*ควรกลับไปอ่านภาคหลักตอนที่พระแพงเจอเสี่ยอีกรอบ เพื่อเพื่มความฟินกับความฮาในการมโนของพระแพง เสี่ย Part II
ตอนที่เห็นหน้าพระแพงอีกครั้งที่บริษัท จากที่หงุดหงิดอยู่แล้ว เขาก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น เขาไม่ชอบให้เด็กเลี้ยงมายุ่มย่ามถึงในที่ทำงาน แถมนี่ยังลามปามถึงขนาดมาสมัครงานในบริษัทเขาด้วย เขาไม่สนหรอกนะว่าพระแพงจะเข้ามาด้วยวิธีไหน แต่ในเมื่อกล้ามาเขาก็กล้าตอบโต้ กล้ามาเหยียบถึงถิ่นเขา เขาคงต้องโยนให้ธนิตจัดการ เขาไม่ชอบทำอะไรที่ต้องเสียมือเปล่า แถมเขาลงมือเองพระแพงอาจไม่เจ็บจำเท่าธนิตลงมือด้วย และจะมาหาว่าเขาใจร้ายไม่ได้ พระแพงอยากเลือกมาเจอเขาตอนที่เขาหงุดหงิดเอง
แต่พอเห็นท่าทางของพระแพงที่ส่งสายตามาเขาก็ใจอ่อนวูบ จากที่หงุดหงิดก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย พระแพงเป็นเด็กขี้อ้อน และมีความจริงใจ ถึงเขาจะอ่านสายตาและบางประโยคที่พระแพงส่งมาไม่ออก แต่เขาก็พอสรุปใจความได้ว่า พระแพงไม่ได้ตั้งใจจะมาสมัครงานที่นี่
คิดแล้วก็อดหงุดหงิดขึ้นมาอีกหน่อยไม่ได้ เด็กคนอื่นที่เขาเคยเลี้ยงทุกคนรู้เรื่องเขาดีกันหมดทั้งนั้ มันก็เหมือนกับเป็นการทำการบ้าน ที่ทุกคนต้องรู้จักเสี่ยเลี้ยงของตัวเองเพื่อที่จะได้เอาอกเอาใจเสี่ยเลี้ยงของตัวเองได้ถูกต้องมากขึ้น แต่พระแพงนี่...ท่าทางนามสกุลเขาก็คงยังไม่รู้จักเลยมั้ง ถึงนามสกุลเขาจะไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็เป็นคนที่อยู่ในวงการส่งออกที่มีทรัพย์สินหลายพันล้าน แล้วพระแพงเป็นพนักงานประสาอะไร แค่หน้าตาท่านประธานหรือนามสกุลของท่านประธานก็ยังไม่รู้ มันช่างน่าจัดการนัก
แต่นั่นก็ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของพระแพงล่ะนะ พระแพงน่ะเป็นเด็กไม่คิดมาก คิดอะไรหรือมองอะไรก็มองแต่ในแง่ดี งานการ... เอาตรงๆ ก็คือสอนงานได้ง่ายมาก โดยเฉพาะกับเรื่องบนเตียงที่ตอนแรกน่ะพระแพงออกจะใสเอามากๆ ถึงขนาดอดทนข่มกลั้นแต่ก็ไม่ยอมเปิดปากส่งเสียงร้องขอให้เขาช่วย เขาที่อยากได้ยินเสียงเลยแกล้งไปเสียหลายชุด สั่งสอนไปอีกยกใหญ่ จนตอนหลังพระแพงก็มาถึงจุดที่จำได้ว่าเมื่อไหร่ควรจะเปิดปากเพื่อเพิ่มรสชาติของชีวิตเวลาอยู่บนเตียง
อะแฮ่ม นี่ไม่ใช่ว่าเขาลามกหรอกนะ เขาแค่รำลึกอดีต อย่างที่เขาบอกไปแล้วว่าพระแพงสอนง่ายมาก เพราะอย่างนั้นในครั้งต่อๆ ไป เวลาไปหาพระแพงเขาก็รู้สึกมีความสุขมากขึ้น มันเหมือนเป็นการสอนเด็กตัวเล็กๆ จนเป็นงาน แถมพระแพงก็ยังคงเป็นเด็กใสซื่อ ไม่ได้แสแสร้งแกล้งทำเป็นเขินอายเหมือนอย่างเด็กบางคน....
เอิ่ม ซักจะนอกเรื่อง เอาเป็นว่าเรื่องพระแพงนี่เขาค่อยให้คช่วยสืบให้ก็ได้ ตอนนี้เขาขอมาสำรวจพระแพงดูแบบเต็มๆ ตาดีกว่า อืมม ไม่ได้เจอกันมาหนึ่งปีดูเหมือนพระแพงจะสูงใหญ่ขึ้น จากที่สูงอยู่แล้วก็ยังอุตส่าห์สูงขึ้นได้อีเพราะพระแพงยืนหลังตรงมากขึ้น เมื่อก่อนแพงก็ไม่เดินหลังค่อมให้เสียบุคลิกภาพ แต่ตอนนี้เหมือนกับ... เหมือนกับเป็นผู้ชายที่ดูผู้ใหญ่เต็มตัวแต่ยังดูหน้าซื่อๆ ยิ่งตอนที่แพงกระพริบตาใส่เขา เขาแปลไม่ออกหรอกว่าแพงอยากพูดอะไรบ้าง แต่ไอ้ท่าทางหูตกหางตกแบบนั้นทำเอาเขาอดรู้สึกขำไม่ได้ ถึงจะยังมีเรื่องเครียดแต่เขาก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น จนถึงขั้นกล้าโอบเอวปุยฝ้าย
ส่วนเรื่องเครียด... เอาเป็นว่าเขาไม่ขอประจานครอบครัวตัวเองให้ขายหน้าเล่น แต่ขอสรุปเลยว่าการแต่งงานของเขากับปุยฝ้าย เขาไม่เคยเห็นด้วย ถึงส่วนหนึ่งจะเป็นแผนการแต่การที่เขาต้องมานอนกับผู้หญิงนี่รับเขาไม่ได้จริงๆ แถมปุยฝ้ายเองก็ไม่ได้ว่าจะสะอาด ถึงเขาจะส่งคนไปคอยตามสืบดูแล้ว แต่ก็ยังจับตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้ เขาที่ยังรู้แต่เรื่องผิวเผินเลยต้องยอมเดินไปตามแผนของปุยฝ้าย จุดประสงค์หลักของปุยฝ้ายตอนนี้เขายังไม่รู้ แต่การที่คุณเธอยอมมาอ่อยเขาถึงในที่ทำงาน รวมกับเสนอตัวเสนอหน้ามาให้เขาเห็นตลอดนี่ก็คงไม่พ้นพล็อตน้ำเน่าอย่างการมีลูก เพราะการมีลูกหมายถึงการเกี่ยวดองที่จะมีแต่ประโยชน์เอื้อให้ฝ่ายหญิงมากขึ้น เขาที่อายุสามสิบเลยต้องมาเทคยาเพื่อมีลูก
คิดแล้วอดจะสมเพชแถมอดสงสารลูกชายตัวเองตัวเองไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่ปุยฝ้ายมาหา เขาต้องกินยาอยู่ก่อนเกือบครึ่งชัวโมง รวมกับการโลมไล้อีกสิบห้านาที แล้วปฎิบัติให้เสร็จสองน้ำภายในชั่วโมงครึ่ง ยังดีที่ปุยฝ้ายจะมาเฉพาะช่วงที่(คาดว่า) จะเป็นช่วงตกไข่ เขาเลยไม่ต้องอดกลั้นฝืนกินมาก แต่ช่วงแรกๆ นี่....
เอาเป็นว่าไมเกรนเขาจะแดก แล้วก็ไม่รู้ว่าลูกชายเขาจะฟ่อก่อนได้มีลูกจริงๆ ไหม เพราะเขาเป็นเกย์แบบบอร์นทูบี จะมีอะไรกับผู้หญิงได้ก็ต้องแอบเทคยาก่อนทุกครั้ง แล้วแถมยังต้องปล่อยสดทั้งที่ปกติเขาต้องใส่ถุงตลอดเพราะติดเป็นนิสัยแล้ว แต่นี่....
เฮ้อ เอเป็นว่าเขากลับมาสนใจที่ตัวพระแพงดีกว่า ช่วงเวลาที่สบตากันเขาสังเกตเห็นแล้วว่าพระแพงไม่ได้เปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะกับนิสัยและรูปร่าง แพงยังดูเป็นม้าหนุ่มพันธุ์ดีที่พร้อมผสมพันธุ์ ตัวสูงหุ่นหนา แต่ก็ยังบางกว่าเขาเล็กน้อย ช่วงเอวสอบก็ยังแอบเซ็กซี่อยู่แบบเดิมทั้งที่ไม่ได้ใส่กางเกงฟิตเปรี๊ยะ อืมม แพงยังคงมีรูปร่างแบบชายหนุ่มเต็มตัวที่ได้เป็นเกย์หรือตุ๊ด หน้าตากับผิวพรรณก็ถึงจะดูหยาบไปบ้างเพราะคงไม่ได้ดูแลตัวเองดีแบบที่ตอนเป็นเด็กเลี้ยง แต่ผิวใต้ร่วมผ้าที่ก็คงจะนุ่มลื่นและแข็งแกร่งพอตัว
พอลองพิจารณาองค์ประกอบรวมๆ ของพระแพงแล้ว ก็ถือว่าพอผ่านใช้ได้ เพราะรสเซ็กซ์กับพระแพงเขาก็ยังจดจำได้แบบไม่รู้ลืม ถ้าอย่างนั้นเขาค่อยรอจนผลการตรวจสอบก่อนว่าพระแพงไม่ใช่หนอนบ่อนใส้ เขาก็อาจจะเอาพระแพงมาเป็นคู่นอนอีกก็ได้ และถ้าพระแพงสบาย อยากจะกลับมาเป็นเด็กเลี้ยงเขาก็พร้อมที่จะจ่ายเงินให้ เขามันป๋าสายเปย์อยู่แล้ว อละอรกอย่างที่สำคัญคือตอนนี้เขาไม่อยากเรื่องมาก มีอะไรเขาก็อยากจะคว้าเอาไว้ก่อนโดยเฉพาะกับเด็กผู้ชาย....
เอาล่ะๆ เอาเป็นว่าถ้าพระแพงจะสะอาด ไม่ได้เป็นสายลับหรือหนอนบ่อนไส้ เขาก็อาจจะเอาพระแพงมาอยู่ข้างๆ เอามาเป็นคู่ขาแก้เครียดเวลาที่ต้องอยู่กับปุยฝ้าย คิดได้แบบนี้เขาก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมานิดๆ ปกติแล้วเขาไม่ได้ชอบผู้หญิงแต่ไม่ได้รังเกียจมาก แต่จะให้มีมาอะไรกับปุยฝ้ายเพื่อมีลูกถือว่าเป็นสิ่งที่เหลือรับ ถึงมันจะเป็นแผนการ แต่การลงทุนแบบนี้มัเหมือนกับจะมีแต่เสียไม่มีได้ ถึงพ่อกับแม่เขาจะอยากอุ้มหลานเขาก็ไปหาแม่อุ้มบุญแถวๆ เดนมาร์กก็ได้ ไม่ต้องมานั่งทำลูกเอง เลือกเพศก็ได้ ตรวจโครโมโซมกับคัดเชื้อก็ได้ ไม่ต้องมาสอดใส่... แค่คิดก็ขนลุก
ช่างเถอะๆ เอาเป็นว่าเรื่องนี้เขาจะถือว่าเป็นหนึ่งในแผนซ้อนแผนที่เขายอมทำเพราะเขายังมองแผนปุยฝ้ายไม่ออก แต่ถ้ามีลูกหรือได้แต่งงาน แผนการบางอย่างก็คงจะกระจ่างขึ้น เขาไม่ใช่นอสตราดามุสที่จะทำนายแผนกรือกำหนดอนาคตได้ ตอนนี้เขาก็ได้แต่ไหลไปตามน้ำและจับตาดูปุยฝ้ายไว้ ส่วนพระแพง...
สู้เขาเอาเวลามาคิดหาทางให้พระแพงมาอยู่ในกำมือดีกว่า พระแพงเป็นเด็กว่าง่ายแต่ก็ถือว่ามีทิฐิกับศักดิ์ศรีอยู่เยอะ เขาคงต้องวางแผนดีๆ หน่อยแพงจะได้ยอมมาเป็นเด็กเสี่ยให้เขาเลี้ยงอีกรอบ แต่ในตอนที่เขาแอบเอามือไปแตะเพื่อส่งซิก เหมือนว่าจะไม่ง่ายแฮะ เพราะพระแพงเหงื่อแตกพลั่ก เขาที่เห็นหน้าพระแพงหงอๆ ซีดๆ ก็คิดว่าคงไม่ง่ายที่จะเอาพระแพงกลับมาเป็นเด็กเลี้ยง
ต้องวางแผนแบบไหนนะ พระแพงถึงจะมาอยู่ในมือ
ต้องหลอกล่อข่มขู่แบบไหนนะ พระแพงถึงจะยอมตกลงอย่างว่าง่าย
แต่ในช่วงทระหว่างที่เขาคิด...
" อธิปคะ"
เสียงของปุยฝ้ายที่เรียกชื่อเขาดังเข้ามาในหู มีอะไรอีกล่ะ เขาคิดแบบเซ็งๆ แต่ก็ไม่อยากทำหน้าหงิกเหมือนเกย์แก่แต๋วแตกเรื่องมากเวลาที่ถูกผู้หญิงทัก เลยได้แต่มองตามสายตาของปุยฝ้ายไปจนสังเกตเห็นพระแพงที่นั่งเหงื่อตกดูมีพิรุธ
พระแพงนี่.... ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ถึงได้หน้าซีดปากสั่นขนาดนั้น แถมเหงื่อก็ออกโชกทำท่ายิ่งกว่าคนที่มีพิรุธ คนอื่นที่ยืนตรวจงานอยู่เขาก็เห็นท่าทางที่ผิดปกติกันหมดแล้ว เขาที่ยืนอยู่เลยตัดบทเพราะไม่อยากพูดอะไรมาก เดินตรงเข้าไปหา เรียกพระแพงให้หันมา แต่พระแพงนี่สิหน้าซีดตัวสั่นไม่เลิก แถมยังไม่ยอมหันมา ทำเอาเขาหงุดหงิดคิดว่าแพงเป็นสายลับที่กำลังจะถูกล้วงความลับ จนสุดท้ายเลยสะกิดนั่นแหละ พระแพงถึงได้หันมาได้
แต่พอพระแพงหันมาเท่านั้นแหละ ลูกชายเขาที่หลับอยู่เกือบจะลุกเพราะยาปลุกที่ตกค้าง พระแพงหน้าซีดแต่ปากกับตาแดงก่ำมาก เหมือนคนเมายาที่ตาดูฉ่ำเยิ้มนิดๆ เขาเคยมีอะไรกับพระแพงมาแล้ว ถึงจะไม่รู้ว่าพระแพงคิดอะไรอยู่ แต่เขาก็รู้สึกว่าพระแพงเซ็กซี่ชวนขย้ำมาก เขานี่แทบอยากกดพระแพงลงกับโต๊ะแล้วจัดการสำเร็จโทษบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยเอกสารแทน
อะแฮ่ม เขาไม่ได้ลามก มันเป็นผลจากยาที่ตกค้าง!
เพราะอย่างนั้นเพื่อรักษาหน้าตา เขาที่ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ ก็ได้แต่เรียกพระโพธิสัตว์อยู่ในใจ เจ้าแม่กวนอิมหนอ โปรดช่วยให้ลูกสงบลงด้วยหนอ อย่าปล่อยให้ลูกชายตื่นขึ้นมาจนอับอายขายหน้าได้หนอ
ว่าแล้วเขาจัดการงัดตบะที่แก่กล้าเกินคนและประสบการณ์กว่าสามสิบปีมาสยบลูกชายให้หมอบราบคายแล้วหกหัวกลับเข้าไปอยู่ในกางเกง ก่อนจะกดเสียงให้เรียบนิ่งแล้วเปิดปากบอกว่า " มือถือ"
เขาสั่งเสียงเรียบนิ่งแต่ใจไม่นิ่ง ก่อนจะยืนมือออกไปรับโทรศัพท์มือถือจากพระแพง แต่พอเขาเห็นมือถือเท่านั้นแหละ ความอยากหดหายไปทันทีแบบไม่ต้องใช้ตบะช่วย เหลือก็แต่ความอยากกระทืบพระแพงเอามากๆ เงินเขาก็ให้ไปตั้งเยอะ สร้อยเขาก็ให้ ทำไมไม่ขายกินเพื่อซื้อมือถือใหม่ซักเครื่อง!
" รหัส?" เขาถามแบบที่แทบจะขู่คำราม ไอ้มือถือนี่มันมาจากสมัยพระเจ้าเหาหรือไง แล้วอย่าคิดนะว่าเขาไม่เห็นสายตาแกมสมเพชของพระแพงที่ส่งมานั่นนะ ถึงเขาจะแปลความไม่ออก แต่มันน่าเอามือถือขว้างใส่หัวนัก!
มาถึงตรงนี้เขารู้แล้วล่ะว่าแพงไม่ได้เป็นสายลับ เพราะคงไม่มีสาบลัยคนไหนทำตัวต๊อกต๋อยใช้มือถือแบบนี้ส่งข้อมูล ขนาดไลน์ยังเล่นไม่ได้ แถมกล้องถ่ายรูปก็ไม่ดี นี่เขาเลี้ยงเด็กได้ยาจกขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย เสียชื่อเสี่ยสายเปย์หมด เพราะงั้นเขาเลยกดตรวจสอบโทรศัพท์ไปแบบพอเป็นพิธี ส่วนคอมน่ะความจริงก็แค่ตรวจเป็นพิธีเท่านั้นเรียกว่ายกปืนขู่ขึ้นฟ้า ดูว่าพนักงานคนไหนที่แอบตื่นตัวจนดูพิรุธบ้าง ซึ่งก็ไม่มีเพราะสายเขาที่ยังอยู่ในห้องก็จับอะไรไม่ได้
ว่าแต่...ไอ้โทรศัพท์นี่มันจะใช้ยากอะไรนักนะ เขาที่ให้พระแพงเปิดรหัสให้แล้วยังเกือบโทรออกไม่ได้ ต้องงมอยู่นานกว่าจะใส่เบอร์โทรศัพท์ของตัวเองลงไปแล้วกดโทรออกได้ เบอร์พระแพงเขาลบไปแล้วแถมยังอยู่ในโทรศัพท์อีกเครื่อง แต่ของพระแพง...
xXx
.
.
.
ไอ้พระแพง!!
ไอ้เด็กเวรนี่!
เขาที่โกรธจัดก็ได้แต่หันหน้าไปมองพระแพงที่ทำสีหน้าไม่รู้เรื่อง เขาควรดีใจใช่ไหมที่พระแพงยังไม่ลบเบอร์มือถือเขาทิ้ง และฐานะที่พระแพงเคยเป็นเด็กเลี้ยงจะตั้งชื่อเขาในโทรศัพท์เป็นชื่ออื่นก็ไม่แปลกเพราะมันเป็นหน้าที่ เป็นสิ่งที่ควรทำ แต่สัญลักษณ์นี่มันอะไร! เหมือนสัญลักษณ์ olo ไปหน่อยไหม! (นิ้วกลาง) แถมมันยังจะมาตีหน้าเซ่อ มันน่านัก!!!
แต่เขาที่เป็นถึงผู้บริหารก็ยังมีหน้าที่ต้องรักษา เขาเลยต้องงัดตบะมาสงบใจอีกรอบ มันยังเด็กหนอ ใจเย็นหนอ อย่ากินหัวเด็กง่ายๆ เลยหนอ อีกอย่างถ้าเขากินหัวเด็กตอนนี้เขาอาจอดกินเด็กไปอีกสามเดือนก็ได้ เพราะต้องรอเด็กใหม่ตรวจโรค เพราะฉะนั้นเขาต้องทำใจร่มๆ เข้าไว้
รอจนเขาสงบใจได้ เขาก็แต่ส่งมือถือคืนไปพร้อมกับสายตาเย็นเยียบ เขาไม่รู้หรอกนะ (และไม่อยากรู้ด้วย) ว่า พระแพงตีหน้าเขาออกไปว่ายังไง แต่ไอ้ท่ากระพริบตาปริบๆ นี่มันน่าจิ้มลูกกะตานัก! ดีนะที่ปุยฝ้ายมาสะกิดเขาก่อนไม่งั้นเขาได้จิ้มลูกกะตากลมๆ น่าหมั่นไส้นั่นแน่ และถึงเขาจะเผลอสะบัดมือปุยฝ้ายออกแต่ก็ยังพอกลับลำได้เพราะเขาโกรธพระแพงไม่ได้โกรธปุยฝ้าย!
สุดท้ายเขาเลยได้แต่ส่งมือถือคืนด้วยความรังเกียจ ก่อนมองหน้าพระแพงเป็นการคาดโทษ เดินโอบเอวปุยฝ้ายให้เดินออกไปพร้อมกับพวกผู้บริหารที่ยืนรออยู่หน้าลิฟท์
ส่วนไอ้เด็กแพง...
รอเขาตรวจสอบให้แน่ก่อนเถอะว่าพระแพงไม่ใช่หนอนบ่อนไส้แน่ๆ แล้วเขาจะจัดการทบทั้งต้นทบทั้งดอกเลยคอยดู ฮึ่ม!!
>>>> ตอนนี้เสี่ยยังไม่แซบ แต่ตอนหน้าเสี่ยแซบ พร้อมถูกแม่ยกด่าแน่นอน อุฮิ =.,=