไม่เคยต้องลากบทสนทนาหนีไปประเด็นอื่น เพราะเป็นไทไม่เคยถามอะไรละเอียดลึก เรียกว่าไม่ค่อยสนใจเขาด้วยซ้ำ

“เป็นไท”

“อะไร” เจ้าของชื่อถามเสียงห้วน ตรงข้ามกับสีโอรสของช่อดอกเทียนซ้อนในแจกัน

“เคยบอกว่าไม่ชอบอะไรซับซ้อนใช่ไหมครับ”

“เออ ทำไม”

“แล้วทำไมชอบเลขล่ะครับ”

เป็นไทดูคิดอยู่ชั่วครู่ ซึ่งก็เป็นชั่วขณะที่ใจเย็นหวังว่าเป็นไทจะไม่ตอบมาว่าเคยตอบไปแล้ว

“ยังไงก็มีคำตอบตายตัว”

“อ่า งั้นเหรอ”

“เลิกนอกเรื่องได้ละ เรียน”

คำสั่งทำให้ใจเย็นไม่ได้ถามอะไรต่อ เพราะถ้าเข้าบทเรียน เขาก็ไม่ค่อยถามอะไรหรอก ยกเว้นช่วงใกล้สอบซึ่งก็ทำให้คะแนนดีขึ้นผิดหูผิดตา แล้วก็พลันหดหู่คล้ายท้องฟ้าหน้าฝนเมื่อนึกได้ว่าอีกไม่นานจะหมดเทอมแรกเสียแล้ว

“เป็นไท”

เป็นครั้งที่สองของวันที่ใจเย็นเรียกเพื่อจะคุยนอกเรื่อง และเป็นไทก็เมิน ดูเป็นเรื่องปกติ

“เทอมหน้าจะมาสอนไหม”

“แล้วแต่คุณเกษรา”

“แม่ก็แล้วแต่ผมครับ”

“เออๆ นั่นแหละ” เป็นไทตอบรับ และเพราะไม่ถามอะไรเพิ่มเติมทำให้ใจเย็นพูดต่อเอง

“มาสอนนะครับ”

“เออ”

โดยไม่รู้ตัว ใจเย็นยิ้มออกมา

“ปิดเทอมด้วยได้ไหม”

“จะเรียนห่าอะไรนักหนา ไม่ได้ชอบเลขด้วยไม่ใช่หรือไง”

“ก็ผมอยากเจอเป็นไท”

“โอ๊ย รำคาญ” เป็นไทบ่นด้วยคำที่สอดคล้องกับสีหน้า “มึงไม่มีเพื่อนหรือไง”

“มีครับ เยอะแยะ” แล้วใจเย็นก็เห็นสีหน้าของเป็นไทที่ดูรู้เลยว่าคงรู้สึกถูกกวนประสาท

“ไม่อยู่กับเพื่อนวะ”

“ก็ไม่สนิทนี่ครับ เลยเฉยๆ”

เป็นไทดูเงียบไปชั่วครู่ ใจเย็นรู้สึกได้ว่ากำลังถูกประเมินบางอย่าง แต่สุดท้ายเป็นไทก็พูดออกมา “โถ น่าสงสาร”

ด้วยน้ำเสียงกวนประสาท แต่ก็น่าประหลาดที่ทุกทีเลยใจเย็นจะยิ้มออกมาเมื่อได้ยินน้ำเสียงประมาณนี้

“สงสารก็มาให้ผมเจอสิครับ”

“กูก็ไม่ได้สนิทกับมึง จะอยากเจอเพื่อ”

“งั้นก็สนิทกันสิครับ”

“ไม่ กูไม่อยากสนิทกับมึง”

เป็นไทเอ่ยรวดเร็วไร้เยื่อใย ทั้งยังตัดบทกลับไปเรื่องเรียน ไม่อนุญาตให้เขานอกเรื่องอีกเป็นครั้งที่สาม

วันนั้นใจเย็นจึงเก็บคำพูดของเป็นไทกลับไปคิด เขารู้สึกเหมือนเป็นไทบอกว่าไม่ได้อยากเจอเขา อันที่จริงก็ดูจะบอกกลายๆ ตลอดว่าถ้าไม่ใช่เพราะสอนพิเศษก็ไม่ได้อยากเจอ พลันก็รู้สึกขัดใจและยิ่งเคืองขัดเข้าไปอีกเมื่อไม่รู้จะสนิทกับเป็นไทอย่างไร

แล้วใจเย็นก็สะดุดกับความหมายของคำว่า ‘สนิท’  ก็จริงว่าเขารู้ตัวว่าไม่ได้สนิทกับใคร แต่เพราะแบบนั้นในวันที่นึกถึงความหมายของมัน เขาเลยคลุมเครือไม่แน่ใจ กลายเป็นให้นอนนึกถึงเพื่อนที่โกรธตอนเขาบอกว่าไม่มีเพื่อนสนิท นึกถึงเพื่อนที่คิดว่าตนเองสนิทกับเขา นึกว่าเพื่อนคนนั้นปฏิบัติตัวกับเขาอย่างไร ขุดย้อนความทรงจำมากมายระหว่างกันจนได้แก่นหลักใจกลางของคำว่าสนิทในตอนที่ได้ยินเสียงนกร้องในยามเช้า

“เป็นไท” วันเสาร์ถัดมาจึงมีฝนปรอย เมฆหม่น ใกล้สอบปลายภาค ดอกพลับพลึงฮาวายสีขาวอมชมพู กับความหวังบางประการของใจเย็น

“อย่านอกเรื่องนะมึง” และคำขู่เหมือนวันนี้อารมณ์ไม่ค่อยดีก็ทำให้สิ่งเหล่านั้นดูชะงักค้างกลางอากาศ

“น่าจะอยู่ในเรื่องนะครับ” แต่ใจเย็นก็พยายามหาทางกลับลำจนได้ “ผมจะบอกว่าชอบวิชาชีวะมากกว่าวิชาเลข”

“แล้ว?”

“ผมเคยคิดอยากเป็นสัตวแพทย์ด้วย” พอบอกเรื่องนี้ เป็นไทก็ไม่ได้เอ่ยอะไร ดูไม่ออกว่าคิดสิ่งใดอยู่ แต่ใจเย็นก็พูดต่อตามที่ตั้งใจ “ผมเคยเลี้ยงหมาตัวหนึ่งตอนเด็กๆ เป็นหมาบีเกิล ชื่อทันใจ”

“ชื่อมึงนี่คล้ายชื่อหมาเลยว่ะ”

“แม่ก็บอกครับว่าเอาชื่อหมามาตั้ง”

“อ้าว เหรอวะ”

“แม่บอกว่าเป็นหมาที่ช่วยไม่ให้แม่แท้งผม แต่เขาตายวันที่ผมเกิดก็เลยให้ผมใช้ชื่อเขา” ใจเย็นวกมาอธิบายเรื่องนี้เพราะคิดว่าเป็นไทอาจอยากรู้ แต่ก็เหมือนเดิม ดูไม่ค่อยออกเลยในวันนี้ว่าเป็นไทคิดอะไรอยู่ “ผมเคยคิดว่าทำไมแม่ถึงกับต้องใช้ชื่อของหมาเป็นชื่อลูกชายตัวเอง จนวันที่ทันใจตาย ผมเลยเข้าใจขึ้นมา มันรู้สึกเหมือน...เหมือนโลกมันดูแปลกไป”

ใจเย็นรู้สึกเหมือนมีอะไรขื่นอยู่ในคอ ขณะที่เป็นไทก็ไม่ได้พูดอะไร กระนั้นการที่ไม่ได้เบนสายตาไปทางอื่นก็ทำให้เขากลืนก้อนขื่นลงคอไปได้บ้าง

“ผมก็เลยไม่ได้อยากเป็นสัตวแพทย์อีกแล้ว”

เป็นตอนจบของเรื่องเล่าที่ใจเย็นตั้งใจไว้ ก่อนที่รอบตัวจะโรยด้วยความเงียบ ก้อนขื่นเหมือนคืนกลับมาอีกครั้งในคอของใจเย็น

“นึกยังไงเล่าให้ฟัง” พลันเป็นไทเอ่ยถาม

“ก็” ใจเย็นกลืนน้ำลาย “ถ้าจะสนิทกันก็ต้องเล่าเรื่องของตัวเองนี่ครับ”

เป็นไทรับฟัง มือเริ่มหมุนควงปากกาในมือเหมือนกำลังคิด ก่อนเอ่ยออกมาในที่สุด

“มึงนี่แปลกดี ตลกด้วย”

“ตลกเหรอครับ”

“เออ” เป็นไทตอบ น้ำเสียงไม่มีลังเล ในวินาทีนั้นใจเย็นรู้สึกเหมือนความหวังในอากาศพัดปลิวไปกับลม

“งั้นเหรอ”

“แต่จะสนิทด้วยก็ได้

พลันลมนั้นกรรโชกกลับไม่ทันตั้งตัว

“ก็ได้เหรอครับ”

“เออ แต่กูไม่เล่าเรื่องตัวเองให้ฟังหรอกนะ”

“ครับ” ใจเย็นยิ้มนำไปก่อนคำตอบรับ แล้วก็พลันนึกได้ “แบบนั้นก็ไม่เรียกสนิทสิครับ”

“จะเอายังไง” เป็นไทเสียงกร้าวอย่างคนได้เปรียบ แต่ใจเย็นก็ยืนกราน

“เป็นไทต้องเล่าครับ”

สีหน้าไม่พอใจมาพร้อมกับหัวคิ้วที่ขมวดปม ก่อนจะผ่อนลงเล็กน้อยเหมือนอ่อนใจ

“สักวันละกัน”

คำพูดสั้นๆ ทำให้ใจเย็นยิ้ม ยิ้มเหมือนเด็กๆ เวลาดีใจแบบไม่รู้ตัว ทวนคำซ้ำในสมอง ยิ้มซ้ำ ยิ้มกว้างจนเป็นไทดูรำคาญ สั่งตัดบทเข้าเรื่องเรียนอย่างที่มักจะทำ

แต่ก็นั่นแหละ ที่การหุบยิ้มดูยาก ห้ามความคิดก็ยาก ใจเย็นยังนึกดีใจที่ทำลายกำแพงลงได้ แม้ไม่ทั้งหมดแต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

สำหรับการที่เขาอยากจะได้มากกว่านี้ มากกว่านี้ จนกว่าจะได้ทั้งหมดของเป็นไท









_________________________________________________________________________________

รุกคืบเข้าใกล้ทุกทีนะใจเย็น  :katai5:

ติดแท็ก #ใจเย็นกับเป็นไท กันได้นะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่11-สนิท ◑หน้า6 (ุ8/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 08-03-2017 00:36:45
ไม่ใช่นิยายตลก แต่ทำไมขำเวลาพระนายเขาคุยกัน  :laugh:
"โถ น่าสงสาร"
กับคนที่สนใจ ยังไงก็อยากเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขาสินะ แต่กำแพงเป็นไทสูงนะ ทำลายได้แค่บล็อคก้อนเดียวอย่าเพิ่งได้ใจไป  :hao3:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่11-สนิท ◑หน้า6 (ุ8/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-03-2017 01:29:36
โถ น่าสงสาร มันลอยมาเต็มหน้ากระดาษเลยค่ะตอนนี้
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่11-สนิท ◑หน้า6 (ุ8/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 08-03-2017 12:18:31
ถ้าได้ทั้งหมดแล้ว ใจเย็นจะเบื่อเป็นไทไหมอ่ะ
เดานิสัยใจเย็นไม่ค่อยออกเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่11-สนิท ◑หน้า6 (ุ8/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 08-03-2017 12:43:54
โหหหห ใจเย็นรุกเป็นไทหนักมากกกก
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่11-สนิท ◑หน้า6 (ุ8/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 08-03-2017 13:55:01
มันดูมีความหวังแบบที่รากฐานง่อนแง่น
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่11-สนิท ◑หน้า6 (ุ8/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 08-03-2017 14:10:02
ฟินนนนน
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่11-สนิท ◑หน้า6 (ุ8/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Viewonohm ที่ 08-03-2017 16:31:04
เป็นไทน่ารักจริงๆ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่11-สนิท ◑หน้า6 (ุ8/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 08-03-2017 17:05:39
อย่าได้ใจไปใจเย็น กำแพงของเป็นไทยังแข็งแกร่งอยู่ถึงจะทลายไปแค่ก้อนสองก้อนแต่ถ้ายังไม่ใช่ฐานของกำแพงมันก็ไม่ทลายง่ายๆ นะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่11-สนิท ◑หน้า6 (ุ8/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 08-03-2017 17:57:57
รุกเบอร์แรง
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่11-สนิท ◑หน้า6 (ุ8/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-03-2017 09:27:04
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่11-สนิท ◑หน้า6 (ุ8/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 09-03-2017 09:38:02


ชอบใจเย็น ดูเป็นเมะมีอำนาจ (ทางการเงิน - เดี๋ยว!)
การที่ใจเย็นชอบเป็นไท นอกจากใจเย็นจะได้เรียนรู้เรื่องของอีกฝ่ายแล้ว
ใจเย็นก็ได้ทำความรู้จักกับแง่มุมใหม่ ๆ เกี่ยวกับตัวเองอีกด้วย
แต่บอกตรง ๆ ว่านึกไม่ออกจริง ๆ หากสองหนุ่มลงเอยกันแล้ว
ทั้งคู่จะครองคู่กันทำนองไหน

กับกัลป์ปรายน่ะพอเห็นภาพ แต่กับคู่นี้...
ตอนนี้เห็นอย่างเดียวเลยว่า ใจเย็นมันต้องขังเป็นไทไว้ในสวนรุกขชาติ
แล้วแวะเข้ามาหยอดไอติมสตรอเบอร์รี่ให้กินเป็นพัก ๆ แน่ ๆ เลย

รอติดตามค่ะ ^^

หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่12-ดอกไม้ ◑หน้า6 (ุ10/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 10-03-2017 21:05:07
12 – ดอกไม้




ต่างกับใจเย็น เป็นไทมีเพื่อนสนิทอยู่คนสองคน แต่ก็ไม่เคยมีคนไหนที่เป็นไทเล่าให้ฟังถึงเรื่องที่เขาเคยถูกพ่อทำร้าย แม้แต่สาเหตุที่เขานอนเปิดไฟก็ไม่เคยเล่าให้ฟัง เป็นไทเก็บงำเงียบมิดชิด ปิดล็อกแน่นหนาในลิ้นชักของอดีต ด้วยก็ไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องขุดรื้อขึ้นมาให้ใครรู้ ผ่านแล้วก็ผ่านเลย ยิ่งลืมได้ยิ่งดี

แต่แน่นอนว่าเป็นไทไม่เคยลืม ทุกครั้งที่เหมือนจะหายสนิทก็ถูกความฝันสะกิดแง้มหลอกหลอน ทรมาน ย้ำลึก ตะเกียกตะกายหนีจากอดีตจนเหนื่อยหอบ ครั้งนี้ความฝันกลับมาในคืนก่อนสอบ ในงีบงันที่เผลอหลับคาตำหรับตำราเรียน รู้สึกเหมือนความรู้กระเจิงหาย ล้มตาย และเป็นเขาเองนั่นแหละที่จะตายตามไปอีกคน ถ้าไม่ตั้งสมาธิใหม่ ลืม ลืมฝันร้ายให้เหมือนไม่เคยฝัน หรือไม่เคยเป็นความทรงจำใดๆ

หากถึงเป็นไทจะทำได้ ทั้งลืมความฝันนั้น ทั้งทำข้อสอบในคาบเช้า แต่ความรู้สึกแย่ก็ยังกอดกินอยู่ลึกๆ เย็นวันนั้นเป็นไทจึงกลับบ้าน เขาไม่อยากอยู่คนเดียวในคอนโดห้องเล็กๆ ที่ก็ไม่ใช่ของเขาเอง มันเป็นของครอบครัวปราย เป็นฝันสลายของใครบางคนที่ตายจากไปก่อนจะได้ซื้อบ้านเดี่ยวให้ครอบครัว เป็นความรักที่ไม่บิดพลิ้วแบบที่เขาไม่เคยได้รับ

ถ้าไม่ใช่เพราะปราณีคำนวณค่าเดินทางไปกลับมหาวิทยาลัย ค่าเหนื่อย ค่าเสียเวลาของเป็นไทแล้วพบว่ามันสูสีกับเงินรายเดือนจากการปล่อยห้องให้เช่า เป็นไทก็คงไม่ได้กระตือรือร้นจะย้ายเข้ามาอยู่นัก ปรายเองที่เพิ่งย้ายมาอยู่ที่บ้านไม่ถึงปีเพราะถูกเห็นว่าเด็กเกินจะอยู่คนเดียวก็ดูไม่ค่อยชอบใจ หากเก็บเงียบงัน ซ่อนไว้เบื้องลึกหลังแววตาที่เขาไม่คิดจะสบตานัก แต่ก็นั่นแหละ ปรายไม่ใช่คนที่เขาคิดเกรงใจอยู่แล้ว

กลับบ้านครั้งนี้เป็นไทแค่อยากได้บรรยากาศของบ้าน เขาไม่แน่ใจนักว่าจะเรียกว่าอยากเจอแม่ให้สบายใจได้ไหม ในเมื่อแม่เองก็ไม่ใช่คนที่เขาพูดคุยได้ทุกเรื่อง บางครั้งแค่พูดเรื่องเรียนหรือเรื่องสอบให้ฟัง แม่ก็จะตีกลับมาด้วยเรื่องงานของแม่ และยึดพื้นที่สนทนาไปครองจนเขาคร้านที่จะพูดคุย

“แม่คิดว่าจะลงทุนขายของเล็กๆ น้อยๆ ดีไหม”

“ก็ดี”

"ขายอะไรดี"

“ของกินดิแม่ ขายอะไรที่เป็นปัจจัยสี่”

“งั้นเสื้อผ้าก็ใช่นะ”

ถึงตรงนี้เป็นไทก็รู้สึกว่าแม่มีคำตอบในใจอยู่แล้ว หลังจากนี้ก็จะยึดพื้นที่ในสนทนาอย่างเคย เป็นไทรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็แค่เงียบ ฟัง แม้ไม่ได้จับความหมายใด

“ทำไมบ้านเราไม่มีต้นไม้เลย”

กลางคันที่เป็นไทถามแทรกให้แม่ตอบคำถามที่เขารู้อยู่แก่ใจว่าบ้านไม่มีพื้นที่สำหรับทำสวน ก่อนจะกลับไปได้ยินเรื่องที่แม่อยากจะพูด เขาไม่รู้ว่าควรแย้ง ถาม หรือแนะนำตอนไหน มันยังดูเป็นโครงการที่แม่เพิ่งวาดฝัน ไม่เห็นอะไรเป็นรูปธรรม สุดท้ายสมาธิก็หลุดไปคิดเรื่องอื่น เรื่องที่ต่อจากเมื่อครู่

เรื่องของใจเย็น

เหมือนกลิ่นดอกไม้ที่เขาไม่เคยรู้ชื่อฟุ้งฟ่องล่องลอยในความคิด ในบทสนทนาที่เขาไม่ได้พูดอะไรที่อยากพูด ในความขี้หงุดหงิดของตนที่เขาเองก็ไม่ได้ชอบ ในอะไรสักอย่าง ลึกๆ ข้างในให้เขานึกถึงใจเย็นขึ้นมา ก่อนที่คำนึงนั้นจะสูญหายพร้อมเสียงของแม่ที่หยุดลง ให้เขาได้ปลีกตัวขึ้นห้อง ดูหนัง ฟังเพลง ทำอะไรที่อยากทำหลังสอบเสร็จจนดึกดื่นโดยไม่ได้นึกถึงใจเย็นอีกเลย

เช้าวันรุ่งขึ้น แข่งกับเสียงฝนตก เป็นไทตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือ ห้วงแรกที่ได้ยินก็ตั้งใจปล่อยทิ้งไว้ แต่นานเข้าก็ยังไม่เงียบเสียงให้นึกหงุดหงิดแล้วควานหาต้นตอบนโต๊ะวางโคมไฟข้างเตียง หน้าจอปรากฏเบอร์แปลก เขาขมวดคิ้วก่อนรับสายเสียงงัวเงีย

“ฮัลโหล”

“เป็นไท”

พลันคำเรียกชื่อและเสียงที่ได้ยินก็ทำให้ค่อยๆ ตาสว่าง

“มึงเองเหรอ”

“เรียกชื่อผมบ้างก็ได้ครับ”

“มีเหี้ยอะไร กูนอนอยู่”

“เป็นไทอยู่ที่คอนโดหรือเปล่า”

“อยู่บ้าน”

“งั้นเหรอ”

จบคำ ปลายสายก็เงียบดับ เลื่อนโทรศัพท์มือถือมาดูหน้าจอพบว่าสายถูกตัดไปแล้วก็แทบอยากจะปามันใส่หน้าคนที่โทรมาไม่บอกธุระ แต่ความง่วงก็บอกให้ปลดปลง เขากดปิดเสียง หลับตาลงกับเสียงฝนเช้า ก่อนจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อแม่มาปลุก

“น้องใจเย็นมาหาแน่ะ รออยู่ข้างล่าง”

สิ่งที่ได้ยินทำให้รู้สึกเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น เหมือนหงุดหงิดเรื่องที่ใจเย็นโทรมาปลุกจนเก็บมาฝัน แต่เมื่อโดนแม่เรียกซ้ำอีกทีถึงรู้ว่าไม่ใช่ เป็นไทลุกจากที่นอน มองไปหน้าบ้านก็เห็นรถจอดอยู่ ไม่ใช่เมอเซเดสเบนซ์สีงาช้างแต่เป็นออดี้สีขาว ไม่รู้ทำไมเห็นแล้วยิ่งหงุดหงิดเข้าไปอีก

เป็นไทล้างหน้าแปรงฟันอย่างเอ้อระเหยแบบจงใจ ก่อนจะลงไปข้างล่าง เห็นใจเย็นนั่งคุยกับแม่ที่น่าจะกำลังถามซ่อกแซ่กถึงเรื่องเรียน ซึ่งใจเย็นก็ยิ้มให้เมื่อเห็นหน้าเขา

“มีอะไรถึงมา” เป็นไทถาม จำใจสุภาพทั้งที่อยากด่าเพราะสถานะใจเย็นในบ้านตอนนี้ก็คือลูกชายเพื่อนแม่

“เป็นไทสอบเสร็จแล้วใช่ไหม”

“เออ” ตอบพลางนึกว่าก็เคยบอก แต่ก็ไม่คิดว่าจะจำได้

“มาชวนไปเที่ยวครับ”

“ฮะ?” หลุดอุทานก่อนตามด้วยความหงุดหงิดล้านแปด หลักๆ คือความปุบปับเอาแต่ใจของใจเย็นนั่นแหละ รองลงมาก็คือถูกรบกวนเวลานอนทั้งที่ไม่ใช่เหตุจำเป็น

แต่สุดท้าย สุดท้ายแล้วด้วยแม่ของเขาที่ดูจะเอ็นดูใจเย็นมากกว่าลูกชายตัวเองในเวลานี้ก็ทำให้เป็นไทไม่อยากจะขัดอะไร ที่สำคัญยิ่งขัดก็คงยิ่งหงุดหงิดเสียเองเมื่อแม่มาบ่นในภายหลัง

“แล้วตกลงมึงจะไปไหนวะ” เป็นไทเอ่ยถามตอนที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“ดูแข่งรถครับ”

“เช้าๆ เนี่ยนะ ที่ไหน”

“พรุ่งนี้ครับ บุรีรัมย์”

“ฮะ?” อีกครั้งที่เป็นไทอุทานคำนี้ แต่ใจเย็นกลับยิ้ม

“เดี๋ยวนั่งเครื่องไปตอนบ่ายๆ น้องผมไปด้วย”

เป็นไทรู้สึกพูดไม่ออก เพราะคำที่นึกได้มีแต่คำด่า ด่าแบบเอาแต่ใจไร้เหตุผลเหมือนกับที่ใจเย็นเอาแต่ใจนั่นแหละ

“จะไปค้างต่างจังหวัดกันเหรอลูก กี่วัน แม่เตรียมเสื้อให้ไหม”

“เดี๋ยวแม่”

“สองวันครับ กลับวันอาทิตย์” ใจเย็นกลับแทรกตอบแทนเป็นไทที่ยังไม่เอ่ยเห็นดีสักคำ

“ได้ๆ ไปสิ ไปเที่ยวบ้าง เห็นไทเหนื่อยสอบมาหลายอาทิตย์แล้ว อยู่กับแม่ก็คงไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนไกลๆ หรอก”

และนั่นเองที่ยิ่งทำให้เป็นไทกลืนไม่เข้าคายไม่ออก มันก็จริงที่ว่าตั้งแต่เด็กแล้วเขาไม่ค่อยได้ไปเที่ยวที่ไหนไกลนัก ตัดเรื่องพ่อออกไปได้ แม่ก็ติดเรื่องเงิน เรื่องกังวลนู่นนี่ในการเดินทาง สารพัดสิ่ง แต่หลักๆ ก็คือเรื่องเงินที่แม่มักจะชอบตัดพ้อให้แสลงหูอยู่บ่อยๆ

“แต่ผมไม่มีเงินนะแม่”

“แม่ผมออกให้หมดแล้วครับ”

แล้วทุกอย่างก็จบสิ้นที่คำนั้นเอง ให้แม่ของเขายิ่งดูชอบใจแกมเกรงอกเกรงใจพอเป็นพิธี เพราะถ้าไปเองได้ก็คงไปแล้ว สุดท้ายเป็นไทก็โดนยัดเยียดให้ขึ้นรถออดี้สีขาวพร้อมเป้หนึ่งใบ ให้มึนงงว่าสรุปแล้วมีอะไรที่เขาได้ตัดสินใจเองบ้างในเช้าวันหยุดอันมีค่าของเขาแต่ดูไม่มีค่าในสายตาใครเลย

“ทำไมต้องให้กูไปด้วยวะ ถามก็ไม่ถามว่าชอบดูแข่งรถไหม” จนเมื่อสมองเลิกมึนงงและกลั่นกรองเป็นคำถามได้นั่นแหละถึงเอ่ยออกไป

“ก็ผมอยากให้เป็นไทไปด้วย”

อีกแล้ว อีกแล้วที่เป็นไทรู้สึกว่าใจเย็นเอาแต่ใจ แต่ตอนนี้เขาไม่รู้จะแย้งอะไร ได้แต่ปล่อยให้เพลงแจ๊สของ Amy Winehouse ประสานตกร่องของสนทนา

“เป็นไทไม่ยอมมาสอนตอนผมปิดเทอม ผมก็เลยอยากเจอ”

“เออๆ”

แต่เมื่อปล่อยให้มีแต่เสียงเพลงดัง ใจเย็นก็เป็นฝ่ายหาเรื่องคุยขึ้นมา และก็อีก ทุกอย่างดูเกี่ยวข้องกับตัวเขาทั้งนั้น และก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาไม่อาจสรรหาคำมาแย้ง ไม่อาจหาคำอธิบายจากใจเย็นด้วยว่าทำไมถึงดูวนเวียนอยู่แต่เรื่องเขา อยากสนิทกับเขา

หรือทุกอย่างจะอธิบายด้วยคำสั้นๆ ง่ายๆ ว่า ‘เพราะเป็นเขา’ ก็ไม่รู้

“บ้านเป็นไทไม่ค่อยมีต้นไม้เลยนะครับ”

“ก็มันไม่มีพื้นที่”

“ปลูกดอกไม้ต้นเล็กๆ ไหม เดี๋ยวผมขอแม่มาให้”

“ไม่อะ ไปบ้านมึงก็เกินพอละ”

เป็นไทเห็นว่าใจเย็นยิ้มที่เขาพูดแบบนี้

“แล้วสอบเป็นไงบ้างครับ”

“ก็ดี”

“ไม่มีรายละเอียดเลยเหรอครับ”

“เกือบตาย”

ใจเย็นหัวเราะ คลอไปกับจังหวะสวิงของดนตรีแจ๊ส ขณะที่เป็นไทเริ่มจะง่วงขึ้นมา

“มึงอะควรจะนอนตุนไว้เยอะๆ นะก่อนที่ขึ้นมหาวิทยาลัยแล้วจะไม่ได้นอน”

“งั้นเหรอ” ใจเย็นตอบรับ “เป็นไทพูดงี้คือง่วงใช่ไหม”

“เออ และก็รู้ไว้ด้วยว่าเพราะมึงเสร่อมาปลุกกู”

“ขอโทษครับ” ใจเย็นเอ่ย กระนั้นรอยยิ้มก็ทำให้รู้สึกว่าไม่ได้สำนึกผิด ชวนให้เป็นไทหงุดหงิดขึ้นมานิดๆ “เป็นไทงีบหลับก่อนก็ได้ รถน่าจะติด เอนเบาะนอนไปเลย”

“เออ งั้นกูนอนละ” เขาเอ่ยตอบ ปรับเบาะให้เอนนอนสบาย เสียงแจ๊สยังคลอให้เพลินหู และก่อนที่จะเคลิ้มหลับ เป็นไทก็รู้สึกเหมือนได้กลิ่นดอกไม้ที่เขาไม่รู้ชื่อ ดอกไม้ที่ฟุ้งฟ่องล่องลอยในความคิดชั่ววูบของเมื่อวาน ดอกไม้ในบทสนทนาที่เขาไม่ได้พูดอะไรที่อยากพูด ในความขี้หงุดหงิดของตนที่เขาเองก็ไม่ได้ชอบ ในอะไรสักอย่างลึกๆ ข้างในให้เขานึกถึงใจเย็น

หรืออาจจะล่องลอยลามเลยเข้าไปแม้แต่เรื่องในอดีตที่เป็นไทไม่เคยอยากบอกใครเลยสักคน









-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
วั้ย จะไปค้างแรมด้วยกันแล้ว 555  :hao6:

ติดแท็ก #ใจเย็นกับเป็นไท ไปพูดคุยกันได้นะคะ  :katai5:

หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่12-ดอกไม้ ◑หน้า6 (ุ10/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 10-03-2017 21:18:56
ไปค้างแรมแต่มีก้าง
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่12-ดอกไม้ ◑หน้า6 (ุ10/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-03-2017 21:32:01
เหมือนอยากได้ของเล่น... หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่12-ดอกไม้ ◑หน้า6 (ุ10/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 10-03-2017 22:27:20
รู้สึก เอออ เจอกันเวลาอื่นนอกจากตอนสอนพิเศษสักที ใจเย็น ตอไปรุกเยอะๆเลยลูกกก
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่12-ดอกไม้ ◑หน้า6 (ุ10/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 11-03-2017 07:33:43


บอกเลยว่าตอนนี้อ่านหลายรอบ
พยายามทำความเข้าใจกับกลิ่นดอกไม้ที่ติดใจเป็นไทเหลือเกิน
แต่จนแล้วจนรอดก็ยังนึกไม่ออกว่าทำไมเมื่อได้กลิ่นดอกไม้แล้วเป็นไทถึงนึกถึงใจเย็นขึ้นมา
(กำลังหาจุดเชื่อมโยงอยู่ ไม่แน่ว่าพอคุณแยมลงจบ เราอาจจะต้องไปเริ่มอ่านใหม่ทั้งหมด ฮาาา!)

เอาจริง ๆ ถึงเป็นไทจะได้กลิ่นดอกไม้ลอยอวล
แต่เรากลับรู้สึกถึงความกลับไม่ได้ไปไม่ถึงของเป็นไทในวันวานมากกว่า
รู้สึกเหมือนเป็นไทเป็นเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่โดนกักบริเวณอยู่ตรงมุมมืดของบ้าน ฝันถึงบางสิ่งที่ดีกว่า
แต่ก็ไม่กล้าก้าวขาเดินออกมาเพราะอะไรบางอย่าง

แต่ถึงเป็นไทจะขังตัวเองอยู่ตรงนั้น ข้อดีของมันก็คือ ตอนนี้เป็นไทมีใจเย็นอยู่เป็นเพื่อนในมโนสำนึกแล้ว
กลัวอย่างเดียวเลยว่าการไปพักค้างอ้างแรมด้วยกันครั้งแรก ใจเย็นมันจะเบรกแตก ทำอุกอาจมากกว่าลูบผมพี่
เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะคุณเอ๋ย... รสขมของกัลป์ปรายนี่เทียบไม่ได้เลยนะฮะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^  :กอด1:

 
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่12-ดอกไม้ ◑หน้า6 (ุ10/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 11-03-2017 07:48:47
อยากให้เป็นไทได้ระบายความหงุดหงิดลงบ้างจัง ด่าใจเย็นไปบ้างก็ได้นะเรื่องความเอาแต่ใจไม่คิดถึงคนอื่นว่าจะรู้สึกยังไง อยากไปด้วยมั้ยเนี่ย เป็นเราคงได้ด่าและตบตีใจเย็นไปบ้างแล้วนะเนี่ยที่ไม่ฟังความเห็นเราบ้างมามัดมือชกกันแบบนี้
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่12-ดอกไม้ ◑หน้า6 (ุ10/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-03-2017 12:31:53
ความเป็นใจเย็นค่อยๆซึมซาบไปในความคิดของเป็นไท
แต่เข้าไปแบบบางเบา เหมือนกับกลิ่นดอกไม้ของใจเย็น
เอาน่า.....ยังไงก็ได้เข้าไป แบบที่ถ้าใจเย็นรู้ คงยิ้มแก้มปริ
สักวันถ้าความเป็นใจเย็น เข้าไปเต็มพื้นที่ของเป็นไท
เป็นไท คงพร้อมที่จะบอกอดีตของตัวเองให้ใจเย็นรู้บ้าง
การเข้าหาของใจเย็น แม้ทำให้เป็นไทหงุดหงิด
แต่ก็ทำให้เป็นไท ได้ก้าวออกจากพื้นที่เดิมๆ
ได้เปลี่ยนสถานที่ เปลี่ยนโลกทัศน์ ซะบ้าง
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่12-ดอกไม้ ◑หน้า6 (ุ10/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 11-03-2017 17:58:41
ไอ้การชวนไปไหนไม่บอกไม่กล่าว มาถึงมัดมือชกให้ไปนี่
ถ้าเราเป็นเป็นไท จะโมโหให้มากกว่านี้อีก
พระเอกก็พระเอกเถอะ จะด่าให้หงอยเลย :m16:
ทำใจนะเป็นไท //ตบบ่า

จะมีอีเว้นท์ไหน ที่จะทำให้เป็นไทเปิดใจได้นะ เดาว่าถ้าใจเย็นทำให้เป็นไทเปิดใจได้ ต้องมีน้ำตาแตกแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่12-ดอกไม้ ◑หน้า6 (ุ10/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 11-03-2017 22:07:52
นี่คือการจีบใช่มี้ย แน่ใจนะว่าจีบกัน ใจเย็นผู้เย็นชาและเอาแต่ใจ
โหดร้ายอีกต่างหาก ถ้าวันนึงหมดเรื่องให้ค้นหาหรือเบื่อแล้ว ก็จะทิ้งเป็นไทเลยมั้ย น่ากลัวตรงนี้
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่13-อุบัติเหตุ ◑หน้า7 (ุ13/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 13-03-2017 00:58:47

13 – อุบัติเหตุ




ใจเย็นไม่ได้ชอบดูแข่งรถ เป็นพิชญะต่างหากที่คลั่งไคล้ และตื่นเต้นดีใจกับการสร้างสนามแข่งรถมาตรฐานในประเทศตนเอง เพราะถึงจะมีเงินให้บินไปดูที่ต่างประเทศเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ แต่น้อยครั้งที่พิชญะจะได้รับอนุญาตจากแม่ของตนเอง ครั้งนี้ก็เหมือนกัน แม้การแข่งรถ Super GT จะถูกยกมาวางถึงในประเทศ แต่คุณแม่ทิพย์ก็ลังเลอยู่นาน จนใจเย็นเอ่ยปากบอกว่าอยากไป บอกว่าจะพาพิชญะไปด้วย นั่นแหละตัดสินใจจึงจบลง ทุกอย่างมักจะง่ายดายถ้าเป็นความต้องการของใจเย็น แม้แต่เรื่องที่อยากให้เป็นไทไปด้วยก็เหมือนกัน

เพราะกระชั้นชิดปุบปับและจำได้ว่าเป็นไทยังสอบไม่เสร็จ ใจเย็นจึงตั้งใจไปหาในเช้าของวันที่จะขึ้นเครื่อง รู้ว่าดูมัดมือชก รวบหัวรวบหาง แต่อย่างไรใจเย็นก็ไม่ได้คิดเผื่อไว้ว่าถ้าเป็นไทไม่ไปด้วยเขาจะชวนใครไปแทน บางทีอาจปล่อยที่นั่งบนเครื่องบินให้ว่างไปเลยก็ได้

ดังนั้นแล้วการที่มีเป็นไทมาอยู่ข้างๆ ตลอดการเดินทางจึงทำให้ใจเย็นรู้สึกพอใจ แม้ส่วนใหญ่เป็นการงีบหลับราวกับจะหนีหน้า ทั้งบนเครื่องบิน บนรถตู้ที่เช่าไว้สำหรับการไปไหนมาไหนในต่างถิ่น และบนห้องนอนของโรงแรมที่เป็นไทไม่ยอมให้ปิดไฟ

ตอนแรกเป็นไทยืนกรานที่จะนอนห้องเดี่ยว บอกให้ใจเย็นนอนกับพิชญะไป แต่ใจเย็นก็ยืนกรานเหมือนกันว่าจะอยู่ห้องเดียวกับเป็นไท อ้างเหตุผลสารพัดเอาแต่ใจจนเป็นไทเบื่อจะคัดค้าน ให้ใจเย็นได้นอนไม่หลับเพราะแสงไฟนีออนสว่างโร่ราวกับเป็นการแก้แค้น

กระนั้น เป็นไทก็ไม่ได้บอกเหตุผลเลยว่าทำไมถึงนอนเปิดไฟ เจ้าตัวดูตอบปัด เปลี่ยนเรื่อง ให้ใจเย็นรับรู้ได้ว่าถึงเซ้าซี้ถามไปก็เปล่าประโยชน์ เขาจึงไหลไปตามกระแสสนทนาจากเป็นไท ใจเย็นชอบเวลาที่เป็นไทเปิดหัวข้อสนทนาขึ้นมาเองในความเงียบ จนจากที่ไม่ตั้งใจ ใจเย็นกลับอยากจงใจเงียบให้บ่อยครั้งขึ้น

แต่ใจเย็นก็ได้รู้ว่าการกระทำนั้นไม่ได้ผลเสมอไปถ้ามีคนอื่นอยู่ด้วย

มันเป็นตอนบ่ายแก่ แดดจ้า ร้อนระอุ แต่พิชญะก็ตื่นเต้นดีใจกับการได้ขอถ่ายรูปและลายเซ็นจากนักแข่งรถก่อนถึงเวลาลงสนาม มันเป็นตอนบ่ายแก่ที่ได้นั่งอยู่บนแสตนด์ที่มีหลังคาคลุมไม่ให้แสบผิวซึ่งพิชญะเลือกเอง ไม่ใช่ห้องวีไอพี และมันก็เป็นตอนบ่ายแก่ที่มีเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มกลืนกลบเสียงโฆษกไปหมดคำ

“มันไม่เหมือน F1 ใช่ไหมครับ สนามแข่งนี้จะปล่อยรถออกจากจุดสตาร์ทตอนรถกำลังวิ่งอยู่น่ะครับ” แล้วพิชญะก็เริ่มอธิบายหลังเป็นไทเอ่ยถาม เมื่อรถแข่งแต่ละคันเรียงแถวขับวนรอบสนามตามเซฟตี้คาร์ไปก่อนเริ่มแข่งจริง “เพราะปกติรถที่หนักกว่า เวลาออกตัวก็จะไปได้ช้ากว่า แต่การปล่อยรถแบบนี้จะทำให้ไม่เสียเปรียบ เรียกว่า Rolling Start ครับ”

ใจเย็นนั่งฟังเงียบงันเพราะเขาเองก็เพิ่งรู้ หรือจะเรียกว่าไม่ได้สนใจเรื่องรถแข่งมาก่อนก็ว่าได้ ผิดกับพิชญะผู้สงบเสงี่ยมเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวาน ไม่สิ พิชญะก็เป็นแบบนั้นเสมอมา และก็เสมอไปที่แววตาจะเป็นประกาย พูดจาฉะฉาน มีชีวิตชีวาเมื่อได้พาตัวเองเข้าข้องเกี่ยวเรื่องรถยนต์

“รถในสนามนี้แบ่งตามแรงม้าเป็น GT300 กับ GT500 ครับ วิธีแยกก็ดูพวกไฟหน้า สติกเกอร์คาดกระจกรถ และพื้นสีหมายเลขรถแข่ง ถ้าเป็น GT300 จะเป็นสีเหลือง แบบคันนั้นน่ะครับ”

ใจเย็นยังคงเงี่ยหูฟังเสียงพิชญะแข่งกับเสียงเครื่องยนต์ในสนาม เหลือบมองเป็นไทที่นั่งข้างๆ ถัดไปก็เป็นพิชญะ ก่อนจะเบนสายตากลับไปในสนาม มองรถแข่งทั้งสองแบบที่ฟาดฟันหั้นห่ำกันอย่างไม่ลดละ มองจอมอนิเตอร์แสดงผลที่ทั้งอยู่ไกลและเล็ก หนำซ้ำยังน่าจะดีเลย์เพราะฟังจากการบ่นของคนด้านข้าง มองรถแข่งอีกครั้ง ก่อนจะเบนกลับมามองเป็นไท

“แล้วทำไมมันแข่งสนามเดียวกันหมดเลยล่ะ”

“ยังไงผลแพ้ชนะก็ตัดสินแยกเป็นรุ่นน่ะครับ อีกอย่างเวลาเห็น GT500 ต้องแข่งกันเองกับ GT500 และต้องหนีไม่ให้ GT300 ที่อ่อนกว่าแซงทันมันก็สนุกดีด้วย แต่ส่วนใหญ่ GT500 ก็น็อกรอบอยู่ดี”

ได้ยินเสียงตอบรับเออออของเป็นไท ใจเย็นเห็นสายตาที่มองรถแข่งในสนามแบบที่กำลังทำความเข้าใจ แน่นอนว่าใจเย็นก็ชอบสีหน้านี้ สีหน้าที่ยังไม่เคยเห็น หากก็สับสนซับซ้อนขึ้นมาจนไม่รู้ว่ารู้สึกอะไรที่สีหน้านั้นไม่ได้เป็นเพราะเขา ใจเย็นเพียงนิ่งเงียบ ฟังเสียงรถ เสียงของพิชญะที่เริ่มเงียบหายไปบ้างแต่ใจเย็นก็ยังไม่รู้จะพูดอะไร เขาพอจะรู้เรื่องรถแต่ไม่ได้รู้เรื่องรถแข่งเลยสักนิด สุดท้ายเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มยิ่งในแสตนด์ที่มีหลังคาปกคลุมให้สะท้อนก้องก็ประสานความตกร่องของบทสนทนา

ใจเย็นมองรถแข่งทั้งแบบ GT300 และ GT500 ที่พิชญะอธิบาย มองมันไล่บี้วนเวียนกันอยู่ในสนาม วนไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ จนเมื่อรู้สึกว่าไร้จุดหมายเขาจึงเลือกจะตามติดรถ GT500 สัญชาติญี่ปุ่นคันหนึ่งเพราะถือเป็นจุดกำเนิดดั้งเดิมของสนามแข่ง Super GT ใจเย็นมองมันแซงรถยุโรปคันหนึ่งไป ดูได้เปรียบ ไวว่อง ล่องลอยในความเร็ว ก่อนที่จะมาถึงโค้งความเร็วสูงสุด คนขับพลาดท่าให้รถไถลไปกับขอบสนาม หน่วยแพทย์และเจ้าหน้าที่กรูกันเข้าไปดูแล พลันใจเย็นก็ไม่คิดสนใจอะไรอีกเมื่อรถกลับไปออกตัวได้อีกครั้ง เขากลับจ้องมองที่โค้งความเร็วนั้น เห็นรถคันต่อไปที่เข้ามาพลาดท่า จนคันที่สาม บ้างล้อรถ บ้างประตูเปิดอ้า และก่อนที่จะถึงคันที่สี่ เป็นไทก็หันมาพูดกับเขา

“มึงดูรู้เรื่องปะวะ” คำถามชวนให้เข้าใจว่าทำไมไม่ได้หันไปถามพิชญะ กระนั้นใจเย็นก็ยิ้มที่เป็นไทหันมาคุยด้วย

“พอรู้เรื่องครับ”

“เหรอ กูเบื่อๆ ว่ะ” เป็นไทบ่น กระนั้นก็หันกลับไปมองสนามตรงหน้าเหมือนเดิม “ดูถ่ายทอดสดในทีวีน่าจะรู้เรื่องกว่าอีก”

“ถ้าเป็นไทเบื่อ ลองมองตรงโค้งนั้นสิครับ โค้งที่สิบสอง โค้งความเร็วสูงสุดของสนาม” ใจเย็นบอกพลางชี้ทิศทาง

“เออ ทำไม”

“รถจะเลี้ยวพลาดบ่อย แล้วก็คว่ำ แก้เบื่อดีครับ”

“สัด มึงนี่โรคจิต” ทันควันที่เป็นไทออกปากด่า กระนั้นมุมปากก็ดูยิ้มขำ อาจจะเห็นด้วยกับการมองหาอะไรแก้เบื่อสำหรับคนที่ไม่ใช่แฟนรถแข่ง แต่ก็คงไม่ได้ติดใจภาพซ้ำเหล่านั้นเท่ากับใจเย็น แม้จะมีหลายครั้งที่ใจเย็นสลับเหลือบมองคนข้างๆ ไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวก็ตาม

จนเมื่อหมดครบ 66 รอบสนามของการแข่งขัน ประกาศผลและมอบถ้วยรางวัลให้แก่นักแข่ง ท้องฟ้าที่แดดเปรี้ยงมาตลอดบ่ายก็เริ่มเปลี่ยนสี ส่งเสียงขู่คำรามให้ไหวสะท้าน ใจเย็น พิชญะ และเป็นไทโดยสารรถสองแถวไปยังหน้าสนาม กลับขึ้นรถตู้ที่เช่าไว้สำหรับการเดินทางส่วนตัว และนั่นเองที่กลับมาชัดเจนว่าพิชญะนั้นแท้จริงเป็นคนที่งำเงียบ สงบเสงี่ยมเพียงไหน ทั้งยังอ่อนน้อมถ่อมตนจนบางครั้งใจเย็นก็อยากจะยุดยื้อให้ขึ้นมายืนบนตำแหน่งที่เท่าเทียมกันบ้าง แต่ก็เพราะแบบนั้นนั่นแหละที่ใจเย็นเป็นคนนำให้พิชญะมาที่นี่ แม้จะมีเอี่ยวผลประโยชน์ส่วนตัวที่อ้างกับคุณเกษราว่าเป็นไทจะมาด้วย ให้พอหมดกังวลไปอีกเปราะว่าไม่ได้มากันแค่สองคนพี่น้อง

กระนั้นเลย ใจเย็นก็รู้สึกว่าไม่ได้อะไรที่อยากได้จากเป็นไทเท่าที่ควร แม้จำได้ดีถึงรู้สึกที่ประทับในใจตอนทำลายกำแพงบางชั้นของเป็นไทลงได้ แต่ความเป็นจริงเป็นไทก็ยังห่างไกล อย่างเช่นตอนนี้ที่เสียบหูฟังเล่นโทรศัพท์มือถือเป็นการตัดขาดไม่ต้องการสนทนาใดๆ หน้าตาเฉย

คล้ายกับตอนที่เป็นไทคุยกับพิชญะและแสดงสีหน้าสนอกสนใจในเรื่องราวใหม่ๆ ใจเย็นกำลังรู้สึกไม่ต่างจากที่รู้สึกในตอนนั้น มันสับสนซับซ้อน เข้าใจยากพอๆ กับที่เขาดูจะไม่เข้าใจอะไรในโลกนี้เลย แล้วโลกก็ยิ่งกลั่นแกล้งด้วยการเทฝนลงมา ให้ไม่ได้ไปไหนที่อยากไป ถนนคนเดินที่วางแผนกันไว้ว่าจะไปตอนค่ำก็เป็นอันยกเลิก ให้ไปแค่ห้างสรรพสินค้าในตัวจังหวัด และเพราะใจเย็นรู้สึกมืดตื้อในเรื่องราวที่อยากจะคุยกับเป็นไทไม่ต่างจากอื้ออึงของสายฝน เป็นไทที่ชวนพิชญะคุยเรื่องรถแข่งในวันนี้ระหว่างมื้ออาหารเย็นจึงดูยิ่งไม่มีที่ให้เขาแทรกเข้าไป

ประหลาด บางทีอาจเป็นคำสั้นๆ ที่สรุปความรู้สึกของใจเย็นได้ในวันนี้ และไม่มีคำอธิบายไหนดีไปกว่านั้น

จนกลับมาถึงห้อง สายฝนก็ยังคงอวดอ้างตัวเองว่าได้ครอบครองผืนแผ่นดินนี้ แม้จะชั่วครู่ชั่วยามก็ตามที เป็นไทไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียง ดูเกียจคร้าน คร้านแม้กระทั่งจะหาเรื่องคุยกับเขาที่งำเงียบ จนจังหวะที่เป็นไทวางโทรศัพท์มือถือและลุกไปค้นหาอะไรบางอย่างบนโต๊ะไม้ของโรงแรม แสงจากภายนอกส่องสว่างวับวูบเข้ามาในห้องก่อนจะได้ยินเสียงฟ้าคำราม ฟาดตัวพรวดพราดมายังโลก เสียงบางอย่างระเบิดลั่น ก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดชั่วพริบตา

ใจเย็นไม่ได้ตกใจอะไรเลยแม้แต่น้อย แค่คิดว่าอาจเพราะนี่เป็นโรงแรมเล็กและเก่าที่พิชญะจองได้ก่อนจะต้องระเห็จไปหาโรงแรมไกลถึงอีกจังหวัดในช่วงที่มีจัดงานแข่งใดๆ ระบบสำรองไฟจึงไม่ค่อยดีนัก

“ใจเย็น” แต่พลันก็แสลงหูขึ้นมาด้วยชื่อของตนเอง ในเมื่อเป็นไทไม่เคยเรียกชื่อของเขาเลยสักครั้ง “อยู่ไหน”

น้ำเสียงดูร้อนรนสับสนในความมืดมิด แต่ไม่ได้เงียบงันด้วยเสียงฝนยังคงเทกระหน่ำ จนเสียงเป็นไทเรียกอีกครั้งใจเย็นถึงรู้ตัวว่าไม่ได้ตอบออกไปทันที “มือถือมึงอยู่กับตัวไหม เอาออกมาส่องไฟดิวะ”

“อ่า ผมวางไว้ไหนไม่รู้ครับ”

“สัด” ด่ามาทันทีไม่พูดพร่ำทำเพลง กระนั้นใจเย็นก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรแปลกในน้ำเสียง และเพราะม่านหนาทึบที่ปิดหน้าต่างไว้ นานเท่าไหร่สายตาก็ยังปรับให้คุ้นชินกับความมืดไม่ได้ ใจเย็นจึงลุกไปควานคว้าหาเงารางของเป็นไท จับคว้าต้นแขนได้พลันก็รู้สึกถึงแรงสะดุ้ง

“ผมเองครับ” ใจเย็นเอ่ยบอก แต่เป็นไทไม่ได้ตอบอะไรกลับ ในห้วงเวลาเงียบงันของสนทนา ความทรงจำจึงไหลย้อนกลับให้ทบทวนบางอย่างได้ “เป็นไทกลัวความมืดเหรอ”

เงียบ ไม่มีเสียงตอบ แต่ใจเย็นเดาว่าใช่ ไม่อย่างนั้นเป็นไทคงปฏิเสธมาไม่ลังเล

“งั้นเดี๋ยวผมไปหยิบมือถือเป็นไทให้ อยู่หัวเตียงใช่ไหม ผมเห็นอยู่”

“แบตหมด” ตอบสั้น แต่รู้สึกได้ถึงเสียงที่สั่น เครือ เริ่มได้ยินเสียงหายใจเหมือนพยายามหายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อตั้งสติ

“ไปนั่งก่อนไหมครับ” ใจเย็นเอ่ยบอกแบบนั้น ด้วยเขาเองก็ไม่รู้ว่าควรแก้ไขสถานการณ์แบบไหนหรือควรพูดอะไร แต่อย่างไรก็อาจจะดีกว่ายืนอยู่ในความมืดมิด ในเมื่อสัมผัสได้ถึงไหวสั่นจากต้นแขนของเป็นไท

“เออ ไม่ต้องไปไหนนะ” และเสียงเป็นไทก็พูดออกมาตอนที่ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง เคียงข้าง “ให้รู้ว่ามีคนอยู่ข้างๆ”

ใจเย็นรู้สึกว่ามันเป็นกลุ่มประโยคที่มีอิทธิพลกระทบความรู้สึกมหาศาลทั้งที่น้ำเสียงนั้นอ่อนแอ เปราะบาง และคงจะไม่พูดอะไรออกมาอีกแล้วในเมื่อจำเป็นต้องประคองไม่ให้สั่นเครือ หรือบางทีอาจจะดีขึ้นถ้าเขาหาเรื่องชวนคุย ใจเย็นอยากถามว่าทำไมถึงกลัวความมืด แต่เมื่อคิดทวนในเสี้ยววินาทีแล้วรู้สึกได้ว่าไม่ควรจึงทำให้กลืนมันลงคอและย่อยสลายไปไม่ถามออกมาในเวลานี้ เขาไม่อยากให้อะไรมันแย่ลง แต่ขณะเดียวกันความรู้สึกประหลาดสับสนซับซ้อนนั้นก็พลันหวนกลับ

ในตอนที่ใจเย็นลดระดับมือลงจากต้นแขนของเป็นไทไปจับอยู่ที่ข้อมือ ภาพของรถแข่งในสนามที่พลาดท่าในโค้งที่สิบสองกลับเลือนรางขึ้นมาในความคิด ก่อนวูบดับหายไปด้วยความรู้สึกอื่น เป็นความต้องการรุนแรงราวกับพายุฝนที่เกรี้ยวกราดให้เมืองทั้งเมืองมืดดับ ภาพของเป็นไทที่เขาจับจ้องในวันนี้คืนกลับ ภาพของสีหน้าและแววตาที่พยายามทำความเข้าใจรถแข่งในสนาม ภาพที่ดูเบื่อเพราะดูไม่รู้เรื่อง ภาพที่เขาแอบเหลือบไปจ้องมองหลายต่อหลายครั้ง ภาพอื่นในวันอื่น ภาพที่ยิ้มเมื่อแก้โจทย์เลขได้ ภาพของปุ่มที่กระดูกข้อมือที่สะดุดตาเขาในวันแรกที่พบ แล้วปัจจุบันก็พลันเลื่อนหาสัมผัสปุ่มกระดูกข้อมือนั้น ก่อนไล่ลามลงไปยังปลายนิ้วยาวที่จับแก้วน้ำเย็นชวนดื่มในวันที่อากาศร้อนจัด

เป็นไทนิ่งเงียบ ไร้ปฏิกิริยาตอบกลับ และอาจเป็นใจเย็นเองที่เริ่มสั่นไหว พรั่นกระเพื่อมในจังหวะหายใจ บางอย่างบีบรัดกลางอก อกที่ไม่เคยทำให้เขารู้สึกเข้าใจอะไรเลยสักอย่าง พลันภาพของรถแข่ง GT500 คันที่ชนขอบสนามก็เด่นชัดขึ้นมาในความคิด เขาเห็นถึงล้อที่หลุดออกจากตัวรถ สีข้างถลอกปอกเปิด และภาพอุบัติเหตุในสนามก็หยุดลงแค่นั้น

พร้อมกับมืออีกข้างที่เอื้อมออกไปหมายจะสัมผัสให้ถึงตัวตนทั้งหมดของเป็นไท










----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
 :serius2:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่13-อุบัติเหตุ ◑หน้า7 (ุ13/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-03-2017 01:01:14
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่13-อุบัติเหตุ ◑หน้า7 (ุ13/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: MOMAMi_96 ที่ 13-03-2017 01:45:50
อร้างงงงงง น้องใจเย็นมือปลาหมึกไปอีกโอ้ยยยยยยยยย หนูเป็นสาวนะลูกไปลวนลามผู้ชายได้ไงโอ้ยยยยยย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่13-อุบัติเหตุ ◑หน้า7 (ุ13/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-03-2017 02:42:18
ใช้พลังในการทำความเข้ใจเยอะมาก
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่13-อุบัติเหตุ ◑หน้า7 (ุ13/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 13-03-2017 06:26:46
ทำไมมีความเห็นด้วยกับคอมเม้นข้างบน
เหมือนว่าต้องอ่านอีกรอบ หรือเพราะอ่านตอนพึ่งตื่น
สมองปรับไม่ทัน 555555

แต่รู้สึกเหมือน พวกมึงจะคุยกันมากกว่านี้ได้มายยยย
มีมิติสัมพันกันหน่อยเว้ยย คนอ่านจะขาดจายยย 5555555
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่13-อุบัติเหตุ ◑หน้า7 (ุ13/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 13-03-2017 08:01:41
คืออาร้าย...
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่13-อุบัติเหตุ ◑หน้า7 (ุ13/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 13-03-2017 08:39:55
ตอนนี้มืดพอ ๆ กับห้องไฟดับและปั่นป่วนพอ ๆ กับพายุฝนข้างนอกนั่นเลย

ไม่เข้าใจ สับสน
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่13-อุบัติเหตุ ◑หน้า7 (ุ13/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Frankdar ที่ 13-03-2017 09:12:52
ใจเย็นนะใจเย็น  :hao7:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่13-อุบัติเหตุ ◑หน้า7 (ุ13/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 13-03-2017 10:05:35
ความมืดที่มีฝนตกมันทำให้บรรยากาศพาไปได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ใจเย็นรุกแล้วววว รุกถึงตัวแล้วววว
จะใช้โอกาสนี้เป็นข้อต่อรองอะไรกับเป็นไทรึเปล่าเนี่ย
นี่มันซีนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเป็นไทเลย
กลัวก็กลัว ใจเย็นก็ลวนลาม  :hao6:

ขอผมจับขอผมทัชนะครับเป็นไท
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่13-อุบัติเหตุ + อธิบาย ◑หน้า7 (ุ13/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 13-03-2017 15:18:13
อธิบายในนี้ด้วยก็ดีค่ะ ไม่ได้เล่นทวิตอ่ะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่13-อุบัติเหตุ + อธิบาย ◑หน้า7 (ุ13/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-03-2017 16:30:25
เป็นไท ตอนนี้จะสงบเสงี่ยม ว่าง่าย เพราะกลัวความมืด
แล้วก็คงกลัวฟ้าร้อง ฟ้าผ่าด้วย จนไม่ขยับไปไหน
ใจเย็นรู้แล้วว่าเป็นไทกลัวความมืด
ก็คงอยากปลอบ อยากเข้าถึงตัวตนของเป็นไท
แต่จะเข้าถึง จนถึงลึกแค่ไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่13-อุบัติเหตุ + อธิบาย ◑หน้า7 (ุ13/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 13-03-2017 17:18:35
ขอบคุณสำหรับคำอธิบายที่คนเขียนเพิ่มให้ค่ะ เข้าใจมากขึ้น
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่13-อุบัติเหตุ + อธิบาย ◑หน้า7 (ุ13/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 13-03-2017 18:52:23


ตั้งแต่ตอนที่แล้วเป็นต้นมา แม้จะต้องเพิ่มรอบอ่านกว่าปกติ
แต่ส่วนตัวเรารู้สึกว่า เราพอจะจับทางสัญลักษณ์กับความรู้สึกลึก ๆ ของใจเย็นและเป็นไทได้ดีขึ้น แม้จะไม่ได้อ่านคำอธิบาย
(เพียงแต่ไม่กล้าฟันธง - นิสัยเสียตั้งแต่เรียนวิชาวรรณกรรมสมัยเรียนมหาลัย อย่าถือสากันเลยนะคะ)

สำหรับตอนต่อไป เราขออย่างเดียว ขอให้ไฟติดโดยเร็ว
เพราะเรากลัวมากว่าใจเย็นจะไม่ใจเย็นอีกต่อไปแล้ว และด้วยความที่เป็นไทไม่ใช่คนนุ่มนิ่ม
ที่จะยอมอ่อนข้อให้ใครง่าย ๆ (จะด้วยความซึน ความกลัว หรือจะด้วยอะไรก็แล้วแต่)

แน่นอนว่าหากเกิดเรื่องผิดผีกันขึ้นมาจริง ๆ หลังจากตรวจภายในกันจนพอใจ
ใจเย็นคงได้บุกป่าฝ่าดงปลงผมบวชเพื่อขออโหสิกรรมจากเป็นไทอีกสิบหรือยี่สิบปีกว่าจะได้ครองคู่กันเป็นแน่
ซึ่งถ้ามันเป็นอย่างนั้น แม่ป้าคงล้มหายตายจากด้วยโรคบริโภคผงชูรสในมาม่าจนร่างกายไม่ตอบสนองต่อสารอาหารอื่น ๆ ไปเสียก่อน

คุณแยมอย่าทำกับเป็นไทอย่างนั้นเลยนะคะ เราสงสารนาง
ลำพังแค่เกิดมาเป็นไทและมีความเป็นไทเต็มตัว ก็ลำบากจะแย่แล้ว (ถามปรายสิ ปรายคงพอให้ข้อมูลส่วนนี้ได้ - ฮาาาา)
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ  :กอด1:

หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่13-อุบัติเหตุ + อธิบาย ◑หน้า7 (ุ13/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 13-03-2017 19:29:55
อยากให้ใจเย็นปล้ำไปเลย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่13-อุบัติเหตุ ◑หน้า7 (ุ13/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 18-03-2017 12:42:46
อย่าว่าเราโรคจิตเลยนะ แต่อยากให้ใจเย็นใช้ความกลัวของเป็นไทมาทำความเข้าใจกันมากขึ้นอ่ะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่13-อุบัติเหตุ ◑หน้า7 (ุ13/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 18-03-2017 17:02:24
อ่านไปด้วยความไม่เข้าใจ 5555555555555555555
ฮืออออ ภาษาดีค่ะ เข้าใจยากดี ดูมีอะไร 5555555
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่14-ดับ ◑หน้า7 (ุ21/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 21-03-2017 00:49:30

14 – ดับ




เป็นไทรู้ดีว่าตู้ใบนั้นล็อกจากด้านนอก เป็นโซ่สายสั้นๆ ที่พันธนาการที่จับบานประตูตู้เสื้อผ้าเอาไว้ กักขังเขาไว้ในความมืดมิด ให้สนิทสนมกับความหวาดกลัวและปิศาจที่สร้างขึ้นเอง และทั้งๆ ที่เขาเติบโตขึ้นทุกวัน โตพอที่จะบอกตัวเองได้ว่าปิศาจไม่มีจริง และในความมืดไม่มีอะไร แต่เป็นไทก็ยังคงขลาดกลัวและพ่ายแพ้ต่อความมืด เป็นความกลัวที่หยั่งรากลึก ยากจะถอนรากถอนโคน

ครึ่งชั่วโมง ชั่วโมง สอง สาม ลามเลยไปถึงหลายชั่วโมงจนอาจถึงเช้าให้ผล็อยหลับและสะดุ้งตื่นเพื่อขื่นขมในความหวาดกลัวอีกครั้ง เป็นไทถูกขังอยู่ในนั้นมานับครั้งไม่ถ้วน และเมื่อมืดมิด โสตประสาทยิ่งทำงานได้ดี เขามักจะได้ยินเสียงด่าทอจากพ่อ เสียงร้องไห้ของแม่ เสียงทำลายข้าวของ บางครั้งตู้ก็ถูกกระแทกหนักๆ จนเขาคุดคู้สั่นกลัว แต่บางครั้งก็เงียบงัน กระนั้นก็ยังสร้างความหวาดวิตกด้วยไม่อาจหยั่งเห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง และจะจบลงเมื่อไหร่

หรือไม่ เป็นไทก็ไม่เคยรู้สึกเลยว่ามันจบลง

ทุกครั้งที่ไฟดับ เป็นไทรู้สึกเหมือนถูกกักขังในมืดมิด กังวลทุกทิศทุกทางว่าปิศาจจะเข้ามาคว้าร่างของเขา ครั้งนี้ก็เช่นกัน เขาแทบจะเตลิดไปไกลหากไม่มีเสียงเอ่ยแสดงตนของใจเย็น เสียงที่พอจะคุ้นเคยให้พอจะเบาใจไปได้บ้าง

“ผมเองครับ” เอ่ย ก่อนที่จะถามถึงความลับที่คงไม่ยากแล้วที่จะล่วงรู้ “เป็นไทกลัวความมืดเหรอ”

เป็นไทไม่ตอบ เขารู้สึกว่าเปล่าประโยชน์ กระนั้นก็ชื้นใจขึ้นมาบ้างที่อีกฝ่ายดูใส่ใจจะช่วยเหลือ ต่อให้ไม่อาจระงับอาการหวาดกลัวได้ก็ตาม เขายังคงสั่นไหวแม้ในน้ำเสียง จนสุดท้ายอ่อนแอที่มีก็เอ่ยขอใจเย็นให้อยู่ข้างๆ เป็นไทรู้ตัวเองดีว่าถ้าไม่ใช่แสงสว่าง ก็มีแค่ความรู้สึกที่รับรู้ว่ายังมีใครอยู่ด้วย เหมือนที่แม่จะมาพูดปลอบเขาผ่านบานประตูตู้ในบางครั้ง เขาถึงจะพอผ่านมันไปได้แบบไม่ยากเย็นนัก

เหมือนเดิมที่ความมิดมิดทำให้เป็นไทได้ยินเสียงอะไรต่อมิอะไรดังชัด เสียงฝนกระหน่ำด้านนอก เสียงลมพายุเบี่ยงทิศทาง เสียงฟ้าร้องครืนไปจนถึงสะเทือนเลื่อนลั่น เสียงแผ่วเบาจากหน้าห้องที่คนอื่นๆ น่าจะวุ่นวายกับไฟดับ เป็นไทคิด พยายายามรับรู้ว่าตนเองไม่ได้อยู่คนเดียว แต่ในมืดมิดก็ทำให้เขาเหวี่ยงไหว อีกทั้งใจเย็นที่อยู่ข้างๆ ก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ จนตอนที่เขาประคับประคองเสียงตัวเองไม่ให้สั่นตั้งใจจะบอกให้อีกฝ่ายพูดอะไรบ้าง ก็สัมผัสได้ว่ามือของตนถูกกอบกุมเอาไว้แล้ว

หากอยู่ในเวลาปกติ เป็นไทคงสะบัดทิ้งและด่าออกไปสักคำ ไม่ก็ต่อยไปสักที ซึ่งคงไม่ทำให้เขารู้ว่ามือของใจเย็นนั้นอุ่น และนุ่ม นุ่มแบบลูกคนรวยที่ไม่เคยทำแม้แต่งานบ้าน พาลนึกหมั่นไส้ขึ้นมาตงิดๆ ก่อนจะรู้ตัวว่ามันทำให้ความกลัวของเขาสร่างซาลง

แวบหนึ่งที่เขาคิดขึ้นมาว่าครั้งนี้หยวนให้ก็ได้กับเด็กที่ดูไม่รู้กาลเทศะอะไรเลยคนนี้ แต่แวบต่อมาก็เปลี่ยนความคิดแทบไม่ทัน

อีกครั้งแล้วที่เขาไม่เข้าใจใจเย็น เป็นไทสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากมืออีกข้างที่สัมผัสเข้ามาตรงสันกราม ก่อนลามเลยลงมาที่คอเหมือนไล่สำรวจ นั่นแหละที่เขาส่งเสียงเฮ้ยทักท้วง กระนั้นสิ่งที่ได้กลับคือลมหายใจร้อนรินรดลงต้นคอ

พลันภาพของเด็กไม่รู้กาลเทศะเมื่อครู่เลือนหาย เป็นไทรู้สึกว่าตนเองจมอยู่ในความมืดมิดอีกครั้ง แต่เพียงผู้เดียว เขาไม่รู้สึกว่าใจเย็นอยู่ข้างๆ กลับรู้สึกว่านี่คือใครไม่รู้ และจังหวะที่จะผลักไสออก เขาก็ถูกความร้อนห่มคลุม เป็นความร้อนจากอุณหภูมิกายของคนที่สวมกอดเข้ามาเหนี่ยวรั้งแน่นจนน่ากลัว พาลให้รู้สึกเหมือนโดนกักขังในที่มืด แคบ ไร้อิสระ และจังหวะเดียวกับที่ได้ยินเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือดังอยู่ในที่ที่ไม่อาจระบุ จังหวะเดียวกับที่เป็นไททักท้วงเรียกชื่อใจเย็น เขาสัมผัสได้ถึงแรงขยุ้มที่หนักนิ่งผ่านเสื้อผ้าบนแผ่นหลัง ไม่รู้เจตนา แต่คิดว่าอย่างไรก็ต้องหนีให้พ้น

ตอนนั้นเองที่แสงสว่างคืนกลับพร้อมกับเสียงสั่นของโทรศัพท์ดับลง

ทว่า ความรู้สึกหวาดหวั่นไม่ได้สลายหายไปอย่างทุกครั้ง เป็นไทยังคงรู้สึกว่าคนที่กอดเขาอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ใจเย็น เขาออกแรงต้าน และตอนที่กำลังยกขาขึ้นจะถองเข่าเข้าท้อง ทุกอย่างก็พลันชะงัก

“เป็นไท”

ถูกเอ่ยเรียก ด้วยชื่อที่ไม่เคยมีคำนำหน้า และรู้ตัวในตอนนั้นเองว่ามือที่กุมขยุ้มแผ่นหลังเขาเลื่อนขึ้นมาไล้สัมผัสเส้นผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

“เหี้ยอะไรมึงเนี่ย”

เป็นคำแรกที่เขาเอ่ยถาม ยังไม่เห็นสีหน้าของใจเย็นเพราะอีกฝ่ายยังคงวางคางบนไหล่ของเขา

“ผมแค่อยากกอด” พลันคำตอบฟังน่าปวดหัวเหลือเกิน “เหมือนที่อยากลูบหัว”

ยากจะเข้าใจ...น่าจะเป็นนิยามที่ดีที่สุดสำหรับใจเย็นเวลานี้ กระนั้นเขากลับเบาใจลงถนัดจากเมื่อครู่

“เป็นไทจะด่าผมไหม”

“ด่า” ตอบแบบไม่ต้องคิดหน้าคิดหลังใดๆ และยังคงขุ่นเคือง ทว่ากลับได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ “เป็นห่าอะไร ผีเข้าเหรอ ปล่อยกูสักที”

“ไม่เอาอะ”

“มึงอยากตาย—”

“บอกผมก่อน” หากใจเย็นก็รั้งทันก่อนที่จะโดนประทุษร้าย

“บอกเหี้ยไร”

“เรื่องของเป็นไท”

“เรื่องอะไรล่ะวะ”

“ทำไมกลัวความมืด”

ถึงคำถามนี้เป็นไทชะงักเงียบ ยังให้ยิ่งรู้สึกชัดว่ามือของใจเย็นยังคงไล้เล่นเส้นผมของเขาแบบไร้สิ้นเคารพใด

“ปล่อยก่อนถึงจะบอก”

“บอกก่อนถึงจะปล่อย”

“โว้ย ย้อนเหรอ ไอ้เหี้ย” เป็นไทโวยวายแบบหมดความอดทน กระนั้นกลับไม่ได้ทำร้ายหรือผลักไสทั้งที่ทำได้

“ยังไงก็ต้องบอกนี่ครับ”

“เอาความมั่นใจมาจากไหนวะสัด”

“ก็เป็นไทสัญญาไว้”

พลันโดนทวงสัญญาซึ่งๆ หน้า ไม่สิ ไม่เห็นหน้าด้วยซ้ำ เป็นไทคร้านจะบ่ายเบี่ยง แต่ก็ไม่รู้จะกลั่นคำพูดออกมาอย่างไรด้วยเขาไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อน และพลันนึกถึงตรงนี้ก็รู้สึกไหววูบแปลกประหลาดในใจ

“พ่อเคยขังกูไว้ในตู้เสื้อผ้า”

สุดท้ายเป็นไทตัดบทความรู้สึกเหล่านั้นด้วยการเล่าออกไปตรงๆ ทื่อๆ ไม่อ้อมค้อม แม้ยังแสลงปากด้วยไม่เคยคิดว่าต้องพูดมัน ขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ว่ามือที่ไล้เล่นเส้นผมเขานั้นชะงักไป

“ทำไมล่ะครับ”

“กูก็ไม่รู้”

สิ้นคำตอบ สนทนาตกร่อง อีกครั้งที่กลับมาสดับรู้ตัวถึงเสียงรอบข้างและรับรู้ได้ว่าพายุฝนซาลงแล้ว ใจเย็นยังคงเงียบ ไม่พูดอะไร เพียงยกมือขึ้นลูบผมเขาอีกครั้ง แผ่วเบา พาลรำคาญขึ้นมาอย่างไม่อาจอธิบาย ครั้งนี้ตั้งใจผลักตัวออกให้จบๆ ทว่าคำพูดหนึ่งก็ถูกเอ่ย

“ตอนไฟดับ ขอโทษนะครับ”

ไม่รู้ทำไมเขาเงียบ เหมือนว่ายังรับฟังทั้งที่คำพูดนั้นจบลงไปในไม่กี่วินาที ก่อนจะได้ด่าเสียงลั่น

“ไอ้สัด! กัดทำไม!”

นั่นแหละที่เป็นไทได้ฤกษ์ทำร้ายใจเย็นในที่สุด เขาถีบคนที่งับเข้าที่ต้นคอจนกระเด็นไปกองกับพื้น เล่นเอาเจ้าตัวมึนงงไปชั่วครู่ แต่เมื่อตั้งหลักได้ก็ยิ้ม และหัวเราะเป็นเด็กๆ ให้เขาไล่ตะเพิดเหมือนหมูเหมือนหมา

“มึงไปนอนกับน้องมึงเลยไป!”

“ถ้าไฟดับอีกใครจะอยู่กับเป็นไทล่ะครับ”

ถ้อยคำมั่นอกมั่นใจในตัวเองทั้งที่ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นเลยตอนไฟดับทำให้เขายิ่งรู้สึกเดือดดาล กระนั้นก็ไม่มีอารมณ์จะไล่ตะครุบแล้วตบหัวสักที เป็นไทจึงได้แต่ด่าออกปากด่า ก่อนจะกลับมาสนใจกับโทรศัพท์มือถือตัวเองที่ดันแบตเตอร์รี่หมดในเวลาเหมาะเจาะจนน่าเขวี้ยงสักที

แต่คิดอีกที ก็เป็นเขาเองนั่นแหละที่เผลอเล่นเกมจนแบตหมด และก็อาจเป็นเหตุผลที่ใจเย็นเริ่มชวนเขาคุยแบบที่เพิ่งรู้สึกได้ว่าวันนี้แทบจะไม่ได้คุยกันเลยทั้งที่ก็อยู่ด้วยกัน เป็นไทตั้งใจจะรับฟังแค่ผ่านๆ แต่ประเด็นที่ไม่ยอมวนออกจากเรื่องไฟดับก็ทำเขาคิดจะดึงสนทนาให้จบเรื่อง

แล้วก็กลายเป็นฝ่ายลืมตัวเสียเองเมื่อประเด็นเปลี่ยน เขาก็ยังหลงกลคุยต่อจนดึกดื่นค่ำคืนเหมือนกับไฟนีออนที่เขาไม่ยอมดับมัน





 

ทางฝั่งพิชญะตอนไฟดับ : กลัวผีอะ ไม่กล้าออกไปข้างนอกด้วย โทรหาพี่เย็นก็ไม่รับ โอ๊ย...ไฟมาพอดี TT




ูู**********************************************************************************
เห็นมั้ยคะ นี่นิยายใสๆ ตลกเฮฮาค่ะ 55555555
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่14-ดับ ◑หน้า7 (ุ21/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 21-03-2017 05:42:20
สงสารเป็นไท
เด็กที่โดนทำร้ายโตมาโดยมีอาการเหลือแค่นี้ถือว่าเข้มแข็งมาก
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่14-ดับ ◑หน้า7 (ุ21/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 21-03-2017 06:59:20
ไอ้ห้องที่นอนสองคนก็วุ่นวาย ปั่นปวน ชวนงงกันไป

สงสารน้องพิชยะที่สุด โธ่ เด็กน้อยของฉัน
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่14-ดับ ◑หน้า7 (ุ21/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 21-03-2017 10:39:18
ในตอนนี้สงสารน้องพิชญ์สุด
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่14-ดับ ◑หน้า7 (ุ21/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: MOMAMi_96 ที่ 21-03-2017 12:10:13
ใจเย็นหิวเจ้ไทมากอ่ะ ทิ้งน้องทิ้งนุ้งเลยอ่ะแบบแงๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่14-ดับ ◑หน้า7 (ุ21/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Atroce ที่ 21-03-2017 12:35:22
น้องใจเย็นน่ารักค่ะ อ่าว ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่14-ดับ ◑หน้า7 (ุ21/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 21-03-2017 15:39:02
โถ่ พิชญะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่14-ดับ ◑หน้า7 (ุ21/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 21-03-2017 20:23:25
อ้าวพิชญะโทรมาหรอออ 5555555 ถถถถถถถ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่14-ดับ ◑หน้า7 (ุ21/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 21-03-2017 20:45:25
เข้าใจยากกันจริงๆทั้งสองคน ให้บรรยากาศอึมครึมๆตลอดเวลา
แต่ใจเย็นดูอึมครึมกว่าเป็นไทเยอะๆเลย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่15-คำถามที่ไม่มีคำตอบ ◑หน้า7 (ุ21/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 21-03-2017 21:07:16

15 – คำถามที่ไม่มีคำตอบ




ใจเย็นจำความรู้สึกตอนมีอะไรกับผู้หญิงครั้งแรกได้ดี แม้จะเป็นครั้งแรกที่ไม่ดีเท่าไหร่ก็ตาม ไม่มีอะไรเลยที่เขาเป็นคนนำ ถ้ามองจากมุมมองของหล่อนคงเห็นท่าทีงกเงิ่น ปะติดปะต่อเรื่องไม่ถูก ให้หล่อนหัวเราะและจัดการอะไรต่อมิอะไรด้วยตนเอง ซึ่งอย่างเดียวที่ทำให้เขาพึงพอใจก็คือการถูกพาไปถึงที่สุดของอารมณ์ ป่วนแตก แปลกใหม่ และนับจากนั้นอีกครั้งสองครั้งกับผู้หญิงคนอื่น ใจเย็นก็พยายามควบคุมมันด้วยตนเอง หากสุดท้ายพวกหล่อนก็ไม่เป็นอย่างใจ เขาไม่ชอบรอยยิ้มในเวลานั้นของพวกหล่อน

สุดท้ายใจเย็นจึงไม่ชอบพาสัมพันธ์เข้าถึงจุดนั้นเท่าไหร่นัก พาลให้รู้สึกว่าไม่จำเป็นด้วยซ้ำ เขารู้สึกดีกว่าถ้าจะแค่มีคนคุยเล่นให้รับรู้เรื่องราวใหม่ๆ หรือไปไหนมาไหนด้วยเวลาเบื่อ ใจเย็นไม่เคยเก็บเรื่องของใครมาคิดให้หนักหัว อย่างมากก็แค่นึกถึงเวลาเจอของที่หล่อนบอกว่าชอบ แต่ก็ไม่นานที่เขาจะลืมสิ้นเมื่อเลิกคบกับหล่อน

คนเดียวที่ทำให้ใจเย็นเก็บเรื่องราวมาคิดได้เห็นจะมีแต่เป็นไท และอาจเพราะสงสัยสับสนที่ทำให้ยิ่งหมกมุ่น เขายังจำความรู้สึกปั่นป่วนในช่วงเวลามืดมิดได้ ยังจำสัมผัส จำกลิ่น จำเสียง และจำได้ว่าอยากครอบครองทั้งที่อีกฝ่ายเป็นผู้ชาย แบบที่อย่างไรก็ได้ ขอแค่ให้พาไปถึง แต่ภาพของรถแข่งที่ถลอกปอกเปิดวนซ้ำในหัวก็ทำให้เขาพยายามระงับตัวเอง กำขย้ำเนื้อผ้าของเป็นไท หนัก นิ่ง ทั้งที่อยากดึงกระชากออก แต่สุดท้ายเขาก็ตัดใจไม่ทำได้สำเร็จ

เมื่อไฟสว่าง ทุกอย่างที่คลุมเครือก็เลือนหาย หรือบางทีเขาก็แค่อยากขจัดมันทิ้ง คงเหลือไว้แต่สิ่งที่ยังคงความสัมพันธ์ ในเมื่อเขายังอยากรู้เรื่องราวของเป็นไทมากกว่านี้ ใช่ ยังอยากรู้ อยากรู้จนทรมานน่าประหลาดใจ อยากรู้กระทั่งลองเข้าไปหมกตัวในตู้เสื้อผ้า แล้วก็พบแค่ว่าร้อน อึดอัด แต่ไม่เข้าใจความกลัวในมืดมิดของเป็นไทแม้แต่น้อย

แล้วก็กลายเป็นว่าใจเย็นไม่ชอบช่วงเวลาปิดเทอมของตนเองทั้งที่เคยชอบ สุดท้ายเขาก็ขับรถออกจากบ้านด้วยตนเองอยู่บ่อยๆ เพียงเพื่อจะไปป้วนเปี้ยนอยู่ที่คอนโด ไม่ก็ที่คณะของเป็นไท

“ว่างเหรอไอ้เหี้ย”

และเป็นไทก็จะถามคำนี้บ่อยๆ ให้เขายิ้มแบบที่แค่อยากจะยิ้มก็เท่านั้น

“ว่างครับ” จากสีหน้าของเป็นไท เขาดูก็รู้ว่าคงรู้สึกถูกกวนประสาท “ไปกินไอติมกันมั้ย”

“กูไม่ว่าง”

“นี่ก็พักเที่ยงนี่ครับ”

“เดี๋ยวมีควิซ”

“งั้นเหรอ”

“เออถ้าว่างมากมึงไปซีรอกซ์ชีทนี่ให้กูหน่อย” พลันเป็นไทก็ยื่นเอกสารบางอย่างมาให้เขา “ที่คณะกูแม่งปิด มึงไปซีคณะข้างๆ นะ เดินไปหน่อย เอาสามชุดนะให้เพื่อนกูด้วย”

“...ครับ”

ถึงจะมึนงงเล็กน้อยแต่ใจเย็นก็ตอบรับคำสั่ง ด้วยคิดว่าไม่หนักหนาอะไร ซึ่งเอาเข้าจริงใจเย็นก็พบว่ามันต้องเดินอ้อม เดินไกล รอคิวยาว อากาศร้อน แถมเมื่อกลับมาก็พบว่าตรงเวลาที่เป็นไทจะขึ้นห้องเรียนพอดี ให้เจ้าตัวแค่รับของที่สั่ง และโบกมือลาส่งๆ ก่อนจะขึ้นตึกไป

เซ็ง – น่าจะเป็นสิ่งแรกที่ใจเย็นรู้สึกได้ ไม่ใช่เซ็งที่โดนใช้ แต่เซ็งที่หมดเวลาต่างหาก แต่วันต่อๆ มาเขาก็ยังมาหาเป็นไท และก็อีกที่ถูกใช้ไปทำนู่นนี่สารพัดจนในที่สุดเจ้าตัวก็เอ่ยเฉลย

“กูแกล้งมึงอะ”

อีกครั้ง จะว่าใจเย็นเซ็งก็ใช่ แต่ไม่รู้ทำไมเขารู้สึกว่าถ้าเป็นไทได้แกล้งเขาแล้วจะยิ้มให้เห็น เขายอมโดนแกล้งก็ได้

ซึ่งเอาเข้าจริง ความรู้สึกนั้นก็แพ้ความรู้สึกที่อยากอยู่ด้วย ใจเย็นเปลี่ยนเวลามาหาเป็นไทช่วงเลิกเรียน ซึ่งเป็นไทก็ยอมไปกับเขาแค่บางวันเท่านั้น

“มึงมาหากูจนเพื่อนแซวว่ากูเลี้ยงต้อยแล้วนะเว้ย”

“ก็เลี้ยงสิครับ ผมไม่ว่า”

“สัด”

“วันนี้ไปกินข้าวกันนะครับ”

“ไม่ กูนัดเตะบอลกับเพื่อน”

“เป็นไทไม่อยากกินแซลมอนแล้วเหรอ”

นั่นเองที่ทำให้เป็นไทเงียบงัน ชั่วครู่ ก่อนจะเปลี่ยนใจ

“เออ กูไปกินก่อนก็ได้”

และนั่นเองที่ทำให้ใจเย็นยิ้ม แม้เป็นไทจะขึ้นรถมาพร้อมกับย้ำเวลาที่นัดกับเพื่อนไว้ก็ตาม

“ปิดเทอมมึงไม่คิดจะทำอะไรนอกจากนี้เลยเหรอวะ” เป็นไทถามระหว่างที่รถติดสัญญาณไฟแดง คั่นบทสนทนาของเพลงพังค์ในตัวรถ

“ผมไม่รู้จะทำอะไรครับ”

“กูเป็นมึงกูเที่ยวรอบโลกไปละ”

“เที่ยวบ่อยแล้วครับ”

“หมั่นไส้ไอ้สัด” เป็นไทด่า แต่ใจเย็นก็ยิ้ม “แล้วงานอดิเรกอะ”

“มาหาเป็นไทไง”

พลันได้ยินเสียง ‘โวะ’ แบบที่บ่งบอกว่ารำคาญแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร ก่อนที่เป็นไทจะถามมาอีก

“ละรู้ยัง อยากเรียนอะไร”

“ถามเหมือนพ่อเลย”

“แสดงว่ามึงไม่รู้” เป็นไทสรุป “มึงถึงล่องลอยไปวันๆ ไง เนี่ย กูเป็นมึงนะ จะขอเงินแม่ไปค้นหาตัวเองที่อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส แคนาดา—”

“เป็นไทไปกับผมสิครับ”

พลันเป็นไทเงียบ ชั่วครู่ ก่อนพูดตอกหน้า “มึงอยู่ที่นี่ส่องหมาไปดีละ”

“อ้าว” กระนั้นใจเย็นก็หัวเราะ “แล้วทำไมต้องหมาล่ะ”

“มึงชอบหมาไม่ใช่เหรอ เคยอยากเป็นสัตวแพทย์นี่”

“แต่ไม่ได้อยากเป็นแล้วนะครับ”

“มึงแค่กลัวหรือเปล่า” หากเป็นไทก็ถามคำนั้นขึ้นมา “แบบกลัวทำให้นึกถึงเรื่องที่เสียใจก็เลยหลีกเลี่ยง”

“งั้นเหรอ”

“กูอุตส่าห์จริงจัง มึงก็ตอบกวนตีนอยู่ได้”

“เปล่านะครับ” ใจเย็นยิ้ม แต่ก็อีก เป็นไทมักคิดว่าเขากวนตีน ก่อนที่บทสนทนาจะหักเปลี่ยนเรื่องไปในที่สุด

กระนั้นเรื่องที่เป็นไทพูดก็ติดอยู่ในความคิดของใจเย็น ติดอยู่นาน นานพอที่จะทำให้เขาลองกลับไปเปิดดูสารคดีสัตว์โลกที่เคยชอบ ให้พบว่าความจริงแล้วเขาก็ยังชอบอยู่นั่นเอง แค่ไม่รู้แล้วว่าชอบแล้วอย่างไรต่อ ต้องทำอะไร และเพื่ออะไร พอๆ กับที่พ่อยังถามอยู่บ่อยครั้งทั้งที่ใจเย็นไม่รู้คำตอบ และคำแนะแนวทางจากพ่อก็ไม่ทำให้กลับมาขบคิดเลยสักครั้งแตกต่างจากคำพูดของเป็นไท

จะว่าไปแล้ว เขาก็ติดใจกับคำพูดของเป็นไทตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้าด้วยซ้ำ แม้ตราบจนวันนี้ยังคงไม่มีคำตอบก็ตาม

“มีคบผู้หญิงคนไหนจริงจังหรือเปล่า”

และเห็นทีก็ดูมีแต่คำถามทวีเพิ่ม โดยเฉพาะจากคุณพิทักษ์ผู้เป็นพ่อ นอกจากเวลาบนโต๊ะอาหารของเย็นวันอาทิตย์ พ่อจะชวนเขาคุยจริงจังก็ตอนที่พาไปออกงานสังคม ไม่ก็ไปตีกอล์ฟ ซึ่งถือเป็นงานสังคมอย่างหนึ่งอยู่ดี เพราะพ่อมักจะพาเขาไปเพื่อให้เพื่อนร่วมธุรกิจ หรือผู้ถือหุ้นสักรายได้เห็นหน้าค่าตาของลูกชายคนโตอย่างใจเย็น

“ไม่มีครับ”

 ใจเย็นตอบ พ่อไม่ได้ออกความเห็นอะไรในเมื่อกลับไปสนใจที่ลูกกอล์ฟ ตีจากหลุมสุดท้ายไปตกลงบนสนามกรีนอยู่ลิบๆ สายตา ส่งเสียงพูดคุยถึงเกมนี้กับคุณสักคนที่ใจเย็นไม่ได้จำชื่อ เพราะพูดจาโผงผางอวดภูมิน่ารำคาญจนคร้านจะสังเกตแม้จะชอบสังเกตผู้คน ใจเย็นจึงพาลไม่ได้ฟังรายละเอียดสนทนาเหล่านั้น นอกจากพ่อที่พูดเรื่องผู้หญิง และบ้างบางทีที่จะพูดบอกให้เขาฟัง

“ดูทื่อๆ แบบนี้เอาใจผู้หญิงเป็นหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าเอะอะก็ซื้อของให้อย่างเดียวนะ”

“ผมรู้ว่าผู้หญิงห้ามพูดตรงๆ ด้วย”

พอบอกไปแบบนี้พ่อก็ยิ้ม ดูชอบใจ แต่ไม่เอ่ยตรงๆ ก่อนจะบอกกับเขาว่าผู้หญิงนั้นชอบผู้ชายนิ่ง ขรึม ทำมากกว่าพูด เอาจริงเอาจังกับงานก็ยิ่งดี มันเป็นเสน่ห์ ใจเย็นเออออตอบรับแม้เขาไม่คิดว่าตนเองจะทำตามโดยเฉพาะในเรื่องเอาจริงเอาจังกับงาน ไม่สิ เขาไม่คิดว่าจะเปลี่ยนตัวเองให้ผู้หญิงสักคนมาชอบหรอก

“พ่อดูรู้ใจผู้หญิง” และพอพูดไปแบบนั้นพ่อก็ค่อยๆ เล่าให้ฟังว่าเพราะอะไรถึงรู้ ไล่ไปตั้งแต่สมัยวัยรุ่น บอกให้ฟังว่าต้องดูให้ออกว่าผู้หญิงแต่ละคนเป็นคนอย่างไร เปิดแง้มกระทั่งเรื่องเซ็กส์ให้รับฟังและบอกเขาให้รู้จักป้องกัน ใจเย็นพยักหน้ารับแม้จะรู้อยู่แล้ว และก็ไม่ได้คิดจะยุ่งเหยิงในราคะแบบที่พ่อเคยผ่านมา หากเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ก็เหมือนถูกตีตะกอนที่นอนก้นลึกในใจให้ขุ่นขึ้นมาจนโพล่งถามออกไป “แล้วตอนวัยรุ่นพ่อเคยลองกับผู้ชายไหม”

“ทำไม แกอยากลองหรือไง”

“ผมแค่อยากรู้”

กระนั้นพ่อก็มองหน้า แววตาอ่านยาก กระทั่งได้รู้เมื่อได้ยินคำพูดต่อมา “เข้าใจว่าเด็กเดี๋ยวนี้ชอบลองอะไรแปลกๆ แต่แกอย่าจะดีกว่า”

“ทำไมถึงแปลกล่ะครับ”

“ก็ธรรมชาติไม่ได้สร้างมาคู่กันแต่แรก อีกอย่างเพศเดียวกันก็สืบพันธุ์ไม่ได้”

“แล้วถ้าตัดเรื่องนี้ออกไป มันแปลกตรงไหนล่ะครับ ในเมื่อชายหญิงบางทีก็ไม่ได้มีเซ็กส์เพื่อสืบพันธุ์ แต่ก็เพื่อเอาสนุกแบบที่พ่อว่า”

ใจเย็นเอ่ยถามอย่างที่คิด อย่างที่สังคมหล่อหลอมมาตลอดว่าหญิงต้องคู่กับชายถึงจะเท่ากับความปกติธรรมดาแต่วันนี้เขารู้สึกค้านขัดกับสิ่งนั้น กระนั้นพ่อก็แค่เงียบ กระชับพัตเตอร์ในมือ กะระยะบนสนามกรีน พัตแตะลูกกอล์ฟเบาๆ ด้วยระยะห่างเพียงนิดเดียวก่อนจะถึงหลุม ทว่าน่าประหลาดที่ลูกกอล์ฟกลับเบี่ยงออก และพ่อก็แค่เงียบ ไม่แม้ส่งเสียงบ่นเสียดายอย่างที่พ่อมักจะทำ

เหมือนกับที่เขาเคยถามออกไปว่าพ่อรู้สึกอย่างไรที่มีภรรยาหลายคนแตกต่างจากบ้านอื่น รู้สึกผิดบ้างไหมอย่างที่สังคมมักจะรุมทึ้ง แต่พ่อก็เงียบ และไม่เคยตอบ










*****************************************************************************
ชื่อตอนนี่ทำให้นึกถึงเพลงหนึ่งของ Flure เลยค่ะ >> https://www.youtube.com/watch?v=goyqv_0DSTc
อนึ่ง ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องใดๆ ใน #ใจเย็นกับเป็นไท 5555
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่15-คำถามที่ไม่มีคำตอบ ◑หน้า7 (ุ21/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-03-2017 21:41:16
ใจเย็น ถามคำถามที่สุดยอด  :ling1: :ling1: :ling1:
คำถามแรก พ่อรู้สึกอย่างไรที่มีภรรยาหลายคนแตกต่างจากบ้านอื่น
รู้สึกผิดบ้างไหมอย่างที่สังคมมักจะรุมทึ้ง น่าจะเป็นคำถามที่พ่อไม่อยากตอบ

คำถาม ที่ถามใหม่
"มันแปลกตรงไหนล่ะครับ
ในเมื่อชายหญิงบางทีก็ไม่ได้มีเซ็กส์เพื่อสืบพันธุ์
แต่ก็เพื่อเอาสนุกแบบที่พ่อว่า”

แต่ทั้งสองคำถาม มันมันตรงกับที่พ่อเคยทำมาตลอดเลยนะ
แม้จริงๆ พ่ออาจไม่ได้อยากหยุดแค่ภรรยาสามคน
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่15-คำถามที่ไม่มีคำตอบ ◑หน้า7 (ุ21/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: jejiiee ที่ 21-03-2017 21:51:38
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่15-คำถามที่ไม่มีคำตอบ ◑หน้า7 (ุ21/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 21-03-2017 22:48:30
"เหมือนกับที่เขาเคยถามออกไปว่าพ่อรู้สึกอย่างไรที่มีภรรยาหลายคนแตกต่างจากบ้านอื่น รู้สึกผิดบ้างไหมอย่างที่สังคมมักจะรุมทึ้ง แต่พ่อก็เงียบ และไม่เคยตอบ" เป็นคำถามที่เราก็อยากรู้เหมือนกันว่าพ่อขอใจเย็นรู้สึกยังไง ที่ทำให้เมียต้องทุกข์ใจและเป็นคนแก้ปัญหาที่ตัวเองเป็นคนก่อ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่15-คำถามที่ไม่มีคำตอบ ◑หน้า7 (ุ21/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Atroce ที่ 21-03-2017 23:13:58
คือจีบเขาแต่ตัวเองก็ไม่คิดว่าจีบรึเปล่านะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่15-คำถามที่ไม่มีคำตอบ ◑หน้า7 (ุ21/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: vwm666 ที่ 22-03-2017 00:51:48
คิดมาแต่แรกแล้วว่าใจเย็นเป็นคนน่ารัก 555555555
รู้ว่าอะไรดีไม่ดีหมดแหละ
ชอบนะ เหมือนอ่านความรู้สึกของทั้งสองคนมากกว่ามันเลยเป็นคำพูดยากๆ
ตามมาจากกัลป์ปราย จ้า
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่15-คำถามที่ไม่มีคำตอบ ◑หน้า7 (ุ21/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: MOMAMi_96 ที่ 22-03-2017 03:28:01
หลับมาติ่งน้องเย็นละหลังจากเหม็นนางที่กล้าทิ้งน้องชายสุดน่ารักอย่างพิชญะลงคอ ค่อนข้างชอบตอน15มากถึงมากที่สุด เอาให้พ่อเงิบไปเล้ยยยยยย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่15-คำถามที่ไม่มีคำตอบ ◑หน้า7 (ุ21/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 22-03-2017 09:28:30
นับถือความสงสัยในเรื่องที่คนอื่นไม่กล้าแม้แต่จะคิดแถมยังกล้าถามออกไปอีก
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่15-คำถามที่ไม่มีคำตอบ ◑หน้า7 (ุ21/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 22-03-2017 17:30:27
ยิ้มมุมปากเลย ที่ใจเย็นถามคำถามแบบนั้นกับพ่อ
เจอแบบนี้ คนเคยทำก็หาคำตอบมาแย้งความจริงไม่ได้ แล้วก็ชอบตรงที่พ่อไม่โวยวายกลบเกลื่อน

สงสารพิชญะ ตอนที่แล้ว คือน้องก็กลัวนะใจเย็น 555
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่15-คำถามที่ไม่มีคำตอบ ◑หน้า7 (ุ21/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 22-03-2017 20:14:52
สมัครมาเม้นให้คุณแยมเลยค่ะ แอบอ่านมานานชอบมากๆค่ะ เป็นกำลังใจให้อัพนิยายบ่อยๆนะคะ:))
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่15-คำถามที่ไม่มีคำตอบ ◑หน้า7 (ุ21/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 22-03-2017 21:56:05
ใจเย็นถามพ่อด้วยคำถามนี้เป็นคำถามที่โดนมาก อ่านเรื่องนี้แล้วต้องใช้ความคิด และได้ข้อคิดอีกมุมนึงเลย ชอบมากๆ จากที่อ่าน 2 ตอนแรกแล้วหดหู่มากๆ คิดว่าจะอ่านต่อหรือไม่ อ่านมาถึงปัจจุบัน อยากบอกว่าไม่ควรพลาด มันดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่15-คำถามที่ไม่มีคำตอบ ◑หน้า7 (ุ21/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 23-03-2017 05:44:40
เป็นคำถามที่แบบ โอ้โหหหหห
ชอบๆๆ เข้าหาเป็นไทเยอะๆเลยลูกกกกก
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่15-คำถามที่ไม่มีคำตอบ ◑หน้า7 (ุ21/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 23-03-2017 10:57:07
เหมือนพ่อของใจเย็นจะเป็น.... มาก่อน
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่16-กลิ่นของไฟ ◑หน้า8 (ุ23/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 23-03-2017 13:07:07

16 – กลิ่นของไฟ





สำหรับเป็นไท ถ้าให้เลือกจีบผู้หญิงสักคน กับแก้โจทย์แคลคูลัสสักเล่ม เขาขอเลือกอย่างหลัง ด้วยรู้สึกว่าจะยุ่งยากซับซ้อนเพียงใดก็ย่อมมีคำตอบตายตัว ขณะที่ผู้หญิงนั้นต่อให้คิดว่าเข้าใจแล้ว ได้บทสรุปแล้ว พลันเมื่อเลื่อนอ่านใจอีกบรรทัดอาจพบกับความคิดความรู้สึกที่บิดพลิ้วไปมาจนบางทีชวนให้เขาขนลุกขนพองอย่างไม่อาจอธิบาย

แต่ก็ใช่ว่าเป็นไทไม่เคยจีบหญิง เขาเคย และนั่นแหละที่พบแต่ความกระด้างกระเดื่องในสนทนา เป็นไทไม่รู้วิธีเอาใจผู้หญิง ไม่รู้วิธีรับมืออารมณ์ของพวกหล่อน สุดท้ายแล้วเขาก็เหนื่อย เดินหันหลังออกจากความสัมพันธ์ กระทั่งผู้หญิงที่เข้าหาเขาเองและเป็นฝ่ายเอาอกเอาใจ เป็นไทก็ไม่แม้จะหันไปมอง

“เราไม่ดีตรงไหนเหรอ”

จำได้ตรึงใจว่าหล่อนถามเขาแบบนั้นในวันสุดท้ายที่หล่อนยอมแพ้

“ที่มาชอบเราล่ะมั้ง”

และนั่นก็เป็นคำตอบของเป็นไท อันที่จริงเขาก็ตั้งใจจะเกลาคำพูดให้ดีกว่านี้ แต่คิดว่านี่ก็ตรงตัวแล้วเพราะรู้สึกว่าหล่อนโชคร้ายที่เข้ามาในชีวิตเขาช่วงที่ยังรับมือกับความสัมพันธ์ไม่ได้ หารู้ไม่ว่านั่นเป็นไฟเผาใจหล่อน แบบที่เขาลืมไปแล้วว่าเคยตั้งใจจะเป็นไฟแผดเผาทุกสิ่งรอบกายเพียงเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเจ็บปวด

หากแม้ไฟนั้นจะเงียบสงบฝังลึกเหมือนเปลวไฟบนเชิงเทียน มันก็ไม่เคยมอดดับ ยืนยันได้จากทุกวันนี้เขายังปฏิปักษ์ต่อสัมพันธ์ที่ดูซับซ้อนยุ่งยาก โดยที่ลืมไปว่ามีบางสัมพันธ์กำลังปั่นป่วนเขาอยู่ในความไม่เข้าใจหลายๆ อย่าง  แต่เหมือนถูกกลบเกลื่อนด้วยหอมหวานของดอกไม้ แบบที่บอกไม่ได้ว่าดอกอะไร แต่กลบกลืน...แนบสนิท

และวันนี้อาจจะเป็นดอกเยอบีร่า มีตั้งแต่สีขาว ชมพูอ่อน ชมพูจัด แดง ส้ม เหลือง อัดกันกลมในแจกันแก้วที่เขาคุ้นตา ภายในซุ้มไม้ที่ห่มคลุมด้วยม่านบาหลี และคนที่นั่งข้างๆ ก็หมุนแจกันนั้นให้รอบเพื่อดูสีที่สะพรั่งอยู่ภายใน

“เป็นไทชอบเยอบีร่าสีอะไร”

เหมือนเดิมที่ใจเย็นจะชอบพูดเรื่องดอกไม้ จนระยะหลังเป็นไทก็เริ่มชินและไม่คิดจะว่าอะไร

“ขาว” กระนั้นก็ตอบส่งๆ ไปอยู่ดี “เรียนได้ยัง”

“วันแรกไม่เรียนไม่ได้เหรอครับ”

“นี่เรียนพิเศษนะเว้ย ไม่ใช่โรงเรียน”

“ก็ยังไม่อยากเรียนเลย”

“แล้วที่รบเร้าให้กูมาสอนคืออะไร”

“ก็ผมอยากเจอเป็นไท”

ถึงคำตอบนี้เขาก็อยากจะถอนหายใจใส่ ไม่เข้าใจว่าทำไมใจเย็นติดเขาแจ จะว่าเห็นเขาเป็นแบบอย่างที่อยากทำตามก็ไม่ใช่ เห็นเป็นพี่ชายก็ไม่ได้ให้ความเคารพ ในเชิงชู้สาวเขาก็ไม่ได้รู้สึกถึง แม้ว่าใจเย็นจะชอบอยากสัมผัส อยากกอด หรืออะไรต่อมิอะไรที่ทำแล้วเขาถีบออก เพราะใจเย็นก็ดูเป็นแค่คนที่อยากทำอะไรก็ทำ อยากพูดอะไรก็พูด แถมบางทีก็ดูไม่เข้าใจอะไรในโลกนี้เลยสักอย่าง

“เป็นไทไม่อยากเจอผมเหรอ”

ซึ่งบางทีก็เหมือนว่าใจเย็นจะปล่อยเชื้อความไม่เข้าใจอะไรเลยเข้าสู่กระแสเลือดช้าๆ เพราะเป็นไทก็ยังไม่เข้าใจอะไรใจเย็นเลยเหมือนกัน

“ไม่อะ”

“เรายังไม่สนิทกันอีกเหรอครับ”

คำถามนี้ทำให้เป็นไทเงียบ ทบทวนช่วงที่ผ่านมาแล้วก็รู้สึกเหมือนจะขมวดคิ้วคิดหนัก ก่อนจะถูกคลายปมนั้นเมื่อใจเย็นพูดมาอีกประโยค

“เป็นไทก็ยอมบอกเรื่องของเป็นไทแล้ว”

“ไม่ใช่ว่ามึงมัดมือชกเหรอ”

ถาม หากใจเย็นกลับยิ้ม ยิ้มแบบรู้ตัวว่าเป็นจริงตามคำพูด “แต่ยังไงเป็นไทก็สัญญาไว้นะครับ”

“เออๆ ก็เพราะงั้นไงกูเลยบอก” เขาตัดบท แต่ใจเย็นไม่ยอมจบ

“แล้วเป็นไทไม่มีเรื่องที่อยากเล่าเองบ้างเหรอครับ”

“ไม่มี”

“งั้นเหรอ”

ตอบรับราบเรียบแบบที่เคยๆ ดูเหมือนจะผิดหวังแต่ก็ยากคาดเดา เป็นไทคร้านจะคิดวิเคราะห์จึงหยิบปากกาขึ้นมาเตรียมเข้าเรื่องสอน แต่ใจเย็นก็เอ่ยมาเสียก่อน

“ตอนเด็กผมชอบดูสารคดีสัตว์โลกมาก” ได้ฟังก็อยากถามว่าบอกทำไม จนประโยคต่อมาถึงรู้สึกว่าปล่อยให้เล่าไปนั่นแหละ “แต่ก็ไม่ได้ดูอีกเลยหลังจากทันใจตาย”

“ไม่ได้ดูเลยเหรอ”

“ครับ จนเป็นไทบอกว่าผมอาจจะแค่หลีกเลี่ยงเพราะกลัวเสียใจ ผมเลยลองกลับไปเปิดดูใหม่ แล้วก็ได้รู้ว่ายังชอบอยู่ แต่เรื่องเป็นสัตวแพทย์นี่ผมก็ไม่แน่ใจ”

แล้วคำอธิบายเพิ่มเติมที่บอกว่าอะไรๆ ในชีวิตใจเย็นเริ่มจะเป็นเพราะเขา มีอิทธิพลจากเขา ก็ทำให้เป็นไทเงียบ ครุ่นคิด ชั่วครู่

“เออ ก็ค่อยๆ ดูไปว่าอยากทำอะไร” แล้วเอ่ยไปเสียงเรียบ แม้จะรู้สึกว่ากลิ่นดอกไม้ฉุนขึ้นมาในจมูกทั้งที่ทุกสรรพสิ่งอยู่เฉยกับที่

“ครับ” ใจเย็นยิ้มรับ “ผมเล่าเพราะผมอยากเล่าให้เป็นไทฟังนะ”

“เออ”

“ไม่มีอะไรอยากเล่าให้ผมฟังจริงๆ เหรอ”

“ไม่มีเว้ย เรียนๆ เสียเวลา”

เป็นไทตัดบท เพราะเขาก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่ามีอะไรจะเล่าให้ใจเย็นฟัง เรื่องที่เป็นเรื่องของตัวเองเขาก็รู้สึกว่าไม่อยากเปิดแง้มมันออกมาอีก ซ้ำยังรู้สึกว่าผิดที่ผิดเวลาต่อให้ใจเย็นจะพร่ำบอกว่าอยากฟังก็ตาม

กลับบ้านไปเย็นวันนั้น ในโต๊ะอาหารที่ปรายจะนั่งเงียบราวกับไม่มีตัวตน เป็นไทรู้สึกมีอะไรฝืดเคืองอยู่ในบทสนทนาระหว่างเขากับแม่ ไม่ใช่เรื่องที่แม่เอาแต่เจื้อยแจ้วเจรจาเล่าเรื่องของตัวเอง แต่เป็นเรื่องที่แม่วกมาถามเรื่องของใจเย็น ถามว่าสอนแล้วเป็นอย่างไรบ้าง แบบที่นานๆ ครั้งจะถาม

“ก็” เป็นไทเกริ่น “เป็นเด็กที่คำถามเยอะดี”

พลันก็รู้สึกอึดอัดที่ตอบไปแม่ก็พูดลากไปเล่าเรื่องคุณเกษรา เล่าเรื่องนู้นเรื่องนี้สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ให้เห็นชัดว่าก็แค่เกริ่นเพื่อจะเล่าเรื่องที่ตนเองอยากเล่า ถึงเป็นไทจะชินแล้ว แต่ครั้งนี้รู้สึกมีอะไรฝืดเคืองในใจกว่าครั้งไหนๆ แบบที่ไม่รู้จะเล่าให้ใครฟัง แม้ออกไปร้านนั่งเล่นในช่วงดึก กับเพื่อนสนิทที่เขามักจะพูดคุยหลายสิ่งหลายอย่างให้ฟังแทนแม่ของตนเอง แต่เป็นไทก็ยังรู้สึกฝืดเคือง จนสุดท้ายได้แต่ปล่อยให้กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนผ่านลำคอ รับฟังเรื่องของเพื่อนไปเงียบๆ และตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ได้หรือบางทีเขาอาจจะเริ่มเมา กลิ่นดอกไม้ถึงอวลอบในบรรยากาศของความนึกคิด

และก็เหมือนจะยิ่งคลุ้งในนาสิกประสาทเมื่อได้เห็นเยอบีร่าสีขาวชูช่อเต็มแจกันแก้วใสในวันเสาร์ถัดมา

“เป็นไทเคยเลี้ยงสัตว์ไหม” เหมือนเดิมที่ใจเย็นจะเอ่ยถามอะไรนั่นนี่จากเขาเต็มไปหมด

“เลี้ยงตัวเองยังจะไม่รอดเลย”

“ให้ผมช่วยเลี้ยงก็ได้นะครับ”

“ไอ้สัด กวนตีนเหรอ”

เขาด่า ด้วยถ้อยคำแบบนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่สมควรจะพูดเล่น...หรือจริงจังก็ไม่รู้ได้ กระนั้นใจเย็นก็ยิ้ม ยิ้มเหมือนเด็กๆ แบบที่ก็แทบจะลืมรอยยิ้มบางเบาในช่วงแรกๆ ไปแล้ว

“เคยเล่าเรื่องกูให้ใครฟังไหม” แล้วก็อาจเป็นรอยยิ้มนั้นที่ทำให้เป็นไทเอ่ยถามขึ้นมา

“ผมไม่ค่อยเล่าอะไรอยู่แล้วครับ” ใจเย็นเอ่ยบอก เสียงเรียบ ฟังดูเป็นเรื่องธรรมดาแม้แต่ประโยคต่อมา “แต่เรื่องเป็นไทผมถามนะ”

“ฮะ? ถามอะไรวะ”

“ก็ถามว่าคนที่ทำแบบนี้ ชอบอะไรแบบนี้ เขาเป็นคนยังไง”

“เพื่ออะไรวะ”

“ก็อยากรู้น่ะครับ”

อีกครั้ง เสียงเรียบ ราวเรื่องธรรมดา หรือไม่ก็เพราะไม่เข้าใจอะไรเลยบนโลกใบนี้จึงทำให้เอ่ยออกมาได้เรียบๆ แบบนั้น

“เพราะงั้นผมก็เลยอยากฟังเรื่องของเป็นไทเยอะๆ”

“เห็นกูเป็นนักเล่านิทานเหรอ” ทันควันที่เขาสวนกลับ แต่ก็เห็นใจเย็นยิ้มอยู่ดี “บางทีสนิทกันก็ไม่จำเป็นต้องเล่าทุกเรื่องก็ได้”

พอพูดประโยคนั้นก็เห็นแววตาที่ดูจะไม่ค่อยเข้าใจของใจเย็น ตอนแรกก็ตั้งใจจะปล่อยผ่าน แต่คิดอีกทีคงไม่ได้สอนอย่างสงบ อย่างน้อยก็สงบในแววตาที่จ้องมองมา เป็นไทจึงอธิบาย

“คือเข้าใจไหมว่าบางทีมันก็เป็นเรื่องของจังหวะ ช่วงเวลา แต่ก่อนจะถึงจังหวะนั้น ก็ต้องสบายใจที่จะอยู่ด้วย”

อธิบายพลางคิดว่ามันซับซ้อน ซับซ้อนแบบที่เขาไม่ชอบ แต่หากคิดกลับอีกตลบ ทั้งหมดนี้คือการปล่อยให้สัมพันธ์เป็นไป เรียบง่าย แบบที่เขาก็มีกับเพื่อนสนิททุกคน

“เหมือนจะเข้าใจแล้วครับ”

“ดูหน้าโง่ๆ ไม่เข้าใจมากกว่า” ด่า แต่นั่นแหละ ใจเย็นไม่เคยโกรธอะไร

“แต่สรุปเป็นไทสนิทกับผมแล้วใช่ไหมครับ”

แล้วก็อีก ที่ดูจะถามแบบไม่เข้าใจอะไรเลยบนโลกใบนี้

“เออ ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจมึงก็เหอะ”

ให้เป็นไทกลายเป็นฝ่ายตอบ ฝ่ายอธิบาย ทั้งที่ก็ไม่ค่อยจะเข้าใจอะไรซับซ้อนในความสัมพันธ์นัก และอีกครั้งที่กลิ่นดอกไม้ดูจะหอมองอึลขึ้นมาในความคิด กลบกลิ่นไฟที่เงียบสงบฝังลึกอยู่ในใจ

หรือไม่ ก็อาจเพราะมอดดับลงไปแล้วเขาถึงไม่รู้สึกอะไรถึงมันอีกเลยเมื่ออยู่กับใจเย็น














ใจเย็น : งี้ก็อยากเจอผมแล้วดิ

เป็นไท : ก็ไม่อยากอยู่ดี

ใจเย็น : งั้นเหรอ...




__________________________________________________________________________________
ทำไมหลังๆเริ่มมีแถมท้ายตอนล่ะ  555

อาจจะรู้สึกว่าเรียบๆ ไม่มีอะไรพีคนะคะทั้งที่เปิดใจมากขึ้นทุกทีแล้ว แต่แยมชอบความเรียบๆ แบบนี้แหละ ซึมลึกดี

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ยังไงติดตาม #ใจเย็นกับเป็นไท กันต่อไปเรื่อยๆ น้อ  :mew1:

หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่16-กลิ่นของไฟ ◑หน้า8 (ุ23/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 23-03-2017 16:20:19
มีความฮาช่วงท้ายย 5555555
สู้ต่อไปใจเย็นนน
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่16-กลิ่นของไฟ ◑หน้า8 (ุ23/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 23-03-2017 20:17:48
 คู่นี้จะคุยกันดีได้สักกี่ประโยค เหมือนจะไม่กวนตีนแต่ก็นะ รุ้สึกได้ถึงความน่าหมั่นไส้
รักกันแล้วจะเป็นยังไงนะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่16-กลิ่นของไฟ ◑หน้า8 (ุ23/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 24-03-2017 02:21:44
ติดงอมแงม
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่16-กลิ่นของไฟ ◑หน้า8 (ุ23/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: MOMAMi_96 ที่ 24-03-2017 02:56:24
ใจเย็นก็ติดเหลือเกินพ่อคู้นนนนนน
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่16-กลิ่นของไฟ ◑หน้า8 (ุ23/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-03-2017 04:54:45
ชอบการเปรียบเทียบ ของไรท์  :mew1: :mew1: :mew1:
กลิ่นดอกไม้ ที่ไม่มีดอกไม้
มันลึกซึ้ง ลอยอวล
ให้อารมณ์ความรู้สึกที่เป็นไท ไม่เคยมี
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่16-กลิ่นของไฟ ◑หน้า8 (ุ23/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 25-03-2017 08:46:13
มีความวกวน และงงงันในตัวเอง แต่ก็ไม่แปลก เพราะโลกมันบิดพร้ิวมาแต่แรก หล่อหลอมมายาวนาน แล้วไม่มีใครแก้ไข

ใจเย็นมีความซื่อแบบซื่อ ไม่ซับซ้อน แล้วรุกหนักมาก 5555

เป็นทันก็ไม่ซับซ้อนนะ แล้วยังรู้จักโลกมากกว่า แต่ไม่เข้าใจชาวบ้านพอกัน
ถึงจะโดนรุกหนัก แต่เป็นไทก็ยังไม่รู้สึกอันใด

ทั้งคู่ไม่รู้จักความรักที่ถูกแบบ แม้แต่ความรักปกติ ก็ยังไม่รู้จัก ค่อยๆเรียนรู้ด้วยกันนะ ใจเย็นเป็นไท
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่17-ละลาย ◑หน้า8 (ุ27/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 27-03-2017 20:53:24

17 – ละลาย




มันเป็นระยะหลังที่คุณเกษรารู้สึกว่าใจเย็นเริ่มไม่ต่างจากคุณพิทักษ์ ไม่ใช่อุปนิสัย ไม่ใช่ความช้าเร็วของอารมณ์ ไม่ใช่ความช่างพูดหรือเงียบงัน ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น อันที่จริงคุณเกษราเคยคิดมาตลอดว่าใจเย็นแตกต่างจากเลือดเนื้อเชื้อไขฝั่งพ่อไกลลิบ กระทั่งวันที่ทันใจตาย ทุกอย่างก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป

ใจเย็นเริ่มสนใจผู้คนมากขึ้นจากที่แทบจะไม่แยแส แรกๆ คุณเกษราก็คิดว่านั่นจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี จนได้รู้ว่าใจเย็นเริ่มคบกับเด็กสาวสักคน ข้างในของคุณเกษราก็เริ่มสั่นคลอนวอนไหว และล้มโค่นลงมาตอนที่ใจเย็นคบซ้อนกับเด็กสาวอีกคน อีกคน และอีกคน

“ใจเย็น ลูกควรจะคบผู้หญิงทีละคนนะ”

วันหนึ่ง คุณเกษราก็ตัดสินใจพูดคุยกับลูกชายเพียงคนเดียวในปัญหาที่หล่อนปล่อยคาราคาซังค้างใจมาเป็นสิบๆ ปีด้วยไม่เคยรู้ว่าจะทำให้เข้าใจได้อย่างไร เพราะขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้รับรู้ว่าแท้จริงแล้วตนไม่ใคร่จะมีความสุขในชีวิตครอบครัวนัก แต่ในเมื่อเลือกโกหกแล้วก็ย่อมโกหกตลอดไป การเฉลยความจริงมีแต่จะทำให้หัวใจสลายทั้งผู้พูดและผู้ฟัง

“ทำไมล่ะครับ” ดังนั้นการที่ใจเย็นไม่ได้ถามพาดพิงถึงพฤติกรรมพ่อตนเองก็ชวนให้คุณเกษราโล่งอกที่ได้หลีกเลี่ยง

“แม่ไม่อยากให้ใจเย็นทำใครเสียใจ”

“ผมไม่เข้าใจครับ” พลันคุณเกษราปวดแปลบขึ้นมากลางอก “ผมรู้ว่าสังคมกำหนดมาให้คบคนเดียว ผมเข้าใจว่าอาจทำผิด แต่ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงต้องเสียใจ”

จบประโยคของใจเย็น คุณเกษราก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หล่อนรู้ว่าลูกชายเข้าใจบรรทัดฐานของสังคมดีเพราะตลอดมาก็รู้จักวางตัว แต่หล่อนเพิ่งกระจ่างแจ้งว่าใจเย็นบกพร่องในการเข้าใจความรู้สึกผู้อื่น มันทำให้หล่อนคิดทวนซ้ำ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่านอกจากเรื่องที่หล่อนหลอกลวงมาตลอดแล้วพลาดที่ตรงไหนอีก ก่อนจะพบว่าแม้ใจเย็นจะรู้จักแบ่งปันหรือดูแลน้องชายและน้องสาว แต่นั่นก็แค่การวางตัวที่ดีอย่างหนึ่งอย่างที่หล่อนคอยพร่ำสอนเท่านั้น

ดังนั้นที่สุดแล้วใจเย็นไม่ได้เหมือนคุณพิทักษ์ที่คบผู้หญิงมากหน้าหลายตา หากเหมือนตรงที่ได้รับอะไรดีๆ จากคนอื่นมากมายแต่ไม่เคยตระหนักถึงค่าความรู้สึกผู้ที่มอบให้เลย

จากวันนั้นคุณเกษราก็พยายามขบคิดแก้ไข แต่ทำอย่างไรก็ขบไม่แตก ราวเป็นปัญหาที่แข็งยิ่งกว่าหินผา กระนั้นเลยหากมองให้ลึกลงไปอีกสักนิด หล่อนก็จะพบว่าถ้าอยากให้ลูกชายเข้าใจความรู้สึกผู้อื่น เริ่มต้นก็ควรจะให้เข้าใจความรู้สึกตนเองเสียก่อน

หลายครั้งที่ใจเย็นปล่อยหัวใจให้ไร้คำอธิบาย ไม่รู้จะเติมความรู้สึกใดลงในช่องว่าง สิ่งที่เติมลงไปได้ก็ดูจะเป็นแค่ความรู้สึกตื้นเขินอย่าง ชอบ ไม่ชอบ เบื่อ สนุก โกรธ เสียใจ ซึ่งถ้ารู้สึกเหล่านั้นถูกขุดให้ลุ่มลึก ใจเย็นก็รู้สึกว่าอธิบายมันไม่ได้ หรือบางทีเขาก็ไม่อยากจะยอมรับ คล้ายกับตอนที่ทันใจจากไปและเขารับความรู้สึกใดไม่ทันเลยสักอย่าง

ดังนั้นแล้วความรู้สึกง่ายๆ อย่างเป็นสุขที่ได้กินไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ดูจะเหมาะกับใจเย็นมากกว่า หรือถ้ามันจะซับซ้อนเกินทำความเข้าใจ เขาก็จะปล่อยให้มันโหวงว่างอยู่อย่างนั้น ไม่ก็จะเติมเต็มด้วยถ้อยคำง่ายๆ อย่างคำว่าชอบ เหมือนที่มอบให้เด็กสาวที่เขาเลือกปล่อยตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยว

และไม่ต่างกัน ความรู้สึกที่ใจเย็นมีให้เป็นไทก็ถูกเติมลงไปด้วยคำนั้น แม้แท้จริงจะวุ่นวายสับสนกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า ทั้งดูทวีคูณเข้าไปทุกที กระนั้นใจเย็นก็ไม่ได้หนีจากไปไหน กลับกันยิ่งไล่ตามด้วยซ้ำ จนถ้าเติมคำว่า ‘อยากได้’ เข้าไปด้วยก็ดูจะไม่แปลกอะไร

แต่แน่นอน เป็นไทคงไม่เห็นด้วย หลายครั้งที่ใจเย็นยังคงถูกเป็นไทปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยแม้จะได้รับคำว่า ‘สนิท’ มาครอบครองในความสัมพันธ์แล้วก็ตาม เหมือนกับครั้งนี้ที่เป็นไทยังคงปฏิเสธคำชวนให้มางานเลี้ยงคืนส่งท้ายปีเก่าที่บ้านของเขา

“กูบอกว่ายังไงก็ไม่มา” แถมยังย้ำอีกต่างหาก ขัดใจไม่โอนอ่อนเหมือนดอกกุหลาบสีขาวในแจกันตรงหน้า

“ทำไมล่ะครับ”

“ก็คนละสังคมกันเปล่าวะ” เป็นไทเอ่ยบอก หมุนควงปากกาในมือเล่นแบบที่เป็นภาพชินตา กระนั้นใจเย็นก็ไม่ชินเหตุผลอยู่ดี

“งั้นเป็นไทพาเพื่อนมาด้วยก็ได้”

“ไม่เอาอยู่ดี” อีกฝ่ายยิ่งยืนกราน

“งานจัดตรงสระว่ายน้ำหลังบ้านนะครับ”

“ต่อให้มึงบอกว่ามีปาร์ตี้โฟมกับสาวเป็นร้อยกูก็ไม่มาเว้ย” เป็นไทย้ำเป็นคำสุดท้ายก่อนจะสั่งให้เขากลับเข้าเรื่องเรียน ใจเย็นจึงหยุดเซ้าซี้แค่นั้น ในเมื่อเซ้าซี้มาสองอาทิตย์แล้วเจ้าตัวก็ไม่ยอมสักที และคงไม่สามารถมัดมือชกแบบที่เคยทำตอนพาไปดูแข่งรถเพราะเป็นไทก็บอกไว้ล่วงหน้าแล้วว่ามีนัดกับเพื่อน

สุดท้ายใจเย็นก็ยอมรับ แต่ก่อนจะถึงวันงานเลี้ยง ใจเย็นชวนเพื่อนทุกคนเท่าที่เขาเคยรู้จัก มาได้หรือไม่ได้เขาไม่ได้สนใจจะเซ้าซี้นัก และพิเศษกว่าปีอื่นๆ ที่เขาชวนเด็กสาวที่คบอยู่ไปด้วย กระนั้นก็เลือกไปคนเดียวเพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหาแม้เชื่อว่าจะมีปัญหาตามมาหลังจากนั้นก็ตาม ใจเย็นชวน ชวน และชวน จนเมื่อถึงวันงาน บ้านเขาก็จุเด็กวัยรุ่นไว้ราวกับเป็นแหล่งมั่วสุม แต่อันที่จริงก็ไม่ใกล้เคียงนักในเมื่อมีผู้ใหญ่คอยเฝ้าดูทั้งพ่อ แม่ แม่ทิพย์ แม่ปัทมา ผู้ใหญ่ท่านอื่นๆ ที่เป็นแขกของพ่อกับแม่ แบ่งสันปันส่วนสถานที่สังสรรค์กันไปตามสะดวก ท่ามกลางเสียงดนตรี เสียงพูดคุย เสียงวี้ดว้ายของเด็กสาว เสียงโวยวายคึกคะนองของเด็กผู้ชาย เสียงไหวกระเพื่อมของสระน้ำทั้งที่อากาศค่ำคืนสุดท้ายของธันวาคมที่ใช่ว่าไม่หนาว ในขณะที่เสียงจากปากของใจเย็นนั้นค่อนข้างจะเงียบสงบ

ใจเย็นไม่ชอบดื่มเหล้า เขาแค่รู้สึกว่ามันไม่อร่อยก็เลยไม่คิดอยากจะดื่มต่อให้เพื่อนจะรบเร้าและด่าตามประสาวัยคะนอง สิ่งที่เขาทำในงานเลี้ยงคืนส่งท้ายปีเก่าคือการตักไอศกรีมสตรอเบอร์รี่มานั่งกิน ไม่แยแสสายตาใครอย่างที่เขาก็เป็นมาตลอด ใจเย็นกินไปเรื่อย แทบไม่คุยกับเด็กสาวที่เขาควงอยู่ด้วยซ้ำ จนหล่อนงอนหนีไปเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหล่อนงอน

ระหว่างรสสตรอเบอร์รี่ที่หวานซ่าน ใจเย็นนึกถึงคืนนี้ในปีก่อนหน้านี้หลายๆ ปี เขาไม่ได้อยู่ที่บ้าน ไม่ได้อยู่ที่ไทย แต่ไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัว น่าจะเรียกว่าครอบครัวใหญ่เพราะทั้งพิชญะและพริมาก็ไปด้วย ใจเย็นค่อนข้างจะชอบเพราะไอศกรีมในเมืองหนาวมักละลายช้า ถ้าไม่ต้องคอยระวังพริมาจะแย่งกินเขาก็จะปล่อยมันไว้เป็นการกินไอศกรีมข้ามปี หรือบางปีอาจเป็นขนมอย่างอื่นแต่เขาก็มักจะรบเร้าหาไอศกรีมสตรอเบอร์รี่กินจนได้ บางปีก็จะแบ่งกับทันใจถ้ามันไม่หนาวเกินไป แล้วใจเย็นก็สะดุดความคิดลงที่ตรงนั้น

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพ่อเขาไม่พาครอบครัวไปเที่ยวต่างประเทศแล้วในระยะหลังๆ อาจจะนับตั้งแต่ทันใจจากไป

รู้ตัวอีกที ไอศกรีมในถ้วยที่กินค้างไว้ก็ละลายลงแล้ว พร้อมๆ กับที่ได้ยินเสียงบอกให้เตรียมตัวนับเคาท์ดาวน์จากดีเจที่เพื่อนเสนอให้เขาจ้างมา ซึ่งก็เป็นตอนนั้นเองที่ใจเย็นลุกจากการนั่งคนเดียว หนีกลับไปอยู่ในห้องส่วนตัว เงียบ แต่เสียงวุ่นวายก็ยังเล็ดลอดเข้ามา เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นกดโทรหาคนที่ชวนเท่าไหร่ก็ไม่ยอมมาอยู่ด้วยในคืนนี้ รอสาย นาน และไม่ตอบรับ จนกระทั่งได้ยินเสียงเริ่มนับเคาท์ดาวน์

ถอยหลังตั้งแต่สิบ เก้า แปด เจ็ด กระทั่งถึงคำว่าแฮปปี้นิวเยียร์ เป็นไทก็ไม่รับสาย เหมือนทุกอย่างเงียบดับ เห็นภาพไอศกรีมละลายลอยแวบวาบในความคิด สุดท้ายใจเย็นทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ไม่แน่ใจว่าตั้งใจจะหลับฝันหรือว่าอะไร แต่ไม่นานนักแรงสั่นไหวจากโทรศัพท์มือถือก็ทำให้สะดุ้งตัวพรวดขึ้นมาหยิบดู ก่อนจะยิ้มออกมาเป็นยิ้มแรกของปี

“เป็นไท”

“โทรมาเหี้ยอะไรข้ามปี”

ซึ่งอีกฝ่ายก็ต้อนรับปีด้วยการด่าเขา แต่ใจเย็นก็ยิ้มที่ได้ยินเสียง ท่ามกลางเสียงอื้ออึงวุ่นวายของผู้คนและเสียงดนตรีจากปลายสาย

“ก็อยากเคาท์ดาวน์ด้วยนี่ครับ” ใจเย็นบอกตามที่รู้สึก “เสียดาย เป็นไทไม่รับสาย”

“ไม่ได้ยิน พอขึ้นปีใหม่ก็เลยหยิบมาเช็ก เห็นมึงโทรมาเนี่ย”

“งั้นเหรอ” ใจเย็นตอบรับ ทั้งที่ใจจริงมีอะไรอยากพูดมากกว่านี้ แต่เขาก็ตัดบทด้วยคำที่อยากบอกมาตั้งแต่ก่อนจะได้โทรหา “แฮปปี้นิวเยียร์นะครับ”

“เออๆ แฮปปี้นิวเยียร์”

“เป็นไทบอกผมเป็นคนแรกเลย”

“อ้าว แล้วงานเลี้ยงมึงล่ะ”

“ผมหนีมาอยู่ห้องนอน”

“เหรอวะ” เป็นไทตอบรับ เงียบงันชั่วครู่ก่อนเอ่ยบอก “พรุ่งนี้มึงมาที่บ้านกูดิ”

“ให้ไปบ้านเป็นไทเหรอ” แน่นอนว่าใจเย็นค่อนข้างจะแปลกใจ

“เออ มีอะไรจะให้”

“อะไรครับ”

“เฮ้ย แค่นี้นะ เพื่อนแม่งเมาละ”

ไม่ทันได้คำตอบและไม่ทันจะตอบรับอะไร เป็นไทก็กดวางสายไป ทิ้งเขางงงันอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์มือถือชั่วครู่ ก่อนจะวางมันลงกับเตียง และตามด้วยทิ้งตัวลงไปตามเดิม หากคราวนี้ค่อนข้างแน่ใจว่าจะหลับฝัน ไม่ใช่ว่าจะหนีจากสิ่งใด

เมื่อตื่นเช้ามาใจเย็นจำไม่ได้ว่าฝันอะไร หรืออาจไม่ได้ฝัน กระนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรไปกว่าการไปหาเป็นไทที่บ้าน ไม่ได้สนใจเพื่อนบางคนที่ก็แอ้งแม้งอยู่ในห้องนอนสำหรับแขก ก่อนจะรู้สึกว่าสนใจหน่อยก็ดีในตอนที่เห็นเป็นไทเดินหัวยุ่งลงมาหาเขาด้วยหน้าตาหงุดหงิดงัวเงีย

“บอกให้มาหาแต่ไม่ได้ให้มาแต่เช้าไอ้ห่า”

ด่าต้อนรับเช้าวันใหม่แต่ใจเย็นก็ไม่เคยรู้สึกว่าต้องโกรธอะไร และยังไม่ทันทวงถามถึงของที่เป็นไทบอกจะให้ เจ้าตัวก็มีท่าทีเหมือนนึกขึ้นได้ ส่งเสียงจิ๊ปากในลำคอก่อนจะเดินกลับขึ้นข้างบนไปแล้วลงมาใหม่

พร้อมกับหนังสือ เอกสาร และสมุด ยื่นมาให้เขา

“รับไปดิวะ หนัก”

นั่นเองที่ใจเย็นต้องคลายความมึนงง ยื่นมือไปรับก่อนจะพิจารณาแล้วรู้ว่ามันคืออะไร “หนังสือชีวะ...เหรอครับ”

“เออ นึกว่ากูจะให้ของขวัญมึงหรือไง” บ่นด้วยท่าทียังหงุดหงิดงัวเงียอยู่ “หนังสือเรียนกูเอง วันก่อนจัดห้องใหม่แล้วเจอ จะทิ้งก็เสียดายเลยให้มึงดีกว่า”

“ทำไมให้ล่ะครับ”

“เลิกถาม กูง่วง”

“งั้นเหรอ” ใจเย็นตอบรับแม้จะยังอยากได้คำตอบ “ก็ได้ครับ”

สิ้นคำนั้นเป็นไทก็โบกมือไล่เขาก่อนจะปิดปากที่อ้าหาวหวอดแล้วเดินหนีขึ้นห้อง ให้ได้ยินเสียงแม่ของเป็นไทบ่นกับกริยาของลูกชายแม้ใจเย็นไม่ได้ว่าอะไร เขายกมือไหว้ลาก่อนกลับมาที่รถ แต่ก่อนจะขับออกไปก็ยังติดใจกับสิ่งที่เป็นไทให้ ใจเย็นจึงค่อยๆ ไล่เปิดดูทีละอย่าง

เริ่มจากอย่างแรกคือเอกสารการเรียน เรียงเนื้อหาแต่ละชุดสะเปะสะปะไม่ค่อยเป็นระเบียบ จดบ้างไม่จดบ้างแต่ถ้าจดก็ดูจะเป็นแต่เนื้อหาสำคัญ สมุดเองก็ไม่ค่อยต่าง หากเห็นบ่นเบื่ออาจารย์หรือไม่ก็ง่วงในบางหน้า ส่วนหนังสือเรียนเป็นหนังสือจากที่เรียนพิเศษที่ใจเย็นเคยเห็นเพื่อนไปเรียนอยู่ เนื้อในจดยิบย่อยกว่า ภาพวาดที่ใช้อธิบายความเยอะกว่า ลายมือเป็นระเบียบบ้างอ่านไม่รู้เรื่องบ้าง ใช้ปากกาแค่สามสี น้ำเงิน แดง ดำ แต่รวมๆ แล้วก็เน้นใจความสำคัญเอาไว้ พอที่คนรับช่วงต่ออย่างเขาจะอ่านเข้าใจง่าย

ใจเย็นพลิกดูจนหมด ไม่มีข้อความหรือช็อตโน้ตใดสื่อสารถึงเขาที่เป็นไทยกทั้งหมดนี่ให้ เขาปิดหนังสือ วางลงบนเบาะข้างคนขับ ไม่รู้ตัวว่ากำลังรู้สึกอะไรอยู่ แต่ขณะที่เท้าแตะคันเร่งให้รถเคลื่อนตัวจากหน้าบ้านของเป็นไท ใจเย็นก็นึกถึงไอศกรีมสตรอเบอร์รี่เมื่อคืนขึ้นมา

ละลาย เลือนลาย กัดเซาะ เป็นความรู้สึกที่ใจเย็นไม่ชอบ ยิ่งกับความทรงจำดีๆ ที่ไม่เคยมีใครอธิบายว่าทำไมมันถึงต้องหายไป เขาจึงมักจะคิดว่าดีแล้วที่ตนเองไม่ค่อยรู้สึกอะไร หรืออย่างน้อยก็ไม่เข้าใจว่าตนเองรู้สึกอะไร แม้แต่กับสิ่งดีๆ ที่ผู้อื่นทำให้ด้วยความเต็มใจเป็นร้อยเป็นพันอย่าง

หากในตอนนี้เขากลับรู้สึกเหมือนน้ำแข็งที่มีในตัวเองกำลังละลายลง...เนิบช้า รอยยิ้มเองก็คลี่ออกมาด้วยท่วงทำนองเดียวกัน เพียงเพราะหนังสือและสมุดไม่กี่เล่มที่เป็นไทมอบให้












หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่17-ละลาย ◑หน้า8 (ุ27/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-03-2017 22:52:22
ความชอบที่เหมือนกันของใจเย็น เป็นไท คือไอศกรีมสตรอเบอรี่
ของใจเย็น เริ่มรู้แล้วว่า ชอบเป็นไท
จากที่ไม่มีความรู้สึก ไม่มีหัวใจ
ส่วนเป็นไท จะเรียกว่ารู้ตัวคงไม่ได้
แต่กำแพงน้ำแข็งที่กางกั้นกับใจเย็นเริ่มละลาย
ซึ่งดีกับทั้งสองคน   
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่17-ละลาย ◑หน้า8 (ุ27/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 27-03-2017 23:15:37
มันกระจ่างขึ้นตรงหนายยยยย

ฉันยังงง ๆ กับเจ้าเด็กซึนสองคนนี่อยู่เลย
คือแบบ เขาชอบกันแบบไม่รู้ตัวใช่ป่ะ ผูกพันกันมากขึ้นแบบมึน ๆ
55555

มันคุยกันรู้เรื่องด้วยเร๊อะ!?
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่17-ละลาย ◑หน้า8 (ุ27/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: MOMAMi_96 ที่ 28-03-2017 00:09:18
หนูเย็นคือชอบเจ้ไทจริงๆใช่มะไม่นะม่ายยยยยยยย :ling1:หนูเย็นคือชอบเจ้ไทจริงๆใช่มะไม่นะม่ายยยยยยยยยย :ling1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่17-ละลาย ◑หน้า8 (ุ27/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 28-03-2017 03:48:12
เป็นนิยายรักที่เย็นยะเยือกเหมือนไอศครีมจริงๆ แต่เราก็ยังแอบรู้สึกได้ถึงความหอมหวานของสตรอเบอร์รี
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่17-ละลาย ◑หน้า8 (ุ27/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 28-03-2017 21:15:32
ละละละละลายแล้ววววว ค่อยๆทีละนิดๆ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่17-ละลาย ◑หน้า8 (ุ27/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 29-03-2017 16:49:53


โธ่ใจเย็นของป้า ก่อนที่หนูจะดาหน้าพุ่งเข้าชนพ่อเป็นไทอย่างทุกวันนี้
ป้าขอแนะนำให้หนูทำความเข้าใจกับตัวเองก่อนดีไหมคะ?
แล้วอย่างนี้เมื่อไรหนูจะรู้ตัวล่ะลูกว่าอยากผิดผีกับเป็นไทยิ่งกว่าผู้หญิงไหน ๆ ที่ผ่านเข้ามา
แต่ก็นั่นแหละ ถึงใจเย็นจะใช้เวลาหลายหน่วยปีในการเรียนรู้ตัวเอง ป้ากลับเชื่อมั่นเหลือเกินว่าเป็นไทจะไม่ไปไหน

อย่างไรก็ดี ที่ป้าบอกว่าเป็นไทไม่ไปไหนนี่ไม่ใช่เพราะเป็นไทรักหนูหรอกนะลูก
แต่เพราะนอกจากเป็นไทจะไม่เปิดรับใครใหม่สู่ชีวิตแล้ว เป็นไทยังหงุดหงิดมากพอที่จะเหวี่ยงใครต่อใครหลุดจากวงโคจรไปง่าย ๆ เสียอีก

นี่แอบคิดเล่น ๆ ว่า ถ้าเกิดอยู่ดี ๆ เป็นไทเกิดถูกใจใครแบบไร้สาเหตุขึ้นมาสักคน
ใจเย็นอาจจะเลิกสับสนแล้วรู้ตัวเร็วขึ้นก็ได้

รอติดตามตอนต่อไปค่ะ ^^  :L2:


หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่17-ละลาย ◑หน้า8 (ุ27/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 29-03-2017 18:08:10
มาคิดได้ว่า ใจเย็นนี่น่าสงสารเหมือนกัน อะไร ๆ ก็ไม่ค่อยเข้าใจ ความรู้สึกตัวเองก็ไม่รู้ เหมือนเด็กที่เพิ่งเริ่มเรียนรู้เลย บางที

และเป็นไทไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยมากเท่าไหร่ 55555 (ทำไมตรงนี้ต้องหัวเราะนะ
)
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่17-ละลาย ◑หน้า8 (ุ27/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 31-03-2017 15:23:30
ชอบสำนวนคนเขียนจัง อ่นตอนที่บีบอารมณ์ นี่ก็ไล่เรียงเรื่องราวได้บีบอารมณ์สุดๆ ^^
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่17-ละลาย ◑หน้า8 (ุ27/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Moonuglygirl ที่ 31-03-2017 21:41:17
ความสัมพันธ์ก็ยังคลุมเคลือต่อไปครับท่าน เซ็งจิต
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่17-ละลาย ◑หน้า8 (ุ27/3/60)
เริ่มหัวข้อโดย: zzzzzz ที่ 01-04-2017 01:38:11
ใจเย็นคงเกิดความรู้สึกหมั่นเขี้ยวเป็นไทยเรื่อยๆเป็นพักๆเป็นช่วงๆต่อๆไปแน่ๆเลย555555555อ่านแล้วหมั่นเขี่ยวอะทั้งสองคนเลย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่18-กาแฟ ◑หน้า8 (ุ1/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 01-04-2017 09:51:32
18 – กาแฟ




ต่างกับคุณเกษราผู้เป็นรุ่นน้อง ไม่ว่าจะระยะแรก ระยะหลัง หรือตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ปราณีก็สังเกตไม่ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในจิตใจของลูกชายตนเอง ส่วนใหญ่หล่อนจะเห็นแต่เรื่องที่เป็นรูปธรรม รุนแรง แสดงออกชัด และสิ่งที่หล่อนทำก็แค่ยอมรับ ไม่ก็ปล่อยมันไป ให้สุดท้ายแล้วลูกชายหล่อนก็หมดฤทธิ์ไปเอง โดยไม่เคยสังเกตได้ถึงช่องว่างในรุนแรงก้าวร้าวเหล่านั้น ว่ามีละเอียดอ่อน เปราะบาง กระทั่งหักพังซ่อนอยู่มากแค่ไหน

ความรุนแรงที่เด็กชายเป็นไทได้รับนั้นส่งผลกระทบต่ออารมณ์ให้เหวี่ยงไหวง่ายดาย เขาร้องไห้ ขลาดกลัว กระทั่งสงบนิ่งแซมสลับอาละวาดกราดเกรี้ยวในบางครั้ง ซึ่งแม่ก็ดุว่าเฉพาะเวลาที่ต้องพาเขาออกไปพบปะผู้คน และไม่รู้ทำไม อาจเป็นเศษเสี้ยวของมืดหม่นจากในห้องน้ำหรือตู้เสื้อผ้าที่มืดสนิท เป็นไทรู้สึกว่าเขาควรจะกราดเกรี้ยวให้มากขึ้นในเวลานั้น บางทีอาจเพราะรู้สึกว่าแม่สนใจเขา จนท้ายที่สุดเมื่อเขาค่อยๆ เติบโตท่ามกลางคำสอนที่บกพร่อง เป็นไทกลับซึมซับถึงเหตุผลที่ควรหยุดด้วยตนเอง จากสายตาของคนในสังคมที่มองมา สายตาที่บ่งบอกว่าไม่อยากเห็นเขาอยู่ตรงนั้น

ไร้ค่า เป็นไทไม่อยากรู้สึกถึงมัน เขาจึงมักจะปรับตัวให้กลมกลืนสารพัดอย่างเพื่อดำรงในสังคม แม้บางครั้งจะเผลอปล่อยความเปราะบางที่ฉาบหน้าด้วยอารมณ์ขี้โมโหหงุดหงิดออกไป แต่ก็เพราะรู้ว่ายังมีเพื่อนที่ยอมรับมันได้ เพื่อนที่มองว่าเป็นเรื่องปกติในการชกต่อยทะเลาะวิวาทกับอริ เพื่อนที่ถ้าเขาร่วงหล่นก็จะคอยรอรับประคับประคอง

แต่กับบางเรื่อง เป็นไทรู้ดีว่าเขาก็จะแค่ร่วงหล่น แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไม่มีใครรับไว้ได้ทั้งนั้น

รสโกโก้หวานขมในลำคอก่อนที่มันจะหมดแก้ว เป็นไทไม่ได้ชอบโกโก้ เขาแค่ไม่อยากสั่งกาแฟ มันเป็นเครื่องดื่มที่ทำให้เขาใจสั่นและรบกวนการทำงานหลายๆ อย่าง โกโก้จึงมักเป็นสิ่งที่เขาเลือกหากต้องมาสอนพิเศษนอกสถานที่

ต่างจากเทอมที่แล้วที่เป็นไทสอนใจเย็นแค่คนเดียว เทอมนี้เขาแบ่งเวลาบ่ายวันอาทิตย์มาสอนเพิ่มอีกคน ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงถ้าจัดสรรเวลาให้ดี ไม่นานก็หมดเวลาสอน ไม่นานก็ได้ค่าเหนื่อย ท่องไว้แบบนั้นทุกครั้งจนผ่านไปได้ ครั้งนี้ก็เช่นกัน และเหมือนเดิมที่เขาจะชอบนั่งอยู่อีกสักพักใหญ่ๆ เพื่อทบทวนวิชาเรียนของตนเอง หมุนควงปากกาในมือเล่นระหว่างใช้ความคิด

ทว่า บางอย่างก็ทำให้ปากกาหลุดมือ ทุกอย่างสะดุด งงงัน ขาวโพลน ไม่สิ มืดดับน่าจะเหมาะกว่า มืดดับเหมือนตู้เสื้อผ้าที่เขาเคยต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่ในนั้น

พ่อของเขา – พ่อของเขาไม่ผิดแน่ต่อให้ไม่ได้เจอมาเกือบสิบปี เป็นไทจำใบหน้านั้นได้ดี ใบหน้าคมคายที่จะถมึงทึงเหมือนปิศาจเมื่อแผดผรุสวาท มือใหญ่ที่ใช้ทุบตี ร่างกำยำที่ดูแข็งแรงแม้จะล่วงเลยวัยกลางคนมาแล้วเล็กน้อย ชายคนนั้นยืนอยู่ในระยะสายตา ในร้านกาแฟที่เขานั่งอยู่ กำลังเคลื่อนไหว มีชีวิต มีตัวตนจริง ไม่ใช่ภาพฝันหลอกหลอน แม้ตอนนี้จะได้ยินเพียงอื้ออึงของความรู้สึกตนเองก็ตาม

เป็นไทสั่นสะท้านทั้งที่ไม่ได้ดื่มกาแฟสักหยาดหยด ระบบในร่างกายรวนเร เขาได้แต่จ้องมองนิ่งค้างเหมือนถูกสะกดให้นิ่งเงียบแบบครั้งยังเด็ก กาแฟดำ พ่อของเขาสั่ง เสียงทุ้มแหวกอากาศ บทเพลง เสียงเครื่องปั่น เสียงพูดคุย และเสียงสั่นระรัวในใจของเขา

กลัว

กลัวจะถูกพบ

วินาทีที่ความรู้สึกนั้นดังขึ้นมาในใจ เป็นไทก้มหน้าลง รู้สึกเหมือนตนเองคุดคู้อยู่ในตู้เสื้อผ้า ก่อนที่สั่นสะท้านขลาดกลัวทั้งหมดจะเริ่มต่อต้าน ไม่มีอะไรที่เขาต้องกลัว เขาโตแล้ว เป็นหนุ่ม ร่างกายมีกำลังพอจะล้มมันให้คว่ำ ใช่ มันเป็นแบบนั้น มันต้องเป็นแบบนั้น มันทำอะไรเขาไม่ได้

และสูดหายใจลึกที่เป็นไทเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง พ่อก็ยังอยู่ในสายตา ยังคงไม่เห็นเขา อาจไม่มองมาทางเขาด้วยซ้ำเพราะหญิงสาวคนหนึ่งก็ดึงดูดความสนใจของพ่อไว้ ให้พ่อยิ้ม ดูมีความสุข

พลันเป็นไทรู้สึกเหมือนถูกหวนทำร้ายอีกครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในจิตใจ ตั้งแต่อายุสิบสอง เขายังถูกทำร้ายซ้ำๆ ปวดร้าว ร่วงหล่น และแตกสลายเพราะไม่มีใครอาจแบกรับ ก่อนจะต้องเก็บชิ้นส่วนมาประกอบสร้างใหม่ให้เป็นตนเอง ให้หลบหนีไปจากตรงนั้น จากหวาดกลัวว่าจะถูกค้นพบ

แม้รู้ดีว่าคงไม่ถูกพบก็ตาม

เป็นไทได้แต่หอบเก็บชิ้นส่วนของตนเองกลับไปที่ห้อง เขารู้สึกตัวแค่นั้น ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เหมือนระหว่างนั้นเป็นฝัน ฝันร้ายยามลืมตา และเขาเหนื่อย เหนื่อยจนได้แต่หลับตาลงและขอให้ตื่นขึ้นมาในความจริงที่อยากให้เหมือนเป็นฝันดี

แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นดังใจปรารถนาเมื่อเป็นไทได้ลืมตาขึ้นมาอีกทีในความมืด เตลิดจนจำไม่ได้ว่านี่คือห้องนอนที่คอนโด พลันแสงไฟสว่างวาบจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือก็ช่วยดึงเขาออกมา ควานหาและหยิบขึ้นมาดูว่าใครที่โทรหา ก่อนจะรู้สึกเหมือนได้กลิ่นดอกไม้ฉุนในจมูก

“เป็นไท”

หรือบางที...อาจจะลอยอวลนุ่มนวลจนแปลกประหลาดพิกล

“ผมอยู่ล่างคอนโดแล้วนะ”

“ฮะ?...มาทำไมวะ”

ถามออกไปอย่างมึนงง ขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ว่าลำคอตนเองนั้นแห้งผาก

“เป็นไทเพิ่งตื่นเหรอครับ”

“...เออ”

“ง่วงเหรอ”

“เปล่า...ไม่รู้ดิ” เป็นคำตอบที่สับสน ยิ่งยังอยู่ในความสลัวลางยิ่งสับสน พลางคิดหาเหตุผลว่าใจเย็นมาหาเขาทำไมตอนนี้ – ตอนนี้ที่เขาก็ไม่รู้ว่ากี่โมงแล้ว รู้แค่ว่ามันเป็นวันอาทิตย์...

พลันก็นึกออกอีกอย่างว่ามันเป็นวันอาทิตย์ที่หนึ่งกุมภาพันธ์

วันเกิดของใจเย็น

“ถ้าไม่ง่วงไปกินข้าวกันนะครับ”

แล้วเจ้าของวันเกิดก็ย้ำความว่าทำไมถึงมารอเขาที่หน้าคอนโด เป็นไทค่อยๆ นึกออกทีละอย่างว่าเป็นคนตอบตกลงเอาไว้เองสำหรับการถูกเซ้าซี้ตลอดช่วงที่ไปสอนพิเศษในเดือนมกราคมหลังจากไปงานเลี้ยงขึ้นปีใหม่ไม่ได้

“อืม” เขาตอบ ยังรู้สึกคอแห้ง ตั้งใจว่าจะวางสายแล้วเบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือออกมาส่องให้ห้องพอสว่างก่อนลุกไปเปิดไฟ แต่พลันก็เปลี่ยนใจ “อย่าเพิ่งวางสายนะ”

“ไม่วางหรอกครับ”

“พูดห่าอะไรมาก็ได้ เรื่อยๆ” สั่งไปแบบนั้นและตั้งใจจะลุกไปเปิดไฟ แต่ว่าปลายสายกลับไม่เป็นดังใจให้เขาส่งเสียงเฮ้ยทักท้วง พลันใจเย็นก็ถามขึ้น

“หลับไปไม่ได้เปิดไฟใช่ไหมครับ”

แล้วก็แปลกใจปนหมั่นไส้ขึ้นมาที่คนซึ่งดูไม่เข้าใจอะไรเลยบนโลกใบนี้กลับรู้ทันเขาขึ้นมาแบบไม่คลาดเคลื่อนสักนิด กระนั้นมันกลับทำให้เขาคลายกังวล เออออยอมรับก่อนจะลุกออกจากเตียงไปกดสวิทช์ไฟให้ห้องส่องสว่าง

“เป็นไท”

“อะไร”

“อยากเห็นห้องของเป็นไทอะ”


“จะอยากเห็นไปทำไมวะ”

“วันเกิดครับ”

ตอบไม่ตรงคำถามทั้งยังฟังดูเอาแต่ใจ เหมือนที่นึกอยากทำอะไรทำ อยากพูดอะไรก็พูดเสมอมา และโดยไม่รู้ตัวที่เป็นไทเริ่มคิดขึ้นมาว่าก็สมเป็นใจเย็นดี ก่อนที่จะตอบรับเอออออีกครั้ง ไม่ได้ขัดข้องอะไรเพราะกับแค่ลงไปรับขึ้นมาก็ง่ายดายกว่าสอนพิเศษเป็นชั่วโมง

และอีกอย่าง อย่างไรก็ได้ถ้าเขาไม่ต้องอยู่คนเดียวเวลานี้

ถึงจะตื่นมาด้วยสถานการณ์ที่ชวนให้ลืมฝันร้ายที่เพิ่งเผชิญ แต่มันก็ยังฝังตรึงในความรู้สึก หวนย้อนนึกยังพรั่นพรึง สั่นสะท้านจนต้องข่มไว้ และจะดีกว่าถ้ามีใครสักคนมาอยู่เป็นเพื่อน ใครก็ได้...ที่ไม่ต้องฟังเขาก็ได้ ขอแค่ไม่พูดแต่เรื่องของตัวเองก็พอ

อีกแล้วที่เป็นไทรู้สึกเหมือนได้กลิ่นดอกไม้หอมหวนในนาสิกประสาททั้งที่ห้องของเขาหรือสิ่งติดตัวใจเย็นก็ไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับดอกไม้สักอย่าง

“เฮ้ย ไม่ต้องยุ่งกับโน้ตบุ้คกูนะ” แต่อย่างไรก็ตาม กลิ่นดอกไม้ก็ไม่ได้แก้นิสัยหวงของของเป็นไทอยู่ดี “กีตาร์ก็วางไปเลย เอาจริงมึงไม่ต้องแตะอะไรเลยจะดีกว่า”

“เพิ่งรู้นะครับว่าเป็นไทขี้หวง”

“กูกลัวมึงทำพัง” เถียงไป แม้จะเป็นความจริง ต่อให้เพื่อนมาห้องกี่คนเขาก็จะแยกแยะสิ่งของไว้ชัดเจนว่าอะไรแตะได้ อะไรแตะไม่ได้

“งั้นขอดูพวกหนังสือเรียนได้ไหม”

“หนังสือเรียน? ทำไมวะ?”

“เพราะเป็นของเป็นไท”

ถึงครั้งนี้ดูจะตอบตรงคำถาม แต่เป็นไทก็ไม่ค่อยเข้าใจใจเย็นอยู่ดี ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเป็นเหตุผลในการตัดสินใจหลายๆ อย่างของใจเย็น กระนั้นก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลยเพราะไม่ได้เดือดร้อนอะไร เขามองใจเย็นที่พลิกเปิดดูเล่มนั้นเล่มนี้บนโต๊ะอ่านหนังสือของเขาไปเรื่อย ดูเพลินราวกำลังเล่นเกม เรื่อยเปื่อย นาน ยังความไม่เข้าใจมาให้เป็นไทจนต้องทวงถามว่าจะดูไปถึงไหน ซึ่งก็ไร้คำตอบ จนเขาเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาและเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาก็ยังเห็นแบบเดิม สุดท้ายจึงทิ้งตัวนอนลงบนโซฟา มองอีกฝ่าย

แล้วก็เพิ่งรู้สึกว่าเขาไม่ค่อยได้มองใจเย็นแบบสังเกตละเอียดลออเท่าไหร่นัก อาจเพราะใจเย็นก็ดูเหมือนเดิมๆ อยู่ตลอด ชอบใส่เสื้อแขนยาวไม่ว่าอากาศจะเป็นอย่างไร บรรยากาศรอบตัวดูเงียบงัน การเคลื่อนไหวดูค่อยเป็นค่อยไป เหมือนไม่เคยรีบร้อนอะไร เหมือนว่าใจเย็นสมชื่อ แต่เป็นไทคิดว่าลึกๆ เจ้าตัวก็ไม่ใช่คนใจเย็นสักเท่าไหร่ คงเพราะความเอาแต่ใจนั่น ความเอาแต่ใจที่มีเขาเป็นส่วนประกอบ

คิดถึงตรงนี้เป็นไทก็เริ่มหลับตาลง เป็นไปได้ก็อยากจะหลับอีกสักงีบเพราะก่อนหน้านั้นไม่ได้ให้ความรู้สึกของการพักผ่อนสักนิด แต่แล้วก็สัมผัสได้ว่าใจเย็นลุกจากเก้าอี้หน้าโต๊ะอ่านหนังสือ และเดินตรงมาหา นั่งลงบนโซฟาส่วนที่ยังว่าง

“กูขี้เกียจไปแล้วเนี่ย”

“ไม่ไปก็ได้ครับ

“อย่าลูบหัวกู”

ทันทีทันใดที่เป็นไทปัดมือของใจเย็นออก แต่ก็ไม่ได้ลืมตาหรือลุกขึ้นนั่งทะเลาะเพราะก็คร้านตามที่บอก

“วันนี้ดูเหนื่อยๆ เป็นอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มีอะไร”

“งั้น...ไปกินข้าวกันเถอะครับ”

ใจเย็นเอ่ย ให้เป็นไทลืมตาพร้อมกับที่อีกฝ่ายลุกขึ้น แล้วบางอย่างก็ดลให้เขารั้งไว้ ไม่ใช่ด้วยมือ หากเป็นคำพูด

“มึงเคยกลัวอะไรไหม”

ใจเย็นนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาทิ้งตัวนั่งลงที่เดิม “คิดว่าไม่นะครับ”

“กูว่าละ”

“แล้วเป็นไทล่ะครับ”

“กูกลัวพ่อ”

ไม่รู้ทำไมเขาถึงตอบไปไม่ลังเล อาจเพราะรู้สึกว่าถ้าไม่ตอบตอนนี้ ก็คงไม่พูดไปอีกแล้ว

ใจเย็นไม่ได้พูดอะไรมาทันที เหมือนนิ่งคิด นานจนความอึดอัดก่อตัว แต่ก็เพียงวูบเดียว “เพราะเขาขังเป็นไทไว้ในตู้เสื้อผ้าเหรอ”

“...คงงั้น” เขาตอบ น้ำเสียงเริ่มเจือความไม่มั่นใจ “วันนี้กูเจอพ่อด้วย”

“งั้นเหรอ”

“แต่แม่งไม่เห็นกูหรอกมั้ง ซึ่งก็ดีละ”

“ไม่อยากเจอเหรอครับ”

เป็นไทเงียบ เขาไม่แน่ใจในคำตอบ ไม่อยากเจองั้นหรือ เป็นอย่างนั้นหรือ แต่ก็ใช่ว่าเขาอยากเจอ เพียงคิดว่าถ้าตัดบางสิ่งบางอย่างในความรู้สึกออกไปได้ เขาอาจไม่ต้องรู้สึกพรั่นพรึงขนาดนี้เมื่อพบหน้ากับชายที่เริ่มแก่ลงไปทุกที ทุกที

“ไม่อยากเห็นสายตาที่เขามองกู”

จนสุดท้าย เป็นไทก็กลั่นกรองคำตอบออกมาได้

“กูกลัวสายตาของเขา”

เอ่ย พลางรู้สึกว่าไม่อยากหลับตาลงในตอนนี้ ราวกับแม้แต่ความมืดมิดหลังเปลือกตาจะทำให้เขาระลึกได้ถึงสายตาของพ่อในวันนั้น สายตาที่จ้องมองมาที่เขาอย่างว่างเปล่าจนรู้สึกเจ็บแสบไปหมด

และเขากลัว...ว่าจะต้องเผชิญกับมันอีก

“วันหลังบอกผมนะครับ”

หากพลันคำพูดของใจเย็นก็ทำให้เป็นไทหันไปมองสีหน้าเบื้องบน

“ถ้าเป็นไทมีคนอยู่ด้วย จะกลัวน้อยลงนี่ครับ”

แล้วก็ได้เห็นสายตาที่ตรงข้ามกับความว่างเปล่าที่เขากลัวมาตลอด ให้รู้สึกเหมือนกาแฟออกฤทธิ์ไปทั่วระบบประสาททั้งที่ไม่ได้ดื่มเลยสักหยดจนต้องหลบสายตา

“วันนี้มึงอายุเท่าไหร่นะ สิบเจ็ดปะ”

“ครับ”

“เออ สุขสันต์วันเกิด”

เป็นไทเอ่ย และถึงไม่ได้มองหน้าแต่เขารู้สึกได้ว่าใจเย็นจะยิ้ม ยิ้มเหมือนเด็กๆ ตอนที่อยู่กับเขา ได้ยินเสียงขอบคุณ ทั้งที่เขาคิดแย้งว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรให้เลย ลืมนัดไปแล้วด้วยซ้ำในตอนแรก จนคิดอยากจะหาทางแก้ไขให้ดีกว่านี้แต่ก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร

เพราะอย่างนั้นเขาจึงปล่อยเลยตามเลยตอนที่มือของใจเย็นลูบลงมาที่เรือนผมของเขาอีกครั้ง และในความอุ่นจากมือ เป็นไทรู้สึกเหมือนตนเองเพิ่งดื่มกาแฟ กาแฟที่ทำให้ใจสั่นและรบกวนระบบคิดหลายๆ อย่าง

เช่นว่า เขาจะมีคนคอยรับเอาไว้ยามที่ร่วงหล่น ให้ไม่ต้องแตกสลายกระจัดกระจายอีก











เป็นไท : ทำไมมึงชอบลูบหัวกูวะ

ใจเย็น : ก็กับทันใจ...

เป็นไท : สัดดด






หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่18-กาแฟ ◑หน้า8 (ุ1/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-04-2017 11:42:57
ใจเย็น ที่จริงๆไม่ได้ใจเย็นอย่างชื่อ
เข้าไปในระบบความคิดของเป็นไทแล้ว
ใจเย็น ทำให้เป็นไท รู้สึกตัวเองมีค่า
ใจเย็น ให้ความสำคัญกับเป็นไท
แรกๆใจเย็น ทำให้เป็นไท รำคาญ
แต่ใจเย็นรู้ใจเป็นไท แม้อยู่คนละที่
ว่าเป็นไท นอนหลับไปโดยลืมปิดไฟ
ใจเย็นไม่รุกเร้า แต่กลับตามใจเป็นไท
ไม่อยากออกไปข้างนอก ก็ไม่ต้องไป
เป็นไท ยอมบอกความกลัวพ่อให้ฟัง
ใจเย็น กลับบอก“วันหลังบอกผมนะครับ”
“ถ้าเป็นไทมีคนอยู่ด้วย จะกลัวน้อยลงนี่ครับ”
ใจเย็นรับได้ทุกอย่างของเป็นไท
ระยะห่างระหว่างสองคน เริ่มขยับเข้าหากัน
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่18-กาแฟ ◑หน้า8 (ุ1/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 01-04-2017 13:08:12
เหมือนใจเย็นจะบอกว่า เป็นไทเหมือนทันใจ
นั้นก็คือหมานั้นเองงง 555555555
เป็นไทเริ่มเปิดใจเรื่อยๆแล้วค่าาา
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่18-กาแฟ ◑หน้า8 (ุ1/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 01-04-2017 14:58:40
ขำสามบรรทัดสุดท้าย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่18-กาแฟ ◑หน้า8 (ุ1/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Moonuglygirl ที่ 01-04-2017 15:25:14
สถานะภาพหมือนแค่ต้องการคนเข้ามาเติมเต็มความรู้สึกมากกว่ารู้สึกรักใคร่นะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่18-กาแฟ ◑หน้า8 (ุ1/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 01-04-2017 15:55:50
สงสารเป็นไท
และก็ชื่นชมที่การถูกทำร้ายโดยพ่อ (และอาจจะแม่ด้วย) ในวัยเด็ก ส่งผลกระทบต่อเป็นไทได้ไม่เลวร้ายนัก  เป็นไทต้องเข้มแข็งมากถึงได้ควบคุมไม่ให้มันกลายเป็นปัญหาร้ายแรงต่อคนอื่นถึงข้างในจะมีบาดแผลหนักขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่18-กาแฟ ◑หน้า8 (ุ1/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 01-04-2017 19:04:39
เป็นไท กับ ทันใจ เอ็นดูเหมือนกันฝช่ม๊ะ ใจเย็น
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่18-กาแฟ ◑หน้า8 (ุ1/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: natchaya ที่ 01-04-2017 19:53:07
ชอบบทบรรยายถึงการเปรียบเทียบอะไรน่างๆจัง อ่านๆไปก็งง 555 แต่สนุกดีค่ะ ชอบบ ><
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่18-กาแฟ ◑หน้า8 (ุ1/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 01-04-2017 20:55:17
สองคน เหมือนต้องรักษา และดูแลกันและกัน สู้ๆน้า ทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่18-กาแฟ ◑หน้า8 (ุ1/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 01-04-2017 21:52:54
กาแฟยี่ห้อใจเย็น ไม่ต้องกินก็ใจสั่นได้......

ดีใจกับเป็นไทด้วยยยยยย  :mc3: :mc2:
ต่อไปนี่จะไม่แตกร้าวแล้ว เบาะและกาวชั้นดี ที่จะช่วยซ่อมแซมและโอบรับ เป็นไท ดีใจ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่18-กาแฟ ◑หน้า8 (ุ1/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 02-04-2017 09:08:28
เริ่มเปิดใจทีละนิดแล้ว
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่18-กาแฟ ◑หน้า8 (ุ1/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: jejiiee ที่ 02-04-2017 10:29:30
เราว่ายังไม่รู้สึกรักเลยนะทั้งสองคนเลย ใจเย็นเอ็นดูเป็นใจมาก ในระดับเปรียบเทียบเป็นทันใจแล้วละก็ 555555 ส่วนเป็นไท อืมมม คงอีกนานกว่าจะรู้สึกอะไรๆ กับน้องจริงๆ รอติดตามค่ะะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่18-กาแฟ ◑หน้า8 (ุ1/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 03-04-2017 23:12:42
ทำไมน่ารัก
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่18-กาแฟ ◑หน้า8 (ุ1/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 05-04-2017 16:13:30
กาแฟยี่ห้อใจเย็น ไม่ต้องกินก็ใจสั่นได้......

ดีใจกับเป็นไทด้วยยยยยย  :mc3: :mc2:
ต่อไปนี่จะไม่แตกร้าวแล้ว เบาะและกาวชั้นดี ที่จะช่วยซ่อมแซมและโอบรับ เป็นไท ดีใจ


หูย อ่านความเห็นนี้แล้วอดคิดเข้ารกเข้าพงไม่ได้
คือแบบ เราแอบสงสัยว่าถ้าเป็นไทเกิดได้กินกาแฟยี่ห้อใจเย็นขึ้นมาจริง ๆ นอกจากใจแล้ว จะมีอะไรที่สั่นไหวอีกไหมคะ?
(ถ้าอ่านแล้วไม่พอใจ ด่าได้นะคะ แต่อย่าแรง เห็นแก่แมลงหื่นในใจเราด้วย)

ว่าด้วยนิยาย...
เราว่าเราพอเห็นลู่ทางที่สองหนุ่มจะถักทอความสัมพันธ์กันชัดขึ้นแล้วล่ะค่ะ
จากตอนแรกที่แอบรู้สึกว่า การจับคนที่มีอดีตแตกหักสองคนมาเจอกัน มันจะดราม่ามากไหม
ทำไปทำมา เราเริ่มรู้สึกนิด ๆ แล้วล่ะว่า เป็นไทโชคดีที่เจอใจเย็น เพราะอย่างน้อย ๆ ตอนนี้ใจเย็นก็ทำให้เป็นไทรู้สึกว่าเป็นที่ต้องการของใครสักคน พร้อม ๆ กับที่รู้สึกอบอุ่นใจที่ไม่ต้องต่อสู้กับฝันร้ายในอดีตเพียงลำพัง

ฝั่งใจเย็นนั้น... ป้าเห็นใจค่ะ
เพราะใจเย็นซับซ้อนกว่าเป็นไทมาก ไหนจะตั้งหลัก จูนความรู้สึกนึกคิดของตัวเองให้ได้
ไหนจะต้องคอยผ่อน คอยดึงเป็นไทไม่ให้หนีหายคลายห่างไปไหน
หนำซ้ำยังต้องคอยหักห้ามตัวเองไม่ให้ทำมิดีมิร้ายเป็นไทก่อนวัยอันควรอีก เยอะจนน่าเห็นใจนางค่ะ จุด ๆ นี้
(เอ กรณีที่ผู้เยาว์พรากผู้ใหญ่กว่า มีกฏหมายอาญาข้อไหนเอาผิดไหมคะ?)

รอติดตามตอนต่อไปนะคะ
อยากอ่านตอนที่เขารักกันเร็ว ๆ อยากรู้ว่ามันจะหวานจนทำให้ลืมเลือนความเจ็บปวดที่ทั้งคู่พานพบหรือเปล่า
เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^  :กอด1:


หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่18-กาแฟ ◑หน้า8 (ุ1/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 06-04-2017 13:38:27
สองคนนี้เป็นคนเข้าใจยากจริงๆ แต่ก็แปลกดีนะเข้าใจยากกันทั้งคู่แต่ก้ดูเหมือนทัั้งคู่จะเข้าใจกันได้ดี ต่างคนต่างทลายกำแพงของกันและกัน ชอบกันตอนไหนก็ไม่รู้แต่ว่ากว่าจะรู้ตัวกันคงขาดกันและกันไม่ได้แล้ว

เป้นนิยายที่หน่วงอึมครึมๆแต่ชอบอ่ะ :3123:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่19-หวานขม ◑หน้า9 (ุ6/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 06-04-2017 15:51:58



19 – หวานขม




เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาในความสัมพันธ์หรือรู้สึกไม่เท่าเทียมในความลำเอียงเสียเอง ถ้าเทศกาลสำคัญใดเดินทางมาถึง คุณเกษราจะทำทีเป็นว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนัก ไม่จำเป็นต้องให้คุณพิทักษ์พากันไปเที่ยวไหนไกลหรือไม่อยากทำให้ใครน้อยใจจนสุดท้ายต้องยกโขยงไปกันหมด คุณเกษรารู้สึกจมลงทุกทีที่คุณพิทักษ์ลอยตัวอยู่เหนือปัญหา ในที่สุดแล้วหล่อนจึงไม่ให้ความสำคัญกับเทศกาลหรือวันหยุดใดโดยเฉพาะวาเลนไทน์

ปีนี้ก็เช่นกัน หล่อนไม่ได้เตรียมการหวานใดให้สามีเป็นพิเศษ นอกจากจัดดอกไม้ไว้ทั่วบ้านอย่างที่ทำเป็นประจำ ไม่ใช่ดอกกุหลาบ คุณเกษราเบื่อดอกกุหลาบในวันนี้เพราะมันเป็นดอกไม้สิ้นคิดที่คุณพิทักษ์มักหามาให้ โรสแมรี่จึงเป็นดอกไม้ที่หล่อนเลือก บอกกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแต่เช้าว่ามันเป็นดอกไม้แห่งความทรงจำ บอกว่ามอบมันให้เขาเป็นตัวแทนของจดจำแรกตั้งแต่ใจเย็นเข้ามาอยู่ในชีวิตแม่จนวันนี้ โดยไม่ได้บอกว่าลึกๆ แล้วมันก็เป็นความจำจดที่หล่อนมีให้คุณพิทักษ์เช่นกัน

เย็นวันนั้นคุณเกษราขับรถออกจากบ้านด้วยตัวเอง อย่างที่บอกกับคนในบ้านล่วงหน้าแต่เย็นวานว่าจะไปดินเนอร์กับเพื่อนที่เพิ่งหย่าขาดกับสามี เติมเต็มเว้าแหว่งให้หล่อนไม่รู้สึกเสียใจในวันแห่งความรัก ซึ่งคุณเกษราก็ไม่เคยยอมรับว่าตนเองตามหาสิ่งเติมเต็มในเว้าแหว่งมาตลอดเช่นกัน

ใจเย็นไม่เคยรู้เรื่องเหล่านั้น เขาแค่ซึมซับการลดความสำคัญในเทศกาลต่างๆ มาจากแม่ นอกจากวันเกิดเขาเองแล้ว วันอื่นก็ดูธรรมดาไม่ต่างกัน วาเลนไทน์ในสายตาใจเย็นจึงไม่ได้นัดใครไว้เป็นพิเศษ ที่ทำก็คงแค่กดสั่งดอกไม้ออนไลน์ส่งไปให้ ส่วนตัวเขาก็อยู่บ้าน รอเป็นไทที่จะมาสอนในทุกวันเสาร์ ดูธรรมดา แต่บางอย่างทำให้เขากระวนกระวายใจอยู่ลึกๆ

ใจเย็นไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร เขาได้แต่เปิดดูหนังสือชีววิทยาที่เป็นไทให้มาระหว่างรอเวลาให้ถึงบ่าย บ่อยครั้งที่เขานั่งอ่านลายมือของเป็นไทแล้วก็รู้สึกอยากจะอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก แม้บางเรื่องจะรู้อยู่แล้ว แบบที่ถ้าถามอะไรมาใจเย็นก็ตอบได้หมด ใจเย็นก็ยังชอบเปิดดูอยู่แบบนั้น พลันก็นึกถึงภาพที่เป็นไทนั่งอยู่ข้างๆ มือที่เห็นปุ่มกระดูกตรงข้อมือชัดจดขยุกขยิกหรืออาจทดเลขเพื่อคำนวณบางอย่าง บ้างก็หมุนควงปากกาในมือเล่น ก่อนจะหยุดลง เขียนคำตอบ และบางครั้งก็คลี่ยิ้มออกมา

ไม่รู้ทำไมใจเย็นเหมือนจะเมากลิ่นดอกไม้เสียเองในเที่ยงวันนั้น เขาเข้าไปนั่งในซุ้มไม้ที่ปกคลุมด้วยม่านบาหลีรอให้เวลาบ่ายมาถึง เหมือนได้ยินเสียงเข็มวินาทีย่ำเท้าทั้งที่ไม่มีนาฬิกาตรงนั้นสักเรือน ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก ดังไปเรื่อย กระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าของเป็นไทก้าวเข้ามาใกล้ สรรพเสียงในจินตนาการก็หยุดลงพร้อมกับตัวเขาเองที่ฉีกยิ้ม

อาจเพราะดีใจ ดีใจที่จะได้เห็นเป็นไทอยู่ตรงหน้า ให้ได้นั่งมองมือที่เห็นปุ่มกระดูกตรงข้อมือชัดนั้นเขียนอะไรขยุกขยิก ให้ได้เห็นมือนั้นควงปากกาเล่น ให้ได้ยินเสียงสอนวิธีทำโจทย์ที่ก็เข้าหูบ้างไม่เข้าหูบ้างแต่ถ้าเป็นคำด่าก็จะชัดเจน

และนานๆ ทีเท่านั้นที่เจ้าตัวจะคลี่ยิ้ม

“เลิกสอนแล้วไปไหนไหมครับ” ใจเย็นถามตอนที่หมดชีทของวันนี้แล้ว ซึ่งก็ล่วงเลยมาให้ตะวันคล้อยกว่าปกติมากทีเดียว

“ไป”

“ไปไหนครับ”

“นัดสาวไว้ว่ะ”

พลันใจเย็นก็รู้สึกว่าใจตนเองคือลูกโป่งที่โดนเป็นไทเปิดจุกปล่อยลมให้ตัวฟีบ

“งั้นเหรอ” กระนั้นเขาก็ตอบรับไปปกติ “ที่ไหนเหรอครับ”

“ถามเหมือนมึงจะตามไป”

“ได้ก็ดีครับ”

“สัด มึงดูว่าง” เป็นไทด่า “กับผู้หญิงของมึงอะ ไม่มีนัดหรือไง”

“ไม่มีครับ”

“โถ น่าสงสาร” ทั้งที่น้ำเสียงดูกระแนะกระแหน แต่ใจเย็นกลับยิ้มขำ

“ถ้าเห็นใจก็อยู่เป็นเพื่อนผมสิ”

“ไม่อะ” เป็นไทตอบทันควันไร้เยื่อใย

“ติดนัดสินะครับ”

ใจเย็นยอมรับแต่โดยดี ซึ่งเขาก็มักจะเป็นอย่างนี้เวลาที่อยากไปเที่ยวไหนกับคนที่คบอยู่แต่หล่อนติดนัดอื่น ธรรมดา ไม่ได้มีอะไรพิเศษ หากบางสิ่งที่ทำให้เขากระวนกระวายอยู่ลึกๆ ในวันนี้ก็ขุ่นมัวในความรู้สึก

เหมือนว่าเขาเริ่มจะเข้าใจเหตุผลที่คนเราต้องการครอบครองใครสักคนแต่เพียงผู้เดียวขึ้นมานิดๆ

“จริงๆ กูก็ไม่ได้มีนัดหรอก” พลันเป็นไทเอ่ยเฉลยคั่นกลางความเข้าใจ “ผู้หญิงน่ารำคาญจะตาย”

“งั้นเหรอ” ทั้งที่อยากตอบว่าเห็นด้วยเป็นบางส่วน แต่ใจเย็นก็ตอบรับด้วยคำติดปากก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา “งั้นเย็นนี้ก็ว่างแล้วสิครับ”

เป็นไทไม่ตอบ แค่ยักไหล่ ดูกวนประสาท กระนั้นก็ยิ่งทำให้เขาเซ้าซี้ถาม

“ไปเที่ยวกันไหมครับ”

“ไม่อะ วันนี้คนเยอะแหง”

“งั้น...อยู่บ้านก็ได้”

“แล้วมีอะไรทำ”

“อยู่กับผมไงครับ”

“กูกลับบ้านดีกว่า” ชัดว่าเป็นไททำสีหน้าเหนื่อยหน่าย กระนั้นใจเย็นก็ยิ้มด้วยอารมณ์ตรงข้าม ก่อนจะวกเปลี่ยนเรื่องตามใจฉัน

“วันนี้ยังไม่กินไอติมเลย”

แน่นอนว่าได้ยินเป็นไทบ่นและสถาปนาเขาเป็น ‘ไอศกรีมสตรอเบอร์รี่เลิฟเวอร์’ ซึ่งใจเย็นก็แค่ยิ้มรับ ไม่ได้ปฏิเสธหรือสวนกลับว่าอีกฝ่ายก็เป็นเหมือนกัน เขาแค่ตักไอศกรีมพูนๆ อีกถ้วยให้เป็นไทเหมือนทุกครั้ง

ใจเย็นชอบรสหวานและเย็นของไอศกรีมสตรอเบอร์รี่ที่แผ่ซ่านในปาก และก็ชอบที่เป็นไทมักจะชวนคุยขึ้นมาเองตอนที่เขาเงียบ อย่างวันนี้ถามถึงดอกไม้ในแจกันวันวาเลนไทน์ ใจเย็นก็บอกชื่อ บอกความหมายรวมทั้งสิ่งที่แม่บอกกับเขา ให้เป็นไทตอบรับอืมสั้นๆ ก่อนจะเงียบไป ไม่รู้ว่าคิดสิ่งใดอยู่

“เป็นไท” ครั้งนี้ใจเย็นเป็นฝ่ายเริ่มหัวข้อแม้ไอศกรีมยังไม่หมด “รับสอนชีวะไหมครับ”

“ไม่น่าจะไหว”

“ค่อยๆ สอนก็ได้ครับ”

เป็นไทไม่ได้ตอบทันที เหมือนรอไอศกรีมที่เพิ่งตักเข้าปากละลายลงคอ “มึงไปเรียนที่กวดวิชาดิ”

“แต่ผมอยากให้เป็นไทสอนนี่ครับ”

“กูไม่เก่งชีวะ เอาจริงวิชาเลขที่สอนอยู่ก็มีคนสอนดีกว่ากูเยอะแยะไป” เป็นไทอธิบาย “ก็ไม่รู้ว่าทำไมมึงอยากให้เป็นกูซะทุกอย่าง”

“ก็ชอบเป็นไทนี่ครับ”

แล้วเหมือนเคยที่ใจเย็นตอบตามที่รู้สึก ไม่ได้ไตร่ตรองอะไรให้มากมาย เห็นเป็นไททำสีหน้าอ่านยาก เหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง น่าจะเป็นคำด่าเสียด้วยจากคิ้วที่ขมวดมุ่น กระนั้นก็หันกลับไปตักไอศกรีมคำต่อไปเข้าปาก ตอนนั้นเองที่ใจเย็นเห็นตะวันยอนแสงผ่านม่านบาหลีเข้ามา

“แล้วที่อยากให้เป็นไทสอนชีวะก็เพราะเป็นไททำให้ผมกลับมาสนใจมันได้” ใจเย็นมองอีกฝ่ายที่ไม่ได้หันกลับมาสบตาเขา “เรื่องอื่นๆ เป็นไทก็ส่งผลต่อความคิดผมเหมือนกันนะครับ”

น่าจะเป็นการอธิบายสิ่งในใจให้ฟังเทียมเท่ากับตอนที่เล่าเรื่องทันใจ หรืออาจจะมากกว่าแม้น้อยประโยคกว่า กระวนกระวายใจที่ขยายความไม่ได้ในวันนี้ก็เหมือนว่าทำให้ไอศกรีมละลายพอๆ กับเงาแดดที่ไหวไปตามม่านบาหลีพริ้วลม และเมื่อเป็นไททำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง ใจเย็นก็ชิงเอ่ยเสียก่อน

“ไอติมเลอะปากครับ”

นั่นทำให้เป็นไทยกมือขึ้นจะเช็ดรอยเลอะ แต่ก็อีก ใจเย็นจับมือข้างนั้นกดลง เห็นแววตาสงสัยระคนตกใจไม่ทันตั้งตัวของอีกฝ่าย เบิกกว้างเป็นประกายพอๆ กับแดดยามเย็น

ไอศกรีมในถ้วยกำลังละลาย รสหวานที่มุมปากจึงน่าลิ้มลองกว่า

หรืออาจจะขม

ใจเย็นไม่รู้คำตอบในวินาทีเหล่านั้น มันอาจเป็นการเริ่มต้นหรือหักพังสัมพันธ์ด้วยสิ่งที่เขากำลังคิดอยากทำ และเขาก็ไม่รู้พอๆ กับที่ไม่เคยรู้สิ่งที่แม่รู้สึกต่อพ่อ ใจเย็นไม่รู้ว่าในวินาทีเดียวกันแม่เขาเห็นอะไร

อย่างน้อยก็ในวันนั้น เดือนนั้น อาจจะทั้งปี หรืออาจจะตลอดชีวิตหากคุณเกษราเก็บซ่อนความรู้สึกขมต่อภาพที่เห็นในร้านอาหารหรูบนตึกสูงใจกลางเมืองได้ตลอดไป

เป็นภาพของคุณพิทักษ์ที่โอบไหล่หญิงสาวที่ไม่ใช่แม้แต่ทิพย์ หรือปัทมา










หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่19-หวานขม ◑หน้า9 (ุ6/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: tn ที่ 06-04-2017 16:48:49
 :z3: :z3: :z3: บรรยากาศฝั่งเหล่าลูกๆก็ยังอึนๆอยู่เลย อิตัวพ่อก็จะหาเรื่องเข้าบ้านซะงั้น
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่19-หวานขม ◑หน้า9 (ุ6/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Rungsai ที่ 06-04-2017 17:06:06

“ไอติมเลอะปากครับ”

นั่นทำให้เป็นไทยกมือขึ้นจะเช็ดรอยเลอะ แต่ก็อีก ใจเย็นจับมือข้างนั้นกดลง เห็นแววตาสงสัยระคนตกใจไม่ทันตั้งตัวของอีกฝ่าย เบิกกว้างเป็นประกายพอๆ กับแดดยามเย็น

ไอศกรีมในถ้วยกำลังละลาย รสหวานที่มุมปากจึงน่าลิ้มลองกว่า




นี่กำลังจะหมายถึงใจเย็นเช็ดไอติมที่เลอะปากเป็นไทด้วยปากตัวเองหรือเปล่านะ
ส่วนคุณพิทักษ์นี่ก็จริง ๆ เลย ทำไมมักมากแบบนี้

 :z3:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่19-หวานขม ◑หน้า9 (ุ6/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 06-04-2017 17:37:50
อีคุณพ่ออออ แค่มีคนอื่นแล้วไม่สำนึกนี่ก็ว่าแย่แล้วนะ
เสือกมีเพิ่มอีก โอยยย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่19-หวานขม ◑หน้า9 (ุ6/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 06-04-2017 17:42:24
ชีวิตโหดร้ายมากค่ะ เหมือนไม่มีอะไร ใช้ชีวิตได้ค่อนข้างปกติ แต่ความจริงแล้ว มีบาดแผลเต็มไปหมด

ใจเย็นเป็นไท จะช่วยเยียวยากันและกัน ดูเป็นไทเปิดใจมากขึ้น

สงสารแม่ใจเย็น ต้องทุกข์ขนาดหนัก พ่อก็ทำไมไม่รู้สึกอะไรเลย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่19-หวานขม ◑หน้า9 (ุ6/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 06-04-2017 18:26:54
ริวสัมผัสได้ถึงพลังแห่งดราม่าแรงมาก ในอนาคตกาลตอนหน้า
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่19-หวานขม ◑หน้า9 (ุ6/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-04-2017 20:06:52
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่19-หวานขม ◑หน้า9 (ุ6/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-04-2017 20:19:12
คุณเกษรา มีกรรม
ที่มารักคุณพิทักษ์ ที่มักมาก ไม่รู้จักพอ
คุณพิทักษ์ น่าจะมีปมแต่เด็ก
ปมนั้นเลยส่งผลกับตัวเองที่ห้ามไม่ได้
คือ พ่อคุณพิทักษ์ก็มีภรรยาหลายคน
ทำร้ายจิตใจแม่ตัวเอง ทั้งที่ไม่ชอบพ่อที่เป็นแบบนี้
แต่พอโต กลับทำตามพ่อซะงั้น
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่19-หวานขม ◑หน้า9 (ุ6/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 06-04-2017 21:31:40
คุณพิทักษ์ทำไมถึงไม่รู้จักพอซักที มีปมอะไรกันนักถึงต้องการความรักมากซะขนาดนี้ไม่ได้รู้ถึงจิตใจคนเป็นเมียบ้างหรือ คุณเกษรายอมมา 2 คนแล้วนะ ต้องมีอีกกี่คนถึงจะพอ เราไม่เข้าใจคุณพิทักษ์จริงๆ เราว่าคนแบบนี้สมควรที่จะได้อยู่ตัวคนเดียวนะ จะได้ไม่ต้องมีใครต้องเจ็บปวดกับความไม่ซื่อสัตย์ของผู้ชายคนนี้ หย่าเหอะคุณเกษราอยู่ไปก็ไม่มีความสุขลูกก็โตแล้วคงไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ เราว่าอธิบายแบบเปิดใจ เปิดความรู้สึกทั้งหมดให้ใจเย็นได้รู้ว่ารู้สึกยังไงตั้งแต่รู้ว่าพ่อของลูกมีเมียอีกคนและอีกคน ระบายความอัดอั้นออกมาบ้าง เผื่อใจเย็นจะได้เข้าใจความรู้สึกต่างๆ บ้าง เผื่อใจเย็นจะได้รู้ถึงชีวิตจริงๆ มันไม่ได้เป็นแบบที่แม่เคยสอนหรือที่แม่ปิดบังและบิดเบือนไป ไม่ได้อธิบายให้ใจเย็นรู้แบบชัดๆ ซะที
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่19-หวานขม ◑หน้า9 (ุ6/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: jejiiee ที่ 06-04-2017 21:33:43
เพราะเราไม่อยากให้ผู้หญิงที่เป็นแม่ของใจเย็นเจ็บปวดไปมากกว่านี้อีกแล้ว :ling3:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่19-หวานขม ◑หน้า9 (ุ6/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 06-04-2017 21:39:29
อีกด้านของชีวิต
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่19-หวานขม ◑หน้า9 (ุ6/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 06-04-2017 23:15:21
คุณพิทักษ์แย่มาก

หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่19-หวานขม ◑หน้า9 (ุ6/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 06-04-2017 23:35:57
บอกเลยโคตรแย่  แย่ แย่ พ่อของใจเย็นแย่มาก   สงสารคุณเกษรา
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่19-หวานขม ◑หน้า9 (ุ6/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 07-04-2017 06:20:35
 :ling1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่19-หวานขม ◑หน้า9 (ุ6/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 21-04-2017 21:33:23
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่19-หวานขม ◑หน้า9 (ุ6/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 22-04-2017 00:07:15
หายไปเลย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่19-หวานขม ◑หน้า9 (ุ6/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: vwm666 ที่ 16-05-2017 14:20:23
รออยู่น้าจร้า
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่19-หวานขม ◑หน้า9 (ุ6/4/60)
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 17-05-2017 19:21:01
หน่วง
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่20-พริมา ◑หน้า10 (ุ28/5/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 28-05-2017 14:58:43


20 – พริมา




พริมา แปลว่า ดีเยี่ยม เป็นความหมายที่น่าพึงพอใจหากรู้จักเพียงพอ ซึ่งน้อยคนนักที่จะรู้ว่าพริมานั้นพริมาสมชื่อ เนื้อแท้แล้วไม่ได้เป็นดังภาพลักษณ์น้องสาวคนสุดท้องผู้เอาแต่ใจ ไม่ได้ทะเยอทะยานอยากมีอยากได้ให้มากกว่าพี่ชายทั้งสองแม้จะชอบแย่งไอศกรีมสตรอเบอร์รี่จากใจเย็น และได้รับของเล่นที่ไม่น่าสนใจจากพิชญะอยู่บ่อยๆ สิ่งที่พริมาต้องการก็แค่อยากมีอยากได้ให้เท่าเทียมทั้งคู่ก็เท่านั้น

ตั้งแต่เด็ก ปัทมาผู้เป็นแม่ได้พร่ำอธิบายถึงบางสิ่งบางอย่างในโลกให้พริมาฟัง แต่พริมารู้สึกว่ามันดูเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในโลกเสียมากกว่า ปัทมาไม่เคยปิดบังว่าตนเองเป็นภรรยานอกกฎหมาย และพริมาเป็นบุตรนอกสมรส ปัทมาแค่อธิบายบางสิ่งบางอย่างเหล่านั้นอย่างละเมียดละไม ค่อยๆ บอกให้พริมาเข้าใจว่าเมียหลวงหมายความว่าอย่างไร เมียน้อยหมายความว่าอย่างไร ให้พริมาซึมซับ รู้ และยอมรับได้อย่างที่หัวใจไม่บกพร่องเว้าแหว่งมากนัก เพราะทุกสิทธิ์ที่พริมาพึงจะได้ในฐานะลูก ปัทมาก็คว้าไว้เต็มกอบเต็มกำอย่างเงียบเชียบภายใต้หน้ากากเจรจาเจื้อยแจ้วที่พริมาถอดแบบไปนั้นเอง

และเพราะพริมาคิดว่าตนเองเข้าใจ ‘ทุกสิ่งทุกอย่าง’ ในโลกดี แก่นแก้วแก่แดดจึงพ่วงมาเหมือนไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด โดยที่หล่อนก็ไม่รู้ตัวว่าบางทีแล้วหล่อนใช้แก่นแก้วแก่แดดนั่นแหละ เป็นเกราะกันเจ็บปวดจากเข้าใจดีที่จะต้องยินเสียงนินทาหรือถูกดูแคลนในฐานะ ‘ลูกเมียน้อย’

ทว่าสิ่งที่พริมาไม่รู้นั้นไม่ใช่แค่ลึกๆ ในใจของตนเอง แต่ยังมีผิวเผินในใจของพี่ชายคนโตอีกคนที่หล่อนไม่รู้ เพราะยิ่งเติบโต พริมาก็รู้สึกว่าจิตใจของใจเย็นนั้นยิ่งยากจะหยั่งถึง และอาจนับได้ว่าเย็นเยียบเข้าไปทุกทีเมื่อได้ยินคำตอบถึงเรื่องเด็กสาวที่ใจเย็นคบและทิ้งขว้าง หากก็เหมือนเดิมที่พริมาแค่ทำเป็นโวยวายและไม่คิดจะสนใจ

“สนิทกับพี่เย็นเข้าไว้นะลูก”

แต่บางครั้ง บางครั้งในวันเมฆหม่น แม่ที่ชอบเจื้อยแจ้วเจรจาเล่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกให้ฟังจะทำแค่นั่งนิ่งๆ อยู่ตรงระเบียงชั้นสอง มองออกไปไกล หันหลังให้พริมา จุดบุหรี่สูบและเอ่ยถ้อยแบบนั้น ซึ่งพริมาในตอนเด็กไม่แปลกใจที่ได้ยิน แต่พริมาในตอนเริ่มโตนี่สิที่แปลกใจ ทำไมถึงต้องเป็นใจเย็น แล้วพิชญะเล่าหายไปไหน หากเอ่ยถามไปคำตอบก็คือ ‘เป็นพี่น้องควรสนิทกันไว้’ ฟังดูคลุมเครือไม่ต่างจากควันบุหรี่ที่ลอยอ้อยอิ่งออกจากลมหายใจของแม่เลยแม้แต่น้อย

คลุมเครืออีกอย่างคือพริมาไม่แน่ใจแล้วว่าจะสนิทกับใจเย็นได้อย่างไร ยิ่งเวลาผ่าน ความคิดอ่านก็ต่างกันไปทุกที และกำแพงของใจเย็นก็มองไม่เห็นแต่กลับแข็งกร้าวเหมือนน้ำแข็งที่โปร่งใสนั่นแหละ จะว่าเข้าใกล้ได้ในฐานะพี่น้องก็ว่าได้ แต่จะว่าเข้าใกล้ไม่ได้ในฐานะที่ไม่ต่างจากใครในโลกนี้เลยก็ว่าได้อีกเช่นกัน


จนวันหนึ่งในปลายเดือนกุมภาพันธ์ ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าจ้า อากาศข้างนอกร้อนอ้าวตัดกับข้างในห้องนั่งเล่นของสามพี่น้อง มันเป็นห้องที่เหมือนเป็นศูนย์รวมเดียวของทั้งสามคน เพราะทุกคนในบ้านอัครเสนีย์ชอบทำราวกับว่าบ้านนั้นใหญ่โตซับซ้อนราวเขาวงกต จะหาทางออกมาพบกันได้ก็แค่วันสุดสัปดาห์เท่านั้น ใจเย็นเองก็ไม่ต่าง หากครั้งนี้ต่างออกไปที่ดูจะมีเรื่องชวนคุยกับพริมาในตอนที่พิชญะยังไม่มา

“น้องพริมเคยมีแฟนไหม”

และประเด็นคำถามก็ทำให้พริมาลดหนังสือการ์ตูนตาหวานที่อ่านอยู่ลงเพื่อสบตาพี่ชายคนโตชัดๆ เผื่อจะเข้าใจว่าทำไมถึงถามเช่นนั้นทั้งที่ไม่เคยถาม ไม่สิ แทบไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวด้วยซ้ำ

“เคย แต่เลิกกันไปแล้ว ทำไมเหรอพี่เย็น”

แต่ถึงจะได้สบตาก็กลับไม่อาจหยั่งคำตอบ อีกทั้งเจ้าตัวก็เงียบและถามคำถามใหม่มาเสียแทน

“เคยจูบไหม” คำถามทำเอาพริมาชะงัก

“นี่พี่เย็นไม่ได้จะจับผิดเอาไปฟ้องใครใช่ไหม”

“พี่เคยทำอย่างนั้นด้วยเหรอ”

คำสวนกลับทำให้พริมาคิดได้ว่าใจเย็นไม่เคยทำจริงๆ กระนั้นก็ไม่รู้อยู่ดีว่าคิดสิ่งใดอยู่ พริมาถอนหายใจ

“เคยแต่หอมแก้ม ทำไมล่ะ”

“พิเศษไหม”

“ฮะ?”

“ถามว่าพิเศษไหม”

พริมาขมวดคิ้ว ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมแต่ก็รู้สึกว่าหน้าเห่อร้อน และพาลอยากจะโยนการ์ตูนตาหวานใส่หน้าพี่ชายคนโต “ก็ต้องพิเศษสิ ไม่พิเศษจะทำไปทำไม”

“งั้นเหรอ”

คำพูดติดปากของใจเย็นดังกระทบหู ทั้งยังกระทบความสงสัยของพริมาให้ไม่จบบทสนทนาแค่นั้น

“เคยทำกับใครแล้วพิเศษหรือไง” หล่อนถามแบบนี้เพราะเชื่อว่าใจเย็นคงไม่วางใครให้สำคัญนัก

“ยังไม่ได้ทำ”

“ยังเหรอ? แต่คิดว่าทำแล้วจะพิเศษกว่าคนอื่นใช่ไหม?”

โดยไม่รู้ตัว น้ำเสียงของพริมาดูตื่นเต้น แน่นอนว่าเป็นเพราะหล่อนรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย...หรืออาจจะใหญ่โตในตัวตนของพี่ชาย กระนั้นก็ไม่ได้รับคำตอบให้ชัดเจนเมื่อพี่ชายคนกลางอย่างพิชญะเปิดประตูเข้ามาในห้อง พอดีกับที่ใจเย็นแค่ยิ้ม เบาบาง และเปลี่ยนไปเอ่ยถึงไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ บอกว่าจะตักมาให้เผื่อและใช้โอกาสนั้นหนีไปซึ่งๆ หน้า

เมื่อเป็นแบบนั้น พริมาก็ได้แต่หยิบการ์ตูนตาหวานเล่มเดิมขึ้นมาอ่านต่อ และทั้งที่ในเรื่องเป็นตอนเศร้า มุมปากของหล่อนกลับยิ้มเมื่อรู้สึกว่าน้ำแข็งของใจเย็นอาจกำลังละลายลงเพราะใครสักคน ไม่ต่างจากน้ำแข็งของพวกพระเอกเย็นชาในการ์ตูนตาหวานนัก

แล้วสิ่งยืนยันความรู้สึกก็มาวางอยู่หน้าห้องของพริมาในเดือนมีนาคม มันคือถุงกระดาษใส่เสื้อผ้าจำนวนมหาศาล หล่อนหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นของผู้หญิง แบรนด์ไทย ของใหม่ เมื่อเอ่ยถามกับป้าแม่บ้านก็ได้ความว่าใจเย็นเป็นคนสั่งให้เอามาให้ ซึ่งแน่นอนว่าพริมาต้องแบกความสงสัยไปพร้อมกับของกลางถุงสองถุงไปถึงห้องใจเย็นเพื่อเอ่ยถามถึงเหตุผล

“ทำไมพี่ให้เสื้อผ้าพวกนี้กับพริมล่ะคะ” พริมาเอ่ยถาม ขณะที่ใจเย็นนอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียง

“ชอบหรือเปล่า”

“มันเยอะเกินไป พี่ไปเอามาจากไหนเนี่ย” อีกคำถาม แต่ใจเย็นดูจะสนใจหน้าจอโทรศัพท์มือถือมากกว่า พริมาถอนหายใจ “พี่ไม่เคยบ้าซื้ออะไรให้พริม มีเหตุผลอะไรหรือเปล่า”

“พี่ก็แค่ช่วยซื้อเสื้อร้านแม่ของเขา” ในที่สุดใจเย็นก็เอ่ยตอบ แม้จะยังนอนอยู่ในอิริยาบถเดิม

“เขาไหน?” พริมาทวนคำ แต่ใจเย็นไม่ได้ตอบทันที “จากคนที่พี่คิดว่าเขาพิเศษหรือเปล่า”

หล่อนเอ่ยข้อสันนิษฐาน เพราะมีไม่กี่สิ่งหรอกที่จะทำให้คนคนหนึ่งทำตัวแปลกไป

“ใช่”

และก็ตรงเผง แถมคนตอบก็ตอบหน้าตายพลางพาร่างในชุดเสื้อแขนยาวที่ชอบใส่ราวเมืองไทยอากาศหนาวทั้งปีลุกขึ้นจากเตียงนอน เดินตรงมายังพริมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัวจากท่าทีเกียจคร้านเมื่อครู่ ใจเย็นหยิบเสื้อผ้าในถุงกระดาษขึ้นมาคลี่ดูพลางเอ่ย

“มีเสื้อครอปเอวลอยด้วยนะ แต่น้องพริมไม่น่าจะใส่สวยเพราะยังไม่มี—”

“พี่เย็น!” พริมาโวยวายก่อนใจเย็นจะพูดจบประโยค หลายครั้งก็เกลียดความหน้าตายยากจะเดาอารมณ์ แถมบางเรื่องก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจงใจกวนประสาทหรือไม่รู้ตัวว่าไม่ควรพูดกันแน่ กระนั้นเลยพริมาก็ข้ามประเด็นนี้ไปเสียก่อนและคุยเรื่องที่อยากรู้อยู่แทน

“พี่ก็คบผู้หญิงมาตั้งหลายคน ทำไมคนนี้แตกต่างจากคนอื่นล่ะ”

“งั้นเหรอ”

“พี่เย็น พริมถาม ไม่ใช่ให้พี่ย้อนถาม” พริมาแทบจะถอนหายใจพร้อมกับการเปล่งเสียง ขณะที่ใจเย็นก็ยิ้มแบบรู้ตัว แต่ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากยัดเสื้อผ้ากลับเข้าถุงกระดาษดังเดิม “เอาเถอะ พี่คบเขาอยู่ใช่ไหม”

พริมาถามด้วยตั้งใจจะบอกว่าถ้าพิเศษขนาดทำให้เกิดภูเขาเสื้อผ้าที่หน้าห้องหล่อนได้ล่ะก็ควรจะดูแล ‘เธอคนนั้น’ ให้ดีๆ พริมาตั้งใจจะเทศนาพี่ชายที่ดูจะเชี่ยวชาญเรื่องผู้หญิงแต่แท้จริงก็ทึ่มทื่อในเรื่องละเอียดอ่อนด้วยซ้ำ แต่ใจเย็นก็ตอบออกมาเสียก่อน

“เปล่านี่” นั่นทำให้พริมาสรรความคิดลำดับต่อมาเข้าสมองไม่ทัน และในช่วงเวลานั้นใจเย็นก็ยื่นถุงกระดาษกลับมาใส่มือหล่อนและเอ่ยถาม “ชอบไหม คราวหน้าจะซื้อมาให้อีก”

“อืม...เอาสิ”

สรุปแล้วพริมาไม่ได้พูดอะไรอย่างที่ตั้งใจเอาไว้เมื่อคำตอบเป็นไปในทางตรงข้าม วันนั้นพริมาเดินกลับไปที่ห้องตัวเองพร้อมกับความรู้สึกลอยๆ แปลกประหลาด คงเพราะหล่อนตีความสิ่งที่พบเจอในวันนี้ว่าใจเย็นกำลังเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล และหล่อนก็ตีความอีกด้วยว่าสำหรับใจเย็น การที่ยังไม่ได้คบแต่ทำเรื่องแบบนี้ให้ แสดงว่าน่าจะพิเศษมากๆ

พริมายิ้มขณะไล่ลองเสื้อที่ใจเย็นนำมาให้ เพราะรู้สึกว่าพี่ชายคนโตของหล่อนดูจับต้องเข้าถึงง่ายกว่าที่ผ่านมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

กระนั้นเลย ปัทมากลับไม่เคยรู้สึกถึงมันดังเช่นที่พริมารู้สึก

“กับพิชญะน่ะ พริมสนิทกับพี่เขาแค่ไหน”

เป็นคำถามในวันที่ฟ้าครึ้มเมฆหม่นตามที่พยากรณ์อากาศบอกว่าพายุฤดูร้อนกำลังมา เหมือนเดิมที่ปัทมานั่งไขว่ห้างอยู่ริมระเบียง มองออกไปไกล และจุดบุหรี่สูบ

“พี่พิชญ์เหรอคะ ก็สนิทนะ แต่บางทีก็ทำตัวเหมือนเป็นน้องชายพริม ยอมไปเสียทุกอย่าง น่าเบื่อนิดๆ” พริมาตอบยืดยาวตามนิสัย

“ยอมสิดี” หากแม่ของหล่อนกลับตอบกลับสั้นๆ ให้พริมามุ่นคิ้ว

“ทำไมล่ะคะ”

“พิชญะจะยืนด้วยตัวของตัวเองไม่ได้หรอก เจรจางานกับใครเขาก็ลำบาก ถ้าพริมอยู่ข้างๆ และคอยซัพพอร์ทได้ก็จะดี” ปัทมาอธิบายพลางเคาะขี้เถ้าปลายมวนบุหรี่ให้ตกพื้น “เพราะงั้นสนิทกับพิชญะเข้าไว้นะลูก”

ท้องฟ้าร้องครืนในตอนนั้น พริมามองขึ้นไปเบื้องบนก็เห็นว่าเมฆกำลังโลดแล่นเหมือนรีบไปไหนสักแห่ง

“แปลกนะคะ เมื่อก่อนแม่บอกแต่ให้พริมสนิทกับพี่เย็นนี่คะ”

สิ้นคำถาม ปัทมาหันมามองลูกสาวของตนเอง ก่อนยิ้มนวลไปกับมวลบุหรี่ เอ่ยเสียงเบาบอกว่าเรื่องต่อไปนี้ให้เก็บเป็นความลับตราบเท่าที่มันยังไม่เริ่มขึ้นจริงๆ

“คุณเกษรากำลังจะฟ้องหย่า”

หรือพูดอีกอย่าง ตราบเท่าที่มันยังไม่แพร่งพรายจากปากคุณเกษราให้ลูกชายเพียงคนเดียวของหล่อนรู้ตัว

วินาทีนั้นท้องฟ้าร้องคำรามกึกก้อง และฟาดเปรี้ยงลงมาเมื่อสิ้นอีกประโยคของปัทมา “คิดว่าใจเย็นจะเลือกอยู่กับใครล่ะ”

พริมาได้ฟังก็รู้สึกว่าข้างในใจของตนเองปั่นป่วนราวกับท้องฟ้าเบื้องบน ไม่อาจอธิบายได้ว่าเพราะอะไร รู้แค่มันปั่นป่วนอยู่เช่นนั้น และรู้ตัวอีกทีว่าเดินอยู่กลางโถงทางเดินมุ่งตรงไปยังห้องของใจเย็นก็ตอนที่ฝนตกกระหน่ำ กระนั้นพริมาก็ไม่อาจอธิบายได้จริงๆ ว่าตนเองกำลังรู้สึกอะไรอยู่

บางทีตอนนี้พริมาอาจจะกำลังไร้ความรู้สึกเหมือนเป็นเครื่องมือที่ถูกเจ้าของใช้กระมัง แต่ก็อีก หล่อนไม่รู้ตัวหรอกว่าตนเองกำลังรู้สึกเช่นนั้น ต่อให้หล่อนจะคิดว่าตนเองรู้ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกต่างจากพี่ชายคนโตก็ตาม

“พี่เย็น”

พริมาเอ่ยเรียกใจเย็นที่หน้าห้อง รอท่ามกลางเสียงฝนไม่นานนักใจเย็นก็เปิดประตูออกมา เอ่ยถามด้วยสายตาว่ามีอะไร ซึ่งพริมาก็ถามออกไป แม้ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นคำถามนี้ ในเวลานี้

“พี่เลิกคบผู้หญิงหลายๆ คนพร้อมกันแล้วใช่ไหมคะ”

ใจเย็นนิ่งไปก่อนเหมือนไตร่ตรอง ไม่สิ อาจแค่ไม่คิดว่าจะถูกถามเรื่องนี้ เพราะไม่ถึงอึดใจ ใจเย็นก็ตอบออกมาโดยไร้ความลังเลใดๆ


“ทำไมต้องเลิกล่ะ”


ตอนนั้นเองที่พริมารู้สึกว่าที่แท้แล้วหล่อนเองก็ไม่ได้ต่างจากใจเย็นเลยสักนิด เพราะที่คิดว่าเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกดีมาตลอด สุดท้ายก็ไม่ได้เข้าใจอะไรเลยแม้แต่เศษเสี้ยวของมัน










**********************************************************************
ขอโทษที่หายไปนานค่ะ ยังอยู่นะคะ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นติดตามเพราะเป็นแรงกระตุ้นอีกอย่างที่ทำให้อยากกลับมาอัพต่อเร็วๆค่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่20-พริมา ◑หน้า10 (ุ28/5/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 28-05-2017 17:06:42
สงสารพริมา

หลงเข้าไปในหมอกของใจเย็น
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่20-พริมา ◑หน้า10 (ุ28/5/60)
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 28-05-2017 18:59:52
เริ่มไม่เข้าใจตามไปด้วยเลย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่20-พริมา ◑หน้า10 (ุ28/5/60)
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 28-05-2017 20:14:46
ความคิดของใจเย็น :z6:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่20-พริมา ◑หน้า10 (ุ28/5/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-05-2017 20:21:26
ดีใจ ไรท์มาต่อ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

พี่น้อง ก็ไม่ได้เข้าใจกันง่ายกว่าคนอื่นเลย
โดยเฉพาะพี่ชายอย่างใจเย็น

แม่ของใจเย็นจะฟ้องหย่า
หย่าแล้วถ้าทำให้มีความสุข ก็ควรทำ
สามีที่นอกใจ เขาก็คิดได้แต่ความต้องการของตัวเองเท่านั้น
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:   
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่20-พริมา ◑หน้า10 (ุ28/5/60)
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 28-05-2017 20:42:53
มาแล้วววว ดีใจจจจ  :hao5:

หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่20-พริมา ◑หน้า10 (ุ28/5/60)
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 28-05-2017 21:35:57
พายุลูกนี้ปูทางมายาวไกล แลดูน่าจะใหญ่มาก
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่20-พริมา ◑หน้า10 (ุ28/5/60)
เริ่มหัวข้อโดย: vwm666 ที่ 28-05-2017 22:26:07
เย้ๆๆๆ มาต่อแล้วดีใจ :mew1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่20-พริมา ◑หน้า10 (ุ28/5/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Rungsai ที่ 29-05-2017 02:46:23
ใจเย๊นนนนน ฮือ คิดถึงในที่สุดก็มาาาา
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่20-พริมา ◑หน้า10 (ุ28/5/60)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 29-05-2017 04:58:46
เราคิดว่า ที่ใจเย็นเป็นแบบนี้ก้ความผิดของคนรอบตัวนั่นล่ะ

คิดว่าสิ่งที่เขาทำไม่ดี แต่ตอนเขาถามว่าทำไมถึงไม่วรทำ ไม่มีใครตอบลึกลงไปถึงคำถามของเขา

ไม่มีใครสอนหรืออธิบาย เพราะคิดว่าเขาควรจะรู้ได้ด้วยตัวเอง

เพราะไม่เคยไปแตะต้องในสิ่งที่คัวเองรู้สึกยุ่งยากใจ เราก็ได้เด็กมักง่ายในเรื่องความรู้สึกและไม่ชอบแตะต้องเรื่องยุ่งยากใจมาคนนึง้หมือนใจเย็นนี่ไง..
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่20-พริมา ◑หน้า10 (ุ28/5/60)
เริ่มหัวข้อโดย: MOMAMi_96 ที่ 29-05-2017 10:25:34
เรื่องของครอบครัวนี่น่าติดตามกว่าใจเย็นกับเป็นไทอีกอ่ะ แบบมันมัวๆอึมครึมๆเว่อมีมิติทุกตัวละคร
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่20-พริมา ◑หน้า10 (ุ28/5/60)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 29-05-2017 15:15:26
คนบ้านนี้เข้าใจยากกันไปหมด โลกที่รุ้จักกันมันช่างบิดเบี้ยวเพราะสิ่งที่เห็นสิ่งที่ถูกปลูกฝังกันมา
ทำไมมันดูน่าสงสาร
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่21-บุหรี่ ◑หน้า10 (ุ29/5/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 29-05-2017 17:10:03
21 – บุหรี่


เป็นไทจำได้ว่าตอนที่สูบบุหรี่ครั้งแรก บุหรี่มวนนั้นเป็นมวนที่เพื่อนสูบไปแล้วและยื่นมันต่อให้เขา เขารับมาสูบ สูดนิโคตินลึกเต็มปอด แม้จะรู้สึกระคายเคืองลมหายใจ แต่ก็ไม่ได้ขัดเคืองจนไอโขลก ตอนนั้นเป็นไทไม่เข้าใจหรอกว่าบุหรี่ช่วยผ่อนคลายอย่างไร อาจแค่รู้สึกสบายตอนควันกอบลมหายใจออกมาพร้อมความทุกข์กลัดกลุ้ม กระนั้น รู้ตัวอีกทีเขาก็ต้องสูบมันอย่างน้อยวันละสองสามมวน

ปราณีเองก็ดูจะรู้ว่าเขาติดบุหรี่ แน่นอนว่าเคยห้ามแต่ก็ไม่เคยเด็ดขาดจริงจัง ไม่สิ ปราณีไม่เคยเด็ดขาดจริงจังกับเรื่องอะไรอยู่แล้ว สิ่งที่ปราณีทำมาตลอดและทำได้ดีดูจะเป็นแค่การเฝ้ามองเป็นไทอยู่ห่างๆ ไม่ว่าจะเรื่องที่เขาชกต่อยทะเลาะวิวาท หรือกระทั่งเรื่องคอขาดบาดตายภายในครอบครัว

นั่นล่ะ แม่ของเป็นไทเป็นแบบนั้นเสมอมา เป็นคนที่ไม่เคยเด็ดขาดจริงจัง ไม่อาจยืนได้ด้วยลำแข้งของตนเอง ดังนั้นตอนที่เป็นไทเห็นแม่เริ่มทำร้านเสื้อผ้า เป็นไทจะรู้สึกแปลกแสลงตา แสลงความรู้สึก ต่อให้ปราณีจะไม่ได้ทำมันด้วยตัวคนเดียวแต่มีเพื่อนเป็นหุ้นส่วนอีกคนก็ตาม

และเป็นไทก็เพิ่งรู้ตัวตอนที่ใจเย็นทัก ว่าเขามักจบลงที่การสูบบุหรี่ทุกครั้งที่แวะมาร้านเสื้อของแม่ตนเอง

“แปลกหรือไง” ครั้งแรกเขาถามกลับไปแบบนั้น ระบายควันไปยังด้านที่ไม่มีคน

“ปกติไม่สูบให้เห็นเลยนี่ครับ”

คำพูดของใจเย็นทำให้รู้สึกว่าจริงดังนั้น แต่ก็เถียงว่าจะให้สูบตอนสอนพิเศษก็ใช่เรื่อง ซึ่งพูดไปแล้วก็ทำให้รู้สึกอีกว่าในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาเขาเจอกับใจเย็นนอกสถานที่ นอกเวลา นอกธุระ บ่อยขึ้นทุกที ทุกที

แน่นอนว่าเพราะอีกฝ่ายมาหาเขาเอง

ยิ่งตอนที่ใจเย็นปิดเทอมก็ยิ่งมาบ่อยไม่ต่างจากปิดเทอมที่แล้ว และก็เหมือนเดิมที่เป็นไทหลงวังวนในช่วงสอบ งานเดี่ยว งานกลุ่ม ไฟนอลโปรเจ็คต์ อะไรต่อมิอะไรทั้งหลายแหล่ที่ทำให้แม้แต่สงกรานต์ก็ไม่ว่างพอจะไปเที่ยวตามคำตื๊อของใจเย็น กระทั่งช่วงหนึ่งที่ใจเย็นไม่โผล่มาให้ไล่แล้วนั่นแหละ เป็นไทจึงเอ่ยถามในวันเสาร์สอนพิเศษที่ต้องเจอหน้ากันอยู่แล้ว

“ไปเรียนชีวะครับ”

“จริงดิ” เป็นไทรู้สึกได้เลยว่าน้ำเสียงของตัวเองแปลกใจเพราะที่ผ่านมาไล่ใจเย็นเท่าไหร่ก็ไม่ไป เอาแต่บอกว่าจะให้เขาสอนอยู่อย่างนั้น

“จริง ผมเรียนเคมีด้วยนะ”

“นึกยังไงวะ”

“ก็เป็นไทไม่ว่างนี่ครับ ผมเบื่อ” แล้วคำตอบจากปากใจเย็นก็ทำให้รู้สึกอยากเบ้หน้า จะว่าใจเย็นตอบตรงคำถามก็ใช่ แต่จะว่าตอบไม่ตรงคำถามก็ไม่เชิง

ที่รู้ๆ เป็นไทรู้สึกว่าตนเองเริ่มจะกลายเป็นดาวฤกษ์ ขณะที่ใจเย็นซึ่งเอาแต่ใจให้คนอื่นโคจรรอบตัวเองมาตลอดก็แปรเปลี่ยนเป็นดาวเคราะห์มาโคจรรอบเขาเสียแทน ให้ความรู้สึกพิลึกพิลั่นไม่อาจอธิบาย แต่ก็ไม่ได้คิดว่าเลวร้ายนัก

“มึงควรจะเรียนเพราะห่วงอนาคตตัวเองดิวะ” โดยไม่รู้ตัว เป็นไทหมุนควงปากกาในมือไปด้วย

“เรียนเพราะเป็นไทบอกให้เรียนไม่ได้เหรอครับ”

อีกครั้งที่อยากเบ้หน้า ไม่ก็ด่าไปสักอย่าง แต่เมื่อคิดว่าจะเรียนเพราะอะไรก็ช่างเถอะ ถ้าสุดท้ายใช้ประโยชน์ได้ก็น่าจะดีแล้ว

“เออๆ แล้วเขาสอนดีไหม”

“ก็ใจดีกว่าเป็นไทครับ”

“อยากให้กูใจร้ายกว่านี้มะ”

“มีใจร้ายกว่านี้อีกเหรอ”

ปวดประสาท – ดูเป็นคำที่เหมาะสำหรับการต่อล้อต่อเถียงกับใจเย็น และเป็นไทก็เริ่มแยกออกนิดๆ แล้วด้วยว่าที่ใจเย็นพูดออกมาน่ะกวนตีนหรือไม่รู้ไม่รู้ตัว

ซึ่งครั้งนี้น่ะกวนตีน เห็นชัดจากรอยยิ้มบนใบหน้า

หากสงครามก็สิ้นสุดด้วยการที่ใจเย็นหนีไปตักไอศกรีมสตรอเบอร์รี่แบบไม่ขออนุญาต ไม่สิ อันที่จริงก็ไม่เคยจะขออยู่แล้ว ถึงจะดูกลายเป็นดาวเคราะห์ที่โคจรรอบเขามากแค่ไหน ก็ยังเป็นดาวเคราะห์ที่เอาแต่ใจนึกอยากทำอะไรก็ทำอยู่ดี

เป็นไทจำได้ว่าการสอนพิเศษวันนั้นจบลงที่ใจเย็นพูดถึงดอกสวีทพี บอกว่าพฤษภาคมเวียนมาอีกปีแล้ว เขาจำไม่ค่อยได้หรอกว่ามันคือดอกไม้ดอกแรกที่ใจเย็นบอกกับเขาว่ามันหอม หากดูท่าอีกฝ่ายจะจำได้ และทั้งที่ปีนี้ก็ไม่ได้ก้มลงไปดอมดมตามคำชวนเหมือนเคย แต่ก็อีก เขารู้สึกเหมือนได้กลิ่นดอกไม้ติดจมูกกลับมา และดูจะอวลอึงไปทั่วความคิดเรื่องเด็กมัธยมปลาย เรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เรื่องเรียน สิ่งที่ชอบ ไม่ชอบ สิ่งที่อยากทำ ไม่อยากทำ ก่อนจะสิ้นสุดลงด้วยความคิดสุดท้ายว่าจะได้ทำในสิ่งที่ชอบหรือเปล่า พร้อมกับกลิ่นบุหรี่ที่กลบกลิ่นดอกไม้ไปในค่ำคืนนั้น

“เป็นไทสูบบุหรี่อีกแล้ว”

และเป็นไทก็ถูกใจเย็นทักเรื่องนี้อีกครั้งในเดือนมิถุนายน เหมือนเดิมที่เขาปลีกตัวออกมาสูบบุหรี่ตรงลานจอดรถหลังจากใจเย็นนึกครึ้มซื้อเสื้อผ้าร้านแม่เขาไปฝากน้องสาวอีก ซึ่งลึกๆ เป็นไทพอจะเดาออกว่าเจ้าตัวอยากช่วยซื้อ เพราะแน่นอนว่าฐานะทางบ้านของใจเย็นคงมีแต่เสื้อผ้าดีๆ ที่บ้านอยู่แล้ว

น่าแปลกที่พอคิด ก็เหมือนกับได้สบตาเข้ากับดอกสวีทพีอีกครั้งท่ามกลางมวลบุหรี่

“ไปยืนที่อื่นก็ได้นะ”

“ไม่เป็นไรครับ” ใจเย็นเอ่ยคำตอบที่ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ ยืนข้างๆ เขา พิงระเบียงกั้นตกของลานจอดรถ มองออกไปเห็นท้องฟ้าจัดจ้า ทั้งที่อยู่ท่ามกลางเมืองที่จอแจ แต่ที่ตรงนี้กลับเงียบ เงียบพอที่จะได้ยินเสียงคำถามของใจเย็นดังฟังชัด “ขอลองสูบบ้างได้ไหม”

และก็ฟังสะท้อนก้องในใจของเป็นไทจนเขาลังเล นึกอยากจะด่า แต่ภาพตัวเองในอดีตที่ผุดขึ้นมาก็ทำให้ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากล้วงหยิบซองบุหรี่ขึ้นมา

“มวนที่เป็นไทสูบอยู่ก็ได้”

ทันใดรุ่นน้องผู้ริลองก็ถือวิสาสะหยิบบุหรี่มวนที่เป็นไทคาบอยู่กับปาก ซึ่งทันทีที่ปากว่างเขาก็สบถด่า แต่ใจเย็นไม่ได้สนใจอะไร เสียบมวนบุหรี่ของเขาเข้าที่ปาก และในชั่ววินาทีก่อนใจเย็นจะเริ่มสูบก็กลับมีภาพซ้อนทับของหลายสิ่งอย่างผุดพรายขึ้นในความคิดของเป็นไท ทั้งภาพที่ตนเองรับมวนบุหรี่จากเพื่อน ภาพที่เขาคาบมันไว้ในปาก สูดลงไปให้ลึกเต็มปอด ภาพรอยยิ้มของใจเย็น ภาพที่ลิ้นไล้เลียไอศกรีมที่เลอะริมฝีปากในบางครั้งบางคราว และภาพของเย็นวันนั้น ที่แสงแดดส่องผ่านม่านบาหลีเข้ามา ประกายวิบไหวชัดในดวงตาของใจเย็นที่รุดตัวเข้ามาใกล้ และริมฝีปาก...

หากภาพทรงจำทุกอย่างก็แตกกระเจิงเมื่อใจเย็นคนปัจจุบันไอเพราะสำลักควัน เท่านั้นไม่พอดูท่าขี้เถ้าปลายมวนจะทำพิษหล่นลงเกาะนิ้ว ความร้อนทำให้เจ้าตัวสะบัดบุหรี่หลุดมือ

นั่นแหละที่ทำให้เป็นไทหัวเราะลั่น

“ไอ้เชี่ย อ่อนสัด” และว่าออกไปอย่างสะใจ แม้จะเห็นแววตาขัดใจแถมน้ำหูน้ำตาไหลของคนถูกด่าแต่เป็นไทก็ยังคงขำ ก่อนในที่สุดจะเอ่ยบอก “ไม่สูบอะดีแล้ว”

“แต่เป็นไทยังสูบเลย”

“เออน่า”

เป็นไทตัดบท ปล่อยควันหลงอาการสำลักของใจเย็นให้ดำเนินไปอีกสักพัก จนเมื่อหยุดลง ความเงียบก็กลับมาอีกครั้ง เป็นดังนั้นจึงเคาะบุหรี่มวนใหม่ออกจากซอง พลันภาพทรงจำสุดท้ายที่แตกกระเจิงไปก็ย้อนกลับมา

เป็นภาพที่ใจเย็นชะงักไปพร้อมกับเขาที่กระชากมือออกจากการถูกกดกุมเอาไว้ ก่อนกลายเป็นว่าทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งคู่ ทั้งที่ก็แน่ใจระคนไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร แต่เพราะไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก การลืมไปจึงเป็นสิ่งที่ดีกว่า

หากสุดท้าย เป็นไทก็รู้ดีอยู่ว่าความสัมพันธ์นี้มันประหลาดขึ้นทุกที

เขารู้สึกมานานแล้วว่าใจเย็นชื่นชอบเขาในแบบที่ไร้คำนิยาม และเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก บางทีความสัมพันธ์ของผู้ชายด้วยกันซึ่งไม่เกี่ยวพันเชิงชู้สาวก็หลากหลายซับซ้อนกว่าที่คนทั่วไปเข้าใจ แต่ถ้าตัดออกมาเป็นคำง่ายๆ ก็ดูจะเป็นจำพวกเคารพ ยกย่อง ยึดเป็นแบบอย่าง เทิดทูนด้วยเรื่องสักเรื่อง แน่นอนว่าเป็นไทไม่เห็นว่าตนเองมีอะไรให้ใจเย็นติดเขาแจแบบนั้น ขณะเดียวกันก็ไม่เคยคิดไปในทางอื่น

ทว่าหลังๆ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าใจเย็นรู้ตนเองในแบบไหน

“มึงชอบผู้หญิงแบบไหน” สุดท้ายเป็นไทก็ตัดสินใจทำลายความเงียบด้วยการถามเรื่องผู้หญิง

“น่ารัก” ใจเย็นตอบแทบไม่ต้องคิด

“สัด ใครก็ชอบผู้หญิงน่ารักปะ เอาแบบนิสัยดิ เด็ก ผู้ใหญ่ ขี้อ้อน”

คราวนี้คำถามดูทำให้อีกฝ่ายคิดอยู่นาน เป็นไทอาศัยเวลานั้นจุดบุหรี่มวนใหม่สูบ

“ไม่รู้สิครับ” ในที่สุดก็ตอบออกมา “แล้วเป็นไทล่ะ”

“ก็คง...ผู้หญิงที่พึ่งตัวเองได้”

“งั้นเหรอ” ใจเย็นตอบรับ “ผู้หญิงที่พึ่งตัวเองได้น่ะเท่จะตาย...ไม่นานแม่เพิ่งพูดแบบนี้พอดี”

เป็นไทเงียบ ไม่รู้จะตอบรับอะไร ขณะที่ในใจก็คิดว่าคำพูดแบบนี้คงไม่หลุดออกจากปากแม่ของเขาเอง

“แต่ผมก็ไม่รู้อยู่ดีว่าชอบผู้หญิงแบบไหน”

“มึงไม่เคยรู้อะไรตัวเองเลยต่างหาก”

“ก็รู้ว่าชอบเป็นไทนะ”

“พอ รำคาญ”

ไม่รู้ว่ากี่ครั้งที่ใจเย็นพูดว่า ‘ชอบ’ และก็ไม่รู้ว่ากี่ครั้งที่เขาจะตอบด้วยคำพูดไร้เยื่อใย กระนั้นใจเย็นก็ยังยิ้ม ยิ้มเป็นเด็กๆ ซึ่งรอยยิ้มที่ดูไม่คิดอะไรให้ลึกซึ้งเลยแบบนั้นก็ชวนให้เป็นไทได้รับอิทธิพลเหมือนกัน

อิทธิพลที่ว่าไม่เห็นต้องคิดอะไรให้มากมาย มีความสุขก็พอ

วันนั้นเองที่เป็นไทก็ยิ้มขำไปด้วย และกลิ่นบุหรี่ก็ดูจะเจือจางยิ่งกว่ากลิ่นดอกไม้ที่ลอยฟุ้งจากความรู้สึก

บางครั้งบางคราวนับจากวันนั้น เป็นไทจะคิดว่าดอกไม้ในแจกันแก้วดอกต่อไปจะเป็นอะไร และเพราะเขาปิดเทอมขณะที่ใจเย็นเปิดเทอม บางครั้งบางคราวที่อยากจะออกปากไล่ใจเย็นทั้งที่เจ้าตัวไม่มาให้เห็นหน้าจึงผุดพรายขึ้นมาบ้าง เป็นความรู้สึกประหลาด แต่ก็นวลเนียนคล้ายกลิ่นดอกไม้ ก่อนจะรู้สึกว่ามันฉุนแสบจมูกในวันหนึ่งของปลายเดือนมิถุนายน

มันเป็นวันอาทิตย์ที่เป็นไทออกมาสอนพิเศษเหมือนอย่างเคยๆ และมันก็คงเป็นหนึ่งในความบังเอิญรอบที่สามหรือสี่ เป็นไทจำไม่ได้ แต่ถ้าใจเย็นไม่คิดให้เขาเป็นครูสอนพิเศษ นี่ก็น่าจะเป็นความบังเอิญอีกครั้งที่พบกัน...โดยที่ครั้งนี้ใจเย็นไม่รู้ตัว

เป็นไทเห็นใจเย็นเดินจับมือกับเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักแบบที่ใจเย็นเคยพูดไว้ว่าเป็นแบบที่ชอบ ตอนที่เห็นก็แค่พึงนึกขึ้นได้ว่าใจเย็นนั้นคบผู้หญิงแบบเปลี่ยนไปเรื่อย เขาลืมนิสัยนี้สนิท เพราะนับจากวันแรกๆ ที่รู้จัก ใจเย็นก็ไม่ได้แสดงออกถึงเรื่องนี้ ตอนที่อยู่ด้วยกันจนเรียกได้ว่า ‘สนิท’ ก็ไม่เคยมีเรื่องนี้โผล่เข้ามาในความสัมพันธ์จนเขาลืมเลือน เป็นไทแค่มองตามผ่านกระจกของร้านกาแฟอย่างไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งของการกระทำ เขากลับรู้สึกขึ้นมาอย่างอัดล้น

มันเป็นความรู้สึกที่ว่าสำหรับใจเย็นแล้ว ที่แท้เขาก็ยังเป็นแค่ดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง และใจเย็นยังเป็นดาวฤกษ์ที่ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลหมุนรอบตัว เป็นไทรู้สึกอย่างนั้นขึ้นมาในวินาทีที่ใจเย็นยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้น ด้วยรอยยิ้มเหมือนเด็กๆ ที่ก็เพิ่งรู้ตัวว่าเขานึกว่าใจเย็นยิ้มให้เขาแบบนี้คนเดียว

ความสัมพันธ์ของพวกเขามันประหลาด

ไม่รู้ทำไมเมื่อประโยคที่เคยคิดแจ่มชัดในหัวอีกครั้ง ก็พลันปั่นป่วนเหมือนมีพายุสุริยะในความรู้สึก เป็นไทไม่รู้ว่าตนเองรู้สึกอะไรและต้องการอะไร ไม่แม้แต่จะอธิบายมันออกมาเป็นคำพูดได้ สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้คือขอตัวจากนักเรียนที่เขายังสอนค้างอยู่และเดินออกมาที่ลานจอดรถ จุดบุหรี่สูบ อัดวิญญาณนิโคตินเข้าปอด ให้มันกระชากเอาลมหายใจและความรู้สึกบ้าๆ บอๆ ที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นด้วยเรื่องเล็กน้อยแค่นั้นออกมา

แต่จนแล้วจนรอด จนหมดบุหรี่มวนที่สอง ที่สาม ที่สี่ ที่ห้า เป็นไทก็ยังไม่รู้ว่าทำไม สิ่งที่เขาทำได้ก็แค่สูบบุหรี่เข้าไปอีก

กระทั่งหมดทั้งซอง เขาก็ตอบได้แค่ว่าเพราะไม่อยากได้กลิ่นดอกไม้คลุ้งในจมูกจนหายใจไม่ออก








****************************************************************************************
เรื่องที่คุณเกษราจะฟ้องหย่าเดี๋ยวบอกทีหลังนะคะว่าทำไมลากยาวหลายเดือนยังเงียบหาย

ที่อยากจะพูดคือ รู้สึกว่านิยายเรื่องนี้คนอ่านไม่เยอะมาก ตอนหายไปและกลับมาก็ไม่คิดว่าจะมีคอมเม้นอะไร แต่พอเห็นว่ามีคนดีใจที่กลับมา มีคนรออยู่ ก็แบบ ดีใจง่ะ  :hao5: เนี่ย เลยรีบเขียนต่อเลยค่ะ   :hao7:

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ อาจช้าไปบ้างแต่บทจะมาก็มาพรวดๆ ติดกันสองตอนงี้แหละค่ะ แหะๆ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่21-บุหรี่ ◑หน้า10 (ุ29/5/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mamemoo ที่ 29-05-2017 19:05:29
ในที่สุดก็มาแล้ววววว แถมสองตอนด้วย ตื่นเต้นมากเลยค่ะ ยิ่งกว่าถูกหวยเลย 555555
ตอนนี้เหมือนสถานะของทั้งคู่ถอยกลับไปอีกขั้นหนึ่งเลย แต่รู้สึกว่าเป็นไทจะรู้สึกตัวขึ้นมาอีกระดับเหมือนกันซะงั้น ฟฟฟฟฟ
เราชอบพาร์ทน้องพริมมากค่ะ ชอบที่คุณแยมใส่ใจตัวละครทุกตัวแบบนี้จัง แงงงง ชอบไปหมดเลยค่ะ ชอบโทนเรื่อง ชอบตัวละคร เราเริ่มต้นมาจากชอบนายขนมต้มเป็นไท จนตอนนี้ชอบไทยเย็นมากกว่าเป็นไทแล้ว (อ้าว) 5555
ที่ผ่านมาไม่ได้คอมเมนท์เลย แต่ต่อจากนี้จะคอมเมนท์บ่อยๆนะคะ สัญญาเลย 5555
เป็นกำลังใจให้นะคะ ฮึบๆ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่21-บุหรี่ ◑หน้า10 (ุ29/5/60)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 29-05-2017 21:28:16
อ่าน 2 ตอนรวด ดีจายยยย
กลับมาทั้งที มา 2 ตอนอย่างเร็วววว

หน่วงเกินไปแล้วว ใจเย็นหนูจะต้องเลิกนิสัยนี้นะ
ไม่งั้นเสียเป็นไทแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่21-บุหรี่ ◑หน้า10 (ุ29/5/60)
เริ่มหัวข้อโดย: vwm666 ที่ 29-05-2017 23:10:02
ก็เตรียมใจมาแล้วนะว่าเรื่องนี้มันโคตรจะดราม่า 55555555555
แต่พออ่านถึงตอนนี้อดคิดไม่ได้ว่า กว่าปมของทั้งสองคนจะถูกแก้ มันจะสายเกินไปรึป่าว
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
เป็นกำลังใจให้คนเขียนเน้อ  o13
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่21-บุหรี่ ◑หน้า10 (ุ29/5/60)
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 30-05-2017 05:21:19
งานดราม่าก็มา
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่21-บุหรี่ ◑หน้า10 (ุ29/5/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 30-05-2017 07:40:50
อยู่ในม่านบาหลีที่ครอบคลุมด้วยกลุ่มหมอกต่อไป

ดีใจที่มาต่อค่ะ เรารออ่านเสมอ สู้ ๆ นะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่21-บุหรี่ ◑หน้า10 (ุ29/5/60)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 31-05-2017 00:45:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่22-ฉากหลังที่ว่างเปล่า ◑หน้า10 (ุ1/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 01-06-2017 18:21:29


22 – ฉากหลังที่ว่างเปล่า



ถ้าให้ใจเย็นบรรยายถึงคุณเกษราผู้เป็นแม่ของตนเอง สิ่งแรกที่ปรากฏในใจดูจะไม่ใช่นิยามถึงหญิงสาวผู้มอบความรักความอบอุ่น ไม่ใช่นิยามถึงผู้มีพระคุณล้นพ้น ไม่ใช่นิยามถึงครอบครัว บ้าน หรืออื่นใดทั้งนั้น แต่สิ่งแรกที่ปรากฏในใจกลับเป็นสัมผัส สัมผัสทางนาสิกประสาทที่กลิ่นหอมของดอกไม้อวลอบ

ใจเย็นรู้สึกแบบนั้นมาตั้งแต่เด็ก รู้สึกมาตั้งแต่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าดอกไม้เรียกว่าดอกไม้ มันคงเป็นความรู้สึกเดียวกันกับที่รู้สึกว่าคุณเกษราคือแม่ที่รักเขาตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าแม่นั้นคืออะไร และคงต่อไปตราบจนชั่วชีวิตที่ใจเย็นจะได้กลิ่นดอกไม้หอมหวานเมื่อนึกถึงแม่ของตน

กระนั้นเลย ใจเย็นกลับไม่ได้สังเกตสังกาเลยว่ากลิ่นหอมของดอกไม้ในบ้านดูเจือจางลงได้สักพักแล้ว อาจเป็นรอยยิ้มของคุณเกษราที่มอบให้เขาเหมือนเดิมสม่ำเสมอจึงทำให้ไม่ได้คิดอะไร อาจเป็นเพราะระยะหลังมานี้เขาก็เอาแต่สนใจเรียนจนน่าประหลาด อาจเพราะคณิตศาสตร์ เคมี ชีวะ หรืออาจเพราะใดๆ ในโลกก็ได้ที่ทำให้ใครสักคนไม่ได้สังเกตความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ของคนใกล้ตัว

แต่ถ้าจะว่ากันตามจริง ใดๆ ในโลกเหล่านั้นก็ล้วนมีที่มาจากเป็นไท – คนไกลตัวที่ใจเย็นอยากได้มาเป็นคนใกล้ตัวไม่สิ้นสุด

ต่างออกไปจากสัมผัสเวลาใจเย็นนึกถึงคุณเกษรา ตอนที่นึกถึงเป็นไท ใจเย็นไม่รู้สึกถึงกลิ่นดอกไม้ แต่ใจเย็นกลับเห็นภาพชัดขึ้นทุกทีว่าเป็นไทอยู่ท่ามกลางฉากหลังที่ว่างเปล่า อาจจะนั่งอยู่หน้าโต๊ะสักตัว นั่งอ่านอะไรบางอย่าง ไม่ก็เขียนอะไรขยุกขยิกหรือหมุนควงปากกาเล่น ซึ่งเป็นมุมที่เขามักจะได้มองในซุ้มม่านบาหลี

แต่บ่อยครั้งที่เขานึกฉากหลังไม่ออก

บ่อยครั้งที่โดนม่านควันบุหรี่บดบังความว่างเปล่าเบื้องหลังร่างของเป็นไททั้งที่เขาก็เคยเห็นเป็นไทสูบบุหรี่อยู่ไม่กี่ครั้ง บ่อยครั้งที่เขาเห็นภาพเป็นไทนั่งเล่นอยู่กับเพื่อนที่มหาวิทยาลัยแต่เขานึกภาพลานหน้าคณะไม่ออก จนท้ายที่สุด หลายต่อหลายครั้งภาพฉากหลังในความคิดก็กลายเป็นสวนดอกไม้ สระน้ำ สะพานข้ามน้ำตก ห้องโถง ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ที่ไหนก็ได้ที่เป็นสถานที่ของเขา เหล่านั้นถูกแทนที่เข้าไปราวกับถูกจับวาง ซึ่งใจเย็นก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น พอๆ กับที่เขาไม่เข้าใจว่าการคบผู้หญิงหลายคนนั้นผิดตรงไหน

อย่างไรก็ตาม ถึงภาพเป็นไทจะชัดเพียงใดในทรงจำ ใจเย็นก็ยังเบื่ออยู่ดีที่จะไม่ได้เห็นตัวจริง

เปิดเทอมของมหาวิทยาลัยวนมาอีกครั้ง และเหมือนเดิมที่เป็นไทชอบบอกว่าไม่ว่างต่อให้เขาไปหาในตอนเย็น ไม่ว่าง ไม่ว่าง จนใจเย็นเริ่มชิน แถมถูกสมทบมาด้วยว่าปีสามเป็นปีที่จะเรียนหนักที่สุด หนักตั้งแต่เริ่มแรก และไล่ให้ใจเย็นกลับมาห่วงเรื่องเรียนของตนเอง แน่นอนว่าใจเย็นก็กลับมาสบตากับชีวะ เคมี ลามไปถึงฟิสิกส์ในบางที กระทั่งรู้ตัวว่าเป็นไทไม่ยอมสบตากับเขาก็ตอนที่นั่งอยู่กับนายคำนวณคนเดิมนั่นแหละ

เริ่มแรกใจเย็นจับสังเกตได้ว่าระหว่างที่สอน มือของเป็นไทที่มักควงปากกาเล่นอยู่บ่อยๆ ก็กลับไม่สนใจการเล่นนั้น ดูจับจดกับการกดปุ่มปากกาเสียมากกว่า บ้างก็ปลีกตัวไปเข้าห้องน้ำ อันที่จริงสิ่งเหล่านี้ดูเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ก็ชัดขยายใหญ่เมื่อรู้สึกว่าเป็นไทหลบหน้าทั้งๆ ที่นั่งข้างๆ

“เป็นไท” สุดท้ายใจเย็นก็ทนความสงสัยไม่ไหว

“อะไร”

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

“เรื่องอะไรของมึง”

“ผมสังเกตได้นะ”

พอพูดประโยคนี้ อีกฝ่ายก็เงียบชะงักเหมือนนึกคำโต้ตอบทันควันไม่ออก ยิ่งเสริมว่าข้อสันนิษฐานของใจเย็นถูก

“มึงคิดไปเองปะ สะเหล่อ”

และไม่ผิดคาดนักที่จะถูกด่าแถมมาด้วย

ที่สุดใจเย็นก็ถอดใจ เพราะรู้ว่าเรื่องที่เป็นไทไม่คิดจะพูด ตื๊อไปก็เท่านั้น แต่นั่นก็ยิ่งทำให้ใจเย็นละเอียดลออในการสังเกตมากขึ้น และยิ่งสังเกตก็ยิ่งชัด ชัดว่าภาพของเป็นไทในความคิดที่ไร้ซึ่งฉากหลังนั้นห่างไกลออกไปทุกที ทุกที

จนเมื่อกลัวจะเหลือแต่ความว่างเปล่า วันฝนตกของเดือนกันยาที่เป็นไทยังคงบอกว่าไม่ว่าง ใจเย็นก็ขับรถไปหาที่คณะ หวังว่าฝนจะเป็นข้ออ้างให้เป็นไทกลับกับเขา และถึงจะไม่ว่าง มีธุระดึกดื่น เขาก็ตั้งใจที่จะรอ

ซึ่งความตั้งใจนั้นก็ทำให้ได้รู้ว่าจริงๆ แล้วเป็นไทไม่ได้ยุ่งเหยิงทางตารางชีวิตขนาดนั้น เพราะใจเย็นสังเกตได้ถึงสีหน้าที่ดูอึดอัดใจก่อนจะขอปลีกตัวออกจากกลุ่มเพื่อนเพื่อกลับบ้านกับเขา

“ไม่ต้องทำงานแล้วเหรอครับ” ใจเย็นถามตอนที่สตาร์ทรถ เครื่องเล่นเพลงส่งเสียงสำเนียงแจ๊สออกมา

“ส่วนของกูเสร็จแล้ว”

“งั้นเหรอ”

คำพูดติดปากส่งออกไปก่อนที่บทสนทนาจะเงียบงัน เหลือแต่เพลงแจ๊สที่บรรเลงต่อไปพร้อมกับสายฝน และแม้จะชวนคุย ไต่ถามว่าช่วงนี้มีเรื่องอะไรกวนใจไหม คำตอบก็ยังคงเป็นคำตอบเดิมๆ แถมพ่วงด้วยคำด่าก่อนเจ้าตัวจะก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือเสียอย่างนั้น ให้ใจเย็นรู้สึกอึดอัดไปพร้อมกับจังหวะสวิงของเพลงแจ๊สที่เหมือนเร่งเร้าขึ้นทุกที

“มึงหยุดมาหากูได้ไหมวะ”

กระทั่งจังหวะเปลี่ยนเพลง จังหวะเดียวกันกับที่ไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวราวผ่อนคลายลงพร้อมเม็ดฝนที่สร่างซา ใจเย็นก็ได้ยินประโยคไม่เข้าหูนั้น

“ทำไมล่ะ” ใจเย็นหันไปถาม เท้าไม่คิดแตะคันเร่ง

“ไม่คิดว่ามันแปลกเหรอวะ”

“ก็ไม่เห็นแปลกนี่ครับ”

“มีผู้ชายด้วยกันที่ไหนทำแบบนี้บ้างวะ”

เสียงแตรของรถคันหลังดังลั่นคั่นสนทนา ทำให้ใจเย็นต้องกลับไปสนใจเหยียบคันเร่งพารถไปตามทาง แม้ตอนนี้เขาอยากจะจับจ้องจดจ่อแต่กับสิ่งที่เป็นไทพูดออกมาก็ตาม

“ก็เราสนิทกันแล้วทำไม่ได้เหรอ”

“มันเกินไป”

“เกินไปยังไงครับ” พร้อมคำถามนี้ ใจเย็นหันไปมองอีกฝ่าย ครั้งนี้ได้สบกับดวงตาดวงเดิมที่ดูแฝงความกร้าวอย่างที่เป็นมาตลอด หากเหมือนมีอะไรหักความกร้าวลงให้หลบตาไปทางอื่นทันที ใจเย็นจึงกลับไปสนใจทางข้างหน้าเหมือนเดิม

“เอาเป็นว่าเพื่อนกูล้อ”

“ไม่เห็นต้องสนใจเลย”

“มึงมัน—”

“จะว่าไปก็เห็นโดนล้อมาแต่แรกแล้ว เป็นไทก็ไม่ซีเรียสอะไรนี่ครับ”

ครั้งนี้อีกฝ่ายชะงักเงียบเหมือนที่พูดมันแทงใจ แต่ก็พูดต่อในที่สุด

“แล้วไม่คิดเหรอว่าที่คนอื่นเขาล้อเพราะมันแปลก เรื่องแค่นี้มึงน่าจะเข้าใจได้”

“ทำไมไอ้สิ่งที่ผมแค่อยากทำมันแปลกล่ะครับ”

มองไปอีกที เขาเห็นเป็นไทขมวดคิ้วมุ่น “แล้วทำไมถึงอยากทำ”

“ผมก็บอกไปหลายครั้งแล้วว่าชอบ”

“กูเกลียดคำตอบนี้” ทันควันที่ถูกสวนกลับ และใจเย็นรู้สึกไม่สบายใจกว่าครั้งไหนๆ

“เป็นไทไม่อยากให้ผมชอบเหรอ”

“ชอบมีตั้งหลายแบบ มึงก็พูดอยู่ได้ว่าชอบกู รำคาญ”

“แล้วผมชอบเป็นไทแบบไหนไม่ได้—”

“เฮ้ย! ระวัง!”

เสียงร้องเตือนดังลั่น ทำให้ใจเย็นกลับไปมองทางข้างหน้าแล้วเหยียบเบรกได้ทันก่อนที่จะชนเข้ากับรถยนต์ที่ขับปาดเลนเพื่อยูเทิร์น โชคดีที่คันหลังอยู่ห่างพอจึงไม่เกิดอุบัติเหตุอะไร แต่ใจเย็นก็นิ่งอยู่สักพัก เหมือนหัวสมองปะติดปะต่อหลายสิ่งหลายอย่างได้ไม่ดีนัก ปล่อยรถทิ้งค้างอยู่เลนกลางกระทั่งได้ยินเสียงแตรรถดังไล่หลัง นั่นทำให้ใจเย็นตัดสินใจหักพวงมาลัยพารถไปทางซ้าย ขับเข้าซอยเล็กๆ และจอดนิ่ง เรียบเรียงเรื่องที่ต้องการจะพูด ใช่ คราวนี้แหละที่เขาตั้งใจจะพูดคุยกับเป็นไทให้รู้เรื่อง

“กูขอกลับเองดีกว่า”

ทว่า ไม่เป็นอย่างที่หวัง เป็นไทเอ่ยออกมาเสียง่ายๆ แล้วเปิดประตูลงจากรถ แน่นอนว่าใจเย็นเปิดประตูตาม หันไปหาเป็นไทที่เดินฉับๆ ไปด้านหลังแล้ว

“ฝนยังตกอยู่เลยนะครับ” เขาพูด และก็จริงตามนั้นที่ฝนซึ่งซาลงแล้วกลับเทกระหน่ำลงมาอีกรอบ แน่นอนว่ามันทำให้ผมเผ้าและเสื้อผ้าช่วงบนของเป็นไทเริ่มเปียกโชก แต่เหมือนนั่นเป็นสิ่งที่ตรึงอีกฝ่ายหยุดกับที่ “เป็นไทยังไม่ได้ตอบอะไรผมเลยสักอย่างด้วย”

และดูนิ่งนานกว่าเดิมเมื่อถึงคำพูดนั้น เหมือนคิดอะไรบางอย่าง ซึ่งใจเย็นสังเกตละเอียดลออเท่าใดก็คงยังไม่อาจหยั่งรู้ได้ เท้าของเขาจึงตั้งใจจะก้าวตามเป็นไทไป พลันอีกฝ่ายหันกลับมา ท่ามกลางหยาดน้ำที่พร่างพราว ไม่อาจเห็นชัดว่าแววตานั้นคิดอะไร แต่รู้ตัวอีกที เป็นไทก็เดินกลับเข้ามาหาและผลักร่างของเขาให้กลับมาอยู่บนเบาะหน้าคนขับ

“เมื่อกี้มึงถามว่าชอบแบบไหนไม่ได้ใช่มั้ย”

คำถามถูกจู่โจมจากคนที่ยืนอยู่นอกตัวรถแต่ยังโน้มตัวเข้ามาหา ครั้งนี้เห็นแววตาชัด ยังแฝงความกร้าวเอาไว้แต่ก็บรรจุเต็มไปด้วยความสับสน พอๆ กับเสียงกรีดร้องอลหม่านของแซกโซโฟนในเพลงแจ๊สที่กลับดังชัดขึ้นท่ามกลางเสียงของสายฝน เสียงกลองกระหน่ำด้วยจังหวะเดียวกัน บางครั้งกลับลัดจังหวะ เสียงเบสครวญคราง และจังหวะสวิงที่วิ่งวนในสับสน กดดัน อึดอัดก็พลันแตกระเบิดและเงียบดับลง

เหมือนว่าทุกความรู้สึกพร่างพรมพร้อมความเงียบที่ค่อยๆ โรยตัวจากฟากฟ้าเบื้องบน และแตะลงบนพื้นผิวริมฝีปากของเขา

จูบ

เป็นไทจูบเขา

“แบบนี้”

และเอ่ยคำนั้นที่เขาไม่รู้แล้วว่าเป็นคำตอบของคำถามเรื่องอะไร รู้เพียงว่าเป็นไทตัวจริงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเหมือนไร้ซึ่งฉากหลังไม่ต่างจากเป็นไทในความระลึกถึงของเขา และเมื่อดูห่างไกลออกไปจากการที่เจ้าตัวผละออกและทำท่าจะปิดประตูรถหนีไปดื้อๆ ใจเย็นก็ผลักประตูออกอ้ากว้าง ก่อนกระชากร่างของเป็นไทกลับเข้ามาในตัวรถ กระแทกหลังอีกฝ่ายเข้าชนกับพวงมาลัยจนเสียงแตรของรถดังลั่น แต่ใจเย็นไม่ได้ยิน

เขาไม่ได้ยินอะไรเลยนอกจากเสียงกรีดร้องของเพลงแจ๊ส เสียงของสายฝน และเสียงกลองสแนร์ที่ระรัวอยู่ข้างในใจ เหมือนจะได้เห็นแววตาตกใจของเป็นไทแต่ก็จำไม่ได้แล้วว่าตกใจเรื่องอะไร เขากดจูบอีกฝ่าย ใช่ ไม่น่าจะมีกริยาใดเหมาะกับการกระทำตอนนี้นอกจากคำนี้อีกแล้ว กด จูบ บดเบียดลิ้นร้อนและดูดดื่มสิ่งที่กระหายอยู่ลึกๆ ข้างในใจมาตลอด ดำดิ่งไขว่คว้าควานหาและหวังจะกระชากจิตวิญญาณสักส่วนขึ้นมาเพื่อเก็บกลืนและไม่คิดจะคืนให้แม้แต่น้อย

พลันในความมืดมิดหลังเปลือกตานั้น ใจเย็นก็สัมผัสได้ถึงภาพของเป็นไทที่ไร้ฉากหลังขึ้นมาอีกครั้ง เป็นสารพัดภาพสารพัดความทรงจำที่พร่างพรูลงมาซ้อนทับสลับกันไปเหมือนไม่มีสิ้นสุด แต่ใจเย็นกลับเข้าใจแล้วว่าทำไมจิตใจของเขาจับวางสถานที่ที่อยู่ในครอบครองของตนเองให้เป็นฉากหลังของเป็นไทยามที่คิดถึงอยู่ในมโนสำนึก

ก็แค่ย้ำชัดว่าเขาอยากได้คนคนนี้มาเป็นของตนเองไม่ใช่หรือ










**********************************************************************
เป็นตอนที่เขียนสนุกมากเลยค่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่22-ฉากหลังที่ว่างเปล่า ◑หน้า10 (ุ1/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-06-2017 19:47:22
ใจเย็น เป็นไท   :กอด1: :กอด1: :กอด1:

เหมือนทั้งสองคนจะชัดเจนใความรู้สึกแล้ว

ใจเย็น รู้ตัวว่าชอบเป็นไทตั้งแต่แรกแล้ว

เป็นไท ค่อยๆรู้สึกตัว

หลังจากนี้ เป็นไท ใจเย็น จะเป็นอย่างไร  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่22-ฉากหลังที่ว่างเปล่า ◑หน้า10 (ุ1/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mamemoo ที่ 01-06-2017 19:56:26
มาแล้วววว มาเร็วมากเลยยยย แต่รู้สึกมันสั้นมากเลยค่ะ :sad4: อันนี้เรารู้สึกไปเอง รึมันสั้นจริงก็ไม่รู้ ฟฟฟฟฟ
ในที่สุดเขาก็จูบกันแล้วววววว ดีมากกกก งื้อออออ ฟินมากกก แต่แอบกลัวนะคะ ว่าใจเย็นทำแบบนี้ เป็นไทจะโกรธมั้ย คือสำหรับเราแล้วเป็นไทไม่ใช่คนประเภทที่จะบอกว่าขอโทษ รู้สึกผิดมากเลยนะ ดีกันเถอะ แล้วจะจบ  เลยแอบกลัวว่ามันจะพาดราม่าไปอี๊กกกกกก แต่จริงๆก็ชอบดราม่านะคะ (อ้าว)
คือในขณะที่เป็นไทเหมือนจะรู้สึกตัวว่าชอบใจเย็นเพราะเห็นใจเย็นควงสาวเมื่อวันนั้น เลยพยายามตีตัวออกห่าง เพื่อเหตุผลอะไรบางอย่าง เพราะใจเย็นเป็นผู้ชาย? ใจเย็นชอบคบทีละหลายคน?? เราไม่อาจตีความได้  :hao5: :hao5: :hao5:
ส่วนใจเย็นก็ยังไม่เข้าใจว่าการกระทำบางอย่างตัวเองมันไม่ดี ไม่เข้าใจเป็นไทในบางเรื่อง แต่ก็ยังพยายามเข้าหา
สู้เขานะลูกกก เอาชนะใจนายขนมต้มให้ได้ #ใจเย็นตัวร้ายกับนายขนมต้ม ฟฟฟฟฟฟฟ
สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้เสมอเลยยย #ทีมใจเย็นสายเปย์   :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่22-ฉากหลังที่ว่างเปล่า ◑หน้า10 (ุ1/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: jaejae ที่ 01-06-2017 20:25:59
รออ่านมาตลอดค่ะ  อย่าหายไปนานๆ อีกนะ  เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่22-ฉากหลังที่ว่างเปล่า ◑หน้า10 (ุ1/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 01-06-2017 22:08:18
มันจะชัดเจนหรือสับสนกว่าเดิมเนี่ย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่22-ฉากหลังที่ว่างเปล่า ◑หน้า10 (ุ1/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 02-06-2017 02:40:15
เป็นเรื่องที่มีเสน่ห์ชวนติดตามจริงๆ
เดาอะไรไม่ออกเลย ชวนลุ้นไปกับความคิดตัวละครมากๆ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่22-ฉากหลังที่ว่างเปล่า ◑หน้า10 (ุ1/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 02-06-2017 13:36:43
รออ่านตอนต่อไปนะคะ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่22-ฉากหลังที่ว่างเปล่า ◑หน้า10 (ุ1/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 02-06-2017 17:11:39
ใจเย็นนนนน  :hao5: ในที่สุดด
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่22-ฉากหลังที่ว่างเปล่า ◑หน้า10 (ุ1/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: kataiyai ที่ 02-06-2017 19:12:14
รู้ตัวสักทีนะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่22-ฉากหลังที่ว่างเปล่า ◑หน้า10 (ุ1/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: lovenut ที่ 02-06-2017 21:29:21
ภาษาเขียนประหนึ่งเจ๊วีรพร
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่22-ฉากหลังที่ว่างเปล่า ◑หน้า10 (ุ1/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-06-2017 23:35:12
ยอมรับว่าชอบซึ่งกันและกัน ได้แบบ ความหวานมันอยู่ตรงหนายย
แต่ก็เข้าใจอะนะ คุมโทนกันมาแต่แรก ก็คงคุมโทนหน่วงจิตหน่วงใจกันต่อไป
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่22-ฉากหลังที่ว่างเปล่า ◑หน้า10 (ุ1/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Reminder ที่ 03-06-2017 00:24:19
ให้ใจเย็นมันรักเป็น....ท่าจะยาก
ต้องรอดูแม่เกษแล้วหละว่าจะทำให้อีเย็นรู้ว่าที่คบซ้อนมันไม่โอเค...ได้หรือเปล่า  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่22-ฉากหลังที่ว่างเปล่า ◑หน้า10 (ุ1/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 03-06-2017 20:22:18
แค่ความเข้าใจตัวเองยังยากเลย แล้วจะพยายามไปเข้าใจคนอื่นทำเพื่อ

ใจเย็นเป็นไท อารมณ์หน่วงพอกัน รักก็ไม่รู้จัก ชอบก็ไม่รู้จัก ง่ายๆ คือเกลียดกันเป็นไง ยังตอบง่ายกว่า

อึมครึมมากค่ะ แต่ไม่อยากให้ดราม่าหนักมาก เพราะตอนนี้ก็หน่วงมากแล้ว

แล้วทั้งคู่ก็เป็นประมาณว่า จะยังไง ก็ขอให้กลับมาอยู่ในสายตา แบบไม่มีใคร
พอใจเย็นมี เป็นไทก็ระเบิดไปเลย

ทุกอย่างชัดเจนมาก แต่แค่ไม่รู้จักว่าต้องทำยังไง ค่อยๆก้าวนะ ลุ้นอยู่
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่22-ฉากหลังที่ว่างเปล่า ◑หน้า10 (ุ1/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 03-06-2017 22:56:01
อ๊ายยยย กร๊าวใจมากค่ะตอนล่าสุด
เราว่าเขาชอบกันแล้วล่ะค่ะ แต่ยังขาดการสื่อสารให้เข้าใจกัน

ปล.แต่แอบกังวลแทนใจเย็น เรื่องคุณเกษรา จะช็อกไปเลยไหมล่ะนี่
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่23-ที่ตกลงกันไว้ ◑หน้า11 (ุ4/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 04-06-2017 19:15:46

*** ขอแจ้งก่อนค่ะว่าตอนนี้ใช้บทสนทนาล้วนๆ ในการเล่าค่ะ




23 – ที่ตกลงกันไว้


“ถ้าผมจบ ม.6 แล้ว ผมยังไปหาเป็นไทได้ใช่ไหมครับ”

“ไม่ได้”

“ตอนแรกบอกว่าได้ไม่ใช่เหรอครับ”

“จะตอบแบบไหนมึงก็มาหาอยู่ดีไม่ใช่หรือไง”

“ถ้าเต็มใจให้ไปหา ผมจะดีใจกว่า”

“เออๆ ตอนนี้ก็ตั้งใจติวเหอะ”

“ขอคุยก่อนไม่ได้เหรอครับ”

“ธันวามึงจะสอบแล้วนะ เดือนหน้าเนี่ย”

“เป็นไทกังวลยิ่งกว่าแม่ผมอีก”

“กูแค่จะทำหน้าที่สอน”

“เป็นไทห่วงผมมากกว่า”

“คิดเองเออเองชิบหาย”

“ผมไม่คิดเองเออเองก็ได้ แต่ผมมีเรื่องจะบอกเป็นไท”

“ว่า”

“ผมรู้แล้วนะครับว่าผมอยากทำอะไร ผมอยากทำรายการสารคดีสัตว์โลก”

“...เอาจริง?”

“ครับ”

“คือมึงจะไปเป็นแบบใครนะ...ที่ตายไปแล้ว สตีฟ...”

“สตีฟ เออร์วิน”

“เออ จะไปเป็นแบบนั้นหรือไง นึกภาพไม่ออกเลย ไม่เข้ากับมึงด้วย”

“ว่าแล้วเป็นไทต้องขำ แต่ผมไม่ได้อยากเป็นพิธีกรอะ ผมอยากเป็นคนออกแบบรายการ”

“ออกแบบรายการ? ก็ต้องเป็นเจ้าของรายการปะ”

“ครับ ผมพูดถึงตำแหน่งนั้นแหละ แต่ถ้าจะให้ดีผมหมายถึงนายทุนที่ออกเงินให้รายการไปต่อได้”

“เหรอ... กูก็นึกว่ามึงอยากเข้าป่าไปถ้ำมองสัตว์”

“คือถึงผมจะชอบมองดูพวกมัน แต่ผมก็รู้ตัวว่าผมไม่ชอบความลำบากอะ”

“เออ... กูไม่แปลกใจ”

“ดูชัดขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

“เออ ไอ้ลูกคนรวย แต่ถ้ามึงทำแล้วไม่ลงไปลุยเองจะสนุกเหรอวะ”

“จริงๆ สิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับสารคดีสัตว์โลกคือสคริปต์ เพราะรายการพวกนี้คงอยู่ไม่ได้ถ้าสคริปต์ไม่ดี คนดูคงเบื่อ ไม่อยากมาดูสัตว์แบบเรื่อยเปื่อยหรอก แต่ถ้ามีเนื้อเรื่องเหมือนเรื่องเล่ามันก็น่าดูน่ะครับ”

“อ่า กูก็ไม่ค่อยได้ดูหรอกนะ แต่จำได้ว่ารายการพวกนี้จะตั้งชื่อให้สัตว์ที่ไปติดตามปะ”

“ใช่ ประมาณนั้นแหละครับ”

“แต่จะสร้างเนื้อเรื่องได้ก็ต้องติดตามสัตว์ด้วยไม่ใช่หรือไง”

“ผมก็ยังไม่ค่อยแน่ใจกระบวนการสร้างหรอก แต่มันก็มีสารคดีอยู่สองแบบ แบบที่คนลงไปเป็นพิธีกรด้วย กับที่ตามติดชีวิตสัตว์อย่างเดียว ผมอยากทำแบบที่สอง เพราะธรรมชาติก็เป็นไปของมันเองให้เรามีเรื่องมาเล่าได้อะ อย่างแม่กบที่ขุดดินเป็นทางเชื่อมระหว่างแม่น้ำกับแอ่งน้ำที่กำลังจะแห้งเพื่อไม่ให้ลูกมันตาย แค่นี้ก็เอามาเล่าได้แล้ว เป็นดราม่าได้ด้วย หรือจะดราม่าครอบครัวใหญ่ก็ได้ อย่างล่าสุดที่ผมดูเป็นเรื่องของครอบครัวห่านในฝรั่งเศส ที่บินอพยพหนีหนาวไปทางใต้ ทีนี้มันก็จะเล่าว่ามีลูกห่านตัวหนึ่งที่นอกคอก เวลาตัวอื่นหยุดพักกันมันก็ออกไปเดินเล่นไกลๆ จนกลับมาไม่ทันเวลาเดินทางต่อ ทีนี้ก็บินตามและร้องหา ฝั่งพ่อแม่นึกได้แม่ก็บินกลับมาหาจนเจอกันในที่สุด จริงๆ มันก็ขึ้นอยู่กับตัดต่อด้วย แล้วก็... ก็ประมาณนี้แหละครับ”

“อะไรวะ แล้วก็อะไร จบเฉย”

“ก็ทำไมเป็นไทจ้องผมขนาดนั้นล่ะครับ”

“เขินหรือไง”

“เปล่าครับ”

“มึงรู้ตัวไหมเนี่ยว่าตอนเล่าโคตรดวงตาเป็นประกาย”

“...งั้นเหรอ”

“ไม่เคยเห็นมึงแบบนี้ พูดต่อดิ”

“แต่เป็นไทดูขำนะ”

“ก็ไม่ได้ขำเพราะมึงตลกหรอก กูว่าดีแล้ว”

“งั้นเหรอ”

“เล่าต่อดิ”

“ผมลืมหมดแล้ว”

“เอ้า”

“เป็นไทเล่าบ้างสิครับ เป็นการแลกเปลี่ยน”

“อะไรวะอยู่ดีๆ”

“เป็นไทก็ไม่เคยเล่าความฝันให้ผมฟังเลยนี่”

“ไม่รู้ดิ กูไม่รู้เริ่มไงด้วย”

“ทำไมถึงเรียนวิศวะก็ได้ครับ”

“ตอนเลือกก็แค่ถนัดเลข ไม่รู้จะเลือกอะไรด้วย แค่นั้นเลย”

“ไม่มีสตอรี่มากกว่านั้นเลยเหรอครับ”

“มึงดูอยากให้มีมากกว่าตัวกูเองอีกนะ”

“ก็ผมอยากฟัง”

“เออๆ จริงๆ กูมารู้สึกได้ตอนเรียนมากกว่า ว่าอย่างน้อยก็อยากสร้าง ไม่ใช่ทำลาย”

“...ไม่เห็นเข้าใจ”

“วิศวะมันก็งานสร้างทั้งนั้นไงเว้ย”

“อ่า”

“ถ้าได้สร้างอะไรสักอย่าง ได้ผลิตอะไรสักอย่าง มันก็น่าจะภูมิใจและรู้สึกมีค่าล่ะมั้ง ถ้าพูดถึงแบบดีๆ อะนะ ก็คงประมาณนี้”

“ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดี”

“สมองมึงกลวงไง ถึงบอกให้รีบๆ เริ่มติวได้ละ”

“ผมเข้าใจแค่ว่าเป็นไทคงรู้สึกอยากมีค่า”

“...เออ ใครๆ ก็อยากมีค่าทั้งนั้นไม่ใช่หรือไง”

“งั้นเหรอ”

“มึงพูดคำนี้ทีไรก็รู้สึกว่ามึงไม่ได้เข้าใจอะไรในโลกนี้ทุกทีอะ อ้ะ อย่างมึงอยากทำรายการสารคดีสัตว์โลกเนี่ย ที่มึงพูดๆ มา มึงก็พูดถึงการทำสารคดีให้คนอยากดูด้วยไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่สักแต่ว่าจะทำอะไรก็ได้เกี่ยวกับสัตว์อย่างเดียว แต่มึงอยากให้คนอื่นได้เห็นมันด้วย นั่นแหละแปลว่าอยากให้สิ่งที่ทำมันมีค่า”

“ตอนแรกผมไม่ได้คิดเรื่องนี้เลยนะครับ”

“แล้วมึงคิดว่าอะไร”

“คิดแค่ว่าถ้าอยากให้มันได้ถ่ายทอดออกไป ก่อนอื่นก็ต้องมีเงิน”

“...ฟังแล้วทาสทุนนิยมสัด”

“แต่ปลายทางก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ ไม่ว่าจะได้มาจากอะไร สุดท้ายคืออยากให้มีคนได้ดูมันนั่นแหละ อีกอย่างถ้ามีเงินก็ใช้สร้างธุรกิจที่จะจ้างเป็นไทมาทำงานได้ด้วยนะครับ ไม่ดีเหรอ”

“มึงจะซื้อกูด้วยเงินหรือไง”

“ถ้าให้ซื้อนะครับ”

“เลิกพูดจาน่าหมั่นไส้ได้ละ”

“งั้นไม่พูดแต่ซื้อเลยได้ไหมครับ”

“ไม่ต้องทำเหี้ยอะไรทั้งนั้นอะ แล้วก็หยุดพูดจาแบบนี้ด้วย ลืมที่ตกลงกันไว้หรือไง”

“...ขอโทษครับ”

“ช่างมัน เริ่มเรียน—เออ จะว่าไปมึงจะเลือกเรียนคณะอะไรถ้ารู้เป้าหมายขนาดนี้แล้ว”

“ก็เกี่ยวกับสัตว์น่ะแหละครับ อาจจะสัตวแพทย์ ไม่ก็สัตววิทยา”

“แล้ว...พ่อแม่อนุญาต?”

“อนุญาตครับ เพราะจะเรียนอะไร ทำงานอะไร ผมก็จะทำธุรกิจต่อจากพ่อด้วย”

“มึงเลือกเองเหรอ”

“ใช่ เพราะผมอยากได้เงินมาทำสิ่งที่อยากทำ”

“ก็ไม่คิดว่ามึงจะพูดว่าอยากสานต่อธุรกิจที่พ่ออุตส่าห์สร้างมาอะไรแบบนี้หรอกนะ แต่ฟังคำพูดตรงๆ แบบนี้แล้วแม่งโคตรหมั่นไส้เลยว่ะ”

“อยู่กับเป็นไทแล้วผมพูดใจจริงได้หมดนี่ครับ”

“เออๆ”

“ก็เลยอยากอยู่ด้วย”

“รู้แล้วๆ เรียนต่อเหอะ”

“วันนี้ไม่ได้เอาปากกามาเหรอ”

“หมึกหมด มีแต่ดินสอ”

“งั้นเหรอ”

“เสาร์ที่แล้วค้างที่แคลคูลัสข้อนี้ใช่ไหม—”

“เป็นไท”

“อะไร”

“ไม่รู้ว่าสมควรพูดไหม แต่ผมว่าเป็นไทดูเศร้าๆ”

“ฮะ? เศร้าห่าอะไรมึง”

“ผมไม่รู้ ผมรู้แค่ว่าผมดูออก”

“ดูออกของมึงก็คิดเองเออเองทั้งนั้นปะ”

“งั้นเหรอ”

“เลิกนอกเรื่องได้แล้ว เรียนสักที”

“...จะพยายามครับ”

“กูจะเศร้าถ้ามึงนอกเรื่องอีกเนี่ยแหละ”

“ไม่นอกก็ได้ครับ”

“ก็ดี”

“เพราะไม่อยากให้เศร้าเลย”












***********************************************************************************
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่23-ที่ตกลงกันไว้ ◑หน้า11 (ุ4/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mamemoo ที่ 04-06-2017 21:08:29
คุณพระคุณเจ้า ข้ามมาแบบนี้เลยย ตะเตือนใต จิตใจคนอยากรู้มันสั่นสะเทือนมากค่ะ แงงง   :o12: :o12: รอตอนต่อจากนั้นอย่างใจจดใจจ่ออยู่นะคะ ฟฟฟฟฟฟฟฟ
บทสนทนาล้วนแบบนี้แปลกดีค่ะ ยังคงความใจเย็นผู้ร่ำรวยเช่นเดิม 5555 ไม่ใช่แค่ใจเย็นที่อยากซื้อเป็นไทด้วยเงินนะคะ เราก็อยากซื้อค่ะ   :hao6: :hao6: :hao6: #ผิด
สู้ๆนะคะ   :mew1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่23-ที่ตกลงกันไว้ ◑หน้า11 (ุ4/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 04-06-2017 21:41:27
เป็นตอนแรกที่ไม่อึมครึมเลยมั้งเนี่ยะ 55
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่23-ที่ตกลงกันไว้ ◑หน้า11 (ุ4/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-06-2017 22:19:53
ใจเย็น อ่านเป็นไทออกทุกอารมณ์สินะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่23-ที่ตกลงกันไว้ ◑หน้า11 (ุ4/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 04-06-2017 23:11:55
เล่าแบบนี้ก็โอเคน้าเราว่า ไม่ขัดใจค่าา

แต่แอบอยากรู้เหมือนกันว่าถัดจากฉากจับกดจูบเขาตกลงกันยังไงน้าา รอติดตามวันต่อไปค่าา
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่23-ที่ตกลงกันไว้ ◑หน้า11 (ุ4/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 04-06-2017 23:30:01
มึนแทนเป็นไท

ตะกายฝารอเฉลย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่23-ที่ตกลงกันไว้ ◑หน้า11 (ุ4/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: littlep_ ที่ 05-06-2017 08:25:33
 :pig4: :pig4: :pig4
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่24-สะท้อน ◑หน้า11 (ุ6/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 06-06-2017 16:31:37
24 – สะท้อน


กลิ่นดอกไม้ที่ทำให้หายใจไม่ออก สายฝน บทเพลงแจ๊ส ดึงดูด ผลักไส เสียงลมหายใจที่ฟังหนักเหมือนแบกบางอย่างไว้ เสียงเอ่ยเรียกชื่อเขา เป็นไท เป็นไท เสียงเรียกจากใจเย็น แหบห้วน และหื่นกระหาย

“อยากมีอะไรด้วย”

เป็นประโยคที่เหมือนทำให้สร่างมึนเมาของกลิ่นดอกไม้เพราะรู้ดีว่าเกินขอบเขตของจักรวาลความรู้สึก สิ่งที่ตบกลับเข้าขอบเขตได้จึงเป็นความรุนแรง เป็นไทง้างหมัดเหวี่ยงเข้าหน้าของใจเย็น ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ แต่ผลลัพธ์ชะงักค้างก็ทำให้เขาค่อนข้างตกใจ รู้สึกผิด สับสน จนสุดท้ายก็ฉกฉวยโอกาสจากความเงียบเพื่อจะหนีไปอีกครั้ง เขาผลักประตูรถให้ปิด และน่าประหลาดที่ในชั่ววินาทีสั้นๆ บนกระจกที่พร่างพรมหยาดน้ำให้มัวเมาเงาเลือนรางของตัวเอง เขาเห็นแววตาของตัวเองชัดบนนั้น แต่บอกไม่ได้เลยว่าเป็นแววตาของความรู้สึกใด

เป็นไท ผมขอโทษ – เขาได้ยินประโยคนั้นดังตามหลังมา – อย่ากลับไปทั้งแบบนี้เลยนะ – ฟังเป็นเสียงอ้อนวอนด้วยหัวใจที่เขาเคยได้ยินไม่กี่ครั้งในชีวิต ก่อนจะถูกสาดซัดซ้ำด้วยประโยคสั้นๆ – ฝนยังตกอยู่เลยนะ

ถึงจะคิดว่าซับซ้อนสับสน แต่นิยามสั้นๆ ของความรู้สึกที่ทำให้เป็นไทเดินกลับไปที่รถคงเป็นคำว่า ‘ใจอ่อน’ เขากลับมานั่งลงที่เบาะข้างคนขับ ต่างจากฉากจุบเมื่อครู่ที่ประตูจะเปิดอ้าค้าง ตอนนั้นประตูปิดหมดแล้วทุกบาน เสียงฝนจึงเบาลงเหลือเพียงเม็ดฝนไร้มารยาทที่ดิ่งตัวเข้าเคาะกระจก

“ทำไมเป็นไทพูดว่าผมจะชอบเป็นไทแบบนี้ไม่ได้” นานกว่าที่ประโยคคำถามนี้จะเริ่มขึ้นหลังเสียงเพลงแจ๊สถูกกดปิด และเป็นไทก็ไม่รู้จะนำคำพูดใดมาปกปิดความเงียบ จนกระทั่ง “ในเมื่อเป็นไทจูบผมก่อน”

“...ก็เพื่อที่จะบอกว่าไม่ได้”

“งั้นไม่ให้ผมเอา เพื่อที่จะบอกว่าเอาไม่ได้ไปเลยล่ะ”

เป็นไทรู้ตัวว่าคำตอบของตัวเองงี่เง่า แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคเสียดแทงหลายจุดความรู้สึก ทั้งตกใจในเนื้อความ ทั้งตกใจในน้ำเสียงแข็งกร้าว ใจเย็นดูหงุดหงิดจากขัดใจแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และก็ไม่คาดว่าจะได้เห็น

“ขอโทษครับ” แต่พลันก็เพลาเบาบางลงเมื่อรู้ตัวพร้อมกับแววตาที่ค่อยๆ อ่อนลง “แต่ยังไง...มันคงแปลว่าผมชอบเป็นไทแบบนี้”

“แน่ใจหรือไง”

“แน่ใจพอๆ กับที่เป็นไทชอบไอติมสตรอเบอร์รี่”

อีกครั้งที่คำตอบชวนให้ไม่คาดคิด เป็นไทไม่คิดว่าจะได้ยินเรื่องเกี่ยวกับไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ในเวลานั้น แต่มันก็ดูเป็นคำยื่นยันที่ชวนให้เชื่อ เหมือนใจเย็นจะบอกว่ามองเขาออก และก็เฝ้ามองมาตลอด

ขณะเดียวกันมันก็ชวนให้ปวดใจพิลึก

“แล้วคนอื่นๆ ของมึงล่ะ”

เพราะหลังคำถามนี้ใจเย็นกลับเงียบ ไม่ใช่เงียบเหมือนเจอคำถามที่คาดไม่ถึง แต่เงียบได้สุขุม เหมือนคิดค้นอะไรในความลุ่มลึกมากกว่าลนลานหาคำตอบ

“ทำไมล่ะครับ”

และเอ่ยคำถามที่ยืนยันชัดว่าไม่คิดว่ามันเป็นความผิดแม้แต่น้อย

“มึงไม่ได้ชอบกูหรอก”

ทันควันที่เป็นไทสวนกลับ เปิดประตูรถออกไปอีกครั้ง แต่ก็อีกที่ใจเย็นดึงรั้งไว้ได้ก่อน

“เป็นไท ผมต้องการคำตอบ” มองย้อนกลับไปยังแววตาคู่เดิมก็เห็นว่าหมายความแบบนั้นเต็มความหมาย “ผมอยากรู้จริงๆ ว่าทำไม”

เป็นไทลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่สุดท้ายก็ดึงประตูรถให้กลับมาปิด

“มึงเคยรู้ไหมว่ามึงทำให้คนอื่นเขาเจ็บ อย่างพวกผู้หญิงที่มึงคบนั่นน่ะ รู้ไหม”

“รู้ครับ”

“เออ รู้แล้วทำไมยังทำ”

“ก็ผมไม่เห็นเข้าใจเลย”

“ไม่เข้าใจอะไร”

“ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเจ็บปวดกับเรื่องแบบนี้”

วินาทีที่ได้ยินคำตอบนั้น เป็นไทก็พาลอยากจะไม่เข้าใจอะไรบนโลกนี้เลย เหมือนกับที่ใจเย็นไม่เข้าใจมันจริงๆ แบบไม่ได้เสแสร้ง เพราะถ้าไม่เข้าใจก็คงไม่ต้องเจ็บปวด ถ้าไม่เข้าใจก็คงไม่คิดค้นลงไปว่าอะไรที่ทำให้ใจเย็นเป็นแบบนี้ สังคมงั้นหรือ? ครอบครัวงั้นหรือ? หรือเป็นตัวของใจเย็นเองที่ไม่คิดจะทำความเข้าใจความเจ็บปวดของผู้อื่น

ยิ่งคิด ก็ยิ่งเจ็บปวดขึ้นมา เจ็บปวดแบบที่ใจเย็นไม่มีวันเข้าใจ

“ทำไมครับ มันผิดเหมือนไปฆ่าคนตายเลยเหรอ”

และยิ่งใจเย็นส่งคำถามนี้แทรกกลางความอึดอัด ก็ยิ่งย้ำชัดเช่นนั้น

“มึงคงไม่เคยชอบใครจริงๆ”

“ชอบสิครับ”

“แล้วถ้าคนที่มึงชอบ มีคนอื่นเหมือนที่มึงมีล่ะ”

“ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้”

เป็นไทรู้สึกเหมือนเม็ดฝนไร้มารยาทขึ้นทุกทีในเวลานั้น มันดิ่งตัวลงเคาะกระจกหนักและแรงขึ้น รุมเร้าให้เขายิ่งสับสนอลอึงไปพร้อมกับกลิ่นดอกไม้ที่แสบจมูกทั้งที่เคยอ่อนโยน

“ถ้าเป็นกูล่ะ” เขาถามออกไปเสียงแผ่ว “บอกว่าชอบกูไม่ใช่หรือไง ถ้ากูมีคนอื่นล่ะ”

อีกครั้งที่ใจเย็นเงียบ และอีกครั้งที่ดูจะไม่ได้เงียบเพราะลนลานหาคำตอบ “ถ้าเป็นไทมีความสุขก็ดีครับ”

เพราะมันชัดเจนเหลือเกินว่าไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนใจเย็นได้ง่ายๆ

“แค่อย่าหายไปจากผม—”

“มึงไม่ได้ชอบกูหรอก” เป็นไทไม่รอฟังให้จบ “กูก็ไม่ได้ชอบมึงด้วย

น้ำเสียงมั่นคงจนเผลอแน่ใจไปแล้วว่าไม่ได้โกหก

“แต่...ผมอยากให้เป็นไทอยู่ข้างๆ นะ”

“กูก็อยาก” เป็นที่สัตย์จริงแม้น้ำเสียงสั่นไหว “แต่แค่อยากอยู่ด้วย ก็ไม่ได้หมายความว่าชอบไม่ใช่หรือไง”

“แต่—”

“แค่อย่าหายไปจากกันใช่ไหมที่พูดเมื่อกี้ เออ กูไม่หายไปไหนหรอก แต่ช่วยลืมสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ไปด้วย”

ใจเย็นเงียบ แต่ครั้งนี้ดูเป็นความเงียบที่ว่างเปล่า

“ทำความเข้าใจใหม่ด้วยว่าที่คิดว่ารู้สึกอะไรจนลามปามมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”

ฝนหยุดตกหลังประโยคนั้น สร่าซาพร้อมจางกลิ่นดอกไม้ที่ทำให้เจ็บปวด และในความพลิกผันของสัมพันธ์ ข้อตกลงต่างๆ เกิดขึ้น ขีดเส้นแบ่งสิ่งที่ทำได้และไม่ได้ แม้แต่คำพูดคำจาบางอย่าง เพื่อไม่ให้สัมพันธ์เลยเถิด เพื่อไม่ให้เข้าใจผิดอีก เพื่อคงความสัมพันธ์เอาไว้

แม้จะไม่มีฝ่ายไหนเคยถามเลยว่าความสัมพันธ์นี้คืออะไร

ควันบุหรี่ลอยอ้อยอิ่งในอากาศของเดือนมกราคม อากาศร้อนแบบไม่ปรานีปราศรัยใดๆ เป็นไทนั่งอยู่ในลานจอดรถที่อบอ้าวเพราะไร้ลม มันเป็นลานจอดรถเดียวกันกับที่ใจเย็นลองสูบบุหรี่แล้วสำลักจนน้ำหูน้ำตาไหลให้ขบขัน คิดย้อนภาพนั้นก็ยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อย แต่ไม่นานก็จางหายคล้ายควันบุหรี่ บ่อยครั้งที่เป็นไทนึกเรื่องของใจเย็นและปล่อยมันปลิดปลิวหายไป โดยที่ก็ไม่เคยรวบรวมกลับมานับดูว่ามันมหาศาลแค่ไหน

ทั้งเรื่องของดอกไม้ในแจกันแก้ว เรื่องของหมาชื่อทันใจและใจเย็น เรื่องของการชอบเฝ้ามองผู้คน เรื่องสารคดีสัตว์โลกที่บอกว่าอยากทำ เรื่องของความฝันที่เป็นไทเองก็ไม่อยากให้มันแตกสลาย เรื่องเรียน เรื่องสอบ เรื่องของครอบครัว เรื่องของน้องทั้งสองคน และเรื่องของตัวเขา เรื่องที่ใจเย็นมักบอกว่าเขาคือส่วนประกอบตัวตนของใจเย็นเอง

ฟังเป็นคำหวาน หอมหวนคล้ายกลิ่นดอกไม้ แต่ก็รู้ดีว่าเขาไม่อาจครอบครองไว้เพียงผู้เดียว และเพราะขัดกับนิสัยหวงของที่คงทำให้สัมพันธ์ล่มสลายกลายเป็นซากปรักหักพังในสักวัน เป็นไทรู้สึกว่าสัมพันธ์ตอนนี้มันดีที่สุดแล้ว และก็ไม่ได้มีเรื่องให้ทุกข์ร้อนอะไรด้วย

เขาบี้ไฟปลายมวนบุหรี่ให้มอดดับและทิ้งลงถังขยะ เดินผ่านรถที่จอดเป็นแนวแถวเพื่อกลับไปยังร้านของแม่ แต่ชั่ววูบหนึ่งที่สบตาเงาสะท้อนของตัวเองบนกระจก เขาเห็นแววตาของตัวเองชัดบนนั้น พลันขนลุกขึ้นมาที่เหมือนเห็นภาพซ้อนทับกับวนฝนตก เขายังคงบอกไม่ได้ว่าแววตานั้นเป็นแววตาของความรู้สึกใด

เป็นไทรีบก้าวยาวๆ กลับมายังร้านของแม่ แสงสว่างและอากาศเย็นทำให้รู้สึกสงบลง หากเสียงพูดคุยจุกจิกระหว่างแม่กับชนากานต์ผู้เป็นเพื่อนหุ้นส่วนก็ทำให้เขารู้สึกแสลงหู และจังหวะที่เขาจะขอตัวกลับก็ได้ยินสิ่งที่ทำให้รู้สึกชาวาบไปทั้งร่าง

“เป็นไท เมื่อกี้...แม่เจอพ่อเขาด้วย”

เขาไม่ได้ตอบอะไร แต่แม่ก็ยังคงพูดต่อ

“แปลกนะ คิดว่าจะทำเหมือนไม่รู้จักกันไปก็ดีแล้ว แต่เขากลับเข้ามาถามแม่ว่าสบายดีไหม เขา...ถามถึงลูกด้วยนะ”

วินาทีนั้นที่เป็นไทรู้สึกเกลียดแม่ขึ้นมาจับใจ ทั้งที่ก็รู้ดีว่าแม่ไม่ได้ผิดอะไร แต่เขาก็ห้ามความรู้สึกไม่ได้ พลันการหลบตาจากความเกลียดก็ทำให้เขาสบเข้ากับกระจกบานใหญ่ภายในมุมลองเสื้อของร้านที่ม่านเลื่อนเปิดทิ้งไว้

เป็นไทเห็นแววตาของตัวเองอีกครั้ง หากครั้งนี้เขาเห็นความเจ็บปวดของตนเอง เขารู้ตัวว่าแค่มีอะไรมาสะกิดให้นึกถึงเรื่องพ่อ ตัวของเขาก็จะคลอนแคลนสั่นไหวด้วยเจ็บปวด แต่ความเจ็บปวดในครั้งนี้มันลึกกว่านั้น เพราะเขาเคยคิดเอาไว้ว่าจะมีคนคอยรับไว้ยามที่เขาร่วงหล่น แต่ความจริงไม่มีแล้ว

มันเป็นความเจ็บปวดสืบจากสัมพันธ์ระหว่างเขากับใจเย็น ที่ต่อให้คิดว่าดีแค่ไหนก็จะมีช่องโหว่ เป็นช่องโหว่ที่ทำให้เขาไม่สามารถแบ่งปันความเจ็บปวดในทุกๆ เรื่องให้ฟังได้อย่างที่ต้องการ ไม่สามารถไปทำตัวอ่อนแออยู่ข้างๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายลูบหัวตามอำเภอใจอย่างที่เคยทำ เพราะถ้าทำก็จะกลายเป็นการเลยเถิด และพอเลยเถิดถลำลึกก็จะกลายเป็นความเจ็บปวดไร้สิ้นสุด โดยที่ช่องโหว่ก็ไม่ได้หายไปหรือหดแคบเล็กลงเลยสักนิด

และเป็นไทก็ไม่แน่ใจว่าเขาไม่มีความสามารถพอจะหาสิ่งมาอุดช่องโหว่นั้น หรือเป็นใจเย็นเองที่ซ่อนมันไว้โดยไม่มีวันนำออกมาให้ใครเห็นง่ายๆ

แต่ที่รู้ตอนนี้ เป็นไทรู้แล้วว่าแววตาของเขาในวันฝนตกกำลังสะท้อนอะไร เพราะมันไม่ต่างจากแววตาของเขาตอนนี้เลย

มันเป็นแววตาของความขลาดกลัวที่รู้ดีว่าอะไรๆ ก็จะไม่เป็นดังหวังเลยสักอย่าง














******************************************************************************
ติดแท็ก #ใจเย็นกับเป็นไท ไปพูดคุยกันได้นะคะ

คิดว่าเรื่องนี้น่าจะเดินมากลางครึ่งเรื่องแล้วแหละ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันเสมอมานะคะ ก็อยากให้ติดตามต่อไปเนอะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่24-สะท้อน ◑หน้า11 (ุ6/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Rungsai ที่ 06-06-2017 19:42:27
เมื่อไหร่ใจเย็นจะมีหัวใจ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่24-สะท้อน ◑หน้า11 (ุ6/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-06-2017 20:51:28
ใจเย็น กับเป็นไท
เหมือนสองคน สวนทางทางกัน
ใจเย็น ไม่เข้าใจเรื่องรักแบบเป็นรักเดียว ผูกพันแค่คนๆเดียว

เป็นไท ขลาดกลัว ว่าถ้ารักแล้วจะไม่เป็นอย่างที่คิด
กลัว ใจเย็นมีคนอื่นอีก
กลัว ต้องเลิกกัน

จะมีอะไรมาทำให้ใจเย็นรักเป็น
และเป็นไท เลิกกลัว ได้นะ
      :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่24-สะท้อน ◑หน้า11 (ุ6/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 06-06-2017 20:55:40
สับสน เจ็บปวด และว้าเหว่มาก
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่24-สะท้อน ◑หน้า11 (ุ6/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 06-06-2017 20:58:31
โอยยย อ่านตอนนี้แล้วน้ำตาคลอเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่24-สะท้อน ◑หน้า11 (ุ6/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 07-06-2017 19:20:16
เป็นไทชอบใจเย็นแล้วแน่ๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่24-สะท้อน ◑หน้า11 (ุ6/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 07-06-2017 21:44:23
เอาเข้าไป หน่วงกันเข้าไป
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่24-สะท้อน ◑หน้า11 (ุ6/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: MOMAMi_96 ที่ 08-06-2017 09:31:09
เริ่มเข้าประเด็นแบบจริงๆจังแล้ว ความสนุกมันเริ่มแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่25-อินทรีหัวขาว ◑หน้า11 (ุ8/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 08-06-2017 15:52:01
25 – อินทรีหัวขาว

ใจเย็นจำได้ว่ามันเป็นช่วงเย็นวันศุกร์ของปิดเทอมที่น่าจะยาวนานที่สุดในชีวิต เขากำลังนั่งดูรายการสารดีสัตว์โลกอยู่ในห้องนั่งเล่น ซึมซับเรื่องราวของอินทรีหัวขาว นกนักล่าที่เป็นตำนานอันน่าเกรงขามหากก็ใกล้สูญพันธุ์เต็มที ด้วยต้องต่อสู้กับสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายจากธรรมชาติและมนุษย์ ทั้งยังเป็นสัตว์คู่แท้* ที่จะจับคู่เพียงครั้งเดียวตลอดชีวิต

ตอนที่มันกำลังโบยบินบนฟากฟ้าเพื่อล่าตัวมอร์มอต คุณเกษราแม่ของเขาก็เลื่อนเปิดประตูกระจกเดินเข้ามาในห้อง ให้กลิ่นหอมของดอกไม้อบอวล ถามแบบไม่ต้องการคำตอบว่าดูรายการนี้อีกแล้วหรือ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ เขา นั่งเงียบๆ เหมือนเพียงต้องร่วมวงดูด้วย กระทั่งถึงช่วงการจับคู่ของอินทรี คุณเกษราก็ถามขึ้น

“ใจเย็นไม่คิดจะไปเรียนต่างประเทศเลยเหรอ”

บ่อยครั้ง เรียกได้ว่าบ่อยครั้ง ที่ระยะหลังมานี้คุณเกษราจะเอ่ยถามเรื่องนี้ ทั้งที่ปกติแล้วจะปล่อยให้เขาเป็นหัวคิด เห็นดีเห็นงามตามตลอดไม่ว่าเรื่องอะไร แน่นอนว่าใจเย็นแปลกใจแต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไรนัก และครั้งนั้นก็แค่ส่ายหัวไปอย่างเคย ไม่ใช่ว่ามีเป้าหมายแน่วแน่เด็ดเดี่ยวอะไรในประเทศไทย ใจเย็นรู้ว่าอย่างไรการเรียนในต่างประเทศก็ให้โอกาสกว้างไกลกว่า แต่เหตุผลเดียวที่ใจเย็นไม่ไปก็คือเป็นไท

แม้ฟังดูเป็นเหตุผลบกพร่อง แต่มันก็สมบูรณ์แบบสำหรับใจเย็น เพราะแค่เหตุผลนี้ก็เพียงพอที่ทำให้เขาไม่อยากไปไหน ถ้าเขาเอ่ยปากบอกใครสักคนก็คงได้ยินคำพูดสะท้อนกลับว่าเขานั้นช่างเอาแต่ใจในเรื่องไม่เป็นเรื่อ ก็คงใช่ เขาเอาแต่ใจมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ใจเย็นรู้ดีและบอกตนเองเช่นนั้น โดยที่ไม่คิดพลิกเบื้องหลังความรู้สึกขึ้นมาดูเลยว่าแท้จริงแล้วเขานั้นกลัว กลัวว่าอะไรๆ จะไม่เป็นดังใจ

ในช่วงที่ใจเย็นต้องคร่ำเคร่งกับการสอบเข้าไม่ต่างจากเด็ก ม.6 คนอื่นๆ เป็นไทก็อยู่ในช่วงฝึกงานตามตารางของปีสามเทอมสอง ทำให้เวลาที่มีไม่ค่อยตรงกันนั้นทวีเท่า ยิ่งเป็นไทหมดหน้าที่สอนพิเศษเขาด้วยแล้วก็ยิ่งไม่ได้เจอหน้า แต่ใจเย็นก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เขาจำข้อตกลงได้ดี ข้อตกลงที่จะไม่ก้าวก่ายอีกฝ่ายจนเกินควร ข้อตกลงที่จะทำให้คนเอาแต่ใจอย่างเขาไม่เอาแต่ใจ ข้อตกลงที่เขาไม่ชอบแต่ก็ยอมตามใจอีกฝ่าย

ใจเย็นไม่เข้าใจอะไรในความสัมพันธ์นี้นัก เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถลำลึกไปกว่านี้ไม่ได้ เขาไม่เข้าใจว่าเป็นไทรู้สึกอย่างไร จนสุดท้ายเขาก็ได้แต่ปล่อยความไม่เข้าใจไว้เช่นนั้น ให้เหมือนกับที่เขาจะไม่เข้าใจอะไรเลยบนโลกใบนี้ และเมื่อปล่อยความเข้าใจให้ตกตะกอนนอนก้นบ่อ ก็เหลือเพียงสิ่งที่เขารู้สึก และเขายังคงรู้สึกอยากอยู่ข้างๆ เป็นไทเหมือนที่เป็นมาตลอดต่อให้จะไม่เข้าใจอะไรเลยก็ตาม

ขณะเดียวกัน ก็เพราะความรู้สึกอีกนั่นแหละที่ทำให้เขาบอกเป็นไทเป็นคนแรกเรื่องที่เขาสอบติดมหาวิทยาลัย เขาโทรไปหา รอสาย แน่ใจว่าตื่นเต้น แต่พอเอ่ยบอกและได้ยินเสียงของเป็นไทตอบกลับมา ก็ไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่เขารู้สึกอะไร เพราะมั่นใจว่าหัวใจสูบฉีดแรงกว่าระหว่างที่รอสาย

“เออ รู้อยู่แล้วว่ามึงจะติด”

เป็นประโยคง่ายๆ ทั้งยังไร้คำแสดงความยินดีสมกับเป็นคนปลายสาย แต่ใจเย็นก็ไม่ได้ยินประโยคทำนองนี้จากใครอีกเลยแม้แต่จากแม่ของเขา หรือแม้แต่จากตัวของเขาเอง

ใจเย็นรู้สึกเหมือนถูกรู้จักตัวตนมากกว่าที่ตนเองรู้จัก หรือจะคิดตลบไปว่าใครๆ ก็รู้จักเขามากกว่าตัวเขาเอง เขาก็ยังดีใจ และแอบเสียดายที่ในตอนนั้นเป็นไทไม่ได้นั่งอยู่ตรงหน้า ในซุ้มม่านบาหลี ที่บนโต๊ะมีแจกันแก้วบรรจุดอกสวีทพีไว้ทุกปีของเดือนพฤษภาคม และทุกปีเป็นไทก็ไม่เคยจะดอมดมมันตามที่เขาบอกเลย

อย่างไรก็ตาม เขาก็หวังไว้ว่าเป็นไทจะมานั่งที่นี่อีก หรือบางครั้งอาจจะเปลี่ยนไปนั่งในห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร ห้องของเขา ตรงไหนก็ได้ที่เป็นอาณาบริเวณในครอบครองของเขา ใจเย็นหวังไว้เช่นนั้น หวังจนอาจฟุ้งคล้ายกลิ่นละอองเกสรดอกไม้ที่กระจัดกระจายภายในอากาศทั่วบ้านโดยไม่รู้ตัว

แต่กลิ่นเกสรนั้นก็มัวหมดลงในเย็นวันศุกร์อีกวันของปิดเทอมอันยาวนานก่อนจะขึ้นมหาวิทยาลัย

เหมือนเดิมที่ใจเย็นนั่งดูรายการเดิมอยู่ในห้องนั่งเล่น คราวนี้เป็นเรื่องราวของนกอัลบาทรอส สัตว์คู่แท้อีกชนิดที่ใกล้สูญพันธุ์ ชวนให้เขานึกถึงนกอินทรีหัวขาวที่เป็นหัวข้อให้เขาถกเถียงกับแม่จนจำเย็นวันนั้นได้ดี เขาบอกแม่ว่าสัตว์ใกล้สูญพันธ์ส่วนใหญ่มักเป็นสัตว์คู่แท้ ทำให้โอกาสในการดำรงเผ่าพันธุ์มีน้อยกว่าสัตว์คู่เทียมที่จับคู่ได้หลายครั้งตลอดชีวิต ซึ่งแม่ก็ถกเถียงว่ามันย่อมมีข้อดีเพราะจะร่วมกันดูแลลูกได้ดีกว่า แต่ก็อีก ใจเย็นเถียงกลับไปว่าสัตว์คู่เทียมก็ดูแลลูกของมันให้อยู่รอดได้เหมือนกัน กระทั่งเปรียบกับมนุษย์ที่แท้จริงแล้วก็เป็นสัตว์คู่เทียมตามบรรพบุรุษอย่างเอปยังดูแลลูกได้ดีเลย

ถึงตรงนี้คุณเกษราแม่ของเขาก็ดูหมดกำลังเถียง หล่อนหัวเราะเล็กๆ ตามนิสัยตอนเถียงแพ้ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ใจเย็นสัมผัสได้ว่าหล่อนดูจริงจังกว่าปกติ

“แล้วใจเย็นคิดไหมว่าทำไมทุกวันนี้มนุษย์ถึงพยายามทำตัวเหมือนเป็นสัตว์คู่แท้”

“เริ่มต้นบรรทัดฐานนี้ก็เพื่อตัดความยุ่งยากในสังคมไม่ใช่เหรอครับ แต่ผมว่ามันยุ่งยากกว่าเดิมอีก”

“อา...”

ใจเย็นได้ยินเสียงคุณเกษราครวญคำนั้นดังชัด ก่อนประโยคต่อมาจะเสียงแผ่วจางก่อนจะเปลี่ยนเรื่องไปอย่างรวดเร็ว

“คงพูดเรื่องความรักไม่เข้าใจสินะ”

เย็นวันนั้นจึงเป็นเย็นวันศุกร์ที่ใจเย็นจำได้ดี เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้คำตอบอะไรที่ชัดเจน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมแม่ถึงพึมพำออกมาเรื่องความรักในเมื่อครอบครัวของตัวเองนั้นก็เป็นไปตามโครงสร้างของสัตว์คู่เทียม เป็นไปตามธรรมชาติของบรรพบุรุษและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมส่วนใหญ่ สุดท้าย เหมือนเดิมๆ ใจเย็นจึงปล่อยผ่านไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนมาหวนนึกจริงจังเมื่อเห็นสัตว์คู่แท้อีกครั้งบนหน้าจอโทรทัศน์

พลันเมื่อสารคดีบรรยายถึงคู่ของนกอัลบาทรอสที่ออกเดินทางแยกกันไปหนึ่งปีและกลับมาพบกันอีกรอบก็ยังจับคู่เดิม คุณเกษราก็เลื่อนเปิดประตูกระจกเดินเข้ามาในห้อง หากครั้งนี้ใจเย็นกลับไม่รู้สึกถึงหอมหวานของดอกไม้

“ใจเย็น แม่มีเรื่องจะคุยด้วย”

จริงจังที่ได้ยินจากน้ำเสียงทำให้เขาผละสายตาจากสารคดีหันไปมอง คุณเกษราค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่งข้างๆ เขา เอ่ยถามว่าปิดโทรทัศน์ก่อนได้ไหม ถ้าเป็นเวลาปกติเขาอาจแค่หรี่เสียง แต่แววตาของแม่ในตอนนี้ทำให้ใจเย็นเลือกกดปิดให้หน้าจอมืดดับ

“แม่มีเรื่องอะไรเหรอครับ”

“แม่จะไม่อ้อมค้อมนะ” หากถึงจะพูดเช่นนั้น คุณเกษรากลับอ้อมค้อมด้วยความเงียบ ราวต้องการสื่อสารผ่านแววตา ชวนให้ใจเย็นอึดอัด แต่สุดท้ายก็ขาวโพลนสว่างวาบ “แม่เพิ่งฟ้องหย่าพ่อ”

จากขาวโพลนไร้สิ้นสุดก็ค่อยๆ กลับมามีสีอาบแต้มย้อมสิ่งต่างๆ รอบสายตา แต่ใจเย็นรู้สึกเหมือนสีสันนั้นเพี้ยนไป ใช่ อะไรๆ ที่เขามองเห็นมันเพี้ยนไปหมดและเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจอย่างที่เขาไม่เคยเข้าใจอะไรเลย หากทวีเท่าทับถมยิ่งกว่านั้นจนเขากลัวว่าจะพาตัวเองขึ้นมาจากทับถมนั้นไม่ได้เลย

ใจเย็นรู้สึกว่าลำคอตัวเองแห้งผากฉับพลันทั้งที่คำถามเป็นล้านๆ ก็ประเดประดังขึ้นมาในหัว จนสุดท้ายก็ได้แต่ถามไปว่าทำไม ทำไม หากแม่ก็ดูจะกลั่นกรองคำพูดออกมาได้ยากเมื่อเผชิญความจริง ใจเย็นรู้สึกเหมือนจะเห็นน้ำตาของหล่อนไหลออกมา

“พ่อ...พ่อทำอะไรไม่ดีกับแม่เหรอ”

ประโยคนั้นเองที่คุณเกษราร้องไห้ และใจเย็นรู้สึกเหมือนหัวใจสลาย

“ใจเย็นจำเรื่องนกอินทรีหัวขาวที่เราเถียงกันได้ไหม”

“ได้... ผมจำได้”

“ใจเย็นยังจำได้ไหมที่แม่ถามว่าทำไมทุกวันนี้มนุษย์ถึงพยายามทำตัวเป็นสัตว์คู่แท้”

“จำได้ครับ”

“ถ้าแม่ตอบว่าความรัก ใจเย็นจะเข้าใจไหม”

ใจเย็นเงียบ และนั่นก็ทำให้คุณเกษราเข้าใจว่าลูกชายของหล่อนไม่เคยเข้าใจสิ่งที่เรียกว่าความรักเลย

“แม่ขอโทษนะที่ทำให้ลูกไม่เข้าใจมัน” คุณเกษราเอ่ยเสียงเครือ “งั้นแม่จะอธิบายแบบที่ง่ายที่สุดในตอนนี้ การที่มนุษย์ทำตัวเป็นสัตว์คู่แท้น่ะ ไม่ใช่เพียงเพราะทำตามข้อตกลงทางสังคมหรอกนะ เพราะใจเย็นก็เห็นใช่ไหมว่ายังคงวุ่นวายอยู่ดี”

“แล้ว...มันเพราะอะไรล่ะครับ”

คุณเกษราเงียบไปชั่วครู่ ปาดน้ำตาที่หลั่งรินบนพวงแก้ม ก่อนจะพูดออกมาอย่างฉะฉาน ไม่สั่นเครือ และฟังดูเข้มแข็งปราศจากอ่อนแอใดๆ

“มันคือการที่มนุษย์รู้ว่าคนอื่นจะเจ็บปวดจึงมีความยับยั้งชั่งใจไม่ทำ และนั่นแหละสิ่งที่ยกระดับมนุษย์ให้ต่างจากสัตว์”

ใจเย็นพบเพียงความเงียบงันหลังประโยคนั้น

“เรื่องแค่นี้ใจเย็นเข้าใจได้ใช่ไหม”

เขาไม่ได้ตอบ เขารู้ว่าแค่ว่าสีของสรรพสิ่งรอบกายผิดเพี้ยนจากที่เคยเห็นไปทุกที

“แม่ขอโทษนะ”

...ทุกที

“ขอโทษนะ ที่ไม่เคยบอกว่าพ่อทำแม่เสียใจมาตลอด”

และสุดท้ายกลายเป็นสีน้ำตาของแม่เขาเอง

กระนั้น ใจเย็นก็นึกไม่ออกแม้แต่วิธีปลอบแม่ในเวลานั้น นึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไรให้ร่างกายและจิตใจอันบอบบางของหล่อนหยุดสั่นเทา เขาไม่รู้ ไม่รู้อะไรเลยเหมือนที่เป็นเสมอมา พลันเจ็บปวดทำให้เบือนหนีจากภาพตรงหน้า เขามองไปยังหน้าจออันมืดดำของโทรทัศน์ ในว่างเปล่านั้นปรากฏภาพอินทรีหัวขาวโบยบินบนฟากฟ้า เป็นเจ้าเวหาที่สง่างามน่าเกรงขาม ทั้งยังรักเดียวใจเดียวให้น่าเคารพยกย่อง

หากไม่รู้ทำไม ใจเย็นกลับอยากยิงอินทรีหัวขาวตัวนั้นให้ตายคามือ ให้พ้นจากสายตาเขาเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี













**********************************************************************************

*สัตว์คู่แท้ - คู่เทียม จริงๆ ควรใช้คำว่าสัตว์ผัวเดียวเมียเดียว (monogamous) และสัตว์หลายผัวหลายเมีย (Polygamous)
แต่เนื่องจากแยมเห็นว่าคำมันซ้อนๆ กันเยอะ ทั้งจะใช้ภาษาอังกฤษเดี๋ยวจะลายตากัน เลยเลือกใช้เป็นคำว่า คู่แท้-คู่เทียม เพื่อให้อ่านลื่นไหลค่ะ

และที่คุณเกษราลากยาวเรื่องหย่ามาเป็นปี คือรอให้ใจเย็นเคลียร์เรื่องมหาวิทยาลัยเรียบร้อยค่ะ เดี๋ยวรายละเอียดนี้ใส่ทีหลัง

อ่านแล้วมีฟี้ดแบ้คยังไงเม้นบอกได้น้า หรือจะติดแท็ก #ใจเย็นกับเป็นไท ก็ได้ค่ะ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่25-อินทรีหัวขาว ◑หน้า11 (ุ8/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: MOMAMi_96 ที่ 08-06-2017 19:53:24
เนี่ยเรื่องครอบครัวใจเย็นนี่แหละสนู๊กสนุก รอให้อีกสองแม่มาเล่าอย่างใจจดใจจ่อ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่25-อินทรีหัวขาว ◑หน้า11 (ุ8/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 08-06-2017 20:17:27
ความรักยับยั้งไม่ให้เราทำในสิ่งที่จะทำให้คนที่เรารักและรักเราเสียใจ

เป็นไทรู้ว่าตัวเองจะเสียใจเพราะใจเย็น เป็นไทต้องการสิ่งเป็นของเขาจริง ไว้วางใจ วางความรัก วางชีวิตไว้กับคนคนนั้นได้
แต่ใจเย็นไม่เข้าใจ ยังไม่เข้าใจ ไม่เคยได้เรียนรู้ ได้เห็นการซื่อสัตย์ในชีวิตคู่

สงสารทั้งเป็นไท ทั้งใจเย็น ครอบครัวทำร้ายเด็กสองคนนี้มาก ๆ เลย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่25-อินทรีหัวขาว ◑หน้า11 (ุ8/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 08-06-2017 20:44:01
โอ้ยยยเข้มข้นนน
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่25-อินทรีหัวขาว ◑หน้า11 (ุ8/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 08-06-2017 21:01:10
ใจเย็นค่อยๆเรียนรู้ไปลูก
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่25-อินทรีหัวขาว ◑หน้า11 (ุ8/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-06-2017 21:39:00
ความรักยับยั้งไม่ให้เราทำในสิ่งที่จะทำให้คนที่เรารักและรักเราเสียใจ

เป็นไทรู้ว่าตัวเองจะเสียใจเพราะใจเย็ เป็นไทต้องการสิ่งเป็นของเขาจริง ไว้วางใจ วางความรัก วางชีวิตไว้กับคนคนนั้นได้
แต่ใจเย็นไม่เข้าใจ ยังไม่เข้าใจ ไม่เคยได้เรียนรู้ ได้เห็นการซื่อสัตย์ในชีวิตคู่

สงสารทั้งเป็นไท ทั้งใจเย็น ครอบครัวทำร้ายเด็กสองคนนี้มาก ๆ เลย

ครอบครัวทำร้าย ใจเย็น กับเป็นไท จริงๆ
ใจเย็นอยู่กับครอบครัวที่พ่อมีเมียหลายคนตั้งแต่เกิด
เลยมองเป็นเรื่องปกติสามัญ เฉยๆ

เป็นไท ครอบครัวแตกแยก พ่อไปมีคนใหม่
เห็นการทะเลาะ มากกว่าการรักใคร่ปรองดอง
เป็นไท ไม่เชื่อเรื่องความรักที่มั่นคงยืนนาน
ไปบ้านใจเย็น ก็เห็นครอบครัวที่มีหลายแม่
ยิ่งตระหนักถึงความรักที่ไม่ทำให้มีความสุข

พอใจเย็นมาบอกชอบ แม้เป็นไท เริ่มไหวหวั่น แต่ไม่เห็นถึงความเป็นไปได้
ไหนจะเพศเดียวกัน ไม่เป็นไปอย่างที่สังคมยอมรับ
เป็นไท จีงยิ่งขลาดกลัวความรักเพิ่มเข้าไปอีก

ใจเย็นที่ชีวิตมีความสุขมาตลอด
ในใจมีแต่เป็นไท พอฟังว่าแม่ฟ้องหย่า
เลยพาลโกรธ ไปถึงเรื่อง นกอินทรีหัวขาว นกอัลบาทรอส สัตว์ที่มีคู่แท้ตลอดชีวิต
ใจเย็นจะสามารถนำเรื่องคู่แท้ ไปทำความเข้าใจลึกๆได้มั้ยนะ
แต่ชอบที่แม่บอกใจเย็นนะ
“มันคือการที่มนุษย์รู้ว่าคนอื่นจะเจ็บปวดจึงมีความยับยั้งชั่งใจไม่ทำ และนั่นแหละสิ่งที่ยกระดับมนุษย์ให้ต่างจากสัตว์”
และสิ่งนั้นเรียกว่าความรัก
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่26-ทำร้าย ◑หน้า11 (ุ11/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 11-06-2017 15:34:34
26 – ทำร้าย


บางครั้งที่เป็นไทไม่แน่ใจว่าความรู้สึกว่างเปล่ากับความเจ็บปวด แบบไหนดีกว่ากัน เพราะถ้าหวนย้อนนึกถึงตอนเป็นเด็ก แน่นอนว่าเขาเกลียดความเจ็บปวดทั้งทางกายและทางใจ แต่บางครั้งถ้าเขาเจ็บรวดร้าวอยู่ภายใน เขาจะทำร้ายภายนอกของตัวเองให้เจ็บยิ่งกว่า หรือบางขณะที่ไม่รู้สึกถึงตัวตนของตนเอง นั่นแหละ เป็นไทก็จะทำร้ายตัวเองเพื่อให้รู้สึกว่ามีชีวิตอยู่ ต่อให้จะเกลียดความเจ็บปวดก็ตาม

เมื่อโตขึ้น เมื่อหลุดพ้นจากต้นเหตุความเจ็บปวดที่เป็นพ่อของเขาเองได้ พฤติกรรมทำร้ายตนเองก็หายไป ที่คงอยู่คือปกติของมนุษย์ที่เป็นไทไม่ชอบเวลารู้สึกว่าตนเองว่างเปล่า ไม่มีค่า ไม่ว่าจะจากทางตรงหรือทางอ้อม โดยเฉพาะจากแม่ แม่ที่สร้างความสับสนให้เขาในหลายๆ ครั้งว่าแม่นั้นห่วงเขาหรือแค่ห่วงตัวเองกันแน่ แต่ก็เพราะเขาโตแล้ว โตพอที่จะมองข้ามปลีกย่อยเหล่านั้น จึงผ่านมันไปได้อย่างปกติธรรมดาและไม่คิดทำร้ายตัวเอง

“ไท แม่ขอยืมเงินไปลงทุนรอบนี้หน่อยได้ไหม”

“อ้าว เดือนที่แล้วแม่ก็ไม่ได้ขาดทุนนี่”

“กานต์ขอเอาเงินไปหมุน—”

“แม่”

“เป็นไท แม่รู้ว่าลูกจะพูดอะไร แต่กานต์เป็นเพื่อนแม่มาตั้งกี่ปีแล้วนะ”

เป็นไทได้แต่ถอนหายใจเมื่อแม่ยืนกรานสิ่งที่ตัวเองคิด สิ่งที่ตัวเองเชื่อ โดยน้อยครั้งที่ฟังเขา สุดท้ายเป็นไทก็ได้แต่ทำตามความต้องการของแม่ ถอนเงินที่เป็นเงินเก็บของตัวเองออกมาให้แม่ยืมตามที่ร้องขอ

“จะทำอะไรก็อย่าลืมเก็บหลักฐานเอาไว้ดีๆ อะแม่”

“จ้า”

แม่ตอบรับแค่นั้น แสดงความรักด้วยการลูบหัวเขาทีหนึ่งซึ่งเขาก็ดึงออก ไม่ใช่แค่รู้สึกไม่ชอบเพราะโตแล้ว แต่เป็นไทรู้สึกไม่ชอบการกระทำเหล่านั้นของแม่จริงๆ

เป็นไทนึกไม่ค่อยออกว่าคนครอบครัวอื่นที่เขาแสดงความรักต่อกันได้อย่างไม่กระอักกระอ่วนนั้นต้องมีหรือไม่มีสิ่งใดในความสัมพันธ์ ต้องไม่เคยถูกทำร้ายหรือ ต้องไม่เคยถูกมองข้ามหรือ เรื่องง่ายๆ แค่นี้เขากลับนึกไม่ออกจริงๆ และก็น่าขันที่เขานึกลามไปถึงครอบครัวของใจเย็น มีอยู่หลายครั้งที่เขาเห็นคุณเกษราเข้ามาพูดคุยกับลูกชาย บางครั้งบทสนทนานึกจะหวานรักก็หวาน แต่เป็นไทไม่เห็นความกระอักกระอ่วนในนั้น มันแค่ดำเนินไปเรียบง่าย แต่เรียบง่ายนั้นแหละที่ชวนน่าอิจฉา

หากพอคิดลามไปถึงคนพ่อที่เป็นไทไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง เขาก็คิดว่าใจเย็นอาจจะไม่น่าอิจฉาก็ได้ พลันก็ต้องระงับความคิดตนเอง เขาไม่อยากคิดแทนคนอื่น และที่สำคัญใจเย็นก็ไม่เคยแสดงท่าทีเป็นเดือดเป็นร้อนอะไร หรือไม่ ก็เพราะไม่เข้าใจอะไรเลยจึงไม่เคยเป็นเดือดเป็นร้อน

เป็นไทยังจำวันที่ใจเย็นพูดถึงความไม่เข้าใจต่อการมีรักเดียวใจเดียวได้ดี มันเป็นวันที่เขาร้าวลึกอยู่ข้างใน และทั้งที่คิดว่าเข้าใจได้ดีว่าทำไมถึงเจ็บปวดขนาดนั้น แต่ระยะหลังๆ มานี้เขาก็เริ่มมองข้ามมันเหมือนรายละเอียดปลีกย่อยซับซ้อนต่างๆ ที่เขาชอบมองข้าม เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเจ็บปวด ง่ายดายเพียงนั้น

ความสัมพันธ์ที่เขามีกับใจเย็นตอนนี้จึงเรียบเรื่อย นานๆ ครั้งจะมีกลิ่นดอกไม้ลอยอวลในบรรยากาศเหมือนกับนานๆ ครั้งที่เขาจะได้เจอกับใจเย็น และบางครั้งที่นึกครึ้มอะไรไม่รู้ได้ เขาก็จะเปิดโทรทัศน์เลือกดูรายการสารคดีสัตว์โลกที่ใจเย็นชอบดู

เป็นไทคิดว่าเป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว นานครั้งเจอกันก็เพียงเพื่อได้รู้ว่าต่างฝ่ายต่างยังสุขสบายดีก็น่าจะพอ แต่บางทีก็เหมือนว่านานเกินไป เพราะรู้ตัวอีกที ใจเย็นก็จะไม่หวนกลับไปใส่เครื่องแบบนักเรียนอีกแล้ว

เป็นไทไม่เคยนึกภาพใจเย็นในชุดนักศึกษามาก่อน ภาพใจเย็นที่ชินตานั้นมีแต่ใส่เสื้อยืดคอกลมแขนยาวไม่ก็ชุดนักเรียนไปเลย ดังนั้นการที่ได้เห็นใจเย็นลองเสื้อนักศึกษาอยู่ตรงหน้าจึงแปลกตาไม่น้อย

“มึงจะเป็นเด็กช่างหรือไง ไหล่ตกจะถึงศอกละ”

“เผื่อโตไงครับ” ใจเย็นหันมายิ้ม ก่อนจะถอดชุดนักศึกษาที่ลองสวมทับออก ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวแค่หยิบมาลองเล่นๆ

“ทำตัวเป็นเด็กประถมไปได้”

“ก็ผมอยากตัวใหญ่กว่านี้นี่ครับ”

เอ่ยบอกก่อนจะเลือกเสื้อที่ขนาดเหมาะกับตัวเองมาลองสวม ครั้งนี้ดูไม่ขัดหูขัดตาเพราะพอดีตัว

“เออ ตัวนี้แหละ”

เขาบอกใจเย็น ซึ่งเจ้าตัวได้ฟังก็ลองยกแขน สับเปลี่ยนอิริยาบถ ดูตัวเองหน้ากระจกอยู่เล็กน้อยก็ตกลงปลงใจกับขนาดที่ใส่อยู่ ส่วนกางเกงก็ใช้เวลาเลือกไม่นานนักเพราะไม่ได้หยิบมาลองเล่นแบบเสื้อ และเมื่อใจเย็นใส่ชุดนักศึกษาทั้งชุดเดินออกจากห้องลองเสื้อก็ยิ่งทำให้เป็นไทรู้สึกแปลกตาทั้งที่เป็นเรื่องปกติ

ใช่ ปกติที่คนเราต้องเติบโตและเปลี่ยนแปลง แต่เขาเพิ่งรู้สึกได้ว่าใจเย็นเปลี่ยนแปลงไปมากกว่าที่คิด

ต่างจากวันแรกๆ ที่ใจเย็นดูเก้งก้างกว่านี้ ตอนนี้ใจเย็นตัวสูง ไหล่กว้าง ที่ขาดอาจยังเป็นกล้ามเนื้อ เหมือนเป็นหุ่นวัยรุ่นที่อีกนิดก็จะเข้าที่เข้าทาง และต่อให้เจ้าตัวจะบอกว่าอยากตัวใหญ่กว่านี้อีก เป็นไทกลับรู้สึกว่าแค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว เพราะเขาไม่อยากรู้สึกขัดเคืองเล็กๆ หากถูกคนที่เคยเตี้ยกว่าแซงหน้าไปไกลลิบ

และไม่ใช่แค่ทางกายภาพที่ใจเย็นเปลี่ยนไป ความคิดความอ่านก็ดูเติบโตขึ้น อย่างน้อยก็ในเรื่องที่เลือกจะเผชิญหน้ากับสิ่งที่เคยหลีกเลี่ยง กระทั่งได้ค้นพบตัวเองในที่สุด แต่ก็อีก ใจเย็นมักจะบอกว่าที่เป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา และเขาเป็นส่วนหนึ่งในตัวตนของใจเย็น บอกแบบนั้นด้วยสีหน้าที่บางทีก็แยกไม่ออกว่าจริงจังหรือแค่หน้าตาย

อย่างไร เขาก็ดีใจอยู่ดี แม้ปฏิกิริยาตอบกลับคือบ่นไปว่าพูดเกินจริงเสียทุกครั้ง

“อยากให้เป็นไทได้เห็นผมใส่ชุดนักศึกษาเต็มยศจัง” ใจเย็นเอ่ยบอกหลังพากันเดินออกจากร้านเสื้อผ้ามาแล้ว

“มึงนี่ขี้เห่อ”

“งั้นเหรอ” ตอบรับคำติดปาก “ไหนๆ แล้วก็ไปซื้อเน็กไท้กับเข็มขัดที่มอเลยได้ไหมครับ”

“จริงจังไปไหนวะสัด” เป็นไทขำคนทำตัวเป็นเด็กตรงหน้า เพราะเพิ่งคิดไปแท้ๆ ว่าโตขึ้นเยอะ แต่เจ้าตัวก็ ‘จริงจัง’ อย่างที่เขาว่าด้วยการขับรถไปที่มหาวิทยาลัยจริงๆ ก่อนพบว่าสหกรณ์นั้นปิด ให้เขาหัวเราะขำอีกระลอก ซึ่งก็ไม่กี่ครั้งหรอกที่จะได้เห็นใจเย็นบ่นอุบอิบเมื่อมีอะไรขัดใจ

นั่นแหละ ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่ผ่านไปเรียบเรื่อยเช่นนั้น และเป็นไทก็เห็นว่าดีกว่าที่จะไม่แบ่งปันความทุกข์ใจเรื่องที่บ้านให้ฟัง ในเมื่อก็ไม่ได้มีอะไรหนักหนา ที่สำคัญชีวิตเขาเคยแย่กว่านี้หลายเท่าแต่ไม่มีคนมารับฟังก็ไม่เห็นเป็นไร

จนกระทั่งวันที่ใจเย็นมาหาเขาอีกครั้งที่คอนโด เป็นไทถึงถูกรื้อความรู้สึกที่เก็บซ่อนว่าเขาเคยปรารถนาจะมีคนรับฟังมากแค่ไหน

มันไม่ใช่วันที่เขามีอะไรจะเล่าให้ใครฟัง แต่เป็นใจเย็นเองที่มีอะไรจะเล่าให้เขาฟัง เป็นไทเพิ่งรู้ตัวว่าแพ้คำพูดแบบนั้น –  คำพูดที่บอกว่าอยากมีคนรับฟัง – ก็ตอนที่ใจเย็นถือวิสาสะทิ้งตัวลงบนโซฟา และวางหัวลงบนตักของเขา ทั้งที่เขาอยากจะด่าที่ทำตัวลามปามแต่ก็กลับด่าไม่ออกเลยสักคำ

“แม่ผมเพิ่งฟ้องหย่ากับพ่อ”

เป็นถ้อยคำหนักหน่วงที่ดึงบรรยากาศให้หนักตามไปด้วย สรรพเสียงเหมือนตกตะกอนอยู่บนพื้นห้องสักพักก่อนที่เป็นไทจะตัดสินใจกวนมันให้ขุ่นขึ้นมา เขาถามถึงเหตุผลด้วยเสียงแผ่วเบา ซึ่งใจเย็นก็ตอบด้วยระดับเสียงที่ดังกว่าเพียงเล็กน้อย แต่เพราะตั้งใจฟังจึงไม่ใช่ปัญหาอะไร

ใจเย็นเล่าให้ฟังว่ามันเป็นครั้งที่สองนับจากทันใจตายที่ใจเย็นรู้สึกว่าโลกมันบิดเบี้ยว ใจเย็นอยู่ในความเข้าใจว่าแม่ยอมรับได้กับสิ่งที่พ่อเลือกและก็มีความสุขดีมาตลอด ใจเย็นเข้าใจว่าสิ่งที่พบเจอนั้นคือความรักที่แท้จริงมาตลอดชีวิต ซึ่งน่าเศร้าเหลือเกินที่ทั้งหมดนั้นเป็นแค่ความเข้าใจผิด

เป็นไทได้ฟังก็ไม่รู้จะเอ่ยคำพูดใด เขาปลอบคนไม่เก่ง อาจถึงขั้นห่วยเลยด้วยซ้ำ และเมื่อไร้วาจา การกระทำจึงทำหน้าที่แทน แทบไม่รู้ตัวที่เขาเอื้อมมือไปลูบไล้เส้นผมของใจเย็นอย่างที่ใจเย็นเคยทำกับเขา ได้รู้ในตอนนั้นเองว่าเส้นผมของใจเย็นนั้นนุ่มแค่ไหน จึงยิ่งเบามือแผ่วเบาราวต้องการทะนุถนอม พลันหวังที่เคยกดให้ลึกสุดใจว่าอยากให้ใจเย็นรับฟังเรื่องของเขาอย่างอ่อนโยนแบบนี้เช่นกันก็ล่องลอยขึ้นมาในชั้นบรรยากาศรอบตัว

“แปลกไหมครับถ้าจะบอกว่าผมรู้สึกเหมือนโดนหักหลัง”

“ไม่แปลกหรอก”

“เป็นไท...อยู่ข้างๆ ผมนะ”

“เออ อยู่ตลอดอะ” เขาตอบ หมายความแบบนั้นเต็มความหมาย

สรรพเสียงตกตะกอนลงไปอีกครั้ง ห้องทั้งห้องจึงกลับเงียบ แต่เป็นความเงียบที่อึดอัดน้อยลงจากเมื่อครู่ อย่างน้อยใจเย็นก็ได้ระบายสิ่งที่อยู่ในใจออกมาแล้ว อย่างน้อยเขาก็ได้พูดออกไปว่าจะอยู่ข้างๆ และอย่างน้อยเขาก็ได้ทำในสิ่งที่อยากจะทำให้ เขายังคงลูบหัวใจเย็นแบบที่ไม่เคยทำกับใคร กระทั่งนานพอเหมือนความคิดตกตะกอนตามความเงียบ ใจเย็นจึงตีมันให้ขุ่นขึ้นมา เอ่ยบอกกับเป็นไทถึงสิ่งที่แม่บอก บอกเหตุผลที่การนอกใจเป็นเรื่องผิดเพราะเท่ากับไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจที่จะไม่ทำให้ผู้อื่นเจ็บปวด

ได้ฟัง เป็นไทก็เหมือนถูกรื้อความรู้สึกขึ้นมาอีกครั้ง ความหวังที่เคยฝังให้ลึกจนไม่คิดว่าจะขุดกลับขึ้นมาได้ก็ล่องลอยขึ้นมา เป็นความหวังที่ว่าใจเย็นจะค่อยๆ เข้าใจในสิ่งที่เขารู้สึก

“แต่รู้ไหมครับ จะคิดยังไงผมก็ไม่เข้าใจ”

หากพลันหวังนั้นกลับแตกสลายกระจัดกระจายด้วยคำพูดเดียว

เป็นไทรู้สึกเหมือนเห็นซากความหวังชิ้นเล็กชิ้นน้อยกองอยู่บนพื้น เป็นเศษซากที่ไม่อาจประกอบกลับ เขาหลับตาลงด้วยไม่อยากจะเห็นมัน แต่เหตุใดไม่รู้ได้ ใต้เปลือกตานั้นเขากลับเห็นภาพย้อนไปตอนฝึกงาน บ่อยครั้งที่เป็นไทเหม่อมองเครื่องจักรทำงานจนลืมหน้าที่ จ้องมองรถเครนขนย้ายท่อนเหล็กไร้ชีวิต เหม่อมองจนเหมือนจะทะลุทะลวงไปยังฉากหลังสีฟ้าจ้า ชั่วขณะนั้นเป็นไทคิดว่าความรู้สึกของตนเองว่างเปล่า แต่แท้จริงแล้วเขากำลังหวัง หวังไว้อย่างหนักหนาว่าอะไรๆ มันจะไม่พังลงมาแม้รากฐานอาจดูโอนเอนอ่อนไหว

“นั่นคือความหมายของการรักเดียวใจเดียวเหรอครับ”

แต่มันก็พังทลายลงมาไม่มีชิ้นดี

“ไม่รู้เหมือนกัน”

สุดท้ายเป็นไทก็ได้แต่ตอบไปแค่นั้น ลูบผมปลอบใจอีกฝ่ายจนหลับใหล ขณะที่เขายังตื่นลืมตาในความเสียใจ

เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นไทจำไม่ได้ว่าพูดคุยอะไรกับใจเย็นไปบ้าง จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองได้หลับสักงีบหรือแค่ฝันร้ายทั้งลืมตา ที่จำได้ดีมีแต่ความเจ็บปวดที่แตกแขนงลามเลยมาถึงตอนเช้า เช้าที่เขาก็แค่ทำตัวปกติเหมือนเดิมและคงความสัมพันธ์เอาไว้

ต่อให้พูดไม่ออกถึงสิ่งที่อยากจะพูดให้ฟัง แต่เขาก็อยากจะรับฟังเรื่องต่างๆ ของใจเย็นอยู่ดี

หลังจากที่ใจเย็นไปแล้ว เป็นไทก็ตัดสินใจกลับบ้าน เขาแค่ไม่อยากจะอยู่เงียบๆ คนเดียวที่คอนโด ไม่อยากจะเห็นเศษซากความเจ็บปวดกองอยู่บนพื้นห้อง แต่แล้วการที่ได้เห็นแม่นั่งร้องไห้พร้อมคำสารภาพว่าถูกชนากานต์เพื่อนผู้เป็นหุ้นส่วนในร้านเสื้อผ้าโกงเงิน สารภาพว่าไม่ได้เก็บหลักฐานต่างๆ ไว้เลยเพราะไว้ใจ ก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนเห็นความหวังแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ อีกครั้ง แต่ในเศษซากชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่กองอยู่บนพื้น ครั้งนี้มีเศษส่วนของตัวเขาเองด้วยที่กระจัดกระจายอยู่ ทั้งรู้สึกได้ว่าไม่อาจนำมาประกอบคืนอีกเพราะเขาไม่รู้แล้วว่าจะไปพูดให้ใครรับฟัง

ไม่สิ เป็นไทรู้ตัวว่าอยากไปพูดให้ใจเย็นฟัง แต่ก็รู้ดีว่าจะพูดไม่ออกสักคำ

คำถามที่ว่าระหว่างความว่างเปล่ากับความเจ็บปวด แบบไหนดีกว่ากัน พลันหวนมาอีกครั้งเหมือนผิดที่ผิดเวลา และเหมือนเดิมที่เป็นไทไม่มีคำตอบ

รู้แค่ว่าตอนนี้เขาอยากทำร้ายกายตัวเองให้เจ็บปวด ให้มากกว่าที่ใจรู้สึกเป็นร้อยเท่าพันเท่า












*****************************************************************************
เวลาไม่ค่อยมีคอมเม้น แยมก็อยากทำร้ายตัวเองเหมือนกันเลยค่ะ  :z3:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่26-ทำร้าย ◑หน้า11 (ุ11/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 11-06-2017 16:09:27
ฮืออออออ เป็นไทททททททท สงสาร

อะไรชีวิตหนูจะรันทดขนาดนี้

แต่ถ้ามันเหนื่อยมันหนักมากๆแล้วไม่ระบายออกซะบ้างมันจะทำร้ายตัวเองแล้วก็คนรอบข้างนะ ตั้งสตินะเป็นไท ; - ;
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่26-ทำร้าย ◑หน้า11 (ุ11/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: jaejae ที่ 11-06-2017 16:40:52
น่าสงสารใจเย็น...เพราะตลอดชีวิตเข้าใจมาตลอด ว่าความเจ้าชู้ และมีเมียเยอะๆ เป็นชีวิตที่่ปกติ และไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วไม่ใช่ แต่เป็นชีวิตที่อยู่บนความเจ็บปวด จนกลายเป็นความชินชา

แต่เราสงสารน้องเป็นไทที่สุดเลย ชีวิตที่ถูกทำร้ายจิตใจด้วยคนเป็นพ่อ แต่แสร้งว่าตัวเองไม่เป็นอะไร แต่เหมือนรอเวลาที่จะปริแตก..

รอให้ถึงวันที่ใจเย็นจะรู้จักความรักที่เป็นรักเดียวใจเดียว  รอให้ถึงวันที่เป็นไทจะมีคนที่รู้สึกว่ารักเค้าจริงๆ  ทั้งคู่ต่างก้อรักกันและต่างเติมเต็มกันได้  เพียงแต่ใจเย็นยังไม่รู้จักความรัก และเป็นไทก้อมีบาดแผลจึงต้องมีกำแพงเอาไว้

ขอโทษที่ไม่ค่อยได้เม้นนนนนน...แต่ตามอ่านตลอด

ต่อไปจะเม้นบ่อยๆ ค่ะ  ชอบเรื่องนี้มากๆ มาต่อบ่อยนะคะ


 
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่26-ทำร้าย ◑หน้า11 (ุ11/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: garnetsecret ที่ 11-06-2017 17:19:54
เป็นไทควรสตรองขนาดไหนถึงจะไม่เป็นบ้า
มันหลายอย่างเกินไปแล้ว เหมือนโดนค้อนทุบซ้ำๆลงบนความหวังความเชื่อใจจนแตกจนพัง
ไหนจะเรื่องใจเย็น ไหนจะเรื่องแม่
ตอนหน้า ถ้าเป็นไทไม่ฆ่าตัวตาย ก็ให้นางพบความสุขบ้างได้ไหม

เกลียดความเจ็บปวดของคนที่รู้สึกรักทีหลัง เมื่อรู้ว่าคนที่เริ่มรักเราก่อน มันไม่ใช่อย่างที่เราคิด


หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่26-ทำร้าย ◑หน้า11 (ุ11/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 11-06-2017 17:32:39
ฮืออออ สงสารเป็นไท
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่26-ทำร้าย ◑หน้า11 (ุ11/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: vwm666 ที่ 11-06-2017 17:42:46
 :mew6: :mew6:

สงสารทั้งคู่

ตบใครดี ตบแม่ หรือตบชนากาน

เป็นไทอย่าาาาน้า แงง 
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่26-ทำร้าย ◑หน้า11 (ุ11/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 11-06-2017 20:43:22
ทำไมอ่ะๆๆๆๆๆๆๆ ทำไมทำให้ความรู้สึกฟิวดาวน์ขนาดนี้
ไม่ชอบแม่ของเป็นไทเลยอ่ะ ไม่ชอบความไว้ใจเพราะแค่เป็นเพื่อนแบบนี้ ไม่ชอบที่ไม่คิดถึงความรู้สึกของเป็นไทเลย

ชอบการอธิบายเรื่องความรักของคุณเกษรามากค่ะ เพราะตอนที่ใจเย็นถามคำถามนั้น เราก็พยายามที่จะคิดหาคำตอบด้วยว่าทำไม แต่มันก็ได้คำตอบที่ไม่พอดี จนมาได้เห็นคำตอบที่ไรต์เขียน มันดีจริงๆนะ

ชอบการบรรยายมากๆค่ะ ภาษดีมากเลย ถ้าเขียนเองคงคิดไม่ออกอ่ะแบบนี้

ชอบค่ะ เราจะติดตามเรื่อยๆน่า ถึงจะคอมเม้นไม่ทันทุกตอบก็เถอะ 5555555
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่26-ทำร้าย ◑หน้า11 (ุ11/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 11-06-2017 20:44:00
เป็นไทอย่าทำร้ายตัวเองนะ

เป็นไทถูกทำร้ายโดยบุคคลที่น่าจะเป็นที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยได้มากที่สุดคือ พ่อกับแม่
ทำให้เป็นไทไม่สามารถรู้สึกไว้วางใจใคร แม้จะมีเพื่อน แต่ก็คบแค่ผิวเผิน กลายเป็นความหวาดระแวงที่ฝังใจ

กับใจเย็นยิ่งแล้วใหญ่ เพราะเขารู้สึกว่า อยากไว้ใจคน ๆ นี้ แต่กลับพบว่า ใจเย็นเป็นคนที่ทำร้ายคนรอบข้างได้โดยไม่รู้สึกว่ามันผิด ไม่รู้สึกผิด (แม้ใจเย็นจะไม่ได้ตั้งใจเช่นนั้น เพราะตนเองก็มีครอบครัวที่ไม่สมประกอบเข่นกัน)

ดังนั้น เป็นไทจึงไม่กล้าเข้าใกล้ หรือเปิดใจรับมากกว่าที่เป็น เพราะกลัวถูกหักหลัง
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่26-ทำร้าย ◑หน้า11 (ุ11/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 11-06-2017 20:44:12
ครั้งนี้คือเป็นไทต้องเคลียกับแม่อะ พูดให้รู้ตัวต่อให้แม่จะเสียใจก็พูดเลย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่26-ทำร้าย ◑หน้า11 (ุ11/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mamemoo ที่ 11-06-2017 21:35:47
โอ๊ยยย ตอนนี้แตกสลายมากเลยค่ะ ทั้งใจเย็น เป็นไทแล้วก็ใจคนอ่าน โลกใบนี้ทำไมต้องแกล้งนายขนมต้มของเราขนาดนี้คะ แงงงงงง
แอบๆรำคาญคุณแม่ของเป็นไทจังค่ะ เราเป็นคนบาปมั้ยเนี่ย ทำไมต้องผิดพลาดหลายครั้งแบบนี้ ซ้ำๆซากๆเลย เป็นไทก็บอกอยู่นะแม่ ทำไมไม่เชื่อลูก โอ๊ยยยย แต่การที่คุณเกษราฟ้องหย่าไปซะ เราคิดว่าดีมากเลยค่ะ อาจจะไม่ได้เป็นการตัดไฟแต่ต้นลม เพราะตอนนี้มันไหม้จนลามไปถึงไหนต่อไหนจนดับไม่ทันแล้ว แต่เป็นการตัดเนื้อร้ายทิ้งไปซะ ต่อไปคุณเกษราก็ไม่ต้องมาเสียใจกับผู้ชายคนนี้อีก ส่วนใจเย็นก็โตพอที่จะรู้เรื่องรู้ราวได้แล้ว ต่อไปนี้ก็ดูแลคุณแม่นะลูกนะ ฮืออออ
เป็นกำลังใจให้คุณแยมเสมอ และยังรอวันที่เขาได้กันนะคะ #ถูก :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่26-ทำร้าย ◑หน้า11 (ุ11/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 12-06-2017 05:21:01
เป็นไทททท ใจเย็นช่วยด้วยย  :hao5:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่26-ทำร้าย ◑หน้า11 (ุ11/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 12-06-2017 07:53:59
เป็นไทลูกก

หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่26-ทำร้าย ◑หน้า11 (ุ11/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-06-2017 08:30:36
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:  แม่เป็นไท ทำไมเป็นคนอย่างนี้  :z3: :z3: :z3:
ทำไมไม่รอบคอบ ทั้งที่ลูกเตือนเรื่องให้เก็บหลักฐานดีๆ
ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนใจอ่อน ช้า ทำอะไรไม่ทันเพื่อนเลยหรือ
ที่ไม่เข้าใจแม่เป็นไทอีกอย่างคือ เรื่องเงิน
เงินตัวเองก็ไม่มี ก็ไม่วางเฉย
ยังมาเอาเงินลูกไปให้เพื่อนยืม พูดไม่ออกเลย

เป็นไท  ชอบใจเย็น แต่ใจเย็นก็ยังไม่รู้สำนึกเรื่องรักเดียวใจเดียว  :z3: :z3: :z3:
มันก็น่าที่เป็นไท จะหน่วงๆ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่26-ทำร้าย ◑หน้า11 (ุ11/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 12-06-2017 11:52:56
โอ๊ยยยยย เป็นไทลูกกกกกกก  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่26-ทำร้าย ◑หน้า11 (ุ11/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 12-06-2017 15:48:09
ประจวบเหมาะกับที่ทั้งสองคนเกิดมีเรื่องราวหนักๆในชีวิต
สงสารทั้งเป็นไท ที่แม่ดูจะรักตัวเองเหลือเกิน และใจเย็น
ที่แม่ก็ปกป้องลูกไม่ให้รับรู้เรื่องที่ให้เจ็บปวดใจมาเป็นเวลานาน สงสารทั้งคู่  ปมใหญ่สุดคือครอบครัวนี่แหละ
ไม่ว่าจะเกิดอะไร มักจะให้ความรู้สึกที่เจ็บปวดมากที่สุด  :mew6:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่26-ทำร้าย ◑หน้า11 (ุ11/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 12-06-2017 18:20:18
ภาษาดีมากอ่ะ ไม่ค่อยได้อ่านแบบนี้ อาจจะด้วยเนื้อเรื่องที่มัน down ด้วย
อ่านตั้งแต่แรกจนถึงตอนล่าสุดก็ว่ามันยังคง down ไม่เสื่อมคลาย
คิดว่าถ้าตัวใจเย็นเข้าใจคำว่ารักดีกว่านี้อาจจะเดินหน้ากับเป็นไทไปแล้ว
แต่ปัญหาคือมีปมทั้งคู่ งานยากเลยทีนี้ จบ happy ไหมคะนี่ กลัวใจ 55555
ปล.บทพูดน้อยไปหน่อย อาจจะเพราะเราไม่ค่อยอ่านบทบรรยายด้วย -,-
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่26-ทำร้าย ◑หน้า11 (ุ11/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mam79 ที่ 13-06-2017 20:37:05
พึ่งได้อ่านเรื่องนี้ค่ะ อ่านเป็นเรื่องแรกของคนเขียนเลย อ่านรวดเดียวถึงตอนล่าสุด อินมากกกกกกกก สงสารแม่ใจเย็นนะ แต่สงสารเป็นไทที่สุด แต่งดีจังเลยชอบบบบ รอต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่26-ทำร้าย ◑หน้า11 (ุ11/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 14-06-2017 10:48:14
  เพิ่งอ่านทันครับ มีความคิดว่าตัวเองมีนิสัยคล้ายๆ ใจเย็นอยู่ 555 เข้าใจยาก ชอบมองคนอื่น สังเกต อยากรู่ว่าถ้าเขาทำแบบนี้ผลจะเป็นไง เค้าคิดอะไร
  ชอบการตีความตังละครของเรื่องนี้มาก ๆ เป็นนิยายที่พล็อตสวย เรียบง่าย แต่เขียนยาก
  ยังไงเป็นกำลังใจให้นะครับ จะคอยติดตาม แต่อย่าทิ้งกันนะครับ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่26-ทำร้าย ◑หน้า11 (ุ11/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 14-06-2017 17:04:23
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ ชอบนะ ชอบภาษา การบรรยาย อ่านแล้วมันก็จะรู้สึกมึนๆหน่วงๆหน่อย
เข้าใจนิสัยตัวละครนะ มันมีที่มามีเหตุผลรองรับ แต่บางทีก็เพลียกับใจเย็น สงสารด้วย
ทั้งคู่เลย เป็นไท ใจเย็น น่าสงสาร ครอบครัวมีส่สนอย่างมาก
ขอให้ใจเย็นเข้าใจความรู้สึกได้ไวๆนะ เอาใจช่วยเป็นไท ให้กำลังใจคนแต่งด้วย เย้!
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่26-ทำร้าย ◑หน้า11 (ุ11/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 14-06-2017 17:17:56
สงสารทั้งคู่ที่โตมากับความบิดเบี้ยวแบบนี้จริงๆ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่26-ทำร้าย ◑หน้า11 (ุ11/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: SimplyDelicious ที่ 15-06-2017 04:33:12
ฮืออ เราชอบเรื่องนี้ เหมือนเรากำลังนั่งดูหนังอาร์ตๆที่เล่นกับความรู้สึกอยู่
ชอบที่เอาความรู้สึกมาบรรยายเป็นเสียงดนตรี เป็นกลิ่นดอกไม้ เป็นภาพในหัวฟุ้งๆ
คนเขียนเขียนเก่งจัง เราไม่เคยเห็นงานแบบนี้เลย
ภาษาแบบนี้มันอาจจะไม่แมส ดูเข้าใจยาก แต่สำหรับเรา เราประทับใจและรออยู่ตลอดนะ

พูดถึงเนื้อหาตอนปัจจุบันสักหน่อย
เราสงสารเป็นไทมากเลย มันเจ็บปวดน่าดู
กับการที่คนที่เราคิดว่าเขาจะเข้าใจและเราจะแบ่งปันความทุกข์เล็กๆน้อยร่วมกันได้
แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลยอ่ะ แตกสลายครั้งแล้วครั้งเล่า
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่26-ทำร้าย ◑หน้า11 (ุ11/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: joyly ที่ 15-06-2017 15:04:57
อ่านแล้วรู้สึกหน่วงๆเลยค่ะ แต่ชอบนะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่26-ทำร้าย ◑หน้า11 (ุ11/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 16-06-2017 18:22:32
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ มึนๆกับอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครยิ่งกับใจเย็นนี่ยิ่งไปกันใหญ่ อ่านๆไปบางทีเราก็รู้สึกเหมือนใจเย็นเป็นเด็กที่พัฒนาการช้าแล้วถูกเลี้ยงดูแบบไข่ในหินไม่ให้รับรู้โลกภายนอกอะไรเลย ซึ่งเอาจริงๆมันผิดปกติสำหรับเด็กวัยนี้นะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่27-กึ่งกลาง ◑หน้า12 (ุ17/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 17-06-2017 00:34:39

27 – กึ่งกลาง


พิชญะไม่รู้ว่าตัวเองได้รู้เป็นลำดับที่เท่าไหร่สำหรับข่าวใหญ่ในบ้านอัครเสนีย์ ข่าวที่ว่าคุณเกษราฟ้องหย่า พิชญะรู้แค่ว่าคุณพิทักษ์นั้นโกรธมาก เขาไม่เคยเห็นชายคนนี้ระเบิดอารมณ์ผรุสวาทกราดเกรี้ยวขนาดนั้นมาก่อน แต่สิ่งที่คุณเกษราทำกลับเป็นเพียงการเฉย นิ่ง เงียบ เยียบเย็นราวกับคุณพิทักษ์ไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น จนไฟโกรธยิ่งโหมเป็นเท่าทวี ทว่าก็ไม่อาจละลายผาน้ำแข็งที่อยู่ตรงหน้าได้

หลังจากวันนั้น บรรยากาศในบ้านอัครเสนีย์ที่ดูจะเรียบเรื่อยอยู่แล้วก็กลับยิ่งเฉื่อยชา พิชญะรู้สึกเหมือนเข็มของนาฬิกาเดินช้าลง คล้ายพลอยหลงทางไปด้วยในเขาวงกตความสัมพันธ์ของบ้านหลังนี้ แต่ก็มีบ้างบางครั้งที่กลับถูกเร่งให้เร็วขึ้นอย่างลุกลี้ลุกลน

ไม่บ่อยที่คุณพิทักษ์จะมาชวนลูกคนกลางอย่างเขาไปไหนมาไหนด้วย โดยเฉพาะการพาเขาไปดูระบบการทำงานในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ตนเองควบตำแหน่งเจ้าของและประธาน – ประธานกรรมการไปในตัว พิชญะรู้มาตลอดว่าเขาไม่ถูกคาดหวังให้เป็นหัวหอกหลักที่จะรับช่วงต่อต่างๆ เหล่านี้ ใจเย็นต่างหากที่คุณพิทักษ์คาดหวังไว้เสียมากมาย กระทั่งตอนที่คุณพิทักษ์พาเขาไปทำความรู้จักกรรมการบริหารสักคน สองคน พิชญะก็ยังคงรู้สึกเช่นนั้น

“คนนี้คนกลาง พิชญะ”

“พิชญะหรือ? ยังเรียนอยู่ล่ะสิ ม.อะไรแล้วล่ะ”

“ม.5 ครับ” พิชญะตอบด้วยตนเอง แอบคิดว่าพ่ออาจขัดใจท่าทีนอบน้อมในน้ำเสียงของเขา

“สนใจงานเหล่านี้หรือเปล่าล่ะครับ หรือชอบแบบพี่ชาย” ถามก่อนหัวเราะน้อยๆ ขณะที่พิชญะไม่รู้สึกว่ามีอะไรน่าขำ จังหวะนั้นเองที่คุณพิทักษ์พูดแทรก

“ใจเย็นน่ะเดี๋ยวให้ต่อโทด้านนี้ก่อนจะมาทำที่นี่ ถ้าไม่ปล่อยตามใจบ้างก็จะควบคุมอะไรไม่ได้เลย”

นั่นแหละที่พิชญะถูกย้ำว่าใจเย็นยังคงถูกคาดหวัง หนักแน่น ไม่เปลี่ยนแปลง การที่พาเขามาด้วยนั้นก็เพียงเพราะความร้อนรนล้นทะลักซ่อนไม่มิด มันเป็นความร้อนรนที่กลัวว่าจะแพ้คดีความต่อให้คุณพิทักษ์จะมีท่าทีมั่นใจแค่ไหนก็ตาม และถ้าแพ้ ใครต่อใครก็คงตอบได้ไม่ต้องคิดเลยว่าใจเย็นจะเลือกอยู่ฝั่งใด

ที่คุณพิทักษ์มั่นใจว่าจะไม่แพ้คดีก็เพราะแม่ของเขาและแม่ของพริมานั้นไม่ใช่เหตุที่คุณเกษราจะฟ้องหย่าได้ ด้วยคุณเกษรารู้เห็นเป็นใจที่สามีตนเองอุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่นฉันภริยามาตั้งแต่แรก และถ้าไม่นับเรื่องนั้นแล้วคุณพิทักษ์ก็ปฏิบัติหน้าที่สามีได้ดีไม่ขาดตกบกพร่อง – อย่างน้อยก็เท่าที่พิชญะเห็น กระนั้นเลยลุกลี้ลุกลนที่ร่นลามมาถึงพิชญะในบางครั้งก็ทำให้เขารู้สึกได้ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อาจเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว แต่คงยังไม่ใช่ภายในปีนี้ ไม่ใช่ภายในห้าสิบวันที่ศาลจะนัดพร้อมกันในครั้งแรก หลายครั้งที่พิชญะรู้สึกว่ากระบวนการนั้นดูเชื่องช้าไม่ต่างจากเข็มนาฬิกาภายในบ้านแม้แต่น้อย

และในระยะระหว่างเข็มวินาทีที่หมุนวนเป็นร้อยเป็นพันรอบ พิชญะก็แทบจะไม่ได้เห็นหน้าค่าตาพี่ชายของตนเอง อาจเป็นเรื่องปกติเมื่อภายในรั้วรอบขอบชิดของบ้านอัครเสนีย์ก็เหมือนมีเขาวงกตวางคั่นความสัมพันธ์มาตลอด แม้พวกเขาไม่ใช่พี่น้องที่ห่างไกลกัน แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันจนเกินไป ยิ่งใจเย็นย้ายออกไปอยู่คอนโดในเครือของพ่อซึ่งใกล้กับมหาวิทยาลัยก็ยิ่งไม่แปลกที่จะหายหน้าหายตาไป

แต่พิชญะรู้สึกไม่สบายใจ และพริมาก็คงเช่นเดียวกัน

ระยะหลังมานี้ก่อนหน้าที่คุณเกษราจะฟ้องหย่า พริมาชอบมาขลุกอยู่กับเขา เอ่ยปากเจื้อยแจ้วเจรจาชวนคุยนั่นนี่รบกวนเวลาศึกษาเรื่องรถของเขาอยู่บ่อยๆ และถ้าเขาไม่ได้ดังใจ พริมาก็จะโวยวาย ถึงเวลานั้นแล้วพิชญะจะทำอะไรได้หรือ คำตอบก็คือไม่ ดังนั้นแล้วเขาจำต้องสนใจน้องสาวผู้เอาแต่ใจ กระทั่งบางครั้งก็ถูกบังคับให้รู้จักวิธีพูดกับคนอื่นๆ ในต่างสถานการณ์ แม้สุดท้ายเขายังแก้นิสัยชอบขุดหลุมถล่มตนเองไม่หายก็ตาม

พิชญะเคยเอ่ยถามอย่างฝืนนิสัยขี้เกรงใจ เขาเอ่ยถามพริมาว่าทำไมถึงมาหาเขาบ่อยๆ แต่พริมาก็ไม่ได้ตอบอะไรชัดเจน กระทั่งวันที่ไฟโมโหโกรธาของคุณพิทักษ์กระหน่ำกลางบ้าน พริมาก็บอกในเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคำถามนั้นเลย

“พริมรู้มานานแล้วว่าแม่เกษจะฟ้องหย่า”

“พริมรู้ได้ไง”

“จากแม่”

พริมาตอบแค่นั้น พิชญะก็ไม่ได้ถามอะไรอีก หรืออีกนัยหนึ่ง เขาไม่มีอะไรจะถามแล้ว ขณะเดียวกันเขามีคำถามอื่นปรากฏขึ้นในความรู้สึก พิชญะรู้สึกเหมือนพวกเขาสามพี่น้องในบ้านอัครเสนีย์อยู่กึ่งกลางของอะไรสักอย่างมาตลอด อะไรที่เขาคงไม่กล้าถามหาคำตอบแม้แต่กับตัวเขาเอง

“พี่พิชญ์ เรื่องนี้ห้ามไปบอกใครนะ”

แล้ววันหนึ่งในห้าสิบวันนั้น พริมาก็เอ่ยเรื่องที่ฟังดูเป็นความลับสุดยอดในบ่ายวันอาทิตย์ของห้องนั่งเล่นที่ใจเย็นไม่มาให้เห็นหน้าเห็นตา

“มันอาจไม่สำคัญหรอกนะ แต่พริมแค่อยากบอก”

“เรื่องอะไรเหรอพริม”

“พริม...ไม่ค่อยรู้สึกว่าแม่ของพริมรักพ่อเท่าไหร่” เมื่อได้ฟัง พิชญะไม่รู้จะโต้ตอบคำใด “พริมรู้สึกแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ขณะที่แม่เกษน่ะ ถึงจะดูนิ่งๆ แต่พริมคิดว่าเขารักพ่อมาก”

“อือ...”

“ส่วนแม่ทิพย์ พริมว่าพี่พิชญ์ก็คงรู้อยู่แล้วล่ะ”

“แม่พี่รักพ่อมาก”

สิ้นคำ พิชญะก็เพิ่งรู้ตัวว่าเอ่ยฉะฉานแบบที่น้อยครั้งจะทำ ทำให้พริมาเงียบชะงัก ยิ้มบางเบาตรงมุมปากคล้ายรอยยิ้มของพี่คนโต และเอ่ยพึมพำ “อยากพูดว่าดีจัง แต่คงพูดไม่ได้หรอกเนอะ”

“คิดว่าพี่เย็นจะรู้เรื่องแบบนี้ไหม” พิชญะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินและถามออกไป

“งี่เง่าแบบนั้นน่ะไม่รู้หรอก” ทันควันพริมาเอ่ยตอบ ก่อนจะย้ำคำสมทบราวกับโกรธอะไรมา “ทึ่ม สมองทึบ”

พิชญะได้ฟังก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ในตอนนั้นเขาแอบเห็นด้วยกับน้องสาวไม่มากก็น้อย ว่าใจเย็นพี่ชายคนโตน่ะสมองทึบในด้านความสัมพันธ์ เขาเคยสงสัยอยู่บ่อยครั้งว่าต่อให้จะได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างไร จะไม่รู้เชียวหรือว่าใครรู้สึกอะไรอย่างไร หรืออะไรถูก อะไรผิด

กระทั่งในวันที่ห้าสิบ วันที่คุณพิทักษ์และคุณเกษรามีนัดขึ้นศาลด้วยกัน ใจเย็นคนสมองทึบก็กลับมาที่บ้าน ไม่ได้กลับมาเพื่อธุระใดของใคร แต่กลับมาทวงตำแหน่งเอาแต่ใจที่สุดในตระกูลจากพริมา พี่ชายของเขาสั่งทั้งเขาและพริมาให้ไปขึ้นรถ ก่อนจะขับออกไปโดยบอกเพียงสั้นๆ ว่า “ขับรถเล่น”

กระนั้นเลย พิชญะและพริมาก็ไม่ได้คิดคัดค้าน ทั้งน่าแปลกใจและไม่น่าแปลกในเวลาเดียวกันที่เป็นอย่างนั้น และไม่นานพริมาก็กลมกลืนไปกับคำว่าขับรถเล่นของใจเย็นได้อย่างเนียนสนิท เอ่ยบอกให้แวะปั๊มน้ำมันข้างทางเพื่อแวะซื้อขนม เปิดประเด็นสนทนาว่าจะขับไปสิ้นสุดที่ไหน ถกเถียงกับใจเย็นว่าทะเลหรือภูเขา พิชญะยิ้มขำเมื่อสุดท้ายใจเย็นชนะทั้งที่บอกว่าจะไปสิ้นสุดที่สวนสัตว์

“เออๆ แล้วแต่พี่เย็นเลย” พริมาบ่นอุบ แต่ไม่นานนัก หล่อนก็เปิดประเด็นขึ้นมาใหม่ “ยังไงอีกหน่อยก็คงไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากันบ่อยๆ แล้วนี่”

“งั้นเหรอ”

“โอ๊ย เกลียดคำนี้ของพี่จริงๆ” พริมาโวยวาย ขณะที่ใจเย็นยิ้ม “แต่นะ พริมจะไม่ถือสา พริมไม่รู้นี่ว่าพี่จะออกไปอยู่กับแม่เกษถาวรเมื่อไหร่”

“พี่บอกตอนไหนเหรอว่าจะไปอยู่กับแม่” หากทันควันที่ใจเย็นสวนมา และพิชญะเองก็ชะงักในหลุมสนทนาไปด้วยทั้งที่ไม่ได้เอ่ยพูดสักคำ

“เอ่อ...ต้องให้พริมพูดด้วยเหรอว่าถ้ามันเกิดเรื่องนั้นขึ้น มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วนี่”

ใจเย็นเงียบไปนาน แววตาไม่อาจอ่านด้วยจับจ้องไปที่ท้องถนนตรงหน้า แต่พิชญะคิดว่าต่อให้สบตาอยู่ บางทีก็ไม่อาจอ่านใจได้ด้วยซ้ำ – หากถ้าให้เดา ใจเย็นอาจไม่พอใจที่พริมาทำนายว่าพ่อแม่ต้องหย่ากัน

“พี่ยังไม่ได้ตัดสินใจ”

ทว่าพิชญะเดาผิด

“อ้าว แต่ใครๆ ก็คิดว่าพี่เย็นจะเลือกแม่เกษนะ”

“ก็จริงว่าพี่สนิทกับแม่มากกว่าพ่อ แต่ตอนนี้รู้สึกไม่สนิทใจแล้ว”

“ทำไมอย่างนั้นล่ะคะ...”

“เขาก็โกหกไม่ต่างจากพ่อไม่ใช่เหรอ”

“แต่ว่า...” พริมาเหมือนมีอะไรจะพูดไม่ต่างจากพิชญะที่เงียบฟังอยู่ตลอด แต่สุดท้ายก็เก็บกลืนคำพูดลงคอ ปิดปาก และเปิดเพียงโสตประสาทรับฟังคำพูดที่พร่างพรูจากใจเย็น

“มันน่ากลัวนะที่เขาบอกว่าพวกเขารักกันดีมาตลอด เขาพูดกรอกหูพี่ทุกวันตั้งแต่เด็กจนเชื่อคำพูดนั้นได้ท่ามกลางเสียงของสังคมรอบข้าง เชื่ออย่างหนักแน่นเลยด้วย แต่สุดท้ายก็ได้รู้ว่ามันไม่จริง ทำให้กลับมาคิดเยอะมากว่าเขาโกหกอะไรเรามาบ้าง หรือว่าไม่เคยมีอะไรจริงเลย พอรู้สึกแบบนั้นก็จะคิดต่อไปอีกว่าอะไรที่ทำให้เขาต้องโกหก – เป็นตัวเราเองใช่ไหมที่ทำให้เขาต้องโกหก ทำไมเขาไม่บอก ไม่อธิบายแต่แรก ถามไปก็มีแต่บอกว่าไม่อยากทำให้เราเจ็บปวด ไม่อยากทำให้เราเสียใจ แต่ทำไม...พี่กลับไม่รู้สึกอย่างนั้น”

สิ้นสุดประโยคนั้น พิชญะก็พลันเหมือนได้คำตอบของสิ่งที่พวกเขาสามคนพี่น้องอยู่กึ่งกลางระหว่างมันมาตลอด แต่ยังดูเลือนราง ไม่ชัดเจน สิ่งที่ชัดกว่าคือเขารู้สึกขึ้นมาว่าพี่ชายของเขาไม่ใช่คนงี่เง่า ไม่ได้สมองทึบในด้านความสัมพันธ์ แต่เพราะคิดมากไป – ขบคิดซับซ้อนจนหลายครั้งก็ตีกลับให้เหนื่อยจนไม่อยากจะคิด หรือไม่ก็เพราะไม่ได้คำตอบจึงได้แต่ปล่อยค้างกลายเป็นคนไม่เข้าใจอะไรเลยในโลกใบนี้ ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นคนละเอียดลออเปราะบางจนน่ากลัวจะแตกหัก

“ที่จริงความรักมันก็ไม่ต้องสอนใช่ไหม แค่สัมผัสได้จากการได้รับ” เป็นอีกคำถามของใจเย็นที่พิชญะคิดว่าเพิ่งได้รู้จักตัวตนจริงๆ

“อื้ม เป็นอย่างนั้นแหละค่ะ” พริมาตอบ อ่อนหวานในน้ำเสียงราวต้องการปลอบโยนทางอ้อม

“แต่ตอนนี้พี่กลับรู้สึกว่าสัมผัสอะไรไม่ได้เลย”

พลันประโยคต่อมาที่สวนกลับทันควันก็ทำให้พิชญะ – อย่างน้อยก็พิชญะที่รู้ว่าไม่มีอะไรปลอบประโลมได้เลย

“น้องพริมว่ามันคืออะไร”

สิ้นคำถามนั้น คำถามที่ฟังดูว่างเปล่าจนพริมานิ่งเงียบไม่ยอมตอบ พิชญะก็กลับมีคำตอบชัดเจนขึ้นมาในใจ แจ่มชัดจนอยากกรีดตะโกน

ว่าพวกเขาสามคนพี่น้อง – หรืออาจจะมนุษย์ทุกคน – ล้วนอยู่กึ่งกลางระหว่างความรักแท้จริงกับความเห็นแก่ตัว









********************************************************************
จากตอนล่าสุด ขอบคุณทุกคอมเม้นจริงๆนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเลย

ถ้าจะพูดถึงในทวิต ติดแท็ก #ใจเย็นกับเป็นไท ได้นะคะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่27-กึ่งกลาง ◑หน้า12 (ุ17/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-06-2017 00:49:58
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่27-กึ่งกลาง ◑หน้า12 (ุ17/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 17-06-2017 00:58:06
สู้ๆนะใจเย็น สงสารทั้งคู่เลย เป็นไทก็เจอหนัก
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่27-กึ่งกลาง ◑หน้า12 (ุ17/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mamemoo ที่ 17-06-2017 02:43:35
มันจึงเป็นความรักที่ไม่ถึงกับสุข เป็นความทุกข์ที่ไม่ถึงกับเศร้า เป็นความรักที่ทั้งซึ้งทั้งเหงาอยู่ด้วยกัน~~~
ทำไมมันถึงทั้งว่างโหวง ทั้งเจ็บปวด ทั้งอบอุ่นปนๆไปด้วยกันในทุกตอนได้แบบนี้~~~~~~
ตอนแรกเราดีใจมากที่คุณเกษฟ้องหย่าสักที แต่พอมาอ่านตอนนี้แล้วสงสารเด็กๆมากเลยค่ะ แต่คุณเกษทำดีแล้วค่ะ ทำต่อไปปปปป
ไม่ใช่แค่คนในเรื่องนะคะที่คิดว่าใจเย็นต้องไปอยู่กับคุณแม่แน่ๆ คนอ่านคนนี้ก็คิดค่ะ เพราะเราเห็นแต่ใจเย็นกับคุณแม่มาตลอด พอมาเป็นแบบนี้แล้วรู้สึกว่าโดนหักหลัง ใจเย็นมีความรู้สึกนึกคิดในเรื่องแบบนี้มากกว่าที่เราคิดจริงๆค่ะ ฮา
เริ่มเข้าใจได้แบบนี้ก็ดีแล้วเนอะ จะได้เข้าใจพี่ขนมต้มด้วย แล้วในเมื่อยังลังเลและเลือกไม่ได้ว่าจะไปอยู่กับใครแบบนี้แล้ว แนะนำให้ใจเย็นไปอยู่กับเป็นไทเลยค่ะ มีแต่ได้กับได้!!!!!! (เหยย ได้อะไรอ่ะ?) รอเขาได้กันอยู่ทุกตอนเลยนะคะ  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่27-กึ่งกลาง ◑หน้า12 (ุ17/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 17-06-2017 08:21:45
บีบรัดหัวใจแท้ อย่าลากนานเด้ออ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่27-กึ่งกลาง ◑หน้า12 (ุ17/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 17-06-2017 08:57:56
น่าสงสารใจเย็น
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่27-กึ่งกลาง ◑หน้า12 (ุ17/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Rungsai ที่ 18-06-2017 15:32:32
เหมือนใจเย็นจะเริ่มมีความรู้สึกขึ้นเเฮะ
จะเริ่มมีหัวใจกับคนอื่นเขาเร็ว ๆ นี้มั้ยน้อ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่27-กึ่งกลาง ◑หน้า12 (ุ17/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-06-2017 15:55:58
พ่อแม่ทะเลาะกัน
ลูกๆ ใช่ไม่รู้เรื่องอะไร
แต่ที่แน่ๆ ทุกข์กันทั้งนั้น

การปกป้องลูก โดยคิดแต่ไม่อยากให้ลูกเจ็บปวด
แต่การไม่บอกความจริงกับลูก ก็ทำให้ลูกไม่เชื่อใจ ทำไมต้องโกหก
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่27-กึ่งกลาง ◑หน้า12 (ุ17/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 18-06-2017 16:38:37
ความจริงมันแหลมคมและทำให้แสบร้อนได้เสมอ

เด็ก 3 คนนี้โตมาในช่องว่างระหว่างหวังดี (ไม่อยากให้รับรู้ว่าครอบครัวบิดเบี้ยวและอยากให้มีสถานะการเงินมั่งคงจนอยู่ได้อย่างดีกับพ่อที่รวย) กับความเห็นแก่ตัว (แม่กลัวจะเสียหน้า เสียสถานะทางสังคม และความมั่นคงทางการเงิน)

จึงมีคุณเกษที่หน้าชื่นอกตรม มีแม่ของพิชย์ที่หวังให้ลูกชายสนิทกับพ่อและพี่ชาย รวมทั้งโดดเด่นพอจะแทนที่พี่ชายได้ และมีแม่ของพริมาที่ผลักดันให้ลูกสาวเลือกสนิทกับพี่ชายคนที่น่าจะให้ผลประโยชน์ได้

และมีเด็กสามคนที่ถูกคนที่ไว้วางใจมากที่สุดโกหก

ผลพวงมาจากผู้ชายเห็นแก่ตัว มักมากในกามคนหนึ่ง

อันที่จริง ทางที่ดีคือการสื่อสารให้เด็กได้รับรู้ตามความจริงว่า พ่อกับแม่แยกทางกัน แต่ยังอยู่ด้วยกัน (หรืออาจตะไม่ก็ได้) เพื่อทำหน้าที่ของพ่อกับแม่ พ่อกับแม่อาจจะหมดรักกัน แต่ทั้งพ่อและแม่รักลูก ความรักที่มีให้ไม่เปลี่ยนไปแม้พ่อกับแม่จะไม่รักกันก็ตาม

แต่ก็นะ เมื่อรวมกับความหวังดี (แบบผิด ๆ) และความเห็นแก่ตัว (ก็ไม่ใช่ทุกคนจะมีจิตใจและสถานะการเงินที่เข้มแข็งมากพอจะเดินออกมาจากความซับซ้อนนี้ได้) ดังที่กล่าวข้างต้น แม่ ๆ ทั้งหลาย (และคนอีกมากมายในชีวิตจริง) เลยจำยอมอยู่ในบ้านและครอบครัวที่บิดเบี้ยวหลังนี้
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่27-กึ่งกลาง ◑หน้า12 (ุ17/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 18-06-2017 17:06:06
สงสารทุกคน​เลย ฮือออ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่27-กึ่งกลาง ◑หน้า12 (ุ17/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 19-06-2017 06:05:53
ใจเย็นฉลาดจนเบี้ยวไปหมดเลยค่ะ..
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่28-ทะเล ◑หน้า12 (ุ22/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 22-06-2017 17:21:56

28 – ทะเล


สุดท้ายแล้วเป็นไทก็ไม่ได้ทำร้ายตัวเอง เขาคิดว่าอาจเพราะโตพอแล้วจึงกอดเก็บความเจ็บปวดภายในใจเอาไว้ได้ เขาคิดว่าผิวของเนื้อแขนนั้นหนาทื่อพอจะใช้โอบกอดหนามแหลมโดยไม่ถูกทิ่มแทง เป็นไทคิด คิด คิด และเชื่อเช่นนั้น และคิดว่าถ้าเชื่อมากพอก็จะเป็นความจริง แต่เขาไม่ได้คิดเลยว่ามันจะย้อนกลับมาทำร้ายคนรอบตัวเขาเอง

แตกต่างกับใจเย็น ปรายสอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเขา การที่ปรายย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน – หรือพูดให้ถูกว่าย้ายกลับมาอยู่ที่คอนโด – จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่แปลกคือปรายไม่หือไม่อือยิ่งกว่าที่เคย คล้ายมาขยับขยายห้องให้เพิ่มความเงียบ บ่อยครั้งที่เป็นไทเปิดเพลงเสียงดังกลบทับเงียบงันนั้น แต่ก็ไม่อาจกลบความอึดอัดใจที่มีต่อปรายได้เลยสักนิด

เป็นไทคิดว่าเพราะความเกลียดที่มีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงทำให้เขาไม่ชอบขี้หน้าน้องตนเอง แต่ความจริงคือเงียบงันของปรายนั้นไม่ได้ละลายตัวตนของปรายให้หายไป แต่เป็นตัวตนของเขาเองต่างหากที่ถูกเจือจาง บ่อยครั้งจึงกลายเป็นว่าหาเรื่องทะเลาะเพื่อจะได้ยินคำโต้เถียง แต่ก็บ่อยครั้งที่ปรายเพียงเงียบ กระทั่งครั้งที่เขาปากระป๋องเบียร์ใส่ หยามเหยียดถากถางต่อหน้าเพื่อนตนเอง ปรายก็ทำเพียงแค่หนีหน้า ไม่ต่อล้อต่อเถียง จนเขาแทบอยากจะตามไปกรีดตะโกนใส่หน้าว่าพูดกับเขาสิ – ทะเลาะกับเขา – มองเขา – เขามีตัวตน – อย่าทำกับเขาแบบนี้

แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่เดินกลับไปเก็บกระป๋องเบียร์ขึ้นมา บี้ให้บุบแบนเหมือนที่เขาไม่รู้จะเรียบเรียงคำพูดดีๆ ออกไปได้อย่างไร

เป็นไทเริ่มไม่รู้ถึงวิธีที่จะสื่อสารความรู้สึกของตนเองมากขึ้นทุกที เขารู้สึกเหมือนตนเองจมดิ่งลงไปในทะเลถ้อยคำ ไม่รู้วิธีแหวกว่ายโผล่พ้นเหนือผิวน้ำ แม้แต่กับใจเย็นก็ไม่อาจฉุดดึงเขาขึ้นไปได้ มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับว่าเห็นอยู่ตรงหน้าแต่ไม่กล้ายื่นมือไปคว้า เขารู้สึกแย่ แย่ แย่ ย้ำซ้ำ แต่เขาก็ไม่ได้หนีไปไหน ทำได้แค่จมอยู่ที่เดิม และคอยผลักดันใจเย็นเอาไว้ไม่ให้ต้องจมลงมาด้วยกัน

เป็นไทยังคงเจอกับใจเย็นเท่าที่อีกฝ่ายจะมาหา ขณะที่เขาเองถ้าไม่นับที่ต้องไปสอนพิเศษก็ไม่เคยไปหาใจเย็นเองเลยสักครั้ง แม้แต่ตอนที่ได้รู้ว่าแม่ไม่เชื่อเขาจนทำให้ถูกโกงเงิน ตอนที่เขารู้สึกแย่ที่สุดและต้องการใครสักคน เป็นไทก็ทำได้แค่เก็บตัวอยู่เงียบๆ คนเดียว และทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยเฉพาะต่อหน้าใจเย็น

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาไม่กล้าปล่อยตัวเองให้ร่วงหล่นเพราะกลัวจะไม่มีใครรับไว้ แต่ขณะเดียวกันเขาก็พยายามหยัดยืนอยู่เบื้องล่าง ไม่ได้คอยรอรับ แต่เป็นการประคับประคองอีกฝ่ายเอาไว้ เป็นไทไม่รู้ว่าทำไมเป็นแบบนี้ กระทั่งในวันที่ฝนตกกระหน่ำและใจเย็นชวนมาหลบฝนที่คอนโด เป็นไทถึงได้รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นแทรกอยู่ในรายละเอียดของตัวตนใจเย็น แทรกอยู่ในกลิ่นดอกไม้ที่ล่องลอยในรู้สึก แทรกอยู่ในคาโมมายล์ ชาคาโมมายล์ที่ถูกชงและหยิบยื่นมาวางให้ตรงหน้า

“ชาเหรอ” เขาถาม ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่ารู้สึกดีกับชาร้อนๆ ท่ามกลางอากาศเย็นของฝนตก

“ก็เป็นไทไม่ชอบกาแฟ”

พลันคำตอบทำให้เขารู้สึกร้อนรานอยู่กลางอก

เป็นไทอยากจะบ่นออกไปว่าจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยบอก อยากบ่นออกไปว่าคิดเองเออเองอีกแล้ว แต่ก็พูดไม่ออกสักคำ ตอนนั้นเขาทำได้แค่ยกขึ้นจิบ สัมผัสถึงกลิ่นและรสอันนวลเนียนเหมือนล่องลอยออกจากความรู้สึกที่รู้สึกตลอดมา

ท่ามกลางวันเหล่านั้น ท่ามกลางกลิ่นของดอกไม้ที่ไม่มีในคอนโดของใจเย็นเลยสักช่อ เป็นไทรับฟังเรื่องราวต่างๆ ของใจเย็น เรื่องเรียนที่บ่นว่าเทอมแรกน่าเบื่อเพราะยังไม่ค่อยเจาะลึกเรื่องสัตว์ เรื่องเพื่อนที่ดูจะหายากกว่าวัยมัธยม เรื่องห้องเชียร์น่าเบื่อที่ตัวเองก็ไม่ได้เข้า เรื่องที่ทั้งพูดและไม่ได้พูด เรื่องที่ใจเย็นไม่คิดจะไปที่ศาลเลยสักครั้งระหว่างที่การฟ้องหย่ายังคงดำเนิน เรื่องที่ผิดหวังและรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง เรื่องที่ถูกเอาใจแต่ไม่รู้สึกว่าถูกรัก

สิ่งที่ไม่ได้พูดนั้นแทรกในรายละเอียดรอบตัว หรืออาจเป็นคำพูดทางอ้อมอย่างเช่นว่าไม่ต้องการ แม้แต่กับห้องเพนท์เฮาส์ที่ใจเย็นชวนเขามาบ่อยๆ

มันเป็นคอนโดที่มีสองห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ และพื้นที่ใช้สอยประมาณหนึ่งครอบครัวใหญ่อยู่ได้สบาย เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องส่วนใหญ่เป็นสีโทนน้ำตาล หรือวัสดุจากไม้ สว่างด้วยสีครีมในบางชิ้น ซึ่งที่นั่งประจำของใจเย็นเป็นโซฟาหุ้มเบาะหนังหน้าโต๊ะกาแฟ จากโซฟามองไปข้างหน้าคือกำแพงกระจกที่กรุถึงเพดานที่สูงสามเมตร ทั้งหมดนี้เป็นไทเห็นครั้งแรกแล้วก็บ่นหมั่นไส้ตามนิสัย

“พ่อแค่เอาใจ เหมือนที่บอกว่าจะยกหุ้นช่องทีวีให้ผมน่ะแหละ”

“ฟังยังไงกูก็หมั่นไส้มึงอยู่ดี”

กระนั้น ในความน่าหมั่นไส้ เป็นไทก็สัมผัสได้ว่ามีความหม่นหมองเคลือบคลุมอยู่ เวลาที่เขาได้มาอยู่ที่ห้องนี้ท่ามกลางฝนของเดือนตุลาคม กำแพงกระจกสามเมตรนั่นจึงเหมือนเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาที่อาบครองโลกทั้งใบ

“ระยะหลังเป็นไทดูมีอะไรในใจแต่ไม่ยอมบอกผมเลย”

และก็ยิ่งย้ำว่าเขากำลังจมอยู่ใต้ผืนน้ำ เป็นผืนน้ำของถ้อยคำเมื่อถูกใจเย็นเอ่ยถามแบบนั้น ถูกจับได้ผ่านแววตาที่เขาทั้งชอบและชังในเวลาเดียวกัน

เป็นไทยังคงไม่รู้จะตอบอย่างไร ไม่รู้จะเรียบเรียงหรือกลั่นกรองมันออกมาได้อย่างไร เขาไม่รู้แม้แต่วิธีจะเริ่มเรื่อง และไม่รู้ทำไมมันถึงได้ยากเย็นนัก สุดท้ายก็ได้แต่บ่ายเบี่ยง หาเรื่องคุยอื่น บ่นเรื่องเรียนของตัวเอง เรื่องเกม เรื่องหนัง เรื่องอะไรก็ได้ที่ทำให้ตัวเองตะเกียกตะกายขึ้นไปพ้นผืนน้ำได้ แต่สุดท้ายก็ได้รู้ว่ายังคงจมอยู่เช่นนั้น เมื่อพบว่าสื่อสารความรู้สึกตัวเองออกไปไม่ได้เลยสักอย่าง

ซ้ำร้าย คนที่ดึงเขาให้ยิ่งจมลึกลงไปอีกกลับเป็นแม่ของเขาเอง

ไม่ใช่แค่เป็นไทที่ปราณีเอ่ยปากขอหยิบยืมเงินก่อนที่จะถูกโกง หล่อนแค่ไม่พูดให้เขาฟังว่าเงินนั้นไม่พอจึงไปขอหยิบยืนจากคนอื่นมาอีกก้อน ให้เป็นไทได้รู้ในภายหลัง และได้รู้พร้อมรู้สึกเจ็บแสบที่สุดว่าแม่แก้ไขมันได้ – ไม่ใช่ด้วยตนเอง แต่ด้วยเงินจากพ่อของเขา

พ่อที่เขาเกลียดกลัวยิ่งกว่าอะไรดี

วินาทีที่ได้รู้ สายฟ้าจากเบื้องบนฟาดผ่าลงมาพร้อมโมโหโกรธาจากตัวเขา สายฝนถั่งเทลงมาพร้อมความรู้สึกนับล้าน เป็นไม่กี่ครั้งที่เป็นไทหลุดออกจากทะเลคำพูด เขาพาถ้อยคำโผล่ขึ้นเหนือน้ำ และอยากตะโกนย้ำชัดทุกคำให้ประทับลงโสตประสาทและจิตใจของผู้เป็นแม่ แต่แล้วก็ได้แค่สั่นเครือ ก่อนจางหายพร้อมประโยคในใจ

ทำไมทำกับเขาแบบนี้ ทำไม ทำไม

ทั้งที่คิดว่าทนได้แล้ว ทั้งที่คิดว่าชีวิตเขาไม่ได้แย่เท่าไหร่ ทั้งที่กล่อมเกลาตัวเองตลอดเวลาว่าชีวิตเขายังมีทางไป ยังมีลู่ทางให้หนีพ้น แต่แล้วความจริงก็ย้อนกลับมาทำร้ายเขา บอกกับเขาว่าต่อให้กายหนีไปได้ พาตัวเองไปมีอนาคตที่ดีกว่านี้ได้ แต่จิตใจของเขากลับยังติดอยู่ที่เดิม และยิ่งดิ้นพล่านเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งถูกบีบรัดและดึงรั้งให้จมลงไป ทุกที ทุกที

เป็นไทไม่แน่ใจว่าตัวเองร้องไห้หรือเปล่า เขารู้แค่ว่าท้องฟ้านั้นร้องไห้ คร่ำครวญ ยังความเดือดร้อนให้มนุษย์ที่ย่ำย่างลงบนพื้นถนน เขาเปียกปอนไปทั้งร่าง พาตัวเองโซซัดโซเซไปตามทางเหมือนแมวจรจัดพลัดหลง ฝนยังคงกระหน่ำความใจร้าย ย้ำชัดรู้สึกที่เหมือนไม่มีที่ไป แต่ปลายทางที่คนเรามักคิดในเวลาแบบนี้ไม่ใช่สถานที่ หากเป็นใครสักคน

ทั้งที่เป็นไทอยากจะนึกถึงเพื่อน อยากจะบอกตัวเองว่าคนคนแรกที่เขานึกถึงไม่ใช่ใจเย็น แต่ในหัวเขากลับมีแค่ชื่อเดียววนเวียนอยู่เช่นนั้น ใจเย็น ใจเย็น ชื่อที่นับครั้งได้ที่เขาจะเอ่ยเรียก แต่กลับคร่ำครวญในความรู้สึกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนถูกกลั่นแกล้งให้โหยหาและถูกดึงดูดให้หลงทางจนท้ายที่สุดแล้ว เขาที่ไม่เคยไปหาใจเย็นก่อนเลยสักครั้ง ก็พาตัวเองไปหา ไปยืนอยู่ตรงหน้าของใจเย็น ทว่าก็พูดอะไรไม่ออกสักคำ

เป็นไทเป็นอะไร – เกิดอะไรขึ้น – โอเคหรือเปล่า – ใจเย็นถามซ้ำไปซ้ำมา แววตาที่เขาทั้งชอบและชังในบางครั้งนั้นดูตระหนกกว่าที่คาดคิด อย่างที่ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะได้เห็น แต่เป็นไทก็ไร้คำตอบ ได้แค่หวังว่าใบหน้าของเขาตอนนี้จะไม่เหมือนคนเพิ่งร้องไห้หรือกำลังร้องไห้

สุดท้ายใจเย็นก็ถอดใจกับการเอ่ยถาม เสียงที่เปล่งออกมาจึงเป็นการเอ่ยปากให้ขึ้นไปอาบน้ำล้างตัวที่ห้อง ระหว่างทางนั้นเงียบงัน จนกระทั่งมาถึง กระทั่งผ้าขนหนูถูกวางลงบนหัวของเขา ใจเย็นถึงเอ่ยถามย้ำอีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เพราะเป็นไทไร้คำตอบ ไร้คำตอบแม้แต่อิริยาบถทางกาย คำตอบเดียวที่มีคือความเจ็บปวดรวดร้าวภายใน ใจเย็นจึงไม่ได้ถามอะไรอีก

มีเพียงมือที่เอื้อมขึ้นมา มือที่เย็นไม่ต่างจากอุณหภูมิของอากาศในตอนนี้แนบเข้ามาที่แก้มของเป็นไท แววตาจับจ้อง หม่นเศร้า ไม่เหลืออะไรให้เขาชังอีกต่อไปในเวลานี้

“เป็นไทมาอยู่กับผมไหม”

และคำพูดนั้นเสียงดังฟังชัด ชัดกว่าเสียงคำรามลั่นของท้องฟ้าในวินาทีต่อมา

“จริงๆ จะพูดว่ามาอยู่ด้วยก็ไม่ถูก ผมยังไม่รู้เลยว่าสุดท้ายแล้วจะได้อยู่ที่คอนโดนี้ไหม หรือว่าต้องไปอยู่กับแม่ แต่...ที่รู้ๆ ผมไม่อยากอยู่กับใครสักคน”

ใจเย็นยังคงพูด อาจเรียกได้ว่าพร่ำพูด อีกแล้วที่เห็นท่าทีที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น น้ำเสียงนั้นดูร้อนลน ไม่มั่นใจ ไม่ใช่ใจเย็นแบบที่เคยเป็น ถ้อยความที่พูดออกมาก็เหมือนกัน เป็นไทไม่คิดเลยว่าจะได้ยินมัน

และก็ไม่คิดเลยว่ามันจะเจ็บปวดกว่าที่แม่ทำกับเขา

ทั้งที่เขาไม่กล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมาเลยสักคำ ทั้งที่เขาพยายามเผชิญหน้าและประคับประคองความสัมพันธ์พิลึกพิลั่นและงี่เง่านี้ให้คงไว้ ทั้งที่เขากล้ำกลืนจะเป็นจะตายกับการจมอยู่ในทะเลถ้อยคำ ทั้งที่เขาจมลงไปทุกที ทุกที แต่คนตรงหน้าเขาตอนนี้...

“เป็นไทอยู่กับผมได้ไหม—”

“รู้ตัวไหมวะว่าพูดอะไรอยู่!” พร้อมกับคำนั้น เป็นไทกระชากคอเสื้อของใจเย็นด้วยอารมณ์ที่หลุดจากการควบคุม ท้องฟ้าที่คร่ำครวญคำรามคล้ายต้องการแข่งกับเสียงตวาดลั่น “ทำไมขี้ขลาดแบบนี้วะ มึงเอาแต่ใจ มึงหนีทุกอย่างที่ไม่ตรงตามความต้องการ มึงโกรธแม่ มึงรู้สึกเหมือนแม่หักหลัง มึงก็เลยหนีทุกอย่าง ไม่ยอมอยู่ข้างๆ แม่ของมึง เผชิญหน้าก็ไม่ทำ แล้วตลอดมามึงสัมผัสไม่ได้เลยหรือไงว่าแม่มึงน่ะยังไงก็เจ็บปวด”

เป็นไทพูด พูด พูดเท่าที่ทะเลถ้อยคำจะอนุญาต กระนั้นแววตาของใจเย็นที่เขาอุตส่าห์สื่อสารความรู้สึกออกไปก็กลับไม่อาจอ่านสิ่งที่ซ่อนในใจได้เลย

“แล้วมึงยังมาพูดแบบนี้กับกูอีก...มึงพูดว่าอยากอยู่กับกูทั้งที่มึงยังไม่เข้าใจอะไรเลย มึงไม่รู้เลยเหรอว่าไม่มีใครยอมให้คนที่ตัวเองรักมีคนอื่นได้โดยไม่รู้สึกอะไร มึง...มึงสัมผัสไม่ได้เลยหรือไงว่ามันผิดปกติ ความเชื่อความเข้าใจของมึงน่ะมันผิดปกติ มันทำร้ายคนอื่น ทำร้ายกูด้วย มึงจะไม่รู้เลยเหรอวะ!”

แต่พลันผรุสวาทลั่นคำสุดท้ายก็ถูกตัดกลัดกลืนไปพร้อมกับที่ร่างของเขาถูกเหวี่ยงกระแทกเข้ากำแพงในเมื่อมือที่กระชากคอเสื้ออีกฝ่ายเอาไว้ยังคงไม่ยอมปล่อย เมื่อตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเป็นไทก็ตั้งใจจะใช้แรงเอาชนะ ตั้งใจจะทำร้ายให้เจ็บ เจ็บเท่าที่เขาเจ็บ เท่าที่เขาโกรธ โกรธที่ต้องเสียใจไปกับทุกอย่างบนโลกใบนี้

“ผมรู้”

แต่แล้ว...ทุกอย่างกลับหยุดชะงักลงด้วยคำสั้นๆ

“แต่ตอนเด็ก...ผมก็อยากเชื่อในความรักแบบที่แม่บอก”

แววตาของใจเย็นที่ดูจับจ้องทะลุทะลวงสิ่งข้างในใจเขาได้ตลอด ตอนนี้กลับเหมือนอยู่ท่ามกลางสายฝนน้ำหม่นเศร้า

“เพราะถ้าผมไม่เชื่อแบบนั้น ผมก็จะไม่เหลืออะไร”

และน้ำตาของท้องฟ้าก็แผ่ขยายขจัดขจายบนพื้นดิน เอ่อล้นจนท่วมทนมาถึงจิตใจของคนรับฟัง ทั้งที่ไม่คิดว่าจะมีอะไรทำให้เจ็บได้กว่านี้อีกแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมมันยังกรีดลึกลงมาถึงข้างใน ยิ่งมองสีหน้าของใจเย็นตอนนี้ก็รู้สึกเหมือนหัวใจค่อยๆ สลายลงทีละน้อย

“ผมเชื่อ...เชื่อจนกลายเป็นคนที่ไม่เข้าใจคนอื่นเลย และก็ยังคงไม่เข้าใจด้วย”

ทั้งแหลกสลาย และบิดเบี้ยว

“แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าผมไม่เหลืออะไรอยู่ดี”

ถึงประโยคนี้ เป็นไทก็รู้สึกว่าหัวใจนั้นไม่ได้อยู่ในตัวตนของเขาเอง มันสูญหายไปแล้ว เหลือไว้แต่ความเจ็บปวด ทั้งยังเป็นความเจ็บปวดของใจเย็นที่เขารับเข้ามา และเพราะไม่มีหัวใจเขาจึงไม่รู้วิธีจะเยียวยา ได้แต่ปล่อยตัวเองให้จมลงในทะเลคำพูดอีกครั้ง ดำดิ่ง ลึกลงไป สิ่งที่ทำได้เป็นเพียงการดึงคนตรงหน้าเข้ามากอด คนที่เขาไม่อยากให้ร่วงหล่นเลยแม้แต่น้อย และยังประคับประคองเอาไว้ด้วยหวังจะผลักดันขึ้นไป แต่เมื่อมองไปตรงหน้า ยังกำแพงกระจกที่หม่นมัวด้วยหยาดน้ำและราตรีกาล เป็นไทก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนกำลังถูกโอบล้อมด้วยทะเล ไร้ผิวน้ำ ไร้หนทางหนีรอด

ทั้งที่อยากพูดออกไปว่ายังเหลือเขาอีกคน ยังเหลือเขา แต่เป็นไทกลับพูดไม่ออก ได้แต่กอดคนตรงหน้าเอาไว้

และจมลงไปด้วยกันให้ถึงห้วงที่ลึกที่สุดของทะเลน้ำตา








***************************************************************************
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ฝากแท็ก #ใจเย็นกับเป็นไท ด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่28-ทะเล ◑หน้า12 (ุ22/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 22-06-2017 20:46:38
จมดิ่งเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่28-ทะเล ◑หน้า12 (ุ22/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-06-2017 01:46:04
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่28-ทะเล ◑หน้า12 (ุ22/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 23-06-2017 01:58:44
เรารู้สึกเหมือนโดนค้อนทุบหัวใจเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่28-ทะเล ◑หน้า12 (ุ22/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 23-06-2017 04:43:08
ทำไมเราถึงต้องพยายามเข้าใจคนอื่นนะ บางทีเพราะเราเองยังอยากให้คนอื่นมาเข้าใจเราเลย มันไม่ได้ง่ายเลยที่จะเข้าใจและรับรู้ถึงความทุกข์ของคนสักคน ใจเย็นคงอยากให้เป็นไทเข้าใจมากที่สุดในเวลานี้ จริงๆคงเป็นทั้งสองคนเนี่ยแหละที่ต้องการใครสักคนที่เข้าใจ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่28-ทะเล ◑หน้า12 (ุ22/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-06-2017 05:19:51
วัยรุ่นสองคน ถูกพ่อแม่ตัวเองทำร้าย จนจมอยู่ในทะลน้ำตา
หมดความเชื่อใจในพ่อแม่ตัวเอง
ทั้งคู่จะพากันลอยตัวขึ้นจากทะเลยังไง
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่28-ทะเล ◑หน้า12 (ุ22/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: vwm666 ที่ 23-06-2017 09:27:07
โอยยย ใจเย็นน่าสงสารอ่ะ หน่วงแต่ดีเหลือเกินตอนนี้

เป็นกำลังใจให้คนแต่งเน้อ  :sad11:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่28-ทะเล ◑หน้า12 (ุ22/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 23-06-2017 11:38:09
หนักอึ้งจนบอกไม่ถูกเลยว่าเรื่องมันจะเป็นยังไงต่อไป แล้วแม่ของทั้งคู่จะรู้สึกไหม
ว่าได้ทำให้ลูกของตัวเองต้องปวดร้าวและแหลกสลายไปแค่ไหนแล้ว
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่28-ทะเล ◑หน้า12 (ุ22/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 24-06-2017 00:39:33
โอย จะรอดบ่เน้อ ฮึบบบ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่28-ทะเล ◑หน้า12 (ุ22/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 26-06-2017 15:36:30
รู้สึกเหมือนคนอ่านก็จะดำดิ่งลงไปในทะเลเหมือนกัน
มันเหมือนเจ็บแล้วเจ็บอีก
คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรให้เจ็บมากกว่านี้ แต่มันก็ดันมีอีก

แต่ชอบการบรรยายของไรต์มากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่29-น้ำตา ◑หน้า13 (ุ23/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 29-06-2017 00:29:11
เหนื่อย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่29-น้ำตา ◑หน้า13 (ุ23/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 29-06-2017 00:45:19
เราเข้าใจนะ มันสะอิดสะเอียนนะกับการอ้างว่าทำเพื่อเราเพราะรักเรา แต่จริงๆแค่กลัวที่จะต้องอายกับสังคม กลัวที่จะควบคุมให้เราเดินในทางที่ต้องการไม่ได้
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่29-น้ำตา ◑หน้า13 (ุ23/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mam79 ที่ 29-06-2017 11:58:06
ฮืออออ เศร้า แต่ยังไงก็สงสารเป็นไทที่สุดแล้ว หาหนุ่มใหม่ให้เอาม้ายยยย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่29-น้ำตา ◑หน้า13 (ุ23/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 29-06-2017 13:56:41
โอยยยย อึดอัด​แทนใจเย็น​ แต่​ิเสียใจ​แทน​เป็น​ไท
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่29-น้ำตา ◑หน้า13 (ุ29/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-06-2017 15:31:22
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่29-ครั้งสุดท้าย ◑หน้า13 (ุ30/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 30-06-2017 18:15:52
29 – ครั้งสุดท้าย


ใจเย็นจำไม่ได้ว่าตัวเองร้องไห้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แม้กับตอนที่ทันใจตายเขาก็จำไม่ได้แน่ชัดว่าตัวเองร้องไห้ ใจเย็นรู้แค่ว่าโลกที่เห็นและเป็นอยู่นั้นบิดเบี้ยว ทุกครั้งที่มีอะไรกระทบใจ เขาจะรู้สึกว่าโลกบิดเบี้ยวไปทุกที ทุกที และครั้งล่าสุดก็เพราะคุณเกษรา – แม่ของเขาเอง

หล่อนหักล้างทุกความเชื่อที่บอกกรอกหูเขามาตลอดชีวิต ที่ว่าครอบครัวเรารักกันดี เราตกลงกันได้ด้วยดี ความรักเป็นสิ่งที่ดี และอย่างไรก็ดี แตกต่างจากบ้านอื่นแล้วจะไม่ใช่ความรักหรือ?

ทุกถ้อย ทุกคำถามถูกหักล้าง ชำระสะสางจนสะอาดพอที่จะเห็นถึงเบื้องหลังของความเชื่อ เห็นถึงสิ่งที่เขาซ่อนไว้และตั้งใจหนีมาตั้งแต่เด็ก หนีตั้งแต่เรื่องที่ว่าแม่ของเขาโกหก หนีว่ามนุษย์ควรรักเดียวใจเดียว หนีว่าครอบครัวเขาไม่ปกติ หนีว่าทุกคนนั้นล้วนเห็นแก่ตัว หนีว่าเขารู้อยู่แล้ว รู้อยู่แล้วซึ่งทุกอย่าง

กระนั้นใจเย็นก็ยังหนีความจริง ความจริงที่เป็นเหมือนพายุซึ่งเคยพรากเอาดวงชีวิตของทันใจไป พรากไปซึ่งความหมายที่เคยมีต่อสิ่งต่างๆ เขาไม่ใคร่ครวญยอมรับว่าตัวเองกำลังเสียใจ ไม่กระทั่งสำรวจตรวจค้นลงในจิตใจตนเอง หรือถ้าจะมองลึกลงไป เขาก็จะเห็นแต่ความว่างเปล่าเพราะไม่เคยใส่ใจจะเติมความรู้สึกแท้จริงใดลงไปเลย

และใจเย็นก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าการถูกสวมกอดเอาไว้จะกลายเป็นการรินรดความรู้สึกจนเปี่ยมล้น เขารู้ในวินาทีนั้นเองว่าตนเองแหลกสลายหักพังแค่ไหน เพราะตัวตนที่แตกกระจายอยู่บนพื้นนั้นค่อยๆ ถูกหยิบขึ้นมาทีละชิ้น ทีละชิ้นอย่างเบามือ ก่อนโอบอุ้มเอาไว้ กอดเอาไว้ด้วยอ้อมแขนของคนตรงหน้า

ทั้งที่เนื้อตัวของเป็นไทเปียกปอนไปด้วยน้ำฝน แต่ใจเย็นกลับรู้สึกว่ามันอบอุ่น อาจจะอุ่นเหมือนน้ำตาที่เขาจำไม่ได้แล้วว่ารสสัมผัสมันเป็นอย่างไร พอๆ กับที่จำไม่ได้ว่ารับอ้อมกอดแบบนี้เป็นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ อ้อมกอดที่ทั้งนานเหมือนชั่วนิรันดร์ และสั้นเหมือนชั่วพริบตา

ดังนั้นเมื่อคลายห่างออกไป ใจเย็นจึงดึงเป็นไทกลับมากอดอีกครั้ง ครั้งนี้เขาตั้งใจโอบอุ้มแหลกสลายของอีกฝ่ายไว้ดังที่ตนเคยได้รับ ตั้งใจจะประกอบชิ้นส่วนแต่ละชิ้นให้เชื่อมต่อเนียนสนิทราวกับไม่เคยแตกร้าว แต่ทั้งที่ตั้งใจแบบนั้น เป็นไทก็ปฏิเสธเขามาก่อนด้วยคำไม่กี่คำ

ช่างมันเถอะ

ไม่มีอะไร

อีกแล้ว – ทันใดใจเย็นคิดคำนี้พร้อมกับเสียงฟ้าร้องครืนคล้ายไม่พอใจ อีกแล้วที่เป็นไทบอกกับเขาแบบนี้ไม่ต่างจากช่วงเวลาที่ผ่านมา ต่อให้ใจเย็นจะหนีความจริงแค่ไหนเขาก็รู้สึกได้ว่าเป็นไทกำลังโกหก โกหกจนเขานึกอยากโกรธ อยากจะดึงดันคั้นเค้นให้เจ้าตัวบอกความจริง อยากจะรู้ว่าทำไมถึงไม่ยอมบอกอะไรเขาเลย แต่พลันชิ้นส่วนแตกสลายของตนเองที่เคยถูกโอบอุ้มก็ร่วงกราวลงมาอีกครั้ง

ทุกอย่างมันก็เป็นเพราะเขาเอาแต่หนีไม่ใช่หรือ?

หนีกระทั่งว่าเขายังไม่เข้าใจอะไรเลยในความรัก แต่ก็ตะบี้ตะบันอยากจะไขว่คว้าเอามาไว้ในครอบครองก็เพียงเพราะตัวเองไม่อยากรู้สึกเจ็บปวด เขาหนี หนีจนรู้ตัวอีกทีก็พบว่าตนเองกลายเป็นคนที่น่าสมเพชเวทนา

เขาหนีกระทั่งเรื่องที่ว่าเป็นไทไม่อยากบอกอะไรกับเขาอีกแล้ว

เพราะฉะนั้น ตอนที่ยอมเผชิญหน้าความจริงเขาก็ทำได้แค่มองเป็นไทเดินจากไป แม้รู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังปวดร้าวเขาก็ต้องทำแบบนั้น ตราบเท่าที่มันเป็นแบบที่เป็นไทต้องการ ตราบเท่าที่เขายังคงไม่เข้าใจอะไรในตัวเองเลยสักอย่าง และตราบเท่าที่เขายังคงหนีอยู่แบบนั้น

แต่สิ่งเดียว – สิ่งเดียวที่เขาหนีไม่ได้เลยก็คือความรู้สึก

อย่าไป

อย่าไปจากเขาแบบนั้นเลย

อย่าไปทั้งการเดินจากไปแบบนั้น และอย่าไปจากความสัมพันธ์ อย่าห่างไปกว่านี้เลย

ตอนนั้นเองที่ฝนหยุดตก ทั้งที่เขาอยู่ในรถแต่หยาดน้ำสองสามหยดกลับหล่นลงตัก มันเหมือนน้ำตามากพอที่จะทำให้เขาคิดสงสัยอีกครั้งว่าตนเองร้องไห้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แต่ก็เช่นเคย ไม่มีคำตอบ

ตั้งแต่วันนั้นใจเย็นจึงพยายามเผชิญหน้ากับความจริง ความจริงที่เป็นเหมือนพายุซึ่งพยายามเอาชนะมันกี่ครั้งก็ยังเหวี่ยงวนเขาให้ติดอยู่ที่เดิม คล้ายก้าวต่อไปข้างหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้ เขาไม่มีที่ให้ไปเลยสักที่ แม้กับบ้านที่เคยรู้สึกว่าปลอดภัย แต่บัดนี้บรรดาดอกไม้ในบ้านดูเหี่ยวเฉาลงทุกที ทุกที รอวันโรยกลีบให้พร่างพรมเต็มพื้นสวน ไม่ต่างจากคุณเกษราที่ค่อยๆ เผยความเศร้าออกมาทีละน้อย เหมือนว่าพอเฉลยความจริงกับเขาแล้วก็ปลดแอกทุกพันธนาการความลับ โดยไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าความเศร้าเหล่านั้นกลับยิ่งทิ่มแทงลึกลงกลางใจของใจเย็น

หรือไม่ ก็เป็นกลางหลังที่เขาไม่เคยระวัง

แม้แต่กับคุณพิทักษ์พ่อของเขาเอง ใจเย็นรู้สึกว่าตัวตนของพ่อแทรกซึมอยู่ทุกวัตถุที่มอบให้เขา ทุกเงินตรา ทุกความสุขสบาย ทุกสิ่งปลูกสร้างที่โอ่โถง ทุกถนนหนทางในอนาคตที่ปูรอไว้ให้ แต่ใจเย็นกลับสัมผัสไม่ได้ถึงความรักที่แท้จริง ที่สัมผัสได้ดูจะมีแต่การที่เลี้ยงเขาให้เติบโตมาด้วยวัตถุและการสอนให้อยู่กับวัตถุเหล่านั้น ทั้งที่ใจเย็นอยากอยู่กับชีวิต ชีวิตที่หล่อเลี้ยงด้วยความรัก และความสัตย์จริงของใจ

ทว่า ต่อให้พายุของความจริงจะทั้งผลักไส ทั้งฉุดรั้ง ให้เขาทรมานเล่น ระบบคิดของใจเย็นต่อเรื่องความรักก็ไม่ได้แปรเปลี่ยน เพราะเขาเชื่อไปแล้ว และเชื่อมานานว่าการรักใครหลายคนไม่ใช่เรื่องผิด ที่ผิดคงมีแต่การสร้างข้อตกลงบ้าๆ ขึ้นมาผูกมัดให้รักเดียวใจเดียวเองทั้งที่รู้ว่าทำไม่ได้ ที่สำคัญการไม่เชื่อใจในข้อตกลงนั้นก็ดูงี่เง่า – ใจเย็นเห็นคู่รักที่หวาดระแวงว่าอีกฝ่ายจะนอกใจเป็นเรื่องงี่เง่าไร้สาระทุกครั้งไป

และเพราะเป็นแบบนี้ เพราะความคิดเขายังตลบหลังความรักในรูปแบบที่แม่เพิ่งเปิดเผย เพราะเขายังไม่เข้าใจความเจ็บปวดของผู้อื่น เพราะยังจัดการความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ใจเย็นจึงยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองยังไม่ได้ไปไหน ยังเอาชนะพายุของความจริงไม่ได้ ยังไม่อาจเผชิญหน้ากับอะไรเลยสักอย่าง สุดท้ายแล้วเขาก็หนีอีกครั้ง

ครั้งนี้เขาหนีไปหาเป็นไท

สักพักแล้วนับตั้งแต่ที่เป็นไทมาหาเขาและก็ไม่ได้เจอหน้ากันอีก พูดคุยอย่างมากก็ทางโทรศัพท์ ทั้งที่อยากเจอ อยากพบ ไม่ต้องพูดคุยก็ได้แค่อยากเห็นหน้า แต่เขากลับไม่กล้าไปหา ที่ได้มาเจออย่างในตอนนี้ก็เพราะเขาตัดสินใจก้าวถอยหลัง ถอยจนแทบจะตกหน้าผาเพื่อหนีความจริงทั้งหมดและมาเจอหน้าคนแค่คนเดียว

ที่นั่งตรงลานหน้าคณะ เป็นไทยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ทั้งในทรงจำและตรงหน้าเขา มันเป็นเดือนมกราคมที่อากาศดีแต่ไม่รู้ทำไมเขานึกถึงวันที่อากาศร้อนอ้าว วันแรกที่ได้เจอกับเป็นไท สายตามักไปวางอยู่ที่ปุ่มกระดูกตรงข้อมือข้างที่ถือแก้วน้ำเย็นฉ่ำ แต่ตอนนี้เขามองเรือนผมคนตรงหน้า ผมยาวกว่าที่เคยเห็นผ่านมาๆ ใจเย็นรู้สึกอยากสัมผัส อยากลูบเหมือนที่เคยทำ ทั้งลูบเล่น ทั้งปลอบโยน หากตอนนี้เขาก็ทำได้แค่เก็บไว้ในใจ

และไม่รู้คิดถูกหรือผิด ใจเย็นตัดสินใจคุ้ยถามถึงเรื่องที่เป็นไทไม่ยอมบอก ถามอย่างหนีความจริงที่สุดว่าเป็นไทไม่คิดจะบอกอะไรเขาอีกแล้ว

“ไม่ใช่บอกมึงไม่ได้ มันแค่พูดไม่ออก”

และกลับพบว่าเขามีเรื่องให้ต้องหนีอีกเรื่อง

“บางทีการไม่พูดออกไปมันก็ง่ายกว่าด้วย”

ใจเย็นรู้สึกเหมือนถูกย้ำว่าเขากลายเป็นคนน่าสมเพช เป็นคนที่หนีความจริงจนไม่เหลือค่า ทั้งที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนเป็นไทคงบอกเขา ไม่ว่ายากต่อการพูดแค่ไหนก็จะบอกออกมา อาจไม่ใช่ถ้อยคำโดยตรงแต่อย่างน้อยก็การแสดงออก ผ่านท่าทางหรือแววตาให้เขาจับรู้สึกได้ ใจเย็นยิ่งหวนนึกก็ยิ่งปวดแปลบข้างในอก เขาไม่รู้แล้วว่าควรทำอย่างไร ไม่รู้แล้วว่าผิดพลาดที่ตรงไหนบ้าง แต่ทั้งที่เป็นไทพูดแบบนั้น พูดสิ่งที่ไม่ปกติในสัมพันธ์เช่นนั้น เจ้าตัวกลับยังทำเหมือนทุกอย่างปกติดี ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ว่าแต่มึงเหอะ เป็นไงบ้าง”

ทั้งยังเอ่ยถามถึงตัวเขาแม้จะไม่ได้บอกเรื่องของตัวเอง ซึ่งเป็นตอนนั้นที่ใจเย็นเองก็รู้สึกว่าพูดไม่ออก ไม่ใช่เพราะมันง่ายกว่าที่จะไม่พูด แต่มันเป็นเพราะเขารู้สึกเจ็บจนไม่กล้าพูดเรื่องของตัวเอง

“ผมขอโทษ”

“...ขอโทษอะไรวะ”

ใจเย็นไม่ได้ตอบอะไรอีก แต่ในใจยังคงพร่ำคำว่าขอโทษ ขอโทษ ซ้ำอยู่อย่างนั้น

ขอโทษที่รักไม่เป็น

ทั้งที่เขาไม่ได้คบใครอื่นแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่ารักไม่เป็น

กลับมาจากวันนั้น ใจเย็นไม่รู้แล้วว่าเขาควรเดินไปทางไหนต่อ เขาสับสนร้อนรนเหมือนพยายามวิ่งหนีจากพายุของความจริง แต่แล้วก็พบกับทางตัน เขาหนีไปอีกครั้ง และก็พบกับทางตันอีกครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนที่สุดแล้วใจเย็นก็เลือกทางที่เป็นไทอยากให้ไป ทางที่ก้าวไปข้างหน้า เผชิญกับพายุ ไม่หนี ไม่ขี้ขลาด แม้มันจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม

ใจเย็นตัดสินใจกลับไปอยู่เคียงข้างแม่แม้จะยังไม่เข้าใจสิ่งที่แม่ทำมาตลอดชีวิตของเขา ขับรถพาแม่ไปยังศาลในคดีความฟ้องหย่าที่ยังยืดเยื้อยาวนาน เข้าไปนั่งฟังการพิจารณาคดีอย่างที่ไม่เคยคิดจะทำ พาตัวเองไปตกอยู่ในบรรยากาศอันน่าอึดอัด ครั่นคร้ามในวาจา ทั้งที่หลายต่อหลายอย่างเป็นเพียงคำพูดเอาดีเข้าตัว ไม่ว่าใครหรือแม้แต่แม่ของเขาก็จะพูดถึงแต่สิ่งดีงามของตัวเอง และโจมตีบกพร่องของอีกฝ่าย ทั้งสิ่งที่เขาเคยรู้และไม่รู้ ให้พรั่นพรึงในเรื่องราวตลอดชีวิตที่ผ่านมาเพราะไม่อาจบอกได้เลยว่าสิ่งใดจริง สิ่งใดปลอม

หลังสิ้นสุดการสืบพยานในวันนั้น ใจเย็นรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหนีอีกครั้งทั้งที่ไม่ตั้งใจจะหนีอีกแล้ว ทุกสับสนวนวิ่งสวนทางกันอยู่ภายในร่างเขา ปะทะปะทุเหมือนคลั่งแค้นของพายุ ใจเย็นอยากสำรอกสิ่งที่อยู่ในร่าง สำรอกออกมาให้หมด กระนั้นเมื่อไปยืนอยู่ในห้องน้ำ กลับไม่มีอะไรตีขึ้นมาสักอย่างในหลอดทางเดินอาหาร ใจเย็นรู้เพียงว่าเขาอึดอัด ไร้หนทางระบายออก ไม่มีที่ไป ไม่มีใครเลย

ทว่าเมื่อถึงถ้อยสุดท้ายเขาก็คิดได้ไม่เต็มคิด ที่ว่าไม่มีใครนั้นเขาก็ยังนึกถึงคนที่ห่างสัมพันธ์จากเขาไปทุกที เขานึกถึงเป็นไท เป็นไทที่มีชีวิตอยู่แม้กระทั่งในความรู้สึกของเขา เคลื่อนไหวในฉากหลังอันว่างเปล่าที่เขามักจะจับวางพื้นที่อันเป็นครอบครองของตนเองเข้าไป เป็นไทคนที่มักจะหมุนควงปากกาเล่นเวลาคิดอะไรสักอย่าง เป็นไทคนที่คลี่ยิ้มเวลาคิดเรื่องยากๆ ออก เป็นไทคนที่ดูขี้หงุดหงิดแต่ก็หายเร็ว เป็นไทคนที่ทำให้เขาค่อยๆ เป็นตัวเองอย่างเต็มตัว คนคนนั้น คนที่อยากจะรับฟังเขา และเขาเองก็อยากจะรับฟังอีกฝ่ายในทุกเรื่องราว

คนที่ไม่มีอะไรแทนที่ได้อีกแล้ว

พลันรู้สึกปวดร้าวเหมือนถูกพายุซัดกระหน่ำหักพังหัวใจให้ย่อยยับ และคำถามที่ว่าตนเองร้องไห้ครั้งสุดท้ายคือเมื่อไหร่ก็แล่นผาดเข้ากลางคิดเหมือนเล่นตลก แต่ที่ตลกกว่านั้นคือเขาได้คำตอบแล้ว

ว่าครั้งสุดท้ายที่เขาร้องไห้ก็คือตอนนี้ ตอนที่คิดถึงเป็นไท คิดถึงจนทรมาน และร้าวราน







หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่29-ครั้งสุดท้าย ◑หน้า13 (ุ30/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: chubbymeuk ที่ 01-07-2017 20:41:53
 :z3: โอ๊ย....
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่29-ครั้งสุดท้าย ◑หน้า13 (ุ30/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 03-07-2017 03:18:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่29-ครั้งสุดท้าย ◑หน้า13 (ุ30/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mam79 ที่ 04-07-2017 19:35:22
ฮือออออ อยากให้เขากลับมาอยู่ด้วยกันอ่ะ สงสารทั้งคู่แต่สงสารเป็นไทมากกว่า ใจเย็นเข้าใจความรักแล้วรักเดียวใจเดียวได้แล้ววววววว รอต่อค่าาาา
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่29-ครั้งสุดท้าย ◑หน้า13 (ุ30/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 04-07-2017 21:16:38
โอย
ปวดไปทั้งใจ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่29-ครั้งสุดท้าย ◑หน้า13 (ุ30/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 06-07-2017 23:13:09
บีบหัวใจค่ะ ทำไมโลกถึงบิดเบี้ยวขนาดนี้นะ
ใจเย็นคือใจเป๋มากค่ะ น้องยังไม่รู้ความจริงของชีวิต ยังไม่เข้าใจความรัก และอื่น ๆ ที่เป็นการใช้ชีวิตทั่วไป

เป็นไทจะช่วยอะได้บ้างนะ เพราะที่ผ่านมาก็อาการเดียวกัน
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่29-ครั้งสุดท้าย ◑หน้า13 (ุ30/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Pangvivacious ที่ 08-07-2017 13:25:06
สงสารทั้งคู่เลย แต่พาร์ทนี้ใจเย็นก็มีพัฒนาแล้วนะ
อย่างน้อยก็ไปที่ศาลมาแล้ว
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่29-ครั้งสุดท้าย ◑หน้า13 (ุ30/6/60)
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 08-07-2017 15:21:00
ความหน่วงนี้ ฮรือออ
อ่านตรง ขอโทษที่รักไม่เป็น แล้วแบบ... จะร้องงง
นายจะเข้าใจมันในสักวัน จะต้องรักเป็นได้แน่ๆ!
ลูบหัวใจเย็นโอ๋เอ๋ เอาใจช่วยทั้งสองคนน
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่30-ปราย ◑หน้า13 (ุ8/7/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 08-07-2017 20:15:11

30 – ปราย



ปราย มาจากคำว่าปรายฟ้า แปลว่าสิ่งที่หยาดลงมาจากฟากฟ้า ปรีดาตั้งใจจะตั้งชื่อนี้ให้เด็กชายตัวน้อยที่เกิดในฤดูฝน แต่ปุริมลงความเห็นว่าชื่อคล้ายเด็กผู้หญิงไปเสียหน่อยจึงตัดคำว่าฟ้าออก ให้กลายเป็นปรายธรรมดา หากยังคงพิเศษ เพราะสำหรับปรีดา ปรายยังคงหมายถึงหยาดน้ำที่ร่วงหล่นจากฟ้า ยังความชุ่มชื่นให้แก่พื้นผิวโลก มอบชีวาให้สรรพชีวิต ฟังดูเป็นความสุข สว่างสดใส ตราบเท่าที่หยาดน้ำนั้นไม่ใช่หยาดน้ำตา

ปรายสูญเสียปุริมผู้เป็นพ่อด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่ระบบจำความยังไม่เข้าที่เข้าทาง ที่จำได้เห็นจะมีเพียงความสุข รอยยิ้ม และความรัก ปรายจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าพ่อจากไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีพ่อก็ไม่กลับมาให้เขากอดหรือขี่คออีกแล้ว ครอบครัวเหลือเพียงเขากับแม่แค่สองคน แต่ก็ไม่นานเท่าไหร่นับจากนั้นที่ปรายเหลือเพียงตัวคนเดียว

หลังจากเฝ้าดูชีวิตของแม่ที่ค่อยๆ โรยราด้วยโรคมะเร็ง เฝ้าดูอย่างละเอียดลออแม้จะเจ็บปวด เฝ้าดูเหมือนไถ่โทษที่ไม่อาวรณ์ในวันที่พ่อจากไป ปรายเก็บทุกความเศร้าให้ซึมลึกตรึงติดตัว แม้แม่จะชอบบอกให้เขายิ้ม บอกว่าเขายิ้มแล้วดูดี แต่ปรายกลับรู้สึกเหมือนตัวเองร้องไห้อยู่ตลอดเวลา ยิ่งอยู่ท่ามกลางผู้คน ปรายยิ่งอยากร้องไห้ เพราะเขาไม่รู้สึกเลยว่ามีใครอยู่เคียงข้างเขา ไม่มีเลย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขร่วมกัน ปรายไม่รู้ว่าทำไมเป็นไทถึงเกลียดเขา เกลียดขนาดที่ว่าถ้าเขาหายไปเสียจากตรงนั้นก็คงดี ขณะที่ปราณีนั้นตรงกันข้าม หล่อนไม่ได้เกลียดเขาทั้งยังดูใจดีจนต้องเกรงใจ แต่สุดท้ายแล้วปรายก็ได้รู้ความจริงว่าเขาเป็นแค่ส่วนเกิน ด้วยบ่อยครั้งที่ปราณีมักทำตัวเหมือนลืมไปว่ายังมีเขาอีกคนในครอบครัว ประหนึ่งครอบครัวของหล่อนก็มีแค่ตัวหล่อนเองกับลูกชายแท้ๆ อย่างเป็นไทเท่านั้น

เพราะแบบนั้น ลึกๆ แล้วปรายก็อิจฉาเป็นไทที่ยังมีแม่อยู่เคียงข้าง ลึกๆ แล้วก็รู้สึกว่าเป็นไทโง่จนมองไม่เห็นค่าสิ่งที่มีอยู่ ปรายไม่เข้าใจความก้าวร้าวรุนแรงของเป็นไท ไม่เข้าใจนิสัยหวงของจนเกินเหตุในหลายๆ ครั้ง ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ร้ายกับเขานัก และปรายก็คิดว่าคงไม่มีวันจะเข้าใจ กระทั่งวันที่พายุฝนกระหน่ำลงมาพร้อมๆ กับพายุอารมณ์ของเป็นไทมาถึง

แข่งกับเสียงคำรามของท้องฟ้า เป็นไททะเลาะกับแม่ โวยวาย แผดลั่น ก่อนจะสั่นเครือคล้ายร้องไห้ ปรายไม่เคยเห็นเป็นไทร้องไห้ และเขาก็ไม่ได้เห็นมัน สิ่งที่ทำคือแค่เดินหนีขึ้นห้อง รู้ดีว่าไม่มีใครอยากให้เขาอยู่ตรงนั้น มันไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับเขา แต่จากที่ได้ยินสนทนาเล็ดลอดเข้าหู ปรายก็พอจะรู้แล้วว่าเป็นไทเคยถูกพ่อทำร้าย และแม่ก็เหมือนจะทำร้ายซ้ำเติมโดยการพาตัวเองกลับไปข้องเกี่ยวกับพ่ออีกครั้งเพียงเพราะเรื่องเงิน

ปรายหลับตาลงให้ทุกอย่างหม่นมืด เสียงพายุฝนดังชัด เขาเริ่มได้คำตอบแล้วว่าทำไมเป็นไทถึงได้ก้าวร้าว อาจเพราะใจมีรอยแตกเป็นทางยาวลากลามมาตั้งแต่อดีต กระนั้น กระนั้นก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะทำตัวแย่ๆ กับเขา แต่ก็อีก ปรายเริ่มรู้สึกเหมือนเข้าใจเป็นไทขึ้นมาทีละน้อย ทีละน้อย

และเริ่มคิดว่าคนที่ก้าวร้าว บางทีก็เพราะอยากสร้างเกราะหนามขึ้นมาป้องกันตัวเอง แต่แค่ไม่รู้จะทำอย่างไร

คิดแบบนั้น ฝนนอกหน้าต่างยิ่งกรรโชก ปรายไม่แน่ใจว่าที่คิดนั้นถูกหรือผิด ที่คิดว่าเข้าใจเป็นไท สุดท้ายแล้วเขาก็อาจจะไม่เข้าใจอะไรเลย

แต่นับจากวันนั้น ปรายเริ่มรู้สึกว่าเป็นไทไม่ได้มีพิษสงอะไรนัก คิดดูดีๆ แล้วก็พบว่าอีกฝ่ายไม่เคยทำร้ายเขาเลยด้วยซ้ำ อย่างมากที่สุดคือการปากระป๋องเบียร์เปล่าใส่ ที่เหลือก็เป็นการใช้วาจาถากถาง ขู่กร้าว แต่ก็ไม่เคยเห็นเลยสักครั้งว่าทำจริงอย่างที่ขู่ ถ้าให้คิดอย่างอคติก็คงมองว่าเป็นไทเป็นพวกดีแต่ปาก แต่วีรกรรมอันใช่ย่อยที่ปรายเคยได้ยินมานั้นก็หักล้างคำว่าดีแต่ปากทิ้งง่ายดาย

บางทีความเกลียดที่เป็นไทมีให้เขาคงเป็นความเกลียดที่แปลกประหลาด

ชัดที่สุดที่ปรายสัมผัสได้คือระยะหลังที่เป็นไทไม่ค่อยหาเรื่องเขาแล้ว มันเป็นเดือนกุมภาพันธ์ที่เงียบสงบ แต่ทั้งคิดทั้งรู้สึกหลายอย่างอื้ออึงในกายคล้ายเสียงฝนกระทบโลหะ หนักอึ้งจนไร้เรี่ยวแรงจะลุกไปทำอะไร เขานอนอยู่ทั้งวัน นอนจนได้ยินเป็นไทถามด้วยน้ำเสียงรำคาญใจ ถามว่าเขาไม่สบายหรือ ก่อนจะใช้หลังมือแตะเข้าที่หน้าผากจนเขาสะดุ้ง แล้วปิดท้ายด้วยคำด่าสั้นๆ ว่าสำออย

กระนั้น ปรายกลับรู้สึกว่ามันดีกว่าความเมินเฉยไม่สนใจ หลายกรณีที่ความเมินเฉยนั้นร้ายแรงยิ่งกว่าความเกลียด ปรายรู้ดีเพราะมันเป็นสิ่งที่เขาเจอมาตลอด เวลานั้นเองที่เขาเริ่มคิดย้อนว่ามันอาจเป็นสิ่งที่เขาก็ทำกับเป็นไทโดยไม่รู้ตัว แต่ปรายก็ไม่กล้าที่อยู่ๆ จะก้าวเท้าเข้าเขตส่วนตัวของเป็นไท คนขี้หวงแบบนั้นคงได้ไล่ตะเพิดเขาออกมา สิ่งที่ปรายทำจึงมีแค่ทำตัวเหมือนเดิม เงียบเชียบ เลี่ยงสนทนาที่จะเกิดเรื่องทะเลาะ

เพราะปรายไม่รู้เหมือนกันว่าจะเริ่มเข้าหาเป็นไทอย่างไรดี ไม่รู้แม้กระทั่งวันที่เขากลับบ้านไปได้ยินสนทนาของปราณีกับคนปลายสายโทรศัพท์ – คนที่เคยทำร้ายเป็นไท – คนที่แม้แต่ปรายเองก็จำหน้าไม่ได้แล้ว

“คุณอยากเจอลูกก็มาเจอสิ”

มันเป็นประโยคแรกที่ปรายได้ยิน ทั้งที่ตัวเขาเองไม่ใช่เป็นไทแต่เสียงฟ้าคำรามกลางพายุฝนวันนั้นกลับแผดลั่นในรู้สึก และประโยคต่อๆ มาก็เหมือนสายฟ้าฟาดลงมาจนชาไปหมด

ไม่เป็นไรหรอก ไทโตแล้ว

คิดว่าต้องเข้าใจ

ถ้อยคำเหล่านั้นไหลลื่นผ่านโสตประสาท ทั้งที่อยากให้มันไหลผ่านไปแต่มันกลับทิ้งร่องรอยสะท้อนเป็นเงาความรู้สึก ก่อนที่คำพูดต่อๆ มาจะพร่างพรูตาม ทับถมเงานั้นให้ยิ่งมืดดำ ปรายได้ยินบทสนทนาประมาณว่าถ้าปรับความเข้าใจกันได้ก็น่าจะไม่เป็นไร ถ้าปล่อยผ่านเรื่องราวในอดีตไปและเริ่มใหม่ได้ทุกอย่างก็จะดีเอง

วินาทีนั้น ปรายรู้สึกผิดขึ้นมาที่เคยอิจฉาเป็นไทเรื่องแม่ เพราะรู้แล้วว่าปราณีทำให้เป็นไทโดดเดี่ยวไม่ต่างจากที่เขารู้สึกเลย

ปรายคิด คิด และคิดอยู่ตลอดว่าจะบอกเรื่องนี้กับเป็นไทอย่างไรดี แต่ตอนที่ได้เจอหน้าเป็นไทที่คอนโด เขาก็ได้รู้แล้วว่าที่คิดมาตลอดทางนั้นเปล่าประโยชน์ มันสายไปแล้ว แค่ดูจากท่าทีที่เงียบงันของเป็นไทก็บ่งบอกทุกอย่าง มันเป็นความเงียบที่ทำให้รู้สึกถึงคลื่นลมทะเลที่สงบ นิ่ง คล้ายที่เขาเคยเจอกับเป็นไทเมื่อยังเด็ก

แม้จะเป็นช่วงที่ทรงจำทำงานได้ไม่ดีนัก แต่ปรายก็จำเป็นไทตอนเด็กๆ ได้ จำได้ว่าครอบครัวเขาและครอบครัวเป็นไทเคยไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เป็นไทในตอนนั้นยังไม่แผลงฤทธิ์อะไรใส่เขา เป็นแค่เด็กเงียบๆ คนหนึ่ง เงียบ...เงียบจนเขาจำหรือกระทั่งจินตนาการเสียงของเป็นไทในวัยเด็กไทไม่ได้เลยแม้แต่น้อย พอๆ กับที่ปรายจำหน้าพ่อของเป็นไทไม่ได้ จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าผู้ชายคนนั้นมีปฏิสัมพันธ์กับลูกตัวเองอย่างไรบ้าง

แต่ที่รู้ตอนนี้ ปรายรู้แล้วว่าคนที่ขโมยเสียงของเป็นไทให้หายไป คนที่กดทับเสียงที่จะระบายความรู้สึกต่างๆ ออกมานั้นก็คือพ่อของเป็นไทเอง

ปรายไม่รู้ว่าเป็นไทเคยเจออะไรมาบ้าง ไม่รู้ว่าเป็นไทคิด หรือรู้สึกอะไรอยู่ เพราะเป็นไทก็แค่เงียบ นิ่ง ราวต้องการเจือจางตัวตนให้ละลายหายไปจากโลกใบนี้ แม้แต่ตอนที่นั่งอยู่ในห้องเดียวกัน ปรายก็แทบไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายนั่งอยู่ด้วย ที่รู้สึกได้คงมีแต่ความอึดอัด คล้ายรอเวลาระเบิดให้ทุกสิ่งย่อยยับ และสุดท้ายมันก็ไม่ผิดจากที่คิด

ความเงียบของเป็นไทคือคลื่นลมสงบก่อนพายุจะมา

เสียงสัญญาณของพายุดังลั่นในกลางดึกของเดือนเมษา มันคือเสียงโทรศัพท์มือถือของเป็นไท ดังผ่าความเงียบงันในห้องอยู่หลายครั้ง ดังจนปวดประสาทแต่เป็นไทก็ไม่สนใจราวกับไม่ได้ยินเพราะเสียงความคิดและความรู้สึกของตัวเองนั้นดังกว่า สุดท้ายปรายก็ลุกไปหยิบโทรศัพท์มือถือนั้นขึ้นมา เห็นผ่านตาว่าชื่อบนหน้าจอคือแม่ วินาทีนั้นเกิดลังเลเพราะเป็นไทอาจจงใจมองข้ามอยู่แล้ว แต่เมื่อย้อนคิดว่าเจ้าตัวไม่แม้จะหันมามองชื่อบนหน้าจอเลยด้วยซ้ำก็ทำให้ตัดสินใจเอ่ยเรียก

เป็นไท เป็นไท เรียกซ้ำอยู่สองสามครั้งก่อนที่เจ้าตัวจะหันมา ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งได้กลิ่นฉุนของเหล้า แต่ปรายก็ไม่ได้สนใจอะไรนอกจากยื่นโทรศัพท์มือถือไปให้ ทว่า ความผิดพลาดเกิดขึ้นเมื่อมันร่วงหล่นก่อนจะถึงมือของเป็นไท เสียงตกกระทบพื้นดังชัด ก้มหน้าลงมองตามก็เห็นว่ามุมหนึ่งของหน้าจอแตกร้าว เสียงเรียกเข้ายังดังลั่นให้ปรายยิ่งร้อนลน เขาหมายจะก้มลงเก็บ แต่แล้วความตั้งใจก็ถูกทำลาย ปรายไม่แน่ใจว่าโลกเปลี่ยนเงียบงันหรือพายุพัดกระหน่ำในวินาทีนั้น

วินาทีที่หลังมือของเป็นไทฟาดลงมาบนหน้าเขาสุดแรง

ปรายหน้าหัน ตัวเซ เกือบจะล้มลง เจ็บแปลบบนใบหน้าก่อนอาการชาหนึบจะค่อยลุกลามพอๆ กับสั่นสะท้านขลาดกลัว เขารู้สึกว่าควรรีบหนีไปให้ห่าง แต่เมื่อหันกลับมองถึงรู้ว่าไม่จำเป็นต้องหนีอีกแล้ว พายุสงบลงแล้วพร้อมกับความรุนแรงเมื่อครู่ หลงเหลือค้างไว้เพียงซากปรักหักพังสั่นสะท้านของผู้กระทำ แววตาของเป็นไทตื่นตระหนก เห็นได้ชัดว่าตกใจกับสิ่งที่เพิ่งทำลงไป มือข้างที่ใช้ทำร้ายปรายสั่นระริก และน้ำในตาก็เริ่มสั่นคลอน

ตอนนั้นเองที่เป็นไทเริ่มร้องไห้ ทรุดลงกับพื้น ก้มหน้าเหมือนไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตา เก็บกลั้นเสียงสะอื้น ก่อนกลั่นคำพูดเอ่ยออกมาแผ่วเบา ขอโทษ ขอโทษ ย้ำซ้ำอย่างนั้น ย้ำซ้ำราวต้องการกรีดตะโกน ตัวตนแตกเป็นเสี่ยง มือกุมขยุ้มหัวตัวเองราวกลัวมันจะระเบิดออก และพึมพำคำถาม

“ทำยังไงดี”

ทั้งที่แผ่วเบาแต่ฟังดูราวเสียงกรีดร้อง จนตรอก

“กูไม่ได้อยากเป็นคนแบบนี้”

และกรีดร้องออกมาให้ดังยิ่งขึ้นในประโยคต่อๆ มา กรีดแทงหัวใจด้วยประโยคที่ว่าไม่อยากเป็นเหมือนกับพ่อตนเอง ไม่อยากให้ใดๆ ก็ตามเป็นเพราะพ่อ ไม่ปรารถนาอะไรทั้งนั้นที่ข้องเกี่ยวกับชายคนนั้น ปรายไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร เขาไม่รู้วิธีปลอบคนอื่น แม้แต่ตัวเองยังปลอบไม่เป็นด้วยซ้ำ สุดท้ายเขาก็ได้แค่รับฟัง แต่บางทีมันอาจเป็นสิ่งที่เป็นไทต้องการมากที่สุดแล้วในเวลานี้

ปรายทรุดตัวลงและสวมกอดคนตรงหน้าเอาไว้ สัมผัสได้ถึงความแตกร้าวแหลกสลายภายใน ไม่แน่ใจว่าจะเยียวยาได้อย่างไร แต่ที่แน่ใจอย่างหนึ่งคือต่อให้เป็นไทจะหวาดกลัวสักแค่ไหน เป็นไทคงไม่มีวันเป็นเหมือนพ่อ คนที่ร้องไห้ตอนเผลอทำร้ายคนอื่นจะเป็นแบบนั้นไปได้อย่างไร เขาคิด พยายามเรียบเรียงคำพูด แต่คำขอโทษที่ยังได้ยินซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ทำให้ถ้อยคำของเขากระจายกระเจิง ปรายจึงได้แต่กอดเอาไว้ กอดเอาไว้ให้แน่นขึ้น

ถ้าเป็นไทไม่เคยโดนพ่อทำร้ายจะเป็นคนแบบนี้ไหม จะเป็นคนอ่อนโยนกว่านี้ใช่ไหม คำถามนั้นผุดผาดขึ้นกลางคิดพร้อมเจ็บปวดที่เขารับมาผ่านอ้อมกอด และเจ็บปวดทวีเท่าเมื่อคำตอบคือใช่ เป็นไทคงเป็นคนที่อ่อนโยนกว่านี้ หรือบางทีอาจจะอ่อนโยนอยู่แล้วด้วยซ้ำ

พลันเมื่อคำขอโทษสุดท้ายขาดห้วง เป็นไทผละหนีจากอ้อมกอด ลุกขึ้นและไม่หันกลับมามอง เหมือนยังคงหลบหน้าไม่อยากให้เห็นน้ำตา แต่ปรายกลับรู้สึกว่ามันเป็นการตะเกียกตะกายหนี ไม่อยากให้เขาเห็นตนเองสภาพนี้ สภาพที่อ่อนแอไร้เปลือกหนามใดห่อหุ้ม นัยหนึ่งปรายก็รู้ว่ามันน่าอับอาย แต่นัยหนึ่งปรายก็รู้ว่าเขายังไม่ใช่คนที่เป็นไทยอมแสดงความอ่อนแอที่ลึกที่สุดออกมาให้เห็น

สิ้นเสียงปิดประตูห้องของเป็นไท ความเศร้าที่เป็นไททิ้งไว้ก็กลายเป็นความเศร้าของปราย ความปรารถนาลึกๆ ที่เคยเก็บซ่อนไว้ยิ่งย้ำให้เศร้าลุกลามเหมือนโรคติดต่อ ความปรารถนาที่ว่าปรายอยากมีพี่ชายมาตลอด ถ้าอะไรๆ ไม่เป็นแบบนี้ พวกเขาคงเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันได้ คงไม่อ้างว้างเดียวดายได้ถึงเพียงนี้ทั้งที่อยู่เคียงข้างกัน ปรายจึงได้แต่หวัง หวังว่าความเจ็บปวดเหล่านั้น ถ้าไม่ใช่เขา ก็ขอให้มีใครสักคนรับเอาไว้ได้ อย่าร่วงหล่นหรือแตกสลายไปมากกว่านี้เลย

เพราะทั้งที่ทุกอย่างเงียบงัน ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากห้องที่เปิดไฟอยู่ตลอดคืน แต่ปรายรู้สึกว่าเป็นไทกำลังร้องไห้ และร้องไห้อยู่อย่างนั้นทั้งคืน








***********************************************************************
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่30-ปราย ◑หน้า13 (ุ8/7/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-07-2017 21:29:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่30-ปราย ◑หน้า13 (ุ8/7/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mamemoo ที่ 08-07-2017 22:12:27
 :z3: :z3: อีกแล้วววว คุณแยมมม all kill มากเลยค่ะ ตอนนี้นายขนมต้มของเราทำไมโดนทำร้ายขนาดนี้ น่าย่ำยีเพิ่มมากเลยค่ะ *โดนตี* ใจเย็นต้องช่วยพี่เป็นไทนะลูกกก เป็นไทก็ต้องช่วยน้อง ช่วยกั---- :hao6: :hao6: :hao6:
ไม่รู้จะคอมเมนท์อะไร แต่คุณแยมทำคนอ่านแตกสลายได้ทุกตอนจริงๆค่ะ แงงงงงงง
รอใจเย็นนะคะ ใจเย็นจะเป็นผู้คอยรับไว้ไม่ให้เป็นไทร่วงหล่นได้อย่างที่น้องปรายบอกได้หรือไม่ ติดตามชมตอนต่อไป :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่30-ปราย ◑หน้า13 (ุ8/7/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mam79 ที่ 09-07-2017 00:36:13
ทำไมชอบทำร้ายเป็นไทของเรา ฮือออออ สงสารอีกแล้วววว
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่30-ปราย ◑หน้า13 (ุ8/7/60)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 09-07-2017 02:21:31
ฮือออ หดหู่ไปหม๊ดดดด
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่30-ปราย ◑หน้า13 (ุ8/7/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 09-07-2017 08:25:32
โอ๊ยยยยยยยย เป็นไทลูก มาค่ะมาเดี๋ยวพี่กอดปลอบหนูเอง อ่านนี้ก็น้ำตาซึมอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่30-ปราย ◑หน้า13 (ุ8/7/60)
เริ่มหัวข้อโดย: MOMAMi_96 ที่ 09-07-2017 09:56:37
เนี่ยรักน้องปรายมากคนอะไรก็ไม่รู้จิตใจอ่อนโยนมากกกกก
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่30-ปราย ◑หน้า13 (ุ8/7/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 09-07-2017 13:57:42
หายใจเข้าลึก ๆ แล้วหน่วงต่อไป
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่30-ปราย ◑หน้า13 (ุ8/7/60)
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 09-07-2017 17:37:46
หน่วงงงง  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่30-ปราย ◑หน้า13 (ุ8/7/60)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 09-07-2017 17:59:29
อ่านไปเหมือนคนหายใจไม่ค่อยออก
มันทรมานไปหมด คือตอนนี้ไม่มีบทสนทนาเลยนะ
แต่บีบหัวใจมากๆ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่30-ปราย ◑หน้า13 (ุ8/7/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Pangvivacious ที่ 09-07-2017 18:21:53
สงสารเป็นไท ทำร้ายคนอื่นเองแล้วก็เจ็บเอง

 ความรุนแรงมันอาจจะฝังหัวมาตอนที่โดนพ่อทำร้ายก็ได้นะ :hao5:

(พออ่านความคิดก็อยาย้อนกลับไปอ่านเรื่องเก่าอีกแล้ววว)
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่31-ฝุ่นผง ◑หน้า14 (ุ16/7/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 16-07-2017 21:02:13
31 – ฝุ่นผง


เป็นไทรู้สึกว่าเขายอมแพ้แล้วซึ่งทุกอย่าง เขาร้องไห้ไม่หยุดตั้งแต่มันเริ่มหลั่งรินออกมาต่อหน้าปราย เขาร้องไห้ ร้องไห้ และร้องไห้ ร้องจนไม่รู้เลยว่ามันจะไปจบลงที่ตรงไหน รู้สึกตัวอีกทีก็เป็นตอนที่ลืมตาตื่นจากฝัน ซึ่งคลับคล้ายคลับคลาว่านั่นก็เป็นฝันร้าย ฝันที่เขาร้องไห้อยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เด็กยันโต

และตอนที่จมลงในทะเลน้ำตา เป็นไทรู้สึกว่าถูกแววตาของพ่อจับจ้อง แววตาที่ว่างเปล่าและตอกย้ำเจ็บแสบยิ่งกว่าคำพูดไหนๆ ว่าเขามันไร้ค่า ไม่น่าเกิดมา เพราะเกิดมาก็จะประสบพบแต่ความเจ็บปวด ความแหว่งวิ่นของความรัก ความอบอุ่นที่ไม่เคยเป็นของจริง ชีวิตเขาวนเวียนอยู่แค่นี้ แม้หนีเท่าไหร่ก็ยังถูกไล่ตาม และคนที่ขัดขาให้เขาล้มลงก็เป็นแม่ของเขาเอง

แม่เป็นคนพาพ่อมาเจอเขา ชายคนนั้นนั่งอยู่ในบ้านของเขา บนโซฟาตัวที่เขาชอบนอนเล่น เมื่อภาพนั้นปรากฏสู่สายตา เป็นไทรู้สึกว่าชีวิตถูกคุกคามแบบไร้ทางหนีรอด ทันใดเขาขลาดกลัว ตัวสั่นทั้งไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกทีเขาก็หนีออกมาจากตรงนั้นแล้ว เขาไม่เห็นว่าสายตาของพ่อเป็นอย่างไร แต่คิดว่าอย่างไรมันก็จะเป็นแววตาที่ว่างเปล่า ว่างเปล่าแต่ทำให้เขาเจ็บปวดใจ เจ็บจนที่สุดแล้วต้องจิกขย้ำเนื้อกายให้มันเจ็บปวดยิ่งกว่า

ด้วยเรี่ยวแรงสุดท้าย เป็นไทตัดสินใจกลับไปคุยกับแม่ ถามว่าทำไมต้องทำแบบนี้ ซึ่งหล่อนบอกกับเขาเพียงว่าอยากให้เข้าใจ ตอนนั้นเองที่เป็นไทอยากจะหัวเราะออกมา เข้าใจกันอย่างนั้นหรือ? แล้วแม่ล่ะเคยเข้าใจเขาบ้างไหม? ความทุกข์ทรมานของเขาน่ะเข้าใจบ้างไหม?

แต่เป็นไทก็ไม่ได้ถามถ้อยเหล่านั้นออกไป อีกครั้งที่เขาเก็บงำในใจเพราะรู้ดีว่าต่อให้พูดอะไรออกไปแม่ก็จะไม่มีวันเข้าใจเขา แม่ที่ขบคิดเรื่องราวต่างๆ แค่ในมุมของตัวเองและเพื่อตัวเอง

พลันคิดขึ้นมาว่าอาจต้องเจอชายคนนั้นอีกครั้ง หรืออาจจะนับครั้งไม่ถ้วนตราบที่แม่ยังไม่เข้าใจเขา เป็นไทก็ยิ่งจมดิ่งลงไปเรื่อยๆ และตอนที่เหมือนจะขาดอากาศหายใจ ห้วงคำนึงหนึ่งก็ดึงดันเขาให้ตะเกียกตะกายขึ้นไป

ห้วงคำนึงที่มีใจเย็นอยู่ในนั้น

ทั้งที่ไม่รู้ว่าถ้าไปพบหน้าแล้วจะกลายเป็นว่ายิ่งจมลงไปอีกไหม บางที อาจจะถูกฉุดดึงถึงก้นเหวห้วงทะเลด้วยซ้ำ

แต่นั่นแหละ เขายอมแพ้แล้ว

อีกครั้งที่ฝนตกในยามเย็นให้เหยียบย่ำบนทุลักทุเล ตกลงมาเหมือนกลั่นแกล้งหรืออาจจะรั้งเตือนเพราะอย่างไรก็เป็นฝนกลางเมษา กระนั้นเป็นไทก็ไม่คิดวกกลับ อีกทั้งเขารู้สึกว่าไม่มีที่ให้กลับไป ไม่มีที่ไหนเป็นของเขา แม้ปรายจะให้อภัยเขาได้ซึ่งทุกอย่าง แต่เขาก็ละอายกับสิ่งที่ตนเองเคยทำเกินกว่าจะกล้าพูดความทุกข์ใจให้ฟัง

พลันห้วงคิดถูกขัดด้วยสั่นเตือนจากโทรศัพท์มือถือ วูบแรกเป็นไทคิดว่าคงเป็นแม่ แต่เมื่อชื่อบนหน้าจอปรากฏเป็นอื่น เขากลับรู้สึกเหมือนจะร้องไห้ ง่ายดายเพียงนั้น

“เป็นไทอยู่ไหนครับ”


และรู้สึกว่าต้องเก็บกลั้นเสียงสั่นเครือกับคำถามโง่ๆ แค่นั้น หรืออาจจะเป็นเสียงที่เขาไม่ได้ยินมาสักพักแล้ว อะไรก็ตามแต่ เป็นไทเงียบอยู่นานก่อนจะเอ่ยออกไปเป็นคำโกหกว่าผ่านแถวคอนโดของใจเย็นพอดี

“งั้นเหรอ เดี๋ยวผมออกไปรับ”

“...รับทำไม”

“มีเรื่องอยากให้ช่วยสอน ฟิสิกส์น่ะครับ”

เป็นไทจำไม่ค่อยได้นักว่าตอบรับไปว่าอย่างไร แต่สรุปแล้วใจเย็นก็ขับรถออกมารับเขาที่อยู่ใกล้ๆ ให้ไม่ต้องเปียกปอนเหมือนครั้งที่แล้ว ท่ามกลางสายฝนในรถยังบรรเลงเพลงแจ๊ส และบรรยากาศนั้นก็ทำให้เป็นไทเผลอคิดว่ามันจะอวลไปด้วยข้ออ้างที่ไม่ใช่ของเขาฝ่ายเดียว

ข้ออ้างที่ว่าอยากเจอ

อีกแล้วที่กลิ่นชาคาโมมายล์นวลอยู่ในห้องของใจเย็นเมื่อเขามาถึง – เพราะเป็นไทไม่ชอบกินกาแฟ – เขาจำได้ และพลันคิดถึงกลิ่นดอกไม้ที่บ้านใจเย็น คิดถึงดอกสวีทพีประจำเดือนพฤษภาคมของทุกปี แต่ปีนี้อาจจะไม่ได้เห็นมันปักอยู่ในแจกันแก้วของซุ้มม่านบาหลีอีกแล้ว

“ที่บ้านเป็นไงบ้าง”

พลันหลุดถามออกไปในตอนที่ใจเย็นถือถ้วยชามาวางบนโต๊ะกาแฟตัวเดิม และนั่งลงข้างเขา รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงฝนทั้งที่ชั้นสูงของคอนโดนั้นไร้สุ้มเสียงเพียงเพราะใจเย็นเงียบอยู่ชั่วครู่ –  ไม่สิ – เงียบอยู่นาน นานจนเป็นไทนึกร้าวขึ้นมาว่าเขาอาจไม่มีสิทธิ์ถามอะไรแบบนี้อีกแล้ว

“ไม่กี่วันก่อน ผมเพิ่งพาแม่ไปขึ้นศาล”

แต่ความกังวลคลายลงเมื่อใจเย็นตอบออกมา และเป็นคำตอบที่เขาไม่คาดไว้เลยว่าจะได้ยิน เพราะเหมือนใจเย็นกำลังบอกเขาเลยว่าพยายามอยู่ พยายามเผชิญหน้ากับความจริงอย่างสุดความสามารถ

“แล้ว...คิดว่าอีกนานไหมกว่ามันจะจบ”

“นาน อีกนานเลยครับ”

ใจเย็นตอบ ย้ำคำ จนเป็นไทไม่แน่ใจว่าใจเย็นหมายถึงในระยะเวลา หรือในความรู้สึก

“เป็นไทจำที่แม่บอกกับผมได้ไหมครับ เรื่องรักเดียวใจเดียว”

“อืม จำได้”

จำได้ดีที่ใจเย็นไม่เข้าใจ – เขางำคำนี้ไว้ในใจ ปล่อยกลิ่นคาโมมายล์ที่เพิ่งจิบให้อวลในลำคอ กลบกลิ่นปวดร้าวที่แล่นแปลบปลาบเหมือนวาบแสงของท้องฟ้าที่ฝ่าผ่านเมฆหม่นมืด

“ความหมายของรักเดียวใจเดียวที่แม่บอก คือการที่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเจ็บปวดจึงมีความยับยั้งชั่งใจไม่ทำ” ใจเย็นทวนถ้อยนั้น ท้องฟ้ามืดลงอีกเฉด "“ผมไม่เข้าใจคือทำไมต้องยับยั้งชั่งใจ ถ้าต้องยับยั้งก็แปลว่ามันมีความรู้สึกไม่ดีเกิดขึ้นแล้วไม่ใช่เหรอ และเพราะเรากลัวจะยับยั้งมันไม่ได้จึงตั้งเงื่อนไขขึ้นมาป้องกัน แบบนั้นเป็นความหมายของคำว่ารักเดียวใจเดียวจริงๆ เหรอ”

ท้องฟ้ามืดสนิทเมื่อสิ้นสุดคำถาม มากมาย ละเอียดลออ แบบที่ใจเย็นเป็นเสมอมา บ่อยครั้งที่เป็นไทรู้สึกว่าคำถามของใจเย็นนั้นตอบยาก ครั้งนี้ก็เช่นกัน ทั้งที่เขาอยากจะไขข้อข้องใจให้ทุกอย่าง อยากให้อีกฝ่ายไม่ต้องตกอยู่ในมืดดำของความสงสัย แต่เขาก็ไม่รู้จะกลั่นกรองออกมาอย่างไรดี

ขณะเดียวกัน ละเอียดลออของคำถามก็แทรกซึมกัดเซาะลงในความเข้าใจของเป็นไท ไม่ใช่ว่าเขายอมแพ้ แต่เขาแค่เข้าใจ เข้าใจว่าทำไมใจเย็นถึงเป็นใจเย็นคนนี้ เหมือนว่าต่อให้ความคิดจะผิดแผกแปลกแยก แต่ก็พยายามแล้ว พยายามอย่างที่สุดแล้วที่จะเข้าใจผู้อื่น ไม่ใช่แค่ทำตามที่คนอื่นเห็นว่าดีทั้งที่ไม่เข้าใจอะไรเลย

เพราะแบบนี้เขาถึงโกรธไม่ลง

โกรธไม่ลง ทั้งที่ปวดร้าวทรมาน

“แล้วเป็นไทล่ะ เป็นยังไงบ้าง”

“ไว้สอนเสร็จก่อนละกัน จะให้สอนฟิสิกส์ไม่ใช่เหรอ”

อาจเพราะตั้งตัวไม่ทันจึงทำให้เขายกไปไว้ทีหลัง ซึ่งใจเย็นก็เออออยอมตามก่อนจะลุกไปหยิบชีทเรียนมาให้ เป็นวิชาฟิสิกส์เบื้องต้นที่ไม่เกินมือเขานัก แต่ดูจากการจดสะเปะสะปะในชีทและคำตอบที่เว้าแหว่งก็ทำให้รู้ว่าใจเย็นก็ยังคงไม่ชอบวิชาเกี่ยวกับคำนวณอยู่ดี

และอีกอย่างที่เหมือนเดิม ก็ดูจะเป็นการจับจ้องตอนที่เขากำลังใช้ความคิด

เป็นไทรู้สึกมาตลอดว่าใจเย็นชอบจ้องเขา แม้จะพยายามไม่ให้รู้ตัวแต่ก็รู้สึกได้ ตอนนี้เองก็เหมือนกัน และอาจเพราะใจเขาอ่อนแอกว่าปกติ ความประหม่าจึงครอบงำ ก่อนจะสั่นสะเทือนด้วยคำถามสั้นๆ ของใจเย็น

“ไม่ควงปากกาเล่นแล้วเหรอครับ”

“ขี้เกียจ”

และเขาก็ตอบไปสั้นๆ ทั้งที่อยากถามกลับไปว่าเขาทำแบบนั้นตอนใช้ความคิดตลอดเลยหรือ รู้สึกว่ามันเป็นอีกเรื่องเล็กๆ ที่ใจเย็นสังเกตเขา สังเกตกระทั่งเรื่องที่ไม่รู้ตัว ซึ่งนั่นยิ่งทำให้จิตใจของเขาสั่นคลอนวอนไหว

“มึงยังชอบกูอยู่ไหม”

แล้วพลัน –  พลันสร้างผลกระทบเป็นวงกว้าง คล้ายผิวน้ำที่มีอะไรหล่นลงไป เกิดเป็นวงน้ำพรั่นกระเพื่อมต่อกันเป็นทอดๆ รวดเร็ว เงียบงัน แต่สั่นระริกในแววตาของอีกฝ่าย

วินาทีนั้นเป็นไทจึงรู้ตัว รู้อย่างไม่เคยมีสติรู้ขนาดนี้มาก่อนว่าเขาพลาดที่ถามมันออกไป ต่อให้จะพ่ายแพ้แล้วซึ่งทุกอย่างก็ไม่ควรถามออกไป

“ช่างมัน—”

“เคยไม่ยอมรับว่าผมชอบไม่ใช่เหรอครับ”

ใจเย็นถามกลับอย่างไม่ยอมให้เขาปล่อยผ่าน และเป็นไทก็ได้เห็นแววตาแบบที่เขาทั้งชอบทั้งชัง แววตาที่จ้องทะลุทะลวงราวจะล้วงทุกความลับในรู้สึก แววตาที่ตรงข้ามกับแววตาว่างเปล่าของพ่อโดยสิ้นเชิง

ก็ใช่ –  เขาตอบออกไป อยากให้เสียงดังแต่มันกลับแผ่วเบา เหมือนว่าเขาเถียงไม่ได้ เหมือนว่าที่เคยคิดว่าแพ้แล้วซึ่งทุกสิ่ง ตอนนี้เขาแพ้ยิ่งกว่านั้น แพ้อย่างราบคาบ และหมดรูปให้กับจูบที่ประทับลงมาอย่างแผ่วเบา

อีกแล้ว – ทั้งที่คิดแบบนี้แต่มันแตกต่างจากจูบที่เคยได้รับโดยสิ้นเชิง มันค่อยๆ พรมลงมา แนบชิด เนิบช้า อบอุ่นนุ่มนวลจนรู้ตัวอีกทีก็ถูกเปิดปากให้ความร้อนแทรกซึมเข้ามา แม้ไม่ได้บดเบียดบังคับ แต่ละเลียดละเอียดลออก็ทำให้รู้สึกคล้ายจะถูกเก็บกลืนไปหมดทั้งตัวตน กระทั่งอากาศอัตคัดขัดสน เขาส่งเสียงท้วง หากแม้แต่เสียงก็เหมือนถูกดูดกลืนไปด้วย นาน กว่าที่ใจเย็นจะยอมผละออกไป ปล่อยเขาหายใจก่อนกลับมาประทับจูบอีกครั้ง

ครั้งนี้นุ่มนวลเลือนหาย กลายเป็นร้อนรนกระเสือกกระสนตะกรุมตะกราม ดื้อรั้นดึงดันด้วยขบงับแผ่วเบาบนริมฝีปาก เขาผลักออก แต่ถูกผลักกลับมาแรงยิ่งกว่าให้แผ่นหลังกระแทกลงบนเบาะโซฟา แล้วใจเย็นจึงยอมถอนจูบ แต่ก็แค่จากริมฝีปาก เพราะเปลี่ยนไปพรมย้ำบนต้นคอ ขบเม้มให้เป็นรอยคล้ายตีตรา แล้วไล่กลับขึ้นมาจูบที่สันกราม คาง กระทั่งใบหู ได้ยินจังหวะหายใจชัด เร่งเร้า ร้อนรน ระคนสับสนทรมานจากตัวเขาเอง

แล้วเป็นไทก็รู้สึกว่าตนเองยิ่งจมลงไป จมลงไป มันเป็นอย่างที่เขาคิดว่าจะแหลกสลายกว่าเดิม จะจมลงไปถึงสุดเหวทะเล และเขาก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ปล่อยความพ่ายแพ้ให้ยิ้มเยาะอยู่ตรงหน้า – ไม่สิ – ความจริงเขาจะหนีออกไปก็ได้ หนีจากสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยคำถามแต่ไร้คำตอบ หนีจากสัมพันธ์ที่ละเอียดลออไปด้วยความเจ็บปวด และละเมียดละไมทางความทรมาน แต่ว่า – แต่ว่าเขาก็ถลำลึกเกินจะวกกลับแล้ว เพราะฉะนั้น จะเจ็บปวดก็ได้ จะทรมานก็ได้ ขอแค่ได้อยู่ตรงนี้ พลันได้ยินเสียงหัวเราะของความพ่ายแพ้ดังลั่น

“เป็นไท”

ก่อนจะถูกกลบกลืนด้วยเสียงเรียกของใจเย็น เป็นไทรู้สึกเหมือนได้สติ แต่ก็ไม่เต็มสตินัก

“รู้ไหม ผมน่ะอยากเห็นทุกๆ สีหน้าของเป็นไทมาตลอด”

เพราะเขาไม่รู้ว่าที่ใจเย็นพูดนั้นหมายถึงอะไร

“แม้แต่ตอนกลัว”

กระทั่งมือของเขาถูกอีกฝ่ายจับขึ้นมา พลันสัมผัสได้ถึงความสั่นเทาในนั้น

เขากำลังกลัว

“ตอนร้องไห้”

มือของใจเย็นเอื้อมมาปาดน้ำตาบนใบหน้าที่เขาไม่รู้เลยว่าน้ำตารินรดลงมาเมื่อไหร่ รู้แค่ว่าตอนนี้มันพร่าเบลอจนไม่รู้ว่าแววตาของคนตรงหน้าเป็นอย่างไร พลันใจเย็นซบลงมาข้างไหล่ ให้ได้ยินเสียงพร่ำพูดดังชัด ชัดจนเหมือนดังก้องกังวานไปทั้งโสตประสาต

“คิดว่ามันต้องรู้สึกดีมากที่ได้เห็น”

รู้สึกตัวในตอนนั้นเองว่าเขาเจ็บเหลือเกินที่ใต้อกข้างซ้าย

“แต่ความจริงกลับตรงกันข้าม”

“ทำไมล่ะ...”

“ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังแหลกสลายตามไปด้วย”

ใจเย็นเงยขึ้นมามองหน้าเขาอีกครั้ง ภาพยังคงพร่าเบลอก่อนที่มืออุ่นของอีกฝ่ายจะปาดน้ำตาให้เลือนหาย

“แล้วคนอย่างผมก็คงบอกกับเป็นไทไม่ได้หรอกว่า...อย่าร้องไห้เลย”

พลันร้าวลึกเหมือนท้องฟ้าที่กำลังร้องไห้ส่งสายฟ้าฟาดลงกลางใจของเขา ให้มอดไหม้ทั้งที่เปียกปอนก่อนแตกกระจายออกเป็นเสี่ยง ตัวตนของคนตรงหน้าเขาเองก็ด้วย แตกออกเป็นเสี่ยงไม่มีชิ้นดีและไม่รู้จะประกอบคืนได้อย่างไร ทรมาน ทรมานจนไม่รู้แล้วว่าต้องทำอย่างไรถึงจะหนีพ้น หนีจากห้วงเหวของทะเลน้ำตา แต่แล้วคำพูดต่อมาของใจเย็นก็เหมือนฉุดดึงเขาขึ้นไปช้าๆ ให้ค่อยๆ เห็นแสงสว่างของผิวน้ำที่ไม่ได้เห็นมานาน แม้กระนั้นเขาก็ร้องไห้ออกมา แต่มันเป็นน้ำตาที่สิ้นสุดแล้วซึ่งการเก็บกลั้น เป็นน้ำตาที่เหมือนได้ยินเสียงบอกว่าไม่เป็นไรถ้าจะร้องไห้ออกมา ต่อหน้าคนคนนี้

“ที่ผมทำได้มีแค่แตกสลายตาม เพราะงั้นต่อให้เป็นไทจะแหลกจนกลายเป็นฝุ่นผง ผมก็จะกลายเป็นฝุ่นแล้วปลิวตามไป”










*****************************************************************************
 :heaven ตอนนี้เลือดตาจะกระเด็น รักกันชอบกันเม้นเป็นกำลังใจหน่อยนะคะ 55
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่31-ฝุ่นผง ◑หน้า14 (ุ16/7/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 16-07-2017 21:17:10
โอ้ จะว่ายังไงดี คือก็สงสารเด็กน้อย (ถึงอายุไม่เด็กแต่ไม่รู้อะไรที่ทำให้เรามองว่าทั้งคู่ยังเด็ก) สองคนนี้นะ
แต่บทนี้อ่านแล้วรู้สึกว่าไม่โดดเดี่ยว (มีเพื่อนทุกข์ไปด้วยกัน)
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่31-ฝุ่นผง ◑หน้า14 (ุ16/7/60)
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 16-07-2017 21:21:26
ไม่ร้องน้าาาา เป็นไทไม่ร้องนะ ; w ; //โอ้ๆ
สงสารทั้งคู่เลย จะเป็นไทหรือใจเย็นก็น่าสงสารร หน่วงๆ
แบ่งปันความรู้สึกกันนะ ปรับตัวเข้าหากัน ทีละนิดๆ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่31-ฝุ่นผง ◑หน้า14 (ุ16/7/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Atroce ที่ 16-07-2017 21:30:49
สนุกากค่ะ เจ็บปวดดี
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่31-ฝุ่นผง ◑หน้า14 (ุ16/7/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 16-07-2017 21:39:38
ใจปลิวตามไปด้วย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่31-ฝุ่นผง ◑หน้า14 (ุ16/7/60)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 17-07-2017 00:14:52
เป็นตอนที่บีบคั้นความรู้สึก แต่จบได้โล่งมากเลยค่ะ รู้สึกเหมือนอะไรๆกำลังจะดีขึ้น (หรือเปล่านะ 5555)
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่31-ฝุ่นผง ◑หน้า14 (ุ16/7/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 17-07-2017 00:33:48
เวลาจะทำให้ทุกเรื่องทุกอย่างดีขึ้นนะ อดทนกันอีกนิดนะเด็กๆ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่31-ฝุ่นผง ◑หน้า14 (ุ16/7/60)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 17-07-2017 01:33:07
เพราะการวางตัวเป็นคนนอกทำให้เราเจ็บปวดน้อยกว่า มันง่ายกว่าที่จะบอกกับตัวเองว่ามันไม่ใช่เรื่องของเราและไม่เข้าไปยุ่ง

เพราะเราวางตัวเป็นคนนอกมาตั้งแต่แรก เลยไม่มีวันได้เป็นครอบครัวอย่างแท้จริง
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่31-ฝุ่นผง ◑หน้า14 (ุ16/7/60)
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 17-07-2017 05:19:36
ชอบตอนนี้ รู้สึกชอบที่เป็นไทเจ็บปวดนะ ก็เป็นคนธรรมดานี่นา
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่31-ฝุ่นผง ◑หน้า14 (ุ16/7/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-07-2017 06:12:29
เป็นไท  ที่เจ็บปวดรวดร้าวในใจ เหมือนจมลงไปในความทุกข์
แล้วใจเย็นก็แทรกเข้ามา

ยิ่งใจเย็นที่พูดว่ายินดีจะแหลกสลายเป็นผุยผงตามเป็นไท
ใจเย็น ได้ฉุดดึงเป็นไทขึ้นไปจากทะเลน้ำตา
ทำให้เป็นไท เห็นแสงสว่างของผิวน้ำที่ไม่ได้เห็นมานาน

มันยอดมาก ที่มีคนอยู่ข้างๆเรา ขณะที่เรามีความทุกข์
เข้าใจเรา จากที่ทุกข์อยู่คนเดียวมาตลอด
แม้เขาจะช่วยอะไรเราไม่ได้
เป็นไท ยอมรับแล้วใจเย็น  :hao5:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่31-ฝุ่นผง ◑หน้า14 (ุ16/7/60)
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 17-07-2017 20:20:29
คนบอบช้ำสองคนจะเข้าใจกันและกัน มันก็น่าจะดี
พร้อมจะนับหนึ่งไปด้วยกันหรือยัง  :heaven
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่31-ฝุ่นผง ◑หน้า14 (ุ16/7/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mam79 ที่ 18-07-2017 06:49:00
ฮือออออ สงสาร รีบๆปรับความเข้าใจแล้วคบกันทีเถอะะะะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่31-ฝุ่นผง ◑หน้า14 (ุ16/7/60)
เริ่มหัวข้อโดย: basbas ที่ 18-07-2017 14:18:42
เราตามอ่านเรื่องนี้มาก็นานแต่ยังไม่เคยได้มาเมนท์สักที ตามจริงเราสงสารแม่ของใจเย็นมากเพราะต้องทนกับสามีและอยากให้ใจเย็นเข้าใจด้วยว่าการที่แม่ทำแบบนั้นไม่ใช่การโกหกแต่เพื่ออยากให้ลูกโตมาในครอบครัวที่อบอุ่นแต่เราก็เข้าใจ ใจเย็นนะ เพราะการที่โตมาในครอบครัวที่พ่อเป็นแบบนี้แถมยังไม่นับตอนที่แม่เห็นพ่อควงผู้หญิงอื่นอีก เราเชื่อว่าจะผ่านไปได้และสองคนจะเรียนรู้จากกันและกัน.... :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่31-ฝุ่นผง ◑หน้า14 (ุ16/7/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 19-07-2017 15:12:04
เพิ่งมีโอกาสมาอ่าน
.
.
.
.
.
บีบคั้น เศร้าสร้อย สวยงาม เช่นเคย
ส่งใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่31-ฝุ่นผง ◑หน้า14 (ุ16/7/60)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 22-07-2017 21:08:58
ชอบประโยคสุดท้ายของใจเย็น ขนลุกเลยอ่ะ
ตอนนี้ก็ยังคงความหน่วง ความเศร้า ดิ่งลงไปในทะเล
แต่ว่าก็จะฉุดให้ขึ้นมาจากน้ำแล้วนี่ พยายามกันเข้าน้าา
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่32-เกษรา ◑หน้า14 (ุ4/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 04-08-2017 01:13:17
32 – เกษรา


เกษรา มาจากชื่อหญิงงามในวรรณคดี แต่ด้วยความหลงใหลที่มีให้มวลหมู่ดอกไม้ เกษรานึกอยากเปลี่ยนชื่อเป็น ‘เกสรา’ ที่แปลว่า ‘เกสรดอกไม้’ อยู่บ่อยครั้ง กระทั่งชายหนุ่มคนหนึ่งบอกว่าชอบชื่อของหล่อน ชื่อที่สะกดแบบนี้ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงเป็นอื่น เขาชอบมันไม่ต่างจากตัวตนของหล่อน ชอบทุกอย่างที่หล่อนเป็น นับแต่นั้นเกษราจึงไม่คิดเปลี่ยนชื่ออีก

ชายหนุ่มคนนั้นคือพิทักษ์ หรือที่ใครหลายคนก็เรียกกันว่าคุณพิทักษ์ หนึ่งในทายาทของตระกูลนักธุรกิจเก่าแก่และยังติดอันดับต้นๆ ของประเทศ เริ่มแรกที่พบกันเกษราไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร รู้แค่ว่าเป็นหนึ่งในแขกที่เดินทางมาเยี่ยมชมไร่ดอกไม้ที่เป็นกิจการของตระกูลทางฝั่งแม่หล่อน ตอนนั้นหล่อนที่ยังเป็นเด็กสาวก็ต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้ม ต่อให้เขาจะเปรยทำนองว่าไม่ค่อยเข้าใจความงามของดอกไม้นักก็ตาม

“บางทีถ้าอยากเห็นความงามของดอกไม้จริงๆ คงต้องลองปลูกมันด้วยมือตัวเองสักต้นล่ะมั้งคะ ได้เฝ้ามองมันตั้งแต่ยังเป็นยอดอ่อน ค่อยๆ เติบโตกระทั่งออกดอกและผลิบาน ตอนนั้นแหละที่อาจเห็นว่ามันสวยกว่าดอกไม้ทั้งสวนนี่เสียอีก”

เกษราออกความเห็นไปตามที่รู้สึก ก่อนกระดากอายขึ้นมาเมื่อคิดว่าคนฟังคงรู้สึกว่าหล่อนฟุ้งฝัน แต่ชายหนุ่มก็ยิ้มและเอ่ยบอก

“ถ้าอย่างนั้นผมคงเห็นมันสวยกว่าที่เธอว่าสักสองเท่า”

“ทำไมล่ะคะ”

“ผมเป็นคนใจร้อน ไม่น่าจะอดทนรอได้”

ได้ฟัง เกษราก็ยิ้ม ด้วยไม่รู้สึกว่าคุณพิทักษ์คนนี้จะดูใจร้อนตรงไหน เขาดูเป็นชายหนุ่มท่าทางภูมิฐาน มีมาดความเป็นผู้นำ ซึ่งเกษราก็จดจำไว้เพียงเท่านั้น เพราะไม่คิดว่าจะได้พบกันอีกเป็นครั้งที่สอง

แต่เมื่อได้พบ หล่อนกลับจำเขาได้ดี

อีกครั้งที่เกษราไม่รู้ว่าคุณพิทักษ์เป็นใคร ไม่รู้ว่าเขาเป็นเจ้าของตึกที่หล่อนเช่าเพื่อจัดแสดงงานศิลปะของตนเอง คุณพิทักษ์บอกกับเกษราว่าภาพวาดของหล่อนอ่อนช้อยเหมือนดอกไม้ เกษราได้ฟังก็คิดว่าเป็นแค่คำหวาน ไม่คิดว่าเขาจะเข้าใจความงามของดอกไม้ กระทั่งวันที่คุณพิทักษ์ส่งดอกกุหลาบมาให้พร้อมซองจดหมายที่บรรจุรูปถ่ายของต้นกุหลาบตั้งแต่ยังไม่ออกดอกมาให้นั่นแหละ เกษราถึงรู้ว่าคุณพิทักษ์ปลูกมันเองกับมือตั้งแต่ได้พบหล่อนเป็นครั้งแรก

นั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด และไม่นานหลังจากนั้น ก่อนที่พ่อของเกษราจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง การแต่งงานระหว่างหล่อนกับคุณพิทักษ์ถูกเร่งให้เร็วขึ้น ให้ผู้เป็นพ่อได้เห็นลูกสาวยิ้มแย้มในชุดเจ้าสาวและเข้าสู่ตระกูลอัครเสนีย์อย่างเต็มตัว พร้อมกับเริ่มถูกเรียกว่า ‘คุณเกษรา’ นับแต่นั้น

ซึ่งถ้าหากว่าพ่อของคุณเกษราได้รู้ล่วงหน้า การไม่แต่งงานกับคุณพิทักษ์อาจกลายเป็นสิ่งสุดท้ายที่พ่อขอก่อนตาย

และเพราะเรื่องราวที่หอมหวานกลับกลายเป็นขมตรมเมื่อระลึกถึง คุณเกษราจึงไม่เคยเล่าเรื่องเหล่านี้ให้ใจเย็นฟัง ไม่กระทั่งบอกว่ากุหลาบที่คุณพิทักษ์เคยปลูกและไม่ได้ใส่ใจมันอีกแล้วยังคงเติบโตอยู่ที่มุมหนึ่งของสวนบ้านอัครเสนีย์  ดังนั้นวันที่ใจเย็นเด็ดดอกไม้แทบครึ่งค่อนสวนไปโปรยเล่นกับทันใจ คุณเกษราจึงดุด่าเกินเหตุผลไม่ได้ หล่อนได้แค่บอกไปว่า ของบางสิ่งบางอย่างก็มีไว้เพียงชื่นชมเท่านั้น

โดยไม่คิดเลยว่า สิ่งที่หล่อนพร่ำสอนไปจะถูกย้อนกลับมาถามถึงในตอนที่ใจเย็นโตแล้ว

ใช่ ใจเย็นโตเป็นหนุ่มแล้ว

คุณเกษราคิดขณะจ้องมองใจเย็นที่นั่งอยู่ตรงหน้า ในร้านกาแฟของคอนโดที่หล่อนย้ายมาอยู่ชั่วคราวระหว่างสู้คดี หล่อนรู้สึกเหมือนเพิ่งได้มองลูกชายของตัวเองให้ชัดเต็มตา เต็มความรู้สึกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฟ้องหย่าคุณพิทักษ์ แม้ใจเย็นจะไม่ได้อยู่ในชุดนักศึกษา แต่ก็ไม่ได้อยู่ในชุดเสื้อยืดคอกลมแขนยาวที่ชอบใส่ หากเป็นเสื้อเชิ้ตที่หล่อนเคยคะยั้นคะยอนักหนาว่าดูดีกว่า และก็จริงดังที่คิด ลูกชายของตนตอนนี้ดูภูมิฐานไม่ต่างจากคุณพิทักษ์ ทั้งยังดูนิ่ง สงบ และเยือกเย็นกว่าด้วยซ้ำ

เขาโตเป็นหนุ่มแล้ว

คุณเกษราคิดซ้ำอีกครั้งหลังสบตาใจเย็น ที่แม้เป็นลูกชายตนเองแต่หลายครั้งก็อ่านยากว่าคิดอะไรอยู่ หากอย่างน้อย – อย่างน้อยหล่อนก็รู้ว่าก่อนหน้านี้ใจเย็นโกรธหล่อน แต่หล่อนก็คิดโทษตัวเองมาตลอดว่าสาสมแล้ว สาสมแล้วกับที่เคยหลอกลวงคนคนหนึ่งมายาวนานเทียมเท่าทั้งชีวิตของเขาเอง

ดังนั้น การที่ใจเย็นเอ่ยบอกว่าอยากพบ หล่อนจึงรู้สึกเหมือนจะร้องไห้ออกมาได้ตลอดเวลา

“สำหรับแม่ รักคือการครอบครองใช่ไหมครับ”

และพาลปวดแปลบแสบร้าวเมื่อถูกถามถึงสิ่งที่เคยลวงหลอก หล่อนรู้สึกว่าความผิดนั้นถูกตอกย้ำ ขณะเดียวกันก็ได้รับโอกาสในการแก้ไขไถ่โทษ กระนั้น – กระนั้นคุณเกษราก็ไม่รู้ว่าควรตอบออกไปอย่างไร ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ในเมื่อความรักดูเป็นเรื่องซับซ้อนเหลือเกิน ทั้งหล่อนเองก็ยังคงรักคุณพิทักษ์อยู่ ใช่... รัก รักทั้งที่ถูกทำร้ายให้เจ็บปวดใจอย่างสุดแสน รัก ทั้งที่หัวใจที่เคยได้รับเต็มดวงกลับถูกยื้อคืนและบิแบ่งให้ใครต่อใคร รัก ทั้งที่รู้ว่าเขาเป็นแบบนั้น

และรัก ทั้งที่กำลังจะตัดออกไปให้พ้นจากชีวิต

แล้วจะให้ตอบออกไปอย่างไรหรือถึงจะครอบคลุมที่สุด? ต้องตอบออกไปอย่างไรหรือถึงจะเข้าใจ?

“บางที... ที่สุดแล้วความรักอาจเป็นการปล่อยไปไม่ครอบครองก็ได้”

คุณเกษรานึกหวั่นที่จะต้องเผชิญกับแววตาของใจเย็น พลันอ่านออกว่าแววตานั้นไม่แม้จะเข้าใจคำตอบ และวินาทีถัดมานั้นเองที่หล่อนถูกถามถึงดอกไม้ในสวนที่เคยบอกใจเย็นว่าอย่าไปเด็ดดึง และนำมาครอบครองเป็นของตัวเอง

“ถ้าอย่างนั้น...ดอกไม้ก็ไม่ใช่สิ่งที่แม่รักหรือเปล่าครับ ในเมื่อแม่ก็มีแจกันไว้ใส่ดอกไม้ที่ตัดมาอยู่เต็มบ้าน”

ได้ฟัง หล่อนก็พลันนึกถึงเรื่องที่ว่าต้นไม้นั้นมีความรู้สึก ทุกครั้งที่ถูกเหยียบย่ำ ทิ่มแทง หรือขบเคี้ยวกัดกลืน ต้นไม้จะกรีดร้องในเดซิเบลที่ไม่มีใครหรือสิ่งมีชีวิตใดได้ยิน คุณเกษรานึกไปถึงดอกไม้ในสวนของบ้านอัครเสนีย์ ดอกไม้ที่ตนเคยตัดฉับเข้ากลางลำต้นเพื่อนำมันมาปักในแจกัน ไม่รู้ทำไมตอนนี้หล่อนรู้สึกเหมือนตนเองเป็นดอกไม้ดอกนั้น ดอกไม้ที่เคยบอกกับลูกชายว่าห้ามไปเด็ดไปดึง และมันก็กำลังกรีดร้องร่ำไห้ด้วยเสียงที่ไม่มีใครได้ยิน

ขณะเดียวกัน สิ่งที่พยายามเข้าใจมาตลอดก็กลับกระจ่างชัดขึ้นมาจนน่าตลก

“ใจเย็น”

คุณเกษราเอ่ยเรียกชื่อลูกชายที่ตั้งจากชื่อสัตว์เลี้ยงที่หล่อนรักและให้เกียรติมันเทียมเท่าคนซื่อสัตย์คนหนึ่ง สูดหายใจเข้าออกเนิบช้า และลึก ลึกพอที่ใต้อกข้างซ้ายจะรู้สึกถึงความรักและกลั่นกรองมันออกมาเป็นคำพูดที่เปี่ยมด้วยปรารถนาว่าใจเย็นจะเข้าใจ

“รู้ไหมว่าหลายครั้ง...ความรักก็ชี้นำเราไปในทางที่ไม่ถูกไม่ควร แต่แม่ไม่เชื่อหรอกว่าทุกคนที่เด็ดดอกไม้มาใส่แจกันจะไม่มีใครรักดอกไม้เลย เพราะรักแล้วก็ย่อมกลัวเหมือนกันหมด เช่นว่าถ้าเราไม่เด็ดมาเก็บไว้เอง ก็จะมีคนแย่งไปอยู่ดี หรือไม่ก็อาจจะกลัวว่าดอกไม้จะถูกเหยียบย่ำจนหมดความงดงาม อย่างไรซะมันก็เป็นความกังวลที่เกิดจากความรักทั้งนั้นเลย”

หล่อนเอ่ย เนิบช้า เบาบางแต่หนักแน่น จากความรู้สึก จากความรักในรูปแบบที่หล่อนมีให้คุณพิทักษ์ตลอดมา

“ขณะเดียวกัน คนที่ไม่เด็ดดอกไม้ ปล่อยให้ผลิบานและงดงามตามธรรมชาติ ใครต่อใครก็ได้เห็นความงามของมัน และก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องชื่นชมมันแค่เพียงดอกเดียว นั่นก็เป็นความรักเหมือนกัน แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ขึ้นกับการตัดสินใจของดอกไม้นะรู้ไหม ว่าจะยินดีถูกตัดและย้ายไปอยู่ในแจกันเพราะกลัวถูกเหยียบย่ำทำร้าย หรือจะผลิบานอยู่ข้างทางไม่ต้องถูกขังไว้ในแจกัน”

ถึงตรงนี้น้ำเสียงของหล่อนเริ่มสั่นเครือ ทั้งที่หล่อนพยายามจะไม่นึกถึงอะไรที่ไม่จำเป็น พยายามจะไม่นึกถึงความรักที่คุณพิทักษ์เคยมีให้และยังมีให้ อา ให้ตายเถอะ คุณเกษราพูดในใจกับตัวเองเช่นนั้น ลึกๆ หล่อนรู้ตัวว่าคุณพิทักษ์ยังรักหล่อน แม้เป็นความรักที่บิดเบี้ยวและถูกบิแบ่งให้ใครต่อใครไปแล้วก็ตาม พลันความปวดร้าวถูกลดจางลงเมื่อใจเย็นเอื้อมมือมาจับมือของหล่อนเอาไว้ และบีบเข้ามาเบาๆ จนหล่อนยิ้มออกมา ไม่แน่ใจว่าฝืนยิ้มหรือเปล่า แต่ก็อยากจะยิ้ม และพูดให้จบถึงสิ่งที่ต้องการจะสื่อ

“มันไม่มีอะไรผิดเลยใจเย็น รักแบบไหนก็ไม่ผิดเลย ความรักทุกรูปแบบมีเงื่อนไขในตัวมันเองทั้งนั้น”

เอ่ย พลางประคองน้ำตาไม่ให้รินไหลออกมาจนกว่าจะถึงประโยคสุดท้าย

“เราแค่ต้องหาคนที่อยู่บนเงื่อนไขเดียวกันกับเราเท่านั้นเอง”

เพราะทุกอย่างมันก็แค่คุณพิทักษ์ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขเดียวกันกับหล่อนก็เท่านั้นเอง

ไม่แน่ใจว่าน้ำตาเอ่อล้นจนร่วงหล่นลงมากี่หยาดหยด มันอาจจะกลายเป็นเม็ดฝนบนมือของใจเย็น หล่อนจึงไม่รู้ว่าร้องไห้มากแค่ไหน แต่หล่อนก็ยังมีสติพอจะได้ยินคำพูดแผ่วเบา สั้นง่าย และเป็นคำพูดติดปากของใจเย็น

งั้นเหรอ

คำนั้น ได้ฟัง คุณเกษรายิ้มออกมา แม้ไม่รู้ว่าใจเย็นเข้าใจหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ยอมตอบรับว่ารับรู้แล้ว ทั้งลูกชายที่เคยโกรธหล่อนก็บีบมือหล่อนเอาไว้อย่างนั้นจนกว่าฝนจากดวงตาจะหยุดลง และน่าแปลกเหลือเกินที่นับตั้งแต่ตอนนั้น คุณเกษราไม่มีสิ่งใดติดค้างคาใจอีก ไม่มีฝนตกจากดวงตาของหล่อน แต่เมฆหม่นนั้นกลับย้ายไปอยู่ที่คุณพิทักษ์เมื่อกระบวนการตัดสินของศาลสิ้นสุด หล่อนชนะคดี และได้หย่าขาดในที่สุด

คุณพิทักษ์ในวันนั้นไม่ได้แสดงท่าทีโกรธอย่างคนใจร้อน ไม่ได้เกรี้ยวกราดที่พ่ายแพ้ แต่เขาแค่เศร้า เศร้าอย่างไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ และแปลกกว่าสามีคนไหนๆ ที่พ่ายแพ้ในคดีความนี้ เขาเดินเข้ามาหาภรรยาที่กำลังจะกลายเป็นคนอื่น และเพิ่งพร่ำคำพูดที่ควรจะพูดและกระทำมาตลอดชีวิต

ผมขอโทษ เกษรา ผมขอโทษ

คุณเกษรา – หรือเรียกให้ถูกในเวลานี้ว่าเกษรา หล่อนแค่รับฟัง ไม่หือไม่อือ ไม่ยิ้มรับหรือร้องไห้ สุดท้ายแค่เดินผ่านมาเฉยๆ ขณะที่ในใจภาวนาจนแทบจะอ้อนวอนให้คุณพิทักษ์พบความสุขในชีวิตที่เหลืออยู่ในบ้านอัครเสนีย์หลังนั้น









*****************************************************************************************

สำหรับแยม ความคิดเกี่ยวกับเรื่องความรักของใจเย็นที่ผ่านมาตลอดเรื่อง ถ้าแยมไม่ได้มีส่วนคิดคล้ายกับใจเย็นบ้าง คงเขียนออกมาไม่ได้เลย และแนวคิดที่ใช้อิงว่ามนุษย์ไม่จำเป็นต้องรักเดียวใจเดียว ก็คือแนวคิดแบบเควียร์ (queer) ค่ะ ซึ่งไม่ใช่แค่การยอมรับเพศที่สาม แต่มันเป็นแนวคิดที่สลายกรอบคิดเรื่องเพศและความสัมพันธ์แบบเดิมไปอย่างสิ้นเชิง ไม่มีอะไรถูก ไม่มีอะไรผิด การจะคบหลายคนก็ไม่ผิด (ถ้าเคยดูเรื่อง Hers น่าจะเห็นภาพอยู่นะคะ และสารภาพว่าดูครั้งแรกแยมโกรธ ไม่เข้าใจ55) และแยมก็มองว่าทุกอย่างอยู่ที่การตกลงกันให้ได้เท่านั้นเลย

ปล. ถ้าเคยอ่านงานคุณวีรพร คงรู้ว่าแยมได้รับอิทธิพลสไตล์ภาษามามากเลยค่ะ เช่นการตัดคำว่า 'การ' และ 'ความ' ออกจากคำนาม อาการนาม และในเรื่องไส้เดือนตาบอดในเขาวงกตของคุณวีรพรมีแนวความคิดแบบ queer ชัดมาก เพียงแต่ในเรื่องนี้แยมมองการดำรงอยู่ของ queer ในอีกทาง อย่างที่บอกว่าทุกอย่างอยู่ที่การตกลงกัน ขนบเดิมก็ไม่ผิด queer ก็ไม่ผิด




หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่32-เกษรา ◑หน้า14 (ุ4/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: kataiyai ที่ 04-08-2017 07:14:17
เศร้าจัง
ชอบคำพูดของคุณเกษรานะ ที่ให้หาคนที่มีเงื่อนไขเดียวกัน
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่32-เกษรา ◑หน้า14 (ุ4/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-08-2017 08:15:15
น่าคิด (ไม่เคยคิดเชิงนี้มาก่อนเลยนะนี่)
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่32-เกษรา ◑หน้า14 (ุ4/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 04-08-2017 08:55:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่32-เกษรา ◑หน้า14 (ุ4/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 04-08-2017 18:36:30
ไม่ได้อยู่บนเงื่อนไขเดียวกัน....เท่านั้นเอง

หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่32-เกษรา ◑หน้า14 (ุ4/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 04-08-2017 19:22:56
แค่ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขเดียวกันก็เท่านั้น ไรท์ค่ะจะมีพาทย์ของคุณพิทักษ์ด้วยมั้ยค่ะ
เราอยากรู้ความคิดของคุณพิทักษ์จริงๆ คิดยังไงกับคุณเกษรากันแน่ คิดยังไงถึงมีเมียน้อยถึง 2 คน
และคิดยังไงถึงยอมพูดขอโทษเอาในตอนสุดท้ายที่หย่ากับคุณเกษราทั้งที่ไม่เคยพูดออกมาเลย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่32-เกษรา ◑หน้า14 (ุ4/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-08-2017 21:46:47
สุดยอดดดด จริงๆ

“มันไม่มีอะไรผิดเลยใจเย็น รักแบบไหนก็ไม่ผิดเลย ความรักทุกรูปแบบมีเงื่อนไขในตัวมันเองทั้งนั้น”

“เราแค่ต้องหาคนที่อยู่บนเงื่อนไขเดียวกันกับเราเท่านั้นเอง”

       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่32-เกษรา ◑หน้า14 (ุ4/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mamemoo ที่ 07-08-2017 00:17:37
อ่านตอนนี้แล้ว ตอนที่คุณเกษราบอกว่าใจเย็นโตเป็นหนุ่มแล้ว เราพึ่งกลับมานึกขึ้นได้เลย ว่ามองดูตัวละครเติบโตมามากแค่ไหน ใจเย็นคนนั้นจากตอนที่1 กับใจเย็นคนนี้ต่างกันมากจริงๆ
ส่วนใจเย็นคนนี้กับนายขนมต้มผู้น่ารังแก จิตใจด้านดียังหวังให้ทั้งสองคนนับหนึ่งกันใหม่ได้เร็วๆนี้ แต่จิตใจด้านชั่วร้ายก็ยังอยากให้ดราม่าหนักๆ ต้องการน้องใจเย็น dark side และนายขนมต้มโดนกระทำค่ะ 5555
แต่ยังชอบที่คุณแยมใส่ใจตัวละครทุกตัวแบบนี้มากเลยค่ะ เพราะอ่านนิยายหรือดูละครบางเรื่องแล้ว เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวละครนี้เขาถึงทำแบบนี้ จนทำให้คิดไปว่าสิ่งที่เขาทำไม่ถูกต้อง เพราะเราไม่เข้าใจเหตุผลของความคิดหรือการกระทำแบบนั้นของเขา แต่พอคุณแยมมาเล่าแบบนี้ ถึงแม้ความคิดความอ่านหรือการตัดสินใจของคนจะไม่เหมือนกัน แต่ก็ทำให้รู้สึกได้ว่าสิ่งที่เขาทำมันเพื่ออะไร จนเข้าใจตัวละครแล้วก็เนื้อเรื่องไปอีกระดับนึงเลย
รอพาร์ทคุณพ่อนะคะ แต่ไม่เอาสั้นแบบนี้แล้วน้า พาร์ทนี้สั้นมากค่ะ สะเทือนใจติ่ง 55555

ต้องการน้องใจเย็น dark side จริงๆนะคะ ใจเย็นที่ไม่ใจเย็นอีกต่อไป 5555 เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ ❤️
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่32-เกษรา ◑หน้า14 (ุ4/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 07-08-2017 12:14:49
อ่านแล้วน่ำตาจะไหล...
 :m15:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่32-เกษรา ◑หน้า14 (ุ4/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 10-08-2017 20:18:17
ชอบคำตอบของคุณเกษราจัง
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่32-เกษรา ◑หน้า14 (ุ4/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mam79 ที่ 11-08-2017 09:40:55
แอบหน่วงๆ รอตอนต่อไปค่ะ สู้ๆนะทุกคน
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่32-เกษรา ◑หน้า14 (ุ4/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 13-08-2017 11:38:50
ชอบคำว่า ไม่ได้อยู่เงื่อนไขเดียวกัน เข้าใจเปรียบเทียบ คือมันเข้าใจได้เลยอ่ะ
สุดท้ายเรื่องของพ่อกับแม่ของใจเย็นก็จบลง
แม้ว่าจริงๆแล้ว ทั้งสองจะยังรักกันอยู่ก็เถอะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่33-พิทักษ์ ◑หน้า15 (ุ14/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 14-08-2017 13:34:47

33 – พิทักษ์



พิทักษ์ แปลว่า ปกปักรักษา เป็นชื่อที่ถูกตั้งขึ้นด้วยความหวังเรียบง่ายไม่ซับซ้อนของผู้มีอันจะกิน ว่าลูกชายคนนี้ต้องปกปักรักษาเงินตราทรัพย์สมบัติอันเป็นมรดกตกทอดของตระกูลอัครเสนีย์ ซึ่งพิทักษ์ก็ทำได้ดีเกินที่คาดหวัง นอกจากรักษาแล้วยังต่อยอด แผ่ขยายออกไปราวกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่โดยมีรากฐานจากความทะเยอทะยานที่แฝงในนิสัยใจร้อนของพิทักษ์เป็นหลัก

พิทักษ์รู้สึกว่าชื่อของตนเองนั้นช่างสมความหมายที่พ่อตั้งให้ รู้สึกมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กชาย กระทั่งเติบใหญ่ในธุรกิจจนใครต่อใครก็พากันเรียกว่า ‘คุณพิทักษ์’ เป็นเจ้าคนนายคน อยู่ในจุดสูงสุดของอาชีพ ในหน้าที่การงาน ในความปรารถนาทุกสิ่งอย่าง คุณพิทักษ์คิดว่าเขาควบคุมมันได้ ครอบครองมันได้ ปกปักรักษามันได้ กระทั่งวันที่เกษราไม่ใช้นามสกุลของเขาอีกต่อไป วันนั้นเองที่กิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่หักโค่น

เหมือนได้ยินเสียงกระพือปีกของเหล่านกตัวน้อยที่เคยเกาะอาศัยหลีกหนีออกไปจากความหักพัง เหลือแต่ความเงียบงันชั่วขณะ เงียบงันให้คุณพิทักษ์ได้คิดว่าตนเองรู้สึกอะไร ไม่สิ ไม่ควรเรียกว่าคิด รู้สึกก็คือรู้สึก แต่คุณพิทักษ์ก็ดูจะโง่เง่าในเรื่องนี้จนไม่อาจอธิบายได้ว่ามันคืออะไร

เสียใจหรือ? ก็ใช่ เขาเสียใจ แต่เพียงไม่นานหรอกที่เขาบอกตัวเองในใจด้วยเสียงอันดังว่าไม่เห็นเป็นไร เขายังมีหญิงงามอยู่เคียงข้างเขาอีกสองคน ยังมีลูกชายคนกลางและลูกสาวคนสวยให้ห่วงหวง ลูกชายคนโตน่ะหรือหัวดื้อขนาดนั้นปล่อยไปก็คงจะดีกว่า

คุณพิทักษ์คิดแบบนั้น รู้สึกสบายใจ รู้สึกว่าที่ต่อสู้อยากเอาชนะมาตั้งนานนั้นเสียเวลาเปล่า สู้เอาเงินส่วนที่ใช้จ้างทนายยกให้เกษราไปเลยยังจะดีเสียกว่า หล่อนจะได้เอาไปใช้สอยความสุขกับสวนดอกไม้ของหล่อน ไปให้พ้นๆ จากชีวิตของเขาพร้อมกับลูกชายเสียได้ก็ดี คุณพิทักษ์คิด ลืมไป คิดขึ้นมา รู้สึก ลืมไป ก่อนกลับมารู้สึก รู้สึก รู้สึก และรู้สึกจนลืมไม่ได้อีกเลย

สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่กี่วันหลังจากเรื่องราวทุกอย่างจบลง คุณพิทักษ์ไม่รู้ว่าทำไมอะไรต่อมิอะไรถึงเป็นแบบนี้ ทำไมความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ถึงมากล้น ทะลักท่วมสมาธิในการทำงานจมมิด เขาหงุดหงิดงุ่นง่านอย่างคนใจร้อนและร้อนใจ ก่อนที่มันจะสงบลงอย่างน่าประหลาดในวันที่เห็นใจเย็นกลับมาบ้าน ยืนอยู่ตรงสวนดอกไม้ของเกษรา ยืนมองดอกไม้สีชมพูอ่อนที่เขาจำชื่อมันไม่ได้ มองเหมือนคิดบางอย่างโดยไม่ได้พินิจชื่นชม

แม้จะไม่แปลกนักที่จะเห็นใจเย็นกลับมาบ้าน แต่คุณพิทักษ์กลับดีใจ ดีใจทั้งที่คิดวกวนอยู่หลายวันว่าใจเย็นไปอยู่กับเกษราน่ะดีแล้ว เขารีบสาวเท้าเข้าไปหา ก่อนหยุดเอาเสียดื้อๆ เมื่อเกือบถึงตัว เพราะผุดนึกขึ้นมาได้ว่าไม่รู้จะคุยอะไรกับลูกชายคนนี้ดี

ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณพิทักษ์รู้สึกแบบนี้ ความจริงตั้งแต่ยังเป็นครอบครัวเดียวกัน เขาก็รู้สึกว่าลูกชายคนนี้คุยด้วยยาก หัวดื้อ ไม่ค่อยมีอะไรเหมือนเขานัก แปลก และที่แปลกกว่านั้นคือทั้งที่เขาเป็นคนมีศิลปะในการเจรจาต่อรอง ถึงกับถูกเรียกขานว่าสาริกาลิ้นทองในแวดวงธุรกิจ จะให้ควบคุมลูกน้อง หรือโน้มน้าวใจคู่ค้า เขาก็ทำได้ดี แต่กับลูกชายคนนี้เขากลับรู้สึกว่าลิ้นติดขัดชะงักทุกครั้งไป และนั่นแหละที่ทำให้เขาควบคุมใจเย็นไม่ได้เอาเสียเลย

“มายืนอยู่นานแล้ว มีอะไรหรือเปล่าครับ”

พลันชะงักงันก็ต้องหยุดลงเมื่อใจเย็นหันมาพูดกับเขา แววตานั้นก็ยังอ่านยากเหมือนเคยทั้งที่เป็นลูกชายตัวเองแท้ๆ

“แกเป็นยังไงบ้างล่ะ”

“ไปนั่งคุยกันหน่อยไหมครับ”

“เอาสิ”

คุณพิทักษ์ตอบตกลงรวดเร็ว ก่อนเดินตามลูกชายที่นำไปก่อน แม้เขาจะอยากให้เข้าไปนั่งเย็นๆ ในตัวบ้านแต่ก็ตามใจใจเย็นที่มาทิ้งตัวบนเก้าอี้ไม้ระแนงสีขาวในซุ้มม่านบาหลี เขาทิ้งตัวลงตาม พลางคิดว่านานแล้วที่ไม่ได้มาอยู่ตรงส่วนนี้ของตัวบ้าน เสียงน้ำตกที่แผ่วเบา เสียงนกร้องที่ฟังขี้เกรงใจ ทุกสรรพเสียงฟังดังลั่นในเมื่อเขานึกไม่ออกว่าจะเริ่มพูดอะไรก่อนดี

“พ่อเป็นยังไงบ้างครับ” กระทั่งใจเย็นถามขึ้นมาก่อน

“ก็ดี แกล่ะ เงินพอใช้ไหม”

“ถ้าตอบว่าไม่พอล่ะครับ”

ได้ฟัง คุณพิทักษ์ก็หัวเราะ ยิ้มบางก็ปรากฏบนใบหน้าใจเย็น ในเมื่อเป็นคำตอบยียวนที่เจ้าตัวคงจงใจ เพราะเรื่องเงินค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ค่าเล่าเรียนทุกอย่างของใจเย็น เขายังเต็มใจส่งเสียเหมือนเดิม ไม่สิ ก็ทุกสิ่งทุกอย่างนั่นแหละที่เขายังคงไว้เหมือนเดิม เหมือนเดิมตั้งแต่วันที่ใจเย็นเป็นเด็กตัวเล็กนิดเดียวให้เขาอุ้มขึ้นนั่งบนบ่า ชี้ชวนไปยังตึกสูงตระหง่านตรงหน้า และกระซิบที่ข้างหู

มันเป็นของลูก ของลูกทั้งหมด

ไม่ใช่ว่าคุณพิทักษ์ไม่รักพิชญะและพริมา แต่เขาคาดหวังกับลูกชายคนนี้ไว้มากตั้งแต่แรก คาดหวังเหมือนที่พ่อเคยคาดหวังกับเขา และตอนที่ใจเย็นไม่เป็นดังใจ เขาก็มักนึกถึงช่วงเวลาที่เคยต่อต้านพ่อตัวเอง ต่อต้านในเวลาที่เห็นแม่โกรธเกรี้ยว ทะเลาะ ถกเถียง พยายามเอาชนะที่ถูกพ่อนอกใจ เขาอยู่ข้างแม่ แม้นึกนับถือศิลปะในการพูดของพ่อ เขาก็อยู่ข้างแม่ แต่ท้ายที่สุดแล้วเมื่อแม่ไม่โกรธ ไม่ทะเลาะ ไม่ถกเถียง ไม่กระทั่งเอาชนะ และหันมาใช้ชีวิตของตนเองอย่างมีความสุข คุณพิทักษ์นึกสับสน จากที่เคยอยู่ข้างแม่ก็เหมือนว่าถูกผลักให้ออกมาอยู่ตรงกลางนับแต่นั้น

เขามักนึกเรื่องนี้ขึ้นมา ไม่ค่อยแน่ใจถึงสาเหตุว่าทำไมต้องเรื่องนี้ แต่อาจเพราะอะไรก็ไม่แน่นอน อะไรก็เปลี่ยนแปลงได้ เขาจึงใช้มันบอกกับตนเองว่าใจเย็นคงเป็นดังใจเขาในสักวัน แค่ต้องใช้เวลา

แต่มันก็ดูจะนานเกินไปจนคนใจร้อนอย่างเขาคิดว่าคงไม่สมหวังแล้ว

สุดท้ายในตอนนี้ คุณพิทักษ์พยายามเลิกคาดหวัง พยายามมองคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นแค่ลูกชายคนหนึ่ง และเขาก็เป็นแค่พ่อคนหนึ่ง ท่ามกลางเสียงน้ำตกไหลเอื่อย เสียงนกร้องที่ฟังขี้เกรงใจ เขาถามสารทุกข์สุกดิบของใจเย็น ถามถึงเรื่องเรียนที่เขาเคยคิดไม่สนใจในเมื่อไม่เลือกเรียนตามใจเขา ถามเรื่องเพื่อน เรื่องสังคมว่าดีไหม มีความสุขไหม ถามว่าปิดเทอมวางแผนจะทำอะไร ไปไหนไหม ถาม ถามเท่าที่พ่อคนหนึ่งอยากจะถามลูก

“พ่อมีเรื่องไม่สบายใจอยู่หรือเปล่าครับ”

แต่ใจเย็นกลับถามขึ้นมาแบบนั้นให้เขาประหลาดใจ ทั้งที่มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้แสดงออก ไม่ได้ลุกลี้ลุกลน ทั้งยังสบตาอีกฝ่ายแทบจะตลอด

“มีตรงไหนบอกแกว่าพ่อไม่สบายใจ”

“พ่อพยายามคุยกับผมเกินไป”

พลันได้ฟังก็ชะงักงัน ก่อนหัวเราะหึในลำคอ

“พ่อเองยังไม่รู้เลยว่าตัวเองไม่สบายใจเรื่องอะไร”

“พ่อรู้ไหมว่าทำไมผมชอบมองพวกสัตว์”

อีกครั้ง ใจเย็นถามกลับถึงเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันขึ้นมา ซึ่งคุณพิทักษ์ก็ไม่นึกว่าอะไร นอกจากหาคำตอบให้ เขาจำได้ว่าใจเย็นเคยบอกเขาเอาไว้เมื่อตอนเด็กๆ

“แกอยากรู้ว่ามันคิดอะไร และจะทำอะไรต่อ”

“กับคนก็เหมือนกันนะครับ” ใจเย็นพูดเสริม “พ่ออาจไม่รู้ ระยะหลังผมสังเกตผู้คนมาตลอด สังเกตว่าเขาเป็นใคร ทำอาชีพอะไร ชอบอะไร คิดอะไร กำลังจะไปไหน ผมสนุกมากที่ได้สังเกต เฝ้ามอง และคิดว่าตัวเองได้รู้อะไรมากขึ้น แต่จริงๆ แล้วไม่เลย”

คุณพิทักษ์นิ่งฟัง ใจเย็นพูดเรื่องเหล่านั้นด้วยน้ำเสียงธรรมดา แต่เขารู้สึกว่าบางอย่างทำให้เขาตั้งใจและอยากจะฟังมัน

“ถ้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเอง ก็เหมือนว่าเราไม่ได้รู้อะไรเลย”

บางอย่างที่ลูกชายคนนี้มี แต่เขาไม่มี

“สุดท้ายผมก็ต้องกลับมามองตัวเอง และพบว่าที่หลีกเลี่ยงมาตลอดก็อาจเพราะความจริงมันน่ากลัว ใจเราบางทีก็น่ากลัวเหมือนกัน”

พลันเจ็บจี๊ดเล็กๆ ในอก เขาไม่รู้สาเหตุ

“ถ้าพ่อมองตัวเอง พ่ออาจรู้สาเหตุที่ไม่สบายใจก็ได้”

“แล้วแกมองตัวเองแล้วได้รู้อะไรบ้างไหม”

เขาถามด้วยอยากรู้ แต่ใจเย็นกลับเงียบ เงียบจนนึกกลัวว่าใจเย็นอาจแค่ไม่อยากบอกเขา แต่สุดท้ายเมื่อรอยยิ้มเบาบางปรากฏบนใบหน้าก่อนเอ่ยขอแจกันแก้วใสไร้ดอกไม้ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะกลับไป คุณพิทักษ์ก็แค่ถอนหายใจที่ลูกชายไม่ยอมตอบ ทั้งยังเปลี่ยนเรื่องและขอตัวกลับพร้อมแจกันใบนั้นอีก

แต่อย่างไร เขาก็ได้แค่บอกว่าเอาสิ บางทีเขาคงตามใจลูกชายมากกว่าเกษราด้วยซ้ำแค่ไม่รู้ตัว และเมื่อส่งใจเย็นขึ้นรถ มองตัวรถพ้นประตูบ้านไป อะไรบางอย่างดลใจให้คุณพิทักษ์กลับมานั่งเงียบๆ ที่ซุ้มม่านบาหลี

ท่ามกลางเสียงน้ำตกไหลเอื่อย เสียงนกร้องฟังขี้เกรงใจ เขาไม่คิดเลยว่าสิ่งเหล่านั้นจะดึงให้เขาหลงวนในทรงจำ ก่อนจะลองเพ่งมองลงในตัวเองดังคำของลูกชาย ลูกชายที่ไม่เป็นดังใจและทำให้นึกถึงตัวเองที่อยู่ตรงกลางระหว่างพ่อกับแม่เสมอมา

ไม่สิ

ความจริงคุณพิทักษ์ไม่เคยอยู่ตรงกลาง เพราะหลังจากแม่ไม่ยี่หระอะไรกับการนอกใจของพ่อ เขาก็อยู่เคียงข้างพ่อมาตลอด ทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว ซึมซับมาทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งศิลปะการพูดโน้มน้าวใจคน การเจรจาต่อรองในธุรกิจ การพูดจาเกี้ยวพาราสีหญิงสาว ทุกอย่างเขาเห็นเป็นเรื่องสนุก ท้าทาย และอะไรๆ ในโลกนี้ก็ดูจะเป็นของเขา อะไรก็ตกอยู่ในครอบครองของเขาได้

อา เขารู้ตัวในเวลานั้นเอง และเริ่มนึกถึงรอยยิ้มของหญิงสาว รอยยิ้มที่ทำให้เขานอกใจเกษรา เพราะคิดง่ายๆ แค่ว่าอยากครอบครองเป็นของตัวเอง โดยก็ไม่เคยสังเกตว่ารอยยิ้มของทั้งทิพย์และปัทมาหรือหญิงคนอื่นที่เขาพัวพันด้วยนั้นช่างคล้ายรอยยิ้มของเกษราเหลือเกิน

รอยยิ้มที่ละมุนละไมราวกับดอกไม้แรกแย้ม รอยยิ้มของหญิงสาวที่ทำให้เขาบ้าปลูกดอกกุหลาบอยู่หลายเดือนทั้งที่แค่วิธีรดน้ำไม่ให้ใบเป็นเชื้อราก็ยุ่งยากน่ารำคาญ รอยยิ้มที่ทำให้โลกเขาสว่างไสว รอยยิ้มของเกษรา รอยยิ้มนั้น อา เขาไมได้เห็นมันมานานเท่าไหร่แล้วนะ

พลันสำนึกได้ว่านานมากเหลือเกินที่ไม่อาจทำให้หล่อนยิ้มได้เหมือนดอกไม้แรกแย้ม คุณพิทักษ์ก็เจ็บรวดร้าวเหมือนต้นไม้ที่ถูกสายฟ้าฟาดผ่ากลางลำต้น ค้นพบในตอนนั้นเองว่าเหตุผลที่เขารู้สึก รู้สึก และรู้สึกจนไม่อาจลืมได้นั้นมีแค่เหตุผลเดียว

เกษรา

และคุณพิทักษ์ก็ค้นพบอีกอย่าง ค้นพบหลังค้นลึกลงไปในจิตใจของตัวเองเพียงเพราะคำพูดไม่กี่ประโยคของใจเย็น

ซึ่งไม่กี่ประโยคเหล่านั้นนั่นแหละ ทำให้เขารู้แล้วว่าทำไมถึงควบคุมลูกชายคนนี้ไม่เคยได้เลย







********************************************************************************
ใกล้ความจริงแล้ว ช่วงหลังใช้พลังเยอะมากในการเขียน ยังไงคอมเม้นเป็นกำลังใจหรือแวะไปติดแท็ก #ใจเย็นกับเป็นไท ได้นะคะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่33-พิทักษ์ ◑หน้า15 (ุ14/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-08-2017 13:55:33
 :ling2:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่33-พิทักษ์ ◑หน้า15 (ุ14/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Atroce ที่ 14-08-2017 14:08:33
ที่คุณพิทักษ์เป็นแบบนี้ก็มีเหตุผลนี่เอง ทุกอย่างมีเหตุผลของมันสินะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่33-พิทักษ์ ◑หน้า15 (ุ14/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 14-08-2017 14:18:00
สุดท้าย ก็มารู้ตัวเอาเมื่อมันสายไป เฮ้อออ ที่นอกใจเมีย หรืออะไรก็แล้วแต่ ท้ายที่สุดก็แค่อยากได้ของใหม่ที่เหมือนของเก่า แค่รู้สึกเบื่อ แค่รู้สึกตื่นเต้นไปกับของที่ได้มาใหม่ชั่วคราว เหมือนพวกที่ชอบอะไรสักอย่าง แต่พอเจออันที่คล้ายกันแต่คนละแบบก็เห่อสักพัก แล้วก็จะกลับมาสนใจของที่เคยมี ก็ตอนที่มันพังไปแล้วนั่นแหละถึงจะรู้คุณค่าของมัน พิทักษ์ก็น่าจะเห็นตัวอย่างของครอบครัวตัวเองแล้ว สุดท้ายก็กลับซึมซับมาแล้วก็ทำตามแบบอย่างพ่อของตัวเองไปโดยไม่รู้ตัว ซ้ำรอยเดิม....
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่33-พิทักษ์ ◑หน้า15 (ุ14/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 14-08-2017 15:24:48
นี่คือเหตุผลที่มีเมียน้อยใช่ไหม และก็น่าจะรู้นะว่ามันไม่มีครอบครัวไหนจะมีความสุขหรอกถ้าสามีตัวเองมีน้อยน่ะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่33-พิทักษ์ ◑หน้า15 (ุ14/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 14-08-2017 15:33:39
นิยายดูลึกมาก
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่33-พิทักษ์ ◑หน้า15 (ุ14/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-08-2017 17:23:30
อย่างนี้หรอกเหรอ
พออ่านเรื่องนี้แล้วไม่กล้าฟันธงอะไรเลยแฮะ
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่33-พิทักษ์ ◑หน้า15 (ุ14/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-08-2017 18:27:32
ยังดีที่คุณพิทักษ์ รู้สึก เมื่อขาดคุณเกษรา กับลูกชายใจเย็น
ก็แสดงว่ายังมีหัวใจ

ตอนอยู่ไม่รู้สึกว่าคนๆนั้นมีความสำคัญ
เมื่อคนนั้นไม่อยู่ ถึงได้รู้สึกถึงความสูญเสีย

คุณพิทักษ์ก็มาจากครอบครัวแตกแยก
แตก็ทำให้ครอบครัวตัวเองแตกแยก  o22
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่33-พิทักษ์ ◑หน้า15 (ุ14/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mam79 ที่ 14-08-2017 19:57:25
เด็กจะโตมาเป็นยังไงครอบครัวก็เป็นส่วนที่มีผลที่สุดจริงๆ ชอบมากค่ะ รอตลอดเลย จริงๆไม่ค่อยชอบนิยายแนวมีรสขมอย่างนี้เท่าไหร่แต่เรื่องนี้มันทำให้รู้สึกอบอุ่นเวลาที่ใจเย็นกับเป็นไทยอยู่ด้วยกัน ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่33-พิทักษ์ ◑หน้า15 (ุ14/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 14-08-2017 20:27:19
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่33-พิทักษ์ ◑หน้า15 (ุ14/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 14-08-2017 22:51:04
นั่นสินะ

ทุกอย่างมีที่มา มีสาเหตุ และมีความซับซ้อนจนยากจะจินตนาการต้นหรือปลาย

คุณรับมา คุณทำ คนอื่นได้รับผล คุณได้รับผล คุณส่งต่อ คนอื่นส่งต่อ

เท่านี้
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่33-พิทักษ์ ◑หน้า15 (ุ14/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: papanoy ที่ 19-08-2017 09:29:54
เป็นเรื่องที่เขียนได้ลึกซึ้ง สวยงาม ซึมลึกช้าๆ จนวางไม่ลง อ่านแล้วอ่านอีก จดจ่อรอคอยตอนต่อไป
ชื่นชมคนเขียนมากๆ รักษาแนวนี้ไว้นะ  :katai2-1:

เป็นไทในเรื่องปรายกัลป์ ดูก้าวร้าว นิสัยไม่ดี
เป็นไทในเรื่องนี้ น่ารัก น่าสงสาร

รักใจเย็นกับเป็นไท  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่33-พิทักษ์ ◑หน้า15 (ุ14/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 19-08-2017 10:11:49
ที่ควบคุมไม่ได้ เพราะแม้ใจเย็นจะทำตัวหลีกเลี่ยงความจริง แต่จริงๆลึกๆลงไปเขาค้นหามันอยู่ตลอด เขาสังเกต เขาคิด เขาวิเคราะห์ เขาตั้งคำถาม เขาเหมือนจะไม่แคร์อะไรเพราะสิ่งแวดล้อมผลักดันแต่พื้นยืนของนิสัยคือเป็นคนเก็บรายละเอียด เด็กแบบนี้ถ้าไม่มีอะไรบังตาอยู่ ชักจูงไม่ได้ง่ายๆ เพราะเขามีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่แปลกที่คุณพิทักษ์จูงจมูกลูกคนนี้ไม่ได้..
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่34-เหนือผิวน้ำ ◑หน้า15 (ุ19/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 19-08-2017 20:56:01
34 – เหนือผิวน้ำ


เป็นไทจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ถูกขังในห้องน้ำ เขากลั้นหายใจ พาศีรษะตนเองจุ่มลงไปในน้ำ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำลงไปทำไม เขาอาจแค่อยากดำดิ่งหนีหายลงไปเสียในความมืดมิด ในความกลัวแห่งมืดมนอนธการ หรือบางที อาจแค่อยากหาคุณค่าของตนเองว่าอยู่ที่แห่งใดกันแน่

แต่เป็นไทก็ไม่ได้พบมัน

สิ่งที่พบมีเพียงความเงียบงัน ว่างเปล่า มืดดำ และน่าประหลาดที่เขากลับจำไม่ได้แล้วว่าตนเองเงยหน้าขึ้นมาเมื่อไหร่ เหมือนเขาค้างอยู่ในอิริยาบถนั้นแสนนานทั้งที่กลัวความมืด หรือบางที เขาอาจยังไม่เคยหลุดพ้นจากผืนน้ำคับแคบนั่นเลย ทั้งยิ่งจมลงไป คับแคบยิ่งกลับกลายขยับขยายจากน้ำตาเขาเอง

ดังนั้น – ดังนั้น การถูกฉุดดึงขึ้นใกล้ผิวน้ำ ฉุดจากลุ่มลึกของทะเลน้ำตาและถ้อยคำที่อึดอัดคับข้อง ได้เห็นแสงสว่างรำไรส่องผ่านลงมา หัวใจของเขาเหมือนพบที่ให้ไป และเขาก็ยินดีจะแหวกว่ายขึ้นพบอากาศ สูดเอามันเข้าไปให้เต็มปอด และพร่ำพูดสิ่งในใจออกมา ร้องไห้ออกมา โดยไม่ต้องกังวลอีกแล้วว่าหยาดน้ำตาจะถูกกลืนหายในทะเลและไม่มีใครรับรู้ถึงความเศร้าของเขาเลย

เพราะใจเย็นนั่นเอง ใจเย็นเป็นคนรับรู้และแบกรับมันเอาไว้ เหมือนกับที่เขาคอยประคับประคองตัวตนของอีกฝ่ายตลอดมา

เป็นไทจำไม่ได้ว่าในวันนั้นเขาพูดอะไรออกไปบ้าง แต่อย่างน้อยเขาก็รู้ รู้ว่าใจเย็นรับฟังเขาอยู่อย่างเต็มใจ แค่นั้นพอแล้ว ไม่ขออะไรอีก และหลายครั้งนับจากนั้นที่คำว่า ‘ช่างมัน’ จะผุดพรายขึ้นในความคิดของเป็นไท ช่างมัน – ช่างมันไม่ว่าความสัมพันธ์นี้จะคืออะไร ช่างมันต่อให้ค้นหาความหมายของตนเองกันไม่พบ ช่างมันไม่ว่าท้ายที่สุดแล้วจุดจบจะคืออะไร

ช่างมัน ช่างมันทุกอย่างเลย

อาจเพราะแบบนั้นเป็นไทจึงสบายใจกว่าที่เคยเป็น อยู่กับปัจจุบัน ประคับประคองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น และอาจเพราะเขาผ่านพ้นทะเลถ้อยคำมาได้ สิ่งที่ทำจึงเป็นการพูด พูด และพูด พูดอย่างที่เก็บกดมาตลอด เล่าให้ใจเย็นฟังในสิ่งที่คิด สิ่งที่เจอ สิ่งที่รู้สึก และใจเย็นก็รับฟัง รับฟัง และรับฟัง

ขณะเดียวกัน เขาก็รับฟังใจเย็นเช่นกัน ยินดีรับฟัง เต็มความหมาย ไม่มีเรื่องใดเลยที่คิดปฏิเสธไม่รับเอาไว้

“ผมตัดสินใจได้แล้วนะครับว่าจะอยู่กับแม่”

กับเรื่องนี้ก็เช่นกัน ใจเย็นพูดขึ้นมาระหว่างมื้ออาหารในร้านแห่งหนึ่ง เป็นไทเงยมองคนตรงหน้า ทั้งแปลกใจและไม่แปลกใจในเวลาเดียวกัน

“อืม งั้นก็ดีแล้ว”

“เป็นไทว่าดีที่ตัดสินใจได้ หรือดีที่ผมเลือกอยู่กับแม่”

“ทั้งสองอย่าง”

“งั้นเหรอ”

“เออ กูว่ามึงอยู่กับแม่น่ะดีแล้ว” เขาพูดอย่างที่คิด ซึ่งก็ได้เห็นใจเย็นยิ้มขึ้นมา บางเบา

“ผมก็กะอยู่ว่าเป็นไทต้องคิดแบบนี้”

“ทำไมวะ”

“เป็นไทต้องไม่อยากให้ผมทิ้งแม่อยู่คนเดียวแน่”

เหมือนเป็นอีกครั้งที่ถูกคาดเดาได้ว่าเขาจะคิดอะไร ยิ่งสบตาก็ยิ่งยืนยัน แววตาของใจเย็นที่มองเขายังคงเหมือนเดิม เหมือนทะลุทะลวงเขามาในสิ่งที่คิด เหมือนปรารถนาบางอย่างที่เขาไม่อาจบอกได้ว่าสิ่งใดบ้าง แต่สุดท้ายเขาก็ตัดบท เอ่ยถามกลับไปท่ามกลางเสียงจ้อกแจ้กจอแจของผู้คนในร้านอาหาร

“แล้วที่มึงตัดสินใจอยู่กับแม่นี่เพราะอะไร”

“ก็เหมือนที่เป็นไทคิด” ได้ฟัง เขาขมวดคิ้วปมเล็ก พลันอีกฝ่ายก็เหมือนรู้ว่าเขาคิดอะไร “แต่ไม่ได้ตัดสินใจเพราะคิดตามแบบเป็นไทหรอกครับ เรื่องนี้ผมเลือกเอง”

“เออ...ดีแล้ว”

“ความจริงมันเลือกยากมากนะครับ ถ้าคิดในมุมของทั้งพ่อและแม่ก็ยิ่งเลือกยาก”

“อืม ยังไง”

“ก็ที่แน่ๆ คือแม่มีผมคนเดียว ส่วนพ่อ ถึงจะมีทั้งน้องพิชญ์กับน้องพริม แต่ผมไม่ค่อยเชื่อหรอกว่าจะเหมือนกัน”

เป็นไทนิ่งคิดกับสิ่งที่ได้ฟังไปชั่วครู่ ก่อนกลั่นกรองออกมา “ที่มึงพูดคือจะบอกว่าพ่อแม่รักลูกไม่เท่ากันใช่ไหม”

“เปล่าครับ ที่จริงผมไม่เข้าใจเรื่องนี้หรอก เพราะงั้นคงพูดได้ไม่เต็มปาก แต่ที่แน่ๆ ผมว่าลูกแต่ละคนก็ได้รับความรักคนละแบบ” ใจเย็นพยายามอธิบาย “อย่างน้องพริม พ่อก็จะห่วงแบบเด็กผู้หญิง น้องพิชญ์ก็เรียบร้อยเลยดูไม่น่าห่วงอะไรมาก ส่วนผม ผมรู้ว่าพ่อคาดหวังมากกว่าคนอื่นๆ ผมบอกไม่ได้หรอกว่าพ่อรักผมมากกว่าน้องอีกสองคน แต่ยังไงพ่อก็คาดหวังกับผมมาก”

เป็นไทรับฟังทั้งหมด แม้เขาไม่อาจออกความเห็นได้ว่าพ่อของใจเย็นเป็นคนอย่างไร แต่เขาชอบที่ใจเย็นมองเรื่องราวอย่างเป็นกลาง ผ่านมุมคิดละเอียดลออที่ไม่ใคร่จะเหมือนใครนัก

“งั้นแปลว่าน้ำหนักในการตัดสินใจแทบจะเท่ากัน”

“ครับ แต่สุดท้ายผมก็เลือกแม่ ตามเหตุผลที่บอก”

“ก็ดีแล้ว อยู่กับแม่ก็ใช่ว่าจะทำให้พ่อภูมิใจไม่ได้ไม่ใช่หรือไง”

พูดจบ เขาก้มกลับลงไปสนใจจานอาหารตรงหน้า แต่รู้สึกถึงสายตาจับจ้องจึงเหลือบขึ้นไปมอง แล้วก็เห็นใจเย็นยิ้มเล็กๆ

“ยิ้มอะไร”

“ชอบ”

“อะไรของมึง”

“ชอบที่เป็นไทพูด”

เขานึกคำตอบโต้ไม่ออกไปชั่วขณะ สุดท้ายสิ่งที่ทำจึงเป็นการจิ้มมะเขือเทศที่เป็นผักเคียงในจานข้าวไปใส่จานของใจเย็น และก็บังคับให้กินด้วยความหมั่นไส้เพราะรู้ว่าใจเย็นไม่ชอบ ทักท้วง ถกเถียงกันอยู่สักพักจนใจเย็นยอม และตอนเคี้ยวก็สีหน้าไม่ดีนักให้เขาหัวเราะ

“ถ้าเป็นไทหัวเราะกับเรื่องนี้ ให้ผมกินอีกก็ได้นะ”

แต่สุดท้าย สุดท้ายเขาพลิกกลับเป็นฝ่ายแพ้เพราะคำพูดหน้าตายแบบนั้น ก่อนจะกลายเป็นคำพูดจริงจังว่าถึงเขาจะพูดหลายสิ่งหลายอย่างในใจออกมา เขาก็ยังไม่ค่อยยิ้มนัก ให้รู้สึกตัวขึ้นมาว่าจริงตามนั้น

“เรื่องที่บ้านผม ผมรู้สึกว่ากำลังจะผ่านมันไปได้แล้ว”

ประโยคนี้เองก็ดูใกล้เคียงความจริงเช่นกัน

“เป็นไทก็ต้องผ่านมันไปให้ได้นะครับ”

ถึงถ้อยคำนี้ ความจริงจังสิ้นสุดลง กลับกลายเป็นเรื่องคุยเล่นเหมือนเดิมในประโยคถัดมา ราวกับเป็นคำพูดผ่านๆ แต่เป็นไทรู้ว่ามันไม่ได้แค่ผ่านไป ใจเย็นหมายความตามนั้น เขาเองก็อยากให้เป็นดังคำ และเพราะอะไรหลายๆ อย่าง – ไม่สิ –  อาจเพราะใจเย็น แค่ใจเย็นคนเดียวเท่านั้น เขารู้สึกว่าแค่มีคนคนนี้อยู่ ไม่ว่าอะไรเขาก็จะผ่านมันไปได้

แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่คิด

เมื่อเดือนพฤษภาคมร่นโรยเข้ามา เรื่องเรียนใกล้สิ้นสุดกังวล เป็นไทกำลังจะจบปีสี่ เหลือแค่บางเรื่องเท่านั้นที่รอสะสางในชีวิตมหาวิทยาลัย เป็นไทจึงรู้สึกว่าเขาคงจัดการชีวิตตัวเองได้ดีกว่านี้ ฉะนั้นในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง เมฆขาวสะอาด อากาศดี ดีมากพอจนทำให้เขาคิดว่าจะไม่เป็นไร เป็นไทตอบรับนัดพบที่เขาปฏิเสธมาตลอด นัดพบที่บอกผ่านแม่ของเขาเสมอมา

เป็นไทตอบรับนัดพบของพ่อ

สถานที่คือร้านอาหารแห่งหนึ่ง ไม่ใช่ในห้างสรรพสินค้า แต่เป็นร้านอาหารในย่านสุขุมวิท ใจกลางเมือง เวลาเย็น ผู้คนพลุกพล่าน แม้เป็นไทไม่ชอบใจเท่าไหร่นักเพราะเขาเกลียดการเดินทางกลางเมืองเวลานี้ แต่เพราะเขาไม่ยอมสื่อสารกับพ่อด้วยตนเองจึงต้องจำใจรับ หลังลงจากรถไฟฟ้าและมาต่อรถแท็กซี่ที่ติดค้างอยู่บนถนน ความคิดก็กลายเป็นฝ่ายโลดแล่นแทนรถยนต์ เขาสงสัยหลายเรื่องเกี่ยวกับชายที่ตัวเขาเองแทบไม่อยากเรียกว่าพ่อ ว่าทำไม – ทำไมถึงกลับมา ทำไมถึงอยากพบ ทำไม ทำไม และทำไม จนอาจเรียกได้ว่าความสงสัยทั้งชีวิต เขาตั้งใจจะสะสางมันให้หมดวันนี้

ที่สำคัญ มีคำถามหนึ่งที่เขาอยากจะถามให้ได้

ทำไมถึงทำกับเขาแบบนั้น

พลันไหวสะท้านขึ้นมาแค่คิดจะถาม กลัว น่าจะใช่ เป็นไทรู้สึกกลัวขึ้นมา ใจหนึ่งเขาอยากรู้ แต่อีกใจก็ไม่อยากรู้ เขากลัวคำตอบ กระนั้นก็พยายามสูดหายใจเข้าปอด ช้า ลึก ก่อนจะค่อยๆ ผ่อนออกมา ตั้งสติ ทบทวนซ้ำเช่นนั้น จนในที่สุดเมื่อรถแท็กซี่มาจอดหน้าร้านอาหารซึ่งเป็นจุดนัดพบ เขาพยายามไม่คิดอะไร หยิบธนบัตรขึ้นมาจ่ายเงินและลงมาจากรถด้วยความรู้สึกว่างเปล่า

ร้านที่เขามาถึงเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง หน้าร้านตกแต่งเรียบง่าย สบายตาด้วยสีน้ำตาลอ่อนของไม้เป็นโทนหลัก แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมองเข้าไป ผ่านกระจกใสที่กรุแทนกำแพงอย่างที่ร้านอาหารทั่วไปมักจะทำ เป็นไทก็รู้สึกไม่สบายใจนัก

เขาเห็นชายคนนั้นแล้ว จากข้างหน้าร้าน เขาเห็นด้วยสายตาที่สื่อสารกับสมองไม่ผิดเพี้ยน ชายคนนั้นอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตลายทางสีดำ นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ติดริมกระจก หันข้าง พลันรู้สึกดีขึ้นมาที่ยังไม่ถูกเห็น ไม่รู้ทำไมเขาถึงต้องคิดแบบนั้น ทั้งที่ตั้งใจแล้วว่าจะมาพบ ตั้งใจแล้วว่าจะมาสะสางสิ่งที่ติดค้างใจมานาน ตั้งใจว่าจะก้าวข้ามอคติและอดีตของตัวเอง เขาอยากรู้ว่าปัจจุบันเป็นอย่างไร ใช่ เขาอยากรู้

แต่ความกลัวมีมากกว่าหลายเท่า

พลันเจ็บร้าวขึ้นมา แน่นหน้าอกจนหายใจติดขัด ก่อนที่อาการบกพร่องจะเริ่มลามเลยไปทั่วร่าง สั่นสะท้านปกคลุมอย่างไม่อาจต้าน และเหมือนหัวใจถูกดึงให้หล่นวูบเมื่อเห็นว่าชายคนนั้นกำลังหันมาทางเขา กำลังจะเห็นเขา ด้วยแววตาอันว่างเปล่าคู่นั้น ให้เหมือนถูกปกคลุมด้วยความมืดและผืนน้ำที่เย็นเยียบ

แล้วเป็นไทก็รู้ตัวในเวลานั้นเอง ว่าแท้จริงเขาไม่เคยโผล่พ้นเหนือผิวน้ำเลย

ได้สติอีกที เขาพาตัวเองหนีออกมาจากตรงนั้น ผิดนัดอย่างไม่มีข้อกังขา สุดท้ายแล้วเขายังคงขี้ขลาด เขาทำไม่ได้ เขาทำไม่ได้ เขาทำไม่ได้ คำนั้นย้ำซ้ำไปซ้ำมาในหัวสมองที่ขาวโพลน  เขาได้แต่ก้าวยาวๆ หนีออกมา ไปให้ไวที่สุด แม้กระนั้นก็ยังกลัวว่าจะถูกตามมา ตามมาเหมือนอดีตที่หลอกหลอนเขามาทั้งชีวิต

และเพราะสติรวนเร ทั้งที่เขาไม่อยากกลับบ้าน ไม่อยากพบแม่ แต่เส้นทางที่เลือกกลับก็ดันเป็นทางเดียวกับที่มา จึงต้องเสียเวลาย้อน หากเมื่อคิดอีกที เขาก็ไม่อยากไปที่คอนโด โทรศัพท์มือถือจึงถูกหยิบขึ้นมาและกดโทรหาคนคนเดียวที่เขาไว้ใจที่สุด ตั้งใจว่าจะไปหา ตั้งใจว่าจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา ระบายมันออกมา และเขาก็คงจะดีขึ้น

“ว่าไงครับ”


กระนั้น เมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย เป็นไทกลับรู้สึกว่าตัวเองยิ่งจมลึกลงไปกว่าเดิม

“กู...เพิ่งไปเจอพ่อมา”

“ไปเจอมาเหรอครับ”

“อือ”

“เป็นไงบ้าง”

จมลึกลงไป

“กู...ทำไม่ได้”

ลึกลงไป

“กูผ่านมันไปไม่ได้”

อย่างคนเพิ่งรู้สึกตัว ว่ายิ่งแสดงให้เห็นว่าตนเองแหลกสลายเท่าไหร่ ใจเย็นก็ยิ่งแหลกสลายตามไปด้วยเท่านั้น และจะแหลกกระทั่งกลายเป็นฝุ่นผง ปลิดปลิวอย่างไร้ค่าไปตามลมอย่างที่อีกฝ่ายเคยพูด เขาเชื่อว่าถ้อยคำนั้นสัตย์จริง เพราะไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะต้องโกหกเพื่อเขาขนาดนั้น

“แค่นี้นะ”

เป็นไทกดตัดสายไปดื้อๆ  อีกแล้วที่รู้สึกเหมือนจะร้องไห้ เขาพยายามเก็บกลืนมันลงคอ กลืนมันลงไปในร่างและหัวใจของตัวเอง เขาเลือกกดโทรหาเพื่อนสนิทในคณะ ต่อให้ไม่ใช่คนที่ไว้ใจที่สุด เขาก็อยากจะให้ออกมาอยู่เป็นเพื่อนในเวลานี้ ต้องการแค่นั้น แต่คนแล้วคนเล่าก็ติดธุระที่เขาไม่อยากรบกวน ทั้งยังรู้สึกว่าเหตุผลของตนเองนั้นไร้สาระขึ้นมาทันที

ภายใต้ท้องฟ้า ความมืดเริ่มห่อคลุม สุดท้าย เขาก็ไม่มีที่ไป ได้แค่เลือกนั่งรถเมล์กลับไปที่คอนโด ท่ามกลางผู้คนที่แออัด ถนนที่รถติด นาทียาวนานเหมือนปี แต่บางทีมันคงดีถ้าความน่าหงุดหงิดเหล่านี้จะช่วยให้ลืมสิ่งที่กำลังรู้สึกอยู่ได้ กระทั่งมีสายเรียกเข้าจากใจเย็นอีกครั้งเมื่อเดินมาถึงล็อบบี้ของคอนโด อะไรหลายๆ อย่างก็ตีกลับมาใหม่อีกครั้ง

เขาอยากจะช่างมันแล้วกดรับสาย ช่างมันไม่ว่าความสัมพันธ์นี้จะคืออะไร ช่างมันต่อให้ค้นหาความหมายของตนเองกันไม่พบ ช่างมันไม่ว่าท้ายที่สุดแล้วจุดจบจะคืออะไร ช่างมัน ช่างมันทุกอย่างแบบที่เคยทำได้ แต่ว่า –  แต่ว่าเขาไม่เอาแล้วในเมื่อรู้ดีว่าจะจบลงอย่างไร

แตกสลาย

ไม่ต้องการให้ใจเย็นเป็นแบบนั้นเพราะเขาเลยสักนิด

ทว่า เป็นไทก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับสายเรียกเข้าที่ดังไม่หยุดในตอนนี้ เขาไม่อยากรับ ขณะเดียวกันก็ไม่กล้ากดตัดสาย ได้แค่นั่งลงอย่างเหนื่อยล้าตรงโซฟาของล็อบบี้ มองหน้าจอที่ยังคงขึ้นชื่อเดิมอยู่อีกเป็นนาที จนเมื่อมันมืดดับลง เขารู้สึกเหมือนจมลึกลงไปในผืนน้ำอีกครั้ง ผืนน้ำที่เงียบงันท่ามกลางผู้คน และมืดมิดทั้งที่แสงไฟส่องไสว

พลันถูกกระชากขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

ดอกไม้กลีบกลมหยักสีม่วงสวยถูกยื่นมาตรงหน้า มันบรรจุในแจกันใสที่คุ้นตา และเขาก็จำได้ว่าดอกไม้นี้คือดอกสวีทพี...ดอกสวีทพีในเดือนพฤษภาคมของทุกปีที่บ้านของใจเย็น เงยขึ้นมองก็ได้สบตากับแววตาคู่เดิม แววตาที่เขาทั้งชอบทั้งชัง แววตาที่เหมือนจะทะลวงล้วงความลับและปรารถนาอะไรบางอย่างในตัวเขา แววตา...ที่ตรงข้ามกับแววตาว่างเปล่าของพ่อในวันนั้น

“รับไว้นะครับ” และนั่นคือประโยคที่ใจเย็นพูดระหว่างที่เขาได้แต่เงียบงัน ก่อนจะย่อตัวลงนั่งยองตรงหน้าเขา จับมือทั้งสองข้างให้ถือแจกันแก้วนั้นเอาไว้ “แม่ผมไม่เชื่อว่าคนที่เด็ดดอกไม้มาใส่แจกันจะไม่รักดอกไม้ จะเด็ดเอามาไว้ในแจกัน หรือจะปล่อยไว้ข้างทางก็รักเหมือนกัน แม่ผมบอกแบบนั้น”

เขาอยากจะด่า ด่าออกไปว่าอยู่ๆ มาพร่ำพูดอะไรไร้สาระในตอนนี้ แต่เขาก็พูดไม่ออก อาจเพราะไม่ว่าใจเย็นจะพูดอะไร ต่อให้ไม่เข้าใจเลยสักนิด เขาก็รับฟัง รับฟังเหมือนกับที่มือเขาถือแจกันแก้วใสนั้นไว้ตามที่อีกฝ่ายบอก ถือเอาไว้แม้ว่ามือจะสั่นเทาอย่างไม่เข้าใจ

“แต่สำหรับผม ถ้าเป็นไทเป็นดอกไม้ ผมจะไม่เด็ดไม่ดึง แต่ก็ไม่ปล่อยไว้ข้างทาง”

ไม่เข้าใจ แม้แต่สิ่งที่ใจเย็นกำลังพูดในตอนนี้

“ผมจะขุดขึ้นมา ทั้งรากทั้งโคน ตักขึ้นมากระทั่งดิน เพื่อเอามาปลูกไว้ในสวน และดูแลดอกไม้นั้นด้วยตัวเอง”

ไม่รู้ทำไม มือของเขายิ่งสั่นเทา บางที อาจเพราะเขาแค่อยากจะทะนุถนอมมันไว้ ไม่อยากประหม่าจนกะน้ำหนักมือไม่ถูก และบีบมันจนแตกร้าว

“นั่นคือความหมายของรักเดียวใจเดียวของผม”

แต่ทั้งที่อยากทะนุถนอม หยาดน้ำตาก็ร่วงหล่นบนกลีบดอกสีม่วงของสวีทพีจนได้

“ตอนนี้...ผมบอกเป็นไทได้แล้วใช่ไหม”

“บอกอะไร...”

ใจเย็นไม่ได้ตอบ แต่ขยับตัวเข้ามาใกล้เขา เอื้อมมือเข้ามาปาดน้ำตาบนพวงแก้มของเขา น้ำตาที่ไม่คาดคิดเลยว่าจะไหลรินลงมา

“อย่าร้องไห้เลยนะ”

พลันได้ฟังคำนั้น เขาเหมือนถูกพาโผล่พ้นจากทะเลน้ำตาทั้งที่กำลังร้องไห้

และเหนือผิวน้ำไม่ได้มีกลิ่นไอเกลือของทะเล

แต่เป็นกลิ่นหอมนวลของดอกไม้ ดอกไม้ที่ใจเย็นมอบให้เขา...เพียงผู้เดียว














****************************************************************************
 :hao5:  :กอด1: 
TL ตอนนี้ รวบตั้งแต่ตอนของเกษรากับพิทักษ์เลยค่ะ ถ้าจำได้ ปลายตอนที่แล้วใจเย็นขอแจกันมาจากที่บ้าน 55
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่34-เหนือผิวน้ำ ◑หน้า15 (ุ19/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 19-08-2017 21:26:22
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่34-เหนือผิวน้ำ ◑หน้า15 (ุ19/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-08-2017 21:50:06
 :ling3:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่34-เหนือผิวน้ำ ◑หน้า15 (ุ19/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-08-2017 21:51:15
 :pig4:  :katai5:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่34-เหนือผิวน้ำ ◑หน้า15 (ุ19/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 19-08-2017 21:55:08
ซึ้งอ่ะ คือถ้าไม่ปูเรื่องราวของตัวละครมาเลย จะไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแค่พูดปลอบใจไม่กี่ประโยคกะให้ดอกไม้ มันจะทำให้ประทับใจได้ขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่34-เหนือผิวน้ำ ◑หน้า15 (ุ19/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 19-08-2017 22:09:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่34-เหนือผิวน้ำ ◑หน้า15 (ุ19/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-08-2017 22:17:42
มีกันและกัน   :katai2-1:
เป็นไท มีใจเย็น
และใจเย็น รักเป็นไท  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่34-เหนือผิวน้ำ ◑หน้า15 (ุ19/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: vwm666 ที่ 19-08-2017 23:00:08
ดีใจที่สองคนนี้มาถึงวันนี้ซักที
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่34-เหนือผิวน้ำ ◑หน้า15 (ุ19/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Reminder ที่ 20-08-2017 01:03:08
ดีใจที่ใจเย็นหาคำตอบได้ซะที ค่อยๆประคับประคองกันไปไม่แตกสลายไปด้วยกันอย่าที่เป็นไทกลัว
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่34-เหนือผิวน้ำ ◑หน้า15 (ุ19/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 20-08-2017 03:32:47
โล่งเลย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่34-เหนือผิวน้ำ ◑หน้า15 (ุ19/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 20-08-2017 03:41:27
ดีใจที่เป็นไทมีใจเย็นอยู่ข้างๆ ณ ตอนนี้
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่34-เหนือผิวน้ำ ◑หน้า15 (ุ19/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: papanoy ที่ 20-08-2017 09:42:38
              อืมมม!! ในที่สุดก็เป็น "ใจเย็นกับเป็นไท" ซะที

                                 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่34-เหนือผิวน้ำ ◑หน้า15 (ุ19/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Atroce ที่ 20-08-2017 19:59:41
ใจเย็นตอนนี้หล่อมากกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่34-เหนือผิวน้ำ ◑หน้า15 (ุ19/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 20-08-2017 20:53:32
รู้สึกยังผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่เลย

ถ้ามาอีกตอนทันทีน่าจะพ้นน้ำ.....
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่34-เหนือผิวน้ำ ◑หน้า15 (ุ19/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 20-08-2017 21:41:14
ใจเย็นเริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้นแล้วซินะ



ส่วนเป็นไทย ก็เริ่มเปิดเผยตัวตนที่เปราะบางของตัวเองให้ใจเย็นรับรู้มากขึ้น



ดีจังเลยนะ ต่อไปนี้ทั้งสองคนก็จะมีกันและกัน แบบจริงจังแล้ว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่34-เหนือผิวน้ำ ◑หน้า15 (ุ19/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 21-08-2017 02:50:01
ฮืออออ ชอบประโยคตอนจบมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่34-เหนือผิวน้ำ ◑หน้า15 (ุ19/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: toutnoir ที่ 23-08-2017 18:01:47
อ่า...กำลังจะเริ่มอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น
แวะเข้ามาบอกว่า รักนะคะ (⺣◡⺣)♡*
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่35-นราธิป ◑หน้า16 (ุ23/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 23-08-2017 18:32:12


35 – นราธิป


นราธิป แปลว่า ผู้เป็นใหญ่ในหมู่คน เป็นชื่อที่ถูกตั้งขึ้นเหมือนประชดคล้ายกับลูกชายของเขาที่จะเกิดในอีกสามสิบหกปีข้างหน้า นราธิปมีพี่ชายทั้งหมดสี่คน เขาเป็นคนสุดท้อง แต่ไม่ใช่คนสุดท้องที่ถูกโอ๋เอาใจ ทุกคนถูกเลี้ยงแบบตามมีตามเกิด อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่ แก่งแย่งชิงดีจึงมักเกิดในหมู่พี่น้อง ทั้งทุกคนเป็นผู้ชาย เลือดร้อน ไร้การอบรมที่ดี การแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงจึงเป็นเรื่องธรรมดา และธรรมดาที่นราธิปจะเป็นฝ่ายแพ้และตกเป็นเครื่องมือรองรับอารมณ์

นราธิปคับแค้น เก็บกด ขาดที่พึ่ง รู้สึกว่าตนไม่มีอำนาจ แต่ก็นั่นแหละที่ผลักดันให้เขาถีบตัวเองขึ้นมาจากจุดต่ำที่สุด เขาต้องการเป็นใหญ่ในหมู่คนให้สมชื่อ ไม่สนใจเสียงเยาะหยันปั่นหัวจากบรรดาพี่ชาย นราธิปคิดแค่ว่าพวกมันกลัวเขาจะได้ดีกว่า แม้วันที่ทุกคนเติบใหญ่และไม่วิวาทต่อยตี ไม่กลั่นแกล้งด้วยกำลังเหมือนเด็กๆ นราธิปก็ไม่คิดสมานฉันท์ด้วย ที่สมานก็เห็นจะมีแต่หน้ากากยิ้มแย้มบนใบหน้า ขณะที่เท้าเหยียบหัวใครต่อใครขึ้นไปเพื่อไต่เต้าให้ถึงจุดที่ต้องการ

แน่นอน แม้แต่หัวของพี่ชายตัวเองก็ไม่เว้น

สุดท้ายนราธิปไร้ญาติขาดมิตร แต่เขาก็ไม่สนใจถ้าตนเองจะประสบความสำเร็จ เขามีหน้าที่การงานที่ดี มีเงิน มีหน้าตาในสังคม เหลือแค่อีกอย่างคือผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่ชีวิต เขาต้องการสาวงามไว้เคียงข้างเพื่อประดับบารมี และเมื่อพบกับปราณี นราธิปก็หลงใหลความงามของหล่อนที่เป็นดังใจเขาทุกอย่าง

การแต่งงานถูกจัดขึ้นหลังคบหาดูใจไม่นาน ด้วยอายุอานามที่ใกล้วัยกลางคนจึงเป็นเหตุให้เขารีบลงหลักปักฐาน เขาคิดอยากมีลูกชายสักคนเพื่อสืบสกุล และก็สมดังปรารถนา ปราณีตั้งครรภ์ให้เขาตื่นเต้น และดีใจในวันที่ทารกตัวน้อยๆ ถือกำเนิดขึ้นมา

เป็นไท คือชื่อลูกชายของเขา เขาให้สิทธิ์ปราณีตั้งชื่อดังที่หล่อนต้องการ เพราะเขาก็หวังให้หล่อนและลูกเป็นดังใจเขาเช่นกัน ทว่าถัดจากนั้นไปอีกสามปี ความหวังก็กร่อนลงพร้อมการมาของวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่

นราธิปเหมือนถูกผลักให้กลับมายืนอยู่จุดต่ำสุดจุดเดิมที่เคยเหยียบหัวใครต่อใครไต่เต้าขึ้นไป แม้ไม่ได้ถูกลอยแพเหมือนพนักงานระดับล่าง แต่เขาก็ถูกบีบด้วยการลดขั้นเงินเดือน บีบด้วยการไม่มีงานให้ทำ ให้สำเหนียกตนเองได้ว่าที่นี่ไม่มีอะไรเหลือให้แล้ว และใกล้จะล้มตายเต็มที

เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตนเองกลับมาขาดไร้อำนาจ เป็นครั้งแรกที่อะไรๆ ก็กลายเป็นไม่ได้ดังใจ แม้แต่ปราณี เขาทะเลาะกับหล่อนบ่อยขึ้น และเป็นไทก็ชอบแผดเสียงร้องไห้ให้หนวกหู เขาไม่พอใจอะไรในบ้านเลยสักอย่าง แต่ขณะเดียวกัน บ้านก็เป็นสถานที่เดียวที่เขายังมีอำนาจ เขาจึงแผดมันออกไป อาละวาดผ่านผรุสวาทและกำลัง กระนั้นเขาก็ยังไม่พอใจ ไม่พอใจ ไม่พอใจ ไม่พอใจแม้แต่ลูกชายที่ตนเองเคยดีใจเมื่อเขาเกิดมา

และในวันที่นราธิปคิดว่าถ้าย้อนเวลาได้ เขาจะไม่ให้เด็กคนนี้เกิดมา ก็เป็นวันเดียวกันกับที่โทสะถูกเร่งเร้าผ่านฤทธิ์สุรา เขาตบตีปราณีจนลงไปกองกับพื้น ทุกอย่างเงียบงันก่อนแผดลั่นด้วยเสียงร้องไห้ของเป็นไท และเพราะหนวกหูไม่เป็นที่น่าพอใจ เขาจึงมุ่งตรงเข้าไปทุบตีลูกของตนเอง หวังให้หุบปากแต่เสียงร้องก็ยิ่งดังลั่น เขาจึงพูดทุกสิ่งเลวร้ายที่คิด ฉะฉานเต็มปากเต็มคำว่าไม่น่าเกิดมา ก่อนลากไปขังในห้องน้ำคล้ายที่ตนเองเคยถูกพี่ชายแกล้งเอาไปขังในโกดังเก็บของอยู่สองคืน

และแม้ได้ยินเสียงร้องไห้ทรมาน เขาก็ไม่เห็นใจ มันไม่จริงดังคำพูดที่ว่าคนที่ประสบพบเจอเรื่องเดียวกันย่อมเห็นใจกัน ความจริงแล้วจิตใจมนุษย์เฉยชากว่านั้น หลายครั้งที่มองเห็นคนตรงหน้าเดือดร้อนในเรื่องเดียวกันกับที่ตนเคยเจอ สายตาก็พาลทำเป็นมองไม่เห็นเอาเสียดื้อๆ และส่วนลึกที่สุดของจิตใจก็พร่ำพูดซ้ำไปซ้ำมา ฉันก็เคยเจอมา ฉันก็ผ่านมันมาได้ แกผ่านมันไปไม่ได้หรือ? งี่เง่าสิ้นดี พร่ำพูดเช่นนั้น ดังก้อง แต่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

นราธิปเองก็คิดแบบนั้น ทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัวเขาก็คิดมันกับลูกชายตนเอง การแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงกลับมาเป็นเรื่องปกติธรรมดา หนำซ้ำเขายังเสพติดมันอย่างน่าสมเพช ยังความเวทนาของเด็กชายตัวเล็กๆ ให้ทวีเท่า เขายังคงก่นด่าแทบทุกคืนวันว่าเป็นไทนั้นไร้ค่า ทั้งที่ใจเขาเองก็รู้ดีว่าเด็กคนนี้มีค่ากับเขา แม้จะเป็นด้านที่เลวทรามที่สุด เป็นไทก็มีค่าในฐานะเครื่องมือรองรับอารมณ์และความบ้าอำนาจซึ่งไร้ที่ลง

ดังนั้น ในวันที่เป็นไทประกาศตัวว่าจะไม่อยู่ในอำนาจของเขาอีกต่อไป แม้ตายก็จะหนีไปให้พ้น นราธิปพลันรู้สึกว่างเปล่า ว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์แบบคล้ายภาชนะที่โหวงว่าง และเป็นเขาเองนั่นแหละที่ไร้ค่า ไม่ใช่เป็นไท

นราธิปยอมถอยออกมาจากชีวิตของปราณีและลูกชาย เมื่อหมดสิ้นทุกสิ่ง เขาจึงต้องเริ่มใหม่ เริ่มจากศูนย์ ถ้าไม่เริ่มก็ตายอยู่ตรงนั้น นราธิปกลับไปทำงานเป็นที่ปรึกษาอาวุโสให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง ทุกอย่างดูเป็นไปด้วยดี แม้แต่ผู้คนเขาก็ยังพบเจอแต่คนดีๆ กระทั่งผู้หญิงดีๆ

หล่อนเป็นหญิงสาววัยกลางคนคนหนึ่ง ทำงานอยู่ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ หล่อนยิ้มสวย ใจดี เป็นมิตร น่าคบหา และเมื่อได้สานสัมพันธ์ นราธิปก็หวังกับหล่อนเอาไว้ว่าครั้งนี้มันต้องออกมาดี ครั้งนี้เขาต้องไม่ทำพลาดซ้ำสอง เขาหวังไว้ว่านี่จะเป็นการลงหลักปักฐานครั้งสุดท้าย

เขาไม่อยากอยู่คนเดียว

แต่แล้วหล่อนก็ไปกับคนที่หนุ่มกว่า

นราธิปบรรยายความรู้สึกออกมาไม่ถูกในครั้งแรกที่ได้รู้ เขาไม่แน่ใจว่าตนเองโกรธหรือเสียใจมากกว่ากัน แต่บางที ผิดหวัง น่าจะเหมาะกว่า และยิ่งหมดหวังเมื่อเจ้าหล่อนบอกเหตุผลกับเขาว่าเขาแก่เกินไป

ตื่นเช้าวันถัดมา นราธิปก็เหมือนจะได้กลิ่นของสิ่งที่หล่อนว่า กลิ่นของวันเวลาที่ล่วงเลยในร่างกายของเขา มันเป็นกลิ่นที่เคยได้ยินได้ฟังมาว่าคนแก่จะมีกลิ่นเฉพาะตัว แต่เขาก็ไม่นึกเลยว่ามันจะมาจากตัวเขาเองในวันหนึ่ง ให้พรั่นพรึงกระแสเวลาและยิ่งหวาดกลัวในความเดียวดาย

ปราณีที่เขาบังเอิญได้เจอจึงเหมือนฟางเส้นสุดท้าย เขาอยากกลับไปหาหล่อน หล่อนที่ไม่เคยหมดหวังในตัวเขา แม้จะไม่แน่ใจนักว่าเขารักหล่อน แต่ที่แน่ๆ เขารู้สึกผิดและอยากจะไถ่โทษ ใช่ เขาอยากไถ่โทษ ทั้งใช้เป็นข้ออ้าง และอยากจะทำมันจริงๆ ด้วยใจ

แต่เป็นไทดูจะไม่ให้อภัยเขา

อันที่จริง ต่อให้ไม่ต้องไปพบ เขาก็รู้ว่าเป็นไทจะไม่ให้อภัย นราธิปปวดร้าวทั้งที่ไม่คิดว่าจะรู้สึก เมื่อเห็นว่าเป็นไทหนีหน้าเขาถึงสองครั้ง หนีไปอย่างรวดเร็วจนแทบไม่มีเวลาให้เขาจดจำรูปลักษณ์ เขาเห็นผ่านแค่ว่าเป็นไทเป็นเด็กหนุ่มตัวสูง ปราดเปรียว โครงหน้าคล้ายแม่ ดังที่ว่าลูกชายหน้าคล้ายแม่จะดี หากนัยน์ตานั้น นราธิปรู้สึกว่าเป็นไทได้มันจากเขา

แต่เมื่อได้สบตาให้ชัดๆ ตรงหน้าตอนนี้ นราธิปก็รู้สึกว่าแววตานั้นไม่ได้ส่องสะท้อนความคิดที่คล้ายเขาเลยสักเศษเสี้ยว

“ที่ผมมา เพราะอยากรู้ว่าคุณต้องการอะไรจากผม”

เสียงทุ้มเอ่ย ก่อนที่เจ้าตัวจะหลุบตาลงต่ำ หนี คงใช่ นราธิปสัมผัสได้ว่าเป็นไทใช้ความกล้าพอดูกว่าจะมาพบเขาในวันนี้ ทั้งยังเป็นการนัดด้วยตัวเอง แต่ก็ยังหลงเหลือความหวาดหวั่นด้วยท่าทีที่ดูประหม่า และสายตาที่มองออกไปนอกกระจกร้านอาหารอยู่บ่อยครั้ง

เขานึกอยากจุดบุหรี่สูบสักมวน

“ค่อยๆ คุยกันก็ได้ หิวไหม สั่งอะไรก่อนก็ได้ ฉันเลี้ยง”

พยายามทำลายกำแพงน้ำแข็งในสนทนา แต่ก็ดูจะไม่ได้ผล เป็นไทลูกชายของเขาแค่เงียบ เงียบจนน่าอึดอัดในร้านอาหารที่เปิดเพลงเบาสบาย จนจังหวะที่เขาจะเรียกพนักงานมาสั่งอาหาร เป็นไทก็พูดขึ้น

“ผมคิดอยู่นานมาก พยายามคิดว่าคนที่เคยทำร้ายลูกตัวเองเหมือนเขาไม่มีจิตใจ จะกลับมาหาลูกทำไม และผมก็ไม่เชื่อด้วยว่าคุณอยากขอโทษ”

คำพูดเหล่านั้นเหมือนเป็นการจู่โจม นราธิปคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องเตรียมรับมือกับความสงสัยมากมาย รวมทั้งอย่างหนึ่งที่สำคัญที่สุด – ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ

“เข้าใจว่าจะไม่เชื่อ...”

“คุณไม่เข้าใจหรอก” เถียงคั่นขึ้นกลางประโยค “ที่คุณกลับมาเพราะคุณกลัวใช่ไหม เพราะคุณไม่เหลือใครทั้งที่กำลังแก่ลงเรื่อยๆ ...ผมพูดถูกหรือเปล่า”

ประโยคคำถามทำเอาเขาเงียบงัน ทั้งที่ไม่คิดว่าจะถูกรู้ทันแต่กลับถูกเปิดเปลือยจนทะลุปรุโปร่งด้วยสายตาที่ยังหวาดหวั่น นราธิปไม่อาจนึกคำโต้ตอบได้ อารมณ์คุกรุ่นขึ้นมาด้วยไม่พอใจ แต่ไม่ใช่ใครอื่น เขาแค่นึกโกรธตัวเขาเอง และความเงียบก็ดูเป็นคำตอบให้ลูกชายได้ดี

“กลายเป็นว่าตอนนี้ผมเพิ่งมีค่ากับคุณเหรอ”

อีกครั้ง นราธิปไม่อาจตอบ ทั้งที่เขาจะยกอะไรมาพูดก็ได้ ชักแม่น้ำทั้งห้ามาก็ได้ ในเมื่อสายตาของเป็นไทยังไม่ค่อยกล้าสู้หน้าเขา ยังหลบและมองออกนอกร้านอยู่บ่อยครั้ง แต่แล้วนราธิปก็รู้สึกว่าคิดถูกแล้วที่ไม่พูดอะไรออกไป เมื่อเป็นไทกลับมาสบตาเขาอีกครั้ง ด้วยหวาดหวั่นที่จางหาย

“ผมไม่ต้องการมีค่ากับคุณ มีคนทำให้ผมรู้แล้วว่าผมมีค่าในตัวผมเอง”

เพราะพูดอะไรออกไป ก็สู้ประโยคเหล่านี้ไม่ได้อยู่ดี

นราธิปไม่รู้จะพูดอะไรอีก กลับกลายเป็นว่าเขารับฟัง คล้ายกับที่เป็นไทในวัยเด็กรับฟังแต่คำด่าทอของเขา คำก่นด่าว่าไร้ค่าไม่น่าเกิดมา นราธิปเองก็เหมือนได้ยินมันจากปากเป็นไทตอนนี้ ทั้งที่คำพูดออกจะนุ่มนวลถนอมน้ำใจ เป็นไทบอกกับเขาให้ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีคนดูแลยามแก่ชรา ไม่ต้องห่วงเพราะผมไม่มีทางทิ้งคุณ ผมจะดูแลเอง

แต่ไม่ใช่ในฐานะลูก เพราะผมไม่ได้รักคุณแบบพ่อ

เมื่อจบการสนทนา และเป็นไทเดินออกจากร้านอาหารไป นราธิปได้แต่มองแผ่นหลังของลูกชายตนเองห่างออกไป ห่างออกไป ก่อนจะลับสายตาหลังบานประตูรถออดี้สีขาวคันหนึ่ง วินาทีนั้นเขานึกอยากวิ่งออกไปเท่าที่ร่างกายจะอำนวย วิ่งออกไปและกระชากเป็นไทลงจากรถ กรอกตะโกนใส่หู – แกมันไม่น่าเกิดมาเลย

ไม่น่าเกิดมาเจอพ่ออย่างเขาเลย










**************************************************************************************

- ตอนแรกไม่คิดว่าตอนนี้จะสั้นแบบนี้ เพราะปกติเขียนลงกระดาษก่อน อันนี้เขียนลง A4 ได้ 7 หน้า แต่พอลงคอม cordia new 14 ได้ 4 หน้านิดๆ เอง
- จะเห็นว่าแต่ละตอนสั้นยาวไม่เท่ากัน เรื่องนี้แยมไม่ค่อยแบ่งตอนที่ความยาวหน้าค่ะ จะเน้นเนื้อหากลมจบในตอน ไม่ตัดฉับระหว่างตอน เพราะงั้นอาจสั้นยาวไม่เท่ากันบ้าง

- อย่างไรก็ตาม ใกล้จบแล้วค่ะ ขอให้ติดตาม เอาใจช่วยใจเย็นกับเป็นไทจนจบด้วยนะคะ
- รักทุกคอมเม้น ถึงไม่เม้นก็รักนะคะ  :กอด1: (แต่เม้นจะรักมากเลย 55)

หรือส่งฟีดแบ้คในแท็ก #ใจเย็นกับเป็นไท ก็ได้นะคะถ้าเล่นทวิตเตอร์
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่35-นราธิป ◑หน้า16 (ุ23/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 23-08-2017 18:52:53
 :hao5: :hao5: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่35-นราธิป ◑หน้า16 (ุ23/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-08-2017 19:11:24
นราธิป ที่ในอดีตก็ถูกการแก่งแย่ง ชิงดี เป็นที่ระบายอารมณ์จากพวกพี่ๆ
ก็มาระบายลงกับลูกเมิ่อชีวิตตกอับ

แล้วลูก ที่ถูกพ่อทรมาน กักขัง ใช้ความรุนแรง โตขึ้น มีชีวิตเป็นของตนเอง
จะอยากไปใช้ชีวิตกับพ่อที่ทำเรื่องเลวร้ายกันตัวเองหรือ
ไม่เรียกพ่อ แถมบอกพ่อด้วยว่ามีคนที่เห็นเขามีค่าแล้ว
โอย......นราธิปสมควรเจ็บ  ก็เพราะตัวเองทำลายครอบครัวด้วยตัวเอง
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่35-นราธิป ◑หน้า16 (ุ23/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 23-08-2017 20:37:25
โอ้โห

เขียนได้เฉียบขาดมาก
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่35-นราธิป ◑หน้า16 (ุ23/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-08-2017 21:23:05
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่35-นราธิป ◑หน้า16 (ุ23/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 23-08-2017 21:51:54
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่35-นราธิป ◑หน้า16 (ุ23/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 23-08-2017 22:42:55
เขียนเก่งจริงๆ คมคาย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่35-นราธิป ◑หน้า16 (ุ23/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 23-08-2017 22:56:08
ดีใจกับเป็นไทที่ออกจากบ่วงใจได้สำเร็จ
แม้อาจจะยังทำได้ไม่สมบูรณ์นัก แต่อย่างน้อยก็มีจุดเริ่มต้น
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่35-นราธิป ◑หน้า16 (ุ23/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 24-08-2017 02:57:43
คนไม่ใช่ตุ๊กตานะคุณนราธิป จะไปได้ดั่งใจได้ยังไง
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่35-นราธิป ◑หน้า16 (ุ23/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 24-08-2017 19:37:09
ทุกคนคงมีเหตุผลของตัวเองสินะ...

ปล.ก่อนจบเค้าขอเห็นฉากเป็นไททำให้ใจเย็นเขินได้มั้ยยย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่35-นราธิป ◑หน้า16 (ุ23/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Atroce ที่ 24-08-2017 22:03:03
เป็นไท ก้าวข้ามมันมาได้แล้วใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่35-นราธิป ◑หน้า16 (ุ23/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 27-08-2017 23:35:02
ไรต์คะ คืออยากจะบอกว่า คุณเป็นคนที่เขียนเก่งมากๆจริงๆ คือบรรยายออกมาดีมาก เหมือนดึงตัวคนอ่านเข้าไปอยู่ในสถานการณ์นั้นๆ จมน้ำไปด้วยกัน พ้นน้ำไปด้วยกัน อ่านไปบางครั้งโคตรขนลุกอ่ะ ชอบมากๆค่าาา
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่36-เติบโต ◑หน้า16 (ุ31/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 31-08-2017 02:07:26


36 – เติบโต



พิชญะ กับ พริมา เป็นชื่อที่ถูกตั้งขึ้นโดยยึดพยัญชนะตัวแรกของคุณพิทักษ์เป็นหลัก โดยทั้งทิพย์และปัทมาก็ไม่เคยมีใครรู้ว่าก่อนที่ใจเย็นจะได้ชื่อว่าใจเย็นนั้น คุณพิทักษ์ให้สิทธิ์เกษราในการตั้งชื่อลูกชายอย่างอิสระ ทั้งยังไปสรรหาชื่อที่ขึ้นต้นด้วย ก.ไก่ มาเพื่อให้มีความใกล้ชิดชื่อของเกษราอีกด้วย

แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรอีกแล้วถ้าทิพย์และปัทมาจะรู้เข้าในตอนนี้ ความรักกลายเป็นแค่องค์ประกอบหนึ่งของชีวิต ไม่ควรจะเป็นจะตายกับมัน พวกหล่อนคิด เพราะพวกหล่อนผ่านมันมาแล้ว ผ่านความรักที่บิดเบี้ยวและการตัดสินใจที่บี้แบนไร้มิติ สุดท้ายมันก็ถูกตบกลับให้เป็นรูปเป็นร่างตามครรลองของโลกความจริง แต่ไม่ใช่ว่าพวกหล่อนไม่รู้สึก พวกหล่อนยังคงรู้สึก แค่อาจยากจะอธิบาย

สำหรับทิพย์ หล่อนยังคงรักคุณพิทักษ์ แม้หลายครั้งจะสับสนเมื่อมันดูเหมือนเจือจาง แต่หล่อนก็พบว่ามันไม่ได้น้อยลง แค่เรียบง่ายขึ้นเท่านั้น ลึกในใจที่เคยปรารถนาแค่ได้อยู่เคียงข้างแม้ต้องทำผิดนั้นเลือนหาย เหลือเพียงขอให้ได้เห็นในสายตา ได้รับรู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างก็เพียงพอ เรียบง่ายเพียงนั้น เรียบง่ายจนนึกเสียดายว่าหล่อนควรรู้สึกแค่นี้ตั้งแต่แรก

ส่วนปัทมา หล่อนไม่แน่ใจนักว่ารู้สึกอย่างไรกับคุณพิทักษ์ ในเมื่อตั้งแต่พริมาเกิด หล่อนก็คิดเรื่องลูกมากกว่าความรักฉันชู้สาว หล่อนเคยคิดถอนตัวออกจากบ้านอัครเสนีย์แต่ก็เปลี่ยนใจเพราะพริมา หล่อนคิดว่าลูกควรมีโอกาสเลือกเช่นกัน ไม่ใช่แค่หล่อนเลือก เพราะหล่อนก็เลือกผิดตั้งแต่มาเป็นเมียน้อยบ้านคนอื่น แล้วหล่อนยังจะเลือกออกไปเผชิญความลำบากโดยไม่ถามลูกสักคำอีกหรือ?

เพราะคิดแบบนั้น ปัทมาจึงปักหลักอยู่ไม่ไปไหน และก็กลายเป็นว่าลูกสาวของหล่อนได้เติบโตอย่างสมบูรณ์พูนพร้อมเคียงข้างพี่ชายอีกสองคน ปัทมาเห็นพริมามีสุขก็พอใจ คิดว่าดีแล้วที่ไม่เลือกจากไป ต่อให้จะได้ค่าเลี้ยงดูเท่าไหร่ก็คงไม่สุขสบายเท่าอยู่ที่นี่ หล่อนคิด และเฝ้ามองการเคลื่อนผ่านของชีวิตอย่างอ้อยอิ่งคล้ายควันบุหรี่ที่ลอยคว้างกลางอากาศ

กระทั่งวันแห่งความเปลี่ยนแปลงมาถึง วันที่ได้รู้ว่าเกษราจะฟ้องหย่า ทั้งทิพย์และปัทมากลับมาใคร่ครวญสถานะของตน ไม่มีอะไรมากไปกว่าว่าเมื่อคุณพิทักษ์หย่าแล้วจะกลับมาจดทะเบียนสมรสใหม่กับใคร แต่ก็ดูไม่ต้องคิดให้ยากในเมื่อทิพย์มีลูกชาย นั่นคือพิชญะ แม้ดูไร้หน่วยก้าน อ่อนน้อมถ่อมตนจนขาดไร้ภาวะผู้นำ แต่อย่างไรการเป็นผู้ชายก็ภาษีดีกว่า ทิพย์คิดแบบนั้น ปัทมาคิดแบบนั้น เห็นพ้องต้องกันและไม่มีใครออกตัวแสดงความรู้สึกใด เรื่องจึงเหมือนว่าปล่อยผ่าน แต่ที่จริงแล้วปัทมาก็แอบเก็บมาคิด

ถ้าประจบคุณพิทักษ์เสียหน่อย พะเน้าพะนอเอาอกเอาใจ เจื้อยแจ้วเจรจาอย่างที่หล่อนถนัด ไม่แน่คุณพิทักษ์อาจเลือกจดทะเบียนสมรสกับหล่อน และพริมาก็จะได้ในสิ่งที่ดีกว่า หล่อนคิด ทว่า ความรู้สึกกลับบอกว่าเปล่าประโยชน์ บอกว่าคุณพิทักษ์ไม่คิดจดทะเบียนสมรสใหม่ ไม่ใช่แค่กับหล่อน กับทิพย์เองก็ด้วย ความรู้สึกนี้ถูกย้ำในวันที่คุณพิทักษ์เดือดดาลสาดเสียงโวยวายตอนที่รู้ว่าถูกเกษราฟ้องหย่า และย้ำยืนยันให้แน่ใจในวันที่คุณพิทักษ์แพ้คดีความนี้ เขากลับมาอย่างหมดรูป ไม่ใช่แค่พ่ายแพ้เสียศักดิ์ศรี แต่เขาเสียความรัก อา ดูก็รู้ว่าเขารักเกษรามากที่สุดในบรรดาเมียทั้งสาม และสิ่งเดียวที่เหลือจากการพ่ายแพ้นี้ก็คือสวนดอกไม้ของเกษรา

ทั้งที่คิดว่าเขาอาจถมทำลายมันไม่ให้รกหูรกตา แต่สิ่งที่ทำคือดูแลเอาใจใส่ดอกไม้เหล่านั้น โอนอ่อนละเอียดลออจนหล่อนเผลอคิดว่าช่างน่าเอ็นดูเสียจริง ชายที่หักพังคนนี้ช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน

ตอนนั้นเองที่ปัทมาได้คำตอบว่าตัวหล่อนรู้สึกกับคุณพิทักษ์อย่างไร ดูเหมือนว่าท้ายที่สุดแล้วคนเราจะเคยรักกันแค่ไหน หรืออาจจะไม่รักก็ได้ หล่อนไม่ใส่ใจเรื่องนี้แล้ว เพราะมันไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการดูแลกัน ปัทมาตั้งใจ – หรือไม่ มันก็อาจเป็นความปรารถนาที่แปร่งประหลาด หล่อนอยากดูแลเขา และเขาก็ต้องตอบแทนด้วยการดูแลหล่อน สั้น ง่าย แค่นั้น

ขณะที่ทิพย์ออกจะแปลกใจอยู่เสียหน่อยที่คุณพิทักษ์ไม่คิดจดทะเบียนสมรสใหม่ เพราะหล่อนก็ไม่ค่อยจะสังเกตความเป็นไปของคนในบ้านเท่าไหร่นัก และหล่อนก็ตามคุณพิทักษ์ไม่ค่อยทันพอๆ กับที่ตามใครไม่เคยทัน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาอะไรตราบที่หล่อนยังได้อยู่ดูแลคุณพิทักษ์ ซึ่งถ้าชายคนไหนได้ล่วงรู้ความคิดของหล่อนก็คงพูดออกมาเต็มปากเต็มคำว่าคุณพิทักษ์ช่างโชคดี โชคดีเหลือเกิน ทั้งที่สร้างความวุ่นวายปั่นป่วนใจให้กับผู้หญิงถึงสามคน เขาก็ยังคงได้รับความรัก ต่อให้จะบอกออกมาว่าไม่ต้องการแล้ว ลึกๆ เขาก็ต้องการมันเป็นแน่ให้กับใจที่หักพัง ดังนั้นทิพย์จึงยังยินดีจะหยิบยื่นมันให้เขา และหวังให้ความเรียบง่ายของหล่อนนั้นสร้างความสุข หรืออย่างน้อยก็ไม่เป็นที่รบกวนป่วนปั่น ซึ่งสิ่งที่หล่อนกระทำก็ยังผลให้ลูกชายมีชีวิตที่สงบสุขและเป็นของตนเอง

พิชญะประกาศเรื่องสำคัญออกมาในเย็นวันอาทิตย์ของเดือนมิถุนายน ไม่ถึงกับประกาศกร้าว แต่ก็เป็นที่น่าประหลาดใจสำหรับคนอย่างพิชญะที่แทบไม่พูดอะไรสักคำบนโต๊ะอาหารหากไม่ถูกถาม พิชญะบอกว่าปีหน้าอยากไปเรียนต่อคณะวิศวกรรมที่ต่างประเทศ เขาตัดสินใจแล้ว เขาบอกแบบนั้น ก่อนบรรยากาศของมื้อเย็นจะเงียบกริบ อึมครึม อึดอัดด้วยเสียงช้อนส้อมกระทบจานอย่างเกรงใจ แล้วถูกตัดฉากด้วยคำพูดสั้นง่ายของคุณพิทักษ์

เอาสิ

เสียงถอนหายใจโล่งอกของพิชญะดังชัดอย่างไม่ตั้งใจ แต่ผู้เป็นพ่อแค่หัวเราะ ถามไถ่ว่าทำไมคิดจะไปเรียนที่นั่น หลักสูตรเป็นอย่างไร ศึกษาอะไรไว้แล้วบ้าง ถาม ถาม และถามเท่าที่พ่อคนหนึ่งจะเป็นห่วงเป็นใยลูก ขณะที่พิชญะดูตั้งรับไม่ทัน เหมือนเขาไม่ชินกับการถูกพ่อชวนคุยมากมายก่ายกอง แต่ถ้ามองลึกในแววตาก็จะเห็นได้ว่าเจ้าตัวกำลังดีใจ

ปัทมาเห็นดังนั้นก็พลอยนึกเอ็นดู พิชญะเหมือนคุณพิทักษ์ในรูปแบบที่กลับตาลปัตรกันทุกอย่าง ส่วนพริมา แน่นอนว่าคล้ายหล่อน แต่เมื่อเติบโตขึ้น พริมาอาจได้ทักษะการเจรจาต่อรองกับบุคคลอื่นอย่างมีชั้นเชิงกว่านี้ถ้าหากคุณพิทักษ์เหลือเพียงลูกสาวที่รับช่วงต่อธุรกิจ ปัทมาคิด แม้คิดพลิกไปมาอีกว่าทั้งใจเย็นและพิชญะก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนใจไม่ได้ แต่หล่อนก็คิดเอาไว้ คิดอย่างคนเป็นแม่ที่อยากให้ลูกมีโอกาสเลือกเสมอมา

แต่พริมาไม่ใคร่จะเข้าใจนัก

ท่ามกลางฝนเช้าวันหนึ่ง หล่อนนั่งลงริมระเบียง จุดบุหรี่ แต่ไม่ทันสูบให้ปอดลิ้มรส พริมาเดินเข้ามาหาหล่อน เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยคำถาม แต่สุดท้ายก็คั้นเค้นออกมาเพียงคำถามเดียว

แม่รักพ่อบ้างไหม?

ไม่รู้ทำไมพริมาถึงถามคำถามนี้ บางทีมันอาจเป็นแก่นหลักใจความของทุกสงสัยที่เด็กคนนี้มี และแม้ปัทมามีคำตอบอยู่ในหัว หล่อนก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้เด็กสาววัยกำดัดเข้าใจ หล่อนพยายามกลั่นกรองความรู้สึกจริงออกมาเป็นคำพูด แต่ก็ดูเหมือนจะล้มเหลว เห็นได้ชัดจากคิ้วที่ขมวดมุ่นของพริมา และคำถามที่พร่างพรูตามจนตอบไม่ทัน หล่อนได้แค่สูบบุหรี่จนอาจเหมือนไม่แยแสอะไร

เรื่องที่พ่อไม่คิดจดทะเบียนใหม่ แม่รู้อยู่แล้วใช่ไหม? เพราะแบบนั้นเลยให้พริมสนิทกับพี่พิชญ์ไว้ใช่ไหม? แต่พี่พิชญ์ก็ได้เลือกทางของตนเองแล้ว แม่จะทำอย่างไรต่อ? พริมาถาม ถาม และถาม ราวจะแข่งกับสายฝนที่เริ่มเทลงมาหนักขึ้น แต่ช่างน่าเศร้าเหลือเกินที่ในคำถามเหล่านั้น ปัทมาจับคำถามแท้จริงที่พริมาอยากถามได้

‘แม่รักพริมบ้างไหม?’

วาบคำถามนั้นในห้วงคิด ปัทมาบี้ดับไฟปลายมวนบุหรี่ ทิ้งมันลงถังขยะ ลุกจากเก้าอี้เดินตรงไปหน้าพริมา จับไหล่ทั้งสองข้างของหล่อนอย่างเบามือและจับจ้องลึกลงในแววตาและความรู้สึก

“พริม โตขึ้นลูกอยากเป็นอะไร”

“ทำไมแม่ไม่ตอบคำถามพริมก่อน”

“ช่วยตอบคำถามนี้ของแม่ก่อนนะ แล้วแม่จะบอกทั้งหมดเลย”

พลันพริมาอึกอัก หล่อนหลุบตาหนี แต่ก็ยอมตอบคำถาม

“ตอนนี้อยากเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์...พริมเพิ่งเปิดแชแนลของตัวเอง”

“อื้ม อนาคตล่ะ”

“อยากเป็นช่างแต่งหน้าให้เซเลบริตี้ในวงการแฟชั่น”

“มีอีกไหม”

“อยากมีแบรนด์เครื่องสำอางของตัวเอง แล้วทำให้แบรนด์นั้นไปถึงระดับโลก อ่า...ที่บอกว่าอยากเป็นช่างแต่งหน้าให้เซเลบริตี้ จริงๆ พริมก็อยากเป็นมันซะเองด้วย...”

“ลูกมีความฝันเยอะมากเลยนะ”

“มันคงเยอะไปใช่ไหมคะ อีกอย่างพริมคงไม่ได้ทำมัน...”

“ไม่หรอก พริมฟังแม่นะ” ปัทมาเอ่ยเสียงหนักแน่น บีบไหล่พริมาแรงขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่นั่นก็เหมือนเป็นการกระตุ้นให้ดวงตากลมโตสดใสของพริมากลับมาสบตา

ปัทมายิ้ม ก่อนเอ่ยออกไปชัดถ้อยชัดคำ

“พริมอยากเป็นอะไร พริมก็เป็นมันให้หมดเลยสิ แม่สนับสนุนเต็มที่ทุกอย่าง”

แม้เสียงฝนฟ้าคำรามลั่น แต่หล่อนมั่นใจว่าพริมาได้ยิน เพราะดวงตาของเด็กสาวที่กลมโตอยู่แล้วก็ยิ่งเบิกกว้าง ก่อนที่หยาดน้ำจะไหลรินออกมา พร่างพรูลงมาแข่งกับสายฝนในเวลานี้ ซึ่งก็เป็นเวลาที่ปัทมาโอบกอดลูกสาวของตนเอาไว้

โอบกอดเอาไว้ หลังจากตอบคำถามที่พริมาค้างคาใจมาตลอด

หมดฝนเช้านั้น ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้มไม่สว่างดีนัก แต่จากระเบียงห้องของปัทมา หล่อนสามารถมองเห็นสวนดอกไม้ของเกษราอยู่ไกลๆ และเพราะเห็นคุณพิทักษ์ยืนอยู่ตรงนั้น ปัทมาจึงลุกจากเก้าอี้ หยิบผ้าคลุมมาพาดบ่า เมื่อเดินเกือบถึงตัวคุณพิทักษ์ หล่อนเห็นเขายิ้ม บางเบา

“ยิ้มอะไรคนเดียวคะคุณ”

“อ้าว ปัทม์” คุณพิทักษ์หันมาแบบเพิ่งรู้ตัว

“ชื่นชมผลงานตัวเองเหรอคะ”

“ไม่เชิง ที่จริง...ใจเย็นเพิ่งโทรมาหาผมน่ะ”

น่าเอ็นดู – ปัทมาเผลอคิดคำนี้อีกครั้ง กับชายผู้แหลกสลายหักพังและยิ้มดีใจเพียงเพราะลูกชายโทรมา

“พริมอยากทำแบรนด์เครื่องสำอางเหรอ”

“เอ๊ะ... รู้ได้ไงคะ?”

“ใจเย็นบอกน่ะสิ” ปัทมาพยักหน้าร้องอ๋อ หล่อนพอจะเห็นภาพพริมาโทรไปเจื้อยแจ้วหลายสิ่งหลายอย่างให้พี่ชายคนโตฟัง “ได้รู้ก็ยิ่งทำให้คิดว่าไม่มีลูกคนไหนรอสืบธุรกิจของผมเลยสักคน”

“นั่นสิ แต่เมื่อกี้คุณยังยิ้มอยู่เลยไม่ใช่เหรอ”

“ก็ใจเย็นนั่นแหละ มันบอกว่าถ้าไม่มีใครรับช่วง เดี๋ยวผมรับเองก็ได้” พูดถึงตรงนี้คุณพิทักษ์หัวเราะในลำคอ “ใช้คำว่า ‘ก็ได้’ เนี่ย พูดเหมือนมันเป็นของเหลืองั้นแหละ”

“ก็สมเป็นใจเย็นดีนะคะ”

คุณพิทักษ์หัวเราะเบาๆ อีกครั้ง ไม่ได้พูดอะไรต่อ ปัทมาลงความเห็นว่าเขาดูสุขุมขึ้นมากตั้งแต่เกษราและใจเย็นไปจากบ้านหลังนี้ ซึ่งหล่อนก็ว่าเขาแบบนี้น่าเอ็นดูกว่า จำไม่ได้ว่าคิดแบบนี้ครั้งที่เท่าไหร่ทั้งที่เขาแก่กว่าหล่อน แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ

รู้สึกตัวอีกที ท้องฟ้าที่มืดครึ้มก็เปิดโล่ง แสงแดดหลังฟ้าคะนองให้ความรู้สึกอ่อนโยน สว่างไสวขับสีสดใสของดอกไม้ หยาดน้ำที่พร่างพรมบนกลีบอ่อนช้อยก็ดูราวสวมใส่เครื่องประดับ ปัทมาเข้าใจเกษราขึ้นมานาทีนั้นว่าทำไมหล่อนหลงรักดอกไม้เป็นนักหนา ปัทมานึกถึงหล่อน นึกถึงผู้หญิงที่เคยไปทำผิดต่อหล่อนเอาไว้ แม้ไม่เคยพูดคุยเรื่องนี้กันตรงๆ เพราะปัทมาไม่เคยคิดขอให้หล่อนยกโทษให้

แต่ปัทมาก็คิดขอให้หล่อนตอนนี้มีความสุข

“ดอกไม้สวยดีนะคะคุณพิทักษ์”

“อืม”

อีกอย่าง ดอกไม้ของเกษราสวยงามมิใช่เพียงเพราะเราได้เฝ้ามองมันเติบโต แต่ดอกไม้เองก็เฝ้ามองผู้คนเติบโตและก้าวผ่านสิ่งต่างๆ ไปด้วยเช่นกัน














************************************************************************************

- นี่มันนิยายครอบครัวใช่มั้ยตอบ 55
- อิตาคุณพิทักษ์โชคดีมากที่เจอผู้คนประมาณนี้ ปกติน่าจะโดนบรรดาเมียปั่นหัวไม่ก็หักเหลี่ยมกันเองมหาศาลบานบุรี
- ตอนนี้ฟ้าเปิดจริงๆ แล้วนะคะ หวังว่าจะไม่อึมครึมแล้ว
- ใกล้จบแล้วค่ะ วางไว้อีกสองตอน และส่งท้ายอีกหนึ่งตอน
- คิดว่าตอนแบบนี้น่าจะคอมเม้นไม่เยอะ ทั้งใจเย็นทั้งเป็นไทไม่โผล่เลย แต่ถ้าติดตามอยู่ก็ส่งฟีดแบ้คกันบ้างนะคะ
- ขอบคุณทุกคอมเม้นจริงๆค่ะ แยมได้อ่านหมดเลย ทุกคำชมคำติคำให้กำลังใจ เป็นกำลังให้แยมได้มากจริงๆ สัญญาว่าจะพัฒนางานให้ดีขึ้นต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ

 :กอด1:   #ใจเย็นกับเป็นไท
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่36-เติบโต ◑หน้า16 (ุ31/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 31-08-2017 03:17:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่36-เติบโต ◑หน้า16 (ุ31/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 31-08-2017 09:08:12
เป็นคนที่โชคดีจริงๆ นะคุณพิทักษ์ทั้งที่ทำให้ผู้หญิงดีๆ ต้องเสียใจ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่36-เติบโต ◑หน้า16 (ุ31/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 31-08-2017 09:26:26
สุดท้ายชีวิตก็เท่านี้ ดูเหมือนรุ่นพ่อแม่แต่ละคนจะปลงและรับได้แล้ว (มั้ง)
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่36-เติบโต ◑หน้า16 (ุ31/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 31-08-2017 16:42:34
ไม่ว่าจะหักพังสักแค่ไหน ต้องอยู่อย่างอึมครึมสักเท่าไร คนเราก็มีตัวเลือกไม่มากนัก

ชีวิตก็ต้องเดินต่อไป และมันจะดิ้นรนหาทางรอดเองแหละ

ดูเหมือนทุกคนจะ "รอด" จากสถานการณ์บีบคั้นได้ดีพอสมควร

ฟ้าใสเนอะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่36-เติบโต ◑หน้า16 (ุ31/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-08-2017 18:10:37
ไม่ว่าจะหักพังสักแค่ไหน ต้องอยู่อย่างอึมครึมสักเท่าไร คนเราก็มีตัวเลือกไม่มากนัก

ชีวิตก็ต้องเดินต่อไป และมันจะดิ้นรนหาทางรอดเองแหละ

ดูเหมือนทุกคนจะ "รอด" จากสถานการณ์บีบคั้นได้ดีพอสมควร

ฟ้าใสเนอะ

ใช่เลย
ชีวตเหมือนดำเนินไปแบบราบเรียบขึ้น
ทุกคนได้คิด ตอบโจทย์ได้
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4::pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่36-เติบโต ◑หน้า16 (ุ31/8/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 31-08-2017 23:25:06
คนเรามักจะเห็นคุณค่าของกันและกันก็ต่อเมื่อสูญเสียมันไปแล้ว

แต่ในเคสนี้อาจเป็นสิ่งที่ดีกับคนที่เหลือทั้งหมดก็ได้
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่37-แสงสว่าง ◑หน้า16 (ุ4/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 04-09-2017 19:35:35


37 – แสงสว่าง



ถ้าไม่นับว่าอากาศเย็นสบายขึ้นมาบ้าง เป็นไทก็ไม่เคยชอบฝนตก เขาไม่ชอบเวลาที่อยู่ข้างนอกแล้วต้องโดนฝน เปียกชื้น เหนอะหนะ ที่แย่คือทำให้ไม่สบาย หรือต่อให้ไม่ออกไปตากฝน หลายครั้งฝนกลับยิ่งปลุกปั่นให้อากาศร้อน ชื้น เหนียวตัว ส่งกลิ่นอับในห้องที่อากาศไม่ถ่ายเท ผ้าที่ตากก็แห้งช้า เป็นไทนึกข้อดีของฝนได้น้อยมาก และข้อที่แย่ที่สุดคือฝนมักมาพร้อมกับไฟดับ

ยิ่งเป็นฝนตอนกลางคืน เป็นไทยิ่งตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์ ปกติแล้วเขาจะมีเทียนกับเชิงเทียนเล็กๆ เผื่อไว้ตามแต่ละจุดของบ้าน เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก จนออกมาอยู่ที่คอนโดของปรายก็ยังมีติดไว้ แต่พอย้ายออกมาอยู่หอพักคนเดียวตั้งแต่เริ่มทำงาน เขากลับลืมเรื่องนี้ หรือนึกได้ว่าจะซื้อก็เป็นตอนที่ไม่สะดวก นึกได้อีกทีก็กลายเป็นว่ากลับมาห้องแล้ว พร้อมกับความคิดที่ว่าไม่เป็นไร ใช้โหมดไฟฉายในโทรศัพท์มือถือเอาก็ได้ อีกอย่าง ไฟก็ไม่น่าจะดับบ่อยขนาดนั้น

กระทั่งวันที่ใจเย็นขึ้นมารอฝนหยุดตกที่ห้องเขานั่นแหละ

มันเป็นต้นเดือนกรกฎาคมที่ฝนตกกระหน่ำ หนักขนาดที่ว่ากระจกหน้ารถกลายเป็นม่านน้ำดีๆ ที่ปัดน้ำฝนก็เอาไม่อยู่ เป็นไทจึงไม่อยากให้ใจเย็นขับรถกลับทั้งแบบนี้หลังจากมาส่งเขาที่หอพัก ซึ่งใจเย็นก็เออออเห็นด้วย ก่อนจะทำให้เขานึกหมั่นไส้อยากถีบกลับเข้ารถตอนที่เจ้าตัวยิ้มกว้างเหมือนเด็กๆ และเอ่ยคำ

“เป็นห่วงผมนี่ครับ”

ทั้งที่มันจริงตามนั้นแต่เป็นไทก็นึกหมั่นไส้ ที่สำคัญ หลังจากให้ดอกสวีทพีกับเขาในวันนั้น หลังจากช่วยพาเขาก้าวผ่านอดีตของตัวเองได้ ใจเย็นก็ยิ่งทำตัวน่าหมั่นไส้เป็นพิเศษ ราวกับไปเก็บกดมาจากไหน หรือบางทีเขาเองนั่นแหละที่ทำให้ใจเย็นเก็บกดด้วยข้อตกลงที่เคยสร้างขึ้น การแก้แค้นจึงมาในรูปแบบคำพูดที่ดักทางและรู้ทันแทบทุกความรู้สึกของเขา ไม่พอ ถ้าเรื่องไหนเป็นที่น่าพอใจก็จะยิ้ม ยิ้มเหมือนหยอกเขาอย่างไรอย่างนั้น เป็นไทจึงตั้งใจว่าให้ตายก็จะไม่บอกว่าเก็บดอกสวีทพีที่ให้มาไว้ในหนังสือ ทับไว้เป็นดอกไม้แห้งเพื่อให้มันคงอยู่ตลอดไป

อย่างไรก็ตาม ถ้าคำพูดดักทางทำให้เขาหมั่นไส้ คำพูดจากความรู้สึกของใจเย็นเองกลับทำให้เขาพ่ายแพ้ ยิ่งพูดด้วยสีหน้าตายเหมือนเป็นเรื่องปกติมากเท่าไหร่ เป็นไทยิ่งรู้สึกว่าอากาศร้อนอบอ้าวขึ้นมามากเท่านั้น

“ถ้าฝนตกหนักทั้งคืนก็ดีนะครับ”

และก็ได้อบอ้าวเข้าจริงๆ เมื่อใจเย็นพูดจบ เสียงหม้อแปลงระเบิดแว่วมาแต่ไกล พร้อมกับแสงไฟที่ดับวูบให้ความมืดห่มคลุมแทบทุกตารางสายตา

เป็นไทตกใจกับชั่ววูบนั้น ซ้ำยังตกใจกับตัวเองด้วย เพราะทั้งที่คิดว่าคงไม่กลัวเท่ากับเมื่อก่อน ในเมื่อเขาก้าวผ่านอดีตมาได้แล้ว พ่อที่เคยขังเขาไว้ในความมืดก็เปลี่ยนเป็นคนละคนแล้ว แต่เขากลับยังกลัว ยังยืนตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก ให้พบว่าความจริงแล้วมันเป็นคนละเรื่องกับการก้าวผ่านพ่อของตนเองมาได้ คล้ายมันเป็นหลักฐานยืนยันอดีตที่เคยเกิดขึ้น คล้ายรอยแผลเป็นบางรอยจากการถูกทำร้ายบนแผ่นหลัง เขาตื่นตระหนกอยู่แบบนั้นกระทั่งแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือของใจเย็นสว่างโร่

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

“...ไม่เป็นไรแล้ว”

บอก แม้จะไม่จริงทั้งหมด แต่โหมดไฟฉายของโทรศัพท์มือถือก็ช่วยเขาไว้ได้มาก เป็นไททิ้งตัวนั่งลงบนเตียงที่อยู่เบื้องหลัง ขณะที่ใจเย็นนั่งลงบนเก้าอี้ของโต๊ะอ่านหนังสือที่อยู่ข้างเตียง วางโทรศัพท์มือถือในบริเวณที่แสงไฟจะส่องสว่างทั่วบริเวณที่เขาสองคนนั่งอยู่

ห้องที่เป็นไทย้ายออกมาอยู่เป็นห้องเล็กๆ เหมาะสำหรับการอยู่คนเดียว เฟอร์นิเจอร์เป็นแบบบิลท์อิน ที่เหลือก็เหมือนหอพักทั่วไป แค่ระเบียงจะค่อนข้างกว้าง ยิ่งเปิดโอกาสให้สายฝนตอนนี้ทิ้งตัวเข้ามาดังอึกทึก และถึงใจเย็นจะชอบชวนไปอยู่ด้วย เขาก็ปฏิเสธ ไม่ใช่ว่าไม่อยากอยู่ด้วย

แต่เป็นไทเห็นภาพเลยว่าใจเย็นคงแทบไม่ให้เขาต้องออกค่าใช้จ่ายอะไรเลย ทั้งโดยรู้ตัว และไม่รู้ตัว

“เล่าเรื่องผีกันไหมครับ”

“ส้นตีนเหอะ” เขาตอบไปทันควัน

“ก็เห็นเป็นไทเงียบ”

ได้ฟังก็ทำให้คิดว่าอีกฝ่ายคงเป็นห่วงเขา แต่เลือกหัวข้อสนทนาอย่างกับจงใจแกล้ง

“มึงเชื่อเรื่องผีด้วยหรือไง”

“ไม่เชื่ออะ”

“กะละ”

“แต่เผื่อเล่าแล้วเป็นไทกลัว กระโจนมากอดผม”

“เกลียดมึงตอนนี้เลยได้ไหม”

“เป็นไทไม่เกลียดผมหรอก”

“เกลียด”

“ผมไม่เชื่อพอๆ กับเรื่องผีแหละ”

พลันแสงไฟดับวูบจังหวะเดียวกับที่เป็นไทกำลังจะโต้ตอบ ซึ่งนั่นทำให้คำพูดถูกกลืนหาย ความกลัวเข้ามาแทนที่ ก่อนค่อยๆ แผ่วจางเมื่อกลับมามีแสงสว่าง แม้อ่อนจางเพราะเป็นแค่แสงจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือของใจเย็น

“แบตมันจะหมดน่ะครับ”

“ใช้ของกูก็ได้” เอ่ย ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองขึ้นมาเปิดโหมดไฟฉาย แสงสว่างกลับมาอีกครั้งให้เขาสบายใจ

“ผมอยากให้ไฟมาสักที”

“ร้อนเหรอ ไปเปิดหน้าต่างดิ”

“ไม่ร้อนหรอก แต่ผมไม่อยากให้เป็นไทอยู่ในความมืด”

จบประโยคนั้น เป็นไทไม่รู้จะโต้ตอบอะไร อาจเป็นเหมือนทุกทีที่เขาได้ฟังความรู้สึกของใจเย็นเกี่ยวกับตัวเขาเอง ตรง ทื่อ แต่ก็ทำให้เขาแพ้ทาง ที่เอาชนะได้คงมีแต่การด่ากลับแบบไม่จริงจังอะไร เพียงตอนนี้เขาปล่อยเงียบ ให้เสียงฝนดังชัดกว่าเสียงใดๆ  ทว่าในจังหวะที่ใจเย็นเริ่มพูดบางคำออกมา เขาก็มีสิ่งที่จะพูดออกไปพอดี

“มึงพูดก่อนเลย”

“เป็นไทก่อนก็ได้”

ได้ฟังคำย้อนมา เป็นไทจึงไม่คิดโยนกลับให้เสียเวลาอีกรอบ

“ก็...กูไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงยังกลัวความมืดอยู่เหมือนเดิม”

“ผมว่าบางทีความกลัวเป็นสิ่งที่ดีนะ”

“แต่ความกลัวของกูมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยนี่หว่า”

“ก็จริงครับ ตามธรรมชาติความกลัวมีประโยชน์ในการเอาชีวิตรอด ในการกระตุ้นตัวเองให้ทำอะไรบางอย่างให้ดีขึ้น แต่ของเป็นไทมันไม่ใช่”

“เออ แล้วก็ไม่รู้จะทำยังไงกับมันด้วย”

“ผมจะหาทางช่วย”

ใจเย็นเอ่ย สบตาเขาด้วยแววตาเหมือนที่เคยเป็นมา แววตาที่เขาทั้งชอบทั้งชัง แต่ในวันนี้เขาอาจไม่เหลือความชังแววตานี้อีกแล้ว เพราะเขารู้แล้วว่ามันเป็นแววตาที่บอกกับเขาว่าเขามีค่า ไม่เหมือนกับแววตาของพ่อที่เคยมองมาอย่างว่างเปล่า และต่อให้เป็นไทได้เห็นว่าแววตาของพ่อไม่เหมือนเดิมแล้ว พ่อเห็นค่าในตัวเขาแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับแววตาของใจเย็นมันก็ยังดูต่างกันราวกับ –  ไม่สิ อาจไม่มีอะไรเทียบได้ด้วยซ้ำ

“จะช่วยยังไง”

เป็นไทถามออกไปไม่จริงจังนัก เสียงฝนด้านนอกยังไม่สร่างซาแม้แต่น้อย

“ตอนนี้ก็กลัวเป็นเพื่อนไปก่อน”

“มึงไม่กลัวความมืดไม่ใช่หรือไง”

“ความรักก็คือความกลัวเหมือนกันนะครับ”

“อะไรของมึงวะ”

เป็นไทสวนทันควันกับหัวข้อที่ไม่คิดว่าจะพูดขึ้นมา ซึ่งใจเย็นก็แค่ยิ้ม ขณะที่เขานึกอยากลุกหนีไปเปิดหน้าต่างห้อง

เพราะเริ่มรู้สึกว่าห้องนี้ร้อนขึ้นทุกที

“ยิ่งรักเดียวใจเดียวก็ยิ่งกลัว”

ใจเย็นพูดต่อ รอยยิ้มเจือจาง เป็นไทไม่อยากถูกคำพูดของอีกฝ่ายไล่ต้อนจึงต่อบทสนทนา กลัวถูกหักหลัง? กลัวทุ่มเทไปแล้วไม่ได้อะไรกลับคืนมา? สิ่งที่เขาถามออกไปเป็นเรื่องพื้นฐาน รู้ว่าใจเย็นคงคิดซับซ้อนกว่านั้น และก็จริงดังคาดเมื่อใจเย็นตอบคำถามมา แม้ไม่ได้พูดดัง แต่ฟังชัดท่ามกลางเสียงฝน – ก็ใช่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด

“ผมว่ารักเดียวใจเดียวคือความกลัวว่าจะไม่ได้ให้ทั้งหมดที่เรามี แค่เหตุผลนี้ก็ทำให้คนเราไม่คิดอยากหาคนอื่นแล้ว”

รอยยิ้มเจือจางหายไปแล้ว เหลือแต่ความจริงในแววตา แววตาที่เขาชอบ และคำพูดก็เหมือนสะกดเขาเอาไว้ให้ไร้คำตอบโต้ หรืออาจจะเหลือรอดไว้ให้แค่คำคำเดียววนซ้ำไปซ้ำมาในใจ มันเป็นคำติดปากของใจเย็น

“เพราะงั้นผมเลยไม่เข้าใจว่าทำไมรักเดียวใจเดียวถึงต้องยับยั้งชั่งใจ”

งั้นเหรอ

คำถามทวนนั้นดังซ้ำๆ ในใจ

งั้นเหรอ มุมมองความคิดของคนคนนี้เป็นแบบนี้เองสินะ ความจริงแล้วเข้าใจทุกอย่างดี แต่แค่เป็นรูปแบบที่แปลกกว่าคนอื่นเท่านั้น เท่านั้นเอง

ขณะเดียวกัน ความแปลกนั้นยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าอากาศร้อนอบอ้าวขึ้นทุกที ทุกที

“ตอนนี้ผมแค่อยากให้ ให้อะไรก็ได้ จะทั้งหมดเลยก็ได้ถ้าทำให้เป็นไทหายกลัวความมืดได้”

ไม่มีการต่อสนทนาหลังประโยคทั้งหมดนี้ เป็นไทแค่ปล่อยให้เงียบ ให้เสียงฝนช่วงชิงลื่นไหลของสนทนา แต่ก็ไม่เป็นไร เขาอยากให้เรื่องราวดำเนินไปเช่นนี้ ให้ความรู้สึกจากแววตาสะท้อนก้องดังชัด จากนั้น ไม่ทันให้ใจเย็นตั้งตัว เป็นไทใช้เท้าลากขาเก้าอี้ล้อเลื่อนให้เข้ามาใกล้เขา ก่อนดึงปกเสื้อเชิ้ตของคนบนเก้าอี้ให้โน้มตัวมาใกล้

และมอบจูบแผ่วเบาประทับลงบนริมฝีปาก

อากาศร้อนอบอ้าวจนเหมือนถูกสุมไฟในกาย เขาหลับตาในอื้ออึงของสายฝน เห็นความมืดหลังเปลือกตา รู้สึกได้ว่ากว่าครึ่งห้องตอนนี้ถูกปกคลุมด้วยมืดมิด แต่ก็ไม่เป็นไรเลย ต่อให้แสงสว่างที่หลงเหลือจะกลายดับวูบก็ไม่เป็นไร

เพราะเขามีใจเย็นแล้ว

มีคนคนนี้ก็พอ

แสงสว่างหนึ่งเดียวของเขา








****************************************************************************
ในที่สุดก็ได้อธิบายแล้วว่าทำไมใจเย็นไม่เข้าใจคำอธิบายง่ายๆ เปรียบเทียบให้เห็นชัดของคุณเกษรา  :hao5: 
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่37-แสงสว่าง ◑หน้า16 (ุ4/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: 177266 ที่ 04-09-2017 21:01:58
โอ้ยยยยย ชอบเรื่องนี้มากค่ะ ขนาดไปค้นเมลล์หาชื่อกับรหัสผ่านที่ลืมไปแล้ว5555 เอาเป็นว่าเป็นกำลังใจให้นะคะ เป็นนิยายคุณภาพมาก ลึกซึ้ง มีไม่กี่เรื่องที่ต้องอ่านประโยคหนึ่งซ้ำๆเพราะอยากเข้าใจมันจริงๆ อินประหนึ่งเป็นไทที่พยายามเข้าใจใจเย็น /// รออออออ ตอนหน้านะคะ :oni3: :ped149:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่37-แสงสว่าง ◑หน้า16 (ุ4/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 04-09-2017 21:25:15
เป็นคำบอกรักที่ใจเย็นมาก......ซับซ้อนได้อีกพ่อคู๊ณณณณณณณ

และเป็นคำตอบรักที่เป็นไทมาก.......แมน ๆ เตะบอล จูบเลย

น่ารักอ้ะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่37-แสงสว่าง ◑หน้า16 (ุ4/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-09-2017 23:13:32
+เป็ดค่ะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่37-แสงสว่าง ◑หน้า16 (ุ4/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 05-09-2017 02:38:15
กรี้สสสสส //คนเขียนตัดแพนเข้าโคมไฟใช่มั้ยย :ling1:

หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่37-แสงสว่าง ◑หน้า16 (ุ4/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 05-09-2017 08:20:18
ว้ายยย  :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่37-แสงสว่าง ◑หน้า16 (ุ4/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 05-09-2017 09:10:52
จะแค่จูบหรือมากกว่านั้นเนี่ย แต่บรรยากาศโคตรเป็นใจเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่37-แสงสว่าง ◑หน้า16 (ุ4/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-09-2017 12:48:44
เป็นคำบอกรักที่ใจเย็นมาก......ซับซ้อนได้อีกพ่อคู๊ณณณณณณณ

และเป็นคำตอบรักที่เป็นไทมาก.......แมน ๆ เตะบอล จูบเลย

น่ารักอ้ะ

แฮะๆ......บรรยากาศก็เป็นใจ๊ เป็นใจ
เป็นใจกับใจเย็นที่ซู้ด
เป็นไท เริ่มแบบนี้ ใจเย็น ใจฟูฟ่องเลย
เอิ่มมมม........ไรท์ต่อนะ อย่าเปลี่ยนเรื่องล่ะ  :ling1: :ling1: :ling1:
รอ  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่37-แสงสว่าง ◑หน้า16 (ุ4/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: chubbymeuk ที่ 05-09-2017 21:15:57
กรี๊ดดดดด มาต่อสะะ ฮือๆๆๆๆ   :z3:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่37-แสงสว่าง ◑หน้า16 (ุ4/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: mam79 ที่ 06-09-2017 10:42:25
ฮืออออออแ ทำไมดีต่อใจขนาดนี้คะ!
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่37-แสงสว่าง ◑หน้า16 (ุ4/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 06-09-2017 22:53:35
เราพยายามอ่านทุกคำพูดและความคิดของใจเย็นอย่างใจเย็น คิดว่าเข้าใจใจเย็นในแบบของเราแล้ว แต่ไม่รู้จะอธิบายยังไง แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเข้าใจใจเย็นถูกไหม  :laugh: ชอบทุกตัวละครของเรื่องนี้เลยค่ะ ทุกคนมีความบิดเบี้ยว อ่านแล้วอินมาก รอดูบทสรุปนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่37-แสงสว่าง ◑หน้า16 (ุ4/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 07-09-2017 00:02:44
กระโดดกระทืบพื้น #รู้สึกค้าง
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่38-ใจเย็นกับเป็นไท ◑หน้า17 (ุ7/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 07-09-2017 20:06:16

38 – ใจเย็นกับเป็นไท



ใจเย็นนึกถึงฤดูร้อนปีนั้น ฤดูร้อนที่เขาได้เจอกับเป็นไทครั้งแรก นึกถึงแก้วน้ำเย็นๆ ในมือ จำไม่ได้แล้วว่าเป็นน้ำอะไร แต่ยังจำรอยนูนชัดของปุ่มกระดูกข้อมือได้ จำแววตาที่แฝงความกร้าวเอาไว้ จำสำเนียงพูดที่ห้วนห้าวแต่ก็ไม่แสลงหู จำได้ จำได้ทุกอย่างในฤดูร้อนปีนั้น เขานึกถึงมันท่ามกลางจูบที่ร้อนรน ไม่อาจหาเหตุผลได้เลยว่าทำไมจึงนึกถึง

หรือไม่ ตัวเขาตอนนี้ก็หมดสิ้นเหตุผลไปแล้ว

เป็นครั้งที่สองที่เป็นไทจูบเขา แผ่วเบา เนิบช้า ขณะเดียวกันก็รุ่มร้อน เมื่อถอนจูบออก สายตากลับมาประสานกัน แต่ก็แค่เพียงชั่วครู่ อีกฝ่ายหลบตาไปแล้ว ทั้งยังหันหนี ทำท่าเหมือนจะผลักเขาออก ขัดใจจึงพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างไม่อาจต้าน ใจเย็นกดมือที่จะผลักเขาออกให้ลดลงต่ำ จับคางอีกฝ่ายให้หันมาสบตากันอีกครั้งในห้องที่แสงไฟสาดเงาชัด และประทับจูบลงไปบนริมฝีปากนั้น

ประทับ นาบเนิบ ก่อนกลายเป็นกดจูบ ใช่ กดลงไปทั้งริมฝีปากและร่างของอีกฝ่ายให้ทิ้งแผ่นหลังลงบนเตียง เมื่อถอนจูบ ใจเย็นเห็นชัดถึงสีหน้าของเป็นไทที่เขาคร่อมอยู่ มันระเรื่อแดง อาจด้วยความร้อน ทั้งจากภายนอก และในกาย แววตาสับสน ร้อนรน ระคนหวาดหวั่น ริมฝีปากขยับเผยอเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เพราะใจเย็นไม่อยากได้ยิน ถ้าหากมันเป็นคำห้ามปราม เขาไม่อยากได้ยิน จูบจึงกดลงไปอีกครั้ง บดเบียดละเลียดรสของอีกฝ่าย ทั้งดูดดื่มราวจะดูดกลืนแม้แต่คำพูดห้ามปรามไม่ให้เขาทำ

และเหมือนได้ผล เมื่อผละจูบออกไม่มีคำพูดใดอีก นอกจากเสียงฝนแล้วก็ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจ หอบหายใจ ใจเย็นตื่นเต้น กระวนกระวาย อยากได้ อยากได้ทั้งหมด อยากได้ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มือจึงเอื้อมไปปลดกระดุมเสื้อของเป็นไท การกระทำนั้นเกิดขึ้นทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว พลันไม่ทันดั่งใจจึงกระชากออก หมายพรากผ้าอาภรณ์ที่ห่อคลุมผิวของอีกฝ่าย แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงมือของเป็นไทที่ดึงรั้งการกระทำของเขาไว้ เห็นแววตาตระหนกบนใบหน้า ความรู้ตัวจึงกลับคืน เขาผ่อนลมหายใจให้ช้าลง ปล่อยมันรินรดบนผิวกายที่เขาปรารถนาครอบครอง ซบลงที่เนินอก ก่อนจะจูบไล่ลามขึ้นไปที่ต้นคอ ขบเม้มอย่างที่เคยทำ พลันนึกถึงวันที่สั่นเทาเพราะแตกสลายกับการกระทำ วันนี้ต่างออกไปตรงที่ต่อให้แตกสลาย เขาก็รู้วิธีประกอบคืนและเยียวยารอยแตกร้าวให้หายดีดังเดิม

รวมถึงวิธีประคับประคองไม่ให้แตกสลายก็เช่นกัน

จากต้นคอ ใจเย็นจูบไล่ขึ้นไปยังคาง สันกราม แวะขบกัดที่ใบหูจนอีกฝ่ายกระเถิบหนี เหมือนจะได้ยินเสียงร้องในลำคอแต่ถูกกลืนหาย ใจเย็นชอบปฏิกิริยาตอบกลับนั้น ชอบที่ใบหูของเป็นไทนุ่มนิ่มจึงขบเม้มลงไปอีกครั้ง และเพราะหนียิ่งกว่าเดิม เขาจึงประคองใบหน้าให้หันกลับมา คราวนี้เหมือนเห็นสายตาตำหนิ คิ้วขมวดปมเล็ก และโดยใจเย็นไม่รู้ตัว รอยยิ้มบางเบาผุดพรายบนใบหน้า ก่อนใช้รอยยิ้มประทับลงบนกลีบปากอีกครั้ง

จูบครั้งนี้ทำให้ใจเย็นนึกถึงไอศกรีมสตรอเบอร์รี่ เป็นไอศกรีมถ้วยที่ทำให้รู้ว่าเป็นไทชอบรสเดียวกันกับเขา นึกถึงลิ้นที่ลิ้มเลียริมฝีปากที่เปรอะเลอะไอศกรีม นึกถึงใบหน้าพึงพอใจท่ามกลางอากาศที่ร้อนอ้าวนั้น พลันความคิดปั่นประหลาด เขาอยากเป็นไอศกรีม ให้เป็นไทไล้เลียเขา แต่คงได้โดนด่ามาสักชุดสองชุด ใจเย็นจึงทำแค่ไล้เลียอีกฝ่ายเสียเอง แม้เลอะเปรอะด้วยน้ำลายก็ไม่รังเกียจ เขาไล้เลียให้เหมือนไอศกรีม ให้ละลาย เลือนหาย ขณะเดียวกันก็อยากทะนุถนอมไว้ลิ้มรสได้นานๆ

เมื่อผละถอนจากรสจูบ ใจเย็นเลื่อนมือลงเบื้องล่าง สัมผัสโดนกลางกางเกงจนอีกฝ่ายสะดุ้งเฮือก เอื้อมมือมารั้งไว้อีกครั้ง ทว่าเขาไม่ฟังอีก ดึงมือออก รูดซิปกางเกงและถอดมัน และยังไม่ทันถอดพ้นข้อเท้าที่เหลือข้างสุดท้าย ความใจร้อนก็พาเขากลับมาดึงกางเกงชั้นในที่เหลืออยู่ด้วย ซึ่งไม่แปลกนักที่เป็นไทยังคงรั้งไว้ แม้แสงไฟไม่ได้ส่องชัด แต่ใจเย็นก็เห็นสีแดง แดงไปหมดทั้งใบหน้าทำให้เขายิ่งนึกอยากแกล้ง โน้มลงพูดที่ใกล้หู

“ผมทำให้”

“ไม่ ไม่ต้อง”

“งั้นทำให้ผมดูหน่อย”

สิ้นสุดคำท้าทายนั้น เป็นไทชะงักงัน ใบหน้าเหมือนจะยังแดงได้อีก ก่อนด่ามาสั้นๆ ว่าโรคจิต แต่ก็ยังยอมให้ไอ้โรคจิตที่ว่าพรมจูบลงไปอีกครั้ง ยอมปล่อยให้เขากุมสัมผัสส่วนที่ร้อนและคลั่งข้นด้วยเพลิงอารมณ์ ใจเย็นเริ่มขยับเคลื่อนด้วยจังหวะเนิบช้าเหมือนตอนที่จัดการกับความอัดอั้นของตนเอง มองไม่เห็นสีหน้าของเป็นไทตอนนี้แล้วเพราะเจ้าตัวใช้แขนและมือทั้งสองข้างบดบัง ได้ยินเพียงเสียงหอบหายใจแทรกมากับเสียงฝนที่แผ่วจางลง ไม่แน่ใจว่าอากาศเริ่มร้อนขึ้นทุกทีหรือเป็นเพราะร้อนรุ่มในกาย ใจเย็นใช้มือข้างที่เหลือปลดกระดุมเสื้อตนเองและกางเกงที่ทำให้เขาอึดอัด ก่อนกลับไปเร่งจังหวะมือที่ปรนเปรอให้อีกฝ่าย แม้ไม่ยอมพูดหรือส่งเสียงร้องออกมาแต่ห้วงหายใจที่หนักหน่วงขึ้นก็ทำให้รู้ถึงความข้นคลั่กของอารมณ์

จนที่สุดแล้วราคะสีขาวก็ถะถั่งหลั่งไหลออกมา เปรอะเปื้อนเลอะมือเขาให้รู้สึกแปลกแปร่ง ไม่ใช่ว่ารังเกียจ แต่แค่ไม่เคยคิดว่าจะได้มาทำเรื่องแบบนี้ให้กับผู้ชายเหมือนกัน และชั่วขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เป็นไทขยับตัวเหมือนจะผละออกจากเขา

“ขอโทษ... เดี๋ยวหาอะไรมาเช็ดให้”

“ไม่เป็นไรครับ”

ใจเย็นปฏิเสธ เขาไม่อยากให้เป็นไทลุกไปไหน ขณะเดียวกันก็ไม่รู้จะจัดการกับน้ำเหนียวๆ ในมืออย่างไร รู้ด้วยว่าเป็นไทคงไม่อยากปล่อยให้เป็นแบบนี้ พลันก็จบปัญหาง่ายดาย เขาถอดเสื้อที่ปลดกระดุมเอาไว้แล้ว และใช้มันเช็ดมือ

“เฮ้ย เสื้อมึง...”

“ซื้อใหม่ก็ได้”

เหมือนเห็นสีหน้าหมั่นไส้ของเป็นไท ซึ่งใจเย็นก็แค่ยิ้ม และยิ้มเบาบางอย่างพึงใจที่อีกฝ่ายยังไม่ได้หนีเขาไปไหน ยังอยู่ใต้ร่างของเขา คล้ายยอมให้บังคับควบคุมได้ทุกอย่าง แน่นอนว่าความรู้สึกเดิมๆ ยังคงวนเวียน ทั้งรบเร้าและเร่งเร้า ว่าเขาอยากได้คนคนนี้ ตอนนี้ และเดี๋ยวนี้ แต่ความอยากทะนุถนอมเอาไว้ ความเป็นห่วงและไม่อยากให้ความต้องการของเขาเป็นเรื่องเห็นแก่ตัว จึงทำให้เขาพยายามใจเย็นอย่างถึงที่สุด ถึงขนาดที่ว่ายอมทำให้อีกฝ่ายก่อน ไม่ใช่เอาแต่ความสุขของตนเอง

“เป็นไท”

“...อะไร”

“เคยทำไหม”

เป็นไทไม่ได้ตอบ แต่เห็นชัดในแสงที่สาดส่องไม่ทั่วห้องว่าเจ้าตัวเบิกตาเล็กน้อยเหมือนไม่คิดว่าจะถูกถาม

“ไม่ได้หมายถึงว่าเคยกับผู้ชายไหม กับผู้หญิงก็ได้ เพราะ...แค่อยากรู้ว่ามีประสบการณ์บ้างไหม” ใจเย็นอธิบายต่อ แต่ก็รู้สึกได้ว่าตนเองร้อนรน เรียบเรียงคำพูดได้ไม่ค่อยตรงใจนัก “คือ...มันคงเจ็บมาก”

และก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาเสียเองเมื่อเป็นไทยังคงเงียบ

“ให้ผมไปหาอะไรมา—”

ไม่ทันขาดคำ ใจเย็นถูกดึงลงไป จูบ แต่ก็แค่ไม่กี่วินาที ราวกับสั่งให้หุบปาก

“พูดมาก รำคาญ”

และก็เป็นจริงดังนั้น แต่ถึงผละจูบออกแล้วก็ยังประสานสายตากันด้วยระยะห่างไม่กี่เซนติเมตร ฝนกลับมาตกหนักกลบกลืนทุกสรรพเสียง แต่เสียงห้วงหายใจของเป็นไทยังดังชัด ผิวยังคงระเรื่อสีแดงเหมือนเชื้อเชิญ พลันในห้วงวินาทีใดนับจากนั้นไม่อาจทราบได้ เพราะใจเย็นไม่แน่ใจอะไรอีกแล้ว สิ่งที่ทำปนเปทั้งความรู้ตัวและไม่รู้ตัว แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่แน่ใจ

พอกันที

เขาไม่อดทนอีกแล้ว และไม่แน่ใจด้วยว่าช่วยเปิดช่องทางของอีกฝ่ายได้มากแค่ไหน ทั้งที่อยากให้โอนอ่อนจากอ่อนโยนทะนุถนอม แต่เขาก็ไม่ทนอีกแล้ว ยืนยันได้จากเสียงร้องลั่นของเป็นไทเมื่อเขาพาร่างของตนเองสอดแทรกเข้าไป แม้อึดอัดคับแคบจนเจ็บเสียเองเขาก็ไม่ทนอีกแล้ว ใจเย็นผ่อนลมหายใจให้เข้าทีก่อนจะไปต่อ ได้ยินเสียงร้องหลงจากเจ็บปวดแต่เขาก็หยุดไม่ได้แล้ว ที่ทำได้มีแค่ประคองใบหน้าที่แดงระเรื่อนั้นไว้ ใบหน้าที่ยังพยายามใช้มือและแขนปกปิดไม่ให้เขาเห็น ใจเย็นดึงมันออกและกดไว้กับเตียง กระนั้นก็ยังเหลือการกัดเม้มปากราวกับรังเกียจเสียงตัวเอง ราวกับไม่อยากให้เขาได้ยิน แต่เพราะเขาอยากได้ยิน มือจึงเอื้อมไปบีบกระพุ้งแก้มให้คลายการขบเม้มออก ในทีแรกเบามือเพราะกลัวทำให้เจ็บ แต่เมื่อยังถูกต้านไว้จึงบีบแรงขึ้นจนยอมแพ้

เขาพรมจูบเป็นการปลอบใจ ก่อนใช้นิ้วมือข้างที่ไม่ได้ช่วยปรนเปรอในทีแรกแหย่เข้าไปในปาก ไม่ถึงกับบังคับให้เปิดอ้า แต่ก็เพียงพอที่จะไม่ให้ขบเม้มเก็บกลั้นเสียงร้อง และเขาก็รู้ รู้ว่าเป็นไทจะไม่กล้ากัดลงมาเพราะกลัวเขาเจ็บ

เมื่อเป็นดังใจ จังหวะที่เนิบช้ามาตลอดก็ถูกเร่งให้เร็วขึ้น เร็วขึ้น เหมือนใจที่ร้อนรนมาตลอด ใจที่อยากจะได้ อยากได้ทั้งหมดของคนคนนี้ และแทบไม่น่าเชื่อว่าเขากำลังสมปรารถนา เขากำลังได้ครอบครองเป็นไท ได้เห็นสีหน้าที่อาบเคลือบด้วยสีแดงเรื่อจากเพลิงตัณหา ได้เห็นแววตาที่ฉ่ำด้วยน้ำตา และได้ยินเสียงร้องที่แม้แต่เจ้าตัวยังอยากเก็บเป็นความลับ เขาได้ครอบครองทั้งหมดนั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งเหมือนโหมไฟอารมณ์ให้เดือดพล่าน ใจเย็นจึงยิ่งกดกระแทกเข้าไปอย่างตะกรุมตะกราม เสียงร้องดังลั่นไม่เป็นภาษา เขาเก็บกลืนทั้งหมดนั้น

ให้เป็นของเขา ของเขาคนเดียว

และในจังหวะที่ท้องฟ้าคำรามลั่น สายฟ้าของราคะก็ฟาดลงมา ปลดปล่อยทุกปรารถนาเข้าไปในร่างของเป็นไท ผ่อนลมหายใจออกมาหนักหน่วง และเพื่อปลอบประโลม เขาจูบลงบนหยดน้ำตา ซึมซับมันให้จางหาย แล้วจูบลงบนหน้าผาก แนบนาน อบอุ่น

ก่อนกระซิบคำบางคำที่ข้างหู

เป็นไทไม่ตอบอะไร แค่หลับตาลงเหมือนเหนื่อยอ่อนเต็มที ใจเย็นจึงไม่ได้พูดอะไรอีก – รวมถึงคำพูดเอาแต่ใจว่าขออีกรอบได้ไหม – เขาไม่ได้พูดมัน

พอดีกับที่เรื่องบนเตียงจบลง ไฟฟ้าของหอพักก็กลับมาใช้ได้เหมือนรู้งาน ให้พวกเขาได้สะสางตนเองจากเปรอะเปื้อน และตอนนั้นเองที่เป็นไทเริ่มบ่นอุบอิบ แม้เขาจะช่วยประคองพาไปล้างตัวในห้องน้ำก็ตาม

คืนนั้นจบลงด้วยการนอนเคียงบนเตียงเดียวกัน แม้สายฝนหยุดลงแล้วแต่ใจเย็นก็ไม่ได้กลับบ้านที่แม่รออยู่ หลังจากการฟ้องหย่าจบลง เกษราก็หาซื้อบ้านใกล้มหาวิทยาลัยของใจเย็นเพื่ออาศัยชั่วคราว ส่วนใจเย็นก็ย้ายออกจากคอนโดของพ่อเพื่อมาอยู่กับแม่ ดังนั้นเวลาไปไหนเขาจึงต้องโทรบอกเสียบ้าง การมาค้างคืนกับเป็นไทก็เช่นกัน ซึ่งเกษราก็ไม่ได้ว่าอะไร เหมือนกับที่หล่อนตามใจและเห็นดีเห็นงามเรื่องที่ใจเย็นคบกับเป็นไทนั่นแหละ

แต่บางที ก็อาจเพราะหล่อนสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแท้จริงไม่บิดพลิ้วของลูกชายตนเอง จึงยินดีไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร และเพศอะไร

นับจากวันนั้น ใจเย็นกับเป็นไทก็ดำเนินชีวิตตามปกติ มีเวลาว่างเมื่อไหร่ก็ยกให้กัน ไปหา มาหา พบหน้า พูดคุย ถกเถียง หยอกล้อ ด่า และโดนด่า ซึ่งแน่นอนว่าใจเย็นเป็นฝ่ายโดนด่าอยู่ตลอดจากการที่ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจกวนประสาทเป็นไท แต่เพราะรู้ว่าไม่ใช่คำด่าแบบโกรธหรือโมโห เขาจึงชอบที่จะได้ฟัง

ความจริงก็ชอบทั้งหมดของเป็นไทนั่นแหละ

แม้วันจะผ่าน ใจเย็นก็ไม่เคยเปลี่ยนความละเอียดลออในการสังเกตท่าทีของเป็นไท ไม่สิ เรียกว่าสังเกตอาจไม่ถูกทั้งหมด เพราะหลายครั้งก็แค่เฝ้ามองอย่างไม่คิดอะไร เหมือนว่าจะอย่างไรก็ได้ ขอแค่ให้ได้เห็นในสายตา ได้เฝ้ามองอยู่อย่างนั้นทั้งในความเป็นจริง ในฉากหลังที่ว่างเปล่า ในใจของเขา

เหมือนกับตอนนี้ที่เป็นไทนั่งอยู่ตรงหน้าเขา ท่ามกลางแดดคล้อยยามเย็นของสิงหาคม ในสวนของบ้านใหม่แม่ แม้จะไม่ยิ่งใหญ่ด้วยพฤกษานานาพันธุ์เท่าบ้านอัครเสนีย์ แต่ก็เต็มไปด้วยดอกไม้ กลิ่นหอมนวลเนียนในอากาศ และหอมหวานของไอศกรีมสตรอเบอร์รี่

ทั้งจะมีอะไรดีไปกว่าได้แอบมองคนตรงหน้าที่ลิ้มเลียไอศกรีมที่เปรอะเลอะริมฝีปากเป็นบางคราว ไอศกรีมสตรอเบอร์รี่ที่จนบัดนี้เป็นไทก็ยังไม่เคยเอ่ยกับปากออกมาว่าชอบ พอๆ กับตัวเขาที่เป็นไทไม่เคยบอกรักเลยสักครั้ง

“เป็นไท”

“ว่า?”

เป็นไทเงยหน้าขึ้นจากไอศกรีมสตรอเบอร์รี่

“ผมเคยสนใจเป็นไทเพราะคิดว่ามีเรื่องที่ผมคาดเดาไม่ได้เต็มไปหมด”

“มึงจะพูดอะไรเลี่ยนๆ อีกแล้วใช่ไหม”

พลันใจเย็นยิ้มขำที่โดนดักทาง แต่เขาก็พูดต่ออยู่ดีเพราะอยากให้รับรู้เอาไว้

“แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าต่อให้คาดเดาได้ ผมก็ยังสนใจอยู่ดี”

เป็นไททำเป็นไม่สนใจ ตักไอศกรีมคำสุดท้ายเข้าปาก อีกครั้ง ลิ้มเลียไอศกรีมที่เลอะเล็กน้อยบนริมฝีปาก

อีกครั้ง ใจเย็นนึกอยากเป็นไอศกรีมสตรอเบอร์รี่ขึ้นมา

“เพราะมองยังไงก็น่ารัก”

“รำคาญ”

ทันควัน เป็นไทสวนกลับ

“รักนะครับ”

“รำคาญสัดๆ”

โดยไม่สบตาเขา เป็นไทลากถ้วยไอศกรีมของใจเย็นที่ยังกินไม่หมดไปตักกินเสียเอง

“รำคาญแต่แย่งของกินผมได้ไงอะ”

“ก็รำคาญไง เลยแย่ง”

“รำคาญมันต้องไล่ไปให้พ้นๆ หน้าไม่ใช่เหรอครับ”

เป็นไทไม่ได้ตอบ ตักไอศกรีมเข้าปากอีกคำก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา ไม่รู้เพราะแสงคล้อยของยามเย็นด้วยหรือเปล่าที่ทำให้แววตาแฝงความกร้าวนั้นดูอบอุ่น และอ่อนโยนขึ้นมา

“ไม่ไล่หรอก”

และก็ได้รู้ว่าไม่ได้คิดไปเอง

“อยู่ให้กูรำคาญนี่แหละ”

“งั้น...งั้นเหรอ”

“เออ ทั้งชีวิตเลยก็ดี”

จบคำ เป็นไทก้มหน้าก้มตากินไอศกรีมต่อ ปล่อยให้ใจเย็นจมอยู่ในคำพูดที่ก้ำกึ่งระหว่างคำหวานและคำธรรมดา แต่อย่างไร เขารู้สึกว่าหวาน หวานเหมือนไอศกรีมสตรอเบอร์รี่ แล้วก็พลันรู้สึกว่าตนเองตอนนี้เป็นไอศกรีม ไม่ใช่เชิงลามกแบบที่เคยคิด แต่เป็นไอศกรีมที่กำลังละลายจากคำบอกรักที่ไม่มีคำว่ารัก

ละลายจริงๆ เพราะเขาคิดคำโต้ตอบไม่ออก แถมรู้ตัวอีกทีว่าหน้าแดงก็ตอนที่เป็นไทหัวเราะใส่และดึงแก้มเขาเล่นแล้ว แต่ใจเย็นก็ไม่ว่าอะไร ไม่เคยคิดว่าอะไรเลยสักครั้ง เพราะถ้าเป็นไทเป็นไฟ เขาก็จะยอมให้แผดเผาจนละลายหาย และถ้าไฟนั้นต้องการมอดดับ เขาก็จะเป็นน้ำแข็งที่เย็นมากพอจะช่วยอีกฝ่ายโดยไม่ทำลายตนเอง ต่อให้ไม่พูด เขาก็รู้ว่าเป็นไทไม่ปรารถนาให้เขาเจ็บปวด ปรารถนาเช่นนั้น ให้มีกันและกัน ประคับประคองและผ่านเรื่องราวต่างๆ ไปด้วยกันเหมือนที่เคยผ่านกันมาได้

แค่กันและกันก็เพียงพอ

ใจเย็นกับเป็นไท.















************************************************************************************

ไม่รู้จะใช้คำพูดไหนปิดในเนื้อเรื่องสำหรับการบอกว่า จบแล้ว เพราะการปิดด้วยคำว่า "ใจเย็นกับเป็นไท" มันดูสมบูรณ์มากเลยสำหรับแยม

แม้ว่ายังมีบทส่งท้ายอีกตอน แต่แยมมองว่ามันคล้ายๆ ตอนพิเศษมากกว่า เนื้อเรื่องจบสมบูรณ์จริงๆ ที่ตอนนี้

ส่วนบทส่งท้าย สปอยล์ว่ามีหมาค่ะ และหมาตัวนี้ไม่ตายนะ 5555


ความจริงมีเรื่องอยากพูดเยอะมาก แต่เรียบเรียงเป็นข้อๆ ดีกว่า เดี๋ยวเวิ่น

- ขอบคุณนักอ่านทุกคนเลยค่ะที่ติดตามมาจนถึงตรงนี้ ขอบคุณทุกฟี้ดแบ้ค ทุกกำลังใจ ทุกคอมเม้น ทุกการบวกเป็ด ขอบคุณจริงๆ ค่ะ มันทำให้แยมอยากเขียนงานให้ดีต่อไป และจะพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ด้วยค่ะ

- เคยบอกในทอล์กตอนของเกษราแล้วล่ะว่า เรื่องนี้ ภาษาได้รับอิทธิพลมาจากงานของคุณวีรพรเยอะมาก เป็นติ่งค่ะ 555 แล้วก็ผสมรวมกับความเป็นตัวเองของแยมลงไป ออกมาอย่างที่เห็นค่ะ

- อย่างไรก็ตาม เรื่องหน้าน่าจะใช้ภาษาแบบสบายๆ กว่านี้แล้วค่ะ (จริงๆ นักอ่านก็บอกอยู่ว่าแต่ละเรื่องของแยมภาษาไม่เหมือนกันเลย 55)


- อย่าลืมม มีบทส่งท้ายอีกตอนนะคะ


- แต่ก็เม้นบอกความในใจได้ตั้งแต่ตอนนี้น้า เค้าอยากรู้ อยากอ่านน 55

- รักทุกคนนะคะ รัก #ใจเย็นกับเป็นไท ด้วย  :กอด1: :กอด1:

หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่38-ใจเย็นกับเป็นไท ◑หน้า17 (ุ7/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 07-09-2017 20:37:12
อิจฉาในความสัมพันธ์ทั้งคู่มาก ค่อยๆเรียนรู้และยอมรับในตัวตนกันและกัน และยังคงไว้ในความเป็นตัวตนแม้ว่าสถานะจะเปลี่ยนไป รักในความเป็นมนุษย์ที่นักเขียนใส่ลงไปให้ใจเย็นและเป็นไท ทั้งผุกร่อนและเติบโต รัก
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่38-ใจเย็นกับเป็นไท ◑หน้า17 (ุ7/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-09-2017 20:59:01
โอย........ชอบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ใจเย็น เป็นไท  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
รักกันแล้ว  :o8: :-[ :impress2:

เป็นไท บอกรักใจเย็น ได้สมกับเป็นไทสุดๆ
“อยู่ให้กูรำคาญนี่แหละ”
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่38-ใจเย็นกับเป็นไท ◑หน้า17 (ุ7/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-09-2017 21:01:01
ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เวลาอ่านนิยายคุณแยมต้องใช้พลังเยอะมากจริงๆค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ ถึงจะมาตามอ่านทีเดียวตอนจะจบ แต่ก็คอยแอบดูสปอยด์อยู่ตั้งแต่เปิดเรื่องนะคะ กลัวใจ 555555 เป็นกำลังใจให้นะคะ หลงรักภาษามาก เราอ่านแล้วซึมซับเข้าไปทุกตัวอักษร ดีใจที่ได้อ่านผลงานคุณภาพแบบนี้ค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่38-ใจเย็นกับเป็นไท ◑หน้า17 (ุ7/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-09-2017 21:35:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่38-ใจเย็นกับเป็นไท ◑หน้า17 (ุ7/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: จี้ซัง ที่ 07-09-2017 22:19:53
ขอเม้น
ที่จริงชอบเรื่องชิลๆ สบายๆ มากกว่าแต่เรื่องนี้กลับทำให้ไม่สามารถเลิกอ่านได้ เพราะอยากรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของใจเย็นและเป็นไทย
นอกจากที่แสดงออกมาให้คนอื่นเห็นจะเป็นอย่างไร ถึงแม้เนื้อเรื่องไม่หวือหวา แต่เมื่อได้อ่านตั้งแต่แรกจนจบบทสุดท้ายกลับรู้สึกว่าเรื่องนี้ให้คนที่อ่านฉุกคิดบางอย่างจากความคิดของตัวละคร เพราะคุณได้ทำให้ตัวละครในนิยายกลายเป็นคนขึ้นมาได้จริงๆ สรุปแล้วชอบมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่38-ใจเย็นกับเป็นไท ◑หน้า17 (ุ7/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 07-09-2017 22:47:03
นี่เป็นคำจบเรื่องที่ตรึงตรามาก และสรุปความเป็นมาได้ดีที่สุด

เรียนรู้ เติบโต และแก่เฒ่าไปด้วยกัน


ขอบคุณคุณแยม
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่38-ใจเย็นกับเป็นไท ◑หน้า17 (ุ7/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: vwm666 ที่ 07-09-2017 22:53:29
อย่าลืมรวมเล่มน้าจร้า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่38-ใจเย็นกับเป็นไท ◑หน้า17 (ุ7/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 08-09-2017 01:42:50
ปริ่มมากอ่ะ จะติดตามไปเรื่อยๆนะคะ ชอบงานเขียนมากๆเลย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่38-ใจเย็นกับเป็นไท ◑หน้า17 (ุ7/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 08-09-2017 02:47:24
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่38-ใจเย็นกับเป็นไท ◑หน้า17 (ุ7/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: jaejae ที่ 08-09-2017 09:57:52
เขียนได้ดีมาก  ลึกซึ้ง  กินใจ  ขอบคุณคร้าาาาาาาาาาา...สำหรับนิยายดีๆ  อีกเรื่องนึง...................................

ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  อบอุ่น  อ่อนโยน 
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่38-ใจเย็นกับเป็นไท ◑หน้า17 (ุ7/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sleepingsheeppp ที่ 08-09-2017 20:12:35
ประทับใจมากๆ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่38-ใจเย็นกับเป็นไท ◑หน้า17 (ุ7/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 08-09-2017 20:54:41
กรี๊ดดดดดด จบแล้ว ร้องไห้ๆๆๆๆๆ คือดีย์อะ ป้าปลิ่มมากคะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่38-ใจเย็นกับเป็นไท ◑หน้า17 (ุ7/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: 177266 ที่ 09-09-2017 19:25:05
ใจเย็น ไม่ใจเย็นสมชื่อเลยน้าตอนนี้ :-[ 
ยังไม่อยากให้จบเลย ชอบบบบมากกกกกกกกกกค่ะ :L1:
 
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่38-ใจเย็นกับเป็นไท ◑หน้า17 (ุ7/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: pee122 ที่ 09-09-2017 23:13:03
ชอบมากถึงแม้เรื่องราวไม่ได้ดำเนินแบบต่อเนื่องให้เห็นการดำเนินชีวิตของตัวละคร แต่ชอบมากกกกก
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่38-ใจเย็นกับเป็นไท ◑หน้า17 (ุ7/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 10-09-2017 00:08:14
อ่านมาตั้งแต่ต้น เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ ตัวละครมีความซับซ้อนแต่บางทีก็เรียบง่าย
อ่านไปก็หน่วงใจดีแท้ แต่ใจเย็นกับเป็นไทเข้าใจกันได้เราก็ดีใจ ผ่านเรื่องร้ายๆมาเยอะแล้วต่อจากนี้ต่อให้มีเรื่องร้ายเข้ามาอีกก็จะไม่หนักหนาแล้วเพราะว่ามีคนแชร์ความรุ้สึกร่วมกัน :mc4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่38-ใจเย็นกับเป็นไท ◑หน้า17 (ุ7/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 11-09-2017 08:10:22


ตามจนทันแล้ว ดีใจ จะเสียใจก็แค่เรื่องเดียวที่เราไม่มีโอกาสได้เข้ามาเมนท์นิยายแบบเรียลไทม์ ดังนั้น พอมารวบ ๆ เมนท์ มันก็เลยจะไม่ลงรายละเอียดเท่าที่ควร (ขอโทษด้วยนะคะ)

เอาเป็นว่า เรื่องของใจเย็นกับเป็นไท สำหรับเรา มันเป็นนิยายดราม่าที่ว่าด้วยเรื่องครอบครัวมากกว่าเรื่องความรัก เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างทาง มันชวนทำให้คนอ่านตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทุกวันนี้ เราทำอะไรกับคนใกล้ ๆ ตัว คนที่เรารักและรักเราลงไปบ้าง (โดยเฉพาะกับลูกหลาน)

สิ่งที่เกิดขึ้นกับใจเย็นและเป็นไทซึ่งนับเป็นเพียงปลายน้ำของปัญหายิ่งใหญ่ในรุ่นพ่อแม่นั้น เตือนสติให้พวกเราตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งละอันพันละน้อยที่เราทำต่อกันและกันในทุก ๆ วัน นอกจากนั้นมันยังบอกให้เรารู้ว่า จะยังไง คนเราก็มีทางเลือกในการดำเนินชีวิตเสมอ...  ทั้งเลือกที่จะดูแลกันและกันให้ดี เพื่อให้สิ่งที่เกิดขึ้นกับทุก ๆ ตัวละครไม่เกิดซ้ำรอยกับตัวเรา หรือเลือกที่จะปล่อยปละละเลย ทำทุกอย่างตามอารมณ์ ตามความพอใจและทำลายกันและกันในท้ายที่สุด

เราว่าการทำให้คนอ่านได้คิดตาม และสอนใจนี่แหละค่ะคือเป็นคุณสมบัติของนิยายดี ๆ สักเรื่องหนึ่ง
ขอบคุณนะคะคุณแยมที่เล่าเรื่องของใจเย็นและเป็นไทให้พวกเราฟัง
หวังว่าพวกเราจะได้ติดตามอ่านเรื่องเล่าของคุณแยมไปเรื่อย ๆ นะคะ ^_^
สู้ ๆ นะคะ พวกเราพร้อมจะเป็นกำลังใจให้คุณแยมเสมอค่ะ  :กอด1:

หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่38-ใจเย็นกับเป็นไท ◑หน้า17 (ุ7/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 11-09-2017 10:28:51
อึดอัดมาตั้งแต่ต้นที่อ่าน เป็นเรื่องที่หน่วงเวอร์ๆ ปกติไม่ค่อยชอบอ่านดราม่าแต่ภาษาดีพล็อตดีเลยยอม รอตอนพิเศษนะคะ แม้ตอนนี้เราจะรู้สึกว่ามันพิเศษแล้วที่เป็นไทอยู่กับใจเย็นอย่างมีความสุข 5555
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่38-ใจเย็นกับเป็นไท ◑หน้า17 (ุ7/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 11-09-2017 10:33:12
ขอบคุณสำหรับสิ่งดีดีที่มอบให้กัน 
อิ่ม !!!!!!!
ขอบคุณอีกครั้งครับ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่38-ใจเย็นกับเป็นไท ◑หน้า17 (ุ7/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 12-09-2017 16:21:27
ชอบบบบ รู้สึกปลื้มปริ่ม อ่านแล้วขนลุกกับคำว่า ใจเย็นกับเป็นไท ในประโยคสุดท้ายของตอนจบมาก

จริงๆเราไม่ค่อยชอบอ่านเนื้อเรื่องหน่วงๆเลยนะ มันปวดหัวใจ แต่เรากลับชอบเรื่องนี่มากๆ
ถ้าสังเกตเรื่องนี้บทสนทนาน้อยมากก จะเน้นไปที่การบรรยายความรู้สึกของตัวละคร เราชอบภาษาที่ไรต์ใช้ในการบรรยาย มันทำให้เรารับรู้ความรู้สึกของตัวละครนั้นๆ ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆค่ะ

จะรอบทส่งท้ายน้าาา
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑ตอนที่38-ใจเย็นกับเป็นไท ◑หน้า17 (ุ7/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 15-09-2017 14:35:50
จบได้ดีมากเลยค่ะ เราชอบแบบนี้มาก ไม่ว่าระหว่างทางจะเจออะไรแค่ไหน ร้องไห้กันมาเท่าไร แต่ตอนสุดท้ายก็ยังอยู่ด้วยกันแบบอยากอยู่ด้วยกัน

ในเรื่องนี้เราชอบเข้าข้างเป็นไทมากกว่าใจเย็น เพราะเรารู้สึกว่าเป็นไทเข้าใจได้มากกว่า และใจเย็นบางครั้งก็ใจร้ายได้อย่างไม่น่าเชื่อและไม่รู้ตัว แต่ท้ายที่สุดแล้ว เราว่าตอนที่เขาทั้งคู่อยู่ด้วยกันมันดีและพอดีที่สุดเลยค่ะ รู้สึกอุ่นๆดีมากเลย

ปล.เฝ้ารอตอนพิเศษนะคะ. ^.^
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 16-09-2017 00:03:09


บทส่งท้าย



เป็นไทนึกถึงคำพูดคำหนึ่งของเกษราขึ้นมาได้อย่างแจ่มชัด คำพูดที่ว่าใจเย็นคงไม่เลี้ยงหมาอีก เขานึกถึงรายละเอียดในถ้อยนั้น เกษราบอกกับเขาว่าใจเย็นฝังใจเรื่องของทันใจมาก ทั้งเสียใจและรับไม่ได้จนวาจาบกพร่องไปหลายวัน แต่ชัดถ้อยชัดคำว่าไม่เอาหมาตัวใหม่ ไม่เลี้ยงอีกแล้ว เป็นไทจำคำพูดนั้นได้ดี และนึกขึ้นมาได้อย่างแจ่มชัดก็เพราะเขาได้เห็น ‘มัน’ นั่งอยู่ในบ้านของใจเย็น

‘มัน’ เป็นลูกหมาหน้าตาประหลาดๆ  เห็นว่าพ่อเป็นไทยหลังอาน ส่วนแม่เป็นไซบีเรียนฮัสกี้ มันเกิดขึ้นท่ามกลางความชอกช้ำระกำใจจากเจ้าของไซบีเรียนฮัสกี้ ที่ครอกแรกของลูกสาวดันมีพ่อเป็นไอ้หนุ่มห่ามข้างบ้าน ผิดผี ผิดประเวณีโดยแท้ ใจเย็นได้ฟังเจ้าของผู้เป็นเพื่อนร่วมคณะบ่นให้ฟังแบบนั้นก็งงๆ สิ่งที่เขาสนใจมากกว่าคือเจ้าลูกหมาหน้าตาแบบไซบีเรียนฮัสกี้แต่ขนสั้นกว่า สีเทา ตาสีฟ้า มีคิ้ว และมีอานลายอานม้าพาดตามยาวกลางหลัง

รู้ตัวอีกที เขาก็พามันขึ้นรถกลับบ้านแล้ว

เป็นไทฟังเหตุผลคร่าวๆ ที่ ‘มัน’ มานั่งอยู่ตรงหน้าเขาแล้วก็รู้สึกว่าเออ สมเป็นใจเย็นดีนั่นแหละ นึกอยากทำอะไรก็ทำ กระนั้นอีกใจก็ยังนึกขัดแย้งกับสิ่งที่เกษราเคยพูดไว้ เขาไม่รู้ว่าใจเย็นคิดอะไรอยู่ จนระหว่างที่กำลังสับสนมึนงง เป็นไทก็โดน ‘มัน’ เข้าโจมตี ไม่ใช่การกัด แต่เป็นการเลียปากจนเขาต้องผละห่าง ชวนให้คิดว่าเมื่อครู่ตนเองไปกินอะไรมา แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าคือไอศกรีมสตรอเบอร์รี่...

บางที อาจไม่มีอะไรซับซ้อนเลยก็ได้ ใจเย็นอาจแค่ถูกชะตากับลูกหมาตัวนี้เท่านั้นแหละ

สรุปแล้ว มันจึงเป็นลูกหมาที่มาพร้อมกับฤดูร้อน เดือนพฤษภาคม ดอกสวีทพี และไอศกรีมสตรอเบอร์รี่ และถ้าไม่ติดว่ากลัวมันท้องเสียหรือเป็นอะไรไปเพราะยังเด็ก ใจเย็นคงให้มันกินไอศกรีมวันละถ้วยสองถ้วยและสถาปนามันเป็น ‘ไอศกรีมสตรอเบอร์รี่เลิฟเวอร์’ อีกคน... ไม่สิ อีกตัวแน่นอน

“ให้มันชื่อสตรอเบอร์รี่ดีไหมครับ”

แต่ก็ไม่วายป้วนเปี้ยนกับเรื่องนี้อยู่ดี

“มึงคิดภาพตอนเรียกชื่อนะ สุดท้ายก็จะเหลือแค่อีรี่”

“ตัวผู้นะครับ”

“แล้วใครใช้ให้มึงตั้งชื่อว่าสตรอเบอร์รี่วะ”

“น่ารักออก”

เป็นไทได้ฟังก็นึกเห็นใจลูกหมาที่กำลังกลิ้งตีลังกาวิ่งไล่จับผีเสื้อในสวนขึ้นมาตงิดๆ

“ไม่ผ่านโว้ย เอาชื่อธรรมดาที่คนเขาตั้งกันดิวะ”

“เป็นไท”

“ฮะ?”

“ชื่อเป็นไทแล้วกันครับ”

“กวนตีน”

ก่อนที่เขาจะได้ประทุษร้ายคนกวนตีนให้หายคันไม้คันมือ ใจเย็นก็ลุกหนีไปเล่นกับลูกหมาเรียบร้อยแล้ว

สรุป เจ้าลูกหมาพันธุ์ผสมไซบีเรียนฮัสกี้และไทยหลังอานจึงยังไม่มีชื่ออย่างเป็นเอกฉันท์ และแน่นอนว่าเขาไม่ยอมให้ใช้ชื่อเป็นไท จะเป็นไทจูเนียร์ก็ไม่ได้ ช่วงเวลาหลายวันที่ยังตั้งชื่อให้มันไม่ได้นั้น บทสนทนาจึงวุ่นวายกับการทุ่มเถียงเรื่องชื่อ สลับกันไปกับการเล่นกับตัวต้นเหตุของบทสนทนา ซึ่งดูๆ แล้วใจเย็นจะเสียเวลาเล่นกับมันเยอะกว่าที่เขาเล่นเป็นเท่าตัว

เป็นไทไม่เคยเลี้ยงหมา ไม่เคยเลี้ยงสัตว์เลยสักตัว เขานึกไม่ค่อยออกหรอกว่าความผูกพันระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยงนั้นเป็นอย่างไร และต่อให้พยายามเข้าใจ เขาก็ไม่มีทางถ่องแท้ว่าใจเย็นเสียใจเรื่องทันใจแค่ไหน ที่ใกล้เคียงที่สุดก็คงเหมือนสูญเสียสมาชิกในครอบครัว แต่เวลามองหน้าเจ้าลูกหมาพันทางที่จะว่าหล่อก็หล่อ จะว่าบ้องแบ๊วก็บ้องแบ๊ว เขาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดี แถมความซนจนเรียกได้ว่าบ้าคลั่ง ทั้งกัดเฟอร์นิเจอร์เละเทะ ทั้งขุดสวนดอกไม้ของเกษราจนดอกไม้ตายเรียบ ก็ยิ่งทำให้เขาไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่

และอีกอย่าง เป็นไทก็ยังไม่รู้ว่าทำไมใจเย็นถึงกล้ากลับมาเลี้ยงหมาที่เคยทำให้เสียใจนักหนาเมื่อมันจากไป

“นึกยังไงเอามันมาเลี้ยงวะ” ในที่สุดก็เลือกเอ่ยถามเรื่องคาใจออกไปในบ่ายแก่วันหนึ่งของพฤษภาคม

“ไม่รู้สิครับ เห็นหน้ามันแล้วถูกชะตา” คำตอบกลับฟังดูเป็นอะไรที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน คล้ายรสหวานเย็นของไอศกรีมสตรอเบอร์รี่สองถ้วยที่ถูกนำมาวางบนโต๊ะ ให้เจ้าลูกหมามองตามตาละห้อย

สุดท้ายแล้วเป็นไทก็เลิกเก็บมาคิดให้วุ่นวาย ปล่อยให้อะไรๆ เป็นไปเหมือนไอศกรีมที่จะละลายหากไม่รีบกิน เหมือนความร่มเย็นของซุ้มสร้อยอินทนิลในสวน แม้ไม่เหมือนม่านบาหลีแต่ก็ดูดีไม่แพ้ มันเป็นไม้เลื้อยที่ไม่ชูช่อดอกขึ้นด้านบนแต่ห้อยระย้าลงล่าง กลีบดอกสีม่วงอ่อนออกดอกตลอดปี ใจเย็นและเขามักใช้เวลาด้วยกันในซุ้มนี้มากกว่าที่อื่นของตัวบ้าน อาจเพราะติดนิสัยมาตั้งแต่บ้านอัครเสนีย์ และตอนนี้เองก็มีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งตัว

“เออ แล้วตอนทันใจ ใครตั้งชื่อวะ”

“แม่ครับ”

“มึงก็ให้แม่ตั้งอีกดิ ชื่อที่แม่มึงตั้งน่ารักออก”

“สตรอเบอร์รี่ไม่ดีตรงไหนครับ”

“พูดชื่อนี้อีกที กูจะให้มันขุดหลุมเตรียมฝังมึง”

ถึงเป็นคำขู่ แต่ใจเย็นก็ยังยิ้มอยู่ดี

“งั้น...ชื่ออเล็กซานเดอร์”

“พอเถอะ...”

“ชื่อออกจะแมนแล้ว”

“ไม่ตั้งว่าสมชายไปเลยล่ะวะถ้างั้น”

“ถ้าเป็นไทตั้งก็โอ—”

“หยุด กูพูดเล่น” เป็นไทยั้งก่อนที่ความเห็นจะถูกลงมติ ซึ่งใจเย็นก็ยิ้มขำ เหมือนชอบใจที่กวนประสาทเขาได้

สรุปแล้วก็เป็นอีกวันที่ ‘มัน’ ยังไม่มีชื่อ และก็ยังคงต่อเนื่องไปอีกหลายวันจนเกษราเรียกมันว่า ‘น้อง’ ไปก่อนอย่างเอ็นดู แต่ถึงอย่างไร ใจเย็นก็เอ็นดูมันมากกว่า เป็นไทไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นเวลาใจเย็นดูแลสัตว์เลี้ยงสักตัว ใจเย็นเล่นกับมัน คุยกับมันอย่างที่ไม่คิดว่าจะทำ ทั้งยังละเอียดลออในการดูแล เช่นเรื่องอาหารการกิน แม้แต่ขนมก็ยังละเอียดถึงเรื่องสีและวัตถุดิบ ครั้งหนึ่งเป็นไทเคยเลือกซื้อแบบที่ใจเย็นบอกไปให้ เป็นกระดูกผูกชิ้นใหญ่ ซึ่งมันก็คาบหายไปไม่เห็นอีกเลย

จนกระทั่งวันที่ ‘มัน’ มีชื่อเป็นของตัวเอง เป็นไทถึงได้รู้ว่ากระดูกผูกชิ้นนั้นหายไปไหน

มันเป็นวันที่ฝนตกหนักหลังจากอากาศร้อนจัดมาหลายวัน และเช่นกัน เขาไม่ได้แวะบ้านของใจเย็นมาหลายวันแล้วเพราะงานยุ่ง เมื่อลงจากรถ เจ้าลูกหมาพันทางวิ่งออกมาต้อนรับใจเย็นก่อนจะปรี่มาป้วนเปี้ยนรอบตัวเขา ดูดีใจเป็นพิเศษแบบที่เขาก็ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไม และยิ่งไม่เข้าใจไปใหญ่เมื่ออยู่ๆ มันก็วิ่งหายเข้าไปในสวนทั้งที่ฝนตก

เป็นแบบนั้นทั้งเขาและใจเย็นจึงไปตามมัน ก่อนพบว่ามันกำลังขุดดินอย่างบ้าคลั่ง ขนสีเทาสวยเลอะเปรอะมอมแมมไปหมดจนนึกอยากดุ แต่เมื่อมันคาบสิ่งที่กำลังขุดหามาวางตรงแทบเท้าเขาพร้อมหมุนหางเป็นวงสามร้อยหกสิบองศา เป็นไทก็พูดไม่ออก

มันคือกระดูกผูกชิ้นนั้นเองที่เขาให้ อยากจะบ่นว่าเอาของที่เขาให้มาให้เขาเองมาตลกดี แต่เมื่อคิดกลับกันว่ามันเก็บไว้ให้เขา ก็นึกอยากจะอุ้มมันขึ้นมากอดทั้งเลอะๆ นั่นแหละ

และก็เริ่มเข้าใจแล้วด้วยว่าทำไมใจเย็นถึงได้ผูกพันกับทันใจขนาดนั้น

หลังจากสองคนกับหนึ่งตัวเข้าบ้านมาล้างเนื้อล้างตัวกันได้ ใจเย็นก็จับลูกหมาพันทางที่เลอะไปทั้งตัว ทั้งหน้า ทั้งตายันคิ้วที่ไม่เคยขมวดเพราะไม่มีเรื่องให้เครียดมาอาบน้ำ ร่วมมือกับเป็นไทอย่างทุลักทุเลกันแทบตายกว่าจะอาบเสร็จแล้วพามาเป่าขนให้มันหลับตาพริ้มสบายตัวจนน่าหมั่นไส้

“เห็นแบบนี้ คิดชื่อให้มันได้หรือยังครับ” ในช่วงที่เจ้าหมามีคิ้วมีอานผล็อยหลับไปแล้ว ใจเย็นก็เอ่ยถามเขาขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มบางเบา

“กูจะรู้ไหมล่ะ ไม่ใช่หมากู”

“งั้นเหรอ” พลันรอยยิ้มก็ยิ่งกว้างเหมือนจะแซวอะไรสักอย่าง จนเป็นไทนึกอยากดึงยืดแก้มที่กำลังเปื้อนรอยยิ้มนั่น

“ถ้าไม่ได้ชื่อสักที ผมจะตั้งว่าเป็นไทแล้วนะ”

“งั้นตั้งว่าใจเย็น”

“เคยมีหมาชื่อใจเย็นแล้วครับ”

“ใจเย็นจูเนียร์”

“ยาวไปอะ”

“เป็นไทจูเนียร์นี่ไม่ยาวเหรอวะ”

“ไม่นะ”

“งั้นตั้งชื่อหมาว่าเป็นไทก็ได้ แล้วกูจะทำให้มันเกลียดมึง”

“แต่ผมก็รักเป็นไทอยู่ดี”

“โอ๊ย รำคาญ”

แน่นอนว่าถึงเป็นไทจะด่าคำนี้สักกี่รอบ คนฟังก็ยังยิ้มอยู่ดี และเพราะไม่รู้จะต่อกรทางวาจาอย่างไรต่อ เสียงฝนจึงประสานตกร่องของสนทนาอยู่สักพัก ก่อนที่ใจเย็นจะพูดต่อ

“ผมคิดชื่อมันออกแล้วนะ”

“จริงจังไหมเนี่ย”

“จริงจังครับ เป็นชื่อที่ถ้ามีลูกกับเป็นไทก็จะตั้งชื่อนี้—”

“ใครจะไปมีลูกกับมึง”

“ก็เลยเป็นหมาไปก่อนไงครับ”

“เออๆ ชื่ออะไร”

“เป็น—”

“ถ้าพูดว่าชื่อเป็นไท มึงไปนอนในหลุมที่มันขุดเมื่อกี้เลยนะ”

คำขัดทำให้ใจเย็นชะงัก แต่ก็ยิ้มเหมือนยอมจำนน

“ไม่ใช่เป็นไทหรอกครับ”

“แล้วชื่ออะไร”

“เป็นใจ”

“ฮะ?”

“เป็นใจไงครับ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เอาชื่อเรามารวมกันไปเลย”

คำเฉลยทำเอาคนที่ถูกนำชื่อไปรวมกับชื่อของอีกคนเพื่อไปตั้งชื่อหมาถึงกับนิ่งไป ก่อนมองเจ้าหมาตัวที่ว่า มันยังคงหลับสบายใจเพราะอากาศเย็น แสงสลัวจากฟ้าฝนส่องขนสีเทาของมันดูสะอาดตาทั้งที่เคยมอมแมม

“เป็นชื่อที่โง่มาก แถมเสียงใกล้เคียงชื่อกูอีก เวลาเรียกหมามันก็สับสนดิวะ”

“ไม่ชอบเหรอครับ”

“น่ารักดี”

พลันสนทนาตกร่องอีกครั้ง เงียบ เงียบไปทั้งคู่ ก่อนที่ใจเย็นจะค่อยๆ หัวเราะขึ้นมาเหมือนมีอะไรขำนักหนา ให้เป็นไทเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า

“ขำอะไร”

“จะอะไรอีกล่ะครับ” แม้ไม่เฉลยแต่ก็ได้คำตอบ เป็นไทหมายจะถีบไปสักทีแต่ก็ถูกห้ามไว้ “เดี๋ยว ‘เป็นใจ’ ตื่นนะครับ”

คำนั้นเองที่ทำให้เขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก มองเจ้าหมา ‘เป็นใจ’ ที่นอนคั่นกลางระหว่างเขากับใจเย็นแล้วก็ไม่อยากทำให้มันตื่นจริงๆ นั่นแหละ ซึ่งนั่นก็ทำให้ใจเย็นที่ดูเป็นคนเส้นลึกขำอีกรอบจนนึกแค้นนิดๆ ที่ทำอะไรไม่ได้

“เออ กูถามอะไรหน่อย” จนเมื่อปรับอารมณ์กันได้ เป็นไทก็ตัดสินใจพูดขึ้น “คือแม่มึงเคยบอกกับกูว่ามึงเคยเสียใจมากเรื่องทันใจ”

“ครับ”

“แล้วนี่...ไม่กลัวถ้าต้องสูญเสียไปอีกเหรอ”

จบคำถาม ใจเย็นเงียบไปชั่วครู่ มองสัตว์เลี้ยงที่อาจสูญเสียไปในสักวัน ก่อนจะกลับมาสบตาเขาโดยไม่มีแววของความลังเลใจหรือหวั่นกลัวว่าต้องเสียใจเลย

“ก็ดีกว่าไม่ได้อยู่ด้วยกันนะครับ”

อีกครั้ง เป็นคำตอบเรียบง่าย แต่ครั้งนี้เป็นไทรู้สึกได้ว่าเข้าใจใจเย็นมากขึ้น ทั้งยังสัมผัสได้ถึงการเติบโตขึ้นอีกก้าวในประโยคสั้นๆ

“แต่กับเป็นไทน่ะเป็นอีกแบบนะ”

“...ยังไง”

“ผมจะไม่ยอมให้เสียไป”

เป็นไทเห็นแววตาแบบเดิมจับจ้องมาที่เขา และทั้งที่ก็อยากจับภาพลงทรงจำให้นานเท่านาน แต่เขาก็เบือนหลบ เอื้อมมือไปลูบหัวเป็นใจอย่างแผ่วเบา แสร้งทำเป็นไม่ค่อยสนใจนัก

เพราะไม่อยากรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว ทั้งใบหน้า ทั้งที่อากาศเย็นจนเริ่มหนาว

“เอ็นดูผมแบบเป็นใจบ้างก็ได้นะครับ”

แล้วใจเย็นก็เริ่มเรียกร้องจนได้

“อะไร อิจฉาหมาเหรอ”

“ถ้าอิจฉาแล้วเป็นไทกอดผม อิจฉาก็ได้”

“รำคาญ”

“จะถือเป็นคำบอกรักนะ”

พลันก็พ่ายแพ้กับคำดักทางที่ใจเย็นเอ่ยมาพร้อมยิ้มกว้างเหมือนเด็กๆ ให้เขาไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เพราะก็มีแต่คำว่ารำคาญนั่นแหละ และในชั่วขณะที่เงียบงัน เจ้าหมาเป็นใจก็พลันหาวหวอดขึ้นมาก่อนพลิกเปลี่ยนท่านอนหงายแอ้งแม้งสบายใจจนน่าหมั่นไส้ ให้เป็นไทอดพูดออกมาไม่ได้

“เออ รำคาญ ทั้งคน ทั้งหมาเลย”

ทั้งคนที่ตั้งชื่อหมาว่าเป็นใจ ทั้งหมาชื่อเป็นใจ นั่นแหละ ทั้งหมดนั่นเลย.







*****

บทส่งท้าย – เป็นใจ


จบบริบูรณ์.






************************************************************
จบแล้วจริงๆ ค่ะ  :hao7:

รู้สึกว่าเรื่องที่จะพูดก็พูดไปเกือบหมดแล้วในตอนจบก่อนหน้านี้ 55

ยังไงก็ขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะคะ

ส่วนเรื่องรวมเล่มที่มีคนถามกันเข้ามา ถ้าคืบหน้ายังไง จะมาอัพเดตอีกที อย่าเพิ่งลืมหรือหายกันไปไหนแล้วกันค่ะ แค่อาจจะนานหน่อย รอกันนะคะ  :กอด1:

สุดท้ายนี้ เรื่องใหม่ของแยมก็เปิดทิ้งไว้แล้ว แต่พล็อตยังฟุ้งอยู่ คงอีกสักพัก แค่เปิดไว้จองชื่อเรื่องค่ะ 5555 เรื่องนี้เป็นแนวกินเด็ก ตั้งใจว่าจะใช้ภาษาง่ายๆ บ้างแล้วล่ะ

รักทุกคนนะคะ รัก #ใจเย็นกับเป็นไท ด้วย ขอบคุณจริงๆ ค่ะ  :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ➤➤จบแล้ว➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-09-2017 04:28:06
 :man1:
หัวข้อ: Re: ➤➤จบแล้ว➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-09-2017 04:56:52
เป็นคำบอกรักที่ไม่เหมือนใคร และคงไม่ซ้ำกับใครแน่

“รำคาญ”

“จะถือเป็นคำบอกรักนะ”

“เออ รำคาญ ทั้งคน ทั้งหมาเลย”

เป็นไท พ่ายรักทั้งใจเย็น และเป็นใจ
ขอบคุณไรท์
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 16-09-2017 10:19:55
น่ารักกก ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายดีๆ
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 16-09-2017 11:39:45
น่ารักมากเลยค่ะ ถ้ารวมเล่มแล้วมาแจ้งข่าวคราวบ้างน้าา อยากเปย์แล้ววว
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 16-09-2017 13:14:46
อบอุ่น
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 16-09-2017 14:02:42
 :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 16-09-2017 15:35:16
ต่างคนต่างเติบโต
อบอุ่น
 
ดีใจที่ได้อ่านครับ
ขอบคุณ
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 16-09-2017 17:15:11
หมั่นไส้ใจเย็นสุดด แต่ก็อยากจะให้แกล้งเป็นไทเยอะๆ :hao7:
พึ่งนึกได้ว่าทั้งสองไม่มีชื่อเล่นเนอะ นึกถึงตอนพิเศษของกัลป์ปรายที่หาชื่อเรียกเล่นๆกัน
คิดว่าใจเย็นคงทำให้เป็นไทมองแรงและรำคาญมากๆแน่ ฮ่าๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 16-09-2017 17:19:53
โอ๊ยน่ารัก ทั้งหมาทั้งคน
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 16-09-2017 19:39:24
ดีกว่าไม่ได้อยู่ด้วยกันเนอะ
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 16-09-2017 20:06:22
ชอบเวลาเป็นไทบอกรำคาญมาก มันคือการแสดงความรักกลับให้ใจเย็นใช่ไหมคะ 55555555 น่ารัก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sleepingsheeppp ที่ 17-09-2017 09:19:28
โอ๊ยน่าร้ากกก  :-[

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 17-09-2017 19:12:36
จบแล้วววววว เรื่องนี้เดี๊ยวยิ้ม เดี๊ยวหัวเราะ หลังๆเครียดเสียส่วนใหญ่ แต่ก็จบอย่างงดงาม


ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 18-09-2017 22:36:39
จบได้น่าร้ากมักๆเลย
เป็นจายยยยยยย ชื่อน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: basbas ที่ 19-09-2017 19:16:03
นี่สินะที่เรียกว่าฟ้าหลังฝนมักสวยเสมอ :mew3: จบแล้วอยากให้มีตอนพิเศษมากๆเลย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: silverrain ที่ 20-09-2017 11:50:14
รู้สึกเหมือนเติบโตมากับทั้งสองคน
เห็นพัฒนาการของใจเย็นและเป็นไท
ความรักที่เริ่มต้นแบบมึนๆไม่คิดว่าจะรักกันได้
สุดท้ายก็แต่ละคนต่างก็เป็นความเติมเต็มให้กันอย่างลงตัว

เขียนดีมากเลยค่ะภาษาสวย
เราคิดว่านิยายเรื่องนี้เป็นสีเทา
อ่านแล้วหายใจไม่ค่อยออก
มาหายใจโล่งก็ตอนก่อนจบนี่แหละ
แต่ก็หยุดอ่านไม่ได้อยากรู้บทสรุป
ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆภาษาสวยๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 20-09-2017 22:38:50
น่ารัก กะแล้วหมาต้องชื่อเป็นใจแน่ๆ
ครอบครัวสมบุรณ์ครบ พ่อแม่ลูก
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: cookie8009 ที่ 21-09-2017 16:59:09
อ่านตอนแรกๆ ไม่คิดว่า เป็นไทยจะโดนกด
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-09-2017 10:54:52
อ้าว เข้าใจมาตลอดว่า ใจเย็นนะเป็นผู้รับ แป่ววว

อ่านรวมมาทุกตอนแล้ว ทุกอย่างลงตัวเอาตอนที่บอกตัวตนของแต่ละคน บอกความเคลียร์ของใจเย็น
แล้วใจเย็นก็เป็นคนช่วยคลี่คลายทุกอย่าง ไม่หน่วงอย่างที่ผ่านๆ มา คือถ้าเป็นภาพวาดคือ เดาไม่ออกว่าคือ อะไร
และไม่ต่างกันว่า ช่วงตอนแรกมาจนถึงตอนกลางเกือบปลาย ก็เป็นภาพแบบนั้นเหมือนกัน

ใจเย็นช่วยทุกคนให้ดีขึ้น แล้วช่วยให้ตัวเองเคลียร์ได้ในที่สุด มองโลกเป็น และสดใสมากขึ้น
เป็นไทก็หายกลัวได้จากเรื่องฝังใจมาแต่เด็ก แถมแม่ยังละเลย ก็ได้รับการปลดปล่อย และการดูแลจากใจเย็นอีกด้วย

แต่จะว่าไปแล้ว แม่เกษรา ก็ช่วยให้ใจเย็นคิดได้ และเข้าใจมากขึ้นด้วยนะ หลังจากปล่อยผ่านมานาน

ความหน่วง ความมืดมน ความคลุมเครือ และการไม่พูดจา การละเลย ทำทุกอย่างพังจริงๆ ทำจิตใจรวนมาก

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้คนแต่งต่อไปนะคะ

หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 23-09-2017 06:21:32
ไม่ต้องมีคำพูดหวาน ๆ ให้กัน
ก็รู้สึกถึงคำว่ารักของเป็นไท


 :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: GiGiTTF ที่ 23-09-2017 20:19:11
เพิ่งมาตามอ่า แต่ก็รู้สึกอิ่มใจมากๆเลย ทั้งด้วยภาษาสำนวน
อ่านเเล้วลงตัวมากเลย หลงรักในตัวละครแต่ละตัวที่เราต้องทำความเข้าใจในแต่ละเหตุผล เป็นนิยายที่เจ๋งมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 23-09-2017 22:22:04
เพิ่งอ่านรวดเดียวจบ
อยากบอกว่าตอนเริ่มอ่านเรื่องนี้รู้สึกว่าภาษาหนักจัง
แต่พออ่านๆไป ด้วยเนื้อเรื่อง ด้วยตัวละคน ด้วยจังหวะของเรื่อง
ทุกอย่างมันลงตัวพอดีไปหมด
เป็นเรื่องโทนน้ำตาลๆ แบบที่ไม่หวานเจี๊ยบ ไม่หม่นจัด แต่พอจบแล้วอุ่นดี
ขอบคุณมากนะคะสำหรับ #ใจเย็นกับเป็นไท น่ารักทั้งคู่เลย
ชอบตัวละครในเรื่องนี้มากๆทุกตัวเลย รู้สึกว่าไม่แบนดี
ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายดีๆ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 24-09-2017 18:38:56
เป็นเรื่องที่ลึกในความคิด แต่จบดี ชอบ ขอบคุณคนเขียนมากเลย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: cookie8009 ที่ 25-09-2017 14:56:32
ภาษาดีมากเลย การเขียนแต่ละตอนดูเรียบๆ แต่ตอนต้น ตอนท้าย มีกิมมิคเก๋ๆ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: cookie8009 ที่ 27-09-2017 11:14:12
อ่านๆไป เหมือนคำว่า "ความ" "การ" หายไปหมด

หรือว่า ผู้แต่้งพยายามหลีกเลี่ยง .. แต่ผมว่า เลี่ยงมากเกินไป
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 01-10-2017 00:18:32
 :L2: :3123: :กอด1:เราเพิ่งได้อ่านตอนเรื่องตบแล้วอ่านวันเดียวรวดแล้วทำให้รู้สึกถึงความใส่ใจรายละเอียดของคนเขียนมากใส่ใจในทุกคัวละครเพราะส่วนมากอ่านนิยายถ้าตัวร้ายทำอะไรก็ตะดูร้ายแบบแต่เกิดเลยแย่งกันไปมาตีกันไปมาแต่นี่ได้เห็นเหตุและผลจองทุกตัวละครเลยซึ่งเราประทับใจมากๆแต่ในบางจุดเราแอบคิดนะในความจริงคงไม่มีทางที่ภรรยาสามคนจะอยู่ร่วมกันแบบนี้ได้แอบดูเกินจริงแต่เราก็ยอมรับมันคงเป็นพลอตเพื่อสร้างปมให้ใจเย็น ซึ่งเราหลงรักตัวละครใจเย็นกับเป็นไทยมากจริงๆประทับใจจุดที่ทั้งสองเลิกขังตัวเองแล้วออกมาอยู่กับความเป็นจริงแม้โลกความจริงจะโหดร้ายแต่ทั้งสองก็จะผ่านมันไปด้วยกันซึ่งเรารู้สึกแล้วมันไม่ใช่ความรักที่ฉาบฉวยมันเหมือนค่อยๆเห็นพัฒนาการของทุกๆตัวละครเราชอบมากจริงๆขอบคุณที่สร้างตัวละครและเขียนเรื่องราวดีๆแบบนี้มาให้เราได้ร่วมเรียนรู้นะจ๊ะ :pig4: :L1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 22-10-2017 22:04:02
โอ้ยยย   ขอรำคาญด้วยคนนนนน o13 :hao7:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: numildkub ที่ 23-10-2017 02:34:53
มีความละมุนปนน้ำตา อ่านจบแล้วก็นึกถึงคำที่ว่า "ฟ้าหลงฝนย่อมสดใสเสมอ"
ขอบคุณนักเขียนนะคะที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆแบบนี้ :mew1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 30-10-2017 19:06:39
เขียนดีจังเลยค่ะ ละเอียดกับอารมณ์และความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลมากๆๆๆ
เต็มไปด้วยบทบรรยายที่น่าอ่าน คำไม่ฟุ่มเฟือยเยิ่นเย้อ ไม่สามารถละไปได้เลยซักย่อหน้า
ชอบการเจาะปมหลังปูมปัญหาของทุกตัวละครมาก พอมาโยงกันแล้ว สนุกดี (ชอบ symbol หมา+ดอกไม้ที่สุด)
แม้จบแฮปปี้ แต่จะคงค้างความรู้สึกหม่นๆไว้ นับเป็นอาฟเตอร์ช็อคหลังการอ่านจบที่มีพลังมาก
ซึ่งเกิดกับทุกเรื่องของคุณแยมฯ (รวมจากนามปากกาเดิมด้วย) ...ส่วนเรื่องที่แบดเอ็นด์ อันนั้นคนอ่านตายไปเลย 555
แต่ก็ยังอยากจะอ่าน และติดตามผลงานไปเรื่อยๆ ขอเรียกว่า เป็นนักสร้างบรรยากาศที่แข็งแรงสุดๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Quasar77 ที่ 08-11-2017 23:41:13
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: เปลืoกส้มคลุง ที่ 12-12-2017 20:31:26
อ่านจบแล้ววววว ตามมาจากกัลป์ปรายค่ะ แล้วก็สนใจเป็นไทมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ปรากฏว่าถูกหวย หมอนี่มันน่ารังแก---- น่าย่ำยี--- น่ารักแล้วก็น่าสงสารจริงๆด้วย /ไอรัวมาก

เรารักตัวละครทุกตัวในนี้เลยค่ะ ทุกคนมีความน่ารักเป็นของตัวเอง ไม่ดีแล้วก็ไม่เลวสุดโต่ง แล้วก้มีความคิดมากๆ

พอคนเขียนบอกว่าได้อิทธิพลมาจากไส้เดือนตาบอดเรานี่แถบตบเข่า55555 อยากบอกว่าชอบนะคะ ปกติเวลาอ่านนิยายถ้าเราหยุดอ่านแล้วจะต่อไม่ติดเลย แต่ของคุณแยมเราหยุดนานมากจนเห็นในทวิตแล้วนึกได้ว่ายังอ่านไม่จบนี่หน่า ต่อติดหนึบกว่าเดิมอีกค่ะ5555555555555

ถ้ารวมเล่มก็บอกด้วยนะคะ พร้อมเปย์
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 21-12-2017 12:35:48
ชอบเรื่องนี้มากๆ รักเป็นไทกับใจเย็น

 :mew4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Micky_park ที่ 21-12-2017 21:56:53
ชอบมากเลยค่าา ภาษาเขียนสวยมากเลยค่ะ เป็นกำลังให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: 177266 ที่ 31-12-2017 20:22:53
คิดถึงเรื่องนี้  :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 13-01-2018 07:53:55
สุดท้ายใจเย็นกับเป็นไทก็หลุดพ้นออกมาได้เนอะ เย้ ถ้าไม่เข้มแข็งพอและจบลงด้วยการใช้ชีวิตตามแบบพ่อแม่ของตัวเอง คงกลายเป็นกงกรรมกงเกวียน ทุกข์กันไม่จบไม่สิ้นสักที

ชอบสไตล์การเขียนค่ะ   o13
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 06-02-2018 11:26:40
ขอบคุณนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Rainebay ที่ 13-02-2018 22:03:41
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ชอบมากที่สุดจริงๆ
เราชอบความมีมิติและการบ่มเพาะตัวตนของตัวละครแต่ละตัวมากๆ
มั่นใจเลยว่านิยายเรื่องนี้คงทำให้มุมมองในเรื่องต่างๆของเราเปลี่ยนไปหลายๆอย่างแน่
อย่างน้อยที่สุดก็เรื่องความชอบไอศกรีมรสสตอเบอร์รี่ที่เพิ่มมากขึ้นเนี่ยแหละ 555
การอ่านเรื่องนี้ทำให้เราอยากอ่านเรื่องของกัลป์ปรายอีกครั้ง เป็นนิยายเรื่องโปรดของเราเลยล่ะ
ถ้ารวมเล่มเรื่องใจเย็นและเป็นไท(รวมถึง'อย่าให้ผมนับเลยว่ากี่คน'ด้วย)ก็จะยินดีมากที่ซื้อมาสะสมไว้
คงดีใจมากถ้าได้เก็บทั้งสองเรื่องนี้ไว้ด้วยกัน พอนึกถึงก็หยิบขึ้นมาอ่านพร้อมกันอีกครั้ง
คงมีความสุขสุดๆไปเลยล่ะ
ขอบคุณคุณแยมมากเลยนะครับ
ครั้งหนึ่งเคยกลัวที่จะอ่านนิยายเรื่องนี้
แต่คิดดูอีกที 'ก็ดีกว่าพลาดเรื่องราวดีๆเหล่านี้ไป' : )
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑บทส่งท้าย ◑หน้า17 (ุ16/9/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 19-02-2018 00:52:01
อ่านรวดเดียวจบ ไม่หลับไม่นอน
เข้มข้น และสมบูรณ์
 :katai2-1:

 o1
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: แยมส้มขมคอ ที่ 07-09-2018 20:39:36
แจ้งข่าว เรื่องใจเย็นกับเป็นไท ตีพิมพ์รวมเล่มกับสนพ. Hermit Books ค่ะ

วางขายครั้งแรกในงาน Gen Y วันที่ 9 ก.ย. 61 นี้ค่ะ (ขอโทษที่มาแจ้งช้าไปหน่อย  :hao5:)

--- ราคาในงาน 270 บาทค่ะ (ถ้าเลยงาน Gen Y ไป ราคา 300 บาทค่ะ)
--- ของแถม คือที่คั่นแม็กเน็ต ใจเย็น และทันใจ
--- ในเล่มมีตอนพิเศษ 7 ตอน หวานๆ อ่านสบายคลายเครียด ยิ้มแก้มปริรับความสุขกันถ้วนหน้าค่ะ

หรือสามารถสั่ง ปณ. รอบงาน Gen Y ทางเว็บไซต์ของสนพ. ได้ถึงวันที่ 14 ก.ย. 61 นี้ค่ะ

ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนมาถึงตรงนี้นะคะ  :mew1: ขอบคุณ คุณ Kiriphantasy ที่วาดปกให้ด้วยค่ะ จริงๆ ปกเสร็จตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วล่ะ เพิ่งได้ออกขายสักที  :hao7:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 19-09-2019 22:54:54
สนุกมากๆเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ คือได้เห็นพัฒนาการของแต่ละคน ปมในใจ การแก้ปัญหา และการก้าวออกจากcomfort zoneของตัวเอง เผชิญหน้า สุดยอดมากๆเลยค่ะ แม้ระหว่างทางจะหน่วงไปมาก ฮือ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 20-09-2019 23:24:30
ขอบคุณคุณแยมมากนะคะ เพิ่งมีโอกาสได้มาอ่าน แต่ก็ชอบสำนวนการเขียนมากๆเลยค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Gimlongdeep ที่ 29-10-2019 22:51:03
กว่าจะผ่านทะเลน้ำตามาได้ก้นานอยู่ องงดีใจที่ได้อ่าน ชอบภาษาเขียนมากเลยค่ะ รัวมือๆๆๆ
อยากเป็นเป็นใจเลยค่ะ555555.  ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้มากก :serius2:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 02-02-2020 23:02:13
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 08-02-2020 12:13:33
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: w-for-winnie ที่ 11-02-2020 10:11:24
ชอบ narrative style ของเรื่องนี้มาก มีความแตกต่างจากนิยายวายเรื่องอื่นที่เคยอ่านมา ให้อารมณ์เหมือนอ่านวรรณกรรม

รู้สึกโกรธปราณี ที่เอาแต่เห็นแก่ตัว ไม่เคยสนใจอยากจะเข้าใจเป็นไทจริงๆเลย แล้วจนจบเรื่อง ก็ไม่ได้รู้ตัวหรือสำนึกเลยว่า ตัวเองนั่นแหล่ะที่คอยทำร้ายเป็นไทซ้ำไปซ้ำมา อยากพูดเรื่องของตัวเอง แต่ไม่เคยอยากฟังเรื่องของคนอื่นจริง ๆ จัง ๆ
 
โกรธคุณพิทักษ์ด้วยที่เอาแต่ได้ ไม่เคยสนใจความรู้สึกคนรอบข้างเท่าไหร่เลย ถึงแม้ว่าบทลงโทษของพิทักษ์จะไม่สามรถทดแทนสิ่งที่เขาทำไปได้ แต่อย่างน้อยเข้าก็ได้รับบทเรียนและบทลงโทษ

ส่วนนราธิปนั้น ไม่ว่าเขาจะเคยพบเจออะไรมาตอนเด็ก เราคิดว่าไม่มีอะไรที่จะ justify ความรุนแรงในครอบครัวที่เขาเป็นคนก่อได้ บทลงโทษที่ให้ต้องไม่เหลือใครตอนแก่ดูน้อยไปด้วยซ้ำ คนอย่างนี้ จริง ๆ แล้วน่าจะมีจุดจบอยู่ในคุกมากกว่า

อยากให้เป็นไทได้ไปหาจิตแพทย์ เพราะต่อให้กล้ามาเจอพ่อและกล้าสร้างความสัมพันธ์กับใครใหม่แล้ว แต่ก็ยังเหมือนว่าปมในใจยังคลายออกไม่หมด

แอบสะดุดนิดหน่อยตรงที่ใจเย็นขับรถตั้งแต่อายุยังไม่ถึง (หรือเราอ่านแล้วงงไปเอง?)

ชอบเรื่องนี้มากค่ะ ขอบคุณที่เขียนมาให้อ่านและจะตามอ่านเรื่องต่อ ๆ ไปนะคะ

หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: piakunaa ที่ 11-02-2020 10:54:40
ชอบมาก​ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะ
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: TonyPat ที่ 23-02-2020 19:42:15
ขอบคุณมากครับ เนื้อหาไม่งง น่ารักๆๆๆ ภาษาสะละสะรวยมากกก  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 09-03-2020 23:26:12
เป็นนิยายที่ชอบที่สุดเรื่องนึงเลยค่ะ
ชอบตัวละครทั้ง 2 คน
เล่าเรื่องได้ดีมาก
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ เรื่องนี้ค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 10-03-2020 10:17:57
อบอุ่น มีลูก ชื่อ "เป็นใจ"
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Luxfern ที่ 28-04-2020 02:09:01
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ เป็นนิยายที่ภาษาสละสลวย​มาก ยิ่งอ่านช้าๆ ค่อยๆซึมซับมันเข้าไป ก็ยิ่งทำความเข้าใจกับมันไปเรื่อยๆ ตอนอ่านเรารู้สึกเหมือนว่าฝนกำลังตกอยู่จริงๆเลยค่ะ ใจเย็นกับเป็นไททำให้เรารู้ถึงแง่ชีวิตหลายๆอย่าง คุณคนเขียนเก่งมากๆเลยค่ะ เราอินและมีอารมณ์ร่วมทุกตอนเลย
หัวข้อ: Re: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Fasai25448 ที่ 30-05-2020 15:07:02
สนุกมากเลยค่ะ ฮืออดีไปหมดเต็มอิ่มมากก