<<ม่านไหมลายพยัคฆ์>>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: <<ม่านไหมลายพยัคฆ์>>  (อ่าน 105611 ครั้ง)

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
 :z3:  อยากเห็น นายท่านคอยดูแลลูกเต่าน้อย  แต่เจ๊ฟางซิน ก็ แสนดีจนไม่อยากให้นายท่านทำร้ายจิตใจ 

เป็นเรื่องแรกเลย ที่ถ้านายเอกจะต้องต่อไปอย่างไร้จุดหมาย  ก็ไม่ถือคนแต่ง  ทั้งฟางซิน ทั้งนายท่านช่างเหมาะกันจริงๆ 

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
แสนดีกันแบบนี้ ไม่รู้จะเชียร์ใครดี555  แต่ชอบมากๆค่ะ
สนุกจนอยากอ่านตอนต่อไปแล้ว
ขอบคุณมากๆค่ะ :L2:

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
รักฟางซิน รักหย่งหนาน รักอากุย

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
เขามาแล้วก็ติดจิครับรออะไร  o13 o13

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                                         ม่านไหมลายพยัคฆ์

                                                                                 บทที่ 12



               “นายท่าน!”


              เหวินเป่าใจหายวาบเมื่อมองเห็นแผ่นหลังกว้างเดินจากไปโดยไม่เหลียวหลังกลับ หัวใจดวงน้อยร้าวรานปริ่มจะขาดใจ       

เหวินเป่าเริ่มเข้าใจแล้วว่าความรู้สึกโหยหาเหล่านั้นมันคืออะไร เขานึกชังความรู้สึกตนเองที่มันไม่ได้ซื่อตรงอย่างที่ควรจะเป็น

             มันเป็นความปรารถนาบางสิ่งบางอย่างที่มากเกินขอบเขตในสิ่งที่มิใช่ของตนนอกเหนือไปจากความเคารพและบูชา         

หย่งหนานที่เปรียบเป็นวีรบุรุษสำหรับเขา และยิ่งผิดต่อสตรีแสนดีอย่างฟางซินที่เป็นเจ้าของหย่งหนานโดยแท้จริง เหวินเป่าไม่มีสิทธิ์

แม้แต่จะคิดหากแต่เขาก็ห้ามความรู้สึกของตนเองมิได้

               ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นแตะไล้ที่กลีบปากของตน สัมผัสเพียงแผ่วเบาเมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมายังตราตรึงอยู่ในหัวใจพร้อมกับที่

เจ้าของสัมผัสนั้นทอดทิ้งเขาไปอย่างรวดเร็วแต่เหวินเป่าไม่นึกแปลกใจ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีนั้นต่างค้ำคออยู่ศีลธรรมที่ไม่อยากทำร้าย

ให้ใครต้องเจ็บช้ำ


               “นายท่านของเธอไปทำงาน เราต้องเข้าใจเขานะเหวินเป่า”


               คำพูดของฟางซินดึงสติให้เหวินเป่ากลับคืนสู่ความเป็นจริง หนุ่มน้อยหักห้ามใจและหันมาสบตากับภรรยาของหย่งหนาน


               “ครับนายหญิง”


               “หากจะต้องร่วมชีวิตกับผู้นำ เราจำเป็นต้องเสียสละความสุขส่วนตัวเพราะยังมีคนอีกมากที่เขาทุกข์ และรอให้ผู้นำของเขา

เข้าไปช่วยเหลือ”


               “นายหญิงคงต้องอดทนมาก”


               เหวินเป่าเฝ้ามองฟางซินที่ทรุดนั่งบนเก้าอี้แทนหย่งหนานด้วยความชื่นชม ฟางซินเผยรอยยิ้มอย่างคนเข้าใจโลก


               “ยิ่งเป็นผู้นำคน ความรับผิดชอบก็ยิ่งมากมายตามไปด้วย เราซึ่งเป็นผู้ร่วมชีวิตที่เขาเลือกแล้วก็ต้องเข้าใจสภาพนั้น

ในเมื่อยอมรับที่จะใช้ชีวิตร่วมกับเขา เราก็ต้องส่งเสริมให้เขาได้ปฏิบัติเพื่อภารกิจที่เขารับผิดชอบ”


               ฟางซินถอนหายใจพลางขยับตัวลุกขึ้นยืน


               “มานี่เถอะเหวินเป่า มาช่วยฉันเตรียมข้าวของเครื่องใช้ให้นายท่านของเธอ อีกหน่อยฉันจะได้ไหว้วานให้เธอเป็นธุระเรื่องนี้

แทนหากว่าฉันทำมันไม่ไหว”


               ได้ยินเสียงรถยนต์ทหารขับออกไปจากรั้วนอกบ้านจนกระทั่งลับเสียงไป เหวินเป่ากลืนก้อนสะอื้นลงคอและตัดใจจากความ

อาดูรเหล่านั้นอีกครั้ง จากกันเมื่อแปดปีที่แล้วและได้พบหน้าเพียงไม่กี่วันก่อนห่างไกลอีกคำรบ การจากกันครั้งนี้ยิ่งปวดร้าว ฤาเขาและ

หย่งหนานจะไม่มีวาสนาได้พบเห็นหน้ากันเช่นใจปรารถนา

               พรหมลิขิตขีดเส้นให้พานพบหากแต่คงลืมให้บั้นปลายนั้นมาบรรจบพบกัน
               





               6 สิงหาคม ค.ศ.1945

               แม้ว่าเยอรมันและอิตาลีจะยอมแพ้ในสงครามโลกครั้งที่สองและปล่อยให้จักรวรรดิญี่ปุ่นสู้รบเพียงลำพังแต่รัฐบาลของสมเด็จ

พระจักพรรดิก็ยังไม่ยอมแพ้ถึงแม้ประชาชนในประเทศรวมถึงเหล่าทหารจะสูญเสียเป็นจำนวนมาก การต่อสู้ในภาคพื้นเอเชียจึงดำเนินต่อ

มาหลังจากวันที่เยอรมันยอมแพ้กว่าสามเดือน ในประเทศญี่ปุ่นเครื่องบินของอเมริกาบินเข้าทิ้งระเบิดทั้งโตเกียว โอซาก้า นาโงย่า จน

แทบจะกลายเป็นเมืองร้าง เรือบรรทุกน้ำมันก็ถูกโจมตีจมกลางทะเลจนไม่มีเรือขนส่งเสบียงไปยังฐานทัพต่างๆ

               ช่วงนี้หย่งหนานทุ่มเทให้กับงาน เขาเข้าไปช่วยหลือเฉินหยางซุนในการวางแผนการต่อสู้ งานหนักทำให้เขาลืมเลือนเรื่อง

ส่วนตัวไปบ้างยกเว้นในเวลาที่เขาพักผ่อนเพื่อให้ร่างกายดำรงอยู่ได้ เวลานั้นที่ยังมีใบหน้าของเด็กหนุ่มหลินเหวินเป่าปรากฏให้เห็น หย่ง

หนานเกลียดหัวใจตนเองนักเมื่อการไม่ได้พบหน้าเหวินเป่าถึงสามเดือนกลับไม่ได้ทำให้เขาลืมเลือนเด็กหนุ่มได้เลย


               “ได้ข่าวว่าสหรัฐอเมริกากำลังวางแผนจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดกับญี่ปุ่น”


               หยางซุนเอ่ยกับเขาในวันหนึ่ง


               “แต่ยังไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร”


               “สงครามยืดเยื้อนานเต็มที อเมริกาคงต้องการให้สงบราบคาบโดยเร็ว”


               หย่งหนานเองก็ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เขายังไม่ไว้วางใจแม้จะรู้ว่าญี่ปุ่นอยู่ในช่วงหลังติดกำแพง จะถอยก็ไม่ได้จะ

สู้ก็มีแต่เพลี่ยงพล้ำ เขาคงสนทนากับหยางซุนต่อหากจะไม่ถูกขัดด้วยสัญญาณโทรเลขจากฝ่ายสื่อสาร สองพี่น้องจึงได้ตื่นตัวและก้าว

ไปยังห้องรับสัญญาณ


               “ข่าวด่วนที่สุดครับ” นายทหารประจำการผู้หนึ่งกล่าวทันทีเมื่อเห็นเจ้านายก้าวเข้าไป หยางซุนรีบรับใบรายงานทางโทรเลข

ทันที เมื่ออ่านจบเขาก็เบิกตากว้าง


               “สหรัฐอเมริกาส่งระเบิดปรมาณูลูกแรกที่เพิ่งคิดค้นได้ทำลายเมืองฮิโรชิมาของญี่ปุ่นเมื่อสักสองชั่วโมงที่ผ่านมา”


               “แล้วผลเป็นอย่างไรครับ”


               หย่งหนานถามอย่างตระหนก เขารู้ว่ามีนักวิทยาศาสตร์คิดค้นสูตรระเบิดที่มีแสนยานุภาพร้ายแรงนี้ แต่ไม่นึกว่าอเมริกาจะ

ตัดสินใจใช้มันทันทีที่ผลิตได้สำเร็จ


               “มีผู้เสียชีวิตร่วมแสนคนแล้ว ฮิโรชิมาเมืองที่มีโรงงานผลิตอาวุธและที่ตั้งของกองทัพทหารพังราบเป็นหน้ากลอง”


               ระเบิดนิวเคลียร์ลูกนั้นมีชื่อว่า “Little Boy” มันระเบิดกลางอากาศสูงกว่าพื้นดินในระดับ 600 เมตร  ความร้อนของมันมากถึง

3800 องศาเซลเซียสและทำให้ประชาชนชาวฮิโรชิมาล้มตายทันทีกว่าเจ็ดหมื่นคนและเสียชีวิตในภายหลังจากนั้นในปีเดียวกันด้วย

ความทรมานอีกกว่าเจ็ดหมื่นคน (ที่มา http://unigang.com/Article/4310 :ผู้แต่ง)


               แม้ว่าจะอยู่คนละฝ่ายแต่หย่งหนานก็นึกเห็นใจชาวญี่ปุ่นที่ต้องมาพบจุดจบในคราวนี้ หากแต่เขาก็ต้องระวังสถานการณ์ในจีน

เช่นกัน


               “คราวนี้ญี่ปุ่นกลายเป็นเสือจนตรอกอย่างแท้จริงแล้ว ผมไม่ไว้ใจทหารญี่ปุ่นในเมืองจีนเท่าไหร่ เกรงว่าเจ้าชายคิริซาวะอาจจะ

ทำอะไรบางอย่างเช่นหาทางถอยทัพไปที่บ้านเกิดเพื่อช่วยเหลือที่ตั้งสุดท้าย ผมจะไปลาดตระเวนดูความเคลื่อนไหวของเขา”


               เจ้าชายคิริซาวะ ยาคุริที่ควบตำแหน่งนายพลจอมทัพของกองกำลังทหารญี่ปุ่นในเมืองจีนเร่งนำพลเคลื่อนไหวมาเมืองท่า

อย่างเงียบๆ หยางซุนพยักหน้ารับทันที


               “ไปเถอะ พี่จะรีบนำข่าวนี้ไปรายงานกับคุณพ่อ หากมีคำสั่งด่วนพี่จะรีบให้คนส่งข่าวให้นายรู้”


               หย่งหนานเร่งฝีเท้าไปยังรถยนต์ลาดตระเวน เขานึกเป็นห่วงประชาชนหากญี่ปุ่นยังไม่ยอมแพ้ในสงครามและยืนยันจะสู้อย่าง

หัวชนฝาต่อไป








               ฝนที่สาดซัดลงมาเมื่อยามบ่ายจัดทำให้อากาศทั้งชื้นทั้งอบอ้าว เหวินเป่าที่ต้องดูแลเด็กชายเฉินฮุ่ยจงซึ่งไม่สบายตัวนัก เขา

ต้องคอยเช็ดเนื้อตัวให้คุณชายตัวน้อยที่ร้องโยเยจนกระทั่งหลับปุ๋ยไปในยามค่ำ หากแต่งานของเหวินเป่าก็ยังไม่หมดเมื่อได้ยินเสียงไอ

ของฟางซินนายหญิงของบ้านหลังเล็ก

               สามเดือนที่ผ่านมาเหวินเป่าอยู่ในบ้านหลังน้อยรวมไปถึงได้เข้าไปรู้จักกับคนงานในบ้านหลังใหญ่และบ้านของเฉินหยางซุน

จนกลายเป็นส่วนหนึ่งไปแล้ว ฟางซินสอนให้เขาเขียนอ่านหนังสือในยามว่างและด้วยความหัวดีเหวินเป่าจึงเรียนรู้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขา

อ่านตัวอักษรจีนที่ไม่ยากนักได้พอแตกฉาน ฟางซินเองก็เอ็นดูและไว้ใจเด็กหนุ่มเพราะความนอบน้อมนั่นเอง

               เหวินเป่าเคาะประตูห้องของฟางซินที่มีเหม่ยฮัวดูแลอยู่ด้านใน เขาก้าวเข้าไปเมื่อเหม่ยฮัวเปิดประตูรับด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก


               “ฮูหยินตัวร้อนและไอหนักมาก”


               “งั้นหรือครับ” เหวินเป่ากังวลใจเมื่อมองไปเห็นร่างบอบบางนอนคุดคู้อยู่ในผ้าห่ม


               “ทำอย่างไรดีครับพี่เหม่ยฮัว”


               “พี่ให้ฮูหยินรับประทานยาฝรั่งที่มีอยู่ไปแล้วและหมั่นเช็ดตัวตามที่หมอฝรั่งเคยสอนไว้ อีกสักพักไข้ก็คงลดลงแต่ยาฝรั่งมัน

หมดเสียแล้วล่ะ พี่กลัวฮูหยินมีไข้กลับกลางดึกจะไม่มียาให้รับประทานซ้ำอีก”


               “ผมจะไปซื้อยาฝรั่งที่ว่านั่นเอง พี่เหม่ยฮัวบอกผมทีว่ามันอยู่ถนนเส้นไหน”


               “ดีจริงเหวินเป่า พวกผู้ชายในบ้านก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารเสียหมดแล้วเหลือแต่พวกผู้หญิงเท่านั้น จะหาใครพึ่งพาก็ลำบาก

เหลือเกิน เธอไปที่โรงพยาบาลนะและบอกกล่าวกับพวกเขาว่ามารับยาให้ฮูหยินเล็กสกุลเฉิน พวกเขาจะจัดยามาให้เธอกลับมา”


               เหวินเป่ารับคำก่อนจะวิ่งออกไปยังหน้าประตูรั้ว ในยามค่ำคืนเช่นนี้เขามองไม่เห็นรถลากแม้แต่คันเดียว หนุ่มน้อยตัดสินใจกึ่ง

เดินกึ่งวิ่งไปยังโรงพยาบาลของหมอฝรั่งแม้ว่ามันจะไกลจากบ้านอยู่มาก หากแต่ความเป็นห่วงในอาการของฟางซินทำให้เขาไม่รู้สึก

เหน็ดเหนื่อยเลยสักนิดจนกระทั่งถึงที่หมายและกระทำตามที่เหม่ยฮัวสั่งไว้ ไม่นานนักเขาก็ได้รับห่อยามาถืออยู่ในมือ แม้จะเพิ่งหาย

เหนื่อยแต่เหวินเป่าก็ไม่หยุดรอ เขารีบวิ่งกลับย้อนไปเส้นทางเดิมทันที

               เพราะเป็นยามดึกผู้คนต่างกลับเข้าไปในบ้านเรือนกันหมดแล้ว เหวินเป่าที่กำลังวิ่งผ่านท่าเรือเล็กๆก็พลันชะงักเมื่อเขามอง

เห็นกองกำลังทหารญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งกำลังเดินแถวอย่างเงียบเชียบไปยังเรือลำเล็กที่จอดรออยู่ ดวงตาของเขาพลันตระหนกด้วยความ

หวาดกลัว เหวินเป่าไม่ต้องการเผชิญหน้ากับพวกนั้น

               ตัดสินใจเลี่ยงหลบวิ่งไปยังตรอกเล็กเพื่อใช้เส้นทางใหม่ หนุ่มน้อยวิ่งไม่คิดชีวิตอยู่ในความมืดสลัวเพราะความตกใจเหวินเป่า

จึงมองไม่เห็นว่าสุดทางของตรอกเล็กที่เชื่อมสู่ถนนอีกเส้นหนึ่งนั้นมีร่างของใครบางคนยืนอยู่ เหวินเป่าจึงวิ่งเข้าชนอย่างจังกระทั่งล้มลง

ก้นจ้ำเบ้าห่อยากระเด็นหลุดมือ เขารีบลนลานควานหาห่อยานั้นด้วยความหวงแหนก่อนจะเงยหน้ามองบุรุษที่มิได้สะเทือนเลยเมื่อเขา

วิ่งชน

                เหวินเป่าเบิกตากว้างเนื้อตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว บุรุษตรงหน้าเป็นชายสูงวัยผมสีดอกเลาใบหน้าดุดันสวมใส่ชุดทหาร

ของญี่ปุ่น บนบ่ามีเครื่องประดับมากมายที่เหวินเป่าเดาว่าเขาน่าจะมียศสูงศักดิ์เทียมฟ้า และเมื่อบุรุษผู้นั้นถูกเหวินเป่าวิ่งเข้าชน ดวงตาคู่

นั้นก็พลันเกรี้ยวกราด มือใหญ่กระชากแขนของเหวินเป่าจนตัวลอยขึ้นมาพร้อมกับดึงมีดพกคมวับพร้อมจะลงมือปลิดชีวิต เหวินเป่า

หลับตาลงเมื่อรู้ว่าลมหายใจตนเองคงปลิดปลิว


               แม่จ๋า ลูกจะไปอยู่กับแม่แล้ว รอลูกอีกแค่อึดใจเดียว


               เสียงคมมีดตวัดวูบมาจ่ออยู่ตรงลำคอหากแต่มันกลับเงียบเสียงลง เหวินเป่าที่หลับตากลั้นลมหายใจถึงกับสำลักเมื่อเขา

สูดลมหายใจเข้าไปอีกครั้ง เปลือกตาค่อยๆเปิดขึ้นจนกระทั่งได้สบตากับเจ้าของมีดคมที่มองเขาอย่างแปลกใจ               “เธอ” เสียง

ภาษาจีนแปร่งๆหลุดจากชายสูงวัยผู้นั้นเมื่อเขาจ้องหน้าเหวินเป่าพักใหญ่


               “เธอเป็นคนญี่ปุ่นงั้นรึ”




มีต่ออีกนิด...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-03-2017 00:35:16 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


ต่อกันตรงนี้....





                เหตุการณ์ยังคงสงบเมื่อหย่งหนานนั่งรถลาดตระเวนกับลูกน้องของเขาจนเกือบทั่วเมือง จนรถลาดตระเวนนั้นผ่านมายังถนน

หน้าบ้านของเฉินจิ้งเหอนายกรัฐมนตรี เขาจึงสั่งให้พลขับจอดรถลงหน้าบ้านและก้าวเดินไปยังภายในเขตรั้ว


               “พักก่อนเถอะ ขอเข้าไปในบ้านสักหน่อย” เขากล่าวกับลูกน้อง


               ตั้งแต่เมื่อตัดสินใจห่างจากบ้านเพื่อตัดใจจากความปรารถนาหย่งหนานยังไม่ได้กลับมาอีกเลย เขาเชื่อว่าเวลาผ่านพ้นไปนาน

ถึงสามเดือนความปราถนารุ่มร้อนนั้นคงจะเบาบางลงบ้างแล้ว หย่งหนานถือโอกาสนี้กลับบ้านและเดินเข้าไปหาภรรยาของเขา


               “คุณชาย” เหม่ยฮัวที่ยังอยู่ภายในห้องของเขาเพื่อดูแลฟางซินเอ่ยทักอย่างดีใจ และเมื่อร่างบอบบางนั้นได้ยินเข้าก็จึงลุก

จากการนอนขึ้นมา


               “พี่คะ กลับมาแล้วหรือคะ”


               หย่งหนานรีบตรงเข้าไปประคองภรรยาทันที รู้สึกได้ว่าเนื้อตัวของฟางซินอุ่นกว่าปกติ


               “ฮูหยินมีไข้หนักค่ะเมื่อหัวค่ำ” เหม่ยฮัวรีบแจ้งต่อเจ้านาย “ตอนนี้ไข้ลดลงบ้างแล้ว แต่ก็ยังตัวรุมๆอยู่”


               “ฉันขอโทษต่อเธอนะฟางซิน” หย่งหนานสำนึกผิด เขาช่างเป็นสามีที่ใช้ไม่ได้เลย


               “ฉันขอโทษที่ขาดการเอาใจใส่เธออย่างที่ควรจะทำ”


               “อย่าพูดเช่นนั้นเลยค่ะ ภาระของพี่สำคัญกว่าน้องเข้าใจดี ตอนนี้เหตุการณ์เป็นเช่นไรบ้างคะ”


               “อเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูใส่ฮิโรชิมา ผู้คนญี่ปุ่นล้มตายไปเกือบแสน”


               “โธ่เอ๋ย เกลียดสงครามนัก เมื่อไหร่จะจบสิ้นสักทีนะ”


               ฟางซินอุทานด้วยความสังเวชใจ สงครามอันยาวนานช่างเลวร้ายเหลือเกิน หย่งหนานลูบไหล่ภรรยาด้วยความเข้าใจ


               “อีกไม่นานแล้วฟางซิน นี่เป็นมาตรการสุดท้ายที่สัมพันธมิตรตัดสินใจยุติสงคราม”


               ปลอบโยนภรรยาก่อนจะชะงักเมื่อหัวใจแล่นไปหาสมาชิกอีกคนของบ้าน หย่งหนานอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไป


               “เหวินเป่าล่ะ”


               “คงอยู่ในห้องกระมังคะ น้องมัวแต่จับไข้ยังไม่เห็นเหวินเป่าเลย”


               “เหวินเป่าไปโรงพยาบาลค่ะ” เหม่ยฮัวรีบกล่าว “ยาฝรั่งของฮูหยินหมด เหวินเป่าอาสาไปรับยามาให้เพราะเกรงว่าหากฮูหยิน

มีไข้อีกจะไม่มียารักษา”


               “อะไรนะ นี่มันดึกแล้วเหวินเป่ากล้าไปได้อย่างไร”


               ฟางซินอุทานอย่างตกใจเมื่อรู้ว่าเหวินเป่าเสี่ยงอันตรายเพราะตน ใบหน้าที่ซีดอยู่แล้วยิ่งซีดเผือดกว่าเดิม หย่งหนานเองก็

ตกใจราวกับหัวใจหล่นหาย


               “ฉันจะไปรับเหวินเป่า เธออยู่ได้ใช่ไหมฟางซิน”


               ภรรยารีบพยักหน้ารับทันที


               “ไปเถอะค่ะพี่ไม่ต้องเป็นห่วงน้อง ที่บ้านยังมีผู้คนอีกหลายคน พี่รีบไปรับเหวินเป่าโดยเร็วเถอะค่ะ น้องไม่ไว้ใจช่วงหัวเลี้ยว

หัวต่อแบบนี้”


               มองภรรยาอย่างขอบคุณที่เข้าใจ หย่งหนานรีบวิ่งออกมายังด้านนอกรั้วบ้านทันทีด้วยหัวใจที่ไม่อยู่กับตัวอีกแล้ว รถยนต์ลาด

ตระเวนของเขาไม่มีทหารอยู่เลยเพราะต่างแยกย้ายกันไปพักตามที่เขาสั่ง หย่งหนานกระโดดขึ้นรถและขับมันออกมาเพียงลำพัง

               ขับไปถึงโรงพยาบาลและถามด้วยความร้อนใจจึงรู้ว่าเหวินเป่ารับยาออกจากโรงพยาบาลมาได้พักใหญ่ ความห่วงกังวลก็ยิ่ง

ถาโถมหนักเมื่อไม่เห็นร่างโปร่งย้อนกลับมาทางเดิม หย่งหนานตัดสินใจจอดรถไว้ริมถนนและวิ่งตามหาคนที่เข้ามาก่อกวนหัวใจของเขา

ตามตรอกซอกซอยด้วยความว้าวุ่น จนกระทั่งเห็นเงาตะคุ่มในความมืดตรงทางแยกหย่งหนานก็รีบตรงเข้าไปทันที







               คำถามนั้นเสียดแทงใจของเหวินเป่าอย่างที่สุด เขาเกลียดสายเลือดครึ่งหนึ่งที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายที่มิใช่ความเป็นจีนของ

เขา ความเกลียดชังนั้นทำให้เหวินเป่าหลงลืมความหวาดกลัวเสียสิ้น เด็กหนุ่มมองอีกฝ่ายด้วยความชิงชัง


               “ไม่ ไม่ใช่เลย ผมเป็นคนจีน”


               ดวงตาของผู้สูงวัยยังคงจับจ้องและประสานสายตาราวกับจะมองให้ลึกไปถึงเส้นเลือดและหัวใจของเหวินเป่า คมมีดจ่ออยู่

ตรงคอเลื่อนลงช้าๆมายังสร้อยคอที่เหวินเป่าใส่ติดมาตั้งแต่เด็กอันเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่มารดาเหลือไว้ให้โดยปกติเขาจะใส่เสื้อปิดบัง

มันไว้ แต่เป็นเพราะอากาศอบอ้าวทำให้เหวินเป่าปลดกระดุมเม็ดบนออกจนเผยให้เห็นสิ่งที่เขาซุกซ่อนอยู่


               “เธอมีสายเลือดญี่ปุ่น ถึงแม้จะไม่ยอมรับ”


               ชายสูงวัยผู้นั้นยังคงยืนกรานตอกย้ำความเจ็บปวดแก่เหวินเป่า หนุ่มน้อยมองอีกฝ่ายด้วยความเกลียดชัง


               “ผมเป็นคนจีน และผมไม่มีสายเลือดญี่ปุ่นของคุณ พวกคุณฆ่าแม่ผม พวกคนเลว”


               น้ำตาแห่งความเกลียดชังไหลรินลงมา ภาพแห่งความเลวร้ายในวัยเด็กทำให้เหวินเป่าเต็มไปด้วยความคับแค้น


               “ฆ่าผมสิ ในเมื่อพวกคุณเห็นคนจีนไม่มีค่า ฆ่าผมเสียให้ตายตามพวกของผมเสียให้สาแก่ใจของคุณ”


               ดวงตาดุดันนั้นเบิกโพลง คมมีดบาดเข้าผิวหนังตรงลำคอจนแสบร้อน เหวินเป่าหลับตาลงอีกครั้งเมื่อเขารู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่

ปล่อยเขาไปอีกแล้ว


               “หยุดนะ!”


               น้ำเสียงแสนคุ้นหูคุ้นใจดังขึ้นโดยพลัน หัวใจของเหวินเป่ากระตุกเมื่อรับรู้ว่าใครที่ก้าวมาขวางทางตายของเขา


               “ปล่อยคนของผมเดี๋ยวนี้”


               บุรุษในชุดนายทหารของกองทัพจีนปรากฏกายขึ้นท่ามกลางความมืดสลัว ยั้งคมมีดที่จ่ออยู่ตรงลำคอเนียนนุ่ม


               “กรุณาปล่อยคนของผมเดี๋ยวนี้ ท่านนายพลคิริซาวะ”

                               

                                                    TBC


                                                  :ling1: :ling1:




ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
 :z3: ลุ้นๆๆๆ

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
 :katai1:   เจอใครไม่เจอนะลูกเต่าน้อย  ดันมาเจอระดับลาสบอสกันเลยทีเดียว

แอบสงสัยว่าสร้อยคอที่แม่ของลูกเต่าน้อยให้มาจะไม่ใช่สร้อยแบบธรรมดาทั่วไป 

กลัวจะเป็นของพวกทหารระดับสูงของทางญี่ปุ่นหรือไม่ก็ตานายพลนั่นแหละ

ออฟไลน์ pearlypear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
หว่าาาาา พระเอกออกโรงแล้ววววว o13

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ลูกท่านหลานเธอรึเปล่า เต่าน้อย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
สร้อยคอบอกอะไร


ออฟไลน์ iNcamisang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ไหนปลอบอากุยหน่อยซิ  :z3: :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
สร้อยของพ่อเต่าน้อยรึเปล่า

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เดี๋ยวนะ หรือลูกเต่าน้อยเป็นลูกองค์ชาย??? เห้ยยยยยยยย

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ NUTSANAN

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1031
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-3
โอ้ยยย คือเพิ่งได้อ่านเรืองนี้ สนุกมากก อ่านไม่หยุดเลยค่ะ ลุ้นตลอดทุกตอนน

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ coolmaoil

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ saruwatari_guy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ค้างงงงงงงงงง ดีนะที่มาทันไม่งั้นอาจจะโดนพากลับญี่ปุ่นด้วย

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
จะได้เจอพ่อไหมน้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ซับซ้อนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

สนุกขึ้นเรื่อยๆ :katai2-1:

ออฟไลน์ pinkypromise

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ๊ยยยยย จะตายแล้ววว หมายถึงคนอ่านเนี่ยจะตายย

อยากอ่านต่ออ ฮือๆๆๆ นายท่ายช่วยอากุยด้วย


ออฟไลน์ Violasheep

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-0
เสียวแทนเหวินเป่ามากกกกก

ตอนหน้าคงเข้มข้มหนักแน่ๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
โอ้ยสนุกมากค่ะ ชอบทุกตัวละครในนี้เลย ชอบลูกเต่าน้อยน่ารัก เอ็นดูมาก  :L2:

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
มาอ่านอีกรอบจ้า :katai2-1:

ออฟไลน์ wargroup

  • Twitter/IG : @inaSSusani
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 454
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-3
โอววว...พระเจ้า! เรื่องนี้ดีมาก! ชอบมากๆเลยค่ะ เขียนดีจริงๆ!!!

ดราม่ามาอย่างแน่น ดราม่าในดราม่าในดราม่า ทับกันเข้าไป ชอบจังเลย
นอกจากม่านประเพณีจีนที่บีบเคร่ง ยังมีศีลธรรมอันดีของพระ-นายที่ค้ำคอตัวเอง
บวกกับความลูกครึ่งญี่ปุ่นของนายเอก ที่มีวี่แววจะบานปลาย มีศักดิ์มีเชื้อเข้าไปอีก (รีเปล่า?)
พระเอกฮีโร่ที่ต้องคอยหักห้ามใจ นายเอกไร้เดียงสาที่เพิ่งรู้จักรัก และห้ามรักไปพร้อมๆกัน กรี๊ดดด

ช่างเป็นครรลองที่ชวนหลงใหลที่สุด ...ประทับใจมากๆ มาต่อบ่อยๆนะคะ รออยู่ๆ ^^

//ปล. สุดท้ายทั้งคู่ต้องไปโผล่ไต้หวัน เพื่อแฮปปี้เอ็นด์มั้ย ดูมีความคาบเกี่ยว จำค.ศ.ที่เค้าลี้ภัยกันไม่ได้แล้ว ...แต่อยากให้แฮปปี้อ่ะคุณคนเขียน (ภาวนาๆๆๆๆ)

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                                               ม่านไหมลายพยัคฆ์

                                                                                      บทที่ 13


               เสียงเด็ดขาดของนายทหารอายุคราวลูกสามารถหยุดคมมีดลงได้ นายพลเจ้าชายคิริซาวะหันขวับไปยังต้นเสียงที่เขารู้จักเป็น

อย่างดี ดวงตาที่มีรอยยับย่นของความอาวุโสจับจ้องอย่างแปลกใจที่เห็นเฉินหย่งหนานมองเขาด้วยโทสะอย่างที่ไม่เคยแสดงออกให้

เห็นมาก่อน หลานชายของนายกรัฐมนตรีชาติจีนผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องความสุขุมหากแต่ครานี้เขากลับมองเห็นเปลวไฟจากดวงตาคมคู่นั้น


               “คนของเธองั้นรึ” คิริซาวะเอ่ยถามหากแต่มือก็ยังจรดคมมีดลงไปบนเนื้อนุ่มอย่างน่าหวาดเสียว


               “ผมขอร้องให้ท่านปล่อยคนของผมหากยังเห็นต่อความสัมพันธ์อันดีต่อกัน”


               หย่งหนานย้ำชัด มือใหญ่กุมด้ามปืนที่เหน็บอยู่ตรงเอวอย่างพร้อมที่จะชักมันออกมาลั่นกระสุนเต็มที่หากคิริซาวะจะทำอะไร

ต่อเหวินเป่าที่ยืนหน้าซีดเผือดภายใต้คมมีด นายพลคิริซาวะประสานสายตากับหย่งหนานพักหนึ่งก่อนจะยอมเก็บมีดและปล่อยมือที่

จับกุมเหวินเป่าไว้ เมื่อหนุ่มน้อยเป็นอิสระเขาจึงรีบขยับเท้าก้าวหนีให้ห่างทันที


               “ไม่นึกว่าจะได้พบท่านที่นานกิงและอย่างยิ่งในสถานที่เช่นนี้”


               เมื่อเห็นว่าเหวินเป่าปลอดภัยไฟในดวงตาก็เริ่มลดความรุนแรงลงหากแต่หย่งหนานก็ยังมองอย่างไม่ไว้ใจผู้กุมกำลังจาก

จักรวรรดิญี่ปุ่น  คิริซาวะได้ยินดังนั้นสีหน้าจึงยิ่งตึงด้วยความคุกรุ่นเมื่อรู้ว่าบ้านเมืองของตนกำลังเสียเปรียบ


               “จงอย่าชะล่าใจพันตรีเฉิน” คิริซาวะเอ่ยอย่างถือดี


               “ตราบใดที่ดวงอาทิตย์ยังคงฉายแสงและสงครามยังไม่จบ ศพทหารก็ไม่ใช่สิ่งยืนยันความปราชัย”


               บุรุษที่ก้าวเข้าสู่วัยชรายืนอกผายไพล่หลังมือไว้ด้านหลังอย่างหยิ่งผยองในศักดิ์ศรี หย่งหนานเข้าใจดีและเขาก็มิได้ทับถมให้

อีกฝ่ายได้อับอายที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ


               “ไม่ว่าใครจะได้รับชัยชนะ แต่ประชาชนก็พ่ายแพ้และย่อยยับอยู่ในสงครามอันเลวร้ายครับ ผมเพียงแต่หวังว่าบทสรุปของ

สงครามจะไม่ทำให้บ้านเมืองของผมบอบช้ำไปยิ่งกว่านี้”


               สบตากันอย่างไม่มีหวาดหวั่นและทำให้คิริซาวะยิ่งนึกชื่นชมนายทหารหนุ่มผู้นับเป็นศัตรูผู้นี้อยู่ในใจมากขึ้นไปอีก เฉินหย่ง

หนานทั้งสง่างามและหาญกล้า เขาอิจฉาเฉินจิ้งเหออยู่ลึกๆที่มีหนึ่งในผู้สืบทอดอำนาจเช่นนี้


               “เรื่องนั้นเป็นเหตุการณ์ในอนาคต ไม่มีใครสามารถคาดการได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากเราทั้งคู่จะพบกันอีกครั้ง”


               นายพลเจ้าชายคิริซาวะผิวปากเป็นเสียงสัญญาณ และเพียงอึดใจรถยนต์ทหารคันหนึ่งก็พุ่งเข้ามาจอดอยู่เบื้องหลังของเขา

คิริซาวะจึงเดินกลับไปขึ้นนั่งบนรถยนต์


               “อีกอย่างหนึ่ง จงบอกคนของเธอด้วยว่าจงอย่ามาเดินเล่นในยามราตรีเช่นนี้อีก แล้วพบกันใหม่พันตรีเฉิน”


               รถยนต์คันนั้นแล่นจากไปแล้ว ทิ้งไว้แต่ความเงียบสงัดในยามราตรี หย่งหนานหันไปมองร่างบางที่ยืนตัวสั่นงันงกอยู่ไม่ไกล

นักก่อนจะเอ่ยเรียกชื่อที่รบกวนจิตใจของเขามาตลอดสามเดือน


               “อากุย”


               “นายท่าน!”


               เหวินเป่าโผเข้าหาด้วยความหวาดกลัว เขาเพิ่งรู้ว่าตนเองรอดพ้นความตายมาได้อย่างฉิวเฉียดที่สุด หย่งหนานรับร่างผอม

บางเข้าสู่อ้อมกอดอย่างเต็มใจ เขาปล่อยให้เหวินเป่าได้ร้องไห้ระบายความหวาดหวั่นและตระหนกออกมา มือใหญ่ลูบผมนุ่มอย่างอ่อน

โยน


               “ไม่เป็นอะไรแล้วเด็กดี เลิกกลัวเถิดนะ”


               หย่งหนานดันไหล่บางให้พอได้มองเห็นใบหน้าหวานที่มีแต่คราบน้ำตา ดวงตาเรียวเปียกชื้นและยังบอกถึงความตกใจ หย่ง

หนานเชยคางมนให้แหงนขึ้นจนมองเห็นรอยเลือดซิบๆจากคมมีดที่บาดอยู่บนผิวหนัง เขากัดฟันข่มความโกรธแค้นคิริซาวะที่สร้าง

บาดแผลอยู่บนร่างกายอันแสนบอบบางนี้ หย่งนานแตะปลายนิ้วเช็ดคราบเลือดที่เริ่มแห้งกรังอย่างแผ่วเบาด้วยความสงสารแต่กระนั้น

เหวินเป่าก็ยังสะดุ้ง


              “เจ็บมากไหมอากุย”


               น้ำเสียงและแววตาช่างอ่อนโยนจนบาดลึกลงไปในใจของเหวินเป่าให้ยิ่งเจ็บกว่าบาดแผลบนผิวหนังนัก ความคิดถึงโหยหาที่

อีกฝ่ายทอดทิ้งหันหลังให้เขาโดยไม่หันหลังกลับมาทำให้เหวินเป่าร้องไห้แทนความกลัวเช่นเมื่อครู่ หนุ่มน้อยจึงมองร่างสูงด้วยความ

เจ็บช้ำ เหวินเป่าปัดมือของหย่งหนานให้พ้นจากปลายคางของเขาและทุบกำปั้นรัวลงไปบนแผงอกแกร่งด้วยความน้อยใจ


               “ปล่อย นายท่านปล่อยผมนะ นายท่านทิ้งผมไปครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่สนใจสักนิดว่าผมจะรู้สึกอย่างไร”


               “อากุย ฟังฉันก่อน”


               “ไม่”


               กำปั้นน้อยๆยังคงระบายความเจ็บช้ำลงไปไม่หยุดยั้ง หย่งหนานจำเป็นต้องยื้อยุดข้อมือเล็กให้หยุดทำร้ายเขาเสียที


               “นายท่านใจร้าย”


               หย่งหนานรวบกายอุ่นนั้นเข้ามากอดแม้ว่าอีกฝ่ายจะดิ้นรนขัดขืน วงแขนแกร่งโอบรัดไว้ราวกับกลัวร่างบางนั้นจะหนีหายไป

จากเขา หย่งหนานกดคางตนเองลงกับกระหม่อมจนกระทั่งเหวินเป่ายอมหยุดดิ้นรนและร้องไห้โฮอยู่ในอ้อมกอด เขาแอบสูดกลิ่นหอม

จากเส้นผมนุ่มนั้นจนเต็มหัวใจ


               “ใช่ว่าฉันอยากจะห่างจากเธอ”


               เสียงของหย่งหนานแผ่วเบาราวกับไม่ใช่ตัวตนที่เขาแสดงออกต่อหน้าผู้อื่น เหวินเป่าได้ยินหย่งหนานพูดอยู่เหนือศีรษะ ที่ชัด

กว่าคือเสียงหัวใจที่เต้นอยู่ข้างหูเมื่อเหวินเป่าแนบแก้มไปกับทรวงอกอันแสนอบอุ่น


               “แต่มันจำเป็นที่ฉันยังไม่สามารถอยู่ใกล้เธอได้มากกว่านี้ ฉันกลัวว่าจะหักห้ามใจมิให้ทำร้ายทุกคนด้วยอกุศลในใจของฉันไม่

ได้”


               เหวินเป่าฟังแล้วก็ยังไม่เข้าใจ คำพูดของหย่งหนานช่างยากเย็นเกินกว่าที่เขาจะแปลความหมายอันซับซ้อนนั้นได้ ตอนนี้เขา

รู้แต่ว่าอ้อมกอดของหย่งหนานช่างอบอุ่นเหลือเกิน


               “นายท่าน”


               หย่งหนานคลายอ้อมกอดอย่างเสียดาย เขาเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเหวินเป่าจนหมดก่อนจะสบตาเนิ่นนานโดยไม่พึ่งพาบท

สนทนา สุดท้ายเขาจึงประทับริมฝีปากลงไปบนหน้าผากมนพร้อมกับตั้งคำถามในใจว่าเขาจะต้องทรมานกับความรู้สึกนี้ไปอีกนานเท่าใด

ใจหนึ่งก็อยากจะให้เหวินเป่ารอจนถึงวันที่เขาพร้อมจะยอมรับหากแต่อีกใจเขาก็ไม่อยากรั้งให้หนุ่มน้อยต้องมาอดทนกับอนาคตที่ไม่รู้ว่า

จะเป็นเพียงความฝันหรือไม่


               “กลับบ้านกันเถอะ”


               สุดท้ายก็ทำได้เพียงตัดใจปล่อยร่างบางออกจากอ้อมกอดและจูงมือน้อยให้เดินตามต้อยๆไปยังรถยนต์ที่เขาจอดทิ้งไว้ไกล

ออกไปโดยไม่ได้เอ่ยอะไรอีก เหวินเป่าเดินตามแผ่นหลังกว้างนั้นจนกระทั่งถึงรถยนต์และก้าวขึ้นไปนั่งเคียงข้างกับหย่งหนานที่กุมมือ

ของเขาเกือบตลอดทางที่ขับรถกลับบ้าน







               เส้นทางกลับถึงบ้านสกุลเฉินช่างใกล้กว่าที่คิดจนเหวินเป่าอยากจะให้ถนนเส้นนั้นทอดยาวออกไปไม่มีสิ้นสุด แต่เขาก็ต้อง

ยอมรับความจริงว่าทุกอย่างคือความฝันเมื่อในที่สุดหย่งหนานก็พาเขามาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านหลังเล็ก เหวินเป่าหยุดเดินเมื่อหย่งหนาน

ชะงักฝีเท้าก่อนจะเข้าบ้าน


               “สักวันหนึ่ง” หย่งหนานรำพึงเบาๆโดยไม่หันมามองเขา


               “หวังว่าฉันจะมีวันนั้นกับเธอนะอากุย”


               “ครับ?”


               เหวินเป่าเอ่ยถามด้วยความฉงน


               “นายท่านหมายถึงวันไหนครับ”


               “ช่างเถอะ ฉันเพ้อเจ้ออย่างไม่น่าให้อภัย เข้าบ้านกันเถอะ”


               หย่งหนานสะบัดศีรษะราวกับจะขับไล่ความฟุ้งซ่านออกไปจากสมองเสียให้หมด  เขาก้าวนำเหวินเป่าให้ตามเข้าไปจนถึงห้อง

ของเขาที่มีฟางซินนอนขดตัวงออยู่กองผ้าห่ม เหวินเป่ารีบรุดไปยังข้างเตียงจนเหม่ยฮัวที่ฟุบหลังอยู่สะดุ้งตื่น


               “เหวินเป่า กลับมาแล้วรึ”


               เสียงของเหม่ยฮัวปลุกให้ฟางซินลืมตาขึ้นมามองหนุ่มน้อยด้วยความเป็นห่วง


               “เหวินเป่าเด็กโง่ ต่อไปอย่าทำให้เป็นห่วงเช่นนี้อีกนะ”


               เสียงแหบแห้งของฟางซินทำให้เหวินเป่ายิ่งสงสาร


               “โธ่ นายหญิง อย่าเพิ่งดุผมตอนนี้เลยครับ เดี๋ยวจะไอหนักกว่านี้อีก”


               “ฮูหยินกำลังมีไข้ค่ะ” เหม่ยฮัวรีบบอกทำให้หย่งหนานรีบก้าวเข้ามานั่งข้างเตียงและประคองฟางซินขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอด

เหวินเป่าส่งห่อยาที่เขารักษาไว้เท่าชีวิตส่งให้เหม่ยฮัวทันที


              “นี่ครับพี่เหม่ยฮัว ยาของนายหญิง”


               เหม่ยฮัวรับห่อยามาอย่างดีใจและรีบแก้ห่อเพื่อส่งยาให้หย่งหนานช่วยป้อนยาและน้ำให้ฟางซินได้กินเข้าไป จากนั้นหย่ง

หนานจึงช่วยให้ฟางซินได้นอนลงไปอีกครั้ง


               “ฉันขอโทษที่ดูแลเธอไม่ดีนะฟางซิน ขอเวลาอีกไม่นานฉันจะกลับมาเป็นสามีที่ดีดูแลเธอและลูกให้ดีที่สุด”


               หย่งหนานดูแลภรรยาให้หลับตาลง เหวินเป่ามองภาพนั้นอย่างสะท้อนใจและนึกชังตนเองที่คิดอิจฉาผู้หญิงที่น่าสงสารอย่าง

ฟางซิน จึงได้ตัดใจก้าวออกจากห้องไปอย่างเงียบๆและมองภาพของสามีภรรยาด้วยความรันทด


               วันนั้นที่หย่งหนานกล่าวถึงอาจจะเป็นแค่ความฝันตลอดไป







               หย่งหนานดูแลฟางซินจนกระทั่งไข้ลดลงก่อนจะตัดใจออกจากบ้านอีกครั้งเมื่อฟ้าสาง เขาใจหายเมื่อไม่เห็นใบหน้าหวาน

ของเหวินเป่ายามที่ก้าวขึ้นรถและกลับไปยังที่ตั้งของกองทัพทหารแห่งชาติ เพราะภาระหน้าที่และสถานการณ์อันบีบคั้นหนักขึ้นเรื่อยๆ

ทำให้หย่งหนานจำเป็นต้องวางเรื่องส่วนตัวของเขาไว้ก่อนและมุ่งความสนใจไปที่สงคราม นายกรัฐมนตรีเฉินจิ้งเหอผู้เป็นลุงของเขาก็มา

ประจำการที่นี่เช่นเดียวกัน


               “ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกายื่นคำขาดให้ญี่ปุ่นยอมแพ้เมื่อวานนี้หลังจากส่งระเบิดปรมาณูถล่มฮิโรชิม่าจนย่อยยับเมื่อวัน

ก่อนแต่จักรพรรดิญี่ปุ่นและรัฐบาลก็ยังไม่ยอมแพ้”


               เฉินหยางซุนบุตรชายของเฉินจิ้งเหอกล่าวกับบิดาและญาติผู้น้องในห้องประชุมเล็กอย่างตึงเครียด จิ้งเหอขมวดคิ้วอย่าง

ครุ่นคิดให้ทันสถานการณ์


               “อเมริกาคงอยากให้สงครามคราวนี้จบเร็วที่สุดก่อนที่โซเวียตจะเข้ายึดญี่ปุ่นก่อนได้ ตอนนี้ประเทศมหาอำนาจทั้งสองต่างจับ

จ้องที่จะเข้าครอบครองผู้พ่ายแพ้”


               “แล้วทำไมไม่เลือกทิ้งระเบิดที่เมืองหลวงอย่างโตเกียวล่ะครับ”


               หยางซุนเอ่ยถามอย่างสงสัยจิ้งเหอจึงหันมาทางหลานชายของเขา


               “หลานคิดว่าทำไมล่ะ ลองตอบข้อข้องใจให้หยางซุนคลายสงสัยหน่อยสิ”


               หย่งหนานนิ่งคิดก่อนจะตอบคำถามตามที่เขาเข้าใจ


               “ระเบิดปรมาณูมีอานุภาพทำลายล้างสูงมาก สามารถทำให้ทั้งเมืองพังลงในพริบตา หากทิ้งระเบิดที่โตเกียวก็จะทำให้ญี่ปุ่น

ขาดศูนย์กลางในการบริหารทันที และกว่าจะจัดตั้งรัฐบาลใหม่ก็คงใช้เวลาอีกนานซึ่งคงไม่ใช่สิ่งที่อเมริกาต้องการ พวกเขาต้องการแค่

ทำให้ญี่ปุ่นยอมแพ้โดยเร็วที่สุดก่อนที่โซเวียตจะฉวยโอกาสบุกเข้าญี่ปุ่นครับคุณลุง”


               “เข้าใจถูกแล้ว” จิ้งเหอคลี่ยิ้มอย่างชื่นชม “ทิ้งระเบิดที่โตเกียวแล้วใครจะเป็นผู้มีอำนาจประกาศยอมแพ้เล่า”


               “แต่ถึงตอนนี้ญี่ปุ่นก็ยังไม่ยอมแพ้ ช่างดื้อเสียจริง” หยางซุนเบ้ปากหากแต่จิ้งเหอกลับมองอีกอย่าง


               “เราควรจะชื่นชมในศักดิ์ศรีของกองทัพญี่ปุ่นที่พวกเขายอมสู้แม้จะรู้ว่าไม่มีทางชนะถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นศัตรูกับเราก็ตาม”


               บทสนทนาของผู้นำสกุลเฉินถูกขัดจังหวะด้วยสัญญาณเตือน พวกเขาทั้งสามรีบรุดไปยังห้องบัญชาการทันที จิ้งเหอผู้เป็น

ประมุขสูงสุดรับข่าวมาอ่านและเงยหน้าแจ้งกับบุตรชายและหลานชายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด


               “อเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูลูกที่สองถล่มเมืองนะงะซะกิของญี่ปุ่นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้เอง”


              9 สิงหาคม ค.ศ.1945 สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูลูกที่สองชื่อว่า “Fat man” ที่เมืองนะงะซะกิ ที่ระดับความสูง 550

เมตรเหนือพื้นดิน ระเบิดปรมาณูลูกที่สองนี้มีขนาดใหญ่กว่าลูกแรกและมีผลทำให้ประชาชนล้มตายทันทีกว่า 75,000 คนและบาดเจ็บ

อีกกว่า 80,000 คนซึ่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา


              สงครามโลกครั้งที่สองในประเทศจีนและประเทศต่างๆในภาคพื้นเอเชียเกิดความโกลาหลทันทีรวมทั้งในประเทศไทยและ

พม่าที่ญี่ปุ่นเข้าไปตั้งฐานทัพ เพราะตอนนี้ฝ่ายอักษะเหลือเพียงญี่ปุ่นที่ยังไม่ยอมแพ้ และในที่สุดเพียงสัปดาห์เดียวหลังจากที่ประเทศ

ญี่ปุ่นถูกทำลายด้วยระเบิดปรมาณูถึงสองลูกสงครามโลกก็สิ้นสุดลง


               15 สิงหาคม ค.ศ.1945


               รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้ในสงครามโลกและสงครามมหาเอเชียบูรพาอย่างไม่มีเงื่อนไข


               ทหารญี่ปุ่นกลายเป็นอาชญากรสงครามในทันที




มีต่ออีกนิด...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-03-2017 00:11:46 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
ต่อกันตรงนี้...



               กองกำลังทหารญี่ปุ่นถูกกวาดต้อนให้กลับประเทศ ในคราวนั้นกองทัพจีนจึงเร่งกวาดล้างกองทัพจากญี่ปุ่นที่ยังตกค้างอยู่

และหนึ่งในนั้นก็คือนายพลเจ้าชายคิริซาวะ ยาคุริ เมื่อเฉินหย่งหนานเดินทางไปถึงบ้านหลังใหญ่ในช่างไห่ที่เขาเคยไปเยือนมาแล้วครั้ง

หนึ่งเมื่อแปดปีก่อน

               บัดนี้มีเพียงทหารญี่ปุ่นไม่กี่คนที่ยังภักดีและอารักขาอยู่ในบริเวณบ้านหลังใหญ่เมื่อหย่งหนานก้าวเข้าไป ทหารของเขากรูเข้า

จับกุมและหากใครไม่ยินยอมก็จำเป็นต้องกำจัด แต่มีเพียงเขาที่เดินเข้าไปในตัวบ้านเมื่อหย่งหนานสั่งห้ามลูกน้องมิให้ติดตาม เมื่อเข้าไป

แล้วเขามองเห็นแผ่นหลังของนายพลคิริซาวะในชุดทหารเต็มยศกำลังยืนมองภาพดอกเบญจมาศสีเหลืองอร่ามที่หย่งหนานเคยมองรอ

อยู่แล้ว


               “ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงสินะ”


               นายพลคิริซาวะดูชราลงไปกว่าเดิมทั้งที่หย่งหนานเพิ่งจะพบกับผู้นำของกองทัพญี่ปุ่นในจีนเมื่อไม่กี่วันก่อน หากแต่คิริซาวะก็

ยังยืนหยัดในศักดิ์ศรีของเขา


               “ขอบคุณที่เธอให้เกียรติมาเยือนที่บ้านหลังนี้อีกครั้งพันตรีเฉิน”


               หย่งหนานค้อมศีรษะลงให้อีกฝ่าย ถึงอย่างไรเขาก็ยังนับถือคิริซาวะในความเป็นผู้นำที่อยู่รอเป็นคนสุดท้าย


               “เรียนตามตรงว่าผมไม่อยากรับหน้าที่นี้เลยครับ”


               “เป็นเธอนั่นแหละเหมาะสมที่สุดแล้ว”


               คิริซาวะเพียงกดยิ้มลึกที่มุมปาก บุรุษแห่งแดนอาทิตย์อุทัยก้าวมายืนอยู่ตรงหน้าของเฉินหย่งหนาน


               “คำขอร้องครั้งสุดท้ายจากอาชญากรสงครามแก่ๆเช่นฉัน ได้โปรดส่งสาห์นฉบับนี้ไปยังสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นอย่าง

ปลอดภัย”


               กล่องไม้สีดำขนาดเท่าฝ่ามือปิดผนึกแน่นหนาถูกส่งมาเบื้องหน้า หย่งหนานรับมาและกล่าวรับคำขอนั้น


               “ผมรับปากว่ามันจะปลอดภัยจนถึงโตเกียว”


               คิริซาวะพยักหน้าอย่างพอใจ เขาก้าวเดินไปยังกลางห้องโถงที่มีเสื่อตาตามิผืนหนึ่งและดาบยาวราวหนึ่งฟุตวางอยู่


               “ขอให้ฉันได้รับเกียรติสุดท้ายของการเป็นนักรบด้วยการทำเซปปุกุ และขอให้เธอเป็นคนไคชาคุนินทีเถิด”


               “ท่านนายพล!”


               หย่งหนานรู้ความหมายที่คิริซาวะกล่าวออกมาเป็นอย่างดี นายพลคิริซาวะชี้ไปยังปืนกระบอกหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะ


               “โปรดใช้ปืนกระบอกนั้นทดแทนดาบซามูไรเพื่อฉันเป็นครั้งสุดท้าย”


               เพราะการขอร้องจากชายชาติทหารที่เป็นถึงราชนิกุลแห่งสมเด็จพระจักรพรรดิทำให้หย่งหนานมิอาจปฏิเสธ เขาถอนหายใจ

คราใหญ่ก่อนจะกล่าวอำลา


               “ผมขอแสดงความนับถือท่านเป็นครั้งสุดท้ายเช่นกัน”


               หย่งหนานโค้งคำนับให้คิริซาวะ อีกฝ่ายพยักหน้ารับแล้วจึงก้าวไปนั่งบนเสื่อตาตามิ ดวงตายับย่นจ้องมองดอกเบญจมาศและ

ก้มคำนับจนหน้าผากจรดพื้นพร้อมกับที่หย่งหนานถือปืนมายืนอยู่เบื้องหลัง


               นายพลเจ้าชายคิริซาวะ ยาคุริกำด้ามดาบไว้มั่นอยู่ในมือในขณะที่สายตาไม่คลาดเคลื่อนจากสัญลักษณ์แห่งจักรวรรคิญี่ปุ่น

ปลายดาบแหลมคมจ่อเข้ากับหน้าท้องใต้เอวขวา คิริซาวะกลั้นใจกดมันจนลึกเข้าไปในหน้าท้องใต้เอวขวาทันที

               เจ้าตัวสะดุ้งเฮือก หากแต่สติยังอยู่ครบแม้โลหิตจะทะลักออกมาทันที คมมีดถูกกรีดมาทางซ้ายและดึงขึ้นด้านบนเพื่อตัด

ลำไส้ให้ขาด จังหวะนั้นเองที่หย่งหนานเหนี่ยวไกปืนและยิงเข้าที่ศีรษะด้านหลังเพื่อให้ร่างกายของคิริซาวะคว่ำหน้าลงไปกับพื้นตามคำ

เชื่อของการทำพิธีเซปปุกุ

               คิริซาวะสมัครใจที่จะตายอย่างมีเกียรติแทนที่จะตกอยู่ในมือของศัตรู หย่งหนานมองร่างอันไร้วิญญาณของผู้ที่เขานับถือ

อย่างสะท้อนใจในจุดจบของสงครามที่ร้ายแรงที่สุดของมวลมนุษยชาติ


               สุดท้ายชีวิตก็มีเพียงแค่นี้ ไม่ว่าอำนาจจะล้นฟ้า หากแต่สุดท้ายกลับนำสิ่งใดไปไม่ได้สักอย่างเมื่อลมหายใจปลิดปลิว


               เฉินหย่งหนานวางปืนไว้ตรงที่เดิม เขาโค้งคำนับอีกครั้งและเดินจากไปจากบ้านของผู้นำทหารญี่ปุ่นที่ไร้ผู้ครอบครอง




                                                                        TBC



                          กรี๊ดดด บทนี้โคตรยากเลยยย

                         ใครชอบก็ช่วยคนแต่งโปรโมทกันหน่อยน้า..

                                          :katai1: :katai1:





ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
 :katai1:  อ้าว ชิบหายยยย  อิตาเจ้าชายตายห่านไปแล้ว แล้วแบบนร้ ปริศนา สร้องขอของลูกเต่าน้อยล่ะใครจะมาไขความกระจ่าง

ว่าตกลงแล้ว  เป็นแค่สร้อยธรรดาเหมือด็อกแท็ค  หรือว่ามีอะไรที่มากกว่าน๊านนนน

 :katai1: :katai1: :katai1:

ปล.ตอนนี้เศร้าอ่ะสงสารเจ๊ฟางซิน  ถ้าจะให้นางตายอย่าให้นางทรมานเลยนะ   :sad4:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
สงสารรรรร ไม่อยากคิดไม่ดีกับฮูหยินเลยค่ะ แต่ก็อยากให้เขารักกันอย่างเปิดเผย  :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด