➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ➤➤ใจเย็นกับเป็นไท ◑แจ้งข่าวตีพิมพ์หน้า 19 ค่ะ  (อ่าน 144328 ครั้ง)

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2


22 – ฉากหลังที่ว่างเปล่า



ถ้าให้ใจเย็นบรรยายถึงคุณเกษราผู้เป็นแม่ของตนเอง สิ่งแรกที่ปรากฏในใจดูจะไม่ใช่นิยามถึงหญิงสาวผู้มอบความรักความอบอุ่น ไม่ใช่นิยามถึงผู้มีพระคุณล้นพ้น ไม่ใช่นิยามถึงครอบครัว บ้าน หรืออื่นใดทั้งนั้น แต่สิ่งแรกที่ปรากฏในใจกลับเป็นสัมผัส สัมผัสทางนาสิกประสาทที่กลิ่นหอมของดอกไม้อวลอบ

ใจเย็นรู้สึกแบบนั้นมาตั้งแต่เด็ก รู้สึกมาตั้งแต่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าดอกไม้เรียกว่าดอกไม้ มันคงเป็นความรู้สึกเดียวกันกับที่รู้สึกว่าคุณเกษราคือแม่ที่รักเขาตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าแม่นั้นคืออะไร และคงต่อไปตราบจนชั่วชีวิตที่ใจเย็นจะได้กลิ่นดอกไม้หอมหวานเมื่อนึกถึงแม่ของตน

กระนั้นเลย ใจเย็นกลับไม่ได้สังเกตสังกาเลยว่ากลิ่นหอมของดอกไม้ในบ้านดูเจือจางลงได้สักพักแล้ว อาจเป็นรอยยิ้มของคุณเกษราที่มอบให้เขาเหมือนเดิมสม่ำเสมอจึงทำให้ไม่ได้คิดอะไร อาจเป็นเพราะระยะหลังมานี้เขาก็เอาแต่สนใจเรียนจนน่าประหลาด อาจเพราะคณิตศาสตร์ เคมี ชีวะ หรืออาจเพราะใดๆ ในโลกก็ได้ที่ทำให้ใครสักคนไม่ได้สังเกตความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ของคนใกล้ตัว

แต่ถ้าจะว่ากันตามจริง ใดๆ ในโลกเหล่านั้นก็ล้วนมีที่มาจากเป็นไท – คนไกลตัวที่ใจเย็นอยากได้มาเป็นคนใกล้ตัวไม่สิ้นสุด

ต่างออกไปจากสัมผัสเวลาใจเย็นนึกถึงคุณเกษรา ตอนที่นึกถึงเป็นไท ใจเย็นไม่รู้สึกถึงกลิ่นดอกไม้ แต่ใจเย็นกลับเห็นภาพชัดขึ้นทุกทีว่าเป็นไทอยู่ท่ามกลางฉากหลังที่ว่างเปล่า อาจจะนั่งอยู่หน้าโต๊ะสักตัว นั่งอ่านอะไรบางอย่าง ไม่ก็เขียนอะไรขยุกขยิกหรือหมุนควงปากกาเล่น ซึ่งเป็นมุมที่เขามักจะได้มองในซุ้มม่านบาหลี

แต่บ่อยครั้งที่เขานึกฉากหลังไม่ออก

บ่อยครั้งที่โดนม่านควันบุหรี่บดบังความว่างเปล่าเบื้องหลังร่างของเป็นไททั้งที่เขาก็เคยเห็นเป็นไทสูบบุหรี่อยู่ไม่กี่ครั้ง บ่อยครั้งที่เขาเห็นภาพเป็นไทนั่งเล่นอยู่กับเพื่อนที่มหาวิทยาลัยแต่เขานึกภาพลานหน้าคณะไม่ออก จนท้ายที่สุด หลายต่อหลายครั้งภาพฉากหลังในความคิดก็กลายเป็นสวนดอกไม้ สระน้ำ สะพานข้ามน้ำตก ห้องโถง ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ที่ไหนก็ได้ที่เป็นสถานที่ของเขา เหล่านั้นถูกแทนที่เข้าไปราวกับถูกจับวาง ซึ่งใจเย็นก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น พอๆ กับที่เขาไม่เข้าใจว่าการคบผู้หญิงหลายคนนั้นผิดตรงไหน

อย่างไรก็ตาม ถึงภาพเป็นไทจะชัดเพียงใดในทรงจำ ใจเย็นก็ยังเบื่ออยู่ดีที่จะไม่ได้เห็นตัวจริง

เปิดเทอมของมหาวิทยาลัยวนมาอีกครั้ง และเหมือนเดิมที่เป็นไทชอบบอกว่าไม่ว่างต่อให้เขาไปหาในตอนเย็น ไม่ว่าง ไม่ว่าง จนใจเย็นเริ่มชิน แถมถูกสมทบมาด้วยว่าปีสามเป็นปีที่จะเรียนหนักที่สุด หนักตั้งแต่เริ่มแรก และไล่ให้ใจเย็นกลับมาห่วงเรื่องเรียนของตนเอง แน่นอนว่าใจเย็นก็กลับมาสบตากับชีวะ เคมี ลามไปถึงฟิสิกส์ในบางที กระทั่งรู้ตัวว่าเป็นไทไม่ยอมสบตากับเขาก็ตอนที่นั่งอยู่กับนายคำนวณคนเดิมนั่นแหละ

เริ่มแรกใจเย็นจับสังเกตได้ว่าระหว่างที่สอน มือของเป็นไทที่มักควงปากกาเล่นอยู่บ่อยๆ ก็กลับไม่สนใจการเล่นนั้น ดูจับจดกับการกดปุ่มปากกาเสียมากกว่า บ้างก็ปลีกตัวไปเข้าห้องน้ำ อันที่จริงสิ่งเหล่านี้ดูเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ก็ชัดขยายใหญ่เมื่อรู้สึกว่าเป็นไทหลบหน้าทั้งๆ ที่นั่งข้างๆ

“เป็นไท” สุดท้ายใจเย็นก็ทนความสงสัยไม่ไหว

“อะไร”

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

“เรื่องอะไรของมึง”

“ผมสังเกตได้นะ”

พอพูดประโยคนี้ อีกฝ่ายก็เงียบชะงักเหมือนนึกคำโต้ตอบทันควันไม่ออก ยิ่งเสริมว่าข้อสันนิษฐานของใจเย็นถูก

“มึงคิดไปเองปะ สะเหล่อ”

และไม่ผิดคาดนักที่จะถูกด่าแถมมาด้วย

ที่สุดใจเย็นก็ถอดใจ เพราะรู้ว่าเรื่องที่เป็นไทไม่คิดจะพูด ตื๊อไปก็เท่านั้น แต่นั่นก็ยิ่งทำให้ใจเย็นละเอียดลออในการสังเกตมากขึ้น และยิ่งสังเกตก็ยิ่งชัด ชัดว่าภาพของเป็นไทในความคิดที่ไร้ซึ่งฉากหลังนั้นห่างไกลออกไปทุกที ทุกที

จนเมื่อกลัวจะเหลือแต่ความว่างเปล่า วันฝนตกของเดือนกันยาที่เป็นไทยังคงบอกว่าไม่ว่าง ใจเย็นก็ขับรถไปหาที่คณะ หวังว่าฝนจะเป็นข้ออ้างให้เป็นไทกลับกับเขา และถึงจะไม่ว่าง มีธุระดึกดื่น เขาก็ตั้งใจที่จะรอ

ซึ่งความตั้งใจนั้นก็ทำให้ได้รู้ว่าจริงๆ แล้วเป็นไทไม่ได้ยุ่งเหยิงทางตารางชีวิตขนาดนั้น เพราะใจเย็นสังเกตได้ถึงสีหน้าที่ดูอึดอัดใจก่อนจะขอปลีกตัวออกจากกลุ่มเพื่อนเพื่อกลับบ้านกับเขา

“ไม่ต้องทำงานแล้วเหรอครับ” ใจเย็นถามตอนที่สตาร์ทรถ เครื่องเล่นเพลงส่งเสียงสำเนียงแจ๊สออกมา

“ส่วนของกูเสร็จแล้ว”

“งั้นเหรอ”

คำพูดติดปากส่งออกไปก่อนที่บทสนทนาจะเงียบงัน เหลือแต่เพลงแจ๊สที่บรรเลงต่อไปพร้อมกับสายฝน และแม้จะชวนคุย ไต่ถามว่าช่วงนี้มีเรื่องอะไรกวนใจไหม คำตอบก็ยังคงเป็นคำตอบเดิมๆ แถมพ่วงด้วยคำด่าก่อนเจ้าตัวจะก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือเสียอย่างนั้น ให้ใจเย็นรู้สึกอึดอัดไปพร้อมกับจังหวะสวิงของเพลงแจ๊สที่เหมือนเร่งเร้าขึ้นทุกที

“มึงหยุดมาหากูได้ไหมวะ”

กระทั่งจังหวะเปลี่ยนเพลง จังหวะเดียวกันกับที่ไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวราวผ่อนคลายลงพร้อมเม็ดฝนที่สร่างซา ใจเย็นก็ได้ยินประโยคไม่เข้าหูนั้น

“ทำไมล่ะ” ใจเย็นหันไปถาม เท้าไม่คิดแตะคันเร่ง

“ไม่คิดว่ามันแปลกเหรอวะ”

“ก็ไม่เห็นแปลกนี่ครับ”

“มีผู้ชายด้วยกันที่ไหนทำแบบนี้บ้างวะ”

เสียงแตรของรถคันหลังดังลั่นคั่นสนทนา ทำให้ใจเย็นต้องกลับไปสนใจเหยียบคันเร่งพารถไปตามทาง แม้ตอนนี้เขาอยากจะจับจ้องจดจ่อแต่กับสิ่งที่เป็นไทพูดออกมาก็ตาม

“ก็เราสนิทกันแล้วทำไม่ได้เหรอ”

“มันเกินไป”

“เกินไปยังไงครับ” พร้อมคำถามนี้ ใจเย็นหันไปมองอีกฝ่าย ครั้งนี้ได้สบกับดวงตาดวงเดิมที่ดูแฝงความกร้าวอย่างที่เป็นมาตลอด หากเหมือนมีอะไรหักความกร้าวลงให้หลบตาไปทางอื่นทันที ใจเย็นจึงกลับไปสนใจทางข้างหน้าเหมือนเดิม

“เอาเป็นว่าเพื่อนกูล้อ”

“ไม่เห็นต้องสนใจเลย”

“มึงมัน—”

“จะว่าไปก็เห็นโดนล้อมาแต่แรกแล้ว เป็นไทก็ไม่ซีเรียสอะไรนี่ครับ”

ครั้งนี้อีกฝ่ายชะงักเงียบเหมือนที่พูดมันแทงใจ แต่ก็พูดต่อในที่สุด

“แล้วไม่คิดเหรอว่าที่คนอื่นเขาล้อเพราะมันแปลก เรื่องแค่นี้มึงน่าจะเข้าใจได้”

“ทำไมไอ้สิ่งที่ผมแค่อยากทำมันแปลกล่ะครับ”

มองไปอีกที เขาเห็นเป็นไทขมวดคิ้วมุ่น “แล้วทำไมถึงอยากทำ”

“ผมก็บอกไปหลายครั้งแล้วว่าชอบ”

“กูเกลียดคำตอบนี้” ทันควันที่ถูกสวนกลับ และใจเย็นรู้สึกไม่สบายใจกว่าครั้งไหนๆ

“เป็นไทไม่อยากให้ผมชอบเหรอ”

“ชอบมีตั้งหลายแบบ มึงก็พูดอยู่ได้ว่าชอบกู รำคาญ”

“แล้วผมชอบเป็นไทแบบไหนไม่ได้—”

“เฮ้ย! ระวัง!”

เสียงร้องเตือนดังลั่น ทำให้ใจเย็นกลับไปมองทางข้างหน้าแล้วเหยียบเบรกได้ทันก่อนที่จะชนเข้ากับรถยนต์ที่ขับปาดเลนเพื่อยูเทิร์น โชคดีที่คันหลังอยู่ห่างพอจึงไม่เกิดอุบัติเหตุอะไร แต่ใจเย็นก็นิ่งอยู่สักพัก เหมือนหัวสมองปะติดปะต่อหลายสิ่งหลายอย่างได้ไม่ดีนัก ปล่อยรถทิ้งค้างอยู่เลนกลางกระทั่งได้ยินเสียงแตรรถดังไล่หลัง นั่นทำให้ใจเย็นตัดสินใจหักพวงมาลัยพารถไปทางซ้าย ขับเข้าซอยเล็กๆ และจอดนิ่ง เรียบเรียงเรื่องที่ต้องการจะพูด ใช่ คราวนี้แหละที่เขาตั้งใจจะพูดคุยกับเป็นไทให้รู้เรื่อง

“กูขอกลับเองดีกว่า”

ทว่า ไม่เป็นอย่างที่หวัง เป็นไทเอ่ยออกมาเสียง่ายๆ แล้วเปิดประตูลงจากรถ แน่นอนว่าใจเย็นเปิดประตูตาม หันไปหาเป็นไทที่เดินฉับๆ ไปด้านหลังแล้ว

“ฝนยังตกอยู่เลยนะครับ” เขาพูด และก็จริงตามนั้นที่ฝนซึ่งซาลงแล้วกลับเทกระหน่ำลงมาอีกรอบ แน่นอนว่ามันทำให้ผมเผ้าและเสื้อผ้าช่วงบนของเป็นไทเริ่มเปียกโชก แต่เหมือนนั่นเป็นสิ่งที่ตรึงอีกฝ่ายหยุดกับที่ “เป็นไทยังไม่ได้ตอบอะไรผมเลยสักอย่างด้วย”

และดูนิ่งนานกว่าเดิมเมื่อถึงคำพูดนั้น เหมือนคิดอะไรบางอย่าง ซึ่งใจเย็นสังเกตละเอียดลออเท่าใดก็คงยังไม่อาจหยั่งรู้ได้ เท้าของเขาจึงตั้งใจจะก้าวตามเป็นไทไป พลันอีกฝ่ายหันกลับมา ท่ามกลางหยาดน้ำที่พร่างพราว ไม่อาจเห็นชัดว่าแววตานั้นคิดอะไร แต่รู้ตัวอีกที เป็นไทก็เดินกลับเข้ามาหาและผลักร่างของเขาให้กลับมาอยู่บนเบาะหน้าคนขับ

“เมื่อกี้มึงถามว่าชอบแบบไหนไม่ได้ใช่มั้ย”

คำถามถูกจู่โจมจากคนที่ยืนอยู่นอกตัวรถแต่ยังโน้มตัวเข้ามาหา ครั้งนี้เห็นแววตาชัด ยังแฝงความกร้าวเอาไว้แต่ก็บรรจุเต็มไปด้วยความสับสน พอๆ กับเสียงกรีดร้องอลหม่านของแซกโซโฟนในเพลงแจ๊สที่กลับดังชัดขึ้นท่ามกลางเสียงของสายฝน เสียงกลองกระหน่ำด้วยจังหวะเดียวกัน บางครั้งกลับลัดจังหวะ เสียงเบสครวญคราง และจังหวะสวิงที่วิ่งวนในสับสน กดดัน อึดอัดก็พลันแตกระเบิดและเงียบดับลง

เหมือนว่าทุกความรู้สึกพร่างพรมพร้อมความเงียบที่ค่อยๆ โรยตัวจากฟากฟ้าเบื้องบน และแตะลงบนพื้นผิวริมฝีปากของเขา

จูบ

เป็นไทจูบเขา

“แบบนี้”

และเอ่ยคำนั้นที่เขาไม่รู้แล้วว่าเป็นคำตอบของคำถามเรื่องอะไร รู้เพียงว่าเป็นไทตัวจริงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเหมือนไร้ซึ่งฉากหลังไม่ต่างจากเป็นไทในความระลึกถึงของเขา และเมื่อดูห่างไกลออกไปจากการที่เจ้าตัวผละออกและทำท่าจะปิดประตูรถหนีไปดื้อๆ ใจเย็นก็ผลักประตูออกอ้ากว้าง ก่อนกระชากร่างของเป็นไทกลับเข้ามาในตัวรถ กระแทกหลังอีกฝ่ายเข้าชนกับพวงมาลัยจนเสียงแตรของรถดังลั่น แต่ใจเย็นไม่ได้ยิน

เขาไม่ได้ยินอะไรเลยนอกจากเสียงกรีดร้องของเพลงแจ๊ส เสียงของสายฝน และเสียงกลองสแนร์ที่ระรัวอยู่ข้างในใจ เหมือนจะได้เห็นแววตาตกใจของเป็นไทแต่ก็จำไม่ได้แล้วว่าตกใจเรื่องอะไร เขากดจูบอีกฝ่าย ใช่ ไม่น่าจะมีกริยาใดเหมาะกับการกระทำตอนนี้นอกจากคำนี้อีกแล้ว กด จูบ บดเบียดลิ้นร้อนและดูดดื่มสิ่งที่กระหายอยู่ลึกๆ ข้างในใจมาตลอด ดำดิ่งไขว่คว้าควานหาและหวังจะกระชากจิตวิญญาณสักส่วนขึ้นมาเพื่อเก็บกลืนและไม่คิดจะคืนให้แม้แต่น้อย

พลันในความมืดมิดหลังเปลือกตานั้น ใจเย็นก็สัมผัสได้ถึงภาพของเป็นไทที่ไร้ฉากหลังขึ้นมาอีกครั้ง เป็นสารพัดภาพสารพัดความทรงจำที่พร่างพรูลงมาซ้อนทับสลับกันไปเหมือนไม่มีสิ้นสุด แต่ใจเย็นกลับเข้าใจแล้วว่าทำไมจิตใจของเขาจับวางสถานที่ที่อยู่ในครอบครองของตนเองให้เป็นฉากหลังของเป็นไทยามที่คิดถึงอยู่ในมโนสำนึก

ก็แค่ย้ำชัดว่าเขาอยากได้คนคนนี้มาเป็นของตนเองไม่ใช่หรือ










**********************************************************************
เป็นตอนที่เขียนสนุกมากเลยค่ะ  :o8:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ใจเย็น เป็นไท   :กอด1: :กอด1: :กอด1:

เหมือนทั้งสองคนจะชัดเจนใความรู้สึกแล้ว

ใจเย็น รู้ตัวว่าชอบเป็นไทตั้งแต่แรกแล้ว

เป็นไท ค่อยๆรู้สึกตัว

หลังจากนี้ เป็นไท ใจเย็น จะเป็นอย่างไร  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mamemoo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มาแล้วววว มาเร็วมากเลยยยย แต่รู้สึกมันสั้นมากเลยค่ะ :sad4: อันนี้เรารู้สึกไปเอง รึมันสั้นจริงก็ไม่รู้ ฟฟฟฟฟ
ในที่สุดเขาก็จูบกันแล้วววววว ดีมากกกก งื้อออออ ฟินมากกก แต่แอบกลัวนะคะ ว่าใจเย็นทำแบบนี้ เป็นไทจะโกรธมั้ย คือสำหรับเราแล้วเป็นไทไม่ใช่คนประเภทที่จะบอกว่าขอโทษ รู้สึกผิดมากเลยนะ ดีกันเถอะ แล้วจะจบ  เลยแอบกลัวว่ามันจะพาดราม่าไปอี๊กกกกกก แต่จริงๆก็ชอบดราม่านะคะ (อ้าว)
คือในขณะที่เป็นไทเหมือนจะรู้สึกตัวว่าชอบใจเย็นเพราะเห็นใจเย็นควงสาวเมื่อวันนั้น เลยพยายามตีตัวออกห่าง เพื่อเหตุผลอะไรบางอย่าง เพราะใจเย็นเป็นผู้ชาย? ใจเย็นชอบคบทีละหลายคน?? เราไม่อาจตีความได้  :hao5: :hao5: :hao5:
ส่วนใจเย็นก็ยังไม่เข้าใจว่าการกระทำบางอย่างตัวเองมันไม่ดี ไม่เข้าใจเป็นไทในบางเรื่อง แต่ก็ยังพยายามเข้าหา
สู้เขานะลูกกก เอาชนะใจนายขนมต้มให้ได้ #ใจเย็นตัวร้ายกับนายขนมต้ม ฟฟฟฟฟฟฟ
สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้เสมอเลยยย #ทีมใจเย็นสายเปย์   :impress2: :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ jaejae

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
รออ่านมาตลอดค่ะ  อย่าหายไปนานๆ อีกนะ  เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
มันจะชัดเจนหรือสับสนกว่าเดิมเนี่ย

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
เป็นเรื่องที่มีเสน่ห์ชวนติดตามจริงๆ
เดาอะไรไม่ออกเลย ชวนลุ้นไปกับความคิดตัวละครมากๆ

ออฟไลน์ reverofjs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
รออ่านตอนต่อไปนะคะ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ใจเย็นนนนน  :hao5: ในที่สุดด

ออฟไลน์ kataiyai

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lovenut

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ภาษาเขียนประหนึ่งเจ๊วีรพร

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ยอมรับว่าชอบซึ่งกันและกัน ได้แบบ ความหวานมันอยู่ตรงหนายย
แต่ก็เข้าใจอะนะ คุมโทนกันมาแต่แรก ก็คงคุมโทนหน่วงจิตหน่วงใจกันต่อไป

ออฟไลน์ Reminder

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ให้ใจเย็นมันรักเป็น....ท่าจะยาก
ต้องรอดูแม่เกษแล้วหละว่าจะทำให้อีเย็นรู้ว่าที่คบซ้อนมันไม่โอเค...ได้หรือเปล่า  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
แค่ความเข้าใจตัวเองยังยากเลย แล้วจะพยายามไปเข้าใจคนอื่นทำเพื่อ

ใจเย็นเป็นไท อารมณ์หน่วงพอกัน รักก็ไม่รู้จัก ชอบก็ไม่รู้จัก ง่ายๆ คือเกลียดกันเป็นไง ยังตอบง่ายกว่า

อึมครึมมากค่ะ แต่ไม่อยากให้ดราม่าหนักมาก เพราะตอนนี้ก็หน่วงมากแล้ว

แล้วทั้งคู่ก็เป็นประมาณว่า จะยังไง ก็ขอให้กลับมาอยู่ในสายตา แบบไม่มีใคร
พอใจเย็นมี เป็นไทก็ระเบิดไปเลย

ทุกอย่างชัดเจนมาก แต่แค่ไม่รู้จักว่าต้องทำยังไง ค่อยๆก้าวนะ ลุ้นอยู่

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
อ๊ายยยย กร๊าวใจมากค่ะตอนล่าสุด
เราว่าเขาชอบกันแล้วล่ะค่ะ แต่ยังขาดการสื่อสารให้เข้าใจกัน

ปล.แต่แอบกังวลแทนใจเย็น เรื่องคุณเกษรา จะช็อกไปเลยไหมล่ะนี่

ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2

*** ขอแจ้งก่อนค่ะว่าตอนนี้ใช้บทสนทนาล้วนๆ ในการเล่าค่ะ




23 – ที่ตกลงกันไว้


“ถ้าผมจบ ม.6 แล้ว ผมยังไปหาเป็นไทได้ใช่ไหมครับ”

“ไม่ได้”

“ตอนแรกบอกว่าได้ไม่ใช่เหรอครับ”

“จะตอบแบบไหนมึงก็มาหาอยู่ดีไม่ใช่หรือไง”

“ถ้าเต็มใจให้ไปหา ผมจะดีใจกว่า”

“เออๆ ตอนนี้ก็ตั้งใจติวเหอะ”

“ขอคุยก่อนไม่ได้เหรอครับ”

“ธันวามึงจะสอบแล้วนะ เดือนหน้าเนี่ย”

“เป็นไทกังวลยิ่งกว่าแม่ผมอีก”

“กูแค่จะทำหน้าที่สอน”

“เป็นไทห่วงผมมากกว่า”

“คิดเองเออเองชิบหาย”

“ผมไม่คิดเองเออเองก็ได้ แต่ผมมีเรื่องจะบอกเป็นไท”

“ว่า”

“ผมรู้แล้วนะครับว่าผมอยากทำอะไร ผมอยากทำรายการสารคดีสัตว์โลก”

“...เอาจริง?”

“ครับ”

“คือมึงจะไปเป็นแบบใครนะ...ที่ตายไปแล้ว สตีฟ...”

“สตีฟ เออร์วิน”

“เออ จะไปเป็นแบบนั้นหรือไง นึกภาพไม่ออกเลย ไม่เข้ากับมึงด้วย”

“ว่าแล้วเป็นไทต้องขำ แต่ผมไม่ได้อยากเป็นพิธีกรอะ ผมอยากเป็นคนออกแบบรายการ”

“ออกแบบรายการ? ก็ต้องเป็นเจ้าของรายการปะ”

“ครับ ผมพูดถึงตำแหน่งนั้นแหละ แต่ถ้าจะให้ดีผมหมายถึงนายทุนที่ออกเงินให้รายการไปต่อได้”

“เหรอ... กูก็นึกว่ามึงอยากเข้าป่าไปถ้ำมองสัตว์”

“คือถึงผมจะชอบมองดูพวกมัน แต่ผมก็รู้ตัวว่าผมไม่ชอบความลำบากอะ”

“เออ... กูไม่แปลกใจ”

“ดูชัดขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

“เออ ไอ้ลูกคนรวย แต่ถ้ามึงทำแล้วไม่ลงไปลุยเองจะสนุกเหรอวะ”

“จริงๆ สิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับสารคดีสัตว์โลกคือสคริปต์ เพราะรายการพวกนี้คงอยู่ไม่ได้ถ้าสคริปต์ไม่ดี คนดูคงเบื่อ ไม่อยากมาดูสัตว์แบบเรื่อยเปื่อยหรอก แต่ถ้ามีเนื้อเรื่องเหมือนเรื่องเล่ามันก็น่าดูน่ะครับ”

“อ่า กูก็ไม่ค่อยได้ดูหรอกนะ แต่จำได้ว่ารายการพวกนี้จะตั้งชื่อให้สัตว์ที่ไปติดตามปะ”

“ใช่ ประมาณนั้นแหละครับ”

“แต่จะสร้างเนื้อเรื่องได้ก็ต้องติดตามสัตว์ด้วยไม่ใช่หรือไง”

“ผมก็ยังไม่ค่อยแน่ใจกระบวนการสร้างหรอก แต่มันก็มีสารคดีอยู่สองแบบ แบบที่คนลงไปเป็นพิธีกรด้วย กับที่ตามติดชีวิตสัตว์อย่างเดียว ผมอยากทำแบบที่สอง เพราะธรรมชาติก็เป็นไปของมันเองให้เรามีเรื่องมาเล่าได้อะ อย่างแม่กบที่ขุดดินเป็นทางเชื่อมระหว่างแม่น้ำกับแอ่งน้ำที่กำลังจะแห้งเพื่อไม่ให้ลูกมันตาย แค่นี้ก็เอามาเล่าได้แล้ว เป็นดราม่าได้ด้วย หรือจะดราม่าครอบครัวใหญ่ก็ได้ อย่างล่าสุดที่ผมดูเป็นเรื่องของครอบครัวห่านในฝรั่งเศส ที่บินอพยพหนีหนาวไปทางใต้ ทีนี้มันก็จะเล่าว่ามีลูกห่านตัวหนึ่งที่นอกคอก เวลาตัวอื่นหยุดพักกันมันก็ออกไปเดินเล่นไกลๆ จนกลับมาไม่ทันเวลาเดินทางต่อ ทีนี้ก็บินตามและร้องหา ฝั่งพ่อแม่นึกได้แม่ก็บินกลับมาหาจนเจอกันในที่สุด จริงๆ มันก็ขึ้นอยู่กับตัดต่อด้วย แล้วก็... ก็ประมาณนี้แหละครับ”

“อะไรวะ แล้วก็อะไร จบเฉย”

“ก็ทำไมเป็นไทจ้องผมขนาดนั้นล่ะครับ”

“เขินหรือไง”

“เปล่าครับ”

“มึงรู้ตัวไหมเนี่ยว่าตอนเล่าโคตรดวงตาเป็นประกาย”

“...งั้นเหรอ”

“ไม่เคยเห็นมึงแบบนี้ พูดต่อดิ”

“แต่เป็นไทดูขำนะ”

“ก็ไม่ได้ขำเพราะมึงตลกหรอก กูว่าดีแล้ว”

“งั้นเหรอ”

“เล่าต่อดิ”

“ผมลืมหมดแล้ว”

“เอ้า”

“เป็นไทเล่าบ้างสิครับ เป็นการแลกเปลี่ยน”

“อะไรวะอยู่ดีๆ”

“เป็นไทก็ไม่เคยเล่าความฝันให้ผมฟังเลยนี่”

“ไม่รู้ดิ กูไม่รู้เริ่มไงด้วย”

“ทำไมถึงเรียนวิศวะก็ได้ครับ”

“ตอนเลือกก็แค่ถนัดเลข ไม่รู้จะเลือกอะไรด้วย แค่นั้นเลย”

“ไม่มีสตอรี่มากกว่านั้นเลยเหรอครับ”

“มึงดูอยากให้มีมากกว่าตัวกูเองอีกนะ”

“ก็ผมอยากฟัง”

“เออๆ จริงๆ กูมารู้สึกได้ตอนเรียนมากกว่า ว่าอย่างน้อยก็อยากสร้าง ไม่ใช่ทำลาย”

“...ไม่เห็นเข้าใจ”

“วิศวะมันก็งานสร้างทั้งนั้นไงเว้ย”

“อ่า”

“ถ้าได้สร้างอะไรสักอย่าง ได้ผลิตอะไรสักอย่าง มันก็น่าจะภูมิใจและรู้สึกมีค่าล่ะมั้ง ถ้าพูดถึงแบบดีๆ อะนะ ก็คงประมาณนี้”

“ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดี”

“สมองมึงกลวงไง ถึงบอกให้รีบๆ เริ่มติวได้ละ”

“ผมเข้าใจแค่ว่าเป็นไทคงรู้สึกอยากมีค่า”

“...เออ ใครๆ ก็อยากมีค่าทั้งนั้นไม่ใช่หรือไง”

“งั้นเหรอ”

“มึงพูดคำนี้ทีไรก็รู้สึกว่ามึงไม่ได้เข้าใจอะไรในโลกนี้ทุกทีอะ อ้ะ อย่างมึงอยากทำรายการสารคดีสัตว์โลกเนี่ย ที่มึงพูดๆ มา มึงก็พูดถึงการทำสารคดีให้คนอยากดูด้วยไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่สักแต่ว่าจะทำอะไรก็ได้เกี่ยวกับสัตว์อย่างเดียว แต่มึงอยากให้คนอื่นได้เห็นมันด้วย นั่นแหละแปลว่าอยากให้สิ่งที่ทำมันมีค่า”

“ตอนแรกผมไม่ได้คิดเรื่องนี้เลยนะครับ”

“แล้วมึงคิดว่าอะไร”

“คิดแค่ว่าถ้าอยากให้มันได้ถ่ายทอดออกไป ก่อนอื่นก็ต้องมีเงิน”

“...ฟังแล้วทาสทุนนิยมสัด”

“แต่ปลายทางก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ ไม่ว่าจะได้มาจากอะไร สุดท้ายคืออยากให้มีคนได้ดูมันนั่นแหละ อีกอย่างถ้ามีเงินก็ใช้สร้างธุรกิจที่จะจ้างเป็นไทมาทำงานได้ด้วยนะครับ ไม่ดีเหรอ”

“มึงจะซื้อกูด้วยเงินหรือไง”

“ถ้าให้ซื้อนะครับ”

“เลิกพูดจาน่าหมั่นไส้ได้ละ”

“งั้นไม่พูดแต่ซื้อเลยได้ไหมครับ”

“ไม่ต้องทำเหี้ยอะไรทั้งนั้นอะ แล้วก็หยุดพูดจาแบบนี้ด้วย ลืมที่ตกลงกันไว้หรือไง”

“...ขอโทษครับ”

“ช่างมัน เริ่มเรียน—เออ จะว่าไปมึงจะเลือกเรียนคณะอะไรถ้ารู้เป้าหมายขนาดนี้แล้ว”

“ก็เกี่ยวกับสัตว์น่ะแหละครับ อาจจะสัตวแพทย์ ไม่ก็สัตววิทยา”

“แล้ว...พ่อแม่อนุญาต?”

“อนุญาตครับ เพราะจะเรียนอะไร ทำงานอะไร ผมก็จะทำธุรกิจต่อจากพ่อด้วย”

“มึงเลือกเองเหรอ”

“ใช่ เพราะผมอยากได้เงินมาทำสิ่งที่อยากทำ”

“ก็ไม่คิดว่ามึงจะพูดว่าอยากสานต่อธุรกิจที่พ่ออุตส่าห์สร้างมาอะไรแบบนี้หรอกนะ แต่ฟังคำพูดตรงๆ แบบนี้แล้วแม่งโคตรหมั่นไส้เลยว่ะ”

“อยู่กับเป็นไทแล้วผมพูดใจจริงได้หมดนี่ครับ”

“เออๆ”

“ก็เลยอยากอยู่ด้วย”

“รู้แล้วๆ เรียนต่อเหอะ”

“วันนี้ไม่ได้เอาปากกามาเหรอ”

“หมึกหมด มีแต่ดินสอ”

“งั้นเหรอ”

“เสาร์ที่แล้วค้างที่แคลคูลัสข้อนี้ใช่ไหม—”

“เป็นไท”

“อะไร”

“ไม่รู้ว่าสมควรพูดไหม แต่ผมว่าเป็นไทดูเศร้าๆ”

“ฮะ? เศร้าห่าอะไรมึง”

“ผมไม่รู้ ผมรู้แค่ว่าผมดูออก”

“ดูออกของมึงก็คิดเองเออเองทั้งนั้นปะ”

“งั้นเหรอ”

“เลิกนอกเรื่องได้แล้ว เรียนสักที”

“...จะพยายามครับ”

“กูจะเศร้าถ้ามึงนอกเรื่องอีกเนี่ยแหละ”

“ไม่นอกก็ได้ครับ”

“ก็ดี”

“เพราะไม่อยากให้เศร้าเลย”












***********************************************************************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-06-2017 16:32:09 โดย แยมส้มขมคอ »

ออฟไลน์ mamemoo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คุณพระคุณเจ้า ข้ามมาแบบนี้เลยย ตะเตือนใต จิตใจคนอยากรู้มันสั่นสะเทือนมากค่ะ แงงง   :o12: :o12: รอตอนต่อจากนั้นอย่างใจจดใจจ่ออยู่นะคะ ฟฟฟฟฟฟฟฟ
บทสนทนาล้วนแบบนี้แปลกดีค่ะ ยังคงความใจเย็นผู้ร่ำรวยเช่นเดิม 5555 ไม่ใช่แค่ใจเย็นที่อยากซื้อเป็นไทด้วยเงินนะคะ เราก็อยากซื้อค่ะ   :hao6: :hao6: :hao6: #ผิด
สู้ๆนะคะ   :mew1:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เป็นตอนแรกที่ไม่อึมครึมเลยมั้งเนี่ยะ 55

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ใจเย็น อ่านเป็นไทออกทุกอารมณ์สินะ

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
เล่าแบบนี้ก็โอเคน้าเราว่า ไม่ขัดใจค่าา

แต่แอบอยากรู้เหมือนกันว่าถัดจากฉากจับกดจูบเขาตกลงกันยังไงน้าา รอติดตามวันต่อไปค่าา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
มึนแทนเป็นไท

ตะกายฝารอเฉลย

ออฟไลน์ littlep_

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2
24 – สะท้อน


กลิ่นดอกไม้ที่ทำให้หายใจไม่ออก สายฝน บทเพลงแจ๊ส ดึงดูด ผลักไส เสียงลมหายใจที่ฟังหนักเหมือนแบกบางอย่างไว้ เสียงเอ่ยเรียกชื่อเขา เป็นไท เป็นไท เสียงเรียกจากใจเย็น แหบห้วน และหื่นกระหาย

“อยากมีอะไรด้วย”

เป็นประโยคที่เหมือนทำให้สร่างมึนเมาของกลิ่นดอกไม้เพราะรู้ดีว่าเกินขอบเขตของจักรวาลความรู้สึก สิ่งที่ตบกลับเข้าขอบเขตได้จึงเป็นความรุนแรง เป็นไทง้างหมัดเหวี่ยงเข้าหน้าของใจเย็น ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ แต่ผลลัพธ์ชะงักค้างก็ทำให้เขาค่อนข้างตกใจ รู้สึกผิด สับสน จนสุดท้ายก็ฉกฉวยโอกาสจากความเงียบเพื่อจะหนีไปอีกครั้ง เขาผลักประตูรถให้ปิด และน่าประหลาดที่ในชั่ววินาทีสั้นๆ บนกระจกที่พร่างพรมหยาดน้ำให้มัวเมาเงาเลือนรางของตัวเอง เขาเห็นแววตาของตัวเองชัดบนนั้น แต่บอกไม่ได้เลยว่าเป็นแววตาของความรู้สึกใด

เป็นไท ผมขอโทษ – เขาได้ยินประโยคนั้นดังตามหลังมา – อย่ากลับไปทั้งแบบนี้เลยนะ – ฟังเป็นเสียงอ้อนวอนด้วยหัวใจที่เขาเคยได้ยินไม่กี่ครั้งในชีวิต ก่อนจะถูกสาดซัดซ้ำด้วยประโยคสั้นๆ – ฝนยังตกอยู่เลยนะ

ถึงจะคิดว่าซับซ้อนสับสน แต่นิยามสั้นๆ ของความรู้สึกที่ทำให้เป็นไทเดินกลับไปที่รถคงเป็นคำว่า ‘ใจอ่อน’ เขากลับมานั่งลงที่เบาะข้างคนขับ ต่างจากฉากจุบเมื่อครู่ที่ประตูจะเปิดอ้าค้าง ตอนนั้นประตูปิดหมดแล้วทุกบาน เสียงฝนจึงเบาลงเหลือเพียงเม็ดฝนไร้มารยาทที่ดิ่งตัวเข้าเคาะกระจก

“ทำไมเป็นไทพูดว่าผมจะชอบเป็นไทแบบนี้ไม่ได้” นานกว่าที่ประโยคคำถามนี้จะเริ่มขึ้นหลังเสียงเพลงแจ๊สถูกกดปิด และเป็นไทก็ไม่รู้จะนำคำพูดใดมาปกปิดความเงียบ จนกระทั่ง “ในเมื่อเป็นไทจูบผมก่อน”

“...ก็เพื่อที่จะบอกว่าไม่ได้”

“งั้นไม่ให้ผมเอา เพื่อที่จะบอกว่าเอาไม่ได้ไปเลยล่ะ”

เป็นไทรู้ตัวว่าคำตอบของตัวเองงี่เง่า แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคเสียดแทงหลายจุดความรู้สึก ทั้งตกใจในเนื้อความ ทั้งตกใจในน้ำเสียงแข็งกร้าว ใจเย็นดูหงุดหงิดจากขัดใจแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และก็ไม่คาดว่าจะได้เห็น

“ขอโทษครับ” แต่พลันก็เพลาเบาบางลงเมื่อรู้ตัวพร้อมกับแววตาที่ค่อยๆ อ่อนลง “แต่ยังไง...มันคงแปลว่าผมชอบเป็นไทแบบนี้”

“แน่ใจหรือไง”

“แน่ใจพอๆ กับที่เป็นไทชอบไอติมสตรอเบอร์รี่”

อีกครั้งที่คำตอบชวนให้ไม่คาดคิด เป็นไทไม่คิดว่าจะได้ยินเรื่องเกี่ยวกับไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ในเวลานั้น แต่มันก็ดูเป็นคำยื่นยันที่ชวนให้เชื่อ เหมือนใจเย็นจะบอกว่ามองเขาออก และก็เฝ้ามองมาตลอด

ขณะเดียวกันมันก็ชวนให้ปวดใจพิลึก

“แล้วคนอื่นๆ ของมึงล่ะ”

เพราะหลังคำถามนี้ใจเย็นกลับเงียบ ไม่ใช่เงียบเหมือนเจอคำถามที่คาดไม่ถึง แต่เงียบได้สุขุม เหมือนคิดค้นอะไรในความลุ่มลึกมากกว่าลนลานหาคำตอบ

“ทำไมล่ะครับ”

และเอ่ยคำถามที่ยืนยันชัดว่าไม่คิดว่ามันเป็นความผิดแม้แต่น้อย

“มึงไม่ได้ชอบกูหรอก”

ทันควันที่เป็นไทสวนกลับ เปิดประตูรถออกไปอีกครั้ง แต่ก็อีกที่ใจเย็นดึงรั้งไว้ได้ก่อน

“เป็นไท ผมต้องการคำตอบ” มองย้อนกลับไปยังแววตาคู่เดิมก็เห็นว่าหมายความแบบนั้นเต็มความหมาย “ผมอยากรู้จริงๆ ว่าทำไม”

เป็นไทลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่สุดท้ายก็ดึงประตูรถให้กลับมาปิด

“มึงเคยรู้ไหมว่ามึงทำให้คนอื่นเขาเจ็บ อย่างพวกผู้หญิงที่มึงคบนั่นน่ะ รู้ไหม”

“รู้ครับ”

“เออ รู้แล้วทำไมยังทำ”

“ก็ผมไม่เห็นเข้าใจเลย”

“ไม่เข้าใจอะไร”

“ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเจ็บปวดกับเรื่องแบบนี้”

วินาทีที่ได้ยินคำตอบนั้น เป็นไทก็พาลอยากจะไม่เข้าใจอะไรบนโลกนี้เลย เหมือนกับที่ใจเย็นไม่เข้าใจมันจริงๆ แบบไม่ได้เสแสร้ง เพราะถ้าไม่เข้าใจก็คงไม่ต้องเจ็บปวด ถ้าไม่เข้าใจก็คงไม่คิดค้นลงไปว่าอะไรที่ทำให้ใจเย็นเป็นแบบนี้ สังคมงั้นหรือ? ครอบครัวงั้นหรือ? หรือเป็นตัวของใจเย็นเองที่ไม่คิดจะทำความเข้าใจความเจ็บปวดของผู้อื่น

ยิ่งคิด ก็ยิ่งเจ็บปวดขึ้นมา เจ็บปวดแบบที่ใจเย็นไม่มีวันเข้าใจ

“ทำไมครับ มันผิดเหมือนไปฆ่าคนตายเลยเหรอ”

และยิ่งใจเย็นส่งคำถามนี้แทรกกลางความอึดอัด ก็ยิ่งย้ำชัดเช่นนั้น

“มึงคงไม่เคยชอบใครจริงๆ”

“ชอบสิครับ”

“แล้วถ้าคนที่มึงชอบ มีคนอื่นเหมือนที่มึงมีล่ะ”

“ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้”

เป็นไทรู้สึกเหมือนเม็ดฝนไร้มารยาทขึ้นทุกทีในเวลานั้น มันดิ่งตัวลงเคาะกระจกหนักและแรงขึ้น รุมเร้าให้เขายิ่งสับสนอลอึงไปพร้อมกับกลิ่นดอกไม้ที่แสบจมูกทั้งที่เคยอ่อนโยน

“ถ้าเป็นกูล่ะ” เขาถามออกไปเสียงแผ่ว “บอกว่าชอบกูไม่ใช่หรือไง ถ้ากูมีคนอื่นล่ะ”

อีกครั้งที่ใจเย็นเงียบ และอีกครั้งที่ดูจะไม่ได้เงียบเพราะลนลานหาคำตอบ “ถ้าเป็นไทมีความสุขก็ดีครับ”

เพราะมันชัดเจนเหลือเกินว่าไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนใจเย็นได้ง่ายๆ

“แค่อย่าหายไปจากผม—”

“มึงไม่ได้ชอบกูหรอก” เป็นไทไม่รอฟังให้จบ “กูก็ไม่ได้ชอบมึงด้วย

น้ำเสียงมั่นคงจนเผลอแน่ใจไปแล้วว่าไม่ได้โกหก

“แต่...ผมอยากให้เป็นไทอยู่ข้างๆ นะ”

“กูก็อยาก” เป็นที่สัตย์จริงแม้น้ำเสียงสั่นไหว “แต่แค่อยากอยู่ด้วย ก็ไม่ได้หมายความว่าชอบไม่ใช่หรือไง”

“แต่—”

“แค่อย่าหายไปจากกันใช่ไหมที่พูดเมื่อกี้ เออ กูไม่หายไปไหนหรอก แต่ช่วยลืมสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ไปด้วย”

ใจเย็นเงียบ แต่ครั้งนี้ดูเป็นความเงียบที่ว่างเปล่า

“ทำความเข้าใจใหม่ด้วยว่าที่คิดว่ารู้สึกอะไรจนลามปามมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”

ฝนหยุดตกหลังประโยคนั้น สร่าซาพร้อมจางกลิ่นดอกไม้ที่ทำให้เจ็บปวด และในความพลิกผันของสัมพันธ์ ข้อตกลงต่างๆ เกิดขึ้น ขีดเส้นแบ่งสิ่งที่ทำได้และไม่ได้ แม้แต่คำพูดคำจาบางอย่าง เพื่อไม่ให้สัมพันธ์เลยเถิด เพื่อไม่ให้เข้าใจผิดอีก เพื่อคงความสัมพันธ์เอาไว้

แม้จะไม่มีฝ่ายไหนเคยถามเลยว่าความสัมพันธ์นี้คืออะไร

ควันบุหรี่ลอยอ้อยอิ่งในอากาศของเดือนมกราคม อากาศร้อนแบบไม่ปรานีปราศรัยใดๆ เป็นไทนั่งอยู่ในลานจอดรถที่อบอ้าวเพราะไร้ลม มันเป็นลานจอดรถเดียวกันกับที่ใจเย็นลองสูบบุหรี่แล้วสำลักจนน้ำหูน้ำตาไหลให้ขบขัน คิดย้อนภาพนั้นก็ยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อย แต่ไม่นานก็จางหายคล้ายควันบุหรี่ บ่อยครั้งที่เป็นไทนึกเรื่องของใจเย็นและปล่อยมันปลิดปลิวหายไป โดยที่ก็ไม่เคยรวบรวมกลับมานับดูว่ามันมหาศาลแค่ไหน

ทั้งเรื่องของดอกไม้ในแจกันแก้ว เรื่องของหมาชื่อทันใจและใจเย็น เรื่องของการชอบเฝ้ามองผู้คน เรื่องสารคดีสัตว์โลกที่บอกว่าอยากทำ เรื่องของความฝันที่เป็นไทเองก็ไม่อยากให้มันแตกสลาย เรื่องเรียน เรื่องสอบ เรื่องของครอบครัว เรื่องของน้องทั้งสองคน และเรื่องของตัวเขา เรื่องที่ใจเย็นมักบอกว่าเขาคือส่วนประกอบตัวตนของใจเย็นเอง

ฟังเป็นคำหวาน หอมหวนคล้ายกลิ่นดอกไม้ แต่ก็รู้ดีว่าเขาไม่อาจครอบครองไว้เพียงผู้เดียว และเพราะขัดกับนิสัยหวงของที่คงทำให้สัมพันธ์ล่มสลายกลายเป็นซากปรักหักพังในสักวัน เป็นไทรู้สึกว่าสัมพันธ์ตอนนี้มันดีที่สุดแล้ว และก็ไม่ได้มีเรื่องให้ทุกข์ร้อนอะไรด้วย

เขาบี้ไฟปลายมวนบุหรี่ให้มอดดับและทิ้งลงถังขยะ เดินผ่านรถที่จอดเป็นแนวแถวเพื่อกลับไปยังร้านของแม่ แต่ชั่ววูบหนึ่งที่สบตาเงาสะท้อนของตัวเองบนกระจก เขาเห็นแววตาของตัวเองชัดบนนั้น พลันขนลุกขึ้นมาที่เหมือนเห็นภาพซ้อนทับกับวนฝนตก เขายังคงบอกไม่ได้ว่าแววตานั้นเป็นแววตาของความรู้สึกใด

เป็นไทรีบก้าวยาวๆ กลับมายังร้านของแม่ แสงสว่างและอากาศเย็นทำให้รู้สึกสงบลง หากเสียงพูดคุยจุกจิกระหว่างแม่กับชนากานต์ผู้เป็นเพื่อนหุ้นส่วนก็ทำให้เขารู้สึกแสลงหู และจังหวะที่เขาจะขอตัวกลับก็ได้ยินสิ่งที่ทำให้รู้สึกชาวาบไปทั้งร่าง

“เป็นไท เมื่อกี้...แม่เจอพ่อเขาด้วย”

เขาไม่ได้ตอบอะไร แต่แม่ก็ยังคงพูดต่อ

“แปลกนะ คิดว่าจะทำเหมือนไม่รู้จักกันไปก็ดีแล้ว แต่เขากลับเข้ามาถามแม่ว่าสบายดีไหม เขา...ถามถึงลูกด้วยนะ”

วินาทีนั้นที่เป็นไทรู้สึกเกลียดแม่ขึ้นมาจับใจ ทั้งที่ก็รู้ดีว่าแม่ไม่ได้ผิดอะไร แต่เขาก็ห้ามความรู้สึกไม่ได้ พลันการหลบตาจากความเกลียดก็ทำให้เขาสบเข้ากับกระจกบานใหญ่ภายในมุมลองเสื้อของร้านที่ม่านเลื่อนเปิดทิ้งไว้

เป็นไทเห็นแววตาของตัวเองอีกครั้ง หากครั้งนี้เขาเห็นความเจ็บปวดของตนเอง เขารู้ตัวว่าแค่มีอะไรมาสะกิดให้นึกถึงเรื่องพ่อ ตัวของเขาก็จะคลอนแคลนสั่นไหวด้วยเจ็บปวด แต่ความเจ็บปวดในครั้งนี้มันลึกกว่านั้น เพราะเขาเคยคิดเอาไว้ว่าจะมีคนคอยรับไว้ยามที่เขาร่วงหล่น แต่ความจริงไม่มีแล้ว

มันเป็นความเจ็บปวดสืบจากสัมพันธ์ระหว่างเขากับใจเย็น ที่ต่อให้คิดว่าดีแค่ไหนก็จะมีช่องโหว่ เป็นช่องโหว่ที่ทำให้เขาไม่สามารถแบ่งปันความเจ็บปวดในทุกๆ เรื่องให้ฟังได้อย่างที่ต้องการ ไม่สามารถไปทำตัวอ่อนแออยู่ข้างๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายลูบหัวตามอำเภอใจอย่างที่เคยทำ เพราะถ้าทำก็จะกลายเป็นการเลยเถิด และพอเลยเถิดถลำลึกก็จะกลายเป็นความเจ็บปวดไร้สิ้นสุด โดยที่ช่องโหว่ก็ไม่ได้หายไปหรือหดแคบเล็กลงเลยสักนิด

และเป็นไทก็ไม่แน่ใจว่าเขาไม่มีความสามารถพอจะหาสิ่งมาอุดช่องโหว่นั้น หรือเป็นใจเย็นเองที่ซ่อนมันไว้โดยไม่มีวันนำออกมาให้ใครเห็นง่ายๆ

แต่ที่รู้ตอนนี้ เป็นไทรู้แล้วว่าแววตาของเขาในวันฝนตกกำลังสะท้อนอะไร เพราะมันไม่ต่างจากแววตาของเขาตอนนี้เลย

มันเป็นแววตาของความขลาดกลัวที่รู้ดีว่าอะไรๆ ก็จะไม่เป็นดังหวังเลยสักอย่าง














******************************************************************************
ติดแท็ก #ใจเย็นกับเป็นไท ไปพูดคุยกันได้นะคะ

คิดว่าเรื่องนี้น่าจะเดินมากลางครึ่งเรื่องแล้วแหละ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันเสมอมานะคะ ก็อยากให้ติดตามต่อไปเนอะ :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-06-2017 16:36:27 โดย แยมส้มขมคอ »

ออฟไลน์ Rungsai

  • ใครบอกว่ารุ้งมีเจ็ดสี :D
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เมื่อไหร่ใจเย็นจะมีหัวใจ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ใจเย็น กับเป็นไท
เหมือนสองคน สวนทางทางกัน
ใจเย็น ไม่เข้าใจเรื่องรักแบบเป็นรักเดียว ผูกพันแค่คนๆเดียว

เป็นไท ขลาดกลัว ว่าถ้ารักแล้วจะไม่เป็นอย่างที่คิด
กลัว ใจเย็นมีคนอื่นอีก
กลัว ต้องเลิกกัน

จะมีอะไรมาทำให้ใจเย็นรักเป็น
และเป็นไท เลิกกลัว ได้นะ
      :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
สับสน เจ็บปวด และว้าเหว่มาก

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
โอยยย อ่านตอนนี้แล้วน้ำตาคลอเลยค่ะ

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เป็นไทชอบใจเย็นแล้วแน่ๆ :katai1:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เอาเข้าไป หน่วงกันเข้าไป

ออฟไลน์ MOMAMi_96

  • เรื่อยๆ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
เริ่มเข้าประเด็นแบบจริงๆจังแล้ว ความสนุกมันเริ่มแล้ววววว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด