<<ม่านไหมลายพยัคฆ์>>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: <<ม่านไหมลายพยัคฆ์>>  (อ่าน 105550 ครั้ง)

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ sujusaranghae

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ในที่สุดดดดด เค้าก็เป็นของกันและกันแล้ว ดีใจจจจจจ

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ในที่สุดก็มีวันนี้  :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
พี่หย่งหนานนนนนนนนน
พี่จะออดอ้อนเกินไปแล้วววววว
หัวใจทำงานหนักมาก!

อากุยก็น่ารัก น่าแกล้งมาก

ออฟไลน์ therappizdrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โถถถถ เต่าน้อยยยยย โดนกินสะดลยยยย

ออฟไลน์ oiw08

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
เต่าน้อยอากุย. โดนกินแล้ว

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ตื่นเต้นมากกกก กลัวลูกตื่น 55555

ปล.ฮูหยินขอให้ไปสู่สุขตินะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ดีงามมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove

                                                                            ม่านไหมลายพยัคฆ์

                                                                                   บทที่ 20               
 
              ปลายปี คริสตศักราช 1947
               

               เฉินหย่งหนานไม่มีเวลาให้เรื่องส่วนตัวมากนักเมื่อความบีบคั้นทางการเมืองกำลังมีมากขึ้นทุกที ความหวังที่จะฟื้นฟูบ้าน

เมืองให้กลับมาเจริญรุ่งเรืองนั้นแทบไม่มีเหลือ การสู้รบระหว่างพรรคชาตินิยมและสังคมนิยมเกิดขึ้นอย่างรุนแรงไปทั่วทุกมณฑลเพราะ

พรรคสังคมนิยมนั้นมีอาวุธต่อสู้อยู่ในมือด้วยการช่วยเหลือจากรัสเซีย

               รอยต่อหลังสงครามโลกสหรัฐอเมริกาชิงความเป็นใหญ่กับโซเวียตรัสเซียภายใต้การปกครองของสตาลินน์ที่ถือหางพรรค

สังคมนิยมอยู่แล้ว และเมื่อญี่ปุ่นแพ้ต่อสงครามรัสเซียก็บุกไปปลดอาวุธทหารญี่ปุ่นในแมนจูเรียทันที ส่วนฝ่ายรัฐบาลทหารแห่งชาติของ

จีนที่มีที่ตั้งอยู่ห่างไกลกว่าและต้องรอการช่วยเหลือจากอเมริกาจึงไม่ทันการที่จะเข้าไปแย่งชิง โซเวียตรัสเซียได้ส่งต่ออาวุธให้กับ

พรรคสังคมนิยมจนสามารถต่อกรกับกองทัพจีนได้เป็นอย่างดี

               เฉินจิ้งเหอนายกรัฐมนตรีผู้เป็นลุงของเขาก็กลัดกลุ้มกับเรื่องนี้ไม่แพ้กัน เศรษฐกิจที่ซบเซาลงทั่วโลกเพราะสงครามเย็น

ระหว่างมหาอำนาจของสองขั้วทำให้จีนยังมิอาจขับเคลื่อนการพัฒนาไปได้ ประชาชนเริ่มเบื่อหน่ายรัฐบาลและประกอบกับการ

โฆษณาชวนเชื่อของพรรคสังคมนิยมทำให้รัฐบาลทหารสูญเสียกำลังมากขึ้นเรื่อยๆ


               “ผ่านมาเป็นปีแล้วแต่เรายังทำอะไรไม่ได้เลย”


               จิ้งเหอเอ่ยอย่างเคร่งเครียดกับหลานชายของเขาหลังการประชุมหารือในพรรคชาตินิยม แต่กลับยังหาข้อสรุปไม่ได้ ความ

เพลี่ยงพล้ำล่าสุดที่พวกเขาพ่ายแพ้ในมณฑลทางเหนือทำให้ฝ่ายรัฐบาลจีนเสียที่ตั้งสำคัญไปให้พรรคสังคมนิยม


               “อู๋จินไห่ฉลาดกว่าที่คิด และพวกเขายังได้แม่ทัพที่ดีด้วย”


               หย่งหนานเองก็ยอมรับ อู๋จินไห่ใช้ความอดทนในการแผ่ขยายอิทธิพลของเขาจากกลุ่มที่ใช้วิธีแบบกองโจรกลายมาเป็นผู้ที่

กำลังได้เปรียบสถานการณ์แย่งชิงอำนาจในขณะนี้ พวกเขาซื้อใจผู้คนด้วยความหวังและศรัทธาในการเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคตที่ดีกว่า


               “ผมขอเรียนคุณลุงตามตรง”


                หย่งหนานตัดสินใจเอ่ยออกไปหลังจากที่คิดอย่างรอบคอบแล้ว


               “คุณลุงน่าจะต้องคิดหาหนทางเผื่อไว้เมื่อเราไปถึงเวลาอับจนที่สุดด้วยครับ”


               จิ้งเหอย่นหัวคิ้วเมื่อได้ฟังคำแนะนำของหลานชาย


               “หลานคิดว่าเราจะพ่ายแพ้”


               “การต่อสู้ย่อมมีแพ้ชนะ เราไม่ควรประมาทในทุกๆทาง”


               “ถ้าหยางซุนมาได้ยินที่หลานพูด พี่ชายของหลานคงจะโมโหมาก เพราะเขายืนกรานว่าเรายังต้านพรรคสังคมนิยมได้อีก

นาน”


               จิ้งเหอกล่าวถึงเฉินหยางซุนบุตรชายเลือดร้อนที่บัดนี้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำกองทัพบกของรัฐบาลทหาร


               “แต่ที่หลานคิดนั้นลุงปฏิเสธไม่ได้ว่ามันอาจจะเป็นไปได้แม้ว่าลุงจะไม่ต้องการ”


               “ผมเข้าใจดีครับ ไม่มีใครอยากเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่ทางที่ดีเราควรจะเตรียมรับมือในทุกทางที่เป็นไปได้ หากชนะก็ไม่เป็นไร

แต่หากเราเพลี่ยงพล้ำจะได้มีทางออกสำหรับผู้คนที่ยังภักดีต่อคุณลุง”


               “ใครบ้างล่ะที่หลานคิดว่าเราควรจะหาทางออกสำหรับพวกเขา”


               จิ้งเหอถามความคิดเห็น หลานชายของเขามันจะมีความคิดเห็นที่ดีให้เขาเสมอ หย่งหนานนิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับมา


               “นอกจากทหารในกองทัพและประชาชนที่ยังเชื่อมั่นในรัฐบาลแล้ว ผมคิดว่าคุณลุงควรจะผูกสัมพันธ์กับนักธุรกิจหัวก้าวหน้า

ไว้ครับ”


               คำแนะนำของหย่งหนานสร้างสร้างความแปลกใจให้แก่จิ้งเหอเป็นอย่างยิ่ง


               “นักธุรกิจงั้นหรือ ลุงไม่เคยคิดประเด็นนี้เลย”


               “อู๋จินไห่มีชาวนาและกรรมกรเป็นกองกำลังให้เขา พรรคสังคมนิยมขายอุดมการณ์ให้กับผู้คนที่เชื่อว่าพวกเขาจะก้าวมาสู่

ความทัดเทียมในความเป็นอยู่ ดังนั้นพวกเขาจะมีศัตรูอยู่อีกกลุ่มหนึ่งคือเหล่าพ่อค้าทั้งหลาย พวกพ่อค้าเหล่านั้นไม่มีวันยอมให้พรรค

สังคมนิยมมากดหัวให้ต้องยอมมอบทรัพย์สินที่พวกเขาหามาได้อย่างเด็ดขาด หากคุณลุงซื้อใจบุคคลเหล่านี้ได้ คุณลุงจะมีกองกำลังที่

มีทั้งสมองและเงินทอง”


               จิ้งเหอคิดตามไปกับคำแนะนำอันชาญฉลาดก่อนจะเผยรอยยิ้มที่ไม่เคยมีมานานนับปี เขามองหลานชายอย่างนึกทึ่งใน

สายตาและความคิดที่ราวกับหย่งหนานเป็นขงเบ้งกุนซือสมรภูมิรบครั้งโบราณ


               “หลานคิดได้ไกลและก้าวหน้ามาก ลุงภูมิใจเหลือเกินที่ได้หลานมาคอยช่วยเหลือ”


               ในวัยสามสิบต้นๆหย่งหนานกลายเป็นผู้นำที่น่าจับตามอง ทั้งหน้าตาและความสง่าผ่าเผยรวมถึงสายตาอันยาวไกลของเขา

จิ้งเหอหันกลับมามองหลานชายด้วยสายตาของผู้เป็นลุงหลังจากที่เขาไม่มีเวลาได้สนใจในเรื่องส่วนตัวของหย่งหนานมากนัก


               “ลุงเพิ่งรู้ข่าวมาว่าหลานกับหลินเหวินเป่าคนในปกครองของหลานที่เป็นบุตรของนายพลคิริซาวะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน

มาเนิ่นนานแล้ว ทั้งที่เราทั้งคู่ก็อยู่ร่วมกันในรั้วบ้านเดียวกัน”


               หย่งหนานชะงัก เขาไม่ได้ปิดบังความสัมพันธ์ของเขากับเหวินเป่า หากแต่ก็ไม่ได้ถึงกับเปิดเผยต่อผู้ใดหลังจากที่เขาและเห

วินเป่าตกลงใจอยู่กินฉันสามีภรรยาเมื่อหลายเดือนก่อน มีเพียงคนงานและสาวใช้ในบ้านที่รับรู้เมื่อเขามีคำสั่งให้เหวินเป่าย้ายมาอยู่ห้อง

เดียวกันกับเขาแทนที่ฟางซินภรรยาที่เสียชีวิตไป


               แต่ความเป็นไปเหล่านี้ก็ไม่อาจปิดบังได้นานนัก ผู้คนในบ้านหลังใหญ่และบ้านของเฉินหยางซุนก็เริ่มจะรู้ข่าวแต่ก็ไม่มีผู้ใด

กล้าแสดงความคิดเห็นในเมื่อหย่งหนานเป็นหนึ่งในผู้นำของบ้านสกุลเฉิน จิ้งเหอประมุขสูงสุดของบ้านที่ใช้เวลาหมดไปกับการทำงาน

เพิ่งจะรู้ข่าวเมื่อไม่นานนี้แต่ก็หาโอกาสคุยกับหลานชายไม่ได้จนกระทั่งวันนี้


               “เป็นความจริงครับคุณลุง” หย่งหนานยอมรับ


                “ผมกับเหวินเป่ารักกัน และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาหลายเดือนแล้ว”


               จิ้งเหอมองหลานชายด้วยความห่วงใย เขาเลี้ยงลูกและหลานอย่างให้อิสระ จะมีก็แต่เรื่องการแต่งงานที่เขาจำเป็นต้อง

ขอร้องให้ทั้งคู่กระทำเพื่อภาระหน้าที่


               “หลานกับเด็กคนนั้นเป็นชายด้วยกันทั้งสองฝ่าย หลานไม่กลัวคำครหาหากผู้คนรู้เรื่องนี้งั้นหรือ”


               “คำครหาไม่ได้ทำให้ชีวิตของผมดีขึ้นหากผมเชื่อ ผมเชื่อในความรักที่ผมกับเหวินเป่ามีต่อกันมากกว่าครับ ที่ผมกังวลคงมีแต่

ความรู้สึกของคุณลุงเท่านั้นว่าจะต้องมาเสียชื่อเสียงเพราะผม”


               หย่งหนานกล่าวตอบจิ้งเหอด้วยน้ำเสียงสำนึกในการกระทำของตนที่ไม่อาจเป็นไปในจารีตของสังคม ในบางครั้งเขาก็นึก

เบื่อหน่ายที่ต้องอยู่ในสายตาของผู้คนจนมิอาจทำอะไรได้ดั่งใจคิด เมื่อจิ้งเหอมองเห็นสีหน้าของหลานชายแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ


               “ช่างเถอะ อย่าได้กังวลใจไปเลย หากใครจะติฉินนินทาก็ให้เขาพูดไป ลุงไม่มีเวลามาฟังคำพูดของใครๆให้หนักสมองนัก

หรอก ความสุขของหลานย่อมสำคัญกว่าสิ่งอื่น ลุงเองก็เคยบังคับให้หลานต้องทำในสิ่งที่ไม่ถูกใจมาแล้วครั้งนี้ลุงจะขอแก้ตัว ในเมื่อ

หลานเลือกแล้วลุงก็ควรจะเชื่อมั่นในตัวหลาน ขอให้หลานมีความสุขในสิ่งที่หลานตัดสินใจ”


               หย่งหนานยิ้มออกในที่สุด เขายกมือทำความเคารพจิ้งเหอในฐานะที่อีกฝ่ายเป็นญาติผู้ใหญ่มิใช่ในฐานะผู้นำการปกครอง


               “ขอบคุณครับคุณลุง ขอเพียงมีคุณลุงที่ยอมรับผมก็ไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้ว”
               






               เหวินเป่าเดินออกจากอาคารผู้ป่วยของโรงพยาบาลฝรั่งที่หย่งหนานส่งเขามาช่วยงานพร้อมกับฝึกพูดภาษาอังกฤษอย่าง

อารมณ์ดี ตั้งแต่ตกลงใจใช้ชีวิตคู่กับหย่งหนานเขาไม่เคยพบเจอความทุกข์ใจอีกเลย เหวินเป่าใช้เวลาส่วนหนึ่งดูแลเด็กชายฮุ่ยจงที่โต

วันโตคืนจนพูดจาฉะฉานท่าทางฉลาดเหมือนพ่อและแม่ ฮุ่ยจงติดเหวินเป่ามากในช่วงแรกจนเพิ่งจะยอมห่างไปบ้างเมื่อเริ่มโตแล้วนี่เอง

               หย่งหนานสนับสนุนเรื่องการศึกษาเมื่อเหวินเป่าร้องขอ เขาส่งเหวินเป่าไปเรียนอ่านเขียนภาษาจีนจนคล่อง จากนั้นจึงให้เห

วินเป่ามาช่วยทำงานในโรงพยาบาลฝรั่งเพื่อเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่หย่งหนานบอกว่าเป็นภาษาสากล ทุกวันนี้เหวินเป่าสามารถสื่อสารกับ

ชาวต่างประเทศได้อย่างไม่เคอะเขินแล้ว


                เดินใกล้ถึงรถลากที่เหวินเป่าจ่ายเงินค่าจ้างไว้เพื่อให้มารับส่งเขาเป็นประจำ อันที่จริงหย่งหนานต้องการให้เหวินเป่าใช้

รถยนต์ของทางสกุลเฉินมาคอยรับส่ง แต่เหวินเป่าเองที่เป็นฝ่ายปฏิเสธเพราะไม่ต้องการให้เป็นที่สะดุดตานัก เท้าที่กำลังก้าวเดินพลัน

ชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อ


               “เหวินเป่า”


               หนุ่มน้อยวัยสิบแปดปีหันขวับไปมองทันที ดวงตาคู่หวานเบิกกว้างเมื่อเห็นต้นเสียง เป็นบุคคลที่เหวินเป่าไม่คิดว่าจะได้พบ

กันอีกแล้ว เขายิ้มกว้างด้วยความยินดีอย่างที่สุด


               “พี่ไป๋ซาน!”


               ต่างโผเข้าหากันด้วยความคิดถึง เขาและเยี่ยไป๋ซานเผชิญชะตากรรมอันโหดร้ายด้วยกันในสมัยก่อนสงครามโลกจะเกิดขึ้น

และต้องมาจากกันในวันที่ไป๋ซานหลบหนีไปจากคณะงิ้ว


               “ดีใจที่ได้พบกันอีกครั้งนะพี่ไป๋ซาน พี่เป็นอย่างไรบ้างสบายดีไหม คิดถึงพี่เหลือเกิน”


               เยี่ยไป๋ซานที่ไม่ได้พบกันถึงสามปีบัดนี้เป็นหนุ่มใหญ่ใกล้เข้าสู่วัยสามสิบแล้ว รูปร่างหน้าตาของไป๋ซานไม่ได้เปลี่ยนไปนัก มี

เพียงริ้วรอยของวัยที่มากขึ้นกว่าเดิมและดวงตาที่บ่งบอกถึงความกร้านชีวิตมากขึ้นกว่าแต่ก่อนที่เหวินเป่าเคยรู้จัก

                ไป๋ซานพิจารณาเหวินเป่าผู้ที่เคยสนิทสนมกันตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อพบกันอีกครั้งจึงเห็นความเปลี่ยนแปลงถึงความงดงามอย่าง

เด่นชัด เมื่อก่อนนี้เด็กหนุ่มตรงหน้ามักจะอยู่ในสภาพมอมแมมจนแทบมองไม่เห็นหน้าตาแท้จริง แต่เพราะเขาสนิทกับเหวินเป่าจึงรู้ดีว่า

อีกฝ่ายนั้นมีเค้าหน้าสะดุดตาเพียงใด และเมื่อได้พบกันอีกครั้งในวันนี้เหวินเป่าก็กลับกลายเป็นผีเสื้อที่โบยบินอยู่กลางท้องฟ้า แวบหนึ่ง

ที่ไป๋ซานอดจะคิดอิจฉาไม่ได้เมื่อมองเห็นความผุดผ่องของผิวพรรณในวัยหนุ่มขณะที่เขากลับโรยราลงทุกที


                “สบายดีหลังจากที่หลุดพ้นนรกขุมนั้นมาได้”


                 ไป๋ซานยิ้มเย้ยให้กับชีวิตของเขาเมื่อถูกขายไปบำเรอความสุขให้กับนักการเมืองอยู่พักหนึ่งจนต้องตัดสินใจหนีไปจากคณะ

งิ้วและไปเผชิญโชคข้างหน้า


                “มีสุขและทุกข์บ้างตามอัตภาพกับสิ่งที่พี่เลือกเอง แล้วเราล่ะเหวินเป่าเป็นอย่างไรบ้าง”


               “ผมเกือบมีชีวิตเช่นเดียวกับพี่แต่โชคยังดีที่มีผู้ช่วยเหลือ พี่ไป๋ซานคงจำนายท่านของผมได้ สวรรค์นำทางให้เรามาพบกันอีก

ครั้ง”


                สีหน้าบ่งบอกถึงความสุขทำให้ไป๋ซานสงสัย เขาหรี่ตามองหนุ่มน้อยอดีตเพื่อนต่างวัยของเขา


               “อย่าบอกนะว่า เธอไปอยู่กับนายท่านของเธอที่เป็นหลานของนายกรัฐมนตรี”


                  แก้มแดงสุกปลั่งเป็นคำตอบที่ดีที่สุดแม้ว่าเหวินเป่าจะไม่ได้กล่าวตอบ ไป๋ซานเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่สะกดความอยากรู้ไว้

เต็มที่


                 “เขาดูแลเธอดีอยู่หรือเหวินเป่า เขากดขี่ข่มเหงเธอหรือเปล่า”


                 “ไม่เลยพี่ไป๋ซาน พี่หย่งหนานยกย่องและให้เกียรติผมมากมายนัก เขาให้ในสิ่งที่ผมต้องการที่สุดคือการศึกษา อย่างเช่นที่

ผมมาที่นี่ก็เพื่อฝึกปรือภาษาอังกฤษเพื่อให้ผมมีวิชาความรู้ติดตัว”


                เหวินเป่าตอบอย่างภาคภูมิใจก่อนจะเป็นฝ่ายถามไถ่ชีวิตของไป๋ซานบ้าง


                “แล้วพี่ไป๋ซานล่ะ ตอนนี้อยู่กับใคร อยู่ที่ไหน”


               ไป๋ซานอึกอักไปชั่วครู่ เขาฝืนยิ้มให้เหวินเป่าและตอบคำถามอย่างไม่กระจ่างแจ้งนัก


               “พี่ก็ไปอยู่กับคนที่พี่เคยรู้จักสมัยที่เราทั้งสองเคยหนีสงครามไปในป่านั่นแหละและตอนนี้พี่ก็อยู่กับเขา ว่าแต่เราน่ะมาที่นี่ทุก

วันใช่ไหม เผื่อถ้าพี่คิดถึงพี่จะได้มาหาที่นี่อีก”


                ไป๋ซานเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาไปโดยที่เหวินเป่าไม่ทันสังเกต เขาอยู่สนทนากับไป๋ซานพักใหญ่ด้วยความดีใจก่อนจะลา

จากกันไปและรับปากว่าจะพบกันใหม่เมื่อมีโอกาส




มีต่ออีกนิด...



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-03-2017 21:16:27 โดย Belove »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
ต่อกันตรงนี้...



                 เยี่ยไป๋ซานก้าวเข้าสู่ประตูรั้วของบ้านหลังใหญ่พร้อมกับทอดถอนหายใจ เขากวาดสายตามองในสิ่งที่ตนเองได้เลือกแล้ว

ด้วยความสมัครใจ บรรดาคนงานในบ้านบางคนก็พินอบพิเทาบางคนกลับแสดงสีหน้ายิ้มเยาะด้วยหางตาชวนให้โมโห ไป๋ซานได้แต่ต้อง

เชิดหน้าขณะก้าวเข้าไปสู่ห้องโถงกว้างอันหรูหรา

                 สตรีวัยสี่สิบที่มีโฉมหน้าคุ้นตาผู้คนในสังคมเพราะเคยเป็นนักแสดงในอดีตนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง เมื่อเห็นไป๋ซานก้าวเข้า

มาสตรีผู้นั้นก็ถึงกับเบ้ปากใส่สร้างความขุ่นเคืองให้ไป๋ซานอยู่ไม่น้อย ขณะที่มีชายวัยก้าวล่วงเข้าสู่วัยชรานั่งจิบน้ำชาอยู่ข้างกัน


                  “กลับมาแล้วหรือไป๋ซาน”


                “บ้านมีให้ซุกหัวนอนกลับไม่อยู่ ระวังเถอะนางงิ้ว ระวังจะถูกเฉดหัวออกไปสักวัน”


                 เสียงแรกคือเสียงบุรุษผู้เป็นประมุขของบ้านหลังใหญ่และเสียงต่อมาคือเสียงของภรรยาที่เพิ่งสมรสคนล่าสุดเมื่อไม่กี่ปีก่อน

กับเจ้าของบ้าน บุรุษผู้กุมอำนาจแก่งแย่งกับผู้นำประเทศ เขาคืออู๋จินไห่ หัวหน้าพรรคสังคมนิยม บุรุษที่ไป๋ซานยินยอมพร้อมใจพลีกาย

ให้ด้วยความเทิดทูนในอุดมการณ์


                ไป๋ซานหนีจากคณะงิ้วจากนั้นจึงซมซานเผชิญโชคไปยังที่ตั้งของสาขาพรรคสังคมนิยมแห่งหนึ่ง ไป๋ซานศรัทธาในแนวคิด

ความเท่าเทียมกันของสังคม เขาเคยไปนั่งฟังอู๋จินไห่กล่าวปราศรัยตั้งแต่เมื่อครั้งยังหลบอยู่ในป่า และจนกลับมาสู่บ้านเมืองไป๋ซานก็ยัง

ติดตามข่าวสารของอู๋จินไห่อย่างสม่ำเสมอ จนในที่สุดเมื่อถูกหยางซื่อขายเขาให้นักการเมือง มันเป็นจุดแตกหักที่ไป๋ซานตัดสินใจหนี

เพื่อเข้าร่วมกับพรรคสังคมนิยม วันหนึ่งเขาก็ต้องตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้พบกับอู๋จินไห่อย่างใกล้ชิด ชายผู้ยิ่งใหญ่สำหรับผู้ด้อย

โอกาสในสังคมให้ความสนใจในตัวเขามากเป็นพิเศษ และในที่สุดไป๋ซานก็ยินยอมที่จะพลีกายเป็นอนุภรรยาของอู๋จินไห่ทั้งที่อีกฝ่ายก็มี

ภรรยาที่เพิ่งสมรสกันไม่นานอยู่ก่อนแล้ว ไม่มีใครรู้เลยว่าผู้นำพรรคสังคมนิยมจะมีอนุภรรยาเป็นชายเก็บซ่อนไว้ในบ้าน

                  ผิงอัน คือชื่อภรรยาสมรสคนที่สี่ของอู๋จินไห่ที่มีอดีตเป็นนักแสดงภาพยนตร์ ไป๋ซานรู้ประวัติของผิงอันดีว่าเป็นสตรีที่ผ่าน

ร้อนผ่านหนาวมามากและใช้เสน่ห์ของตนเองเข้ามาในพรรคสังคมนิยมจนทำให้อู๋จินไห่รับมาเป็นภรรยาคนล่าสุดหลังจากที่ภรรยาคนที่

สามเพิ่งตายไปในสงครามโลก และเมื่ออู๋จินไห่รับเขามาเป็นอนุภรรยาและเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านไป๋ซานก็ต้องพบกับสงครามประสาท

เกือบทุกวัน


                 “อย่าส่งเสียงดังสิผิงอัน”


                 อู๋จินไห่ส่ายหน้า ถึงอย่างไรเขาก็ยังให้ความเกรงใจภรรยาอยู่มาก


                 “ต่างคนต่างกลับเข้าห้อง ฉันจะทำงานต่ออีกสักหน่อย”


                 คำสั่งประมุขของบ้านทำให้ผิงอันสะบัดหน้ากลับไปยังห้องของตนอย่างไม่พอใจนัก ไป๋ซานเองก็เดินตรงเข้ามาในห้องของ

เขาเช่นกัน ไม่นานนักประตูห้องก็ถูกเปิดออกโดยอู๋จินไห่ที่ตรงเข้ามาเพื่อให้ไป๋ซานปรนนิบัติเขา


                “วันนี้ผมพบกับเด็กที่เคยอยู่ในคณะงิ้วด้วยกันครับ”


                ไป๋ซานเอ่ยขึ้นหลังจากมอบความสุขสมสบายตัวให้กับอู๋จินไห่แล้ว


                “เด็กคนนั้นชื่อเหวินเป่า เป็นเด็กที่เทิดทูนพวกรัฐบาลอย่างไม่ลืมหูลืมตามาตั้งแต่เด็กๆ ตอนนี้โตขึ้นเป็นหนุ่มก็ยังไม่เลิก

ความคิดนั้น แทนที่จะมาช่วยกันเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองไปสู่ความเสมอภาค แล้วตอนนี้เหวินเป่าไปอยู่กับใครทราบไหมครับ”


               เขายิ้มเยาะให้กับอดีตเพื่อนตัวน้อยในคณะงิ้ว


                “เหวินเป่าไปอยู่กับพันตรีเฉินหย่งหนานหลานของเฉินจิ้งเหอ ช่างน่าสมเพชในความโง่งมเสียจริง”


                 อู๋จินไห่สะดุดหูขึ้นมาทันที เขาหันไปหาไป๋ซานชายหนุ่มผู้ซึ่งเขารับมาเป็นภรรยาน้อยเพราะความถูกใจในหน้าตาและความ

สามารถบนเตียง


                “น่าสงสารเพื่อนของเธอจริงๆ ไหนลองเล่าเรื่องเหวินเป่าอะไรนั่นให้ละเอียดหน่อยสิไป๋ซาน”


               ไป๋ซานเล่าเรื่องของเหวินเป่าที่เขารู้ทันที คำสั่งของจินไห่คือคำประกาศิตสำหรับเขา ไป๋ซานไม่ได้สังเกตสีหน้าครุ่นคิดตาม

ของอู๋จินไห่เลยแม้แต่นิด


               ภาพของนายทหารอันสง่าผ่าเผยปรากฏขึ้นมาในความคิด จินไห่ไม่ได้พบกับเฉินหย่งหนานนานแล้ว ครั้งสุดท้ายคือการเปิด

ประชุมรัฐสภาก่อนที่สภาจะล่มและเกิดการต่อสู้อย่างเป็นทางการของรัฐบาลกับพรรคสังคมนิยม เขายอมรับว่าหย่งหนานเป็นคนฉลาด

หลักแหลมหากใครได้ไปทำงานด้วยก็จะเป็นผลดี แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังอยากได้บุรุษผู้นั้นมาเป็นกำลังเสริมของเขา

                 ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาจนจินไห่หันขวับมาหาไป๋ซาน เขายิ้มให้กับทาสอันซื่อสัตย์ของเขา


                 “อันที่จริงพันตรีเฉินผู้นั้นก็ไม่ใช่คนเลวเสียทีเดียวหรอก เขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดใช้ได้อยู่ คงจะเป็นการดีไม่น้อย

หากว่าเราจะทำให้เขาได้เข้าใจแนวคิดของเราและกลับใจมาช่วยเหลือพวกเรา”


               ไป๋ซานย่นหัวคิ้ว ความคิดของเขาแล่นตามจินไห่ไม่ทันแม้แต่นิดเดียว


                “ท่านหมายถึงอะไรครับ ชักชวนให้นายทหารที่เป็นหลานของนายกรัฐมนตรีเปลี่ยนข้างมาอยู่ฝั่งเรางั้นหรือ มันจะเป็นไปได้

หรือครับ”


                  “เป็นไปได้สิ หากเธอเป็นผู้ช่วยเหลือ”


                  จินไห่ครุ่นคิดความเป็นไปได้อยู่ในใจ


                  “ใช้ความสนิทสนมที่เธอมีกับเหวินเป่าสิ พูดคุยกับเขาให้เห็นถึงจุดหมายของเราที่จะเปลี่ยนแปลงความเป็นอยู่ให้กับ

ประชาชน หากเด็กคนนั้นมองเห็นว่าสิ่งที่พวกเราทำคือความถูกต้อง เขาก็จะช่วยเหลือให้เราได้เข้าถึงพันตรีเฉินหย่งหนาน”




                                                            TBC
     
                           
                         ใกล้จบแล้ว ถ้าอ่านแล้วถูกใจ คอมเมนท์เป็นแรงใจให้บ้างน้า

                                    o8 o8 o8



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-03-2017 21:22:09 โดย Belove »

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
รำอิพี่ไป๋ซาน รักผัวแก่มากก็อยู่กันเฉยๆสิเว้ย
จะมาวุ่นวายอะไรกับคู่รักเขาเนี่ย
พึ่งแฮปปี้ได้ไม่นานก็มีมารผจญ เห้อม
พี่หย่งหนานเค้ายกย่องอากุยเป็นเมียเอก ไม่ใช่อนุภรรยาแบบหล่อนอะ ชีวิตดีกว่าด้วย

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เอิ่มมมมมมมม ลูกเต่าจะทันคนไหมเนี่ย

ออฟไลน์ iNcamisang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โหวววว ช่างเข้มข้นนนน วางไม่ลงเยย

ออฟไลน์ NUTSANAN

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1031
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-3
ไป๋ซานเปนไรมากป่ะ ลึกๆอิจฉาอากุ่ยใช่มะ   :angry2:

ออฟไลน์ Violasheep

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-0
กลายเป็นคนร้ายๆๆไปซะงั้นเฮ้อ เสียใจแทนเหวินเป่า

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
พี่ไป๋ซานอิจฉาน้องแน่ๆ
สงสารกลัวลูกเต่าน้อยจะเดือดร้อน

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
พี่ไป๋ซาน....ทำไมพี่เปลี่ยนไปมากขนาดนี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
อ้าว
ไหงงั้นล่ะ คนรู้จักทำพิษอีกแล้ว

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ ploysure

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทำไมอากุยเจอแต่คนแบบนี้คะสังคม...
อีพี่ไป๋ซานพาน้องซวยอีกแล้ว  :m31:

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
จำปวศจีนช่วงนั่นไม่ได้เลยว่าเป็นไงเพราะเท่าที่จำได้คือจีนเสียหายจากสงครามโลดมากเลยปิดประเทศไปเลยเดี๋ยวกลับไปหาอ่านเพื่ออรรถรส55555



ไป่ซ่านนึกว่าจะไปแล้วไปลับนะนี่

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
การกลับมาของไป่ซานอย่างพีค นิสัยแย่กว่าเดิมเยอะเลย :hao5:

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


เราตามรอยคุณแป้ง Alternative มา (ถึงจะช้าไปหน่อยก็เถอะ)
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้เราสามารถก้าวข้ามความยากของการจำชื่อตัวละครภาษาจีนได้จริง ๆ
เพราะเนื้อหาสนุกมาก แถมยังเดินเรื่องเร็ว กระชับ มีอะไรให้ลุ้นตามตลอด
เป็นกำลังใจให้นะคะ อยากรู้ว่าตอนต่อไปจะเป็นยังไง ^^


ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                                             ม่านไหมลายพยัคฆ์

                                                                                     บทที่ 21

               น้ำหนักที่วางลงรอบเอวแล้วดึงร่างโปร่งเข้าไปกอดทำให้เหวินเป่ารู้สึกตัวตื่นแม้ว่าแรงนั้นจะพยายามออกแรงให้น้อยที่สุด

ก็ตาม แพขนตากะพริบถี่ก่อนจะเปิดขึ้นพร้อมกับพลิกกายกลับไปหาเจ้าของวงแขนที่เพิ่งกลับมาในยามดึกสงัด


               “กลับมาแล้วหรือครับ”


               หย่งหนานมองใบหน้าที่ยังงัวเงียนั้นอย่างเอ็นดู เขาจูบเบาๆที่หน้าผากเกลี้ยงก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาหยุดที่แก้มนุ่ม


               “ขอโทษที่ทำให้ตื่นนะเหวินเป่า”


               เหวินเป่ายิ้มรับเขายกแขนโอบกอดไปรอบลำคอของอีกฝ่ายอย่างไม่นึกขัดเขินเหมือนช่วงแรกที่มีความสัมพันธ์กันฉันสามี

ภรรยาแล้ว เมื่อเวลาผ่านมาหลายเดือนเขาก็คุ้นเคยกับความใกล้ชิดที่มีต่อหย่งหนานมากขึ้น และที่ยิ่งเพิ่มพูนคือความผูกพันที่มีต่อกัน

               รู้ดีว่าหย่งหนานคือบุคคลสำคัญคนหนึ่งในการปกครองของประเทศ เพียงแค่ชายผู้นี้มีความรักต่อเขาเท่านี้เหวินเป่าก็ดีใจ

มากแล้ว และเมื่อได้อยู่ด้วยกันนานมากเท่าไหร่เหวินเป่าก็มองเห็นแต่ความดีของหย่งหนาน จนเขาสัญญากับตัวเองว่าจะรักและบูชา

หย่งหนานไปจนชั่วชีวิต


               “เหนื่อยมากไหมครับ”


               หย่งหนานไม่ค่อยได้กลับบ้านบ่อยครั้งนักเหตุเพราะการก่อจลาจลไปทุกแห่งหน แผ่นดินจีนร้อนเป็นไฟจนเหวินเป่าอดหวาด

กลัวไม่ได้ และหย่งหนานคือหนึ่งในผู้ที่ต้องแก้ปัญหาบ้านเมืองจนไม่มีแม้แต่เวลาพักผ่อน วันไหนที่ได้กลับบ้านก็กลับดึกจนเวลาล่วง

เข้าวันใหม่ไปแล้ว เมื่อแรกที่ใช้ชีวิตด้วยกันเหวินเป่าเคยรอจนหย่งหนานกลับมาก่อนแต่หย่งหนานก็บอกกับเขาว่าให้นอนโดยไม่ต้องรอ


               “ไม่ต้องปรนนิบัติกับพี่ให้ดีนักหรอก พี่อาจเป็นสามีที่ไม่ดีนักที่ไม่มีเวลาให้ภรรยาตั้งแต่เมื่อครั้งอยู่กับฟางซินแล้ว อย่าได้

ลำบากทรมานตัวเองเพื่อพี่เลยนะเหวินเป่า”


               หย่งหนานเคยบอกเช่นนั้นแต่เหวินเป่าก็เข้าใจ จึงกลายเป็นการเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้าหากันจนลงตัวในที่สุด และทุกวันนี้เห

วินเป่าก็คุ้นชินกับการที่หย่งหนานจะย่องเข้ามาในห้องเพราะกลัวเขาตื่นก่อนจะล้มตัวลงนอนกอดเขาไว้ในอ้อมแขน


               “เหนื่อยมากแค่ไหน พอกลับบ้านมาเห็นหน้าเธอก็หายเป็นปลิดทิ้ง”


               “ปากหวานจริงครับ”


               เมื่อเริ่มคุ้นชินเหวินเป่าจึงได้รู้ว่ามาดสุขุมเยือกเย็นของหย่งหนานมีไว้สำหรับผู้อื่นเท่านั้น แต่กับเหวินเป่าชายหนุ่มในวัย

สามสิบเศษช่างเอาอกเอาใจสารพัด จนเหวินเป่าเกรงว่าเขาจะเหลิงไปกับการกระทำเหล่านั้นเสียก่อน ถึงกับบางครั้งเขาต้องห้ามหย่ง

หนานไม่ให้เอาใจเขามากเกินไปนัก


               หย่งหนานปรนจูบเหวินเป่าอย่างทะนุถนอม เหวินเป่าเรียนรู้ที่จะตอบสนองความสัมพันธ์ทางกายให้มากขึ้น เขาอยากให้หย่ง

หนานอยู่กับเขาด้วยความสุขทั้งกายและใจในทุกๆครั้งที่มีเวลาอยู่ด้วยกัน เหวินเป่ารักในสัมผัสเร่าร้อนแต่แฝงไว้ด้วยความฉ่ำหวานกับ

บทรักอันเย้ายวนด้วยไฟปรารถนา


               “วันนี้คุณลุงถามเรื่องของเรา”


               หย่งหนานบอกเขาเสียงนุ่ม วงแขนแกร่งสวมกอดร่างบางเปล่าเปลือยไว้ในอ้อมอกไม่ยอมปล่อยหลังจากที่เพิ่งจูงมือกันขึ้น

สวรรค์ เหวินเป่าที่เพิ่งจะหายเหนื่อยถึงกับดันกายออกจากอกอุ่นขึ้นมามองหย่งหนานด้วยความอยากรู้


               “แล้วท่านว่าอย่างไรครับ ท่านเคืองหรือไม่ หรือว่าห้ามเรื่องที่เราอยู่ด้วยกันหรือเปล่า”


               ชุดคำถามนั้นบอกให้รู้ว่าเหวินเป่าตื่นเต้นและกังวลแค่ไหน หย่งหนานยกคิ้วสูงและคลี่ยิ้มบางๆออกมา


               “ถ้าคุณลุงห้ามล่ะ เธอจะทำอย่างไร”


               เหวินเป่าหน้าสลดลงทันที เขาช้อนตามองหย่งหนานด้วยนัยน์ตามั่นคงจากความรู้สึก


               “ผมคงต้องมอบการตัดสินใจให้พี่หย่งหนาน ไม่มีใครบอกเลิกผมได้นอกจากพี่ หากท่านจิ้งเหอไม่ต้องการให้ผมอยู่กินกับพี่

จริงๆผมก็อาจจะลดบทบาทตัวเองไปเป็นคนรับใช้ของพี่เช่นเมื่อก่อน แต่จะให้ผมจากพี่ไปคงทำไม่ได้ เว้นเสียแต่พี่เป็นคนไล่ผมเอง”


               หย่งหนานได้ยินแล้วจึงหัวเราะออกมาอย่างถูกใจ เขาบีบปลายคางมนอย่างมันเขี้ยว


               “ว่าแต่พี่ปากหวาน ความจริงแล้วเธอเองนั่นแหละที่ปากหวานกว่าพี่มากนัก เรื่องคุณลุงอย่ากังวลไปเลย ท่านอนุญาตให้เรา

รักกันได้”


               เหวินเป่ายิ้มกว้างทันที ความวิตกหวาดหวั่นพลันหายไปเหลือแต่ความดีใจที่ชีวิตรักหมดสิ้นซึ่งอุปสรรค เขาซุกหน้าเข้าหา

อกกว้างพร้อมกับเล่าเรื่องราวต่างๆที่พบเจอมาในวันนี้ให้หย่งหนานฟังอย่างเช่นทุกครั้งที่พูดคุยตามประสาสามีภรรยา


               “วันนี้ผมเจอกับพี่ไป๋ซานด้วย พี่หย่งหนานจำพี่ไป๋ซานได้ไหมครับคนที่อยู่กับผมที่โรงงิ้ว คนที่หนีไปจนผมต้องเล่นงิ้ว

แทน...”


               หย่งหนานฟังเสียงเจื้อยแจ้วของเหวินเป่าอย่างเพลิดเพลินจนเปลือกตาของเขาหรุบต่ำลงเรื่อยๆ


               “...พี่หย่งหนาน อ้าว หลับเสียแล้วหรือครับ”


               “ใครจะทนไหวกับคำพูดจนลิงหลับของเธอกันนะลูกเต่าน้อย นอนเถอะ พรุ่งนี้ฉันจะต้องไปตรวจงานแต่เช้า”


               หย่งหนานโน้มหน้าลงไป เขาวางปากแนบไปกับริมฝีปากนุ่มก่อนจะจูบเบาๆ เหวินเป่าจูบตอบเป็นแล้ว เขาเอียงหน้าให้หย่ง

หนานได้จูบจนพอใจ


               “Good night, my sweetheart”


               เหวินเป่าเอ่ยภาษาอังกฤษที่เรียนมาจนหย่งหนานที่หลับตาลงแล้วยังต้องยิ้มออกมา เขาดึงร่างบางเข้าไปกอดและกระซิบ

ข้างหูของเหวินเป่า


               “Thanks , I love you Darling”


               หย่งหนานโยนความเครียดทั้งมวลทิ้งไปและหลับลงอย่างง่ายดายโดยมีเหวินเป่าอยู่ในวงแขน เขาตักตวงกำลังใจจากหนุ่ม

น้อยผู้นี้เพื่อที่จะมีแรงสู้กับเรื่องร้ายๆที่ต้องเผชิญเมื่อหย่งหนานลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง





               เหวินเป่าใช้เวลาดูแลเด็กชายเฉินฮุ่ยจงในช่วงเช้าขณะที่สาวใช้ในบ้านกำลังสาละวนทำงาน และพอตกบ่ายเขาถึงจะได้ไป

ช่วยงานที่โรงพยาบาลเพื่อฝึกภาษาอังกฤษกับหมอและมิชชันนารีไปด้วยในตัว การที่ได้มาทำงานในโรงพยาบาลในช่วงเวลาแห่งความ

ผันผวนของการเมืองการปกครองทำให้เหวินเป่าได้เข้าใจชีวิตมากขึ้น เขานึกสะท้อนใจทุกครั้งที่มีผู้บาดเจ็บจากการจลาจลมารักษาตัว


               “เกิดอะไรขึ้นกับประเทศกันครับ”


               เหวินเป่าอดใจไม่อยู่จนต้องเอ่ยถามมิสเตอร์จอห์น นายแพทย์จากอังกฤษที่เคยรักษาฟางซิน ชายหนุ่มวัยไม่เต็มยี่สิบปีเช่น

เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้คนถึงลุกฮือขึ้นมาทำร้ายคนในชาติด้วยกันเอง


               “เพราะพวกเขาต่างก็คิดว่าแนวคิดของกลุ่มตนเองนั้นถูกต้อง และทำทุกอย่างเพื่อให้กลุ่มของตนได้รับชัยชนะและเข้ามาปก

ครองประเทศ” มิสเตอร์จอห์นตอบเขาเช่นนั้น


               “การได้ปกครองคนดีตรงไหนครับ ทำไมพวกเขาถึงแสวงหาอำนาจกันนัก” เหวินเป่าเอ่ยถามต่อไป


               “เพราะอำนาจคืออาวุธที่จะได้ก้าวไปสู่ชัยชนะและความเป็นผู้นำอย่างไรล่ะเหวินเป่า ผู้ชนะจะทำอะไรก็ได้ตามที่เขา

ต้องการ”


               มิสเตอร์จอห์นอธิบายอย่างใจเย็น เขาชอบในความเฉลียวฉลาดของเด็กหนุ่มเป็นอย่างมาก


               “เมื่อเธอเป็นผู้นำแล้วเธอจะทำอะไรก็ได้เพื่อควบคุมผู้อื่นให้ทำตามที่ต้องการ เธอรู้จักผู้นำทางการทหารของเยอรมันที่เป็นผู้

เริ่มต้นสงครามโลกที่ผ่านมาหรือไม่ เขาเคยกล่าวไว้ว่าวิธีการที่จะควบคุมประชาชนที่ดีที่สุดคือค่อยๆลิดรอนสิทธิเสรีภาพของพวกเขา

ออกไปทีละนิดโดยไม่รู้ตัว จนในที่สุดจะถึงจุดที่มันหมดไปจากพวกเขาและไม่สามารถเรียกร้องกลับมาได้อีกเลย นั่นหมายความว่าเธอ

จะกลายเป็นผู้ควบคุมอย่างแท้จริง”


               เหวินเป่าได้แต่คิดคำนึง เขาเป็นเพียงประชาชนตัวเล็กๆในประเทศนี้เท่านั้น เขาเกลียดความรุนแรงและไม่ต้องการให้มีการ

แก่งแย่งแข่งขันที่ทำให้ผู้คนเกลียดชังกันถึงเพียงนี้


               ช่วยงานที่โรงพยาบาลจนถึงตอนเย็นเหวินเป่าจึงขอตัวกลับตามปกติ เขาก้าวเดินมาด้านหน้าของโรงพยาบาลเพื่อจะขึ้นรถ

ลาก แต่เหวินเป่าก็แปลกใจอีกครั้งที่ได้พบเยี่ยไป๋ซาน


               “พี่ไป๋ซาน พบกันอีกแล้ว”


               เหวินเป่าก้าวเข้าไปหาและส่งยิ้มทักทายไป๋ซาน หากแต่ไป๋ซานกลับฝืนยิ้มให้เขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด


               “พี่มาวันนี้เพราะต้องการความช่วยเหลือ”


               ไป๋ซานเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อกล่าวคำทักทายต่อกันจบลงแล้ว เหวินเป่ามองอย่างสงสัย


               “พี่มีเรื่องเดือดร้อนอะไร รุนแรงหรือเปล่า หากผมช่วยอะไรได้ผมก็จะช่วย”


               “พี่เห็นเธอทำงานที่โรงพยาบาล ตอนนี้เพื่อนของพี่ได้รับบาดเจ็บแต่ไม่สามารถมาโรงพยาบาลได้ เธอจะมีเวลาไปช่วยคนที่

กำลังลำบากได้หรือไม่”


               “ได้สิ ผมจะไปช่วย พี่พาผมไปเถอะ หากเขาได้รับบาดเจ็บขนาดนั้น ยิ่งช้าอาจจะไม่ทันการ”


               เพราะความมีน้ำใจของเหวินเป่าทำให้เขาไม่คิดปฏิเสธ เขาก้าวเดินตามหลังไป๋ซานไปโดยไม่ทันสังเกตแววตาสมหวังของ

ไป๋ซานเมื่อภารกิจที่วางแผนไว้ลุล่วงไปได้ขั้นหนึ่ง ไป๋ซานรู้จักเหวินเป่าดีทุกซอกทุกมุม เขาใช้อุปนิสัยความมีน้ำใจและความใสซื่อของ

เด็กหนุ่มให้เป็นประโยชน์และมันก็สำเร็จจริงๆ

                 เหวินเป่าเริ่มเอะใจเมื่อเขาตามไป๋ซานไปยังอาคารแห่งหนึ่งที่มีผู้คนอยู่กันเป็นจำนวนมาก หลายคนเอ่ยทักทายไป๋ซาน

อย่างสนิทสนมในขณะที่ไป๋ซานเดินนำเขาผ่านประตูที่มีป้ายเขียนบอกว่าที่นี่คือที่ตั้งสาขาพรรคสังคมนิยมแห่งหนึ่ง


                 "พี่ไป๋ซาน นี่พี่หนีจากโรงงิ้วมาอยู่กับพรรคสังคมนิยมงั้นหรือ”


                เหวินเป่าชะงักเท้าจนไป๋ซานต้องหยุดเดินและหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา ชายหนุ่มผู้เป็นอดีตนางเอกงิ้วชื่อดังยกคิ้วสูงขึ้น

เมื่อเอ่ยคำถามต่อเพื่อนรุ่นน้องที่อยู่ด้วยกันมา


               “ทำไมล่ะ ไม่เห็นต้องแปลกใจเลย ตอนนี้ผู้คนมากมายในประเทศต่างก็หันมาตกลงใจเข้าร่วมกับที่นี่ด้วยกันทั้งนั้น”


               จริงเช่นที่ไป๋ซานกล่าวว่าไม่ควรต้องแปลกใจเมื่อเหวินเป่ากลับมาย้อนคิดถึงไป๋ซานที่เขารู้จักตั้งแต่อดีตแล้ว แต่เพราะเมื่อ

สมัยก่อนนั้นเหวินเป่ายังเด็กและไร้การศึกษาจนไม่เข้าใจเองต่างหาก ไป๋ซานมักจะกล่าวถึงแนวคิดของเขาที่เกลียดนักการเมืองกังฉินที่

แสวงหาผลประโยชน์ให้ฟังอยู่เสมอ และเมื่ออยู่ในป่าไป๋ซานก็ชอบที่จะไปนั่งฟังชายผู้หนึ่งพูดคุยอุดมการณ์ของเขาในเรื่องความเสมอ

ภาคของคนในสังคม เหวินเป่าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่านั่นคืออู๋จินไห่ผู้นำพรรคสังคมนิยมนั่นเอง และซ้ำร้ายในชีวิตช่วงหนึ่งของไป๋ซานที่ต้องถูก

อิทธิพลของนักการเมืองบังคับให้กลายเป็นของเล่นให้เชยชม นั่นเป็นฟางเส้นสุดท้ายก่อนที่เขาจะผันตัวเองมาเป็นสมาชิกของพรรค

สังคมนิยมอย่างเต็มตัว


                “เธอลองคิดให้ดีสิเหวินเป่า พวกนักการเมืองต่างก็หากินกับหยาดเหงื่อแรงงานของพวกเราทั้งนั้น พวกชาวนาก็ก้มหน้าก้ม

ตาเพาะหว่านเก็บเกี่ยว พวกกรรมกรก็ต้องออกแรงแบกขนในขณะที่พวกนักการเมืองคอยเก็บภาษีขูดรีดไปจากพวกเราทั้งที่พวกเราต่าง

หากที่เป็นคนเหนื่อยยากกลับไม่ได้เงยหน้าอ้าปาก”


                   ไป๋ซานเผยแนวคิดของเขาออกมาโดยหวังจะให้เด็กหนุ่มรุ่นน้องเห็นด้วยกับความคิดของเขา


                “พรรคสังคมนิยมคือทางเลือกของพวกเรา หากพวกเราชนะทุกคนในประเทศก็จะมีความเท่าเทียมกัน ไม่มีคนรวยคนจนอีก

ต่อไป ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะและการกดขี่ข่มเหงกันอีกแล้ว เธอไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้นหรือเหวินเป่า”


                “มันเป็นแนวคิดที่ดี”เหวินเป่ายอมรับ


               “แต่พี่ไป๋ซานไม่คิดบ้างหรือว่าความต้องการอยากได้อยากมีของมนุษย์มันเป็นสิ่งที่ไม่มีวันจบสิ้น ไม่มีใครพอใจในสิ่งที่

ตนเองมีอยู่ทุกคนจะแสวงหาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และก็จะมีคนอีกประเภทหนึ่งเมื่อได้ในสิ่งที่ทัดเทียมผู้อื่นเขาก็อาจจะไม่ยอมทำอะไรเลย

เพราะถึงอย่างไรก็ได้เท่าเทียมผู้อื่นอยู่แล้ว เขาออกแรงเพียงสิบแต่พี่ออกแรงถึงร้อยแต่กลับได้ผลประโยชน์เท่ากันก็แสดงว่าพี่ต้อง

เหนื่อยกว่าเขาถูกเขาเอารัดเอาเปรียบ หากพี่พบเจอคนทั้งสองประเภทนี้พี่จะทำอย่างไร แล้วสังคมในอุดมคติของพี่จะต่างจากทุกวันนี้

เช่นไร”


                 ไป๋ซานนิ่งงัน เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำโต้แย้งจากเด็กที่โตมาด้วยกันอย่างเหวินเป่า และสิ่งที่เหวินเป่าเอ่ยออกมานั้นเขา

กลับหาเหตุผลตอบโต้ไม่ได้เลย


                   “และเพียงเพื่อชัยชนะในฝ่ายที่ตัวเองเห็นด้วยความรุนแรงจึงได้เกิดขึ้น ผมน่ะเสียใจยิ่งกว่าตอนที่เราสูญเสียไปกับ

สงครามโลกเสียอีก เพราะนั่นคือเราต่อสู้กับคนจากประเทศอื่นที่เข้ามารุนราน แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าเรากำลังต่อสู้กับคนในประเทศ

เดียวกัน ต่อสู้กับพี่น้องของพวกเรากันเอง”




มีต่ออีกนิด...



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-03-2017 17:35:01 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove

อ่านต่อตรงนี้...


                    ขอบตาของเหวินเป่าร้อนผ่าว ในอดีตเขาอาจไม่เคยรู้อะไรเลยแต่เมื่อได้มีการศึกษาและขวนขวายหาความรู้ใส่ตัวจึงได้


เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเจ็บปวดในหัวใจเหลือเกินกับความรุนแรงในตอนนี้


                  “เธอก็พูดอย่างคนเห็นแก่ตัวเกินไปนะเหวินเป่า”ไป๋ซานเริ่มตอบโต้บ้าง


                  “ทุกวันนี้เธอมีความเป็นอยู่สุขสบายแล้วนี่ เธออยู่กินกับหลานชายของนายกรัฐมนตรี กลายเป็นนกน้อยในกรงทองของเขา

ไหนเลยจะมาสนใจประชาชนที่ลำบากยากเข็ญ ก็ลองให้พันตรีเฉินคนนั้นกลายไปเป็นชาวนาหรือกรรมกรแบกหามไม่มีเงินทองหรือ

เกียรติยศ เธอจะยังรักเขาอยู่หรือไม่”


                 เหวินเป่าจ้องมองไป๋ซานอย่างคาดไม่ถึง ราวกับว่าเขาไม่เคยรู้จักกับไป๋ซานมาก่อน ความขุ่นเคืองปนเปไปกับความสังเวช

ใจเมื่อประสานสายตากับอีกฝ่าย


                 “ผมผิดหวังที่พี่ไป๋ซานไม่เข้าใจผมแม้แต่นิดเดียวทั้งที่คิดว่าพี่น่าจะเป็นคนที่เข้าใจผมอย่างที่สุด ผมจะบอกให้พี่ได้รับรู้ไว้

ว่าที่ผมรักพี่หย่งหนานไม่ใช่เพราะเขามีฐานะร่ำรวยหรือเพราะเขาเป็นคนใหญ่โต ผมรักที่น้ำใจของเขาตั้งแต่วันแรกที่พี่หย่งหนานได้

ช่วยผมไว้จากความโหดร้ายในซ่องคณิกา ผมรักตั้งแต่ยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อแซ่ของเขาด้วยซ้ำ ดังนั้นไม่ว่าเขาจะเป็นกุลีรับจ้างแบกของ

หรือเป็นชาวนาผมก็จะคงรักเขาไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”


                 สายตาที่เหวินเป่ามองมาทำให้ไป๋ซานรู้สึกอับอายจนมันแปรเปลี่ยนไปเป็นความอยากเอาชนะ ในเมื่อเหวินเป่ารักพันตรีเฉิน

แต่สำหรับไป๋ซานแล้วความศรัทธาแรงกล้าต่ออู๋จินไห่ก็อยู่เหนือสิ่งอื่นใดเช่นกัน คำสั่งของอู๋จินไห่ย่อมเป็นประกาศิตหากเขาต้องการสิ่ง

ใด และถ้าไป๋ซานทำไม่ได้เขาก็เกรงว่าอู๋จินไห่จะโกรธเกลียดเขาซึ่งเป็นสิ่งที่ไป๋ซานไม่ต้องการให้เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด แผนการใหม่

ผุดขึ้นมากะทันหันในสมองของไป๋ซานทันที


                 “เธอรักเขาแล้วเขารักเธอหรือไม่เหวินเป่า หรือว่าเขามองเห็นเธอเป็นแค่ดอกไม้ที่เด็ดมาดอมดมแล้วโยนทิ้งยามหมดกลิ่น

หอม พี่เองก็อยากพิสูจน์นักว่าคนสูงศักดิ์เช่นเขาจะลดค่าตนเองมารักใคร่กับคนที่มีแม่ขายตัวเช่นเธอหรือเปล่า”


                 เพียงแค่ไป๋ซานตวัดสายตาแทนคำสั่ง ชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่หลายคนที่นั่งทำงานอยู่รอบๆพลันลุกขึ้นยืนทันที พวกเรา

ล้อมกรอบเหวินเป่าไว้ปิดทางหลบหนีในขณะที่ไป๋ซานยืนนิ่งมองอยู่


              “นี่มันอะไรกันพี่ไป๋ซาน”


              เหวินเป่ามองไปโดยรอบด้วยความหวาดหวั่น เขานึกชังตัวเองที่หาเรื่องใส่ตัวอีกครั้ง


               “อย่ากลัวไปเลยเหวินเป่า ถึงอย่างไรเธอก็เป็นน้องของพี่ พี่ไม่คิดจะทำร้ายเธอให้บาดเจ็บหรอก เพียงแค่ขอยืมตัวเธอ

ชั่วคราวเพื่อเจรจากับพันตรีเฉินเท่านั้น”


                  “หมายความว่าอย่างไร”


                   เหวินเป่าเบิกตากว้าง ความตระหนกกรูเข้ามาจนหนาวสะท้านไปทั้งตัว ไป๋ซานมองสะท้อนกลับมาด้วยสายตาแห่งความ

คาดหวัง


                 “ท่านอู๋ต้องการคนมีฝีมือมาช่วยเพื่อให้งานของพวกเราลุล่วงเสียที และท่านก็ต้องการให้พันตรีเฉินเข้าใจในวัตถุประสงค์

ของพวกเรา หากพันตรีเฉินจะเปลี่ยนใจมาสู่พรรคสังคมนิยมโดยมีเธอเป็นผู้แนะนำก็คงจะเป็นการดี”


                 “พี่ไป๋ซาน!” เหวินเป่าอุทานอย่างตกตะลึง


                “ผมผิดหวังในตัวพี่ที่สุด เพราะความต้องการเอาชนะพี่ถึงกับใช้ความไว้เนื้อเชื่อใจที่ผมมีต่อพี่เป็นเครื่องมือ พี่จับผมเป็นตัว

ประกันเพื่อแลกกับสิ่งที่พี่อยากได้”


                 “จงเรียกมันว่าการเสียสละ”


               ไป๋ซานเชิดหน้าขึ้น แม้ความรู้สึกผิดจะก่อตัวอยู่ในใจเขาก็จำเป็นต้องรีบกำจัดมันออกไปให้เร็วที่สุด


              “พี่ยอมเสียสละเพื่อนที่ดีที่สุดอย่างเธอเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น”


               “จะให้ทำอย่างไรครับคุณเยี่ย”


                เสียงนอบน้อมที่ผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นกับไป๋ซานทำให้เหวินเป่าสะดุดใจ เขาเห็นอำนาจที่ไป๋ซานมีต่อพวกเขาเหล่านั้น


                “แค่เชิญเพื่อนของฉันเข้าไปพักผ่อนด้านในก็พอ จงดูแลเหวินเป่าเป็นอย่างดี ส่วนฉัน...”


                 ไป๋ซานพูดอย่างมั่นใจ


                “ฉันจะติดต่อให้พันตรีเฉินมารับเหวินเป่าด้วยตัวของเขาเอง”

                       

                                                    TBC
                   
                                                       ช่วยคอมเมนท์หน่อยน้า
                       

                                                  บทหน้าจะจบแล้วจ้า


                                                 
o7 o7 o7
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-03-2017 22:26:33 โดย Belove »

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
คนเห็นแก่ตัว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด