ตอนที่ 18
โน้ตการ์ดใบที่ 18
เสร็จแล้วโทรหา ตลอดทั้งวันที่เหลือผมใช้มันหมดไปกับการเหม่อลอย ผมไม่กล้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่กล้าเดินออกไปนอกห้องเพราะกลัวเจอสตาร์ ผมคงจะเป็นอย่างที่ไอ้สิกบอกนั่นก็คือผมมีความเห็นอกเห็นใจคนอื่น มันเป็นสิ่งที่ดีแต่ผมมีมากเกินไปจนน่าเป็นห่วง
ทำไงได้ล่ะครับ ผมก็เป็นอย่างนี้มาตลอดนี่หว่า T_T
และมันก็ยังเสริมอีกด้วยว่าผมเห็นอกเห็นใจคนอื่นก็จริง แต่ไม่เคยเห็นอกเห็นใจมันเลย
เออ มึงพูดอีกก็ถูกอีกอ่ะ
โชคดีที่ผมจะได้แก้ไขก่อนที่จะสายเกินไป ประมาณปลายสัปดาห์หน้าสิกก็จะไปแล้วครับ ทุกอย่างมันไวมากจนน่าตกใจ ที่จริงที่มันไวแบบนี้เพราะเราสองคนเสียเวลาไปกับการทะเลาะกันนี่แหละ
ขออย่าให้เราทะเลาะกันอีกเลย
นอกจากผมจะคิดมากเรื่องสตาร์แล้ว ผมยังคิดมากเรื่องพี่ดินอีก รายนี้ผมคิดมากน้อยกว่าหน่อยเพราะผมไม่ค่อยได้ไปใกล้ชิดกับพี่เขาเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็กลัวมากอยู่ดี ผมไม่ชอบเห็นใครต้องมาเจ็บปวดเพราะผมจริงๆ นะ
พูดได้แต่ในใจครับ เพราะถ้าไอ้สิกได้ยินเดี๋ยวมันก็มาทวงความเป็นธรรมจากผมอีก
เออ กูกำลังจะหักร้างถางพงให้กับทางรักของกูกับมึงอยู่เนี่ยยยยย
“ว่าแต่การเป็นเพื่อนกับกูมันเป็นแผนของมึงเหรอวะ” ผมกระซิบถามไอ้สิกตอนที่ได้โอกาส “ถ้าเป็นแบบนั้นมึงร้ายมากเลยนะ”
“ทำไงได้ กูไม่เคยคิดกับมึงแค่เพื่อนแต่แรกอยู่แล้ว” มันลอยหน้าลอยตาตอบ
“มึงก็พูดออกมาได้เนอะ”
“คนคูลๆ เขาทำกันแบบนี้”
“มันไม่คูลเว่ย มันไม่คูล”
“แล้วไง ได้ใจมึงมาก็แล้วกัน”
กูยอมมึงเลยอ่ะ ถ้าจะให้พูดจริงๆ ล่ะก็ผมคงตกหลุมพรางแผนของมันตั้งแต่แรกแล้วล่ะ มันทำดีกับผมมากมาย แถมยังยอมผมแทบจะทุกเรื่องอีกต่างหาก แบบนี้จะไม่ให้ผมหวั่นไหวได้ไง
แต่ก็หมั่นไส้แม่งฉิบหาย
“เอาเถอะ ว่าแต่จะไปคุยกับพี่ดินยังไง”
“ไลน์ไปบอกแล้วว่าเย็นนี้จะไปหาที่สภา”
“กูคงไปอยู่ด้วยไม่ได้นะ ต้องไปคุยกับครู และก็เตรียมตัวห่าเหวไรไม่รู้เยอะเลย”
ฟังดูแล้วก็เซ็ง แต่ถึงอย่างนั้นความจริงก็คือความจริง อีกไม่นานไอ้สิกมันก็จะไป และผมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงในสิ่งนี้ได้
“มึงใจร้ายกับกูมากเลย” ผมแกล้งงอแงเป็นเด็กๆ “มึงเป็นคนพูดเองว่ากูขาดมึงไม่ได้ แล้วดูมึงทำกับกูสิ”
“กูจะไปเก็บประสบการณ์เพื่อกลับมาเป็นสามีที่ดีของมึง”
“เก็บเหี้ยไรไกลจัง มึงบ้าป่ะ แถวบางกะปิบางนามึงก็เก็บได้”
“ทำไมไม่โวยวายคำว่าสามีเลยล่ะ”
“กู...ขี้เกียจแล้ว”
“ดูก็รู้ว่ายังไงมึงต้องเป็นเมียกู ไม่ต้องสืบเลย”
ดีกรีความหมั่นไส้ของผมพุ่งทะลุจุดศูนย์ไปแล้วตอนนี้ (งานรีบอร์นก็มา) หลังจากนั้นออดตอนเลิกเรียนก็ดัง และนั่นก็เป็นตอนที่ผมจะต้องไปหาพี่ดินที่สภานักเรียน
ไอ้สิกอยู่ในห้องเรียนอย่างอ้อยอิ่ง ขณะที่ผมนั้นมองมันด้วยสายตาสงสัย
“ไปได้แล้ว”
“ยัง รอแป๊บหนึ่ง”
“รออะไร”
“เถอะน่า”
มันรอให้เพื่อนออกจากห้องเรียนไปจนหมดนี่เอง (ใครเวรวันนี้วะ ทำไมไม่ทำความสะอาด?) ตอนนี้ในห้องเรียนเหลือแต่ผมกับมันสองคน ที่ผมไม่สามารถไปหาพี่ดินได้ ก็เพราะผมรอให้ไอ้สิกไปก่อนนี่แหละ
“เอาล่ะ มีอะไร” ผมกอดอกมองมันอย่างเอาเรื่อง
ไอ้สิกมองซ้ายมองขวา ก่อนที่พุ่งตัวเข้ามาจุมพิตผมที่หน้าผากอย่างรวดเร็ว
“โชคดีนะมึง”
หลังจากนั้นมันก็วิ่งหายไปเลย
“แค่นี้เหรอ มึงรอทำแค่นี้เหรอออออออออ”
ฟายเอ๊ย
มันทำให้ผมหน้าแดงแจ๋ แล้วมันก็จากไปโดยที่ไม่รับผิดชอบอะไรสักอย่าง
ฝากไว้ก่อนเถอะ กูจะเอาคืนวันหลัง
“หน้าผากของมึงอ่ะ ของกูนะเว่ยยย” ผมออกจากห้องเรียนและก็ร้องตามหลังไอ้สิกที่วิ่งอยู่
“เออ กูรู้แล้ว!”
ห้องสภานักเรียน
ตอนนี้ในห้องกำลังเครียดกันเพราะเตรียมตัวเลือกตั้งสภาชุดใหม่ที่จะมีหลังมิดเทอมนี้ ผมจึงยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าห้องนานสองนานโดยที่พี่ดินไม่สังเกตเห็น เมื่อมองเห็นผม เขาก็ให้ผมเข้าไปนั่งรอด้านในหลังจากนั้นเขาก็ประชุมงานต่อ
จริงๆ แล้วพี่ดินไม่ใช่ประธานสภานักเรียนแต่เป็นรองสภานักเรียนฝ่ายปกครอง (มียศมีตำแหน่งโอเว่อร์โอวัง) หรือจะพูดให้ถูกก็คือพี่เขาเป็นผู้ช่วยคุณครูฝ่ายปกครองอีกทีหนึ่ง มีปลอกแขนเท่เชียวล่ะ
ตลอดการประชุมเขาเอาแต่มองผมที่นั่งเล่นเกมในคอมอยู่มุมห้อง จนมีหลายครั้งที่คนในที่ประชุมต้องเรียกเขาเพื่อดึงสติ โชคดีที่ผมสามารถเข้ามานั่งเล่นได้ไม่โดนด่าอะไร อาจเป็นเพราะผมมาหาพี่ดินด้วยแหละมั้ง คนก็เลยไม่กล้าว่าอะไรผม
กว่าพวกเขาจะประชุมเสร็จก็เกือบหกโมงเย็นแล้ว ผมก็เล่นเกมเพลินจนลืมมองดูเวลาเลย (ทำไมคอมสภาถึงมีเกมหนุกๆ เยอะจังวะ) ทุกคนเริ่มทยอยออกจากห้อง จนกระทั่งเหลือผมกับพี่ดิน
ช่วงเวลาระทึกใจสำหรับผมมาถึงแล้ว...
“ว่าไง” พี่ดินเข้ามาถาม “มีอะไรจะคุยกับพี่เหรอ”
ผมกดปิดคอม ก่อนที่จะบอกพี่ดินว่า “พี่ดินไปนั่งที่หัวโต๊ะก่อน”
“หา”
“มันจริงจังมากพี่”
พี่เขาทำตามพี่ผมบอก ระหว่างที่บอกจัดการกับคอมพิวเตอร์ ผมก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้ด้วย ถึงมันจะดูง่ายกว่าสตาร์ แต่มันก็ยากสำหรับผมอยู่ดี
“ว่าไง” พี่ดินถามอีกครั้งเมื่อเห็นผมนั่งเรียบร้อย
“คือว่า...” ให้ตายเถอะสัดฟืน กล้าๆ หน่อย
“ว่า?”
“ผม...”
เสียงประตูปิดลงกลอนทำให้ผมกับพี่ดินสะดุ้ง
“เชี่ย ไอ้พวกห่าน!” พี่ดินรีบวิ่งไปที่ประตู มันถูกล็อกเอาไว้ ผมเองก็เริ่มตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
“พวกมันขังเราไว้กับพี่อ่ะดิ”
“หา”
“แป๊บนะ เดี๋ยวพี่โทรหาลุงยามให้”
สภาแม่งขังนักเรียนได้ด้วยเหรอวะ มึงใช้อำนาจในทางที่ผิดแล้วนะเว่ยยยยยยย ผมโวยวายอยู่ในใจพลางมองดูพี่ดินโทรหาลุงยาม
“ลุงครับ พวกไอ้ต้นมันขังผมไว้ในห้องสภา ลุงช่วย...” พี่ดินเว้นวรรคก่อนที่จะถอนหายใจยาวๆ เขากดวางสายแล้วหันมาหาผม “ท่าทางจะอีกนาน พวกมันไปสกัดลุงยามเอาไว้ด้วย คงอยากให้เราสองคนอยู่ด้วยกัน”
ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าผมมีเวลามากมายที่จะคุยกับพี่ดินสินะ
“ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวพวกมันก็มาเปิดให้ คงไม่ขังฟืนกับพี่ไว้ที่นี่ทั้งคืนหรอก”
“...”
“ว่าแต่จะคุยอะไรกับพี่ล่ะ” เขากลับมานั่งที่หัวโต๊ะตามเดิม
ผมสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อเรียกความกล้า
“พี่ดิน”
“อืม ฟังอยู่”
“จำได้ป่ะที่พี่บอกว่ามีอะไรให้ผมบอกพี่ตรงๆ”
“จำได้”
“ผมชอบไอ้สิก”
“แล้ว?”
แค่คำว่า ‘แล้ว’ ของพี่เขาก็ทำให้ผมไปต่อไม่เป็นแล้วล่ะ
“พี่ไม่ตกใจสักนิดเลยเหรอ”
“เดาง่ายจะตายห่า ฟืนกับมันชอบงอนกันจนคนเขารู้กันทั่วโรงเรียนแล้วมั้งว่าชอบกัน” พี่ดินพูดด้วบใบหน้าเฉยชา “พี่รอให้ฟืนมาบอกพี่อยู่รู้ป่ะ พี่จะได้ตัดใจและก็เริ่มใหม่กับใครบางคนสักที”
ทำไมมันง่ายแบบนี้วะ แล้วที่กูเตรียมอกเตรียมใจมาทั้งหมดนั้นคือเพื่ออะไร
“ฟืนอาจจะตกใจ แต่พี่ก็เป็นคนแบบนี้แหละ”
“...”
“ที่ผ่านมาพี่สนใจฟืนจริงๆ นะเว่ย ประมาณว่าถ้าได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรอ่ะ”
“...”
“แต่ดูเหมือนฟืนจะเกิดมาเพื่อเป็นของเพื่อนฟืน ไอ้ฟิสิกส์เด็กโหดคนนั้น”
ผมโล่งใจที่พี่ดินเข้าใจ
“ขอบคุณที่เข้าใจนะครับ”
“เออ ชีวิตมันสั้นนี่” พี่ดินมองผม “ว่าแต่ไอ้สิกมันจะไปต่างประเทศแล้วไม่ใช่เหรอ ฟืนยอมเหรอ”
“ผมมีสิทธิ์ห้ามมันได้ด้วยเหรอครับ” ผมตอบเศร้าๆ
“มีดิ ถอดเสื้อยั่วมันไปเลย ถ้าทำงั้นยังไงมันก็อยู่ไทยต่อ”
“ว่าไงนะพี่”
“อะแฮ่มๆ ไม่มีอะไรหรอก” พี่ดินเริ่มเช็กโทรศัพท์อีกครั้งเรื่องถูกขังอยู่ในห้องนี้ “ทนอึดอัดกับพี่สักพักนะ อีกนิดลุงยามก็คงจะมาเปิดให้แล้วล่ะ”
“ผมไม่ได้อึดอัดอะไรครับ”
“จริงนะ”
“พี่ดิจะอึดอัดหรือเปล่า”
“ไม่หรอก”
“...”
“นอกจากเรื่องนี้แล้ว ไม่มีอะไรจะพูดอีกเหรอ”
“อ๋อ” ผมทำท่านึกขึ้นได้ “ตอนที่ผมกับสตาร์ตกน้ำ ขอบคุณพี่นะครับที่กระโดดลงไปช่วยสตาร์”
“ขอบคุณแทนไอ้หน้าขาวนั่นอ่ะนะ นี่ฟืนเป็นคนยังไงเนี่ย”
“ไม่รู้ดิพี่ ผมแค่รู้สึกอยากขอบคุณ สตาร์ก็เป็นเพื่อนผมเหมือนกัน”
พี่ดินจ้องหน้าผมเขม็งก่อนที่จะขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ผม
“รู้ป่ะ ทันทีที่ฟืนก้าวออกจากห้องนี้ พี่ก็ไม่มีสิทธิ์มองฟืนใกล้ๆ แบบนี้อีกแล้ว”
ผมกลืนน้ำลาย พยายามเบนหน้าหนี
“เพราะฟืนเกิดมาเพื่อเป็นของเพื่อนฟืน ไม่ใช่พี่”
ตอนนั้นเสียงประตูที่ล็อกจากด้านนอกก็ถูกเปิดออก ผมกับพี่ดินหันไปมอง แทนที่จะเห็นใบหน้าของลุงยาม สิ่งที่เห็นกลับเป็นใบหน้าของไอ้สิก
ไอ้สิกที่กำลังมองดูอยู่ว่าผมกับพี่ดินนั้นมีใบหน้าที่อยู่ใกล้กันมากแค่ไหน
งานเข้าอีกแล้วใช่มั้ยกู T___T
“ท่าทางจะคุยกันรู้เรื่องนะ” ไอ้สิกประชดก่อนที่จะเดินหนีไป
“เดี๋ยวก่อน” ผมรีบวิ่งไปหาไอ้สิกทันที “มันไม่มีอะไรเมื่อตะกี้ แค่หน้าอยู่ใกล้กันเฉยๆ”
“ทำไมต้องหน้าใกล้กัน เป็นผัวเมียกันหรือไง”
“มึงฟังก่อนดิ”
“ไม่ฟังแล้ว”
“เชี่ย ทำไมต้องไร้เหตุผลด้วย”
“ใช่สิ กูมันไร้เหตุผล”
“...”
“โชคดีก็แล้วกัน เจอกันปีหน้าเลย”
งงเลยกู นี่มันอะไรกันวะ นี่มันอะไรกันนนนนนนนนนนนนน
เซนส์ของผมบอกกับผมว่าสิกมันแกล้งผม มันไม่ได้โกรธผมจริงๆ
ว่าแต่มึงยังจะมีอารมณ์แกล้งกูอยู่อีกเหรอวะ อีกไม่กี่วันมึงก็ไปแล้วนะ!
วันต่อมาซึ่งเป็นวันสอบกลางภาควันแรก
เมื่อคืนผมโทรหาไอ้สิกเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมรับสาย นี่ผมแทบจะบุกไปหามันที่บ้านอยู่แล้วถ้าไม่ติดอยู่ที่ว่าพ่อกับแม่อยู่บ้านกันทั้งหมด จนกระทั่งวันนี้ตอนที่ผมมาเจอมันที่โรงเรียนมันก็ตีมึนใส่ผม ทำเหมือนผมเป็นอากาศธาตุเหมือนอย่างที่มันเคยทำและนั่นเป็นอะไรที่ผมไม่ชอบที่สุด
“ทะเลาะห่าไรกันอีก” ไอ้อ๊อฟท้วงเมื่อสังเกตเห็นท่าทางของผมกับไอ้สิก
“ไม่รู้แม่ง เมนส์มันไม่มามั้ง” ผมประชด
“เมนส์มันก็ไม่มาอยู่แล้วป่ะวะ มันไม่มีเมนส์” ไอ้ตังเลิกคิ้ว
เออว่ะ...จริงของมัน
“โว้ย กูไม่รู้ ไปถามมันดิ”
“ไม่เบื่อทะเลาะกันบ้างหรือไงวะ ถามจริง” ไอ้ตังทอดถอนใจ
“ไปถามมัน” ผมตอบได้แค่นี้
“ไอ้พวกบ้าเอ๊ย”
วันนี้ไอ้สิกสอบเสร็จมันก็หายไปจากโรงเรียนเลยครับ สิ่งที่มันทำทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดจนถึงขีดสุด ถ้าไม่ติดอยู่ที่ว่านัดติววิชาฟิสิกส์กับเพื่อน ป่านนี้ผมคงไปกระชากตัวมันและก็ต่อยเหมือนที่ผมเคยทำแล้ว
ยังไงเรื่องเรียนก็ต้องมาก่อน (ทำไมพูดประโยคนี้แล้วรู้สึกคันๆ) อีกอย่างหนึ่งกว่าไอ้เนมผู้เทพฟิสิกส์จะว่างก็ใช่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่หาได้ง่าย เพราะงั้นตลอดทั้งบ่ายหลังจากสอบวิชาชิลๆ เสร็จไปผมก็ได้แต่ติดแหง็กอยู่กับไอ้เนมพร้อมๆ กับเพื่อนอีกนับสิบ
ในใจของผมไม่ได้รู้สึกสบายใจขึ้นมาเลยสักนิด...
“พวกมึง เชี่ยสิกไปกับสาวว่ะ ดูดิ” ไอ้ทีนร้องลั่นโทรศัพท์ มันกำลังส่องดูไอจีอยู่ “น้องน้ำไง สวยๆ อ่ะ”
“ไหนๆๆ” เพื่อนหลายคนไปรุมไอ้ทีนกันใหญ่อย่างอยากรู้อยากเห็น
“น้องน้ำไหน”
“น้ำเชี่ยวหรือน้ำนิ่ง”
“ที่นมใหญ่ๆ หรือเปล่า”
ผมเดินเข้าไปดูด้วย ทำท่าเหมือนไม่ค่อยสนใจแต่ว่าคอของผมชะเง้อออกไปดูแล้ว
แม่งใช่จริงๆ ด้วย มันถ่ายรูปคู่กับน้องน้ำ เด็กม.4 สุดฮอตที่เพื่อนห้องสามของผมกำลังบ้าอยู่ตอนนี้
“รูปวันนี้เหรอ”
ผมกล่าวลอยๆ
“วันนี้ดิ กูจำสิวที่แก้มไอ้เชี่ยสิกได้” ตังตอบแทนเพื่อนๆ ทุกคน
ไฟในหัวใจของผมเริ่มปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
ถ้ามึงจะแกล้งกู มึงก็ทำเกินเบอร์ไปแล้ว ไอ้เชี่ยเอ๊ยยยยยย!
ยิ่งใกล้วันที่ไอ้สิกจะไป ผมก็ยิ่งใกล้หมดความอดทนเต็มที
ช่วงนี้สิกทำตัวเหลวไหลมากครับ มันมาสอบก็จริงแต่หลังจากที่สอบเสร็จมันก็ไปเที่ยวกับสาวๆ ทิ้งให้ผมต้องโกรธหน้าดำหน้าแดงอยู่เบื้องหลัง ผมยิ่งเห็นก็ยิ่งต้องทำเป็นหยิ่งในศักดิ์ศรี มันเมินผมผมก็เมินมัน เราสองคนกลายเป็นคนที่ไม่มีตัวตนระหว่างกันและกัน
แต่นั่นมันก็ทำให้ผมใกล้จะบ้าเข้าไปทุกที
หลังจากที่สอบวิชาสุดท้ายเสร็จและในวันมะรืนสิกก็ต้องไปแล้ว ผมยืนขวางหน้ามันก่อนที่มันจะหนีไปเที่ยวกับสาว
“ถอยไป” สิกพูดน้ำเสียงเย็นชา
“ถ้ามึงไปตอนนี้ มึงกับกูจบกัน” ผมยื่นคำขาด
ไอ้สิกชะงักเล็กน้อย ในที่สุดมันก็เชิดหน้าและมันก็เดินผ่านหน้าผมไป
ไฟในหัวใจของผมตอนนี้กำลังจะดับลงแล้ว และกำลังจะเหลือเพียงเถ้าถ่าน
tbc* จะจบอยู่แล้วก็ยังจะ...
ขอรีรันคำพูดของน้องตังอีกสักรอบ 'ไม่เบื่อทะเลาะกันบ้างหรือไงวะ ถามจริง'