ตอนที่ 18
An eye for an eye, and a tooth for a tooth.
ลักษณ์ใช้ปากกาลูกลื่นขีดฆ่าวันที่บนปฏิทินตั้งโต๊ะ หมดไปอีกหนึ่งวันสำหรับการเตรียมตัวสอบกลางภาค....เหลืออีกไม่ถึงอาทิตย์ เขายังอ่านได้ไม่ถึงไหนเลย
หยิบหนังสือเคมีขึ้นมาเปิดกางออก ลงมือทำโจทย์อีกรอบพลางเปิดเทียบเนื้อหากับข้อสอบเก่า เขาอยากจะยกเท้าขึ้นเกาหัว ทำไมโจทย์พวกนี้ไม่เห็นเหมือนที่อาจารย์สอนในห้องเรียนเลยล่ะ หรือว่าตอนที่อาจารย์สอนเขาจะมัวนั่งเหม่ออยู่
...ถ้ามีคนมาช่วยติวให้ก็คงดี
ใบหน้าของคนๆหนึ่งผุดขึ้นในความคิด ลักษณ์รีบสั่นศีรษะไล่ความคิดนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเพื่อนในกลุ่ม
แซม เบียร์ เต้ก็กำลังประสบปัญหาเดียวกัน ไม่มีใครสามารถช่วยใครได้ ถ้ามาติวกันเองก็คงเหมือนเตี้ยอุ้มค่อม แซมเลยเสนอไอเดียให้เพื่อนในคณะฯไม่ก็เพื่อนคณะฯอื่นมาช่วยติวให้แทน ใครเล่าจะมีภาษีดีไปกว่าเพื่อนคณะแพทย์และทันตะ
“ไอ้ไวน์เพื่อนมึงไงลักษณ์ ลองถามมันดูสิ มันเทพไม่ใช่เหรอ” แซมเปิดประเด็น หันมาทางเขาทันทีที่เรามาพร้อมหน้าพร้อมตากันที่มหาวิทยาลัยในวันถัดมา แต่ละคนใต้ตาคล้ำเป็นแพนด้าคืนชีพ เพราะไม่ใช่วิชาเคมีเท่านั้นที่อาการน่าเป็นห่วง ยังมีเลข ชีวะ ฟิสิกส์ อังกฤษ ฯลฯ ที่อาการร่อแร่ไม่แพ้กัน
ลักษณ์ลอบถอนหายใจนิดหนึ่ง ตอบเพื่อนกลับไปเรียบๆ
“ช่วงนี้มันไม่ว่าง หาคนอื่นเถอะ”
“อ่าวหรอ งั้นใครดีล่ะ เพลินตาไงเพลินตา เราว่าเพลินตาต้องช่วยได้แน่ๆ” แซมพูดขึ้นมาอีก
“เกรงใจเค้ามั้ย เราว่าหาคนในคณะฯดีกว่า ที่เก่งๆเยอะแยะ เพื่อนของวิปไงลักษณ์ คนที่สวมแว่นตาอ่ะ” เบียร์เสนอขึ้นมาบ้าง
“คนไหนวะ กูเห็นสวมแว่นกันทั้งกลุ่ม”
“คนที่ชื่อมัดหมี่อ่ะ ที่คราวที่แล้วท้อปควิซเคมีไง จำได้มั้ย”
เบียร์พยายามอธิบาย แต่เพราะพยายามมากไปเพื่อนก็เลยจับได้ว่ามีความในใจซ่อนอยู่เข้า พอโดนคาดคั้นหนักๆ เบียร์ก็รับสารภาพแบบจ๋อยๆว่าสนใจสาวมัดหมี่แสนเรียบร้อยอยู่
“กูว่าแล้วไง...” แซมลากเสียงยาว “ซื้อหวยทำไมไม่ถูกบ้าง....ฮ่าๆ เอางี้สิ เราก็ชวนกลุ่มนั้นทั้งกลุ่มมานั่งติวกัน ถือเป็นการกระชับรัก เอ๊ย กระชับมิตร สานสัมพันธ์เพื่อนในคณะด้วย ดีมั้ยๆ ไอ้ลักษณ์ก็จะได้มีโอกาสทำคะแนนกับวิปด้วย พักหลังๆนี่ดูเงียบๆไปนี่หว่า หรือว่าวิปปฏิเสธมึงไปแล้ววะลักษณ์”
“เปล่า ...พักนี้ยุ่งๆน่ะ” ลักษณ์ตอบเลี่ยงๆ เขายังไม่ได้เล่าให้ใครฟังทั้งนั้น และตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่เล่าด้วย
“งั้นตกลงตามนี้ดีมั้ย ยังไงกลุ่มนั้นก็เทพทั้งกลุ่มอยู่แล้ว พวกเรามีแต่ได้กับได้”
“ว่าแต่เค้าจะยอมมาติวให้พวกเราหรอวะ” เต้ถามขึ้นเบาๆ ทำเอาทั้งกลุ่มหันมามองหน้ากันเลิ่กลั่ก
สุดท้ายก็กรรมก็ตกลงที่ลักษณ์ผู้ที่สนิทกับสาวๆกลุ่มนั้นมากที่สุด ลักษณ์รอจนเลิกเรียนคาบสุดท้ายจึงค่อยๆเข้าไปเลียบๆเคียงทักวิป ส่งยิ้มนำทัพไปก่อน...รู้ดีว่าเธอคงไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่เขาหายหน้าหายตาไปเกือบอาทิตย์ จะทำไงได้ ก็เขาไม่มีอารมณ์จะพูดคุยหรือส่งข้อความกับใครทั้งนั้น
“อ่า..วิป จะกลับแล้วเหรอ” เธอหันมามอง แล้วก้มลงเก็บของ
“อืม เดี๋ยวแม่มารับแล้ว....ลักษณ์มีอะไรหรือเปล่า?” ท่าทางของเธออ่อนลงนิดหน่อยเมื่อเห็นเขาทำท่าจะมาง้อก่อน
“ตอนแรกเราจะมาชวนไปกินข้าวน่ะ คือ...จะขอโทษที่ช่วงนี้...ง่า...หายๆไป คือมันใกล้สอบแล้วที่บ้านลักษณ์ก็ยุ่งมากๆ”
“ไม่เป็นไรหรอก เราเข้าใจ” วิปตอบกลับมา ยกกระเป๋าขึ้นสะพายไหล่ เพื่อนๆของเธอเก็บของกันเสร็จหมดแล้วเช่นกัน
“เดี๋ยวก่อนๆ คืออย่างนี้ พวกวิปสนใจจะมาติวเคมีกับพวกเรามั้ย”
“ติวเหรอ?”
“ใช่ๆ พอดีไอ้แซมได้แนวข้อสอบจากรุ่นพี่มา เผื่อว่าพวกวิปจะสนใจ...”
“โพยข้อสอบหรอ” เสียงถามอย่างตื่นเต้นดังขึ้นจากเพื่อนของเธอที่ชื่อเตย
“ไม่เชิง เป็นแนวข้อสอบเก่าอ่ะ คือ...พวกเราลองทำดูบางส่วนแล้วไม่รู้ว่าถูกมั้ย เพราะไม่มีเฉลย เลยอยากให้พวกเธอมาช่วยกันทำด้วย หลายๆหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว คำตอบออกมาจะได้ถูกที่สุดไง” ลักษณ์ใจมาเป็นกองเมื่อเห็นเพื่อนๆของเธอเริ่มสนใจ
ใช้เวลาโน้มน้าวอีกนิดหน่อย มัดหมี่คนที่ไอ้เบียร์เล็งเอาไว้และก็เป็นคนที่เรียนเก่งที่สุดในกลุ่มก็ตกลงเห็นด้วย ลักษณ์เลยจัดการนัดหมายเวลาเป็นวันเสาร์สุดสัปดาห์นี้ที่คณะฯ
วิปโบกมือให้เขานิดนึง เธอคงยกโทษให้เขาแล้ว...ลักษณ์ยิ้มออกมา ยกมือขึ้นทำสัญลักษณ์ว่าจะโทรไปหาคืนนี้ เธอพยักหน้ารับ
“เยี่ยมมากครับเพื่อนลักษณ์ ที่นี่เคมีก็ปล่อยไว้ก่อน ยังเหลืออีกหลายวิชานัก เฮ้อ...”
เพราะเป็นช่วงใกล้สอบ มหาวิทยาลัยก็เลยเงียบกว่าปกติ มองไปทางไหนก็มีแต่นักศึกษานั่งจับกลุ่มอ่านหนังสือกันตามโต๊ะใต้ต้นไม้บ้าง ตามห้องสมุดบ้าง กลุ่มลักษณ์ใช้โรงอาหารเพราะสามารถส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายได้เต็มที่โดยไม่ต้องกลัวสายตาของใคร แถมยังมีร้านขายขนม-น้ำรอบด้านให้พักเติมกำลังระหว่างอ่านได้อีกต่างหาก
“ยากฉิบหาย กูไม่ไหวแล้วนะโว้ย” แซมพูดเสียงดัง ยกมือขึ้นบิดขี้เกียจสุดแขน ลักษณ์เงยหน้าขึ้นพักสายตาจากหนังสือเช่นกัน พวกเขาอ่านกันมาอย่างคร่ำเคร่งตั้งแต่บ่ายกว่าๆ มาตอนนี้ก็เกือบสี่โมงเย็นแล้ว เรียกว่าเป็นการใช้เวลาคาบบ่ายที่ว่างได้คุ้มค่าที่สุดตั้งแต่เปิดเรียนมา
“ไปเดินเล่นหน่อยมั้ย” ลักษณ์เสนอ เดินเล่นของเขาความหมายคือ เดินไปซื้ออะไรมากินรองท้องนั่นแหละ ไม่ได้เดินไปไหนไกลเลย
“ดีเหมือนกัน ชักหิว” เบียร์เห็นด้วย
“มึงเพิ่งกินเปาะเปี๊ยะทอดไปสองจาน ยังหิวอีกเหรอวะ” เต้ขัดคอ ยกน้ำแดงขึ้นดูด
“ระบบเผาผลาญกูดีโว้ย”
“ถ้าดีจริงก็ต้องผอมสิวะ ดูไอ้ลักษณ์มันโน่น มันกินเยอะนะแต่ไม่อ้วนเลย” เต้หันไปทางเพื่อนที่นั่งข้างๆ ลักษณ์หัวเราะยกมือขึ้นทาบเอวของตัวเอง
“กูหุ่นงี้มาตั้งแต่อนุบาลแล้ว ตอนเด็กๆป้าเคยบอกว่ากูมีพยาธิ ต้องกินยาถ่ายทุกหกเดือน”
“นั่นไง กูว่าแล้วว่ามึงต้องมีพยาธิแน่ๆ เคยดูในคลิปนะ หมอที่จีนเค้าผ่าไส้เอาพยาธิออกมาเต็มชามเลย....ตัวแบนๆเหมือนก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ที่มึงกินตอนเที่ยงเลยแซม” คนพูดหัวเราะร่วน
“หยุดเลยนะ พูดเรื่องอะไรไร้สาระว่ะ มาคุยเรื่องที่มันจรรโลงใจหน่อยเหอะ...สอบเสร็จแล้วไปเที่ยวไหนดี” แซมเปิดประเด็นเรื่องนี้อีกรอบ มันพยายามพูดมาหลายครั้งแล้วตั้งแต่เดือนก่อน “ได้หยุดต่อกันสี่วันเลยนะเว้ย มันต้องไปเที่ยวดิวะ”
“ไปทะเล กูอยากไป”
“ไปหน้าฝนเนี่ยนะ ไม่เอาหรอก” เต้ส่ายหน้า หันไปทางลักษณ์ “ลักษณ์ว่าไง อยากไปที่ไหน”
“กู...เอ่อ...ต้องไปสำรวจโรงเรียนกับกลุ่มสังคมฯว่ะ” ลักษณ์พูดขึ้นมา เกรซเพื่อนทันตะที่เป็นรองประธานกลุ่มเป็นคนโทรมาบอกเขาเองเมื่อวันก่อน ถึงแผนที่จะไปสำรวจหาโรงเรียนที่เหมาะสมจะเข้าไปทำโครงงาน ความจริงเขาไม่อยากไปเลยสักนิด แค่คิดว่าต้องเห็นหน้าไอ้ไวน์ตลอดสี่วันเขาก็อยากจะบ้าตายแล้ว
จะไม่ไปก็ไม่ได้ ในเมื่อเขาเป็นสมาชิกในกลุ่ม แถมยังเป็นเลขาฯด้วย...
“เห้ย โครงงานมันทำยาวถึงเทอมหน้าเลยไม่ใช่เหรอวะ ทำไมรีบจัง ทำเรื่องอะไรเนี่ย” เพื่อนสงสัย ลักษณ์เลยเล่าให้ฟังคร่าวๆถึงโครงงานของกลุ่มตัวเอง คนฟังทำหน้าทึ่งเล็กน้อย
“โห ลงทุนมาก ดูจริงจังดี ของกลุ่มกูทำอะไรรู้ป่ะ หนังสือทำมือจ้า ง่ายๆไม่ต้องไปไหน ไม่มีใครคาดหวังกับเกรด เพราะเกือบครึ่งนึงเป็นวิทย์กีฬา อีกครึ่งเป็นดนตรี ประธานเป็นวิศวะ ตอนประชุมนี่โคตรมันส์ นั่งเดาะบอลไปด้วย มีคนสีไวโอลินไปด้วย” แซมเล่าอย่างครื้นเครง
เพื่อนคนอื่นเลยเล่าขึ้นมาบ้าง กลุ่มของเต้จะปรับปรุงห้องน้ำโรงเรียนเหมือนกัน แต่ยังไม่มีใครอยากจะเริ่มงานตอนนี้ ส่วนของเบียร์ยังเลือกหัวข้อไม่ได้
“เอช้วนทั้งกลุ่มแน่มึง แต่กูยอมว่ะ สังคมฯจะได้อะไรก็ช่างแม่งเหอะ” แซมพูด ยกมือขึ้นตบไหล่เขาเบาๆแทนการปลอบใจ “แล้วเค้าจะไปที่ไหนกันล่ะ เผื่อพวกกูยกโขยงไปด้วย หลายๆคนสนุกดี”
“ยังไม่รู้เลย เห็นว่าจะบอกอีกทีหลังสอบเสร็จ ตอนนี้ทุกคนเตรียมสอบกันอยู่” ลักษณ์บอก รู้สึกห่อเหี่ยวกว่าเดิม
หรือว่าเขาจะแกล้งไม่สบาย ไปไม่ไหวดีวะ....จะมีใครเชื่อมั้ย
ลักษณ์ตัดสินใจเก็บเรื่องนี้เอาไว้ก่อน เพราะยังมีสอบกลางภาคแสนดุเดือดรออยู่เบื้องหน้า
...
ชายหญิงที่เดินเคียงข้างกันออกมาจากมหาวิทยาลัย ดูๆไปแล้วมีความเหมาะสมกันอยู่มาก ถ้าไม่ติดว่าส่วนสูงของฝ่ายชายจะน้อยไปสักนิดหนึ่ง
ลักษณ์มองเงาของเขากับวิปที่ทอดยาวไปบนพื้นถนนด้านหน้าของมหาลัย เงาสองเงาเคียงคู่กัน...มันเคยเป็นความฝันของเขาเมื่อนานมาแล้ว ที่อยากจะมีใครสักคนมาเดินข้างๆ เติมเต็มที่ว่างๆข้างตัวเขา
ครั้นพอมีเข้าจริงๆ มันกลับไม่ยักรู้สึก ‘เต็ม’ เหมือนที่เคยจินตนาการเอาไว้
“วันนี้ขอบคุณลักษณ์มากเลยนะที่ชวนมาติว สนุกมากเลยอ่ะ” วิปกอดหนังสือหลายเล่มเอาไว้แนบอก สองแก้มแดงปลั่งเพราะความร้อนจากไอถนนที่ระเหยขึ้นมาและแสงแดดยามเย็น
“ต้องขอบคุณพวกวิปมากกว่าที่มาช่วยกัน ถ้าไม่ได้พวกเธอ เราก็ไม่รู้ว่าจะทำโจทย์พวกนั้นยังไง” ลักษณ์พูด ยกมือขึ้นเกาจมูกแก้เก้อ กลุ่มวิปไม่โกรธที่พวกเขาไม่รู้เรื่องเลยแถมเต็มใจสอนให้ใหม่ก็ดีแค่ไหนแล้ว
“รู้มั้ยว่าใครอยากมามากที่สุด” วิปถาม เหลือบมองมาทางเขาแวบหนึ่ง
“ใครหรอ วิปหรือเปล่า”
“ลักษณ์คิดว่าใช่มั้ยล่ะ” เธอย้อนกลับมา
“อาจจะใช่นะ....ก็วิปอยากเจอลักษณ์ไม่ใช่หรอ”
“ใครบอก...ลักษณ์นี่หลงตัวเองชะมัด”
“หลงตัวเองยังน้อยกว่าที่หลงเธอนะ” ลักษณ์อยากยกมือตบปากตัวเองเหมือนกันที่เผลอต่อปากต่อคำออกไปโดยไม่ตั้งใจ
“โอ๊ย ฮ่าๆ ลักษณ์....ไม่เอาน่า”
“ขอโทษๆ มันลืมตัว”
“จีบใครบ่อยล่ะสิ”
“เปล่า ถ้านับแถวนี้ก็มีคนเดียว”
วิปหัวเราะแล้วหยุดเดิน เธอหันมามองหน้าเขา เอียงคอมองอยู่อย่างนั้นนานพอสมควรจนลักษณ์เริ่มทำตัวไม่ถูก
“มีอะไรติดหน้าลักษณ์หรือไง”
“เปล่า...เราแค่สงสัยว่าลักษณ์เป็นคนยังไงกันแน่ ทำเหมือนจีบเรา แต่ก็ไม่เอาจริงสักที” เสียงหวานใสพูดออกมาเบาๆเหมือนพูดกับตนเอง “คุยกันแปบๆก็หายไป แล้วก็กลับมาคุยใหม่…..เห้อ” เธอถอนหายใจออกมาแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา “..ลักษณ์จริงจังหรือเปล่า บอกเราบ้าง เราจะได้ทำตัวถูก”
คนฟังอึ้งยืนนิ่ง มือประสานกันแน่น ลักษณ์นึกหาคำพูดเหมาะๆไปตอบเธอแต่กลับนึกไม่ออกซักคำเดียว ครั้นจะตอบออกไปว่าเขาจริงจัง อะไรบางอย่างในใจก็คอยผุดขึ้นมาเตือนตลอดว่าอย่าพูดออกไปอย่างนั้น ได้แต่อึกอักอยู่นาน อีกฝ่ายเลยหัวเราะขึ้นมาเบาๆ
“หึๆ ไม่เป็นไรหรอก ยังไม่ต้องตอบเราก็ได้ ยังไงมันก็ต้องใช้เวลาอยู่แล้ว” วิปพูด ยกมือขึ้นเสยผมยาวระต้นคอกลับไปรวมไว้ด้านหลัง “อย่าทำหน้าซีเรียสงั้นสิ ไม่เอาน่า...”
“วิป...”
“ตั้งใจอ่านหนังสือล่ะ แม่เราขับรถมานู่นแล้ว....ไปก่อนนะลักษณ์” เธอยกมือขึ้นโบกให้เขาแล้วเดินฉับๆก้าวขึ้นรถของมารดาไป ทิ้งให้ลักษณ์ยืนมองตามหลังท้ายรถคันนั้นอีกเหมือนเคย
....จริงจังกับวิปงั้นเหรอ....ลักษณ์ครุ่นคิดไปตลอดทาง จะเป็นไปได้อย่างไรเล่าในเมื่อในหัวใจของเขายังมีใครอีกคนจับจองเป็นเจ้าของอยู่ ขนาดพยายามเอาน้ำยาล้างห้องน้ำที่แรงที่สุดบวกพลังขัดถูก็ยังขัดเอาคนๆนั้นออกไปจากหัวใจไม่ได้
แววเศร้านิดๆในดวงตาของวิปที่เขาเห็นเพียงแวบเดียวก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นเสยผมนั้นทำให้เขาอึ้งไป มันเบาบางแต่เขาก็มองเห็น..นี่เขากำลังทำร้ายเธออยู่หรือเปล่า
ถ้อยคำที่พูดหยอด ท่าทางที่คล้ายจีบคงทำให้เธอสับสน จะทำไงได้ในเมื่อตอนแรกเขาตั้งใจจีบอีกฝ่ายจริงๆ ทว่าตอนนี้....พอจะบอกว่าไม่ได้จีบเธอแล้ว มันก็พูดไม่ออก
เขาเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า...
ลักษณ์พยายามปล่อยวางเรื่องวุ่นวายต่างๆที่คอยแต่จะดึงเอาสมาธิออกไปจากเขา เด็กหนุ่มนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบจนดึกดื่นทุกวันจนกระทั่งสัปดาห์แห่งการสอบมาถึง
เขาเดินออกมาจากห้องสอบวิชาสุดท้ายอย่างเหนื่อยอ่อน ปวดขมับด้านซ้ายตุบๆร้าวไปทั่วกระบอกตา การสอบหลายๆวิชาต่อเนื่องดูดพลังงานไปเยอะมากจนไม่มีแก่ใจจะไปฉลองสอบเสร็จเอาเสียเลย
“ลักษณ์ไปมั้ย ร้านเดิม” เพื่อนในคณะฯที่นัดกันจะไปฉลองต่างพูดคุยกันเสียงดังเหมือนนกแตกรัง บ้างก็ชวนกันไปดูหนัง บ้างก็ชวนไปเตะบอล
ส่วนกลุ่มหล่อสัชชชชชชของเขานั้น มีแพลนที่คิดกันเอาไว้แล้วตั้งแต่ก่อนสอบ
“คืนนี้ยาวๆไปเว้ย เดี๋ยวกูไปซื้อของก่อนแล้วแวะไปเจอกันที่บ้านไอ้เต้เหมือนเดิม เอาคอมฯไปด้วยนะมึง กูจะฉลองยันเช้าเลย อดมาตั้งหลายคืน”
“กูขอบาย วันนี้ง่วงมาก ไม่ไหวว่ะ” ลักษณ์ไม่ขอร่วมศึกดอทเอครั้งนี้ด้วย ไม่ว่าเพื่อนจะทักท้วงมาอย่างไร จุดหมายของเขาวันนี้ต้องการการนอนหลับเท่านั้น ขนาดวิปชวนไปกินขนมด้วยกัน เขายังปฏิเสธไปเลย
ลักษณ์เดินออกมาจากมหาลัยคนเดียว กำลังจะถึงป้ายรถเมล์ก็ได้ยินเสียงเรียกเอาไว้เสียก่อน เป็นเสียงคุ้นเคยที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงกว่าเดิม เขาหยุดเดินแล้วหันหน้าไปมองคนที่วิ่งตามหลังมานั้น
“อ้อ...ไวน์ มีอะไรหรือเปล่า” ช่วยไม่ได้เลยที่ลักษณ์จะเผลอมองหาร่างเล็กบางอีกคนที่พักหลังตัวติดกับฝ่ายนั้นเป็นตังเม
“โทรไปไม่ติดเลย ปิดเครื่องเหรอ”
“แบตหมดอ่ะ เมื่อคืนลืมชาร์ต” เขาตอบกลับไปเรียบๆ ไม่ยอมบอกว่าเขากดตัดสายเองแหละ...ไม่อยากรับ
“อ้อ...แล้วนี่สอบเสร็จแล้วใช่มั้ย” ไวน์ถาม กวาดตามองอีกฝ่ายเร็วๆ ลักษณ์พยักหน้า “ไปดูหนังเป็นเพื่อนหน่อยดิ”
จู่ๆอีกฝ่ายก็เอ่ยชวนอย่างรวดเร็วจนคนฟังตั้งตัวไม่ทัน ลักษณ์กระพริบตาปริบๆ กลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ ถามกลับไปว่า
“แล้วทำไมไม่ไปดูกับแฟนล่ะ”
“นิวไม่อยากดูเรื่องนี้อ่ะ แต่กูอยากดู ไปเป็นเพื่อนกันหน่อย นะๆ” ไวน์ย่อตัวลงเล็กน้อยจนใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับสายตาของเขา แววเว้าวอนแปลกๆในดวงตาคู่นั้นทำให้ลักษณ์ต้องเบือนหลบทันควัน “เห็นแก่มิตรภาพวัยเยาว์ของเราสองคน”
คนฟังบอกตัวเองว่า...ไปด้วยก็บ้าแล้ว...
เขาคงบ้าไปแล้วจริงๆ....ลักษณ์ด่าตัวเอง ถ้าทำได้เขาก็อยากเอาหัวโขกกำแพงดูเหมือนกัน เผื่อจะไล่เอาลูกบ้าไร้สตินี้ออกไปจากความคิดได้บ้าง ไม่ใช่เอาแต่เดินต่างร่างสูงใหญ่นี้ไปต้อยๆ โดยไม่คิดจะปฏิเสธ
“เรื่องนี้ไง น่าดูมากนะ”
“หนังผีอีกแล้ว” ลักษณ์ครางออกมา มองดูแผ่นป้ายโฆษณาที่ติดเอาไว้อยู่หน้าโรงภาพยนตร์ คนเยอะทีเดียว ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาจากมหาลัยของเขาที่เพิ่งสอบเสร็จกันนี่แหละ
“เอาน่า ดูเป็นเพื่อนหน่อย กูอยากดูจริงๆ ไม่มีใครอยากดูกับกูเลยลักษณ์...” ไวน์ทอดเสียงอ่อน
....เอาอีกแล้ว ลักษณ์ต้องทำเป็นหันไปมองทางอื่นที่ไม่ใช่ใบหน้าของเพื่อนสนิท ลอบถอนหายใจยาวระบายความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอก
“เออๆ แต่มึงต้องเลี้ยงนะ กูไม่มีเงินแล้ว”
“สบายมาก” ไวน์ตอบกลับมาพร้อมกับยิ้มกว้าง
ลักษณ์ใจเต้นแรงกว่าเดิมเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น เขี้ยวแหลมๆรับกับลักยิ้มมุมปากทำให้ไวน์มีรอยยิ้มที่น่าหลงใหลได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ เขาไม่เคยสังเกตมาก่อนเลยว่ารอยยิ้มเหมือนเด็กเกเรที่ดู ‘ร้าย’ นิดๆนั้นจะรับกับประกายตาวิบวับในดวงตาคมๆขนาดนี้
เป็นยิ้มที่บาดตาเหลือเกิน เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้มีสาวๆตามล้อมหน้าล้อมหนังมาตั้งแต่มัธยม และยิ่งไม่แปลกใจที่ไม่เคยมีสาวคนไหนสังเกตเห็นเขาเลยสักคน จะมีใครมองเห็นสิ่งที่อยู่ใกล้ๆดวงอาทิตย์กันล่ะในเมื่อแสงของดวงอาทิตย์สว่างจ้าออกอย่างนั้น
แม้แต่เขาเองก็ยังแสบตาเสียจนมองไม่เห็นตัวเองด้วยซ้ำ ...ถึงได้ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองหลงไปโคจรรอบดวงอาทิตย์ตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นดาวเคราะห์แคระที่ถูกเตะโด่งออกมาจากระบบสุริยะเสียแล้ว
ลักษณ์หัวเราะเบาๆให้กับความคิดนั้น เขาเดินตามเพื่อนตัวสูงเข้าไปในโรงหนัง คนแน่นเต็มโรงทีเดียวสมกับที่เจ้าตัวคุยไว้ว่าเป็นหนังที่น่าดูมาก
ขยับแทรกเข้าไปในแถวที่นั่ง ลักษณ์พึมพำขอโทษไปตลอดทางจนกระทั่งถึงที่ๆจองเอาไว้สองที่ ขนาบข้างด้วยผู้ใหญ่วัยทำงานทั้งสองข้าง
ลักษณ์ทรุดตัวลงนั่ง หยิบที่วางแขนมาวางกั้นเอาไว้ระหว่างเขากับไวน์ ไอ้ไวน์ไม่ได้พูดอะไรแม่ว่าปกจิเขาจะไม่เคยเอาลงมาเลยก็ตาม เสียงโฆษณาหนังเรื่องใหม่ๆน่าดูดังขึ้นเป็นระยะแต่ว่าลักษณ์กลับไม่ได้ฟังเลย เพราะมัวแต่ก้มหน้าขยับตัวทุกครั้งที่แขนของไวน์มาโดนตัวเข้า
“นั่งไม่สบายเหรอ เอาไอ้นี่ขึ้นสิ” ไวน์พูด เคาะที่วางแขนเบาๆ ลักษณ์ส่ายหน้า รีบเอาขวดน้ำของตัวเองมาวางเอาไว้ในช่อง
“จะวางน้ำ” เขาตอบกลับไป หันไปใส่ใจตัวอย่างภาพยนตร์บนจอภาพอีกครั้ง คนข้างๆเขาขยับตัวยุกยิกไม่อยู่นิ่งเหมือนนั่งไม่สบาย
“เป็นอะไร” ลักษณ์อดรนทนไม่ได้ ต้องถามขึ้นเบาๆ
“เข่ามันติด เกรงใจคนข้างหน้าเขา” ไวน์ตอบกลับมาด้วยเสียงกระซิบ พูดให้ถูกคือไวน์กระซิบตอบกลับมาข้างๆหูของเขา ลมหายใจอุ่นๆที่รดข้างแก้มทำเอาคนฟังสะดุ้ง รีบผละออกห่าง
“เอ้อ..เอียงมาทางนี้ก็ได้” ลักษณ์พูดอุบอิบ อีกฝ่ายเลยเอียงหน้ามาอีกครั้งเพราะไม่ได้ยิน
“อะไรนะ”
“เอียงขามาทางนี้” ลักษณ์จำใจหันกลับไปกระซิบตอบข้างหูอีกฝ่าย ไม่เข้าใจเลยว่าก่อนหน้านี้ทำไมถึงไม่เกิดปัญหาไอ้ไวน์ขาติดมาก่อนนะ ทั้งๆที่โรงนี้ก็เคยเข้ามาดูหลายครั้งแล้วด้วย
ไวน์เอี้ยวเบี่ยงขายาวๆเกะกะนั่นมาทางเขา ถ้ายกขึ้นพาดคอเขาได้คงทำไปแล้วมั้ง...ลักษณ์คิดอย่างหงุดหงิดแกมหมั่นไส้นิดๆ ความรู้สึกเก่าๆสมัยที่มานั่งดูหนังด้วยกันตอนเรียนมัธยมย้อนกลับมาอีกครั้ง
“ลืมซื้อป้อปคอร์น” ลักษณ์พึมพำออกมาเบาๆ มัวแต่คิดอะไรฟุ้งซ่านอยู่ก็เลยลืมหน้าที่ประจำของตัวเองไปเสียสนิท ได้ยินเสียงคนนั่งข้างๆจุ๊ปาก
“เดี๋ยวออกไปซื้อให้” ไวน์ทำท่าจะลุกจริงๆ เขาเลยยึดท่อนแขนข้างนั้นเอาไว้
“ไม่เป็นไร หนังจะฉายแล้ว”
“กูอยากกิน” ไวน์ตอบกลับมาสั้นๆ แล้วลุกเดินฝ่าคนที่นั่งกันแน่นออกไปข้างนอก ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับป้อปคอร์นสองถัง
“เอาไปคนละถังเลย” ลักษณ์รับมาถือกอดเอาไว้บนตัก พึมพำขอบคุณเพื่อนเบาๆ
หนังเริ่มฉายแล้ว บรรยากาศมืดสลัวของเรื่องบวกกับแอร์ในโรงเย็นฉ่ำทำให้หนังตาเริ่มหนักอึ้ง คนที่เพลียอยู่แล้วจากการหักโหมอ่านหนังสืออย่างลักษณ์ก็เลยเผลอปิดตาลงโดยไม่รู้ตัว เขาไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าคนในโรงกรี้ดกันสนั่นหวั่นไหวตอนที่ผีออกมาแค่ไหน ไม่รู้ด้วยว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่
เขาลืมตาขึ้นช้าๆ ไฟในโรงสว่างแล้วพร้อมกับรายชื่อนักแสดงฉายอยู่บนจอ ภาพเบื้องหน้าที่เห็นดูเอียงกะเท่เร่ผิดปกติ ดูเหมือนว่าศีรษะของเขากำลังซบอยู่บนอะไรบางอย่างที่อุ่นหนา ลักษณ์กระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรง หน้าร้อนผ่าวไม่กล้าหันไปมองหน้าคนข้างๆที่ขยับลุกขึ้นยืน
“หนังสนุกมั้ยล่ะ หึๆ” เสียงหัวเราะห้าวๆนั้นดังขึ้นเหนือศีรษะ มือใหญ่เอื้อมมาคว้าถังป้อปคอร์นที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งบนตักของเขาไปถือเอาไว้เสียเอง แล้วก็ค่อยๆเดินเลาะตามที่นั่งออกไป
ลักษณ์รู้สึกตัวรีบลุกเดินตามหลังออกไปบ้าง ความรู้สึกในตอนนั้นมีคำว่าอายผสมอยู่เป็นส่วนใหญ่ ที่เหลือก็เป็นความรู้สึกอึดอัดทำตัวไม่ถูกเมื่อออกมายืนประจันหน้ากันที่หน้าโรงหนัง
“เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้...แหะๆ” เขาหัวเราะออกมาฝืดๆ สบเข้ากัยสายตาคมเข้มที่มองมาด้วยแววตาที่อ่านไม่ออกคู่นั้น
“ตั้งแต่ต้นเรื่องแล้ว ไอ้เราก็เขย่าปลุกตั้งหลายรอบไม่ตื่น” ไวน์ตอบกลับมา “ไปอดหลับอดนอนที่ไหนมา เล่นเกมหนักเหรอ”
“เล่นเกมอะไรล่ะ อ่านหนังสือล่ะสิไม่ว่า โคตรเหนื่อย” ลักษณ์หลุดปากออกมา
“อ้าว แล้วทำไมไม่บอก จะได้ให้กลับไปนอน” ไวน์อุทาน ก้มลงมองสบตาเขาอย่างค้นคว้า....ค้นอะไรลักษณ์ก็ไม่รู้แหละ ไม่คิดจะสบตาต่อให้ค้นด้วย เขารีบหลบตาไปทางอื่นแล้วชี้มือไปที่ท้องฟ้าด้านนอก
“มืดแล้ว ฟ้าครึ้มๆเหมือนฝนจะตกด้วย เรากละ...” เสียงของเขาขาดหายไป เพราะมองไปเห็นร่างเล็กแบบบางของใครคนหนึ่งยืนบิดมือมองมาที่พวกเขาเข้าพอดี ร่างนั้นเหมือนจะเพิ่งเห็นพวกเขาสองคนเข้าเช่นกัน จึงรีบเดินตรงเข้ามาหา
“ลักษณ์....เป็นไงบ้าง หนังสนุกมั้ย” นิวทักเขาทว่าสายตากลับมองไปที่คนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ ท่าทางแปลกๆนั้นทำให้ลักษณ์ขมวดคิ้ว
“ก็ดี....มารอไวน์เหรอ”
“อืม”
“ลักษณ์....กูไปก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกันที่มหาลัยฯ เดี๋ยวเกรซจะส่งตารางเวลาคร่าวๆไปให้ในไลน์กรุ้ป เก็บของเตรียมชุดไปค้างสักสามวันก็พอ”
“เห้ย...เดี๋ยวสิ” ลักษณ์ท้วง จะถามทั้งเรื่องทริปที่จะไปหาทำเลของโรงเรียนและเรื่องของคนตัวเล็กที่ยืนทำหน้าจ๋อยอยู่ข้างๆนี่ด้วย ทว่าร่างสูงใหญ่นั้นกลับหันหลังก้าวยาวๆออกไปจากโซนเสียเฉยๆ
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย...โกรธกันเหรอนิว” เขาหันมาทางคนที่ยังยืนนิ่งอยู่ นิวเอื้อมมือมาจับที่แขนของลักษณ์บีบเอาไว้แน่น มือของนิวเย็นเฉียบ
“ลักษณ์...ช่วยเราหน่อยนะ”
นิวเอ่ยขึ้นด้วยเสียงกระซิบ น้ำตาคลออยู่ในดวงตากลมโตที่มองมาที่เขาอย่างอ้อนวอนและมองไปทางแผ่นหลังกว้างนั้นอย่างน้อยใจแกมเสียใจ
............................................................................................
มาต่อนะคะ ขอบคุณมากเลยที่เม้นท์กันมา ถกเถียงเเละวิเคราะห์กันดีมากๆ หลายเม้นท์ค่อนข้างตรงใจ และบางเม้นท์ชี้ให้เห็นแง่คิดใหม่ๆของตัวละคร ขอบคุณมากๆค่ะ
ตอนหน้าจะพาไปเที่ยวนอกสถานที่บ้าง เบื่อเที่ยวห้างเเล้วค่ะ5555
เจอกันตอนหน้า ใครเล่นทวิตใช้แทค #แอบลักษณ์ นะคะ
