➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ  (อ่าน 124990 ครั้ง)

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
จมดิ่งเหลือเกิน

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
เรารู้สึกเหมือนโดนค้อนทุบหัวใจเลยค่ะ

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ทำไมเราถึงต้องพยายามเข้าใจคนอื่นนะ บางทีเพราะเราเองยังอยากให้คนอื่นมาเข้าใจเราเลย มันไม่ได้ง่ายเลยที่จะเข้าใจและรับรู้ถึงความทุกข์ของคนสักคน ใจเย็นคงอยากให้เป็นไทเข้าใจมากที่สุดในเวลานี้ จริงๆคงเป็นทั้งสองคนเนี่ยแหละที่ต้องการใครสักคนที่เข้าใจ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
วัยรุ่นสองคน ถูกพ่อแม่ตัวเองทำร้าย จนจมอยู่ในทะลน้ำตา
หมดความเชื่อใจในพ่อแม่ตัวเอง
ทั้งคู่จะพากันลอยตัวขึ้นจากทะเลยังไง
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ vwm666

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอยยย ใจเย็นน่าสงสารอ่ะ หน่วงแต่ดีเหลือเกินตอนนี้

เป็นกำลังใจให้คนแต่งเน้อ  :sad11:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
หนักอึ้งจนบอกไม่ถูกเลยว่าเรื่องมันจะเป็นยังไงต่อไป แล้วแม่ของทั้งคู่จะรู้สึกไหม
ว่าได้ทำให้ลูกของตัวเองต้องปวดร้าวและแหลกสลายไปแค่ไหนแล้ว

ออฟไลน์ ceylon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
โอย จะรอดบ่เน้อ ฮึบบบ

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
รู้สึกเหมือนคนอ่านก็จะดำดิ่งลงไปในทะเลเหมือนกัน
มันเหมือนเจ็บแล้วเจ็บอีก
คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรให้เจ็บมากกว่านี้ แต่มันก็ดันมีอีก

แต่ชอบการบรรยายของไรต์มากเลยค่ะ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
เราเข้าใจนะ มันสะอิดสะเอียนนะกับการอ้างว่าทำเพื่อเราเพราะรักเรา แต่จริงๆแค่กลัวที่จะต้องอายกับสังคม กลัวที่จะควบคุมให้เราเดินในทางที่ต้องการไม่ได้

ออฟไลน์ mam79

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ฮืออออ เศร้า แต่ยังไงก็สงสารเป็นไทที่สุดแล้ว หาหนุ่มใหม่ให้เอาม้ายยยย

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
โอยยยย อึดอัด​แทนใจเย็น​ แต่​ิเสียใจ​แทน​เป็น​ไท

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2
29 – ครั้งสุดท้าย


ใจเย็นจำไม่ได้ว่าตัวเองร้องไห้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แม้กับตอนที่ทันใจตายเขาก็จำไม่ได้แน่ชัดว่าตัวเองร้องไห้ ใจเย็นรู้แค่ว่าโลกที่เห็นและเป็นอยู่นั้นบิดเบี้ยว ทุกครั้งที่มีอะไรกระทบใจ เขาจะรู้สึกว่าโลกบิดเบี้ยวไปทุกที ทุกที และครั้งล่าสุดก็เพราะคุณเกษรา – แม่ของเขาเอง

หล่อนหักล้างทุกความเชื่อที่บอกกรอกหูเขามาตลอดชีวิต ที่ว่าครอบครัวเรารักกันดี เราตกลงกันได้ด้วยดี ความรักเป็นสิ่งที่ดี และอย่างไรก็ดี แตกต่างจากบ้านอื่นแล้วจะไม่ใช่ความรักหรือ?

ทุกถ้อย ทุกคำถามถูกหักล้าง ชำระสะสางจนสะอาดพอที่จะเห็นถึงเบื้องหลังของความเชื่อ เห็นถึงสิ่งที่เขาซ่อนไว้และตั้งใจหนีมาตั้งแต่เด็ก หนีตั้งแต่เรื่องที่ว่าแม่ของเขาโกหก หนีว่ามนุษย์ควรรักเดียวใจเดียว หนีว่าครอบครัวเขาไม่ปกติ หนีว่าทุกคนนั้นล้วนเห็นแก่ตัว หนีว่าเขารู้อยู่แล้ว รู้อยู่แล้วซึ่งทุกอย่าง

กระนั้นใจเย็นก็ยังหนีความจริง ความจริงที่เป็นเหมือนพายุซึ่งเคยพรากเอาดวงชีวิตของทันใจไป พรากไปซึ่งความหมายที่เคยมีต่อสิ่งต่างๆ เขาไม่ใคร่ครวญยอมรับว่าตัวเองกำลังเสียใจ ไม่กระทั่งสำรวจตรวจค้นลงในจิตใจตนเอง หรือถ้าจะมองลึกลงไป เขาก็จะเห็นแต่ความว่างเปล่าเพราะไม่เคยใส่ใจจะเติมความรู้สึกแท้จริงใดลงไปเลย

และใจเย็นก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าการถูกสวมกอดเอาไว้จะกลายเป็นการรินรดความรู้สึกจนเปี่ยมล้น เขารู้ในวินาทีนั้นเองว่าตนเองแหลกสลายหักพังแค่ไหน เพราะตัวตนที่แตกกระจายอยู่บนพื้นนั้นค่อยๆ ถูกหยิบขึ้นมาทีละชิ้น ทีละชิ้นอย่างเบามือ ก่อนโอบอุ้มเอาไว้ กอดเอาไว้ด้วยอ้อมแขนของคนตรงหน้า

ทั้งที่เนื้อตัวของเป็นไทเปียกปอนไปด้วยน้ำฝน แต่ใจเย็นกลับรู้สึกว่ามันอบอุ่น อาจจะอุ่นเหมือนน้ำตาที่เขาจำไม่ได้แล้วว่ารสสัมผัสมันเป็นอย่างไร พอๆ กับที่จำไม่ได้ว่ารับอ้อมกอดแบบนี้เป็นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ อ้อมกอดที่ทั้งนานเหมือนชั่วนิรันดร์ และสั้นเหมือนชั่วพริบตา

ดังนั้นเมื่อคลายห่างออกไป ใจเย็นจึงดึงเป็นไทกลับมากอดอีกครั้ง ครั้งนี้เขาตั้งใจโอบอุ้มแหลกสลายของอีกฝ่ายไว้ดังที่ตนเคยได้รับ ตั้งใจจะประกอบชิ้นส่วนแต่ละชิ้นให้เชื่อมต่อเนียนสนิทราวกับไม่เคยแตกร้าว แต่ทั้งที่ตั้งใจแบบนั้น เป็นไทก็ปฏิเสธเขามาก่อนด้วยคำไม่กี่คำ

ช่างมันเถอะ

ไม่มีอะไร

อีกแล้ว – ทันใดใจเย็นคิดคำนี้พร้อมกับเสียงฟ้าร้องครืนคล้ายไม่พอใจ อีกแล้วที่เป็นไทบอกกับเขาแบบนี้ไม่ต่างจากช่วงเวลาที่ผ่านมา ต่อให้ใจเย็นจะหนีความจริงแค่ไหนเขาก็รู้สึกได้ว่าเป็นไทกำลังโกหก โกหกจนเขานึกอยากโกรธ อยากจะดึงดันคั้นเค้นให้เจ้าตัวบอกความจริง อยากจะรู้ว่าทำไมถึงไม่ยอมบอกอะไรเขาเลย แต่พลันชิ้นส่วนแตกสลายของตนเองที่เคยถูกโอบอุ้มก็ร่วงกราวลงมาอีกครั้ง

ทุกอย่างมันก็เป็นเพราะเขาเอาแต่หนีไม่ใช่หรือ?

หนีกระทั่งว่าเขายังไม่เข้าใจอะไรเลยในความรัก แต่ก็ตะบี้ตะบันอยากจะไขว่คว้าเอามาไว้ในครอบครองก็เพียงเพราะตัวเองไม่อยากรู้สึกเจ็บปวด เขาหนี หนีจนรู้ตัวอีกทีก็พบว่าตนเองกลายเป็นคนที่น่าสมเพชเวทนา

เขาหนีกระทั่งเรื่องที่ว่าเป็นไทไม่อยากบอกอะไรกับเขาอีกแล้ว

เพราะฉะนั้น ตอนที่ยอมเผชิญหน้าความจริงเขาก็ทำได้แค่มองเป็นไทเดินจากไป แม้รู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังปวดร้าวเขาก็ต้องทำแบบนั้น ตราบเท่าที่มันเป็นแบบที่เป็นไทต้องการ ตราบเท่าที่เขายังคงไม่เข้าใจอะไรในตัวเองเลยสักอย่าง และตราบเท่าที่เขายังคงหนีอยู่แบบนั้น

แต่สิ่งเดียว – สิ่งเดียวที่เขาหนีไม่ได้เลยก็คือความรู้สึก

อย่าไป

อย่าไปจากเขาแบบนั้นเลย

อย่าไปทั้งการเดินจากไปแบบนั้น และอย่าไปจากความสัมพันธ์ อย่าห่างไปกว่านี้เลย

ตอนนั้นเองที่ฝนหยุดตก ทั้งที่เขาอยู่ในรถแต่หยาดน้ำสองสามหยดกลับหล่นลงตัก มันเหมือนน้ำตามากพอที่จะทำให้เขาคิดสงสัยอีกครั้งว่าตนเองร้องไห้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แต่ก็เช่นเคย ไม่มีคำตอบ

ตั้งแต่วันนั้นใจเย็นจึงพยายามเผชิญหน้ากับความจริง ความจริงที่เป็นเหมือนพายุซึ่งพยายามเอาชนะมันกี่ครั้งก็ยังเหวี่ยงวนเขาให้ติดอยู่ที่เดิม คล้ายก้าวต่อไปข้างหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้ เขาไม่มีที่ให้ไปเลยสักที่ แม้กับบ้านที่เคยรู้สึกว่าปลอดภัย แต่บัดนี้บรรดาดอกไม้ในบ้านดูเหี่ยวเฉาลงทุกที ทุกที รอวันโรยกลีบให้พร่างพรมเต็มพื้นสวน ไม่ต่างจากคุณเกษราที่ค่อยๆ เผยความเศร้าออกมาทีละน้อย เหมือนว่าพอเฉลยความจริงกับเขาแล้วก็ปลดแอกทุกพันธนาการความลับ โดยไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าความเศร้าเหล่านั้นกลับยิ่งทิ่มแทงลึกลงกลางใจของใจเย็น

หรือไม่ ก็เป็นกลางหลังที่เขาไม่เคยระวัง

แม้แต่กับคุณพิทักษ์พ่อของเขาเอง ใจเย็นรู้สึกว่าตัวตนของพ่อแทรกซึมอยู่ทุกวัตถุที่มอบให้เขา ทุกเงินตรา ทุกความสุขสบาย ทุกสิ่งปลูกสร้างที่โอ่โถง ทุกถนนหนทางในอนาคตที่ปูรอไว้ให้ แต่ใจเย็นกลับสัมผัสไม่ได้ถึงความรักที่แท้จริง ที่สัมผัสได้ดูจะมีแต่การที่เลี้ยงเขาให้เติบโตมาด้วยวัตถุและการสอนให้อยู่กับวัตถุเหล่านั้น ทั้งที่ใจเย็นอยากอยู่กับชีวิต ชีวิตที่หล่อเลี้ยงด้วยความรัก และความสัตย์จริงของใจ

ทว่า ต่อให้พายุของความจริงจะทั้งผลักไส ทั้งฉุดรั้ง ให้เขาทรมานเล่น ระบบคิดของใจเย็นต่อเรื่องความรักก็ไม่ได้แปรเปลี่ยน เพราะเขาเชื่อไปแล้ว และเชื่อมานานว่าการรักใครหลายคนไม่ใช่เรื่องผิด ที่ผิดคงมีแต่การสร้างข้อตกลงบ้าๆ ขึ้นมาผูกมัดให้รักเดียวใจเดียวเองทั้งที่รู้ว่าทำไม่ได้ ที่สำคัญการไม่เชื่อใจในข้อตกลงนั้นก็ดูงี่เง่า – ใจเย็นเห็นคู่รักที่หวาดระแวงว่าอีกฝ่ายจะนอกใจเป็นเรื่องงี่เง่าไร้สาระทุกครั้งไป

และเพราะเป็นแบบนี้ เพราะความคิดเขายังตลบหลังความรักในรูปแบบที่แม่เพิ่งเปิดเผย เพราะเขายังไม่เข้าใจความเจ็บปวดของผู้อื่น เพราะยังจัดการความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ใจเย็นจึงยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองยังไม่ได้ไปไหน ยังเอาชนะพายุของความจริงไม่ได้ ยังไม่อาจเผชิญหน้ากับอะไรเลยสักอย่าง สุดท้ายแล้วเขาก็หนีอีกครั้ง

ครั้งนี้เขาหนีไปหาเป็นไท

สักพักแล้วนับตั้งแต่ที่เป็นไทมาหาเขาและก็ไม่ได้เจอหน้ากันอีก พูดคุยอย่างมากก็ทางโทรศัพท์ ทั้งที่อยากเจอ อยากพบ ไม่ต้องพูดคุยก็ได้แค่อยากเห็นหน้า แต่เขากลับไม่กล้าไปหา ที่ได้มาเจออย่างในตอนนี้ก็เพราะเขาตัดสินใจก้าวถอยหลัง ถอยจนแทบจะตกหน้าผาเพื่อหนีความจริงทั้งหมดและมาเจอหน้าคนแค่คนเดียว

ที่นั่งตรงลานหน้าคณะ เป็นไทยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ทั้งในทรงจำและตรงหน้าเขา มันเป็นเดือนมกราคมที่อากาศดีแต่ไม่รู้ทำไมเขานึกถึงวันที่อากาศร้อนอ้าว วันแรกที่ได้เจอกับเป็นไท สายตามักไปวางอยู่ที่ปุ่มกระดูกตรงข้อมือข้างที่ถือแก้วน้ำเย็นฉ่ำ แต่ตอนนี้เขามองเรือนผมคนตรงหน้า ผมยาวกว่าที่เคยเห็นผ่านมาๆ ใจเย็นรู้สึกอยากสัมผัส อยากลูบเหมือนที่เคยทำ ทั้งลูบเล่น ทั้งปลอบโยน หากตอนนี้เขาก็ทำได้แค่เก็บไว้ในใจ

และไม่รู้คิดถูกหรือผิด ใจเย็นตัดสินใจคุ้ยถามถึงเรื่องที่เป็นไทไม่ยอมบอก ถามอย่างหนีความจริงที่สุดว่าเป็นไทไม่คิดจะบอกอะไรเขาอีกแล้ว

“ไม่ใช่บอกมึงไม่ได้ มันแค่พูดไม่ออก”

และกลับพบว่าเขามีเรื่องให้ต้องหนีอีกเรื่อง

“บางทีการไม่พูดออกไปมันก็ง่ายกว่าด้วย”

ใจเย็นรู้สึกเหมือนถูกย้ำว่าเขากลายเป็นคนน่าสมเพช เป็นคนที่หนีความจริงจนไม่เหลือค่า ทั้งที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนเป็นไทคงบอกเขา ไม่ว่ายากต่อการพูดแค่ไหนก็จะบอกออกมา อาจไม่ใช่ถ้อยคำโดยตรงแต่อย่างน้อยก็การแสดงออก ผ่านท่าทางหรือแววตาให้เขาจับรู้สึกได้ ใจเย็นยิ่งหวนนึกก็ยิ่งปวดแปลบข้างในอก เขาไม่รู้แล้วว่าควรทำอย่างไร ไม่รู้แล้วว่าผิดพลาดที่ตรงไหนบ้าง แต่ทั้งที่เป็นไทพูดแบบนั้น พูดสิ่งที่ไม่ปกติในสัมพันธ์เช่นนั้น เจ้าตัวกลับยังทำเหมือนทุกอย่างปกติดี ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ว่าแต่มึงเหอะ เป็นไงบ้าง”

ทั้งยังเอ่ยถามถึงตัวเขาแม้จะไม่ได้บอกเรื่องของตัวเอง ซึ่งเป็นตอนนั้นที่ใจเย็นเองก็รู้สึกว่าพูดไม่ออก ไม่ใช่เพราะมันง่ายกว่าที่จะไม่พูด แต่มันเป็นเพราะเขารู้สึกเจ็บจนไม่กล้าพูดเรื่องของตัวเอง

“ผมขอโทษ”

“...ขอโทษอะไรวะ”

ใจเย็นไม่ได้ตอบอะไรอีก แต่ในใจยังคงพร่ำคำว่าขอโทษ ขอโทษ ซ้ำอยู่อย่างนั้น

ขอโทษที่รักไม่เป็น

ทั้งที่เขาไม่ได้คบใครอื่นแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่ารักไม่เป็น

กลับมาจากวันนั้น ใจเย็นไม่รู้แล้วว่าเขาควรเดินไปทางไหนต่อ เขาสับสนร้อนรนเหมือนพยายามวิ่งหนีจากพายุของความจริง แต่แล้วก็พบกับทางตัน เขาหนีไปอีกครั้ง และก็พบกับทางตันอีกครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนที่สุดแล้วใจเย็นก็เลือกทางที่เป็นไทอยากให้ไป ทางที่ก้าวไปข้างหน้า เผชิญกับพายุ ไม่หนี ไม่ขี้ขลาด แม้มันจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม

ใจเย็นตัดสินใจกลับไปอยู่เคียงข้างแม่แม้จะยังไม่เข้าใจสิ่งที่แม่ทำมาตลอดชีวิตของเขา ขับรถพาแม่ไปยังศาลในคดีความฟ้องหย่าที่ยังยืดเยื้อยาวนาน เข้าไปนั่งฟังการพิจารณาคดีอย่างที่ไม่เคยคิดจะทำ พาตัวเองไปตกอยู่ในบรรยากาศอันน่าอึดอัด ครั่นคร้ามในวาจา ทั้งที่หลายต่อหลายอย่างเป็นเพียงคำพูดเอาดีเข้าตัว ไม่ว่าใครหรือแม้แต่แม่ของเขาก็จะพูดถึงแต่สิ่งดีงามของตัวเอง และโจมตีบกพร่องของอีกฝ่าย ทั้งสิ่งที่เขาเคยรู้และไม่รู้ ให้พรั่นพรึงในเรื่องราวตลอดชีวิตที่ผ่านมาเพราะไม่อาจบอกได้เลยว่าสิ่งใดจริง สิ่งใดปลอม

หลังสิ้นสุดการสืบพยานในวันนั้น ใจเย็นรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหนีอีกครั้งทั้งที่ไม่ตั้งใจจะหนีอีกแล้ว ทุกสับสนวนวิ่งสวนทางกันอยู่ภายในร่างเขา ปะทะปะทุเหมือนคลั่งแค้นของพายุ ใจเย็นอยากสำรอกสิ่งที่อยู่ในร่าง สำรอกออกมาให้หมด กระนั้นเมื่อไปยืนอยู่ในห้องน้ำ กลับไม่มีอะไรตีขึ้นมาสักอย่างในหลอดทางเดินอาหาร ใจเย็นรู้เพียงว่าเขาอึดอัด ไร้หนทางระบายออก ไม่มีที่ไป ไม่มีใครเลย

ทว่าเมื่อถึงถ้อยสุดท้ายเขาก็คิดได้ไม่เต็มคิด ที่ว่าไม่มีใครนั้นเขาก็ยังนึกถึงคนที่ห่างสัมพันธ์จากเขาไปทุกที เขานึกถึงเป็นไท เป็นไทที่มีชีวิตอยู่แม้กระทั่งในความรู้สึกของเขา เคลื่อนไหวในฉากหลังอันว่างเปล่าที่เขามักจะจับวางพื้นที่อันเป็นครอบครองของตนเองเข้าไป เป็นไทคนที่มักจะหมุนควงปากกาเล่นเวลาคิดอะไรสักอย่าง เป็นไทคนที่คลี่ยิ้มเวลาคิดเรื่องยากๆ ออก เป็นไทคนที่ดูขี้หงุดหงิดแต่ก็หายเร็ว เป็นไทคนที่ทำให้เขาค่อยๆ เป็นตัวเองอย่างเต็มตัว คนคนนั้น คนที่อยากจะรับฟังเขา และเขาเองก็อยากจะรับฟังอีกฝ่ายในทุกเรื่องราว

คนที่ไม่มีอะไรแทนที่ได้อีกแล้ว

พลันรู้สึกปวดร้าวเหมือนถูกพายุซัดกระหน่ำหักพังหัวใจให้ย่อยยับ และคำถามที่ว่าตนเองร้องไห้ครั้งสุดท้ายคือเมื่อไหร่ก็แล่นผาดเข้ากลางคิดเหมือนเล่นตลก แต่ที่ตลกกว่านั้นคือเขาได้คำตอบแล้ว

ว่าครั้งสุดท้ายที่เขาร้องไห้ก็คือตอนนี้ ตอนที่คิดถึงเป็นไท คิดถึงจนทรมาน และร้าวราน







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-08-2017 19:16:04 โดย แยมส้มขมคอ »

ออฟไลน์ chubbymeuk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ mam79

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ฮือออออ อยากให้เขากลับมาอยู่ด้วยกันอ่ะ สงสารทั้งคู่แต่สงสารเป็นไทมากกว่า ใจเย็นเข้าใจความรักแล้วรักเดียวใจเดียวได้แล้ววววววว รอต่อค่าาาา

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
โอย
ปวดไปทั้งใจ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
บีบหัวใจค่ะ ทำไมโลกถึงบิดเบี้ยวขนาดนี้นะ
ใจเย็นคือใจเป๋มากค่ะ น้องยังไม่รู้ความจริงของชีวิต ยังไม่เข้าใจความรัก และอื่น ๆ ที่เป็นการใช้ชีวิตทั่วไป

เป็นไทจะช่วยอะได้บ้างนะ เพราะที่ผ่านมาก็อาการเดียวกัน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Pangvivacious

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สงสารทั้งคู่เลย แต่พาร์ทนี้ใจเย็นก็มีพัฒนาแล้วนะ
อย่างน้อยก็ไปที่ศาลมาแล้ว
 :hao5:

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ความหน่วงนี้ ฮรือออ
อ่านตรง ขอโทษที่รักไม่เป็น แล้วแบบ... จะร้องงง
นายจะเข้าใจมันในสักวัน จะต้องรักเป็นได้แน่ๆ!
ลูบหัวใจเย็นโอ๋เอ๋ เอาใจช่วยทั้งสองคนน

ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2

30 – ปราย



ปราย มาจากคำว่าปรายฟ้า แปลว่าสิ่งที่หยาดลงมาจากฟากฟ้า ปรีดาตั้งใจจะตั้งชื่อนี้ให้เด็กชายตัวน้อยที่เกิดในฤดูฝน แต่ปุริมลงความเห็นว่าชื่อคล้ายเด็กผู้หญิงไปเสียหน่อยจึงตัดคำว่าฟ้าออก ให้กลายเป็นปรายธรรมดา หากยังคงพิเศษ เพราะสำหรับปรีดา ปรายยังคงหมายถึงหยาดน้ำที่ร่วงหล่นจากฟ้า ยังความชุ่มชื่นให้แก่พื้นผิวโลก มอบชีวาให้สรรพชีวิต ฟังดูเป็นความสุข สว่างสดใส ตราบเท่าที่หยาดน้ำนั้นไม่ใช่หยาดน้ำตา

ปรายสูญเสียปุริมผู้เป็นพ่อด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่ระบบจำความยังไม่เข้าที่เข้าทาง ที่จำได้เห็นจะมีเพียงความสุข รอยยิ้ม และความรัก ปรายจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าพ่อจากไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีพ่อก็ไม่กลับมาให้เขากอดหรือขี่คออีกแล้ว ครอบครัวเหลือเพียงเขากับแม่แค่สองคน แต่ก็ไม่นานเท่าไหร่นับจากนั้นที่ปรายเหลือเพียงตัวคนเดียว

หลังจากเฝ้าดูชีวิตของแม่ที่ค่อยๆ โรยราด้วยโรคมะเร็ง เฝ้าดูอย่างละเอียดลออแม้จะเจ็บปวด เฝ้าดูเหมือนไถ่โทษที่ไม่อาวรณ์ในวันที่พ่อจากไป ปรายเก็บทุกความเศร้าให้ซึมลึกตรึงติดตัว แม้แม่จะชอบบอกให้เขายิ้ม บอกว่าเขายิ้มแล้วดูดี แต่ปรายกลับรู้สึกเหมือนตัวเองร้องไห้อยู่ตลอดเวลา ยิ่งอยู่ท่ามกลางผู้คน ปรายยิ่งอยากร้องไห้ เพราะเขาไม่รู้สึกเลยว่ามีใครอยู่เคียงข้างเขา ไม่มีเลย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขร่วมกัน ปรายไม่รู้ว่าทำไมเป็นไทถึงเกลียดเขา เกลียดขนาดที่ว่าถ้าเขาหายไปเสียจากตรงนั้นก็คงดี ขณะที่ปราณีนั้นตรงกันข้าม หล่อนไม่ได้เกลียดเขาทั้งยังดูใจดีจนต้องเกรงใจ แต่สุดท้ายแล้วปรายก็ได้รู้ความจริงว่าเขาเป็นแค่ส่วนเกิน ด้วยบ่อยครั้งที่ปราณีมักทำตัวเหมือนลืมไปว่ายังมีเขาอีกคนในครอบครัว ประหนึ่งครอบครัวของหล่อนก็มีแค่ตัวหล่อนเองกับลูกชายแท้ๆ อย่างเป็นไทเท่านั้น

เพราะแบบนั้น ลึกๆ แล้วปรายก็อิจฉาเป็นไทที่ยังมีแม่อยู่เคียงข้าง ลึกๆ แล้วก็รู้สึกว่าเป็นไทโง่จนมองไม่เห็นค่าสิ่งที่มีอยู่ ปรายไม่เข้าใจความก้าวร้าวรุนแรงของเป็นไท ไม่เข้าใจนิสัยหวงของจนเกินเหตุในหลายๆ ครั้ง ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ร้ายกับเขานัก และปรายก็คิดว่าคงไม่มีวันจะเข้าใจ กระทั่งวันที่พายุฝนกระหน่ำลงมาพร้อมๆ กับพายุอารมณ์ของเป็นไทมาถึง

แข่งกับเสียงคำรามของท้องฟ้า เป็นไททะเลาะกับแม่ โวยวาย แผดลั่น ก่อนจะสั่นเครือคล้ายร้องไห้ ปรายไม่เคยเห็นเป็นไทร้องไห้ และเขาก็ไม่ได้เห็นมัน สิ่งที่ทำคือแค่เดินหนีขึ้นห้อง รู้ดีว่าไม่มีใครอยากให้เขาอยู่ตรงนั้น มันไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับเขา แต่จากที่ได้ยินสนทนาเล็ดลอดเข้าหู ปรายก็พอจะรู้แล้วว่าเป็นไทเคยถูกพ่อทำร้าย และแม่ก็เหมือนจะทำร้ายซ้ำเติมโดยการพาตัวเองกลับไปข้องเกี่ยวกับพ่ออีกครั้งเพียงเพราะเรื่องเงิน

ปรายหลับตาลงให้ทุกอย่างหม่นมืด เสียงพายุฝนดังชัด เขาเริ่มได้คำตอบแล้วว่าทำไมเป็นไทถึงได้ก้าวร้าว อาจเพราะใจมีรอยแตกเป็นทางยาวลากลามมาตั้งแต่อดีต กระนั้น กระนั้นก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะทำตัวแย่ๆ กับเขา แต่ก็อีก ปรายเริ่มรู้สึกเหมือนเข้าใจเป็นไทขึ้นมาทีละน้อย ทีละน้อย

และเริ่มคิดว่าคนที่ก้าวร้าว บางทีก็เพราะอยากสร้างเกราะหนามขึ้นมาป้องกันตัวเอง แต่แค่ไม่รู้จะทำอย่างไร

คิดแบบนั้น ฝนนอกหน้าต่างยิ่งกรรโชก ปรายไม่แน่ใจว่าที่คิดนั้นถูกหรือผิด ที่คิดว่าเข้าใจเป็นไท สุดท้ายแล้วเขาก็อาจจะไม่เข้าใจอะไรเลย

แต่นับจากวันนั้น ปรายเริ่มรู้สึกว่าเป็นไทไม่ได้มีพิษสงอะไรนัก คิดดูดีๆ แล้วก็พบว่าอีกฝ่ายไม่เคยทำร้ายเขาเลยด้วยซ้ำ อย่างมากที่สุดคือการปากระป๋องเบียร์เปล่าใส่ ที่เหลือก็เป็นการใช้วาจาถากถาง ขู่กร้าว แต่ก็ไม่เคยเห็นเลยสักครั้งว่าทำจริงอย่างที่ขู่ ถ้าให้คิดอย่างอคติก็คงมองว่าเป็นไทเป็นพวกดีแต่ปาก แต่วีรกรรมอันใช่ย่อยที่ปรายเคยได้ยินมานั้นก็หักล้างคำว่าดีแต่ปากทิ้งง่ายดาย

บางทีความเกลียดที่เป็นไทมีให้เขาคงเป็นความเกลียดที่แปลกประหลาด

ชัดที่สุดที่ปรายสัมผัสได้คือระยะหลังที่เป็นไทไม่ค่อยหาเรื่องเขาแล้ว มันเป็นเดือนกุมภาพันธ์ที่เงียบสงบ แต่ทั้งคิดทั้งรู้สึกหลายอย่างอื้ออึงในกายคล้ายเสียงฝนกระทบโลหะ หนักอึ้งจนไร้เรี่ยวแรงจะลุกไปทำอะไร เขานอนอยู่ทั้งวัน นอนจนได้ยินเป็นไทถามด้วยน้ำเสียงรำคาญใจ ถามว่าเขาไม่สบายหรือ ก่อนจะใช้หลังมือแตะเข้าที่หน้าผากจนเขาสะดุ้ง แล้วปิดท้ายด้วยคำด่าสั้นๆ ว่าสำออย

กระนั้น ปรายกลับรู้สึกว่ามันดีกว่าความเมินเฉยไม่สนใจ หลายกรณีที่ความเมินเฉยนั้นร้ายแรงยิ่งกว่าความเกลียด ปรายรู้ดีเพราะมันเป็นสิ่งที่เขาเจอมาตลอด เวลานั้นเองที่เขาเริ่มคิดย้อนว่ามันอาจเป็นสิ่งที่เขาก็ทำกับเป็นไทโดยไม่รู้ตัว แต่ปรายก็ไม่กล้าที่อยู่ๆ จะก้าวเท้าเข้าเขตส่วนตัวของเป็นไท คนขี้หวงแบบนั้นคงได้ไล่ตะเพิดเขาออกมา สิ่งที่ปรายทำจึงมีแค่ทำตัวเหมือนเดิม เงียบเชียบ เลี่ยงสนทนาที่จะเกิดเรื่องทะเลาะ

เพราะปรายไม่รู้เหมือนกันว่าจะเริ่มเข้าหาเป็นไทอย่างไรดี ไม่รู้แม้กระทั่งวันที่เขากลับบ้านไปได้ยินสนทนาของปราณีกับคนปลายสายโทรศัพท์ – คนที่เคยทำร้ายเป็นไท – คนที่แม้แต่ปรายเองก็จำหน้าไม่ได้แล้ว

“คุณอยากเจอลูกก็มาเจอสิ”

มันเป็นประโยคแรกที่ปรายได้ยิน ทั้งที่ตัวเขาเองไม่ใช่เป็นไทแต่เสียงฟ้าคำรามกลางพายุฝนวันนั้นกลับแผดลั่นในรู้สึก และประโยคต่อๆ มาก็เหมือนสายฟ้าฟาดลงมาจนชาไปหมด

ไม่เป็นไรหรอก ไทโตแล้ว

คิดว่าต้องเข้าใจ

ถ้อยคำเหล่านั้นไหลลื่นผ่านโสตประสาท ทั้งที่อยากให้มันไหลผ่านไปแต่มันกลับทิ้งร่องรอยสะท้อนเป็นเงาความรู้สึก ก่อนที่คำพูดต่อๆ มาจะพร่างพรูตาม ทับถมเงานั้นให้ยิ่งมืดดำ ปรายได้ยินบทสนทนาประมาณว่าถ้าปรับความเข้าใจกันได้ก็น่าจะไม่เป็นไร ถ้าปล่อยผ่านเรื่องราวในอดีตไปและเริ่มใหม่ได้ทุกอย่างก็จะดีเอง

วินาทีนั้น ปรายรู้สึกผิดขึ้นมาที่เคยอิจฉาเป็นไทเรื่องแม่ เพราะรู้แล้วว่าปราณีทำให้เป็นไทโดดเดี่ยวไม่ต่างจากที่เขารู้สึกเลย

ปรายคิด คิด และคิดอยู่ตลอดว่าจะบอกเรื่องนี้กับเป็นไทอย่างไรดี แต่ตอนที่ได้เจอหน้าเป็นไทที่คอนโด เขาก็ได้รู้แล้วว่าที่คิดมาตลอดทางนั้นเปล่าประโยชน์ มันสายไปแล้ว แค่ดูจากท่าทีที่เงียบงันของเป็นไทก็บ่งบอกทุกอย่าง มันเป็นความเงียบที่ทำให้รู้สึกถึงคลื่นลมทะเลที่สงบ นิ่ง คล้ายที่เขาเคยเจอกับเป็นไทเมื่อยังเด็ก

แม้จะเป็นช่วงที่ทรงจำทำงานได้ไม่ดีนัก แต่ปรายก็จำเป็นไทตอนเด็กๆ ได้ จำได้ว่าครอบครัวเขาและครอบครัวเป็นไทเคยไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เป็นไทในตอนนั้นยังไม่แผลงฤทธิ์อะไรใส่เขา เป็นแค่เด็กเงียบๆ คนหนึ่ง เงียบ...เงียบจนเขาจำหรือกระทั่งจินตนาการเสียงของเป็นไทในวัยเด็กไทไม่ได้เลยแม้แต่น้อย พอๆ กับที่ปรายจำหน้าพ่อของเป็นไทไม่ได้ จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าผู้ชายคนนั้นมีปฏิสัมพันธ์กับลูกตัวเองอย่างไรบ้าง

แต่ที่รู้ตอนนี้ ปรายรู้แล้วว่าคนที่ขโมยเสียงของเป็นไทให้หายไป คนที่กดทับเสียงที่จะระบายความรู้สึกต่างๆ ออกมานั้นก็คือพ่อของเป็นไทเอง

ปรายไม่รู้ว่าเป็นไทเคยเจออะไรมาบ้าง ไม่รู้ว่าเป็นไทคิด หรือรู้สึกอะไรอยู่ เพราะเป็นไทก็แค่เงียบ นิ่ง ราวต้องการเจือจางตัวตนให้ละลายหายไปจากโลกใบนี้ แม้แต่ตอนที่นั่งอยู่ในห้องเดียวกัน ปรายก็แทบไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายนั่งอยู่ด้วย ที่รู้สึกได้คงมีแต่ความอึดอัด คล้ายรอเวลาระเบิดให้ทุกสิ่งย่อยยับ และสุดท้ายมันก็ไม่ผิดจากที่คิด

ความเงียบของเป็นไทคือคลื่นลมสงบก่อนพายุจะมา

เสียงสัญญาณของพายุดังลั่นในกลางดึกของเดือนเมษา มันคือเสียงโทรศัพท์มือถือของเป็นไท ดังผ่าความเงียบงันในห้องอยู่หลายครั้ง ดังจนปวดประสาทแต่เป็นไทก็ไม่สนใจราวกับไม่ได้ยินเพราะเสียงความคิดและความรู้สึกของตัวเองนั้นดังกว่า สุดท้ายปรายก็ลุกไปหยิบโทรศัพท์มือถือนั้นขึ้นมา เห็นผ่านตาว่าชื่อบนหน้าจอคือแม่ วินาทีนั้นเกิดลังเลเพราะเป็นไทอาจจงใจมองข้ามอยู่แล้ว แต่เมื่อย้อนคิดว่าเจ้าตัวไม่แม้จะหันมามองชื่อบนหน้าจอเลยด้วยซ้ำก็ทำให้ตัดสินใจเอ่ยเรียก

เป็นไท เป็นไท เรียกซ้ำอยู่สองสามครั้งก่อนที่เจ้าตัวจะหันมา ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งได้กลิ่นฉุนของเหล้า แต่ปรายก็ไม่ได้สนใจอะไรนอกจากยื่นโทรศัพท์มือถือไปให้ ทว่า ความผิดพลาดเกิดขึ้นเมื่อมันร่วงหล่นก่อนจะถึงมือของเป็นไท เสียงตกกระทบพื้นดังชัด ก้มหน้าลงมองตามก็เห็นว่ามุมหนึ่งของหน้าจอแตกร้าว เสียงเรียกเข้ายังดังลั่นให้ปรายยิ่งร้อนลน เขาหมายจะก้มลงเก็บ แต่แล้วความตั้งใจก็ถูกทำลาย ปรายไม่แน่ใจว่าโลกเปลี่ยนเงียบงันหรือพายุพัดกระหน่ำในวินาทีนั้น

วินาทีที่หลังมือของเป็นไทฟาดลงมาบนหน้าเขาสุดแรง

ปรายหน้าหัน ตัวเซ เกือบจะล้มลง เจ็บแปลบบนใบหน้าก่อนอาการชาหนึบจะค่อยลุกลามพอๆ กับสั่นสะท้านขลาดกลัว เขารู้สึกว่าควรรีบหนีไปให้ห่าง แต่เมื่อหันกลับมองถึงรู้ว่าไม่จำเป็นต้องหนีอีกแล้ว พายุสงบลงแล้วพร้อมกับความรุนแรงเมื่อครู่ หลงเหลือค้างไว้เพียงซากปรักหักพังสั่นสะท้านของผู้กระทำ แววตาของเป็นไทตื่นตระหนก เห็นได้ชัดว่าตกใจกับสิ่งที่เพิ่งทำลงไป มือข้างที่ใช้ทำร้ายปรายสั่นระริก และน้ำในตาก็เริ่มสั่นคลอน

ตอนนั้นเองที่เป็นไทเริ่มร้องไห้ ทรุดลงกับพื้น ก้มหน้าเหมือนไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตา เก็บกลั้นเสียงสะอื้น ก่อนกลั่นคำพูดเอ่ยออกมาแผ่วเบา ขอโทษ ขอโทษ ย้ำซ้ำอย่างนั้น ย้ำซ้ำราวต้องการกรีดตะโกน ตัวตนแตกเป็นเสี่ยง มือกุมขยุ้มหัวตัวเองราวกลัวมันจะระเบิดออก และพึมพำคำถาม

“ทำยังไงดี”

ทั้งที่แผ่วเบาแต่ฟังดูราวเสียงกรีดร้อง จนตรอก

“กูไม่ได้อยากเป็นคนแบบนี้”

และกรีดร้องออกมาให้ดังยิ่งขึ้นในประโยคต่อๆ มา กรีดแทงหัวใจด้วยประโยคที่ว่าไม่อยากเป็นเหมือนกับพ่อตนเอง ไม่อยากให้ใดๆ ก็ตามเป็นเพราะพ่อ ไม่ปรารถนาอะไรทั้งนั้นที่ข้องเกี่ยวกับชายคนนั้น ปรายไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร เขาไม่รู้วิธีปลอบคนอื่น แม้แต่ตัวเองยังปลอบไม่เป็นด้วยซ้ำ สุดท้ายเขาก็ได้แค่รับฟัง แต่บางทีมันอาจเป็นสิ่งที่เป็นไทต้องการมากที่สุดแล้วในเวลานี้

ปรายทรุดตัวลงและสวมกอดคนตรงหน้าเอาไว้ สัมผัสได้ถึงความแตกร้าวแหลกสลายภายใน ไม่แน่ใจว่าจะเยียวยาได้อย่างไร แต่ที่แน่ใจอย่างหนึ่งคือต่อให้เป็นไทจะหวาดกลัวสักแค่ไหน เป็นไทคงไม่มีวันเป็นเหมือนพ่อ คนที่ร้องไห้ตอนเผลอทำร้ายคนอื่นจะเป็นแบบนั้นไปได้อย่างไร เขาคิด พยายามเรียบเรียงคำพูด แต่คำขอโทษที่ยังได้ยินซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ทำให้ถ้อยคำของเขากระจายกระเจิง ปรายจึงได้แต่กอดเอาไว้ กอดเอาไว้ให้แน่นขึ้น

ถ้าเป็นไทไม่เคยโดนพ่อทำร้ายจะเป็นคนแบบนี้ไหม จะเป็นคนอ่อนโยนกว่านี้ใช่ไหม คำถามนั้นผุดผาดขึ้นกลางคิดพร้อมเจ็บปวดที่เขารับมาผ่านอ้อมกอด และเจ็บปวดทวีเท่าเมื่อคำตอบคือใช่ เป็นไทคงเป็นคนที่อ่อนโยนกว่านี้ หรือบางทีอาจจะอ่อนโยนอยู่แล้วด้วยซ้ำ

พลันเมื่อคำขอโทษสุดท้ายขาดห้วง เป็นไทผละหนีจากอ้อมกอด ลุกขึ้นและไม่หันกลับมามอง เหมือนยังคงหลบหน้าไม่อยากให้เห็นน้ำตา แต่ปรายกลับรู้สึกว่ามันเป็นการตะเกียกตะกายหนี ไม่อยากให้เขาเห็นตนเองสภาพนี้ สภาพที่อ่อนแอไร้เปลือกหนามใดห่อหุ้ม นัยหนึ่งปรายก็รู้ว่ามันน่าอับอาย แต่นัยหนึ่งปรายก็รู้ว่าเขายังไม่ใช่คนที่เป็นไทยอมแสดงความอ่อนแอที่ลึกที่สุดออกมาให้เห็น

สิ้นเสียงปิดประตูห้องของเป็นไท ความเศร้าที่เป็นไททิ้งไว้ก็กลายเป็นความเศร้าของปราย ความปรารถนาลึกๆ ที่เคยเก็บซ่อนไว้ยิ่งย้ำให้เศร้าลุกลามเหมือนโรคติดต่อ ความปรารถนาที่ว่าปรายอยากมีพี่ชายมาตลอด ถ้าอะไรๆ ไม่เป็นแบบนี้ พวกเขาคงเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันได้ คงไม่อ้างว้างเดียวดายได้ถึงเพียงนี้ทั้งที่อยู่เคียงข้างกัน ปรายจึงได้แต่หวัง หวังว่าความเจ็บปวดเหล่านั้น ถ้าไม่ใช่เขา ก็ขอให้มีใครสักคนรับเอาไว้ได้ อย่าร่วงหล่นหรือแตกสลายไปมากกว่านี้เลย

เพราะทั้งที่ทุกอย่างเงียบงัน ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากห้องที่เปิดไฟอยู่ตลอดคืน แต่ปรายรู้สึกว่าเป็นไทกำลังร้องไห้ และร้องไห้อยู่อย่างนั้นทั้งคืน








***********************************************************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-12-2017 22:07:19 โดย แยมส้มขมคอ »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ mamemoo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :z3: :z3: อีกแล้วววว คุณแยมมม all kill มากเลยค่ะ ตอนนี้นายขนมต้มของเราทำไมโดนทำร้ายขนาดนี้ น่าย่ำยีเพิ่มมากเลยค่ะ *โดนตี* ใจเย็นต้องช่วยพี่เป็นไทนะลูกกก เป็นไทก็ต้องช่วยน้อง ช่วยกั---- :hao6: :hao6: :hao6:
ไม่รู้จะคอมเมนท์อะไร แต่คุณแยมทำคนอ่านแตกสลายได้ทุกตอนจริงๆค่ะ แงงงงงงง
รอใจเย็นนะคะ ใจเย็นจะเป็นผู้คอยรับไว้ไม่ให้เป็นไทร่วงหล่นได้อย่างที่น้องปรายบอกได้หรือไม่ ติดตามชมตอนต่อไป :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ mam79

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ทำไมชอบทำร้ายเป็นไทของเรา ฮือออออ สงสารอีกแล้วววว

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
ฮือออ หดหู่ไปหม๊ดดดด

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
โอ๊ยยยยยยยย เป็นไทลูก มาค่ะมาเดี๋ยวพี่กอดปลอบหนูเอง อ่านนี้ก็น้ำตาซึมอีกแล้ว

ออฟไลน์ MOMAMi_96

  • เรื่อยๆ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
เนี่ยรักน้องปรายมากคนอะไรก็ไม่รู้จิตใจอ่อนโยนมากกกกก

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
หายใจเข้าลึก ๆ แล้วหน่วงต่อไป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด