Re: ★★defeated heart แพ้ใจ★★..... [ยุทธนาxเดือนสิบ] ตอนที่ 20 Up [29/06/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Re: ★★defeated heart แพ้ใจ★★..... [ยุทธนาxเดือนสิบ] ตอนที่ 20 Up [29/06/60]  (อ่าน 52849 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
พี่ยุทธร้ายแต่น่ารัก ส่วนพี่ป้องนั้นนนนร้ายกว่ายิ่งนักเสือตัวจริงสินะ 555

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
ขยับเข้าไปใกล้น้องมากขึ้นนะคะเนี่ย

แผนสูง!!!!!!!!

ออฟไลน์ เล็กต้มยำ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0


#ตอนที่หก



   เวลาเกือบๆสี่โมงเย็นเป็นช่วงที่รถค่อนข้างติดพอสมควร กว่าจะเคลื่อนตัวได้แต่ละครั้งก็กินเวลาไปหลายนาที ในทุกๆครั้งที่ต้องมาติดแหงกอยู่บนถนนที่มีรถติดยาวเหยียดขนาดนี้เขามันจะคิดว่ามันน่าเบื่อและพานให้ต้องรู้สึกหงุดหงิดอยู่ร่ำไป แต่ไม่ใช่กับครั้งนี้…


บรรยากาศในรถดูผ่อนคลายเพราะยุทธนาเลือกที่จะเปิดเพลงคลอเบาๆ เด็กน้อยของเขานั่งพิงเบาะตาปรือคล้ายจะหลับมิหลับแหล่ บอกให้หลับไปเลยก็งอแงพึมพำบอกไม่เอาจะไปนอนที่ห้องทีเดียว เขาไม่ได้ว่าอะไรต่อ แค่ลดแอร์ลงเมื่อเห็นอีกคนยกแขนขึ้นมากอดตัวเองไว้ จากนั้นก็ขับรถเงียบๆปล่อยให้ในรถคลอไปด้วยเสียงเพลงเบาๆและเสียงลมหายใจที่ผ่อนเข้าออกอย่างสม่ำเสมอของคนที่ยืนกรานว่าจะไม่ยอมหลับในทีแรก…


   รถจอดลงหน้าหอของเดือนสิบได้ซักพักแล้วแต่เจ้าตัวก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น และแน่นอนว่าเขาเองก็ไม่คิดที่จะปลุก เสียงผ่อนลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอแผ่นอกสะท้อนขึ้นลงเป็นจังหวะบ่งบอกว่าเจ้าตัวคงเพลียไม่น้อย แน่ล่ะ… กว่าจะเดินซื้อของให้เขาเสร็จก็ปาไปตั้งสองชั่วโมงกว่า ไอ้ตอนนั้นเขาก็รู้สึกดีจนลืมนึกไปว่าน้องจะเหนื่อย


ปลายนิ้วค่อยๆแตะลงระหว่างคิ้วที่ดูเหมือนจะย่นเข้าหากันหน่อยๆ คลึงเบาๆกระทั่งมันคลายออกจากกัน แต่แทนที่เขาจะถอนปลายนิ้วออกมาด้วย กลับเคลื่อนมันไปที่ผิวแก้มเนียนเกลี่ยเบาๆจนคนหลับครางฮือด้วยรำคาญที่ถูกรบกวนเวลานอน เปลือกตาที่ปิดสนิทขยับยุกยิกก่อนจะค่อยๆลืมขึ้นในที่สุด


ยุทธนาไม่ได้ละมือออกในทันที ปลายนิ้วยังคงเกลี่ยไปมาอยู่ที่ผิวแก้มนิ่ม มองสบกับดวงตากลมโตที่เบิกขึ้นนิดๆอย่างตกใจคล้ายพึ่งได้สติ หยักยิ้มบางใส่ตาใสๆนั่นก่อนจะเลื่อนมือขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มอย่างเอ็นดู


“ขี้เซา”


ตากลมกระพริบปริบๆเหมือนสติสตังพึ่งกลับมาครบถ้วนก็ตอนได้ยินเสียงเขา ตากลมหลุบต่ำ มือเรียวยกขึ้นถูปลายจมูกที่เริ่มกลายเป็นสีเรื่อเบาๆคล้ายกำลังเก้อเขิน


“เอ่อ.. ถึงหอแล้ว ผมลงก่อนนะครับ ขอบคุณมากๆที่วันนี้พาไปเลี้ยงข้าว” พูดทั้งที่ยังก้มหน้า


“ขอบคุณอะไรกันพี่ต่างหากที่ต้องขอบคุณเรา อุตส่าห์ลำบากเดินซื้อของเป็นเพื่อนจนเหนื่อยขนาดนี้” คนเป็นน้องเงยหน้าขึ้นมามอง ส่ายหน้าปฏิเสธจนผมฟุ้ง


“ไม่ลำบากหรอกครับ ก็.. เพลินดี”


“พูดงี้เดี๋ยวคราวหน้าพาไปอีกดีไหม ฮึ” น้ำเสียงหยอกเย้าจนไม่รู้ว่าคนพูดพูดจริงหรือเล่น เดือนสิบเลยทำได้แค่ยิ้มแหยไปให้
เป็นการแบ่งรับแบ่งสู้ ตากลมวูบไหวเมื่ออีกฝ่ายยื่นมือมาขยี้ผมเขาอีกครั้ง


“น่ารัก” เสียงหัวเราะในลำคอราวกับเอ็นดูกันนักหนาจนชักเริ่มเขิน


“ขี้แกล้งว่ะ เอามือออกไปเลยผมจะลงแล้ว” เดือนสิบย่นจมูกใส่พลางจับมือที่ยังยุ่งกับผมเขาไม่หยุดออก


ร่างสูงเหมือนจะชะงักไปเมื่อเห็นเดือนสิบทำแบบนั้น มองมือเล็กๆทั้งสองข้างที่กอบกุมรอบข้อมือเขาเอาไว้ ถึงจะแค่ครู่เดียวแล้วปล่อยออก.. ยุทธนาก็เหมือนจะรู้สึกใจเต้นขึ้นมาซะอย่างนั้น


ใจเต้น…. เพียงแค่น้องเป็นฝ่ายสัมผัสตัวเขาก่อน


“สิบ”


“ครับ?” คนถูกเรียกชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูหันกลับมามอง


“พรุ่งนี้.. ไปเรียนพร้อมกันนะ”


“….”


“….”


“ผมมีเรียนเก้าโมงนะครับ อย่าสายล่ะ” ว่าจบโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบอะไรกลับมาอีกเดือนสิบก็ลงจากรถแล้วรีบวิ่งขึ้นหอโดยไม่หันกลับมามอง เลยไม่รู้ว่าไอ้คนที่นั่งอยู่ในนั้นกำลังยิ้มกว้างขนาดไหน


.

.

.


“มีอะไรปิดบังกูอยู่ใช่ไหม ช่วงนี้มึงดูแปลกๆไปนะ” ไอ้ปืนเอ่ยขึ้นระหว่างที่พวกเขากำลังนั่งกินข้าวอยู่ในโรงอาหารคณะ


“ไม่นี่ ก็ปกติ” แสร้งทำเป็นสนใจกับอาหารตรงหน้าเลี่ยงสายตาที่จ้องมาอย่างจับผิด ไอ้ปืนส่งเสียงเหอะในลำคอก่อนจะพาดแขนโอบไหล่เขาแล้วชี้มือไปยังจุดที่ใครคนหนึ่งกำลังยืนซื้อข้าวอยู่จนเดือนสิบต้องมองตามอย่างช่วยไม่ได้


“นั่นก็ปกติด้วยงั้นสิ มานั่งกินข้าวด้วยทุกวันแถมยังจ้องมึงจนแทบจะแดกแทนข้าวงี้? ปกติมากเลยเนอะ เหอะ! จะเล่าเองหรือต้องให้กูเค้นบอกมา!”


ไอ้ปืนมันก็พูดเกินไปถึงพี่ยุทธจะชอบมองเขาจริงแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นจ้องจนแทบจะกินอย่างที่มันว่าซะหน่อย เดือนสิบย่นจมูก จับแขนมันออกจากบ่าแล้วถอนหายใจเฮือก ยกแก้วชาเย็นขึ้นดูดคล้ายประวิงเวลาจนไอ้ปืนเร่งอีกรอบถึงได้ยอมเปิดปาก


“ก็เขาบอกว่าขอโอกาส”


“โอกาส?” ไอ้ปืนเลิกคิ้ว


“ก็ขอดูแลกูไรงี้อ่ะ”


“สรุปคือพี่มันจีบมึง?” พยักหน้าหงึกหงักยอมรับแต่โดยดี พอดีกับที่สายตาเหลือบไปเห็นคนที่กำลังยืนต่อแถวซื้อข้าวซึ่งหันมองมาทางเขาพอดี อีกฝ่ายคลี่ยิ้มบางส่งมาให้เดือนสิบเลยต้องยิ้มตอบกลับไป


“ส่งยิ้มเล็กยิ้มน้อยให้กันขนาดนี้ไม่ใช่แค่จีบแล้วมั้งกูว่า มึงชอบพี่มันเข้าแล้วใช่ไหม?” ถึงกับหันขวับมามองเพื่อนสนิทตาโต


“บ้าแล้ว! กูยังไม่ได้ชอบซักหน่อย ก็.. ก็พี่เขายิ้มมากูก็ต้องยิ้มตอบเป็นธรรมดาป่ะละ จะให้หน้าบึ้งรึไง เสียมารยาทตายเลย”
ไอ้ปืนทำหน้าไม่เชื่อ


“คบกันมาเกือบปี พึ่งรู้ว่าเพื่อนกูเป็นคนมีมารยาทดีขนาดนี้เนอะ” เดือนสิบย่นจะมูกใส่เพื่อนสนิท ฟังดูก็รู้ว่ามันแขวะ แต่เพราะไม่อยากเถียงต่อ รู้ว่าเถียงไปยังไงก็เข้าตัวเลยปล่อยผ่าน พอดีกับที่ร่างสูงของรุ่นพี่ร่วมคณะเดินเข้ามานั่งลงตรงข้ามกับเขา รวมถึงเพื่อนสนิทอีกสองคนของพี่มันด้วย


ตั้งแต่วันที่ไปเดินห้างด้วยกันนี่ก็เข้าวันที่สามแล้วที่เดือนสิบมีเพื่อนร่วมโต๊ะเพิ่มขึ้นมาเป็นรุ่นพี่ร่วมคณะทั้งสามคน ยุทธนาไม่ได้แสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่ากำลังตามจีบเขา แต่การที่อีกฝ่ายคอยเทคแคร์เขาด้วยการกระทำเล็กๆน้อยๆอย่างการยื่นทิชชู่ให้เวลาเดือนสิบเหงื่อออก หรือตักกับข้าวในจานของตัวเองมาให้เขาแถมยังคะยั้นคะยอให้กินทางสายตาและคำพูดธรรมดาๆอย่าง ‘อร่อย’ แบบที่ไม่เคยทำให้ใครมาก่อนก็ทำให้คนอื่นดูออกได้ไม่ยาก


“เอ้อ เห็นว่าสิบจะให้ไอ้ยุทธมันติวเทอร์โมให้หรอ ต้นเดือนนี้ก็เริ่มสอบแล้วใช่ไหมจะเริ่มติวกันวันไหนล่ะ” ปกรณ์ถามขึ้น เล่นเอาไอ้ปืนหันขวับมาจ้องเขาแทบจะทันที สีหน้ามันแสดงออกชัดเจนมากว่า ‘ทำไมกูถึงไม่รู้เรื่อง’ จนเดือนสิบต้องยิ้มเจื่อนไปขัดตาทัพแล้วหันกลับมาตอบรุ่นพี่


“ก็ถ้าพี่ยุทธว่างก็คงเป็นเสาร์อาทิตย์นี้แหละครับ”


“ได้สิพี่ว่าง” คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาตอบ


“ทำไมกูไม่เห็นรู้ว่ามึงจะให้พี่ยุทธติวให้” ไอ้ปืนพูดด้วยท่าทีสบายๆ แต่น้ำเสียงกลับฟังดูคาดคั้นจนรู้สึกได้


“ก็มันลืม.. แต่กูก็ตั้งใจไว้แล้วนะว่าจะชวนมึงไปติวด้วยกันอ่ะ ไปนะ” ช่วงท้ายแอบใส่น้ำเสียงอ้อนมันไปด้วย ไอ้ปืนนิ่งไปครู่ก่อนจะถอนหายใจพรืด เอื้อมมือมาโยกหัวเขาเบาๆ


“เออ คิดว่ากูจะปล่อยมึงไปกับ’คนไม่สนิท’คนเดียวหรือไง” ย้ำชัดตรงคำว่าคนไม่สนิทก่อนจะปรายตามองไปทางยุทธนาที่มองมาอยู่ก่อนแล้วเป็นนัยย์ว่า ‘ผมหมายถึงพี่นั่นแหละ’ จนอีกฝ่ายถึงกับคิ้วกระตุก


“แล้วแบบไหนถึงจะเรียกว่าสนิท” คนถูกพาดพิงเอ่ยทะลุกลางปล้องเรียกสายตาแปดคู่ให้หันไปมองอย่างอึ้งๆ แต่ตาคมๆกลับจับจ้องอยู่ที่ดวงตาคู่เดียวของคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน


 “…..”


“…..”


“…..”


แดกจุดกันเป็นแถวไม่เว้นแม้แต่ตัวเขาเอง เดือนสิบได้แต่มองคนตรงหน้าตาปริบๆ จะให้ตอบว่ายังไงดีล่ะ และในระหว่างที่สมองน้อยๆกำลังคิดหาคำตอบอยู่ ปกรณ์ที่เห็นท่าไม่ดีก็เอ่ยทำลายความเงียบขึ้น


“เชี่ยยุทธ มึงก็ไปถามอะไรแบบนั้นเล่า! ดูดิ๊น้องมันเขินจนพูดไม่ออกหมดแล้วเนี่ย” คนพูดไม่ออกเริ่มหลุกหลิก พอหาทางออกไม่ได้ก็หันมาสะกิดเพื่อนสนิทที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ข้างๆคล้ายขอความช่วยเหลือ ซึ่งไอ้ปืนก็ช่างเป็นเพื่อนที่ดีเหลือเกิน


“ก็แบบนี้อ่ะพี่ถึงจะเรียกว่าสนิท” ว่าจบมันก็คว้าคอเขาหมับก่อนจะกดจมูกหนักๆลงมาที่แก้มจนเกิดเสียงดังฟอด เดือนสิบตกใจจนแทบจะโวยมันออกมาแล้วถ้าไม่ใช่เพราะเสียงกระซิบเบาๆบอกว่าให้นิ่งไว้ ไอ้ปืนค้างอยู่ในท่านั้นชั่วครู่แล้วผละออก มันยิ้มร้ายมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเพื่อนสนิทอย่างเหนือกว่า


หึ! ทั้งที่แววตาดูโกรธจนแทบระเบิดร่างเขาให้เป็นจุนขนาดนั้นแท้ๆแต่ก็ยังวางท่านิ่งเฉยเก็บอาการได้เป็นอย่างดี ก็นับว่าเป็นคนมีความอดทนสูงพอสมควร


จริงๆก็ไม่ได้อยากจะปีนเกลียวรุ่นพี่หรืออะไรหรอก ยังไงยุทธนาก็เป็นคนที่เขาให้ความนับถือพอสมควร แต่จะให้ทำเป็นไม่สนใจปล่อยให้อีกฝ่ายแทะโลมเพื่อนเขาทางสายตาอย่างสบายใจเฉิบมันก็ใช่เรื่อง ดูแลมันมาตั้งนานจะให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้มาแย่งไป
เฉยๆได้ไง มันต้องมีบททดสอบกันหน่อย


อีกอย่าง… ไอ้ปืนก็แค่อยากจะเห็นคนนิ่งๆหลุดมาดบ้างเท่านั้นเอง


เดือนสิบปั้นหน้าไม่ถูกกับบรรยากาศที่ดูเหมือนจะมาคุขึ้นชั่วขณะ ส่วนไอ้คนสร้างเรื่องก็ทำเป็นไม่สนใจก้มหน้าก้มตากินข้าวจนเขาต้องบิดต้นขามันแรงๆอย่างหมั่นไส้ ไอ้ปืนสะดุ้งนิดๆก่อนจะปัดมือเขาออกอย่างไม่สนใจ ฮึ! ฝากไว้ก่อนเถอะ


คาดโทษเพื่อนสนิทเสร็จก็ต้องสะดุ้งเมื่อหันมาสบเข้ากับตาคมกล้าที่จ้องอยู่ ถึงท่าทางจะไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเดือนสิบก็พอจะมองออกว่าอีกฝ่ายกำลังไม่พอใจมากๆ ด้วยความที่ไม่รู้จะทำยังไงเพราะตัวช่วยก็ช่วย (สร้างเรื่อง) ไปแล้ว เลยได้แต่ทำหน้าหงอยๆขอโทษขอโพยอีกฝ่ายในใจ


“ชาเย็นหน่อยไหมครับ อร่อยนะ” เลื่อนแก้วชาเย็นของตัวเองไปตรงหน้าของอีกฝ่ายแล้วก็ได้แต่มองอย่างลุ้นๆ


ท่าทางที่แสดงออกราวกับกำลังบอกว่า ‘ง้อนะ’ ของคนตรงหน้าทำให้ยุทธนาผ่อนลมหายใจ ตาคมอ่อนแสงลงอย่างเห็นได้ชัดเหลือบมองแก้วน้ำที่ถูกเลื่อนมาวางตรงหน้าสลับกับหน้าใสๆของคนให้อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะยกมันขึ้นมาดื่มในที่สุด คนให้ถึงได้ยิ้มออก …ตาเป็นประกายเชียวล่ะ


จะทำให้หลงไปถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้


บรรยากาศที่เหมือนจะผ่อนคลายลงทำให้อีกสองคนที่นั่งลุ้นอยู่พลอยหายใจหายคอโล่งไปด้วย ปกรณ์กับศิลาลอบยิ้มอย่างรู้กันกับท่าทางของเพื่อนสนิท คันปากอยากล้อมันชิบหายแต่ต้องเก็บอาการไว้ก่อนเพราะเกรงว่าจะทำลายบรรยากาศสีชมพูอมม่วงที่มันอุตส่าห์สร้างขึ้น เห็นแบบนี้ไอ้ป้องก็รู้เวลานะเออ!


นอกจากสองหน่ออย่างปกรณ์กับศิลา คนที่อยากล้อเพื่อนสนิทใจแทบขาดก็คงเป็นไอ้ปืนนี่แหละ ทำเป็นบอกว่ายังไม่ชอบเขา แต่เชื่อเถอะว่าไอ้ท่าทางแบบนี้ถ้าไม่ใช่คนที่เดือนสิบแคร์จริงๆคงไม่มีทางได้เห็นหรอก!


.

.

.


วันเสาร์สีม่วง


โรงอาหารคณะเป็นสถานที่นัดติวที่พวกเขาตกลงกันไว้ ไอ้ปืนมารับเดือนสิบไปมหา’ลัยพร้อมกันตอนเก้าโมง คนในโรงอาหารมีบ้างประปรายซึ่งส่วนมากก็มานั่งจับกลุ่มติวกันทั้งนั้น เขากับยุทธนาไม่ค่อยได้คุยอะไรกันมากนอกจากเอ่ยทักทายกันธรรมดา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะต่างฝ่ายต่างไม่ค่อยแสดงออกเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น ส่วนอีกหนึ่งคงเป็นเพราะไอ้ปืนที่ทำตัวเหมือนปลิงเกาะติดเขาแจ แถมยังชวนเดือนสิบคุยตลอดเวลาที่กินข้าวจนไม่มีเวลาไปสนใจพี่มัน


รู้ว่าไอ้ปืนมันจงใจแกล้งไม่ให้เขาได้มีโอกาสสนใจอีกฝ่าย บ่อยครั้งที่เดือนสิบมองหน้านิ่งๆคล้ายไม่พอใจของพี่มันแล้วได้แต่ขอโทษขอโพยอยู่ในใจอย่างรู้สึกผิด ซึ่งดูเหมือนยุทธนาเองก็เข้าใจดี เพราะพี่มันส่งยิ้มบางๆตอบมาทุกครั้งราวกับบอกว่าไม่เป็นไร


หลังจากกินข้าวเสร็จยุทธนาก็เริ่มแจกชีทให้น้องๆ จากที่ตอนแรกคิดว่าจะติวกันแค่สามคนก็ดันมีเพื่อนเข้ามาร่วมด้วยอีกหลายคน ซึ่งคนติวก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่ชีทแบบทดสอบที่เตรียมมามันไม่พอเลยต้องให้คนไปถ่ายเอกสารเพิ่ม เดือนสิบรู้สึกแปลกๆนิดหน่อยกับการรวมกลุ่มติวกับเพื่อนหลายๆคน มันไม่ใช่ความรู้สึกอึดอัด แต่มันแปลกตรงที่เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรแถมยังสนุกไปกับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนอื่นๆอย่างที่ไม่เคยทำ


เสียงทุ้มเอ่ยอธิบายเนื้อความในหนังสือด้วยโทนเสียงเรียบเรื่อย ภาษาพูดไม่เป็นทางการและเข้าใจง่ายทำให้คนฟังต่างก็ฟังอย่างตั้งใจ ไหนจะใบหน้าหล่อเหลาที่ถึงแม้จะติดเย็นชาไปซักหน่อยแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันน่ามอง พออธิบายจบก็ลงมือทำโจทย์ให้ดูเป็นตัวอย่าง จากนั้นก็ปล่อยให้น้องๆปีหนึ่งได้ลองทำเองข้อไหนทำไม่ได้ค่อยให้น้องถาม


ยุทธนามองรุ่นน้องเกือบสิบคนที่ลงมือทำโจทย์ที่เข้าให้อย่างตั้งใจ แต่คนที่ให้ความสนใจเป็นพิเศษยังคงเป็นคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา เดือนสิบเป็นคนหัวไวเพียงเขาอธิบายนิดหน่อยก็จับจุดและทำเองได้ หรือถ้าข้อไหนที่ไม่เข้าใจน้องก็จะลองทำด้วยตัวเองจนถึงที่สุดแล้วถึงมาถามความเห็นเขาทีหลัง พอเขาอธิบายก็ตั้งใจฟังและพยักหน้าหงึกหงักไปด้วย น่าเอ็นดูจนบ่อยครั้งเผลอลืมตัวเลื่อนมือไปขยี้กลุ่มผมนุ่นๆนั่น


“วันนี้ก็พอแค่นี้ก่อน เดี๋ยวพี่จะให้โจทย์ไปลองทำดู ได้ไม่ได้ก็ขอให้ลองทำก่อนอย่าลอกเพื่อนเข้าใจใช่ไหม” ยุทธนาไล่สายตามองรุ่นน้องร่วมคณะเกือบสิบคนที่ตอบรับอย่างแข็งขัน


“งั้นก็แยกย้ายได้ พรุ่งนี้เก้าโมงที่เดิมถ้าใครอยากมาติวอีกก็มาได้”


“ขอบคุนครับ/ขอบคุณค่ะ” เขารับไหว้รุ่นน้อง จนทุกคนเริ่มทยอยลุกไปจนหมดถึงได้หันกลับมาสนใจคนที่นั่งจ้องเขาตาแป๋ว ซึ่งตอนนี้ข้างกายไร้ผู้พิทักษ์


 “ไง เหนื่อยไหม” เดือนสิบส่ายหน้า รวบสมุดปากกาเข้ากระเป๋า


“พี่ล่ะครับเหนื่อยไหม” ยุทธนายิ้มบาง


“จะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยถ้าได้คนไปกินข้าวเป็นเพื่อน” เดือนสิบย่นจมูก มองคนหน้านิ่งที่ดูจะไม่นิ่งทุกครั้งที่คุยกับเขาอย่างหมั่นไส้


“งั้นก็ไปกันครับ หิวจะแย่”


“แล้วนี่ผู้พิทักษ์เราไปไหนซะล่ะ ทำไมถึงปล่อยให้มากับพี่ได้” ยุทธนาถามขึ้นระหว่างขับรถ ถ้อยคำเรียกขานเพื่อนสนิททำเอาเดือนสิบถึงกับหลุดขำ แต่ก็ไม่วายเล่นไปกับอีกฝ่าย


“ผู้พิทักษ์อะไรกันครับ ไอ้ปืนมันเป็นผู้ปกครองผมต่างหาก”


“งั้น.. ถ้าพี่จะมาเป็นแฟนสิบ ก็ต้องขออนุญาตผู้ปกครองเราก่อนรึเปล่า” คนโดนเล่นกลับถึงกับเหวอปั้นหน้าไม่ถูก เสียงหัวเราะหึๆจากคนข้างๆยิ่งทำให้สองแก้มรู้สึกร้อนผ่าว


“ขี้แกล้งว่ะ” ได้แต่บ่นเพราะไม่รู้จะทำยังไง


“ก็ทำตัวให้น่าแกล้ง” คนขี้แกล้งไม่ว่าเปล่ายังเลื่อนมามาโยกหัวเขาไปมาอีกต่างหาก


“ผมเปล่า”


“น่ารัก”


“พี่ยุทธ!” เดือนสิบมองอีกฝ่ายเคืองๆ ดูก็รูว่าโมโหกลบเกลื่อน


“ครับ!” ทว่าคนถูกมองกลับยิ้มรับอย่างไม่สะทกสะท้าน มันน่าตีซักป้าบจริงๆให้ตายเถอะ อยู่ต่อหน้าคนอื่นดูเป็นคนนิ่งๆแท้ๆ


“ไม่คิดมาก่อนเลยว่าพี่จะเป็นคนขี้แกล้งขนาดนี้” บ่นอุบ


“พี่ก็ไม่คิดมาก่อนว่าเราจะเป็นคนน่ารักขนาดนี้”


“พี่ยุทธ! หยุดเลย เลิกแกล้งผมแล้วหันไปขับรถดีๆเดี๋ยวนี้เลย” พอเถียงต่อไม่ได้ก็หันมานั่งกอดอกฉับ ตากลมมองตรงแสร้งทำเป็นไม่สนใจคนข้างๆที่ส่งเสียงหัวเราะหึๆราวกับอารมณ์ดีนักหนา


“มีคนบอกว่า เด็กผู้ชายถ้าชอบใครก็จะชอบแกล้งคนๆนั้นด้วยรู้หรือเปล่า”


เดือนสิบยังคงทำเป็นไม่สนใจ แม้จะอยากตะโกนใส่อีกฝ่ายดังๆว่า ‘แล้วตัวเองเป็นเด็กรึไงเล่า!!’ แค่ไหนก็เถอะ


“เงียบแปลว่ารู้…” ยุทธนาเหลือบมองคนหน้าหงิกทั้งที่แก้มขึ้นสีแดงเรื่ออย่างน่ารักน่าชังอย่างเอ็นดู อยากแกล้งต่อเพื่อยืนยันความ’ชอบ’ของตัวเองอีกซักหน่อยแต่ไม่เอาดีกวา หน้าแดงหูแดงไปหมดขนาดนี้ถ้าแกล้งต่อเดี๋ยวระเบิดตัวเองไปล่ะแย่เลย
ยังไงเขาก็ยังไม่อยากเป็นหม้ายทั้งที่ยังจีบไม่ติดหรอกนะ


ยุทธนาเลี้ยวรถเข้ามาจอดหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหา’ลัยเขาเท่าไหร่นัก ตัวร้านอยู่ห่างจากถนนใหญ่ราวห้าสิบเมตรเปิดโล่งรับลมเย็น


“อ้าวยุทธ.. จะมาไม่โทรบอกพี่ล่ะจะได้ให้คนทำกับข้าวไว้รอ” คนที่เอ่ยทักทายยุทธนาอย่างสนิทสนมเป็นผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาสะสวย ผมยาวถึงกลางหลังถูกมัดรวบไว้กันเกะกะ ท่าทางคล่องแคล่วดูทะมัดทะแมง


“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่นาว ผมรอได้” ยุทธนาว่ายิ้มๆก่อนจะหันมาหาเดือนสิบ มือหนาแตะที่เอวเขาเบาๆ “นี่เดือนสิบครับ”


คนถูกแนะนำแบบไม่ทันได้ตั้งตัวยิ้มเขินก่อนจะยกมือไหว้อย่างงงๆ เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากเจ้าของร้านคนสวย


“น่าตาน่าเอ็นดูเชียว”


“ขอบคุณครับ” ยิ้มเขินทำตัวไม่ถูก เพราะไม่บ่อยนักที่จะได้ยินคำพูดทำนองนี้จากคนไม่รู้จัก


“พี่ชื่อนาวนะจ๊ะเป็นพี่สะใภ้ยุทธ เดือนสิบทำตัวตามสบายเลยนะอยากกินอะไรสั่งเลยเดี๋ยวมื้อนี้พี่เลี้ยงเอง แล้วก็ไม่ต้องเกรงใจด้วยคิดซะว่าพี่เป็นพี่สาวเราอีกคนก็แล้วกันเนอะ” คนพูดไม่พูดเปล่ายื่นมือมาดึงแก้มเขาจนยืดอีกต่างหาก


เดือนสิบได้แต่ยิ้มแหยหันมามองคนที่ยืนอยู่ข้างๆกันคล้ายขอความช่วยเหลือ ยุทธนามองท่าทางของอีกฝ่ายยิ้มๆก่อนจะพยักหน้าให้เป็นเชิงว่ายอมๆตอบตกลงไปเถอะ ด้วยรู้ว่านิสัยของพี่สะใภ้เป็นยังไง ถึงจะไม่ได้สนิทกันมากนักแต่ก็พอรู้มาบ้างว่าอีกฝ่ายเอาแต่ใจไม่ใช่เล่น


“งั้นก็รบกวนด้วยนะครับ” เดือนสิบตอบรับในที่สุด


“ฮึ่ยย น่ารักจริงๆเชียว” เจ้าของร้านคนสวยยิ้มกว้าง บอกพนักงานให้มารับออเดอร์จากพวกเขาก่อนจะเดินผละไปเมื่อเห็นว่ามีลูกค้ากลุ่มใหม่เข้ามา


“ผมพึ่งรู้ว่าพี่ยุทธมีพี่ชายด้วย” เดือนสิบเอ่ยทำลายความเงียบระหว่างนั่งรออาหารที่สั่งไป อีกอย่างคือเขาอยากหาเรื่องคุยเพื่อหลบเลี่ยงตายิ้มๆของอีกฝ่ายที่จ้องกันไม่เลิกนี่ด้วย


“เรารู้สิแปลก ขนาดเพื่อนในห้องยังไม่มีใครรู้เลย”


“พวกพี่ป้องพี่หินก็ด้วยหรอครับ” ยุทธนาส่ายหน้า


“เว้นพวกมันสองคนไว้แล้วกัน” เดือนสิบพยักหน้าหงึกหงัก “แล้วเราล่ะมีพี่น้องรึเปล่าหรือว่าลูกคนเดียว” ยุทธนาถามกลับบ้าง


“มีน้องชายคนหนึ่งครับ ตอนนี้อยู่ปวชสาม”


“เรียนช่างหรอ”


“ครับช่างกลเหมือนกัน” ยุทธนาพยักหน้ารับ เอ่ยถามต่อเรียบเรื่อยพยายามไม่ให้น้องรู้สึกว่าเขากำลังซักประวัติ


“ดีเลยสิ จบแล้วจะมาเรียนที่กรุงเทพฯเหมือนกันรึเปล่าล่ะ”


“ไม่รู้สิครับ ดูเหมือนมันไม่ค่อยอยากมาเท่าไหร่”


ยุทธนาพยักหน้ารับแต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรต่ออาหารที่สั่งไปก็เริ่มทยอยมาเสิร์ฟบทสนทนาเลยจบลงแค่นั้น


“อันนี้อร่อย”


เดือนสิบเหลือบมองคนที่ตักนั่นตักนี่ให้เขาชิมไม่หยุด ซึ่งครั้งนี้เสียงทุ้มเอ่ยประโยคเดียวกันเป็นรอบที่สามตั้งแต่อาหารมาเสิร์ฟ


“ขอบคุณครับ แต่พี่ยุทธกินเองบ้างเถอะไม่ต้องดูแลผมดีขนาดนี้ก็ได้” เดือนสิบว่ายิ้มๆ ถึงจะรู้สึกดีไม่น้อยที่อีกฝ่ายคอยเอาใจ แต่ความรู้สึกเก้อเขินมันมีมากกว่า


“ไม่ได้สิ ดูแลไม่ดีเดี๋ยวโดนหักคะแนนขึ้นมาทำไง” คนโดนหยอดย่นจมูก


“ไม่หักหรอกครับ เพราะตอนนี้ยังไม่มีคะแนนให้หัก” ยุทธนามองคนเขินที่ยักคิ้ววางท่าอย่างผู้เหนือกว่ายิ้มๆ


“งี้ก็แย่เลยสิ ดูแลดีขนาดนี้ยังไม่มีคะแนนสงสัยคงต้องไปช่วยอาบน้ำทาแป้งแล้วส่งเข้านอนด้วยซะล่ะมั้ง” แกล้งโอดทั้งที่หน้าเกลื่อนพรายด้วยรอยยิ้ม จนเดือนสิบชักเริ่มหมั่นไส้ขึ้นมาตงิด แล้วคำพูดคำจานั่นใช่คนที่ชอบวางท่านิ่งๆแน่หรอ


“พอเลยๆเลิกเล่นแล้วตั้งใจทานได้แล้วครับ”


“ตักให้พี่บ้างสิ” คนช่างเอาใจเหมือนจะอยากโคฟเวอร์คนเป็นง่อยขึ้นมา


“เรื่องอะไรล่ะครับ ตักให้ผมได้ก็ต้องตักให้ตัวเองได้สิ”


“ใจร้ายว่ะ”


เดือนสิบส่งเสียงหึขึ้นจมูก แต่ก็ยอมตักเนื้อปลาจากถ้วยต้มยำใส่จานของคนที่แกล้งทำเป็นน้อยอกน้อยใจจนน่าหมั่นไส้


“น่ารักแล้วยังใจดีอีก” พอทำให้แล้วก็มาแกล้งให้ได้เขินอีก มันน่าไหมเนี่ย


“กินไปเลย”


“รู้ป่ะเนี่ยว่าทำให้คนเขาหลงจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว”


ไม่รู้! ไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละ!


ยุทธนามองคนขยันเขินที่หน้าแดงหูแดงจนกลัวว่าจะระเบิดตัวเองไปซะก่อนยิ้มๆ ไม่ว่าจะพูดอะไรจะทำอะไรเขาก็มองว่ามันน่ารักน่าเอ็นดูไปเสียหมด


ดูท่าว่าเขาจะหลงคนตรงหน้าจนแทบจะบ้าแล้วจริงๆนั่นแหละ



*****



 :katai5: ขอบคุณทุกคนที่รออิพี่กับน้องสิบขอรับ  :L2: :L2:
ตอนที่แล้วมีแต่คนว่าพี่มันร้าย ตอนนี้มันร้ายกว่า และตอนหน้าๆมันจะยิ่งร้ายค่ะ  :laugh:




ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
อยากได้แบบพี่ยุทธบ้างจัง
อิจฉาสิบอ่ะ

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ดีงามมากๆๆๆๆๆๆ
ทั้งพี่ยุทธ
ทั้งน้องสิบ
ชอบบบบบบบบบบ :mew1:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
ขยันหยอดจัง

ไม่ทราบที่บ้านขายหนมครกป่าวคะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ myapril

  • Tomorrow
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1436
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-3
หยอดเก่งจริงๆพี่ยุทธ
น้องสิบรับมือดีๆนะ555

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ขยันทำน้องเขินนะเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
หยอดตลอด ก็ดีที่สิบจะได้ไม่มีเวลาไปคิดถึงแฟนเก่า
พี่ยุทธมาถูกเวลา เขาจีบกันเราแต่เราฟิน :-[

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ยุทธ รุกเดือนสิบหนักๆไปเลย  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
พี่ยุทธ ดูอบอุ่น เป็นที่พึ่งให้สิบได้ดี
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
ยุทธนาพ่อคุณเอ๊ย....

ออฟไลน์ TheP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

พี่ยุทธธธธ
หยอดเก่งขนาดนี้ที่บ้านขายขนมครกใช่ไหมมม
เขิลลล
 :o8: :o8:

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
หยอดตลอดเลยน้า พี่ยุทธเนี่ย
 :hao7:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ angelhani

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
 :impress2: น่ารักทั้งคู่เลย

ออฟไลน์ LoveRead

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอแบบพี่ยุทธซักคน
สิบไม่เอามาหาเค้าน้าาา
 :-[ :-[

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
พี่ยุทธหยอดตลอดดดด น้องสิบเขินตัวแตกแล้วแบบนี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ดีแล้วที่นุแฟนเก่าเดือนมาบอกเลิกไม่งั้นคงไม่ได้เห็นพี่ยุทธหยอดน้องเดือนแบบนี้ :m1: :m1: :m1: :m1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ PYonG

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
หยอดอีกล้าววววว น้องเขินหมดล้าาาาว
 :o8: :o8:

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
หยอดเก่งนักนะพี่ยุทธ

ออฟไลน์ powvera

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-3
ชอบ  ชอบอ่ะ   หยอดได้หยอดเข้าไปนะพี่ยุทธ 

 :hao3:     :hao3:

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
หยอดตลอดดด ใจอ่อนหยวบแล้วจ๊า

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ขอพี่ยุทธใส่ห่อกลับบ้าน1ที่ค่ะ o18
ขรึมๆแต่พออยู่กะน้องละน่าร๊ากกกกกก อยากเห็นตอนเป็นแฟนกานนนน :hao7:

ออฟไลน์ เล็กต้มยำ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
#ตอนที่เจ็ด



   ถ้าใครเดินเข้ามาในโรงอาหารคณะวิศวะช่วงนี้อาจต้องรู้สึกประหลาดใจกับความเงียบสงบที่เกิดขึ้น ถึงจะไม่ได้เงียบฉี่เหมือนเด็กคณะอื่นๆแต่ความเงียบระดับนี้ก็ถือว่าไม่ปกติอยู่ดี ภาพนักศึกษาในชุดเสื้อช้อปที่กำลังจับกลุ่มรวมกันเพื่อติวหนังสือไม่ได้มีมาให้เห็นบ่อยนัก จะเว้นก็แต่ช่วงนี้ที่เรียกว่าเป็นมหกรรมสอบไฟนอล วันแรกของการสอบทุกคนดูจะกระตือรือร้นแต่เมื่อเข้าวันที่สองที่สาม ความรู้สึกนั้นจะค่อยๆเลือนหายไปเหลือแต่ความอ่อนล้า เดือนสิบเองก็เช่นกัน


   ร่างโปร่งทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทางอิดโรย ก่อนที่เก้าอี้ตัวข้างๆจะถูกจับจองโดยไอ้ปืนที่ดูจะอาการหนักกว่าอยู่สักหน่อยมันฟุบหน้าลงกับโต๊ะก่อนจะเริ่มโอดครวญอีกครั้ง ทั้งๆที่ก็บ่นมาตลอดทางตั้งแต่เดินออกจากห้องสอบแท้ๆ


วิชาที่พวกเขาสอบวันนี้คือแคลคูลัสซึ่งเป็นการสอบที่รีดพลังชีวิตออกไปเยอะพอสมควร หน้าตาของเพื่อนๆแต่ละคนที่เดินออกจากห้องสอบดูอ่อนล้าไม่ต่างกัน เดือนสิบอยากจะฟุบไปกับโต๊ะอย่างไอ้ปืนบ้าง ติดแต่ตอนนี้เขาหิวเกินกว่าจะมัวอ้อยสร้อยแบบมัน ลุกขึ้นตั้งใจว่าจะไปซื้อข้าว กินเสร็จจะได้กลับหอไปนอนเอาแรง แต่สองขาที่ยังไม่ทันได้ออกเดินก็ต้องหยุดชะงักเมื่อร่างสูงคุ้นตาของคนที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เห็นมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า มือซ้ายถือจานข้าวส่วนอีกข้างมีน้ำชาเย็นที่เขาชอบ


ใบหน้าหล่อเหล่าดูอิดโรยไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่ ทว่ารอยยิ้มบางๆที่ส่งมาให้ยังดูอบอุ่นเสมอ จานข้าวที่อีกฝ่ายถืออยู่ถูกวางลงตรงหน้าก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งลงตรงข้ามกับเขา


“เห็นเหนื่อยๆกลัวว่าจะไม่มีแรงเลยซื้อมาให้” ไม่รอให้ได้เอ่ยถามเจ้าตัวก็ชิงอธิบายซะก่อน


“ผมไม่ได้แย่ขนาดนั้นซักหน่อย ไม่เห็นต้องลำบากเลย” ถึงจะรู้สึกดีใจลึกๆกับการเอาใจใส่ แต่พอเห็นท่าทางที่ดูเหนื่อยๆไม่ต่างกันก็อดจะรู้สึกเกรงใจไม่ได้ ทว่าคนชอบบริการกลับยิ้มบาง


“ที่ทำเพราะอยากทำให้ไม่ได้ลำบากอะไรเลย รีบกินเถอะกำลังหิวไม่ใช่รึไง” มือหนายื่นมาลูบหัวเขาเบาๆแล้วผละออก


“แล้วพี่ยุทธไม่กินด้วยกันหรอครับ”


“ไม่ล่ะพี่กินแล้ว” เดือนสิบพยักหน้ารับก่อนจะเริ่มลงมือกินข้าว หันไปมองเพื่อนสนิทก็เห็นว่ามันยังคงฟุบหน้านิ่งไม่ไหวติง พอสะกิดมันก็ส่งเสียงครางฮือ สงสัยจะเพลียจนหลับ ไม่รู้เมื่อคืนมันอ่านหนังสือดึกหรืออ่านหนังสือหนักแล้วเล่นเกมต่อจนดึก


“ทำข้อสอบได้ไหม” ยุทธนาเอ่ยถาม


“ก็พอได้ครับแต่ไม่แน่ใจว่าถูกรึเปล่า” ถึงจะทำได้เกือบทุกข้อแต่ก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดีว่าถูกหมดไหม


“ต้องถูกอยู่แล้ว เก่งขนาดนี้มั่นใจหน่อยสิ” เดือนสิบย่นจมูก


“ก็มันกังวนนี่ครับ”


“ไม่ต้องไปคิดมากหรอกกังวนไปก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว มั่นใจในสิ่งที่ทำไปก็พอ” ยุทธนายิ้มให้กำลังใจ คนเป็นน้องเลยยิ้มตอบ


“พี่ยุทธล่ะครับ ทำได้ไหม”


“ก็มีได้มีไม่ได้เหมือนเรานั่นแหละ แต่ก็มั่นใจว่าทำได้เกินครึ่ง” เป็นอีกครั้งที่เดือนสิบย่นจมูกแล้วส่ายหน้าเบาๆใส่ท่าทางมั่นอกมั่นใจของคนตรงหน้า


ท่าทางน่าเอ็นดูจนคนมองอดไม่ได้เลยยื่นมือข้ามโต๊ะมาบีบจมูกรั้นๆอย่างหมั่นเขี้ยว


“ฮื่อ.. เจ็บ” พูดอู้อี้เพราะคนเป็นพี่ยังไม่ถอนมือออกไป


“หมั่นเขี้ยวว่ะ” คนขี้แกล้งหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ยอมปล่อยมือจากปลายจมูกรั้นแต่ก็ยังไม่วายขยี้กลุ่มผมนุ่มอย่างอดใจไม่ไหว


“ขี้แกล้งว่ะ” ถ้อยคำที่แทบจะเรียกได้ว่าติดปากยามเมื่ออยู่กับคนตรงหน้าถูกเอ่ยออกมาอีกครั้ง ถูจมูกตัวเองป้อยๆแสร้งก้มหน้าก้มตากินข้าว ทำเมินตาคมเป็นประกายที่มองมา


ยุทธนาไม่ได้แกล้งหรือแหย่อะไรน้องอีก เขาทำแค่นั่งดูอีกฝ่ายกินข้าวไปเรื่อยๆมียิ้มให้บ้างเวลาที่สบตากัน กระทั่งน้องกินเสร็จถึงได้เอ่ยถาม


“ตอนบ่ายมีสอบอีกรึเปล่า” เดือนสิบส่ายหน้า


“ไม่มีแล้วครับ มีอีกทีก็วันศุกร์เลย”


“งั้นก็แปลว่าพรุ่งนี้กับวันมะรืนเราว่างน่ะสิ” พยักหน้ารับหงึกหงัก มองท่าทีแปลกๆของอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจนัก


“… พี่ก็ว่าง… ไปเที่ยวกันไหม”


เดือนสิบนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยถาม


“….เที่ยวไหนครับ”


“พวกไอ้ป้องมันอยากไปเที่ยวทะเล เห็นว่าจะไปเกาะล้าน… ไปด้วยกันนะ”


ยุทธนามองคนที่ดูเหมือนจะนิ่งไปอีกครั้ง เขาส่งยิ้มบางๆให้ไม่ได้เร่งรัดให้น้องรีบตกลง ถึงช่วงสองสามอาทิตย์มานี้จะไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ แต่ส่วนใหญ่ก็แค่ไปกินข้าวด้วยกันใกล้ๆหรือไม่ก็มานั่งติวหนังสือที่มหา’ลัย นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยปากชวนอีกฝ่ายไปเที่ยวด้วยกันอย่างเป็นทางการ ถึงจะไม่ได้ไปแค่สองคนก็เถอะ


“จริงๆไอ้ปืนมันก็เปรยๆว่าอยากไปทะเลอยู่เหมือนกันครับ แต่ผมบอกมันว่ารอให้สอบเสร็จก่อน กลัวไปแล้วจะไม่สนุกเพราะมัวพะวงอยู่กับเรื่องสอบ”


ยุทธนาพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เขายิ้มบาง ไม่ได้โกรธเคืองกับประโยคในเชิงปฏิเสธกรายๆ


“ถ้าอย่างงั้นสอบเสร็จแล้วไปเที่ยวด้วยกันนะ”


“ครับ”


ยืนยันหนักแน่นก่อนจะยิ้มกว้างตอบรับท่าทางที่แสดงออกอย่างดีใจของอีกฝ่าย


.

.

.


ช่วงเวลาหฤโหดอย่างการสอบไฟนอลค่อนข้างผ่านไปได้ด้วยดี เดือนสิบนั่งมองเพื่อนสนิทที่กำลังแหกปากร้องเพลงเสียงดังลั่นโดยที่ข้างๆกันมีลูกคู่คือไอ้ตู่ซึ่งกำลังโยกตัวอย่างเมามัน มีเสียงเฮลั่นและเสียงหัวเราะเป็นระยะจากคนอื่นๆที่นั่งโยกตัวอยู่บนโซฟาสร้างความสนุกครึกครื้น ของกินเล่นที่สั่งมาจนเต็มโต๊ะเหลือเพียงเศษซากทั้งที่เวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง


หลังจากสอบวิชาสุดท้ายเสร็จแทนที่จะได้กลับไปนอนให้ฉ่ำปอดอย่างที่ตั้งใจ ไอ้ปืนที่ดูเหมือนจะหมดแรงในทีแรกก็ดี้ด้าเป็นปลากระดี่ได้น้ำขึ้นมาทันทีเมื่อไอ้จอมโทรมาชวนไปร้องคาราโอเกะ สมาชิกที่ร่วมด้วยก็พวกกลุ่มเดิมที่ไปกินเหล้าด้วยกันนั่นแหละ เดือนสิบที่อุตส่าห์ตั้งใจว่าจะกลับห้องไปนอนเลยต้องติดสอยห้อยตามมันมาด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้


หลายครั้งที่ถูกชักชวนให้ออกไปร้องแต่เขาก็ปฏิเสธไปเพราะถนัดเป็นคนฟังมากกว่า เห็นแต่ละคนปลดปล่อยความเครียดหลังสอบโดยการออกไปเต้นท่าบ้าๆบอๆดูไปก็ตลกเพลินๆดี กระทั่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้เด็กวิศวะเกือบๆสิบคนก็เริ่มทยอยหมดแรงกันไปทีละคนสองคน จนสุดท้ายก็ไม่เหลือ พากันนอนแผ่อ้าซ่า


เดือนสิบเดินแยกออกมาเข้าห้องน้ำระหว่างที่รอพวกมันเคลียร์ค่าใช้จ่าย ไอ้ปืนบอกว่ามันจะออกในส่วนของเขาให้เพราะมันเป็นคนลากเขามาซึ่งเดือนสิบก็ไม่ได้ปฏิเสธ


“อ้าวสิบ มาร้องเกะเหมือนกันหรอ” เสียงคุ้นเคย ก่อนที่เจ้าของส่วนสูงไล่เลี่ยกันกับเขาเดินมาหยุดยืนอยู่ที่อ่างล้างมือข้างๆ เดือนสิบยกมือไหว้อีกฝ่าย


“ครับ มากับพวกไอ้ปืน”


“อ่อ ไอ้กลุ่มที่โหวกเหวกอยู่หน้าบาร์นี่เอง ก็ว่ามองไกลๆหน้าดูคุ้นๆ แล้วนี่จะกลับกันแล้วหรอ”


“ครับ รอพวกมันเคลียร์ค่าเสียหายอยู่”


“เละเทะเลยสิ”


“ครับ ก็เยอะพอสมควรเลย” ปกรณ์หัวเราะร่า


“ห้องนั้นก็พอตัวเหมือนกันมีแต่พวกทโมนทั้งนั้น นี่ไอ้หินก็ทำแก้วแตกไปสองใบแม่งเมาแล้วเรื้อนชิบหาย เอ้อ… เราอยู่หอตรงข้ามกับคอนโดไอ้ยุทธนี่ ใช่ไหม” เดือนสิบกระพริบตาปริบๆก่อนจะพยักหน้างงๆกับการเปลี่ยนเรื่องกะทันหันของรุ่นพี่ร่วมคณะ


“ดีเลย งั้นพี่ฝากของไปให้มันหน่อย ตอนแรกกะว่าจะเอาไปให้เองแต่เมื่อกี้ม๊าโทรมาบอกว่ามีธุระด่วน ไม่ลำบากใช่ไหม”


คนถูกมัดมือชกไม่ทันมีเวลาได้จับต้นชนปลายก็ถูกอีกฝ่ายลากให้เดินมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องร้องคาราโอเกะซะแล้ว เจ้าตัวบอกให้เขายืนรออยู่ข้างนอกแล้วก็หายเข้าไปในห้อง แต่ไม่นานก็กลับออกมาพร้อมแฟ้มเอกสาร ซึ่งตอนนี้ถูกยัดใส่มือเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่เปิดโอกาสให้ได้ปฏิเสธ


“มันอยู่ชั้นยี่สิบเอ็ดห้อง 2505 เดี๋ยวพี่จะโทรไปบอกประชาสัมพันธ์ให้ ถ้าเขาถามสิบก็บอกว่าเป็นรุ่นน้องไอ้ยุทธมันแล้วกัน โอเคเนอะ ขอบคุณมากๆนะเดี๋ยวคราวหน้าพี่เลี้ยงข้าวตอบแทน แล้วเจอกัน”


ปกรณ์ตบไหล่รุ่นน้องปุๆจากนั้นก็หายลับเข้าไปในห้องคาราโอเกะอีกครั้ง ปล่อยให้รุ่นน้องร่วมคณะว่าที่เพื่อนสะใภ้มองตามตาปริบๆ


.

.

.


เพราะคำไหว้วานของรุ่นพี่ จึงทำให้ตอนนี้เดือนสิบต้องมายืนคอตั้งแหงนมองคอนโดหรูที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับหอเขาอย่างช่วยไม่ได้ สูดหายใจลึกคล้ายเรียกกำลังใจให้ตัวเองราวกับจะไปออกรบที่ไหน ทั้งที่จริงๆแค่เอาของขึ้นไปให้คนที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาเกือบอาทิตย์ ใช่.. เกือบอาทิตย์แล้วที่เขาไม่ได้เจอหน้าพี่ยุทธ เพราะต่างฝ่ายต่างยุ่งอยู่กับการสอบ เวลาว่างก็ยังไม่ตรงกันอีก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายจะหายเงียบไปเลย ทุกๆวันจะมีข้อความสั้นๆอย่าง ‘ฝันดี’ ไม่ก็ ‘คิดถึง’ หรืออะไรในทำนองนี้ถูกส่งเข้ามาทุกวันในเวลาสี่ทุ่มตรง เป็นข้อความสั้นๆที่ทำให้เขาเผลอยิ้มกว้างได้ทุกครั้งที่ได้รับ


เดือนสิบเรียกกำลังใจให้ตัวเองอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน เขาบอกพี่ประชาสัมพันธ์ตรงเคาน์เตอร์ไปตามที่พี่ป้องแนะนำ อีกฝ่ายก็พาเขามาส่งที่ลิฟต์ด้วยท่าทางยิ้มแย้ม


ติ้ง!


ลิฟต์เปิดออกเมื่อมาถึงชั้นที่ต้องการ ร่างโปร่งก้าวเดินอย่างไม่มั่นคงนักกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าห้อง 2505 ตามที่รุ่นพี่ได้บอกไว้ อีกครั้งที่ความตื่นเต้นอย่างไม่มีสาเหตุเพียงแค่คิดว่าจะได้เจออีกฝ่ายทำให้ต้องสูดหายใจลึก ทำใจอยู่ชั่วครู่แล้วจึงกดออดในที่สุด


ความเงียบชั่วอึดใจก่อนที่ประตูจะเปิดออก


“สิบ..?”


คนที่เปิดประตูออกมาทำหน้าแปลกใจระคนไม่แน่ใจเมื่อเห็นเขา แต่ชั่วครู่ตาคมก็เปลี่ยนเป็นฉายประกายความดีใจออกมา


“เข้ามาก่อนสิ” ยุทธนายิ้มจางขยับหลีกทางให้ร่างเล็กกว่าได้เดินเข้ามาในห้อง ถึงจะแปลกใจไม่น้อยในทีแรก ที่เปิดประตูออกไปแล้วเจออีกฝ่ายแทนที่จะเป็นเพื่อนสนิทที่โทรมาบอกก่อนหน้าว่าจะเอาชีทงานมาให้ แต่หลังจากนั้นความรู้สึกดีใจระคนตื่นเต้นเล็กๆก็เข้ามาแทนที่


“พี่ป้องฝากให้ผมเอานี่มาให้ครับ บอกว่ามีธุระเลยมาไม่ได้” ยุทธนารับแฟ้มเอกสารจากน้องมาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะนั่งลงข้างๆกัน นึกขอบคุณเพื่อนสนิทในใจไม่ว่ามันจะติดธุระจริงๆหรือแค่แกล้งติดธุระก็ตาม


“ขอบคุณครับ” ยุทธนายิ้มบางมองท่าทางเหมือนกระต่ายหลงถิ่นของคนเป็นน้องอย่างเอ็นดู เดือนสิบคล้ายจะตัวเกร็งตั้งแต่เดินเข้ามาในห้อง ตากลมดูหลุกหลิกไม่กล้าสบตาเขา


“เป็นอะไรรึเปล่าหน้าดูแดงๆ หรือว่าไม่สบาย” ร่างเล็กกว่าสะดุ้งโหยงตอนที่เขาขยับเข้าใกล้จนยุทธนาเกือบหลุดขำ ไม่ได้เจอกันเกือบอาทิตย์ดูเหมือนลูกแมวของเขาจะขี้ตกใจขึ้นมาอีกแล้ว


หรือเป็นเพราะอยู่แปลกถิ่น?


“เปล่าครับผมสบายดี.. คือผมแค่จะเอาของขึ้นมาให้.. แล้วก็ว่าจะกลับเลย” เอ่ยติดๆขัดๆแถมยังไม่ยอมสบตาอีกต่างหาก
ดูเหมือนเขาต้องเรียกความคุ้นชินให้ลูกแมวซะหน่อยแล้ว ขืนปล่อยให้กลับถิ่นตอนนี้มีหวังครั้งหน้าคงพาขึ้นมาด้วยยากแน่ๆ


“ไม่ได้เจอกันตั้งเป็นอาทิตย์มาถึงก็จะรีบกลับเลยหรอ ไม่คิดถึงกันบ้างรึไงฮึ”


เอ่ยเสียงนุ่ม วางมือลงบนหัวทุยสวยแล้วขยี้เบาๆอย่างที่ชอบทำ


สัมผัสคุ้นเคยทำให้เดือนสิบคลายอาการตื่นเต้นลง ตากลมค่อยๆช้อนมองเจ้าของห้อง ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยเกลี้ยงเกลาตอนนี้เริ่มมีไรหนวดสีเขียวขึ้นจางๆ เปล่าเลย.. มันไม่ได้ดูน่าเกลียดแต่กลับยิ่งเสริมให้เจ้าตัวดูหล่อเข้มดุดันขึ้นต่างหาก ไหนจะเสื้อนักศึกษาที่ปลดกระดุมเม็ดบนลงถึงสามเม็ดจนเผยให้เห็นแผ่นอกแน่นตึงนี่อีก…


มองลงมาถึงตรงนั้นแก้มขาวก็เหมือนจะร้อนวูบขึ้นมาอีกครั้ง ก้อนเนื้อในอกเต้นตึกตักเป็นจังหวะแปลกๆจนต้องเบือนหน้าหนี


ทั้งที่มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เห็นหน้าอกผู้ชายซักหน่อย ของไอ้ปืนก็เคยเห็น พี่ที่อู่ซ่อมรถก็เห็นออกบ่อย หรือแม้แต่ไอ้นุเองเขาก็เคยเห็น เห็นมากกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่ความเขินมันโคตรจะเทียบกันไม่ติดเลย ใจก็ไม่เต้นแรงขนาดนี้ด้วย


เป็นอีกครั้งที่ยุทธนารู้สึกว่าอีกฝ่ายน่าแกล้ง แก้มแดง หูแดง.. ชัดเจนว่าลูกแมวของเขากำลังเขิน แบบนี้จะเรียกว่าน้องมีใจให้เขาได้รึยังนะ


ไวเท่าความคิด ร่างใหญ่กว่าขยับเข้าไปใกล้..


“ว่าไงครับ.. คิดถึงพี่บ้างไหม”


คนถูกถามระยะประชิดผงะถอย ทว่าคนอยากพิสูจน์ความรู้สึกของอีกฝ่ายกลับไม่ยอมปล่อยให้เป็นอย่างนั้น แขนแกร่งคว้าเอวของอีกฝ่ายเข้ามาชิด กระซิบถามประโยคเดิมจนเกือบติดใบหูขาวที่ตอนนี้กลายเป็นสีแดงเรื่อ


เดือนสิบเป็นผู้ชายตัวเล็ก.. ถึงดูภายนอกจะไม่เล็กมากแต่เมื่อเทียบกับเขาที่จัดอยู่ในกลุ่มผู้ชายร่างยักษ์แล้วเจ้าตัวก็ดูตัวเล็กไปถนัดตา แถมรูปร่างยังดูผอมบาง เอวเล็กขนาดที่เขาสามารถรวบเอาไว้ได้ด้วยแขนเพียงข้างเดียวก็หนีไปไหนไม่รอด


กลิ่นหอมอ่อนๆเจือกลิ่นเหงื่อในระยะประชิดคล้ายจะปลุกสัญชาติญาณบางอย่างที่เก็บซ่อนเอาไว้ให้ตื่นขึ้นมา


ยุทธนาไม่ใช่คนดีร้อยเปอร์เซ็นต์ แน่ล่ะไม่มีใครดีได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ทั้งนั้น ทุกคนล้วนมีด้านมืดที่เก็บซ่อนไว้ และเลือกว่าจะแสดงมันออกมาแบบไหน กับใครต่างหาก


เขาเองก็ไม่ได้ต่างไปจากใครหลายๆคน เลือกที่จะแสดงออก และเลือกที่จะเก็บซ่อน… เพื่อรอ รอให้ถึงเวลาเหมาะสม แต่ตอนนี้เขาชักจะไม่อยากรอแล้ว…


ปลายจมูกโด่งปัดป่ายไปมาแผ่วพริ้วแถวใบหูขาว ข้างขมับเนียน หรือแม้แต่แก้มใส…


อันตราย


ทั้งที่เสียงในใจตะโกนบอกแบบนั้น แต่แทนที่จะหยุดเขากลับยิ่งอยากทำมากกว่านี้ ถึงจะอ้างว่าอยากพิสูจน์ความรู้สึกน้อง แต่ลึกๆในใจเขารู้ดีว่าตัวเองไม่ได้ต้องการแค่นั้น ไม่ได้อยากทำแค่สบตา ไม่ได้อยากทำแค่ยิ้มให้หรือสัมผัสเบาๆที่กลุ่มผมนุ่ม… แต่เขาต้องการมากกว่านั้น!


เดือนสิบหลับตาปี๋มือขยุ้มอกเสื้อเขาไว้แน่นยามที่สัมผัสอุ่นเคลื่อนผ่าน แก้มขาวๆแดงจัดขึ้นกว่าเดิม


 “ไหนตอบให้ชื่นใจหน่อยว่าคิดถึงพี่ไหม” ยุทธนาสูดหายใจลึกหลับตาลงชั่วขณะเพื่อเรียกสติแล้วลืมขึ้น ขยับใบหน้าออกห่าง แต่ก็แค่นิดเดียวเพื่อให้มองหน้าแดงๆของอีกฝ่ายได้ชัดเจน


เดือนสิบหลุบตาต่ำเม้มปากเข้าหากันแน่นไม่ยอมตอบ พอเขาอดใจไม่ไหวจะก้มลงไปหอมแก้ม เจ้าตัวก็ครางฮือซุกหน้าเข้ากับอกเขาแล้วส่ายหัวไปมา


ยุทธนาหัวเราะในลำคอ กดจูบที่กลุ่มผมนุ่มซ้ำๆ


“ไม่คิดถึงหรอ น้อยใจนะเนี่ย…”


เสียงทุ้มชิดริมหูจนเดือนสิบต้องหดคอหนี ไม่กล้าแม้แต่จะเงยขึ้นหน้าสบตาคมหรือกระทั่งส่งเสียงตอบกลับไป ทำได้แค่ซุกหน้าอยู่กับอกกว้างหลบซ่อนความรู้สึกในใจที่กำลังสั่นไหวรุนแรง


สัมผัสอบอุ่นที่วนเวียนอยู่บริเวณข้างขมับและกลุ่มผมนุ่มทำให้รู้สึกดี ดีเกินไปจนเขาคิดว่าตัวเองกำลังตกหลุมรักมัน… ตกหลุมรักสัมผัสอ่อนโยนที่อีกฝ่ายมอบให้ ตกหลุมรักความเอาใจใส่


หรือบางที… เขาอาจจะถึงขั้นตกหลุมรักคนที่มอบทั้งหมดนั้นให้ไปแล้วก็ได้…


นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ กระทั่งคนในอ้อมแขนเริ่มขยับตัว


“ปล่อยก่อนครับ” เดือนสิบว่าเสียงติดจะสั่นๆ เขาค่อยๆดันคนเป็นพี่ออก ทว่าเจ้าของอ้อมกอดกลับทำตัวเป็นเด็กโข่งงอแงไม่ยอมปล่อย


“ไม่อยากปล่อยเลย” ว่าพลางกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นจนร่างเขาแทบจมไปกับแผ่นอกกว้าง


“ผมอึดอัดนะ”


“อยากกอด” เสียงทุ้มเอ่ยชิดขมับเนียน ฟังดูแผ่วเบาราวกระซิบ


“พี่ยุทธ..”


“อยากจูบ”


“…!!”


“อยากเป็นมากกว่าพี่แล้ว”


!!!!




*****



 :katai5: ขอบคุณที่รออิพี่กับน้องสิบค่ะ :กอด1: :กอด1:
ช่วงนี้เรางานเยอะจัดอาจมาช้าบ้าง ที่มอก็มีกิจกรรมอะไรนักหนาก็ไม่รู้ โดดแม่ม 5555  :z6:
เขาไม่อยากเป็นแค่พี่แล้วนะเออ เขาอยากเป็น.... แล้วววว
อิพี่มันร้ายนะคะ มันไม่ใช่คนดีอย่างที่แสดง มันเป็นสิงโตในคราบคิงคอง :laugh:
ใครที่เล่นทวิตเตอร์เค้าฝาก #YDแพ้ใจ ด้วยนะคะ  :กอด1:



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-01-2017 21:55:52 โดย เล็กต้มยำ »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4: :L1:
มันเป็นสิงโตในคราบคิงคอง คิดได้ไง :m20:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
พี่ยุทธรุกหนักมากกกกก จะโดนตะปบแล้วสิบ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด