Sp:: เมียหนี
By เสี่ย (ครั้งหลัง)
ในตอนที่เขากลับมาหาแพงกับพระเพื่อนอีกครั้ง หลังจากเขาเอาของที่ซื้อแล้วไปเก็บไว้ที่รถก่อนหนึ่งรอบ พระแพงที่กำลังยืนโกรธจัดอยู่ตรงหน้าร้านอาหารก็คว้าพระเพื่อนที่ไปอยู่ในมือพี่เลี้ยงตั้งแต่เมื่อไหร่รู้ เดินก้าวขาฉับๆ ตัดหน้าเขา เขาซึ่งไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วยก็ได้แต่หันไปมองหน้าพี่เลี้ยง เขาไม่รู้ว่าช่วงเวลาสั้นๆ ที่ตัวเองเอาของไปเก็บมันเกิดอะไรขึ้น เขารู้แต่เพียงว่าแพงโกรธจัดจนจะอยากฆ่าใครซักคนขึ้นมาให้ได้
ตัวพี่เลี้ยงเองที่อยู่ในเหตุการณ์พอถูกเขาจ้องหนักเข้า เธอก็บอกทั้งที่หน้ายังเปลี่ยนสีว่า ตอนที่ตนมาถึงหน้าร้านอาหารตามที่นัดกันไว้ ว่าจะกินกันก่อนกลับห้อง ตนที่แวะไปซื้อของส่วนตัวมาก็เห็นว่าแพงกำลังคุยอยู่กับใครที่ไหนไม่รู้ เป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ผิวขาวจัดมาก อายุน่าจะประมาณยี่สิบ ตอนแรกพี่เลี้ยงก็คิดว่าเป็นเพื่อนของแพงหรือไม่ก็รุ่นน้อง ตนเองจึงเดินเข้าไปหาเพื่อที่รับพระเพื่อนมาอุ้มแทน แพงจะได้คุยสะดวกขึ้น แต่พอตอนตนเดินเข้าไปใกล้กลับได้ยินเด็กคนนั้นกำลังด่าแพงอยู่ว่า....
" @#$%^&_)(*&^%#$%^&*& "
เด็นคนนั้นด่าแพงว่าอะไร เอาเป็นว่าเขาไม่อยากพูด เพราะคำพูดที่ออกมาจากปากพี่เลี้ยงแต่ละคำมันเป็นคำที่ไม่น่าฟังมาก ขนาดเขาที่ได้ฟังคำที่ดัดแปลงมาแล้วยังอดโหโมไม่ได้ แล้วแพงเองที่เป็นคนถูกด่าโดยตรงจะรู้ยังไงบ้าง
เขาฟังพี่เลี้ยงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเดินตามแพงกลับมาที่รถ พี่เลี้ยงบอกว่า เด็กนั่น (ถ้าเขาเดาไม่ผิดก็คงเป็นทริคไม่ก็น้ำข้าว) มาด่าแพงว่า แพงเป็นเด็กเลี้ยง(ด่าคำแรงกว่านี้เยอะ) คิดอยากเกาะเขาที่เป็นเสี่ยเลี้ยงล่ะสิท่า และการที่แพงมาทำตัวเป็นพี่เลี้ยงของพระเพื่อนอยู่ตอนนี้ก็คงกะจะจับเขาให้อยู่หมัดเลยสินะ ดีเนอะ ตอนกลางวันเป็นพี่เลี้ยง ตอนกลางคืนก็....ตัว ได้ทั้งขึ้นทั้งร่องแบบนี้ก็คงจะสบายมากล่ะสิท่า ไม่รู้ว่าไปทำบุญมาอีท่าไหนเนอะ แค่อ้าขาเหมือนกันแต่ก็ได้เงินต่างกันเยอะ
เขาที่ได้ฟังคำด่ามาจากปากพี่เลี้ยงพอเดินมาถึงตัวแพงที่ยืนรออยู่นอกรถ ก็ได้แต่บอกว่าเรื่องนี้เขาจะเป็นคนจัดการให้
เรื่องนี้เขาเองก็จัดการให้แพงไปแล้วจริงๆ เขาโทรไปหาธนิตและบอกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ธนิตเองก็ตกปากรับคำและบอกว่าจะคนเป็นจัดการให้ ในตอนนั้นเขายังไม่รู้ว่าเรื่องทุกอย่างเป็นแผนของธนิตที่อยากดึงแพงกลับไปเป็นเด็กเลี้ยง แต่พอเขารู้ เขาก็ส่งคนให้จัดการจนธนิตไม่สามารถกลับมาอยู่ไทยได้อีกพักใหญ่เหมือนอัน
ส่วนแพงตัวแพงเอง เขาก็ส่งรูปไปให้แพงดูแล้ว ซึ่งมันเป็นรูปของน้ำข้าวที่ถูกเล่นงานจนยับ และแพงก็พยักหน้าเป็นการรับรู้ ก่อนจะบอกว่าไม่อยากเห็นรูปแบบนี้มาก เพราะมันไม่ดีต่อสายตา ตัวเขาที่ตามใจแพงมาโดยตลอดก็ไม่ได้คิดอะไรมาก และก็คิดว่าเรื่องทุกอย่างคงจบแค่เพราะเขาก็จัดการแล้ว และแพงก็รับทราบจนเป็นที่พอกันหมดทั้งสองฝ่ายแล้ว
และนั่นก็คือเรื่องที่เกิดขึ้น เขาที่ถูกแพงทิ้งจะขำก็ขำไม่ออก จะร้องไห้ก็ร้องไม่ได้ สำหรับคนอื่นปัญหานี้ควเป็นเรื่องเล็กๆ แต่สำหรับเขามันเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติ แพงโกรธเขาควรไปง้อเขาก็รู้ แต่แพงจะรู้บ้างหรือเปล่าว่าเขามีงานที่ต้องทำ มีงานที่ต้องแก้ มีลูกน้องอีกเป็นหมื่นๆ ชีวิต ที่ต้องดูแลและจ่ายเงินให้
เรื่องนี้เขาผิด เขาควรง้อมันก็ใช่ แต่เรื่องนี้มันจบลงแล้วและแพงเองก็พยักหน้ารับทราบ แล้วแพงยังจะต้องการอะไรอีกกันแน่ ถ้าไม่พอใจผลการลงโทษเพียงแค่นี้ แพงบอกเขามาตรงๆ ก็ได้เขาจะส่งคนไปจัดการให้ แต่ไอ้เรื่องที่จะให้เขาไปเป็นจัดการเองน่ะคงเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อเขามีเงินมีลูกน้อง เขาจะปล่อยให้ลูกน้องนั่งหายใจทิ้งกินเงินเดือนเป็นหมื่นๆ แสนๆ ต่อปีก็คงจะเป็นไปไม่ได้ มีลูกน้องก็ต้องใช้ให้คุ้มกับเงินที่จ้าง และถ้าแพงไม่บอกเขาก็ไม่ทางรู้เลยว่าจะจัดการส่วนไหนได้บ้าง
อย่างตอนวันนั้น... หลังจากที่เกิดเรื่องเขาก็ง้อแพงไปตามสภาพ แต่พอเห็นแพงยังหงุดหงิดไม่พอใจ เขาที่จะสะกิดแพงเพื่อขอคืนดี(ง้อบนเตียง) พอเห็นแพงไม่เล่นด้วยเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรมาก คิดแต่ว่าแพงเพียงแค่งอนเลยอยากหนีไปนอนกับพระเพื่อน
ส่วนตัวเขาที่ไม่ผิด(?) พอถูกแพงแตะโด่งออกมาเขาก็กลับไปนอนบ้าน แต่นั่นไม่ใช่ว่าเขาหนีปัญหาหรือไม่ยอมหาทางแก้ เขาหาทางแก้แล้ว...โดยการง้อแพง แต่ในเมื่อแพงยังไม่พอใจจะให้เขาทำอะไรอีกได้ นอกจากรอให้แพงอารมณ์เย็นกว่านี้แล้วกลับไปง้อ
แต่ก็นั่นแหละ เขามีงานที่ต้องสะสาง มีเอกสารที่ต้องเซ็นต้องแก้ ไอ้เรื่องง้อน่ะง้อแน่ แต่จะได้ไปง้อเมื่อไหร่นี่สิไม่แน่ แถมตอนนี้แพงก็หนีไปให้เขาง้อถึงเชียงใหม่นู่น เขายอมรับก็ได้ว่าไม่ได้กลับไปนอนที่ห้องสองวันเพราะโกรธแพงอยู่บ้างที่แพงไม่มีเหตุผลแบบนี้ แล้วพอวันนี้... วันที่เขาจะกลับไปง้อแพงที่ห้อง เจ้าไหมเลขาของเขาก็ขออนุญาตเข้ามาพร้อมกับรูปถ่ายของพระแพงกับพระเพื่อนที่อยู่บนเฟสบุ๊ค ตัวเขาเองพอเห็นรูปบนโซเชียลเน็ตเวิร์คที่แพงอัพพร้อมกับอคปชั่นที่ว่า "หนีเมียมาเที่ยว" ไอ้เขาจะโกรธก็โกรธไม่ออก จะหัวเราะก็หัวเราะไม่ได้ แพงเองก็เป็นแบบนี้ บางทีทำอะไรก็ไม่ค่อยคิด แถมชอบคิดเองเออเองไปเรื่อยจนติดไร้สาระ
แต่เพราะแพงอัพทุกอย่างลงบนโลกโซเชียล (แต่พอเขาโทรศัพท์ไปแพงดันไม่รับ) เขาที่ไม่ค่อยชอบเล่นเฟสบุ๊คเพราะติดแต่ทวิตเตอร์ ก็ได้แต่ตามติดชีวิตแพงกับลูกผ่านโซเชี่ยลมีเดียที่ไม่ค่อยติดตามบ่อยนัก เฟสบุ๊คของแพงตั้งเป็นแบบสาธารณะ เพราะอย่างนั้นเขาจึงเข้าไปสามารถดูรูปได้โดยไม่ต้องแอดเฟรนด์หรือขอเป็นเพื่อน แพงเช็คอินที่สนามบินดอนเมืองครั้งแรกเมื่อสองวันก่อนหรือก็คือวันจันทร์...หลังวันที่เกิดเรื่อง อีกสามชั่วโมงถัดมาในวันเดียวกันนั้นแพงก็เช็คอินอยู่ที่ถนนนิมมานฯ พร้อมกับพระเพื่อนที่ถูกแพงจับใส่แว่นกันแดดสีด้วย
แพงนี่ช่างชอบเล่นแต่งตัวให้กับลูกสาวเขาเสียจริง แพงบอกว่าพระเพื่อนเป็นเด็กน่ารัก เขาเองก็เพิ่งมาสังเกตพระเพื่อนอย่างจริงๆ จังๆ ก็วันนี้ พระเพื่อนหน้าตาเหมือนเขาเสียแปดส่วน น่าเสียดายที่ปากกับจมูกดันไปเหมือนกับปุยฝ้าย นี่ถ้าพระเพื่อนหน้าเหมือนแพงอีกซักนิดเขาก็คงจะเอ็นดูพระเพื่อนมากกว่านี้ แต่มันคงจะเป็นไปไม่ได้ แต่เอ... มาคิดอีกทีมันก็ดูน่าจะเป็นไปได้
เพราะที่เขาบอกสิ่งแวดล้อมสร้างและหล่อหลอมตัวคนก็น่าจะเป็นแบบนี้ แพงกับพระเพื่อนหน้าตาไม่เหมือนกันซักนิด แต่พอพระเพื่อนถูกแพงจับแต่งตัวบ่อยเข้า อยู่ด้วยกันบ่อยเขา พระเพื่อนที่หน้าไม่เหมือนแพง แต่ก็มีนิสัยบางอย่างที่เหมือนแพงมากขึ้น โดยเฉพาะรอยยิ้มที่ยิ้มทีก็เห็นเหงือกแดงแจ๋นั่น ตอนนี้พระเพื่อนอายุเพิ่งจะหกเดือนแถมฟันน้ำนมก็ยังไม่ขึ้น เวลายิ้มก็ได้อวดเหงือกแดงที่พ่อแพงคอยทำความสะอาดให้
เขาไม่รู้หรอกว่าแพงกับพระเพื่อนพักกันที่ไหนบ้าง แต่คิดว่าพระแพงคงจะไม่เปลี่ยนโรงแรมบ่อยมากเพราะรูปที่ถ่ายลงในสองวันแรกเป็นรูปที่ถ่ายในห้องเดิมซ้ำ เพิ่งมีวันนี้ที่แพงคงลงจากมาจากรถแล้วถ่ายรูปกับป้ายปาย ส่วนเรื่องการเดินทางเขาว่าแพงน่าจะใช้วิธีเหมารถตู้เพราะตอนนี้แพงมีเงินถุงเงินถังมากพอที่จะพักที่ไหนหรือไปกี่วันก็ได้
อืมม คิดๆ ดูแล้วมันก็เจ็บหัวอกอยู่นิดๆ ตอนนี้แพงเหมือนนกที่พร้อมจะบินสู่โลกกว้าง ขอแค่เพียงเขายอมปล่อยแพงให้หลุดมือ แพงก็พร้อมจะบินออกจากอกเขาได้ทุกเมื่อ แต่เขาไม่มีวันปล่อยแพงไปหรอก แพงเป็นแพงในแบบที่เขาของเขาแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว ให้แพงอยู่อย่างสนุกบ้างเหงาบ้าง ก็ดีกว่าปล่อยให้แพงออกไปใช้ชีวิตคนเดียวข้างนอก เขามันเป็นคนเห็นแก่ตัว เขารู้ แต่นิสัยเขาหรือสันดานผู้ชายก็เป็นแบบนี้ ต่อให้รักหรือไม่รัก ถ้าเป็นของที่อยู่ในมือเราก็ไม่สามารถยอมปล่อยมันไปง่ายๆ แม้ว่ามันจะเป็นของที่เราไม่ต้องการก็ตาม
เอิ่ม แต่นี่ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการแพงหรือไม่รักแพงนะ เขาเพียงอยากจะบอกว่าเขาเอ็นดูแพง และอย่างที่เคยบอกก็คือแพงเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และเป็นคนที่เขาสามารถอยู่อย่างสบายใจด้วยได้ เพราะอย่างนั้นตราบเท่าที่เขายังไม่ยอมปล่อยมือ แพงคือกรรมสิทธิ์อย่างหนึ่งของเขาทรัพย์สินที่เขาควรได้หลังจากที่ผ่านอะไรๆ มาเยอะ
เขารู้ๆ ว่าคิดอย่างนี้มันออกจะเห็นแก่ตัวอยู่เยอะ แต่นี่ก็คือสิ่งที่เขาคิดและเขาเองก็ไม่อยากจะโกหกตัวเองด้วย และเพราะเขาไม่เป็นคนโกหกตัวเองในระหว่างที่ยังเคลียร์งานไม่เสร็จ เขาก็รูปแพงกับลูกไปเรื่อยๆเขาเองก็โทรหาแพงแล้วแต่แพงไม่ยอมรับ ส่งไลน์ไปแพงก็ไม่ตอบแถมยังไม่ยอมอ่านไลน์เขาด้วย
เขาที่อยู่แต่ในห้องทำงานจะรีบไปหาแพงก็ไม่ได้เพราะติดงานที่ถูกนัดไว้ล่วงหน้า วันนี้...ยังไงเขาก็ออกไปหาแพงไม่ได้ ส่วนพรุ่งนี้เขาเองก็ต้องเข้าประชุมพร้อมกับเซ็นสัญญากับคู่ค้าคนใหม่ที่กว่าจะจับมาเซ็นสัญญาได้มาก็เสียเงินกับเสียเหงื่อ(เพราะไปตีกอล์ฟ) มาเยอะ แต่มันก็เป็นการเหนื่อยที่คุ้มค่า เขาชอบเวลาที่ได้งานและได้ตกลงทำสัญญากับคู่ค้า มันก็เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน และการแข่งขันก็มีแต่เรื่องตื่นเต้น ยิ่งนึกถึงรางวัลจำนวนหลายพันล้านก่อนจะหักค่าใช้จ่ายและก่อนหักจ่ายภาษีเขายิ่งตื่นเต้น ดังนั้นเรื่องของแพงคงต้องรอไปก่อนเพราะแพงคงรอได้ อ๊ะๆ นี่ไม่ใช่ว่าเขาปล่อยปละละเลยตัวแพงหรอกนะ แต่พอแพงไม่รับโทรศัพท์เขาก็ไม่สามารถง้อแพงได้
อีกอย่างนี่มันก็ชีวิตจริงไม่ได้เป็นเหมือนดั่นในละครหรืออย่างในโทรทัศน์ เขามีหน้าที่ มีงานที่ต้องสะสาง มีลูกน้องที่ต้องคอยอยู่ดูแล เพราะอาจจะมีปัญหาที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ดังนั้นจะให้เขาเป็นเหมือนพระเอกในละครที่เอะอะก็ยอมละทิ้งทุกอย่างเพื่อนางเอกกลับมามันก็ใช่ที่ แพงหนีไป...แพงก็แค่งอนไปหน่อยเท่านั้น แถมการที่แพงยังยอมอัพรูปผ่านทางโซเชียลก็แสดงว่าแพงยังไม่โกรธมาก แพงแค่อยากให้เขาไปตามง้อเท่านั้น
ตอนที่แพงถูกด่า(ต่อหน้าสาธารณชน) แพงโกรธ แพงเสียใจ เขาก็รู้ แต่เขาก็ปลอบและโอ๋แพงไปแล้วในแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ จะให้เขาง้อแพงมากกว่านี้ หรือง้อแพงในแบบที่ง้อผู้หญิง เขาก็คงทำตัวไม่ถูกและคงทำไม่ได้เพราะทั้งชีวิตเขาไม่เคยง้อผู้หญิงซักครั้งนอกจากง้อคุณแม่ ในส่วนของการง้อเด็กเลี้ยง...เอาเป็นว่าง้อเด็กเลี้ยงนี่ง่ายกว่าง้อแพงเยอะ แค่ให้เงินกับของขวัญเด็กพวกนั้นก็หายงอนแล้ว แต่ถ้าไม่หาย มันก็ไม่ใช่ปัญหาที่เขาต้องมาตามแก้ เป็นแค่เด็กเลี้ยงก็อย่ามาหวังว่าเขาจะมาประคบประหงมมาก แค่ให้เงินทุกอย่างก็ควรจบแล้ว ถ้ายังไม่อยากจะจบก็ยังอยากไม่พอใจเขาก็ไม่สามารถว่าอะไรหรือทำอะไรต่อได้ ไม่เอาเขาก็ไม่สนแล้วก็อย่ามาหวังว่าเขาจะง้อเพิ่ม จบก็คือจบ แค่งั้นไม่มีส่วนอื่นเพิ่ม
ต่างกับแพง... การที่เขาง้อแพงมากกว่าเด็กคนอื่นหรือให้ความสำคัญกับแพงมากกว่าเด็กคนอื่น แพงก็น่าจะเห็นแล้วว่าเขาต้องเห็นแพงเป็นคนพิเศษแน่ๆ ส่วนเรื่องรักหรือไม่รัก เอาเป็นว่าเขาไม่อยากพูดถึงมาก เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องแบบนี้ ถ้า "รัก" เขาก็คงจะรู้ แต่ถ้าไม่รู้ เขาเองก็ไม่ได้ลำบากมาก เพราะเขาไม่เคยรักใครมาก่อนในชีวิต ไอ้เรื่องที่จะมาทุรนทุรายหรือฟูมฟายเรื่องความรักนี่ยิ่งไม่มีใหญ่ เขาซื้อบริการมาเกือบตลอดชีวิต ดังนั้นไอ้เรื่องตกหลุมรักแรกพบนี่คงจะไม่มีทางเป็นไปได้ อย่างสุดเขาก็แค่ถูกใจและเปย์เยอะกว่าคนอื่นหน่อยก็เท่านั้น
ส่วนเรื่องของเขากับแพงเอาเป็นว่ามันไม่ใช่ความรัก เขาอาจจะเอ็นดูแพงมากกว่าเด็กคนอื่นๆ อยู่บ้างแต่มันก็ไม่ทางใช่ความรักอยู่แล้วแน่ๆ และหลังจากที่จบเรื่องทริคกับน้ำข้าว เขาที่กินแต่ขนมหวานมานานก็ควรกลับมากินที่ดีต่อสุขภาพเสียที และอีกอย่างแพงก็ค่อนข้างใสซื่อ สด สะอาด อร่อย และเชื่อถือได้ เขามั่นใจว่าแพงจะไม่มีทางจากไปแน่ๆ ถ้าเขารั้งตัวแพงไว้
อะไรนะ เขามันสารเลวชาติชั่ว
เรื่องนี้เขารู้หรอกน่าไม่ต้องมาย้ำ แต่เขาก็ขอสัญญากับตัวเองเลยว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ ที่เขาจะมีเด็กเลี้ยง ส่วนในเรื่องที่เขาจะแอบมีกิ๊กหรือมีกั๊ก บอกตรงๆ เลยว่าเขายังไม่สามารถตัดขายหรือตัดใจได้ เขายังมีเพื่อนมีฝูง... หรืออย่างหนึ่งก็คือเขายังมีเพื่อนที่คอยเฮไหนกัน ไปไหนไปกันอีกด้วย แล้วไอ้พวกเพื่อนกลุ่นนี้ขอเขาน่ะมั่วคาวโลกีย์แบบเขากันทั้งนั้น เรียกได้ว่าคบคนพาล พาลพอหาผิดของจริง เพื่อนในกลุ่มน่ะต่อให้ไม่ได้เกย์อย่างเขา แต่บางคนก็เป็นไบบ้าง เป็นเสือผู้หญิงบ้าง ไม่มีหรอกจะพากันไปที่ดีๆอย่างการเข้าวัด ขนาดบางคนที่แต่งงานยังไม่พ้นเลยที่จะมีกิ๊ก ผู้ชายมันก็สันดานแบบนี้แหละ ถ้าไม่นอกกายก็แอบไปมีกิ๊ก พวกเราแยกความรักออกจากความใคร่ เราให้เกียรติภรรยาที่อยู่ที่บ้าน แต่เวลาเราออกไปมีกิ๊กหรือมีชู้ เราก็ไม่ทางบอกคนที่บ้านเพราะคงไม่มีใครอยากบ้านแตกหรือต้องคอยมารำคาญที่ต้องมาทะเลาะกันด้วยเรื่อไร้สาระแบบนี้
และเขาขอบอกเลยว่านะว่าแพงน่ะเป็นศรีภรรยาที่สามารถเอาไปโม้ใครที่ไหนก็ได้ เพราะแพงเอาแต่อยู่กับบ้านและคอยเลี้ยงลูก ต่อให้เขาแอบไปมีกิ๊ก... อะแฮ่ม เอาเป็นว่าเพราะแพงให้เกียรติเขา และเว้นที่ว่างให้เขาๆ เลยยิ่งเอ็นดูแพงมากกว่าเด็กคนอื่นมากขึ้น เอาน่า เขาก็บอกแล้วไงว่าจะล้างมือลงในอ่างทองคำแล้ว เขาจะหยุดมีเด็กเลี้ยง ส่วนเรื่องกิ๊กเอาเป็นว่าเขายังให้สัญญาไม่ได้ สำหรับคอนโดที่เพิ่งซื้อมาใหม่เขาก็ว่าจะขาย เพราะในเมื่อไม่ได้ใช้ก็ดีกว่าจ่ายส่วนกลางไปเรื่อยๆ แล้ววันไหนอยากขึ้นมาแค่ไปโรงแรมเรื่องก็จบแล้ว แพงเองก็คงไม่ต้องมาคิดมากเพราะเขาคงไม่ค้าง...
เออๆ เขารู้น่าว่าเขามันสารเลว เขามันไม่เหมาะกับแพงซักนิด แต่เขาก็บอกไปแล้วไงว่าแพงรับได้ แล้วคุณที่เป็นคนอื่นจะมาด่าเขาทำไมไม่ทราบ เขาไม่มีสำนึกผิดอยู่แล้ว เพราะงั้นเขาเอาเวลาที่คิดมากมาเร่งทำงานแล้วรีบไปตามง้อแพงดีกว่า ศรีภรรยาแบบนี้ (แค่กๆๆ) ไม่ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ ตอนนี้แพงเองก็เช็คอินอยู่ที่ปายแล้ว ถ้าเป็นไปตามแผนการหรือตามตามกำหนดการในทริปที่เขาชอบจัดกันในพันทิป ต่อไปแพงต้องไปอยู่ที่ปางอุ๋งต่อแน่ๆ แต่แพงมีพระเพื่อน.. ดังนั้นทริปนี้อาจจะล่มเพราะแพง(หรือพระเพื่อน) คงไม่สะดวกนอนเต็นท์ แพงอาจจะเลยไปนอนที่แม่ฮ่องสอนแทน
และก็จริงวันถัดมาแพงเช็คอินอยู่ที่แม่ฮ่องสอนเป๊ะ แพงกำลังไหว้พระและจับมือพระเพื่อหย่อนเงินใส่กล่องทำบุญด้วย เขาที่เร่งวันเร่งคืนให้ผ่านพ้นวันที่เขาสั่งให้เจ้าไหมเคลียร์กับเจ้าไหมก็ได้แต่ทำงานให้เสร็จเร็วขึ้น เขาควรที่จะได้ไปอยู่ตรงนั้นกับแพงและพระเพื่อน เขาควรที่จะได้มีเวลาอยู่กันพร้อมหน้าสามคนพ่อแม่ลูก (ถึงแพงจะไม่ใช่แม่ตามความหมายจริงๆก็เถอะ)
แต่ไม่รู้ว่ามันเกิดเวรกรรมหรือสวรรค์กลั่นแกล้งเขายังไงก็ไม่รู้ เขาที่ควรจะได้ขึ้นเครื่องบินไปง้อแพงตั้งแต่วันพฤหัสก็ต้องเลื่อนไฟลท์กระทันหันเพราะฝ่ายผลิตในนิคมอุตสาหกรรม ดันเกิดมีปัญหาเครื่องจักรเกิดเหตุขัดห้อง เขาที่เป็นท่านประธานถึงกับลงไปดูงานเองเพราะเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เครื่องจักรเครื่องหนึ่งมีมูลค่าตั้งหลายสิบล้าน แล้วเครื่องจักรเครื่องนี้ก็ทำงานมาได้ดีหลายปีและยังไม่สมควรจะพังเพราะเขาเมนเทนเนนท์หรือซ่อมบำรุงอยู่เรื่อยๆ แล้วพวกเหล่าวิศวกรที่เขาจ้างมานี่ เขาจะจ้างมานอนหรือไงไม่ทราบ เครื่องจักรเสียก็ซ่อมไปสิ อะไหล่เขาก็สั่งเปลี่ยนให้อยู่ทุกปีแล้วทำไมมันถึงต้องมาเจาะจงเสียเอาตอนนี้
เขาที่อยากจะด่ากราดก็ด่าไม่ได้เพราะเหตุผลมันฟังขึ้น เครื่องจักรมันถูกใช้งานมานานแล้ว ส่งซ่อมแล้วก็ตั้งหลายปี สมควรจะถูกเปลี่ยนใหม่ได้แล้ว แต่ไอ้คนที่เสนอใหม่นี่มันใช้สมองคิดหรือใช้อะไรคิด เครื่องจักรไม่ใช่ว่าจะสั่งก็สั่งได้ มันต้องมีส่งคนไปดูส่วนประกอบ ดูว่าถ้าซื้อใหม่มันจะผลิตอะไหล่หรือชิ้นส่วนได้เหมือนเดิมไหม ไอ้เรื่องดีกว่าน่ะมันดีแน่ว่าอยู่แล้วเพราะของมันมีแต่พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ความต้องการของตลาดมันอาจจะไม่ได้ต้องการของใหม่แบบนั้น สิ่งที่ตลาดต้องการคือของ "ตรงตามสเปค" "ราคาถูก" "มีคุณภาพ" ในแบบฉบับราคาที่พอรับได้ ถ้าไม่ได้สั่งว่าอยากได้แบบใหม่ เราห้ามคิดแทนผู้บริโภค
แถมการซื้อเครื่องใหม่มันก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นอกจากราคาที่ต้องตรวจสอบ ยังต้องดูด้วยว่าถ้าจะสั่งใหม่มันมีของพร้อมส่งไหม ถ้าไม่มีต้องรออีกชาติถึงจะได้ และถ้าหากสั่งแล้วของยังไม่ได้ ระว่างนี้เราจะทำยังไง หาอะไหล่บางส่วนมาทดแทนก่อนได้ไหม แล้วถ้าอะไหล่มาไม่ทัน จะเอาสินค้าที่ไหนส่งให้ลูกค้า ลูกค้ามันไม่สนหรอกว่าเครื่องจักรมันจะพังหรือมันเจ๊ง ถ้าหากถึงเวลาส่งของถ้าไม่ขของก็ต้องจ่ายค่าเสียหาย(ค่าเสียเวลา) เพิ่ม หรือถ้าไปเอามาจากเจ้าอื่นคุณภาพจะเหมือนกันหรือเปล่าก็ไม่รู้ แถมถ้าไปเอาจากเจ้าอื่น เกิดลูกค้ารู้แล้วไปดีลกับบริษัทนั่นลับหลังในราคาที่ถูกกว่าบริษัทเขาไม่แย่เรอะ
คิดแล้วก็หงุดหงิดชะมัด เขาควรจะได้ไปอยู่กับแพง ไปอยู่กับลูก ไม่ควรต้องมาหงุดหงิดอารมณ์เสียกับเรื่องไม่เป็นแบบนี้ เจ้าไหมที่เห็นท่าไม่ดีเพราะเขาเตรียมด่ากราดทุกคนที่เข้ามาใกล้ก็ไล่ให้เขาไปอยู่ห้อง เขาไม่มีเหตุผลเองเขาเขาก็รู้ แต่พวกพนักงานหรือพวกช่างซ่อมมันเอาแต่นอนหรือไงทำไมงานมันถึงได้เสร็จช้าแบบนี้!
เขาที่หงุดหงิดแล้วหงุดหงิดอีกแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากรอกับด่าลูกน้อง เขาควรจะไปอยู่กับแพงตั้งแต่สองวันก่อนแล้ว เขาไม่สมควรที่จะอยู่ที่นี่!
จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลังแล้วปล่อยให้เจ้าไหมเป็นคนจัดการ วันนี้วันเสาร์แล้ว... เขาสั่งความกับเจ้าไหมแล้วว่ามีอะไรก็โทรมาบอกเข้าได้ เขาจะขึ้นเครื่องตอนสี่ทุ่มและหลังจากนั้นเขาจะปิดเครื่องก่อนเปิดเครื่องอีกครั้งหลังจากถึงสนามบินเชียงใหม่แล้ว
วันนั้นกว่าที่เขาจะมาถึงห้องพักรับรองผู้โดยสารก็เป็นเวลาเกือบสองทุ่ม เครื่องบินที่จะบินไปเชียงใหม่มีไฟลท์ล่าสุดที่เขาจับทันคือรอบสี่ทุ่มสี่สิบห้า ในช่วงระหว่างรอขึ้นเครื่องนี้เขาโทรคุยกับเจ้าไหมสลับกับโทรหาแพงอยู่เป็นระยะ เขาน่าจะบินไปหาแพงให้เร็วกว่านี้ เขาไม่น่าจะรอจนถึงวันที่แพงมีรอยยิ้มน้อยลงตามระยะที่เพิ่มมากขึ้นแบบนี้ เขาน่าจะได้ไปอยู่ดูแลแพงกับลูก น่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งของรูปภาพในเวลาที่พระเพื่อนงอแงหรือร้องไห้ เขามันเป็นพ่อที่ใช่ไม่ได้ เป็นพ่อที่เอาแต่ทำงาน และตอนที่เห็นแพงอัพเดตรูปก่อนรูปสุดท้ายที่เป็นรูปพระอาทิตย์ขึ้น แพงเขียนคำบรรยายใต้ภาพว่า "วันสุดท้าย"
เขาไม่รู้ว่าแพงต้องการสื่อความหมายถึงรูปนี้ว่าอะไร ว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่แพงออกมาเที่ยวหรือวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่แพงรอเขาไปง้อ และนั่นก็ทำให้เขาตัดสินใจเลือกแพงก่อนงานได้
เขาน่าจะจำได้ดีถึงบทเรียนตอนที่เกิดเรื่องปุยฝ้าย วันนั้นแพงรอเขาอยู่ตลอดสองวันก่อนที่จะตัดสินใจเดินออกจากห้อง
ตอนแรกเขามั่นใจว่าไม่ว่ายังไงเขาก็สามารถรั้งแพงเอาไว้ได้ แต่ตอนนี้... ความมั่นใจของเขาไม่มีหลงเหลืออีกต่อไปแล้ว เขาลืมไปได้ยังไงว่าแพงเป็นคนดื้อ ลองตัดสินใจแล้วไม่ว่าอะไรแพงก็สามารถปล่อยวางได้ นี่แหละคือความน่ากลัวที่สุดของคนที่ไม่ต้องการอะไร เพราะแพงไม่ต้องการอะไร เขาถึงไม่มีอะไรจะมาเหนี่ยวรั้ง ส่วนพระเพื่อน... ต่อให้แพงรักมากแค่ไหน แต่พระเพื่อนของคนอื่น... เป็นลูกของเขา ลองถึงวันที่แพงเลือกจะจากลา แพงก็คงวางพระเพื่อนลงและส่งคืนให้กับเขาง่ายๆ เหมือนกับแหวนกับสร้อย ที่แพงเคยตั้งวางไว้
มาถึงตรงนี้เขาไม่เคยรู้สึกร้อนรนขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ยิ่งเห็นภาพสุดท้ายที่แพงอัพเดตมา เป็นรูปแพงกับผู้หญิงต่างชาติที่อยู่ๆ ก็โผล่มาจากที่ไหนไม่รู้ แพงเซลฟี่ชูสองนิ้วพร้อมกับผู้หญิงคนนั้นโดยมีพระเพื่อนที่ถูกแพงอุ้ม เขาลืมคิดไปได้ยังนะว่าแพงมีทางเลือก แพงเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่สมบูรณ์พร้อม แพงไม่ใช่เด็กเลี้ยงคนเก่าต้องอาศัยความช่วยเหลือจากเขา ตอนนี้แพงสามารถก้าวเดินต่อเพื่อมีชีวิตใหม่ในวันข้างหน้า ส่วนเขากับลูกคือประสบการณ์ที่แพงจะเก็บไว้ดูและนึกย้อนหลังอยู่ระยะ
เขานั่งรอเป็นมดที่ถูกเผาอยู่ในกะทะ เขาติดต่อแพงไม่ได้ตั้งแต่ตอนสองทุ่มครึ่ง ไม่รู้ว่าแพงแบตหมดไปแล้วหรือแพงหยุดที่จะรอแล้ว ตอนสามทุ่มสิบนาทีเจ้าหหมก็โทรติดต่อมาอีกครั้งบอกว่าเครื่องจักรซ่อมเสร็จแล้ว สามารถผลิตอะไหล่ชุดสุดท้ายได้ทันก่อนส่งไปให้ลูกค้า ส่วนเรื่องเครื่องจักรจะส่งซ่อมครั้งใหญ่หรือซื้อเครื่องใหม่ก็คงต้องรอเขากลับมาพิจารณาอีกที
เขาที่หมดห่วงภาระทางด้านงานก็ได้แต่โล่งออกและรอเวลาที่จะขึ้นเครื่องให้ได้เร็วขึ้น ในตอนที่พนักงานเรียกคนขึ้นเครื่องเขาก็รีบลุกออกไปคนแรกๆ ในฐานะผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาส แต่ในตอนที่เขากำลังจะปิดเครื่องเพราะต้องขึ้นเครื่องบิน แพงที่หายไปนานก็เช็คอินอีกครั้งที่สนามบินดอนเมือง รูปที่แพงอัพเดตเป็นรูปที่แพงเซลฟี่กับตัวเองพร้อมกับพระเพื่อนที่หลับสนิทไปแล้วอยู่ในเป้อุ้ม เขาที่เห็นดังนั้นก็วิ่งออกจากทางเดินเชื่อมต่อระหว่างห้องผู้โดยสารกับตัวเครื่อง วิ่งไปบอกพนักงานว่าเขาไม่ขึ้นเครื่องแล้ว เขาเดินออกมาถึงหน้าสนามบิน พร้อมกับพยายามโทรติดต่อแพงอยู่ตลอดเวลา แต่จนแล้วจนรอดแพงก็ไม่รับสายจนเขาแบตหดไม่สามารถโทรออกได้ ที่ชาร์จหรือแบตสำรองหรือเพาเวอร์แบงค์เขาก็ไม่ได้เอามา
เขาเดินวนเวียนอยู่บริเวณลานจอดรถแท็กซี่ เพราะรู้ว่าแพงจะต้องขึ้นแท็กซี่เพื่อเดินทางต่อแน่ๆ แต่แพงจะเดินทางไปที่ล่ะ ถ้าเกิดเขากลับห้องไปแล้วไม่เจอแพงอยู่ที่ห้องเขาจะตามตัวแพงต่อได้ที่ไหนบ้าง และถ้าหากเขาเปิดเครื่องแต่แพงยังไม่รับสายเขาจะติดต่อแพงได้ที่ไหนอีกบ้าง หรือว่าเขาควรจะตรงกลับไปที่จันทบุรี แต่ถ้าแพงไม่อยู่ที่จันทบุรีอีกล่ะ เขาจะไปตามตัวแพงที่ไหนบ้าง
เขาคิดๆๆๆ แต่สุดท้ายเขาก็คิดไม่ออก เขาไม่เคยจนตรอกขนาดนี้ แถมเขาก็วนรออยู่ที่ลานจอดรถแท็กซี่อยู่ตั้งนาน ถ้าแพงอยากขึ้นรถ เขาก็ต้องเห็นแพงได้เพราะแพงก็ไม่คนตัวเล็ก เขารอแพงอยู่หน้าสนามบินเป็นชั่วโมงๆ แต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาแพงเลยซักนิด จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจและตั้งใจจะกลับไปตั้งหลักที่ห้อง...
ใช่! แพงจะต้องตรงกลับไปที่ห้องในคอนโดก่อนแน่ๆ เขานี่มันโง่ชะมัด ไอ้ที่คนเขาบอกว่าเส้นผมบังภูเขาก็คงเป็นแบบนี้! ทำไมเขาถึงคิดไม่ได้นะว่าแพงมีพระเพื่อนอยู่ในเป้อุ้ม ไม่ว่าแพงจะไปไหนหรือต่อให้แพงได้ตัดใจ แพงก็ต้องกลับมาที่ห้องเพื่อคืนพระเพื่อนให้เขาก่อนอยู่แล้ว เขานี่มันน่านัก! ไม่น่าจะเพิ่งมาเห็นประโยชน์ของพระเพื่อนก็ตอนนี้เลย เขาน่าจะนึกออกตั้งแต่แรก!
เขาที่เพิ่งเห็นประโยชน์ของการมีลูกในวันนี้ก็ได้แต่จับแท็กซี่แล้วตรงกลับไปหาแพงที่น่าจะอยู่ที่ห้อง ในตอนที่เขากลับมาถึงตัวห้อง เขาก็เห็นแพงนั่งหันหลังแยกกองของฝากอยู่แล้ว แพงที่หันมามองเขาเพราะได้ยินเสียงก็เลิกคิ้วขึ้นเหมือนจะถามว่าเสี่ยไปไหนมา ทำไมเสี่ยถึงสภาพโทรมแบบนี้
เขาที่ถูกสายตาแพงถามอัดมาแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว ถ้าหากไม่ทรุดตัวลงกับพื้นก็คงไม่ใช่คนแล้ว เสียแต่... เขามีมาดท่านประธานที่ต้องรักษาไว้อยู่บนหน้า ดังนั้นต่อให้เขาหดหู่หรือเหนื่อยเพราะรีบวิ่งมาจากไหน ก็ได้แต่เดินเก็กหล่อตรงไปหาแพงที่นั่งอยู่กลางห้อง เรื่องแบบนี้... ไม่รู้ว่าเขาสมควรจะโกรธแพงดี หรือทำอะไรกับแพงดีที่แพงยังนิ่งอยู่แบบนี้ แพงทำเอาเขาห่วงเป็นจนแทบคลั่ง แถมโทรศัพท์จนแบตหมดแต่แพงยังไม่ยอมรับ แต่ในตอนที่แพงลุกขึ้นมากอดเขาแล้วบอกเขาว่า
" แพงกลับมาแล้ว"
แค่นี้... ทุกอย่างที่เคยกังวล ทุกอย่างที่เขาเคยหวาดกลัว ทุกอย่าง...ที่เขากลัวว่าแพงจะหายไป ก็หายไปหมดพร้อมกับอ้อมกอดของแพงที่กอดเขาอยู่ตอนนี้