#ตอนที่แปด
“อยากเป็นมากกว่าพี่แล้ว”
!!!!
“พี่ยุทธ..”
“หลงจะบ้า..” สุ้มเสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างหู แรงกอดกระชับแน่นขึ้นจนผิวแก้มแนบสนิทไปกับอกกว้าง …ร้อนวูบไปทั้งหน้า เสียงก้อนเนื้อในอกแกร่งเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะดังก้องชัดเจนอยู่ในหัว ไม่ต่างจากของเขาที่เต้นกระหน่ำไม่แพ้กัน
“ปล่อยก่อนได้ไหมครับ กอดอยู่แบบนี้จะคุยกันไม่รู้เรื่องนะ” เวลาผ่านไปชั่วครู่ถึงได้บอกเสียงอ่อน เลื่อนมือไปสัมผัสแผ่วเบาที่แผ่นหลังกว้าง ตบเบาๆคล้ายปลอบประโลม
เสียงถอนหายใจแผ่วชิดอยู่ข้างขมับก่อนที่อ้อมแขนแข็งแรงจะคลายออกอย่างอ้อยอิ่ง มองน้องที่ขยับห่างไปเพียงนิด เดือนสิบนั่งขัดสมาธิหันหน้าเข้าหาเขา ตากลมช้อนมองทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำ กลีบปากสีสดเม้มเข้าหากันน้อยๆข่มความประหม่า แทบจะทำให้คนมองสติหลุดอีกรอบ
ยุทธนาหลับตาลง พยายามข่มจิตข่มใจไม่ให้มันเตลิดไปไกลมากกว่านี้ ทว่าความนุ่มหยุ่นที่สัมผัสแผ่วกลางหน้าผากก็กระชากความอดกลั้นทั้งหมดของเขาลง เดือนสิบไม่น่าทำแบบนี้เลย ไม่น่าเลือกปลอบประโลมเขาด้วยการจูบหน้าผาก ถึงจะแค่ชั่วขณะเดียวแล้วรีบผละไป แต่สัมผัสแผ่วนั้นกลับกวนตะกอนสัญชาตญาณดิบที่เขาพยายามข่มมันลงไปในก้นบึ้งให้ขุ่นคลัก
“อ่ะ!”
เดือนสิบสะดุ้งโหยงสีหน้าตระหนก เมื่อเขาคว้าเอวบางเข้าหาจนอีกฝ่ายแทบเกยขึ้นมานั่งบนตัก ไม่ปล่อยให้ร่างเล็กได้ทักท้วงริมฝีปากอุ่นร้อนฉกก็วูบเข้าหากลีบปากสีเรื่ออย่างไม่ทันตั้งตัว ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ รู้สึกได้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจที่คล้ายจะหยุดทำงานไปชั่วขณะ
“อื้อ!” ได้ยินเสียงหวานประท้วงแต่ยุทธนากำลังหน้ามืดเกินกว่าจะหยุด มือหนาเลื่อนมาโอบประคองข้างแก้มใสปรับเอียงให้ได้องศาถนัดถนี่ ปลายลิ้นร้อนไล้เลียกลีบปากอิ่มก่อนจุ่มแทรกเข้าหาความหวานภายใน เกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กกวาดต้อนเก็บชิมความหวานภายในแทบไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้หายใจหายคอ กายบางสั่นสะท้านมือเล็กขยุ้มอกเสื้อนักศึกษาของเขาแน่นจนมันยับยู่ กอดกระชับตัวคนเป็นน้องเข้ามาแนบชิดยกขึ้นด้วยแขนข้างเดียวร่างเล็กก็ขึ้นมานั่งคร่อมทับอยู่บนตักอย่างง่ายดาย
“ฮื่อ อึก!” เสียงประท้วงดังขึ้นอีกครั้ง กำปั้นเล็กๆต่อยลงที่กลางหลังเมื่อเริ่มหายใจไม่ทัน ยุทธนายอมผละริมฝีปากออกมาเพื่อให้อีกฝ่ายได้รับอากาศหายใจตามที่ร้องขอ ทอดมองใบหน้าน่ารักขึ้นสีแดงเรื่อด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย มือหนาไล้สัมผัสผิวเนียนช่วงเอวบางผ่านเนื้อผ้าบางเบา ยิ่งเห็นกลีบปากฉ่ำวาวเผยออ้าหอบเอาออกซิเจนเข้าปอด ก็เหมือนจะยิ่งเร่งเร้าให้เขาประกบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง.. และอีกครั้ง
“ฮ้า.. พี่ยุทธ..พอครับ” เอ่ยร้องขอคนที่ทำท่าจะกดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง แต่น้องควรจะรู้รึเปล่าว่าไม่ควรเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าแบบนี้ ไม่ควรออดอ้อนเขาด้วยใบหน้าแดงก่ำและดวงตาฉ่ำน้ำปรือปรอย…
“อื้อ.. ม”
…เพราะมันจะทำให้เขาทนไม่ไหว
กลีบปากที่เริ่มบวมช้ำถูกดูดกลืนอย่างเอาแต่ใจอีกครั้ง ริมฝีปากร้ายกาจดึงดูดลิ้นเล็กเกี่ยวกระหวัดเข้ามาในโพรงปากอุ่นของตัวเองราวกับจะลงโทษ …ลงโทษที่กล้ามาทำตัวน่ารักใส่จนเขาอดใจไม่ไหว
ยุทธนามองน้องที่หลับตาปี๋ปล่อยให้เขาละเลียดชิมความหวานอย่างเอาแต่ใจ ฝ่ามือหนาเลื่อนเข้าจับที่ท้ายทอยเพื่อนปรับองศาให้สอดรับกับจูบร้อนแรง อีกข้างไล่ประคองเอวบาง เกาะเกี่ยวแนบชิดจนสัมผัสได้ถึงก้อนเนื้อในอกที่กำลังเต้นกระหน่ำรุนแรงจนแทบแยกไม่ออกว่าของใครเป็นของใคร บางจังหวะที่ลิ้นเล็กเหมือนจะขยับตอบรับอย่างกล้าๆกลัวๆยิ่งทำให้นึกเอ็นดู
ไม่รู้จะทำตัวน่ารักไปถึงไหน แค่นี้เขาก็แทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว..
กระทั่งแรงจิกทึ้งประท้วงที่บ่ากว้างจูบหนักหน่วงถึงได้ยอมผละออก มองแผ่นอกบางสะท้อนขึ้นลงตามจังหวะหอบหายใจถี่กระชั้น สาบเสื้อนักศึกษาหลุดลุ่ยเพราะกระดุมถูกปลดออกไปสองสามเม็ดเผยให้เห็นผิวเนียน
ยุทธนาสาบาน.. เขาไม่รู้ตัวจริงๆว่าเผลอปลดมันออกไปตอนไหน
“เป็นแฟนกันนะ” น้ำเสียงแหบพร่ากระซิบชิดผิวแก้มเนียน ริมฝีปากร้ายกาจยังคลอเคลียไม่ห่าง สติที่เหลืออยู่น้อยนิดของเดือนสิบแทบเตลิดเปิดเปิงเมื่อฝ่ามือหนาสอดผ่านเสื้อนักศึกษาตัวบางเข้ามาสัมผัสผิวเนื้อโดยตรง แรงบีบกระชับเหนือสะโพกเรียกให้ทั่งร่างสั่นสะท้านขนในกายลุกเกรียว
“นะครับ..” ไม่อ้อนเปล่าริมฝีปากร้ายกาจยังงับกลีบปากอิ่มเล่นจนคนถูกเอาเปรียบต้องใช้มือปิดปากตัวเองไว้ เสียงหัวเราะในลำคอกับดวงตาพราวระยับทำให้เดือนสิบเผลอค้อนใส่ทั้งที่ใบหน้ายังแดงก่ำ
น่าเอ็นดู…
“เป็นแฟนกับพี่นะ..”
เดือนสิบครางฮือมุดหน้าลงกับบ่าแกร่งหลบริมฝีปากร้อนที่จ้องจะเอาเปรียบกันอยู่ทุกขณะ หัวทุยส่ายไปมาไม่รู้ว่าปฏิเสธคำขอเป็นแฟนหรือปฏิเสธสัมผัสหวิวไหวที่อีกฝ่ายมอบให้กันแน่ แต่ดูท่าแล้วน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า
“ถ้าไม่ตอบพี่จะถือว่าเราตกลงแล้วนะ”
“ขี้ตู่” เสียงอู้อี้ชิดลำคอหนา ริมฝีปากนุ่มนิ่มเฉียดผิวกาย เล่นเอายุทธนาชักร้อนๆหนาวๆ
ได้แต่ภาวนาในใจ ขออย่าให้ตัวหน้ามืดจนลงไม้ลงมือปล้ำอีกคนไปก็พอ แค่นี้ความเป็นสุภาพบุรุษที่สั่งสมมาก็แทบจะไม่เหลือ
“ไม่รู้ล่ะ ถ้าไม่ตกลงนี่จับปล้ำเลยนะ” อารมณ์ตอนนี้ยิ่งมาเต็มอยู่ด้วย… พูดทีเล่นทีจริงแต่ในใจฝ่ายมืดก็แอบภาวนาให้คนเป็นน้องปฏิเสธ จะได้จับปล้ำทำเมียให้มันรู้แล้วรู้รอด ไม่ต้องเป็นมันแล้วฟงแฟนข้ามขั้นไปลย
“นิสัยไม่ดีว่ะ” กำปั้นเล็กๆต่อยลงที่กลางหลังไม่เบานัก แต่ถึงอย่างนั้นแขนอีกข้างก็เกาะเกี่ยวรอบคอเขาไว้ไม่ยอมปล่อย ยุทธนายิ้มบาง ลูบไล้แผ่นหลังเล็กเพลินมือ
“สรุปเป็นแฟนกันแล้วเนอะ” สิ้นเสียงระรื่น หมัดเล็กๆก็ต่อยลงที่กลางหลังอีกหนึ่งตุบใหญ่ แอบจุกไม่น้อยเหมือนกันแต่ตอนนี้ความสุขมันมีมากกว่า
“ไหนขอดูหน้าแฟนให้ชื่นใจหน่อยซิ” ยุทธนาเอ่ยเย้า ฟอนเฟ้นผิวเนื้อเหนือสะโพกเพรียวอย่างแกล้งๆ เหมือนยิ่งได้สัมผัสก็ยิ่งอดใจไม่ไหว
“อื้อ! อย่าแกล้ง” เดือนสิบรัดรอบคออีกฝ่ายไว้แน่น พูดเสียงอู้อี้ซุกหน้าลงกับบ่ากว้างไม่ยอมทำตามที่เขาบอก ยุทธนายิ้มขำ มองดูลูกแมวที่ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นลูกลิงเกาะหนึบไม่ยอมปล่อย น่ารักน่าเอ็ดดูจนอยากฟัดให้จมเขี้ยว
ก้อนเนื้อในอกพองโตจนเขากลัวว่ามันจะระเบิดออกมาเพราะความสุขที่อัดแน่นจนล้นทะลัก นึกโทษตัวเองที่มัวแต่ชักช้าปล่อยเวลาให้ล่วงผ่านมาได้นานขนาดนี้ แต่ก็ช่างเถอะ.. เพราะยังไงตอนนี้น้องก็มาอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว และต่อดิ้นให้ตายยังไงก็ไม่ยอมปล่อยหรอกนะ
“ถ้ายังนั่งอยู่แบบนี้พี่จะไม่รับรองความปลอดภัยแล้วนะ”
สัมผัสอุ่นร้อนที่ไหล่บางทำเอาเดือนสิบสะดุ้งโหยง ผละออกจากไหล่กว้างแต่ยังไม่ทันได้ขยับลงจากเก้าอี้กิตติมศักดิ์มือหนาก็ยึดเอวเขาไว้ซะก่อน เรียวคิ้วสวยขมวดยุ่ง มองคนขี้แกล้งตาขวางทั้งที่แก้มแดงปลั่ง ทว่าอีกฝ่ายกลับยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วโน้มหน้าลงมาใกล้จนต้องหดคอหนี เผลอยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองอีกครั้ง เรียกเสียงหัวเราะในลำคอหนาจนต้องค้อนใส่อีกรอบ
“ปล่อยได้แล้วครับ” ว่าทั้งที่ยังไม่เอามือออก
“ยังไม่ได้เห็นหน้าแฟนชัดๆเลย ไหนเอามือออกก่อนเร็ว..” เดือนสิบย่นจมูก หน้าร้อนวาบกับสถานะใหม่ที่อีกฝ่ายยกให้แบบมัดมือชก
“ปล่อยเลยครับ ผมไม่เล่นแล้ว”
“ขอจูบก่อนแล้วจะปล่อย” คำขอโต้งๆทำเอาเดือนสิบถึงกับเหวอ ตากลมเบิกขึ้นนิดๆเหมือนกระต่ายตื่นตูมจนยุทธนาหลุดขำพรืด แทนคำตอบรับกำปั้นเล็กๆซัดผัวะมาที่ไหล่เขา ไม่เบาแต่ก็ไม่แรงถึงขั้นเจ็บปวดอะไร เพิ่งรู้ว่าน้องเขินแล้วชอบใช้กำลังก็วันนี้แหละ
“พอแล้วครับ เยอะแล้ว” ข่มความอายแล้วตอบกลับไปเสียงเข้ม
“ไม่พอหรอก.. มากกว่านี้ก็ยังไม่พอ” ใบหน้าคมคายโน้มลงมาชิดจนเดือนสิบต้องใช้มือดันหน้าอีกฝ่ายไว้ สัมผัสสากระคายใต้ฝ่ามือเพราะไรหนวดแข็งๆทำเอาจั๊กจี้อยู่หน่อยๆ
“พี่ยุทธ!! ทำไมถึงได้เป็นคนแบบนี้เนี่ย!” คนโดนแหวหัวเราะร่า ยิ่งทำให้ไรหนวดสัมผัสกับฝ่ามือเขามากขึ้นกว่าเดิม ความรู้สึกแปลกๆทำให้เดือนสิบเลือกที่จะชักมือกลับแล้วเปลี่ยนมายันไหล่กว้างไว้แทน
“พี่ยุทธธ… ไม่เล่นแล้ว ถ้าไม่ปล่อยผมจะโกรธจริงๆแล้วนะ”
ยุทธนามองใบหน้างอง้ำของแฟนหมาดๆแล้วยิ้มบาง เดือนสิบเป็นคนรูปหน้าเรียว เล็กขนาดว่าฝ่ามือเขาแค่ข้างเดียวแทบจะปิดมิด ถึงเป็นอย่างนั้นแต่กลับมีแก้มเยอะ ยิ่งเจ้าตัวหน้างออมลมอมอากาศไว้แบบนี้ก็ยิ่งดูน่าฟัดน่าแกล้งเข้าไปใหญ่ แล้วแบบนี้จะให้เขาอดใจไหวได้ยังไง
แต่ถึงจะอยากฟัดแก้มกลมๆนั่นขนาดไหนตอนนี้เขาคงต้องอดใจเอาไว้ก่อนล่ะนะ… เดือนสิบแทบจะโดดลงจากตักเขาทันทีที่คลายอ้อมแขน ขยับไปยืนซะไกลแถมยังมองเขาอย่างระแวดระวังอีกต่างหาก
“ผมจะกลับห้องแล้ว” เจ้าตัวว่าเสียงเข้ม ใบหน้าขึงขังทั้งที่แก้มยังแดงปลั่งไม่หาย มันน่าลากมาจูบอีกซักทีสองที
ถึงจะคิดแบบนั้นแต่สุดท้ายยุทธนาก็ต้องเดินมาส่งอีกฝ่ายจนถึงหน้าหอจนได้ ระหว่างทางน้องเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินจ้ำเอาๆหรือไม่ก็มองเมินไปทางอื่นโดยไม่สนใจเขาซักนิด มองเห็นแต่หูแดงๆที่บ่งบอกว่าอาการเขินอายยังไม่ได้ปลิวหายไปตามสายลมยามค่ำคืน ใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีพวกเขาก็มายืนอยู่หน้าหอพักของเดือนสิบ น้องพึมพำบอกให้เดินกลับดีๆแล้วรีบวิ่งปรู๊ดหนีขึ้นห้องไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คนมองตามอย่างเขาได้แต่ส่ายหัวระอาทั้งขำทั้งเอ็นดู
ทำอย่างกับว่าเขาจะลากไปทำมิดีมิร้ายอย่างนั้นแหละ แต่ก็ไม่แน่หรอกนะ ช่วงนี้จิตใจฝ่ายดียิงไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัวอยู่ด้วย…
.
.
.
“กูคุยกับพวกไอ้จอมแล้วนะ สรุปไปวันมะรืนนี้ ที่พักไอ้อิฐเป็นคนจัดการแล้ว ส่วนรถป๊ากูบอกว่าให้เอาคันที่บ้านไปได้” ไอ้ปืนอธิบายรายละเอียดเรื่องที่เคยคุยกันไว้ว่าจะไปเที่ยวให้ฟัง เดือนสิบได้แต่พยักหน้าหงึกหงักไม่ออกสิทธิ์ออกเสียงอะไรทั้งนั้น เพราะทริปนี้เขาฟรีตลอดงาน พวกมันว่ายังไงเขาก็ว่าตามนั้นนั่นแหละ
ตอนนี้เขามานั่งหน้าสลอนอยู่ในโรงอาหารคณะเพราะไอ้ปืนลากมาอีกตามเคย เดือนสิบไม่เข้าใจมันเลยจริงๆกับอีแค่เอางานมาส่งนี่มันจำเป็นต้องลากเขามาด้วยหรือไง วันหยุดหลังสอบแท้ๆแทนที่จะได้นอนหลับเป็นตายพักผ่อนอยู่ห้อง แต่กลับต้องแหกขี้ตาตื่นแต่เช้าเพราะมันเนี่ย แต่เอาเข้าจริงๆจะเรียกว่าเช้าก็ไม่ถูกเท่าไหร่นัก ไอ้ปืนมันโทรมาปลุกตอนแปดโมงครึ่งซึ่งถ้าเป็นวันปกติก็ถือว่าสายมากสำหรับเขา แต่เพราะเมื่อวานมันไม่ปกติ กว่าเขาจะข่มตาหลับลงได้ก็เลยเช้าวันใหม่มาตั้งหลายชั่วโมง
มันเป็นเพราะสัมผัสร้อยแรงที่ไม่ว่าจะอาบน้ำล้างหน้าไปกี่รอบต่อกี่รอบก็ยังติดตรึงไม่จางหาย แค่หลับตาลงก็คล้ายว่าอีกฝ่ายกำลังกดริมฝีปากร้ายกาจนั่นลงมาไม่หยุด ไม่ว่าจะทำยังไงเดือนสิบก็สะลัดภาพใบหน้าหล่อเหลาเจ้าของจูบร้อนแรงนั่นออกไปไม่ได้เลย กว่าจะข่มตาหลับได้จริงๆก็เกือบๆตีสี่แถมไอ้ปืนยังโทรมาปลุกแต่เช้าอีก สุดท้ายเลยต้องมานั่งสัพหงกขอบตาดำเป็นหมีแพนด้าอยู่แบบนี้
บ้าชะมัด
“..สิบ ไอ้สิบ!”
“เสียงดังทำไมเนี่ย นั่งใกล้แค่นี้” เดือนสิบสะดุ้งโหยงก่อนจะหันไปมองเพื่อนตาขวาง
“กูเรียกมึงตั้งหลายรอบละห่า เหม่ออะไรของมึงเนี่ย หรือว่าเมาค้าง? ไม่สบายหรอ แต่เมื่อวานมึงก็ไม่ได้แดกเยอะนี่หว่า” เขาย่นจมูกแล้วปัดมือไอ้ปืนที่แตะโน่นแตะนี่เวอร์วังออกอย่างรำคาญ ถึงจะรู้ว่ามันทำเพราะห่วงก็เถอะ
“กูสบายดี แค่กำลังคิดอะไรนิดหน่อย”
“แล้วอะไรที่ว่านี่มันอะไรวะ หน้ามึงถึงได้แดงขนาดนี้” มันไม่ว่าเปล่ายังจิ้มมาที่แก้มเขาแรงๆอีกต่างหาก
“ทำไมเดี๋ยวนี้มึงขี้เสือกจัง”
“อื้อหือ.. ทำไมเดี๋ยวนี้ปากกล้าจัง” ไอ้ปืนผลักหัวเขาไม่เบานัก เดือนสิบเลยมองมันตาขวาง
“ก็ติดมาจากมึงนั่นแหละ”
“ร้ายกาจ!” มันหัวเราะลั่น ล็อคคอเขาเข้าไปหาแล้วขยี้ผมเขาจนยุ่งไปหมด “ตกลงมีเรื่องอะไร ไหนเล่าให้ฟังซิ”
เดือนสิบถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ขยับตัวออกจากแขนมันแต่ไอ้ปืนดันล็อคไว้แน่น แกะออกยังไงมันก็ไม่ปล่อยจนสุดท้ายขี้เกียจจะสู้เลยเอนตัวพิงอกมันไปซะเลย มันหัวเราะอย่างผู้ชนะแล้วขยี้กลุ่มผมเขาเล่นอย่างเมามัน
ทำตัวเป็นเด็กๆ ส่ายหัวอย่างระอา แต่เอาเถอะ อยู่ท่านี้เขาก็สบายดี
“อย่ามาหลับตาหนีกูนะ เล่ามาเร็วๆ” ไอ้ปืนเร่งยิกๆ แต่มือกลับนวดขมับให้จนเขาเริ่มรู้สึกผ่อนคลาย จะหลับไปจริงๆก็เพราะมันนี่แหละ
“กูเป็นแฟนกับพี่ยุทธแล้ว” มือที่นวดอยู่ชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะเริ่มบีบนวดให้ใหม่อีกครั้ง
“หือ.. ตั้งแต่เมื่อไหร”
“เมื่อวาน”
“ทำไมกูไม่เห็นรู้เรื่อง”
“ก็รู้แล้วนี่ไง” เขาบอกทั้งที่ยังหลับตา ไอ้ปืนนวดสบายจนอยากจะหลับไปจริงๆ
“เมื่อวานมึงอยู่กับกูตลอดแล้วจะเอาเวลาตอนไหนไปตกลงคบกัน”
“….”
“สิบ..” มันเร่ง มือที่นวดอยู่หยุดไปอีกจนต้องขมวดคิ้ว
“ก็หลังจากที่มึงไปส่ง” ตอบเสียงอู้อี้เพราะตอนนี้สติเริ่มหายไปกับความผ่อนคลาย
ได้ยินเสียงไอ้ปืนถอนหายใจยาว ก่อนที่สัมผัสสบายจะกลับเข้ามาอีกครั้ง มันไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ เสียงจอแจเริ่มหายแว่วไปทีละน้อยจนสุดท้ายทุกอย่างก็เงียบสนิทเหลือเพียงเสียลมหายใจของตัวเองและเสียงหัวใจของไอ้ปืนที่ก้องสะท้อนอยู่ในหู
.
.
เดือนสิบรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกเพราะแรงเขย่าจากใครสักคน เสียงจอแจดังแทรกเข้ามาในโสตประสาท ทำให้เปลือกตาบางเริ่มขยับยุกยิกก่อนจะลืมขึ้นมาในที่สุด
“พี่ยุทธ!” ทะลึ่งตัวลุกพรวดขึ้นอย่างไว เมื่อสังเกตรอบกายแล้วพบว่าเพื่อนสนิทหายไปกลายเป็นตักกว้างของใครบางคนที่รองรับหัวเขาไว้ต่างหมอนแทน
“ตกใจอะไรขนาดนั้นฮึ” หมอนกิตติมศักดิ์ว่ายิ้มๆ มือหนาวางแหมะลงบนหัวเขาจัดทรงผมให้จนมันเข้าทรงแล้วลูบเบาๆ เดือนสิบถูจมูกไปมาเพราะความประหม่า ตากลมหลุกหลิกเมื่อมองหาจนทั่วแล้วไม่เห็นวี่แววของเพื่อนสนิท
“ไอ้ปืนหายไปไหนครับ”
“กลับไปแล้ว”
“อ้าว” ได้แต่อ้าปากเหวอเพราะไม่คิดว่าจะโดนเพื่อนทิ้งไว้แบบนี้
“แล้วนี่ไปอดหลับอดนอนมาจากไหนถึงได้มาหลับเป็นตายเอาทั้งที่เสียงดังจอแจขนาดนี้” คนถูกล้อย่นจมูกเผลอค้อนใส่อีกฝ่ายอย่างเผลอตัว
ก็เพราะพี่มันนั่นแหละเขาถึงได้อดหลับอกนอนจนต้องมาหลับเป็นตายเอาแบบนี้ แต่ใครมันจะไปยอมบอกกัน!
“มองพี่แบบนั้นหมายความว่าไงฮึ?”
“เปล่านะ ผมไม่ได้มองซะหน่อย” เถียงทั้งที่จับได้อยู่ทนโท่ คนมองอดใจไม่ไหวจนเผลอเลื่อนมือไปโยกหัวทุยสวยไปมาอย่างเอ็นดู
“ครับไม่มองก็ไม่มอง แล้วนี่มาทำอะไรที่มอ เราสอบเสร็จแล้วไม่ใช่หรอ” มาถึงตรงนี้เดือนสิบก็พาลนอยด์ไปถึงเพื่อนสนิทอีกรอบ
ไอ้ปืนนะไอ้ปืน เป็นคนลากเขามาด้วยแท้ๆแต่กลับมาทิ้งกันไว้แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน คอยดูนะคราวหน้าเขาจะไม่ไปไหนกับมันอีกแล้ว ฮึ่ย!
“พาไอ้ปืนมาส่งงานครับ แต่อาจารย์ยังไม่มาเลยมานั่งรออยู่ตรงนี้” ตอบทั้งที่หน้ายุ่งเพราะยังเคืองเพื่อนสนิทไม่หาย
“นั่งรอหรือหลับรอ” คนพี่เอ่ยเย้า เรียกหน้ายุ่งๆของคนถูกล้อให้หันมามอง
“เขาเรียกพักสายตาหรอก แล้วพี่ยุทธมาอยู่นี่ได้ไง ทำไมไม่ปลุกตั้งแต่ทีแรกล่ะครับ”
“ตอนหลับหน้ารักดี มองเพลินๆ” คนฟังหน้าร้อนวาบ เสหลบตาคมพราวระยับเป็นพัลวัน สัมผัสร้อนผ่าวคล้ายจะเด่นชัดขึ้นมาอีกครั้งจนเผลอเม้มปากเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว
“พอแล้ว..” เสียงอ้อมแอ้มในลำคอจับใจความไม่ได้คนพี่ต้องถามย้ำ
“หืม?”
“เลิกแกล้งได้แล้วครับ เขินจะแย่แล้ว..”
สาบานว่าถ้าตรงนี้ไม่ใช่โรงอาหารที่มีคนพลุกพล่านเขาจะจับคนตรงหน้าเข้ามาฟัดให้มันรู้แล้วรู้รอด
ก็เพราะชอบทำตัวน่ารักแบบนี้แล้วใครมันจะไปอดใจไหว..*****

ขอบคุณทุกคอมเม้นเลย

จริงๆอิพี่มันร้ายยค่ะ มันไม่ใส มันไม่ใช่สุภาพบุรุษ 55555
กระเตื้องมาทีละน้อย กลัวคนอ่านจะหายจังเลยค่ะ อย่าเพิ่งทิ้งเค้าาา
