<<ม่านไหมลายพยัคฆ์>>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: <<ม่านไหมลายพยัคฆ์>>  (อ่าน 105341 ครั้ง)

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
ลูกเต่าน่ารักกกก นายท่านกับนายหญิงก็ใจดี

ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เอ็นดูลูกเต่ากันหมดเลยยย  :mew2:

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5

ออฟไลน์ pinkypromise

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ฮือออออ เพราะเป็นคนดีไงเลยยาก

แล้วนายท่านจะห้ามใจตัวเองได้กี่น้ำ รอชม

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
อ่านใหม่อีกรอบ5555สนุก ดันๆๆๆๆ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                              ม่านไหมลายพยัคฆ์

                                                                      บทที่ 10


               อาหารเช้าของผู้นำย่อมไม่ใช่ที่บ้าน เฉินหย่งหนานเดินทางไปยังที่ตั้งของกองบัญชาการรบกองทัพจีนพร้อมกับเฉินจิ้งเหอ

และเฉินหยางซุนตั้งแต่เช้ามืดดังเช่นทุกวัน เหล่าบุรุษจากสกุลเฉินหายใจเข้าออกเป็นงานในทุกนาที จิ้งเหอเคยกล่าวไว้ว่า ในภาวะแห่ง

ความไม่แน่นอนเยี่ยงนี้ แค่วินาทีก็อาจสายเกินไป


               “เมื่อคืนพาฟางซินไปเที่ยวมางั้นรึ”


               ลุงของเขาเอ่ยทักตั้งแต่รถยนต์ประจำตำแหน่งแล่นออกจากหน้ารั้วบ้าน แม้ว่าจะมีงานมากมายแต่จิ้งเหอก็ยังใส่ใจสมาชิกใน

บ้านเสมอ หย่งหนานก้มศีรษะรับและเอ่ยอย่างนอบน้อม


               “ใช่ครับคุณลุง สงสารฟางซินที่ไม่ค่อยได้ออกไปเปิดหูเปิดตาที่ไหน ตั้งแต่แต่งงานเข้าสกุลเฉินก็พบกับสงครามมาโดย

ตลอด ผมเองก็ทำงานจนไม่มีเวลาให้ฟางซินมากนัก”


               “ดีแล้วหย่งหนาน เป็นการดีที่หลานเอาใจใส่ภรรยาเช่นนี้”


               “เมื่อไหร่จะมีน้องให้เซียวจง” หยางซุนญาติผู้พี่บุตรชายของจิ้งเหอละสายตาจากหนังสือพิมพ์มาเอ่ยถามด้วยความสนิทสนม


               “ดูพี่สิ มีลูกสามคนแล้ว นายยังมีเซียวจงอยู่คนเดียว เดี๋ยวจะไม่ทันใช้เอานา”


               หยางซุนมีบุตรคนที่สามแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เขามีบุตรชายคนโต บุตรสาวคนรองและยังได้บุตรคนสุดท้องเป็นบุตรชายอีก

ต่างหาก หย่งหนานส่ายหน้าเมื่อพี่ชายเย้าหยอก


               “อยากจะมีเหมือนกันแต่สุขภาพของฟางซินไม่ดีเอาเสียเลยตั้งแต่คลอดเซียวจง หากจะมีลูกอีกคนผมว่าร่างกายของฟางซิน

จะรับไม่ไหว”


               “ก็จริงนะ” หยางซุนยกมือลูบคาง


               “ถ้าอย่างนั้นทำไมนายไม่แต่งเมียเป็นอนุเข้าบ้านอีกสักคนจะได้ดูแลนายและมีลูกให้นายได้อีก พี่ว่าฟางซินน่าจะเข้าใจ

ธรรมชาติผู้ชายอย่างเรา”


               การมีภรรยาหลายคนไม่ใช่เรื่องแปลก ยิ่งกับชนชั้นผู้นำระดับสูง แต่หย่งหนานกลับไม่เคยมีความคิดเช่นนั้น


               “มีเมียแค่คนเดียวผมยังไม่ค่อยจะมีเวลาดูแลให้เขามีความสุขเลยครับ ผมยังไม่อยากลากใครมาเหนื่อยใจเพราะผม”


               ใจฉุกคิดถึงใครอีกคนที่เพิ่งจะรับเข้ามาอยู่ในการดูแล ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นยิ่งทำให้หย่งหนานไม่นึกต้องการใครมาขวางกั้นให้

เขากับหนุ่มน้อยต้องยิ่งห่างไกลกันมากขึ้นไปอีก และเพราะเรื่องนี้ทำให้เขาเอ่ยกับผู้เป็นลุงทันที


               “เมื่อคืนผมพาฟางซินไปชมงิ้วของครูหยาง ได้พบกับเหยาหงลี่ด้วยครับคุณลุง”


               หย่งหนานเล่าให้จิ้งเหอฟังในเรื่องพฤติกรรมของนักการเมืองในสังกัด และเขาจำเป็นต้องเล่าที่มาของเหวินเป่าให้ผู้เป็นลุงรับ

รู้ไว้ด้วย


               “เหวินเป่าเป็นเด็กที่ผมเคยช่วยไว้จากซ่องคณิกาและนำไปฝากให้ครูหยางช่วยเลี้ยงดู ไม่นึกว่าเขาจะต้องมาพบกับเหตุการณ์

เช่นนี้ ผมจึงขอรับเหวินเป่ามาเลี้ยงดูที่บ้าน คุณลุงจะว่ากล่าวเรื่องนี้หรือไม่ครับ”


               “ลุงจะมากระไรเล่าหย่งหนาน” จิ้งเหอกล่าวอย่างมีเมตตา


               “การที่หลานช่วยเพื่อนมนุษย์นั้นเป็นบุญของหลานอยู่แล้ว บ้านของเราออกจะกว้างขวาง เพียงเพิ่มเด็กผู้ชายมาอีกสักคนจะ

เดือดร้อนอะไร จะเลี้ยงดูขัดเกลาเด็กมันอย่างไรก็แล้วแต่ความต้องการของหลานเถอะลุงไม่ว่า แต่ที่ลุงติดใจคือการกระทำของเหยาหง

ลี่มากกว่า”


               “เกลียดนักไอ้พวกนี้” หยางซุนสบถออกมา


               “ในขณะที่เรารึแสนจะเหนื่อยยากทำงานเสี่ยงตายกับสงคราม แต่พวกนักการเมืองที่ควรจะบริหารบ้านเมืองแทนคุณพ่อกลับ

ถือโอกาสนี้ยักยอกงบประมาณไปใช้ส่วนตัวเป็นว่าเล่น แถมยังทำตัวมีอิทธิพลยิ่งใหญ่กร่างไปทั่ว ยิ่งกลายเป็นประเด็นให้พวกสังคมนิยม

ตราหน้าพวกเราไปอีก”


                 จิ้งเหอเองก็หนักใจในประเด็นนี้ การรักษาสภาพบ้านเมืองให้บอบช้ำน้อยที่สุดจากสงครามที่แพร่ขยายจนกลายเป็น

สงครามโลกยาวนานถึงแปดปีเป็นงานหนักที่สุด จิ้งเหอจะต้องประสานงานติดต่อประเทศสัมพันธมิตรและป้องกันการโจมตีจากญี่ปุ่นจน

ไม่มีเวลาที่จะเข้าไปประชุมรัฐสภาและทำให้เหล่านักการเมืองที่หวังผลประโยชน์กอบโกยงบประมาณแผ่นดินไปจำนวนมาก


                  “ผมได้ข่าวมาว่าในตอนนี้พรรคสังคมนิยมได้ผู้คนไปเยอะมาก พวกเขาเบนเข็มจากพวกกรรมกรแบกหามไปสู่พวกเกษตรกร

โดยการโจมตีให้เห็นว่านักการเมืองโกงกินและอวดอำนาจบารมีในขณะที่ประชาชนกลับต้องเหนื่อยยากทำงานโดยได้ผลตอบแทนอย่าง

ไม่คุ้มเหนื่อย”


                  หย่งหนานบอกกล่าวสิ่งที่รู้ออกไป พรรคสังคมนิยมยอมหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหวในช่วงสงครามตามที่สหรัฐอเมริกาเสนอ

พันธะสัญญา แต่ในความจริงแล้วแปดปีที่ผ่านมาพวกเขากลับแอบปราศัยเป็นกลุ่มเล็กๆเพื่อเผยแพร่ความคิดอุดมการณ์ความเสมอภาค

ออกไปเป็นกองทัพมด และดูเหมือนมันจะได้ผลเป็นอย่างดี

                  จิ้งเหอครุ่นคิดถึงเรื่องทั้งหมดอยู่แล้ว มันเป็นไปตามที่เขาคาดคิดโดยรู้นิสัยของอู๋จินไห่เป็นอย่างดี สีหน้าของชายสูงอายุ

มากด้วยอำนาจเคร่งขรึมเมื่อต้องวางแผนแก้ไขปัญหาในอนาคต


                “ตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้มากนัก แต่รออีกไม่นานหรอกสงครามคงใกล้จะถึงจุดสุดท้าย ตอนนี้เยอรมันใกล้จะพ่ายแพ้หากฝ่าย

สัมพันธมิตรบุกโจมตีเบอร์ลินได้ และถ้าหากเยอรมันแพ้ญี่ปุ่นก็จะไม่มีตัวช่วยอีกต่อไป”


                หย่งหนานภาวนาให้เป็นเช่นนั้น สงครามทำให้ผู้คนอดอยากล้มตายเป็นจำนวนมาก พวกเขาเหล่านั้นต้องพบกับความสูญ

เสียจนน่าสงสารเพียงเพราะผู้นำที่กระหายในอำนาจจนต้องกระโจนขึ้นไปขี่บนหลังเสือเพื่อควบคุมมัน

               แต่เสือก็ช่างยากที่จะควบคุมเหมือนจิตใจคนที่มุ่งสู่ความหอมหวานของอำนาจ เมื่อได้ขึ้นขี่บนหลังเสือแล้วน้อยคนนักที่จะลง

มาได้อย่างสง่าผ่าเผย

                หย่งหนานเพียงอยากจะใช้ชีวิตอย่างสงบกับบุคคลที่เขารักทั้งหลาย แต่ดูเหมือนมันช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน






                 หลินเหวินเป่าสะดุ้งตื่นอีกครั้งเมื่อตะวันสาดส่องเข้ามาในห้อง มันเป็นการหลับใหลอย่างยาวนานเป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่า

ปีของเขา อาจเป็นเพราะไม่ต้องกังวลกับสิ่งใดรวมถึงความอบอุ่นที่ได้รับก่อนนอนทำให้เขานอนหลับฝันดี และเมื่อลืมตาตื่นเหวินเป่าก็

ลนลานลุกจากเตียงออกไปนอกห้องทันที

                 หนุ่มน้อยนึกอับอายที่ตนเองตื่นสายขณะที่เข้ามาอาศัยในบ้านของคนอื่น เขาก้าวยาวๆมายังห้องโถงหน้าบ้านทั้งที่ยังไม่ได้

ล้างหน้าหลังตื่นนอน และเมื่อมาถึงเขาจึงเห็นฟางซินนั่งอยู่บนโต๊ะพร้อมกับสาวรับใช้สามสี่คนที่ยืนล้อมอยู่


                 “ตื่นแล้วหรือเหวินเป่า”


                 สีหน้าของฟางซินดีกว่าเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาอยู่บ้าง แต่แววตาปรานีก็ยังปรากฏให้เห็นยามมองมายังเหวินเป่า


               “นายหญิง ผมขอโทษที่ตื่นสาย ผมจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้วครับ”


               หนุ่มน้อยชินกับการทำงานแต่เช้าตรู่ในโรงงิ้ว การนอนตื่นสายจะถูกลงโทษโดยไม่มีข้อแม้ ดังนั้นจึงทำให้เหวินเป่ารู้สึกผิดจน

หน้าเสียและถึงกับคุกเข่าลงเบื้องหน้าฟางซิน


                “อ้าว ทำไมถึงทำหน้าราวกับจะร้องไห้เช่นนั้น ตื่นสายนิดหน่อยเท่านั้นเองอย่าได้กังวลเลย และเธอก็เหนื่อยมากเมื่อวานนี้

ลุกจากพื้นมานี่เถอะ ฉันสั่งให้เขานำเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้เธอ”


                เหวินเป่าจึงได้ลุกจากพื้นแล้วก้าวไปหยุดยืนเบื้องหน้าฟางซิน เขากลายเป็นตุ๊กตาให้สาวใช้ของฟางซินเทียบเสื้อผ้าเข้ากับ

ตัวอย่างสนุกสนาน อย่างน้อยเหวินเป่าก็ยินดีที่มองเห็นรอยยิ้มจากผู้หญิงที่แสนดีอย่างฟางซิน


                “พาเหวินเป่าไปอาบน้ำและตัดผมให้เข้ารูปเข้าทรงทีเถอะ แล้วค่อยมาสวมเสื้อผ้าชุดใหม่พวกนี้”


                เหวินเป่าถูกนำไปยังด้านหลังของตัวบ้าน พื้นที่โล่งกว้างก่อนถึงเรือนของคนรับใช้มีบ่อน้ำสำหรับใช้อาบน้ำ สาวใช้ของฟาง

ซินดูแลให้เขาได้อาบน้ำจนสะอาดเอี่ยมก่อนจะนำตัวมานั่งให้สาวใช้นางหนึ่งตัดผมให้ด้วยกรรไกรคมกริบให้เข้ากับโครงหน้าเรียว เมื่อ

ทุกอย่างเรียบร้อยเหวินเป่าจึงได้สวมใส่เสื้อผ้าบุรุษสีเข้มตามสมัยนิยมและพากลับไปหาฟางซิน


                  “เหมาะเจาะดีแท้ เหวินเป่านี่แต่งตัวขึ้นทุกแบบเลยนะ แต่งชุดนางเอกงิ้วก็สะสวยแสนหวานแต่หากแต่งชุดบุรุษเช่นนี้ก็ดู

หล่อเหลาราวกับดาราบนจอหนัง”


                  โรงภาพยนตร์เริ่มเข้ามามีบทบาทอยู่ในสังคมของชนชั้นสูง แต่ก็ซบเซาไปเพราะพิษสงคราม ฟางซินมองเหวินเป่า อย่าง

พอใจเมื่อจัดการกับรูปลักษณ์ใหม่จนหนุ่มน้อยไม่เหลือคราบมอมแมมอย่างเช่นเคย

                 เสียงอ้อแอ้ดังมาจากทางเดิน สาวใช้คนหนึ่งอุ้มเด็กน้อยวัยสองขวบหน้าตาน่ารักน่าชังตรงเข้ามาส่งให้ฟางซินได้อุ้มไว้

หญิงสาวมองบุตรชายเพียงคนเดียวอย่างรักใคร่และเมื่อเด็กชายอยู่ในอ้อมกอดของมารดาก็ยิ้มกว้างหัวเราะดังลั่น


                “เซียวจงลูกแม่ น้ำหนักคงจะขึ้นมาอีกแล้ว แม่จะอุ้มไม่ไหวแล้วลูก”


                 ภาพความอบอุ่นระหว่างมารดาและลูกน้อยทำให้เหวินเป่าน้ำตารื้นขึ้นมา แม้จะรู้ว่าแม่ของตนเองนั้นรักลูกไม่แพ้ใคร หากแต่

แม่ของเหวินเป่าก็เป็นแค่หญิงคณิกาไร้การศึกษาจึงไม่เคยอุ้มชูหยอกล้อดั่งเช่นฟางซินกระทำกับฮุ่ยจง และภาพที่แม่ของเขารวมถึง

เพื่อนหญิงคณิกานอนตายกันเกลื่อนเพราะถูกทารุณกรรมจากทหารญี่ปุ่นก็ยิ่งตอกย้ำความเจ็บช้ำที่มิอาจลืมเลือนจากหัวใจ


                 “อ้าว เหวินเป่า ร้องไห้ทำไม”


                ฟางซินหันมาเห็นหยดน้ำตาที่ร่วงอาบแก้มเข้าพอดี เธอเอ่ยถามอย่างตกใจที่เห็นเหวินเป่าร้องไห้ เหวินเป่ารีบใช้หลังมือป้าย

น้ำตาอย่างรวดเร็ว เขาไม่อยากให้ฟางซินต้องมากังวลเรื่องไม่เป็นเรื่องของเขา


               “ผมเห็นนายหญิงแล้วก็นึกถึงแม่น่ะครับ”


               “โธ่เอ๋ย เหวินเป่า” ฟางซินอุทานด้วยความสงสารและอยากจะทำให้เหวินเป่าลืมเรื่องทุกข์ในอดีตเหล่านั้น


               “มานี่สิเหวินเป่า มาช่วยอุ้มเซียวจงไปหน่อย ตัวหนักเหลือเกิน”


                 เหวินเป่าได้ยินก็กระวีกระวาดเข้าไปรับเด็กน้อยออกมาจากอกแม่ทันที และเมื่อได้สบตากันในคราแรกเด็กชายเฉินฮุ่ยจงก็

ยิ้มกว้างให้เขาโดยไม่ร้องโยเยเลยสักนิด ทำให้เหวินเป่าตกหลุมรักบุตรชายของฟางซินและหย่งหนานทันที


               “คุณชายน้อยน่ารักเหลือเกินครับนายหญิง”


                “แปลกนะ กับคนอื่นนี่กว่าจะคุ้นเคยก็ร้องงอแงกันพักใหญ่ แต่กับเหวินเป่าแค่อุ้มครั้งแรกก็หัวเราะใส่เขาเสียแล้ว ดีล่ะ งั้นต่อ

จากนี้ฉันจะมอบหน้าที่ให้เหวินเป่าช่วยอาซิ้มดูแลเซียวจงอีกแรงหนึ่งก็แล้วกัน”


               “ได้ครับนายหญิง”


                เป็นหน้าที่แรกในบ้านหลังใหม่ที่เหวินเป่าแสนจะยินดี เขามองเด็กน้อยในอ้อมกอดและตั้งใจว่าจะช่วยดูแลฮุ่ยจงให้ดีที่สุดสม

กับบุญคุณที่พ่อและแม่ของเด็กคนนี้มีต่อเขา


                “อีกเรื่องหนึ่ง เธอได้เรียนหนังสือหรือเปล่า”


                เหวินเป่าส่ายศีรษะ เขาไม่รู้แม้แต่สักตัวอักษร ที่โรงงิ้วจะใช้วิธีบอกบทให้นักแสดงท่องจำกันเอง


                “ถ้าเช่นนั้นฉันจะสอนหนังสือให้เธอดีไหม จะได้มีความรู้อ่านออกเขียนได้”


                “ขอบพระคุณเหลือเกินครับนายหญิง”


                 เหวินเป่าซึ้งใจนัก ถ้าไม่ได้อุ้มฮุ่ยจงอยู่เขาก็อยากจะลงไปคำนับฟางซินให้สมกับความดีของหญิงสาว เขาสัญญากับตนเอง

ว่าจะกตัญญูกับคนในครอบครัวนี้ตลอดไป



มีต่ออีกนิด...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-02-2017 20:40:31 โดย Belove »

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
นายหญิงใจดี

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
ต่อกันตรงนี้...



                เหวินเป่าเข้ากับคนในบ้านได้เป็นอย่างดี เพียงแค่วันเดียวเขาก็รู้จักกับสาวใช้และลูกจ้างชายคนอื่นเกือบทั้งหมด ทุกคนต่าง

เอ็นดูความมีสัมมาคารวะของเหวินเป่า เขาช่วยอาซิ้มที่เป็นคนดูแลฮุ่ยจงจนกระทั่งพาเข้านอนในยามค่ำฟางซินจึงได้เอ่ยขึ้นบ้าง


                 “ฉันเองก็ขอตัวไปพักผ่อนก่อนล่ะ ฤดูฝนเช่นนี้อากาศชื้นจนไอไม่หยุดเสียที ถ้าหากเป็นหวัดมีไข้ก็จะลำบากคนอื่นอีก”


                  ฟางซินเข้าห้องนอนแล้วแต่เหวินเป่ายังไม่ง่วงสักนิด เขานั่งเป็นเพื่อนเหม่ยฮัวสาวใหญ่ที่อยู่รอรับหย่งหนานที่ห้องโถง


                  “นายท่านกลับดึกเช่นนี้ทุกคืนหรือครับพี่เหม่ยฮัว”


                 เหม่ยฮัวพยักหน้ารับ แล้วเล่าให้ฟังอย่างคนชอบพูดชอบคุย


                  “คุณชายกลับดึกเกือบทุกคืนนั่นแหละ ผู้ชายบ้านนี้ต่างบ้างานกันทั้งนั้น ท่านนายพลแม้จะเข้าสู่วัยชราก็ยังทำงานหนักไม่

ยอมพักผ่อน และทั้งลูกชายหลานชายก็ต่างใช้เป็นตัวอย่าง”


                 “แล้วถ้านายท่านกลับมาพี่เหม่ยฮัวต้องทำอะไรบ้าง”


                 “ก็ไม่มีอะไรมากหรอกนะ ก็แค่รับเสื้อคลุมรับรองเท้าไปเก็บ และต้องมีผ้าขนหนูกับน้ำอุ่นให้คุณชายล้างหน้าล้างตาก็แค่นั้น

คุณชายไม่ใช่คนเรื่องมากหรอก”


                 “ถ้าแค่เช่นนั้นให้ผมอยู่รับนายท่านก็ได้ครับ พี่เหม่ยฮัวจะได้ไปพักผ่อน”


                 เหม่ยฮัวทำตาโตและยิ้มอย่างยินดี


                 “เธอจะอยู่รอรับคุณชายแทนฉันงั้นหรือ ดีจริงๆพ่อหนุ่ม ถ้าอย่างนั้นฉันขอมอบหน้าที่นี่ให้เธอช่วยนะ ขอบใจมาก”


                  เหม่ยฮัวรีบลุกจากเก้าอี้และเดินออกไปจากห้องโถงทันทีทิ้งให้เหวินเป่านั่งอยู่เพียงผู้เดียวในห้อง แต่เหวินเป่าก็ไม่ได้

คิดมาก เขานั่งรอหย่งหนานด้วยใช้หมึกเขียนตัวอักษรลงบนกระดาษตามที่ฟางซินสอนอย่างตั้งใจ






                   หย่งหนานกลับเข้ามาถึงบ้านเมื่อเกือบเที่ยงคืน ข่าวการรบจากฝั่งยุโรปทำให้นายทหารระดับผู้นำในกองทัพต้องเตรียมตัว

ให้พร้อมเสมอเมื่อเยอรมันกำลังถูกโจมตีจากฝรั่งเศสจนเริ่มจะเพลี่ยงพล้ำ และทางสหรัฐอเมริกาก็ยิ่งจู่โจมกองทัพญี่ปุ่นทั้งทางบกและ

ทางทะเล

                    เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโถงกว้างของบ้านหย่งหนานก็พลันชะงัก ในคืนนี้มิได้มีสาวใช้มานั่งรอรับเช่นเคย หากแต่มีหนุ่มน้อยคน

หนึ่งนั่งฟุบหลับอยู่กับโต๊ะกลางห้องและบนโต๊ะเกลื่อนไปด้วยแผ่นกระดาษที่มีลายมือคัดตัวอักษรอยู่ หย่งหนานเดินเข้าไปอย่าง

เงียบกริบและหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาดูพร้อมกับยิ้มบางเมื่อเห็นความตั้งใจของเหวินเป่า

                   พู่กันกลิ้งตกจากขอบโต๊ะร่วงลงไปบนพื้นทำให้เหวินเป่าสะดุ้งตื่น และเพราะยังงัวเงียเมื่อเห็นบุรุษในชุดทหารมายืนอยู่

ใกล้ๆเขาก็อุทานดังลั่น


                  “เหวอ เอ่อ นายท่าน!”


                 เหวินเป่าพ่นลมหายใจอออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว


                  “นายท่านกลับมาเมื่อไหร่ครับ ผมไม่ได้ยินเสียงเลย ผมขอโทษที่เผลอหลับ”


                  เพราะความตกใจและกลัวจะบกพร่องในหน้าที่ทำให้เหวินเป่าลนลานพูดหน้าตาตื่น เขารีบก้าวยาวๆไปยังมุมห้องที่เหม่ยฮัว

เตรียมกาใส่น้ำร้อนไว้แล้ว เหวินเป่ายกอ่างกระเบื้องสีขาวที่มีน้ำใส่ไว้มาวางบนโต๊ะก่อนจะยกกาน้ำร้อนตามมาเทใส่ลงไปตามหลังและส่ง

ผ้าขนหนูให้หย่งหนาน

                  หย่งหนานมองการกระทำของเหวินเป่าอย่างเพลิดเพลิน เขาถอดเสื้อคลุมตัวใหญ่ส่งให้เหวินเป่ารับไปและดึงผ้าขนหนูมา

ชุบน้ำเช็ดใบหน้าและลำคอ


                  “ทำงานแทนเหม่ยฮัวงั้นหรือเหวินเป่า”


                  “ผมอาสาเองครับ” เหวินเป่าคลี่ยิ้ม


                  “ผมอยากตอบแทนที่ทุกคนในบ้านดีต่อผม อะไรที่ทำได้ผมก็อยากจะช่วย”


                  “ดีจริงที่เป็นเด็กมีน้ำใจ ฉันภูมิใจในตัวเธอนะ”


                 คำชมของหย่งหนานทำให้เหวินเป่ายิ่งยิ้มกว้าง เขานั่งคุกเข่าแล้วยกเท้าของหย่งหนานเพื่อถอดร้องเท้าออกมาทั้งสองข้าง

เหวินเป่านำรองเท้าและเสื้อคลุมไปเก็บโดยทุกอิริยาบทอยู่ในสายตาของเจ้าของบ้าน


                 “ตัวอักษรพวกนี้สวยดีนะ” หย่งหนานเอ่ยชมจนเหวินเป่ายิ่งดีใจ


                “นายหญิงสอนผมครับ และนายหญิงจะให้ผมช่วยดูแลคุณชายน้อยด้วย”


                 เหวินเป่ารีบอวด มันเป็นความภาคภูมิใจในงานสำหรับเขาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ใบหน้าสดใสฉายชัดจนหย่งหนาน

เผลอไผลจ้องมองอยู่นานจนกระทั่งต้องรีบเตือนตัวเองให้ตื่นจากภวังค์


                 “ดีแล้วที่เธอมีความสุขที่บ้านหลังนี้ ดึกแล้วรีบไปพักผ่อนเถอะ”


                  เหวินเป่ารับคำ เขาเก็บอ่างกระเบื้องและผ้าขนหนูที่หย่งหนานใช้จนเรียบร้อยจึงคิดจะก้าวกลับไปยังห้องนอน


                 “เดี๋ยวก่อนอากุย”


                   เสียงเรียกชื่อที่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นรั้งไว้ ทำให้เหวินเป่าชะงักเท้า หัวใจของเด็กหนุ่มระส่ำระสายเมื่อหย่งหนานเดินเข้า

มาใกล้จนสามารถใช้ปลายนิ้วเชยคางของเขาให้ยกสูง ดวงตาคมยามจ้องมองทำให้เหวินเป่าเกือบจะลืมหายใจ


                 “เธอตัดผมทรงนี้และใส่เสื้อผ้าชุดใหม่นี้ มันทำให้เธอเปลี่ยนไป รู้บ้างไหมเด็กน้อย”


                น้ำเสียงทุ้มนั่นขณะเอื้อนเอ่ย ทำให้เหวินเป่าไม่อาจละสายตาไปได้ เขาจ้องมองสบตาราวกับหย่งหนานกำลังสะกดให้เดิน

ตามและตกลงไปในหลุมที่หย่งหนานขุดไว้


                 “มันทำให้ฉันดีใจเหลือเกินที่ไปช่วยเธอมาจากโรงงิ้วได้ และต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เธอโชคร้ายเช่นนั้นอีกแล้ว”

   

                                            TBC


                                      :o8: :o8:



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-02-2017 20:45:48 โดย Belove »

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
นายท่านแม่งร้ายรุกจีบเฉยเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
โอ้โห แอทแทคหัวใจอะไรเบอร์นั้นคะ นายท่านนนนนน  :hao7:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
นายท่าน...คิดอะไรกับอากุยใช่ไหม

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ละลายคามือนายท่าน....

ฉันก็อยากให้หย่งหนานได้รักกับอากุย แต่ก็รู้สึกผิดกับฟางซิน เธอจิตใจดีเหลือเกิน

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
นายท่านจะรุกเหรอคะ

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
นายท่าน อากุยยังไม่ครบ 18 ปีบริบูรณ์นะ อ่ะ อ่ะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
นายท่านยังไม่คิดอะไร ก็อย่าทำให้อากุยหวั่นไหวไปกว่านี้เลย  สงสาร
นายหญิงก็ใจดีที่สุุดเลย  ชอบๆ
ขอบคุณมากๆนะคะ :L2:

ออฟไลน์ dashdash

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตามเข้ามาอ่านจากในกระทู้แนะนำครับ สำนวนและเนื้อเรื้องดีมากๆ ตัวละครมีเรื่องราวที่ชัดเจน ชอบมากครับ
มารอติดตามอากุยโดนนายท่านรุกไล่ในตอนต่อไปครับ

ออฟไลน์ myunassyi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เรื่องดีมากกกกกกกกกกกก ค่ะ พล็อตเรื่องดีมาก ภาษาก็ดี ขอบคุณนะคะที่แต่งแนวนี้มาให้อ่าน ชอบมากเลย
รอตอนไปอยู่นะคะ  :L1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                                             ม่านไหมลายพยัคฆ์

                                                                                      บทที่ 11


               สัมผัสเพียงแผ่วเบาตรงปลายคางที่หย่งหนานแตะต้องกำลังแผ่ความอบอุ่นเข้ามาในร่างกายของเหวินเป่า เลือดฝาดวิ่งวนจน

พวงแก้มแดงซ่านชวนให้หย่งหนานนึกอยากจะลูบไล้เสียเหลือเกิน


               “นะ นายท่าน”


               เหวินเป่าพลันหลบเลี่ยงสายตา หนุ่มน้อยมิอาจหาญกล้าประสานสายตากับดวงตาคมคู่นั้น มันเหมือนมีประกายแสงพุ่งออกมา

จนหัวใจดวงน้อยสั่นไหวระรัวไปหมด และกิริยาที่เหวินเป่ายืนตัวสั่นทำให้หย่งหนานได้สติ เขารีบหลับตาลงและหักห้ามความคิดทั้งมวล

ให้หมดสิ้น ปลายนิ้วมือจึงละจากคางมนอย่างเสียดาย


               “ดึกแล้ว เธอจงกลับไปนอนเสียเถิดอากุย”


               สะดุ้งแผ่วเบาเมื่อเหวินเป่าเองก็เพิ่งรู้สึกตัวเช่นกัน เขาเหลือบมองหย่งหนานอย่างสับสนและไม่เข้าใจว่าร่างกายของเขานั้น

เป็นอะไรนักหนาจึงได้มีปฏิกิริยาทุกครั้งที่อยู่ใกล้หย่งหนาน ใจหนึ่งก็หวั่นเกรงอีกฝ่ายหากอีกใจก็อ่อนไหวและโหยหาต่อสัมผัสแม้จะ

เพียงเล็กน้อยก็ตาม


               “ครับนายท่าน”


               เหวินเป่าลนลานสาวเท้าก้าวกลับออกจากห้องโถงนั้นทันที และเมื่อถึงห้องเล็กอันเป็นอาณาเขตที่เจ้าของบ้านยกให้เหวิน

เป่าก็รีบกระโจนไปบนเตียงแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมโปง เขานอนตัวสั่นอยู่พักใหญ่กว่าจะสงบลง

               ตั้งแต่เกิดมาจนอายุเข้าสิบหกปีเต็มย่างสิบเจ็ดเหวินเป่าไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน เหวินเป่าไม่รู้ว่าความวาบหวามหวิว

ไหวอยู่ในอกเช่นตอนนี้คือสิ่งใด มันปวดร้าวจนแทบจะปริแตกด้วยความทรมานยิ่งเมื่อในสมองมีแต่ภาพของหย่งหนานลอยอยู่ให้เห็น


               “ไอ้บ้าเหวินเป่า ไอ้ตัวเลวทรามต่ำช้า” เขาก่นด่าตนเองอย่างเจ็บใจ


               กัดฟันข่มตานอนให้หลับแม้จะยากเย็นเต็มที หนุ่มน้อยหลับๆตื่นๆตลอดทั้งคืนกับความสับสนที่มิอาจหาทางออกได้และมี

เพียงภาพของหย่งหนานอยู่ในความฝันของเขาตลอดทั้งราตรี






               เฉินหย่งหนานก้าวเข้าไปยังห้องนอนของเขา มองเห็นเงาของภรรยาอยู่ในความมืดสลัวบนเตียงกว้าง หย่งหนานถอดชุด

ทหารออกจนหมดแต่ใส่เสื้อคลุมนอนก่อนจะสืบเท้าไปยังเตียงอย่างเบาที่สุดแต่ถึงกระนั้นฟางซินก็ยังตื่นขึ้นมา


               “กลับมาแล้วหรือคะ”


               สิ้นเสียงคำถามฟางซินก็ไอออกมาชุดใหญ่ หญิงสาวยิ่งหน้าซีดอยู่ในความมืดจนหย่งหนานต้องเข้าไปประคองให้ภรรยาลุก

ขึ้นมา


               “เป็นอย่างไรบ้างฟางซิน”


               คำถามด้วยความห่วงใยนั้นทำให้ฟางซินฝืนยิ้มรับ หญิงสาวนึกท้อใจที่ร่างกายตนเองนั้นอ่อนแอเสียเหลือเกิน


               “น้องก็ไอเพราะอากาศชื้นนั่นแหละค่ะ หมดฤดูฝนเมื่อใดคงจะดีขึ้น ว่าแต่พี่เถอะค่ะวันนี้เหนื่อยไหมคะ”


               ฟางซินเอ่ยถามอย่างเอาใจใส่พลางเงยหน้ามองสามีที่ประคองกอดไว้ด้วยความเคารพรัก แม้ว่าจะถูกกำหนดให้แต่งงานกัน

ด้วยหน้าที่ แต่หย่งหนานเป็นสามีที่ดีจนฟางซินสามารถมอบหัวใจให้ทั้งหมด


               “ก็เหนื่อยอย่างเช่นทุกวัน การฝึกทหารใหม่ให้กลายเป็นกองกำลังที่เข้มแข็งนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”


               ปรารภออกมาอย่างหนักใจ ถึงแม้สงครามอาจใกล้ยุติแต่ก็ยังไว้วางใจไม่ได้ จักรวรรดิญี่ปุ่นยังไม่ยอมแพ้แม้ว่าตอนนี้เยอรมัน

หนึ่งในผู้นำฝ่ายอักษะกำลังเพลี่ยงพล้ำมากขึ้นทุกที


               “เสียดายที่น้องเป็นหญิง หากเป็นชายน้องจะขอทำงานช่วยชาติ แต่เพราะเป็นหญิงเช่นนี้จึงกระทำได้แค่ช่วยให้สามีได้

ปลดเปลื้องความเคร่งเครียดลงบ้าง”


               ฟางซินแหงนหน้ารอรับให้สามีได้จูบลงมาที่กลีบปากของเธอ หญิงสาวเบียดกายเข้าหาเมื่อหย่งหนานดึงร่างบอบบางมากอด

เข้าไว้ หย่งหนานเปลื้องผ้าที่ฟางซินสวมใส่ออกและหวังจะมอบความสุขให้ภรรยาดั่งที่ควรจะทำ ความต้องการตามธรรมชาติปลุกให้เขา

ตื่นขึ้นมา หย่งหนานก้มหน้าลงไปจูบไล่ตามเนินอกของฟางซินที่เปิดทางให้สามีด้วยความเต็มใจ


               “แค่ก แค่ก”


               ทุกอย่างพลันหยุดชะงักเมื่อฟางซินไอออกมาอีกคำรบใหญ่ ทรวงอกเปลือยหอบหายใจหนักจนตัวโยนทำให้หย่งหนานต้อง

รีบสวมเสื้อให้ฟางซินและดึงผ้าห่มมาคลุมให้ร่างกายบอบบางนั้นและมองอย่างเป็นกังวล


               “ฟางซินเป็นอย่างไรบ้าง”


               ภรรยาไอจนหมดแรง น้ำตาหยดหนึ่งไหลจากหางตาของหญิงสาวด้วยความรันทดใจ


               “น้องขอโทษ น้องเป็นเมียที่ใช้ไม่ได้เลย แค่จะมอบความสุขให้สามีตามหน้าที่ที่ควรจะทำยังไม่สามารถทำได้”


               “อย่าได้คิดมากเช่นนั้นเลย การใช้ชีวิตคู่สามีภรรยามิใช่มีเพียงเรื่องเพศเท่านั้น ฉันรักเธอเพราะความดีของเธอ เพราะเธอเป็น

ภรรยาและแม่ของลูกที่ดี”


               หย่งหนานปลอบโยนเมื่อเห็นฟางซินร้องไห้ เขาตระกองกอดให้ร่างกายของฟางซินได้รับความอบอุ่นจนกระทั่งหญิงสาว

ผล็อยหลับไปในอ้อมกอดหย่งหนานจึงค่อยๆคลายวงแขนออกและมองใบหน้าซีดเซียวของภรรยา

               คำแนะนำของหยางซุนที่ให้หาอนุภรรยาเพิ่มอีกสักคนแว่วเข้ามาในสมอง ถึงแม้การมีภรรยาหลายคนไม่ใช่เรื่องแปลก แต่กับ

หย่งหนานที่มีความคิดสมัยใหม่ เขารู้ใจสตรีว่าต่อให้ปากนั้นบอกว่าเต็มใจให้สามีมีภรรยาอื่นได้แต่ในใจคงไม่พ้นความเจ็บช้ำ และเพราะ

ความดีของฟางซินที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมาถึงแปดปีทำให้เขามิอาจสร้างความเจ็บช้ำให้ภรรยาของเขา แม้ว่าตอนนี้หย่งหนานจะทรมาน

เพราะความต้องการทางธรรมชาติของเพศชายก็ตาม

                ฟางซินหลับสนิทลงแล้วหย่งหนานจึงค่อยๆนอนหงายและจำต้องระบายความต้องการของตนเองออกโดยไม่ผิดศีลธรรม ชาย

หนุ่มหลับตาลงและปรนเปรอความเป็นชายด้วยปลายนิ้วสาก ถึงแม้ความใคร่จะไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิตแต่เขาก็ต้องกำจัดความกำหนัด

ของวัยหนุ่มฉกรรจ์ออกไปบ้าง หย่งหนานปล่อยใจในล่องลอยไปกับจินตนาการของตน

               ภาพความงามผุดผาดของหนุ่มน้อยวัยสิบหกปีปรากฏขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามใจได้ ใบหน้าเรียวที่ประกอบไปด้วยเครื่องหน้า

ราวกับสวรรค์ปั้นแต่งกำลังยิ้มแย้มให้กับเขา หย่งหนานนึกเจ็บใจตนเองที่ปฏิเสธใบหน้านั้นไม่ลงเมื่อร่างกายของเขากำลังขึ้นไปสู่จุด

สูงสุด เสียงพ่นสบถลอดริมฝีปากที่สะกัดกลั้นไม่อยู่ดังขึ้นมาคราหนึ่งก่อนที่ทุกอย่างจะสงบลง

               หอบหายใจหนักพลางมองเพดานอยู่ในความมืดก็ยังมีแต่ภาพของหลินเหวินเป่าฉายชัดอยู่ราวกับจอหนังในโรงภาพยนตร์

หย่งหนานนึกหงุดหงิดที่เขาบังคับความคิดของตนเองไม่ได้อย่างที่ควรจะทำแม้ว่าจะหลับตาลงเด็กหนุ่มก็ยังตามมารังควานอยู่หลัง

เปลือกตา


               “โธ่โว้ย!”


               แม้ร่างกายจะสุขสบายขึ้นมาบ้างหากแต่หัวใจของหย่งหนานกลับหนักอึ้ง เขาใช้ชีวิตมาสามสิบปีผ่านอะไรมามากมายและ

เข้าใจดีว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ หย่งหนานเริ่มจะไม่สบายใจที่เขาคิดกับเด็กที่รับเลี้ยงอย่างไม่เหมาะสม เขาได้แต่เตือนตัวเองให้ถอย

ห่างออกมาจากหนุ่มน้อยที่อาจเป็นอันตรายต่อหัวใจและความดีงามที่เขาตั้งใจจะปฏิบัติ

               บางทีเขาจำเป็นต้องห่างจากเหวินเป่าก่อนที่อะไรมันจะสายเกินไป






               เสียงหวูดจากรถยนต์ของกองทัพจีนดังลั่นถนนหน้าบ้านตั้งแต่ดวงอาทิตย์ยังไม่แตะขอบฟ้าปลุกให้สมาชิกในบ้านของผู้นำ

สูงสุดของจีนต้องมารวมตัวกันที่บ้านหลังใหญ่ แม้ว่าหย่งหนานจะเพิ่งคล้อยหลับไปได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงแต่เขาก็ไม่มีทีท่างัวเงียเมื่อมายืน

พร้อมหน้ากับเฉิ้นจิ้งเหอและเฉินหยางซุน

               เฉินจิ้งเหอกำลังรับโทรเลขรายงานจากนายทหารที่มีสีหน้าตื่นเต้น ชายวัยสูงอายุก้มหน้าอ่านเพียงครู่หนึ่งใบหน้าที่มีแต่ความ

คร่ำเคร่งจึงเผยรอยยิ้มแรกในรอบสิบปีออกมา


               “เยอรมันยอมแพ้แล้ว” (7 พฤษภาคม ค.ศ.1945)


               หยางซุนอุทานออกมาด้วยความสาแก่ใจส่วนหย่งหนานมีเพียงรอยยิ้มบางๆบนใบหน้าขรึมสำหรับข่าวดีที่เพิ่งได้รับ

จิ้งเหอเล่าถึงสถานการณ์ต่อเนื่อง


                “สัมพันธมิตรยึดกรุงเบอร์ลินไว้ได้และเยอรมันก็ประกาศยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข”


               “เสร็จไปหนึ่งล่ะ” หยางซุนชูมือแสดงความยินดี “เหลือก็แต่พวกญี่ปุ่นสินะครับพ่อ”


               จิ้งเหอพยักหน้ารับ รอยยิ้มเริ่มจางหายไปและทดแทนด้วยการไตร่ตรองดังเช่นอุปนิสัยผู้นำเช่นเขา


               “ดูจากความดื้อรั้นของสมเด็จพระจักรพรรดิแล้วพ่อคิดว่าญี่ปุ่นคงยังไม่ยอมแพ้โดยง่าย ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครคอยช่วยเหลือ

และต่อจากนี้ประเทศสัมพันธมิตรทั้งหลายคงมุ่งโจมตีไปที่เกาะญี่ปุ่นเพียงอย่างเดียว”


               “อยากจะรู้นักว่ามันจะต้านกำลังของทหารทั่วโลกได้นานแค่ไหน”


               หยางซุนเอ่ยอย่างกระเหี้ยนกระหือ


               “เท่านี้เราก็มีกำลังใจมากขึ้นแล้วล่ะครับพ่อ ตอนนี้ไอ้เจ้าชายคิริซาวะรุ่นน้องของพ่อคงเดือดพล่านไปหมด ผมได้ข่าวว่าเขา

กำลังเตรียมขนกองกำลังลงไปที่เกาะไต้หวันเพื่อใช้เป็นฐานทัพทางทะเลแห่งสุดท้าย”


               หมู่เกาะไต้หวันตกเป็นฐานที่มั่นของญี่ปุ่นมานานเกือบยี่สิบปีแล้วตั้งแต่ญี่ปุ่นทำสงครามกับจีน เพราะเป็นชัยภูมิที่ดีที่จะตั้งรับ

การต่อสู้โดยเรือดำน้ำและยิงต่อสู้อากาศยาน ซึ่งไต้หวันก็เป็นสถานที่ที่สหรัฐอเมริกาหมายปองอยู่เช่นกัน


               “ช้าไม่ได้ละ ผมต้องไปดูแนวการรบเสียหน่อย”


               หยางซุนไม่รอช้า เขาคำนับบิดาก่อนจะหมุนกายกลับไปยังบ้านพักของเขาเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า จิ้งเหอหันมาสบตากับหลาน

ชายและปรึกษาความเห็น


               “หลานคิดว่าควรจะระวังอะไรบ้าง”


               “ควรระวังทหารญี่ปุ่นถอยทัพครับ” หย่งหนานกล่าวตอบอย่างใช้ความคิด


               “ถึงแม้ว่ารัฐบาลกลางของญี่ปุ่นจะยังไม่ยอมแพ้แต่ทหารที่อยู่นอกฐานก็อาจทำทุกวิถีทางเพื่อกลับไปรวมพลกันให้ได้ ผมคิด

ว่าเราต้องใช้เวลานี้จัดการให้เด็ดขาด”


               “หากญี่ปุ่นจะถอนกำลังไปไต้หวันอย่างที่หยางซุนบอก ถ้าไม่ออกทางช่างไห่ก็ต้องมาทางนานกิง แต่ทางนานกิงใกล้กว่า เรา

ต้องระวังช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้”


               หย่งหนานเข้าใจดี สถานการณ์ตอนนี้จักรวรรดิญี่ปุ่นเหมือนถูกลอยแพอย่างโดดเดี่ยว หากแต่เสือที่บาดเจ็บกลับเป็นเวลาที่

น่ากลัวที่สุด เพราะเสือตัวนั้นจะต่อสู้หลังชนฝาเพื่อเอาชีวิตรอด


               เดินกลับไปยังบ้านพักของเขาพร้อมกับภาระหน้าที่ที่มีมากขึ้น ต่อจากนี้งานของหย่งหนานจะไม่ใช่เพียงแค่ฝึกทหารให้พร้อม

รบ หากแต่เขาอาจจะต้องควบคุมทหารเหล่านั้นไปสู้กับศึกสุดท้ายหลังจากสงครามโลกยาวนานถึงแปดปี


               “เกิดอะไรขึ้นคะ”


               ฟางซินตื่นแล้ว หญิงสาวถามทันทีเมื่อสามีก้าวกลับสู่ห้อง


               “เยอรมันยอมแพ้แล้ว”


               หญิงสาวยิ้มอย่างยินดี ฟางซินเป็นสตรีสมัยใหม่ที่ได้รับการศึกษาจนจบวิทยาลัยการช่างสตรีและยังเป็นบุตรสาวของขุนศึก

ใหญ่ เธอจึงรู้สถานการณ์ของบ้านเมืองมากกว่าสตรีคนอื่นๆ


               “เหลืออีกเพียงประเทศเดียวสินะคะ เพราะทั้งเยอรมันและอิตาลีก็พ่ายแพ้หมดแล้ว”


               “นั่นคืองานยากที่สุดของภาคพื้นเอเชีย”


               ฟางซินพยักหน้ารับ หญิงสาวมองสามีแล้วสีหน้าจึงสลดลง


               “น้องขอโทษเรื่องเมื่อคืนนี้ที่ไม่อาจให้ความสุขคุณพี่ได้ พี่คะ น้องมาคิดดูแล้วหากพี่จะหาใครมาดูแลอีกสักคน...”


               “นี่ไม่ใช่เวลามาคุยเรื่องนี้นะฟางซิน” สามีดุจนฟางซินหน้าสลด


               “ขอโทษค่ะ น้องแค่คิดว่า...”


               หย่งหนานถอนหายใจ เขาก้าวเข้าไปหาและยกมือบนไหล่ของหญิงสาวแทนคำปลอบโยน


               “เธอไม่ผิดหรอก ฉันขอบใจในความหวังดี หากแต่ตอนนี้บ้านเมืองกำลังอยู่ในช่วงล่อแหลมเกินกว่าฉันจะมาคิดหาความสุขใส่

ตัวได้ เมื่อสงครามจบสิ้นลงเราค่อยมาคุยกันใหม่ เอาล่ะ ฉันจะแต่งตัวไปทำงานแล้ว”


               ฟางซินพยักหน้ารับก่อนจะก้าวออกไปภายนอกเพื่อดูแลสำรับอาหารเช้าให้สามี ส่วนหย่งหนานก็ได้แต่ถอนหายใจตามหลัง





มีต่ออีกนิด...



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-02-2017 20:58:11 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


อ่านต่อตรงนี้...





               หย่งหนานในชุดทหารเต็มยศก้าวออกมาที่ห้องโถงในอีกไม่นานนัก เมื่อก้าวเข้าไปเขาจึงเห็นเพียงหนุ่มน้อยที่เขาเฝ้าฝันถึง

ยืนจัดอาหารเช้าที่วางอยู่บนโต๊ะเพียงลำพัง และเมื่อเหวินเป่ามองเห็นเขาก็ขยับหนีก้มหน้าซ่อนความสับสนไว้อย่างยากเย็น


               “ฟางซินล่ะเหวินเป่า”


               “นายหญิงดูแลคุณชายน้อยอยู่ครับจึงให้ผมจัดอาหารให้นายท่าน”


               พยักหน้ารับว่าเข้าใจแล้วหย่งหนานจึงนั่งลงใช้ตะเกียบคีบอาหารเข้าปาก หากแต่สายตานั้นกลับวนเวียนอยู่กับใบหน้าแดง

ซ่านของเหวินเป่าอย่างห้ามใจตนเองไม่ได้ อาหารเช้ามื้อนี้แทบไม่รู้รสชาติเมื่อจิตใจพะวงอยู่แต่จุดสนใจอื่น ในที่สุดหย่งหนานก็ตัดสิน

ใจวางตะเกียบลง


               “เหวินเป่า”


               “ครับ!”


               สะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงเรียก เหวินเป่าเงยหน้าอย่างกล้าๆกลัวๆกับสายตาที่จ้องมองมา


               “ก้มหน้าทำไม มาหาฉันสิ”


               หนุ่มน้อยกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขาก้าวเดินมาหยุดอยู่ด้านข้างของเจ้าของบ้าน เหวินเป่าไม่กล้าสบตาคมนั่นสักนิด


               “นั่งลง”


               “เอ่อ แต่ว่า...”


               แขนของเขาถูกฉุดให้นั่งลงบนเก้าอี้ตัวติดกัน เหวินเป่ารู้สึกขลาดเขลาจนต้องก้มหน้าคางแทบชิดอก แต่แล้วเขาก็ถูกปลาย

นิ้วใหญ่เชยคางของเขาให้เงยหน้าขึ้นมาเช่นเดียวกับค่ำคืนที่ผ่านมา หย่งหนานบังคับด้วยสายตาให้เหวินเป่าไม่กล้าหลบเลี่ยงไปทางใด

ได้


               “เมื่อคืนนอนไม่หลับหรือ ทำไมดวงตาถึงได้คล้ำเช่นนี้”


               “เอ่อ...”


               จะบอกได้อย่างไรว่าเขานอนไม่หลับจริงๆ เหวินเป่าเฝ้าคิดถึงแต่ใบหน้าคมเข้มแสนดุหากแต่ใจดีของคนตรงหน้าจนนอนไม่

หลับเกือบตลอดทั้งคืน


               “ผมแปลกที่น่ะครับนายท่านและยังไม่ชินกับการนอนบนเตียง”


               หาข้ออ้างให้ตนเองเพื่อให้พ้นจากความรู้สึกอันแท้จริง แต่สำหรับคนไม่เคยโกหกเช่นเขากลับดูออกได้โดยง่ายจากคนที่

ประสบการณ์ชีวิตมากกว่า ดวงตาเรียวหวานคู่นั้นบ่งบอกว่ามองเห็นหย่งหนานเป็นวีรบุรุษ เป็นผู้มีพระคุณ เป็นเจ้าชีวิต


               ให้ตายสิ หย่งหนานไม่นึกอยากจะเป็นคนดีอย่างที่เหวินเป่าคิดสักนิด


               หัวใจฝั่งความรู้สึกบอกกับเขาว่า หย่างหนานอยากจะดึงร่างบางนี้เข้าสู่อ้อมกอดใจแทบขาด หากแต่สมองที่ย้ำเตือนเรื่อง

คุณธรรมได้ห้ามไว้อย่างยากลำบาก เขาไม่ต้องการทำลายความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจที่มีต่อเขา


               “นายท่าน”


               สายตาสับสนของหย่งหนานกลับกระตุ้นให้หนุ่มน้อยจ้องมองจนดำดิ่งลึกเข้าไปหลังดวงตาคู่คมนั้น อะไรบางอย่างทำให้เหวิน

เป่าหลุดจากการควบคุมตนเอง เขามองชายหนุ่มสง่าผ่าเผยอย่างหลงใหลลืมตัวจนกายบางขยับใกล้ชิด ใบหน้าหวานแหงนมองราวกับ

จะรอให้อีกฝ่ายทำอะไรบางอย่างกับตนให้สมกับความรู้สึกอัดอั้น


               หย่งหนานลืมทุกอย่างแล้วในตอนนี้ สีหน้าของเหวินเป่าเย้ายวนใจเกินกว่าที่เขาจะหักห้ามได้ ปลายนิ้วสากที่ยังไม่ปล่อยจาก

คางเรียวดึงใบหน้าหวานเข้าหา ใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนสัมผัสถึงลมหายใจอุ่นร้อนซึ่งกันและกัน ริมฝีปากของเขาแตะลงไปบนกลีบปากนุ่ม

บางเบาหากแต่สร้างความรัญจวนจนหัวใจของเขาและเหวินเป่าเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมานอกทรวงอก


               “เหวินเป่า นายท่านของเธอรับประทานอาหารเช้าแล้วหรือยัง”


               ราวกับร่างกายถูกกระชากออกจากกันทันทีทันควัน เหวินเป่าผลักไหล่กว้างออกและชิงลุกหนีไปยืนตำแหน่งเดิมเมื่อได้ยิน

เสียงของฟางซินดังแว่วมา หนุ่มน้อยหอบหายใจลึกเพื่อตั้งสติในขณะที่หย่งหนานพลันหลับตาลงเพื่อดึงทุกอย่างกลับคืนมา เขาโกรธตัว

เองนักที่ปล่อยให้ความต้องการอยู่เหนือความถูกต้อง


               “อ้าว ทำไมรับประทานได้น้อยจังล่ะคะ”


               ฟางซินถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นอาหารเช้าพร่องไปไม่ถึงครึ่งและสามียังมีสีหน้าเคร่งเครียดอีกต่างหาก หย่งหนานผุดลุก

ขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว บางทีหากเขายังอยู่ใกล้หนุ่มน้อยที่ยืนหน้าแดงซ่านอยู่อย่างนี้ เขาอาจจะทำผิดเข้าสักวัน


               “ฟางซิน ช่วยจัดเสื้อผ้าและของใช้ให้ฉันด้วย ให้ทหารนำไปส่งให้ที่กองทัพ ฉันจะไปทำงานที่กองบัญชาการจนกว่า

สงครามโลกจะจบลง”


               หย่งหนานตัดสินใจก้าวเดินออกจากบ้านโดยไม่หันมามองใบหน้าของเหวินเป่าอีก นี่อาจเป็นทางเดียวที่เขาจะไม่ทำลายทุก

อย่างให้พังครืนลงมา
               


                                                                   TBC

                                                              :เฮ้อ: :เฮ้อ:




ออฟไลน์ iNcamisang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :z3: ว่าแล้วว่าแล้ววววว ต้องมีขัดจังหวะ

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
นายท่านดีเกินไป

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
หนีเลยรึ :ling1:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ฟานซินก็แสนดี จนไม่อยากให้นอกใจ งื้ออออ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
 :z3: อยากอ่านต่อแล้ว

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ดีมากหย่งหนาน

อย่าทำร้ายฟางซินเพราะจิตใจที่ห้ามยากของตนเลย

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด