พิมพ์หน้านี้ - Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: teatimes ที่ 10-12-2016 20:45:00

หัวข้อ: Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 10-12-2016 20:45:00
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้าม มิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอ ให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่ นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่า พูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยาย ในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


-------------------------------------------
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น :: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] // เด็กเลี้ยง [10/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 10-12-2016 20:49:35
INTRO





คนเราถ้ายอมวางทิฐิและศักดิ์ศรีลง  ไม่ว่าอะไรเราก็สามารถทำได้ทั้งนั้น

สำหรับเขาที่เป็นนักศึกษาแบบปกติชนทั่วไปจนถึงปีสาม   ไม่เคยมีซักครั้งที่คิดว่าวันหนึ่งตัวเองจะต้องมาเป็น  " เด็กเลี้ยง"

ผู้ชายที่เขากำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือ "เสี่ยหนุ่ม" ที่เป็นเจ้าของธุรกิจหลายร้อยล้าน 

สำหรับคนที่มีเงินเหลือกินเหลือใช้  เงินสามสี่แสนนี้เปรียบเสมือนกับเงินซื้อขนมที่สามารถหว่านเล่นให้กับใครที่ไหนก็ได้  สามารถใช้ซื้อทุกสิ่งที่ซื้อได้เพื่อหาความสุขใส่ตัว

และเงินสามแสนหลังจากที่หักค่านายหน้าในครั้งนี้  คือเงินค่าซื้อตัวเขาเป็นเวลาสี่เดือน

เขาจะอยู่ในฐานะ "เด็กเลี้ยง" ของอีกฝ่ายที่สามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ  สามารถไปเรียนที่มหาลัยได้  สามารถไปสังสรรค์เฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อนฝูงจนดึกดื่นได้  โดยมีข้อแม้ที่ว่า  จะต้อง "สะอาด" กลับมาเมื่อถูกเรียก  และจะต้อง "พร้อม" ทุกครั้งสำหรับการเป็นคู่นอน

วันนี้เป็นที่เขาต้องทำหน้าที่เป็นคู่นอนครั้งแรก  หลังจากที่ผ่านการตรวจเชื้อและควบคุมพฤติกรรมทางเพศมาตลอด  3  เดือน

" เสี่ยเลี้ยง" ของเขาชื่ออธิป  เป็นประธานกรรมการบริษัทที่ยังดูหนุ่มแน่น  เจ้าตัวรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาดี  ดูจากท่าทางก็ไม่น่าจะขาดแคลนคู่นอนได้ง่ายๆ  แต่ก็อุตส่าห์มีงานอดิเรกอย่างการ "เลี้ยงเด็ก" เล่น  คงจะเป็นพฤติกรรมปกติของพวกคนรวย   จ่ายเงินซื้อทุกอย่างเป็นว่าเล่น  ในขณะที่คนไม่มี...  ต้องยอมขายศักดิ์ศรีตัวเอง

" ธนิตบอกแล้วใช่ไหมว่าต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง" 

" บอกแล้วครับ"  เขาตอบหลังจากที่กลืนน้ำลายลงคอ   พี่ธนิตคือนายหน้าที่ช่วยเขาหาเสี่ยที่จะยอมจ่ายเงินสามแสนให้เขาเพื่อเอาเงินไปไถ่ถอนบ้าน  ความจริงแล้วเขารู้จักกับพี่ธนิตผ่านทางพี่รหัสอีกที  พี่รหัสเขาเป็นนายแบบ  มีเส้นสายและรู้เรื่องคาวๆ ในวงการอยู่หลายเรื่อง  โชคดีที่เขาทำตัวเป็นน้องรหัสที่น่ารักมาตั้งแต่ปี 1  พี่แกเลยใจดียอมติดต่อพี่ธนิตให้เขารู้จักแบบเป็นการส่วนตัว 

พี่ธนิตคนนี้ถือเป็นคนหนึ่งในวงการที่เด็กเลี้ยงหลายคนอยากติดต่อด้วย  ลูกค้าของพี่ธนิตส่วนใหญ่ทั้งใจป้ำ  สะอาด  ไม่โรคจิต  แถมถ้าโชคดีหน่อยก็อาจจะได้เสี่ยหล่อๆ  มากกว่าตาแกพุงพลุ้ย  อย่างเสี่ยอธิปของเขาคนนี้  ก็เป็นหนึ่งในลูกค้าคนหนึ่งที่มีโปรไฟล์ดีเยี่ยม  เด็กเลี้ยงทุกคนให้เกรด  A+  กันหมด  เสียแต่พี่แกชอบเปลี่ยนเด็กบ่อยและเด็กทุกคนไม่เคยได้ทำงานซ้ำ   

ตอนที่พี่รหัสรู้ว่าเขาได้ทำงานกับเสี่ยอธิปก็ดีใจยกใหญ่  บอกว่าเขาโชคดีมากเพราะเสี่ยแกไม่หื่นกาม  นานๆ ถึงจะมาหาเด็กที  แค่นั่งสวยๆ อยู่ในคอนโด  ทำตัวสะอาดๆ   แปบๆ ก็ผ่านไปสี่เดือนแล้ว  แถมดีไม่ดีถ้าเสี่ยอธิปติดใจ  อาจได้เงินก้อนใหญ่อีกก้อน   เด็กๆ ที่เคยเป็นเด็กเลี้ยงเสี่ยอยากทำงานกับเสี่ยต่อทั้งนั้น  แต่ก็นั่นแหละ  เสี่ยแกเปลี่ยนเด็กเหมือนกับเปลี่ยนเสื้อผ้า  ต่อให้เป็นมือหนึ่งมาจากวงการไหนก็ไม่มีใครได้ทำงานต่อ 
ซึ่งนั่นแหละคือความหวังของเขา  พอผ่านสี่เดือนไปเขาก็จะเป็นอิสระ  ได้เงินไปไถ่บ้านที่ติดจำนองไว้กับพวกเงินกู้  แล้วกลับมาใช้ชีวิตของนักศึกษาปีสี่ได้แบบสงบสุข 

เงินสามแสนกับบ้านหนึ่งหลัง  ไม่รู้เหมือนกันว่าลุงของเขามันโง่หรือโง่ที่ไปเอาโฉนดทั้งผืนไปค้ำประกันให้เพื่อนเพื่อแลกกับแค่เงินสามแสน 

แต่เอาเถอะ  คนมันจะโดนหลอก  ระวังแค่ไหนก็โดนหลอกจนได้  ถ้าเขาจะด่าลุงที่เลี้ยงเขาแทนแม่มาตั้งแต่เด็ก  สู้เขาไปลากคอไอ้เพื่อนลุงเฮงซวยที่หนีหนี้มากระทืบให้สะใจดีกว่า...

" ถ้าธนิตบอกแล้วก็เริ่มได้แล้ว  วันนี้ฉันมีเวลาไม่มาก   จะกลับหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ"  เสียงนรกสั่งตรงลงมาจากบนหัว 

เขาที่อิดออดมานานได้เวลาลงหลุมเสียที   เขาเอื้อมมือสั่นๆ  ไปเปิดชายเสื้อคลุมอาบน้ำของเสี่ยอธิป  มองสิ่งที่นอนสงบอยู่ที่ตรงหว่างขาอย่างชั่งใจ

เขากัดฟันแล้วโน้มหน้าลงไป....

สี่เดือน...

สี่เดือนกับเงินสามแสน

ผ่านสี่เดือนไป  เขาจะได้หลุดออกจากสถานะของการเป็น  "เด็กเลี้ยง"   แล้วกลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติเสียที
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น :: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] // เด็กเลี้ยง [10/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-12-2016 20:56:14
ตามติดด้วยคนนะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น :: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] // เด็กเลี้ยง [10/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 10-12-2016 22:03:03
ตอนที่  1



ครั้งแรกของการเป็นเด็กเลี้ยง   คือการนอนซมไปสามวัน

ต้องขอบคุณสวรรค์ที่เสี่ยอธิปเป็นเสี่ยเกรด A +  สมคำร่ำลือ   ชีวิตน้อยๆ ของเขาเลยยังพอมีลมหายใจเหลืออยู่บ้าง

เขานอนพังพาบคว่ำหน้าอยู่บนเตียง  ขนาดผ่านไปสามวันแล้วสภาพจิตใจของเขาก็ยังไม่ดีขึ้น  ครั้งแรกของเขาไม่ได้รุนแรงจนถึงขั้นเลือดตกยางออก   แต่มันก็รุนแรงใช้ได้สำหรับคนที่เพิ่งมีครั้งแรก  แถมเสี่ยของเขาเองก็โคตรอึด  แค่รอบเดียวก็ทำเอาเขาไข้ขึ้นไปสองวัน  ถึงส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะยาก็เถอะ 

ยังดีที่หลังจากคืนนั้นมาเสี่ยไม่ได้มาเขาอีก  ปล่อยให้เขารักษาตัวรักษาใจอยู่เงียบๆ  ส่วนเรื่องเรียนเขาก็ต้องลาหยุดไปก่อน   ไม่อยากลากสังขารเน่าๆ ของตัวเองไปเรียนให้คนอื่นจับได้  อีกอย่างถ้านับกันจริงๆ  เขาเพิ่งขาดเรียนไปแค่วันศุกร์วันเดียว  ครั้งแรกของเขาเกิดขึ้นเมื่อวันพฤหัสฯ  พอวันศุกร์ไข้ขึ้นเขาก็เมสเสจไปบอกเพื่อนให้เซนต์ชื่อให้  ใช้เวลาช่วงศุกร์  เสาร์  อาทิตย์  พักฟื้นอยู่ในคอนโดสุดหรูของเสี่ยที่ซื้อไว้เลี้ยงเด็กโดยเฉพาะ

เขาเหลือบตามองห้องกว้างที่แต่งด้วยสีขาว-เทาดูเรียบหรู   เตียงหลังใหญ่ที่เขานอนอยู่เป็นเตียงอย่างดีปูด้วยผ้าสีน้ำเงินเข้ม  พอลองจับเนื้อผ้าดูก็รู้ว่าเป็นของดีมีคุณภาพ  ผ้าทั้งผืนเป็นผ้าผืนเดียวไม่มีรอยตะเข็บ  เขานึกถึงภาพตัวเองตอนกำมือจับผ้าปูที่นอนแน่นแล้วอดเสียวสันหลังไม่ได้  ดีที่ตอนนั้นเขาไม่ทำผ้าขาด  ไม่งั้นค่าตัวเขาในคืนแรกคงลดลงอีกมากโข

พูดถึงค่าตัว  หลังจากเสร็จศึก  เสี่ยลุกไปอาบน้ำและทิ้งเงินเอาไว้ให้ห้าพันก่อนเดินออกไปจากห้อง  ปล่อยเขาที่หลับสนิทไว้อยู่บนเตียง  กว่าเขาจะลืมตาและรอจนขยับตัวเพื่อถอดถุงยางของตัวเองออกได้ก็เช้าแล้ว   

ต้องขอบคุณอีกครั้งที่เสี่ยเป็นคนรักสะอาด  เสี่ยใส่ถุงยางตลอดตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง  ยกเว้นก็แต่ตอนที่เขาใช้ปากให้  นึกถึงแล้วก็ยังพะอืดพะอม  ของๆผู้ชาย  ถ้าไม่ใช่ของคนที่ตัวเองรัก  ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถทำใจให้ชอบได้

ดีที่ก่อนเสี่ยมาเขาแอบกินยาปลุกไปเล็กน้อย  แถมดื่มเหล้าย้อมใจไปอีกหน่อย   เทคนิคนี้พี่ธนิตเป็นคนแนะนำให้  บอกว่าถ้าครั้งแรกเกิดทำใจไม่ได้  อ้วกแตกหรือไม่ตื่นตัวขึ้นมา  ต่อให้หน้าตาดีมาจากไหนก็ถูกไล่ตะเพิดออกไปได้ง่ายๆ  แถมพี่ธนิตเองก็ต้องเสียประวัติ  เสียลูกค้า  ชื่อเสียงในวงการเสียหาย 

ดังนั้นเขาที่เป็นเด็กใหม่หัดลองมีเสี่ยเลยต้องยอมเทคยาไปนิดๆ  กินเหล้าไปหน่อยๆ  เพื่อเพิ่มความกล้า  ซึ่งก็ดี  เขาผ่านคืนแรกไปแบบฉลุย  ได้ค่าตัวสำหรับแรกคืนมาเป็นของขวัญปลอบใจ   


แต่ผลของการเทคยาคือความร้อนที่เหมือนการมีไข้  เขากระสับกระส่ายและรู้สึกทรมานไปตลอดทั้งตัว  แถมเขาที่เพิ่งเคยมีอะไรกับผู้ชายเป็นครั้งแรกย่อมไม่สามารถปลดปล่อยโดยอาศัยแค่ด้านหลังได้   แต่จะให้หักใจช่วยตัวเองโดยที่มีผู้ชายอีกคนอยู่ในตัวเขาก็ทำไม่ลง  ได้แต่กัดฟันทนกลั้นเสียงร้อง  ปล่อยให้เหงื่อไหลอาบเต็มตัวจนเหมือนจะขาดใจให้ได้  ยังดีที่ตอนสุดท้ายเสี่ยช่วยขยับมือให้  เขาเลยได้ปลดปล่อยไปพร้อมๆ กับเสี่ย 

ช่วงเวลาที่สติเลือนรางเหมือนจะหลับมิหลับแหล่  เขาได้ยินเสียงเสี่ยถอนหายใจอย่างพออกพอใจ  รู้สึกเหมือนได้เห็นเสี่ยมีรอยยิ้มนิดๆ   ทั้งที่ตลอดเวลาตั้งแต่เข้าห้องมาเสี่ยเอาแต่ทำหน้านิ่ง  แต่เขาคงรู้สึกไปเอง  เพราะเขาจำได้ว่าตัวเองนอนปิดตาสนิท  ปล่อยให้เสี่ยไปอาบน้ำโดยที่ไม่ลุกไปออดอ้อน

จะให้ไปออดอ้อนขอทำต่อด๋อยอะไร  แค่รอบเดียวเขาก็จะตายแล้ว  ถึงพี่ธนิตจะบอกไว้ว่าเสี่ยเป็นพวกชอบหลายรอบ  แต่ถ้าเขาเกิดบ้าจี้ทำตามที่บอกจริงๆ  เสี่ยได้หลายรอบคืนนี้แล้วเตรียมส่งศพเขาขึ้นเผาในวันพรุ่งนี้แน่นอน

อีกอย่าง..ตอนที่เสี่ยบอกความต้องการในตัวเด็ก  เสี่ยก็บอกเองว่า  ใครก็ได้แค่  สด  สะอาด  ทั้งจากผู้ชายและผู้หญิง  และเป็นตัวของตัวเอง 

ดังนั้นเขาเลยเป็นตัวของตัวเองสุดๆ  ปล่อยให้เสี่ยเลี้ยงของตัวเองอาบน้ำไป  อยากทำอะไรก็ทำเขาไม่ห้าม  แต่อย่ามาปลุกเขาก็แล้วกัน  เขาจะนอน 


แล้วก็นั่นแหละ  ตื่นเช้ามาอีกทีเขาก็ไข้ขึ้น  หันซ้ายหันขวาหายาก็เจอเงินห้าพันอยู่บนโต๊ะ   เขาเก็บเงินห้าพันไว้ในลิ้นชักข้างหัวเตียงแล้วหยิบยาออกมาแทน  ยาพวกนี้พี่ธนิตเป็นคนจัดให้  มีทั้งยาแก้ปวด-ลดไข้  ยาแก้อักเสบ  ยาฆ่าเชื้อ   และยาเหน็บ

เขากินยา  ก่อนกระย่องกระแย่งไปอาบน้ำแล้วออกไปเอายาเหน็บที่อยู่ในตู้เย็นนอกห้อง  แต่ช่วงเวลาที่เขาจะออกไปเอายา  เขาดันรู้สึกไม่ดีเลยต้องกลับไปแหวะออกในห้องน้ำอีกหนึ่งรอบ  แถมท้องไส้ก็ปั่นป่วนจนต้องถ่ายหนักไปอีกหนึ่งหน 

สรุปคือ  เขาป่วยหนัก  อาเจียน  ท้องเสียและเป็นไข้  เดือดร้อนให้พี่รหัสที่รู้เรื่องทุกอย่างต้องมาปฐมพยาบาล  แถมยังต้องให้พี่แกอยู่เป็นเพื่อนเพราะมีแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดห้อง 

รอจนแม่บ้านกลับ  พี่รหัสก็ทิ้งเขาไว้กับข้าวต้มที่แม่บ้านทำหนึ่งหม้อ  เขาที่โตเป็นควายแล้วก็ได้แต่ช่วยเหลือตัวเอง  เดินสะโหลสะเหลออกมาจากห้องนอน  หาข้าวหาน้ำแล้วกินยา   หวั่นใจว่าเสี่ยอาจจะโทรมาอีกแต่ก็ไม่   ซึ่งก็ดี...  เขายังไม่พร้อมเจอหน้าเสี่ย  และถ้าจะให้ดีเสี่ยหายไปนานๆ เลยจะดีกว่ามาก   ถึงเขาจะทำใจได้เรื่องเป็นเด็กเลี้ยง  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สมเพชตัวเองที่ต้องขายตัวแลกเงิน



เช้าวันจันทร์   เขาลากสังขารที่เกือบจะหายดีไปเรียนตั้งแต่เช้า  ช่วงเช้าที่คณะดูยุ่งวุ่นวายเหมือนปกติ   มีทั้งนักศึกษาที่กำลังลอกรายงาน  (ทำไมพอขึ้นมหาลัยมันไม่มีการบ้าน)  กลุ่มสาวๆ ที่ยังนั่งแต่งหน้าทำผม  พวกหน้ามึนที่ยังแฮงค์ไม่เลิกจากคืนวันอาทิตย์  และพวกที่โหวกเหวกโวยวายแย่งเศษซากแซนด์วิชที่เป็นอาหารเช้า 

ถ้าพวกมึงจะกินเรียบกันขนาดนั้น   พวกมึงเลียถุงใส่แซนด์วิชไปด้วยเลยเถอะ

เขาเดินผ่านฝูงคน  ทักทายเพื่อนๆ  กับน้องๆ  ตามรายทาง  พอเจอกลุ่มของตัวเองเขาก็นั่งแหมะลงกับโต๊ะ  กวาดตามองอาหารเช้าที่เหลืออยู่ไม่กี่อย่างแล้วเลือกขนมจีบกับซาลาเปามาเป็นอาหารประทังชีวิต

ลืมบอกไป  ไอ้พวกคนที่เขานินทามาตั้งแต่เมื่อกี้น่ะ  กลุ่มเพื่อนของเขาเอง

กลุ่มของเขาเป็นกลุ่มนักศึกษากลุ่มใหญ่ที่มีกันเกือบสิบชีวิต  ทุกคนผ่านความหฤโหดของการรับน้อง  รายงาน  โปรเจค  ชีท  และการสอบไฟนอลด้วยกันมาตลอดสามปี  แต่ละคนยิ่งอยู่ยิ่งมีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น  แข็งแกร่งมากขึ้น  โดยเฉพาะกับสาวๆ  ที่ตอนแรกเป็นสาวสวยเรียบร้อย   แต่ตอนนี้เธอเป็นถึงเจ้าแม่แห่งประธานสโมสรนักศึกษา  ฝีปากเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใครในใต้หล้า  ใครกล้าหาเรื่องคือการตัดงบประมาณของคณะ   พวกผู้ชายที่อยู่ในกลุ่มเลยกลายเป็นผู้ตามที่ดี  โดดงานได้เป็นโดด  หนีได้เป็นหนี  มีงานหนักค่อยเรียก   งานใช้สมองยกให้พวกเธอจัดการแล้วสั่งมาซะ   

เขานั่งกินอาหารไป  พลางมองเพื่อนตัวเองที่ใช้ชีวิตตามปกติไปพลางแล้วปลุกปลอบใจตัวเองว่า  อย่างน้อยเขาก็ยังมีชีวิตแบบปกติ   ถึงจะเป็นเด็กเลี้ยงแต่ก็ยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้   เรื่องคืนวันพฤหัสฯ  ก็ถือซะว่าเป็นการบำบัดความใคร่   ยังไงเขาก็ต้องใช้มือปลดปล่อยให้ตัวเองสัปดาห์ละครั้งสองครั้งอยู่แล้ว   คิดซะว่ามีคนมาช่วยใช้มือให้แทนที่จะเป็นมือของตัวเองมันก็เท่านั้น   

พอคิดได้แบบนี้เขาก็รู้สึกดีขึ้น  เริ่มยิ้มและหัวเราะได้อย่างปกติ  พูดคุยกับเพื่อนๆ  แซวสาวๆ กับเด็กปี 1  ที่ผ่านไปผ่านมาหน้าคณะ  เฮฮาและแอบหลับในห้องเรียนช่วงบ่าย  พอจบคาบก็สะกิดขอเลกเชอร์จากเจ้าแม่  ได้ค้อนขวับตาแทบกลับมาหนึ่งม้วนถ้วน  ตอนเย็นเข้าประชุมสโมสรนักศึกษาของคณะ   เขาอยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์กับเพื่อนที่โดนบังคับแบบมัดถือชก  วิ่งวุ่นไปที่มหาลัยส่วนกลาง  ตบตีแย่งชิงพื้นที่ช่วงโอเพ่น เฮ้าส์  วิ่งกลับมาที่คณะเพื่อรายงานผล  สั่งงานน้องๆ ให้ไปทำต่อ   ก่อนจะระเห็จไปอยู่หอเพื่อนเพื่อปั่นโปรเจ็คก่อนฝึกงาน 

เขาหยุดไปสามวันงานกระเตื้องขึ้นมาตั้งสามบรรทัด  เขาเหล่ตามองเพื่อนร่วมกรุ๊ปที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้  โยนรายงานทิ้งแล้วหันไปสุมหัวเล่นเกมส์กับเพื่อนที่จองคอมอยู่ก่อนหน้า   งานโปรเจ็คต้องส่งก่อนฝึกงานหนึ่งเดือน  ตอนนี้ยังมีเวลาอีกสามเดือนให้ผลาญเล่น  เขาต้องใช้ช่วงเวลาที่มีทั้งหมดให้คุ้มค่า   นั่งปั่นอีเว้นท์เกมส์ที่เพิ่งออกช่วงนี้   

เขานั่งเล่นส์อยู่กับเพื่อนจนถึงตีสาม  ทิ้งตัวนอนอืดฉึ่งบนเตียงเพื่อนโดยที่ไม่อาบน้ำ ส่วนเรื่องเด็กเสี่ยอะไรนั่น  เขาลืมออกไปจากสมองจนหมดแล้ว



หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง [10/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 10-12-2016 22:19:27
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง [10/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 10-12-2016 22:40:33
แค่อ่านตอนแรกก็ชอบแล้ว ไม่เอาดราม่า ขอฮาๆได้ไหมคะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง [10/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: autopilot ที่ 11-12-2016 09:57:31
ตลกค่ะ มีความฮาสอดแทรกเป็นระยะๆ มาอัพต่อเร็วๆนะคะ :)
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง [10/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 11-12-2016 15:02:12
 o13
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง [10/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: บันนีม ที่ 11-12-2016 22:20:28
อ่านแล้วชอบเลย ติดตามอยู่นะคะะะะ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง [10/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 11-12-2016 23:03:53
เข้ามาขอร้องด้วยคน ไม่เอามาม่า #คุกเข่า   :ling3:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง [10/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 12-12-2016 08:07:25
น่าสนใจจังเลย

ไม่มาม่าเนอะ. (ทำตาปริบๆ 5555)
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง [10/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 12-12-2016 08:26:38
 :pig4: มาติดตามชีวิตเด็กเลี้ยงด้วยคน
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 2 รีไรท์ [19/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 13-12-2016 11:17:10
ตอนที่  2



แต่ถึงเขาอยากจะลืมไปนานแค่ไหน   ความจริงก็ยังพุ่งเข้าหาอยู่วันยังค่ำ

เสี่ยโทรมาหาเขาในช่วงคาบบ่ายของวันศุกร์  บอกเป็นประโยคสั้นๆ  แค่ว่า


   " คืนนี้จะไปหา"

   คืนนี้จะไปหา...


เขานั่งหน้าซีดเผือดเป็นไก่ต้ม  จะขยับก็ขยับไปไหนไม่ได้  รู้สึกเหมือนตัวเองวิงเวียนหน้ามืดเหมือนจะเป็นลม  เพื่อนในกลุ่มที่เห็นเขาหน้าซีดก็สั่งให้เขานอนราบไปกับเก้าอี้  แต่ละคนวิ่งวุ่นหาพัด  หาน้ำหวาน  ยาดม  ยาลม  ยาหม่อง  มาดูแลเขาอย่างเต็มที่   แต่ก่อนที่ใครจะทำเรื่องวุ่นวายถึงขั้นโทรเรียกรถพยาบาล  เขาสบตากับไอ้ก้องเพื่อนสนิท  บอกมันแต่เพียงว่าให้เอารถยนต์ไปส่งเขาที่หอพัก  ส่วนคาบเรียนช่วงบ่ายเขาก็ขาดไป  ยังดีที่วิชานี้ไม่มีเช็คชื่อ  เขาเลยสามารถโดดได้ง่ายๆ


" ที่บ้านโทรมาบอกเรื่องหนี้เหรอวะ"   ไอ้ก้องถามตอนที่กำลังขับรถ 


ไอ้ก้องเองก็รู้เรื่องที่บ้านเขาติดหนี้  แต่มันไม่รู้หรอกว่าเขาแก้ปัญหาด้วยการเป็นเด็กเลี้ยง  มันรู้แต่ว่าเขายืมเงินคนอื่นมาหมุนแทน


เงินสามแสน...  จะว่ามากก็มาก  จะว่าน้อยก็น้อย  แต่ใครที่ไหนจะให้คนอื่นยืมเงินได้ง่ายๆ ตั้งสามแสนโดยเฉพาะกับเพื่อน  แค่ออกปากขอยืมหน่อยก็เสียเพื่อนแล้ว  จะให้ไปขอกู้จากที่อื่นมาทบหนี้ก็ไม่ได้  เขายังเป็นนักศึกษาอยู่ไม่มีอะไรใช้เป็นหลักค้ำ  อีกอย่างฝ่ายเจ้าหนี้เองก็เร่งรัดเอาเงินเพราะอยากยึดที่   ตอนนี้ที่ทางในจังหวัดจันทบุรีกำลังมีราคา  บ้านแม่เขาเป็นบ้านเก่าติดท่าน้ำ  ถ้าปรับปรุงดีๆ ก็สามารถทำเป็นโฮมสเตย์ได้  แถมที่บ้านเขายังมีต้นมะม่วง  ลำไย  มังคุด  ขนุน  ทุเรียน  อย่างละต้นสองต้น  มีจำปี  จำปา  ดอกแก้ว  ดอกพุด  จัดอยู่เป็นพุ่มๆ  เพราะแม่ชอบดอกไม้สีขาวทุกชนิด 

สมัยที่คุณยายยังมีชีวิตอยู่แกก็ชอบปลูกกล้วยไม้แขวนไว้ที่หน้าบ้าน  ไม่ก็เกาะกิ่งไว้กับต้นมะม่วง  ทุกๆ ปีดอกกล้วยไม้จะออกดอกชูช่อสวย  ลุงเขาต้องกลับมานอนเฝ้าทุกคืนเพราะชอบมีคนมาขโมย  ไม่ก็มีพวกเด็กๆ ชอบมาเด็ดเล่น   แล้วแบบนี้ลุงเขาจะยังเอาที่ไปจำนองเพื่อแลกกับเงินสามแสนอีกเหรอ  ลุงเอาอะไรคิด!

เฮ้อ  คิดแล้วก็อดปวดหัวไม่ได้  เขารู้ว่าลุงโดนหลอกจะด่าแกมากก็ใช่ที่  แต่บ้านหลังนั้นเขาอยู่มาตั้งแต่เกิด  มีความทรงจำของเขากับแม่มากมาย  เงินหาซื้อความสุขจากความทรงจำไม่ได้   แต่เงินสามารถพรากความทรงจำดีๆ จากเขาไปได้ 

ดังนั้นแค่ขายตัวจะเป็นไรไป  เขาเองก็ไม่ได้คิดจะขายตัวไปตลอดชีวิต 

แค่ตอนนี้เท่านั้น...  แล้วพอเรียนจบเขาก็จะทำงานหาเงินแบบปกติ


ยังดีที่พี่ธนิตใจดีช่วยออกเงินใช้หนี้ให้ก่อนแบบไม่คิดดอกเบี้ย   พี่รหัสของเขาเองก็เอาชื่อตัวเองช่วยค้ำ  อย่างที่บอก  เงินสามแสน  จะว่ามากก็มาก  จะว่าน้อยก็น้อย  พี่รหัสเขาไม่ใช่นักบุญ  แค่ช่วยติดต่อคนกับช่วยค้ำให้ก็ถือว่าใจบุญมากแล้ว  ส่วนเรื่องหนีหนี้...   เอาเป็นว่าวงการนี้มันไม่แคบ  ถ้าลองหนีแล้วถูกจับได้  ได้เจอจุดจบที่แย่ยิ่งกว่าเป็นเด็กเสี่ยแน่นอน

เขาใช้เวลาอยู่ในรถไอ้ก้องเกือบสามสิบนาที  ถามตอบและพูดคุยกันเป็นประโยคสั้นๆ  พวกผู้ชายก็แบบนี้แหละไม่คุยอะไรกันมาก  ลองเป็นพวกเจ้าแม่มาส่ง  รับรองเลยว่านอกจากเรื่องหนี้  พวกเธอต้องขุดลากยาวไปยันญาติโกโหติกาเขาแน่นอน

" มีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน  ถ้าเงินไม่กี่พันกูช่วยออกเป็นค่าข้าวให้มึงได้"  ไอ้ก้องบอกก่อนที่จะออกรถ  เขาแค่บอกขอบคุณแล้วพยักหน้าให้ไม่ได้หลุดปากบอกอะไรเพิ่ม


พูดถึงเรื่องเงิน  ที่จริงที่บ้านเขาก็ไม่ได้จนมาก  แค่พออยู่พอกินแบบธรรมดา  ลุงเขาทำสวนผลไม้แบบชาวบ้าน  ไม่ได้มีเงินเก็บแบบเหลือกินเหลือใช้  ป้าสะใภ้ก็เปิดร้านขายของชำตรงหน้าบ้าน  มีที่ดินจากมรดกคุณตาก็เอามาแบ่งให้คนอื่นเช่า 

ลุงเขาตัดเงินจากตรงนั้นมาให้เขาใช้เดือนละ  10,000  บาท   กู้กยศ.เพิ่มเพื่อเอามาจ่ายค่าเช่าห้องพัก  เรียกได้ว่าถ้าใช้อย่างประหยัดๆ ก็พอกินพอใช้  มีเหลือก็เก็บแต่ก็ไม่มาก  ถ้าเดือนไหนเกิดเงินไม่พอ  ก็ต้องเอาที่เหลือจากเดือนก่อนๆ มาโปะ 

สรุปคือเขาไม่มีเงินเก็บจริงๆ เลยซักบาท  เรียนคณะบริหารแต่ก็บริหารเงินไม่เป็น   มีความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดก็คงเป็นแบบนี้ 

เขาส่ายหน้าให้กับความไม่เก็บออมของตัวเองแล้วไขประตูเปิดห้อง   วางเป้ของตัวเองลง  นอนแผ่อยู่บนเตียงเกือบหนึ่งชัวโมงก่อนทำใจลุกไปอาบน้ำ  ขัดสีฉวีวรรณตั้งแต่หัวจรดเท้า  เมื่ออาทิตย์ก่อนเขาขัดตัวไปแล้ววันนี้เลยไม่ต้องขัดมาก  เอาแปรงมาถูๆ  เล็บมือกับเล็บเท้าที่ดูเลอะๆ  อีกหน่อย  อาบน้ำเสร็จก็ออกมาตัดเล็บ  ตะไบเล็บจนเป็นทรงมนโค้ง  ทาครีมตลอดทั่วทั้งตัวไม่เว้นแม้แต่ฝ่าเท้า  เปิดแอร์ตากตัวให้แห้งก็ล้างมือเตรียมโบ๊ะหน้า 

ใครว่าอาชีพขายตัวเป็นอาชีพที่สบาย  แค่ดูแลบำรุงผิวตัวเองให้ดีๆ แค่นี้ก็เหนื่อยแล้ว  เขาใช้เวลาทั้งหมดในการบำรุงตัวเองไปสองชั่วโมง  เก็บเสื้อผ้าที่ต้องใช้เปลี่ยนยัดใส่เป้แล้วเดินออกจากห้อง  โบกแท็กซี่แทนวินมอเตอร์ไซค์เพื่อปกป้องผิวจากมลพิษ  กว่าจะถึงคอนโดเสี่ยก็เป็นเวลาเกือบสี่โมง   

อันที่จริงเขาจะค้างที่คอนโดเสี่ยตลอดสี่เดือนเลยก็ได้  แต่ใครมันจะอยากนอนอยู่บนเขียงหมูกัน  แค่คิดว่าตัวเองจะต้องถูกหั่น  เสียบ  เชือด  เขาก็แขยงแล้ว  สู้มาอยู่เฉพาะช่วงที่ต้องมาดีกว่า  มีอะไรเกิดขึ้นก็จะได้เผ่นได้ง่ายๆ  แถมไม่ต้องผูกพันมาก  เขาเป็นพวกชอบยึดติด  ไม่ค่อยชอบกับการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะพวกที่อยู่หรือบ้าน  ดังนั้นเขียงหมูนี่...  มาได้น้อยที่สุดเท่าไหร่ยิ่งดี  แต่ไม่ต้องมาเลยจะดีที่สุด


คำว่า "คืนนี้จะไปหา"  เป็นบริบททางเวลาที่กว้างมาก  เพราะไม่รู้ว่าเสี่ยจะมาถึงกี่ทุ่ม 


พี่ธนิต(อีกแล้ว)  แนะนำเด็กใหม่แบบเขาว่า  ว่างก็มาเตรียมตัวไว้ก่อน  เวลาเหลือก็ฝึกบริหารเสน่ห์ไป  อาหารเครื่องดื่มต้องมีให้พร้อมโดยเฉพาะของมึนเมา  กับข้าวต้องเลือกแบบกลิ่นไม่แรงมาก  อุ่นง่ายกินง่ายแต่ต้องดูดี  (อีซี่โกหลบไป)  จะสร้างบรรยากาศหรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับความสามารถ  แต่ถ้าไม่มีฝีมือก็อย่าประจานตัวเองให้เสี่ยเครียด  เป็นตัวของตัวเองดีที่สุด  แต่สิ่งสำคัญสุดคือต้อง  สด  สะอาด  ปลอดภัย  และเชื่อถือได้   

ซึ่งหมายถึงตัวเขาเองน่ะนะ  พี่ธนิตย้ำกับเขาเป็นรอบที่สี่หมื่นแปดพันถ้วนว่า  เสี่ยเป็นคนรักสะอาด  ไม่ชอบให้เด็กรับงานซ้อน  แถมเสี่ยจะหงุดหงิดง่ายถ้าอยากกินแต่เด็กดันไม่ยอมให้กิน

เขาเคยถามพี่ธนิตว่ามีเด็กที่เสี่ยเขี่ยทิ้งก่อนเวลาไหม  พี่แกก็หัวเราะแล้วบอกเขาให้สยองขวัญว่า

" มีเด็กอยากลองดีคนหนึ่งแอบไปกิ๊กกับแฟนเก่า  พอเสี่ยจับได้ก็ไล่ออกจากห้อง  เสี่ยไม่ลงมือกับเด็กเองให้เสียมือแต่มาลงกับพี่   เพราะงั้นพี่เลยให้ไอ้เด็กนั่นไปรับแขกแบบหมู่แถวๆ ซ่อง  เพื่อเป็นการขอโทษเสี่ย" 

คนพูดๆ ไปแบบไม่หยุดหัวเราะ  แต่เขานี่สิพูดอะไรต่อไม่ออก  จากที่เคยคิดว่าพี่ธนิตใจดีก็ต้องเปลี่ยนความคิด  ร่ำๆ คิดแต่ว่าไม่อยากเอาเงินไปใช้หนี้แล้ว 


แต่พี่แกดันดักคอก่อนว่า   "ตอนนี้เด็กแบบที่เสี่ยต้องการกำลังขาด  ถ้าแกเบี้ยว...." 


" ผมจะตั้งใจทำงานอย่างดีครับพี่!"  เขาเป็นคนว่าง่าย  รักษาคำสัญญา   ดูแลเสี่ยแค่คนเดียวเรื่องจิ๊บๆ  แต่ถ้ามาแบบเป็นฝูง....   


คิดแล้วอยากจะเป็นลมจนต้องหายาดมมาดมเพิ่ม  วันนั้นเขาออกจากห้องพี่ธนิตแบบเท้าไม่ติดพื้น  สติหายไปหมดกับคำขู่ของพี่ธนิต  และหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ไปหาพี่ธนิตอีกเลยเป็นเดือนๆ  เพราะไม่อยากเจอตัว
 
เขาใช้เวลาที่เหลือเตรียมตัวทำความสะอาดภายในอยู่ในห้องน้ำอีกซักพัก   ข้าวเย็นไม่ได้กินเพราะกลัวอ้วก  เตรียมดูของที่ต้องใช้  กินเหล้าที่วางอยู่เรียงรายเพื่อเรียกขวัญกำลังใจ  ครั้งนี้เขาไม่ได้กินยาปลุกเพราะเข็ดจากครั้งที่แล้ว 

เขานั่งรอเสี่ยที่โซฟานานมาก  จนต้องลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวแล้วแปรงฟันอีกรอบ   

ตอนที่หิวจนทนไม่ไหวกำลังจะออกไปหาอะไรกิน   เสียงเปิดประตูที่ฟังคล้ายเสียงในหนังสยองขวัญก็ดังขึ้น   

แอ๊ด...

เสี่ยมองเขา...  ที่กำลังยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตู
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 2 [13/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 13-12-2016 17:16:29
ตามๆ

อยากรู้เรื่องของเด็กเลี้ยงงง
กับเสี่ยที่ยังไม่มีบทพูดเลย 5555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 2 [13/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: บันนีม ที่ 13-12-2016 18:16:23
ตลกความสู้ชีวิตนี้555555555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 2 [13/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 13-12-2016 18:23:19
 :hao4: ถ้าจะออกแนวดราม่าแน่ๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 2 [13/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 13-12-2016 18:33:55
ชอบมากกก
ชอบการเล่าเรื่องสไตล์นี้ ติดตามค่าา
พี่ธนิตนี่ดูโหดใช่เล่นนนนนนน กลัววแหล่ววว  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 2 [13/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 13-12-2016 19:00:36
 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 2 [13/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: autopilot ที่ 13-12-2016 20:28:50
ขำนายเอกกไปอีกกก
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 2 [13/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 13-12-2016 21:20:16
ตอนหน้าจะเกิดอะไรขึ้น
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 2 [13/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 13-12-2016 23:11:22
ยิ่งอ่านยิ่งติดแฮะ รอตอนต่อไป เป็นกำลังใจให้ไรต์จ้า    :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 2 [13/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-12-2016 17:19:06
ได้ค่าตัวครั้งละห้าพัน
แต่ในสี่เดือนเสี่ยจะมหาหากี่ครั้งกันนะ
ตอนนี้สองสัปดาห์ สองครั้งไปละ
ถ้าความถี่เป็นไปปกติ
สี่เดือนเสี่ยจะเรียกใช้สิบหกครั้ง
แต่เหมือนเสี่ยจะพอใจ เอ๊อะ.......เอาละซี้
ชอบบบบบ รอ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 2 [13/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 14-12-2016 21:54:33
หมูกำลังจะขึ้นเขียง
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 3 [15/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 15-12-2016 09:51:52
ตอนที่  3



หลังเกิดความเงียบ  เขาก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองยังไม่ได้ยกมือไหว้เสี่ย  เขายกมือไหว้เสี่ยอย่างนอบน้อมแบบที่จะเตรียมขอเงินลุงไปจ่ายค่าข้าว  เสี่ยไม่ได้ว่าอะไรกับพฤติกรรมของเขา  แค่นิ่งไปนิดก่อนจะพยักหน้ารับแล้วส่งกระเป๋ามาให้  เขารับกระเป๋ามาถือไว้แบบคนรับใช้ที่ดี  จินตนาการว่าตัวเองเป็นคนรับใช้แบบที่เห็นตามโทรทัศน์  โค้งตัวน้อยๆ จับกระเป๋ามาถือด้วยมือทั้งสองข้าง  นี่ถ้าเสี่ยถอดเสื้อคลุมออก  เขาจะรีบเอาเสื้อไปแขวนให้เลยนะเนี่ย       


ระหว่างเขากับเสี่ย...  เราสองคนไม่ได้มีบทสนทนากันมาก  เสี่ยถามอะไรเขาก็ตอบไปแบบนั้น  แอบสำรวจเสี่ยแบบคร่าวๆ ว่าต้องบริการเสี่ยแบบไหนบ้าง  ดูท่าเสี่ยจะยังไม่ได้อาบน้ำเพราะยังแต่งตัวเหมือนเพิ่งกลับมาจากที่ทำงาน  ตอนที่เสี่ยเดินผ่านโซฟาเขาก็ถือโอกาสตั้งกระเป๋าเอกสารไว้ด้วย  คิดๆ อยู่ว่าจะต้องอาบน้ำพร้อมเสี่ยหรือเปล่า  คราวก่อนเสี่ยอาบน้ำเตรียมไว้ก่อนแล้ว เขาเลยไม่ต้องบริการส่วนนี้

ความจริงคือคราวก่อนเสี่ยพร้อมรบมาก  อาบน้ำแต่งตัวใส่เสื้อคลุมรอเขาอยู่ในห้อง  เขาที่ถูกพี่ธนิตถีบส่งตั้งแต่อยู่หน้าประตูคอนโดก็ได้แต่เดินก้มหน้าก้มตาเข้าสู่คอนโดที่มีระบบรักษาความปลอดภัยแบบคีย์การ์ด  เสียบบัตรเข้าที่เสียบบัตรหน้าลิฟต์  รอจนลิฟต์เปิดออกก็เข้าไป  แล้วตรงดิ่งมาที่เขียงหมูแห่งนี้ 

ห้องชุดในคอนโดของเสี่ยกว้างขวางมาก  กินพื้นที่สี่ห้องต่อหนึ่งชั้น  ดังนั้นเวลาขึ้นมาเขาจะเจอโถงหน้าห้องก่อน  ใช้กุญแจแบบพิเศษเสียบเข้าที่ประตูก่อนจะได้เข้าห้อง  ซึ่งกุญแจกับคีย์การ์ดนี่ก็ราคาหลายบาท  เขาต้องรักษามันไว้ยิ่งชีพ  เพราะถ้าหากทำหาย  เสี่ยคงต้องทำเรื่องขอใหม่และคงต้องจ่ายเงินเพิ่ม  เขาที่ยังไม่อยากให้เสี่ยหงุดหงิดและถูกเขี่ยทิ้งก่อนเวลาเลยต้องรักษากุญแจกับคีร์การ์ดนี่ไว้และปกป้องยิ่งกว่าลูก  เอาเป็นว่าต่อให้กระเป๋าตังค์หายไปทั้งกระเป๋าเขาก็ไม่ยอมให้กุญแจกับคีย์การ์ดนี่หายไปเด็ดขาด   


รอจนเสี่ยเดินผ่านห้องรับแขกแล้วตรงดิ่งไปที่ห้องนอน  เขาก็รู้ชะตากรรมเลยว่าต้องเสร็จเสี่ยแน่  เสี่ยไม่คิดอยากสร้างบรรยากาศแบบชวนเขาดื่มเลยซักนิด  ดีที่เขาดื่มเหล้าไปก่อนแล้วเลยเริ่มมึนๆ อยู่บ้าง  ไม่งั้นถ้าต้องขึ้นเขียงแบบไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจ  เขาจะต้องเผ่นหนีป่าราบอย่างแน่นอน

พอเสี่ยเดินไปถึงเตียงนอน  เขาก็เริ่มคิดว่าจะหาทางกล่อมเสี่ยยังไงบ้าง  คือ...  เขาไม่อยากอาบน้ำพร้อมเสี่ย  ต้องอยู่ในที่สว่างๆ มองตัวเองกับผู้ชายกอดกัน  แค่คิดเขาก็แอบขนลุก  แถมห้องน้ำในคอนโดกระจกก็โคตรเยอะ  เยอะแบบชนิดที่ว่าไม่ว่าจะเล่นท่าไหนเขาจะต้องเห็นหมดทุกซอกทุกมุมอย่างแน่นอน


แต่เสี่ยก็ยังเป็นเสี่ยอยู่วันยังค่ำ  ขึ้นชื่อว่าเป็นเสี่ยเลี้ยงไม่ว่าจะเกรดดีแค่ไหน  จุดประสงค์หลักก็มีอยู่อย่างเดียวคืออยากกอดเด็กเลี้ยง  ดังนั้นเสี่ยจึงไม่ยอมให้เขาอิดออด  กระดิกนิ้วส่งสัญญาณให้เขาเข้าไปใกล้   ในตอนที่คิดว่าจะต้องใช้ปากให้เสี่ยทั้งที่เสี่ยยังไม่อาบน้ำไหม  เสี่ยก็ดึงเอวเขาเข้าไปกอดแล้วป้อนจูบลงมา

เสี่ยไม่พูดพร่ำทำเพลงหรือมีอารัมภบทเลยซักนิด  จูบเอาๆ จนเท้าเขาแทบไม่ติดพื้น  พอเขาเผลอๆ  ก็ถอดเสื้อเขาออก  ซึ่งเขาขอบอกตรงนี้ได้เลยว่าเสี่ยเทคนิคดีมาก  จูบไม่กี่ทีก็ทำเอาเขาเกือบเคลิ้ม  เสี่ยไม่ได้ดุดันหรือบังคับเขาซักนิด  เสี่ยค่อยๆ ชักเชิดเขาให้ขยับปากไปตามที่เสี่ยต้องการ

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขากอดเสี่ยกลับ  เฮ้อ  ผู้ชายก็แบบนี้  ความคิด  สติ  ความปรารถนา  ความต้องการ  แยกออกกันจากความรัก   ถึงเขาจะไม่อยากนอนกับเสี่ยแค่ไหน  แต่พอเกิดอารมณ์เขาก็ตอบสนองได้อย่างง่ายๆ  อีกอย่างเขาก็เคยผ่านครั้งแรกมาแล้ว  จะให้อิดออดเล่นตัวก็ใช่ที  และในเมื่อเสี่ยเองก็ไม่ได้หักหาญน้ำใจเขามาก  เขาก็จะทำหน้าที่เด็กเลี้ยงให้ดีหน่อย

เขาเริ่มจูบเสี่ยกลับ  และเสี่ยเองก็เริ่มตอบโต้  จูบของเราร้อนแรงขึ้นพร้อมกับมือของเสี่ยที่ลูบขึ้นลง  เสี่ยลากมือไปตามสีข้างเขา  พอถึงขอบกางเกงเสี่ยก็เลื่อนมือมาที่ด้านหน้า  เสี่ยไม่ได้แตะต้องที่ส่วนที่ตื่นตัว  แต่เขารู้ว่าเสี่ยอยากบอกอะไร  เขาเลื่อนมือไปที่เข็ดขัดของเสี่ยแล้วปลดมันออก  แกะกระดุมกางเกงของเสี่ยและรูดซิบลงข้างล่าง  ความปรารถนาของเสี่ยดุนดันออกมาจนเห็นเป็นรูป  เขาค่อยๆ เลื่อนมือสั่นๆ ของตัวเองไปลูบไล้ของๆ เสี่ย 

เสี่ยครางเสียงต่ำในลำคอ  แต่ตอนที่เขาดึงชั้นในกับกางเกงของเสี่ยออกและลดตัวลงเพื่อที่ใช้ปากให้  เสี่ยกลับฉุดเขาไว้แล้วจับมือเขาให้ไปกอบกุมและลูบของๆ เสี่ยไปมา

ความเป็นชายของเสี่ยใหญ่โตและร้อนจัด  เขาสัมผัสอย่างแผ่วเบาและเริ่มขยับมือเข้าออกเพื่อให้ของๆ เสี่ยแข็งตัวขึ้น  ของๆ เขาเองก็ตื่นแล้วเหมือนกัน  พอเสี่ยถอดกางเกงเขาออกมันก็ดีดผึ่งลุกขึ้นสู้  เขาอับอายขายหน้าแต่ก็ไม่ได้แสดงออกอะไรเพิ่ม  เสี่ยจับเอวของเขาให้ไปเบียดกับของๆ เสี่ย  เขาเอามือออกและเริ่มเบียดเอวกับส่วนล่างของเสี่ยแทน


คืนนั้น.. รอบแรกของเขากับเสี่ย  เขาต้องออนท็อปเสี่ยทั้งที่ยังอยู่ในท่านั่ง  เสี่ยนั่งลงตรงขอบเตียงแล้วตบที่สะโพกเขาให้ขยับขึ้นลง  เขาอายเสี่ยจนหน้าแทบไหม้แต่ก็ไม่สามารถปฎิเสธเสี่ยได้  เสี่ยชักเชิดเขาให้ขยับไปมา  พอเขาเผลอก็บีบหน้าอกเขาบ้าง  กดส่วนหัวน้องชายเขาบ้าง  เล่นเอาเขาเสียวซ่านจนต้องบีบของเสี่ยที่อยู่ในตัวแน่น  เสี่ยคำรามต่ำในคออย่างพึงพอใจ  พอใกล้จะเสร็จเสี่ยก็ถอนตัวออกแล้วจับเขาพลิกคว่ำ  จัดท่าให้เขาค้ำมืออยู่บนเตียงในขณะที่เท้าแตะอยู่กับพื้น  เสี่ยกดตัวลงมาใหม่แล้วใส่จังหวะกลับมาไม่ยั้ง  เขาโดนกระแทกจนหัวสั่นหัวคลอนแต่ก็ยังต้องกลั้นเสียงร้อง  จนในที่สุดเสี่ยก็ปลดปล่อยออกมาในตัวเขาแล้วสั่นกระตุกอีกสองสามที

เขาที่เหนื่อยจัดจนตัวสั่นแต่ปลดปล่อยออกมาเองไม่ได้ก็ต้องให้เสี่ยช่วย  เสี่ยจับเขานอนหงาย  ทับตัวลงมาเหมือนจะกอดปลอบและช่วยขยับมือให้  โชคดีที่ก่อนเริ่มแบบจริงๆ จังๆ  เขากับเสี่ยช่วยกันผลัดใส่ถุงยาง  พอเขาเสร็จมันเลยไม่เลอะมาก  เสี่ยถอดถุงยางของตัวเองกับของเขาออกแล้วทิ้งใส่ถังขยะที่อยู่ข้างพื้น  รอจนเขาปรับลมหายใจได้ก็ฉุดเขาให้ออกจากเตียงแล้วลากเข้าห้องน้ำ


สรุปแล้ววันนั้นเขาเสร็จเสี่ยไปสามรอบ  แถมรอบที่สองในห้องน้ำก็เล่นกันไปหลายท่า  และแต่ละท่าเขาก็เห็นเงาตัวเองในกระจกทุกครั้ง  ไม่รู้ว่าเขามีความเป็นมาโซหรือเสี่ยชอบแบบซาดิสม์  เพราะทุกครั้งที่เขาจะเสร็จเขาจะต้องให้เสี่ยช่วย  เขาไม่เคยใช้มือเพื่อช่วยปลดเปลื้องความต้องการของตัวเองและไม่เคยส่งเสียงครางออกมาดังๆ ซักครั้ง  แต่ดูเหมือนเสี่ยเองก็ชอบที่เขาเป็นแบบนั้น  เพราะทุกครั้งเสี่ยจะลงแรงแบบดุดันจนเขาเกือบแดดิ้น  พอเขาทนทรมานไม่ไหวมากๆ เข้า  เขาก็เริ่มร้องไห้   แล้วพอเขาร้องไห้เสี่ยก็จะเริ่มกอดปลอบ  รอจนเขาเคลิ้มเสี่ยก็กดตัวเข้ามาใหม่แรงๆ อีกหลายรอบ  สลับไปสลับมาอยู่หลายครั้งจนเขาเกือบจะสิ้นชีวิต   แล้วกว่าเสี่ยจะยอมให้เขาปลดปล่อยไปได้  ก็เป็นตอนที่เสี่ยเสร็จไปแล้วนั่นแหละ
   
ยังดีที่ครั้งสุดท้ายเสี่ยยอมอ่อนแรงลงบ้าง  เขาถึงได้นอนบนเตียงสวยๆ ให้เสี่ยบริการเด็กเลี้ยงแบบเขา  เสี่ยอยากได้ท่าไหนเขาก็จัดให้ได้ทั้งนั้น  ขอแค่ว่าเขาได้นอนนิ่งๆ  ปล่อยให้เสี่ยจับพลิกไปพลิกมา  นี่ถ้ามีไฟอยู่ใต้เตียงเขานึกว่าตัวเองเป็นหมูย่างไปแล้วนะ  เสี่ยจับเขาสลับด้านไปมาซะสนุกเชียว
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 3 [15/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: autopilot ที่ 15-12-2016 10:32:11
โอยยยยน เสี่ยนี่ค่าตัวแพงนะคะ มาโชว์ตัวเฉยๆ แบบไม่ต้องพูดอะไรเรยยย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 3 [15/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 15-12-2016 10:51:16
สนุกมากกกกกกก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 3 [15/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-12-2016 11:28:28
เสี่ย สุดยอดดดด   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เข้าห้องมาไม่พูดซักคำ
ก็ตะลุยๆๆๆ ซะสามรอบ :ling1: :ling1: :ling1:
จนเด็กเลี้ยง นึกว่าตัวเองเป็นหมูหัน
แหะๆ.....เสี่ยกินไปแบบดิบๆ อะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 3 [15/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 15-12-2016 17:16:36
เสี่ยค่ะ ปากมันเกินไปแล้ว 555
อิ่มพุงจิแตก
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 3 [15/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 15-12-2016 18:48:48
ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ    หมูหัน  คิดได้ไง อยากอ่านมุมมองของเสี่ยบ้าง รีบมาต่อเหอะ
 :ling1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 3 [15/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 15-12-2016 20:33:47
เหมือนเขาจะไม่ได้คุยกันจริงๆจังเลยเนอะ สื่อสารกันด้วยภาษากาย...

รักนะ...หมูหัน ฮาาาาา
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 3 [15/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 15-12-2016 20:47:59
5555
คิดได้นะหมูหัน

เสี่ยมาแบบไม่มีบทพูดอีกแล้ว

รอๆๆ ตามๆๆต่อ รีบมาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 3 [15/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 15-12-2016 22:30:54
อยากฟังเสียงเสี่ยจังค่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 3 [15/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 15-12-2016 22:38:17
เสี่ยเคยพูดแล้วน้าา  ที่บท Intro  พูดออกมาตั้งสองประโยค  ^^
เสี่ยค่าตัวแพงมากค่ะ  ตอนต้อๆไปแพงกว่านี้อีก  5555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 3 [15/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 16-12-2016 00:19:31
เสี่ยไม่คิดจะพูดไรบ้างเหรอ :laugh:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 3 [15/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 17-12-2016 01:08:01
เสี่ยจ๋าาา อยากได้ยินเสียงเสี่ยบ้างจังงงง
ทำไมเร่าร้อนขนาดนี้ ฮือออ
สองคนนี้จะรักกันมั้ยยน้าาา
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 4 [17/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 17-12-2016 09:21:06
ตอนที่  4



พออยู่กับเสี่ยมาหลายเดือนเข้า  เขาก็เริ่มปรับตัวได้  เสี่ยมาหาเขาสัปดาห์ละครั้งสองครั้ง  ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงสุดสัปดาห์  กับช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์  ถ้าสัปดาห์ไหนไม่มีวันหยุดกลางสัปดาห์  เสี่ยก็จะมาหาเขาในวันที่ไม่มีเรียนเช้าแทน

ช่วงศุกร์  เสาร์  อาทิตย์  คือขุมนรก  เสี่ยจัดหนักจัดเต็มตั้งแต่คืนวันศุกร์  วันเสาร์-อาทิตย์ปล่อยให้เขานอนซมและพักผ่อนอยู่ในห้อง  วันหยุดนักขัตฤกษ์เสี่ยจะจัดเต็มแบบปานกลาง  ส่วนวันธรรมดาเสี่ยเป็นคนปกติมากสุด  ค่อยๆ จัดแบบเบาๆ  แต่ไม่เนิบนาบ  สรุปคือเขาสลบเหมือดเกือบทุกรอบ  ไม่มีแรงเดินออกไปส่งเสี่ยทำงานตอนเช้า


หลังๆ มาเสี่ยจะเริ่มมาค้างกับเขาบ่อยขึ้น  ถึงจะไม่ได้ดูแลขนาดหาข้าวหาน้ำ  แต่ก็ทุกครั้งที่เขาตื่นขึ้นมาก็จะมีอาหารตั้งไว้อยู่ในห้องครัว  วันไหนเขานอนซมอยู่แต่ในคอนโดก็จะมีคนเอาข้าวมาส่งให้   ส่วนราคา.. ก็สมกับที่เสี่ยเป็นเสี่ยเกรด  A+  อาหารทุกมื้อหรูหราอลังการมาก  แถมไม่ใช่พวกข้าวปั้นหรือซูชิ   ครั้งหนึ่งที่เขาถูกเสี่ยจับกินนานมาก  เสี่ยสั่งสเต๊กเนื้อสันในอย่างดีพร้อมกับซุปและสลัดมาให้เขาแบบกินไม่อั้น  ถึงเสี่ยจะไม่ได้อยู่กินด้วยแต่เขาก็จัดไปแบบเต็มคราบ  แถมมีหน้าขอห่อกลับด้วย  ไม่ใช่ว่าเขางกอยากเก็บอาหารของเสี่ยกลับไปให้หมดหรอกนะ  แต่มันอร่อยมากๆ  ขนาดเขาหอบหิ้วไปที่หอพัก  แบ่งให้เพื่อนที่อยู่ร่วมหอทาน  ใครๆ ก็บอกว่าอร่อยทั้งนั้น  ถามกันใหญ่ว่าหาซื้อได้จากที่ไหนได้บ้าง  เขาเองก็บอกไปแต่ว่าพี่ที่ทำงานพิเศษซื้อมาให้ 

ตอนนี้ทุกคนรู้กันหมดแล้วว่าบ้านเขาติดหนี้  เพราะเขาต้องไปทำงานพิเศษทุกศุกร์  เสาร์  อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์  เขาบอกเพื่อนไปว่าตัวเองทำงานพาร์ทไทม์จำพวกพนักงานเสิร์ฟ  ซึ่งพวกเพื่อนๆ ก็พอเข้าใจและไม่มีใครถามอะไรเพิ่ม  ทุกคนให้ความช่วยเหลือเขาในส่วนที่ทำได้  ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการแบ่งเบางานในคณะ  ส่วนรายงานกลุ่ม  เขาก็ช่วยทำในวันปกติเลยไม่มีผลกระทบไม่มีใครเสนอยื่นเงินมาให้เขา  ซึ่งก็ดีแล้ว   ไม่งั้นจะผิดใจกันเปล่าๆ

ส่วนลุงก็เข้าใจว่าเขายืมเงินมาจากรุ่นพี่  ตอนแรกลุงเองก็ไม่เชื่อ  แต่พอเขาส่งรูปถ่ายรุ่นพี่ที่เป็นนายแบบไปให้ลุงแกก็เชื่อสนิท  แกเชื่อแบบคนหัวโบราณว่านายแบบกับนักแสดงนี่รวยระดับมหาศาลมาก  เขาเองก็ไม่อยากบอกว่าคนที่รวยกว่ารุ่นพี่น่ะมีอีกเป็นหมื่นแสนล้านคนบนโลก  แต่เอาเถอะขอแค่ลุงไม่สงสัยเขาก็พอ

ส่วนเรื่องเงิน...  ตอนนี้เขามีเงินเก็บอยู่ในบัญชีหลายหมื่นมาก  ทุกครั้งที่เสี่ยเล่นงานเขาจนเกือบปางตาย  เสี่ยจะวางเงินไว้ที่หัวเตียงเกือบทุกรอบ  รอบละห้าพันบ้างหมื่นบ้าง  ตามแต่สภาพความหื่น 
 
แ_่ง....  ใครที่ไหนเคยบอกว่าเสี่ยไม่หื่นฟร๊ะ  เขาอยากไปกระทืบหน้าคนบอกให้แนบติดพื้น (อย่าไปบอกพี่รหัสเขานะ)  เพราะเสี่ยไม่ได้หื่นแบบธรรมดา  แต่เสี่ยหื่นแบบอึดด้วย  อึด  ถึก  และเล่นหลายรอบ  เล่นแต่ละทีก็เล่นท่ายาก  ทำเอาเขาแทบหมดลมหายใจไปหลายรอบ  ดังนั้นเงินที่เสี่ยวางไว้ให้แต่ละคืนเขาจะถือว่าเป็นค่าประกันชีวิต  เพื่อวันไหนเขาตายคาอกเสี่ยก่อนเวลาที่กำหนด  ลุงเขาจะได้ไม่ลำบากหาเงินมาช่วยแต่งศพให้   เขาเตรียมค่าทำศพของตัวเองไว้แล้ว  กะขอแบบโลงศพไม้สักอย่างดี  เวลาศพกระเด้งฝาโลงจะได้ไม่เปิด

เอิ่ม  นอกเรื่องไปหน่อย  เอาเป็นว่า  ทุกอย่างในชีวิตเขาปกติดี  ไปเรียน  ทำงาน  นอนพัก  และกลับมาทำโปรเจคกับเพื่อน  ว่างๆ ก็ขัดตัว  ขัดหน้า  ขัดเท้าเป็นการบริหารเสน่ห์ (ส่วนเรื่องลีลาปล่อยให้เสี่ยจัดการไป) 

ตอนนี้บุคลิกท่าทางเขาดีขึ้นมาก  ถึงจะอดหลับอดนอนเพราะโต้รุ่งแต่ก็ไม่มีเหี่ยวมีโทรม  ปกติเขาไม่กินเหล้าสูบบุหรี่อยู่แล้วหน้ากับปากเลยไม่ดำมาก  ทุกๆ เดือนที่ต้องไปรายงานตัวกับพี่ธนิต  พี่แกก็บอกว่าเขามีราศีเหมาะเป็นเด็กเสี่ยมากขึ้น  ร่ำๆ อยากจะพาเขาไปโชว์ตัว 

แต่เขาไม่ไหวล่ะ  แค่กับเสี่ยคนเดียวเขาก็จะตายแล้ว  ขืนต้องรับงานเพิ่ม  เขาขอผูกคอตายใต้ต้นหัวไชเท้าดีกว่า

" ไม่คิดใหม่หน่อยเหรอ  เสี่ยอธิปให้เราเป็นเด็กเกรด A  เลยนะ   เสี่ยคนอื่นๆ ก็อยากเห็นเราบ้าง  เห็นว่าทำงานดี  แค่ออกไปดื่มเหล้าสังสรรค์เอง  ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียตัวรับงานซ้อนกับเสี่ยอธิปหรอก" 

พี่ธนิตอัปเกรดเขาจาก  "แก"  เป็น  "เรา" ทันที  แรกๆ นี่เรียกเขาว่าแกตลอด  แต่ตอนนี้ดันอัปเกรดให้ซะงั้น

" ไม่ไหวหรอกครับพี่  แค่เสี่ยผมก็จะตายแล้ว  ไม่อยากทำงานต่อด้วย  แค่สี่เดือนก็พอ  แล้วผมก็จะต้องไปฝึกงานแล้วด้วย  ไม่ว่างจะมาเป็นเด็กเลี้ยงหรอก"

เขาบ่ายเบี่ยงแบบไม่ให้น่าเกลียดมาก  เขาไม่ได้โลกสวยจนคิดว่า  งานอาชีพขายตัวเป็นอาชีพที่เสียศักดิ์ศรี  ใครเป็นสมควรต้องตกนรกไปตลอดชีวิต  เอาจริงๆ มันคืออาชีพหนึ่งที่ไม่เปิดกว้าง  ก้ำกึ่งระหว่างความดีกับความชั่ว  ใครที่จำเป็นก็ต้องทำ  ใครที่อยากสบาย...  ขอแค่ไม่ทำให้ครอบครัวใครแตกแยกก็ถือว่าใช้ได้  แล้วอีกอย่างที่ทำให้เขาทำงานกับเสี่ยอย่างสบายใจคือ  เสี่ยยังไม่ได้แต่งงาน  เป็นหนุ่มโสดสนิทแต่ชอบมีงานอดิเรกเป็นเสี่ยเลี้ยง  แต่กับเสี่ยคนอื่น  เขาไม่แน่ใจว่าโสดจริงหรือเปล่า  เขาไม่อยากเสี่ยงทำให้ครอบครัวคนอื่นต้องแตกแยก  เพราะงั้นเลี่ยงได้ก็เลี่ยงดีกว่า

" ถ้าอยากฝึกงาน  พี่หาที่ฝึกให้ได้นะ  ฝึกงานไปหารายได้ไป  สะดวกดีออก"  ดีออกอะไรล่ะ  ....ดอกละไม่ว่า

เขาค้อนขวับใส่พี่ธนิตแทบหน้าคว่ำ  พี่แกหัวเราะลั่น  บอกว่าถ้าเขาเปลี่ยนใจก็ให้มาบอกได้  พี่แกมีเสี่ยพร้อมให้บริการอยู่แล้ว  คราวนี้ล่ะเขาแยกเขี้ยวใส่แล้วหน้าคว่ำของจริง  ยกมือไหว้พี่ธนิต  กดข้อศอกตัวเองที่เพิ่งถูกเจาะเลือดแล้วเดินออกจากห้อง 

เจาะเลือดฟรีนี่เป็นบริการเสริมพิเศษสำหรับเด็กเลี้ยง  บริการตรวจหาเชื้อ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ฟรี  ถ้าถึงเวลาตรวจสุขภาพ  ก็มีบริการตรวจวัดความดัน  ไขมัน  เบาหวาน  และตรวจปอดให้ด้วย  แหม่  บริการตรวจฟรีครบครันขนาดนี้  เขาล่ะนึกว่าพี่ธนิตมีโรงพยาบาลเป็นของตัวเอง


" ถ้าเปลี่ยนใจอย่าลืมบอกนะ" 

พี่ธนิตย้ำอีกครั้งก่อนโบกมือไล่  เขาที่เดินไปถึงหน้าประตูแล้วก็ได้แต่หันกลับไปมอง  พี่ธนิตยังคงยิ้มแบบคนอารมณ์ดีเอาสองมือเท้าคางมองส่งเขาเดินออกจากห้อง  แต่เขารู้เลยว่าพี่ธนิตไม่ได้อารมณ์ดีเหมือนปากพูด  ตาของพี่ธนิตดูแวววับน่ากลัวมาก  เขาไม่อยากให้พี่ธนิตคิดว่า  เขาได้ดีแล้วอยากเขี่ยพี่ธนิตทิ้ง  เขาสำนึกในบุญคุณของเสี่ยกับพี่ธนิต  ถึงมันจะเป็นเรื่องของการตอบแทนแบบซื้อขายบริการ  แต่เขาก็ไม่ใช่คนลืมบุญคุณคนที่พอได้เงินต่างคนก็ต่างแยกย้าย   

เขาอึกอักลังเลอยู่นานแต่ก็พยายามหาคำพูดที่ดูจริงใจออกมาให้ได้  เขาก็ยกมือไหว้พี่ธนิตอีกครั้งแล้วบอกความรู้สึกอยู่ในใจออกมา

" ที่ผ่านมา...  ที่พี่ช่วยจ่ายเงินให้ก่อน  แล้วหาเสี่ยดีๆ  มาให้  ผมขอบคุณมากจริงๆ นะครับ  แต่จะให้ทำงานต่อนี่ไม่ไหวจริงๆ  ผมเองก็ไม่อยากเป็นเด็กเลี้ยงต่อด้วย  แต่...  แต่ถ้าพี่มีงานหรือมีปัญหาด้านประชาสัมพันธ์ติดต่อผมได้นะ  ผมจะช่วยมาประชาสัมพันธ์ให้"

เขาบอกไปแบบนั้นพร้อมกับส่งยิ้มแบบหมาขี้อ้อน  พี่ธนิตนิ่งอึ้งก่อนหัวเราะออกมาสียงดังแล้วไล่เขาออกจากห้อง  เขาที่หน้าหงิกเพราะเขินจนตัวแดง  ก็ได้แต่หันหลังกลับเดินออกจากประตูมา

ความรู้สึกของเขาที่อยากขอบคุณพี่ธนิต  มันเป็นของจริงและมีอยู่เยอะจริงๆ นะ  ถึงจะพูดได้ไม่เต็มปากว่าพี่ธนิตเป็นคนมีศีลธรรม  แต่กับเขา  พี่ธนิตก็ใจดีและดูแลเขาดีมาก  ให้ความเมตตากับเด็กเลี้ยงแบบเขาเท่าที่คนหาเด็กคนหนึ่งจะมีได้  ดังนั้นถ้าหากจะต้องตัดรอน  สู้เขาบอกความรู้สึกจริงๆ ไปเลยดีกว่า  เขาจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดกับพี่ธนิตมาก  และพี่แกจะได้ไม่ต้องบังคับให้เขาหาเสี่ยใหม่ด้วย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 4 [17/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 17-12-2016 10:16:11
สนุกมากกก เสี่ยค่าตัวแพงจริงๆค่ะ  :hao7:
รอตอนหน้าไม่ไหวแล้วว  :katai4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 4 [17/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 17-12-2016 10:42:15
ยิ่งนานยิ่งเก๋าเกม
ค่าตัวก็แพพงเรื่อยๆ แหม ไม่ธรรมดาจริงๆ
รอตอนหน้าไม่ไหวเลี้ยววววววว อยากให้เสี่ยมีบทพูด
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 4 [17/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 17-12-2016 12:19:57
อยากรู้ความคิดเสี่ยบ้าง  :hao6:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 4 [17/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 17-12-2016 12:51:59
โอ๊ย!!!! เสี่ยขา ขอสมัครเป็นเด็กเสี่ยได้ไหม  :hao7:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 4 [17/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 17-12-2016 13:25:28
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 4 [17/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-12-2016 13:32:37
เอ่อ....พี่รหัสบอกว่า เสี่ยแกไม่หื่นกาม  นานๆจะมาหาเด็กที
ที่ไหนได้ เสี่ย หื่นมากกกกกกกกกกก :pighaun: :haun4:
แสดงว่า เสี่ย ติดใจเด็กเลี้ยงแล้วนะ :hao6: :hao6: :hao6:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 4 [17/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 17-12-2016 15:16:41
 o22 เป็นเด็กเสี่ยนี่เหนื่อยขนาดนี้เลย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 4 [17/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 17-12-2016 21:52:46
อยากอ่านความรู้สึกของเสี่ยแล้ว มาต่อเร็วๆนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 4 [17/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 17-12-2016 22:47:52
รอบทของเสี่ยเลยค่ะ
เสี่ยหื่นมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 4 [17/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 17-12-2016 22:54:56
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 4 [17/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: jejiiee ที่ 17-12-2016 23:03:52
ขอซื้อบทพูดให้เสี่ยค่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 4 [17/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 18-12-2016 15:10:55
ต้องการเห็นเสี่ยพูดมากกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 4 [17/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 18-12-2016 20:29:12
เสี่ยค่าตัวแพงอีกแล้วว 555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 4 [17/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 18-12-2016 21:49:24
นับวันรอ อยากอ่าน เสี่ย..ยยยยยยย ขา อิอิ   :katai5:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 5 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 19-12-2016 10:19:18
ตอนที่  5



ในที่สุดวันที่เขารอคอยก็มาถึง

วันนี้เป็นศุกร์สุดท้ายของการเป็นเด็กเสี่ยมาสี่เดือน 


เสี่ยยังคงไม่พูดอะไรกับเขามาก  แต่ยังจัดหนักจัดเต็มแบบเดิม  ระหว่างเขากับเสี่ยนอกจากเรื่องบนเตียงเราไม่ได้มีความสัมพันธ์กันอย่างอื่น  ไม่เคยออกไปดูหนังหรือกินข้าว  เขาไม่เคยอ้อนขอให้เสี่ยซื้ออะไรเพิ่ม  เสี่ยเองก็ไม่เคยถามว่าเขาอยากได้อะไร  อาจมีถามเรื่องส่วนตัวบ้าง  เรื่องหนี้สิน  หรือเรื่องเรียนบ้าง  เขาเองก็บอกไปตามตรงว่าเขาใช้หนี้ไปหมดแล้ว  แต่วันนี้วันสุดท้าย  ซึ่งเสี่ยมาแปลกกว่าทุกที  เสี่ยจัดเขาไปแบบเบาะๆ  แค่หนึ่งรอบ  พอเสร็จก็นอนพักอยู่บนเตียงกับเขา  ขยับเข้ามาใกล้มากกว่าปกติเล็กน้อยแต่ไม่ได้ถูกตัว  เขาที่นอนคว่ำอยู่ก็ได้แต่เปิดหลังห่มผ้าห่มครึ่งท่อน  ไม่ได้ตั้งใจจะยั่วเสี่ยต่อหรอกนะ  แต่จะให้แอร์เป่าเหงื่อจนตัวแห้งต่างหาก

" อยากได้อะไรไหม"   เสี่ยถามตอนที่เกลี่ยผมข้างหูของเขาเล่น  เขาดิ้นดุกดิกเพราะจั๊กจี้  ไม่ชอบให้ใครมาจับหู 

เสี่ยเองคงจำได้เหมือนกันว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว

" ไม่ต้องหรอกครับ  แค่นี้ก็พอแล้ว" 

เขาตอบเสี่ยไปตามตรงแบบไม่คิดอะไรมาก  สี่เดือนที่ผ่านมาเขามีเงินเก็บมากกว่าเงินทั้งชีวิต  ตอนนี้เขามีเงินเก็บในบัญชีเกินหนึ่งแสน  ซึ่งเงินส่วนใหญ่ก็ได้มาเพราะเสี่ย  ส่วนเงินส่วนน้อยเป็นส่วนของลุงที่พยายามช่วยใช้หนี้  ลุงส่งมาให้เขาเพิ่มอีกเดือนละ  4,500  ซึ่งลุงย้ำนักย้ำหนาว่าบอกป้าไม่ได้  ป้าแกยังไม่รู้เรื่องที่ลุงติดหนี้  แถมไม่รู้ด้วยว่าลุงแกเอาที่ไปค้ำ  จนเขาต้องหาเงินมาใช้หนี้แทน  ถ้ารู้นะ...  ลุงได้ออกไปนอนในสวนทั้งปีแน่

ความจริงเขากับป้าสะใภ้ก็ไม่ได้สนิทกันมาก  แค่เคยพูดคุยสอบถามในฐานะที่เกี่ยวดองกัน   ป้าแกไม่เคยบ่นเรื่องที่ลุงที่ส่งเงินมาให้เขาใช้ซักครั้งทั้งที่ป้าแกเป็นคนขี้งก  อะไรที่ประหยัดได้แกก็ประหยัด  กับเรื่องเงินทางฝั่งครอบครัวลุงแกไม่เคยมายุ่งด้วย  แต่อย่าไปยุ่งเงินแกเชียว  แกได้กลายร่างจากป้าเป็นปู่(?)โสมเฝ้าทรัพย์แน่

ส่วนเรื่องเงินที่เสี่ยให้  เขาก็กะจะเก็บไว้ซ่อมบ้าน  บ้านของเขากับแม่เริ่มเก่าแล้ว  พอไม่มีคนอยู่ดูแล  บ้านก็เริ่มเสื่อมโทรมผุพังไปตามการเวลา  ถึงลุงจะช่วยหาคนมาพ่นปลวกให้  แต่บ้านไม้ที่ไม่มีคนอยู่ยังไงมันก็ต้องโทรมอยู่วันยังค่ำ  เขาเลยว่าจะเก็บเงินส่วนนี้เอาไว้ไปรีโนเวตกับซ่อมแซมบ้านในส่วนที่พอทำได้ก่อน  พอมีเงินเดือนค่อยไปขอกู้เงินจากธนาคารมาปรับปรุงให้เป็นบ้านพัก
 
บ้านเขามีอยู่สองชั้น  สี่ห้องนอน  ห้าห้องน้ำไม่รวมครัวกับห้องนั่งเล่น  มีห้องนอนใหญ่อยู่ที่ชั้นหนึ่งด้วย  เป็นห้องที่ทำไว้ให้กับคุณตากับคุณยายตอนที่พวกท่านยังชีวิตอยู่แต่เริ่มขึ้นบันไดไม่ไหวเพราะอายุเริ่มเยอะ   

เขาเลยว่าจะปรับปรุงห้องนั่งเล่นให้เป็นบริเวณรับแขก  ออกแบบบ้านให้คล้ายๆ กับเป็นโฮมสเตร์เล็กๆ  พอแขกมา  เขาก็จะนอนอยู่ที่ชั้นล่างจะได้ดูแลแขกได้  ส่วนครัวก็กะจัดการแบบง่ายๆ คือมีทั้งอาหารเช้าแบบให้แขกบริการตัวเองกับแบบทำสดที่คงต้องจ้างแม่บ้าน

แต่นั่นคงเป็นความฝันที่ต้องใช้เวลาอีกหลายปีน่ะนะ  เพราะกว่าจะได้ลงมือทำจริงๆ  ก็ต้องรอให้เขามีงานการที่มั่นคง  ต้องมีฐานเงินเดือนมากพอธนาคารถึงจะยอมให้กู้  ตอนนี้เขาเองก็เริ่มบริหารเงินเป็นแล้ว  แบ่งทรัพย์สินออกเป็นหลายๆ ส่วน  เริ่มลงทุนในส่วนที่ลงทุนง่ายความเสี่ยงน้อย  ค่อยๆ เก็บหมอรอมริบไป  ซักวันดอกเบี้ยในธนาคารก็ต้องเพิ่มมากขึ้น  แต่คงไม่ใช่ดอกเบี้ยเงินฝากประจำหรอกนะ  อันนั้นน่ะฝากไปเป็นล้าน  แต่ได้ดอกเบี้ยมาเป็นหลักหมื่นต่อปี


ดังนั้นตอนที่เสี่ยถามว่าอยากได้อะไรไหม  เขาจึงตอบไปว่าไม่อยากได้  ชีวิตเขามีแค่นี้ก็มากพอที่จะตั้งตัวได้แล้ว  ถ้าไม่ใช้จ่ายเงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายหรือกองทุนที่ลงทุนล้ม  เขาจะต้องมีเงินเก็บมากพออย่างแน่นอน

พอคิดได้แบบนั้นเขาก็พลิกตัวกลับไปหาเสี่ย  ยันตัวขึ้นแล้วยกมือไหว้  บอกกับเสี่ยพร้อมรอยยิ้มว่าที่ผ่านเขามีความสุขมาก  (ไม่ได้หมายถึงมีความสุขเรื่องบนเตียงนะ  โปรดอย่าคิดไปไกล)  เสี่ยให้ความเอ็นดูเขาอย่างเต็มที่แค่นี้เขาก็พอใจแล้ว   

เสี่ยเองพอเห็นเขาพูดแบบนี้ก็ไม่ว่าอะไรแค่นิ่งไปนิด  เขาเลยถือโอกาสบอกกับเสี่ยอีกรอบว่า  เขามีความสุขมากเพราะมีเสี่ยเขาถึงยังมีบ้าน  เขาซึ้งในน้ำใจของเสี่ยจริงๆ   แล้วยกมือไหว้แนบไปที่ไหล่เสี่ยอีกรอบ  คราวนี้เสี่ยนิ่งไปของจริง  เพราะกว่าเสี่ยจะตอบสนองเวลาก็ผ่านไปอีกซักพัก  เขาที่ไหว้มานานก็กะจะยกมือออก  เสี่ยเลยยอมตบที่หัวเขาเบาๆ  สองสามครั้ง  ก่อนเอี้ยวตัวไปหยิบกล่องของขวัญที่วางอยู่ในลิ้นชักข้างหัวเตียง  เขามองกล่องสี่เหลี่ยมที่เสี่ยส่งมาด้วยใจระทึก  มันเป็นกล่องใส่เครื่องประดับที่ดูดีมีราคามาก  ตัวกล่องเป็นสีน้ำเงินเข้มลงโลโก้ร้านเป็นลวดลายสีเงิน  เขาประคองของที่อยู่ในมือ  คิดอยู่ในใจอย่างเดียวเลยว่า  ถ้ามันหายหรือเขาทำหล่น  ของข้างในจะตกแตกไหม

เสี่ยที่เห็นเขาประคองมานานแต่ไม่ยอมเปิดก็พยักพเยิดให้เขาเปิดกล่องดูข้างใน  คราวนี้เขาตกใจของจริง  เพราะตอนแรกเขายังมองโลกในแง่ดีว่าเสี่ยน่าจะให้ทองมาบาทสองบาท  แต่นี่มัน...

เพชร!  แถมเพชรเม็ดใหญ่มาก

สร้อยเพชรที่เสี่ยให้เป็นสร้อยเงินแบบเรียบๆ  แต่ตัวเพชรนี่สิที่ทำให้เขาตะลึง  ขนาดเขาที่ไม่รู้เรื่องเพชรยังรู้เลยว่าเพชรน้ำใสและสวยมาก  เล่นกับแสงไฟเป็นประกายระยิบระยับ  ตัวเพชรแต่ละเม็ดเป็นเพชรเม็ดกลมเรียงต่อกันเป็นแนวยาวห้าเม็ด  ทุกเม็ดมีขนาดเท่ากันหมดฝังอยู่ในทองคำขาวรูปแท่ง  ดูโก้หรูสวยเก๋  เหมาะที่จะใส่กับทุกสถานการณ์

เขาที่ตะลึงตึ่งตึ๊งเพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นเพรชของจริง (เคยเห็นแต่ในทีวี)  ก็ได้แต่ละล่ำละลักบอกเสี่ยว่ามันมากเกินไปเขารับไว้ไม่ได้  พยายามจะส่งคืนให้เสี่ย  แต่เสี่ยก็ตัดบทว่าถ้าไม่ใส่ก็เอาไปขายคืนได้  ทางร้านจะหักราคา  20%  จากราคาซื้อ  ใบเสร็จกับใบเซอร์ฯ  อยู่ในกล่องเรียบร้อยแล้ว 

โฮ่ย  เสี่ยพูดมาแบบนี้เขาคงกล้าขายหรอก  ร้านบ้าอะไรหักราคาตั้ง  20%  ถ้าจะหักราคากันขนาดนี้  สู้เสี่ยให้ทองเขาดีกว่า  ราคามีแต่ขึ้น  ไม่ใส่ก็เอาไปขายได้  แถมไม่ถูกหักค่าคืนเยอะด้วย 

แต่ไอ้ที่คิดน่ะมันก็ได้แต่คิด  ใครมันจะไปบอกกันล่ะว่าเสี่ยโง๊โง่  น่าจะซื้อทองมากกว่าซื้อเพชร  อีกอย่างเขาก็ไม่อยากถูกเสี่ยเขี่ยทิ้งในวันสุดท้าย  เลยได้แต่ยกมือไหว้ขอบคุณเสี่ยแต่โดยดี  เสี่ยที่เห็นเขาไม่ยอมใส่ก็ไม่ได้ว่าอะไร  หยิบกล่องเพชรในมือเขาออกแล้ววางไว้ที่โต๊ะ  กระดิกนิ้วส่งสัญญาณแบบที่รู้กันว่าเขาเสร็จแน่ 

วันนั้นวันสุดท้ายเสี่ยจัดเขาแบบไม่หนักมาก  แต่ก็เล่นไปจนครบสามรอบ  เขาเองก็ตอบแทนเสี่ยอย่างเต็มที่  คิดว่าเป็นวันสุดท้ายแล้วก็อยากจะเอาใจเสี่ยมากขึ้นอีกนิด  จากที่ไม่เคยส่งเสียงคราง  เขาก็เริ่มครางออกมาบ้าง  จากที่ไม่เคยส่งเสียงร้อง  เขาก็ร้องออกมาแบบเบาๆ  เขาไม่อยากให้เสี่ยคิดว่าตัวเองร่าน  แค่อยากให้เสี่ยคิดว่าเขากำลังตอบแทน  วันนั้นเขากับเสี่ยเลยสนุกกันเป็นพิเศษ  เพราะเสี่ยสั่งให้พลิกท่าไหนเขาก็พลิก  สั่งให้เล่นกับตัวเองเขาก็ทำ  ทั้งที่ปกติเขาจะเขินและเป็นคนปล่อยให้เสี่ยจัดท่า  แต่วันนั้นเขายอมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย   เสี่ยเองก็ดูมีความสุขเพราะเสี่ยตาพราววิบวับ   ส่งเสียงทุ้มต่ำออกมาอย่างเซ็กซี่   เขาที่ได้ยินเสียงเสี่ยก็ยิ่งเร่าร้อน  พยายามขยับสะโพกเอาใจเสี่ยมากขึ้น  สุดท้ายเขากับเสี่ยก็นอนกอดกันโดยที่ไม่อาบน้ำ  ปล่อยให้ความสุขซึมซับไว้พร้อมกับสิ่งดีๆ  ตอนที่เขาสะลึมสะลือเต็มทีแอบรู้สึกว่าเสี่ยจูบที่ขมับด้วย  แต่เขาคงติดไปเองเพราะเสี่ยคงไม่ทำอะไรแบบนั้น



เช้าวันเสาร์เขาตื่นมา  เสี่ยก็ไม่อยู่แล้ว  ข้างเตียงไม่มีเงินวางไว้  มีแต่โน้ตที่เขียนว่าให้ฝากกุญแจกับคีย์การ์ดไว้ที่ฟร้อนท์  เขาเองก็ใจหายอยู่นิดๆ  เพราะแปบๆ เวลาก็ผ่านไปสี่เดือน  ความสัมพันธ์ของเขากับเสี่ย  ถึงจะชื่อว่าเป็นเสี่ยกับเด็กเลี้ยง  แต่เวลาสี่เดือน  ไม่ว่าจะอย่างไรมันก็ต้องมีความผูกพันเกิดขึ้น  แถมเสี่ยเองก็ไม่เคยรังคัดรังแคหรือขืนใจเขา  แค่จัดหนักจัดเต็มไปหน่อยเท่านั้น  ดังนั้นเช้าวันเสาร์ที่เป็นเสาร์สุดท้าย  เขาเลยนอนกลิ้งอยู่บนเตียงสูดกลิ่นหากลิ่นเสี่ยเล่น  ดีที่เสี่ยเซฟเซ็กซ์เตียงเลยไม่สกปรกมาก 

เขานอนเล่นอยู่บนเตียงจนเกือบเที่ยง  พอท้องหิวก็ตัดใจลุกออกจากที่นอนไปอาบน้ำล้างหน้า   โกนหนวดโกนเคราออกแล้วออกมาหาอะไรกินนอกห้อง  แน่นอนว่ามีอาหารตั้งเอาไว้ก่อนเหมือนอย่างปกติ  เขาจัดการอาหารทุกอย่างแบบฟาดเรียบ  เก็บขยะใส่ถุงแล้วเอาออกไปทิ้งนอกห้อง  พอกลับเข้ามาก็เก็บของๆ ตัวเองที่มีไม่กี่ชิ้นใส่ในเป้  ส่วนสร้อยของเสี่ย  เสี่ยแอบเอามาใส่ให้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้  เขาเห็นอีกทีก็ตอนเดินไปอาบน้ำ  ตัวสร้อยดูไม่เด่นมากแต่ที่เด่นคือจี้   เแต่ขาไม่ได้ถอดออกเพราะคิดว่ายังไงเขาก็ใส่ไว้เสื้อ

พอเก็บข้าวของกับกล่องเพชรใส่เป้เสร็จเขาก็กวาดตามองรอบห้อง  วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว...  ไม่รู้ว่าต่อไปเสี่ยจะพาเด็กคนไหนมาอีกบ้าง  เขาถอนหายใจก่อนเรียกขวัญกำลังใจตัวเองดังฮึบๆ  ชีวิตคนต้องเดินต่อไปข้างหน้า  ชีวิตเสี่ยก็คงเป็นแบบนี้  หาเด็กมาเลี้ยงเพิ่ม   ส่วนชีวิตเขาก็ต้องดิ้นรนต่อไป  ได้แต่หวังว่าซักวันเขาจะมีเงินมีทองแบบเสี่ยบ้าง  เพื่อวันไหนเขานึกคึก  เขาอาจจะหาเด็กมาเลี้ยงเล่นบ้าง



แต่หลังจากกลับมาถึงหอ  จากที่ฮึกเหิมเขาก็ต้องเหี่ยวอีกรอบ   ราคาค่าสร้อยของเสี่ย...  ราคาเต็มมันเกือบหนึ่งล้าน  เขาละอยากจะขยุ้มหัวตัวเองแล้วด่าเสี่ยว่า   เสี่ยแม่งโคตรโง่   เสี่ยแม่งเอาอะไรคิด   ให้สร้อยราคาขนาดนี้กับเขา  คิดว่ามันจะคุ้มกันไหม

เขาพอจะเข้าใจล่ะนะว่า  สำหรับเสี่ยเงินแค่นี้แม้แต่ขนหน้าแข้งก็ยังไม่ร่วง  แต่เขานี่สิผมจะร่วง  ร่วงอย่างเดียวไม่พอผมยังจะหงอกด้วย  เขานั่งคิดนอนคิดทั้งคืนว่าจะทำยังไงดีกับสร้อยเสี่ยเส้นนี้ดี  ใส่ติดคอก็กลัวหล่นหาย  เก็บไว้อยู่ในห้องก็กลัวถูกขโมย  นี่แหละเขาถึงมีภาษิตที่ว่า  มีทองเท่าหนวดกุ้ง  นอนสะดุ้งจนเตียงสั่นสนั่นหวั่นไหว

สุดท้ายเขาที่คิดไม่ตกก็ได้แต่เอาปัญหาไปลงที่พี่ธนิต   ซึ่งพี่ธนิตแกก็ช่วยแก้ปัญหาให้ตรงจุดมาก  พี่แกกวาดตามองเขาขึ้นๆ ลงๆ  กวักมือเรียกเขาเข้าไปใกล้   แล้วกวาดตามองเพชรที่คอกับหน้าเขาอีกรอบ  ในที่สุดพี่แกก็สรุปให้ฟังว่า

" ต่อให้เอ็งห้อยเพชรเป็นสิบกะรัต  ก็ไม่มีใครคิดว่าเป็นของจริงแล้วขโมยไปหรอก"  แหม  พอเขาไม่ทำงานต่อด้วยนี่  ลดเกรดจาก  "เรา"  มาเป็น  "เอ็ง" เลยนะ

แต่เขาที่พอใจในคำตอบแล้วก็ได้แต่ขอบคุณพี่ธนิตอีกที  บอกลาเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเดินออกจากห้อง  ซึ่งพี่แกก็ยังไม่ลืมหยอดส่งท้ายว่า  ถ้าเปลี่ยนใจกลับมาหาพี่ได้นะ  พี่มีเสี่ยพร้อมเปย์ตลอดเวลา  จะหาเสี่ยที่พร้อมจ่ายกว่าเสี่ยอธิปให้ก็ยังได้ 
   คราวนี้เขาไม่แม้แต่จะหันกลับไปแยกเขี้ยวแล้วแต่ปิดประตูใส่หน้าไปซะเลย  ขืนเขาหลงคารมพี่ธนิต  ยอมเจอเสี่ยที่จ่ายหนักกว่าเสี่ยอธิป  เขาไม่หมดสภาพแล้วตายคาเตียงตั้งแต่ยังหนุ่มเรอะ

   

หลังจากนั้นเขาก็ต้องใช้เวลาปรับตัวอยู่เกือบสองสัปดาห์กว่าจะกลับมาใช้ชีวิตได้แบบปกติ  อย่างที่บอก  เขาเป็นคนปรับตัวง่าย  อยู่ง่ายกินง่าย  แต่ก็เป็นที่ผูกพันง่ายด้วย  การต้องอยู่กับคนๆ หนึ่งมาตลอดสี่เดือนแถมมีอะไรกันตลอดเวลา  มันอาจจะไม่ถึงขั้นตกหลุมรัก  แต่ก็อดรู้สึกผูกพันมากกว่าคนอื่นไม่ได้  ดังนั้นเขาที่ไม่ต้องไปเป็นเด็กเลี้ยงรอเสี่ยอยู่ที่คอนโดก็ได้แต่นั่งเล่นอยู่ในห้อง  เบื่อๆ ก็ออกไปหาเพื่อนบ้าง  เขาบอกกับเพื่อนว่าตอนนี้เขาไม่ไปต้องออกไปทำงานพิเศษแล้ว  ลุงเขาหาทางปลดหนี้ได้แล้ว  พวกเพื่อนๆ เองก็ไม่ได้ซักถามอะไรมาก  แค่บอกว่ายินดีด้วย  และลากเขาสู่วิถีปกติคือ  เรียน  หลับ  ทำรายงาน  เตรียมงานโอเพ่นเฮ้าท์  เตรียมงานสัมมนา  เตรียมส่งงานสโมสรต่อให้รุ่นน้อง  เตรียมฝึกอบรม  เตรียมหาที่ฝึกงาน  และเตรียมอีกสารพัดเตรียมที่แทบจะทำให้เขาลืมเสี่ยไปจากความคิด  


และผลจากการอู้ไม่ทำโปรเจ็คมานาน  ก กรรมก็ตามสนองเขากับเพื่อนให้หาข้อมูลกันให้วุ่น  วิ่งไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาทั้งที่ไม่ค่อยได้ไปนอกจากชวนอาจารย์ไปกินเลี้ยง  วิ่งไปห้องสมุดของคณะเพื่อหาบรรณานุกรม  วิ่งไปนอกคณะเพื่อหาข้อมูลเพิ่ม  สรุปคือแค่สองสัปดาห์เจาก็ลืมเสี่ยไปจากหัวแล้ว  เพราะแค่ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด  จะให้เอาแต่คิดถึงเสี่ยก็ใช่ที่

แถมตารางฝึกงานก็ใกล้เข้ามาทุกที  เขากับเพื่อนๆ ต้องตบตีแย่งชิงที่ฝึกงานสำหรับปีสี่โดยเฉพาะ  การฝึกงานแบ่งออกเป็นสองช่วง  ช่วงละสอง- สามเดือน  และต้องเก็บสถานที่ฝึกงานให้ครบสองที่  ส่วนเทอมสุดท้ายก่อนจบการศึกษา  พวกเขาต้องนำเสนอผลงานหรือธีสิสให้ผ่านก่อนถึงจะจบได้

เรื่องธีสิสเขาไม่กังวลมากเพราะมีกลุ่มเจ้าแม่คอยช่วย  แต่เรื่องฝึกงานนี่สิ  ไม่ว่าใครก็อยากฝึกงานที่ดีๆ  แต่สบายๆ กันทั้งนั้น  แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นบุญหรือกรรมของเขากันแน่ที่พี่รหัสดันเล่นเส้น  ให้เขาฝึกงานกับบริษัทต่างชาติ  ถามเขาซักคำหรือยังว่าเขาพูดภาษาอังกฤษได้ไหม  แค่สเน็คๆ  ฟิชๆ  เขายังไม่อยากจะพูดเลย!

" เอ็งจะปฎิเสธความหวังดีของพี่?"  เสียงสยองขวัญสั่นประสาทดังมาจากโทรศัพท์   พี่ธนิต!?

" เอ่อ  ไม่ใช่ว่าพี่รหัสผมหามาให้เหรอครับ"  เขาเปล่าเปลี่ยนเรื่องนะ

" เอ็งจะไปพึ่งอะไรกับไอ้ภาคมาก  พึ่งพี่นี่  บริษัทนี้ปกติเขาไม่รับเด็กฝึกงานหรอกนะ  ใครๆ ก็อยากมาทำงานฝึกงานกันทั้งนั้น  จะทำหรือไม่ทำ"

" เอ่อ...  แล้วผมต้องไปเป็นเด็กเลี้ยงไหม?"

" วะไอ้นี่!  เห็นพี่เป็นคนแบบนั้นเรอะ  บอกให้ไปฝึกงานก็ไปสิวะ!"

" ขอบคุณครับพี่!  ว่าแต่ผมเอาเพื่อนไปด้วยได้ไหม  พอดีว่าเพื่อนผมยังไม่มีที่ฝึกงานน่ะ"

" เออ!  เอ็งจะเอาลูก  เอาเมีย  เอาผัว  ไปฝึกงานก็ตามใจ  แค่นี้นะ!  คนกำลังยุ่ง  ส่งชื่อเอ็งกับเพื่อนมาให้เลขาพี่ด้วย!"

" ขอบคุณครับผ๊ม!"    แหม  เขานี่เชื่อคนง๊ายง่ายเนอะ  แต่ถ้าไม่เชื่อ  ได้ถูกเชือดแน่


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 5 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-12-2016 10:56:58
บริษัทของเสี่ยเหรอ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 5 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 19-12-2016 11:01:44
บริษัทของเสี่ยเหรอ

มะช่ายยย  >///<
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 5 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-12-2016 11:07:27
อะจ๊ากกกก.....จะได้เจอเสี่ยแล้วววว :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เสี่ยจะคิดถึงเด็กที่เคยกอดมาตลอดสี่เดือนมั้ยนะ
ขนาดเด็กเลี้ยงยังคิดถึงเลย
ชักสงสัยว่าบริษัทที่ได้ฝึกงาน มีเสี่ยบงการใช่ปะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ปล.ไรท์ เขียนได้สนุก ชอบ มากกกกก  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 5 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 19-12-2016 11:37:48
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 5 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 19-12-2016 14:21:32
ลุ้น จะได้ไปฝึกที่ไหน
อิเสี่ยอย่าเลวมากนะคะ ยังยืนยันว่าขอไม่ดราม่ามากได้ไหมคะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 5 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 19-12-2016 15:33:45
 :pig4: สนุกมาก รอลุ้นต้องเจอเสี่ยอีกแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 5 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 19-12-2016 16:05:50
เสี่ยยยยยย ต้องมีแผนไรแน่ๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 5 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 19-12-2016 18:55:40
ยิ่งอ่านยิ่งชอบ..ที่สปอยล์ว่าเสี่ยเลว คืออะไร ยังไง รีบมาต่อเลย นอนไม่หลับ +1เป็ดจ้า    :mc4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 5 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-12-2016 19:37:05
ลุ้นต่อวว่าอีเสี่ยมันจะเลวยังไง
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 5 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: autopilot ที่ 19-12-2016 21:29:57
เบื่อเสี่ยค่าตัวแพงเหลือใจจ มีความบทพูดน้อยมาก หรือว่าเสี่ยเล่นแข็งคะ บทพูดเรยน้อย ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 5 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 19-12-2016 22:32:51
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 5 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 19-12-2016 22:50:31
อุ้ยยย เสี่ยเลวนี่ยังไงเนี่ย

ลุ้นๆ

ว่าแต่...เสี่ยนี่ค่าตัวแพงจริงๆด้วยเนอะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 5 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 20-12-2016 00:03:01
กรี๊สส 4 เดือนเร็วมากก
ตอนแรกนึกว่าบริษัทเสี่ย แต่ไม่ใช่
ไรต์จะใส่ความเสี่ยว่าเลวได้ไง เราไม่เชื่อหรอกก
เสี่ยออกจะรักเด็กขนาดนี้  :hao7:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 5 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 20-12-2016 00:17:27
เสี่ยต้องแอบหลงแน่นอน
วันสุดท้ายถึงได้จัดกันขนาดนั้น ดีนะไม่ฟ้าเหลือง
ว้าย พูดอะไรไปปป
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 5 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: W2P5 ที่ 20-12-2016 05:32:00
โอ้ยต้องเจอกับเสี่ยแน่นอน
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 5 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 20-12-2016 07:28:31
มารอเสี่ยกับเด็ก
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 5 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 20-12-2016 08:01:38
ต้องรอนานไม๊ -///-
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 5 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 20-12-2016 08:17:46
เสี่ยอบอุ่น จะเลวได้ยังงายยยย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 5 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 20-12-2016 13:49:05
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด งานนี้มีเตะหมูเข้าปากเสี่ยหรือเปล่าคะ แอบคิดว่าจะไปฝึกงานที่บริษัทของเสี่ยหรือเปล่า
โอ๊ย!! ระดมเงินทุนค่าตัวเสี่ย คนอาร๊ายยยรวยล้นฟ้า แต่ไม่มีบท 555  :hao7:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 6 (จบครึ่งแรก) [20/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 20-12-2016 21:46:39
ตอนที่  6



การฝึกงาน  คือการตกนรกขั้นที่ลึกกว่าการเป็นเด็กเลี้ยง

สืบเนื่องมาจากบริษัทที่พี่ธนิตฝากให้ฝึกงานเป็นบริษัทข้ามชาติ  ทุกคนในบริษัทต่างพูดภาษาอังกฤษกันแบบหูดับตับแลบ  เขากับเจ้าแม่  สองทหารเสือผู้คนหนึ่งมีดีกรีเป็นถึงดาวมหาลัย  กับอีกคนที่เป็นว่าที่นักศึกษาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งของคณะ  จึงจำเป็นต้องแบกความหวังของคณะ(และของอธิการบดี)ที่ว่า
 
" รุ่นพี่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง  รุ่นพี่เจริญ  รุ่นน้องก็จะเจริญตาม  ถ้าหากฝึกงานที่นี่ผ่านได้  ต่อไปจะเอาไปโม้กับใครที่ไหนก็ได้  บริษัทนี้ขึ้นชื่อว่ารับพนักงานยาก  และพนักงานแต่ละคนก็เก่งระดับประเทศ  ปกติไม่เคยรับเด็กฝึกงาน  พนักงานส่วนใหญ่ต้องจบโทหรือไม่ก็ต้องมีประสบการณ์มาก่อนเท่านั้นถึงจะสมัครงานได้"
    
ดังนั้นเขากับเจ้าแม่จึงถือว่าเป็นรุ่นบุกเบิกของคณะ  หากฝึกงานดี  ปีหน้ารุ่นน้องอาจได้มาฝึกงานที่นี่ต่อด้วย  และอาจจะได้ฝึกงานกันต่อแบบรุ่นต่อรุ่น  เพราะฉะนั้นเพื่อชื่อเสียงของคณะ  เพื่ออนาคตของเหล่ารุ่นน้อง  เขากับเจ้าแม่จึงต้องเตรียมกันซะตั้งแต่เนิ่นๆ  เวลาไปฝึกงานจริงจะได้ไม่ต้องโดนด่ามาก


"  A B C D E F G....   "

" A B C หา  ....มึงเหรอ!  ถ้าว่างมากก็แปลเอกสารในมือเข้า!" 

" ทำไม?  มองหน้าหาเรื่อง?  ไอ้ที่ถืออยู่ในมือน่ะ  แปล!" 

โอ๊ย  ไอ้ผู้หญิงโหด  ไอ้ผู้หญิงสร้างภาพ  ตอนอยู่กับคนอื่นล่ะไม่เห็นมึงจะโหดขนาดนี้  กูเป็นช้างเท้าหลังนะ  มึงต้องดูแลกูเซ่   ไม่ใช่มาตวาดกูแบบนี้!

"ยังจะมอง !?"

กระซิกๆ  เขาก็ได้แต่บ่นในใจไปนั่นแหละ  ใครมันจะไปกล้าบ่นเจ้าแม่ตอนองค์ลง  ขืนบ่นมาก  จากที่โดนด่าจะได้กลายเป็นโดนถีบแทน

เฮ้อ  ตอนนี้เขาต้องมาสิงอยู่ที่คอนโดของเจ้าแม่  กินอยู่หลับนอนมาด้วยกันมาเกือบสองอาทิตย์ก่อนฝึกงาน  อย่างที่บอกไปแล้วว่าพวกเขาต้องเตรียมตัว  และบริษัทที่พวกเขาจะฝึกงานก็เป็นบริษัทข้ามชาติ  เอกสารส่วนใหญ่ก็เป็นภาษาอังกฤษทั้งนั้น  มีส่วนน้อยมากที่เป็นภาษาไทย  เขาที่ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงเลยต้องระเห็จมาอยู่กับเจ้าแม่  มีรุ่นพี่  รุ่นน้องมาช่วยใดูใจบ้าง  แต่ที่หนักสุดก็คือพี่ภาค  พี่รหัสเขาที่มาพร้อมขนมนมเนย  พอส่งส่วยเสร็จสรรพก็หัวเราะเยาะเขาเป็นการส่วนตัวว่า  “มีเสี่ยดีมีชัยไปกว่าครึ่ง   เสี่ยรวย...  เด็กเลี้ยงก็เจริญ" 

ฮ่วย!  ตกลงนี่เสี่ยเป็นคนฝากงานให้เขาเรอะ  เอ๊ะ  หรือยังไง  เด็กเลี้ยงงงไปหมดแล้ว!

" พี่ธนิตเพิ่งมาสารภาพกับพี่ว่า  เสี่ยแกไหว้วานฝากฝังมาให้  ความจริงจะให้เสี่ยโทรมาบอกเองก็ได้  แต่แกคงกลัวเสียหน้า  ปกติเสี่ยแกไม่ค่อยยุ่งกับพวกเด็กเลี้ยง   ยิ่งกับพวกที่หมดสัญญาแล้วเสี่ยแกยิ่งไม่อยากยุ่งเข้าไปใหญ่  มีแต่แกนี่แหละที่โชคดี  ได้เพชรมาเกือบล้าน  แถมเสี่ยยังฝากฝังหาที่ฝึกงานให้ "

พอพี่ภาคพูดมาแบบนี้เขาก็เพิ่งนึกได้  เมื่อก่อนตอนที่อยู่ด้วยกัน  เสี่ยไม่ใช่คนพูดเยอะ  เขาเองก็ไม่ใช่คนช่างพูด  บทสนทนาส่วนใหญ่เสี่ยก็เป็นคนเริ่มก่อนทุกครั้ง  พอเสี่ยถามมาเขาก็ตอบ  พอเสี่ยไม่พูดต่อเขาก็เงียบ  วนเวียนกันอยู่อย่างนี้จนถึงเวลาเข้าห้อง  แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งเหมือนกันที่เสี่ยถามเขาเรื่องฝึกงาน  ตอนนั้นเขานึกว่าเสี่ยถามไปแกนๆ แบบนั้น  ไม่คิดว่าเสี่ยจะจำได้

" แล้วพี่ว่า....  "

ความจริงอยากถามพี่ภาคว่า  พี่ภาคว่ายังไงกับการที่เสี่ยดูแลเขาดีแบบนี้  แต่ถามไปอาจดูเหมือนหลงตัวเอง  เพราะงั้นเขาปิดปากเงียบไว้ดีกว่า

" ที่จริง...  เสี่ยอธิปเองก็เป็นเสี่ยสายเปย์อยู่แล้วนะ  กับเด็กคนอื่นที่ถูกใจใครขออะไรให้หมด  เด็กบางคนขอรถ  บางคนขอบ้าน  เสี่ยแกก็ทำเรื่องซื้อให้  แต่เสี่ยแกก็ไม่ได้ออกทั้งหมด  ออกให้แค่บางส่วน  ที่เหลือก็ไปผ่อนกับพี่ธนิตเอา  พี่ธนิตนี่โคตรจะเป็นเจ้าพ่อนายหน้า  เด็กคนไหนจ่ายไม่ไหวเป็นยึดหมด  ไม่ก็ต้องเอาตัวเข้าแลก  แกเองก็อย่าไปหลงคารมพี่ธนิตมาก  เห็นแบบนั้น  แต่ความจริงขูดรีดเข้าไส้  นี่แกก็โชคดีแล้วที่ไม่ต้องทำงานต่อ  เพราะเห็นว่าเสี่ยคนใหม่ที่อยากได้ตัวแกไปเป็นสายเอสด้วย  "  สายเอส?  ซาดิสซึ่มน่ะเหรอ?

" แบบโซ่  แส้  กุญแจมือของแท้น่ะ  เสี่ยนั่นยอมจ่ายแบบไม่อั้น  ขอให้เจอเด็กแบบที่ถูกใจ  ประเภทไม่เต็มใจ  ขัดขืนจริง  เจ็บจริง  เลือดออกของจริง  แล้วค่อยพาไปหาหมอรักษาให้"  ....ไอ้พี่  ธนิต!!!!   ไอ้เลวเอ๊ย!

" ก็บอกแล้วว่าแกน่ะโชคดี  เสี่ยอุตส่าห์หาที่ฝึกงานดีๆ ให้  ก็พยายามหน่อยก็แล้วกัน  เพื่อวันหน้าวันหลัง  จะได้เอาตัวไปตอบแทนเสี่ยอีกรอบ  ถ้าเสี่ยยอมน่ะนะ "

แหม่  พูดอย่างกับว่าเขาจะเอาตัวไปอ้อยเสี่ย  ถ้าต้องอ้อยเสี่ยจริง  เขายอมไปเป็นคนขับรถให้เสี่ยดีกว่ามั้ง  เสี่ยมีบุญคุณขนาดนี้  ยอมตายถวายหัวแล้ว

" แล้วตอนนี้...  เสี่ยเป็นไงบ้าง"  เขาไม่ได้ถามเพราะห่วงหรืออะไรหรอกนะ  แค่...  แค่ถามดูไปอย่างนั้น

" ก็คงหาเด็กมาเลี้ยงใหม่นั่นแหละ  แต่เห็นว่าช่วงนี้แกเงียบๆ   ไม่รู้ที่บริษัทเกิดอะไรขึ้น  ปิดข่าวกันให้วุ่นไปหมด  เสี่ยเองก็เกือบอาละวาด  ตอนนี้กำลังวิ่งวุ่น  หาตัวการมาจัดการขั้นเด็ดขาด"

" อ๋อ "  นอกจากอ๋อแล้วเขาจะตอบอะไรได้เรื่องในบริษัทเสี่ย  เขายุ่งได้เรอะ

" แกก็พยายามหน่อยก็แล้วกัน  เสี่ยใจดีขนาดนี้หายาก  แต่ฝึกงานจบก็อย่าไปสมัครงานที่บริษัทเสี่ยก็แล้วกัน"  อ่าว  ทำไมล่ะ

" ทำไมล่ะครับ"

" เสี่ยไม่ชอบให้เด็กไปยุ่มย่าม  มีเด็กคนหนึ่งเคยไปตื้อถึงหน้าบริษัท  เสี่ยไม่จัดการเองแต่..."

" แต่ให้พี่ธนิตจัดการให้  แล้วเด็กนั้นเป็นไงบ้างครับ  สภาพ...  ครบสามสิบสองไหม"

" แกอย่ารู้ดีกว่า  เรื่องโลกหลังม่านน่ะ  ถ้าไม่อำมหิตจริง  ก็ไม่มีใครอยากอยู่กันทั้งนั้น  เอาเป็นว่าตอนนั้นพี่ธนิตกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่พอดี  เด็กนั่นเลยเละไปหน่อย"  โอ้โห  พูดซะขนหัวลุก 

" เอ้าๆ  พี่ก็พูดไปอย่างนั้น  แกก็อย่าคิดมาก  เห็นแกเป็นเด็กดี  พี่เลยอยากช่วย  อะไรที่เตือนได้ก็เตือน  ไปแปลงานต่อได้แล้วไป  แก้วมันจ้องมาตาจะหลุดอยู่แล้ว"  แก้วคือชื่อเล่นของเจ้าแม่  แต่ชื่อจริงน่ะ  เจ้าแม่แก้ว  เจ้าจอมมารดาแห่งดงอสรพิษ

" ไอ้  XXX ! "  แน่ะ  รู้ด้วยว่านินทา  หูดีจริงโว้ย!

" งั้นผมไปก่อนนะพี่  ถ้าพี่เจอเสี่ย  ฝากบอกเสี่ยด้วยแล้วกันว่าผมขอบคุณมาก"

" เออๆ  ถ้าเจอน่ะนะ"

แล้วเขาก็เดินกลับไปทำงานต่อกับเจ้าแม่  ในใจก็มีความรู้สึกอยู่สองอย่างคือ  อึมครึมกับรู้สึกดีขึ้น 

รู้สึกดีที่เสี่ยเป็นคนดีและเอาใจใส่เขา  แต่อึมครึมคือ  เขาก็เป็นแค่เด็กเลี้ยงคนหนึ่ง  ที่ไม่ต่างอะไรกับเด็กที่เสี่ยเคยเลี้ยง 




แต่ชีวิตมันก็ต้องมีแต่เดินต่อและเวลาก็ไม่เคยหยุดนิ่ง  เขาซึมอยู่ได้สองวัน  ในที่สุดก็ถึงวันที่เขาต้องตกขุมนรก  แต่ตกขุมนรกอย่างเดียวยังไม่พอ  ยมบาลท่านยังอุตส่าห์เอาคู่แข่งของเขากับเจ้าแม่ลงมาอยู่ในนรกขุมเดียวกันด้วย  เพื่ออะไรวะ!

" ไง  เบลล่า  ธันวา..."  เบลล่าคือสาวสวยหน้าแฉล้ม  หุ่นเซ็กซี่  สาวเปรี้ยวดาวประจำคณะบริหารภาคอินเตอร์  ส่วนธันวาคือคู่ปรับของเขามาตั้งแต่ปีหนึ่ง   มึงจะเสนอหน้ามาทำเตี่ยอะไรวะ!

" พอดีพ่อกูก็เส้นใหญ่ใช้ได้  กูเลยได้มาฝึกงานด้วย"  ไม่ได้ถาม  ไม่ต้องมาตอบแทรก!

" ไม่ได้เจอกันนานนะเบลล่า  ตกผู้ชายไปถึงไหนแล้วล่ะ"  อันนี้เสียงเจ้าแม่

" ก็ไม่เท่าไหร่หรอก  แต่ก็ว่าจะลองมาตกแถวนี้ดู  แก้วล่ะ  มี......หรือยัง"  จุดที่ละไว้ในฐานที่เข้าใจคือ  อยู่มาจนขึ้นปีสี่เจ้าแม่ยังไม่เคยมีแฟน  ขึ้นคาน...

" พอดีเก็บไว้ให้พ่อของลูกน่ะ  เนอะ"  เนอะ  เน๊อะ  อะไรล่ะ  ตรูไม่ใช่แฟนสมอ้าง!

" ใช่..."  แต่ปฎิเสธได้ที่ไหนกันล่ะ  ฮืออ 

" ถ้าแก้วเปลี่ยนใจ  วายังว่างนะ"  นี่ก็มาหยอดตลอดปีตลอดชาติ  สามปี...  หยอดจนขนมครกยังชิดซ้าย

" คนนี้ก็ดีแล้ว  ขอบใจวานะ  เข้าบริษัทกันเถอะ  เดี๋ยวพี่ๆ เขาจะว่าเอา"


นั่นแหละพวกเขาสี่คนถึงจะได้เริ่มต้นเข้าบริษัทไปฝึกงานได้  ความจริงตอนที่อยู่ปีหนึ่งเขากับธันวาก็ไม่ได้เกลียดกันมาก  แต่ธันวามันเจ้าชู้เที่ยวจีบผู้หญิงไปทั่ว  เจ้าแม่เลยเอาเขามาเป็นเกราะกันหมา  ธันวาเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้  มันถึงได้หยอดอยู่ไม่เลิก  ส่วนเขาก็ไม่อยากให้แก้วหลงคารมมันจนเสียท่า  เลยกันท่ามันเอามากๆ  นับจากนั้นมาเราเลยเป็นอริกัน   

ส่วนเบลล่า  ความจริงคุณเธอก็ไม่ได้นิสัยแย่  แต่ก็นะ  เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้  ผู้หญิงสวยจัดสองคนอยู่ด้วยกัน...  ถ้าไม่รวมกลุ่มกันนินทาก็เกลียดขี้หน้ากันไปเลย  ชิงดีชิงเด่นมาตั้งแต่ตอนประกวดดาวมหาลัย  สุดท้ายแก้วได้เป็นดาวมหาลัยด้วยความสวยหวานแบบไทยๆ   ส่วนเบลล่าเป็นขวัญใจช่างภาพด้วยโครงหน้าสวยหวานตาคมเข้ม  แต่ตอนนี้อย่าไปพูดถึงเลย  ลูกกวางน้อยแห่งพ่อบ้านใจกล้าชัดๆ  ใครได้เป็นเมียเตรียมตกอยู่ในโอวาทได้เลย

แต่พอผ่านการฝึกงานไปได้สามสัปดาห์  พวกเขาทั้งสี่จากที่เคยเป็นอริกัน  เวลาเดินผ่านกันก็เริ่มสบตากันมากขึ้น  จากที่เคยหน้าเชิดคอตั้ง  แววตาก็เริ่มหม่นหมองลงแถมคอตกเล็กน้อย  และจากที่เคยจิกกัดกัน  ตอนนี้ก็ได้แต่ส่งสายตาเวทนาต่อกันมากขึ้น  ในที่สุดเจ้าแม่ก็ทนไม่ไหว  วันศุกร์สุดท้ายก่อนฝึกงานครบหนึ่งเดือน  เจ้าแม่ก็ประกาศลั่นว่า

" กูจะออกเที่ยว!" 
   
แล้วมีใครปฎิเสธไหม... 

ไม่มี  เพราะทุกคนแม่งอยากดื่มกันหมด



" นี่มันบริษัทเ..ี้ย  อะไรวะ!"  เสียงธันวา

" ฝึกงานนะ  ไม่ได้มาเป็นทาส!  เดินจนเล็บจะขบแล้ว!"  เสียงเบลล่า

" ใครแม่งเป็นคนหาที่ฝึกงานให้วะ!"  เสียงเจ้าแม่    แต่โปรดอย่ามองหน้าตรู  กูไม่รู้เรื่อง

" ไปด่าพี่ภาคโน่น  กูเองก็เหนื่อยเหมือนกัน"  เขาเปล่าโบ้ยนะ

" เฮ้อออออออออออออออ~ "      อ.อ่างยาวเป็นหางว่าว  พวกเขาสี่คนถอนหายใจออกพร้อมกัน

เฮ้อ~  เหตุผลที่พวกเขาสี่คนกลุ้มจัดจนต้องมาหาอะไรดื่มก็ไม่มีอะไรมาก  แค่การฝึกงานมันโคตรหนักมาก  ถึงพี่ๆ ที่บริษัทจัดให้มาเป็นพี่เลี้ยงพวกเขาจะไม่ได้ดุมาก  แต่พวกรุ่นพี่ที่บริษัทก็เอาการเอางานกันทุกคน  อะไรที่สอนได้ก็สอน   อะไรที่ทำได้ไม่ดีก็ด่าก็ว่า   พวกเขาทุกคนถึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเริ่มฝึกงานทุกครั้ง  แต่ถึงเขากับเจ้าแม่จะเตรียมตัวมาดีมาขนาดไหน  ก็ยังถูกด่าแบบไม่ไว้หน้า  ส่วนธันวาที่พ่อมีเส้นก็ไม่ช่วยอะไรมาก  แค่พร้อมกว่านิดนึง  แต่บางทีก็ไม่รอด  โดนสวดกลับมายับเหมือนกัน  แถมหน้าตาของสาวๆก็ไม่ช่วยอะไรมาก  แค่ถูกด่าน้อยลงด้วยคำพูดที่สุภาพขึ้น  มาถึงตอนนี้ฝึกงานเพิ่งครบหนึ่งเดือน  พวกเขาสี่คนก็เหนื่อยจนหูตกหางลู่  ไม่มีแรงเชิดหน้าคอตั้งใส่กันแล้ว 

" กูก็ว่าแล้วเชียว  ตอนขอพ่อฝึกงาน  พ่อกูดีใจแทบกระโดดโลดเต้น  บอกว่ากูคิดได้แล้ว"

" เบลล่าก็นึกว่าจะได้เจอท่านประธานไม่ก็ CEO  หล่อๆ  เป็นผู้ช่วยเลขาสวยๆ ไม่ต้องทำงานหนักมาก"

" เออ  กู  เอ๊ย  เราก็คิดว่าจะได้ประสบการณ์ดีๆ เหมือนกัน  ไม่คิดว่าจะงานหนักขนาดนี้"  แหม่  เจ้าแม่  แอ๊บไม่ทันแล้วล่ะมึง 

" ไอ้ที่เรียนกับไอ้ที่ใช้นี่มันตรงกันตรงไหนวะ  แค่โปรแกรมที่ใช้คำนวณก็ไม่เหมือนกันแล้ว"  อันนี้เขาเอง  อยากมีส่วนบ้าง

" ก็นี่มันโปรแกรมประยุกต์  ลองมึงเข้าแผนกบัญชีก่อนเถอะ  นรกของจริงแน่" 

ว่าแล้วก็ถอนหายใจกันอีกรอบ 
   
" เฮ้ออออออ~~~~  "

แล้วพวกเขาสี่คนก็นั่งคอตกกันแบบหมดสภาพ   รอจนแอลกอฮอล์ซึมเข้าสู่กระแสเลือด  สาวๆ ที่เหนื่อยจนทนไม่ไหวก็ออกไปเต้นที่ฟลอร์ให้หนุ่มๆ แทะโลมทางสายตาเล่น  เขาที่เต้นไม่เก่งก็นั่งดื่มเหล้าพลาง  เฝ้ากระเป๋าให้พวกนางไปพลาง  ส่วนธันวาก็เดินเข้าๆ  ออกๆ  ระหว่างโต๊ะตัวเองกับโต๊ะผู้หญิงคนนั้นคนนี้  ได้เบอร์ได้จูบมาจนเป็นที่พอใจก็กลับมานั่งพัก  เห็นเขาดื่มอยู่คนเดียวเงียบๆ ก็ชวนคุยบ้าง  ชวนสูบบุหรี่บ้าง  แต่พอเห็นเขาตั้งท่าจะหลับ  มันก็ชวนออกไปสูดอากาศข้างนอกแทน

" เมื่อก่อนที่เขม่นมึง  ขอโทษนะ" 

ธันวาว่าตอนที่พวกเขาออกมาสูดอากาศ  ตอนนี้อากาศกำลังเย็นสบาย  เลยพอทำให้หัวอุ่นๆ ของเขาเย็นขึ้น  พวกเขาบอกเจ้าแม่กับเบลล่าไปแล้วว่าจะออกมาสูดอากาศเล่น  แน่นอนว่าพวกเธอไล่เขาออกมา  แต่ต้องหนีบกระเป๋าของพวกเธอมาด้วย (กันหายน่ะ)

" ไม่เป็นไร  กูเองก็ไม่ดีกว่ามึงเท่าไหร่  แกล้งมึงกับเพื่อนก่อนประจำ"  อันนี้นี่พูดจริงนะ  เมื่อก่อนเขากับเพื่อนชอบแกล้งมันบ่อยๆ  โดยเฉพาะกับเรื่องที่เกี่ยวกับเจ้าแม่  ธันวามันก็พอเข้าใจอยู่บ้าง  เพราะเมื่อก่อนเจ้าแม่มันใสมาก  แต่ตอนนี้...

" กูจริงจังกับแก้วจริงๆ นะ"  แล้วเมื่อกี้ที่ขอเบอร์สาวคืออะไรวะ

" มึงต้องไปบอกแก้วเองว่ะ" 

เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าเขาจะกันท่าหรือไม่สนับสนุนไอ้ธันวาหรอกนะ  แต่จากที่แก้วเคยบอกมาและจากที่สังเกตเอาเอง  ธันวาน่ะ  มันเจ้าชู้มาก  พวกเราเลยกลัวกันว่าแก้วจะคุมธันวาไม่อยู่  ผู้ชายบางคนได้กันไม่กี่ทีแล้วสะบัดตูดหนีไปน่ะมีมานักต่อนัก   เขาเลยไม่อยากให้แก้วพลาดแล้วถูกคนอื่นมาหัวเราะเยาะเอาทีหลัง  ถ้าเป็นแบบนั้นจริง  คนที่โดนหัวเราะเยาะน่ะไม่มีทางที่จะขำออกด้วยแน่

   
" สรุปมึงไม่ได้เป็นแฟนกับแก้วจริงๆใช่ไหมวะ"

"  ทำอย่างกับมึงไม่รู้" 

ว่าจบ  ธันว่ามันก็หัวเราะลั่น  ดึงบุหรี่ออกจากกระเป๋าเสื้อ  จุดไฟ  แล้วส่งมาให้เขาหนึ่งมวน  แต่เขาปฏิเสธเพราะไม่ชอบให้กลิ่นติดตัว  เลยยืนสูบบุหรี่มือสองต่อจากไอ้ธันวาแทน   อาาา   มะเร็ง...

" มึงอยู่กับแก้วมาจะสี่ปีไม่เปลี่ยนใจมั่งเหรอวะ  แบบเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่ออะไรแบบนี้"

" ไว้มึงสนิทกับหมาลอตไวเลอร์จนตกหลุมรักมันได้ก่อนแล้วกัน  แล้วมึงจะเข้าใจความรู้สึกกู" 

พูดจบไอ้ธันวาก็หัวเราะอีกรอบ  ดีนะที่มันไม่กระทืบเขา  ฐานที่ด่าสุดที่รักมันว่าเป็นหมาลอตไวเลอร์ 

พวกเราคุยกันต่ออีกซักระยะรอบุหรี่หมดมวน  มันถามเขาว่าสามปีมานี่ไม่เจอใครถูกใจบ้างเหรอ  แหม  จะให้เขาถูกใจใครล่ะ  หน้าตาเขาเองก็ไม่ใช่จะดีมาก  มีดีแค่หุ่นที่พอจะใช้ได้  ส่วนพวกเพื่อนๆ  อยู่ด้วยกันมาสามปี  แค่เจอหน้ากันก็เห็นไปถึงลิ้นไก่แล้ว  จะให้เอามาเป็นเมียก็เห็นทีว่าจะไปกันไม่รอด   ส่วนเสี่ย....

ไม่รู้ว่าทำไม  แวบหนึ่งเขาถึงนึกถึงเสี่ยขึ้นมา  เสี่ยนี่... ค่อนข้างจะถือว่าเป็นคนที่เขาผูกพันทางร่างกายมากที่สุดแล้ว  แต่ถ้าจะให้คิดว่าเสี่ยเป็นสามี  แค่คิดก็ขนลุก  แถมเสี่ยเองก็คงไม่อยากมีเมียถึกแบบเขาด้วย   เรื่องของเขากับเสี่ย  สุดท้ายมันก็แค่อารมณ์กับความใคร่  หากคิดเกินเลยมากไปกว่านั้นก็เท่ากับเป็นคนโง่แล้ว  ดังนั้นถึงจะผูกพัน  ถึงจะมีอะไรกันแต่มันก็แค่นั้น  เสี่ยเองก็คงจะมีเด็กคนอื่นมาเลี้ยงเพิ่ม  ไม่มีทางที่จะหยุดลงแค่เขา  อีกอย่าง  ดีไม่ดีซักวันเสี่ยก็อาจจะต้องแต่งงาน  มีลูก  แล้วเขาที่เป็นแค่เด็กเคยถูกเลี้ยง  จะเอาอะไรที่ไหนไปสู้กับคนที่มาใหม่ได้ 

ช่างเถอะ  คิดแล้วปวดตับ  สู้เอาเวลาไปปวดหัวกับเรื่องฝึกงานดีกว่า  เพราะฉะนั้นคืนนี้เขาต้องเมาหัวราน้ำให้เต็มที่  ก่อนจะตื่นมาเจอกับขุมนรกและเอกสารฝึกงานอีกรอบ  ส่วนเสี่ย...   เอาเป็นว่าเขาจะจำไว้ทั้งส่วนดีและส่วนแค้นก็แล้วกัน 

ส่วนดีคือเรื่องที่ผ่านมา  ส่วนความแค้น  ถ้าเขาฝึกงานไม่ผ่าน...   

เขาจะทำอะไรเสี่ยได้  ชีวิตเด็กเลี้ยง  มันเศร้าจริงโว้ย!

" ไม่เมาไม่เลิก!"  เขาตะโกน

" ถ้ามึงตะโกนได้ขนาดนี้  มึงเมาแล้วว่ะ"

" .........  "  เหรอวะ  เขานึกว่าตัวเองยังไม่เมานะเนี่ย




และแล้วเวลาสามเดือนอันแสนหฤหรรษ์ในที่สุดก็จบสิ้นเสียที  เขาแทบอยากจะตะโกนต่อฟ้าคาราวะต่อดิน  ในที่สุดเขาก็หลุดออกมาจากขุมนรกแล้วโว้ย!  วู้~~~~~

" พวกคุณทำงานได้ดีมาก  ตอนที่มีคนมาฝากพวกคุณฝึกงาน  ผมนึกว่าจะไปกันไม่รอด  แต่พวกคุณอดทนกันได้ดีมาก"  CEO  คนหนึ่งที่เป็นตัวแทนของบริษัทกล่าวขึ้น  พวกเขาสี่คนนี่ยิ่งกว่าซาบซึ้ง  ไม่ใช่ซาบซึ้งกับคำชมนะ  แต่ซาบซึ้งว่าในที่สุดพวกกูก็เป็นอิสระแล้ว

" คุณแก้ว  คุณเบลล่า  ถ้าคุณอยากทำงานต่อที่นี่  ติดต่อที่แผนก  HR  ได้เลยนะ  พวกเราประชุมกันแล้วว่าจะให้พวกคุณทำงานต่อได้  ส่วนคุณธันวา   คุณคงกลับไปทำงานที่บริษัทคุณพ่อสินะ  ตอนแรกผมนึกว่าคุณจะก่อปัญหาให้มากกว่านี้  ไม่เห็นทำตัวแย่อย่างที่พ่อคุณพูด  คุณก็พยายามหน่อยก็แล้วกัน  อย่าให้พ่อคุณเป็นห่วงมาก  ส่วนคุณ...."  คุณอะไร  ทำไมต้องมีเว้น

" คุณเองก็ขยันฝึกงานมาก  แต่ยังมีปัญหาด้านภาษา  บริษัทของเราต้องใช้ภาษาสากลเยอะ  ถ้าคุณสามารถฝึกภาษาที่สามได้ด้วยก็จะดีมาก   ดังนั้นถึงเราจะไม่ได้ทาบทามคุณให้ทำงานต่อ  แต่เราจะออกเอกสารรับรองการฝึกงานให้  และถ้าคุณอยากไปศึกษาต่อที่เมืองนอก  เรามีบริษัทในเครือที่พร้อมจะให้คุณไปดูงานไและเรียนต่อได้  ผมว่ามันน่าจะดีต่อคุณมากนะ

สุดท้ายในฐานะตัวแทนของผู้บริหาร  ผมขอขอบคุณที่พวกคุณตั้งใจฝึกงานเป็นอย่างมาก  ทางเราเองก็ได้รับประสบการณ์ที่ดีจากพวกคุณเช่นกัน  ในวันสุดท้ายของการฝึกงานนี้  เชิญพวกคุณทานอาหารกันให้เต็มที่  ถือว่าเป็นคำขอบคุณและเป็นการฉลองจากพวกเรา"

" ขอบคุณครับ!/  ค่ะ! ”  อยากจะเย้อยู่หรอกนะ  แต่ชุดนักศึกษาค้ำคอ  ต้องรักษาหน้าสถาบัน

" เอาล่ะเชิญทานได้"

" เย้!"  คราวนี้ไม่มีเหนียมแล้ว  ตรูหิว!  ตรูจะกิน!


วันสุดท้ายของการฝึกงาน  เป็นที่สุดแห่งความทรงจำที่เขารู้สึกดีมากๆ  พวกรุ่นพี่ที่เคยต่อว่าก็มาร่วมวงแสดงความยินดีด้วย  บอกว่าพวกเขาอดทนได้ดีมาก  มีความพยายามและตั้งใจศึกษาเรียนรู้  คาดว่าพวกน้องๆ คงได้มาฝึกงานที่นี่รุ่นต่อทุกรุ่น  ส่วนรุ่นพี่คนหนึ่งที่เป็นฝรั่งหัวทอง  อายุยี่สิบเจ็ด ยี่สิบแปดนิดๆ  พี่เลี้ยงของเจ้าแม่ก็ส่งสายตาเขินอายปนวิบวับ  ล้วงแหวนออกมาจากกระเป๋าแล้วคุกเข่าส่งให้เจ้าแม่   เท่านั้นแหละ  เฮลั่น  เจ้าแม่จะลงจากคานแล้ว!

" หมั้นไว้ก่อนนะครับ  เรียนจบแล้วค่อยแต่งงานกัน"  พี่ฝรั่งพูดออกมาด้วยมาดสุดเท่  โคตรน่าอิจฉาเลยเว้ย!  แล้วเจ้าแม่จะตอบอะไรได้ล่ะครับนอกจาก....

" ....ค่ะ" 

"  วู้~~~~  ดาวมหาลัยได้ลงจากคานแล้ววววว!!!"

ป้าบ!  โอ๊ย!  เขินก็ไปตบว่าที่สามีสิ  ตบกูทำไม!


และแล้วงานเลี้ยงฝึกงานวันนั้นก็จบแบบหน้าชื่นตาบาน  เจ้าแม่ที่โสดมานานก็ได้ลงจากคานเสียที  ไม่รู้ว่าไปแอบสบตาสปาร์คกันตอนไหน  สงสัยอยู่ใกล้กันนานเลยเข้าสุภาษิตที่ว่า  รักแท้แพ้ใกล้  รักเจ้าแม่...ก็เตรียมตัวเป็นพ่อบ้านใจกล้าไปแล้วกันพี่ฝรั่งเอ๋ย  พี่โดนสภาพภายนอกมันหลอกแล้ว  ส่วนไอ้ธันวา...

" กูพลาดไปตอนไหนวะ" 

ธันวาว่าพลางทำท่าน้ำตาตก  มึงพลาดตั้งแต่ที่ไปแอ้มพี่สาวในบริษัทแล้วโว้ย  อย่านึกนะว่าไม่มีใครเห็น  กูนี่แหละที่เห็นตำตาก่อนขึ้นรถไฟฟ้า!

" เมื่อไหร่เบลล่าจะได้แต่งงานบ้างน้า"  คุณเธอเริ่มเพ้อ

" เรายังว่างนะ  " หยอดได้เป็นหยอด  เดี๋ยวเขาจะหาว่าเราไม่มีน้ำยา

แต่คุณเธอเหรอจะสนใจ  ค้อนเขาขวับก่อนสะบัดหน้า  บอกว่าถ้าเขามีเงินเป็นร้อยล้านเมื่อไหร่  คุณเธอถึงจะเริ่มคิด   อ่าว  พูดแบบนี้มาดูลีลากันก่อนไหม  ถึงข้างหน้าจะยังซิง  แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีความสามารถหรอกนะ

พอเถอะ  ยิ่งคิดยิ่งออกทะเลไปไกล  เอาเป็นว่าวันนั้นทุกคนมีความสุขกันถ้วนหน้า (ยกเว้นธันวา)  เขาที่กินจนอิ่มหนำสำราญก็ได้แต่นั่งพึ่งพุงพูดคุยกับพวกรุ่นพี่เล่น  ในตอนที่นั่งว่างไม่มีใครมาคุยด้วย  อยู่ๆ เขาก็นึกถึงเสี่ยขึ้นมา  แต่เสี่ยไม่ชอบให้เด็กเลี้ยงไปยุ่งมาก  เพราะงั้น...

เพราะงั้นเขาก็ได้แต่ส่งเมสเสจไปให้  บอกเสี่ยว่า  " ขอบคุณมากครับ"  ส่วนเสี่ยจะอ่านหรือไม่อ่านเขาไม่รู้  เพราะไอ้ธันวาที่ดื่มหนัก  มันทำท่าจะอ้วกแล้ว...  เฮ้ย!  อย่าเพิ่ง!

" ฮือออ   แก้ว....  "  แก้วบ้าแก้วบออะไรล่ะ  (ว่าที่)สามีเขายืนอยู่โน่น

" ไปมึงกลับบ้าน"

" ฮือออ  แก้ววว    ฮือ   นิกกี้....  "  อ่าว  ไม่ใช่แล้วล่ะมึง  ไอ้เจ้าชู้นี่

" ไป  เดี๋ยวกูเรียกแท็กซี่ให้" 

"  แก้ว...   ฮือๆๆๆๆ" 

" กลับ!" โอ๊ย  น่ารำคาญจริงโว้ย!


สรุปวันนั้นเขาต้องไปส่งไอ้ธันวากลับบ้าน  พอกลับมาถึงหออีกทีแบตโทรศัพท์ก็หมดแล้ว  เขาไม่ได้หวังว่าเสี่ยจะโทรมา  แต่พอเปิดเครื่องเห็นตัวเมสเสจที่ส่งไปขึ้นว่า  "อ่านแล้ว"  เขาก็ใจชื้นเยอะ  อย่างน้อยเสี่ยก็ได้รับคำขอบคุณจากเขาแล้ว  ส่วนอย่างอื่น... 

ไม่สิ  แค่นี้เขาก็พอใจแล้ว  จริงๆนะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 6 (จบครึ่งแรก) [20/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 20-12-2016 22:05:43
ยิ่งอ่านยิ่งติด   :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 6 (จบครึ่งแรก) [20/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 20-12-2016 22:17:29
เสี่ยยยย
ทำไมใจดีขนาดนี้ เอาจริงๆแอบเดาว่าเสี่ยต้องแอบตามเด็กเสี่ยแน่ๆ
ละก็เห็นฉากที่คุยกับธันวา อร๊ายยย
งานนี้มีหึงแน่นอนน
เรื่องมโนขอให้บอก 555555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 6 (จบครึ่งแรก) [20/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 20-12-2016 22:29:05
ครึ่งหลังเสี่ยจะมาสินะ
รอๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 6 (จบครึ่งแรก) [20/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 20-12-2016 22:47:08
โอ้ยยย อิเสี่ยเงียบมาก หายหน้าหายหไนวด
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 6 (จบครึ่งแรก) [20/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-12-2016 23:20:58
รอครึ่งหลังค่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 6 (จบครึ่งแรก) [20/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 20-12-2016 23:24:01
เสียมาแบบหลบๆซ่อนๆ รอพาร์ทหลังแบบใจจดใจจ่อ สนุกมากจ้า   :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 6 (จบครึ่งแรก) [20/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 21-12-2016 00:04:02
อยากเจอเสี่ยแล้ววววว
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 6 (จบครึ่งแรก) [20/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: autopilot ที่ 21-12-2016 11:11:32
รอค่ะรออออ
รอเสี่ยมีบทพูดค่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 6 (จบครึ่งแรก) [20/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 21-12-2016 11:23:02
พระเอกค่าตัวแพงเหลือเกิน
เสี่ยคะอย่ามาดราม่า
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 6 (จบครึ่งแรก) [20/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 21-12-2016 11:24:29
ระดมทุนจ้าาาาา ขอระดมทุนให้นักเขียนไปจ่ายค่าตัวเสี่ย ต้องมากขนาดไหนถึงจะได้บทออกมาก
นึกถึงสมัยฝึกงาน นึกแล้วก็เหนื่อยมีคนเดียวทำมันหมดทุกอย่าง แต่ก็ดีนะ ได้อะไรมาเยอะมาก
เสี่ยขา......คิดถึงเสี่ย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 6 (จบครึ่งแรก) [20/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 21-12-2016 16:03:32
เสี่ยดีจังเลยยยยยยย  :mew1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 6 (จบครึ่งแรก) [20/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: บันนีม ที่ 21-12-2016 18:57:26
ชอบเสี่ยจังเลยค่ะะะะ ใจดีอะไรขนาดนี้ รอบทเสี่ยอยู่นะคะ  :katai2-1: :katai2-1: ฝ่ายเด็กเลี้ยงดูมีความหวั่นไหวกับเสี่ยเล็กน้อยถึงปานกลาง ดูคิดถึงเสี่ยบ้างบางครั้ง ไม่ธรรมดาแล้วนาาาา  :hao3:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 6 (จบครึ่งแรก) [20/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 21-12-2016 23:03:00
โอ๊ย ค้างง
ลุ้นทุกบรรทัดว่าเมื่อไนเสี่ยจะออกมา   :katai4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 7 (ครึ่งหลัง ตอนที่ 1) [22/12/5
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 22-12-2016 19:04:53
ตอนที่  7
(ครึ่งหลัง  ตอนที่  1)




แต่น แตน แต่น แต๊นนน   

ชีวิตใหม่ของนายพระแพงถือกำเนิดแล้ว


วะ ฮะ  ฮ่ะ ฮ้า  อยู่กันมาตั้งนานเพิ่งทราบชื่อของเขากันล่ะสิ   เอาเป็นว่าสมัยเป็นเด็กเลี้ยงเขาไม่อยากเปิดเผยตัวมาก  แต่ตอนนี้เขากำลังจะเป็นคนใหม่  มีอิสระเตรียมบินขึ้นสู่ท้องฟ้า  เตรียมแสวงหาความก้าวหน้าแล้ว   วู้~

หลังจากผ่านคืนวันอันแสนหฤโหดและการฝึกงานอันแสนหฤหรรษ์  ในที่สุดตอนนี้เขาก็มีงานทำแบบคนปกติเสียที  ถึงจะเสียดายที่ไม่ได้ทำงานต่อกับบริษัทข้ามชาติที่ตนฝึกงาน  แต่ทางบริษัทก็ออกหนังสือยินยอมและใบรับรอบการสมัครงานให้เขาไปฝึกภาษาและดูงานที่ต่างประเทศเพื่อเพิ่มพูนทักษะและความรู้   แน่นอนว่าเขาอยากจะไปแทบขาดใจ  ติดอยู่แต่ที่ว่าตัวเองต้องอยู่ทำงานที่นี่  เพราะลุงเขาอยู่ๆ ก็ดันเป็นโรคหัวใจ  แถมเป็นหนักถึงขนาดต้องผ่าตัดทำบายพาส  ตอนที่รู้ข่าวนี้เขาตกใจหมด  จากที่กำลังเตรียมขอวีซ่าอยู่ที่สถานทูตสหรัฐฯ ก็ต้องบึ่งรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างไปที่โรงพยาบาลที่ลุงถูกส่งต่อมาจากต่างจังหวัดเพื่อทำการผ่าตัดแทน 

ตอนที่เห็นลุงเข้าห้องผ่าตัดด่วน  เขานี่หน้าซีดจนแทบจะไม่มีสีเลือด  เพราะตอนที่แม่เขาเสียชีวิตก็มีอาการคล้ายๆ แบบนี้เหมือนกันคือ  อยู่ๆ แม่ก็ล้มไม่ได้สติ  กว่าจะไปถึงโรงพยาบาลแม่ก็เสียแล้ว  เห็นว่ามีภาวะเลือดออกในสมองเยอะ (Storke)  มันเป็นอาการที่พบได้น้อยในคนที่อายุยังไม่มาก  แต่แม่ของเขาก็เป็น  และเสียชีวิตไปแล้ว  ตอนนี้ยังมาเกิดกับลุงอีก

ยังดีที่ตอนมาถึงโรงพยาบาลอาการลุงไม่หนักมาก  แถมทางโรงพยาบาลประจำจังหวัดก็ส่งต่อเรื่องเร็วด้วย  ลุงเขาที่ป่วยเป็นแค่โรคหัวใจจึงสามารถเข้ารับรักษาและทำการผ่าตัดทันที  แต่ก็ต้องใช้เวลานานอยู่เหมือนกันกว่าลุงจะผ่าตัดเสร็จและออกมาพักฟื้น 

ป้าสะใภ้ที่ติดรถมากับรถพยาบาลสารภาพว่า  ลุงแกป่วยเป็นโรคหัวใจมานานแล้วแต่ก็กินยาอย่างต่อเนื่อง  ส่วนเรื่องที่ไม่ยอมบอกเขา  ก็เข้าใจว่าลุงไม่อยากให้เขาเป็นห่วง  ลุงเลยไม่อยากพูด   ส่วนลูกๆ ของลุงทั้งสองคนรู้เรื่องหมด  แต่ก็ไม่ได้บอกญาติคนอื่นเพราะลุงแกยังดูแข็งแรงดี  แถมชอบแตะปี๊บโชว์เล่น  พวกลูกๆ กับป้าเลยไม่อยากบอกใครและไม่คิดว่ามันเป็นภาระ 

แต่วันนั้นตอนที่ลุงเข้าสวน  อยู่ๆ แกก็ล้ม  ลูกชายลุงคนโตที่อยู่ในสวนด้วยเห็นเข้าพอดีเลยรีบพาแกส่งโรงพยาบาลแถวบ้าน  พอตรวจสอบว่าเป็นโรคหัวใจต้องทำการผ่าตัดก็ส่งเรื่องต่อจนมาถึงกรุงเทพ  ตอนนั้นลูกสาวลุงที่เป็นครูยังไม่รู้เพราะเป็นเวลาราชการ  กว่าจะรู้ก็ตอนเลิกงานหลังกลับถึงบ้าน  พอรู้ข่าวพี่ต้นอ้อ...ลูกสาวลุงก็รีบทำเรื่องลา  และมาติดต่อขอเบิกล่วงหน้าโดนใช้สิทธิข้าราชการในวันรุ่งขึ้น  โชคดีที่การผ่าตัดของลุงในครั้งนี้รัฐออกให้หมด  ไม่งั้นไม่รู้อีกกี่ชาติเขากับพี่ๆ ถึงจะสามารถหาเงินมารักษาลุงได้

ดังนั้นเขาที่เป็นเจ้าถิ่นเลยต้องเป็นคนจัดการเรื่องที่พักให้ป้ากับพวกพี่ๆ  ป้านอนพักที่โรงพยาบาลเลยไม่ค่อยมีปัญหา  แต่พี่ๆ ต้องมาพักกับเขาแล้วนอนเบียดกันจนเตียงแน่น   สุดท้ายเขาต้องเสียสละเพราะทนไม่ไหวเลยหนีไปนอนกับเพื่อนแทน  ความจริงเขาก็ว่าจะนอนพื้นแหละแต่ห้องเขามันแคบ  จะเข้าห้องน้ำแต่ละทีก็ต้องกระโดดข้ามกันให้วุ่นวายไปหมด   แถมพอดีกับที่เพื่อนไม่อยู่ห้อง  เขาเลยขอกุญแจมาจากรูมเมทมันแล้วสวมรอยอยู่แทน  ป้ากับพี่ๆ พักอยู่สองสามวันอาการลุงก็ดีขึ้น  แต่หมอบอกให้ลุงอยู่ดูอาการหลังผ่าตัดต่ออีกหนึ่งสับดาห์  ดังนั้นจึงเหลือแต่เขากับป้า  ส่วนพี่ๆ ก็กลับต่างจังหวัดไปทำงาน  รอจนถึงวันที่ลุงออกจากโรงพยาบาลได้  เขากับป้าก็จ้างรถ  และตัวเขาเองก็ติดรถกลับจันทบุรีด้วย



เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้  เขาที่ห่วงเรื่องของลุงมากเลยตัดสินใจไม่ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ   ทั้งๆที่ลุงก็อยากให้เขาไปและเอกสารก็ขอไว้หมดแล้ว  แต่เขาตัดสินใจแล้ว  แต่เขาเหลือลุงเป็นญาติสนิทอีกแค่คนเดียวเท่านั้น  ดังนั้นถ้าหากลุงเป็นอะไรไป  เขาก็อยากช่วยเหลือทุกอย่างเท่าที่ทำได้  หรือไม่อย่างน้อยๆ  เวลาลุงต้องขึ้นมาตรวจหัวใจประจำปีที่กรุงเทพ  เขาเองก็อยากให้ลุงมานอนพักกับเขาที่ห้อง  หรือถ้าป้ามาด้วย  เขาระเห็จตัวเองไปนอนพื้นก็ได้เพราะมันก็ไม่ได้ลำบากมาก

 และเพราะอย่างนั้นหลังเรียนจบ  เขาจึงเริ่มหย่อนใบสมัครงานในบริษัทที่พอจะสมัครได้  ในขณะที่คนอื่นหย่อนไปแล้วและมีบางคนที่ได้เริ่มฝึกทดลองงานแล้ว  ซึ่งต้องขอบคุณสวรรค์และแม่ที่ช่วยดลบันดาลให้เขาสมัครติดในบริษัทชั้นนำ  และใหญ่พอๆ กับบริษัทตอนฝึกงานได้  บริษัทนั้นชื่อบริษัท “เหม่ยเซียง”  เป็นบริษัทข้ามชาติ  ขายทุกอย่างเกี่ยวกับการก่อสร้าง  นำเข้าและส่งออกอุปกรณ์จำพวกเหล็กเส้น  และถึงคนส่วนใหญ่ในบริษัทจะพูดภาษาอังกฤษ  แต่ก็มีบางส่วนที่ใช้ภาษาไทยเหมือนกัน 

ซึ่งถึงตรงนี้เขาต้องขอบคุณเสี่ยและบริษัทฝึกงานอีกรอบ  เพราะใบรับรองการฝึกงานอันหรูหราและการฝึกงาน(อันแสนโหด)เป็นภาษาอังกฤษมาตลอดสี่เดือน  ทำให้เขาสามารถตอบสัมภาษณ์ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างผ่านฉลุย  ยิ่งรวมกับใบรับรองการเรียนต่อและประกาศนียบัตรเกียรตินิยมอันดับหนึ่งของคณะ  เขาจึงสามารถเตรียมมาเป็นพนักงานใหม่ได้อย่างสบายๆ  แถมบริษัทนี้ก็มีสวัสดิการให้เรียนต่อเหมือนบริษัทที่ฝึกงานด้วย  เพียงแต่หากเราขอทุนแบบเรียนฟรี   ค่าที่พักฟรี  เราต้องติดสัญญาทาสกับทางบริษัทไปอีกห้าปีเป็นอย่างน้อย  ซึ่งเขาว่ามันก็คุ้มค่า  เพราะยังไงหากกลับมาก็ได้เลื่อนตำแหน่งอยู่แล้ว  แถมภายในห้าปีก็ไม่ต้องห่วงที่จะตกงานด้วย 

ดังนั้นเขา  ไอ้ขิม(เพื่อนในกลุ่ม)  และเพื่อนใหม่อย่างไอ้รุต  นักเรียนสัญชาตินอกแต่ชื่อไทยว่ารัตนชาติ  ก็ได้มาฝึกอบรมก่อนเข้าทดลองงานด้วยกันเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์  ซึ่งไอ้รุตน่ะ  เป็นเจ้าพ่อกรมข่าวกรองมาก  มาอบรมไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ก็เที่ยวตีสนิตตีซี้กับคนอื่นไปทั่ว  โดยเฉพาะกับพวกผู้หญิงที่มันถือว่ามันมีหน้าตาเป็นอาวุธ  (ชื่อโคตรไทย  แต่หน้ามันโคตรโกอินเตอร์)  เห็นว่าเป็นลูกครึ่งไทย - เดนมาร์ก   แล้วอย่าไปเล่นมุกนมโคไทยเดนมาร์กกับมันเชียว  เพราะเขาเล่นไปแล้วและมันโคตรแป้ก  ยังดีที่ไอ้รุตมันไม่คิดมาก  แค่ทำท่าฝรั่งงงแล้วหัวเราะ  แต่ฝรั่งงงอะไรวะ  พูดไทยชัดแป๊ะอย่างกับภาษาบ้าน  เห็นว่าเพราะพ่อเป็นคนไทยมั้งมันเลยพูดภาษาไทยได้

ดังนั้นเขาและขิม  กับไอ้รุต  จึงเป็นพนักงานใหม่แค่สามคนที่จะเข้ามาทำงานในบริษัทนี้  เห็นว่าที่ปีนี้รับน้อยเพราะตำแหน่งมันมีไม่เยอะ  อีกทั้งก่อนหน้านี้ยังมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผังงาน  ตำแหน่งไหนที่ไม่สำคัญก็ตัดทิ้ง  แต่มีข่าววงในบอกว่า(เข้ามาไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์เขามีข่าววงในแล้ว  แจ๋วจริง)  ความจริงแล้วที่ต้องปรับผังงานเพราะมันดันมีการทุจริตเกิดขึ้น  ท่านประธานกับลูกชายท่านประธานที่เป็นผู้บริหารแทน  ต้องสืบหาตัวคนทำผิดกันให้ขวัก  ซึ่งแน่นอนว่าก็จับได้บ้างจับไม่ได้บ้าง  แต่ที่จับได้ก็มีทั้งตัวใหญ่ตัวเล็ก  ซึ่งส่วนนี้เห็นว่าบริษัทต้องปิดข่าวกันระนาวเพราะมันมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้น  คือถ้าบริษัทไม่มีความน่าเชื่อถือ  หุ้นในบริษัทก็อาจจะราคาตกแล้วถูกฮุบ 

ดังนั้นท่านประธานกับลูกชายท่านจึงวิ่งกันให้วุ่นเพื่อสืบดูว่าใครที่เกลือเป็นหนอน  สุดท้ายก็จับกรรมการผู้บริหารได้สามสี่คน  แต่ CEO ที่คาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องยังรอด  ดังนั้นจึงมีมาตรการปลดพนักงานและปรับโครงสร้างให้คนที่ยังจับตัวไม่ได้ให้ทำงานลำบากกันมากขึ้น

และหนึ่งในมาตรการที่สำคัญอีกอย่างคือการทำบัตรเข้าออกระหว่างชั้น  ซึ่งนอกจากท่านประธานและลูกชายแล้ว  ทุกคนรวมถึง CEO  ต้องทำบัตรนี้เพื่อตรวจสอบว่าในแต่ละวันคุณเข้าออกที่ชั้นไหนบ้าง  น่าจะไปทำอะไรที่ชั้นไหนบ้าง  แน่นอนว่าตอนแรกทุกคนก็เกร็งๆ กับมาตรการนี้   แต่พอเวลาผ่านไปทุกคนก็ชิน  เพราะถ้าหากเราไม่ได้ทำผิด  เราจะกลัวอะไรล่ะถูกต้องไหม

ดังนั้นเขากับเพื่อนอีกสองคนที่เป็นพนักงานใหม่จึงได้รับคำแนะนำหลังฝึกอบรมว่า  ถ้าไม่จำเป็นอย่าออกไปยุ่งที่แผนกคนอื่นมาก   และถ้ามีคนใหญ่คนโตมาติดต่อก็ให้อยู่เงียบๆ  ไม่ก็ไปบอกให้ท่านประธานทราบได้  แต่แหม  เรื่องแบบนี้ถ้าไม่มีหลักฐานจริง  ไม่มีใครอยากไปบอกท่านประธานให้หัวเสียเล่นหรอก  แล้วถ้าหากไม่มีหลักฐานและอีกฝ่ายไม่ผิดจริง  มิต้องถูกท่านประธานไล่ตะเพิดเรอะ  หรืออย่างน้อยๆ ถ้าโชคดีก็แค่ถูกด่า  แต่ถ้าโชคร้ายอาจถึงขั้นไล่ออกได้  เขาที่มีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินอีกเยอะ  ทั้งเรื่องลุง  เรื่องบ้านที่ว่าจะซ่อม  เลยตัดสินใจจะทำตัวสงบเสงี่ยมไม่พูดคุยกับใครมาก  เพื่อโดนหางเลขจะได้พอเอาตัวรอด

ส่วนเรื่องหน้าตาของท่านประธานบริษัท  เอาเป็นว่าท่านดูดีมากตามมาตรฐานชายวัยกลางคนมากๆ  คือถึงจะแก่ไปหน่อยแต่หัวก็ไม่ล้าน...  แค่กๆ  หมายถึงท่านประธานก็อายุหกสิบเข้าไปแล้วแต่ยังไม่ดูแก่เลยซักนิด  ส่วนลูกชายท่านประธาน  เนื่องจากท่านเป็นคนไม่ชอบถ่ายรูป  ทางบริษัทเลยไม่ได้ติดรูปท่านไว้ให้บูชา  เอ๊ย  ไว้ให้ทำความเคารพแบบรูปท่านประธานที่ค่อนข้างจะอาวุโสหน่อยแล้ว 

แต่ก็มีข่าววงในบอกมาอีกว่า  ลูกชายท่านประธานหล่อมากกกกก  อายุสามสิบต้นๆ  แต่ไม่โสดเพราะมีคู่หมั้นแล้ว  ไอ้ขิมที่หมายมั่นปั้นมืออยากเป็นคุณนายเลยต้องอกหักตั้งแต่ยังไม่เริ่ม  ในขณะที่ต้นตอข่าวลือซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้รุต   มันบอกว่ามันไปตีซี้กับยามที่โรงจอดรถมาแล้ว  มันมีรูปลูกชายท่านประธานที่แอบถ่ายติดมาด้วย  แต่เขาไม่สนล่ะ  ถ้าไม่ใช่ผู้หญิง  ต่อให้เป็นลูกชายท่านประธาน  เขาก็ยังไม่อยากจะแล  อีกอย่างตอนฝึกทดลองงานสามเดือน  ยังไงเขาก็ต้องได้เห็นหน้าลูกชายท่านประธานซักครั้ง  เพราะงั้นเขาไม่รีบ  สู้เอาเวลาไปส่องรุ่นพี่สาวๆ ดีกว่าเพื่อว่าจะยังมีใครโสดอยู่บ้าง  เขาจะได้จีบ

เอิ่ม  เรื่องส่องสาวน่ะ  ไม่ใช่ว่าเขาจะเจ้าชู้ได้หลังแล้วลืมหน้าหรอกนะ  เรื่องด้านหลังน่ะช่างมันเถอะ  แต่ด้านหน้าน้องน้อยของเขายังชิงนะ  ถ้าหากมีโอกาสได้เริ่มใหม่  เขาก็อยากมีแฟนเป็นสาวๆ ดูบ้าง  อาจจะติดขัดหน่อยตรงที่คนในบริษัทเป็นรุ่นพี่  แต่แล้วยังไงล่ะ  มีให้กินก็ดีกว่าไม่มีให้เลือก  ดังนั้นถึงจะเป็นรุ่นแม่แต่ถ้าเป็นคนดีเขาก็อยากจะเอามาเป็นแม่ของลูก  แต่นั่นหมายถึงว่า  เขาต้องจีบติดด้วยน่ะนะ


และหลังจากผ่านช่วงฝึกทดลองงานไปได้หนึ่งอาทิตย์  เขาก็ได้ฤกษ์ย้ายตัวเองออกจากหอเก่ามายังห้องพักใหม่ที่อยู่ติดกับรถไฟฟ้าเสียที  ระยะทางกะเป็นครึ่งๆ ระหว่างทางไปทำงานกับโรงพยาบาลของลุงเวลาลุงมาตรวจสุขภาพ  สำหรับราคาของห้องเช่ามันอาจแพงไปนิด  แต่ก็ดีที่เดินทางสะดวก  และห้องก็ถือว่าใหญ่ใช้ได้  เขากะว่าถ้าลุงกับป้ามาพัก  เวลานอนกันสามคนก็จะได้ไม่อึดอัดมาก  แถมที่ห้องก็มีโซฟาเบดด้วย  เพื่อพี่ๆ มานอนพักอีกสองคน  เขาก็หนีไปนอนบนโซฟาแทนได้

ส่วนพวกหนังสือเรียนกับสื่อการเรียนหรือเอกสารจำพวกชีต  เขาก็เก็บเอาไว้แต่เล่มที่สำคัญ (แพง) กับบางเล่มที่คิดว่าต้องใช้   ส่วนพวกที่ไม่ได้ใช้ก็เตรียมส่งต่อให้รุ่นน้อง  มันจะเอาไปใช้หรือชั่งกิโลขายก็ช่าง  แต่เขาคิดว่าชีตของเขาค่อนข้างมีราคาอยู่นะ  เพราะอย่างน้อยเขาก็จบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งของมหาลัย  และเตรียมรับพระราชทานปริญญาบัตรซึ่งยังไม่สามารถกำหนดวันได้  (น่าเสียดายที่เกิดเรื่องขึ้นก่อน  เขาได้ฟังข่าวแล้วก็ใจหายเหมือนกัน) 

ในตอนที่ขนของย้ายออกจากห้องจนหมด  เขาก็อดใจหายอีกไม่ได้  อยู่มาตั้งสี่ปี  แปบๆ ก็ต้องย้ายออกจากหอแล้ว  แต่ชีวิตก็แบบนี้แหละ  มีแต่เดินไปข้างหน้า  ถึงเขาจะขี้เกียจเดินบ้าง(?)  แต่โลกก็ไม่เคยหยุดนิ่ง  ส่วนกล่องใส่เพชรของเสี่ยเขาก็เอาติดตัวออกมาด้วย  พอถึงห้องใหม่ก็เก็บใส่ลิ้นชักแบบมีตัวล็อก  ส่วนตัวสร้อย...เขาก็ไม่เคยถอดออกจากคอเลยนับตั้งแต่เสี่ยใส่ให้ในวันนั้น 

พอเริ่มต้นขึ้นเดือนใหม่  เขาก็ใส่เสื้อตัวใหม่ที่ผ่านการเจิมมาจากลุงเรียบร้อยแล้ว  หันซ้ายหันขวาดูกระจกอีกนิดเพื่อสำรวจความหล่อ  พอคิดว่าทุกอย่างพร้อมก็ถือกุญแจพร้อมกับเป้เดินออกจากห้อง  และเนื่องจากบริษัทกับที่ทำงานของเขาอยู่กันไม่ไกลมาก  เขาจึงเลือกเดินทางด้วยรถไฟและเดินต่ออีกหน่อยก็ถึงตัววบริษัท  ดังนั้นเรื่องที่จะซื้อรถ  เขาคงรอต่อไปอีกซักระยะเพราะการเดินทางแบบนี้ก็สะดวกดี  ทั้งประหยัดและได้ออกกำลังกาย 

อีกอย่างเขาก็อยากเก็บเงินไว้ใช้ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้มากกว่า  อย่างเรื่องของลุง  ถึงลุงจะเบิกสวัสดิการจากลูกสาวได้  แต่เขาก็ยังอยากเก็บเงินไว้เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะจำเป็นต้องใช้เงินก้อนอีกรอบ   แล้วไหนจะเรื่องบ้านที่ว่าจะรีโนเวตไปอีก  เพราะงั้นเก็บเงินสดไว้อุ่นใจกว่า  เพื่อเวลาต้องใช้จะได้ไม่ลำบากมาก



ช่วงทดลองงานสามเดือนแรกเขาผ่านไปแบบไม่มีปัญหามาก  คงเพราะเขามีหน้าตาเป็นอาวุธ....  ไม่ใช่!  คงเพราะเขาตั้งใจทำงานและเข้ากับคนอื่นได้ดีเลยไม่มีปัญหาอะไรมาก  ในขณะที่ไอ้ขิมเองเริ่มมีปัญหากับพวกรุ่นพี่อยู่แผนกประชาสัมพันธ์  ฝ่ายบุคคลจึงย้ายมันมาอยู่ที่แผนกบัญชีและการเงินกับเขาและไอ้รุต 

ชีวิตใหม่ในการทำงานที่บริษัทของเขาถือว่าไม่น่าเบื่อมาก  มีพวกพี่ๆ  คอยฝึกงานสอนงานพวกเขาสามคนเป็นอย่างดี  หัวหน้าแผนกก็ใจดีแบบที่ยอมให้ลูกน้องเล่นเกมส์ยิงนกตกปลาได้  (ถ้าไม่มีงานด่วนมาก)  ส่วนเรื่องอาหารการกิน  เนื่องจากบริษัทที่เขาทำงานเป็นตึกขนาดใหญ่  ตัวตึกจึงมีการแบ่งออกเป็นหลายโซนหลายชั้น  มีทั้งโซนเดินเล่นของลูกค้าที่เข้ามาติดต่องาน  โซนร้านอาหารที่มีคนเข้ามาจองพื้นที่  มีร้านกาแฟ   ร้านเบเกอรี่  หรือแม้แต่สปอร์ตเซนเตอร์ก็มีครบหมด  แต่สำหรับพนักงานที่อยากจะประหยัดงบ  ทางบริษัทเองก็มีโรงอาหารสำหรับพนักงานที่สะอาด  สด  อร่อย  รสชาติใช้ได้  ที่สำคัญคือปริมาณอาหารที่มากกว่าราคา  ซึ่งเหมาะกับคนกระเพาะมารแบบเขา

ส่วนเรื่องการเข้างาน  บริษัทของเขาจะเปิดให้พนักงานตอกบัตรตั้งแต่เจ็ดโมงครึ่งถึงสองทุ่มครึ่ง  ช่วงไหนไม่มีงานด่วนก็ไม่ค่อยมีใครทำงานล่วงเวลามาก   และถึงอยากจะทำงานล่วงเวลาก็ทำได้ถึงแค่สี่ทุ่มแล้วยามก็จะปิดไฟไล่  ไม่รู้ว่าเป็นมาตรการประหยัดพลังงาน  หรือเป็นการป้องกันการโกงกันแน่  เพราะจากที่มีเรื่องคราวก่อน  ก็เห็นว่าเกิดขึ้นในช่วงเลิกงานไปแล้วเหมือนกัน

แต่ถึงอย่างนั้น  การทำงานในแผนกบัญชีก็ค่อนข้างเครียด  เพราะมันเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินและเงินทองของบริษัททั้งนั้น  แค่พิมพ์เลขทศนิยมผิดไปตำแหน่งเดียวก็ต้องหาที่มากันใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบอีกรอบ  และถึงจะมีระบบคอมพิวเตอร์  แต่เวลาพิมพ์ข้อมูลเข้ามันก็ต้องใช้มีคนพิมพ์เข้าอยู่ดี  และจุดนี้แหละที่เป็นจุดอ่อนที่ก่อให้เกิดการทุจริตได้ 

ดังนั้นแผนกบัญชีและการเงิน  จึงเป็นแผนกที่พวกผู้บริหารขั้นสูง โดยเฉพาะท่านประธานเข้ามาตรวจสอบบ่อยมาก  บางทีท่านก็นึกครึ้มอยากมาตรวจสอบบัญชีด้วยตัวคนเดียวบ้าง  บางทีก็มากับสาวสวยหุ่นแฉล้มบ้าง  ซึ่งเขาบอกเลยว่าคุณเธอหุ่นแหล่มมาก  เหมาะที่จะมาเป็นแม่ของลูกเขาสุดๆ  ทั้งสูง  ทั้งผิวขาว  ขายาวแต่ตัวเล็ก  เรียกได้ว่าเป็นสาวในฝันของเขาเลยก็ว่าได้  ถ้าเขามีโอกาสมีแฟน  เขาก็อยากได้แฟนขาวๆ  สวยๆ  เล่นท่าลิงอุ้มแตงถนัดแบบนี้....

เฮ้ยๆๆๆ  อันนี้ไม่ใช่ว่าเขาลามกนะ  ถามผู้ชายทุกคนในแผนกเลยก็ได้  ว่ามีใครไม่คิดเรื่องแบบนี้บ้าง  ผู้ชายถ้าในหัวไม่มีเรื่องงาน  มันก็แต่เรื่องใต้ร่มผ้ากันทั้งนั้น  แถมคุณปุยฝ้าย(ผู้หญิงที่มากับท่านประธานน่ะ)  ก็แต่งตัวยั่วยวนชวนน้ำลายสอมาก  คือคุณเธอไม่ได้แต่งตัวโป๊หรือเปิดนั่นเปิดนี่  แต่เพราะมันปิดมิดชิดนี่แหละมันเลยดูน่าถอด  เอ๊ย  มันเลยดูเหมาะกับหุ่นและรูปร่างเอามากๆ  เขากับไอ้รุตและพวกรุ่นพี่เลยได้แต่มองคุณปุยฝ้ายที่ขาวสวยน่าเจี๊ยะ  เดินโฉบไปโฉบมาโดยมีท่านประธานอยู่เคียงข้าง  (แน่นอนว่าแม้แต่เห่าแซวยังไม่ได้)

แต่มีข่าววงในแว่วมาอีกแล้วว่า (ทำไมต้องเรียกข่าววงใน  เพราะในที่สุดทุกคนก็ต้องรู้เรื่อง  เขาล่ะง๊งงง)  ความจริงคุณปุยฝ้ายนี่แหละคือคู่หมั้นลูกชายท่านประธานตัวจริงที่ท่านประธานหมายมั่นปั้นมือจะจับให้ลูกชายแต่งงานกับคุณปุยฝ้ายให้ได้  เห็นว่าคุณปุยฝ้ายเป็นลูกสาวของคนรู้จักที่เพื่อนสนิทของท่านประธานแนะนำมาอีกที  แต่แหม  อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ  นี่ถ้าเป็นเขานะ  ไม่ต้องบังคับหรอกแค่กระดิกนิ้วหน่อยเดียวเขาก็ยอมเป็นทาสแล้ว 

แต่ก็นะ  ของแบบนี้ลางเนื้อชอบลางยา  เขาชอบคุณปุยฝ้ายที่เป็นแบบนี้  แต่ลูกชายท่านประธานอาจชอบแบบอื่นก็ได้  ประมาณแม่แก่อยากมีชู้...  หรืออะไรแบบนั้น  ใครล่ะจะไปรู้

ส่วนตัวลูกชายท่านประธาน (ที่จนป่านนี้เขายังไม่เคยเห็นหัวเลยซักครั้ง)  ก็เห็นว่าท่านกำลังวางแผนไปบริษัทเปิดใหม่อยู่ที่เมืองนอก  ช่วงนี้เลยหายหน้าเงียบ  แต่ก็มีข่าวแว่วมาอีกระลอกว่า(ข่าวเยอะจริง)  ความจริงลูกชายท่านประธานไม่อยากแต่งงาน  ท่านเลยหนีไปอยู่เมืองนอก  แล้วทิ้งบริษัทไว้แบบนี้  ทำเอาท่านประธานที่แก่แล้วต้องกลับมาลงสนามอีกครั้ง   อายุตั้งสามสิบเข้าไปแล้ว  แต่ยังจะมาหนีปัญหา  เอาแต่ใจแบบเด็กๆ  อย่างนี้อีก  ถือว่าใช้ไม่ได้ 

เพราะงั้น...  เขากับพี่ๆ  ในที่ทำงานเลยถือโอกาสที่หมาไม่อยู่เฝ้ากระดูก  คอยแทะโลมคุณปุยฝ้ายผ่านทางสายตาเล่น  ถึงจะไม่ได้คุยแต่ขอให้ได้มองซักหน่อยก็ยังดี 

ส่วนลูกชายท่านประธานน่ะ  ถ้าหายตัวไปตลอดเลยจะดีกว่ามาก  เพราะเผื่อคุณปุยฝ้ายทนเป็นหม้ายขันหมากไม่ไหว  เขาจะได้มีโอกาสแทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจลูกชายท่านประธานบ้าง

ถ้าเขามีโอกาสน่ะนะ....




>>> ตอนนี้เสี่ยไม่แต่ค่าตัวแพง  แต่เสี่ยหายไปเลย  55555
>>>> ส่วนหนูแพง  จะแทงข้างหลังทะลุหัวใจเสี่ยเหรอจ๊ะ
>>>>>> เรามี  wattpad  ด้วยนะคะ  ค้นหาชื่อ  Teatimes ได้เลยค่ะ  เพื่อให้อยากอ่านในแอป ><

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 7 (ครึ่งหลัง ตอนที่ 1) [22/12/5
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 22-12-2016 19:27:55
รอเสี่ยกลับมาก่อนเถอะ ใครจะแทงใครกันแน่  :hao7:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 7 (ครึ่งหลัง ตอนที่ 1) [22/12/5
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 22-12-2016 19:31:41
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 7 (ครึ่งหลัง ตอนที่ 1) [22/12/5
เริ่มหัวข้อโดย: บันนีม ที่ 22-12-2016 19:34:57
เสี่ยนี่เป็นพระเอกจริงๆใช่ไหม หาตัวยากจริงๆ555555555555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 7 (ครึ่งหลัง ตอนที่ 1) [22/12/5
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-12-2016 19:37:02
คราวนี้เป็นบริษัทของเสี่ยจริง ๆ สินะ
เมื่อไหร่เสี่ยจะแสดงตัวเสียที ค่าตัวแพงเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 7 (ครึ่งหลัง ตอนที่ 1) [22/12/5
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-12-2016 19:47:27
เย้....ได้รู้ชื่อเด็กเลี้ยงแล้ว
พระแพง เรียนเก่งมากเลย
เกียรตินิยมอันดับหนึ่งซะด้วย
ลูกชายท่านประธาน เสี่ยแน่ๆ
เสี่ย ฉลาดจังรูปก็ไม่ยอมให้แปะ
แล้วจะได้เจอเสี่ยตอนไหนนะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 7 (ครึ่งหลัง ตอนที่ 1) [22/12/5
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 22-12-2016 20:11:47
เสี่ยค่าตัวแพงจิงๆ
หายไปเลย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 7 (ครึ่งหลัง ตอนที่ 1) [22/12/5
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 22-12-2016 20:20:17
สนุกมาก รอตอนต่อไปอยู่นะคะ :katai4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 7 (ครึ่งหลัง ตอนที่ 1) [22/12/5
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 22-12-2016 20:29:40
แผนของเสี่ยเอาน้องพระแพงมาทำงานใกล้ๆตัวรึป่่าว รีบมาต่อไวๆนะ กะลังสนุก   :hao3:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 7 (ครึ่งหลัง ตอนที่ 1) [22/12/5
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 22-12-2016 20:43:14
ตอนหน้า นานไหม
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 7 (ครึ่งหลัง ตอนที่ 1) [22/12/5
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 22-12-2016 22:17:43
ขอเลขบัญชีค่ะ จะช่วยค่าตัวเสี่ย
อันไลคือ เสี่ยหนีหน้าน้องพะแพง กำลังขุดหลุมพรางให้น้องตายใจใช่ไหม เจ้าเล่ห์มาก
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 7 (ครึ่งหลัง ตอนที่ 1) [22/12/5
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 22-12-2016 23:11:55
เสี่ยขารักน้องจริงรึเปล่าเนี่ย   หายไปจนคนอ่านจะลืมหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 7 (ครึ่งหลัง ตอนที่ 1) [22/12/5
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 22-12-2016 23:21:52
เสี่ยนี่ก็ทำตัวลึกลับจริงเชียว เดี๋ยวหนูแพงก็ได้มีแฟนเป็นตัวเป็นตนไปก่อนหรอก
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 7 (ครึ่งหลัง ตอนที่ 1) [22/12/5
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 22-12-2016 23:34:33
ย่ามใจไปเถอะพะแพง
เสี่ยกลับมา ไม่รอดแน่นอน :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 7 (ครึ่งหลัง ตอนที่ 1) [22/12/5
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-12-2016 23:43:18
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 7 (ครึ่งหลัง ตอนที่ 1) [22/12/5
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 23-12-2016 00:18:44
ขอเจอเสี่ยหน่อยไม่ได้เหรอ :ling1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 7 (ครึ่งหลัง ตอนที่ 1) [22/12/5
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 23-12-2016 09:59:29
คิดถึงเสี่ยยย :ling1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 7 (ครึ่งหลัง ตอนที่ 1) [22/12/5
เริ่มหัวข้อโดย: joyey6217 ที่ 23-12-2016 21:27:54
พะเเพงเด็กเลี้ยง นางเป็นคนคิดบวกดีเนอะ ถึงลุงจะสร้างหนี้ทำเอาหวิดไม่มีบ้านอยู่ จนทำให้จำเป็นต้องยอมเป็นเด็กเลี้ยงให้เสี่ย แต่ถึงจะเรื่องราวมันจะรันทด แต่นางก็ยังคิดแต่เเง่ดี  เอ็นดูมากตอนนางขัดสีฉวีวรรณตัวเอง คือนางก็ไม่ได้อยากเป็นเด็กเลี้ยงแต่นางก็ตั้งใจทำงานให้คุ้มค่าจ้าง555 เรื่องมันแทนที่จะเป็นเรื่องเครียดเลยกลายเป็นฮาแทน ตรงนางมองโลกในแง่ดี ไม่ซ้ำเติมตัวเอง หากทางทำให้เรื่องราวมันดีขึ้น เก็บเงินเก็บเพชร  ปรับตัวมันเกิดขึ้นแล้วก็มีทำให้มันให้ดี
ส่วนเสี่ยบทน้อย แต่ดูออกว่าติดอกติดใจเด็กเลี้ยงมาก แล้วบริษัทที่พะเเพงเข้ามาทำนี่ของเสี่ยแล้วเสี่ยแกวางแผนอะไรไว้รึเปล่า. แบบให้มาทำงานด้วยกัน ถ้าเสี่ยไม่รู้ พอมาเจอพะเเพงคงเหวอกันดี น่าสนุก รอเสี่ยกลับมา. หนีคู่หมั้นไปเมืองนอกเรอะ  โธ้เสี่ยขรา
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 8+ 9( 40-%) [24/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 24-12-2016 10:08:13
ตอนที่  8




วันเวลาผ่านไป...

เขาที่ทำงานในบริษัทมาได้หกเดือนก็เริ่มปรับตัวได้มากขึ้น  เริ่มชินกับการทำงาน  และเริ่มชินกับการที่ท่านประธานเข้าๆ  ออกๆ  ที่แผนกพร้อมกับคุณปุยฝ้าย 

ซึ่งเขาบอกได้เลยว่ามันดีกับใจเอามากๆ  เพราะคุณปุยฝ้ายจะแต่งตัวสวยๆ  มาให้พวกเรายลเกือบทุกวัน  ขนาดหัวหน้าแผนกที่แต่งงานมีลูกแล้วยังอดเหล่คุณปุยฝ้ายไม่ได้  แล้วนับประสาอะไรกับหนุ่มโสดแบบพวกเขา... 

ซึ่งตัวเขาน่ะขอสารภาพตามตรงแบบไม่อายเลยว่า  เขาแอบเอาคุณปุยฝ้ายไปจินตนาการเกือบทุกคืน  ยิ่งตอนที่ต้องใช้แม่นางทั้งห้า  เขายิ่งอดจินตนาการถึงคุณปุยฝ้ายไม่ได้  ร่างผอมๆ  อกอิ่มๆ   ผิวขาวๆ กับเอวคอด  เวลาจินตนาการว่ากำลังได้เล่นท่าลิงอุ้มแตง...  แค่คิดมันก็ซี๊ด   เพราะคุณเธอมีเรือนร่างที่ผอมบางแต่ก็ดันมีสะโพกกับช่วงขาที่ได้รูป   เพราะฉะนั้นเวลาได้เกาะกันจนหลังพิงกำแพง  เขาต้องได้เสร็จในตัวคุณปุยฝ้ายหลายยกแน่ๆ  มิน่าล่ะเมื่อสมัยก่อนเสี่ยถึงได้เป็นจอมหื่น  เพราะถ้ามีนางแบบหุ่นเอวี...  หรือในกรณีอย่างเขาคือนายแบบหุ่นจีวี  ที่มีรูปร่างเซ็กซี่มากๆ  ไม่ว่าใครก็คงอดใจไม่ได้ทั้งนั้น

เฮ้  นี่ไม่ใช่ว่าเขาชมหุ่นตัวเองว่าดีอย่างนั้นดีอย่างนี้หรอกนะ  เรื่องแบบนี้พี่ธนิตฟันเฟิร์ม(ฟันธง+คอนเฟิร์ม) มาแล้วว่าเขาหุ่นดีมาก  ถึงจะไม่ได้ดีขนาดมีซิกแพคหกห่อ  แต่เขาก็มีเอวสอบเข้ารูป  กล้ามเนื้อก็สมส่วน  ยิ่งรวมกับผิวสีเข้มๆ  ในตลาดต่างประเทศถือว่าเขาเป็นสินค้าที่ขายดีมากๆ  โดยเฉพาะทางตะวันตกกับพวกอาหรับ  พวกนี้จะไม่ชอบเด็กผิวขาวหรือพวกบอบบางมาก  แต่ชอบแบบที่มีกล้ามแน่นๆ  เนื้อเยอะๆ  ซึ่งเขาก็ตรงกับสเปคและความต้องการของตลาดพอดี

แต่โชคดียังเป็นของเขาที่เขาได้เป็นเด็กของเสี่ยอธิป  แทนที่จะเป็นเด็กของพวกเสี่ยอาหรับ  พวกนั้นน่ะชอบเซ็กซ์หมู่เอามากๆ  อาจจะไม่ได้ลงมาพร้อมกันทีเดียว  แต่ก็ชอบเปลี่ยนเด็กกันเป็นว่าเล่น  คิดแล้วก็ขนลุก...  เมื่อก่อนกับเสี่ยแค่คนเดียว  เขาก็ต้องฝืนทนแล้ว  นี่ถ้าต้องมาเจอแบบหลายคน  เขาขอเป็นลมหมดสติไปเลยดีกว่า  ไม่งั้นเขาต้องเป็นบ้าแน่ๆ  คิดแล้วก็อยากไปกราบขอบคุณเสี่ยอธิปอีกซักสิบรอบ  เสี่ยเกรด  A+  แบบนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกจริงๆ

ว่าแต่พอพูดถึงแล้วก็อดคิดถึงเสี่ยไม่ได้แฮะ  เขาไม่ได้เจอกับเสี่ยมาแล้วหนึ่งปีเต็มๆ  ไม่รู้ว่าตอนนี้เสี่ยจะเป็นยังไงบ้าง  จะสบายดีไหม  จะป่วยไข้บ้างหรือเปล่า...  เอิ่ม  ที่เขาคิดนี่ไม่ใช่ว่าเขาห่วงหาหรืออาลัยอาวรณ์เสี่ยหรอกนะ  เรื่องของเขากับเสี่ยมันจบลงแล้ว   ตอนนี้สำหรับเขา  ภาพของเสี่ยก็เหมือนภาพที่จืดจางไปตามกาลเวลา  เสี่ยหน้าตาเป็นแบบไหน   เอาจริงๆ เขาก็จำไม่ค่อยได้  แต่ถ้าเห็นหน้าตรงๆ ก็คงพอคุ้นหน้าบ้าง(มั้ง)  เพราะเขากับเสี่ย  เราสองคนใช้ช่วงเวลาสี่เดือนคุยกันน้อยมาก  ส่วนใหญ่ก็คุยกันแต่ภาษากาย  เสียงอิ๊  อ๊ะ  อะไร  เขาก็ไม่ได้เปล่งออกมาเยอะ  เพราะกลัวเสี่ยรำคาญและคิดว่าเสี่ยก็อาจจะไม่ชอบด้วย  ยกเว้นวันสุดท้าย...

ช่างเถอะๆ  เรื่องของเสี่ยคิดไปก็เท่านั้น  ตอนนี้เขามีชีวิตใหม่แล้ว  มีชีวิตที่ดี  (เตรียม)มีว่าที่แม่ของลูก  ถึงว่าที่แม่ของลูกจะเป็นคู่หมั้นคนอื่นแล้วก็ตาม  แต่แล้วไงล่ะ  จนป่านนี้เขายังไม่เห็นหัวลูกชายท่านประธานโผล่มาเลยซักนิด  ไม่รู้ไปตกเขาตายอยู่ที่ไหนแล้ว  จะติดต่อคุณปุยฝ้ายบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้   แต่ที่แน่ๆ เขาน่ะรู้สึกสงสารคุณปุยฝ้ายเอามากๆ  ถึงคุณเธอจะไม่ได้แสดงออก  แต่คู่หมั้นเล่นหายต๋อมไปแบบนี้  แถมยังมีข่าวลือว่าถูกพ่อสามีบังคับ(คลุมถุงชน)  ผู้หญิงที่ไหนจะทนได้  เพราะอย่างนั้นถ้ามีโอกาสเขาก็อยากจะแสดงความจริงใจให้คุณปุยฝ้ายเห็นซักครั้ง   

เอาแค่ว่าให้คุณเธอรู้ว่าเขาเป็นห่วง  คนที่ไม่ใช่แฟนทำแทนกันทุกเรื่องไม่ได้  แต่อย่างน้อยเขาก็มีความจริงใจต่อคุณปุยฝ้ายมากกว่าลูกชายท่านประธานอะไรนั่น  เพราะฉะนั้นถ้าสวรรค์จะให้โอกาส....

แต่แน่นอนว่าสวรรค์ไม่ให้โอกาสหมาวัดแบบเขา  จากที่ตั้งใจจะเดินหน้า  ดั๊นมีข่าวว่าลูกชายท่านประธานกลับมาแล้วแทน  โธ่   สวรรค์!  เขาแอบไปกินอุ้งตีนหมีท่านมาหรือไงวะ  ทำไมต้องมาทำกับหมาวัดแบบนี้!

" นี่แกๆๆ  ได้ข่าวที่ท่านประธานกลับมาหรือยัง  เห็นเขาว่ากันว่าหล่อมากกกกกก"  ก.ไก่ล้านตัวจากไอ้ขิมลากยาวมากระทบโสตประสาท  กูได้ข่าวแล้ว  ว่าแต่ท่านประธานไหนอีกวะ  หรือว่ามีท่านประธานสองคน

" แน่ะๆ  ทำท่าควายงง  ท่านประธานเขาเปลี่ยนมือกันแล้วย่ะ  เห็นว่าแอบเปลี่ยนตัวเปลี่ยนตำแหน่งกันเงียบๆ  เลยไม่มีใครรู้"   แล้วคุณมึงรู้ได้ไงล่ะ

" ก็ได้ข่าวมาจากไอ้รุตน่ะสิ  นั่นน่ะเจ้าพ่อกรมข่าวกรองเลยนะ  ได้ข่าวมารับรองไม่มีพลาด" อ๋อ  เหรอ

"  ได้ข่าวมาแล้วไงวะ  เกี่ยวอะไรกับกู"  พาลน่ะพาล  รู้จักไหม

" แหม  ทำอย่างกับว่าเขาจะมาฉกแม่ของลูกมึง  มึงนี่แหละที่เป็นชู้!"

" เป็นชู้ทางใจไม่ผิดหลักศาสนา  ไม่เชื่อมึงถามไอ้รุตได้"  แน่จริงไปถามมันเล๊ย

" ถุย  ไอ้รุตมันเป็นคาทอลิกไม่รู้หลักศาสนาพุทธ  ช่างเถอะๆ  เสวนากับมึงเสียเวลาเปล่า  กูเอาเวลาไปแต่งตัวสวยๆ แล้วไปเม้าท์กับพวกรุ่นพี่ดีกว่า  ท่านประธานขาาา  หนูขิมมาแล้ววว~~~" 

โถ  กระโดดโลดเต้นไปแบบไม่สนหนังหน้า   หุ่น  ตื๊ด  ตื๊ด  อย่างมึงน่ะ  ท่านประธานมีเหรอจะแล  แลกูนี่  เอ๊ย  ไม่ใช่  มองกูนี่  คู่แข่งมึงอยู่นี่!

เหอะๆ  เหมือนเขาจะกล้าเนอะ  แต่ความจริงน่ะไม่หรอก  เขาห่อเหี่ยวตั้งแต่รู้ข่าวว่าลูกชายท่านประธานกลับมาแล้ว  ถึงจะยังไม่เคยเห็นหน้า(ชื่อก็จำไม่ได้)  แต่แค่เห็นแม่นางฟ้าสวยวันสวยคืน  เขาก็รู้แล้วว่าคุณเธอมีความสุขมาก  แถมทุกวันนี้คุณเธอก็เข้ามาที่แผนกน้อยลง  เดินผ่านหน้าแผนกก็แทบจะนับครั้งได้  ยังดีที่ลิฟต์หน้าแผนกของเขาเป็นลิฟต์ส่วนต่อที่สามารถตรงไปถึงห้องท่านประธานได้  เขาเลยยังพอจะได้เห็นหน้าคุณปุยฝ้ายบ้างแบบนานๆ ครั้ง  แต่ส่วนใหญ่แล้วคุณปุยฝ้ายจะใช้ลิฟต์ส่วนตัวของท่านประธานมากกว่า  สวรรค์....  แค่แอบมองก็ยังจะไม่ให้แอบมองอีกเหรอวะ  ทำกันเกินไปหน่อยแล้ว!

โป๊ก! 

โอ๊ย!  เจ็บ  ใครเขกหัวกูวะ!

" คุณพระแพง  เมาท์ที่คุณกำลังเอาเคาะโต๊ะน่ะ  ถ้าพังขึ้นมาต้องเบิกงบบริษัทนะ  คุณอยากไปเบิกกับท่านประธานบริษัทโดยตรงไหม"  เสียงสยองขวัญดังขึ้นมาจากเหนือหัว  หัวหน้า!

" ไม่เป็นไรครับหัวหน้า  เมื่อกี้เมาท์ผมมันมีแมลงเข้า  ผมเลยแค่ตบๆออก  ไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายเมาท์ครับ"  ว่าแล้วก็ส่งยิ้มหวาน  มองตาใส  ปิ๊งๆๆ  เชื่อนะๆ  ถึงจะแถแต่ก็ต้องเชื่อนะ  ปิ๊งๆๆ

" เอ้าๆ  กะพริบตาอยู่ได้  ทำงานเข้า  ใกล้สรุปยอดงบประจำไตรมาสแล้ว  ตั้งใจทำงานให้ดีด้วย  ดูอย่างคุณรุตบ้าง  ถึงจะไม่เก่งคำนวณแต่เรื่องภาษาเขาใช้ได้นะ"  แหม  ก็นั่นเขาจบมาจากนอก  แถมเป็นลูกครึ่ง  เขาจะสู้เรื่องภาษาได้ไงล่ะ

แต่ก็ใช่ว่าเขาจะเถียงล่ะนะ  เขายังหัวโบราณ  ไม่เถียงผู้ใหญ่ทั้งที่จะเถียงก็เถียงได้  เพราะงั้นเขาเลยได้แต่ส่งสายตาปิ๊งๆ  ไปอีกทีจนได้มะเหงกมาอีกหนึ่งโป๊ก  ก่อนตั้งใจทำงานอย่างเป็นจริงเป็นจัง  ส่วนหูน่ะ  ก็แอบกระดิกไปด้วย  พวกผู้หญิงนี่เมาท์กันให้แซดเรื่องท่านประธานดีอย่างนั้นดีอย่างนี้     

โด่  ก็แค่ท่านประธานล่ะวะ  ต้องมาดูหมาวัดตัวจริงอย่างเขานี้  อึดจริง  ทนจริง  เสี่ยอธิปคอนเฟิร์ม 
   
แค่กๆๆ  ช่วงนี้คิดถึงเสี่ยบ่อยจริงวุ้ย  หรือว่าจะมีลางสังเห่า  แต่ไม่น่าใช่... 

จะว่าไป  นอกจากชื่อของเสี่ย  นามสกุลกับเรื่องอย่างอื่นที่เกี่ยวกับเสี่ยเขาแทบไม่รู้จักเลยซักนิด  เสี่ยทำงานที่ไหน  ตำแหน่งอะไร  เขาแทบไม่เคยรู้   รู้แต่ว่าเสี่ยทำงานที่บริษัทใหญ่มาก  ตำแหน่งใหญ่มาก  แต่ใหญ่แค่ไหนเขาก็ไม่รู้  แต่คงไม่ถึงขั้นตำแหน่งท่านประธานหรอกมั้ง 

เฮ้อ~  คิดแล้วก็อดตำหนิตัวเองไม่ได้ว่าช่างเป็นเด็กเลี้ยงที่แย่มาก  เสี่ยดีกับเขาขนาดนี้  แต่นอกจากเรื่องบนเตียงเขาแทบไม่ได้ตอบแทนเสี่ยเรื่องอื่น  ถึงวัตถุประสงค์หลักของการเป็นเด็กเลี้ยงจะต้องอยู่บนเตียงอยู่แล้วก็เถอะ  แต่เขาก็อยากตอบแทนเสี่ยอย่างอื่นบ้าง  อาจจะไม่ใช่ด้วยเงินหรือสิ่งของ  และแน่นอนว่าต้องไม่ใช่ตัวด้วย  เขายังจำคำขู่จากพี่ภาคได้  เสี่ยไม่ชอบให้เด็กเก่ามายุ่มย่าม  และถึงจะผ่านมาแล้วหนึ่งปีแต่เขามั่นใจว่าเสี่ยไม่มีทางลืมหน้าตาเขาแน่ๆ  เพราะงั้นถ้าบังเอิญเจอกันที่หน้าบริษัทไหนซักบริษัทแล้วเสี่ยคิดว่าเขาแอบตาม  ถ้าแบบนั้นก็นรกแตกแล้ว

เออ  ถ้าเป็นแบบนั้นสู้เขาไม่รู้เรื่องเสี่ยเลยน่าจะดีกว่าเนอะ  ไม่รู้ย่อมไม่ผิด  ถ้าเผลอเจอก็ทำเป็นนิ่งๆ  แบบว่า  ใครวะ  ไม่รู้จักนะ  เนี่ย...บังเอิญเจอจริงๆนะ  เขาไม่ได้แอบตามเสี่ยด้วย

เอ๊ะ  นี่สรุปว่าเขาอยากตอบแทนเสี่ยจริงไหมวะ  ไม่อยากเจอแต่ก็อยากตอบแทน  แล้วชาตินี้เขาจะได้ตอบแทนเสี่ยไหมเนี่ย  คิดไปคิดมาชักเริ่มสับสนในตัวเอง  เลิกคิดดีกว่า  คิดมากไมเกรนแดกอีก




แต่ถึงไม่มีเรื่องเสี่ย  เขาก็มีเรื่องให้กลุ้มจนเกือบโดนไมเกรนแดกได้

"  พระแพง!  ไปเอาเอกสารที่ชั้น  xx  ที!"

" ขิม!  ตามพระแพงไปเอาเอกสารที่ชั้นห้า"

" รุต!  มาแปลศัพท์หน้านี้ด้วย"

" ขิม  พระแพง  มารวมตัวกันที่ตรงนี้  ช่วยรุตตรวจเอกสารเร็วเข้า!" 

โอ๊ย  นี่มันมรสุมอะไรกันวะ!  พระแพงๆ  อยู่ได้    ขิม  รุต   พระแพง  พระแพง  ขิม รุต  ขิม  รุต  พระแพง  สลับไปสลับไปมาเป็นจังหวะสามซ่าไปได้   แล้วที่แผนกน่ะมีกันเกือบยี่สิบคนนะ  เรียกคนอื่นบ้างก็ได้!

" ก็เราเป็นเด็กใหม่" ไอ้ขิมกัดฟันพูด

" กูอยู่อ่านเอกสารกับแปลเอกสารที่โต๊ะสบายๆ  ไม่ได้เหรอวะ  ทำไมต้องลากกูมาเดินด้วย  "  เสียงไอ้รุตพูด  หน้าตาฝรั๊ง ฝรั่ง  แต่พูดไทยชัดจริงนะมึง

" พวกมึงยังดี  กูนี่  วิ่งตั้งแต่ชั้นหนึ่งยันชั้นเก้า  ยันชั้นสามสิบสองลงมาชั้นสิบห้า  เห็นกูเป็นควายหรือไงวะ  สั่งวิ่งอยู่ได้" 

" มึงไม่ใช่ควายว่ะพระแพง  แต่มึงเป็นม้าไม้  ไม่เคยได้ยินอ่อ  อัศวินม้าไม้อยู่บนม้าที่สลักจากไม้~"

" ....เพลงเก่ามากไอ้รุต  สาบานมาสิว่ามึงฟังมาจากอาม่า"

" กูไม่มีอาม่า  มีแต่  Grandmother "  ภาษาอังกฤษชัดมาก  สำเนียง  th  มาเต็มเป๊ะ

" พวกมึงหยุดคุยกันได้แล้ว  กูเดินจนขาจะขวิด  จะเปลี่ยนจากหมูมาเป็นกระทิงเพื่อขวิดคนอยู่แล้ว"

นั่นละ  เขากับไอ้รุตถึงหุบปากได้  ปกติไอ้ขิมมันเป็นคนเฮฮามากๆ  แต่ถ้ามันหงุดหงิดขึ้นมาก็เปลี่ยนจากหมูไปเป็นกระทิงได้  (เอิ่ม  อันนี้เขาว่าไม่ได้นินทามันหรอกนะ  มันประจานรูปร่างมันออกมาเอง)


และนี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่า  มรสุมของการสรุปยอดประจำไตรมาส  ซึ่งเป็นการรวบรวมรายรับรายจ่าย  รวมบิลเบิกจ่ายสิ่งของ  รวมไปจนถึงสรุปยอดขายตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงไตรมาสนี้   มีการแปลงยอดให้เป็นกราฟเพื่อที่จะได้ดูการเติบโตได้ง่ายขึ้น  แล้วไม่ว่าจะยอดขึ้นหรือยอดลงก็ต้องมาสรุปอีกทีว่าทำไมยอดมันถึงเป็นแบบนี้  เรียกได้ว่าสรุปยอดกันทีก็ปวดหัวกันที  แถมพวกฝ่ายขายเองก็เพิ่งมาเร่งทำยอด  พวกเขาที่ต้องรอยอดก็รอกันต่อไปสิ  รอจนถึงวันปิดยอดนั่นแหละพวกเขาถึงจะได้ยอดครบ  แล้วพวกเขาที่เป็นเด็กใหม่มีเหรอที่จะได้ทำงานนั่งโต๊ะ  นี่  เด็กเดินเอกสารนี่ต่างหากที่เหมาะกับพวกเขาตอนนี้!

เฮ้อ~  ไม่ใช่ว่าเขาจะเป็นประเภทงานหนักไม่เอา  งานเบาไม่สู้หรอกนะ  แต่เหนื่อยมากๆ มันก็มีไม่ไหว  ต้องบ่นออกมากันบ้าง  แล้วนี่มันก็สนามจริง  ไม่ใช่การฝึกงานที่มีรุ่นพี่คอยช่วย  ตอนนี้ทุกคนก็หัวปั่นแล้วก็เหนื่อยกับงานกันทั้ง  เขาเองก็ไม่อยากจะบ่น  แต่มันก็อดไม่ได้  ยังดีที่การได้เดินบ่อยๆ  ช่วยทำให้เขาเจอคุณปุยฝ้ายบ่อยขึ้น  จากที่ไม่เคยได้ทักกัน  เวลาเดินผ่านเขาก็ได้มีโอกาสส่งยิ้มให้คุณปุยฝ้ายมากขึ้น  แถมคุณเธอมีการส่งยิ้มกลับมาด้วย  ใจเต้นชะมัด  มีแรงทำงานต่ออีกสามสิบแรงม้า

" แน่ะๆ  ยิ้มจนปากจะฉีกถึงรูหูเลยเหอะมึง" 

" มึงก็  กูขอนิดนึง"  ดีใจมาก  พูดจาแต๋วแตกเลยกู  ฮ่าๆๆๆ

เรื่องที่เขาแอบปลื้มคุณปุยฝ้ายนี่ใครๆ  ก็รู้  แต่ทุกคนก็แค่ขำๆ  ไม่มีใครคิดอะไรมากเพราะผู้ชายที่แผนกก็เป็นกันเยอะ  แถมไม่ใช่แค่แผนกเขาด้วย  เรียกได้ว่าคุณปุยฝ้ายจะผ่านไปชั้นไหน  ผู้ชายก็ตกหลุมรักคุณเธอกันทั้งนั้น  น่าอิจฉาท่านประธานชะมัด  เช้าถึงเย็นถึงขนาดนี้  อิจฉาโว้ย!

แต่ความอิจฉาของเขามันก็มีอยู่ได้ไม่นานหรอก   เพราะดันมีอยู่วันหนึ่ง...  ที่เขาบังเอิญรู้ความลับของท่านประธานกับคุณปุยฝ้ายเข้า




หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 9( 100-%) [24/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 24-12-2016 10:10:03
ตอนที่  9 





ความลับของท่านประธานกับคุณปุยฝ้ายที่ทำให้เขาตะลึงตึ่งตึ๊งน่ะ  มันก็ไม่มีอะไรมากหรอก  มันก็แค่...

แค่...เขากินตับกันในบริษัทก็เท่านั้น 

ก็แค่นั้น.....

แค่นั้น...........

แค่นั้นที่ไหนกันเล่า!  โธ่!  นางฟ้าของเขา  นางฟ้าที่แสนดีของพี่(มโนไปเอง)  เสร็จท่านประธานบริษัทไปแล้ว! 

โฮๆๆๆ  ไอ้ชาติชั่ว!  ไอ้สมภารกินไก่วัด!  ไอ้คนไม่รู้จักถนอมดอกไม้  ทำไมไม่รอให้แต่งงานก่อนวะ  แล้วเป็นท่านประธานประสาอะไร  ลูกน้องทำงานจนขาแทบหัก  แต่ตัวเองดันมานั่งกินตับสาว  ใช้ไม่ได้!   แถมจะกินตับใครเขาก็ไม่ว่า  แต่ทำไมต้องมากินตับนางฟ้าของเขาด้วย  ฮือๆๆ  แม่ของลูก...  แม่ของลูกเขา  ดันไปเป็นแม่ของลูกคนอื่นแล้ว  โฮๆๆๆ  ไอ้เลว!  ไอ้แพงเฮิร์ต!!

ฮึกๆๆ  แล้วที่เขาเสียใจจนออกมาโวยวายนี่  มันไม่ใช่ว่าเขาหัวเก่าถึงขนาดที่ว่าเจ้าสาวจะมีอะไรกันก่อนแต่งกับเจ้าบ่าวไม่ได้หรอกนะ  แต่ที่เขาเสียใจน่ะคือ  ไม่คิดว่าคุณปุยฝ้ายที่ดีไปหมดทุกอย่างจะชิงสุกก่อนห่าม  ไวไฟขนาดนี้  เห็นแต่งตัวเรียบๆ ร้อยๆ  ไม่คิดว่าจะกล้ามากินตับกับท่านประธานถึงในห้อง  แถมยังเป็นในที่ทำงานตอนกลางวันแสกๆ อีกด้วย

ฮึก  ส่วนเรื่องที่ว่าเขารู้ได้น่ะ  ไม่ใช่ว่าเขาไปแอบดูหรือเผอิญไปเห็นอะไรเข้าหรอกนะ   เขาก็แค่บังเอิญเดินชนกับคุณปุยฝ้าย  จนคุณปุยฝ้ายล้มก็เท่านั้น  แล้วก็ไม่ต้องจินตนาการไปถึงว่าเขาเห็นนั่นเห็นนี่  เขาแค่ได้กลิ่น  คือเวลาเรามีอะไรกับใครน่ะ  มันจะมีกลิ่นอยู่ใช่ไหม  บางคนก็เรียกว่ากลิ่นฟีโรโมน  แต่ที่เขาได้กลิ่นมาจากตัวคุณปุยฝ้ายน่ะ  มันกลิ่นอสุจิชัดๆ  เขาที่คุ้นกับเรื่องแบบนี้  ถึงจะผ่านมานานแต่ก็ยังจำได้  แถมกลิ่นมันก็ค่อนข้างเข้มข้น  นี่ก็ไม่รู้ว่าท่านประธานกินตับกับคุณปุยฝ้ายไปอีท่าไหน  กลิ่นมันถึงได้แรงขนาดนี้  ถ้าให้เดา...เขาขอเดาว่าไม่ต่ำกว่าสองยก  ส่วนที่เขามั่นใจว่าเป็นท่านประธานทำแน่  ก็เพราะว่าคุณปุยฝ้ายเพิ่งออกมาจากลิฟต์ส่วนตัวของท่านประธานพอดี  แล้วก็บังเอิญมาชนกับเขาที่ออกมาเอาเอกสารให้แผนก  แจ็คพอตอะไรขนาดนี้  ได้ชนสาวสวยกับเขาซักที  ก็ดั๊นมาชนกับคนที่มีสามีแล้ว  แถมมีสามีแล้วยังไม่พอ  เขายังเพิ่งกินข้าวต้มกลางวันกันมาอีกด้วย  ฮึก  คิดแล้วไอ้แพงก็เฮิร์ต!

เฮ้อ~   แถมเคราะห์ซ้ำกรรมซัดก็ยังไม่จบลงแค่นี้  เพราะตอนที่กลับเข้าแผนกมา  ยังมีข่าวร้ายบอกมาอีกว่า  ท่านประธานจะลงมาตรวจงานพร้อมกับคุณปุยฝ้าย  ฮึก!  นี่มันอะไรกันวะ!   แบบนี้มันเรียกว่าสวรรค์ตัดทางเขาชัดๆ   ขนาดจะเป็นแค่หมาวัดแอบมองยังทำไม่ได้  สวรรค์ท่านยังจะเอาเจ้าของดอกฟ้ามาให้เขาเห็นตัวแบบชัดๆ   ฮือๆๆๆ  ทำไมชีวิตไอ้แพงถึงเศร้าขนาดนี้!  โฮๆๆๆๆ


แต่ถึงชีวิตจะรันทดขนาดไหน   เขาก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาลบเกมส์ออกจากเครื่องคอมทั้งน้ำตา  ล็อกเอาท์เฟสบุ๊คแล้วล้างคุ๊กกี้  ล้างประวัติการเข้าเว็บแล้วรีสตาร์ทเครื่องเพื่อล้างคุ๊กกี้อีกรอบ  เรียกว่ากะเอาให้ตรวจสอบกันต่อไม่ได้  แต่ก็นะ...  เขาเรียนจบสายบัญชีไม่ได้จบสายคอมพิวเตอร์  เพราะงั้นถึงจะลบๆ  ล้างๆ  ก็ได้เท่านี้  คิดว่าถ้าถูกตรวจสอบจริงๆ  ถ้าทำผิดก็คงถูกรื้อข้อมูลจนถูกจับได้ 
   
หลังจากลบทุกอย่างในคอมที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในการทำงานเสร็จแล้ว  เขาก็ได้แต่นั่งอยู่กับที่  ตอนนี้นอกจากสาวๆ ที่ยังแต่งหน้าไม่เลิก  ทุกคนก็อยู่ในสภาพเตรียมพร้อม  อ่อ  ยกเว้นก็แต่หัวหน้าแผนกกับไอ้รุตที่ออกไปทำธุระข้างนอก  แต่ไม่ถึงห้านาที  หัวหน้าแผนกกับไอ้รุตก็มาถึงในห้อง  หัวหูยุ่งไปหมดเหมือนเพิ่งผ่านสนามรบ  เห็นว่าเพิ่งไปตบตีกับแผนกส่งออกมา  พอรู้ข่าวว่าท่านประธานจะมาตรวจงานก็วิ่งกันตับแลบกลับมาที่ห้อง  ว่าแต่คราวนี้ไอ้รุตพลาดข่าวแฮะ  ปกติข่าวล่ามาไวตลอดไม่มีพลาด

รอจนหัวหน้าแผนกซับเหงื่อ  หวีผมจนเรียบร้อย  แล้วประกาศว่า  "ทุกคนทำตัวปกตินะ"  เขานี่เกือบจะหลุดขำก๊าก  เพราะทุกคนเกร็งกันมาก  อีกอย่างนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ท่านประธานคนใหม่จะมาตรวจงานที่ห้อง  แถมมีข่าวแว่วมาอีกว่าพวกผู้บริหารคนอื่นก็จะลงมาด้วย  คงคล้ายๆ มาเปิดตัวมั้ง  แถมแผนกเขาก็เป็นแผนกเดียวที่มีพนักงานใหม่ถึงสามคน  เพราะฉะนั้นพวกผู้บริหารอยากจะมาดูหน้าก็ไม่แปลก 

พวกเขาที่นั่งรอก็ได้แต่ทำงานก๊อกๆ  แก็กๆ  เคาะนั่นเคาะนี่  แต่รออยู่ตั้งนานท่านประธานก็ยังไม่มาซักที  จนมีเสียงไลน์ดังเข้าเครื่องไอ้รุต  มันก็เปิดอ่านแล้วประกาศออกมา  "ท่านประธานกำลังลงมาแล้ว!" 

เท่านั้นล่ะ...

ระเบิดลง! 

ไม่ใช่!  แค่ทุกคนเกร็งหนักกว่าเดิม  จากที่นั่งหลังตรงอยู่แล้วก็ยิ่งตรงมากขึ้น  โต๊ะที่ปกติจะรก  ตอนนี้ก็เรียบกริ๊บชนิดที่แม้แต่ฝุ่นยังไม่มี  ส่วนพวกผู้หญิงก็แต่งหน้าเป็นครั้งสุดท้าย  ตบแป้ง  ทาปากแล้วโยนทุกอย่างใส่กระเป๋า  ทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

แล้วพวกเขาทุกคนก็นั่งรอ... 

ติ๊ก  ตอก  ติ๊ก  ตอก  ติ๊ก  ตอก  ติ๊ก  ตอก  ติ๊ก...

ติ๊งง...

เสียงประตูลิฟต์เปิด  ดังสยองขวัญสั่นประสาทยิ่งกว่าเกมส์ผีอารยาในโรงพยาบาลร้าง  พวกผู้บริหารสามสี่คนเดินนำออกมาก่อน  ตามมาด้วยเลขาท่านประธาน  คุณปุยฝ้าย  และคนสุดท้ายคือท่านประธานหรือเสี่ยอธิป

เสี่ยอธิป...

เสี่ยอธิป.....

เสี่ยอธิป........  เรอะ!


เฮ้ย!  ใครก็ได้บอกเขาทีว่าเขาตาฝาด  บอกเขาทีว่าเขามองผิด  บอกเขาทีว่านี่มันแฝดของเสี่ยอธิป  ใช่...  นี่ต้องเป็นฝาแฝดของเสี่ยแน่ๆ  อ๊ากกกกกกกกกก!!!

อ๊ากๆๆๆ   แต่ไม่ว่านี่จะเป็นแฝดของเสี่ยจริงหรือไม่  เขาที่ตกใจจนลนลานก็ได้แต่พยายามหดหัวหดตัว  ทำตัวเล็กๆ  เขาเพิ่งมาเกลียดความตัวใหญ่ของตัวเองก็วันนี้  ทำไมเขาไม่ตัวเท่ามดวะ  หรือตัวเท่าหมาชิวาว่าก็ยังดี  จะได้หลุดรอดออกไปจากสายตาของเสี่ยได้!
   
แน่นอนว่าเขาไม่สามารถหดตัวเป็นหมากระเป๋าได้ภายในสามสิบวิ   ดังนั้นเขาเลยได้แต่หดหัวอยู่นิ่งๆ ใช้คอมบริษัทที่ตั้งอยู่บนโต๊ะบังส่วนหัวเอาไว้   แต่สวรรค์ก็ช่างกลั่นแกล้ง  เพราะในตอนที่หัวหน้าแผนกลุกขึ้นออกไปต้อนรับ  หัวหน้าแผนกก็ดั๊นแนะนำว่าที่แผนกมีเด็กใหม่มาด้วย   เขากับไอ้ขิมแล้วก็ไอ้รุตเด็กใหม่สามคนเลยต้องลุกออกจากที่นั่ง  เดินตรงไปทักทายกับคณะผู้บริหาร  ให้พวกคณะผู้บริหารดูตัว   ช่วงเวลาแวบหนึ่งที่เขาเผลอสบตากับเสี่ย  เขาเห็นความแปลกใจในดวงตาเสี่ยอยู่แวบหนึ่งก่อนจางหายไปด้วย 

ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเสี่ยจำเขาได้แน่  แต่ไม่รู้ว่าเสี่ยจะตีความการเห็นหน้าเขาไปแบบไหนบ้าง  แบบว่าบังเอิญ  หรือตั้งใจจะมาตามตื้อ  ถ้าเป็นแบบหลังเขาแย่แน่ๆ  ถูกส่งไปให้พี่ธนิตจัดการแน่ๆ  เพราะงั้นเพื่อความปลอดภัย  เขาทำเป็นไม่รู้จักเสี่ยดีกว่า  เอาให้เห็นกันจะๆ  ไปเลยว่า  เฮ้ย  ที่เห็นเขายืนอยู่ตรงนี้น่ะ  เขาไม่ได้ตั้งใจนะ  เขาไม่รู้เรื่องเสี่ยเลยซักนิด  ที่เขาเข้ามาสมัครงานที่บริษัทนี้น่ะมันเรื่องบังเอิญล้วนๆ  เขาไม่รู้เลยนะว่าเสี่ยอยู่ที่นี่!

ดังนั้นตลอดเวลาที่เขาพูดคุยกับพวกผู้บริหาร  เขาไม่แม้แต่จะหันไปเหลือบตาแลเสี่ยเลยซักนิด  ยืนคอแข็งส่งยิ้มให้กับเหล่าผู้บริหารไปเรื่อยๆ  ตอบคำถามทุกคนยกเว้นเสี่ย (เพราะเสี่ยไม่ยอมพูด)  แต่ก็ไม่รู้ว่าวันนี้เคราะห์มันซ้ำหรือกรรมมันซัดเข้ามาหรือยังไง  คุณปุยฝ้ายที่เขาไม่เคยคุยด้วย  วันนี้ก็ดันจำเขาได้เพราะเขาดันไปชนเธอจนล้ม  คุณเธอเลยส่งยิ้มทักทายพร้อมกับบอกกับเสี่ยอธิปว่า  คุณอธิปคะ  คนนี้ไงคะที่ชนกับปุยฝ้ายจนล้ม  ปุยฝ้ายของหล่นหมดเลยค่ะ  โถ...  แม่นางฟ้านางสวรรค์จะมาช่างจ้ออะไรตอนนี้! 

เสี่ยที่ตอนแรกก็เฉยๆ ก็จำต้องปรายตามามองเขาหนึ่งรอบ  สายตาเสี่ยที่มองมาทำเอาเขาเสียวสันหลังวาบ  เขาพยายามส่งสายตาไปบอกเสี่ยว่า  เนี่ย  ผมไม่รู้จักเสี่ยเลยนะ  ทั้งหมดเนี่ยก็แค่ความบังเอิ๊ญบังเอิญ  ผมไม่ได้ตามติดเสี่ย  ไม่ได้ตามแอบจีบคุณปุยฝ้ายลับหลังเสี่ยด้วย  เสี่ยต้องเชื่อเขานะ  ปิ๊งๆๆ 

เอ่อ  มันก็ไม่ถึงกับว่าเขากะพริบตาใส่เสี่ยหรอกนะ  เขาแค่ส่งสายตาไปอ้อนเสี่ยแบบอ้อนเอามากๆ  แบบว่าทำบุญทำทานให้ลูกหมาเถอะ  อย่าโกรธลูกหมาเลยนะ  ลูกหมาไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามาทำงานที่บริษัทนี้จริงๆ  เสี่ยต้องเชื่อนะ  นะๆๆๆ  ซึ่งท่าทางมันก็น่าจะได้ผลนะ  เพราะเสี่ยนิ่งไปนิด ก่อนพยักหน้าให้คุณปุยฝ้ายเป็นการแสดงการรับรู้   
   
เสี่ยเดินโอบเอวขาวๆ ของคุณปุยฝ้ายให้เดินผ่านเขาไป  เพื่อตามพวกผู้บริหารที่กำลังเริ่มตรวจงาน  แต่ในตอนที่เสี่ยเดินผ่าน  ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่าว่า  เสี่ยแอบเอาหลังมือตัวเองมาแตะหลังมือเขาด้วย  เขาที่ถูกชนแบบไม่ทันตั้งตัวก็ถึงกับสะดุ้ง  กว่าจะตั้งสติเงยหน้าขึ้นมองได้ก็เห็นแต่หลังเสี่ยไวๆ กับแขนเสี่ยที่ยังงโอบเอวคุณปุยฝ้าย   

ซึ่งคุณเธอที่ถูกโอบก็ดูท่าทางจะดีใจมาก  ทั้งสองคนมองตากัน  คนหนึ่งยิ้มหวาน  อีกคนหน้านิ่ง   แต่เชื่อเขาเถอะว่า  หน้านิ่งๆ ของเสี่ยน่ะ  ในหัวต้องมีเรื่องอย่างว่าแน่นอน  เพราะขนาดเขาที่เห็นแต่ด้านหลังคุณปุยฝ้ายยังอดคิดไม่ได้เลยว่าเอวขาวๆ นั่น (วันนี้คุณปุยฝ้ายใส่เสื้อเว้าเอว) จับทีเนื้อต้องนิ่มชวนขย้ำมากแน่นอน  แล้วเสี่ยที่จับตรงๆ จะไม่ของขึ้นเรอะ  เขาไม่เชื่อหรอก  แถมเสี่ยเองก็โคตรหื่น....  แค่กๆๆ  เขาหมายถึงเสี่ยเป็นพวกหื่นหน้านิ่ง  เขาเคยผ่านมาก่อน  เขารู้ดีเลยล่ะ

ในระหว่างรอผู้บริหารเดินตรวจตามโต๊ะ  เขาที่ต้องนั่งนิ่งๆ  ก็ได้แต่คิดนั่นคิดนี่  คิดไปไกลถึงกลิ่นที่ได้จากตัวคุณปุยฝ้าย  คิดไปว่า  แสดงว่าเสี่ยเพิ่งกินตับกับคุณปุยฝ้ายมา  แถมเพิ่งกินกันมาแบบสดๆ ร้อนๆ  เพราะกลิ่นบนตัวคุณปุยฝ้ายก็ค่อนข้างเข้มข้น  ถึงจะไม่เห็น จุด จุด จุดก็เถอะ  แต่เขาว่าเสี่ยต้องปล่อยในตัวคุณปุยฝ้ายแน่นอน 

แล้วถ้าปล่อยสดแบบนี้มันจะมีน้ำไหลออกมาไหม  เขาเคยเห็นในหนังเอวีที่ฝ่ายชายปล่อยสด  แล้วแบบนี้...  เสี่ยจะกินตับคุณปุยฝ้ายท่าไหนนะ  ดูจากกระโปรงกับชุด  ท่าที่ง่ายที่สุดน่าจะเป็นคุณปุยฝ้ายขึ้นคร่อมเสี่ยแล้วนั่งบนเก้าอี้ในห้องทำงาน  ฟัดกันอย่างเมามันจะเอกสารปลิวว่อนไปทั่วโต๊ะ  โอย...  แค่คิดของมันก็ขึ้น

แต่ไม่ใช่อารมณ์ของเขาที่เสียจนต้องขึ้นหรอกนะ  น้องชายเขาต่างหากที่มันขึ้น!  โอ๊ย!  ภาพของเสี่ยกับคุณปุยฝ้ายบินว่อนอยู่ในหัวเต็มไปหมด  เขาที่ไม่ได้เอาออกมาหลายวัน  เลยรู้สึกเหมือนน้ำตัวเองกำลังจะทะลักขึ้นมาถึงคอหอยนี่  แถมน้องชายเขาก็กระตุกมาตั้งแต่เมื่อกี้  ตั้งแต่ตอนเสี่ยถูกมือ  สงสัยเขาจะตื่นเต้นไปหน่อย  น้องชายเขาก็เลยตื่นตัวไปด้วย  เต้นดุ๊กดิ๊กแบบอยากผงกหัวออกมาดูโลก


โถ  ลูกพ่อ  ถึงคนเขาจะเคยค้า  แถมม้าเขาก็เคยขี่  แต่เห็นตัวจริงของเขาไหมนั่น  เขาจะมาขี่ลูกเหรอ  เขาขี่แฟนเขาโน่น  เพราะฉะนั้นหยุดผงกหัวแล้วหดตัวกลับไปซะ!  พ่อไม่ปล่อยแกมาดูโลกตอนนี้หรอกโว้ย!
   
แต่ผู้ชายมันก็มีข้อเสียอยู่ตรงนี้แหละ  ขึ้นมาแล้วมีเหรอจะยอมลงง่ายๆ  เขาท่อง  พุธโธ  ธรรมโม  สังโฆ  พยายามสะกดน้องชายตัวเองให้หดตัวลงไปให้ได้  แต่น้องชายเจ้ากรรมก็ดั๊นอยากผงกหัวออกมาดูโลกเหลือเกิน  เขาจากที่นั่งหลังตรง  ก็เปลี่ยนมานั่งตัวงอมากขึ้น  เหงื่อที่ขมับก็ไหลออกมาให้พลั่กเพราะพยายามอดกลั้นสุดชีวิต  แต่ทำยังไง  น้องชายเขามันก็ไม่ยอมสงบลงเสียที 

จากที่ท่อง  พุธโธ  ธรรมโม  สังโฆ  เขาก็เปลี่ยนมาเป็นคิดถึงเสี่ยกับคุณปุยฝ้ายตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้  คิดไปถึงว่าคุณปุยฝ้ายจะขย่มแบบไหน  จะส่งเสียงร้องแบบนางเอกหนังเอวีไหม  แล้วเสี่ยล่ะ  จะเล่นกับคุณปุยฝ้ายแบบที่เล่นกับเขาหรือเปล่า   เสี่ยชอบเล่นแรงๆ ใส่จังหวะลงมาแบบเน้นๆ  เวลาสวนขึ้นมาทีเขาเสียวจนแทบจะเสร็จให้ได้  แต่พอเขาจะเสร็จจริงๆ  เสี่ยก็จะผ่อนแรงลงแล้วกักตัวเขาไว้  รอจนเขาทนไม่ไหวนั่นแหละเสี่ยถึงขยับตัวเพิ่ม  ปล่อยให้เขาทั้งรัดทั้งบีบของๆ เสี่ยอยู่นานกว่าเสี่ยจะสวนกลับมาได้  แล้วท่านั่งก็เป็นหนึ่งในท่าที่เสี่ยชอบ  ส่วนท่าอื่น...

ชิบหายล่ะ...

เขาต้องพยายามทำตัวเองให้สงบลงสิวะ  ไม่ใช่จินตนาการถึงเสี่ยกับตัวเองจนน้องแข็งโด่แบบนี้!  โอ๊ย  ตอนนี้เขาโคตรปวดน้องชาย  มือเขาเองก็เอาแต่ขยับยุกยิกอยากเอื้อมมือลงไปข้างล่าง  เอาแค่ลูบๆ ปลอบใจก็ยังดี.. 
   แต่เขาจะทำได้เรอะ!  นี่มันในบริษัทนะ!  แถมคนอื่นก็อยู่กันเยอะ   จะให้ลูบเป้าจนถูกด่าว่าโรคจิตหรือไง  ไม่ได้!  เขาต้องข่มใจไว้!  ฮึบ!

แต่สงสัยเขาจะหมกมุ่นกับตัวเองมากไปหน่อย 

เพราะกว่าจะรู้สึกตัวอีกที  เสี่ยก็มาสะกิดไหล่เขาแล้ว  เขาหันไปมองเสี่ยตามแรงสะกิด  พลางกะพริบตาปริบๆ  แล้วกวาดตาไปมองรอบห้อง  ซึ่งเขาขอบอกเลยว่านรกมาก  ตอนนี้ทุกคนจ้องเขากันหมด  แต่ละคนนี่หน้าซีดยิ่งกว่าไก่ต้ม  คาดว่าเสี่ยคงเรียกเขามาซักพักแล้วแต่เขาไม่ยอมตอบสนอง  และตอนนั้นล่ะที่เขาคิดว่าตัวเองตายแน่  เพราะท่าทางของเสี่ยดูมาคุแบบสุดๆ  เขาที่เพิ่งได้สติเลยส่งยิ้มไปแก้เก้อ  แต่เสี่ยเหรอจะยอมให้เขาเปิดปากพูดแก้ตัว  เสี่ยพูดตัดบทจนน้องชายเขาหดว่า


" มือถือ" 

ครับ... 

มือถือ

คำเดียวสั้นๆ  แต่ได้ใจความมาก 

เขาเอื้อมมือสั่นๆ ของตัวไปที่ใต้โต๊ะ  หยิบมือถือส่งไปให้เสี่ยทั้งที่เหงื่อแตกพลั่ก  ระหว่างที่ยื่นมือถือออกไป  ไอ้รุตที่ยืนอยู่หลังเสี่ยตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ก็ให้กำลังใจด้วยการส่งท่าเชือดคอหอยมาให้  แ_ร่ง...  ไอ้ฝรั่งขี้นก  ให้กำลังใจกูแบบนี้อย่าให้ดีกว่า!

" รหัส?"  เสียงเสี่ยดังมาอีกสั้นๆ  เขาที่กำลังจะถลึงตาใส่ไอ้รุตเลยต้องหันมามองเสี่ยอีกรอบ  มองมือถือยี่ห้อซัมซุงฮีโร่ของตัวเองที่อยู่ในมือเสี่ย  แล้วมองหน้าเสี่ยอีกที 

โถ  พ่อผู้ดีมีเงิน  ไม่เคยใช้ซัมซุงฮีโร่เหรอ  รุ่นนี้ไม่ต้องใส่รหัสนะ  แค่กดสองจึ๊กก็เข้าเครื่องได้  โนเกียสมัยก่อนน่ะไม่เคยใช้หรือไงแบบเดียวกัน 

แต่แน่นอนว่าเขาบอกเสี่ยไปแบบนั้นไม่ได้  เขาเลยได้แต่เอื้อมมือไปหยิบมือถือของตัวเองคืนมา  กดปุ่มดอกจันกับปุ่มโทรออกสองจึ๊ก  แล้วส่งคืนให้  


คือโทรศัพท์เครื่องนี้น่ะเขาใช้มาตั้งแต่ตอนเป็นเด็กเลี้ยงแล้ว  ไม่เคยเปลี่ยนเบอร์หรือเปลี่ยนเครื่อง  แต่เสี่ยคงเปลี่ยนเบอร์มือถือไปนานแล้วมั้ง  ตามประสาคนรวยมีกิ๊กเยอะ  ขืนไม่เปลี่ยนเดี๋ยวเหลือหลักฐาน  ไม่ก็รถไฟชนกันก่อนพอดี

เขานั่งดูเสี่ยกดนั่นกดนี่ในมือถือตัวเองซักพัก  ในสมองก็แอบค่อนขอดว่า  เสี่ยคิดว่าเขาจะแอบส่งข้อมูลผ่านมือถือหรือไง   โทรศัพท์เขาน่ะแค่ไลน์ยังเล่นไม่ได้  เวลาจะไลน์หาเพื่อนทีก็ต้องเปิดคอมที  เพื่อนบ่นเขากันให้แซด  ด่าว่าเขาล้าหลัง  ตอนแรกเขาก็ว่าจะขอเงินลุงเพิ่ม  แต่ดันมีเรื่องหนี้ก่อนเลยต้องพักเรื่องมือถือไว้  พอตอนนี้มีเงินเขาก็ไม่อยากซื้อใหม่ด้วยความงก  แค่โทรเข้าโทรออก  เขาใช้เครื่องเก่าก็ได้  ไลน์กับเฟสบุ๊คก็เล่นในเครื่องคอมแทน   ที่ห้องเขาก็มีโน้ตบุ๊ค  เพราะงั้นเขาเลยไม่เดือดร้อนมาก


เขานั่งมองเสี่ยจิ้มนั่นจิ้มนี่จนพอใจ  ไม่รู้ว่าเสี่ยจะหาอะไรนักหนาเพราะโทรศัพท์เขาก็แค่โทรเข้าโทรออกเท่านั้น  รอจนเสี่ยส่งโทรศัพท์คืนให้  เขาก็ยกมือไหว้แบบพอเป็นพิธี  แต่ตอนรับของ  เสี่ยดันปล่อยโทรศัพท์ลงแบบไม่ให้ถูกตัวเขา  เขาสบตาขึ้นมอง...

โอเค...

ถึงเขาจะไม่ได้เจอเสี่ยมาหนึ่งปี  แต่เขาก็สามารถอ่านความนัยจากนัยน์ตาเสี่ยได้ว่า  "ไอ้มือถือนี่สมควรไปอยู่ในถังขยะได้แล้ว"  เอ๊าาา  ทำไมเล่าของเก่านี่จับแล้วมันเสียมือมากหรือไงหา

แต่แน่นอนว่าเขาพูดออกไปไม่ได้  จะพูดออกไปให้หัวหลุดขาดเรอะ!  เขาก็ทำได้แต่ทำตาปริบๆ  รับรู้ถึงบรรยากาศมาคุที่เสี่ยส่งมาให้  ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ เป็นการรับรู้ว่า  ผมจะไปซื้อใหม่เดี๋ยวนี้แหละครับ  เอาให้ดีกว่ารุ่นนี้นิดหนึ่ง...  เอาให้ดีกว่านี้เยอะๆ ก็ได้  เสี่ยอย่าโกรธนะ  ปิ๊งๆๆๆๆ

แต่ถึงเขาจะอ้อนเสี่ยอย่างนั้น  เสี่ยก็ยังทำหน้าแบบไม่ค่อยพอใจอยู่ดี  ถึงจะไม่ค่อยแสดงออกก็เถอะ  ดีที่คุณปุยฝ้ายมาสะกิดเสี่ยก่อน  เสี่ยถึงได้ยอมเดินออกไปได้  แต่ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่านะ  เหมือนเขาจะเห็นเสี่ยแอบไม่พอใจตอนที่คุณปุยฝ้ายสะกิดอยู่นิดๆ  เขาที่มองอยู่ก็ได้แต่มองตามแบบงงๆ  มองดูเสี่ยโอบเอวคุณปุยฝ้ายก่อนเดินออกจากห้อง  

นี่ตกลงเสี่ยเล่นอะไรกับคุณปุยฝ้ายวะ  บทพ่อแง่แม่งอน?

แต่เอาเถอะ  พอเสี่ยกับผู้บริหารออกไป  ทั้งห้องที่เหมือนเวลาหยุดเดินก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง  ทุกคนถอนหายใจกันอย่างโล่งอกโดยเฉพาะไอ้รุตกับหัวหน้า  ทั้งสองคนนี่แทบจะตรงมาขย้ำหัวเขาทันที่ประตูลิฟต์ปิดลงแล้ว


" มึงจะนั่งเหม่อหาพระเจ้าเรอะ!  ท่านประธานเรียกจนจะกัดหัวมึงขาดอยู่แล้ว! "

" คุณทำท่ามีพิรุธมากนะคุณพระแพง  คนอื่นท่านประธานตรวจแค่คอมพิวเตอร์  มีแต่คุณนี่แหละที่ตรวจมือถือ  ตกลงคุณเป็นอะไรกันแน่นั่งหน้าซีด ตัวสั่น เหงื่อออกอยู่ได้" 

แหม  จะให้เขาบอกไปตามความจริงไหมล่ะว่า  คิดเรื่องท่านประธานกับคุณปุยฝ้าย  กับเรื่องเสี่ยที่เคยเล่มเกมส์ลามกกับเขา  คงบอกออกไปได้หรอกนะ  ฮ่วย!

" พอดีเวลาผมตื่นเต้นมากๆ  ท้องจะเสียน่ะครับเลยพยายามจะขมิบไว้"    ช่างแถไปได้...

แต่แล้วไงเล่า!  ก็เขาพูดความจริงไม่ได้นี่หว่า  แน่นอนว่าหัวหน้าแผนกต้องไม่เชื่ออยู่แล้ว  เพราะงั้นเลยขอดูมือถือเขาอีกรอบ  แต่พอเห็นว่ามือถือเขาเป็นซัมซุงฮีโร่เท่านั้นแหละ  หัวหน้าก็ชะงักกึกแล้วบอกว่า 
   
" ....ถึงจะประหยัดแค่ไหนแต่หน้าตาในสังคมก็สำคัญนะครับ  อยู่แผนกการเงินทั้งที  แถมเงินเดือนก็ไม่ใช่น้อย  ถ้าเป็นไปได้ช่วยเปลี่ยนมือถือด้วยนะครับ  อ่อ ค่ามือถือเบิกงบบริษัทไม่ได้นะ"

...แล้วจะมาบังคับเขาให้เปลี่ยนกันทำไมวะ!  คอยดูเถอะ  ค่ามือถือนี่เขาจะไปเบิกเอากับเสี่ย!





>>>100%

>>>>>>เสี่ยมาแล้ว  อุฮิ  ><
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 8+ 9( 40-%) [24/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 24-12-2016 10:21:14
เสียยยย
ค่าตัวหมดอีกแล้วววว
เดินมาแล้วก็จากไปปปป

รอๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 8+ 9( 40-%) [24/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 24-12-2016 10:25:11
เสี่ยมาซะที ปล่อยให้พระแพงคิดถึงอยู่นาน ฮา
ว่าแต่เสี่ยแอบไปกินตับคุณนางฟ้าของพระแพงเหรอ ยังไง ไหนว่าไม่อยากได้ไม่อยากแต่งไง
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 8+ 9( 40-%) [24/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 24-12-2016 10:57:37
เสี่ยมาซะที ปล่อยให้พระแพงคิดถึงอยู่นาน ฮา
ว่าแต่เสี่ยแอบไปกินตับคุณนางฟ้าของพระแพงเหรอ ยังไง ไหนว่าไม่อยากได้ไม่อยากแต่งไง

เรื่องของเสี่ยมันน้ำเน่าค่ะ  555555  << แลดูสะใจในความน้ำเน่าของเสี่ย 
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 8+ 9( 40-%) [24/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 24-12-2016 11:42:11
เราว่าเสี่ยไม่ได้ไปกินตับหรอก พ่อเสี่ยมากกว่า เราคิดแบบนี้นะ
รู้สึกว่าแวบแรกที่เจอหน้ากัน เสี่ยต้องทำเหมือนไม่รู้จักชัวร์เลย แล้วน้องพะแพงของเราก็เอ๋อกินใบ้แดกไปตามระเบียบ

โอ๊ย!!! เราคิดไปถึงว่า ถ้าน้องพะแพงโดนกินตับบนโต๊ะทำงาน มันจะซู่ซาขนาดไหนกันนะ
ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่เนคไทเส้นเดียว กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด เสี่ยขา จัดให้หนัก  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 8+ 9( 40-%) [24/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: บันนีม ที่ 24-12-2016 11:53:27
อ่านแล้วขำ ตลกความเพ้อฝันเรื่องคุณปุยฝ้ายของพระแพง อะไรมันจะขนาดนั้น5555555 ส่วนเสี่ยนี่ค่าตัวแพงเหมือนเดิม โอ้ยยย เมื่อไหร่พระเอกนายเอกจะมีบทร่วมกันเยอะๆสักที555555555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 8+ 9( 40-%) [24/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 24-12-2016 12:43:19
อ๊าก...กกกก เค้าเจอกันแล้ว เสี่ยกินตับคุณปุยฝ้ายจริงอ่ะ? ไม่เชื่อ พะแพงระวังตัวให้ดีนายต่างหากที่เสี่ยเค้าอยากกิน อิอิ
รอจ้า มาต่อเถอะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 8+ 9( 40-%) [24/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 24-12-2016 14:37:54
 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 8+ 9( 40-%) [24/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-12-2016 16:35:50
เราว่าเสี่ยไม่ได้ไปกินตับหรอก พ่อเสี่ยมากกว่า เราคิดแบบนี้นะ
รู้สึกว่าแวบแรกที่เจอหน้ากัน เสี่ยต้องทำเหมือนไม่รู้จักชัวร์เลย แล้วน้องพะแพงของเราก็เอ๋อกินใบ้แดกไปตามระเบียบ
โอ๊ย!!! เราคิดไปถึงว่า ถ้าน้องพระแพงโดนกินตับบนโต๊ะทำงาน มันจะซู่ซาขนาดไหนกันนะ
ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่เนคไทเส้นเดียว กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด เสี่ยขา จัดให้หนัก  :hao7: :hao7:
    :z1: :pighaun: :haun4:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 8+ 9( 40-%) [24/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 24-12-2016 17:39:28
ค่าตัวเสียแพงไปม้อยยย
กี่บาทว่ามา เดี๋ยวควักกระเป๋าจ่ายให้ !
ละพะแพงงงง อะไรหนู
ทำไมจำกลิ่นอะไรได้ สิบแปดบวกไปอี๊กกกกก
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 8+ 9( 100%) [24/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 24-12-2016 18:41:55
ทุกวันนี้รอเสี่ยคนเดียว :angry2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 8+ 9( 100%) [24/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: บันนีม ที่ 24-12-2016 19:20:26
ชอบความนิ่งของเสี่ย มันกร๊าวใจเหลือเกิน  :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 8+ 9( 100%) [24/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 24-12-2016 19:46:09
เสี่ยกับพระแพงสื่อสารกันทางโทรจิตเร้อออ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 8+ 9( 100%) [24/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 24-12-2016 20:14:52
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 8+ 9( 100%) [24/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 24-12-2016 20:22:55
เสี่ยหึงพะแพงใช่ป่าว   ทำเป็นขรึม   ที่จริงอยากฟัดจะแย่แล้ว :hao7:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 8+ 9( 100%) [24/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 24-12-2016 20:43:52
555 ซัมซุงฮีโร่  พะแพงเป็นคนตลก พะแพงเป็นคนลามก
สนุกมากไรต์ รักเลย..ยยยยยยยยยยยยยย   :hao6:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 8+ 9( 100%) [24/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 24-12-2016 21:09:08
เสี่ยค่ะ

มาประโยคเดียว
"มือถือ"

อืมมม 
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 8+ 9( 100%) [24/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 24-12-2016 21:14:38
ค่าตัวเสี่ยแพงกว่าเพชรที่ซื้อให้น้องอีกค่ะ กว่าจะได้พูดดดด  :hao7:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 8+ 9( 100%) [24/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 24-12-2016 23:23:03
คือที่พระแพงกระพริบปริบๆ ขอความเห็นใจ เสี่ยอาจจะมองว่า เป็นการออดอ้อนก็ได้นะคะ  :laugh:
ชอบคาแร็คเตอร์พระแพง ชอบความแมน ผิวสีแทนและมีกล้าม(เนืื้อ) ช่างเป็นนายเอกหายาก และแพงไม่แพ้เสี่ย ฟันธงค่ะ!!

เราก็เดาว่าไม่ได้กินตับกับเสี่ยอะค่ะ กับพ่อเสี่ยนั่นแหละ

ยังไงเรื่องนี้ก็ไม่อยากรู้เท่าเรื่องเมื่อไรเสี่ยจะลากเด็กไปกินซักที สงสารความมโนของพระแพงมาก
เสี่ยคะ ทำให้เด็กเสี่ยหยุดมโนทีค่ะ แล้วในมโนเราว่าครึ่งนึงก็นึกถึงเสี่ยนะ แต่แพงยังไม่ค่อยรู้ตัว :hao7:

อ่านไปอ่านมา เริ่มคิด ถ้าจบแบบไม่ happy ending เราคงเสียใจที่สุด  :hao5:
ขอให้เสี่ยได้ลงเอยกัพระแพง และขอให้พระแพงทำให้เสี่ยพูดเยอะๆซะที  :katai4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 8+ 9( 100%) [24/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 24-12-2016 23:42:40
โอ้ยยยยยย ฮาจริงไรจริง
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 8+ 9( 100%) [24/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 25-12-2016 01:58:31
เสี่ยแอบเช็คโทรศัพท์ของพระแพงใช่มั้ย :hao3:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 8+ 9( 100%) [24/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 25-12-2016 07:39:05
พระแพงฮามาก
เสี่ยก็ค่าตัวแพงเหลือเกิน กว่าจะพูดได้แต่ละที
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 8+ 9( 100%) [24/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 25-12-2016 09:53:30
ค่าตัวเสี่ยแพงมากกกก ได้พูดตั้งหนึ่งคำแหนะ

แล้วนะ น้องพะแพง สื่อสารทางจิตกับเสี่ยรู้เรื่องด้วยอะ เสี่ยเลยยิ่งไม่ต้องพูดสินะ ฮาาาาา
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 10 [25/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 25-12-2016 21:11:53
ตอนที่  10






หลังจากกลับเข้าห้อง  เขาก็โยนข้าวของ  โยนมือถือเครื่องใหม่ลงกับเตียง  ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยได้ยินกิตติศัพท์ความแพงของไอ้ผลไม้แหว่งนี่หรอกนะ  แต่เครื่องละ  20,000  น่ะมันแพงไปหน่อยไหม  ถึงจะบอกว่าเป็นค่าแพคเกตอีก  12  เดือน  แต่เดือนๆ หนึ่งเขาโทรเข้าโทรออกรวมกันไม่ถึง  60  นาที  แต่วงเงินที่ให้มาเนี่ย...  ได้มาแต่ไม่ได้ใช้แล้วมันจะคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปหรือเปล่า 

แล้วความจริงเขาก็ไม่อยากได้หรอกนะไอ้ผลไม้แหว่งเนี่ย  แต่ไอ้ขิมนี่สิ  เซ้าซี้บอกให้เขาซื้ออยู่ได้  พอเขาจะซื้อมือสองแบบมีประกันมันก็ตบหัวดังโป๊ก  ด่าว่าเขาโง่  ก่อนลากเขาเข้าศูนย์ ตื๊ด  ตื๊ด  เลือกเครื่องเลือกโปรโมชั่นให้เสร็จสรรพก่อนเรียกเขาไปจ่ายเงิน  ไม่มีถามซักคำว่ารุ่นนี้ดีไหม  สีนี้ดีไหม  เขาเลยได้ iPhone 6 plus สีชมพูหวานแต๋วมาให้ถือหนักๆ หนึ่งเครื่อง  ก่อนจะโดนลากไปติดฟิล์มกันรอยกับเลือกเคสอีกหนึ่งรอบ  โดยที่เขาไม่มีสิทธิเลือกลายซักนิด

สรุปวันนี้เขาหมดเงินไปสามหมื่นเพื่อมือถือหนึ่งเครื่อง  คิดแล้วก็อยากจะฉีกอกไอ้ขิมซักหนึ่งรอบ  ชีวิตนี้เขาไม่เคยใช้เงินก้อนใหญ่ขนาดนี้  ขนาดตอนที่ติดหนี้  พี่ธนิตก็เป็นคนจัดการโอนเงินให้  เขานี่มีหน้าที่รับสลิปกับใบเสร็จอย่างเดียว  นี่ถ้าไม่ติดว่ามีสร้อยเพชรของเสี่ยแขวนติดอยู่ที่คอนะ  เขาเอาใบเสร็จไปเรียกเก็บกับเสี่ยจริงๆ ด้วย  มือถือบ้าอะไรวะ  รวมๆ ราคากันแล้วราคาตั้ง 30,000  คืนนี้แดกมาม่าแก้จนดีกว่า  เบื่อ!  หิว!  จน!  เครียด!  กิน!  กองทัพต้องเดินด้วยท้อง  เพราะงั้นไอ้พระแพงจะกินมาม่า!

หลังจากตั้งกาน้ำร้อน  เขาก็เข้าไปอาบน้ำพร้อมกับเอาน้ำออกหนึ่งรอบ  นั่งรอจนมาม่าลวกสุด  ก็นั่งกินมาม่าอย่างสบายใจ  มาม่าสองไข่หนึ่งลวกแบบสุกไม่มาก  ราคารวมกันไม่ถึง  30  บาท  ไอ้แพงอิ่มจนอารมณ์ดี๊ดี  ดี๊ด๊าล้างจานก่อนเห่อมือถือเครื่องใหม่ที่เพิ่งซื้อ  โถ  ลูกพ่อ  เมื่อกี้พ่อโมโหหิวไปหน่อย  ขอโทษนะ  ไหนมาให้พ่อยลโฉมหน่อยสิ  


ว่าแล้วก็เอามือถือใหม่มาจิ้มแบบลื่นปื้ดๆ  เล่นมันทั้งที่ชาร์จแบต  ตัวเครื่อง 6 plus ใหญ่พอดีกับเขามาก  เขาที่เคยเล่น iPhone ของเจ้าแม่มาก่อนก็สมัคร Apple  ID  ใหม่ เตรียมโหลดแอพเท่าที่จะพอโหลดได้  รอจนโหลดทุกอย่างเรียบร้อยก็ล็อกอินเข้าเฟสบุ๊ค  ประกาศให้ชาวบ้านรู้ว่า  ข้าถอยมือถือใหม่แล้วนะ  ซึ่งเพื่อนๆ เขาก็อู้หู อู้หากันไปตามระเบียบ  เขาถ่ายรูปมือถือแบบไม่โชว์หนังหน้าตัวเองก่อนตั้งเป็นรูปโปรไฟล์ในเฟสบุ๊ค  รอจนเห่อเสร็จก็โหลดเกมส์ที่มีอยู่ในความทรงจำมาเล่น 

นั่งเล่นแปบๆ ก็เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่ม  เล่นเอาปวดคอปวดไหล่ไปหมด   มิน่าล่ะคนสมัยนี้ถึงเป็นออฟฟิส  ซินโดรม  ตอนที่เขามีซัมซุงฮีโร่  ปกติก็จะดูหนังบ้างทำงานบ้าง  ไม่เคยนั่งเล่นมือถือนานติดต่อกันนานขนาดนี้  แถมนี่ก็ยังชาร์จแบตอยู่ด้วย  ดีนะมันไม่ระเบิดคามือไม่งั้นเขาต้องทำเรื่องส่งเคลมอีก

เขาที่นั่งเล่นมือถือจนเมื่อยก็ถือโอกาสพักเครื่องบ้าง  เอี้ยวซ้ายเอี้ยวขวาจนมีเสียงดังกรอบแกรบ  ก่อนขยับตัวเพื่อเตรียมออกไป  7-11  คนวัยกำลังโตก็แบบนี้แหละ  หิวง่าย  อิ่มยาก  ดีนะที่เขาซิตอัพกับยกเวทบ่อยๆ เลยไม่ลงพุง  เหมือนพนักงานบริษัทสมัยนี้

เขาฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีพลางเก็บมือถือเครื่องเก่าใส่ลิ้นชัก  หมุนตัวทำหล่อหนึ่งรอบ  ก่อนคว้ากุญแจ  กระเป๋าสตางค์  กับคีย์การ์ดแล้วเดินออกจากห้อง  ในตอนที่กำลังจะเงยหน้าขึ้นหลังจากที่เต๊าะรองเท้า  เขาก็เงาดำผ่านทางสายตาแวบๆ  ไอ้ตอนแรกน่ะเขาก็นึกว่าเป็นคนร่วมหอพัก  เลยไม่ได้คิดอะไรมาก  แต่พอเห็นเต็มๆ ตาเท่านั้นแหละ  ชัดเลย... 


เสี่ย...

เสี่ย...

เสี่ย...

เสี่ยอธิปอีกแล้วเรอะ!  วันนี้เขากับเสี่ยจะเจอกันบ่อยไปแล้วนะ!


คนเรานี่น้า  บทจะเจอก็เจอ  บทจะไม่เจอก็ไม่เคยเจอเลย  เขาที่ไม่เคยเจอเสี่ยมาเลยตลอดหนึ่งปี  มาตอนนี้ก็มาเจอกันแบบติดๆ กันซะงั้น 

เขาที่ตะลึงตึ่งตึ๊งเป็นรอบที่สองของวันก็ทำได้แต่เบิกตากว้าง  มองเสี่ยที่ยังอยู่ในชุดสูทเต็มยศแบบอึ้งๆ  ก่อนจะยกมือไหว้เสี่ยทั้งที่ยังตั้งสติไม่ได้   

มาลองดูแล  มาแลดูกัน   เขากับเสี่ยมองหน้ากัน  จนคิดได้ว่าเขาต้องเชิญเสี่ยเข้าห้อง 

แต่เขาไม่เชิญเสี่ยเข้าห้องได้ไหมอ่ะ  ถึงจะมีสุภาษิตที่ว่า  แขกมาถึงเรือนชาน  เราต้องต้อนรับ  แต่ถ้าเขารับเสี่ยเข้าห้อง  เสี่ยจะหาว่าเขาอ่อยเสี่ยไหม  แต่ถ้าเขาไม่เปิดประตูห้องรับเสี่ย  เสี่ยจะมาที่นี่ทำด๋อยอะไร  เสี่ยมายืนถึงหน้าห้องขนาดนี้  แสดงว่าเสี่ยต้องมีธุระอยู่แล้ว  แต่เขาก็ไม่ค่อยอยากเชิญเสี่ยเข้าห้อง

เขาคิดๆๆๆๆๆ  คิดจนบรรยากาศรอบตัวเสี่ยเริ่มมาคุ  เขาที่สบตาเสี่ยอยู่ก็ได้แต่จ้องลูกกะตาสีดำที่ฉายแววหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ  ก่อนจะตัดสินใจหมุนหัวกลับแล้วเชื้อเชิญเสี่ยเข้าห้อง  พร้อมกับเสิร์ฟน้ำให้เสี่ยอีกหนึ่งแก้วที่เลือกนั่งตรงโซฟาเบด


ใครกล้าบังอาจหาว่าเขาอ้อยเสี่ยนี่มีชก

Flight  or  Fight  น่ะรู้จักไหม  วิทยาศาสตร์น่ะเคยเรียนบ้างหรือเปล่า  จะหนี หรือ จะสู้

แล้วคนอย่างเขาเหรอ  จะมีปัญญาสู้เสี่ยได้  เขาก็ต้องเลือกที่จะถอยสิวะ!  จะปล่อยให้เสี่ยอยู่ข้างนอกจนอารมณ์เสียแล้วเตะประตูพังเข้ามาหรือไง  เขาไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อมหรอกนะ  เงินเดือนๆ นี้เอาไปซื้อมือถือหมดแล้ว!

ว่าแล้วเขาที่ทำอะไรเสี่ยไม่ได้ก็ได้แต่ปล่อยให้เสี่ยนั่งสำรวจรอบห้อง  ซึ่งเขาบอกได้ว่าห้องเขาไม่มีอะไรมาก  มีแค่เตียง  โต๊ะทำงาน  โต๊ะเครื่องแป้ง  ตู้เสื้อผ้า  โซฟาเบด กับ โต๊ะญี่ปุ่นอีกหนึ่งโต๊ะ  ทีวีก็เป็นทีวีขนาดจอเล็กๆ  ที่ซื้อมาตอนมันลดราคา  อ่อ  แล้วก็มีตู้เย็นกับกาน้ำจิ๋วๆ อีกหนึ่งอันไว้ต้มมาม่า  นอกนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว  เรียกได้ว่าทรัพย์สินรวมๆ ในห้องเขาน่ะยังราคาไม่เท่ามือถือหนึ่งเครื่อง  เพราะงั้นเขาต้องรักษามือถือยิ่งชีพ 

ไม่ใช่ล่ะ!  เรียกได้ว่าห้องเขาทั้งห้องยังมีขนาดเล็กกว่าห้องนอนของเสี่ยในคอนโดเลี้ยงเด็กห้องเดียว  เขาที่เสิร์ฟน้ำเสร็จแล้ว  ก็ได้แต่นั่งแปะตูดติดพื้น  มองเสี่ยที่เป็นแขกนั่งอยู่บนโซฟาเบด  

   
อะไร  แล้วจะให้เขานั่งบนโซฟาเสมอเสี่ยหรือไง  ไม่เห็นเหรอว่าโซฟามันมีแค่หนึ่งอัน  แล้วเสี่ยก็จับจองไปก่อนแล้ว  จะให้เขาที่เด็กกว่านั่งเทียบเสมอผู้ใหญ่  แถมยังเป็นหัวหน้าเขาอีกเรอะ  ถึงสมัยนี้จะไม่มีระบบทาส  แต่กาลเทศะนะรู้จักไหม  กาลเทศะน่ะ  เพราะงั้นถ้าเสี่ยไม่เรียกเขาจะนั่งแหมะอยู่กับพื้นทั้งที่อยู่ในห้องตัวเองนี่แหละ

   
เสี่ยเองก็คงจะรำคาญท่าทางแบบนี้ของเขาเหมือนกัน  เสี่ยเลยจัดการหลับตาแล้วปิดปากไม่ยอมพูด  เขาที่ถูกแขกไม่ได้รับเชิญลอยแพ  ก็ได้แต่นั่งทำตาปริบๆ  มองเสี่ยไปเรื่อยๆ  แอบสำรวจช่วงที่เสี่ยหลับตาตรวจจับกลิ่นกับท่าทางเสี่ยไปด้วย

   
ฟุดฟิดๆๆ

   
อืมมม  เท่าที่ดมกลิ่น  เสี่ยก็ยังสะอาดดี  ไม่มีกลิ่นคุณปุยฝ้ายติดมาให้หงุดหงิดเล่น  แต่เขาไม่แน่ใจว่าเสื้อที่เสี่ยใส่ตอนนี้เป็นตัวเดิมกับที่ใส่เมื่อตอนกลางวันหรือเปล่า  เพราะสูทที่เสี่ยใส่ตอนนี้ดูเรียบกริ๊บ  ถึงจะไม่มีกลิ่นสบู่เหมือนคนเพิ่งอาบน้ำ  แต่เสื้อก็หอมเหมือนกลิ่นที่เพิ่งออกจากตู้  ตัวเสี่ยเองก็มีกลิ่นแบบที่เพิ่งทำงานเสร็จมาหมาดๆ  ซึ่งก็ไม่ใช่กลิ่นที่เหม็นมาก  เอาเป็นว่าเป็นกลิ่นแบบสะอาดๆ  แบบที่เขาเคยได้กลิ่นมาตั้งแต่สมัยที่เป็นเด็กเลี้ยงนั่นแหละ

จะว่าไป  ทั้งๆ ที่เขาก็ดูจะไม่ได้ใส่ใจเสี่ยมาก  แต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างเรื่องกลิ่นเหงื่อ  หรืออย่างภาษากาย  เขากลับจำได้แม่น  และทั้งๆ ที่มันก็ผ่านมาแล้วหนึ่งปี  จากที่คิดว่าจะจำหน้าเสี่ยไม่ได้  แต่พอเห็นหน้าเขาก็จำเสี่ยได้ติดตา  แค่เสี่ยมองมาเขาก็รู้สึกเหมือนกับว่ามันเพิ่งผ่านมาเมื่อวานนี้     

เสี่ยในวันนี้ดูเหนื่อยและอ่อนล้ากว่าในวันวานเล็กน้อย  ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ถึงจะเหนื่อยขนาดไหน  เสี่ยก็ยังจะตาพราวใสพร้อมจะทำศึกกับเด็กเลี้ยงแบบเขาอยู่ทุกเมื่อ  แต่ในตอนนี้เสี่ยดูอ่อนล้ามาก  แถมยังดูเหมือนมีร่องรอยตามหางตา  ถึงเสี่ยจะอายุสามสิบ  แต่ก็ไม่ใช่วัยที่จะมีรอยแบบนี้  ถึงรอยจะไม่เยอะมากก็เถอะ


เขานั่งมองเสี่ยหลับตาไปเรื่อยๆ  รอจนมั่นใจว่าเสี่ยน่าจะหลับ  ก็ขยับตัวเตรียมลุกไปเซเว่น  อะไร  เขายังไม่ลืมจุดประสงค์เดิมของตัวเองหรอกนะ  ถึงเสี่ยจะมาแล้วไง  เสี่ยหลับไปแล้วเขาก็ต้องออกไปหาอะไรกินสิ  จะให้หิ้วท้องนั่งรอเสี่ยตื่นหรือไง  แล้วอีกอย่างถ้าเสี่ยตื่นมาแล้วโมโหหิวเขาไม่จะไม่โดนงับหัวเรอะ  เพราะงั้นเพื่อความปลอดภัย(และความสบายท้องของตัวเอง)  เขาเลยว่าจะออกไปเซเว่นซื้อน้ำซื้อนม  กับอิซี่โกมาเตรียมไว้ให้  เพื่อเสี่ยหิวจะได้มีอะไรรองท้องไม่ต้องแทะหัวเขาฆ่าเวลาเล่น  แล้วก็นะ  ที่นี่มันถิ่นเขา  เพราะฉะนั้นเขาให้เสี่ยกินอะไรเสี่ยก็ต้องกิน  นี่ไม่ใช่ห้องในคอนโดเสี่ยซักหน่อยที่เขาจะเตรียมอาหารหรูๆ มาเสิร์ฟให้  แถมเงินค่าข้าวนี่เขาก็ออก  ไว้ถ้าเสี่ยอยากกินอาหารเจ็ดดาวก็รอไปก่อนแล้วกัน  เขาจะได้สั่งล่วงหน้าพร้อมเรียกบิลเพื่อเบิกให้

   
แต่ในตอนที่เขากำลังขยับก้นเพื่อที่จะลุกขึ้นจากพื้น  เสี่ยที่หลับตาอยู่ก็ลืมตาพรึบ  เขาที่ตกใจก็หย่อนก้นต่อดังตุบ! 

เกิดความเงียบขึ้นในอากาศขึ้นสามวิ  เขาที่กำลังจะขยับปากพูด  ก็โดนเสี่ยพูดตัดหน้าอีกรอบว่า

" ไปเก็บของ  คืนนี้ไปค้างกับฉันที่ห้อง"


.
.
.
.
.


ตึ่ง ตึง ตึ่ง ตึ๊ง 

ลองทายดูสิว่าตอนนี้เขาอยู่ไหน  ฮั่นแน่  คิดว่าเขาอยู่คอนโดเสี่ยแล้วละสิ

ผิด!

เขาอยู่ในรถตู้ที่กำลังจะไปคอนโดเสี่ยต่างหากเล่า!

โฮๆๆๆๆ   ใครก็ได้ช่วยเขาที!  เขากำลังถูกเสี่ยลักพาตัวไปเชือด  นี่มันขบวนการรถตู้ลักพาตัวเด็กชัดๆ!  ถึงเด็กคนนี้จะเดินตามขึ้นรถมาเอง  แต่ความจริงมันถูกบังคับ  มันขัดขืนไม่ได้!   เพราะถ้าขัดขืนเสี่ยต้องกระทืบเขาตายคาห้องแน่นอน  แล้วก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่พยายามขัดขืนนะ  เขาพยายามแล้ว  แต่พอเขาจะอ้าปาก  เสี่ยก็พูดตัดบทขึ้นมาอีกรอบว่า 
 
" อย่าให้ต้องพูดซ้ำ" 


เท่านั้นล่ะเจ้าประคุณเอ๊ย   เสี่ยพูดมาประโยคเดียวสั้นๆ  แต่สยองขวัญสั่นประสาทเขามาก  เสี่ยปรายตามามองนิ่งๆ  แต่ให้อารมณ์แบบซอมบี้เตรียมขย้ำหัวเหยื่อสุดๆ  เขาที่กลัวตายเลยได้แต่เก็บข้าวเก็บของแล้วรีบเดินตามเสี่ยออกจากห้อง  เก็บมาได้แค่ชุดนอนสองชุด  ชุดทำงานหนึ่งชุดกับมือถือเครื่องใหม่ใส่ในเป้  คว้ากุญแจกับกระเป๋าตังค์รีบเดินออกจาก  ขนาดคีย์การ์ดที่วางอยู่ใกล้กันยังลืม  เห็นหรือยังว่าเขากลัวขนาดไหน!
   
ตอนที่เขาเดินลงมาจากห้อง  เขาก็แอบด่ายามไปด้วยว่าทำไมให้คนแปลกหน้าเข้ามาได้  สรุปคือประตูหอถูกเปิดค้างไว้  เพราะมีคนกำลังย้ายของออกจากหอพัก   ปัดโธ่!   แล้วมันจะมีระบบคีย์การ์ดไว้ทำด๋อยอะไรวะ!   มีก็เหมือนไม่มี!  ปล่อยให้เขาโดนลักพาตัวแบบกึ่งสมยอมจนอยู่ในรถอยู่นี่!

แล้วไอ้ที่ว่ากึ่งสมยอมน่ะ  ไม่ใช่ว่าเขาเตรียมเสียตัวให้เสี่ยหรืออะไรหรอกนะ  เขาไม่ใช่คนลามก  (ใครคิดเขาจะตามไปชก!)   แต่เพราะท่าทางของเสี่ยดูเหมือนคนมีปัญหามาก  เขาก็เลยอยากช่วย  ถึงจะรู้ผิดกับคุณปุยฝ้ายนิดๆ  แต่ถ้าให้เลือกเขาเลือกเสี่ยมากกว่า  อีกอย่าง  ถ้าเสี่ยมีคุณปุยฝ้ายแล้วมีความสุขดี  เสี่ยจะมาหาเขาเรอะ  เขามันแค่เด็กเคยถูกเลี้ยงนะ  แล้วเขาก็ไม่ได้ใสซื่อถึงขนาดที่ว่า  เสี่ยมาตามเขาถึงห้องเพื่อพาเขาไปนั่งเล่นตบแปะหรือปรับทุกข์หรอกนะ  ไปถึงคอนโดกันขนาดนี้มันก็ต้องมีเรื่องอย่างว่าอยู่แล้ว

   
แต่ก็นั่นแหละ  ถึงจะรู้สึกผิดกับคุณปุยฝ้ายที่สามีทำท่าจะมีชู้  แต่เสี่ยก็ไม่ได้ทำท่าหื่นกามแบบเสี่ยที่อยากหาเด็กมาเลี้ยง  มันก็แค่เหมือนกับ...   เหมือนกับเสี่ยเหนื่อยมากๆ เลยอยากหาคนมาอยู่ด้วย  แล้วก็ด้วยความบังเอิญที่เสี่ยมาเจอเขาพอดี  เสี่ยเลยคิดว่าเอาเขานี่แหละง่ายดี  คนเคยค้าขายกันมาก่อน  ไม่ต้องพูดมากเขาก็ฟังรู้เรื่อง  และเขาก็ว่าเมื่อก่อนเขาเป็นเด็กดีพอควร  ไม่เคยก่อปัญหาให้  ดังนั้นถ้าเสี่ยอยากมีชู้   เสี่ยก็มามีกับเขานี่แหละ  เพราะถึงยังไงเขาก็ไม่ใช่คนพูดมาก  แถมปากหนักด้วย

ส่วนเรื่องเงิน  ถ้าเสี่ยออกปากให้  เขาจะเอามือถือเครื่องใหม่เขวี้ยงใส่หัวเสี่ยนี่แหละ  เอาให้รู้กันไปเลยว่าเขามีเงินเฟร๊ย  ที่มาอยู่น่ะ  มาด้วยความสมัครใจล้วนๆ ไม่มีเสแสร้ง  ถึงจะ  เอ่อ...  เป็นการช่วยกันในทางที่ผิดไปหน่อย  แต่ผู้ชายน่ะ  แยกเซ็กซ์ออกจากความรักอยู่แล้ว  เขาก็แค่ช่วยเสี่ยระบายอารมณ์นิดๆ หน่อยๆ  ไม่ได้จะเกาะเสี่ยกินหรืออยากเป็นชู้  ถึงรวมๆ แล้วมันจะดูเป็นอย่างนั้นก็เถอะ


รอจนรถตู้มาส่งถึงคอนโดที่แสนคุ้นตา  เขาที่นั่งอยู่ด้านนอกสุดก็เปิดประตูรถออกแล้วยืนรอเสี่ยอยู่ข้างนอก  ฟังเสี่ยสั่งงานกับคนขับรถที่เป็นลุงแก่ๆ อยู่สองสามคำ  แล้วก็เดินตามเสี่ยเข้าห้อง  พอแว่วว่าไม่มีเรื่องเกี่ยวกับเขา  เขาก็ทำตัวเฉยๆ  ใครบอกว่าเขาเย็นชา...  เขาเรียกว่ารู้จักกาละและเทศะเฟร๊ย  เสี่ยคุยโทรศัพท์ใช่เรื่องที่เขาจะต้องไปสอดเรอะ  เกิดเสี่ยคุยธุระที่สำคัญมากอย่างการปล่อยเงินกู้  เขาที่ไปขัดจนลูกหนี้หนีได้โดนด่าพอดี  เพราะงั้นหุบปากเงียบแล้วแอบฟังต่อไปดีสุด
 
แต่เท่าที่จับใจความได้ (สงสัยติดนิสัยสอดรู้มาจากไอ้รุต)  เสี่ยกำลังตกลงเจรจาธุรกิจเป็นภาษาฝรั่ง  ภาษาอะไรก็ไม่รู้  อังกฤษคำ  ภาษาอื่นคำ  ทำเอาภาษาวิบัติหมด  เขาที่แอบฟังแต่ไม่รู้เรื่องก็ได้แต่นิ่ง  จับใจความได้สั้นๆ ว่าเสี่ยทิ้งบริษัทอะไรมาไม่รู้  ตอนนี้ต้องให้เพื่อนอยู่ดูแลแทน  ดูท่าทางคนปลายสายจะเป็นคนที่เสี่ยสนิทพอควร  เพราะเสี่ยดูอารมณ์ดีขึ้นเยอะ  ถึงจะยังหน้านิ่วอยู่ก็เถอะ

   
พอขึ้นลิฟต์มาถึงห้องได้เขาก็ปล่อยให้เสี่ยนั่งพัก  ส่วนตัวเองก็อ้อมแอ้มบอกเสี่ยขอเอาของเข้าไปเก็บในห้อง  ในตอนที่เดินผ่านครัว...  คอนโดที่เขาเคยอยู่ไม่เปลี่ยนไปเลยซักนิด  เพราะงั้นเขาเลยแวะหยิบผ้าเย็นมาหนึ่งผืน  เทเหล้าทำออน  เดอะ  ร็อค มาหนึ่งแก้ว  แล้วส่งให้เสี่ยที่นั่งอยู่ตรงโซฟา  กะว่าถ้าเสี่ยดื่มก็ให้เสี่ยน็อคไปตั้งแต่เนิ่นๆ  เขาจะไม่ได้รับศึกมาก...  ใช่ที่ไหนกันเล่า!  เขาแค่เห็นว่าเสี่ยเหนื่อยๆ  เช็ดหน้าเช็ดตาซักหน่อยอารมณ์จะได้ดีขึ้น  ส่วนเหล้าน่ะ  เขาเรียกว่าน้ำเปลี่ยนนิสัย  ถ้าไม่ทำให้เสี่ยอารมณ์ดี  ก็ทำให้เสี่ยอารมณ์เสีย  หรือไม่ก็หลับไปเลย

เขาที่ไม่ยอมอยู่ดูผลงานตัวเองก็ได้แต่รีบเดินเข้าห้อง  กะว่าถ้าเสี่ยอาละวาดเขาจะปิดประตูล๊อกใส่เลย  แต่เพื่อความปลอดภัย...  เขาควรล๊อกไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ  ก่อนระเห็จพาตัวเองไปอาบน้ำ  ล้างนอกล้างในแล้วแปรงฟันให้สะอาดอีกรอบ  ซึ่งของในห้องน้ำก็มีอยู่ครบแบบที่เขาไม่ต้องแบกมาเองยกเว้นแปรงสีฟันที่เขาเอามาเพื่อไว้  ไม่อยากใช้ของร่วมกับของคนอื่น  ถึงจะมีแปรงสีฟันใหม่เตรียมไว้อยู่แล้วก็เถอะ 

เขาไม่มั่นใจว่าหลังจากที่เขาไปแล้ว  เสี่ยเอาเด็กคนอื่นมาอยู่ต่อหรือเปล่า   แต่จากสภาพห้อง  คงนานแล้วมั้งที่ไม่มีคนอื่นมาค้าง  คือมันเป็นเรื่องของความรู้สึกน่ะ  ห้องเปล่ากับคนที่มีคนอยู่  อารมณ์มันต่างกันลิบลับ  แต่เขาก็ไม่ใช่ริวจิตสัมผัสน่ะนะ  เพราะงั้นเขาอาจเดาพลาดก็ได้   

รอจนอาบน้ำขัดตัวเสร็จออกมาก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว  เขาที่ล๊อกประตูไว้ก็แง้มๆ ประตูชะโงกหัวไปดูเสี่ย  แบบว่า...  เมื่อกี้ลืมนึกไปว่าเสี่ยอาจจะเข้ามาในห้องเพื่อจัดการกินตับเขา  เขาที่มัวแต่กลัวเสี่ยเมากระทืบเลยลืมนึกไปว่า  เวลาเสี่ยอยากกินแต่ไม่ได้กินจะหงุดหงิดมาก  เขาเลยได้แต่แง้มๆ  ประตูห้องเพื่อสอดส่องสถานการณ์  พอเห็นเสี่ยไม่อยู่ก็ใจชื้น  เดาว่าเสี่ยคงไปอาบน้ำบ้าง 

เขาที่ตัวอยู่ในห้องโผล่ออกไปแต่หัวก็เลยหดหัวกลับมา  เอาเสื้อผ้าที่ใส่เป้มาสะบัดๆ  แล้วแขวนใส่ตู้  เสื้อทำงานดูยับนิดๆ  เพราะเขาใส่เป้มาแบบรีบๆ  แต่ช่างเถอะ  เขาไม่ใช่คนเนี๊ยบมากใส่เสื้อยับไปทำงานก็ไม่เป็นไร

เขานั่งรอเสี่ยอยู่ในห้องจนเกือบตีหนึ่งพอมั่นใจว่าเสี่ยไม่เข้ามาแน่ๆก็ล้มตัวนอนบ้าง  ไอ้เขารึก็อุตส่าห์สร้างบรรยากาศเปิดไฟสีส้ม  แทนที่จะเปิดไฟให้สว่างทั้งห้อง  คนอย่างเขาจะสร้างบรรยากาศทั้งทีก็ได้แค่นี้แหละ  แถมเสี่ยก็ไม่ยอมบอกให้เขาเตรียมตัวล่วงหน้า  ไม่งั้นเขาจัดการเตรียมนวดน้ำมันหอมระเหยให้แล้ว  เห็นเขาแบบนี้แต่สมัยก่อนก็เป็นนักบอลนะเออ  เรื่องนวดคลายเส้นนี่เรื่องจิ๊บๆ  เพราะงั้นเสี่ยที่ไม่ยอมบอกเขาล่วงหน้านั่นแหละที่ผิด  ครั้งนี้เอาแค่ไฟส้มไปก่อนแล้วกัน  ไว้คราวหน้าถ้าเสี่ยมากเขาจะช่วยนวดให้  ส่วนเรื่องนาบก็เอาไว้ให้เสี่ยจัดการ  เขายอมนอนอยู่นิ่งๆ ให้เสี่ยหันเล่นอยู่แล้ว  ขอแค่ว่าเสี่ยอย่าเล่นหนักเกินจนเขาไปทำงานไม่รอดก็พอ 

แต่พอมาคิดอีกที  นั่นก็บริษัทเสี่ยอ่ะนะ  เสี่ยอยากใช้งานพนักงานหนักจนไปทำงานไม่ไหวก็เรื่องของเสี่ย  แต่เสี่ยต้องเซนต์ใบลาให้เขาด้วย  เขาไม่ยอมเดินขาถ่างไปทำงานเด็ดขาด  ไม่ยอมหยุดงานฟรีด้วย

รอจนเขาเคลิ้มๆ เหมือนใกล้จะหลับ  เสี่ยที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จก็เดินมาในห้องทั้งชุดคลุมอาบน้ำ  เขาที่ตาใกล้จะปิดเต็มทีเลยได้แต่นอนรอเสี่ยอยู่นิ่งๆ  อยากมาช้านักก็จัดการเองแล้วกัน  เขาพร้อมนอนรออยู่เฉยๆอยู่แล้ว  รอจนเสี่ยสอดตัวเข้ามาในผ้าห่มภายในห้องที่เย็นจัด  เขาที่ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มจนตัวอุ่นเลยยอมขยับตัวเขาไปใกล้  กะว่าจะเอาตัวไปแปะตัวเสี่ยที่เย็นๆ หลังจากอาบน้ำ  แต่ดันกลายเป็นว่าเสี่ยกลับตัวอุ่นพอๆ กับเขาซะงั้น  เขาละเซ็งเลย  กะว่าไปซุกตัวเอาความเย็นซะหน่อย  จะให้เอาตัวออกจากผ้าห่มก็หนาวเพราะเขาเปิดแอร์เย็นเจี๊ยบ  กะว่าถ้าต้องทำศึกจะได้ไม่ร้อนมาก

พอเสี่ยล้มตัวนอนจนทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว  เสี่ยก็ก้มลงมาจูบเขา  สอดลิ้นเข้ามาแตะจนเขาได้กลิ่นมินต์  รอจนเสี่ยพันลิ้นอย่างพอใจ  เขาก็ไต่มือไปข้างล่าง  บอกแล้ว  คนเคยค้า  ม้าเคยขี่  เพราะงั้นเขากับเสี่ยเลยไม่ต้องมีอารัมภบทแสดงความคิดถึงกันเยอะ  ใช้มือช่วยกันจนปลดปล่อยไปคนละหนึ่งรอบ  เขากับเสี่ยก็ผลัดกันไปล้างมือ   

ฮั่นแน่  แอบคาดหวังอะไรหื่นๆ  กันอยู่ล่ะสิ

ไม่มีทางหรอก  เพราะเขายังไม่ได้ผ่านการตรวจเชื้อ  แถมเสี่ยก็ยังเป็นพวกรักสะอาดแถมเซฟเซ็กซ์  เพราะงั้นเขากับเสี่ยเลยนอนกอดกันตัวกลมดิ๊กแทน  จะให้ไปเบาแอร์ก็ขี้เกียจเพราะวันนี้เขาเอาออกไปสองรอบแล้ว   เมื่อกี้หนึ่งรอบกับในห้องน้ำที่หอพักตอนอาบน้ำอีกหนึ่งรอบ  เพราะงั้นเขาที่เพลียจัดเลยอยากหลับเต็มที  แต่เสี่ยก็ยังย้ำให้รำคาญหูว่าพรุ่งนี้ไปตรวจเลือดด้วย  เขาเลยได้แต่งึมงึมขอใบลาจากเสี่ยซะเลย  กะว่าพรุ่งนี้จะตื่นสายๆ  แล้วค่อยไปตรวจเลือด   ซึ่งเสี่ยก็เป็นเจ้านายที่ดีมากกกก  บอกจะออกใบลาให้ครึ่งวัน  เขาที่นอนกอดเสี่ยอยู่ดีๆ  เลยสะบัดตัวออกหันก้นให้   

ใช่ซี้  เขามันแค่พนักงานบริษัทนี่  ไม่ใช่สุดรักสุดสวาทที่เสียเลือดนิดหน่อยก็ต้องไปทำงานต่อให้ได้  ลองเป็นคุณปุยฝ้ายสิ


จะว่าไป...  เขาก็รู้สึกผิดกับคุณปุยฝ้ายจริงๆ นะ  แต่ทำไงได้ล่ะ  ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้ว  และต่อให้ย้อนอดีตกลับไปได้เขาก็คงเลือกแบบเดิม  กับผู้หญิงที่แอบรัก...  กับคนที่เคยคุยกันไม่กี่คำ  เมื่อเทียบกับเสี่ย  เสี่ยต้องมีค่ามากกว่าอยู่แล้ว  แถมเสี่ยก็มีบุญคุณกับเขาด้วย  เพราะอย่างนั้น  ถึงทางที่เขาเลือกมันจะผิด  แต่เขาก็ตัดสินใจแล้ว  รอจนเสี่ยสบายใจเมื่อไหร่เขาก็จะกลับไปอยู่ที่เก่าเอง  ไม่ต้องอยู่รอจนเสี่ยไล่  เขารู้ว่าตัวเองสามารถเดินไปถึงจุดไหนได้บ้าง  และจะไม่เสียใจในสิ่งที่ทำลงไปเด็ดขาด







>>>> เริ่มมาม่า

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 10 [25/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 25-12-2016 21:39:44
จะมาม่าจริงเหรอ
ดูเหมือนเสี่ยต้องการแค่เซ็ก
พะแพงก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไปได้เท่าไหร
ก็ขอให้แพงฮาๆแบบนี้ทั้งเรื่อง
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 10 [25/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 25-12-2016 22:16:25
กลัวแพงหาทกลับไม่เจอนี่สิ
 :katai1:

อิเสี่ยยย ห้ามทำแพงเสียใจนะเว้ยย
แพงเสียสละตัวเองเพื่อเสี่ยขนาดไหน
หายไปเป็นปี กลับมาพูดสองคำ แพงก็ยอมหมดแล้ว
คือแพงดีมาก มองโลกในแง่ดีมาก พูดมาเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆไปหมด ทั้งๆที่มันไม่ใช่เลย

นังเสี่ยยย ปกติชั้นอวยแกมากนะ มาเจอตอนนี้ทำเอากลัวใจ ว่าแพงต้องอกเดาะ ช้ำรักไปนาน
ถ้ามีวันนั้นนะ ชั้นเอาแกตายยยย  :fire:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 10 [25/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 25-12-2016 22:17:57
" ซึ่งเสี่ยก็เป็นเสี่ยที่ดีมาก  บอกจะออกใบลาให้ครึ่งวัน  เขาที่นอนกอดเสี่ยอยู่ดีๆ  ก็สะบัดตัวออกหันก้นให้ "

5555555555555555555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 10 [25/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 25-12-2016 22:26:22
ขำพระแพงจัง
รอตอนต่อไปค่า :katai4: o13
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 10 [25/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: บันนีม ที่ 25-12-2016 22:27:16
เหมือนจะดราม่าแต่พระแพงก็ไม่ดราม่ากับอะไรในชีวิตเล้ยยย นางดูคิดบวกกับทุกเรื่อง เป็นนายเอกที่ดูเป็นผู้ชายแมนๆทั่วไปแต่โคตรจะน่ารักตรงนี้แหละ  อีกอย่างเราว่าเสี่ยอาจจะรู้สึกชอบพระแพงนะ ใช่มั้ยเสี่ย สารภาพมาซะดีๆ เราสัมผัสได้
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 10 [25/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 25-12-2016 22:36:05
อีเสี่ย  อย่าให้เปลี่ยนชื่อเป็น   อีเสี่ยว   :katai1:

ห้ามทำพะแพงร้องไห้นะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 10 [25/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 25-12-2016 23:06:55
หงุดหงิดใจกับอิเสี่ย พระแพงน่ารัก อย่าให้นางเสียใจ ไม่เอามาม่าได้มั้ย #กราบ  :mew6:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 10 [25/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-12-2016 23:13:48
ฮา เพราะพระแพงเป็นคนคิดแง่บวก คิดอะไรที่ดูแล้วตลก วอนคนเขียนถ้าพาเข้าดราม่าแล้วขอให้จบสวย ๆ อย่าให้พระแพงขวัญใจพ่อยกแม่ยกแถวนี้ต้องเสียใจเป็นอันขาด ไม่งั้นไม่รับประกันว่าบ้านคนเขียนจะไม่บึ้ม ฮา
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 10 [25/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 26-12-2016 04:42:42
เสี่ยมาแรงแซงโค้งจริงๆ :call: :mc4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 10 [25/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: joyey6217 ที่ 26-12-2016 06:09:41
ไปตรวจเลือด 55555. เวลคัมแบคสู่การเป็นเด็กเสี่ยจ้าพะแพง วงการวัวเคยค้า ม้าเคยขี่ ที่ไม่ต้องพูดเยอะ เน้นปฏิบัติิย่างเดียว เค้ารู้ใจกันเช่นเดิม. เพิ่มเติมคือ ยอมทุกอย่างด้วยความเต็มใจ กลับมาครานี้ก็ยังเจียมเนื้อเจียมตัวมักน้อยใฝ่สันโดษเหมือนเดิม คิดแต่จะตอบแทนบุญคุณเท่านั้นหรอ
 เสี่ยแกก็บทพูดน้อยเหมือนเดิมเลย เพิ่มเติมคือ เราว่าเสี่ยไม่ได้จัดคุณปุยฝ้าย วาง10 บาทตรงนี้เลย
 เรารอเสี่ยกลับมานานแสนนานแล้วค่ะ  ขำควาทคิดพะเเพงนางคิดมาก. คิดไม่หยุด คิดไปคนเดียว. แต่เน้นคิดบวก.มีแอบพิสูจน์กลิ่นด้วยนะ ตลก
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 10 [25/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-12-2016 11:04:09
เหมือนจะดราม่าแต่พระแพงก็ไม่ดราม่ากับอะไรในชีวิตเล้ยยย นางดูคิดบวกกับทุกเรื่อง เป็นนายเอกที่ดูเป็นผู้ชายแมนๆทั่วไปแต่โคตรจะน่ารักตรงนี้แหละ  อีกอย่างเราว่าเสี่ยอาจจะรู้สึกชอบพระแพงนะ ใช่มั้ยเสี่ย สารภาพมาซะดีๆ เราสัมผัสได้
เหมือนที่คิด
ว่าแต่พระแพงไม่ถามซักหน่อยเหรอ
เรื่องคุณปุยฝาย เรื่องแต่งงาน
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 10 [25/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 26-12-2016 11:34:33
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 10 [25/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 26-12-2016 13:26:59
อ่านถึงตอนที่ไล่ไปตรวจเลือด เฮ้ย...เราชอบอ่ะ ความปลอดภัยต้องมาก่อน

เสี่ยขาาาาาา จะพูดแต่ละคำ ดอกพิกุลจะร่วง
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 10 [25/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 26-12-2016 18:53:25
ขอให้เจ๊ปุยแกได้กับพ่อเสี่ยด้วยเถอะ ปล่อยเสี่ยให้พระแพงไปดีกว่านะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 10 [25/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: engmtv ที่ 26-12-2016 19:26:41
ถึงขนาดว่าสมัครยูสเซอร์เพื่อเข้ามาคอมเมนต์เลยทีเดียว นี่เป็นครั้งแรกของเราที่เข้ามาอ่านบอร์ดนี้ มาอ่านเรื่องของคุณนี่แหละ อ่านแล้วก็ติดถึงขนาดเสียการเสียงาน (ล้อเล่น) ขอรวบยอดคอมเมนต์ 10 ตอนเลยนะคะ บอกไว้ก่อนว่า คุณไม่ต้องเฉลยหรือตอบอะไรทั้งสิ้น เราแค่อยากเมนต์ให้กำลังใจคนเขียน เราสนุกที่คนเขียนไม่ฟันธงนะจ๊ะ


|POV|

เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าจากบุรุษที่หนึ่งมองบุรุษที่สาม (งงไหม) ถือว่าทำได้ดีเลย เท่าที่สังเกตจากบล็อกของคุณแล้ว การเล่าแนวนี้เป็นแนวถนัดของคุณอ่ะเปล่า คุณเขียนมุมมองของนายพระแพงได้ไหลลื่น มีความเป็นผู้ชายไม่มากไปไม่น้อยไป เรารู้จักเสียงของเขา รู้จักโลกผ่านสายตาของเขา แต่ขณะเดียวกันเราก็รู้จักตัวละครคนอื่นได้อย่างชัดเจนผ่านสายตาของเขา ตรงนี้แหละเสน่ห์ เพราะว่าพระแพงไม่ได้ตัดสินตัวละครทุกตัว เขาไม่ได้ตัดสินใครเลยแม้แต่ตัวเอง เราเห็นความพยายามของคนเขียนที่จะถ่ายทอดเรื่องออกมาโดยไม่ตัดสินเรื่องศีลธรรม แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้เน้นฉากเอาสนุก เราว่าแบบนี้ดีมากเลย ฉากเอ็นซีระหว่างคุณอธิปและนายพระแพงเหมือนเค้กหวานปะแล่มๆ ติดปลายลิ้น กินได้บ่อยๆ ไม่เลี่ยน และยังไร้เดียงสา เราคิดว่าแบบนี้อีโรติกอย่างมีศิลปะ เพราะคนอ่านได้ใช้จินตนาการส่วนบุคคล (ให้คนอ่านช่วยกันทำมาหากินบ้าง) คนอ่านจะเก่งเชื่อสิ

โดยส่วนตัว ถ้าเราจะไม่ได้อ่านมุมมองของคุณอธิป เราก็ไม่เดือดร้อนนะ เพราะเสียงของพระแพงมีเสน่ห์และความเข้มข้นของเรื่องมันอยู่ที่เราได้เดาความคิดของตัวละครอื่นๆ ผ่านเสียงที่ "ไม่ตัดสิน" ใครเลยของพระแพง แต่ก็นั่นละฮะท่านผู้ชม เราไม่ได้บอกว่าเสียงของพระแพงเชื่อถือได้ เดี๋ยวจะพูดต่อในหัวข้อตัวละครนะ


|ภาษา|

ภาษาเรียบง่าย เราชอบอ่านง่ายดี สะท้อนตัวตนของคนเล่าได้ดีนะ เขาเป็นคนง่ายๆ นี่แหละ สังเกตดูดีๆ ใจความที่เล่าจะถูกตัดทอนเป็นประโยคความเดียวสั้นๆ เหมือนค่อยๆ เปิดมุมไพ่ทีละนิดๆ แล้วค่อยรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นตอนสมองปะติดปะต่อ มีสะกดผิดบ้างไม่ว่ากัน เราไม่ได้ยกมาเป็นคำๆ ถ้าคุณว่างๆ ค่อยมาแก้ก็ได้ ไม่ได้ร้ายแรง จากสำบัดสำนวนและมุมมอง เราว่าคุณน่าจะโตประมาณวัยมหาวิทยาลัยตอนปลายหรือไม่ก็ผ่านจุดนั้นมาแล้ว เพราะภาพชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยยังสดใหม่ (แต่ไม่ต้องตอบเราหรอก เราก็วิเคราะห์ไปตามเรื่อง เราสนุกที่ได้จินตนาการ)

|ตัวละคร|

ตัวละครหลักในเรื่องนี้มีอยู่ 2 ตัว ได้แก่ นายพระแพงและคุณอธิป แค่สองคนนี้เราก็พอใจละ เราจากมุมมองบุรุษที่หนึ่งก็จริง แต่ตัวละครไม่ได้แบนเลย กลับลึกและสมจริงในหลายแง่มุม เราแยกเป็นรายตัวนะ

คุณอธิป - ผู้ชายวัยปลายสามสิบถึงสี่สิบปริศนา เขารักสะอาด ปากหนัก มือหนัก กระเป๋าหนัก เขามีระเบียบและมีวินัยในตัวเอง เห็นได้จากรูปร่างและความอึด ต้องดูแลและออกกำลังกายนะคะ วัยขนาดนี้แล้วซื้อหาไม่ได้ค่ะต้องทำเอง เราวิเคราะห์จากการเล่าของนายพระแพง เขาคนนี้ไม่เชื่อในความรักแต่ไม่เชื่อว่าจะเกิดกับตัวเองได้ ถ้าเขาเทิดทูนและไขว่คว้าความรักอย่างเต็มกำลัง เขาคงไม่ได้มามีเด็กเลี้ยงหรอก ดูเหมือนจะมีเงื่อนไขบางอย่างที่ไม่สามารถคบหาผู้ชายได้อย่างออกหน้าออกตาหรือไม่ก็เหนื่อยหน่ายที่จะหาตัวจริง แต่ขณะเดียวกันก็ไม่อยากจะได้โรคจากเพศสัมพันธ์หรือกอดซ้ำรอยใคร นี่เป็นข้อหนึ่งที่เรารู้แน่ว่า คุณอธิปเป็นคนสุขุมรอบคอบและนับถือความซื่อสัตย์เอามากๆ บทลงโทษนั้นรึก็เด็ดขาด ถ้าคุณอธิปใจร้อนมักมากในกาม ป่านนี้คงไม่เลี้ยงเด็กซื้อมั่วไปเรื่อยๆ และไม่รอให้นายพระแพงไปตรวจเลือดหรอก

เราหัวใจสลายเลยอ่ะตอนที่เห็นว่าคุณอธิปไปซื้อสร้อยเพชรให้นายพระแพงเป็น "ของสั่งลา" ถ้าเป็นเสี่ยเป็นป๋าทั่วไป จะเลือกซื้อสร้อยทองให้เด็กเลี้ยงกี่เส้นก็ได้ เอากี่สิบบาทละ ขายอย่างไรก็ไม่ขาดทุน แต่เด็กเลี้ยงที่หวังเงินเขาไม่ใส่กันหรอกนะ เขาเอาไปขายสิจ๊ะ แต่นี่คุณอธิปเลือกสร้อยเพชร นักธุรกิจที่โชกโชนขนาดนั้น เลือกสร้อยเพชรที่เอาไปขายราคาก็ตก แถมไม่มีใบรับรองก็ตกอีก เขาจ่ายเงินเพื่อความหมายของเพชรโดยแท้ และที่สำคัญ เขาอยากให้เด็กเลี้ยงของเขาใส่ แล้วสร้อยนั้นนายพระแพงไม่ได้ขอ มันถึงมีค่ามากในแง่สัญลักษณ์

ถ้าถามว่าอะไรที่ทำให้คุณอธิปต้องตาต้องใจนายพระแพง เราเดาว่าจะซ่อนอยู่ในจุดบอดของการเล่าเรื่องแบบบุรุษที่หนึ่งนี่แหละ เราไม่รู้ว่านายพระแพงทำหน้าตาแบบไหนหรือมีกิริยาอย่างไร เราเห็นเท่าที่นายพระแพงเห็น ซึ่งคุณอธิปจะไปเห็นหรือรู้อะไรมามากกว่านั้น เราไม่รู้ไง (555) แต่นี่แหละเสน่ห์

นายพระแพง - เด็กหนุ่มเรียนดีที่ทำงานนอกลู่นอกทางเพื่อช่วยเหลือที่บ้าน ถือว่านายเขามีพื้นฐานความคิดและความอบอุ่นในครอบครัวมากอยู่ และไม่ยึดติด การที่ตัวเองบริสุทธิ์แต่กล้าไปเป็นเด็กเลี้ยงของคนแปลกหน้าได้ ต้องมีความกล้าแปลกๆ หรือลูกบ้าอยู่สมควร แม้ว่าพระแพงจะเรียนดีเรียนเก่ง แต่กลับไม่ได้ยึดอยู่กับศีลธรรมที่สังคมกำหนด แต่เขาเลือกสถาบันพื้นฐานของตัวเองนั่นคือครอบครัว เรารู้สึกว่าเขาฉลาดด้วยซ้ำนะที่เลือกเป็นเด็กเลี้ยง คือเสียตัวให้เพียงคนเดียวและปลอดภัยไว้ใจได้จากคนที่เขาไว้ใจ ถ้าพระแพงเลือกจะทำไซด์ไลน์เองก็เสี่ยงกับโรคเสี่ยงกับความประหลาดของแขกไง แล้วกว่าจะได้เงินขนาดนั้นคงช้ำในตายก่อน เราไม่ได้เชียร์ว่าการเป็นเด็กเลี้ยงคือทางออกที่ดีที่สุด แต่เป็นทางที่พระแพงจะเสี่ยงน้อยที่สุดถ้าต้องออกนอกกรอบศีลธรรม เรื่องนี้สมจริงก็ตรงนี้ละ ในสังคมเรามันก็มีอยู่จริงๆ ต่อให้ปิดตากี่ข้างก็เห็นว่ามี เหตุผลที่เขาทำงานตรงนี้ก็แตกต่างกันไป พอละๆ เขียนเดี๋ยวกลายเป็นเรื่องเครียด (555) เบรกตัวเองก่อน

พระแพงเลือกจะหยุดทำงานนี้และสวมสร้อยของคุณอธิปไว้ ถึงจะไม่ได้พูดอะไรมาก แต่เราว่านี่แหละการตกหลุมรักของพระแพง คือการยอมรับในระดับหนึ่งนะ ไม่อย่างนั้นจะเอาไปขายทิ้งก็ได้ จะเอาไปจีบสาวหรือหาความสุขอะไรก็ได้ หรือยังไม่สบโอกาสเหมาะจะได้ใช้ก็ยังไม่รู้นะ (555) นั่นครั้งแรกของเด็กหนุ่มคนหนึ่งเลยนะ มันคือรอยประทับแรกฝังใจไม่รู้ลืม ต่อไปไม่ว่านายพระแพงจะมีเซ็กซ์กับใคร ผู้ชายหรือผู้หญิง ด้วยรักหรือไม่รัก เขาจะไม่มีวันลืมลีลาของคนแรก และมันจะกลายเป็นบรรทัดฐานของความสุขสมไปตลอดชีวิต ไม่ว่านายพระแพงจะรู้ตัวหรือไม่ อิอิ

กลับมาที่การเล่าเรื่องของพระแพง เราอาจมองเห็นเขามองโลกในแง่ดี แต่เราว่านั่นมาจากการที่เขาเลือกจะไม่ใส่ใจ หรือเอาเรื่องผ่านมาแล้วมาใส่ใจให้เป็นทุกข์ ซึ่งบางครั้ง เราจะพลาดรายละเอียดบางอย่างไป หรือการเล่าเรื่องของพระแพงอาจไม่น่าเชื่อถือ ทุกอย่างจะดูดีกว่าความเป็นจริง ทุกอย่างจะร่าเริงกว่าความเป็นจริง ขึ้นอยู่กับว่าพระแพงจะเลือกมองอะไร ตัวอย่างเช่น ตอนก่อนที่พระแพงชอบคุณปุยฝ้าย เขารู้ตัวว่าตอนที่เป็นเด็กเลี้ยงเป็นเรื่องผิด บอกใครที่บ้านไม่ได้ บอกเพื่อนไม่ได้ พอเลิกทำคือโล่งอก แต่ตอนนี้ พระแพงกลับไปที่คอนโดของคุณอธิปโดยไม่ได้ต้องชักแม่น้ำทั้งห้า (อิทธิฤทธิ์สร้อยเพชรสินะ)  แม้พระแพงจะให้เหตุผลว่า "ของเคยๆ" แต่เชื่อเราเถอะ ถ้าไม่ได้มีความสิเน่หาอยู่เป็นเชื้อไฟ พระแพงไม่ต้องไปก็ได้ ไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน ไม่ได้ขาดแคลนผู้หญิง แต่แค่พระแพงเลือกจะไม่เล่าความรู้สึกภายใต้ฉากหน้าของอารมณ์ขัน หรือพระแพงเลือกจะไม่ยอมรับความรู้สึกนี้ก็ไม่รู้สินะ

เราจะไม่เดาเรื่องต่อจากนี้ รออ่านอย่างสงบเสงี่ยมนะเจ้าคะ แต่อยากให้รู้ไว้ว่ามีคนอ่านคนหนึ่งอ่านงานคุณอย่างตั้งใจและลุ้นด้วย ที่คุณตั้งใจเขียนมา เราเห็นนะ ขอบคุณค่ะ

ปล. ตามไปอ่านเว็บของคุณมาด้วยล่ะ อุอิ =)
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 10 [25/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 26-12-2016 19:40:53
เสี่ยมีบทพูดแล้ว 2 ประโยค 5555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 10 [25/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 26-12-2016 21:35:35
เข้ามารอว์
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 10 [25/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 26-12-2016 22:56:04
พ่อคุณ กลัวดอกพิกุลร่วงหรือไร
ทำไมพูดน้อยขนาดนี้
พะแพงนี่ก็เป็นเด็กคิดอะไรในหัวเยอะมาก เลยรู้สึกว่าเสี่ยไม่พูดก็ไม่เป็ฯไร
ยังไงหัวก็คิดไปได้เรื่อยๆสินะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 11 [27/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 27-12-2016 09:30:58
ตอนที่  11




ถึงจะบอกว่าอยากตื่นสาย  แต่เอาเข้าจริงพอเสี่ยขยับตัวเขาตื่นอยู่ดี  เขาเหลือบดูนาฬิกาในมือถือ  พอเห็นว่าเจ็ดโมงก็คิดว่าเป็นเวลาที่พอรับได้  ถ้าเสี่ยเล่นตื่นตั้งแต่หกโมงนะ  เขาจะนอนต่อปล่อยเสี่ยไปตามยถากรรมนั่นแหละ  ดีที่เสี่ยตื่นเจ็ดโมงเช้า  เขาที่ตื่นราวๆ นี้พอดีก็ถือว่าพอรับได้  พอเปิดตามาก็นั่งหาว  บิดซ้ายบิดขวาพลางปลอบน้องชายที่ตื่นตัวตอนเช้า 
   
แหม  ก็เขายังเป็นวัยรุ่น  ตื่นมาเคารพธงชาติทั้งที่เพิ่งเอาออกก็ไม่ใช่เรื่องแปลก  แต่ของเสี่ยนี่สิ...  เขาเหลือบตามองเสี่ยที่ยังดูงัวเงียเล็กน้อยก่อนเหล่ไปที่ส่วนล่าง  แต่ไม่รู้เพราะผ้าห่มมันหนาหรือยังไง  เขาเลยเดาไม่ออกว่ามันหดหรือว่าถูกผ้าห่มกดไว้  ไอ้ครั้นจะเอื้อมไปจับก็ไม่อยากเหนื่อยตั้งแต่เช้า  ถึงเอาออกมันจะสบายกว่าแต่เขาเพิ่งเอาออกไปเมื่อวาน  ขืนเอาออกอีกรอบน้องชายเขาได้เหี่ยวตายพอดี  
   
ยังดีที่เสี่ยนั่งนิ่ง(สงสัยเพิ่งตื่นเลยยังไม่มีมาด)  เขาเลยค่อยๆ หย่อนตัวเอาเท้าแตะพื้น  ค่อยๆ เดินทางห้องน้ำทั้งที่ไม่เอ่ยคำว่าอรุณสวัสดิ์   จะให้เปิดปากทำด๋อยอะไรล่ะ  เขาไม่ใช่นายแบบโฆษณายาสีฟันนะที่ตื่นมาจะได้มีลมหายใจหอมสดชื่น  ส่วนของเสี่ย...  ช่างเถอะ  เขาไม่อยากจูบปากเสี่ยตอนเช้าให้เสี่ยหมดอารมณ์  เพราะงั้นเขาไปอาบน้ำแปรงฟันเตรียมตัวกินข้าวเช้าดีกว่า  เมื่อคืนสุดท้ายก็ไม่ได้ออกไปเซเว่น  หิวจะตายอยู่แล้ว

   
หลังจากอาบน้ำแต่งตัว  เขาที่แต่งหล่อจนเสร็จก็ออกมานอกห้อง  เสี่ยที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วก็นั่งอ่านหนังสือพิมพ์รอเขาอยู่ที่โต๊ะ  เขาเคยผ่านมื้อเช้ากับเสี่ยมาบ้างเลยไม่เกร็งมาก  ปล่อยเสี่ยชงกาแฟไป  ส่วนเขาก็เอาแยมมาทาขนมปังพร้อมกับดื่มนมหนึ่งแก้ว  พอเขาจัดการขนมปังกับนมเสร็จ  ก็หันมาฟาดอาหารเช้าต่อ
   
 มื้อนี้เป็นอาหารอเมริกัน  เบรคฟาสท์  แบบฟูลเซต  ซึ่งการจัดจานก็สมกับที่เสี่ยเป็นเสี่ยเลี้ยงเกรด A +  อาหารทุกอย่างมีครบเพียงพอกับคนกระเพาะครากอย่างเขา  พอกินเสร็จเขากับเสี่ยก็พูดคุยกันบ้าง  ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องงาน  อาจเป็นเพราะตอนนี้เขาทำงานแล้ว  แถมยังทำงานในบริษัทเสี่ย  เราเลยมีเรื่องคุยกันมากขึ้น  เขาเองก็บ่นๆ เรื่องตัวเลขที่กรอกไปกรอกมาแต่ก็ไม่ยอมตรง  เสี่ยก็ฟังเขาบ่นไปก่อนแนะนำออกมาบ้าง  

   
เอาจริงๆนะ  ชีวิตเขากับเสี่ยตอนนี้เหมือนคู่แต่งงานที่ผ่านการแต่งงานมานานแล้ว  ความหวานจับจิตไม่มี  มีแต่ความเข้าใจกันบ้าง  ถึงจะไม่มากแต่ก็พอรับรู้ได้  คือมันให้อารมณ์เหมือนคนมีชีวิตคู่ที่ลงตัวแล้วแต่ไม่จืดชืด  พอมีปัญหาก็มีคนรับฟังและช่วยกันแก้   ไม่มีหรอกความหวานช่ำแบบช่วงโปรโมชั่น  คงเพราะมันผ่านมาหนึ่งปีแล้ว  และช่วงสี่เดือนที่เขาเป็นเด็กเลี้ยงนั่นจะเรียกว่าช่วงโปรโมชั่นก็ไม่ผิด  เพราะเสี่ยจัดหนักจัดเต็มตลอด

   
หลังจากกินข้าวเสร็จ  เขาก็ไปแปรงฟันอีกหนึ่งรอบ  ก่อนจะออกมาจากห้องพร้อมกระเป๋าเป้เพื่อออกไปทำงาน  เสี่ยที่รออยู่แล้วก็กวักมือเรียกเขาเข้าไปใกล้  ยื่นกุญแจกับคีย์การ์ดอันสำรองไว้ให้เขาถือติดตัว  เขาที่กำลังจะรับของก็เตรียมยกมือไหว้ตามธรรมเนียม  แต่เสี่ยนี่สิ  ตวัดตามองมือเขาฉับ  เขาเลยได้แต่วางมือลง  แล้วเปลี่ยนเป็นแบมือขอแทน  

   
โถ  พ่อคนสูงอายุ  ไหว้นิดไหว้หน่อยทำเป็นใจน้อย  เขาไม่ได้ตั้งใจด่าเสี่ยว่าแก่ซักหน่อย  แค่ไหว้ตามมารยาท  แต่ในเมื่อเสี่ยไม่ชอบ  เขาก็จะจำใส่สมอง  กาดอกจันตัวใหญ่ๆ ไว้ในใจว่าเสี่ยเกลียดความแก่

   
พอนาฬิกาตีถึงเลขแปดปุ๊บ  เขากับเสี่ยที่พร้อมแล้วก็เตรียมตัวเดินออกจากห้อง  ตอนแรกเขาก็นึกว่าเสี่ยจะนั่งรถตู้ไปทำงานแบบตอนขามา  แต่พอเห็นเสี่ยเดิน  เขาก็ตามเสี่ยต้อยๆ  คิดว่าเสี่ยคงอยากเดินย่อยหลังกินอาหารเช้า   แต่พอเดินไปเดินมาซักพัก  เขาก็เริ่มสังเกตว่าตามข้างทางมันดูคุ้นๆ  หันซ้าย  หันขวาอยู่ไม่นาน  พอเห็นตึกบริษัทอยู่ตรงหน้า  เขาก็ถึงบางอ้อ  เสี่ยแ_ร่ง  เล่นง่ายมาก  เล่นซื้อคอนโดไว้ใกล้ตึกทำงาน  มิน่าล่ะ  บางทีเสี่ยก็ค้าง  บางที่ก็ไม่ค้าง  บางทีก็มาดึกๆ  ทั้งที่ยังไม่เปลี่ยนเสื้อ  ที่แท้ก็เดินมาจากตึกนี่เอง  เล่นง่ายดีเนอะ

แต่ก็ดี   เพราะการเดินก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายไปด้วย  แถมตอนนี้แปดโมงก็ยังไม่ใช่ช่วงที่ร้อนมาก  เขาเลยพอเดินได้  แถมระหว่างทางก็มีเงาตึกบังแดดมาตลอด  ส่วนเรื่องที่เขาเดินมากับท่านประธานก็ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะผิดสังเกต  เพราะแต่ละคนจ้องแต่สวัสดีเสี่ยกันทั้งนั้น  เขาที่เดินตามหลังต้อยๆ   เป็นลูกเป็ดเลยไม่มีใครสนใจ  พอถึงบริเวณที่ตอกบัตร  เสี่ยก็กำชับว่าให้ไปตรวจเลือดด้วย 
   
ฮ่วย  ย้ำจริง  กลัวไม่ได้กินตับเด็กหรือไงวะ  แต่มีหรือที่เขาจะปฏิเสธได้  เขาเลยหน้าด้านขอหยุดงานครึ่งวันบ่ายเสียเลย  ซึ่งเสี่ยก็ดีมากกกกก  นิ่งคิดอยู่สิบวิก่อนบอกว่าให้กลับมาตอกบัตรตอนห้าโมงด้วย  โอเค  อันนี้เขาจะคิดว่าเสี่ยรักษาผลประโยชน์ให้ก็เขาแล้วกัน  ออกงานบ่ายโมงกลับมาตอกบัตรอีกครั้งตอนห้าโมงถือว่าทำงานครบ  ดังนั้นเขาเลยตั้งใจทำงานแบบอารมณ์ดี๊ดี  เตรียมหาข้ออ้างเหมาะๆ เอาไว้แล้ว ว่าลุงจะมาเยี่ยม

หัวหน้าที่รู้เรื่องเล่าสุดรันทน(?) ของเขากับลุงก็ปล่อยให้เขากลับไปง่ายๆ  แต่ก็ยังไม่ลืมย้ำเหมือนเสี่ยว่าให้กลับมาตอกบัตรด้วย  เขาที่มีคนเข้าข้างเลยยิ่งอารมณ์ดี  นั่งทำงานถึงเที่ยงก่อนไปกินข้าวกับไอ้ขิมแล้วก็ไอ้รุตแล้วหาทางชิ่ง

อ่อ  พูดถึงหัวหน้า  เขาคงยังไม่ได้แนะนำหัวหน้าแบบจริงๆ  จังๆ  เลยสินะ  หัวหน้าแผนกของเขาชื่อพี่ศุภณัฐ   เป็นคนตัวเล็กแต่ผิวขาวมาก  บางทีก็ใส่แว่นสายตา  บางทีก็ไม่ใส่แว่น คุ้นๆ เหมือนกับว่าเป็นญาติที่ห่างมากกับท่านประธาน...  กับเสี่ยนั่นแหละ  แต่ออกแนวความสัมพันธ์แบบลูกพี่ลูกน้อง  ประมาณว่าเป็นลูกของพี่หรือน้องสาวฝั่งแม่  แต่หัวหน้าแผนกก็ออกจะเกรงๆ ท่านประธานหรือเสี่ยอยู่นิดๆ  เพราะเห็นพูดถึงเสี่ยทีไรเหงื่อตกทุกที

แน่นอนว่าคนที่คาบข่าวมาบอกจะเป็นใครไม่ได้นอกจากไอ้รุต  ฝรั่งตาน้ำข้าวที่ช่างจ้อยิ่งกว่าคนไทย  แถมตอนนี้มันก็สนิทกับหัวหน้าแผนกมาก  เวลาเดินด้วยกันทียิ่งเหมือนพี่กับน้อง  เพราะหัวหน้าแผนกตัวค่อนข้างเล็ก  ส่วนไอ้รุตนี่ตัวควายพอๆ กับเขาแต่ขาวกว่าเยอะ  เพราะงั้นเวลาสองคนนี้เดินคู่กันเลยกลายเป็นขาวโอโม่  พอมีเขาเข้าไปเดินแทรกก็กลายเป็นทางม้าลาย  นี่ถ้ามีไอ้ขิมอีกคน  มันก็กลายเป็นหลักกิโลพอดี...  แค่กๆๆ  อย่าไปบอกไอ้ขิมนะ  เดี๋ยวเขาโดนมันกระทืบบวกกับโดนล้มทับ

รอจนถึงบ่ายโมงเขาก็ลั้นลาออกไปตรวจเลือด  ก่อนจะโฉบไปที่สยามในวันธรรมดาอย่างที่ไม่ได้ไปมานานแล้ว  เดินดูนั่นดูนี่ซื้อข้าวของบ้าง  เดินเสร็จก็นั่งดื่มกาแฟรอฟังผลเลือด  คลินิกที่เขาไปตรวจเป็นคลินิกที่ไม่ใหญ่มากแต่ก็มีมาตรฐานพอใช้ได้  ตอนแรกเขาก็กะไปตรวจที่โรงพยาบาลแต่กลัวคนเยอะ  เลยตัดสินใจเลือกไปตรวจกับคลินิกเอกชนแทน  ระหว่างรอผลเลือดที่ทางคลินิกจะโทรมาบอกผลทางโทรศัพท์  กับส่งเมลและจดหมายตามมาให้ 

เขาที่นั่งหล่ออยู่ในร้านกาแฟก็ส่องสาวบ้าง  เล่นเฟสบุ๊คบ้าง  อัพเดทข่าวสารจนได้ความว่าเจ้าแม่ท้องแล้ว  ท้องก่อนแต่งซะด้วย  แต่ก็ไม่มีใครมีดราม่าท้องก่อนแต่งอย่างที่คิด  มีแต่คนยินดีและอิจฉาจนออกนอกหน้าเพราะพี่ฝรั่งแกหล่อมาก  ตาเขียวใสมาเชียว  ไอ้ตอนที่เขาฝึกงานอยู่ก็ไม่ทันได้สังเกตว่าพี่แกหล่อขนาดนี้  มิน่าล่ะเจ้าแม่ถึงตกหลุมพรางได้ง่ายๆ  แถมพี่แกก็ดูเป็นคนซื่อ  ดูได้จากรูปถ่ายของทั้งคู่ที่กำลังอวดผลการตั้งครรภ์  พี่ฝรั่งแกก็ดูมีความสุขมากเพราะพี่แกยิ้มไม่หุบอยู่หลายรูป  ส่วนเรื่องการแต่งงานก็มีแพลนแบบคร่าวๆ ว่าคงจัดงานไม่ใหญ่มาก  ชวนแต่คนสนิทกับทำตามธรรมเนียมยกขันหมากกับทำพิธีช่วงเช้า  ส่วนงานเลี้ยงเห็นว่าค่อยจัดอีกที  เพราะต้องขึ้นเครื่องไปจัดงานแต่งต่อที่เมืองนอก

อ่านมาถึงตรงนี้เขาก็อิจฉาอยู่นิดๆ  เขาเองก็อยากแต่งงานบ้าง  มีเจ้าสาว  มีลูกตัวเล็กๆ  เป็นความฝันสูงสุดของเขาเลย  อาจเป็นเพราะเขาค่อนข้างติดแม่  เขาเลยอยากมีลูกอยากแต่งงานกับผู้หญิงที่เขารัก   
   
แม่เลี้ยงเขามาตั้งแต่จำความได้  ส่วนพ่อนี่แต่งงานมีลูกกับเมียใหม่ไปนานแล้ว  ครั้งสุดท้ายที่เจอกันก็ตอนงานวันเผาของแม่มั้ง  เขาที่ไม่สนิทกับพ่อมากก็ไม่ได้อาลัยอาวรณ์  ส่วนเมียใหม่พ่อ  พ่อก็ไม่ได้พาด้วย  ซึ่งก็ดีแล้ว  เพราะคงไม่มีใครอยากเห็นเมียใหม่พ่อหรอก  คนที่มางานศพก็แต่ญาติฝั่งแม่กันทั้งนั้น  อีกอย่างถ้าเอามาเดี๋ยวก็เกิดเรื่องให้นินทาจนลำบากคนตายเปล่าๆ  เขาไม่อยากให้แม่ที่หลับอยู่ในโลงต้องคิดมาก  เพราะงั้นพ่อไม่พาแม่ใหม่มาแหละดีแล้ว  เขาไม่ซีเรียส

อืมม  อาจเป็นเพราะเขานิสัยแบบนี้มาตั้งแต่เด็กล่ะมั้ง  เป็นพวกคิดมากแต่ก็มองโลกในแง่ดี  มีอะไรก็ไม่ค่อยใส่ใจมาก  ได้แต่ปล่อยให้มันผ่านไป  แล้วก็ลืมตามกาลเวลา


เขานั่งตะแล็ดแต๊ดแต๋รอจนถึงเวลาที่ห้องแล็บโทรมาบอกผลว่า  ผลเลือดของเขาออกมาเป็นเลือดบวก...  B RH+  กลุ่มเลือดตามมาตรฐานส่วนใหญ่ของคนไทย  ก็บอกมาให้หมดตั้งแต่แรกสิวะ  พูดอมพะนำจนเขาคิดมากไปได้ 
   
สรุปคือเลือดเขาแข็งแรงดี  สีสันสดใส  รูปร่างใช้ได้  ถุย  สรุปคือร่างกายเขาแข็งแรงมาก  ไม่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์  ส่วนเชื้อ  HIV  ยังต้องรอผลอีกนิด  แต่ในเบื้องต้นถือว่าเขาสะอาดมาก  เพราะงั้นเขาที่ได้ผลแล็บทางเมลล์แล้วก็แคปรูปทางหน้าจอ  ส่งไลน์บอกผลโดยตรงไปถึงเสี่ย  ซึ่งเสี่ยเองก็มีไลน์ด้วย  เขานึกว่าแก่ๆ  แค่กๆ  หมายถึงคนอย่างเสี่ยจะไม่เล่นไลน์ซะอีก  แต่เสี่ยจะเล่นไลน์ก็ไม่แปลกหรอก  เพราะขนาดลุงเขาที่อายุมากกว่าเสี่ยยังมีไลน์เลย  ไลน์มาบอกวันพระทุกสัปดาห์  วันไหนที่เขาไม่ขี้เกียจก็ตื่นมาตักบาตรบ้าง  วันไหนขี้เกียจก็ทำลืมๆ ไป

รอจนถึงสี่โมงกว่าๆ เขาก็กลับไปตอกบัตร  แบกข้าว  แบกน้ำไปแบ่งในคนที่ยังทำงานอยู่ในออฟฟิศ  ซึ่งก็ไม่พ้นไอ้ขิม  รุต  กับหัวหน้า  และรุ่นพี่ในแผนกอีกสองสามคนที่ชอบเลิกงานช้า  เขาตั้งไก่  KFC  พร้อมกับน้ำไว้ให้แบบครบเซต  กะเอามาเป็นค่าปิดปากที่เขาแอบหนีไปเที่ยว  ซึ่งก็ได้ผลดีมาก  เพราะไอ้ขิมคว้าเรียบเกือบหมดไปครึ่งกล่อง  หัวหน้าแผนกนั่งแทะไก่ไม่มีกระดูกเล่น  ส่วนไอ้รุตก็วิพากษ์วิจารณ์รสชาติ  KFC  ของไทย  บอกว่าไก่ที่ไทยนี่แซบมากๆ  ที่เมืองนอกหากินไม่ได้   ดีที่มันฉลาดพูด  ไม่งั้นเขาจะเอากระดูก  KFC  ไก่ไทยฟาดปากมัน 

ส่วนรุ่นพี่อีกสองสามคนเขาไม่สนิทมาก  พี่แกเลยมาคุยเล่นด้วยแค่สองสามคำ  ก่อนจะขอน้ำไปคนละแก้ว  พี่สองคนนี้เขาจำชื่อได้  ชื่อพี่เดือน  กับพี่นาฎ  เป็นเลขาส่วนตัวของหัวหน้าแผนกกับผู้ช่วยงานจิปาถะอีกที  อย่างที่บอก  บริษัทที่เขาทำงานถือว่าเป็นบริษัทใหญ่มาก  เพราะงั้นพี่ณัฐที่เป็นหัวหน้าแผนกเลยต้องมีผู้ช่วยกับเลขาด้วย  ส่วนพี่อีกคนเป็นพี่ผู้ชายที่เขาไม่สนิทมาก  แต่ก็พอคุยกันได้เพราะพี่แกอยู่มานานและอยู่ในแผนกเดียวกัน

รอจนถึงห้าโมงครึ่ง  เขาก็ออกไปตอกบัตรพร้อมกับคนอื่นๆ ในห้อง  หอบเอกสารที่ต้องทำต่อกลับมาด้วย  เอกสารชุดนี้เป็นตัวเลขทางการเงินที่เขาคำนวณยังไงก็ไม่ลงตัวซักทีเลยกะจะเอาไปให้เสี่ยช่วย   อะไร  คนเป็นเจ้าของบริษัทก็ต้องช่วยเหลือลูกน้องสิ  จะให้เขาส่งงานชุ่ยๆ  ไปหรือไง  เสียหมา...  เอ๊ย  เสียชื่อเสียงคณะหมด  นี่บัณฑิตเกียรตินิยมอันดับหนึ่งนะครับ  ดูดีๆ  ถึงหนังหน้าจะไม่ให้  แต่ก็มีสมองนะ 

ดังนั้นพอเลิกงานเขาก็กลับห้องที่หอพัก  หอบโน้ตบุ๊คกับข้าวของเครื่องใช้ที่เมื่อวานไม่ได้ขนกลับไปคอนโดเสี่ยด้วย  ตอนที่เขาไปถึงหอน่ะนะ  ประตูหน้าหอก็ยังเปิดอ้าอยู่แบบเดิม  ช่างเป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่ห่วยแตกมาก  นี่ถ้าเขามีน้องสาวเขาไม่ยอมให้น้องมาอยู่แบบเด็ดๆ  โชคดีนะที่เขาเป็นลูกโทน  เขาเลยไม่ต้องห่วงมาก  แต่ถ้าพี่ต้นอ้อมาค้างเขาคงต้องคิดดูดีๆ อีกที

เขาเดินผ่านประตูมาได้ก็ขึ้นบันไดเดินไปจนถึงห้องพัก  ไขกุญแจ  เก็บข้าวของกับเอาคีย์การ์ดที่ลืมไว้ใส่กระเป๋าเดินทางออกมาด้วย  สองจิตสองใจอยู่ว่าจะเอามือถือเก่ากับกล่องเพชรที่เสี่ยให้ออกมาด้วยดีไหม  เขาเป็นพวกผูกพันง่าย  แต่ตัดใจให้ขาดยาก  มือถือ...ถึงจะไม่ได้ใช้  แต่เขาก็ใช้งานมานาน  จะให้มันนอนแกร่วอยู่ในลิ้นชักก็น่าสงสารแย่  สรุปคือเขาต้องขนพวกมันกลับมาด้วย
 
พอถึงคอนโดเสี่ย  เขาก็จัดของแล้วอาบน้ำ  ขัดนอกขัดในจนสะอาด  ก่อนจะออกมากินข้าวที่มีตั้งไว้อยู่บนโต๊ะ  นี่ถ้าเสี่ยคิดเลี้ยงเขาด้วยของกินนะ  เสี่ยคิดถูกมาก  เพราะเขาฟาดเรียบ  ชนิดที่ว่าแทะก้างปลาได้เขาแทะไปแล้ว  พอกินอิ่มจนตัวจะเป็นหมีก็มีคนมาเก็บจานให้  ชีวิตเด็กเลี้ยงนี่สบ๊ายสบาย  ไม่ต้องปัดกวาดเช็ดถูหรือล้างจานเอง


หลังจากกินข้าวเสร็จ  เขานั่งทำงานต่อกับโน้ตบุ๊คที่ซิงค์ข้อมูลกับคอมบริษัทไว้  แต่ใส่ตัวเลขลงไปยังไงก็คำนวณไม่ลงตัวซักที  ถามว่าผิดตรงไหนเขาก็ไม่รู้  เพราะข้อมูลที่เขาได้มันเป็นข้อมูลดิบที่ได้มาอีกทอด   เขาคิดไปคิดมา  เขาก็ถ่ายรูปส่วนที่สงสัยส่งไปให้เสี่ยผ่านทางไลน์  แต่รูปมันไม่ค่อยชัด  เสี่ยเลยสั่งให้เขาถ่ายรูปจากตัวเอกสารไปให้  เขาเลยส่งไปให้หมดตามที่เสี่ยสั่ง  ส่งเสร็จก็นอนตีพุงเล่น 

โยนปัญหาไปให้เจ้านายเสร็จแล้ว  เขาก็เล่นมือถือต่อทันที  เห็นเสี่ยส่งไลน์มาแวบๆ  ว่าวันนี้จะไม่เข้ามา  เขาเลยดูหนังสลับกับนอนเล่นฆ่าเวลา  พอสี่ห้าทุ่มก็เตรียมตัวเข้านอน  ลองเสี่ยส่งไลน์มาแบบนี้แสดงว่าเขาฟรีแล้ว  เพราะงั้นเขาก็เลยหลับตั้งแต่หัววัน  ไม่รู้หรอกว่าใครมาทำอะไรกับคอมตัวเองบ้าง 

ตื่นมาอีกทีก็เห็นจอมันสว่างรออยู่แล้ว  มองดูตัวเลขที่กรอกไว้แล้วก็เห็นตัวเลขเปลี่ยนไปนิดๆ  จะเอาเอกสารมาเทียบเอกสารก็ไม่อยู่  พอโทรไปถามเสี่ยๆ  ก็บอกว่าเป็นคนเอาเอกสารออกไปตอนนี้กลับออกมาทำงานแล้ว 

เขาที่เพิ่งตื่นเลยไม่คิดมาก  ถามสองสามคำว่าเลขมีปัญหาไหม  เสี่ยก็บอกไม่มีปัญหาอะไรมาก  เสี่ยแก้ให้หมดแล้ว  แหม  ท่านประธานช่างเป็นคนดี๊คนดี  มาช่วยงานพนักงานอย่างนี้  เขารักตายเลย




>>>  ได้อ่านทุกคอมเมนท์แล้วนะคะ  ดีใจมากเลยที่ทุกคนชอบเด็กเลี้ยง  ขอบคุณทุกคนที่มาเมนท์นะคะ  >///<
>>>> เรื่องท่านประธานกับคุณปุยฝ้าย...  ขออุบอิ๊บไว้  เขากินตับกันจริงไหมน๊าาา  << แลดูนิสัยเสีย  5555

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 11 [27/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: joyey6217 ที่ 27-12-2016 10:36:56
ชอบความเรื่อยๆของเนื้อหา เหมือนเรากำลังตามติดชีวิตพระแพง มันเลยคล้ายๆว่าจะรู้จักกัน. และเริ่มผูกพันธ์ เอ็นดูนายพระแพงคนนี้ขึ้นมา
แหม่ะ ชีวิตดีนะยะ นายเด็กเลี้ยง
เสี่ยแกชอบใจพระแพงนะเนี่ย ขนาดพูดน้อยแต่แกก็ใส่ใจพระแพงนะ. ให้คำแนะนำและคอยย้ำให้ไปตรวจเลือด 5555 กลัวไม่ได้กินตับเด็ก
เสี่ยกับพระแพงก็ดูใช้ชีวิตร่วมกันแบบลงตัวดีนะ เหมือนที่บอกนั่นแหล่ะว่าเหมือนคู่แต่งงานที่แต่งกันมานาน เข้าใจกัน มีที่ว่างระหว่างกัน มีอิสระพอดี ตัวพระแพงเองก็ให้เกียรติและเคารพเสี่ย (เเต่เสี่ยกลัวแก่ไม่ให้ไหว้... ฮา)
 เสี่ยก็ให้อาหาร (?) และคำแนะนำที่ดี  ช่วยงานอีกตั้งหาก  รวมทั้งโอกาสที่ช่วยเหลือตั้งแต่กระโน้น ทั้งเงิน ทั้งหาที่ฝึกงานก็ด้วยมันเป็นฐานที่ดีให้พระแพงได้ทำงานบริษัทชั้นนำ ของเสี่ยเอง โลกมันกลมเนอะ  ออกแนวผู้มีพระคุณจริงๆน่ะแหล่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 11 [27/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-12-2016 11:08:21
เสี่ยดูน่ารักอะ จะเลวได้ยังไง
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 11 [27/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: W2P5 ที่ 27-12-2016 11:49:06
สงสาร5555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 10 [25/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-12-2016 12:45:48
ชอบบบบบ มากกกกก :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
พระแพง ให้เสี่ยช่วยทำงาน
เสี่ยอาจจับไต๋การทุจริตได้อีก
พระแพง ดูชิลๆ เรื่องกลับไปเป็นเด็กเลี้ยง
เรื่องคุณปุยฝ้าย ก็เฉยเลยหลังจากพิสูจน์กลิ่นน้ำกาม
ถ้าไม่ได้กลิ่น อาจยังหลงใหลใฝ่เพ้ออยู่
ถ้าพระแพง สามารถจำกลิ่นน้ำกามเสี่ยได้
ยกย่องให้เลยว่าเก่งยิ่งกว่าน้องหมา อะจ๊ากกกก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 11 [27/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 27-12-2016 14:19:43
เสี่ยคือเสี่ยจริงๆ5555555555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 11 [27/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 27-12-2016 14:30:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 11 [27/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 27-12-2016 15:45:31
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 11 [27/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 27-12-2016 18:09:56
เรื่องนี้ชอบมากกกกกกกกกกกก   :mew1: :mew1:
ปกติเราจะไม่อ่านนะเรื่องที่บทพูดน้อย
แต่เรื่องนี้โดนใจมาก
ตั้งใจอ่านทุกตัวอักษรเลย
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 11 [27/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 27-12-2016 18:59:38
ชีวิตดี๊ดีนะเด็กเสี่ย 55555

เสี่ยหายไปอีกแล้วววว ตอนนี้ไม่ได้รับค่าตั๋วช่ายมั้ย 5555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 11 [27/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: บันนีม ที่ 27-12-2016 19:05:37
พระแพงน่ารัก55555555 เสี่ยดูเป็นคนดีอะ คิดไม่ออกว่าจะเลวได้ยังไง55555555 อีกอย่างเราคิดว่าเสี่ยกับคุณปุยฝ้ายไม่ได้มีอะไรกันหรือเปล่า ลองเดามั่วๆนะ คือพระแพงได้กลิ่น แต่จริงๆก็ไม่รู้ว่าเป็นของเสี่ยจริงไหม เพราะไม่เห็นภาพแต่รู้แค่กลิ่นมันชัดเจนมาก  แต่เสี่ยเป็นคนเซฟเซ็กส์ ไม่น่าจะทำโดยไม่ป้องกันแล้วปล่อยเลอะเทอะจนได้กลิ่นขนาดนั้นไหมอะ แล้วประเด็นสำคัญคือไม่รู้ว่าคุณปุยฝ้ายทำกับใครนี่แหละ5555555 แต่อันนี้เราเดาเฉยๆนะ เพราะไบแอสเสี่ยหนักมาก คิดว่าเสี่ยของเราเป็นคนดีแน่นวลลล แต่จริงๆคือเสี่ยอาจจะทำกับคุณปุยฝ้ายจริงๆก็ได้5555555555555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 11 [27/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 27-12-2016 19:59:45
พอมีเสี่ยแล้วดูสะดวกสบายดีนะพระแพง
สนุกมากค่ะ รอติดตามตอนต่อไปค่า :katai4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 11 [27/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 27-12-2016 21:13:01
มีการโยนงานให้เจ้านายด้วย ดีจังเลยนะพระแพง

ว่าแต่...ไอ้ตัวเลขนี่ไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่ไหมเนี่ย?
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 11 [27/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 27-12-2016 21:51:47
เรื่องงานอาจมีกลิ่นตุๆ พระแพงต้องช่วยเสี่ยจับคนโกงโดยไม่รู้ตัวแน่ๆ(มั้ง) แต่เรื่องชืวิตรัก น้องไปตรวจเลือดแง้ว..ววววว รอเค้ากินตับกัน อิอิ  :ling1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 11 [27/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 27-12-2016 22:01:46
ฮาจริงไรจริง อัพเร็วดีด้วย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 11 [27/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 28-12-2016 08:24:02
ตอนนี้มันสั้นจังเลยค่ะะ  :hao5:
เสี่ยไม่คิดถึงเด็กหรออ นอนกอดกันคืนเดียวหายไปอีกแล้ววว
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 11 [27/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 28-12-2016 12:46:59
ยังรู้สึกแปลกๆกับการมองโลกในแง่ดีของน้องแพง หรือเรากลัวดราม่าไปเอง อ่านด้วยความระแวง
5555555555555555555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 11 [27/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 28-12-2016 22:07:29
ฉันเข้ามารอพี่อยู่ที่บอร์ดทุกวัน
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 11 [27/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 29-12-2016 00:17:54
เขินไรเนี่ยยยย
เค้าแค่ช่วยกันทำงานป่าวแก แต่นี่เขินหนักมากกก
ฮือ เสียใจที่พะแพงอุตส่าห์ไปตรวจเลือดมาแล้ว
ทำไมเสี่ยไม่จัด
รีเควสสุดชุดคอสเพลย์ พะแพงหุ่นดี น่าจะใส่อะไรก็ขึ้น
ว้ายยยยยยยยย  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 12 [29/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 29-12-2016 14:32:44
ตอนที่  12



ในที่สุดการรายงานผลและการตรวจสอบงบประจำไตรมาสก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่น  เขาที่ตงิดๆ กับเรื่องตัวเลขเมื่อวันก่อน  แต่พอเสี่ยบอกว่าไม่มีปัญหาอะไรเขาก็ปิดปากเงียบ  แอบทำตัวเป็นสายลับสืบโน่นสืบนี่จากเอกสารที่อยู่ในบริษัทไปเรื่อย  แต่เพราะสืบยังไงเขาก็สืบไม่ได้เสียทีสุดท้ายก็ต้องเลิก  แถมเรื่องนี้ไอ้รุตก็ปิดปากเงียบกริบ  จากที่เป็นคนช่างจ้อก็ทำตัวเป็นหอยนางรม  เขาทั้งแกะทั้งแคะทั้งเคาะ  เอาอาหารมาล่อ  มันก็ไม่ยอมเปิดปากพูด  จะให้ไปเซ้าซี้จากเสี่ยอีกรอบก็ไม่กล้า  เพราะเสี่ยบอกแล้วว่าไม่มีปัญหาเขาเลยไม่อยากจะตื้อ  สุดท้ายเขาที่จนตรอกก็ได้แต่ปล่อยเรื่องนี้ไปแบบเลยตามเลย  ไม่ขุดคุ้ยอะไรมาก

   
ส่วนชีวิตเขากับเสี่ย  ตอนนี้เราสองคนก็ปรับตัวเข้าหากันได้มากขึ้น  จากที่โดนเสี่ยจัดหนักจัดเต็มมาเกือบทุกคืน  ตอนนี้ก็เหลือแค่คืนวันศุกร์  กับคืนก่อนวันหยุดนักขัตฤกษ์  วันธรรมดาจันทร์ถึงพฤหัสฯ  นี่เสี่ยต้องเลือกมาหนึ่งวัน  ไม่เกินกว่านั้น  ซึ่งเขาเองก็ไม่อยากเรื่องมากหรือเล่นตัวหรอกนะ  แต่เสี่ยน่ะไม่รู้ไปตายอดตายอยากหรือเก็บกดมาจากไหน  พอผลเลือดออกปุ๊บ  ก็จัดเขาหนักปั๊บ  ทำเอาเขาที่ห่างหายร้างลาไปนานต้องนอนแปบอยู่บนเตียง  แถมเสี่ยก็ใจดีลางานให้ตั้งหนึ่งวัน (ประชด)

เขาที่ถูกจัดหนักมาเลยหยุดงานประท้วง  ขอลางานเพิ่ม  เขาไม่ยอมเดินขาถ่างไปทำงานหรอกนะ  ถึงคืนวันรำลึกความหลังเขาจะไม่ได้เลือด  แต่เสี่ยก็จัดหนักอยู่พอควร  ขนาดเขาที่(ค่อนข้างจะ)อึดถึกถึงกับไข้ขึ้นนิดๆ  เดือดร้อนให้เสี่ยนั่นแหละที่ต้องดูแล  หาซื้อหยูกยามาให้  พอซื้อให้เสร็จก็หายต๋อมไปทำงานทิ้งเขาไว้กับแม่บ้าน  ไอ้เขาเองก็ไม่ได้หวังหรอกนะว่าเสี่ยจะมาประคบประหงมเพิ่ม  แต่อย่างน้อยๆ  ก็ช่วยสะกิดให้มันน้อยลงหน่อยได้ไหม  เขาป่วยอยู่ยังจะมาสะกิดอยู่ได้  ถึงจะบอกว่าแค่ใช้มือ  แต่เสี่ยลองมาเป็นเขาบ้างไหมล่ะ  แค่ใช้มือแต่สำหรับคนป่วยมันก็เหนื่อยนะ!
   
เฮ้อ  สุดท้ายเพราะเรื่องที่เขาไม่ยอมให้เสี่ยสะกิดนี่แหละ  จากที่ควรจะเป็นเรื่องเล็กๆ  เสี่ยก็ทำเป็นใหญ่โตจะปลุกปล้ำเขาให้ได้  นี่ไม่ใช่ละครหลังข่าวนะ  เอะอะจูบๆ  แล้วนึกเหรอว่าเขาจะสมยอม  เขาเจ็บก้นโว้ย!
   
เพราะงั้นก่อนที่เรื่องจะเลยเถิดถึงขั้นเขาชกกับเสี่ย  เสี่ยเลยยอมประณีประนอมให้เรากลับไปทำแบบช่วงที่สมัยเป็นเด็กเลี้ยงได้  วันศุกร์จัดเต็มได้ไม่มีปัญหาแต่วันเสาร์ห้าม  วันหยุดนักขัตฤกษ์ได้  แต่วันธรรมดาต้องเลือกมาหนึ่งวัน  เพราะงั้นเรื่องผัวสะกิดแต่เมียห้ามจึงได้จบลงแต่โดยดีเพียงเท่านี้

อันที่จริง...  ตอนที่ทะเลาะกันน่ะ  เขาก็อยากจะสวนเรื่องเสี่ยกับคุณปุยฝ้ายอยู่หรอก  แต่เพราะไม่อยากให้เรื่องมันเลยเถิด  เขาเลยทำได้แต่ปิดปากเงียบ  คือมันไม่ใช่ว่าเขาจะหึงหวงหรืออะไรเสี่ยหรอกนะ  เขาก็แค่อยากบอกเสี่ยว่า  เสี่ยกลับบ้านใหญ่บ้างเถอะ  เมียก็รอท่านอยู่ที่นั่น  ถ้ายังไงก็ไปจัดเต็มกับเมียบ้างก็ได้  สงสารเด็กเลี้ยงกึ่งชู้แบบเขาบ้าง  ถึงจะถึก  แต่บ่อยๆ เข้าก็ไม่ไหวนะ  เขาไม่อยากให้หูรูดเสียก่อนกำหนด   แต่เขาก็ฉลาดพอที่จะไม่พูด  ถึงจะคันปากยุบยิบอยากด่ากราดทุกครั้งเวลาที่เสี่ยจัดหนักก็เถอะ

แล้วเหตุผลหลักอีกอย่างที่เขายอมให้เสี่ยจัดหนักโดยการไม่พูดถึงเรื่องคุณปุยฝ้ายน่ะก็คือ  ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่าว่า  เวลาที่คุณปุยฝ้ายมาหาเสี่ยน่ะ  เสี่ยจะดูเครียดๆ  จากที่จัดหนักอยู่แล้ว  ก็จะหงุดหงิด  รุนแรงยิ่งกว่าเดิม  เขาที่ปกติก็เหนื่อยอยู่แล้วก็เกือบจะทนไม่ได้  สุดท้ายเขาก็ต้องเลือกใช้ปากไม่ก็ออนท็อปแทนเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก  แล้วเสี่ยในเวลาแบบนี้น่ะนะ  พอเริ่มอารมณ์ดีก็ยิ่งลามก  จากที่เครียดๆ อยู่ก็สั่งให้เขาทำนั่นทำนี่  แล้วคิดว่าเขาจะยอมเรอะ...   

ไม่มีทาง!  ถึงเวลาปกติเขาจะเชื่อฟังเสี่ย  แต่ในเวลาแบบนี้น่ะฝันไปเถอะ  จะให้เขาเล่นกับตัวเองเหรอ  ฝันไปเถอะ  ชาติหน้าโน่น  สุดท้ายเสี่ยที่เห็นว่าเขาไม่ยอมทำแน่ๆ แต่ตาแดงๆ  ก็ต้องยอมกลับลำมาเป็นฝ่ายปลอบใจเขาบ้าง  ทั้งจูบทั้งไซร้จนเขาเกือบร้องไห้  คือเขาเสียวนะ  แต่เสี่ยไม่ยอมให้เสร็จ  แถมไม่ยอมให้เขาใช้มือด้วย  สุดท้ายเลยกลายเป็นว่าเขากับเสี่ยต้องเล่นกันแบบเอสเอ็มกลายๆ  รอจนเขาน้ำตกนั่นแหละเสี่ยถึงจะยอมปล่อยให้เขาไปได้

เฮ้อ~  คิดแล้วก็อยากถอนหายใจอีกรอบ  ไม่รู้ว่าเสี่ยจะอะไรกับเลขสามนักหนา  จัดหนักกันทีไรต้องเล่นให้ครบสามรอบ  ถ้าเล่นไม่ครบเหมือนองค์จะลงอาละวาดใส่เขาซะงั้น  สงสัยที่เขาว่าผู้ชายก็มีช่วงวัยหมดฮอร์โมนหมือนกันนี่ท่าจะจริง  ถึงเสี่ยจะยังไม่แก่แต่ใครจะรู้  เล่นหงุดหงิดอย่างกับคนเป็นวัยทอง  ทำเอาเขาที่ยังหนุ่มๆ  เกือบปรับตัวตามแทบไม่ทัน

ส่วนเรื่องของคุณปุยฝ้าย  เขาเองก็พอทำใจได้หน่อยๆ แล้วว่าต้องอยู่เป็นชู้จนกว่าเสี่ยจะเบื่อแน่ๆ  เพราะเสี่ยดูไม่มีท่าทีว่าจะเลิกกับคุณปุยฝ้ายเลย  ถึงจะมีข่าวออกมาว่าเสี่ยไม่ได้รัก...  ถูกจับคลุมถุงชน  แต่เสี่ยก็ยังไปไหนมาไหนกับคุณปุยฝ้ายอยู่เรื่อยๆ  แถมช่วงหลังก็มีข่าวสังคมออกด้วยกันบ่อยๆ  เสี่ยที่ไม่ค่อยชอบถ่ายรูปก็มีรูปออกสื่อให้เห็นมากขึ้น

แต่ถ้าให้เขาออกความเห็นแบบไม่ลำเอียงนะ  เขาว่าเสี่ยไม่เหมาะกับคุณปุยฝ้ายหรอก  เหมาะกับเขานี่  เอิ่ม  ไม่ใช่หมายถึงเสี่ยเหมาะกับเขาหรอกนะ  หมายถึงเขาเหมาะกับคุณปุยฝ้ายต่างหาก  เพราะเสี่ยตัวสูงกว่าเขาอยู่ไม่มาก  แต่ถ้าเทียบกับคุณปุยฝ้ายถือว่าเสี่ยสูงกว่าเยอะ  ถ้าเล่นท่าลิงอุ้มแตง....  แค่กๆ   เอาเป็นว่าด้วยขนาดตัว  เขากับคุณปุยฝ้ายเหมาะจะเล่นท่านี้ด้วยกันมากกว่าแน่นอน

อะไรเล่า   เขาก็แค่คิด  เขาไม่ได้อยากแทงข้างหลังหรืออยากเล่นสามหน่อซักหน่อย  ของแบบนี้มันก็ได้แต่คิด  ช่วยเสริมสร้างจินตนาการให้ชีวิตคู่สนุกขึ้น  ไม่เชื่อคุณไปถามสามีหรือคุณแฟนได้เลย  เวลามีอะไรกัน  บางทีมันก็ต้องอาศัยจินตนาการด้วย  ลียงเฮ(มันมีชื่อนี้ไหม)  ลีมึนโฮ (หรือเปล่า)  ผู้หญิงที่มีแฟนแล้วเวลาซั่มกับแฟนก็อาจจะคิดถึงคนอื่นเหมือนกัน  เพราะงั้นนี่ไม่ใช่เรียกว่านอกกายหรือนอกใจ  เขาเรียกว่าเสริมสร้างความจิ้น  นางแบบ  FHM  เหรอ  เสี่ยไม่มีนมตู้มๆ  แบบที่เขาชอบขย้ำเล่น  เขาก็อาศัยแค่จินตนาการไปก่อนก็ได้  ถึงส่วนใหญ่จะ...  เอิ่ม  คิดไม่ออกเพราะเขาเป็นฝ่ายรับไม่ใช่ฝ่ายรุก  แต่พอว่างๆ  เขาก็นั่งจินตนาการนะเออ  ไม่งั้นลูกชายเขาได้แห้งเหี่ยวหัวโตหมดเพราะโดนใช้งานไม่ถูกด้าน


เฮ้อๆๆ  คิดไปคิดมาก็อยากถอนหายใจอีกรอบ  ชีวิตในวัยหนุ่มอย่างเขามันช่างน่าเศร้า  แฟนซักคนก็ยังไม่มี  ถึงเสี่ยจะหล่อ...  รวย  และอึดมาก  แต่เขาก็อยากจะลองกอดผู้หญิงจริงๆ ดูซักครั้ง  แต่ไอ้ครั้นขออนุญาตเสี่ยไปใช้สาวบริการเขาก็ไม่ชอบ  สงสัยจะติดเชื้อรักสะอาดจากเสี่ยมา  เลยไม่อยากเที่ยวมั่วซั่ว

เออ  พูดถึงเสี่ยกับสาวให้บริการ  ตั้งแต่มีอะไรกันมาเสี่ยไม่เคยให้เงินเขาซักครั้งเลยนะ  เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เสี่ยจะให้เงินเขาตอนที่อยู่บนโต๊ะกินข้าว  เขาที่กำลังหั่นแฮมกับเบคอนเข้าปากเลยนั่งนิ่ง  กำส้อมกับมีดที่อยู่ในมือแน่น  กะว่าถ้าเสี่ยวางเงินเมื่อไหร่เขาจะเอามีดกับส้อมนี่แหละปักมือเสี่ยให้ทะลุ  ยังดีที่เสี่ยรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง  พอเห็นว่าบรรยากาศเริ่มมาคุทั้งที่เขาไม่ยอมเงยหน้า  เสี่ยเลยยอมเก็บกระเป๋าตังค์แล้วเดินหนีออกไปดื้อๆ 

เพราะอย่างนั้นช่วงนั้นเขาเลยนอยด์เสี่ยไปอยู่สามสี่วัน  จนเสี่ยต้องมาง้อพาเขาไปกินนั่นดูนี่  นั่นเป็นครั้งแรกที่เสี่ยพาเขาออกไปหาอะไรกินนอกห้อง  กินอาหารในห้องของโรงแรมห้าดาว  กินสเต๊กรสชาติสุดอร่อย  ดื่มไวน์หอมๆ ไปอีกหลายแก้ว  เขาที่อารมณ์ดีมากๆ บวกกับเริ่มเมาๆ  เลยยอมยกโทษให้  ออดอ้อนไถหัวไถหางกับตัวเสี่ยว่า  เขาไม่อยากได้อะไรจริงๆ  แค่อยากทำเพื่อเสี่ยบ้าง 

และพอเขาบอกไปเท่านั้นแหละ  เสี่ยดันเกิดอารมณ์หื่นเพิ่ม  จากที่ฟัดกันแบบพอเหมาะเพราะอยู่ในห้องพักของโรงแรม  คราวนี้เสี่ยก็จัดหนักจัดเต็มแถมหื่นออกนอกหน้า  เสี่ยจับเขาที่เมาไวน์ให้เอาตัวแปะกับกระจกแล้วสั่งให้เขามองออกไปข้างนอก  เขาคงมองได้หรอก...  เห็นแต่ตาเสี่ยที่สะท้อนอยู่บนกระจกโน่น!  ยังดีที่วันนั้นเป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์  เขาเลยได้นอนพักแบบให้หายเหนื่อย  แถมยังได้เปิดประสบการณ์ใหม่แบบนิวเอ็กซ์พลอร์  (New explore)  ทำตัวเป็นเด็กเลี้ยงอยู่ในโรงแรมของจริง  มีอาหารมาเสิร์ฟให้ถึงห้อง  บ่ายๆ ก็ลงไปว่ายน้ำเล่น  ได้นวดตัวกับทำสปาด้วย

ออกมาจากห้องสปาอีกทีก็ตัวเบาหวิว  ขี้ไคลหลุดออกมาหลายก้อน  เสี่ยที่ลูบๆคลำๆ ตัวก็เขาก็สั่งว่า  ต่อไปให้ขัดผิวด้วย  ฮ่วย  เงินก็ไม่ได้ยังจะมาสั่งให้ทำนั่นทำนี่  แต่พอเสี่ยโยนบัตรสปามาให้  เขาก็เปลี่ยนใจขอขัดในห้องน้ำแทน  คือนานๆ ทีมันก็โอล่ะนะ  แต่ทำบ่อยๆ  มันก็เหมือนเด็กเสี่ยไปหน่อยไหม  แถมเขาก็ไม่ได้รักสวยรักงามถึงขนาดที่ตัวต้องผิวใสกิ๊ก  เขาชอบแบบผิวสีแทนๆ  มากกว่า  ดูสุขภาพดีแถมอินเทรนด์ทางตลาดยุโรป  เวลาเดินเปลือยอกในโรงแรมที  สาวๆ ฝรั่งนี่หันมามองกันให้พรึ่บ   เขาที่ยืดแล้วยืดอีกก็ตัดสินใจจะฟิตหุ่นจนมีซิกแพคให้ได้ 

แต่เสี่ยนี่สิดันทำตัวเป็นมารคอหอย  ตัดบทเขาที่กำลังจะของบไปฟิตเนสว่า  หุ่นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว  อย่าให้มีหกห่อเพิ่ม  โธ่เอ๊ย  ตัวเองแก่แล้วไม่มีปัญญาทำล่ะสิ

แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดออกไป  แต่อยู่กันมานาน  เสี่ยมีเหรอจะไม่รู้  เสี่ยเลยจัดมะเหงกมาให้เขาหนึ่งโป๊ก  ตามมาด้วยอาหารแช่แข็งหนึ่งมื้อ  เขาที่ช่วงหลังๆ  อยู่ดีกินดี  มีทำคนทำอาหารให้ก็ต้องรีบคุกเข่ากลับลำ  อ้อนวอนขอร้องเสี่ยว่า  ไม่เอาอาหารแช่งแข็งแล้ว  จะไปวิ่งออกกำลังกายเอง  จะยกเวทอยู่ที่ห้อง  เพราะงั้นขออาหารให้หนูเถอะนะ  ปิ๊งๆๆ


แล้วเสี่ยเรอะจะรอดไม้ตายของเขา  ไม่มีทาง  ฮ่าๆๆ  อยู่กันมานานเขาก็รู้เหมือนกันว่าเสี่ยชอบให้อ้อน  เขาเลยไถหัวไถตัวจนเสี่ยยอมใจอ่อนเปิดบัตรสมาชิกฟิตเนสให้  แต่ย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามมีกล้าม  เขาที่ได้บัตรฟิตเนสมาก็อารมณ์ดี๊ดี  บอกว่าจะผ่อนจ่ายค่าบัตรทีหลังให้  แต่เสี่ยก็บอกว่าไม่ต้อง  เขาที่เห็นเสี่ยตามใจก็ไม่อยากเรื่องมาก  นิดๆ หน่อยๆ  แค่นี้อย่าทำเรื่องเยอะ  คืนนั้นเขาเลยบริการเสี่ยไปแบบสุดพิเศษ  ยอมเล่นในอ่างอาบน้ำด้วย  แต่เล่นท่าไหนไปคิดกันเอาเองเถอะ  เรท  18+  30+  ก็จัดไป  อย่าให้หัวสมองว่าง

และเพราะเขากับเสี่ยปรับตัวเข้าหากันได้แบบไม่มีปัญหามาก  เพราะงั้นแปบๆ ก็ผ่านไปแล้วสามเดือน  ซึ่งก็ถึงช่วงที่จะมีวันหยุดยาวอยู่พอดี  เขาที่ไม่ได้กลับบ้านไปเยี่ยมลุงกับป้ามานานก็เตรียมว่างแผนลางานไว้ล่วงหน้า  กะจะหยุดซัก 7-8 วัน  แต่บริษัทดันมีกฎว่าห้ามลาเกิน  7  รวมหยุดเสาร์-อาทิตย์ด้วย  เขาที่แผนล่มก็ได้แต่ยื่นใบลากับเสี่ยทั้งน้ำตา  พยายามอ้อนแต่เสี่ยก็ไม่ยอมใจอ่อนให้หยุดเพิ่ม  ใช่ซี้  สิทธิเด็กพิเศษมันหมดไปแล้วตั้งแต่เมื่อคืนนี่  เขาที่ถูกเสี่ยตามใจจนใกล้จะเสียคนเลยถูกเสี่ยเอามือมาขยี้หัวเล่น  ก่อนบอกว่า

" กุญแจบ้าน"

เหออออ   กุญแจบ้าน?  สองคำสั้นๆ  แต่ไม่ได้ใจความ  เสี่ยเอากุญแจบ้านไปทำไมอ่ะ  แถมไม่ใช่กุญแจบ้านหรือกุญแจคอนโดของเสี่ยด้วย  แต่เป็นกุญแจบ้านเขา

เขาที่ยังงงๆ  ก็ได้แต่ส่งกุญแจบ้านของตัวเองไปให้  แต่ก็ยังย้ำกับเสี่ยว่า  บ้านเขาไม่พวกเครื่องลายครามหรือพวกถ้วยสังคโลกหรอกนะ  และถึงบ้านจะเก่าแต่ก็ไม่ได้ซ่อนสมบัติไว้  แน่นอนว่าพอพูดออกไปก็ได้หมัดมาอีกหนึ่งโป๊ก  ก่อนเสี่ยจะดึงไปกอดปลอบ  บอกว่าจะหาของขวัญวันเกิดมาให้  เขาที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าใกล้วันเกิดตัวเองก็ได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก  บอกเสี่ยว่าไม่ต้องซื้อของแพงมาก

ไอ้ตอนแรกเขาก็นึกอยู่หรอกนะว่าเสี่ยคงซื้อพวงกุญแจสวยๆ ให้  เอาแบบให้เข้ากับสร้อยคออะไรแบบนี้   แต่ที่ไหนได้  ตอนที่เห็นของขวัญเขาได้แต่อึ้ง  อึ้งและตะลึงตึ่งตึ๊ง  ก่อนตะโกนออกมาว่า

" เสี่ยทำอะไรกับบ้านโผ้มมมมมมมมมมม!!!!!?"





>>>เสี่ยสายเปย์  =.,=
>>>>> ตอนหน้า  Club Friday อุฮิ 


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 12 [29/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 29-12-2016 15:16:40
ตลกอีหนูสายมโนหวะ 555555.  คิดไปเองเก่งจัง
เดาว่าเสี่ยจัดบ้านให้ใหม่ คงเหมือนแคตตาล็อกของอิเกียสินะ
เสี่ยคะ ต้องสามสิเนอะเลขสวย. เลิศ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 12 [29/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 29-12-2016 15:18:55
ดีงามพระรามเก้าเหมือนเดิม
ใครไม่อ่าน คือ พลาดอ่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 12 [29/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 29-12-2016 15:40:47
 :m1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 12 [29/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 29-12-2016 16:15:17
เสี่ยหลงเด็กขั้นสุด  :hao7:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 12 [29/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: บันนีม ที่ 29-12-2016 17:10:42
ชอบเสี่ยไม่ไหวแล้ว พฮือออ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 12 [29/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-12-2016 17:13:43
เง้อออ........เดี๋ยวนี้มีอ้อน ไถหัวไถตัวเสี่ย
แล้วเสี่ย มีหรือจะไม่หลง
สนิทชิดเขื้อมากขึ้น เสี่ยเขกมะเหงกใส่เด็กด้วย
พระแพงไม่รับเงินจากเสี่ย
มันยิ่งทำให้ความสัมพันธ์
แน่นแฟ้น ขยับใกล้ชิดเข้าหากัน
ไม่ใช่เด็กเลี้ยงแล้วนะ นี่เหมือนคนคบกันอ๊ะป่าว
สมนาคุณบริการในอ่างน้ำ มีไปสปาด้วย
อ่านถึงตรงสปา นี่ อ่านทวนหลายรอบ
ไปสปานี่ถึงกับขี้ไหลเลยหรอ
ที่ถูก น่าจะเป็น ขี้ไคล
ดีนะ ไม่ใช่ขี้ใคร ไหลมา สปาเจ๊งแน่
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 12 [29/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 29-12-2016 17:55:51
เง้อออ........เดี๋ยวนี้มีอ้อน ไถหัวไถตัวเสี่ย
แล้วเสี่ย มีหรือจะไม่หลง
สนิทชิดเขื้อมากขึ้น เสี่ยเขกมะเหงกใส่เด็กด้วย
พระแพงไม่รับเงินจากเสี่ย
มันยิ่งทำให้ความสัมพันธ์
แน่นแฟ้น ขยับใกล้ชิดเข้าหากัน
ไม่ใช่เด็กเลี้ยงแล้วนะ นี่เหมือนคนคบกันอ๊ะป่าว
สมนาคุณบริการในอ่างน้ำ มีไปสปาด้วย
อ่านถึงตรงสปา นี่ อ่านทวนหลายรอบ
ไปสปานี่ถึงกับขี้ไหลเลยหรอ
ที่ถูก น่าจะเป็น ขี้ไคล
ดีนะ ไม่ใช่ขี้ใคร ไหลมา สปาเจ๊งแน่
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

แก้แล้ว  ><  เขินเลยอ่าาา  555555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 12 [29/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 29-12-2016 18:08:18
เสี่ยสายเปย์
ขอกุญแจบ้านไปทำบ้านให้หรออออ
55555

เหมือนคนรักมากกว่าเด็กเลี้ยงแล้วนะเนี้ย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 12 [29/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 29-12-2016 18:46:09
โอ๊ยอะไรมันจะดีขนาดนี้   :hao7: :hao7:
อิจฉาโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 12 [29/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Atroce ที่ 29-12-2016 20:11:09
มันฮานะ ตลกในความมโนของนาง
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 12 [29/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 29-12-2016 21:09:43
Holy Trinity ค่ะ  ต้องสามเท่านั้น
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 12 [29/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 29-12-2016 21:46:23
พะแพงนี่เด็กเลี้ยงประเภทไหนกันโว๊ะ
มโนใหญ่มาก
ประเด็นคือมโนเรื่องไร้สาระ โฮ้ยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 12 [29/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 29-12-2016 21:59:39
เสี่ยทำอะไรกับบ้าน ใช่อย่างที่เด็กเสี่ยแอบฝันไว้ไหม
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 12 [29/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 29-12-2016 22:27:57
อย่างฮา เสี่ยสายหื่น..นนน กลับมาแล้ว อะไรจะน่ารักเบอร์นั้นคู่นี้ #ทีมพระแพง    :impress2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 12 [29/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 29-12-2016 22:40:14
ชอบพระแพงมากกกกกก ช่างมีความคิดบวกแทรกอยู่ในทุกสิ่ง

ว่าแต่...เสี่ยทำอะไรกับบ้านหรอคะ? (อย่างก็ก็ยังคงเป็นบ้านอยู่ ไม่ได้เปลี่ยนหลังใหม่หรอกเนอะ เพราะยังขอกุญแจไปทำ...ฮาาาา)

#เสี่ยสายหื่น #เสี่ยสายเปย์
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 12 [29/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 29-12-2016 22:55:58
ตอนต่อไป เข้ามา รอเช้า รอเย็น อิอิ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 12 [29/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 30-12-2016 04:18:18
อยากเห็นของขวัญ :katai1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 12 [29/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 30-12-2016 07:14:12
เสี่ยแซ่บมากค่ะ สายหื่นที่แท้จริง
เสี่ยทำอะไรกับบ้านพระแพงน้อ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 12 [29/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 30-12-2016 09:40:21
ไม่น่าใช่เด็กเลี้ยงแล้ว พฤติกรรมผัวเมียชัดๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 13 [30/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 30-12-2016 11:21:35
ตอนที่  13



" เสี่ยทำอะไรกับบ้านโผ้มมมมมมมมมมม!!!!!?"

ตะโกนเสร็จ  เขาก็ได้แต่วิ่งหน้าตั้ง  ทิ้งเสี่ยที่ติดสอยห้อยตามมาจากกรุงเทพถึงจันทบุรีไว้ในห้องนั่งเล่น  วางน้ำเย็นไว้ให้หนึ่งแก้ว  แล้ววิ่งตึงตังไปทั่วบ้าน

เสี่ยยยย

เสี่ยยยยโว้ยยยยยยยย

เสี่ยยยยยยยยยยโว้ยยยยยยยยยยย

ไอ้ที่ตะโกนน่ะ  ไม่ได้ส่งเสียงเรียกหรือด่าเสี่ยอยู่ในใจหรอกนะ  แต่อยากจะบอกว่าเสี่ยแน่มาก  เสี่ยล้วงความลับของเขาเก่งมาก  เพราะบ้านเขาที่เสี่ยลงทุกรีโนเวตให้น่ะ  เหมือนกับบ้านในฝันของเขาชัดๆ  ไม่สิดีกว่าด้วยช้ำ! 

บ้านที่เขาเคยออกแบบเล่นไว้อยู่ในคอมน่ะก็คือบ้านแบบนี้  ตัวบ้านยังคงรูปแบบบ้านทรงไทยแบบเดิม  เปลี่ยนแต่สีกับตัวผนังบ้าน  คือเขาเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าบ้านของเขาเก่ามาก  ตัวบ้านยังคงเป็นบ้านทรงไทยแบบสมัย  100  ปีก่อนได้  ถึงจะไม่ได้เก่าขนาดเป็นทรงหมาแหงน  แต่ก็ถือว่าเป็นบ้านเก่าที่ดูคลาสสิคมากๆ 
   
แต่ก็เพราะว่าเป็นบ้านเก่านี่แหละ  บ้านเขาที่เป็นบ้านไม้  ต่อให้ฉีดปลวกแล้ว  เนื้อไม้มันก็ถูกปลวกกินไปซะจนร่วน  ดังนั้นเขาที่ว่าจะกลับมาปรับปรุงบ้านคราวนี้ก็กะว่าจะเปลี่ยนผนังไม้ก่อนเพื่อน  เอาให้บ้านมันอยู่ตัวไม่ทรุด  แล้วค่อยเปลี่ยนพวกหลังคา  ทำฝ้าพร้อมวางฉนวนกันความร้อน  ถ้ามีเงินเหลือก็ว่าจะเปลี่ยนพวกห้องน้ำกับชักโครกที่บางส่วนยังเป็นแบบนั่ง 

แต่บ้านที่เสี่ยเปลี่ยนให้เขานี่คือแบบเดิมเป๊ะๆ  เหมือนเดิมเกือบทุกอย่าง  ต่างกันตรงที่ทุกอย่างดูเป็นใหม่  ดูดีมีราคาขึ้น  ห้องน้ำก็ลงสีกับปูกระเบื้อง  ห้องนอนก็ทาสีให้เข้ากับตัวบ้าน  เอางานไม้ที่พอจะขัดได้ไปขัดจนดูใหม่  อันไหนที่เก่ามากขัดไม่ได้อย่างพวกตู้  เสี่ยก็คงจะสั่งคนให้ไปทำใหม่แล้วเลือกแบบที่มันดูดีมีราคาเหมาะกับบ้าน   
   
ตกแต่งบิวท์อินบางส่วนที่บิวท์ได้  ห้องครัวกับห้องนั่งเล่นเขายังไม่ได้ไปยล (เห็นผ่านๆ แวบๆ ตอนเอาน้ำให้เสี่ย)  แต่ห้องแม่กับห้องพระเขาเข้าไปชมมาแล้ว  ห้องพระจากที่เก่าๆ  ฝุ่นเยอะ  หยากไย่ขึ้น  เสี่ยก็สั่งให้คนมาตั้งโต๊ะหมู่บูชาจนดูสะอาดเรียบร้อย  สมัยก่อนที่ตายังอยู่  ตาเขาชอบเล่นพระมาก  พระเก่าๆ ดีๆ  มีเยอะ  ตาถึงได้ตั้งชื่อเขาว่า  "พระแพง"  พระที่ดีๆ ราคาแพง  ไม่ใช่พระแพงในเรื่องพระลอที่เป็นผู้หญิงแต่อย่างใด 

ดังนั้นตอนที่เขาเห็นห้องพระใหม่เอี่ยมขัดเงาบนพื้นไม้จนมันวับ  เขาก็ได้แต่จุดธูปจุดเทียนที่โต๊ะหมู่บูชา  ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่คุ้มครองบ้านและดูแลเขาจนมีวันนี้  ส่วนรูปของแม่  กับตายายที่อยู่ในห้องพระ  เขาก็จุดธูปไหว้อีกรอบ  ขอโทษขอโพยที่เขาเป็นเด็กเลี้ยง  แต่คราวนี้เขาไม่เสียใจจริงๆ นะ  ถึงจะผิด...แต่มันก็ทำให้เขามีบ้าน  แถมเสี่ยก็ยังเนรมิตบ้านเก่าๆ จนดูดีแบบนี้  โดยเฉพาะตอนที่เขาเห็นห้องนอนแม่  ซึ่งเป็นห้องนอนใหญ่ที่ชั้นสอง  เขานี่แทบจะน้ำตาไหลอีกรอบตอนที่เห็นผ้าม่านสีขาวบางดูพลิ้วๆ  กับตัวม่านหลักที่เป็นสีขาวมีดอกไม้เล็กๆ  กระจุ๋มกระจิ๋ม  
   
คือเมื่อก่อนแม่กับยายเป็นสาวไทยที่อ่อนหวานมาก  จักรตัวเก่าที่ใช้มานานแม่ก็เอาผ้ามาเย็บจนเป็นผ้าม่าน  ก่อนปักดอกไม้เองจนกลายเป็นดอกไม้ลายเล็กๆ  น่ารัก  แขวนเอาไว้ทั้งห้องของตัวเอง  ห้องคุณตาคุณยายกับห้องของเขา  ยิ่งตอนได้เห็นรูปแม่อยู่ในกรอบไม้แบบเรียบหรูสไตล์วินเทจ  เขายิ่งอยากร้องไห้  ไม่รู้เสี่ยไปขุดรูปแม่รูปนี้มาจากไหน  เพราะแม่ยังสาวและสวยมาก  เป็นรูปแม่ก่อนที่ถ่ายก่อนจะเสียไม่กี่ปี  เขาที่ความทรงจำเลือนๆ ลางๆ แต่ก็ยังพอจำได้  ยกมือไหว้รูปแม่อีกหนึ่งรอบ  แล้วเปิดหน้าต่างบานเก่าที่ขัดใหม่และลงน้ำมันแล้ว  ก่อนนอนกลิ้งบนเตียงของแม่  ระหว่างนอนเล่นก็เหลือบตาเห็นแอร์ตัวใหม่ที่เสี่ยคงติดให้ด้วย

คิดถึงเสี่ยได้  เขาก็กระเด้งลุกออกจากเตียง  วิ่งตึงตังลงไปที่ชั้นหนึ่งที่เขาทิ้งเสี่ยไว้กับน้ำหนึ่งแก้ว  เสี่ยก็ช่างเป็นเสี่ยเกรด  A  ปล่อยเด็กเลี้ยงให้วิ่งเล่นรอบบ้าน  ตัวเองเช็คหุ้นกับเล่นเกมส์ไปเรื่อย  เขาที่ดีใจมากแบบหมาโกลด์เด้นรีทีฟเวอร์เห็นเจ้านายก็วิ่งเข้าชาร์ตเสี่ย  ไถหัวไถตัวกับตัวเสี่ยหนึ่งรอบ  ก่อนก้มกราบที่ไหล่เสี่ยงามๆ  หนึ่งครั้ง  พูดเสียงเจื้อยแจ้วแต่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งว่า  ขอบคุณสำหรับของขวัญชิ้นนี้มาก  ส่วนเรื่องเงินเขาจะค่อยๆ  ทยอยผ่อนจ่ายให้ 
   
เสี่ยที่ได้ยินก็เลิกคิ้วแต่ตาพราวระยับ  ก้มลงจูบซับที่หูเขาหนึ่งรอบ  ก่อนกระซิบเสียงพร่าให้เขาดิ้นหนีเล่น  พอเขาเผลอๆ ก็ผลักเขาลงกับโซฟาเบาะนิ่ม  เสี่ยที่ชิงพื้นที่ด้านบนได้สำเร็จก็ทำตาวิบวับ  กระซิบที่หูให้เขาเสียวอีกรอบว่า  MRR - 2  ลดต้น  ไม่ลดดอกเบี้ย

ฮ่วย  MRR-2 อะไรเล่า  หนี้ไม่ถึงล้าน  เราอย่ายอม!  ต่อรองที่ไปที่  Fixed rate 2% สองปีแรก  จ่ายไม่หมดในสองปี  MRR-3.5  ลดต้นลดดอก!

แต่เสี่ยมีเหรอจะยอม  กอดเขาไป  จูบเขาไป  ด้านล่างก็เบียดลงมาด้วย  เขาที่สถานที่กับตำแหน่งไม่เอื้ออำนวยเลยยอมตกลงไปที่  MRR-4. 5  ลดต้นลดดอกตลอดชีพ  ไม่รู้หรอกว่าอันไหนคุ้มกว่าเพราะไม่มีสมาธิ  ประตูบ้านก็ไม่ได้ปิดแถมเสี่ยก็จูบไม่เลิก  ถึงจะกอดกันบนโซฟาที่มีผนักบังสายตา  แต่ขาเขากับเสี่ยก็ยาวใช้ได้  กอดกันทีขาก็ยาวเลยโซฟาไปโน่น  แถมเขากับเสี่ยก็ใส่แค่เสื้อยืดกับกางเกงยีน  แต่ตอนนี้กางเกงยีนเขาจะหลุดออกจากก้นแล้ว  ส่วนเสื้อนี่ก็เลิกไปถึงไหนๆ  ได้แต่ปล่อยให้เสี่ยเลียหน้าอกเล่น  ตอนที่กำลังจะเข้าเรท  18+  กับ 30+ ลุงเขาที่เป็นโรคหัวใจก็ตะโกนเสียงดังนำมาก่อนตัวด้วยสำเนียงถิ่นว่า

   
" ไอ้แพง  มาแล้วเร้ออ  พาแขกมากินข้าวที่บ้านสิ!"  แขกมาน่ะใช่  แต่แขกไม่อยากกินข้าว  แขกอยากกินเขา...   กินหลานลุงนี่!

" แป่บนึ๊งงง"  ไอ้นี่ก็สำเนียงออก  เสี่ยที่อยู่บนตัวเขาก็ได้แต่กลั้นหัวเราะจนตัวสั่นจนเขาต้องค้อนขวับไปหนึ่งรอบ  ดีนะที่มีผนักโซฟากั้นไว้  ไม่งั้นลุงได้เข้ามาเจอเรท G18+ ให้โรคหัวใจกำเริบแน่

เขาที่ถูกเสี่ยทับไว้ก็ได้แต่ผลักเสี่ยออก  ใส่กางเกงที่ถูกถอดให้เรียบร้อย  ลูบหัวลูบเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่  อะไรวะ  ฟัดกันตั้งนานเสื้อเสี่ยนี่เรียบกริ๊บ  ส่วนของเขานี่ยุ่งหมดตั้งหัวยันเสื้อผ้า  แถมไอ้เป้าที่ตุ่งตุ๊งนี่กว่าจะรูดซิปได้ก็เกือบหน้าเขียว  ส่วนของเสี่ยก็เป็นยีนเหมือนกันแต่เป็นแบบไม่ฟิต  ถึงตุงก็ไม่ผิดสังเกตมาก 
   
เออ  ประสบการณ์เยอะนักนะ!  เขาที่ท่องพุธโธ  ธันโม สังโฆ  อยู่นาน  แต่ก็ยังระงับอารมณ์หื่นไม่ได้  ก็ได้แต่ถลึงตาใส่เสี่ยที่ประสบการณ์เยอะ  ตะโกนบอกลุงที่เดินเข้ามาใกล้ว่าขอเข้าห้องน้ำแปบ  ก่อนจะวิ่งหนีแล้วก็ปล่อยเสี่ยไว้กับลุงอีกรอบ  จากนั้นเขาก็ตั้งสมาธิอยู่ในห้องน้ำ  เร่งจินตนาการสุดบรรเจิดจนเสร็จด้วยมือไปหนึ่งรอบ  คิดถึงแม่ที่อยู่บนสวรรค์แล้วรู้สึกเศร้านิดๆ  ห้องน้ำใหม่มีแต่ไม่ได้ใช้อาบน้ำ  เอามาเล่นว่าวแบบสามนาทีเสร็จ  ฮื๊อออ  อับอายขายขี้หน้า 

พอจัดการกับส่วนล่างของตัวเองเสร็จ  เขาก็ล้างหน้าล้างตากลบเกลื่อนอาการหื่นของตัวเองไม่ให้ออกนอกหน้า  แง้มๆ  โผล่หัวออกจากห้องน้ำ  เห็นเสี่ยนั่งคุยเล่นกับลุง  ส่วนลุงคนขับรถที่ขับรถตู้มาส่งก็นั่งอยู่ใกล้ๆ  ให้อารมณ์เสี่ยผู้ดีมาบ้านกำนันมาก  ลุงเขานี่แต่งตัวแบบคนทำสวน  เสื้อลายสก็อตติดกระดุมหน้ามีผ้าขาวม้าพาดบ่า  เขาที่โผล่หัวออกมาเห็นผู้ใหญ่คุยกันก็ทำตัวเป็นเด็กดี  เสิร์ฟน้ำให้ลุงเพิ่มอีกแก้ว  ก่อนจะนั่งแปะลงกับพื้นให้ลุงตบหัวเล่น 
   
อะไรเล่า  หลานเป็นคนดีมีมารยาท  ไม่ชื่นชมยังจะมาตบหัวหลานอีก!

" ไอ้แพง  เอ็งนี่นิสัยเสียทิ้งแขกไว้คนเดียว"

" ผมท้องเสียร็อก"  สำเนียงถิ่นต้องมา  เดี๋ยวเขาจะหาว่าลืมถิ่นฐานบ้านเกิด

" แล่วไม่แนะนำเจ้านายเอ็งหน่อยเร้อ"  ลุงเขานี่ก็พูดกลางไม่ชัด  ยังจะทำเป็นอยากพูด  แต่เขาไม่บ่นหรอก  ปล่อยให้เสี่ยฟังแบบงงๆ  ไปบ้าง  อยากประสบการณ์เยอะดีนัก  ฮ่าๆๆๆๆ

สุดท้ายเขาก็แนะนำเสี่ยกับลุงไปว่า  เสี่ยเป็นหัวหน้าที่บริษัท  ตำแหน่งใหญ่มากกก  แต่ใหญ่แค่ไหนไม่ต้องโม้  โม้มากเดี๋ยวของเข้าตัว  ลุงเขาที่เป็นคนง่ายๆ ก็พยักหน้าหงึกหงักแบบไม่สงสัยอะไรมาก  ก่อนฝากฝังเขากับเสี่ยตามประสาชาวบ้านว่า  ไอ้แพงมันดื้อ  แต่มันขยัน  ให้ใช้งานมันเยอะๆ 

โถ  ลุงเอ๊ย  หลานลุงน่ะ  ขยันรับจ็อบทั้งกลางวันกลางคืน  โอทีก็ไม่ได้ 

เสี่ยที่เห็นหน้าตาเขาก็ทำตายิ้มๆ  ก่อนจะตอบไปแบบผู้ดีว่า  พระแพงเก่งตั้งใจทำงานครับ  โถๆๆ  พ่อคนสร้างภาพ  ทีตอนจะกินเขาน่ะ  ไม่มีหรอกท่าทางเรียบร้อย  แปลงตัวเป็นเสี่ยจอมหื่นอยากกินอีหนูโน่น


สุดท้ายวันแรกของเขากับเสี่ยที่มาถึงจันทบุรีก็จบลงที่การกินเลี้ยงที่บ้านลุงหนึ่งมื้อ  มีพี่ชาย  พี่สาว  ลูกลุงกับป้ามาอยู่กันครบ  ครอบครัวฝั่งเขาเป็นคนไทยแท้ไม่มีจีนเจือปน    ดังนั้นเพื่อบรรยากาศแบบไทยๆ  ลุงเลยรับแขกที่ศาลาข้างบ้าน  กินข้าวกันแบบนั่งพื้น  ตั้งอาหารบนโต๊ะกลางที่ยกสูงจากพื้น  นั่งกินนั่งโซ้ยผักน้ำพริกแบบรสชาติจันทบุรีแท้ที่ติดหวานนิดๆ  ก่อนจะมีกุ้งย่างกับปลาเผาสดๆ มาย่างเพิ่ม 

ลุงเขาถูกห้ามกินกุ้งไปแล้วเพราะเป็นโรคหัวใจต้องงดกินของที่มีคลอเรสเตอร์รอล   เขากับพี่ชายที่ยังเป็นหนุ่มเกินวัยกำลังโตเลยจัดการฟาดเรียบ  ส่วนเสี่ยที่กินแบบผู้ดีก็ไม่ต้องบริการอะไรมาก  ปล่อยให้ป้ากับพี่ต้นอ้อช่วยแกะกุ้งแกะปลาให้  ส่วนเขาก็รอขอส่วนบุญต่อจากเสี่ยอีกที  พี่ต้นอ้อนี่มองเสี่ยตาหวานเยิ้ม  ดีนะที่พี่ต้นอ้อมีแฟนแล้ว  ไม่งั้นได้เจอมุกกุ้งหล่นหลอกจับมือเสี่ยกันบ้าง

หลังจากกินข้าวมื้อหลักเสร็จก็ตามมาด้วยเบียร์วุ้น  ซึ่งเขาชอบมากกกก  โคตรให้อารมณ์แบบกลับมาถิ่นฐานบ้านเดิม  ส่วนของเสี่ยเป็นเบียร์ไฮเนเก้น  เบียร์นอกที่หาได้ตามเซเว่น  แต่เสี่ยดันไม่สนเบียร์นอก  หันมาแย่งชิงเบียร์ช้างกับเขานี่  เขาที่กรึ่มๆ กำลังดีเลยส่งเสียงโวยวายจนได้มะเหงกมาจากลุงหนึ่งโป๊ก  ก่อนจะได้สติหุบปากเงียบกอดขวดเบียร์ที่เหลือไว้  ส่วนเสี่ยที่พลิ้วได้ทุกสถานการณ์ก็ดื่มไปหัวเราะไป  ดึกอีกหน่อยก็มีของหวานกับกับแกล้มเพิ่ม  เขาที่ผ่อนคลายจากการได้กลับมาบ้านก็กินไปสำรวจเสี่ยไปเรื่อยๆ  เสี่ยดูเข้ากับคนที่บ้านเขาได้ดีมาก  มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าแบบที่เขาไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก 
   
ส่วนเรื่องอาหารการกินนี่เขาโทรมาบอกลุงก่อนแล้ว  บอกว่าเสี่ยที่เป็นหัวหน้าจะมาด้วย  ลุงเลยเตรียมอาหารชุดใหญ่ เพราะเห็นว่าเขาจะพาเจ้านายมาเที่ยว  พอดึกมากเข้าน้ำค้างลง  เขากับเสี่ย (ความจริงคือเขาคนเดียว) ที่กำลังมึนได้ที่ก็ได้ฤกษ์ลากลับเสียที  เขาถูกเสี่ยหิ้วปีกกลับบ้าน  ทำเอาลุงโหวกเหวกโวยวายนิดๆ  เพราะเขาต้องให้เสี่ยดูแล  แต่เขาไม่ไหวแล้ว  อยากหลับเต็มที  นานๆ กลับมาบ้านทีก็แบบนี้   มีแต่ความสุขกับความสบายใจพร้อมกับของที่ชอบ  เลยเผลอดื่มไปเยอะ

เขาที่ถูกเสี่ยหิ้วปีกกลับมา  พอถึงห้องนอนที่ชั้นสองก็ได้แต่ทิ้งตัวลงบนเตียง  ปล่อยให้เสี่ยดูแล  เสี่ยบ่นอุบว่าเขานี่มันหมูชัดๆ  ใช่ซี้  เขามันหมูนี่  เขาที่เมาจัดเลยเอาแต่ส่งเสียงงึมงำงี่เง่า  เสี่ยที่เห็นว่าเขาทำท่าจะเมาแน่แล้วเลยถอนหายใจ  ตบหัวสองสามทีเขาแล้วจัดท่าเขาให้นอนนิ่งๆ  เสี่ยเองก็คงหวังจะมีคืนแรกที่บ้านใหม่นี่ด้วยแหละ  เพราะทุกห้องปูผ้าปูใหม่สวยเนี๊ยบ  กะว่าจะเล่นที่ห้องไหนก็ได้ตรงจุดไหนก็ได้ตามใจชอบ  แต่เขาไม่ไหวแล้วอ่ะ  เลยไล่เสี่ยกลับไปนอนห้องแม่  ส่วนเขาพอนอนหลับจนได้สติซักพัก  ก็ลุกไปอาบน้ำล้างนอกนอกล้างในเพื่อไว้ว่าเสี่ยจะบุกมาปล้ำ 
   
แล้วก็จริง  เสี่ยย่องมาประมาณตีหนึ่งตีสอง  เขาที่กำลังหลับฝันดีก็ตื่นขึ้นมาเพราะนึกว่าถูกผีอำ  ไม่ก็แม่มาเรียก  แต่ที่ไหนได้...  แม่เขาคงไม่มาเรียกแบบติดเรทหรอกมั้ง  แล้วนี่อะไร  มีเลียหน้าอกเขาด้วย!  เขาไม่ใช่แม่นมนะ   แต่ก่อนที่เขาจะได้ถีบผีลามก  ก็นึกขึ้นได้ว่าไอ้ผีนี่ต้องเป็นไอ้ผีทะเลที่ชื่อเสี่ยแน่ๆ   เขาเลยเปลี่ยนจากจะถีบมาเป็นกอดแบบสมยอมซะเลย  เมาๆ  อยู่อย่าได้แคร์  จัดหนักได้จัดไป   
   
สุดท้ายคืนนั้นเขาที่มึนหนักเลยโดนเสี่ยจัดไปแบบยาวๆ หนึ่งรอบ  บ้านเขาที่มีแต่ต้นไม้ล้อมรอบ  พอตกดึกอากาศก็ออกจะเย็นๆ  เขากับเสี่ยเลยได้ประสบการณ์แบบกินกันในทุ่ง..  ผิด   กินกันในไร่  จากที่ปกติต้องเปิดแอร์ก็เปลี่ยนมาเปิดหน้าต่างแทน  เขาที่ปกติจะกลั้นเสียงร้อง  คราวนี้ก็ครางออกมาเสียงแผ่วๆ  เพราะทนไม่ไหวบ้าง  เสี่ยเองก็คงค้างมาตั้งแต่ตอนมาถึงบ้านเลยยิ่งดึกยิ่งคึก  เล่นรอบเดียวแต่ยิงยาวมาก  ทำเอาเขาที่ตื่นมาอีกทีถึงกับเจ่อ  ไม่รู้โดนเสี่ยกัดปากไปกี่รอบ  แถมที่หน้าอก...  เอาเป็นว่าต่อให้ไม่มีเต้าเสี่ยก็ทำให้มันตั้งได้ก็แล้วกัน  ขนาดตื่นเช้ามามันยังเสียวจี๊ดๆ  เขากับเสี่ยที่นอนกอดกันเลยได้ฟัดกันอีกรอบเพราะเสี่ยยังเลียไม่เลิก 
   
กว่าจะได้ลงมากินอาหารเช้าอีกทีก็สายแล้ว  แถมเขาก็ต้องใส่เสื้อกล้ามอีกชั้นเพราะว่ามัน...  เอาเป็นว่ามันเจ็บละกันน่า  แค่ถูกเสื้อเสียดสีเขาผวาแล้ว  จากที่ว่าจะไปไหว้แม่ที่วัดเลยต้องเปลี่ยนแผนไปเที่ยวก่อน  ไม่อยากให้พุทธศาสนาแปดเปื้อนเพราะเขาเอาแต่คิดลามก  ส่วนเสี่ย...  ก็ช่างเตรียมตัวได้ดีมาก  มาเที่ยวแบบธรรมดาแต่เสื้อผ้านี่ไม่ธรรมดานะครับ  เสื้อยืดกับกางเกงยีนเหมือนกันแต่เป็นของมียี่ห้อ  ใส่แว่นกันแดดทีก็มีสาวกรี๊ดกันให้ลั่น  เขาที่ติดตามเสี่ยมาด้วยเลยเดินคู่กับลุงขับรถแทน  เปลี่ยนหน้าที่จากเด็กเลี้ยงมาทำหน้าที่ขนข้าวบ้าง  ขนน้ำให้เสี่ยบ้าง  ว่างๆ ก็ชวนลุงคุย  เพราะบางทีเสี่ยไม่คุยด้วย  ยืนติสแตะท่าอยู่ที่สะพานแหลมสิงค์โน่น

เขาที่ว่างจัดเลยแอบถ่ายรูปเสี่ยซะเลย  พอเสี่ยเห็นเข้าก็ลากเขาไปเซลฟี่ด้วย  ทันสมัยเหมือนกันนะเนี่ย  เขานึกว่าเสี่ยกลัวการถ่ายรูปซะอีก  แต่ก่อนจะได้โพสต์รูปอวดชาวบ้าน เสี่ยก็เบรกไว้ก่อนเพราะว่าไม่อยากให้คนอื่นเห็นรูปคู่  เขาที่ตามใจมาตลอดเสี่ยก็ได้แต่พยักหน้า  ไม่อยากให้ลงรูปคู่ก็ไม่เป็นไร  เขาถ่ายรูปคี่ก็ได้  ขโมยรองเท้าเสี่ยมาหนึ่งข้าง  รองเท้าลุงคนขับรถมาหนึ่งข้าง  รวมกับของตัวเองอีกหนึ่งข้าง  กลายเป็นถ่ายรูปคี่  วางมุมสวยๆ  ได้รูปมาหนึ่งแชะ  ส่งรองเท้าคืนเจ้าของก่อนโพสต์ลงในเฟสบุ๊คพร้อมแคปชั่น  "มากับลุงแก่ๆ"

เท่านั้นล่ะเป็นเรื่อง  เสี่ยที่บังเอิญมาเห็นเข้าเกือบจะถีบเขาตกสะพานให้ได้  ทำไมเล่า  เขาก็ถ่ายรูปคี่แล้วนี่  เขาไม่ผิดนะ! 
   
เสี่ยที่เห็นเขาทำหน้ามุ่ยไม่ยอมรับเลยยอมให้แค่จับมือถ่ายมือคู่  โถ..  เสี่ยวนะ  ทำมาเป็นถ่ายมือคู่  เขาก็...  ยอมนะ  แต่ไม่กล้าเอาลงเฟสบุ๊คหรอก  ไม่อยากถูกเพื่อนๆ  แซะ  เลยได้แต่แปะไว้ที่หน้าจอมือถือของตัวเอง  ส่วนของเสี่ยนี่เขาไม่รู้  แต่คงไม่ทำอะไรปัญญาอ่อนแบบเขามั้ง  ถึงโทรศัพท์เสี่ยจะไม่ใช่ของที่ให้ใครดูง่ายๆ  แต่ถ้าหากคุณปุยฝ้ายหรือใครมาเห็นนี่นรกแตกแน่  เพราะงั้นถึงเสี่ยไม่โพสต์หรือไม่แปะลงหน้าจอเขาก็ไม่ว่า    ถึงจะ... เสียใจอยู่นิดๆ  แต่ก็ช่างเถอะ  ดีกว่าให้เรื่องมันเลยเถิดอยู่แล้ว




**MRR  คืออัตตราดอกเบี้ยเงินกู้จำพวกกู้ซื้อบ้านค่ะ  เพื่อใครไม่เก็ตมุก  ตอนนี้เรทอยู่ที่ประมาณ  7%  ORZ
>>> ยังมีฮันนี่มูนต่อ  ก่อนมาม่า  >.,<
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 13 [30/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: joyey6217 ที่ 30-12-2016 13:09:48
ชอบการเจรจาต่อรองอัตราดอกเบี้ยของคู่รักนักการเงินคู่นี้จริง. .. นี่ไม่ใช่เด็กเลี้ยงกับเสี่ยแล้ว เป็นคู่ผัวตัวเมียล่ะยะ ไม่ใช่การเลี้ยงดูแบบแต่ก่อน ความสัมพันธ์มีการพัฒนาแบบเข้าใกล้คู่รักเข้าทุกขณะ มีมาบ้านมารู้จักญาติ ไม่รับเงินเลี้ยงดู แต่ขออยู่ดูแล
เสี่ยแกสายเปย์จริงๆ. ของขวัญวันเกิดชิ้นใหญ่เนอะ เซอร์ไพร์สมาก  เสี่ยแกรู้ใจพระแพงยิ่งกว่าใคร เผลอๆรู้เยอะกว่าที่พระแพงเล่าให้พวกเราฟังเสียอีก.  แกรู้ว่าบ้านสำคัญกับพระแพงมาก ของขวัญนี้เสี่ยคิดมาแล้วว่า ทำแบบไหนจะได้ใจเมีย
อยากอ่านความคิดของเสี่ยบ้าง. แกต้องเจ้าเล่ห์และหื่นเบอร์ไหนถึงทำได้ขนาดนี้
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 13 [30/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 30-12-2016 13:45:40
พรีฮันนีมูนเหรอเสี่ยย :-[
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 13 [30/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 30-12-2016 13:48:17
โอ๊ยชอบบบบบบบบบบบบบบบบบ  :z2: :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 13 [30/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 30-12-2016 13:52:53
ห๊ะ มีมาม่าด้วยหรอ แง๊ววว  งือออออออออออ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 13 [30/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Atroce ที่ 30-12-2016 14:35:08
จะมาม่าแล้วหรอ  :mew5:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 13 [30/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 30-12-2016 14:45:02
สายเปย์ของจริงทำได้ทุกอย่างเพื่อเมียเด็ก
5555555555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 13 [30/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: บันนีม ที่ 30-12-2016 16:10:05
โอ้ยยยยยย น่ารักมากกกกกก นี่ไม่ใช่เด็กเลี้ยงกับเสี่ยแล้วอะ มันโคตรแฟนเลย  :hao5: :hao5: แล้วคือ พระแพงชอบเสี่ยแล้วแน่ๆ อยู่ด้วยกันนาน ต้องมีความผูกพันธ์บ้างแหละ อยากลองอ่านพาร์ทของเสี่ยบ้าง อยากรู้ว่าเสี่ยคิดไงกับพระแพงอะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 13 [30/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 30-12-2016 16:50:17
Hidden  Scene


" เสี่ย..." 

" เสี่ยอะไร  หื้ม  เรียกป๋าสิ"  ป๋า  บ้าป๋าบออะไรล่ะ  ไม่ใช่พ่อ  ไม่เรียกโว้ย!

" เสี่ย...  เร็ว....  อย่าแกล้ง  "

" แกล้งอะไร  เด็กดี  เรียกป๋าสิ  ป๋า  อยากได้ยินนะ"  โฮ่ยยย  ให้ตายก็ไม่เรียก  ไอ้เสี่ยหื่นเอ๊ย  เป็นเสี่ยอยู่ดีๆ  ดันอยากเป็นป๋า  ฝันไปเถอะ!

" เสี่ย..  อย่า  เลีย...  หน้าอก...นั่น.."

" หน้าอกที่ไหน  เขาเรียกหัวนม  ไหนเรียกสิ  หรืออยากให้เลียอีกข้าง " ไอ้....  €^%<||$+:&&)$^%

" พระแพง..  เด็กดี  เรียกป๋าสิ  แล้วป๋าจะยอมปล่อยให้ไปนะ  "

ไม่ๆๆๆๆๆๆ


" .......ป๋า  เร็วๆ  พระแพงไม่ไหวแล้ว"  โอ๊ย  เขาต้องเมาแน่ๆ ถึงได้ยอมไอ้เสี่ยหื่นแบบนี้!

" เด็กดี  ยกสะโพกหน่อยนะ  ป๋าจะได้ขยับถนัดๆ นะ"  s?&jfN฿)€^%jd¥¥~)&cf$^#!

" อึ๊ก... เสี่ย  เร็วอีก..."

" อาา  เด็กดี  อย่ารัดแน่นสิ  เดี๋ยวป๋าก็เสร็จหรอก"

" เสี่ย...   เร็วๆ  เสี่ย  เสี่ย...  อื้มมม!!"


ตัดฉับๆๆๆๆ


>>  เสี่ยเป็นคนพูดมากเวลาอยู่บนเตียง
>>>> เหตุเกิด ณ บ้านไร่  เวลาตีสองโดยประมาณ  รายงานสดโดย  นายพระแพง...

>>>>>>> ส่งท้ายปีเก่า  อุฮิ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 13 + hidden scene [30/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: บันนีม ที่ 30-12-2016 16:56:48
เสี่ยว้อยยยยย ไหนเป็นคนพูดน้อยไง ทำไมบนเตียงพูดเยอะแบบนี้ คุณหลอกดาว ตล๊กกกก555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 13 + hidden scene [30/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 30-12-2016 18:10:04
อิเสี่ยยยยยยยยยยยยยย  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 13 + hidden scene [30/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 30-12-2016 19:06:04
เดี๋ยวๆ บนเตียงคือตัวต้นจริงๆของเสี่ยซินะ
5555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 13 + hidden scene [30/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-12-2016 19:12:41
แอ๊ะ.......เสี่ยชอบให้พระแพง เรียกป๋า เวลา.......อย่างนั้น  :katai2-1:
เสี่ย สุดยอด พระแพงไม่รับเงิน
เสี่ยเลยรีโนเวท ทำบ้านให้ใหม่  :mew1:
เลยถูกใจพระแพงมากๆ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
โฮ.....จะมีมาม่า แบบไหนกันนะ กลัวอะ
หน่วงเบาๆ - หน่วงกลางๆ - หน่วงสุดๆ ดีพแซด
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 13 + hidden scene [30/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 30-12-2016 19:20:55
พะแพงน่ารักอะ เป็นผู้ชายคิดบวก  :hao7:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 13 + hidden scene [30/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 30-12-2016 19:27:52
อ่อ. แบบนี้เองสินะ ถึงว่าบ่พูดของเสี่ยมันหายไปไหน.  :haun4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 13 + hidden scene [30/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 30-12-2016 20:19:09
อื้อหืออออ เสี่ยสายเปย์จริงๆ แถมเปย์ได้ถูกใจพระแพงอีกต่างหาก

และ.... แอบขำเสี่ยซึ่งพูดมากเวลาอยู่บนเตียง 555555555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 13 + hidden scene [30/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 30-12-2016 20:34:23
ยังไม่แก่แต่..อยากเป็นป๋า ชอบที่สุด ไม่อยากให้มาม่าอ่ะ รอลุ้นต่อไป +1เป็ด ครัช  o13
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 13 + hidden scene [30/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: joyey6217 ที่ 30-12-2016 20:47:48
5555 เสี่ยขราา ที่แท้เสี่ยจะพูดมากเฉพาะบนเตียงนี่เอง แล้วอยู่ๆอยากเป็นป๋าซะงั้น จินตนาการบนเตียงของเสี่ยนี่ก็แฟนตาซีไม่เบา แกสวมบทเป็นป๋าย่องมาลักหลับเด็กรึเปล่าเนี้ย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 13 + hidden scene [30/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 30-12-2016 20:49:05
ชอบเรื่องนี้มากเลย อยากให้เป็นเรื่องเป็นเรื่องยาว
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 13 + hidden scene [30/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 30-12-2016 21:14:33
เสี่ยลงทุนมาก
ถ้าน้องเป็นแค่เด็กเสี่ย จำเป็นที่ต้องมาบ้านน้องไหมคะ
อยากฟังพาร์ทเสี่ยมากว่าคิดยังไง
ตามน้องขนาดนี้มันอาการของผัวกลัวเมียมีคนอื่นนะเสี่ย
อยากเห็นเสี่ยหึงน้อง แบบเบาๆค่ะ

ปล.ไม่ขอมาม่าเส้นอืดนะคะ 55
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 13 + hidden scene [30/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 30-12-2016 21:33:14
หาาา เจอกันอีกทีปีหน้าเลยหรอ ฮือๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 13 + hidden scene [30/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: beb98 ที่ 30-12-2016 21:34:06
ตลกเสี่ยมาก ตอนแรกก็คิดว่าเป็นคนพูดน้อย จริงๆคือคีพลุคหนักมาก อายุยังไม่มาก แต่บนเตียงนี่เฒ่าหัวงูหื่นๆคนหนึ่งดีๆนี่เอง โอ้ยขำเสี่ยอะ55555555555555555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 13 + hidden scene [30/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 30-12-2016 22:06:26
ร้อนแรงจริงๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 13 + hidden scene [30/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 31-12-2016 07:57:42
อิเสี่ยมันลามกจริงว้อยยย ดูที่จะให้พระแพงพูดแต่ละอย่างซิ  :hao7:

กลัวใจคนเขียนเรื่องดราม่า  :hao5:

คือเราอยากรู้นิสสนึงอะค่ะว่า พระแพงเรียกว่าเสี่ย และเสี่ยก็เรียกพระแพงว่าพระแพงใช่มั้ย หรือยังไง
เพราะมันไม่ค่อยมีบทพูด แต่เราอยากรู้อะค่ะ  :katai5:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 13 + hidden scene [30/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 31-12-2016 09:20:46
เตรียมทำใจก่อนรับมาม่า   ไม่อยากให้พระแพงเสียใจเลยอะ   มาม่าอย่าเยอะนะ  :mew4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 13 + hidden scene [30/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 31-12-2016 12:26:36
อิเสี่ยมันลามกจริงว้อยยย ดูที่จะให้พระแพงพูดแต่ละอย่างซิ  :hao7:

กลัวใจคนเขียนเรื่องดราม่า  :hao5:

คือเราอยากรู้นิสสนึงอะค่ะว่า พระแพงเรียกว่าเสี่ย และเสี่ยก็เรียกพระแพงว่าพระแพงใช่มั้ย หรือยังไง
เพราะมันไม่ค่อยมีบทพูด แต่เราอยากรู้อะค่ะ  :katai5:

ใช่ค่า  ถ้าอยู่กันสองคนจะเป็นเสี่ยกับพระแพง  ถ้ากับคนอื่น  คงตามสถานการณ์น่ะค่ะ  อย่างกับรุ่นพี่ตอนก่อนก็จะเป็นเสี่ยอธิป  กับคนที่บริษัทก็ท่านประธาน  กับลุงก็หัวหน้า  แล้วแต่ค่ะ  แต่พออยู่สองคนก็เสี่ยกับพระแพงค่ะ  ยกเว้นบางคืนที่เป็นป๋า..  แค่กๆ  ขึ้นกับความหื่นของเสี่ยค่ะ  5555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 13 + hidden scene [30/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 31-12-2016 16:17:02
ไม่อยากกินมาม่า :ling1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 14 [31/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 31-12-2016 16:20:28
ตอนที่  14



หลังจากเที่ยวที่สะพานเราก็ไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารขึ้นชื่อ  ตกบ่ายแก่ๆ ก็ไปเดินดูพระอาทิตย์ตกดินที่จุดชมวิวเนินนางพญา  ได้ภาพสวยๆ  และภาพแอบถ่ายเสี่ยมาอีกหลายช็อต  ต้องขอบคุณไอโฟน  6 plus  ที่แพงแสนแพง(ประชด) แต่กล้องไม่ได้เรื่อง  ยังดีที่พอถ่ายออกมาแล้วยังภาพได้สวยบ้าง(หรือเขาไม่มีฝีมือเองก็ไม่รู้)

พอตกค่ำเราก็ไปหากินอาหารใต้แสงเทียนติดริมทะเล  กินปู  กุ้ง  หมึก  ของหมักดองให้แสบกระเพาะเล่น  กินเสร็จก็นั่งดื่มกันต่อแบบชิวๆ รับลมทะเลแต่ไม่ได้ดื่มหนักมาก  เมื่อก่อนทะเลจันทบุรีคนไม่ค่อยพลุกพล่าน  นักท่องเที่ยวไม่ค่อยเยอะ  แต่ตอนนี้มีนักท่องเที่ยวกับฝรั่งเริ่มมีเยอะขึ้น  พวกที่ใจกล้าหน่อยก็มี  ดึกๆ หน่อยก็เริ่มมีคนขึ้นตักนั่งจูบกันแล้ว  โดยเฉพาะกับฝรั่งนี่...  อื้อหืออ  เขาก็ไม่ได้ล้วงกันหรอกนะ  แค่จูบ  แต่สาวฝรั่งนี่อกโคตรสะบึ้ม  หน้าอกหน้าใจแทบทะลักออกมาจากเสื้อ  แต่เขาก็เขาชอบนะ  สาวขาวๆ  อวบๆ  อึ๋มๆ  แบบนี้  หันมาดูเสี่ยอกแบนข้างตัว  เจอรังสีพิฆาต...  เสี่ยเกือบเอาขวดเบียร์ฟาดหัวเขาให้แตกที่ส่องสาวไม่เลิก  อะไรเล่า!  เขาก็แค่มอง  อาจจะมากไปหน่อยแต่เสี่ยก็มองไม่ใช่หรือไง  เขาเห็นนะ!

 และเพราะเขาเอาแต่ส่องสาว   สุดท้ายคืนนั้นเขากับเสี่ยเลยจบกันที่.....

บาร์เกย์

เสี่ยยยยยย!!!!    พระแพงขอโทษษษษษษ   ไม่เอาบาร์เกย์แบบนี้  โฮๆๆๆๆ

" จะแอบดูอีกไหม  หื้ม!!"  แง๊ๆๆๆ  เขาที่ถูกเสี่ยลากมาที่บาร์เกย์แบบที่มีแต่ชายหนุ่มนุ่งน้อยห่มน้อยก็ได้แต่ดิ้นให้พล่าน  ไม่เอาหกห่อแบบนี้!  จะเอาหน้าอกตู้มๆ

“ยังจะดื้อ!?"  โฮๆๆๆๆ   

" ไม่แอบดูแล้วครับ!"     


ฮึก เขาที่สู้แรงเสี่ยไม่ได้  สุดท้ายก็ได้แต่หลับหูหลับตาบอกเสี่ยไปว่าจะไม่แอบส่องสาวแล้ว  ทำไมอ่ะ  เขาก็แค่แอบส่องทางสายตาเองนะ! 

เสี่ยที่เห็นเขายังดื้อไม่เลิกเลยจัดการดึงตัวเขาไปสำเร็จโทษเขาที่โรงแรมเสียเลย  ซึ่งโรงแรมก็ไม่ใช่โรงแรมที่ไหนไกล  หาเอาจากอโกด้าจนได้โรงแรมแถวนั้น
   
ยังดีที่แถวนั้นยังมีโรงแรมแบบสามสี่ดาวให้เสี่ยเลือก  ไม่งั้นเสี่ยได้เลือกม่านรูดทันทีที่เห็นทางเข้าโรงแรมแน่นอน  เขาที่ดิ้นๆ  อยู่จะหนีก็หนีไปไหนไม่ได้เพราะถูกเสี่ยล็อกคอ  คืนนั้นกว่าจะได้นอนเขาก็เกือบรากเลือด   เสี่ยเล่นจัดซะสารพัดท่า   แถมกว่าจะยอมปล่อยให้เขาไป  น้ำของเขาก็แทบจะทะลักคอหอยแล้ว  แถมครั้งนี้เสี่ยยัง... 

ยังอะไร  เขาไม่อยากพูด!  แต่เอาเป็นเสี่ยเล่นแบบยิงอึดยิงยาว  จากที่อึดอยู่แล้วก็เล่นจนเขาขาสั่นแทบยืนไม่ได้  แถมตอนที่มีอะไรกันเสี่ยก็ตบตูดเขาไปสั่งสอนเขาไปว่า  "จะส่องสาวอีกไหม"  "จะนอกใจอีกไหม"  ฮ่วย  แค่แอบส่องเองนะไม่ได้มีชู้!  แต่พูดไม่ได้!  เสี่ยตีตูดเขาซะแดงยิ่งกว่าแก้มลิง  ขนาดเขาที่ผิวดำๆ ยังเห็นได้ชัด  แถมตีมาทีก็สวนเข้ามาที  ไส้เขาเกือบจะทะลุ  เขาต้องอ้อนวอนอยู่นานกว่าเสี่ยถึงจะยอมปล่อยเขาไปได้  แถมคืนนั้นเสี่ยก็ไม่ยอมให้เขาใส่ถุงยาง  พอเขาจะเสร็จทีก็เอามือกดไว้  พอเขาเผลอเสร็จก็ปล่อยให้มันเลอะตัวเขาดื้อๆ  ส่วนเสี่ยนี่เซฟเซ็กซ์ตลอดเวลา  สะอาดหมดจดอยู่คนเดียวปล่อยให้ตัวเขาเปื้อนน้ำ  ยังดีที่รอบหลังเสี่ยลากเขาไปต่อในห้องน้ำ  เขาที่สะลึมสะลือบวกกับขาสั่นเต็มทีก็ได้แต่ปล่อยให้เสี่ยอาบน้ำให้  อยากล้วงๆ ไปเถอะ  เขาไม่ไหวแล้ว

เช้าวันถัดมากว่าเขากับเสี่ยจะได้ออกจากโรงแรมก็เกือบเที่ยง  เขาที่เจ็บตูดเจ็บก้น  ก็ได้แต่งอนตุ๊บป่องปล่อยให้เสี่ยป้อนอาหารเช้า  แต่จากประสบการณ์ในวันนั้นก็ทำให้เขารู้ว่าเสี่ยเป็นเกย์แบบบอร์นทูบี  ตั้งแต่เด็กยันโตเสี่ยไม่เคยแอ้มสาวซักครั้ง  ยกเว้นก็แต่กับคุณปุยฝ้ายที่เสี่ยกำลังจะแต่งงานด้วย

เขาที่งอนอยู่เลยถือโอกาสที่เสี่ยตามใจล้วงลับตับแตก  เขาไม่ได้ถามเสี่ยว่าในเมื่อไม่อยากแต่งงานทำไมถึงมีอะไรด้วยเพราะดูเสี่ยไม่ค่อยอยากพูดเรื่องนี้  เขาเลยเลี่ยงไปถามเรื่องเสี่ยกับที่บ้านแทน  ซึ่งเสี่ยก็บอกว่าตามตรงว่าคนทางบ้านรู้เรื่อง  ขอแค่เสี่ยไม่ทำเรื่องเสียหายที่บ้านก็ถือว่าพอรับได้
   
คำว่าพอรับได้และไม่มีเรื่องเสียหายในที่นี้คือ  อย่าพาเด็กเลี้ยงมาออกงานจนออกนอกหน้า  ถ้าจะมีคนรู้ก็ให้รู้กันแต่ในวงแคบๆ  คือของแบบนี้มันปิดกันไม่มิด  ขอแค่ไม่มีใครปากสว่างเป็นใช้ได้  ถึงจะมีเด็กบางส่วนอยากลองดีแต่เสี่ยจัดการได้หมด  พ่อกับแม่เสี่ยเลยไม่มีปัญหามาก  ส่วนคุณปุยฝ้าย... 
   
เขาไม่ได้ถามเสี่ยว่าคุณปุยฝ้ายรู้ไหมที่เสี่ยเป็นเกย์  แต่เขาถามแต่ว่าเสี่ยรักคุณปุยฝ้ายหรือเปล่า  ซึ่งเสี่ยก็บอกว่าไม่รัก  พอเขาถามหยอดถามต่อว่าไม่รักแล้วทำไมถึงแต่งงานด้วย  เสี่ยก็ปิดปากเงียบ 
   
เขาที่ฉลาดพอก็ไม่ได้เซ้าซี้  เขารู้หรอกน่าว่าอะไรถามต่อได้อะไรถามต่อไม่ได้  ของแบบนี้ถ้าเสี่ยไม่อยากตอบเขาก็ไม่อยากบังคับ  จะบังคับให้ได้อะไรขึ้นมาในเมื่อเสี่ยไม่อยากพูด  เขารู้แต่ว่าเสี่ยคงมีเหตุผลของตัวเอง  แต่คงไม่ใช่เหตุผลแบบโดนบังคับแต่งงาน  แล้วยังอยากเต๊าะเด็กไปเรื่อย  คือถ้าเสี่ยอยากเต๊าะเด็ก  เสี่ยก็แค่กลับไปมีเด็กเลี้ยง  กลับไปใช้บริการพี่ธนิต  แถมตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน  เสี่ยไม่เคยพูดคำหวานกับเขาเลยซักครั้ง  ไอ้ประเภท  ฉันมีแต่เธอ   ฉันรักเธอคนเดียว  ถูกใจแต่เธอคนเดียว  ฉันถูกบังคับ  ฉันไม่อยากแต่งงาน  เสี่ยไม่เคยเปิดปากพูด  ขืนลองเสี่ยพูด  เขาอาจถีบปากเสี่ยและไปจากเสี่ยก็ได้  เพราะเขารู้ว่าเสี่ยตอแหลแน่
   
ของแบบนี้ถ้าไม่หลอกตัวเองหรือแกล้งโง่  บางทีมันก็เห็นได้ชัด  สำหรับเขากับเสี่ยอารมณ์กับความใคร่  เราแยกมันออกจากความรัก  ในเมื่อเราเข้ากันได้  และขอแค่น้องชายยังตั้ง  จะทำอะไรกับใครที่ไหนได้ทั้งนั้น  อันนี้เขาไม่ได้ด่าว่าเสี่ยเลวหรือเขาช่างมั่ว  เขาแค่เข้าใจในอารมณ์ของผู้ชายที่ไม่เคยตกหลุมรัก  เขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยมีแฟน  ส่วนเสี่ย...เขาไม่รู้ 
   
เขารู้แต่เพียงว่าเขาไม่เคยตกหลุมรัก  แต่ถ้าหาก "รัก" เขาต้องแยกความรู้สึกได้แน่ๆ  ตอนนี้เขากับเสี่ยก็เป็นเหมือนคนแปลกหน้าที่บังเอิญมาเจอกัน  ถูกใจกันก็คบ  ถ้าจะเลิก...  ก็คงจะเลิกกันได้ไม่ยาก  แน่นอนว่าความผูกพันมันต้องมีอยู่แล้ว  แต่ถึงจะผูกพันแค่ไหนแต่มันก็ไม่ใช่ความรัก  เพราะงั้น...  ในตอนจบของเขากับเสี่ย  มันจะจบสวยหรือไม่ก็คงต้องดูกันอีกที

กับเสี่ย...  เขาไม่รู้  แต่สำหรับเขา  เขารู้ว่าเสี่ยสำคัญมาก  ถ้าหากต้องเลิกจากกัน  เขาก็อยากให้เราจบแบบดีๆ  เสี่ยในตอนนี้ก็เหมือนกับคนในครอบครัวของเขา  เหมือนกับพ่อ  เสี่ยให้ความเมตตา  ช่วยเหลือเขาในส่วนที่ทำได้  ถึงขนหน้าแข้งเสี่ยจะไม่ร่วง  แต่เขาก็ซาบซึ้งและสำนึกในบุญคุณ  เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เสี่ยทำให้  มันแสดงถึงความใส่ใจจนเขาอดเองยังที่จะแปลกใจไม่ได้   อย่างเรื่องบ้าน  เขาก็ไม่รู้ว่าเสี่ยก็ไปขุดเรื่องนี้มาจากไหน  เพราะเขาไม่เคยบอกให้เสี่ยรู้  คอมพิวเตอร์เขาที่มีแบบบ้านอยู่เสี่ยก็ไม่เคยยุ่ง  ขนาดมือถือ  เสี่ยยังไม่เคยยืมมือถือเขาซักครั้ง  พอเขากลับมาถึงบ้านอีกทีเขาก็มีบ้านใหม่แล้ว
   
กับเด็กคนอื่นเขาไม่รู้หรอกว่าเสี่ยจะเป็นเสี่ยสายเปย์แบบที่ทำกับเขาหรือเปล่า  คือเขารู้อยู่แล้วว่าเสี่ยชอบสปอยและช่างเปย์หนักมาก   แต่เรื่องความใส่ใจ....  เอาเป็นว่าเขาไม่อยากถาม  และไม่อยากรู้ด้วย  เขาอยากจะเก็บเรื่องราวดีๆ นี้ไว้เป็นความทรงจำของเขากับเสี่ย  โดยที่ไม่ต้องมีคนอื่นมาเกี่ยวข้อง  การกลับบ้านของเขาครั้งนี้  เขาถือว่ามีความสุขมากที่สุดในชีวิต  มีความสุขเหมือนอย่างที่สมัยแม่ยังอยู่  ได้ออกไปเที่ยว  ได้ไปค้างข้างนอก  พอเหนื่อยก็กลับบ้านมาก็มีคนเอาอกเอาใจดูแลหาอาหารมาให้  ถึงเรื่องมันจะเลยเถิดไปถึงขั้นที่ว่าต้องจบลงเตียง  แต่มันก็ไม่ใช่ทุกครั้ง  เพราะบางคืนที่อากาศดีๆ  เขากับเสี่ยก็แค่นอนกอดกัน  ตื่นมาอีกทีก็เช้าและอาบน้ำแปรงฟันลงไปกินข้าว  แต่ถึงจะต้องมีอะไรกันตลอดเขาก็ไม่เสียใจซักนิด  เซ็กซ์มันก็แค่เรื่องธรรมชาติ  จะให้ออกกำลังกายเล่นเตะบอลตอนตีสองเวลาหื่นก็ไม่ใช่  เวลามีอารมณ์ยังไงเอาออกก็ต้องดีกว่าเก็บเอาไว้  จะปล่อยให้อารมณ์จนมันทะลักออกมาหรือไง  ผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิงนะครับ  ที่จะหักห้ามใจได้

เพราะฉะนั้นถ้ามีคู่ก็ต้องใช้คู่ให้เป็นประโยชน์  อย่าให้เสีย  แถมเสี่ยเองก็เน้นแบบปลอดภัยทุกครั้ง  ยกเว้นแต่ครั้งบาร์เกย์นั่นที่เขาปล่อยสดแต่เสี่ยก็ใส่ถุงยาง  แต่นอกจากนั้นเขากับเสี่ยก็ใส่ถุงยางตลอด  ขนาดจะออรัลยังต้องเช็คดูว่าปากไม่มีเลือด  หมายถึงไม่มีแผลร้อนในน่ะ  ซึ่งเขาก็โอนะ  ถึงเขากับเสี่ยจะสะอาด  แต่ปลอดภัยไว้ก่อนก็ดีกว่าอยู่แล้ว  และเพราะอยู่กับความไม่ประมาท  เขากับเสี่ยถึงสนุกสุดเหวี่ยงกันได้  ไม่ต้องกลัวว่าทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์จะต้องไปตรวจเลือดให้เสียวสันหลังเล่น  ถึงเขากับเสี่ยจะไปตรวจเลือดเป็นประจำทุกสามเดือนก็เถอะ 
   
อ่อ  ช่วงนี้เขางดบริจาคเลือดด้วยนะ  รักร่วมเพศเป็นข้อห้ามนะเออ  แล้วอย่ามาก่อดราม่ารักร่วมเพศ  ความเสี่ยงในช-ช  มันมากกว่าคนทั่วไปอยู่เยอะ  ถึงเขาจะไม่ค่อยเข้าใจ  แต่บางอย่างที่เป็นสากลเขาก็รับได้  แถมยังมีวิธีทีอื่นให้ทำบุญอีกเยอะ  เพราะฉะนั้นเรื่องบริจาคเลือดก็ให้คนปกติทำไป  เขาขอไปทำบุญในส่วนอื่นแทน

   
และเพราะทุกอย่างเป็นไปได้อย่างราบรื่นและมีความสุข  วันหยุดหกวันเลยผ่านไปไวมาก  แปบๆ ก็วันอาทิตย์แล้ว  เสี่ยที่ไม่อยากเจอรถติดหลังช่วงวันหยุดยาวเลยบอกให้เขากลับตั้งแต่เนิ่นๆ  ถึงจะเหลือวันหยุดอีกหนึ่งวันและเป็นวันเกิดเขา  แต่เสี่ยก็บอกว่าไปทำบุญที่กรุงเทพแทนก็ได้  วันนี้ก็ทำบุญแถวบ้านไปก่อน  จะได้รีบกลับไม่ต้องผจญกับรถติดในวันรุ่งขึ้น
   
เขาที่เชื่อเสี่ยมาตลอดก็งึมงำเห็นด้วย  เลยได้ฤกษ์ไปไหว้แม่ที่วัดซักที  พร้อมกับทำบุญกรวดน้ำ  พอถวายสังฆทานและบริจาคเงินเสร็จ  ก็แนะนำเสี่ยกับแม่ที่ตั้งอัฐิอยู่ในวัด  บอกแม่ให้รู้จักเสี่ยว่า  เสี่ยเป็นคนดีมากๆ  ถึงเขาจะยังรู้สึกผิดอยู่นิดๆ ที่อยู่แบบกึ่งชู้   แต่เขาก็บอกแม่ไปแล้วว่า  ถ้าเสี่ยแต่งงาน  เขาจะไม่ยอมอยู่เป็นชู้ต่อแน่ๆ  ไม่อยากให้แม่ที่นอนหลับอยู่ไม่สบายใจหรือคิดมาก  ดีไม่ดี  เผลอๆ แม่อาจนอนสะดุ้ง  ถูกใครที่ไหนไม่รู้ด่าว่าเพราะแม่ไม่เลี้ยงเขาเลยเป็นแบบนี้  ส่วนพ่อ...  ช่างเถอะ  บรรทัดฐานทางสังคม  เอะอะก็โทษแม่ไว้ก่อน  ทั้งที่แม่ลำบากกว่าพ่อเยอะ  โดยเฉพาะเรื่องอุ้มท้อง

ไม่เอาๆ  อย่าดราม่า  เน้นกินเที่ยววันสุดท้ายให้สนุกกันดีกว่า  เพราะฉะนั้นวันนี้ก่อนที่เขาจะกลับกรุงเทพฯ  เขาเลยลากเสี่ยที่ทำบุญเสร็จแล้วไปรำลึกความหลังสมัยหัวเกรียนเป็นเพื่อนซะเลย  พาเสี่ยไปกินข้าวแถวโรงเรียนที่เขาเคยฝากท้อง  ชี้ให้เห็นร้านเกมส์ที่สมัยก่อนบูมมาก(แต่ตอนนี้ก็ยังอยู่)  พาเสี่ยไปซื้อของฝากประจำจังหวัดที่ขึ้นชื่อ  หิวๆ ก็แวะกินก๋วยเตี๋ยวอีกรอบ  พอบ่ายแก่ๆ หน่อยก็กลับบ้าน  ได้ของฝากมาเต็มสองมือ  ทั้งของเขาของเสี่ยที่จะเอาไปฝากให้พี่ๆ  ที่บริษัทด้วย  กลับมาบ้านอีกทีก็เจอหน้าลุงที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ในสวนให้

อ่อ  ลืมบอกไปอย่าง  เรื่องบ้านที่เสี่ยปรับปรุงให้นี่  ลุงรู้เรื่องก่อนเขาซะอีก  เพราะเสี่ยเพิ่งมาบอกทีหลังว่า  เสี่ยสั่งให้คนงานที่มาปรับปรุงบ้านบอกลุงว่า  เขากู้เงินจากธนาคารมาได้เลยเอามาตกแต่งปรับปรุงบ้าน  แต่เขายังไม่ว่างมาดูงานเลยต้องให้ลุงช่วยจัดการให้  เขาก็ว่าแล้วเชียวว่าทำไมบ้านมันถึงได้โดนใจเป๊ะ  ที่แท้เพราะมีลุงมาช่วยดูงานอยู่นี่เอง  แถมคอนเซ็ปท์ใหญ่ๆ เสี่ยก็เตรียมไว้แล้ว  แค่ปรับปรุงให้มันเหมือนเดิมมากที่สุดเท่าที่จะจำได้  ส่วนพวกรูปหรือพวกข้าวของที่ไม่ได้ใช้  ลุงก็เป็นคนคัดเลือก  อย่างรูปแม่ลุงก็เป็นคนหามา  แหม่  ไอ้เขานึกว่าเสี่ยรู้ใจถึงขั้นตรงใจเป๊ะๆ  ที่แท้หลอกใช้งานลุงเขานี่เอง  แต่เขาก็ดีใจเลยลยหอมแก้มเสี่ยไปหนึ่งฟอดแบบไม่ให้ประเจิดประเจ้อ 

แต่เรื่องเสี่ยปรับปรุงบ้านน่ะ  มันยังมีประเด็นต่ออีกด้วย  ตอนที่ลุงจัดเก็บห้องพระก่อนที่ช่างจะมาซ่อม  ช่างบางส่วนที่ดูพระเป็นก็อู้หู้  อ้าหาบอกว่าบ้านเขามีแต่พระดีหายาก  ทำไม่ไม่ตั้งบูชาไว้ให้ดีๆ  ปล่อยให้ฝุ่นกับหยากไย่ขึ้นแบบนี้  ลุงเขาที่หูตั้ง (เพราะได้ยินคำว่าดีหายาก )  ก็ขนพระเครื่องไปให้คนในจังหวัดที่พอรู้เรื่องพระดูให้ 
   
สรุปคือพระเครื่องบ้านเขาถึงจะไม่ใช่รุ่นท็อป  แต่บางองค์ก็หายาก  ถ้าปล่อยเช่าอาจได้เป็นแสน   เขาที่เพิ่งรู้ข่าวนี้ก็อยากจะด่าไปให้ถึงโคตร  ติดก็แต่ว่าโคตรเขากับลุงโคตรเดียวกันเลยด่าไม่ได้  ลุง!  ลุง  ทำอะไรลงป๊ายยยยย!  ถ้าปล่อยเช่า  เขาก็ไม่ต้องขายตัวแล้วนะ!

" กูก็ว่าแล้วเชียวไอ้เจ้าหนี้มันแปลกๆ  อยากยึดบ้านให้ได้  ไอ้......  เอ๊ย!"  ลุงด่า

คราวนี้เขาร่วมวงด่าด้วย(เพราะไม่ใช่โคตรเขาแล้ว)   ไอ้.....  เอ๊ย  อย่าให้กูเห็นหน้าเชียว  กูจะสั่งคนไปกระทืบ! เห็นหน้าเสี่ยกูไหม  ขาใหญ่อยู่นี่!  หนี้นอกระบบบ้านนอกอย่างมึงเตรียมตัว!  กูสั่งเสี่ย(?) ให้บอกคนมาลากคอหอยมึงแน่!

แต่ก็...นั่นแหละนะ  ได้แต่คิดไม่ได้พูด!  ถึงเสี่ยจะบอกว่าพอจะจัดการให้ได้  แต่ก็ไม่พ้นเสี่ยที่ลำบากวิ่งเต้น  แถมเรื่องมันผ่านไปแล้วก็ช่วยอะไรไม่ได้   เขากับลุงก็ได้แต่จำไว้เป็นบทเรียน ว่ามีพระเก่าต้องปล่อยให้เช่า...   ผิด!  ว่าอย่าไว้ใจใครง่ายๆ โดยเฉพาะกับเพื่อนที่มาขอให้ช่วยค้ำ!  อย่าให้กูเจอตัวนะมึง  กูกระทืบไส้ไหลแน่!

เฮ้อ~  เขาที่หงุดหงิดแต่ทำอะไรไม่ได้ก็ได้แต่ทำใจ  เรื่องมันผ่านไปแล้วจะให้โมโหไปก็ใช่ที่  แถมลุงเขาเองก็ไม่รู้เรื่อง  เพราะพระบางองค์  ลุงก็แค่เช่ามาฝากตาตอนที่ไปเที่ยว  อย่างหลวงปู่วัดช้างไห้  ลุงก็แค่เช่ามาให้ตามาบูชา แทนของที่ระลึกตอนที่ไปเที่ยวปัตตานี  มาตอนนี้ราคาดันชวนระทึกซะงั้น   
   
เขาที่ปลงตกแล้วก็ได้แต่ปลอบใจตัวเอง  เพราะชีวิตที่ผ่านมาของเขามันก็ไม่ได้แย่  ถึงจะต้องอดสู..  ในตอนแรกๆ  แต่เขาก็ผ่านมันมาได้  แถมเขายังได้เจอกับเสี่ย  ได้รู้จักกันจนมีอย่างทุกวันนี้  เขามีเงินเก็บ...  ถึงจะยังติดหนี้ปากเปล่าค่าบ้านที่เสี่ยปรับปรุงให้  แต่เขาก็จะจ่ายคืนจนครบ  ส่วนเรื่องที่เคยเป็นเด็กเลี้ยงเขาก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ (กาม)  เพราะอย่างที่บอกเสี่ยดีกับเขามากๆ  ไม่เคยรังคัดรังแค  และช่วยเหลือในสิ่งที่ช่วยได้
   
เพราะงั้นก่อนขึ้นรถ  เขาเลยขอให้ลุงเลือกพระดีๆ มาให้เสี่ยซักหนึ่งองค์  เอาแบบที่คิดว่าขลังแน่ๆ  ก่อนนำมาใส่กล่องพระเครื่อง  แล้วค่อยเอาไปให้ร้านทองในกรุงเทพฯ เลี่ยมกรอบทองอีกที  แต่ตอนที่แย็บๆ  ถามเสี่ยไปว่าที่บ้านมีหิ้งพระไหม  เสี่ยดันบอกว่าบ้านเสี่ยเป็นคนจีนซะงั้น  แต่มีแม่เป็นไทยเสี่ยเลยได้ไหว้พระบ้าง  เขาเลยใจชื้นขึ้นมาอีกนิดคิดว่าพระเครื่องเขาไม่เป็นหมันแน่ๆ  เลยบอกเสี่ยไปตามตรงว่าเขาขอพระเครื่องจากลุงมาให้เสี่ยเอาไว้บูชานะ  แต่เสี่ยก็รับไว้แค่สินน้ำใจ  แล้วบอกเขาให้ตั้งบูชาไว้ที่คอนโดเสี่ยแทน  ซึ่งเขาว่าก็โอ  จะอยู่บ้านหรืออยู่คอนโด  มีพระคุ้มครองหน่อยก็ดีกว่าอยู่แล้ว  ถึงเขาจะไม่เคร่งศาสนามาก  แต่ก็ไม่ลบหลู่เพราะอยากมีที่พึ่ง  ที่พึ่งทางใจก็ส่วนหนึ่ง  ที่พึ่งทางผี...   แค่กๆๆๆ  เอาเป็นว่าที่คอนโดเสี่ยไม่มีผีแล้วกัน  มีแต่ผีทะเลที่สะกิดไม่เลิก 

ดังนั้นทริปวันหยุดยาวหกวันของเขากับเสี่ยก็จบลงแต่เพียงแค่นี้  เรากลับมาถึงคอนโดกันตอนเกือบๆ  สองทุ่ม  เขาช่วยลุงขับรถขนของที่มีค่อนข้างจะมีอยู่เยอะกว่าขาไปลงมาด้วย  ส่วนหนึ่งก็เป็นของฝากที่เพิ่งซื้อ  อีกส่วนก็เป็นผลไม้หลงฤดูในสวนที่ลุงสั่งคนงานให้ตัดเอาไว้ให้  ก่อนจากกัน  ไม่รู้ว่าลุงระแคะระคายเรื่องเขากับเสี่ยอยู่หรือยังไง  เพราะก่อนจากกันลุงดูส่งสายตาแปลกๆ  มาให้   แถมตลอดหกวันที่ผ่านมาเขากับเสี่ยตัวติดกันตลอด 
   
ลุงเลยบอกกึ่งๆ  เตือนเขาว่า  เขาโตแล้วทำอะไรคิดหน้าคิดหลังให้ดีๆ  มีอะไรก็บอกลุงได้  ลุงเลี้ยงเขาได้แต่ตัว  อย่างอื่นลุงคงช่วยไม่ได้  เขาที่ได้ฟังก็อึ้งไปเพราะมีชะงักติดหลัง  (แถมชะงักติดหลังที่ว่ายังอยู่ใกล้ตัวด้วย)  เลยได้แต่งึมงำตอบลุงกลับไปว่า  คิดดีแล้ว  เขาโตแล้วตัดสินใจเองได้  ลุงเองพอได้ฟังก็พยักหน้ารับ  ตบหัวเขาสองสามที  ก่อนให้พรแล้วถีบส่งเขาขึ้นรถ 

เสี่ยที่ยืนฟังอยู่ก็ไม่ได้พูดมาก  กล่าวลาลุงและสวัสดีตามปกติ  พอเห็นเขาซึมๆ ก็บอกว่าอย่าคิดมาก  ลุงก็แค่ห่วงเท่านั้น 
   
ช่างเป็นคำปลอบใจที่โคตรไม่ได้เรื่อง  เขาเลยส่งค้อนให้ไปหนึ่งขวับ  เสี่ยที่เห็นเขากลับเป็นปกติก็จูบที่ขมับแล้วบอกว่า  วันเกิดจะเลี้ยงมื้อใหญ่ให้ 
   
ฮึ   คิดว่าจะซื้อเขาได้ด้วยของกินหรือไง

ถูก!  เขาที่ซื้อได้ด้วยของกินมีหรือจะพลาด  ขอเป็นสเต๊กมื้อใหญ่หนึ่งมื้อพร้อมกับไวน์หอมๆ  อีกหลายแก้ว  แน่นอนว่าถึงเสี่ยจะเอ่ยปากแล้วแต่มันก็ต้องมีการมัดจำด้วยการใช้ปาก...

เสี่ยใช้ปากให้!  แม่เจ้าโว้ย  ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาเสี่ยไม่เค๊ย  ไม่เคย  ที่จะใช้ปากให้  เขาที่ไม่เคยก็เสร็จในเวลา.... 

เอาเป็นว่าสำนวนนกกระจอกไม่ทันกินน้ำ  ไม่ใช่สำนวนที่ชวนขำแน่ๆ  เพราะเขาที่เสียวจนเสร็จเร็วเลยถูกเสี่ยล้อว่า  “เรือล่มตั้งแต่ยังไม่ทันออกจากปากอ่าว”  ชิซ่า  มีคนดูถูกมาเราอย่ายอมให้เขาปรามาส  จัดการใช้ปากกลับด้วยสกิลขั้นเทพ 
   
กว่าเขาจะรู้ว่ามันเป็นแผนของเสี่ยที่อยากจะเอาท์ดอร์ก็ตอนเมื่อสายไปแล้วนั่นแหละ   เขาที่อยู่บนตัวเสี่ยก็ควบเสี่ยไปกลั้นเสียงไปเพราะไม่อยากให้ลุงคนขับรู้  แต่ลุงคนขับเหรอจะไม่รู้  บนรถมีทิชชู่กับกระดาษเปียกพร้อม  ลุงคงเอามาสั่งขี้มูกมั้ง!

   
เขาที่เพิ่งรู้ตัวว่าเสียรู้เสี่ยเลยได้แต่งอนเสี่ยอีกรอบ  เล่นนอกบ้านก็เสียวดีแต่โคตรทรมานเลยเถอะ  แล้วถนนเมืองไทยมันจะทำอะไรกันหนักหนา  ตกหลุมทีเขาแทบเสร็จให้ได้  เสี่ยนี่ไม่ต้องพูด  ยิงอึด  ทน  นาน  พอเขาตอดทีก็พูดหวานหูปนลามกที  ไอ้เสี่ยหื่นลามก!  เขาที่พอลงมาจากรถได้ก็ได้แต่ทำตัวเป็นตุ๊ด  เดินขาหนีบๆ  เพราะเจ็บก้นให้เสี่ยหัวเราะเล่น  เอ๊อออ  ใช่ซี้  อย่าให้ถึงทีเขาแล้วกัน  เขาจะจับเสี่ยกดบ้าง!   
   
แน่นอนว่าแค่คิดเขาก็ผิด  เพราะเสี่ยดีดหน้าดังเป๊าะ  บอกว่าถ้าฟุ้งซ่านไม่เลิกได้เจอหนักกว่าตอนที่อยู่บนรถแน่  เขาที่ถูกขู่ก็ได้แต่หูตกหางลู่  ช่วยลุงคนขับรถถือของขึ้นคอนโดแบบไม่มองหน้า
   
รอจนเสี่ยหัวเราะจนพอใจนั่นแหละเสี่ยถึงได้เอาของไปถือเอง  แล้วกอดคอเขาไว้ก่อนจูบที่ขมับอีกหนึ่งรอบ  แต่ยังไม่ทันที่เขากับเสี่ยจะได้สวีทหวานหรือทะเลาะกันต่อ  หางตาเจ้ากรรมของเขาที่ดันเห็นว่ามีสาวสวยขายาวนั่งอยู่ไม่ไกลแถวนั้นเลยรีบหันขวับ  เท่านั้นแหละ...

ระเบิดลง!

เวรเอ๊ย  เขาก็ว่าอยู่ว่าขาคู่นั้นมันดูคุ้นๆ  ที่แท้ก็ขาคุณปุยฝ้าย


เขาที่เป็นเด็ก(เลี้ยง)ที่ดีเลยค่อยๆ ดึงแขนของเสี่ยออก  รับของมาถือเองแล้วยกมือไหว้   เดินทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ตอนสวนกับคุณปุยฝ้ายที่ใส่แว่นกันแดดทั้งที่ตอนนี้มันสองทุ่ม  พอเข้าลิฟต์มาได้ก็สบตากับเสี่ยที่ยังยืนข้างนอก  ส่งความนัยผ่านสายตาบอกเสี่ย  ขอให้เสี่ยโชคดีนะ  เรื่องของเสี่ยเขาจะไม่ยุ่ง  พอประตูลิฟต์ปิดลง  เขากับลุงคนขับรถที่ขนของขึ้นลิฟต์มาด้วยกันก็สบตากันแวบหนึ่งก่อนเบี่ยงออกแล้วนิ่งเงียบ

ลุงแกคิดยังไงเขาไม่รู้  แต่เขารู้ว่าเสี่ยซวยแน่  ส่วนตัวเขา...  ช่วงแวบเดียวที่เขาสวนกับคุณปุยฝ้าย  คำสามคำที่ดังก้องอยู่ในหัวมันมีแต่คำว่า

CLUB - FRI  - DAY

พี่อ้อยพี่ฉ่อย  ได้มีหนังเรื่องใหม่ให้เมาท์กันสนุกแน่






>>>  CLUB  FRIDAY    ตอนหน้าจะมาม่าไหม~~
>>>>>> ส่งท้ายปีเก่าของจริง  เจอกันหลังปีใหม่ค่ะ  (ซึ่งก็คือพรุ่งนี้(มั้ง)  จุ๊บๆๆ)

ปล.  มีคำผิดสะกิดกันได้ไม่ว่ากันจ้า^^

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 14 [31/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 31-12-2016 17:12:01
ยัยพระแพงไม่น่าจะมาม่านะ นางออกจะลั้ลลาขนาดนี้ อิอิ  :mew1:   :L1:  สวัสดีปีใหม่นะคะคนเขียน
เสี่ยหื่นมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 14 [31/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-12-2016 17:42:57
ยังไงกัน คุณปุยฝ้าย มาที่คอนโดได้ไง
รึว่ามีสายสืบ แอบส่องตามเสี่ย
ถ้าเสี่ยเป็นเกย์ แบบบอร์นทูบี
แล้วทำไมต้องแต่งกับคุณปุยฝ้าย
ทำไมเสี่ย ต้องปิดปากเงียบ
แล้วคุณปุยฝ้าย แอบมีอะไรกับใคร
พ่อเสี่ย หรือคนที่ทำงานด้วยกัน
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 14 [31/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: beb98 ที่ 31-12-2016 18:04:46
กำลังไปได้สวย สวีทหวานขนาดนี้ คุณปุยฝ้ายมาทำไม โอ้ยยยยย   :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 14 [31/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 31-12-2016 18:17:46
ตกลงเรื่องที่เสี่ยมีอะไรกับคุณปุยฝ้ายนี่เรื่องจริงเหรอ
ครอบครัวเสี่ยมีลูกชายคนเดียวเหรอ ถึงได้ดึงดันกับลูกที่เป็นเกย์ขนาดนี้ คือไม่ได้อะไร แต่นอกจากจะสงสารฝ่ายชายแล้ว ฝ่ายหญิงก็น่าเห็นใจไม่น้อยนะ (ถ้าถูกหลอกให้แต่งแบบไม่รู้ว่าฝ่ายชายเป็นเกย์)
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 14 [31/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 31-12-2016 18:47:56
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 14 [31/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 31-12-2016 19:47:55
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 14 [31/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 31-12-2016 20:04:36
พระแพงเป็นคนคิดบวก   ดีแล้วจะได้มีชีวิตที่มีความสุข   ตอนจบ เสี่ยกับพระแพงจะคู่กันรึเปล่า   ท่าทางจมีดราม่าครอบครัวเสี่ย   รอลุ้นให้คู่กัน
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 14 [31/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 31-12-2016 21:02:15
ขนาดจะมาม่า พระแพงยังสามารถจบอย่างขำขันได้...ยอมใจจริงๆ

รอดู Club Fri-day  ของพระแพงกันต่อไป ฮาาาา
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 14 [31/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 31-12-2016 21:40:14
เสี่ยก็คือเสี่ย เสี่ยคนเดิมเพิ่มคือเสี่ยว่าพระแพงนอกใจ
เสี่ยค้าาาา คบกะพระแพงละหรอออ แหม่ นอกจงนอกใจอะไรกัน ไปเคลียร์กะคู่หมั้นด่วนค่า

โอยย จะถึงมาม่าละหรอ  :hao5:

พรุ่งนี้มาอัพจริงๆน้า อย่ามาทำให้อยากแล้วจากไป :ling1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 14 [31/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 31-12-2016 22:03:19
ตลกพะแพง
รักเสี่ยเหมือนพ่อ โฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยย
จินตนาการหนูเหลือรับประทานจริงๆลูก  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 14 [31/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 31-12-2016 22:11:21
ดูแล้วครอบครัวเสี่ยคงจะเข้มงวดน่าดู
ยิ่งลูกเป็นเกย์ ครอบครัวคนจีนด้วยเนาะ
พระแพงสู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 14 [31/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 31-12-2016 23:01:36
ปุยฝ้ายมีเพื่อตั้งท้องหรือเปล่า?   
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 14 [31/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: joyey6217 ที่ 01-01-2017 08:01:49
งานงอกแล้ว  กำลังหื่นกันอยู่ดีตั้งแต่จันทบุรียันกทม. มีเรื่องกันแล่ววว
เสี่ยขา เสี่ยจัดการได้ใช่ไหม เสี่ยคงจะเอาอยู่ล่ะเนอะ.
ไม่ใช่ว่าคุณปุยฝ้าย มาดักรอแบบนี้ ไม่ใช่ว่าจะโดนจับแต่งงานนะ
พระแพงเอ้ย ขนาดเรื่องมันน่าจะเครียดเอ็งยังทำให้ฮาได้เนอะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 14 [31/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 01-01-2017 09:31:38
เสี่ยเป็นเกย์แบบบอร์นทูบี  ตั้งแต่เด็กยันโตไม่เคยแอ้มสาวซักครั้ง  จะมีก็แต่กับคุณปุยฝ้ายที่เสี่ยกำลังจะแต่งงานด้วย
เค้ามีอะไรกันจริงอ่ะ? เสี่ยนอกจากจะหื่นเข้าไส้แล้ว ยังขี้หึงสุดๆ
ยังยืนยันคำเดิม ไม่เอามาม่าได้มั้ย..ยยยยยยยย     :ling3:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ เสี่ย Part I [1/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 01-01-2017 10:20:22
เสี่ย  Part  I



ตอนที่เห็นหน้าเด็กเลี้ยงครั้งแรก  เขานึกว่าตัวเองถูกธนิตแกล้ง

เขาใช้บริการหาเด็กเลี้ยงกับธนิตมานานหลายปี   และทุกคนก็เป็นเด็กเกรด A  เชื่อถือได้  ถึงจะมีบางคนที่พฤติกรรมหลุดจากมาตรฐาน แต่นั่นก็เป็นเพราะตัวของเด็กเองไม่ได้เกี่ยวกับธนิต  แต่กับเด็กคนนี้...  เห็นแล้วเสี่ยอย่างเขาอยากจะเอามือกุมขมับ 

เขาว่าเขาก็ไม่ได้จู้จี้เรื่องเด็กใหม่มาก  แค่บอกว่าอยากได้เด็กที่แปลกกว่าปกติซักนิด  เอาแบบไม่ขาวบอบบางเป็นงานเหมือนแมวขี้อ้อน  แล้วก็ไม่อยากได้พวกโฮสที่ชอบพูดจายกยอเหมือนเขาเป็นพระเจ้า  เขาแค่อยากได้เด็กที่ดูปกติ  ทำตัวเหมือนผู้ชายทั่วไปซักนิด  แต่เอาพวกที่แอนตี้หรือรังเกียจเกย์  แล้วก็ต้องไม่เอาพวกแต้วแตกเพราะเขาเกลียดตุ๊ด  แต่สาวประเภทสองที่ผ่าตัดมาแล้วนี่เขารับได้  ถึงจะไม่ได้ชอบมากก็เถอะ  ส่วนเรื่องประสบการณ์ทางเพศ  เขาอยากลองเด็กแบบที่สดๆ สะอาดๆ  ดูบ้าง  เอาแบบเป็นงานนิดๆ แต่ไม่ชำชอง  ถ้าได้แบบเปิดบริสุทธิ์ได้ก็ยิ่งดี   เพราะถ้าให้เขาเป็นคนได้กอดได้สอน  ก็คงรู้สึกดีในแบบใหม่ๆ บ้าง   เอาแบบตอนแรกไม่กล้าแต่พออยู่ด้วยกันไปนานๆ ก็ขี้อ้อนมากขึ้น  เอาแบบกล้าขึ้นมาควบขับเขาด้วยตัวเองยิ่งดีใหญ่ 

อ่อ  แต่ที่สำคัญคือหลังจากเสร็จงานต้องไม่มีการต่องานเพิ่ม  เขาเบื่อเด็กที่ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง  เที่ยวเทียวไล้เทียวขื่อจนเขาเสียหน้า  ถึงเขาจะไม่ได้ปิดบังรสนิยมทางเพศ  แต่ถ้ามีเด็กตามมาถึงบริษัทก็คงไม่ไหว  แน่นอนว่าเขาไม่ตวาดไล่  แต่ถ้าเรื่องถึงธนิตก็อย่ามาหาว่าเขาใจดำก็แล้วกัน

แล้วก็นั่นแหละ...  เขาว่าเขาก็ไม่ได้เรื่องมาก(?)  แค่เด็กที่เขาต้องการมันอาจจะหายาก  ถ้าไม่มี...  หาไม่ได้เขาก็ไม่ได้ว่า  แต่คงเบาๆเรื่องนี้แบบนี้ไปซักพัก  เพราะเขาก็เริ่มถึงจุดอิ่มตัวแล้ว  แต่นี่อะไร...  แต่นี่มันอะไร!?  ส่งเด็กแบบนี้มา  ไม่ต้องส่งมาเลยดีกว่ามั้ง!

เอ่อ  เอาล่ะๆ  เขาอาจจะอคติไปบ้างเพราะไม่เคยเจอเด็กแบบนี้  เด็กนี่...  หน้าตามันก็ไม่ได้แย่  รูปร่างก็....  สมส่วนเรียกได้ว่าถึงขั้นเซ็กเซ็กซี่  ผิวก็ดูเรียบเนียนถึงจะดูคล้ำไปหน่อยก็เถอะ   ส่วนปาก...  อาจจะดูหนาไปนิดแต่ก็เหมาะกับขนาดตัว  แต่ที่สำคัญคือขนาดตัวนี่แหละ!  เด็กเสี่ยอะไร!?  ตัวใหญ่จนจะสูงกว่าหัวเขาอยู่แล้ว  ถึงจะดูตัวบางกว่าเขาก็เถอะ!  แต่เขาไม่ชอบเด็กตัวใหญ่แบบนี้!

โอ๊ย  เห็นแล้วอยากจะฝ่อห่อไข่กลับไปที่บ้าน  ไอ้เขารึก็อุตส่าห์ตั้งความหวังไว้ซะดิบดี  เพราะธนิตมันโม้แล้วโม้อีกว่าเด็กคนนี่มีความสามารถ   ยิ่งบอกว่ามีรุ่นพี่ติวมาอย่างดีแต่ท่าทางยังใสซื่อ  เหมาะที่จะเอามาเป็นเด็กเลี้ยงแบบค่อยๆ สั่งสอนจะเหมาะมาก  และถึงจะบริสุทธิ์แต่ก็พอเป็นงาน  ลองสั่งสอนดีๆ  ต่อไปอยากได้แบบเซ็กซี่หรือดิบเถื่อนแค่ไหนเด็กนี่ก็จัดให้ได้   ไม่มีทางแปลงตัวเป็นแมวขี้อ้อนแบบน่าเบื่อแน่นอน  เขาที่ได้ฟังมาเลยตั้งความหวังไว้เยอะ  กะว่าได้ฝึกจนสนุกแน่   แถมรูปเด็กก็ไม่ยอมดูก่อนเพราะเชื่อมือธนิต  แล้วนี่มันอะไร...  โอ๊ย  เสี่ยเครียด!!

" เอ่อ...  เสี่ยครับ"   ได้ยินเสียงทีเขานึกว่าตัวเองเป็นเสี่ยค้ายา  เตรียมสั่งมือปืนให้ไปฆ่าปาดคอคนแบบไม่เห็นเลือด

เอาล่ะๆ  เขารู้ว่าตัวเองอคติไปบ้าง(มาก)  ไอ้เด็กนี่มันก็ไม่ได้เสียงแย่  แต่รวมๆกันนี่สิ  ที่มันแย่!

" เอ่อ  สวัสดีครับ  ผมชื่อพระแพง  เป็นเด็กที่พี่ธนิตส่งมาครับ"  เด็กแพงนั่นส่งเสียงแบบไม่มั่นใจ  พร้อมส่งรอยยิ้มมาให้

เอาล่ะ... 

เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมธนิตถึงบอกว่าเด็กนี่เป็นของดีหายาก  เด็กนี่ไม่ใช่เด็กแบบที่จะเปลี่ยนเป็นแมวขี้อ้อนน่าเบื่อได้แน่ๆ    เด็กนี่มีความจริงใจแบบที่หาไม่ได้ง่ายๆ  แค่มองตาเขาก็รู้ว่าในหัวโตๆ นั่นคิดอะไรอยู่บ้าง  แถมท่าทางไม่เต็มใจแต่ก็ยอมรับสภาพ  ทำให้เขารู้สึกจี๊ดนิดๆ  รู้สึกเหมือนได้แกล้งสัตว์อะไรอย่างจนกระทั่งร้องไห้  แต่ถึงจะร้องไห้ก็ยังมีความพยศอยู่ในตัวให้อยากกำราบเล่น  ให้อารมณ์เหมือนได้ฝึกม้าเด็กนิดๆ ...

 ใช่!  เด็กแพงก็เหมือนกับม้าเด็กที่เพิ่งถูกจับมาและกำลังจะถูกฝึกให้เชื่อง  ถึงดูภายนอกจะเหมือนกับถูกฝึกได้ง่าย  แต่ความจริงกลับมีความดื้อรั้นอยู่ในตัว  มีความหยิ่งอยู่ในตัวนิดๆ ชวนให้อยากปราบพยศนิด  แต่ถ้าได้ลองลงทุนฝึกซักหน่อย  ซักวันก็จะเชื่อง  แถมพอฝึกจนอยู่มือ  ต่อไปจะขี่ท่าไหน  จะบังคับให้ทำแบบไหนท่าไหนก็ได้   แถมดวงตากลมๆ ซื่อๆ นั่น   ดูเหมือนจะไม่รู้ตัวเลยว่า  ตัวเองกำลังจะถูกควบ  ใช่!  พระแพงคือลูกม้าเตรียมตัวถูกฝึกตัวเป็นๆ ชัดๆ

เฮ้อ~~  เห็นแบบนี้เขาค่อยเริ่มสงบใจลง  อยากเป็นเสี่ยเลี้ยงต่อหน่อย  นึกว่าต้องฝ่อกลับบ้านซะแล้ว

อืมม  เขากวาดตาดูเด็กแพง  (อัพเกรดจาก ไอ้เด็กนี่  มาเป็นเด็กแพง)  แบบเต็มๆ ตาอีกซีกนิด  พอได้สังเกตแบบตัดอคติออกไป  เขาถึงรู้ว่าแพงนี่เป็นม้าป่าพันธุ์ดีชัดๆ  ดูเป็นม้าหนุ่มพันธุ์ดีเหมาะแก่การเอามาเป็นพ่อพันธุ์เอามากๆ  แถมพอดูดีๆ แล้วแพงก็ค่อนข้างหล่อแบบคมเข้ม  ถึงจะไม่ถึงขั้นเป็นนายแบบ  แต่ก็มีเอกลักษณ์ในตัวโดยเฉพาะท่าทางกับรอยยิ้มนั่น  ยิ้มทีแทบทำเอาเขาไข่ตั้ง  อะแฮ่ม  หวานถึงตื่นตัวเพราะแพงมีรอยยิ้มที่ใสซื่อมากๆ  แถมคิดจะเป็นรอยยิ้มขี้อ้อนนิดๆ  แบบที่เสี่ยส่วนใหญ่ชอบ 

แล้วพอมาดูรูปร่าง  แพงมีกล้ามเนื้อที่สมส่วนมาก  คือพอเหมาะพอเจาะกับรูป  แถมผิวสีน้ำตาลดูเรียบลื่นนั่นก็ยิ่งเพิ่มความเซ็กซี่เข้าไปใหญ่   เดาได้เลยว่าเวลาขี่แพงจนแพงเหงื่อออกจะต้องยิ่งเซ็กซี่เข้าไปใหญ่  เพราะแพงผิวสีน้ำตาลเข้ม  ถ้าโดนเหงื่ออาบจนมันวาวคงยิ่งทำให้เขาขนลุก  เพราะอยากควบม้า  แล้วยิ่งเวลาผสมพันธุ์แพงคงอึดมากแน่ๆ   อาจจะอดทนอยู่กับเขาได้หลายยก  แถมยังไม่ต้องคอยถนอมมากเพราะแพงดูท่าจะทนมือ  โอย  ยิ่งคิดยิ่งคึก

จากที่ฝ่อๆ อยู่ก็เริ่มฮึดสู้   อยากลองเปิดซิงเด็กแปลกใหม่แบบแพงดูบ้าง  แต่แพงดูท่าทางจะตื่นมาก  ถึงจะดูเตรียมตัวเตรียมใจไว้  แต่ก็ครั้งแรกก็คงประหม่าอยู่ดี  เพราะงั้นเขาต้องทำหน้านิ่งๆ  แพงจะได้ไม่ตื่นมาก  ขืนแพงเป็นม้าเตลิด  กว่าจะจับกลับมาได้  ได้หมดอารมณ์ก่อนพอดี

" ธนิตบอกแล้วใช่ไหมว่าต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง"  เขาถามแพงเสียงนิ่ง  เขาว่าเขาก็ทำหน้านิ่งมากแล้วนะ  แต่แพงนี่สิทำหน้าอย่างกับจะตกนรก   แถมตากลมโตสีน้ำตาลดูฉ่ำน้ำนั่น  ยิ่งทำให้เหมือนลูกม้าเขาไปใหญ่  แถมยังทำท่ากัดปากเหมือนจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อ  โอ๊ย  เสี่ยอยากขี่ม้า!  เอ๊ย  เสี่ยอยากฝึกเด็กแล้ว

" บอกแล้วครับ.."  พระแพงตอบเสียงสั่นจนเขาอดสงสารไม่ได้  เอาเถอะ  ยังไงเขาก็ไม่ใช่พวกซาดิสม์  แถมนี่ก็เป็นครั้งแรก  เพราะงั้นเอาใจแพงหน่อยก็ได้  รอบเดียวพอ...

" ถ้าธนิตบอกแล้วก็เริ่มได้  วันนี้ฉันมีเวลาไม่มาก   จะกลับหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ" 

เขาว่า...  เขาก็ทำหน้านิ่งและใจดีมากแล้วนะ   แต่พระแพงนี่สิทำท่าเหมือนจะขาดใจให้ได้  นี่ถ้าแพงหนีไปเขาจะไม่แปลกใจเลยนะ   แต่แพงก็ทำให้เขาแปลกใจกว่าด้วยการโน้มหน้าลงมา  และครั้งแรกของเขากับพระแพงก็เกิดขึ้น



ฮื่ม  ฮืม  ฮื่ม  ฮื้ม  ประสบการณ์ใหม่จากแพงเขาบอกได้คำเดียวเลยว่า " สุดยอด"    แพงเป็นเด็กที่ไม่มีลีลาเลยซักนิด  แต่ทำให้เขามีความสุขจนแทบสำลัก  ทุกครั้งที่สอดเข้าไปในตัวแพงลึกๆ  แพงจะตอดเขาจนเกือบจะถึงจุดสุดยอด  เพียงแต่ยังไม่หลั่งออกมาเท่านั้น  แพงตอดรัดเขาแน่นถี่และบีบกระชับ  ยิ่งเวลาเจ้าตัวกลั้นเสียงร้องเขายิ่งอยากเบียดกระแทก  แพงไม่เคยส่งเสียงร้องดังๆ เลยซักครั้ง  และเขารู้ว่านั่นเพราะแพงกำลังอดกลั้น   แต่นั่นกลับยิ่งทำให้เขาอยากฟังเสียงแพงเข้าไปใหญ่  เขาเลยทั้งบดเบียด  ส่ายควง  และกระแทกลงจุดแพงซ้ำๆ  จนแพงเริ่มทนไม่ได้และเริ่มร้องไห้   

ตอนที่เห็นน้ำตาเขาเริ่มรู้สึกผิดนิดๆ  แต่แพงก็ดื้อมากที่ไม่ยอมส่งเสียงร้องออกมาให้เขาได้ยินซักเอะ  ทั้งๆ ที่ของๆ แพงก็ตั้งจนแข็งและดูปวดมากแท้  แต่ก็ไม่ยอมส่งเสียงร้องหรือขยับมือเพื่อช่วยปลดเปลื้อง  เขาไม่แน่ใจว่าแพงจะรู้หรือเปล่าว่าเด็กบางคนก็ไม่สามารถปลดปล่อยโดยอาศัยแค่ด้านหลังได้  โดยเฉพาะกับพวกเด็กใหม่ที่ต้องใช้มือหรือไม่ก็ยาเป็นตัวช่วย  เขาไม่รู้ว่าแพงโด๊ปยาหรือเปล่า  แต่ที่แน่ๆ คือแพงดื่มเหล้า  เพราะเขาได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวแพงที่ออกมากับเหงื่อ  ปกติเขาไม่ชอบเด็กที่มีเหงื่อเยอะ  แต่แพงนี่เป็นข้อยกเว้น  เวลาแพงเหงื่อออกมันไม่ได้ดูสกปรกหรือเลอะ  แต่มันกลับยิ่งดูมันวาวจนผิวแพงสวยเข้าไปใหญ่   

เขาต้องกัดฟันทนถึงจะระงับอารมณ์ไม่ให้รังแกแพงมากไปกว่านี้ได้  เขาไม่อยากให้แพงตื่นกลัว  และเตลิดหนีไปซะก่อน  ถึงจะจับกลับมาได้  แต่เขาไม่ชอบใช้กำลังต่อสู้  สู้ค่อยๆฝึก  ค่อยๆสอนต่อไปน่าจะดีกว่า  แถมแพงก็ดูว่าง่ายแค่ดื้อและออกรั้นไปหน่อยเท่านั้น  ถ้าเอาอกเอาใจและไม่ขู่บังคับ  บางทีก็ยังพอฝึกกันได้ 

ดังนั้นวันแรกเขาเลยจัดไปแบบไม่หนักมาก  เอาแค่รอบเดียวแล้วช่วยแพงเอาน้ำออกด้วย  ปกติเขาจะปล่อยเด็กเลี้ยงไว้  ให้จัดการกับตัวเองเอง  เพราะเขาไม่ยุ่ง  และมันไม่ใช่หน้าที่ของเสี่ยที่ต้องดูแลเด็กให้มีความสูขด้วย  เด็กเลี้ยงคือเครื่องบริการทางเพศ  จะมีความสุขหรือไม่ก็เรื่องของเด็กเองเท่านั้น  แต่กับแพง...  เขาออกจะถูกใจแพงอยู่มาก  เพราะงั้นแค่ช่วยเด็กนิดๆหน่อยๆ  ถือว่าสบายมาก  อีกอย่างนี่ก็เป็นครั้งแรก  ใจดีกับแพงนิดๆ  แพงจะได้ติด  แล้วต่อไป...  อย่าว่าแต่สามรอบเลย  ห้ารอบก็ยังไหว!





>>>  บอกแล้วเสี่ยเลว  ><
>>>>>  สวัสดีปีใหม่ของจริงค่า   ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆ นะคะ
>>>>>>> พรุ่งนี้ไม่มา...  หมดก็อก  5555555

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ เสี่ย Part I [1/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Atroce ที่ 01-01-2017 10:28:07
เสี่ยยยย  เห็นขรึึมมาตลอด
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ เสี่ย Part I [1/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: beb98 ที่ 01-01-2017 10:39:30
เสี่ยเอ๊ย หื่นตัวพ่ออะ คีฟลุคนิ่งๆขนาดนี้ เหนื่อยไหมคะ55555555555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ เสี่ย Part I [1/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-01-2017 10:45:20
ในที่สุดคนเขียนก็ยอมให้เสี่ยมีบทบาทเยอะ ๆ บ้างแล้ว ฮา
อืม ความคิดของเสี่ยนี่หื่นเกินกว่าเราจะจินตนาการ (แต่ไม่เกินความคิดเวิ่นเว้อของพระแพง) ฮา
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ เสี่ย Part I [1/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 01-01-2017 10:57:25
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ เสี่ย Part I [1/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 01-01-2017 11:34:46
้เสี่ยมาแล้ว  ชอบ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ เสี่ย Part I [1/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 01-01-2017 15:03:02
มุมของเสี่ยนี่น่าติดตามมาก ขออีกนะคะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ เสี่ย Part I [1/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 01-01-2017 15:55:58
"กาม" ค่ะ บอกได้คำเดียวว่ากาม
อย่าว่าเสี่ยเลวเลยค่ะ ด่าว่าหื่นกามคงจะเหมาะสมกว่า
แถมยังลามก สัปดนสุดๆ
อิเสี่ย ตาแก่หื่นกาม ลามก สัปดนที่สุด!!! :hao7:

เห็นแล้วสงสารพระแพง น้องไม่รู้เรื่องอะไรเลย (นอกจากเสี่ยหื่นและลามก)  :laugh:

พรุ่งนี้ไม่มาหยออ คิดถึงน้าาา  :katai4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ เสี่ย Part I [1/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-01-2017 17:20:49
โด่......เสี่ยทำขรึม กลบหื่น เชอะ
ม้าป่าพยศบ้าง กลัวตื่น กลัวหนีไรบ้าง 
อยากให้ควบบนตัวเสี่ยบ้าง
เลยจบแบบเบาๆ รอบเดียว
เผื่อคราวหน้าห้ารอบ
สรุปเสี่ย โคตรหื่นสุด  :ling1: :ling1: :ling1:
อยากอ่านเรื่องของเสี่ยต่อละ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ เสี่ย Part I [1/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 01-01-2017 19:17:56
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ เสี่ย Part I [1/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: joyey6217 ที่ 01-01-2017 20:01:51
เสี่ยยยยยยยยย เสี่ยเป็นคนแบบนี้นี่เอง. หื่น หัวงู 555555 โอ้ยยยย ตอนอ่านความคิดพระแพงว่าขำแล้วนะ พอเจอะความคิดของลุงคนนี้ หื่นกามมาก แต่ละอย่างที่แกคิด  อ่อยยยย. เพื่อสิ่งนั้นสิ่งเดียว จะรังแกจะสอนยังไงให้ต่อไปเด็กยอมหลายๆยก     
ขำหนักมาก พระแพงพี่สงสารแกจัง
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ เสี่ย Part I [1/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 01-01-2017 21:33:52
ทำไมเสี่ยหื่นขนาดนี้ ในหัวคิดแต่เรื่องแบบนี้ใช่ไหม
เป็นตาลุงหื่นกามไปแล้ว  ชอบพระแพงเข้าแล้วสินะ

วอนคนเขียนอย่าหายไปนาน ถ้าจะให้ดีลงทุกวันเลยได้ไหมคะ 55
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ เสี่ย Part I [1/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 01-01-2017 21:47:50
เอ่อ..สตั้นท์แพร่พ อิเสี่ยเป็นคนเยี่ยงนี้รึ 555 ถ้าเลวที่ว่าประมาณนี้พี่รับได้
สงสารก้อแต่พระแพง มาเจอหื่นของแท้ เอาใจช่วย #ทีมพระแพง  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ เสี่ย Part I [1/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 01-01-2017 22:14:02
อืม....เสี่ยค่ะ ตอนแรกก็แอบคิดว่าเสี่ยจะเป็นคนนิ่งๆ แต่ที่ไหนได้ หื่นตัวพ่อออ หมั่นใจเลยว่าต่อไป อุปกรณ์ต้องมี
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ เสี่ย Part I [1/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 01-01-2017 22:16:20
ตอนอยากดูพาร์ทเสี่ย เสี่ยก็ไม่อออกโรง, พอดราม่ากำลังจะมา อิเสี่ยกระโดดมาบังจอซะงั้น
อิเสี่ยยยยยย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ เสี่ย Part I [1/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 02-01-2017 12:55:45
ตอนแรกก็คิดว่าพระแพงมันเล่าไม่หมด สรุปเสี่ยเก๊กขรึมใส่ เพื่อที่จะได้กินนานๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ เสี่ย Part I [1/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 03-01-2017 00:00:39
อื้อหืออออ ที่ทำมาทั้งหมดที่ภาพลวงตาสินะคะเสี่ย!!! 5555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ เสี่ย Part I [1/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 03-01-2017 13:25:04
เสี่ยนี่ร้ายไม่เบา ทำเป็นเข้ม เก๊กไม่ยอมพูดจา ที่แท้ก็หลงเด็กหนักมาก ชูป้ายไฟเชียร์พระแพง :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ เสี่ย Part I [1/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 03-01-2017 21:53:52
เสี่ยโคตรร้าย :katai4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 15 [3/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 03-01-2017 22:05:20
ตอนที่  15



วันถัดมา  จากที่คิดว่าจะได้กินเลี้ยงกับเสี่ย  เขาก็ต้องกินแห้วแทน 


เขาที่นั่งแกร่วอยู่ในคอนโดก็นั่งแยกของฝากทั้งในส่วนของตัวเองและส่วนของเสี่ยอธิป  พรุ่งนี้จะไปทำงาน  ไม่รู้ว่าจะมีมาม่าอะไรมาทำให้เขาสยองขวัญบ้าง  บางทีอาจจะเป็นหัวข้อข่าวประเภท

   "เสี่ยหนุ่มอักษรย่อ  อ. ถูกจับได้ว่ามีชู้แบบคาหนังคาเขาก่อนขึ้นห้อง"

   ไม่ก็

   "กิ๊กหนุ่มอักษรย่อ พ.  หนุ่มน้อยหน้ามนตะลึง  เห็นหน้าเมียหลวงเสี่ยอักษรย่อ อ. ยืนอยู่ตรงหน้า"

   ไม่ก็

    "สาวสวยอักษรย่อ ป. ปรี๊ดลั่น  ประกาศกร้าว  สั่งฆ่าหั่นศพเสี่ยหนุ่มอักษรย่อ อ.  ก่อนโยนความผิดให้หนุ่มอักษรย่อ พ. ให้ไปนอนในคุกเล่น”

เอิ่ม  อันหลังนี่คงไม่ใช่แล้วล่ะ

แต่เอาเป็นว่า  ถ้าเสี่ยจัดการกับปัญหานี้ได้ไม่ดี  เขากับเสี่ยแย่แน่  ตัวเสี่ยน่ะอาจจะไม่เท่าไหร่  แต่เขานี่สิท่าจะไม่รอด  เพราะไม่ว่าจะมองมุมไหนเขาก็ผิดเต็มประตูทั้งนั้น  แถมแค่เป็นชู้ยังไม่พอ  แต่นี่คนเป็นชู้ยังเป็นผู้ชายด้วย  ถึงเขาจะไม่เคยล้อคนอื่นว่าขายถั่วดำ  ขุดทอง  หรือเล่นประตูหลัง  แต่ถ้าหากเขาต้องมาฟังเอง  คราวนี้รับรองเขาขำไม่ออกแน่ๆ  อีกอย่างของอย่างนี้ถึงจะเถียงว่าตบมือข้างเดียวไม่ดัง  แต่ถ้าเขาไม่ร่วมวงตบแปะด้วย  ต่อให้เสี่ยตบมือให้ตายยังไงมันก็ไม่มีทางเกิดเสียงตบกลับอยู่แล้ว  และถึงเขาจะทำไปเพราะสงสารเสี่ย  แต่เอาเข้าจริงเขาก็ไม่ควรทำแบบนี้ 
   
แต่ก็นะเขาตัดสินใจไปแล้ว  และเขาก็จะไม่เปลี่ยนใจด้วย  อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด   เพราะงั้นเขาก็ได้แต่หวังว่าเสี่ยจะจัดการเรื่องทุกอย่างได้อย่างราบรื่น  และเผื่อแผ่มาถึงตัวเขาด้วย


   
ดังนั้นวันนี้ที่เป็นวันเกิด  นอกจากลงไปตักบาตรเขาก็ไม่ได้ออกไปไหนมาก  วัดก็ไม่ได้ไป  อาหารการกินก็หาเอาเองจากในห้อง  แต่เสี่ยก็ยังเป็นเสี่ยเกรด A+  แบบเดิม  ถึงจะไม่สามารถมาฉลองวันเกิดกับเขาได้  แต่เสี่ยก็ยังใจดีส่งข้าวส่งน้ำพร้อมเค้กวันเกิดมาให้อีกหนึ่งก้อน  พอตกดึกก็ส่งอาหารมื้อเบาๆ  มาให้อีกหนึ่งมื้อพร้อมกับของขวัญหนึ่งชิ้น 

เขาที่เห็นกล่องของขวัญก็ได้แต่แกะออกด้วยความระทึก  เพราะสีกล่องกับตราบนกล่องมันคุ้นมาก  แถมพอเปิดมา...

แหวนเพชร

เอิ่ม...   อยากบอกว่าเสี่ยแ_่งเสี่ยวมาก  ให้อะไรไม่ให้ดันให้แหวนเพชร  ถึงแหวนมันจะเป็นแหวนทรงเรียบๆ  ประดับเพรชเม็ดไม่ใหญ่มากจำนวนหนึ่งเม็ดถ้วน  แต่ถ้าถามว่าเขาจะใส่ไหม...

บอกเลยว่า  ไม่!  เขาไม่มีทางใส่ไอ้แหวนนี่ให้แต๋วแตกเด็ดขาด  ถึงแหวนมันจะเป็นทรงผู้ชายแต่เขาก็ไม่ชอบใส่เพชร!

แต่คนให้ของมา(โดยเฉพาะกับเสี่น) เราต้องรับ   สุดท้ายเขาเลยถอดสร้อยที่เสี่ยให้ออก  หย่อนแหวนเข้าไปใส่เพิ่มให้หนักคอเล่นอีกหนึ่งชิ้น  พอดูในกระจกว่าไม่ดูขัดตาเขาก็เก็บกลับในเสื้อ 
   
อะไรเล่า  ถึงเขาจะไม่ชอบใส่เพชร   แต่คนเขาให้ของมาก็ต้องรับ  จะเอาไปเก็บให้ฝุ่นเกาะก็ใช่ที่  แถมเสี่ยเอง  ถึงจะไม่เคยพูดถึงเรื่องสร้อย  แต่เวลาที่เสี่ยเห็นมันอยู่บนอกเขา  แววตาเสี่ยก็จะฉายแววพอใจอยู่นิดๆ  เพราะงั้นถึงเขาไม่ใส่ที่นิ้ว  เสี่ยก็คงจะไม่ว่าอะไรมาก
   
ว่าแล้วก็รื้อๆ หาใบเซอร์กับใบเสร็จ  จะได้เก็บไว้ในที่เดียวกันกับกล่องสร้อย  แต่ปรากฏว่าไม่มีแฮะ   สงสัยอันนี้เสี่ยกะไม่ให้เขาขายกิน  ถึงได้ให้มาแต่กล่องแบบนี้  แต่ช่างเอาเถอะ  เขาไม่ใช่คนคิดมาก  แถมเขาเองก็ไม่คิดจะขายเกินอยู่แล้ว  เพราะงั้นจะมีใบเซอร์หรือไม่มีใบเสร็จก็ไม่สำคัญ  อีกอย่างแค่เสี่ยก็ให้ของขวัญแบบที่ไม่แพงมาก  เขาก็พอใจแล้ว  เพราะดูจากขนาดเพชร  แหวนวงนี้น่าจะไม่กี่หมื่นมั้ง  ถ้าเทียบกับค่าบ้านแล้วค่าแหวนแค่นี้ถือว่าจิ๊บๆ 

เออ  พูดถึงเรื่องค่าบ้านแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้  เขายังไม่ได้ขอใบเสร็จค่าบ้านกับเสี่ยเลยนี่หว่า  ไม่ได้ๆ  เราเป็นพนักงานบัญชี  เรื่องการเงินเราต้องละเอียดรอบคอบ  ค่าแรงค่าเบิกซื้อของเราต้องจดทำบัญชีให้ครบ  จะได้ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบให้เสี่ยขูดรีดอัตราดอกเบี้ย


ว่าแล้ว(อีกที)  เขาที่อยู่ว่างๆ เลยถือโอกาสทำบัญชีรายรับรายจ่ายประจำเดือน  การทำบัญชีรายรับรายจ่ายนี่สำคัญมากนะ  ถึงจะไม่ได้จดละเอียดทุกการจ่ายซื้อ  แต่หลักๆ เราก็จะพอรู้ว่าเงินหายไปตรงไหนบ้าง 
   
อย่างเขาที่ไม่ค่อยมีรายจ่ายอะไร  ก็ปันเงินเดือนแบ่งออกเป็นหลายส่วน  แยกหลักๆ  คือค่ากินกับค่าใช้จ่าย  เช่นค่าหอพัก(ที่เขายังจ่ายเลี้ยงไว้)  ค่าบัตรรถไฟฟ้า  ของใช้ส่วนตัว  คิดเป็น 35-45% ของรายได้   ส่วนที่เหลือจากรายจ่ายก็เก็บไว้ผ่อนจ่ายกยศ.ทุกเดือนๆละ 15-25% ของรายได้   ส่วนที่เหลืออีก 30% ก็เอาไปลงทุนในหุ้น  ถัวราคา LTF/RMF  เพื่อใช้ในการหักภาษีในปลายปี  ฝากเงินสดในรูปแบบของบัญชีฝากประจำที่ให้ดอกค่อนข้างเยอะ
   
วิธีการเก็บเงินแบบนี้อาจดูเหมือนไม่เยอะ  แต่พอลองมาคำนวณยอดดูอีกที  ตอนนี้เขาก็มีเงินเก็บเป็นแสนแล้ว  ยิ่งรวมกับเงินที่เสี่ยให้ตอนสมัยเป็นเด็กเลี้ยง  เขาก็มีเงินเก็บอยู่ในบัญชีประมาณสามแสนกว่าบาท
   
ในระหว่างที่ทำบัญชีรับจ่าย  เขาก็แอบส่องดูราคาหุ้นของบริษัทไปด้วย   บริษัทของเสี่ยมีนโยบายขายหุ้นให้พนักงานในราคาพิเศษเหมือนกัน  ประมาณว่าเอาหุ้นมาเป็นของล่อลวงใจนั่นแหละ  การซื้อหุ้นก็เปรียบเสมือนเราเป็นเจ้าของบริษัทกลายๆ  ถ้าเราตั้งใจทำงานจนผลประกอบการออกมาดี(กำไรเยอะ)  นอกจากเงินปันผลกับโบนัสรายปีที่ควรจะได้รับ  เรายังอาจได้กำไรจากการขายหุ้น(กรณีหุ้นขึ้น)   ซึ่งแผนการตลาดนี้ของเสี่ยกับผู้บริหารถือว่ามีแต่ได้กับได้  เพราะพวกผู้บริหารไม่ต้องทำอะไรเลยก็มีมาคนซื้อหุ้น(มีคนมาลงทุน)  เอาเงินคนอื่นไปต่อยอด  ได้กำไรมาก็เอากำไรเล็กๆ น้อยๆ มาแบ่งลูกหุ้น  ขาดทุนก็มีคนช่วยหนุน  แถมยังสร้างแรงจูงใจให้พนักงานตั้งใจทำงานโดยไม่ต้องเอาโบนัสมาล่อ    
   
เขาเองที่ศึกษาเรื่องหุ้นมาบ้างก็ลงทุนในหุ้นของเสี่ยนิดๆ  หน่อยๆ  พอหอมปากหอมคอ  บริษัทของเสี่ยเปิดกิจการมานาน  มีความมั่นคงและยังไม่มีท่าทางว่าจะล้ม  แถมแนวโน้มทางการตลาดก็มีแต่จะเพิ่ม  ถึงตอนนี้จะดูทรงๆ เพราะเศรษฐกิจชะงักตัว  แต่โดยภาพรวมแล้วก็ถือว่าเป็นบริษัทที่มั่นคงใช่ได้  เขาที่ศึกษารายละเอียดของหุ้นแต่ละตัวมาดีแล้ว  ก็เลือกซื้อหุ้นที่ให้ผลตอบแทนปานกลางแต่ความเสี่ยงน้อย  ค่อยๆ เก็บหุ้นมาได้ทีละตัวสองตัว  มาจนตอนนี้ก็มีทั้งขาดทุนบ้างได้กำไรบ้าง

คำว่าขาดทุนในที่นี้คือถ้าหุ้นลง  แต่เขาไม่ขายก็เท่ากับว่าทรัพย์สินลด  ส่วนกำไรก็คือเงินปันผลกับราคาหุ้นในกรณีที่หุ้นขึ้น  แต่เขาไม่ขายทำกำไรก็เท่ากับว่าเขามีเงินสำรองที่อยู่ในรูปหุ้นเพิ่มขึ้น( ตามแต่ละนโยบายของบริษัท)

ดังนั้นเขาที่มีหุ้นอยู่ในมือเลยต้องคอยเช็คราคาแบบคร่าวๆ  อย่างตอนนี้เพิ่งปิดงบประจำไตรมาส  ยอดปีนี้ไม่ค่อยกระเตื้องแต่ก็ยังปิดในฐานบวก  เพราะงั้นหุ้นก็เลยถูกขายทำกำไรบ้าง  ซื้อเก็งราคาบ้างไปตามเรื่อง  เขาที่มองราคาของการซื้อขายหุ้น  ก็มองดูแบบผ่านๆ  แต่ตอนที่เห็นราคากับกราฟการซื้อขายของหุ้นในบริษัทหลัก เขาก็รู้สึกตงิดใจตงิดๆ 
   
ไอ้เรื่องที่ตะงิดใจนี่เขาตงิดๆ มาตั้งแต่เมื่อคราวตัวเลขแล้ว  มาคราวนี้ก็มาเรื่องหุ้นอีก

   
คือถ้าคนเล่นหุ้นเป็นจะรู้ว่าการเล่นหุ้นมันจะแบ่งเป็นเซอร์เคิล  เรียกง่ายๆ ว่าวัฎจักรหุ้น  มันจะมีรอบขึ้นลงให้สามารถพอทำกำไรได้ตามแต่สภาพเศรฐกิจ  ซึ่งวัฎจักรหุ้นนี้จะแตกต่างจากการเติบโตของหุ้น  โดยการเติบโตของหุ้นจะขึ้นอยู่กับผลประกอบการ(อย่างที่เขาบอกไปข้างต้น)  ส่วนหุ้นวัฎจักร  จะขึ้นกับสภาพเศรฐิจโลก

บริษัทเสี่ยเป็นบริษัทที่ผลิต  นำเข้าและส่งออกวัสดุก่อสร้าง (จำพวกเหล็กเส้น)  ซึ่งอยู่ในกลุ่มของสินค้าและบริการ  หุ้นในกลุ่มนี้จะผันผวนได้มากในกรณีที่ถูกชะลอซื้อ*

เขาที่ตะแคงคอดูรอบหุ้นจนคอแทบหักก็สรุปได้แต่ว่า  หุ้นในช่วงนี้ของบริษัทเสี่ยมันดูแปลกๆ  คือมันมีการซื้อขายหุ้นกันแบบปกติ  มีคนขายก็มีคนซื้อ  แต่หุ้นที่มีการเทขายตอนนี้มันเหมือนกับเทขายเพื่อเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นมากกว่า  จะบอกว่าเป็นการเทขายทำกำไรก็ไม่ได้เพราะมันไม่ใช่จุดที่ควรสั่งซื้อ  ส่วนจะมองว่าเป็นเม่า*อยากลองของแปลกหรือเปล่าอันนี้เขาไม่แน่ใจ  เลยลองกดซื้อหุ้นที่มีการเทในราคาที่ถือว่าพอรับได้
   
ตอนนี้เขามีเงินสดอยู่ไม่มาก  แต่ก็มีมากพอที่จะซื้อหุ้น  เพราะงั้นเขาเลยวางมือจากการทำรายรับรายจ่ายแล้วหันมาจับตาดูซื้อหุ้นแทน
   
แล้วพอยิ่งซื้อเขาก็ยิ่งเห็นว่ามันแปลก  คือหุ้นน่ะ  ต่อให้เรามีเงินแต่ไม่มีคนขายมันก็ซื้อไม่ได้  แต่หุ้นของบริษัทเสี่ยตอนนี้นี่มันยังถูกเทขายออกมาเรื่อยๆ  เขาที่เห็นหุ้นถูกเทออกมาก็ได้แต่กดไปซับน้ำตาไป  กดไปแปบๆ  ก็หมดเป็นแสนแล้ว  แต่ช่างเถอะ  หุ้นส่วนนี้ถ้าได้มาแล้วมันไม่มีปัญหาอะไร  เขาค่อยเอาไปปล่อยขายคืนให้เสี่ยก็ได้  ประมาณว่าเรือล่มในหนองทองจะหายไปไหน  เขาซื้อหุ้นเสี่ย  เสี่ยก็ได้หุ้นคืนจากเงินของเขา  รอจังหวะเหมาะๆ  เขาค่อยปล่อยขาย  เอากำไรให้พอทบต้นทบดอก กับ MRR ที่เสี่ยเสนอมาก็พอ

แต่พอเขาซื้อไปๆ ได้ซักพัก  อยู่ๆ หุ้นก็หยุดชะงัก  แถมพอเขาหยุดมือ  หุ้นก็กลับมาขายต่อ  เฮ้ยยยยยยย

WTF!

หุ้นนะเว้ย  ไม่ใช่เล่นมอญซ่อนผ้า  เขาที่เพิ่งเคยเห็นหุ้นเล่นซ่อนแอบได้  ก็วางมือจากทุกอย่างเตรียมตัวช้อนหุ้นแบบวิต่อวิ  เขาจ้องหน้าคอมแล้วกดคำสั่งซื้อ  โชคดีที่อินเตอร์เน็ตในคอนโดเสี่ยเป็นอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง  เขาถึงทันช้อนหุ้นที่มีคนปล่อยขายได้  ลองเป็นเน็ตที่หอเขาสิ  อย่าหวังเลย  แค่เข้าเฟสบุ๊คยังรอแล้วรออีกจนแทบงอกราก

เขานั่งหลังแข็งช้อนหุ้นต่อไปเรื่อยๆ  จนเงินหมดไปอีกหนึ่งแสน.....  เสี่ยยยยยย   ถ้าเสี่ยไม่รับซื้อหุ้นคืน  เขาต้องเอาแหวนกับสร้อยคอที่เสี่ยให้ไปจำนำแล้วนะ!  เขาไม่ยอมขาดทุนจริงด้วย  ถ้าเสี่ยไม่รับซื้อคืน  เขาเอาของไปขายจริงๆ นะ

เขากดซื้อหุ้นไปน้ำตาก็หลั่งไป  ทำไมหุ้นมันออกมาเรื่อยๆวะ  ออกลูกเป็นหอยขมหรือไงถึงได้ออกมาเยอะแบบนี้!

ฮึก!  เขานั่งเล่นมอญช้อนหุ้น  จนเงินหมดสามแสนก็เรียกว่าปิดบัญชีได้  เงินหมด(ตูด)  ดีที่ฝ่ายเทขายยังมีการหยุดมือบ้าง  ขืนเทต่อออกมาอีกเขาก็คงหมดปัญญาซื้อแล้ว  หนี้เน่อไม่ต้องจ่ายแล้วล่ะ  เอาหุ้นนี่แหละไปถวายให้เสี่ยแทนค่าบ้าน

เขาที่เสียดายเงิน  แต่กดซื้อไปแล้วก็ทำอะไรมากไม่ได้  นั่งคอตกมองใบรายการสั่งซื้อแล้วคิดๆ ดู 
   
จะว่าไปมันก็แปลกจริงๆ นะ  ที่หุ้นมันถูกเทขายมาเรื่อยๆ  (ไม่ได้ลงมาหมดตูมเดียว)  แต่จะให้โทรถามเสี่ยตอนนี้เขาก็ไม่กล้า  ไม่รู้ว่าเสี่ยจะทำอะไรอยู่  ยังอยู่กับคุณปุยฝ้ายหรือเปล่าก็ไม่รู้  ตอนนี้ก็เกือบตีสามแล้ว  หุ้นในบริษัทเสี่ยที่เข้าตลาดต่างประเทศเลยปิดพอร์ทช้า  เขาที่นั่งถ่างตามาจนถึงตอนนี้  พอเห็นว่าอีกฝ่ายยอมหยุดมือแน่แล้ว  เขาก็ไปนอนบ้าง

   
พอตื่นเช้าขึ้นมา  เปิดคอมดูราคาหุ้นอีกที 

แม่เจ้า...  ราคาขึ้น! 

แถมไม่ได้ขึ้นแบบธรรมดาด้วย  ขึ้นมาทีหลายจุดด้วย!  เขาที่นึกว่าตัวเองเมาขี้ตาก็ขยี้ตามองซ้ำๆ  พอแน่ใจแล้วว่าหุ้นมันขึ้นจริงก็คิดได้ทั้งที่สมองยังเบลอๆ ว่ามีคนปั่นหุ้น!

เฮ้ยยย  ไอ้เรื่องคนปั่นหุ้นเนี่ย  เอาเข้าจริงๆ มันไม่ใช่ผลดีในระยะยาวเลยนะ  คือถ้าปั่นเอากำไรนิดๆ หน่อยๆ ก็คงพอได้  แต่ปั่นจนหุ้นขึ้นมาหลายจุดขนาดนี้  มันต้องมีผลต่อความน่าเชื่อถือของบริษัทแน่นอนอยู่แล้ว  เพราะถ้าอยู่ดีๆ หุ้นขึ้น  ถ้าเจ้าของไม่ได้หาทุนมาเพิ่มได้หรือกิจการดีมาก  ก็แปลว่ากิจการกำลังจะเจ๊ง   ผู้บริหารเตรียมปั่นหุ้นก่อนชิ่ง  แล้วถ้าชิ่งแล้วยังไง  ก็หมายความว่าหุ้นตกจริง  เทขายจริง  เม่าเจ๊ง  บริษัทก็เจ๊ง
   
ว๊ากกก  ถ้าบริษัทเสี่ยเจ๊งจริงนี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยนะ  เพราะเสี่ยมีบริษัทลูกอยู่เยอะ   ลองบริษัทหลักไปไม่รอดหน่อยเดียว  บริษัทลูกก็ไม่มีทางไม่รอด  พนักงานก็อย่าได้หวังเลยว่าจะได้รัเงินปลอบใจสามเดือน  แต่ยังมีงานให้ทำต่อก็บุญแล้ว  และถ้าหากบริษัทเกิดวิกฤตจริง  หากมีคนฉวยโอกาศดีไม่ดีอาจถึงขั้นเปลี่ยนผู้บริหารเลยก็ได้ถ้าหากบอร์ดบริหารตั้งกลุ่มประท้วง 
   
อ๊ากกๆๆๆ  เขาที่เห็นราคาหุ้นก็ได้แต่เดินหนุมไปหมุนมา  ลองเจอเหตุการณ์แบบนี้ถ้าไม่ใช่การแกล้งกัน  ก็คงต้องมีคนหวังฮุบกิจการแล้ว  เสี่ยไม่มีทางปั่นหุ้นเองเยอะขนาดนี้แน่ๆ  และเขาที่เป็นหนึ่งทีมบัญชีก็รู้ดีเลยว่าบริษัทเสี่ยยังไงก็ยังไม่ถึงคราวเจ๊ง  ถึงตัวเลขจะแปลกๆ  แต่ไม่มีทางประมวลผลกำไรตลอดปีผิดพลาดแน่นอน  

   
อีกอย่างเขาก็ไม่รู้ว่าเสี่ยที่เป็นท่านประธานบริษัทจะถือหุ้นอยู่ที่เท่าไหร่บ้าง  ลองถ้าถือหุ้นน้อยๆ  แล้วมีคนกว้านซื้อก็ถึงเวลาเปลี่ยนมือผู้บริหารแล้ว  แต่ถ้าให้เสี่ยเป็นคนช้อนซื้อหุ้นเองในราคาที่สูงขนาดนี้  ก็ถือว่าเสี่ยขาดทุนหนักมาก  เพราะถึงจะได้ถือหุ้น  แต่ต่อไปราคาหุ้นที่ปั่นมันต้องลงอยู่ดี  เรียกได้ว่าติดดอยอยู่บนยอดเขาเอเวอเรตต์  จะขายก็ไม่ได้เพราะคนไม่มีคนซื้อ  จะไม่ซื้อ...ก็ต้องกลัวว่าจะกระทบสัดส่วนของหุ้น

เพื่อใครงง  เขาจะยกตัวอย่างง่ายๆ  สมมุติเสี่ยมีหุ้น  40%  คนอื่นมี  30,20,35  หรืออะไรก็ตามแต่  ตอนนี้ก็ถือว่าเสี่ยเป็นผู้ถือหุ้นหลักนั่งเก้าอี้ผู้บริหารต่อไปได้  แต่ถ้าตอนนี้มีคนเทขายหุ้นแล้วเสี่ยไม่ซื้อ  เสี่ยที่มีหุ้นเท่าเดิมที่  40%  อาจโดนคนอื่นเหมาตัดหน้าไปที่ 45%  ก็ได้  แบบนี้ก็เท่ากับเสี่ยเสียตำแหน่งผู้บริหารแล้ว

   
แต่อันนี้ก็ถือว่าเป็นการยกตัวอย่างแบบง่ายๆ ล่ะนะ  ลองเสี่ยถือหุ้น 60%  คนจะเทจะขายยังไงมันก็ไม่กระทบเสี่ยอยู่แล้ว  แต่มันก็ยังมีผลต่อความเชื่อมั่น  เสี่ยอาจต้องแถลงการณ์สร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือหุ้น  แล้วอย่างที่บอก  ถ้าตอนนี้เสี่ยซื้อรวบมาเองในตอนนี้ก็ถือว่าไม่คุ้มค่า  เพราะมันไม่ได้เป็นตามกลไลตลาดที่หุ้นขึ้นเองเพราะมีคนซื้อ( Demand)   หรือคนมีความเชื่อมั่น  เรียกได้ว่าถ้าเสี่ยเหมาซื้อตอนนี้ต้องหลังอานแน่นอน  แถมหุ้นบริษัทเสี่ยก็ไม่ใช่น้อยๆ  เขาที่ซื้อไปแปบๆ  ยังหมดไปเป็นแสน  ลองเสี่ยเหมาหมดมีหวังเกินหลักล้านดีไม่ดีอาจถึงหลักสิบล้าน  คราวนี้ขนหน้าแข้งเสี่ยก็ถึงคราวร่วงกราวแล้ว  ราคาค่าซ่อมบ้านเขาถือว่าเท่า จุด จุด จุด  มดไปเลย
   
   
โอยย  ขนาดเขาที่ไม่ได้เก่งเรื่องหุ้น  ยังวิ่งเป็นหนูติดจั่นคิดนั่นคิดนี่  แล้วเสี่ยจะเป็นยังไงบ้าง  จะรู้ข่าวบ้างหรือยัง  หรือยังกกอยู่กับคุณปุยฝ้าย
   
เขาที่คิดมากจนนั่งไม่ติด  ก็ได้แต่กัดฟันโทรไปหาเสี่ยทั้งที่ไม่ค่อยโทรหาบ่อยนัก  ยอมเสียมารยาทถูกเสี่ยด่า (เพื่อเสี่ยยังเล่นจ้ำจี้)  แต่พอโทรไปถ้าไม่มีคนรับ  ก็มีแต่เสียงผู้หญิงมารับสายแทน





>>> ต่อ reply  ล่างนะคะ

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 15 [3/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 03-01-2017 22:48:16
จะเกิดดราม่ากับบริษัทเสี่ยรึป่่าว...
แอบเดาว่าแหวนที่เสี่ยให้มีมูลค่ามากกว่าที่หนูแพงประเมินแน่ๆ เสี่ยเกรด A น๊า น้อยกว่านี้ได้ไง
รออ่านตอนต่อไปฮะ   :katai1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 15 [3/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 03-01-2017 23:07:09
พระแพงนี่ จินตนาการเยอะจริงๆ 555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 15 [3/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-01-2017 23:36:17
ชักสงสัยละนะว่าเกิดอะไรกับบริษัทของเสี่ยกันแน่
พระแพงทำดีมากลูก กว้านซื้อไว้เยอะ ๆ เผื่อจะได้ใช้หนี้เป็นหุ้นแทน ฮา
รอตอนต่อไปค่ะ

ปล. ถ้าไม่ทันก็เอาตอนที่สองของเสี่ยมาได้เลยค่ะ รออ่านอยู่เหมือนกัน...
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 15 [3/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 03-01-2017 23:41:27
เสี่ยทุ่มอีกแล้ว คราวนี้แหวนเพชร
เรียกหนูแพงไปทำอะไรคะเสี่ย
จะเกิดอะไรกับบริษัทเสี่ยนะ ลุ้นมาก
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 15 [3/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 03-01-2017 23:51:06
เอาเสี่ยมาเสิร์ฟเลยค่ะ  :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 15 [3/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 04-01-2017 00:44:29
รุตโดนปุยฝ้ายงาบมาไหม?
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 15 [3/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 04-01-2017 01:08:54
อ๊่กกกกกกกกกกกก ค้างงงงงงงง  :z3: :z3: :z3: :z3:
เกิดไรขึ้น
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 15 [3/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 04-01-2017 03:01:22
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 15 [3/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: joyey6217 ที่ 04-01-2017 07:46:50
เป็นการอ่านนิยายวายที่ได้สาระทางการเงินมาก ครั้งก่อนเรื่องดอกเบี้ยกู้บ้าน. ครานี้เรื่องซื้อขายหุ้น ดีๆ ขอบคุณนะคะ ตอนหน้าทีลุ้นว่า พระแพงจะโดนเรียกไปกินตับในห้องประธาน หรือโดนเรียกไปด่าเรื่องงาน
เสี่ยจัดการเรื่องคุณปุยฝ้ายได้ใช่ไหม
ไม่มีการตบตีระหว่างเมียน้อยเมียหลวงในที่ทำงานนะ. คงสนุกน่าดู  หุหุ พล็ตคลับฟายเดย์มาก
เรื่องเครียดแต่ทำไมพระแพงทำให้ขำ
เสี่ยแกสายเปย์จริงๆ. หว่านเพชรโปรยปราย
อีตารุตมีความลับใช่ไหม
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 15 [3/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Atroce ที่ 04-01-2017 09:46:00
แพงจะรวยแล้ววว
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 15 [3/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-01-2017 10:50:45
 o13  เอาใจช่วยคนเขียนนะคะ  สวัสดีปีใหม่ค่ะ
น้องแพงน่าจะเป็นผู้ถือหุ้นนอมินีของเสี่ยหรือเปล่า อาศัยความบื้อให้เป็นประโยชน์ เหอๆ
รอลุ้นค่ะ เรื่องดราม่าขอให้เปนเรื่องบริษัทเถอะ เสี่ยกับแพงอย่ามาม่าเลย ไม่เหมาะๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 15 [3/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 04-01-2017 14:13:38
นังพะแพง หล่อนไม่ธรรมดาเลยนะยะ มีเงินซื้อหุ้นตั้งสามแสน  :a5:
เราว่าบริษัทเสี่ยต้องมีปัญหา และเสี่ยก็รู้ถึงปัญหาแน่นอน และกำลังหาทางแก้ไขอยู่
อาจจะเกี่ยวกับที่ควงกับยัยชะนีนั้นหรือเปล่า พะแพงรู้อะไร สงสัยอะไร รีบบอกเสี่ยนะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 15 [3/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 04-01-2017 16:24:51
พระแพงลู๊กกกกกก บางทีหนูก็มโนไปไกลเกินนะ5555555
เสี่ยเรียกตัวไปทำอะไรละเนี่ย เรื่องงานจริงๆรึเปล่า หรือคิดถึงเฉยๆ ฮุๆ

รอตอนต่อไปนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 15 [3/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: beb98 ที่ 04-01-2017 16:40:56
เสี่ยเรียกพระแพงไปทำไม หื่นๆแบบเสี่ยนี่น่าจะ18+อีกแน่ๆเลย ค่าแหวนงี้   :haun4: 555555 ส่วนรุต เราว่ารุตน่าจะเป็นคนรู้เรื่องเสี่ยกับพระแพงก่อนชาวบ้านแน่ๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง บทที่15+Hidden scene II [4/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 04-01-2017 23:04:55
>>> ต่อ  บทที่  15


ขอโทษค่ะ  หมายเรียกที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ 

ถุ๊ยยย  เวลาอย่างนี้ยังจะมาเล่นมุก!  เสี่ยแบตหมดเร้อออ  (สำเนียงถิ่นออก)

โอ๊ย  ยิ่งติดต่อเสี่ยไม่ได้  เขายิ่งลนลาน  วิ่งไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า  เตรียมจะออกไปหาเสี่ยถึงที่บริษัทให้ได้  พอออกก็รีบกินข้าวต้มกุ้งที่แม่บ้านเอาไว้ให้  กินแปบๆ  กลืน  แปบๆ  แล้วดื่มน้ำจนเกือบเป็นกรดไหลย้อน  แต่พอท้องอิ่ม  ปัญญาเขาถึงค่อยบังเกิดว่า...

คนระดับเสี่ยลองหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงขนาดนี้  ฝ่ายเลขาหรือไม่ก็คนที่ดูแลเรื่องหุ้นคงติดต่อไปถึงหน้าห้องเสี่ยแล้ว  แถมพ่อเสี่ย...ท่านประธานคนก่อนก็ยังอยู่  ถ้ายังไม่ถึงขนาดหลงๆ  ลืมๆ  เรื่องในบริษัทยังไงต้องรู้อยู่แล้ว  ถึงจะวางมือไปแล้วก็เถอะ  ดีไม่ดีเสี่ยอาจจะนั่งเฝ้าตั้งแต่เมื่อคืนแล้วก็ได้  หรือไม่  ต่อให้เสี่ยยังนอนกกกับคุณปุยฝ้าย  พ่อของเสี่ยที่อยู่บ้านเดียวกันก็ต้องไปปลุกเสี่ยให้ตื่นมาอยู่ดี  แล้วแบบนี้เขาวิ่งไปหาเสี่ยให้เหนื่อยทำไมว้าาา~~~

   
เฮ้อ~  แต่พอเขาคิดได้เขาก็ได้แต่โล่งอก   เขาที่เพิ่งบรรลุถึงแก่นสัจธรรมก็ถอนหายใจมองซากกุ้งที่อยู่ในชามอย่างเศร้าๆ  โถ  ข้าวต้มกุ้งลูกพ่อ  เมื่อกี้พ่อกินไปแบบไม่รู้รส  พ่อขอโทษด้วยนะเจ้ากุ้งนะ  ไปนอนอืดให้กรดไฮโดรคลอลิก (HCl) ย่อยต่อเอานะ  เมื่อกี้พ่อเคี้ยวไม่ทัน  ไม่ทันได้ลิ้มรส  พ่อขอโทษ

และเพราะเขาใช้ความตื่นเต้นหมดไปกับเรื่องหุ้น  ดังนั้นไอ้เรื่องคลับฟรายเดย์ที่อาจจะเกิดขึ้นนี่ถือว่าเป็นเรื่องจิ๊บๆ  ไปเลย  ลองมาเถอะ  เขาแถเอาตัวรอดได้  ถึงจะแถได้แบบน่าเกลียดแต่เขาก็เตรียมทางแถไว้แล้ว  หรือถ้าหากแถไม่ได้  อย่างมากที่สุดเขาก็แค่ลาออกจากบริษัท   ยังดีที่เสี่ยทำบ้านให้เสร็จแล้ว  เพราะงั้นถึงตกงานเขาก็กลับไปอยู่บ้านได้  ค่อยๆ เปิดค่อยๆ บริหารธุรกิจแบบโฮมสเตย์ไป  เปลี่ยนสวนผลไม้ลุงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว  ถึงเขาจะไม่มีอัลปากามาเป็นเหยื่อล่อ  แต่ลองขายบริการดีๆ  (หมายถึงสร้างความพอใจให้กับลูกค้ากับมีบรรยากาศที่ดีเยี่ยม  โปรดอย่าคิดลึก)  ไม่นานคนก็คงติด  แต่ถึงไม่ติดเขาก็ไม่จำเป็นต้องง้อเพราะเขาไม่ได้ติดหนี้(ไม่ได้กู้เงินมาทำธุรกิจ)  อาจจะต้องเอาสร้อยไปจำนองบ้างถ้าหนุนไม่ทันจริงๆ  แต่ถึงยังไงซักวันเขาก็ต้องหาทางไถ่คืนอยู่แล้ว  ไม่ปล่อยให้สร้อยของเสี่ยนอนเหงาอยู่ในโรงรับจำนำเล่นหรอก
   
   
พอคิดได้แบบนี้  เขาก็ปลอดโปร่งขึ้นเยอะ  เมื่อวานเขาอาจจะมีเศร้าๆ  ไปบ้างเพราะเรื่องมันเยอะ   ปุบปับก็ต้องมาเจอคุณปุยฝ้าย  แถมถูกจับแบบคาหนังคาเขา  เขาเลยตั้งตัวไม่ค่อยติด  แต่ตอนนี้เขามีสติดีแล้ว  ปล่อยวางแล้ว 
   
เขาหอบหิ้วของฝากที่ซื้อมาหลายถุงไปแจกเพื่อนๆ  พี่ๆ ที่บริษัท  ไล่แจกไปตั้งแต่ยาม  พี่สาวแผนกประชาสัมพันธ์ที่เคยอ้อยไว้   ไปจนถึงแผนก HR  แผนกที่สามารถไล่คนออกก็ได้รับคนเข้าก็ได้  ป่วยก็ต้องมาหา  หายก็ต้องมากราบ  เรียกได้ว่าน่ากลัวยิ่งกว่าเสี่ยที่เป็นเจ้าของบริษัท  แถมมาทีไรก็เจอตัวแต่ไม่สามารถตีสนิทได้
   
พอแจกของคนนอกหมดก็ถึงเวลาเผชิญหน้ากับคนในแผนกต่อบ้าง  เรียกว่าถ้าเกิดเหตุการณ์คลับฟรายเดย์เขาต้องเจอเหตุการณ์ในแผนกก่อนเพื่อน  เขาเรียกขวัญกำลังใจตัวเอง  แล้วสูดลมหายใจดังฮึบๆ  เปิดประตูห้องเข้าไปหวังพบมาม่า 

แต่พอเดินเข้ามาเท่านั้นแหละ 

ทุกอย่างเงียบกริ๊บ...

ตอนนี้แปดโมง  แต่ทุกคนของที่อยู่ในห้องนี่  แต่ละคนสภาพเหมือนคนที่วิญญาณออกจากร่างมาก   ถ้าหลับไม่พอ  ก็คงเมาแฮงค์   ประมาณว่าที่หยุดไปสี่วัน (ส่วนของเขาลาเพิ่มล่วงหน้าสามวันเป็นเจ็ดพอดีเป๊ะ)  วิญญาณเลยยังไม่กลับเข้าร่างเลยว่างั้น
   
เขาไล่แจกของฝากให้รุ่นพี่ตามโต๊ะด้วยความเซ็ง  อะไรวะ  คนอุตส่าห์อยากกอดมาม่า  อยากกอดเผือก  ถุงมือเตรียมรับเผือกร้อนก็เตรียมเอาไว้แต่ไม่มีใครเล่นด้วย   พอเจอหน้าไอ้ขิมที่กำลังขึ้นอืด (หน้าก็ยังแต่งไม่เสร็จ)  เขาก็เลยโยนปลากรอบกับทุเรียนทอดไปให้มันอย่างคนหาเรื่อง  ส่วนไอ้รุตเจ้ากรมข่าวกรองเอาทุเรียนทอดไปถุงเดียวพอ  โทษฐานทำหน้าที่ม่เต็มหน้าที่  คนเป็นชู้นั่งอยู่นี่  มึงไปประกาศสิวะ  กูรอเผือกอยู่เนี่ย!

แต่ก็นั่นแหละ  ได้แต่คิดแต่พูดไม่ได้! 

เฮอะ  ไม่มีเล่นด้วยเขานั่งแกะทุเรียนทอดของฝากของตัวเองกินแทนเองก็ได้  ไม่มีเผือกทอด  กินทุเรียกทอดแทนก็ยังดี   ถุย  ไม่ใช่แล้ว!  ไม่มีเผือกให้กินก็ดีแล้ว
   
แต่ก็เพราะไม่เกิดเหตุการณ์ดราม่า  เขาเลยทำงานไปแบบเสียวสันหลังไป  พอระเบิดไม่ลง  เราก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ระเบิดลูกนี้ถึงจะทำให้เราเดือดร้อย  ตอนนี้เขาเหมือนนั่งอยู่บนปากภูเขาที่พร้อมจะปะทุ  พอมีสะเก็ดไฟมาโดนก้นที  เขาก็สะดุ้งโหยงที  จะเอาชะงักออกก็ไม่ได้  เพราะเสี่ยมัวแต่ยุ่ง  คุณปุยฝ้ายเองก็เงียบ  เสี่ยได้แต่ติดต่อมาทางไลน์บอกว่าไม่ว่างๆๆๆ  จะให้ถามเรื่องคุณปุยฝ้าย  ก็กลัวจะเป็นการก้าวก่ายไม่เข้าเรื่อง 
   
แต่พอผ่านวันอังคาร  พุธ  พฤหัสฯ  ศุกร์  ไป  เขาก็เริ่มทำใจได้แล้วว่าคงไม่มีมาม่าเกิดขึ้นแน่ๆ  แถมตอนนี้ที่แผนกเองก็วุ่นเพราะที่หุ้นบริษัทขึ้น  คราวนี้ทุกคนต่างทำตัวเป็นคนมีข่าววงในของตัวเองไม่แพ้ไอ้รุต  วิจารณ์ไปกินขนมของฝากไปเรียกว่าสุดยอดมากๆ  ปากแต่ละคนมันเยิ้มเตรียมคลอเลสเตอรอลขึ้นแต่ก็ไม่ยอมหยุดกินหยุดพูด  ทำเอาเหตุการณ์คลับฟรายเดย์เขาตกกระป๋องไปเลย 
   
ส่วนเขาที่เป็นเจ้าของของฝากก็อุตส่าห์ร่วมแจมไปกับเขาด้วย  แย่งขนมกินกับไอ้ขิมจนมันถึงขั้นเอากีบ  เอ๊ย  ขาถีบ  ตอนนี้หัวหน้าแผนกไม่อยู่  ทุกคนเลยกลายเป็นหนูร่าเริง  เห็นว่าถูกเรียกไปประชุมร่วมกับผู้ถือหุ้น  หัวหน้าในแผนกอื่นก็ถูกเรียกตัวไปหมด  เสี่ยคงพยายามจำกัดความเสียหาย  ไม่ก็เอาไปอบรมว่าอะไรที่ควรพูดอะไรที่ไม่ควรพูด 
   
เรื่องหุ้นขึ้นลงถือว่าเป็นเรื่องที่อ่อนไหวมากๆ  แถมพวกเม่าก็ตกใจง่าย  หุ้นเปลี่ยนนิดเปลี่ยนหน่อยก็ใจเสาะเทขายแล้ว

มาถึงตอนนี้หุ้นบริษัทเริ่มกลับมาทรงๆ แต่ยังมีแรงเทขายทำกำไรอยู่เรื่อยๆ  พวกคนในบริษัทที่ไม่คิดมากก็เทขายทำกำไรออกมานิดหน่อย  เขาที่หมดตัวไปแล้วก็ได้แต่กัดฟันขายออกไปบ้างเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตมาก  ความจริงเขาก็อยากเทขายเพื่อเอากำไรคืนมาให้หมดเหมือนล่ะนะ  แต่ขืนเขาขายหมด  ตอนนี้เสี่ยฆ่าเขาตายแน่ๆ  คิดขายหุ้นกินตอนที่บริษัทเกิดวิกฤติ  คราวนี้ต่อให้เสี่ยโอ๋เขาแค่ไหนก็ไม่เก็บเขาไปทำพันธุ์แล้ว 

และถึงหุ้นที่อยู่ในมือเขาจะไม่ได้มีจำนวนที่สูงมาก  แต่ถ้าหากทุกคนคิดแบบเขา  เอาแต่ขายหุ้นแล้วก็รอช้อนซื้อ  เจอแบบนี้ไปหลายคนบริษัทเสี่ยก็ขาดทุนไปหลายบาทแล้ว  แถมยังอาจจะเกิดอาฟเตอร์ช็อกขึ้นอีกเมื่อไหร่ก็ได้   เขาที่เห็นราคาหุ้นขึ้นๆ ลงๆ ก็ได้แต่ถอนหายใจ ถ้าขาย...  เขาก็รวยแล้ว  ติดก็แต่ที่ว่าเขายังมีจรรยาบรรณเหลือให้เสี่ยอยู่นิดๆ  เพราะงั้น..เขาเลยแก้ปัญหาด้วยเกาะไอ้ขิมกินซะเลยฐานที่มันขายหุ้นได้เยอะ
   
จะว่าไปแล้วเขาก็ต้องขอบใจไอ้ขิมมันนะ  เพราะมันเลยเขาถึงได้มีไอโฟนใช้ให้เช็คหุ้นได้ง่ายๆ  ลองเป็นซัมซุงฮีโร่  เขาคงได้แต่เอาไปปาหัวหมาแตก  นี่แหละน้า  เขาถึงว่าเชื่อเมียสิแล้วจะเจริญ  ถึงไอ้ขิมจะไม่ใช่เมียเขาแต่ก็ถือว่ามันเป็นแม่คนที่สองของเขานี่แหละ  แล้วอย่าเอาไปบอกมันนะ  เดี๋ยวมันกระทืบหลังหักเอา

ส่วนไอ้รุต...เจ้ากรมข่าวกรองของจริง  ตอนนี้มีสภาพโทรมมาก  ไม่รู้มันไปหาข่าวกรองไปถึงแหล่งไหน  กลับมาแต่ละทีมีสภาพเหมือนถูกดักปล้ำ  หัวเหอยุ่งเนคไทหลุดหลุ่ย  เขาที่สนิทกับมันพอควรเลยถามไปว่าเกิดอะไรขึ้น 
   
แต่ที่ไหนได้มันเสือกชูนิ้วกลางให้ซะงั้น  แล้วมีเหรอที่เขาจะยอม  ชูกลับไปให้มันหนึ่งอันถ้วน  เขาเลยโดนหัวหน้าแผนกที่เพิ่งกลับมาพอดีเขกหัวไปหนึ่งโป๊ก  ส่วนไอ้รุตคนเริ่มเรื่องกลับรอดไปได้เพราะเอามือออกไปแล้ว  อะไรวะ  หัวหน้าไม่เข้าข้าง!

เขาที่เจอความลำเอียงก็ได้แต่บ่นหงุงหงิงใส่ไอ้รุตไปเรื่อย  รอจนมันอารมณ์ดี   มันถึงได้ยอมคายข่าวออกมาบ้าง  ข่าวส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นเรื่องหุ้นกับเรื่องคุณปุยฝ้าย  แต่เขาที่กำลังกระดิกหูเตรียมฟังข่าวเต็มที่   ดันถูกหัวหน้าแผนกตะโกนขัดจังหวะก่อนว่า

" คุณพระแพง!  ท่านประธานเรียก!"

หา  ท่านประธาน.........เรียก?


   
เรียกทำไมอ่ะ

" ยังจะมาทำหน้างง  คุณไปทำอะไรไว้!  ท่านสั่งให้เอาเอกสารขึ้นไปด้วย!"

เอาเอกสารไหนขึ้นไปด้วย!?

" เอกสารที่คุณเป็นคนกรอกข้อมูลคราวก่อนไง  เอ้า  หาเอกสารให้เจอแล้วรีบไปได้แล้ว  ท่านรออยู่!"

ท่านรออยู่ด้วย!?

เฮ้ยยยย!!  เสี่ยเรียกหาเขาจริงๆ เรอะ!  เขานึกว่า  เสี่ยอยากมีประสบการณ์ใหม่เรียกเขาไปกินแก้เครียดในที่ทำงาน  แต่นี่ถึงกับต้องเอาเอกสารไปด้วย!?  แต่เอกสารอันนั่น...  เสี่ยเป็นคนแก้เองก่อนส่งกลับมาให้เขานะ!  ทำไมเสี่ยไม่ถ่ายตัวสำรองไว้!?

" เอ่อ  ผมไม่ไปได้ไหมอ่ะ"  รู้สึกเสี่ยวสันหลังแบบแปลกๆ  ถึงหน้าตาหัวหน้าแผนกจะดูเครียดๆ  ไม่ได้ล้อเล่น  แต่เขารู้สึกแปลกจริงๆ นะ  แปลกชนิดที่ว่าเป็นสัญชาตญานเอาตัวรอด  ไม่อยากซวยอย่าไปห้องคุณท่าน
   
เขายืนกระต่ายขาเดียว  ยังไงๆ ก็ไม่ยอมเข้าห้องคุณท่าน เอ๊ย  ไปหาเสี่ย   ความวัวยังไม่ทันหาย  เสี่ยยังจะเอาความควายเข้ามาแทรก?  เรื่องคุณปุยฝ้ายคราวก่อนยังไม่เคลียร์  เสี่ยยังอยากก่อเรื่องเพิ่ม?  แต่พอเขาเห็นหน้าหัวแผนกที่ทำหน้าอยากจะงับหัวเขาเต็มที่  เขาก็รีบควานหาเอกสารเจ้าปัญหาเอกสารลวกๆ  หรือเอกสารมันจะมีปัญหาจริงๆ วะ  แบบนี้...  ถ้าเขาไป  เขาก็ถูกด่า  แทนการถูกกินตับน่ะเซ่!

" หัวหน้า...  ผมไม่ไปได้ไหมอ่ะ"  ไม่อยากไปเลยอ่า  ไม่อยากถูกเสี่ยงับหัวเล่น

" ไปเดี๋ยวนี้!!!"  แง๊

" ครับผ๊ม!!" 

ฮึกๆๆ  พอถูกหัวหน้าแผนกไล่  เขาก็ส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทั่วห้อง  ซึ่งทุกคนก็ให้ความช่วยเหลือดีมาก  หลบตาเขากันให้พรึบ  ทีมีของกินนะ  รักเขาอย่างงั้น  รักเขาอย่างนี้  แต่พอจะให้ไปหาท่านประธานเป็นเพื่อนหน่อยแต่ละคนนี่ทำเป็น..... 

"Held og lykke!"  ไอ้รุตตะโกนส่งมาเป็นภาษาเดนิช  แต่เขาแปลไม่ออก   และถึงมึงจะเป็นคนเดียวที่สบตากู  แต่กูไม่ต้องการเว้ย!  เขาส่งนิ้วกลางไปให้มันอีกหนึ่งอัน  ออกเสียงเอชฺ  มาชัดขนาดนี้   กูขอเดาก่อนเลยว่ามึงด่าให้กูไปนรก (Hell)  แน่นอน  เพราะงั้นเอานิ้วกลางไปอีกรอบ!

" คุณพระแพง!!!"

" ไปเดี๋ยวนี้แล้วครับผ๊ม!" 

เชอะ  หัวหน้าแผนกไม่เข้าข้าง  เขาไปอ้อนเสี่ยให้เข้าข้างก็ได้

ถ้าเสี่ยยังจะยอมให้เขาอ้อนน่ะนะ....



ปล.เรื่องหุ้นนี่เราศึกษามาคร่าวๆ นะคะ  ถ้าผิดก็ติงได้

>>  มี Hidden Scene  ต่อข้างล่างนะคะ  พอดีรีไรท์แล้วเนื้อหางอก  อัดลงอันเดิมไม่หทดORZ

>>>>> พรุ่งนี้จะมาต่อไหม  ถ้าปั่นไม่เสร็จ  จะเอาตอนของเสี่ยมาขายเอาหน้ารอดแทนเพราะแต่งจบแล้ว  T^T





Hidden Scene  II



เรื่องราวบนเตียงของเขากับพระแพง  เอาตรงๆ เลยมันก็คือที่สุดแห่งความลามก  อย่างตอนวันที่เขาสำเร็จโทษแพงที่ชอบส่งสาวไปเรื่อย  ความจริงเขาก็ไม่ได้โกรธแพงหรอก  แค่หาเรื่องให้แพงง้อกับตามใจเขาก็เท่านั้น 

คืนนั้นเขากับแพงจบกันที่โรงแรมที่หาได้ง่ายๆ ในอโกด้า  ความจริงเขาก็อยากเล่นเพลย์แบบอุปกรณ์อยู่หรอก  แต่ติดอยู่ตรงที่ว่าแพงไม่เคย  แถมเกิดบังคับแพงมากๆ  เจอแพงกวางเหลียวหลังมาทีเขาก็หมอบแล้ว  ตัวเขากับแพงเอาจริงๆ ก็คือขนาดพอๆ กัน  ติดที่เขาล่ำกว่าแพงเล็กน้อย  แต่แพงมีกำลังของเด็กหนุ่มเป็นอาวุธ  ขืนจับไม่ดีเจอแพงสวนกลับมาทีเดียวเขาก็จอดแล้ว  ดีนะที่แพงว่าง่าย  คืนนั้นเขาเลยจัดการแพงแบบเบาะๆ  ด้วยการเล่นสนุกโดยใช้ถุงยางอนามัยแบบแปลกๆ แทน


สำหรับคนที่ไม่เคยรู้หรือไม่เคยไปเลือกถุงยางตามเซเว่น  เขาจะอธิบายคร่าวๆ  ว่าถุงยางจะแบ่งง่ายๆ เป็นแบบเรียบกับแบบมีลูกเล่น  แบบเรียบก็คือถุงยางที่คนปกติใช้กันทั่วไป  ถ้าดีหน่อยก็จะเป็นแบบบางเฉียบ  ใส่ก็เหมือนไม่ได้ใช้  ให้ความรู้สึกและอารมณ์เหมือนแบบยิงสด  ส่วนอีกแบบก็คือแบบมีลูกเล่น  อันนี้จะมีทั้งแบบขีด  แบบปุ่ม  แบบพองตรงหัว  ฯลฯ  เอาเป็นว่าแบบมีลูกเล่นนี่  คนใส่ไม่ค่อยรู้สึกอะไรหรอกเพราะด้านในส่วนใหญ่เป็นแบบเรียบ  ต้องเป็นของที่สั่งมาจากนอกถึงได้แบบด้านในที่มีลูกเล่น 


เขาที่เตรียมการมาอย่างดีแล้วก็ได้แต่ลากแพงเข้าไปในโรงแรม  จัดการหาข้ออ้างเพื่อที่จะสำเร็จโทษ  ตอนที่แพงใช้ปากให้เขาก็รู้สึกดีอยู่หรอก  แต่ก็อยากแกล้งแพงมากกว่านี้  สุดท้ายเขาเลยให้แพงเป็นฝ่ายเลือกถุงยางที่เตรียมไว้  ได้มาแบบไหนก็ว่าจะใช้แบบนั้น  แพงที่ไม่เคยเห็นยี่ห้อพวกนี้มาก่อนก็ได้แต่มองมาแบบตัดพ้อ  ถึงจะไม่รู้จักเพราะไม่มีขายที่ไทยแต่แพงก็รู้ว่ามันต้องมีอะไรในก่อไผ่แน่ๆ   เขาที่แกล้งแพงก็ได้แต่ทำหน้านิ่ง  ทำเป็นหงุดหงิดให้แพงหงอเล่น  จนสุดท้ายแพงก็ยอมอ่อนข้อเลือกมาหนึ่งอัน  ก่อนจะฉีกซอง  แล้วใส่ให้น้องชายเขา


" เสี่ยยยยยยยยยยยย"  เสียงแพงกรีดร้องโหยหวนตอนที่เห็นถุงยาง  แต่ไม่ทันแล้วเด็กน้อย  เสี่ยพร้อมจะงาบ  เพราะฉะนั้นอย่าเล่นตัวให้เจ็บตัวเล่น


คืนนั้นเขากับแพงเล่นกันสนุกมาก (หรืออาจเป็นเขาสนุกแค่คนเดียว)  เพราะแพงทั้งตอดทั้งรัด  แถมถุงยางอนามัยแบบจุดก็ครูดเข้าไปแบบเน้นๆ จนแพงเสียวซ่าน  จากที่ดิ้นๆ อยู่ก็เปลี่ยนมาเป็นยกก้นด้วยความหวาดผวาแทน   แล้วไม่ว่าเขาจะถอยเข้าหรือถอนออก  แพงก็ตอดรัดเขาแน่นทุกครั้ง  แล้วจากที่ปกติแพงจะไม่ค่อยจะส่งเสียงร้อง  คราวนี้ไม่รู้ว่าเสียวมากหรือยังไง  แพงถึงได้ร้องออกมาเสียงดังมาก  ถึงคำส่วนใหญ่จะเป็นคำว่า "อย่า" กับ " พอแล้ว"  แต่ยิ่งฟังเขาก็ยิ่งขนลุก  ได้แต่สอดใส่เขาไปในตัวแพงไม่ยั้งจนปลดปล่อยออกมาหนึ่งรอบ  แพงเองที่ตื่นตัวจนเกือบจะปล่อยแล้วแต่พอเขาไม่ขยับมือให้แพงก็ปล่อยออกมาไม่ได้  ได้แต่ขมิบตอดรัดเขาจนเขาตื่นตัวขึ้นมาอีกหนึ่งรอบ


คืนนั้นกว่าเขาจะยอมปล่อยให้แพงไปได้เขาก็เสร็จไปแล้วสองยก  เรียกได้ว่าอดใจไม่ไหวจนต้องไปก่อนเลยทีเดียว  ส่วนแพงเองก็อึดมาก  ขนาดไม่ได้ปลดปล่อยออกมายังอดทนไม่ให้สลบได้  เป็นเขาน้ำคงทะลักไปถึงคอหอยแล้ว  สุดท้ายคืนนั้นเขาเลยเล่นไปแค่สองรอบด้วยความสงสารแพง  ที่พอปล่อยออกมาได้ก็ปล่อยยาวออกมาเป็นสายน้ำ  ทำเอาเตียงเลอะไปหมด  ปกติเขาไม่ชอบเตียงเลอะๆ  และเด็กทุกคนก็ต้องใส่ถุงยางด้วย  แต่วันนั้นเขาถือว่าเป็นข้อยกเว้น เลยลากแพงลงมาจากเตียงแล้วหนีไปนอนที่โซฟาแทน  พอเห็นว่าแพงมีแรงลุกก็ลากไปอาบน้ำแล้วฟัดกันอีกรอบ

ความจริงเขาก็สงสารแพงอยู่หรอกนะ  แต่แพงนี่สิทำท่ายั่วอยู่ได้  ไอ้ท่ายืนทำปากงอนๆ เจ่อๆ  ปล่อยให้เขาปู้ยี่ปู้ยำนี่ถือว่าที่สุดมากๆ  ถึงแพงจะไม่ค่อยตอบสนองแต่ส่วนล่างก็ยังตอดเขาอยู่ไม่เลิก  เพราะแบบนี้ละมั้งเขาถึงชอบเล่นสามรอบกับแพงทุกครั้ง  ในครั้งสุดท้ายที่แพงจะสลบอยู่ร่อมร่อแพงจะว่าง่ายมากๆ เขาอยากได้ยินเสียงร้องแพงก็ร้อง  อยากให้แพงแอ่นก้นขึ้นแพงก็แอ่นให้  แถมเสียงแพงก็ยัง...  เอาเป็นว่าเสียงแพงทุ้มต่ำและเซ็กซี่มากๆ  มันไม่เหมือนเสียงแกล้งร้องแบบที่พวกชำนาญเขากรีดร้องกัน  เสียงแพงจะต่ำและแหบพร่าเอามากๆ  ยิ่งรวมกับท่าทางของแพงที่เหมือนยอมสยบอยู่ใต้ร่าง  เขายิ่งตื่นตัวจนสามารถเสร็จได้โดยที่แพงไม่ต้องขยับมาก

อืมม  คงเพราะแบบนี้ด้วยละมั้งเขาถึงติดแพงมากกว่าเด็กคนอื่น  เพราะถ้าเป็นเด็กคนอื่นพอเป็นงานหน่อยก็ทำท่าแสแสร้งแล้ว   ประมาณว่าไม่ได้เสียวจริงแต่ก็ยังส่งเสียงร้องออกมาให้เคืองหูเล่น  เพราะแบบนั้นแหละเขาถึงไม่เคยกอดเด็กเกินสามสี่เดือนเลยซักครั้ง  มีแต่แพงนี่แหละที่เขาอยากต่อสัญญาเพิ่ม  แต่ก็นะ  ตอนนั้นแพงต้องฝึกงานเขาเลยไม่อยากขัดขวางอนาคตเด็กมาก  เลยได้แต่ตัดใจปล่อยแพงไปดื้อๆ

แต่ธนิตนี่สิ...  เอาเป็นว่าเรื่องนี้รู้กันแค่เรานะ  ธนิตน่ะหมายมั่นปั้นมือให้แพงเป็นเด็กมือหนึ่งให้ได้  เพราะแพงน่ะท่าทางใสซื่อ  และถึงจะผ่านมือผู้ชายมาแล้วแพงยังมีสีหน้าให้อยากปราบพยศ  เรียกได้ว่าเหมาะกับเสี่ยสายหื่นที่ชอบเล่นเอสเอ็มมากๆ  เขาที่รู้ข่าวมาก็ไม่อยากให้เด็กดีอย่างแพงต้องมาเจอกับเสี่ยแบบนี้  เลยได้แต่ไถ่ตัวแพงออกมาด้วยจำนวนเงินที่มากกว่าราคาสร้อยเสียอีก 

เฮ้อ  เรื่องโลกเบื้องหลังของวงการนี้น่ะนะ  ลองเข้ามาแล้วใช่ว่าจะออกกันได้ง่ายๆ  ยิ่งกับแพงที่ทำท่าจะขายได้อีกหลายต่อ  ธนิตยิ่งไม่ยอมปล่อยให้แพงหลุดมือแน่ๆ   คงกะขูดรีดจนแพงขายไม่ได้นั่นแหละถึงจะเลิก  แล้วเขาที่อยู่ในวงการนี้มานานก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นเด็กที่ขายตัวต่อไม่ได้   ถ้าไม่ถูกใช้งานจนโทรม  ก็ต้องติดยาเพราะชีวิตที่ผ่านมามันโหดร้ายมาก  ส่วนโหดร้ายแค่ไหนเอาเป็นว่าเขาไม่อยากพูด

เพราะงั้นเรื่องของแพง  เขาที่ติดใจพอดูเลยยอมจ่ายค่าไถตัวแพงเพิ่ม  โดยมีข้อแม้ที่ธนิตไม่ยอมต่อรองอยู่เพียงข้อเดียวว่า  "ถ้าแพงต้องการ"  เขาก็ไม่สามารถขัดขว้างไม่ให้แพงขายตัวได้  ซึ่งพอได้ยินแบบนี้เขาก็รู้สึกว่าเป็นข้อตกลงที่รับได้ เขาช่วยแพงได้แค่นี้  แต่ถ้าแพงอยากขายตัวต่อใครจะไปช่วยแพงได้  แล้วถ้าหากแพงขายตัว  ต่อไป...  ไม่ว่าแพงน่าสงสารแค่ไหนเขาก็คงกลับมาช่วยแพงไม่ได้  แพงเลือกทางเดินแล้วและเลือกที่จะขายตัว  เขาที่เป็นเสี่ยก็ได้แต่มองดูและนึกดูถูกเท่านั้นที่แพงขายตัวอีกรอบ 

เอาจริงๆนะ  เขาเองก็ไม่ใช่คนโลกสวยถึงขนาดที่ว่ามองอาชีพขายตัวเป็นอาชีพทางเลือก  อาชีพอื่นที่ดีๆ  มีอีกเยอะ ถ้าแพงอยากรักสบายก็เท่ากับเป็นขยะสังคมแล้ว  พูดแบบนี้อาจจะเกินไปหน่อยเพราะเขาก็เป็นคนซื้อบริการทางเพศ  แต่เขาก็คิดแบบนี้จริงๆ  และเขาก็ดีใจที่สุดท้ายแพงเลือกทางเดินที่ถูกต้อง 

ถึงตอนนี้แพงจะอยู่กับเขาในฐานะชู้  แต่กับเขาแพงถือสำคัญกว่าคำว่าชู้มาก  อาจจะไม่ถึงขั้นรัก  แต่เขาก็ค่อนข้างจะเอ็นดู  ดังนั้นช่วงหลังมานี่แพงขออะไรเขาก็ให้ (ถึงจะไม่ค่อยยอมขอเถอะ  ไม่รู้ทำไม)  พอแพงงอนหน่อยเขาก็ง้อ  ลองกับเด็กคนอื่นเขาคงไม่ตามใจขนาดนี้ 

เฮ้อ  พูดมากชักเรื่องเยอะ  เอาเป็นว่าเรื่องธนิตก็อย่าไปบอกแพงก็แล้วกัน  เขาอยากให้แพงสดใสและมองโลกในแง่ดีต่อไปแบบนี้  เป็นคนง่ายๆ  ที่เขาสามารถอยู่ด้วยได้  อยู่ในระยะห่างที่พอใจและไม่ล้ำเส้น  ส่วนเรื่องปุยฝ้าย...  เขาไม่บอกดีกว่า  ปล่อยให้รอลุ้น   ตอนนี้เขาเตรียมปลอบใจแพงดีกว่า  เพราะไม่รู้ตื่นมาแพงจะงอนอะไรอีกบ้าง  ที่แน่ๆ ก็คงเป็นเรื่องถุงยางที่ต่อไปคงไม่ใช้แบบแปลกๆ แล้ว  แต่เอาเถอะ  เขายังมีของเล่นให้เล่นกับแพงอีกเยอะ  ไม่เอาถุงยางก็ไม่เป็นไร  โซ่ แส้  กุญแจมือ  กับของเล่นเขายังมีอีกเพียบ  แต่คราวหน้าเอาแบบเบาะๆ อย่างพวกเนคไทดีกว่า  ประมาณว่าเสื้อเชิ้ตกับเนคไทเส้นเดียว...

โอย  แค่คิดก็ของขึ้นแต่ต้องสงบใจไว้  เพราะขืนออกอาการมากแพงได้หนีเตลิดแน่ๆ    ช่วงนี้แพงยิ่งดุๆ  อยู่ด้วย   ขืนปล่อยให้แพงเป็นไก่ตื่นเขาได้อดกินไก่พอดี  สมภารไม่ควรกินไก่วัด  แต่เขาเป็นท่านประธานบริษัทย่อมกินเด็กเลี้ยงได้  เพราะงั้นตอนนี้เอาใจแพงไปก่อน  คราวหน้าไว้หาจังหวะเหมาะๆ  ได้ค่อยจัดหนักๆแพงอีกรอบ  เขาไม่กลัวแพงโกรธอยู่แล้ว  เพราะแพงก็เหมือนลูกไก่ในกำมือ  เอิ่ม  ถึงแพงจะเป็นลูกไก่ที่ตัวใหญ่ไปหน่อยก็เถอะ  แต่แพงก็ว่าง่าย   ขอแค่เขาทำหน้านิ่งหน่อยแพงก็ยอมอ่อนข้อแล้ว

อ่อ  แล้วก็อย่ามาแอบด่าเขาลับหลังว่าหาเขาเป็นเสี่ยหื่นนะ  เขาแค่ทำไปตามอารมณ์ที่ตื่นตัวบ่อยเท่านั้นเอง   ฮ่าๆๆๆๆๆ





>>>  พรุ่งนี้ไม่มาอีกแล้ว  ปั่นไม่ทัน  T^T
>>>>  ไม่ได้ตรวจคำผิดอีกแล้ว  ฝากตรวจด้วยนะคะ  ><  (ใช้อ่านคนอ่าน  5555)
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง Hidden scene II [4/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 04-01-2017 23:34:51
 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง Hidden scene II [4/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 04-01-2017 23:43:03
เสี่ยหื่นกามกว่าที่เราและแพงคิดอีก โอ้ยย  :hao7: รอลุ้นเรื่องคุณปุยฝ้าย  ขอบคุณสำหรับตอนใหม่นะคะ  :กอด1:

คำผิด
เอาเป็นว่าเสี่ยแพงทุ้มต่ำและเซ็กซี่มากๆ --> เสี่ย เป็น เสียง นะคะ    :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง Hidden scene II [4/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 04-01-2017 23:52:08
อิเสี่ยโคตรกาม
ที่อ่านมาสิบกว่าตอนนี่มองเสี่ยผิดไปเลย 5555555555555555555555555555555555
มองว่าพะแพงสัปดนแล้ว
เสี่ยหนักกว่าล้านเท่า โฮ้ยยยยย
อิเสี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง Hidden scene II [4/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 05-01-2017 00:46:51
ความจริงเสี่ยเป็นคนนิ่งจริงๆ น้าา  แต่อันนี้เป็น Hidden scene เสี่ยเลยหื่นกว่าปกติ(เหรอ=.,=)

ปล.เข้ามาแก้คำผิด  แล้วก็มาแก้ตัวให้เสี่ยซะเลย  55555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง Hidden scene II [4/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 05-01-2017 02:13:32
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง Hidden scene II [4/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-01-2017 04:50:13
เสี่ย ยอดมาก มีเคืองด้วย  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ถ้าเด็กส่งเสียงครางแบบแกล้งร้องออกมาให้เคืองหูเล่น
แถมห้ามว่าเสี่ยหื่นนะ
เสี่ยแค่ทำไปตามอารมณ์ที่ตื่นตัวบ่อยเท่านั้นเอง
แล้วไม่หื่นตรงไหนเนี่ย หื่นทุกตรงเลย  :ling1: :ling1: :ling1:
พระแพง เจ๋งมาก ช้อนซื้อหุ้นบริษัทที่เทขาย
มันต้องมีประโยชน์ทีหลังแน่ๆ
รุต ไม่ใช่แบบมีไรๆกับคุณปุยฝ้ายนะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง Hidden scene II [4/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-01-2017 06:23:06
นี่นึกว่าอ่านไดอารี่ของมิสเตอร์เกรย์อยู่ซะอีก
ไม่ถูกใจเป็นพิเศษได้ไงเสี่ย. เป็นหนักขนาดนี้   :z1: กลัวแพงหนีตลอดเวลา
ไม่อยากให้น้องไปขายให้คนอื่นอะดิ ไม่เรียกห่วงและหวงได้ไง
เนคไทเส้นเดียวพอค่ะเสี่ย อิอิ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง Hidden scene II [4/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 05-01-2017 07:50:47
อ๊าก..กกกกกกกกกกกก อิมเมจเสี่ยพลิก 360 องศาเลยทีเดียว เห็นเงียบๆแต่หื่น..นนนนนนนนนนนนนนน เพียบนาจา
ตอนหน้าที่เรียกพระแพงไปพบตอนทำงานนี่...
ใช่เสื้อเชิ้ตกับเนคไทเส้นเดียวป่าว #ทีมเสี่ย    :katai1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง Hidden scene II [4/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: joyey6217 ที่ 05-01-2017 07:56:10
เสี่ยยยยยย ทำไมเป็นคนแบบนี้ อ่านมาตั้งนาน เสี่ยหลอกดาวมาตลอดเลย ไอ่เราก็นึกเป็นคนนิ่งๆ เงียบๆ แต่เฮียแกฟาดเรียบทุกยก ไม่หื่นกามเลย. ไม่เล้ยยยยสักนิด รู้ล่ะว่าทำไมเสี่ยต้องเล่นสามน้ำ. แต่ละอย่างแต่ละความคิด. สงสารพระแพงเด็กดีว่าง่ายให้ทำอะไรก็เชื่อ
สำหรับเสี่ย พระแพงถือเป็นข้อยกเว้นเยอะมากเลยเนอะ  เป็นเด็กที่อยากต่อเวลาเลี้ยง กลัวเด็กโดนเอาไปขายต่อเลย ไถ่ตัว แถมไม่ยอมบอกเจ้าตัว (เพราะอยากให้นางโลกสวยต่อไป)  มีฐานะกึ่งๆชู้แต่เลี้ยงดูดุจคนรัก
ขนาดพระแพงไม่รู้เรื่องไถ่ตัวนะ ยังบูชาว่าเสี่ยมีพระคุณขนาดนี้ ถ้ารู้คงยอมยิ่งกว่านี้ จนไปไหนไม่รอด เออดีอย่ารู้เลย ปล่อยให้วิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงต่อไปเถอะ. อันที่จริงถ้าพระแพงลุกมารุกก็ได้นี่หว่า แต่นางยอมเองมาตั้งแต่ต้น. เสี่ยสารภาพเองว่าเกรงจะสู้เเรงเด็กหนุ่มไม่ไหว 5555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง Hidden scene II [4/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 05-01-2017 07:56:23
เสี่ยโคตรหื่น แต่เราก็ชอบ
ช่วยหื่นกับแพงคนเดียวพอนะเสี่ย
เมื่อไหร่จะติดกับน้องเกินเด็กเลี้ยง
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง Hidden scene II [4/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 05-01-2017 08:04:05
 :hao7: :hao7: :hao7:

เสี่ยคะะะ เห็นเงียบๆ ที่แท้คิดแต่เรื่องจะกินแพงตลอดเวลาเลยนะคะ ไว้ใจหน้านิ่งๆขรึมๆไม่ได้เลย นี่ไม่ยากจะคิดถึงตอนหน้าที่เรียกแพงเข้าพบ คงเจอเสื้อเชิ้ตกับเนกไทด์เส้นเดียวแน่ๆเลย เสี่ยวางแผนล่วงหน้าซะขนาดนี้แล้ว >.,<

รอค่ะรออออ :mew1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง Hidden scene II [4/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-01-2017 08:25:33
ทำเป็นปิดบังเรื่องคุณปุยฝ้าย ที่แท้คนเขียนไม่ให้บอกใช่ไหมเสี่ย
นี่ยังไม่ถึงขั้นชอบ แค่เอ็นดู เราว่าพระแพงก็ทำงานหนักแล้วนะ ถ้าชอบนี่จะขนาดไหน อิเสี่ยปากแข็ง
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง Hidden scene II [4/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 05-01-2017 13:15:02
ธนิตนี่ร้ายจริงๆ.   ดีที่เสี่ยช่วยแพงไว้ได้.  เสี่ยหื่นมาก. เห็นเงียบๆ. ในใจคิดแต่เรื่องใต้สะดือ.  เอาใจช่วยแพงปราบเสี่ย  :mew1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง Hidden scene II [4/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 05-01-2017 13:37:14
เสี่ยไม่ได้หื่น แค่แตกตื่นเรื่องทางเพศ  :hao6:
เราจิรอ โซ่ แส้ กุญแจมือ และอุปกรณ์ คนแบบเสี่ยมีลูกล่อลูกชนอยู่แล้ว
รับรอแพงไม่รอดไปไหน โอ๊ย!!!! เราอดใจรอไม่ไหว  :hao7:

ทำงานไปใส่อุปกรณ์ โดนแกล้งในห้องประชุม แอบซุ่มกินในห้องท่านประธาน
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง Hidden scene II [4/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: beb98 ที่ 05-01-2017 20:18:05
"สมภารไม่ควรกินไก่วัด  แต่เขาเป็นท่านประธานบริษัทย่อมกินเด็กเลี้ยงได้" ประโยคนี้แบบ โอ้ยเสี่ยยยย555555555555555555555555555 อะไรจะหื่นตลอดเวลาขนาดนี้อะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง Hidden scene II [4/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 05-01-2017 21:56:54
เข้ามารอมาม่า
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 16 [5/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 05-01-2017 23:07:42
ตอนที่  16




เขายืนรอลิฟต์เลื่อนไปถึงห้องท่านประธานด้วยใจตุ๊มๆ  ต่อมๆ  ลองเสี่ยให้เอาเอกสารมาด้วยแบบนี้  โอกาสที่จะถูกดุอาจจะมีมากกว่าถูกกินตับก็ได้  ถึงเขาจะไม่รู้ว่าเอกสารนี่มันผิดอะไรที่ตรงไหนเพราะเสี่ยเป็นคนแก้เอง  แต่ถ้าเสี่ยบอกว่าผิด...  ท่านประธานว่ายังไงก็ว่าตามนั้น   ใครใช้ให้เขาเป็นแค่พนักงานบริษัทตัวเล็กๆ ล่ะวะ

ติ้ง~

ประตูลิฟต์เปิด 

เขาเดินออกจากลิฟต์ด้วยความมั่นใจ  ค่อยๆ กระดึ๊บๆ  ออกไปอย่างคนติดเชื้อซอมบี้ พอเจอหน้าเลขาคนสวย  เขาก็ยกมืออย่างอ่อนน้อม  เอาจริงๆ เลยนะ  เลขาคนสวยคนนี้ของเสี่  เขารู้สึกว่าหน้าคุ๊นคุ้น  คุ้นเหมือนเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน (แบบไม่ใช่มุกหลอกจีบ)  แต่พอเขาลองสังเกตดูดีๆ ก็กลับกลายเป็นว่าไม่คุ้น  เขาที่สงสัยในตัวเลขาคนสวยเลยไปความช่วยเหลือจากหน่วยสืบข่าวกรองอย่างไอ้รุต  ซึ่งก็ไม่ได้ความอะไรมาก เพราะมันดันกั๊กเอาไว้เพราะอยากกินเอง  เขาเลยรู้แค่ว่าพี่สาวคนสวย  ตาคมคนนี้เป็นสาวใต้ชื่อ  เจ้าไหม  ไอ้ชื่อนี่...  จะว่าคุ้นก็ไม่ได้  เพราะมันเป็นชื่อสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดตรังที่เขาเคยไปเที่ยวสมัยรับน้อง

เขาที่เห็นสาวเจ้าส่งยิ้มมาให้ตั้งแต่ออกจากลิฟต์หลังจากยกมือไว้ก็ได้แต่ยิ้มทักทาย เก๊กเสียงหล่อว่า  “ท่านประธานเรียกมาพบ"

ซึ่งสาวเจ้าเองตอบรับดีมาก  ส่งยิ้มมาหวานเจี๊ยบจนเขาขนลุก  เขาเลยค่อยๆ เดินถอยหลังเตรียมแผ่นเข้าห้องเสี่ย   แต่สาวเจ้าก็ยังไม่ยิ้มเปล่า  ปล่อยเขาหนีรอด  จังหวะขากำลังกระดึ๊บจะไปเปิดประตู  พี่แกก็เดินนวยนาดออกจากโต๊ะ(ความเร็วสี่คูณร้อย)  ยื่นมือสวยๆ มาบิดหูเขาดังหนึบ! 

โอ๊ย!  เจ็บๆๆๆๆ!!  หูน่ะจุดอ่อนเขาเลยนะ  เสี่ยยังไม่เคยทำกับเขาขนาดนี้!

" นี่แกกล้าจำทวดรหัสตัวเองไม่ได้เหรอยะ!  อยากโดนรับน้องใหม่อีกรอบใช่ไหม!!" 

ทวดรหัส?   

ทวด...  ทวด...  ทวด...  ทวด....

"เจ๊เจ้าไหม!?"  ว๊ากกก!!!   นี่มันทวดรหัสในตำนานที่เขาเคยเจอแค่ครั้งเดียวคนนั้นน่ะเรอะ!

" เออ  เจ๊เอง!  ไม่เจอกันแค่สี่ปีทำเป็นลืมนะ!  ไอ้เหลนรหัสทรยศ! "  สี่ปีอะไรเล่า!  เกือบจะห้าปีแล้ว!

" แล้วนี่เจ๊มาทำงานกับเสี่ย  เอ๊ย  มาทำงานกับท่านประธานอธิปได้ไง!?"  โอ๊ย!  เจ็บๆๆๆ  อย่าบิดหูๆ สิ  เอามือออกไป๊!! 

" เออ!  เพราะฉันทำงานที่นี่นี่แหละ  ฉันถึงได้เล่นเส้นเอาชื่อแกกับยัยขิมเพื่อนแกเข้ามาสอบสัมภาษณ์  ปกติบริษัทนี้เขาไม่รับเด็กเพิ่งจบหรอกนะ   ไม่สำนึกยังไม่พอ   แกยังกล้าจำหน้าฉันไม่ได้!" 

เอ๊าาา  มันเป็นความผิดเขาที่ไหนเล่า!  เรื่องมันตั้งสี่ปี...  จะห้าปีแล้วใครจะไปจำได้  แล้วเจ๊เจ้าไหมนี่เขาก็เคยเจอกันแค่ครั้งเดียวตอนบัณฑิตกลับมาเลี้ยงรุ่นช่วงรับปริญญา  พอขึ้นเช้าวันใหม่ที่ต้องถ่ายรูป  พี่แกก็แต่งหน้าแต่งตัวเสียเต็มยศ  เขาที่เคยเห็นแค่ตอนมืดๆ กับตอนเช้าจำหน้าอีกหน่อย   ใครมันจะไปจำได้เล่า  ถ้าจำได้ก็แปลกแล้ว!

" ยังจะมาเถียงอีกนะ!  ฉันน่ะแค่เห็นรูปแกในใบสมัครงานแวบเดียวฉันยังจำได้  ใครจะสมองปลาทองแบบแก!  แบบนี้มันน่าให้ป๋าไล่ตะเพิด  แกจะได้ไม่ต้องมาทำหน้าเอ๋อแบบนี้!!"  หา  ป๋า  ใครอ่ะ   หมายถึงเสี่ย?  นี่เจ๊ก็เป็นเมียน้อยเสี่ยเรอะ!  ไหนเสี่ยบอกว่าไม่ชอบผู้หญิงไง  เสี่ยโกหก!

"  ทีแกยังเรียกป๋าลับหลังงว่าเสี่ยได้  ทำไมฉันจะเรียกป๋าไม่ได้  ฉันนี่ว่าที่ลูกสะใภ้คนโปรดนะยะ  ถ้าไม่ติดว่ามีผัวแล้ว  ฉันแต่งเข้าไปแล้ว  ไม่ปล่อยให้  จุด  จุด  ปุยฝ้ายคาบป๋าไปแดกหรอก"  อ่าว  ตกลงเจ้าแม่ข่าววงในนี่อยู่ตรงนี้เองหรอกเหรอ  หลงคิดอยู่ว่าเป็นไอ้รุตอยู่  ที่แท้...

" ว่าแต่ถ้าเจ๊สนิทกับป๋าขนาดนี้  เจ๊รู้ไหมอ่ะว่าเสี่ย  เอ๊ย  ป๋าแกเรียกผมมาทำไมอ่ะ" 

" ฉันไปจะรู้เหรอยะ"  อ่าว

" ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าป๋าเรียกแกมาทำไมมา  แต่ที่แน่ๆ  ....."  ที่แน่ๆ  อะไรอย่ามากั๊ก  แล้วก็เอามือออกจากหูด้วย  ระบมไปหมดแล้ว!

"  วันนี้ป๋าแกอารมณ์ไม่ค่อยดี  เข้าไปก็อย่าพูดมาก  ป๋าด่าก็อย่าเถียงเยอะ  ผงกหัวรับผิดไป  จะรอดออกมาง่ายๆ  ป๋าแกอารมณ์เสียมาตั้งแต่เช้าแล้ว  วันนี้มีคนโดนด่าไปตั้งหลายคน  เอ้า  เข้าไป  เมื่อกี้ป๋าติดโทรศัพท์อยู่  ฉันเลยรั้งแกไว้  นี่ฉันเห็นว่าแกเป็นเหลนรหัสหรอกนะ  ฉันถึงช่วยเตือน  แต่แกดันจำฉันไม่ได้   แบบนี้มันน่านัก!"  จ๊ากกก  เจ็บๆๆๆ  เจ๊ก็อย่าบิดหูผมสิ  ผมจะได้รีบหนีเข้าห้อง!


โอ๊ย  เขาที่วิ่งหนีเจ๊เจ้าไหนเข้ามาได้  พอเจอเสี่ยที่ยังคุยโทรศัพท์ไม่เสร็จก็ทำตัวเจี๋ยมเจี้ยม   ดูท่าเสี่ยจะหงุดหงิดอยู่จริงๆ  เสี่ยถึงได้ทำหน้าเคร่ง   เขายกมือสวัสดีเสี่ยพอเป็นพิธี  พร้อมโชว์เอกสารให้เสี่ยดู  ประมาณว่าผมเอาเอกสารมาแล้วนะ  ให้ผมวางไว้โต๊ะ  แล้วแผ่นกลับแผนกเลยได้ไหม 
   
แน่อนว่าไม่ได้...  เพราะเสี่ยปรายหางตามามองเขาแวบนึงแล้วทำหน้านิ่ง  คุยโทรศัทพ์ต่อ  แล้วปล่อยให้เขายืมหัวโด่อยู่กลางห้อง

เขารอเสี่ยอยู่นานมาก  แต่เสี่ยก็ยังคุยโทรศัพท์ไม่เสร็จซักที  เสี่ยเปลี่ยนสีหน้าไปมาไม่หยุดจนเขาขน_ูดลุก  เขาเลยเปลี่ยนอิริยาบทจากยืนนิ่ง  มาเป็นเอามือกุมไข่ใช้เอกสารบังไว้แทน   กะว่าถ้ามีอะไรลอยออกมาเขาขอเผ่นหนีก่อนเพื่อน  เอกสารก็ไม่ส่งมันแล้ว  ให้หัวหน้าแผนกมาส่งเอโน่น
   
แต่อยู่น้านนานเสี่ยก็ไม่ยอมระเบิดลงซักที  เขาที่เกร็งจนหายเกร็งก็เริ่มเหลือบตามองดูนั่นดูเนี่ย  ห้องเสี่ยก็เหมือนกับห้องประธานบริษัททั่วไป  ห้องกว้างมีโต๊ะทำงาน  มีชั้นวางเอกสาร  ที่ใส่แฟ้ม  เหลือบตาไปมองด้านข้างก็เหมือนว่าจะมีห้องแยก  ไม่รู้ว่าเป็นห้องประชุมหรือเป็นห้องที่เสี่ยใช้นอนพัก  พอไม่มีอะไรเหลือให้ดู  เขาก็ยืนรอเสี่ยสลับกับมองเอกสารที่อยู่ในมือ 
   
เขาตะแคงคอดูตัวเลขในเอกสารยังไงก็หาความผิดปกติไม่พบ  ในกระดาษก็มีแต่ตัวเลขคุ้นตาที่เสี่ยแก้ไขไปแล้ว  ถึงเขาจะจำตัวเลขได้ไม่หมด  แต่ส่วนไหนที่เคยมีปัญหาเขาก็เอาปากกาวงไว้  มาตอนนี้แอบตรวจอีกที  ตัวเลขก็เป็นแบบเดิม  อยู่ตรงตามตำแหน่งเดิม  ถ้าถามว่าจะมีอะไรผิดปกติไปบ้าง  ก็น่าจะเป็นความเก่าของกระดาษที่ผ่านมือคนอื่นมาเยอะ 

คือเอกสารของเขาน่ะถือเป็นของส่วนกลางที่ใครก็มาหยิบอ่านได้  เพราะไม่ใช่ความลับที่สำคัญมาก   แต่ถ้าเป็นเอกสารที่สำคัญเวลาจะเบิกอ่านต้องจดชื่อลงบันทึก  แต่เอกสารของเขานี่ใครจะอ่านก็ได้  เพราะอย่างบางทีที่เขากรอกข้อมูลแล้วมีปัญหา  เขายังไปรื้อเอกสารของไอ้ขิมที่เกี่ยวข้องกันมาลอกเป็นตัวอย่าง  ดังนั้นจะว่ามันเก่าเพราะมีคนมาแอบอ่านมันก็ไม่น่าจะใช่

เขาที่เหล่แล้วเหล่อีก  แต่ยังหาความผิดปกติไม่เจอ  สุดท้ายก็ต้องจำใจเงยหน้า  เงยมาอีกทีก็เจอหน้าเสี่ยนั่งจ้องอยู่แล้ว  ไม่รู้เสี่ยวางสายโทรศัพท์ตั้งแต่เมื่อไหร่  แต่หน้าตาเสี่ยตอนนี้น่ากลัวมาก  อย่างกับงูจ้องเขมือบกบ  ยังดีที่มีโต๊ะท่านประธานกั้นไม่งั้นเขาเผ่นออกมาก่อนแน่  กลัวเสี่ยกระโจนเข้าใส่แบบไม่รู้ตัวแล้วจับเขากลืนลงท้อง
   
มาลองดูแล  มาแลดูกัน  เขาที่ยังเห็นเสี่ยหน้านิ่งเลยได้แต่เดินก้มตัวต่ำเข้าไป  วางเอกสารเจ้าปัญหาลงบนโต๊ะแล้วถอยออกมาสองก้าว  ก้มหน้าก้มตา  ทำท่าเหมือนพนักงานมีความผิดรอเสี่ยด่าเช็ด  แต่ที่ไหนได้...   เสี่ยไม่ด่า  แต่ดันเรียกชื่อเขาแล้วกระดิกนิ้วแบบที่รู้กันว่าให้เดินเขาไปใกล้แทน  เขาอิดออดอยู่สองสามนาทีแต่พอเห็นบรรยากาศเริ่มมาคุ  เขาก็เดินก้มตัวต่ำยิ่วกว่าเดิมจนแทบคลานเข่าไปนั่งใกล้ๆ  ในตอนที่คิดว่าต้องนั่งตักเสี่ยไหม  เสี่ยก็ส่งเสียงเรียกเขาที่ยังก้มหน้า...

   
ก็ได้  เขาไปนั่งตักเสี่ยก็ได้  ไม่เห็นต้องทำตาดุเลย  เขาไม่ได้เป็นคนเริ่มปัญหานะ!  โน่น  ไปโทษคนที่เอาเอกสารมาให้เขากรอกโน่น! 
   
แต่คนที่เอาเอกสารมาให้เขาคนล่าสุดก็คือ....  เสี่ยนั่นเอง   โฮๆๆๆ  สวรรค์ไม่ยุติธรรม  ผู้บริหารรังแกลูกน้อง!

เขาร้องไห้อยู่ในใจแต่ยังรู้รักษาเอาตัวรอดเป็นยอดคน  นั่งลงบนตักเสี่ยที่รอรับ  แต่โปรดอย่าจินตนาการบรรเจิดปถึงขั้นที่ว่าเขานั่งทับขาเสี่ยนะ  ขืนเขานั่งทับขาเสี่ยจริงๆ  เสี่ยขาหักไปใครจะรับผิดชอบ  ถึงเสี่ยจะตัวใหญ่แต่น้ำหนักเขาก็ไม่ใช่น้อยๆ  เขานั่งลงตรงหว่างขาที่เสี่ยเว้นที่ให้  พอจัดท่าจัดทางจนได้ท่าอีหนูกอดคอเสี่ย  เขาก็ได้แต่ขนลุก   ผู้ชายสองคนตัวใหญ่เป็นควายมานั่งกอดกันมันน่าดูตรงไหนวะ  แล้วเสี่ยก็ชอบเหลือเกินไอ้ท่าอีหนูอ้อนเสี่ยเนี่ย  นั่งปุ๊บไซร้หูปั๊บ  ไหนว่าหงุดหงิดไงวะ!

" ทำอะไรผิดไว้  หื้ม"  หืมเหอ  อะไรล่ะ  อยากถามความผิดก็หยุดสิวะ!  แล้วมือน่ะ  ล้วงเข้าไปถึงให้แล้ว!

   " เสี่ย!!"  นี่มันในห้องทำงานนะ!  อยากตะโกนบอกให้เสี่ยรู้  แต่ไม่ทันแล้ว  เสี่ยจูบปิดปากแล้ว!

   " อื้อออ!!"  ตะโกนให้รู้ว่าไม่พอใจ  ตะโกนให้รู้ว่าไม่ชอบ!   ไม่ได้อยากเล่นตัว  แต่ตรูไม่ยอมในห้องทำงานโว๊ย  กลางวันแสกๆ  แถมสมภารไม่กินไก่วัด  ภาษาไทยวันละประโยคน่ะ  เคยเรียนบ้างไหม!

   " พระแพง..."  เสียงหื่นแบบนี้  หน้านิ่งแต่ตาพราวแบบนี้เขาเสร็จแน่  ตกลงเอกสารนี่เอามาหลอกจริงๆ  ใช่ไหม!   แล้วนั่นอะไรแวบๆ   เนกไท?  เฮ้ยยยยยยย!!!

   " เสี่ยยยยยยย!!!!!"  ไอ้เสี่ย   ไอ้เลวเอ๊ย!!!

   




สี่โมง....

เข้ามาตอนบ่ายโมงกว่า  เสร็จศึกตอนสี่โมงครึ่ง  ไอ้เสี่ยหื่นเอ๊ย!

" พระแพง  หันมานี่"   ไม่หัน!  ไม่เอา  โกรธมาก!  โมโหมาก!  งอนนะ  บอกให้รู้เลยด้วย!

" พระแพง..  เจ็บมากเลยเหรอ  หื้ม"  ยังมีหน้ามาถามอีกนะ!

" แพง  หันมานี่"  เสียงเริ่มหงุดหงิด...    หันไปหน่อยก็ได้

" เจ็บมากเลยเหรอ หื้ม"  ไม่เจ็บหรอก  แค่เคล็ด  แต่ไม่พูดหรอก  งอนมาก!

" อย่าโกรธน่า  เสี่ยก็แค่ถามเรื่องหุ้น  อย่าโกรธเสี่ยเลยนะ"  ฮึ  ทีอย่างนี้มาทำเสียงอ่อนเสียงหวาน  ทีตอนทำล่ะไม่คิด!  ไม่ต้องมาจูบ  ไม่ต้องแก้มด้วย!



แต่ก็นะ..  ถึงจะโกรธถึงจะงอนแค่ไหน  แต่พอเสี่ยยอมง้อด้วยการนวดไหล่นวดข้อมือเบาๆ ให้  เขาก็รู้สึกดีขึ้นเยอะ  ไอ้เรื่องงอนน่ะช่างมันเถอะ  แค่นิดๆ หน่อยๆ  แถมของก็เคยๆ  จะมางอนนานก็ใช่ที่  ยิ่งพอเสี่ยป้อนจูบหวานๆ แบบเอาอกเอาใจลงมาที่ปากกับข้อมือ  เขาก็หายงอนแล้ว  เพียงแต่ยังอยากเล่นตัว  ไว้ท่าอยู่นิดๆ  เสี่ยเองก็รู้เลยจับเขามากอดแล้วหอมอีกรอบ  เขาที่ตัวเปลือยล่อนจ้อนก็ยอมให้เสี่ยนอนกอดในห้องแอร์เย็นฉ่ำ  ซึ่งเป็นห้องพักที่อยู่ในห้องท่านประธานอีกที  ถ้ามีเตียงแล้วจะเอาท์ดอร์ตั้งแต่แรกทำไมไม่ทราบ!
   
" แพง..." 

เสียงหื่นแบบนี้  เบียดส่วนล่างลงมาแบบนี้  แสดงว่าเขาต้องถูกจัดอีกรอบสินะ  เมื่อกี้เสร็จไปแล้วสอง  ต้องอีกหนึ่งรอบถึงจะครบองค์   อยู่กับเสี่ยมานาน  เขาก็น่าจะรู้ได้แล้วนะว่า  เสี่ยชอบเล่นอะไรที่มันตื่นเต้น  ยิ่งหลังๆ  มาถ้าไม่เอาท์ดอร์ก็ต้องมีอุปกรณ์ร่วมด้วย  เขาที่ยอมเสี่ยมาขนาดนี้เลยได้แต่ยอมพลีกาย  ส่งไลน์ไปบอกไอ้ขิมว่า  ท่านประธานสั่งให้เขาออกไปเอาของข้างนอก  ไม่กลับเข้าแผนกแล้ว   พอส่งไลน์เสร็จเขาก็นอนพลีกาย  แยกขาออกปล่อยให้เสี่ยบรรเลงหนังสดเล่น 
   
รอจนตื่นขึ้นมาอีกทีตอนหกโมงเขาก็สะโหลสะเหลเต็มที  หมดแรงข้าวต้ม  ค่อยๆ เดินกระย่องกระแย่งเข้าไปอาบน้ำ  ไอ้สภาพแบบนี้  บอกตามตรงว่าเขาไม่ได้เจอมานานมาก  แต่เพราะคราวนี้เสี่ยจัดหนักเต็ม  สงสัยเพราะอดอยากมานาน  นอกจากเนกไทด์เสี่ยที่พันมัดมือเขา  เสี่ยยังเอาเนกไทน์ขอเขาเองมารัดคอน้องชายด้วย  แถมตอนที่อยู่บนโต๊ะทำงาน  เสี่ยยังกดเข่าเขาให้เข้ามาชิดอก  ส่วนตัวเองก็มองลูกชายขยับเข้าขยับออกในช่องทางส่วนล่าง   ปากก็พูดแต่คำลามก  บอกให้ตอดบ้าง  ขมิบบ้าง  พอเขาตอดแน่นจนด้านในสั่นกระตุก  เสี่ยก็บอกว่าอย่ารัดป๋าแน่นสิ  เดี๋ยวป๋าก็เสร็จหรอก  โอยย  ตกลงจะเอากันยังไงกันแน่   ถ้าไม่ติดว่าเขาสู้เสี่ยไม่ได้  เขาเอา_ีนยันเสี่ยทะลุกระจกออกไปแล้ว  ไม่ปล่อยให้เสี่ยทรมานเขาจนเสร็จหรอกน่า

ส่วนเรื่องเอกสาร...  มันก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่เสี่ยใช้เพื่อเรียกเขามากินตับซะทีเดียว  เพราะระหว่างที่มีอะไรกัน  เสี่ยถามเขาว่า  ทำไมอยู่ๆ ถึงซื้อหุ้น  เขาที่มึนๆ  เบลอๆ เพราะความเสียวจัด  เลยตอบเสี่ยไปจากไขสันหลังว่า  เขาช้อนหุ้นมาเพราะเห็นว่าหุ้นมันถูกทยอยขายออกมาเรื่อยๆ  เขากลัวบริษัทถูกโกงเลยช่วยช้อนซื้อหุ้น  แต่ถ้าหากบริษัทไม่ถูกโกง  เขาก็กะจะเอามาขายคืนให้เสี่ยหวังใช้หนี้  แต่ถ้ามีกำไรส่วนต่างเขาก็จะขอเป็นเงินสดแทนการกินดอกเบี้ย
   
แน่นอนว่า  ตอบไปแบบนั้นมีเหรอจะรอด...

ก็ไม่รอดน่ะเซ่!   ก็ตอนนั้นเขาเสียว  เลยตอบไปแบบไม่รู้เรื่อง  แถมถูกเสี่ยจับพลิกคว่ำพลิกหงายอยู่นาน  จะเสร็จก็เสร็จไม่ได้  เพราะเสี่ยเอามือมากดหัวน้องชายเขาไว้  เขาเลยต้องสารภาพออกมาทุกอย่างตามที่สมองคิด 
   
แล้วกว่าเสี่ยจะยอมให้เขาไปได้ก็ต้องรอจนเขาน้ำเล็ดนั่นแหละ  เขาที่ทั้งเหนื่อยทั้งหอบจนแทบขาดใจ  หลังจากเสร็จรอบแรก  เสี่ยก็ลูบหัวลูบตัว  ปลอบขวัญเขาอยู่ตรงเก้าอี้ทำงาน  บอกเขาว่าเสี่ยแต่แค่ถามดูเท่านั้น  ไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งให้สารภาพ
   
ส่วนรอบสอง...  เอาเป็นว่าเขาไม่อยากจะพูด!  แต่ที่แน่ๆ เลยคือเขาโกรธเสี่ยมาก  เพราะเสี่ยแม่งเล่นซะรอบห้องทำงาน  ทั้งโซฟาที่เขาไม่ยอมนั่ง  ทั้งข้างกระจกที่มองออกไปเห็นข้างนอก  แถมเสี่ยก็ไม่ยอมแกะเนกไทนด์ที่มัดมือเขาออก  ปล่อยให้เขาตัวเปล่าโล่งโจ้ง  มีเสื้อเชิ๊ตคลุมแบบหมิ่นเหม่ เล่นกันไปสิบกว่าท่า  ก่อนจะลากเขาเข้ามาในห้องนอน  ปล่อยให้เสี่ยบรรเลงเพลงรัก   กินตับเขาอีกรอบ 
   
เฮ้อ  นี่แหละน้า  คบคนพาล  พาลพาไปผิด  คบเสี่ย...  แม้แต่ยางอายเขาก็ไม่มีเหลือแล้ว   ใครมันจะไปคิดละวะ  ว่าเสี่ยจะจัดหนักกลางวันแสกๆ กลางห้องทำงานแบบนี้  ไอ้เขาล่ะนึกว่าถ้าเสี่ยจะจัด  เสี่ยก็น่าจะจัดแค่เบาะๆ  อย่างใช้มือหรือแค่ออรัล  แต่นี่เสี่ยจัดหนักจัดเต็ม  ไม่ใช่แค่จัดให้พอหายเครียด
   
ในตอนที่เขาอาบน้ำ เขาก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าเสี่ยแอบเอาแหวนมาใส่ที่นิ้วเขาอีกแล้ว  นิ้วที่เสี่ยใส่ให้ตือนิ้วกลางข้างขวา  เขาที่ไม่ชอบใส่แหวน  แต่พอเจอเสี่ยขี้บังคับ(แถมขี้เอา)  เขาเลยต้องจำใจยอมใส่ไป 
   
พอออกมาจากห้องด้วยชุดใหม่ที่ยืมมาจากตู้เสื้อผ้าเสี่ย  เขาก็เจอเสี่ยรออยู่แล้วพร้อมอาหารเต็มโต๊ะ  เขาพุ่งเข้าไปหาเสต็กกับพวกเครื่องเคียงด้วยความเร็วผีพุ่งไต้  เจอเสี่ยเคาะหัวหนึ่งโป๊กโทษฐานเห็นแก่กินจนไม่สนเสี่ยที่กำลังทำโรแมนติกเปิดไวน์ให้  นั่งกินจนเสร็จอารมณ์ดี๊ดี  เขาถึงได้มีแก่ใจสนใจเสี่ยบ้าง
   
เสี่ยบอกว่ามื้อนี้เป็นมื้อฉลองวันเกิดที่เสี่ยพลาดไปสัปดาห์แล้ว  เขาล่ะเขิ้นเขินที่เสี่ยยังจำได้  นั่งไถหัวไถตัวกับเสี่ยพร้อมแก้วไวน์บอกว่าขอบคุณมาก   ดื่มไวน์กันจนหมดขวด  เขากับเสี่ยก็กลับไปนอนกอดกันที่บนเตียง  เซ้าซี้ถามเสี่ยเรื่องหุ้นกับเรื่องเอกสารว่าตกลงมีปัญหามากไหม  เสี่ยก็ยอมเปิดปากบอกมาแต่โดยดี  บอกว่าเอกสารไม่มีปัญหา  เสี่ยแก้แล้ว  แค่เอาเอกสารมาบังหน้าเพื่อเรียกเขาขึ้นมาบนห้อง  ส่วนเรื่องหุ้น เสี่ยบอกว่าเสี่ยเป็นคนปั่นหุ้นเอง  แต่ปั่นทำไมเสี่ยไม่บอกเขา  แค่บอกว่าเพราะเขาเลยถึงทำให้เสี่ยผิดแผน
   
เอ๊า   อยู่ดีๆ ก็มาหาว่าเขาทำผิดแผนซะงั้น  แล้วมีเหรอเขาจะยอม  อาศัยความเมาเเป็นข้ออ้างจี๋เอวเสี่ยเล่น  เสี่ยดิ้นดุ๊กดิ๊กๆ (?) ก่อนพลิกตัวกลับ  แล้วจูบเขาไว้  จูบของเสี่ยมื้อนี้ออกจะหอมๆ หวานๆ  ไม่รู้ว่าเพราะไวน์หรือเพราะเขาเมากันแน่  แต่คืนนั้นเขาก็นอนหลับฝันดีอุตุวิทยา  ตื่นอีกทีตอนเช้าก็ช่วยเสี่ยสะสางพวกงานเอกสารที่พอช่วยจัดการได้  ถามเสี่ยถึงเรื่องเจ๊เจ้าไหมอีกนิด  เสี่ยก็บอกว่าเจ๊แกกลับไปตั้งแต่สี่โมงแล้ว 
   
เขาที่เห็นว่าความลับคงไม่แตกแน่เลยได้แต่พยักหน้ารับ  พอเกริ่นเรื่องคุณปุยฝ้าย Club Friday เสี่ยก็บอกจัดการได้  เขาที่เชื่อเสี่ยมาตลอดก็ได้แต่พยักหน้าอีกรอบ 
   
อยู่ช่วยงานเสี่ยในห้องทำงานจนพ้นวันเสาร์-อาทิตย์  พอตกเย็นวันอาทิตย์ก็ได้ฤกษ์เดินกลับห้องที่คอนโดเสียที  แต่คราวนี้เสี่ยแค่แวะกลับมาเอาของฝากไปให้พ่อกับแม่(ซักที)  เลยไม่ได้ค้าง  เสี่ยกลับบ้านไปตอนหนึ่งทุ่ม  เขาที่ยืนส่งเสี่ยอยู่หน้าประตูก็ได้แต่โบกมือบ๊ายบาย   เสี่ยเลยค้อนขวับมาให้หนึ่งดอกก่อนกระชากคอเขาเข้าไปจูบ  บอกว่าวันหลังให้จูบลาด้วย 

ฮ่วย  แล้วเขาจะทำเรอะ! 

ก็ต้องทำสิ! 

เสี่ยสั่งมาขนาดนี้เขาเลยจูบปากเสี่ยไปแบบผ่านๆ หนึ่งรอบ  แต่เสี่ยมีเหรอจะพอใจ  ดึงเขาไปจูบแลกลิ้นกลับมาแบบยาวๆ หนึ่งที  กว่าเสี่ยจะออกไปได้  น้องชายเขาก็ตั้งเด่ต้องไปใช้แม่นางทั้งห้า เสี่ยเองก็รู้นะแต่ไม่ยอมช่วย   ฮ่วย!  อดทนเก่งนักนะ  อย่าให้ถึงทีเขาบ้างแล้วกัน!




>>> มาทันด้วย  ตัดฉับๆให้รอลุ้น
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 16 [5/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: beb98 ที่ 05-01-2017 23:36:00
ตัดจบได้ทำร้ายคนอ่านมากกกกกกก  :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 16 [5/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-01-2017 23:36:25
ปุยฝ้าย เป็นนางร้าย นางอิจฉาด้วย :z6: :z6: :z6:
อะไรของนาง ซ่ำกับใคร ตัวนางรู้อยู่
แต่มาหึงพระแพง ใช่เรื่องไหม :m16: :m16: :m16:
ใช้พระแพง อย่างกับเด็กรับใช้
พระแพงเลิกสน เลิกรับใช้นางซะเถอะ
ไม่ใช่หน้าที่ นางไม่ใช่เจ้านายซะหน่อย
เสี่ยไม่พูดเพราะจะได้รู้ ได้เห็นนิสัยนางเต็มๆหรือเปล่า
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 16 [5/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Atroce ที่ 05-01-2017 23:55:40
พอมองในมุทพระแพงมันเลยไม่ดราม่า
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 16 [5/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 05-01-2017 23:59:11
ตัดได้โหดร้ายมาก  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 16 [5/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 06-01-2017 00:05:34
เสี่ยยยยยยยยยยยย
อย่าเพิ่งหื่นน
ควรช่วยพระแพงให้เรียบร้อย เคลียร์กับคุณปุยฝ้ายให้เสร็จ
นี่อะไรรรรรรรร หื่นอย่างเดียว แล้วบอกว่าจัดการได้
ส่วนคุณปุยฝ้าย  :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 16 [5/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jejiiee ที่ 06-01-2017 00:25:52
 :z3:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 16 [5/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 06-01-2017 00:57:03
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 16 [5/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 06-01-2017 03:00:08
ค้างงงงงงงงง     :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 16 [5/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 06-01-2017 06:23:18
พูดถึงมาม่า มาม่าก็มา จ๊ากกกกกก~
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 16 [5/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: joyey6217 ที่ 06-01-2017 07:45:26
อ่าววววว เสี่ยยยย. นี่มันไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่ ล่ะไหนบอกว่าจัดการได้ไง . ทำไมปล่อยยัยปุยฝ้ายมาระรานพระแพงได้เล่า
เสี่ยทำหน้านิ่งหน้าขรึมนี่ก็เดาไม่ออกว่าขรึมจริงขรึมหลอก แกเนียนมาหลายตอนแล้ว ไม่รู้ว่ามีหื่นแอบแฝงอยู่รึเปล่า. ดูอย่างคราวหลอกเด็กไปกินตับในห้องดิ เนียนจนนึกว่าพระแพงทำอะไรผิด ที่แท้แกก็อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศ  หาเรื่องสำเร็จโทษเด็ก พอเด็กงอนก็ลูงหลังด้วยอาหารชุดใหญ่ แหม่ะ ไม่เสียชื่อพระแพงหน้ามนคนซื่อ ผู้ซื้อได้ด้วยของกิน

เจ๊เลขา เป็นทวดรหัสพระแพง. จริงๆแล้ว บริษัทนี้ก็คนกันเองทั้งนั้นนะเนี่ย

ตัวละครลับอย่างรุตนี่ต้องรู้เห็นทุกอย่างเเน่ๆ เผลอๆอาจจะเป็นสายของเสี่ยเอาไว้สืบหาหนอนบ่อนไส้ ในบริษัท. (มโน)
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 16 [5/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 06-01-2017 11:01:44
มันต้องแบบนี้ ปรบมือให้เสี่ยรัวๆ  :katai2-1: :katai2-1:
เสี่ยขา อย่าได้แคร์ ถ้าอยากกินเมื่อไหร่ เราต้องได้กิน โอ๊ย!!! อยากให้เสี่ยแอบกินน้องพระแพงในที่เปิดเผย 5555+++
แบบว่ามีคนอยู่ด้วยเสี่ยก็ไม่แคร์ แอบกินเงียบๆ แต่ฟาดเรียบสบายพุง  :hao6:
ยังๆ ยังไม่หมด จัดไปให้หนักๆ นอกสถาที่ต้องมี ของเล่นต้องมา
อุปกรณ์มีอีกเยอะ ถ้าน้องพระแพงโดนของเล่นตอนทำงานจะเป็นยังไง อิอิ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 16 [5/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 06-01-2017 12:31:28
มันต้องแบบนี้ ปรบมือให้เสี่ยรัวๆ  :katai2-1: :katai2-1:
เสี่ยขา อย่าได้แคร์ ถ้าอยากกินเมื่อไหร่ เราต้องได้กิน โอ๊ย!!! อยากให้เสี่ยแอบกินน้องพระแพงในที่เปิดเผย 5555+++
แบบว่ามีคนอยู่ด้วยเสี่ยก็ไม่แคร์ แอบกินเงียบๆ แต่ฟาดเรียบสบายพุง  :hao6:
ยังๆ ยังไม่หมด จัดไปให้หนักๆ นอกสถาที่ต้องมี ของเล่นต้องมา
อุปกรณ์มีอีกเยอะ ถ้าน้องพระแพงโดนของเล่นตอนทำงานจะเป็นยังไง อิอิ :hao7: :hao7:

คาดว่าถ้าเสี่ยเล่นดิล-- คงเจอกวางเหลียวหลังตามด้วยจรเข้ฟาดหางค่ะ  ส่วนกุญแจมือกับแส้...  แค่กๆๆๆ  อันนี้ไม่แน่  พระแพงอาจรับได้  (มั้ง)  55555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 17 [6/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 06-01-2017 16:08:34
ตอนที่  17




สัปดาห์ถัดมาทุกอย่างก็ยังคงผ่านไปอย่างปกติ  เขาไปถึงที่ตอนทำงานแปดโมงตอกบัตรออกสี่โมงครึ่ง  เข้าแผนกไปเช้าวันจันทร์ก็มีคนแซวเรื่องแหวนที่นิ้ว  เขาที่เตรียมแถเอาไว้แล้วก็บอกว่าผู้หลักผู้ใหญ่ซื้อให้  ประมาณว่าลุงที่บ้านนอกส่งมาให้เป็นของขวัญวันเกิด  แน่นอนว่าของเก๊  ทุกคนเหลือบตามองหน้าเขาสลับกับแหวนก็เชื่ออย่างสนิทใจ  ทำไมวะ  หนังหน้าเขามันจนมากหรือไงฮึ!  มีแต่ไอ้รุตนี่แหละที่ส่งยิ้มมีเลศนัยมาให้บอกว่าปลอมเหมือนเน๊อะ  อ่าว  มึง  ดูถูกของเสิ่ยเจิ้น  ของปลอมก็อปเกรดมิลเลอร์น่ะ  เคยดูเดี่ยวภาคล่าสุดไหม  พี่ตูนบอดี้สแลมก็มานะ  
 

ตกเที่ยงถึงเวลาออกไปหาอะไรกิน  เขากับไอ้ขิม  ไอ้รุต  ตกลงไปกันไปฝากท้องที่โรงงานของพนักงาน  ตอนนี้เพิ่งจะกลางเดือนแต่เขาใช้เงินสดไปหมดแล้ว  จะขายหุ้นให้เสี่ยคืน  เสี่ยก็ไม่ยอมรับซื้อ   ต๊ะเงินไว้บอกว่าค่อยยกยอดไปเป็นคราวหน้า  จะได้ไม่เสียค่าธรรมเนียมการโอนเพราะเขากับเสี่ยถือกันคนละโบรค* 
   
นี่น่ะนะเสี่ยสายเปย์  ที่เงินสดล่ะใช้จ่ายเป็นว่าเล่น  แต่พอเป็นเรื่องหุ้นล่ะดันมาทำเหนียม  ขี้เกียจโอนหุ้น  ลำบากเขาที่เงินสดหมดตัวไม่เหลือซักแดง  ต้องแกะกระปุกหมู  แคะเหรียญออกมาใช้แทน  จะแลกตรง  BTS  พนักงานก็ไม่ให้แลกบอกว่าคนต่อแถวเยอะ   เขาเลยต้องหอบเหรียญหนักๆ  จนกระเป๋าตุงมาทำงาน 
   
พอไปถึงห้องอาหาร  ย่างขาเข้าไปแล้ว  เขาพวกไอ้ขิมถึงได้เห็นความผิดปกติ  ห้องอาหารพนักงานที่เคยมีเสียงจ้อกแจ้กจอแจ  ตอนนี้เงียบกริบยิ่งกว่าอยู่ในป่าช้า   พวกเขาสามคนที่มองหน้ากันไปมา  แต่ก็เดินต่อไปแบบไม่รู้เรื่อง  จนกระทั่งเดินไปถึงกลางห้องเขา  ถึงเห็นต้นตอแห่งความเงียบ  

   
ชิบหาย... 

เสี่ยกับคุณปุยฝ้าย! 

ทำไมประธานกับว่าที่เมียท่านประธานถึงโผล่มากินข้าวถึงในโรงอาหารนี่!


"พระแพงคะ"  เสียงเรียกหว๊านหวาน แต่เขาไม่เดินไปหาได้ไหมอ่ะ  เขาไม่อยากได้ยินเสียงหวานๆ ตอนนี้!

" ไอ้แพง  คุณปุยฝ้ายเรียกมึงอ่ะ"  เสียงไอ้ขิมกระแซะ  มึงไม่ต้องบอก  กูรู้!

" นางฟ้านางสวรรค์มึงเรียกแน่ะ"  เสียงไอ้รุต..  มึงหุบปากไปเลยไอ้ฝรั่งขี้นก!

เขาเดินคอตกเข้าไปหาเสี่ยกับคุณปุยฝ้ายทั้งน้ำตา  สายตาแน่วแน่ไม่มองไปที่เสี่ยเลยซักนิด  ถึงจะเคยถูกจับได้คาหนังคาเขา  แต่เราอย่ายอมรับ  หน้าด้านไว้ก่อนพ่อสอนไว้ (ถึงพ่อเขาจะหนีไปมีเมียน้อยแล้วก็เถอะ) เขาเดินไปหาคุณปุยฝ้ายอย่างสุภาพเรียบร้อย  ก่อนถามคุณปุยฝ้ายว่า  "มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ" 

สาวเจ้าที่เขาเคยเห็นว่าสวยน่ารัก  ตอนนี้เหมือนกางปีกแยกเขี้ยว  เขายืนเหงื่อตกมองมือขาวๆ  ของคุณปุยฝ้ายล้วงไปที่กระเป๋าถือ  คุณเธอล้วงหาของบางอย่าง  แล้วยื่นบางอย่างมาให้เขา

" ปุยฝ้ายหิวน้ำค่ะ  ช่วยไปซื้อน้ำส้มให้ปุยฝ้ายหน่อยนะคะ" 

ครับ...

คุณปุยฝ้ายยื่นแบงก์ยี่สิบมาให้  แบบที่เท่ากับราคาค่าน้ำแป๊ะ  เขาที่โดนสั่งงานแบบไม่ทันตั้งตัวก็ทำตาปริบๆ  พอแน่ใจว่าไม่มีค่าทิปเพิ่ม  เขาก็ตอบกลับไปว่า  "ครับ"  แล้วเดินออกไปซื้อน้ำ

คลับฟรายเดย์...  ถ้าจะออนแอร์สายก็บอกกันก่อนสิวะ  แล้วไอ้ตัวผู้กำกับน่ะอย่าทำหน้านิ่ง   ไหนว่าจัดการได้  แล้วทำไมถึงได้ปล่อยให้รถไฟชนกันแบบนี้!

ฮ่วย!  เขาที่เคืองแสนเคืองเพราะอยู่ๆ ก็ถูกรถไฟชนก็ได้แต่เดินออกไปซื้อน้ำ  ไหนๆ ก็ซื้อแล้วเลยถือโอกาสซื้อมาเพื่อตัวเองกับไอ้ขิมด้วย  ส่วนไอ้รุตนี่ไม่ต้องซื้อเพราะมันตีขนาบมา  จากที่มันยิ้มๆ เพราะได้แซวเขา  ตอนนี้มันบ่นเป็นงึมงำบอกว่าคุณปุยฝ้ายไม่ควรใช้เขาแบบนี้  เขาไม่ใช่ทาสในเรือนเบี้ย  ที่เมืองนอกต่อให้เป็นเจ้านายกับลูกน้องก็ไม่มีสิทธิ์จิกหัวใช้  เขาที่ได้ฟังมันบ่นก็หัวเราะ  ถามสวนกลับไปว่า  "ถ้าเป็นมึงจะทำไงวะ" 

เท่านั้นล่ะไอ้รุตจอมพูดมากถึงกับปิดปากเงียบ  ตบบ่าให้กำลังใจเขาสองสามที  แล้วซื้อน้ำชาเขียวของตัวเอง
   
ของแบบนี้ต่อไม่มีชะงักติดหลัง  แต่เพื่อให้เรื่องมันจบ  มันก็มีแต่ต้องเดินออกมาซื้อ  อีกอย่างคุณปุยฝ้ายก็เป็นผู้หญิง เขาเองก็เคยซื้อน้ำให้เพื่อนผู้หญิงในกลุ่มอยู่บ่อยๆ  แค่นี้ไม่อะไรมาก  พอซื้อน้ำเสร็จก็เดินไปเสิร์ฟน้ำให้กับคุณปุยฝ้าย  ในตอนที่เขากำลังวางแก้ว  เสียงหวานๆ ก็ส่งมาอีกรอบ


.
.
.


" ขอบคุณค่ะ"

ไม่มีคลับฟรายเดย์   ไม่มีดราม่า   เขาที่รอลุ้นจนตัวโก่ง  กลัวว่าคุณเธอจะสาดน้ำส้มใส่  แกล้งขัดขา  พูดให้เขาขายหน้า  ก็ถึงกับกลัวเก้อ  สรุปก็คือว่าทุกอย่างราบเรียบสงบเรียบร้อย  เขายืนงง  ห้ามมือไม่ให้เกาหัวแกรกๆ  ลอบมองหน้าเสี่ยทั้งที่ตั้งใจจะไม่มองหน้า  เสี่ยเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยมาดของท่านประธาน  เขาหูตกหางลู่   
   
ใช่สิ  เขามันแค่ผัวน้อย  เมียหลวงมาข่มถึงที่  เขาจะปริปากพูดอะไรได้   ได้แต่ขอบคุณและซาบซึ้งในพระกรุณาที่ไม่เหยียบย่ำซ้ำเติมข้าพเจ้า

ถุย  มันใช่ซะที่ไหนกันเล่า!  เขาอ่านสายตาเสี่ยออกหรอกน่ะว่าถ้าไม่อยากมีปัญหาก็อย่าเปิดปากพูด  เสี่ยจัดการทุกอย่างได้  เขาที่เชื่อเสี่ยมาตลอด  มีหรือจะกล้าขึ้นเสียงให้เสี่ยขายหน้า  ในเมื่อคุณปุยฝ้ายรู้ว่าเสี่ยมีสามีน้อยแล้วยังนิ่งอยู่ได้  เขาที่เป็นผัวน้อยก็ได้แต่ทำหน้านิ่ง  เดินออกไปซื้อข้าวของตัวเองมากินบ้าง 
   
เขาไม่รู้หรอกนะว่าเสี่ยกับคุณปุยฝ้ายกำลังเล่นอะไรอยู่กันแน่  แต่ต่อไปกรุณาอย่าดึงเอาเขาเข้าไปเอี่ยวด้วย
   
ในความรู้สึกเขาตอนนี้  เสี่ยกับคุณปุยฝ้ายไม่เหมือนคนที่กำลังจะแต่งงานกันเลยซักนิด  ทั้งสองคนเป็นเหมือนคนแปลกหน้าที่พร้อมจะแทงข้างหลังกันมากกว่า  ถึงมองจากภายนอกดูเหมือนว่าทั้งสองคนเป็นคนรัก  แต่ตาเสี่ยกับคุณปุยฝ้ายมันไม่บอกแบบนั้น  คุณปุยฝ้ายเอง  ถึงปากจะยิ้ม  ชวนเสี่ยคุยนั่นนี่  แต่เขาสัมผัสไม่ได้ถึงความผูกพันระหว่างคนสองคนเลยซักนิด  ถึงเขาจะไม่เคยมีความรัก  แต่เขาบอกได้เลยว่าตอนนี้เสี่ยกับคุณปุยฝ้ายต่างเสแสร้งด้วยกันทั้งคู่ 
   
ตัวเขาเองถึงจะไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่น  แต่เขาก็ยังมีความรักจากแม่  ได้อยู่กับยายลุงเองก็ไม่เคยทอดทิ้ง  และถึงแม่จะไม่เคยบอกว่ารักหรือไม่รักพ่อ  แต่ช่วงเวลาที่แม่อยู่กับพ่อ  แม่ก็น่าจะยังมีความรู้สึกดีๆ  เพราะแม่มีความสุขทุกครั้งที่พูดถึงชีวิตคู่ 
    
แต่ในกรณีของเสี่ยกับคุณปุยฝ้ายนี้...  การแต่งงานที่ต่างฝ่ายต่างไม่รัก   เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะก่อให้เกิดความสุขที่ไหนได้บ้าง  ขนาดเสี่ยเองยังหนีปัญหาด้วยแอบมากกสามีน้อย  หงุดหงิดทุกครั้งเมื่อต้องอยู่กับคุณฝ้าย 
   
ส่วนตัวคุณปุยฝ้าย...  เขาไม่รู้  แรกๆ  เขายังมีความรู้สึกว่าคุณปุยฝ้ายยังรักเสี่ยอยู่บ้าง  แต่ตอนนี้เขาเริ่มไม่มั่นใจแล้ว  เพราะถ้าคุณปุยฝ้ายรักเสี่ยจริง  คุณปุยฝ้ายก็ไม่น่าจะนิ่งได้ขนาดนี้  และต่อให้เป็นคนใจกว้างขนาดมหาสมุทรยังชิดซ้าย  แต่เห็นสามีอยู่กับผัวน้อย  ต่อให้ใจกว้างแค่ไหนก็น่าจะแสดงออกมาบ้าง 

เขาถอนหายใจ  นั่งเขี่ยข้าวในจาน   พยายามปลุกปลอบใจ  คิดในแง่ดีว่า  อย่างน้อยๆ  เหตุการณ์คลับฟรายเดย์ก็คงไม่เกิดขึ้นแน่ๆ แล้ว   แต่ต้องมาอยู่กันอย่างสามคนสองผัวหนึ่งเมียหรือเปล่าเขาไม่รู้   ถ้ารู้...  เขาคนหนึ่งล่ะไม่ยอมแน่ๆ  ถึงเสี่ยจะยอมยกคุณปุยฝ้ายให้  แต่เขาก็ไม่เอาหรอกนะ  เห็นแบบนี้เขาก็เลือกนะเออ   เขาจะไม่ยอมใช้เมียร่วมกับชาวบ้านหรอกนะ

มันใช่ซะที่ไหนกันเล่า!  เขาเคยบอกไปแล้วไงว่าถ้าเสี่ยแต่งงาน  ยังไงเขาไปจากเสี่ยแน่  เขาไม่ยอมอยู่เป็นผัวน้อยหรอกน่า  ไม่ปล่อยให้คนอื่นด่าลับหลังด้วย 
   
เอาเป็นว่าตอนนี้เขาอยู่ไปแบบเงียบๆ  ไปก่อนดีกว่า  คิดมากหน้าแตกหมอไม่รับเย็บบ่อยๆ เข้า  เขาก็อายเหมือนกันนะ  ถึงคนอื่นจะไม่รู้มีเขารู้อยู่แค่คนเดียวก็เถอะ  แล้วอีกอย่างเสี่ยก็บอกไว้แล้วว่าเสี่ยจัดการได้  เพราะงั้นถึงเขาคิดเยอะไปก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี  สู้เอาเวลามากินข้าวดีกว่า  เขี่ยไปเขี่ยจนไอ้ขิมจะเอาส้อมจิ้มมือเขาอยู่แล้วฐานกินทิ้งกินขว้าง




หลังพักเที่ยง  เขาโยนเรื่องหนักหัวออกจากสมอง  นั่งทำงานตามปกติ    มีแต่ไอ้รุตนั่นแหละที่เซ้าซี้คอยเป็นห่วงเขา  ประมาณว่าเขาช่างน่าสงสาร  ตกเป็นทาสในเรือนเบี้ย  เที่ยวแหย่จนถูกเขาแยกเขี้ยวใส่ไปหนึ่งยก  กูไม่คิดมาก  แต่จะมาคิดมากก็เพราะมึงนั่นแหละมาตอกย้ำ!
   
แต่หลังจากที่มันหายไปได้สิบนาที  ไอ้รุตกลับมาอีกทีพร้อมเอากาแฟร้อนเจ้าดังใต้ออฟฟิส  มันมาเซ่นไหว้เขาหนึ่งแก้ว  กับให้หัวหน้าแผนก  เขาที่ชอบกินกาแฟดำแบบช็อตอยู่แล้วมีเหรอจะพลาด    ซัดโฮกเข้าปากไปทีเดียวจนหมดแก้วเตรียมรับความหอมกลมกล่อมนุ่มลิ้น 
   
แต่ที่ไหนได้พอกลืนลงท้อง  เขาถึงได้รู้ว่ากาแฟที่ไอ้รุตซื้อมาดันเป็นกาแฟโรบัสต้าไม่ใช่อะราบิก้า  เขาล่ะโคตรเกลียดชนิดนี้  เกลียดรสขมติดเปรี้ยวของกาแฟโรบัสต้าจนต้องหาน้ำเปล่ามาล้างปาก  เสี่ยเองก็ดื่มแต่กาแฟอะราบิก้า  เพราะงั้นทุกเช้าเขาเลยได้รับอานิสงส์  ได้ดื่มกาแฟผู้ดีมาทุกจนยิ่งเกลียดกาแฟชนิดนี้
   
แล้วพอต้องมาเจอโรบัสต้าอัดหนักเข้ามาทีเดียวตั้วงแต่ตอนบ่าย   ไมเกรนที่ไม่ค่อยจะเป็นกับชาวบ้านก็มาถามหาพร้อมกันแบบเป็นจังหวะสามซ่า  ทำเอาเขาปวดหัวตาค้าง  ท้องอืด  ลำบากไอ้ขิมต้องไปเบิกพารามา เพราะเขาเริ่มปวดหัวจี๊ดแถมยังอยากจะอ้วก
   
สุดท้ายเขาที่ทนสภาพตัวเองไม่ไหว  ถึงกับต้องลากลับก่อนแล้วมานอนตายอยู่ที่คอนโด   หลับยาวตั้งแต่บ่ายสามโมง  ตื่นขึ้นมาอีกทีตอนหกโมงเขาก็รู้สึกดีขึ้น  ถ่ายหนักเอาโรบัสต้าเจ้าปัญหาออกไปหนึ่งครั้งเขาก็สบาย_ูดลั้ลลา  กำลังลังเลอยู่ว่าจะล้างนอกล้างในดีไหม  เสี่ยส่งไลน์มาบอกว่าวันนี้ไม่ว่าง  เขาที่ฟรีแล้ว  ประจวบเหมาะกับที่เพื่อนโทรมาชวนกินหมูกะทะพอดี  เขาเลยสะบัดก้นออกจากห้อง  นั่งลั้นลาอยู่บนรถไฟฟ้าเตรียมไปดูศึกแดงเดือดกับเพื่อนที่ร้านหมูกะทะ 
   
เขาซึ่งเป็นแฟนสิงโตสีน้ำเงินครามเชลซี  ดูไปก็สาปแช่งให้ทั้งสองทีมเจอใบแดงบ้าง  บาดเจ็บบ้าง ให้ดีก็เสมอกันไป  เก็บไปคนละหนึ่งแต้ม  ให้ดีกว่านั้นก็ให้ผู้เล่นเจ็บยาวไปเลยจะได้ลงแข่งต่อไม่ได้  เชลซีของเขาจะได้ผงาดมาครองแชมป์แทนที่อาเซนอลที่กำลังนำเป็นจ่าฝูงอยู่ตอนนี้
   
เขาผู้มีน้ำใจนักกีฬาเลยถูกเพื่อนจากทั้งสองฝั่งรุมตบหัวสั่งสอนกันไปคนละหนึ่งยก  ก่อนนั่งซดเบียร์  ฟาดหมูกะทะจนอิ่มแปล้พุงเกือบปลิ้น  ก่อนกลับยังมีหน้าขอเบอร์โทรศัพท์จากสาวเชียร์เบียร์ที่ส่งสายตามาให้เขาเป็นระยะๆ   ร่ำๆ อยากจะไปจูบ  อยากจะหอมสาวเจ้าทรงโตซักหนึ่งฟอดแล้วไปต่อที่โรงแรมแถวนี้   แต่ถึงจะเมา   เขายังมีสติจำได้ว่าตัวเองมีสามีแล้ว  เพราะงั้นน้องรอพี่ฟรีก่อน  แล้วพี่จะติดต่อไปใหม่นะจ๊ะ  สามีพี่ขี้โหดมาก  ลองนอกใจอาจถึงขั้นบ้านแตกได้  และถึงพี่จะเป็นสามีน้อยแต่พี่ก็มีจรรยาบรรณนะเออ  ไม่ควงสองให้เสียชื่อเด็กเลี้ยงเกรด A เล่น  ผิดกับใครบางคนที่.....
   
   
พอๆๆ  อย่าคิดมาก  พลาดท่ามากับคลับฟรายเดย์มาแล้วเราต้องอยู่นิ่ง  ขืนเล่นบทผัวน้อยช้ำรักถูกเมียหลวงแกล้ง  คราวนี้นอกจากเสี่ยจะไม่โอ๋ไม่เข้าข้างแล้ว  เสี่ยอาจจะมีแตะโด่งไล่ไปอีกด้วย  เขารู้หรอกน่าว่าตัวเองอยู่ในสถานะอะไร  ถึงมีปากมีเสียงแต่สิ่งที่ไม่ควรพูดก็อย่าพูด  เก็บเอาไว้แค่อยู่ในใจก็พอแล้วอย่าบอกให้คนอื่นรู้ 
   
เอ่อ  แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาน้อยใจหรือชอบเสี่ยหรอกนะ  เขาแค่รู้สึกผูกพันกับเสี่ยแบบลึกซึ้ง (เหมือนเสี่ยเป็นพ่อ)  วันนี้เขาอาจจะนอยด์ไปบ้างเพราะเสี่ยไม่ข้าง  แต่สิ่งที่เสี่ยทำมันก็ถูกต้องแล้ว  จะให้เสี่ยออกหน้าแทนเขาที่ถูกจิกหัวใช้ให้ไปซื้อแค่น้ำก็ใช่ที่  เพราะงั้นเขาต้องไม่คิดมาก  เฮ้อ  สงสัยเขาจะถูกเสี่ยตามใจจนเสียคน  พอเสี่ยเมินเฉย  เขาเลยรู้สึกเสี่ยใจนิดๆ  อารมณ์คงประมาณเด็กอนุบาลถูกเพื่อนแกล้งแต่พ่อไม่เข้าข้าง  ไปเข้าข้างลูกคนอื่นอะไร  ประมาณนั้น

เพราะงั้นเขาที่กลับห้องมาอีกทีเจอแต่ห้องมืดๆ  ก็ได้แต่หนีไปอาบน้ำล้างกลิ่นหมูกะทะ   แต่พอล้มตัวนอน  จะนอนก็ดันหลับไม่สนิท  ไม่รู้ว่าท้องอืดเพราะอาหารไม่ย่อย  หรือท้องอืดจากเบียร์ก็ไม่รู้  ได้แต่นอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง  สลับกับนอนฝันเลอะเทอะ  ฝันว่าเสี่ยกลับมาบ้างอะไรบ้าง  แต่พอลืมตามา  เห็นว่าเป็นแค่ฝันเขายิ่งหงุดหงิด 
   
สุดท้ายก็ได้แต่ใช้พระธรรมนำใจ  ท่องพุทโธ  ธัมโม สังโฆ  ไปจนถึงบทอาราธนาศีลเขาถึงหลับตาได้  ถึงท่องไปจะกลัวตกนรกไป  เพราะผิดศีลข้อกาเมแต่เขาก็หลับตาลงได้  ในความฝันตอนที่เขาหลับสนิท  เขาฝันถึงแม่  ฝันว่าแม่เอาอกเอาใจตามใจเขา  เขาทำผิดก็ไม่เคยว่าแค่บอกว่าเขาเป็นลูกรัก  แม่รักเขามาก 
   
เขาที่ตื่นมาหลังจากฝันเห็นเห็นแม่ก็อารมณ์ดี๊ดี  ออกไปตักบาตรกรวดน้ำตั้งแต่หัวรุ่ง  ก่อนกลับขึ้นคอนโด  เขาก็ซื้อดอกไม้มาถวายพระเครื่องที่ขอมาให้เสี่ยตั้งแต่ตอนกลับบ้านด้วย
   
จะว่าไปตั้งแต่กลับมา  เสี่ยก็อยู่กับเขาน้อยมาก  หรือว่าพระท่านเป็นของดี  ไล่ผีจอมสะกิดได้ออกไปได้  แต่ท่านคงไม่แสดงอภินิหารถึงขั้นออกฤทธิ์นอกห้องหรอกมั้ง  เพราะสุดท้ายเขาก็ถูกเสี่ยกินตับที่บริษัทอยู่ดี
   
อืมมม  ดูท่าเขาจะเมาค้างไปหน่อยจนคิดเลอะเทอะ  เอาพระเครื่องบูชามาปนกับเรื่องกาเม  คราวนี้ล่ะเขาได้ตกนรกของจริงแน่  ดังนั้นเขาที่เริ่มสำนึกผิดเลยนั่งสมาธิสงบจิตสงบใจอยู่กับห้อง  พอถึงเวลาอาหารก็ฟาดเรียบแล้วนอนต่ออีกรอบ  เรียกได้ว่าเกือบกลายเป็นหมูของจริงเพราะช่วงนี้เขาออกกำลังกายน้อยมาก  ยังดีที่เขายังหนุ่ม  ถึงจะมีพุงแต่ก็ยังเห็นไม่ชัด 
   


ดังนั้นเขาที่อยู่ว่างๆ  ตอนเย็นเลยได้ฤกษ์ไปออกกำลังกายลดพุงที่สวนสาธารณะ  วิ่งสลับเดิน  สูดอากาศบริสุทธิ์อยู่ในสวน  มีเหล่ดูสาวไปบ้าง  ดูเด็กๆ วิ่งเล่นไปบ้าง  ตอนที่เห็นหมาพันธุ์ใหญ่ตัวยักษ์หน้าตาโคตรดุเขาก็ถึงกับหูตั้ง  รีบวิ่งเข้าไปหาอย่างกับเจอพวกของตัวเอง  เข้าไปหอมเข้าไปฟัดจนเจ้าที่ถือสายจูงอยู่มองหน้า  ยังดีที่หมาหน้าดุส่วนใหญ่จะเลี้ยงง่ายและค่อนช้างเชื่อง  ถ้าเอาออกมาเดินเล่นได้แบบนี้แสดงว่าไม่ดุมาก 

เขาที่เล่นไปก็ชวนเจ้าของหมาคุยไปด้วย  คนที่จูงหมาเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารัก  แต่จะเรียกว่าเด็กก็คงไม่ถูก  เพราะดูอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา  ติดก็แต่ตัวเตี้ยกว่าแถมหน้าเด็กกว่าเขาเยอะ   ส่วนไอ้คนที่ยืนอยู่ข้างๆกัน...  พี่แกทำท่าเหมือนจะกัดหัวเขาให้ขาดให้ได้  เขาเคยเห็นผู้ชายคนนี้ตามนิตยสารที่มีข่าวสังคม  พี่แกชื่อเพ้นท์  เรียกว่าเป็นคนรวยน่าดู  น่าจะรวยพอๆ กับเสี่ยเลยมั้ง   เด็กที่ยืนอยู่นี่ดูท่าจะเป็นกิ๊ก...  เป็นแฟนน่าจะถูกต้องกว่าเพราะคนยืนคุมนี่ทำท่าดุมาก  คงกะว่าถ้าเขาเผลอลวนลามน้องเขาเมื่อไหร่  ไอ้หมาตัวใหญ่ที่ถูกฝึกมานี่ได้กระโดดมางับหัวเขาแน่ๆ   
   
คือหมาเชื่องน่ะใช่  แต่หมาฉลาดก็อีกเรื่อง  ถึงตอนนี้จะดูว่าง่าย  แต่ถ้าเจ้าของสั่งก็สามารถกัดแขนเขาขาดได้  สุดท้ายเขาก็ได้แต่บอกลาหมาเศร้าๆ  เพราะคนที่คุมอยู่ดูท่าจะไม่ไว้ใจเขาเอามากๆ  ทำไมวะ  หล่อไม่เท่าแล้วเป็นไง  ตัวใหญ่ตัวดำแล้วถือว่าเป็นโจรเหรอ  ไอ้คนตัดสินคนที่ภายนอก!

ยังดีที่เด็กตัวเล็กดูมีอัธยาศัยดีกว่ามาก  คุยกันอีกสองสามคถึงได้ำรู้ว่าเป็นรุ่นพี่  ชื่อพี่พี  อายุยี่สิบหกแล้วแต่ดูเด็กเท่าเขาที่เพิ่งจบ  แถมจบมหาลัยเดียวกันอีกด้วย  เรียกได้ว่าโลกกล๊มกลมเนอะ  แต่จะให้เข้าไปกอดคอสวัสดี  ทำตัวเป็นรุ่นน้องสถาบันก็ไม่ได้เพราะเจ้าของ(แฟน)หวงมาก  เขาเลยแต่สวัสดีงามๆ  ให้พี่พีกับคุณชายในนิตยสารหนึ่งรอบ  ไหว้เสร็จก็ตัดสินใจหนีไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสดีกว่า  ดูท่าจะปลอดภัยกว่าเยอะ   เพราะพี่คุณชายมีบอดี้การ์ดส่วนตัววนเวียนอยู่ใกล้ๆ  ขนาดเสี่ยที่(เขาว่า)รวยล้นฟ้ายังไม่มีบอร์ดี้การ์ดมาตามคุมแบบนี้เลย  เพราะงั้นรีบเผ่นแล้วกลับไปสร้างกล้ามอยู่ในห้อง  ยกเวทซิทอัพ  ทำคาดิโอ* ฆ่าเวลาไปตามเรื่อง 
   
แต่สงสัยเพราะไม่ได้ออกกำลังกายมานาน  พอออกเสร็จเขาก็ปวดกล้ามเนื้อ  ข้าวก็กินไม่ลงเพราะอะดรีนาลีนหลั่งออกมาเยอะ 
   
นั่งเขี่ยๆ ข้าวที่เป็นอาหารโปรดที่เพิ่งกินไปได้แค่สามสี่คำก็ต้องวางช้อน  ลำบากแม่บ้านต้องเก็บใส่กล่องพลาสติกแช่ตู้เย็นให้  ยังดีที่แม่บ้านใจดี  ทำข้าวต้มย่อยง่ายเพื่อไว้ให้อีกหนึ่งหม้อ  รอจนเขาหิวข้าวนั่นแหละ  เขาถึงได้อาศัยข้าวต้มกินรองท้อง 

ตกดึกเริ่มหิวจัด  เขาก็เตรียมเอากับข้าวเก่ามาเวฟ  ข้าวเปล่านี่มีอยู่แล้วเต็มหม้อเขาเลยไม่ต้องออกไปซื้อ  เขารอเวลาอาหารเวฟได้ที่ด้วยความใจจดใจจ่อ  จ้องอยู่หน้าเครื่องไมโครเวฟแบบวิต่อวิ  กะว่าไมโครเวฟร้องติ๊งปุ๊บ  เขาจะเอาออกมาแล้วจ้วงแดกทันที  แต่เหมือนมีเดจาวู หรือเวรกรรมกลั่นแกล้งก็ไม่รู้
   
ในระหว่างที่ไมโครเวฟส่งเสียงดังติ๊ง  เขาที่เตรียมแดก  เอ๊ย  เตรียมหม่ำเต็มที่ก็ต้องวิ่งไปรับโทรศัพท์แทน  เขาจำเสียงเรียกเข้าได้ว่าเป็นทำนองของไอ้รุต   ปกติถึงเขากับไอ้รุตจะสนิทกัน  แต่นอกจากเรื่องงาน  มันก็ไม่เคยติดต่อมาในเวลานอก  เพราะงั้นตอนที่มันโทรมาในเวลาดึกดื่นเที่ยงคืน  เขาก็รู้ว่ามันต้องมีเรื่องด่วนแน่
   
แล้วพอกดรับสายก็ปรากฎว่าเป็นเรื่องด่วนจริง  คุณปุยฝ้ายท้องแล้ว  และเสี่ยกับคุณปุยฝ้ายกำลังจะจดทะเบียนสมรส   ตอนนี้ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝั่งก็รับรู้แล้ว  เสี่ยกับคุณปุยฝ้ายเลยต้องรีบเดินเรื่องแต่งงาน  ทำเรื่องทุกอย่างให้มันถูกต้อง

 ตอนที่เเขาฟังข่าวจากไอ้รุต  เขาคิดอย่างเดียวเลยว่า  ทำไมเสี่ยไม่เป็นคนบอกเรื่องนี้กับเขา หรือท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นได้แค่คนนอกที่เสี่ยไม่ต้องบอกก็ได้  เรื่องสำคัญแบบนี้...   เวลาที่ผ่านมาสาม..  จะสี่เดือน  ความจริงแล้วคือสิ่งไร้ค่า?  เป็นเขาที่คิดไปเองว่าเสี่ยรักและเอ็นดู   เมื่อถึงเวลาเสี่ยเลยเลือกตัวจริง  ไม่ใช่เขา 

เขายืนฟังเสียงไอ้รุตส่งโวยวายแต่สมองกลับจับใจความอะไรไม่ได้  สติกับสมองปลิวหายไปจนว่างเปล่าไปหมดแล้ว

ตอนที่ไม่รู้ว่ารัก  ก็คิดว่าถ้า “รัก” แล้วจะต้องรู้สึกตัวแน่ๆ  แต่ในตอนที่ความจริงถ่าโถมเข้ามา ตอนที่กำลังจะเสียเสี่ยไป  เขากลับไม่อาจจัดการกับความรู้สึกที่เรียกว่า  “รัก”
   
ใครกันเคยบอกว่าความรักคือสิ่งสวยงาม  สำหรับเขา...  ความรักคือสิ่งดำมืด  เมื่อยืนมือออกไป  เขากลับพบแต่ความว่างเปล่าที่ไม่มีใครคอยอยู่เคียงข้าง 
   
ตอนที่ไม่รู้ตัวก็คือไม่รู้  แต่พอรู้...  ทุกอย่างกลับสายเกินไปหมดแล้ว  จะไม่มีเสี่ยที่คอยโอ๋  คอยเอ็นดูเขาอีกต่อไป  ทุกอย่างที่ผ่านมา...  จะเป็นเพียงแค่ความฝันช่วงตื่นหนึ่ง  จะไม่มีเวลาที่เขากับเสี่ยอยู่ร่วมกันอีกแล้ว  เวลาแห่งความสุขของเขากับเสี่ยจบลงแล้ว...




>>> ตอนนี้มาเร็วพร้อมโฆษณานิยายเก่าที่แต่งไม่จบ  เอิ๊กๆ
>>>>  อีกไม่กี่ตอนก็จบแล้ว  สงสารพระแพงจัง  ส่วนอิเสี่นี่เฉยๆ มาก  อยากให้โดนเมียทิ้ง=_=
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 17 [6/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 06-01-2017 16:33:44
ตู้มมมม เสียงมาม่าระเบิดดังมากกก
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 17 [6/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 06-01-2017 16:46:59
นั่งยัน นอนยัน ยืนยัน ฟันธง เราว่า ไม่ใช่ลูกของเสี่ยแน่นอน ล้าน%
ตะหงิดๆ ว่าจะลูกของพ่อเสี่ยหรือเปล่า เพราะควงๆ กันก่อนเสี่ยจะมารับตำแหน่งนิ มีความเป็นไปได้สูงมาก
พระแพงจ๊ะ ไม่ต้องคิดมากฟุ้งซ๋านไปนะ ตัวจริง ก็คือตัวจริง
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 17 [6/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-01-2017 17:00:21
โอย......ยังไงกัน  :ling1: :ling1: :ling1:
อิเสี่ยนี่ เอาแต่เก็บเงียบ มีเมียก็ไม่บอกไม่เล่า
ไปจดทะเบียนสมรสกับปุยฝ้าย ซะอีก
(เกลียดละ มาใช้พระแพง ไม่เรียกคุณและ)
เดี๋ยวเมียทิ้งจะรู่ซึ้ก
หรือท่านพ่อเสี่ยให้เสี่ยช่วยจดทะเบียน
เพราะชีตั้งท้อง พ่อเสี่ยยังเตะปี๊บดังแฮะ
ว่าแต่ตรวจ DNA ลูกด้วยนะ เดี๋ยวโดนย้อมลูก
เพราะถ้าแม่เสี่ยรู้ จะเรื่องใหญ่
แล้วเรื่องหุ้นนี่ เสี่ยเตรียมตั้งบริษัทใหม่
ให้บริษัทเก่าเคว้งเพราะหุ้นตก
คราวนี้ ชะนีปุยฝ้ายคงปล่อยมือเสี่ย
เพราะเสี่ยเปลี่ยนสถานะ มโนไกลและ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 17 [6/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: joyey6217 ที่ 06-01-2017 18:09:44
โธ้ พระแพงเอ้ย รักครั้งแรกหัวใจก็แตกสลาย เร็วเกินไปไหมกับความผิดหวัง
เพิ่งจะรู้ตัวว่ารัก ก็ต้องสูญเสียไปซะแล้ว 
น่าสงสารพระแพง นางเป็นเด็กดีซื่อสัตย์ โอกาสจะนอกใจก็มี แต่ไม่ทำ เสี่ยสั่งให้เงียบก็เงียบ ให้คอยก็คอย อยู่ในห้อง  รอเสี่ยมาหา. นี่มันแฟนเก็บอยู่แบบเจ็บๆอย่างคนเป็นน้อยชัดๆ

อันที่จริงถ้าเป็นคนอื่นเล่าไม่ใช่พระแพงเรื่องมันจะเครียดมาก แต่นี่มุมมองของคนโลกสวยไง แต่คิดถึงคำกล่าวที่ว่า คนที่ยิ้มมากที่สุด เวลาร้องไห้นั้น น่าสงสารที่สุด นี่่ล่ะคือพระแพงในเวลานี้เลย
เสี่ยใจคอจะแต่งงานการเมืองจริงๆอะ เบื้องลึกเบื้องหลังมันต้องมีอีกเยอะกว่านี้เเน่ๆ
อิรุตนี่รู้ลึกรู้จริงนะ นางเป็นใคร?
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 17 [6/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 06-01-2017 19:41:44
ในที่สุดพระแพงก้อรู้ใจตัวเอง แล้วอิเสี่ย..ยยย เมื่อไหร่จะตาสว่าง ซั่มน้องซะขนาดนั้น ชริ!!!  :seng2ped:
แอบไม่ไว้ใจรุต #ทีมพระแพง   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 17 [6/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 06-01-2017 20:43:18
 :ling3: :ling3: :ling3:

สองตอนนี้มีหลากหลายอารมณ์ ตอนแรกฟินๆอยู่ จากนั้นก็เปผ้นคลับฟรายเดย์แบบที่พระแพงว่า แล้วสุดท้ายจบที่ระเบิดเวลารอบู้ม :z3:

ดีใจที่พระแพงรู้แล้วว่ารักเสี่ย ก็เหลือแต่เสี่ยเนี่ยแหละเมื่อไหร่จะรู้ งานนี้จะจบตรงไหนกันนะ ฮื่ออออออ

รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 17 [6/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 06-01-2017 21:56:36
ถ้าเสี่ยจดทะเบียนกับปุยฝ้ายจริง
เราก็อยากให้แพงถอย ถึงจะรักเสี่ยแต่ยังไงเสี่ยกับปุยฝ้ายก็ถือว่าเป็นสามีภรรยากันตามกฎหมาย
แต่ก็แอบหวังว่าเสี่ยจะมีแผนรองรับ รีบจด รีบหย่า อะไรแบบนี้นะคะ
ยังไงเราก็เชียร์ เสี่ยอธิป พระแพง
ว่าแต่นิยายที่แต่งไม่จบที่มาแทรกในเรื่องนี้คือเรื่องอะไรคะ จะได้ตามไปอ่าน
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 17 [6/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 06-01-2017 22:32:41
เอาอีกตอนมาเดี๋ยวนี้เลยฮื่ออออ :hao5:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 17 [6/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 06-01-2017 22:45:20
เราว่าพระแพงถอยแน่ๆ ถอยแบบรู้วานนั่นแหละ
เสี่ยหายไป ไม่มาบอกแบบนี้
ชะนีฝ้ายจะท้องลูกใครก็ช่างเถอะ
เสี่ยผิดที่ไม่เคลียร์กับพระแพง
ตัดสินใจเอาเองเลยลุก
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 17 [6/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 06-01-2017 23:05:14
ทำไมเสี่ยทำอย่างนี้กับพระแพง
 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 17 [6/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 06-01-2017 23:38:07
สงสารพระแพง :katai1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 17 [6/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 06-01-2017 23:38:57
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 17 [6/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 06-01-2017 23:39:51
ลาออกเลยพระแพง  หนีไปอยู่บนดอยให้ไกล ๆ เลย  ให้เสี่ยมันทุรนทุราย  ตามหาไม่เจอ :fire:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 17 [6/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JeabT. ที่ 07-01-2017 00:16:58
อิเสี่ยยยยยย    :z6:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 17 [6/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: minchy ที่ 07-01-2017 04:53:59
สงสัยว่ารุตรู้เรื่องเสี่ยกะพระแพงได้ไง
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 17 [6/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 07-01-2017 08:32:59
ทวดรหัสเลขาหน้าห้องเสี่ย คือ กิ๊กกับรุตอยู่, ในเรื่องมีบอก.
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 18 [7/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 07-01-2017 10:02:52
ตอนที่  18



หลังจากที่ได้ฟังข่าวจากไอ้รุต  เขาก็นั่งเหม่อแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้  ข้าวปลาไม่กินแถมแปบๆ ก็เช้า  แม่บ้านที่กลับเข้ามาตอนเช้าก็ตกใจ  นึกว่าเจอหมีแพนด้าหลุดมาจากสวนสัตว์ออกมาหาไผ่กินเล่น  เขาที่เห็นแม่บ้านตกใจก็ตกใจตามไปด้วย  หันซ้ายหันขวาถึงรู้สึกตัวว่าเช้า  เลยอ้อมแอ้มบอกแม่บ้านไปว่ากำลังจะไปออกกำลังกายข้างนอก 

แต่ไปออกกำลังกายที่ไหน  ทำไมเขาถึงเดินเข้าห้อง  เขาที่มึนกับเบลอเหมือนถูกหมัดฮุกก็ได้แต่ทิ้งตัวลงกับเตียง  ปล่อยให้สมองที่เบลอจากการอดนอนและการร้องไห้แปะไว้กับเตียง  หลับตาลง  เพื่อให้ได้หลับเต็มตื่นซักงีบ  คราวนี้ไม่ต้องท่องพุธโธ ธัมโม สังโฆเขาก็หลับสนิท  ตื่นมาอีกทีตอนสาย  เจอแต่กับข้าวที่ป้าแม่บ้านตั้งไว้ให้

   
ความรู้สึกของการต้องเสียเสี่ยไปแบบที่ไม่ทันตั้งตัวหรือรู้ตัวก่อนล่วงหน้า  มันให้ความรู้สึกเหมือนตอนที่เสียแม่ไปอย่างไม่ผิด  ตอนนั้นเขาร้องไห้อยู่สามวันสามคืน  ก่อนที่จะเหลือแต่สะอึกสะอื้น  เสี่ยไม่ได้หนีหายหรือตายจากไปจากเขา  แต่ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเสี่ยตอนนี้คือทุกอย่างจบลงแล้ว
   
คืนวันที่เขารู้ข่าวคือคืนวันเสาร์  เพราะงั้นวันอาทิตย์ของเขาเลยปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไปแบบเบลอๆ  ข้าวปลาก็กินไม่ครบสามมื้อ  จำได้แต่ว่ามื้อสุดท้ายแม่บ้านบอกกับเขาว่าจะกลับต่างจังหวัดสามสี่วันให้เขาดูแลตัวเองด้วย  เขาที่ไม่ค่อยสนิทกับแม่บ้านก็ยังอุตส่าห์ยกมือไหว้  ให้เงินค่าเดินทางไปอีกหนึ่งพันพร้อมกับบอกให้แม่บ้านกลับบ้านดีๆ ด้วย  จะกลับมาทำงานก็โทรมาบอกเขาก่อนล่วงหน้า
   
พอถึงวันจันทร์เขาก็โทรไปลาหยุด  บอกฝ่ายบุคคลไปว่าป่วยหนักมากใกล้ตายแล้ว  พอบอกเสร็จเขาก็ปิดโทรศัพท์หนีทันทีกะไม่ให้ฝ่าย  HR  ตามตัวได้  พลิกซ้ายพลิกขวาอยู่ในห้อง  พอเห็นว่านอนไม่หลับแน่แล้วก็ลุกไปอาบน้ำเตรียมออกไปข้างนอก 

จะว่าไปนับตั้งแต่รู้ข่าวเขาก็ร้องไห้ไปแค่หนเดียว  หลังจากนั้นเขาก็ปล่อยสมองให้ว่างเปล่า  แปบๆ ก็ผ่านไปสองวันแล้ว 
   
เอาจริงๆ  นะ  เรื่องของเสี่ยมันก็ไม่ได้ทำให้เขาเศร้าเสียใจมากเหมือนอย่างวันแรก  มันคงเหมือนประมาณว่าเขาโดนหมัดฮุก  เขาตกใจมากไปหน่อยเลยถึงกับช็อคก็เท่านั้น 
   
ทั้งชีวิตที่เกิดมา  เขารู้จักแต่ความพลัดพราก  ตานี่ไม่ต้องพูดถึงเพราะเสียตั้งแต่ตอนที่ยังไม่รู้ความ  ถัดมาก็พ่อที่หนีไปแต่งงานใหม่ตั้งแต่เขาอายุหนึ่งขวบ  ต่อมาก็แม่กับยาย  ตอนที่รู้ข่าวว่าลุงป่วยเขาก็เคว้ง  ตอนนี้ยังมาเสี่ยอีกรอบ 
   
แน่นอนว่าเสี่ยไม่ได้ล้มหายหรือตายจาก  แต่สำหรับเขา...เสี่ยสำคัญมาก  สำคัญพอๆ กับพ่อแม่  ยาย  หรือลุง  ที่เลี้ยงเขามา  ส่วนเรื่องความรัก...  ก็คงใช่  เขาไม่เคยรักใครมาก่อนแต่พอรู้  ความรู้สึกเคว้งคว้างในอกของเขาตอนนี้  มันต่างไปจากตอนที่เสียแม่  ถึงเขาจะแทบขาดใจเหมือนกันแต่เขาก็รู้ถึงความแตกต่างได้ 

เขาไม่ใช่คนโง่  เคยอ่านหนังสือกับดูละครเกี่ยวกับความรักมาก็เยอะ  เขาแยกออกว่าความสูญเสียแต่ละอย่างแตกต่างกันอย่างไรบ้าง  เขารักแม่แบบที่ยอมตายแทนได้  ส่วนเขารักเสี่ย...  ถ้าให้ตายแทนหรือเปล่า  เขาคงต้องคิดดูให้ดีอีกที  สมัยนี้ไม่เหมือนในอดีตที่เอะอะหน่อยก็ฆ่าตัวตายเพื่อบูชาความรัก  เขารักเสี่ยจริง  แต่ก็คงไม่ยอมทิ้งชีวิตเพื่อเสี่ยง่ายๆ  เขายังมีห่วง  มีลุงให้คอยดูแล 
   
ดังนั้นในเมื่อต้องตัดใจให้ได้  เขาก็ไม่อยากฟูมฟายหรือคิดมากให้คนอื่นสังเวช  ยังไงอดีตก็เปลี่ยนไม่ได้  และอนาคตก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเขา  ต่อให้เขารักเสี่ยมากแล้วไง  เสี่ยไม่มีทางหย่ากับคุณปุยฝ้ายเพื่อมาอยู่กับเขาอยู่แล้ว  และถึงเสี่ยจะไม่ได้รักคุณปุยฝ้าย  แต่ถ้าลองจดทะเบียน  แถมมีลูกด้วยกันแบบนี้  ต่อให้เสี่ยไม่อยากแต่งงานแต่เสี่ยก็ยังต้องรับผิดชอบ  และถึงเขาจะไม่แน่ใจความรู้สึกของคุณปุยฝ้าย  แต่ลองมาอีหรอบนี้  ทั้งสองคนก็คงต้องลงเอยอยู่ด้วยกันไม่มีทางเปลี่ยนแปลงแล้ว

   
ตัวเขาที่เป็นแค่ชู้...  เป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่เคยเป็นเด็กเลี้ยง  สิ่งที่เขาพอทำได้เพื่อเสี่ยได้ก็มีแค่ถอนตัวออกมาแล้วเดินออกจากห้อง 
   
แต่จะให้เก็บข้าวของออกไปตั้งแต่ตอนนี้  เขาเองก็ยังทำใจไม่ได้  ได้แต่จ้องแหวนที่อยู่บนมือแล้วด่าเสี่ยว่าเสี่ยเลวมากที่ให้แหวนเขาแบบนี้  ถึงเขาจะไม่ใช่คนน้ำเน่าที่เห็นแหวนแล้วต้องนึกถึงเรื่องแต่งงาน  แต่ถ้าหากไม่รัก  ก็ไม่น่าให้ของที่แสดงถึงความผูกพันแบบนี้   เพราะอย่างงั้นเขาเลยถอดสร้อยเสี่ยออกใส่เก็บไว้ในกล่อง  กะว่าวันไหนตัดใจได้เขาจะขายกินแน่ๆ  เขาจะไม่เก็บสร้อยไว้เป็นของดูต่างหน้า  เสี่ยยังไม่ตาย  เพราะงั้นแค่แหวนเขาก็พอใจแล้ว... 

   

แต่ถึงเขาจะคิดได้  เขาก็ยังอดเศร้าแบบอารมณ์คนอกหักครั้งแรกไม่ได้อยู่ดี  พออาบน้ำโกนหนวดเสร็จเขาก็เดินทอดหุ่ยอยู่ในห้าง  เขาไม่อยากคิดมากหรือคิดเยอะ   แต่พออยู่แต่ในห้อง   เขาก็เอาแต่คิดถึงเสี่ย  ซึ่งก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น  สู้ออกมาข้างนอก  ใช้สมองคิดดีกว่าว่าจะหาทางขอใบลาจากที่ไหนได้บ้าง  เขาโกหก  HR  ไปแล้วว่าป่วยหนักมาก  ไอ้เรื่องใกล้ตายน่ะ  HR  คงไม่เชื่อ  แต่ป่วยหนักนี่สิ...

เขาเดินที่คิดนั่นคิดนี่  เดินเตร็ดเตร่วนอยู่ในสยามพารากอน  ระหว่างที่กำลังเหม่อได้ที่เต็มที ไอ้ธันวาที่เขาไม่เห็นหน้ามานาน  อยู่ๆ ก็มาฉุดเขาไว้เพราะเขาเดินเหม่อจนเกือบตกน้ำพุ   

" จะลงไปอาบน้ำหรือไงมึง"

ดูท่าเขาจะยังเฮิรตซ์อยู่จริงๆ  ถึงได้เดิมเหม่อจนจะตกน้ำขนาดนี้   เขามองไอ้ธันวาตาลอย  อารมณ์ที่ต้องสูญเสียคนที่รักไป  คงทำใจไม่ได้ง่ายๆ จริงๆ  กับเสี่ยที่ยังไม่ตาย(ย้ำบ่อยจริง)  แต่กับเขาที่ผูกผันง่าย   ต่อไป...  ถ้าเขากับเสี่ยคงไม่มีโอกาสได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกแล้ว  และถ้าหากบังเอิญเจอกันในอนาคต  ถึงตอนนั้นทุกอย่างก็คงเปลี่ยนไป  เขายังคงเป็นเขาแบบเดิม  แต่เสี่ยเปลี่ยนไปเป็นพ่อคน  มีเมีย  มีลูก  เขาที่ต้องใช้เวลา  ก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ถึงจะกลับมาเป็นปกติและมีรักครั้งใหม่ได้ 
   
เขาไม่ได้กลัวกับความไม่รู้  หรือกลัวการผิดหวังพลัดพราก  แต่ที่เขากลัวคือถ้ารู้แล้วต้องอกหักอีกเขาคงทำใจไม่ได้  หัวใจคนเรา  หากต้องเสียของที่รักอยู่บ่อยๆ  ต่อให้แข็งแกร่งแค่ไหนจิตใจก็อาจตายด้าน

ว่าแล้วก็เหลือบตาไปมองไอ้ธันวาที่ทำท่าจะถีบเขาตกน้ำจริงๆ  ดูท่าเขาจะเหม่อไปอีกแล้ว   ไอ้ธันวามันถึงทำท่าจะถีบเขาให้ไปเรียกวิญญาณอยู่ในน้ำ  เขาที่ยังมึนๆ  อึนๆ บวกเบลอๆ  เลยตอบมันไปว่า  หิวข้าวกำลังจะเดินไปหาห้องน้ำ  ตอบจบไอ้ธันวาก็ตบกะโหลกเขาหนึ่งโป๊ก  จนขวัญเขาวิ่งกลับร่างแทบไม่ทัน  เขาถึงได้มีโอกาสมองมันชัดๆ เต็มสองตา

ว้าวว    ไม่ได้เจอกันนาน  เพื่อนกูมีมาดผู้บริหารแล้วเว้ย  เมื่อก่อนเคยแต่เห็นมันอยู่แต่ในชุดนักศึกษา  ไม่ก็ชุดอยู่บ้าน  แต่มาตอนนี้มันอยู่ในชุดสูทกึ่งทางการ  เขาที่คลุกคลีอยู่กับเสี่ยมานานก็เริ่มรู้จักชื่อยี่ห้ออย่างจิม  ทอมสัน  ไม่ใช่..   อย่างพวกทอม ฟอร์ด  ทอม  แฮงค์   ราคาก็เคยเห็นผ่านๆ ตามาบ้าง  เพราะบางทีเสี่ยก็ทิ้งสูทไว้ที่ห้อง  เสี่ยไม่ค่อยชอบใส่สูทนอกจากต้องออกไปทำงานหรือไปงานเลี้ยง...

พูดถึงเสี่ยแล้วน้ำตาจะไหล   ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเขาจะใส่ใจเรื่องเสี่ยได้ขนาดนี้  ฟุดฟิด

   
เชรี่ย...

คำอุทานนั่นไม่ได้มาจากปากเขาแต่อย่างใด  แต่ออกมาจากปากไอ้ธันวาตอนที่มันเห็นเขาร้องไห้ 

ผู้ชายตัวใหญ่เป็นควายยืนร้องไห้อยู่กลางห้าง...  ไอ้ธันวาจับเขาล็อกคอเขาทันที  ลากเขาเข้าไปหาอะไรกินตรงร้านอาหารที่อยู่แถวนั้น
   
พรืดดด!!  หลังจากได้ที่นั่ง  เขาที่เศร้าจัดก็สั่งขี้มูก  ยืมแว่นกันแดดที่ไอ้ธันวาเหน็บไว้ตรงกระเป๋ามาใส่กันคนเห็นว่าร้องไห้  พอตั้งสติได้  เขาถึงได้รู้ว่าท่าทางของตัวเองเมื่อกี้โคตรตุ๊ด  อยากจะมุดโต๊ะหนี  แต่พอเห็นไอ้ธันวามันทำท่าอายกว่า  เขาเลยถือโอกาสหัวเราะเยาะใส่หน้ามัน  เออ  ตลกดีว่ะ  ผู้ชายหล่อดูดีคนหนึ่ง(ไอ้ธันวามันหล่อนะ  เผื่อคุณๆ ไม่รู้)  นั่งปลอบผู้ชายตัวใหญ่ที่กำลังร้องไห้  แต่กูไม่แคร์  กูใส่แว่นกันแดดแล้ว   เพราะงั้นมึงจงอยู่รับสายตาประชาชีต่อไปซะ  กูขอทำตัวเป็นนกกระจอกเทศที่พอไม่เห็นศัตรูก็นึกว่าศัตรูไม่เห็นด้วย  มึงจงตกเป็นเป้าสายตาของประชาชนต่อไปเถอะนะไอ้ธันวา   ฮ่าๆๆๆๆ

" ตลกออกแล้วหรือไงมึง"  ไอ้ธันวามันแขวะตอนที่เขายิ้มได้  มันแกะผ้ากันเปื้อนที่อยู่บนโต๊ะออกแล้ววางไว้ที่ตัก  เขาเองก็ทำตามเหมือนกัน  เขาไม่โง่ถึงขนาดเอาผ้ามาผูกที่คอหรอกนะ  เสี่ยสอนมาแล้ว...

.....คิดถึงเสี่ยอีกแล้ว  น้ำตาอยากจะไหลอีกรอบ  แต่ต้องเก็บไว้  กลัวร้องไห้ไปแล้วถูกไอ้ธันวาถีบออกจากร้านแล้วจะไม่มีคนเลี้ยง  เพราะงั้นเราต้องกลั้นน้ำตาไว้  ฮึบ!

" อกหักหรือไงมึง"  แน่ะ  สู่รู้!

" อืม"

ไอ้ธันวาทำหน้าเซ็งเป็ดตอนที่เขายอมรับง่ายๆ   มันบ่นพึมพัมว่าไม่สนุกเลยอะไรไม่รู้  มึง...  กูอกหักนะ  จะให้เล่นสนุกให้มึงดูก็ใช่ที่  ดูหน้ากูนี่  กูอกหัก  กูเฮิรต์  กูเศร้า!

" เออๆ  มื้อนี้กูเลี้ยงมึงก็ได้" เย้!  เย้ๆๆ

ฮู่เร่~  พอมีคนเลี้ยงเขาก็เริ่มหูตั้ง  ถึงหางจะยังตกเพราะช้ำรัก  แต่มีคนเลี้ยงก็ดีกว่าจ่ายเองอยู่แล้ว  เพราะงั้นพอไอ้ธันวาบอกว่าให้เขาสั่งได้  เขาก็สั่งมาแบบเต็มคราบ  เสียดายที่เขาไม่ค่อยชอบอาหารร้านนี้  แพงก็แพง  อร่อยไหมก็...  ไม่ค่อยถูกปากคนบ้านนอกที่ชอบรสจัดๆ  เท่าไหร่  เสี่ยเองก็ไม่ค่อยชอบ.....

" เฮ้ยๆๆๆ  อกหักก็เก็บไปร้องที่บ้าน  กูอายชาวบ้าน"  แหม่  มึงทำยังกับกูไม่อาย  แต่ไม่เป็นไร  กูมีแว่นตา  ฮ่าๆๆ

" ตกลงนี่มึงอกหักจริง?”  ก็ต้องจริงสิวะ!

" เหรอออ..  กูนึกว่ามึงเป็นคนบ้า  เอ๊ย  นึกว่ามึงจะถือศีลออกบวชเป็นพระ  เห็นอยู่กับคนสวยๆ อย่างแก้วมึงยังเฉยได้   ตอนแรกนึกว่ามึงแอบเกย์  ที่ไหนได้อกหักเป็นด้วย"   ดูถูกกูเหอะมึง

   
" ถึงกูจะเก  แต่ก็เกเรเว้ย  ไม่เป็นเกย์ให้เสียชาติบรรพบุรุษ "  เปล่าแถ  ไม่ได้เป็นเกย์  แค่ชอบผู้ชาย...  ชอบแค่เสี่ยคนเดียว

" เหรอออ  แล้วตกลงสาวในสเปกที่หักอกมึงได้นี่เป็นแบบไหนวะ  กูอยากรู้"  ไอ้สอดรู้!  อะไรนะ  ไม่บอกไม่เลี้ยงข้าว  ได้!  กูพูด!

" ผู้หญิง  แก่กว่า  แต่กำลังจะแต่งงานเพราะเขามีลูก"  ถึงจะยังอยู่ในท้อง  แต่ถือว่าป็นตัวเป็นตน  เพราะงั้นเขาไม่ได้โกหก  มั้งนะ....

" รักเขาข้างเดียว?" 

" เรารักกันแต่เขากำลังจะแต่งงานแล้ว"  กูมั่วแ_่งเลย  อยากเข้าข้างตัวเอง  ทำไมมีปัญหาอะไรไหม

พอเห็นเขาตอบแบบฉะฉาน  ไอ้ธันวาก็ทำหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง   แต่แล้วไงล่ะ  ถึงมันไม่เชื่อ  เขาก็ไม่สนใจอยู่แล้ว  อาหารมาแล้ว  มึงอยากหรี่ตามองก็เชิญมองต่อไป  แต่กูหิวแล้ว  กูจะแดกข้าว!

แต่คิดไม่ถึงว่า...  พอกินเข้าไปจริงๆ  ความอยากอาหารของเขาดันลดลง  เขาคิดถึงเสี่ย...  แต่ก็ไม่อยากทำตัวน่าสมเพช  เพราะงั้นเขาเลยเน้นกินแบบจ้วงกลืนๆ กินไปหมดครึ่งจานแต่ก็ยังไม่ค่อยรู้รส   มีแต่แกงเห็ดเผาะนี่แหละที่วันนี้ไม่รู้แกงมันเผ็ดขึ้นหรือไงไม่รู้  ปกติกินได้  แต่วันนี้เผ็ดจี๊ด  กินไปน้ำตาไหลไป  ใครเอาน้ำมาเสิร์ฟทีดิ๊  กูเผ็ด!

"......กูว่ามึงเลิกแดกเถอะ  กูสมเพช"  เออ  กูก็สมเพชตัวเองเหมือนกัน 

เขาวางช้อนลง  เตรียมเอากระดาษทิชชู่มาซับน้ำตา  แต่กลัวแต๋วแตกเลยเอากระดาษหลายแผ่นมาทบๆ กัน  แล้วโป๊ะตาแ_่งเลย  ถ้าเอามาค่อยๆ  ซับเดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าตุ๊ด  แปะมันทั้งแผ่นนี่แหละง่ายดี  ซับน้ำตาได้เยอะด้วย

เชรี่ย....

ไอ้ธันวาอุทานอีกรอบ   คราวนี้มันคงอยากทำเป็นไม่รู้จักเขาแล้วแน่แล้ว  แต่ก่อนที่มึงจะเนียนหนีออกไป  โปรดวางกระเป๋าตังค์มึงไว้ด้วย  วันนี้กูหมดงบ  จ่ายค่าบัตรรถไฟฟ้าไปหมดแล้ว  กระเป๋าตังค์ก็ไม่ได้เอามา  ไอโฟนก็นอนหลับสนิทอยู่ที่ห้อง  เอามาแต่คีย์การ์ดกับกุญแจ  เพราะงั้นมึงจะหนีก็หนีไป  แต่ต้องจ่ายเงินให้กูก่อนด้วย

“ มึงนี่มัน...”  มึงมันทำไม

ธันวาอ้าปากค้าง  กลอกตา  มันคงไม่รู้ว่าจะด่าเขาว่าทุเรศดี  หรือน่าสมเพชดี  แต่พอมันเห็นว่าเขาไม่มีท่าทีจะหยุดร้อง  มันก็หุบปากลง  เปลี่ยนฝั่งมานั่งฝั่งเดียวกับเขา  เอากระดาษทิชชู่หนาสามมิล.ออก  ดึงผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาแล้วช่วยซับน้ำตาให้  ปลอบใจเขาด้วยการเล่าเรื่องตำนานรักดอกเหมย* ของมันตั้งแต่สมัยอนุบาลยันมอ.ต้น  บอกว่าเปิดซิงครั้งแรกตั้งแต่ตอนอายุ  15   อกหักมาแล้วสิบแปดรอบ

ถุยยย..  ตอนอายุ  15  กูยังเล่นไพ่ยูกิโออยู่เลยเถอะ  กูไม่อยากจะโม้

แต่ก็เพราะได้ฟังมันเล่าเรื่องไร้สาระนี่แหละเขาถึงรู้สึกดีขึ้น  ความจริงแล้วเขาก็ไม่ได้อยากร้องไห้  ไม่ได้อยากคิดมาก  แต่พอมาเจอกับเพื่อนเก่า  บ่อน้ำตาเขาก็เกิดแตกขึ้นมา  มันคงเหมือนกับว่าเราเจอคนที่สามารถวางใจได้  คนที่ไม่มีทางหักหลังความรู้สึกเราได้แน่ๆ  ถึงคนๆ นั้น...  เขากับมันจะไม่สนิทกันมากก็ตาม  แต่คำว่าเพื่อนกับมิตรภาพ  มันก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น

" ความจริงกูอยากชวนมึงไปทำงานที่บริษัทว่ะ"   
   
ไอ้ธันวามันบอกตอนที่เขารู้สึกดีขึ้นแล้ว  มันหยุดพูดเล่นแล้วเปลี่ยนท่าทางมาเป็นจริงจัง  สลับกับบ่นเรื่องตัวเอง  มันบอกว่ามันทำงานหนักมาก  ตอนนี้มันเองก็กำลังเรียนเรื่องบริหารธุรกิจต่อจากพ่อ  ถึงจะยังไม่ได้ขึ้นตำแหน่งผู้ช่วยหรือเป็นท่านรองประธาน  แต่ซักวันพ่อมันก็ต้องยกตำแหน่งให้  ช่วงนี้มันเลยถูกพ่อเคี้ยวเข็ญอย่างหนัก   แถมตอนนี้มันก็เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้น  มีสิทธิ์ออกเสียงในฐานะกรรมการบริหารคนหนึ่ง  มีสิทธิ์ช่วยกำหนดนโยบายและวางแนวทางการเคลื่อนไหวในอนาคต    ดังนั้นมันที่เพิ่งเรียนจบมาจึงได้ฤกษ์ทำงานแบบจริงๆ จังๆ เสียที   มันบ่นกระปอดกระแปดว่าเหนื่อยมาก  ตัวจะขาดแล้ว  พวกหัวเก่าๆ ในบริษัทก็จ้องแต่จะเล่นงานถากถาง  มันเลยอยากหาผู้ช่วยที่พอจะช่วยเหลือมันได้

" ตอนแรกกูก็นึกว่ามึงไปเรียกต่อเมืองนอก  เห็นข่าวเงียบไปเลย  แต่เจอมึงก็ดีแล้ว  มึงอยากเปลี่ยนงานไหมวะ  เงินเดือนอาจจะยังไม่เยอะ  แต่ตอนนี้มึงมาเป็นผู้ช่วยกูไปก่อน  พอกูได้ขึ้นเป็นผู้บริหาร  หรือถ้าพ่อกูใจป้ำให้เป็นรองประธาน  มึงค่อยเลื่อนตำแหน่งตามกูมาด้วย  จะเป็นผู้ช่วยหรือเลขาส่วนตัวกูก็ได้ 
   
กูเชื่อมือมึงเพราะเห็นมาจากที่ฝึกงานแล้วว่ามึงทำได้แน่ๆ  ไหนๆ มึงก็อกหักแล้ว  เปลี่ยนบรรยากาศการทำงานบ้างหน่อยเป็นไง  ถึงเงินเดือนจะยังไม่เยอะแต่อนาคตก็ไปได้ไกลกว่าการเป็นพนักงานบริษัทธรรมดาๆ นะ  เดี๋ยวกูแถมโบนัสให้ด้วย"  มันว่าด้วยมาดของของเพื่อนซี้   หลังพิงผนัก  มือโอบไหล่เขากระซิบกระซาบบอกข้อเสนอ   นี่ถ้าคนอื่นมาเห็นคงนึกว่ามึงกำลังกล่อมกูให้ช่วยขนปืนเถื่อนไม่ได้มาชวนไปสมัครงาน  โปรดดูหนังหน้ากูด้วย

ถุยยย  มันใช่ที่ไหนกันเล่า!  ไอ้ธันว่ามันก็แค่เอาตัวมาแนบสนิทกับเขาไปนิด  กระซิบกระซาบไปหน่อย  ทำตัวเหมือนสนิทกันมาซักสามชาติ  แต่เขาก็เข้าใจอารมณ์ของธันวาที่อยากสกินชิพ  ของแบบนี้ถ้าอยากล่อใจคน  มันต้องเพิ่มความสนิทสนมให้ผู้ที่จะจ้าง  มันต้องสร้างความมั่นใจ  สร้างความเป็นกันเองให้ดูน่าเชื่อถือและดูไว้ใจได้ 

   
เขาเองพอได้ฟังข้อเสนอของไอ้ธันวาแล้ว  เขาก็นิ่งคิด  สิ่งที่ไอ้ธันวาบอกมาถือว่าเป็นข้อเสนอที่ดีมาก   ถึงเขาจะไม่ได้อยากเกาะเพื่อนกิน  หรือเลื่อนตำแหน่งทางลัด  แต่สิ่งที่มันเสนอมาก็ยั่วยวนใจเขาสุดๆ  ถ้าเป็นแต่ก่อน...  ก่อนที่เขาจะเลิกกับเสี่ย  เขาอาจยังลังเลอยู่บ้าง 
   
แต่ตอนนี้เขาควรเลือกหนทางที่มีแต่ความเจริญก้าวหน้า  เขาไม่ควรหยุดอยู่กับที่  เรื่องของเขากับเสี่ย...  มันควรเป็นแค่สิ่งดีๆ ที่เขาควรเก็บไว้  ไม่ใช่ยึดติดและหยุดอยู่กับมัน  โลกไม่ได้หมุนรอบตัวเขา  แต่เป็นเราที่ต้องเดินไปกับกระแสของโลก   และถ้าหากหยุด...  ก็เท่ากับว่าเขาตายไปแล้ว  เขาไม่มีทางทิ้งชีวิตที่แม่รัก  ที่ลุงเอ็นดู  ที่เสี่ย....เคยเอาอกเอาใจเขามาอยู่ซักพัก

คิดถึงเสี่ยอีกแล้ว...  คิดแล้วบ่อน้ำตาก็ทำท่าจะทะลัก  เขาไม่ได้อยากจะร้องไห้หรอกนะ  แต่มันเฮิร์ต  ถึงบางครั้งจะมีเรื่องดีๆ ปะปนมา  แต่ความเศร้าก็ทำให้เขากลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้  ได้แต่เอากระดาษแผ่นใหม่มาโป๊ะตาอีกหนึ่งรอบ
 
เชรี่ย...

รอบที่สามของวัน  นี่ถ้ามีอีกที  กูจะไปวิ่งเล่นอยู่ที่สวนลุมแล้วนะ  จะไปหาพวก  ครบสี่ขาพอดี

ฮ่วย!  ไม่ใช้เห้!  ไอ้นี่ก็ยังเล่นมุก!  แถมพอไม่มีคนตัดมุก  เขาก็ชงเองตัดมุกเอง  น่าอนาถจริงกู  อกหักยังไม่พอ  ยังปัญญาอ่อนเพิ่มด้วย

" เฮ้ยๆๆๆๆ  อย่าเป่าปี่  กูอายคนอื่นเขา"  เขา  เค้า  ภาษาไทยออกเสียงง่ายแต่เขียนยาก  ไปออกเสียงตามรูปประโยคเอาเอง  เขาไม่สนใจล่ะ  คว้าผ้าเช็ดหน้าจากมือไอ้ธันมาเช็ดๆๆ 
   
....เพิ่งสังเกตหลังจากเช็ดน้ำตาเสร็จว่า  ผ้าเช็ดหน้าที่ไอ้ธันวาใช้ยี่ห้อเดียว  สีเดียวกับที่เสี่ยเลยเว้ย  ถึงจะคนละลายแต่...  ไอ้เพื่อนเลว  ไอ้เพื่อนทรยศ!  มึงตอกย้ำกู!  ไอ้เพื่อนชั่ว!



โฮๆๆ  ไอ้ธันวาที่เห็นเขาไม่ยอมเลิกเศร้าง่ายๆ  เลยเรียกเก็บโต๊ะ  ลากเขาออกจากร้านอาหารไปที่ผับตั้งแต่หัวรุ่ง  ใช้สิทธิและเส้นขาใหญ่สั่งให้เปิดเหล้าตั้งแต่ก่อนเที่ยงวัน  เขาที่อยากเอาเหล้าดับทุกข์ก็จ้องน้ำเมา  ก่อนท่องศีลห้า  วันนี้ผิดศีลมาแล้วสองข้อ  ขอเพิ่มอีกข้อแล้วกัน  ไหนๆ ก็ผิดมาแล้วทั้งกาเม  มุสา  เพิ่มกินเหล้าเข้ามาอีกอย่าง  ก็เหลือแต่ขโมยของกับฆ่าสัตว์ตัดชีวิต 
   
เห็นแมลงวันบินผ่านมาแวบๆ ทางหางตาพอดี  เขาเลยจัดการสำเร็จโทษมันซะเลย    แล้วไหนๆ ก็ผิดศีลครบสี่ข้อแล้ว  เหลืออีกหนึ่งข้อ  เขาที่เริ่มเมาเลยเกาะคอธันวาขอขโมยเงินด้วย   
   
ไอ้ธันวาที่เห็นเขาเมาปลิ้นก็ได้แต่ส่ายหน้า  สั่งเด็กให้เสิร์ฟเหล้าแบบอาบน้ำ  เขาที่เมาได้เต็มที่   เลยเอะอะโวยวายเสียงดังหนักมาก  แถมแหกปากบอกชาวบ้านว่าต่อไปจะมีชู้   ยังดีที่ผับเพิ่งเปิดแถมยังเป็นอยู่ในช่วงเที่ยงคนเลยไม่เยอะ  ไอ้ธันวาเลยปล่อยให้เขาปากหมาต่อไป  เต้นบ้าต่อไปไม่มีห้าม
   
ในตอนที่เหล้าหมดไปอีกหนึ่งกลม  เขาก็เริ่มคิดถึงเสี่ยแล้วเริ่มเพ้อว่าอยากกลับห้อง  เขาไม่อยากอยู่คนเดียวในที่แบบนี้  อยากกลับไปอยู่ในห้องที่เสี่ยเคยนอน  อยากให้มีคนอยู่ข้างๆ  อยากให้มีคนมาโอ๋เอาใจ   ไม่อยากอยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว 

   
เขาที่เมาแอ๋หมดสภาพ  กลับมาถึงห้องอีกทีเมื่อไหร่ก็ไม่รู้  รู้แต่ว่าไอ้ธันวามันมาส่งถึงห้อง  จากนั้นมันก็ถีบหัวส่ง  ปล่อยเขาให้นอนเพ้อต่ออยู่บนเตียง  ตื่นมาอีกทีก็ตอนพระอาทิตย์ตกพร้อมกับอาการปวดหัวจี๊ด  คลานลงจากเตียงไปถึงห้องน้ำได้ก็เอาแต่อ้วก  อ้วกเสร็จก็กลับมานอนต่อทั้งที่แก้ผ้า  เรียกว่าอุบาทว์สุดๆ  เสื้อผ้าก็สกปรกเลอะเทอะจนต้องกองทิ้งไว้อยู่ในห้องน้ำ  ยังดีที่เตียงยังสะอาด  เขาเลยไถตัวลงกับเตียงทั้งที่ไม่ใส่เแม้แต่กางเกงลิง
   
สลบยาว  ตื่นเช้ามาอีกที  เขาก็จับไข้เพราะเ_ือกนอนแก้ผ้า  ยังดีที่ไม่เป็นหนักมาก  แค่ตัวรุมๆ  เขาเลยค้นๆ ในห้องครัว  เจอพาราหนึ่งกระปุกก็เทออกมากินสองเม็ด  ความจริงอยากกินสามเม็ดแต่เพิ่งทรมานตับไปหมาดๆ  เลยต้องยั้งมือไว้  แถมจะไปกินยาแก้ปวดไอบูโพรเฟ่นที่ออกฤทธิ์แรงกว่าก็สงสารไตกับกระเพาะ  วันนี้ยังไม่ได้กินข้าวรองท้องเลยไม่อยากถูกยากัดกระเพาะอาหารจนเป็นรูอีกรอบ
   
กินเหล้านี่มีแต่ปัญหาจริงโว้ย  คราวหลังไม่กินมันแล้ว  สุราเมรยะ  นี่ห้ามขาด  ต่อไปกูจะไม่กินเหล้าดับทุกข์อีกแล้ว!





ตำนานรักดอกเหมย*  ซีรีย์จีนที่ฉายทางช่อง 3 อสมท.  ออกอากาศครั้งแรกช่วงปี  2536  มีหลากหลายเรื่อง  เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ออกแนวเศร้า  ซึ้งกินใจ




>>ยังสงสารพระแพงต่อไป 
>>>  มีคนถามถึงนิยายเรื่องเก่า(หลอกล่อสำเร็จ) เป็นนิยายที่ลงเรื่องแรกเลย  ภาษาอาจจะไม่ดีมาก(ตอนนี้ก็ไม่ดี  555  แต่ก็ไม่อยากทิ้งน้องเลยขอฝาก  น้องพีกับพี่เพ้นท์  ไว้ในอ้อมอกหน่อยนะคะ  >>>   [sweety]//~รักนี้...ไม่ปล่อยให้หลุดมือ~  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=38323.0;topicseen)    ในห้องนิยายที่แต่งไม่จบงับ><
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 18 [7/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: beb98 ที่ 07-01-2017 10:30:15
เสี่ยอยู่ไหน อย่าปล่อยให้พระแพงร้องไห้ขี้มูกโป่งแบบเนนนนน้  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 18 [7/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: joyey6217 ที่ 07-01-2017 10:32:22
พระแพงลูกกกก หนูเจ็บมากเลยนะ
ถึงเจ็บยังไงก็ยังมีความฮาในสายเลือดนะคะ
เสี่ยอยู่จิตใต้สำนึกของพระแพง จะกิน จะนอน จะทำอะไรมองไปทางไหนก็คิดถึงแต่เสี่ย แล้วก็ร้องไห้เป็นวัฎจักร
บางทีไปทำงานกับธันวาก็ดีนะ ตามเค้ามามากแล้ว เริ่มต้นใหม่ให้กับตัวเองก็ดีเหมือนกัน.
ว่าแล้วต้องติดตามไปอ่านเรื่องที่แอบโฆษณาแฝงสักหน่อย. ขอบคุณค้า
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 18 [7/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 07-01-2017 10:40:09
โอ้ยยยย พระแพง
ขนาดตัวเองเศร้าขนาดนี้ ยังมีกะจิตกะใจมาฮา
สงสารมาก
ตอนนี้เสี่ยค่าตัวแพงอีกละ
เห้อม  :เฮ้อ:
รีบมากลับมาา !!!!  :angry2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 18 [7/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 07-01-2017 10:53:06
เชียร์ให้พระแพงลาออก ไปทำงานกับธันวาเลย
หมั่นไส้เสี่ย! ไม่ยอมมาอธิบายอะไรเลย

 :angry2: :serius2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 18 [7/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-01-2017 11:05:16
เชียร์ให้พระแพงลาออก ไปทำงานกับธันวาเลย
หมั่นไส้เสี่ย! ไม่ยอมมาอธิบายอะไรเลย

 :angry2: :serius2:
โกรธเสี่ยและ มาทำให้พระแพงเสียใจ :fire: :z6: :ling2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 18 [7/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 07-01-2017 11:17:22
ประกาศ คนหาย

อิเสี่ยหายไปหลายวัน ถ้าพะแพงฆ่าตัวตาย ปานนี้ขึ้นอืดไปแล้ว แต่เราว่าเรื่องนี้ต้องเมีเงี่ยนงำ อุ๊ย!! เงื่อนงำ
เราว่าที่เสี่ยหายไป ต้องไปแก้ไขปัญหาอยู่แน่ๆ เสี่ยออกจะถูกใจแพงขนาดนี้ จะทิ้งขว้างกันเหรอ ไม่หรอก
เรายังเชื่อมั่นในตัวของเสี่ยอยู่ กลับมาอีกที อาจจะยิ่งหื่นกว่าเดิม  :hao7:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 18 [7/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 07-01-2017 11:38:37
ขนาดเศร้าอยู่ยังรั่วได้ใจ   :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 18 [7/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 07-01-2017 11:41:08
เข้าโหมดเสี่ยค่าตัวแพง สงสารพระแพง เศร้าจริงไรจริง
อิเสี่ยถ้ามาง้อ งดซั่มไปเลย หมั่นไส้  :z3:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 18 [7/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 07-01-2017 12:13:38
ทั้งขำทั้งสงสารพระแพง :hao7:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 18 [7/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 07-01-2017 13:27:13
 :o12: :o12:
ฮื่ออออออสงสารพระแพง ลาออกเลยไปทำงานกับธันดีกว่า อย่าไปยอม เสี่ยใจร้ายเกินไปแล้ว หายไปไม่ยอมมาเคลียร์ มาอธิบาย ตั้งแต่เรื่องซื้อน้ำส้มแล้ว อย่ายอม!!! :m31:
หวังว่าจะมีอะไรดีขึ้นนะ อย่างน้อยโผล่มาคุยๆเคลียร์กันเลยดีกว่า แบบนี้พระแพงจะแย่เอา ฮือออออ

รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 18 [7/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 07-01-2017 16:12:02
พระแพงไปทำงานกับธันวาเลย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 18 [7/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 07-01-2017 16:24:00
พระแพงน่ารักมากค่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 18 [7/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-01-2017 16:53:31
หนีเลยพระแพง เสี่ยก็ไม่มาอธิบาย !!
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 18 [7/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 07-01-2017 17:03:04
พระแพงน่ารักจังเลย 55555 นางดราม่าแต่นางยังฮาได้อ่ะ

ตัดใจห่างจากเสี่ยเถอะ เพื่ออะไรๆจะชัดเจนกันมากขึ้น

รอมาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 18 [7/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 07-01-2017 20:44:42
เสี่ยหาย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 18 [7/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 07-01-2017 21:01:45
แพงไปทำงานกับธันเถอะ
เปลี่ยนบรรยากาศ เผื่ออะไรจะดีขึ้น
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 18 [7/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jejiiee ที่ 08-01-2017 08:32:12
ไปทำงานกับธันวาเลยพระแพง ไม่มีผัวรวย เรารวยเอง  :hao7:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 18 [7/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 08-01-2017 10:53:19
อิเสี่ยเว้ยยย  :ling1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 18 [7/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 08-01-2017 19:05:18
ตัดใจเถอะพระแพง ไปเริ่มต้นใหม่กับคนอื่นดีกว่า ปล่อยเสี่ยมันไปที่ชอบๆเถอะ  o12 o12
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 18 [7/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 08-01-2017 23:35:38
วันนี้ คนเขียนน่าจะหมดสต็อค ทุกอย่างแล้ว ชิมิ ถึงเงียบไป
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง SP:: Dark mode [9/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 09-01-2017 11:39:36
Dark Mode



คนเราถ้ายอมวางทิฐิและศักดิ์ศรีลง  ไม่ว่าอะไรเราก็สามารถทำได้ทั้งนั้น



สำหรับเขาที่เป็นนักศึกษาแบบปกติชนทั่วไปจนถึงปีสาม   ไม่เคยมีซักครั้งที่คิดว่าวันหนึ่งตัวเองจะต้องมาเป็น  " เด็กเลี้ยง"



ผู้ชายที่เขากำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือ "เสี่ยหนุ่ม" ที่เป็นเจ้าของธุรกิจหลายร้อยล้าน 



สำหรับคนที่มีเงินเหลือกินเหลือใช้  เงินสามสี่แสนนี้เปรียบเสมือนกับเงินซื้อขนมที่สามารถหว่านเล่นให้กับใครที่ไหนก็ได้  สามารถใช้ซื้อทุกสิ่งที่ซื้อได้เพื่อหาความสุขใส่ตัว



และเงินสามแสนหลังจากที่หักค่านายหน้าในครั้งนี้  คือเงินค่าซื้อตัวเขาเป็นเวลาสี่เดือน



เขาจะอยู่ในฐานะ "เด็กเลี้ยง" ของอีกฝ่ายที่สามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ  สามารถไปเรียนที่มหาลัยได้  สามารถไปสังสรรค์เฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อนฝูงจนดึกดื่นได้  โดยมีข้อแม้ที่ว่า  จะต้อง "สะอาด" กลับมาเมื่อถูกเรียก  และจะต้อง"พร้อม"ทุกครั้งสำหรับการเป็นคู่นอน



และวันนี้เป็นที่เขาต้องทำหน้าที่เป็นคู่นอนครั้งแรก  หลังจากที่ผ่านการตรวจเชื้อและควบคุมพฤติกรรมทางเพศมาตลอด  3  เดือน



" เสี่ยเลี้ยง" ของเขาชื่ออธิป  เป็นประธานกรรมการบริษัทที่ยังดูหนุ่มแน่น  เจ้าตัวรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาดี  ดูท่าทางก็ไม่น่าขาดแคลนคู่นอนง่ายๆ  แต่ก็อุตส่าห์มีงานอดิเรกอย่างการ "เลี้ยงเด็ก" เล่น  คงจะเป็นพฤติกรรมปกติของพวกคนรวย   จ่ายเงินซื้อทุกอย่างเป็นว่าเล่น  ในขณะที่คนไม่มี   ต้องยอมขายศักดิ์ศรีตัวเอง



" ธนิตบอกแล้วใช่ไหมว่าต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง" 



" บอกแล้วครับ"  เขาตอบหลังจากที่กลืนน้ำลายลงคอ   พี่ธนิตคือนายหน้าที่ช่วยเขาหาเสี่ยที่จะยอมจ่ายเงินสามแสนให้เขา  เพื่อเอาเงินไปไถ่ถอนบ้าน  ความจริงแล้วเขารู้จักกับพี่ธนิตผ่านทางพี่รหัสอีกที  พี่รหัสเขาเป็นนายแบบ  มีเส้นสายและรู้เรื่องคาวๆอยู่หลายเรื่อง  โชคดีที่เขาทำตัวเป็นน้องรหัสที่น่ารักมาตั้งแต่ปี 1  พี่แกเลยใจดียอมติดต่อพี่ธนิตให้ 



พี่ธนิตถือเป็นคนหนึ่งในวงการที่เด็กเลี้ยงหลายคนอยากติดต่อด้วย  เพราะลูกค้าของพี่ธนิตส่วนใหญ่นั้นทั้งใจป้ำ  สะอาด  ไม่โรคจิต  แถมถ้าโชคดีอาจยังได้เสี่ยหล่อๆ  มากกว่าตาแกพุงพลุ้ยอีกด้วย  อย่างเสี่ยอธิปของเขาคนนี้  ก็หนึ่งในลูกค้าที่มีโปรไฟล์ดีเยี่ยม  เด็กเลี้ยงทุกคนให้เกรด  A+  เสียแต่พี่แกชอบเปลี่ยนเด็กบ่อย  และเด็กทุกคนไม่เคยได้ทำงานซ้ำ   



ตอนที่พี่รหัสรู้ว่าเขาได้ทำงานกับเสี่ยอธิปก็ดีใจยกใหญ่  บอกว่าเขาโชคดีมาก  เพราะเสี่ยแกไม่หื่นกาม  นานๆจะมาหาเด็กที  แค่นั่งอยู่สวยๆ ในคอนโด  ทำตัวสะอาดๆ   แปบๆก็ผ่านไปสี่เดือนแล้ว  แถมดีไม่ดีถ้าเสี่ยอธิปติดใจ  อาจได้เงินก้อนใหญ่อีกก้อน   เด็กๆที่เคยเป็นเด็กเลี้ยงเสี่ยอยากทำงานกับเสี่ยต่อทั้งนั้น  แต่ก็นั่นแหละ  เสี่ยแกเปลี่ยนเด็กเหมือนกับเปลี่ยนเสื้อ  ต่อให้เป็นมือหนึ่งมาจากวงการไหนก็ไม่ได้ทำต่อ  ซึ่งนั่นแหละคือความหวังของเขา  พอผ่านสี่เดือนไปเขาก็จะเป็นอิสระ  ได้เงินไปไถ่บ้านที่ติดจำนองไว้กับพวกเงินกู้   



เงินสามแสนกับบ้านหนึ่งหลัง  ไม่รู้เหมือนกันว่าลุงของเขามันโง่หรือโง่ที่ไปเอาโฉนดทั้งผืนไปค้ำประกันให้เพื่อนเพื่อแลกกับเงินสามแสน 



แต่เอาเถอะ  คนมันจะโดนหลอก  ระวังแค่ไหนก็โดนหลอก  ถ้าเขาจะด่าลุงที่เลี้ยงเขาแทนแม่มาตั้งแต่เด็ก  เขาไปลากคอไอ้เพื่อนลุงเฮงซวยที่หนีหนี้มากระทืบให้สะใจดีกว่า



" ถ้าธนิตบอกแล้วก็เริ่มได้แล้ว  วันนี้ฉันมีเวลาไม่มาก   จะกลับหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ"  เสียงนรกสั่งตรงลงมาจากบนหัว 



เขาที่อิดออดมานานได้เวลาลงหลุมเสียที   เขาเอื้อมมือสั่นๆ  ไปเปิดชายเสื้อคลุมอาบน้ำของเสี่ยอธิป  มองสิ่งที่นอนสงบอยู่ที่ตรงหว่างขาอย่างชั่งใจ



เขากัดฟันแล้วโน้มหน้าลงไป....



สี่เดือน...



สี่เดือนกับเงินสามแสน



ผ่านสี่เดือนไป  เขาจะได้หลุดออกจากสถานะของ  "เด็กเลี้ยง"   แล้วกลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติเสียที





>>> Dark mode <<<

ชีวิตของการเป็นเด็กเลี้ยงไม่ใช่สิ่งที่ดีอย่างที่หลายคนคิด  ถึงเราจะได้เงินมาสามแสนกับอีกห้าพัน  แต่การต้องอยู่ใต้ร่างของผู้ชายคนหนึ่ง  ผู้ชายที่ซื้อความใคร่ด้วยเงิน  ต่อให้รักษาศักดิ์ศรีแค่ไหน  ศักดิ์ศรีทั้งหมดก็ถูกทำลายเมื่ออยู่บนเตียง  เสี่ยของเขา...  เสี่ยอธิป  เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่มีกล้ามเนื้อสมส่วน  ภายนอกแม้ดูสงบนิ่งแต่เวลาอยู่บนเตียง  เสี่ยไม่มีคำว่าสุภาพบุรุษ  ทุกครั้งที่ถูกเสี่ยกดย้ำเขารู้สึกถึงศักดิ์ศรีที่กำลังถูกทำลาย  ความเป็นคนเริ่มสูญหายเมื่อต้องถูกสมสู่เยี่ยงสัตว์ 

คืนนั้นท่าที่เสี่ยใช้เมื่อตอนเสร็จกิจคือท่าที่เขาหันหลังให้  เพราะไม่อยากเห็นหน้า  เพราะไม่อยากถูกจูบ  แค่ต้องก้มลงใช้ปากเขาก็อดสูมากพอแล้ว  ยังดีที่เสี่ยถุงยางและเขาก็เตรียมตัวมาแล้วการสอดใส่จึงไม่เจ็บมาก  แต่มันก็ทั้งเจ็บทั้งจุก  อาจเป็นเพราะมันเป็นครั้งแรกร่างกายจึงเหมือนกับจะแตกออกเป็นชิ้นๆ  ความลื่นของถุงยางและเจลหล่อลื่นก็ไม่ช่วยอะไรมาก  ของเสี่ยทั้งใหญ่ทั้งยาวและแข็งขึง  แถมเสี่ยก็ใส่ทีเดียวไม่มีให้เขาหยุดพัก  ยังดีที่เสี่ยยอมหยุดหลังจากใส่มาจนหมดไม่งั้นเขาคงน็อค  แต่หลังจากนั่นคือขุมนรก  เสี่ยทั้งสอดใส่และบดขยี้  ยิ่งเห็นเขาไม่ส่งเสียงร้องเสี่ยยิ่งลงแรงเหมือนอยากฟังเสียงเขาให้ได้ 

เขาเองที่เป็นคนดื้อเงียบพอถูกกดดันมากๆ  ก็กลายเป็นคนที่ไม่ยอมอ่อนข้อและไม่ยอมแพ้  กัดปากตัวเองจนปากเลือดเกือบออกซิบ  เสี่ยเองเมื่อเห็นท่าไม่ดีก็จับคางเขาไว้  กดที่กรามจนเขาต้องอ้าปากค้าง  การมีเลือดออกหมายถึงเซ็กซ์ที่จบลงแม้ว่าจะอารมณ์ค้าง  เสี่ยรักสะอาดและไม่ชอบเลือด  ถึงเขาจะผ่านการกักตัวและตรวจเลือดมาแล้ว  แต่เลือดก็เป็นพาหนะให้ติดเชื้อชนิดอื่นได้นอกจาก HIV 

อย่างน้อยๆ ก็ไวรัสตับอย่างหนึ่งแล้วล่ะที่ส่งผ่านทางน้ำลายกับเลือด  เขาเคยฉีดวัคซีนและตรวจภูมิมาแล้ว  แต่เสี่ยคงไม่เชื่อใจมาก  เพราะงั้นเสี่ยถึงได้กดคางเขาไว้แล้วเหมือนมาจูบแทน  ลิ้นของเสี่ยอวบและหนาเหมือนช่วงล่าง  ใส่เข้ามาหรือจูบแต่ละทีเขาแทบหายใจไม่ออกและดิ้นไม่ได้  แถมเสี่ยเองก็ชอบจูบ  และพอเขาไม่ส่งเสียงร้อง  เสี่ยก็ทั้งจูบทั้งกระแทกกระทั้นจนเขาที่ถูกล่วงล้ำทั้งบนและล่างเกือบจนไม่ได้  สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ส่งเสียงออกมาแบบกระท่อนกระแท่น  และเสี่ยเองก็เหมือนจะไม่พอใจแค่นั้นเพราะเสี่ยทั้งขยับโยกและกดสะโพกลงมาเน้นๆ  จนเขาเสียวซ่านทนไม่ได้  แถมเขาที่เพิ่งเคยถูกใช้งานจากด้านหลังย่อมไม่สามารถปลดปล่อยด้วยตัวเอง  จะใช้มือช่วยทิฐิและศักดิ์ศรีที่มีอยู่ในตัวก็ทำให้เขาดื้อรั้น  ไม่อาจหักใจช่วยตัวเองทั้งที่มีผู้ชายคนอื่นอยู่ในตัว 

สุดท้ายที่เสี่ยเห็นเขาใกล้ทนไม่ไหวก็ขยับมือช่วย  ไม่รู้ว่าเสี่ยใจดีหรือใกล้เสร็จแล้ว  แต่ก่อนหน้านั้นมันคือขุมนรกที่เขาที่หนีไม่ได้  เขาที่ขยับไปไหนไม่ได้ก็ได้แต่ยอมให้เสี่ยพลิกตัวกลับยกก้นขึ้น  ท่านี้เสี่ยก็ดูชอบเพราะสามารถคุมเกมส์ได้มากขึ้น  เสี่ยทั้งถอนออกและกดลงมาเน้นๆ  ทำเอาเขาทั้งเจ็บทั้งจุก  บางทีเสี่ยก็สั่งให้เขาขมิบที่ด้านหลังเพื่อเพิ่มความสุขให้เสี่ยมากขึ้น  เขาที่จนตรอกและหมดศักดิ์ศรีก็ได้แต่ทำตามคำสั่งเท่านั้นเพราะอยากให้ทุกอย่างจบซักที  แต่กว่าเสี่ยจะยอมปลดปล่อยเขาก็เกือบขาดใจตายแล้ว  แต่คนเราก็ไม่ได้ตายง่ายแบบนั้น  เขาถึงอยู่ทนจนกระทั่งเสี่ยปลดปล่อยออกมาและช่วยขยับมือให้ 

ตอนที่เสี่ยปลดปล่อยเขารู้สึกถึงความอดทนของเสี่ยที่อัดอยู่ในถุงยางจนเขารู้สึก  เขาที่กำลังเสร็จอยู่เหมือนกันก็รู้สึกด้วย  เขาขยิบและสั่นกระตุกก็ตอดรัดเสี่ยผ่านถุงยางจนเสี่ยส่งเสียงร้องด้วยความพึงพอใจ  เสี่ยขยับควงและขยับอีกสองสามทีเพื่อรีดน้ำ  เขาที่ปลดปล่อยออกมาได้เพราะถูกผู้ชายใช้ทางด้านหลังก็ได้แต่นึกสมเพช  ตอนนี้เขาคงไม่ต่างกับอีตัวที่ขายตัวแลกเงินแล้ว

ยังดีที่เสี่ยปราณีไม่ยอมทำต่อเพราะคงเห็นเขาหมดสภาพ  ถ้าเสี่ยต่อเขาก็ไม่ไหวแล้ว  ทั้งร่างกายและจิตใจไม่สามารถทนรับการเหยียบย่ำทางจิตใจและร่างกายได้อีกแล้ว  เขาที่ต้องนอนนิ่งๆ เพราะไม่มีแรงแม้กระทั่งถอดถุงยางก็ได้แต่หอบหายใจ  ปล่อยให้ช่องทางด้านหลังหดตัวเพื่อปิดสนิทอีกครั้ง

คนเราพอจนตรอกก็เป็นแบบนี้...  แม้แต่ศักดิ์ศรีที่รักหนักหนาของตนเอง  พอถึงเวลาก็ยังยอมเอามาขายได้  ยังดีที่เขาทำสัญญาแค่สี่เดือนเท่านั้น  ถ้าหากนานกว่านี้...  ต่อให้เขาแข็งแกร่งแค่ไหนจิตใจของเขาก็คงจะตายด้าน  ยังดีที่แค่สี่เดือน

เขาได้แต่พยายามปลุกปลอบตนให้อดทนไว้  แค่สี่เดือนเท่านั้น  แค่สี่เดือนแล้วเขาจะเป็นอิสระ  และเขาจะไม่มีวันกลับมาเหยียบเส้นทางนี้อีกเด็ดขาด





>>>  แต่งตอนหลักยังไม่จบ  เอิ๊กๆ  นี่ถ้าแต่งดาร์กโหมดต่อ  พระแพงได้ทำงานกับธันวาแล้วเสี่ยมาตามหึงตามพล็อตน้ำเน่าแน่ๆ  หุหุ  ประมาณตบๆจูบๆ  อร๊ายย  แต่พอและเอาไปตอนเดียวเดี๋ยวเสียอรรถรสพระแพงจอมหื่น&มโน  555555

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง SP:: Dark mode [9/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-01-2017 11:53:33
นี่เป็นเสียงจากส่วนลึกในใจพระแพง ที่พยายามเอาความฮาความมโนกลบไว้หรือเปล่า
หรือแค่คนเขียนปั่นไม่ทันคะ ฮี่
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง SP:: Dark mode [9/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 09-01-2017 11:58:19
นี่เป็นเสียงจากส่วนลึกในใจพระแพง ที่พยายามเอาความฮาความมโนกลบไว้หรือเปล่า
หรือแค่คนเขียนปั่นไม่ทันคะ ฮี่

ปั่นไม่ทั--- แค่กๆๆๆ  แต่อันนี้ก็เป็นใจความลึ๊กกกกกก  ลึก  ด้วยค่ะ  แฮะๆ  แต่จริงๆพระแพงสายฮา  ตอนหน้านี่กลับมาฮาเหมือนเดิมแล้ว><
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง SP:: Dark mode [9/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 09-01-2017 13:27:37
โถ่ พระแพง  :hao5:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง SP:: Dark mode [9/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 09-01-2017 13:59:17
หม่นไปเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง SP:: Dark mode [9/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 09-01-2017 14:52:24
ขอบคุณนะคะ +1 ให้กับพะแพงโหมดดาร์ค
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง SP:: Dark mode [9/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 09-01-2017 15:40:37
พูดถึงว่า สำหรับชายแท้ มันก็เป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากจริงๆ นะ
ต้องยอมโดนกด ต้องยอมเอาตัวแลกเงิน แต่จะให้ทำยังไง ในเมื่อมันจำเป็น
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง SP:: Dark mode [9/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 09-01-2017 18:12:35
โธ่พระแพงงงง แง้น่าสงสาร :ling3: :ling3: :ling3:
ไม่ต้องฮามากก็ได้ ถ้าจะคิดมากขนาดนี้ ฮืออออออ แต่ก็อย่าดราม่ามากนะฮะ ขอพระแพงสายฮาดีที่สุด :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง SP:: Dark mode [9/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-01-2017 18:17:50
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง SP:: Dark mode [9/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 09-01-2017 18:50:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง SP:: Dark mode [9/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-01-2017 19:14:58
นี่เป็นเสียงจากส่วนลึกในใจพระแพง ที่พยายามเอาความฮาความมโนกลบไว้หรือเปล่า
หรือแค่คนเขียนปั่นไม่ทันคะ ฮี่
โฮ...ฮึก.....ฮือ.....โฮ....
สงสารพระแพง โฮ...
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง SP:: Dark mode [9/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 09-01-2017 21:42:56
เห็นนางมองโลกในแง่ดี ที่ไหนได้แอบเศร้าลึกๆ
อิเสี่ยอย่างเพิ่มดราม่าให้พระแพง ขอร้อง..งงงงงงงงงงงง   :sad11:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง SP:: Dark mode [9/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: joyey6217 ที่ 09-01-2017 21:45:23
นี่สินะ ไม่เต็มใจ แต่ต้องทนรับสภาพ
ถ้าพระแพงเป็นคนคิดมากก็คงเหมือนตายทั้งเป็น
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง SP:: Dark mode [9/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: beb98 ที่ 09-01-2017 22:15:03
สงสารพระแพงมาก เหมือนนางเป็นคิดบวกกับทุกเรื่อง แต่จริงๆในใจก็มีมุมที่กล้ำกลืนฝืนทนกับเรื่องแบบนี้เหมือนกัน ให้พระแพงเศร้าออกมาเลยยังดีกว่าพยายามกลบเกลื่อนว่าโอเคกับทุกเรื่องแบบนี้อะ ฮือ อยากดึงมากอด  :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง SP:: Dark mode [9/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 09-01-2017 22:20:03
พระแพงตอนนี้คงบอบช้ำมาก  :ling3:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง SP:: Dark mode [9/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 09-01-2017 23:10:50
เข้มแข็งไว้นะพระแพง
ทุกอย่างต้องผ่านไปได้
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง SP:: Dark mode [9/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 10-01-2017 01:05:04
จะมีใครหาว่าผมเข้ามากดดันคนเขียนไหมเนี่ย อิอิ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง SP:: Dark mode [9/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 10-01-2017 02:15:11
เบื่อเสี่ยจริงๆ   :m16:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง SP:: Dark mode [9/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 10-01-2017 08:13:53
จากที่ขำขันก่อนหน้านี้เหมือนฝันไปเลย
หม่นมาก อารมณ์เหมือนนั่งคุยตลกกับเพื่อนในคลาส
แล้วอาจารย์ด่า พร้อมเล่าชีวิตตัวเองตอนลำบากให้ฟัง 5555 :ling3: :ling3:
เงียบ ไม่รู้จะพูดยังไง มึน
อยู่ดีๆอารมณ์ก็ดิ่งไปเลย  :a5:
แต่ที่จริงเรารักเราเอ็นดูพระแพง เพราะพระแพงเป็นคนไม่คิดอะไรนี่แหละ
เป็นแบบนี้แล้วใจหาย  :ling1:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง SP:: Dark mode [9/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Atroce ที่ 10-01-2017 08:35:56
หานิยายไม่เจอ เปลี่ยนหมวดแล้ววว
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง SP:: Dark mode [9/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 10-01-2017 09:31:34
  เพิ่งมาอ่านคับ สนุกดี อ่านจนติดเลยอ่านรวดเดียวตอนล่าสุดเลย
  สงสารก็สงสารตัวพระแพง พออ่านตอนที่รู้ว่าเสี่ยจะแต่งงานก็ร้องไห้จะเป็นจะตายนี่ พระแพงเป็นคนอ่อนไหวมากเลยนะ รักเสี่ยแบบไม่รู้ตัว
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 10-01-2017 15:07:27
ตอนที่  19



หลังจากกรอกยาลงท้องและสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ดื่มเหล้าดับทุกข์  เขาก็จัดการอัดมาม่าสองห่อลงกระเพาะ  มาม่าหมูสับสองซองใส่ไข่หนึ่งลูก  สูตรเดิมก่อนที่จะมาอยู่กับเสี่ยเป๊ะ   
   
เฮ้อ  คิดแล้วก็เศร้า  แต่ทุกอย่างมันก็ผ่านไปแล้ว  แถมเมื่อวานสภาพของเขาก็ทุเรศสุดๆ  เรียกว่าทุเรศที่สุดในชีวิตที่เกิดมายี่สิบสามปีเลยก็ว่าได้ 
   
เขาที่เพิ่งเกิดมายี่สิบสามปีแบบหมาดๆ  แถมเพิ่งจะอกหักเป็นครั้งแรก  ยังดีที่เขาพอมีสติอยู่บ้าง(?)  และมีเพื่อนดีอย่างไอ้ธันวา  พอเขาเมาหัวราน้ำมันก็มาส่งถึงห้อง  ถึงเขาจะจำไม่ได้ว่าพูดถึงเสี่ยบ้างหรือเปล่า  แต่ไอ้ธันวาก็คงสงสัยอยู่บ้างว่า  เขาที่เป็นพนักงานบริษัททำไมถึงมีเงินเช่าห้องหรู  ใหญ่โตขนาดนี้  แต่ช่างเถอะ  เขาเตรียมแถไว้แล้ว  อีกอย่างวันนี้เขาก็ตั้งใจจะเก็บของทุกอย่างออกจากคอนโดแล้วกลับไปใช้ชีวิตตามปกติอยู่ข้างนอก  ถึงจะต้องปากกัดตีนถีบ(เพราะต้องหาข้าวกินเอง)  แต่กลับไปอยู่ที่เดิมก็คงดีกว่าอยู่แบบนี้   
   
ส่วนเรื่องไอ้ธันวา  ถึงมันจะสงสัย  แต่เรื่องส่วนตัว  มันก็คงไม่ยุ่งมาก  แต่ถ้ามันอยากรู้มากจริงๆ  เขาค่อยบอกมันไปตามตรงว่าเขาเป็นชู้  แต่เป็นชู้กับเมียชาวบ้านนะ  ไม่ใช่เขามีสามีหรือเขาเป็นผัวน้อยชาวบ้าน  (คนเราต้องโกหกเพื่อเอาตัวรอดเพราะงั้นอย่าคิดมาก  ไว้ค่อยไปทำบุญไถ่บาป)
   
เฮ้อ  ดูท่าเขาคงต้องเริ่มชีวิตใหม่โดยที่ไม่มีเสี่ยแล้วจริงๆ  ต่อไปเขาจะพยายามไม่คิดมากและจะพยายามไม่ด่าว่าเสี่ยเลวด้วย  เสี่ยไม่ได้บังคับให้เขารัก  แต่เป็นเขาเองที่ไม่รู้สึกตัว...  รู้ตัวช้า  ถ้าหากเขารู้... 
   
ช่างเถอะ  อดีตเปลี่ยนไม่ได้  ต่อให้เขารู้ตัวก่อนแล้วไง  เสี่ยไม่ทางเลือกเขาอยู่แล้ว  เพราะงั้นแทนที่จะเอาเวลามาคิดมาก  สู้เขาเอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า  ขนาดในหนังสือเรื่องเจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) ของอ็องตวน เดอ แซ็งแตกซูว์เปรี  ยังสอนให้รู้จักปล่อยวาง  ไม่ยึดติดกับโลกที่มีแต่กิเลสตัณหาใบนี้   เขาที่เป็นคนไทยใจสู้  ก็ต้องไม่แพ้ไอ้เด็กหนุ่มชาวฝรั่งเศสที่ถูกแต่งขึ้นมาคนนี้ล่ะวะ  ถึงเขาจะอ่านไม่รู้เรื่องจนต้องพึ่งบทสรุปในพันทิพ  แต่ยังไงมันก็ต้องเชื่อถือได้บ้างล่ะน่า  มันถูกตีพิมพ์ไปทั่วโลกเชียว  เพราะฉะนั้นเขาต้องสู้!  ไอ้แพง  เอ็งต้องสู้!

ฮึบๆ  เรียกกำลังใจให้ตัวเองเสร็จแล้ว  เขาก็เตรียมไปสู้รบปรบมือกับฝ่าย HR ก่อนเพื่อนเลย  เมื่อวานเขาลางานแบบกวนตีนแถมวันนี้ยังโดดงานด้วย   ถึงไอ้ธันวาจะรับปากให้เขาไปทำงานด้วย  แต่ถ้าถูกไล่ออก  ประวัติการทำงานเขาได้เสียหายหมด  เพราะงั้นเขาต้องไปอ้อน  เอ๊ย  ไปกราบกราน_อแหล  หาข้ออ้างเจ๋งๆ  ทำเสียงแหบๆ  แบบคนใกล้ตาย  ก่อนจะขอลาหยุดอีกหนึ่งวันแล้วค่อยชิ่งไปหาซื้อใบรับรองแพทย์ 

อืมม  เขาไม่ได้ติดต่อกับพี่ธนิตมานาน  ถ้าไปขอใบรับรองแพทย์จากพี่แกตอนนี้  พี่แกจะยอมออกให้ไหมนะ  พี่ธนิตนี่มีใบรับรองแพทย์เป็นกระตั้ก  อยากได้วันลาขนาดไหนขอให้บอก  พี่แกเซ็นสดให้  สิทธิพิเศษสำหรับเด็กเลี้ยงที่ถูกจัดหนักมาแล้วลุกไม่ขึ้น  เมื่อก่อนเขาใช้บริการอยู่เป็นประจำ  แต่ตอนนี้....

ฮึ่ยๆๆๆ  ไม่คิดๆๆๆ  เสี่ยกำลังจะเป็นอดีตไปแล้ว  เพราะงั้นเขาต้องไม่คิดถึงเสี่ยมาก!  ว่าแล้วก็กดเปิดโทรศัพท์ก่อนเพื่อนเลยเพื่อเจอ  HR  โทรมาด่า  เขาจะได้โดนด่าจนลืมเศร้า  คิดแต่หาทางมาแต่งเรื่องโกหกแทน

วิ้ง~  ตะละลิ่งติงติ๊ง~  (เสียงเปิดโทรศัพท์)

ตะดึ๊ง

ตะดึ๊ง

ตะดึ๊ง 

ตะดึ๊ง   ตึ๊ง  ตึ่ง  ตะลึง  ตึ่ง  ตึง  ตะลึง  ตึง ตึง  ตึ๊ง  ตึ่ง  ตึ๊ง  ตึง  ตะลึง  ตึง  ตึง  เธอทำให้ฉันตะลึง!  ตะลึง!  ตะลึง!  ตะลึง  ตึงๆๆๆๆๆๆๆๆ

เห้....   

ชิบหายแล้ว...

ซวยหนักมาก 

เขาหายไปสองวัน  มิสคอลมีเป็นร้อย!  ไลน์อีกครึ่งร้อย!  นี่โทรมากันเพราะความเป็นห่วงหรือมาตามทวงหนี้  ทำไมถึงได้โทรมาถี่ขนาดนี้  หรือบ้านใครถูกไฟไหม้  ใครโดนยกเค้า  ทำไมต้องโทรมาขนาดนี้ด้วยวะ!
   
ว่าแล้วเขาก็กัดฟันโทรหาไอ้ขิมก่อนเพื่อน  มิสคอลมันเยอะสุด  เพื่อมันตาย  เขาจะได้ไปเผาศพมันทัน  ไม่ปล่อยให้มันขึ้นอืดอุจาดตาเป็นภัยต่อสายตาชาวบ้าน

ตู๊ดดดดด   ตุ๊ด  ตู๊ดดดดด   ตุ๊ด  ตู๊ดดดดด   ตุ๊ด 

ตู๊ดดดดด   ตุ๊ด  ตู๊ดดดดด   ตุ๊ด  ตู๊ดดดดด   ตุ๊ด 

อืมม  โทรไปสองรอบ  แต่ไม่มีคนรับสาย  ไม่เป็นไรโทรหาสายถัดมาที่มีมิสคอลรองลงมาแทน  ไอ้รุต...

ตู๊ดดดดด   ตุ๊ด  ตู๊ดดดดด   ตุ๊ด  ตู๊ดดดดด   ตุ๊ด 

ตู๊ดดดดด   ตุ๊ด  ตู๊ดดดดด....

" ฮัลโ.... "

" ฿*&^%@##$%*&#$%#$!!   ไอ้แพง! @#$_)(*@#$()%^&*!!!  WHRER  ARE YOU!?  ”  โอ้โห  มาเป็นภาษาเดนิสยาวเหยียด  ตามต่อมาด้วยภาษาอังกฤษอีกตั้งหนึ่งประโยค  แต่กูฟังไม่ออกไม่ออกเว้ย!  ฟังออกแต่คำว่าไอ้แพงที่เป็นภาษาไทยชัดเป๊ะ  กับ แวร์  อาร์  ยู  อยู่ประโยคเดียว  เพราะงั้นมึงเอาภาษาอังกฤษแบบบ้านๆ กลับไป!

" I'm  home."  กูได้เท่านี้แหละ...  ฮ่าๆๆๆๆๆ

" Home?  Chantaburi?"  แหม  ก็อยากจะตอบเป็นภาษาอังกฤษต่อหรอกนะ  แต่คลังศัทพ์ภาษาอังกฤษกูหมดแล้ว  เพราะงั้นเอาเป็นภาษาไทยไปก่อนแล้วกันมึง

" กูอยู่คอนโด"  คอนโดเสี่ยเลี้ยงด้วย

" ไอ้!!!  @#$#*()!!!  *#$*$##$^&*!!!!   @#$$#&@#$%&*#$'?฿!!!!! "  เอ้อเว้ย  ด่ามาเป็นภาษาเดนิสยาวขนาดนี้แล้วชาตินี้กูจะรู้เรื่องไหมวะ!

" ไอ้แพง!!  ในเมื่อมึงอยู่คอนโดแล้วเมื่อวานมึงหายหัวไปที่ไหนมาวะ!  โทรศัพท์ก็ไม่เอาไป!  ติดต่อก็ไม่ได้!  พี่อธิปไปหามึงที่ห้องก็แต่เจอแต่กล่องสร้อย!  นึกว่ามึงโดดน้ำตายห่าไปแล้ว!!! "  ด่าได้สมกับที่พูดไทยชัด  ว่าแต่...  เสี่ยมาหาเขาเรอะ!  แล้ว...  แล้วทำไมไอ้รุตเรียกเสี่ยว่าพี่วะ?

" ทำไมมึงเรียกเสี่ยว่าพี่วะ"  เขาสงสัยจริงๆ นะ  ไม่ได้สงสัยเล่น  เรื่องเสี่ยมาหาน่ะช่างมันเถอะ   เขาอยากรู้ว่าทำไมไอ้รุตถึงเรียกเสี่ยว่าพี่  หรือไอ้รุตก็เป็นชู้!?

" ชู้บ้านพ่อมึงสิ  ไอ้!!!  &฿€^>!¥bkd(53(&&!!!  ไอ้!!!  4/$^#$!!!!  €*~~+#~ XXX!!!!  สรุปเมื่อคืนก่อนมึงฟังอะไรที่กูบอกไปบ้างวะ!!"  หา   เมื่อคืนก่อน...

" เอ่อ   ก็...  บอกว่าเสี่ยจะแต่งงานแล้ว?"  แหม  พูดเองก็เขินเอง  นี่มันมีพูดต่อด้วยเหรอวะ  ทำไมเขาถึงจำไม่ได้  หรือตอนนั้นเขามัวแต่ตกใจเลยฟังอะไรต่อไม่รู้เรื่อง  แถมเมื่อวานเขาก็บ้าไปซะเยอะ  อย่าบอกนะว่ามันจะมีมุกหักมุมแบบตลกคาเฟ่!

" ตลกคาเฟ่บ้านมึงสิ!  กูจะบอกให้ฟังอีกรอบ!  กูเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพี่อธิป  พ่อกูเป็นน้องชายพ่อพี่อธิป!  ท่านประธานคนก่อนน่ะเป็นลุงกู!  แล้วนี่ตกลงมึงอยู่คอนโดห้องพี่อธิป?"

" อืมม  " 

เขินอ่ะ!  นอกจากพูดคำนี้เขาจะพูดอะไรได้อีกวะ  ตกลงมันเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเสี่ย  แถมรู้ว่าเขาอยู่กับเสี่ยด้วย โอ๊ย!  อับอายขายขี้หน้า  แล้วมันยังจะไม่อะไรหักมุมกไหมวะ

" ไอ้ xXx !!   ไอ้ @#$%^&*@#$  ไอ้ปัญหาอ่อน  ไอ้เพ้อเจ้อ!  %*&@#$%^&*&@#$%  ไอ้ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด!!!"  อ่าว  นี่เขาเผลอพูดออกไปเรอะ

" มึงฟังกูอีกรอบ!  พี่อธิปกำลังจะแต่งงานกับพี่ปุยฝ้าย  เขาจดทะเบียนสมรสกันแล้ว  มึงจงอยู่แต่ในห้อง  อย่าออกมาเพ่นพ่าน  พี่ปุยฝ้ายท้องแล้ว  กูไม่รับรองความปลอดภัยมึง  เด็กในท้องเป็นลูกของพี่อธิปจริงไม่มีมั่ว  ผลตรวจ NIFFY  Test*  ออกมาแล้ว  อ่อ  เป็นเด็กผู้หญิงด้วย  ตอนนี้ทั้งกูกับพี่อธิปกำลังยุ่ง  เพราะงั้นมึง  จง  อยู่  แต่  ใน  ห้อง!  อย่าโทรหาคนอื่นด้วย  แค่นี้นะ!!  เสียเวลากู  วุ้ย! ”

" เดี๋ยวก่อนมึง  แล้วเรื่องที่เสี่ยมาหากู......"

แกร๊ก!       

เฮ้ยยยยยย!!   กูยังพูดไม่ทันจบ  มึงก็ตัดสายกูไปแล้ว  เดี๋ยวก่อนสิวะ!

ตู๊ดดดด   ตุ๊ด  ตู๊ดดดด  ตุ๊ด   ตู๊ดดด... 

หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้  Sorry  @**************

_๊าาคคคคคมาก!!!   มึงถึงกับปิดโทรศัพท์หนีเลยเหรอวะ  ไอ้เพื่อนชั่ว!  ไอ้เพื่อนเลว  มึงปิดเครื่องหนี  แล้วจะให้กูโทรหาเสี่ยหรือไงวะ  มึงคิดหรือว่ากูจะกล้า  กูไม่กล้า!  เมื่อวานกูเวิ่นไปเยอะ  แถมเสี่ยยังมาหาเก้อด้วย  เพราะงั้น... 

เพราะงั้นเขาโทรหาไอ้ขิมใหม่อีกรอบดีกว่า  มันไม่อยากให้เขาโทรหาใครใช่ไหม  แต่เขาไม่เชื่อ  เขาจะโทรซะอย่างใครจะทำไม    ฮ่าๆๆๆๆๆ


ตู๊ดดดดด   ตุ๊ด  ตู๊ดดดดด   ตุ๊ด  ตู๊ดดดดด   ตุ๊ด 

อืมม  ไม่มีใครรับอีกแล้ว  ไม่เป็นไร  เขาโทรใหม่อีกรอบ

ตู๊ดดดดด   ตุ๊ด  ตู๊ดดดดด....

" ฮัลโ.... "

" ไอ้เชรี่ยแพง!!  มึงอยู่ไหน!  ตาย_่าไปแล้วหรือไงวะ!”  โอ้โห  ด่ามาเหมือนกับไอ้รุต  ผิดก็แต่ว่าไอ้ขิมด่าเขาเป็นภาษาไทย  ว่าแต่มึงอยู่ไหนวะไอ้ขิม  ทำไมเสียงมันก้องๆ

" กูอยู่ในห้องน้ำ!  แล้วกูไม่ได้กำลังขรี้  อย่ามาเล่นมุก!  มึงรู้ไหมว่าที่บริษัทกำลังยุ่งกันขนาดไหน!  นี่ไอ้แพง  มึง...  มึงไปโกงเงินบริษัทจริงเหรอวะ"  ห๊ะ!?    เขาเนี่ยนะโกงเงินบริษัท  ข่าวมึงมั่วแล้วไอ้ขิม!  กูหายไปเพราะอกหักรักคุด  ไม่ได้หายเพราะไปอมเงินบริษัทชาวบ้าน!

" กูไม่ได้โกงเงินบริษัท!!  กูจะโกงเงินไปทำด๋อยอะไร  บ้านกูไม่ได้ติดหนี้แล้วนะโว้ย!!"  ตะโกนมาตะโกนกลับ  กูไม่โกงจริงๆ ด้วย

"  เออๆ  กูรู้  มึงก็อย่าตะโกนสิ  กูก็ว่าอยู่ว่ามันแปลกๆ  แต่คุณปุยฝ้าย..  กับกรรมการบริหารบริษัทอีกคนน่ะ  เขาบอกว่ามึงกับประธานอธิปร่วมมือกันยักยอกเงินของผู้ถือหุ้น  ประมาณว่าเอาส่วนต่างเข้ากระเป๋าตัวเอง  ไม่ยอมแบ่งกำไรให้ผู้บริหารกับผู้ถือหุ้น  เขามีหลักฐานด้วยนะว่า  มึงกับท่านประธานช่วยกันแต่งบัญชี  กำไรของปีนี้เลยน้อย  แถมมึงมีหุ้นของบริษัทเกือบ 7%  แล้วด้วยนะ  มึงเช็คบ้างหรือเปล่า 
   
ข่าวบอกกันว่าท่านประธานน่ะแบ่งให้มึงเป็นผู้ถือหุ้น  ประมาณว่าเอามาเป็นหุ้นส่วนเพื่อร่วมกันโกง  แล้วคุณปุยฝ้ายนะมึงเอ๊ย  ปากบอกว่าไม่อยากจะแฉเรื่องนี้  แต่เห็นแก่ความถูกต้อง  เลยต้องออกมาแถลงข่าวทั้งที่ท้องว่า  มึงไปเป็นผัวน้อยท่านประธานลับหลังเขา  เอาหลักฐานที่มึงกับท่านประธานกำลังจะขึ้นคอนโดไปออกมาโชว์ด้วย  แต่  แหมม  ของแบบนี้มันตัดต่อกันได้หรือเปล่าวะ  ขนาด  ตื้ด  ตื้ด  ยังตัดต่อภาพว่าไปเที่ยวมาทั่วโลก  แถมรูปก็มัวๆ   แต่มึงก็รู้  รูปพวกนี้กระตุ้นต่อมเ_ือกของคนจะตาย  ถึงจะไม่เห็นหน้ามึงแต่ก็เชื่อกันเกินสิบส่วนแล้วว่ามึงไปเป็นผัวน้อยชาวบ้าน 
   
แล้วพอคนเขาอู้หู  อ้าหาเสร็จกันนะ  ชีก็ใส่ไฟอีกว่าที่ท่านประธานโอนหุ้นให้มึงน่ะ  นอกจากจะให้มึงช่วยโกงแล้ว  ยังเป็นเพราะมึงไปยั่วยวนผัวเขา  โอ๊ยย  กูฟังแล้วกูปรี๊ด  ถ้าไม่ติดว่ากูหัวเดียวกระเทียมลีบ  น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ  กูด่ากราดไปแล้วว่า  อย่างมึงอ่ะนะ  อ่อยผัวชาวบ้าน  แค่จีบผู้หญิงมึงยังจีบไม่เป็นเลยเถอะ!   เอ้อ  อันนี้ไม่ใช่นะ  แบบว่า  เมื่อกี้กูมันปากไปหน่อย  ไม่ได้จะว่ามึงว่าไม่มีน้ำยา 
   
แค่ประเด็นหลักๆ ก็คือว่า  กูรู้เว้ยว่ามึงไม่ใช่คนแบบนั้น  กูคบกับมึงมาสี่ปี  กูรู้นิสัยมึงดีเถอะ  เรื่องเงินน่ะมึงไม่มีทางโกงอยู่แล้ว  แต่ว่านะไอ้แพง...   มึงไม่ได้เป็นชู้กับท่านประธานจริงๆ ใช่ไหววะ  คือกูก็รู้ว่ามึงคงไม่ทำ  แต่แบบ  กูอยากถามให้แน่ใจอะไรแบบนี้ไง  มึง...  ไม่คงได้เป็นชู้ลับหลังชาวบ้านหรอกใช่ไหม?”

....นี่กูควรดีใจใช่ไหมว่าที่มีเพื่อนดีเชื่อใจกู  แต่ทำไมกูเจ็บจี๊ดๆ  เหมือนถูกหลอกด่าวะ

" กูไม่ได้เป็นชู้ลับหลังคุณปุยฝ้าย"  มุสาวาทา  กูไม่ได้เป็นชู้ลับหลังชาวบ้าน  แต่กูเป็นชู้ให้เห็นจะๆ เลยต่างหาก

" ว่าแต่  ถ้ากูโกงจริง  กูจะเอาเงินไปทำอะไรวะ  แล้วสะ  แล้วท่านประธานอธิปอีก  ท่านจะโกงเงินบริษัทตัวเองไปทำไม   มากล่าวหากันง่ายๆ แบบนี้  มันเลื่อนลอยไปหน่อยเปล่าวะ"

"  กูก็สงสัยเหมือนกัน  แต่ทางนั้นหลักฐานเนียนมากไง  อธิบายเป็นฉากๆ  ทำเอาคนอื่นหมดข้อสงสัย  แต่กูสงสัยอยู่อย่างว่ะ  ทำไมต้องเป็นมึงวะ  หรือมึงเคยรู้จักกับท่านประธาน?"  ไม่ใช่แค่เคยอ่ะ  แต่รู้จักกันแบบ Present Perfect Tense รู้จักกันมาตั้งแต่อดีต  ยันปัจจุบัน  และจะรู้จักยาวไปถึงอนาคต  ถุยยย!
   
" กูก็ต้องรู้จักท่านประธานสิวะ  มึงก็รู้จักไม่ใช่หรือไง  แต่กูไม่เกี่ยวอะไรกับประธานอธิปนอกจากนี้เลยนะ  ทำไม..  หรือคุณปุยฝ้ายกล่าวหาว่าอะไรกูอีกวะ"  มุสาวาทาอีกรอบ  ไว้ลูกผ่านการโกหกครั้งนี้ไปได้  ลูกจะไปบริจาครองเท้า(บาทา) ที่วัดนะขอรับ  จะเอาเสี่ยไปกวาดลานวัดด้วย

" เปล๊า  ก็แค่...  เขามีรูปถ่ายมึงตอนออกจากห้องของท่านประธานทั้งที่คอนโด  ทั้งที่ห้องทำงานของท่านประธานอะไรแบบนี้ไง  ทำนองว่าท่านประธานเรียกมึงไปกินตับไรถึงในห้อง  ไม่เห็นใจเมียหลวงแบบเขาเลยซักนิด  ก็นะ  มึงจำได้ใช่เปล่า  วันที่ท่านประธานเรียกมึงไปพบน่ะ  ทุกคนที่อยู่ในห้องก็ได้ยินชัด  แล้วตอนหลังมึงก็ดันหายหัวไปเลย  ส่งแค่ไลน์มาบอกว่าท่านประธานส่งมึงออกไปทำงานข้างนอก  ไม่กลับมาแล้ว  คนเขาก็นึกสงสัยกันไงว่ามึงไปสนิทกับท่านประธานเมื่อไหร่  ทำไมต้องใช้งานมึง  ไม่ใช้เลขาหน้าห้อง 
   
แต่เรื่องของมึงน่ะ  ช่างมันเถอะ  แต่เอาเป็นว่าตอนนี้ที่บริษัทวุ่นมาก  ถึงขั้นกักตัวพนักงานไม่ให้ออกจากบริษัทด้วย  นี่หัวหน้าแผนกก็โดนลากไปสอบปากคำด้วยนะ  เห็นว่าเป็นอีกคนที่ร่วมมือกับท่านประธานอธิปปรับเปลี่ยนข้อมูล  เขาเอาเอกสารที่มีปัญหาออกมาจากโต๊ะมึงด้วย  มีอย่างเยอะ  กูยังไม่เคยรู้เลยว่ามึงขยันทำงานขนาดนี้ 
   
เพราะงั้นกูเลยเดาออกว่าอีนังปุยฝ้ายกับผู้บริหารนั่นมันต้องตอแหล  ไม่ก็จงใจใส่ร้ายมึง  หาแพะรับบาปแทนแน่นอน  แต่กูก็ยังไม่มีหลักฐานช่วยสนับสนุนมึงไง  กูเลยต้องอยู่เงียบๆ   ได้แต่แอบมาบอกให้มึงรู้   นี่หัวหน้าแผนกเองก็นะมีหุ้นอยู่เกือบ 10%  เหมือนกันนะ  แถมเป็นหุ้นที่เพิ่งซื้อและถ่ายโอนมาภายในหนึ่งปีนี้  ทุกอย่างมันแ_่งประจวบเหมาะยังกับมีคนแต่งบท  แถมเขายังเอาเรื่องนี้ไปโยงกับเรื่องหุ้นที่ถูกปั่นคราวก่อน   เขาบอกกันว่า...” 

ว่าอะไรอีกวะ  ทำไมต้องกระซิบ  อยู่กันแค่นี้  ทำไมต้องกระตุ้นให้กูอยากรู้

" เขาบอกกันว่า  จริงๆ แล้ว ท่านประธานน่ะแหละที่เป็นคนปั่นหุ้น  เห็นเขาว่ากันว่าท่านจะทิ้งทุกอย่างที่ไทยแล้วหนีไปรวยต่อที่เมืองนอก  มึงจำได้ใช่ไหมที่มีอยู่ช่วงหนึ่งท่านประธานหายหัวไปน่ะ  เขาลือกันหึ่งเลยว่า  ท่านไม่ได้หนีการแต่งงาน  แต่ท่านหายไปติดต่อเตรียมขายหุ้นให้กับคนต่างชาติ  เขาถึงขนาดมีหลักฐานที่ท่านประธานเตรียมไว้สำหรับจัดตั้งบริษัทแห่งใหม่เลยนะ  รายชื่อผู้ถือหุ้นในบริษัทใหม่ก็มีอยู่ครบ  มีแต่คนต่างชาติ   เหลือแค่รอเงินจากท่านประธานกับรอคำอนุมัติ  แต่ดันเกิดเหตุผิดพลาดอีท่าไหนไม่รู้  ท่านถึงขายหุ้นไม่ได้  ต้องชะลอการขายหุ้นไว้  เห็นเดาๆ กันว่าทางคนซื้อน่าจะยังไม่พร้อม  ไม่ก็รอราคาหุ้นลงอีกหน่อยมั้ง  มึงก็รู้  ถึงตอนนี้ราคาหุ้นจะทรงๆ  แต่ก็สูงกว่าช่วงก่อนปั่นตั้งเยอะ  ถ้าขายออกตอนนี้ท่านประธานก็ได้กำไรเหนาะๆ  ไปรู้กี่สิบล้าน  นี่ยังไม่รวมหุ้นในมือมึงกับหัวแผนกนะ 
   
แล้วพอข่าวออกมาแบบนี้  คนในบริษัทมีหรือจะยอม  เปลี่ยนผู้บริหารน่ะช่างมัน  แต่ถ้าเป็นการควบรวมบริษัทหรือขายทิ้งนะมึงเอ๊ยยย  นรกแตกแน่  คนตกงานกันเกินครึ่ง  ถึงบางส่วนจะมีหุ้น  แต่มันก็แค่กำไร นิดๆ หน่อยๆ เปล่าวะ  เทียบกันเงินเดือน  กำไรแค่นี้ขี้หมูขี้หมาจะตาย  แต่ถ้าจะให้ขายหุ้นเอากำไรตอนนี้ก็กลัวจะถูกช้อนซื้อ   เข้าทางท่านประธานที่คิดจะขายเหมาหุ้น
   
นี่พวกผู้บริหารส่วนหนึ่งก็ออกมาโวย  บอกให้ท่านประธานรับผิดชอบ  ไม่ก็กดดันให้ท่านประธานปล่อยหุ้นออกมาบ้าง  แต่เป็นกูๆ ก็ไม่ยอมขายเปล่าวะ  อ้อยเข้าปากช้าง  กูยอมถูกด่าแล้วหนีไปรวยต่อที่เมืองนอกเหมือนกันเถอะ  ตอนนี้พวกผู้บริหารก็ยังพยายามกดดันท่านประธานอยู่เลยนะ  เห็นว่าถึงขนาดเตรียมจัดตั้งคณะกรรมการเข้ามาสอบด้วย  กะให้ท่านประธานพักงาน  ไม่มีสิทธิออกเสียงซักพัก  แต่หุ้นในมือท่านประธานตอนนี้  รวมกับก้อนที่เป็นของมึงกับหัวหน้าแผนกด้วย  มันดันเกิน  60%  ไงอำนาจการบริหารเลยเปลี่ยนมือไม่ได้  ตอนนี้เขาเลยตามหาตัวมึงกันให้วุ่น   เพื่อว่าถ้าจับมึงมาได้  เกิดมึงเกิดเปลี่ยนใจ  กลับมาถือหางฝั่งผู้บริหาร  อำนาจเสียงเกินกึ่งหนึ่ง  ก็อาจตลบหลังท่านประธานได้
   
อ่อ  แล้วก็มีที่เด็ดกว่านั้นอีกอย่างนะ  พ่อกับแม่ท่านประธานหนีไปอยู่เมืองนอกแล้วเว้ย  เห็นว่าเพิ่งหนีไปกันเมื่อสองวันก่อนนี่เอง   ปล่อยให้ลูกชายอยู่เป็นหนังหน้าไฟรับหน้าผู้ถือหุ้น   นี่ก็ไม่รู้ว่าพวกท่านตั้งใจจะหนีไปจริง  หรือพวกท่านคิดว่าลูกชายจัดการได้  แต่โอ๊ย  ตอนนี้นะ  กูล่ะโคตรปวดหัว  แล้วอีกอย่างนะ.....  อ๊ะ  มีคนเคาะประตูห้องน้ำ  มึงถือสายรอแปบนึงนะไอ้แพง  ในนี้มีคนอยู่!!!  ขรี้แตกอยู่  เหม็นมาก!!!  อย่ามากวน!!!!" 
   
เอิ่ม  ไอ้ขิม  มึงตะโกนซะความอินกูหยุดชะงัก  กล้าพูดเรื่องขรี้ด้วย  มึงเป็นกุลสตรีมาก  ฮ่าๆๆๆๆ
   
   
" ถือสายเดี๋ยวนะแพง  ไอ้คนข้างนอกแ_่งเคาะไม่เลิก  สงสัยมันจะปวดขรี้มาก  ไม่ก็กระดาษทิชชู่หมด  นี่ขนาดกูล๊อกประตูห้องน้ำด้านนอกเอาไว้แล้วนะ  มันยังจะมีคนมากวน  มึงถือสายรอแปบนึงนะ  กูจะออกไปเฉ่ง"

ล็อกประตูห้องน้ำด้านนอกแต่ยังเข้ามาได้?   เฮ้ย  ไม่ใช่แล้วล่ะ  ไอ้ขิม  อย่าเพิ่ง!!!

"คุณพระแพงคะ"  เสียงหวานสยองขวัญ  คุณปุยฝ้าย!?

" คุณพระแพงคะ  ตอนนี้ทุกคนรู้เรื่องหมดแล้วนะคะ  ดิฉันเข้าใจว่าคุณถูกบังคับ  คุณไม่ได้อยากเป็นอยากทำแบบนี้   ดิฉันช่วยคุณจากอธิปได้นะคะ  แค่คุณมาบอกกับทุกคนในบริษัทว่าคุณถูกบังคับ  ทุกคนก็พร้อมจะเข้าใจและะไม่มีใครเอาผิดคุณด้วยค่ะ  ดิฉันเองก็จะเป็นคนช่วยหาทนายมาแก้ต่างให้คุณด้วย  ตอนนี้อธิปเองก็ถูกจับแล้วเพราะอย่างนั้นคุณไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเขาทำร้ายหรือเปิดโปงนะคะ  เรื่องที่คุณเป็น "ชู้"  ฉันก็เข้าใจค่ะว่าคุณถูกบังคับ  อธิปคงเอาเรื่องที่คุณเคยเป็น "เด็กเลี้ยง" มาขู่คุณสินะคะ  อย่าหนีเลยค่ะ  คุณพระแพง  ดิฉันช่วยปกป้องคุณได้  แล้วอีกอย่าง...."  อีกอย่างอะไรอีกวะ  ทำไมแ_่งต้องมีกั๊กกันตลอด  พูดออกมาทีเดียวหมดมันจะตายหรือยังไงกันวะ

" คุณเองก็คงพอรู้นิสัยอธิปใช่ไหมคะ  ถ้าเขารู้ว่าคุณแอบไปมีคนอื่นลับหลังเขา  เขาคงไม่ยอมแน่ๆ  ดิฉันมีรูปที่เพิ่งถ่ายมา  รูปถ่ายมาเมื่อวาน...  อธิปคงไม่อยากเห็นภาพที่เห็นคุณพาชู้เข้าไปถึงในห้องนอนเขา  เพราะอย่างนั้น...  ดิฉันจะรออยู่ที่ต้องของคณะกรรมการผู้บริหารตอนบ่ายสองโมงนะคะ  ตอนนี้เที่ยงพอดี  คุณคงมีเวลาเตรียมตัว  ดิฉันหวังว่าคุณจะมานะคะ  ดิฉันช่วยคุณได้  และจะไม่เอาเรื่องที่คุณเคยเป็น "เด็กเลี้ยง"  ไปบอกคนอื่นด้วยค่ะ  อย่าลืมมานะคะ  บ่ายสองโมง..  ไม่งั้นดิฉันคงช่วยปกปิดอะไรต่อไม่ได้ "


   แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์   มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด   ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด   ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน


เสียงกลอนสุดสาครดังแว่วเข้ามาในหู  ใจคนคดเคี้ยวเหมือนเลี้ยวรถ  ยังไม่เท่าหนึ่งในน้ำใจคนงามที่เอาเรื่องเด็กเลี้ยงของเขามาเป็นข้ออ้าง 

เมื่อก่อนเขาคิดว่าคุณเป็นฝ้ายเป็นคนดี  แต่ตอนนี้..  เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองคิดผิดไปแล้ว  ไม่ว่าเหตุการณ์ในบริษัทจะเป็นยังไง  เขาจะผิดจริงหรือไม่  แต่ความผิดของเขาก็ถูกตัดสินไว้แล้วจากคำขู่ของคุณปุยฝ้าย  คำที่บอกว่า “ช่วยได้” ของคุณปุยฝ้าย  แท้ที่จริงแล้วมันเป็นเพียงน้ำหวานที่เอาไว้ล่อมด  ไม่ว่าเขาจะไปหรือไม่ไป  เรื่องที่เขาเป็นชู้...  เป็นเด็กเลี้ยงก็คงถูกป่าวประกาศออกไปอยู่ดี 
   
เขาได้ยินเสียงไอ้ขิมโวยวายมาแว่วๆ ว่าเพื่อนกูไม่ได้เป็นเด็กเลี้ยง  เพื่อนกูไม่ได้เป็นชู้  กูซาบซึ้งใจจริงๆ ว่ะไอ้ขิมที่มึงเชื่อกู  แต่กู...

" ผมจะไป"   เขากรอกเสียงไปตามสายโทรศัพท์  เขาไม่รู้หรอกว่าปลายสายจะตอบมาว่ายังไง  หรือไอ้ขิมจะโวยวายต่อไหมเพราะเขาตัดสายไปแล้ว

นี่สินะเหตุผลที่ไอ้รุตไม่ยอมให้เขาติดต่อคนภายนอก  มันคงไม่อยากให้เขาเข้าไปวุ่นวายเรื่องในบริษัทตอนนี้   

แล้วเสี่ยล่ะ...

ตกลงที่ผ่านมา  เขาเป็นอะไรของเสี่ยกันแน่   คำที่เสี่ยเคยบอกว่า  “จัดการได้” แท้ที่จริงแล้วมันหมายถึงอะไรกัน  เสี่ยก็ไม่เคยบอกอะไรเขาเลย  และเขาเองก็เลือกที่จะเชื่อ  มาวันนี้เขามีหุ้นอยู่ในมือ  7%  นี่ใช่ไหมที่เสี่ยเคยบอกว่า “ผิดแผน” ในตอนนั้น
   
ฮึ   ชีวิตเขานี่ช่างมีแต่เรื่องตื่นเต้นเสียจริง   เป็นเด็กเลี้ยงไม่พอ  ตอนนี้ยังมาถูกหลอกใช้  แถมยังมีสิทธิติดคุก 

เขากำโทรศัพท์ที่อยู่ในมือ

คอยดูเถอะ  หลอกลวงเขากันเข้าไป  บังคับเขาให้เต็มที่  ต่อไปเขาจะไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น  หมาจนตรอกแบบเขา  ถึงเวลาก็สู้ยิบตาได้เหมือนกัน  เขาไม่ยอมอยู่เฉยต่อไปแน่ๆ  ต่อให้ต้องติดคุก  หรือต่อให้ต้องชกผู้หญิงท้อง(เลวแล้ว  แต่ตอนนั้นโมโห  เอาเข้าจริงคงได้แค่คิด) ใครรังแกเขา...  เขาเตรียมเอากลับหมดแน่  อย่าเห็นว่าเขาเงียบๆ  แล้วเขาจะยอม  ถูกบังตับมากๆ ขึ้นมาเขาก็พร้อมที่จะสู้ 

ล้างคอเตรียมไว้ได้เลย  บ่ายสองโมงตรง  ทุกคนจะได้รู้ฤทธิ์ของไอ้แพง   ศิษย์บ้านสวนแน่  เขาขอเอาศักดิ์ศรีและเกียรติทั้งหมดของนายพระแพงประกันเลย!





* NIFTY TEST  นอกจากตรวจโรคทางพันธุ์กรรมได้  ยังสามารถตรวจเพศได้ด้วยค่ะ  เพราะตรวจไปถึงโครโมโซม  ว่าเป็น XX (ผู้หญิง)  หรือ  XY (ผู้ชาย) ค่ะ


>> พระแพงจะสู้แล้ว!  ทุกคนเอาใจช่วยด้วย  (แต่ระวังอาจมีเงิบ  555)
>>>  เสี่ยค่าตัวแพง  แถมถูกจับไปแล้ว  พระแพงจะไปช่วยเสี่ยไหมน้าาา

หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 10-01-2017 15:19:13
เราว่ามันต้องมีเงี่ยนงำ
แต่ผิดคาดที่ลูกในท้องของชะนีปุยฝ้ายเป็นลูกของเสี่ยจริงๆ นิสัยไม่ดี เอาของที่ใช้กับคนอื่นมาใข้รวมกับน้องพะแพงได้ยังไง
เสี่ยบอกให้น้องพะแพงทำตัวสะอาดๆ แต่ตัวเองไปแอบกินตับนังปุยฝ้าย

เราว่า มันต้องมีอะไรที่ยังเปิดไม่หมด นังปุยฝ่้ายหล่อนจะมาเหนือเมฆมันเป็นไปไม่ได้
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: joyey6217 ที่ 10-01-2017 15:40:23
เรื่องราวมันชักจะไปกันใหญ่ Go so big มาก เป็นชู้อยู่ดีๆ กลายเป็นคนยักยอกเงินบริษัทซะงั่นน่ะ
ปรากฏว่า ปุยฝ้ายกับเสี่ยถึงจะจดทะเบียนสมรส และมีลูกกับเสี่ย. แต่รูปการณ์ก็คือ นางคือฝ่ายตรงข้ามกับเสี่ย จะโยนความผิดให้เสี่ย พะแพง หน.แผนกรับไป เสี่ยจะเอาคืนยังไงหว่า น่าติดตาม... ปุยฝ้ายแอบสืบเรื่องเสี่ยกับพระแพงนานแล้วสินะ ร้ายจริงยัยคนนี้
รุตคือลูกพี่ลูกน้อง ของเสี่ย
และพระแพงนางจะไปทำอารายยยย ไปสู้กับเค้ายังไง. และจะสู้กะใคร เสี่ยหรือปุยฝ้าย
ก็ยังแอบเป็น ทีมเสี่ยอยู่ดี  เสี่ยต้องจัดการได้สิ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 10-01-2017 15:50:30
ลูกนี่น่าจะเป็นของคนอื่นแน่ๆ
แต่น่าจะมีเหตุผลที่เสี่ยยอมรับ ยังไงก็ไม่อยากเชื่อว่าเป็นลูกเสี่ย 555

พระแพงสู้ค่ะ จัดให้หนัก เอาให้ชะนี้เจ้าแผนการโดนดีซะบ้าง(แต่ที่เชียร์ก็ยังไม่รู้ว่าจะเอาอะไรไปสู้ดี 55)
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 10-01-2017 15:56:52
ไม่ได้ขำอะไร แต่ขำพระแพงที่อ่านเรื่องเจ้าชายน้อยไม่รู้เรื่องเหมือนกัน
จนต้องไปเปิดพันทิปอ่านนนน โฮ้ย พระแพงงงง
เหมือนเราเกินไปม้อยยยยย ขำหนักมากก 5555555555555555
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 10-01-2017 17:21:19
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 10-01-2017 19:06:24
 o22 อะไรอ่ะเสี่ยนอกจากไม่มีบทออกแล้วยังสร้างปัญหาไว้ให้แก้อีก สู้ ๆ เด็กน้อย
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: someone0243 ที่ 10-01-2017 19:23:48
โหหหหห อีคุณปุยฝ้ายมาร้ายขนาดนี้นี่อ่านแล้วหัวร้อนเลยค่ะ 555555 แม่นางกะจะมาฮุบบริษัทชาวบ้านล่ะสิ ฮึ่ยยยยยย  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 10-01-2017 19:36:59
ทำไมกลายเป็นเยี่ยงเน้ไปด้าย...ยยยยยย อิเสี่ยหายศีรษะไปไหน   :m16:
ตกลงเป็นพระเอกหรือตัวประกอบ สมราคาเสี่ยค่าตัวแพงจริงๆ #ทีมพระแพง
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 10-01-2017 19:38:28
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

อะไรกันละเนี่ยยยยยยย เรื่องยุ่งวุ่นวายไปหมดเลยโฮววววววว
ขอเดาว่าที่ผลDNAออกมาตรงอาจเป็นเพราะปุยฝ้ายมีอะไรกับคนอื่นในครอบครัวเสี่ย เช่น พ่อของเสี่ยงี้ ส่วนแผนการเรื่องหุ้นก็น่าจะเป็นเสี่ยที่รู้แผนการจากการสังเกตุของพระแพง เลยพยายามจะทำให้แผนมันผิดไปโดยการปั่นหุ้น แต่พระแพงดันช้อนซื้อซะงั้น นี่ละมั้งที่เสี่ยบอกว่าผิดแผน ส่วนทางปุยฝ้ายนี่คงหาทางจะกำจัดเสี่ยอยู่แล้วแน่ๆ ดูพยายามทำให้เสี่ยพลาด แถมสืบเรื่องพระแพงอีก
เดามั่ว ฮาาาา :katai5: :katai5:

ยังไงก็เอาใจช่วยพระแพง :m31: :angry2:

รอตอนต่อไปฮะ คนเขียนสู้ๆ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 10-01-2017 19:55:28
วุ่นวายสุดดดดดดด
เสี่ยต้องไม่ทำแบบนี้เส้ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-01-2017 19:58:33
อิเสี่ยยยยยยยยยย!!!!! อย่างน้อยก็บอกอะไรแพงหน่อยสิ !!!!!!!  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 10-01-2017 20:39:53
เอ้า สูู้้ๆเว้ยพระแพง เราเป็นกำลังใจให้นายนะ
ขอให้โชคดี :katai4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-01-2017 20:58:17
ถึงจะตรวจ dna ว่าเป็นลูกเสี่ย
แต่ dna พ่อเสี่ยกับเสี่ยมันตรงกันนะ
ถ้าลูกไส้ฝ้ายเป็นลูกพ่อเสี่ย มันก็ตรงกับของเสี่ยได้เช่นกัน
แสดงว่าลูกไม่ใช่ลูกเสี่ยร้อก โธ่ เสี่ยน่ะborn to gay แต่เกิด
ถ้าจับเสี่ยจริง แสดงว่าเสี่ยไม่ใช่ผัวไส้ฝ้ายแน่
พ่อเสี่ยแน่ๆที่ยุ่งกับไส้ฝ้าย ถึงหนึไปเมืองนอกกับแม่เสี่ย
ไส้ฝ้ายแอบฟังโทร.ในห้องน้ำได้จังหวะจริงอ่ะ
งั้นเป็นคนที่ขี้แตกจนขิมเหม็นสินะ
แต่พระแพงจะลุย ลุยยังไงหว่า เอาเลย พระแพงสู้ๆ
นังไส้ฝ้ายสตอเบอรี่ ชัดๆ คิดฮุบบริษัท
โอ๊ย.....ตื่นเต้น มันหยด ลุ้นมากๆ  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 10-01-2017 21:15:50
ฉันรู้ว่าเธอพึ่งลงนิยายตอนใหม่ไป แต่ทำไมฉันยังเข้ามา refresh บ่อยบ่อยอีกก็ไม่รู้
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 10-01-2017 21:51:09
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 10-01-2017 22:57:49
ไม่คิดว่าจะสนุกขนาดนี้ ขำพระแพงมากคือนางช่างมโนแจ่มจริงๆ ส่วนอิเสี่ยนี่ก็ไม่รู้ยังไงแน่เหมือนจะชอบพระแพงแต่ก็ยังเหมือนอมพะนำอะไรอยู่ อย่างเรื่องยักยอกเงินเหมือนกันตกลงนี่เสี่ยโดนตลบหลังจริงๆใช่มะ คือเสี่ยบอกเสี่ยจัดการได้แต่บางทีเสี่ยก็ช้าไปนะ แล้วจะยังไงละที้ พระแพงจะเอาอะไรไปสู้กับเขา

ปล. เราว่าปุยฝ้ายต้องมีอะไรกับคณะกรรมการบริษัทที่เป็นคนบอกว่ามีหลักฐานแน่ๆอะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 10-01-2017 23:33:37
ปุยฝ้ายร้ายแน่นอน แหม ขนาดนี้แล้ว อย่าแอ๊บจ้า
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 11-01-2017 00:00:07
แพงลุยเลย
ทำอะไรสนุกๆให้เราดูหน่อย
อยากเห็นอะไรมันๆ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 11-01-2017 00:09:23
ลุ้นมากๆ เสี่ยเป็นไง โกงบริษัทตัวเองจริงอะ หรือว่าเป็นแผนของปุยฝ้าย หรือว่าจะเป็นแผนของทุกคนรวมหัวกันแกล้งพระแพงให้ตกใจ ฮ่าๆ  รออ่านตอนต่อไปนะคับ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 11-01-2017 01:25:44
 :ling1:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Minerey ที่ 11-01-2017 01:52:46
อ้ากกกกกก ตื่นเต้นมากค่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: minchy ที่ 11-01-2017 03:14:20
เริ่มต้นอยู่นครสวรรค์ผ่านไป 19 ตอน ลอยละล่องออกอ่าวไทยไปเรียบร้อย
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 11-01-2017 06:25:35
เริ่มต้นอยู่นครสวรรค์ผ่านไป 19 ตอน ลอยละล่องออกอ่าวไทยไปเรียบร้อย

คนที่ชอบอ่านเรื่องสั้น คงรู้สึกอย่างนั้น, ส่วนผมที่อ่านได้ทั้งคู่ กลับมองว่า จะสั้นจะยาว ถ้าเขียนได้น่าติดตามแบบนิยายเรื่องนี้ ก็โอเคทั้งนั้นครับ.

เพราะขนาด วุฒิ-จุม ในบุพเพวายร้าย ที่กล่าวได้ว่า ไม่มีสาระแก่นสารอะไรเลย (เด็กเลี้ยงยังให้ความรู้เยอะกว่า) ผมก็ยังติดงอมแงม อ่านจบมาแล้ว. 5555+
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 11-01-2017 10:58:22
ลุ้นมาก
พระแพงอย่าติดกับยัยคุณปุ้ยฝ้ายนะ
 :ling1:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PYonG ที่ 11-01-2017 11:01:07
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 11-01-2017 20:04:04
วันนี้ไม่มานะคะ  แต่จะพยายามปั่นให้เสร็ตสองตินจบพรุ่งนี้  >///< 


เอาตอนพิเศษของนายรุตมาหย่อยนิดๆ  ขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อนแล้วกัน  โฮะๆๆๆ

:: รุต พาร์ท  ::

ทศกัณฐ์รักนางสีดาคือความผิด? 

แค่มาเห็นหลังจากที่พระรามมาหลงรักนี่คือแพ้?

ถึงนางสีดาจะเคยเป็นลูกแล้วถูกทศกัณฐ์เฉดหัวทิ้งออกไปก่อนแล้วเป็นไง  ตอนหลังพระรามเองก็ให้นางสีดาเดินย่ำกองไฟเหมือนกัน  ถ้ารักกันจริงทุกอย่างก็ต้องไม่มีเหตุผลจริงไหม  แล้วถ้าเล่นประเด็นเรื่องนางมณโฑ  ทศกัณฐ์ก็ออกจะรักนางมณโฑ  แต่สมัยก่อนใครๆ เขาก็มีเมียหลวง  เมียน้อย  อนุ  เมียแอบกันทั้งนั้น

เขาที่เกิดหลังทศกัณฐ์(ที่มันเป็นวรรณกรรมแต่งโคตรโบราณ)  มาหลายร้อยปี  ทำไมถึงจะมีเมียหลวง  เมียน้อย  หรือแย่งแฟนชาวบ้านไม่ได้  มันก็แค่ค่านิยมที่ตอนนี้ทุกคนต้องมีผัวเดียว  เมียเดียว  พอมีเมียอีกคนก็ต้องแอบและกลายเป็นคนผิดไปซะงั้น  แถมเล่นชู้กับชาวบ้านนี่คือผิดด้วย?  เขาก็แค่ตอบสนองแบบทั่วถึง  ใครมาขอเขาก็ให้  ชนะกันแบบวิน-วิน  ได้เอาน้ำออก  ได้มีเซ็กซ์ 

ดูอย่างลูกพี่ลูกน้องเขาสิ  เมื่อก่อนมีเด็กเลี้ยงแถมเปลี่ยนเด็กเป็นว่าเล่น  แต่พอจะแต่งงานการมีเมียเก็บเลยการเป็นผิดไปซะงั้น  ถ้าเป็นที่เมืองนอกแค่ตบมือสบตากันแล้วถูกใจก็ไปต่อกันได้แล้ว  ไม่ต้องมาเสียเงินเสียทองหาเด็กหรอก  แถมพี่อธิปนี่โคตรเจ้าชู้ตัวพ่อ  ขนาดมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอย่างแพง  ก็ยังไปแอบมีกิ๊กมีกั๊กอยู่ข้างนอก  แถมไอ้แพงก็ยังดี๊ดี  ผัว..  เอ๊ย  สามีไปมีน้อยก็ไม่เปิดปากพูด  เลี้ยงลูกอยู่ในคอนโด  พอเถียงกันขึ้นมาทีก็พาลูกพี่อธิปหนีไปที   พี่อธิปก็ต้องคอยตามโอ๋ตามง้อ




>>>  เอาไปแค่นี้ดับฝันแม่ยกเสี่ย  55555  (บอกแล้วว่าเสี่ยเลว  โฮะๆๆ  )  ตอนหลังมีเสี่ยไปง้อเมียด้วย  แต่ไว้เป็นตอนพิเศษหลังเรื่องหลักจบนะคะ ^^


 


หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 11-01-2017 21:03:15
เสี่ยเลวเกินไปอ่ะ มีแพงแล้วยังมีน้อยอีก ไม่ไหวนะ ทำร้ายจิตใจ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 11-01-2017 21:08:43
 :a5: o22 :a5: o22
เอ๊อะ.... เลี้ยงลูก.... งั้นลูกที่เกิดจากปุยฝ้ายก็ลูกเสี่ยจริงๆอะหรอ... โอ้วววว :ling3:
แล้วตกลงคบกับพระแพงแล้วยังจะแอบมีกิ๊ก ยังจะเจ้าชู้ด้วยงั้นหรอ :angry2: นิสัยไม่ดีเลย ร้ายมากนะ พระแพงหอบผ้าหอบผ่อนหนีเสี่ยออกมาเลย อย่าไปสน หาใหม่ไปเลย!!! :m31: #อินจัด 5555555
จะจบแล้วหรอ งื้อออออ คนเขียนสู้ๆ

รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 11-01-2017 21:40:23
พระแพงจับลูกเสี่ยเป็นตัวประกันใช่ปะ อิอิ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: joyey6217 ที่ 12-01-2017 10:10:41
อยากตบกบาลอีเสี่ย จนป่านนั้นมีลูกมีเมียเป็นตัวเป็นตนยังจะไม่ทิ้งลายเดิม ยังจะเจ้าชู้มีเล็กมีน้อย ไปไข่มาให้เลี้ยงยังจะทำให้ช้ำใจจะมีเมียน้อยอีกนะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 12-01-2017 19:45:04
มารอค่ะ ลุ้นมากกกกก
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 12-01-2017 20:17:51
ฉันมารอพี่อยู่ที่บอร์ดนี้ทุกวัน อิอิ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 12-01-2017 20:21:31
วันนี้จะไหมน้ออออออ :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 20 [12/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 12-01-2017 22:33:05
ตอนที่  20



สองโมง...

เขายังอยู่ที่ห้อง

ปัดโธ่  ใครมันจะออกไปให้โง่วะ  ศึกที่ออกไปรบแล้วรู้ว่ามีแต่แพ้  มันก็มีแต่คนโง่เท่านั้นที่อยากจะออกไปรบ  เขานี่บอกได้เลยนายพระแพง  ศิษย์สมจิต  จงจอหอ  ไม่ใช่  ศิษย์บ้านสวน  เอ๊ย  ไม่ใช่  พอเถอะเลิกเล่นมุก  เอาเป็นว่าเขาเจ็บมาเยอะ  เวิ่นมาเยอะ  เพราะอย่างนั้นคราวนี้เขาต้องคิดให้ดีๆ  ค่อยๆคิดไตร่ตรองให้รอบครอบ  จะมาเวิ่นแล้ววิ่งไปฉะกับคุณปุยฝ้ายทั้งที่ไม่มีหลักฐานอะไรเลยไม่ได้  เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ

ก่อนอื่นเลยเขาขอลำดับเหตุการณ์ซักนิด  ตอนนี้สิ่งที่เขารู้แน่ๆ คือคุณปุยฝ้ายเป็นฝ่ายโกหก(ตัวร้ายแน่ๆ)   เพราะคุณปุยฝ้ายเผยคำโกหกมาหลายข้อ  เช่น

1. เขาไม่ได้โกงเงินบริษัท  (เพราะถ้าเขาโกง เขาก็ต้องรู้ตัวสิว่าตัวเองโกง)

2. เขาไม่ได้เป็นชู้ลับหลังคุณปุยฝ้าย  (แต่เป็นให้เห็นจะๆ)

3. เอกสาร...  ในเมื่อเขาไม่ได้โกง  ก็เท่ากับว่าเอกสารในมือคุณปุยฝ้ายต้องเป็นของปลอมด้วย  แต่ที่ยังไม่รู้แน่คือเอกสารนี้คุณปุยฝ้ายจัดทำเพื่อใส่ร้ายเขา  หรือเสี่ยจัดฉากให้เขาเป็นแพะด้วย

4. เขาไม่ได้เป็นชู้กับไอ้ธันวาแน่ๆ  ถึงคุณปุยฝ้ายจะมีรูป  แต่แค่รูปใครจะเอามาทำอะไรเขาได้  เสี่ยเองก็คงไม่โง่เหมือนพระเอกในละคร  ที่เห็นแค่รูปแล้วจะคิดว่าเขาป่ามป้ามกับไอ้ธันวานอกจากเสี่ยจะแกล้งโง่ 

5. เรื่องตำรวจกับทนาย  ลองคุณปุยฝ้ายบอกว่าจะหาทางแก้ต่างให้  ก็แปลว่าเขาโดนตัดสินความผิดไปเรียบร้อยแล้วว่าเขาโกงเงินแน่ๆ  และไม่มีทางที่คุณปุยฝ้ายจะช่วยเขาพลิกสถานการณ์  จนเขากลับมาเป็นฝ่ายถูกเพราะนี่เป็นหมากที่คุณปุยฝ้ายวางแล้วล่อให้เขาเข้าไปติดกับเท่านั้น  หากตกลงกันได้ถึงเขาจะไม่มีความผิดและยอมซัดทอดเสี่ย  แต่คิดเหรอว่าเสี่ยจะอยู่นิ่งๆ  เรื่องนี้ลองผิดแผนขึ้นมา  ถ้าเสี่ยพลิกสถานการณ์ได้  ต่อไปเขาก็เข้าหน้าเสี่ยไม่ติดแล้ว  อย่าว่าแต่หนีไปทำงานกับไอ้ธันวาเลย  เสี่ยไม่จ้างคนอุ้มฆ่าหรือส่งเขาไปให้พี่ธนิตก็ถือว่าเป็นบุญหัวของเขาแล้ว 

อีกอย่างขืนเขาเข้าข้างคุณปุยฝ้ายจริง  คิดเหรอว่าคุณปุยฝ้ายจะปราณีเขาง่ายๆ  หมากที่เป็นเบี้ยพอถูกหลอกใช้เสร็จ  สุดท้ายถ้าไม่ถูกกำจัดก็ต้องเขี่ยทิ้งไม่ให้เป็นหอกข้างแคร่  อย่างดีหน่อยก็อาจจะให้เงินเขาซักก้อนแล้วไล่กลับบ้าน  แต่ชีวิตเขาในฐานะพนักงานบริษัทก็คงจบลงแล้ว  ใครจะกล้ารับคนมีประวัติโกงเงินเข้าทำงานบ้าง  ถึงจะมีธันวาหนุนหลังแต่เรื่องนี้มันไม่มีทางจบง่ายๆ   ลองมีคนขุดขึ้นมาหน่อยชื่อเสียงเขาก็ป่นปี้แถมยังลามสร้างความลำบากให้ไอ้ธันวาด้วย

และอีกอย่างที่สำคัญที่สุดเลยน่ะนะ  ในเมื่อเขาไม่ได้เป็นคนผิดเขาจะวิ่งไปหาคุณปุยฝ้ายให้ถูกใส่ร้ายทำไมวะ    ถึงโลกนี้คนชนะ(และมีเงิน) เป็นเจ้า  คนแพ้(และถูกใส่ร้าย)เป็นทาส  แต่เขาก็ยังมีศักดิ์ศรี  เขายอมเป็นคนถูกที่ถูกตราหน้า  มีกว่ายอมเป็นหมาแล้วหลบอยู่ในวัด  เป็นไง  สุภาษิตนี่คิดเอง  โคตรแมนอ่ะ  ฮ่าๆๆๆ

พอๆ  เริ่มนอกเรื่อง  ต่อไปมาวิเคราะในเรื่องของเสี่ยบ้าง

อืมมม

เอาจริงๆ เลยนะ  เขารู้เรื่องของเสี่ยน้อยมาก   ไม่ว่าจะเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องแผน  อาจจะเป็นเพราะเขาเลือกที่จะเชื่อและเลือกที่จะไม่ซัก  พอเสี่ยบอกว่าจัดการได้เขาก็เชื่อ แล้วสุดท้ายเป็นยังไงล่ะ  ตอนนี้เสี่ยอยู่ในมือคุณปุยฝ้าย  เขาไม่รู้ว่านี่ก็เป็นแผนของเสี่ยอีกหรือเปล่า  เพราะเสี่ยบอกให้เขาอยู่นิ่งๆ  เขายังไม่อยากเป็นนางกากีที่ยื่นดาบผิดฝั่งแล้วทำแผนเสี่ยเสียหมดหรอกนะ  แต่ถ้าเสี่ยถูกจับตัวไปจริงๆ....

เอาเถอะเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้  ในเมื่อเสี่ยวางแผนมาขนาดนี้แล้วพลาดเองเขาจะช่วยอะไรเสี่ยได้  แถมเรื่องนี้เขาก็ดีแต่เสียไม่มีได้  ไม่ว่าจะเป็นฝั่งคุณปุยฝ้ายหรือฝั่งเสี่ย  เขาก็เป็นแค่หมากตัวหนึ่งเท่านั้น  เพราะฉะนั้นครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะเชื่อใจเสี่ย  เขาจะให้เวลาเสี่ยแค่สองวัน  ถ้าหลังจากนี้เสี่ยไม่โทรมา  หรือไม่มีคำอธิบายที่เข้าใจได้  ต่อไปเขาก็จะไม่เชื่อฟังเสี่ย  และจะไม่อยู่นิ่งๆ ด้วย  เขาจะสู้!

ว่าแล้วก็มาวิเคราะห์ตัวแปรกันอีกรอบ  คนต่อไปที่เข้ามามีเอี่ยวในสกการนี้ก็คือไอ้รุต  ตอนนี้เขาเชื่อและมั่นใจแล้วว่าไอ้รุตต้องอยู่ข้างเสี่ยและเป็นลูกพี่ลูกน้องเสี่ยจริงๆ  แน่  เพราะะเขาเองก็ตงิดๆ มาหลายหนแล้วเรื่องที่มันรู้ข่าววงในไปทั่ว   แถมบางทีมันก็สนิทกับคนอื่นตั้งแต่ยามไปถึงแม่บ้าน  ทำตัวอย่างกับเป็นสายลับ  โดยเฉพาะหัวหน้าแผนกที่หลังๆ ตัวติดกันยิ่งกว่าเป็นตังแม  อืมม  นี่ถ้าหัวหน้าแผนกไม่ถูกจับไปด้วย  เขาจะถือว่าหัวหน้าแผนกเป็นฝ่ายเดียวกับคุณปุยฝ้ายไปแล้วนะ  เพราะเอกสารทางการเงินมีอะไรก็ต้องส่งไปที่หัวหน้าแผนกก่อนแล้วค่อยส่งมาให้ลูกน้อง  ถ้าจะมีคนโกงพี่แกก็น่าจะต้องรู้เห็นด้วย

เฮ้อ~  จะว่าไป  นี่ไม่ใช่ว่าเขาถูกความรักมันบังตาหรอกนะ  แต่เขาเชื่ออยู่ลึกๆ ว่านี่ต้องเป็นแผนของเสี่ยแน่  เพราะตั้งแต่เรื่องเอกสารแล้วที่เขาตะหงิดอยู่นิดๆ  ไอ้เอกสารเจ้าปัญหาฉบับล่าสุดที่เสี่ยเรียกเขาไปกินตับน่ะ  ตอนเอากลับมาอีกครั้ง  เขาก็เห็นแล้วว่ามันมีรอยแก้  ถึงเอกสารจะเหมือนเดิมเกือบเป๊ะ (เสี่ยปลอมกระทั่งตำแหน่งไฮไลท์เหอะ)  แต่ตัวเลขในเอกสารน่ะมันถูกแก้  ถึงจะเป็นในส่วนจุดทศนิยมแต่เขาก็จำได้เพราะอ่านมาหลายรอบ  แต่ตอนนั้นที่เขาเอาเอกสารไปเก็บเขาก็เลือกที่จะเงียบ  เพราะคิดว่าเสี่ยจัดการได้  และถ้ามีอะไรซักวันมีเสี่ยก็คงบอกเขาเอง

แต่มาจนถึงตอนนี้  นอกจากสายไม่กี่สายกับไลน์ที่ไม่มีข้อความอะไรสำคัญ  จะให้เขาเชื่อใจเสี่ยแบบแต่ก่อนอีกอีกก็คงเป็นไปไม่ได้  จะให้เขาอยู่เฉยๆ โดยที่ไม่ทำอะไรเลยก็ไม่ได้  เพราะตอนนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องของเสี่ยแล้ว  เสี่ยลากเขาเข้ามาเอี่ยวด้วย  เพราะงั้นเขาจะไม่ยอมอยู่นิ่งๆ ให้ถูกเชือด  เขาจะดิ้นรนเพื่อตัวเองด้วยเพียงแต่การดิ้นรนของเขาจำกัดอยู่ในคอนโดเท่านั้น  แล้วถ้าเขารู้ว่าเสี่ยตั้งใจหลอกใช้เขานะ  เขาจะ...  เขาจะขายหุ้นเสี่ยที่อยู่ในมือทิ้ง  จะเอาไปให้คุณปุยฝ้ายด้วย  เขาจะโกรธเสี่ยจริงๆ ด้วย

ว่าแล้วเขาก็ตรวจสอบสถานะหุ้นของตัวเองก่อนเลย  ไอ้ขิมบอกว่าเขามีหุ้นอยู่  7%  แล้ว  อืมมม  เข้าระบบหุ้นทางคอมก็เห็นว่าเขามีหุ้นอยู่ในมือแล้ว  7%  นี่ถ้าขายคงรวยเละ  แต่เอาเป็นว่าขายทิ้งเขาขอเก็บไว้เป็นทางเลือกสุดท้ายดีกว่า 

ไหนต่อไปขอดูรายชื่อผู้ถือหุ้น  ณ  ตอนนี้หน่อยสิ  อืมม  ความจริงส่วนนี้เป็นความลับของบริษัท  พนักงานต๊อกต๋อยแบบเขายังเข้าถึงฐานข้อมูลส่วนนี้ไม่ได้  แต่ไม่เป็นไรเขามีรหัสเสี่ย...  เฮ้ๆๆ  อันนี้ไม่ใช่ว่าเสี่ยบอกเขานะ  อย่างเสี่ยน่ะนะจะไว้ใจเขา(คิดแล้วก็เศร้า)  โปรดให้เครดิตกันด้วย  เขานี่ไม่ได้อยู่เป็นชู้ที่เอาแต่อยู่บนเตียงนะ  สมองเขาก็มีด้วย 

เพราะอย่างนั้นเวลาเสี่ยทำงานใช้คอมเขาเลยชะแวบๆ  โฉบไปโฉบมาแอบจำรหัสเสี่ยเล่น  จำทีละตัวสองตัว ขึ้นแคร่ (กด Shift)  ตรงไหนเขาก็จำได้  แถมบางทีวันไหนเขาหน้าด้านอยากดูหลังจาก DVD  เขาก็ขอเสี่ยใช้คอมดื้อๆ เพราะคอมเขาเก่าแล้ว  เสี่ยก็ใจดีบอกรหัสให้แต่คงเป็นคนละรหัสกับที่เสี่ยใช้ทำงาน  คอมเสี่ยเป็น imac  จอใหญ่มาก  เวลาดู AV  ทีเสียงอย่างแหล่ม  นมเป็นนม  เห็นชัดหมดทุกท่วงท่า...

อะแฮ่ม!  ไม่ใช่ว่าเขาหื่นนะ!  ใครๆ เขาก็ดูหนังโป๊  ไม่เชื่อถาม..  ถาม  ผู้ชายทุกคนบนโลกดูก็ได้  ไม่ว่าใครก็ต้องผ่านประสบการณ์(กาม)กันมาก่อนทั้งนั้น  ไม่ใช่ยุคหินนะครับที่หลับตาก็จินตนาการออกมาเองได้  มันต้องจิ้น!  ภาพเสียงมันต้องมาให้ครบ  หูฟังต้องมีให้พร้อม  แล้วสาวๆ ญี่ปุ่นก็โคตรน่ารัก  อกอึ๋มแถมข๊าวขาว  ถ้าได้สะบาราฮึ่ม(?)  กันนะคงมันส์แน่  พอๆๆ  อย่านอกเรื่อง  อย่าบอกเสี่ยด้วย!  เขาแอบดูมาหลายหนเสี่ยยังไม่เคยจับได้  ถ้าถูกจับได้...  เอาเป็นว่าเขาไม่คิดดีกว่าเพราะเขาแอบใส่กล่องเรียบร้อยแล้ว  เรามาดูรายชื่อผู้ถือหุ้นกันดีกว่าเนอะ  (เปลี่ยนเรื่องเลย  ฮ่าๆๆๆ)

ไหนดูสิ  หลังจากลองสุ่มรหัสมั่วๆ  จนเข้าฐานข้อมูลในชื่อเสี่ยได้  ดีนะที่เสี่ยคา username ไว้เขาเลยไม่ต้องงมเยอะ  เข้ามาได้เขาก็กดดูรายชื่อผู้ถือหุ้น  ความจริงมันมีฐานข้อมูลอีกเยอะแต่ต้องใส่รหัสผ่านใหม่  แถมไม่ใช่รหัสเดียวกันด้วย  เขาที่กลัวซอร์ฟแวร์จะเด้งออกเพราะระบบมันนึกว่าถูกแฮกก็ได้แต่รามือ  เลือกดูแต่รายชื่อผู้ถือหุ้นที่ไม่เป็นความลับมาก

อืมม  ถ้าดูจากรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ  ปัจจุบันนี้ก็สรุปได้ว่า   

เสี่ยมีหุ้นอยู่  27%  พ่อเสี่ย  14%  แม่เสี่ย  8%  คุณปุยฝ้าย 13% (มี  8%  ที่เพิ่งได้จากเสี่ยเมื่อวานนี้)  ถัดมาก็หัวหน้าแผนก  10%  เขา(นายพระแพง) 7 %  ผู้บริหารคนอื่นรวมกันอีก 16% (คนที่ถือเยอะสุดมี  6%) ผู้ถือหุ้นรายย่อยหรือหุ้นของพนักงานมีอีก 2%  รวมเป็นหนึ่งร้อย

อ่อ  ระหว่างที่เขาตรวจสอบรายชื่อผู้ถือหุ้นนี่น่ะ  โทรศัพท์ของเขาก็ดังตึ๊งๆ  สลับกับไลน์ที่ดังติ้งๆ  เรียกว่ารำคาญหูมาก  เขาเลยปิดเสียงแม่งเลยรู้แล้วน่าว่าไม่ไปตามนัด  ไม่ต้องโทรมาจิกมาก  เขาไม่ไป  รูปก็ไม่ต้องส่งมาด้วย! 

เหออออ  คุณปุยฝ้ายส่งรูปมาทางไลน์ด้วย!  ท่าทางจะเป็นรูปที่จะส่งมาแบล็คเมล์  เล่นเอาต่อมอยากรู้เขากระดิกดิ๊กๆ  จากที่ว่าจะใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว  แต่...  แต่ไม่ไหวแล้ว  ตรูอยากรู้! 

ว่าแล้วเปิดดูรูปโปรไฟล์คุณปุยฝ้ายดูก่อนเลย  นมหกใส่บิกินี่...  ไม่ใช่แล้ว!  เซฟๆ...  เอ๊ย  ไม่ใช่!  ดูรูปที่คุณปุบฝ้ายส่งมาแบล็กเมลล์นี่!

เขาดู

ดู 

ดู....

ดูแล้วอยากจะวิ่งไปกราบคุณปุยฝ้ายขอไฟล์คืน  รูปเขาแม่ง  อย่างเ-ี้ย!  เมาหยำเปอย่างกับหมา  แล้วไอ้รูปนี่คืออะไร  มีรูปตอนเขาเต้นรูดเสาด้วย!  แม่เจ้าโว้ยยยย  ทำไมช๊อตนี้เขาจำไม่ได้!  แล้วนั่น..  ไอ้ธันวาที่ติดอยู่ในขอบรูปนั่น  มันเอามือถือมาถ่ายรูปเขาด้วย!  จุด  จุด  จุด  เอ๊ยย  เขาสาบานได้เลย  ชาตินี้เขาจะไม่เข้าเฟสบุ๊ค!  สภาพเขาหมาขนาดนี้  ไอ้ธันวามันต้องประจานเขาแล้วแน่นอน!

โอย  เห็นแล้วอยากจะอ้วก  นี่เขาบ้าได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ!  หาความเซ็กซี่กับความหล่อไม่เจอ  คราวนี้ไม่ต้องรอถูกใส่ร้ายว่าเขามีชู้  แค่เสี่ยเห็นรูป  เสี่ยก็เฉดหัวเขาออกจากห้องแล้ว  สภาพเขาทุเรศมาก! 

เฮ้อ  ยังดีที่รูปหลังๆ  มาค่อยดีหน่อย  เป็นรูปเขากับไอ้ธันวาในร้านอาหาร  เออ  อันนี้เขาค่อยดูเข้าท่า  ใช้มุมกล้องจัดฉากให้เหมือนเขากับไอ้ธันวาดูดปากกันจ๊วบๆ (อี๋)  อีกรูปที่เด็ดกว่าคือรูปที่เขาถูกไอ้ธันวาซับน้ำตา  กับตอนที่มันพยุงเขากลับเข้าคอนโด  แล้วก็จบลงแค่นั้น  ไม่มีฉากส่งเขาเข้าห้อง  ไม่มีฉากสะบาลาฮ้าม(?)  หรือตัดต่อเขากับธันวาในเรท 18+  หรือฉาก  xxx

ดูแล้วอยากจะบอกว่า  โถ  แม่นางละครน้ำเน่า  ดูละครหลังข่าวมากไปหรือยังไงไม่ทราบ  ถึงกล้าส่งรูปแบบนี้มาขู่ด้วย  นี่ถ้าเสี่ยยอมเชื่อ เขาก็คงจะกราบงามๆ ก่อนจะหนุมานถวายไปซักหนึ่งรอบ  คนนะไม่ใช่อีตัว  เห็นเป็นเด็กเลี้ยงหน่อยอย่าคิดว่าเขาจะง่าย ถึงเขาจะเป็นขู้แต่เขาก็เลือก!

ว่าแล้วก็ปิดมือถือแม่งเลย  โครตน่ารำคาญมีแต่รูปกับคำขู่ไร้สาระ  ถ้าเสี่ยอยากติดต่อมาก็โทรเข้าเครื่องในห้องก่อนก็แล้วกัน  หรือถ้าไอ้รุตอยากจะติดต่อมามันก็คงขอเบอร์มาจากเสี่ยนั่นแหละ   ส่วนไอ้ขิม...  เอ็งรอข้าไปก่อนนะแม่นางขิมหมูน้อย  ไว้ข้าขุดหลักฐานหาทางเอาตัวรอดได้เมื่อไหร่ข้าจะเหาะไปช่วย  ตอนนี้ข้ายังเอาตัวเองไม่รอด  จะลากเจ้าให้ลงน้ำทั้งที่ตัวเองว่ายน้ำไม่เป็นก็ใช่ที่   และอีกอย่างคนดีผีคุ้ม  มึงไม่ผิดเพราะงั้นมึง  ช่วยตัวเองไปก่อนแล้วกัน  แล้วกูค่อยตามไปช่วย

เฮ้อ~  คิดถึงไอ้ขิมแล้วก็เป็นห่วง  เขาขอเปิดหนัง AV ดูแก้เครียดดีกว่า...

ไม่ใช่แล้ว!  เอาเป็นว่าเขาขอดูรายการผู้ถือหุ้นก่อน  แล้วพอเขาดูเสร็จเขาก็สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ตอนนี้ได้แบบนี้

1. หุ้นที่เสี่ยเพิ่งโอนให้คุณปุยฝ้าย 8%  ถ้าเดาไม่ผิดเสี่ยต้องให้คุณปุยฝ้ายในฐานะสินสมรสแน่  เพราะถ้าจะแต่งงานมันก็ต้องมีสินสอดทองหมั้น  ซึ่งเขาเดาว่าคุณปุยฝ้ายต้องเป็นคนขอเพราะสินสอด  เป็นสินส่วนเจ้าสาวที่ถึงจะยกเลิกงานหมั้นสาวเจ้าก็ไม่ต้องส่งคืน  เพราะถือว่าฝ่ายเจ้าสาวเสียหายแล้ว
2. หุ้นที่ที่เสี่ยโอนมาให้เขาเพิ่มอีก 7%  นี่  เสี่ยโอนมาเขาในวันศุกร์ที่เขาถูกกินตับ  แค่กๆ  เอาเป็นว่าเขาเดาว่านี่ก็เป็นแผนเสี่ย  แต่จะเป็นแผนรวบหุ้นแล้วชิ่งหรือแผนหลอกล่อศัตรูค่อยมาว่ากันอีกที
3. ที่นี้มาว่ากันด้วยสัดส่วนผู้ถือหุ้น

         3.1 ถ้ามองในแง่ของเปอร์เซ็นต์ผู้ถือหุ้นแบบองค์รวม  สรุปได้ว่าฝั่งเสี่ยมีหุ้นอยู่  66% (เสี่ย พ่อ แม่ หัวหน้าแผนก เขา  ไอ้ขิมก็พูดซะเวอร์  70% ด๋อยอะไรล่ะ)  ส่วนฝั่งคุณปุยฝ้ายจะมี  29% (รวมในกรณีที่ผู้บริหารคนอื่นถือหางคุณปุยฝ้ายทั้งหมด) 

เอ...  ถ้ามองแบบนี้คุณปุยฝ้ายก็ดูไม่น่าจะมีโอกาสที่จะชนะฮุบกิจการเสี่ยได้เลยนี่นา  แต่ดูคุณปุยฝ้ายท่าทางจะมั่นใจในชัยชนะมาก  ถ้าอย่างนั้น... 

         3.2  ถ้าเขาลองคิดสัดส่วนใหม่  ในกรณีที่หัวหน้าแผนกเป็นนกสองหัว ( คิดซะว่าเป็นแผนซ้อนแผน  เพราะประมาณว่ายอมถูกจับด้วย  จะได้ไม่ถูกเสี่ยสงสัยอะไรแบบนี้) แบบนี้ก็เท่ากับว่าฝั่งเสี่ยก็เหลือหุ้น  56%  ส่วนฝั่งคุณปุยฝ้ายมี  39%  ก็ยังไม่น่าจะเป็นไปได้...

         3.3  งั้นเอาใหม่อีกรอบ  ถ้าหักหุ้นในของเขาออกอีกคน  สัดส่วนก็จะเป็นเสี่ย  49  ต่อ  51  (ในกรณีที่เขารวมหุ้นกับคุณปุยฝ้ายหักหลังเสี่ยเพราะหมั่นไส้แ-่งเลย)  เออ  ถ้าคิดแบบนี้ก็เข้าค่อยเข้าท่า  เขาอาจเป็นตัวแปรสำคัญในสมการจริงๆ ของเสี่ยจริงๆ ก็ได้  (โคตรหลงตังเองอ่ะ) 

แต่ๆๆๆ   แต่ในศึกที่ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะชนะ  100%  แบบนี้  คุณปุยฝ้ายก็ไม่น่าจะออกตัวแรงขนาดนี้นี่นา 

อืม  อื๊มม  อืม

คิดแบบเสี่ย 

คิดแบบเสี่ย 

คิดแบบเสี่ย

อ๋อ!  นึกออกแล้ว!  เรื่องนี้มันจะต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ  ถ้ามองในแง่ลบชของเสี่ยอยากหาหนอนบ่อนไส้  เรื่องทั้งหมดนี่มันจะต้องเป็นแผนของเสี่ยอย่างแน่นอน

เอาล่ะ  เขาจะเริ่มอธิบายจากเอกสารเจ้าปัญหาที่เสี่ยเอามาติดเบ็ดไว้ล่อหนอนให้ออกมางับ  คือถ้ามองในแง่ของผู้บริหารแบบเสี่ยน่ะ  เสี่ยไม่มีทางที่จะได้เห็นข้อมูลดิบเพียวๆ อยู่แล้ว  ของอย่างนี้มันต้องผ่านพนักงาน  ลากยาวไปถึงหัวหน้าแผนกแล้วค่อยส่งมาถึงเสี่ยที่เป็นหัวหน้า  ซึ่งตรงนี้น่ะถือเว่าป็นเป็นจุดบอดเจ้าปัญหาของบริษัทใหญ่ๆ เลยก็ว่าได้  เพราะไม่ว่าจะตั้งมาตราการเข้มงวดหรือกวดขันขนาดไหน  แต่คนก็คือตัวแปรที่ทำให้เกิดการทุจริตหรือการยักยอก  เพราะว่าคงไม่มีผู้บริหารคนไหนว่างงานถึงขนาดมาตรวจสอบรายรับ-รายจ่ายด้วยตัวเองที่มีเป็นพันๆ  หมื่นๆ  หรืออาจเป็นแสนต่อปีในกรณีบริษัทใหญ่บิ๊ก 

ของแบบนี้มันต้องมีตัวแทนอย่างหัวแผนกหรือไม่ก็ผู้ตรวจการแอบเข้ามาตรวจสอบอยู่บ่อยๆ อยู่แล้ว  ซึ่งไอ้ตำแหน่งผู้ตรวจสอบเนี่ยก็ต้องวัดใจกันหน่อย  เพราะต้องมั่นใจว่าเป็นคนที่สามารถเชื่อใจได้และไม่หักหลังแน่ๆ    อย่างตอนนี้ถ้าสมมติฐานเขาถูกต้อง  ไอ้รุตคือผู้ตรวจสอบของเสี่ยในแผนกบัญชีตอนนี้  และหัวหน้าแผนกที่เป็นญาติ(แบบไม่เกี่ยวข้องทางสายเลือด) ก็เป็นฝ่ายตรวจสอบอีกรอบ  ประมาณว่ามีผู้ตรวจสอบทั้งที่จับต้องได้(เห็นหน้าและรู้จักชื่อ)และจากที่อยู่ในเงามืด(ที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร  ว่าง่ายๆก็คือสารวัตรนักเรียนนอกเครื่องแบบนั่นเอง)

ที่นี้ก็วนมาที่เอกสารเจ้าปัญหาอีกรอบ  เขาว่าเสี่ยจะต้องเดาอะไรออกจากในเอกสารแน่ๆ  เพราะอย่างที่เคยบอกว่าถ้าข้อมูลมันถูกต้อง  เขาที่อยู่ระลับล่างคีย์ข้อมูลลงไปยังไงก็ต้องถูกต้อง  แต่นี่มันมีข้อผิดพลาด  เขาที่แก้แล้วแก้อีก  ตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีกก็ทำให้มันตรงไม่ได้  ก็โยนงานไปให้เสี่ยซะเลย  เสี่ยที่ไม่เคยเห็นข้อมูลดิบก็คงเอาไปเช็ดไปว่ามันมีความผิดปกติที่ไหนบ้าง  ไล่ไปตั้งแต่รายงานการซื้อ  เงินส่วนไหนที่อาจจะถูกยักยอก  ซึ่งส่วนนี้เสี่ยคงมีลูกน้องหลายคนเพราะเสี่ยเอาเอกสารมาคืนเร็วมาก  ถึงมันจะเป็นฉบับที่แก้แล้วแต่เขาที่ยังงงๆ  ก็ยังอุตส่าห์มั่นใจในตัวเสี่ย  และก็ได้แต่ปล่อยผ่านไปเพราะสืบอะไรไม่ได้

ที่นี้ไอ้แผนการหาเหยื่อมาล่อหนอนชุดใหญ่ของเสี่ย  มันคงเริ่มจากเอกสารชุดนี้  และการที่เสี่ยไปบ้านเขาก็คงเป็นจุดเริ่มต้นของแผนที่เสี่ยจะใช้เขาเหยื่อล่อด้วย  เพราะเท่าที่เขาจำได้เสี่ยจะไม่ค่อยยุ่งกับเด็กเลี้ยง  เรื่องไปบ้านเด็กนี่เมินได้เลย  ถึงเสี่ยจะรีโนเวตบ้านให้แต่นี่มันต้องเป็นหนึ่งในแผนของเสี่ยแน่ๆ 

คิดแล้วก็แอบเศร้า  เขานึกว่าเสี่ยจะใจดีจริงๆ ปรับปรุงบ้านให้เขาเป็นของขวัญจริงๆ ซะอีก  ที่ไหนได้มันมีวาระแอบซ้อน  เขาที่ดีใจเพราะได้บ้านใหม่ก็เหมือนกับเป็นคนคนโง่  คิดว่าเสี่ยรัก...  นึกว่าเสี่ยเอ็นดู  ที่ไหนได้...

ช่างเถอะๆ  ยังไงเรื่องบ้านเขาก็ไม่ได้ขาดทุนเพราะยังเขาก็จะจ่ายเงินคืนเสี่ยอยู่แล้ว  นี่เขาก็แค่ยืมเงินเสี่ยมาก่อนเท่านั้น  ฮึก

ไม่เอาๆ  ไม่เศร้า  ทีนี้พอเขากับเสี่ยกลับเข้ามาถึงที่คอนโด  คุณปุยฝ้ายที่โผล่มาจากที่ไหนไม่รู้  (แต่เขาเดาว่าคุณปุยฝ้ายคงมาคอนเฟิร์มเรื่องของเขากับเสี่ยแน่ๆ)  และหลังจากนั้นที่เสี่ยกลับไปกับคุณปุยฝ้าย  เสี่ยคงไปคุยกับคุณปุยฝ้ายแน่แล้วว่าจะเก็บเขาไว้  ถ้าอยากแต่งงานก็ต้องรับสภาพเสี่ยที่มีเด็กเลี้ยงได้ด้วย  ซึ่งตรงนี้เขามั่นใจแล้วล่ะว่าทั้งสองคนต้องแต่งงานทางการเมืองแน่ๆ  แต่ไอ้ตรงที่เสี่ยรู้ว่าคุณปุยฝ้ายเป็นหนอนตั้งแต่เมื่อไหร่นี่เขาไม่รู้  แต่เอาเป็นว่าเสี่ยกำลังล่อหนอนตัวแรกอย่างคุณปุยฝ้ายโดยใช้เขาเป็นเหยื่อล่อ

และต่อมาก็มาถึงวันเกิดคลับมาม่า  เอ๊ย  คลับฟรายเดย์  เขาก็เดาว่า(เดาเองอีกแล้ว)  ที่คุณปุยฝ้ายกับเสี่ยยอมลงมาด้วยกัน  เสี่ยคงวางแผนไว้แล้ว  และกะจะบอกคุณปุยฝ้ายเป็นนัยๆ ว่าถึงเขาจะเป็นเด็กเลี้ยงแต่เขาก็จะไม่สร้างปัญหาให้กับเมียหลวงอย่างคุณปุยฝ้ายแน่ๆ  ประมาณว่าเขารักเสี่ยมาก(เหรอ)  เสี่ยบอกให้เขาเชื่อฟังเขาก็เชื่อ  ยอมอยู่ในฐานะผัวน้อยอย่างว่าง่าย  ดูจากที่เขายอมไปถือน้ำมาให้ก็รู้แล้ว  เสี่ยเองก็ปรายตามามองประมาณว่าอย่าให้เขาพูดมาก  แล้วอย่างเขาเหรอจะพูดมาก  ยอมโง่ถูกหลอกต่อไปสิ (ถึงขนาดออกไปเมาด้วย  โง่จริง)

ที่นี้ก็กลับมาว่าด้วยเรื่องเอกสารเจ้าปัญหาอีกรอบ (ฮึก)  คราวนี้เขามั่นใจแล้วว่าเสี่ยต้องเอาเอกสารตัวนี้มาเป็นเหยื่อล่อบอสหนอนในแผนกแน่ๆ  เพราะการที่เสี่ยเรียกเขาไปหาพร้อมกับเอกสารอย่างโจ่งแจ้ง  นั่นหมายความว่าเอกสารที่เขาทำมันมีปัญหาเกิดขึ้นจริงๆ  หรืออย่างน้อยถ้าไม่จริงคนที่มีชะงักติดหลัง  ต่อให้การตรวจสอบงบประจำไตรมาสผ่านไปแล้ว  แต่คนถ้ามันเล่นไม่ซื่อ  ยังไงก็ต้องวนกลับมาดูเอกสารอีกรอบ  ที่นี้ก็แจ็คพ็อต  เสี่ยอาจจะตรวจจากกล้องวงจรปิดดูว่ามีใครมายุ่งกับที่โต๊ะเขาบ้างหลังจากที่เขาเอาเอกวารมาคืนที่  แต่เสี่ยที่ตรวจสอบหาคนเป็นหนอนได้แล้วก็ยังหุบปากเงียบ  คงกะลากฝูงหนอนออกมาทั้งฝูงโดยที่ไม่ทำให้หนอนตัวใหญ่สุดรู้สึกตัวก่อน

แล้วต่อมาก็เรื่องหุ้นที่เป็นเหตุการณ์ทับซ้อน  อันนี้เขาไม่มั่นใจว่าเสี่ยปั่นหุ้นหรือทางฝั่งคุณปุยฝ้ายปั่นหุ้นกันแน่  ข้อมูลส่วนนี้เขาเข้าไปดูในฐานข้อมูลของเสี่ยไม่ได้เพราะฐานข้อมูลมันล็อกไว้  แต่ช่างเถอะ  เอาเป็นว่าเมื่อรวมกับที่เสี่ยบอกว่าผิดแผนบวกกับที่คุณปุยฝ้ายท้อง  เขาเดาว่าเสี่ยต้องหมดความอดทนแล้วแน่ๆ  เพราะดูท่าเสี่ยจะอยากกำจัดคุณปุยฝ้ายเต็มที่  แถมเสี่ยก็สามารถโอนหุ้นให้คุณปุยฝ้ายได้อย่างเปิดเผยด้วย  ส่วนเรื่องผู้บริหารที่ไอ้ขิมพูด  เขาเดาว่านั่นแหละลาสบอสของลาสบอสที่เสี่ยยังลากคอมาตั้งแต่ก่อนหน้าไม่ได้ 

จำได้ใช่ไหมที่เขาเคยบอกเรื่องมาตรการคีย์การ์ดระหว่างชั้นเพื่อป้องกันคนยักยอก(ตอนที่เขาเพิ่งเข้ามาทำงานน่ะ)  ไอ้เรื่องคีย์การ์ดนี่ก็ช่วยได้ส่วนหนึ่ง  แต่เอาเข้าจริงมันก็กันคนโกงที่อยู่ในแผนกเองไม่ได้  แถมสมัยนี้ยังมีมือถือโทรมากริ๊งเดียว  ไม่ต้องเดินมาหาก็สั่งความกันได้  แล้วของอย่างนี้น่ะนะถ้าไม่มีปลาใหญ่  ปลาน้อยที่ไหนมันจะกล้า  มันต้องมีผู้สั่งการมาเป็นทอดๆ  แล้วก็แบ่งกันกินจนอิ่มท้องทั่วหน้า  แต่ไอ้ผู้บริหารที่ว่านี่เขาไม่แน่ว่าก็คุณปุยฝ้ายสั่งการมาอีกทีหรือฝั่งนั้นสั่งการคุณปุยฝ้ายมาอีกรอบ

แต่เอาเป็นว่าตอนนี้พวกบอส(หนอนตัวใหญ่ๆ)ออกมาหมดแล้ว  และเสี่ยคงกะรวบแน่ๆ  ที่เดียวแน่ๆ  ส่วนเรื่องหุ้น....

อื่ม  อื้ม  อืม  เอาเป็นว่าเขาข้อยึดข้อ  3.3 (จากที่กล่าวมาข้างต้น)  คือหัวหน้าแผนกเป็นคนของเสี่ยแต่แอบเนียนว่าอยู่ฝั่งคุณปุยฝ้าย  ที่นี้หัวหน้าแผนกก็จะคอยเป่าหูคุณปุยฝ้ายและบอกความลับของเสี่ย(ตามที่เสี่ยสั่ง)  และการที่คุณปุยฝ้ายออกตัวแรงเรื่องหุ้น  หัวหน้าแผนกก็คงเป่าหูคุณปุยฝ้ายไปแล้วว่าสามารถจัดการให้เขาโอนหุ้นให้คุณปุยฝ้ายได้แน่  เรื่องหลักฐานปลอมหัวหน้าแผนกก็คงจัดการ(และเสี่ยอาจจะร่วมมือด้วย)  ส่วนเรื่องที่เขาเคยเป็นเลี้ยง  เดาว่าเสี่ยก็คงมาบอกหัวหน้าแผนกอีกทีเพื่อป้อนเป็นข้อมูลให้กับคุณปุยฝ้ายขู่เขาง่ายๆ  ส่วนข้อกล่าวหาของเสี่ยที่บอกว่าเสี่ยจะรวบหุ้น  มันก็คงจะเป็นข้ออ้างเพื่อบีบให้เสี่ยออกจากตำแหน่งง่ายขึ้น  เพราะถึงเสี่ยจะไม่ได้กะรวบหุ้นจริง  แต่บอกแล้ว่าโลกนี้เป็นของผู้ชนะ  ลองเสี่ยเสียสัดส่วนผู้ถือหุ้นหลัก ตาอไปเสี่ยจะเถียงอะไรได้(ต่อให้มันไม่จริงกฌเถอะ)  และต่อไปเสี่ยก็คงได้แต่ถือหุ้นที่อยู่ในมือให้แน่น  ไม่ก็ต้องหนีไปอยู่เมืองนอกเพราะใครจะทนอยู่ในบริษัทของตัวเองที่ถูกเปลี่ยนไปอยู่ในมือคนอื่นได้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนี่ก็เป็นแค่สิ่งที่เขาคาดการน่ะนะ  ถ้าหากเสี่ยกะจะรอบหุ้นแล้วหนีจริงเขาจะทำอะไรได้  เขาก็ได้แต่ขายหุ้นคืนให้เสี่ยแล้วลาออกไปทำงานกับไอ้ธันวาเท่านั้น 

ส่วนในกรณีที่เกิดเหตุการเลวร้ายที่สุด  ถ้าเสี่ยพลาดท่าจริง...  เสี่ยก็อาจจะแค่เสียหุ้นในส่วนที่คุณปุยฝ้ายอมไว้  ส่วนผู้บริหารคนอื่น  ลองโผล่หางมาขนาดนี้ไม่มีทางที่เสี่ยจะยอมปล่อยง่ายๆ  เพราะต่อให้เขาไม่รวมหุ้นกับเสี่ย  แต่เขาก็คงไม่โอนหุ้นให้คุณปุยฝ้าย  ที่นี้สัดส่วนของหุ้นก็จะเป็น  49 ต่อ  39  เสี่ยก็ยังถือว่ามีหุ้นมากกว่าอยู่ดี 

ดังนั้นเรื่องทั้งหมดที่ว่ามานี่ต้องถือว่าคุณปุยฝ้ายพลาดมาก  ไม่ว่าจะเพราะเสี่ยหลอกหรือถูกผู้จัดการเป่าหู  แต่เรื่องนี้คุณปุยฝ้ายถือว่าเสียเปรียบแล้ว  มิน่าล่ะเมื่อกี้ถึงโทรมาหาเขาอยู่ยิกๆ  และที่เสี่ยสั่งเขา(ผ่านไอ้รุต) ก็คงเป็นเพราะไม่อยากให้เขารู้เรื่องจนตกหลุมพลางคุณปุยฝ้าย

เอาจริงๆ  นะเรื่องนี้เขาก็โกรธที่เสี่ยไม่ยอมบอกไม่ยอมพูด  หลอกใช้เขาไม่พอยังปล่อยให้เขาเป็นคนโง่ที่เพิ่งรู้ว่าทุกอย่างเป็นเรื่องหลอกลวง  เสี่ยวางไว้ทุกอย่างและเขาก็เป็นแค่หมากตัวหนึ่งในแผนของเสี่ยแต่เท่านั้น  แต่ก็ช่างเถอะ  เขาบอกแล้วว่าเสี่ยไม่ได้บอกให้เขารัก  แต่เป็นเพราะเขาโง่ไปตกหลุมรักกับความใจดีของเสี่ยเอง

เพราะอย่างนั้นเขาจะให้โอกาสเสี่ยอีกแค่สองวันเท่านั้น  ถ้าภายในสองวันนี้เสี่ยไม่ติดต่อมา  เขาจะออกไปแรด! 

ไม่ใช่!  เขาจะโอนหุ้นคืนให้เสี่ยแล้วหนีออกไปซบอกไอ้ธันวาต่างหาก  และต่อไปเขาก็จะไม่วนกลับมาหาเสี่ยอีกแล้ว  ต่อให้เสี่ยมาง้อ  หรือมีเหตุผลดีแค่ไหนเขาก็จะไม่กลับมาคืนดีด้วย  เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เสี่ยหลอกและทนรอเก้อเสี่ยอีกต่อไปแล้ว!







>>> ปั่นไม่จบเอาไปแค่ตอนเดียวก่อนนะคะ  พรุ่งนี้ไม่ก็มะรืน  มาต่อบทจบแน่ๆ  ToT
>>>>  ส่วนเรื่องที่พระแพงมโน  เป็นเรื่องจริงเกิน  80%  นะคะ  คราวนี้พระแพงไม่ได้เวิ่นเล่นๆ  ส่วนตอนจบนี่  Happy แน่นอนไม่มีธันวาเป็นม้ามืด  แต่บทจบมีลาสบอสอีกคนแน่นอน  55555
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 19 [10/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-01-2017 22:56:45
เฮอะๆ.......เกลียดอิเสี่ยและ  :z6: :z6: :z6:
มีพระแพง เป็นตัวจริงแล้วยังมีกิ๊กอีก
ไม่ต้องหอบอะไรหนีหรอก
เลิกไปเลย ไอ้เสี่ยเจ้าชู้ ชีกอ
อยากมีกิ๊ก ก็ไสหัวไปเล้ย ฉุนขาดแล้ว   :ling1: :ling1: :ling1:
พระแพงมีคนใหม่เย้ยไปเลย ฮึ่มๆๆๆๆ  :fire: :fire: :fire:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 20 [12/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 12-01-2017 23:01:02
รออ่านตอนต่อไปคับ รอลุ้นความจริง
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 20 [12/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: someone0243 ที่ 12-01-2017 23:09:27
โอยยย ตกลงลูกเสี่ยกับยัยปุยฝ้ายจริงดิ หักมุมหน่อมั้ยอ่า ขนาดเด็กเลี้ยงคนโปรดเสี่ยยังป้องกันแล้วป้องกันอีก นี่สดกับยัยนั่นนน??  ว๊อททท บ้าไปแล้วว แถมพาร์ทรุตนั่นมันอะไรกันฟะะะคะะะะ ฮืออออออ เค้าเชียร์ให้พระแพงหาผัวใหม่จริงๆนะ รับไม่ได้รุนแรง  สงสารนางงง :katai1:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 20 [12/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 12-01-2017 23:14:13
 :ling3: :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:
โอ้ยยยยยนนย เสี่ยใจร้ายเกินจะบรรยายมาก จุกแทนพระแพง คือมาหลอกใช้อะ นี่ว่าเสี่ยต้องรู้อะว่าพระแพงหลงรักตัวเองแบ้ว แต่ยังจะมาทำแบบนี้อีก พระแพงไม่ใช่ของตายนะเว้ยยยย :angry2: :fire:
 :katai1: หนีไปซบอกธันวาเลย!!! เอาให้เสี่ยรู้ซึ้งซะบ้าง ว่าการเสียสิ่งที่มีค่ามันเป็นยังไง
คนเขียนบอกจบแฮปปี้ แสดงว่าเสี่ยจะกลับตัวกลับใจมาหาพระแพงใช่มั้ยคะ แต่มันก็แอบตะหงิดอยู่ในใจเบาๆ คือไม่ไว้ใจเสี่ยไง555555

รอตอนต่อไปฮะ :mew1:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 20 [12/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 12-01-2017 23:16:33
เสียใจ ที่ไม่จบ ดีใจ ที่พรุ่งนี้ยังได้อ่านต่อ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 20 [12/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 12-01-2017 23:23:56
คือเรื่องนี้มันก็ตามชื่อเรื่องอะเนาะ ถ้าไม่ฮาก็คงดราม่า+ดาร์กแน่ๆ ก็เสี่ยเล่นเป็นคนแบบนี้อ้ะ ดูเหมือนไม่ได้มีความรักอะไรให้แพงเลยก็เหมือนแค่เอ็นดูเด็กตัวเองไรงี้ เนาะ ไม่งั้นก็คงไม่ไปไข่ไว้กับนังงูพิษ!หรอก นี่เหรอคนรักกัน ชิชะ ไอคนหลายใจจจจจ [อินเหรอ? 5555555] แถมตอนพิเศษรุตมันยังบอกแอบไปมีกิ๊ก มีเล็ก มีน้อย แหม่ อีเสี่ย นี่มันยุคไหนแล้ววะคะ คิดว่าตัวเองเป็นท่านขุนหราาา ถึงจะมีเมียสัก10คนเนี่ยยย อิบ้าาาา [ อิรุตก็เหมือนกัน สนับสนุนกันดีนัก สมกะเป็นญาติกันจีๆ ผู้แบบเสี่ยกับอีรุตเนี่ยน่าจะอยู่คนเดียวนะคะ ไม่น่ามีเมีย ทำคนอื่นเค้าเสียใจ  o18 ]
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 20 [12/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 12-01-2017 23:43:48
ถึงเขาหลอกก็เต็มใจให้หลอกเนอะแพง
แต่เราก็สงสารแพงที่โดนหลอกใช้
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 20 [12/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 12-01-2017 23:49:23
โห... ขอเวลาช็อค บอกตามตรงว่าต้องขอเวลาทำใจ
เจ็บแต่จบนะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 20 [12/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 13-01-2017 00:00:53
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 20 [12/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 13-01-2017 00:12:56
นังขิมเป็นหนอน มั๊ง555
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 20 [12/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 13-01-2017 00:38:47
เสี่ยแอบมีกิ๊กเหรอ !!  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 20 [12/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 13-01-2017 05:23:23
ถ้าเสี่ยจะวางแผนแล้วไม่ยอมเตี๊ยมกับพระแพงแบบนี้ เฮ้อ ดีที่พระแพงมโนเก่ง เอ้ย
ฉลาดมากต่างหาก ถ้าผิดพลาดผิดแผนอย่ามาโทษพระแพงแล้วกัน อีเสี่ยแม่งร้าย
แล้วยังจะมีกิ๊กอีก  :katai4:
รอตอนต่อไปค่า o13
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 20 [12/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: joyey6217 ที่ 13-01-2017 07:38:49
หมากเกมส์นี้ ฉันอยากรู้ว่าจะต้องลงเอยอย่างไร พระแพงจะเป็นหมากตัวหนึ่งที่เสี่ยวางไว้แค่นั้นหรอ ไม่หรอกม้างงงง มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นสิ ถึงแม้เสี่ยมันจะหัวงู แต่ก็ต้องมีใจกับพระแพงบ้างล่ะ
 อีเสี่ยว้อยยยย แผนการใหญ่โตขนาดนี่ก็น่าจะบอกให้พระแพงรู้ตัวบ้างสิวะ ปล่อยให้เดาเอง (แม้จะฉลาดเดาถูกเป็นส่วนใหญ่ก็เถอะ)
มีตัวละครลับ ลาสบอส ซ่อนอยู่ตัว
อ่านตอนแรกก็นึกว่า นิยายเบาๆ ใสๆ (?) วัยรุ่นจำเป็นต้องขายตัว แล้วเสี่ยก็กลับมา รักกันต่อ บลาๆๆ นี่อัลไลลึกลับซ่อนเงื่อนเมียเเต่งทรยศ เหนือความคาดหมายมาก
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 20 [12/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 13-01-2017 10:06:21
ขำคนแต่ง  :hao7:
ที่บอกว่ารอบนี้พระแพงไม่ได้เวิ่นเล่นๆ 5555555555555555
แต่ก่อนนี่เวิ่นอะไรแทบไม่เชื่อเลย  ขำตามไปเรื่อย
เอออ รอบนี้มามีสาระแฮะ  o13
ยังแอบคิดอยู่เลยว่าจริงป่าวเนี่ย
ปกติชอบคิดเป็นคลับฟรายเดย์ เป็นละครช่องเจ็ด
ขำพระแพง พอจะจริงจัง ต้องมีคนมาคอนเฟิร์มให้ด้วย
เสี่ยนี่ค่าตัวแพงอีกละ ไม่กลับมา
มีหวังยกให้ธันวาแน่นอน !  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 20 [12/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 13-01-2017 13:42:49
ที่แท้มันเป็นแบบนี้นี่เอง
กำลังเข้มข้นเลย
พะแพงสู้ๆ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 20 [12/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 13-01-2017 15:55:53
พระแพงสตรองๆเข้าไว้นะลูกนะ  :katai3:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 20 [12/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 13-01-2017 17:17:07
มึนกับความคิดของพระพาย
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 20 [12/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 13-01-2017 17:19:44
 :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 20 [12/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 13-01-2017 18:35:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 20 [12/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 13-01-2017 19:19:34
ที่บอกว่าสิ่งที่พระแพงเดาถูกเกิน 80% นี่ ถือว่าเก่งมากนะที่เดาทางอิเสี่ยมันถูก เร้ยกว่ารู้จักเสี่ยมันดีพอสมควรเลยแหละแต่ยังไงมันก็น่าหงุดหงิดนะที่รู้ว่าตัวเองเป็นแค่หมากในเกมน่ะ สงสารพระแพง และขอบคุณที่นางฉลาดไม่แล่นตามเกมยัยปุยฝ้าย ส่วนพาร์ทรุตที่ลงไว้นั้นก็ถ้าอิเสี่ยมันยังไม่หยุดเจ้าชู้ก็แสดงว่าไม่ได้รักพระแพงจริงๆป่าว แบบนั้นพระแพงควรไปหาใหม่
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 20 [12/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: แม่มดน้อย ที่ 13-01-2017 20:17:15
จากนิยายเด็กเลี้ยงกลายมาเป็นนิยายสืบสวนสอบสวนได้อย่างไร?
เข้มข้นมั๊กมาก :serius2:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 20 [12/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 13-01-2017 20:59:34
มาปูเสื่อรอ :katai5: :katai5: :katai5: วันนี้ตอนจบแล้วใช่มั้ยนะ งื้อออออ ยังไม่อยากให้จบเลย
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 20 [12/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 13-01-2017 21:36:45
สารภาพว่ามองข้ามเพราะชื่อเรื่อง เนื่องจากแนวเด็กเสี่ยเลี้ยงมีเยอะแล้วแล้วก็ไม่น่าสนใจด้วย
แต่พอได้เข้ามาอ่านก็รู้สึกสนุกกับความเป็นคนจิตใจดีมองโลกแง่บวก (แต่ไม่ใช่โลกสวย) ของนายเอก แถมนางยังฉลาดรู้จักคิดวิเคราะห์และอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริงอีกด้วย
ไม่ต้องพูดถึงสาระทางการเงินและการลงทุน นี่มันนิยายที่ดำเนินเรื่องค่อนข้าง realistic ทีเดียว ไม่เพ้อฝัน หรือลูกกวาดจนเินไป และที่สำคัญมากๆ ที่หาได้ยากในนิยายวายทั่วไป คือการแทรกสาระเรื่องการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยในหมู่เพศที่สามซึ่งน้องๆหนูๆควรทำตามอย่างสูง แตกต่างจากนิยายวายทั่วไปที่เน้นมีเพศสัมพันธ์แบบสดๆแม้กระทั่งกับคนแปลกหน้าซึ่งเป็นค่านิยมที่น่าตกใจมาก HIV อยู่รอบตัวคุณ แม้จะหน้าตาดีแบบพระเอกสูงส่งมาจากไหนก็หนีไม่พ้นถ้าไม่สวมถุงยางหรือไม่เปลี่ยนคู่นอน
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 20 [12/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 13-01-2017 21:41:11
โอม จงลง จงลง
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 20 [12/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 13-01-2017 22:34:37
อุตส่าห์เชียร์ธันวาอะ  :laugh:
ว่าแต่ Last Boss นี่จะเป็นครายยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 20 [12/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 13-01-2017 22:53:15
อะไร ไหง๋กลายเป็นอิเสี่ยเลว..วววววววว
รับไม่ได้ งือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  #ทีมพระแพง :z3: :เฮ้อ: :z3:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งแรก [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 14-01-2017 18:20:33
บทจบ  (ครึ่งแรก)






สองวันผ่านไป  ช่างเชื่องช้าเหมือนอยู่ในขุมนรก 

เขาที่ต้องประทังชีวิตด้วยมาม่ามาตลอดหกมื้อก็ได้แต่นั่งตาลึกโบ๋อยู่หน้าถ้วย  ตกดึกจะนอนก็นอนไม่ได้เพราะกินแต่มาม่าไม่อยู่ท้องเลยต้องเอาน้ำลูบ  แถมตื่นเช้ามาจะทำหุงข้าวกินเอง  ข้าวที่หุงก็ขึ้นอืดจนพองจนเละ  แถมพอเขาใส่น้ำเข้าไปแล้วหุงใหม่เพื่อเปลี่ยนเป็นข้าวยิ่งเฉะ  จะเป็นโจ๊กก็ไม่ใช่ข้าวต้มก็ไม่เชิง  กวนๆ  เขี่ยๆ  วนๆ  ข้าวก็ได้แต่จับตัวเป็นก่อน  พอใส่ซอสเข้าไปปรับรสชาติก็ยังกินไม่ได้  สุดท้ายเขาก็ต้องโยนทิ้งทั้งหม้อแบบต้องสงสารชาวนา  ยังดีที่ในห้องมีไข่อยู่บ้าง  เขาเลยสลับกินอยู่ระหว่างมาม่ากับไข่ลวก  แถมเตาในห้องเสี่ยก็เป็นเตาไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ไม่ใช่เตาแก๊สเขาที่ไม่เคยใช้ก็ไม่แตะต้องเพราะกลัวมันพัง

สองวันที่ผ่านมานอกจะประทังชีวิตด้วยมาม่าและไข่ลวก  เขาที่นั่งว่างหน้ามึนก็ได้แต่เก็บของไปเรื่อยๆ  ตอนย้ายมาเริ่มต้นที่กระเป๋าเป้แค่ลูกเดียว  พอตอนออกของเยอะ  เขาก็เอาของใส่กระเป๋าลากที่ใช้ขนของในรอบที่สองใส่กลับไปด้วย  ตอนนี้ห้องที่หอเก่าเขาเป็นห้องร้าง  เปลี่ยนแต่เฟอร์นิเจอร์ที่มีมาแต่เดิมและปล่อยให้ฝุ่นมันนอนจับเล่น  ตอนแรกเองเขาก็ว่าจะคืนห้องเหมือนกันเพราะไม่อยากเสียเงินไปเปล่าๆ ปลี้ๆ  แต่พอคิดดูแล้วว่าไม่รู้ว่าจะต้องเลิกกับเสี่ยเมื่อไหร่ก็ได้แต่เก็บห้องไว้

ซึ่งมันเป็นเป็นทางเลิกที่ต้อง  เพราะตอนนี้เขารอเสี่ยมาสองวันตามที่ตัวเขากำหมดแล้ว  ในเมื่อเสี่ยไม่โทรมา  ไม่ส่งไลน์มาบอกก็ไม่มีเหตุผลที่เขาต้องอยู่ต่อด้วย  เรื่องเขากับเสี่ยมันจบลงแล้วและถึงเวลาที่เขาต้องไปเสียที 

เขาวางแหวนกับใบโอนหุ้นไว้ให้เสี่ยตรงหน้าเคาท์เตอร์เพื่อที่เสี่ยจะได้เห็นง่ายๆ  ตอนแรกเขาเองก็อยากจะเก็บแหวนไว้เป็นที่ระลึก  แต่พอคิดดูอีกที  ถ้าจะตัดก็ควรตัดให้ขาด  อย่าปล่อยให้เหลือเยื่อใยจะได้ไม่ต้องคิดมาก  ส่วนสร้อย...  เสี่ยก็คงเอากลับไปตั้งแต่คราวก่อนแล้วเพราะเขาวางไว้ที่โต๊ะ  กล่องใส่สร้อยกับใบเสร็จพร้อมใบเซอร์เขาก็ตั้งทิ้งไว้เสี่ยจะได้เอาไปเปลี่ยนคืนได้ง่ายๆ

พอจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย   เขาก็ลากกระเป๋าลากหนึ่งใบกับเป้เตรียมออกจากห้อง  ครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะออกจากห้องนี้  และหวังว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิตจริงๆ ด้วย  ส่วนเรื่องงานเขาก็ติดต่อไปแล้วว่าจะไปอยู่ด้วย  มันเองก็ดีใจที่เขาสามารถคิดได้  ถึงมันจะเอาเขาไปประจานบนเฟสบุ๊คจนเสร็จเรียบร้อยมันก็ยังมีหน้ามาตีหน้าซื่อ  บอกว่าเรื่องเก่าผ่านไปแล้วได้เวลาเริ่มต้นชีวิตใหม่ซักที 

เขาเองก็เห็นด้วยเลยบอกมันว่าพร้อมทำงานอาทิตย์หน้า  วันนี้วันพฤหัสพรุ่งนี้วันศุกร์  เขาที่มีเวลาอีกหนึ่งวันก็ว่าจะไปส่งใบลาออกพรุ่งนี้  ส่วนเรื่องบริษัทไอ้รุตก็ติดต่อกลับมาแล้วว่าทุกอย่างปลอดภัยดีให้เขากลับไปทำงานตามปกติได้  แต่เขาพอแล้ว  เขาเหนื่อยแล้ว  เขารอเสี่ยมาสองวันแต่เสี่ยก็ไม่ได้ติดต่ออะไรมาเพิ่ง  ส่วนไอ้ขิมเองก็โทรมาต่อว่าเขาแล้วเรื่องที่เขาโกหกว่าไม่ได้เป็นเด็กเลี้ยง 

แต่ตอนนั้นเขาก็แถจนเอาตัวรอดได้ว่าเพราะความจำเป็นเลยต้องโกหกไปแบบนั้น  อีกอย่างเรื่องการเป็นเด็กเลี้ยงก็ไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจที่จะเอามาพูด  ถึงเขาจะไม่ใช่คนคิดมากแต่ก็ไม่ได้อยากบอกให้คนอื่นรู้  ซึ่งตรงนี้ไอ้ขิมก็เข้าใจและบอกให้พามันไปเลี้ยงปลอบใจด้วย  เพราะมันด่าท่านประธานจนเสียหมาไปแล้วว่า  ท่านประธานเป็นสมภารกินไก่วัด  เป็นโคแก่กินหญ้าอ่อน  รังแกเด็กที่ไม่มีทางสู้  เสี่ยที่งงเป็นไก่ตาแตกเพราะถูกหมู  แค่กๆ  ถูกใครก็ไม่รู้มาด่าถึงหน้าห้อง  ลำบากไอ้รุตต้องลากขิมออกมาก่อนที่จะเกิดเรื่องหมูขวิดท่านประธาน  ซึ่งสุดท้ายไอ้รุตก็เป็นคนเล่าทุกอย่างในส่วนที่เล่าได้  ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแผนที่เสี่ยเอาวางไว้  และตัวมันเอกงก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนด้ย  ส่วนตัวเขาเองก็ไม่ได้เป็นชู้  แต่เป็นบทสมอ้างที่เสี่ยอ้างขึ้นเพื่อจะจับตัวคุณปุยฝ้าย  และเสี่ยขอร้องไม่ให้เขาบอกใครด้วย  ไอ้ขิมที่ฟังความมาจากไอ้รุตก็ชื่อสนิทใจเพราะมีพี่เจ้าไหมมายืนยันด้วย 

เอาเข้าจริงเรื่องนี้คนที่รู้ว่าเขาเป็นชู้กับเสี่ยจริงก็มีแต่เสี่ย  ไอ้รุต  หัวหน้าแผนกและครอบครัวของเสี่ยเท่านั้น  ส่วนคนอื่นเสี่ยก็บอกปัดไปว่าทุกอย่างเป็นแผนเพื่อล่อหนอนบ่อนไส้  ซึ่งเรื่องแผนการนี้ก็ไม่ได้ผิดไปจากที่เขาคิดไว้  จะผิดก็ผิดตรงที่สุดท้ายแล้วคุณปุยฝ้ายก็ถูกใช้  ตัวคุณปุยฝ้ายไม่ได้เป็นลาสบอส  แต่ลาสบอสที่แท้จริงคือผู้บริหารรุ่นพ่อที่เป็นเพื่อนซี้ของพ่อเสี่ย  และผู้บริหารคนนี้นี่เองที่เป็นคนแนะนำคุณปุยฝ้ายให้เสี่ยด้วย  ประมาณว่าเอาคุณปุยฝ้ายมาสังเวยเป็นเหยื่อล่อ  บอกพ่อของเสี่ยว่าหนูปุยฝ้ายเนี่ยเป็นที่คนรู้จักแนะนำมา  น่าจะเอามาให้ลูกชายเพื่อว่าพ่อเสี่ยจะได้อุ้มหลานบ้าง  พ่อเสี่ยที่ฟังเพื่อนสนิทเป่าหูมาก็เชื่อสนิทใจเพราะเห็นว่าเป็นซี้เลยพาคุณปุยฝ้ายร่อนโชว์ตัวไปทั่วเพราะไม่คิดว่าเพื่อนจะหักหลังได้  สุดท้ายพอรู้ความจริงก็หนีไปทำใจที่เมืองนอกปล่อยทุกอย่างให้เสี่ยจัดการ

ซึ่งแผนการขั้นสูงสุดของผู้บริหารคนนี้คือพอคุณปุยฝ้ายท้องก็จะจัดการฆ่าตัดตอนเสี่ย  แบบในหนังพล็อตน้ำเน่า  เพราะถ้าหากคุณปุยฝ้ายท้องและได้จดทะเบียนกับเสี่ยจริง  เกิดเสี่ยเป็นอะไรขึ้นมาก็เท่ากับคุณปุยฝ้ายกับลูกก็จะได้มรดกด้วย  เพราะเป็นภรรยาที่ถูกต้องส่วนตัวเองก็จะออกโรงมาอีกทีหลังจากที่ได้ทึกอย่งมาอยู่ในมือแล้ว

ถึงตอนนี้เขาล่ะโครตนับถือความใจเย็นและความช่างวางแผนของผู้ถือหุ้นหรือผู้บริหาร  X  (นามสมมุติจะได้จำได้ง่ายๆ)  เพราะผู้บริหาร  X  คนนี้วางแผนมาเป็นปีๆ  หลอกโกงเงินในบริษัทมาแล้วก็ไม่น้อยแต่ก็ไม่เคยถูกจับได้  เรียกได้ว่าเป็นรุ่นบุกเบิกของการจัดตั้งบริษัทเลยรู้ช่องทางหาทางโกงได้หมด  แต่ก็นะ  คนเราพอมีความโลภไม่ว่าอะไรก็อยากได้ทั้งนั้น  จากที่โกงน้อยๆ ก็กลายมาเป็นโกงมากขึ้น  และจากโกงมากขึ้นก็อยากมายึดบริษัทชาวบ้าน  และในตอนแรกผู้บริหารคนนี้มีหุ้นอยู่  40:60  ( ก่อนเปลี่ยนมาจัดตั้งเป็นแบบบริษัทมหาชน  และเปลี่ยนมาเข้าในตลาดหุ้น)  แต่เพราะเป็นคนหน้าใหญ่สายเปย์และติดการพนัน  หุ้นที่ควรอยู่ในมือก็ขายออกบ้างเอาไปเลี้ยงเด็กบ้าง  เรียกว่าสำมะเลเทเมาเห็ยเงินเป็นเบี้ยนั่นเอง  แล้วพอเงินไม่พอก็มาตอดเล็กตอดน้อย  พ่อเสี่ยเองก็เห็นแต่เห็นว่าเป็นเงินก้อนไม่ใหญ่มากเลยหลับหูหลับตาปล่อยไปบ้างเพราะไม่อยากเสียเพื่อน  ส่วนไอ้นี่เองก็ตอดเล็กตอดน้อย  แต่เรื่องตอดใหญ่นี่ไม่เคยบอกให้ใครรู้เรียกว่าปิดเงียบกริบ  พ่อเสี่ยเองก็ไม่รู้เรื่องเพราะพอเห็นเพื่อนขายหุ้นก็ซื้อเก็บกลับมาบ้างขายทอดตลาดบ้าง  วันดีคืนดีเพื่อนมายืมเงิน(แบบหน้าด้านๆ)  พ่อเสี่ยก็ออกปากให้ยืมให้ง่ายๆ  ประมาณว่ามีเงินเหลือกินเหลือใช้จะแบ่งให้เพื่อนหน่อยทำไมจะไม่ได้ 

แต่ก็อย่างที่บอก  พอคนพอความโลภมากเข้าก็อยากได้ของคนอื่นมากขึ้น  ซึ่งตรงจุดนี้แหละที่เป็นจุดเริ่มเรื่อง  ผู้บริหาร X คนนี้เคยช่วยเหลือคุณปุยฝ้าย  และเรื่องราวก็เป็นไปดั่งละครน้ำเน่า  ผู้บริหาร  X  หลอกคุณปุยฝ้ายว่าโดนเพื่อนฮุบกิจการ(ทั้งที่ตัวเองนั่นแหละเป็นคนปล่อยหุ้นจนหรือหุ้นแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์)  และตอนนั้นคุณปุยฝ้ายก็เพิ่งอายุยี่สิบหรือก็คืออายุพอๆ กับเขาที่ต้องขายตัวครั้งแรก  คุณปุยฝ้ายที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้งต้องมาอาศัยอยู่กับยายก็ต้องปากกัดตีนถีบ  พอมีคนมาดีด้วยก็ตกหลุมรักและเชื่อว่าเป็นรักแท้  เรียกง่ายๆ ว่าทับซ้อนคล้ายเรื่องของเขากับเสี่ยนั่นเอง  เพราะองค์ประกอบเหมือน(เกือบเป๊ะ  แต่ของคุณปุยฝ้ายมาม่ากว่าเยอะ)

คุณปุยฝ้ายเองก็ยอมเป็นชู้เพราะว่ารักผู้บริหารคนนี้มาก  ประมาณเป็นบุญคุณที่ช่วยเหลือกันมาและท่าทางที่ดูจริงใจน่าสงสารด้วย  ในตอนนั้นผู้บริหาร X  ก็มีเมียมีลูกอยู่แล้ว  แต่ก็มาเป่าหูคุณปุยฝ้ายที่อ่นต่อโลกว่าไม่ได้รัก  อยู่กับเธอฉันสบายใจกว่า(อีแก่ที่บ้าน)  เธอสาวกว่าสวยกว่า(อีแก่หนังเหี่ยวเยอะ)  ฉันรักเธอมากนะอยากสร้างครอบครัวกับธอแต่ทางฝั่งนั้นไม่ยอมหย่าแถมฉันก็สงสารลูก  แต่ถ้าเธอยอมช่วยจนฉันสามารถยึดกิจการได้  ฉันก็จะหย่ากับเมียเก่าแล้วมาแต่งงานมีลูกสร้างครอบครัวที่สงบสุขดีพร้อม  คุณปุยฝ้ายที่ขาดความอบอุ่นมาตั้งแต่เล็กพอมีคนมาดีด้วยก็ไม่ต่างอะไรกับเขา  ยอมทำตามแผน  ยอมมีอะไรกับคนที่ได้รักเพื่อหวังจะมีชีวิตที่ดีขึ้นไม่ต้องอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ

และในระหว่างที่ทำตามแผนนี้คุณปุยฝ้ายไม่ได้ติดต่อกับผู้บริหาร X  อีกเลยมาเป็นปีๆ  เพื่อป้องกันคนจับได้  ในเวลาที่คุยกันถ้าไม่โทรศัพท์ก็นัดเจอกันข้างนอก  แต่นัดเจอกันอีท่าไหนไม่รู้  สายสืบของเสี่ยเลยจับไม่ได้ว่าใครเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลังกันแน่  เพราะผู้บริหาร X  ไม่ออกโผล่หัวออกมาให้เห็นเลยซักครั้ว  ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะทั้งสองคนพบกันน้อยมากด้วยก็ได้  และที่นี้  พอจับตัวการไม่ได้เรื่องมันเลยต้องมาเลยเถิดถึงขั้นที่ต้องเอาเขามาเป็นเหยื่อล่อ  และก็อย่างที่ทุกคนรู้  เรื่องมันเริ่มจากเอกสารที่ทำให้เสี่ยจับได้  และเสี่ยก็เริ่มตามสืบตั้งแต่ตรงนั้นกะลากออกมาทั้งปลาใหญ่ปลาน้อยรวมไปถึงผู้ถือหุ้น 

เสี่ยที่คอยตามสืบก็สืบจนรู้หมดว่ามีใครที่อยู่ตำแหน่งไหนเป็นคนโกงหรือทำตัวเป็นนกสองหัวบ้าง  ส่วนผู้บริหาร  X  นี่ทำทีเป็นอยู่ฝ่ายที่ถูกต้องแต่สุดท้ายก็เสี่ยก็จับไต๋ได้เพราะตามสืบแบบเข้มข้น  พ่อเสี่ยเองที่พอรู้เรื่องพอรู้เรื่องก็หนีไปทำใจอยู่ที่เมืองนอก  ปล่อยเรื่องทางนี้ให้เสี่ยจัดการขูดรีด(จนไม่เหลือเลือด)  ลากเอาทรัพย์สินในส่วนที่ควรจะเป็นของบริษัทคืนและจัดการกับพวกผู้ถือหุ้น  ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูครั้งใหญ่มาก  เพราะเสี่ยเรียกประชุมคณะผู้บริหารและบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้ามาฟังด้วยหมดทุกคน  คนไหนที่มีการจัดทำเรื่องทุจริตเสี่ยก็ให้พี่เจ้าไหมแจกแจงพร้อมแสดงหลักฐานที่มีมีการยักยอกทรัพย์  การกักตัวท่านประธานก็เปลี่ยนมาเป็นการแฉคนโยงก็ตอนนี้  แถมเสี่ยยังสั่งให้เรียกตำรวจกับสารวัตรมาเตรียมดำเนินคดีกับคนที่เกี่ยวข้อง

แน่นอนว่าทุกคนที่ต้องขึ้นศาลและถูกแฉรายชื่อย่อมต้องหมดสภาพพนักงานของบริษัทแล้ว  เงินชดเชย 3 เดือนก็ไม่ได้เพราะถูกไล่ออก  แถมยังถูกฟ้องทั้งคดีอาญาและคดีเแพ่ง  ส่วนผู้บริหาร X  นี่มาโผล่หางเอาวันสุดท้ายเพราะนึกว่าได้ทุกอย่างมาอยู่ในมือก็เอะอะโวยวายโยนความผิดให้คุณปุยฝ้าย  บอกว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้องแค่ดูไปตามหลักฐานที่คุณปุยฝ้ายเอามาแสดงเท่านั้น  เรียกว่าพยายามปลดความผิดออกจากตัวให้ได้  คุณปุยฝ้ายเองที่ถูกหักหลังก็ได้แต่ปิดปากเงียบไม่มีซัดทอด  แต่เสี่ยเหรอจะยอมจบแค่นั่น  เสี่ยแฉหลักฐานตั้งแต่การกินเล็กกินน้อยไปจนถึงกินใหญ่ออกมาแฉจนหมดสิ้น  คงกะว่าเอาให้หมดตัวแน่ๆ  และพอรวมๆกันความเสียหายเล็กๆ น้อยๆ พอมารวมกันมันก็ใหญ่มากขึ้น  ยิ่งรวมกับความเขี้ยวของหัวหน้าแผนกที่เป็นพนักงานบัญชี  พอแจกแจงความเสียหายก็ตบด้วยเงินทดแทนควรได้หรือค่าเสียโอากาส  บวกกับอัตตราดอกเบี้ยตามอัตราเงินกู้  แค่นี้ผู้บริหาร X หมดตัวถึงขั้นต้องฟ้องล้มละลายแล้ว

 และเสี่ยเองก็ไม่ยอมจบแค่นั้น  เป่าหูผ่านทางเมียหลวงกับลูกให้ฟ้องหย่าด้วยเรียกว่าพร้อมทับถทและซ้ำเติมกันน่าดู   ผู้บริหาร X ถึงขนาดสูญเสียทุกอย่างก็เอะอะโวยวายบอกว่าถูกป้ายความผิดบ้าง  ด่าเสี่ยว่าเป็นเกย์โรคจริงบ้าง  ส่วนคุณปุยฝ้ายสุดท้ายเป็นชู้ของจริงก็ได้แต่นั่งนิ่งรับทราบข้อกล่าวหาไม่มีโวยวายมาก  แต่เพราะสุดท้ายผู้บริหาร X  มาเกาะขาอ้อนวอนอีท่าไหนไม่รู้  คุณปุยฝ้ายเลยยอมกัดฟันเอาลูกเสี่ยมาเป็นข้ออ้าง  ขู่ว่าจะทำแท้ง  แต่มีเหรอที่เสี่ยจะยอมใจอ่อนให้ง่ายๆ  เสี่ยบอกให้คุณปุยฝ้ายไปทำแท้งได้  เสี่ยจะออกเงินค่าขูดออกให้คุณปุยฝ้ายทำแท้งอย่างถูกกฎหมายที่เมืองนอก  แต่พอทำแท้งกลับมาคุณปุยฝ้ายก็ต้องถูกดำเนินคดีทั้งทางอาญาและทางแพ่งเหมือนคนอื่นด้วย

ไอ้ขิมที่เล่ามาให้เขาฟังถึงถึงตรงนี้ก็ขอพักจิบน้ำก่อนคุยโทรศัพท์ต่อบอกว่าเสี่ยใจหินมาก (ความจริงมันด่าแรงกว่านี้แต่ขอละไว้)  มันที่ฟังเรื่องนี้ต่อจากเจ๊เจ้าไหมอีกที  (ท่าทางจะเมาท์กันสนุกมาก เพราะไอ้ขิมเล่าเป็นฉากๆ เหมือนกับอยู่ในเหตุการณ์)   ก็บอกอีกว่านอกเสี่ยจะใจหินแล้ว  เรื่องทุกอย่างเสี่ยก็วางแผนเพื่อเอาไว้หมดรวมถึงเรื่องลูก  เสี่ยที่ยอมมีอะไรกับคุณปุยฝ้ายนอกจากจะหาเรื่องโอนหุ้นและจดทะเบียนสมรส  เสี่ยยังให้โอกาสตุณปุยฝ้ายที่ถูกหลอกใช้ว่า  ถ้าคุณปุยฝ้ายยอมคลอดลูกออกมาให้  เสี่ยจะให้เงินยี่สิบล้านไม่รวมค่าเลี้ยงดูระหว่างตั้งท้องจนกว่าจะคลอดอีกเดือนละสามหมื่นห้า  เรียกง่ายๆ เสี่ยว่าจ้างอุ้มท้องนั่นเอง  และพอคุณปุยฝ้ายคลอดเด็กมาอย่างปลอดภัยเสี่ยจะจ่ายเงินที่เหลือยี่สิบล้านให้  แล้วต่างคนก็ต่างอยู่  คุณปุยฝ้ายไม่มีสิทธิในตัวลูก  และเสี่ยจะไม่ส่งฟ้อง 

ซึ่งคุณปุยฝ้าย(ที่ไอ้ขิมฟังมาจากเจ๊เจ้าไหมอีกที)  ก็บอกว่าเธอยอมรับข้อเสนออย่างว่าง่าย  แต่ที่ยอมรับข้อเสนอนี่ไม่ใช่ว่าเห็นแก่เงิน  แต่เงินยี่สิบล้านถ้าบริหารดีๆ  ก็งอกเลยเป็นสามสิบหรือสี่สิบล้าน  ดังนั้นคุณปุยฝ้ายเลยตัดสินใจรับเงินและรอจะอยู่ที่เมืองนอก  ส่วนผู้บริหาร  X  คุณปุยฝ้ายก็บอกว่าจะรอทางนั้นออกมาจากคุก  แล้วเธอจะเริ่มต้นใหม่กับผู้บริหาร X อีกรอบ  ตอนนี้ผู้บริหาร X หย่ากับเมียหลวงหย่าขาดกันไปแล้ว  เธอเองก็จะมีสิทธิ์เป็นเมียหลวงที่ถูกต้องบ้าง

เฮ้อ  ฟังมาถึงถึงตรงนี้เขาก็อยากจะถอนหายใจบ้าง  เรื่องของความรักสุดท้ายมันก็ทให้คนมีจุดจบแบบนี้  ใครนะช่างกล้าบอกว่าความรักคือสิ่งที่สวยงาม  ความจริงความรักคือสิ่งที่ดำมืด  ความรักมันไม่มีตัวตนให้จับต้องแต่มันก็ทำให้คนๆ หนึ่งอยู่อย่างคนโง่และเป็นคนตามืดบอดได้

แต่เขาทั้งนี้เขาเองก็ไม่มีสิทธิไปด่าคุณปุยฝ้าย  เพราะเขาเองก็มีชีวิตที่ไม่ต่างกัน  เขาถูกเสี่ยหลอกใช้แต่พอรู้ตัวแล้วยังคงรู้สึกรัก  ยอมเป็นชู้  ยอมเป็นเด็กเลี้ยง  ยอมรอให้เสี่ยมาอธิบายเป็นคำพูด  แต่ถึงเสี่ยจะมีเหตุผลดีแค่ไหนแต่ความจริงที่เขาถูกหลอกใช้หรือหักหลังมันก็เป็นเรื่องที่โกหกไม่ได้  เขาที่ฟังความจากไอ้ขิมมาอีกทีก็ฟังจนหูอื้อ  สรุปสุดท้ายเขาก็ต้องลี้ยงอาหารชุดใหญ่มันหนึ่งเป็นค่าข่าวและค่าตัดบท(รวมกับค่าที่ปิดบังมันด้วย)

ส่วนเสี่ย...  นอกจากเรื่องที่เขาฟังมาจกไอ้ขิมเล่า  เขาก็ไม่รู้ข่าวอื่นเพิ่มอีกเลย  เขากินนอนอยู่ในห้องนั่งเล่นแต่เสี่ยก็ไม่ยอมมาหา  จะให้เขาโทรหาก่อนก็ใช่ที่เพราะทุกอย่างเป็นเพราะเสี่ยก่อเรื่องไว้  และเสี่ยควรจะมาอธิบายให้รู้เรื่อง  ไม่ใช่ให้เขามาฟังจากปากคนอื่นแบบนี้  และตอนนี้...  ตอนที่เขารอจนครบสองวันเสี่ยก็ไม่ติดต่อมา  เขาก็ควรตัดใจเสียที  ในเมื่อไม่มีความหวังเขาก็ไม่หวังอะไรเพิ่ม  สู้เดินต่อไปข้างหน้าและทิ้งทุกอย่างไว้เบื่องหลังดีกว่า  อนาคตที่สดใสยังรอเขาอยู่อีกเยอะ  เพราะอย่างนั้น..  มันควรถึงแก่เวลาที่เขาควรจะออกจากห้องนี้จริงๆ เสียที





>>>ปั่นไม่ทันพรุ่งนี้ต้องเข้า  กทม.ไปงาน  BL extra อีกฮือๆ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งแรก [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 14-01-2017 18:32:37
นายเอกจะหนีแล้วสิ
อิเสี่ยนี่บทก็น้อย พูดก็น้อย
จะหายไปเลยไหมนี่? 
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งแรก [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: แม่มดน้อย ที่ 14-01-2017 18:51:43
อยากเรื่องนี้แล้วได้มุมมองความรักใหม่ๆดีแฮะ เป็นแบบผู้ใหญ่ใช้สมองคิดแต่ใช้ใจตัดสิน

สงสารปุยฝ้าย นี่เธอยังจะเอาอีผู้บริหารXนี่อยู่อีกหร๊อก?

เสี่ยนี่ก็เล๊วเลว อ่านแล้วมันขึ้น

 :z6:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งแรก [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 14-01-2017 18:54:42
อยากเห็นเสี่ยตามง้อ   :z2: :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งแรก [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: autopilot ที่ 14-01-2017 18:59:22
เป็นพระเอกที่สบายมากกก
บทพูดน้อยไปไหนนน
มีความโผล่มาแบบวับๆแวมๆ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งแรก [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 14-01-2017 19:00:46
เอ่อเดี๋ยวนะบทจบแต่ไร้เงาหัวพระเอกเหรอ
งงแปป
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งแรก [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 14-01-2017 19:44:44
นึกถึงที่โปรยไว้แล้วโมโห อิเสี่ยทิ้งพะแพงไปมีกิ๊ก
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งแรก [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: seii ที่ 14-01-2017 19:55:31
จะจบเเล้ว.....? พระเอกเป็นตัวประกอบสินะ
 :a5:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งแรก [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 14-01-2017 19:58:12
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งแรก [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 14-01-2017 20:11:14
ปั่นได้แค่นี้ก็เก่งแล้ว คนเขียนสู้ๆ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งแรก [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 14-01-2017 20:11:23
ถ้างั้นคือเสี่ยวางแผนให้ปุยฝ้ายท้องจริงๆ เพื่อที่จะได้มีลูก? จากนั้นคงจะให้เด็กมาเป็นลูกของตัวเองกับพระแพงสินะ อืมมมมมม
แต่แอบจัดใจเบาๆ เด็กมีเลือดปุยฝ้ายผสมอยู่ตั้งครึ่งนึงแหนะ ถถถถถถ #อินจัด
รอคำแก้ตัวของเสี่ยต่อไป...
 :mew1:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งแรก [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-01-2017 20:26:01
อิเสี่ยเลวมาก เชอะส์ๆๆๆ  :z6: :z6: :z6:
เอาพระแพงไปเป็นเบี้ย เป็นหมาก
บนกระดาน เพื่อจะจับหนอนบ่อนไส้
ที่แท้ตัวเองก็กินหนอน จนมีลูกหนอน
พระแพง ไม่ต้องสนใจ ทื้งอิเสี่ยไปเลย
ลาออกไปทำงานกับธันวา ดีกว่า
เบื่ออิเสี่ย คนไร้รัก มีแต่เรื่องธุรกิจกับกินตับเด็ก
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งแรก [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 14-01-2017 20:53:53
อ๊ากกกกกก อิเสี่ยยยยย หายไปไหนย่ะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งแรก [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-01-2017 21:15:43
ตอนแรกที่อ่านเราก็ (มโน) ว่าเสี่ยน่าจะมีส่วนดีอยู่บ้างอ่ะนะ
มาท้าย ๆ นี่ชัดเลย คนเขียนเตือนแล้ว... เราไม่เชื่อเอง ฮืออออ
หนีเลยพระแพง ถ้าเสี่ยมาง้อ (จะมาไหม) ก็อย่ายอมง่าย ๆ ขนาดในอนาคตยังไม่ยอมถอดเขี้ยวเล็บ มีตัวจริงแล้วยังไม่วายมีบ้านเล็กบ้านน้อย เราก็ไม่อยากเชียร์ละ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งแรก [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 14-01-2017 21:16:49
เสี่ยค่าตัวแพง..เสียแรงที่แอบเชียร์   :angry2:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งแรก [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 14-01-2017 22:12:03
โอ๊ยย ค้างคามากกกกกกกกก  :ling1:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งแรก [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 14-01-2017 22:43:26
เกลียดอีเสี่ยก็ตอนนี้แหละ ไม่โผล่มาบอกอะไรเลย สงสารพระแพงอ่ะ เป็นเราคงเซ็งใช้เราเป็นเครื่องมือไม่ว่าแต่ไม่ยอมบอกอะไรให้รู้เลย :katai4: รอตอนต่อไปค่า สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งแรก [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 14-01-2017 22:54:12
 :z6: เสี่ยนี่ไม่ค่อยได้ออกแต่มีบทบาทกับเรื่องตลอด
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งแรก [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 14-01-2017 23:11:23
เรียกว่าเสี่ยเลวตั้งแต่ต้นจนจบเลยสินะ (ผู้ชายมักมากกกกกกไม่รู้จักพอ นี่เคยรักแพงบ้างมั้ยละเนี่ย มีลูกเพื่อไว้สืบกิจการสินะ อิเสี่ยยยย ฟัคคค) ส่วนปุยฝ้าย... น่าสงสารและน่าสมเพชในเวลาเดียวกัน เฮ้ออ ความรักทำให้คนเป็นได้ขนาดนี้เลย  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งแรก [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: minchy ที่ 15-01-2017 02:06:25
ถ้าเสี่ยอยากมีลูกนี่ต้องทำขนาดนี้กันเลย เฮ้อ เสี่ยคงไม่รู้สินะ ว่ามีคนพร้อมท้อง เยอะแยะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งแรก [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 15-01-2017 08:51:46
อื้อหื้ม มันแบบ พีคมาก อะ เสี่ยฉลาด และเลวมาก จะบอกไงดี เป็นผช ที่ไม่ควรทำให้เกลียด

แพง สู้ ๆ คืออยากรู้ เสี่ยจะง้อยังไง แต่ลูกนี่คงเอามาเลี้ยงเองใช่ไหม ?
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งแรก [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: joyey6217 ที่ 15-01-2017 10:35:03
เรื่องหุ้น เรื่องบริษัท เรื่องคนโกงก็คลี่คลายแล้ว ติดใจเรื่องเสี่ยกับพระแพงนี่ล่ะ เสี่ยแม่งฉลาดก็ฉลาด เลวก็เลว เป็นคนที่วางแผนการต่างๆนาๆ แบบไร้หัวใจว่ะ  ถอนรากถอนโคนศัตรูแบบไม่ให้ได้ผุดได้เกิด
คงไม่ไร้รักกับพระแพงจริงๆใช่ไหม (ยังหวังอะไรกับเสี่ยได้อีกเนี้ย)
จะเป็นแค่หมากก็ไม่น่าจะต้องลงทุนหลายๆอย่างที่อ่านมา มันพาให้คิดเข้าข้างพระแพงว่า เสี่ยมันก็ต้องมีใจบ้างล่ะ แต่คงไม่เท่าใจของพระแพงที่มีให้เสี่ย (ถึงกะมาเลี้ยงลูกให้อยู่ดีนี่หว่า) 
เพราะในที่สุดยังไงก็เสี่ยก็ยังแสวงหาผลประโยชน์จากเบี้ยตัวนี้อยู่ดี  คล้ายๆว่าแอบอกหักเบาๆ กับความเป็นเสี่ย ผู้ไร้หัวใจ ทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ 


ยัยคุณปุยฝ้ายนี่คือพระแพงภาคอวตารร่างหญิง ติดใจตรงรักแบบไม่ลืมหูลืมตา ถูกใช้เป็นเครื่องมือ  โกงเป็นนางนกต่อสารพัด. จนถึงตั้งท้องแล้วบอสX ปัดความผิดให้ขนาดนี่ยังจะ รอมันมาแต่งงานด้วยอีกนะ
นี่รักหรือโดนของ ทำลายตัวเอง +คนอื่น+ครอบครัวชาวบ้าน ขนาดนี้ ...  จะอ้างว่าเพราะรัก มันก็ฟังไม่ขึ้น โง่รึ โดนหลอกรึ มันก็ไม่น่าจะพานางมาถึงขั้นนี่ นางทำตัวเองและนางโลภนั่นล่ะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งแรก [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 15-01-2017 13:40:31
เราเป็นพระแพง   เราก็ไม่อยู่   รักแทบตายแต่มองหาอนาคตไม่เจอ   เหมือนเสี่ยแค่ถูกใจในแบบเด็กเลี้ยง   ไม่ใช่ในแบบของคนรัก  จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด    ชักจูงพระแพงได้ทุกอย่าง   ไม่เคยเห็นความสำคัญ   :angry2:   
  พระแพงเอ๊ย   ถ้าหาดีๆ ไม่ได้  ไม่มีซะดีกว่า  ชีวิตยังอีกยาวไกล :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งแรก [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 15-01-2017 14:19:56
ตัดใจเถอะ เสี่ยเลวเกินกว่าเราจะทำใจไหว
คิดว่าที่ผ่านๆมาคือการทำงานอย่างหนึ่งก็ได้ เสี่ยใจเย็นชาเกินไป
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งแรก [14/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 15-01-2017 16:18:50
หนีไปเลยพระแพง ลำไยตัวประกอบแบบอิเสี่ย  :fire: :m31:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง DARK MODE II [15/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 15-01-2017 20:53:14
DARK  MODE  II



****  ขอย้ำว่าดาร์กโหมดนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาหลักแต่อย่างใด  แค่เป็นเหตุการณ์สมมุติว่าถ้าพระแพงไม่ได้เป็นเด็กที่มองโลกในแง่ดีเนื้อหาก็จะเป็นแบบนี้....   เลือดพุ่ง  =.,=



เซ็กซ์กับเสี่ย  ความจริงมันก็คือการระบายความใคร่  ต่อให้เสี่ยเป็นสุภาพบุรุษขนาดไหน  คอยปลอบจูบลูบไล้เขาขนาดไหนแต่ความจริงนั่นก็แค่การระบายความใคร่  เสี่ยลูบไล้โอ้โอมโอบกอดด้วยต้องการเพิ่มรสรัก  เสี่ยไม่ได้บังคับเขาแต่ก็ไม่ปล่อยให้เขาเอาแต่ใจ  ในครั้งที่สองที่เสี่ยมาหาเขา  นอกจากเขาต้องขึ้นขย่มในครั้งแรกแล้ว  การมีอะไรกันในห้องน้ำยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังสิ้นชีพ  ทุกท่วงท่าอันน่าอับอายเสี่ยจะกดย้ำแล้วสั่งให้ดูกระจกทุกครั้ง  การที่ต้องเห็นของๆ  เสี่ยผลุบเข้าผลุบออกในช่องทางข้างล่างยิ่งอยากทำให้เขาฆ่าตัวตาย  เขาหนีเสี่ยไม่ได้  จะไม่โอนอ่อนก็ไม่ได้  เสี่ยคุมทุกอย่างบนร่างกายเขาจนอยู่หมัด  พอเขาขยับหนีเสี่ยก็กระแทก  พอเขาโอนอ่อนผ่อนตาม  เสี่ยก็จะค่อยๆลูบไล้  จูบเลียใบหูเหมือนจะบอกว่าเขาเป็นเด็กดีมาก 

แต่ความจริงแล้วนั่นคือเสี่ยกำลังฝึกสัตว์ตัวหนึ่ง  ถ้าเขาดื้อเสี่ยก็จะลงโทษ  พอเขาเป็นเด็กดีเสี่ยก็จะให้รางวัลเป็นความเสียวซ่าน  คืนนั้น..  ครั้งที่สองของการมีเซ็กซ์  เขาต้องปรนเปรอเสี่ยในห้องน้ำ  เสี่ยจับเขาเปลี่ยนท่าไปมาหลายท่า  และแต่ละท่าเขาก็ทั้งจุกและเสียวมากด้วย  เหมือนเสี่ยกำลังสอนว่าต่อไปเขาต้องทำอย่างไรเสี่ยถึงจะถูกใจมากขึ้น  เขาเป็นเด็กเลี้ยง  และหน้าที่ของเด็กเลี้ยงคือทำให้เสี่ยมีความสุขไม่ใช่ให้เสี่ยมาปรนเปรอเขา  ดังนั้นในรอบที่สามที่เขาใกล้จะหลับเต็มทีแล้ว  เสี่ยก็ยังบังคับให้เขาใช้ปากให้  ความเป็นชายของเสี่ยที่ปล่อยออกมาแล้วสองน้ำยังคงตื่นตัว  แต่มันก็ไม่ได้ตื่นตัวมาก 

เสี่ยบอกให้เขาใช้ปากทั้งที่ตัวเองนั่งอ้าขารอเขาบริการอยู่นิ่งๆ  ความอัปยศอดสูทิ่มแทงใจเขาอีกครั้ง  แค่ต้องใช้ท่องล่างปลดเปลื้องให้ผู้ชายเขาก็รู้สึกแย่เต็มทีแล้ว  แต่นี่ต้องมาใช้ปากด้วย 

แต่เขาจะทำอะไรได้  ชีวิตเด็กเลี้ยงก็เป็นแบบนี้  เขาใช้ลิ้นลากเลียตั้งแต่ส่วนฐานไปถึงส่วนปลาย  ลงลิ้นในส่วนที่หยักคอด  ดูดเม้มตรงส่วนหัวที่เริ่มมีน้ำออกมาเล็กน้อย  เรื่องแบบนี้เขาเคยเห็นมาบ้างจากในหนัง AV  เมื่อก่อนเขาก็ชอบดูหนังแบบนี้เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ  แต่ในตอนนี้  ตอนที่เขาต้องใช้ปากให้ผู้ชายอีกคนมันช่างน่าสมเพช  เขาดูดและเลียของๆ เสี่ยทั้งที่กลั้นน้ำตา  รอจนเสี่ยพอใจเขาก็ใส่ถุงยางให้  พร้อมกับใส่หัวเองด้วย  แต่ตอนที่เขาจะใส่ให้ตัวเองของๆ เขาดันไม่ตื่นและไม่ตั้ง  เสี่ยบอกให้เขาช่วยตัวเองให้เสี่ยดู  แต่ผ่านมาแล้วสองรอบ  จะให้น้องชายเขาตื่นขึ้นมาในสภาวะเครียดเขาก็ทำไม่ได้ 

ยังดีที่เสี่ยไม่ได้โหดร้ายมาก  เสี่ยสั่งให้เขานอนลงกับเตียงแล้วแยกขาออกกว้าง  เขาปล่อยให้ความเป็นชายของเสี่ยล่วงล้ำเขามาช้าๆ พอเสี่ยขยับถูกจุด  เขาก็ต้องแอ่นสะโพก  รอจนเสี่ยขยับไม่นานลูกชายเขาก็ตื่นแล้ว  เสี่ยมองน้องชายเขาเหมือนเป็นคนร่าน  แค่ถูกสอดใส่ก็ตื่นตัวได้   เขาหลับตาลงหลบสายตาเสี่ยแล้วเบี่ยงหน้าออกข้าง  เขาไม่อยากให้เสี่ยเห็นหน้าตาที่กำลังร้องไห้  ยังดีที่ยกที่สามเสี่ยไม่รุนแรงมาก  เสี่ยค่อยๆ ขยับแบบเนิบๆ  แต่บางทีก็กดลงมาแบบเน้นๆ  ทำเอาเขาที่จะหลับมิหลับเหล่ต้องลืมตาตื่นขึ้นมาเป็นระยะ  แถมคงเป็นเพราะเขาใกล้หลับเต็มทนเขาถึงไม่รู้สึกทรมานมาก 

เสี่ยจับเขาพลิกท่าไหนเขาก็ยอมใจเสี่ยทั้งนั้น  ขอแค่เสี่ยเสร็จและปล่อยเขาไปซักที  แต่กว่าเสี่ยจะเสร็จเขาก็แทบจะหลับแล้ว  ยังดีที่ร่างกายเขายอมตอบรับเสี่ยอย่างอัตโนมัติและเสี่ยก็ไม่ได้บังคับฝืนใจมาก  เขาเลยยอมตอดรัดเสี่ยและส่งเสียงครางออกมาเป็นระยะ  เสี่ยเองก็เหมือนจะชอบแบบนี้  และในครั้งที่สามนี่เองที่เขาเริ่มรู้สึกว่านี่เหมือนการร่วมรักเพราะเสี่ยขยับแบบเนินนาบและเอาใจเขามากขึ้น

แต่เซ็กซ์ยังไงก็คือเซ็กซ์ต่อให้เสี่ยพอใจหรือรู้สึกดีแค่ไหนสุดท้ายเสี่ยก็ต้องปลดปล่อยออกมา  ท่าสุดท้ายของเสี่ยในคืนนั้นคือเสี่ยจับเขานอนตะแคงข้าง  เสี่ยขยับและโยกไหวสอดใส่จนเขาตื่นขึ้นมาเต็มตาอีกครั้ง  และในครั้งนี้...  ต่อให้เสี่ยอยากได้ยินเสียงเขาร้องดังแค่ไหนเขาก็ยอมร้องให้เสี่ยทั้งนั้น  เพราะเขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นตุ๊กตายางที่เสี่ยมีไว้เพื่อปลดปล่อยความใคร่ได้สะดวกทุกท่วงท่านั่นเอง







>>>  ย้ำว่าไม่เกี่ยวกับตอนหลัก
>>>>>  ย้ำว่าปั่นตอนจบไม่ทัน  เพิ่งมาถึงบ้าน  เลยมาขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน  ToT
ปล.  ทุกคนด่าเสี่ยได้เต็มที่  แต่ตอนหลังเสี่ยรักพระแพงจริงๆ น้า  (มาเข้าข้างเสี่ยบ้าง  55555  แต่กว่าจะรักเดียวคงอีกนาน) 
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง DARK MODE II [15/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 15-01-2017 20:59:41
แต่กว่าจะรักเดียวคงอีกนาน ฮึ่ม!!! มันน่ายกพระแพงให้ไหม (?)

แต่ก็นั่นล่ะ ในชีวิตจริงก็มีให้เห็นอยู่หลายคู่ว่าบางทีความรักและความดี (อย่างสม่ำเสมอ) ก็ทำให้ฝ่ายมากรักหยุดได้ (ย้ำว่าสำหรับบางคู่น่ะนะ) สุดท้ายก็เป็นเรื่องของคนสองคนอยู่ดีที่จะตัดสินให้ความสัมพันธ์ไปในทางไหน เราคนนอกก็ได้แต่มองแล้วแสดงความคิดเห็นบ้าง สงสารบ้าง หมั่นไส้บ้าง เกลียดบ้างเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินใจแทน เพราะยังไงก็ชีวิตใครชีวิตมันล่ะนะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง DARK MODE II [15/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: joyey6217 ที่ 15-01-2017 21:25:46
เป็นการอ่านที่อึดอัดมาก ไม่ยาว แต่กว่าจะอ่านจบ ต้องพักด่าเสี่ย บ่น ดมยาดม จิบน้ำ
ถ่ายทอดความรู้สึก หน่วง ทุกข์ทนหมดหนทาง แล้วก็ปลงตกคิดว่าตัวเองคือตุ๊กตายาง. เฮ้ออออพระแพงของเจ๊
รออิเสี้ยมาเคลียร์อยู่นะ อยากรู้ว่าแก้ตัวยังไง ให้รอด แล้วได้พระแพงกลับมา
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง DARK MODE II [15/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: chen ที่ 15-01-2017 21:48:22
ฝากน้องแพงตีเสี่ยอธิปแรงๆสักทีค่ะ หมั่นไส้เสี่ยมากๆ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง DARK MODE II [15/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 15-01-2017 22:18:39
เป็นคนเขียนที่นิสัยดีที่สุด เทคแคร์คนอ่านดี๊ดี
อย่าลืมเทคแคร์ตัวเองด้วยนะ ปั่นทุกวัน ใช้เวลาไม่น้อยเลย

#แต่ถ้าได้ก็ดี 55555
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง DARK MODE II [15/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 15-01-2017 23:35:52
อ่านแบบธรรมดาหรือแบบดาร์กก็เกลียดอิเสี่ยิค่าตัวแพงกว่าสร้อยเพชรที่ให้แพงอีก
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง DARK MODE II [15/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 16-01-2017 00:30:21
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง DARK MODE II [15/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 16-01-2017 01:40:56
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง DARK MODE II [15/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-01-2017 05:37:25
อ่านแบบธรรมดาหรือแบบดาร์กก็เกลียดอิเสี่ยค่าตัวแพงกว่าสร้อยเพชรที่ให้แพงอีก
เกลียดอิเสี่ย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง DARK MODE II [15/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 16-01-2017 06:07:59
 :m31: :m31: :m31:
เกลียดเสี่ยมากกกกกกกก ชอบทำอะไรตามใจไม่สนใจพระแพงเลย :katai1:
ถึงเสี่ยจะรักพระแพง แต่ก็มิวายร้ายใส่สินะ หึ อยากให้พระแพงทิ้งเสี่ยจริงๆ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง DARK MODE II [15/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 16-01-2017 10:00:25
อ่านเรื่องนี้แล้วได้มุมมองความรักที่แตกต่าง ดำเนินเรื่องได้ดีเลยค่ะ สงสารพระแพงที่รู้ว่าตัวเองเป็นแค่หมากแต่ก็ยังรักเสี่ยแต่นับถือนะคะที่ไม่ฟูมฟายมากและก็พร้อมจะเริ่มต้นใหม่ เป็นธรรมดาที่เราจะคิดถึงเรื่องอดีตแต่ถ้าเราไม่ยึดติดกับมัน เราก็จะรู้ได้ถึงสิ่งดีๆ ที่อยู่รอบตัวเราค่ะ

#เพ้อแล้วเรา
 :katai2-1:

ติดตามค่ะ
อ่านแล้วไม่ผิดหวัง
 :pig4: :pig4:
  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง DARK MODE II [15/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 16-01-2017 16:49:46
เป็นเรื่องที่เราไม่ผูกพันกับพระเอกสุดๆ
พระแพงหาแฟนใหม่ดีกว่านะ เปลี่ยนพระเอกโลดดดด ไม่ประทับใจอย่างแรง
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง DARK MODE II [15/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 16-01-2017 22:42:18
พระแพงต้องเข้มแข็ง 
ใจแข็งไว้ อย่าอ่อนให้เสี่ยง่ายๆ เราไม่ใช่ของตายนะ
เสี่ยเป็นพระเอกที่เราด่าเยอะมาก
ขอข้ามไปตอนที่เสี่ยรักแพงคนเดียวเลยได้ไหม
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งหลัง [16/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 16-01-2017 22:54:55
บทจบ  (ครึ่งหลัง)



แต่อนิจจา....


เกิดเป็นคนหล่อนี่ช่างมีกรรม  ตอนที่กำลังเดินออกจากห้องอยู่ๆ ก็เจอเสี่ยมายืนขวางทางไว้  ถึงนี่จะเป็นห้องของเสี่ย...  แต่เสี่ยบอกกันล่วงหน้าก่อนก็ได้! 

เขาที่ตะลึง ตึง ตึง  เพราะถูกเสี่ยจับได้ว่ากำลังหนีออกจากบ้านแบบคาหนังคาเขา  ก็ได้แต่ยกมือไหว้เสี่ยแก้เก้อ  เสี่ยยังอยู่ในชุดสูทเรียบกริบเหมือนเพิ่งกลับมาจากที่ทำงาน   เสี่ยมองเขาด้วยสายตาสงสัยก่อนเลิกคิ้วขึ้นเหมือนจะถามว่าเขาจะหิ้วของออกไปไหนกันแน่

ครับ  ผมจะหนีออกจากบ้านครับ  เพราะอย่างนั้นขอเสี่ยจงโปรดหลีกทางให้ผมด้วย...

จะบ้าเรอะ!  เขาจะบอกแบบนั้นได้ที่ไหนกันเล่า! 

แต่ถึงถูกจับได้เราอย่ายอมรับ  เพราะงั้นเขาเลยอ้อมแอ้มบอกเสี่ยไปว่า  จะออกไปธุระข้างนอกแล้วเตรียมตัวชิ่ง  แต่เสี่ยเหรอจะเชื่อ  เป้หนึ่งใบกับกระเป๋าลากทำตัวอย่างกับพวก  AF เตรียมกลับบ้าน  เสี่ยคงจะยอมเชื่อหรอกนะ!

" มานี่!"  เสี่ยคำราม 

แถมเสี่ยคำรามแล้วไม่คำรามเปล่า  เสี่ยลากคอเขากลับเข้ามาในห้อง (ลากคอจริงๆ ไม่ใช่คำอนุมาน)  ยิ่งเสี่ยเจอใบโอนหุ้นพร้อมแหวนที่ตั้งหลาบนเคาน์เตอร์  เสี่ยยิ่งอยากฉีกเขาเป็นชิ้นๆ  พอเสี่ยลากเขาที่ถือของพะรุงพะรังกลับมาที่ห้องนั่งเล่นได้เสี่ยก็เหวี่ยงเขาลงกับพื้น 

แล้วโปรดอย่าคิดว่าจะมีพวกฉาก 18+  ประเภทเสี่ยตบก่อนตามด้วยจูบจากนั้นก็กระชากเขาลงบนโซฟาแล้วเขาก็อิ๊อ๊าจนจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง  นี่มันชีวิตจริงนะที่ไม่ใช่ละคร!  เพรางั้นพอเสี่ยเหวี่ยงเขาได้  เขาก็ตั้งหลักเตรียมสวนกลับเต็มที่  กะว่าถ้าเสี่ยตบมาเมื่อไหร่เขาสวนกลับเสี่ยแน่ไม่ต้องรอถึงขั้นจูบด้วย!

" เป็นอะไร!" เสี่ยคำรามอีกรอบแล้วทิ้งตัวลงกับโซฟา 

เสี่ยเองก็คงเห็นเขาเตรียมต่อสู้เต็มที่  เสี่ยเลยข่มความโกรธแล้วดึงเนคไทออกแล้ว   ก่อนเอามือปิดหน้า  กดมือลงที่สันจมูกต่อด้วยนวดขมับ  เสี่ยทำท่าทางเหมือนเสี่ยจะเครียดมาก  นี่ตกลงเขาทำผิดจนทำให้เสี่ยเครียด?  จะบ้าเหรอ!   เขาต่างหากล่ะที่ต้องเครียด!

แต่พอเสี่ยไม่พูดอะไรต่อเขาก็ไม่พูด  เขากับเสี่ยจ้องตากันสลับไปมา  จนเวลาผ่านไปเขาก็เตรียมทำตัวเป็น AF  ที่กำลังจะออกจากบ้านอีกรอบ  คว้ากระเป๋าลากได้ก็ก้าวเท้าฉับๆ เตรียมออกจากห้อง  แต่นั่นแหละเสี่ยเหรอจะยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ  ลองเสี่ยอยากได้อะไรเสี่ยก็ต้องได้  ตัวเขาก็เหมือนกัน  ถึงเขาจะไม่รู้เหตุผลว่าทำไมเสี่ยต้องรั้งไว้แต่พอเสี่ยคว้าไหล่เขาได้  เขาที่รอสวนกลับมานานก็สวนหมัดกลับไปแบบเน้นๆ  กะเอาให้หน้าหล่อๆ นั่นเสียโฉมนั่นแหละเขาถึงจะพอใจได้


แต่อนิจจา.....(อีกรอบ)

มือติดกระเป๋าลาก!

เขาที่มือไม้ถือข้าวของพะรุงพะรังก็ดันเสียจังหวะจนต้องหยุดชะงัก  จะใช้หมัดซ้ายสวนกลับไปแทน  เสี่ยก็กันได้เพราะเสี่ยตั้งตัวติดได้แล้ว  เขาที่จะชกต่อก็ชกไม่ออก  จะด่าก็ด่าไม่ได้  เลยบ่อน้ำตาแตกแ_่งเลย  มองอะไร....   ไม่เคยเห็นหมีควายร้องไห้หรือไงวะ!
เสี่ยเองพอเห็นเขาร้องไห้ก็ได้แต่ทำหน้าตกใจ  เดินเข้ามาปลอบหมีควาย(ที่ไม่ได้โกนหนวดมาสองวัน)  พร้อมกับถามว่าเขาเป็นอะไรกันแน่  โถ  พ่อคุณสมองมด  เป็นมดเอ็กซ์ที่กำลังจะแปลงร่างมั้งถามมาได้!

แต่ก็นั่นแหละ  พอเสี่ยเข้ามากอดปลอบพร้อมกับเกลี่ยน้ำตาโอบหน้ากอดหลัง  ไม่ว่าทิฐิหรือมานะความตั้งใจจริงมาจากไหนก็ถูกเสี่ยทำลายลงได้อย่างราบคาบ  เสี่ยดึงเขาที่ยังร้องไห้มากอดปลอบอีกรอบ  ปลดประเป๋าเป้กับกระเป๋าลากออก  แล้วดึงเขาลงไปนั่งบนตักเสี่ยที่โซฟา  จัดท่าเป็นอีหนูนั่งตักเสี่ยเสร็จ  เสี่ยก็ถามเขาอีกรอบว่าเป็นอะไรกันแน่  ร้องไห้เสียใจหรือน้อยใจตรงไหม หื้อม

 เขาที่เห็นเสี่ยโอ๋แม้จะรู้ว่าเสี่ยกำลังข่มความโกรธเพราะเส้นเอ็นที่คอเสี่ยขึ้นชัดมาก  แต่เพราะความน้อยใจที่กักเก็บมานานเลยทำให้เขาเลือกที่จะไม่ใส่ใจและพรั่งพรูสิ่งต่างที่อยู่ในใจออกมาจนหมดสิ้น  ลากยาวมาตั้งแต่เรื่องความน้อยใจ  เรื่องที่ถูกทิ้งอยู่ในห้อง  เรื่องที่เสี่ยจะแต่งงานกับคุณปุยฝ้าย  เรื่องหุ้นที่เรื่องเสี่ยหลอกใช้  และวนกลับมาที่เรื่องคุณปุยฝ้ายอีกรอบ

โดยในระหว่างที่เสี่ยฟัง  เสี่ยก็คำรามเสี่ยงต่ำเป็นการตอบรับอยู่ในลำคอหลายครั้ง  แต่พอเขายิ่งเล่าเสี่ยก็ยิ่งนิ่งและโกรธมากขึ้น  เขาที่ยังไม่รู้สถานการณ์ก็ได้แต่พล่ามต่อไปเรื่อยๆ  จนไหล่เสี่ยเปียกน้ำตาจนชุ่ม  และในตอนที่เขาเล่ามาถึงจุดที่เสี่ยใช้เขาเป็นหมาก  คราวนี้...  เสี่ยคำรามเสียงต่ำของจริง  เสี่ยตบลงที่ก้นจนเกิดเสียงดังเหมือนกับเป็นการลงโทษ  เขาที่อยู่ๆ ก็ถูกตีเลยได้แต่ทำตาปริบๆ  และฟังเสี่ยสบถสองสามเป็นภาษาเดนิชและได้ยินเสี่ยคำรามเป็นชื่อไอ้รุต 

เขาที่เริ่มรู้ว่าทุกอย่างน่าจะมีการผิดโผขึ้นแล้วเลยได้แต่กระดึ๊บๆ จะลงจากตักเสี่ยให้ได้  แต่คงทันหรอก  เพราะเสี่ยดึงหูเขาเอาไว้ทั้งสองข้างแล้วถามเสียงเหี้ยม

" ตกลงรุตมันบอกอะไรเราบ้าง!" 

" บอกว่าเสี่ยจะแต่งงานครับ!"  โอ๊ยๆๆๆ  เจ็บๆๆๆๆ  เสี่ยจะมาดีดหูเขาทำไม  ไอ้รุตมันออกเขามาแค่นี้จริงๆ  เขาสาบานได้   เขาไม่ผิดนะ  แล้วมันเกี่ยวอะไรกับไอ้รุตด้วย!?

เอาเป็นว่าสุดท้ายวันนั้นกว่าเขาจะปรับความเข้าใจกับเสี่ยได้เขาก็เกือบหน้ามืด  เสี่ยจัดหนักจัดเต็มกับเขาไปจนครบสามรอบ  โดยที่ครั้งแรก...  คงเพราะเสี่ยเองก็อดทนข่มกลั้นมานานเพราะมีแต่เรื่องเครียด เลยปลดปล่อยออกมาเร็วมากเรียกได้ว่านกกระจอกไม่ทันจะกินน้ำ...  แค่กๆๆ  เอาเป็นว่าครั้งแรกเสี่ยปลดปล่อยออกมาเร็วมากเพราะเขาที่กำลังดิ้นหนีอยู่จากการเกิดเรท 18+   กว่าจะมารู้ตัวอีกทีเสี่ยก็ปลดปล่อยออกมาแล้วเต็มถุงยางแล้ว  เขาเองจะขำก็ขำไม่ออก  จะหัวเราะก็หัวเราะไม่ได้เพราะไม่อยากให้เสี่ยขายหน้า  แต่ก็นะ...อย่างเสี่ยเหรอจะไม่รู้อยู่มาด้วยกันนานขนาดนี้...   เพราะอย่างนั้นพอเสี่ยเปลี่ยนถุงยางใหม่ได้  เสี่ยก็กดลงมาแบบไม่ยั้งเรียกว่าเขาต้องยอมร้องขอชีวิตนั่นแหละเสี่ยถึงยอมปล่อยให้เขาไปได้


เฮ้อ~  สรุปว่าวันนั้นเขาเสร็จเสี่ยไปสามรอบ(เสี่ยสี่รอบถ้านับตามจำนวนน้ำ)  โดยครั้งที่สามของเขาเสี่ยเล่นจนเขาหน้ามืดเกือบล้มทับเสี่ยให้ได้  จากที่กำลังเล่นท่ายากเสี่ยก็เลยต้องค่อยๆ  ช่วยประคองตัวเขานอนลงกับเตียงเพราะเขาหมดแรงมาม่า  พอเสี่ยที่ถามเขาว่าไม่ได้กินอะไรหรือไงทำไมถึงแรงตกแบบนี้  เขาก็ตอบไปตามตรงว่าเขากินแต่มาม่ามาตลอดหกมื้อ  เท่านั้นล่ะ  พ่อเจ้าประคุณเอ๊ย  ขยับท่อนล่างอย่างเดียวไม่พอ  เสี่ยยังขยับท่อนบนด้วย  เสี่ยดีดหน้าผากเขาดังเป๊าะๆๆๆ  บอกว่าเขาคิดคิดมาก  แถมฟังไม่ศัพท์จับไปกระเดียดด้วย!

เอ๊า!  นี่ตกลงว่าเขาผิดว่างั้น!? 

แต่เอาเป็นว่า  เขาจะผิดจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้  แต่พอเสี่ยจัดการเขาครบสามรอบจนเขาหมอบราบคาบไม่มีแรงเถียง  เสี่ยก็ไปอาบน้ำและสรุปเรื่องราวให้เขาฟังแบบสั้นๆว่า  เสี่ยสั่งให้รุตบอกว่าให้เขาอยู่แต่ในคอนโดก็จริงแต่ไม่ถึงขั้นออกไปข้างนอก  เวลาออกไปไหนมาไหนก็ให้ระวังตัวด้วยเพราะมีคนของคุณปุยฝ้ายอยู่ไปทั่ว  ส่วนเรื่องข้าวเสี่ยก็บอกให้โทรสั่งมากินได้เพราะว่าเสี่ยไม่ได้ห้าม 

เอาจริงๆ เลยนะความจริงแล้วสิ่งที่เสี่ยสั่งความมากับไอ้รุตครั้งแรกสุดน่ะยาวเป็นมาเป็นหางว่าว  แต่เพราะเขามัวแต่ช็อคก็เลยจับใจความไม่ได้  และพอเสี่ยบอกมาเขาก็ได้แต่หางตกเพราะเวิ่นไปเยอะ  ถึงจะเดาเรื่องได้  8  ส่วนแต่เรื่องที่คิดว่าเสี่ยไม่ได้บอกเขาเสี่ยบอกว่าถือเป็นโมฆะเพราะเสี่ยสั่งความมากับไอ้รุตไอ้แล้ว

แต่ว่านะเท่าที่จำความได้นอกจากเรื่องที่มันบอกว่าเสี่ยจะแต่งงานเขาก็จับใจความอื่นไม่ได้  ขนาดนอกจากเรื่องมันเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเสี่ยเขาก็ยังจับใจความไม่ได้  และพอเสี่ยเห็นว่าเขายังมีแรงเถียงเสี่ยเลยตบที่ตูด  เอ๊ยก้นเขาที่เพิ่งผ่านใช้งานอีกหนึ่งรอบแล้วโทรศัพท์หาไอ้รุต

เท่านั้นล่ะพ่อเข้าประคุณเอ๊ยยย  ระเบิดลงอีกรอบ  เสี่ยที่ตอนแรกพูดภาษาไทย(เพราะเขาอยู่ฟังด้วย)  อยู่ๆ ด่าไอ้รุตเป็นภาษาเดนิชยาวยืด  คือทั้งยาวทั้งยืดจนเขามีแรงลุกไปอาบน้ำเสร็จพอออกมาเสี่ยก็ยังด่าไอ้รุตไม่เลิก  เขาที่อาบน้ำจนสบายตัวแล้วก็นอนทิ้งตัวลงกับเตียงปล่อยให้เสี่ยลูบหัวลูบหางไปเล่น

สุดท้ายและท้ายที่สุดของเรื่องคือ  เรื่องนี้มีไอ้รุตเป็นลาสบอส  มันยอมรับสารภาพว่ามันบอกแค่ในส่วนที่ว่า  พี่อธิปหรือเสี่ยจะแต่งงานจริงแต่เรื่องอื่นมันไม่ได้พูด  มันบอกว่าช่วงสองสามวันก่อนมันยุ่งมาก  ทั้งเรื่องการจัดการกับงานเอกสาร  ช่วยหัวหน้าแผนกเมคข้อมูล  ตามคนกับทนายและรวบรวมนักสืบสายสืบที่เกี่ยวข้อง  เรียกได้ว่ามันยุ่งจนหัวปั่นมากๆ  และที่นี้มันก็เลยเลือกบอกเขาแต่เรื่องสำคัญๆ อย่างเรื่องที่เสี่ยจะแต่งงาน  กับเรื่องทุกอย่างเป็นแผนที่เสี่ยวางไว้เพราะฉะนั้นมันเลยสั่งให้เขาอยู่เฉยๆ  ไม่ต้องทำอะไรมาก  อ๋อ  แล้วมันก็บอกด้วยว่ามันเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเสี่ย  หรือพี่อธิปเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือด้วย 

ไอ้เรื่องที่ตัวเขาตกใจจนสติหลุดและฟังไม่ครบก็เป็นความผิดที่เขายอมรับ  แต่พอวันหลังจากที่เขาเมาแอ๋พอโทรหามันอีกครั้ง  มันก็ดันยุ่งเพราะตอนนั้นเสี่ยถูกกักตัวหรือก็คืออยุ่กับตัวผู้บริหารแล้ว  มันที่เป็นสายสืบลับเฉพาะกิจ (เพราะหน้ามันไม่เหมือนกับหน้าเสี่ยซักนิดเลยไม่มีใครจับได้)  เลยต้องเป็นคนวิ่งวุ่นเตรียมหาทั้งหาหลักฐานมาชี้แจงในที่ประชุมและเข้าควบคุมพนักงานที่น่าสงสัยไม่ให้หนีออกไปข้างนอก  พอเขาโทรหามันๆ ก็เลยด่ายับ(เป็นภาษาเดน)  และรวบรัดตัดตอนอย่างที่เขาเคยได้ยินว่า  อย่าออกไปข้าง  อย่าคุยโทรศัพท์กันคนอื่นด้วย  ซึ่งเรื่องนี้ทุกคนเป็นพยานได้เพราะเขาได้ยินคำสั่งมาแค่นี้  (เขาไม่ผิดด้วย!) 

ส่วนเสี่ยเองพอฟังที่ลูกพี่ลูกน้องแถ  พี่แกก็กดที่สันจมูกอีกหนึ่งรอบ  ตบลงที่ก้นเขาอีกหนึ่งรอบ  ก่อนจะซุกตัวลงมานอนด้วยความปวดหัวไม่แพ้กัน  ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่มแล้วเพราะเขาออกกำลังกายกับเสี่ยกันนานมาก 

เสี่ยเล่าในเขาฟังในส่วนของแผนการที่ตกหล่นจากไอ้รุตกับไอ้ขิมว่า  ทุกอย่างเป็นแผนที่เสี่ยวางไว้เพื่อจับตัวคุณปุยฝ้ายกับผู้บริหาร X   และแน่นอนว่าเรื่องที่เสี่ยจดทะเบียนสมรสก็เป็นเรื่องจริง  แต่ใบทะเบียนสมรสน่ะเป็นของเก๊  เรียกได้ว่าใบทะเบียนสมรสที่เสี่ยใช้เสี่ยปริ๊นท์จากเครื่องถ่ายเอกสารที่มีความละเอียดสูง  โฟโต้ช็อปนิดหน่อยก็ได้ใบทะเบียนสมรสปลอมที่เหมือนจริงมาก  ทั้งความหนากระดาษและสีของข้อความ  เรียกได้ว่าสมจริงเป๊ะถ้าไม่สังเกตจริงๆก็คงไม่รู้ดูผ่านๆ  ส่วนเจ้าหน้าที่ผู้เป็นคนจดทะเบียน  เสี่ยก็จ้างคนแถวนั้นมาใส่สูทผูกไทด์   สรุปง่ายๆ คือเสี่ยจดทะเบียนสมรสจริง  แต่ใบทะเบียนเป็นของเก๊ไม่มีผลทางกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น


ส่วนของเรื่องลูก  เด็กในท้องคุณปุยฝ้ายนี่ก็เป็นลูกของเสี่ยจริงไม่มีหมกเม็ด  แต่พอเขาแย็บๆ ถามเสี่ยว่า  เสี่ยไปทำอีท่าไหนเสี่ยถึงมีลูกได้เพราะเสี่ยเป็นเกย์แบบบอร์นทูบี   คือตอนที่เขาถามน่ะ  เขาก็ถามออกไปแบบไม่คิดมาก  เพราะนึกว่าเสี่ยจะตอบมาว่าความจริงเสี่ยเป็นไบที่มีอะไรกับผู้หญิงก็ได้อะไรแบบนี้  แต่ที่ไหนได้พอเสี่ยฟังคำถามเขาจบ  เสี่ยก็ถามกลับเสียงเหี้ยมว่าอยากดูท่าไหนเป็นพิเศษไหมเสี่ยจะได้จัดให้  เขาที่เพิ่งถูกกินตับมาจนหมดแรงข้าวต้นเลยได้แต่ขนหัวลุก  เพราะจากที่จำได้คือทุกครั้งที่เสี่ยอยู่กับคุณปุยฝ้ายเสี่ยจะค่อนข้างเครียดและมาต้องมาปลดปล่อยกับเขาทุกรอบ ดังนั้นเขาก็เลยพอจะเดาคำตอบได้ว่าเสี่ยต้องใช้วิธีการหรือไม่ก็วิธีอะไรซักอย่างที่ไม่น่าพิสมัยทำลูกกับคุณปุยฝ้ายแน่  และแน่นอนว่าพอเจอเสี่ยยิ้มเหี้ยมเขาก็ไม่อยากถามต่อให้เจ็บตัวหรือเหนื่อยหนักมากขึ้น    เขาเลยเปลี่ยนเรื่องอย่างชาญฉลาดถามใหม่ว่าทำไมเสี่ยต้องมาหลอกใช้เขาด้วย (อันนี้คือถามอย่างชาญฉลาดแล้ว)

และตรงนี้แหละที่เสี่ยเขกหัวเขาอีกรอบบอกว่าเขาคิดมาก  ถ้าเสี่ยอยากหลอกใช้จริง  เสี่ยก็ไปหลอกใช้คนอื่นก็ได้ทำไมต้องมาหลอกใช้เขาด้วย  เขาที่ถูกเสี่ยหลอกล่อก็ได้แต่คิดตามจนสรุปได้มันก็จริงแหละนะ...  แต่เอ...  หรือว่าไง  มันไม่น่าจะใช่นะเสี่ยนะ

เสี่ยเองพอเห็นเขาไม่เชื่อก็ดีดที่หูเขาอีกหนึ่งรอบ (ชอบยุ่งกับหูชาวบ้านจริง!)  ก่อนจะแถว่า  เสี่ยบอกแล้วว่าเสี่ยไม่ได้หลอกใช้  เสี่ยก็แค่มองเห็นว่าทุกอย่างเป็นผลประโยชน์ร่วม  ประมาณว่ายิงปืนนัดเดียวเสี่ยได้นกมาทั้งฝูงเลยว่างั้น 

คือเสี่ยบอกว่าตอนแรกเสี่ยแค่เครียดเลยอยากได้เด็กมาระบายอารมณ์ด้วย  (ซึ่งอันนี้เขาไม่ว่าเพราะเขาเองก็ตัดสินใจมาก่อนแล้วว่าอยากช่วยเสี่ยคลายเครียด)  ส่วนเรื่องบ้านเสี่ยก็ให้ก็เขาเป็นของขวัญจริงไม่ได้มีนัยยะอะไรแอบซ่อน  เพียงแต่เรื่องนี้นั่นแหละที่เสี่ยบอกว่าเป็นผลประโยชน์ร่วม  เสี่ยมีความสุขที่ได้เปย์(ก็เสี่ยสายเปย์เกรด  A+)  ส่วนเขาก็มีความสุขที่ได้บ้านใหม่ที่รีโนเวตแล้ว(เหรอวะ....  ก็คงใช่แหละมั้ง  เพราะเขามีความสุขจริง)  ส่วนเรื่องหุ้นกับเรื่องคุณปุยฝ้าย  เสี่ยก็ถือว่าเป็นผลประโยชน์ร่วม  เสี่ยจับคุณปุยฝ้านกับผู้บริหาร X    ส่วนเรื่องหุ้นเสี่ยก็ไม่ได้หลอกเขา  เพราะเสี่ยเห็นว่าไม่ได้สำคัญมากเสี่ยเลยไม่พูด

เขาที่ได้ฟังเสี่ยแถจนสีข้างจะถลอกก็ได้แต่ทำใจว่า  เอาวะ  ความรักทำให้คนตาบอด  เขาจะยอมตาบอดให้เสี่ยหลอกใช้เอาบ้างก็ได้  เพราะถ้าหากเทียบกับกรณีคุณปุยฝ้าย  เรื่องของเขามันเรื่องจิ๊บๆ  เพราะคุณเธอถูกหลอกซ้ำหลอกซ้อนทั้งจากคนที่เธอรักและมาถูกเสี่ยหลอกอีกรอบ  และอีกอย่างหนึ่งคือเสี่ยเองก็ยังมีความจริงใจกับเขาบ้าง  เพราะมาถึงตอนนี้เสี่ยก็ยังไม่เคยบอกว่ารัก  และใช้คำว่ามาหลอกใช้เขา

ในตอนเช้าที่เขาพอตื่นขึ้นมาอีกทีเพราะหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้   ก็เจอสร้อยกับแหวนที่ถอดออกไปแล้ว  โดนถูกเสี่ยใส่กลับที่อยู่ตำแหน่งเดิม   เสี่ยคาดโทษเขาอีกด้วยว่าถ้าเอาออกอีกเสี่ยจะทิ้งเขาไว้ให้ไปอยู่กับไอ้ธันวาจริงๆ ด้วย

อ่อ  ส่วนเรื่องไอ้ธันวานี่เขาก็สารภาพไปหมดเปลือกแล้วว่ามันชวนไปทำงานด้วย  ส่วนรูปแบล็กเมล  แน่นอนว่าเสี่ยไม่เชื่อ  แถมเสี่ยก็เอายังเอารูปที่เขาที่โคตรอุบาทว์มาโชว์หลาด้วย  เขาที่เพิ่งตื่นนอนคราวนี้ก็ต้องตื่นขึ้นมาเต็มตาจนต้องมาเล่นท่า 69  เพื่อขอเสี่ยให้ลบรูปอุบาทว์กับรูปเต้นรูปเสาแสนทุเรศนั่นอีกหนึ่งรอบ

ซึ่งเขาขอบอกเลยว่าเสี่ยโคตรลามก  เพราะคราวนี้เสี่ยเล่นยิงสดไม่ใส่ถุงยางเพราะไม่มีการสอดใส่  แต่กับเขาที่อยู่ด้านบนก็โดนเสี่ยตบก้นบ้าง  ฉกน้องชายเขาที่ตั้งเด่แต่เช้าบ้าง  และพอเผลอๆ เสี่ยก็เอานิ้วที่สวมถุงยางใส่เขามาในก้นเขาที่ละนิ้วสองนิ้วและกดลงมาที่จุดของเขาซ้ำๆ  ทำเอาที่ต้องใช้ปากทำให้เสี่ยต้องกระตุกไปมาหลายรอบ  แล้วพอเสี่ยใกล้เสร็จ  เสี่ยก็ใส่เข้ามาทั้งสามนิ้วและขยับเขาออกจนเขาต้องขยับสะโพกตามไปด้วย ต้องขอบอกเลยว่าท่านี้เขาจะเป็นเป็นท่าสุดท้ายแน่ๆ  เพราะตอนที่เสี่ยเสร็จเสี่ยก็ปล่อยออกมาเต็มปากเขา  ส่วนของเขาเสี่ยที่ใส่ถุงยางให้น้องเขาแล้วก็สะอาดสด  ใสกิ๊ง  ส่วนด้านหลัง...  เอาเป็นว่านั่นเป็นการปลดปล่อยด้านหลังด้วยนิ้วเป็นครั้งแรก  เขาที่เพิ่งเคยเสร็จทางด้านนี้ก็ได้แต่ทรุด  ลำบากเสี่ยให้ช่วยพลิกตัวเขาออกเพราะเขาหมดแรงข้าวต้ม  มาม่าที่กินมาตลอดหกมื้อเลยพลังงานไปแล้วของจริง 

เขาที่เพลียจัดก็เลยหลับสนิทและพอตื่นขึ้นมาอีกทีก็เจอกับอาหารอ่อนๆ อย่างข้าวต้มที่เสี่ยคงเตรียมไว้อยู่ข้างโต๊ะในห้อง  เขาที่หมดแรงรวมทั้งที่อดอยากมานานเลยกินข้าวต้มถ้วยใหญ่หมดไปหนึ่งถ้วย  และพออิ่มมีแรงออกไปข้างนอกก็เจออาหารแบบฟูลเซ็ตอีกหนึ่งชุด 

เสี่ยครับ...  เอาเป็นว่าเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมาผมให้อภัยเสี่ยนับจากนี้...

จะบ้าเหรอ!  คนนะไม่ใช่ชูชกที่จะมาหลอกกันด้วยของกินได้! 

แต่ก็นะที่กินแต่มาม่ามาตลอดหกมื้อ  พอเจออาหารดีๆ ความโกธก็หายเกลี้ยง  กินไปก็บ่นเสี่ยไปว่าฟันแล้วทิ้งเพราะเสี่ยหายออกไปทำงานต่อเป็นที่เรียบร้อย

เฮ้อ~  เรื่องนี้เอาเป็นว่าเขากับเสี่ยต่างก็เข้าใจกันผิดเพราะสื่อสารกันไม่ครบ  ส่วนลาสบอสอย่างไอ้รุตพอเขาโทรไปมันก็ปิดเครื่อง  คาดว่ามันคงเตรียมบินไปเดนมาร์กบ้านเกิดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ส่วนเรื่องวันที่เสี่ยมาหาเขาแล้วหาไม่เจอเสี่ยก็คาดโทษเอากับเขาอีกรอบ   เอาเป็นว่าเขาผิดทั้งขึ้นทั้งร่องเพราะวันนี้เสี่ยตั้งใจจะมาอธิบายด้วยตนเองแค่เขาดันไม่อยู่   เขางั้นเขาเลยเป็นคนผิดแต่เสี่ยไม่ผิดเลยซะงั้น 

แต่ก็นะความรักทำให้คนตาบอด  ต่อให้เสี่ยบอกมาแบบไหนเขาก็เชื่อ  และพอเอาเข้าจริงเขาเองก็ไม่ต่างกับคุณปุยฝ้าย  เพราะไม่ว่าอีกฝ่ายพูดอะไรออกมาเขาก็พร้อมที่จะยอมเชื่อ  แม้ว่าเขาจะไม่ผิดแต่พอเสี่ยเปิดปากบอกว่าผิดเขาก็ยอมปิดปากพูดอย่างว่าง่าย  ยอมให้เสี่ยคาดโทษโดยบอกว่าคราวหน้าจะต้องยอมให้เสี่ยใช้อุปกรณ์...  เอ๊ย  ไม่ใช่ๆ  เสี่ยไม่พูด  เขาก็ไม่ได้พูด!  เพียงแต่ว่าอยู่ด้วยกันมานาน  เสี่ยชอบเซ็กซ์แบบไหนทำไมเขาจะไม่รู้!

เอาเป็นว่าเรื่องของเขากับเสี่ยถ้าไม่นับเรื่องบนเตียงที่จบแบบสยิวกิ๋ว  ก็ถือว่าจบลงแบบแฮบปี้เอนดิ้ง  เขาก็รักเสี่ยต่อไปแบบมึนๆ  เสี่ยเองก็ไม่เคยบอกรักเขาแต่ก็อยู่แบบนี้กับเขาไปเรื่อย   เขาเองพอคาดว่าจบเรื่องนี้ก็จะถูกเขี่ยทิ้ง  ก็ได้รับกุญแจคอนโดเป็นของปลอบใจแทน  พร้อมกับชื่อในคอนโดที่เสี่ยเปลี่ยนให้เป็นชื่อของเขาเป็นที่เรียบร้อย  เขาที่เหนื่อยใจกับเสี่ยสายเปย์ก็ได้แต่ทำใจยอมใจยอมรับ  เอาวะ  นี่อาจจะเป็นคำบอกรักในแบบของเสี่ยก็ได้ใครจะรู้

ส่วนเรื่องทำงานกับธันวาเขาก็ต้องปฎิเสธไปเป็นที่เรียบร้อยเพราะว่าเสี่ยสั่งห้าม  ความจริงแล้วเสี่ยอยากจะเลื่อนขั้นให้เขาขึ้นมาผู้ช่วยเสี่ย  เพื่อที่เสี่ยจะได้กินตับเขาง่ายๆ ...  แต่อยากนึกนะว่าจะไม่รู้  เสี่ยลามกและโรคจิตแต่ไหน  เอาเป็นว่าเขาที่อยู่กับเสี่ยมาขนาดนี้ก็รู้ดีเลยแหละว่าเสี่ยไม่ยอมจบที่โซ่  แส้  กุญแจมือแน่ๆ  ดีนะที่ตอนเสี่ยจะเล่นดิลโด้  เขาสั่งห้ามขาดว่าถ้าเสี่ยกล้าทำเขาจะจรเข้ฟาดหางเสี่ยจริงๆ แน่  เสี่ยเลยยอมลามือแล้วมาหยุดที่การใช้ไข่สั่นแทน  แต่  อ๊ะๆๆๆ  โปรดอย่าคิดลึก  เขาไม่ได้ปล่อยให้เสี่ยใส่เข้ามาหรอก  เขาแค่ปล่อยให้เสี่ยเล่นแต่ภายนอก

พอๆๆ  ที่เหลือไปจินตาการต่อกันเองเพราะเขาจะไม่พูด  เอาเป็นว่าเขาอยู่กับเสี่ยแบบนี้ก็มีความสุขมาก  ถึงเสี่ยจะยังแอบไปมีกิ๊กเพราะเสี่ยดันนึกถึงรสชาติของเก่าๆ  แบบเด็กแซบๆ  ประมาณว่าปกติเป็นลูกแมวขี้อ้อนแต่พอขึ้นเตียงก็เปลี่ยนมาเป็นแมวยั่วสวาท  ไอ้เขาที่ตัวใหญ่เท่าควายจะให้ไปเลียนแบบเด็กก็ใช่ที่  สุดท้ายก็เลยเลือกที่จะเป็นตัวของตัวเองและอยู่แบบนี้ไปเรื่อย  ว่างๆ ก็แอบส่องสาวไปทั่ว  และเพราะมีการไล่พนักงานเก่าออกไปเยอะเขาเลยได้นั่งตำแหน่งของพี่เทพแทน 

อ่อ  แล้วก็เรื่องของพี่เทพน่ะ  เรื่องนี้ถือว่าเป็นจุดพีคของจุดพีค  เพราะความจริงแล้วคือพี่เทพหนอนบ่อนใส้ที่ทำงานให้กับผู้บริหาร X  มานาน  เรียกว่ากินไปเยอะหนักมากเลยก็ว่าได้  และถ้าทุกคนจำได้จะมีครั้งหนึ่งที่เขาเอา KFC  มาเลี้ยงครั้งนั้นพี่เทพเองก็อยู่กินด้วย  แต่เพราะไม่ได้สนิทมากเขาก็เลยไม่ได้เอ่ยชื่อ และก็นั่นแหละคนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ  ใครจะไปคิดถึงว่าแท้จริงคนอย่างพี่เทพที่ทำงานอยู่มานานแต่ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งทั้งที่ไม่เคยทำงานพลาดแท้จริงแล้วเป็นหนอนบ่อนใส้  พอเสี่ยจับผู้บริหาร X  ได้และเรื่องทุกอย่างแตกโผละ  พี่แกที่ถูกหางเลขไปด้วย  เลยพาลจะมาระบายความโกรธกับเขาซะงั้น  เขาเองก็ไม่ได้รู้เรื่องก็เอาแต่นั่งเศร้า

ซึ่งเรื่องนี้แหละที่ทำเอาเขาสยองขวัญมาถึงทุกวันนี้  เสี่ยเล่าให้เขาฟังว่าทางฟร้อนท์โทรมาบอกเสี่ยเรื่องที่พี่เทพจะบุกเข้ามาในคอนโดเพื่อที่เป่าขมองเขาให้ได้  ส่วนสาเหตุที่ทำให้พี่แกเคียดแค้นจัดก็น่าจะมาจากเรื่องที่เขาไม่ยอมออกไปหาคุณปุยฝ้ายตามแผน  พี่แกเลยหันมาโกรธเขาแทนซะงั้น  ไอ้เขาเองที่ตอนนั้นกำลังแดก  เอ๊ย  กินมาม่าอยู่ก็ไม่ได้รู้เรื่องเลยว่ากำลังจะถูกเปล่าสมองจนกำลังจะไปพบยมบาลอยู่ร่อมร่อ   จนกระทั่งพี่เทพถูกจับตัวไปและถูกเสี่ยยัดข้อหาพยายามฆ่าและมีอาวุธปืนอยู่ในครอบครองอย่างผิดกฎหมายเขาก็ยังไม่ได้รู้เรื่อง  ได้แต่นั่งจิตตกนึกว่าตัวเองเป็นหมาถูกทิ้ง  และต้องนั่งคอยเสี่ยอยู่คนเดียวในห้อง   

และเขาขอบอกอีกรอบเลยนะว่า  เรื่องนี้ไอ้รุตนั่นแหละที่เป็นลาสบอส  เพราะตอนที่เกิดเรื่องเสี่ยเองก็กำลังจัดการเรื่องเอกสารอยู่กับทนาย  และกำลังทำเรื่องส่งฟ้องก็ยุ่งมากเพราะมีผู้เกี่ยวข้องเยอะ  ตัวเสี่ยเองที่ยุ่งจนบางมื้อข้าวก็ไม่ได้กิน  ก็ได้แต่โทรสั่งให้ไอ้รุตโทรมาหาเขาอีกรอบ  ฝากถามมาด้วยว่าเขาปลอดภัยดีไหม  ไม่เป็นไรใช่หรือเปล่า  แต่ก็นะ  มันที่มันโทรมาบอกเขาน่ะ  ทุกคนคงจำได้ว่ามันบอกแค่ว่า  "ทุกอย่างปกติดีแล้วให้เขากลับไปทำงานต่อได้"   

แล้วไหนล่ะคำว่าพี่เทพจะบุกมายิงเขา  แล้วไหนล่ะคำว่าเสี่ยฝากมาถามว่าเขาปลอดภัยดีไหม...

ไม่มี!  ไม่มีเลยซักนิด!

เพราะงั้นเสี่ยที่ถูกเข้าใจผิดเลยไปจัดการคาดโทษไอ้รุตที่อยู่ถึงเดนมาร์กอีกหนึ่งรอบ  เขาเองก็โทรไปด่ามันเป็นภาษาบ้านเกิดตัวเองอีกหนึ่งรอบ  บอกมันว่าถ้าครอบครัวเขากับเสี่ยแตกแยกก็เป็นเพราะมึงนั่นแหละที่เป็นตัวเสี้ยม! 

แต่มีเหรอที่มันจะสนใจ  พอกลับถิ่นเก่าไปได้มันก็ลั้ลลาแฮปปี้ แถจนสีข้างถลอกเหมือนคนเป็นลูกผู้พี่ก่อนจะปล่อยให้เขาด่าแล้วก็ตัดสายทิ้ง  เสี่ยเองก็นะ...พอลูกพี่ลูกน้องบอกอะไรเสี่ยก็เชื่อ  เสี่ยแก้ตัวบอกว่าไอ้รุตมันบอกว่าเขาอยู่ที่คอนโดก็มีความสุขดี

ซึ่งเขามีความสุขตรงไหนไม่ทราบ! 

เพราะเท่าที่เขาจำได้คือวันที่มันโทรมาบอกเขาน่ะ  เขาก็ได้แต่อือๆ ออๆ  เพราะคิดว่าตัวเองถูกหลอกใช้ก็เลยเอาแต่เฮิรซ์   เสี่ยเองพอเห็นเขาไม่โทรไปก็นึกว่าเขามีความสุขดี  อยู่ดีกินดีเพราะได้หยุดสี่วันก็เลยนึกว่าเขาแฮปี้มาก  แต่แฮปปี้ด๋อยอะไรล่ะ  นั่งเป็นหมาหงอยรอโทรศัพท์จากเสี่ยอยู่ในห้อง!

และเพราะเสี่ยนึกว่าเขาอยู่ดีกินดี  พอวันพฤหัสเสี่ยที่เพิ่งทำงานเสร็จก็เลยกะจะมากอดเขาให้เต็มคราบ  เพราะคิดว่าเขาอยู่ดีและแฮปปี้คงเตรียมตัวพร้อม  แต่ที่ไหนได้เปิดห้องมาดันมาเจอหมีที่กำลังจะหนีออกจากห้อง  แถมหมีหนียังไม่พอ  หมียังอะละวาดใส่ด้วย!  ก็แหม...  ก็ตอนนั้นคนมันเฮิรซ์หนวดเลยไม่ได้โกนก็เลยเหมือนหมีไปบ้าง  แต่แล้วไงล่ะ  เขาไม่ผิด  ไอ้รุตนั่นแหละผิดที่ก่อเรื่อง!  แล้วเขาก็ออกจะหล่อเร้าใจออกเพราะเสี่ยเองก็เสร็จไปตั้งสี่น้ำ

หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งหลัง [16/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 16-01-2017 22:57:06
<ต่อ>


พอๆ  อย่าออกนอกเรื่อง  เอาเป็นว่าเรื่องของเขากับเสี่ยที่มีแต่เรื่องขลุกขลักก็เพราะมีไอ้รุตที่แหละที่เป็นคนก่อเรื่อง  เพราะงั้นตอนที่คุณปุยฝ้ายคลอดน้องที่เดนมาร์ก  เขาที่เพิ่งจะได้บินไปบ้านพักตากอากาศเสี่ยที่เมืองนอก็เลยถือโอกาสแอบวางยาถ่ายมันซะเลย  รู้จักไหมมิลล์ออฟแมกนีเซีย  ยาระบายอ่อนๆ  สีมันจะคล้ายๆกับพวกยาลดกรดหรือพวก alum milk

เขาที่แอบสลับยาโดยที่มีเสี่ยรู้เห็นก็ได้จัดการวางยาถ่ายมันไปสองสามรอบ  จนตอนหลังมันจับได้เพราะเขาเอาแต่หัวเราะที่เห็นมันวิ่งเข้าห้องน้ำ  แต่แล้วยังไง  แน่จริงก็เรียกตำรวจมาจับเขาสิ  ลายนิ้วมงลายนิ้วมือก็ไม่มีเพราะเขากับเสี่ยก็ช่วยเช็ดกันออกหมดแล้ว 

เสี่ยเองก็นะไม่มีห้าม  มีแต่ยุยงส่งเสริมให้เขาทำแต่เรื่องชั่วๆ  พอเขาเห็นมันถ่ายจนสมใจและถูกจับได้  สุดท้ายก็ได้แต่ลามือ  ปล่อยให้ไอ้รุตก็กินผงเกลือป้องกันการเสียน้ำ  เขาเองก็หนีไปออกดูลูกของเสี่ยกับคุณปุยฝ้ายที่เพิ่งคลอด  ซึ่งลูกของเสี่ยก็น่ารักมากกก  หน้าตาท่าทางก็เหมือนกับเสี่ยเป๊ะ  มีแต่ปากกับจมูกที่เหมือนกับคุณปุยฝ้าย 

เขาที่เล็งเห็นแล้วว่าเด็กสาวคนนี้พอเติบใหญ่ขึ้นมาจะต้องเป็นสาวสวยแน่  เขาเลยชิงขอตั้งชื่อลูกสาวเสี่ยว่าน้อง "พระเพื่อน"  เอาชนะเสียงพ่อกับแม่เสี่ยที่มาเยี่ยมหลานพร้อมกันด้วยคะแนนเอกฉันท์ที่ว่า  ญาติฝั่งไอ้รุตที่มาเยี่ยมหลานเหมือนกันก็เห็นด้วย   เอาชนะชื่อที่คุณหญิงแม่ตั้งว่าชื่ออะไรก็ไม่รู้เช๊ยเชย  แต่เพราะเขาได้ตั้งชื่อเล่น  แม่เสี่ยเลยได้ตั้งชื่อจริงให้หลานว่า   "นันท์นภัส"  ที่แปลว่าผู้ที่มีความสุขและความเจริญอยู่อย่างครบถ้วน 

เขาเองก็เห็นว่าชื่อนี้ไม่เชยมากและความหมายดีก็เลยลงความเห็นว่าพอรับได้  ถึงแม่เสี่ยจะมองว่าเขาเป็นธาตุอากาศตอนอยู่ในห้องพักเด็กอ่อนด้วย  แต่แล้วยังไง  นี่อานุภาพของเด็กเสี่ยอันดับหนึ่งนะครับ  เพราะงั้นเขาว่าอะไรเสี่ยก็ว่าตามด้วย  เสี่ยไปไหนเขาก็ไปด้วย

ส่วนคุณปุยฝ้าย...พอเธอฟื้นตัวได้ก็รับเช็คจำนวนยี่สิบพร้อมกับเซ็นสัญญายกลูกให้เสี่ยเลี้ยงแต่ตามลำพัง  ไม่มีสิทธิในตัวน้องพระเพื่อนซักนดทั้งที่ตัวเองเป็นคนคลอด  เขาที่อยู่ในเหตการณ์ก็ได้แต่ด่าเสี่ย(ในใจ)ว่า  เสี่ยนี่ใจด๊ำดำเนอะ  ใช้งานเสร็จก็เฉดหัวทิ้ง  แต่ก็ยังดีที่คุณปุยฝ้ายไม่ได่อาลัยอาวรณ์หนูน้อยพระเพื่อนมาก  ถึงจะมีความผูกพันในฐานะที่อุ้มท้องมาตลอดเก้าเดือน  แต่ชีวิตก็ต้องเดินต่อไปข้างหน้า  และอีกอย่างคุณปุยฝ้ายก็มีคนอื่นให้รอคอยเพื่อจะมีลูกคนใหม่อยู่แล้ว 

เพราะงั้นเด็กคนนี้...น้องพระเพื่อน  เอาจริงๆ ก็คือเด็กที่ไม่มีใครต้องการมาก  เรียกได้ว่าเป็นเด็กที่เกิดมาเพื่อแผนการนั่นเอง  พ่อกับแม่เสี่ยที่รักหลานแต่ก็ไม่ได้รักมากเหมือนลูกเหมือนอย่างตอนที่เลี้ยงเสี่ยอธิป  ส่วนเสี่ยเอง...  ถึงจะเป็นพ่อคน  แต่เพราะเด็กไม่ได้เกิดจากความรักเสี่ยก็เลยไม่ได้ใส่ใจมาก 

พอกลับมาถึงเมืองไทยได้  เสี่ยก็โยนน้องพระเพื่อนไปให้แม่บ้านกับพี่เลี้ยงที่เคยเป็นนางพยาบาลคอยเลี้ยงอยู่ในคอนโด  เขาที่สงสารน้องพระเพื่อน  กลัวน้องพระแพงเป็นเด็กขาดความอบอุ่น  ก็เลยขออาสาเสี่ยมาเป็นพี่เลี้ยงขอดูแลน้องพระเพื่อนแทนเสี่ยด้วย  ตัวเสี่ยเองก็ไม่ได้ว่าอะไรมาก  แค่เห็นว่าเขาอยากทำก็ปล่อยให้เขาทำ  เพราะงั้นเขาเลยต้องลาหยุดยาวเพื่อออกมาดูแลน้องพระเพื่อน  ว่างๆก็พาน้องพระเพื่อนไปเยี่ยมเสี่ยที่บริษัทขึ้นลิฟท์ตรงไปที่ห้องท่านประธานจะได้ไม่ตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน 

ส่วนเรื่องไอ้ขิม...  อืม  ที่เขาเพิ่งวกกลับมาที่เรื่องไอ้ขิมก็เพราะเขาเพิ่งนึกได้ว่า  ในตอนที่มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งเพราะเอาคนเก่าที่มีปัญหาออกไปเยอะ  เจ้เจ้าไหมที่ดูจะถูกใจไอ้ขิมเป็นพิเศษเลยขอเสี่ยให้มันเลื่อนขั้นมันมาเป็นผู้ช่วยเลขาด้วย  เรียกได้ว่าเป็นการเลื่อนขั้นแบบก้าวกระโดดเพราะใช้เส้น

และเพราะมันเป็นผู้ช่วยเลขาเขาที่ถูกเสี่ยเรียกไปกินตับบ่อยๆ  ถึงจะไม่ได้สอดใส่(เพราะเขาไม่ยอม)  แต่พอถูกเรียกบ่อยๆ  เข้าต่อให้ปิดยังไงมันก็ปิดไม่รอด  เขาเลยต้องไปเลี้ยงโออิชิแกรนด์มันหนึ่งมื้อ  หมูกะทะอีกหนึ่งรอบ  โคคาสุกี้อีกหนึ่งชุด  มันถึงจะยอมหายโกรธเรื่องที่เขากับเสี่ย..  เอ่อ  เป็นกิ๊กกัน  เอาเป็นว่าถึงเขาจะโกหก  แต่เขาก็โกหกแค่นิดๆ  เพราะเขาแถไปว่า  เขากับเสี่ยไม่ได้เป็นชู้ตอนที่เกิดเรื่องคุณปุยฝ้าย  แต่วัวเคยค้าม้าเคยขี่สมัยเป็นเลี้ยง  และเสี่ยเองก็เป็นคนดีมาก (อันนี้แน่นอนว่าเขาโกหกเต็มๆ) เขาเลยบอกไอ้ขิมว่ารักแท้แพ้ใกล้ชิด  อะแฮ่ม  พูดแล้วก็อยากตบปากตัวเองเพราะเขาช่างแถได้ดีนัก 

เพราะวันๆ ที่เขาเอาแต่เลี้ยงน้องพระเพื่อน  เสี่ยเองที่เริ่มออกลายก็กลับไปออกไปมีเด็กเลี้ยงอีกรอบ  ถึงคราวนี้เสี่ยจะไม่ได้เลี้ยงเด็กแบบคราวก่อนที่เลี้ยงเป็นเดือนๆ  แต่เสี่ยก็แอบมีกิ๊กมีกั๊กอยู่ข้างนอกตลอด  บางทีก็แอบควบสองบ้าง  เขาที่ฟังข่าวมาจากพี่ภาค(พี่แกยังมีชีวิตอยู่โปรดอย่าลืมเลือน)  ก็ไม่รู้ว่าแกหวังดีหรือหวังร้าย  คอยคาบข่าวมาบอกบ่อยๆ ว่าเสี่ยไปแอบมีใครที่ไหนบ้าง  เพราะพี่ภาคก็ยังติดต่อกับพี่ธนิตอยู่เรื่อยๆ 

ส่วนพี่ธนิตเองก็ไม่ยอมหยุดความตั้งใจที่จะเอาเขากลับไปเป็นเด็กเลี้ยง  ยิ่งเห็นเขาเลี้ยงน้องพระเพื่อน  ฟิตหุ่นเพราะจะเอาน้องพระเพื่อนไปล่อสาว...  อะแฮ่ม  เอาเป็นว่าพี่ธนิตที่เห็นเขาหุ่นดี  ดูดีไม่มีแรงตก  ก็ได้แต่เอาของมาล่อ  บอกว่าอยากลองไปตะวันออกกลางหน่อยไหม  แถวนั้นเขาใช้ช้อนทองคำกินข้าวนะ  เขาที่ได้ฟังก็ได้แต่ปิดหูน้องพระเพื่อนที่พาออกมาเที่ยว  ก่อนจะแยกเขี้ยวใส่ประมาณะหมาแม่ลูกอ่อน แล้วบอกว่าเขาไม่มีทางกลับไปเป็นเด็กเลี้ยงแน่ๆ  และพี่ธนิตเองที่ได้คำตอบแบบไม่เป็นที่น่าพอใจ  พี่แกเลยแอบวางแผนจนเขาทะเลาะกับเสี่ยไปหนึ่งรอบ

เสี่ยเองตอนแรกก็ไม่รู้เรื่องว่าเกิดเรื่อง  ต้องรอจนเขากับน้องพระเพื่อนหนีไปอยู่เชียงใหม่นั่นแหละเสี่ยถึงตามมาง้อ  เรื่องนี้เขาขอไม่ลงรายละเอียดมาก  ค่อยไปตามอ่านในส่วนของเสี่ยเอง

แต่ก็เพราะมีแผนการของพี่ธนิต  เขากับเสี่ยที่อยู่กันแบบมึนๆ อึนๆ  คนรักก็ไม่ใช่  และเด็กเลี้ยงก็ไม่เชิง  ก็ปรับความเข้าใจและเอาใจใส่กันมากขึ้น  เสี่ยออกไปหาเด็กข้างนอกน้อยลงและกลับมาอยู่กับเขาและน้องพระเพื่อนมากขึ้น  เขาเองก็ยังเป็นแบบเดิมตามปกติคือ  เสี่ยออกไปเขาก็ให้อภัยไม่บ่นมาก  ขอแค่เสี่ยยืนในจุดที่เห็นว่าเขาเป็นที่หนึ่งและให้เกียรติ  ไม่เห็นว่าเขาเป็นเด็กขายตัวเหมือนแต่ก่อนคือใช้ได้  ส่วนเขาก็เคารพเสี่ยในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่  กับเอิ่ม... เป็นสามี  เป็นพ่อของน้องพระเพื่อน 

และอีกอย่าง  เขาเองก็คงอ้าปากบ่นเสี่ยมากไม่ได้เพราะเขาเองก็ไม่ใช่เล่นๆ  ถึงจะไม่ได้แอบมีกิ๊ก  แต่ทุกครั้งที่มีโอกาสเขาก็แอบส่องสาว  เอามาแอบจินตนาการนั่นนี่ไปเรื่อย  ว่างๆ ก็เปลี่ยนมาปลดอารมณ์โดยใช้มือบ้างกับดูหนัง AV บ้าง  ซึ่งก็ได้อารมณ์แบบหนุ่มโสดแต่มีผัวแล้ว  แปลกดีไปอีกแบบ

เอาเป็นว่าเรื่องของเขากับเสี่ยก็จบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้ง  ถึงอาจจะไม่ตรงใจใครหลายคนบ้าง  แต่เขาก็เลือกอยู่แบบที่ตนเองมีความสุข  ถึงจะไม่ถูกกับบรรทัดฐานทางสังคมและค่านิยมที่รักเดียวใจเดียว  แต่เพราะเขาอยู่แบบนี้แล้วมีความสุขก็เลยอดทนได้ 

และอีกอย่างชีวิตคนเรามันก็เป็นแบบนี้  สุขบ้าง  ทุกข์บ้าง  ขมๆ ปนหวาน  ปนฝาดปนเปรี้ยวบ้างแต่เขาก็มีความสุขดี  และอาจเป็นเพราะเขาปล่อยวางและอยู่ในทางสายกลางบ้างเขาก็เลยไม่ทุกข์มาก  ถึงจะมีคนติฉินนินทา  แต่ก็เป็นดั่งคำพระที่สอนว่า


อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ  ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน  แต่องค์พระปฏิมายังราคิน  คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา


แหม  นี่ถ้าเขาเข้าถึงรสพระธรรมอีกหน่อย  เขาก็ว่าจะออกบวชอยู่นะ  ติดที่ตัดกิเลสไม่ได้และยังมีห่วงอย่างน้องพระเพื่อน  เขาที่ยังหมุ่นเลยใช้ชีวิตแบบลั้นลาแต่ไม่ประมาทมาก  ทั้งเรื่องชีวิตและเรื่องเพศ  ที่เสี่ยยังแอบไปมีกิ๊กอยู่เรื่อย  จนเขาต้องใส่ถุงยางและไล่เสี่ยไปตรวจเลือดทุกสามครั้ง  ก่อนที่จะมาจิ๊จ๊ะกันอีกครั้ง

ส่วนน้องพระเพื่อนก็เติบโตขึ้นมาด้วยมือเขาอยู่ทุกวันจนติดมือเขามาก  เวลาป้อนนมก็ต้องให้เขาอุ้ม  เรียกว่าเสี่ยเป็นหมาหัวเน่าของจริง  เพราะเวลาที่น้องพระเพื่อนร้องและพี่เลี้ยงไม่อยู่  เสี่ยที่ไม่ค่อยได้อุ้มก็เอาแต่ทำหน้าบึ้งบอกว่าบลูกไม่รัก  โถ  พ่อคนแก่ใจน้อย  ก็ตัวเองไม่ค่อยได้อุ้ม  เด็กที่ไหนจะติดมือล่ะ 

แต่ก็นั่นแหละ  ได้แต่คิดแต่ก็ไม่พูดเพราะถ้าพูดไปอาจบ้านแกได้  เสี่ยแกยิ่งแก่ยิ่งขี้น้อยใจอยู่ (อย่าเอาไปบอกเสี่ยนะว่าเขาด่า)

แล้วก็นะ...  ในตอนสุดท้ายและตอนท้ายสุดของเรื่อง  เขาที่อดทนมานานก็ประสบผลสำเร็จเป็นผู้ชนะกับเขาเสียเสี่ย  เพราะเสี่ยที่ใกล้อายุสี่สิบ  ในที่สุดก็มาถึงจุดอิ่มตัวเรื่องเซ็กซ์  เสี่ยเริ่มกลับมาอยู่กับเขาแบบถาวรและมีเวลาให้น้องพระเพื่อนที่โตมาเป็นเด็กน่ารัก (ฝีมือเขาเลี้ยง!)  และถึงจะต้องใช้เวลาแต่เสี่ยก็บอกรักเขาในวันหนึ่งที่ร่วมเตียงกันจนได้  เขาที่อยู่ในวัยใกล้สามสิบที่ผ่านอะไรมาก็เยอะเลยได้แต่ยิ้มรับและบอกรักเสี่ยกลับบ้าง  คือตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเขาก็ไม่เคยบอกรัก  แต่เขาคิดว่าเสี่ยก็รู้เพราะไม่งั้นเขาก็คงไม่อดทนกับเสี่ยมาจนถึงป่านนี้ 

และเขา...ในฐานะผู้ชนะคนสุดท้ายที่รอคอยมานานแบบไม่คาดหวังมาก  สุดท้ายก็ได้รางวัลอันทรงเกียรติคือ  ในที่สุดเสี่ยก็หึงเขาบ้าง  เขาที่อยู่ในวัยกำลังจะสามสิบเรียกว่ายังหนุ่มยังแน่น  และถึงจะเป็นเกย์แต่ก็ยังชอบแอบส่องสาวท่าทางมันเลยไม่ออกมาก  บวกกับมาเป็นผู้ช่วยเสี่ยแบบเต็มตัวเพราะน้องพระเพื่อนไปโรงเรียนแล้ว  เขาที่หล่อ ล่ำ บึก  ใส่ชุดสูทแบบดูดีเวลาไปรับน้องพระเพื่อนที่โรงเรียนที  สาวๆ ก็แอบมองกันให้ขวับ  และยิ่งกลับพนักงานสาวๆ ที่อยากเอาเต้าไต่  เอ๊ย  ไต่เต้าด้วยที่ไม่รู้ว่าเขากับเสี่ยเป็นอะไร  เขาก็ได้แต่ตอบรับข้อเสนอด้วยรอยยิ้ม  เรียกว่าเสี่ยได้หึงเมียเด็กคราวนี้  สะใจจริงโว๊ย!

แต่ๆๆ  แต่เพื่อความสุขของครอบครัว  ถึงเขาจะดีใจแต่ก็ไม่ได้ดี๊ด๊าทำเสี่ยปวดหัวมาก  แค่เรียกว่าเป็นรสชาติของชีวิตที่นานๆ จะมีสาวมาอ่อยที  และเสี่ยเองที่เป็นวัวแก่เคยกินหญ้าอ่อนก็เพิ่งมาสำนึกผิดก็ตอนนี้  เรียกได้ว่าทั้งตามใจทั้งตามประคบประหงมเขาในวัยสามสิบเลยก็ว่าได้  เพราะเสี่ยกลัวถูกเขาทิ้ง!  ถึงเสี่ยจะไม่พูดออกมาเป็นคำพูดแต่เขาก็รู้สึกได้

เอาล่ะๆ  เวิ่นอวดผัวมาเยอะ  เอาเป็นว่าเขาขอจบเรื่องของตัวเองจริงๆซักที  และเอาเป็นว่าเรื่องของเขาที่เคยเป็น "เด็กเลี้ยง" ก็จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง  เขามีผัว  เอ๊ย  สามีกับคนที่มีอะไรด้วยครั้งแรก  มีน้องพระเพื่อนเป็นลูก(ถึงจะเป็นลูกเสี่ยกับคุณปุยฝ้ายก็เถอะ)  และเขาก็มีที่สามีที่กลับอกกลับใจมาเป็นคนรักเดียวใจเดียวด้วย  และถึงเขาจะผ่านอะไรมาเยอะ  แต่ถ้าถามว่าอยากเปลี่ยนอดีตไหม  เขาก็ตอบเลยว่าไม่  เพราะเขาที่มีปัจจุบันแบบนี้ก็เพราะมีอดีตที่ตนเป็นคนสร้างเพราะงั้นเขาไม่มีทางกลับไปเปลี่ยนอดีตแน่นอน

สุดท้ายจริงๆ แล้ว  เขาก็ขอให้คนที่ได้อ่านเรื่องนี้มีความสุขด้วย   ขอให้ทุกคนมีความสุขกับทางที่ตนเลือก  ถึงจะมีความทุกข์บ้าง  เขาก็ขอให้ทุกคนอดทนแล้วทุกคนก็จะผ่านความเหนื่อยล้าไปได้  เขาอยากให้ทุกคนมุ่งไปสู่ข้างหน้าอย่าจมอยู่กับอดีตที่เพราะเราเปลี่ยนอดีตไม่ได้  เพราะอย่างนั้นจงเก็บอดีตไว้เป็นประการณ์และมุ่งสู่อนาคต   และจงดำรงตนอย่างมีความสุขแล้วความสุขก็จะมาหาเราเองในซักวันหนึ่งด้วย

สุดท้าย(จริงๆ  ของจริงๆ  แล้ว)  ก็ขอเชิญทุกคนไปอ่านบทของเสี่ยบ้าง  เพราะเสี่ยเองก็มีบทน้ำเน่าที่คนอื่นไม่เข้าใจเหมือนใจ  เพราะงั้นอย่าด่าเสี่ยเยอะ  เสี่ยเองก็มีมุมที่เศร้าเหมือนกัน  (ฮ่าๆๆๆๆ  แอบหัวเราะ)  เอาล่ะเขาไปจริงๆ  แล้ว  บ๊ายบาย 





>>>  ยาวมาก  ไม่ได้แก้คำผิดด้วย  เพราะกลัวเปลี่ยนบทอีก
>>>>  พาร์ทหลักจบแล้ว  อีกสองวัน (ขอนอนพักก่อน)  จะมาต่อพาร์ทเสี่ยบ้าง  อาจจะไม่เยอะ เพราะตัดมาเป็นตอนๆ  เอามาทำเป็นตอนพิเศษด้วย  บวกกับภาคพิเศษของรุตกับธันวาด้วย  ถ้าขยันมาจะต่อ  แต่คงอัพช้ากว่าพาร์ทพระแพงนะคะ  ขอไปปั่นเรื่องอ่าน
>>>>>  สุดท้ายขอขอบคุณที่ตามอ่านนะคะ ถึงจะจบแค่ส่วนของพระแพงแต่ก็ถือว่าเรื่องนี้จบแล้ว  เพราะเป็นเรื่อง "เด็กเลี้ยง" ค่ะไม่เรื่องเสี่ย  5555555  เสี่ยเองก็ทนโดนด่าไปเนอะ  อยากเลวดีนัก  555555 (หัวเราะอีกรอบ)




   
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งหลัง [16/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: AmPnie ที่ 16-01-2017 23:25:18
จบแบบมึนๆ คนอ่านก็มึนๆ แล้วคนเขียนนี่มึนๆด้วยไหมนี่ จบจริงเหรอ ห๊ะ จบจริงดิ :hao4: :z3:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งหลัง [16/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 16-01-2017 23:36:37
จิตบอีเสี่ย  บังอาจไปมีกิ๊ก
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งหลัง (ลงครบแล้ว 100%) [16/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: skyberry ที่ 16-01-2017 23:52:54
ขอบคุณค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งหลัง (ลงครบแล้ว 100%) [16/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 17-01-2017 00:02:26
อึนไปอีกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งหลัง (ลงครบแล้ว 100%) [16/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-01-2017 00:19:58
พระแพงยังคงความน่ารัก รอพาร์ทเสี่ยค่ะ
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งหลัง (ลงครบแล้ว 100%) [16/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 17-01-2017 00:39:34
ก็ยังดีที่กลับมารักเดียวใจเดียว  กว่าจะคิดได้ปาเข้าไปสี่สิบ   ชอบพระแพงมาก  เป็นนายเอกที่สตรองมาก  คิดบวกตลอด  ดีใจที่จบแบบแฮปปี้  ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุก ๆ ค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งหลัง (ลงครบแล้ว 100%) [16/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 17-01-2017 01:14:24
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งหลัง (ลงครบแล้ว 100%) [16/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 17-01-2017 01:43:51
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งหลัง (ลงครบแล้ว 100%) [16/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 17-01-2017 01:48:43
กลับตัวกลับใจเพราะตัวเองแก่แล้ว (เริ่มอิ่มตัวแล้วละสิ มักมากดีนักตอนหนุ่ม เชอะ!) งี้น่าจะเขียนให้แพงมีกิ๊กบ้างนะคะ จะได้เท่าเทียมม อิเสี่ยจะได้สำนึกผิด(จริงๆ)บ้าง เฮ้ออ ถึงแพงจะไม่คิดอะไรก็เถอะ แต่ถ้าเราเป็นแพงเราโกรธนะ มาหลอกใช้เราได้ไง แหม่ะ
คำอธิบายของเสี่ยเหมือนจะดี แต่ยังไงก็เรื่องผลประโยชน์ล้วนๆอยู่ดี อยากให้แพงทิ้งมันนักก ยังหนุ่มยังแน่นกลัวไร ชิชะะะ

ปล. อิรุตตต อิเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดดด ฉันเกลียดแกวววว์ (ทำคนไม่คิดห่าไรแบบแพงคิดมากได้ สุดยอดจีๆ) ในส่วนเรื่องปุยฝ้ายนั้น บอกกงๆว่าทั้งวงวารและสมเพชไปในทีเดียวกัน เฮ้อออ ชีวิตตต  :ling2: :ling2:

ปลล. จบแบบมึนๆ เอาเถอะ 555 ชีวิตก็แบบนี้แหละ มึนๆ อึมๆ ครึมๆ ขอบคุณมากค่ะที่เขียนให้อ่าน (หวังว่าพาร์ทเสี่ยจะทำให้เราเกลียดเสี่ยน้อยลงบ้างนะ  :laugh: :laugh: :laugh:)
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งหลัง (ลงครบแล้ว 100%) [16/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 17-01-2017 03:20:17
ขอบคุณครับ
เรื่องเกือบยาว ที่เริ่มจากความตั้งใจให้เป็นเรื่องสั้น และก็ใช้สำนวนรวบรัดแบบเรื่องสั้น แต่สุดท้ายมันก็ยาว (งงไหม?)

เรื่องนี้ ผมชอบมาก สนุก และอยู่กับความจริง

พระแพงมีความอดทน และจิตใจดีงามมาก ชอบๆๆๆ

อย่างน้อยๆ ทุกคนก็ได้เห็นว่า ความอดทนรักษาจิตใจที่ดีงาม สุดท้ายก็ได้ผลดี
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งหลัง (ลงครบแล้ว 100%) [16/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 17-01-2017 05:10:42
พระแพง ............  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ถ้าเราเป็นพระแพงไม่ปล่อยมาจนถึงสี่สิบ
เลิกตั้งแต่เสี่ยอธิบายแล้ว อะไรเนี่ยยย
พระแพงใจดีมาก อิเสี่ยควรรู้ตัวว่าตัเวองได้ของดีขนาดไหน
ใจกว่าดังมหาสมุทรของจริง
แอบคิดว่าถ้าพระแพงไปกับธันวา
เสี่ยจะทำอะไรมั่ง
คือเรื่องนี้เสี่ยควรได้รับอะไรบ้าง แต่นี่แบบบ ......
พระแพงก็คือพระแพงยันตอนจบจริงๆ  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
ไม่ได้ขัดใจตอนจบ แต่ขัดใจเสี่ย
หักคะแนนเสี่ย ยี่สิบแต้มม  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งหลัง (ลงครบแล้ว 100%) [16/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Atroce ที่ 17-01-2017 08:46:20
เป็นเรื่องที่จบได้แหวกแนวดีนะ  คือส่วนใหญ่จะเตอแบบพระเอกกลับใจ แต่นี่ต้องเลยไปอีก  5555
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งหลัง (ลงครบแล้ว 100%) [16/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 17-01-2017 10:42:58
จบแฮปปี้ ก็โอเคคคคคคค55555555
แต่ก็ยังคงหมั่นไส้เสี่ยอะ มันเกินไป๊ ยังจะไปเลี้ยงเด็กข้างนอกอีก เหอๆ อะไรจะอยากปานนั้น พระแพงก้ใจดีไปเสี่ยเลยได้ใจ ชิ

จะรอฟังคำแก้ตัวที่พาร์ทของเสี่ย หวังว่าจะสามารถนำพาตัวเองจากบทตัวประกอบมาเป็นบทพระเอกได้นะ :hao3:

ขอบคุณคนเขียนด้วยคร้าบบบบ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งหลัง (ลงครบแล้ว 100%) [16/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 17-01-2017 14:01:49
โอเคๆ ไหนๆก็ happy end จะให้อภัยเสี่ยละกัน
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งหลัง (ลงครบแล้ว 100%) [16/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 17-01-2017 15:07:18
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งหลัง (ลงครบแล้ว 100%) [16/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: joyey6217 ที่ 17-01-2017 15:09:29
จบดีกว่าที่คาด  ก็ง่ายๆสบายๆ. สไตล์พระแพง
สรุปว่ารุตอธิบายไม่หมด พระแพงมโนเยอะ +ฟังแถมฟังไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียด ทุกความเข้าใจผิดระหว่างสองผัวเมียอลเวงนี้ด่าอิรุตคนเดียว มันใช่หรอวะเสี่ย เหตุผลก็ยังเเถๆ
แต่ในเมื่อพระแพงในฐานะเมียยังไม่เดือดร้อน
เราในฐานะป้าข้างบ้านผู้ห่วงใยจะไปว่าไรได้ คนเค้านอนคุยกันย่อมเข้าใจกันดี 
ล่ะพระแพงนางก็ง้อง้ายง่าย คนมันมีรักใจรักเค้า กอดนิดลูบหน่อย ตัวก็อ่อนระทวยแล้ว บวกกับให้อาหารเยอะๆ ก็เข้าใจเสี่ยล่ะ ซะงั้น
โด่ แต่บั้นปลายของเสี่ยก็ไปไหนไม่ได้ ก็กลับมาตายรังคาตายคาอกแบนๆของพระแพง ล่ะวะ
ล่ะพวกเราไปห่วงนางทำไม นางสบยๆถูกใจก็คบกันไป เอาเถอะถ้าพระแพงพอใจ มีความสุขมากอย่างที่บอกมา พวกเราก็ดีใจด้วย สามีมีกิ๊กไม่หวั่นด้วยนะ
ใจกว้างเป็นมหาสมุทรอินเดีย แถมเลี้ยงลูกสาวให้อย่างดีดุจลูกตัวเอง อภิชาติเมียมาก...คู่นี้เค้าอยู่กันได้เพราะยอมรับกันได้ รู้ว่าเสี่ยมันหื่นถ้าสนองได้ก็สนอง สนองไม่ได้ ไปแอบมีกิ๊กก็ปล่อย ส่วนเสี่ย มีข้างนอกก็จริง แต่พระแพงคือที่หนึ่ง เอออออ  ถ้าแพงรับได้ พระแพงไม่เดือดเลยมีแต่พวกเราที่หึงหวง เดือดแทนนาง
แพงนี่ก็ฮาดีนะ  เเม่เสี่ย นางยังไปงัดข้อเรื่องตั้งชื่อมาแล้ว นางคงมั่นใจว่าเสี่ยถือหางนั่นแหละ  และกลายเป็นผู้ชนะคนสุดท้าย ในท้ายที่สุดคือ พระแพงนั่นล่ะ อดทนมานานนม กว่าจะมีวันที่เสี่ยหยุดได้ (หยุดจริงป่าวอีกเรื่อง คนมันเจ้าชู้ยังไงมันก็เจ้าชู้วันยังค่ำ) แต่นางหัวเราะที่หลังได้สะใจมาก  รออ่านภาคของเสี่ยอย่างใจจดจ่อนะคะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งหลัง (ลงครบแล้ว 100%) [16/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 17-01-2017 15:15:58
แพง นายโคตรทนเลย
ถ้าไม่ใช่คิดแบบนี้อิเสี่ย เอ็งตายแน่
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งหลัง (ลงครบแล้ว 100%) [16/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: seii ที่ 17-01-2017 17:01:52
ทำไมคนดีๆ มันต้องมาได้กับคนเเบบอีเสี่ยนะ
นางดีเกิ้น เขาง้อหน่อยก็หงอเเล้ว เเถมยอมรับที่ผัวจะนอกกาย
วันดีคืนดีเจอกิ๊กบ้าๆ อย่างนังปุย เอาเข็มเเทงถุงยางปล่อยเอดส์ให้ จะคอยสมน้ำหน้า
เกลียดจริงคนมักมาก ถึงเเฟนจะรับได้ เเต่ไม่มีใครลั้ลลาที่ผัวไปเอากับคนอื่นมาหรอก
รับได้เพราะไม่กล้ามีปากเสียเเละรักมากไงล่ะ เเต่อีเสี่ยมันรักไม่พอที่จะละนิสัยเเรดๆ ของมัน
ต้องรอให้เเก่อ่ะ กว่าจำสำนึก? สำนึกหรือเอาจนเบื่อ อันนี้ไม่เเน่ใจ
เเต่เอาเถอะ พระเเพงรับได้ก็ดีใจกับนางด้วย 555
พาร์ทของอีเสี่ย ต่อให้มีคำเเก้ตัวเหตุผลไรก็คงฟังไม่ขึ้นอ่ะนะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง บทจบ ครึ่งหลัง (ลงครบแล้ว 100%) [16/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Abella ที่ 17-01-2017 20:21:10
ถ้าเป็นพระแพงจะมีความสุขได้ไหมนะ ผัวนอกกายไปเอาคนอื่นเอาจนเบื่อแล้วมาสำนึกได้ตอนจะแก่นี่มีความสุขไหม ก็จบแบบมึนๆตรรกะแปลกๆที่ไม่ค่อยได้เห็น
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เสี่ย พาร์ท II [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 17-01-2017 21:54:18
*ควรกลับไปอ่านภาคหลักตอนที่พระแพงเจอเสี่ยอีกรอบ  เพื่อเพื่มความฟินกับความฮาในการมโนของพระแพง

เสี่ย  Part  II




ตอนที่เห็นหน้าพระแพงอีกครั้งที่บริษัท  จากที่หงุดหงิดอยู่แล้ว  เขาก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น  เขาไม่ชอบให้เด็กเลี้ยงมายุ่มย่ามถึงในที่ทำงาน  แถมนี่ยังลามปามถึงขนาดมาสมัครงานในบริษัทเขาด้วย  เขาไม่สนหรอกนะว่าพระแพงจะเข้ามาด้วยวิธีไหน  แต่ในเมื่อกล้ามาเขาก็กล้าตอบโต้   กล้ามาเหยียบถึงถิ่นเขา  เขาคงต้องโยนให้ธนิตจัดการ  เขาไม่ชอบทำอะไรที่ต้องเสียมือเปล่า  แถมเขาลงมือเองพระแพงอาจไม่เจ็บจำเท่าธนิตลงมือด้วย  และจะมาหาว่าเขาใจร้ายไม่ได้  พระแพงอยากเลือกมาเจอเขาตอนที่เขาหงุดหงิดเอง

แต่พอเห็นท่าทางของพระแพงที่ส่งสายตามาเขาก็ใจอ่อนวูบ  จากที่หงุดหงิดก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย  พระแพงเป็นเด็กขี้อ้อน  และมีความจริงใจ  ถึงเขาจะอ่านสายตาและบางประโยคที่พระแพงส่งมาไม่ออก  แต่เขาก็พอสรุปใจความได้ว่า  พระแพงไม่ได้ตั้งใจจะมาสมัครงานที่นี่ 

คิดแล้วก็อดหงุดหงิดขึ้นมาอีกหน่อยไม่ได้  เด็กคนอื่นที่เขาเคยเลี้ยงทุกคนรู้เรื่องเขาดีกันหมดทั้งนั้  มันก็เหมือนกับเป็นการทำการบ้าน  ที่ทุกคนต้องรู้จักเสี่ยเลี้ยงของตัวเองเพื่อที่จะได้เอาอกเอาใจเสี่ยเลี้ยงของตัวเองได้ถูกต้องมากขึ้น  แต่พระแพงนี่...ท่าทางนามสกุลเขาก็คงยังไม่รู้จักเลยมั้ง  ถึงนามสกุลเขาจะไม่ได้ใหญ่มาก  แต่ก็เป็นคนที่อยู่ในวงการส่งออกที่มีทรัพย์สินหลายพันล้าน  แล้วพระแพงเป็นพนักงานประสาอะไร  แค่หน้าตาท่านประธานหรือนามสกุลของท่านประธานก็ยังไม่รู้   มันช่างน่าจัดการนัก

แต่นั่นก็ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของพระแพงล่ะนะ  พระแพงน่ะเป็นเด็กไม่คิดมาก  คิดอะไรหรือมองอะไรก็มองแต่ในแง่ดี  งานการ...  เอาตรงๆ ก็คือสอนงานได้ง่ายมาก  โดยเฉพาะกับเรื่องบนเตียงที่ตอนแรกน่ะพระแพงออกจะใสเอามากๆ  ถึงขนาดอดทนข่มกลั้นแต่ก็ไม่ยอมเปิดปากส่งเสียงร้องขอให้เขาช่วย  เขาที่อยากได้ยินเสียงเลยแกล้งไปเสียหลายชุด  สั่งสอนไปอีกยกใหญ่  จนตอนหลังพระแพงก็มาถึงจุดที่จำได้ว่าเมื่อไหร่ควรจะเปิดปากเพื่อเพิ่มรสชาติของชีวิตเวลาอยู่บนเตียง

อะแฮ่ม  นี่ไม่ใช่ว่าเขาลามกหรอกนะ  เขาแค่รำลึกอดีต  อย่างที่เขาบอกไปแล้วว่าพระแพงสอนง่ายมาก  เพราะอย่างนั้นในครั้งต่อๆ ไป  เวลาไปหาพระแพงเขาก็รู้สึกมีความสุขมากขึ้น  มันเหมือนเป็นการสอนเด็กตัวเล็กๆ  จนเป็นงาน  แถมพระแพงก็ยังคงเป็นเด็กใสซื่อ  ไม่ได้แสแสร้งแกล้งทำเป็นเขินอายเหมือนอย่างเด็กบางคน....

เอิ่ม  ซักจะนอกเรื่อง  เอาเป็นว่าเรื่องพระแพงนี่เขาค่อยให้คช่วยสืบให้ก็ได้   ตอนนี้เขาขอมาสำรวจพระแพงดูแบบเต็มๆ ตาดีกว่า  อืมม  ไม่ได้เจอกันมาหนึ่งปีดูเหมือนพระแพงจะสูงใหญ่ขึ้น  จากที่สูงอยู่แล้วก็ยังอุตส่าห์สูงขึ้นได้อีเพราะพระแพงยืนหลังตรงมากขึ้น  เมื่อก่อนแพงก็ไม่เดินหลังค่อมให้เสียบุคลิกภาพ  แต่ตอนนี้เหมือนกับ...  เหมือนกับเป็นผู้ชายที่ดูผู้ใหญ่เต็มตัวแต่ยังดูหน้าซื่อๆ  ยิ่งตอนที่แพงกระพริบตาใส่เขา  เขาแปลไม่ออกหรอกว่าแพงอยากพูดอะไรบ้าง  แต่ไอ้ท่าทางหูตกหางตกแบบนั้นทำเอาเขาอดรู้สึกขำไม่ได้  ถึงจะยังมีเรื่องเครียดแต่เขาก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น  จนถึงขั้นกล้าโอบเอวปุยฝ้าย 

ส่วนเรื่องเครียด...  เอาเป็นว่าเขาไม่ขอประจานครอบครัวตัวเองให้ขายหน้าเล่น  แต่ขอสรุปเลยว่าการแต่งงานของเขากับปุยฝ้าย  เขาไม่เคยเห็นด้วย  ถึงส่วนหนึ่งจะเป็นแผนการแต่การที่เขาต้องมานอนกับผู้หญิงนี่รับเขาไม่ได้จริงๆ  แถมปุยฝ้ายเองก็ไม่ได้ว่าจะสะอาด  ถึงเขาจะส่งคนไปคอยตามสืบดูแล้ว  แต่ก็ยังจับตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้  เขาที่ยังรู้แต่เรื่องผิวเผินเลยต้องยอมเดินไปตามแผนของปุยฝ้าย  จุดประสงค์หลักของปุยฝ้ายตอนนี้เขายังไม่รู้  แต่การที่คุณเธอยอมมาอ่อยเขาถึงในที่ทำงาน  รวมกับเสนอตัวเสนอหน้ามาให้เขาเห็นตลอดนี่ก็คงไม่พ้นพล็อตน้ำเน่าอย่างการมีลูก  เพราะการมีลูกหมายถึงการเกี่ยวดองที่จะมีแต่ประโยชน์เอื้อให้ฝ่ายหญิงมากขึ้น  เขาที่อายุสามสิบเลยต้องมาเทคยาเพื่อมีลูก 

คิดแล้วอดจะสมเพชแถมอดสงสารลูกชายตัวเองตัวเองไม่ได้  เพราะทุกครั้งที่ปุยฝ้ายมาหา  เขาต้องกินยาอยู่ก่อนเกือบครึ่งชัวโมง  รวมกับการโลมไล้อีกสิบห้านาที   แล้วปฎิบัติให้เสร็จสองน้ำภายในชั่วโมงครึ่ง   ยังดีที่ปุยฝ้ายจะมาเฉพาะช่วงที่(คาดว่า)  จะเป็นช่วงตกไข่  เขาเลยไม่ต้องอดกลั้นฝืนกินมาก  แต่ช่วงแรกๆ  นี่....

เอาเป็นว่าไมเกรนเขาจะแดก   แล้วก็ไม่รู้ว่าลูกชายเขาจะฟ่อก่อนได้มีลูกจริงๆ ไหม  เพราะเขาเป็นเกย์แบบบอร์นทูบี   จะมีอะไรกับผู้หญิงได้ก็ต้องแอบเทคยาก่อนทุกครั้ง   แล้วแถมยังต้องปล่อยสดทั้งที่ปกติเขาต้องใส่ถุงตลอดเพราะติดเป็นนิสัยแล้ว  แต่นี่....

เฮ้อ  เอเป็นว่าเขากลับมาสนใจที่ตัวพระแพงดีกว่า  ช่วงเวลาที่สบตากันเขาสังเกตเห็นแล้วว่าพระแพงไม่ได้เปลี่ยนไปมาก  โดยเฉพาะกับนิสัยและรูปร่าง  แพงยังดูเป็นม้าหนุ่มพันธุ์ดีที่พร้อมผสมพันธุ์  ตัวสูงหุ่นหนา  แต่ก็ยังบางกว่าเขาเล็กน้อย  ช่วงเอวสอบก็ยังแอบเซ็กซี่อยู่แบบเดิมทั้งที่ไม่ได้ใส่กางเกงฟิตเปรี๊ยะ  อืมม  แพงยังคงมีรูปร่างแบบชายหนุ่มเต็มตัวที่ได้เป็นเกย์หรือตุ๊ด  หน้าตากับผิวพรรณก็ถึงจะดูหยาบไปบ้างเพราะคงไม่ได้ดูแลตัวเองดีแบบที่ตอนเป็นเด็กเลี้ยง  แต่ผิวใต้ร่วมผ้าที่ก็คงจะนุ่มลื่นและแข็งแกร่งพอตัว 

พอลองพิจารณาองค์ประกอบรวมๆ ของพระแพงแล้ว  ก็ถือว่าพอผ่านใช้ได้  เพราะรสเซ็กซ์กับพระแพงเขาก็ยังจดจำได้แบบไม่รู้ลืม   ถ้าอย่างนั้นเขาค่อยรอจนผลการตรวจสอบก่อนว่าพระแพงไม่ใช่หนอนบ่อนใส้  เขาก็อาจจะเอาพระแพงมาเป็นคู่นอนอีกก็ได้  และถ้าพระแพงสบาย   อยากจะกลับมาเป็นเด็กเลี้ยงเขาก็พร้อมที่จะจ่ายเงินให้  เขามันป๋าสายเปย์อยู่แล้ว  อละอรกอย่างที่สำคัญคือตอนนี้เขาไม่อยากเรื่องมาก   มีอะไรเขาก็อยากจะคว้าเอาไว้ก่อนโดยเฉพาะกับเด็กผู้ชาย....

เอาล่ะๆ  เอาเป็นว่าถ้าพระแพงจะสะอาด  ไม่ได้เป็นสายลับหรือหนอนบ่อนไส้   เขาก็อาจจะเอาพระแพงมาอยู่ข้างๆ  เอามาเป็นคู่ขาแก้เครียดเวลาที่ต้องอยู่กับปุยฝ้าย  คิดได้แบบนี้เขาก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมานิดๆ  ปกติแล้วเขาไม่ได้ชอบผู้หญิงแต่ไม่ได้รังเกียจมาก  แต่จะให้มีมาอะไรกับปุยฝ้ายเพื่อมีลูกถือว่าเป็นสิ่งที่เหลือรับ  ถึงมันจะเป็นแผนการ  แต่การลงทุนแบบนี้มัเหมือนกับจะมีแต่เสียไม่มีได้  ถึงพ่อกับแม่เขาจะอยากอุ้มหลานเขาก็ไปหาแม่อุ้มบุญแถวๆ เดนมาร์กก็ได้  ไม่ต้องมานั่งทำลูกเอง  เลือกเพศก็ได้  ตรวจโครโมโซมกับคัดเชื้อก็ได้  ไม่ต้องมาสอดใส่...  แค่คิดก็ขนลุก

ช่างเถอะๆ  เอาเป็นว่าเรื่องนี้เขาจะถือว่าเป็นหนึ่งในแผนซ้อนแผนที่เขายอมทำเพราะเขายังมองแผนปุยฝ้ายไม่ออก  แต่ถ้ามีลูกหรือได้แต่งงาน  แผนการบางอย่างก็คงจะกระจ่างขึ้น  เขาไม่ใช่นอสตราดามุสที่จะทำนายแผนกรือกำหนดอนาคตได้  ตอนนี้เขาก็ได้แต่ไหลไปตามน้ำและจับตาดูปุยฝ้ายไว้  ส่วนพระแพง... 

สู้เขาเอาเวลามาคิดหาทางให้พระแพงมาอยู่ในกำมือดีกว่า  พระแพงเป็นเด็กว่าง่ายแต่ก็ถือว่ามีทิฐิกับศักดิ์ศรีอยู่เยอะ  เขาคงต้องวางแผนดีๆ  หน่อยแพงจะได้ยอมมาเป็นเด็กเสี่ยให้เขาเลี้ยงอีกรอบ  แต่ในตอนที่เขาแอบเอามือไปแตะเพื่อส่งซิก  เหมือนว่าจะไม่ง่ายแฮะ  เพราะพระแพงเหงื่อแตกพลั่ก  เขาที่เห็นหน้าพระแพงหงอๆ ซีดๆ  ก็คิดว่าคงไม่ง่ายที่จะเอาพระแพงกลับมาเป็นเด็กเลี้ยง 

ต้องวางแผนแบบไหนนะ  พระแพงถึงจะมาอยู่ในมือ

ต้องหลอกล่อข่มขู่แบบไหนนะ  พระแพงถึงจะยอมตกลงอย่างว่าง่าย

แต่ในช่วงทระหว่างที่เขาคิด...

" อธิปคะ" 

เสียงของปุยฝ้ายที่เรียกชื่อเขาดังเข้ามาในหู    มีอะไรอีกล่ะ   เขาคิดแบบเซ็งๆ แต่ก็ไม่อยากทำหน้าหงิกเหมือนเกย์แก่แต๋วแตกเรื่องมากเวลาที่ถูกผู้หญิงทัก  เลยได้แต่มองตามสายตาของปุยฝ้ายไปจนสังเกตเห็นพระแพงที่นั่งเหงื่อตกดูมีพิรุธ

พระแพงนี่....   ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ถึงได้หน้าซีดปากสั่นขนาดนั้น  แถมเหงื่อก็ออกโชกทำท่ายิ่งกว่าคนที่มีพิรุธ  คนอื่นที่ยืนตรวจงานอยู่เขาก็เห็นท่าทางที่ผิดปกติกันหมดแล้ว  เขาที่ยืนอยู่เลยตัดบทเพราะไม่อยากพูดอะไรมาก  เดินตรงเข้าไปหา  เรียกพระแพงให้หันมา  แต่พระแพงนี่สิหน้าซีดตัวสั่นไม่เลิก  แถมยังไม่ยอมหันมา  ทำเอาเขาหงุดหงิดคิดว่าแพงเป็นสายลับที่กำลังจะถูกล้วงความลับ  จนสุดท้ายเลยสะกิดนั่นแหละ  พระแพงถึงได้หันมาได้

แต่พอพระแพงหันมาเท่านั้นแหละ  ลูกชายเขาที่หลับอยู่เกือบจะลุกเพราะยาปลุกที่ตกค้าง  พระแพงหน้าซีดแต่ปากกับตาแดงก่ำมาก  เหมือนคนเมายาที่ตาดูฉ่ำเยิ้มนิดๆ  เขาเคยมีอะไรกับพระแพงมาแล้ว  ถึงจะไม่รู้ว่าพระแพงคิดอะไรอยู่  แต่เขาก็รู้สึกว่าพระแพงเซ็กซี่ชวนขย้ำมาก  เขานี่แทบอยากกดพระแพงลงกับโต๊ะแล้วจัดการสำเร็จโทษบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยเอกสารแทน 

อะแฮ่ม  เขาไม่ได้ลามก  มันเป็นผลจากยาที่ตกค้าง! 

เพราะอย่างนั้นเพื่อรักษาหน้าตา  เขาที่ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ   ก็ได้แต่เรียกพระโพธิสัตว์อยู่ในใจ  เจ้าแม่กวนอิมหนอ  โปรดช่วยให้ลูกสงบลงด้วยหนอ  อย่าปล่อยให้ลูกชายตื่นขึ้นมาจนอับอายขายหน้าได้หนอ

ว่าแล้วเขาจัดการงัดตบะที่แก่กล้าเกินคนและประสบการณ์กว่าสามสิบปีมาสยบลูกชายให้หมอบราบคายแล้วหกหัวกลับเข้าไปอยู่ในกางเกง  ก่อนจะกดเสียงให้เรียบนิ่งแล้วเปิดปากบอกว่า  " มือถือ" 

เขาสั่งเสียงเรียบนิ่งแต่ใจไม่นิ่ง  ก่อนจะยืนมือออกไปรับโทรศัพท์มือถือจากพระแพง  แต่พอเขาเห็นมือถือเท่านั้นแหละ  ความอยากหดหายไปทันทีแบบไม่ต้องใช้ตบะช่วย  เหลือก็แต่ความอยากกระทืบพระแพงเอามากๆ  เงินเขาก็ให้ไปตั้งเยอะ  สร้อยเขาก็ให้  ทำไมไม่ขายกินเพื่อซื้อมือถือใหม่ซักเครื่อง!

" รหัส?"  เขาถามแบบที่แทบจะขู่คำราม  ไอ้มือถือนี่มันมาจากสมัยพระเจ้าเหาหรือไง  แล้วอย่าคิดนะว่าเขาไม่เห็นสายตาแกมสมเพชของพระแพงที่ส่งมานั่นนะ   ถึงเขาจะแปลความไม่ออก  แต่มันน่าเอามือถือขว้างใส่หัวนัก!

มาถึงตรงนี้เขารู้แล้วล่ะว่าแพงไม่ได้เป็นสายลับ  เพราะคงไม่มีสาบลัยคนไหนทำตัวต๊อกต๋อยใช้มือถือแบบนี้ส่งข้อมูล  ขนาดไลน์ยังเล่นไม่ได้  แถมกล้องถ่ายรูปก็ไม่ดี  นี่เขาเลี้ยงเด็กได้ยาจกขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย  เสียชื่อเสี่ยสายเปย์หมด  เพราะงั้นเขาเลยกดตรวจสอบโทรศัพท์ไปแบบพอเป็นพิธี   ส่วนคอมน่ะความจริงก็แค่ตรวจเป็นพิธีเท่านั้นเรียกว่ายกปืนขู่ขึ้นฟ้า  ดูว่าพนักงานคนไหนที่แอบตื่นตัวจนดูพิรุธบ้าง  ซึ่งก็ไม่มีเพราะสายเขาที่ยังอยู่ในห้องก็จับอะไรไม่ได้ 

ว่าแต่...ไอ้โทรศัพท์นี่มันจะใช้ยากอะไรนักนะ   เขาที่ให้พระแพงเปิดรหัสให้แล้วยังเกือบโทรออกไม่ได้  ต้องงมอยู่นานกว่าจะใส่เบอร์โทรศัพท์ของตัวเองลงไปแล้วกดโทรออกได้  เบอร์พระแพงเขาลบไปแล้วแถมยังอยู่ในโทรศัพท์อีกเครื่อง  แต่ของพระแพง...

xXx
.
.
.
ไอ้พระแพง!!

ไอ้เด็กเวรนี่!

เขาที่โกรธจัดก็ได้แต่หันหน้าไปมองพระแพงที่ทำสีหน้าไม่รู้เรื่อง  เขาควรดีใจใช่ไหมที่พระแพงยังไม่ลบเบอร์มือถือเขาทิ้ง  และฐานะที่พระแพงเคยเป็นเด็กเลี้ยงจะตั้งชื่อเขาในโทรศัพท์เป็นชื่ออื่นก็ไม่แปลกเพราะมันเป็นหน้าที่  เป็นสิ่งที่ควรทำ  แต่สัญลักษณ์นี่มันอะไร!  เหมือนสัญลักษณ์  olo ไปหน่อยไหม!  (นิ้วกลาง)  แถมมันยังจะมาตีหน้าเซ่อ  มันน่านัก!!!

แต่เขาที่เป็นถึงผู้บริหารก็ยังมีหน้าที่ต้องรักษา  เขาเลยต้องงัดตบะมาสงบใจอีกรอบ   มันยังเด็กหนอ  ใจเย็นหนอ  อย่ากินหัวเด็กง่ายๆ  เลยหนอ   อีกอย่างถ้าเขากินหัวเด็กตอนนี้เขาอาจอดกินเด็กไปอีกสามเดือนก็ได้  เพราะต้องรอเด็กใหม่ตรวจโรค  เพราะฉะนั้นเขาต้องทำใจร่มๆ  เข้าไว้

รอจนเขาสงบใจได้  เขาก็แต่ส่งมือถือคืนไปพร้อมกับสายตาเย็นเยียบ  เขาไม่รู้หรอกนะ (และไม่อยากรู้ด้วย)  ว่า พระแพงตีหน้าเขาออกไปว่ายังไง  แต่ไอ้ท่ากระพริบตาปริบๆ นี่มันน่าจิ้มลูกกะตานัก!  ดีนะที่ปุยฝ้ายมาสะกิดเขาก่อนไม่งั้นเขาได้จิ้มลูกกะตากลมๆ  น่าหมั่นไส้นั่นแน่  และถึงเขาจะเผลอสะบัดมือปุยฝ้ายออกแต่ก็ยังพอกลับลำได้เพราะเขาโกรธพระแพงไม่ได้โกรธปุยฝ้าย!
 
สุดท้ายเขาเลยได้แต่ส่งมือถือคืนด้วยความรังเกียจ  ก่อนมองหน้าพระแพงเป็นการคาดโทษ  เดินโอบเอวปุยฝ้ายให้เดินออกไปพร้อมกับพวกผู้บริหารที่ยืนรออยู่หน้าลิฟท์

ส่วนไอ้เด็กแพง...

รอเขาตรวจสอบให้แน่ก่อนเถอะว่าพระแพงไม่ใช่หนอนบ่อนไส้แน่ๆ   แล้วเขาจะจัดการทบทั้งต้นทบทั้งดอกเลยคอยดู  ฮึ่ม!!




>>>>  ตอนนี้เสี่ยยังไม่แซบ  แต่ตอนหน้าเสี่ยแซบ  พร้อมถูกแม่ยกด่าแน่นอน  อุฮิ  =.,=
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เสี่ย พาร์ท II [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 17-01-2017 22:13:11
ยิ่งอ่านพารท์นี้ยิ่งเกลียดอีเสี่ย  มันไม่มีความรักให้พระแพงเลยนี่หว่า    จะให้ธนิตจัดการพระแพงอีก  เลวจริง ๆ  :katai1: :fire:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เสี่ย พาร์ท II [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 17-01-2017 22:20:23
ไม่ไหวๆๆ เสียนี่มันเลวจริงๆ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เสี่ย พาร์ท II [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 17-01-2017 22:29:35
อิเสี่ยยยยยยยยยยยย   :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เสี่ย พาร์ท II [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: joyey6217 ที่ 17-01-2017 22:51:55
ถึงขั้นต้องกลับไปอ่านตอนพระแพงเจอเสี่ยที่บริษัทครั้งอีกครั้ง ฮามากกก ตอนพระแพงคิดก็ฮาแล้ว มาเจอภาคของอีเสี่ยยิ่งฮากว่าเดิมเพิ่มเติมคือหื่นกว่า.
สองคนนี้ทันทีทีมือแตะกันก็สปาร์คเครื่องฟิตสตาร์ตติดง่ายทันทีทั้งคู่   

และเสี่ยแลดูลำบากลำบนในการปั้มลูกเนอะ. จะสงสารดีไหมล่ะนั่น ลงทุ้นลงทุน ถึงกะต้องเทคยา โว๊ะ

ล่ะความคิดแต่ละอย่างที่เสี่ยคิดกะพระแพง เฮ้อออ เสี่ยเว้ยไม่หื่นดิวะ. แลดูหักห้ามใจแบบอย่างยากลำบาก เสี่ยไมเป็นคนแบบนี้วะ นึกว่าพาร์สเสี่ยเสี่ยจะดีกว่าเดิม แต่เสี่ยก็ยังเป็นเสี่ยหัวงูคนเดิมนี่หว่า ยังหื่นได้อีกในตอนหน้าสินะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เสี่ย พาร์ท II [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 17-01-2017 23:05:48
เสี่ย ตอนเห็นแพงนี่ไม่เคยคิดไรเหนือสะดือเลยนี่หว่า????


ม่างงงงงงง แก่ เกย์ เปย์ หื่น
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เสี่ย พาร์ท II [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 17-01-2017 23:07:58
ฮามาก คู่นี้ หื่นพอกันเลย กร๊าก พอย้อยไปอ่านตอนพะแพงนะ ยิ่งขำ กร๊ากกกก

อิเสี่ยวเลว และหื่นมาก
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เสี่ย พาร์ท II [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 17-01-2017 23:15:12
เสี่ยก็ยังเป็นเสี่ย เชี่ยยังไงก็เชี่ยแบบนั้น -*- เฮ้อะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เสี่ย พาร์ท II [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Atroce ที่ 17-01-2017 23:30:55
แก่ เกย์ เปย์ หื่นจริง  เสี่ยยยย 55555 มีความดีอยู่บ้างมั้ย
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เสี่ย พาร์ท II [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 17-01-2017 23:42:28
อยากกรอกตามองบนใส่อิเสี่ยมากกกกก
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เสี่ย พาร์ท II [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 17-01-2017 23:46:39
ช็อคกับตอนจบนิดหน่อย..แต่มองข้ามไปได้ เพราะการเมมเบอร์ของพระแพงนี่แหละ 555 ทำไปได้   :ruready
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เสี่ย พาร์ท II [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 18-01-2017 00:31:36
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เสี่ย พาร์ท II [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 18-01-2017 00:33:47
ชักเห็นด้วยกับชื่อเรื่องละ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เสี่ย พาร์ท II [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-01-2017 05:54:59
พระแพง รักษาความลับของเสี่ยเยี่ยมมาก
ขนาดบันทึกชื่อเสี่ย ยังอ่านไม่ออกอ่ะ
เพราะไม่มีอักษรตัวใดบอกว่าเป็นชื่อเสี่ยเลย
มีแต่สัญลักษณ์ olo เล่นเอาเสี่ยถูกใจ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ถึงกับด่าพระแพงในใจไปและ  :fire: :fire: :fire:
ยาปลุกเหรอ ทำให้ olo ของเสี่ยตั้งได้ แอร๊ยยยย
ฝ้ายที่เปื้อนแล้วไม่มีเสน่ห์ยั่วยวนสำหรับเสี่ยเลย  :z3: :z3: :z3:
อิเสี่ยเลว ยังโคตรหื่นเหมือนเดิมพอเห็นหน้าพระแพงเต็มๆ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
แล้วความคิดก็เห็นแก่ตัว น่าเกลียดเหมือนเดิม  :z6: :z6: :z6:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เสี่ย พาร์ท II [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 18-01-2017 06:01:10
อ่า..... เสี่ยแก่กินหญ้าอ่อนที่แท้จริง55555555
อย่าคิดว่าทำตัวฮาแล้วจะพ้นโทษนะเสี่ย หึ ไม่ยกโทษให้ง่ายๆหร๊อก ชิๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เสี่ย พาร์ท II [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 18-01-2017 09:18:30
ขำตอนเสี่ยตลอดเลย5555
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เสี่ย พาร์ท II [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 18-01-2017 10:05:57
ผิดจากที่คิดไปไกลโข เรานึกว่าลูกคนอื่นไม่ใช่ลูกของเสี่ย แต่ที่แน่ๆ นับถือความเป็นเมียหลวงของพระแพง
เป็นไงล่ะ เสี่ยก็เป็นลูกไก่ในกำมือ ของๆ เรา ไม่ต้องไปทำอะไร ก็เป็นของเราอยู่ดี
อิเสียมีด้านมืดเรื่องความหื่นเยอะนะเนี้ย
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เสี่ย พาร์ท II [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 18-01-2017 11:15:29

เสี่ยสายเปย์.......

เด็กเลี้ยงสายมึน

เสี่ยนี่เยอะเหมือนกันนะ

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

รอเสี่ย.....

หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เสี่ย พาร์ท II [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 18-01-2017 11:46:47
คำพูดคำจาเสี่ยนี้มัน!!!!!
55555555555555555
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เสี่ย พาร์ท II [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 18-01-2017 14:47:48
อิหื่นเสี่ยยยย
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เสี่ย พาร์ท II [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Supak-davil ที่ 18-01-2017 15:34:54
ได้มาอ่านก็ตอนมันจบแล้ว
ดีต่อใจเพราะไม่ค้าง

แต่ทำไม่ตอนที่เริ่มเริ่องเราไม่เคยเห็นนะ
เพิ่งมาเห็น

สนุกดี
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 18-01-2017 20:38:02
Sp ::  เมียหนี   
By  เสี่ย



พระแพงหนีออกจากห้อง

ตอนที่รู้ข่าวนี้เขากำลังจัดการงานเอกสารอยู่ในห้องท่านประธานของบริษัท  และเจ้าไหม...เลขาส่วนตัวของเขาก็เคาะประตูขอเข้ามาในห้อง  หลังจากที่อินเตอร์โฟนเข้ามาบอกว่ามีเรื่องด่วนมาก  เขายังจัดการเอกสารไม่ได้เลยสั่งให้เจ้าไหมเข้ามาได้  และสิ่งที่เจ้าไหมเอามาโชว์ในมือถือของตัวเองคือ...

รูปพระแพงกับพระเพื่อนที่ตอนนี้กำลังเช็คอินอยู่ที่....  ปาย

จุด  จุด  จุด  เอ๊ย

ความจริงเขาไม่ใช่คนชอบสบถ  แต่ครั้งขอหน่อยเถอะ  พระแพงนี่ก็ทำเกินไปหน่อยไหม  ถึงเขาจะผิดแต่เขาก็จัดการกับปัญหาแล้วไง  แล้วพระแพงจะเอายังอีกไม่ทราบ  จะให้เขาไปตามง้อเหรอ  ฝันไปเถอะ!

" คุณช่วยเคลียร์งานช่วงนี้ให้ผมหน่อย  แล้วจัดการหาตั๋วเครื่องบินรอบที่เร็วที่สุดให้ผมด้วย  ผมจะขึ้นเครื่องไปเชียงใหม่"

" ค่ะ"

เก็กเข้าไว้  นิ่งเข้าไว้  ถึงเจ้าไหมจะยิ้มแบบรู้ทัน  แต่เขาไม่รับใครจะทำอะไรเขาได้  เจ้าไหมคงไม่รู้หรอกว่าเขาค่อนข้างเครียด  ปกติเขาไม่เคยตามไปง้อเด็กเลี้ยง  และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่แพงหนีออกจากห้อง  ไม่สิ...  เรียกว่าครั้งที่สองมากกว่าเพราะว่าครั้งแรกคือตอนที่แพงถูกจับได้หลังจากเกิดเรื่องปุยฝ้าย  รอบนี้เลยเป็นรอบที่สอง 

เฮ้ออ~  ความจริงเรื่องกินอยู่กับพระแพงนี่เขาก็คิดเอาไว้แล้วหลังจากจบเรื่องปุยฝ้าย  คือ...  จะว่ายังไงดีล่ะ  ในตอนแรกน่ะเขาก็กะจะเอาพระแพงมาอยู่เป็นคู่ขาแบบถาวรอยู่หรอก  แต่ติดที่พระแพงเป็นคนดื้อ  ลองอยากได้อะไรก็ต้องได้แถมยังเอาแต่ใจตนเองด้วย 

นี่ถ้าพระแพงขี้อ้อนมากกว่านี้นิด  ทำตัวเหมือนเด็กเลี้ยงมากอีกหน่อย  เขาก็อาจจะปล่อยพระแพงไปทำงานกับเด็กที่ชื่อธันวา  แล้วอยู่กับเขาต่อในฐานะคู่ขาได้  แต่จนถึงตอนนี้พระแพงก็ไม่เคยอยากได้อะไรเลย  นอกจากการดูแลพระเพื่อนและขอเงินเดือนเป็นค่าเลี้ยงเพื่อดูแลพระเพื่อนแทนซึ่งเขาก็เห็นว่าเหมาะสมดีและยอมรับได้

แต่ก็นั่นแหละเพราะพระแพงไม่เคยต้องการอะไรเลย  เขาเลยเอาใจพระแพงไม่ถูก  และพระเพื่อน...  ลูกของเขาก็ได้พระแพงช่วยเลี้ยงด้วยความรัก  เขาที่เป็นพ่อแต่ก็ถือว่าเป็นพ่อคนที่แย่มาก  เขาไม่ค่อยอยากถูกตัวพระเพื่อนเพราะมักจะคิดถึงแต่ช่วงไม่น่าอภิรมย์อย่างตอนที่มีอะไรกับปุยฝ้ายขึ้นมา

เฮ้อ   เรื่องที่พระเพื่อนเกิดมาเพราะแผนการน่ะ  เด็กไม่มีทางผิดไม่เขารู้   ส่วนพระแพง...  เอาเป็นว่าเพราะเขากับพระแพงไม่ใช่คนรัก  แต่จะเรียกว่าคู่ขาที่เอาไว้แต่มีเซ็กซ์ก็ไม่ถูก  มันก้ำกึ่งระหว่างการที่พระแพงเป็นคนรัก  คนที่ไว้ใจ  และเป็นพี่เลี้ยง   เขาก็เรียกสถานะของเขากับพระแพงตอนนี้ไม่ถูก 

เรื่องรักนี่ไม่ใช่แน่ๆ  เพราะถึงเขาจะติดใจกับรสรักของพระแพงอยู่มาก  แต่มันก็ไม่ใช่แบบคนรัก  เขาไม่เคยมีความรัก  แต่อยู่มาสามสิบปีเขาก็พอมองออกว่าแบบไหนที่เรียกว่าความรักกันแน่  ซึ่งเขากับพระแพงไม่ได้ให้ความรู้สึกแบบนั้น  พระแพงอาจจะรักเขา  เขารู้  แต่เพราะรู้และพระแพงไม่เคยบอกรักเขาตามตรงแล้วเขาจะทำอะไรได้  พูดแบบนี้มันอาจจะฟังเห็นแก่ตัว  แต่เรื่องความรักมันบังคับฝืนใจกันไม่ได้  และเขาก็ดีใจที่พระแพงเลือกปิดปากอยู่แบบนี้  เพราะตราบเท่าที่พระแพงยังไม่บอกก็เท่ากับว่าเขายังไม่รู้  และก็เท่ากับว่าเขายังอยู่กับพระแพงต่อไปได้ในสถานะการอันคลุมเคลือ  และเขาก็ยังสามารถอยู่อย่างเสเพลต่อไปได้อีกด้วย

เขารู้ว่าเขามันเห็นแต่ตัว  แต่นี่มันก็นิสัยเขาและแพงเองก็รับได้  และก็เหมือนอย่างที่บอกไปแล้ว  เรื่องของเขากับแพงมันเหมือนกับ..  อืมมม  เหมือนกับคนที่อยู่ด้วยกันมานานแล้ว  และสามีก็แอบไปมีกิ๊ก...ไปมีสามีน้อย 

ซึ่งพระแพง.. เอาตรงๆ เลยก็คือเมียหลวงที่เข้าใจเขาและ(เหมือน)อยู่กันมานานขนาดนี้ก็สามารถรับได้ 

พระแพงจะเอาแต่อยู่ในบ้านคอยเลี้ยงลูก  ว่างๆ ก็พาไปเดินเล่นกับพาพระเพื่อนไปหาพ่อกับแม่เขา  แม่ของเขาเอาตรงๆ เลยคือไม่เห็นด้วยที่เขาจะอยู่แบบนี้  ประมาณว่าอยู่แบบผัวเดียวเมียเดียวกับพระแพงที่เป็นผู้ชาย  (ถึงเขาไม่เดียวไปกับแม่ก็เถอะ)  แต่นั่นมันเป็นเพราะแม่ก็ยังเห็นพระแพงเป็นคนนอก  แต่สำหรับเขาแพงเป็นมากกว่านั้น  อาจจะไม่ใช่คู่ขา  อาจจะไม่ใช่คนรัก  แต่เขากับแพงก็อยู่ในฐานะที่ต่างคนต่างให้เกียรติกัน  มีพื้นที่กับช่องว่างที่สามารถทำให้อยู่ร่วมกับแบบมีความสุขได้  แพงไม่เคยยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขานอกจากเรื่องพระเพื่อน  และแพงเองก็ไม่เสนอมาที่บริษัทมากกว่าสัปดาห์ละครั้งเพื่อพาพระเพื่อนมาหาพ่อที่กำลังทำงานบ้าง

ถึงตอนนี้เขากับพระแพงและพระเพื่อนจะอยู่รวมกันอย่างถาวร  และมีเขาที่ไปๆ กลับๆ บ้างเวลาบินไปดูงานที่ต่างประเทศ  แต่พระแพงก็บอกว่าเด็กควรมีเวลาอยู่กับพ่อบ้าง  เพราะว่าเด็กจะได้ติดมือ  ซึ่งเขาเองก็เห็นด้วย  แต่เหตุผลและใจความหลักที่เขาเห็นด้วยกับพระแพงคือ  เขาอยากให้พระแพงมาเป็นผู้ช่วย  แพงทำงานเก่ง  และไม่ควรหยุดงานโดยออกมาเป็นพี่เลี้ยง  เขาเลยบอกแพงว่าให้แพงสามารถเอาพระเพื่อนมาเล่นที่ห้องได้  แต่ต้องมีพี่เลี้ยงติดมา  และเวลาที่พระเพื่อนหลับเขาก็สามารถกุ๊กกิ๊ก  อะแฮ่ม  สามารถสอนงานแพงในฐานะกึ่งผู้ช่วยท่านประธานบริษัทได้

แต่เพราะมันมีปัญหาพวกหอยปากปู  แพงที่ขึ้นลิฟท์ตรงมาที่ห้องของท่านประธานก็ยังถูกเอามานินทาจนได้  ถึงแพงเองจะไม่คิดมาก  แต่แพงกลัวว่าถ้าได้รับคำติฉินนินทานานๆ  เรื่องจะมากระทบกับพระเพื่อนที่ยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย  แพงกลัวว่าเด็กจะรับรู้ได้แม้จะฟังความไม่ออก  เขาที่ตามใจแพงมาตลอดก็เลยได้แต่ตัดใจแล้วให้พาพระเพื่อนที่เยี่ยมที่ห้องสัปหาด์ละครั้งสองครั้ง  ถ้าครั้งไหนเขาต้องบินไปดูงานต่อที่เมืองนอกๆ นานทั้งสองคนก็จะติดสอยห้อยตามไปด้วย 

ตอนนีพระแพงเลี้ยงพระเพื่อนจนเรียกได้ว่าเชื่องติดมือ  จะเปลี่ยนผ้าอ้อม  ป้อนนม  อาบน้ำ  หรือกล่อมหลับพระแพงก็สามารถทำได้ง่ายๆ  โดยที่ไม่ต้องลำบากจ้างพี่เลี้ยง  แต่เขาก็ยังมีพี่เลี้ยงไว้ติดห้องสองคนเพื่อให้เวลาแพงได้พักผ่อน และได้ไปออกกำลังกายบ้าง

แพงที่อายุยี่สามย่างยี่สิบสี่ปีก็ถือว่ายังอยู่ในวัยที่แข็งแรง  จะให้จมเจ่านั่งเลี้ยงลูก(คนอื่น)อยู่แต่ในห้องก็ใช่ที่  และแพงเองก็ชอบเหลือเกินที่จะเอาลูกคนอื่นไปเรียกเสียงกรีดร้องจากสาวๆ  อย่าคิดนะว่าเขาไม่รู้  เขารู้  แต่เขาก็ไม่พูด  อย่างที่บอกว่าเราแต่ละคนต่างก็มีที่ห่างให้แก่กันแล้วเขาก็ไม่อยากหวงแพงแบบไร้สาระ  แพงรักเขา  และเลือกอยู่กับเขา  แค่นี้ก็มีเหตุผลเพียงพอแล้วที่เขาจะไม่ต้องตามไปหวงแพงเพิ่ม  แพงเป็นของเขา  ส่วนเขาเป็นของแพงนี่สิที่ไม่แน่

เอาเถอะๆ  เริ่มนอกเรื่องออกไปไกลแล้ว  เขาขอวกกลับมาที่จุดเริ่มต้นของปัญหาดีกว่า  นั่นก็คือ  เพราะเขาอยู่กับแพงแบบไม่มีปัญหาเลยแบบนี้มาตลอดหนึ่งปี  มันเลยทำให้เขาอยากกลับที่จะไปหารสชาติเก่าๆ  ดูบ้าง หรือจะเรียกอย่างง่ายๆ ก็คือเขาอยากจะกลับไปมีเด็กเลี้ยงใหม่อีกนั่นเอง  คือนี่ไม่ใช่ว่าเขาเบื่อแพงหรอกนะ  รสรักของเขกับแพงยังคงทำให้ซาบซ่านและทำให้อุ่นเออยู่ทุกครั้ง  แต่ก็นั่นแหละ  น้ำพริกถ้วยเก่าต่อให้อร่อยยังไงกินบ่อยๆ  ยังไงมันก็ต้องมีเบื่อบ้าง และมันก็ประจวบเหมาะพอดีกับที่ธนิตมีเด็กใหม่มาสองคน  เป็นแบบที่เขาเคยชอบ  คนหนึ่งดูโตหน่อย  ผิวขาว  ดูเป็นงาน  ส่วนอีกคนก็เป็นลูกแมวยั่วสวาทของจริง  ขี้อ้อน  แถมตัวเล็ก  ยิ้มทีก็มีเขี้ยวเล็กๆ  โผล่ออกมาให้เห็นเป็นจุดขาย  จนทำให้หัวใจคันยุบยิบ  เขาที่ห่างหายจากของรสเผ็ดร้อนไปนานก็เลยตัดสินใจว่าจะแอบมีเด็กเลี้ยงอีกครั้ง

อืมม  คำว่าแอบในที่นี้คือ  เขาไม่ได้ปิดแพงแต่ก็ไม่บอกให้แพงรู้   ถ้าแพงรู้  เขาก็ว่าแพงคงจะไม่ห้ามและก็จริง  มีอยู่กันหนึ่งที่เขาเผลอใสเสื้อตัวเก่ากลับเข้าคอนโดมา  แพงที่จมูกดีผิดปกติก็ทำมูกฟุดฟิด  ก่อนที่จะไล่เขาเข้าไปอาบน้ำแล้วบอกว่า  ห้ามมาเล่นกับพระเพื่อนทั้งที่มีกลิ่นคนอื่นติดอยู่  เขาเองพอถูกไล่และสังเกตเห็นว่าแพงไม่ได้โกรธหรือเสียใจก็ยิ่งได้ใจ  หนีไปอาบน้ำและออกมาเป็นกับลูก 

กับพระเพื่อนนี่เขาไม่เคยอุ้มแต่ก็พอเล่นได้  แต่ถ้าร้องไห้เมื่อไหร่ก็เซย์บายยกให้พระแพงกับพี่เลี้ยงคอยดูแล

และเพราะแพงไม่ห้ามหรือหยุดเขาไว้  เขาก็ยิ่งได้ใจต่อไปเรื่อยๆ  จากที่ไปหาเด็กแบบเช้าไปเย็นกลับ  บางทีก็ไปค้างอยู่ในคอนโดใหม่ที่เขาซื้อไว้และจ่ายเงินเรียบร้อย   ส่วนเด็กที่เขาเลือก  เขาก็เลือกเอามาแบบเหมาหมดทั้งสองคนเพราะเขาตัดสินใจเลือกไม่ได้   

คนหนึ่งก็เป็นแบบลูกแมวแบบที่เขาเคยชอบ  ส่วนอีกคนที่ดูโตหน่อยแต่ก็ให้ความรู้สึกเหมือนเห็นพระแพงอีกครึ่งหนึ่งอยู่นิดๆ  เขาที่ตัดสินใจลำบากและมีเงินเหลืออย่างกินเหลือใช้  เลยจัดการเหมาสอง  และซื้อคอนโดห้องใหม่เพื่อเอามาใช้เลี้ยงเด็กเป็นที่เรียบร้อย

และเด็กทั้งของคนก็เป็นงานและเจนจัดของจริง  ลูกแมวตัวใหม่(ตัวที่ใหญ่กว่า) ที่เหมือนพระแพงอยู่นิดๆ แต่อ่อนนุ่มกว่า  ขาวกว่า  มีชื่อในวงการทริค  ส่วนลูกแมวขี้อ้อนเจ้าเสน่ห์อีกคนก็มีชื่อว่าน้ำข้าว  ถึงชื่อลูกแมวตัวเล็กจะออกไปทางแนวคาวๆ  อยู่บ้าง  แต่พอเวลาเรียกก็กระตุ้นอารมณ์ให้อยากจะปลดปล่อยได้ดี  แถมสีผิวของน้ำข้าวก็ขาวมาก  ขาวชนิดที่ว่าคงหมดเงินกับค่ากลูต้าไปเยอะ   แต่ก็ช่างเถอะ  เด็กเลี้ยงจะกินอะไร  จะจัดการกับตัวเองยังไง  เขาก็ไม่ข้องเกี่ยวอยู่แล้ว  ขอแค่ทั้งสองคน  สด  สะอาด  ปลอดภัย  ขี้อ้อน  ไม่เอาแต่ใจ  และเป็นงาน  ตอบสนองเขาเวลาอยู่บนเตียงได้อย่างที่เขาพอใจแค่นี้เขาก็ตกลงจ่ายเงินแล้ว 

และเรื่องเซ็กซ์ของเขากับเด็กทั้งสองคนนี่ที่เข้าขั้นระดับเกรด A+   ทั้งสองคนเชี่ยวชาญและเก่งกาจทำเอาเขาสุขสุมจนถ้วนหน้า  เรียกได้ว่าเขาเกือบลืมรสชาติของรสรักกับพระแพงไปพักใหญ่เลยทีเดียว   เซ็กซ์กับทริคก็เหมือนกันการกินของหวานที่หนักท้อง  ส่วนเซ็กซ์กับน้ำข้าวก็เหมือนกับผลไม้รสเปรี้ยวที่มีความหวานซาบซ่า 

ในเวลาที่มีใครคนใดคนหนึ่งขย่มอยู่บนตัวเขา   ก็ต้องเรียกว่าเข้าขั้นสุดยอด  เรียกว่าธนิตสอนงานมาดีจนจับเขาถูกจุดเลยก็ว่าได้   เพราะอย่างนั้นช่วงเวลาที่เขาอยู่กับแพงก็หดหายน้อยลงอยู่เต็มที   แต่เขาก็กลับไปอยู่กับแพงและพระเพื่อนสัปดาห์ละสามสี่ครั้ง   ส่วนเวลาที่เหลือก็เอาไว้กลับไปนอนบ้าน  และอยู่ที่บ้านเล็ก 

เขารู้ตัวหรอกน่าว่เขาเลวไม่ต้องมาย้ำ  แต่ทริคกับน้ำข้าวนี่ก็ทำเอาเขาลืมน้ำพริกถ้วยเก่าอย่างแพงไปเลยจริงๆ  ทั้งสองคนเวลาอยู่บนเตียงก็จะทั้งร้อง  ทั้งคราง  และเล่นกับตัวเองในจุดที่เหมาะสมรับได้  บางทีก็แอ่นสะโพกรับเขาเข้าไปลึกๆ  แบบพวกเจนโลก  แต่เวลาไหนที่ต้องอายก็เล่นตัวได้แบบถูกจุดแต่ไม่น่ารำคาญมาก   และทริคที่ให้ความเป็นผู้ใหญ่กว่าเล็กน้อยจะออกแนวแบบราชินี  เชิดหยิ่งนิด  แต่เวลาถูกเขาปราบก็ยอมหมอบกราบลงอย่างราบคาบ 

ส่วนน้ำขาวนี่ออกแนวแบบลูกแมวขี้อ้อนก็ไม่ทนไม้มือ   แต่เวลาไหนที่อยู่บนเตียงก็จะเร้าร้อนเอามากๆ  ทั้งแลบเลียริมฝีปากตัวเอง  และแอ่นอกจัดท่าจนตัวเองดูเซ็กซี่  ยิ่งเวลาเห็นเขี้ยวเล็กๆ  กับรอยยิ้มเอาแต่ใจนิดๆ  เขาก็ยิ่งชอบเข้าไปใหญ่

ในขณะที่น้ำพริกถ้วยเก่าอย่างพระแพง  เขาก็ไม่ได้แค่ทำตามหน้าที่แต่เซ็กซ์กับพระแพงก็ให้ความดุเด็ดเผ็ดร้อน  แบบที่เด็กทั้งสองคนไม่อาจมีได้  เขาที่มีสองไม้งามอยู่ในมือเต็มสามดอกเลยไดเแต่เริงร่าไปบ้านนั้นออกบ้านนี้  ช่วงเวลาตลอดทั้งสามเดือนที่เขาเซ็นสัญญาเลี้ยงเด็กใหม่ก็ถือว่าเขามือเติบมาก  ทริคกับน้ำข้าวอยากได้อะไรเขาก็ให้  ส่วนกลับพระแพงที่ไม่เคยเอ่ยปากร้องขอเขาก็มีบญชีแยกเอาไว้ให้อีกเล่ม  เขายังไม่อยากโดนมีดกับส้อมจากพระแพงทิ่มมือหรอกนะ  เขายังจำความรู้สึกที่พระแพงปล่อยรังสีมาคุออกมาได้   

หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 18-01-2017 20:40:12
<ต่อ>


และก็เพราะเขามัวแต่หลงระเริง  แปบๆ ช่วงเวลาก็ผ่านไปสามเดือนแล้ว   ในวันเสาร์วันที่เป็นวันเสาร์สุดท้ายของสัญญาสามเดือน  ทริคกับน้ำข้าวที่อยู่ห้องในคอนโดเดียวกัน  เพราะเขาซื้อคอนโดใหม่แบบ  สองห้องนอน  สามห้องน้ำ  หนึ่งห้องนั่งเล่น  กับครัวขนาดเล็ก 

เขาที่เล่นเกมส์แบหนึ่งต่อหนึ่งมาตลอดก็อยากลองเล่นแบบ 3 P  ดูบ้าง  เขาเองก็ไม่เคยไม่เล่นแบบนี  แต่พอถูกเพื่อนยุ (เขาก็มีเพื่อนเหมือนกันนะ  แต่มันไม่สำคัญเลยไม่ค่อยพูดถึงมาก)  เขาก็เกิดอยากลองของใหม่ดูหน่อยไม่ได้   และอีกอย่างถึงทั้งสองคนจะเจนงานแต่ก็ไม่อึดแบบพระแพงที่จะอยู่กับเขาจนครบรอบสาม  บางทีเล่นกันเต็มที่ยกสองยกก็ออกท่าทางออกมาว่าเหนื่อยออกมาแล้ว  เพราะงั้นการเล่นแบบ 3 P  นี่แหละคือคำตอบ  เพราะนอกจากจะได้เล่นเซ็กซ์แบบใหม่  แต่เขาก็ได้เล่นครบทั้งสามน้ำด้วย  แล้วก็ไม่ใช่ว่าเขาจะยอมเล่นแบบนี้ไปตลอดเพราะเขาไม่ได้ชอบมั่ว  ถึงสภาพเขาตอนนี้จะไม่ต่างกับพวกบ้ากามก็เถอะ

เอาล่ะๆ  เราอย่ามาพูดเรื่องมั่วไม่มั่วมาก  เอาเป็นว่าวันที่เล่น 3 P  มันคือความสุขที่แปลกใหม่แต่สุดยอดมาก  เพราะตอนที่ทริคขย่มอยู่บนตัวเขาแล้วมีน้ำข้าวมาคอยออดอ้อน  คอยเสริฟจูบหวานๆ ที่มาพร้อมกับปลายลิ้นก็ทำเอาเขารู้สึกดีสุดๆ  และพอทริคเสร็จไปก่อนเพราะทนความอึดของเขาไม่ได้  ก็จะมีน้ำข้าวมาคอยนอนอ้าขาให้เขาทิ่มแทงอีกรอบ  และพอเขาเสร็จพร้อมกับน้ำข้าว  ทริคที่หายเหนื่อยแล้วก็มาใช้ปากให้เขาอีกที  เขาก็เลยได้เล่นท่าอื่นกับทริคแบบโลดโผนอีกรอบ

กว่าเซ็กซ์ครั้งนั้นจะจบลงได้ก็ทำเอาเขาเหนื่อยจนหอบแฮก  แต่มันก็เป็นความเหนื่อยที่รู้สึกดีเพราะเขาหลั่งอะดรีนาลีนออกมาเยอะ  ในตอนที่อะไรกับเสร็จครบไปสองยก  เขาที่อารมณ์ดีสุดๆ ก็ถามออกไปอย่างใจป้ำว่า  ทั้งสองอยากได้อะไรไหม  เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้าย  ทริคที่ค่อนข้างจะเป็นงานก็ตอบแบบผู้ใหญ่ว่า  อะไรก็ได้ขอแค่เสี่ยชอบ  ส่วนน้ำข้าวที่ซื่อตรงกว่าก็บอกว่าอยากได้รถ  เขาที่คิดในหัวเป็นราคาเงินก็เห็นว่ามันอยู่ในช่วงขอบเขตที่รับได้  เขาก็เลยออกปากจะซื้อให้  และในส่วนทริคที่ไม่ขออะไรมาก  เขาก็บอกว่าจะจ่ายเป็นเช็คเงินสดให้ในราคาที่เท่ากันให้แทน 

แน่นอนว่าทั้งสองคนดีใจและความสุขมากกับความใจป้ำของเสี่ยเลี้ยง  เขาที่เป็นป๋าสายเปย์  ก็ได้ยิ้มตอบรับจูบกับการการหอมแก้มแบบเอาอกใจเป็นการตอบรับ  เรื่องเงินมีใครบ้างที่จะไม่ชอบ  คนที่ไม่ชอบก็คงมีแต่พระแพงที่เอาแต่ยืนอยู่บนลำแข้งของตัวเอง  และไม่ต้องการมาพึ่งพาหรือข้อความช่วยเหลือกับเขามาก

คิดแล้วเขาก็อดวูบโหวงอยู่อยู่นิดๆ  เขาที่ซื้อความใคร่เป็นเป็นกิจวัติ  พอมาถึงตรงนี้กลับรู้สึกว่างเปล่าขึ้นมาได้  และทั้งที่เขามือดอกไม้งามเต็มสองมือ  แต่อดคิดถึงแพงที่รออยู่ที่ห้องไม่ได้ 

วันนั้น...  วันสุดท้ายที่เขาอยู่กับแพงในฐานะเด็กเลี้ยง  แพงไม่เคยขออะไรจากเขาเลยซักครั้ง  แพงแค่รับในส่วนที่เขาให้และไม่เคยขอสิ่งใดเพิ่ม  จนมาถึงทุกวันนี้แพงก็ยังคงไม่เปลี่ยนไป  แต่ตัวเขาล่ะ  เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบ้างหรือเปล่า

ถ้าหากลองมาคิดดูจริงๆ อีกที....  เอาจริงๆเลยก็คือเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาก  ยังคงใช้เงินเพื่อซื้อเซ็กซ์  ชีวิตแบบนี้ทำให้เขาสนุกและมีความสุขซาบซ่าน  แต่หวานรู้สึกของการกินของหวานลงท้องลงมันก็ให้ความรู้สึกที่วูบโหวงกว่า  และไม่หนักท้องเหมือนข้าว  ผ่านไปแปบๆ  เขาก็กลับมาหิวอีกและก็มีแต่ความอยากน้ำตาลที่เพิ่มมากขึ้น  จนสุดท้ายมันก็ทำลายสุขภาพ

เขาที่มีทริคกับน้ำข้าวที่เป็นของหวานที่พร้อมจะหลอกล่อมอมเมาใจผู้คนก็ได้ที่คิดว่า  เรื่องทุกอย่างที่ผ่านมาเขาก็คงผิดพลาดมากกินจะหันหลังกลับแล้ว   เขาทิ้งพระแพงแสนดีไว้กับลูก  ทิ้งอาหารจานหลักที่ดีต่อสุขภาพมากินอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่อิ่มท้อง

แต่ชาติเสือต้องไว้ลาย   ชาติชายต้องไว้สู้

เขาที่เป็นเสือไว้ลาย  ไหนๆ ก็ต้องทิ้งลายเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็ขอเล่นให้สนุกอีกรอบดีกว่า  และครั้งนี้เขาก็ลองเล่นแบบ  3 P  ประเภทเป็นแซนด์วิชประกบใส้ก็คงจะแปลกดีและเป็นการทิ้งท้ายที่ดูเข้าท่า  เขาให้น้ำขาวที่เป็นคนตัวเล็กอยู่ตรงกลางและให้ทริคคอยรองรับอยู่ข้างล่าง  ก่อนที่เขาจะร่วมวงสุมหัวมัวเมาไปด้วย  โดยที่ให้น้ำข้าวสอดใส่เข้าไปในตัวทริคแล้วเขาก็ประกบอยู่ด้านบนอีกที

ของๆ  น้ำข้าวที่ผ่านการใช้งานมาแล้วก็ยังมีความตอดรัดมากกว่าปกติเพราะถูกกระตุ้นทั้งด้านบนและด้านล่าง  แถมยังถูกกระตุ้นทั้งข้างหน้าข้างหลังก็เลยตอดรัดเขาจนเขาเกือบจะถึงจุดสุดยอด  แต่เพราะน้ำข้าวที่ถูกกระตุ้นอารมณ์เยอะก็เลยเสร็จนำไปก่อนหนึ่งน้ำ  เขาที่ยังอยู่ในอารมณ์ค้างคา  จะให้ใส่เข้าไปในของทริคที่น้ำข้าวเพิ่งใช้งานมาก็คงเป็นไปไม่ได้  สุดท้ายเลยได้แต่ให้ทริคใช้ปากเพื่อโอบอุ้มลูกชายเขาที่ตื่นตัวเอาไว้แทน 

ซึ่งทริคก็ทำมันได้เป็นอย่างดีเยี่ยม  ทั้งโอบเลียและลากลิ้น  เขาที่เปลี่ยนถุงยางใหม่แล้วก่อนที่ทริคจะใช้ปากก็สั่งให้ทริคอมเข้าในคอไปลึกๆ  ทริคอมของๆ เขายาวลึกเข้าไปถึงคอหอยก่อนกดหัวลงมาซ้ำๆ  เขาที่เจอชิวหาพาเพลินก็ได้แต่ปลดปล่อยออกมาอย่างมีความสุขเต็มถุงยางทั้งที่ผ่านมาแล้วสามน้ำ  ส่วนทริคจะจัดการยังยังกับตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะเกี่ยวข้อง  ทริคไม่พระแพง  ไม่ใช่ที่ใครที่เขาให้ความสำคัญมาก  ทั้งสองคนก็เป็นแค่เด็กเลี้ยงที่หวังเงินเป็นที่ตั้ง  ถึงขนาดยอมทำทุกอย่างเพื่อเงินแบบนี้   

ว่าแล้วเขาก็อาบน้ำแล้วกลับไปหาแพงดีกกว่า  ตอนนี้เพิ่งจะสี่ทุ่ม  และวันนี้ก็เป็นวันเสาร์ที่เขามาอยู่กับลูกแมวตั้งแต่เช้า  พระเพื่อนอาจจะเข้านอนแล้วเพราะปกตินอนตั้งแต่สองทุ่ม  ส่วนพระแพงที่นอนดึกกว่าคงจะยังไม่เข้านอน  เขาที่อาบน้ำแล้วก็ได้แต่ปล่อยให้แมวทั้งสองตัวนอนพัก  ไม่ว่าจะเหนื่อยจริงหรือแกล้งหลับ  แต่ทั้งคนก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาทั้งนั้น  เขาเขียนข้อความเอาไว้ให้ทั้งสองคนไปเช็คกับรับของขวัญเอากับธนิต  เพราะหลังจากนี้เขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเด็กเลี้ยงแบบทั้งคนนี้อีก

เขาแวะซื้ออาหารอุ่นท้องอย่างพวกเกี๊ยวน้ำหมูแดง  ที่เป็นอาหารข้างทางไปให้พระแพงสองถุง  ความจริงพระแพงเป็นคนที่ไม่ชอบกินข้าวต้ม  เพราะเห็นชอบบ่นว่ามันไม่ค่อยอยู่ท้อง  แต่วันไหนที่ถูกเขาจัดหนักแพงจะยอมกินอย่างว่าง่ายเพราะมันย่อยง่ายและค่อนข้างดีกับกระเพาะ  เขาที่กลับเข้ามาในคอนโดพร้อมเกี๊ยวน้ำสองถุง  พอเข้ามาถึงห้องได้ก็เจอแต่ไฟดาวน์ไลท์ที่เปิดเอาไว้สลัวๆ  ได้กลิ่นหอมสะอาดอย่างกลิ่นนมผงเด็กเด็กและกลิ่นแป้ง 

พระแพงที่ยืนอยู่กลางห้องก็กำลังกล่อมพระเพื่อน  แพงที่พอเห็นหน้าจากการที่ได้ยินเสียงเปิดประตูก็ส่งยิ้มพร้อมกับกดหัวลงเล็กน้อยเป็นการทักทายและเป็นการรับรู้   แพงค่อยๆ เดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับพระเพื่อนที่กำลังหลับอยู่บนบ่า  โดยมีผ้าอ้อมที่เป็นผ้าฝ้ายรองไว้ 

รอจนแพงเดินมาใกล้แพงก็บอกเสียงแผ่วว่าพระเพื่อนเพิ่งจะหลับไปเมื่อกี้  เพราะวันนี้พระเพื่อนงอแงเลยนอนดึกกว่าทุกวัน  เขาที่ได้ฟังก็เอาแต่ยิ้มรับถึงหน้าเขาจะนิ่งแบบปกติ  แต่แพงคงไม่รู้หรอกว่าหัวใจเขาอุ่นซ่าน  มันเหมือนกับว่าพอเขาได้ผ่านสนามรบอันดุเด็ดเผ็ดที่มีแต่ความหลอกลวง  พอกลับก็มาเจอกับศรีภรรยาที่เพรียบพร้อม (ถึงแพงจะห่างไกลกับคำศรีภรรยาก็เถอะ)  แต่บรรยากาศความอบอุ่นแห่งความสบายใจ  และการมีแพงที่อยู่อย่างซื่อตรงกับความรู้สึกมาคอยอยู่ดูแลลูก  มันช่างต่างกับความแสแสร้งของเด็กเลี้ยงอีกสองคนที่อยู่บนเตียงเพื่อมีเซ็กซ์และเป็นของที่เขาใช้ระบายความใคร่

ตอนที่แพงโน้มเงยหน้าขึ้นมาเพื่อจูบต้อนรับแบบที่เขาสอน...  ไม่รู้สิ  เขามีความรู้สึกว่าตัวเองดูสกปรกยังไงไม่รู้ทั้งที่อาบน้ำมาแล้ว  เขาไม่อยากให้แพงจูบปาก  เพราะปากนี้เพิ่งไปจูบกับคนอื่นมาและเขาก็ไม่อยากให้แพงติดความสกปรกไปด้วย  ดังนั้นในตอนที่แพงโน้มหน้าเข้ามาใกล้เพื่อจะเอาริมฝีปากมาแนบชิด  เขาก็เลยเบี่ยงหน้าหลบอย่างแนบเนียน  แล้วกระซิบแผ่วที่ใบหูอันเป็นจุดอ่อนของพระแพงว่า  เขาซื้อเกี๊ยวน้ำมาฝากแล้ว  ไว้ค่อยให้แพงเอามานั่งกินเป็นมื้อดึกพร้อมกับเขา 

แพงผู้มีจุดอ่อนอยู่ที่หูก็สะดุ้งรับ  ก่อนจะเบียงหัวออกเพราะไม่ชอบให้ใครมายุ่งที่หูมาก  แพงบ่นงึมงัมในลำคอที่เขาจับใจความไม่ได้  ก่อนส่งพระเพื่อนไปให้พี่เลี้ยงกะดึกช่วยเลี้ยง  ส่วนตัวเองก็เดินมารับถุงเกี๊ยวน้ำต่อจากเขาแล้วเอาไปเทใส่ในชามสองชาม

ตอนแรกเขาก็จะให้พระแพงกินหมดทั้งสองถุงเพราะว่าเขาไม่หิวมาก  แต่พอเห็นแพงแบ่งใส่ถ้วยให้  เขาก็ได้แต่นั่งลงแล้วลงมือกินด้วย  ระหว่างที่กินแพงก็เล่าเรื่องราวของพระเพื่อนไปด้วย  ปกติเขาจะไม่พูดเวลากินแต่พออยู่กับพระแพงมานานเขาก็ติดนิสัย(เสีย)  นี้มาด้วย  เพราะงั้นตอนที่แพงพูดเขาก็พยักหน้ารับ  ตอนที่แพงถามเขาก็เปิดปากตอบบ้าง 

หลังจากที่กินเกี๋ยวนี้เสร็จ  แพงก็ขอตัวเข้าไปอาบน้ำแปรงฟัน  เขาที่เพิ่งกินมื้อดึกมาก็ต้องแปรงฟันอีกรอบ  แต่เพราะเห็นพระแพงอาบน้ำเขาเลยถือโอกาสแปรงฟันแล้วเข้าไปอาบใหม่อีกรอบ   ตอนที่พระแพงเห็นเขาที่ตัวเปลือยเปล่าพร้อมอาบน้ำ  แพงก็ไม่ได้ว่าอะไรมาก  แต่เลิกคิ้วเหมือนจะถามว่าจะอาบด้วยเหรอครับ  พอเขาพยักหน้ารับแพงก็เตรียมจะหลบให้เขารับน้ำจากผักบัวบ้างแต่เขากักตัวแพงไว้  ปล่อยให้สายน้ำชำระล้างความสกปรกของตัวเองและสอดใส่เข้าไปในตัวเองแพงที่กำลังหันหลังให้ 

แพงที่อยู่ในท่านี้ก็ได้แต่ตะกุยมือไปกับกำแพงเพราะไม่ทันได้ตั้งรับ  เขาสอดใส่เข้าไปในพร้อมกับถุงยางที่มีเตรียมไว้อยู่ทุกที่ในห้อง  ก็รอจนทุกอย่างเข้าที่และรอแพงปรับตัวได้เขาก็ขยับเข้าอีกครั้ง  ของๆ แพงอุ่นร้อนและตอบสนองเขาเหมือนอย่างทุกครั้ง 

แต่ครั้งนี้มันมีความแตกต่าง... 

มันเหมือนกับว่าเซ็กซ์ของเขากับพระแพงในครั้งนี้มันเป็นการร่วมรัก  ไม่ใช่เพื่อระบายความใคร่  เขาที่กำลังขยับเข้าออกในตัวแพง  ก็ได้แต่ไถลเข้าไปในจุดที่แพงเสียวซ่านและรู้สึกดีซ้ำๆ  แพงที่กลั้นเสียงร้องจนเป็นปกติก็หรี่ตาปรอย  แล้วหันกลับมามองเขาเหมือนกับจะถามว่าวันนี้เพิ่งไปปลดปล่อยมาไม่ใช่เหรอครับ  แล้วทำไมถึงยังไม่เต็มอิ่ม  แล้วทำไมถึงกับมาทำกับแพงอีกรอบ

เขาที่รับรู้ได้จากสายตาก็ได้แต่จูบปากแพงเป็นการตอบโต้  เขาไม่บอกแพงหรอกว่าเขาไม่มีวันเต็มอิ่ม  เซ็กซ์กับคนอื่นก็เหมือนของหวานที่เขาไว้กินเล่นแบบฉาบฉวย  แต่เซ็กซ์กับน้ำพริกถ้วยเก่าอย่างแพงก็คืออาหารจานหลักที่เขากินจนอิ่มท้อง  เขาอิ่ม...  อิ่มทั้งกายและสุขทั้งใจด้วย   ในตอนที่แพงใกล้เสร็จเขาก็เลยช่วยขยับมือให้แพงเพื่อเพิ่มความสุขของแพงให้มีมากขึ้น   เขากับแพงไม่ได้มีอะไรกันมาสี่ห้าวันแล้วเพราะเขามัวแต่ไปหลงเด็กใหม่ 

แต่ก็เพราะห่างหายไปนานนี่แหละ  ช่องทางของแพงเลยยิ่งโอบกระชับ  ตอนที่แพงจะเสร็จ  เขาที่เสร็จไปสามน้ำแล้วในวันนี้ก็อยากจะเสร็จตามแพงให้ไปอีกรอบ  เขาดึงสะโพกแพงให้ออกจากกำแพง  กดลงกลางหลังแพงลงและให้แพงแยกขาออกกว้าง  แพงที่เริ่มเสร็จจากทางด้านหลังได้ก็บีบของๆ เขากลับแบบถี่ยิบ  ทำเอาเขาที่กำลังจะเสร็จตามถึงกับคำรามเสียงดังแล้วใส่จังหวะลงไปไม่ยั้ง  รอแพงใกล้เสร็จเต็มทน  แพงก็ขยับสะโพกตามจังหวะของเขาบ้าง 

เสียงของการร่วมรักระหว่างเราสองคนช่างฟังดูฉ่ำแฉะลามก  จนในที่สุดแพงก็ปลดปล่อยออกมาเป็นสายปนไปกับสายน้ำเพราะไม่ได้ใส่ถุงยางไว้  ส่วนเขาที่ใส่ถุงยางแล้วก็ขยับอีกสองสามครั้งเพื่อเป็นการรีดน้ำ  เขาดึงแพงที่หอบแฮกเข้ามาจูบแล้วลูบไล้   ช่วยแพงฟอกสบู่แล้วใช้ปากให้แพงที่ตื่นตัวขึ้นมาใหม่ผ่านทางถุงยางอีกรอบ

แพงที่เหนื่อยจัดจากการเป็นพี่เลี้ยงมาตลอดทั้งวันและเสร็จไปอีกสองน้ำ  เข่าก็แทบทรุด  เขาช่วยพยุงแพงที่ตาจะปิดออกมาจากห้องน้ำ  ช่วยเช็ดตัวกับซับผมแพงให้แห้ง  รอจนแพงเอนตัวหลัอย่างสะลึมสะลือ  เขาก็สอดตัวใส่เขาไปในผ้านวมแล้วกอดแพงเพื่อนอนหลับบ้าง

แพงไม่ใช่คนรัก  แต่แพงก็เป็นคนเดียวที่เขาอุ่นซ่านในหัวใจในเวลาที่เขาอยู่ด้วย  กลิ่นของแพงที่มีความหอมหวานเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวก็ทำให้เขาหลับสนิทเหมือนทุกครั้ง

เขาตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนสายแล้วพบว่าแพงตื่นก่อนแล้วเพื่อออกไปดูพระเพื่อน  เขาที่ยังงัวเงียอยู่ในห้องก็ได้แต่ปลุกสติตัวเอง  โทรไปหาธนิต  บอกยอดบนจำนวนเช็คกับรุ่นรถที่น้ำข้าวอยากได้ให้ธนิตไปจัดการ  ถ้าจัดแจงแจกจ่ายของขวัญเสร็จก็ฝากบอกเด็กทั้งสองคนด้วยว่าต่อไปอย่ามายุ่มย่าม  เอากุญแจคืนไว้ที่ฟร้อนท์แล้ววันหลังเขาจะส่งคนไปเอากุญแจกับคีย์การ์ดคืน  เขาย้ำกับธนิตอีกสองสามว่าอย่างให้ทั้งคนมายุ่มย่าม  และห้ามทั้งสองคนมายุ่งกับแพงด้วย  เพราะเรื่องเด็กใหม่หวงเด็กเก่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้น

ตอนนี้แพงไม่ใช่เด็กเลี้ยง  แต่แพงเป็นหนึ่งในคนที่เขาไว้ใจและพออยู่ด้วยกันเขาก็มีความสุขมาก  และถึงแพงจะรู้ว่าเขามีคนอื่นแต่เขาก็ไม่อยากให้แพงคิดมากกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ  ที่อาจจะเกิดขึ้นได้  เพราะงั้นเขาเลยย้ำกับธนิตและบวกเงินเพิ่มไปให้กับธนิตอีก 1 % เป็นค่านายหน้า  ซึ่งธนิตก็ตกปากรับคำเป็นอย่างดีว่า  เด็กทั้งสองคนจะไม่มายุ่งกับแพงโดยเด็ดขาด

แต่ก็นั่นแหละ  เรื่องดีๆ ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขาอยู่แล้ว  ในตอนที่เขาถ้าแพงกับพระเพื่อนไปเที่ยว  ปัญหาที่เรียกว่าเป็นระเบิดลูกใหญ่ก็ตกใส่เข้ามาบหัวเขาอย่างจัง



>>>>  50%




>>>>  อิเสี่ยตายแน่  โดนแม่ยกพระแพงถล่มแน่
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 18-01-2017 21:04:41
เสี่ยนี่..จริงๆ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 18-01-2017 21:20:57
สมน้ำหน้าาาาา

อ่านจบย่อหน้านึง ก็ด่าอิเสี่ยเลวไปที่นึง  :laugh:

ฮึ้ยยยย  :m31:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 18-01-2017 21:23:43
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 18-01-2017 21:27:12
ถึงแพงจะไม่คิดมาก ไม่ดราม่าเท่าไร แต่ขอด่าหน่อยนะคะ

"อิเหี้ยเสี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!"

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 18-01-2017 21:34:10
โอ๊ย  ค้าง  จัดหนักอีเสี่ยหน่อย  นิสัยกามจริง ๆ  :m16: :angry2: :z6:
รอพระแพงหนี  รออีเสี่ยง้อ :katai1:
 
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 18-01-2017 21:38:27
ว่าจะไม่ด่าแล้วนะ แต่เสี่ยแม่งเลวจริงๆ

มาอ่านอีกรอบ ต้องมาแก้ไขเพิ่มเติม เพราะเราว่าพระแพงโคตรแม่พระอ่ะ ทำเพื่อเสี่ยทุกอย่าง แต่เสี่ยแม่งงงง
ข้ามขั้นของคำว่าเลวไปแล้ว แต่ถ้ามองอีกมุม มนุษย์ก็แบบนี้แหละ ยังมีความต้องการไม่จบไม่สิ้น
แต่เสี่ยก็ได้รู้นะว่า อะไรคือของที่กินแล้วสุขภาพดี อิ่มท้องอิ่มใจ ไม่ได้แค่ดับความอยากในร่างกาย
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 18-01-2017 21:43:27
รอดูระเบิดลูกใหญ่ที่จะตกใส่หัวอิเสี่ย
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: joyey6217 ที่ 18-01-2017 21:44:42
เลว!!! อิเสี่ยเลว เป็นอันดับหนึ่งของผัวเลวตลอดกาล จัดอันดับบายแม่ยกพระแพงนี่ล่ะ
เสียดายพระแพงคนดีผู้เป็นศรีภรรยาแสนประเสริฐจริงๆ ทำไมดีอย่างนี้
ถึงจะทำเหมือนไม่สนใจแต่ก็ใช่ว่าจะไม่เจ็บนะเว้ย พระแพงรักเสี่ยมากขนาดนั้นเลยหรอวะ... ขอถามตรงๆ
หนีไปเลยไปไกลๆจากผู้ชายบ้ากามคนนี้เลย เชียร์ เสี่ยต้องได้บทเรียนบ้างสิ แหม มาเปรียบว่าเป็น อาหารคาว อาหารหวานไม่อิ่มท้องเท่าน้ำพริกถ้วยเก่า เสื่อมมาก แต่ละอย่างที่ทำ... ไอ่แก่ตัณหากลับนี่!!! ตบกบาลสักทีดีมะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 18-01-2017 21:51:24
อีเสี่ย อีเลววววว
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: leefever ที่ 18-01-2017 21:54:15
แหม๊ จำเป็นต้องบารยายขนาดนี้มะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 18-01-2017 21:56:39
 :angry2: เสี่ยนี่โคตรไม่รู้จักพอเลย ขอบทเรียนเจ็บ ๆ ให้เสี่ยหน่อย
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 18-01-2017 22:20:40
อ่านตอนนี้จบมีแต่คำว่าอิเสี่ยเลวลอยเต็มไปหมดเลย อิเสี่ยนี่มันเกินเยียวยาแล้วจริงๆ พระแพงควรหาผลัวใหม่นะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 18-01-2017 22:23:28
เสี่ย ไม่มีคำไหนจะด่า บอกเลย ทุเรศวะ ไม่เปยืเมียหลวงให้เยอะ ๆ บ้างหลัง เปย์เมียน้อยนะเปย์ได้เปย์ดี อีกอย่าง ถ้าสมมุตินะ ต่อให้มีคนด่าเสี่ยจริง เสี่ยคงไม่สำนึกและคิดไม่ได้แน่นอน เพราะเสี่ยไม่รู้จักแยกแยะ รู้แค่คำว่าพอใจ

เบื่อเสี่ย ทำไมนะพะแพง ทำไม ฮืออออ เสียใจ พระแพงรักเสี่ยมาก เสี่ยมองพระแพงเป็นแค่เด็กเลี้ยงเอง พระแพงอย่าไปรักเสี่ยเลยนะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 18-01-2017 22:53:33
 :m31: :m31: :m31: เสี่ยนี่เป็นตัวแทนของผู้ชายเห็นแก่ตัวในยุคนี้ได้ดีจริงๆ ... เสี่ยมีดีแค่เงินจริงๆค่ะ นอกนั้นเหี้ยยยยยย อิเสี่ยย เกลียดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 18-01-2017 23:02:43
เสี่ยนี่เลวเสมอต้นเสมอปลายจริงๆว่ะ
ไม่มีคำไหนที่จะอธิบายความเลวของเสี่ยได้เลย
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 18-01-2017 23:20:19
ยิ่งพยามอ่านยังไม่ค่อยเข้าใจว่าเรื่องนี้จะสื่ออะไร
ถ้าสื่อถึงผู้ชายเลวอันนี้ก็เข้าใจนะ
แล้วหลังจากนั้นละ ดิฉันยังอยากเห็นเวรกรรมเหมือนกันนะคะ
ช่วยหาทางสื่อเรื่องเวรและกรรมของผู้ชายคนนี้ก่อด้วยคะ พลีส
ถ้าเสี่ยรักนายเอกตอนหลัง เอาตรงๆไม่ซึ้งใจหรอก
คนแบบนี้ ควรอยู่คนเดียวนะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 18-01-2017 23:39:30
เฮ้อ...ถอนหายใจเฮือก..กกกกกกกก  :m31: เ-ก-ลี-ย-ด-เ-สี่-ย  :fire: #ทีมพระแพง
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: p^tarn ที่ 18-01-2017 23:52:23
ยิ่งพยามอ่านยังไม่ค่อยเข้าใจว่าเรื่องนี้จะสื่ออะไร
ถ้าสื่อถึงผู้ชายเลวอันนี้ก็เข้าใจนะ
แล้วหลังจากนั้นละ ดิฉันยังอยากเห็นเวรกรรมเหมือนกันนะคะ
ช่วยหาทางสื่อเรื่องเวรและกรรมของผู้ชายคนนี้ก่อด้วยคะ พลีส
ถ้าเสี่ยรักนายเอกตอนหลัง เอาตรงๆไม่ซึ้งใจหรอก
คนแบบนี้ ควรอยู่คนเดียวนะ

"นิยาย" อ่านเอาสนุกก็พอคะ ไม่มีอะไรได้ดั่งใจทุกคน. ถ้านักเขียนเขียนสนุก สำนวนดี พล็อตเรื่องถูกใจก็อ่าน ถ้าอ่านแล้วไม่ชอบก็แค่กดออกไป ไม่ต้องอ่าน จะได้ไม่ต้องเสียอารมณ์.  เราอ่านทั้งนิยายและคอมเม้นท์นักอ่าน บางคนอินมากด่าเสี่ยเละ  เออ เราชอบนะ แบบด่าเพราะอินกับตัวละคร  สงสารตัวละคร แสดงว่านักเขียนเขียนดี คนอ่านอินตาม  การที่เราเม้นท์เกี่ยวกับนิยายหรือตัะครในนิยาย ถือเป็นการให้กำลังใจ แต่ถ้าเราเม้นท์ให้นักเขียนเขียนตามความต้องการของเรา ถือเป็นการไม่ให้เกียรตินักเขียนหรือเปล่าคะ นักเขียนเขามีผลงานเป็นของเขาเอง เขียนจากจิตนาการของเขา  เขามีพล็อตเรื่องเป็นของตัวเอง  เราเสพแต่สิ่งที่เขาให้ก็พอคะ ถ้าอยากให้เป็นแบบนั้นแบบนี้ แนะนำให้เขียนเองคะ. มีคนรออ่านอีกเพียบ เราเป็นคนหนึ่งที่รออ่านคะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: seii ที่ 19-01-2017 00:27:49
สะอิดสะเอียนกับอีเสี่ยมากอ่ะพูดตรงๆ
มันไม่ใช่เเค่นอกกาย เเต่มันมั่วอ่ะ
เเล้วคือมันโคตรเสี่ยงต่อโรคเพราะมันมีหลายคน เอากับคนอื่นเเล้วมาเอากับพระเเพง

อยากให้พระเเพงเลิกรอเลิกรักมันจริงๆ
เวลาทำออรัลให้อีเสี่ยก็อยากให้นางสะกิดคิดขึ้นว่ามันไปเข้ารูไหนมาบ้าง
คนอย่างอีเสี่ยไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาหรอก
ฟังความคิดมันก็รู้ ว่าพระเเพงน่ะ ของตาย รู้ว่าเขารักตัวเอง เลยจะทำไรก็ได้
เกรงใจครึ่งๆ กลางๆ เเบบนี้ก็ไม่ต้องเกรงใจก็ได้นะอีเสี่ยนะ
อยากเปลี่ยนฐรรยากาศก็พามาเอาที่โต๊ะกินข้าวที่บ้านเลยดีมั๊ย? ตื่นเต้น เเหมมมม
เเต่ถ้าให้พระเเพงหนี ก็สงสารพระเพื่อนที่มีพ่อที่ทำตัวไร้สาระเเบบมัน
ไม่มีพระเเพงเด็กมันคงโตขึ้นมาด้วยเงิน เเต่ขาดความรัก
ขอโทษที่เม้นยาวค่ะ อยากมอบรางวัลพระเอกยอดเเย่ให้อีเสี่ยจริงๆ
พวกเลวเเบบดุด่าทั้งต่อหน้าเเละหลับหลังยังดีกว่าคนที่ทำดีเเค่ต่อหน้าอย่างอีเสี่ยเยอะ
อินจัด เธอจะเขียนดีไปไหนนนน
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: P★RiTŸ ที่ 19-01-2017 01:15:32
สะอิดสะเอียน ใช้คำนี้จะแรงไปไหมอ่ะ
แต่อ่านแล้วมันรู้สึกแบบ ฮึ้ยยยยยยย

หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 19-01-2017 01:17:52
หมั่นไส้อิเสี่ย :m16:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MOMAMi_96 ที่ 19-01-2017 02:32:24
อ่านมุมของเสี่ยแล้วใจเต้นเลยอ่ะแบบ โ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 19-01-2017 08:59:21
ถึงเราจะไม่ชอบที่เสี่ยมีใครหลายๆคน
แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมของผู้ชายบางคนในสมัยนี้นะ
เพราะพระแพงเป็นคนคิดในแง่บวก ตอนนี้เลยทนอยู่กับเสี่ยได้
แต่ปัญหาใหญ่ที่เสี่ยจะเจอคืออะไร อยากรู้แล้ว
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 19-01-2017 10:03:43
แพงทิ้งเสี่ยเอาพระเพื่อนหนีไปด้วยจริงๆสักทีดิ้
รำคาญเสี่ยโคตร :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 19-01-2017 13:11:11
 :z6: :z6: :m31: :fire: :angry2: :serius2:
เสี่ยคือแบบบบบ....... ยังจะกล้ากลับมาหาแพงอีกนะ หนอยยยยน่าจัดการจริงๆให้ตายเถอะ แต่ก็นะ...ผู้ชายนิสัยแบบเสี่ยก็พบได้ตามทั่วไป เหอๆ แต่เสี่ยดูจะโรคจิตกว่านิดหน่อย และเปย์แรงจ๊นนนน

เห็นพระแพงเอาคืนสักทีแบบนี้ก็ดี จะได้เกรงใจกันซะบ้าง #อิน 5555555

รอตอนเสี่ยไปง้อนะฮะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 19-01-2017 14:48:21
ไงล่ะเสี่ย ได้ใจมากไปหน่อย
ต้องเจอขอโหดเฉือดนิ่มๆแบบพระแพง จะได้ไปไหนไม่รอด
ขอให้โดนหนักๆ :m16:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 19-01-2017 18:46:49
อ่านรวดเดียวเลยคร้าาาาาาาา>>>>>เสี่ยทำไมแกรเลวอย่างนี้ อย่าให้อภัยง่ายๆน้าาา PP :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 19-01-2017 19:30:26
รู้สึกไม่ชอบใจเสี่ยจริงๆ แต่มนุษย์ก็คือมนุษย์ดีกว่า
เสี่ยเลือกของเสี่ยแบบนี่เอง พระแพงก็เลือกจะอยู่กับเสี่ยต่อไปเอง แต่ละคนก็มีทางเลือก มีความคิดของเขา ใช้มุมมองเราตัดสิน เราก็ทำไม่ได้ เราไม่ใช่ทั้งเสี่ยและพระแพง

ถ้าเปลี่ยนจากพระแพงเป็นเราจริงๆ เราจะไปตั้งแต่รู้ว่าเสี่ยมีปุยฝ้ายเลยล่ะ ไม่ต้องคิดถึงเรื่องราวตอนหลังนี่หรอก ก็ไม่ใช่เด็กเลี้ยงแล้วนี่

และถ้าเสี่ยกล้ามีเด็กเลี้ยง เราก็กล้าที่จะถอยออกมา เราคงว่าเสี่ยไม่ได้ เพราะไม่มีสถานะจะทำเช่นนั้น

ด้านทิฐินี่มีสูงกว่าพระแพงมาก แอบสงสัยเล็กๆว่าพระแพงจะคิดยังไง กับความคิดบวกของตัวเอง หลายคนน่าจะมองว่าดี  แต่เราอยากรู้ว่าพระแพงจะเห็นว่าดีด้วยมั้ยนะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 19-01-2017 19:44:37
นี่หมั่นไส้ อิเสี่ยมากกกก อยากวางยามันทิ้งแล้วรับพระเพื่อนพระแพงมาเลี้ยงจริงๆ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 19-01-2017 19:59:12
ผมว่านิยายเรื่องนี้ "เขียนได้สมจริง" ครับ.
เขียนเหมือนชีวิตจริงๆ อ่ะครับ ไม่ใช่แบบนิยายน้ำเน่า.
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 19-01-2017 22:09:45
วันนี้ไม่ได้ลง  เพราะปั่นไม่ทัน 

เอาตัวอย่างตอนพิเศษไปอ่านนะคะ  ปั่นเสร็จภายในห้านาที  แล้วเอามาลงเลย  555555

ปล. วอนทุกคนอย่าด่าเสี่ยย่ะ  เสี่ยเลวไปแล้ว  แก้ไม่ได้แล้ว   55555555555


ตัวอย่างตอนพิเศษ   ::  จิ้ม!    (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ >///<)

ณ  โรงแรม แกรนด์ เชอราตัน  สุขุมวิท


ร้อยวันพันชาติที่นานน๊าน  เสี่ยจะชวนเขามางานเลี้ยงขนาดใหญ่แบบนี้ซักที  เขาที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวท่านประธานมานานสองปีก็เพิ่งจะได้ออกโรงงานใหญ่ๆ แบบนี้บ้าง  งานนี้ก็ไม่พ้นงานการกุศลของพวกไฮโซไฮซ้อ  คุณหญิง  คุณนายทั้งหลายก็ใส่เครื่องประทับมาแพรวพราวระยิบระยับ  สาวๆ หน่อยก็ใส่ส้นสูงในชุดราตรีเปิดเว้านิดเว้าหน่อย  บางคนก็ใส่ประโปรงที่แหวกซะสูงปรี๊ด  แหม  เขาก็ไม่ใช่พวกสมัยนิยมหรือพวกหัวเก่าอะไรแบบนี้หรอกนะ  แต่ไอ้คำประเภทศิลปะหรือแฟชั่นน่ะ  มันไม่ได้เข้ามาในหัวเขาซักนิด  สิ่งที่เข้ามาในหัวเขาน่ะมีแต่   น่าจะแหวกสูงขึ้นมาอีกนิด  ไม่ก็  หลังน่ะไม่ต้องเอาผ้าซีทรูมาปิดก็ได้  เอาแบบเปิดให้เห็นเนื้อกันไปเล๊ย  แล้วเวลาก้าวขาน่ะ  อื้อหือออ~

แม่เจ้าโว๊ยยยยย  ไม่ใช่ว่าเขาจะลามกหรอกนะ  แต่ขาขาวๆ  สวยๆ เรียวๆ  นั่นน่ะ  เห็นแล้วอารมณ์มันพุ่งปรี๊ด  อยากจะทำเศษเหรียญตกซัก 100  เหรียญ  แล้วค่อยๆ  เก็บ  ค่อยๆ  เก็บ  ไปทีละเหรียญ  อื้อหือออ  แค่คิดเลือดกำเดาก็จะพุ่ง  อยากพุ่งไปเก็บเหรียญแล้วเหลือบมองจริงโว้ย!



>>>  แพงเองก็แสบใช่ย่อยนะ 

หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 19-01-2017 23:34:26
อ่านตอนนี้แล้วเกลียดเสี่ยมาก พระแพงทนได้ไง

ถึงภายนอกเสียจะดูสะอาดแต่ภายในสกปรกมาก ทั้งความคิดและร่างกาย

ทนได้ไงเป็น 10 ปี

ปกติชอบอ่าน nc น่ะ แต่ตอนไอเสี่ยอธิบายเรื่องนี้กับคนอื่นขอข้าม ทนอ่านไม่ไหวจริงๆ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 20-01-2017 01:15:05
สนุกมากกก เห็นชื่อเรื่องมีคำว่าดราม่าเลยไม่กล้าอ่าน เรื่องมันดราม่านะ แต่แพงเล่นซะตลกเลย5555
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 20-01-2017 10:28:08
ถอนหายใจกับเสี่ย  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ผิดหวัง แต่ก็เออเนอะ
พระแพงเลือกแล้ว เราก็จะยอมปิดหูปิดตาไป  :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 20-01-2017 17:41:18
ให้พระแพงแสบมั่งเถอะ อย่าไปยอมเสี่ยมากเล้ย หมั่นไส้55555555 คิดว่าเป็นพระเอกแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นหรอ ควรโดนเอาคืนแบบจัดหนักจัดเต็ม :laugh:

รอตอนต่อไป ฮิๆ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 20-01-2017 18:25:02
ผมว่านิยายเรื่องนี้ "เขียนได้สมจริง" ครับ.
เขียนเหมือนชีวิตจริงๆ อ่ะครับ ไม่ใช่แบบนิยายน้ำเน่า.

สงสัยมีแค่เราสองคนในนี้แหละที่รับได้ คือไม่ได้ชอบนะ และไม่ได้เหมารวมเพศที่สามนะ อันที่จริงก็ทุกเพศนี่แหละ ที่จะมีบางคนแยกเรื่องเพศรสออกจากอุดมคติการมีผัวเดียวเมียเดียว คือจะพูดไงดี นิยายมันแค่สมจริงมากๆอ่ะ เพราะพระแพงเองก็รู้นะว่าเสี่ยมีเด็ก แต่ก็ยินยอมไม่ไปไหนเอง - -" คือ จะเอาคติแบบวิคตอเรียนของชายจริงหญิงแท้ไปครอบคู่รักเพศที่สาม(บางคู่)ไม่ได้หรอก นี่ที่เคยอ่านเรื่องจริงที่แชร์คู่เกย์ที่ครองคู่กันนานหลายสิบปี จนคนซาบซึ้งกันทั้งพันทิป ยังมีบรรทัดนึงบอกเลยว่า ยินยอมให้คู่ตัวเองแฉลบไปเปลี่ยนรสชาติได้ขอแค่ป้องกัน แล้วค่อยกลับมาอยู่ด้วยกันเมื่ออิ่มหรือพอใจ - -
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 20-01-2017 23:07:47
จิงๆนะ คิดว่าคนอย่างเสี่ยไม่ควรได้คนอย่าวพระแพงเลย ยิ่งอ่านพาร็ทของเสี่ย ก็ยิ่งรู้สึกว่าพระแพงควรได้เจอคนที่ดีกว่านี้ แต่เพราะว่าพระแพงรักและมองเห็นส่วนดีในตัวเสี่ยด้วยละมั้ง รวมถึงความคิดบวกของตัวเองได้เลยมีความสุข การไม่ยึดติดกับอะไรๆมากไปบางทีก็คงมีความสุขกว่า

แต่ขอด่าเสี่ยหน่อยเถอะ ไอ้เลว เลวโคตรๆ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: EndAceNs ที่ 21-01-2017 00:23:06
เท่าที่อ่านมารู้สึกคนเขียนเขียนสนุกมากนะ บวกกับพระแพงเป็นคนอารมณ์ดี มองโลกในแง่ดี มันเลยยิ่งสสนุก อ่านเพลิน แล้วก็เรื่องเสี่ยเราก็รู้สึกโอเคนะ รู้สึกมันก็มีน้ำหนัก มีเหตุมีผลในตัวมันเองอยู่ หรือเราคิดไปเอง คนอื่นไม่คิดแบบเราวะ 5555555555555
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: zaturday ที่ 21-01-2017 08:08:15
ขอตบอิเสี่ยล้างน้ำสักทีเถอะ อยู่เป็นตัวประกอบดีๆไม่ว่า ดันอยากมาเป็นตัวหลักเล่าเรื่องเห็นความเลวแบบชัดๆๆ อยากอ่านตอนต่อไปล้าวววว
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 21-01-2017 10:32:32
ฉันยังต้องรออีกนานไม๊... ต้องรอเธออีกนานไม๊....
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 21-01-2017 11:52:43
คิดถึงพระแพงจังเลย~~~ คนเขียนฉู้ๆ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: evanescence_69 ที่ 21-01-2017 12:50:50
Let Her Go

กว่าจะเห็นคุณค่า ก็ต่อเมื่อ สิ่งนั้นไม่อยู่แล้วสินะเสี่ย
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 21-01-2017 14:32:36
มักมากนะเสี่ย โชคดีแค่ไกนที่แกเจอพระแพง เจอคนที่จริงใจโดยไม่หวังเงินทอง
คนอื่นก็ฉาบฉวยอยากได้แต่เงิน เสี่ยเหมือนคนไร้หัวใจ ใจร้ายอ่ะ
แพงลองหนีไปดิ๊ เอาให้ร้อง

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 21-01-2017 21:29:15
อยากอ่านต่อแล้ววว ยังไงๆ

ปล.อยากอ่านตอนที่เสี่ยกลัวพระแพงทิ้งด้วย 5555 หมั่นไส้ ก่อนหน้านี้ทำเป็นเก๊ก
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 50% [17/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 21-01-2017 21:30:06
อ่านรวดเดียวจบ สนุกมากค่ะ :katai2-1:

ปลื้มพระแพงมาก นางทำงานอย่างซื่อสัตย์ตั้งใจและมีสติตลอดเวลา ไม่หลงไปกับเงินทองที่เสี่ยเปย์ให้  ต่อมาเมื่อมาเป็นคู่ชีวิต พระแพงก็ยังเสมอต้นเสมอปลาย ยึดมั่นต่อหน้าที่ตัวเอง เป็นเมีย เป็นแม่ ที่ดี

อิเสี่ย  ปรบมือให้ค่ะ  นางแมนเนจชีวิตตัวเองดีมาก555(ประชด)  ไม่มีอะไรจะชมนางมาก นอกจากตอนนี้ก็คิดได้แล้วว่าน้ำพริกถ้วยเก่าดีที่สุด  ก็ขอให้เป็นสามี เป็นพ่อที่ดี เลิกนอกใจเมียไปมีกิ๊กมีกั๊ก และช่วยเมียเลี้ยงลูกบ้าง 

ให้กำลังใจนักเขียนนะคะ สนุกมากค่ะ รออ่านตอนพิเศษนะคะ o13
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 21-01-2017 23:39:13
Sp::  เมียหนี
By เสี่ย  (ครั้งหลัง)



ในตอนที่เขากลับมาหาแพงกับพระเพื่อนอีกครั้ง  หลังจากเขาเอาของที่ซื้อแล้วไปเก็บไว้ที่รถก่อนหนึ่งรอบ  พระแพงที่กำลังยืนโกรธจัดอยู่ตรงหน้าร้านอาหารก็คว้าพระเพื่อนที่ไปอยู่ในมือพี่เลี้ยงตั้งแต่เมื่อไหร่รู้  เดินก้าวขาฉับๆ  ตัดหน้าเขา  เขาซึ่งไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วยก็ได้แต่หันไปมองหน้าพี่เลี้ยง  เขาไม่รู้ว่าช่วงเวลาสั้นๆ ที่ตัวเองเอาของไปเก็บมันเกิดอะไรขึ้น  เขารู้แต่เพียงว่าแพงโกรธจัดจนจะอยากฆ่าใครซักคนขึ้นมาให้ได้ 

ตัวพี่เลี้ยงเองที่อยู่ในเหตุการณ์พอถูกเขาจ้องหนักเข้า  เธอก็บอกทั้งที่หน้ายังเปลี่ยนสีว่า  ตอนที่ตนมาถึงหน้าร้านอาหารตามที่นัดกันไว้  ว่าจะกินกันก่อนกลับห้อง  ตนที่แวะไปซื้อของส่วนตัวมาก็เห็นว่าแพงกำลังคุยอยู่กับใครที่ไหนไม่รู้  เป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ  ผิวขาวจัดมาก  อายุน่าจะประมาณยี่สิบ  ตอนแรกพี่เลี้ยงก็คิดว่าเป็นเพื่อนของแพงหรือไม่ก็รุ่นน้อง  ตนเองจึงเดินเข้าไปหาเพื่อที่รับพระเพื่อนมาอุ้มแทน  แพงจะได้คุยสะดวกขึ้น  แต่พอตอนตนเดินเข้าไปใกล้กลับได้ยินเด็กคนนั้นกำลังด่าแพงอยู่ว่า.... 

" @#$%^&_)(*&^%#$%^&*& "

เด็นคนนั้นด่าแพงว่าอะไร  เอาเป็นว่าเขาไม่อยากพูด  เพราะคำพูดที่ออกมาจากปากพี่เลี้ยงแต่ละคำมันเป็นคำที่ไม่น่าฟังมาก  ขนาดเขาที่ได้ฟังคำที่ดัดแปลงมาแล้วยังอดโหโมไม่ได้  แล้วแพงเองที่เป็นคนถูกด่าโดยตรงจะรู้ยังไงบ้าง

เขาฟังพี่เลี้ยงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเดินตามแพงกลับมาที่รถ  พี่เลี้ยงบอกว่า  เด็กนั่น (ถ้าเขาเดาไม่ผิดก็คงเป็นทริคไม่ก็น้ำข้าว)  มาด่าแพงว่า  แพงเป็นเด็กเลี้ยง(ด่าคำแรงกว่านี้เยอะ)  คิดอยากเกาะเขาที่เป็นเสี่ยเลี้ยงล่ะสิท่า  และการที่แพงมาทำตัวเป็นพี่เลี้ยงของพระเพื่อนอยู่ตอนนี้ก็คงกะจะจับเขาให้อยู่หมัดเลยสินะ  ดีเนอะ  ตอนกลางวันเป็นพี่เลี้ยง  ตอนกลางคืนก็....ตัว  ได้ทั้งขึ้นทั้งร่องแบบนี้ก็คงจะสบายมากล่ะสิท่า  ไม่รู้ว่าไปทำบุญมาอีท่าไหนเนอะ  แค่อ้าขาเหมือนกันแต่ก็ได้เงินต่างกันเยอะ

เขาที่ได้ฟังคำด่ามาจากปากพี่เลี้ยงพอเดินมาถึงตัวแพงที่ยืนรออยู่นอกรถ  ก็ได้แต่บอกว่าเรื่องนี้เขาจะเป็นคนจัดการให้ 

เรื่องนี้เขาเองก็จัดการให้แพงไปแล้วจริงๆ  เขาโทรไปหาธนิตและบอกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น  ธนิตเองก็ตกปากรับคำและบอกว่าจะคนเป็นจัดการให้  ในตอนนั้นเขายังไม่รู้ว่าเรื่องทุกอย่างเป็นแผนของธนิตที่อยากดึงแพงกลับไปเป็นเด็กเลี้ยง  แต่พอเขารู้  เขาก็ส่งคนให้จัดการจนธนิตไม่สามารถกลับมาอยู่ไทยได้อีกพักใหญ่เหมือนอัน

ส่วนแพงตัวแพงเอง  เขาก็ส่งรูปไปให้แพงดูแล้ว  ซึ่งมันเป็นรูปของน้ำข้าวที่ถูกเล่นงานจนยับ  และแพงก็พยักหน้าเป็นการรับรู้  ก่อนจะบอกว่าไม่อยากเห็นรูปแบบนี้มาก  เพราะมันไม่ดีต่อสายตา  ตัวเขาที่ตามใจแพงมาโดยตลอดก็ไม่ได้คิดอะไรมาก  และก็คิดว่าเรื่องทุกอย่างคงจบแค่เพราะเขาก็จัดการแล้ว  และแพงก็รับทราบจนเป็นที่พอกันหมดทั้งสองฝ่ายแล้ว

และนั่นก็คือเรื่องที่เกิดขึ้น  เขาที่ถูกแพงทิ้งจะขำก็ขำไม่ออก  จะร้องไห้ก็ร้องไม่ได้  สำหรับคนอื่นปัญหานี้ควเป็นเรื่องเล็กๆ  แต่สำหรับเขามันเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติ  แพงโกรธเขาควรไปง้อเขาก็รู้  แต่แพงจะรู้บ้างหรือเปล่าว่าเขามีงานที่ต้องทำ  มีงานที่ต้องแก้  มีลูกน้องอีกเป็นหมื่นๆ ชีวิต  ที่ต้องดูแลและจ่ายเงินให้

เรื่องนี้เขาผิด  เขาควรง้อมันก็ใช่  แต่เรื่องนี้มันจบลงแล้วและแพงเองก็พยักหน้ารับทราบ  แล้วแพงยังจะต้องการอะไรอีกกันแน่  ถ้าไม่พอใจผลการลงโทษเพียงแค่นี้  แพงบอกเขามาตรงๆ ก็ได้เขาจะส่งคนไปจัดการให้  แต่ไอ้เรื่องที่จะให้เขาไปเป็นจัดการเองน่ะคงเป็นไปไม่ได้  ในเมื่อเขามีเงินมีลูกน้อง  เขาจะปล่อยให้ลูกน้องนั่งหายใจทิ้งกินเงินเดือนเป็นหมื่นๆ แสนๆ ต่อปีก็คงจะเป็นไปไม่ได้  มีลูกน้องก็ต้องใช้ให้คุ้มกับเงินที่จ้าง  และถ้าแพงไม่บอกเขาก็ไม่ทางรู้เลยว่าจะจัดการส่วนไหนได้บ้าง

อย่างตอนวันนั้น...  หลังจากที่เกิดเรื่องเขาก็ง้อแพงไปตามสภาพ  แต่พอเห็นแพงยังหงุดหงิดไม่พอใจ  เขาที่จะสะกิดแพงเพื่อขอคืนดี(ง้อบนเตียง)  พอเห็นแพงไม่เล่นด้วยเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรมาก  คิดแต่ว่าแพงเพียงแค่งอนเลยอยากหนีไปนอนกับพระเพื่อน

ส่วนตัวเขาที่ไม่ผิด(?)  พอถูกแพงแตะโด่งออกมาเขาก็กลับไปนอนบ้าน  แต่นั่นไม่ใช่ว่าเขาหนีปัญหาหรือไม่ยอมหาทางแก้  เขาหาทางแก้แล้ว...โดยการง้อแพง  แต่ในเมื่อแพงยังไม่พอใจจะให้เขาทำอะไรอีกได้  นอกจากรอให้แพงอารมณ์เย็นกว่านี้แล้วกลับไปง้อ

แต่ก็นั่นแหละ  เขามีงานที่ต้องสะสาง  มีเอกสารที่ต้องเซ็นต้องแก้  ไอ้เรื่องง้อน่ะง้อแน่  แต่จะได้ไปง้อเมื่อไหร่นี่สิไม่แน่   แถมตอนนี้แพงก็หนีไปให้เขาง้อถึงเชียงใหม่นู่น  เขายอมรับก็ได้ว่าไม่ได้กลับไปนอนที่ห้องสองวันเพราะโกรธแพงอยู่บ้างที่แพงไม่มีเหตุผลแบบนี้  แล้วพอวันนี้...  วันที่เขาจะกลับไปง้อแพงที่ห้อง  เจ้าไหมเลขาของเขาก็ขออนุญาตเข้ามาพร้อมกับรูปถ่ายของพระแพงกับพระเพื่อนที่อยู่บนเฟสบุ๊ค   ตัวเขาเองพอเห็นรูปบนโซเชียลเน็ตเวิร์คที่แพงอัพพร้อมกับอคปชั่นที่ว่า  "หนีเมียมาเที่ยว"  ไอ้เขาจะโกรธก็โกรธไม่ออก  จะหัวเราะก็หัวเราะไม่ได้  แพงเองก็เป็นแบบนี้  บางทีทำอะไรก็ไม่ค่อยคิด  แถมชอบคิดเองเออเองไปเรื่อยจนติดไร้สาระ

แต่เพราะแพงอัพทุกอย่างลงบนโลกโซเชียล (แต่พอเขาโทรศัพท์ไปแพงดันไม่รับ) เขาที่ไม่ค่อยชอบเล่นเฟสบุ๊คเพราะติดแต่ทวิตเตอร์  ก็ได้แต่ตามติดชีวิตแพงกับลูกผ่านโซเชี่ยลมีเดียที่ไม่ค่อยติดตามบ่อยนัก  เฟสบุ๊คของแพงตั้งเป็นแบบสาธารณะ  เพราะอย่างนั้นเขาจึงเข้าไปสามารถดูรูปได้โดยไม่ต้องแอดเฟรนด์หรือขอเป็นเพื่อน  แพงเช็คอินที่สนามบินดอนเมืองครั้งแรกเมื่อสองวันก่อนหรือก็คือวันจันทร์...หลังวันที่เกิดเรื่อง  อีกสามชั่วโมงถัดมาในวันเดียวกันนั้นแพงก็เช็คอินอยู่ที่ถนนนิมมานฯ พร้อมกับพระเพื่อนที่ถูกแพงจับใส่แว่นกันแดดสีด้วย 

แพงนี่ช่างชอบเล่นแต่งตัวให้กับลูกสาวเขาเสียจริง  แพงบอกว่าพระเพื่อนเป็นเด็กน่ารัก  เขาเองก็เพิ่งมาสังเกตพระเพื่อนอย่างจริงๆ จังๆ ก็วันนี้  พระเพื่อนหน้าตาเหมือนเขาเสียแปดส่วน  น่าเสียดายที่ปากกับจมูกดันไปเหมือนกับปุยฝ้าย  นี่ถ้าพระเพื่อนหน้าเหมือนแพงอีกซักนิดเขาก็คงจะเอ็นดูพระเพื่อนมากกว่านี้   แต่มันคงจะเป็นไปไม่ได้  แต่เอ...  มาคิดอีกทีมันก็ดูน่าจะเป็นไปได้ 

เพราะที่เขาบอกสิ่งแวดล้อมสร้างและหล่อหลอมตัวคนก็น่าจะเป็นแบบนี้  แพงกับพระเพื่อนหน้าตาไม่เหมือนกันซักนิด  แต่พอพระเพื่อนถูกแพงจับแต่งตัวบ่อยเข้า  อยู่ด้วยกันบ่อยเขา  พระเพื่อนที่หน้าไม่เหมือนแพง  แต่ก็มีนิสัยบางอย่างที่เหมือนแพงมากขึ้น  โดยเฉพาะรอยยิ้มที่ยิ้มทีก็เห็นเหงือกแดงแจ๋นั่น  ตอนนี้พระเพื่อนอายุเพิ่งจะหกเดือนแถมฟันน้ำนมก็ยังไม่ขึ้น  เวลายิ้มก็ได้อวดเหงือกแดงที่พ่อแพงคอยทำความสะอาดให้ 

เขาไม่รู้หรอกว่าแพงกับพระเพื่อนพักกันที่ไหนบ้าง  แต่คิดว่าพระแพงคงจะไม่เปลี่ยนโรงแรมบ่อยมากเพราะรูปที่ถ่ายลงในสองวันแรกเป็นรูปที่ถ่ายในห้องเดิมซ้ำ  เพิ่งมีวันนี้ที่แพงคงลงจากมาจากรถแล้วถ่ายรูปกับป้ายปาย  ส่วนเรื่องการเดินทางเขาว่าแพงน่าจะใช้วิธีเหมารถตู้เพราะตอนนี้แพงมีเงินถุงเงินถังมากพอที่จะพักที่ไหนหรือไปกี่วันก็ได้

อืมม  คิดๆ ดูแล้วมันก็เจ็บหัวอกอยู่นิดๆ  ตอนนี้แพงเหมือนนกที่พร้อมจะบินสู่โลกกว้าง  ขอแค่เพียงเขายอมปล่อยแพงให้หลุดมือ  แพงก็พร้อมจะบินออกจากอกเขาได้ทุกเมื่อ  แต่เขาไม่มีวันปล่อยแพงไปหรอก  แพงเป็นแพงในแบบที่เขาของเขาแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว  ให้แพงอยู่อย่างสนุกบ้างเหงาบ้าง  ก็ดีกว่าปล่อยให้แพงออกไปใช้ชีวิตคนเดียวข้างนอก  เขามันเป็นคนเห็นแก่ตัว  เขารู้  แต่นิสัยเขาหรือสันดานผู้ชายก็เป็นแบบนี้  ต่อให้รักหรือไม่รัก  ถ้าเป็นของที่อยู่ในมือเราก็ไม่สามารถยอมปล่อยมันไปง่ายๆ  แม้ว่ามันจะเป็นของที่เราไม่ต้องการก็ตาม

เอิ่ม  แต่นี่ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการแพงหรือไม่รักแพงนะ  เขาเพียงอยากจะบอกว่าเขาเอ็นดูแพง  และอย่างที่เคยบอกก็คือแพงเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว   เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต  และเป็นคนที่เขาสามารถอยู่อย่างสบายใจด้วยได้  เพราะอย่างนั้นตราบเท่าที่เขายังไม่ยอมปล่อยมือ  แพงคือกรรมสิทธิ์อย่างหนึ่งของเขาทรัพย์สินที่เขาควรได้หลังจากที่ผ่านอะไรๆ มาเยอะ

เขารู้ๆ  ว่าคิดอย่างนี้มันออกจะเห็นแก่ตัวอยู่เยอะ  แต่นี่ก็คือสิ่งที่เขาคิดและเขาเองก็ไม่อยากจะโกหกตัวเองด้วย  และเพราะเขาไม่เป็นคนโกหกตัวเองในระหว่างที่ยังเคลียร์งานไม่เสร็จ  เขาก็รูปแพงกับลูกไปเรื่อยๆเขาเองก็โทรหาแพงแล้วแต่แพงไม่ยอมรับ  ส่งไลน์ไปแพงก็ไม่ตอบแถมยังไม่ยอมอ่านไลน์เขาด้วย 

เขาที่อยู่แต่ในห้องทำงานจะรีบไปหาแพงก็ไม่ได้เพราะติดงานที่ถูกนัดไว้ล่วงหน้า วันนี้...ยังไงเขาก็ออกไปหาแพงไม่ได้  ส่วนพรุ่งนี้เขาเองก็ต้องเข้าประชุมพร้อมกับเซ็นสัญญากับคู่ค้าคนใหม่ที่กว่าจะจับมาเซ็นสัญญาได้มาก็เสียเงินกับเสียเหงื่อ(เพราะไปตีกอล์ฟ) มาเยอะ  แต่มันก็เป็นการเหนื่อยที่คุ้มค่า  เขาชอบเวลาที่ได้งานและได้ตกลงทำสัญญากับคู่ค้า  มันก็เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน  และการแข่งขันก็มีแต่เรื่องตื่นเต้น  ยิ่งนึกถึงรางวัลจำนวนหลายพันล้านก่อนจะหักค่าใช้จ่ายและก่อนหักจ่ายภาษีเขายิ่งตื่นเต้น  ดังนั้นเรื่องของแพงคงต้องรอไปก่อนเพราะแพงคงรอได้  อ๊ะๆ  นี่ไม่ใช่ว่าเขาปล่อยปละละเลยตัวแพงหรอกนะ  แต่พอแพงไม่รับโทรศัพท์เขาก็ไม่สามารถง้อแพงได้ 

อีกอย่างนี่มันก็ชีวิตจริงไม่ได้เป็นเหมือนดั่นในละครหรืออย่างในโทรทัศน์  เขามีหน้าที่  มีงานที่ต้องสะสาง  มีลูกน้องที่ต้องคอยอยู่ดูแล  เพราะอาจจะมีปัญหาที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น  ดังนั้นจะให้เขาเป็นเหมือนพระเอกในละครที่เอะอะก็ยอมละทิ้งทุกอย่างเพื่อนางเอกกลับมามันก็ใช่ที่  แพงหนีไป...แพงก็แค่งอนไปหน่อยเท่านั้น  แถมการที่แพงยังยอมอัพรูปผ่านทางโซเชียลก็แสดงว่าแพงยังไม่โกรธมาก  แพงแค่อยากให้เขาไปตามง้อเท่านั้น

ตอนที่แพงถูกด่า(ต่อหน้าสาธารณชน)  แพงโกรธ  แพงเสียใจ  เขาก็รู้  แต่เขาก็ปลอบและโอ๋แพงไปแล้วในแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้  จะให้เขาง้อแพงมากกว่านี้  หรือง้อแพงในแบบที่ง้อผู้หญิง  เขาก็คงทำตัวไม่ถูกและคงทำไม่ได้เพราะทั้งชีวิตเขาไม่เคยง้อผู้หญิงซักครั้งนอกจากง้อคุณแม่  ในส่วนของการง้อเด็กเลี้ยง...เอาเป็นว่าง้อเด็กเลี้ยงนี่ง่ายกว่าง้อแพงเยอะ  แค่ให้เงินกับของขวัญเด็กพวกนั้นก็หายงอนแล้ว  แต่ถ้าไม่หาย  มันก็ไม่ใช่ปัญหาที่เขาต้องมาตามแก้  เป็นแค่เด็กเลี้ยงก็อย่ามาหวังว่าเขาจะมาประคบประหงมมาก  แค่ให้เงินทุกอย่างก็ควรจบแล้ว  ถ้ายังไม่อยากจะจบก็ยังอยากไม่พอใจเขาก็ไม่สามารถว่าอะไรหรือทำอะไรต่อได้  ไม่เอาเขาก็ไม่สนแล้วก็อย่ามาหวังว่าเขาจะง้อเพิ่ม จบก็คือจบ  แค่งั้นไม่มีส่วนอื่นเพิ่ม

ต่างกับแพง...  การที่เขาง้อแพงมากกว่าเด็กคนอื่นหรือให้ความสำคัญกับแพงมากกว่าเด็กคนอื่น  แพงก็น่าจะเห็นแล้วว่าเขาต้องเห็นแพงเป็นคนพิเศษแน่ๆ  ส่วนเรื่องรักหรือไม่รัก  เอาเป็นว่าเขาไม่อยากพูดถึงมาก  เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องแบบนี้  ถ้า "รัก" เขาก็คงจะรู้  แต่ถ้าไม่รู้  เขาเองก็ไม่ได้ลำบากมาก  เพราะเขาไม่เคยรักใครมาก่อนในชีวิต  ไอ้เรื่องที่จะมาทุรนทุรายหรือฟูมฟายเรื่องความรักนี่ยิ่งไม่มีใหญ่ เขาซื้อบริการมาเกือบตลอดชีวิต  ดังนั้นไอ้เรื่องตกหลุมรักแรกพบนี่คงจะไม่มีทางเป็นไปได้  อย่างสุดเขาก็แค่ถูกใจและเปย์เยอะกว่าคนอื่นหน่อยก็เท่านั้น

ส่วนเรื่องของเขากับแพงเอาเป็นว่ามันไม่ใช่ความรัก  เขาอาจจะเอ็นดูแพงมากกว่าเด็กคนอื่นๆ อยู่บ้างแต่มันก็ไม่ทางใช่ความรักอยู่แล้วแน่ๆ  และหลังจากที่จบเรื่องทริคกับน้ำข้าว  เขาที่กินแต่ขนมหวานมานานก็ควรกลับมากินที่ดีต่อสุขภาพเสียที  และอีกอย่างแพงก็ค่อนข้างใสซื่อ  สด  สะอาด อร่อย  และเชื่อถือได้  เขามั่นใจว่าแพงจะไม่มีทางจากไปแน่ๆ ถ้าเขารั้งตัวแพงไว้

อะไรนะ  เขามันสารเลวชาติชั่ว 

เรื่องนี้เขารู้หรอกน่าไม่ต้องมาย้ำ  แต่เขาก็ขอสัญญากับตัวเองเลยว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ ที่เขาจะมีเด็กเลี้ยง  ส่วนในเรื่องที่เขาจะแอบมีกิ๊กหรือมีกั๊ก  บอกตรงๆ เลยว่าเขายังไม่สามารถตัดขายหรือตัดใจได้  เขายังมีเพื่อนมีฝูง...  หรืออย่างหนึ่งก็คือเขายังมีเพื่อนที่คอยเฮไหนกัน  ไปไหนไปกันอีกด้วย  แล้วไอ้พวกเพื่อนกลุ่นนี้ขอเขาน่ะมั่วคาวโลกีย์แบบเขากันทั้งนั้น  เรียกได้ว่าคบคนพาล  พาลพอหาผิดของจริง  เพื่อนในกลุ่มน่ะต่อให้ไม่ได้เกย์อย่างเขา  แต่บางคนก็เป็นไบบ้าง  เป็นเสือผู้หญิงบ้าง  ไม่มีหรอกจะพากันไปที่ดีๆอย่างการเข้าวัด  ขนาดบางคนที่แต่งงานยังไม่พ้นเลยที่จะมีกิ๊ก  ผู้ชายมันก็สันดานแบบนี้แหละ    ถ้าไม่นอกกายก็แอบไปมีกิ๊ก  พวกเราแยกความรักออกจากความใคร่  เราให้เกียรติภรรยาที่อยู่ที่บ้าน  แต่เวลาเราออกไปมีกิ๊กหรือมีชู้  เราก็ไม่ทางบอกคนที่บ้านเพราะคงไม่มีใครอยากบ้านแตกหรือต้องคอยมารำคาญที่ต้องมาทะเลาะกันด้วยเรื่อไร้สาระแบบนี้

และเขาขอบอกเลยว่านะว่าแพงน่ะเป็นศรีภรรยาที่สามารถเอาไปโม้ใครที่ไหนก็ได้  เพราะแพงเอาแต่อยู่กับบ้านและคอยเลี้ยงลูก  ต่อให้เขาแอบไปมีกิ๊ก...  อะแฮ่ม  เอาเป็นว่าเพราะแพงให้เกียรติเขา  และเว้นที่ว่างให้เขาๆ เลยยิ่งเอ็นดูแพงมากกว่าเด็กคนอื่นมากขึ้น  เอาน่า  เขาก็บอกแล้วไงว่าจะล้างมือลงในอ่างทองคำแล้ว  เขาจะหยุดมีเด็กเลี้ยง  ส่วนเรื่องกิ๊กเอาเป็นว่าเขายังให้สัญญาไม่ได้  สำหรับคอนโดที่เพิ่งซื้อมาใหม่เขาก็ว่าจะขาย  เพราะในเมื่อไม่ได้ใช้ก็ดีกว่าจ่ายส่วนกลางไปเรื่อยๆ  แล้ววันไหนอยากขึ้นมาแค่ไปโรงแรมเรื่องก็จบแล้ว  แพงเองก็คงไม่ต้องมาคิดมากเพราะเขาคงไม่ค้าง...

เออๆ  เขารู้น่าว่าเขามันสารเลว  เขามันไม่เหมาะกับแพงซักนิด  แต่เขาก็บอกไปแล้วไงว่าแพงรับได้  แล้วคุณที่เป็นคนอื่นจะมาด่าเขาทำไมไม่ทราบ  เขาไม่มีสำนึกผิดอยู่แล้ว  เพราะงั้นเขาเอาเวลาที่คิดมากมาเร่งทำงานแล้วรีบไปตามง้อแพงดีกว่า  ศรีภรรยาแบบนี้  (แค่กๆๆ)  ไม่ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ  ตอนนี้แพงเองก็เช็คอินอยู่ที่ปายแล้ว  ถ้าเป็นไปตามแผนการหรือตามตามกำหนดการในทริปที่เขาชอบจัดกันในพันทิป  ต่อไปแพงต้องไปอยู่ที่ปางอุ๋งต่อแน่ๆ  แต่แพงมีพระเพื่อน..  ดังนั้นทริปนี้อาจจะล่มเพราะแพง(หรือพระเพื่อน) คงไม่สะดวกนอนเต็นท์  แพงอาจจะเลยไปนอนที่แม่ฮ่องสอนแทน

และก็จริงวันถัดมาแพงเช็คอินอยู่ที่แม่ฮ่องสอนเป๊ะ  แพงกำลังไหว้พระและจับมือพระเพื่อหย่อนเงินใส่กล่องทำบุญด้วย  เขาที่เร่งวันเร่งคืนให้ผ่านพ้นวันที่เขาสั่งให้เจ้าไหมเคลียร์กับเจ้าไหมก็ได้แต่ทำงานให้เสร็จเร็วขึ้น  เขาควรที่จะได้ไปอยู่ตรงนั้นกับแพงและพระเพื่อน  เขาควรที่จะได้มีเวลาอยู่กันพร้อมหน้าสามคนพ่อแม่ลูก  (ถึงแพงจะไม่ใช่แม่ตามความหมายจริงๆก็เถอะ)

แต่ไม่รู้ว่ามันเกิดเวรกรรมหรือสวรรค์กลั่นแกล้งเขายังไงก็ไม่รู้  เขาที่ควรจะได้ขึ้นเครื่องบินไปง้อแพงตั้งแต่วันพฤหัสก็ต้องเลื่อนไฟลท์กระทันหันเพราะฝ่ายผลิตในนิคมอุตสาหกรรม  ดันเกิดมีปัญหาเครื่องจักรเกิดเหตุขัดห้อง  เขาที่เป็นท่านประธานถึงกับลงไปดูงานเองเพราะเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ  เครื่องจักรเครื่องหนึ่งมีมูลค่าตั้งหลายสิบล้าน  แล้วเครื่องจักรเครื่องนี้ก็ทำงานมาได้ดีหลายปีและยังไม่สมควรจะพังเพราะเขาเมนเทนเนนท์หรือซ่อมบำรุงอยู่เรื่อยๆ  แล้วพวกเหล่าวิศวกรที่เขาจ้างมานี่  เขาจะจ้างมานอนหรือไงไม่ทราบ  เครื่องจักรเสียก็ซ่อมไปสิ  อะไหล่เขาก็สั่งเปลี่ยนให้อยู่ทุกปีแล้วทำไมมันถึงต้องมาเจาะจงเสียเอาตอนนี้ 

เขาที่อยากจะด่ากราดก็ด่าไม่ได้เพราะเหตุผลมันฟังขึ้น  เครื่องจักรมันถูกใช้งานมานานแล้ว  ส่งซ่อมแล้วก็ตั้งหลายปี  สมควรจะถูกเปลี่ยนใหม่ได้แล้ว  แต่ไอ้คนที่เสนอใหม่นี่มันใช้สมองคิดหรือใช้อะไรคิด  เครื่องจักรไม่ใช่ว่าจะสั่งก็สั่งได้  มันต้องมีส่งคนไปดูส่วนประกอบ  ดูว่าถ้าซื้อใหม่มันจะผลิตอะไหล่หรือชิ้นส่วนได้เหมือนเดิมไหม  ไอ้เรื่องดีกว่าน่ะมันดีแน่ว่าอยู่แล้วเพราะของมันมีแต่พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ  แต่ความต้องการของตลาดมันอาจจะไม่ได้ต้องการของใหม่แบบนั้น  สิ่งที่ตลาดต้องการคือของ "ตรงตามสเปค" "ราคาถูก"  "มีคุณภาพ" ในแบบฉบับราคาที่พอรับได้  ถ้าไม่ได้สั่งว่าอยากได้แบบใหม่  เราห้ามคิดแทนผู้บริโภค

แถมการซื้อเครื่องใหม่มันก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ  นอกจากราคาที่ต้องตรวจสอบ  ยังต้องดูด้วยว่าถ้าจะสั่งใหม่มันมีของพร้อมส่งไหม  ถ้าไม่มีต้องรออีกชาติถึงจะได้  และถ้าหากสั่งแล้วของยังไม่ได้  ระว่างนี้เราจะทำยังไง  หาอะไหล่บางส่วนมาทดแทนก่อนได้ไหม  แล้วถ้าอะไหล่มาไม่ทัน  จะเอาสินค้าที่ไหนส่งให้ลูกค้า  ลูกค้ามันไม่สนหรอกว่าเครื่องจักรมันจะพังหรือมันเจ๊ง  ถ้าหากถึงเวลาส่งของถ้าไม่ขของก็ต้องจ่ายค่าเสียหาย(ค่าเสียเวลา) เพิ่ม  หรือถ้าไปเอามาจากเจ้าอื่นคุณภาพจะเหมือนกันหรือเปล่าก็ไม่รู้  แถมถ้าไปเอาจากเจ้าอื่น  เกิดลูกค้ารู้แล้วไปดีลกับบริษัทนั่นลับหลังในราคาที่ถูกกว่าบริษัทเขาไม่แย่เรอะ

คิดแล้วก็หงุดหงิดชะมัด  เขาควรจะได้ไปอยู่กับแพง  ไปอยู่กับลูก  ไม่ควรต้องมาหงุดหงิดอารมณ์เสียกับเรื่องไม่เป็นแบบนี้  เจ้าไหมที่เห็นท่าไม่ดีเพราะเขาเตรียมด่ากราดทุกคนที่เข้ามาใกล้ก็ไล่ให้เขาไปอยู่ห้อง  เขาไม่มีเหตุผลเองเขาเขาก็รู้  แต่พวกพนักงานหรือพวกช่างซ่อมมันเอาแต่นอนหรือไงทำไมงานมันถึงได้เสร็จช้าแบบนี้!

เขาที่หงุดหงิดแล้วหงุดหงิดอีกแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากรอกับด่าลูกน้อง  เขาควรจะไปอยู่กับแพงตั้งแต่สองวันก่อนแล้ว  เขาไม่สมควรที่จะอยู่ที่นี่!

จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลังแล้วปล่อยให้เจ้าไหมเป็นคนจัดการ  วันนี้วันเสาร์แล้ว...  เขาสั่งความกับเจ้าไหมแล้วว่ามีอะไรก็โทรมาบอกเข้าได้  เขาจะขึ้นเครื่องตอนสี่ทุ่มและหลังจากนั้นเขาจะปิดเครื่องก่อนเปิดเครื่องอีกครั้งหลังจากถึงสนามบินเชียงใหม่แล้ว

วันนั้นกว่าที่เขาจะมาถึงห้องพักรับรองผู้โดยสารก็เป็นเวลาเกือบสองทุ่ม  เครื่องบินที่จะบินไปเชียงใหม่มีไฟลท์ล่าสุดที่เขาจับทันคือรอบสี่ทุ่มสี่สิบห้า  ในช่วงระหว่างรอขึ้นเครื่องนี้เขาโทรคุยกับเจ้าไหมสลับกับโทรหาแพงอยู่เป็นระยะ  เขาน่าจะบินไปหาแพงให้เร็วกว่านี้  เขาไม่น่าจะรอจนถึงวันที่แพงมีรอยยิ้มน้อยลงตามระยะที่เพิ่มมากขึ้นแบบนี้  เขาน่าจะได้ไปอยู่ดูแลแพงกับลูก  น่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งของรูปภาพในเวลาที่พระเพื่อนงอแงหรือร้องไห้  เขามันเป็นพ่อที่ใช่ไม่ได้  เป็นพ่อที่เอาแต่ทำงาน  และตอนที่เห็นแพงอัพเดตรูปก่อนรูปสุดท้ายที่เป็นรูปพระอาทิตย์ขึ้น  แพงเขียนคำบรรยายใต้ภาพว่า "วันสุดท้าย"

เขาไม่รู้ว่าแพงต้องการสื่อความหมายถึงรูปนี้ว่าอะไร  ว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่แพงออกมาเที่ยวหรือวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่แพงรอเขาไปง้อ  และนั่นก็ทำให้เขาตัดสินใจเลือกแพงก่อนงานได้ 

เขาน่าจะจำได้ดีถึงบทเรียนตอนที่เกิดเรื่องปุยฝ้าย  วันนั้นแพงรอเขาอยู่ตลอดสองวันก่อนที่จะตัดสินใจเดินออกจากห้อง 

ตอนแรกเขามั่นใจว่าไม่ว่ายังไงเขาก็สามารถรั้งแพงเอาไว้ได้  แต่ตอนนี้...  ความมั่นใจของเขาไม่มีหลงเหลืออีกต่อไปแล้ว  เขาลืมไปได้ยังไงว่าแพงเป็นคนดื้อ  ลองตัดสินใจแล้วไม่ว่าอะไรแพงก็สามารถปล่อยวางได้  นี่แหละคือความน่ากลัวที่สุดของคนที่ไม่ต้องการอะไร  เพราะแพงไม่ต้องการอะไร  เขาถึงไม่มีอะไรจะมาเหนี่ยวรั้ง  ส่วนพระเพื่อน... ต่อให้แพงรักมากแค่ไหน  แต่พระเพื่อนของคนอื่น...  เป็นลูกของเขา  ลองถึงวันที่แพงเลือกจะจากลา  แพงก็คงวางพระเพื่อนลงและส่งคืนให้กับเขาง่ายๆ เหมือนกับแหวนกับสร้อย  ที่แพงเคยตั้งวางไว้

มาถึงตรงนี้เขาไม่เคยรู้สึกร้อนรนขนาดนี้มาก่อนในชีวิต  ยิ่งเห็นภาพสุดท้ายที่แพงอัพเดตมา  เป็นรูปแพงกับผู้หญิงต่างชาติที่อยู่ๆ ก็โผล่มาจากที่ไหนไม่รู้  แพงเซลฟี่ชูสองนิ้วพร้อมกับผู้หญิงคนนั้นโดยมีพระเพื่อนที่ถูกแพงอุ้ม  เขาลืมคิดไปได้ยังนะว่าแพงมีทางเลือก  แพงเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่สมบูรณ์พร้อม  แพงไม่ใช่เด็กเลี้ยงคนเก่าต้องอาศัยความช่วยเหลือจากเขา   ตอนนี้แพงสามารถก้าวเดินต่อเพื่อมีชีวิตใหม่ในวันข้างหน้า  ส่วนเขากับลูกคือประสบการณ์ที่แพงจะเก็บไว้ดูและนึกย้อนหลังอยู่ระยะ

เขานั่งรอเป็นมดที่ถูกเผาอยู่ในกะทะ  เขาติดต่อแพงไม่ได้ตั้งแต่ตอนสองทุ่มครึ่ง  ไม่รู้ว่าแพงแบตหมดไปแล้วหรือแพงหยุดที่จะรอแล้ว  ตอนสามทุ่มสิบนาทีเจ้าหหมก็โทรติดต่อมาอีกครั้งบอกว่าเครื่องจักรซ่อมเสร็จแล้ว  สามารถผลิตอะไหล่ชุดสุดท้ายได้ทันก่อนส่งไปให้ลูกค้า  ส่วนเรื่องเครื่องจักรจะส่งซ่อมครั้งใหญ่หรือซื้อเครื่องใหม่ก็คงต้องรอเขากลับมาพิจารณาอีกที 

เขาที่หมดห่วงภาระทางด้านงานก็ได้แต่โล่งออกและรอเวลาที่จะขึ้นเครื่องให้ได้เร็วขึ้น  ในตอนที่พนักงานเรียกคนขึ้นเครื่องเขาก็รีบลุกออกไปคนแรกๆ ในฐานะผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาส  แต่ในตอนที่เขากำลังจะปิดเครื่องเพราะต้องขึ้นเครื่องบิน  แพงที่หายไปนานก็เช็คอินอีกครั้งที่สนามบินดอนเมือง  รูปที่แพงอัพเดตเป็นรูปที่แพงเซลฟี่กับตัวเองพร้อมกับพระเพื่อนที่หลับสนิทไปแล้วอยู่ในเป้อุ้ม  เขาที่เห็นดังนั้นก็วิ่งออกจากทางเดินเชื่อมต่อระหว่างห้องผู้โดยสารกับตัวเครื่อง  วิ่งไปบอกพนักงานว่าเขาไม่ขึ้นเครื่องแล้ว  เขาเดินออกมาถึงหน้าสนามบิน  พร้อมกับพยายามโทรติดต่อแพงอยู่ตลอดเวลา  แต่จนแล้วจนรอดแพงก็ไม่รับสายจนเขาแบตหดไม่สามารถโทรออกได้ ที่ชาร์จหรือแบตสำรองหรือเพาเวอร์แบงค์เขาก็ไม่ได้เอามา

เขาเดินวนเวียนอยู่บริเวณลานจอดรถแท็กซี่  เพราะรู้ว่าแพงจะต้องขึ้นแท็กซี่เพื่อเดินทางต่อแน่ๆ  แต่แพงจะเดินทางไปที่ล่ะ  ถ้าเกิดเขากลับห้องไปแล้วไม่เจอแพงอยู่ที่ห้องเขาจะตามตัวแพงต่อได้ที่ไหนบ้าง  และถ้าหากเขาเปิดเครื่องแต่แพงยังไม่รับสายเขาจะติดต่อแพงได้ที่ไหนอีกบ้าง  หรือว่าเขาควรจะตรงกลับไปที่จันทบุรี  แต่ถ้าแพงไม่อยู่ที่จันทบุรีอีกล่ะ  เขาจะไปตามตัวแพงที่ไหนบ้าง 

เขาคิดๆๆๆ  แต่สุดท้ายเขาก็คิดไม่ออก  เขาไม่เคยจนตรอกขนาดนี้  แถมเขาก็วนรออยู่ที่ลานจอดรถแท็กซี่อยู่ตั้งนาน  ถ้าแพงอยากขึ้นรถ  เขาก็ต้องเห็นแพงได้เพราะแพงก็ไม่คนตัวเล็ก  เขารอแพงอยู่หน้าสนามบินเป็นชั่วโมงๆ แต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาแพงเลยซักนิด  จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจและตั้งใจจะกลับไปตั้งหลักที่ห้อง...

ใช่!  แพงจะต้องตรงกลับไปที่ห้องในคอนโดก่อนแน่ๆ  เขานี่มันโง่ชะมัด  ไอ้ที่คนเขาบอกว่าเส้นผมบังภูเขาก็คงเป็นแบบนี้!   ทำไมเขาถึงคิดไม่ได้นะว่าแพงมีพระเพื่อนอยู่ในเป้อุ้ม  ไม่ว่าแพงจะไปไหนหรือต่อให้แพงได้ตัดใจ  แพงก็ต้องกลับมาที่ห้องเพื่อคืนพระเพื่อนให้เขาก่อนอยู่แล้ว  เขานี่มันน่านัก!  ไม่น่าจะเพิ่งมาเห็นประโยชน์ของพระเพื่อนก็ตอนนี้เลย  เขาน่าจะนึกออกตั้งแต่แรก!

เขาที่เพิ่งเห็นประโยชน์ของการมีลูกในวันนี้ก็ได้แต่จับแท็กซี่แล้วตรงกลับไปหาแพงที่น่าจะอยู่ที่ห้อง  ในตอนที่เขากลับมาถึงตัวห้อง  เขาก็เห็นแพงนั่งหันหลังแยกกองของฝากอยู่แล้ว  แพงที่หันมามองเขาเพราะได้ยินเสียงก็เลิกคิ้วขึ้นเหมือนจะถามว่าเสี่ยไปไหนมา  ทำไมเสี่ยถึงสภาพโทรมแบบนี้ 

เขาที่ถูกสายตาแพงถามอัดมาแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว  ถ้าหากไม่ทรุดตัวลงกับพื้นก็คงไม่ใช่คนแล้ว  เสียแต่...  เขามีมาดท่านประธานที่ต้องรักษาไว้อยู่บนหน้า  ดังนั้นต่อให้เขาหดหู่หรือเหนื่อยเพราะรีบวิ่งมาจากไหน  ก็ได้แต่เดินเก็กหล่อตรงไปหาแพงที่นั่งอยู่กลางห้อง  เรื่องแบบนี้...  ไม่รู้ว่าเขาสมควรจะโกรธแพงดี  หรือทำอะไรกับแพงดีที่แพงยังนิ่งอยู่แบบนี้  แพงทำเอาเขาห่วงเป็นจนแทบคลั่ง  แถมโทรศัพท์จนแบตหมดแต่แพงยังไม่ยอมรับ แต่ในตอนที่แพงลุกขึ้นมากอดเขาแล้วบอกเขาว่า

" แพงกลับมาแล้ว" 

แค่นี้...  ทุกอย่างที่เคยกังวล  ทุกอย่างที่เขาเคยหวาดกลัว  ทุกอย่าง...ที่เขากลัวว่าแพงจะหายไป  ก็หายไปหมดพร้อมกับอ้อมกอดของแพงที่กอดเขาอยู่ตอนนี้

หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 21-01-2017 23:40:51
<ต่อ>



อะไร?

อย่าคิดนะว่าเรื่องมันจะจบลงง่ายๆ แบบนี้

แต่ก็ใช่...  เรื่องราวของเขาที่วิ่งตามหาแพงและเรื่องราวของแพงที่วิ่งหนีเขาจนไปถึงเชียงใหม่มันก็จบลงแต่เพียงเท่านี้  ไม่มีฉากตบจูบหรือเศร้าน้ำตาคลอหรือมีฉากสีเลือด

เรื่องมันจบลงได้ง่ายๆ  เพียงแค่เรายอมวางทิฐิลง  ทั้งเรื่องที่เขาโกรธแพง(ที่ทำเอาเขาหัวปั่นจนหัวยุ่ง) และเรื่องที่แพงโกรธเขา(น่าจะเลี้ยงที่เขาปล่อยให้แพงถูกเด็กเลี้ยงด่าแล้วตามไปง้อช้า)  เรื่องทุกอย่างมันก็จบลงง่ายๆแบบนี้

คืนนั้นเขากับแพงก็นอนกันและมีอะไรกันอย่างสุขสมแฮปปี้  ส่วนพระเพื่อนที่หลับมาตั้งแต่ตอนลงเครื่องก็หลับสนิทลากยาวไปถึงเช้า  เพราะคงจะเพลียมากที่ตะลอนๆ ไปไหนมาเยอะ 

ส่วนพี่เลี้ยง...  พี่เลี้ยงนี่ถูกแพงบังคับลากลับบ้านไปตั้งแต่วันจันทร์แล้ว  ประมาณว่าพอแพงจะหนีเที่ยวแพงก็สั่งให้พี่เลี้ยงทั้งสองคนลางานทันทีเพราะแพงดูแลพระเพื่อนได้ 

แล้วก็นั่นแหละเรื่องทุกอย่างจบลงแบบแฮปปี้  ถึงทุกคนหรือหลายๆ คนจะบอกว่าเรื่องนี้มันจบง่าย  จบก็เหมือนกับไม่จบ  แต่ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้มีทุกข์  มีสุข  มีสมหวัง  มีเศร้า  มีเหงาบ้าง  แต่เขาที่มีแพงกลับคืนมาแค่นี้ก็เหมือนกับเขาได้โอบกอดของล้ำค่า  เรื่องแบบนี้...  พอลองมาคิดดูดีๆ อีกทีแล้ว  เขาเป็นฝ่ายโอบกอดแพงหรือแพงเป็นฝ่ายโอบกอดเขาจนเขาหนีไปไหนไม่ได้ก็ไม่รู้  เพราะในตอนที่เขายังกอดแพงอยู่มือในมือและแพงเองเริ่มดิ้นขลุกขลักบ้าง  ดิ้นหนีบ้าง  เขาที่เพิ่งได้ของวิเศษล้ำค่ากลับคืนมาก็ได้แต่คิดว่าต่อไปเขาจะไม่ยอมปล่อยให้แพงหลุดมือไปอีกแล้ว  และต่อให้แพงหนีเขาก็ต้องตามจับตัวแพงหรือลากตัวแพงกลับมาแน่ๆ  แต่เขาไม่ใช่พวกรอให้เกิดปัญหาก่อนแล้วค่อยตามแก้ 

เพราะงั้นนี่ก็เป็นบทเรียนที่จำจนไปสอนลูกสอนหลานได้แล้วว่าเราควรถนอมสิ่งที่มีค่าให้เยอะๆ  อย่าคิดว่าใครคนหนึ่งเป็นของตาย  เขาให้เราด้วยใจ  เราก็ต้องให้ใจเขาตอบแทนด้วย  และตอนที่เขาเริ่มจะสำนึกเขาก็ร่ำๆ ว่าอยากจะกอดแพงในเรท  18+  เต็มที  แต่ก็ถูกแพงขัดขาเอาไว้เพราะไม่มีพี่เลี้ยงอยู่ในห้อง  แพงเลยต้องส่งพระเพื่อนเข้านอนให้เรียบร้อยในอีกห้องหนึ่งแทน

คืนนั้นกว่าเขากับแพงจะได้นอนก็เกือบตีสองแล้ว  เพราะเขามัวนัวเนียอยู่กับแพงแล้วไม่ยอมปล่อยให้แพงนอนหลับไปง่ายๆ  คืนนั้น...  นั่นเป็นครั้งแรกจริงๆที่เขารู้สึกมีความสุขและรู้จักถึงความหมายของการร่วมรักเป็นครั้งแรก  เขาเอง...ก็ผ่านการมีเซ็กซ์มาตลอดเกือบสิบห้าปีได้  แต่นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เขาอิ่มเอมใจแบบนี้  การร่วมรักที่แท้จริงมันช่างกับต่างกับเซ็กซ์  การร่วมรักมันคือการที่เราเอาใจใส่คนที่นอนด้วย  มันไม่ใช่แค่การระบายความใคร่  แต่มันเป็นการที่ทำให้คู่นอนรู้สึกดี   

เขาที่มุ่มเน้นที่จะทำให้แพงมีความสุขก็ยอมให้แพงปลดปล่อยออกไปก่อนสองครั้ง  ส่วนตัวเองเขาเองก็เล่นบทอึด  ถึก ทนเพื่อเก็บความรู้สึกดีๆ เหล่านี้ไว้  เขากอดแพงบ้าง  จูบที่ขมับแพงบ้าง  แล้วบอกแพงว่าเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมาเขาขอโทษ  และต่อไปเขาจะไม่ยอมปล่อยให้แพงเสียใจแบบครั้งนี้อีก  แพงเองพอได้ฟังคำขอโทษอย่างจริงใจแพงก็พยักหน้ารับ  แพงบอกเป็นเสียงพึมพำว่าถ้ามีครั้งที่สองอีกแพงจะไม่ทนอยู่ต่อแบบนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว  เขาที่ได้ฟังคำมั่นก็ได้แต่รู้สึกขนหัวลุก  ความรู้สึกหนาวจับจิตจับใจก็คงเป็นแบบนี้ 

ตอนที่เล่นเกมส์แย่งชิงบริษัทกับปุยฝ้าย  เขายังมั่นใจเลยว่ายังไงเขาก็จะไม่แพ้  แต่กับความรู้สึกของแพงในตอนนี้...  เอาเป็นว่าถ้าเขาจับแพงไว้ไม่ดี  แพงได้หนีจากเขาไปตลอดกาลแน่  และต่อให้เขามีพระเพื่อน  แพงเองก็คงไม่หันหลังกลับเพราะว่าแพงตัดสินใจและเตือนบอกเขาไว้ก่อนแล้ว  และเพราะอย่างนี้นี่แหละ  เขาถึงบอกว่าแพงเป็นดื้อ  ลองได้ตัดสินใจแล้วต่อให้ช้างมาชุดก็คงรั้งแพงเอาไว้ไม่ได้  และเพราะแพงไม่เคยต้องการอเหร  เขาถึงไม่มีสิ่งที่จะเหนี่ยวรั้ง

ดังนั้นเขาเองพอเพิ่งจะกลับมาสำนึกผิด(และมีจิตสำนึก)  ก็ได้แต่แก้ตัวและปฎิบัติต่อแพงกับพระเพื่อนให้ดีขึ้น  ส่วนธนิตที่เป็นต้นเหตุของเรื่อง  กว่าเขาจะรู้ว่าทุกอย่างเป็นแผน  เจ้าตัวก็หนีไปอยู่ตะวันออกกลางแล้ว  เพราะเห็นว่ามีเด็กใหม่ที่ต้องไปส่งที่นั่น  ส่วนภาค...พี่รหัสของพระแพง  ที่แท้จริงแล้วก็ไม่ใช่เป็นคนดีเพราะภาคเป็นคนหาเด็กในมหาลัยไปส่งในกับธนิต  เรื่องที่ภาคมาทำดีกับแพงแท้จริงแล้วก็เป็นแผนของภาคด้วย  เขาที่พอรู้เรื่องก็จัดการกับแทนแพง  เพราะเขาไม่อยากให้แพงมารับเรื่องอะไรที่ไม่ได้แบบนี้ 

ส่วนเรื่องเขาจัดการแบบไหม เอาเป็นว่าวงการนี้มันไม่แคบ  แค่มีเงินกับมีเพื่อน  เขาก็สามารถบีบภาคออกจากวงการนายแบบและหนีไปอยู่ต่างประเทศได้  ส่วนธนิต...  พอเขาได้ข่าวว่าธนิตจะกลับมาในประเทศ  เขาก็สั่งคนให้ไปดักรอพร้อมกับมอบของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จนธนิตต้องหนีไปอยู่เมืองนอกอีกคน 

ในส่วนของตัวเขาเอง  เขาก็พยายามเผลาๆ ลงเรื่องเซ็กซ์  เพราะในที่สุดเขาก็ต้องยอมรับแล้วว่าเขาคงขาดแพงไม่ได้  ส่วนเรื่องออกนอกลู่นอกทางเขาเองก็ยอมรับว่าแอบมีบ้าง  แต่เขาก็ไม่ถึงขนาดว่ามีเด็กเลี้ยง  เพราะเขาเข็ดแล้ว  เพียงแต่ในเวลาที่เขาออกไปสังสรรค์กับเพื่อนแล้วมีเด็กมานั่งคุยบ้าง  เขาก็โอบกอดพูดคุยตามประสา  แต่แพงนี่สิ  ดูท่าจะแอบคิดว่าเขาดอดออกไปมีคนอื่นอยู่เรื่อย  ถึงเขาจะกลับมาพร้อมกับกลิ่นน้ำหอม  หรือกลิ่นที่สะอาดหลังจากการอาบน้ำ  แต่เขาก็ไม่เคยนอกใจถึงขึ้นมีเซ็กซ์

แต่ก็ช่างเถอะ  ในเมื่อแพงอยากคิดแบบนี้เขาจะว่าอะไรแพงได้  ใจคนเปลี่ยนไม่ได้และเป็นเพราะเขาทำแพงเจ็บมาเยอะ  แล้วเขาจะไปโทษอะไรใครได้  และเพราะแก้ตัวไปก็ไม่มีประโยชน์  เขาก็เลยเปลี่ยนมาแกล้งแพงในงอนแล้วค่อยตามง้อแทน  เวลาแพงงอนน่ะน่ารักออกจะตาย  ถึงจะไม่ได้ทำแก้มป่องแบบเด็กเล็กๆ  แต่เวลาแพงงอนแพงจะชอบหันหลังให้  เขาที่ถูกแพงโกรธก็ได้แต่ง้อแพงบ้างโอ๋และโอบกอดแพงบ้างไปตามเรื่อง  ส่วนในเวลาที่แพงโกรธจัดจริงๆ  แพงก็ชอบลากพระเพื่อนหนีไปโน่นมานี่แล้วปล่อยให้เขาเคลียร์งานก่อนรีบตามไปง้อ

แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่แพงไปกินดีหมีมาจากที่ไหนไม่รู้  เขาที่เพิ่งกลับมาจากที่ทำงานแล้วกำลังนัวเนียในเรท  16+ (ยังไม่ได้ถอดเสื้อผ้า)  แพงที่อ้อดอ้อนเขามากกว่าปกติก็เปิดปาก(กล้า)ขอว่า  ตัวเองก็อยากมีกิ๊กบ้าง  เขาที่ได้ฟังก็หูตั้งแยกเขี้ยวก่อนจะจัดการสำเร็จโทษแพงที่กล้ามาขอมีกิ๊กแบบนี้  แถมแพงเองก็หยุดขอเพียงแค่นั้น  ขนาดตัวเองถูกจัดหนักจนเกือบจะร่อแล่  แพงยังมีหน้ามากล้าเสนออีกว่า  ถ้าหากเสี่ยไม่อยากให้แพงมีกิ๊ก  เสี่ยให้แพงเสียบเสี่ยบ้างก็ได้  ไอ้เขาที่ได้ฟังจะโกรธก็โกรธไม่  ไม่รู้แพงไปฟังใครเป่าหูมาถึงได้จะมาหยามเกียรติ(ประตูหลัง)เขาแบบนี้ 

เขาที่ตามใจแพงจนแพงเริ่มจะเสียคนก็บอกได้แต่บอกแพงไปว่า  ถ้าแพงอยากมีกิ๊กกรือคิดอยากเสียบเสี่ยขึ้นมาอีกรอบ  เสี่ยจะรวบเอาบรรดาหนัง AV  ที่แพงแอบทั้งหมดไปทิ้ง  ทิ้งแบบลิมิตเต็ดและแบบบ็อกเซ็ต!  เอาไปเผาให้หมดเกลี้ยงแบบชนิดที่ว่าไม่สามารถเอาเศษชิ้นส่วนมาดูต่างหน้าได้!  อย่าคิดนะว่าเขาไม่รู้ว่าแพงแอบอยู่ที่ไหนบ้าง  เขารู้แต่เขาไม่พูด!

และเพราะอย่างนั้นแหละ  แผนการที่แพงอยากจะมีกิ๊กเลยถูกพักไปอีกรอบ  แต่แพงที่มีความกล้าเพิ่มขึ้นอยู่ทุกวัน(เพราะมีเขาคอยโอ๋)  ก็ยังมาบ่นอยู่อีกเป็นระยะๆ ว่าอยากมีกิ๊กบ้าง  อยากลองถูกเปิดซิงที่ด้านหน้าบ้าง  แพงสงสารลูกชาย  เสี่ยไม่สงสารลูกชายแพงเหรอครับ  เขาที่เห็นหน้าแพงทำตาปริบๆ แล้วก็อยากจะจิ้มลูกกะนัก 

แต่นั่นแหละ  ได้แต่คิดแต่ทำไม่ได้!  เขาที่ตามใจแพงจนเหลิงก็ได้แต่ซื้อของให้แพงเล่นแทน  แต่แพงก็ยังอุตส่าห์เรื่องมาก  บอกว่าอยากลองของจริงบ้าไม่อยากเปิดซิงกับของแบบนี้บ้าง  เขาที่โดนแพงเห็นเสือเป็นวัวก็ได้โกรธจนควันออกหูแล้วด่าเปิงแพงไปหนึ่งรอบว่า  ถ้าอยากมีกิ๊กนักก็ออกไปจากคอนโดได้เลย  เขาไม่ง้อ!

และนั่น...  ก็เป็นอีกครั้งที่เขาทะเลาะกับแพงอีกจนได้  เขาที่โมโหแพงจัดก็ได้แต่ประชดแล้วหนีแพงไปกอดเด็กข้างนอก  (แค่กอดไม่ได้ทำอย่างอื่นเพิ่ม)  ส่วนแพงที่รู้ตัวว่าผิดก็ได้แต่รอง้อเขาอยู่ที่บนห้อง  ย้ำว่าแพงรอเขาอยู่ที่บนห้อง!  แพงทำอย่างกับเขาเป็นของตายที่หนีไปไหนไม่ได้!

และก็จริง...

อีกสองวันถัดมาเขาที่ไม่ถูกแพงง้อก็ซมซานกลับมาอยู่ในห้อง  ปล่อยให้แพงคอยปรนนิบัติคอยง้อ  เรียกว่าปรนนิบัติพัดวีจนเกิดเรื่องเลยเถิดที่เรท 20+  และ 30+ เลยทีเดียว  ดีนะที่วันนั้นเพื่อนไปอยู่กับแม่พร้อมกับพี่เลี้ยง  เขาที่เพิ่งเคยถูกเด็กง้อก็โดนจัดการซะอยู่หมัดจนออกไปไหนอีกไม่ได้ 

แต่เอิ่ม  มันไม่ใช่ว่าเขาถูกแพงจัดหนักหรือถูกแพงทำอะไรแบบนั้นหรอกนะ  เพียงแต่แพงก็มีมารยาในแบบของแพงเองก็แล้วกัน  แล้วมันก็ไม่มารยาแบบขี้อ้อนหรือแบบแอบร้องไห้  แต่มันเป็นแบบมารยาที่...  เอาเป็นว่าผู้ชายที่ชอบผู้ชายอย่างเขาชอบเอามากๆ  การเห็นแพงตัวเปล่าเปลือยที่มากล้ามแน่นๆ และซิกแพคหกห่อ  (แพงยังอุตส่าห์ไปออกกำลังกายจนมีซิกแพคมาจนได้)  กับไอ้ผิวสีน้ำตาลเข้มที่ออกแทนกำลังดีและลงน้ำมันนวดตัวมาน้อยๆ นั่นน่ะ  เอาเป็นว่ามันถูกใจเขามากๆ แล้วยิ่งพอได้เห็นตอนแพงส่ายก้นตอนเล่นท่า  69  ด้วยตนเอง  ท่านั้นก็มัดใจเขาแบบสุดๆ  จนเขาหนีไปจากแพงไม่รอด

แล้วก็นั่นแหละ  (เฮ้อ~  แอบถอนหายใจ)  เขาก็อยู่กับแพงแบบนี้มาเรื่อยๆ  จนถึงตอนอายุสี่สิบ  ระหว่างวันฮันนีมูนรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้  เขากับแพงที่กำลังท่องเรือในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน  เขาก็บอกรักแพงอย่างเป็นทางการเสียที  เรื่องที่แพงรักเขา  เรื่องนี้เขารู้มานานแล้ว  ส่วนเรื่องที่เขารักแพง...  เอาเป็นว่าเขาไม่รู้ตัวหรอกว่าเขารักแพงมากตั้งแต่เมื่อไหร่  แต่พอรู้ตัวว่า " รัก" เขาก็รู้แต่ว่าเขารักแพงมาก  และความรักของเขามันไม่ได้ฉาบฉวยเหมือนกับพวกวัยรุ่น  แต่มันเป็นความรักที่ก่อตัวมากขึ้นทุกวันๆ  โดยที่มีแพงเป็นส่วนร่วม  จวบจนมาถึงวันหนึ่งมันก็มาถึงจุดอินฟิตี้  จุดที่เขาจะไม่มีวันรักแพงไปได้น้อยนี้เขาเลยก็ตัดสินใจบอกแพงไปเป็นคำพูด  และแพงเองก็ตอบรับรักเขามาในแบบของแพงที่แสนจะน่ารัก  แพงที่กำลังนอนหอบอยู่บนตัวเขาก็กราบเขาที่ไหล่ของเขางามๆ อย่างที่ไม่เห็นเคยมานานแล้ว  แพงเองก็บอกว่า  "แพงก็รักเสี่ยเหมือนกัน"

เฮ้อ~  นั้นแหละ  เรื่องของเขากับแพงก็จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง  เขาที่ปากหนักก็ถึงเวลาที่บอกรักแพงเสียที ส่วนแพงเองที่รอมานานพอเขาบอกรักได้ก็ออกลายพ่อพวงมาลัย  เที่ยวแอบอยากดอดไปมีกิ๊ก  จนเขาต้องแอบตามหึงแพงอยู่เรื่อย

นี่แพงคงจะไม่ได้เล่าถึงในส่วนนี้สินะ   เขาขอแฉและขอบอกตรงนี้เลยว่า  แพงน่ะตอแหลตัวพ่อ  เจ้าชู้ลื่นไหลตัวแม่  ทำมาเป็นหงิมๆ น่าสงสารแล้วถึงเวลาก็มาออดมาอ้อน  เขาเห็นนะว่าแพงน่ะอ่อยพนักงานหญิงไปทั่ว  ยิ่งตอนหลังมีราศีผู้ช่วยท่านประธานจับแพงยิ่งลั้นลา  ออกงานสังคมแต่ละทีไม่วันไหนหรอกที่จะไม่มีเบอร์สาวกลับบ้าน  เขาที่เป็นพ่อแก่ก็ตามง้อตามหึงเมียเด็กไปเถอะ!

ส่วนพระเพื่อนเองที่ได้แพงเลี้ยงมาแบบดีมากกกกก(ประชด)  มีอะไรๆ ก็พ่อแพงก่อนเพื่อน  เขาดุพ่อแพงนิดพ่อแพงหน่อยก็ไม่ได้  ทำมาเป็นร้องไห้  เที่ยวบ่อน้ำตาแตกแทนพ่อ(แพง)  บอกว่าพ่ออธิปไม่รัก  เพื่อนจะหนีไปอยู่กับย่า!

เฮ้อ~  เอาเข้าไปลูกเขา  นี่ถ้ามีคนมาบอกว่าเขาถูกสวรรค์ลงโทษเขาก็ยอมเชื่อนะ  เพราะแพงแก้เผ็ดเขาได้แบบถึงใจ  ที่เขาบอกว่าสิบปีค่อยแก้แค้นก็ยังไม่สายก็คงเป็นแบบนี้  เขากับแพงที่ทะเลาะกันแล้วง้อ  แล้วก็ทะเลาะกันใหม่จนต้องงอกันอีกก็ทำแบบนี้อยู่เป็นกิจวัตร  รอจนเพื่อนโตพอจะรู้ความก็ถูกเขาคงไปอยู่กับย่าบ่อยขึ้นเพราะเขาต้องเอาเวลาไปตามง้อ  (ย้ำว่าเขาตามง้อทั้งที่บางทีเขาก็ไม่ผิดด้วยซ้ำ!)  แล้วก็นะ เวลาง้อยังไงก็มันก็ต้องขึ้นเรท 30+ อยู่แล้ว  และในตอนที่เขาอายุสี่สิบ (ห้ามด่าว่าเขาอายุเยอะ)  จะให้เขาเอาแต่ง้อด้วยวิธีบนเตียงบ่อยๆ ก็เห็นทีว่าลูกชายเขาจะไม่สู้  ดังนั้นเขาที่อยู่ในวัยสี่สิบก็เลยได้แต่พาแพงออกไปเที่ยวกันสองต่อสองบ้าง  ดินเนอร์ใต้แสงเทียนภายใต้พื้นที่ใหม่ๆ  หรือตามสถานที่สำคัญเพื่อรำลึกถึงความหลังบ้าง

ส่วนพ่อกับแม่เองที่อายุเยอะ  และเริ่มเบื่อกับพฤติกรรมของลูกที่เอาแต่ง้อเมียเต็มที  พอมีพระเพื่อนมาคอยอยู่เป็นเพื่อนพวกท่านก็หายเหงาขึ้นเยอะ  บางทีก็พาพระเพื่อนไปอวดเพื่อนๆ บ้างว่าเป็นไงล่ะ  หลานสาวฉันสวยไหม  ฉลาดเหมือนฉันเลยล่ะสิ  ....ก็ตามประสาคนแก่ที่เห่อหลานไปทั่วล่ะนะ

ส่วนแม่ที่แท้จริงอย่างปุยฝ้ายเขาเองก็ไม่ได้ตามข่าวมาก  เห็นมีคนบอกว่ารอผู้บริหาร X (เรียกตามแพง)  จนฝ่ายนั้นออกจากคุก  แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ตามข่าวอะไรเพิ่ม  ไม่รู้ว่าอยู่ดีกินดีหรือเผลอเงินยี่สิบล้านไปแล้ว  แต่ก็ช่างเถอะ  ฝ่ายนั้นจะเป็นยังไงเขาก็ไม่ขอยุ่งมาก   ขอแค่ฝ่ายนั้นอย่ามายุ่งวุ่นวายกับพระแพงหรือพระเพื่อนก็เป็นพอ

แล้วก็นั่นแหละ  เขาขอสรุปแบบโดยรวมอีกรอบก็คือเขากับแพงใช้ชีวิตด้วยกันแบบมีความสุขดีมาก  ถึงจะมีทะเลาะกันบ้างตามภาษาลิ้นกับฟัน  และตามภาษาชีวิตคู่ที่อยู่ด้วยกันมานานก็ต้องทะเลาะกันบ้าง  แต่เราก็อยู่ในจุดที่เรารักกันและให้เกียรติซึ่งกันและกันมาจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต  ไม่มีใครรักใครมากกว่าหรือน้อยกว่าให้เปรียบเทียบ  ชีวิตคนมันก็เป็นแบบนี้ไม่สามารถเอาความสุขของเราไปเทียบคนอื่นได้  และเขาเองก็พอใจที่จะอยู่กับแพงแบบนี้ไปจนถึงที่แก่เฒ่า 

ส่วนเรื่องย้อนกลับไปในอดีต...  ถ้าเขาสามารถย้อนอดีตกลับไปได้  เขาก็อยากจะกลับไปดีกับแพงให้มากกว่านี้  ถ้าให้ดีเลยก็ย้อนกลับไปอยู่กับแพงตั้งแต่ก่อนแพงจะเกิดได้เลยยิ่งดี  เขาอยากจะอยู่กับแพงเยอะๆ  ตอนนี้เขามีความสุขมาก  และเขาก็อยากจะมีความสุขร่วมกับแพงมากกว่านี้  อยากอยู่กับแพงในช่วงเวลาต่างๆ ทั้งสุข เศร้า เหงา ทุกข์ มากกว่านี้

แต่ก็นั่นแหละ...  บางที่แพงเคยบอก  อดีตเปลี่ยนไม่ได้  และเขาที่รู้ตัวก็ช้าไปก็มีแต่ทำให้แพงมีความสุขมากขึ้นๆ  ในทุกๆ วันของชีวิต  รอจนถึงวันที่เขาแก่จนจะลงโลง  เขากับแพงก็ยังอยู่กันแบบมีความสุขอยู่แบบนี้  อืมม  ถ้าให้เปรียบเหมือนอย่างที่ในนิทาน  เขาก็คงต้องบอกว่า  เจ้าชายกับเจ้าหญิง(?)  ได้อยู่ร่วมกันอย่างแฮปปี้และมีความสุขด้วยกันตลอดไปนั่นเอง


End.


>>>  เรื่องเด็กเลี้ยงจบจริงๆ  แล้ว  ที่นี้ก็เหลือแต่ตอนพิเศษที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาหลัง  โฮๆๆๆๆ (ร้องไห้ดีใจ)
>>>> ส่วนเรื่องที่มีคนถามว่า  เรื่องนี้สอนอะไร...  แฮะๆ  เรื่องนี้อาจจะไม่ได้เรื่องกฎแห่งกรรมที่พระเอกจะต้องชีช้ำเนอะ  แค่เรื่องนี้อยากจะสอนว่า  ขอให้ทุกคนมีความสุขกับสิ่งที่ทำ  คิดก่อนทำ  อย่าทำก่อนคิด  แล้วถ้าหากเกิดความก็ผิดพลาดก็อยากให้ปล่อยวาง  และค่อยๆ เรียนรู้  เรื่องนี้  สิ่งที่อยากบอกกับคนอ่านจริงๆ  คืนตอนสุดท้ายของเรื่องค่ะ 

เรื่องที่ว่า  "ถ้า" ย้อนอดีตกลับไปได้  ซึ่งจริงๆ เราย้อนอดีตกลับไปไม่ได้ใช่ไหมคะ  แค่แพงที่อยู่กับความจริง  ปล่อยวาง  และไม่มีความทุกข์(หมายถึงมีทุกข์ก็ปล่อยวางได้น่ะนะ)  แพงเลยมีชีวิตที่มีความสุขอยู่ทุกวันโดยไม่ต้องรำลึกถึงอดีตมาก

ส่วนเสี่ย...  เสี่ยอาจจะไม่ได้รับบทลงโทษที่สาสม  แต่พอเสี่ยคิดได้  เสี่ยก็ได้แต่เสียใจที่ปล่อยให้อดีตผ่านไปแบบนี้  แต่เพราะอดีตเปลี่ยนไม่ได้  และเราก็ไม่ควรคร่ำครวญกับเรื่องที่ผ่านไปแล้ว  ชีวิตมันต้องเดินต่อไปข้างหน้า  และถ้าเราไม่อยากเสียใจเพิ่ม  เขาก็ได้แต่ทำวันนี้และวันอื่นๆ ให้ดีขึ้น

นี่แหละค่ะข้อคิดของเรื่องนี้  (งงไหม  5555) 

ใครมีอะไรสงสัยก็ถามที่เพจได้นะคะ  อันนี้ไม่ใช่การโฆษณาแต่ที่เล้ามัน reply คำตอบยากนิดนึง  เลยกลัวว่าจะตอบบางคำถามไม่ได้  แต่เราก็อ่านหมดทุกคอมเมนท์นะ  แล้วก็ขอบคุณมากๆ  ที่ทุกคนมาเมนท์และให้กำลังใจ  ส่วนเรื่องติชมเราก็พยายามแก้ให้เท่าที่ทำได้แล้วค่ะ  อาจจะไม่โดนใจบ้างต้องขอโทษนะคะ  ><

ส่วนเรื่องตอนพิเศษ  คงอัพช้ากว่านี้มากๆ  (ขึ้นอยู่กับไฟที่ล้นก้น)  แต่ที่คิดไว้ก็คือตัวอย่างที่ลงไปแล้วกับตอนของนายธันวา...(ที่ชักขี้เกียจ)  ส่วนตอนอื่นๆ ก็แล้วแต่ความคึกค่ะ  แต่ฝากคิดตามด้วยนะคะ  ถ้าจบแบบจบจริงๆ (ไม่มีเหลือในก็อก)  เราก็จะแจ้งโมให้ย้ายไปที่ห้องจบเลยค่ะ  (หรือย้ายได้เลยหว่า)

สุดท้ายนี้  ขอบคุณมากๆนะคะที่ติดตาม  ทุกคนอย่าลืม(โฆษณา)  เรื่อง  รักนี้ไม่ปล่อยให้หลุดมือนะคะ  อยู่ในห้องนิยายที่แต่งไม่จบ  (ช่างกล้าบอก  55555)  เพราะตอนพิเศษมีคู่นี้มาเป็นแบกรับเชิญด้วย^^



หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 22-01-2017 00:06:50
กว่าจะฉลาดนะเสี่ย
อยากจะตบกระโหลกเสี่ยสักที5555555555
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: 4life ที่ 22-01-2017 00:14:39
กว่าจะคิดได้นะอิเสี่ย นับถือพระเเพงที่รับได้
นิสัยอีเสี่ยมันก็สันดารชายไทยจริงๆ นั่นเเหละ
ไม่งั้นไทยคงไม่ได้แชมป์นอกกายเยอะสุดในโลก
อันนี้เรื่องจริง เช็คกูเกิ้ลได้ 5555
ไม่รู้นะ สำรับเราคำว่าให้เกียรติคนรักคือการไม่นอกใจ
เเต่ชายไทยส่วนมากคงให้เกียรติเเค่ "ไม่เอาชู้มาอยู่บ้าน"
นี่ ถ้าพระเเพงตัดช้างอีเสี่ยปัญหาก็จบล่ะ
 :laugh:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Atroce ที่ 22-01-2017 00:15:32
เป็นนิยายที่ดีนะ มันจริงดี ยกเว้นความมองโลกในแง่ดีแบบแพง  บนโลกนี้ยังมีอยู่อีกมั้ยนะ  55555
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ah-chan ที่ 22-01-2017 00:21:56
จบแล้วเย่ๆ ขอบคุณค่ะ o13

เรื่องนี้เหนื่อยที่สุดก็ตอนแพงดะอิจิมโนเรื่องตอนท้ายๆนี่แหละ ยาวนะ มึนมากด้วย อะไรจะบ่นได้ยาวเป็นหางว่าวขนาดนั้น อิฉันมึนตามนางไปเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 22-01-2017 00:39:55
ยอมใจเสี่ย
บทจะพูดก็เวิ่นไม่ต่างจะพระแพงเลย
กลุ้มใจ
พระเพื่อนโตมาต้องกลายเป็นเด็กที่มโนเก่งแน่นอน  :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 22-01-2017 00:46:29
ชอบเรื่องนี้ตรงความเรียลของเนื้อหา
สันดานผู้ชาย(ส่วนใหญ่)แบบเสี่ยมันจริงสุดๆ
แต่พระแพงคือที่สุด รักในความคิดบวกและมุมมองที่ทำให้ตัวเองมีความสุขได้

หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 22-01-2017 01:03:21
โอเคกับตอนจบแบบนี้ เป็นตอนจบที่สมบูรณ์แบบ เรื่องนี้ไม่หวือหวา ไม่ได้มีจุดพีคอะไรรุนแรง แต่มีเสน่ห์เพราะความธรรมดา สำหรับเสี่ย เสี่ยเป็นตัวละครที่แสดงพฤติกรรมมนุษย์ออกมาได้ตรงมาก ไม่ใช่พระเอกในอุดมคติในนิยาย แต่มีความเรียลความสมจริง ว่าคนเราในสังคมส่วนมากก็เป็นแบบนี้แหล่ะ ใครๆก็เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น ส่วนแพงเป็นคนที่มองโลกได้ดีมาก ชีวิตก็เลยง่ายขึ้นเพราะแพงไม่จมกับอดีต มองโลกในแบบที่ตัวเองอยากมอง สุดท้ายนี้ขอขอบคุณสำหรับนิยายดีๆสนุกๆนะคะ รออ่านตอนพิเศษค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kataiyai ที่ 22-01-2017 01:11:39
เสือแก่ซะแล้ว :hao7:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 22-01-2017 03:48:28
เจ้ เคยคิดเหมือนแพง

และเจ้ ก็เคยเจอคนคิดเหมือนเสี่ย

แต่เจ้ไม่โชคดีอย่างแพง

เพราะเจ้ไม่ได้พิเศษสำหรับเขา  มากอย่างที่แพงสำคัญกับเสี่ย

เจ้เลยมีเวลามมานั่งอ่านนิยายอยุ่หน้าคอมพ์แบบนี้ไงค่ะ  555
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 22-01-2017 03:49:04
ปล. เกลียดเสี่ยว่ะ  (อันนี้ บวกอคติส่วนตัวเข้าไปด้วยอีกแรง)
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-01-2017 04:22:44
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 22-01-2017 05:02:46
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 22-01-2017 06:08:45
ในที่สุดชีวิตเสี่ยก็เป็นรูปเป็นร่าง ดีใจกับเสี่ยที่รู้ใจตัวเองว่ารักพระแพง  ดีใจกับพระแพงที่นางวางชีวิตไว้กับเสี่ยได้ซะที  ฝากบอกเสี่ย กินอาหารสุขภาพแล้วร่างกายแข็งแรงปลอดโรค จำไว้นะคะเสี่ย!!!   :hao3:

เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 22-01-2017 07:08:15
ขอบคุณมากค่า
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: joyey6217 ที่ 22-01-2017 07:18:21
เสี่ยคิดได้ กลับเนื้อกลับตัวตอนแก่ แค่กๆ พวกเราคนอ่านขี้เสือกเรื่องชาวบ้านก็อนุโมทนาให้ทั้งคู่ได้กัน แค่กๆ จนแก่เฒ่า ไปด้วยกัน ดูแลกันไปจนลงโลงไปข้าง
เรื่องนี้สอนอะไรหรอ สอนว่า หัวเราะทีหลังดังกว่า แก้แค้นสิบปียังไม่สาย 555
เสี่ยได้เมียดีก็เป็นบุญของเสี่ย  ถึงจะเป็นคุณค่าที่กว่าจะรู้ค่า แต่เสี่ยรู้แล้วว่าสำคัญและดีกับใจเสี่ยยังไง เสี่ยก็รู้จักรักษา หลังๆเสี่ยก็ทำตัวดี เรื่องแล้วๆมาก็ปล่อยไปเป็นบทเรียน... คนไม่คิดมากแบบพระแพงนี่มันก็ทำให้ชีวิตมีความสุขดีนะ


 ขอบคุณคนเขียนด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 22-01-2017 08:07:55
ก็จบแบบที่คาดการณ์ไว้ ว่าคงไม่เหมือนนิยายทั่วไป เรื่องนี้นี้ไม่ทิ้งคอนเซปความสมจริง ที่ถือว่าเป็นเสน่ห์ของเรื่อง ชอบตรงความสมจริงเนี่ยแหละ o13

เรื่องนี้เขียนดี และเรียลมากๆ ดีใจมากที่ได้อ่าน ขอบคุณนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 22-01-2017 08:47:56
 สนุกมากค่ะ  เขียนได้ดีมากจริงๆ  คนแบบเสี่ยมีเยอะแยะ   ของดีมีอยู่กับตัวแต่ก็ยังไม่หยุด  เป็นบุญของเสี่ยที่ได้คนอย่างแพงเป็นคนรัก  ก็ยังดีที่เสี่ยยังกลับตัวกลับใจได้ทัน 
  อยากให้กลับมาต่อนิยายที่ค้างไว้ให้จบ   เห็นอยู่ในหมวดไม่มาต่อก็กลัวจะอารมณ์ค้าง 
 ขอให้มีผลงานเรื่องใหม่ๆ  มาอีกนะคะ   แล้วก็ขอบคุณมากสำหรับเรื่องเด็กเลี้ยง   ชอบมากๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 22-01-2017 09:14:15
อยากจับหัวเสี่ยโขกผนัง กว่าจะสำนึกนะยะ!!!!!!!
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 22-01-2017 10:15:58
ขอบคุณครับ นิยายสนุกมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 22-01-2017 10:27:00
ตอนจบนี่หลงเมียมากๆนะเสี่ย
รอตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 22-01-2017 10:41:43
เสี่ยนี่ก็ ทำเป็นปากหนัก รักเขาขนาดนี้แล้วน้าา
แต่ก็จบได้น่ารักมากค่ะ ชอบ แฮปปี้ค่า
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 22-01-2017 13:08:43
เพราะชีวิตไม่ใช่น้ำตาลสายไหม มันต้องมีขมบ้างเป็นธรรมดา อ่านแล้วเพลินเกินห้ามใจ
จะรอตอนพิเศษนะฮะ ชอบมากๆ สนุกจริงๆ   o13
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 22-01-2017 14:29:08
ดีละที่อ่านแค่สองตอนสุดท้ายไม่ตัดสินใจอ่านทั้งเรื่อง
เรื่องนี้ตีแผ่อย่างเดียวคือเรื่องผู้ชายเลว
นอกนั้นก็ไม่มีอะไรละ 5555
ไม่มีอะไรเลยจริงๆ
เลยไม่รู้ว่าจะตัดสินใจอ่านจนจบไปทำไม  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 22-01-2017 16:21:42
ถึงยังไงก็ยังหมั่นไส้อิเสี่ยอยุ่ดี ถึงจะเอาความแสบของพระแพงมาแฉก็เถอะ มันก็เทียบกันไม่ได้ใช่ม่ะ
แต่ก็ดีที่ในที่สุดก็คิดได้ แม้จะใช้เวลาไปหน่อยก็เถอะ

  :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 22-01-2017 16:38:42
เราชอบคาแรคเตอร์แพงนะ นางมองโลกในแง่ดี นางมีความสุขได้ง่ายๆแม้กับสิ่งเล็กๆน้อยๆ แต่แพงก็ไม่ได้โง่ นางฉลาดทันคน นางมีมุมแสบสันที่จะเอาคืนคนที่เอาเปรียบนาง หลงรักนางอะ....ส่วนอิเสี่ย เชอะ!!!
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-01-2017 17:22:26
เสี่ยอธิป พระแพง  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
โอ้.......ในที่สุดเสี่ยก็รู้จักความรักแล้ว
แล้วคนที่เสี่ยรักก็คือพระแพง เยี่ยมมากกกกก  :ling1: :ling1: :ling1:
ถ้าไปรักคนอื่น เหอะๆ.....เสี่ยไม่ตายดีแน่  :z6: :z6: :z6:
พระแพงตัด..... ให้เป็ดกินเลย
ขำก๊าก ตอนที่พระแพงอ้อนขอมีกิ๊ก
เสี่ยไม่สงสารน้องชายพระแพงเหรอ
กับฮา ที่พระแพงใจกล้าขอเสียบเสี่ยบ้าง กร๊ากกกกก เลย
ไรท์ ที่รักอย่าเพิ่งย้ายไปช่องจบนะ
ขอตอนพิเศษ ธันวา  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ไรท์ อย่ามาทำให้อยาก แล้วจากไปนะ  :mew1: :mew1: :mew1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 22-01-2017 17:24:01
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: titeaw ที่ 22-01-2017 20:51:31
อ่านจบแล้ว ขอบคุณค่ะ สนุกมากเลย

ชอบที่เสี่ยเป็นคนนิสัยแบบนี้นะ เราชอบ 555555

รวมเล่มมมมม
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || เมียหนี by เสี่ย 100% [21/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-01-2017 21:16:24
เป็นบทสรุปที่ดีของความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน
อ่านมาถึงตรงนี้พระแพงก็ยังน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาแม่ยก และอิเสี่ยก็ยังคงน่าหมั่นไส้และน่าประนาม ฮา
ขอบคุณคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || DARK MODE III [22/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 22-01-2017 23:09:29
DARK  MODE  III


****ตอนนี้ไม่เกี่ยวกับตอนหลักแต่อย่างใด  แค่แต่งมาเล่นๆ เพื่อใครอยากอ่านโหมดดาร์ก  พระแพงไม่สดใสร่าเริง(?) และเนื้อหาชวนจิตตกบ้าง =.,=


ในสุดก็ผ่านมาถึงวันที่เขารอคอย 

เวลาสี่เดือนจะว่านานก็นาน  จะว่าสั้นก็สั้น  เขาที่อยู่กับเสี่ยมาสี่เดือนก็สามารถปรับตัวได้ได้มากขึ้น  เสี่ยจะมาหาเขาสัปดาห์ละสองครั้ง  สามครั้ง  ตามแต่เวลาที่เสี่ยจะว่าง  แต่ส่วนใหญ่เสี่ยจะมาในช่วงคืนวันศุกร์  เพราะถ้าวันเสาร์-อาทิตย์เสี่ยไม่มีงาน  หรือมีเวลาว่างเสี่ยก็จะใช้เวลาอยู่กับเข้าให้นานขึ้น

วันนี้เป็นวันศุกร์สุดท้ายของระยะเวลาสี่เดือน  เขาที่เพิ่งถูกจัดมาเบาะๆ  หนึ่งรอบก็ได้สูดลมหายใจลึกๆ  พยายามปรับลมหายใจตัวเองให้กลับมาเป็นปกติ  นอนเปิดหลังเพื่อรอให้เหงื่อบนตัวแห้ง  เสี่ยไม่ชอบเด็กเหงื่อเยอะ  ถึงเสี่ยจะไม่พูดแต่เขาก็พอจะมองออกอยู่บ้าง 

หลังจากอยู่ด้วยกันมานานสี่เดือน  เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาฟังมาจากพี่ธนิตบ้าง  สังเกตเอาเองจากเสี่ยโดยตรงบ้าง  เขาก็เริ่มคิดว่าเสี่ยเองก็ไม่ได้นิสัยแย่  หรือเอาใจได้ยาก  เสี่ยออกจะติดใจดีและเอาใจใส่เด็กอยู่นิดๆ ด้วยซ้ำ  เขาเอง  พออยู่มานานเข้าจากที่คิดว่าเสี่ยเป็นคนโหดร้ายหรือเป็นพวกโรคจิตที่ชอบมีเด็กเลี้ยง  เขาก็คิดว่าเสี่ยเป็น(เหมือน) คนปกติธรรมดามากขึ้น  เสี่ยเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างหน้าตาดี  วัยสามสิบนิดๆ  เรื่องเซ็กซ์...บางครั้ง  หรือช่วงหลังๆ มาเสี่ยก็ไม่ได้บังคับเอากับเขามาก  แค่ส่วนใหญ่เสี่ยจะชอบทำให้เขาอับอายขายหน้าเพื่อที่จะได้เห็นหน้าแดงๆ ของเขา   และเสี่ยเองก็ไม่เคยด่าว่าเขาว่าเป็นเด็กขายตัว  เป็น_ตัว  คนร่าน  หรือเป็นเด็กเลี้ยง  เสี่ยก็แค่ชอบทำให้หน้าไหม้หรือขายหน้าบ้างเวลาที่อยู่บนเตียง

อย่างรอบแรกของวันนี้  เขาที่อยู่กับเสี่ยมานานก็เริ่มสังเกตได้ว่าเสี่ยอยากเล่นแบบไหนบ้าง  วันนี้เราสองคนเริ่มต้นที่เตียงตามปกติก่อนจะย้ายไปที่ผนังห้อง  และกลับมาที่เตียงอีกรอบ  เสี่ยชอบเล่นท่ายืนหรือไม่ก็ท่านั่ง  แต่ถ้าอยู่บนเตียงเสี่ยจะชอบให้เขาหันหลังให้  เพราะงั้นวันนี้รอบแรกที่จัดกันเบาะๆ ไป  หลังจากที่เขาใช้ปากให้  เสี่ยก็สั่งให้เขานั่งหันหลังขย่มอยู่บนตัวเสี่ยแล้วมองตัวเองบนกระจกของตู้เสื้อผ้าที่เปิดออกกว้าง  เขาต้องมองดูของๆ เสี่ยขยับเข้าออกอยู่ในตัว  และต้องมองดูลูกชายของตัวเองขยับขึ้นลงด้วย  และหลังจากนั้น.. พอเสี่ยพอใจในท่านี้เสี่ยก็กดเขาลงในท่าสุนัข  เขาที่ยังมองเห็นตัวเองอยู่ก็ได้แต่สบตาเสี่ยในกระจก  และมองดูเสี่ยขยับเข้าออกบ้าง  บิดหน้าอกเข้าบ้าง  พอเขาเผลอๆ เสี่ยก็กระทุ้งมาจนเขาเชิดหน้าและต้องหันไปรับจูบที่เสี่ยมอบให้

เรื่องน่าอับอายขายหน้าแบบนี้  เขาทำมาแล้วนักต่อนัก  และพอปล่อยวางหรือทำใจได้  เขาก็ปลอบใจตนเองว่ามันก็แค่เซ็กซ์  ปกติเขาก็ต้องเอาออกอยู่แล้วสัปดาห์ละครั้งสองครั้ง  ตอนนี้..   มันก็แค่การปลดปล่อยอย่างหนึ่งที่มีผู้ชายอีกคนร่วมด้วยเท่านั้น

เฮ้อ~  ดูท่าเขาจะเข้าใกล้เคียงกับการเป็นโรคสต๊อกโฮม* (Stockholm syndrome)  มากขึ้นทุกที  ถึงครั้งแรกๆ เขาจะรู้สึกอับอาย  อดสู  หรือนึกสมเพชตัวเอง  แต่พอผ่านมาสามเดือน  พอเสี่ยไม่ได้บังคับเขามาก  เสี่ยเองก็ค่อนข้างใจดีและตามใจเขามากขึ้น  ถึงเสี่ยจะจัดหนัก  อึด  ถึก  ทน  แต่เขาก็พอจะทนมีอะไรกับเสี่ยได้   แถมพอช่วงหลังๆ มา  พอเสี่ยไม่มาหาหรือเขาอยู่ว่าง  เขาก็เริ่มคิดถึงเสี่ยมากขึ้น

เวลาสามเดือนที่ผ่านมา  เขาต้องกลับไปรายงานตัวกับพี่ธนิตประมาณเดือนละครั้งสองครั้ง  และทุกครั้งที่เขาไป  เขาก็พอจะเจอเด็กคนอื่นอยู่บ้าง  เด็กคนอื่นก็บอกว่าเขาโชคดีเพราะนอกจากเสี่ยจะจ่ายเยอะ  เสี่ยยังหล่อและยังไม่โรคจิตมาก  ดังนั้นเขาที่เริ่มมีความรู้สึกผูกพันกับเสี่ย  ก็ได้แต่คิดว่าตัวเองโชคดีและอยากทำดีกับเสี่ยให้มากขึ้น  ยิ่งพอได้เห็นเด็กบางคนที่ถูกเสี่ยคนอื่นตบหรือใช้กำลังมา  เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองโชคดีมาก  เสี่ยไม่เคยตบเขาหรือทำร้ายเขา  เสี่ยแค่อยากมีเซ็กซ์ในแบบที่เสี่ยชอบ

พี่ธนิตที่พอเห็นเขาปรับตัวได้   ก็คอยย้ำกับเขาอยู่หลายหนว่าอย่าตกหลุมรักเสี่ยเลี้ยง  ของแบบนี้... ในวงการแบบนี้  ความรักคือสิ่งที่เรียกว่าความหลงหรือไม่ก็ความใคร่มากกว่า  ไม่มีรักจริงหรือรักแรกพบในวงการที่เสื่อมคาวแบบนี้   เขาที่เพิ่งมาอยู่ในวงการมาไม่นาน  ถึงเขาจะไม่ได้รักแต่เขาก็รู้สึกผูกพันอยู่กับเสี่ยบ้าง  ดังนั้นเขาจึงคอยเตือนตัวเองอยู่ตลอดว่าอย่าหลงไปอาการลกับอาการโรคสต๊อกโฮม ซินโดรม  ถึงจะผูกผันแต่เขาก็ไม่สามารถรักเสี่ยได้  เขาต้องแยกให้ออกระหว่างความใจดี  ความใคร่  ความถูกใจ  และเซ็กซ์ เขาสามารถยินยอมที่จะมีอะไรกับเสี่ยได้  แต่เขาต้องห้ามหลงรักเสี่ยโดยเด็ดขาด

แต่ถึงเขาจะเด็ดขาดหรือเตือนสติกับตัวเองยังไง  กับเสี่ยที่เขาอยู่ด้วยมานานสามเดือน  หลังจากที่ถูกเสี่ยฝึกจนเชื่องและอยู่มือ  ตอนนี้ขอแค่เสี่ยอยู่ใกล้หัวใจเขาก็เต้นผิดจังหวะบ้าง  ยิ่งพอโอบกอดบ้าง  จูบใบหูบ้าง  อารมณ์ของเขาที่นิ่งสงบมาตลอดก็กลับสั่นไหวไปกับความวาบหวามและไวสัมผัสต่อมือเสี่ยยิ่งขึ้น  ไม่ว่าจะเป็นสีข้างหรือแผ่นหลัง  ลองเสี่ยได้สอดใส่เข้าในตัวเขาก่อนและจูบลงตามพื้นที่เหล่านั้น  ร่างกายเขาก็สั่นสะท้านจนเกือบจะปลดปล่อยออกมาให้ได้

เฮ้อ~  นี่เสี่ยคงสอนจนเขาอยู่มือ  และสอยจนเขารู้สึกถึงความสุขของการมีเซ็กซ์   ถึงเขาจะไม่เต็มใจและออกดื้อดึงในบางครั้ง  แต่เสี่ยก็มีวิธีการที่จะจูงเขากลับมาทำให้เชื่อง  และก่อกวนเขาจนเขาต้องมานอนตายอยู่ในมือ

เหมือนอย่างที่ครึ่งหนึ่งเสี่ยบังคับให้เขาใช้ปากและรูดรั้งส่วนปลายของตัวเองไปด้วย  ตอนนั้นหัวเด็ดตีนขาดยังไงเขาก็ไม่สามารถทำจามคำสั่งนี้ได้  แค่ใช้ปาก  เขาพอทำใจได้  แต่การที่จะให้เขาเสร็จและสุขสมต่อหน้าผู้ชายที่ซื้อความใคร่ด้วยเงิน  เขากลับทำใจยอมไม่ได้

วันนั้น...  ตอนที่เขาไม่ได้ทำตามสำสั่ง  เสี่ยก็ไม่ได้ดุด่าว่าเขา  เสี่ยแค่ดึงเขาขึ้นไปนั่งบนตัก  กอดจูบลูบไล้และรูดรั้งของๆ เขาไปมา  เขาที่เริ่มคุ้นมือกับเสี่ย  พอถูกเสี่ยรูดนานๆ เขาก็ทำท่าจะปลดปล่อยให้ได้  แต่พอเขาจะปล่อยเสี่ยก็หยุดพัก  แล้วพอเขาหายเหนื่อยหายตื่นเต้น  เสี่ยก็ขยับมือใหม่และทำซ้ำแบบนั้นอยู่หลายรอบ  รอจนเขาทนไม่ได้  เสี่ยก็สั่งให้เขาลงไปจากตัวและใช้ปากให้เสี่ยอีกครั้ง  เสี่ยไม่ได้บังคับให้เขาใช้มือต่อ  แต่ความรู้สึกตอนนั้นของเขาคือเขารู้สึกทรมานมาก  ปากก็ต้องใช้  และด้านหลังที่ถูกฝึกมาเสี่ยก็ไม่ได้แตะต้อง 

เขาต้องขมิบด้านหลังเพราะเป็นปฏิกิริยาตอบสนองที่ไม่สามารถปลดปล่อยทางด้านหน้า   และเขาก็ต้องปรนเปรอเสี่ยอยู่นานกว่าเสี่ยจะเสร็จและปลดปล่อยออกมาได้   แค่สิ่งที่ทรมานยิ่งกว่าการเมื่อยปากจนกรามเกือบจะค้างคือ  เขาไม่สามารถปล่อยปล่อยด้วยตัวเองได้  ของๆ เขาตั้งจนเหงื่อเขาแตกพลั่ก  แต่เพราะเขาเป็นคนดื้อ  เขาเลยหักใจช่วยตนเองจนปลดปล่อยไม่ได้  ในตอนที่เสี่ยเสร็จเขาเงยมองหน้าเสี่ยทั้งคราบน้ำตา  แต่เสี่ยก็แค่เกลี่ยน้ำตาให้เขาและฉุดเขาขึ้นไปนั่งบนตักอีกครั้ง  จัดอยู่ในท่าที่เขาหันหลังให้และเสี่ยก็ไถของๆ เสี่ยที่เป็นเสร็จไปมา  รอจนของๆ เสี่ยตั้ง  เสี่ยก็ใส่ถุงยางและสอดใส่ในตัวเขาแบบที่ไม่ยอมบอกล่วงหน้า 

เขาเจ็บ  จุก  แต่ก็เป็นความจุกที่เสียวมาก  แต่น้องชายเขาที่ปวดจนตึงคัดก็ไม่สามารถปลดปล่อยได้ถ้าไม่ใช้มือช่วย   ตอนนั้น...  เหมือนกับเสี่ยกำลังจะสอนเขาว่า  ถ้าเขาไม่ทำตามที่เสี่ยสั่งเขาก็จะทรมานอยู่แบบนี้  แต่เพราะเขาเป็นคนดื้อ  จนสุดท้ายตอนที่ใกล้จะสลบเต็มทีในที่สุดเสียก็ยอมขยับมือให้

และในครั้งนั้นก็เป็นครั้งที่เขาฝังใจไปเลยว่า  ถ้าเสี่ยสั่งเขาต้องทำตาม  เพราะถ้าไม่ทำตามเสี่ยก็จะทรมานเขาจนเสียผู้เสียคนขึ้นมาได้   เสี่ยใช้จิตวิทยาจัดการเขาเสียอยู่หมัด  เพราะเดี๋ยวๆ เสี่ยก็ใจดี  และเดี๋ยวๆ เสี่ยก็โหดร้าย  เขาที่เจอทั้งความทรมานและความสุขสลับกันไปมาก็แทบจะน็อค   เพราะอย่างนั้น  พอหลังๆ มาพอเสี่ยสั่งอะไรเขาก็ยอมทำตามมากขึ้น   เสี่ยอยากให้เขาร้อง  เขาก็ร้องออกมาอยู่บางครั้ง  เสี่ยอยากให้เขาเล่นกับตัวเอง  เขาก็ยอมทำตามที่สั่งบ้างแบบนานๆ  ครั้งเพราะกลัวที่จะถูกลงโทษ

และมาจนถึงวันนี้  วันที่ครบสามเดือน  เสี่ยที่จัดการเขาไปเบาะๆ แล้วหนึ่งรอบก็นั่งตากเหงื่ออยู่ใกล้ๆ  ระหว่างเขากับเสี่ย  เราสองคนไม่ค่อยมีคำพูด  แต่เขาก็ยังระวังกับความใจดีของเสี่ยแจ   เพราะไม่รู้ว่าเสี่ยจะมอบความสุขปนความทรมานเขากับตอนไหนบ้าง

แต่พอได้ยินตอนที่เสี่ยถามว่า  " ต้องการอะไรไหม"  เขาที่ระวังตัวมาตลอดก็เลยอดที่จะตกใจไม่ได้  แต่พอตั้งสติได้  เขาก็นึกออกว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของสัญญาสามเดือน  เสี่ยเองก็คงจะจำได้ถึงได้ถามเขาแบบนี้

เขาเอง...  นอกจากความทรงจำอันไม่น่าพิสมัยแล้ว  เขาก็ไม่ต้องการอย่างอื่นนอกจากอิสระภาพ  เขาก็ไม่ต้องอย่างอื่นเพิ่มขริงๆ  สามเดือนที่ผ่านมาถึงจะไม่ได้ทรมานเหมือนอยู่ในขุมนรกแบบในช่วงแรกๆ  แต่เขาก็รู้สึกอดสูและหดหู่ใจอยู่ทุกครั้งเมื่อคิดถึงเรื่องแบบนี้

ดังนั้นพอเสี่ยถามว่าอยากได้อะไรไหม  เขาจึงตอบไปตามตรงว่าไม่อยากได้  เงินที่เสี่ยเคยให้ข้างหัวนอน  ที่ละสามพันบ้าง  ห้าพันบ้าง  แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเขาที่จะตั้งตัวใหม่ได้  ถึงเงินมันจะเป็นเงินจำนวนไม่เยอะแต่ถ้าใช้จ่ายดีๆ ก็มากพอที่เขาจะเอาไปลงทุนทำธุรกิจเล็กๆ  หรือถ้าเขาเก็บไว้ในรูปหุ้นหรือตราสารหนี้  เขาก็คงจะพอเก็บเกี่ยวทำกำไรได้บ้าง 

เขาเป็นนักศึกษาปีสามในสาขาบัญชี  ลองใช้จ่ายและเก็บออมไม่เป็นอีก  ชาตินี้คงไม่พ้นต้องกลับมาเป็นเด็กเลี้ยง  งานเด็กเลี้ยงจะว่าสบายมันก็ใช่  แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าซักวันเราจะไม่ติดโรค  ยิ่งขายตัวบ่อยเราก็ยิ่งเสี่ยงต่อการติดโรคทางเพศสัมพันธ์มากขึ้นเท่านั้นทั้ง HIV และ เซฟฟิริส  และอีกอย่างเขาจะมั่นใจได้อย่างไรว่า  ครั้งหน้าเขาจะเจอเสี่ยดีๆ แบบเสี่ยอธิป 

เขาเคยเห็นเด็กบางคนที่ถูกทุบตีหรือโดนทำร้ายมาแล้ว  บางคนก็ถึงกับต้องเสพยาเพิ่ม  ซึ่งของแบบนี้พี่ธนิตเองก็มีขายเหมือนกัน  ทั้งแบบกินและแบบฉีดเข้าเส้นเลือด  ถึงพี่แกจะบอกเป็นยาคลายเครียดและพี่แกก็ขายให้ในระดับที่ควบคุมได้  แต่ยาเสพติด  ต่อให้เรียกอย่างเรียบหรูแบบไหน  ยาเสพติดมันก็ให้โทษให้ทั้งนั้น 

ดังนั้นสู้เขาออกไปจากวงการนี้  แล้วทำงานให้หนักหน่อย  แต่มีสุขภาพชีวิตและสภาพจิตใจที่เป็นปกติก็น่าจะดีกว่าเป็นเด็กเลี้ยงเยอะ

เพราะอย่างนั้น  พอเสี่ยถามเขาก็ไม่หวังอะไรเพิ่ม  เขาขอแค่ถ้าต่อไป  ถ้าบังเอิญเขากับเสี่ยต้องมาเจอกัน  เขาก็หวังแค่ว่าเสี่ยจะไม่เข้ามาทัก  ไม่ทำท่าดูถูกเขา  ไม่ทำเป็นดูหมิ่นว่าครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็นเด็กเลี้ยง  แค่นั้นเขาก็พอใจแล้ว  การเป็นเด็กเลี้ยงคงเป็นตราบาปอย่างหนึ่งในใจเขา  ไม่ว่าจะพยายามลืมแค่ไหน  แต่สิ่งที่เขาเคยทำไว้  ยังไงมันก็คงมาตามหลอดหลอนเขาอยู่ตลอดชีวิต 

ดังนั้น...เขาขอแค่ต่างคนต่างอยู่  ต่างคนต่างไป  อย่างนี้ก็คงดีสุดแล้ว  และเขาก็ไม่อยากขออะไรเพิ่ม

แต่แน่นอนว่า  นั่นเป็นสิ่งที่เขาได้แต่คิดแต่ไม่สามารถบอกกับเสี่ยได้  ผู้ชาย..ก็มีอีโก้ในแบบที่ผู้หญิงไม่เข้าใจคือ  ตนเองทิ้งคนอื่นได้  แต่ตัวเองห้ามถูกคนอื่นทิ้ง  แล้วยิ่งกับเสี่ยที่ดูท่าจะมีอีโก้แบบนี้อยู่เต็มตัว  สิ่งที่เขาสามารถทำได้ก็มีแต่พูดดีๆกับเสี่ย  อ่อนน้อมถ่อมตนในแบบของตนเองว่า  เขาไม่ต้องการอะไรอย่างอื่นจากเสี่ยเพิ่ม  แค่การที่เสี่ยยอมจ่ายเงินค่าตัว... จ่ายค่าบ้านให้ก่อนจำนวนสามแสน  แค่นี้เขาก็รู้สึกขอบคุณเสี่ยมากแล้ว  และเงินในแต่ละครั้งที่เสี่ยวางให้เขาบนโต๊ะ  เขาเองก็จะพยายามไม่ใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายให้เสี่ยเป็นห่วงมาก

คิดไปคิดมาเขาก็คิดว่า  เขาควรเสริมความน่าจะประทับใจโดยการกราบไปที่ไหล่เสี่ยไปหนึ่งรอบ  ถึงการกระทำนี้จะไม่ได้แสแสร้งทั้งหมด  แต่เขาก็หวังว่าการที่เขานอบน้อมกับเสี่ยแบบนี้  เสี่ยจะเอ็นดูเมตตาเขาบ้าง  เวลาเจอหน้ากันเสี่ยก็จะได้ไม่เอาไปด่า  หรือแอบนินทาเขาลับหลังว่า  เขาเองก็แค่เด็กเลี้ยงคนหนึ่งที่ดีแต่อ้าขาเท่านั้น  ดังนั้นเขาจึงเพิ่มความสุภาพเขาไปเพื่อที่เสี่ยจะได้ประทับใจในการจากลาครั้งนี้มากขึ้น

แต่นึกไม่ถึงเลยว่าการจากลาในรูปแบบของเขาจะทำให้เขาได้สร้อยมาเป็นของติดตัวจำนวนหนึ่งเส้น  สร้อยเพชรที่เสี่ยให้เป็นสร้อยทรงเรียบๆ ที่สามารถใส่ได้ในทุกสถานการณ์  ในตอนแรกเขาเองก็ไม่อยากรับของที่มีมูลค่า  แต่เมื่อนึกถึงอีโก้และศักศรีดิ์ของลูกผู้ชายอย่างเสี่ย  เขาก็เลยได้แต่ยินดีรับไว้  เขาไม่อยากให้เสี่ยด่าว่าเขาเรื่องมากหรือหาว่าเขาเล่นตัวในวันสุดท้ายแบบนี้  เพราะงั้นเพื่อทำให้เสี่ยพอใจ  พอเสี่ยส่งกล่องเพชรมาให้  เขาก็ยกมือไหว้เสี่ยอีกครั้ง 

สร้อยเพชรที่เสี่ยให้...  ไม่รู้ว่าจะเป็นตราบาปที่คอยย้ำเขาไปถึงวันไหนว่าครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็นเด็กเลี้ยง  เป็นคนที่ยอมขายตัวเป็นเวลาสามเดือนเพื่อแลกกับเงินไถบ้าน  และเพื่อสร้ายที่มีมูลค่าเกือบล้านนี้

แต่เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายเขาเลยไม่อยากจะให้เสี่ยรู้สึกหดหู่หรือเบื่อหน่ายใจมาก  และอย่างที่บอกไปแล้ว  เขาอยากให้ทุกอย่างจบลงด้วยดีเพื่อที่เมื่อครั้งหน้า  ถ้าหากต้องมาบังเอิญเจอหน้ากัน  เสี่ยอาจจะยัง...  ให้เกียรติเขาในฐานะคนๆ หนึ่งบ้าง 

และเพราะวันนี้เป็นวันสุดท้าย  เขาที่ไม่อยากให้เสี่ยโกรธเพราะไม่อยากใส่สร้อยเลยยอมจูบเสี่ยก่อนแบบที่นานๆ จะทำซักครั้ง   รอจนเสี่ยมีประกายแปลกใจในแววตา  เขาก็อ้อนเสี่ยและปล่อยให้เสี่ยจัดการเขาอีกรอบ

วันนั้น...  วันสุดท้าย  เซ็กซ์ของเขากับเสี่ยผ่านไปแบบไม่หวือหวามาก  แต่เซ็กซ์ของเขากับเสี่ยก็เต็มไปด้วยเรื่องหัวเราะ  เสี่ยอยากให้เขาทำแบบไหน  เขาก็ได้จัดให้ได้ทั้งนั้น  เสี่ยให้เล่นกับตัวเองเขาก็เล่น  เสี่ยสั่งให้เขาอ้าขาออกส่งเสียงครางเขาก็ยอมร้องออกมาบ้าง  เขาไม่อยากให้เสี่ยมองว่าตนเป็นคนร่าน  แต่เขาอยากจะให้เสี่ยประทับใจในวันสุดท้ายอย่างวันนี้ 

และหลังจากวันนั้น  ตอนที่เขาตื่นนอนมาอีกทีเสี่ยก็ไม่อยู่ในห้องแล้ว  เสี่ยทิ้งกล่องสร้อยพร้อมกับข้อความที่เขียนว่า  ให้เขาคืนกุญแจกับคีย์การ์ดไว้ที่ฟร้อนท์  เขาที่เพิ่งตื่นก็ตื่นมาแบบงังเงีย  กว่าจะตื่นเต็มตาก็เพิ่งรู้สึกหนักคอเพราะมีสร้อยที่เสี่ยเพิ่งซื้อให้มาห้อยอยู่ที่คอแล้ว   เขาไม่รู้หรอกว่าเสี่ยตีความหมายของการให้สร้อยในครั้งนี้ว่ายังไง  เสี่ยให้เขาเพราะอยากให้หรือเสี่ยอยากตีความว่า  สร้อยเส้นนี้เครื่องหมายตีตราที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นเด็กเลี้ยง  เป็นเด็กที่เสี่ยเคยมอบความสุขให้จนเขาต้องอ้าปากร้องส่งเสียงครวญครางอ้อนวอนเสี่ยทั้งน้ำตา

เขาถอดสร้อยออกทันทีที่คิดแบบนี้  สร้อยนี่คือตราบาปในชีวิต  เขาจะไม่มีวันใส่มันอีกเป็นครั้งที่สองเด็ดขาด  ถึงเขาจะเอามันไปขายไม่ได้เพราะเสียดายค่าส่วนต่างยี่สิบเปอร์เซ็นต์ให้กับร้านเพชร  แต่เขาจะไม่มีวันใส่มันซ้ำอีกแล้ว  ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาใส่ไว้และเขาก็ถอดมันออกแล้ว   เขาหวังว่าหลังจากนี้เขาจะไม่ต้องเจอเสี่ย  ไม่ต้องเจอ  ไม่ต้องเห็นหน้า  ให้เรื่องที่ผ่านมาตลอดสามเดือนเป็นเพียงแค่ฝันร้ายช่วงตื่นหนึ่งเท่านั้น 

และนับจากวันนี้เป็นต้นไปเขาจะไม่มีสถานะเป็นเด็กเลี้ยงอีกแล้ว  เขาจะก้าวเดินไปข้างหน้า  และไม่หันกลับมามองอดีตที่เต็มไปด้วยตัณหาและราคะ


แต่โชคชะตาก็ไม่เคยเข้าข้างเขา   เพราะในวันที่เขาเกือบจะลืมเสี่ยไปอย่างถาวร  เสี่ยก็กลับมาวนเวียนอยู่ในชีวิตอีกครั้ง  และทำให้เขาอยู่ก็เหมือนกับตายทั้งเป็น


*โรคสต๊อกโฮม   คือ ผู้ที่ถูกลักพาตัวไปเกิดความผูกพัน เห็นใจ มีอารมณ์ร่วมกับคนที่ลักพาตัวไป


>>>อยู่ๆ พล็อตก็วิ่งมาในหัว  ตอนพิเศษอันอื่นก็รอจ่อไป...  เอิ๊กๆ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || DARK MODE III [22/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 23-01-2017 01:33:18
อันนี้แพงยังไม่ดาร์กเท่าตอนก่อนหน้าเลยค่ะ แต่แบบนี้ดีแล้ว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || DARK MODE III [22/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 23-01-2017 06:38:41
อ่า.... จอนแรกเห็นว่าดาร์กโหมดก็กลัวใจพระแพง กลัวว่าจะเครียด จะคิดมากแบบครั้งที่แล้ว แต่ก็โชคดีที่ยังไม่เท่าตอนนู้นนน แบบนี้ดีแล้วค่ะพอปะมาณดี~  :3123:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || DARK MODE III [22/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Supak-davil ที่ 23-01-2017 11:07:14
ขอบคุณค่ะ
ก็อย่างที่เสี่ยบอก
ให้ใครเล่า เขาก็เล่าให้ตัวเองดูดีกันทั้งนั้นแหละ
ชอบค่ะ เหมือนชีวิตจริงดีค่ะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || DARK MODE III [22/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-01-2017 11:40:20
ชอบบบบบ พระแพง  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
พออ่านจากพระแพง อิเสี่ย ก็ไม่เลวร้ายเท่าเสี่ยอื่นๆ
ที่ทำร้าย หยาบคาย ตบตี เด็กเลี้ยง
โรคสต๊อคโฮมซินโดรม กับพระแพง
ก็น่าจะเกิดได้ เพราะพระแพงใกล้ชิด
ผูกพันถึงเนื้อถึงแก่นแค่กับเสี่ยเท่านั้น
เพื่อนๆก็ไม่สนิทถึงขั้นไปมาหาสู่ นอนหอด้วย
      :L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || DARK MODE III [22/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 23-01-2017 13:08:50
ชอบเรื่องนี้ พลอตเรื่องสนุกดี

แต่เพราะเราชินกับนิยายที่เป็นบทสนทนา มั่ง เลยรู้สึกว่าเรื่องดำเนินไปเร็ว และเป็นเรื่องที่อ่านได้เรื่อยๆๆ ตอนเศร้า ตอนโกรธ มันไม่เข้าถึงอารามณ์

แต่โดยรวมเนื้อเรื่องก็สนุกดี เนื้อหาที่นำเสนอก็ค่อนข้างเรียล คนเเเบบเสี่ยอธิป มีให้เห็นมากในปัจจุบัน และในตัวละครก็มีทั้งส่วนดีและไม่ดีเหมือนคนทั่วๆไป 
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || DARK MODE III [22/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 23-01-2017 14:44:51
ชอบแพงมากๆๆๆ เป็นคนที่ใช้ชีวิตได้มีความสุขเนอะ

อ่านดาร์คโหมดแล้วสงสัยนิดนึง เสี่ยเลี้ยงแพงสี่เดือนไม่ใช่หรอคะ แต่ในนี้สามเดือนเอง :ruready
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || นายรัตนชาติ [23/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 23-01-2017 21:06:15
Sp::  วีรกรรมเด็ดของนายรัตนชาติ




ทศกัณฐ์รักนางสีดาคือความผิด? 

แค่มาเห็นหลังจากที่พระรามมาหลงรักนี่คือแพ้?

ถึงนางสีดาจะเคยเป็นลูกแล้วถูกทศกัณฐ์เฉดหัวทิ้งออกไปก่อนแล้วเป็นไง  ตอนหลังพระรามเองก็ให้นางสีดาเดินย่ำกองไฟเหมือนกัน  ถ้ารักกันจริงทุกอย่างก็ต้องไม่มีเหตุผลจริงไหม  แล้วถ้าเล่นประเด็นเรื่องนางมณโฑ  ทศกัณฐ์ก็ออกจะรักนางมณโฑ  แต่สมัยก่อนใครๆ เขาก็มีเมียหลวง  เมียน้อย  อนุ  หรือเมียแอบกันทั้งนั้น

เขาที่เกิดหลังทศกัณฐ์(ที่มันเป็นวรรณกรรมแต่งโคตรโบราณ)  มาหลายร้อยปี  ทำไมถึงจะมีเมียหลวง  เมียน้อย  หรือแย่งแฟนชาวบ้านไม่ได้  มันก็แค่ค่านิยมที่ตอนนี้ทุกคนต้องมีผัวเดียว  เมียเดียว  พอมีเมียอีกคนก็ต้องแอบและกลายเป็นคนผิดไปซะงั้น  แถมเล่นชู้กับชาวบ้านนี่คือผิดด้วย?  เขาก็แค่ตอบสนองแบบทั่วถึง  ใครมาขอเขาก็ให้  ชนะกันแบบวิน-วิน  ได้เอาน้ำออก  ได้มีเซ็กซ์ 

ดูอย่างลูกพี่ลูกน้องเขาสิ  เมื่อก่อนมีเด็กเลี้ยงแถมเปลี่ยนเด็กเป็นว่าเล่น  แต่พอจะแต่งงาน  การมีเมียเก็บเลยการเป็นผิดไปซะงั้น  ถ้าเป็นที่เมืองนอกแค่ตบมือสบตากันแล้วถูกใจก็ไปต่อกันได้แล้ว  ไม่ต้องมาเสียเงินเสียทองหาเด็กหรอก  แถมพี่อธิปนี่โคตรเจ้าชู้ตัวพ่อ  ขนาดมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอย่างแพง  ก็ยังไปแอบมีกิ๊กมีกั๊กอยู่ข้างนอก  แถมไอ้แพงก็ยังดี๊ดี  ผัว..  เอ๊ย  สามีไปมีน้อยก็ไม่เปิดปากพูด  เลี้ยงลูกอยู่ในคอนโด  พอเถียงกันขึ้นมาทีก็พาลูกพี่อธิปหนีไปที   พี่อธิปก็ต้องคอยตามโอ๋ตามง้อ  นี่ถ้าไม่มีพระเพื่อน...ลูกสาวพี่อธิป  พระแพงคงทนไม่ไหวเลิกไปกันไปตั้งแต่ชาติที่แล้ว  แต่นี่พระแพงรักพระเพื่อนเหมือนลูก  จะทิ้งให้อยู่กับพี่อธิปที่ไม่ค่อยชอบเด็กก็คงทนไม่ได้  มันเลี้ยงพระเพื่อนมาตั้งแต่เกิด

ส่วนเขา...  นายรุต  รัตนชาติ  ฝรั่งชื่อไทยแต่หัวทอง  ตอนนี้ก็กำลังควบขับอย่างเมามันอยู่บนตัวเมียชาวบ้าน  แถมเมียชาวบ้านที่ว่าก็ไม่ใช่เมียใครที่ไหนไกล  เมียญาติพี่อธิป... สาวเจ้าทรงโตที่แต่งงานจนมีลูกกับหัวหน้าแผนกหรือพี่ศุภณัฐไปแล้วนั่นเอง 

แหม  เรื่องบนเตียงนอกเตียงนี่เขาก็ไม่อยากแส่เรื่องชาวบ้านหรอกนะ  แต่พี่ศุภณัฐหรือพี่ณัฐน่ะตัวเล็ก  เรียกว่าโคตรจะไม่สมดุลกับคู่นอน  คู่นอนหรือภรรยาพี่แกนี่หุ่นนางแบบไซด์  180  ส่วนพี่ณัฐน่ะ...  เอาเป็นว่าตัวค่อนข้างเล็กจะเล่นท่ายากก็ไม่ค่อยได้  สาวเจ้าไฟแรงสูงเลยไม่ค่อยสบอารมณ์จนแอบนี่นั่นมีนี่ไปทั่ว  เห็นว่าตอนแรกๆ ที่แต่งงานกันก็รักกันดีอยู่หรอกนะ  เพราะพี่ณัฐน่ะใจดี  ใจเย็น  เป็นสุภาพบุรุษ  แถมหล่อดูดีในแบบชายไทยหุ่นเล็กแต่ขาวมาก  แต่พอหลังๆ มาความรักเริ่มจืดจาง  ท่าไม่ยากเริ่มไม่น่าตื่นเต้น  ไอ้นั่นก็ไม่ใช่ไอ้นี่ก็ไม่โดน  สาวเจ้าที่ยังคงเป็นสาวสวยพราวเสน่ห์ก็คงอยากเปลี่ยนรสชาติให้กับชีวิตรักเต็มที   ติดก็แต่ที่พี่ณัฐไม่ยอมเลิกเพราะว่ารักมาก  สาวเจ้าแอบออกไปดีคนอื่นก็ยอมทน  ปากบอกว่าทำเพื่อลูกแต่จริงๆ ก็เป็นเพราะพี่แกยังรัก  พี่ณัฐรักเมียของแกมาก  ยอมทุกอย่าง  สาวเจ้าออกไปข้างค้างนอกบ้านก็ยอมกัดฟันทน  แต่ฝ่ายหญิงหมดใจจะรั้งไปก็ใช่ที่

เขาที่เป็นฝรั่งตัวสูงหุ่นดีเลยถูกเมียชาวบ้านชวนมาเล่นจ้ำจี้บ่อยๆ  ด้วย  ก็นะ  ถึงเขาจะสนิทกับพี่ณัฐ  แต่ไอ้เรื่องแบบนี้มันตบมือข้างเดียวไม่ดังอยู่แล้ว  แถมสาวเจ้าเองก็อยากหย่าเต็มทนแต่ก็ถูกพี่ณัฐรั้งไว้  เขาที่ถูกตาต้องใจสาวใหญ่ลูกหนึ่งอยู่พอดีเลยยอมตบมือด้วย

คนไทยนี่ก็แปลกไม่รักก็ยังจะรั้งกันไว้อยู่ได้   อีกอย่างรักก็ควรอยู่ส่วนรัก  ลูกก็ควรอยู่ส่วนลูก  ถ้าเด็กมันจะมีปัญหามันก็น่าจะเกิดจากที่พ่อกับแม่ระหองระแหงกันให้เห็นมากกว่า  ไม่เกี่ยวกับการแยกเลี้ยง  ดูอย่างที่เมืองนอกเขาก็หย่ากันเป็นว่าเล่น  ถ้าเด็กมีปัญหาก็โยนให้จิตแพทย์เด็กที่เป็นผู้เชี่ยวชาญโน่น   ไม่ต้องมาลองผิดลองถูกแก้ปัญหากันเอาเอง  แถมเด็กเองพอถึงเวลาก็ต้องมีหัวคิด  จะให้มาประคบประหงมกันถึงตอนอายุสามสิบสี่สิบแบบคนไทยก็คงไม่ได้

ดังนั้นเขาที่นิยมแจกจ่ายความรักอย่างทั่วถึง  เลยชอบแอบมาเล่นตบแปะกับเมียพี่แกบ่อยๆ  และอย่างที่บอกเมียพี่ณัฐยังเป็นสาวไฟแรงสูง  ขนาดมีลูกหนึ่งแล้วแต่เต้ากับหน้าท้องก็ยังเต่งตึง  เห็นกว่าเมื่อก่อนก็เป็นนางแบบด้วย  เพราะงั้นเวลามีอะไรกันเขาก็เลยค่อนข้างจะมีอารมณ์เพราะชอบสาวเจนจัดอยู่แล้ว  แต่ใครจะไปคิดกันล่ะว่า  การกลับไปมาเยี่ยมพ่อ  เยี่ยมหลาน  ที่ไทยครั้งนี้จะเจอแจ็คพอต

สาวเจ้าที่อยากหย่าเต็มทนดันเอามาเป็นดาบแทงทะลุหัวใจสามีตัวเอง    เรียกเขามาเล่นชู้ด้วย  จากนั้นก็ตามหัวหน้าแผนกหรือพี่ณัฐมาให้เห็นแบบจะๆ ตา  ไอ้เขาที่กำลังเมามันอยู่บนตัวสาวเจ้าก็นึกว่าจะโดนเป่ากระหม่อมซะแล้ว   แต่ที่ไหนได้พี่แกที่เห็นเต็มๆ ตากลับยืนนิ่งแล้วปิดประตูหนีซะงั้น  ทำเอาเขาที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วยก็ต้องรีบใส่ทั้งกางเกงนอกกางเกงในไปตามอธิบายให้รู้เรื่อง   แต่ดั๊นได้หมัดสวนมาหนึ่งหมัด  เห็นตัวเล็กๆ ไม่คิดว่าจะอารมณ์ร้อน  ถึงจะไม่เจ็บมาก... 

เอ่อ  เอาเป็นว่าเพราะถูกจับได้แบบคาเขาแถมเขาก็เป็นคนที่ณัฐรู้จักด้วย  ในที่สุดพี่ณัฐก็ยอมเซ็นใบหย่า  สาวเจ้าที่ได้หย่าสมใจก็รีบเซ้นใบหย่าพร้อมทั้งทิ้งเรื่องไว้ให้ทนายช่วยแก้(ตกลงเรื่องสินทรัพย์)  ทรัพย์ตามที่ตกลงกันได้คือ  20% (เพราะคุณเธอดันมีชู้เลยหารครึ่งไม่ได้)  ส่วนลูกสาวก็เป็นกรรมสิทธิ์ของพี่ณัฐในการเลี้ยงดู  แต่พี่ณัฐก็ไม่ได้ใจร้ายอย่างใครบางคน   หนูณัชชา(ลูกสาวพี่ณัฐ)  เลยยังได้มีโอกาสเจอแม่ปีละครั้งสองครั้ง  แถมยังได้บินไปอยู่เมืองนอกที่เป็นบ้านเกิดของคุณแม่เวลาที่ทั้งสองเกิดคิดถึงกันด้วย

ส่วนเขา...  ถึงเขาจะผิด  แต่ก็...  ไม่น่าจะผิดขนาดนั้นไหม  ก็บอกแล้วว่าเขาถูกหลอกใช้  แล้วทำไมพี่อธิปถึงต้องทำเหมือนกับเขาผิดมากด้วย  ส่วนไอ้แพง...สายตาที่มึงส่งมานี่คืออะไรกันวะ  มึงก็เคยเป็นชู้นะ  อย่าให้กูแฉ  อย่าให้กูพูด!

แต่ขืนเขาพูดไป...  เรื่องที่แพงเคยเป็นเด็กเลี้ยงกับเคยเป็นชู้  เขาที่นานๆ ได้กลับมาที่ไทยที(แล้วก็ดันแจ็คพอตแตก)  ก็อาจเจอรองเท้าของพี่อธิปฟาดปากบวกกับที่ไอ้แพงตามมาเหยียบซ้ำ  สองคนนี้นี่มันผีเน่ากับโลงผุชัดๆ  ทำเหมือนจะเข้ากันไม่ได้   แต่เอาเข้าจริงๆ ก็เข้ากันยิ่งกว่าปี่กับขลุ่ย  ผัวขุดหลุมเมียตามกลบซ้ำ ลองมีศัตรูคนเดียวกันขึ้นมา  ไอ้คนโชคร้ายนั่นก็อย่าหวังว่าจะมีชีวิตรอด

แต่น่าเสียดายที่ไอ้คนโชคร้ายคนนั้นคราวนี้ดันเป็นตัวเขาเอง  เขาเลยจะขำก็ขำไม่ออก  หัวเราะก็หัวเราะไม่ได้  จะหนี...  พ่อเขาก็ดันเป็นน้องของพ่อพี่อธิป  หรือเรียกสั้นๆ ว่าพ่อเขาเป็นอาของพี่อธิปนั่น  แถมพ่อก็ออกจะรักจะหลงพี่อธิปเพราะพ่ออยู่ไทยมากกว่าอยู่เมืองนอก  แถมพี่อธิปที่ทำงานเก่ง หัวดี  (ไม่ดีอยู่อย่างตรงที่เป็นเกย์)  เลยถูกพ่อเขาถือหางไปด้วย  มีอะไรก็พี่อธิปๆ ก่อนลูก

นั่นแหละ  ตอนนี้เขาเลยต้องมานั่งสำนึกผิดในห้องของพี่อธิป  ไอ้แพงที่เล่นอยู่ด้วยก็เล่นกับพระเพื่อน  ก็ส่งสายตาจิกด่าเขาไป  แน่จริงก็พูดออกมาเลยสิวะ  ไม่ต้องมาเก็บงำคำพูด!

" You  bastard (มึงมันเลว) "   เจี๊ยก!  มันด่ามาเป็นภาษาอังกฤษ  กลัวพระเพื่อนรู้เรื่องไงวะ  ทำมาพูดภาษาปะกิตด่ากู!

" แล้วนี่ตกลงเราจะทำยังไง"  เสียงสยองขวัญสั่นประสาท...   พี่อธิป!

อะหื้อ~  พี่อธิปแกนั่งไขว่บนโซฟาด้วยมาดท่านประธาน  มีพระแพงกับพระเพื่อนกำลังเล่นกันที่อยู่พื้น  ส่วนเขานั่งอยู่ตรงโซฟาฝั่งตรงข้ามทำตัวเป็นจำเลยให้พี่อธิปสอบสวนและคาดโทษ  เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพี่อธิป  แต่มาดกับราศีผิดกันเยอะ  เขาอ่อนกว่าพี่อธิปสิบปี  แต่ต่อให้เขาอายุสามสิบเท่ากับพี่อธิป  เขาก็มีทางมีมาดไม่เท่าพี่แกหรอก  พี่แกน่ะมาดเยอะ  ทำเป็นเก็กต่อหน้าเด็ก  อย่าคิดนะว่าเขารู้!

" ก็คงจะตามไปง้อแหละครับ..."  ที่คิดน่ะไม่ได้พูด...  นิสัยเหมือนใครก็ไม่รู้เนอะ

" Asshole "  ไอ้นี่ก็ซ้ำเติมกูจริง!

เฮ้อออ~  นี่ถ้าคนที่เขาเผลอไปมีอะไรด้วยไม่ใช่พี่ณัฐ  อ่านไม่ผิดหรอกว่า "พี่ณัฐ"  ไม่ใช่เมียพี่ณัฐ  เพราะวันนั้น  หลังจากที่เกิดเรื่องได้สามสี่วัน  เขาก็ไปปรับความเข้าใจกับพี่ณัฐที่ผับแห่งหนึ่ง  แล้วเรื่องมันก็เข้าพล็อตแสนน้ำเน่า  พี่ณัฐเมาปลิ้น  เขาเมากรึ่ม  เขาพาพี่ณัฐกลับห้อง  พี่ณัฐ...  เอิ่ม  พยายามจะปลุกปล้ำเขา  เขาก็มึนๆ กับ งงๆ  รวมกับไม่มีความยับยั้งชั่งใจ  เห็นปากแดงๆ ของพี่ณัฐจะมาปล้นจูบเขาให้ได้  เขาก็เลยลองจูบเสียดายเพราะเป็นคนอารมณ์(หื่น)ขึ้นง่าย  แถมพี่ณัฐก็เอาแต่บอกว่า  กูจะดูสิว่ามึงมีดีขนาดไหน...  ประมาณนั้น

เขาที่มึนๆ กับ  เมาๆ  บวกกับสงสัยมาตลอดว่าผู้ชายมันมีดีขนาดไหนพี่อธิปถึงได้ติดใจขนาดนั้น  เขาก็เลย....  นั่นแหละ  ปลุกปล้ำแกกลับบ้าง 

เออๆ  เขารู้เขามันสารเลวปลุกปล้ำคนเมาเขายอมรับ  เพราะตอนที่พี่ณัฐสู้แรงเขาไม่ได้เพราะตัวเล็กกว่าเยอะ  เขาที่อยู่บนพี่แกแถมเมาเหล้าและเมากับกามารมณ์  เลยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม  เจอรู..   อะแฮ่ม  เจอช่องทางเขาก็จิ้ม   ของๆ พี่ณัฐอุ่นจัดและคับแคบ  เขาที่เคยลองแต่กับผู้หญิง  พอเจอกับของผู้ชายที่ตอดและแน่นกว่าเยอะเลยติดใจไปหน่อย   ถึงตอนแรกๆ มันจะคับฝืดและค่อนข้างขยับยาก  แต่พอขยับไปเยอะๆ มันก็ลื่นขึ้น  แถมพี่ณัฐยังเอาแต่ดิ้นๆ  จากที่เน้นอยู่แล้วก็ยิ่งแน่นขึ้น  เขาก็เลยเล่นไปซะสองรอบก็ต่อรอบ  เพราะเพิ่งเข้าใจและเพิ่งรู้ซึ้งถึงความซาบซ่าของการมีเซ็กซ์ทางประตูหลัง 

และพอตื่นขึ้นมาอีกที  พี่ณัฐก็หนีออกไปจากห้องแล้ว  (ไม่ใช่ว่าเขาเหนื่อยจนหลับ  แต่เขาขี้เกียจกลับบ้าน)  แถมพี่ณัฐก็โทรไปขอลาหยุดกับพี่อธิปแบบไม่มีเหตุผลและไม่มีกำหนดกำหนดกลับด้วย  ลูกสาวก็โยนไปให้ย่า  หรือลูกพี่ลูกน้องแม่พี่อธิปอีกที  ทางนั้นที่ไม่เคยเห็นลูกโทรมบวกกับตาแดงก่ำขนาดนั้นเลยโทรมาไล่เรียงกับแม่พี่อธิป  แล้วก็.... 

Bingo! 

แม่พี่อธิปก็โทรมาคุยกับพี่อธิปอีก   เขาจะหนีกลับเดนมาร์กก็หนีกลับไม่ทันเพราะถูกพี่อธิปรวบตัวไว้ก่อนแล้ว  ตอนนี้พี่ญัฐหนีไปกกดานแถวๆ เชียงใหม่หรือเชียงรายโน่น  เห็นว่าเป็นที่ๆ เคยไปฮันนีมูนสมัยแรกๆ  ที่เพิ่งแต่งงาน   ดีนะไม่ไปทะเล  เขาชอบกลิ่นน้ำเค็ม... 

ไม่ใช่!  นี่ไม่ใช่เวลาจะมาชอบหรือไม่ชอบ!  ขืนเขาไม่ไปตามง้อพี่ณัฐ  เขาติดคุกหัวโตแน่  ถึงทางทางแม่พี่ณัฐจะไม่รู้  แต่พี่อธิปที่เค้นความจริงออกมาปากจากเขาได้นี่ทำจริงแน่  พี่อธิปเอ็นดูพี่ณัฐอยู่พอตัวเพราะทำงานเก่งใช้งานคล่อง (แค่กๆ)  แถมพี่ณัฐก็ตัวขาวๆ  ตรงสเปคของพี่อธิป  เสียแต่พี่ณัฐอายุเยอะ(เท่ากับพี่อธิป) เลยรอดจากปากเสือกินเด็กอย่างพี่อธิปได้   อีกอย่างการข่มขืนคืออาชญากรรม  ถึงการซื้อขายบริการทางเพศจะผิดเหมือนกัน  แต่การข่มขืนนี่ผิดร้ายแรงกว่ากันเยอะ 

มันไม่ใช่เหมือนอย่างในหนังที่นางเอกถูกข่มขืนและทุกคนทนเป็นโสรยาแก่งจำเลยรักได้  เหยื่ออารมณ์ทางเพศในชีวิตจริงจะมีแผลทางใจติดไปตลอดชีวิต  นี่ยังดีที่พี่แกแค่หนีไปเขาเลยไม่ซวยมาก   แต่ถ้าพี่แกเกิดคิดสั้นฆ่าตัวตาย  หรือยอมตายแต่ไม่ยอมขึ้นศาล  แบบนี้เขาไม่เท่ากับเป็นฆาตกรเรอะ  หรือถ้าเกิดพี่แกเกิดคิดสั้นอยากมาตัดไอ้นั้นของเขาขึ้นมา  เขายอมตายแทนอยู่ดีกว่าที่จะต้องไอ้จ้อน  เจ้าโลกของผู้ชาย  ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าเจ้าโลก  เสียแขนเสียขาได้แต่อย่าเสียไอ้จ้อน!  เพราะฉะนั้น....     

" พี่อธิปสอนวิธีง้อผู้ชายหน่อยสิ  ไอ้แพงพี่ก็ตามกลับมาได้นี่"  ถามออกไปเป็นภาษาเดนิส  ไอ้แพงจะได้ฟังไม่รู้เรื่อง  แต่หูนรกอย่างมันน่ะนะจะฟังไม่ออก  ภาษาอังกฤษง่อย!  ภาษาเดนิชป้อแป้!  แต่พอเป็นคำด่ากับคำนินทาปุ๊บ  หูดีขึ้นมาปั๊บ  ถึงจะแปลไม่ออกแต่ก็รู้ว่าถูกพูดถึง  มึงสัมผัสที่หกดีเกินไปแล้วนะ!

" Douchebag  อย่าเอากูไปเอี่ยวด้วย"  สำเนียงชัดมาก   ไปอยู่อังกฤษเลยไปมึง  ประเทศที่เจริญแล้วต้องการคนอย่างไปถ่วงความเจริญ!  Douchebag  พ่_งดิวะ!  มือไม่พายเสือกเอาเท้าราน้ำ  ไอ้เด็กเสี่ยเอ๊ย!

คิดได้...   แต่ด่าไม่ได้!  โดนถีบอัดติดผนังแน่!  ถึงเขาจะไม่ได้ด่าตามหมายของคำว่าเด็กเสี่ยจริงๆ  แต่คนฟังมันคงจี๊ด  แถมพี่อธิปก็ยิงหัวเขาแน่  เมียข้าใครอย่าแตะ...  หลงไอ้แพงจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว!

" ไปหาวิธีเอาเอง  แต่ตามณัฐกลับมาทำงานให้ได้  นายมีเวลาหนึ่งอาทิตย์  สัปดาห์หน้าพี่ต้องไปประชุมที่เมืองนอก  ต้องพาณัฐไปด้วย  อีกไม่กี่ปีณัฐต้องขึ้นตำแหน่งผู้บริหารมาเป็นผู้ช่วยพี่  ไปตามณัฐกลับมา  อย่าให้เรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน" 

ครับ... 

ประโยคย๊าวยาว  แต่ช่วยอะไรเขาไม่ได้  ให้เขาไปหาทางเอาเอง!  ถึงจะบอกว่าให้ลากไปทำงาน  ดูไม่มีหัวใจ  แต่ชีวิตมันก็แบบนี้  เศร้าได้  หนี(ช่วงสั้นๆ)ได้  แต่ถึงเวลาสำคัญ(มีประชุม)  ห้ามป่วย  ห้ามตาย  ห้ามลาพัก!  ชีวิตมนุษย์เงินเดือน  ไอ้เจ้านายจอมโหดเอ๊ย!

แต่ก็นั่นแหละ  คิดแต่ไม่ได้พูด!  บอกแล้วว่าพี่อธิปก็เอ็นดูพี่ณัฐอยู่พอตัว  พี่ณัฐทำงานเก่งแต่ตัวเล็ก(?)  และถึงจะไม่มีในส่วนของกามารมณ์มาเกี่ยวข้อง  แต่พี่อธิปก็แยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกจากกันได้  เรื่องง้อ...ก็ต้องเป็นที่เขาที่ทำผิดแล้วต้องง้อ  ส่วนเรื่องงาน...  เขาที่เป็นต้นเหตุให้พี่ณัฐเสียงานก็ต้องเป็นคนแก้  จะอาสามาทำงานแทนพี่อธิปก็รังเกียจเดียดฉันท์เหลือเกิน  บอกว่าเขาพึ่งไม่ได้ ลดีแต่วิ่งเล่น  ถ้าให้เขาขึ้นตำแหน่งพี่ณัฐ  พี่อธิปเอาไอ้แพงขึ้นตำแหน่งทนนดีกว่า  ไอ้คนหลงเมียเอ๊ยยย 

แต่ก็จริง...  ถ้าไม่นับเรื่องภาษาไอ้แพงมันเก่งกว่าเขาเยอะ  เกียรตินิยมอันดับหนึ่งของมันก็ไม่ใช่แค่โชคช่วย  มันหัวดีแต่ไม่ค่อยทะเยอทะยานมาก  นี่ยังน่าเสียดายอยู่เลยที่มันออกมาเป็นพี่เลี้ยง

แต่เรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวข้อง!  ไอ้แพงจะเก่งกว่ายังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับเขา!  ที่เขาอยากให้มันเกี่ยวคือ  บอกวิธีง้อผู้ชาย(ที่ถูกข่มขืน)  มาซะ!

" I will  cut  ฉับๆ bring to  throat's  duck  ส่วนตัวการ  you   blood released  until died ข้างทาง ." 

......แปลไทยปนอังกฤษเป็นไทยคือ  เป็นกูจะตัดฉับๆ ของมึงไปโยนให้เป็ดกินแล้วปล่อยให้เลือดออกตายอยู่ที่ข้างทาง 

ไอ้โหดเอ๊ย!  พี่อธิปดูเมียพี่มั่ง!  จะตัดส่วนสืบลูกสืบหลานของตระกูลหน้าตาเฉยอยู่นี่!  ทำไมไม่เห็นใจน้องนุ่งมั่ง  นี่น้องนะน้อง!

" นี่ที่อยู่  ไปตามณัฐกลับมา  ไม่งั้นก็ไปนอนเล่นอยู่ในคุกไทยซักสองเดือน"  พี่อธิปปปปปปป!!!!

บอกแล้วว่าสองคนนี้ผัวว่าเมียพลอย  ลองมีความคิดเห็นตรงกัน  ไม่มีหรอกที่จะช่วย  มีแต่ยิ่งซ้ำเติม!

แต่  ฮึก  ถ้าเขายังอยากรักษาความบริสุทธิ์ของก้น(จากคุกไทย)  เขาก็ควรจะจากไปอย่างว่าง่าย  เพราะไอ้แพงนี่หมายมั่นตั้งท่าอยากจะตัดฉับๆ ของเขาน่าดู   นี่กูเพิ่งรู้ว่ามึงสนิทกับพี่ณัฐ!

" อ๋อ  พี่ณัฐพากูไปเลี้ยงหลายรอบ  สอนวิธีเลี้ยงเด็กอ่อนให้ด้วย  พวกกูเลยสนิทกัน  พระเพื่อนก็ชอบพี่ณัฐ  ใช่ไหมพระเพื่อน" 

" แอ๊ะ แอ๊~"  เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวสองแม่ลูก แล้วนั่น....  หนูรู้เรื่องไหมนั่น  อ้าปากหาวจนจะอมหัวอาได้อยู่แล้ว!

" ออกไปได้แล้ว  รีบไปตามณัฐกลับมา  พระเพื่อนได้เวลาดื่มนมตอนกลางวันแล้ว"  ...นี่ก็ไล่จริง! 

ตัวเองไม่อุ้มพระเพื่อนซักนิด  แต่พอเห็นเมียทำสัญญาณจะส่งลูกเข้านอน  ก็ไล่น้องซะงั้น  ไอ้คนหลงเมีย!  ไอ้...  xXx!!!

แต่นั่นแหละ  ได้แต่คิดแต่ไม่ได้พูด! 

เขาที่ถูกขับไล่ไสส่งก็ได้แต่เดินคอตก  รับที่อยู่ของพี่ณัฐมาแล้วจองตั๋วเครื่องบิน  จนต้องไปอยู่ที่ภาคเหนือของไทยโน่น

เขาเองก็พยายามง้ออยู่หนึ่งอาทิตย์  ทั้งยอมโดนด่า  ยอมทนตากน้ำค้าง  ยอมโดนอัด  โดนสาดน้ำ(ตา)ใส่  พี่ณัฐก็ยังไม่ยอมใจอ่อน  ให้เขาเข้าห้องหรือยอมให้เขาขอโทษดีๆ ซักครั้ง  ยังดีที่วันสุดท้ายก่อนถึงกำหนดเส้นตาย  พี่แกยังยอมฟังเหตุผลเรื่องงาน  เขาเลยได้บินกลับกรุงเทพมาทันส่งพี่แกขึ้นเครื่องไปพร้อมกับพี่อธิป  (พี่แกบินกลับมาก่อนตอนไหนก็ไม่รู้)   เขาก็ได้แต่โบกมือบ๊ายบาย  ทั้งสี่คนที่กำลังจะขึ้นเครื่องแบบหงอยๆ   ครั้งนี้พี่อธิปก็เอาไอ้แพงติดไปด้วยพร้อมกับพระเพื่อน  เพราะเห็นว่าจะไปสองสัปดาห์  กลัวแพงอยู่คนเดียวจะเหงา   แต่ไอ้แพงที่จะได้ไปเยอรมัน (พี่อธิปไปดูโรงงานแถวๆ เยอรมัน)  มันไม่สนใจความเป็นห่วงของพี่อธิปหรอก  โน่น  วางไปเที่ยวสนามบอลของเยอรมันพร้อมกับพระเพื่อนโน่น

ส่วนเขาเอง...  จะตามไปง้อต่อก็ใช่ที่  เพราะพี่ณัฐไม่อยากรับไมตรี  เขาก็เลยกะจะเว้นเวลาซักหน่อยเพื่อตามง้อพี่แกอีกครั้ง    แต่ไม่รู้สิ...  ตอนที่เห็นพี่ณัฐทำหน้าเฉยชา  จากที่เคยยิ้มเคยหัวเราะ  เคยทำงานด้วยกัน  ตอนนี้พี่แกมาทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนซักนิด  เหมือนเขาเป็นธาตุอากาศที่ไม่แม้แต่จะมีค่าจะให้สูดดมเข้าไป  เขาที่หงอยอยู่แล้วก็ยิ่งคอตกเพิ่ม  คือของแบบนี้ ถ้าเรายังมีความเป็นคนอยู่บ้าง  พอข่มขืนคนอื่น  เราก็ต้องรู้สึกผิด  แต่ถึงจะรู้สึกผิดขนาดไหน  มันก็ไม่เท่ากับเหยื่อที่ถูกคุกคามทางเพศ  ถึงวันนั้นพี่ณัฐจะเป็นเริ่มก่อน  แต่ก็เขาก็ไม่ยอมหยุดตอนที่พี่ณัฐร้องห้าม  กฎหมายที่เมืองนอก ถ้าบอกว่า  " Stop"  ก็คือต้องหยุด  ขนาดเป็นเมีย...  ถ้าเมียไม่อยากเล่นจ้ำจี้แล้วถูกบังคับ  สามีก็เข้าข่ายข่มขืนด้วย  แล้วนี่เขา....   เขาไม่ได้เกี่ยวกับอะไรกับพี่ญัฐ  แต่ก็เป็นคนที่เคยลำบากมาด้วยกัน  ผูกพันกันด้วยเรื่องงาน  และพี่ณัฐเองก็เหมือนเป็นญาติ  พี่แกนับถือพี่อธิปเหมือนพี่  แล้วที่เขาทำแบบนี้....


เฮ้อ~  เขาก็รู้อยู่หรอกว่าแค่ขอโทษคงไม่อาจทำให้พี่ณัฐหายโกรธได้  แต่ถ้าจะให้เขาตัดไอ้นั่นจริงๆ เขาก็ทำใจไม่ได้  เพราะงั้นนอกจากคำว่าขอโทษเขาก็ไม่สามารถพูดคำอื่นได้อีก  แต่ก็นั่นแหละ  แค่คำพูดถึงจะจริงจังหรือจริงใจแค่ไหนมันก็ไม่เพียงพอสำหรับการไถ่โทษ  หรือลบล้างสิ่งที่ทำลงไปแล้วได้

เพราะอย่างนั้น...    หลังจากนั้น...

เขาก็กลับตัวกลับใจมาเป็นคนดี  ถึงจะยังออกเที่ยวเกี่ยวสาวมาจากผับบ้าง  แต่เรื่องในครั้งนี้ก็ทำให้เขามีสติมากขึ้น  จากที่เอาแต่วิ่งเล่นใช้ชีวิตแบบเด็กวัยรุ่นที่เก็บเงินไปท่องเที่ยวไป  ตอนนี้เขาก็สืบสานงานต่อจากแม่  บริษัทแม่เป็นบริษัทเล็กๆ  ต่างกับบริษัทพ่อ  เอ๊ะนี่เขาเคยบอกหรือยังว่าความจริงบริษัทพ่อของเขากับบริษัทพี่อธิปความจริงสองบริษัทนี่เขาโคกันด้วย  เพียงแค่จดชื่อบริษัทคนละชื่อ  สินค้าก็แตกต่างกันนิดหน่อยแต่ก็ยังอยู่ในเครือเดียวกัน   

ตอนแรกพ่อเองก็จะให้เขาสานงานต่อจากพ่อ  แต่พอพ่อเห็นสภาพเขาแล้ว  พ่อเลยบอกว่าไว้พ่อแก่แล้วจะโอนหุ้นให้เขาส่วนหนึ่งมากินดอกแทน  ส่วนบริษัทก็ยกให้พี่อธิปไปเพราะพี่แกบริหารเก่งกว่าเยอะ  พ่อไม่อยากให้บริษัทตัวเองที่สร้างอย่างลำบากต้องมาเจ๊ง  พ่อเลยเตรียมขายหุ้นให้กับพี่อธิปแล้วก็เตรียมวางแผนควบบริษัทไปเรื่อยๆ  ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนตำแหน่งงานไม่ให้มีการทับซ้อน  ส่วนพ่อที่แก่แล้วก็นั่งกินเงินปันผลไป  ความจริงพ่อเองก็ไม่ค่อยอยากจะให้หุ้นเขาหรอก  แต่กลัวลูกหลานตีกันพ่อก็เลยตัดใจยอมแบ่งให้  พี่อธิปที่กำลังจะรวยไม่รู้เรื่องก็คงต้องเหนื่อยหน่อย  บริษัทใหญ่ใช่ว่าจะบริหารงานกันได้ง่ายๆ  ถ้าล้มทีก็เรียกว่าเละ

เพราะงั้นเขาทีเจียมตัวบวกกับรู้แล้วว่าไม่สามารถทำงานใหญ่ได้เลยเอ้อระเหยลอยชาย  เอ๊ย  ตั้งหน้าตั้งตาบริหารงานที่ตัวเองชอบคือ  ส่งออกดอกไม้ 

อะไร  น่าแปลกใจตรงไหนไม่ทราบ  รู้รึเปล่าว่าปีๆ มูลค่าส่งออกดอกไม้ทั้งไทยทั้งต่างประเทศน่ะมีมูลค่าตั้งเท่าไหร่  อย่าเห็นว่าเป็นแค่เกษตรกรแล้วจะจิ๊บๆ  ถ้าควบคุมคุณภาพกับรักษามาตรฐานส่งออกให้ดี  ดีไม่ดีก็รวยแบบไม่รู้เรื่อง  แถมที่เดนมาร์กก็มีทั้งดอกไม้ส่งออกและนำเข้า  และบริษัทแม่ของเขาก็ติดตลาดอยู่แล้ว  เพียงแต่มันเป็นบริษัทเล็กๆ

เขาที่มีต้นทุนชีวิตที่ดีกว่าชาวบ้านก็เลยเริ่มต้นธุรกิจใหม่ได้แบบไม่เหนื่อยมาก  แถมได้บินไปๆ กลับๆ ระหว่างกรุงเทพ  เชียงใหม่  เชียงราย  ระยอง  ภูเก็ต  ตราด  จันทบุรี  เพื่อหาดอกไม้ไปป้อนให้กับตลาดที่มีความต้องการที่สูงขึ้น  แถมธุรกิจส่งออกแบบนี้เราก็จับกลุ่มแต่ลูกค้าคนรวย  มีการจัดงานแต่งที  งานเลี้ยงสังสรรค์ที  หรือแม้แต่งานเปิดตัวสินค้า  ลองเสนอสินค้าใหม่  ของแปลกๆ ที่ไม่เหมือนชาวบ้านก็มีแต่จะติดตลาดได้ดีขึ้น  ลองตลาดเราต้องรักษาฐานลูกค้า  ในขณะเดียวกันก็ต้องสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มาป้อนและนำเสนอให้กับลูกค้าด้วย  สมัยนี้อะไรก็ไปงายมาเร็ว  ขืนเอาแต่ย่ำต๊อกเน้นความคลาสสิค  ต่อไปก็ไม่ต้องทำอะไรกินแล้ว

หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || นายรัตนชาติ [23/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 23-01-2017 21:09:41
<ต่อ>


และเพราะอย่างนี้เขาก็เลยได้บินมาที่ไทยบ่อยๆ  แรกๆ ก็อาจจะแค่ปีครั้งสองครั้งเพราะบริษัทยังไม่ติดตลาดมาก  แต่พออยู่ไปๆ  ทำไปแปบๆ  ก็สามสี่ปี  เขาที่คอยตามง้อ  ตามตื้อ  ในที่สุดพี่ณัฐก็ยอมใจอ่อนบ้าง   จากที่ไม่ยอมให้เข้าบ้าน  ก็เรียกให้เข้าไปนั่งหลบฝน  จากที่ไม่ให้เล่นกับน้องณัชชา เขาก็เข้าทางลูกบ่อยขึ้น 

นี่เขาไม่ได้ใช้เด็กเป็นเครื่องมือนะ  อย่าเข้าใจผิด  เขาเรียกกันว่าการสร้างโอกาสและเพิ่มโอกาส

และถึงเขาใช้เวลาสร้างโอกาสในการง้อและตามตื้อนานไปหน่อย  แต่ในที่สุดเขาก็จีบ  เอ๊ย  ขอคืนดีกับพี่ณัฐสำเร็จจนได้  แล้วก็ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาเอาแต่ตามตื้อพี่ณัฐจนลืมคั่วผู้หญิงคนอื่น   ถึงตอนอยู่เดนมาร์กเขาจะมีหิ้วสาวมานอนบ้าง  แต่อยู่ที่ไทยนี่เขาออกจะเรียบร้อย  วันๆ ก็เอาแต่วิ่งไปหาพี่ณัฐจนพี่อธิปกับไอ้แพงรำคาญ  และพอช่วงสองปีให้หลังก่อนจีบติด  เขาก็เลิกคั่วผู้หญิงแบบถาวรเพราะรู้แล้วว่าพี่ณัฐนี่แหละคือคู่ชีวิต

พี่ณัฐเป็นผู้ใหญ่  ใจดี  และค่อนข้างมีเหตุผล  พอเขาได้สนิทมากเข้าและเห็นนิสัยที่แท้จริงของพี่แกมากเข้า  เขาก็รู้เลยล่ะว่านี่คือแม่ของลูก  ถึงแม่ของลูกจะเป็นผู้ชายแล้วยังไง  ตอนนี้มันสมัยไหนแล้ว  ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะรัก  มีสิทธิ์ที่จะเลือกเพศไหนมาเป็นคนรักก็ได้  รักไม่ควรมีประเพณีหรือศาสนามาขว้างกั้น  เขาที่เป็นคาทอลิกแต่ก็ไม่ได้เคร่งศีลมากเพราะไม่เคยไปโบสถ์  ก็เลยไม่กลัวที่จะตกนรกง่ายๆ 

ดังนั้นพอเขารู้ใจตัวเองเขาก็มาขอตื้อพี่แกหนักขึ้น  จนในที่สุดเกราะปราการที่ก่อตั้งบนตัวพี่แกก็อ่อนแอลง  ส่วนคนนอกอย่างพี่อธิปกับไอ้แพง    ทั้งสองคนเองก็ไม่ว่าอะไรมาก  ถึงพฤติกรรมเขาสมัยก่อนจะไม่ต่างจากพี่อธิป  แค่กๆๆ   เอาเป็นว่าถึงเมื่อก่อนเขาจะค่อนข้างเหลวแหลก  และเปลี่ยนผู้หญิงไปทั้ว  แต่ตอนนี้เขาก็กลับตัวกลับใจแล้ว  ส่วนโอกาส...  อันนี้ทั้งสองคนก็ประมาณว่า  เรื่องทุกอย่างปล่อยให้พี่ณัฐเป็นคนตัดสินใจเอา   เองเพราะพี่ณัฐแก่แล้ว  แค่กๆๆ   ไม่ใช่  พี่ณัฐมีอายุและมีวุติภาวะมากพอ  อีกทั้งยังผ่านอะไรๆ มาเยอะแล้ว  ก็สมควรที่จะตัดสินใจเองได้   

พี่อธิปกับไอ้แพงก็เป็นแค่คนที่ให้คำปรึกษาได้  แต่เมื่อถึงเวลาเจ้าตัว...หรือพี่ณัฐต้องตัดสินใจเอาเอง  จะใจอ่อนใจแข็ง  หรือจะยอมให้โอกาสเขาก็แล้วแต่พี่ณัฐจะเลือก   แต่ถ้าหากเขาทำให้พี่ณัฐเจ็บช้ำเสียใจอีกรอบ  ก็อย่าหวังว่าจะรอดหกตีน  รองเท้าสามคู่ไปได้  เพราะน้องณัชชาก็หวงคุณพ่อดู  ส่วนสองผัวเมียนั่นก็เข้าข้างพี่ณัฐมากกว่าเขาอยู่แล้ว  นี่แหละความลำเอียงของมนุษย์  ทำผิดทีมีตราบาปไปทั้งชาติ  ต่อให้อาบน้ำที่แม่น้ำฮวงโห(หรือเปล่า)  เขาก็ไม่สามารถกลับมาใสสะอาดได้   เฮ้อ~ 

และเพราะอย่างนั้น  กว่าเขาจะจีบพี่ณัฐติด..  เอ๊ย  ขอโทษพี่ณัฐสำเร็จเวลาก็ผ่านไปเกือบสี่ปี  กว่าเขาจะได้แอ้มพี่แกอีกครั้ง  ลูกชายเขาก็ถูกแม่นางทั้งห้าถูไถจนจะเหี่ยวอยู่แล้ว

อะไร  ใครหาว่าเขาลามก 

เรื่องบนเตียงมันเป็นเรื่องของธรรมชาติ  ชีวิตคู่ไม่ว่ายังไงมันก็หนีไม่พ้นเรื่องของเซ็กซ์  คนรักกันเกิดอารมณ์ทางเพศด้วยกันไม่เห็นจะแปลก  เขาไม่ได้จับพี่ณัฐมาตบจูบข่มขืนอีกรอบซักหน่อย

พอเถอะๆๆ  พูดมากยิ่งเข้าตัว  เอาเป็นว่าเรื่องของเขากับพี่ณัฐเองก็ถือว่าค่อนข้างแฮปปี้เอนดิ้ง  ถึงเขาจะต้องใช้เวลาสี่ปีกว่าๆ  แต่ก็จีบพี่ณัฐที่เป็นชายแท้สำเร็จ  ถึงส่วนตัว...  เอิ่ม  พี่ณัฐจะแอบอายอยู่บ้างเพราะต้องมาเล่นสดยิงประตูหลังกันตอนอายุเยอะแบบนี้  แต่ส่วนใหญ่เขาก็ป้องกันนะ  แถมใส่ถุงยางมันก็สอดใส่ได้ง่ายกว่าไม่ใส่ด้วย หื้ม?  นี่ไม่ใช่ประเด็น?

แต่ช่างเถอะ  เอาเป็นวทาเขาโชดดีได้โอกาสกลับมาแก้ตัว  สร้างเนื้อสร้างตัวตามแบบพี่อธิปที่เคยผิดพลาด  จากที่ลอยชายไปลอยชายมาก็ตั้งบริษัทเป็นของตนเองจนมั่นคงขึ้นมาได้  ส่วนพี่ณัฐ..  พี่อธิปก็ไม่ยอมปล่อยตัวมา  ตัวเองมีไอ้แพงคอยช่วยงานอยู่แล้วยังจะมายึดเมียชาวบ้าน  xXx  เอ๊ย! 

แต่ก็นะ...  ถึงพ่อเขาจะไม่ได้พิสวาทพี่ณัฐมากเหมือนที่น่าจะพิสวาทลูกสะใภ้  แต่เพราะความสามารถของพี่ณัฐ  พ่อที่นึกว่าต้องยกกิจการให้พี่อธิปก็เลยแบ่งหุ้นมาให้กับพี่ณัฐแทน  ประมาณว่าให้พี่อธิปเป็นหัวเรือใหญ่  ส่วนพี่ณัฐเป็นรองหัวหน้าหรือรองกัปตันเรืออะไรแบบนี้  ส่วนเขาก็บริหารธุรกิจส่งออกดอกไม้เล็กๆ  ของตัวเองต่อไป    ทำไม..  ถึงจะได้กำไรแค่ได้ละปีไม่กี่สิบล้าน  อย่าทำมาเป็นดูถูกกันนัก  สิบล้านก็เงินนะเว้ย!

ช่างเถอะๆ  เอาเป็นว่าชีวิตเขาก็อยู่ดีมีความสุขแบบกึ่งแฮปปี้ 

และที่บอกว่ากึ่งแฮปปี้นี่ไม่ใช่เขาไม่มีความสุขนะ  แต่เพราะงานของเขากับพี่ณัฐ  ไม่ใช่งานที่สามารถทำรวมกัน  หรืออยู่ร่วมกันบ่อยๆ ได้  ดังนั้นชีวิตเซ็กซ์  เอ๊ย ชีวิตรักของเขากับพี่ณัฐเลยค่อนข้างจะจืดชืด  แต่เพราะมันค่อนข้างจะจืดชืด  ในเวลาที่เราสองคนได้เจอกันแบบนานๆที  แทนที่จะหาเรื่องหงุดหงิดมาโยนใส่กัน  เราก็เลือกที่จะรักกันและสานสัมพันธ์ต่อกันให้มีชีวิตคู่ที่ราบลื่นสงบสุขมากขึ้น 

เขากับพี่ณัฐนี่ทะเลาะกันน้อยครั้งมาก  และส่วนใหญ่ที่ทะเลาะกันก็จะเป็นแต่เรื่องงานที่ต่างคนต่างบ่นเรื่องปัญหาของตัวเอง  พอบ่นจบหมดแรง  เราก็โยนปัญหาออกไปนอกห้องแล้วก็กลับมากุ๊กกิ๊กกันอย่างสวีทหวานชื่น   เพราะไม่อยากเสียเวลาที่ควรมีร่วมกันอย่างไร้ค่า  ผิดกับคู่ของไอ้แพงกับพี่อธิป  สองคนนั้นทะเลาะกันได้ทะเลาะกันดี  นี่ถ้าไอ้แพงเป็นผู้หญิงคงท้องหัวปีท้ายปีไปแล้ว  ทะเลาะกันปุ๊บก็ไปง้อกันต่อในห้องปั๊บ  เห็นแล้วแอบเซ็ง  รำคาญสายตาโว้ย!

อ่อ  เกือบลืม   เขาขอเสริมนิดหนึ่งตรงเรื่องลูก  หลังจากที่เขาตัดสินใจเทิร์นไบ  มีคนรัก้ป็นผู้ชายอีกคน  ตระกูลนี้(ตระกูลเขากับพี่อธิป) ก็หมดผู้สืบทายาทเพราะไม่มีใครมีลูกชาย  (ตามแบบความเชื่อของคนจีน)  เขากับพี่ณัฐที่กลัวพ่อจะคิดมาก  เพราะพี่อธิปเองก็มีลูกสาวไปคนหนึ่งแล้ว  ส่วนตัวเองยังไม่เคยได้อุ้มหลาน  เราสองคนเลยตัดสินใจหาแม่อุ้มบุญ  โดยเอาไข่มาจากรังไข่ของลูกพี่ลูกน้องของพี่ณัฐที่กำลังจะทำ ICSI* พอดี  ส่วนแม่อุ้มบุญก็หาเอาที่เดนมาร์กเพราะที่ไทยยังไม่เปิดกว้างเรื่องแบบนี้   น้ำเชื้อก็ใช้น้ำเขาเพราะจะให้ใช้น้ำเชื่อพี่ณัฐก็คงจะไม่ได้   และหลังจากนั้นเขาก็ได้ลูกแฝดชาย-หญิงเพิ่มมาอีกหนึ่งคู่  เพราะตอนทำอิ๊กซี่ดันกลัวพลาด  กลัวไข่เกาะไม่ติดผนังมดลูกเลยบอกว่าใส่สองไปเล๊ย  ชายหนึ่ง  หญิงหนึ่งผมเลี้ยงได้!

แล้วเป็นไงล่ะ  ฮึก  เลี้ยงเด็กสองคนโคตรของโคตรยุ่งยาก  มีตังค์อย่างเดียวไม่ได้ต้องอาศัยความอึกด้วย!  ขนาดพี่ณัฐที่ผ่านการเลี้ยงลูกมาแล้วหนึ่งคนยังตาลึกโบ๋  บ่นอุบอิบว่าอายุจะสี่สิบแล้วยังต้องมาเลี้ยงลูก  เอ๊า  เป็นความผิดเขาซะงั้น  แต่ก็เพราะมีลูกอ่อนสองคน  เขาที่เพิ่งตั้งกิจการเลยยอมกัดฟันตัดใจขายหุ้นส่วนใหญ่ออกให้เพื่อนเป็นผู้ถือหุ้นหลัก  ส่วนเขาก็มาดูแลทางฝั่งไทยที่ต้องคอยส่งดอกไม้ไปที่จ้องที่เมือง  ไม่ต้องบินไปๆ กลับๆ  เพราะติดดูลูก

เฮ้อ~  ชีวิตคนมันก็แบบนี้แหละ  เอาแน่เอานอนไม่ได้  ตอนแรกเขาก็ไม่อยากจะขายหุ้น  เพราะเป็นกิจการที่สร้างมากับมือ  แต่พอเห็นหน้าลูก  เห็นหน้าพี่ณัฐ  เห็นหน้าพ่อที่แก่แล้วเขาก็ได้แต่กัดฟันตัดใจยอมเสียสละและกลับอยู่ดูแลลูกๆ  ว่างๆ ก็ช่วยพี่ณัฐเคลียร์งานเอกบ้าง  เรียกว่าไม่ต่างอะไรกับไอ้แพงในสมัยแรกๆ  นี่มันกรรมตามสนองชัดๆ!

เฮ้อ~  จบดีกว่า  ยิ่งคิดก็ยิ่งมีแต่เรื่องเศร้า  ใครมันจะไปรู้ว่าวันหนึ่งคนอย่างเขาที่เอ้อระเหยลอยชาย  วันหนึ่งจะต้องมาอยู่กับบ้านเลี้ยงลูกแบบนี้  แต่ก็นะ  ถึงจะลำบากกับการเลี้ยงลูก  แต่ชีวิตเขาก็ถือว่ามีความสุขดี  รอเมียกลับบ้านมาจิ๊จ๊ะจึ๊กๆ  และพอเด็กๆ โตพอที่จะไปโรงเรียนเขาก็เปิดร้านขายดอกไม้เล็กๆขึ้นมาเป็นงานอดิเรกได้  ส่วนน้องณัชชาที่โตหน่อยแล้วก็เป็นแกนนำพาน้องๆ (รวมถึงลูกพี่อธิป)  ไปโรงเรียนพร้อมกับช่วยสอดส่องดูแลพฤติกรรมของน้องๆ  ไม่ให้เจ็บป่วยหรือไปทำร้ายใครได้ 

เอิ่ม  เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าเด็กๆ จะนิยมใช้ความรุนแรงหรอกนะ  แต่เด็กที่มีพ่อสองคน  ต่อให้ถูกสั่งสอนมาดีขนาดไหน  ถ้าถูกล้อมาก  ถ้าไม่อยากเป็นเด็กเก็บกดก็กลายเป็นคนชอบใช้กำลัง  ดังนั้นมีณัชชาที่โตหน่อยไปคอยดูน้องเขาก็ค่อยสบายใจได้บ้าง  ถึงสังคมจะเปิดกว้าง  แต่เด็กแต่ละคนก็มีพื้นฐานที่แตกต่างกัน  เรื่องแบบนี้เด็กน่ะไม่เคยผิด  (อันนี้จริงๆ ไม่ได้เข้าข้าง)  แต่ผู้ใหญ่ที่เป็นคนสอนเด็กหรือทำให้เด็กเห็นนี่แหละตัวเสี้ยม  บางทีรายการโทรทัศน์ก็  จุด  จุด  จุด  เหลือเกิน  ล้อกันอยู่ได้ไอ้เรื่องที่ไม่สร้างสรรค์เนี่ย  อย่าหาว่าเขาเป็นคนโลกเลยนะ  แต่สื่อน่ะควรมีสติบ้าง  อย่าเอาแต่ห่วงเรตติ้ง 

พอๆ  พูดมากเดี๋ยวงานเข้าตัว  เพราะเมื่อก่อนเขาก็ใช่ว่าจะดีเด่อะไร  ข่มขืนแม่ของลูกซะงั้น  และเขาก็โชคดีตรงที่พี่ณัฐหรือคนในครอบครัวพี่ณัฐไม่เอาเรื่อง  ลองเป็นที่เดนมาร์ก...   แค่คิดก็เสี้ยวใส้  ถูกติดคุกหัวโตแน่นอน 

เพราะงั้นส่วนของเขาๆ ก็ไม่ขอพูดอะไรเพิ่มมาก  แค่อยากจะบอกว่า  ทะอะไรก็คิดหน้าคิดหลังให้ดีๆ  อย่าใช้อารมณ์เป็นใหญ่  มีความยับยั้งชั่งใจให้เยอะๆ  เขาแค่โชคดีที่รอดจากคุกจากตารางจนสามารถตั้งตัวใหม่และมีครอบครัวที่แสนอบอุ่นได้  เรื่องข่มขืนไม่ใช่เรื่องเล็กๆ  เรื่องอื่นๆ ที่ผิดกฎหมาย....ไม่ว่าเรื่องไหนๆ  ความจริงมันก็ไม่ใช่เล็กๆ  เบาของเราแต่หนักคนอื่น  เราว่าแค่นี้ทำไมคนอื่นว่าแค่นั้น  แค่ขอโทษยังไม่พอเหรอ  ต้องทำแค่ไหนถึงจะพอใจกันแน่  อันนั้นคือเป็นปัญหาที่แก้ไม่จบ  เพราะงั้นมันถึงได้มีการตรากฎหมายขึ้น  กฎหมายคือความเป็นกลาง(โปรดอย่าอคติไปก่อน  ลองเปิดใจนิดนึง)  ดังนั้นเราถึงต้องเคารพสิทธิของคนเองกับคนอื่นด้วย  ถ้าไม่อยากเดือดร้อนก็พยายามมีสติเขาไว้  คิดก่อนทำ  อย่าทำก่อนพูด  อย่าให้กายหยาบเบื้องล่างมาเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิต 

แหม่  ดูท่าเขาจะอยู่กับไอ้แพงนานเกินเลยคิดหลักศาสนามันมาซะงั้น 

แต่ก็ช่างเถอะ  อะไรที่เป็นส่วนดีเราก็จำได้  อะไรที่ไม่ดีเราก็อย่าเกี่ยวข้อง  เขาเองก็โชคดีไม่ต่างกับพี่อธิปที่สุดท้ายก็เจอคนที่เข้าใจและคนที่อภัยเราได้  แต่โอกาสมันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ  หรือเกิดขึ้นทุกครั้งเวลาเราผิดพลาด  เพราะงั้นจงอยู่อย่างมีสติ  ส่วนเขา....ต้องไปดูลูกแล้ว  ลูกกลับมาจากโรงเรียนแล้ว  อดกุ๊กกิ๊กกับเมียเลย  ฮือๆๆๆๆ




ICSI  คือการนำเอา sperm ตัวที่แข็งแรงมาปฏิสนธิกับไข่โดยตรงหนึ่งใบภายนอกร่างกายค่ะ  วิธีการนี้เป็นอีกหนึ่งวิธีทำสำหรับคนที่มีบุตรยาก  และหลังจากไข่กับสเปิร์ม  ปฏิสนธิกันแล้ว  เราสามารถให้แพทย์ที่ทำการรักษาเลือกเพศของเด็กแล้วคัดเอาอันที่แข็งแรงมาใส่ในมดลูกทีหลังได้ค่ะ  เรียกได้ว่าเลือกเพศได้  คัดโครโมโซมได้  ลดปัญหาการปฏิสนธิแบบผิดปกติอันเนื่องมาจากไข่และ sperm ที่ไม่แข็งแรงด้วยได้ค่ะ



>>>>  ไม่ฮาไม่หื่น  ค่อยมาแอด NC ทีหลังละกันนะ  ลืม  เอิ๊กๆๆ  (หัวเราะแล้วชิ่ง   
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || DARK MODE III [22/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 23-01-2017 21:10:49
ชอบแพงมากๆๆๆ เป็นคนที่ใช้ชีวิตได้มีความสุขเนอะ

อ่านดาร์คโหมดแล้วสงสัยนิดนึง เสี่ยเลี้ยงแพงสี่เดือนไม่ใช่หรอคะ แต่ในนี้สามเดือนเอง :ruready

ใช่ค่า   คนแต่งมึนเอง  เดี๋ยวกลับไปแก้ให้ค่ะ  ขอบคุณที่ช่วยเตือนนะคะ  เขินเลย>///<
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || นายรัตนชาติ [23/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 23-01-2017 22:01:05
ได้กันไปอีกคู่ล้าววว ว่าแล้วเชียวว่าพี่ณัฐต้องมีคู่ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นรุตนะนี่
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || นายรัตนชาติ [23/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-01-2017 22:57:24
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || นายรัตนชาติ [23/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 23-01-2017 23:35:35
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || นายรัตนชาติ [23/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 24-01-2017 07:31:47
 :เฮ้อ: 555555555
อ่านไปก็แอบตกใจ คิดว่าจะดราม่าซะแล้วที่ไปเป็นชู้ กินตับเมียชาวบ้านเขา ไหงสุดท้ายไปจีบพี่ณัฐละเนี่ย55555
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || นายรัตนชาติ [23/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 24-01-2017 08:08:58
หมั่นไส้เสี่ยแต่หมั่นไส้ลูกพี่ลูกน้องเสี่ยมากกว่า
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || นายรัตนชาติ [23/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sm37an2j2 ที่ 24-01-2017 11:00:25
สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || นายรัตนชาติ [23/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: changemoo ที่ 24-01-2017 19:11:57
   อ่านเรืีองนี้้แล้วได้ข้อคิดเยอะมากๆ เราคิดว่าคนแบบเสี่ยมีอยู่เยอะแยะ ไม่ว่าเพศไหนก็ตาม เราเป็นคนมองโลกในแง่ดีแต่แง่ดีไม่เหมือนพะแพง  พะแพงแง่ดีแบบเอาตัวรอดในสังคมได้ เชิงเข้าใจและยอมรับมากกว่า เรานี่เป็นพวกมองโลกในแง่ดีแล้วคิดว่าอีกฝากต้องคิดงี้ด้วย เรียกว่าแง่ดีแบบมโนไปเอง ฮ่าาา คือแบบว่าเราอ่านในมุมมองพะแพงแล้วเราคิดว่าเสี่ยรักพะแพงตั้งแต่แรกเลย กลับมาเจอที่บริษัทคือคิดว่าต้องรู้สึกพิเศษแน่ๆ แต่พะแพงรู้ว่าเสี่ยต้องการอะไร ความรู้สึกอยู่แค่ไหน อ่านแล้วก็รู้สึกเหมือนได้ข้อคิด คือการไม่คาดหวังกับใครหรืออะไรมากกว่า นี่คือชีวิตจริงเนอะ จะมีกี่คนที่ได้ความรักแบบเท่าเทียมกันบนโลก. ฮ่าา นี่จะกลายเป็นมองโลกแบบความจริงหรือมองโลกแบบแง่ร้ายก็ไม่รู้ ขอบคุณผู้เขียนมากค่ะ ชอบมาก ตัวละครที่ชอบมากที่สุดคือพะแพง นางน่ารัก ถ้าใช้ชีวิตแบบพะแพงแล้วปล่อยวางได้จริงๆคงมีความสุข แบบคิดได้แบบพะแพงเลยนะ. แต่เสียดายที่เราทำไม่ได้. ฮ่าาา แถมยังคาดหวังกับรักที่ไม่รู้มีจริงไหม
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || นายรัตนชาติ [23/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Onlylyn ที่ 24-01-2017 22:45:23
ชอบมากๆค่ะ พระแพงคิดบวกสุดๆ ถ้าดำเนินเรื่องแบบนิยายทั่วไปเราต้องอินจนร้องไห้แน่ๆ แต่นี่ดันฮาไง ตรงกับชื่อเรื่องสุดๆ :katai2-1:
ชีวิตรันทด เป็นชายแท้ๆ แถมยังซิงอีก อยู่ๆต้องมาทำแบบนี้ ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง แต่ตั้งสี่เดือน ถ้าเสี่ยไม่ไถ่ตัวไว้ ต้องโดนธนิตหาผลประโยชน์อีกเยอะแน่ๆ ขนาดได้เงินไปแล้วตอนหลังยังไม่หยุดอีก จิ้งจอกเจ้าเล่ห์จริงๆ ขอบคุณอยู่เรื่องเดียว เรื่องที่ทำให้ทั้งคู่มาเจอกันนี่แหละ
คิดไม่ออกเลยว่าถ้ามีสาวมาจีบแพงแบบจริงจังจริงใจไม่จิงโจ้ .. แหนะะ แพงต้องตกลงแน่ๆ เพราะดูๆแล้วเป็นประเภทไหลตามน้ำ ไม่ทะเยอทะยานแต่ไม่ปฏิเสธ แล้วมาเจออิเสี่ยอีกครั้ง คนอีโก้สูงแบบอิเสี่ยจะทำยังไง ปล่อยผ่านหาใหม่ง่ายๆ หรือเนียนๆทวงเมียคืน แค่คิดก็ฮา
ตอนอิเสี่ยบรรยายทำเราหนึบมากค่ะ คนเราทุกคนมีความโลภอยู่ในตัว และเสี่ยก็ไม่พอสักที ดีที่เป็นแพง ถ้าแพงรับไม่ไหวจริงๆคงไปเองแล้วแหละ ความเข้าใจล้วนๆเลย เราแอบคิด ว่าบางทีแพงอาจดีใจด้วยซ้ำ เพราะอิเสี่ยมันหื่น ไปกินข้างนอกบ้าง แบ่งเบาภาระตรูด ไรงี้รึเปล่า 555555 เพราะเป็นคนคิดบวกไง สมน้ำหน้าอิเสี่ยที่ตอนนี้ต้องมาตามหวงเมียวัยฟีโรโมนกำลังพลุ่งพล่านแถมราศีคุณนายจับอีก นี่ฮาตอนแพงขอลองเสียบบ้าง แล้วอิเสี่ยมันประชดหนีไปสองวันแต่ก็ต้องซมซานกลับมาให้เมียง้อ โอ้ยยยย 5555555
ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้นะคะ มันเรียล มันดี มันให้ข้อคิดหลายๆอย่างที่เรานึกไม่ถึง นี่เป็นเม้นท์ที่ยาวที่สุดในเล้าเลยก็ว่าได้ รอตอนพิเศษต่อไปค่ะ :call: :call:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || นายรัตนชาติ [23/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 25-01-2017 01:47:03
ลูกพี่ลูกน้องคู่นี้คนนึงเมียเด็กอีกคนเมียแก่  :hao7:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || นายรัตนชาติ [23/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 25-01-2017 02:49:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || นายรัตนชาติ [23/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 25-01-2017 16:55:09
นายรุตนี่ก็ไม่เบา
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || นายรัตนชาติ [23/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: RAKDEK_KA ที่ 25-01-2017 20:42:52
อ่านรวดเดียว จะว่าไงดี สนุกดีไม่ค่อยได้อ่านแนวนี้เท่าไร
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || นายรัตนชาติ [23/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-01-2017 13:05:16
รุต พี่ณัฐ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
แล้วรุต ก็ตามเสี่ยเดี๊ยะเลย
ง้อพี่ณัฐสำเร็จ ยังมีลูกแฝดชาย-หญิงจากอุ้มบุญด้วย
ครอบครัวอบอุ่นเลย
เสี่ย พระแพง  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ถูกรุตค่อนว่า ผัวว่าเมียพลอย อะจ๊ากกก
แล้วว่าเสี่ยหลงเมีย  ชอบบบบบ :ling1: :ling1: :ling1:
เสี่ยอธิป แพง(เมียเด็ก) / รุต พี่ณัฐ(เมียแก่)  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || นายรัตนชาติ [23/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 26-01-2017 14:18:02
เขาคู่กันจริงๆด้วย สะกิดๆตั้งแต่แพงเล่าแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะกิ๊กกับเมียก่อน ฮ่าๆๆๆ

มีตอนพิเศษอีกมั้ยคะ อยากอ่านตอนหึงเมียเด็กแบบเจาะลึก อิอิ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || นายรัตนชาติ [23/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 26-01-2017 20:08:05
เราชอบนิสัยพะแพงนะ อยากเป็นอย่างนั้น เราคงจะมีความสุขในทุกวันอะ :mew2:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || นายรัตนชาติ [23/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Evil ที่ 26-01-2017 23:14:05
อ่านรวดเดียวเลย ชอบพระแพงมีความคิดที่ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นดี สนุกมาก เสี่ยคะเสี่ยแบดขนาดนี้ดีนะพระแพงเขารักจนอยู่ได้ น่าหมั่นไส้นัก
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || นายรัตนชาติ [23/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mochimanja2 ที่ 27-01-2017 01:27:38
สนุกดีอ่านแล้วอิน อยากกระโดดถีบอิเสี่ยขาคู่  :z6:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || นายรัตนชาติ [23/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 29-01-2017 03:03:43
เป็นเรื่องแบบความจริงของสังคมของมนุษย์ แบบไม่นิยายน้ำเน่า ก็สนุกไปอีกแบบแฮะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || นายรัตนชาติ [23/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: คุณข้าวทอด ที่ 29-01-2017 03:33:23
ยังอ่านตอนพิเศษไม่จบดี แต่เอาเป็นว่าขอมาคอมเม้นท์ก่อน เดี๋ยวเราจะลืมว่าอยากจะพิมพ์อะไรบ้าง5555 อาจจะยาวไปนิด(ไม่หน่อยละ)

เรื่องนี้โดยภาพรวมเราชอบมากนะ ไม่ได้แบบว่าดราม่าหนักเกิน หรือตัวเรื่องหม่นจนรับไม่ได้ เป็นแบบเอื่อย ๆ เรื่อย ๆ เสียมากกว่า ส่วนหนึ่งก็น่าจะเพราะวิธีการบรรยาย ทั้งของพระแพงแล้วก็ของเสี่ยก็ด้วย มันเอื่อย ๆ เรื่องหนักแค่ไหนก็ยังดูเบา ๆ เราเป็นคนอ่านที่ไม่คิดมากเกินไปด้วยมั้ง

ตัวละครด้วย ชอบพระแพงตรงที่เงอะงะได้น่าหมั่นเขี้ยวนี่แหละค่ะ5555 ชอบเวลาที่บ่น(ในใจ)ว่าตัวเองเป็นหมี แต่ก็ทำตัวเหมือนแมวซะมากกว่า แอบหนีไปเองมั่ง คิดมากเองมั่ง หมั่นเขี้ยวสุด ๆ ชอบวิธีคิดแบบแพง คิดแบบนี้ดิถึงมีความสุข ไม่งอแงไม่เรื่องมาก เข้าใจเขาเข้าใจเรา ไม่รักก็คือไม่รัก ไม่หลอกตัวเองดีนะ คนแบบนี้จะฟื้นจากความเจ็บปวดได้ไวกว่า เพราะเราก็คล้ายๆแพงนี่แหละ5555 แอบร้องไห้นิดๆแต่สักพักก็ทำใจได้ ไม่เรียกร้อง สเป็คเราเลยเนี่ย เสียดาย เสี่ยเอ๊ย!5555

เสี่ย เป็นตัวละครค่าตัวแพงที่เราชอบด้วยคะแนนสูสีกับพระแพงเลยนะ ไม่รู้ว่าเราเป็นคนเดียวหรือเปล่าที่ชอบเสี่ยอธิป5555 แต่เสี่ยแกน่ารักดี ในความคิดเรา ยิ่งเวลาเสี่ยเล่าเรื่องที่ย้อนไปตอนเจอแพงแรก ๆ นี่ฮามาก อีกอย่างที่ชอบคือเป็นคนมีจุดยืนมั่นคงมาก ๆ อารมณ์แบบว่า ฉันชั่วนะ ฉันเป็นเกย์ด้วยนะ แล้วฉันก็แค่อยากจะมีอะไรกับเธอเลยเปย์เธอหนักกว่าคนอื่น ..เออ เนี่ยเขาเรียกคนจริง

จริง ๆ ชอบความที่เรื่องนี้มันตีแผ่ความจริงที่เราเคยสงสัย เราสงสัยนะว่าไม่รักกันมากจะอยู่ด้วยกันได้ยืนยาวไหม แล้วเสี่ยแพงก็ตอบโจทย์ข้อนี้ของเรามาก ๆ ชอบในความจริงที่ว่า ไม่ต้องรักมากหรอก เอาแค่รู้สึกดีและเข้ากันได้ ชีวิตคู่ของเราก็ยืนยาวแล้ว เหมือนเสี่ยกับแพงเนี่ย แรกเริ่มก็ไม่ใช่รัก ถึงต่อมาจะบอกรัก แต่ระหว่างทางมันก็แค่การหลงใหลและความผูกพันต่างหาก ซึ่งมันก็ยังไม่ใช่รักอยู่ดีแหละ แต่พออยู่ ๆ กัน เรียนรู้ความน่ารักของกันและกันไปมันก็ยืดยาวเอง

เสี่ยแอบมีมุมน่ารักเยอะนะ ในสายตาเรา อย่างตอนที่บ่นเป็นหมียิ่งกว่าแพงว่าแพงคิดเล็กคิดน้อยจะหนีออกจากห้องคือมั่นเขี้ยวสุดๆ แล้วอะไรคือการบอกว่าทำงานอย่างอารมณ์ดีหวังจะกลับมาจัดหนักกันแต่ก็ต้องมาง้อกันแทน ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าเสี่ยจะเห็นแพงเป็นเครื่องมือระบายอย่างเดียวนะ อะไรที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจกัน ก็มีการปรับตัวเข้าหากันด้วย อีกอย่างที่เราไม่เคยด่าเสี่ยเลยตลอดการอ่านก็เพราะว่าเคยเจอพระเอกชั่วกว่านี้มาแล้ว5555 เรื่องนี้คือมาม่าเส้นเล็กจริงๆนะคะ เบาๆเอื่อยๆนุ่มๆลิ้นยังไงบอกไม่ถูก ยิ่งช่วงตบมุกเองในใจนี่คือช่วงฮีลเราเลย โดยรวมชอบมาก ๆ เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || นายรัตนชาติ [23/1/60]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 05-02-2017 00:21:40
ชอบคะ!ถึงตามมาอ่านตอนนี้ก็ชอบคะ
ถึงเสี่ยจะดูเลวๆแต่ก็นางก็คือเสี่ยนางก็รักน้องแดงอยู่ดีแหละ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || คำสารภาพของไอ้แช่ม [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 05-02-2017 09:56:02
คำสารภาพของไอ้แช่ม
*กรุณาอ่านด้วยสำเนียงเสียงคนแก่เหน่อๆ  เพื่อเพิ่มอรรถรส


ข้าชื่อไอ้แช่ม(นามสมมุติ)  เป็นสามีของอีช้อย(นามสมมุติ)  ไอ้ตัวข้าน่ะก็เป็นคนขับรถให้เสี่ยหรือคุณอธิปมาห้าปีได้แล้ว  เห็นเด็กหนุ่มๆ เอ๊าะๆ  ผ่านตามาก็ตั้งเยอะ  แต่ละคนนี่เด็ดๆ  กันทั้งนั้น  ถึงข้าจะไม่มีนิยมเด็กผู้ชายเพราะมีอีช้อยเป็นเมียรักเมียหลง  แต่แหม่  เห็นเด็กหนุ่มๆ หน้าตาดีๆ บ่อยๆ  ไอ้แช่มก็พอมองออกบ้างล่ะวะว่าคนไหนเด็ดจริง  คนไหนแกล้ง 

ไอ้แช่มนี่พาเด็กเสี่ยกับเสี่ยไปเที่ยวมาหมดร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ  บางทีต้องขับรถไกลไปถึงลำปาง  เพราะเด็กมันอยาก  "อากาศหนาวมาก"  อ้อนให้เสี่ยพาไปแก้หนาว  ไอ้เสี่ยเองก็เป็นคนดี๊คนดี  เด็กขอไปไหน  เด็กอยากทำอะไรก็ให้  เด็กอยากถูกกกก็จัดไปอย่าให้เด็กหนาวมาก  ร้อนจนเหงื่อโชกอยู่ลำปาง  บนยอดดอยตั้งแต่พระอาทิตย์ตกยันพระอาทิตย์ขึ้น  เด็กบางขอเงินเป็นหมื่นๆ ไปซื้อเสื้อผ้ากับประเป๋าก็จ่ายเงินให้  อยากไปเที่ยวเสม็ดเสร็จทุกรายไอ้แช้มก็ต้องเป็นคนพาไป 

แถมพาไปเที่ยวอย่างเดียวยังไม่พอ ไอ่แช่มยังต้องมาทนฟังเสียงเตียงลั่น  ฟังเสียงรถขย่มดังเอี๊ยดอ๊าด  ถึงรถตู้มันจะมีม่านกั้น  แต่อีเด็กพวกนี้ก็เสียงดังเหลือเกิน  ร้องอุ๊  อู้ว์  อิ๊  อ้า  อ๊าาาส์  จนไอ้แช่มผันเสียงตามได้

บางทีไอ้แช่มที่ไม่ได้ตั้งใจแอบฟังก็มีขนหัวลุก  เด็กมันเล่นร้อง  อ๊าสสสสสสส์  เสียยาวจนไอ้แช่มนึกว่ามันผีเข้า  ที่แท้ก็แค่เสร็จ  อย่ามาร้องเสียงดังจนคนแก่ตกใจสิวะ  ไอ้แช่มยิ่งกลัวผีสางนางไม้อยู่

แล้วบางทีขนหัวไอ้แช่มลุกอย่างเดียวก็ไม่พอ  ขน_ูดไอ้แช่มก็ลุก  ยิ่งเห็นเด็กบางคนเดินขาถ่างออกมา  ไอ้แช่มก็ต้องขมิบ_ูดไว้แน่น  ถึงไอ้แช่มจะแก่แล้ว  แต่ถ้าเสี่ยเกิดอยากลองของแปลก....

ต้องขอบคุณสวรรค์ท่านที่ทำให้ไอ้แช่มมาเจอกับเสี่ยตอนแก่แล้ว  ถึงตอนนี้ไอ้แช่มจะแก่หนังเหี่ยว  แต่สมัยหนุ่มๆ  ไอ้แช่มก็จ๊าบนะ  ปุ๊ระเบิดขวดชิดซ้าย  เต๋าสมชายชิดขวา  ไม่งั้นจะได้อีช้อยสาวสวยนางงามวันสงกรานต์มาครองเรอะ

เอ่อ  นอกเรื่อง  สงสัยจะคิดนิสัยไอ้แพงมา

มาๆๆ  มาเข้าเรื่องกันดีกว่า 

ที่ไอ้แช่มมาเปิดตัววันนี้น่ะ  ไอ้แช่มมีเรื่องอยากจะสารภาพว่า  อีช้อยเมียกู   มันดักหลังเสี่ยอธิป! 

โถๆๆๆ  อีช้อยเอ๊ย  อยู่มาจนหัวจะหงอกยังไม่รู้ใครดีใครร้าย  ถึงคุณปุยฝ้ายจะงามหยดย้อย  แต่คนที่จ่ายเงินเดือนเอ็งน่ะคือเสี่ยอธิป!  ถึงจะเป็นว่าที่คุณนายคนใหม่ของบ้าน แต่ก็ยังไม่ใช่เมียตบเมียแต่ง  จะเป็นหม้ายขันหมากเมื่อไหร่ก็ไม่รู้  ถึงเขาจะมีอะไรกัน  กินตับกัน  แต่เสี่ยก็ไม่ได้รัก  ไอ้คนที่ไม่ได้รักกันสองคนมาอยู่ด้วยกันมันจะอยู่กันจนยืดได้ไงวะ  ดูอย่างเด็กเสี่ยก็รู้  เด็กเสี่ยแต่ละคนต่อให้เด็ดแค่ไหน  ร้องดังแค่ไหนอยู่ได้ไม่เกิน  สามสี่เดือนล่ะวะ  เพราะมันไม่ใช่ความรัก  แต่มันเป็นความอยาก  เป็นการแก้เสี้ยน  ถึงจะแต่งงานกันจริง  แต่ไม่ได้รักก็คงอยู่กันไม่ยืด  และคุณปุยฝ้ายก็ไม่มีทางได้เป็นคุณนายที่แท้จริง 

คนอย่างเสี่ยมีรึจะยอมให้คนที่ไม่ได้รักได้ออกนอกหน้า  ไอ้แช่มที่เป็นคนคอยขับรถไปรับไปส่งเสี่ยอธิปออกงานสังคมนี่รู้ดี  นอกจากเวลาเขาป่ามป้ามกัน  เสี่ยกับคุณปุยฝ้ายก็ไม่ค่อยพูดค่อยจากันนัก  ทำเสร็จก็เสร็จไป  ปล่อยน้ำเชื้อเสร็จก็ต่างคนแยกย้าย  ไม่รู้เขาคิดอะไรกัน  แต่ที่แน่ๆ ก็ไม่ได้รัก  แล้วแบบนี้อีแก่ช้อยมันยังจะกล้าหักหลังเสี่ยอีกเรอะ  นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นเมีย  พ่อจะเพ่นให้กระบานอีช้อยแตก  แต่นี่ไอ้แช่มรักอีช้อยคนเดียว  ไอ้แช่มเลยต้องตัดใจ  มาระบายออกกับคุณๆ ผู้อ่าน 

เออ  นอกเรื่องไปอีกแล้ว  มาๆๆๆ  มาฟังต่อ  ไอ้แช่มแก่แล้วก็อย่างเงี๊ยะ  ทำใจกันหน่อยนะ

เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า  วันที่ไอ้แช่มส่งเสี่ยกับไอ้แพงไปเที่ยวจันทบุรีน่ะ  ไอ้แช่มก็บอกอีช้อยว่าจะส่งเสี่ยไปต่างจังหวัดนะ  ไปแล้วจะซื้อของดีจากจันทบุรีมาฝาก  อีช้อยก็รอไอ้แช่มอยู่ที่บ้านเสี่ยนะ  เป็นลูกจ้างเขาก็ตั้งใจทำงาน  อย่าเอาแต่ดูละครน้ำเน่า 

อ่อ  อีช้อยนี่เป็นแม่บ้านทำงานอยู่ในบ้านเสี่ยนะ  ไอ้แช่มน่ะมาทำงานก่อน  พอเห็นว่าเสี่ยรับแม่บ้านเพิ่ม  เลยชวนอีช้อยที่เป็นเมียมาอยู่กัน  ผัวเมียอยู่บ้านเดียวกัน  จะได้ไม่ต้องทะเลาะแตกแยก  แถมบ้านเสี่ยก็มีบ้านพักคนงาน  กินๆ นอนๆ ตื่นเช้ามาก็ออกมาทำงาน  แสนจะสะดวกสบาย

แล้วที่นี้  ไอ้ตอนที่ไอ้แช่มเลือกของฝากจะเอาไปฝากอีช้อยน่ะนะ  ไอ้แพงที่เป็นคนในจังหวัด  เด็กเสี่ยคนล่าสุดก็ช่วยแนะนำเลือกไอ้นั่นให้ไอ้นี่ให้  ไอ้เด็กแพงนี่มันซื่อนะ  เสียแต่มันไม่ค่อยฉลาด  ถ้าฉลาดจริงก็ไม่ควรมาอยู่กับเสี่ยแบบนี้  ข้าผ่านโลกมาเยอะ  เห็นมันเป็นเด็กซื่อๆ  ก็ไม่อยากให้มันต้องมาอยู่กับเสี่ย  เป็นเด็กเลี้ยง   แถมไอ้แพงมันก็รัก....

หืมม  ทำไมข้าถึงดูออกว่าไอ้แพงมันรักเสี่ยทั้งที่ไม่ค่อยได้คุยกันน่ะเรอะ

ก็บอกแล้วว่าไอ้แช่มผ่านมาโลกมาเยอะ  ห้าปีที่คอยขับรถรับส่งเสี่ยกับเด็ก  ก็มีแต่ไอ้เด็กแพงนี่แหละดูดี  ดูจริงใจสุด  คือมันก็ไม่ได้หล่อน่ะนะ  แต่มันเป็นเด็กดี  เป็นเด็กใสๆ ซื่อๆ  ดูออกง่ายว่ารักใครหรือไม่รัก  แถมไอ้แพงมันก็เป็นเด็กไม่มีพ่อ  ถึงลุงกับแม่และยายมันจะเลี้ยงดูมันอย่างดี  (ว่างๆ ข้าก็ไปนั่งเมาท์ก๊งเหล้ากับลุงไอ้แพงมัน)  แต่เด็กผู้ชาย  ยังไงมันก็ขาดพ่อไม่ได้  มันยังโหยหาอยู่ลึกๆ  ลุงมันก็ค่อนข้างจะเป็นห่วง  เห็นมันเป็นคนอารมณ์ดีแต่ไม่ค่อยพูดก็กลัวว่ามันจะเก็บกด 

แถมกับเสี่ยที่หล่อ  มีรูปเป็นทรัพย์  มีเงินเป็นถัง  เป็นเสี่ยสายเปย์ที่รู้จักเข้าหาคนถูกจุดมีหรือที่ไอ้แพงจะไม่ตกหลุมง่าย  น้ำใจ  ความเอาใจใส่  ความห่วงใย  ความสงสาร  คำขอบคุณ  พวกนี้ล้วนเป็นเส้นบางๆ ระหว่างความรัก  ข้าเจอมาเยอะ  ไอ้เรื่องรักๆ เลิกๆ  ของเด็กวัยรุ่นหรือเด็กมีปัญหา  ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเจอมาก่อน  ไอ้แพงมันไม่เคยมีพ่อมันก็อาจจะเคว้ง  พอเจอคนที่ดีหน่อยก็อาจตกหลุมรักแบบไม่รู้ตัว

เฮ้อ  ข้าก็สมเพชไอ้แพงมันน่ะนะ  แต่ข้าก็มีเสี่ยอธิปเป็นนาย  จะให้ไปพูดมาก  สอดเรื่องเจ้านายก็ใช่ที่

เสี่ยเอ็นดูไอ้แพง  แต่มันก็แค่เอ็นดูล่ะวะ  ไอ้แพงก็ไม่ต่างจากเด็กคนอื่นที่เสี่ยใช้งานได้  ถึงส่วนใหญ่จะเป็นการใช้งานอยู่บนเตียงก็เถอะ  แต่ไอ้แพงแค่เป็นเด็กใสซื่อ  มีความจริงใจ  ไม่หลอกลวงไม่แสแสร้ง  เสี่ยเลยเอ็นดูและลงทุนลงแรงไปกับไอ้แพงมันเยอะ  บางที...  เสี่ยคงกะเอาไอ้แพงเป็นของตาย 

เฮ้อ  เสี่ยก็เป็นแบบนี้  ลองเป็นสิ่งที่ชอบก็พร้อมที่จะเปย์  พร้อมที่จะยื้อ  ตอนนี้ยังเห่อ  ยังรัก  เสี่ยก็เอ็นดูทะนุถนอมไอ้แพงมันต่อไป  แต่ถ้าหาก...  ไอ้แพงจะเป็นหมาหัวเน่าเมื่อไหร่ก็ไม่รู้  น่าเสียดายที่ไอ้แพงต้องมาเจอกับคนแบบนี้  เสี่ยไม่ได้รัก  สำหรับเสี่ยไอ้แพงก็เป็นแค่ของตายที่เสี่ยเบื่อจะทิ้งเขี่ยเมื่อไหร่ก็ได้

เฮ้อ  ไม่เอาดีกว่า  อย่าพูดต่อเล้ย  พูดไปก็สงสารไอ้แพง  เสี่ยเป็นเจ้านายที่ดี  แต่เป็นผัวที่แย่  เด็กดีๆ  ซื่อๆ  อย่างนี้ไม่น่าจะต้องมาเจอกับ...

ช่างเถอะๆ  มาๆๆๆ  มาฟังเรื่องที่อีช้อยทำแสบกันต่อดีกว่า

คือตอนนั้นน่ะ  ข้าจะที่ต้องรถกลับกรุงเทพฯ  วันจันทร์  ก็ต้องมาเปลี่ยนแผนเพราะเสี่ยดันบอกว่าไม่อยากเจอรถติดขากลับช่วงวันหยุดยาว  ไอ้แช่มที่เป็นคนขับรถและคิดถึงเมียที่ไม่ได้เจอหน้ามาหกวันก็ได้แต่ตอบ  ครับๆ  ก่อนไถ(สไลด์) ซัมซุงรุ่นกี่เอสไม่รู้ไปหาอีแก่  บอกว่าจะกลับบ้านเร็วขึ้นหน่อย  คิดถึงอีช้อยนะ  เตรียมน้ำพริกเผาหมูหยองกับข้าวต้มไว้ให้ด้วย  อยู่จันทบุรีกินแต่อาหารทะเล  หมึกกับกุ้งมันก็ซักจะไม่ย่อย  อีช้อยก็ตกปากรับคำเป็นอย่างดี  บอกรีบกลับมานะ  เมียก็คิดถึง 

อุว๊ะ  อีช้อยแก่แล้วแต่ยังมีไฟ  ข้าก็ต้องหาหอยนางรมสดมาโด๊ปหน่อยวะ! 

ไอ้ข้าตอนนั้นน่ะก็ไม่ได้คิดอะไรมาก  แค่โทรศัพท์ไปบอกเมียรายงานตามปกติเพราะว่ารัก  พอเมียถามว่าจะไหนต่อไหม  ไปส่งเสี่ยกลับคอนโดหรือกลับบ้านก่อน  ข้าก็ตอบไปแบบซื่อๆ ว่าไปส่งเสี่ยที่คอนโดก่อนค่อยกลับบ้าน  เสี่ยคงไปกกไอ้แพงต่อที่คอนโดล่ะวะ  เพราะเห็นว่าเป็นวันเกิดไอ้แพงไปด้วย

ข้าที่สงสารไอ้แพงแต่ก็ได้แค่คิด  เงินเดือนยังแบขอเสี่ย  ถ้าเสี่ยยังถูกใจไอ้เแพง  จะให้ข้าไปปากสว่างชี้ทางให้ไอ้แพงหนีก็คงไม่ดี  เรื่องของเจ้านายก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้านายไปเถ๊อะ  จะรักใครกกใครก็เป็นเรื่องของเจ้านาย  ไอ้แช่มมีหน้าที่ขับรถก็ขับไป  ได้เจอหน้าเมียเร็วอีกหน่อยไอ้แช่มก็ดีใจแล้ว

ดังนั้นข้าที่ต้องขับรถออกจากจันทบุรีมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ ก็ค่อยๆ ขับรถไปตามเรื่อง  แต่ก็มีอยู่เหมือนกันที่ไอ้แช่มอยากจะเหยียบเบรกรึไม่ก็เหยียบคันเร่ง

อาา...

นี่เสี่ย...  กินตับเด็กอีกแล้วในรถอีกแล้วเรอะ  ถึงเสียงไอ้แพงมันจะไม่ได้ดังซี๊ดซ้าด  อี๊อ๊า  เหมือนกับเด็กคนอื่น  แต่ไอ้เสียงแหบๆ กลั้นเสียงร้องของไอ้แพงนี่...

ทำเอาขน_ูด  ไอ้แช่มลุก!

เสียงร้องมันแหบๆ  เรียกชื่อป๋า  เรียกชื่อเสี่ย  นี่ทำให้ไอ้แช่มที่แอบฟังอยู่หน้ารถ......  เอาจริงๆ เลยนะ  ไอ้แพงร้องเสียงแบบนี้นี่...  หรือว่าไอ้แพงจะเป็นฝ่ายเสียบเสี่ยวะ!  ปกติไอ้เด็กคนก่อนๆ นี่ร้อง  อ๊ะ!  อ๊า~   เสี่ยดี  อ๊ะ  เสี่ยตรงนั้น  อ๊ะ!  อ๊าๆๆๆ  ยังกับดาราหนังเอ็กซ์!  มีแต่ไอ้แพงนี่แหละทำเสียงสูดปากสูดคออยากกับกำลังกินของแซบ!  ทำเอาลูกชายข้าที่เหี่ยวแล้วไม่ค่อยจะลุก(เพราะชาชินกับเสียงผู้ชายสองคนกินตัวกัน)  ก็ตื่นขึ้นมาแบบไม่ต้องใช้หอยนางรมโด๊ป  ขับรถไปนึกถึงอีช้อยเมียแก่ไป  เมียข้าถึงแก่แต่ก็ยังมีไฟนะ  จัดท่าไหนอีช้อยถึงจะไม่หลัง  นมเหี่ยวๆ ยานๆ ก็เร้าใจไอ้แช่มดี  จับมาสี่สิบปีแต่ก็ยังแซบ  แล้วยิ่งเวลาขับรถตกหลุมจนไอ้แพงร้อง  โอ๊สส์~  นะ  อูยยย  นึกว่ามันกำลังเอาอยู่กับนางเอกหนัง  AV  สงสัยมันจะดูหนัง AV  มาเยอะเลยร้องตามแบบที่พวกผู้ชายชอบร้อง  ส่วนเสี่ยเองก็เสียงเบ๊าเบา  มีแต่เสียงหายใจหอบๆ  กับคำพูดที่ไอ้แช่มฟังไม่ค่อยชัด  ไอ้แช่มเลยจินตนาการเตลิดนึกไปว่าไอ้แพงอยู่กับนางเอกหนังโป๊ประเภทเหนียมๆ  อายๆ  ไม่แสดงมาก

ยังดีที่พอมาถึงคอนโด  ไอ้แช่มเห็นไอ้แพงเดินหนีบขาลงมาแปลกๆ  ก็รู้ได้แล้วว่ามันถูกเสี่ยกินตับแน่  ไอ้ข้าก็นึกว่าเสี่ยอยากลองของแปลก  อยากเปลี่ยนแนว...

แต่ช่างเถ๊อะ  เรื่องของผัวเมีย  เรามันคนขับรถอย่าไปยุ่ง  ใครจะเอากัน  ใครอยู่บนอยู่ล่างก็ไม่สำคัญ  ที่สำคัญคือไอ้แช่มอยากรีบกลับบ้าน  นานๆ  ลูกชายจะตื่นซักที  ต้องรีบไปจัดหนักกับอีช้อย

แต่...

มีแต่ต้องไม่ใช่เรื่องดี

จุด  จุด  จุด  หกคะเมน  จุด  จุด จุด  อีช้อยร่วง!

คุณปุยฝ้ายเมียหลวง (ที่เสี่ยไม่ได้รัก)  ทำไมโผล่มาอยู่ที่ใต้คอนโดวะ!  เสี่ยไม่ชอบให้ใครมาตามตื้อ  มายุ่งเรื่องส่วนตัว  ถึงจะเป็น(ว่าที่)  เมียหลวง  แต่งานนี้....

ไอ้ข้าที่แก่แล้วก็ได้แต่ทำตัวเลียนแบบไอ้แพงเป๊ะๆ  ไอ้แช่มแก่แล้ว  ไอ้แช่มไม่รู้เรื่อง  เรื่องของผัวเมีย  ถ้าหากจะตีกันก็อย่าดึงไอ้แช่มเข้าไปยุ่ง  ไอ้แช่มมันก็เป็นแค่คนขับรถ!

ดังนั้นตอนขึ้นลิฟต์มากับไอ้แพง  ไอ้แช่มเลยสบตากับมันแวบหนึ่งแล้วเบี่ยงอก 

ไอ้แพงคิดอะไรอยู่ข้าไม่รู้  แต่ที่ไอ้แช่มรู้ก็คือ  แบบนี้มันเรียกว่าลมสงบก่อนเจอพายุทอร์นาโดถล่ม!

คำว่าพายุทอร์นาโดนี่ไอ้แพงมันสอนมาว่ะ  จ๊าบดี  ไอ้แช่มชอบ

แต่เพราะไอ้แช่มชอบ  ไอ้แช่มเลยสงสารไอ้แพงที่ต้องถูกเสี่ยทิ้งทั้งที่เพิ่งกินตับกันมาเมื่อกี้  ยิ่งตอนที่ไอ้แช่มขนของเข้าห้องเสี่ยเสร็จ  แล้วไอ้แพงเดินตามมาสวัสดี  ไอ้แช่มที่สบตากับไอ้แพงก็เห็นวาวตามันไหววูบนิดๆ 

เด็กเอ๊ย  ถึงจะทำเป็นร่าเริง  ปล่อยวางได้  แต่เด็กก็คือเด็กล่ะวะ  ของรักของห่วงถูกแย่งไป  ทำไมจะไม่นึกเสียใจ  ไม่รู้สึกเสียดาย  กำลังจะได้ฉลองวันเกิดกับแฟนอยู่ๆ ก็ต้องมาถูกทิ้ง  ถึงเอ็งจะเป็นชู้  แต่ข้าก็ใจยุติธรรมพอที่จะไม่เห็นว่าเอ็งเป็นฝ่ายผิดอยู่ฝ่ายเดียว  เสี่ยก็ผิดด้วยที่ทิ้งเอ็งไว้ 

แต่ลักกินขโมยกินมันก็แบบนี้ล่ะวะ  ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ  เมียหลวงเขามาเราก็ต้องหลบทาง

แต่ไอ้ข้างบนน่ะ  ไอ้แช่มก็ได้แต่คิดล่ะนะ  จะให้ปลอบไอ้แพงเหมือนลูกเหมือนหลานก็ใช่ที่  เกิดไอ้แพงสวนกลับมาเ_ือกคำเดียว  ไอ้แช่มก็เสียหมาถูกเด็กถอนหงอกแล้ว  ถึงจะรู้ว่าไอ้แพงมันคงจะไม่ทำเพราะมันไม่ใช่คนอย่างนั้น  แต่เรื่องของชาวบ้านแส่มากไปก็ไม่ใช่เรื่องดี   

ถ้าเกิดไอ้แช่มไปปลอบใจไอ้แพงจนไอ้แพงคิดได้  หนีเสี่ยไป  ไอ้แช่มจะมีงานทำต่ออีกเหรอวะ  บอกแล้วว่า  เสี่ยไม่ได้รัก  แต่เสี่ยก็เป็นคนขี้หวงถ้ายังไม่เบื่อก็จะยังไม่เขี่ยทิ้ง  แล้วถ้าเกิดไอแพงหนีไปเอง  แต่เสี่ยไม่เห็นด้วยก็เท่ากับตกนรก  ถึงเสี่ยจะเอ็ดดู  แต่เสี่ยก็ไม่ชอบคนกบฎหักหลังหรือคิดคด  ลองเป็นนกปีกกล้าขาแข็งบินหนีออกไปเอง  เสี่ยได้ตามยิงแล้วเด็ดปีกออกแน่  ส่วนข้าที่เป็นคนยุ... 

บรื๋อออ 

แค่คิดก็ขนหัวลุก  เพราะอย่างนั้น  ตัวใครตัวมันไปก่อนแล้วกันไอ้แพงเอ๊ย  ทนอยู่ไปจนกว่าเสี่ยจะเบื่อก็แล้วกันนะ  อย่าคิดหนีไปเองเด็ดขาด  ข้าก็ได้แต่เตือนเอ็งอยู่ในใจด้วยความหวังดีไปแบบนี้เท่านั้นแหละวะ

และก็เพราะเกิดเหตุผลแบบนั้น...  ลูกชายไอ้แช่มที่ตั้งๆ  กึ่งหลับกึ่งตื่นก็หลับแบบหลับสนิท  ขับรถพาเสี่ยกับคุณปุยฝ้ายกลับบ้านไป  ไอ้แช่มก็ได้แต่แห้งเหี่ยวตามลูกชายไปด้วย 

อ่อ  คุณปุยฝ้ายเธอไม่เคยได้ค้างบ้านใหญ่หรอกนะ  เดี๋ยวดึกๆ  ไอ้แช่มก็ต้องเป็นคนออกไปส่ง  ไม่ก็ต้องเป็นคนเรียกแท็กซี่ให้คุณเธออีกรอบ

แล้วในระหว่างที่ไอ้แช่มขับรถอยู่น่ะนะ  เสี่ยกับคุณปุยฝ้ายก็ไม่พูดไม่จา  คนหนึ่งนั่งยิ้มหวานอีกคนนั่งหน้านิ่ง  แล้วเวลาแบบนี้  ไอ้แช่มต้องเปิดม่านกั้นเพื่อเสี่ยจะสั่งงาน  เลยมองเห็นผ่านกระจกหลังมองหลังได้ชัด  แถมกลิ่น...  เอิ่ม...  กลิ่นไอ้นั่นแหละ  ก็ยังโชยอยู่ในอากาศ  แต่คุณปุยฝ้ายก็ยังเอาแต่นั่งยิ้มหวานหยดจนไอ้แช่มยิ่งขนหัวลุก  นึกว่ามีผีตานีผีแม่ม่ายนั่งยิ้มสยองเกาะหลังผัวที่มีชีวิตกลับมาด้วย 

คุณพระคุณเจ้าเอ๊ย  คราวนี้ไอ้แช่มเหยียบคันเร่งมิดแบบไม่มีกั๊ก  ผ่าไฟแดงได้เป็นผ่า  ไอ้แช่มกลัวผี  อยู่มาจะหกสิบปีก็ยังจะกลัว  เพราะอย่างนั้น  ไอ้แช่มเหยียบมิดหนีผีที่เกาะผัวอยู่ด้านหลังไปก่อนล่ะวะ

เฮ้อ  จะมาถึงบ้านได้  ไอ้แช่มก็เหนื่อยเพราะเหยียบคันเร่งมิด  แถมยังต้องช่วยเสี่ยยกกระเป๋าเสื้อผ้าอีกรอบ  กระเป๋าของไอ้แพงมันเอาออกไปแล้ว  ไอ้นี่ของมันน้อย  ไปเที่ยวเจ็ดวันมีกระเป๋าเป้ลูกเดียว  ที่เหลือใส่แล้วซัก  ส่วนของเสี่ย...  ไปเจ็ดวันนึกว่าไปสิบชาติ  กระเป๋าลากสองลูกใหญ่  ไอ้แช่มขนทีหลังจะหัก!

โอยย  กว่าจะเดินกลับถึงบ้านไปหาเมีย  ไอ้แช่มก็ต้องเดินจับหลังร้องโอดร้องโอยกะให้อีช้อยช่วยนวด  กับข้าวกับปลาไม่กินมันแล้ว  รอให้อีช้อยมาเอาอกเอาใจดีกว่า แต่ที่ไหนได้ 

เปิดห้องมา...

ป๊าดดด!!!   อีช้อยหิ้วกุชชี่!  อีแก่ช้อย  ผัวไม่อยู่เจ็ดวัน  เอ็งกล้ามีผัวน้อยจนถึงขั้นให้มันซื้อกุชชี่กับสร้อยทองให้เลยเหรอวะ!

" ข้าซื้อเอง!  ไอ้แแก่  กล้าขึ้นเสียงเรอะ!"

ปกติไม่กล้า...

แต่ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้  ข้ารู้นะว่าเอ๊งมีผัวน้อย  ไม่งั้นเอ็งจะถือกุชชี่ลูกเป็นหมื่นๆ ได้ไงวะ!  ไอ้แช่มเป็นคนขับรถแต่ไม่ได้เป็นคนโง่!  เดินห้างฆ่าเวลารอเสี่ยกับเด็กบ่อย  ไอ้แช่มก็รู้จักกุชชี่กับหลุยส์  วิคตองนะโว้ย!

"  กะ  ก็  ก็  คุณปุยฝ้ายเขาซื้อมา  เขาบอกว่าซื้อมาถือเองแล้วไม่ชอบ  เลยเอามาให้ข้า  ข้า  ข้าก็แค่บอกไปว่าเอ็งจะกลับมาวันไหน  จะไปไหนต่อบ้าง  แค่เนี๊ยะ  ไอ้แก่  อย่ามาทำโวย"

แค่เนี๊ยะ...  อย่ามาทำโวย...  จุด  จุด  จุด  มึงเรอะ!

ไม่รู้รึไงว่าเสี่ยไม่ชอบคนทรยศ!  ไอ้เด็กคนก่อนๆ  ที่คิดจะเกาะเสี่ยกิน  ถ่ายคลิปถ่ายวีดีโอกะแบล็กเมลล์เสี่ยน่ะมีจุดจบยังบ้าง!  แถมไอ้คนขับรถคนก่อนที่ถูกไล่ออกก็เพราะมันเอาความลับไปขายให้กับเด็กเลี้ยง!   อีช้อย!  มึงไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ!  อีเมียโง่!

" ก็  ก็  ก็อีกหน่อยคุณปุยฝ้ายก็จะมาเป็นนายหญิงแล้วนี่  ข้าก็ต้องประจบเลียแข้งเลียขาไว้สิวะ  ใครใช้ให้เอ็งปากหนัก  เวลาคุณปุยฝ้ายหลอกถามแล้วเอ็งไม่พูด!"

ป๊าดดดด!!  อยู่กินกันมาเกือบสี่สิบปี  เพิ่งรู้ว่ามีเมียโง่  ไอ้แช่มขอหย่าตอนนี้ทันไหมวะ!!       

" เอาไอ้กระเป๋าฉี่เหม็นนี่ไปทิ้ง!  เอาสร้อยทองไปคืน  ถ้าพรุ่งนี้เอ็งยังอยากมีผัว  อยากมีงานทำก็เอาของไปทิ้ง!"

ไม่ต้องมาสะอื้น!  ถึงเวลาไอ้แช่มก็โหดได้ล่ะวะ! 

แต่...   เฮ้อ~  เห็นอีช้อยเมียรักกอดทองกอดกระเป๋ากอดแน่น  แล้วไอ้แช่มก็อยากจะใจอ่อน  ไอ้เรื่องเสี่ยไปเที่ยวไหนกับใครน่ะ  ความจริงมันก็ไม่ได้ปิดเป็นความลับ  เสี่ยเป็นคนทำอะไรเปิดเผย...  เปิดเผยในที่นี้คือ ไปเที่ยวแต่ไม่บอกให้ใครรู้(รู้ได้แต่ห้ามส่งคนมาสอด)  ไม่ได้หลบซ่อนๆ (แต่ห้ามคนอื่นมาสู่รู้)  เสี่ยไม่ชอบให้คนมายุ่งเรื่องส่วนตัว  ไอ้แช่มที่อยู่กับเสี่ยมาห้าปี  เข้าใจเรื่องแบบนี้มากกว่าอีช้อยเยอะ  ขนาดพ่อแม่เสี่ยหรือคุณท่านเอง  ยังต้องเว้นระยะกับไว้หน้าเสี่ยบ้าง  แล้วนี่อีช้อย....

เฮ้อ  ข้าที่โกรธเมีย  แต่ก็มีเมียรักเมียหลงอยู่คนเดียวก็ไม่อยากให้มันลำบากตอนแก่  ได้แต่คลานเข่าไปกราบเท้าเสี่ยรับผิดแทนอีช้อย  บอกว่าอีช้อย  มันโง่  มันถูกหลอกใช้  เสี่ยอย่าโกรธอีช้อยเลยนะ 

ถึงไอ้แช่มจะทำตัวเป็นกินปูนร้อนท้องเพราะถ้าเสี่ยยังไม่สืบ  แต่สารภาพความผิดเอง  อย่างมากก็ถูกไล่ออกล่ะวะ  แต่ถ้าเสี่ยจับได้...  อย่าหวังเลยว่าจะได้อยู่ทำงานที่กรุงเทพต่อ  เสี่ยเอาตาย...

" หักเงินเดือนหกเดือน  แล้วพา  ...  กลับไปบ้านนอก  จะได้รู้จักสงบปากสงบคำ"

ครับ...

นี่ไอ้แพงจะรู้ไหมว่าผัวเสี่ยแกจะโหดขนาดนี้  ปากไม่ยิ้ม  ตาไม่ยิ้ม  ทำหน้านิ่ง  เวลาโกรธใครก็ทำหน้านิ่งแต่เตรียมถือมีดเฉือด  มีแต่เวลาที่อยู่กับเด็กเอ๊าะๆ  เท่านั่นแหละวะแกถึงจะยิ้มเอาอกเอาใจเด็กเพราะแกชอบเปย์  แต่กับคนอื่น...  งานเป็นงาน  คนเป็นคน  ใครทำผิดก็ต้องรับ  นี่ไอ้แช่มยังดีที่มาสารภาพ  ไอ้ช้อยถึงแค่โดนไล่ออก  ส่วนข้ายังทำงานต่อได้ 

แต่ก็อย่าหาว่าเสี่ยโหดหรือไอ้แช่มเข้าข้างเสี่ยเลยนะ  หอกข้างแคร่  กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา  ใครจะอยากเอาไว้  ไอ้แช่มเลยได้แต่เดินคอตก  ปลอบขวัญอีช้อยให้เอาของไปทิ้ง  ส่วนทองเก็บเอาไว้ขายกิน  ส่วนเรื่องไล่ออก  ไอ้แช่มค่อยบอกอีช้อยพรุ่งนี้ก็แล้วกัน  กลัวมันจะนอนไม่หลับฝันร้ายเอา

เรื่องทุกอย่างที่ไอ้แช่มอยากจะสารภาพก็มีแต่เพียงเท่านี้ 

ส่วนไอ้เด็กแพง  ข้าก็ภาวนาให้เอ็งหลุดออกจากบ่วงเสี่ยเร็วๆ  แล้วกันวะ  เสี่ยเวลาใจดีก็ดีใจหาย  เวลาโกรธ...  ก็ตัวใครตัวมันก่อนละกัน  ขนาดข้าเองยังเอาตัวเกือบไม่รอด  เอ็งเป็นเด็กดีข้าก็ขอให้พระคุ้มครองจากใจ  รอดจากเสี่ยได้ก็รอด  ไม่รอดก็ทนอยู่ไป..  ไอ้แช่มจะคอยเอาใจช่วยอยู่ห่างๆ แบบนี้ล่ะวะ





>>>>  ตอนพิเศษลุงแช่ม(นามสมมุติ)ที่อยู่ๆ ก็มีบท 
>>>>>  มีแพลนจะรวมเล่มแล้วนะคะ  แต่คงอีกนาน  ไว้โปรเจ็คเป็นรูปเป็นร่างแล้วจะมาแจ้งอีกทีค่ะ^^
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || คำสารภาพของไอ้แช่ม [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 05-02-2017 10:41:17
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || คำสารภาพของไอ้แช่ม [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: joyey6217 ที่ 05-02-2017 12:30:17
ลุงเเช่มคะ  ลุงเป็นบ่าวที่ดีจังเลยนะคะ  สงสารลุงแช่ม แกนะ เมียแกก็เกือบพาแกซวย
ลุงเเช่มนี่แกเป็นหนึ่งในคนที่รู้จักนิสัยเสี่ยดีที่สุดเลยนะ
มองแบบผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน มองเกมส์ มองคน มองสถานะของพระแพงและเสี่ยได้ขาด
 อ่านแล้วก็ย้อนไปสงสารพระแพงในครั้งกระโน้น อีกรอบ ....

เพิ่งได้อ่านตอนอีตารุต  แล้วตบเข่าฉาด   ว่าแล้วววว ว่าต้องได้กับคุณศุภณัฐ ตั้งแต่โน้นทายว่าอีรุตจะได้กะใคร  ก็คิดว่า ต้องได้กินหัวหน้าแผนกแน่ๆ มันทำจริงๆด้วยเว้ย ไปข่มขืนเค้าอีก (ความเลวนี่มันส่งต่อทางสายเลือดรึไงวะ ลูกพี่ลูกน้องคู่นี้ )  แต่ก็นั่นแหละ  ถึงยังไงรุตมันก็ยอมรับผิด รู้ว่าผิดก็แก้ไข ทำตัวให้ดีขึ้น แล้วก็ตื้อ กลับเนื้อกลับตัวเอาชนะใจพี่ณัฐของมันตั้งสี่ปี  ก็ดีแล้วล่ะ แฮปปี้มีความสุขแบบสงบสุขกว่าคู่เสี่ย พระแพงเสียอีก มันก็หยุดได้จริงเนอะ อยู่บ้านเลี้ยงลูกอีกต่างหาก แลดูเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงเยอะสุดในเรื่องเลยนะ  ...

ปล. ชอบอ่านเวลาพระแพง และเสี่ยโผล่มาในเรื่องของคนอื่น  แล้วมันเหมือนได้อัตเดตชีวิตพระแพง ว่ายังอยู่ดีมีความสุขกับเสี่ยก็เหมือนหมดห่วง เออ  เสี่ยมันยังรักยังเอาใจแพงดีนี่น่า ดีจัง  ก็ยังห่วงนางเหมือนเดิมอะนะ (ความรู้สึกลุงเเช่มเลยเนี่ย  อิชั้นตอนนี้)
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || คำสารภาพของไอ้แช่ม [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 05-02-2017 12:38:34
ลุงแช่มตลกจัง รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดีมาก 55555555555555555
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || คำสารภาพของไอ้แช่ม [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-02-2017 13:01:06
ถึงว่า ชะนีปุย รู้ได้ไง ว่าเสี่ยจะไปคอนโด
เป็นเพราะสายสืบช้อยเมียแช่มนี่เอง
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || คำสารภาพของไอ้แช่ม [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 05-02-2017 14:18:56
เสี่ยเขาดีกะนุ้งแพงคนเดียววว
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || คำสารภาพของไอ้แช่ม [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 05-02-2017 17:53:43
 o13 o13

ชอบค่าาาา

สนุก
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || คำสารภาพของไอ้แช่ม [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 05-02-2017 20:58:36
เสี่ยสายเปย์ เสี่ยสายโหด เสี่ยสายหื่น เสี่ยค่าตัวแพง    :laugh:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || คำสารภาพของไอ้แช่ม [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 06-02-2017 10:53:22
เราชอบวิธีคิดของแพงในครึ่งแรกมากเลย o13

สำหรับตอนจบ เพราะเรายังยึดติดกับความสัมพันธ์แบบผัวเดียวเมียเดียว อ่านแล้วเลยรู้สึกต่อต้านเสี่ยที่นอกกายไปเรื่อย แต่ก็เข้าใจว่าความรักของแต่ละคู่ไม่เหมือนกัน แพงกับเสี่ยมีความสุข คนอ่านก็โอเค  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || คำสารภาพของไอ้แช่ม [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: infinitez123 ที่ 08-02-2017 01:56:09
อ่านรวดเดียวจบเลย อยากจะบอกว่าเป็นเรื่องที่อ่านแล้วชอบมาก ทำได้เห็นมุมมองของความรัก
ที่กว่าจะผ่านมาได้มันต้องใช้เวลา ใช้เวลาเรียนรู้ซึ่งกันและกัน มีอุปสรรคเกิดขึ้น
คนเขียนเก่งมากกก ที่เสนอนิยายในแง่มุมนี้ ขอบคุณมากจริงๆครับที่แต่งเรื่องนี้ขึ้นมา
แต่งออกมาอีกเรื่อยๆนะ จะเป็นแฟนนิยายของคุณ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || คำสารภาพของไอ้แช่ม [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 08-02-2017 18:46:23
สนุกมากค่ะ

เห็นเรื่องนี้มาสักพัก ตั้งแต่ยังไม่จบ
แต่เห็นชื่อเรื่องแล้วกลัวดราม่า
เลยไม่เข้ามาอ่าน

แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว ต้องเข้ามาอ่านจนได้
เกือบพลาดเรื่องสนุกๆซะแล้วซิ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || คำสารภาพของไอ้แช่ม [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sm37an2j2 ที่ 09-02-2017 01:07:40
 :pig2: :pig2: :pig2: :pig2:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || คำสารภาพของไอ้แช่ม [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: popular ที่ 10-02-2017 04:06:51
 :hao7: :hao7: อิเสี่ยก็หื่นเกิน พระแพงก็ดีเกินไปสำหรับเสี่ย ฮ่าฮ่าฮ่า :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || คำสารภาพของไอ้แช่ม [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 10-02-2017 18:15:53
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ || คำสารภาพของไอ้แช่ม [5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 10-02-2017 18:51:08
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ :: พระแพง ข่าวรอบวัน ทันทุกเหตุ [10/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 10-02-2017 23:22:30
**  ตอนนี้แค่แต่งขำๆ  ทุกคนอย่าซี ทุกคนอย่ามาม่า 

ตอนพิเศษ ::  พระแพง  ข่าวรอบวัน  ทันทุกเหตุการณ์


Reverse
Rate 18+


ถ้าโลกคู่ขนานมีเสี่ยที่อ่อนต่อโลก(เด็กมีปัญหา ใส ซื่อ  บริสุทธิ์  บอบบาง(?))  โดนพระแพงที่เป็นเด็กเลี้ยง "ขาเก๋า" ช่วยเหลือไว้ตอนเมา  เรื่องราวคงเป็นประมาณนี้ 
.
.
.

" นายเป็นใคร"  อธิปถามเสียงเข้ม  แม้เขาจะรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้คือ การผ่านค่ำคืน "อันแสนเร่าร้อน" กับใครคนหนึ่งมา  แต่เขาก็ยังอดถามไม่ได้  เด็กผู้ชาย...  หรืออันที่จริงก็คือชายหนุ่มเต็มตัวอายุ 22-23  ปี  คนนี้คือคนที่ช่วยเขาหลังจากที่เมาหยำเปออกมาจากงานเลี้ยง  และเขาขอบอกเลยว่าตัวเองไม่ได้เทคยา  พี้ยาหรือแม้แต่สูบปุ้น(?)  ตามที่เด็กสมัยนี้นิยมกัน 

เขาก็แค่ดื่มกินในงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อน  ซึ่งไอ้ป้อม...เพื่อนสนิทของเขาคนนี้เป็นไบเซ็กชวล  มันชอบชักชวนเขามางานเลี้ยงจับคู่  หรือถ้าจะพูดให้ถูกกว่านั้นก็คือ งานเลี้ยงวันเกิดบวกกับงานหาคู่นอน  เขาที่อายุ  32  ปี  แต่โสด  สด  ซิง  จึงโดนเพื่อนคนนี้ลากมางานแบบนี้อยู่เรื่อยๆ  ซึ่งเขาเองก็ขอยอมรับว่าเขาค่อนข้างจะถูกใจงานแบบนี้  แต่ของแบบนี้  เขาแค่ถูกใจแต่ไม่ได้ชอบ  เขาแค่อยากมาสนุกกับเพื่อนๆ เพื่อเป็นการคลายเครียดจากงาน  การได้มาเจอเพื่อนๆ หรือเด็กหนุ่มหน้าตาดี  คือสิ่งที่ช่วยให้ชายวัยสามสิบแบบเขากระชุ่มกระชวยได้ 

แต่อย่างที่บอก..  เขาแค่ถูกใจ  เขาขอแค่ได้ยืนอยู่ห่างๆ  พอให้ได้ผ่อนคลายหรือหายใจโล่งคอบ้าง 

ที่บ้านของเขา...  ครอบครัวหรือภาระจากบริษัทขนาดใหญ่ของครอบครัวที่เขาแบกรับไว้อยู่ตอนนี้  ทำให้เขาไม่สามารถมีเวลาหาความสุขใส่ตัว  ทุกๆ วันมีแต่งานๆๆ  และการออกงานสังคมกินเลี้ยงจนถึงมืดค่ำ  ดังนั้นตลอดเวลา หรือทั้งชีวิตที่เกิดมาจนอายุถึงสามสิบปีแบบเขาจึงไม่มีซักครั้งที่อยากหาคู่มาร่วมปรับทุกข์  เขาชอบอยู่คนเดียว  กินเที่ยวใช้จ่ายบ้างไปตามเรื่อง  เขารักงาน  รักบริษัทที่คุณปู่เป็นคนสร้าง  และเขาก็พอใจที่มีชีวิตแบบนี้  แต่เด็กคนนี้กลับทำลายทุกอย่างลงกับมือ

เขาจ้องเด็กหนุ่มที่ยังทำท่าทางยียวนกวนส้น  เด็กคนนี้ร่างสูงใหญ่  มีกล้าม(แต่ไม่ใช่กล้ามปู)  มีสะโพกสอบเรียวสวยรูปวีเชฟ  ส่วนหน้าตา...  อธิปให้ 7/10  กลางๆ ไม่มีอคติมาก  แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามาไม่มีอะไรเกี่ยวกับคำตอบที่เขาอยากรู้  สิ่งที่เขาอยากรู้คือ  เด็กนี่เป็นใคร  ทำไมถึงได้ทำสีหน้าท่าทางชวนอยากหาเรื่อง(กวนตีนเขา)  แล้วทำไมมันมาอยู่บนเตียงเขาพร้อมกับซากถุงยาและเศษซากเสื้อผ้าที่ขาดออกเป็นชิ้นๆ 

แล้วทำไม....  มันถึงยังไม่ตอบคำถามเขาซักที!

" คุณอย่าโกรธสิ  เดี๋ยวก็หน้าแก่มากไปกว่านี้หรอก" เด็กนั่นยักไหล่  นี่มันกล้าว่าเขาแก่เรอะ!? 

" เมื่อคืนคุณกับผมออกจะสนุกกันออกจะตาย  อย่าบอกนะว่าคุณจำไม่ได้  ผมขอบอกคุณตามตรงเลยนะว่า ปกติผมรับแต่งาน "นอน" กับผู้หญิง  ส่วนกับ...  อืมม  ผู้ชายวัยหนุ่มเต็มวัยอย่างคุณ  ถึงจะยังไม่แก่...  แต่ก็เคี้ยวยากไปนิด  ด้านหลังก็ฝืดไปหน่อยจนผมต้องใช้เจลเยอะ  เพราะงั้นงานนี้ผมขอคิดเพิ่มอีก 30% แล้วกัน  จากที่ตกลงกันไว้  450,000   ระยะเวลาตามสัญญาคือ 4  เดือน  มัดจำก่อนครึ่งหนึ่งภายในวันนี้  ส่วนเมื่อคืนผมถือว่าให้คุณทดลองงาน  เพราะงั้นผมไม่คิดค่าตัวคืนแรก" 

อะไรนะ!

" จุ๊ๆๆๆ  ป๋าครับ  เรื่องเมื่อคืนของเราอย่าบอกนะว่าป๋าจำไม่ได้  ผมเสียใจนะ  ทั้งที่เมื่อคืนผมบริการป๋าอย่างเต็มที่จนใครกันนะที่ร้องว่า  อ๊ะ  ตรงนั้นดี  อย่า...  ตรงนั้นแรงๆ หน่อย  อ่ะ  ตรงนั้นๆ  แรงๆ  ลึกๆ  ฉันอยากไปเล่นที่ผนังบ้าง......  เฮ้!  คุณ!!  วางโคมไฟลง!  หน้าตากับร่างกายผมต้องเอาไว้ใช้ทำมาหากินนะ  มีแผลคิดเพิ่ม  5,000  เลือดออกคิดเพิ่ม 15,000  ไม่รวมวันหยุดรักษาตัว  อ่อ  แต่ถ้าคุณอยาก...  อืมม  อยากจ่ายเพิ่ม  รักษากันแบบตัวต่อตัว  คุณอยู่บน  ผมอยู่ล่าง  ให้ผมนอนสบายๆ  แล้วให้คุณขย่มอยู่ข้างบนนี่  ผมบริการฟรีไม่มีเสียตังค์เพิ่ม  แต่ถ้าคุณหลังเดาะ  ปวดเอว  ปวดหลัง  ผมไม่มีบริการนวดเพิ่มนะ  มีแต่นาบ.....   เฮ้ๆๆๆ  คุณ!  คุณโคมไฟนั่นยังไม่ถอดปลั๊ก!  หัวแตกคิดเพิ่ม  60,000....  โอ๊ะ!"

โครม!  เพล้ง!

หัวแตกคิดเพิ่ม 60,000  เหรอ...  ตายไปคิดเหมารวม  200,000  พร้อมเผาด้วยไหมไอ้เด็กเวรนี่!

" โอ๊ะๆๆๆ   ป๋าขา  ป๋าอย่าโกรธสิคะ  เพื่อคืน "พระแพง"  ออกจะบริการป๋าจนถึงใจ  ใครนะที่บอกว่าอย่าเรียกเสี่ย  เรียกป๋าสิ  ป๋าชอบแบบแรงๆ  ลึกๆ  ใครนะที่.....  ว๊ากกกกกก!!!!"


ปัง! 

ฉิบหาย.... 

ป๋ามีปืน 

ป๋าแม่งเก๋าโว้ย!

ปังๆๆๆๆๆ !!!!

ว๊ากกกกกกกกกกก!!!!!!!!




" ว๊ากกกกกกกกกกก!!!!!!!!" 

ป้าบ! 

โป๊ก!

" ตะโกนทำไม!" 

พระแพงกะพริบตาปริบๆ  หันซ้ายหันขวา  เจอเสี่ยหน้าง่วง(?) ผมยุ่งแบบคนเพิ่งตื่นนอนแต่หล่อกระชากใจ  พระแพงกะพริบตาอีกสองครั้ง  ก่อนเอาหัวพุ่งปักเข้าชนป๋า....

" ป๋าขาาาา  พระแพงขอโทษ~~  พระแพงอยากได้ป๋าตัวอุ่นๆ  นุ่มๆ  ก้นนิ่มๆ  ตัวเล็กๆ  อายุสามสิบแต่หน้ายี่สิบสี่แบบพี่พี......"

ฉิบหาย...

ปลาหมอตายเพราะปาก! 

ไอ้แพงเพิ่งตื่นนอน  ไอ้แพงไม่รู้เรื่อง!

" เมื่อกี้บอกว่าอยากให้ป๋าหน้าตาแบบใครที่ไหนนะ"  เสี่ยอธิปยิ้มเหี้ยม  เขาไม่ชอบให้คนมาปลุกในเช้าวันหยุดพักผ่อนหลังจากทำงานมาตลอดสัปดาห์  แต่เด็กเลี้ยง(?) ของเขา  ปลุกเขาขึ้นมาเพราะเสียงโหวกเหวกโวยวายยังไม่พอ  มันยังจะมีหน้าพูดถึงคนอื่นอีกนะ!

" พูดถึงใคร!!!"  เสี่ยคำรามเสียงดัง 10.6  ริกเตอร์  คอนโดสั่นไหวตั้งแต่ชั้นหนึ่งยันชั้นสามสิบห้า  จนเกือบเกิดคลื่นสึนามิ

" เปล๊า~  ไม่มี๊  ผมแค่ละเมอ  อุ๊ย!  ลูกชายป๋า  เอ๊ย  ลูกชายเสี่ยตื่นแล้ว  ผมช่วยปลอบใจลูกชายเสี่ยให้นะ" 

ร้อยวันพันชาติ  เด็กเลี้ยงที่เขาประคบประหงมยิ่งกว่าลูก  นับวันยิ่งลามปามจนอยากจะมาอยู่บนหัว(หรือไม่อยากก็จะมาเป็นผัว)  เขามากขึ้นทุกที  อยากใช้ปากตั้งแต่เช้าใช่ไหม  ได้...

" พระแพง..."  เสียงหวานหยดย้อย  แต่ชวนสยองหู  พระแพงผู้กำลังจะก้มตัวลงเพื่อใช้ปากไถ่โทษความผิดที่ก่อเรื่องขึ้นตั้งแต่เช้าจึงเงยหน้าพร้อมยิ้มแหย  ก่อนทำหูตกหางลู่  และถามไปแบบใจกล้าว่า

" เสี่ยมีอะไรให้แพงรับใช้เหรอครับ"  เมื่อกี้แพงเพิ่งตื่นนอน  แพงพูดอะไรไป แพงไม่รู้เรื่อง  เสี่ยต้องเชื่อแพงนะ  ปิ๊งๆๆๆๆๆ

" งดอาหารสามวัน  สามวันนี้ไปซื้ออาหารถุงมากินเอง!"

" ม่ายยยยยยยยย~~~~~~~"


โหดว่าปืน  ก็อาหารแช่แข็งกับข้าวแกงถุงนี่ล่ะวะ  ที่ฆ่าพระแพง  เด็กเลี้ยงเกรด A ++  ที่อยู่ดีกินดีให้ตายทั้งเป็นได้ 




จบเถอะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ :: พระแพง ข่าวรอบวัน ทันทุกเหตุ [10/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Nighttime ที่ 10-02-2017 23:44:33
 :z1: ขำพะแพง อยากอ่านในโหทด พะแพง เด็กโหดอีกจังเลย  :hao6:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ :: พระแพง ข่าวรอบวัน ทันทุกเหตุ [10/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 11-02-2017 00:04:11
ฮ่า ๆ เรื่องกินเรื่องใหญ่สินะพระแพง
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ :: พระแพง ข่าวรอบวัน ทันทุกเหตุ [10/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: joyey6217 ที่ 11-02-2017 07:34:30
เรื่องกินเรื่องใหญ่ของพระแพงเสมอ
เสี่ยแม้จะในความจริงหรือความฝันก็โหดมากเช่นกันนะคะ 5555
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ :: พระแพง ข่าวรอบวัน ทันทุกเหตุ [10/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 11-02-2017 07:34:45
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ :: พระแพง ข่าวรอบวัน ทันทุกเหตุ [10/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-02-2017 07:43:26
เจ๊ยยย......พระแพง แค่ฝันเองนะ
โธ่ เสี่ย เอามาเป็นจริงเป็นจังได้
อย่างแพงหรอ จะไปมีกิ๊กกั๊กกับใคร
แค่เสี่ยคนเดียวก็อ่วมคาเตียงและ
ก็ไหนจะขนาดของเสี่ยที่ไม่ธรรมดา
ไหนจะความอึดอีกล่ะ ฟ้าเหลืองตลอด
เสี่ย ไม่รู้ความสามารถของตัวเองหรอ แพง...ฮึก...ช้ำใจ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ :: พระแพง ข่าวรอบวัน ทันทุกเหตุ [10/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 11-02-2017 11:17:41
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ :: พระแพง ข่าวรอบวัน ทันทุกเหตุ [10/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: miwmiwzaa ที่ 11-02-2017 12:22:28
พระแพงเอ๊ยยยย555555
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ :: พระแพง ข่าวรอบวัน ทันทุกเหตุ [10/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 11-02-2017 19:06:47
 :jul3: :jul3: :jul3:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ :: พระแพง ข่าวรอบวัน ทันทุกเหตุ [10/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 11-02-2017 21:06:44
ชอบ.........บบบบ
คิดถึงพระแพง มาส่องทุกวัน   :mew1:

หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ :: พระแพง ข่าวรอบวัน ทันทุกเหตุ [10/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 11-02-2017 21:30:00
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ :: พระแพง ข่าวรอบวัน ทันทุกเหตุ [10/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงในเงามืด ที่ 13-02-2017 23:34:21
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่านได้เรื่อยๆค่ะ เหมือนเล่าให้ฟังมากกว่า คืออ่านได้เรื่อยๆแต่ไม่อินไม่รู้คนเขียนอยากให้เป็นแนวนี้หรือเปล่า แนวนิยายเชิงเล่าเรื่องอ่า
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ :: พระแพง ข่าวรอบวัน ทันทุกเหตุ [10/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 14-02-2017 01:48:00
ความฝันมาจากจิตใต้สำนึกมาก  :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ :: พระแพง ข่าวรอบวัน ทันทุกเหตุ [10/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Honyuchum ที่ 15-02-2017 23:03:52
ตลกพะแพง5555555555555

คิดถึงเรื่องนี้มากเลย ฮือออออ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง รีไรท์ บทที่ 1 [16/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 17-02-2017 13:34:05
สนุกมากๆ 
พระแพงไม่คิดมากไงก็เลยอยู่กับเสี่ยได้
ส่วนเสี่ยปากหนักไม่รู้ใจตัวเองรอตั้งหลายปีกว่าจะรู้ใจ (ถอนหายใจยาวๆๆไปเลย  ตาแก่บ้า 5555)
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง รีไรท์ บทที่ 1 [16/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 19-02-2017 00:06:48
โธ่ พระแพงเอ้ยยย โดนกินอาหารถุงเลย เป็นไงละ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง รีไรท์ บทที่ 1 [16/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pangvivacious ที่ 20-02-2017 00:48:31
สงสารพระแพงกับอาหารถุง55555
ชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ อ่านรวดเดียวจบเลย แห่ะ
ชอบที่พายยังมองให้มันตลกได้ทั้งๆที่เรื่องจริงมันหนัก ไม่เป็นdark mode 5555
ชอบที่เฮียไม่ได้ดีมากมาย ว่ามันดูจริงดี แต่ก็ไม่ได้ชอบคนแบบนี้นะคะ :katai1:
ที่ชอบที่สุดก็คงเป็นตอนที่ได้อ่านความรู้สึกของเฮีย ตอนที่บอกว่าถ้าแพงเลือกจะไปกลัวว่าจะรั้งไว้ไม่ได้เลย
เราว่ามันซึ้งดีอะค่ะ ขอบคุณนะคะที่แต่งมาให้อ่านกัน
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง รีไรท์ บทที่ 1 [16/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: happy-jigsaw ที่ 24-02-2017 19:29:06
เราชอบคนแบบแพงและเข้าใจคนแบบเสี่ยนะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง รีไรท์ บทที่ 1 [16/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 02-03-2017 19:11:11
 o13 o13
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง รีไรท์ บทที่ 1 [16/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: natt teng ที่ 05-03-2017 01:37:15
dark จริง
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง รีไรท์ บทที่ 1 [16/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 07-03-2017 21:48:08
ถ้าเราเป้นพระแพงคงไม่ทนเสี้ยขนาดนี้
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง รีไรท์ บทที่ 1 [16/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 08-03-2017 20:30:55
 :m20:  ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง รีไรท์ บทที่ 1 [16/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Lilyrum ที่ 04-05-2017 16:19:48
เพิ่งได้มาตามอ่าน สนุกมากเลยค่ะ ชอบบ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง รีไรท์ บทที่ 1 [16/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 04-05-2017 17:14:10
เพิ่งเข้ามาอ่าน ชอบเรื่องนี้นะคะ อ่านได้เรื่อยๆรู้ตัวอีกทีจบแล้ว!!
โอ้ยยย หลงพระแพงหนักมาก ทั้งที่ควรจะม่า แต่พระแพงทำให้ฮาเฉยเลย
แอบอยากตบเสี่ย แต่ก็เข้าใจเสี่ยนะ #สายเปย์ที่แท้ทรู :katai2-1:

เนื้อเรื่องแทบจะไม่ค่อยมีบทสนทนาเลย แต่สนุกมากค่ะ เหมือนเป็นเรื่องเล่าเรื่องนึงมั้ง

ขอบคุณคนแต่งมากนะคะ ที่แต่งมาให้อ่าน :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง รีไรท์ บทที่ 1 [16/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 11-06-2017 15:04:29
ชอบแพง :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง รีไรท์ บทที่ 1 [16/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: whitelavenders ที่ 28-06-2017 02:15:49
ถ้าเรื่องนี้ไม่ใช่แพงเป็นคนเล่าก็คงโคตรดราม่าและเราคงเกลียดเสี่ยไปแล้ว
แต่พอเรื่องมันออกมาโทนขำๆ ทุกอย่างก็ดูซอฟท์และเราก็ดันคล้อยตามแพงไปซะอย่างงั้น
เอาจริงๆ แล้วมันก็เหมือนเวลาเรานั่งฟังเพื่อนเราเรื่องอะไรบางอย่างนะ ที่ในสถานการณ์จริงอาจจะซีเรียส
แต่พอดันเอามาเล่าให้คนอื่นฟังต่อกลายเป็นเรื่องตลกไป

ชอบแพงค่ะ แพงน่ารักมาก ดีใจทีอย่างน้อยสุดท้ายก็ได้ครองคู่กับเสี่ยแบบสมบรูณ์สักที
แถมยังได้ลูกน้อยกลอยใจอีก
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง รีไรท์ บทที่ 1 [16/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sangzaja122 ที่ 29-06-2017 02:05:52
พึ่งมีโอกาศได้มาตามรวดเดียวจบ สนุกมากค่ะ รักในความจริง ความเรียล  :m2: รอรวมเล่มอยู่นะคะ <3
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง รีไรท์ บทที่ 1 [16/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: tn ที่ 29-06-2017 22:59:21
แรกๆเขียนได้เหมือนเล่ามากอ่ะ จะมีหลังๆนี่แหละที่ดูเหมือนนิยายบ้าง แต่เรื่องรวมคือจับใจความดีมากกก ชีวิตโลกสุด นี่ต้องยกความดีให้แพงจริงๆนะ ถ้านางไม่คิด+++ขนาดนี้ อิเสี่ยคงไม่มีวันได้รับรสสุขอย่างงี้ชัว
//เดาถูกเรื่องคู่รองจ้า ดีใจ ฉลองแปป//  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง รีไรท์ บทที่ 1 [16/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: runtothemoon ที่ 04-07-2017 01:15:39
เป็นอีกเรื่องประทับใจมากๆๆๆ ชอบความมองโลกในแง่บวกของพระแพง ถึงบทสรุปจะออกมาผิดคาด แต่สำหรับคนอย่างพระแพงคงคิดดีแล้ว ก็คงรักของเขาอ่ะเนอะ เห็นมีความสุขดีกับเสี่ยแล้วก็น้องพระเพื่อนก็ยินดีไปกับความอดทนมาตลอด
หลงรักพระแพงมากกกกชอบการมองโลก ถึงเราจะหงุดที่ทำไมถึงได้ปล่อยวาง มองแง่บวกได้ขนาดนี้555555555
ขอบคุณคุณนักเขียนมากๆนะคะ จะติดตามเรื่องต่อไปเรื่อยๆเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ จับมือ [10/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 10-07-2017 20:06:53
จับมือ





ร้อยวันพันชาตินานน๊าน  เสี่ยถึงจะชวนเขามางานเลี้ยงขนาดใหญ่แบบนี้ซักที  เขาที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเสี่ยมาสองปีก็เพิ่งได้มีโอกาสออกงานใหญ่ๆ กับเขาเป็นครั้งแรก  ซึ่งงานนี้ก็ไม่พ้นงานการกุศลของพวกไฮโซไฮซ้อ  คุณหญิงคุณนายทั้งหลายต่างก็ใส่เครื่องประดับมาอวดกันจนแพรวพราว  ถ้าเป็นสาวๆ หน่อยก็จะใส่ส้นสูงในชุดราตรีเปิดเว้าตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย  บางคนก็ใส่กระโปรงยาวแต่แหวกขาซะสูงปรี๊ด  เขาที่ถูกเสี่ยทิ้งไว้หลังจากเจอเพื่อนกลุ่มใหญ่  เลยยืนถือแก้วไวน์เหล่สาว  เก๊กหล่ออยู่ที่ข้างกำแพง

แหม  เขาไม่ใช่พวกสมัยนิยมหรือพวกหัวเก่าอะไรแบบนั้นหรอกนะ  แต่ไอ้คำว่าศิลปะหรือแฟชั่นน่ะ  มันไม่ได้เข้ามาอยู่ในหัวเขาเลยซักนิด  สิ่งที่เข้ามาในหัวเขาน่ะมีแต่...

กระโปรงนั่นน่าจะแหวกข้างสูงขึ้นมาอีกนิด  ไม่ก็  หลังน่ะไม่ต้องเอาผ้าซีทรูมาปิดก็ได้  เอาแบบเปิดให้เห็นเนื้อกันไปเล๊ย  แล้วเวลาก้าวขาเดินน่ะ  อื้อฮื้อ~

แม่เจ้าโว้ยยยย  ไม่ใช่ว่าเขาจะลามกหรอกนะ  แต่ขาขาวๆ  สวยๆ  เรียวๆ  นั่นน่ะเห็นแล้วอารมณ์พุ่งปรี๊ด  อยากจะทำเหรียญตกซัก 100  เหรียญ  แล้วค่อยๆ  เก็บ  ค่อยๆ  เก็บ  ไปทีละเหรียญๆ  อื้อหือออ  แค่คิดเลือดกำเดาก็จะพุ่ง  อยากพุ่งไปเก็บเหรียญแล้วแอบมองจริงโว้ย! 


แต่ก็นะ 

ได้แต่คิดแต่ทำไม่ได้!

เขาที่มีลูกหนึ่ง  ผัว  เอ๊ย  สามีหนึ่งเลยได้แต่ยลขาขาวๆ  สวยๆ  ของสาวไฮไซที่ไม่ได้นุ่งน้อยห่มน้อย  มองอาหารตาที่โชว์วาบหวิวพอให้หัวใจคนหนุ่มได้กระชุ่มกระชวยหัวใจ  ส่วนบรรดาแม่แก่...  แค่กๆๆ  หมายถึงบรรดาคุณหญิงคุณนายที่มาประมูลเครื่องเพชรเพื่อช่วยเหลือเด็กกำพร้า  เขาก็มองเลยผ่านไป 

จะว่าไปการช่วยเหลือเด็กกำพร้าแบบนี้  เขาว่ามันก็เป็นตัวอย่างที่ดีต่อสังคมนะ  ถึงใครบางคนจะบอกว่าเอาหน้า  แถมเงินส่วนนี้ยังสามารถเอามาหักภาษีได้  แต่ก็เพราะมีคุณหญิงคุณนายอวดรวยพวกนี้นี่แหละ  เด็กน้อยด้อยโอกาสถึงได้มีกินมีใช้  เขาเองก็คอยไปทำบุญที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่บ่อยๆ (เพราะตัวเองบริจาคเลือดไม่ได้)  พอเห็นเด็กตัวเล็กๆ ถูกพ่อแม่ทิ้ง  อยู่รวมๆกันหลายคนเข้า  เขาก็ได้แต่นึกสงสาร 

เมืองไทยไม่ได้เปิดให้ทำแท้งเสรี  แต่เด็กไทยก็ท้องก่อนแต่งกันเยอะ  คนที่ตั้งท้องด้วยความไม่ได้ตั้งใจก็มีอยู่มาก  จะทำแท้งก็ถูกด่าหาว่าเลว  แต่พอมีลูก  บางคนก็จำเป็นต้องเอามาทิ้งเพราะความไม่พร้อม  เด็กคนหนึ่งพอเกิดออกมาแล้ว  ไม่ว่าจะยังไงพวกเขาก็ต้องกินต้องใช้  แล้วกับคนที่ไม่พร้อมที่จะเลี้ยงดู  แค่ทำให้ตัวเองมีชีวิตรอดไปวันๆ ยังทำได้ยาก  แล้วจะเอาเวลาที่ไหนมาเลี้ยงลูก

เขาที่มีน้องพระเพื่อนเป็นเหมือนลูกสาวอยู่หนึ่งคนนี่รู้ดีเลยว่า  การเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้เติบโตมาเป็นคนดี  ร่างกายแข็งแรง  และมีคุณภาพชีวิตที่ดี(ตามสภาพกระเป๋าตังค์)  เขาบอกได้เลยว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ  ถึงจะมีคนเถียงว่าคนจนเลี้ยงลูกได้ดีมีถมไป  แต่เราก็ไม่คงปฎิเสธไม่ได้ว่ามีเงินมากก็ย่อมมีกว่าไม่มี  เพราะงั้นถ้ามีโอกาส  เขาก็มักจะเอาเงินกับพวกเสื้อผ้าไปบริจาคที่สถานสงเคราะห์อยู่บ่อยๆ  เด็กพวกนี้จะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุขเพิ่มขึ้นมาอีกนิด  ส่วนใครจะทำแท้ง  ใครจะท้องแล้วทิ้ง  เรื่องพวกนี้คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของรัฐบาล  ขืนเขาคิดเยอะ  ก่อดราม่า  เดี๋ยวศพจะไม่สวย  แล้วไม่มีคนเลี้ยงพระเพื่อนซะเปล่าๆ

สู้เขาเอาเวลาอิสระอันน้อยนิดมาส่องสาวๆ  สวยๆ เยียวยาหัวใจดีกว่า  ดูอย่างคนนั้นสิ  ชุดราตรีสีดำยาว  แขนเสื้อก็ยาวแต่เปิดหลังจนเกือบจะถึง  ตื๊ด   โอยย  หลังเรียบเนียนจนอยากเห็นด้านหน้า  อยากดูสิว่าหน้าตาคุณเธอจะแหล่มขนาดไหน  จะสวยเนียนเหมือนแผ่นหลังที่ไร้รอยไฝฝ้าบ้างไหม  สาวเจ้าขายาว  หุ่นก็ดี  เขาชะโงกหน้าออกไปดู  อยากเห็นดวงหน้าน้องนวลให้เป็นบุญตาซักนิดสิ...

แต่....

เอิ่ม...

_๊าคคคคคมาก!!!  หลังยี่สิบ  หน้าหกสิบห้า!  ถ้าป้าจะดูแลกระดูกสันหลังกับแผ่นหลังดีขนาดนี้  ป้าเอาเงินไปทำโบท็อกบ้างเถอะครับ!  ฟิลเลอร์น่ะฉีดเข้าไปเยอะๆ  อย่าปล่อยให้หน้าเหี่ยวจนเห็นริ้วรอยกับถุงใต้ตาเสียสายตาหมด  วุ้ย!


คิก..


ป๊าดดดด  ใครบังอาจมาหัวเราะการส่องสาว(แก่) ตรูฟร๊ะ! 

เขาหันขวับไปทางต้นเสียงทันที  กะเตรียมสาดเหล้าใส่เต็มที่  ตูมีแก้วแชมเปญอยู่ในมือนะเห็นไหม  ขืนพูดจาไม่ถูกหูเดี๋ยวปั๊ดสาดแชมเปญใส่เสื้อ  คนที่มางานนี้ส่วนใหญ่รวยๆ กันทั้งนั้น  เพราะงั้นสูทมันต้องเป็นสูทสั่งตัดราคาแพงแต่ไม่ทนการกัดกร่อนของเหล้าแชมเปญแน่นอน! (อันธพาล...)


แต่...         

แต่พอหันไปทางทำไมไม่เจอใครเลยแฮะ  เขากะพริบตาปริบๆ  แอบขนลุกอยู่หน่อยๆ  เพราะกลัวจะเจอผีอำกลางโรงแรม  แต่พอกดสายตาลงอีกนิดเพราะเห็นปลายผม(หัว)ดำๆ
 
ชัดเลย...

พี่พี!

เฮ้ยยย  เผื่อใครจะจำพี่พีไม่ได้  พี่แกคือแขกรับเชิญที่เคยออกโรงมาแล้วตอนบทที่สิบเจ็ด  พี่พีแกเป็นแฟนกับคุณเพ้นท์  ส่วนคุณเพนท์คือคุณชายที่รวยเป็นอันดับต้นๆ ในกลุ่มคนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์   คุณเพ้นท์แกทำตั้งแต่เก็งกำไรขายที่ดินรวมไปจนถึงการรับเหมาก่อสร้าง  ตึกใหญ่ๆ ในเมืองกรุงที่เห็นก็เป็นฝีมือพี่แกที่ไปดีลงานมาทั้งนั้น  แม้แต่พวกโครงการบ้านระดับ  Hi-End  ทั้งในและต่างจังหวัด  ต่างก็ได้บริษัทพี่แกเป็นคนจัดการ  พี่แกรับทำตั้งแต่ออกแบบ  ตกแต่ง  วางผัง  ไปจนถึงก่อสร้าง  งานที่ออกมาแต่ละก็งานสวยนิ้ง  จนใครหลายคนชื่นชอบและบอกกันปากต่อปากโดยเฉพาะชาวต่างชาติ
 
ดังนั้นบริษัทเสี่ยที่เป็นบริษัทนำเข้าและส่งออกวัสดุจำพวกชิ้นส่วนก่อสร้าง (พวกโครงเหล็กที่มีความทันสมัยเหมาะกับการสร้างตึกสูงๆ  ที่ต้องอาศัยความแข็งแรงเป็นพิเศษอะไรแบบนี้)  เลยต้องดีลติดต่อค้าขายกับบริษัทคุณเพ้นท์อยู่บ่อยๆ  เรียกว่าคุณเพ้นท์เป็นหนึ่งในลูกค้าระดับเอ็กครูซีฟหรือ VIP  เลยก็ว่าได้ 

เขาเห็นพี่พียืนหัวเราะคิกคักอยู่ข้างๆ  เลยว่าจะวางแผนจีบแกซักหน่อย...  อะไรนะ  นอกใจ  จะตะโกนฟ้องเสี่ย? 

ปัทโธ่  มันใช่ที่ไหนกันเล่า!  ของแบบนี้เขาเรียกกันว่าการรีมายด์(Reminds)  เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางด้านการค้า  พูดง่ายๆ แบบเจาะจงกว่านั้นอีกหน่อยก็คือ  การรีมายด์เปรียบเสมือนการบอกเตือนให้ลูกค้ายังจำได้ว่า  เฮ้  ยังมีบริษัทนี้อยู่นะ  อย่าลืมฉันแล้วไปซื้องานกับบริษัทอื่นเลยนะ 

ทุกวันนี้การค้า  ไม่ว่าตลาดไหนต่างก็มีคู่แข่งกันทั้ง  โดยเฉพาะกลุ่มตลาดที่แม้แต่เศรฐกิจจะชะลอตัวแต่ก็ยังมีความมั่นคง  ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาแบ่งเนื้อแซนด์วิช  การรีมายด์ลูกค้าจึงเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะช่วยดึงฐานลูกค้าเอาไว้  ส่วนวิธีการรีมายด์ก็มีหลายแบบ  แต่หลักๆ ก็คือการทักทาย  ชวนพูดคุยเรื่องที่เกี่ยวกับองค์กรและให้ความสำคัญกับลูกค้า 
   
หรือพูดง่ายๆ กว่านั้นก็คือนอกจากการเสนอขาย  การบริการหลังการขายก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน  ไม่ใช่ว่าพอขายของเสร็จก็พร้อมเฉดหัวลูกค้าทิ้ง  ลูกค้าคือคนสำคัญ (แต่ลูกค้าไม่ใช่พระเจ้า)  ถ้าหากอยากให้ลูกค้าทำการค้ากับเรานานๆ  เรายิ่งต้องมี service mind* (การรีมายด์ก็เป็นหนึ่งในขั้นตอนนี้)    มีการติดสินบนทางด้านจิตใจกับลูกค้า  ทั้งการพูดจาดีๆ  เพราะๆ  เอาอกเอาใจ  ลูกค้าจะได้เกิดความประทับใจและจดจำแต่ภาพลักษณ์ดีๆ ของบริษัทหรือสินค้า  หรือถ้าอย่างขี้โกงหน่อย  ลูกค้าคนไหนมีลูกมีเมีย(หรือมีผัว) แล้ว  บางทีเราก็ต้องคอยเทคแคร์คนกลุ่มนี้ด้วย  เพราะคนใกล้ตัวหรือคนคู่เรียงเคียงหมอน  คนกลุ่มนี้  บางทียังมีอิทพลต่อกันตัดสินใจของลูกค้า  มากกว่าโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมซะอีก
 
เหมือนอย่างบริษัทเสี่ยเองก็มีการกันเงินส่วนหนึ่งออกมาไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ   เพราะนอกจากการพาลูกค้าไปหาอะไรกิน(ระหว่างตกลงทำสัญญา)  บางทีเราจะอาจจะต้องมีของฝาก  มีของขวัญชิ้นเล็กๆ เป็นของติดไม้ติดมือ  หรือในกรณีคู่ค้าเป็นผู้ชายเราก็อาจจะพาเขาไปออกรอบตีกอล์ฟ  ลงอ่างอาบอบนวด  (แค่กๆ)  ซึ่งเงินที่จ่ายไปในส่วนนี้เราก็จะเอามาทบกับต้นทุนบวกกับกำไรอีกที...

แหม  วงการธุรกิจ  อะไรก็เป็นเงินเป็นทองล่ะนะ  เราอาจจ่ายน้อยเพื่อเอาใจลูกค้าไปก่อน  รอจนลูกค้าติดใจเราค่อยไปค่อยขูดรีด  เอ๊ย  ไม่ใช่  หมายถึงตกลงราคากันอีกที  ลูกค้าได้ความประทับใจ  เราได้กำไรจากการขาย  วิน-วินกันทั้งฝ่ายเลยเนอะ (เหรอ) 


ดังนั้นเขาที่ยืนว่างอยู่พอดีเลยกะถือโอกาสฝึกการรีมายด์ไปในตัว  เพราะปกติในงานเลี้ยงแบบนี้ถ้าเสี่ยไม่ดึงตัวเขาไปแนะนำกับคนอื่นก่อน  นอกจากยืนรอนิ่งๆ  เขาก็ทำอะไรอื่นอีกไม่ได้  พวกคนรวยก็มีอีโก้แบบคนรวยที่จะไม่สนใจคนนอก  ยิ่งกับคนที่ไม่รู้จัก... หรือพูดให้หนักกว่านั้นก็คือคนที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า  ถ้าไม่มีคนแนะนำก่อนก็อย่าหวังเลยว่าจะมีคนอื่นมาคุยด้วย 

อ่อ  ยกเว้นแต่ว่าคุณหล่อรวยหรือไม่ก็สวยแบบดาวค้างฟ้า  อย่างนั้นไม่ต้องมีภูมิหลังอะไรมาก  ขอแค่มีเงินกับหน้าตาที่ดี  คนอื่นก็อยากจะมาคุย

ส่วนตัวเขา...  เอาเป็นว่าเขาไม่หลงตัวเองว่าหล่อหรือรวย  เขาแค่มีหุ่นที่ดี(เสี่ยออกจะชมบ่อย)  แต่หุ่นเขามันดันอยู่ใต้ร่มผ้า  จะให้เปิดพุงโชว์ซิกพร้อมกับผิวสีแทนสุดเด่นก็ใช่ที่  ดังนั้นกับพี่พีที่เคยคุยกันมาก่อน  ถ้าเขาเดินเข้าไปทัก  พี่แกก็คงจำเขาได้แหละมั้ง

" ผมพระแพงครับ จากบริษัทเหมยฮัว" 

แนะนำตัวเสร็จก็ยื่นนามบัตรไปให้แบบเนียนๆ  พี่พียิ้มยาหยี  วางส้อมที่ถืออยู่ลงบนจานเค้กแล้วรับนามบัตรไปจากมือเขา

" พีครับ  เป็นเภสัชกร  ขอโทษทีนะ  ผมไม่มีนามบัตร  แค่ตามแฟนมาหาอะไรกิน  เรา...  มาคนเดียวเหรอ" 

พี่พีกวาดตาขึ้นๆ ลงๆ  ดูท่าพี่พีจะจำไม่ได้แฮะว่าเราเคยเจอกัน ดีนะเขาไม่ออกตัวแรง  ไม่งั้นคงหน้าแตกดังโพละ 

พี่แกกวาดมองเขาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า  เหมือนกับกำลังประเมินว่าเราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า  มันจะมาหลอกจีบไหม  แล้วที่สำคัญ  ไอ้นี่มันต้องเรียกพี่หรือน้อง 

ปัทโธ่...  ก็ใครใช้ให้พี่พีหน้าเด็กเล่า!     

“ เราเคยเจอกันมาก่อนที่สวนสาธารณะไงครับ  เมื่อห้าปีก่อน  ที่พี่พาหมาไปเดินเล่น  ผมเป็นรุ่นน้องมหาลัยเดียวกับพี่พีไง”

“ อ๋อออออออออออ”   อ๋อออออ  นี่คือนึกออกแล้ว!

“ ขอโทษนะ  พี่นึกไม่ออก   พอดีพี่จำหน้าคนไม่ค่อยเก่งน่ะ”  พี่พีว่าแล้วเราะแฮะๆ 

“.…”

แล้วพี่จะอ๋อทำไมตั้งยาววะ!

แต่ก็นั่นแหละ  ลูกค้าคือพระเจ้า (ไหนเมื่อกี้ว่าไม่ใช่?)  ต่อให้ลูกค้ากวน_ีนมาเราก็ทำได้แต่หัวเราะรับ  เขายืนคุยกับพี่พีสลับกับช่วยพี่แกรำลึกความจำ  ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง  พี่แกถึงได้ร้องอ๋อออกมาอีกรอบ

“ อ๋ออออออ  อ๋อๆๆๆ  พี่นึกออกแล้ว  เราที่เคยเข้าไปเล่นกับหมาพี่ตั้งแต่ตอนโน้นใช่ไหม  ขอโทษนะที่ตอนนั้นแฟนพี่เสียมารยาท  พอดีช่วงนั้นมีเรื่องขึ้นนิดหน่อย  แฟนพี่เลยขี้ระแวง  เราเป็นไงบ้าง  ไม่ได้เจอกันตั้งนาน  ดู....  สูงขึ้น?”

เปล่าครับ  พี่เตี้ยลงต่างหาก....

มันใช่ที่ไหนกันเล่า!  ก็ใครใช้ให้พี่พีสูงแค่ร้อยหกสิบตื๊ด  แถมเวลาใส่สูทผูกไทด์  ต่อให้เขาสูงอยู่แล้ว  แต่เพื่อเสริมบุคลิกภาพ  เสี่ยเลยสั่งให้เขาซื้อรองเท้าคู่ใหม่มา  รองเท้าคู่นี้ส้นไม่สูงมาก  แต่พอมายืนเทียบกับพี่พีแล้ว...  อืมมม  พี่ตัวเล็กลงเยอะนะ

“ พี่พีกินอะไรหรือยังครับ  ไปนั่งหาอะไรกินด้วยกันไหม ผมยืนจนขาแข็งแล้วเนี่ย” 

เขาชวนพี่พีคุยเรื่องอื่น  ไม่คุยต่อเรื่องความสูง
   
และขอย้ำว่า  นี่ไม่ใช่การจีบหรือการขายอ้อย!  เขาแค่หาเรื่องชวนพี่พีคุยเพราะดูพี่พีเป็นคนชอบกิน  (ดูจากร่องรอยอาหารที่อยู่ในจานก็รู้)

ปกติงานเลี้ยงแบบนี้เขาเรียกว่างานกินทิ้ง  อาหารบุฟเฟ่ห์  อร่อยๆ  หรูๆ  นอกจากตอนเริ่มงาน  ช่วงหลังๆ ก็ค่อยมีใครไปหยิบทาน  ส่วนใหญ่จะกังวลเรื่องกลิ่นปาก  ไม่ก็พุงยื่น(กรณีผู้หญิง)  แถมการกินไปคุยไป  ถ้าไม่ใช่คนที่สนิทกัน  มันก็จะดูไม่ค่อยดี   ดังนั้นเพื่อความหล่อ  สวย  และดูดี   คนส่วนใหญ่เลยเลือกที่จะถือแค่แก้วเครื่องดื่มไม่ก็แก้วเชมเปญ  มีแค่เด็กๆ กันคนที่ไม่เป็นที่สนใจของชาวบ้านเท่านั้นแหละที่จะมานั่งกิน 

ส่วนเขา...  เขาหาอะไรกินรองท้องไปตั้งแต่ตอนเริ่มงานแล้ว  งานนี้เสี่ยพาเขามาแค่เปิดหูเปิดตา  ไม่ได้ตั้งใจพาเขามาแนะนำตัว  พอเสี่ยเจอกลุ่มเพื่อน  เสี่ยก็หายต๋อมไปกับกลุ่มเพื่อนสนิทแล้วบอกให้เขารออยู่แถวๆ นี้  เขาที่ยืนหัวโด่  เหล่สาว  มาพักใหญ่ตอนนี้ก็เริ่มท้องร้องจ๊อกๆ 
 
พี่พีที่ไม่มีใคร(ไม่มีแฟนคอยอยู่คุม)  พอเห็นเขาเอามือลูบท้องประกอบท่าทาง  พี่แกก็ทำตัวเป็นรุ่นพี่มหาลัยที่ดี  เดินตามเขามาที่โต๊ะบุฟเฟต์  ชี้แนะนำอาหารอันนั้นอันนี้  ส่วนตัวเองเลือกหยิบแต่เค้ก

พอเราสองคนตักอาหารมาได้เต็มสองจาน  เราสองคนก็รีบเข้ายึดโต๊ะของคนที่เพิ่งลุกออกไปทันที  งานเลี้ยงบุปเฟต์ส่วนใหญ่จะมีโต๊ะกับเก้าอี้ให้นั่งแค่ไม่กี่ที  ถ้าไม่ใช่ที่นั่ง VIP  ก็จะไม่มีที่ประจำ  ต้องทนยืนขาแข็งกันไป

“ เมื่อกี้เราว่า  เรามาจากบริษัทอะไรนะ”  พี่พีถามแล้วเริ่มจิ้มเค้กเข้าปาก  ส่วนเขาก็เริ่มกินปาม่าแฮมดูบ้าง  อร่อยจัง~

“ เหมยฮัวครับ  ขายพวกเหล็กสำหรับก่อสร้างอะไรเงี้ย”

เขากับพี่พีนั่งคุยไปกินไป  บริกรที่คอยโฉบไปโฉบมาก็ถามเขากับพี่พีว่าอยากดื่มอะไรไหม  เขาที่เลิกดื่มเหล้าไปแล้ว(ถ้าไม่จำเป็น)  แต่พอเห็นพี่พีสั่งพวกค็อกเทลมาดื่มเขาก็สองจิตสองใจ  ลูกค้าดื่ม  แต่เราไม่ดื่มคงดูไม่ดีค่อยมั้ง  เพราะงั้นเขาเลยสั่งค็อกเทลมั่วๆ ตามพี่พีไปตามเรื่องราว  กะว่าแค่จิบๆ คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

“ เหรอ  ทำงานมากี่ปีล่ะ  งานหนักไหม”

เราสองคนนั่งกินไปคุยกันอย่างถูกคอ  เหล้าค็อกเทลที่ว่าจะแค่จิบๆ แปบๆ ก็หมดสองแก้วแล้ว  พี่พีที่กำลังเริ่มแก้วสาม  พอเริ่มเมา  พี่แกก็เริ่มจิ้มเค้กในจานตัวเองส่งมาป้อนถึงปากเขา  ปกติเขาไม่ค่อยชอบกินเค้ก  โดยเฉพาะกับพวกเค้กชอคโกเลต  แต่เค้กที่พี่ป้อนมา  มันเป็นเค้กผลไม้รสออกเปรี้ยวหน่อยๆ  เหมาะกับรสชาติของค็อกเทล  เขาอ้าปากกินเพลินแบบไม่รู้ตัวจนพี่พีหัวเราะคิกคัก  เราคุยกันตั้งแต่เรื่องสมัยเรียนมาจนเรื่องงานในปัจจุบัน  พี่พีรับปากเขาว่าถ้ามีอะไรให้ช่วยเหลือก็จะบอกคุณเพ้นท์ให้

“ คราวหลังถ้าเจอกันในงานเรามาชวนพี่คุยอีกก็ได้  เราคุยสนุกดี  ปกติพี่อยู่แปบๆ  แปบเดียวก็หนีขึ้นนอนแล้ว” 

พี่พีว่าแล้วยิ้มตาหยี  มือหนึ่งของพี่พียกแก้วที่สี่ขึ้นดื่ม  ส่วนอีกมือป้อนเค้กใส่ปากเขา  พี่พีสลับส้อมที่ใช้ป้อนเค้กแบ่งเป็นของเขากับของพี  เขาอ้าปากกินต่อ  แต่ก็กะว่าจะกินเป็นคำสุดท้ายเพราะว่าเริ่มอิ่มแล้ว

แต่อนิจจา... 

พระเจ้าช่วยกล้วยทอด! 


“ น้องพี” 


เสียงนรกดังมาจากด้านหลังด้านพี่พี  เขาที่เพิ่งรับเค้กเข้าปากเกือบจะติดคอตาย  หลักฐานคาตา...  คุณเพ้นท์ยิ้มเรียกพี่พี  แต่ตาสายตาของคุณเพ้นท์นี่จ้องเขาอย่างกับงูจ้องงับหัวลูกอ๊อด!

พุทโธ...

งานนี้เขาไม่ผิดนะ  เขาแค่เผลอกินไปเพราะมีคนป้อน!
      
“ พี่เพ้นท์คุยงานเสร็จแล้วเหรอครับ”

ไอ้นี่ (เปลี่ยนสรรพนาม) ก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าแฟนตัวเองกำลังงับหัวชาวบ้าน  พี่พีหันไปคุยกับคุณเพ้นท์เหมือนกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา  สายตาคุณเพ้นท์อ่อนโยนลง  จนวูบหนึ่งเขารู้สึกอิจฉาพี่พีขึ้นมานิดๆ 

คุณเพ้นท์ผู้แสนใจดี(เฉพาะกับแฟนตัวเอง)  พอได้ยินคำถามก็ยกมือขึ้นจับแก้มจับหน้าผากพี่พีเหมือนกำลังวัดอุณหภูมิ  เสียงทุ้มหล่อถามพี่พีอย่างอ่อนโยนว่า  หนาวหรือเปล่าครับ  ง่วงนอนไหม  พี่บอกแล้วใช่ไหมครับว่าอย่าดื่มเยอะ

“ พีกินไปแค่สองแก้วเอ๊งงงงง”

เสียงสูงเชียว...

แต่สองคูณสองเป็นสี่  จะว่าพี่พีโกหกก็ไม่ได้

“ แล้วนี่....  กำลังคุยใครครับ”


คุณเพ้นท์ตวัดตาฉับ  หันกลับมาสนใจเขาบ้าง  อุณหภูมิในดวงคุณเพ้นท์ลดลงเหมือนสัตว์เลือดเย็นจนเขาตัวสั่นหงึกๆ   แต่ก่อนที่เขากำลังจะอ้าปากแนะนำตัวและเตรียมตัวหาทางชิ่งหนี  จู่ๆ ก็มีมือใหญ่ๆ อีกมือมาตบปุบนไหล่เขา  เขาสะดุ้งจนตัวโยนเพราะนึกว่าบอร์ดี้การ์ดของคุณเพ้นท์จะลากเขาไปฆ่า  เขาจำได้นะว่า  เมื่อห้าปีก่อนพี่แกมีบอร์ดี้การ์ดด้วย

" คุณเพ้นท์  นี่ผู้ช่วยคนใหม่ของผมเอง  ชื่อพระแพง  พระแพง  นี่คุณเพ้นท์ทำความรู้จักกันเอาไว้สิ"  เสียงเสี่ยดังขึ้นมาแทนเสียงมัจุราชจากความตาย  เขาสะกดหัวใจของตัวเองที่กำลังเต้นกระหน่ำให้เต้นเบาลง  มีเสี่ยมาช่วยงานนี้เขายังมีโอกาสรอด  เขาส่งยิ้มไปให้คุณเพ้นท์ตามมารยาทและกำลังจะลุกขึ้นเพื่อสวัสดี  แต่เสี่ยดันกดบ่าของเขาไว้  เขาเลยได้แต่ยิ้มเก้อ  ยกมือไหว้คุณเพ้นท์ทั้งที่ยังนั่งอยู่แบบนั้น 

“ สวัสดีครับ  ผมพระแพง...”

ทักทายยังไม่ทันจบประโยค  คุณเพ้นท์ก็จ้องเสี่ยหนึ่งแวบแบบที่ไม่คิดจะสนใจเขา  สายตาของคุณเพ้นท์ตอนที่มองเสี่ย  เรียกว่าไม่อยากจะเสวนายังน้อยไป  คุณเพ้นท์ตัดสนทนาของเขาโดยก้มหน้าลงไปคุยกับพี่พี  พี่พีพยักหน้ารับ  ก่อนหันกลับมาบอกเขาว่า  พี่ขอตัวกลับก่อนนะ

“ ไว้วันหลังเจอกันนะ” 

ชาตินี้ชีวิตนี้  อย่าเจอกันอีกจะดีกว่ามากครับ  ผมไม่อยากจะโดนแฟนขี้หวงของพี่งับหัวหรอกนะ!

แต่ก็นั่นแหละ...

ได้แต่คิดแต่ก็ไม่เคยได้พูด! 


เขายิ้มแหยๆ ให้พี่พีแทนการโบกมือบ๊าบบาย  รอคุณเพ้นท์บอกลาเสี่ยตามมารยาท(ใช้เวลาสามวินาที)  คุณเพ้นท์ก็พาพี่พีลุกออกจากโต๊ะ  วันนี้คุณเพ้นท์ใส่สูทขาวรองเท้าสีดำ  เวลาคุณเพ้นท์เดินกับพี่พี  แผ่นหลังของคุณเพ้นท์ดูเหมือนกับกำลังปกป้องพี่พีอยู่นิดๆ 

พี่พีเองก็เหมือนจะเคยชินกับการปกป้องแบบนี้  ทั้งสองคนเดินคุยกัน  จับมือกัน  คุยกันกะหนุงกะหนิงและหัวเราะให้กันโดยไม่แคร์สายตาใคร  ความอิจฉาผุดขึ้นมาในหัวใจของเขาอีกครั้ง  คุณเพ้นท์กับพี่พี...  ทั้งสองคนเป็นผู้ชาย  แต่สองคนนี้ก็รักกันอย่างเปิดเผย  ไม่เหมือนเสี่ยกับเขา


" กล้ามากนะ  คิดยังไงถึงได้ไปจีบเด็กนั่น  หา!" 

เสี่ยกระซิบเสียงคำรามจนเขาหลุดออกจากภวังค์  แต่พอเขาใช้หน้ามึนๆ เอ๋อๆ  หันกลับไปมอง  เสี่ยก็ยิ้มหวานเหี้ยมเกรียม(?)  เปลี่ยนจากจับไหล่เขามาบิดหูเขาแทน

" เสี่ยเจ็บบบบบบ  เจ็บบบบบบ  เจ๊บบบบบบบบบบบ”

คราวนี้ต่อให้ไม่มีสติ  ปัญญาเขาก็ต้องเกิดล่ะวะ  นี่มันที่สาธารณะนะ  เสี่ยอย่ามาบิดหูกันเซ่!

“ ผมเปล่านะ!”

เขาปฏิเสธเสียงเบา  อยู่ในที่สาธารณะ  อยากโวยวายแต่ก็ได้แต่ส่งเสียงกระซิบ 

รอจนเสี่ยดึงจนหูเขาจนพอใจ  เสี่ยถึงได้ยอมปล่อยมือออกแล้วลากเขากลับขึ้นห้องพักที่จองไว้ก่อนล่วงหน้า  คืนนี้เขากับเสี่ยตกลงกันไว้แล้วว่าจะพักกันที่โรงแรม  วันนี้เป็นวันศุกร์  และเขาก็เอาน้องพระเพื่อนไปฝากไว้ที่บ้านพ่อกับเสี่ยแล้ว  เขากับเสี่ยที่ไม่ได้เอาท์ดอร์กันมานานเลยกะ....   อะแฮ่ม  เพิ่มรสชาติให้กับชีวิตคู่ที่นี่


" ผมเปล่าจีบซักหน่อย”  เขาเถียงข้างๆ คู่ๆ  นั่งหน้าหงิก  ปล่อยให้เสี่ยถอดเสื้อนอกออกเอง  สายตาเขาวนๆ เวียนๆ อยู่ที่มือเสี่ยมาตั้งแต่ตอนเดินออกมาจากห้องจัดงานแล้ว  ดูท่าเขาคงจะเมาค๊อกเทลแล้ว  เขาถึงได้นึกน้อยใจ  อยากให้เสี่ยจับมือเขา  แบบที่คุณเพ้นท์จับมือพี่พีบ้าง

เสี่ยถอนหายใจ  พอเห็นเขาหน้าบูดเป็น_ูดลิง  เสี่ยก็เดินตรงเข้ามาหาถามว่าเขาเมาแล้ว? 

ปกติเวลาเขาเมา  ความงี่เง่าของเขาจะเพิ่มขึ้นมาประมาณยี่สิบเปอร์เซ็นต์  และเสี่ยเองที่อยู่กับเขามานานก็พอจะรู้ว่าเขามีนิสัยแบบนี้  เขาพยายามสะกดความน้อยใจของตัวเองลงท้อง  นานๆ จะได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันโดยไม่มีลูกมาขวาง  เขาไม่อยากให้ความงี่เง่าของตัวเองมาพาลใส่เสี่ยจนเสียเวลาไปเปล่าๆ ปลี้ๆ 

อีกอย่าง  เขากับเสี่ยอยู่ด้วยกันมาแล้วห้าปี   นิสัยเสี่ยเป็นยังไงก็ใช่ว่าเขาจะไม่รู้  เสี่ยไม่มีทางแนะนำเขาออกนอกหน้านอกจากเรื่องงาน  และถึงเสี่ยจะไม่ปิดบัง  แต่เสี่ยก็จะไม่ประกาศให้ใครรู้

เขาเก็บกลืนความเสียใจของตัวเองลงคอ  ปลอบใจตัวเองว่า  แค่นี้ก็ดีขนาดไหนแล้ว  ถึงชีวิตคู่ของเขากับเสี่ยจะไม่ได้จิ๊จ๊ะสวีทหวานเหมือนกับคู่ของใครคนอื่น   แต่เรื่องที่เสี่ยอ่อนโยน  ดูแลเอาใจใส่และมีเวลาให้กับเขามากขึ้นในทุกๆ ปี  แค่นี้ก็น่าจะพอบอกได้แล้วว่าเสี่ยเห็นเขาเป็นคนสำคัญ  แม้จะไม่ใช่ที่สุด  แต่ได้แค่นี้  เขาก็ควรพอใจแล้ว




แต่ก็ด้วยเพราะความเมาและความน้อยใจที่เก็บเต็มพุง  ถึงจะไม่ได้พูดอะไรออกไป  แต่พอเสี่ยลากเขาไปอาบน้ำ  เขาก็เข้าโรมรันพันตูกับเสี่ยอย่างไม่ยอมให้เอาเสี่ยให้เอาแต่ใจ 

เขาใช้ปากให้เสี่ยผ่านสายน้ำ  ดูดและขบเบาๆ จนของๆ เสี่ยเต้นตุบอยู่ในปาก  จัดการใส่ถุงยางให้เสี่ยและตัวเอง  และพอเสี่ยเริ่มมีอารมณ์  เขาก็จัดการออนท็อปเสี่ยไปสองรอบ

“ อารมณ์ไม่ดี?

เสี่ยถามเสียงหอบตอนที่เขายังขยับตัวอย่างเมามัน  เขาไม่ตอบคำถามเสี่ย  แต่ถอนตัวออกก่อนกดตัวลงไปใหม่ลึกๆ  เอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อยเพื่อรับรู้ถึงตัวตนของเสี่ยที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นมา

เสี่ยหรี่ตาลง  ประคองหนั่นสะโพกของเขาไว้  แล้วชี้นำให้เขาส่ายเอวเป็นวงกลม   เขาทำตามที่เสี่ยสั่งการ  หนุนเอวตัวเอง  เอียงตัวไปด้านหลัง  จนลูกชายเสี่ยโดนจุดของเขาอยู่บ่อยครั้ง 

มีอะไรกันมาห้าปี  ยางอายในเรื่องบนเตียง  ปลิวหายไปจากสมองเขาไปนานแล้ว  ยิ่งรวมกับความเมา  เขายิ่งอ้าขาออกและยิ่งส่งเสียงคราง  รอจนเสี่ยทนไม่ไหวอยากกลับมาเป็นฝ่ายนำ  เสี่ยก็สวนแทงขึ้นมา  ดันตัวเขาลงกับที่นอน  ลูบลูกชายเขาที่บวมเป่งจนจะปริแตก  ก่อนกดเข่าเขาแนบอก  แล้วโน้มตัวลงมาเพื่อจูบปากเขา

“ เด็กขี้อิจฉาเอ๊ย”

เสี่ยกระซิบล้อข้างใบหู  แล้วเปลี่ยนเอามือทั้งสองข้างที่จับเข่าเขาอยู่มาประสานมือกับเขาแทน 

ปกติเวลามีอะไรกันเขากับเสี่ยก็จับมือกันบ้าง  แต่น้อยมากที่จะประสานมือกันแบบนี้

เขากำมือเสี่ยที่ประสานลงมาแน่นจนขึ้นข้อขาว  กดน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาคืนกลับบ่อ  แล้วอ้าปากส่งเสียงคราง   

รอจนเสี่ยโหมแรงลงมาในจังหวะสุดท้ายเพื่อพาเขาขึ้นไปสู่จุดสุดยอด  เขาหลับตาปี๋  แอ่นสะโพกขึ้น    และตอดรัดของๆ เสี่ยที่ขยับเข้าออกอยู่ภายใน 

เสี่ยกดมือเขาจนจมลงกับที่นอน  สาวเข้าสาวออก  ใส่จังหวะลงมา  ก่อนกดลงมาเน้นๆ ในจังหวะสุดท้าย

“ เสี่ย...  เสี่ย...   อ๊าาาาา!”

   



   
>>ต่อด้านล่าง<<




หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ จับมือ [10/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 10-07-2017 20:07:49
สิบโมงเช้า 

เขาม้วนตัวอยู่ในผ้าห่มแปลงร่างตัวเองกลายเป็นหนอนไหม   งานนี้ต่อเสี่ยจับเขาไปต้ม  เขาก็ไม่ยอมหลุดออกมาจากรังไหมหรอกโว้ย!

“ แพง  ออกมากินข้าว”

เสี่ยพูดเสียงแข็ง  แต่เขาโผล่ออกมาแต่ลูกตา  เมื่อคืนเขาเมาก็จริง  แต่เขาไม่ได้อ้อนเสี่ย  ไม่ได้น้อยใจเสี่ยจนขึ้นขย่มเองด้วย!

“ ตกลงไม่กิน?  ดีจะได้เรียกคนมาเก็บ”

เสี่ยพูดจริงทำจริง...   เขาโผล่หัวออกมาจากรังไหมทันที  ของกินวางอยู่เต็มโต๊ะ  จะเก็บทิ้งให้เสียดายเรอะ!

“ เอ้า  อ้าปาก”

เสี่ยบอกแล้วตักข้าวต้มกุ้งมาจ่อให้ถึงปาก  เขาขยับก้นที่เจ็บหน่อยๆ ของตัวเอง  ก่อนข่มความอายของปล่อยให้เสี่ยป้อนข้าวป้อนน้ำ  เสี่ยป้อนเข้าไป...  มุมปากก็ยกยิ้มไปแถมยังสายตาวิบวับ   
   
ความจริงเรื่องคืนเขาก็ไม่นึกหรอกว่าเสี่ยจะจับได้  แต่คงจะเป็นเพราะเขาเมา  บวกกับการที่เขามองตามพี่พีกับคุณเพ้นท์เดินจับมือสวีทหวานกันแบบไม่วางตา  เสี่ยอยู่ด้านหลังเขาอยู่ตลอดเลยพอจับความรู้สึกเขาได้

“ ทำไมคุณเพ้นท์ดูไม่ค่อยชอบเสี่ยอ่ะ”

ที่ชิงถามขึ้นมาก่อนนี่  ไม่ได้ถามเพื่อกันเสี่ยล้อเลยจริงจริ๊งงง

“ ฮึ” 

ฮึ  มาแบบนี้  แสดงว่าเสี่ยเริ่มกลับเข้าสู่โหมดปกติ   

เสี่ยบอกเขาว่า  คนทำมาค้าขายด้วยกัน  ต่อให้เป็นลูกค้ารายใหญ่ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นคนที่คุยกันถูกคอเสมอไป  ทุกอย่างมันเป็นเรื่องของผลประโยชน์และข้อตกลง  เงินมาของไป   ตกลงซื้อขายกันเสร็จมันก็เท่านั้น   ยิ่งกับคุณเพ้นท์(หรือบริษัทคุณเพ้นท์) ที่ซื้อขายกับบริษัทเสี่ยมาเป็นเวลานาน  แน่นอนว่าคุณเพ้นท์ไม่ได้ซื้อของเพราะตัวเสี่ย  แต่คุณเพ้นท์ซื้อเพราะสินค้าของเรามีคุณภาพดี
 
บริษัทของเราราคาเป็นกลาง  เวลาเราส่งของไป  ทุกครั้งเราไม่เคยมีของสอดไส้  วัสดุทุกชิ้นได้มาตรฐาน  ไม่มีหมกเม็ด   แล้วไม่ว่าทางฝั่งคุณเพ้นท์จะสั่งลอตใหญ่ขนาดไหน  รีบขนาดไหน  ถ้าไม่เร่งด่วนหรือเวลากระชั้นจนเกินไป  เราก็มีของส่งให้ทุกครั้ง  ดังนั้นต่อให้ไม่มี Service mind  คุณเพ้นท์ก็เลือกที่จะสั่งสินค้าและวัสดุจากเราก่อนเจ้าอื่นอยู่ดี  ส่วนเรื่องที่คุณเพ้นท์ไม่ชอบขี้หน้าเสี่ย....

“ ฮึ”

เสียงหัวเราะข้างบนนั่นมันสามารถขยายความได้ว่า  เพราะเสี่ยเป็น “เสี่ยเลี้ยง”  ซื้อเด็กกินจนเขารู้กันทั่วทั้งวงการ  คนที่มีเชื้อสายผู้ดีเก่าทำตัวอยู่ในกรอบอย่างคุณเพ้นท์เลยค่อนข้างรังเกียจเสี่ยที่มีนิสัยแบบนี้  ยิ่งพอเสี่ยแนะนำว่าเขาเป็นผู้ช่วยส่วนตัว  สำหรับคนที่รู้สันดานเสี่ยดี  ย่อมต้องคิดว่าเขาเป็นเด็กเลี้ยงคนที่ใช้เต้าไต่...  เอ๊ย  ใช้  ตื้ด  ไต่ขึ้นมาแทนการใช้ความสามารถ  ดังนั้นเพื่อปกป้องแฟนที่แสนจะใสซื่อของตัวเอง (เสี่ยประชด)  ไม่ให้แปดเปื้อนคราบคาวคนอย่างพวกเขา  คุณเพ้นท์เลยคุยทักทายตามมารยาทแค่ไม่กี่คำ(นับเวลาได้สามวิ)  ก่อนรีบลากพี่พีให้ออกจากโต๊ะ 


“ ………………”

อืมมม  จุดแ_กข้างบนนั่นเป็นความคิดในใจของเขาเอง  เขาไม่โกรธหรอกที่คุณเพ้นท์มองว่าเขาเป็นคนเป็นคนไม่ดี  เป็นขายตัวแทนที่จะขายความสามารถ  เพราะถ้าหากให้พูดกันตามความจริง  เรื่องที่เสี่ยซื้อกินหรือแม้แต่เรื่องที่เขาเคยขายตัว  เรื่องพวกนี้ไม่ว่ามองยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องที่คนส่วนใหญ่ในสังคมจะยอมรับได้อยู่แล้ว  แต่สิ่งที่เขาทำให้เกิดอาการเขาแ_กจุดน่ะคือ  คุณเพ้นท์จะปกป้องพี่พีเกินไปหน่อยไหม  พี่พีอายุสามสิบแล้วนะ  ไม่ใช่เด็กสามขวบที่ถูกเขาหลอกลวงหรือทำให้แปดเปื้อนได้ง่ายๆ

“ ฮึ”

มาอีกหนึ่งดอก

เสี่ยบอกเสียงหมั่นไส้ว่า  คุณเพ้นท์หวงพี่พีมากกกกกก  (อันนี้เขาเติมก.ไก่เพิ่มเอง)  ทุกคนที่อยู่ในวงสังคม  ไม่มีใครไม่รู้ว่าคุณเพ้นท์รักและหวงพี่พีขนาดไหน  ตอนที่สองคนนั้นประกาศแต่งงาน  แม้ว่าจะเป็นการจัดงานแต่งเล็กๆ ที่มีแต่กลุ่มเพื่อน  แต่สาวๆ ที่รู้ข่าวก็น้ำตาตกในไปครึ่งค่อนกรุงเทพ 

คุณเพ้นท์  หล่อ  รวย  และดูดี  พอมีข่าวว่าจะสละโสดกับเด็กที่ไหนไม่รู้  สาวๆ ที่ไหนเขาจะยอมรับได้  เพราะงั้นครั้งหนึ่งเลยมีเหตุการณ์  มีสาวเจ้าใจกล้า  อดีตแฟนคุณเพ้นท์  เดินตรงไปฉะกับพี่พีที่กำลังหาอะไรกินอยู่ในงาน  ตอนนั้นแม้สาวเจ้าจะไม่ได้ส่งเสียงดัง  แต่พอเห็นพี่พีกะพริบตาปริบๆ  ก่อนพยายามเบี่ยงตัวออกมาเพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืน  สาวเจ้าคนสวย...  ด้วยอารมณ์ที่ปะทุขึ้นมาเลยเริ่มส่งเสียงดัง

ส่วนคำด่า...  ก็เอาเป็นว่า  ไม่พ้นคำว่าเกาะผู้ชายกิน  แกล้งตีหน้าซื่อ  ไม่นานแกก็จะถูกทิ้ง

คุณเพ้นท์ที่ผละตัวออกระหว่างคุยธุระสำคัญ  พอได้ยินประโยคเด็ด... 

แม่เจ้าประคุณเอ๊ย  แค่คิดตามเขาก็ขนหัวลุกแทน  คุณเพ้นท์อาจเป็นสุภาพบุรุษก็จริง  แต่เรื่องพี่พีนี่คือห้ามให้ต้อง 

และวันนั้นถึงคุณเพ้นท์จะไม่ได้สาดเสียเท  แต่ก็ทำเอาเจ้าสาวหน้าม้านจนน้ำตาตกใน 

แล้วที่เด็ดยิ่งไปกว่านั้นก็นั้นก็คือ  สองสัปดาห์ถัดมา  บริษัทพ่อของสาวเจ้า  อยู่ๆ  ก็ถูกขุดเรื่องเก่าๆ ขึ้นมา  ทั้งสปก.(?)   ปปง.*  ต่างตบเท้าเข้าไปเยี่ยมเยียนถึงในบริษัท เรียกว่ถูกขุดคุ้ยทั้งเรื่องการฟอกเงิน  การลักลอบขนสินค้าหนีภาษี  รถหรูที่ได้มาดด้วยวิธีไม่ซื่อก็ถูกยึด 

เล่นเอาคนเป็นพ่อคนเป็นแม่  รีบวิ่งแจ้นมาขอโทษคุณเพ้นท์แทบไม่ทัน   

และถึงคุณเพ้นท์จะยอมปรานีปล่อยไป  แต่เรื่องที่ถูกขุดไปแล้ว  กว่าจะฟื้นฟูชื่อเสียงใหม่ได้  นอกจากจะต้องใช้เงินปิดข่าวไปหลายล้าน  ก็ต้องใช้เวลาอีกนานหลายปีกว่าบริษัทจะกลับมาอยู่ตัว  ส่วนสาวสวยตัวปัญหาก็ถูกที่บ้านส่งไปอยู่เมืองนอก 

เขาฟังเสี่ยเล่าจบก็กะพริบตาปริบๆ  อีกทีสองที  ดูเสี่ยรู้เรื่องคุณเพ้นท์กับพี่พีดีจังเนอะ 

เขาคิดอยู่ในใจ...  ไม่ใช่ว่าเสี่ยเคยคิดจีบคุณเพ้นท์แล้วถูกปฎิเสธมาหรอกนะ  คุณเพ้นท์ยิ่งหล่อๆ  น่าจะถูกใจเสี่ยอยู่ด้วย

แน่นอนว่าแค่คิดก็ผิดแล้ว  เพราะเสี่ยดีดหน้าผากเขาดังโป๊ก  บอกว่าถ้าเขาคิดฟุ้งซ่านไม่เลิกได้ถูกจัดหนักอีกรอบแน่

เขาที่ถูกดีดหน้าผากก็ลูบหัวป้อยๆ  ฟังเสี่ยเล่าต่อว่า  หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นมา  เวลาคุณเพ้นท์พาพี่พีออกมางานเลี้ยง (ความจริงคือพาพี่พีมาหาอะไรกิน)  คุณเพ้นท์จะสั่งให้พวกบอดี้การ์ดคอยวนเวียนอยู่ห่างๆ รอบตัวพี่พี  ใครกล้ามาหาเรื่อง  ก่อกวน  ลวนลาม  หรือตามตื้อพี่พีให้เป็นสะพานหาประโยชน์ไปถึงคุณเพ้นท์  ร้อยทั้งร้อย  นอกจากเขาจะถูกบอดี้การ์ด “เชิญ” ออกไป  คุณเพ้นท์ยังขึ้นบัญชีดำกับทั้งบริษัท  ไม่คิดดีลงานต่อด้วย

“  อ่า…  แล้วเมื่อคืน” 

เขาเริ่มหน้าซีดเผือด  หูตกหางลู่  เริ่มรู้ถึงความผิดของตัวเอง  ถ้าเกิดเรื่องเมื่อคืนทำให้คุณเพ้นท์เข้าผิด  ไม่พอใจเขาที่เข้าไปชวนพี่พีคุยก่อนแล้วไม่ดีลงานกับบริษัทเสี่ยต่อจะทำยังไง  ปีๆ หนึ่งบริษัทได้เงินจากคุณเพ้นท์มาหมุนทีก็ตั้งหลายล้าน  แล้วถึงเมื่อคืนเขาไม่ลวนลามแต่หลักฐานคาตา  เขากินเค้กจากมือพี่พี  แถมให้นามบัตรในเชิงธุรกิจกับพี่พีไปแล้วด้วย


“ ฮึ”

......ถ้าพูดมากกว่านี้ดอกพิกุลจะหลุดออกมาจากปากหรือไงวะ!


แต่นั่นแหละนะ  ได้แต่คิดพูดออกไปไม่ได้!

เสี่ยบอกกับเขาที่หูตกหางลู่  หน้าซีดเผือดไม่หายว่า  คงไม่มีอะไรมากหรอกมั้ง  เพราะเสี่ยก็เองคอยจับตาดูเขาอยู่ห่างๆ  ตลอดเวลา  ตั้งแต่ตอนที่เขาเหล่สาว(!)  ชวนพี่พีคุย  ไปจนถึงตอนเขากับพี่คุยกันกะหนุงกะหนิงป้อนเค้กให้กันแล้วเขาก็กล้าอ้าปากงับ
 
เสี่ยบอกเขาให้สบายใจว่า  ถ้าพี่พีไม่ได้ท่าทีว่ารำคาญ  คุณเพ้นท์เองก็คงไม่คิดเล็กน้อยกับแค่ไอ้เรื่องที่แฟนตัวเองคุยกับคนอื่นแบบนี้

หงิงงงงงงงง

เสี่ยพูดมาแบบนี้....

เขาว่าเสี่ยไม่ได้กำลังจะพูดปลอบใจเขาหรอกว่าไม่มีอะไร  เพราะดูจากสายตาเสี่ยที่ส่งมาตอนนี้  เขาว่าเสี่ยคงกำลังอยากจะหามีดจิ้มพุงเขาต่างหาก!  กล้ากินเค้กจากมือคนอื่น  แถมถึงขั้นกล้าเหล่สาว....  นี่เสี่ยแอบดูเขามาตลอดเลยเหรอวะ!

“ แล้วยังจะเถียงอีกว่าไม่ได้ไปจีบใครอีกนะ! ”

หงิ้งงงงงงงงงงงงงงง

“ เสี่ยยยยย!!!  พระแพงขอโทษษษษษษ  พระแพงเจ้บบบบบบบบ!!!!!!”





จ๊บ



* ปปง.  = งานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน~

>>>  หายไปนานเลย  แฮะๆ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ จับมือ [10/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 10-07-2017 20:26:55
พระแพงเป็นคนฮา ๆ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ จับมือ [10/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 10-07-2017 20:42:10
คิดถึงอิเสี่ยและพระแพง. ฮิอิ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ จับมือ [10/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 10-07-2017 21:23:11
 :mew1: :mew1: :laugh: :laugh: o13 o13
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ จับมือ [10/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 10-07-2017 22:17:03
โอ้ยยยยย คิดถึงเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ จับมือ [10/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: joyey6217 ที่ 10-07-2017 22:38:44
ครานี้เสี่ยมีบทพูดเยอะขึ้นนะ
คิดถึงพระแพง เเอนด์ เสี่ยแค่กๆ
คู่นี้ยังคงความแซ่บไม่เสื่อมคายจริงๆ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ จับมือ [10/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 10-07-2017 23:24:30
ตอนนี้เสี่ยมีบทพูดมากกว่าทั้งเรื่องรวมกันไหมคะ555555555555 มีความแซ็ว #เขียนไทยให้ถูก
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ จับมือ [10/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 11-07-2017 07:09:34
ไม่แน่นะ อาจจะได้ ออเดอร์ล็อตใหญ่มากก็ได้
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ จับมือ [10/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 11-07-2017 07:47:01
ตอนพิเศษจริงๆ เสี่ยมีบทเยอะ อิอิอิ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ จับมือ [10/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-07-2017 08:20:00
คิดถึง มากกกกกกกกกก  :mew1: :mew1: :mew1:
ไรท์มาต่อ ดีงามต่อใจสุดๆ

พี่เพ้นท์ ที่หลงพี่พี นี่เพราะพี่พี น่ารัก อ้อนเก่ง แถมเอาอกเอาใจเป็นเลิศแน่เลย

พะแพง มีแอบเหล่สาว เสี่ยก็เห็นการเหล่นี้ด้วย  :hao3:
พี่พี ป้อนอาหารให้ เสี่ยก็เห็นอี๊ก  :z3: :z3: :z3:
แล้วพะแพงที่น้อยใจเสี่ย
อิจฉาพี่พีพี่เพ้นท์ ที่เดินจูงมือกระหนุงกระหนิง 
ก็ลงโทษเสี่ย ออนท็อปซะเลย เจ๊ยยยยยย    :z1:  :haun4: :pighaun:
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ จับมือ [10/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 11-07-2017 08:40:55
โธ่แพง ลึก ๆ ในใจก็คิดอยู่ไม่น้อยสินะ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ จับมือ [10/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 11-07-2017 16:31:30
คิดถึงแพงงงงง และยังคงหมั่นไส้เสี่ย หึ
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ จับมือ [10/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 11-07-2017 19:21:14
พะแพงงงงงงงงงงงงงงง  :pandalaugh: :pandalaugh: :pandalaugh:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ จับมือ [10/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 11-07-2017 21:14:58
อยู่ในสายตาเสี่ยตลอด
อย่าพลาดเหล่ไปทางไหนเชียว
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ จับมือ [10/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pangvivacious ที่ 12-07-2017 01:34:59
รู้สึกเสี่ยพูดมากขึ้น(รึเปล่า?55555555555)

ดูเสี่ยใจดีกะพระแพงมากขึ้นอะ ดีใจจุงงงง o18

หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ จับมือ [10/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 19-07-2017 22:44:00
คิดถึง..งงงงง พระแพงยังน่ารักเหมือนเดิม   :mc2:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ จับมือ [10/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 21-07-2017 22:57:17
รั่วสมกับเป็นพระแพง และซึนสมกับเป็นเสี่ย
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ จับมือ [10/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-10-2017 17:11:32
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ จับมือ [10/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Onlylyn ที่ 09-10-2017 08:13:59
กลับมาอ่านอีกทีก็ยังชอบ :L2:
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ จับมือ [10/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 13-10-2017 08:11:24
 :hao5:อ่านรวดเดียวจบ!!!! งานดี เหมือนนั่งฟังเพื่อนเล่าเรื่อง ไม่ต้องมีบทพูด มีแค่เล่าเรื่องก็ฟิน ก็รู้สึกไปกับพระแพง ดีงามมมมม
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ จับมือ [10/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เมียงู ที่ 14-01-2018 21:23:57
อ่านช่วงหลังแล้วอึดอัดมากอะ คือจะมั่วยังไงก็ไม่ผิดค่ะแต่มั่วทั้งๆ ที่มีอยู่แล้วก็แบบ...

ความคิดของเสี่ยที่ว่าการไปซื้อกินนอกบ้านแต่ยกให้แพงเป็นที่หนึ่งคือการให้เกียรติ ส่อถึงความคิดคนยังไม่เจริญอะ

แล้วเสี่ยบอกเพื่อนเสี่ยก็เป็นแบบนี้ กุมขมับเลย มันไม่ใช่นิสัยปกติของผู้ชายจ้า นอกใจไม่ใช่เรื่องปกติ ย้ำว่าไม่ใช่เรื่องปกติ

วงวารพระแพงเว่อวัง อยากให้เลือกใหม่แต่คนเขียนตั้งใจมาแบบนี้(แถมเรื่องนี้มันจบไปนานแล้ว) ก็ช้ำเลือดช้ำหนองกันไป

แต่ขอบพระคุณมากค่ะที่แต่งให้อ่าน จิกมือแรงมาก อิน 555555555
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ จับมือ [10/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 05-02-2018 22:48:08
เสี่ยนะเสี่ย  ต้องให้พระแพงหนีหายไปสักสองสามปีเนอะ จะได้ดัดนิสัยรู้ใจตัวเองซะที
หัวข้อ: Re: [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน]:: เด็กเลี้ยง ตอนพิเศษ จับมือ [10/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 13-05-2018 16:03:35
เป็นคู่ที่เข้ากันมากๆ
หัวข้อ: Re: [Pre-sale]:: Sugar daddy เด็กเลี้ยง (26/7/61-30/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 28-07-2018 11:31:13
---ลบ---
หัวข้อ: Re: [Pre-sale]:: Sugar daddy เด็กเลี้ยง (26/7/61-39/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 29-07-2018 13:30:04
ชอบพระแพง
จริงๆคิดว่าเพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ แต่พออ่านๆไปก็รู้สึกว่าเหมือนจะเคยอ่านมาก่อนหน้านี้แล้ว 555 แต่ไม่ได้เม้นเอาไว้เลยจำไม่ได้ ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Pre-sale]:: Sugar daddy เด็กเลี้ยง (26/7/61-39/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 01-08-2018 10:17:53
 :katai5:  น่าโดนเเพงดัดหลัวบ้างนะเสี่่ย
หัวข้อ: Re: [Pre-sale]:: Sugar daddy เด็กเลี้ยง (26/7/61-39/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 01-08-2018 14:40:16
วันที่ 39?
หัวข้อ: Re: [Pre-sale]:: Sugar daddy เด็กเลี้ยง (26/7/61-39/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: noveeo ที่ 05-08-2018 10:01:09
  :pig4:
หัวข้อ: Re: [Pre-sale]:: Sugar daddy เด็กเลี้ยง (26/7/61-39/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 10-08-2018 10:32:06
สนุกมากกกก ชอบความคิดแพงจริงๆ
หัวข้อ: Re: [Pre-sale]:: Sugar daddy เด็กเลี้ยง (26/7/61-39/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: yin ที่ 11-08-2018 14:34:05
สนุกมากค่ะ ถ้าน้องแพงไม่มีความคิดเชิงบวกละก็ เสี่ยคงไม่มีโอกาสจนถึงป่านนี้แน่5555
หัวข้อ: Re: [Pre-sale]:: Sugar daddy เด็กเลี้ยง (26/7/61-39/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 09-09-2018 03:21:31
ชอบพระแพงคือสตรองสุด ไม่ชอบเสี่ยอ่ะ ยังไม่รู้ เป็นคนที่ตรรกะแปลกๆ
หัวข้อ: Re: [Pre-sale]:: Sugar daddy เด็กเลี้ยง (1/11/61-15/11/61)
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 01-11-2018 17:15:59
       หลังจากขลุกขลักมานาน ตอนนี้พระแพงมีเปิดรอบPre-Sale รอบใหม่แล้วนะคะ โดยหนังสือในรอบพรีเซลล์รอบใหม่นี้จะจัดส่งหลังจากวันที่ 16/11/61 (หลังจากที่เคลียร์หนังสือให้กับคนที่สั่งกับทางสนพ.Writer เสร็จเรียบร้อยแล้ว) รายละเอียดการเปิดจอง >>> https://www.facebook.com/search/top/?q=producty

และหมายเหตุตัวโตๆๆ

เรื่อง Sugar Daddy หรือพระแพง ตอนนี้ไม่ได้ออกกับสนพ.Writer แล้วนะคะ (เนื่องจากสนพ.รับเงินจากพรีไปแล้วเงียบ ไม่มีการติดต่อ เพราะฉะนั้นห้ามโอนเงินไปให้กับทางสนพ.Writerเด็ดขาด และหากมีการโอนเข้าสนพ.Writer ทางเราจะไม่ได้รับผิดชอบคืนเงินในทุกกรณี)ส่วนคนที่เคยพรีออเดอร์กับสนพ.Writerไปแล้วสารถติดต่อขอรับเงินคืนหรือติดต่อขอรับหนังสือ(ในกรณีที่ไม่ต้องการเงินคืน) ได้ที่ทาง เพจ ProductY

หัวข้อ: Re: Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 03-11-2018 19:05:23
คนดีผีคุ้ม



พระแพงลาบวช

ครั้งนี้เขากับพระแพงไม่ได้ทะเลาะกัน แต่ปีนี้แพงอายุ 25 เป็นปีเบญจเพส

แพงเป็นชาวไทยพุทธเต็มตัว ไม่ได้งมงายแต่ก็ไม่เคยลบหลู่กับเรื่องแบบนี้ แพงมาขอเขาลากลับบ้านเป็นเวลาสี่เดือนเพื่อบวชให้ครบหนึ่งพรรษา

ปกติทุกๆ ปีก็จะมีคนมาขอลาบวชอยู่แล้ว สามวันบ้าง ห้าวันบ้าง ตามแต่สะดวก เขาเองก็ไม่ได้อะไรกับประเพณีนิยมอย่างนี้ เพียงแต่สี่เดือน... มันออกจะนานเกินไปหน่อยไหม

" ทำไมต้องลาต้องลาตั้งสี่เดือน"

" บวชทั้งทีก็ต้องบวชให้ครบพรรษาสิเสี่ย ยายผมสั่งไว้ บวชไม่ครบพรรษา*ก็ไม่ต้องบวช เปลืองผ้าเหลือง"

ตอนคุยเรื่องนี้กับแพง เขาเองก็อยากจะสวนไปว่า งั้นก็ไม่ต้องบวชสิ คนไทยบางคนบวชตามประเพณีนิยม บวชสามวันเจ็ดวันยังไม่ทันเข้าถึงรสพระธรรมก็สึกออกมาแล้ว แต่กับแพง... เกิดแพงบวชไม่สึกจะทำยังไง

" แล้วใครจะดูพระเพื่อน"

" เสี่ยก็ดูพระเพื่อนไปสิ พ่อแม่ก็เสี่ยก็อยู่ ถ้าเสี่ยยุ่ง ผมเอาพระเพื่อนไปฝากลุงกับป้าเลี้ยงก็ได้"

ขอย้ำอีกครั้งว่า เขาไม่ได้ทะเลาะกับแพง เพียงแต่ช่วงนี้แพงหงุดหงิดหัวเสียง่าย เห็นว่าทำอะไรไม่ได้ก็ไม่ได้ดั่งใจ แผ่นผ้ากอซที่อยู่บนหัวแพงตอนนี้ก็ใช่ เห็นว่าแฟ้มตกใส่เมื่อเช้า เขามองแพงบ่นหงุงหงิงๆ ปากแบะเล่นกับพระเพื่อน ปกติแพงเป็นเด็กว่าง่าย แต่ลองแพงพูดมาขนาดนี้ แสดงว่าตัดสินใจแล้ว

" มีอะไรอยากให้ช่วยก็บอกแล้ว"





หนึ่งเดือนหลังจากนั้น ในวันที่แพงบวชเขาเองก็ไปร่วมพิธี งานบวชของแพงมีคนร่วมงานไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นพวกเพื่อนๆ ในจังหวัดที่ว่างงานพอดี ญาติแพงก็มีลุงกับป้า และพี่อีกสองคน เขาไม่เป็นคนร่วมตัดผมนาค ลุงแพงเองก็ไม่ได้กล่าวห้าม เพียงแต่เขารู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร

ทางพระพุทธศาสนา ห้ามคนเป็นกะเทยหรือรักร่วมเพศเข้าบวช แต่เรื่องนี้เขากับลุงแพง และแพงเองก็เคยถกกันแล้ว แพงเป็นชายแท้ หัวใจก็เป็นผู้ชาย ถึงรักชอบอยู่กับเขา มีลูกด้วยกันหนึ่งคนคือพระเพื่อน แต่ในความจริงแล้ว ตามหลักพุทธศาสนา สาเหตุที่เมื่อก่อนห้ามคนกลุ่มนี้บวช เขาว่าน่าจะเป็นความไม่เข้าใจของคนสมัยก่อน จากที่เขาหาข้อมูลมา หลักใหญ่ในความที่ห้ามคนกลุ่มนี้ เป็นเพราะคนสมัยก่อนคิดว่าคนกลุ่มนี้มักมากทางเพศ หากบวชหรืออุปสมบทไป จะลากิจทางกามไม่ได้ และบางส่วนก็มองว่าคนที่เป็นพวกรักร่วมเป็นพวกมีบาปมาตั้งแต่ชาติปางก่อน

แต่กับแพง... เขาอยู่กับแพงมานาน จนเกือบจะเรียกได้ว่าอยู่กินกันอย่างผัวเมีย แพงไม่ได้เป็นคนมักกามในกามแบบนั้น ไม่เคยประพฤติผิดในศีลข้อที่ร้ายแรง ศีลห้า...คนไทยก็ผิดศีลกันอยู่เป็นนิตย์ พวกที่หนีอาญาแล้วออกบวชเพื่อหลบหนีความผิดก็มีกันให้เห็นอยู่บ่อยๆ ดังนั้นการที่แพงบวช เขาจึงไม่ออกจากปากห้าม ลุงแพงเอง... ถึงจะสองจิตสองใจ แต่ในแง่ของญาติผู้ใหญ่ที่เลี้ยงดูแพงมา ก็คงอยากเห็นหลานคนนี้ออกบวชทดแทนคุณให้พ่อแม่

" ยัยนางมาเห็นคงดีใจ" ลุงของแพงว่าพลางปาดน้ำตา

นางคือชื่อของแม่แพง เห็นว่ามาจากคำว่า พระนาง ยายของแพงชอบดูลิเก แล้วก็เจอกับตาของแพงตอนนั้น พอมีลูกสาวเลยให้ชื่อพระนาง ส่วนลูกชายชื่อพระนาย

....ตั้งง่ายดีน่ะนะ

หลังจากงานเลี้ยงพระใหม่จบลง เขาก็ให้พระเพื่อนไปลากลับ ฉายาทางธรรมของแพงคือ ฐิตฺธมฺโม แปลว่าผู้มีธรรมตั้งมั่น ซึ่งเขาว่าชื่อนี้ก็เหมาะสมกับแพงดี



แต่ที่เกริ่นมา เนื้อหาของตอนนี้ไม่ได้เกี่ยวกับพระแพง เอ่อ หลวงแพงแต่อย่างใด แต่เกี่ยวกับพระเพื่อน ตอนที่แพงลาบวชพระเพื่อนแค่สองขวบ แพงเลี้ยงพระเพื่อนมาตั้งแต่เกิด และพระเพื่อนก็ติดแพงมาก วันๆ เรียกหาแต่พ่อแพง พ่อแพงคะอย่างนั้น พ่อแพงคะอย่างนี้ ก่อนนอนก็ต้องให้พ่อแพงพาเข้านอน ตื่นมาต้องให้พ่อแพงช่วยอาบน้ำ ถึงจะมีพี่เลี้ยงสองคน แต่ส่วนใหญ่เรื่องส่วนตัวของพระเพื่อน แพงก็จะลงมือทำเอง

ครั้งนี้แพงลาบวชสี่เดือน... เขาบอกพระเพื่อนไปตามจริงว่าแพงลาบวชหรือเรียกง่ายๆ ว่าพ่อแพงติดธุระ

ปกติพ่อแพงกับเขาก็มัก “ติดธุระ” กับบ่อยๆ จนต้องพาพระเพื่อนไปฝากที่บ้านพ่อแม่อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว และพ่อแม่เขาที่มีหลานอยู่คนเดียวแถมมีพี่เลี้ยงคอยช่วยดูแล ดังนั้นถ้าเอาไปฝากแค่สองสามวัน พ่อแม่เขาก็ยังดูแลไหว พระเพื่อนเองก็จะยังไม่งอแงหรือสร้างปัญหามาก

แต่พอถึงวันที่สี่แล้ว ถ้าเขากับพ่อแพงยังไม่ไปรับ แค่นั้นล่ะเป็นเรื่องทุกที ถึงพระเพื่อนจะไม่ได้งอแงถึงขั้นออกอาละวาดหรือทำลายข้าวของ แต่คำว่า “พ่อแพงอยู่ไหน” “ทำไมป๊ายังไม่มารับ” คำพูดแบบเด็กๆ ที่ถามซ้ำไปซ้ำมา แถมข้าวไม่ยอม กินได้นม แค่นี้ก็ทำให้พ่อกับแม่เขาที่เห่อหลานเป็นพักๆ ถึงกับอารมณ์ไม่ดี

พ่อแม่เขายังต้องออกงานสังคม ถ้าหลานงอแงบ่อยๆ ก็ปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้ ดังนั้นระหว่างเรา… เขากับแพงและพ่อกับแม่ จึงมีข้อตกลงที่รู้กันโดยไม่ต้องบอกคือ เอาหลานมาฝากได้แต่มากสุดจะรับฝากแค่สามวันเท่านั้น

มาครั้งนี้พระเพื่อนอายุสองปี พูดจากันรู้เรื่องขึ้นมาหน่อย พอพ่อแพงบอกพระเพื่อนว่าจะไปออกบวชซักสี่เดือน... ไม่รู้ว่าเพราะสัญชาติของเด็กหรือยังไง พระเพื่อนงอแงไปสามวันสามคืนเกาะพ่อแพงแจบอกว่าตัวเองกำลังจะถูกทิ้ง

ไอ้เรื่องที่พระเพื่อนคิดว่าตัวเองจะถูกทิ้ง เรื่องนี้เขาเองก็เคยคุยกับแพงตอนหลังอยู่เหมือนกันว่าทำไมพระเพื่อนถึงพูดแบบนี้ เขากับแพงเลี้ยงลูกแบบคนสมัยใหม่ คือพูดคุยกันตรงๆ พูดจากันด้วยเหตุผล ไม่เคยโกหกหรือขู่ให้พระเพื่อนกลัว

รอจนเขากับแพงค่อยๆ ซักไซ้ไล่เลียง ในที่สุดพระเพื่อนก็ยอมบอกว่าตอนออกไปเที่ยวกับคุณย่า เพื่อนๆ คุณย่าเคยพูดแบบนี้

ตอนนั้นความโกรธของเขาพุ่งสูง ไม่ต้องพูดถึงแพงที่อยากจะศีลขาดถึงขั้นฆ่าคนตาย

ปากคนยิ่งกว่าปากกา เขาที่อยู่ในสังคมแบบนี้มานานใช่ว่าจะไม่รู้เรื่องแบบนี้ แต่กับเด็กที่อายุแค่ไม่กี่ปี ไม่ว่าพระเพื่อนจะเกิดมาด้วยวิธีใด เขาจะมีรสนิยมแบบไหน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่คนอื่นจะมายุ่ง

วันนั้นเขากับแพงเลยต้องปรับความเข้าใจกัยพระเพื่อนอยู่นาน ว่าไม่ว่ายังไงพระเพื่อนก็จะไม่ถูกทิ้ง พระเพื่อนที่กำลังถือ Peppa pig (ตุ๊กตาหมูเน่า) ร้องไห้จนตาบวม ในสุดก็ยอมเข้าใจ กะพริบตาปริบๆ แล้วถามว่า “สี่เดือน นานขนาดไหนคะ”

แน่นอนว่าพระเพื่อนไม่ได้พูดเต็มประโยคแบบนี้ แต่ใจความหลักๆ เท่าที่เด็กสองขวบอยากรู้ก็คือ เมื่อไหร่พ่อแพงถึงจะกลับมารับ

คราวนี้ล่ะงานยาก เด็กสองขวบย่อมไม่เข้าเรื่องเวลา เขากับแพงมองหน้ากัน ก่อนที่แพงจะรีบเปิดกูเกิ้ล หาข้อมูลอยู่นาน ในสุดก็ได้คำตอบให้กับพระเพื่อนว่า พ่อแพงติดธุระสำคัญ แต่ป๊าอธิปยังอยู่ เวลาสี่เดือนไม่นาน พระเพื่อนอยู่เล่นกับป๊าอธิปก่อนนะ

….คำตอบนี้ เหมือนจะไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด แต่เขากับแพงเป็นพ่อแม่มือใหม่ ขอแค่ไม่โกหก ค่อยๆ คุยกันจนเข้าใจ พระเพื่อนที่เป็นเด็กเข้าใจอะไรง่ายๆ เลยถามเขาประมาณว่า “ป๊าจะดูแลน้องเพื่อน เล่นกับน้องเพื่อน เหมือนที่พ่อแพงทำใช่คะ”



----------------ชับ ชับ ชับ----------------



ตอนนี้เสี่ยมีความเป็นพ่อมากขอบอก><

หัวข้อ: Re: Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-11-2018 23:56:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 14-11-2018 06:59:32
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: exoxoxo1122 ที่ 17-02-2019 11:26:26
ขำพะแพงอ่ะ55555555 น้องโว้ยยย
หัวข้อ: Re: Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: exoxoxo1122 ที่ 17-02-2019 12:04:28
ัโอ้โหหหเสี่ยยยย ไม่เบาเลยค่าาา
หัวข้อ: Re: Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: exoxoxo1122 ที่ 17-02-2019 12:19:21
เสี่ยร้ายกาจมากอห555555555 มีโซ แส้ กุญแจมือ อหหห เสี่ย5555555
หัวข้อ: Re: Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: exoxoxo1122 ที่ 17-02-2019 13:15:50
ทำไมเสี่ยทำแบบนี้อ่ะ แงงงง สงสารน้อง หนีไปจากเสี่ยให้ไกลๆเลย แงงง
หัวข้อ: Re: Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: exoxoxo1122 ที่ 17-02-2019 13:49:15
ยังไงกันแน่อ่ะ เรื่องราวใหญ่โตแล้ว เสี่ยนี่ก็ยังไงๆ มีปัญหากับเมียตัวเองแล้วเอี่ยวพะแพงไปด้วยรึปะ!!??
หัวข้อ: Re: Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: exoxoxo1122 ที่ 17-02-2019 13:54:03
โอ้ยยยตอนนี้ปวดหัวอย่างแรงกับอิเสี่ย อะไรของแกอ่ะเสี่ย
หัวข้อ: Re: Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: exoxoxo1122 ที่ 17-02-2019 14:08:47
ตัวละครนำคือพะแพง ส่วนเสื่ยคือคัวประกอบ
จะจบงี้จริงๆหรอแงงง เสี่ยไม่มาอธิบายหน่อยหรอ? แต่เรื่องหลอกใช้น้องคือบั่บ! สุดจะทน!
หัวข้อ: Re: Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 20-02-2019 03:00:00
 :hao3:
หัวข้อ: Re: Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 09-02-2020 21:50:19
สนุกค่ะ
เรื่องแบบนี้เหตุการณ์แบบนี้ถ้าไม่มีแนวคิดแบบแพงก็คงจะใช้ชีวิตปกติได้ยาก
ส่วนเสี่ย เข้าใจนะว่าคนมันเคยมันก็เลิกได้ยาก (จากที่เคยเห็นมา)
ยางคนเลิกได้เร็ว บางคนเลิกได้ช้าหน่อย บางคนก็เลิกไม่ได้เลย
อย่างเสี่ยถือว่ากลางมั้งเพราะมาเลิกได้ตอนแก่แล้ว อิอิ
แต่หยุดแล้วก็ดูแลน้องแพงดีๆเด้อ
หัวข้อ: Re: Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 09-02-2020 22:26:14
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 10-02-2020 15:13:00
น่ารักก
หัวข้อ: Re: Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 11-02-2020 15:36:25
ชอบความองโลกในแง่ดีของแพง55
หัวข้อ: Re: Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: nyxca ที่ 16-03-2020 07:47:40
เราเคยอ่านเรื่องนี้เมื่อนานมาแล้ว วันนี้มีโอกาสกลับมาอ่านโดยบังเอิญเลยถือโอกาสเม้นส่งกำลังใจให้สักหน่อย><

ขอพูดถึงพระแพงก่อนเนอะ เรื่องนี้จะดาร์คโหมดเลยถ้าไม่ใช่แพงเล่า ด้วยความที่นางเป็นคนเฮฮาและมองโลกในแง่ดี ซื่อ ก็เลยอ่านมาได้แบบขำๆไป พระแพงเนี่ยก็ต้องนับถือเลยนะว่ารักเสี่ยจริง เลี้ยงลูกให้เค้า หลังๆเสี่ยไปมีเด็กเลี้ยงซี่งพระแพงก็รู้แค่ว่ามีแต่ไม่ได้เห็นภาพชัดเจนแบบคนอ่านที่รู้อีกมุมของเสี่ยอะเนอะ นางเลยปล่อยผ่านไปได้ แต่คนอ่านสิเดือดแทน55555

คุณเสี่ยอธิปผู้รู้ตัวว่ารักในวัยสี่สิบ5555 เสี่ยอิ่มตัวจริงๆนั่นแหละ อันที่จริงความรักของเสี่ยอาจจะเกิดมานานแล้วแต่เสี่ยยังสนุกอยู่ไง เราเคยถามเพื่อนที่เจ้าชู้ว่าอะไรจะทำให้หยุดเจ้าชู้ได้ คำตอบคือไม่มีอะไรทำให้หยุดได้ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ถูกใจก็ตามแต่ คือถ้าเค้าจะหยุดก็เพราะเค้าอิ่มหรือเหนื่อยไปเองประมาณนั้น ในกรณีนี้คงใช้ได้กับเสี่ยนะ


เสี่ยเป็นตัวละครที่ก็มีทั่วไปในสังคมไทย ในคลับฟรายเดย์ เราเลยอ่านเรื่องนี้แบบเปิดใจมากและไม่ได้ผิดหวังกับการกระทำของเสี่ยหรือเคืองพระแพงที่ยอมอ่ะค่ะ มันเหมือนเอาอีกด้านของสังคมมาตีแผ่ในรูปแบบตลกร้าย ซึ่งเราชอบมากนะคะ สำนวนที่ไม่เวิ่น กระชับ ดำเนินเรื่องไม่อ้อมโลก เรียกว่าถูกใจทุกอย่างค่ะ

ขอบคุณคนเขียนนะคะ ที่เขียนเรื่องนี้ออกมา เป็นเรื่องราวเด็กเลี้ยงในอีกรูปแบบที่สนุกมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 16-03-2020 08:58:16
 :z13:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น// [ถ้าไม่ฮาก็คงจะดราม่าแทน] :: เด็กเลี้ยง ตอนที่ 8+ 9( 40-%) [24/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: khunnaay ที่ 09-04-2020 17:56:01
 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:
เราว่าเสี่ยไม่ได้ไปกินตับหรอก พ่อเสี่ยมากกว่า เราคิดแบบนี้นะ
รู้สึกว่าแวบแรกที่เจอหน้ากัน เสี่ยต้องทำเหมือนไม่รู้จักชัวร์เลย แล้วน้องพะแพงของเราก็เอ๋อกินใบ้แดกไปตามระเบียบ
โอ๊ย!!! เราคิดไปถึงว่า ถ้าน้องพระแพงโดนกินตับบนโต๊ะทำงาน มันจะซู่ซาขนาดไหนกันนะ
ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่เนคไทเส้นเดียว กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด เสี่ยขา จัดให้หนัก  :hao7: :hao7:
    :z1: :pighaun: :haun4:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 16-04-2020 23:20:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: TiGgeRLuMOs62 ที่ 19-04-2020 16:20:04
เราหงุดหงิดเสี่ยนิดหน่อยนะ แต่ก็เข้าใจได้ สถานะของเสี่ยกับแพงไม่ใช่คนรัก แต่เป็นเสี่ยกับเด็กเลี้ยง
การที่เสี่ยมีเด็กเลี้ยงหลายคนในช่วงที่มีแพงมันเลยดูเข้าใจได้ เพราพาร์ทเสี่ยก็บอกอยู่แล้วว่าเสี่ยไม่ได้รักแพงแค่อยู่ด้วยได้
แพงเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีมากเลยนะ มองแบบก้าวไปข้างหน้า เลยทำให้เรื่องที่จะดราม่ามากกลายเป็นเรื่องเบาลง เพราะแพงคือเดินไปข้างหน้าแล้ว และยอมรับความเป็นจริงได้เสมออยากหอมหัวน้องแพง
หัวข้อ: Re: Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: politesseone ที่ 26-06-2020 15:18:43
เราชอบเรื่องนี้มาก มันดูเรียลดีอ่ะค่ะ ไม่ได้โลกสวยเว่อร์จนเกินไปเหมือนนิยายส่วนมาก แต่ก็ยังจบแบบแฮปปี้ คู่ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน คนใช้ชีวิตคู่ก็มีกันหลายรูปแบบ เพียงแค่สองคนอยู่กันได้ไม่ทำร้ายใครก็พอแล้ว สรุปว่าชอบเรื่องนี้มากจริงๆ แนะนำอย่างยิ่งเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 30-07-2020 16:21:14
กลับมาอ่านรอบสอง คิดถึงแพงแล้วก็อิเสี่ย 5555555 ขอบคุณนักเขียนอีกครั้งนะครับผม สำหรับนิยายเรื่องนี้ ดีใจที่ได้รู้จักพวกเค้าจริงๆ สุดท้ายไม่ว่าจะอ่านกี่รอบก็ชอบเหมือนครั้งแรกที่ได้อ่าน อวยพรสักหน่อย ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงปานี้เสี่ยกับแพงก็ยังคงอยู่ด้วยกันและมีความสุขมากๆๆๆๆ ขอให้เป็นแบบนั้นต่อไปเรื่อยๆจนแก่เฒ่า เราจะคิดถึงแพงกับเสี่ยเสมอนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: ิbatatak ที่ 11-02-2022 22:50:35
 :3123: :3123:
ชอบเรื่องนี้ค่ะ ชอบบุคลิคของพระแพง แบบไม่คิดมาก ง่ายๆ แต่ในความง่าย ก็มีความเฉียบขาด เลยทำให้ดูเป้นคนมีค่า ไม่ง่ายแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นเด็กเลี้ยง ส่วนคุณเสี่ย ก็เป็นตัวแทนของคนที่อีกระดับที่มีเงิน หน้าที่การงานพร้อมกับความมั่นใจเต็มที่ ก็เป็นธรรมดาที่จะมีความคิดแบบผู้ชายคนหนึ่ง (แต่คงไม่ใช่ตัวแทนของผู้ชายทั้งโลก)

ชอบการพัฒนาของตัวละคร ไม่ใสซื่อหรือแม่พระพ่อพระจนเกินไป มีเลว ดูสมจริงสมจังกับโลภโกรธหลง ค่อยๆพัฒนาจากคนสองคนที่แตกต่าง ค่อยๆปรับเข้าหากัน ต่างยอมรับในข้อเสียของกันและกันได้ และจบแบบแฮปปี้

ชอบค่ะ เป็นสายสุขนิยม 

ชอบคุณค่ะ ที่เขียนงานดีๆให้อ่าน เป้นกำลังใจให้ค่ะ
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 18-02-2022 17:08:47
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: Chada068 ที่ 23-02-2022 08:56:13
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 21-03-2024 19:48:58
ดีแทค ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 803บ./90วัน กด *104*591*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,284บ./180วัน กด *104*592*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,926บ./365วัน กด *104*593*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,069บ./90วัน กด *104*594*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,498บ./180วัน กด *104*595*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 2,675บ./365วัน กด *104*596*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *104*388*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *104*389*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,711บ./90วัน กด *104*598*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 2,139บ./180วัน กด *104*578*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 3,745บ./365วัน กด *104*579*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *104*398*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,188บ./30วัน กด *104*597*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 139บ./7วัน กด *104*77*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 535บ./30วัน กด *104*97*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 246บ./7วัน กด *104*78*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 696บ./30วัน กด *104*98*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 375บ./7วัน กด *104*79*8488034#
เน็ตดีแทค 8 Mbps(เม็ก) 95บ./8วัน กด *104*897*8488034#
เน็ตดีแทค 8 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 42บ./1วัน กด *104*68*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*798*8488034#
เน็ตดีแทค 2 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 380บ./30วัน กด *104*237*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 470บ./30วัน กด *104*236*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 193บ./7วัน กด *104*841*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*842*8488034#
ยกเลิกเน็ต  กด  *103*0# โทรออก
ดีแทค  เช็คเน็ต คงเหลือ กด *101*1# โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง กด *102# โทรออก
ยกเลิก SMS กินเงิน กด *137 โทรออก
เช็คเงิน คงเหลือ กด *101# โทรออก 
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ กด 1678 โทรออก
เน็ตไม่อั้น ไม่ลดสปีด  โปรรวม
สมัครง่ายๆ กดตามได้เลยค่ะ
#โปรเน็ตสุดฮิต  DTAC
โปรที่คุ้มที่สุดของการใช้เน็ต
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด #โปรเน็ตดีแทค #เน็ตดีแทคเติมเงิน #โปรดีแทครายสัปดาห์ #โปรดีแทครายวัน #โปรแทครายเดือน #โปรเน็ตDTAC #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน #DTAC #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #โปรเสริมDTAC #โปรเสริมดีแทค
https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368 (https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I (https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg (https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg (https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg)


ดีแทค ระบบเติมเงิน Dtac เน็ตไม่อั้น เร็ว 12 Mbps เม็ก หมดเขต 30 เมษายน 2567
https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc (https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc)


ดีแทค ระบบเติมเงิน เน็ตไม่อั้น เร็ว 30 Mbps(เม็ก) นาน 30 วัน ราคา 350 บาท แถมโทรฟรีทุกค่าย
https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA (https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA)

หัวข้อ: Re: Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 25-03-2024 20:04:42
ดีแทค ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 803บ./90วัน กด *104*591*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,284บ./180วัน กด *104*592*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,926บ./365วัน กด *104*593*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,069บ./90วัน กด *104*594*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,498บ./180วัน กด *104*595*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 2,675บ./365วัน กด *104*596*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *104*388*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *104*389*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,711บ./90วัน กด *104*598*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 2,139บ./180วัน กด *104*578*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 3,745บ./365วัน กด *104*579*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *104*398*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,188บ./30วัน กด *104*597*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 139บ./7วัน กด *104*77*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 535บ./30วัน กด *104*97*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 246บ./7วัน กด *104*78*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 696บ./30วัน กด *104*98*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 375บ./7วัน กด *104*79*8488034#
เน็ตดีแทค 8 Mbps(เม็ก) 95บ./8วัน กด *104*897*8488034#
เน็ตดีแทค 8 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 42บ./1วัน กด *104*68*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*798*8488034#
เน็ตดีแทค 2 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 380บ./30วัน กด *104*237*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 470บ./30วัน กด *104*236*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 193บ./7วัน กด *104*841*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*842*8488034#
ยกเลิกเน็ต  กด  *103*0# โทรออก
ดีแทค  เช็คเน็ต คงเหลือ กด *101*1# โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง กด *102# โทรออก
ยกเลิก SMS กินเงิน กด *137 โทรออก
เช็คเงิน คงเหลือ กด *101# โทรออก 
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ กด 1678 โทรออก
เน็ตไม่อั้น ไม่ลดสปีด  โปรรวม
สมัครง่ายๆ กดตามได้เลยค่ะ
#โปรเน็ตสุดฮิต  DTAC
โปรที่คุ้มที่สุดของการใช้เน็ต
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด #โปรเน็ตดีแทค #เน็ตดีแทคเติมเงิน #โปรดีแทครายสัปดาห์ #โปรดีแทครายวัน #โปรแทครายเดือน #โปรเน็ตDTAC #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน #DTAC #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #โปรเสริมDTAC #โปรเสริมดีแทค
https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368 (https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I (https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg (https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg (https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg)


ดีแทค ระบบเติมเงิน Dtac เน็ตไม่อั้น เร็ว 12 Mbps เม็ก หมดเขต 30 เมษายน 2567
https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc (https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc)


ดีแทค ระบบเติมเงิน เน็ตไม่อั้น เร็ว 30 Mbps(เม็ก) นาน 30 วัน ราคา 350 บาท แถมโทรฟรีทุกค่าย
https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA (https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA)
หัวข้อ: Re: Sugar daddy เด็กเลี้ยง :: ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 26-03-2024 20:50:09
aIS ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 27บ./1วัน กด *777*7021*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7023*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 38บ./2วัน กด *777*7380*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 59บ./3วัน กด *777*7096*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 129บ./7วัน กด *777*7098*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 139บ./7วัน กด *777*7220*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 375บ./30วัน กด *777*7153*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 800บ./90วัน กด *777*7379*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,200บ./180วัน กด *777*7328*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,800บ./365วัน กด *777*7329*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7381*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 32บ./1วัน กด *777*7084*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 130บ./7วัน กด *777*7629*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 161บ./7วัน กด *777*7382*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *777*7383*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 380บ./30วัน กด *777*7631*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย15นาที 155บ./7วัน กด *777*7630*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 35บ./1วัน กด *777*620*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 38บ./1วัน กด *777*7627*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 58บ./2วัน กด *777*7628*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 45บ./1วัน กด *777*7151*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 246บ./7วัน กด *777*7221*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 470บ./30วัน กด *777*7632*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 59บ./2วัน กด *777*7384*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *777*7154*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *777*7159*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 1,285บ./90วัน กด *777*7398*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 49บ./1วัน กด *777*7209*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 81บ./2วัน กด *777*7385*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 289บ./7วัน กด *777*7210*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 910บ./30วัน กด *777*7211*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 59บ./1วัน กด *777*7386*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 102บ./2วัน กด *777*7387*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *777*7388*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,177บ./30วัน กด *777*7389*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,925บ./90วัน กด *777*7399*117010#
21 บาท 1 วัน  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ช่วงเวลา 05.00 - 17.00 น.  โทรครั้งละไม่เกิน 30 นาที  กด  *777*231*117010#
22 บาท 100 นาที  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ได้  100 นาที  อายุ  1  วัน  กด  *777*246*117010#
aIS  สมัคร  โทรไป  จีน,  ฮ่องกง,  มาเลเซีย,  สิงคโปร์,  เกาหลีใต้,  อินเดีย
*777*3801*117010#
ราคา  99  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  1.54  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  ลาว,  กัมพูชา,  เมียนมาร์,  เวียดนาม 
*777*3802*117010#
ราคา  119  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.78  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  สหรัฐอเมริกา,  แคนนาดา 
*777*3803*117010#
ราคา  129  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.01  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  เยอรมนี,  สหราชอาณาจักร,  ญี่ปุ่น,  ฝรั่งเศส
*777*3804*117010#
ราคา  159  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  3.71  บาท
เวลาโทร  กด
003  รหัสประเทศ  รหัสเมือง  เบอร์ปลายทาง
เช็คเน็ต aIS คงเหลือ  กด  *121*32#  โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง aIS กด  *545#  โทรออก
ยกเลิกข้อความ SMS กินเงิน  กด  *137  โทรออก
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ aIS กด  1175  โทรออก
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด  #โปรเสริมเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)



เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw (https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า AIS ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU (https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)