13
เสียงหัวเราะครื้นเครงจากพวกที่เล่นน้ำอยู่ดังแจ่มชัดขึ้นเมื่อร่างสูงเดินเข้ามาใกล้ ภาพที่ใครบางคนกำลังถูกรุ่นน้องรวมหัวกันแกล้งโดยการลากลงน้ำทั้งที่ไม่เต็มใจตกอยู่ในกรอบสายตา พี่พีทโวยวายเสียงดังลั่นแต่มีหรือทโมนพวกนั้นมันจะฟัง ยิ่งด่ายิ่งได้ใจล่ะไม่ว่า ไอ้พวกนั้นพอเห็นรุ่นพี่ยิ่งดีดดิ้นก็ยิ่งได้ใจใหญ่พอลากลงทะเลได้ก็พากันหัวเราะเฮฮา
“ไอ้พวกเหี้ย! นี่กูพี่มึงนะ!” พี่พีทโวยลั่นขณะลูบหน้าลูบตาพลางไอคอกแค่กหน้าแดงก่ำ สภาพเปียกม่อลอกม่อแลกไม่ต่างจากลูกหมาตกน้ำ ยิ่งท่าทางที่กำลังโวยลั่นแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะพวกนั้นมีมากกว่าก็ยิ่งทำให้คนที่แอบมองอยู่นึกขำ ท่าทางไม่ต่างจากแมวขู่ ถึงจะเป็นรุ่นพี่ก็เถอะ แต่ไหนความน่าเกรงขามครับ?
“เพิ่มความสดชื่นยามเช้าไงพี่ ไม่เอาไม่งอนน่า ไหนๆก็เปียกแล้วมาเล่นกับพวกผมดีกว่า” ไอ้ตู่หัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี แถมมันยังเข้าไปเล่นพันแข้งพันขาไม่กลัวสายตาดุๆของรุ่นพี่ปีสามอีกต่างหาก
“สดชื่นกับผีสิ กูหนาวไอ้สัด!” พีทแหวลั่น ก่อนจะเดินหน้าง้ำขึ้นฝั่ง นึกเคืองยันเพื่อนตัวเองที่เอาแต่หัวเราะงอหงายไม่สนใจห้ามปรามไอ้เด็กเวรพวกนี้เลยซักนิด เชี่ยป้องนะเชี่ยป้อง! ก็รู้อยู่ว่าเขาไม่ถูกโรคกับน้ำทะเลตอนเช้าๆ ไม่น่าเดินมาหาพวกแม่งเลยจริงๆ
“อ้าวเฮ้ย! พี่พีทท โกรธอ่อพี่!”
“เชี่ยพีทท มึงโกรธจริงอ่ออ”
“เออไอ้พวกเหี้ย!” ด่าเสร็จก็เดินตุปัดตุเป๋กลับขึ้นฝั่งไม่สนใจเสียงขอโทษขอโพยดังระงมจากไอ้พวกด้านหลังเลยซักนิด เดินก้มหน้าก้มตาปากสั่นตัวสั่นไม่สนแม้กระทั่งว่ากำลังจะเดินมาชนใครเข้า กระทั่งไอ้ปืนส่งเสียงกระแอมขึ้นเบาๆนั่นแหละพี่มันถึงได้เบรกเอี๊ยดแล้วเงยหน้ามอง
“เชี่ยไรมึงเนี่ย” มองตาเขียวปั๊ดผิดกับเมื่อตอนอยู่ในห้องลิบลับ ไอ้ปืนมองคนที่ยืนกอดอกตัวสั่นแถมริมฝีปากที่เคยสีสดก็ดูซีดขึ้นถนัดตา ถึงสภาพจะดูน่าสงสารแต่บอกเลยว่างานนี้ไอ้ปืนจะไม่ยอมใจอ่อนเด็ดขาด
“พี่นั่นแหละทำอะไรของพี่วะ” ไอ้ปืนกอดอกมองอย่างเอาเรื่อง
“อะไรของมึง” พี่มันย่นคิ้ว มองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“ก็พี่เอารูปผมไปลงอ่ะ”
“เรื่องแค่เนี้ย? ไร้สาระว่ะ หลบดิ๊กูหนาวจะตายห่าละเนี่ย” ไม่ว่าเปล่าเจ้าตัวยังเดินกระแทกไหล่เขาอีกต่างหาก แต่เพราะขนาดตัวที่แตกต่างเยอะพอสมควรเลยทำให้ฝ่ายที่เซไปเล็กน้อยกลายเป็นพี่มันซะเอง ไอ้ปืนมองคนที่ทำท่าฮึดฮัดแล้วได้แต่นึกขำ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังยืนปั้นหน้านิ่งไม่ยอมหลุด
“พี่ยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นแหละ จนกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง” คว้าแขนเล็กไว้แต่คงเผลอออกแรงมากไปอีกฝ่ายเลยถึงกับเซเข้ามาปะทะอก และด้วยสัญชาตญาณหรืออะไรก็แล้วแต่เพราะมันทำให้เขาเผลอรวบตัวอีกฝ่ายไว้ด้วยเกรงว่าจะล้มคว่ำไปทั้งคู่ เนื้อตัวเย็นชืดสั่นนิดๆที่ได้สัมผัสทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงหนาวมากจริงๆ แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรออกมาพี่พีทสะบัดตัวออก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจ้องเขาตาวาว ริมฝีปากสีซีดสั่นนิดๆเมื่อร่างกายเปียกปอนปะทะเข้าสายลมที่พัดผ่าน
“กูต้องคุยอะไรอีกวะ!” แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่วายมองเขาตาขวาง ไอ้ปืนพอเห็นอีกฝ่ายตาแข็งใส่ก็ชักไม่พอใจบ้าง ทีแรกก็ว่าจะสงสารอยู่หรอก…
“ก็เรื่องรูปไง พี่จะรับผิดชอบยังไงผมเสียหายนะเว้ย” เกิดเรตติ้งตกหมดจะทำไงวะ ไหนจะสาวๆที่เต๊าะไว้ด้วยมาดคลูๆอีกตั้งมากมายก่ายกองนั่นอีก เกิดมาเห็นรูปทุเรศๆแบบนี้พวกเธอจะมองเขายังไง ไม่ได้ ยังไงงานนี้ไอ้ปืนก็ไม่ยอม จะปล่อยให้ภาพลักษณ์เสียหายฟรีๆไม่ได้เด็ดๆเลย!
“กูลงแค่ขำๆ มึงจะคิดอะไรเยอะแยะวะทีไอ้พวกนั้นมันยังไม่ว่าอะไรเลย”
“แต่ผมไม่ขำด้วย”
“นี่มึงซีเรียส?”
“เออดิพี่ ภาพลักษณ์ผมเสียหายนะเว้ย ไหนจะสาวๆในสต็อกของผมอีกอ่ะ” คนฟังส่งเสียงเหอะในลำคอ
“โอเค๊ งั้นเดี๋ยวกูลบให้ก็ได้” ว่าจบก็หันหลังเดินกลับไปทางบ้านพักแบบง่ายๆเล่นเอาไอ้ปืนถึงกับไปไม่เป็น
“ได้ไงวะ ถึงพี่จะลบแต่มันก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ ภาพลักษณ์ของผมมันป่นปี้ไปหมดแล้ว” เรียกร้องปานสาวน้อยถูกเปิดซิงเลยทีเดียว ไอ้ปืนวิ่งมาดักหน้าอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะหัวเสียขึ้นอีกเป็นเท่าตัวที่เขาไม่ยอมจบ พี่มันหน้าหงิกงอก่อนจะเท้าสะเอวมองอย่างเอาเรื่อง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่วายปากสั่นกึกๆเพราะความหนาวให้ได้สงสารอยู่ดี
“มึงนี่เรื่องเยอะว่ะ จะเอาไงไหนว่ามาดิ๊”
“ก็…” เออว่ะ แล้วเขาจะให้พี่มันชดใช้ยังไงวะ แต่เอาจริงเขาก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไรพี่มันมากมายนักหรอก มันคล้ายจะเป็นความรู้สึกเสียหน้าเหมือนเวลาโดนเพื่อนขุดรูปเก่าๆช่วงที่เรายังอยู่ในยุคมืดมาโพสอะไรแบบนั้นมากกว่า แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะมาแหกปากเรียกร้องอะไรจากพี่มันนัก ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องการเรียกร้องจะเอาอะไร วุ้ย! หงิดตัวเองชิบ
“ลีลาไอ้สัด กูหนาวนะเนี่ย” พี่มันว่าอย่างหงุดหงิด แต่ถึงไม่บอกเขาก็พอจะรู้อยู่ ในเมื่อพี่มันเล่นตัวสั่นฟันขบกันกึกๆขนาดนั้น แต่เขายังคิดไม่ได้ว่าจะเรียกร้องเอาอะไรจริงๆนี่หว่า ไอ้ตอนมาก็แค่คิดว่าจะหาเรื่องเฉยๆ แต่พอพี่มันยอมง่ายๆแบบนี้เลยไม่รู้จะหาเรื่องอะไรไง วุ้ย!! หงิดตัวเองคูณสอง
“ผมยังคิดไม่ออกอ่ะ ให้พี่ติดไว้ก่อนละกัน เอาไว้คิดออกตอนไหนเดี๋ยวไปทวง” พอพูดจบคนที่หนาวจนปากสั่นก็หรี่ตามอง สายตาไม่น่าไว้ใจจนไอ้ปืนชักเริ่มรู้สึกร้อนๆหนาวๆขึ้นมาตงิดๆ เผลอกลืนน้ำลายอย่างฝืดๆเมื่ออยู่ดีๆหน้าใสๆนั่นก็ยื่นเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆจากอีกคน
“จริงๆที่แกล้งมาหาเรื่องนี่เพราะเริ่มสนใจกูแล้วอ่ะดิ”
“พูดอะไรของพี่วะ”
“จริงๆแล้วเริ่มตกหลุมรักกูก็บอก”
“พี่นี่ท่าจะบ้า”
“จริงๆที่ไม่ยอมสบตากูนี่กำลังเขินสินะ”
“ผมเปล่า!” ก้อนเนื้อในอกเต้นตึกตักจนอยากจะปฏิเสธว่าสิ่งที่พี่มันพูดมาไม่เป็นความจริง
“จริงๆที่ทำเป็นโมโหกลบเกลื่อนนี่กำลังใจเต้นกับกูอยู่ใช่ไหม”
“พี่นี่ท่าจะประสาท”
“เสียงต่ำมางี้เริ่มหลงกูแล้วแน่ๆ”
“โว้ว!! อะไรของพี่วะ ไปกันใหญ่แล้ว จะกลับที่พักไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก็รีบไปเลยไป”
“เป็นห่วงกูด้วยอ่ะ คึคึ”
กลายเป็นไอ้ปืนที่แข็งค้างไปชั่วขณะเมื่อได้เห็นรอยยิ้มสว่างสดใสในระยะประชิด ถึงหน้าจะซีดไปบ้างเพราะความหนาวแต่นั่นมันก็ไม่สามารถบดบังความคิ้วท์ของพี่มันไปได้เลย ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามัวแต่ยืนนิ่งจนปล่อยให้อีกฝ่ายแนบริมฝีปากเย็นชืดทว่านุ่มนิ่มลงมาบนผิวแก้มได้ยังไง มือหนายกขึ้นมาลูบแก้มตัวเองอย่างเหม่อลอย สมองหมุนคว้างคล้ายจะหยุดสั่งการชั่วขณะราวกับถูกน็อคค้างกลางอากาศ รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังเล็กๆก็เดินจากไปแล้ว โดยทิ้งไว้แต่ประโยคที่ดังก้องซ้ำๆในหัว
“จริงๆแก้มมึงก็นุ่มดีนะ ไว้มีโอกาสจะมาใช้บริการใหม่”
เข้!…
.
.
“ไหนบอกไม่ชอบถ่ายรูป” ยุทธนามองคนที่เร่งให้เขายกกล้องขึ้นมาถ่ายยิกๆ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังบอกว่าไม่ชอบถ่ายรูปอยู่หยกๆ
“ก็ตอนนี้เปลี่ยนใจอยากถ่ายแล้วนี่ครับ”
“เอาใจยากว่ะ” เขาโยกหัวอีกฝ่ายไปมา เดือนสิบย่นจมูกก่อนจะเอ่ยเร่ง
“เร็วครับ ถ่ายรูปกัน”
“แล้วอยู่แบบนี้พี่จะถ่ายได้ยังไงฮึ?” มองคนเป็นน้องที่เกาะติดไม่ยอมปล่อย แขนเรียวโอบรอบเอวเขาในขณะที่ใบหน้าอยู่ห่างไปไม่ถึงฟุตจนเห็นริ้วแดงจางๆบนผิวแก้ม
“ถ่ายคู่ไงครับ เร็วเข้า” ว่าแล้วก็ฉีกยิ้มให้จนตาแทบปิด ยุทธนาหัวเราะเบาๆขยี้กลุ่มนุ่มไปทีอย่างอดใจไม่ไหว ก่อนจะยกกล้องขึ้นมาเตรียมถ่ายอย่างที่เจ้าตัวร้องขอ รู้สึกแปลกๆนิดหน่อยเพราะไม่บ่อยนักที่เขาจะหันเลนส์เข้าหาตัวเอง ครั้งสุดท้ายที่ทำอะไรแบบนี้มันนานแค่ไหนแล้วก็จำไม่ได้เหมือนกัน
“หึๆโอเคครับ ถ่ายคู่ก็ถ่ายคู่” เขาโอบบ่าน้องเข้ามาใกล้ค่อมตัวลงเล็กน้อยเพื่อให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกันก่อนจะลั่นชัตเตอร์
แชะ! แชะ!
“ทำไมพี่ยุทธไม่มองกล้องล่ะครับ” เดือนสิบบ่นหน้ายุ่งขณะมองรูปที่อีกฝ่ายยื่นมาตรงหน้า ในรูปพี่ยุทธหันมาจ้องหน้าเขาแทนที่จะหันไปมองกล้องอย่างที่ควรจะเป็น จึงทำให้เห็นเพียงเสี้ยวหน้าคมคายที่ติดจะยิ้มน้อยๆเท่านั้น มีแต่ตัวขาที่ยิ้มใส่กล้องจนตาปิด
“ก็คนข้างๆมันน่ามองกว่ากล้อง” อีกฝ่ายตอบกลับยิ้มๆ
“หึยย ไม่เอาสิ ถ่ายใหม่เลยครับมองกล้องด้วย” ยุทธนาหัวเราะในลำคอ มองแขนที่เลื่อนมาโอบรอบเอวเขาไว้เหมือนเดิมด้วยท่าทางที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ได้มีท่าทีเขินอายอย่างที่เจ้าตัวมักเป็น เขาทำเหมือนเดิมคือโอบบ่าน้องเข้ามาใกล้ โน้มตัวเข้าหาจนใบหน้าห่างกันแค่คืบ ได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากแก้มใส เพียงแต่ครั้งนี้ตาคมจับจ้องไปที่เลนส์กล้องแทนที่จะเป็นหน้าใสๆของคนข้างๆ เหมือนครั้งก่อน
แชะ! แชะ!
พอถ่ายเสร็จกำลังจะเลื่อนภาพดูคนที่ยืนข้างๆกลับยึดข้อมือไว้ซะอย่างนั้น ยุทธนาเลิกคิ้วมอง ทว่าอีกฝ่ายกลับเสหลบตาไปทางอื่น ฟันคมกัดเม้มริมฝีปากอิ่มเบาๆ ขณะที่แก้มใสขึ้นริ้วแดงจางๆ
“กลับกันดีกว่าครับ ป่านนี้พวกที่ไปตลาดคงมากันแล้ว” เดือนสิบว่าเร็วๆก่อนจะหันหลังเดินลิ่วนำไปก่อน ปล่อยให้คนพี่ได้แต่มองตามงงๆ ยุทธนาได้แต่โครงหัวเบาๆกับท่าทางแปลกๆของน้องก่อนจะยอมจ้ำเท้าตามไป
เมื่อเดินกลับมาถึงบ้านพักก็ไม่ผิดจากที่อ้างไว้เท่าไหร่ พวกที่ไปตลาดกลับกันมาแล้วรวมถึงกลุ่มที่เล่นน้ำก็ด้วย พวกมันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแถมยังเริ่มตั้งวงกันแล้วอีกต่างหาก
“ไปไหนมาวะ” ไอ้ปืนที่ยืนจิบเบียร์อยู่หน้าบ้านเอ่ยถาม แต่ยังไม่ทันได้ตอบมันก็เลื่อนสายตาไปยังใครอีกคนที่เดินตามหลังเขามา สายตาล้อเลียนถูกส่งมาให้ เดือนสิบเลยย่นจมูกใส่ เขาไม่ได้ตอบอะไรมันเพราะกลัวว่าจะถูกล้อให้ได้อายอีก เลยเลือกเดินไปหาไอ้มอสกับไอ้จอมที่กำลังทำอะไรซักอย่างอยู่หน้าเตาแทน
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จไอ้พวกทโมนทั้งหลายก็เลือกที่จะนั่งกินเหล้าอยู่ในบ้านแทนที่จะออกไปเที่ยวอย่างที่ควรทำ พี่ป้องที่ไม่รู้ว่าแอบไปเอาไพ่มาจากไหนเริ่มชักชวนรุ่นน้องตั้งวงซึ่งแต่ละคนก็ไม่ปฏิเสธแถมยังดี้ด้ากระดิกหางเข้าใส่อีกต่างหาก
แววอนาคตของชาติ“สิบไม่เล่นด้วยกันอ่อ” ไอ้จอมเอ่ยชวน
“ไม่เอาล่ะ ตามสบายเลย” อันที่จริงคือเดือนสิบเล่นไม่เป็นเลยต่างหาก ถึงจะเคยเห็นพวกพี่ๆที่อู่ซ่อมรถแอบเล่นกันอยู่บ่อยๆมองดูก็น่าสนุกดี แต่ถ้าให้เล่นด้วยเขาคงไม่เอา เห็นเสียกันมาแต่ละทีต้องเดือดร้อนเบิกเงินล่วงหน้ายกใหญ่ สุดท้ายก็โดนเฮียโหน่งด่าเสียหมา แถมเฮียโหน่งก็ย้ำกับเขานักหนาว่าการพนันมันไม่ดีมีแต่จะพาเสียกับเสีย ถึงจะเล่นเอาสนุกเฉยๆก็เถอะ แต่ถ้าติดมาแล้วมันก็ไม่สนุกเหมือนกัน
เดือนสิบยกเบียร์ขึ้นจิบก่อนจะเดินปลีกตัวออกมานั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน ปลายเท้าหยุดชะงักเมื่อเห็นแผ่นหลังกว้างของใครบางคนกำลังนั่งอยู่ตรงนั้น
“ทำอะไรครับ” เดือนสิบเอ่ยทัก ก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างๆ เรียกให้ใบหน้าคมคายที่ติดจะอมยิ้มน้อยๆเงยขึ้นมามอง
“ดูรูป” กล้องถ่ายรูปที่ไม่ทันได้สังเกตเห็นในทีแรกถูกยกขึ้นมาให้อยู่ในระดับสายตา เรียกให้หน้าร้อนวูบ
เดือนสิบจะไม่อะไรเลยถ้ารูปนั้นจะไม่ใช่รูปที่เพิ่งถ่ายไปเมื่อชั่วโมงก่อน และยังเป็นรูปที่เขากำลังฉีกยิ้มกว้างดวงตาเป็นประกาย หากแต่แทนที่จะมองกล้องดวงตากลมโตกลับกำลังจับจ้องอยู่ที่เสี้ยวหน้าด้านข้องของอีกคนในรูป เสียงหัวเราะเบาๆดังมาจากคนข้างๆก่อนที่กล้องจะถูกเก็บกลับไป
“น่ารักเนอะ” สัมผัสอบอุ่นวางลงที่กลุ่มผมนุ่ม แถมยังโยกไปมาเบาๆอีกต่างหาก
“….” เดือนสิบยังคงเงียบเพราะพูดอะไรไม่ออก ที่รู้สึกตอนนี้คือเขินชะมัด
“บอกให้เขามองกล้องแต่ตัวเองกลับเป็นฝ่ายจ้องหน้าเขาตาเป็นประกาย” ได้ทีคนพี่ก็แซวไม่หยุด
“พอเลยครับ ไม่ต้องมาล้อเลย”
“หึๆ” เขาหัวเราะในลำคอก่อนจะขยี้ผมอีกฝายเบาๆ “เบื่อไหมมาทะเลทั้งทีไอ้พวกนั้นก็เอาแต่กินเหล้า” เดือนสิบส่ายหัว
“ไม่ครับ พี่ยุทธเบื่อหรอ” ว่ายิ้มๆ ไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่ายหรือไม่ชอบใจอะไรทั้งนั้น จริงๆเดือนสิบเองก็ไม่ใช่คนชอบเที่ยวมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว วันหยุดพักผ่อนก็มักจะนอนอยู่ห้องอ่านหนังสือการ์ตูนมากกว่า ที่มาด้วยนี่เพราะไอ้ปืนมันคะยั้นคะยอเฉยๆหรอก
“ไม่หรอก แต่กลัวว่าเราจะเบื่อมากกว่า อุตส่าห์ได้มาเที่ยวทะเลด้วยทั้งทีแต่กลับต้องมาติดแหงกอยู่แต่ในบ้านพัก”
“สบายดีออกครับ ไม่ต้องไปเดินเที่ยวให้เหนื่อยด้วย อีกอย่างที่นี่ก็บรรยากาศดีแถมยังอยู่ติดทะเลอีกต่างหาก ได้ฟิลพักผ่อนสุดๆ เสียดายที่ผมไม่ได้เอาหนังสือการ์ตูนติดมาด้วย” ว่าทั้งที่ใบหน้าเปื้อนยิ้ม ลมพัดเอื่อยๆทำให้ยิ่งรู้สึกผ่อนคลาย นานมากแล้วเหมือนกันที่เขาไม่ได้มาเที่ยวทะเลยกับเพื่อนแบบนี้ อาจจะซักสามหรือสี่ปีก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
“อุตส่าห์ว่าจะชวนไปเดินเที่ยวซะหน่อย หมดมูทเลย” ยุทธนาแกล้งบ่น เรียกให้อีกฝ่ายหันมามอง
“พี่ยุทธอยากไปหรอครับ” สัมผัสอุ่นแถวท้ายทอยทำให้เดือนสิบเผลอย่นคอก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อคนพี่แกล้งโยกมือไปมา
“ถ้าสิบอยากไปพี่ก็จะพาไป”
“หื้อ! ไม่ใช่สิสิครับผมถามว่าพี่ยุทธอยากไปรึเปล่าต่างหาก” เดือนสิบแย้ง แต่ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะได้ตอบอะไรก็มีเสียงขัดขึ้นจากทางด้านหลังซะก่อน
“มีความสุขกันจังนะ ถึงว่าล่ะเบียร์กูหว๊านหวาน” พวกเขาหันไปมอง พอเห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทตัวเองยุทธนาก็ได้แต่ทำหน้าเหม็นเบื่อ ผิดกับอีกคนที่ดูเหลอหลาทำตัวไม่ถูก
"มีอะไรวะ" ยุทธนาถามเสียงเรียบ ศิลาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นท่าทางหน่ายๆของเพื่อน
“ไม่มีอ่ะ หมั่นไส้คนสวีทกันเลยออกมาขัดจังหวะเฉยๆ”
“สัด”
“อู้วว ด่ากูนี่กำลังเขินถูกม่ะ?” มันทำหน้ายียวน
“กวนตีนละเชี่ยหิน จะไปไหนก็ไปเลยมึง”
“กับเพื่อนกับฝูงนี่โหดจังนะสัด พี่ไปก่อนนะครับน้องสิบ ดูซิเนี่ยเขินแก้มแดงหมดแล้ว ไหนมาฟัดซักทีซิ” ไม่ว่าเปล่าพี่มันยังทำท่าจะเข้ามาหอมแก้มเขาอย่างที่ปากว่าจริงๆ เพียงแต่ถูกใครอีกคนเบรกไว้ก่อน
“ลามปามละเชี่ยหิน เดี๋ยวได้แดกตีนกู”
“อู้ววว โหดร้ายอะไรเบอร์นี้ เพื่อนพี่มันเป็นพวกหึงโหดน่ะครับถ้าจับได้ว่าแฟนมีกิ๊กนี่มันเอาถึงตายเลย” ไม่วายประโยคสุดท้ายหันมาพูดกับเดือนสิบ แถมยังทำท่าทางกระซิบกระซาบประหนึ่งคุยกันอยู่สองคนทั้งที่พูดซะเสียงดังฟัดชัด
…กวนตีน
“….” เดือนสิบได้แต่กระพริบตาปริบๆเพราะไม่รู้จะตอบโต้ยังไง แค่นี้เขาก็รู้สึกหน้าเห่อร้อนไปหมดแล้ว แต่ดูเหมือนแค่นั้นจะยังไม่สาแก่ใจ
“ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะตายคาตีนนะแต่พี่รับรองว่าถ้าเป็นสิบนี่ไม่มีทางครับ ไม่โดนตีนมันอย่างแน่นอน แต่อาจจะเป็นหมดแรงคาเตียงแทน ไม่อยากจะแซดว่าไอ้ยุทธนี่ลีลาดีสุด..”
“สัดหิน!!” คนที่ทนฟังเพื่อนพล่ามต่อไม่ไหวกลายเป็นคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนหึงโหด ยุทธนาลุกขึ้นจะไปเตะมันซักป้าบทว่าอีกฝ่ายกลับรู้ทันวิ่งหัวเราะร่าอ้อมไปอยู่หัวโต๊ะอีกฝั่ง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่วายกวนตีน
“อู้วววกลัวจุง ไปแล้วนะครับ ระวังอย่าทำให้เพื่อนพี่หึงล่ะ จุ๊บๆ”
.
.
มีต่อ