12
แสงแดดอ่อนจางลอดผ่านผ้าม่านพลิ้วไหวตกกระทบร่างหนาบนเตียง เปลือกตาเริ่มขยับยุกยิกก่อนจะเปิดปรือขึ้นในที่สุด เขากลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ อาการปวดตุบๆในหัวจนต้องขมวดคิ้ว กรอกตามองเหดานสีเหลืองอ่อนไม่คุ้นตา แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองนอนอยู่ที่ไหนก็ค่อยๆปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง พลิกตัวหนีแสงแดดกะว่าจะงีบต่ออีกสักหน่อย แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างที่ใจคิดก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนนั่งอยู่บนเตียงข้างๆ
“พี่พีท!!” ไอ้ปืนยันตัวขึ้นนั่งด้วยความเร็วแสงโดยไม่คำนึงว่าสภาพตัวเองตอนนี้มันชวนวาบหวิวขนาดไหน ผิดกับอีกฝ่ายที่มีท่าทีสบายๆไม่ทุกข์ร้อน แถมยังอาบน้ำอาบท่าแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วอีกต่างหาก
“ตกใจห่าไรของมึง” พูดด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆอย่างปกติ ก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้ข้างตัวแล้วกลับมานั่งเท้าคางจ้องรุ่นน้องเต็มๆตา ถึงหน้าจะดูง่วงๆหากแต่แววตากลับดูเต้นระริกเป็นประกายแปลกๆ เล่นเอาไอ้คนถูกจ้องชักร้อนๆหนาวๆ พอก้มมองสารร่างตัวเองก็พบว่ามีเพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียวติดกาย …ถึงว่าล่ะ แม่งเย็นไข่วาบเลย
“ก็ใครบอกให้พี่มานั่งจ้องผมแบบนี้ล่ะ” ไอ้ปืนคว้าผ้าห่มมาคลุมช่วงล่างไว้แล้วเงยหน้าเถียง ทว่าฝ่ายนั้นกลับไหวไหล่ด้วยท่าทีสบายๆ
“หุ่นมึงน่าฟัดดี”
“ห๊ะ!?” คนฟังตาเหลือกแทบถลน กระถดเข่าขึ้นมาปิดบังร่างกายปานสาวน้อย …แต่เดี๋ยวนะ! ถ้าพี่มันมาอยู่ที่นี่งั้นก็แสดงว่าเพื่อนเขา… ชิบหายละ!
“ไอ้สัด ทำตัวเป็นสาวน้อยไปได้ ลุกไปอาบน้ำอาบท่าได้แล้วไป๊ เห็นสภาพมึงนานๆเดี๋ยวกูทนไม่ไหว” ดวงตาเรียวสวยปรายมองไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้าเล่นเอาไอ้ปืนถึงกับผวามือกุมผ้าห่มแน่น จำต้องสลัดความคิดเรื่องเพื่อนสนิทออกไปก่อนเพราะตอนนี้ต้องหันมาห่วงสวัสดิภาพ(ใจ)ของตัวเองซะก่อน …ไหนจะรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จุดขึ้นที่มุมปากสวย ก่อนที่อีกฝ่ายจะผุดลุกขึ้นยืนกอดอกแล้วเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ รังสีคุกคามแผ่กระจายจนเผลอกลืนน้ำลายเอื๊อก
“พี่จะทำอะไรวะ” เขามองพี่มันอย่างระแวงมือกำผ้าห่มแน่นขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ ใจเต้นตุ้มๆต่อมๆเหมือนจะเกร็งขึ้นมาซะเฉยๆ ทั้งๆที่พี่มันก็ตัวเล็กนิดเดียวไม่ได้ดูมีพิษสงอะไรให้ต้องหวั่นใจเลยซักนิด ..ถ้าไม่นับรวมตาสวยๆนั่นน่ะนะ
“มึงคิดว่ากูควรจะทำอะไรดีล่ะ อยู่กันสองคน ในห้องสองต่อสอง ในสภาพ..” พี่มันยิ้มร้าย วางเข่าข้างหนึ่งพาดขึ้นมาบนเตียงแล้วหรี่ตามองทั่วร่างกายส่วนบนที่เปลือยเปล่าของเขา ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเซ็กซี่? “ล่อแหลมแบบนี้”
“เชี่ย.. พี่อย่าเข้ามานะโว้ย ผมสู้จริงๆนะ!” ไอ้ปืนถึงกับอกสั่นขวัญแขวน มือนึงกุมผ้าห่มไว้แนบอกแน่นขณะที่อีกมือยกขึ้นมาตั้งการ์ดพร้อมสู้?
“หืมมอะไรกัน.. มึงจะทำร้ายกูได้ลงคอจริงๆน่ะหรอ” ไอ้ปืนอยากจะทึ่งหัวตัวเองตายก็วันนี้แหละ อะไรคือการยื่นหน้าง่วงๆนั่นเข้ามาใกล้ อะไรคือมาทำตาแบ๊วใส่ คิดว่าตัวเองน่ารักมากหรือไงวะ! ห่าเอ้ยยย
…แต่ประเด็นคือน่ารักมากไง! น่ารักจนใจสั่นหมดละเนี่ย!“พี่ถอยไปเลยนะเว้ย” ไอ้ปืนบอกเสียงสั่น พยายามไม่มองตาสวยๆคู่นั้นเพื่อเป็นการบังคับจิตใจไม่ให้เผลอสั่นไหวเป็นสาวน้อยไปมากกว่านี้ ท่องไว้ไอ้ปืน มึงชอบผู้หญิง มึงชอบผู้หญิง ต่อให้น่ารักขนาดไหนก็ไม่เด็ดขาด ไม่เต็ด…ขาด
“ทำไมอ่ะ.. รังเกียจกูหรอ กูไม่น่ารักพอรึไง หืมม?” ว่าอย่างเดียวไม่พอยังมาเอียงคอสี่สิบห้าองศาพร้อมยิ้มละมุนละไมส่งมาให้ในระยะประชิดอีกต่างหาก
อยากจะระเบิดตัวเองตาย
อ้ายสาดดดดด! กูโดนมนุษย์ง่วงแอทแทค!ไอ้ปืนได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ ไม่คิดว่าคนหน้าง่วงๆที่เห็นเอาแต่ลอยไปลอยมาในคณะดูไร้แก่นสารจะมีพลังทำลายล้างหนักมากขนาดนี้ แต่ไอ้ที่หนักสุดก็คงจะเป็นใจเขานี่แหละ จะเต้นอะไรเบอร์แรงขนาดนี้วะ!
“พี่เป็นเกย์รึไงวะถึงได้มาอ่อะ… เอ่อ มาทำแบบนี้ใส่ผมอ่ะ”
“นี่มึงหาว่ากูกำลังอ่อยมึงอยู่หรอ” พี่พีททำหน้าขึงขัง
“แล้วแบบนี้บ้านพี่ไม่ได้เรียกว่าอ่อยรึไง”
“เออ ก็อ่อย” เอ้า!
“นี่พี่เป็นเกย์จริงๆใช่ไหมวะ” ฝ่ายนั้นทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ก่อนจะโดดขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนเตียงเดียวกัน เล่นเอาไอ้ปืนถึงกับสะดุ้งโหยงถดตัวห่างไปจนชิดหัวเตียง
ไอ้เหี้ย.. ตกใจจนไข่สั่น..“กูกำลังคิดอยู่” ตอบออกมาหลังจากเงียบไปชั่วครู่ จนไอ้คนที่แอบไข่สั่นอยู่เงียบๆถึงกับงง
“ห๊ะ?”
“ก็กำลังคิดอยู่ไงว่าจะเป็นเกย์ดีไหม” พี่มันว่าพลางทำหน้าครุ่นคิด
“แบบนี้ก็ได้หรอวะพี่” ถามไปแล้วก็แทบสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายเล่นตบเข่าฉาด ไม่พอยังขยับเข้ามาใกล้จนตัวแทบจะเกยขึ้นมาอยู่บนเท้าเขา นี่ถ้าไม่ได้นั่งถดเข่าไม่แน่ว่าพี่มันอาจจะถึงขั้นโดดขึ้นมานั่งบนตักก็เป็นได้… ถุ้ย!
“เอ้ามึงนี่! มันก็แหงสิวะ จะเป็นทั้งทีกูก็ต้องคิดให้มันเยอะๆหน่อย ต้องดูด้วยว่าถ้าเป็นแล้วกูจะได้คุ้มกับที่เสียไหม” พี่มันทำหน้าจริงจัง แต่ไอ้คนฟังชักเริ่มมึน
“แล้วสรุปพี่เป็นป่ะเนี่ย?” พี่พีทเงียบไปชั่วครู่พลางไล่สายตามองไอ้ปืนตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกรอบ นิ้วชี้เคาะกับปลายคางเบาๆขณะครุ่นคิด เล่นเอาไอ้ปืนชักใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองจะลุ้นไปด้วยทำไมทั้งๆที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับพี่มันด้วยเลย สนิทกันรึก็ไม่
“ถ้าเป็นแล้วได้งานดีแบบมึงมันก็น่าเป็นอยู่นา”
“ห๊ะ!?” ไอ้ปืนถึงกับร้องเสียงหลง เขามองพี่มันอย่างอึ้งๆ
“ตกใจห่าไร คิดว่าหล่อแล้วจะทำหน้าเหี้ยๆแบบนี้ก็ได้หรอ” ไม่ว่าเปล่ายังจิ้มจึกๆลงมาบนหน้าเขาอีกต่างหาก
“เอ้า!”
“เอ้าKไรอีก” ไอ้ปืนได้แต่เกาหัวแกรกๆมองคนตรงหน้างงๆ ชักเริ่มไม่เข้าใจว่าในหัวพี่มันกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ กล้าพูดอะไรแบบนั้นออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยกับคนที่ไม่สนิทกันนี่คือพี่มันยังปกติดีอยู่หรือเปล่าวะ
“วุ้ย! คุยกับพี่แล้วปวดหัวว่ะ ผมไปอาบน้ำดีกว่า” ว่าแล้วก็ชิ่งกระโดดลงจากเตียงด้วยความเร็วแสง จริงๆคืออยากอยู่ให้ห่างจากพี่มันมากกว่า เผลอจ้องตาทีไรเป็นต้องเผลอใจสั่นทุกที ..แต่ยังไม่ทันพ้นสามก้าวก็ต้องเบรกเอี๊ยดเพราะประโยคที่หลุดมาจากปากคนที่นั่งเท้าคางอยู่บนเตียง
“ให้กูไปช่วยถูหลังไหม”
“ห๊ะ!?” ไอ้ปืนถึงกับหันขวับตาแทบถลนอีกรอบ ทว่าฝ่ายนั้นกลับทำแค่กรอกตาแล้วทำหน้าเซ็งๆ มองเขาราวกับกำลังเอือมระอานักหนา แต่ขอโทษเถอะเมื่อกี้พี่มันเพิ่งบอกว่าจะเข้าไปช่วยถูหลังให้เขาอยู่รึเปล่า
“นี่มึงหูตึงหรอ?”
“ผมเปล่า”
“แล้วมึงจะห๊ะๆอะไรตั้งหลายรอบ หรือกูพูดไม่เคลียร์ตรงไหน”
“ก็พี่บอกว่าจะเข้าไปช่วยถูหลังให้ผมอ่ะ”
“ก็ใช่ไง บ้านมึงรวยดี” คนฟังแทบจะร้อง ‘ห๊ะ!’ ขึ้นมาอีกรอบเมื่อได้ยินหัวข้อใหม่ที่ถูกลากเข้ามาอย่างงงๆ
“เดี๋ยวนะพี่ แล้วไอ้ถูหลังนี่มันเกี่ยวอะไรกับบ้านผมรวยไม่รวยวะ” อันนี้หาแกทเชื่อมโยงไม่ได้จริงๆ ให้ตายเถอะ
“ก็เผื่อถูๆไปมึงอดใจไม่ไหวจับกูปล้ำทำเมียขึ้นมากูก็จะได้สบายไง แบบอยู่ดีๆก็มีผัวรวยเฉย ฟังดูแล้วคลูโคตรๆอ่ะ เอามะ?”
ก็ดีนะพี่.. ดีห่าอะไรล่ะครับ แหม!อยากจะถอนหายใจเป็นจังหวะสามช่า สาบานทีว่าไอ้ปืนกำลังคุยกับคนจริงๆไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวจากโลกไหนใช่ไหม ทำไมยิ่งคุยมันยิ่งไปกันใหญ่แบบนี้วะ แล้วอะไรคือมาทำตาใสๆใส่ คิดว่าตัวเองคัพเวอร์เป็นปิกัสอยู่รึไง …ดูดิแอบใจสั่นเลยเนี่ย!
“โอ้ยย! พี่แม่มโคตรบ้าเลยว่ะ ผมไม่คุยด้วยละแม่ง ประสาทจะกิน” ไอ้ปืนทึ่งหัวตัวเองอย่างบ้าคลั่งบ่นพึมพำฟังไม่ได้ศํพท์ก่อนจะหักใจหลบตาใสๆนั่น แล้วเดินกระแทกเท้าตึงตังเข้าห้องน้ำไป เป็นการจบบทสนทนาที่หาแก่นสารอะไรไม่ได้ …ส่วนไอ้ที่ได้ก็มีแต่จังหวะเต้นที่แปลกไปของหัวใจเขานี่แหละ อาเมน!
…แต่ถึงอย่างนั้น เสียงบ่นเบาๆจากคนข้างนอกก็ยังไม่วายเล็ดลอดเข้ามาให้ได้ยินอยู่ดี
“กูคิดการไกลเฉยๆก็ผิดด้วย”
ไอ้ปืนอยากจะบ้า
.
.
“ไอ้สิบ!” ปืนแทบจะถลาเข้าไปหาเพื่อนสนิทเมื่อเดินออกจากห้องมาแล้วเห็นมันนั่งจุ้มปุกอยู่หน้าบ้าน มันเหลือบตามองเขานิดๆก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถามทำนองว่า ‘เป็นห่าไรของมึง’ แทนปากที่ไม่ว่างเพราะกำลังติดพันกับหลอดดูดน้ำมะพร้าวตรงหน้า “มึงโอเคไหมวะ ไม่บุบสลายตรงไหนใช่ไหม ยังไม่ตกเป็นเมียพี่มันใช่ป่ะ ไหนให้กูจับดูดิ ตรงนี้เจ็บไหม” ว่าจบมันก็คว้าหมับเข้าที่สะโพกสวยด้วยความเร็วแสงเล่นเอาอีกคนโวยลั่น
“โอ้ย! ห่าปืน อะไรของมึงเนี่ย กูโอเค กูสบายมาก ไม่ได้เจ็บปวดตรงไหนเลย เอามือมึงออกไปดิ๊ แล้วก็ขยับออกไปด้วยเบียดจนกูจะตกเก้าอี้อยู่ละเนี่ย” เดือนสิบบ่นยาว พลางปัดมือหนาๆของมันที่ถือวิสาสะเข้ามาจับนั่นจับนี่เยอะไปหมดออก
“แน่นะ” ไอ้ปืนกวาดสายตามองเพื่อนสนิทตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกรอบ ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อไม่พบร่องรอยใดๆที่น่าสงสัย โยกหัวทุยสวยของมันไปมาสองสามทีแล้วถึงได้ยอมขยับห่างออกมาในที่สุด
“เออสิ มีแต่มึงนั่นแหละ เมื่อคืนเมาเป็นหมาเลยรู้ป่ะ ทั้งคลานสี่ขาแถมยังเห่าบ็อกๆไปทั่วหาดเลย สภาพโคตรอนาถอ่ะ”
“เวอร์ละๆ” ไอ้ปืนผลักหัวเพื่อนสนิทที่เห็นท่าว่าเช้านี้จะดูสดใสเป็นพิเศษเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำเอาอีกคนถึงกับเซถลาจนหลอดที่คาบอยู่ในปากหลุดออก เดือนสิบหันมามองเพื่อนสนิทตาขวาง ตอนแรกก็ว่าจะแค่แกล้งพูดให้มันอายตัวเองเล่นๆนะถึงมันจะคลานจริงก็เถอะ
แต่ตอนนี้ชักเริ่มหมั่นไส้.. ขอกูแกล้งต่ออีกหน่อยเถอะ“จริ๊งง ไม่เชื่อมึงลองไปถามพี่พีทดิ กูเห็นถ่ายทั้งคลิปถ่ายทั้งรูปไว้เต็มเลย” เดือนสิบทำหน้าจริงจัง ไม่รู้หรอกว่าพี่มันถ่ายไว้จริงรึเปล่า แต่ก็แอบเห็นว่าเมื่อคืนพี่พีทมียกโทรศัพท์ขึ้นมาจดๆจ้องๆไอ้พวกที่เมาเป็นหมาอยู่บ่อยครั้งเหมือนกัน
“ว่าไงนะ!” ตกใจเบอร์แรงมาก ทว่าอีกคนก็ใช้สกิลหน้านิ่งตอบโต้ได้แบบไม่มีพิรุธ
“รูปกับคลิปไง เต็มเลย”
“ไม่ใช่ดิ มึงว่าใครเป็นคนถ่ายนะ”
“พี่พีทไง มึงตื่นมาไม่เจอหรอก็เมื่อคืนนอนด้วยกัน”
“ก็เจอ แต่ไม่เห็นว่าพี่มันจะพูดถึงเรื่องนี้นี่หว่า …แม่งเอาพูดแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้” ประโยคหลังได้แต่พึมพำกับตัวเองเบาๆ
“ป่านนี้เอาไปลงเฟสบุ๊คหมดแล้วม้าง” ลงจริงไม่จริงรึเปล่าเดือนสิบไม่รู้หรอก แต่เห็นหน้าเครียดๆของไอ้ปืนแล้วตลกดีเลยอดแหย่ไม่ได้
“ก็เหี้ยละ” เดือนสิบหัวเราะร่า เมื่อเห็นว่าไอ้ปืนหน้าตาตื่นรีบกุลีกุจอล้วงโทรศัพท์ออกมาเช็ดความเคลื่อนไหวบนเฟสบุ๊ค คิ้วมันขมวดยุ่งปากก็บ่นขมุบขมิบไม่หยุดขณะเลื่อนดู
“ไหนดูด้วยดิ” เห็นมันสบถคำหยาบออกมาหลายรอบจนอดใจไม่ไหวต้องชะโงกหน้าเข้าไปดูหน้าจอสี่เหลี่ยมในมือมันด้วย พอเห็นเท่านั้นแหละ เดือนสิบแทบจะปล่อยก๊ากอย่างกลั้นไม่อยู่ เพราะว่าพี่มันถ่ายไว้และเอาลงจริงๆด้วย
“อื้อหือ รูปนี้โคตรน่าเกลียดอ่ะ ฮ่าๆๆ” เจ้าตัวว่าพลางชี้หน้าจอโทรศัพท์ที่ตอนนี้เป็นรูปไอ้ปืนกับไอ้จอมกำลังคลานสี่ขาหันหน้าเข้าหากัน แถมไอ้จอมยังทำท่าแยกเขี้ยวอีกต่างหาก เดือนสิบหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดีขณะดูรูปที่ไอ้ปืนมันเลื่อนเปิดไปเรื่อยๆ
ผิดกับไอ้คนที่เป็นส่วนหนึ่งในรูปที่ตอนนี้หน้าดำหน้าแดงจนแทบจะพ่นไฟได้ มันไม่ได้มีแค่รูปเดียวไง แต่พี่พีทแม่งเล่นลงไว้เป็นอัลบั้มเลยสาด แล้วภาพลักษณ์หล่อๆเท่ห์ๆที่เขาอุตส่าห์สั่งสมมานี่คืออะไร?
“โอ๊ะ!” ไอ้คนที่กำลังหัวเราะร่วนถึงกันอุทานออกมาเบาๆ เมื่อมีมือปริศนาจากไหนไม่รู้ยื่นมาจับหน้าผากแล้วรั้งให้ออกห่างจากเพื่อนสนิทจนหัวทุยสวยแนบไปกับหน้าท้องแกร่ง ส่วนไอ้ปืนพอเห็นว่าเป็นใครก็หันไปยกมือไหว้เงียบๆก่อนจะกลับมาเลื่อนอ่านคอมเม้นในโทรศัพท์ต่อ พลางคร่ำครวญในใจว่า ‘ชิบหายแล้วภาพลักษณ์กู’
“ทำอะไรกัน” เสียงคุ้นเคยทว่าตอนนี้กลับฟังดูดุกว่าทุกครั้งดังขึ้นเหนือหัว เดือนสิบเลยโคลงหัวเล็กน้อยให้อีกฝ่ายคลายมือออกก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง พอเห็นว่าเป็นใครก็หลุดยิ้มกว้าง จนคนมองอดใจไม่ไหวต้องแกล้งขยี้กลุ่มผมนุ่มให้หายหมั่นเขี้ยว
…ดูสดใสจริงนะ“ดูรูปเมื่อคืนครับ พี่พีทเอาลงเต็มเลยโคตรตลก” เอ่ยตอบเสียงใสก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปดูใหม่ ทว่าอีกคนกลับไม่ปล่อยให้ทำแบบนั้น มือหนาแนบเข้าที่หน้าผากเนียนอีกครั้งก่อนจะรั้งให้เอนซบกับหน้าท้องแกร่งไม่ยอมปล่อย
“อะไรครับ?” ไอ้คนน้องก็ไม่รู้เรื่อง เงยหน้ามองพี่ตาแป๋ว จนไอ้ปืนที่อุตส่าห์ทำเป็นนั่งเงียบ(จริงๆคือกำลังหัวร้อน)ต้องส่งสีเยงกระแอมเบาๆ เหล่ตามองก็เห็นว่ารุ่นพี่ปีสามยืนหน้านิ่วคิ้วขมวด ดูก็รู้ว่าไม่ชอบใจที่เห็นเขาใกล้ชิดกับไอ้สิบเกินจำเป็น
โธ่ ก็แค่หัวชนกันเบาๆเองเปล่าว้า.. ผิดกับเพื่อนเขาที่ยังทำหน้างงๆ เห็นแล้วก็อยากแกล้งให้คนมาดหลุดอยู่เหมือนกันติดแต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์
“พวกที่เหลือไปไหนกันหมดวะ” ไอ้ปืนเก็บโทรศัพท์ก่อนจะถามถึงเพื่อนคนอื่นๆเพราะตั้งแต่ออกมาก็ไม่เห็นใครซักคน มีแต่ลูกมะพร้าวสองสามลูกที่เหลือวางไว้ให้ดูต่างหน้า
“โน่นอ่ะ คึกอะไรไม่รู้ตื่นมาก็พากันโดดลงทะเลเลย” เดือนสิบพยักพเยิดไปทางกลุ่มเพื่อนที่กำลังเล่นน้ำกันอยู่ไกลๆ เขาไม่ลงไปด้วยเพราะอาบน้ำแล้ว อีกอย่างคือพวกนี้เล่นกันแรงมากกลัวว่าถ้าลงไปเล่นด้วยแล้วจะโดนแกล้งแรงๆ แต่อีกเหตุผลจริงๆคือเดือนสิบว่ายน้ำไม่เป็นต่างหาก
“ไปกันหมดเลยหรอวะ”
“ฮึ มีไอ้จอม ไอ้ตู่ ไอ้อ๋อง พี่ป้อง แล้วก็พี่พีทเพิ่งตามไปก่อนหน้ามึงจะออกมานี่เอง” ไอ้ปืนพยักหน้าตามก่อนจะหลุดขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อสุดท้าย
“แล้วพวกที่เหลืออ่ะ”
“โดนพี่หินลากไปตลาด เห็นบอกว่าอยากทำกับข้าวกินเอง”
“อ่อ งั้นกูไปหาพวกไอ้จอมดีกว่า ไปนะพี่” ว่าจบมันก็เดินจ้ำออกไปทันที ปล่อยให้เพื่อนสนิทได้แต่มองตามงงๆ กระทั่งคนที่ยืนเงียบมานานทรุดตัวนั่งลงข้างๆ แถมยังจ้องเอาๆไม่พูดไม่จาจนเดือนสิบอดไม่ได้ต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถาม
“อะไรครับ?”
“ตื่นก่อนก็ไม่ยอมปลุกกันเลยนะ” ไม่ว่าเปล่า ยังยื่นมือมาโยกหัวเขาไปมาอีกต่างหาก …แล้วถามมาได้ ใครมันจะไปกล้าปลุกกัน เล่นนอนหลับตาพริ้มแถมมีอมยิ้มนิดๆราวกับกำลังฝันหวานขนาดนั้น ไหนจะเรื่องเมื่อคืนอีก แค่คิดก็หน้าร้อนแล้ว
“ก็เห็นกำลังนอนสบายเลยนี่ครับ ไม่รู้ว่ากำลังฝันถึงสาวที่ไหนอยู่รึเปล่าเลยไม่อยากปลุก” ยุทธนามองคนที่ทำใจกล้าเอ่ยแซวแต่กลับไม่ยอมหันมามองหน้ากันแล้วก็ได้แต่ยิ้มบาง แซวเองเขินเองก็ได้เนอะคนเรา
“สาวที่ไหนกันฮึ ถ้าฝันถึงคนนี้ก็ว่าไปอย่าง” มือวางลงบนกลุ่มผมนุ่ม ก่อนจะขยี้เบาๆ “ไม่ใช่ฝันธรรมดาด้วยนะ”
“หือ?” คนที่แสร้งดูดน้ำมะพร้าวซ่อนรอยยิ้มเขินเหล่มอง
“ฝันเปียก” ทว่าคำตอบกลับนิ่งๆของอีกฝ่ายเล่นเอาเดือนสิบถึงกับสำลักน้ำมะพร้าว ไอโขลกหน้าดำหน้าแดงจนคนขี้แกล้งต้องรีบเข้าไปช่วยลูบหลังลูบไหล่แทบไม่ทัน ทั้งขำทั้งสงสารระคนเอ็นดู
“โอ้ยยพี่ยุทธ.. ทะลึ่งแล้วครับ” คนที่เพิ่งไอเสร็จหันมามองค้อนทั้งที่หน้ายังแดงก่ำ ยิ่งเห็นตาวาวๆของอีกฝ่ายหน้าก็ยิ่งแดงขึ้นไปอีก
“หึๆ ก็มันจริง”
“ยังไม่หยุดอีก พอเลยครับแล้วก็ไม่ต้องมายิ้มแบบนี้เลย”
“ยิ้มยังไงฮึ?” ถามไปแต่ปากก็ยังไม่ยอมหุบยิ้ม
“ก็ยิ้มแบบนี้อ่ะ โคตรจะผู้ร้ายเลย” เดือนสิบย่นจมูกใส่ หมั่นไส้จนเผลอจิ้มปลายจมูกอีกคนไปเบาๆ กระทั่งสบเข้ากับตาวาวๆนั่นแหละถึงได้รีบชักมือกลับ หน้าร้อนไปหมด
“ก็ไม่ได้อยากจะเป็นพระเอก” ว่าพลางจ้องคนที่เอาแต่หลุบตาต่ำไม่ยอมเงยขึ้นมามองหน้ากัน “จะไม่ถามหน่อยหรอว่าทำไม” เดือนสิบส่ายหน้า เดาว่าคงเป็นอะไรที่ทำให้เขาได้หน้าร้อนอีกแน่ๆ “แต่พี่อยากบอกนะ”
“ฮื้อ! ไม่เอาครับ ไม่อยากฟัง”
“หึๆ โอเคครับไม่อยากฟังก็ไม่อยากฟัง แล้วนี่หิวข้าวรึยัง” เดือนสิบย่นจมูกอย่างเคยตัว ก่อนจะก้มมองนาฬิกาข้อมือแล้วเงยหน้าขึ้นมาตอบ
“ยังครับ เดี๋ยวรอพวกนั้นก่อนก็ได้ พี่ยุทธหิวแล้วหรอครับ”
“เปล่า นึกว่าหิวจะได้ชวนไปกินกันสองคน”
“อื้อหืออ.. เอางี้เลย” ถึงจะยังเขินไม่หายแต่ก็ยังไม่วายทำใจกล้าจ้องสบตาคมวาววับ
“จริงๆอยากเอามากกว่านี้อีก”
“โอยพี่ยุ๊ทธธธธ พูดอะไรเนี่ย” เดือนสิบแทบจะเอาหัวโขกโต๊ะเมื่อได้ยินคำพูดสองแง่สองง่าม ไอ้คำพูดไม่เท่าไหร่แต่สายตาเจ้าเล่ห์นี่มันอะไรกัน น่าจิ้มให้บอดชะมัด
“ก็ชอบมาทำตัวน่ารักใส่ทำไมล่ะ”
“ผมเปล่าซักหน่อย”
“น่ารัก”
“บ้าแล้ว”
“น่ารัก”
“กวนประสาท”
“น่ารัก”
“ฮื้ออ พอเลยครับ ไม่ต้องพูดแล้ว” แค่นี้เดือนสิบก็แทบจะระเบิดตัวเองตายอยู่แล้ว ไหนจะตาคมๆที่จ้องเอาๆไม่หยุดหย่อนนี่อีก ใจคอจะไม่เปิดโอกาสให้เขาได้หายใจหายคอโล่งๆบ้างเลยหรือไงนะ
“ครับๆไม่พูดก็ไม่พูด งั้นไปเดินเล่นกันไหม” เดือนสิบหรี่ตามองอีกฝ่ายที่ส่งยิ้มจางมาให้ นิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้าตอบตกลง
“ก็ได้ครับ” ยุทธนาหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะลุกขึ้นแล้วดึงอีกฝ่ายให้ลุกตาม เมื่อเช้าเขาลองเดินสำรวจรอบๆหาดบริเวณใกล้ๆดูบ้างแล้ว เห็นว่ามีหลายจุดเหมือนกันที่ดูสวยสะดุดตาและน่าเก็บภาพ จะขาดก็แต่นายแบบ..
เดือนสิบแปลกใจนิดหน่อยเมื่อเดินมาถึงหน้าบ้านพักหลังสุดท้ายแล้วคนพี่บอกให้ยืนรอ ก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งเข้าไปในบ้าน แล้วก็ต้องแปลกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นว่าร่างสูงเดินกลับออกมาพร้อมกล้องถ่ายรูปในมือ
“ไปครับ” มือหนาอีกข้างเลื่อนมาจับมือเขาอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะพาเดินเลียบมาทางชายหาดอีกด้านซึ่งอยู่คนละฝั่งกับที่พวกนั้นกำลังเล่นน้ำกัน
“ไม่ยักรู้ว่าพี่ยุทธชอบถ่ายรูปด้วย”
“งานอดิเรกน่ะ เมื่อก่อนถ่ายบ่อย แต่หลังๆมาไม่ค่อยมีเวลาเลยไม่ได้เอาออกมาใช้เท่าไหร่ไม่รู้สนิมเกาะหมดรึยัง” ว่าขำๆก่อนจะปล่อยมือที่จับกันอยู่ออกแล้วเปลี่ยนมาจับกล้องหันเข้าหาอีกฝ่ายแทน คนน้องพอเห็นแบบนั้นเลยได้แต่มองเขินๆ
“ทำอะไรครับเนี่ย”
“ซ้อมมือไง เอ้าไหนนายแบบยิ้มหน่อยซิ” ถึงจะบอกอย่างนั้นแต่มือก็ลั่นชัตเตอร์ไปก่อนแล้วหลายภาพ
“ฮื้อ ไม่เอาครับ” พูดไปแล้วก็ได้แต่เอามือปิดหน้าปิดตา แต่ถึงอย่างนั้นคนพี่ก็ยังรัวชัตเตอร์ใส่ไม่หยุด เรียกได้ว่าเก็บทุกเม็ดเลยทีเดียว
“นิดเดียวครับ เร็วเข้า” เอ่ยเร่งแต่ก็ไม่ยอมลดกล้องลง
“ไม่เอาครับพี่ยุทธ.. ผมไม่ชอบถ่ายรูป”
“โอเคงั้นไม่ถ่ายก็ไม่ถ่าย” ว่าพลางลดกล้องลงปุบปับจนคนน้องถึงกับหน้าเหลอ แถมยังมาทำหน้านิ่งๆใส่แล้วไม่ยอมสบตาอีกต่างหาก ..หรือว่าจะโกรธ?
“โกรธรึเปล่าครับ” เอ่ยถามอ้อมแอ้มอย่างไม่มั่นใจนัก
“พี่จะไปโกรธเราเรื่องอะไรกันฮึ?” ยุทธนายิ้มจางให้ ทว่าสายตายังคงจับจ้องอยู่ที่กล้องในมือ
“ก็.. ที่ผมไม่ยอมถ่ายรูป”
“ไหนมานี่มา” ยุทธนาเอ่ยเรียก เขาลดกล้องลงพลางยื่นมืออีกข้างให้น้องจับ กระทั่งอีกคนเดินเข้ามาหาแล้ววางมือลงบนฝ่ามือเขาตาคมถึงได้เบนขึ้นมาสบมอง จ้องลึกเข้าไปในม่านตากลมใสที่กำลังไหวระริก
“พี่ไม่โกรธหรอก เราไม่ชอบอะไรก็บอกน่ะถูกแล้ว พี่ไม่อยากบังคับ ไม่อยากทำให้เรารู้สึกไม่ดี”
“ผม..” ยิ่งได้ยินแบบนั้นแทนที่จะรู้สึกดีขึ้นเดือนสิบกลับยิ่งรู้สึกผิด พูดไม่ออกจนได้แต่หลุบตาต่ำหลบแววอ่อนแสงที่จ้องมอง
“ไหนเป็นอะไรครับหันหน้าขึ้นมาให้พี่ดูหน่อยเร็ว หลบตาทำไมฮึ?” น้ำเสียงอ่อนโยนก่อนที่ปลายนิ้วจะเลื่อนมาแตะที่ปลายคางสวยเบาๆ
“ผมแค่กำลังคิดว่าตัวเองเห็นแก่ตัว” เดือนสิบเอ่ยเสียงเบาคล้ายไม่มั่นใจนัก
“ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะครับ”
“ก็พี่ยุทธยอมให้ผมทุกอย่างเลย มีแต่ผมที่เอาแต่คิดถึงตัวเอง” ยุทธนายิ้มจาง เลื่อนมือเข้าประคองข้างแก้มนิ่มกระทั่งน้องยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน เขามองคิ้วสวยขมวดมุ่นก่อนจะใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเบาๆจนมันเริ่มคลายออกจากกัน
“แต่เราก็ไม่ได้เป็นคนบังคับให้พี่ทำซักหน่อยนี่ครับ ที่ทำเพราะพี่เต็มใจทำให้เอง ไม่คิดมากสิ คิ้วขมวดยุ่งหมดแล้วเห็นไหม”
“ทำไมถึงได้ดีกับผมขนาดนี้ล่ะครับ” ตากลมสั่นไหวจ้องลึกเข้าไปในม่านตาคมอ่อนแสง มองลึกลงไปจนถึงความรู้สึกลึกล้ำภายในที่อีกฝ่ายเองก็ไม่เคยคิดปิดบัง
“เพราะพี่ชอบสิบ ชอบมอง ชอบแหย่ ชอบเห็นเรายิ้ม ชอบเวลาเราเขิน ชอบที่ได้เป็นฝ่ายดูแล แล้วก็ชอบตัวเองเวลาที่ได้อยู่กับเรา ชอบมานานจนอาจจะกลายเป็น.. รัก” ความแน่วแน่ที่ส่งผ่านทั้งสัมผัสอุ่นและแววตาจริงจังทำให้เดือนสิบเชื่อสนิทใจว่าอีกฝ่ายรู้สึกแบบนั้นกับเขาจริงๆ พี่ยุทธรักเขา.. แต่ตัวเขาเองล่ะ?
“พี่ยุทธ… ผม..”
“สิบยังไม่ต้องตอบอะไรพี่ตอนนี้ก็ได้ เอาไว้ให้แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองก่อนเพราะถึงยังไงพี่ก็จะอยู่ตรงนี้ จะรอจนกว่าเราจะรู้สึกแบบเดียวกัน” รอยยิ้มบางและสัมผัสอบอุ่นที่ส่งมาให้ช่วยปัดเป่าความหนักอึ้งในใจได้ชะงัด เดือนสิบยิ้มกว้างก่อนจะโผเข้าหาอ้อมกอดอุ่นเมื่ออีกฝ่ายอ้าแขนรับ สัมผัสบางเบาแนบลงบนขมับซ้ำๆยิ่งตอกย้ำความรู้สึกดีๆให้ซึมลึกลงกลางใจ ถึงตอนนี้จะพูดว่ารักอีกฝ่ายได้ไม่เต็มปากแต่ก็มีหลายเรื่องที่เขามั่นใจ เขาชอบอ้อมกอดนี้ ชอบความอบอุ่นที่ได้รับ ชอบสัมผัสแผ่วที่ทำให้รู้สึกร้อนไปทั้งหน้า ชอบรอยยิ้ม ชอบสายตา และชอบคำว่ารักที่ทำให้รู้สึกอุ่นซ่านไปทั้งใจ
“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณจริงๆที่รักผม”
“ถ้าอยากตอบแทนก็รีบรักพี่เร็วๆแล้วกัน เข้าใจไหมครับ” เสียงทุ้มเอ่ยชิดข้างขมับเนียน ไม่วายวนเวียนกดจูบซ้ำๆ
“อื้อ..” เดือนสิบพยักหน้ากับบ่ากว้างรัว กระชับแขนกอดรอบเอวสอบแน่นขึ้น ไม่แพ้อีกฝ่ายที่โอบรัดเขาไว้ทั้งตัวราวกับจะบอกว่า
อ้อมกอดนี้เป็นของเขา แค่ของเดือนสิบ..
รอดดด 55555
แวะมาลงก่อนไปเรียนค่ะ สามทุ่มยาวไป...