[เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)  (อ่าน 97968 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ลอร์ดคาเวดิช เวลามีความรัก ดูสดใส น่ารักมาก  :mew1: :mew1: :mew1:
ลอร์ดเฟลตัน ทำเจ้าชู้ไปเรื่อยๆ
ทั้งที่จริงแล้ว น่าจะยังรักมาร์กาเรต
เพราะพอเป็นคนที่รักจริง ไม่กล้าซะงั้น
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ลุ้นว่าจะเป็นยังไงต่อไป
หวานกันนานๆนะ

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
ใครที่อ่านอยู่ก่อนรบกวนอ่านตรงนี้ด้วยนะคะ สำคัญมาก เพราะมีการแก้เนื้อหาที่ค่อนข้างสำคัญค่ะ
.
ส่วนใครที่เพิ่งเข้ามาอ่านรวดเดียว ถ้าไม่อยากปวดหัวกับการลำดับตำแหน่งขุนนางและลูกๆ ข้ามไปได้เลยค่ะ
.
1. เนื่องจากดิฉันเพิ่งค้นพบว่าลูกชายคนโต (หรือลูกชายคนเดียว) ของมาร์ควิสนั้นจะต้องใช้ยศรองจากพ่อ ในกรณีของพระเอกของเรา (จอห์น คาเวดิช) จะมียศเป็น เอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์ ดังนั้น จึงไม่สามารถเรียกพระเอกว่า ลอร์ดคาเวดิช (ซึ่งเป็นชื่อสกุลได้อีก) แต่จะต้องเรียกเป็นลอร์ดโทรว์บริดจ์ (ที่เป็นชื่อยศแทน)
.
2. การใช้ลอร์ดนำหน้าชื่อ ใช้เฉพาะลูกชายคนรองของดยุกและมาร์ควิสเท่านั้น และต้องนำหน้าทั้งชื่อสกุล ดังนั้น เพื่อไม่ให้ต้องแก้ชื่อจอร์จและแมกซ์มากไปกว่าที่เป็นอยู่ ดิฉันจึงได้ทำการแก้ไขรายละเอียดของทั้งสองคนดังนี้
        - ลอร์ดเฟลตัน แก้เป็น ลอร์ดจอร์จ เฟลตัน (ภาษาปากเรียกลอร์ดจอร์จ ส่วนบทบรรยายจะเขียนเต็มทั้งชื่อและนามสกุล) และขอแก้ไขประวัติให้เป็นลูกชายคนที่สองและเป็นลูกคนเล็กของมาร์ควิสแอนโดเวอร์ (จากเดิมเป็นลูกชายคนเล็กจากบรรดาลูกชายสามคน)
        - ลอร์ดเมอร์เรย์ แก้เป็น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ (ภาษาปากเรียกลอร์ดแมกซ์ ส่วนบทบรรยายจะเขียนทั้งชื่อและนามสกุล) แก้ประวัติจากเดิมเป็นลูกชายคนรองของเอิร์ลแห่งวิสตัน ให้เป็นลูกชายคนรองของมาร์ควิสวิสตัน
.
3. แก้ไขชื่อยศและคำเรียกเหล่าสมาชิกในสโมสรแบล็กเบิร์ดดังนี้
    - ลอร์ดเบอร์มิ่ง แก้เป็น ลอร์ดครอฟตัน ชื่อเต็ม เอ็ดเวิร์ด เบอร์มิ่ง ไวส์เคาน์แห่งครอฟตัน เนื่องจากเป็นลูกชายคนโตของเอิร์ลแห่งเบอร์เบจ
    - ลอร์ดซอมเบิร์ก แก้เป็น เอ็มมานูเอล เฉยๆ (ไม่เรียกชื่อสกุลและใส่คำว่าลอร์ด) เนื่องจากเป็นลูกชายคนรองของเอิร์ลแห่งแรมสเบอรี่
    - ลอร์ดคาเทจ แก้เป็น นิโคลาส เฉยๆ เนื่องจากเป็นลูกชายคนโตของไวส์เคาน์แห่งเอนฟอร์ด
รายละเอียดแก้ไขแล้วในบทที่4
.
4. แก้ไขชื่อเลดี้สจวตและเลดี้แบรนดอนเป็น เลดี้มาร์กาเร็ต สจวต (บทบรรยาย) และเลดี้มาร์กาเร็ต (บทพูด) เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน (บทบรรยาย) และเลดี้แคทเธอรีน (บทพูด)
.
**** เนื้อหาบางส่วนเกี่ยวกับยศและบรรดาศักดิ์มีการปรับแก้ในหลายบทค่ะ
.
กราบขออภัยในความผิดพลาดเป็นอย่างสูงค่ะ :mew6:
-----------------------------------


Dear, My customer.

ตอนที่12 Like you, Love you.


                กอร์ดอนนึกแปลกใจที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับมาที่ร้านของเขาอีกครั้งหลังหกโมงเย็นเล็กน้อย เขารีบไปเปิดประตูร้านทั้งที่ยังทานมื้อเย็นค้างอยู่

                “ผมมีเรื่องต้องปรึกษาคุณ ด่วนเลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด กอร์ดอนปิดประตูร้าน แล้วดึงม่านลง

                “คุณกินมื้อเย็นหรือยังครับ? ถ้าไม่รังเกียจคุยกันที่โต๊ะอาหารก็ได้ วันนี้ไม่มีใครอยู่ เดวิดก็ลากลับบ้าน”

                “ยัง พอดีผมกินไม่ลง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า กอร์ดอนมองเขาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเดินนำฝ่ายนั้นไปที่โต๊ะอาหาร

                “เกิดอะไรขึ้นหรือครับ?” เขาถาม หลังเชิญฝ่ายนั้นนั่งลงแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับลอร์ดจอร์จ เฟลตันและเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตให้ฟัง กอร์ดอนฟังจบก็ทำหน้าตกใจ

                “นี่มันเรื่องส่วนตัวมากเลยนะครับ คุณไม่ควรเล่าให้ผมฟัง”

                “ไม่ เล่าให้คุณฟังแหละถูกแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “คุณรู้จักจอร์จ แต่ไม่ได้สนิท ผมอยากได้ความเห็นในมุมมองของคนที่มีคติกับเขาและมาร์กาเร็ตน้อยที่สุด คุณนี่แหละเหมาะแล้ว”

                กอร์ดอนทำหน้าครุ่นคิด “ผมไม่คิดเลยว่าลอร์ดจอร์จจะเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้”

                “ผมก็คิดแบบคุณ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจ “จอร์จควงผู้หญิงมากหน้าหลายตาก็จริง แต่เขารับผิดชอบ อย่างน้อยๆ ถ้าเขานอนกับเธอเขาก็ต้องบอกว่าชอบเธอ และเอาอกเอาใจเธอจนกว่าเขาจะเบื่อแล้วขอเลิกกับเธอไปเอง แต่กับมาร์กาเร็ต...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด “ทำไมจอร์จถึงทำแบบนั้น มาร์กาเร็ตแทบจะเป็นคนในบ้านของเขาด้วยซ้ำ เธอเหมือนน้องสาว... ให้ตาย ผมไม่เข้าใจเลย”

                กอร์ดอนมองผู้ชายตรงหน้า แล้วค่อยๆ พูดออกมา “คุณแน่ใจนะครับว่าเลดี้มาร์กาเร็ตพูดความจริง”

                “เธอไม่มีเหตุผลให้ต้องโกหกเรื่องนี้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “คุณต้องเห็นเธอตอนนั้น เธอดูน่าสงสารมาก เธอรักจอร์จ ผมแน่ใจ แต่เธอไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไป เพราะจอร์จไม่ได้รักเธอ เขาออกจะรำคาญเธอด้วยซ้ำ”

                กอร์ดอนนิ่งไปอึดใจใหญ่ “เลดี้มาร์กาเร็ตเป็นคนสวยมากนะครับ เธอดูสง่างามและทรงอำนาจเหมือนกุหลาบ ผมเห็นเธอในงานเต้นรำ เหมือนลอร์ดจอร์จกลัวเธอ”

                “ตอนเด็กๆ เขาเคยถูกเธอแกล้ง ที่จริงเรียกว่าเล่นกันแล้วจอร์จตัวเล็กเกินไปเลยเหมือนถูกแกล้งจะดีกว่า”

                “อ๋อ” กอร์ดอนพยักหน้า “แต่ผมค่อนข้างแน่ใจว่าลอร์ดจอร์จไม่ได้เกลียดเธอ ตอนนั้นผมถามเขาด้วยว่าเขาเลือกใคร เขาบอกว่าระหว่างสามคนนี้เขาเลือกไม่ถูก” ช่างตัดเสื้อเว้นจังหวะเล็กน้อย “ผมไม่ได้ถามถึงเลดี้มาร์กาเร็ตแต่เขานับรวมเธอไปด้วย ผมว่าเขาไม่ได้เกลียดเธอนะ ถ้าเขาเกลียดเขาคงไม่นับเธอเป็นหนึ่งในตัวเลือก”

                “อืม...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำท่าคิดหนัก “จอร์จคิดอะไรอยู่นะ...”

                “คุณว่าลอร์ดจอร์จเป็นคนที่เอะอะก็ขอแต่งงานไปเรื่อยรึเปล่าครับ? หมายถึงถ้าเขาชอบพอผู้หญิงสักคน เขาจะป้อนคำหวานให้เธอด้วยการสัญญาว่าจะแต่งงานกับเธออย่างที่ทำกับเลดี้มาร์กาเร็ตมั้ย?”

                “ผมว่าไม่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “แม้ผมจะช็อกเรื่องที่จอร์จไม่รับผิดชอบมาร์กาเร็ต แต่เขาไม่ใช่คนที่เอะอะก็สัญญาว่าจะขอแต่งงานแน่ เขาไม่ใช่คนพูดจาชุ่ยๆ แบบนั้น ต่อให้เมาก็เถอะ”

                “ถ้าเลดี้มาร์กาเร็ตพูดความจริง แสดงว่าลอร์ดจอร์จรู้สึกว่าอยากแต่งงานกับเธอจริงๆ อย่างน้อยๆ ตอนนั้นเขาก็มีสติพอจะรับรู้ว่าผู้หญิงที่เขานอนด้วยคือเลดี้มาร์กาเร็ต ไม่ใช่ผู้หญิงคนอื่น และเขาคงรู้สึกดีจนออกปากขอเธอแต่งงาน”

                “แต่ทำไมวันรุ่งขึ้นเขาถึงได้หนีไปแบบนั้น ผมไม่เข้าใจ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง “ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงกอร์ดอน ผมหงุดหงิดจอร์จเรื่องนี้มาก อยากจะถามเขาตรงๆ แต่พวกเรากำลังจะเจอกันที่สโมสร ผมกลัวว่าพอถามแล้วจะกลายเป็นการประจานเพื่อน อีกอย่างผมไม่แน่ใจว่าเขาจะตอบผมตรงๆ รึเปล่า”

                “ผมว่าคุณใจเย็นๆ ก่อนดีกว่าครับ” กอร์ดอนพูด “เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องด่วน เลดี้มาร์กาเร็ตเก็บมันมาตั้งนานเพิ่งเล่าให้คุณฟัง เธอคงไม่คาดหวังให้คุณรีบหาคำตอบให้เธอ คุณแค่หงุดหงิดที่ลอร์ดจอร์จกลายเป็นคนไม่รับผิดชอบ แต่ผมว่าลอร์ดจอร์จน่าจะมีเหตุผลในเรื่องนี้ ซึ่งเขาคงไม่บอกคุณง่ายๆ ถึงเขาจะเป็นคนอ่อนไหว แต่เวลาตัดสินใจอะไรแล้วจริงจังนะครับ ผมรู้สึกแบบนั้นตั้งแต่เรื่องที่เขาตกลงช่วยผมกับคุณแล้ว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ผมรู้จอร์จเป็นคนอ่อนไหว เหมือนไม่มีความรับผิดชอบ แต่เขารู้ว่าอะไรเป็นเรื่องสำคัญ เพราะงั้นถึงไม่มีใครเกลียดเขา”

                “เลดี้มาร์กาเร็ตก็คงรู้สึกเหมือนคุณ เพียงแต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำกับเธอแบบนั้น” กอร์ดอนนิ่งไปอีกอึดใจหนึ่ง “เอางี้ดีไหมครับ วันนี้คุณทำตัวให้เป็นปกติ พูดเรื่องชกมวยไป ผมจะลองเลียบเคียงถามลอร์ดจอร์จให้ กับผมเขาน่าจะพูดอะไรง่ายกว่า เพราะผมเป็นคนนอก ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางของเขาเท่าไหร่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าคนรัก สุดท้ายก็ยอมพยักหน้า “เอาตามนั้นแหละ ขอบใจนะกอร์ดอน ผมต้องรบกวนคุณแล้ว จอร์จเป็นเพื่อนที่ผมรักมาก”

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ” กอร์ดอนตอบยิ้มๆ “ลอร์ดจอร์จก็เป็นเพื่อนผมเหมือนกัน อย่างน้อยๆ เขาก็อยู่ข้างผมกับคุณ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มออกมาได้ในที่สุด เขาขยับเก้าอี้เข้าไปใกล้ช่างตัดเสื้อ “ผมชักหิวแล้วสิ”

                “จริงสิ คุณยังไม่ทานมื้อเย็นนี่นา” กอร์ดอนพูดอย่างเพิ่งนึกได้ “รอเดี๋ยวนะครับ เหมือนจะมีเนื้อหมักเก็บอยู่ในตู้ ผมจะย่างให้ ถ้าเป็นแบบมีเดียมแรร์คงใช้เวลาไม่นาน”

                พูดจบเขาก็รีบลุกขึ้น แต่ถูกลอร์ดโทรว์บริดจ์ฉวยมือเอาไว้แล้วดึงตัวลงไปนั่งบนตัก

                “ไม่ต้องหรอก ผมไม่ได้อยากกินเนื้อย่าง” เขากระซิบ จากนั้นก็จูบหลังคอของอีกฝ่าย กอร์ดอนสะดุ้งด้วยความตกใจ “อ๊ะ! ทำอะไรครับ?”

                “กินมื้อเย็น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์งึมงำแล้วขบใบหูของเขาเบาๆ กอร์ดอนพยายามผลักเขาออก “อย่านะครับ แบบนี้ไม่...”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จัดการปิดปากของเขาเอาไว้ด้วยปากของตัวเอง กอร์ดอนจับปกเสื้อของอีกฝ่ายแน่น ขณะสาละวนอยู่กับการรับมือกับจูบที่ล้ำลึกและรุนแรงที่อีกฝ่ายมอบให้

                “เนื้อย่างของคุณท่าทางอร่อยนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์กระซิบ กอร์ดอนถลึงตามองเขา แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ถูกฝ่ายนั้นจูบอีก

                “ผมรักคุณ กอร์ดอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ผละริมฝีปากออก กระซิบคำหวานข้างหู พลางจูบไล้ไปตามใบหน้าของอีกฝ่าย กอร์ดอนร้อนวาบไปทั้งตัว เขาคลายมือออกจากปกเสื้อ ก่อนจะขยับไปโอบคอของลอร์ดโทรว์บริดจ์ไว้ “ผมก็รักคุณ จอห์น”

                ทั้งคู่แนบริมฝีปากเข้าหากันอีกครั้ง กระหวัดเรียวลิ้นเข้าหากันด้วยความกระหาย ลอร์ดโทรว์บริดจ์ค่อยๆ ขยับมือมาลูบหน้าอกของอีกฝ่าย

                “อ๊ะ!” กอร์ดอนสะดุ้งโหยง ยกมือผลักอกลอร์ดหนุ่มเต็มแรง แต่เพราะนั่งอยู่บนตักของลอร์ดโทรว์บริดจ์ เลยกลายเป็นตัวเขาเองที่หงายหลังกระแทกเข้ากับโต๊ะ

                “โอ๊ย!”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบรั้งร่างของกอร์ดอนเข้ามากอด “คุณเป็นอะไรรึเปล่า?”

                “ปะ... เปล่า” กอร์ดอนพูดตะกุกตะกัก “ผมแค่ตกใจ”   

                “ใจร้ายจัง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์กระซิบแล้วจูบแก้มเขา “คุณอย่าตกใจแล้วผลักผมแบบนี้สิ เหมือนรังเกียจกันเลย”

                “ผมเปล่า” กอร์ดอนพูด หน้าแดงจัดยิ่งกว่าเดิม เพราะสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ดุนดันต้นขาของเขาอยู่ “พะ... พวกเราต้องไปสโมสรนะ”

                “ขอผมอีกนิดไม่ได้หรือ วันนี้อุตส่าห์ปลอดคนแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์งึมงำ พลางไล้จูบไปตามปลายคางของอีกฝ่าย ต่ำลงไปจนถึงเนินไหล่ กอร์ดอนพยายามขยับหนี “อย่า จอห์น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบสนองคำพูดนั้นด้วยการเลื่อนมือขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อ กอร์ดอนรีบจับมือของเขาไว้ “อย่าครับ ผมไม่ใช่ผู้หญิง”

                “ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดยิ้มๆ แล้วปลดกระดุมเสื้อของเขาต่อ กอร์ดอนร้อนใจจนหน้าแดงจัด เขาพยายามจะพูดอีกครั้ง แต่เสียงก็หายไปในลำคอ เมื่อลอร์ดโทรว์บริดจ์ช้อนท้ายทอยของเขาขึ้นมาแล้วฝังจูบลงไปบนซอกคอ กอร์ดอนรู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงถูกสูบออกไปจากร่าง ไฟปรารถนาปะทุขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เขาส่งเสียงครางเบาๆ พลางขยุ้มมือลงไปบนไหล่ของอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว การกระทำดังกล่าวยิ่งสร้างความตื่นเต้นให้กับลอร์ดโทรว์บริดจ์ เขาเร่งมือปลดกระดุมเสื้อของกอร์ดอนจนเกือบจะเป็นการกระชาก ในที่สุดเสื้อก็เลื่อนหลุดออกจากหัวไหล่

                ลำคอของลอร์ดโทรว์บริดจ์แห้งผาก เขาไม่เคยได้เห็นหรือสัมผัสส่วนที่อยู่ใต้ร่มผ้าของกอร์ดอนมาก่อน ผิวของฝ่ายนั้นเป็นสีชมพูเรื่อราวกับดอกกุหลาบเบลสตอรี่ เขาก้มลงจูบหัวไหล่แล้วอ้าปากกัดเบาๆ กอร์ดอนสะดุ้งเฮือก จังหวะนั้นบางอย่างเลื่อนหลุดจากกระเป๋าเสื้อกั๊กของเขาหล่นลงไปบนพื้นเสียงดังเคร้ง

                “อ๊ะ! นาฬิกา” กอร์ดอนสะดุ้งเฮือก คราวนี้เขาไม่ได้ผลักลอร์ดโทรว์บริดจ์ออก แต่กลับก้มตัวลงไปควานหาของที่เพิ่งหล่นลงไป จนหัวไหล่กระแทกเข้ากับใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มๆ

                “โอ๊ย!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ร้อง ขณะที่กอร์ดอนเอื้อมมือไปหยิบนาฬิกาพกที่หล่นลงไปบนพื้นได้สำเร็จ เขารีบเปิดมันออกดู “โชคดีจัง หน้าปัดไม่แตก”

                “แต่หน้าผมนี่สิจะแตก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คร่ำครวญ กอร์ดอนมองเขาด้วยความตกใจ “เกิดอะไรขึ้นครับ”

                “คุณเอาไหล่กระแทกหน้าผม หน้าปัดนาฬิกานั่นสำคัญกว่าหน้าผมอีกหรือ” เอิร์ลหนุ่มคราง กอร์ดอนมองเขาเขินๆ “นาฬิกานี่เป็นของดูต่างหน้าปู่ผม”

                “อ้อ...”

                ช่างตัดเสื้อเปิดดูนาฬิกาอีกครั้ง ก่อนจะร้องออกมา “แย่แล้วจอห์น จะทุ่มนึงแล้ว”

                “ผมไม่ไปสโมสรแล้วได้ไหม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ต่อรอง เขายังอารมณ์ค้างอยู่จากเรื่องเมื่อครู่ กอร์ดอนสั่นศีรษะ

                “ไม่ได้ครับ ถ้าเราไม่ไป ทุกคนจะสงสัยเอา” พูดจบเขาก็เลื่อนตัวลงมาจากตักของลอร์ดโทรว์บริดจ์ ตอนนั้นแหละกอร์ดอนถึงได้รู้ว่าเสื้อผ้าของเขาหลุดลุ่ยไปถึงไหนต่อไหน เขารีบดึงเสื้อขึ้นมาสวมไว้ หน้าแดงไปจนถึงใบหู

                “ผมขอเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าสักครู่นะ”

                “ให้ผมช่วยเปลี่ยน...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางเอื้อมมือไปฉุดมือของกอร์ดอนเอาไว้ แต่กลับถูกปัดอย่างไม่ไยดี “ไม่ครับ ผมเปลี่ยนคนเดียวได้ คุณรออยู่นี่แหละ”

---------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่บนรถม้า เขาทำหน้าหงุดหงิดเสียยิ่งกว่าตอนที่มาถึงเสียอีก กอร์ดอนเห็นแล้วอดถามไม่ได้ “ทำไมคุณเอาแต่ทำหน้าแบบนั้น”

                “ผมหิว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า กอร์ดอนขมวดคิ้ว

                “ก็ผมบอกแล้วว่าจะย่างเนื้อให้คุณ คุณก็ไม่เอา”

                “ก็ผมไม่ได้อยากกินเนื้อย่าง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด แล้วขยับมานั่งชิดกับเขา “คุณให้ผมกินไม่อิ่มเอง กลับจากสโมสรคุณต้องให้ผมกินต่อเลยนะ”

                กอร์ดอนเขินจนหน้ากลับมาแดงอีกครั้ง เขาชกลอร์ดโทรว์บริดจ์เบาๆ เข้าที่แขนทีหนึ่ง “คุณนี่บ้าจริง ผมอุตส่าห์ไม่พูดถึงแล้วนะ”

                “ไม่พูดถึงอะไร?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์แสร้งตีหน้าสงสัย ขณะใช้จังหวะเผลอโอบเอวของอีกฝ่ายเอาไว้

                “ก็เรื่องที่คุณดึงกระดุมเสื้อผมขาดไปตั้งหลายเม็ดไง” กอร์ดอนพูด และดึงมือที่โอบมาออก “ที่จริงผมน่าจะโกรธคุณด้วยซ้ำ คุณเพิ่มงานให้ผมอีกแล้ว ผมไม่อยากจะเอาเวลามาเย็บกระดุมเสื้อตัวเอง”

                “โธ่ อย่าโกรธผมเลยนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแล้วดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดแบบไม่ต้องรอถามความสมัครใจ “คราวหน้าผมจะเบามือกว่านี้”

                “ไม่มีคราวหน้าแล้ว!” กอร์ดอนว่า และพยายามผลักอีกฝ่ายออก “คุณนี่มือไวจริงๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก้มลงจูบแก้มของคนรัก “บอกผมสิ เดวิดจะลาอีกวันไหน”

                “ต่อให้เขาลา ผมก็จะไม่บอกคุณเด็ดขาด”

                “ใจร้ายจัง”

                กอร์ดอนต่อยฝ่ายนั้นอีกครั้ง “คุณจะให้เราทำผิดต่อพระเจ้าจริงๆ หรือไง?”

                “ผมยังไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้น”

                “ก็เห็นอยู่ว่าคุณไม่ได้คิด...”

                “อย่าว่าผมเลย” ลอร์ดหนุ่มกระซิบเสียงอ้อน “แค่คุณเห็นหน้าปัดนาฬิกาสำคัญกว่าหน้าผม ผมก็เจ็บปวดพอแล้ว”

                กอร์ดอนอ้าปากค้าง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ฉวยโอกาสนั้นจูบเขาอีก จึงถูกทุบหน้าอกเป็นการตอบแทน

                “หน้าคุณหนากว่าหน้าปัดนาฬิกาอีก” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะเบาๆ แล้วจูบเขาซ้ำอีกครั้ง “อย่าพูดถึงนาฬิกาบ่อยนักเลยกอร์ดอน ผมยังไม่อยากตั้งตัวเป็นศัตรูกับนาฬิกาของดูต่างหน้าปู่ของคุณนะ”

                กอร์ดอนทุบไหล่ของลอร์ดโทรว์บริดจ์อีกหลายครั้งด้วยความโมโหระคนขัดเขิน “คนอะไรเนี่ย คิดจะตั้งตัวเป็นศัตรูกระทั่งนาฬิกา”

-------------------------------------

                สโมสรแบล็กเบิร์ดยังคงครึกครื้นเหมือนเดิม แม้จะขาดสมาชิกคือเอ็มมานูเอลซึ่งนั่งเรือไปอเมริกาตั้งแต่เช้าวันจันทร์ก็ตาม ตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์และกอร์ดอนไปถึง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็คุยฟุ้งถึงเรื่องที่เขาจะได้เป็นพี่เลี้ยงข้างเวทีมวยให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์แล้ว

                “จอร์จ ฉันบอกนายว่าจะชวนนายไปเป็นพี่เลี้ยงก็จริง แต่เรายังไม่ได้ขออนุญาตลอร์ดควีนสเบอรี่นะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดยิ้มๆ หลังทักทายเพื่อนทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าหงิก ขณะที่คนอื่นๆ พากันหัวเราะ

                “พี่เลี้ยงนักมวยต้องดูทางมวยออกนะจอร์จจี้ ไหนนายดูอะไรออกบ้าง?”

                “ฉันดูออกว่าใครจะชนะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดอย่างเชื่อมั่น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอนใจ

                “ดูมวยกับดูม้าต่างกันนะจอร์จ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำท่าจะอ้าปากเถียง แต่ถูกลอร์ดครอฟตันพูดแทรกขึ้นก่อน “ฉันว่าจอร์จจี้ควรจะไปอยู่ข้างโต๊ะแทงพนัน ที่นั่นแหละที่เหมาะกับเขาที่สุด”

                เสียงหัวเราะดังขึ้นอีก ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย “เล่นพนันกับดูทางนักมวยก็เหมือนกันนั่นแหละน่า”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทำหน้าเหมือนปวดฟันกะทันหัน เขารีบยกมือห้าม ขณะที่เจมส์พูดขึ้นมา “เอาล่ะ ทุกๆ ท่าน ก่อนจะเถียงกันว่าจอร์จจี้ดูทางมวยเป็นหรือไม่ เราควรจะถามจอห์นนี่ก่อนดีกว่าว่าเขาจะต่อยกับใคร อะไร ที่ไหน ยังไง”

                “เออ ใช่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลากเก้าอี้ขยับไปนั่งกลางวง “ลอร์ดควีนสเบอรี่คิดว่าฉันน่าจะได้ขึ้นชกประมาณกลางเดือนหน้า ถ้าเป็นไปได้อาจจะเป็นวันศุกร์ที่สิบเจ็ด ส่วนคู่ชกอาจจะเป็นแมดเนอร์ เขาต้องคุยกับผู้จัดการของแมดเนอร์ก่อนถึงจะกำหนดวันที่แน่นอนได้”

                “ว้าว แมดเนอร์” นิโคลาสร้องขึ้น “ฉันชอบสไตล์การชกมวยของหมอนั่น ว่าแต่นี่เป็นการชกมือเปล่าหรือใส่นวม”

                “ใส่นวม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ตามกติกาที่ลอร์ดควีนสเบอรี่ตั้งเอาไว้ อย่างน้อยๆ มันก็ทำให้พ่อกับแม่ฉันยอมให้ฉันขึ้นชกล่ะ”

                เพื่อนๆ พยักหน้า เจฟฟรีพูดขึ้น “แล้วนายจะเริ่มซ้อมวันไหน กี่โมง”

                “พรุ่งนี้ บ่ายสองถึงบ่ายสี่ ฉันซ้อมทุกวัน หยุดวันอาทิตย์”

                “อื้อหือ ซ้อมหนักชะมัด”

                “คู่ต่อสู้เป็นถึงแมดเนอร์เลยนะ”

                “บ่ายสองถึงบ่ายสี่ฉันต้องทำงาน แต่วันเสาร์น่าจะได้”

                “พวกเราน่าจะนัดกันไปดูจอห์นนี่ซ้อมวันเสาร์”

                “นั่นสิ พอเขาซ้อมเสร็จพวกเราก็ไปกินมื้อเย็นกันต่อเลย”

                “ว่าแต่ใครเป็นผู้จัดการส่วนตัวของนาย” เจมส์ถาม “ถ้ายังไม่มีบอกฉันนะ ฉันหาเวลาว่างไปจัดตารางการโชว์ตัวให้นายได้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเพื่อนแล้วยิ้ม “ขอบใจเจมส์ แต่ฉันไม่ใช่นักมวยอาชีพ ไม่ต้องมีผู้จัดการหรอก ลอร์ดควีนสเบอรี่จะจัดการทุกอย่างให้ ฉันชกแค่ไฟต์นี้ไฟต์เดียว”

                “อ้อ...” เจมส์พยักหน้า “งั้นบอกเขาว่าพี่เลี้ยงหาดีๆ หน่อย ไม่เอาจอร์จจี้นะ เพราะเขาต้องไปนั่งข้างฉันเพื่อบอกว่าจะต้องพนันข้างใคร”

                “ไม่ต้องเลยเจมส์” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “นายยังต้องถามฉันอีกหรือว่าจะพนันข้างใคร ในเมื่อคำตอบรู้ๆ กันอยู่แล้ว”

                “นายหมายความว่าไง” เจฟฟรีถาม ลอร์ดจอร์จ เฟลตันลอยหน้าลอยตาตอบ “ก็หมายความว่ายังไงเราก็ต้องพนันข้างจอห์นนี่ไงล่ะ ใช่มั้ยกอร์ดอน”

                กอร์ดอนที่นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่สะดุ้ง “อะไรนะครับ?”

                ทุกคนหันมามองเขา จากนั้นก็หัวเราะ “ท่าทางกอร์ดอนไม่ชอบดูมวย เขาดูไม่สนใจเลยแฮะ”

                “อ๋อ... ผมเปล่า” กอร์ดอนรีบพูด “ผมเคยดูมวยนะ แต่เป็นมวยที่ต่อยกันข้างถนน ไม่ใช่ต่อยกันบนสังเวียนแบบที่พวกคุณจะไปดูกันหรอก”

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-02-2017 09:28:48 โดย juon »

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
               “นายไปดูที่ไหน?” ลอร์ดครอฟตันถามด้วยความสนใจ “ฉันก็ว่าแล้วว่าทำไมเขาเฉยๆ ได้ยินว่ามวยที่ต่อยกันข้างถนนดุเดือดมาก ไม่มีกติกาอะไรหยุมหยิมวุ่นวายด้วย พนันกันหนักน่าดู”

                กอร์ดอนยิ้มแห้งๆ “บาร์ไม่มีชื่อครับ แต่ตอนนี้คงปิดไปแล้ว มันน่ากลัวมากนะครับลอร์ดครอฟตัน พวกเขาต่อยกันถึงขั้นกรามหัก ผมว่าป่าเถื่อนมาก”

                ลอร์ดครอฟตันทำหน้าคิดหนัก “ฉันอยากหาโอกาสไปดูบ้าง”

                กอร์ดอนรีบพูดขึ้นทันที “อย่าเลยครับ ผมว่าไม่เหมาะกับคุณแน่ มัน ‘ป่าเถื่อน’ มากนะครับ ไม่ใช่แค่นักมวยอย่างเดียว คนดูนี่ก็พอกันเลย จบไปคู่นึงคุณดึงใครจากคนดูพวกนั้นไปชกต่อยังได้เลยครับ”

                “โอ้โห ดูน่าสนใจมาก” นิโคลาสพูดขึ้นมา “ดึงใครไปชกก็ได้งั้นหรือ? ถ้าเขาดึงนายลงไปล่ะ?”

                “คงเป็นวันโชคร้ายที่สุดของผม” กอร์ดอนคราง “ถ้าต้องไปยืนอยู่ตรงนั้น ผมจะรีบสลบให้เร็วที่สุด คงไม่น่ามีใครตื่นเต้นกับการไล่ต่อยคนสลบนะ ผมว่า”

                ได้ยินเสียงใครหลายคนหัวเราะ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอนหายใจ “ฉันว่าคงไม่มีใครดึงนายลงไปหรอก ดูแค่หุ่นก็รู้แล้วว่าแพ้แน่นอน”

                เสียงหัวเราะดังกว่าเดิม เจมส์พูดขึ้นบ้าง “แต่อย่างจอห์นนี่กับแมกซ์นี่รับรองโดนแน่ๆ พวกเราน่าจะจัดมวยแบบเก้าอี้ดนตรีนะ ใครชกแพ้คัดออก แล้วเอาพวกที่ยืนดูมาชกต่อ”

                “โห... ฉันไม่ชกกับจอห์นนี่แน่ แมกซ์ก็ไม่เอา” อีธานพูดพลางทำหน้าหวาดหวั่น “ฉันยังไม่อยากดั้งหัก”

                “งั้นมวยปล้ำ” เจมส์ยังคงนึกสนุกอยู่ “เอาแบบผลักกันอย่างเดียว ห้ามเตะ ห้ามต่อย ใครออกนอกวงถือว่าแพ้ มีใครสนใจบ้าง”

                “ให้ปล้ำกับจอห์นนี่หรือแมกซ์ก็ไม่เอาอยู่ดีแหละ”

                “งั้น... ให้แบ่งเป็นสองทีมเป็นไง ทีมนึงมีแมกซ์เป็นหัวหน้าทีม อีกทีมมีจอห์นนี่ แล้วพวกเราที่เหลือจับฉลากกันว่าจะได้อยู่ทีมใคร แล้วแต่ละทีมก็ส่งลูกทีมลงมาปล้ำ ใครแพ้หมดทีมก่อนก็แพ้ไปเลย”

                “เฮ้ย อันนี้เข้าท่า ฉันสนับสนุนหนึ่งเสียง”

                “ฉันด้วย แค่คิดก็สนุกแล้ว”

                “น่าสนุกดี ฉันเอาด้วย”

                หลังจากนั้นเสียงโหวกเหวกก็ตามมาจนกอร์ดอนหูอื้อ รู้ตัวอีกทีเจมส์ก็ยืนเด่นอยู่กลางห้อง “เป็นอันว่าตกลงเราจะเล่นมวยปล้ำกัน เดี๋ยวฉันจะไปบอกออตโตมานให้หาชอล์กมาให้เราสักแท่ง จะได้ขีดวงปล้ำ ฮ่าๆ ต้องสนุกมากแน่ๆ”

                ไม่นานนักห้องประชุมสโมสรก็กลายสภาพเป็นเวทีมวยปล้ำขนาดย่อมๆ หลังจากเถียงกันเรื่องกติกาอยู่นาน เหล่าสุภาพบุรุษทั้งหลายก็ค้นพบข้อสรุป

                “เพราะวันนี้เรามีกันสิบคน กรรมการจึงต้องเป็นสองคนที่ไม่มีใครอยากปล้ำด้วย นั่นคือแมกซ์กับจอห์นนี่ เขาจะคอยดูว่าลูกทีมของตัวเองอยู่ในกติกามั้ย กติกามีดังนี้ ปล้ำกันไม่เกินสามนาที ถ้าครบสามนาทีใครที่ถูกกดเอาไว้ด้านล่างถือว่าแพ้ ส่วนระหว่างนี้ใครที่ออกนอกวงก่อนก็ถือว่าแพ้ คนที่ชนะมีสิทธิ์แข่งต่อ คนแพ้ต้องถูกคัดออกเลย ห้ามต่อย เตะ กัด หักข้อต่อ ทำได้แค่ผลักกับดึง แล้วก็กอดเท่านั้น นึกซะว่าพวกนายกำลังทำสกรัมกันอยู่ เข้าใจตรงกันนะ”

                “ตกลงตามนี้”

                จากนั้นเจมส์ก็เอารายชื่อของบุคคลที่อยู่ในห้องทั้งหมดยกเว้นลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ใส่โถเงินแล้วกวนเพื่อจับฉลากเลือกทีม

                ผลการจับฉลากเป็นดังนี้

                ทีมของลอร์ดโทรว์บริดจ์ ประกอบด้วย

-          ลอร์ดจอร์จ เฟลตัน (สูง รูปร่างผอม)

-          นิโคลาส (สูง รูปร่างปานกลางค่อนไปทางผอม)

-          โรเบิร์ต (สูงปานกลาง รูปร่างหนา)

-          อีธาน (สูงปานกลาง รูปร่างสันทัด)

                ทีมของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ประกอบด้วย

-          ลอร์ดครอฟตัน (สูง รูปร่างสูงหนา แต่ยังเล็กกว่าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์)

-          เจฟฟรี (สูงปานกลาง รูปร่างสันทัด)

-          เจมส์ (สูงปานกลาง รูปร่างสันทัด)

-          กอร์ดอน (สูงปานกลาง รูปร่างผอม)

                หลังจับฉลากแบ่งทีมแล้ว หัวหน้าทีมก็เลือกคนที่จะลงปล้ำคนแรก ทีมของลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งอีธานเข้าชิงชัย ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงส่งคู่รักคู่แค้นอย่างเจมส์เป็นคู่ปล้ำ

                “ถือซะว่านี่คือนัดล้างตาจากงัดข้อคราวก่อน” เจมส์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน อีธานยักไหล่ “ได้ หวังว่าคราวนี้นายคงไม่อ้างว่าแพ้เพราะมีใครมาขัดจังหวะอีกนะ”

                “เอ้า เริ่ม”

                ทั้งคู่เข้าปลุกปล้ำกันทันที ไม่นานก็ลงไปล้มลุกคลุกคลานกันอยู่บนพื้น เสียงเชียร์ดังลั่นจนเหมือนหลายคนอยากลงไปปล้ำเอง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองนาฬิกาเพื่อจับเวลา ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์คอยดูว่ามีใครทำผิดกติกาหรือไม่

                “ดึงเข็มขัด ดึงเข็มขัดเขาเลยเจมส์ นายต้องพลิกตัวกลับมาให้ได้ เห็นแก่พระเจ้า นายต้องชนะ”

                “อย่าให้เขาพลิกขึ้นมานะอีธาน เหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งนาที นายทำได้อยู่แล้ว”

                “สู้เค้าเจมส์ อย่าไปฟัง เวลายังเหลืออีกเยอะ นายต้องพยายาม”

                “ดึงเข็มขัด แล้วพลิกตัวเขา เจมส์ เอาเลย!”

                ในที่สุดเจมส์ก็พลิกกลับมาเอาชนะอีธานคู่รักคู่แค้นของเขาได้ในห้าวินาทีสุดท้าย ทั้งสองคนหอบจนหน้าแดง ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ

                “ดี นายทำได้ดีมาก ดูซิจอห์นนี่จะส่งใครมาลงชิงชัยกับนาย” ลอร์ดครอฟตันว่า ทางฝั่งของลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปปรึกษากันแล้วตัดสินใจส่งโรเบิร์ตลงมาปล้ำต่อ ลงมาปล้ำกันไม่ถึงห้าวินาที โรเบิร์ตก็ส่งฝ่ายตรงข้ามออกไปนอกวงได้สำเร็จ

                “โห เจมส์ ไม่ไหว นกกระจอกยังไม่ทันได้กินน้ำ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำสีหน้าผิดหวัง เจมส์ถลึงตาใส่เพื่อน “นายต้องลองมาปล้ำกับอีธานดู แล้วจะรู้ว่าสูบแรงขนาดไหน”

                “แย่จังที่ฉันไม่ได้ลอง” ลอร์ดหนุ่มพูดยิ้มๆ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ส่งเจฟฟรี่ลงมาเป็นตัวแทนของทีม คราวนี้ค่อยสูสีกันหน่อย หลังปล้ำกันนานเกือบสามนาที เจฟฟรีก็จัดการส่งโรเบิร์ตออกนอกสนามได้สำเร็จ

                “ว้าว ครั้งแรกเลยที่ฉันสกรัมชนะเขา” ชายหนุ่มร้องขึ้นด้วยความดีใจ คนแพ้ได้แต่พยักหน้า “ถือว่าคืนนี้นายโชคดี”

                “ส่งจอร์จจี้ลงมาเลย” เจฟฟรีว่า “ฉันแน่ใจว่าไม่แพ้เขาแน่นอน”

                “ถ้านายพูดงั้นฉันไม่ลงดีกว่า” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูด “นิกกี้จะลงแทนฉัน เพื่อชัยชนะของทีมเรา ใช่มั้ย?”

                นิโคลาสพยักหน้าเพลียๆ “แน่นอนจอร์จจี้ นายไม่เคยสกรัมชนะใครอยู่แล้ว ลงไปก็เท่านั้นแหละ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำเป็นไม่ได้ยิน ขณะที่นิโคลาสเดินเข้าไปในสังเวียน “บอกเลยนะเจฟ ถึงคว่ำนายแล้วต้องเจอแมกซ์ ฉันก็ไม่กลัว”

                “ไม่ต้องห่วงนิกกี้” เจฟฟรีว่า “นายผ่านฉันได้ยังต้องเจอเอ็ดดี้อีก ผ่านเขาให้ได้ค่อยคิดถึงแมกซ์ดีกว่า ฮ่าๆ”

                ทั้งสองคนใช้เวลายันกันอยู่กลางวงเป็นเวลานาน จนลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง “เจฟฟรีไปทำอะไรมา ฉันไม่ยักรู้มาก่อนว่าเขางัดกับนิกกี้ได้ยาวขนาดนี้”

                “คิวต่อไปคือนายนะจอร์จจี้” เจมส์ว่า “ดูที่เอาไว้เลยว่านายอยากออกนอกวงหรือนอนตรงไหน ฉันช่วยเลือกให้ไหม?”

                “ไม่เป็นไร ขอบใจเจมส์” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูด “ฉันแน่ใจว่านิกกี้จะต้องชะ...”

                “โอ้ ให้ตายเหอะจอร์จจี้! วันนี้เป็นวันของเจฟจริงๆ” เจมส์ตะโกน ก่อนจะตบไหล่เขาแรงๆ สองที หลังจากเจฟฟรี่ผลักนิโคลาสออกนอกวงได้สำเร็จ  ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสูดหายใจ “จอห์นนี่ ฉัน...”

                “คิวนาย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ลงไปเถอะจอร์จ แพ้ก็ไม่เป็นไร ไม่มีใครว่านายอยู่แล้ว”

                “ใช่ ไม่มีใครคาดหวังชัยชนะจากนายอยู่แล้วจอร์จจี้” เจมส์สำทับอีก ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถลึงตามองเขา ก่อนจะก้าวเข้าไปในวง

                “เจฟ ฉันนี่แหละจะเป็นคนหยุดนาย”

                “ฉันว่าทุกคนคงรอวันนี้มานานเหมือนกัน วันที่นายจะสกรัมชนะใครสักคนเสียที หวังว่าคืนนี้จะเป็นคืนของนายนะ ฮ่าๆ” เจฟฟรีหัวเราะ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แล้วพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายทันที

                “โอ๊ะ จอร์จจี้อาศัยทีเผลอ แต่เจฟไม่หลงกล” เจมส์พากษ์สดทันที “โอ้โห แต่จอร์จจี้ของเราก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาคงคิดว่าเจฟเสียพลังงานไปเยอะแล้วกับการเหวี่ยงเพื่อนออกไปสองคน แต่วันนี้เป็นวันของเจฟ โอ้ เขากดจอร์จจี้ลงไปบนพื้นได้แล้ว ดูไม่จืดเลยท่านสุภาพบุรุษ ขาของจอร์จจี้ยาวอย่างกับอะไรดี”

                “นายหยุดพากษ์ทีเจมส์!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตะโกนขณะพยายามดิ้นให้หลุดจากการถูกกดลงบนพื้น “นายทำฉันเสียสมาธิ”

                “โธ่ จอร์จจี้ ถึงฉันไม่พูด ก็ใช่ว่านายจะปล้ำชนะเจฟสักหน่อย”

                “จอร์จ ยกขาสูงๆ แล้วดีดแรงๆ เลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตะโกน “ทำเหมือนเวลานายถูกปลุกแล้วอารมณ์เสียน่ะ”

                “ว้าว สถานการณ์พลิกกลับแล้ว” เจมส์ตะโกนอีก “เพราะคำแนะนำจากจอห์นนี่ จอร์จจี้หลุดจากการถูกกดไว้บนพื้นแล้ว เขากำลังคลานหนีเจฟสุดชีวิต บ้าจัง ทำไมเขาไม่คลานออกนอกวงไปเลย”

                “เจมส์ หยุดที ถ้าไม่หยุดฉันจะ...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดไม่จบเพราะถูกเจฟฟรีดึงขาเอาไว้ เขาพยายามดิ้นสุดแรง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ส่ายหน้า “ไม่ไหวมั้งจอร์จ... นายยอมแพ้ดีกว่า”

                “ไม่มีทาง!” ถึงจะตะโกนอย่างนั้น แต่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็ถูกเจฟฟรี่จับกดลงกับพื้นได้สำเร็จ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก้มลงมองนาฬิกา

                “หมดเว..”

                ยังไม่ทันขานจบ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันใช้พลังฮึดเฮือกสุดท้ายสะบัดเจฟฟรีจนหลุด ผลพลอยได้คืออีกฝ่ายกระเด็นออกไปนอกวงด้วย

                “ให้ตาย...” เพื่อนๆ ต่างพากันร้องคราง “ใครดูทันบ้าง ตกลงใครชนะ จอร์จหรือเจฟ?”

                “นายว่าไง แมกซ์” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันมาถามเพื่อน ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยักไหล่ “ฉันยังขานไม่จบ เจฟหลุดออกนอกวงก่อน ให้จอร์จชนะแล้วกัน”

                เสียงเฮดังลั่น เพื่อนๆ ต่างพากันมาตบไหล่แสดงความยินดีกับลอร์ดจอร์จ เฟลตัน เหมือนว่าเขาเพิ่งชนะสงครามมา

                “ในที่สุดนายก็ทำได้จอร์จ แม้จะฟลุก”

                “ใช่ ฟลุกแต่ก็ถือว่าทำได้”

                “โห... นี่พวกนายไม่คิดจะชมฉันจริงๆ จังๆ บ้างหรือไง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดเคืองๆ หลังแสดงความยินดีพอเป็นพิธี ลอร์ดครอฟตันคู่ปล้ำคนต่อไปของเขาก็ลงมาในสนาม

                “ไหนแสดงให้ฉันดูสิจอร์จ ว่านายไม่ได้ฟลุก”

                “มาเลย โอ๊ย!”

                เจมส์ครางออกมา “แย่กว่าฉันอีกจอร์จจี้ กะพริบตายังไม่ทันเลย”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันลุกขึ้นปัดกางเกง “นายต้องลองปล้ำกับเจฟดูก่อน แล้วจะรู้ว่ามันสูบแรงขนาดไหน”

                เพื่อนๆ พากันหัวเราะออกมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก้าวลงสนาม

                “จอห์นนี่ เบามือหน่อยนะ” ลอร์ดครอฟตันพูด ก่อนจะถูกลอร์ดโทรว์บริดจ์ดันออกไปนอกวงโดยใช้เวลาไม่ถึงห้าวินาที

                “ให้ตาย น่ากลัวที่สุด” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกับเจมส์ครางขึ้นพร้อมกัน “โชคดีที่ฉันไม่ต้องปล้ำกับเขา”

                “ตานายแล้วกอร์ดอน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า กอร์ดอนกลืนน้ำลาย ขณะที่คนอื่นๆ ตะโกนขึ้นมา “พอลงไปแล้ววิ่งหนีออกไปนอกวงเลยนะกอร์ดอน ไม่มีใครว่านายหรอก นั่นจอห์นนี่นะ นายทำยังไงก็ได้ให้รักษาซี่โครงเอาไว้ไม่ให้หักก็พอ”

                กอร์ดอนก้าวลงไปในวง เขามองลอร์ดโทรว์บริดจ์ แล้วกะพริบตาปริบๆ “ผมไม่เคยเล่นรักบี้นะ ไม่รู้ว่าสกรัมทำกันยังไง”

                “ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมสอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ได้ยินเสียงลอร์ดจอร์จ เฟลตันตะโกน “เฮ้ย จอห์นนี่ ห้ามช่วยกอร์ดอนนะ เขาอยู่ทีมแมกซ์ นายต้องเล่นแบบแฟร์ๆ”

                “ก็ได้ๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รับปาก แล้วหันกลับมาหากอร์ดอนอีกครั้ง “ไม่มีอะไรยากหรอก คุณแค่พยายามใช้ไหล่ยันผมเอาไว้ อย่าล้มลงไปก็พอ”

                กอร์ดอนพยักหน้า แต่ก็นึกแย้งในใจว่ามันต้องเป็นเรื่องยากแน่ แค่ดูทุกคนที่เล่นกันไปก่อนหน้านี้ก็เหงื่อแตกแล้ว เขาจะยันคนตัวใหญ่อย่างลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้ยังไง

                “เริ่ม” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ให้สัญญาณ กอร์ดอนพยายามรวบรวมแรงทั้งหมดที่มี หวังว่าจะยันเอาไว้ได้สักครู่หนึ่ง แต่ก็เหมือนถูกรถม้าชน พอฝ่ายนั้นพุ่งเข้ามา เขาก็ล้มลงบนพื้น จากนั้นก็ถูกกดเอาไว้แนบพื้นในท่าที่แทบจะกระดุกกระดิกตัวไม่ได้


ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
                “โอ๊ย จอห์นนี่ โหดร้ายไปแล้ว กอร์ดอนเป็นช่างตัดเสื้อนะ นายจะฆ่าเขาหรือไง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องออกมา ขณะที่เพื่อนๆ ทำหน้าหวาดเสียว

                “พอเถอะจอห์นนี่ นายแกล้งกอร์ดอนใช่มั้ยเนี่ย เขาจะขาดอากาศตายเอานะ นายเล่นกดเขาแบบนั้น”

                กอร์ดอนพยายามดิ้นเท่าที่เขาจะทำได้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลยพลิกมาจับเขากดอีกทาง คราวนี้ใบหน้าของทั้งคู่แทบจะชิดกัน

                “ปล่อยผมนะ” กอร์ดอนโวยวาย เขาพยายามใช้ขาลากตัวเองออกไป แต่ก็ไม่เป็นผล ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขายิ้มๆ แล้วกระซิบข้างหู “ยังไม่ครบสามนาทีเลย คุณไม่ต้องรีบหรอก ถือว่าชดเชยให้ผมเรื่องมื้อเย็นแล้วกัน”

                กอร์ดอนหน้าแดงจัด เขาพยายามดิ้นดนแต่ก็ไม่เป็นผล หลังปล่อยให้อีกฝ่ายดิ้นอยู่สองสามครั้ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็จับเขาคว่ำหน้าแล้วกดไว้อีกรอบ นิโคลาสยกมือนวดหน้าผาก “ไม่ไหวจอห์นนี่ แกล้งเขาชัดๆ”

                กอร์ดอนพยายามตะเกียกตะกายพาตัวเองออกไปให้ถึงเส้นขอบ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนเดิม เขาอับอายจนไม่รู้จะอายยังไง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันไปหาลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “แมกซ์ ช่วยทำอะไรสักอย่างสิ มันควรจะครบสามนาทีแล้วไม่ใช่หรือไง?”

                “เพิ่งนาทีครึ่งเอง” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบเขา “ถึงพวกเราจะเล่นกัน แต่กติกาก็ต้องเป็นกติกานะ”

                “แต่กอร์ดอนต้องตายแน่ จอห์นนี่เล่นแกล้งเขาแบบนั้น”

                “กอร์ดอนไม่ตายหรอกน่า” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์บอก “ถ้าอยากช่วยนายลองหาทางบอกกอร์ดอนดีกว่าว่าจะพาตัวเองออกมาจากจอห์นนี่ยังไง”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าสยอง “ขนาดฉันยังนึกไม่ออกเลยว่าถ้าถูกจอห์นนี่กดไว้แบบนั้นจะหลุดออกมาได้ไง”

                “จอห์นนี่ พอได้แล้วล่ะ เรารู้แล้วนายเอาจริง หยุดแกล้งเขาได้แล้ว” โรเบิร์ตพูดขึ้น คนอื่นๆ รีบสนับสนุน “ใช่ นายพอเถอะ เราไม่อยากให้นายแกล้งกอร์ดอนแบบนี้”

                “ก็ได้ๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยอมปล่อยช่างตัดเสื้อในที่สุด เขาลุกขึ้นยืน แล้วดึงมือของอีกฝ่ายขึ้นมา กอร์ดอนถลึงตามองเขา ก่อนจะใช้ไหล่กระแทกใส่เจ้าตัวด้วยความโมโห ปรากฏว่าลอร์ดหนุ่มถึงขั้นเสียหลักเซถอยหลังไปหลายก้าว โชคดีที่เพื่อนๆ รับไว้ทัน

                “ผมขอโทษ! คุณเป็นอะไรรึเปล่า” ช่างตัดเสื้อร้องออกมาด้วยความตกใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มแล้วสั่นศีรษะ “เปล่า ผมไม่เป็นอะไร คุณเล่นทีเผลอนะเนี่ย”

                กอร์ดอนหน้าแดง ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ประกาศ “จอห์นนี่หลุดออกนอกวง กอร์ดอนชนะ”

                เกิดความเงียบขึ้นในห้องชั่วอึดใจ ก่อนที่ทีมของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จะส่งเสียงเฮขึ้นมา “ว้าว เราชนะ พวกเราชนะ ฮ่าๆๆ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเดินไปหาเพื่อน แล้วพูดเสียงเขียว “จอห์นนี่... นาย-ทำ-อะ-ไร”

                “เล่นมวยปล้ำไง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบหน้าซื่อ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเค้นเสียงพูดต่อ “ฉันหมายถึง... นายแพ้ได้ยังไง”

                “เอ้า นายมาลองถูกเล่นทีเผลอแบบฉันดูบ้างมั้ยล่ะ?” ลอร์ดเพื่อนของเขาตอบพลางยักไหล่ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ก่อนจะพุ่งเข้าใส่เพื่อนโดยใช้ไหล่กระแทกบ้าง ท่าทางของเขาดีกว่ากอร์ดอนเยอะ แต่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่สะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่นิดเดียว

                “นี่ไม่เรียกทีเผลอนะจอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะจับเอวฝ่ายนั้นรวบกดลงไปบนพื้น คราวนี้ลอร์ดจอร์จ เฟลตันดิ้นกระแด่วๆ “โอ๊ย จอห์นนี่ ปล่อยฉันนะ!!”

                ได้ยินเสียงคนที่ยืนดูอยู่หัวเราะชอบใจ “ไม่ไหวเลยจอร์จจี้ นายแพ้สกรัมอีกแล้ว”

                “นี่มันไม่ยุติธรรม!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตะโกนทั้งที่ยังถูกจับกดอยู่ “ทำไมไม่มีใครเห็นใจฉัน ฉันถูกจอห์นนี่ทับอยู่นะ”

                “นายยังดิ้นได้โวยวายได้นี่นา จอห์นนี่ไม่ทับนายถึงตายหรอกน่า” เจมส์พูดขำๆ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำเสียงเหมือนสำลัก กอร์ดอนรีบพูดขึ้นมา “ปล่อยเขาเถอะ ผมว่าเขาน่าจะหายใจไม่ออก”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองหน้าช่างตัดเสื้อ “นายเชื่อหรือกอร์ดอน?”

                คนถูกถามพยักหน้า “ก็เขาสำลักอยู่นี่ พวกคุณไม่ได้ยินหรือไง?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยักไหล่ เขาหันไปทางลอร์ดโทรว์บริดจ์ “กอร์ดอนเชื่อมุกจอร์จ นายควรปล่อยเขานะ อย่างน้อยๆ คราวนี้ก็มีคนกลัวว่าเขาจะสำลักจริงๆ”

                “ก็ได้ๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า แล้วปล่อยตัวลอร์ดจอร์จ เฟลตันให้เป็นอิสระ พอลุกขึ้นได้ฝ่ายนั้นก็ทำเลียนแบบกอร์ดอนทันที

                “ทำอะไรจอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยืนเท้าสะเอว ขณะที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยายามจะใช้ไหล่ดันตัวเขา แต่กลายเป็นว่าฝ่ายนั้นดันลื่นไปข้างหลังแทน หลังพยายามดันอยู่นาน เจ้าตัวก็เงยหน้าขึ้นมา ยกมือปัดเสื้อ “ก็ได้ ฉันยอมให้ในฐานะที่นายเป็นเพื่อนรักฉัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ ในขณะที่เพื่อนคนอื่นพากันหัวเราะ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หันมาพูดกับกอร์ดอน “เห็นมั้ย เขาไม่ได้สำลักจริงๆ หรอก”

                กอร์ดอนกะพริบตาปริบๆ จังหวะนั้นลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็หันมาหาเขา “นายนี่เป็นคนดีจริงๆ”

                ลอร์ดหนุ่มพูดพลางเดินเข้ามายกมือจับไหล่ช่างตัดเสื้อเอาไว้ “ในขณะที่คนอื่นพากันหัวเราะฉัน นายกลับเชื่อและช่วยฉันเอาไว้ นายช่างเป็นคนดีมีน้ำใจ ฉันล่ะซาบซึ้งจริงๆ”

                “เฮ้ยๆ หยุดน้ำเน่าเลยจอร์จจี้” เจมส์แขวะ ก่อนจะหันมาพูดกับกอร์ดอน “นายไม่ต้องไปฟังเขามากนะ จอร์จจี้เป็นคนช่างฝัน เขาหวานหยดได้กับทุกคนแหละ โดยเฉพาะผู้หญิง”

                กอร์ดอนหัวเราะแห้งๆ ขณะที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันไปถลึงตาใส่เพื่อน เหล่าสุภาพบุรุษทั้งหลายจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ แล้วทยอยกันนั่งลงจิบวิสกี้ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำท่าทางเหมือนน้อยอกน้อยใจที่ถูกเพื่อนๆ รุมแกล้ง เลยลากเก้าอี้ไปนั่งตรงมุมห้อง กอร์ดอนฉวยโอกาสนี้ลากเก้าอี้ไปนั่งใกล้เขา

                “นายไม่ต้องมาสงสารฉันเลย ฉันไม่ต้องการความเห็นใจตอนนี้” ลอร์ดหนุ่มพูดพลางทำหน้าหงุดหงิด ช่างตัดเสื้อหนุ่มรีบพูด “เปล่าครับ ผมไม่ได้คิดแบบนั้น ผมมานั่งตรงนี้เพราะมีเรื่องสำคัญต้องปรึกษาคุณ”

                คราวนี้ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันมามองเขาด้วยความสนใจ เจ้าตัวยืดตัวขึ้นเล็กน้อย วางท่าแบบพร้อมให้คำปรึกษาทุกชนิด “เรื่องอะไรล่ะ?”

                กอร์ดอนเหลือบซ้ายแลขวา พอแน่ใจว่าไม่มีใครสนใจพวกเขา เจ้าตัวจึงพูดขึ้นเบาๆ “เรื่องผมกับแอนนาเบลครับ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

                “คือ...” กอร์ดอนทำท่าอึกอัก “คุณจะทำยังไงเวลาคุณรู้สึกชอบใครสักคน แต่อีกทางหนึ่งคุณก็รักใครสักคนเข้าแล้ว”

                ลอร์ดหนุ่มมองเขา จากนั้นก็ยิ้ม “ฉันเข้าใจความรู้สึกนายดีเลยล่ะ นายยังชอบแอนนาเบลอยู่ แต่อีกทางหนึ่งนายก็รัก... เอ่อ... รักคนที่นายกับฉันก็รู้อยู่ว่าใคร”

                กอร์ดอนพยักหน้า แล้วพูดต่อ “นั่นล่ะครับ มันค่อนข้างเข้าใจยาก ผมไม่รู้ว่าควรจะวางตัวกับแอนนาเบลยังไงดี จนถึงตอนนี้ผมก็ยังรู้สึกว่าชอบเธออยู่ เวลาเจอเธอผมรู้สึกผิดทุกที”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตบไหล่เขา “ความชอบกับความรักมันต่างกันนะกอร์ดอน” เขาเว้นจังหวะครู่หนึ่ง “เวลาที่นายชอบใครสักคน นายสามารถหาเหตุผลมากมายมาอธิบายว่าทำไมนายถึงชอบคนคนนั้น ยกตัวอย่างแอนนาเบล นายชอบเธอเพราะเธอผมสีแดง แต่เวลานายรักใครสักคน นายอธิบายไม่ได้หรอกว่าทำไมถึงรัก บางทีนายไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่านายรักคนคนนั้น จนกว่าจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างทำให้นายรู้สึกขึ้นมา”

                “ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า “แล้ว... ผมควรจะทำไงต่อครับ?”

                “ทำเหมือนปกติ” ลอร์ดหนุ่มว่า “ถ้าเธอไม่เคยแสดงออกว่าชอบนายแบบที่นายชอบเธอ นายก็แสดงออกจากที่นายเคยทำ รู้สึกดีกับเธอแบบไหนก็ทำแบบนั้น”

                “โห... ไม่กลายเป็นว่าผมจีบเธอต่อหรือครับ”

                “ก็ฉันบอกแล้วว่าชอบกับรักมันต่างกัน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ถ้านายคิดว่ายังชอบเธออยู่และการจะบอกว่าไม่ชอบเธอมันทำร้ายจิตใจของนาย นายก็ทำกับเธอเหมือนเดิมนั่นแหละ จอห์นนี่... เอ่อ... นั่นแหละ เขาไม่ว่าอะไรหรอก ฉันว่าเขาไม่น่าใจแคบขนาดนั้น”

                “อื้อหือ... ผมเข้าใจเลยว่าทำไมคุณถึงควงผู้หญิงได้ทีละหลายๆ คน” กอร์ดอนครางออกมา ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหรี่ตามองเขา เจ้าตัวเลยรีบพูดต่อ “คือผมไม่ได้ตั้งใจจะว่าอะไรคุณนะครับ ว่าแต่... คุณเคยรักใครบ้างไหมครับ?”

                “ฉัน?”

                “ครับ ก็คุณบอกว่าความรักกับความชอบมันต่างกันมาก แสดงว่าคุณต้องเคยรักใครแน่”

                คนถูกถามมองเขาอีกอึดใจ แล้วหัวเราะ “ฉันเคยรักใครแล้วจะเป็นไงล่ะ?”

                “ผมอยากรู้ว่าคุณทำยังไงถึงรักใครได้ทีละหลายๆ คน”

                คราวนี้ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเงียบไปนาน ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ถ้านายเป็นเพื่อนคนอื่น ฉันคงเข้าใจว่านายตั้งใจมาประชดฉันนะเนี่ย แต่เห็นแก่ที่เป็นนาย กอร์ดอน ฉันบอกนายเลยว่าฉันไม่เคยรักใครทีละหลายๆ คน คนที่ฉันรักมีแค่คนเดียว”

                “อ้าว... แต่คุณควงผู้หญิงตั้งหลายคนนี่ครับ”

                “ก็ฉันบอกนายไปแล้วไงว่ารักกับชอบมันไม่เหมือนกัน” ลอร์ดหนุ่มว่า “ฉันควงหลายคนเพราะฉันชอบเธอ แต่ฉันไม่ได้รักเธอ พูดไปนายอาจจะไม่เชื่อนะ ฉันไม่เคยบอกผู้หญิงที่ฉันควงว่าฉันรักเธอสักคน ฉันบอกแค่ว่าฉันชอบเธอเท่านั้น”

                “แล้วผู้หญิงที่คุณรักล่ะครับ คุณเคยบอกเธอไหม?”

                คนถูกถามถึงกับเงียบไปดื้อๆ จนกอร์ดอนรู้สึกว่าเขาทำพลาด “คือ... ผมไม่ได้ตั้งใจสอดรู้สอดเห็น ขอโทษด้วยนะครับ”

                “ไม่เป็นไร” ลอร์ดหนุ่มพูดออกมาในที่สุด จากนั้นก็ถอนใจอีก “ฉันเคยบอกรักเธอ เป็นการบอกรักที่บ้าที่สุด บ้ากว่านั้นคือเธอเป็นคนเดียวที่ฉันไม่อยากบอกรัก ไม่อยากจะรักเธอด้วย”

                “อ้าว ทำไมล่ะครับ” ช่างตัดเสื้อถามด้วยความงุนงง “ก็คุณรักเธอไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงไม่อยากรักเธอล่ะครับ”

                “เพราะฉันไม่อยากจะรักผู้หญิงที่มองฉันด้วยความสงสาร แต่ไม่ได้รักฉันน่ะสิ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตอบ แล้วตัดบททันที “เราเลิกคุยกันเรื่องนี้เถอะ น่าเบื่อมาก”

                “ครับๆ” กอร์ดอนพยักหน้าหงึกๆ เขานั่งมองวิสกี้ในแก้วอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจหันไปหาลอร์ดหนุ่มอีกครั้ง

                “จอร์จ... ผมคิดว่ามีอีกเรื่องที่จะต้องบอกคุณ แต่ผมกลับรู้สึกว่าบางทีผมอาจจะไม่ควรบอกคุณ”

                “เรื่องอะไรอีกล่ะ?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเหลือบตามามองเขา ท่าทางเหมือนไม่อยากสนใจ

                กอร์ดอนทำหน้าคิดหนัก “เรื่องนี้ที่จริงก็ไม่เกี่ยวกับคุณเลยครับ ผมแค่บังเอิญเห็น”

                “เห็นอะไร?” คราวนี้ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันหน้ามามองด้วยความอยากรู้ทันที “นายอย่าพูดแบบนี้สิ ฉันยิ่งอยากรู้นะเนี่ย”

                “คือ... ผมคิดว่าถ้าพูดแล้วคุณจะต้องหงุดหงิด จริงๆ นะ ผมไม่น่าพูดออกมาเลย”

                “เอาน่าๆ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเริ่มแสดงอาการสนใจใคร่รู้อย่างเห็นได้ชัด “เรื่องอะไรเล่ามาเถอะ นายพูดมาขนาดนี้แล้ว จะเก็บไว้อีกทำไม”

                กอร์ดอนทำท่าเหมือนกำลังตัดสินใจว่าควรพูดหรือไม่พูดดี “คือวันก่อนผมไปดูผ้าที่ท่าเรือ แล้วผมบังเอิญเห็นเลดี้มาร์กาเร็ต”

                “มาร์กาเร็ต?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทวนคำ “เธอไปทำอะไรที่ท่าเรือ”

                “ผมไม่ทราบเหมือนกันครับ” กอร์ดอนตอบ แล้วพูดต่อ “เธอแต่งตัวมิดชิดมาก เหมือนไม่อยากให้ใครจำได้ แต่ผมจำผมสีแดงของเธอได้ ผมชอบผู้หญิงผมสีแดง”

                “เอาล่ะ ฉันรู้แล้วนายชอบผู้หญิงผมแดง แล้วไงต่อ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถาม ท่าทางหงุดหงิด

                “คือ... เธอมากับผู้ชายอีกคน... ผมว่าน่าจะเป็นคนรักของเธอนะครับ คือที่ผมเล่าให้คุณฟัง เพราะได้ยินว่าเลดี้มาร์กาเร็ตเป็นคู่หมั้นของคุณ ถ้าเธอแอบมีคนรักลับๆ คุณก็ใช้เป็นข้ออ้างในการถอนหมั้นเธอได้... แต่ผมกลัวว่าเล่าแล้วคุณจะหงุดหงิด เพราะคุณไม่ค่อยชอบเธอ”

                “ใครว่าฉันไม่ชอบ...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดค้าง ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นพยักหน้า “ใช่ ฉันไม่เคยชอบมาร์กาเร็ต” เขาพูดแล้วขยับมาใกล้กอร์ดอนอีก “แน่ใจนะว่านายไม่ได้มองผิด นั่นเป็นเธอแน่ๆ และผู้ชายคนนั้นไม่ใช่เพื่อนของเธอ”

                “ไม่มีเพื่อนคนไหนเขาควงกันสนิทกันขนาดนั้นหรอกครับ” กอร์ดอนว่า “ถึงผมเอาแต่ตัดเสื้ออยู่ที่ร้าน แต่ก็แยกออกนะครับว่าเพื่อนกับคนรักเวลาเดินด้วยกันแตกต่างกันยังไง”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหน้าแดง ท่าทางเหมือนโมโห แต่จู่ๆ เขาก็ถอนหายใจ “งั้นก็ดี... ถ้ามาร์กาเร็ตมีคนรักได้ก็ดี ฉันจะได้โล่งสักที”

                เขายกมือขึ้นตบไหล่ช่างตัดเสื้อ “ขอบใจนะกอร์ดอน ถ้าเธอมีคนรักจริงๆ ฉันบอกพ่อกับแม่เรื่องนี้ พวกเราจะได้จบกันเสียที”

--------------------------------------------
(จบตอน)
** ในที่สุดดิฉันก็ได้ลงบทแก้ตัวของลอร์ดจอร์จแล้ว (จุดพลุ) :mc4: ที่จริงกะว่าจะดองเอาไว้อีกสักพัก แต่เพราะเพิ่งค้นพบว่าต้องแก้ไขลำดับยศและการเรียกชื่อของทั้งพระเอกและเพื่อนซี้ เลยกลัวจะลืมว่าต้องอธิบายอะไรบ้าง จึงเอามาลงต่อกันเลยค่ะ
.
สโมสรวันพุธสุดหรรษาของเหล่าคุณชายคือเสียจริตทุกตอนมาก บางทีก็สงสัยว่าพวกนี้อายุเท่าไหร่กัน 555+
.
พอเปลี่ยนชื่อเรียกใส่ชั้นยศให้พระเอกแล้ว ยิ่งสัมผัสได้ถึงกำแพงศักดินาที่หนาและหนักมากกกก :katai1:
.
ขออภัยในความผิดพลาดและขอบคุณที่ติดตามค่ะ :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-02-2017 09:17:18 โดย juon »

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
โอัโห! ขอยืนขึ้นปรบมือรัว ๆ ให้กับความใส่ใจของคุณจูออน

ฉันเองกำลังคิดสงสัยอยากรู้เรื่องลำดับขั้นการปกครองของอังกฤษหลังจากที่อ่านเรื่องนี้ และไม่เคยสงสัยเลยว่าคุณบรรยายมาถูกหรือผิด ขอบคุณจริง ๆ


เรื่องสโมสร ฉันว่าพวกท่านลอร์ดทั้งหลายควรย้ายสโมสรไปอยู่กระท่อมกลางทุ่ง จะได้ไม่รบกวนชาวบ้านเขา
รั่วได้รั่วดีจริง ๆ

จอห์นนี่มือไวมากนะ และสมน้ำหน้าที่ต้องหึงแม้กระทั่งหน้าปัดนาฬิกา ฮ่าฮ่าฮ่า  :laugh:

ส่วนจอร์จ ความจริงคือรักมากาเร็ต แต่คิดว่าถูกเธอข่มมาตลอด เลยบ่ายเบี่ยงนี่เอง

ปล. คำผิดเล็กน้อยจ้ะ
ขณะสะละวนอยู่กับการรับมือกับจูบ >> สาละวน
“โถๆ อย่าโกรธผมเลยนะ” >> โธ่ (คำย่อมาจากคำอุทาน พุทโธ )
“แล้วนายจะเริ่มซ้อนวันไหน กี่โมง” >> ซ้อม
ลอน์ดเฟลตันเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน >> ลอร์ด

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-02-2017 23:06:43 โดย alternative »

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
พอยศมาเต็มนี่แบบกำแพงสูงมากจริงๆ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ให้กำลังใจคนเขียนค่ะ

ออฟไลน์ praewp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
โอ้ศักดินาห่างชั้นกันเหลือเกิน :เฮ้อ:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
อฮึอฮึอฮึ จอร์จจี้โดนเล่นแล้ว

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
กอร์ดอน ร้ายใช่เล่นนะ หลอกถามจอร์จแบบเนียนๆ

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
สนุกค่ะ พระเอกน่ารักจัง ไม่อยากให้ผิดหวัง

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
จอห์นนี่ แสดงออกเรื่องรักกับกอร์ดอนได้ตลอด
ชอบที่จะโอบกอด สัมผัสแบบคนรักได้น่ารัก
จอร์จ เฟลตัน ผิดเองที่มีมาดนิ่งเฉยกับมาร์กาเรต
หลังจากบอกชอบขอแต่งงานและมีอะไรกัน
จะให้มาร์กาเรต แสดงออกแบบรักใคร่กันทันที
พอเจอกันตอนเช้ามันก็แปลกๆ เพราะจอร์จพูดตอนเมา
เรื่องเลยยืดยาว คาราคาซัง ทั้งที่รักกัน
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
โอัโห! ขอยืนขึ้นปรบมือรัว ๆ ให้กับความใส่ใจของคุณจูออน

ฉันเองกำลังคิดสงสัยอยากรู้เรื่องลำดับขั้นการปกครองของอังกฤษหลังจากที่อ่านเรื่องนี้ และไม่เคยสงสัยเลยว่าคุณบรรยายมาถูกหรือผิด ขอบคุณจริง ๆ


เรื่องสโมสร ฉันว่าพวกท่านลอร์ดทั้งหลายควรย้ายสโมสรไปอยู่กระท่อมกลางทุ่ง จะได้ไม่รบกวนชาวบ้านเขา
รั่วได้รั่วดีจริง ๆ

จอห์นนี่มือไวมากนะ และสมน้ำหน้าที่ต้องหึงแม้กระทั่งหน้าปัดนาฬิกา ฮ่าฮ่าฮ่า  :laugh:

ส่วนจอร์จ ความจริงคือรักมากาเร็ต แต่คิดว่าถูกเธอข่มมาตลอด เลยบ่ายเบี่ยงนี่เอง

ปล. คำผิดเล็กน้อยจ้ะ
ขณะสะละวนอยู่กับการรับมือกับจูบ >> สาละวน
“โถๆ อย่าโกรธผมเลยนะ” >> โธ่ (คำย่อมาจากคำอุทาน พุทโธ )
“แล้วนายจะเริ่มซ้อนวันไหน กี่โมง” >> ซ้อม
ลอน์ดเฟลตันเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน >> ลอร์ด



แก้เรียบร้อย ขอบคุณค่า^^

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog


Dear, My customer.

ตอนที่13 ศักดิ์ศรีของลอร์ดจอร์จ เฟลตัน


                “อืม... จอร์จพูดแบบนั้นหรือเนี่ย?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด แล้วยกมือลูบคางอย่างใช้ความคิด พวกเขาคุยกันมาตลอดทางระหว่างนั่งรถม้า สุดท้ายกอร์ดอนเลยต้องเปิดห้องให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์เข้ามาคุยต่อ เพราะดูแล้วเรื่องราวท่าจะไม่จบลงง่ายๆ

                “ผมว่าเขาหมายถึงเลดี้มาร์กาเร็ต แต่ทำไมเขาถึงบอกว่าไม่อยากรักเธอ” กอร์ดอนพูดด้วยความสงสัย ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขมวดคิ้ว “ผมว่าผมพอเข้าใจเหตุผลของจอร์จแล้วล่ะ”

                “ทำไมครับ?”

                “เพราะจอร์จไม่ใช่ลูกชายคนโตน่ะสิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางหรี่ตาลง “แม้ว่าเขาจะเป็นลูกของมาร์ควิสแห่งแอนโดเวอร์ แต่เขาจะไม่ได้มรดกเลยสักชิ้นเดียวจากพ่อตัวเอง”

                “อ้าว ไหงงั้นล่ะครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองคนถามแล้วยิ้ม “เพราะลอร์ดแอนโดเวอร์ไม่แบ่งมรดกไงล่ะ ทรัพย์สินทั้งหมดของเขาจะตกทอดสู่คนที่จะรับตำแหน่งมาร์ควิสแห่งแอนโดเวอร์คนต่อไป ซึ่งก็คือพี่ชายของจอร์จ ก็เหมือนกับที่บ้านของผม อาผมเองก็ไม่ได้มรดกอะไรเลยเหมือนกัน เขาถึงต้องไปทำเหมืองที่อเมริกา”

                “อ้าว แต่พวกคุณมีที่ดินตั้งมากมายนี่นา”

                “ส่วนใหญ่ก็แบ่งกันไปเยอะแล้วล่ะกว่าจะมาถึงรุ่นผม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “อีกอย่าง มรดกเยอะใช่ว่าค่าใช้จ่ายไม่สูง ลองคุณมีคฤหาสน์สักห้าหลัง ปราสาทอีกสามหลัง เฉพาะแค่ค่าใช้จ่ายดูแลต้นไม้อย่างเดียวก็เหนื่อยเวลาอ่านบิลแล้ว ยิ่งถ้าที่ทางที่คุณมีอยู่มันไม่ค่อยทำกำไร มีเยอะไปก็เท่านั้นแหละ เพราะงั้นเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีใครเขาแบ่งมรดกกันแล้ว แบ่งไปก็ขาย พ่อผมยังซื้อคฤหาสน์เดลต่อมาจากคนอื่นเลย”

                กอร์ดอนผงกศีรษะ “ผมคิดว่าเกิดเป็นลูกขุนนางแล้วจะสบายเสียอีก เอาจริงๆ แล้วก็ไม่สบายเท่าไหร่นะเนี่ย”

                “ถ้าคุณไม่ใช่ลูกชายคนโต บางทีคุณอาจจะจนยิ่งกว่าคนขายดอกไม้ด้วยซ้ำ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่จอร์จโชคดีกว่าอาผม เลดี้แอนโดเวอร์มีสมบัติตกทอดมาจำนวนหนึ่ง เธอตกลงยกให้เขาเพราะเขาเป็นลูกชายที่เธอรักมาก เพราะงั้นฐานะของจอร์จก็ไม่ได้ลำบากอะไรนักหรอก ผมเคยไปเยี่ยมคฤหาสน์ตากอากาศของเลดี้แอนโดเวอร์ที่ยอร์กเชียร์ ก็สบายเอาเรื่องอยู่ จอร์จอาจจะย้ายไปอยู่ที่นั่น ถ้าพ่อแม่ของเขาไม่อยู่แล้ว”

                “อ๋อ...” กอร์ดอนพยักหน้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจ

                “แต่เหมือนเลดี้แอนโดเวอร์อยากให้ลูกชายมั่นคงกว่านั้น เธอเลยหมั้นเขากับมาร์กาเร็ต คุณรู้ใช่มั้ยว่าเธอเป็นลูกสาวคนเดียวของลอร์ดบริสโตล ดังนั้นมรดกทั้งหมดของลอร์ดบริสโตลจะตกเป็นของเธอหลังจากเขาเสียชีวิต รวมถึงตำแหน่งเคานเตสด้วย ถ้าจอร์จแต่งงานกับเธอ ฐานะของเขาจะมั่นคงมาก และลูกๆ ของเขาก็จะได้เป็นเอิร์ลแห่งบริสโตลรุ่นต่อไป”

                กอร์ดอนมองหน้าลอร์ดโทรว์บริดจ์ “เหมือนหนูตกถังข้าวสาร”

                “อืม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ผมว่าจอร์จคงไม่ปลื้มแน่ ถึงเขาจะเป็นคนใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย แต่อย่างที่ผมบอก เขามีมรดกส่วนตัวอยู่แล้ว และเขาก็มีขอบเขตการใช้จ่ายอยู่ จอร์จอาจจะซื้อเครื่องเพชรให้สาวๆ ทีละหลายๆ ชุด แต่จะไม่ซื้อแพงกว่าที่เขาจะสามารถจ่ายไหว เขามีดีมากกว่าเรื่องจ่ายเงิน ไม่อย่างนั้นคงจีบสาวทีละหลายๆ คนไม่ได้หรอก”

                กอร์ดอนไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรืออะไรดี ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อ “เพราะงั้นเขาเลยน่าจะรู้สึกเสียศักดิ์ศรีที่ถูกจับหมั้นกับมาร์กาเร็ตเพราะเรื่องมรดก อีกอย่างมาร์กาเร็ตค่อนข้างเป็นคนแข็งกร้าว เธอไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนหวาน ไม่ใช่คนที่จะแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาว่ามีใจให้” ลอร์ดหนุ่มถอนใจยาว “เป็นผมผมก็คงรู้สึกแบบจอร์จ รักแต่ไม่อยากรัก เพราะไม่อยากถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรี รู้เลยว่าทำไมจอร์จถึงต้องหมางเมินเธอขนาดนั้น”

                “แสดงว่าที่เขาพูดกับเธอคืนนั้นคือความรู้สึกจริงๆ ที่เขามีต่อเธอสินะครับ” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ใช่ แต่พอวันรุ่งขึ้นเขาก็รู้ว่าไม่ควรจะพูดออกไปแบบนั้น ผมว่าจอร์จหยิ่งเกินกว่าจะยอมรับว่าเขารักมาร์กาเร็ต แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะปฏิเสธออกไปตรงๆ ว่าไม่ได้รัก เขาเลยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และมึนตึงกับเธอ เขารู้ว่าเธอโกรธ เลยคิดไปเองว่าเธอต้องเกลียดเขา อืม... แต่พฤติกรรมเขามันก็ชวนให้อยากเกลียดจริงๆ นั่นแหละ”

                กอร์ดอนพยักหน้าเห็นด้วย แล้วพูดต่อ “จริงๆ แล้วมีอีกเรื่องที่ผมยังไม่ได้เล่า”

                “อะไรหรือ?”

                “ผมโกหกลอร์ดจอร์จว่าเห็นเลดี้มาร์กาเร็ตที่ท่าเรือ และเธอกำลังควงผู้ชายคนอื่นอยู่”

                “หา!”

                กอร์ดอนหน้าแดงด้วยความประหม่า “คือผมเคยอ่านเจอในนิยาย เรื่องทำนองว่าผู้ชายเจ้าชู้จะหึงผู้หญิงที่ตัวเองรัก เวลาที่ผู้หญิงคนนั้นไปมีชายอื่น ผมอยากแน่ใจว่าลอร์ดจอร์จมีใจให้เลดี้มาร์กาเร็ตจริงๆ เลยตัดสินใจเล่าเรื่องโกหกไป”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองกอร์ดอนด้วยความพิศวง “แล้วเขาว่าไง”

                “ผมว่าเขาหึงนะ เขาดูโกรธ เกือบจะหลุดปากออกมาด้วยว่าชอบเลดี้มาร์กาเร็ต แต่สุดท้ายเขาก็ทำเหมือนว่ารับได้ที่เลดี้มาร์กาเร็ตจะควงผู้ชายอื่น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา “จอร์จไม่มีทางรับได้แน่ เขาแค่ทำปากแข็งไปอย่างนั้นเอง ผมรู้แล้วทำไมเขาถึงพูดมากอย่างกับมีใครไขลานเพิ่มก่อนกลับ คุณเล่าเขาว่าไง เล่าให้ผมฟังอีกรอบสิ ผมว่าคราวนี้สนุกแน่ๆ”

                กอร์ดอนเล่าเรื่องให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ฟังซ้ำอีกครั้ง พอฟังจบ เอิร์ลหนุ่มก็ตบเข่า “เหมือนผมกำลังยืนฟังคนคุยกันตรงหัวมุมถนน”

                “ก็ผมผ่านไปผ่านมาบ่อย” กอร์ดอนว่า รู้สึกอายกว่าเดิม “คุณว่าผมทำเกินไปรึเปล่า ที่ใส่ความเลดี้มาร์กาเร็ตแบบนั้น”

                “ไม่ๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ผมว่าเข้าท่าเลยล่ะ พรุ่งนี้ผมต้องรีบไปคุยกับมาร์กาเร็ตแต่เช้า จอร์จไม่น่าอยู่นิ่งๆ ได้ ถ้าเขาไม่ดอดไปแอบดูที่ท่าเรือ ก็ต้องวิ่งมาปรึกษาผม ฮ่าๆ จอร์จเอ๋ยจอร์จ”

                กอร์ดอนมองหน้าฝ่ายนั้น “ท่าทางคุณดูสนุกนะครับเนี่ย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะในคอ “ผมกำลังสนุกที่จะได้ทำเรื่องให้เพื่อนผมสองคนสมรักกัน ไม่เห็นจะผิดตรงไหนเลย”

                “ก็จริงของคุณ” กอร์ดอนพยักหน้าปลงๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นต่อ “ขอบใจนะกอร์ดอน ถ้าเรื่องนี้จบลงด้วยดี จอร์จกับมาร์กาเร็ตต้องมาขอบคุณคุณเรื่องนี้”

                “อย่าเลยครับ” กอร์ดอนว่า “ผมแค่ทำเพราะลอร์ดจอร์จช่วยผมกับคุณ ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณเขา”

                “อือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า แล้วก้มลงมาขโมยหอมแก้มอีกฝ่าย กอร์ดอนรีบขยับหนี

                “ถ้าคุณเสร็จธุระแล้วก็รีบกลับเถอะครับ พรุ่งนี้ต้องออกจากบ้านแต่เช้าไม่ใช่หรือ?”

                “ผมค้างนี่ก็ได้” เอิร์ลหนุ่มพูดยิ้มๆ “แล้วจะรีบกลับก่อนเดวิดมาถึง”

                “ไม่ต้องเลยครับ” กอร์ดอนลุกขึ้น แล้วพยายามจะฉุดมือฝ่ายนั้นขึ้นมา “คุณต้องกลับบ้าน ห้ามค้างที่นี่เด็ดขาด”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลุกขึ้นตามแรงฉุด ก่อนจะยุดมือดึงร่างอีกฝ่ายเข้ามากอดไว้แน่น “ไม่อยากไปเลยกอร์ดอน ผมอยากจะอยู่กับคุณทั้งคืน”

                “ไม่ได้คร... อ๊ะ!” กอร์ดอนสะดุ้ง เมื่อลอร์ดโทรว์บริดจ์ฝังจูบลงบนซอกคอของเขา ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะเงยหน้าขึ้นกระซิบที่ข้างหู

                “เตียงที่บ้านผมมันกว้าง นอนคนเดียวเหงาจะตาย”

                “งั้นคุณก็สั่งต่อเตียงหลังเล็กๆ แบบผมสักหลังสิครับ แล้วจะได้รู้ว่าเตียงกว้างดีกว่า” กอร์ดอนพูดพลางผลักฝ่ายนั้นออกเป็นพัลวัน

                “คุณรู้ได้ไงว่าเตียงกว้างดีกว่า เคยนอนแล้วหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด มือไม้ยังคงพัวพันอีกฝ่ายไม่ปล่อย กอร์ดอนปัดป่ายให้วุ่นวาย

                “ไม่เคยหรอกครับ แล้วก็ไม่คิดจะลองนอนด้วย”

                “ตัดรอนจัง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง พลางเหลือบมองเตียงที่วางอยู่ในห้อง “แต่ผมอยากลองนอนเตียงเล็กๆ ของคุณ ให้ผมนอนได้ไหม”

                “ไม่ได้เหมือนกันครับ” ช่างตัดเสื้อพูดและรวบรวมแรงทั้งหมดผลักอีกฝ่ายออก แต่กลับถูกกอดแน่นกว่าเดิม

                “คุณกลับเถอะครับ อย่าทำแบบนี้... มันไม่ดีเลย”

                หลังกอดจูบอีกฝ่ายจนหนำใจโดยไม่สนใจว่าจะถูกทุบถูกถองยังไง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ยอมผละออกมาได้เสียที “ผมกลับก็ได้”

                กอร์ดอนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ไม่ทันจะได้พูดอะไรตอบ ร่างของเขาก็ถูกรวบเข้าไปกอดอีกครั้ง

                “แต่ก่อนผมกลับ ผมมีข้อแม้อย่างนึง”

                “อะไรอีกล่ะครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้ม “คุณต้องจูบผมก่อน ต้องจูบให้ผมพอใจด้วยนะ ถ้าพอใจแล้วผมจะกลับ”

                กอร์ดอนหน้าแดงกว่าเดิม เขาถลึงตาใส่ฝ่ายตรงข้าม “ไม่มีทางครับ คุณหลอกผมชัดๆ”

                “แสดงว่าคุณไม่อยากให้ผมกลับ ดี งั้นผมค้างนี่แหละ นอนเตียงคุณ” พูดจบก็ทำท่าจะผลักกอร์ดอนลงบนเตียง ช่างตัดเสื้อรีบพูดขึ้นทันที       

                “ตกลงครับ ผมจะจูบคุณ”

                “จริงนะ?”

                “ครับ” ชายหนุ่มที่อายุมากกว่าพยักหน้า “แต่คุณต้องกลับอย่างที่ปากว่าจริงๆ นะ ไม่ใช่ว่าหลอกให้ผมจูบ”

                “ถ้าคุณจูบดีพอ ผมกลับแน่ สัญญาเลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือขึ้นข้างหนึ่ง กอร์ดอนรีบเอามันลง “ไม่ต้องครับ เฮ้อ... ผมไม่น่าเชื่อคุณเลย”

                ฝ่ายตรงข้ามยิ้มกริ่ม แล้วใช้มือข้างหนึ่งเชยคางเขาขึ้นมา “เอ้า คุณจะเริ่มจูบผมแล้วยัง”

                “หลับตาก่อนสิครับ”

                “?”

                “หลับตาเถอะครับ ผมเขินเวลาถูกคุณจ้องแบบนี้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใจเต้นแรงกว่าเดิม เขามองหน้ากอร์ดอนอยู่อีกพักหนึ่ง ถึงยอมหลับตาลงตามที่อีกฝ่ายขอ แล้วนับในใจ

                หนึ่ง สอง สาม สี่...

                ริมฝีปากอุ่นๆ แนบลงมาบนริมฝีปากเขา ก่อนจะขยี้เบาๆ อย่างกลัวๆ กล้าๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์นับต่อในใจ

                ห้า... หก...

                กอร์ดอนสะดุ้ง เมื่อถูกอีกฝ่ายคว้าเอวแน่นกว่าเดิม ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลืมตาจ้องเขา “ใช้ไม่ได้ ไม่ให้ผ่าน”

                ช่างตัดเสื้ออ้าปาก “แต่ผมจูบแล้ว...”

                “ผมไม่พอใจเลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “คุณต้องสอดลิ้นเข้ามาด้วย ไม่ใช่เอาปากแปะปากผมแบบนี้ เราไม่ได้ทักทายกันแบบฝรั่งเศสนะ”

                กอร์ดอนหน้าแดงจนถึงใบหู หลังสูดหายใจอยู่สองสามครั้ง ช่างตัดเสื้อก็พยักหน้า “ก็ได้ครับ คุณหลับตาเหมือนเดิมนะ”

                “อืม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พริ้มตาลงอีกครั้ง และเริ่มนับในใจ

                หนึ่ง... สอง...

                กอร์ดอนแนบริมฝีปากกับเขาอีกครั้ง คราวนี้ขยี้เล็กน้อย และเริ่มใช้ลิ้นสอดเข้ามา ท่าทางเงอะงะอย่างคนไม่มีประสบการณ์เท่าไหร่ ถึงอย่างนั้นก็ทำให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใจเต้นแรง เขาเผยอริมฝีปาก แล้วใช้ลิ้นเกี่ยวลิ้นของฝ่ายนั้นเข้ามา กอร์ดอนพยายามอย่างเต็มที่จนเขารู้สึกว่าตัวเองจะสำลัก จังหวะนั้นลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ช้อนท้ายทอยของเขาขึ้น แล้วบดจูบรุนแรงกลับมา

                “เยี่ยมมาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พึมพำระหว่างที่ผละริมฝีปากออกมาเพื่อสูดอากาศหายใจ ก่อนจะผลักร่างของกอร์ดอนลงไปบนเตียง ช่างตัดเสื้อพยายามผลักเขาออก

                “จอห์น คุณสัญญาแล้วนะ”

                เอิร์ลหนุ่มซุกจมูกลงไปบนซอกคอของอีกฝ่ายอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะย้ำจูบบนแก้มทั้งสองข้างซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง จนกอร์ดอนกลัวว่าจะเป็นรอยให้คนอื่นเห็น

                “จอห์น... เห็นแก่พระเจ้า ได้โปรด... หยุด...”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับมาปิดปากช่างตัดเสื้อเอาไว้ด้วยริมฝีปากของเขา ก่อนจะผละออก “เห็นแก่พระเจ้าของเรา... คืนนี้ผมจะกลับไปนอนที่บ้าน”

                กอร์ดอนมองฝ่ายนั้นอึ้งๆ ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้มบางๆ แล้วก้มลงจูบศีรษะของเขา ก่อนจะลุกขึ้นจัดเสื้อผ้า กอร์ดอนลุกขึ้นตาม เขาเดินไปส่งลอร์ดหนุ่มที่หน้าประตูร้าน

                “ราตรีสวัสดิ์” ฝ่ายนั้นเอ่ยลา “คืนนี้ผมคงฝันถึงคุณทั้งคืน”

                กอร์ดอนหน้าแดงจนถึงใบหู เขาเอ่ยลาลอร์ดโทรว์บริดจ์ “ราตรีสวัสดิ์ครับ”

                รอจนฝ่ายนั้นขึ้นรถม้าไปแล้ว ช่างตัดเสื้อหนุ่มถึงพึมพำอีกคำที่ติดอยู่ตรงริมฝีปากออกมาได้

                “ผมคงฝันถึงคุณทั้งคืนเหมือนกัน”

---------------------------------

                เช้าวันรุ่งขึ้นลอร์ดโทรว์บริดจ์ตื่นเช้าและอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เขาออกมาเดินสูดอากาศในสวน สั่งให้คนรับใช้ตัดดอกกุหลาบแฟร์เบียนก้าที่บานอยู่ไปปักแจกันในห้อง และวางแผนว่าจะนั่งรถม้าไปที่คฤหาสน์ของเลดี้มาร์กาเร็ตหลังกินมื้อเช้าเสร็จ แต่ยังไม่ทันที่เจ้าตัวจะได้เดินกลับเข้าไปในตัวคฤหาสน์ รถม้าสีดำคันใหญ่ก็แล่นมาจอดที่ด้านหน้า คนรับใช้ที่เฝ้าประตูวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาไม่นานหลังจากนั้น

                “ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมาครับ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันลงจากรถม้า และเดินตามคนรับใช้เข้ามาในสวน ท่าทางเขาเหมือนไม่ได้นอนมาทั้งคืน กระทั่งเสื้อผ้าก็ยังเป็นชุดเดิม พอเห็นเพื่อนก็ออกอาการตาแดงๆ ทันที ลอร์ดโทรว์บริดจ์แสร้งทำสีหน้าตกใจ “เกิดอะไรขึ้นจอร์จ มาๆ เข้าไปคุยข้างในดีกว่า”       

                พวกเขาสองคนเดินเข้าไปในตัวคฤหาสน์ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้น “ขอโทษนะจอห์นนี่ ฉันมารบกวนเวลามื้อเช้าของบ้านนายเลย”

                “ไม่เป็นไร” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะสั่งให้คนรับใช้ยกมื้อเช้าไปส่งให้เขาที่ห้องสองชุด

                “ไม่ต้องเผื่อฉันหรอก ฉันคงกินไม่ลง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันมาปลอบเขา “เอาน่าจอร์จ นั่งคุยกันก่อนดีกว่า เกิดอะไรขึ้นกับนาย?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทิ้งตัวลงบนโซฟา จากนั้นน้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาสีม่วงของเขา “ฉันเกลียดมาร์กาเร็ต”

                “เดี๋ยวๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแทรก “มาร์กาเร็ตทำไม? เธอแกล้งอะไรนายอีก?”

                คนถูกถามไม่ตอบในทันที เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ยับยู่ยี่ขึ้นมาเช็ดน้ำตา “เธอควงคนอื่น แล้วไม่ยอมบอกฉัน”

                “หา!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์แสร้งทำท่าตกใจ “กอร์ดอนเล่าให้นายฟังแล้วหรือ?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “เขาคงเล่าให้นายฟังก่อนแล้วใช่ไหม?”

                “อืม แต่ฉันบอกเขาแล้วว่ามันไม่เกี่ยวกับนาย ฉันเพิ่งคุยกับมาร์กาเร็ตไป”

                “นายคุยกับเธอว่าไง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถาม

                “ก็บอกเธอเหมือนที่นายบอกฉัน เธอบอกว่าถ้านายกล้าขอใครสักคนแต่งงานระหว่างไอรีนหรือแมรี่ เธอจะยอมถอนหมั้น”

                “แต่นี่ฉันยังไม่ทันขอใครเธอก็ควงคนอื่น” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันโวยวาย และยกผ้าเช็ดหน้าเช็ดจมูก

                “เอ่อ... จอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยายามปลอบเพื่อนของเขา “นายจะฟูมฟายไปทำไม ในเมื่อนายไม่ได้คิดอะไรกับมาร์กาเร็ต เธอจะควงใครไม่เห็นจะเดือดร้อนถึงนายเลย”

                “เดือดร้อนสิ ก็เธอเป็นคู่หมั้นฉัน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ก่อนยกมือปิดหน้า “โธ่ ฉันเกลียดตัวเองชะมัดจอห์นนี่ ทำไมต้องมาร์กาเร็ต ทำไมต้องเป็นเธอ ทำไมพวกเราถึงต้องหมั้นกัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เงียบไปพักหนึ่ง เพราะนึกคำพูดจะพูดต่อไม่ออก ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสะอึกสะอื้นไปตามเรื่อง “ถ้าพ่อกับแม่ไม่จับฉันหมั้นกับเธอ ฉันคงไม่ต้องมานั่งฟูมฟายแบบนี้”

                “จอร์จ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ค่อยๆ พูด “ใจเย็นๆ นะ ฉันรู้ว่านายรู้สึกเสียศักดิ์ศรี แต่เรายังพิสูจน์ไม่ได้ว่ามาร์กาเร็ตควงคนอื่น กอร์ดอนอาจจะจำคนผิดก็ได้”

                “.....”

                “ถึงเขาจะยืนยันว่าเป็นมาร์กาเร็ตเพราะผมสีแดงเหมือนกัน แต่เขาเพิ่งเคยเห็นมาร์กาเร็ตแค่ครังเดียว ฉันไม่ได้บอกว่ากอร์ดอนโกหก แต่เขาอาจจะจำคนผิด”


ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
                สีหน้าของลอร์ดจอร์จ เฟลตันค่อยดีขึ้นมาหน่อย “นั่นสินะ กอร์ดอนอาจจะจำคนผิดก็ได้”

                “เราจะสืบเรื่องนี้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อ “ให้รู้ว่าที่กอร์ดอนเห็นใช่มาร์กาเร็ตจริงๆ รึเปล่า?”

                “เราไม่ต้องสืบก็ได้มั้ง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “กอร์ดอนน่าจะจำผิดคน”

                “แต่ก็ไม่แน่ว่าเขาอาจจะจำได้จริงๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เราควรต้องสืบเรื่องนี้ ถ้ามาร์กาเร็ตไม่ได้ควงใครก็แล้วไป แต่ถ้าเธอควงคนอื่น นายก็จะได้มีข้ออ้างในการถอนหมั้นกับเธอไง นายอยากถอนหมั้นกับเธอมานานแล้วนี่”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถึงกับนิ่งไปนาน เขากะพริบตาอยู่หลายครั้งเหมือนพยายามจะตั้งสติ จนลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามขึ้น “เป็นอะไรไปจอร์จ?”

                “ปะ... เปล่า” คนถูกถามปฏิเสธ ก่อนจะรีบพูดต่อ “ก็จริงอย่างที่นายว่า ถ้ามาร์กาเร็ตควงคนใหม่ฉันจะได้ขอถอนหมั้นกับเธอ ว่าแต่... เราจะสืบเรื่องนี้ยังไง?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือลูบคางอย่างใช้ความคิด “เราต้องสะกดรอยเธอ”

                “ยังไง นั่งรถม้าตามเธอจากคฤหาสน์งั้นหรือ? ไม่น่าจะเข้าท่า ฉันว่า”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เค้นสมองอีก “งั้นไปดักเจอเธอที่ท่าเรือ” เขารีบพูดต่อ “กอร์ดอนบอกว่าเขาเจอเธอที่ท่าเรือ ปกติแล้วอย่างมาร์กาเร็ตไม่น่าจะไปเดินที่ท่าเรือโดยไม่มีเหตุผล แสดงว่าเธออาจจะนัดเขาที่นั่น หรือไม่เขาก็อาจจะนัดเธอที่นั่น ท่าเรือเป็นที่ที่ไม่มีใครคิดว่าเลดี้จะไปเดินอยู่แล้ว”

                “จริงของนาย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเห็นด้วย “งั้นพวกเราไปดักรอที่ท่าเรือ จะได้รู้ว่าใช่เธอจริงมั้ย?”

                “อืม”

                “งั้นไปกันตอนนี้เลย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า แล้วผุดลุกขึ้นเดินไปฉุดมือลอร์ดโทรว์บริดจ์ อีกฝ่ายรีบดึงให้เขานั่งลง “นายจะไปทำอะไรตอนนี้ มื้อเช้ายังไม่ได้กินเลย”

                “แต่นี่จะเก้าโมงแล้ว กอร์ดอนไปเลือกผ้าตอนเช้าไม่ใช่เหรอ? อย่าบอกนะว่าเขาไปตอนบ่าย”

                “ก็เช้านี่แหละ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่ฉันต้องกินมื้อเช้าก่อน” เขาตบไหล่เพื่อน “บ่ายฉันต้องไปซ้อมมวยอีกจอร์จ อีกอย่างวันนี้วันพฤหัส กอร์ดอนเจอเธอวันศุกร์ นายรอจนถึงวันศุกร์ก็ได้นี่นา”

                “ฉันไม่อยากรอนี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ฉันอยากไปดูวันนี้เลย”

                “แล้วถ้าไม่เจอเธอล่ะ พรุ่งนี้เราก็ต้องไปอีกอยู่ดี”

                “ถ้าวันศุกร์ไม่เจอเราก็ต้องไปวันเสาร์ต่ออยู่ดี ถ้าวันเสาร์ไม่เจอก็ต้องวันอาทิตย์ เราต้องไปดักให้ครบเจ็ดวันเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้แอบนัดใครที่นั่น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกปวดหัวขึ้นมา “แบบนั้นนายไปถามเธอตรงๆ เลยดีกว่า ว่าเธอมีผู้ชายซ่อนอยู่รึเปล่า?”

                “ไม่ ฉันไม่คุยกับเธอ!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเชิดหน้า ก่อนจะหันมาพูดเสียงอ่อน “น่า จอห์นนี่ นายตกลงว่าจะช่วยสืบเรื่องนี้ให้ฉันแล้ว เราก็ไปกันวันนี้เลย เดี๋ยวฉันจะกินมื้อเช้าเป็นเพื่อนนายเอง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเพื่อน ถอนหายใจ แล้วพยักหน้าอย่างเพลียๆ “ก็ได้จอร์จ แต่นายต้องล้างหน้า แล้วเปลี่ยนเสื้อใหม่ ใส่เสื้อแบบนี้ไปท่าเรือ มาร์กาเร็ตคงเห็นนายตั้งแต่ลงจากรถม้า”

--------------------------------

                ระหว่างรอลอร์ดจอร์จ เฟลตันเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ขอยืมคนรับใช้คนหนึ่งมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็แอบเขียนโน้ตฉบับหนึ่ง แล้วฝากโอลิเวอร์ไปส่งที่คฤหาสน์ของลอร์ดบริสโตล โดยกำชับว่าต้องส่งให้ถึงมือเลดี้มาร์กาเร็ต ห้ามฝากใครเด็ดขาด และห้ามบอกใครเรื่องโน้ตใบนี้ด้วย จากนั้นพวกเขาก็ออกจากคฤหาสน์ โดยเรียกรถม้ารับจ้างไปที่ท่าเรือ

                แน่นอนว่าการรอคอยเป็นไปอย่างน่าเบื่อสำหรับลอร์ดโทรว์บริดจ์ แต่สำหรับลอร์ดจอร์จ เฟลตันแล้ว เขารู้สึกดีที่ไม่มีใครมีท่าทางคล้ายเลดี้มาร์กาเร็ตสักคน แต่ก็อดกังวลใจไม่ได้อยู่ดี

                “หรือเธอจะเปลี่ยนที่นัด”

                “ไม่มีทาง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางหาว “เธอยังไม่รู้ตัวว่าถูกจับได้ เธอต้องไม่เปลี่ยนแน่”

                “บางทีอาจจะไม่ใช่เธอก็ได้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตั้งข้อสังเกต “มีผู้หญิงผมแดงตั้งหลายคน”

                “พรุ่งนี้เราจะกลับมาดูกันอีกที” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางมองนาฬิกาพก “ฉันอยากดื่มชา ฉันต้องไปซ้อมมวยอีกตอนบ่าย”

                “ก็ได้ๆ ฉันจะไปดูนายซ้อมด้วย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูดต่อทันที “ไม่ต้องจอร์จ ซ้อมเสร็จฉันจะไปที่ร้านของกอร์ดอน”

                “อ้อ... ไม่ต้องให้ฉันไปเป็นเพื่อนนะ?”

                “ไม่ต้อง ฉันแค่ไปดูเสื้อ”

                “งั้นหรือ...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันดูละล้าละลัง “ก็ได้... งั้นฉันกลับบ้าน”

                “อืม...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “พรุ่งนี้นายมาเจอฉันที่บ้านอีกทีตอนแปดโมงครึ่ง แล้วเราค่อยมาที่นี่กันใหม่”

                “ตกลง”

------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตั้งใจว่าพอซ้อมมวยเสร็จแล้ว เขาจะไปเจอเลดี้มาร์กาเร็ตที่ภัตตาคารตามนัดที่เขียนเอาไว้ในโน้ต เพื่อพูดคุยถึงแผนการที่คิดไว้ แต่ปรากฏว่าก่อนเลิกประมาณครึ่งชั่วโมง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็มาปรากฏตัวที่สโมสรที่เขาซ้อมมวย และชวนเขาไปกินมื้อค่ำ

                “พอดีวันนี้ฉันผ่านมาแถวนี้” ลอร์ดหนุ่มพูดด้วยสีหน้าร่าเริง “ท่านายสวยนะจอห์นนี่ ฉันเห็นแล้วอยากขึ้นชกบ้าง”

                ถ้าเป็นวันอื่นลอร์ดโทรว์บริดจ์คงชวนเพื่อนขึ้นไปลองซ้อมชก แต่พอดีวันนี้เขามีธุระต้องจัดการต่อ และเป็นธุระสำคัญเสียด้วย “ไว้วันอื่นแล้วกันแมกซ์ วันนี้ฉันติดธุระแล้ว”

                “อ้าว นายมีนัดตอนเย็นแล้วหรือ?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าผิดหวัง “วันนี้พ่อฉันกินข้าวที่บ้าน ฉันไม่อยากนั่งกินข้าวกับเขา”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกผิดที่ต้องทิ้งเพื่อนรักให้นั่งกินข้าวคนเดียว แต่เขาไม่มีทางเลือก “ขอโทษจริงๆ แมกซ์ มันเป็นธุระสำคัญมาก ฉันจะชดเชยให้นายวันอื่น”

                “ไม่เป็นไรๆ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “งั้นเดี๋ยวฉันคงเวียนดูแถวนี้ว่ามีร้านไหนน่ากินบ้าง”

                “อือ”

                พอลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กลับไปแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ขึ้นรถม้ากลับคฤหาสน์ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดหรู แล้วนั่งรถม้าไปยังภัตตาคารที่เขานัดเลดี้มาร์กาเร็ตเอาไว้ทันที ปรากฏว่าเลดี้มาร์กาเร็ตนั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว กับใครอีกคนหนึ่ง

                “แมกซ์ นายมานี่ได้ไง?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามด้วยความแปลกใจ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ที่นั่งอยู่ตอบเขา

                “ฉันก็มากินข้าวนี่แหละ เผอิญเห็นมากาเร็ตนั่งคนเดียวเลยเข้ามาคุยด้วย แล้วนายก็โผล่มา... อย่าบอกนะว่านายเป็นคนที่นัดเธอ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าเลดี้มาร์กาเร็ต ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่ง แล้วตัดสินใจพูด “แมกซ์ คือฉันกับมาร์กาเร็ตมีเรื่องสำคัญที่จะต้องคุยกัน”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเพื่อนด้วยความงุนงงอยู่อึดใจ ก่อนจะรีบพูดแบบเพิ่งนึกได้ “อ๋อ ฉันเข้าใจแล้ว โทษทีนะที่มาขัดจังหวะ”

                พูดจบเขาก็ทำท่าจะลุกออกไป แต่กลับถูกเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตพูดห้ามไว้ “ไม่ต้องหรอกค่ะแมกซ์”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ชะงัก เขาหันมามองเธอและเพื่อนอย่างละล้าละลัง เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตพูดต่อ “ในเมื่อคุณเองก็เป็นเพื่อนสนิทของจอร์จจี้ และบังเอิญมาอยู่ที่นี่แล้ว ฉันคิดว่าคุณควรจะมีสิทธิ์ได้รู้เรื่องที่พวกเราคุยกัน”

                ลอร์ดหนุ่มมองเพื่อนของเขาอีกครั้ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ในเมื่อมาร์กาเร็ตเป็นคนออกปากเอง นายก็นั่งต่อเถอะแมกซ์”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง “เอาล่ะ ตกลงพวกนายมีเรื่องอะไรกัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ แล้วมองเลดี้มาร์กาเร็ต สจวต “มาร์กี้ ผมต้องเล่าย้อน”

                “ไม่เป็นไรค่ะ เล่าเถอะ ฉันทำใจแล้ว” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตว่า “ฉันรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีตั้งแต่เห็นโน้ตของคุณเมื่อเช้าแล้วค่ะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้าไม่สบายใจ แต่เขาตัดสินใจเล่าเรื่องราวย้อนหลังให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ฟังก่อน โดยข้ามเรื่องที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเคยนอนกับเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตแต่ไม่ยอมรับไป จากนั้นก็เล่าเรื่องที่กอร์ดอนเล่าให้เขาฟังเมื่อคืน และเล่าเรื่องที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันฟูมฟายมาหาเขาแต่เช้า

                พอฟังจบ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทำท่าเหมือนจะขำแต่ขำไม่ออก ส่วนเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตมีสีหน้าประหลาดใจจนเข้าข่ายตกใจ

                “จอร์จนี่บ้าจริงๆ ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะบ้าได้ขนาดนี้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า แล้วถอนใจ “บ้าสุดๆ”

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เห็นด้วย เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตมองพวกเขาทั้งสอง แล้วพูดขึ้น “จอร์จจี้ถึงกับร้องไห้เลยหรือคะ?”

                “อือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ผมว่าเขาไม่ได้นอนเลยทั้งคืน คงมัวแต่ฟูมฟายเรื่องคุณอยู่”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตหน้าแดง แต่ก็รีบตีหน้าบึ้งกลบเกลื่อน “บางทีเขาอาจจะโมโหเพราะคิดว่าถูกฉันสวมเขาก็ได้ ทีแบบนี้เขารู้ขึ้นมาเชียวว่าฉันเป็นคู่หมั้นเขา”

                “ไม่มีทาง” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “จอร์จไม่ร้องไห้เพราะโมโหธรรมดาหรอก เขาต้องหึงคุณมากแน่ ไม่งั้นไม่ถึงกับร้องห่มร้องไห้ไปหาจอห์นนี่แต่เช้าแบบนี้”

                หญิงสาวรีบหันหน้าไปทางอื่น ลอร์ดโทรว์บริดจ์เตะขาเพื่อนเบาๆ แล้วกระซิบ “พอแล้ว นายกำลังทำเธอเขิน”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หน้าแดง เขารีบอ้อมแอ้มออกมา “โทษที ฉันไม่ทันคิด”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตให้เวลาอึดใจใหญ่ๆ ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เธอหันกลับมาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “แล้วคุณมีอะไรจะคุยกับฉันคะ? คงไม่ได้แค่มาเล่าสู่กันฟังใช่ไหม?”

                “คือผมจะบอกคุณว่า พรุ่งนี้คุณต้องควงใครสักคนไปที่ท่าเรือ เพื่อให้สมกับเรื่องที่กอร์ดอนเล่า”

                “ไม่ ฉันจะไม่ควงใครทั้งนั้น” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตพูดเสียงเด็ดขาด “ว่าแต่กอร์ดอนนี่ใครกันคะ ทำไมฉันไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน”

                “เขาเป็นเพื่อนของจอห์นนี่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบให้ “เขาเป็นคนสุภาพ และนิสัยดีมาก เขาไม่ปากโป้งเรื่องนี้หรอก”

                “ใช่ ผมรับรองด้วยเกียรติของผมเลยว่ากอร์ดอนไว้ใจได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูดต่อ “แต่พรุ่งนี้คุณต้องควงใครสักคนนะมาร์กี้ ไม่อย่างนั้นจอร์จจะไม่เชื่อว่าคุณมีคนใหม่”

                “จะให้ฉันควงคนอื่นไปให้เขาหาข้ออ้างถอนหมั้นหรือคะ?” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตถาม “ไม่ ฉันจะไม่ทำอะไรบ้าๆ แบบนั้น ฉันยังไม่ตกต่ำพอจะควงผู้ชายคนไหนก็ได้เพื่อประชดคนอย่างจอร์จจี้”

                “แต่...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดไม่จบก็ถูกเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตแทรกขึ้นก่อน “ฉันต้องกลับแล้วค่ะ ลาก่อนค่ะจอห์น ลาก่อนค่ะแมกซ์”

                พูดจบเธอก็ลุกออกจากโต๊ะไปทันที ทิ้งให้สองหนุ่มนั่งมองหน้ากัน

                “ฉันไม่เข้าใจผู้หญิงเลย...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ครางออกมา “เห็นก็รู้แล้วว่าเธอหลงรักจอร์จ แต่ทำไมถึงไม่ยอมทำตามแผนของนายนะ ฉันประกันเลยว่าถ้าจอร์จเห็นเธอควงใครเขาต้องสติพังแล้วไปแย่งเธอมาแน่ นั่นน่าจะเป็นสิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่หรือ?”

                “ฉันก็คิดเหมือนนายนั่นแหละ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแล้วถอนใจ “แต่ผู้หญิงเข้าใจยากอยู่แล้ว”

                “แล้วเราจะเอายังไงกันต่อดี” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถาม “พรุ่งนี้จอร์จจะลากนายไปอีก ถ้าเขาไม่เจออะไรเขาจะต้องลากนายไปเรื่อยๆ ฉันไม่อยากเห็นนายถูกเขาลากไปลากมาโดยไม่มีประโยชน์อะไรแบบนี้”

                “เราต้องหาคนไปแทน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ใครก็ได้ที่คล้ายมาร์กาเร็ต”

                “แล้วไงต่อ ฉันว่าจอร์จต้องมองออกแต่แรกอยู่ดี”

                “ก็ไม่เป็นไร ให้เขาคิดว่ากอร์ดอนจำคนผิดไปแล้วกัน ที่เหลือค่อยมาว่ากันต่อ อย่างน้อยๆ ฉันก็ไม่ต้องถูกเขาลากจนครบหนึ่งอาทิตย์”

                “ก็จริง” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เห็นด้วย แล้วคิดอยู่อึดใจหนึ่ง “ฉันมีคนรู้จักเป็นนักแสดง บางทีเขาอาจจะหาคนมาเล่นบทเป็นมาร์กาเร็ตให้เราได้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เงยมองเพื่อนด้วยสายตาเป็นประกาย “เยี่ยมเลยแมกซ์ งั้นเดี๋ยวเรากินมื้อค่ำแล้วไปหาเขากัน”

                “ได้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า ขณะที่บริกรนำอาหารมาเสิร์ฟ

                “สุดท้ายฉันก็ชวนนายมากินมื้อค่ำสำเร็จ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดแล้วหัวเราะ ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะไปพร้อมกับเพื่อนของเขา

--------------------------------------

                นักแสดงที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พาไปพบยินดีอย่างยิ่งที่จะทำงานให้ลอร์ดหนุ่มทั้งสอง เขาหานักแสดงชายหญิงคู่หนึ่งมารับบทคู่รักกำมะลอ โดยไม่ถามรายละเอียดมากไปกว่าที่จำเป็น หลังจัดการตกลงเรื่องค่าตัวกันเรียบร้อยแล้ว สองหนุ่มก็แยกย้ายกันกลับบ้าน

----------------------------------------

                เช้าวันรุ่งขึ้นลอร์ดจอร์จ เฟลตันมาที่คฤหาสน์เดลตามเวลานัด เขาเอาเสื้อผ้าสำหรับปลอมตัวมาเปลี่ยนด้วย และต้องแปลกใจเมื่อพบลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งกินมื้อเช้ารออยู่แล้ว

                “อ้าว แมกซ์ นายมาทำอะไรที่นี่?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์อธิบายแทนเสร็จสรรพ “เมื่อวานแมกซ์บังเอิญไปดูฉันซ้อมมวย ฉันเลยเล่าเรื่องมาร์กาเร็ตให้ฟัง เขาตกลงว่าจะไปสอดแนมเป็นเพื่อนเราด้วย”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเลิกคิ้วสูง ทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็เปลี่ยนใจ เขาลากเก้าอี้มานั่งข้างเพื่อน “ก็ดี เราจะได้มีพยานเพิ่ม”

                ทั้งสามกินมื้อเช้าเสร็จก็เปลี่ยนเสื้อผ้า พากันนั่งรถม้ารับจ้างไปที่ท่าเรือ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลือกมุมซุ่มดูที่เขาได้นัดแนะกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เอาไว้ก่อนแล้ว ทั้งสามคนดูตื่นเต้น แต่เหตุผลนั้นต่างกันออกไป

                เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ในที่สุดนักแสดงที่จ้างไว้ก็ปรากฏตัวออกมา ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบสะกิดเพื่อน “จอร์จ นายว่านั่นใช่มาร์กาเร็ตมั้ย?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยายามเพ่งตามองผู้หญิงในเสื้อคลุมสีเทาที่พยายามเดินเหมือนไม่อยากให้ใครจำได้ เขาเพ่งอยู่พักก็พูดออกมา “คล้าย แต่ฉันว่าไม่ใช่”

                พอผู้หญิงคนนั้นเดินไปพบกับคู่รัก (ที่เป็นนักแสดงเหมือนกัน) ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็โพล่งออกมา “เธอไม่ใช่มาร์กาเร็ต ขอบคุณพระเจ้า กอร์ดอนจำคนผิดจริงๆ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กลับลอร์ดโทรว์บริดจ์พลอยโล่งไปด้วย อย่างน้อยๆ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคงเลิกแผนที่จะลากตัวเพื่อนออกมาแอบดูที่ท่าเรือทุกวัน ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กำลังจะเดินออกมาจากที่ซ่อน และทำท่าจะพูดอะไรต่อ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็รีบดึงไหล่เขา

                “อะไรจอห์นนี่?!”

                คนถูกถามรีบชี้มือไปยังถนนด้านหน้าท่าเรือ ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดคลุมสีฟ้าอ่อนก้าวลงมาจากรถม้า แม้เธอจะแต่งตัวค่อนข้างธรรมดา แต่ขนาดคนรู้จักเผินๆ อย่างลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยังมองแว้บเดียวก็ดูออก


ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
                “มาร์...”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือปิดปากก่อนที่เพื่อนจะทันได้พูดอะไรจบ ก่อนจะใช้นิ้วแตะปากบอกให้ฝ่ายนั้นเงียบไว้ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้าหงึกๆ จากนั้นก็ใช้สายตาจับจ้องผู้หญิงที่เพิ่งเดินลงมาจากรถม้า

                การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเลดี้มาร์กาเร็ต สจวต ทำให้สามหนุ่มจำต้องซ่อนอยู่ที่เดิม เลดี้คนสวยเดินตรงเข้ามาด้านใน ใกล้กับจุดที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่ เธอพูดกับใครบางคน แล้วฝ่ายนั้นก็ยื่นกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ให้เธอ เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตยกมือปิดปาก ท่าทางเหมือนทั้งดีใจทั้งแปลกใจที่ได้รับกุหลาบช่อนั้น จากนั้นคนที่ยืนคุยอยู่กับเธอก็ก้าวออกมาพ้นจากเสาที่บังตัวเขาเอาไว้

                ผู้ชายคนนั้นรูปร่างสูงโปร่ง อายุประมาณสามสิบปลายๆ ถึงสี่สิบ แต่ตัวธรรมดาแต่ท่าทางดี ได้ยินเสียงลอร์ดจอร์จ เฟลตันอุทาน “นั่นมันบรูโน ครูสอนเปียโนของเธอนี่”

                “ครูสอนเปียโน?” เพื่อนอีกสองคนทวนคำขึ้นมาพร้อมกัน แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ พวกเขาก็เห็นผู้ชายคนนั้นวางมือลงบนไหล่ของเลดี้มาร์กาเร็ต สจวต แล้วทันใดนั้น ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็พรวดพราดออกไปจากที่ซ่อน โดยที่ใครก็ห้ามเขาเอาไว้ไม่ทัน

---------------------------------

                “มาร์กี้!”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตหันกลับมามองตามเสียงเรียก และทำหน้าแปลกใจ “อ้าว จอร์จจี้ มาทำอะไรที่นี่คะ?”

                “คุณนั่นแหละ มาทำอะไร?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดเสียงดัง จนเกือบจะกลายเป็นเสียงตะโกน เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตขมวดคิ้วใส่เขา

                “ทำไมต้องเสียงดังแบบนั้นล่ะจอร์จ ฉันจะมาทำอะไรที่นี่มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน คุณนั่นแหละมาทำอะไร ทำไมถึงได้แต่งตัวแบบนี้?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทั้งโมโหทั้งอับอายจนน่าแดงจัด เขายืนจ้องหญิงสาวอยู่อึดใจใหญ่ และยิ่งไม่พอใจมากขึ้นเมื่อเห็นว่าผู้ชายที่ยืนอยู่กับเธอไม่ยอมปล่อยมือที่โอบไหล่เสียที ลอร์ดหนุ่มสูดหายใจลึก

                “ช่างเรื่องการแต่งตัวของผม คุณช่วยบอกผู้ชายคนนั้นให้ปล่อยมือออกจากไหล่คุณได้ไหม?”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตเลิกคิ้ว “ทำไมคะ? ทำไมต้องให้เขาปล่อยด้วย คุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่ง?”

                “เพราะผมเป็นคู่หมั้นคุณไง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตจ้องเขา แล้วเค้นเสียง “งั้นหรือคะ... แต่ฉันจำได้ว่าคุณกับฉันไม่เคยสวมแหวนหมั้น และเราก็ไม่พูดกันมาหลายปีแล้ว”

                เธอสะบัดหน้าใส่เขา แล้วหันไปควงแขนผู้ชายที่เพิ่งเจอกัน “ไปกันเถอะค่ะ เราไม่มีธุระอะไรที่นี่แล้ว”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันฉุดมือเธอไว้ “เดี๋ยว!”

                “มีอะไรอีกคะ?” เลดี้มาร์กาเร็ตหันกลับมา ใบหน้ากลายเป็นสีแดงจัด ลอร์ดจอร์จ เฟลตันได้แต่ยืนนิ่ง เขายืนจ้องเธออยู่เป็นนาน แต่กลับพูดอะไรไม่ออก

                “จอร์จ ปล่อยมือฉันค่ะ”

                “....” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยายามเค้นสมองว่าเขาควรพูดอะไรออกไปในสถานการณ์แบบนี้ดี เขาจ้องผู้หญิงตรงหน้า นึกสงสัยว่าเขาไม่เคยมองเธออย่างจริงจังมากี่ปีแล้ว

                “มาร์กี้... คุณเป็นคู่หมั้นผม”

                “ขอโทษนะจอร์จ นี่ไม่ใช่เวลามาพูดถึงเรื่องนั้น” หญิงสาวพูดเสียสั่น หน้าแดงด้วยความโมโห “คุณจะปล่อยหรือไม่ปล่อย”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยังคงยึดมือเธอแน่น “ไม่... ผมไม่ปล่อยคุณ... ผมไม่ให้คุณไปกับเขา”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตถลึงตามองเขา มือที่พยายามสะบัดหนีสั่นจนคนที่จับอยู่รู้สึกได้ ขณะที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคิดว่าตัวเองควรจะพูดอะไรต่อดี หญิงสาวก็สะบัดมืออีกข้างใส่หน้าเขา

                เพี้ยะ!

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตตบหน้าลอร์ดคู่หมั้นของเธอจนหน้าหัน ก่อนจะพูดทั้งที่ตัวสั่นเทิ้ม “ฉันจะไม่ไปกับคุณ คนไม่มีหัวใจ!” น้ำตาหยดใสๆ ไหลออกมาจากดวงตาคมกร้าวของเธอ หญิงสาวสะบัดหน้าแล้ววิ่งออกไปทันที ผู้ชายที่อยู่ด้วยกันรีบตามเธอไป ทิ้งลอร์ดจอร์จ เฟลตันเอาไว้ท่ามกลางกลุ่มคนที่เริ่มจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานา เดือดร้อนถึงลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ต้องรีบมาพาตัวเพื่อนรักออกไป

---------------------------------

                “ทำใจดีๆ ไว้นะจอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยายามปลอบเพื่อนรักที่เอาแต่สะอึกสะอื้นมาตลอดทาง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดจมูก “มาร์กาเร็ตตบฉัน ขนาดพ่อแม่ยังไม่เคยตบฉันเลย”

                “เอาน่า เดี๋ยวนายก็หายเจ็บ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ปลอบ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสูดน้ำมูกอีกสองสามครั้ง แล้วพูดเสียงเครือ “เจ็บหน้าน่ะมันไม่เจ็บหรอก แต่ฉันเจ็บใจ ทำไมมาร์กาเร็ตต้องตบฉันด้วย”

                ลอร์ดเพื่อนของเขาสองคนมองหน้ากัน จากนั้นก็พากันถอนหายใจ รถม้ามาส่งพวกเขาที่คฤหาสน์เดล ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตัดสินใจว่าจะให้เพื่อนพักสงบสติอารมณ์ที่บ้านของเขาก่อน ทั้งสามคนพากันเปลี่ยนเสื้อผ้า และนั่งพักในห้องส่วนตัวของเอิร์ลหนุ่ม แน่นอนว่าลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็ยังคงเอาแต่สะอึกสะอื้นตลอดเวลา

                “จอร์จ... นายหยุดร้องไห้ได้แล้ว มันดูไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันส่ายหน้า “ฉันทำไม่ได้แมกซ์ พอฉันคิดเรื่องมาร์กาเร็ตแล้วฉันต้องเป็นแบบนี้ทุกที”

                เขาสั่งน้ำมูกอีก ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจ “ทำไมนายไม่บอกเธอไปตรงๆ ว่านายรักเธอ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสั่งน้ำมูกแรงกว่าเดิม “ฉันจะพูดได้ไงจอห์นนี่ ก็เธอ...”

                “.....”

                “.....”

                “ก็เธออะไร?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถาม เพราะเห็นว่าเพื่อนไม่พูดต่อสักที ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าขัดใจ “ก็เธอไม่เคยรักฉัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คิดว่าเขาเกือบจะยกมือต่อยหน้าเพื่อนไปแล้ว โชคดีที่รั้งเอาไว้ทัน แต่ทว่าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไม่ประสาทไวเท่าเขา ฝ่ายนั้นยกฝ่ามือขึ้นตบหน้าลอร์ดจอร์จ เฟลตันเสียงดังเพี้ยะ แม้จะไม่แรงเท่าที่ถูกเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตตบ แต่ก็ทำเอาลอร์ดจอร์จ เฟลตันหน้าหันเหมือนกัน

                “โทษทีจอร์จ มือมันลื่น” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์แก้ตัว ในขณะที่เพื่อนหันกลับมามองเขาด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ “นายตบฉัน?”

                “อืม”

                “มือลื่นเนี่ยนะ?”

                “เอาน่าๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบเข้ามาแทรกกลางเพราะกลัวทั้งสองคนจะวางมวยกัน ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกระแทกเสียง “เยี่ยม วันนี้เป็นวันที่ดีของฉันจริงๆ โดนคู่หมั้นตบแล้วยังมาโดนเพื่อนตบอีก ฉันกลับล่ะ!”

                “เดี๋ยว จอร์จ” คนที่เรียกคือลอร์ดโทรว์บริดจ์ แต่คนที่ดึงตัวถึงขั้นบังคับให้ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกลับมานั่งคือลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์

                “นั่ง... เดี๋ยวนี้เลยจอร์จ” เพื่อนร่างใหญ่ของเขาสั่งพลางชี้นิ้ว ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองฝ่ายนั้นอึ้งๆ แต่ก็ยอมนั่งลงโดยดี

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอนใจ “ฟังฉันนะจอร์จ”

                “อือ”

                “มาร์กาเร็ตรักนาย เธอรักนายมาตลอด รักนายแม้ว่านายจะทำกับเธอเหมือนเธอไม่มีค่าอะไรเลย ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมนายถึงคิดว่ามาร์กาเร็ตไม่รักนาย”

                “อะไรนะ? มาร์กาเร็ตรักฉัน?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ พลอยทำให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกหงุดหงิดไปด้วย “ทำไมนายทำหน้าแบบนั้นจอร์จ นายไม่คิดเลยหรือว่ามาร์กาเร็ตมีใจให้นาย”

                “เธอไม่เคยแสดงออก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตอบหน้าเครียด “เธอทำเหมือนฉันเป็นคนนอกตลอดเวลา ทั้งๆ ที่ตอนเด็กๆ เราเล่นด้วยกันเกือบทุกวันแท้ๆ”

                “ยังไง?”

                “มาร์กาเร็ตเคยชอบเปียโนที่ฉันเล่นมาก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเริ่มเล่า “ตอนเด็กๆ เธอจะมานั่งเล่นกับฉันด้วย ตอนนั้นเรามีความสุขกันมาก ฉันจำได้ว่าพวกเราเล่น Turkish March ของโมซาร์ตด้วยกันหลายรอบจนผู้ใหญ่ต้องมาขอให้หยุดเล่น” ลอร์ดหนุ่มถอนหายใจ “แต่แล้วพอเราหมั้นกัน เธอก็ทำตัวห่างเหินไป”

                “พวกนายหมั้นกันตอนไหน?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถามด้วยความสงสัย

                “ฉันไม่แน่ใจ น่าจะตอนอายุสิบสี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ตอนนั้นฉันบังเอิญได้ยินผู้ใหญ่คุยกัน พวกเขาไม่เคยบอกเรามาก่อน บางทีอาจจะก่อนหน้านั้นอีกล่ะมั้ง”

                “แล้วมาร์กาเร็ตก็ได้ยินพร้อมนายด้วย?”

                ลอร์ดหนุ่มสั่นศีรษะ “เปล่า ฉันเล่าเรื่องนี้ให้มาร์กาเร็ตฟังทีหลัง ท่าทางเธอตกใจ เธอบอกว่าไม่พร้อมจะเป็นเจ้าสาวของฉัน จากนั้นเธอก็ทำตัวห่างเหิน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันขบริมฝีปาก “เธอว่าฉันขายาวเกินไป”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หันมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรืออะไรดี พวกเขานั่งรอให้เพื่อนเล่าต่อ

                “ตอนนั้นฉันคิดแค่ว่าโชคดีจัง ฉันจะได้แต่งงานกับมาร์กาเร็ต และเธอจะอยู่ข้างๆ ฉันไปจนตาย แต่วันหนึ่งฉันก็ได้ยินพวกคนรับใช้ที่บ้านคุยกันว่า แม่ฉันอยากให้ฉันได้มรดกของลอร์ดบริสโตล เลยจับฉันหมั้นกับมาร์กาเร็ต”

                “....”

                “ฉันโมโหมาก เลยไปถามแม่ แม่ไม่ตอบอะไร แต่อีกวันก็ไล่คนรับใช้พวกนั้นออกไปหมด ฉันเลยรู้ว่าแม่คิดว่าลำพังแค่มรดกที่แม่ให้ฉันคงไม่พอสำหรับให้ฉันใช้ชีวิต โธ่... ฉันไม่ได้อยากเกิดมาเป็นลูกคนรอง แต่ฉันก็ไม่คิดว่าตัวเองจะแย่จนต้องแต่งงานกับผู้หญิงเพื่อหวังมรดก"

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า แล้วตบไหล่เขาเบาๆ “ฉันเข้าใจนายจอร์จ เรื่องลูกคนรอง”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้าเป็นเชิงขอบใจ “ฉันเลยคิดว่ายังไงฉันจะต้องถอนหมั้นกับมาร์กาเร็ต ฉันจะไม่ยอมแต่งงานกับเธอเพราะหวังมรดกเด็ดขาด ฉันเลยทำตัวหมางเมินเธอ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งรอฟังเพื่อนเขาอยู่อึดใจใหญ่ๆ พอเห็นว่าฝ่ายนั้นไม่ยอมเล่าต่อ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลยพูดขึ้นมาแทน “แต่แล้ววันนึงนายก็พลาด ที่ดันไปบอกรักเธอเข้า”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหน้าแดงวาบ เขาหันไปมองเพื่อนทันที “มาร์กาเร็ตเล่าเรื่องนั้นให้นายฟังแล้ว?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “อืม เธอเปิดเผยกว่านายเยอะเลย จอร์จ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันอับอายจนหน้าแดง “ฉันนี่มันเลวจริงๆ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าสงสัย “เรื่องอะไร? นายไปบอกรักมาร์กาเร็ตตอนไหน? แล้วทำไมพวกนายถึงไม่เหมือนคนรักกันเลยสักนิด”

                “ใจเย็นแมกซ์ ฉันกำลังจะเล่า” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “คือวันนั้นฉันเมา เราไปงานเลี้ยงวันเกิดที่บ้านของเจมส์กัน จำได้ไหม วันเกิดอายุสิบแปดของเขาน่ะ”

                “อ๋อ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “เขาเปิดกรุเหล้าของพ่อฉลอง พวกเราเลยดื่มกันเต็มที่ จำได้ว่าเมาดูไม่ได้กันทุกคน”

                “ตอนนั้นพ่อบ่นฉันตั้งสามวัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “บ้านฉันก็ด้วย เหมือนว่าเราโดนบ่นกันทุกคนนะ”

                “ยกเว้นฉัน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “พ่อไม่เคยบ่นอะไรฉันเลย แม่ก็ด้วย แต่วันนั้นฉันเจอเรื่องแย่กว่า”

                “ยังไง?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหน้าแดง “ฉันเผลอนอนกับมาร์กาเร็ตไป”

                “หา!” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อุทานขึ้นมา “พระเจ้า นายทำอะไรลงไปเนี่ย จอร์จ!”

                “ก็ฉันเมา” ลอร์ดหนุ่มแก้ตัว “เหมือนฉันจะทะเลาะกับคนรับใช้คนหนึ่งในบ้านที่มาเปิดประตูช้า ทะเลาะกันยาวจนเข้ามาถึงในบ้าน แล้วมาร์กาเร็ตก็มาห้ามไว้”

                “นายเลยฉวยโอกาส?”

                “ฉันเปล่า” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบปฏิเสธ “มันเกิดขึ้นเอง” เขาหน้าแดงกว่าเดิม “เธอพาฉันไปที่ห้องนอน เพราะเธอเอาแต่หมางเมินฉันมาหลายปี ฉันจึงรู้สึกดีมากที่วันนั้นเธอมาช่วยพยุงฉัน ทำให้ฉันนึกถึงตอนเด็กๆ อีกอย่างตอนนั้นเธอก็อายุสิบหกแล้ว...”

                “ให้ตาย จอร์จ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง “นายไม่เว้นกระทั่งคู่หมั้นตัวเอง”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำท่าเหมือนอยากเถียง แต่ก็เปลี่ยนใจ “ฉันนอนกับเธอ คืนนั้นฉันบอกรักเธอ ขอเธอแต่งงาน นั่นคือคำพูดที่ฉันอยากพูดกับเธอมาตลอด ฉันอยากแต่งงานกับเธอจริงๆ ไม่ใช่แค่เพราะหวังมรดก”

                “อืม... ฟังดูดี” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “แล้วทำไมเรื่องมันถึงกลายมาเป็นแบบนี้ล่ะ?”

                “ก็เพราะพอตื่นขึ้นมา ฉันเพิ่งนึกได้น่ะสิว่าฉันต้องถอนหมั้นกับเธอ เธอไม่มีทางคิดว่าฉันรักเธอหรอก เธอต้องคิดว่าฉันหวังมรดก ที่เธอตกลงยอมหมั้นกับฉันเพราะเกรงใจแม่ฉันต่างหาก”

                “เพราะงั้นนายก็เลยทำเป็นหมางเมินแล้วไม่พูดกับเธอ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์สรุป แล้วถอนหายใจ “นายรู้มั้ย มาร์กาเร็ตฝังใจกับเรื่องนี้มาก ที่เธอไม่ยอมถอนหมั้นกับนายแม้ว่านายจะควงผู้หญิงไม่รู้กี่คน เพราะเธอเชื่อเรื่องที่นายเคยพูดตอนนั้นนั่นแหละ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหน้าแดงกว่าเดิม “เธอ... เธอบอกนายแบบนั้นหรือจอห์นนี่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ไม่ จอร์จ เธอไม่ได้บอกตรงๆ แต่เธอร้องไห้เวลาพูดถึงนาย นายทำเธอเจ็บมากนะ นายขยี้หัวใจของผู้หญิงที่นายรักอย่างไม่ไยดีมาตั้งหกปี”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันนิ่งอึ้ง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ที่นั่งฟังอยู่นานถอนใจแล้วพูดขึ้น “ถ้าฉันเป็นมาร์กาเร็ต ฉันถอนหมั้นนายไปนานแล้วจอร์จ ไม่มีผู้หญิงคนไหนทนสิ่งที่นายทำได้หรอก ถ้าเธอไม่ได้รักนายจริงๆ”

                น้ำใสๆ ไหลออกมาจากดวงตาสีม่วงของลอร์ดจอร์จ เฟลตันอีกครั้ง “ฉัน... ฉันควรจะทำยังไงดี”

                “เรื่องนี้นายต้องถามตัวเอง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “ใช่ ไม่มีใครให้คำตอบได้ดีไปกว่าตัวนายอีกแล้ว”

---------------------------------------------
(จบตอน)

** มีความตั้งใจมานานแล้วว่าอยากเขียนเรื่องราวความรักปกติแทรกอยู่ในนิยายวายของตัวเองบ้าง (ไม่อยากเขียนนิคมอุตสาหเกย์ แต่เรื่องก่อนๆ มันหาจุดแทรกยากแท้ๆ ฮ่าๆ) แล้วเราค่อนข้างชอบคาแรคเตอร์ผู้ชายเจ้าชู้ไก่แจ้ คือเป็นผู้ชายน่าตบ แต่จะตื๊บก็ทำไม่ลง ฮ่าๆ อารมณ์ประมาณจอร์จจี้นี่ล่ะค่ะ ส่วนตัวเราคิดว่า เรื่องนี้จะไม่สนุกและไม่ขำเลย ถ้าไม่มีคุณชายจอร์จอยู่ ฮ่าๆ จอร์จจี้เป็นยิ่งกว่าตลกตามพระ (เป็นพระเอกก็ได้มั้ง แต่เรตติ้งไม่น่าดี ฮ่าๆ) ตอนที่เขียนให้ลอร์ดจอร์จน้ำตาซึมไปกับการบอกความในใจของจอห์นนี่ เราก็คิดไว้แล้วว่าตานี่ต้องเป็นผู้ชายอ่อนไหว แต่เอาเข้าจริงก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะกลายเป็นคุณชายฟูมฟายไปได้ ฮ่าๆ (หัวเราะหนักมาก) :m20: แต่เราก็ชอบจอร์จที่เป็นแบบนี้นะคะ ทำให้ในความน่าหมั่นไส้ แอบมีความน่าเอ็นดูแทรกอยู่บ้างเล็กน้อย  :hao7:
.
ความรักของลอร์ดโทรว์บริดจ์และกอร์ดอนยังอยู่ระหว่างทางค่ะ ดิฉันไม่เคยเขียนนิยายที่รู้สึกว่าเต็มไปด้วยอารมณ์รักสารพัดขนาดนี้มาก่อน ส่วนตัวแล้วชอบมากๆ เลยนะคะ มีความรู้สึกว่ามันละมุนละไมมีอะไรเยอะแยะดี (เอ๊ะ นี่เขียนเองอวยตัวเอง)
.
ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันค่า :mew1:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
บอกเลยว่าตอนนี้ไม่สนท่านลอร์ดกับกอร์ดอนแล้ว สนแต่เรื่องจอห์นนี่อ่ะ งอแงได้น่ารักมากกก เราชอบผู้หญิงแบบเลดี้มาร์กาเร็ตนี่แหละ      :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ dereel_nx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :-[ จริงๆจอร์จน่ารักมากกกก นี่เราแอบมีใจให้มากกว่าจอห์นนี่อีก(ฮา) ขอให้สมหวังกับมาการ์เร็ตเร็วๆน๊าาา

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ตอนนี้กอร์ดอนกับจอห์นนี่รักกันดี ยังไม่มีอะไรตื่นเต้น

ฉันขอไปเผือกเรื่องจอร์จี้กับมาร์กี้อย่างเพลิดเพลินก่อนนะ #เผือกร้อนอร่อยเหาะ

ปล. จอห์นนี่! ยับยั้งชั่งใจบ้าง! กอร์ดอนช้ำหมดแล้ว!

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โอ้.....มันมีอะไรในใจจอร์จ มากกว่าที่คิด
จอร์จ ไปสารภาพผิด และสารภาพรักกับมาร์กาเรตซะไวๆ เลย
ผิดซ้ำซาก ทำร้ายจิตใจผู้หญิงที่ตัวเองรักมาตั้งหกปี
เรื่องคนอื่นฉลาดเชียว มองปราดเดียวรู้เลย
รู้ความนัยระหว่างจอห์นนี่กับกอร์ดอน ละรวดเร็ว
เรื่องตัวเองตาบอดซะนี่
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เป็นกำลังใจให้จอร์ดกับมากาเร็ตนะ

ออฟไลน์ EARTHYSS :)

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ทั้งขำทั้งสงสารจอร์จจี้ ไม่ได้มีความคีพลุคอะไรเลย เป็นถึงลอร์ดกลับร้องไห้ฟูมฟายให้เพื่อนปลอบ ถถถถถถถถถถ

ปล.แอบงงกับยศในเรื่อง สงสัยต้องอ่านซ้ำหลายๆรอบ

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
หนุ่มๆ เขาทำอะไรน่ารักดีนะคะ 555+

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
ทั้งขำทั้งสงสารจอร์จจี้ ไม่ได้มีความคีพลุคอะไรเลย เป็นถึงลอร์ดกลับร้องไห้ฟูมฟายให้เพื่อนปลอบ ถถถถถถถถถถ

ปล.แอบงงกับยศในเรื่อง สงสัยต้องอ่านซ้ำหลายๆรอบ

ขอโควตามาอธิบายไว้ตรงนี้นะคะ อยากอธิบายมานานแล้ว แฮ่ๆ (ที่จริงตั้งใจว่าจะฟุตโน้ตใส่เอาไว้ตรงไหนสักแห่งของนิยาย แต่ลืมและยังหาจังหวะทำไม่ได้ค่ะ)

ลำดับชั้นยศของขุนนางอังกฤษ เป็นยศที่กษัตริย์แต่งตั้งให้กับบุคคลที่มีความดีความชอบต่อราชวงศ์และบ้านเมืองค่ะ มีลำดับชั้นดังนี้

- ดยุก (Duke) เป็นตำแหน่งสูงที่สุดในตำแหน่งขุนนางทั้งหมด (ส่วนตัวดิฉันคิดว่าประมาณกรมหลวงบ้านเรา) ส่วนใหญ่มักจะพระราชทานให้แก่เจ้าชาย หรือผู้ชายที่สมรสกับเจ้าหญิงซึ่งมีสิทธิ์สืบทอดบัลลังก์ค่ะ ตำแหน่งทางฝ่ายหญิงคือดัชเชส (Duchess) ค่ะ ซึ่งจะเป็นตำแหน่งของภรรยาท่านดยุก หรือขุนนางหญิงที่ได้รับตำแหน่งเทียบเท่ากับดยุก

- มาร์ควิส (Marquis) เป็นตำแหน่งรองลงมาจากดยุก ในสมัยก่อนมีกองกำลังทหารเป็นของตัวเองด้วย (นัยว่ามีที่ดินเยอะประมาณเจ้าเมืองเมืองหนึ่งค่ะ) ภรรยาหรือขุนนางหญิงจะได้รับตำแหน่ง มาร์ชันเนส (Marchioness)

- เอิร์ล (Ear) เป็นตำแหน่งขุนนางของอังกฤษ มียศรองจาก มาร์ควิส (ในยุโรปอื่น ตำแหน่งนี้เรียกว่า เคาน์ (Count)) ภรรยาหรือขุนนางหญิงจะเรียกว่า เคาน์เตส (Countess)

- ไวส์เคาน์ (Viscount) เป็นตำแหน่งรองจาก เอิร์ล (หรือเคาน์ในประเทศยุโรปอื่น) ภรรยาหรือขุนนางหญิงจะเรียกว่า ไวส์เคาน์เตส (Viscountess)

- บารอน (Baron) ตำแหน่งรองจากไวส์เคาน์ ภรรยาหรือขุนนางหญิงจะเรียกว่า บารอนเนส (Baroness)

อนึ่งแต่เดิมยศเหล่านี้จะตกทอดสู่ทายาท แต่ในปัจจุบันจะมีการพระราชทานแบบเฉพาะ (คือให้เป็นเฉพาะคน ไม่ตกแก่ทายาท)

ขุนนางในระดับสูงๆ (เช่นดยุก หรือมาร์ควิส) มักจะมีตำแหน่งขุนนางมากกว่า1 ยกตัวอย่าง ดยุกแห่งเคมบริจ อาจจะมีตำแหน่งเป็นมาร์ควิสแห่ง ลักเซอร์ หรือเป็นไวส์เคาน์แห่งซอลบรี หรือมาร์ควิสแห่งซอลบรี อาจจะมีตำแหน่งเป็นเอิร์ลแห่งดอว์น หรือไวส์เคาน์สแตมฟอร์ด เป็นต้น

เหล่าบรรดาลูกๆ ของขุนนาง จะมียศดังนี้

- ลูกชายคนโตของดยุก มาร์ควิส และเอิร์ล จะใช้ตำแหน่งรองของพ่อ อาจจะเป็น มาร์ควิส เอิร์ล ไวส์เคาน์ บารอน ก็ได้ ยกตัวอย่าง เฮนรี่ คาเวดิชเป็นมาร์ควิสแห่งบาธรุ่นที่หก และเป็นเอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์รุ่นที่ห้า ลูกชายคนโต จะมีตำแหน่งเป็นเอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์รุ่นที่หก และเมื่อพ่อของเขาเสียชีวิต เขาจะได้รับตำแหน่งมาร์ควิสแห่งบาธรุ่นที่เจ็ด

- ลูกชายคนรองของ ดยุก และมาร์ควิส จะมีคำนำหน้าชื่อและนามสกุลว่า ลอร์ด ยกตัวอย่าง ลอร์ดจอร์จ เฟลตัล ลูกชายคนที่สองของมาร์ควิสแห่งแอนโดเวอร์

- ส่วนลูกชายของขุนนางตั้งแต่ ไวส์เคาน์ลงมา และลูกชายลำดับอื่นๆ จะใช้คำนำหน้าว่า Honorable Mister / The Honorable Miss ซึ่งในที่นี้ขอตัดทิ้งไปเลย ขี้เกียจแปล (โดนตบ)

- ลูกสาวของขุนนางจะใช้คำนำหน้าว่าเลดี้ทั้งหมด ยกตัวอย่าง เลดี้มาร์กาเร็ต สจวต

การเรียกชื่อขุนนาง หากมียศ จะใช้คำว่าลอร์ด หรือเลดี้ ตามด้วยยศ

เช่น

จอห์น คาเวดิช เป็นเอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์ เวลาเรียกจะเรียกว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์

มาเรีย เกรย์ เป็นมาร์ชันเนสแห่งบาธ เวลาเรียกจะเรียกว่าเลดี้บาธ

เอ็ดเวิร์ด เบอร์บิ่ง เป็นไวส์เคาน์แห่งครอฟตัน ก็เรียก ลอร์ดครอฟตัน

ส่วนลูกชายขุนนางที่มีคำนำหน้าด้วยลอร์ด เช่นลอร์ดจอร์จ เฟลตัน ก็เรียกลอร์ดจอร์จ เฟลตันได้เลย (บางทีก็เรียกย่อๆ ว่าลอร์ดจอร์จ ให้รู้ว่านี่คือลูกคนรอง ฮ่าๆ)

การสืบบรรดาศักดิ์จะสืบผ่านลูกชายคนโต ที่เกิดกับภรรยาตามกฎหมาย หรือผู้ที่เหมาะสม (เช่นหลานชายคนโต ในกรณีที่ไม่มีลูกชาย) หรือในบางครั้ง หากหาใครไม่ได้จริงๆ ก็จะใช้ผู้หญิงในการสืบบรรดาศักดิ์ค่ะ

หากปราศจากผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์ บรรดาศักดิ์นั้นจะกลับคืนสู่พระราชอำนาจของกษัตริย์ และกษัตริย์ก็มีอำนาจในการยกเลิกบรรดาศักดิ์ของขุนนางได้ ในกรณีที่กระทำความผิด

น่าจะครบหมดแล้ว... เนอะ... หากมีขอผิดพลาดขออภัยและสามารถแจ้งเพื่อแก้ไขได้ทุกช่องทางเลยค่ะ :pig4:

ข้อมูลเพิ่มเติมตามได้ที่นี่ค่ะ

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%8C%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9

http://mantuka.exteen.com/20120829/entry

https://pantip.com/topic/33607487

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ชอบนะ ที่มีคู่ปกติด้วย ไม่ได้เบรคนะเราว่า
แต่เป็นการแทรกเข้ามาอย่างกลมกลืน
ชอบจอร์จนะ นึกถึงนักกีฬารักบี้ที่ตัวบึกๆ
แต่ มีร้องไห้ฟูมฟาย อะไรจะอ่อนไหวปานน้านนนน
 :o12:

ออฟไลน์ bluecoco

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
เอ็นดูหนุ่มๆเรืองนี้จัง
อยากแอบไปหมกตัวในร้านตัดเสื้อ
จะได้แอบส่องหนุ่มผมทองตาฟ้าตั้งใจเย็บผ้า
ที่สำคัญส่องเวลาแฟนแอบมาหา อิอิ

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog


Dear, My customer.

ตอนที่14 ผู้ชายเจ้าน้ำตา


            ลอร์ดโทรว์บริดจ์กับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ออกมานั่งดื่มชากันอีกห้องหนึ่ง ปล่อยให้ลอร์ดจอร์จ เฟลตันอยู่กับตัวเองเพื่อตัดสินใจว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป

                “นายว่าจอร์จจะใช้เวลานานแค่ไหนว่าจะคิดออก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นมา พลางตักเค้กเข้าปาก ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขมวดคิ้ว “ไม่รู้สิ ฉันไม่เคยเห็นเขาออกอาการขนาดนี้มาก่อน”

                “ตอนแรกฉันก็รู้สึกนะว่าเขาคงแอบชอบมาร์กาเร็ตอยู่ แต่ทำวางมาดไปอย่างนั้น ไม่คิดเหมือนกันว่าเรื่องมันจะสลับซับซ้อนขนาดนี้”

                “จอร์จทำให้เรื่องทุกอย่างมันยุ่งยาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนใจ “แต่ก็ว่าเขาไม่ได้ เป็นฉันฉันก็อาจจะทำแบบเขาเหมือนกัน”

                “อืม... ฉันเข้าใจ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ไม่มีผู้ชายดีๆ คนไหนอยากถูกตราหน้าว่าแต่งงานกับผู้หญิงเพราะหวังมรดกหรอก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า แล้วพูดต่อ “ถ้าจอร์จยังคิดไม่ออกก่อนบ่ายสอง ฉันฝากเขาไว้กับนายได้ไหม? ฉันต้องไปซ้อมมวย”

                “ได้ แต่ฉันอาจจะต้องพาเขาไปที่บ้านฉัน เกรงใจพ่อแม่นายน่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า แต่ยังไม่ทันที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะทันได้พูดอะไรตอบ ก็ได้ยินเสียงของลอร์ดจอร์จ เฟลตันดังขึ้น

                “โอลิเวอร์!”

                สองหนุ่มมองหน้ากัน จากนั้นก็พากันชะโงกมองไปนอกระเบียง ไม่นานก็เห็นรถม้าของคฤหาสน์เดลวิ่งออกไป ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หันมามองเจ้าของบ้าน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่

                “ปล่อยเขาไปแล้วกัน บ้านฉันยังมีรถม้าอีกหลายคัน”

-----------------------------------------

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันไม่คิดมาก่อนว่าเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตจะมีใจให้เขา (แม้ครั้งหนึ่งเขาจะเคยแอบคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ก็เลิกคิดเพราะไม่รู้สึกว่าเธอสนใจเขา) ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาคิดเพียงว่าเพราะฝ่ายนั้นไม่พอใจกับการหมั้น เลยทำตัวหมางเมิน และยิ่งพอเกิดเหตุการณ์ในคืนนั้น ลอร์ดหนุ่มเลยฝังใจเชื่อว่าเธอคงเปลี่ยนเป็นเกลียดเขา เขาไม่เคยฉุกคิดมาก่อนเลยว่ากำลังทำร้ายผู้หญิงที่ตัวเองรักที่สุด ทั้งหมดที่เขาทำไปเพียงเพราะทิฐิโง่ๆ เรื่องศักดิ์ศรีของตัวเองล้วนๆ

                เขากระโดดลงจากรถม้าที่ยืมมาจากคฤหาสน์เดล ก่อนจะสั่งคนขับรถ “โอลิเวอร์ ไปที่บ้านฉัน บอกอเล็กซ์ให้เอารถม้ามารอที่นี่ ฉันมีธุระสำคัญ”

                “ครับ” โอลิเวอร์รับคำแล้วเฆี่ยนม้าออกไปทันที ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันหน้าไปมองคฤหาสน์ที่เขาไม่เคยคิดจะมาเหยียบเป็นเวลาหลายปี ไม่นานนักคนรับใช้ก็วิ่งมารับ

                “ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรครับ?”

                แม้จะนึกหงุดหงิดที่แม้แต่คนรับใช้ที่ประจำประตูยังจำหน้าเขาไม่ได้ แต่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขาไม่ได้มาที่คฤหาสน์นี้หลายปีแล้ว คงไม่แปลกที่จะไม่มีใครจำเขาได้เลย

                “ฉันต้องการพบเลดี้มาร์กาเร็ต”

                “คุณหนูสั่งไม่ให้ใครเข้าพบครับ” ฝ่ายนั้นตอบเขา ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิด “งั้นไปบอกลอร์ดบริสโตล ว่าลอร์ดจอร์จ เฟลตันต้องการพบเขา”

                “โอ้ ท่านลอร์ด” คนรับใช้อุทาน “ผมต้องขออภัยจริงๆ ที่จำคุณไม่ได้ นายท่านไม่อยู่หรอกครับ” เขาพูด และเปิดประตู “เชิญคุณไปรอด้านในก่อนครับ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเดินตามคนรับใช้เข้าไปในตัวคฤหาสน์ พลางนึกถึงคืนวันเก่าๆ ที่เขากับเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตเคยใช้ด้วยกัน

                จะว่าไปแล้วเขาเป็นฝ่ายมาที่นี่แค่น้อยครั้ง ส่วนใหญ่เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตจะเป็นฝ่ายไปหาเขาที่บ้านเสียมากกว่า ทั้งตอนเด็กๆ หรือแม้กระทั่งตอนที่มีเรื่องกันแล้ว ฝ่ายนั้นก็ยังแวะเวียนไปที่บ้านเขาบ่อยๆ บ่อยจนเขาคิดว่าเธอต้องการจองล้างจองผลาญเขา

                ลอร์ดหนุ่มหน้าแดงด้วยความอับอาย เขาเพิ่งพบว่าตัวเองเข้าใจผิดมาโดยตลอด ยิ่งพอนึกถึงตอนที่เธอตบเขาหน้าท่าเรือแล้วร้องไห้ หัวใจของลอร์ดหนุ่มก็ยิ่งรุ่มร้อน ไม่รู้ว่าผู้ชายที่มากับเธอจะทำยังไง บางทีเขาอาจจะปลอบเธออยู่ บรูโนเป็นครูสอนเปียโนที่พ่อเธอจ้างมาสอนระหว่างที่ไปๆ มาๆ คฤหาสน์ของเขา เพราะเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตอยากจะเล่นเปียโนเป็นเพื่อนเขานั่นเอง

                ภายในตัวคฤหาสน์เงียบสนิทจนเข้าข่ายวังเวง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันไม่เคยคิดว่าคฤหาสน์ของเอิร์ลแห่งบริสโตลใหญ่โตอะไร เขาไม่เคยใส่ใจรายละเอียดด้วยซ้ำว่าเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตมีชีวิตความเป็นอยู่แบบไหน หลังตัดสินใจหมางเมินเธอ เขาไม่เคยนึกอยากรับรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเธออีกเลย

                ตอนนี้เขานั่งอยู่ในห้องโถงรับแขก ภายในคฤหาสน์ที่ให้ความรู้สึกเงียบเหงาจนน่าตกใจ เขาหันไปถามสาวใช้ที่ยกกาน้ำชาและอาหารว่างมาเสิร์ฟ “มาร์กาเร็ตมีแขกหรือ?”

                “เปล่าค่ะ” สาวใช้ตอบเขา “เดี๋ยวดิฉันจะไปแจ้งคุณหนูให้นะคะ ว่าคุณมารอพบ”

                “อืม...”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า พลางยกน้ำชาขึ้นมาจิบ แล้วมองดูภาพวาดที่ประดับเอาไว้ในห้อง ภาพที่เด่นที่สุดเป็นภาพของเอิร์ลแห่งบริสโตลและภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้วของเขา ท่านเอิร์ลยืนอยู่ข้างภรรยาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มือของทั้งสองกุมกันไว้แน่น ในอ้อมแขนของเคาน์เตสแห่งบริสโตลอุ้มทารกคนหนึ่งเอาไว้อยู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคือเลดี้มาร์กาเร็ต สจวต

                น้ำตาหยดออกมาจากดวงตาสีม่วงของลอร์ดจอร์จ เฟลตันอีกครั้ง เขารีบหยิบมาเช็ดหน้าขึ้นมาซับมันจนแห้ง และพยายามสูดหายใจลึกหลายครั้ง เวลาผ่านไปอึดใจใหญ่ๆ สาวใช้ก็กลับเข้ามาในห้อง

                “ท่านลอร์ดคะ คือคุณหนูบอกว่า... ไม่ต้องการพบคุณค่ะ”

                “งั้นหรือ...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันส่งเสียง พยายามอย่างยิ่งที่จะกักน้ำตาของตัวเองเอาไว้ “ไม่เป็นไร ฉันจะรอท่านเอิร์ลแล้วกัน”

                “ค่ะ ถ้ามีอะไรเรียกดิฉัน...”

                “จริงสิ ห้องเปียโนอยู่ตรงไหน ฉันไปรอที่ห้องนั้นก็ได้”

                สาวใช้มองเขา จากนั้นก็พยักหน้า “เชิญค่ะ ฉันจะพาคุณไป”

------------------------------------------

                แกรนด์เปียโนหลังใหญ่ตั้งอยู่ในห้องที่ตกแต่งในโทนสีฟ้าเย็นๆ ภายในห้องมีทั้งรูปวาดและรูปถ่ายตั้งประดับเอาไว้ แสงแดดที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาส่องให้เห็นรูปถ่ายหลายรูปถูกวางคว่ำอยู่ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถือวิสาสะพลิกรูปเหล่านั้นขึ้นมาดู เพียงแค่รูปแรกน้ำตาก็หยดแหมะออกมาจากดวงตาคู่งามของเขา

                รูปนั้นเป็นรูปที่เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตถ่ายกับเขาและบรรดาพี่ๆ ของเขา ที่คฤหาสน์ของเขาเอง ในรูปพวกเขาจับมือกันแน่น ตอนนั้นเขาคงอายุราวหกขวบ ส่วนเธอสี่ขวบ

                ลอร์ดหนุ่มพลิกดูรูปถ่ายที่เหลือ ทุกใบล้วนเป็นรูปในวัยเด็กที่เธอเคยถ่ายเอาไว้กับเขา ความทรงจำต่างๆ มากมายทยอยไหลเข้ามา จนน้ำตาไหลอาบแก้มของเขา กระทั่งถึงรูปสุดท้าย ลอร์ดหนุ่มถึงกับแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

                มันเป็นรูปถ่ายเต็มตัวของเขา ในชุดทักซิโดส์ ใส่หมวกทรงสูงและถือไม้เท้า ยืนยิ้มให้กล้องในท่าที่ดูดีที่สุดเท่าที่เขาคิดได้ในตอนนั้น ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจำได้ว่าเขาถ่ายรูปนี้ตามคำขอของแม่ ในวันเกิดอายุครบยี่สิบสี่ปี ซึ่งผ่านมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี่เอง

                “ไหนเธอเคยบอกว่าฉันขายาวไปไง” เขาพึมพำเสียงพร่า ปล่อยน้ำตาให้ไหลหยดลงบนรูป ก่อนจะสะดุ้งเฮือก เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ลอร์ดหนุ่มรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาทันที

                “เข้ามา”

                ประตูเปิดออก สาวใช้คนเดิมยกถาดน้ำชามาวางบนโต๊ะ “น้ำชาค่ะ”

                “ขอบใจ” เขาพยักหน้า และโบกมือให้เธอออกไป จากนั้นก็เดินไปนั่งลงตรงหน้าแกรนด์เปียโน เปิดฝาครอบคีย์ออก ลอร์ดหนุ่มนั่งจ้องคีย์สีงาช้างพวกนั้นอยู่นาน ก่อนจะไล่ปลายนิ้วลงไป

                เสียงเพลง Turkish March ของโมซาร์ตดังสะท้อนไปทั้งคฤหาสน์ ท่วงทำนองอันแสนสนุกสนานของมันช่างตรงข้ามกับบรรยากาศเงียบเหงาและอารมณ์ของคนที่เล่นอยู่สิ้นดี เล่นมาได้ไม่ถึงหนึ่งในสามของเพลง ดวงตาของลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็เรื้อไปด้วยน้ำตาจนมองไม่เห็นคีย์ใดๆ บนเปียโนอีก เขาหลับตาลง ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา แล้วพรมนิ้วบรรเลงเพลงที่เต็มไปด้วยความทรงจำนั้นไปเรื่อยๆ ด้วยหวังว่าเมื่อลืมตาขึ้นมาจะพบใครคนหนึ่งนั่งลงข้างเขา แล้วเพิ่มเสียงดนตรีให้กับบทเพลงที่เขาเล่นอยู่ ด้วยการดีดคีย์สีงาช้างนี้ไปด้วยกัน แต่ทว่า... เมื่อมาถึงโน้ตตัวสุดท้าย ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็ยังพบว่ามีแค่ตัวเขาเท่านั้นที่นั่งเล่นเปียโนอยู่

[Turkish March : https://www.youtube.com/watch?v=lKdVqD75dm4]

                ลอร์ดหนุ่มปล่อยน้ำตาให้ไหลอาบหน้า ก่อนจะซับมันจนแห้ง แล้วเริ่มพรมนิ้วลงไปบนเปียโนอีกครั้ง คราวนี้เสียงเพลงที่เล่นออกมาทั้งทุ้มต่ำและเบาราวกับหัวใจที่แทบแหลกสลาย คีย์สูงที่ถูกสอดแทรกขึ้นมาท่ามกลางเสียงทุ้มต่ำยิ่งขับให้บทเพลงเศร้าลึก ลอร์ดจอร์จ เฟลตันไล่นิ้วลงไปบนคีย์สีงาช้างพวกนั้น ด้วยน้ำตาและความรู้สึกที่ยากจะบรรยายได้ ท่วงทำนองของ Nocturne Op. 27, No. 1 in C sharp Minor. ลอยอ้อยอิ่งอยู่ในบรรยากาศ ทั้งร้าวลึก ขมขื่น และหวานซึ้ง ทุกคีย์เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกกระทั่งตัวโน้ตสุดท้าย ลอร์ดหนุ่มหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาอีกครั้ง ก่อนจะสะดุ้งสุดตัว เมื่อเสียงปรบมือดังขึ้น

[Nocturne Op. 27 No. 1 : https://www.youtube.com/watch?v=8lvNjO3TQAA]

                “เป็น Nocturne ที่เศร้าที่สุดของโชแปง เท่าที่ฉันเคยได้ยินมาเลยจอร์จ”

                ไม่รู้ว่าลอร์ดบริสโตลเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบลุกขึ้นทันที “สวัสดีตอนบ่ายครับท่านลอร์ด ผมไม่ได้ยินเสียงเคาะประตู ต้องขออภัยด้วย”

                “ฉันก็ไม่ได้เคาะประตูก่อนจะเข้ามาหรอก” ลอร์ดบริสโตลพูดยิ้มๆ เขาเป็นชายอายุราวห้าสิบเศษ แต่หน้าตายังดูอ่อนวัยอยู่ ผมสีแดง ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม รูปร่างสูงใหญ่ ท่านเอิร์ลสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ทับด้วยเสื้อกั๊กสีเหลืองอ่อน “ไม่เจอกันนานเลยนะจอร์จ สบายดีมั้ย?”

                “สบายดี ท่านลอร์ดล่ะครับ”

                “ฉันสบายดี สบายดีมากเลย” เขาพูด “นั่งก่อนสิ นั่งตรงนั้นแหละ ฉันชอบเวลาเธออยู่กับเปียโน”

                “ครับ” ลอร์ดหนุ่มพยักหน้า แล้วนั่งลงอีกครั้ง อีกฝ่ายลากเก้าอี้มานั่งประจันหน้ากับเขา

                “หน้าเธอไปโดนอะไรมา?” ลอร์ดบริสโตลตั้งคำถาม ลอร์ดจอร์จ เฟลตันไม่ได้ตอบ เขาพูดต่อ “ผมมาพบมาร์กาเร็ต”

                “อืม ฉันเห็นแล้ว แต่เหมือนลูกสาวฉันไม่อยากพบเธอ”

                “ครับ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “ผมทำผิดกับเธอไว้มาก”

                “งั้นหรือ... อะไรบ้างล่ะ?”

                คนถูกถามได้แต่ก้มหน้า ตอบไม่ออกเลยสักครึ่งคำ ได้ยินเสียงลอร์ดบริสโตลถอนหายใจ “รู้อะไรมั้ยจอร์จ ตอนที่แม่เธอบอกว่าอยากให้เธอหมั้นกับมาร์กี้ ฉันดีใจมาก เพราะฉันคิดว่าเธอน่าจะเป็นผู้ชายที่ทำให้ลูกสาวฉันมีความสุข”

                ลอร์ดหนุ่มยิ่งรู้สึกขืนในคอ เขาใช้ความพยายามอย่างมาก ไม่ให้น้ำตาไหลทะลักออกมา ลอร์ดบริสโตลพูดต่อ “มาร์กี้เป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่ค่อยอ่อนโยนเท่าไหร่ เธอดูเย็นชาในบางครั้ง อาจเพราะเธอไม่มีแม่คอยดูแล และฉันเองก็เป็นพ่อที่ไม่ดีนัก”

                เขาถอนหายใจยาว “ส่วนเธอตรงข้ามเลยล่ะ เธอเป็นเด็กผู้ชายขี้เล่น อบอุ่น ช่างฝัน คุยเก่ง เวลามาร์กี้อยู่กับเธอเหมือนได้เติมเต็มซึ่งกันและกัน ฉันรู้สึกแบบนั้น”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำได้เพียงก้มหน้า ลอร์ดบริสโตลเองก็เงียบไปนาน นานจนกระทั่งได้ยินเสียงถอนหายใจ

                “บอกฉันหน่อยได้มั้ย อะไรทำให้เธอกับมาร์กี้หมางเมินกันขนาดนี้ ทั้งๆ ที่สมัยก่อน พวกเธอดูรักกันดีแท้ๆ”

                น้ำตาหยดลงจากดวงตาสีม่วงของลอร์ดจอร์จ เฟลตันอย่างห้ามไม่อยู่ เขาก้มหน้าอยู่นาน พูดไม่ออกเสียที

                “เพราะผู้หญิงพวกนั้น หรือเพราะลูกสาวฉันเย็นชาเกินไป?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดหน้าของเขาเอาไว้ เนิ่นนานเจ้าตัวถึงเค้นคำพูดออกมาได้ “เป็นความผิดผมทั้งหมดครับ”

                “.....”

                “ผมไม่ได้อยากแต่งงานกับมาร์กาเร็ตเพราะหวังสมบัติ ผมไม่ได้อยากจะหมั้นกับเธอเพราะเรื่องนั้น ผมรักเธอ แต่ผมไม่ต้องการแต่งงานกับเธอเพราะผมไม่มีที่ไป”

                ความเงียบเข้าครอบงำบรรยากาศระหว่างคนทั้งคู่ทันทีหลังจากนั้น ลอร์ดบริสโตลมองชายหนุ่มเบื้องหน้าอยู่นาน ก่อนจะถอนหายใจออกมา

                “ให้ตายสิ จอร์จ... ที่ลูกสาวฉันต้องเจ็บช้ำอยู่ทุกวันนี้ แค่เพราะเรื่องนี้หรอกหรือ...” เขาหยุดพูดไปอึดใจใหญ่ “แต่ฉันไม่โทษเธอหรอก ในฐานะผู้ชายด้วยกัน ฉันเข้าใจความรู้สึกเธอ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “ขอบคุณครับ”

                ลอร์ดบริสโตลมองชายหนุ่มตรงหน้า “เธอยังอยากแต่งงานกับลูกสาวฉันอยู่อีกไหม ยังอยากจะหมั้นกับเธออีกรึเปล่า?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเขาขึ้นมา “ครับ มาร์กาเร็ตเป็นผู้หญิงคนเดียวในโลกที่ผมอยากแต่งงานด้วย”

                ลอร์ดบริสโตลยิ้มให้เขา จากนั้นก็มองออกไปที่ประตู “ไปสิ เธอรออยู่”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเบิ่งตากว้าง

                “ขอบคุณครับ” เขาโค้งให้ฝ่ายนั้น ก่อนจะรีบผลุนผลันออกไป

--------------------------------------


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด