<<ม่านไหมลายพยัคฆ์>>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: <<ม่านไหมลายพยัคฆ์>>  (อ่าน 105599 ครั้ง)

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ NUTSANAN

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1031
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-3
สงสารทุกคนค่ะพูดเลย อะไรจะบีบบคั้นนปานเน้ :katai1:

ออฟไลน์ iNcamisang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
บทนนี้สุดยอดดดด

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
เรื่องของเหวินเป่ายังปริศนาต่อไป :ling1:

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ที่สุดของเจ้

คารวะคุณ Belove จากใจ

เขียนดีมาก!

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ญี่ปุ่นหมดอำนาจแย้ว  อย่าหาว่าใจดำ แต่ฟางซินนางกระเสาะน่าดูสงสัยคงมีตายแหงๆๆ แน่นวล :katai3:

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
รอวันที่จะรักกันเปิดเผยยุนะ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
สงครามจบลงแล้ว แล้วความรู้สึกของพันตรีเฉินล่ะ

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ไม่น่าเชื่อ เรื่องสงครามโลก จะสรุปได้เข้าใจง่าย และไม่โหดร้ายตามจินตนาการ ช้อบชอบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                               ม่านไหมลายพยัคฆ์

                                                                      บทที่ 14



               หลังจากสงครามอันแสนเลวร้ายจบสิ้นลงแล้วท่ามกลางความดีใจของทุกคนที่ผ่านพ้นนรกบนดินมาได้ในที่สุด เริ่มปรากฏ

รอยยิ้มบนใบหน้าของประชาชนขึ้นมาบ้าง เฉินจิ้งเหอนายกรัฐมนตรีกลับเข้าไปในรัฐสภาประกาศชัยชนะเหนือจักรวรรดิญี่ปุ่นและสัญญา

ว่าจะนำประเทศเข้าสู่ความสงบโดยเร็วที่สุด

               เฉินหย่งหนานยังไปๆมาๆระหว่างบ้านและที่ตั้งของกองกำลังทหารแห่งชาติ เขายังต้องดูแลงานทหารหลังสงครามให้

เรียบร้อย เหวินเป่าที่เฝ้ามองจึงได้แต่แอบน้ำตารื้นเมื่อเห็นวีรบุรุษของเขาแต่เพียงชั่วครู่ เขาไม่กล้ารับอาสาเหม่ยฮัวไปดูแลหย่งหนาน

เมื่อกลับถึงบ้านอีก เพราะกลัวหัวใจตนเองจะบอบช้ำไปยิ่งกว่าเดิม

               ในช่วงนั้นเหวินเป่าจึงช่วยงานด้วยการรับอาสาเป็นผู้ดูแลฟางซินแทนเหม่ยฮัว ฟางซินเองก็เต็มใจเพราะเอ็นดูหนุ่มน้อยอยู่

มาก บัดนี้เหวินเป่าอ่านหนังสือได้บ้างแล้วหากเป็นคำที่ไม่ยากนัก ฟางซินมักจะให้เขาฝึกให้คล่องด้วยการอ่านหนังสือให้เธอฟัง


                “วันนี้อ่านเล่มนี้นะเหวินเป่า คำไหนยังสะกดไม่ได้ก็ถามฉันนะ”


               “ครับนายหญิง”


               เหวินเป่ารับหนังสือเก่าเล่มหนึ่งมาอย่างยินดี นิสัยใฝ่รู้ของเขาทำให้การอ่านเขียนก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ในยามว่างเหวิน

เป่าก็มักจะนำตำราของฟางซินมาฝึกอ่านและเขียนตาม เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เล่าเรียนหนังสือหากชีวิตนี้มีโอกาส


               “ม่านประเพณี”


               ชื่อหนังสือในมือทำให้เหวินเป่าขมวดคิ้วด้วยความคุ้นเคยในชื่อนั้น ฟางซินจึงบอกให้เขารู้


               “นิยายที่เธอเล่นงิ้วอย่างไรล่ะ”


               เหวินเป่าร้องอ๋อ เขารีบเปิดหนังสือตั้งแต่หน้าแรกและอ่านให้ฟางซินฟังเพราะตัวเองก็อยากจะอ่านเนื้อความด้านในเช่นกัน

หากแต่เมื่ออ่านไปเรื่อยๆจนถึงตอนที่ความรักถูกขัดขวางเพราะอีกฝ่ายเป็นบุตรสาวของคหบดีแต่คนที่รักเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาเหวิน

เป่าก็ถึงกับกลั้นก้อนสะอื้นในคอ


               “เศร้าเหลือเกินนะ”


               ฟางซินอดรำพึงออกมาไม่ได้


               “เหตุใดชีวิตของคนเราจึงต้องถูกบังคับให้ขึ้นอยู่กับคำว่าเหมาะสมทั้งที่หัวใจมิได้มีรัก ฉันเองก็ต้องแต่งงานใช้ชีวิตคู่เพราะคำ

นั้น ดีกว่าแม่นางเอกในนิยายก็ตรงที่ได้สามีเป็นคนดีรักครอบครัว หากไม่ใช่พี่หย่งหนานแล้วก็ไม่รู้ว่าบัดนี้ชีวิตจะเป็นเช่นไรบ้าง ขอบคุณ

สวรรค์ที่ไม่ได้ใจร้าย”


               “โธ่ นายหญิง”


               เหวินเป่ามองฟางซินที่นอนพักอยู่บนเตียงด้วยความเห็นใจ หากแต่หญิงสาวผอมบางกลับส่งยิ้มมาให้เขา


               “ฉันไม่เป็นไรหรอกเหวินเป่า ตอนนี้ฉันมีสามีและลูกที่ดี มีบริวารที่ดี ถึงตายไปก็ไม่เสียดายแล้ว นี่ เหวินเป่า เธอยังจำเพลงงิ้ว

ที่ร้องในคืนนั้นได้ไหม ร้องให้ฉันฟังทีเถอะ ฉันอยากฟังเหลือเกิน”


               หนุ่มน้อยวางหนังสือในมือลง เขารำลึกถึงถ้อยความของบทเพลงที่จำได้ขึ้นใจก่อนจะส่งเสียงแว่วหวานออกมาขับกล่อมให้

สตรีผู้มีพระคุณได้รับฟัง



               โอ้ว่าอกเอ๋ย ไฉนเลยจึงแสนช้ำ                                           

เพราะรักต้องกลืนกล้ำน้ำตาอาดูร

รักแท้ถูกขัดขวาง หนทางใจสลายสูญ                                 

ข้านั้นเฝ้าเทิดทูนแต่ระกำด้วยคำคน



ความรักเกิดจากจิต แต่กลับปลิดจากชิวหา       

เหลื่อมล้ำเพราะเงินตราบังคับฟ้าให้แยกเรา

แม้ใจอยากเคียงคู่ กับยอดชู้ที่แสนเศร้า                                             

ความฝันพลันมัวเมาต้องจากกันจนวันตาย


โอ้ว่าฟ้าเอ๋ย ไฉนเลยจึงกลั่นแกล้ง                                     

รักนั้นมิเสแสร้งหากถูกแย่งให้ลาล่วง

ต่างคนต่างชนชั้นแม้บากบั่นสู้หนักหน่วง                                           

ยังแพ้แก่คนลวงจนเจ็บทรวงแทบขาดใจ                                             


หลับตาเถิดนะพี่ ถึงชีวีจะห่างหาย                                     

ใจน้องไม่กลับกลายรักพี่ชายจนวายปราณ

ชาตินี้ต้องแคล้วคลาด แต่ทุกชาติขอสุขสม                                       

กายใจให้พี่ชมเพียงผู้เดียวตลอดกาล




               น้ำตาหยดหนึ่งไหลอาบแก้มเมื่อเหวินเป่าสะท้อนอยู่ในหัวอกของเขา ปลายเสียงสั่นเครือจนต้องกัดริมฝีปากสะกัดกั้นเสียง

สะอื้น ฟางซินที่หลับตาฟังเสียงหวานราวกับระฆังแก้วอย่างเพลิดเพลินจึงเปิดเปลือกตามองเขาด้วยสายตาของผู้ใหญ่ปรานีเด็ก


               “เธอร้องเข้าถึงบทเพลงราวกับคนที่มีความรักไม่สมหวังนะเหวินเป่า หากฉันไม่ได้ดูแลเธอมาคงคิดว่าเธอกำลังหลงรักใครอยู่

ในตอนนี้”


               เหวินเป่าสะดุ้งเฮือก เขาได้แต่ก้มหน้ามองมือของตนเองที่วางอยู่บนตักอย่างรู้สึกผิดจนไม่อาจสู้ตาฟางซินได้ เขาชังหัวใจ

เหลือเกินที่บังอาจคิดถึงบุรุษที่เขาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะอาจเอื้อม


               “ผมเพียงแต่คิดว่าหากผมเป็นอิงไถหรือซันป๋อ ผมควรจะทำเช่นไรดี ต่อสู้เพื่อความรักหรือยินยอมให้อีกฝ่ายจากไปเพื่อไม่

ต้องผิดประเพณีครับนายหญิง”


               “ขึ้นอยู่กับว่าคนที่เธอรักเขาจะคิดเช่นไรด้วย เขาพร้อมที่จะต่อสู้ไปพร้อมเธอหรือว่าโอนอ่อนต่อคำครหา”


               ฟางซินส่งยิ้มให้เหวินเป่าด้วยความอ่อนเพลีย


               “ไปพักบ้างเถอะเหวินเป่า เหนื่อยกับฉันมาทั้งวันแล้ว เดี๋ยวฉันเองก็จะพักผ่อนเสียหน่อย”


               “ครับนายหญิง”


               ดูแลจนสตรีบอบบางหลับสนิทไปแล้วเขาจึงได้ก้าวออกไปจากห้อง เวลานี้สายัณห์เพิ่งจะราแสงไปจากท้องฟ้าจนมีเพียงแสง

โพล้เพล้ในยามอาทิตย์อัสดง เหวินเป่าจึงเดินไปยังบ้านหลังใหญ่เผื่อว่าจะไปช่วยเหลืองานของคนรับใช้ที่บ้านหลังนั้น หากทว่าเมื่อเดิน

ไปถึงสวนต้นไม้หลังบ้านเขากลับพบบุรุษผู้ครอบครองหัวใจของเขาอย่างไม่คาดคิด


               “นายท่าน!”


               ร่างสูงงามสง่าผ่าเผยอยู่ในชุดทหารเต็มยศ เฉินหย่งหนานหันขวับมาตามเสียงเรียกจนกระทั่งได้สบตากับดวงตาเรียวหวาน

เขามองสีดำขลับในดวงตานั้นอย่างยากจะถอนสายตา


               “เหวินเป่า”


               หัวใจของชายหนุ่มชาติทหารพลันพองฟูขึ้นมาอย่างน่าเจ็บใจที่ไม่อาจตัดใจได้สักครา หลังจากสงครามโลกจบสิ้นไปเป็น

เดือนแล้วและเขาก็ยังทุ่มเทกายใจให้กับงานเพื่อให้บรรเทาความคิดถึงร่างโปร่งตรงหน้าลงบ้าง แต่หย่งหนานก็รู้ว่าเขาทำไม่ได้ ใบหน้า

ของคนในปกครองยังก่อกวนหัวใจของเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน


               “นายท่านกลับบ้านเร็วนะครับวันนี้”


               ทุกทีหากยังไม่ใกล้ยามสองเหวินเป่าก็ยังไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เขาแอบฟังเดินย่ำอยู่ในบ้าน แต่วันนี้หย่งหนานกลับบ้านเมื่อ

ตะวันตกดินเท่านั้น


               “งานของฉันเบาบางลงบ้างแล้ว ต่อจากนี้ชีวิตประจำวันคงเข้าสู่ปกติเช่นคนอื่นเขาบ้าง”


               เหวินเป่ามองใบหน้าอันตรากตรำจากงานหนักด้วยความเทิดทูน


               “นายท่านคงเหนื่อยมาตลอดตั้งแต่มีสงคราม”


               “นั่นสินะ ตอนนี้คงได้พักผ่อนเสียให้หายเหนื่อย”


               หย่งหนานอดใจไม่ได้ที่จะสืบเท้าก้าวไปหาร่างโปร่งบางนั้นราวกับมีแรงดึงดูด เขาจ้องหน้าหวานเสียจนฉ่ำใจขณะที่ เหวิน

เป่าได้แต่หลบสายตา เลือดอุ่นในกายอันไร้เดียงสาเดือดพล่านจนแก้มสุกปลั่ง




มีต่ออีกนิด...



ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
ต่อกันตรงนี้...




               “ฉันคิดถึงเธอ”


               หย่งหนานเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาต้องเอ่ยคำเช่นตนเองเป็นชายหนุ่มที่กำลังเกี้ยวพาราสีบุคคลอันพึงใจ เมื่อมันหลุดจาก

ปากแล้วเขาก็นึกอยากจะกัดลิ้นตนเองนัก


               “คิดถึงว่าเธอจะสบายดีไหม แผลที่คอเป็นอย่างไรบ้าง”


               เหวินเป่าก้มหน้างุด เขาไม่กล้าประสานสายตากับดวงตาอันฉายแสงสว่างยิ่งกว่าดาวบนท้องฟ้านั้นเลย หัวใจดวงน้อยเต้น

ไหวระรัวจนเขากลัวว่ามันจะหลุดออกมานอกทรวงอก


               “หายดีแล้วครับ ไม่เหลือร่องรอยแล้ว”


               “ไหนกัน ขอฉันดูรอยแผลหน่อยเถิด”


               พลันปลายนิ้วใหญ่ก็เชยคางมนให้แหงนขึ้น หย่งหนานจ้องมองลำคอระหงด้วยความเป็นห่วง ครั้นเมื่อไม่พบรอยแผลเป็นเขา

จึงได้วางใจ สายตาจึงได้เลื่อนขึ้นมองดวงตาเรียวจนกระทั่งสบตาซึ่งกันได้ที่สุด


               นัยน์ตาคู่นี้ช่างดึงดูดอย่างน่าประหลาด หย่งหนานไม่สามารถละสายตาให้ห่างไปได้ ต่างก็จ้องมองเข้าไปให้ลึกกว่าสิ่งที่

ปกปิดไว้ จนไม่รู้เลยว่าความห่างของใบหน้านั้นแคบลงเรื่อยๆ หัวใจของเหวินเป่าเองก็พลันลืมสิ้นเสียทุกอย่างเมื่อลมหายใจของจมูก

โด่งนั้นเป่ารดอยู่ตรงข้างแก้ม


               “เด็กน้อยของฉัน”


               “นายท่าน”


               เสียงนั้นแผ่วเบาแต่กลับชัดเจนอยู่ในความรู้สึก ความต้องการของหัวใจทำให้เหวินเป่าเงยหน้าและพริ้มตาลงอย่างลืมตัว ริม

ฝีปากของเขาถูกสัมผัสเพียงเจือจางด้วยความหยุ่นชื้น แต่เพียงแค่นั้นก็ทำให้เขาเตลิดจนกู่ไม่กลับ


               “คุณชายหย่งหนานครับ”


               พลันสะดุ้งสุดตัวกันทั้งคู่เมื่อได้ยินเสียงตะโกนเรียกของบ่าวรับใช้มาแต่ไกล เหวินเป่าผลักบ่ากว้างให้ห่างออกจากเขาด้วย

ความตกใจ หนุ่มน้อยหายใจหอบลึกและหันหลังให้กับบุรุษที่ทำให้เขาเกือบจะกระทำผิดต่อศีลธรรม


               “อากุย ฉันขอโทษ”


               ได้ยินเสียงสำนึกผิดดังจากเบื้องหลัง เหวินเป่าทั้งอับอายและสำนึกผิดจนน้ำตาเจียนไหล ไหล่บางคู้สั่นไหวจนหย่งหนานยิ่ง

นึกสงสาร เขาโกรธตัวเองนักที่สร้างตราบาปลงในจิตใจอันแสนบริสุทธิ์นี้


               “มีอะไรรึ”


               ตัดใจหันไปถามบ่าวที่เพิ่งจะวิ่งมาถึง บ่าวรับใช้รีบกล่าวทันที


               “ท่านนายกเรียกให้ไปพบที่ห้องโถงเดี๋ยวนี้ครับ และให้ตามเด็กเหวินเป่าไปด้วย”


               คิ้วเข้มขมวดลงทันที เหวินเป่าเองก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมาด้วยความแปลกใจ หย่งหนานพยักหน้าให้กับบ่าวผู้นั้น


               “ฉันจะรีบไป”


               ร่างสูงหันไปมองเด็กในปกครอง หย่งหนานสงสัยว่าผู้เป็นลุงของเขาต้องการพบเหวินเป่าด้วยเหตุใด เมื่อมีสติแล้วหย่งหนาน

จึงได้ถอนหายใจกับความพลุ่งพล่านของแรงปรารถนาที่ช่างรุนแรงอย่างน่าตกใจ


               “ไปหาคุณลุงกันเถอะเหวินเป่า”


               “แต่ว่าผม...”


               เหวินเป่าเบิกตากว้างด้วยความหวาดหวั่น แม้จะมาอาศัยอยู่ในเขตรั้วของเฉินจิ้งเหอมาเป็นเวลาเกือบครบปีแต่เขาก็ยังไม่มี

โอกาสได้เผชิญหน้ากับเจ้าของบ้านเลยสักครั้ง และการที่ต้องเข้าพบผู้นำสูงสุดของประเทศทำให้เหวินเป่าตื่นเต้น


               “อย่ากลัวไปเลย คุณลุงท่านใจดี มาเถอะตามฉันมา”


               มือใหญ่คว้ามือบางมากุมไว้และดึงเบาๆให้ก้าวตามแผ่นหลังไปยังห้องโถงกว้างสำหรับรับแขกเป็นทางการ หย่งหนานนึก

แปลกใจที่มีผู้มาเยือนในยามพลบค่ำเช่นนี้ คงต้องเป็นเรื่องด่วนบางอย่างที่จิ้งเหอจะแจ้งต่อเขาแต่เหตุใดต้องเรียก   เหวินเป่ามาด้วยก็

สุดปัญญาที่จะเดาได้


               เหวินเป่าก้าวเดินตามหย่งหนานที่จูงมือเขามาจนกระทั่งถึงห้องโถงกว้างที่มีโต๊ะรับแขกตัวยาวแสนงดงามตั้งอยู่กลางห้อง

หนุ่มน้อยเบิกตากว้างด้วยความสงสัยเมื่อเห็นบุรุษหลายคนนั่งอยู่กับเฉินจิ้งเหอประมุขของบ้านที่หันขวับมามองเขาทันทีเมื่อหย่งหนาน

พาไปถึง เมื่อมือใหญ่ปล่อยมือเขาเหวินเป่าก็ยืนตัวลีบเล็กต่อหน้าทุกคนที่มองเป็นตาเดียว


                “ผมมาถึงแล้วครับคุณลุง”


               จิ้งเหอพยักหน้ารับโดยที่ยังไม่หยุดมองเหวินเป่าอย่างพิจารณา


               “เด็กคนนี้หรือที่หลานเคยเล่นให้ลุงฟังว่าเกิดจากแม่ที่เป็นหญิงคณิกา”


               หย่งหนานหันไปมองเหวินเป่าอย่างให้กำลังใจก่อนจะตอบผู้เป็นลุง


               “ใช่ครับคุณลุง มีอะไรงั้นหรือครับ”


               หย่งหนานสังหรณ์ใจ เขากวาดสายตามองอาคันตุกะอย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขาลุกขึ้นยืนและเดินตรงมาหยุดต่อหน้า เหวินเป่า

ที่ยิ่งสั่นด้วยความตกใจ


               “พวกเขามาจากญี่ปุ่นและเป็นตัวแทนจากสมเด็จพระจักรพรรดิ”


               คำพูดของจิ้งเหอยิ่งทำให้คิ้วเข้มของหย่งหนานแทบจะขมวดเป็นปม


               “สาห์นจากนายพลเจ้าชายคิริซาวะที่มีก่อนปลิดชีวิตตนเองและได้ส่งไปยังพระราชวังของสมเด็จพระจักรพรรดิแจ้งว่า นายพล

เจ้าชายคิริซาวะมีทายาทที่เกิดจากหญิงจีนคนหนึ่ง”


               หัวใจของหย่งหนานกระตุกทันที เขาหันขวับไปมองเหวินเป่าที่ยืนตกตะลึงหน้าซีดเผือด จิ้งเหอกล่าวต่อไปอย่างชัดถ้อยชัด

คำ


               “เจ้าชายคิริซาวะมีความสัมพันธ์กับหญิงคณิกาคนหนึ่งและรับเลี้ยงไว้เป็นเวลากว่าสามเดือนในช่วงที่เดินทางมาพักในนานกิง

เมื่อเกือบสิบแปดปีที่แล้ว แต่หญิงคนนั้นหนีหายไปโดยที่เจ้าชายคิริซาวะก็ไม่รู้ว่าไปไหน จนกระทั่งก่อนสงครามโลกจบสิ้นลง เขาได้พบ

กับใครคนหนึ่งที่สวมใส่จี้ห้อยคอซึ่งเขาเคยมีไว้ในครอบครองและได้มอบให้กับหญิงคณิกาผู้นั้น เขาเพิ่งจะรู้ว่าตนเองมีบุตรชายและบุตร

ชายของเขาอยู่ในการดูแลของพันตรีเฉินหย่งหนาน”


               “คุณลุง!”


               “ไม่!”


               เหวินเป่าตะโกนดังลั่น เขาถอยกรูดจากผู้ชายทั้งหลายที่ยืนสงบอยู่ตรงหน้า มือน้อยเอื้อมมาจับที่จี้ห้อยคอที่สวมอยู่ภายใน

เสื้อปกตั้ง เขากระชากเชือกคล้องเก่าคร่ำจนขาดวิ่นติดมือและทำท่าราวกับจะโยนมันทิ้งด้วยความเกลียดชัง


               “อากุย”


               หย่งหนานพุ่งเข้าไปหาทันที เขาคว้าต้นแขนของเหวินเป่าไว้เพื่อหยุดการกระทำนั้นและดึงเชือกพร้อมจี้ห้อยคอมาจากมือ

ของเหวินเป่าพลางจ้องผ่านคราบฝุ่นไคลต่างๆให้เข้าไปถึงเนื้อใน พลันดวงตาของเขาจึงเบิกกว้างอย่างตระหนก


               ดอกเบญจมาศ!


               จี้กระดำกระด่างนั้นเป็นรูปดอกเบญจมาศชัดเจน หย่งหนานหันไปมองเหวินเป่าที่ส่ายหน้าไปมาไม่ยอมรับความเป็นจริงที่มา

เยือนอย่างกะทันหัน ตัวแทนบุรุษจากญี่ปุ่นพูดอะไรบางอย่างที่เหวินเป่าไม่เข้าใจและเมื่อพูดจบเฉินจิ้งเหอจึงได้เป็นผู้ถ่ายทอดใจความ

ให้ฟัง


               “เธอเป็นทายาทของพระญาติแห่งสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น มีสิทธิในความเป็นราชนิกุลจากบิดาของเธอ หากเธอจะกลับไป

ใช้สิทธินั้นที่บ้านเกิดก็ได้”


               “ไม่ไป ผมไม่ใช่คนญี่ปุ่น ผมเป็นคนจีน”


               เหวินเป่าตัวสั่น ภาพแห่งความโหดร้ายประดังเข้ามาในความทรงจำจนน้ำตาไหล


               “แต่เธอเป็นบุตรของนายพลคิริซาวะนะเหวินเป่า ไม่สิ เจ้าชาย”


               บุรุษตรงหน้ากล่าวเสียงขม เพียงพริบตาร่างโปร่งบางที่ก่อกวนหัวใจของเขาก็กลับกลายจากเด็กไร้สกุลไปเป็นราชนิกุลของ

เกาะญี่ปุ่นอันแสนสูงส่งแม้จะพ่ายแพ้แก่สงครามหากแต่ก็ยังรอดพ้นจากการตกเป็นอาชญากรสงครามเพราะทรงเป็นเพียงหุ่นเชิดของ

รัฐบาลที่ขึ้นเถลิงอำนาจใช้พระราชอำนาจโดยที่พระองค์ไม่ได้เห็นชอบด้วยกับการสงคราม


               บัดนี้ เด็กน้อยที่หย่งหนานช่วยเหลือเกื้อกูลจากความต่ำตมกลับอยู่สูงจนเขามิอาจไขว่คว้าได้อีกแล้ว


                               
                                                          TBC


                                                        :ling3: :ling3:




ออฟไลน์ Crossley

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-2
ชีวิตอะไรมันจะยุ่งยากขนาดนี้ :sad4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
อากุยอย่ากลับไปนะะะะ :katai1:

ออฟไลน์ NUTSANAN

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1031
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-3
งามไส้ละ หาทางมารักกันไม่ได้เลยเด้อออ :katai1:

ออฟไลน์ iNcamisang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
โอ๊ยยยย เอาให้สุด ปวดตับจิงๆ :z3: :z3:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
นั่นไง ในที่สุดก็รู้แล้วว่าอากุยเป็นลูกเต้าเหล่าใคร
ยิ่งหมดหวังเข้าไปอีก แล้วอากุยจะกลับไปญี่ปุ่นไหม

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
คือใจนึงก้อเชียร์ให้นางไปอัพเกรดจิงๆนะ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
น้ำตาซึมเลยค่ะ แต่งดีมากๆ ภาษาก็ดี รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
เดาไว้แล้วเชียว ยิ่งสูงขึ้นไปอีก แล้วรักจะสมหวังได้ยังงายยยย

ออฟไลน์ wargroup

  • Twitter/IG : @inaSSusani
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 454
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-3
อื้อหืมมมม ลูกเจ้าไปอีก! ...มันยังยากไม่พอใช่มั้ย ที่กำลังเป็นกันอยู่เนี่ย!?!!
กรี๊ดดด ชั้นอินละเกิน เขียนดีไปไหน

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
อ่าน 2 ตอนรวด งื้อออออ น้ำตาซึมเพราะแอบกลัวดราม่า
เรื่องนี้คุณ Belove ระเบิดฟอร์มมากๆ อ่ะ จากที่เราตามอ่านนิยายคุณ Belive มา
คือแบบ ทั้งหน่วง ทั้งเศร้า บรรยายแบบ งื้ออออ ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์
แล้วภาษเรื่องนี้สวยมาก แบบ ดีงามอ่ะๆๆ

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
รู้สึกว่ามันเข้มข้นมากกกก

แต่ก้อนะคงมีดราม่ากว่านี้ชิมิ :hao5:

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                               ม่านไหมลายพยัคฆ์

                                                                     บทที่ 15



               “ไม่ ผมไม่ใช่เจ้าชายบ้าบออะไรทั้งนั้น”


               เหวินเป่าตะโกนใส่หน้าหย่งหนานอย่างลืมตัว มือบางดึงคว้าคอเสื้อชุดทหารของหย่งหนานด้วยความสะเทือนใจ


               “ผมคืออากุยของนายท่าน เด็กจากซ่องที่นายท่านพาออกมา ผมจะเป็นอากุยเช่นนี้ตลอดไป”


               “อากุย!”


               ใบหน้าเรียวหวานเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาจนหย่งหนานอดไม่ได้ที่จะดึงร่างบางนั้นมากอดไว้โดยไม่ได้สนใจสายตาผู้ใดที่มอง

ตรงมาแม้แต่จิ้งเหอ


               “แต่เธอจะทอดทิ้งทรัพย์สมบัติของบิดาเธอไปไม่ได้”


               “ช่างสมบัติพวกนั้นเถิดครับ” เหวินเป่าส่ายหน้าที่ซุกอยู่กับแผงอกแข็งแกร่ง “ผมไม่จำเป็นต้องใช้เงินทองใดๆของคนที่สั่งฆ่า

ผู้คนในประเทศรวมถึงแม่ของผม”


               หย่งหนานเงยหน้าสบตากับจิ้งเหอด้วยความหนักใจ ประมุขของประเทศจึงหันไปหาอาคันตุกะจากญี่ปุ่นและกล่าวกับพวกเขา

เหล่านั้นว่าเหวินเป่าไม่ต้องการกลับไปรับสืบทอดทรัพย์สมบัติของเจ้าชายคิริซาวะ บุรุษผู้เป็นหัวหน้าจากญี่ปุ่นพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

เขาพูดอะไรบางอย่างโต้ตอบกับจิ้งเหอก่อนจะพากันลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับให้กับจิ้งเหอ

               เหวินเป่าไม่สนใจว่าพวกเขาเหล่านั้นจะก้าวเดินมาทางเขาและพร้อมใจกันโค้งคำนับจนต่ำที่สุดเมื่อเขามัวแต่ซุกหน้าอยู่กับ

ความอบอุ่นที่ได้รับจากหย่งหนาน จากนั้นกลุ่มคนจากญี่ปุ่นจึงได้เดินกลับออกไปภายนอกตัวบ้านจนกระทั่งได้ยินเสียงติดเครื่องของ

รถยนต์และขับจากไป เมื่อเสียงเครื่องยนต์ลับหายทหารที่ดูแลภายนอกรั้วบ้านจึงยกหีบเหล็กขนาดใหญ่เข้ามาวางไว้บนพื้นห้อง


               “คนญี่ปุ่นบอกว่าของในหีบเหล่านี้คือสมบัติของหลินเหวินเป่าครับ”


               “เปิดออกดูทีรึว่าภายในเป็นอะไร”


               เมื่อสิ้นเสียงคำสั่งของจิ้งเหอทหารก็รีบเปิดฝาด้านบนออกอย่างรวดเร็ว และเมื่อทุกคนมองเห็นพร้อมกันต่างก็อึ้งด้วยความ

รู้สึกหลากหลายเมื่อด้านในนั้นมีทั้งทองคำกับธนบัตรมัดรวมกันเป็นปึกหลายปึก รวมถึงมีปืนและมีดที่หย่งหนานจำได้ว่านายพลคิริซาวะ

ใช้กระทำการเซปปุกุตนเอง


               “ข้าวของเงินทองเหล่านี้เป็นของเธอ เธอมิใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอกอีกต่อไป”


               นายกรัฐมนตรีเฉินจิ้งเหอกล่าวอย่างมีเมตตาขณะที่เหวินเป่ามองกองสมบัติในกล่องอย่างเฉยเมย


               “ผมไม่ได้สนใจว่ามันจะเป็นอะไรหรอกครับท่าน ฝากไว้ให้ท่านช่วยผมด้วยการแจกจ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือคนจีนจะดีกว่าครับ”


               หนุ่มน้อยเอ่ยอย่างมั่นใจ เขาทำความเคารพเฉินจิ้งเหอและรีบก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว หย่งหนานเห็นดังนั้นจึงรีบสืบเท้าก้าว

ตามไปทันที


               “เดี๋ยวสิเหวินเป่า”


               หย่งหนานรั้งแขนเหวินเป่าไว้ได้เมื่อถึงทางเชื่อมไปบ้านหลังเล็กของเขา เหวินเป่าชะงักและยอมหยุดฝีเท้าหันหน้ากลับมา

เผชิญกับดวงตาดุที่เพ่งมองมายังตน


               “เพราะเหตุใดเธอจึงไม่สนใจสืบทอดทรัพย์สมบัติต่อจากพ่อของเธอที่ประเทศญี่ปุ่นละ”


               “ผมไม่ต้องการใช้เงินของพวกเขาครับ” เหวินเป่าตอบด้วยความมั่นใจ


               “ผมไม่เคยคิดถึงว่าตัวเองจะมีพ่อ และอย่างยิ่งว่าพ่อคนนั้นเป็นผู้นำของกองทัพที่กวาดต้อนชีวิตผู้คนไปพบกับความทุกข์

ทรมานจนกระทั่งตายจากกันไป”


               และอีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเหวินเป่าไม่ต้องการไปจากบ้านหลังนี้ เขาไม่อยากจากลาจนกระทั่งไม่ได้พบกับใบหน้า

คมเข้มที่กำลังจ้องมองมาด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย


               “นายท่าน ทำไมมองผมเช่นนั้น”


               เหวินเป่าใจหาย เขาไม่ชอบใจสายตาของหย่งหนานในตอนนี้เลย


               “ต่อจากนี้ฉันคงเรียกเธอว่าอากุยไม่ได้อีกแล้ว เพราะเธอมีศักดิ์มีศรีที่ใหญ่โตกว่าฉันด้วยซ้ำนะ เจ้าชาย”


               “ถ้านายท่านเรียกผมเช่นนี้อีกผมจะโกรธ”


               เหวินเป่ามองร่างสูงด้วยความน้อยใจขอบตาเรียวร้อนผ่าวคล้ายกับมีหยาดน้ำคลออยู่ สายตาตัดพ้อทำให้หย่งหนานนึกโกรธ

ที่เขาพูดออกไปให้คนตัวเล็กผิดหู


               “ผมสู้อุตส่าห์คิดว่าคนบนโลกนี้ที่เข้าใจผมมีคนเดียวคือนายท่าน ผมเสียใจที่ผมคิดผิด”


               “เหวินเป่า!”


                ร่างโปร่งบางผลักไสก่อนจะหันหลังก้าวเท้าวิ่งหนีกลับไปยังห้องพักของตน หนุ่มน้อยทิ้งกายไปบนเตียงและซุกหน้าลงกับ

หมอนเพื่อจะร้องไห้ระบายความอัดอั้นที่ต้องพบกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด เขาได้ยินเสียงฝีเท้าย่ำเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงประตูหน้าห้องแต่ก็

ไม่คิดจะลุกไปเปิดประตูให้


              “เหวินเป่า ให้ฉันเข้าไปหาเธอได้ไหม”


             เสียงนั้นนุ่มนวลกว่าเคย มันมีกระแสของการงอนง้ออยู่ในทีแต่เหวินเป่าก็ยังไม่ยอมลุก จนประตูห้องถูกผลักเข้ามาด้วยฝีมือ

ของคนที่หัวใจกำลังรุ่มร้อน


             “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอขัดเคืองใจนะอากุย”


             เหวินเป่าถูกดึงให้ลุกขึ้นมาสู่อ้อมกอดแสนอบอุ่นอีกครั้ง เขาอิดเอื้อนแต่ก็ถูกวงแขนโอบกอดจนดิ้นไม่หลุด หย่งหนานเกยคาง

ไว้บนกระหม่อมของเหวินเป่า


              “อย่าได้โกรธหรือถือสาคำพูดของคนที่กำลังใจแกว่งเพราะเกรงว่าเธออาจจะจากไปเลยนะ”


              หัวใจดวงน้อยพลันพองคับอก ความน้อยใจจางหายไปในทันทีจนต้องลอบยิ้มอยู่กับอกกว้าง


             “นายท่านใจร้าย”


              “เธอไม่รู้หรอกว่าฉันกลัวแค่ไหน ฉันกลัวว่าเธอจะโบยบินหนีหายไปจากฉัน ขอโทษนะที่ฉันเห็นแก่ตัวเหลือเกิน”


             “ทั้งที่นายท่านก็รู้ว่าผมจะไม่มีวันจากนายท่านไปไหนงั้นหรือครับ”


              “โธ่ เด็กน้อยของฉัน”


              “ผมอายุสิบเจ็ดปีแล้ว ไม่ใช่เด็กน้อยแล้วนะครับ”


               พวงแก้มร้อนซู่จนต้องเม้มปากไว้เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วเบาจากลำคอของชายหนุ่ม หย่งหนานดันไหล่ให้เหวินเป่าห่าง

ออกจากอ้อมกอด มือใหญ่ประคองใบหน้าหวานไว้ในอุ้งมือเพื่อมองให้ถนัด


              “เธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ ช่างต่างจากเด็กน้อยที่วิ่งตัดหน้ารถของฉันเมื่อหลายปีก่อนเหลือเกิน”


                สบตากันราวกับตกอยู่ในภวังค์และดำดิ่งลึกลงไปในไฟปรารถนาที่รุมเร้าจนไม่อาจขจัดมันออกไปจากหัวใจได้โดยง่าย

ปลายนิ้วสากที่จับแต่อาวุธเกลี่ยไล้ไปตามแก้มนุ่มอย่างหลงใหลก่อนจะบรรจงจูบตามลงไปอย่างมิอาจหักห้ามใจได้อีกต่อไป เหวินเป่า

แทบจะหยุดหายใจเมื่อริมฝีปากแห้งผากของชายชาติทหารเลื่อนต่ำลงช้าๆมาบรรจบกับกลีบปากนุ่มของเขาอย่างจงใจก่อนที่จุมพิตนั้น

จะเพิ่มน้ำหนักมากขึ้นเรื่อยๆ


                “นายท่าน”


               เสียงนั้นเพียงหลุดลอดจากริมฝีปากราวกับเหวินเป่าละเมอออกมา หัวใจดวงน้อยเต้นรัวกับความหวานล้ำราวกับน้ำผึ้งสดใหม่

ประสบการณ์ของคนที่กำลังโอบกอดไว้หลวมๆกำลังพาให้เขาเตลิดและไม่รู้ตัวเลยว่าหย่งหนานส่งปลายลิ้นเข้ามาซอกซอนหาความ

หวานอยู่ในโพรงปากตั้งแต่เมื่อใด


              “อากุยของฉัน”


               เหวินเป่าตัวสั่น มันเป็นสัมผัสล้ำลึกครั้งแรกที่หนุ่มน้อยอย่างเขาได้รู้จัก ลิ้นชื้นตวัดวกกลับไปมาราวกับคนเอาแต่ใจและเรียก

ร้องให้เหวินเป่ายอมให้หย่งหนานตักตวงจนแทบขาดใจ กลีบปากนุ่มถูกเม้มรั้งทั้งบนและล่างแม้จะไม่รุนแรงนักแต่ก็ทำให้เหวินเป่าลืมตัว

ลืมใจจนหมดสิ้น

                    ร่างบางถูกผลักเบาๆให้เอนกายกลับลงไปบนเตียงอีกครั้ง เหวินเป่าไม่มีโอกาสได้ห้ามเมื่อร่างสูงใหญ่โน้มทับทันควัน

หย่งหนานเองก็นึกไม่ถึงว่าเหวินเป่ามีอิทธิพลต่อเขาขนาดนี้ เรือนร่างบอบบางกำลังทำให้เขารุ่มร้อนด้วยไฟเสน่หา


                “กรี๊ดดด ฮูหยิน!”


                เสียงร้องด้วยความตกใจของเหม่ยฮัวที่ดังลั่นมาจากห้องนอนใหญ่คืนสติให้กับทั้งคู่ หย่งหนานผละออกจากเหวินเป่าและ

ต้องหลับตาหักห้ามความต้องการทั้งหมดลงอย่างรวดเร็ว ส่วนเหวินเป่าก็ผุดลุกขึ้นนั่งหายใจหอบกะพริบตาเรียกสติสัมปชัญญะ ทั้งคู่หัน

มาสบตากันก่อนจะก้าวยาวๆจากเตียงออกไปยังห้องนอนของหย่งหนานและฟางซินทันที


              “เกิดอะไรขึ้นเหม่ยฮัว”


                เอ่ยถามเมื่อก้าวเข้าไปในห้อง หย่งหนานมองเห็นภรรยาหายใจเร็วและไอจนตัวโยน เหม่ยฮัวที่ประคองอยู่ด้านข้างมีสีหน้า

ตื่นตกใจพลางยื่นผ้าผืนหนึ่งส่งให้เขา ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเต็มไปด้วยเศษเลือดเปื้อนกระจัดกระจายอยู่


                “ฉันเป็นห่วงฮูหยินก็เลยแวะเข้ามาดู จึงได้เห็นว่าฮูหยินมีไข้และไอหนักมากแถมยังไอเป็นเลือดด้วยนะคะ”


               “น้องไม่เป็นไรค่ะพี่”


                  แม้จะอ่อนเพลียมากแต่ฟางซินก็ยังฝืนกล่าวเพื่อให้หย่งหนานสบายใจ หากแต่คราวนี้อาการของฟางซินหนักเกินกว่าจะไว้

วางใจได้


                 “เหม่ยฮัว ออกไปบอกให้ใครก็ได้ขับรถไปรับคุณหมอฝรั่งที่โรงพยาบาลมาทีเถอะ บอกว่านี่เป็นเรื่องเร่งด่วน”


                 เหม่ยฮัวรับคำและรีบก้าวออกไปทันทีเหวินเป่าจึงเข้าไปประคองฟางซินแทนที่ เขานึกโกรธตัวเองที่ปล่อยปละละเลยและ

เกือบจะกระทำผิดไปแล้วทั้งที่ฟางซินเจ็บป่วยหนักขนาดนี้


              “นายหญิงเป็นอย่างไรบ้างครับ”


              “ไอจนเจ็บไปหมดทั้งตัว ขอฉันดื่มน้ำทีเถอะคอแห้งเหลือเกิน”


                หย่งหนานลุกขึ้นไปเทน้ำชาลงถ้วยและเดินกลับมาที่เดิม เขาค่อยๆให้ฟางซินดื่มน้ำชาจนหมดถ้วยจึงประคองให้ภรรยากลับ

ลงไปนอนอีกครั้ง เขาสำนึกผิดที่ปล่อยให้ความปรารถนาเข้าครอบงำจนเกือบผิดศีลธรรมอันดีที่เขาได้ตั้งใจไว้ สายตาคมลอบสบกับ

เจ้าของดวงตาเรียวที่มองกลับมาด้วยความอัดอั้น

                ตาต่อตาสบกันมีทั้งความผิดหวังและความละอายแก่ใจในความผิด เหวินเป่าก้มหน้าลงเพราะเขาไม่อาจเผชิญหน้ากับใครใน

คราวนี้ หย่งหนานเองก็นิ่งไปด้วยความสับสนเมื่อเขาต้องการเป็นเจ้าของเหวินเป่าทั้งที่หนุ่มน้อยเป็นบุรุษเฉกเช่นเดียวกันกับเขา

                อยู่กันสามคนในห้องกว้างด้วยความเงียบงัน ฟางชินหลับตาลงสลับกับไอออกมาอีกคำรบใหญ่ จนกระทั่งได้ยินเสียงรถยนต์

จอดอยู่หน้ารั้วบ้านและอีกสักพักก็มีทหารเดินนำหน้าชาวตะวันตกตัวสูงคนหนึ่งในก้าวเข้ามาในห้อง


               “มิสเตอร์จอห์น”


              หย่งหนานทักทายอย่างยินดี เขาเล่าอาการของฟางซินให้นายแพทย์จากประเทศอังกฤษได้รู้และเปิดทางให้มิสเตอร์จอห์น

ตรงเข้าไปตรวจร่างกายภรรยาอย่างละเอียดพร้อมทั้งซักถามอาการของฟางซินที่ผ่านมาไปด้วย ระหว่างนั้นหย่งหนานได้แต่มองด้วย

ความวิตกกังวลและห่วงใยในอาการของภรรยา พักใหญ่กว่านายแพทย์จากอังกฤษจะหยุดตรวจและถอนหายใจออกมา




มีต่ออีกนิด...



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-03-2017 22:10:11 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


ต่อกันตรงนี้...



                “ขอเชิญพันตรีเฉินคุยกับผมภายนอกห้องจะได้ไหม”


               “พูดเสียที่นี่เถอะค่ะ”


               ฟางซินเอ่ยขัดออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง


               “ร่างกายนี้เป็นของฉัน ได้โปรดอย่าปิดบังสิ่งใดกับฉันเลย”


               มิสเตอร์จอห์นสบตากับหย่งหนาน เขาพยักหน้าให้กระทำตามที่ภรรยาต้องการ มิสเตอร์จอห์นจึงได้แจ้งอาการที่เขาตรวจพบ


               “อาการของมาดามเฉินคืออาการของวัณโรค”


               ความเงียบเข้าครอบงำภายในห้องจนแทบจะได้ยินเพียงเสียงของลมหายใจ ทั้งหย่งหนานและฟางซินรู้ดีว่าวัณโรคเป็นโรคที่

ติดต่อทางน้ำลายจากการไอจามและยังไม่มียารักษาในตอนนี้


               “ทางฝั่งโลกตะวันตกกำลังหาทางวิจัยยาปฏิชีวนะที่จะมารักษาโรคนี้ แต่ก็เพียงอยู่ในขั้นทดลองกับสัตว์เท่านั้น”


               “อาการของฉันรุนแรงแค่ไหนคะ”


               ดูเหมือนฟางซินจะทำใจได้รวดเร็วกว่า เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เข้มแข็งขึ้น


               “ค่อนข้างหนักมาก เสียงการทำงานของปอดผิดปกติแล้ว มาดามควรหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้บุคคลที่มีความเสี่ยงจะติดเชื้อได้

ง่ายเช่นคนชราและเด็ก นอกจากนั้นมาดามควรจะใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากเวลาที่จำเป็นต้องอยู่ใกล้ผู้อื่น”


               มิสเตอร์จอห์นขอตัวกลับหลังจากที่ให้คำแนะนำเสร็จสิ้น หย่งหนานสั่งให้ทหารพาเขาไปส่งที่โรงพยาบาลและทั้งห้องก็ตก

อยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง ฟางซินที่นั่งพิงหัวเตียงโดยมีเหวินเป่าประคองอยู่ทอดถอนหายใจและมีน้ำตาไหลลงมา หย่งหนานก้าวมานั่ง

เคียงข้างและกุมมือภรรยาไว้อย่างเห็นใจ


               “เธอจะไม่เป็นอะไรมากหรอกฟางซิน”


               หญิงสาวฝืนยิ้ม ฟางซินมีการศึกษาต่างจากสาวชาวจีนคนอื่นๆ เธอรู้ดีว่าโรคที่เป็นอยู่คืออะไรเพราะเธอเองก็สงสัยอาการที่

เป็นอยู่มานานแล้ว


               “พี่สบายใจเถอะค่ะ น้องจะขยันไปนั่งตากแดดยามเช้ารับอากาศบริสุทธิ์ จะพยายามกินอาหารให้มากขึ้นเพื่อรักษาตัว จะเป็น

ห่วงก็แต่เซียวจงที่น้องคงใกล้ชิดลูกไม่ได้ โธ่เอ๋ย ลูกเพิ่งจะสามขวบเท่านั้น”


               “ผมจะดูแลคุณชายน้อยเองครับ”


               เหวินเป่ารีบรับอาสา เขาไม่รู้ว่าวัณโรคคืออะไรแต่คิดว่าเขาจะหาความรู้จากตำราของนายหญิงได้ไม่ยาก หากแต่ตอนนี้สีหน้า

เคร่งเครียดของหย่งหนานทำให้เหวินเป่าเดาว่าโรคที่ฟางซินเป็นอยู่คงร้ายแรงไม่น้อย ฟางซินได้ยินดังนั้นจึงหันมายิ้มให้กับเหวินเป่า


               “ดีจริง มีเหวินเป่าช่วยดูแลเซียวจงอีกแรงฉันก็ดีใจ อย่างไรก็ฝากด้วยนะ”


               ฟางซินขยับตัวลงไปนอนและหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน หย่งหนานประคับประคองภรรยาลงนอนและดึงผ้าห่มมาคลุมจนถึง

ลำคอรอจนกระทั่งฟางซินหลับสนิท เขาสบตากับเหวินเป่าเป็นสัญญาณให้ออกไปจากห้อง ทั้งคู่ออกมายืนนิ่งอยู่ภายนอกด้วยความรู้สึก

ที่ต่างต้องซ่อนเร้นเอาไว้และยังไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายด้วยซ้ำ


               “ฟางซินป่วยหนักมาก”


               หย่งหนานทำลายความเงียบด้วยน้ำเสียงที่ฝืนความรู้สึกของเขาเหลือเกิน


               “ฟางซินเป็นภรรยาและแม่ที่ดี ดีจนฉันไม่อาจทำให้เขาต้องมาเสียใจเพราะการกระทำของฉันโดยเฉพาะในช่วงที่เขาอ่อนแอ

เช่นนี้”


               เหวินเป่าเบือนหน้าหนีเพื่อซ่อนรอยน้ำตา เขารู้แจ้งในความหมายของทุกพยางค์ที่หย่งหนานเอ่ยออกมาเพราะเมื่อครู่ไม่นาน

มานี้เขาเองก็เกือบเผลอใจทำในสิ่งที่ผิดต่อผู้มีพระคุณของเขาเสียแล้ว


               “ผมทราบครับ” หนุ่มน้อยกลั้นก้อนสะอื้น


               “ผมเองก็ต้องการให้เป็นเช่นนั้น ดึกแล้ว ผมขอตัวไปนอน จะได้ตื่นเช้ามาดูแลคุณชายน้อย”


               เหวินเป่าผลุนผลันก้าวยาวๆกลับไปในห้องตนเองทันที เขาคว่ำหน้าลงกับหมอนและร้องไห้ออกมาโดยหวังจะให้หมอนใบนั้น

ช่วยปิดบังเสียงสะอื้นของเขา หัวใจดวงน้อยเจ็บปวดด้วยมโนธรรมที่ห้ามปรามความต้องการที่ไม่อาจเป็นจริง     

               




               หย่งหนานไปทำงานในตอนเช้าด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก เขานอนไม่หลับตลอดทั้งคืนเพราะเหตุการณ์ต่างๆที่ประดังเข้ามาในคืน

เดียวจนผู้เป็นลุงสังเกตเห็น


               “มีอะไรเกิดขึ้นหรือ”


               ถอนหายใจหนักหน่วงก่อนจะเล่าให้ผู้เป็นลุงรู้ว่าภรรยาป่วยเป็นวัณโรค เฉินจิ้งเหอรับรู้เหตุการในบ้านด้วยความเป็นห่วงไม่แพ้

หลานชาย


               “ผมคงต้องแยกห้องนอน อาจจะต้องไปพักในห้องของเซียวจงก่อน แต่ถึงอย่างไรก็ต้องดูแลฟางซินให้ดีที่สุด”


               “ดีแล้ว เราเป็นสามีก็ต้องดูแลภรรยาในยามทุกข์ด้วย”


               บทสนทนาระหว่างลุงกับหลานจบลงเมื่อทั้งคู่เดินเข้าสู่ที่ประชุมของรัฐสภา นี่เป็นการประชุมทางการเมืองเป็นครั้งแรกหลัง

จากประกาศชัยชนะต่อสงครามโลกและเวลาผ่านไปร่วมสองเดือน เฉินจิ้งเหอก้าวขึ้นสู่เก้าอี้ของนายกรัฐมนตรีผู้นำสูงสุดในสถานที่แห่งนี้

              ส่วนหย่งหนานนั้นทางการเมืองเขาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของจิ้งเหอเปรียบเสมือนมือขวาเพราะหยางซุนผู้เป็นบุตรชายไม่นิยม

เข้าประชุมในรัฐสภาหน้าที่นี้จึงตกเป็นของเขา

                เมื่อเริ่มต้นการประชุมเฉินจิ้งเหอลุกขึ้นเพื่อกล่าวปราศัยนโยบายการปกครองและการฟื้นฟูเศรษฐกิจของชาติในฐานะของ

นายกรัฐมนตรี เมื่อกล่าวจบผู้นำฝ่ายค้านจึงได้ลุกขึ้นเพื่อทำหน้าที่ของเขา บุรุษวัยหกสิบปีรูปร่างสูงท้วมหน้าตาเฉกเช่นประชาชนชาวจีน

โดยทั่วไปหากแต่เป็นผู้มีอิทธิพลเป็นอันดับสองรองจากเฉินจิ้งเหอ เขาคืออู๋จินไห่ ผู้นำของพรรคสังคมนิยมนั่นเอง


               “คำพูดของนายกรัฐมนตรีเฉินเป็นสิ่งที่เชื่อถือไม่ได้”


               อู๋จินไห่กล่าวโจมตีตั้งแต่ประโยคแรก


               “บ้านเมืองหลังสงครามที่บอบช้ำจะฟื้นฟูได้อย่างไรหากนักการเมืองที่มีอำนาจในมือโกงกินเงินงบประมาณแผ่นดินไปจน

พุงกางและโยนเศษก้างปลาให้ประชาชน ความเหลื่อมล้ำของมนุษย์เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัด ประชาชนจะได้อะไรตอบแทนเมื่อพวกเขา

ทำงานตัวเป็นเกลียวหาเงินให้ขุนนางสูบเลือดสูบเนื้อ”


               หย่งหนานฟังการปราศัยของอู๋จินไห่อย่างหนักใจ น้ำเสียงของเขาไม่ได้กระโชกโฮกฮากหากแต่เป็นโทนเสียงที่ชวนให้ผู้คน

คล้อยตาม แปดปีในช่วงสงครามพรรคสังคมนิยมแทบไม่มีบทบาทในการบริหารแต่หย่งหนานรู้ดีว่าพวกเขาเหล่านั้นกำลังเตรียมการใหญ่

รออยู่


               และเวลานี้เอง พรรคสังคมนิยมที่เฉินจิ้งเหอเรียกว่าหอกข้างแคร่พร้อมแล้วที่จะทำอะไรบางอย่างเพื่อคว่ำพรรคชาตินิยมลง

อย่างที่พวกนั้นวาดหวังไว้



                                            TBC


                                      :o12: :o12:

                     
                           
หมดจากสงครามโลกมุ่งเข้าสู่สงครามการเมืองแล้วนะจ๊ะ                                                                   อีกไม่กี่ตอนก็น่าจะจบแล้ว(มั้ง)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-03-2017 22:20:13 โดย Belove »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด