“ทำไมเดี๋ยวนี้ขี้อ้อนจัง” ได้ยินไวน์ถามแว่วๆ
“ไม่ชอบหรอ”
“ชอบมากตะหาก” ฝ่ามือใหญ่ลูบที่หลังของเขาเบาๆ “ชอบจนเหมือนจะคลั่ง”
“เวอร์ตลอด”
“อยากให้พิสูจน์มั้ยล่ะว่าจริงหรือเปล่า”
คนฟังย่นจมูกพลางส่ายหน้า
“ม่าย” ลากเสียงยาวปฏิเสธแล้วก็จับมือใหญ่ที่เริ่มซนเลื้อยเข้ามาในเสื้อนั้นออก “อย่ายุกยิก คนเขาจะดื่มด่ำธรรมชาติ”
“มีอะไรน่าดื่มด่ำกว่านั้นเยอะ”
ไวน์แนบริมฝีปากลงกับกลีบปากบางที่เม้มนิดๆนั้น ใช้เทคนิคเฉพาะตัวเล็กน้อยทำให้อีกฝ่ายเผยอปากได้สำเร็จ แค่นั้นก็เกินพอ...เขาแทรกลิ้นตัวเองลงไปเกี่ยวกวัดกับปลายลิ้นเล็กที่เจ้าของกำลังมึนงงอยู่นั้น อาศัยช่วงที่ลักษณ์ตั้งตัวไม่ทัน จัดการปลุกอารมณ์ของอีกฝ่ายขึ้นมาด้วยฝีมือทั้งหมดที่มี
ลักษณ์เริ่มรู้สึกตัวร้อนขึ้นเรื่อยๆเหมือนคนเป็นไข้ ฝ่ามือของไวน์สอดเข้ามาเสื้อของเขาปัดผ่านยอดอกไปมาสร้างความเสียวซ่านที่ลักษณ์บรรยายไม่ถูก ฝ่ามืออีกข้างก็วกลงต่ำลากผ่านสะดือของเขาหายลับเข้าไปในกางเกง ความช่ำชองของไวน์ดูจะเพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ ราวกับไม่ใช่ไวน์คนเดิมที่สารภาพกับเขาอย่างตรงไปตรงมาว่า ‘ทำไม่เป็น’
รู้ตัวอีกทีลักษณ์ก็พบว่าตัวเองลงนอนอยู่ที่พื้น แผ่นหลังแนบไปกับเสื่อน้ำมันที่ปูรองอยู่ โดยมีร่างสูงใหญ่ของคนรักคร่อมทับลงมา เสื้อเชิ้ตถูกปลดกระดุมแบะออกจนหมด ส่วนกางเกงก็ถูกรูดซิปลงไปกองพ้นสะโพก ลักษณ์ขืนตัวเอาไว้เมื่อริมฝีปากของอีกฝ่ายสัมผัสอ้อยอิ่งที่สะดือบุ๋ม
“หนะ...ไหนว่า ไม่ทำ ทะ...อ๊ะ...ทำไม่เป็นไง” เขาสะดุ้งเป็นระยะเมื่อถูกอีกคนแกล้งกระตุ้นที่จุดไวต่อสัมผัส ใบหน้าของไวน์เขยิบขึ้นมาแนบชิด ได้ยินเสียงกระซิบตอบกลับมาว่า
“ก็ทำไม่เป็นไง ไม่ต้องกลัว แค่จะช่วย...เหมือนทุกที”
“ดะ....เดี๋ยวมี คนเห็น โอ๊ย” ลักษณ์สะดุ้งอีกเมื่อฟันคมๆของฝ่ายนั้นงับเข้าที่ซอกคออย่างหมั่นเขี้ยว
“ไม่มีใครมาหรอก สั่งเอาไว้แล้ว รับรอง” ไวน์ตอบ ใช้ปลายลิ้นแตะเข้าที่ยอดอกสีสดนั้นอีกครั้งสลับกับใช้ฟันสะกิดเล่น เจ้าของบิดเร้ายกมือขึ้นทุบไหล่ของเขาแรงๆ ทว่าแรงแค่นั้นไม่อาจจะทำอะไรเขาได้
“ปล่อย... นะ” เสียงของลักษณ์เริ่มขาดเป็นห้วงเมื่อฝ่ามือร้ายกาจของอีกฝ่ายจู่โจมเข้าที่กึ่งกลางลำตัว ไวน์เกี่ยวชั้นในของเขาออกอย่างไม่ไยดี ก่อนจะกอบกุมเข้าที่ตัวตนของเขา ออกแรงกระตุ้นขยับจนลักษณ์ร้องลั่น พยายามดันตัวออก คนแก่กว่าก็เลยก้มลงจูบที่ริมฝีปากอย่างหนักหน่วง มือก็ขยับรัวเร็วไม่ปล่อยให้ตั้งตัว
ลักษณ์ตาพร่า รู้สึกสมองเบลอไปชั่วขณะเหมือนขาดออกซิเจน รับรู้แต่กลิ่นกายเฉพาะตัวของฝ่ายนั้นที่โอบล้อมเขาเอาไว้ทุกทิศทุกทาง กับความรู้สึกเสียวซ่านที่ถูกส่งมาจากทั้งข้างบนและข้างล่างจนเขากลัวว่าประสาทที่ขมึงเกลียวนั้นจะขาดไปเสียก่อน
แต่สุดท้ายประสาทที่ตึงเครียดนั้นก็ถูกระบายออกกลายเป็นของเหลวเปรอะเปื้อนเสื้อของอีกฝ่าย ลักษณ์หายใจหอบเร็วแรง พลิกตัวนอนคว่ำ เหนื่อยเหมือนจะขาดใจ
“พอแล้ว” เขารีบบอกเมื่อมืออีกฝ่ายเอื้อมมาแตะที่เอว
“ไม่พอ” ไวน์ตอบกลับมาด้วยเสียงแหบพร่าอย่างที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน “ไม่อยากดูพระอาทิตย์ตกดินหรอ”
“อยาก”
“งั้นก็หันหน้ามาสิ” ไวน์บอก ครั้นลักษณ์ส่ายหน้า อีกฝ่ายก็จับที่เอวของเขาพลิกกลับให้นอนหงาย ลักษณ์รีบดึงกางเกงขึ้น ดึงเสื้อเข้าหาตัว ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ
“ลุกขึ้นมาดูพระอาทิตย์ตกเร็ว” ไวน์ดึงเขาพรวดเดียวขึ้นมานั่งซ้อนอยู่บนตักของอีกฝ่าย ลักษณ์รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ดันอยู่ที่ช่วงล่างผ่านหน้าตักของฝ่ายนั้น
เขาขยับตัวหนี แต่อีกฝ่ายกลับล็อคเอวเอาไว้แถมยังวางคางลงกับไหล่อีก
“ดูโน่นสิ” โน่นที่ว่าคือพระอาทิตย์ สีส้มดวงโตที่กำลังจะลับขอบฟ้า ถึงลักษณ์จะเคยเห็นมาแล้วทว่าความงามนั้นก็ยังคงสะกดสายตาเอาไว้ได้เหมือนเคย แตกต่างกับคราวที่แล้วตรงที่ครั้งนี้คนที่กอดเขาเอาไว้จากข้างหลังกลับไมได้กอดนิ่งๆแค่นั้น
มือซุกซนเริ่มควานต่ำลงมาอีกครั้ง ไม่สนใจว่าลักษณ์จะพยายามดิ้นหนีอย่างไรก็ตาม เพราะเขามัวแต่เผลอดูตะวันตกดินตามที่อีกฝ่ายชี้ชวน ก็เลยลืมป้องกันตัวไปครู่หนึ่ง ซึ่งมันก็นานพอที่จะทำให้ฝ่ายนั้นพลิกตัวเขาลงนอนอีกครั้งก่อนจะจูบตามลงมา
“มืดแล้ว ไม่ต้องกลัวใครเห็นแล้วล่ะ”
“ไม่เอา...อย่านะ” ลักษณ์ร้องเสียงหลงเมื่อปลายนิ้วนั้นแตะเข้าที่ส่วนหลังของเขา ไวน์ใช้ของเหลวป้ายที่ส่วนหลังและนวดคลึงเบาๆจนทั่ว ปลายลิ้นแตะเข้าที่สะดือแล้วลากลงต่ำก่อนจะครอบครองตัวตนของลักษณ์ ขณะที่ฝ่ามือก็ลูบไล้ป่ายปาดสุดแต่ใจจะเอื้อมถึงให้เจ้าของร่างได้สะดุ้งเฮือก บิดตัวหนีเล่น
ท่อนขาของลักษณ์ถูกจับแยกออกจากกัน ไวน์ชะโงกขึ้นมาจูบเขา ส่งปลายลิ้นที่มีรสชาติปะแล่มเข้ามาทักทายกับลิ้นของเขาที่อ่อนเปลี้ย วูบหนึ่งที่ลักษณ์รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายพาเขากลับไปที่โรงเรียนมัธยมแห่งนั้นอีกครั้ง
เสียงหัวเราะของเด็กชายสองคนดังขึ้นในความคิด เงาร่มไม้ในตอนเย็นหลังเลิกเรียน สระบัวที่มีดอกบัวบานสะพรั่งเต็มสระ เขาได้ยินเสียงเด็กอีกคนหนึ่งชวนเชิญให้เขาเอื้อมมือลงไปเด็ดดอกบัวนั้น
ลักษณ์ก้าวตามลงไปในสระบัวอย่างเผลอไผล มันชื้นแฉะแต่ก็อ่อนนุ่มให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเหยียบลงบนดินโคลนเหลวเละ ก่อนที่จะสะดุ้งเฮือกเมื่อความเจ็บแล่นพล่านไปทั่วตัว....เขาคงเหยียบก้อนหิน ไม่ก็กอบัวใต้น้ำเข้า ลักษณ์พยายามชักเท้าออกทว่าร่างกายกลับถูกดึงลงไปสู่แก่นของความเจ็บปวดนั้น
“เจ็บ...ฮือ เจ็บนะ”
“เดี๋ยวก็จะดีขึ้นเอง คนดี” ไวน์กระซิบ ใช้ปลายนิ้วปัดเส้นผมที่ตกลงมาปรกใบหน้าของอีกฝ่ายเสยขึ้นให้พ้นใบหน้า ยึดเอวของอีกฝ่ายเอาไว้แน่นและค่อยๆขยับเข้าออกช้าๆทว่าหนักแน่น
ลักษณ์เริ่มร้องไห้ออกมา รู้สึกเหมือนร่างจะแยกออกเป็นสองเสี่ยงทว่าในความเจ็บร้าวนั้นกลับมีความรู้สึกวาบหวามแทรกเข้ามาเป็นระยะ และมันมากขึ้นทุกทีจนในที่สุดเขาก็ลืมความเจ็บปวดในตอนแรกไป ลักษณ์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังว่ายน้ำอยู่ เนื้อตัวขยับขึ้นลงตามแรงของกระแสคลื่นที่เข้ามากระทบ...คลื่น?
สระบัวมีคลื่นด้วยเหรอ แต่ก็ช่างเถอะ
ไวน์เพิ่มความเร็วขึ้นอีกตามใจ เขาจับขาของอีกฝ่ายพาดไหล่เอาไว้ สีหน้าของลักษณ์เหยเกมีน้ำตาไหลเป็นทาง เขารู้ว่าอีกฝ่ายเจ็บ แต่เขาก็ไม่อาจหยุดยั้งตัวเองได้อีกแล้ว
หัวใจเต้นรัวแรงเหมือนจะโลดออกมานอกอก ลักษณ์เรียกชื่อเขาเสียงดังก่อนจะกระตุกไปทั้งตัวเช่นเดียวกับเขาที่ซบใบหน้าลงที่ซอกคอชื้นเหงื่อของอีกฝ่าย หายใจหอบรัวเหนื่อยเหมือนไปวิ่งมายี่สิบกิโลเมตร เขาขยับตัวออก หันไปหยิบกระดาษทิชชูมาทำความสะอาดทั้งตัวเองและคนรัก
เสื้อเปื้อนไปแถบหนึ่ง หวังว่าขากลับจะไม่มีใครสังเกตเห็น ไวน์คิดในใจ ช่วยลักษณ์ใส่เสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยนั้นกลับไปเหมือนเดิม อีกฝ่ายยังนอนหลับตาเงียบหายใจหอบลึกอยู่
“ไหวไหมครับ” ไวน์แตะปลายนิ้วลงที่ใบหน้าเล็กๆแดงก่ำนั้นเบาๆ ลักษณ์ลืมตาขึ้นพอเห็นหน้าเขาก็เบือนหลบสายตาไปอีกทางหนึ่ง ไม่ยอมพูดยอมจา “โกรธหรอ” ไวน์พูดเสียงอ่อน แตะริมฝีปากลงกับแก้มใสจนเห็นเลือดฝาดนั้น “ไวน์ขอโทษนะ”
ยกนิ้วก้อยขึ้นมาแทนสัญลักษณ์ของคืนดีแบบเด็กๆ ทว่าอีกฝ่ายกลับหันหน้าหนีไปอีกทาง ไวน์ถอนหายใจเฮือก ลุกขึ้นมานั่งข้างๆ ทอดสายตามองคนที่นอนหันหลังให้นิ่งๆ
“หันมาคุยกันสักนิดก็ยังดี นะครับ” เป็นครั้งแรกที่เขาพูดครับกับลักษณ์ ไวน์เอื้อมมือไปเด็ดดอกหญ้าขึ้นมาถือเอาไว้ ใช้มันเขี่ยแก้มของอีกฝ่ายเล่น “เดี๋ยวไวน์เป่าแผลให้ หายเพี้ยงเลยดีไหม”
“.................”
คำตอบกลับมาเป็นความเงียบจนไวน์เริ่มใจเสีย เขาคาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้วก็จริงว่างานนี้อาจมีเฮ แต่ไม่ได้คาดการณ์เอาไว้ว่าหลังจากเฮแล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อ
“ลักษณ์ครับ” เสียงอ่อนๆยังคงดังมาจากข้างหลังอีก ทว่าคนที่นอนตะแคงอยู่นั้นก็ทำเป็นไม่ได้ยินเสีย ความเจ็บเมื่อครู่ยังคงอยู่ครบถ้วนเป็นเครื่องยืนยันว่าเขาไม่ได้ฝันไปแน่ๆ
ไอ้ไวน์....หลอกให้เขาตายใจว่าทำไม่เป็น พอเผลอก็....
ลักษณ์ยกมือขึ้นปิดหน้า เขาคิดไม่ออกเลยว่าจะกลับไปเผชิญหน้ากับพ่อแม่ฝ่ายนั้นหรือแม้แต่คนที่บ้านได้ยังไง ฮือ....
“ลักษณ์ครับ หันมามองทางนี้นิดนะ” ...อย่ามาทำเสียงอ่อนเสียงหวาน ทีเมื่อกี้ล่ะทั้งคำรามทั้งกัด เราดิ้นหนีก็ไม่ยอมปล่อย...ลักษณ์เม้มปากแน่นแต่ก็รู้สึกเจ็บปากเล็กน้อย
ได้ยินเสียงสวบสาบ อีกฝ่ายขยับตัวลุกขึ้นเดินอ้อมมาอีกทางเพื่อจะมานั่งคุกเข่าตรงหน้าเขา ลักษณ์อยากจะหันหน้าหนีแต่ว่าความเจ็บไม่อำนวยเลยได้แต่มองเมินไปทางพระจันทร์ดวงโตที่ปรากฎตัวให้เห็นเหนือยอดไม้แทน ทอแสงนวลจางๆให้พอมองเห็นกันได้
“นี่ไม่รู้จะง้อยังไงแล้วนะเนี่ย เลยเอาแหวนมาให้” เสียงอีกฝ่ายดังขึ้น ปลายนิ้วเอื้อมมาแตะที่ปลายคางของลักษณ์ให้ก้มลงดูของในมือที่อีกฝ่ายถือเอาไว้
ลักษณ์ขมวดคิ้ว เพ่งมองเงาดำๆกลมๆในความมืดนั้น เขายอดวางความโกรธเอาไว้ชั่วขณะเพราะความอยากรู้มีมากกว่า
สัมผัสสากๆทำให้เขารู้ทันทีว่ามันเป็นแหวนที่ทำมาจากดอกหญ้า กลิ่นเหม็นเขียวยังลอยมาเข้าจมูกเป็นระยะ เป็นแหวนรูปร่างบิดเบี้ยวที่เกิดจากการเอาดอกหญ้ามาผูกเป็นวงด้วยฝีมือที่ลักษณ์คิดว่ากากที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา
“อะไรเนี่ย เหม็นเขียว”
“แหวนไง แหวนดอกหญ้า ไม่เคยเห็นในละครหรอ”
“ไม่อ่ะ” ถึงเคยเห็น ก็ไม่ใช่แหวนที่ทำลวกๆแบบนี้แน่ๆ “ถ้าจะทำแบบนี้ก็โยนทิ้งไปเถอะ” ไวน์คิดว่าได้ยินความน้อยใจผสมอยู่ในน้ำเสียงนั้น เขาซ่อนยิ้มเอาไว้ในความมืด
“นั่นสิเนอะ ทิ้งไปเถอะ” ชายหนุ่มโยนเศษหญ้าในมือทิ้ง หันไปมองอีกฝ่ายที่ก้มหน้าลงต่ำ จับความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ทันทีโดยไม่ต้องให้ฝ่ายนั้นพูดออกมา
เขาหยิบของสิ่งหนึ่งจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมา แตะของสิ่งนั้นลงที่ข้างแก้มของอีกฝ่าย ลักษณ์หันหน้าหนีพูดกลับมาด้วยเสียงสั่น
“อะไรอีกล่ะ ก้อนหินหรอ หรือว่าดิน ถ้าไวน์ไม่รู้จะทำอะไรก็ไม่ต้องหรอก อยู่เฉยๆยังดีกว่า”
“คราวนี้เป็นต้นไม้” อีกฝ่ายตอบกลับมาเรียบๆ ลักษณ์ชะงัก รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายเปิดแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือทำให้มองเห็นกันชัดขึ้น สายตาของลักษณ์ตวัดแลเลยไปยังของในมือของฝ่ายนั้น
เป็นแหวนวงหนึ่งที่มีรูปทรงแปลกประหลาด หัวแหวนทำด้วยผลึกใสสะท้อนแสงวิบวับที่ลักษณ์ไม่รู้ว่าคืออะไร ทว่าข้างในนั้นมีต้นไม้เล็กๆคล้ายต้นสนประดับอยู่ ตัวเรือนเป็นไม้ มันใหญ่กว่านิ้วของเขาแน่นอน
“อะไรน่ะ”
“Some people cannot see the wood for the tree.” ไวน์ตอบแล้วยิ้มใส่ตาเขา “เผอิญได้ยินสำนวนนี้มาเลยนึกถึงความรักของเราสองคนเข้า”
“...............”
“Hidden Wood คือชื่อของแหวน” ไวน์พูดช้าๆ จับมือของลักษณ์ประคองเอาไว้ ก่อนจะวางแหวนวงนั้นลงกลางฝ่ามือ “ในเมื่อค้นพบสิ่งที่ซ่อนเอาไว้ในหัวใจแล้ว ก็ช่วยกันเก็บรักษามันเอาไว้ให้คงอยู่ตลอดไปนะ”
ลักษณ์น้ำตาคลอ กำแหวนวงนั้นเอาไว้แน่น ยกมือขึ้นโอบรอบคออีกฝ่ายเข้ามาชิดตัว ลืมอารมณ์โกรธแกมน้อยใจก่อนหน้านี้ไปเสียสนิท เหลือเอาไว้แต่ความอิ่มเอม หัวใจพองโตเหมือนมีต้นไม้นับล้านเข้าไปเจริญงอกงามอยู่ภายใน
“ไวน์รักลักษณ์นะ รักมากด้วย”
ลักษณ์ยิ้มรับ เอียงหน้านิดหนึ่ง แตะริมฝีปากลงที่แก้มของฝ่ายนั้นแผ่วเบา กระซิบตอบกลับไปชัดเจนหนักแน่น
“ลักษณ์ก็รักไวน์ รักมาก...รักมานานแล้ว” เขาแตะเบี่ยงนิดหนึ่งเพื่อแตะที่มุมปากของอีกฝ่าย “และคงจะรักต่อไปอีกนาน”
ได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วๆดังขึ้นข้างหู ไวน์จูบตอบกลับมาอย่างอ่อนหวาน ไม่ได้รุกเร้าเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้อีก เนิ่นนานจนได้คล้ายได้ยินเสียงหัวใจของคนที่แนบชิดเต้นเป็นจังหวะ ลักษณ์จึงผละออก ปล่อยให้อีกฝ่ายกอดเอาไว้ทั้งตัว
“กลับบ้านไหวมั้ย” ไวน์กระซิบ
“ยังมีหน้ามาถามอีก”
“งั้นบอกที่บ้านว่าอะไรดี” ไวน์ครุ่นคิด “บอกว่าตกม้าดีมั้ย ก็เลยเจ็บกลับบ้านไม่ไหว”
“ฮื้อ ไม่เอา”
“งั้นจะให้บอกว่าอะไรล่ะ ขึ้นนั่งม้าไหวเหรอ”
“แบกกลับไป”
“เห้ย?”
“ทำได้ก็ต้องแบกได้สิ” ลักษณ์ตวัดเสียง
“มันหลายกิโลเมตรอยู่นะ” ไวน์พูดเสียงอ่อย
“จะไปหรือไม่ไป”
“ได้ทีใช้อำนาจเลยนะ คิดว่าเราจะกลัวหรือไง” ไวน์พูด แกล้งก้มลงหอมแก้มของอีกฝ่ายแรงๆด้วยความหมั่นเขี้ยว “เดี๋ยวขอหาโทรศัพท์ก่อน โทรเรียกคนมารับ”
“ไม่เอา อุ้มกลับ”
“งั้นไม่ต้องกลับล่ะ” ไวน์ยิ้มอย่างมีเลศนัย “ไว้สว่างค่อยกลับล่ะกัน ได้ต่ออีกสักยกสองยก”
คนในอ้อมแขนของเขาร้องลั่น ปฏิเสธเสียงแข็ง รีบพูดละล่ำละลัก
“งั้นโทรเลย บอกว่าตกม้าก็ได้”
“สงสัยมือถือแบตหมด” ไวน์กระซิบ กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นอีก ป้องกันคนดิ้นหนี
“ไม่เอาแล้ว.....ถ้างั้นขี่ม้าก็ได้ ไหวแหละ”
“ไม่ไหวหรอกเชื่อสิ” ไวน์ตอบกลับอย่างสบายอารมณ์ แต่พอเห็นอีกฝ่ายทำท่าน้ำตาหยดก็ใจอ่อนอีกตามเคย หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรเรียกคนออกมารับ
“ข้าวเย็นยังไม่ได้กินเลยอ่ะ”
“ไว้กลับไปกินต่อที่บ้าน” ไวน์หมายความตามที่พูดจริงๆนะ... คนฟังขมวดคิ้วตีเผี๊ยะเข้าที่ท่อนแขนของเขาอย่างแรง
“ไม่กินแล้ว”
“รู้ทันทุกย่างก้าวขนาดนี้ สมเป็นเพื่อนสนิทของพี่ไวน์จริงๆเลยนะ”
“แค่เพื่อนเหรอ”
พวกเขายิ้มให้แก่กันในความมืด มือต่อมือยังจับกันไว้แน่น
แค่เพื่อน.....รู้ใจ
........................................................................................
“แจวมาแจวจ้ำจึก น้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว แจวมาแจวจ้ำจึกน้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว แจวเรือ แจวเรือ แจวเรือจะไปเก็บผัก แจวเรือจะไปเก็บผัก ขอเชิญน้องลักษณ์ลุกขึ้นมาแจว เอ้า”
ผู้ชายร่างผอมบางในชุดนักศึกษาเรียบร้อย ห้อยป้ายชื่อเอาไว้แสดงว่าเป็นเฟรชชีที่เพิ่งเข้าใหม่ลุกขึ้นยืนเต้นท่าแจวเรือเมื่อได้ยินรุ่นพี่เรียกชื่อของตนเองเข้า
เสียงกลองสลับกับเสียงปรบมือร้องเพลงดังขึ้นตลอดทั้งวัน ลักษณ์ยิ้มกว้างจนเมื่อยแก้มและหัวเราะจนเสียงแหบไปเลย
“ลักษณ์ จบงานรับน้องแล้วไปไหนต่อมั้ย พวกเพื่อนจะไปกินขนมกันต่อ ไปด้วยกันเปล่า” เพื่อนใหม่ของเขาหลายคนหันถามชวน ลักษณ์พยักหน้ารับ เขารวมกลุ่มไปกับเพื่อนใหม่ได้อย่างไม่ขัดเขิน เป็นเพราะหน้าเด็กหรือตัวเล็กก็แล้วแต่ เลยทำให้ไม่มีใครเอะใจว่าเขาซิ่วมา
นอกเสียจากว่า...
“ลักษณ์ เราว่าพี่ไวน์เค้ามองมาทางนี้แปลกๆนะ ลักษณ์รู้จักพี่เขาเหรอ” แป้ง...เพื่อนใหม่หันมาถามเขา ลักษณ์เงยหน้าขึ้นจากแถวที่นั่งอยู่ เบือนไปสบนัยน์ตาคมกริบที่มองมาทางนี้เป็นระยะนั้นแวบหนึ่ง แอบเห็นดวงตาคู่นั้นสว่างวาบคล้ายมีรอยยิ้มจุดอยู่ภายใน
“ก็เค้าเป็นเดือนคณะไม่ใช่เหรอ” ลักษณ์ตอบกลับไป
“เค้าเป็นเดือนมหาลัยเลยแหละ เคยเห็นแต่ในเน็ต ตัวจริงหล่อฉิบเป๋ง” แป้งกับเพื่อนสาวอีกสองคนหันมาซุบซิบเรื่องนี้กันต่อ “ได้ข่าวว่ามีแฟนแล้วนี่”
“อ้าวหรอ ใครวะ”
“ไม่รู้ ไม่เคยเห็นหน้า”
“ลักษณ์เคยเห็นมั้ย” คนชื่อลักษณ์สะดุ้งเล็กน้อย หันมาตอบตะกุกตะกัก
“เอ่อ...ไม่..มั้ง”
“เห้อ คนหล่อๆก็มีแฟนไปหมดแล้ว แล้วจะเหลือใครให้ชั้นล่ะเนี่ย”
“เหลือเราไง ไม่หล่อแต่อร่อยนะ” ลักษณ์พูดขึ้นเบาๆ เพื่อนที่นั่งรอบข้างพากันหัวเราะคิกคักจนรุ่นพี่หนุ่มที่นั่งไขว่ห้างอยู่ก่อนหน้านี้ลุกขึ้นเดินตรงมา
“น้องครับ พี่เค้าพูดอยู่ข้างหน้าทำไมไม่ฟังครับ” เสียงห้าวๆนั้นดุขึ้น ทำเอาเด็กสาวๆหน้าจ๋อย “แล้วน้องผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงนั้น ครับน้องนั่นแหละ” ลักษณ์ชี้เข้าหาตัวเอง หลังเลิกกิจกรรมแล้วอยู่ก่อนนะครับ พี่มีเรื่องจะคุยด้วย”
เดือนคณะฯควบตำแหน่งเดือนมหาลัยพูดเสียงเข้ม แล้วก็เดินกลับมานั่งที่เดิม เพื่อนผู้หญิงกระซิบถามลักษณ์เสียงอ่อย
“จะโดนอะไรมั้ยเนี่ย ไม่น่าชวนลักษณ์คุยเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก” ลักษณ์ตอบยิ้มๆ รอจนกระทั่งเสร็จกิจกรรมถึงได้เดินเข้าไปหารุ่นพี่ที่ยืนกอดอกรออยู่ก่อนแล้ว สีหน้าอีกฝ่ายไม่ค่อยสบอารมณ์นัก โดยเฉพาะเมื่อเขาบอกว่าจะไปกินข้าวกับเพื่อนใหม่
“ไม่ให้ไป เดี๋ยวไปหว่านเสน่ห์ใส่สาวๆอีก”
“ประสาท” ลักษณ์ด่า “คนเราก็ต้องมีเพื่อนใหม่บ้างสิ ไม่งั้นจะเรียนยังไงเล่า” พอเขาขึ้นเสียง อีกฝ่ายก็อ่อนลงทันที อาจเป็นเพราะสายตามองเลยไปเห็นแหวนรูปร่างแปลกที่อีกฝ่ายห้อยคออยู่ด้วยกระมัง
“ก็ได้ งั้นเดี๋ยวไปด้วย”
“ไม่เอา เดี๋ยวน้องๆก็นั่งเกร็งกันหรอก”
“งั้นไปรับเฉยๆก็ได้” ไวน์ชักหน้าจ๋อย อีกฝ่ายเลยหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปแตะที่ข้างแก้มของฝ่ายนั้น
“เดี๋ยวคืนนี้ไปค้างด้วย”
แค่นั้นอีกฝ่ายก็หน้าบานขึ้นมาทันที เกือบสามเดือนแล้วที่ลักษณ์เอาแต่อ่านหนังสืออย่างหนัก ไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้ ทำเอาไวน์จะบ้าตายกว่าการสอบจะผ่านไปได้ด้วยดี
ลักษณ์ได้มาเป็นรุ่นน้องคณะฯในที่สุด
ถึงระยะทางจะอีกยาวไกล แต่เขามั่นใจว่าพวกเราจะต้องฝ่าฟันไปได้
“รอนะ”
“อืม”
.............................................จบบริบูรณ์..............................................
จบแล้วค่าาาา โอมายก้อด ในที่สุด5555555
มาอัพตอนตีสอง คึกมากมั้ยถามใจดู
ขอบคุณทุกคนมากจริงๆที่ติดตามเรื่องราวของ #แอบลักษณ์ มากันจนถึงตอนจบท้ายเรื่อง ปรบมือ
มีความสุขมาก ปลื้มปริ่ม
ตอนพิเศษก็คาดว่าจะมี5555
ส่วนใครที่อยากพูดอะไรกับเรื่องนี้ พูดเลยค่ะ เม้นท์มา ทวิตมาได้หมด
เรื่องนี้จะรวมเล่มนะคะ หนามากประมาณสี่ร้อยกว่าหน้าอ่ะ แต่จะรวมทีเดียวพร้อมอีกสองเล่ม
ใครชอบเรื่องนี้อย่าลืมบอกต่อ แนะนำกันต่อนะคะ ขอบคุณมากกกกก
ดีใจที่เราได้รู้จักกันผ่านตัวอักษรค่ะ
เจอกันต่อในเรื่อง #แอบยักษ์
ปล.ฉากจุดจุดจุดซอฟต์ใสสุด กะว่าน่าจะรอดในเด็กดีได้
ไลค์เพจเราด้วยน้าาา
Melenalike