[เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)  (อ่าน 97805 ครั้ง)

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ความรักที่น่าสงสาร
ทำไงดี
ความหวานมาพร้อมน้ำตา

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ยอมใจให้ความกล้าหาญและความรักอันยิ่งใหญ่กว่าความกลัวของลอดคาเวดิชจริงๆ ตอนจบแอบสะเทือนใจในความทุกข์ที่ต้องแอบซ่อนความรักของทั้งสองมากๆ +เป็ดค่ะ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วทั้งขำทั้งน้ำตาคลอ

สมาคมคุณชายสายรั่วนี่ฮาจริงอะไรจริง

ทั่นลอร์ดเก็บแต้มกอร์ดอนทุกโอกาสเลยนะ!

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
อุ่นอยู่หรอกค่ะ แต่อุ่นแบบน้ำตาคลอๆ 555555
แต่ชอบค่ะ รอติดตามนะคะ

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เขียนได้ดีเหมือนเคยเลยนะคะชอบมากเลย สู้ต่อไป!!!

ออฟไลน์ praewp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
กอรดอนเคร่งมาก เม้นไม่ถูกเลย

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
อบอุ่นมันก็อบอุ่นนะคะ เบาสมอง ก็น่าจะตอนหนุ่มๆอยู่ในสมาคมหลุดโลกกันล่ะมั้ง

ไม่มาม่าเนอะ พอดีอิ่มแล้ว ตอนนี้ดาร์คช๊อคยังพอไหวค่ะ ฮาาา

ออฟไลน์ YADA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เห้อออ... จะเป็นยังไงต่อนะ
ทั่นหลอดจะทำยังไงกับเรื่องนี้
คงไม่แอบเจอกันไปจนแก่ตายเลยใช่ไหม

 :katai1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ดาร์ค ชอค แบบมีเดี่ยม
เอาใจช่วย คูรักต่างศักดิ์  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
จอห์นนี่ กอร์ดอน  :mew1: :mew1: :mew1:
ซาบซึ้งกับคู่รักบนรถม้า
เฟลตัน เมอร์เร่ย์ เป็นเพื่อนรักยอดเยี่ยม
ตลกด้วย ขัดกันเองซะด้วย
เฟลตัน เจ้าชู้มาก สาวเยอะมาก
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
     

ออฟไลน์ hibatsumoe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
อยากให้สองคนหนีไปอเมริกา  :mew2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ G-NaF

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
มันจะสุขก็ไม่สุด จะว่าเศร้าก็ไม่
 ติดตามคู่นี้คับจะเป็นไงกันต่อ จะโดนจับได้มั้ย

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog


Dear, My customer.

ตอนที่10 เมา


            วันรุ่งขึ้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์มาที่ร้านของกอร์ดอนตอนบ่ายสี่โมง เขามีสีหน้าระอาเล็กน้อย และบ่นให้ฟังถึงงานเลี้ยงมื้อเย็นที่คฤหาสน์ของมาร์ควิสแห่งควีนส์เบอร์รี่

                “คุณรู้มั้ย ผมต้องสวมหมวกทรงสูง แล้วถอดออก แล้วโค้งแบบนี้ แล้วก็ใส่กลับอีก ให้ตายเถอะ ผมไม่รู้เลยว่าต้องใช้น้ำมันใส่ผมเท่าไหร่ มันถึงจะไม่ยุ่งหลังทำแบบนั้นตั้งไม่รู้กี่สิบรอบ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เล่าพร้อมทำท่าประกอบ ขณะอยู่หน้ากระจกในห้องลองเสื้อ กอร์ดอนมองเขาแล้วหัวเราะ

                “ครับ แต่ผมไม่เห็นว่ามันเกี่ยวกับหมวกทรงสูงตรงไหน มันก็เหมือนกับเวลาใส่เดอร์บี้หรือฮอมเบิร์กไม่ใช่หรือครับ?”

                “ไม่เหมือนเลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เดอร์บี้กับฮอมเบิร์กผมยังเอามือจับยอดหมวกแล้วถอดแบบนี้ได้ แต่หมวกทรงสูงผมต้องเอามือจับปีกหมวกเอาไว้ มันลำบากมากนะคุณ”

                กอร์ดอนหัวเราะอีก “เอาเถอะครับ ไม่ใช่ทุกคนนะครับจะลำบากอย่างคุณ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หรี่ตามองเขา “คุณอยากลองบ้างมั้ยล่ะ? หมวกทรงสูงน่ะ”

                คนถูกถามสั่นศีรษะ “ไม่ครับ ผมคงไม่มีโอกาสได้ใส่ไปไหน”

                “อ้าว ก็ใส่ไปงานเลี้ยงบ้านผมไง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดยิ้มๆ “เผื่อพ่อแม่อยากจะให้ผมจัดงานเต้นรำอีก คราวนี้ผมจะได้มีเพื่อนช่วยบ่นเรื่องหมวกทรงสูง”

                ช่างตัดเสื้อหนุ่มหัวเราะแหะๆ “แต่ผมเต้นรำไม่เป็น ผมไม่ไปดีกว่าครับ เดี๋ยวไปเป็นลมเป็นแล้งอีก สงสารโอลิเวอร์กับลอร์ดจอร์จครับ”

                “ให้ตายเถอะกอร์ดอน...” ลอร์ดหนุ่มครางออกมา “คุณยังโกรธผมเรื่องนั้นหรือ ผมแค่เต้นรำ ไม่ได้จะจูบเธอนะ”

                กอร์ดอนรีบขยับเข้ามาใกล้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ แล้วใช้มือแตะปากตัวเองไว้ “ชู่วส์ อย่าเสียงดังสิครับ ห้องนี้ไม่ได้เก็บเสียงนะครับ แล้วผมก็ไม่ได้โกรธคุณสักหน่อย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าเขา แล้วยิ้ม ก่อนจะใช้มือรวบเอวฝ่ายนั้นเข้ามา “อ๋อ ผมรู้แล้ว คุณไม่ได้โกรธ คุณแค่หึง”

                “ผมเปล่าหึง” กอร์ดอนว่า ก่อนจะพยายามผลักฝ่ายนั้นออก “ปล่อยครับ ประตูไม่ได้ล็อก เดี๋ยวใครมาเห็นจะไม่ดี”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยอมปล่อยเอวอีกฝ่ายโดยง่าย “วันหลังช่วยล็อกประตูด้วยนะ”

                กอร์ดอนทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดนั้น เขามองลอร์ดโทรว์บริดจ์ แล้วพูด “ชุดคุณน่าจะโอเคแล้วนะครับ”

                “อืม ชุดผมโอเคแล้วล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ก่อนจะถอดเสื้อส่งคืนให้ “พักนี้คุณไปเจอแอนนาเบลอีกรึเปล่า?”

                “ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า “ผมเพิ่งไปพบเธอเมื่อวันเสาร์”

                “อ้อ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลากเสียง “งั้นผมเป็นลมบ้างได้ไหม? ผมเปล่าหึงนะ”

                กอร์ดอนอยากจะต่อยฝ่ายตรงข้ามสักทีหนึ่ง “คุณจะไปหึงเธอทำไมครับ เธอเป็นคนให้คำแนะนำผมเรื่องคุณนะ”

                “ว้าว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ร้องออกมา “งั้นผมคงต้องไปขอบคุณเธอ คืนนี้เลยเป็นไง คุณวัดตัวเสร็จก็ไปเจอผมที่บาร์บีช็อต”

                กอร์ดอนยิ้มเพลียๆ “คุณเพิ่งบอกผมว่าเย็นนี้คุณต้องไปงานเลี้ยงที่คฤหาสน์ท่านมาร์ควิสแห่งควีนส์เบอรี่นะครับ”

                “เออ ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ร้องออกมา แล้วทำหน้าเซ็ง กอร์ดอนยื่นมือไปตบแขนเขาเบาๆ “ไม่เป็นไรหรอกครับ พวกเรานัดกันวันอื่นก็ได้ที่คุณสะดวก มอลลีนกับแจ็คสันคงอยากพบคุณอีก”

                เอิร์ลหนุ่มหัวเราะ “ได้ งั้นคืนพรุ่งนี้ แอนนาเบลน่าจะไปที่บาร์ด้วย เพราะวันเสาร์โรงเรียนปิด”

                “ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า แล้วยิ้มให้ฝ่ายนั้น

------------------------------------------

                ลอร์ดบาธมองลูกชายคนเดียวของเขาที่เพิ่งเดินลงบันไดมาในชุดทักซิโด้สีดำชุดเดียวกับที่ใส่ในงานเต้นรำ ด้วยสายตาภาคภูมิใจ “แกดูดีมากจอห์น แล้วไหนล่ะหมวกกับไม้เท้า?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์อ้าปากทำท่าจะพูดอะไร แต่ก็เปลี่ยนใจ เขาหันไปสั่งคนรับใช้ “โอลิเวอร์ หยิบไม้เท้ากับหมวกให้ฉันด้วย”

                คนรับใช้หนุ่มพยักหน้า แล้ววิ่งกลับขึ้นบันไดไปหยิบของตามคำสั่งเจ้านายทันที เลดี้บาธเดินมาขยับหูกระต่ายให้ลูกชายด้วยท่าทางรักใคร่

                “ลูกดูดีเสมอไม่ว่าใส่ชุดไหนจ้ะจอห์น” เธอพูดพลางจูบแก้มเขาเบาๆ “ลอร์ดควีนสเบอรี่ต้องดีใจแน่ที่ได้พบลูก เขาบ่นถึงลูกหลายครั้งตอนที่ลูกอยู่อเมริกา”

                “ผมก็คิดถึงเขาครับแม่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เขาทำให้ผมนึกถึงเวทีมวย”

                “จะไม่มีการต่อยมวยอะไรทั้งนั้น” ลอร์ดบาธพูดเสียงเฉียบ “นี่เป็นงานเลี้ยงดินเนอร์ แกต้องทำตัวให้เหมาะสม”

                “ครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ก่อนจะหันไปรับหมวกและไม้เท้าจากโอลิเวอร์

                “เสื้อคลุม” ลอร์ดบาธทักอีก ลอร์ดโทรว์บริดจ์สะดุ้งเล็กน้อย แล้วหันไปหาคนรับใช้ “โอลิเวอร์”

                “หยิบมาให้แล้วครับ” คนรับใช้หนุ่มพูด และคลี่เสื้อคลุมสวมให้ลอร์ดหนุ่ม

                “ตายแล้วจอห์น แม่ว่าเสื้อคลุมตัวนี้ของลูกท่าจะเล็กไป” เลดี้บาธพูด เมื่อเสื้อคลุมสีดำตัวนั้นเลื่อนขึ้นไปอยู่บนบ่าลูกชาย ลอร์ดบาธขมวดคิ้วด้วยความไม่สบอารมณ์ “ทำไมแกไม่สั่งตัดเสื้อคลุมใหม่ด้วย”

                “ก็พ่อไม่ได้สะ...”

                “จอห์น!”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบกลืนคำพูดเอาไว้ในปากทันที “ขอโทษครับ ผมไม่ทันคิด”

                ลอร์ดบาธพ่นลมหายใจยาว ขณะที่ลูกชายตัวดีอ้าปากพูดต่อ “แต่มันเป็นแค่เสื้อคลุม เดี๋ยวก็ต้องถอดออกอยู่ดี”

                ผู้เป็นพ่อนิ่งไปอึดใจ ก่อนจะพยักหน้าอย่างไม่สบอารมณ์นัก “หลังจากนี้แกต้องไปตัดใหม่ ทันทีนะจอห์น ต้องให้พ่อจดให้มั้ยว่าแกต้องใช้เสื้อผ้าแบบไหนบ้าง”

                “ไม่เป็นไรครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูด ลอร์ดบาธมองลูกชายแล้วถอนใจซ้ำอีก “จอห์น แกอายุยี่สิบสี่แล้วนะ ตอนพ่ออายุยี่สิบสี่พ่อ...”

                “พ่อครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแทรก “เราต้องไปงานเลี้ยงมื้อค่ำของลอร์ดควีนสเบอรี่ พ่อคงไม่ดีใจแน่ถ้ารู้ว่านี่ก็ใกล้เวลาแล้ว เรากำลังจะสายครับ”

                ลอร์ดบาธกลืนคำพูดกลับเข้าไปในคอ เขาตวัดสายตามองลูกชายตัวดี ก่อนจะสะบัดหน้าเดินออกไป

---------------------------------------

                งานเลี้ยงของลอร์ดควีนสเบอรี่เต็มไปด้วยแขกระดับสูง และแน่นอนว่าส่วนใหญ่จะต้องเป็นคนที่สนใจหรือคร่ำหวอดอยู่ในวงการกีฬา โดยเฉพาะการต่อยมวย เขาประสบผลสำเร็จในการผลักดันให้ใช้นวมแทนการพันเชือกเวลาต่อย และกำหนดยกรวมถึงกติกาอื่นๆ ในการต่อยมวยให้ชัดเจนขึ้น ลอร์ดควีนสเบอรี่มีชื่อเต็มว่า จอห์น ดักลาส เป็นมาร์ควิสแห่งควีนส์เบอร์รี่รุ่นที่เก้าในสายตระกูลดักลาส เขาเป็นชายชราร่างเล็ก ถ้าขึ้นชกบนเวที ก็คงอยู่ในรุ่นไลต์เวท

                “สายัณห์สวัสดิ์เฮนรี่ สายัณห์สวัสดิ์มาเรีย” ลอร์ดควีนสเบอรี่เอ่ยทักทันทีที่เห็นลอร์ดและเลดี้บาธ ก่อนจะเอ่ยทักลูกชายที่เดินตามหลังคนทั้งคู่มา

                “โอ้ สายัณห์สวัสดิ์แมธ ฉันคิดถึงเธอมากเลยเจ้าหนู เสียดายจริงเชียวที่ครั้งก่อนไม่ได้ไปงานเลี้ยงต้อนรับเธอ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอดหมวกโค้งให้ฝ่ายนั้นตามมารยาท “สายัณห์สวัสดิ์ครับลอร์ดควีนสเบอรี่ ผมทราบแล้วครับว่าวันนั้นมีมวยคู่ใหญ่ ผมเองก็เสียใจเหมือนกันที่ไม่ได้ไปชม”

                ลอร์ดควีนสเบอรี่หัวเราะก่อนจะยื่นมือมาตบไหล่คนที่อายุน้อยกว่า “เป็นมวยที่สนุกมาก ฉันหวังทีเดียวว่าสักวันจะได้เห็นเธอขึ้นชกบ้าง”

                “ผมฝันอยากจะขึ้นเวทีที่คุณเป็นคนจัดมาตลอดเลยครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดด้วยความตื่นเต้น แต่ยังไม่ทันที่ลอร์ดควีนสเบอรี่จะทันได้พูดอะไร เสียงของลอร์ดบาธก็ดังขึ้นก่อน

                “จอห์น ผมคิดว่าลูกผมคงไม่เหมาะกับการขึ้นเวทีมวย เขาก็แค่ชอบตามแฟชั่น”

                “งั้นหรือ?” ลอร์ดควีนสเบอรี่ยักไหล่ “จะเป็นอะไรมั้ย ถ้าผมอยากจะคุยเรื่องแฟชั่นที่ว่านี้ให้แมธฟัง คุณก็รู้ว่าผมอยากเจอเขามานานแล้ว”

                ลอร์ดบาธเงียบไปพักหนึ่ง “ตกลง ผมจะไปรอคุณที่โต๊ะ”

                “ขอบใจ เฮนรี่” ลอร์ดควีนส์เบอร์รี่พูด ก่อนจะเดินนำลอร์ดโทรว์บริดจ์ไปที่ระเบียง

                “เธอแน่ใจว่าอยากจะขึ้นชกบนเวทีที่ฉันเป็นคนจัดจริงๆ หรือแมธ?” ลอร์ดควีนสเบอรี่ถามเขา ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “จริงสิครับ เพียงแต่พ่อผมคงไม่ปลื้มเท่าไหร่”

                ลอร์ดควีนสเบอรี่ถอนหายใจ “ที่จริงฉันก็รู้หรอกว่าเฮนรี่ไม่ค่อยชอบเล่นกีฬามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่เหมือนโธมัส จริงสิ แล้วอาของเธอเป็นยังไงบ้าง เขากลับมาพร้อมเธอด้วยรึเปล่า?”

                “ไม่ครับ คุณอาสบายดี เขายังอยู่ที่อเมริกาครับ”

                ลอร์ดควีนสเบอรี่หัวเราะ “ที่นั่นคงเหมาะกับโธมัส ฉันเชื่อ” เขากวาดตามองเอิร์ลหนุ่มอีกครั้ง

                “แมธ ฉันอยากเห็นเธอขึ้นชกจริงๆ นะ ในฐานะที่เธอชื่อเหมือนฉัน อาจจะฟังดูตลกก็ได้ แต่ฉันคิดว่านี่คือสิ่งที่ฉันอยากเห็นก่อนตาย”

                “คุณยังดูแข็งแรงดีอยู่เลยนะครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ลอร์ดควีนสเบอรี่ยักไหล่ “ใครมันจะไปรู้อนาคตกันล่ะ พระเจ้าอาจจะเรียกฉันกลับไปเมื่อไหร่ก็ได้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ก่อนจะพูดขึ้นต่อ “ผมเองก็อยากขึ้นชกมวยบนสังเวียนนานแล้ว เสียแต่พ่อกับแม่คงไม่ยอม... เขาไม่อยากเห็นผมถูกใครต่อยหน้า”

                “นี่คือกีฬาของสุภาพบุรุษ” ลอร์ดควีนสเบอรี่พูด “การถูกต่อยหน้าไม่ได้ทำให้ความเป็นสุภาพบุรุษของเราลดลง ตรงกันข้าม มันทำให้เรารู้สึกถึงความเจ็บปวด รู้จักที่จะเจ็บ และรู้จักที่จะต่อสู้ มวยคือกีฬาของชายชาตรีอย่างแท้จริง”

                “ครับ ผมเห็นด้วย”

                ลอร์ดควีนสเบอรี่ยกมือตบไหล่เขา “แมธ ถ้าเธออยากจะขึ้นชกจริงๆ ฉันพูดเรื่องนี้กับพ่อแม่เธอได้ และคิดว่าพวกเขาน่าจะยอม”

                “จริงหรือครับ!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดด้วยความตื่นเต้น “ได้โปรดเถอะครับลอร์ดควีนสเบอรี่ ผมอยากขึ้นต่อยบนสังเวียนจริงๆ ไม่ต้องบอกว่าผมเป็นคาเวดิชก็ได้”

                “เรื่องนั้นเราจะคุยกันหลังพ่อกับแม่เธออนุญาตแล้ว”

------------------------------------

                หลังฟังลอร์ดควีนสเบอรี่อธิบายถึงเหตุผลที่ควรจะให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้ขึ้นชกมวยบนสังเวียนสักครั้ง ลอร์ดบาธเริ่มรู้สึกคล้อยตามบ้าง แต่เลดี้บาธเป็นห่วงลูกชายของเธอ

                “แม่ไม่อยากให้ลูกเจ็บตัว” เธอบอกลูกชาย ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้แม่ของเขา “ผมเคยต่อยมวยมาแล้วนะครับแม่ ก่อนหน้านี้”

                “แต่มันเป็นแค่การซ้อม” เลดี้บาธพูด แล้วสั่นศีรษะ “ไม่ แม่ไม่อยากให้ลูกขึ้นชก”

                “ไม่เอาน่า มาเรีย” ลอร์ดบาธพูดขึ้น “ลูกของเราควรจะได้เรียนรู้การอยู่บนสังเวียนการต่อสู้สักครั้ง ผู้ชายทุกคนควรจะผ่านเรื่องเจ็บตัวบ้าง ผมเองยังเคยถูกดาบฟันเข้าที่ข้อมือจนเป็นแผลเลย” ถึงแม้ลอร์ดบาธจะไม่ชอบต่อยมวยและเล่นกีฬาชนิดอื่น แต่กีฬาฟันดาบเป็นสิ่งที่เขาถนัด เนื่องจากได้รับการถ่ายทอดมาจากแมทธิว คาเวดิชผู้เป็นบิดา เลดี้บาธเอาแต่ส่ายหน้า

                “ฉันทำใจไม่ได้”

                “ไม่เป็นไรนะครับแม่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดปลอบ “คราวนี้เราจะต่อยแบบมีนวม ไม่พันผ้าเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”

                “ใช่” ลอร์ดควีนสเบอรี่รีบเสริม “กฎใหม่ต้องใส่นวม เธอไม่ต้องกลัวว่าแมธจะมีแผลบนหน้าหรอก นวมจะทำให้ทุกอย่างนุ่มนวลขึ้น เขาแทบจะไม่มีแม้แต่รอยช้ำ”

                “จริงหรือคะ?” เลดี้บาธถามอย่างไม่แน่ใจนัก ลอร์ดบาธกุมมือภรรยา “มาเรียที่รัก เชื่อผมเถอะ นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งที่ลูกควรจะได้เรียนรู้ ในเมื่อเขาอยากจะต่อยมวยมากกว่าฟันดาบ ผมคงทำได้แค่ส่งเขาขึ้นสังเวียน”

                “พูดได้ดี เฮนรี่” ลอร์ดควีนสเบอรี่ว่า “อย่างน้อยๆ นวมก็ไม่บาด”

                “ใช่ครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์สนับสนุน เลดี้บาธนิ่งไปอึดใจ ก่อนจะพยักหน้า แล้วถอนใจยาว “ก็ได้ เพื่อเห็นแก่ความเป็นสุภาพบุรุษของลูก แม่จะไม่คัดค้านเรื่องนี้อีก”

                “ขอบคุณครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดด้วยความดีใจ ขณะที่เลดี้บาธยกผ้าเช็ตหน้าขึ้นซับหัวตา ลอร์ดควีนสเบอรี่เลยรีบพูดต่อ “อย่าเป็นห่วงไปเลยมาเรีย ผมจะหาโค้ชที่ดีที่สุดมาให้แมธ เขาจะพร้อมที่สุดบนสังเวียน ไม่มีอะไรอันตราย เชื่อผมเถอะ”

                “ค่ะ” เลดี้บาธพยักหน้าในที่สุด

-------------------------------------------------

                “อะไรนะ คุณจะต่อยมวยหรือ?” กอร์ดอนร้องออกมา เขาและลอร์ดโทรว์บริดจ์นัดเจอกันที่บาร์บีช็อตในเย็นวันรุ่งขึ้น สิ่งแรกที่ลอร์ดหนุ่มเล่าให้เขาฟังหลังเจอหน้ากันคือเรื่องต่อยมวย

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ทำไมคุณทำหน้าแบบนั้นล่ะกอร์ดอน”

                “เอ่อ...” กอร์ดอนพูดค้าง “ผมไม่คิดว่าคุณจะต่อยมวยด้วย”

                “ผมเคยเรียนตอนอยู่อีตัน อันที่จริงผมชอบนะ แต่พ่อกับแม่ไม่ค่อยเห็นด้วย พ่ออยากให้ผมฟันดาบ”

                “หา? คุณเคยเรียนอีตันด้วยเหรอ?” แจ็คสันถามขึ้น กอร์ดอนรีบพูดกลบเกลื่อน “คุณฟังยังไงเป็นอีตันน่ะแจ็ค จอห์นพูดว่าบรูตันชัดๆ”

                แจ็คสันเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “อย่างนั้นหรือ แต่ผมได้ยินว่าอีตันนะ”

                “คุณต้องไปตรวจหูแล้วล่ะแจ็ค” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมบอกว่าบรูตัน นี่คุณจะให้ผมเป็นลอร์ดโทรว์บริดจ์ให้ได้เลยใช่มั้ย?”

                คราวนี้แจ็คสันหัวเราะออกมา “นั่นสินะ มันจะเป็นอีตันไปได้ยังไง ผมนี่ท่าจะแย่แล้ว”

                “ขอเหล้ารัมให้ผมแก้วนึง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่ง “ผมกำลังตื่นเต้นที่จะได้ขึ้นต่อยมวยด้วยกติกาใหม่”

                “ใส่นวมใช่มั้ย?” แจ็คสันว่า “ผมว่าความสนุกของคนดูน่าจะลดลง”

                “แต่มันจะดูป่าเถื่อนน้อยลงนะ” กอร์ดอนแย้ง “ผมเคยเห็นนักมวยคนนึงถูกต่อยจนกรามหัก สภาพไม่น่าดูเลย”

                “ว้าว ผมไม่รู้มาก่อนว่าคุณชอบดูมวยด้วย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองคนตรงหน้าด้วยความแปลกใจ กอร์ดอนสั่นศีรษะ “เปล่า ผมเคยถูกช่างในร้านลากไป เสียพนันไปหลายปอนด์ด้วย”

                “คุณไปดูที่ไหน?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามด้วยความสนใจ ช่างตัดเสื้อหนุ่มพูดปัด “บอกไปคุณก็ไม่รู้จักหรอก”

                “ไม่เอาน่ากอร์ดอน” แจ็คสันพูดขึ้นบ้าง “คุณแน่ใจได้ยังไงว่าจอห์นจะไม่รู้จัก ไม่แน่นะ เขาอาจจะเคยไปต่อยที่นั่นมาแล้วก็ได้”

                กอร์ดอนอยากจะแย้งว่าไม่มีทางที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะไปต่อยมวยในที่แบบนั้นเด็ดขาด แต่ก็ต้องเก็บคำพูดไว้

                “บาร์ไม่มีชื่อในตรอกแถวถนนฮาเลย์ฟอร์ด” ช่างตัดเสื้อหนุ่มว่า ก่อนจะรีบพูดต่อเมื่อเห็นสีหน้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์ “ไม่ต้องพยายามไปหานะ ผมแน่ใจว่าตอนนี้มันปิดตัวไปแล้ว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมา “ไม่เป็นไร งั้นคราวนี้คุณพนันข้างผมแล้วกัน จะได้ไม่เสียเงินฟรี”

                “ไม่ดีกว่า ผมว่าจะเลิกเล่นพนันล่ะ” กอร์ดอนสั่นศีรษะ แจ็คสันวางแก้วเหล้ารัมตรงหน้าลอร์ดโทรว์บริดจ์ แล้วพูดต่อ “ว่าแต่คุณจะไปชกมวยที่ไหน จอห์น คงไม่ใช่บาร์ที่กอร์ดอนว่าหรอกนะ เพราะดูท่าคงปิดไปแล้ว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ยังไม่รู้เลย ผมต้องคุยเรื่องนี้กับผู้จัดการก่อน”

                “โอ้โห คุณมีผู้จัดการด้วย นี่หัวหน้าคุณเขาเปลี่ยนใจเลิกจ้างคุณคุมเหมืองแต่ให้ไปต่อยมวยแทนแล้วหรือไง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะชอบใจ “ผมยังรักงานคุมเหมืองอยู่นะ ต่อยมวยแค่งานอดิเรก”

                “ฮ่าๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกแก้วเหล้ารัมขึ้นดื่ม “ว้าว รสชาติดีกว่าที่เหมืองลิบลับ”

                แจ็คสันหัวเราะอีก “ถึงมันจะเป็นแค่เหล้ารัม แต่ผมก็คัดที่มีระดับมานะคุณ”

                “รสชาติมันดีขนาดนั้นเลยหรือ?” กอร์ดอนถามด้วยความสงสัย แจ็คสันยักไหล่ “จะลองมั้ย? แต่ผมว่าคุณอาจจะสำลัก”

                “อ้าว ไหนคุณบอกว่ารสชาติดีไง”

                “ผมเปล่า” แจ็คสันปฏิเสธ ก่อนจะบุ้ยหน้าไปทางลอร์ดโทรว์บริดจ์ “เขาต่างหาก”

                กอร์ดอนหันมองตาม และเห็นเอิร์ลหนุ่มกำลังมองเขายิ้มๆ “คุณไม่ต้องสั่งมาใหม่หรอก ลองแก้วผมก็ได้”

                “ไม่เป็นไร ผมสั่งใหม่ดีกว่า”

                “คิดให้ดีก่อนนะ” แจ็คสันว่า “เหล้าน่ะผมไม่เสียดายหรอก แต่กลัวคุณจะหน้าแตกเพราะแม่สาวแอนนาเบลเดินเข้ามาตอนคุณกำลังสำลักพอดี”

                ช่างตัดเสื้อหนุ่มทำหน้าหงุดหงิด “นี่คุณจะล้อผมเรื่องนั้นอีกนานมั้ย ครั้งนั้นผมแค่ตื่นเต้นไปหน่อย แต่คราวนี้ไม่เป็นแล้ว เอาเหล้ารัมมาให้ผมแก้วนึง”

                แจ็คสันหันไปยักไหล่กับลอร์ดโทรว์บริดจ์ ก่อนจะรินเหล้ารัมมาวางตรงหน้ากอร์ดอน

                “เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ”

                “ค่อยๆ จิบ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด แต่ดูท่าจะช้าไปหน่อย กอร์ดอนยกแก้วเหล้ารัมขึ้นดื่มรวดเดียว และสำลักทันทีหลังจากนั้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้เขา ขณะที่แจ็คสันเอาแต่สั่นศีรษะ และหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดเหล้าที่ฝ่ายนั้นทำหก

                “บอกแล้วไม่เชื่อ...”

                กอร์ดอนสำลักจนน้ำหูน้ำตาไหล เขาไออยู่นาน กว่าจะเค้นคำพูดออกมาได้ “คะ... คุณดื่มเข้าไปได้ไงเนี่ย?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เขาพลางยักไหล่ “ก็ผมเป็นผู้จัดการเหมือง... ส่วนคุณเป็นช่างตัดเสื้อ”

                “อ่อก” กอร์ดอนสำลักอีกครั้ง ก่อนจะครางออกมา “ให้ตาย... คุณนี่มัน...”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-02-2017 21:30:06 โดย juon »

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
                “โอ้ กอร์ดอนที่น่าสงสารของฉัน เกิดอะไรขึ้นกับคุณอีกแล้ว” แอนนาเบลในชุดสีฟ้าสดใสเดินเข้ามาทักเขาด้วยความเป็นห่วง กอร์ดอนหน้าแดงจัดกว่าเดิมทันที แจ็คสันส่ายหน้าด้วยความระอา

                “เขาสำลักเหล้ารัม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ช่วยตอบให้ แอนนาเบลหันมามองเขา “โอ้ สายัณห์สวัสดิ์ค่ะจอห์น ฉันคิดว่าคุณจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว เห็นกอร์ดอนบอกว่าคุณยุ่งมาก”

                “ตอนนี้เรื่องยุ่งหมดไปแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า กอร์ดอนเหลือบตามองเขาเป็นเชิงค้อน แอนนาเบลหันไปปลอบช่างตัดเสื้อหนุ่ม “คุณเป็นไงบ้างคะกอร์ดอน”

                “ผะ... ผมไม่เป็นไร” กอร์ดอนพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้ตัวเองดูปกติที่สุด แต่รสชาติการสำลักเหล้ารัมนั้นช่างเหลือร้าย ชายหนุ่มไออีกครั้ง และอีกครั้ง

                “แจ็คสัน คุณนึกไงเอาเหล้ารัมให้เขาดื่มคะเนี่ย” แอนนาเบลหันมาไล่เบี้ยกับบาร์เทนเดอร์แทน แจ็คสันยักไหล่ “ผมเปล่านะ เขาขอดื่มเอง ผมเตือนแล้ว”

                “พระเจ้า...” แอนนาเบลคราง ก่อนจะนั่งลงข้างๆ แล้วใช้มือลูบหลังช่างตัดเสื้อหนุ่มด้วยความสงสาร ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองอยู่พักหนึ่งก็ถามขึ้นมา “วันนี้เพื่อนคุณไม่มาด้วยหรือ?”

                “หมายถึงมอลลีนหรือคะ? โอ้ เธอติดธุระค่ะ ถ้าเธอรู้ว่าคุณมาวันนี้เธอคงอยากจะมาเหมือนกัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา “เพราะงั้นคุณเลยมาคนเดียว?”

                “ค่ะ” แอนนาเบลพยักหน้า แล้วหน้าแดงเล็กน้อย “ที่จริงฉันเป็นห่วงกอร์ดอน วันก่อนที่พบกันเขาดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่...”

                “อ้อ...”

                “เอ่อ...” แอนนาเบลมีท่าทางลังเล เพราะไม่รู้ว่าสมควรจะพูดดีหรือไม่ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลยพูดขึ้นต่อ “เขามีปัญหาหัวใจ ใช่มั้ย?”

                “เอ่อ... ค่ะ เขาคงเล่าให้คุณฟังละเอียดกว่าฉัน” แอนนาเบลพูดอายๆ “ฉันเป็นห่วง เห็นเขาหายไปเลย”

                “ผมดีใจมากที่คุณเป็นห่วงผม” กอร์ดอนเค้นคำพูดออกมาได้ในที่สุด ใบหน้าของเขาแดงจัด เขากำผ้าเช็ดหน้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์เอาไว้แน่นขณะพูด “ขอบใจมากนะแอน ที่ห่วงผมขนาดนี้”

                “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” แอนนาเบลพยักหน้า “แล้ว... เอ่อ... คุณเป็นไงบ้างคะ? ฉันหมายถึง เรื่องระหว่างคุณกับผู้หญิงอีกคน...”

                “อ๋อ... เรื่องนั้น” ใบหน้าของกอร์ดอนยังคงเป็นสีแดงจัด “ผมตกลงใจได้แล้วครับ”

                “ค่ะ?”

                “ผมรักเธอ... ผมขอโทษนะแอน... แต่ผมคิดดีแล้ว”

                แอนนาเบลจับมือของกอร์ดอนมาบีบ แล้วยิ้มให้เขา “ดีใจด้วยค่ะกอร์ดอน ที่จริงฉันรู้ตั้งแต่เห็นคุณวันนั้นแล้วว่าคุณต้องหลงรักเธอมานานแล้ว เพียงแต่คุณเพิ่งรู้ตัว”

                “งะ... งั้นหรือครับ” กอร์ดอนก้มหน้าด้วยความเขินอาย แอนนาเบลมองเขาแล้วพูดต่อ “แล้วคุณบอกเธอหรือยังคะ? เธอโอเคมั้ย? ฉันเห็นคุณถึงกับดื่มเหล้ารัมแล้วยิ่งรู้สึกเป็นห่วง”

                “อ๋อ ผมบอกเธอแล้ว” กอร์ดอนรีบพูด “พวกเราไปกันได้ดีครับ ผมไม่ได้อกหัก... ผมแค่อยากลองเหล้ารัมเฉยๆ”

                แอนนาเบลมองอย่างไม่เชื่อนัก แจ็คสันเลยพูดเสริม “เชื่อเถอะคุณผู้หญิง วันนี้กอร์ดอนไม่มีมาดของคนอกหักเลยแม้แต่น้อย เขาแค่คิดเอาเองว่าเหล้ารัมต้องรสชาติดี ไม่สิ... เพราะมีคนพูดแบบนั้นเขาเลยเชื่อ”

                “ใครพูดคะเนี่ย?”

                “ผม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะรีบพูดต่อ “แต่ผมไม่มีเจตนาทำร้ายกอร์ดอนของคุณนะ”

                “โอ้... จอห์น” แอนนาเบลครางออกมา “คุณก็รู้ว่ากอร์ดอนเป็นคนยังไง ได้โปรดเถอะค่ะ วันหลังอย่าทำให้เขาเข้าใจผิดแบบนี้อีก”

                “อืม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า แจ็คสันยักไหล่ ขณะที่กอร์ดอนพูดขึ้น “ไม่ใช่ความผิดของจอห์นหรอกแอน ผมอยากลองของผมเอง”

                “โธ่... กอร์ดอน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปยักไหล่ให้แจ็คสัน แล้วพูดต่อ “แอนนาเบล วันนี้คุณควรดีใจกับกอร์ดอนรู้มั้ย เพราะในที่สุดเขาก็รู้ใจตัวเองเสียทีว่ารักใครกันแน่”

                แอนนาเบลหันมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ ก่อนจะพยักหน้า “นั่นสิคะ แต่แหม... เห็นเขาสำลักเหล้ารัมแบบนี้ ฉันอดเป็นห่วงไม่ได้นี่นา”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มกว้าง “จะว่าอะไรมั้ย ถ้าผมจะขอคุณเต้นรำสักเพลง ฉลองให้กอร์ดอนที่รักของเรา”

                หญิงสาวมองเขาอย่างงุนงง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลุกขึ้น แล้วโค้งให้เธอ “เต้นรำกับผมนะ”

                แอนนาเบลหันไปมองกอร์ดอน ช่างตัดเสื้อหนุ่มสั่นศีรษะ “ผมเต้นรำไม่เป็น เต้นกับเขาเถอะ”

                หญิงสาวหันกลับไปมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ ก่อนจะส่งมือให้เขา แจ็คสันหันไปสั่งนักดนตรีที่เล่นไวโอลินอยู่ตรงมุมหนึ่งของบาร์ “เฮ้ เบอร์ตี้ ขอดนตรีหน่อย จอห์นเขาอยากจะเต้นรำฉลองความรักให้กอร์ดอนเพื่อนเขา”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จูงแอนนาเบลมาที่ฟลอร์กลางร้าน แล้วเริ่มเต้นรำ

                “แอนนาเบล ผมถามอะไรคุณอย่างได้มั้ย?”

                “คะ?”

                “คุณชอบกอร์ดอนรึเปล่า?”

                หญิงสาวเลิกคิ้ว “ทำไมหรือคะ?”

                “ผมเห็นคุณเป็นห่วงเขามาก”

                แอนนาเบลถอนใจ “ฉันจะว่าคุณตรงไปตรงมา หรือไม่มีมารยาทดีคะเนี่ย?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม “ผมอยากให้คุณเลือกข้อแรก แต่ทุกคนมักเลือกข้อสองเสมอ”

                “ฉันเขาใจค่ะ” เธอพยักหน้า แล้วถอนใจ “คุณนี่เหมือนท่านเอิร์ลแค่หน้าตาจริงๆ ด้วย”

                ชายหนุ่มหัวเราะ “ตกลงบอกผมได้มั้ย ว่าคุณชอบกอร์ดอนรึเปล่า?”

                “ฉันชอบเขา” แอนนาเบลว่า ก่อนจะรีบพูดต่อ “แต่แบบน้องชายนะคะ... ฉันรู้หรอกว่าเขาอายุเยอะกว่าฉัน แต่เขาน่าสงสาร มีชีวิตอยู่แค่ในร้านตัดเสื้อ สังคมของเขาแคบจนน่าตกใจ ฉันยังแปลกใจเลยว่าเขาสนิทกับผู้จัดการเหมืองอย่างคุณได้ไง”

                “มันคงเป็นการชักนำของพระเจ้า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “โรงเรียนคุณเป็นยังไงบ้าง นักเรียนดื้อมั้ย?”

                “ก็ตามประสาเด็กนั่นล่ะค่ะ” แอนนาเบลตอบ “คุณล่ะคะ หายไปหลายวันเลย งานที่เหมืองคงยุ่งมาก”

                “อืม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “อุตสาหกรรมทำให้ดีบุกขาดตลาด พวกเราแทบจะทำงานกันยี่สิบสี่ชั่วโมงจนเกือบจะไม่มีเวลานอนด้วยซ้ำ”

                “แหม... แต่วันนี้คุณก็มีเวลามาที่นี่นี่คะ แถมหน้าตาคุณก็ไม่ดูเหมือนคนอดหลับอดนอนเลยสักนิด”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “ก็คนอดนอนไม่ใช่ผมนี่”

                แอนนาเบลยิ้มแล้วสั่นศีรษะด้วยความเพลียใจ พวกเขาเต้นรำกันจนจบเพลง เอิร์ลหนุ่มจูงมือหญิงสาวกลับมาส่งที่เก้าอี้

                “เต้นได้เก่งมาก จอห์น ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้จัดการเหมืองจะเต้นรำเก่งขนาดนี้” แจ็คสันว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “ผมไม่ได้เต้นรำเก่งอย่างเดียวนะ”

                โดยไม่รอให้ใครพูดอะไรต่อ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอยหลังไปสองสามก้าว แล้วเริ่มเคาะเท้าลงกับพื้น ไม่นานคนอื่นๆ ที่อยู่ในบาร์ก็เริ่มหันมองเขา จากนั้นก็มีเสียงปรบมือให้จังหวะ

                “นี่กอร์ดอน เพื่อนคุณนี่ไม่ธรรมดาเลยนะ เขาเต้นไอริชแดนซ์ได้อย่างกับนักเต้นอาชีพ ผมชักไม่อยากเชื่อแล้วสิว่าเขาเป็นแค่ผู้จัดการเหมือง”

                กอร์ดอนหัวเราะ “คุณคงไม่คิดว่าเขาคือลอร์ดโทรว์บริดจ์หรอก ใช่มั้ย?”

                “ถ้าหนังสือพิมพ์จะลงข่าวว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์เต้นเก่ง และชอบดื่มเหล้ารัม ผมอาจจะเชื่อก็ได้” แจ็คสันพูดแล้วหัวเราะ ขณะที่แอนนาเบลได้แต่ส่ายศีรษะ “กอร์ดอน เพื่อนคุณนี่จริงๆ เลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้กับเสียงปรบมือ ก่อนจะหันมาที่เคาน์เตอร์บาร์อีกครั้ง “เฮ้ กอร์ดอน มาเต้นด้วยกันกับผมสิ”

                “หา?” กอร์ดอนทำหน้าเหวอ ลอร์ดโทรว์บริดจ์หยุดเต้นแล้วเดินไปดึงตัวอีกฝ่ายขึ้นมาจากเก้าอี้ “มา ผมรู้คุณเต้นได้”

                กอร์ดอนผู้น่าสงสารได้แต่ยืนหันรีหันขวาง ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เคาะเท้าต่อ “ไม่เอาน่า เต้นกับผมหน่อยสิ หรือคุณอยากให้ผมจับคุณเต้นรำ?”

                กอร์ดอนถลึงตามองฝ่ายตรงข้าม ก่อนจะเริ่มเคาะเท้าบ้าง

                “ว้าว กอร์ดอนของคุณก็ไม่ธรรมดานะเนี่ย” แจ็คสันหันไปพูดกับแอนนาเบล “พวกเขาคงเคยเต้นด้วยกันแน่”

                หญิงสาวพยักหน้า เธอเริ่มปรบมือให้จังหวะตาม ไม่นานนักก็มีคนอื่นมาร่วมเต้นด้วย จนทั้งร้านมีแต่เสียงปรบมือและเสียงเคาะเท้า

                “ยอดเยี่ยมๆ” เสียงปรบมือดังขึ้นหลังจากการเต้นยาวนานเกือบห้านาทีสิ้นสุดลง กอร์ดอนหอบหายใจ คิดว่าถ้ายังเต้นต่ออีกนิด เขาคงได้ขาดใจแน่ แอนนาเบลมองเขาด้วยความประทับใจ ใครหลายคนเข้ามาพูดคุยกับเขาและลอร์ดโทรว์บริดจ์ จากนั้นก็ชวนกันดื่ม กว่าจะออกจากบาร์ กอร์ดอนก็แทบจะเดินไม่เป็น

-------------------------------------------------

                “นี่ จอห์น... คุณร้ายมากเลยรู้มั้ย?” กอร์ดอนพูดหลังจากขึ้นรถม้าแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันมองเขา “ยังไง?”

                “ก็คุณชวนแอนไปเต้นรำต่อหน้าผม ไม่คิดบ้างหรือว่าผมจะรู้สึกยังไง?”

                เอิร์ลหนุ่มยิ้มออกมา เขาขยับเข้าไปใกล้ช่างตัดเสื้ออีก “คุณรู้สึกยังไงล่ะ?”

                “ผมก็หึงน่ะสิ” กอร์ดอนว่า “แต่ไม่รู้ว่าควรจะหึงคุณหรือแอนดี”

                คราวนี้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ครางออกมา “ทำไมกลายเป็นอย่างนั้นล่ะ คุณควรจะหึงผมสิ ไม่ใช่หึงแอน”

                “แล้วทำไมผมถึงจะหึงแอนไม่ได้” กอร์ดอนเถียง “ผมเคยชอบแอนมาก่อน จนตอนนี้ผมก็ยังคิดว่าผมชอบเธอนะ แต่ผมดันรักคุณซะได้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ชะงักไปแว้บหนึ่ง ก่อนจะรีบดึงใบหน้าของอีกฝ่ายเข้ามาจูบ

                “อื้อ...” กอร์ดอนดิ้นและพยายามผลักเขาออก “คุณจะปิดปากผมหรือ?”

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “ผมอยากจะปิดปากคุณไว้แบบนี้ทั้งคืนเลย”

                “ไม่ได้” กอร์ดอนสั่นศีรษะ “พรุ่งนี้ผมต้องทำงาน ยังต้องคุยกับคนอื่นอีก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “พรุ่งนี้วันอาทิตย์ คุณหยุด”

                “ไม่ ผมจำได้ว่าพรุ่งนี้วันเสาร์”

                จังหวะนั้นรถม้าก็หยุดลงพอดี ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบลง และดึงตัวอีกฝ่ายลงตามมา ก่อนจะกดกริ่งเรียกเด็กรับใช้

-----------------------------------------------

                “อ้าว ท่านลอร์ด” เดวิดร้องด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นคนที่พยุงตัวเจ้านายลงมาจากรถม้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้าให้เขา ขณะที่กอร์ดอนพูดขึ้น “เปิดประตูสิ ฉันง่วง”

                เด็กรับใช้รีบกุลีกุจอเปิดประตูทันที กอร์ดอนผลักลอร์ดโทรว์บริดจ์ออก และพยายามเดินเอง แต่กลับเซไปชนกรอบประตูดังโครม ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบดึงตัวเขาออกมา “ประตูไม่ได้อยู่ตรงนั้น ผมไปส่งคุณดีกว่า”

                “ไม่ ผมเดินเองได้” กอร์ดอนว่า พยายามจะผลักอีกฝ่ายออกอีกครั้ง แต่กลับเป็นตัวเขาเองที่เซไปเซมา “ให้ตาย... ทำไมพื้นถึงเอียงแบบนี้”

                 ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจพลางส่ายหน้า เขาตัดสินใจยกตัวฝ่ายนั้นขึ้นพาดบ่าเหมือนที่เคยทำเมื่อครั้งก่อน กอร์ดอนร้องโวยวายทันที “คุณทำอะไรเนี่ย”

                “วางทรัย” เอิร์ลหนุ่มตอบ แล้วเดินจ้ำๆ ขึ้นบันไดไป กอร์ดอนยกมือทุบหลังเขาไปตลอดทาง เดวิดรีบปิดประตูร้าน แล้ววิ่งขึ้นไปเปิดประตูห้องนอนของเจ้านายรอท่าทันที

                “ขอบใจนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขณะเดินเข้าห้อง “ปิดประตูแล้วลงไปรอข้างล่าง ฉันอยากจัดการให้แน่ใจว่าเจ้านายของเธอจะไม่อาละวาดแทนที่จะนอน”

                “ครับ ท่านลอร์ด” เด็กหนุ่มพยักหน้า ก่อนจะปิดประตู แล้วลงบันไดไป ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตรงไปที่เตียงนอน ก่อนจะกึ่งวางกึ่งทุ่มอีกฝ่ายลงไป

                “โอ๊ย!” กอร์ดอนร้อง และฉวยคอเสื้ออีกฝ่ายเอาไว้ “คุณจะทำอะไรเนี่ย”

                “ผมบอกคุณแล้วว่าวางทรัย”

                “ผมไม่ใช่ลูกรักบี้นะ” อีกฝ่ายแย้ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขา แล้วพยักหน้า “ที่จริงผมก็ไม่เคยคิดว่าคุณเป็นลูกรักบี้”

                ทั้งคู่จ้องหน้ากันอยู่พัก ก่อนที่ลอร์ดหนุ่มจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน “กอร์ดอน คุณจะปล่อยผมมั้ย?”

                คนถูกถามทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจคำถาม ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขบริมฝีปาก “ถ้าคุณไม่ปล่อย ก็อย่าหาว่าผมใจร้าย”

                ยังไม่ทันที่กอร์ดอนจะได้ตอบหรือทำอะไร ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ทิ้งตัวลงไปบนเตียง ซุกหน้าลงไปตรงซอกคอของเขา แล้วเริ่มขย้ำจูบ คราวนี้ช่างตัดเสื้อหนุ่มรีบปล่อยมือทันที

                “คุณทำ...” คำพูดของเขาถูกริมฝีปากของอีกฝ่ายดูดกลืนไปหมด กอร์ดอนสะดุ้งสุดตัว เขาพยายามผลักฝ่ายนั้นออกแต่ดูจะไม่เป็นผล เรี่ยวแรงของเขาเริ่มหายไปเรื่อยๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์กดมือของกอร์ดอนแนบลงกับเตียง ผละริมฝีปากออกเล็กน้อย ก่อนจะย้ำจูบที่ล้ำลึกและรุนแรงกว่าเดิม คราวนี้กอร์ดอนดิ้นสุดแรงจนเท้าของเขากระแทกเข้ากับเตียงเสียงดังโครม

                ก็อกๆ

                เสียงเคาะประตูทำให้เอิร์ลหนุ่มสะดุ้ง เขารีบผละออกจากร่างที่นอนอยู่บนเตียงทันที ได้ยินเสียงเดวิดตะโกนข้ามมา “ท่านลอร์ดครับ มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ ผมได้ยินเสียงดังที่ด้านล่าง”

                “อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก เจ้านายเธอแค่ไม่ยอมนอนดีๆ แต่ฉันจัดการได้แล้ว”

                “ครับ... จะให้ผมไปเรียกรถม้ารอไว้มั้ยครับ?”

                “ได้ ดีเลย เดี๋ยวฉันจะตามลงไป”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์รอจนได้ยินเสียงเด็กรับใช้เดินลงบันได ก็ถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันกลับไปหากอร์ดอนอีกครั้ง และพบว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้ว

                “ให้ตายเถอะ...” เอิร์ลหนุ่มคราง เขาจัดเสื้อผ้าให้กอร์ดอนใหม่ แล้วหยิบผ้าห่มมาห่มให้ ก่อนจะจัดเสื้อผ้าให้ตัวเอง แล้วเดินลงมาข้างล่าง

                “เดวิด ปกติเจ้านายเธอเมาบ่อยมั้ย?”

                เด็กรับใช้สั่นศีรษะ “ไม่เลยครับ คุณโอเดนเบิร์กพูดเสมอว่าเขาไปไหนมาไหนคนเดียว ถ้าเมาแล้วจะลำบาก ผมเพิ่งเห็นเขาเมาตอนไปกับคุณนี่แหละครับ”

                “อ้อ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ขอบใจนะ”

                “ไม่เป็นไรครับ” เดวิดพูด เขาเดินไปส่งฝ่ายนั้นจนถึงรถม้า ก่อนจะกลับมาปิดประตูร้าน

-------------------------------------
(จบตอน)
** โอ๊ย ดิฉันเพิ่งปล่อยไก่ไปในตอนก่อน ฮ่าๆ (กุ๊กๆ วิ่งเก็บไก่) เพิ่งค้นพบว่าการเต้นแท็ป มีในอเมริกา ช่วงปี1900 นี่เองค่ะ ฮ่าๆ (เนื้อหาในเรื่องอยู่ประมาณช่วงปี188x-189x ปลายๆ รัชสมัยพระราชินีวิกเตอเรีย) ส่วนเต้นแบบเคาะเท้า (ที่เราเข้าใจไปเองว่ามันคือการเต้นแท็ป) เป็นไอริชแดนซ์ (ที่จริงน่าจะมีใกล้เคียงในกันประเทศยุโรปอื่นอีก เช่นเยอรมัน แต่เรื่องมันเกิดในอังกฤษ ไอริชแดนซ์นี่ดูแล้วเข้าท่าสุดล่ะ) ขออภัยในความไก่ของดิฉันด้วยย (ค่อนข้างแน่ใจว่ายังจะมีไก่อีกหลายเล้า แต่ยังหาไม่เจอว่าหลุดอยู่ตรงไหนบ้าง :katai1:)
.
ตอนนี้คิดว่ามีความมุ้งมิ้ง (?) ช่างตัดเสื้อเริ่มขี้เมา แล้วท่านลอร์ดก็ไม่คล้ายผู้จัดการเหมืองอีกต่อไป แต่เหมือนนักเต้น (และอนาคตอาจจะเป็นนักมวย) บางทีเราก็แอบคิดนะ ว่าพ่อกับแม่ของท่านลอร์ดคงแอบตามใจมากแหละ ดูสิ ทำแต่ละอย่าง ฮ่าๆ (ก็ลูกชายคนเดียวนี่นา)
.
เหล้ารัมจริงๆ น่าจะบาดคอมาก อิฉันไม่เคยลอง แต่อ่านส่วนผสมแล้วมันไม่น่านุ่มคอแน่นอน เหล้าคนงานโดยแท้ แต่ท่านลอร์ดดื่มได้นะคะ อเมริกาทำให้ท่านลอร์ดของเราสตรองมาก (อนาคตอาจจะได้เขียนอะไรเกี่ยวกับชีวิตท่านลอร์ดตอนอยู่ที่นั่นบ้าง)
.
ตอนนี้ลอร์ดเฟลตันไม่มีบท แอบคิดถึงค่ะ ส่วนตัวเราชอบฉากท่านลอร์ดเล่นเปียโนมาก อยากจะเขียนช็อตหล่อๆ ที่นั่งเล่นเปียโนอยู่ในโถงแล้วมีแสงแดดสาดส่อง ว้าว (มโนไปไกลมาก)
.
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-02-2017 21:30:36 โดย juon »

ออฟไลน์ shinachan

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
พอเมาแล้ว...อื้อหื๋อ อันตรายจริงๆ

รักนิยายพี่จูออนทุกเรื่องเลยยยยย

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ฉันมารอพี่ที่ท่าเรือทุกวันเลยเจ้าค่ะ ยอมรับว่าหลงใหลสำนวนของคนเขียนมาก ดีต่อใจ
ปล.เหล้ารัมแรงมากบาดคอสุดๆ แต่ดีตรงจะได้กลิ่นหอมของเหล้าแบบเต็มๆคนคออ่อนดื่มอาจน็อคได้

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อือ....กอร์ดอน หึงแต่ไม่รู้หึงใคร
ระหว่างลอร์ด กับแอนนาเบล
ลอร์ด กอร์ดอน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
คู่นี่เค้าเหมาะกันดีจริงๆ 5555555

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
น่ารักเนอะ

ท่านลอร์ดทำให้ชีวิตกอร์ดอนมีสัสันขึ้นเยอะเลย

ปล. ชื่อตอนตกเลข 0 ไปหรือเปล่าจ๊ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
น่ารักเนอะ

ท่านลอร์ดทำให้ชีวิตกอร์ดอนมีสัสันขึ้นเยอะเลย

ปล. ชื่อตอนตกเลข 0 ไปหรือเปล่าจ๊ะ

ลืมจริง ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ praewp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
คิดถึงแก๊งเพื่อนท่านหลอด :mew1:

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ตอดเล็กตอดน้อยตลอดอ่ะ ~

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog


Dear, My customer.

ตอนที่11 ใฝ่ฝัน หวั่นไหว จดจำ


                กอร์ดอนตื่นสายโด่งในวันรุ่งขึ้น นอกจากจะมีอาการปวดศีรษะจากการเมาค้างแล้ว เขายังปวดเมื่อยตามตัวราวกับถูกสั่งให้ลากรถเข็นผ้าหนักหลายสิบกิโลจากท่าเรือมาส่งที่ร้าน เหตุผลคงเป็นอื่นใดไปไม่ได้ นอกเสียจากเรื่องที่เขาถูกลอร์ดโทรว์บริดจ์ลากให้เต้นไอริชแดนซ์เสียจนหอบ กอร์ดอนนึกสงสัยว่าผิดที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่คิดว่าเขาอายุเท่าไหร่และทำงานอะไร หรือผิดที่เขากันแน่ที่ไม่เจียมตัวไปหลงเต้นกับฝ่ายนั้นเข้ากันแน่ ถึงอย่างนั้นช่างตัดเสื้อหนุ่มก็อดที่จะยกมุมปากขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้ เมื่อนึกถึงสีหน้ามีความสุขของลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอนที่เต้นกับเขา

                กอร์ดอนลุกขึ้นล้างหน้าล้างตาและเปลี่ยนเสื้อผ้า ขณะที่กำลังโกนหนวด เขาสังเกตเห็นรอยช้ำเป็นจุดสีแดงอยู่ตรงเนินไหล่ข้างไหปราร้า ชายหนุ่มนึกสงสัยว่ารอยนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร เมื่อคืนหลังเต้นกับลอร์ดโทรว์บริดจ์และคนอื่นๆ เขาก็ดื่มหนักจนจำอะไรไม่ได้ บางทีอาจจะไปกระแทกเข้ากับอะไรสักอย่างระหว่างกลับมาล่ะมั้ง พอคิดว่าคนที่มาส่งคงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากลอร์ดโทรว์บริดจ์ กอร์ดอนก็นึกละอายขึ้นมา ตั้งแต่รู้จักกับฝ่ายนั้น เขาเมาจนลอร์ดโทรว์บริดจ์ต้องมาส่งถึงสามหนแล้ว เขาไม่น่าปล่อยตัวปล่อยใจขนาดนี้เลย ถึงลอร์ดโทรว์บริดจ์จะดีกับเขา แต่ก็ใช่ว่าเขาควรจะทำตัวเป็นภาระให้ฝ่ายนั้นทุกครั้งไป

                “อรุณสวัสดิ์ครับ คุณโอเดนเบิร์ก” เดวิดเอ่ยทักทายทันทีที่เห็นเขาเดินลงไปชั้นล่าง กอร์ดอนทักทายตอบ “อรุณสวัสดิ์เดวิด เมื่อคืนฉันกลับมาถึงกี่โมง”

                “ราวๆ ห้าทุ่มครึ่งครับ” เด็กหนุ่มตอบ และพูดต่อ “เมื่อคืนคุณเมาอาละวาดด้วยนะครับ”

                กอร์ดอนหน้าแดงวาบด้วยความละอายยิ่งกว่าเดิม “อย่างนั้นหรือ... ฉันอาละวาดเยอะมั้ย? ลอร์ดโทรว์บริดจ์เป็นอะไรรึเปล่า?”

                เดวิดสั่นศีรษะพลางยิ้ม “ไม่เลยครับ เขาแบกคุณขึ้นไปบนห้อง ผมได้ยินเสียงเอะอะนิดหน่อย แต่พอไปถามแล้วก็ไม่มีอะไร”

                “อืม...” ช่างตัดเสื้อรู้สึกละอายใจกว่าเดิม “ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลำบากเพราะฉันแท้ๆ”

                “ว่าแต่เมื่อคืนพวกคุณเจอกันที่บาร์หรือครับ?”

                “เขาไม่ได้ไปที่บาร์หรอก” กอร์ดอนรีบปฏิเสธ “ฉันบังเอิญเจอเขาตอนออกมา ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปทำอะไรแถวนั้น”

                “อ๋อ...” เดวิดพยักหน้า “ผมเห็นท่านเอิร์ลแต่งตัวธรรมดามาก คิดว่าพวกคุณนัดเจอกันที่นั่นซะอีก”

                “ทะ... ทำไมฉันต้องนัดกับเขาด้วยล่ะ” ช่างตัดเสื้อรู้สึกร้อนตัวขึ้นมา เด็กรับใช้ยังคงพูดต่อ “ก็เขาชอบชวนคุณออกไปข้างนอกบ่อยๆ นี่ครับ ตอนเห็นเขาพยุงคุณลงมาจากรถม้า ผมยังงงเลย แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าพวกคุณคงนัดเจอกันที่บาร์ ผมว่าท่านลอร์ดดูสนอกสนใจการใช้ชีวิตแบบชาวบ้าน แต่ไปคนเดียวอาจจะเขิน เลยชวนคุณไปด้วยอะไรเทือกนั้น”

                ถึงจะรู้สึกเหมือนถูกจับได้ว่าแอบนัดเจอกัน แต่กอร์ดอนก็อดขำข้อสังเกตของเดวิดไม่ได้ “อืม ใช่ เขาสนใจการใช้ชีวิตแบบชาวบ้านจริงๆ นั่นแหละ”

                เดวิดยิ้มอย่างภูมิใจ “แสดงว่าผมเดาถูก แหม... คุณโอเดนเบิร์ก บอกท่านเอิร์ลเถอะครับว่าผมจะไม่ปากโป้งบอกใครเรื่องนี้ ผมชอบเขานะ เขาเป็นเอิร์ลที่ไม่เหมือนเอิร์ลเลยครับ ดูจับต้องได้ ใจดีด้วย”

                “แต่เขาเป็นถึงท่านเอิร์ลเลยนะ ต่อไปจะได้เป็นท่านมาร์ควิสด้วย” กอร์ดอนรีบปราม “ฉันดีใจที่เธอรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ควรพูดให้ใครฟัง เขาเป็นลูกค้าที่ดีของฉัน”

                “แล้วก็เป็นเพื่อนของคุณด้วย” เดวิดเสริม กอร์ดอนชะงักไปหน่อยหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “ใช่ เขาเป็นเพื่อนฉัน”

                เดวิดยิ้มให้เจ้านายแล้วพูดต่อ “งั้นเดี๋ยวผมไปบอกมิสซิสมาร์ธาให้เตรียมมื้อเช้าให้คุณนะครับ แล้วคุณจะรับน้ำมะนาวด้วยมั้ยครับ?”

                “อืม... ตามนั้นแหละ ฉันจะไปรอที่โต๊ะอาหารแล้วกัน”

                “ครับ”

-----------------------------------------

                กว่ากอร์ดอนจะจัดการมื้อเช้าเสร็จก็เกือบจะสิบเอ็ดโมงแล้ว เขาใช้เวลาในส่วนที่เหลือของวันไปกับการตัดผ้าสำหรับชุดที่ยังอยู่ในคิวอีกสามชุด และครุ่นคิดว่าตัวเองควรจะทำอะไรสักอย่างให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์บ้าง

                แม้กอร์ดอนจะแน่ใจว่าเขารักลอร์ดโทรว์บริดจ์ แต่กลับไม่รู้ว่าตัวเองควรจะตอบสนองความรู้สึกที่ว่านั้นอย่างไร เนื่องจากเขาไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน อย่าว่าแต่กับลอร์ดโทรว์บริดจ์เลย กับแอนนาเบลที่เขาเคยคิดว่าหลงรักเธอ เขาก็ยังวางตัวไม่ถูก นับประสาอะไรกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ ที่เป็นผู้ชายด้วยกันแถมยังเป็นถึงเอิร์ลที่อนาคตเป็นว่าที่มาร์ควิส เขาเคยคิดเอาง่ายๆ ว่า ถ้าได้พบกับฝ่ายนั้นสัปดาห์ละครั้ง คงจะเพียงพอแล้วสำหรับฐานะของพวกเขา แต่ทว่า ณ จุดนี้ กอร์ดอนกลับรู้สึกตัวว่า เขานึกถึงลอร์ดโทรว์บริดจ์น้อยเกินไป ทั้งๆ ที่ฝ่ายนั้นทำอะไรให้เขาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการหยิบยื่นมิตรภาพ (ที่เขาไม่เคยต้องการเลยในตอนแรก) และการเปิดโลกใบใหม่ให้เขา แม้ก่อนหน้านี้จนกระทั่งตอนนี้ กอร์ดอนจะไม่เคยคิดว่าโลกของเขาช่างเงียบเหงาและว่างเปล่า แต่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า การเข้ามาของลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำให้ชีวิตเขามีสีสันมากขึ้น ผู้ชายคนนั้นช่วยเขาให้ทำในสิ่งที่ไม่เคยกล้าทำ พาเขาไปเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น ดึงตัวเขาออกจากโลกใบเดิมๆ ที่เขาเคยอยู่ กอร์ดอนคิดว่าเขาควรจะทำอะไรสักอย่างเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาซาบซึ้งในน้ำใจของฝ่ายนั้นมากไปกว่าการใช้คำพูด แต่เพราะลอร์ดโทรว์บริดจ์มีทุกอย่างเพียบพร้อมอยู่แล้ว เขาจึงนึกไม่ออกว่าควรจะทำอะไรให้เจ้าตัวดี

                ในที่สุดกอร์ดอนก็ตัดสินใจปรึกษากับช่างคนหนึ่งในร้าน

                “อเล็กซ์ ผมขอถามอะไรคุณสักอย่างสิ ถ้าคุณต้องให้ของขวัญเพื่อนสักคนที่มีทุกอย่างอยู่แล้ว คุณคิดว่าจะให้อะไรเขาดี”

                อเล็กซ์หยุดเท้าเอาไว้ เขาเพิ่งรับเงินและกำลังจะออกจากร้าน เจ้าตัวหันมองนายจ้างด้วยความพิศวง “คุณหมายถึงลอร์ดโทรว์บริดจ์หรือ?”

                กอร์ดอนหน้าแดงเล็กน้อย “ทะ... ทำไมถึงรู้ล่ะ?”

                คนถูกถามยิ้ม “ก็คุณมีเพื่อนแค่คนเดียวนี่” พูดจบก็ยกมือตบไหล่อีกฝ่าย “ผมดีใจนะที่คุณมีเพื่อน แต่ก็อดลำบากใจแทนไม่ได้ที่เพื่อนคนนั้นของคุณดันเป็นถึงท่านเอิร์ลที่อนาคตจะได้เป็นท่านมาร์ควิส”

                กอร์ดอนหัวเราะแห้งๆ “นั่นสิ... บางทีผมก็รู้สึกว่ามันลำบากอยู่เหมือนกัน”

                “เขาเป็นคนแปลก” อเล็กซ์ตั้งข้อสังเกต “อาจเพราะเขาเพิ่งกลับมาจากอเมริกา”

                “ไม่ก็แปลกอยู่แล้วถึงได้ไปอเมริกา” กอร์ดอนว่า คนได้ฟังเบิ่งตามองเขา จากนั้นก็หัวเราะ “ใช่ คุณนี่เริ่มมีมุกตลกกับเขาบ้างแล้ว คงเพราะท่านเอิร์ลคนนั้นแน่”

                กอร์ดอนไม่ตอบอะไร เขาถามต่อ “แล้วคุณคิดว่าไง ผมควรจะให้อะไรเขาดี ผมรู้สึกไม่ดีเลยที่เหมือนเอาแต่ได้จากเขาตลอด”

                “เขาไม่น่าจะรู้สึกอะไรนะ” อเล็กซ์ว่า “ยังไงพวกชนชั้นสูงก็ชอบเป็นฝ่ายให้ในเวลาแบบนี้มากกว่าฝ่ายรับอยู่แล้ว เขามีทุกอย่างเหนือกว่าคุณ เขาคงไม่นึกอยากได้อะไรจากคุณหรอก”

                กอร์ดอนนิ่งไปอึดใจหนึ่ง “แต่ในฐานะเพื่อนล่ะ? อเล็กซ์ ผมว่าเพื่อนไม่ควรเอาเปรียบกัน ไม่ว่าจะมีสถานะต่างกันแค่ไหนก็ตาม”

                อเล็กซ์มองเขา จากนั้นก็ยกมือตบไหล่อีกครั้ง “คุณโอเดนเบิร์ก คุณเป็นคนดีนะ เอาแบบนี้สิ ในฐานะที่คุณเป็นช่างตัดเสื้อ คุณก็ออกแบบชุดให้เขาสักชุด แบบที่ไม่ซ้ำกับใครเลยในลอนดอน เขาน่าจะดีใจนะ”

                “นั่นสินะ” กอร์ดอนพยักหน้าเห็นด้วยทันที “ขอบคุณมากอเล็กซ์ ฝากความคิดถึงภรรยาและลูกคุณด้วยนะ”

                “อือ สายัณห์สวัสดิ์คุณโอเดนเบิร์ก ขอบคุณสำหรับวันนี้นะ”

-----------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์กำลังสีไวโอลินอยู่ ตอนที่เลดี้บาธเปิดประตูเข้ามา พอเห็นผู้เป็นแม่ลอร์ดหนุ่มก็ชะงักมือที่กำลังสีไวโอลินทันที

                “ขอโทษครับแม่ เสียงไวโอลินคงดัง ผมไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูเลย”

                “ไม่เป็นไรจ้ะ” เลดี้บาธพูด และวางถาดน้ำชาที่มีเค้กส้มวางอยู่ลงบนโต๊ะเล็กในห้อง “แม่แค่เอาน้ำชามาให้ เห็นลูกเล่นไวโอลินมาตั้งแต่กลับจากโบสถ์แล้ว มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่าจ้ะ?”

                “ทำไมแม่คิดอย่างนั้นล่ะครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถาม เขาวางไวโอลินลง แล้วลากเก้าอี้มานั่งข้างเธอ เลดี้บาธมองเขาแล้วยิ้ม

                "แม่ชอบไวโอลินที่ลูกเล่นนะจอห์น แต่เวลาลูกเล่นไวโอลินเพลงของบาคทีไร ต้องเป็นช่วงที่ลูกมีอะไรอยู่ในใจทุกที”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้ว “อย่างนั้นเลยหรือครับ”

                “จ้ะ” เลดี้บาธพยักหน้า “แม่จำได้ตอนอายุสิบสี่ ลูกเอาแต่เล่นเพลงของบาคทั้งวัน ไม่ยอมไปโรงเรียน ตอนนั้นแม่คิดว่าลูกอาจจะเกิดชอบเล่นไวโอลินขึ้นมาจนไม่อยากไปโรงเรียน แต่กลายเป็นว่าลูกทะเลาะกับจอร์จจนไม่อยากไปโรงเรียน จำได้มั้ย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าแม่ จากนั้นก็หัวเราะ “จำได้แล้วครับ แต่ผมไม่รู้ว่าตัวเองเล่นแต่เพลงของบาคทั้งวัน”

                “ลูกเล่นแต่ Concerto in G miner วนไปวนมาเหมือนอย่างที่ทำวันนี้เลยจ้ะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดงด้วยความประหม่าเล็กน้อย “ที่จริงแล้วผมไม่ได้ทะเลาะกับจอร์จ...”

                “อืม... แม่ก็ว่าลูกท่าทางเหมือนไม่ได้ทะเลาะกับจอร์จ” เลดี้บาธว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์เงียบไปครู่หนึ่ง เขาเหลือบตามองแม่ ในที่สุดก็ตัดสินใจพูดต่อ “แต่ผมคิดว่าผมควรไปหาจอร์จที่บ้าน บางทีเขาอาจจะเล่นเปียโนเป็นเพื่อนผมได้”

                เลดี้บาธยิ้มออกมา เธอขยับไปจูบหน้าผากลูกชาย “งั้นลูกควรไปบ้านจอร์จตอนนี้เลย ระหว่างยังทันเวลาน้ำชาอยู่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์บีบมือแม่ของเขาเบาๆ “ผมจะดื่มชากับกินเค้กที่แม่ยกมาให้ก่อน ค่อยไปหาจอร์จ เขาคงไม่หนีผมไปไหนหรอกครับ”

--------------------------------------

                คฤหาสน์ของลอร์ดจอร์จ เฟลตันตั้งอยู่ไม่ห่างจากคฤหาสน์เดลนัก ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเป็นลูกชายคนเล็กจากบรรดาลูกทั้งหมดสี่คนของมาร์ควิสแห่งแอนโดเวอร์ เขามีพี่สาวสองคน และพี่ชายอีกหนึ่งคน ในฐานะลูกคนเล็กและเป็นคนโปรดของเลดี้แอนโดเวอร์ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันไม่มีภาระอะไรให้ต้องรับผิดชอบ เขาสามารถหายออกจากบ้านไปได้เป็นวันๆ และกลับมาโดยที่ไม่มีใครสนใจจะซักไซ้ไล่เรียงอะไร แม้กระทั่งเรื่องการควงผู้หญิงมากหน้าหลายตาของเขาก็ได้รับคำตำหนิเพียงเล็กน้อยจากผู้เป็นพ่อเท่านั้น

                เลดี้แอนโดเวอร์กับเลดี้บาธเป็นเพื่อนสนิทกัน พวกเธอทั้งคู่มักนำลูกๆ ไปเยี่ยมเยียนกันเสมอ ดังนั้นลอร์ดจอร์จ เฟลตันและลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่มีอายุไล่เลี่ยกันจึงสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมีสีหน้าเหมือนพร้อมจะร้องไห้ ตอนที่เห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินเข้ามา เขาเอ่ยทักทายฝ่ายนั้นแล้วคราง “โอ้ จอห์นนี่ มาได้ถูกเวลาจริงๆ นายต้องไม่เชื่อสิ่งที่ฉันจะเล่าแน่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทิ้งตัวลงบนโซฟารับแขกในห้องส่วนตัวของลอร์ดจอร์จ เฟลตัน แล้วเงยหน้ามองเพื่อน “ว่ามาเลยจอร์จ ฉันรอฟังนายอยู่”

                “ไอลีนเพิ่งชวนฉันไปดูโอเปร่า”

                “อ้อ... แล้ว...?”

                “แต่โอเปร่าเรื่องที่เธอชวนฉันไปดูคือเรื่องดอน จิโอวานนี”

                คราวนี้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขำพรวดออกมา คนเล่าทำหน้าหงุดหงิด “อะไรกันเนี่ย จอห์นนี่ กระทั่งนายก็ยังหัวเราะใส่ฉันหรือ?”

                “โทษที่จอร์จ ฉันแค่คาดไม่ถึงน่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบแก้ตัว ลอร์ดจอร์จ เฟลตันขมวดคิ้วทำหน้ายุ่ง “ฉันเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน โอเปร่าสนุกๆ มีตั้งหลายเรื่อง ทำไมไอลีนต้องชวนฉันไปดูเรื่องนี้”

                “บางทีไอลีนคงคิดว่านายอาจจะชอบ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ดอน จิโอวานนีเป็นเรื่องตลก และเธอรู้ว่านายชอบโมซาร์ตมาก”

                “ใช่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยอมรับ “แต่ฉันไม่ชอบดอน จิโอวานนี แม้ว่าโมซาร์ตจะเป็นคนเขียนโอเปร่าให้ก็ตาม”

                “โธ่ จอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “นายไม่ได้เลวร้ายเหมือนดอน จิโอวานนีสักหน่อย อย่างน้อยๆ นายก็ยังไม่เคยฆ่าพ่อใคร...”

                “เห็นแก่ที่เป็นนาย จอห์นนี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ฉันจะคิดว่านายพูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้พูดจาเหน็บแนมฉัน”

                “ฉันตรงไปตรงมาอยู่แล้ว”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถอนใจ “ฉันแน่ใจว่าตัวเองไม่เหมือนดอน จิโอวานนี ถึงฉันจะชอบผู้หญิงทีละหลายๆ คน แต่ฉันไม่เคยนึกชอบภรรยาชาวบ้านเลยนะ ยิ่งเรื่องโยนความผิดให้คนอื่นฉันยิ่งไม่ทำใหญ่”

                “ฉันรู้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ก่อนจะพูดต่อ “เพราะงั้นนายไม่เห็นจะต้องเดือดร้อนเรื่องที่ไอรีนชวนนายไปดูดอน จิโอวานนีเลย ในเมื่อนายไม่เหมือนเขาสักที่”

                “ก็ใช่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยอมรับ “แต่ฉันปฏิเสธไปแล้ว” เขาหยุดแล้วครางอีก “โอ๊ย จอห์นนี่... ฉันว่าตอนนี้มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ แมรี่ตีตัวออกห่าง ไอรีนก็มาชวนฉันไปดูดอน จิโอวานนี่อีก ฉันว่านี่ต้องเป็นฝีมือของมาร์กาเร็ต”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์แย้ง “มาร์กาเร็ตจะทำแบบนั้นไปทำไม?”

                “นายก็รู้ว่าเธอเกลียดฉัน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันครางอีก “มาร์กาเร็ตเกลียดฉันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เธอต้องการทำให้ชีวิตฉันไม่มีความสุข ทำไมพ่อกับแม่ต้องหมั้นฉันกับเธอด้วยนะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์อ้าปากทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็เปลี่ยนเป็นถอนใจแทน “บางทีอาจจะถึงเวลาที่นายต้องพูดเรื่องนี้กับพ่อแม่นายอีกสักรอบ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันครางฮือ “ฉันพูดเรื่องนี้จนไม่อยากจะพูดแล้ว นี่เป็นเรื่องเดียวที่พ่อกับแม่ไม่ยอมตามใจฉัน ให้ตายสิ ฉันอยากให้มาร์กาเร็ตออกปากเอง ถ้าเธอเป็นคนพูด พ่อกับแม่อาจจะยอมก็ได้”

                “แล้วทำไมนายไม่คุยเรื่องนี้กับมาร์กาเร็ตเอง”

                “ฉันไม่คุยกับเธอนานแล้ว และก็จะไม่คุยต่อไป” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดห้วนๆ “นายไม่ต้องถามหรอกนะว่าทำไม”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเพื่อนรักอึดใจหนึ่ง “ให้ฉันช่วยพูดให้มั้ย?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองเขาด้วยสายตาเป็นประกาย “จริงหรือจอห์นนี่! ขอบคุณพระเจ้า ถ้านายพูด มาร์กาเร็ตอาจจะเกรงใจก็ได้ เธอฟังนายมากกว่าใคร”

                “ฉันไม่รับรองหรอกนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดเลี่ยงๆ “แต่จะพยายามพูดให้ดีที่สุด”

                “แค่นั้นก็ดีแล้วล่ะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันดูมีสีหน้าสบายอกสบายใจขึ้นมาทันที “ว่าแต่นายมาหาฉันมีเรื่องอะไรเนี่ย คงไม่ได้มาดื่มชาหรอกนะ เพราะมันเลยเวลาไปแล้ว”

                “ฉันมาหานาย เพราะแม่ฉันคิดว่าพวกเราทะเลาะกัน”

                “หา?!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้างุนงง ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูดต่อ “วันนี้ฉันเล่นเพลงของบาคตั้งแต่กลับมาจากโบสถ์”

                คราวนี้ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเลิกคิ้วสูง “บาค? คงไม่ใช่ Concerto in G miner ใช่มั้ย?”

                “นั่นล่ะใช่เลย”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเดินเข้ามาจับไหล่ลอร์ดโทรว์บริดจ์แล้วคราง “กอร์ดอนบอกนายว่าจะแต่งงานกับผู้หญิงผมแดงคนนั้นหรือ? ไหนว่าพวกนายตกลงสาบานรักกันแล้วไง โธ่ จอห์นนี่... ทำไมชีวิตรักของนายถึงอาภัพแบบนี้”

                “เอ่อ... จอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์อ้าปากจะพูด แต่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกลับพูดขึ้นต่อโดยไม่ทันฟังเสียงเขา “มาเถอะ ถ้านายอยากเล่น Concerto in G miner จนเช้า ฉันจะดีดเปียโนเป็นเพื่อนนาย ถือซะว่าพระเจ้าไม่ต้องการให้นายได้รักเขาอีกต่อไปแล้ว”

                “คือ จอร์จ... มันไม่ใช่...”

                “ไม่เป็นไร จอห์นนี่ ฉันเข้าใจนาย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “กอร์ดอนเป็นคนสวย ถ้าเขาเป็นผู้หญิงฉันคงจีบเหมือนนาย แต่เขาเป็นผู้ชาย นายตัดใจเถอะ พวกเรามาเล่นดนตรีกันดีกว่า”

                “จอร์จ!” ในที่สุดลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ตัดสินใจขึ้นเสียงให้สูงกว่าเดิม และพูดต่อแบบไม่ยอมให้ฝ่ายตรงข้ามได้แทรก “กอร์ดอนไม่ได้จะแต่งงานกับใครทั้งนั้น และฉันก็ไม่ได้อกหัก”

                “อ้าว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าแปลกใจ “งั้นทำไมนายเอาแต่เล่น Concerto in G miner ทั้งวัน?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งไปอึดใจหนึ่ง “ฉันก็ไม่รู้”

                “นายต้องรู้สิจอห์นนี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันโพล่งออกมา “จำได้มั้ยตอนอายุสิบสี่ นายไปหลงรักผู้หญิงขายดอกไม้ที่ถูกรถม้าของนายชนเข้า”

                “ฉันไม่ได้ชน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์แย้ง “แค่เฉี่ยว”

                “เออ นั่นแหละ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “นายเลยลงไปช่วยเธอเก็บดอกไม้ แล้วนายก็ปิ๊งเธอ”

                “อืม...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ลอร์ดเพื่อนของเขาพูดต่อ “ผมสีทอง ตาสีฟ้า สวยมาก นายเล่าให้ฉันฟัง”

                “เธอชื่อแอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “และเธอแต่งงานแล้ว”

                “ใช่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูด “หลังจากนายเจอเธอวันนั้น นายต้องใช้เวลาห้าวันกว่าจะรู้ตัวว่าหลงรักเธอ พอนายชวนฉันไปหาเธออีกครั้ง เธอก็แต่งงานไปแล้ว โธ่ จอห์นนี่... ครั้งนั้นนายขาดเรียนไปตั้งสามวัน พอพ่อแม่นายถามก็บอกว่าทะเลาะกับฉัน ถ้านายไม่ได้อกหักก็อย่าเล่น Concerto in G miner ของบาคได้ไหม ฉันไม่อยากถูกกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุทำให้นายอกหักอีก”

                “นายก็ไม่ใช่สาเหตุหรอกจอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ที่จริงแล้วฉันชอบเล่นเพลงของบาคเพราะตัวโน้ตมันมีระเบียบ สม่ำเสมอทำให้ฉันมีสมาธิคิดอะไรได้ดีขึ้น”

                “นายใช้ความมีระเบียบของบาคอยู่สามวันถึงคิดได้ว่าควรจะโกหกว่าทะเลาะกับฉันนะจอห์นนี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนใจออกมา “ก็จะให้ฉันทำไงล่ะ? บอกพ่อกับแม่ไปว่าหลงรักผู้หญิงขายดอกไม้ที่แต่งงานแล้วงั้นหรือ? เป็นนายนายจะบอกหรือจอร์จ?”

                “ก็จริงของนาย...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดเสียงอ่อย “ขอโทษนะจอห์นนี่ พอฉันนึกถึงตัวโน้ตของบาคทีไร ฉันรู้สึกหงุดหงิดใจทุกที ไม่เกี่ยวกับนายหรอกนะ ความมีระเบียบและสม่ำเสมอของบาคทำให้ฉันอึดอัด”

                “อืม...”

                เกิดความเงียบเข้าปกคลุมห้องอยู่อึดใจหนึ่ง ในที่สุดลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็พูดขึ้นต่อ “เอาล่ะ นายไม่รู้ก็ไม่เป็นไร แต่นายมาหาฉันคงต้องมีเรื่องให้ฉันช่วยแน่ มีอะไรมั้ยที่ฉันพอจะช่วยนายได้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มออกมา “ฉันอยากให้นายเล่น Concerto in G miner เป็นเพื่อนฉัน คราวนี้ฉันคิดว่าฉันอยากมีคู่ให้เล่นดนตรีด้วย”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองเพื่อนหยิบไวโอลินออกมาจากกล่อง แล้วพยักหน้า “ได้ จอห์นนี่ ฉันจะเล่น Concerto in G miner เป็นเพื่อนนายเอง”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพาลอร์ดโทรว์บริดจ์ไปที่ห้องเปียโน พวกเขาเล่น Concerto in G miner ของบาครอบแล้วรอบเล่า เสียงไวโอลินแว่วหวานดังประสานกับเสียงเปียโนก้องไปทั่วห้อง จนกระทั่งถึงรอบที่สิบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็หยุดเล่นหลังจบโน้ตสุดท้าย

                “อา... จอห์นนี่ ในที่สุดนายก็คิดออกแล้วใช่มั้ย?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดพลางถอนใจ “ฉันกำลังรู้สึกว่าถ้าเรายังเล่นซ้ำอีกรอบ ฉันคงต้องฝันร้ายแน่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขายิ้มๆ “ฉันยังคิดไม่ออกหรอก แต่รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าเหยเก  “สิบรอบแล้วจอห์นนี่ สิบรอบนายยังคิดไม่ออกอีกหรือ ถึงนายไม่เมื่อยแต่ฉันเมื่อยนะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ เขายกคันสีไวโอลินขึ้นทาบลงบนสาย และเล่นเพลงเดิมซ้ำอีกรอบ คราวนี้ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบยกมือห้าม “อย่า ขอร้องล่ะจอห์นนี่ เห็นแก่พระเจ้า เห็นแก่มิตรภาพของเรา ไม่ก็เห็นแก่บาค นายหยุดเล่นเพลงนี้ที ก่อนที่ฉันจะเกลียดบาคจริงๆ”

                เอิร์ลหนุ่มหัวเราะอีกครั้ง แต่ก็ยอมหยุดเล่นแต่โดยดี ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองเขา จากนั้นก็ถอนใจ “ถ้านายนึกไม่ออก ฉันนึกให้นะจอห์นนี่ นายควรให้กอร์ดอนมาหัดเล่นเปียโนกับฉัน บอกตรงๆ นะ ฉันแน่ใจเลยว่านายคงอยากเล่นไวโอลินกับเขา ไม่ใช่ฉันแน่ๆ”

                “ห้องกอร์ดอนไม่น่าจะกว้างพอวางเปียโนหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์แย้ง หน้าแดงนิดๆ “แต่นายเดาถูกส่วนหนึ่งจอร์จ ฉันอยากให้เขาอยู่ด้วยตอนนี้ ไม่ต้องเล่นเปียโนก็ได้ แค่เขานั่งฟังฉันก็พอ”

                “นั่นไง!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตบขาตัวเอง “นายคิดถึงเขา คิดถึงเขาจนต้องเล่นไวโอลินเพลงเดิมซ้ำๆ ให้ตายเถอะจอห์นนี่ ทำไมนายไม่ชวนฉันออกไปเล่นรักบี้ ขี่ม้า พายเรือ ทำอะไรก็ได้ที่จะทำให้นายไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ใช่เล่นไวโอลินซ้ำๆ จนแม่นายทักแบบนี้”

                “โทษทีจอร์จ ฉันไม่ทันคิด” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันคิดถึงกอร์ดอน พอรู้ตัวอีกทีก็ยืนสีไวโอลินแล้ว”

                “ให้ตาย...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง “นายได้เจอเขาอีกมั้ย หลังจากวันนั้นน่ะ”

                “เจอ ฉันเพิ่งเจอเขาครั้งสุดท้ายวันศุกร์นี่เอง”

                “ก็ไม่นานนะ วันนี้วันอาทิตย์”

                “อือ”

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-02-2017 21:31:52 โดย juon »

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
               ลอร์ดจอร์จ เฟลตันลุกขึ้นจากเปียโน เดินมาตบไหล่เพื่อน “จอห์นนี่ ฉันเข้าใจนาย... นายกำลังตกหลุมรัก นายอยากอยู่ใกล้ชิดกับคนที่นายรัก แต่นายทำไม่ได้ ฉันเข้าใจนายแจ่มแจ้งเลย เพราะฉันก็รู้สึกแบบนายเหมือนกัน”

                “ฉันอาจจะดีกว่านิดหนึ่ง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “อย่างน้อยฉันก็มีคนรักแค่คนเดียว”

                “โห... จอห์นนี่ นายแค้นใจฉันเรื่องอะไรเนี่ย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าน่าสงสาร “หยุดเถอะ อย่าพูดถึงเรื่องคนรักของฉัน บางทีฉันอาจจะไม่มีใครรักเลยก็ได้ ทั้งๆ ที่ฉันทุ่มเท แต่ดูแต่ละคนทำกับฉันสิ ฮือๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือตบไหล่เพื่อน แล้วพูดขึ้น “จริงสิจอร์จ ฉันกำลังจะได้ขึ้นชกมวย”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเงยหน้ามองเพื่อนทันที “ชกมวย? กับใคร?”

                “ยังไม่รู้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบตามตรง “ฉันเพิ่งคุยกับลอร์ดควีนสเบอรี่เมื่อวันพฤหัส เขาเกลี้ยกล่อมพ่อแม่ฉันให้อนุญาตได้สำเร็จ”

                “ว้าว!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องด้วยความลิงโลด “ยินดีด้วยจอห์นนี่ ในที่สุดนายก็จะได้ขึ้นชกมวยแล้ว โหย... มันต้องเท่ระเบิด นายจะดูเป็นนักสู้เวลาอยู่บนนั้น ฉันนี่ขนลุกเลย ให้ฉันไปเป็นพี่เลี้ยงให้นายนะ อยากเกาะติดขอบเวทีมวยมานานแล้ว”

                “ฉันก็กำลังจะชวนนาย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “วันพรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับลอร์ดควีนสเบอรี่อีกครั้ง ว่าจะชกกับใครแบบไหนยังไง แล้วจะมาเล่ารายละเอียดให้พวกนายฟังวันพุธ”

                “เยี่ยมเลย ทุกคนต้องแย่งกันเป็นพี่เลี้ยงนายแน่ๆ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “แต่บอกเลยนะว่าฉันจองแล้ว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าเป็นคาเวดิช แม่คงไม่ไปดู เพราะทำใจไม่ได้ ส่วนพ่อ... ฉันไม่รู้สิ แต่ฉันอยากให้กอร์ดอนไปดูนะ มันจะดูแปลกมั้ยจอร์จ ถ้าฉันชวนเขาไปดูฉันต่อยมวย พ่อจะสงสัยรึเปล่า?”

                “ถ้าพวกเราไปกันหมด คงไม่สงสัยหรอก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “แต่พ่อนายอาจจะไม่ชอบใจที่นายเป็นเพื่อนกับช่างตัดเสื้อ”

                “นั่นสิ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันอยากให้เขานั่งที่นั่งที่เห็นชัดที่สุด โอ๊ย จอร์จ แค่คิดว่าเขาจะไปนั่งดู ฉันก็ตื่นเต้นจนเหงื่อแตกแล้ว นายว่าฉันบ้ามั้ย?”

                “นายไม่ได้บ้า แต่ก็ใกล้ล่ะ...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยกมือตบไหล่เพื่อน “นายกำลังตกหลุมรัก แล้วนายก็เริ่มเพ้อ ถ้าหนักกว่านี้หน่อยนายจะไม่อยากทำอะไรเลย นอกจากเจอหน้ากอร์ดอนอย่างเดียว”

                “ฉันก็เกือบๆ จะเป็นอย่างนั้นแล้วล่ะ ถ้าไม่ติดว่ากลัวทุกคนจับได้น่ะนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแล้วหน้าแดง “ถ้าเขาเป็นผู้หญิงฉันจะขอแต่งงาน จะมีลูกกับเขาสักสองคน หญิงหนึ่งชายหนึ่ง ลูกสาวตาสีฟ้าผมสีทองเหมือนเขา... เธอต้องสวยมากแน่ ส่วนลูกชาย ถ้าเหมือนฉันก็น่าจะดีนะ แต่เหมือนเขาก็ดี อะไรเป็นเขาดีทั้งนั้นแหละ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตบไหล่ลอร์ดโทรว์บริดจ์แรงๆ สองที “ตื่นได้แล้วจอห์นนี่ นายอาการหนักแล้วล่ะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มเขินๆ เพื่อนของเขาพูดต่อ “เห็นอาการนายแล้วฉันชักเป็นห่วง ถ้ากอร์ดอนไปดูนายต่อยมวย นายจะไม่แย่หรือ หมายถึงนายจะไม่ตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกหรือ?”

                “เอ... ไม่รู้สิ ฉันแค่อยากให้เขาไปดูเฉยๆ”

                “ลองนึกดูนะจอห์นนี่ สมมติว่าเขาไปดู เขาเห็นนาย นายเห็นเขา ถ้าเขาทำท่าตกใจเป็นห่วงนาย นายจะมีสมาธิกับการต่อยมวยรึเปล่า หรือถ้ามีผู้หญิงที่ตรงสเป็กเดินผ่าน แล้วเขาหันไปมอง แล้วนายหันไปพอดี นายลองนึกภาพนะ นายจะต่อยมวยได้มั้ย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นึกภาพตาม จากนั้นก็ยกมือกดหน้าผาก “เออ จริงของนาย ฉันคงไม่มีสมาธิ แต่... ยังไงฉันก็อยากให้เขาไปดู จะว่าไงดีล่ะ... ฉันรู้หรอกเขาไม่ใช่ผู้หญิง อันที่จริงแล้วผู้หญิงคงไม่ชอบไปดูมวย แต่ฉันอยากให้เขาเห็นฉันต่อสู้ อยากให้เขาเห็นว่าฉันเป็นยังไง”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “พวกเราเป็นผู้ชาย เป็นสิ่งมีชีวิตเพศผู้ ปกติแล้วสิ่งมีชีวิตเพศเดียวกับเราชอบแสดงออกถึงความแข็งแกร่งให้คนอื่นเห็นเพื่อการยอมรับนับถืออยู่แล้ว ยิ่งกับคนที่เราให้ความสนใจด้วยล่ะก็ จะยิ่งต้องอวดเพื่อให้เป็นที่สนใจใหญ่เลย นายไม่ผิดปกติหรอก” เขาเว้นจังหวะหน่อยหนึ่ง “แต่นายไม่ควรมองเห็นกอร์ดอน มันจะทำให้นายไม่มีสมาธิ เขามีอิทธิพลกับความสนใจของนายสูงมาก เอางี้นะจอห์นนี่ นายต้องเชื่อใจฉัน ฉันจะหาที่นั่งที่เขาสามารถเห็นนายได้ชัดที่สุด แต่นายจะมองไม่เห็นเขา จนกว่านายจะลงจากเวที แลกกับการที่นายช่วยฉันเรื่องมาร์กาเร็ต”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งคิดไปอึดใจหนึ่ง “ตกลง ฉันจะเชื่อนายจอร์จ ฉันอยากชนะให้เขาเห็น”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “วางใจได้เลยจอห์นนี่ แล้วอย่าลืมเรื่องมาร์กาเร็ตล่ะ”

                “อืม ฉันจะรีบจัดการให้แล้วกัน”

--------------------------------------------------

                หลังตกลงใจว่าจะตัดเสื้อผ้าหนึ่งชุดเป็นของขวัญให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ กอร์ดอนก็เขียนแบบเสื้อออกมาหลายแบบ แต่จะแบบไหนเขาก็รู้สึกว่าไม่เข้าท่าเลยสักอัน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่เคยแสดงออกว่านิยมแฟชั่น ทัศนคติที่เขามีต่อเสื้อผ้าเป็นเรื่องความสะดวกสบายเสียมากกว่า ซึ่งมันไม่เข้ากับแฟชั่นเอาเสียเลย ครั้นเขาจะตัดเสื้อสูทให้เหมือนเสื้อเชิ้ตอย่างที่ลอร์ดหนุ่มเคยพูดก็เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจรอถึงคืนวันพุธ เพื่อที่จะเลียบเคียงถามฝ่ายนั้นถึงแบบเสื้อที่ต้องการ ทว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับมาปรากฏตัวที่ร้านของเขาตั้งแต่หลังเวลาน้ำชา

                “สวัสดียามบ่ายครับท่านลอร์ด วันนี้มีอะไรให้รับใช้หรือครับ” กอร์ดอนรีบเอ่ยทักลอร์ดโทรว์บริดจ์ทันทีที่เจ้าตัวเดินเข้ามาในร้าน วันนี้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยังคงสวมเสื้อโค้ทตัวเดิม ทับเสื้อสูทสีน้ำเงินที่สั่งตัดไปวันก่อน เขาทักทายตอบแล้วเข้าเรื่องทันที

                “นี่คือรายการเสื้อผ้าทั้งหมดที่คุณต้องตัดให้ผม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางยื่นกระดาษจดโน้ตที่มีตราประจำคฤหาสน์เดลให้เขา กอร์ดอนรับมาแล้วทำตาโต “เยอะมากนะครับ”

                “ใช่” เอิร์ลหนุ่มพยักหน้าแล้วถอนใจ “พ่อไม่ชอบชุดที่ผมใช้ตอนอยู่อเมริกาเลยสักชุด แถมชุดเดิมที่เคยใส่ตอนอยู่นี่ส่วนใหญ่ก็คับหมดแล้ว คุณตัดไหวรึเปล่า? ผมมีที่ต้องรีบใช้อยู่สี่ห้าชุด”

                เขาชี้นิ้วลงไปตรงเครื่องหมายดอกจันที่อยู่ด้านหลังรายชื่อชุดที่ต้องการตัด “อินเวอร์เนสโค้ทตัวนี้ด่วนที่สุดเลย ถ้าเป็นไปได้ขอก่อนวันพุธหน้า ส่วนที่เหลือไม่เกินปลายเดือน พวกนี้เป็นรายการเสื้อผ้าที่จะใส่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ขอก่อนเดือนกันยา ตรงนี้ของฤดูหนาว ก่อนตุลาแล้วกัน”

                กอร์ดอนกวาดสายตามองรายการชุดยาวเหยียด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของชุด “คุณคงเป็นคนแรกที่สั่งตัดชุดกับผมใหม่ทั้งตู้แน่ๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ผมก็ไม่เคยคิดหรอกว่าวันนึงจะต้องถือรายการตัดเสื้อผ้ายาวเหยียดมาที่ร้านตัดเสื้อ คิดว่ามีแต่พวกผู้หญิงที่ทำกัน”

                กอร์ดอนยิ้ม “ช่วยไม่ได้นี่ครับ ท่าทางคุณจะตัวใหญ่ขึ้นมากกว่าตอนก่อนไปอเมริกา”

                “คงงั้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ชุดที่ขนไปตอนแรกผมทิ้งหมดตั้งแต่อยู่ได้ครึ่งปี บางชุดก็คับจนใส่ไม่ได้ บางชุดก็เกะกะเกินไป ใส่เวลาขี่ม้าไม่สะดวก”

                “ที่นั่นไม่มีรถม้าหรือครับ?” กอร์ดอนถามด้วยความสงสัย เพราะได้ยินลอร์ดโทรว์บริดจ์เล่าแต่เรื่องขี่ม้าตั้งแต่ตอนที่ไปสโมสรคราวแรก ลอร์ดหนุ่มสั่นศีรษะ

                “มีน่ะมีหรอก แต่ไม่เยอะ ส่วนใหญ่อยู่ในตัวเมืองโน่น บ้านอาผมอยู่นอกเมือง ใกล้เหมือง ที่นั่นขี่ม้าสะดวกกว่า ผมชอบการขี่ม้านะ คุณสามารถเห็นสิ่งต่างๆ ไปพร้อมๆ กับม้า อยากไปไหนก็ไปได้เลย ตราบเท่าที่คุณสามารถบังคับม้าให้ไปได้”

                กอร์ดอนนึกภาพตาม “คุณคงมีม้าที่ขี่ประจำอยู่ ใช่ไหมครับ?”

                “มีสิ” เอิร์ลหนุ่มตอบ แล้วยิ้ม เมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่เขาได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นอิสระเมื่ออยู่ในต่างแดน “มันชื่อทรีเวอร์ เป็นม้าคลีฟแลนด์เบย์ สีน้ำตาลเข้ม มีรอยเหมือนถ่านป้ายตรงสะโพกสองข้าง ผมชอบมันมาก มันเป็นม้าที่ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา ถ้ามันไม่อยากไปตรงไหน คุณบังคับยังไงมันก็ไม่ยอม แต่ก็ไม่เคยสลัดผมตกจากหลังนะ เสียดายที่ผมเอามันขึ้นเรือมาด้วยไม่ได้ อาคิดว่ามันไม่เหมาะกับลอนดอน”

                “ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันครับ” กอร์ดอนว่า “ขี่ม้าในลอนดอนคงไม่เหมาะ แต่ถ้าเป็นในชนบทผมว่าน่าสนใจ”

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “เวลาคุณไปที่ฟาร์ม คุณต้องใช้ม้า ผมชอบม้าไชร์มาก เคยนึกอยากลองขี่ดูเหมือนกัน แต่ไม่มีใครอนุญาต”

                “ไชร์มันเป็นม้าเทียมรถลากนี่ครับ คุณจะไปอยากขี่มันทำไม ผมได้ยินว่ามันเดินช้ามาก”

                “แต่มันตัวใหญ่ และสวยมากนะคุณ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดด้วยสายตาเป็นประกาย “สักวันผมต้องลองขี่มันให้ได้”

                กอร์ดอนได้แต่ส่ายหน้า “อินเวอร์เนสโค้ทผมตัดให้คุณทันก่อนวันพุธครับ ที่เหลือก็ตามกำหนดที่คุณว่า ผมจะให้คนเอาไปส่งให้ที่คฤหาสน์ ถ้าเกิดมีเหตุให้ล่าช้า ผมจะจดหมายแจ้งไป”

                “อืม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ไว้ว่างๆ พวกเราไปเที่ยวตากอากาศกัน พ่อผมมีคฤหาสน์สองหลังอยู่ที่บาธ ที่นั่นสวยมาก เราจะนั่งรถม้ากันไป แวะพักระหว่างทาง ดื่มน้ำชาในร้านเล็กๆ ผมว่าต้องดีมากแน่”

                กอร์ดอนตัดสินใจเก็บคำพูดที่ว่า ‘เขาคงไม่เหมาะจะไปเหยียบคฤหาสน์ตากอากาศของท่านมาร์ควิส’ เพื่อเป็นการถนอมน้ำใจของลอร์ดโทรว์บริดจ์ ช่างตัดเสื้อหนุ่มยิ้มให้ฝ่ายนั้น แล้วพูดตอบไป “คงอีกนานแน่ครับกว่าผมจะว่าง ดูจากรายการเสื้อผ้าของคุณแล้วผมคงมีงานทำไปยันคริสต์มาส”

                “ถ้าคริสต์มาสคุณยังตัดเสื้อให้ผมไม่เสร็จ ผมต้องหนาวตายแน่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ผมบอกคุณแล้วว่าขอก่อนตุลา คริสต์มาสคุณต้องตัดชุดใหม่เตรียมไว้ใส่ฉลองกับผม พวกเราจะยืนใต้เถามิสเทิลโท แล้ว...”             

                กอร์ดอนรีบหยิบกระดาษโน้ตขึ้นมาปิดปากลอร์ดโทรว์บริดจ์ไว้ “ไม่ได้นะครับ พวกเราจะไม่ยืนใต้เถามิสเทิลโท”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ดึงกระดาษโน้ตออกด้วยการจับมืออีกฝ่ายเอาไว้ “แสดงว่าคุณไม่อยากจูบกับผมงั้นสิ”

                กอร์ดอนถลึงตามองฝ่ายนั้น และตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องพูด “แล้วเรื่องต่อยมวยเป็นไงบ้างครับ? วันก่อนคุณยังเล่าผมไม่จบเลย”

                “เออ ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ร้องออกมา “เพราะคุณสำลักเหล้ารัม ผมเลยไม่ได้เล่าต่อเลย”

                กอร์ดอนมองค้อนฝ่ายนั้นทีหนึ่ง “งั้นเล่าสิครับ ผมอยากรู้ว่าคุณจะชกที่ไหน ยังไง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับตัวด้วยความดีใจ “ผมไปคุยมาแล้วเมื่อวันจันทร์ ลอร์ดควีนสเบอรี่คิดว่ากำหนดการชกน่าจะอยู่ช่วงกลางเดือนหน้า อาจจะเป็นวันศุกร์ที่สิบเจ็ด ผมจะได้มีเวลาซ้อมประมาณเดือนนึง”

                กอร์ดอนพยักหน้า “แสดงว่างานเลี้ยงดินเนอร์คราวนั้นคุณไปคุยเรื่องชกมวยนี่เอง”

                “ผมเปล่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปฏิเสธ “ลอร์ดควีนสเบอรี่เป็นคนเริ่มต่างหาก เขาอยากเห็นผมขึ้นชก ในฐานะที่พวกเรามีชื่อต้นเหมือนกัน”

                กอร์ดอนหัวเราะ “แต่คุณดูเหมือนอยากขึ้นชกมวยมาแต่แรกเลยนะครับ ท่าทางตื่นเต้นมาก”

                “ใช่ ผมอยากขึ้นชกมาตั้งแต่ตอนเรียนอีตันแล้ว แต่พ่อกับแม่ไม่ชอบ ก็เลยไม่ได้ชกกับใครเป็นเรื่องเป็นราวเสียที”

                “เป็นผมผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน ผมไม่อยากเห็นคนที่ผมรักเจ็บตัว” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดง “งะ... งั้นหรือ คุณไม่อยากให้ผมขึ้นชกมวยหรือนี่”

                “อ๊ะ เปล่าครับ” กอร์ดอนรีบพูดต่อทันที “ผมหมายถึง ถ้าผมเป็นพ่อใครสักคน ผมคงไม่อยากให้ลูกชายไปชกมวยเหมือนกัน แต่ในฐานะเพื่อน”

                “คนรักด้วย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เสริม กอร์ดอนถลึงตาใส่ฝ่ายนั้น พลางเหลือบมองซ้ายมองขวา “อย่าพูดสิครับ ผมอุตส่าห์ไม่พูดแล้ว”

                คนถูกห้ามหัวเราะ “ในฐานะเพื่อนคุณคิดยังไงล่ะ?”

                “ผมคิดว่าผมต้องไปดูคุณชกมวย” กอร์ดอนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ในฐานะเพื่อนผมต้องไปเชียร์คุณให้ถึงขอบสนาม”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดงจนถึงใบหู เขาจับมือกอร์ดอนแน่นขึ้น “ผมก็อยากให้คุณไปดู... แต่... ผมกลัวตัวเองจะไม่มีสมาธิถ้าเห็นคุณด้วย”

                กอร์ดอนนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะออกมา “ผมเข้าใจแล้ว เหมือนตอนงานเต้นรำ อืม...” เขาส่งเสียงในคออย่างใช้ความคิด “งั้นผมคงต้องอยู่บ้าน”

                “ไม่ๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูดต่อ “จอร์จบอกผมแล้วว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้ คุณต้องไปนะ”

                “ลอร์ดจอร์จน่ะหรือครับ?” กอร์ดอนถามด้วยความแปลกใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “อืม ผมคุยกับเขาเรื่องนี้เมื่อวันอาทิตย์ เขาบอกว่าเขาจะจัดการเรื่องคุณให้ ยังไงคุณต้องไปนะกอร์ดอน ผมดีใจมากเลยที่คุณอยากไปดูผมชกมวย”

                เห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดไปหน้าแดงไปด้วยความดีใจ กอร์ดอนก็พลอยรู้สึกเขินไปด้วย “ผมคิดว่าจะหาเวลาไปดูคุณซ้อมด้วยนะ คุณซ้อมวันไหนที่ไหนหรือครับ?”

                “ผมซ้อมทุกวัน เริ่มพรุ่งนี้ ตั้งแต่บ่ายสองถึงบ่ายสี่ ยกเว้นวันอาทิตย์ ที่สโมสรของลอร์ดควีนสเบอรี่ เดี๋ยวผมเขียนแผนที่ให้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า กอร์ดอนรีบส่งกระดาษกับปากกาให้เขา

                “บอกชื่อกับคนเฝ้าประตูแล้วบอกเขาว่าคุณเป็นเพื่อนกับผม เขาจะให้คุณเข้า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พลางยื่นกระดาษโน้ตคืนให้ “อย่าลืมนะกอร์ดอน คุณต้องไปให้ได้นะ”

                “ครับ ทราบแล้วครับ” กอร์ดอนพยักหน้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาอึดใจหนึ่ง ก่อนจะหยิบนาฬิกาพกขึ้นมาดู “ผมคงต้องไปก่อน ผมมีธุระสำคัญ เจอกันที่สโมสรนะ”

                “ครับ”

------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งรถม้ากลับไปที่คฤหาสน์ เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ดูหรูหรากว่าเดิม แล้วนั่งรถออกจากคฤหาสน์ ไปยังภัตตาคารหรูกลางกรุงลอนดอน

                “สายัณห์สวัสดิ์ค่ะจอห์น” ผู้หญิงผมสีแดงในชุดสีแดงพอๆ กับผมของเธอเอ่ยทักลอร์ดโทรว์บริดจ์หลังจากที่เขามานั่งรอที่โต๊ะยังไม่ทันถึงห้านาที ลอร์ดโทรว์บริดจ์เอ่ยทักทายฝ่ายนั้น “สายัณห์สวัสดิ์มาร์กี้ ชุดนี้เหมาะกับเธอมาก นั่งสิ”

                หญิงสาวคลี่ยิ้มแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามตามคำเชิญของอีกฝ่าย “วันนี้คุณก็ดูดีกว่าตอนงานเต้นรำนะ”

                ที่อยู่ตรงหน้าลอร์ดโทรว์บริดจ์เป็นลูกสาวคนเดียวของเอิร์ลบริสโตล เธอมีชื่อเต็มว่า มาร์กาเร็ต สจวต แม่ของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเล็ก ลอร์ดบริสโตลที่สนิทกับลอร์ดแอนโดเวอร์จึงมักพาเธอไปฝากไว้กับเลดี้แอนโดเวอร์บ่อยๆ เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตอายุอ่อนกว่าลอร์ดจอร์จ เฟลตันสองปี แต่เธอมีความเป็นผู้นำและเด็ดขาดกว่าเขา และตอนเด็กๆ เธอยังตัวใหญ่กว่าลอร์ดจอร์จ เฟลตันด้วย ดังนั้นเวลาเล่นด้วยกันทีไร ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจึงมักจะเป็นฝ่ายร้องไห้อยู่เสมอ

                “ผมมาคุยเรื่องจอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อ หลังจากบริกรรินน้ำชาจากไปแล้ว เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ แล้วพยักหน้า “ฉันชอบที่คุณเป็นคนตรงไปตรงมาแบบนี้ ว่ามาเลยค่ะจอห์น จอร์จจี้อยากให้คุณพูดอะไรกับฉัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง “จอร์จอยากให้คุณถอนหมั้น”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตถอนใจ “จอห์น ใช่ว่าฉันอยากจะหมั้นกับเขานะคะ จอร์จจี้เป็นผู้ชายที่ผู้หญิงคนไหนในลอนดอนก็ไม่ควรแต่งงานด้วย ดูที่เขาทำแต่ละอย่างสิ เห็นแก่พระเจ้า ฉันน่ะโชคร้ายมากๆ ที่ถูกจับหมั้นกับเขา”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้าอย่างเข้าใจ “ผมก็เห็นด้วยว่าใครที่แต่งงานกับจอร์จต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่าแน่ แต่มาร์กี้ จอร์จไม่ชอบคุณ ถ้าคุณไม่ถอนหมั้นกับเขาชีวิตคุณจะต้องลำบากมากเลยนะ”

                “เลดี้แอนโดเวอร์เหมือนแม้แท้ๆ ของฉันค่ะ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตพูด “เธอยากให้ฉันดูแลจอร์จจี้ ฉันไม่อยากให้เธอผิดหวัง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าเธอแล้วถอนใจ “ผมเห็นใจคุณนะมาร์กี้”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตพยักหน้า ก่อนจะพูดต่อ “ทำไมจู่ๆ จอร์จจี้ถึงให้คุณมาพูดเรื่องนี้กับฉันคะ?”

                “เขารู้สึกว่าคุณคอยรังควานเขาน่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะรีบพูดต่อ “คือผมไม่ได้คิดว่าคุณรังควานเขานะ เขาพูดทำนองว่าคุณเป็นคนคอยยุยงให้ผู้หญิงคนอื่นตีตัวออกห่างจากเขา”

                “ฉันเปล่ายุยง” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตว่า “ฉันแค่บอกความจริง ทั้งไอรีน ทั้งแมรี่ พวกเธอควรจะได้รู้ว่าผู้ชายที่พวกเธอควงอยู่เป็นคนยังไง”

                “พวกเธอรู้มั้ยว่าคุณเป็นคู่หมั้นของจอร์จ”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตสั่นศีรษะ “พวกเธอไม่รู้ค่ะ จอร์จโกหกพวกเธอว่าเขายังไม่ได้หมั้น เขาไม่เคยสวมแหวนหมั้นบนนิ้ว ฉันเองก็ไม่เคยสวมเหมือนกัน แต่การหมั้นนี้เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ตกลงกันไว้แล้ว จะเร็วจะช้าพวกเราก็ต้องสวมแหวนอยู่ดี บางทีฉันก็คิดนะคะ ว่าทำไมเขาไม่ขอใครคนใดคนหนึ่งแต่งงานไปเลย ระหว่างแมรี่กับไอรีน ถ้าเขากล้ากว่านี้ มีความมั่นใจกว่านี้ ฉันกับคุณคงไม่ต้องมานั่งวุ่นวายเรื่องของเขา”

                “คุณคุยกับสองคนนั้นแล้วหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามต่อ “คุณบอกพวกเธอว่ายังไง?”

                “โชคดีนะคะจอห์น ที่ฉันรู้จักคุณตั้งแต่เด็ก ไม่งั้นคงได้ตบหน้าคุณแน่ๆ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตพูดยิ้มๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดงเล็กน้อย “ผมแค่อยากรู้ ถ้าคุณไม่สะดวกตอบก็ไม่เป็นไรนะ”

                “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนตรงไปตรงมา” หญิงสาวว่า ก่อนจะพูดต่อ “ตอนแรกฉันคุยกับแมรี่ก่อน หลังจากงานเต้นรำ เพราะคิดว่าเธอคงรู้แล้วว่าจอร์จจี้จงใจหลบหน้า บอกตรงๆ นะคะ จอห์น ฉันล่ะอายแทนเขาจริงๆ เขาต้องแอบเข้าออกงานเต้นรำอย่างกับขโมย เพื่อหลบผู้หญิงสองคน”

                “สามต่างหาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตทำหน้าตกใจ “ยังมีใครในนั้นอีกหรือคะ?”

                “คุณไง”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตถอนใจเฮือก “จอร์จจี้ไม่ชอบเจอหน้าฉันมาแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ คุณไม่ต้องนับฉันรวมไปหรอก”

                “เขาทำท่าเหมือนกลัวว่าคุณจะหึงเขาต่อหน้าเลดี้อีกสองคน”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตเบิ่งตาสีเขียวของเธอด้วยความแปลกใจกว่าเดิม “จอร์จจี้คิดว่าฉันจะหึงเขาหรือคะ? เขาคงต้องผิดปกติแน่ๆ เขาคิดว่าฉันชอบเขาหรือไง?”

                “แล้วคุณไม่เคยชอบเขาหรือ?”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตตีหน้าบึ้ง “จอร์จจี้เป็นคนที่ฉันควรจะเกลียดด้วยซ้ำ เขาไม่มีส่วนน่ารักเลยสักที่ ฉันควรจะเกลียดเขา... ที่จริงแล้วฉันต้องเกลียด...”

                จู่ๆ น้ำใสๆ ก็กลิ้งออกมาจากดวงตาของหญิงสาว ลอร์ดโทรว์บริดจ์เบิ่งตากว้างด้วยความตกใจ เขารีบลากเก้าอี้เข้าไปใกล้แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาหมายจะซับน้ำตาให้ฝ่ายนั้น เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตปัดมือเขาออกเบาๆ แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา

                “ขอโทษนะคะจอห์น ฉันแค่นึกถึงเรื่องที่ไม่ควรนึกขึ้นมา” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตพูด และเงยหน้าขึ้นมา น้ำตาแห้งไปจากใบหน้าของเธอแล้ว แต่ดวงตายังคงชื้นอยู่ ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ

                “ไม่เป็นไรหรอก ผมผิดเองที่มาพูดเรื่องนี้”

                “ไม่หรอกค่ะ ดีแล้วที่คุณพูด” เลดี้สตวจว่า เธอสูดหายใจลึก ก่อนจะตัดสินใจพูดต่อ “ฉันจะเล่าเรื่องเรื่องหนึ่งให้คุณฟัง เป็นเรื่องที่ฉันไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อน”

                “อืม...”

                เธอเว้นจังหวะไปอีกครู่ใหญ่ “จอร์จจี้เคยขอฉันแต่งงาน”

                “?”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตถอนหายใจ “ตอนนั้นฉันเพิ่งอายุสิบหก พ่อฝากฉันไว้กับเลดี้แอนโดเวอร์เพราะต้องเดินทางไปทำธุระที่สวิตเซอร์แลนด์ และไม่อยากให้ฉันอยู่ที่คฤหาสน์คนเดียว วันนั้นจอร์จจี้ออกไปสนุกกับเพื่อนๆ เหมือนทุกวัน เขากลับมาตอนสี่ทุ่ม ฉันกำลังอ่านหนังสือเพลินๆ อยู่ในห้องก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย เลยเปิดประตูออกมาดู เห็นเขาทะเลาะอยู่กับอเล็กซ์ วันนั้นเขาเมามาก ฉันเห็นท่าไม่ดีเลยลงไปแยกทั้งคู่ออกมาแล้วพาจอร์จจี้ไปส่งที่ห้องนอน...”

                เล่าถึงตรงนี้เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตก็หน้าแดงขึ้นมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์พอจะเดาเรื่องต่อได้ทันที เขาจึงพูดแทรก “แล้วจอร์จก็ขอคุณแต่งงานตอนนั้น”

                “ค่ะ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตก้มหน้า ใบหูเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด “เขาบอกว่าฉันน่ารักที่สุด เขาโชคดีที่ได้หมั้นกับฉัน”

                “แสดงว่าเขารู้ว่าเป็นคุณ ไม่ได้เมาจนเข้าใจผิด”

                “เขาเรียกชื่อฉันตลอด” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตพูด แล้วยกมือปิดหน้า “โอ้... จอร์จจี้ ฉันควรจะรู้ว่าคุณก็พูดไปอย่างนั้นเอง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้แต่นิ่งอึ้ง เขาอยากจะปลอบเลดี้มาร์กาเร็ต สจวต แต่ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มยังไง ไม่นานนักหญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมา ถอนหายใจยาว แล้วพูดต่อ “แต่พอรุ่งเช้าเขาก็ทำเหมือนไม่เคยรู้จักฉันมาก่อน เขาผลุนผลันออกไป ทิ้งฉันเอาไว้อย่างนั้น ไม่พูดอะไรสักคำแม้แต่คำว่าเขาเสียใจ แล้วหลังจากนั้นเขาก็ทำเหมือนว่าไม่เคยมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น”

                “ให้ตาย...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง “ผมรู้ว่าจอร์จนิสัยแย่กับเรื่องแบบนี้ แต่ไม่คิดว่าเขาจะแย่ขนาดนี้” ลอร์ดหนุ่มรู้สึกโมโหเพื่อนของเขาขึ้นมา “เขาควรจะรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง อย่างน้อยๆ ก็ควรจะขอโทษคุณถ้าเขาไม่ได้คิดอย่างที่ปากพูด”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตได้แต่ยิ้มเศร้าๆ “เรื่องมันผ่านมาตั้งหลายปีแล้วจอห์น ช่างมันเถอะค่ะ ถ้าเขารักผู้หญิงสักคนแล้วกล้าขอเธอคนนั้นแต่งงาน ฉันก็จะยอมถอนหมั้น เพราะเขามีคนอื่นดูแลแล้ว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งไปนาน เขาจับมือเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตแล้วบีบเบาๆ

---------------------------------
(จบตอน)
** ดิฉันมีความภูมิใจนำเสนอว่า ตอนนี้ต้องเปิดเพลงนี้คลอไปด้วยจะได้ฟีลลิ่งมากค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=DCf46I-k0Ck
ฟีลลิ่งความเพ้อของลอร์ดคาเวดิช และความเหนื่อยใจของลอร์ดเฟลตัน ฮ่าๆ
.
ปล. จบตอนแอบหวั่นใจว่าลอร์ดเฟลตันอาจจะโดนปาหน้าได้ ใจเย็นๆ นะคะ ท่านลอร์ดต้องมีเหตุผล เราจะหากันต่อไปค่ะ
.
ปล.2 ตอนนี้เรื่อยเปื่อยมาก ฮ่าๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-02-2017 21:32:21 โดย juon »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
นั่นสินะ เอาเหตุผลมาแจงสิลอร์ดเฟลตัน

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
อ้าว จอห์นสั่งเสื้อผ้าทั้งตู้ แล้วกอร์ดอนจะให้อะไรล่ะ

จอร์จคงรักมาการเร็ต แต่เพราะได้รับอิสระตั้งแต่เด็ก เลลยไม่ชอบที่ถูกบังคับหรือเปล่า?

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
สงสารมากี้ ถ้าหากพูดในฐานะผู้หญิงคนนึง จอร์จเป็นผู้ชายที่จัดได้ว่า น่ารังเกียจเอาการทีเดียว

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
อื้อหือ จอจจี้แสบมาก

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
กว่าจะได้เจอกันแต่ละทีต้องวางแผนล่วงหน้า ต้องมีผู้สมรู้ร่วมคิด ลำบากแท้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด