°•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60  (อ่าน 105532 ครั้ง)

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
ตอนที่ 26

Love is the flower you’ve got to let grow.

 

 

 

            “ทำอะไรอยู่”

            “กำลังคิดว่า....ทำไมถึงต้องเป็นห้องน้ำทุกที”

            เสียงหัวเราะดังขึ้นด้านหลังประตูห้องน้ำที่ปิดสนิท  ไวน์ถอนหายใจเฮือกทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นข้างหน้าห้องน้ำ...ที่ประจำของเขาตั้งแต่สมัยม.ปลาย

            “จะนอนในห้องน้ำหรือไง”  เขาถามหางเสียงตวัดด้วยความฉุน

            “ก็ดีเหมือนกันนะ”  อีกฝ่ายตอบกลับมา  ได้ยินเสียงกุกกัก  คงกำลังแต่งตัวอยู่

            “ไวนักนะ”  ไวน์เข่นเขี้ยว...ก็แหม  พอเขาเผลอ  มัวแต่ก้มลงสูดกลิ่นเนื้อหอมเหมือนกลิ่นแป้งเด็กของฝ่ายนั้นเพลินๆ  จู่ๆคนในอ้อมแขนก็ผลักหน้าเขาหงายแล้วก็คว้าผ้าเช็ดตัว  วิ่งออกมาจากห้องนอนของตนเองด้วยความเร็วแสง  หายเข้าไปในห้องน้ำเป็นชั่วโมง  ให้เขารอเฝ้าอยู่หน้าห้องแบบเซ็งๆ  “เสร็จยัง  ขัดห้องน้ำหรือขัดตัว  เปื่อยหมดแล้วมั้ง”

            “จะเสร็จแล้ว เร่งจริงโว้ย”

            “ก็อยากเสร็จบ้างอ่ะ”  เขาตอบกลับไป

            “ไอ้บ้า”  อีกฝ่ายตอบกลับมาทันควัน  พร้อมกับประตูห้องน้ำที่เปิดออก  ร่างผอมบางอยู่ในชุดนอนที่เรียบร้อยกว่าที่เคย  มีผ้าเช็ดตัวสีฟ้าพาดบ่า  ผมสั้นๆเปียกชื้นมีน้ำหยดติ๋งๆ

            “สระผมแล้วทำไมไม่เช็ดผม  เดี๋ยวก็เป็นหวัด”  ไวน์พูดออกไปก่อนที่สมองจะทันคิดด้วยซ้ำ  เอื้อมมือไปคว้าผ้าเช็ดตัวจากบ่ามาโปะลงบนศีรษะของอีกฝ่าย  ลักษณ์เอียงตัวหลบ

            “ก็เร่งนักไม่ใช่หรือไง”

            “เออดีมาก...อาบเสร็จแล้วก็ไป...เข้าห้อง”  ไวน์พูดหน้าตาเฉย  ซ่อนยิ้มเอาไว้  คนฟังทำหน้าเหรอหรา  หันมาบอกเขาว่า

            “คืนนี้จะไปนอนดูทีวีห้องป้าดา  มึงนอนห้องกูไปเลยก็ได้”  ลักษณ์ตอบ  ไม่ยอมสบตาแพรวพราวของอีกฝ่ายที่มองมา  ...กว่าเขาจะสะบัดตัวหลุดจากอ้อมกอดนั้นก็ยากเอาการ  ขืนยอมเดินตามเข้าห้องนอนด้วยมีหวัง  คืนนี้คงมีเฮแน่ๆ

            “กลัวอะไรกูหรือ  ลักษณ์”  ไวน์ทอดเสียงอ่อนลง  เอื้อมมือมาแตะที่บ่าเล็ก  “กลัวใช่หรือเปล่า”

            “เปล่า”  ลักษณ์โกหก  และไวน์ก็รู้  “กูแค่อยากนอนกับป้าบ้าง”

            “กลัวกูปล้ำเอาใช่มั้ย”  คนโตกว่าพูดตรงเผงจนคนฟังหน้าแดงขึ้นฉับพลัน  ท่าทางอึดอัดขัดเขินนั้นทั้งน่าขำและน่าเอ็นดูจนไวน์อยากจะคว้าตัวมาจับฟัดเสียให้หายอยาก  แต่ก็เกรงว่าลักษณ์จะตกใจจนยิ่งหนีหายไปกันใหญ่  เขาสบตากลมโตที่มีแววตื่นกลัวเหมือนตากวางระแวงภัยคู่นั้นนิ่งๆ  แล้วก็เปล่งเสียงหัวเราะห้าวๆออกมาเบาๆ   “เห็นกูเป็นอะไร  กูไวน์เพื่อนมึงนะ  ไม่ทำอะไรหรอก”

            “................”

            “จริงๆ  สาบานด้วยเกียรติของลูกเสือก็ได้”   ไวน์ยกนิ้วขึ้นมาสามนิ้วเหมือนสมัยเรียนลูกเสือสามัญ  “ข้าพเจ้า นายศตวรรษของปฏิญาณว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับนายลักษณ์เด็ดขาด  ถ้านายลักษณ์ไม่ยินยอมด้วยตนเอง...”  ประโยคหลังเจ้าตัวลดเสียงเบาลงแล้วยิ้มใส่ตาคนฟัง

            “เอ๊ะ?”  ลักษณ์ขมวดคิ้ว

            “ก็มึงไม่ยินยอมก็จบ  ไม่เห็นยาก”

            “คนเจ้าเล่ห์  เดี๋ยวก็หาวิธีจนได้”

            “นั่นสินะ”  ไวน์พยักหน้า  “ล้อเล่นน่า   ง่วงแล้วเนี่ย  มึงเข้าไปก่อนไป   เดี๋ยวกูอาบน้ำก่อนแล้วเดี๋ยวตามเข้าไป  เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว”   ชายหนุ่มดึงผ้าเช็ดตัวของเพื่อนมาถือเอาไว้พลางเบี่ยงตัวเข้าไปในห้องน้ำ  ลักษณ์รีบเผ่นออกมาจากห้องน้ำโดยเร็วเพราะกลัวอีกฝ่ายเล่นตุกติกปิดประตูห้องน้ำขังเขาเอาไว้ด้วยกัน

            ไวน์หัวเราะเบาๆ  ชะโงกหน้าออกมากระซิบ

            “ห้องน้ำเนี่ยไว้คราวหน้าให้หายป่วยก่อน”  พอคนฟังถลึงตาใส่  ไวน์ก็หัวเราะลั่น   “พูดเล่น  ไปนอนได้แล้วไป  จะนอนห้องป้าดาก็ได้”   เขาขยิบตาแล้วปิดประตูห้องน้ำ

            ลักษณ์ได้ยินเสียงเปิดน้ำดังซู่  ใหญ่  เขายืนอยู่ตรงระเบียงห้าบันได  ลังเลว่าจะไปนอนห้องป้าดาดีมั้ย  หรือว่าจะนอนห้องของตัวเองดี   คิดอยู่พักนึงก็ตัดสินใจเดินกลับเข้าไปในห้องส่วนตัวของตน

            ใช้ผ้าเช็ดผมจนแห้งแล้วก็หยิบการ์ตูนมานอนกลิ้งบนเตียงเปิดอ่านเล่น  สักพักก็ได้ยินเสียงปิดน้ำจากในห้องน้ำ  เขาเกร็งเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายเปิดประตูเข้ามาในห้อง  ไวน์คาดผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเหมือนทุกที  เห็นหยดน้ำเกาะพราวตามเนื้อตัวที่มีกล้ามเนื้อสมส่วนแบบคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ 

            “ระวังตาเป็นกุ้งยิงนะ”  เสียงห้าวๆพูดลอยๆ

            “ไม่เห็นจะน่าดูตรงไหน”  ลักษณ์ตอบกลับไป

            “งั้นเช็ดน้ำลายมุมปากหน่อย”  อีกฝ่ายพูด  ลงมือแต่งตัวหน้าตู้เสื้อผ้า

            “พอเหอะ  คนจะนอน”   ลักษณ์ตอบ  เก็บการ์ตูนเข้าชั้นตามเดิม   ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนถึงคอ

            “ก็นอนไปดิ  ใครว่าอะไร”

            “ปิดไฟสักที  แยงตานอนไม่หลับ”  ลักษณ์พูดอย่างหงุดหงิด  อีกฝ่ายก็เดินไปกดปิดสวิตช์ไฟให้แต่โดยดี  มือก็สวมเสื้อยืดใส่นอนไปด้วย  ห้องสี่เหลี่ยมแคบๆนั้นมืดสลัว  มองเห็นแต่เพียงลางๆจากแสงไฟฟ้าข้างนอกห้อง  ลักษณ์รู้สึกว่าเตียงยวบลงจากน้ำหนักตัวคนที่ปีนขึ้นมานอนด้วย

            “ไหนว่าจะนอนพื้น”

            “ใจคอจะใจร้ายให้เพื่อนนอนพื้นได้ลงคอหรอ”   เสียงไวน์ตอบกลับมาใกล้มากพร้อมกับน้ำหนักตัวที่ทิ้งลงข้างตัว  ลักษณ์ขยับหนีไปทางซ้าย  เว้นที่ว่างระหว่างกันเอาไว้

            “ผ้าห่มอยู่ไหน  หนาวจัง”  อีกฝายพูด  ลักษณ์รู้สึกถึงมือแข็งๆที่ป่ายเปะปะมาที่ฝั่งเขา  ก็เลยส่งผ้าห่มไปให้ฝ่ายนั้น  ทว่ามือข้างนั้นกลับไม่ยอมดึงกลับ  เจ้าของกลับสอดเข้ามาใต้ผ้าห่มแล้ววางแปะลงบนอกของเขา

            สัมผัสนั้นทำเอาลักษณ์สะดุ้งเพราะไม่ทันตั้งตัว  รีบยกมือขึ้นปัดมือฝ่ายนั้นออก  พอปัดมือใหญ่ก็ร่วงลงมาแปะที่ส่วนล่างของร่างกายเขาแทนราวกับไม่ตั้งใจ

            “โทษๆ  ไหนผ้าห่มนะ”  ได้ยินเสียงไวน์พึมพำในความมืด ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะพลิกตัวมาหาเขา  ฝ่ามือข้างนั้นล้วงลอดเข้าไปในกางเกงวอร์มขายาวที่ลักษณ์ใส่นอน  กอบกุมเข้าที่ตัวตนของลักษณ์ผ่านชั้นในที่สวมอยู่  ลักษณ์สะดุ้งทั้งตัวพยายามบิดตัวหนี  ทว่าริมฝีปากที่รอจังหวะอยู่แล้วนั้นกลับวูบเข้ามาประกบที่เรียวปากของเขา  ไม่ยอมให้เปล่งเสียงคัดค้าน  ปลายลิ้นส่งเข้ามาสำรวจโพรงปากอย่างดุดันเอาแต่ใจ  แต่ก็แฝงความอ่อนหวานตามใจเอาไว้อยู่มากจนลักษณ์จูบตอบกลับไปอย่างเผลอไผล

ปลายนิ้วเรียวยาวเกี่ยวเอาปราการด่านสุดท้ายลงโดยที่เจ้าของลืมขัดขืน  ตัวตนของลักษณ์ยืนหยัดออกมาสู้กับฝ่ามือร้อนที่ชำนาญจนน่าแปลกใจ  ริมฝีปากคู่นั้นเปลี่ยนมาขมเม้มที่ติ่งหูของเขาลามลงมายังซอกคอและไหปลาร้า  ลักษณ์ไม่รู้เลยว่าอารมณ์ของตัวเองพุ่งสูงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่  รู้แต่ว่าข้างในมันช่างปั่นป่วนเหลือเกินโดยเฉพาะยามที่ริมฝีปากคู่นั้นบดเม้มที่ยอดอกของเขาทั้งสองข้าง   ทั้งๆที่เสื้อผ้าของเขายังอยู่บนเนื้อตัวครบถ้วนทุกชิ้น 

หน้าท้องบิดเป็นเกลียว  ลักษณ์นึกถึงความทรงจำในคืนวันฝนตกหนักขึ้นมาได้   ความหนาวจับขั้วหัวใจทว่าร่างกายกลับร้อนเป็นไฟ  เป็นความทรมานที่ยากจะบรรยายได้   ความรู้สึกตอนนี้ช่างคล้ายกับวันนั้น  แตกต่างตรงที่ในใจของเขาไม่ได้หนาวเหน็บราวกับอยู่กลางหิมะ  หากแต่อบอุ่นเหมือนมีเตาผิงจุดอยู่ภายใน  ร้อนเหมือนดื่มเหล้าเพียวๆเข้าไปสิบแก้วติดต่อกัน  ทว่านี่เป็นไวน์ทั้งขวด 

เขาคงดื่มมันมากเกินไปกระมัง...ลักษณ์คิดในใจขณะที่ปรือตามองเส้นผมหยักศกของใครอีกคนที่ขยับอยู่ที่หน้าท้องของเขา  ใช้ริมฝีปากทำหน้าที่แทนมือที่แสนร้ายกาจนั้น   หรือบางทีมันอาจจะยิ่งกว่า

            แอลกอฮอล์ในเลือดของเขาคงพุ่งสูงจนควบคุมตัวเองไม่อยู่  ลักษณ์จิกเล็บลงกับไหล่หนาของอีกฝ่าย  รู้สึกเหมือนตัวเองถูกเหวี่ยงตัวลอยคว้างขึ้นไปบนอวกาศไร้น้ำหนัก  แสงเจิดจ้าของดวงอาทิตย์อยู่ใกล้จนแทบสัมผัสได้  มันจ้าจนเขาต้องหรี่ตาลงก่อนที่จะมีอ้อมแขนนุ่มๆพาเขาลอยกลับลงมาสู่พื้นดิน 

            เสียงหอบหายใจหนักๆของตัวเองดังมาเข้าหู  เหงื่อแตกชุ่มไปหมด  ผสมกับบางอย่างที่ทำให้กางเกงนอนของเขาชื้นแฉะ   ลักษณ์ลืมตาขึ้นเห็นร่างสูงใหญ่นอนตะแคงอยู่ข้างๆ

            “ไง...”

            “มึง....ไอ้ไวน์..”   พูดไม่ทันจบ  อีกฝ่ายก็ชะโงกเข้ามาจูบเขา  รสชาติแปลกๆที่ติดอยู่ที่ลิ้นฝ่ายนั้นทำให้ลักษณ์ไม่คุ้นชิน 

            “ต่อนะ”  เสียงห้าวๆกระซิบ  ปลายจมูกเคลียอยู่ที่ข้างแก้มของเขา

            “มะ..ไม่”

            “ใจร้าย”  มุมปากของเขาถูกจูบ  “ใจคอจะปล่อยให้ค้างอยู่แบบนี้เหรอ”

            ลักษณ์หน้าแดง  รู้สึกถึงอะไรสักอย่างที่ดุนดันอยู่ที่เอวของเขา  ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้ชายที่เขารู้ดีอยู่แล้ว  แถมยังเป็นของเพื่อนสนิทที่เคยเห็นกันมาทุกซอกทุกมุมด้วยซ้ำ  ไม่รู้ทำไมคราวนี้ถึงได้...

            คงเพราะความสัมพันธ์ทางใจที่เปลี่ยนไป

            “ไม่”

            ไวน์ถอนหายใจเฮือก

            “ก็ได้”  ความอบอุ่นที่คลอเคลียรายล้อมอยู่รอบตัวนั้นหายไป  ไวน์ลุกขึ้นเดินหายออกไปจากห้อง ครู่หนึ่งก็กลับเข้ามาใหม่  ทิ้งตัวลงนอนข้างๆเขาที่ลุกขึ้นมาเช็ดทำความสะอาดตัวเองไปแล้ว

            ลักษณ์หันไปมองอย่างระแวงอีกครั้ง

            “ไม่ทำอะไรหรอกน่า....”  ไวน์พูดอย่างอ่อนใจ  “ถึงอยากทำก็ทำไม่เป็นหรอก”  ฝ่ายนั้นพูดเสียงอ่อย  คนฟังตาโต  ถามกลับไป

            “อ้าว...หรอ”

          “ก็ใช่น่ะสิ  กูเคยกับผู้ชายที่ไหน  ทำไม่เป็นหรอก  มึงไม่ต้องห่วง”  ไวน์พูดออกมาด้วยท่าทางไม่เต็มใจ  “ทำได้แค่เมื่อกี้แหละ  มากกว่านี้ไม่เป็นแล้ว”

            “อ้อ”  ในเสียงอุทานนั้น  ไวน์อยากจะคิดว่ามันมีความโล่งอกโล่งใจแฝงอยู่มากทีเดียว  เขาซ่อนยิ้มเอาไว้ในความมืด  เอื้อมมือไปคว้าตัวเพื่อนสนิท(คิดไม่ซื่อ)มากอดเอาไว้ทั้งตัว

            “ปล่อย  อึดอัด”  พอเจ้าตัวรู้ว่าเขาไม่เป็นอันตรายไปมากกว่านี้  ท่าทางระมัดระวังก็อ่อนลงจนเกือบจะวางใจ  พอเขาไม่ยอมปล่อยเข้าก็ทิ้งศีรษะลงบนอกของเขา  นอนนิ่งยอมให้กอดอยู่อย่างนั้น

            “ขอกอดหน่อย  อุตส่าห์รอมาตั้งหลายปี”

            “ก็รอทำไมล่ะ”

            “นั่นสิ  ไม่น่าเลยเนอะ”

            “คนอย่างมึงน่าจะคบกับคนเด่นๆอย่างพวกดาวเดือนน่ะถูกแล้ว”  ลักษณ์พึมพำเสียงเบา  ทว่าเขาก็ได้ยินอยู่ดี  “คนอย่างกู...ไม่น่าเป็นไปได้เลย”

            “เป็นเพราะมึงเป่าน้ำลายใส่กูแน่ๆลักษณ์”  เขาพูดแล้วหัวเราะเบาๆ  นึกถึงหน้าตาเด๋อๆของเด็กหัวเกรียนตัวเล็กที่เข้ามาช่วยเขาสมัยมอต้น

            “ประสาท”  คนที่นอนนิ่งอยู่บนอกเงยหน้าขึ้นมาด่า  แล้วย่นจมูกใส่

            “คบกับคนอย่างมึงอ่ะดีแล้ว  ไม่งั้นใครจะปรุงผัดซีอิ้วให้กูอ่ะ  ปรุงเองก็ไม่อร่อยเหมือนที่มึงปรุงให้”

            “กูมีค่าแค่เครื่องปรุงผัดซีอิ้วสินะ”

            “เอ้า.. กูแค่จะเปรียบเทียบเฉยๆ ว่าคนเราก็ชอบรสชาติไม่เหมือนกัน  เหมือนเวลาปรุงรสผัดซีอิ้วนั่นแหละ  บางคนชอบหวาน บางคนชอบเปรี้ยวๆ  บางคนก็ชอบเค็ม  กูชอบรสที่มึงปรุงให้  ก็แค่นั้นเอง  ในเมื่อกูเจอรสชาติที่อร่อยถูกลิ้นแล้ว  ทำไมจะต้องไปขวนขวายหารสอื่นด้วย”

            ลักษณ์ยิ้มในความมืด

            “งั้นมึงก็คงเหมือนหมูกรอบผัดกระเพราสินะ”

            “ยังไง”

            “กินได้ไม่เบื่อ”  ลักษณ์ตอบแล้วหัวเราะ  รู้สึกสองแก้มร้อนซู่   อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ  เสียงกังวานลึกอยู่ในช่องอกเมื่อแนบหูฟังอยู่เช่นนี้   มือใหญ่ยกขึ้นลูบที่เส้นผมของเขาเล่น

            “งั้นกินกันอีกมั้ย”

            “ไม่!”

            “ฮ่าๆ”  ไวน์หัวเราะจนตัวสั่น  ออกแรงดันตัวให้ลักษณ์ลงนอนข้างตัวเอง  ศีรษะหนุนแขนเขาเอาไว้   “รอมาได้ตั้งหลายปี  รออีกสักนิดก็ไม่เป็นไรหรอก”  เขาพลิกตัวเป็นนอนตะแคง  หันหน้าเข้าหาคนที่นอนหงายหนุนแขนเขาอยู่  “ลักษณ์...ถามอะไรหน่อยได้มั้ย”

            “ว่า”

            “รู้ใจตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่”  เป็นคำถามที่ไวน์อยากรู้คำตอบมาเนิ่นนาน

            “ลองทายดูสิ”

            “ตอนที่กูคบกับนิว”

            “ก็อาจจะใช่..”  ลักษณ์ขมวดคิ้ว  “บอกไม่ถูกแฮะ  จริงๆพูดตามตรงมันก็เหมือนรู้ตัวนิดๆมาตลอดแต่กูแค่ไม่อยากยอมรับ  หลอกตัวเองไปเรื่อยๆว่ามันไม่ใช่   จนกระทั่งวันนั้น...”  ลักษณ์หรี่ตาลง  คิดย้อนกลับไปวันนั้น....เหตุการณ์ที่สวนสาธารณะที่ทำให้เขาทลายกำแพงที่มองไม่เห็นนั้นลงจนได้

            “วันไหน”

            “วันที่มึงไปวิ่งกับนิวที่สวนสาธารณะ   แล้วก็...จูบกัน”

            “มึงเห็น?”  ไวน์ดูแปลกใจ

            “อืม”   ลักษณ์รับคำ  “รู้มั้ยว่าตอนนั้นกูรู้สึกยังไง”  ไวน์ส่ายหน้าช้าๆ  “มันเหมือนมีเสียงแตกโพละในหัว  จากนั้นก็เหมือนคนกำลังจะจมน้ำ  หายใจไม่ค่อยออก  ตอนนั้นรู้สึกว่ามันสายไปแล้ว”

            “โธ่”

            “มึงกับนิวเหมาะสมกันมาก  แถมกูก็เป็นฝ่ายปฏิเสธมึงก่อนอีก  กูไม่กล้าจะมองหน้ามึงด้วยซ้ำไวน์   กูรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนโง่ที่ไม่รู้จักค่าของของในมือ”

            “กูไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอกลักษณ์   กูก็ผิดเองที่จงใจคบนิวเพื่อประชดมึง”  ไวน์พูดออกมาตรงๆ  “กูใจร้อนเองนึกว่าหมดหวังแล้ว  ลืมไปสนิทว่าเพื่อนกูมันโง่  หัวช้าไม่ค่อยจะทันใคร  แม้แต่ความรู้สึกของตัวเองก็ยังตามไม่ทันเลย”

            “มึงด่ากูหรอไอ้ไวน์”

            “เอ้า..หัวไวขึ้นแล้วนี่”

            “ไปนอนข้างนอกเลยไป”

            “เอะอะก็ไล่ไปนอนข้างนอก  เหมือนอะไรรู้ป่ะ”

            “อะไร”

            “เมียที่จับได้ว่าผัวมีกิ๊ก....โอ๊ย!”  ไวน์ร้องดังลั่นเพราะความเจ็บปลาบที่สีข้างจากปลายนิ้วของคนที่นอนอยู่ข้างๆจับบิดแบบไม่ปราณีปราศรัย

            “หึ...”

            “ยอมแล้วจ้า”  ไวน์งอตัวลงราวกับเจ็บปวดเต็มที่  แล้วก็ฉวยโอกาสจุมพิตลงบนหน้าผากของลักษณ์เบาๆ   “นอนได้แล้ว...ที่รัก”

            “ขนลุก  ขอร้อง”

            “งั้นให้เรียกอะไรล่ะ  ไม่อยากเรียกมึงๆกูๆแล้ว”

            “เรียกอย่างอื่น”

            “ฮันนี่?”

            “อ้วกเถอะ”

            “งั้นเรียกลักษณ์เฉยๆ  แล้วลักษณ์ก็เรียกแทนตัวเองว่าลักษณ์ด้วย  ดีมั้ย”  ไวน์เสนอ  “นะครับ  ตกลงนะ”  น้ำเสียงนั้นมีแววออดอ้อนจนคนฟังใจสั่น  ลักษณ์ไม่แปลกใจเลยที่อีกฝ่ายฮอตเหลือเกิน 

            “ก็ได้”

            “งั้นตามนี้นะ”

            ลักษณ์ไม่ตอบ  เขานอนหลับตานิ่งฟังเสียงหายใจของอีกฝ่ายแผ่วเบาเป็นจังหวะสม่ำเสมอ  ไม่นานก็รู้ว่าไวน์หลับสนิทไปแล้ว  ลักษณ์นอนคิดเรื่องอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อยจนเผลอหลับตามไปอีกคน

            .............................................................................

ต่อด้านล่างค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-06-2017 00:26:10 โดย ็Hollyk »

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
ต่อนะคะ





            “คิดดีแล้วเหรอเพื่อนลักษณ์”

            “อืม”

            “ไม่เปลี่ยนใจแน่นา”

            “ไม่เปลี่ยน”

            “เภสัชมันก็ดีนะ  เป็นอาชีพมั่นคงพอๆกับแพทย์นั่นแหละ”

            “มึงก็อย่าไปห้ามมันเลยเต้  ถ้ามันอยากไปก็ปล่อยมันไปเหอะ  เพื่อนฝูงอย่างพวกเราไม่มีค่าพอจะพูดโน้มน้าวมันหรอก”  แซมสะบัดเสียง  หันหน้าหนี

            ลักษณ์ถอนหายใจยาว

            “มึงอย่าเพิ่งโกรธกูดิแซม  พวกมึงก็ก็รักทุกคน อีกอย่างนี่กูยังไม่ได้ซิ่วเลยนะ  ไม่ได้มีหลักประกันเสียหน่อยว่ากูจะเอนท์ใหม่ติด  ถ้ากูเอนท์ไม่ติด  กูก็กลับมาเรียนกับพวกมึงอยู่ดี”

            “งั้นทำไมมึงต้องดรอปด้วยล่ะ”

            “ไม่งั้นกูจะเอาเวลาไหนไปอ่านหนังสือล่ะ”

            “แล้วถ้ามึงลาออกก็ต้องจ่ายเงินค่าทุนนะ”

            “อืม  ทำไงได้...กูอยากพยายามอีกครั้ง  ให้ตัวเองได้เรียนในสิ่งที่อยากเรียนมากกว่า”

            “ถ้ามึงไม่ติดขึ้นมาล่ะ  นี่กูไม่ได้แช่งนะ  แต่ถ้ามึงไม่ติดขึ้นมา มึงก็ไม่ได้ขึ้นปีสองพร้อมพวกกูนะลักษณ์  ต้องไปเรียนกับน้องๆปีหนึ่งนะ”

            “ก็ดี  กูได้มาเป็นน้องพวกมึงไง”

            “ลักษณ์  เปลี่ยนใจเถอะ”

            “กูไปทำเรื่องขอดรอปมาแล้ว”             

            “อ้าว”  เพื่อนๆอุทาน  มองมาที่เขาอย่างโกรธเคือง  ลักษณ์ยกมือไหว้ หัวเราะแหะๆ

            “เอาน่า  ยังไงพวกเราก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมไม่ใช่เหรอวะ”

            “มันก็ใช่อยู่หรอก  แต่ว่า...”   แซมที่ดูเสียใจกว่าเพื่อนหันมามองเขา  เบียร์ยกมือขึ้นตบไหล่เบาๆ  ส่วนเต้ยืนมองอยู่ห่างๆ  “กูเป็นห่วงมึง กลัวมึงผิดหวัง”

            “มึงไม่ต้องห่วงไอ้ลักษณ์หรอกแซม  มันมีติวเตอร์ดี”  เบียร์พูดแกมหัวเราะ

            “ใคร?”  คนพูดพยักพเยิดไปทางด้านหลัง  ลักษณ์หันไปมองก็เห็นร่างสูงใหญ่ในชุดนักศึกษายืนโบกมือมาให้ยิ้มๆ   

            “อ้อ...ครูพี่ไวน์นี่เอง”  แซมพยักหน้าหงึกหงัก  รอจนไวน์เดินเข้ามาถึงโต๊ะใต้ตึกคณะเภสัชที่พลุกพล่านนั้นแล้วถึงค่อยทัก  “ไงครับ  เดี๋ยวนี้มาบ่อยนะ  เล็งสาวคนไหนเอาไว้หรือไงครับครูพี่ไวน์”

            “เล็งเอาไว้คนเดียว”  ไวน์ตอบกลับมา  สบตากับ ‘สาว’  ที่ถลึงตาใส่ แล้วก็ทำไม่รู้ไม่ชี้

            “แน่ะๆ  มีของดีไม่ยอมบอกต่ออีกแล้ว....เดี๋ยวก่อน  มึงใช่มั้ยไอ้ไวน์ที่ยุให้ไอ้ลักษณ์มันซิ่วเนี่ย”

            “เปล่านะ  กูก็รู้ก่อนหน้าพวกมึงนิดเดียวเนี่ยแหละ”   ไวน์ตอบกลับมา  “ลักษณ์ไม่ได้บอกกูเหมือนกัน”

            “เอ้าเหรอ  ...เฮ้อ  ไอ้ลักษณ์  มึงคิดดีๆนะ  มึงจะเรียนจบไม่พร้อมเพื่อนรุ่นเดียวกันนะเว้ย  เพื่อนมึงทำงานหาเงินได้แล้ว  มึงยังเรียนอยู่เลย”

            “ไม่เป็นไร  กูจบช้าๆก็ได้  มีคนเลี้ยงอยู่แล้ว”  ลักษณ์พูดทีเล่นทีจริง  ปรายตามองไปทางคนหน้าเข้มที่ยักคิ้วมาให้  “กูหมายถึงป้าดากับพี่ราม  เค้าไม่ปล่อยให้กูอดอยากหรอก”

            “โว้ย  กูขี้เกียจโน้มน้าวมันแล้ว  แล้วแต่เลยแล้วกันไอ้ลักษณ์...มีอะไรให้ช่วยก็บอก”

            “เออๆ  เดี๋ยวกูจะแวะมาหาบ่อยๆนะ”

            “มึงตั้งใจอ่านหนังสือไปเถอะ  เดี๋ยวกูไปเยี่ยมที่ร้านเอง”  เพื่อนๆตอบกลับมา  ก่อนจะแยกย้ายกัน  ลักษณ์เดินเคียงคู่อดีตเพื่อนสนิทออกมาจากคณะ  ไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติในความสัมพันธ์ที่ดูแสนจะธรรมดาสามัญนั้น   นอกจากเพื่อนกลุ่มหล่อสัชที่มองมาเป็นตาเดียวแล้วหันไปยักคิ้วให้แก่กัน 

            “เพื่อนโกรธหรือเปล่า”  ไวน์ถามด้วยเสียงกังวล  ดึงแฟ้มในมืออีกฝ่ายมาช่วยถือ  เขาไม่ได้หิ้วเป้ให้เพราะลักษณ์ขอร้องว่าอย่ากระโตกกระตาก  มันคงดูประหลาดถ้าเพื่อนผู้ชายจะมาสะพายกระเป๋าให้กัน

            “น่าจะไม่นะ”

            “ดีแล้ว...”  ไวน์ตอบ  ดึงแขนเสื้อให้ลักษณ์เดินหลบเข้ามาด้านในชิดขอบฟุตบาท  “หลังจากนี้มันจะหนักนะ   น่าจะเครียดดว่าตอนเอนท์ครั้งแรกด้วยมั้ง...จะไหวใช่มั้ย”

            “ไหวสิ  ตัดสินใจแล้วนี่”

            “ตัดสินใจไม่บอกกันบ้างเลย”  ไวน์ตัดพ้อเล็กน้อย

            “ก็อยากให้แปลกใจไง”

            “เป็นห่วง  ไม่รู้หรือไง”

            “อืม...รู้แล้ว”  ลักษณ์รับคำในคอ  พวกเขาเดินมาจนถึงหน้าป้ายรถเมล์  “ถ้าเป็นห่วงก็ช่วยติวให้ด้วย”

            “มันก็ต้องอย่างงั้นอยู่แล้ว”  ไวน์พูด  ยกมือขึ้นโบกเรียกรถเมล์ให้จอดป้าย   รุนหลังคนรักให้ขึ้นไปบนรถก่อน  คอยระวังไม่ให้ใครมาชนเข้า  ทุกอย่างเป็นอัตโนมัติราวกับปฏิบัติเช่นนี้มานานหลายปี ทั้งที่ความจริงแล้วเพิ่งผ่านไปเพียงสองอาทิตย์เท่านั้น 

            ความสัมพันธ์ของพวกเขา  จะว่าคืบหน้าก็คืบ  แต่ในความคืบหน้านั้นก็ยังตั้งอยู่บนความเป็นเพื่อนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง  ไวน์ยังเป็นคนแรกที่ลักษณ์นึกถึงเหมือนเดิม  ที่จะต่างจากเดิมก็คงเป็นความอ่อนหวานในสายตายามที่อีกฝ่ายทอดมองมาเวลาที่ไม่มีใครเห็นเท่านั้น 

            ไวน์มารับมาส่งเขาที่คณะฯโดยไม่มีใครผิดสังเกต  ส่วนเขาก็แวะไปหาไวน์ที่คณะบ้าง  เอาขนมไปให้บ้างบ้างวันโดยที่ไม่มีเพื่อนคนไหนเอะใจเลยเช่นกันว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาก้าวเกินเขตเส้นแดงของคำว่าเพื่อนสนิทไปแล้ว

            นอกจากเพื่อนในกลุ่มของแต่ละคนที่ดูจะมีท่าทีระแคะระคายบ้างเท่านั้น    แต่ก็ยังไม่มีใครพูดอะไรออกมาตรงๆ  ในเมื่อพวกเขายังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ 

            รถมาจอดที่ป้ายหน้าปากซอย  ลักษณ์ยืนรอไวน์เข้าไปซื้อของในเซเว่นเหมือนทุกที  ระหว่างนั้นก็กวาดสายตามองไปตามแผงหาบเร่ที่วางขายอยู่เต็มไปด้วย  ลูกชิ้นปิ้งวันนี้น่ากินเป็นพิเศษ...

            “ลักษณ์”  เสียงเรียกทำให้ลักษณ์หันไปมอง  เขาเห็นพี่รหัสของตัวเองยืนอยู่เบื้องหน้า   ลักษณ์ตกใจ

            “พี่สิงห์”  อุทานเสร็จก็เหลียวไปมองในร้านสะดวกซื้อ  ไวน์ยังไม่ออกมา   เขาเลยจะเดินหนีเข้าไปในเซเว่นแทน  ทว่าฝ่ายนั้นคว้าต้นแขนของเขาเอาไว้

            ลักษณ์สะบัดแขนอย่างแรง

            “พี่ขอโทษ  ลักษณ์  พี่ไม่ได้ตั้งใจ”

            “พี่อย่ามายุ่งกับผม  ผมอโหสิกรรมให้พี่ไปแล้ว”

            “ลักษณ์...ถ้างั้นก็ช่วยบอกพี่รามทีว่าพี่สำนึกผิดแล้ว”

          “เกี่ยวอะไรกับพี่ชายผม”

            “พี่ฝากไปบอกได้มั้ย  นะลักษณ์นะ....ต่อไปนี้พี่จะไม่มายุ่งเกี่ยวกับนายอีกแล้ว  ได้โปรดนะลักษณ์นะ”  พี่สิงห์แทบจะยกมือไหว้เขา  ลักษณ์มองตอบอย่างมึนงง  “แค่นี้พี่เนิร์ดก็จะเอาพี่ตายแล้วลักษณ์  เห็นแก่พี่เถอะ  อย่าให้เป็นเรื่องเลยนะ  พี่ขอร้อง  แม่พี่แก่แล้ว  พี่ต้องเรียนให้จบจะได้มาเลี้ยงดูแม่”

            “ผมยกโทษให้พี่ไปนานแล้วพี่สิงห์  แต่เรื่องอื่นพี่ก็ต้องจัดการเอง”   ลักษณ์ตอบเสียงเย็น  เดินหนีเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ  เข้าไปยืนข้างๆร่างใหญ่ที่ยืนเอียงคอพิศดูซาลาเปา ขนมจีบในตู้อยู่

            “กินอะไรดี”

            “............”  ลักษณ์ไม่ตอบ  เขายังไม่หายตกใจจากเหตุการณ์เมื่อครู่

            “เอาไส้กรอกดีกว่า  พี่ครับ....ขอฟุตลองชีสหน่อย”   ไวน์พูดกับพนักงาน  แล้วถอยมายืนข้างๆเขา   คว้ามือของลักษณ์มากุมเอาไว้หน้าตาเฉย  ไม่ยอมปล่อยแม้กระทั่งตอนที่จ่ายเงินแล้วรับของมาถือด้วยมืออีกข้าง

            ไวน์ลากเขาออกมาจากเซเว่น  พาจูงมือเดินเข้าไปในซอยช้าๆไม่รีบร้อน 

            “โอเคหรือยัง”  นักศึกษาแพทย์ถามลอยๆ

            “อืม”  เขารับคำ  แกว่งมือที่ประสานกันไว้นั้นเล่น  รู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด  เขารู้ว่าไวน์เห็นเหตุการณ์  แต่ไวน์ก็ไม่ได้เข้ามายุ่งเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ร้องขอ  ลักษณ์รู้ดีว่าตราบใดที่ไวน์อยู่ตรงนั้นจะไม่ทางปล่อยให้เขาเป็นอันตรายไปได้

            “คืนนี้เริ่มติวเลยนะ”

            “?”

          “เดี๋ยวซิ่วไม่ติดทำไงเล่า”

            “เก๊าะเรียนเภสัชต่อ”

            “เสียใจแย่”

            “ไม่เสียใจหรอกน่า”  ลักษณ์ตอบยิ้มๆ  ทอดสายตามองเงาสองเงาทอดยาวอยู่บนพื้นคู่กัน  “แฟนพี่หมอไวน์ซะอย่าง”

            .........................................................................................

           มาต่อนะคะ  5555555  อตนหน้าจะพาไปเที่ยวฟาร์มอีกรอบ   คือชอบมาก5555 จะไปอีกๆ ชอบเอ้าท์ดอร์

ตอนนี้เปิดเรื่องใหม่เอาไว้เเล้วนะคะ 

ชื่อเรื่อง    ยักษ์ยอกรัก #แอบยักษ์

เป็นเรื่องที่สองในเซ็ทนะคะ  ลองอ่านกันดูได้ค่ะ 

ใกล้จบแล้ว  ใครมีอะไรอยากบอกถึงนิยายเรื่องนี้ เม้นท์บอกได้เลยหรือติดแท็ค #แอบลักษณ์ ในทวิตนะคะ

ขอบคุณมากจริงๆสำหรับการติดตามอ่านค่ะ
 :sad4:

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ สนุกดีค่ะ อ่านรวดเดียวถึงตอนนี้เลย

ออฟไลน์ MorethanMore

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ไม่เข้าใจเพื่อน ทำไมต้องประชด แค่ลักษ์จะซิ่ว ไม่ใช่ว่าซิ่วไปแล้วเป็นเพื่อนต่อไม่ได้นิ ใจแคบจัง

มันจะไม่หน่วงแล้วใช่ไหม สงสารไวน์มาก ปล.ทำไมไวน์เจ้าเล่ห์

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เรื่อยๆแต่ความสำคัญไม่สั่นคลอนดี ชอบ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ลักษณ์ สู้ ๆ ขอให้ติดแพทย์จ้า

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
สมหวังซะทีนะ
หมอคนไข้กับหมอยา

ไวน์&ลักษณ์
เฮ้ออออ ตามเชียร์ซะเหนื่อย
ฮ่าฮ่า

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เข้าใจกันได้สักทีนะ พอเข้าใจปุ๊บไวน์ก็หาเรื่องมาคลุกวงในปั๊บเลยนะ ว่าแต่พี่รามไปทำอะไรหว่าไอ่พี่สิงห์ถึงแล่นมาขอร้องลักษณ์ซะขนาดนี้

ออฟไลน์ imvodka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
 :hao5: อ่านรวดเดียว ซึ้งมาก

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :hao6:


นี่ลุ้นมากกกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
ตอนที่ 27

Love isn’t blind; it just only sees what matters.

 

 

 

 

            “กลับมาแล้วเหรอ  เหนื่อยหรือเปล่า  กินอะไรมาหรือยัง”   คำถามจากอดีตเพื่อนสนิททำให้คนตัวสูงยิ้มกว้าง  ลอบจับมือของฝ่ายนั้นเบาๆไม่ให้พี่ชายอีกฝ่ายเห็น  อดชื่นใจไม่ได้ทุกครั้งที่แวะมาหาคนรักที่ร้านป้าดาทุกเย็นหลังเลิกเรียน   ได้ยินคำถามเดิมซ้ำๆพร้อมกับน้ำเก๊กฮวยเย็นเฉียบที่ยกมาเสิร์ฟถึงที่   ได้รับรอยยิ้มหวานๆแฝงด้วยความดีใจเอาไว้บนใบหน้าเล็กๆ....แค่นี้  ไวน์ก็บอกตัวเองว่าไม่ต้องการอะไรอีก

            “ยังเลย  วันนี้แล็ปเลิกเย็น  พอเลิกปุ๊บไวน์ก็รีบมา  กลัวลักษณ์หิวแย่”

            “ยังไม่หิวหรอกน่า”  อีกฝ่ายตอบงึมงำ  ลักษณ์ยังไม่ชินกับสรรพนามที่เปลี่ยนไปของเราสักที  ขณะที่เขาชอบมากที่จะเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเล่น  มันให้ความรู้สึกน่ารักดี

            “เย็นนี้มีอะไรกินครับ”

            “ผัดเผ็ดปลาดุก   ต้มมะระหมูยัดไส้   ยำไข่เค็ม   ปลาสลิดทอด”  หลานชายเจ้าของร้านร่ายเมนูให้ฟัง  มือก็หยิบเงินขึ้นมานับส่งให้พี่ชายทอนลูกค้า

            “มีแต่ของโปรดมึงทั้งนั้นอ่ะไอ้ไวน์  ไม่รู้มันจะเอาใจมึงไปถึงไหน”  พี่รามหันมาพูดฉุนๆแกมหมั่นไส้น้องชายที่พักหลังชักจะ ‘หลงแฟน’ เกินหน้าเกินตา

            “เปล่าสักหน่อย  ก็ป้าดาอยากทำเมนูนี้พอดี”  ลักษณ์ตอบเสียงอ่อย  หลบตาพี่ชายที่มองมาอย่างรู้ทัน  รีบเปลี่ยนเรื่อง  หันไปถามคนกินที่ถือช้อนส้อมในมือพร้อม  “เอาข้าวเพิ่มหรือเปล่า  เดี๋ยวลักษณ์ไปตักเพิ่มให้”

            อีกฝ่ายคว้ามือของเขาเอาไว้  พูดแกมหัวเราะ

            “พอแล้ว  จะขุนกันหรือไง...นั่งลงเถอะ  กินข้าวกัน  พี่รามกับป้าดาทานข้าวยังครับ”  ไวน์ดึงมือลักษณ์ให้นั่งลงข้างตัวเองแล้วเป็นฝ่ายบริการตักข้าวใส่จานให้บ้าง  ป้าดาตอบกลับมายิ้มๆให้กินกันไปก่อนเลย  ส่วนพี่รามก็ขมวดคิ้วใส่แล้วตอบฮึดฮัดหน่อยๆ

            “เชิญเถอะ  ตามสบาย  กูเหม็น...ไม่อยากเป็นกขค.ใคร”

            ไวน์ยกมือไหว้แล้วหัวเราะ  มองตามหลังร่างสูงโปร่งที่เดินกลับเข้าไปเอาจานเพิ่มที่หลังร้าน...ตั้งแต่เขากับลักษณ์ปรับความเข้าใจกันได้  ก็มีพี่รามเนี่ยแหละที่ดูจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แม้ว่าจะยอมให้เขามาค้างที่ร้านได้เหมือนเดิมก็ตาม   ส่วนป้าดาคนที่เขากลัวที่สุดนั้น  กลับแค่พยักหน้าแล้วพูดเรียบๆว่าดูแลลักษณ์ด้วย   

            ถึงจะเป็นประโยคสั้นๆ  แต่ไวน์ก็รู้ดีว่าญาติผู้ใหญ่ที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของลักษณ์จริงจังแค่ไหน

            “ไม่ต้องไปสนพี่รามหรอก  รายนั้นก็งี้แหละ”  ลักษณ์กระซิบ  คงกลัวเขาคิดมาก  มือก็ตักอาหารใส่จานให้เขาไม่ได้หยุด....จะว่าไปที่พี่รามพูดมาก็ถูก  ลักษณ์เอาใจเขามากขึ้นจริงๆนั่นแหละ 

            “ตัวเองก็กินบ้างสิ   เดี๋ยวไปหิวในโรงหนังไม่รู้ด้วยนะ”

            “กินขนมมาทั้งวันแล้ว”  ลักษณ์ตอบแล้วส่งยิ้มให้เขา....เป็นยิ้มตาหยีแบบที่เขาแพ้ทางอย่างที่สุด  และดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะรู้เสียด้วย  “ไวน์ล่ะ  ไปกินขนมกับใครมาบ้างหรือเปล่า”

            คนฟังขมวดคิ้ว  จับความผิดปกติได้ทันที

            “ใครมาเล่าอะไรให้ฟังอีกล่ะ  ไร้สาระน่า”

            “ถามเล่นๆไปงั้นเอง”  ลักษณ์ตอบกลับไป  ไม่สบตาเขา  “ลักษณ์อยู่แต่ที่บ้าน  ไม่ได้ไปมหาลัยมาเป็นเดือนๆแล้ว  ก็เลยอยากรู้เฉยๆว่าที่นู่นเป็นไงบ้าง”

            ไวน์เอื้อมมือไปจับที่หลังมือของอีกฝ่ายแล้วบีบเบาๆ

            “อดทนหน่อย  อีกไม่กี่เดือนเอง  แล้วเราจะได้ไปเรียนด้วยกันไง”   เขาพูดเสียงนุ่ม  เดาใจอีกฝ่ายได้ว่าคงจะเหงาที่อยู่บ้านอ่านหนังสือเตรียมสอบเฉยๆ  ขณะที่เขาออกไปเรียนทุกวัน

            ฝ่ายนั้นกระพริบตาแล้วส่งยิ้มมาให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

            หลังจากนั้นพวกเขาก็ออกไปดูหนังด้วยกัน  ตามแผนของไวน์ที่บอกว่าเป็นการฝึกภาษาอังกฤษผ่านการฟังซาวน์แทร็ค   แม้ลักษณ์จะคิดว่านั่งดูผ่านยูทูปที่บ้านก็ได้  แต่เขาก็อยากออกไปเที่ยว  เปลี่ยนบรรยากาศที่จำเจบ้างเหมือนกัน

            ตอนที่ตัดสินใจว่าจะดรอปเรียนเพื่ออ่านหนังสือเตรียมสอบใหม่อย่างจริงจังนั้น  ลักษณ์พอเดาได้ว่ามันคงจะกดดันและเครียดมาก   แต่ไม่รู้เลยว่ามันจะรู้สึก ‘หนัก’ ขนาดนี้  คงเป็นเพราะตอนเอนท์ครั้งแรกเขามีไวน์เป็นเพื่อนตลอดเวลา   พอมาคราวนี้ถึงไวน์จะมาอยู่ด้วย  คอยช่วยติวให้ทุกเย็น   ทว่าความรู้สึกกลับเหมือนอยู่ตัวคนเดียว  ต่อสู้คนเดียวอยู่ดี   ยิ่งเวลาที่อีกฝ่ายไปเรียนที่คณะฯ และกลับมาเล่าให้ฟังถึงความสนุกสนานหรือแม้กระทั่งปัญหาในแต่ละวัน ลักษณ์ก็ยิ่งอดรู้สึก ‘โหวงๆ’  ข้างในไม่ได้

            โดยเฉพาะเวลาที่เขาเผลอกดเข้าไปในเฟสบุ๊คของอีกฝ่ายแล้วเห็นฝ่ายนั้นถ่ายรูปหมู่  รูปคู่กับคนนั้นคนนี้ในกิจกรรมต่างๆ  ก็เข้าใจอยู่หรอกว่า ไวน์ฮอตมาตั้งแต่ไหนแต่ไร   แต่ก่อนเขาเป็นเหมือนตากล้องส่วนตัวคอยถ่ายรูปฝ่ายนั้นคู่กับสาวๆด้วยซ้ำ  ยังไม่เห็นจะรู้สึกอะไรมากมาย   แต่มาตอนนี้...แค่เห็นภาพไอ้ไวน์ยืนยิ้มถ่ายคู่กับรุ่นพี่ในคณะฯ  หัวใจก็อดเต้นแรงด้วยความรู้สึกแปลกๆไม่ได้ 

            เป็นความหงุดหงิดแกมน้อยใจที่เขาไม่อยากจะยอมรับ

            “นั่งรอตรงนี้ก่อนนะ  เดี๋ยวไวน์ไปซื้อตั๋วให้”

            ลักษณ์พยักหน้ารับ  ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ยาวที่ด้านหน้าโรงหนัง  เย็นวันศุกร์แบบนี้คนเยอะไม่ใช่เล่น  หนุ่มสาวหลายคนมากันเป็นคู่  บางคนก็มาเดี่ยว  เด็กๆวัยรุ่นจับกลุ่มกันมายืนพูดคุยหัวเราะกันอย่างมีความสุข 

            เขามองตามแผ่นหลังกว้างที่เข้าไปยืนต่อแถวซื้อตั๋วตรงช่อง  ไม่แปลกใจที่เห็นสายตาหลายคู่ลอบมองไปยังฝ่ายนั้น  รูปร่างสูงโดดเด่นเสียขนาดนั้น  ไหนจะใบหน้าคมเข้มที่มีดีกรีถึงเดือนมหาวิทยาลัยอีก  จะไม่ให้ดึงดูดสายตาใครต่อใครได้อย่างไรกัน  แม้ฝ่ายนั้นจะใส่แค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดาๆก็เถอะ

            ก็ยังดูห่างไกลกับเสื้อยืด กางเกงยีนส์ของเขาอยู่ดี  ทั้งที่เป็นเครื่องแต่งกายแบบเดียวกันแท้ๆ  ลักษณ์ลอบถอนหายใจยาวเมื่อเห็นสาวในชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกับเขาเข้าไปทักไวน์แล้วพูดคุยกันอยู่นานก่อนจะแยกไป  สักพักก็มีคนเข้าไปคุยกับไวน์อีก

            กว่าไวน์จะซื้อตั๋วเสร็จแล้วเดินกลับมาหาเขาก็ผ่านไปนานทีเดียว  แน่ล่ะ...ก็ฝ่ายนั้นถูกคนทักทุกห้าวินาทีได้  ไวน์เดินกลับมาหาเขาพร้อมตั๋วกับถังป๊อปคอร์นในมือด้วยท่าทางเก้อเล็กน้อย

            “ขอโทษที  รอนานหรือเปล่า  พอดีเจอคนรู้จัก”

            “อืม  ไม่นานหรอก”  เขาตอบกลับไป  รับถังป๊อปคอร์นมาช่วยถือ  ขยับจะเดินเข้าไปในโรงหนังด้วยกัน ทว่าคนข้างๆก็ถูกเรียกเอาไว้อีกครั้ง

            “ไวน์   บอกว่าจะมาหาพี่ที่ชมรมไม่เห็นมาเลย  พี่ก็ร้อรอ”  เสียงแหบนิดๆอย่างเซ็กซี่นั้นสะดุดหูเขาทันที   ลักษณ์ปล่อยมือจากแขนเสื้อของคนรัก  เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวผิวแทนตรงหน้าแวบหนึ่ง

            “พี่ลูกหว้า  สวัสดีครับ”  ไวน์ทักทาย  ท่าทางดูสนิทสนมไม่น้อย

            “มาดูหนังกับเพื่อนเหรอคะ   ดูเรื่องอะไรกันล่ะ...อ้อ  เรื่องนี้พี่ก็อยากดูอยู่เหมือนกัน...”  หญิงสาวพูดเร็วปรื๋อ  ไม่เปิดโอกาสให้ใครแทรกทั้งนั้น

            “งั้นเดี๋ยว..ตามเข้าไปนะ”  ลักษณ์พูดงึมงำแล้วหันหลังเดินจ้ำเข้าไปในโรงหนังก่อนทันที

            ไวน์เหลียวไปมองตาม  ขมวดคิ้วนิดหนึ่งอย่างหงุดหงิด  หันกลับมาพูดเรียบๆกับสาวรุ่นพี่

            “ครับ  น่าจะสนุกดี ....เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ”

            “จ้ะ  โดนเพื่อนทิ้งแล้วแน่ะ”  เสียงหัวเราะแหบๆของเธอน่าสนใจพอๆกับการช้อนตาขึ้นมองเขา  แต่ว่าไวน์ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะสนใจคนอื่นได้อีก  นอกจากคนตัวเล็กที่ทิ้งเขาเดินหายไปดื้อๆคนนั้น

            “ไม่ใช่เพื่อนครับ  แฟนผมเอง  ขอตัวก่อนนะฮะ”

            เขาตอบกลับไป   ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะพูดว่าอะไรต่อมาอีก  เขาตามลักษณ์เข้าไปในโรงภาพยนตร์  ปรับสายตาให้ชินกับความมืดข้างใน  เดินลงบันไดกวาดสายตาไล่หาแถวที่นั่งจนกระทั่งเจอก็เดินเลาะเข้าไปทิ้งตัวลงนั่งข้างๆคนที่เข้ามาก่อนแล้ว

            ท่านั่งกอดถังป๊อปคอร์น  ปากเม้มนิดๆนั้นเกือบทำให้ไวน์หัวเราะออกมาเบาๆ

            “ไม่รอกันบ้างเลย”  เขาเอียงหน้าเข้าไปกระซิบ

            “ก็นึกว่าจะคุยนาน”  อีกฝ่ายตอบกลับมา

            “ไม่งอนดิ”

            “งอนบ้าอะไร  ไม่ได้งอน”  ฝ่ายนั้นตอบกลับมา   ท่าทางผ่อนคลายลงเล็กน้อย  ไวน์อาศัยจังหวะที่ฝ่ายนั้นล้วงหยิบป๊อปคอร์นในถังคว้ามือของอีกฝ่ายมากุมเอาไว้

            ลักษณ์ขมวดคิ้ว  นึกดีใจที่ในนี้มันมืด  ต่อให้เขาหน้าแดงขึ้นมาก็คงจะไม่มีใครเห็น

            “ปล่อยมือ  คนจะกิน”

            “เดี๋ยวป้อน”  อีกคนตอบ  แล้วใช้มืออีกข้างที่เหลือหยิบข้าวโพดคั่วขึ้นมาจ่อให้ถึงปาก  ลักษณ์อ้าปากงับอย่างเสียไม่ได้  ทิ้งมือของตัวเองเอาไว้ในฝ่ามืออุ่นๆของอีกฝ่าย  ไม่คิดจะดึงกลับ

            ไวน์ยิ้มอยู่ในความมืดสลัว  ภาพยนตร์เริ่มฉายแล้วแต่ว่าสมาธิของเขาไม่ได้จับอยู่บนเนื้อเรื่องที่กำลังดำเนินไปอย่างเมามันเพราะมัวแต่ลอบมองหน้าคนข้างๆเป็นระยะ   มือก็คอยป้อนป๊อปคอร์นใส่ปากให้   เขาชอบเวลาที่ปากเล็กๆนั้นอ้างับขนม   เห็นแล้วอยากงับปากบ้างจัง....เขาคงเป็นเอามาก

            ทำไมไวน์จะไม่รู้ว่าคนรักคิดอะไรหรือแม้แต่รู้สึกอะไรอยู่  แค่เห็นสีหน้า  เหลือบมองแววตาคู่นั้นปราดเดียวเขาก็รู้แล้วว่าลักษณ์กำลังน้อยใจ  อาจจะคิดมากเรื่องเดิมๆ  ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะต้องทำยังไง  อีกฝ่ายถึงจะมั่นใจในตัวเองและเชื่อมั่นในความรักที่เขามีให้สักที

            เวลาหลายปีที่เขาหลงรักอีกฝ่ายอย่างถอนตัวไม่ขึ้นนี่ยังไม่พอที่จะพิสูจน์อีกหรือ

            เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับคนที่เข้ามา  แม้ว่าเขาไม่เคยปิดบังว่าตัวเองมีแฟนแล้ว  กระนั้นผู้คนทั้งหญิงและชายก็ยังเข้าหาเขาไม่เลิกราวกับว่าการแย่งชิงกันนั้นเป็นเรื่องท้าทายเสียเต็มประดา   แต่ก่อนไวน์ก็ภูมิใจไม่หยอกที่มีคนสนใจขนาดนี้  แต่ว่าตอนนี้เขาชักรู้สึกว่ามันเริ่มจะมากเกินไปแล้ว

            บางคนใจกล้าถึงขั้นโพสรูปลงโซเชียล ประกาศตัว ‘จีบ’ เขาเอาดื้อๆ  ทั้งๆที่เขาปฏิเสธอย่างสุภาพก็แล้ว  พูดตรงๆก็แล้ว  หลายคนก็ยังไม่เลิกความพยายาม

            ไม่รู้ว่าลักษณ์จะเห็นบ้างหรือเปล่า  เขาคิดว่าคงเห็นนั่นแหละ  เพียงแต่ฝ่ายนั้นไม่เคยพูดออกมา  เพิ่งมีวันนี้ที่ลักษณ์เดินหนีออกมาให้เห็น  คงเก็บอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่

            เห้อ....ลอบระบายลมหายใจออกมาช้าๆ  ลูบหลังมือของอีกฝ่ายเบาๆ  มือของลักษณ์ไม่ได้นุ่มนิ่มเหมือนมือผู้หญิงหรอก  มือของเค้าหยาบกร้านกว่ามือของเขาเองเสียอีก  น่าจะเป็นเพราะต้องทำงานหนักช่วยที่ร้านมาตั้งแต่เด็ก  ไหนจะชอบขัดห้องน้ำแบบไม่ใส่ถุงมืออีก  ฝ่ามือของลักษณ์ก็เลยชอบลอกเป็นแผ่นๆให้เขาต้องมานั่งทาครีมให้ก่อนนอนทุกคืนเพราะเจ้าตัวไม่ชอบบำรุงรักษามือเอาเสียเลย

            ดวงตากลมโตเหลือบมองเขาแวบหนึ่งแล้วก็เอนศีรษะลงมาพิงที่ไหล่  ไวน์ขยับตัวให้อีกฝ่ายพิงได้ถนัดมากขึ้น....นี่ก็เหมือนกัน  เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายขี้อ้อนขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่  รู้ตัวอีกทีเขาก็พบว่าลักษณ์มีสารพัดวิธีที่จะทำให้เขายอมทำตามที่เจ้าตัวต้องการ

            สมัยเป็นเพื่อนสนิทกัน  แค่เจอรอยยิ้มเหมือนเด็กๆก็ว่าแย่แล้วนะ  พอพัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นเป็นแฟน  ลักษณ์ก็ดูเหมือนจะยกระดับความน่ารักน่าเอ็นดูขึ้นอีกหลายเท่า  หรือว่าจะเป็นเพราะเขารู้สึกไปเองก็ไม่รู้

            ยามค่ำคืนหลังจากที่เราติวหนังสือกันเสร็จ  มีบ้างเหมือนกันที่เขาจะได้มีโอกาส ‘ช่วย’ อีกฝ่ายระบายความเครียดบ้าง  แต่ไม่เคยมีโอกาสได้มากกว่านั้นเพราะลักษณ์อาศัยลูกอ้อนหลายกระบวนท่าทำให้เขาใจอ่อน  ความจริงก็ใจอ่อนตั้งแต่ได้ยินเสียงครางหงิงๆว่าไม่อยากบ้างล่ะ  กลัวเจ็บบ้างนั่นล่ะ  แถมพอสบตากลมๆมีน้ำตาคลอนิดๆน่าสงสารแล้วก็เลยยิ่งแล้วใหญ่  สุดท้ายเขาเลยต้องอดทน  เก็บไว้ไปสำเร็จโทษด้วยตัวเองในห้องน้ำทุกที..

              “หนังจบแล้ว  นั่งเหม่ออยู่นั่นแหละ”   เสียงกระซิบดังขึ้นข้างหูพร้อมกับปลายนิ้วสะกิดเบาๆที่ท่อนแขน   ไวน์สะดุ้งตื่นจากภวังค์  หันมาส่งยิ้มให้คนข้างๆ

            “สนุกมั้ย”  เขาถาม  คนฟังพ่นลมออกจากจมูก

            “ไม่ได้ดูล่ะสิ  มัวแต่นั่งใจลอยคิดถึงใครอยู่”

            “จะคิดถึงใครได้ล่ะ  มีอยู่คนเดียว”  เขาตอบแกมหัวเราะ  ขยับลุกขึ้นยืนให้ลักษณ์เดินนำออกไปก่อน  คนมากมายเบียดเสียดกันอยู่ตรงหน้าประตูทางออก  เขาเอื้อมไปยึดไหล่ของอีกฝ่ายเอาไว้และก็เลยเปลี่ยนเป็นโอบไหล่พาเดินออกมาด้านนอกไม่ยอมปล่อย  แม้ว่าจะถูกหยิกไปหลายทีก็ตาม

            “ปล่อยนะ  เดินดีๆไม่ได้หรือไง  คนที่มหาลัยออกเยอะแยะ”  ลักษณ์กระซิบเสียงเขียว

            “ก็ดีสิ  เขาจะได้รู้ไงว่าไวน์มากับแฟน”  นักศึกษาแพทย์ตอบกลับไป  ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้  โอบไหล่พาลักษณ์เดินฝ่ากลุ่มคนไปอีกทาง  แอบเห็นว่าสีหน้าของลักษณ์ดีขึ้นกว่าขามาอย่างเห็นได้ชัด  ถึงจะทำเหมือนไม่เต็มใจก็เถอะ ...หึ  เด็กจริงๆเลย

            “กินอะไรก่อนมั้ย  เดี๋ยวค่อยกลับ”  ลักษณ์เงยหน้าขึ้นถาม    คนฟังส่ายหน้า

            “ไม่ล่ะ  ลักษณ์อยากกินหรอ”

            “เปล่า...จริงๆก็อยากรีบกลับไปช่วยป้าดา”   

            “ไปสิ”  เขารู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายอยากกลับไปช่วยเก็บร้าน   แต่ก็เป็นห่วงกลัวเขาจะหิวเหมือนทุกที  ไวน์ยิ้มออกมาอย่างอ่อนใจ  ยกมือขึ้นจับศีรษะทุยๆนั้นโยกเบาๆ  “แวะซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ก่อนเข้าร้านดีไหม  อยากกิน”

            ลักษณ์ยิ้มกว้าง  พยักหน้ารับ

            นับว่าการพาอีกฝ่ายมาเปลี่ยนบรรยากาศข้างนอกบ้านบ้างก็เป็นไอเดียที่ดีจริงๆ  คืนนั้นเขาเผลอหลับไปพร้อมๆกับร่างผอมบางในอ้อมแขน  ในหัวเต็มไปด้วยความคิดใหม่ที่อยากจะช่วยให้อีกฝ่ายสบายใจขึ้น

            “วันนี้ไปที่มหาลัยกัน”  ไวน์เอ่ยชวนในตอนเช้านั่นเอง  ลักษณ์หันหน้ามาทางเขางงๆ  มือก็หยิบครีมกันแดดกับเข็มขัดส่งให้คนที่ยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจก 

            “ไปทำไมล่ะ”   วันนี้ไวน์มีงานที่คณะฯ  เหมือนจะไปร่วมรณรงค์หาเงินบริจาคอะไรสักอย่าง

            “ก็...คิดถึงอ่ะ  อีกอย่างวันนี้กิจกรรมน่าสนุกนะ  ไปด้วยกันเถอะ  จะได้เปลี่ยนบรรยากาศไง   อ่านหนังสือที่บ้านทุกวันไม่เบื่อเหรอ”  ไวน์ดักคอ  อีกฝ่ายพยักหน้ารับหงอยๆ

            “เบื่อ...แต่ว่า...”

            “ไม่มีแต่ครับ  ไปแต่งตัวได้แล้ว  ไวน์รอข้างล่างนะ”  เขารวบรัดไม่ให้อีกคนปฏิเสธ  คว้ากระเป๋าได้ก็เดินลงบันไดไปชั้นล่าง  เจอพี่รามที่แต่งตัวเหมือนจะออกไปทำงาน    ไวน์ยกมือไหว้  อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับ ไม่ได้พูดอะไรอีก  ท่าทางฝ่ายนั้นคงรีบน่าดู

            ลักษณ์เดินตามลงมาในชุดออกจากบ้านเรียบร้อย   พวกเขาออกจากบ้าน  เดินเรื่อยๆไม่รีบร้อนไปยังป้ายรถเมล์  พาหนะประจำของเราทั้งคู่   เช้าวันเสาร์แบบนี้คนไม่พลุกพล่านเหมือนวันทำงาน   ไม่นานรถก็มาถึงมหาวิทยาลัย 

            ลักษณ์รู้สึกแปลกๆยามที่เดินเคียงข้างอีกฝ่ายตรงไปยังคณะแพทยศาสตร์  แม้จะเคยมาไม่รู้กี่ครั้งแล้วก็ตาม  อาจจะเป็นเพราะวันนี้ไวน์จับมือเขาพาเดินมาด้วยตลอดทาง

            “ไอ้คุณเดือนมาแล้วครับผม  นั่นแน่ะพาใครมาด้วย  ไงลักษณ์  ไม่เห็นหน้าเลย  คิดถึงจัง”  นพเพื่อนสนิทของไวน์พูดยิ้มๆ  ยักคิ้วล้อเลียนเพื่อนที่ขมวดคิ้วใส่

            “คิดถงคิดถึงอะไร  มึงเก็บไว้บอกเพลินนู่น”   นพหน้าแดง  รีบเปลี่ยนเรื่องทันควัน

            “ถามแค่นี้ทำโกรธ  รู้แล้วครับว่าหวงมาก   แล้วทำไมวันนี้พามาโชว์ตัวได้ล่ะครับคุณไวน์”

            “ลักษณ์เขาอยากมาช่วยโครงการด้วย”  ไวน์ตอบหน้าตาเฉย  ไม่ถามความเห็นคนข้างๆสักคำ  ลักษณ์หัวเราะแหะๆ  กวาดตามองรอบบริเวณที่เต็มไปด้วยนักศึกษาแพทย์ชั้นพรีคลินิกที่มารวมตัวกันนั้น   หลายคนลอบมองมาทางพวกเขาด้วยแววตาสงสัยใครรู่  ลักษณ์เลยบิดมือตัวเองออกจากมือใหญ่ทว่าอีกฝ่ายก็คว้ากลับมากุมเอาไว้เหมือนเดิม  แถมยังกระซิบดุ

            “ห้ามปล่อย  แถวนี้เสือสิงห์กระทิงแรดเยอะ”

            “เยอะแล้วพามาทำไม”

            “ก็อยากเปิดตัวบ้างไรบ้าง”  อีกฝ่ายตอบกลับมาแกมหัวเราะ   ยิ้มใส่ตาคนฟังจนลักษณ์ใจเต้นผิดจังหวะไปวูบ...ไม่ชินเลย  ให้ตายสิ   เมื่อไหร่ไอ้ไวน์จะเลิกส่งยิ้มพิฆาตระยะใกล้มาให้แบบนี้สักที

            “มึงเห็นใจคนโสดอย่างกูบ้างเถอะ”  นพโอดครวญ  ยัดใบปลิวปึกใหญ่ใส่มือของไวน์  “พวกมึงสองคนไปยืนแจกใบปลิวตรงนู้นเลยไป   ไอ้ไวน์เอากล่องบริจาคไปด้วย   มึงปล่อยมือไอ้ลักษณ์บ้างก็ได้ครับเพื่อน  มันไม่หายไปไหนหรอก”  นพชักหมั่นไส้ 

            “เออๆ  โทษที  ปล่อยมือแล้วกูไม่ชินน่ะ”

            “ว้ายตายแล้ว  ลักษณ์....คิดถึงจัง  ไม่เจอตั้งนานแน่ะ  เป็นไงบ้าง”  เสียงแหลมใสดังขึ้นด้านหลังพร้อมกับร่างอ้อนแอ้นของเพลินตา  ดาวคณะแพทย์ปรากฏขึ้น  รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเธอทำให้ลักษณ์ยิ้มตอบกลับไปอย่างเต็มใจ

            “สบายดี  เพลินล่ะ  ไม่เจอตั้งนานคิดถึงเหมือนกัน”

            “อ่ะแฮ่ม”  ไวน์กระแอม  เหมือนเรียกความสนใจ  “งานจะเริ่มแล้ว  เราไปยืนมุมโน้นกันดีมั้ย”  หญิงสาวหัวเราะคิก  เหลือบมองเพื่อนสนิทอย่างรู้ทัน

            “เบื่อพวกขี้หวงจริงๆ  ลักษณ์รู้มั้ยว่ามีคนอยากเห็นหน้าแฟนไวน์เยอะมาก”  เธอลากเสียงให้รู้ว่าเยอะแค่ไหน  “แต่รายนี้ไม่ยอมเอารูปให้ดูด้วยซ้ำ  ปิดเงียบ  ตอนแรกนึกว่ากลัวคะแนนตก  หรือว่าลักษณ์ห้ามไว้  ที่ไหนได้  หวงกลัวคนอื่นมาชอบลักษณ์ตะหาก”

            “กู...เอ๊ย  เราเฝ้าของเรามาตั้งหลายปี  เรื่องอะไรจะให้ใครมาแย่งไปล่ะครับ”  ไวน์ตอบกลับ

            “อย่างผมไม่ต้องกลัวใครมาแย่งหรอก”  ลักษณ์พูดขึ้นบ้าง  เพลินตาเหลือบมองไวน์แวบหนึ่ง  เธอจับความรู้สึกของลักษณ์ได้ทันทีตามประสาผู้หญิงความรู้สึกไว  ขณะที่นพกลับหัวเราะอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่

            “แต่อย่างไอ้ไวน์นี่ไม่แน่นะลักษณ์  มันล่ะเสือเลย  วันนี้จับตาดูดีๆนะ  เผลอเมื่อไหร่เดี๋ยวได้เรื่อง...โอ๊ย!  ตีเราทำไมเพลิน”

            “ก็พูดอะไรไม่เข้าท่า  ไปเล่นตรงนู้นเลยไป  ผู้ใหญ่เขาจะคุยกัน”  เพลินมองมาทางลักษณ์อย่างเป็นห่วงจนลักษณ์รู้สึกตัว

            “ขนาดนั้นเลยเหรอ  เดี๋ยววันนี้ต้องคอยดูหน่อยแล้ว”  เขาฝืนพูดเล่น แล้วหัวเราะออกมา

            “ไอ้นพมันเวอร์  ไม่มีไรหรอก  เราไปแจกใบปลิวกันดีกว่า”  ไวน์รีบเปลี่ยนเรื่อง   ชักรู้สึกว่ามันไม่เป็นไปตามที่วางแผนเอาไว้   ฉุดแขนพาลักษณ์เดินออกมาด้านนอก   เดินตามขบวนของคณะฯที่เริ่มออกรณรงค์ขอรับบริจาคไปตามถนน   รายได้มอบให้มูลนิธิของโรงพยาบาลโดยเป้าหมายอยู่ที่ห้างดังไม่ห่างจากมหาลัย

            ลักษณ์สวมเสื้อโครงการที่ไวน์เอามาให้  เดินแจกใบปลิวไปข้างๆคนตัวสูงที่เดินถือกล่องรับบริจาค เขย่าไปตลอดทาง   ดูเหมือนไวน์จะรับหน้าที่ถูกแล้ว  เพราะมีคนเดินเข้ามาบริจาคเงินใส่กล่องให้มากมาย  แลกกับขอถ่ายรูปเอาไว้เป็นที่ระลึก






ต่อด้านล่างค่ะ

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
ต่อนะคะ






           “พี่คะ  หนูฝากถ่ายให้หน่อย  เอาเต็มตัวนะคะพี่”  เด็กสาววัยมัธยมส่งโทรศัพท์มือถือให้ลักษณ์รับมาช่วยถ่ายเธอกับไวน์ให้   ลักษณ์รับมาถือเอาไว้  ขยับถอยหลังไปหามุมที่ถนัด  เขารับหน้าที่นี้มาเกือบร้อยครั้งแล้วมั้งในวันนี้

            “หนึ่ง สอง สาม  สวยครับ”  กดถ่ายให้ไปหลายรูป  จริงๆเขาก็ชอบหรอกนะที่มีคนมาสนใจไวน์  แต่ก็นั่นแหละ....ความหงุดหงิดมีมากกว่า

            “ขอบคุณค่ะพี่  อุ้ย..รูปนี้หนูหลับตาอ่ะ  พี่คะ  หนูขออีกที ได้มั้ยคะ  นะคะ”

            “ได้ครับน้อง”  ลักษณ์รับกล้องมา แม้ว่าไวน์จะทำท่าปฏิเสธ   เขาถอยหลังหามุมอีกครั้งแล้วก็รู้สึกเจ็บที่หลังอย่างแรงเพราะมีอะไรสักอย่างมาชนเข้าจนเกือบคะมำ  โชคดีที่ไม่ทำมือถือของน้องเขาหล่นตกพื้น

            “ลักษณ์!  เป็นอะไรหรือเปล่า  ....นี่คุณเดินไม่มองทางเลย”  ไวน์อุทาน  เดินเข้าไปหาทันที

            “ผมขอโทษครับ   เจ็บมากมั้ย”  คนชนเป็นผู้ชายตัวใหญ่กว่าไวน์เสียอีก  เขาก้มลงจับแขนลักษณ์เอาไว้ ช่วยพยุงให้ลุกขึ้นยืน  “ขอโทษทีไม่ทันเห็น”

            “ไม่เป็นไรครับ”  ลักษณ์ตอบกลับไปสั้นๆ  ขณะที่อีกฝ่ายปล่อยมือจากต้นแขนของเขาเมื่อไวน์เดินเข้ามาถึง  ผู้ชายคนนั้นก้มหัวให้อีกครั้งแทนคำขอโทษก่อนจะเดินหายไปทางอื่น

            ไวน์จับไหล่ของลักษณ์เอาไว้  ก้มลงมองสำรวจอย่างรวดเร็ว

            “เป็นอะไรหรือเปล่า  เจ็บตรงไหน”    ลักษณ์รู้สึกยอกๆที่หลังนิดหน่อย  แต่เห็นสีหน้าของไวน์แล้วเขาก็เลยตัดสินใจไม่พูดออกไปดีกว่า

            “ไม่เจ็บหรอก  นิดหน่อย  ...อ่ะนี่กล้องน้องครับ”  เขาหันไปยื่นโทรศัพท์ส่งให้น้องผู้หญิงที่มีหน้าตารู้สึกผิดเล็กน้อย  เธอขอบคุณและขอตัวเดินหายไปในฝูงชน   “ไปถือกล่องต่อได้แล้วน่า  ทำหน้าเหมือนกูจะตายงั้นแหละ”  ลักษณ์พูด  ไวน์เลยยิ้มออก  กลับไปทำหน้าที่ต่อเหมือนเดิม  แต่คราวนี้ไม่ให้ลักษณ์ถ่ายให้แล้ว  กลับใช้วิธีเซลฟี่แทน

            ก็เหมือนจะดีหรอกนะ....ลักษณ์คิดในใจ  มองคนสองคนเอียงศีรษะเข้าหากันจนเกือบชิด  ส่งยิ้มให้หน้าจอมือถือในมือของไวน์  ก่อนเขาจะถอนหายใจเฮือก  พูดเสียงดัง

            “เดี๋ยวผมถ่ายให้ดีกว่าครับ”  คว้าโทรศัพท์มาจากมือไวน์ที่มองหน้าเขาแบบงงๆ  แล้วก็ลงมือถ่ายให้ไปสองสามรูป  “เสร็จแล้วครับ”  สาวคนนั้นรับโทรศัพท์มาถือไว้ด้วยท่าทางเหวอๆ  “รับใบปลิวไปด้วยนะครับ”   ลักษณ์บอกก่อนจะส่งใบปลิวให้เธอ

            ไวน์หันมามองหน้าแล้วยิ้มมุมปาก   ล้วงโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาบ้าง

            “เอ้า...มองกล้องครับ”

            ไวน์โอบอีกฝ่ายเข้ามาชิดตัวแล้วส่งยิ้มกว้างให้กล้องตรงหน้า  ลักษณ์หน้าแดงจัดลามลงมาถึงลำคอ  ส่งยิ้มตอบกลับไป   เป็นรูปคู่ที่เขาชอบมากทีเดียว

            “เดี๋ยวขอลงเฟสหน่อย”  ไวน์พูด  ก้มหน้าลงจิ้มตัวอักษรในโทรศัพท์  ลักษณ์จับแขนอีกฝ่ายเอาไว้

            “ไม่เอา”

            “ลงหน่อยน่า  เราไม่เคยอัพรูปคู่กันเลยนะ   นี่งานบุญด้วย....ชาติหน้าได้เกิดมาคู่กันอีกไง”

            ลักษณ์เม้มปาก  ถึงจะดีใจอยู่มากก็เถอะ  แต่ความอายมีมากกว่า  เขาเลยหันหน้าหนี  ไม่สนใจคนที่ยืนคิดแคปชั่นต่ออีก

            “ขอถ่ายรูปด้วยนะคะ”  เสียงใสๆคุ้นหูดังขึ้นข้างตัว  ลักษณ์หันไปมองก็เจอหญิงสาวอดีตเพื่อนร่วมคณะฯที่เคย ‘คุย’ กันได้พักหนึ่ง

            “วิป?  ไม่เจอกันนานเลย  มาเที่ยวหรอ”

            “จ้ะ  มาซื้อของกับเพื่อน  ลักษณ์ล่ะ...มาช่วยเค้าแจกใบปลิวหรอ  ดีจังเลย”  วิปมีท่าทางขัดเขินตอนแรกเล็กน้อย  จากนั้นก็เริ่มคุยจ้อเหมือนเดิม  พวกเขายืนคุยกันอยู่พักใหญ่โดยที่ไวน์ไม่ได้เข้ามาขัดจังหวะ

            “เสียดายที่ลักษณ์ดรอปไปก่อน  ตอนนี้มีประกวดวาดภาพภายในชมรมด้วยแหละ  เพื่อนๆที่ชมรมก็คิดถึงลักษณ์กันทุกคน  ว่างๆแวะมาสิ  ได้มาวาดรูปกันอีก”  วิปพูดอย่างร่าเริง

            “อยากไปเหมือนกัน  ไว้จะแวะไปนะ  ว่างๆแวะไปกินข้าวที่ร้านได้นะ  ป้าดาถามถึงบ่อยๆ”

            “จ้า...เดี๋ยวยังไงเราขอตัวก่อนนะ  มีธุระต้องไปต่อ  โชคดีนะลักษณ์  ขอให้สอบติดสมใจหวังนะ  สู้ๆ  ทำได้อยู่แล้ว”

            “ขอบคุณมากนะวิป”  ลักษณ์ยิ้มกว้างจนคนข้างๆอดแซะไม่ได้

            “ถ่านไฟเก่าคุหรอ”

            “สงสัยจะใช่”  เขาแกล้งตอบกลับไป  เห็นอีกฝ่ายหน้าหงิกขึ้นทันตาก็หัวเราะ  “คนมันฮอต  ช่วยไม่ได้”  ไม่ทันจบประโยคนั้นก็มีผู้ชายสวมเสื้อช็อปเข้ามาขอถ่ายรูปคู่กับเขา

            “เอ่อ....ได้ครับ”  ลักษณ์ตอบกลับไปแบบงงๆ  หลังจากนั้นก็มีคนเริ่มเข้ามาขอถ่ายรูปกับเขาเป็นระยะ  บางคนถึงกับขอเบอร์  ขอไลน์ด้วย

            “นะครับ  เผื่อผมไม่สบายจะได้ขอคำปรึกษา”  ผู้ชายหน้าตี๋ตรงหน้าพูด

            “ไม่ได้ครับ  ถ้าคุณไม่สบายก็ไปโรงพยาบาลเลย  ไม่ก็โทรเรียกปอเต๊กตึ๊งมาเก็บไปส่งรพ.ก็ได้  ไม่ต้องโทรหาแฟนผมหรอก”  ไวน์หันมาพูดแทรกกลางวงหน้าตาเฉย  “หรือไม่จะเอาเบอร์ผมไป  ผมเรียนหมอ”

            อีกฝ่ายส่ายหน้าหวือ  รีบเดินหนีไปทางอื่น  ลักษณ์มองตามหลัง  ได้ยินเสียงคนข้างๆค่อนขอดอีกครั้ง

            “เสียดายหรือไง  หน้าหล่อไม่ถึงครึ่งของกูด้วยซ้ำ”

            “โกรธอะไรลักษณ์เนี่ย”  เขาหันไปช้อนตาถาม  ยกมือขึ้นแตะท่อนแขนล่ำสันที่พ้นชายแขนเสื้อออกมา  “ทำไมต้องหงุดหงิดด้วย  ทีมีคนมาขอถ่ายรูปกับไวน์  ลักษณ์ยังไม่ว่าอะไรเลย”

            “ถ่ายกับไวน์ก็ไม่เท่าไหร่หรอก”  เสียงฝ่ายนั้นอ่อนลงทันที  “แต่ไม่อยากให้ถ่ายกับลักษณ์เลย  รู้งี้ไม่พามาหรอก”  ไวน์ย่นจมูก

            ลักษณ์ยิ้ม  ยกมือขึ้นบีบจมูกโด่งๆของฝ่ายนั้นเล่น

            “มีคนขอถ่ายกับไวน์  ลักษณ์ก็หงุดหงิดเหมือนกันนะ”

            “งั้นเรากลับกันดีไหม”

            “ฮื้อ  ยังแจกไม่หมดเลย   เงินก็ยังไม่เต็มกล่องด้วย”

            “งั้นมายืนตรงนี้นี่  ใกล้ๆอย่าไปไกล  ถ้ามีใครมาขอถ่าย  ก็ถ่ายรวมกันสามคนไปเลย”   ไวน์ตวัดเสียง  ล้วงมือหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาช่วยเช็ดเหงื่อให้คนรัก

            ลักษณ์เขิน...ความรู้สึกเคร่งเครียดปนหดหู่ที่เริ่มเป็นมาสักพักนั้นจางหายไปแทบไม่เหลือ   ตรงข้ามกับความมั่นใจที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละนิด  เขารู้ว่าเป็นแผนของไวน์ที่จงใจพาเขามา   แต่อย่างน้อยมันก็ได้ผลในเชิงจิตวิทยามากพอดู 

            ไวน์ดูแลเขาดีมาก  ไม่สนใจเสียงแซวที่ลอยมาเป็นระยะให้ได้หน้าแดงเล่นๆ   นาฬิกาบอกเวลาบ่ายคล้อยตอนที่ใบปลิวแผ่นสุดท้ายถูกแจกให้และเงินเต็มกล่องบริจาค   ไวน์พาเขากลับไปที่คณะฯ  มีเลี้ยงอาหารกลางวันให้คนที่มาช่วยงานทุกคน

            “เหนื่อยมั้ยลักษณ์  ขอบคุณมากเลยนะที่มาช่วย  สนุกหรือเปล่า”  เพลินตากลับเข้ามานั่งด้วย  สองแก้มของเธอแดงปลั่งด้วยความร้อน   “ไวน์มันบ่นใหญ่เลยที่มีคนมาขอเบอร์ลักษณ์”  เธอหัวเราะ

            “ไม่มีหรอก”

            “แน่ะ  ไม่ต้องมาปฏิเสธ  เมื่อกี้เพลินเดินผ่านน้องมัธยมกลุ่มนึง   ได้ยินแว่วๆว่าพี่ลักษณ์น่ารักอย่างงั้นน่ารักอย่างงี้   นี่ถ้าไม่มีไวน์ยืนทำหน้าขมึงทึงอยู่ข้างๆล่ะก็  รับรองว่า...”       

            “รับรองว่าอะไรเพลิน”  เสียงห้าวๆของคนมาใหม่ทำให้เพลินตาคอย่น  ยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะแบบไม่มีเสียง  ไวน์ส่งกระเพาะปลาให้ลักษณ์รับเอาไว้  “ร้อนนะ  ค่อยๆกิน”  ไม่ลืมสำทับเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง

            “โอ๊ย  เพลินชักรู้แล้วว่าทำไมนพถึงเดินหนีไปนั่งตรงนู้น   แค่ตอนแจกใบปลิวก็ฆ่าคนโสดมาหลายศพแล้วนะ  นี่ยังไม่พออีกเหรอ”

            ไวน์ยักไหล่ไม่ตอบ  เอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำมาบิดเปิดส่งให้ลักษณ์

            “เพลินไม่กินอะไรหน่อยเหรอ”  ลักษณ์เงยหน้าขึ้นถาม 

            “ไม่ล่ะ  เพลินไดเอทอยู่  งั้นเพลินไปดีกว่า  เห็นแล้วมันปวดใจ...ยังไงวันนี้ก็ขอบคุณทั้งสองคนมากนะที่มาช่วย  โดยเฉพาะลักษณ์  ไว้เจอกันอีก  ไวน์อย่ามัวแต่เที่ยวเพลินล่ะ  หลังหยุดยาวมีควิซนะยะ”   เธอเตือนแล้วก็ลุกเดินหนีไปรวมกลุ่มกับพวกนพ 

            “ไวน์ไปนั่งกับเพื่อนก็ได้นะ”  ลักษณ์พูดขึ้นเบาๆ

            “ไม่ล่ะ  อยากนั่งกับแฟนมากกว่า”   ไวน์ตอบ   หันหน้ามาทางเขา  เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นเต็มหน้าผากและลำคอด้วยความร้อน   “วันนี้สนุกมั้ย  ชอบหรือเปล่า”

            “ชอบ  แต่ร้อนไปหน่อย”

            “พรุ่งนี้เราไปที่ฟาร์มพ่อแม่กันดีมั้ย”  ไวน์เสนอขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย  “หยุดยาวอีกสองวันแน่ะ  ไปเที่ยวไร่องุ่นดีกว่า  วันนั้นมัวแต่ไม่สบาย  ยังไม่ได้เดินเล่นเลย” 

          “ต้องอ่านหนังสือ  วันนี้ก็ไม่ได้เลยอ่านเลยเนี่ย”  ลักษณ์พูดอย่างกังวล

            “ฮื้อ...เดี๋ยวไปติวที่ฟาร์มก็ได้”  ไวน์พูด  ก้มลงซ่อนยิ้มไม่ให้อีกฝ่ายเห็น  “รับรองเดี๋ยวจะติวให้จนเก่งเลย”

            “ขอถามพี่รามกับป้าดาก่อน”  ลักษณ์อิดออดไม่ยอมรับปาก  และไวน์ก็ไม่เซ้าซี้ 

            นั่งพักพอหายเหนื่อยกันแล้ว  ไวน์ก็พาเขากลับไปส่งที่บ้านป้าดา  คืนนี้ไวน์ไม่ได้ค้างด้วยเพราะบอกว่าจะไปเก็บของที่บ้านเตรียมไปค้างที่ฟาร์ม  ป้าดากับพี่รามอนุญาตให้ลักษณ์ไปด้วยอย่างง่ายดาย

            ลักษณ์ทั้งดีใจปนตื่นเต้น  ร่ำลาอดีตเพื่อนสนิทอยู่นานจนพี่รามค่อนขอดว่าไม่ตามไปนอนบ้านนู้นเลยล่ะ  พอไวน์จะตอบตกลง   รามก็ชิงห้ามเอาไว้เสียก่อน  แล้วโบกมือไล่ให้รีบๆกลับบ้านไปซะ

            “ไปก่อนนะ  พรุ่งนี้เจอกัน  เจ็ดโมงเช้านะ”

            “แล้วจะไปยังไง”

            “พ่อจะส่งรถมารับ”  ไวน์ตอบกลับมาง่ายๆ  ลักษณ์พยักหน้ารับ 

            อีกฝ่ายอาศัยจังหวะที่ป้าดาหันไปตักแกงให้ลูกค้า  ส่วนพี่รามก็ก้มหน้าลงเช็ดโต๊ะอาหาร  รีบชะโงกเข้าไปจูบที่แก้มของลักษณ์เบาๆ

            “..............”

            “ไปก่อนนะ  คืนนี้ไม่ได้นอนด้วย  อย่าร้องไห้โยเยล่ะ”

            “ประสาท  จะร้องเพื่อ”

            “ก็คิดถึงไง  ไม่รู้แหละ  เดี๋ยวถ้านอนไม่หลับจะมาเคาะประตูเรียก...อย่าลืมท่องศัพท์ก่อนนอนด้วย  พรุ่งนี้จะถาม”

            “คร้าบผมครูพี่ไวน์  ไปได้แล้ว  ยุงกัดแล้วเนี่ย”

            ลักษณ์โบกมือให้  ไล่เป็นครั้งที่สามนั่นแหละ  อีกฝ่ายถึงได้ยอมไป  เขามองตามหลังร่างสูงแล้วยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

            “เห็นแกยิ้มออก ก็ค่อยยังชั่ว”  พี่ชายที่มายืนกอดอกอยู่ข้างๆตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบพูดขึ้นเบาๆ  ยกมือขึ้นขยี้ผมของเขาจนยุ่ง  “อย่าร้องไห้มาอีกล่ะ   กูปลอบใครไม่เป็นหรอกนะ  มีแต่จะซ้ำเติม”

            ลักษณ์รู้ว่าอีกฝ่ายก็พูดไปอย่างนั้นเอง  พี่รามเป็นนักปลอบใจมือหนึ่งเลยต่างหาก  ไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครต่อใครแวะมาหาพี่รามเพื่อพูดระบายความในใจให้พี่รามฟังหรอก   ดูอย่างพี่ผู้ชายที่นั่งตาแดงๆอยู่ที่โต๊ะมุมร้านที่พี่รามเดินเข้าไปหาสิ

            เขาเห็นพี่รามยกมือขึ้นตบไหล่คนๆนั้นเบาๆเหมือนให้กำลังใจ  พี่คนนั้นลักษณ์เคยเห็นหน้าอยู่บ้าง  เขาเคยแวะมาหาพี่รามบางครั้ง  นัยว่าเป็นเพื่อนสมัยเรียนของพี่รามนั่นแหละ  แต่พี่รามก็ไม่เคยแนะนำให้เขารู้จัก

            รู้สึกว่าจะชื่อ รัน หรือริวนี่แหละ  ได้ยินเรียกกันแว่วๆ   ดูเหมือนว่าพี่เขาจะเจอเรื่องหนักหน่วงมา   นัยน์ตาคู่นั้นแดงช้ำทีเดียว  ลักษณ์เห็นใกล้ๆตอนที่เข้าไปเก็บโต๊ะของอีกฝ่าย   เขาบอกตัวเองว่าไม่เคยเห็นใครมีดวงตาสวยขนาดนี้มาก่อน   มันเป็นดวงตาที่ทั้งคมทั้งหวานล้อมด้วยขนตายาว  ให้ความรู้สึกเข้มแข็งแต่ก็น่าปกป้องในเวลาเดียวกัน

            “ขอบคุณมากนะน้อง...ลักษณ์ใช่มั้ย”  เสียงนุ่มๆนั้นพูดขึ้น  บุคลิกแบบนี้ไม่น่าเป็นเพื่อนสนิทกับพี่รามได้เลยนะ  ลักษณ์ไม่เข้าใจจริงๆว่าทั้งคู่ไปสนิทกันได้ยังไง

            “ครับ  พี่...”

            “ริวครับ  แต่ไม่ใช่ริวจิตสัมผัมนะ”  รอยยิ้มเล็กๆมุมปากทำให้ใบหน้าเศร้าๆนั้นน่าดูขึ้นเป็นกอง  ลักษณ์คิดในใจ

            “ครับพี่ริว  ต้องการอะไรเพิ่มบอกได้นะครับพี่”

            “แค่นี้ก็อิ่มมากแล้วครับ”  อีกฝ่ายตอบกลับมา

            ลักษณ์ส่งยิ้มไปให้แทนกำลังใจ  เขากำลังจะขอตัวไปที่โต๊ะอื่นตอนที่มีเงาสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งก้าวเข้ามาในร้าน  เขาหันไปมองแขกมาใหม่อย่างแปลกใจ  ใบหน้านั้นดูคุ้นตา  คิดแวบเดียวก็นึกออก....เป็นผู้ชายคนเดียวกับที่ชนเขาวันนี้นั่นเอง

            ส่วนสูงเกือบถึงเพดานของร้านกับหุ่นหนาและเสื้อผ้าเปื้อนฝุ่นมอมแมมเรียกสายตาของทุกคนในร้านให้หันไปมองเป็นตาเดียว   ลักษณ์เห็นฝ่ายนั้นยืนกวาดตาอยู่ครู่หนึ่งก็ตรงเข้าไปหาเพื่อนของพี่รามที่นั่งหันหลังอยู่

            ฝีเท้าของเค้าเงียบเชียบไม่สมกับขนาดตัว  ผู้ชายคนนั้นเดินไปทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามกับเพื่อนพี่ราม  ชะโงกเข้าไปพูดอะไรบางอย่างที่ลักษณ์ไม่ได้ยิน  ไม่ได้คิดจะสนใจด้วย

            เพราะตอนนี้ในหัวของเขามีเพียงภาพใบหน้ากวนประสาทของใครบางคนปรากฏอยู่เท่านั้น  คาดว่าคืนนี้ตัวเองคงจะนอนหลับยากกว่าปกติสักหน่อย

            นี่เขาชักจะติดไวน์มากไปหน่อยแล้วแฮะ...

            ...

           

              อ่ะฮะ  มาอัพต่อนะคะ   ตอนหน้าดูเหมือนจะเป็นตอนจบเเล้วเเหละ  โอยย  หายใจ เอ๊ย  ใจหาย55555

ขอบคุณมากนะคะที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้  มีความสุขมากเลยค่ะ   :katai2-1:

จะจบแล้ว  ใครมีเรื่องอะไรอยากบอก เม้นท์บอกได้เลยนะคะ 

สำหรับตอนนี้แอบใส่ตัวละครของเรื่องต่อไป ยักษ์ยอกรัก #แอบยักษ์ ลงไปเล็กน้อย 

ใครสนใจลองอ่านกันต่อได้เลยนะคะ  อิอิ 

สำหรับใครที่เล่นทวิต #แอบลักษณ์ นะคะ

สำหรับคนที่เล่นเฟส แฟนเพจของเราเอง Melenalike

ไปกดไลค์กันได้ค่าาา  :hao5:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
จะจบแล้วอ่าาาา

ออฟไลน์ แม่น้องเปา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เสียใจตอนหน้าจะจบแล้วจริงๆเหรอ..ใจหายเลยอ่า
รอติดตามผลงานเรื่องใหม่ค่ะ.. :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Naam3

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :impress2: :katai2-1:จะจบแล้วเหรอๆๆๆรอติดตามนะคะ :mew1: :mew1: :L2: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
จะจบแล้วเหรอ หน่วงกันมานานขอหวานๆอีกสักหลายๆตอนไม่ได้เหรอคะ  รึไม่ก็ขอตอนพิเศษเถอะค่ะ อยากเห็นลักษณ์มีความสุขเยอะๆ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5

ออฟไลน์ MorethanMore

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ม่ายยยยย คือหน่วงมาจนจบขอหวานอีกนิดได้ไหม ฮึกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
ตอนที่ 28

Live Simply, Laugh Often, Love Deeply.

 

 

 

 

            รูปเซลฟี่ที่ปรากฏอยู่ในหน้าเฟสบุ๊คของไวน์ทำเอาคนที่เพิ่งเปิดเจอยิ้มกว้าง  ถึงหน้าจะมันแผล็บ  ผมเปียกลู่แนบหัวไปหน่อยก็เถอะ...รอยยิ้มของเราสองคนก็ดูสดใสเหลือเกิน

            ไม่มีแคปชั่นเขียนเอาไว้ทั้งที่ลักษณ์เห็นอีกฝ่ายครุ่นคิดอยู่ตั้งนาน  สงสัยจะนึกแคปชั่นเด็ดๆไม่ออกล่ะมั้งเลยลงแต่รูป  เขาเลื่อนสายตาลงมาอ่านคอมเม้นท์ที่อยู่ข้างล่าง  เพื่อนของไวน์เข้ามาตอบกันเต็ม  ส่วนใหญ่เป็นไปในทางแซว  ไม่ก็อวยพรให้รักกันนานๆ

            มีบ้างที่จะเข้ามาเม้นท์ตัดพ้อต่อว่า  ซึ่งมักจะเป็นสาวรุ่นพี่ที่สนิทกับไวน์มากกว่า   แทบไม่มีคอมเม้นท์จากฝั่งเพื่อนของเขาเลย  นอกจากไอ้แซมที่ส่งสติ้กเกอร์รูปหมาคาบหัวใจมาให้  กับเต้ที่ส่งรูปใบหน้าคนปิดปากหัวเราะ

            เพื่อนๆกลุ่มหล่อสัชก็ยังติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอ  บางคืนเขาก็เข้าไปเล่นเกมร่วมทีมด้วยอย่างเคย   ถือเป็นการผ่อนคลายแก้เครียดหลังจากอ่านหนังสือทำข้อสอบเก่าติดต่อกันมาหลายชั่วโมง

            เสียงแจ้งเตือนไลน์ดังขึ้น  ลักษณ์ละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดู   พวกแซมรวบรวมสมาชิกทีมตีดอทอีกแล้ว

            Sammylunla: ไอ้ลักษณ์ตีดอทป่าววว

            เต้ตอบแล้วนะ:  อย่ากวนมัน  มันอ่านสือ

            Beersing: พักบ้างดิเพื่อน

            GoodLuck: คืนนี้บาย  กูต้องจัดของ

            Sammylunla:  ไปหนายยย

            GoodLuck:  ไปเที่ยวบ้านไอ้ไวน์

            Beersing:  แรงงงงง พวกมีแฟนแล้วทิ้งเพื่อนทิ้งฝูง

            Sammylunla:  ใครบอก  อย่างไอ้ลักษณ์เรียกพวกเอาเพื่อนเอาฝูงตะหาก

            GoodLuck:  ไอ้แซม  จะไปไหนก็ไปเลย  กูม่นคุยด้วยและวว

            Sammylunla:  แน่ะๆๆ เขินจนพิมพ์ผิดพิมพ์ถูกเลย

            เต้ตอบแล้วนะ:  ไอ้แซมกูจะเล่นแล้ว  เร็วมึง

            เต้ตอบแล้วนะ: บายลักษณ์  อย่าลืมของฝากล่ะ

           

                       

            ลักษณ์ส่ายหัวเบาๆ  ส่งสติกเกอร์โบกมือให้แทนคำลา  พวกเพื่อนๆหายเงียบกันไปแล้วคงแปลงร่างเป็นฮีโร่กันอยู่อย่างเมามัน  เขาเปลี่ยนท่าเป็นล้มตัวลงนอนบนเตียง  วางโทรศัพท์มือถือเอาไว้บนหัวเตียงที่เดิม

            ข่มตาหลับอยู่นาน  พลิกตัวก็แล้ว  นับแกะก็แล้ว  มันก็ไม่ยักหลับทั้งๆที่รู้สึกง่วงอยู่ไม่น้อย  ลักษณ์ดึงหมอนข้างมากอด  ซุกใบหน้าลงกับหมอนนิ่มๆ

            ...ก็ได้   เขาคิดถึงใครบางคนที่เคยนอนด้วยกันทุกคืนโดยเฉพาะช่วงหลังๆมานี้   คิดถึงอ้อมแขนอบอุ่นที่โอบล้อมอยู่รอบตัว   คิดถึงลมหายใจที่เป่ารดที่หน้าผากและซีกแก้ม   คิดถึงสัมผัสวาบหวามที่...เอ่อ   ลักษณ์รีบปัดความคิดทิ้งไป  ยกมือขึ้นแนบใบหน้า   

            “โอ๊ย...บ้าไปแล้วแน่ๆ”           

            เขาลุกขึ้นจากที่นอน  หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาอีกฝ่าย  ไม่นานฝ่ายนั้นก็กดรับ

            “ไงลักษณ์  เดี๋ยววางสายก่อนนะ”  แล้วก็กดวางสายไปดื้อๆ

            ลักษณ์งงตามไม่ทัน  พอจะกดโทรกลับไปอีกรอบ  ที่หน้าจอโทรศัพท์ก็ขึ้นว่ามีสายเรียกเข้าจากโทรไลน์เสียก่อน  จากคนที่ชื่อ  Wineiloveu

            ลักษณ์ยิ้มกว้าง  กดรับสาย  ปรากฏใบหน้าของอีกฝ่ายขึ้นเต็มจอ   ไวน์อยู่ในชุดนอนแล้ว  กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ในห้องที่เขาเดาว่าเป็นห้องนอนของอีกฝ่าย  เพราะเขาไม่เคยเห็นมาก่อน

            ไวน์ไม่เคยยอมให้เขาเข้าไปในห้องนอนเลยสักครั้ง 

            “ว่าไงครับ  คิดถึงพี่ไวน์ล่ะสิ”  เสียงฝ่ายนั้นทักมาพร้อมรอยยิ้มกว้างเห็นเขี้ยวมุมปาก   ลักษณ์ย่นจมูกตอบ

            “เปล่า  กดผิดเฉยๆ”

            “อ่าวหรอ  งั้นวางสายนะ”  อีกฝ่ายตอบกลับมา

            “เดี๋ยวดิ  จะนอนแล้วเหรอ”  ลักษณ์หลงกลรีบถาม  พอเห็นไวน์ยิ้ม  เขาก็ตวัดสายตาใส่อย่างฉุนนิดๆ   “จะนอนแล้วใช่มั้ย  งั้นวางสายนะ”

            “ล้อเล่นแค่นี้ทำเป็นงอนไปได้  ก็รอคนโทรมาเนี่ยแหละ”

            “ประสาท”

            “จริงๆ   มันนอนไม่หลับ”  ไวน์พูดหน้าตาเฉย  “คิดถึงจัง”

            “ขอไปอ้วกหน่อยได้มั้ย”  ลักษณ์หวังว่าหน้าจอจะไม่ชัดจนเห็นว่าใบหน้าของเขาแดงจัด  “ปกติมึงจีบสาวเลี่ยนขนาดนี้เลยเหรอ”

            คนฟังหัวเราะ

            “ไม่นะ  เลี่ยนกว่านี้เยอะ”  พอลักษณ์หุบยิ้ม  ไวน์ก็รีบพูดต่อ  “ล้อเล่น  ปกติเคยเห็นพี่ไวน์จีบสาวหรอ  มีแต่ช่วยน้องลักษณ์จีบสาวเท่านั้นแหละ”  เขาเรียกแทนตัวเองว่าพี่ไวน์เล่นๆ  มาจากครูพี่ไวน์ ติวเตอร์อันดับหนึ่งที่เพื่อนๆชอบล้อเขากับลักษณ์นั่นแหละ

            “ก็ไม่เคยเห็นตอนจีบน่ะสิ  เห็นอีกทีก็เดินด้วยกัน กินข้าวดูหนังด้วยกันไปเลย”  ลักษณ์สะบัดเสียง   ไม่รู้เป็นไรพักหลังมานี้หางเสียงเขามักจะตวัดสูงขึ้นจมูกทุกที  เป็นกับเวลาคุยกับไวน์คนเดียวด้วย

            “โยนโบว์ลิ่งก็เคยนะ  แต่วันนั้นมึงซ้อมวิ่งอยู่  ฮ่าๆ”

            “นั่นแหละ...ร้ายนัก  แล้วมาบอกว่าชอบเราคนเดียว  เชื่อตาย”

            “นี่หึงเหรอ”

            “เปล่าโว้ย”

            “แล้วไป  นึกว่าหึง  ถ้างั้นก็ไม่ว่าอะไรใช่ไหมถ้าจะไปกินข้าวดูหนังกับใครบ้าง”

            ลักษณ์นิ่งไปทันที  เขาเม้มปากอย่างครุ่นคิดแล้วก็พูดขึ้นช้าๆ

            “ถ้าพี่ไวน์อยากไปจริงๆ  ลักษณ์ก็ไม่ว่านะ  ลักษณ์ไม่อยากให้พี่ไวน์ปิดกั้นโอกาสของตัวเองหรอก”

            “แล้วลักษณ์จะยังรักพี่ไวน์อยู่มั้ย  จะยังคบกับพี่อยู่หรือเปล่า” 

            “ก็คงยังรักอยู่   แต่เรื่องคบ...อาจจะไม่”   ลักษณ์ถอนหายใจ   “ไวน์...ลักษณ์เข้าใจนะถ้าวันนึงเราจะเลิกกัน  ลักษณ์ทำใจเรื่องนี้เอาไว้แล้วด้วยซ้ำ”

            “พูดอะไรอย่างนั้น”  อีกฝ่ายตอบกลับเสียงเข้ม  “ถ้าลักษณ์พูดแบบนี้ก็แปลว่าไม่เห็นค่าความรักของไวน์เลย”

            “ไม่ใช่อย่างนั้น  ลักษณ์ก็แค่...คิดว่าอาจจะมีคนที่...ดีกว่า”

            “นี่ลักษณ์ยังไม่เลิกคิดเรื่องบ้าๆนี่อีกเหรอ”   ดูท่าทางอีกฝ่ายจะหัวเสียอย่างหนัก  “พี่พูดเล่น  พี่จะอยากไปกินข้าวดูหนังกับใครได้ล่ะในเมื่อในหัวพี่ก็จะมีแต่ภาพลักษณ์ซ้อนอยู่ตลอดเวลา  พี่จะมีความสุขหรอถ้าต้องนั่งคิดตลอดว่าป่านนี้ลักษณ์จะร้องไห้ขี้มูกโป่ง  ขัดห้องน้ำจนมือเปื่อยถึงไหนแล้ว”

            ไวน์เรียกแทนตัวเองว่าพี่อย่างไม่รู้ตัว

            “ทำไมหรอ  ไอ้ไวน์มันดีกว่าลักษณ์ตรงไหน  ทำไมถึงต้องคิดว่าตัวเองไม่ดีพอด้วย  มันก็แค่คนๆนึงที่มีอวัยวะสามสิบสอง  มีสองมือสองเท้าเท่ากับลักษณ์นั่นแหละ  ไม่ได้เลิศเลอตรงไหน”  ไวน์พูดเสียงดังจนลักษณ์ต้องเบาเสียงโทรศัพท์ลงเพราะกลัวคนข้างนอกได้ยิน

            “อืม รู้แล้วน่า”

            “รู้แล้วก็เลิกคิดมากซักที”  ไวน์เหลือบมองไปด้านหลังแล้วก็ยิ้ม “นี่เห็นอะไรมั้ย”  ไวน์แพนกล้องให้ลักษณ์เห็นกำแพงห้องข้างหลังตนเอง   ฟากหนึ่งของกำแพงเต็มไปด้วยรูปภาพที่ถ่ายแปะเอาไว้อย่างมีศิลป์  ครึ่งหนึ่งเป็นรูปไวน์ ส่วนอีกครึ่งเป็นรูปไวน์ถ่ายกับเด็กผู้ชายอีกคนที่หน้าตาเหมือนเขา

ลักษณ์พิศดูอย่างแปลกใจ

“นี่คือเหตุผลที่ไม่ยอมให้เข้าห้องหรอ”  เขาเคยไปบ้านไวน์แค่สามครั้งเท่านั้น  และสามครั้งนั้นไวน์ก็ไม่ยอมให้ขึ้นชั้นสองด้วยซ้ำ  ทั้งๆที่มานอนบ้านคนอื่นเป็นประจำ

“อืม”  ไวน์รับคำ   “กลัวความแตกเสียก่อนน่ะ  ไม่อยากเสียเพื่อนดีๆ”

ลักษณ์น้ำคลอนิดๆ  รู้สึกปลื้มใจอย่างบอกไม่ถูก  นี่เขาไม่เคยรู้เลย....อดรู้สึกสงสารไวน์ขึ้นมาไม่ได้ที่ต้องเก็บความรู้สึกเอาไว้อยู่นานหลายปี  เพราะเขามัวแต่ซื่อบื้อ

“นั่นร้องไห้หรอ”

“เปล่า  แมลงเข้าตาน่ะ”  ลักษณ์ยกมือขึ้นป้ายตา

            “ปลื้มก็บอก”   ไวน์ยิ้มให้กล้อง  “เพิ่งนึกได้ว่า  จะว่าไปนะ  ไวน์ก็มีส่วนที่มีมากกว่าลักษณ์อยู่นะ”   คนพูดพูดเสร็จก็อมยิ้มอย่างมีเลศนัย 

            “อะไร”  คนฟังถามอย่างระแวง

            “เดี๋ยวไว้มาที่ฟาร์มจะเฉลย”

            “ไม่อยากรู้แล้ว”

            “โธ่”   ไวน์ลากเสียง  “ไม่เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ดีเลย  ทำไมไม่มีความอยากรู้อยากเห็นเลยฮึ”

            “เรื่องไร้สาระไม่อยากรู้หรอก”

            “งั้นชวนคุยเรื่องมีสาระดีกว่า   เย็นพรุ่งนี้อยากกินอะไร ป้ามณีฝากถาม  แกรอจะเจอคุณลักษณ์จะแย่อยู่แล้ว  พูถึงเช้าเย็น  ขนาดไวน์จะกลับบ้านทั้งทีแกยังไม่เห็นสนใจเท่าไหร่เลย”

            ลักษณ์ดีใจ  เขานั่งคุยนอนคุยกับไวน์อย่างเพลิดเพลินจนเวลาล่วงเข้าเช้าวันใหม่นั่นแหละถึงได้บอกราตรีสวัสดิ์แล้วแยกย้ายกันไปนอนได้ 

            ตื่นขึ้นมาเช้าวันใหม่ด้วยความสดใสแม้จะได้นอนไปไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม  ลักษณ์รีบอาบน้ำแต่งตัว  หิ้วกระเป๋าที่จัดเตรียมเอาไว้แล้วลงมารอข้างล่าง  นั่งกินอาหารเช้ากับพี่ชายรอจนไวน์มาถึง

            “มาแล้ว  นั่งยิ้มหน้าบานอยู่ได้  แค่ไปเที่ยว  เคยไปแล้วไม่ใช่เหรอ  ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนี้ด้วย”  พี่รามเคาะ  ยืนกอดอกมองไวน์เข้ามาช่วยยกกระเป๋าน้องไปใส่รถตู้ที่จอดอยู่หน้าบ้าน 

            “ก็คราวนี้สถานะมันเปลี่ยน  มันก็ต้องตื่นเต้นกันบ้างสิครับ”  ลักษณ์กระซิบ  รู้อยู่หรอกว่าคงจะสร้างความหมั่นไส้ให้กับคนฟังไม่น้อย   แต่พี่รามก็ทำเป็นมึนตึงไปอย่างนั้นเอง  ความจริงก็รีบตื่นแต่เช้ามาส่งเขาเดินทางเหมือนกันล่ะน่า

            “เออ  กลับมาอาจจะเปลี่ยนเป็นแค่คนแปลกหน้ากันก็ได้”

            “พี่ราม!”  พอน้องชายขมวดคิ้วใส่  รามก็ขยับตัว

            “พูดเล่นแค่นี้ทำเป็นขึ้น  เดี๋ยวเหอะ...ไปนู่นก็ทำตัวดีๆล่ะ   อย่าให้เขาว่าเอาได้รู้มั้ย”  ลักษณ์พยักหน้ารับ

            “ป้าดาตื่นหรือยังครับ”  ไวน์เข้ามาถามหาญาติผู้ใหญ่ของคนรัก  นิสัยไปลามาไหว้เป็นนิสัยที่รามถูกใจมาตั้งแต่แรก  สีหน้าของเขาจึงอ่อนลงนิดหน่อย

            “ยังไม่ตื่นหรอก  เมื่อคืนดูละครดึก   จะไปไหนก็รีบไปเถอะ....”  ถ้อยคำเหมือนไล่  แต่ลักษณ์รู้ว่าอีกฝ่ายพูดเพราะอะไร  “...เดี๋ยวไปถึงเย็นแล้วฝนตก  ขับลำบาก”

            “ครับพี่   อีกสองวันเจอกันครับ”

            ทั้งคู่ยกมือไหว้  รามพยักหน้ารับแล้วหมุนตัวเดินหายเข้าไปหลังร้าน   ลักษณ์เดินตามหลังไวน์ไปยังรถตู้ที่จอดอยู่  คนขับเป็นคนเดียวกับที่เขาเคยเห็นที่ไร่ 

            ไวน์ก้าวตามขึ้นมานั่งข้างๆเขา   ขยับตัวเข้ามาคาดเข็มขัดนิรภัยให้  จากนั้นก็เอื้อมมือมาจับมือของเขาเอาไว้  ลักษณ์ยิ้มก้มลงพิศดูเส้นเลือดที่หลังมือของอีกฝ่ายเล่น

            “ง่วงก็ปรับเบาะนอนได้นะ”  ริมฝีปากอุ่นๆกระซิบอยู่ข้างหู  “นอนเอาแรงเอาไว้ก่อน   จะพิงมาก็ได้”

            ลักษณ์ขยับเอนศีรษะพิงไหล่ของอีกฝ่ายเอาไว้  ไวน์สอดมือเข้ามากอดเขาเอาไว้หลวมๆ  ลักษณ์เห็นคนขับรถเหลือบตาขึ้นมองแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร   เขาอดกังวลขึ้นมาไม่ได้ว่าพ่อแม่ของไวน์จะว่าอย่างไรบ้างกับความสัมพันธ์ของลูกชายกับเพื่อนสนิท

            “ไวน์”

            “หืม”

            “ไวน์เคยเล่าเรื่องของเราให้พ่อแม่ฟังบ้างมั้ย”

            “เล่าสิ”

            “เล่าว่าอะไรบ้าง”

            “ทั้งหมดเลย”  ไวน์ตอบกลับมา

            “แล้วพวกท่านว่ายังไง”

            “ก็ไม่ว่ายังไง  เดี๋ยวเจอกันก็ลองถามดูสิ”

            “โธ่...บอกหน่อยไม่ได้หรอ   จะได้เตรียมตัวถูก”

            “ไม่ต้องเตรียมอะไรทั้งนั้น   นอนได้แล้วน่า  เดี๋ยวเพลียไม่รู้ด้วยนะ  เมื่อคืนก็นอนดึก”

            “ก็ได้”  ลักษณ์ผล็อยหลับไปพร้อมกับความคิดวุ่นวายในหัว  มาสะดุ้งตื่นอีกทีก็พบว่าถึงที่ฟาร์มแล้ว  ประตูรถเปิดออก  ไวน์ก้าวลงมาเป็นคนแรกตามด้วยลักษณ์  ป้ามณีเดินเข้ามาหาอย่างดีใจ

            “คุณลักษณ์  เป็นอย่างไรบ้าง  สบายดีหรือเปล่า  ผอมลงไปนิดนึงนะเนี่ย  เรียนหนักเหรอคะ  แต่เอ๊ะ  เห็นคุณไวน์เล่าว่าคุณดรอปอยู่นี่”

            “โหย  ค่อยยังชั่วหน่อยที่มีชื่อผมอยู่บ้าง  นึกว่าป้าจะลืมผมซะแล้ว”

            “แหมคุณไวน์นี่ล่ะก็  เข้าไปข้างในกันค่ะ  คุณพ่อคุณแม่รออยู่”

            ลักษณ์มือเย็นเฉียบอย่างช่วยไม่ได้  ยืนชะงักอยู่ข้างหน้าประตูนั่นเอง  ไวน์เลยคว้ามือขึ้นมาแล้วกึ่งลากกึ่งจูงเข้าไปภายในบ้านพักที่ยังคงเหมือนกับคราวที่แล้วที่มาไม่ผิดเพี้ยน

            คุณพ่อคุณแม่ของไวน์เดินมารับ  สีหน้าพวกท่านยิ้มแย้มแจ่มใส  เอ่ยทักทายเขาเป็นปกติจนลักษณ์ใจชื้นขึ้น

            “ลักษณ์  เป็นไงบ้างลูก  อ่านหนังสือเตรียมสอบถึงไหนแล้ว  เจ้าไวน์มันช่วยบ้างหรือเปล่า”  แม่ของไวน์พูดขึ้นยิ้มๆ

            “นอนกี่คืน  นอนที่บ้านนี้แหละ  ไม่ต้องแยกไปบ้านโน้นหรอกมากันแค่สองคน”   พ่อของไวน์พูดขึ้นบ้าง

            “นั่นสิ  ลักษณ์วางกระเป๋าก่อนก็ได้จ้ะ  เดี๋ยวค่อยยกขึ้นไป  แม่จัดห้องเอาไว้ให้แล้ว  นอนข้างๆห้องพ่อแม่นั่นแหละ”

            “อ้าวแม่  ให้นอนห้องไวน์ก็ได้  ไม่เห็นต้องจัดใหม่เลย”  ไวน์ท้วงทันควัน 

            “จะนอนเบียดกันทำไมล่ะลูก  ห้องเรามีเยอะแยะไม่ได้ใช้”

            มาแนวเดียวกับป้าดาเลยแฮะ   พวกผู้ใหญ่คงมีแนวคิดคล้ายๆกันหมด  ไวน์เงียบลงไม่เถียง  เอาไว้คืนนี้ค่อยว่ากัน   เดี๋ยวก็รู้ว่าเขาจะมีวิธีมั้ย

            “หิวกันมั้ยเอ่ย   อยากกินอะไรรีบบอก  มณีเขาอยากทำให้ลักษณ์กิน”   แม่ของไวน์โอบไหล่เขาพาไปนั่งที่โต๊ะอาหารซึ่งจัดเตรียมเอาไว้แล้ว

            อาหารมื้อนั้นผ่านไปอย่างราบรื่นในความรู้สึกของลักษณ์  พ่อกับแม่ของไวน์ไม่ได้พูดหรือถามอะไรที่ทำให้เขาลำบากใจเลย  และเขาก็ค้นพบว่าพวกท่านรู้เรื่องเขานานแล้ว  ตั้งแต่ก่อนเรื่องของนิวด้วยซ้ำ

            “แม่ก็เป็นห่วงมากนะตอนนั้น   ไวน์กลับบ้าน  ทิ้งเรื่องเรียนไปซะเฉยๆ  ไม่ยอมพูดยอมจาปิดห้องเงียบอยู่สามวันถึงได้ยอมเล่าว่าโดนลักษณ์ปฏิเสธมา”

            “ผมขอโทษนะครับ”  ลักษณ์ยกมือไหว้เพราะความรู้สึกผิดจริงๆ

            “เห้ย  ขอโทษอะไรกัน  ไอ้ไวน์มันแอบรักหนูข้างเดียว  ตอนนั้นหนูไม่รักก็ไม่แปลก  ความรักมันใช่ว่าจะต้องสมหวังทุกครั้งเสียหน่อย”  พ่อของไวน์พูด  “ว่าแต่หนูรักเจ้าไวน์ตอนไหนดีกว่า  นี่สิที่อยากรู้”

            “ก็...”  ลักษณ์อึกอัก  รู้สึกเขินที่ต้องตอบ  “คงนานแล้วครับ  แต่ว่าไม่รู้ตัว”

            “ไม่แปลกหรอกจ้ะ  บางครั้งเราอยู่ใกล้อะไรมากเกินไปก็มักจะมองไม่เห็นมัน  อย่างพ่อกับแม่นี่ก็รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กนะ  เป็นเพื่อนเรียนด้วยกันมาจนเข้ามหาลัย”

            ความรู้ใหม่ทำให้ลักษณ์เบิกตากว้าง

            “ใช่จ้ะ  โอ๊ย  วุ่นวายจะตายไปกว่าจะมารักกันได้  แม่ถึงเข้าใจพวกหนูไงว่าบางทีมันก็ยากที่จะเปลี่ยนความเป็นเพื่อนมาเป็นความสัมพันธ์แบบคนรัก   แต่ใจคนน่ะเนอะ  บังคับไม่ได้หรอก  ตอนที่มาคราวก่อนเชื่อมั้ยว่าแม่ยังพูดกับพ่ออยู่เลยว่า แม่ว่าลักษณ์ก็น่าจะรักลูกเราอยู่เหมือนกัน”

            “จริงหรอครับแม่  ทำไมแม่ไม่บอกผม” ไวน์ท้วง  ส่วนลักษณ์หน้าแดง

            “แม่ดูหน้าลักษณ์ก็รู้แล้ว   แต่เรื่องอะไรแม่จะบอกเราล่ะ  ในเมื่อเราก็คบกับแฟนอยู่แล้ว  แล้วรายนั้นก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย”

            พอคิดถึงนิวขึ้นมา ทุกคนก็เงียบลงก่อนจะเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน

            “แล้วลักษณ์เตรียมตัวสอบไปถึงแล้วจ้ะ”

            “ก็อ่านหนังสือสลับกับทำข้อสอบเก่าครับ  ได้ไวน์มาช่วยติวพวกคำนวณด้วย  ก็ดีครับ”  ลักษณ์ตอบออกไป  บทสนทนาดำเนินไปอีกจากเรื่องนั้นเป็นเรื่องนี้  จนสุดท้ายพ่อแม่ของลักษณ์ก็ขอตัวไปดูงานที่ฟาร์มก่อน

            ไวน์ชวนเขาไปขี่ม้าเล่นอีกเหมือนคราวที่แล้ว  แตกต่างตรงที่ครั้งนี้เจ้าตัวบอกตรงๆว่าจะพาไปดูพระอาทิตย์ตกอีกครั้ง 

            “คราวที่แล้วกลัวไม่ยอมไปเลยไม่ได้บอกก่อน”  ไวน์พูดยิ้มๆ  พาเขามาที่คอกม้า

            “ยังสงสัยว่าทำไมไม่พานิวไปดู  พาเราไปดูทำไม”

            “พระอาทิตย์ตกก็ต้องดูกับคนที่เรารักสิ  ถึงจะได้บรรยากาศ”  ไวน์จับที่เอวของเขาแล้วยกลอยทั้งตัวให้ขึ้นไปนั่งบนหลังม้าตัวใหญ่  ก่อนที่เจ้าตัวจะขึ้นตามมานั่งซ้อนอยู่ข้างหลังด้วย

            “คราวนี้พิงได้นะ  ได้ไม่ต้องนั่งตัวเกร็งเหมือนคราวที่แล้วอีก”

            “ถึงไม่ยอมให้พิงก็จะพิง”  ลักษณ์ตอบ  เอนหลังพิงแผ่นอกกว้างที่แนบชิดอยู่  ปล่อยตัวตามสบายไม่ฝืนเอาไว้เหมือนคราวก่อน   ท่อนแขนแข็งแรงโอบอยู่รอบตัวหลวมๆขณะที่ม้าออกเดินลัดเลาะไปตามรั้ว 

            แสงแดดยามบ่ายไม่แรงนักคงเป็นเพราะมีเมฆฝนบังอยู่ไม่น้อย   ไม่แน่ว่าคืนนี้ฝนอาจจะตกลงมาก็เป็นได้    ไวน์พาเขาอ้อมไปอีกทางหนึ่ง  เป็นคนละทางกับที่มาคราวที่แล้ว  ดอกไม้สีเหลืองสดที่ลักษณ์ไม่รู้จักชื่อชูช่ออยู่เต็มสองข้าง  ส่งกลิ่นหอมรวยรินคล้ายดอกไม้ป่า

            “ลงไปเก็บไหม”  ไวน์มองตามสายตาของเขา   กระซิบเบาๆราวกับกลัวผีเสื้อที่ดอมดมดอกไม้พวกนั้นอยู่จะได้ยิน

            “ไม่เอาหรอก  ปล่อยมันบานอยู่กับต้นดีกว่า”   เขากระซิบตอบเช่นกัน

            ไวน์พาเดินสำรวจไปรอบๆฟาร์ม  ลักษณ์เพิ่งรู้ว่าอาณาเขตของฟาร์มออกจะใหญ่โตกว่าที่คิดมาก   ไวน์เล่าธุรกิจของครอบครัวให้ฟังคร่าวๆระหว่างสำรวจ   มีสวนสมุนไพรที่ลักษณ์เห็นว่าน่าสนใจอยู่ด้วย

            “ชอบหรอ  เอาไปปลูกสักต้นดิ”

            “พูดอย่างกับว่าที่ร้านมีที่งั้นแหละ”

            “ก็เอาไปปลูกที่บ้านเราไง”

            “บ้านเรา?”  ลักษณ์หันไปถาม

            “ใช่  บ้านเรา”

            “คงอีกนาน   นานมากๆ”  ลักษณ์หลับตาลง  ...บ้านเรางั้นหรือ  เขาไม่เคยคิดอะไรไปถึงขั้นนั้นเลย  พอได้ยินอีกฝ่ายพูดขึ้นมาแล้วก็รู้สึกพิกล  เหมือนมันเป็นฝันที่อยู่ไกลเกินเอื้อม

            “ไม่นานหรอก  ไว้เราสองคนเรียนจบ  ทำงานหาเงินเลี้ยงดูตัวเองกับครอบครัวได้  ไม่เกินสิบปี  พวกเราก็จะได้มี บ้าน...ที่จะมีเพียงแค่เราสองคน”

            “วันนั้นจะมาถึงมั้ยนะ”

            “ขนาดวันนี้ยังมาถึงเลย   รอมาตั้งหลายปีจนนึกว่ามันจะไม่มาถึงแล้ว”  ไวน์กระชับอ้อมแขนแน่นเข้า  “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ”

            คนในวงแขนอมยิ้ม  พยักหน้ารับ  ไวน์กระตุ้นม้าให้เดินต่อมาจนถึงที่เดิมที่ดูพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาด้วยกัน   เพิ่งจะเวลาห้าโมงกว่า  ยังเหลือเวลาอีกสักพักกว่าจะถึงเวลานั้น   ไวน์อุ้มลักษณ์ลงมายืนที่พื้น  ผูกม้าเอาไว้กับต้นไม้ใหญ่  ลักษณ์เพิ่งสังเกตว่าที่ใต้ต้นไม้มีตะกล้ากับเสื่อวางเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว

            “อภินันทนาการน้อยๆจากป้ามณี”  ไวน์พูดยิ้มๆ  ก้มลงปูเสื่อออกกว้าง   ลักษณ์ทรุดตัวลงนั่ง  หยิบตะกร้าขึ้นมาเปิดดูของภายในที่อัดแน่นมาด้วยปิ่นโตสองใบ  ผลไม้และขนมอีกหลายอย่าง

            “ปิกนิกเฟิร์สไทม์”  ไวน์พูดแกมหัวเราะ  รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่เคยปิกนิกมาก่อน   “เปลี่ยนสถานที่บ้าง  ชอบมั้ย”

            ลักษณ์ยกนิ้วโป้งมาให้แทนคำตอบ  ขยับตัวไปนั่งพิงต้นไม้  เหยียดขายาวอย่างสบาย   สายลมพัดมาเย็นฉ่ำจนต้นหญ้าเบื้องหน้าเอนลู่ไหวตามแรงลม    เช่นเดียวกับเส้นผมของเขาที่เริ่มยาว  มันกระจายยุ่งเหยิงให้ใครอีกคนต้องยกมือขึ้นมาจัดทรงให้อย่างเบามือ

            ลักษณ์เลยเอนศีรษะลงซุกใบหน้ากับซอกไหล่ของฝ่ายนั้นเสียเลย


ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
       






             “ทำไมเดี๋ยวนี้ขี้อ้อนจัง”  ได้ยินไวน์ถามแว่วๆ

            “ไม่ชอบหรอ”

            “ชอบมากตะหาก”   ฝ่ามือใหญ่ลูบที่หลังของเขาเบาๆ  “ชอบจนเหมือนจะคลั่ง”

            “เวอร์ตลอด”

            “อยากให้พิสูจน์มั้ยล่ะว่าจริงหรือเปล่า”

            คนฟังย่นจมูกพลางส่ายหน้า

            “ม่าย”   ลากเสียงยาวปฏิเสธแล้วก็จับมือใหญ่ที่เริ่มซนเลื้อยเข้ามาในเสื้อนั้นออก  “อย่ายุกยิก   คนเขาจะดื่มด่ำธรรมชาติ”

            “มีอะไรน่าดื่มด่ำกว่านั้นเยอะ”

            ไวน์แนบริมฝีปากลงกับกลีบปากบางที่เม้มนิดๆนั้น  ใช้เทคนิคเฉพาะตัวเล็กน้อยทำให้อีกฝ่ายเผยอปากได้สำเร็จ  แค่นั้นก็เกินพอ...เขาแทรกลิ้นตัวเองลงไปเกี่ยวกวัดกับปลายลิ้นเล็กที่เจ้าของกำลังมึนงงอยู่นั้น  อาศัยช่วงที่ลักษณ์ตั้งตัวไม่ทัน  จัดการปลุกอารมณ์ของอีกฝ่ายขึ้นมาด้วยฝีมือทั้งหมดที่มี

            ลักษณ์เริ่มรู้สึกตัวร้อนขึ้นเรื่อยๆเหมือนคนเป็นไข้  ฝ่ามือของไวน์สอดเข้ามาเสื้อของเขาปัดผ่านยอดอกไปมาสร้างความเสียวซ่านที่ลักษณ์บรรยายไม่ถูก   ฝ่ามืออีกข้างก็วกลงต่ำลากผ่านสะดือของเขาหายลับเข้าไปในกางเกง  ความช่ำชองของไวน์ดูจะเพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ  ราวกับไม่ใช่ไวน์คนเดิมที่สารภาพกับเขาอย่างตรงไปตรงมาว่า ‘ทำไม่เป็น’

            รู้ตัวอีกทีลักษณ์ก็พบว่าตัวเองลงนอนอยู่ที่พื้น  แผ่นหลังแนบไปกับเสื่อน้ำมันที่ปูรองอยู่ โดยมีร่างสูงใหญ่ของคนรักคร่อมทับลงมา  เสื้อเชิ้ตถูกปลดกระดุมแบะออกจนหมด  ส่วนกางเกงก็ถูกรูดซิปลงไปกองพ้นสะโพก   ลักษณ์ขืนตัวเอาไว้เมื่อริมฝีปากของอีกฝ่ายสัมผัสอ้อยอิ่งที่สะดือบุ๋ม

            “หนะ...ไหนว่า  ไม่ทำ  ทะ...อ๊ะ...ทำไม่เป็นไง”  เขาสะดุ้งเป็นระยะเมื่อถูกอีกคนแกล้งกระตุ้นที่จุดไวต่อสัมผัส  ใบหน้าของไวน์เขยิบขึ้นมาแนบชิด  ได้ยินเสียงกระซิบตอบกลับมาว่า

            “ก็ทำไม่เป็นไง  ไม่ต้องกลัว  แค่จะช่วย...เหมือนทุกที”

            “ดะ....เดี๋ยวมี  คนเห็น  โอ๊ย”  ลักษณ์สะดุ้งอีกเมื่อฟันคมๆของฝ่ายนั้นงับเข้าที่ซอกคออย่างหมั่นเขี้ยว

            “ไม่มีใครมาหรอก  สั่งเอาไว้แล้ว  รับรอง”  ไวน์ตอบ   ใช้ปลายลิ้นแตะเข้าที่ยอดอกสีสดนั้นอีกครั้งสลับกับใช้ฟันสะกิดเล่น  เจ้าของบิดเร้ายกมือขึ้นทุบไหล่ของเขาแรงๆ   ทว่าแรงแค่นั้นไม่อาจจะทำอะไรเขาได้

            “ปล่อย... นะ”  เสียงของลักษณ์เริ่มขาดเป็นห้วงเมื่อฝ่ามือร้ายกาจของอีกฝ่ายจู่โจมเข้าที่กึ่งกลางลำตัว   ไวน์เกี่ยวชั้นในของเขาออกอย่างไม่ไยดี  ก่อนจะกอบกุมเข้าที่ตัวตนของเขา  ออกแรงกระตุ้นขยับจนลักษณ์ร้องลั่น  พยายามดันตัวออก   คนแก่กว่าก็เลยก้มลงจูบที่ริมฝีปากอย่างหนักหน่วง  มือก็ขยับรัวเร็วไม่ปล่อยให้ตั้งตัว

            ลักษณ์ตาพร่า  รู้สึกสมองเบลอไปชั่วขณะเหมือนขาดออกซิเจน  รับรู้แต่กลิ่นกายเฉพาะตัวของฝ่ายนั้นที่โอบล้อมเขาเอาไว้ทุกทิศทุกทาง  กับความรู้สึกเสียวซ่านที่ถูกส่งมาจากทั้งข้างบนและข้างล่างจนเขากลัวว่าประสาทที่ขมึงเกลียวนั้นจะขาดไปเสียก่อน

            แต่สุดท้ายประสาทที่ตึงเครียดนั้นก็ถูกระบายออกกลายเป็นของเหลวเปรอะเปื้อนเสื้อของอีกฝ่าย   ลักษณ์หายใจหอบเร็วแรง  พลิกตัวนอนคว่ำ   เหนื่อยเหมือนจะขาดใจ

            “พอแล้ว”  เขารีบบอกเมื่อมืออีกฝ่ายเอื้อมมาแตะที่เอว

            “ไม่พอ”  ไวน์ตอบกลับมาด้วยเสียงแหบพร่าอย่างที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน  “ไม่อยากดูพระอาทิตย์ตกดินหรอ”

            “อยาก”

            “งั้นก็หันหน้ามาสิ”  ไวน์บอก  ครั้นลักษณ์ส่ายหน้า  อีกฝ่ายก็จับที่เอวของเขาพลิกกลับให้นอนหงาย   ลักษณ์รีบดึงกางเกงขึ้น   ดึงเสื้อเข้าหาตัว  ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ

            “ลุกขึ้นมาดูพระอาทิตย์ตกเร็ว”  ไวน์ดึงเขาพรวดเดียวขึ้นมานั่งซ้อนอยู่บนตักของอีกฝ่าย  ลักษณ์รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ดันอยู่ที่ช่วงล่างผ่านหน้าตักของฝ่ายนั้น

            เขาขยับตัวหนี  แต่อีกฝ่ายกลับล็อคเอวเอาไว้แถมยังวางคางลงกับไหล่อีก

            “ดูโน่นสิ”  โน่นที่ว่าคือพระอาทิตย์ สีส้มดวงโตที่กำลังจะลับขอบฟ้า  ถึงลักษณ์จะเคยเห็นมาแล้วทว่าความงามนั้นก็ยังคงสะกดสายตาเอาไว้ได้เหมือนเคย  แตกต่างกับคราวที่แล้วตรงที่ครั้งนี้คนที่กอดเขาเอาไว้จากข้างหลังกลับไมได้กอดนิ่งๆแค่นั้น

            มือซุกซนเริ่มควานต่ำลงมาอีกครั้ง  ไม่สนใจว่าลักษณ์จะพยายามดิ้นหนีอย่างไรก็ตาม  เพราะเขามัวแต่เผลอดูตะวันตกดินตามที่อีกฝ่ายชี้ชวน  ก็เลยลืมป้องกันตัวไปครู่หนึ่ง   ซึ่งมันก็นานพอที่จะทำให้ฝ่ายนั้นพลิกตัวเขาลงนอนอีกครั้งก่อนจะจูบตามลงมา

            “มืดแล้ว  ไม่ต้องกลัวใครเห็นแล้วล่ะ”

            “ไม่เอา...อย่านะ”  ลักษณ์ร้องเสียงหลงเมื่อปลายนิ้วนั้นแตะเข้าที่ส่วนหลังของเขา  ไวน์ใช้ของเหลวป้ายที่ส่วนหลังและนวดคลึงเบาๆจนทั่ว   ปลายลิ้นแตะเข้าที่สะดือแล้วลากลงต่ำก่อนจะครอบครองตัวตนของลักษณ์  ขณะที่ฝ่ามือก็ลูบไล้ป่ายปาดสุดแต่ใจจะเอื้อมถึงให้เจ้าของร่างได้สะดุ้งเฮือก  บิดตัวหนีเล่น

            ท่อนขาของลักษณ์ถูกจับแยกออกจากกัน   ไวน์ชะโงกขึ้นมาจูบเขา  ส่งปลายลิ้นที่มีรสชาติปะแล่มเข้ามาทักทายกับลิ้นของเขาที่อ่อนเปลี้ย  วูบหนึ่งที่ลักษณ์รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายพาเขากลับไปที่โรงเรียนมัธยมแห่งนั้นอีกครั้ง

            เสียงหัวเราะของเด็กชายสองคนดังขึ้นในความคิด  เงาร่มไม้ในตอนเย็นหลังเลิกเรียน  สระบัวที่มีดอกบัวบานสะพรั่งเต็มสระ  เขาได้ยินเสียงเด็กอีกคนหนึ่งชวนเชิญให้เขาเอื้อมมือลงไปเด็ดดอกบัวนั้น

            ลักษณ์ก้าวตามลงไปในสระบัวอย่างเผลอไผล  มันชื้นแฉะแต่ก็อ่อนนุ่มให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเหยียบลงบนดินโคลนเหลวเละ  ก่อนที่จะสะดุ้งเฮือกเมื่อความเจ็บแล่นพล่านไปทั่วตัว....เขาคงเหยียบก้อนหิน  ไม่ก็กอบัวใต้น้ำเข้า  ลักษณ์พยายามชักเท้าออกทว่าร่างกายกลับถูกดึงลงไปสู่แก่นของความเจ็บปวดนั้น

            “เจ็บ...ฮือ  เจ็บนะ”

            “เดี๋ยวก็จะดีขึ้นเอง  คนดี”  ไวน์กระซิบ  ใช้ปลายนิ้วปัดเส้นผมที่ตกลงมาปรกใบหน้าของอีกฝ่ายเสยขึ้นให้พ้นใบหน้า  ยึดเอวของอีกฝ่ายเอาไว้แน่นและค่อยๆขยับเข้าออกช้าๆทว่าหนักแน่น   

            ลักษณ์เริ่มร้องไห้ออกมา  รู้สึกเหมือนร่างจะแยกออกเป็นสองเสี่ยงทว่าในความเจ็บร้าวนั้นกลับมีความรู้สึกวาบหวามแทรกเข้ามาเป็นระยะ  และมันมากขึ้นทุกทีจนในที่สุดเขาก็ลืมความเจ็บปวดในตอนแรกไป  ลักษณ์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังว่ายน้ำอยู่  เนื้อตัวขยับขึ้นลงตามแรงของกระแสคลื่นที่เข้ามากระทบ...คลื่น?

            สระบัวมีคลื่นด้วยเหรอ  แต่ก็ช่างเถอะ

            ไวน์เพิ่มความเร็วขึ้นอีกตามใจ  เขาจับขาของอีกฝ่ายพาดไหล่เอาไว้  สีหน้าของลักษณ์เหยเกมีน้ำตาไหลเป็นทาง  เขารู้ว่าอีกฝ่ายเจ็บ  แต่เขาก็ไม่อาจหยุดยั้งตัวเองได้อีกแล้ว

            หัวใจเต้นรัวแรงเหมือนจะโลดออกมานอกอก  ลักษณ์เรียกชื่อเขาเสียงดังก่อนจะกระตุกไปทั้งตัวเช่นเดียวกับเขาที่ซบใบหน้าลงที่ซอกคอชื้นเหงื่อของอีกฝ่าย  หายใจหอบรัวเหนื่อยเหมือนไปวิ่งมายี่สิบกิโลเมตร  เขาขยับตัวออก  หันไปหยิบกระดาษทิชชูมาทำความสะอาดทั้งตัวเองและคนรัก

            เสื้อเปื้อนไปแถบหนึ่ง  หวังว่าขากลับจะไม่มีใครสังเกตเห็น  ไวน์คิดในใจ   ช่วยลักษณ์ใส่เสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยนั้นกลับไปเหมือนเดิม   อีกฝ่ายยังนอนหลับตาเงียบหายใจหอบลึกอยู่

            “ไหวไหมครับ”  ไวน์แตะปลายนิ้วลงที่ใบหน้าเล็กๆแดงก่ำนั้นเบาๆ  ลักษณ์ลืมตาขึ้นพอเห็นหน้าเขาก็เบือนหลบสายตาไปอีกทางหนึ่ง    ไม่ยอมพูดยอมจา  “โกรธหรอ”  ไวน์พูดเสียงอ่อน  แตะริมฝีปากลงกับแก้มใสจนเห็นเลือดฝาดนั้น  “ไวน์ขอโทษนะ”

            ยกนิ้วก้อยขึ้นมาแทนสัญลักษณ์ของคืนดีแบบเด็กๆ  ทว่าอีกฝ่ายกลับหันหน้าหนีไปอีกทาง  ไวน์ถอนหายใจเฮือก  ลุกขึ้นมานั่งข้างๆ  ทอดสายตามองคนที่นอนหันหลังให้นิ่งๆ

            “หันมาคุยกันสักนิดก็ยังดี   นะครับ”  เป็นครั้งแรกที่เขาพูดครับกับลักษณ์  ไวน์เอื้อมมือไปเด็ดดอกหญ้าขึ้นมาถือเอาไว้  ใช้มันเขี่ยแก้มของอีกฝ่ายเล่น  “เดี๋ยวไวน์เป่าแผลให้ หายเพี้ยงเลยดีไหม”

            “.................”

            คำตอบกลับมาเป็นความเงียบจนไวน์เริ่มใจเสีย   เขาคาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้วก็จริงว่างานนี้อาจมีเฮ  แต่ไม่ได้คาดการณ์เอาไว้ว่าหลังจากเฮแล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อ 

            “ลักษณ์ครับ”  เสียงอ่อนๆยังคงดังมาจากข้างหลังอีก  ทว่าคนที่นอนตะแคงอยู่นั้นก็ทำเป็นไม่ได้ยินเสีย  ความเจ็บเมื่อครู่ยังคงอยู่ครบถ้วนเป็นเครื่องยืนยันว่าเขาไม่ได้ฝันไปแน่ๆ

            ไอ้ไวน์....หลอกให้เขาตายใจว่าทำไม่เป็น  พอเผลอก็....

            ลักษณ์ยกมือขึ้นปิดหน้า   เขาคิดไม่ออกเลยว่าจะกลับไปเผชิญหน้ากับพ่อแม่ฝ่ายนั้นหรือแม้แต่คนที่บ้านได้ยังไง  ฮือ....

            “ลักษณ์ครับ   หันมามองทางนี้นิดนะ”  ...อย่ามาทำเสียงอ่อนเสียงหวาน  ทีเมื่อกี้ล่ะทั้งคำรามทั้งกัด  เราดิ้นหนีก็ไม่ยอมปล่อย...ลักษณ์เม้มปากแน่นแต่ก็รู้สึกเจ็บปากเล็กน้อย

            ได้ยินเสียงสวบสาบ  อีกฝ่ายขยับตัวลุกขึ้นเดินอ้อมมาอีกทางเพื่อจะมานั่งคุกเข่าตรงหน้าเขา  ลักษณ์อยากจะหันหน้าหนีแต่ว่าความเจ็บไม่อำนวยเลยได้แต่มองเมินไปทางพระจันทร์ดวงโตที่ปรากฎตัวให้เห็นเหนือยอดไม้แทน  ทอแสงนวลจางๆให้พอมองเห็นกันได้

            “นี่ไม่รู้จะง้อยังไงแล้วนะเนี่ย  เลยเอาแหวนมาให้”  เสียงอีกฝ่ายดังขึ้น  ปลายนิ้วเอื้อมมาแตะที่ปลายคางของลักษณ์ให้ก้มลงดูของในมือที่อีกฝ่ายถือเอาไว้

            ลักษณ์ขมวดคิ้ว  เพ่งมองเงาดำๆกลมๆในความมืดนั้น  เขายอดวางความโกรธเอาไว้ชั่วขณะเพราะความอยากรู้มีมากกว่า

            สัมผัสสากๆทำให้เขารู้ทันทีว่ามันเป็นแหวนที่ทำมาจากดอกหญ้า  กลิ่นเหม็นเขียวยังลอยมาเข้าจมูกเป็นระยะ  เป็นแหวนรูปร่างบิดเบี้ยวที่เกิดจากการเอาดอกหญ้ามาผูกเป็นวงด้วยฝีมือที่ลักษณ์คิดว่ากากที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา

            “อะไรเนี่ย  เหม็นเขียว”

            “แหวนไง  แหวนดอกหญ้า  ไม่เคยเห็นในละครหรอ”

            “ไม่อ่ะ”   ถึงเคยเห็น  ก็ไม่ใช่แหวนที่ทำลวกๆแบบนี้แน่ๆ    “ถ้าจะทำแบบนี้ก็โยนทิ้งไปเถอะ”  ไวน์คิดว่าได้ยินความน้อยใจผสมอยู่ในน้ำเสียงนั้น   เขาซ่อนยิ้มเอาไว้ในความมืด

            “นั่นสิเนอะ  ทิ้งไปเถอะ”   ชายหนุ่มโยนเศษหญ้าในมือทิ้ง  หันไปมองอีกฝ่ายที่ก้มหน้าลงต่ำ  จับความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ทันทีโดยไม่ต้องให้ฝ่ายนั้นพูดออกมา

            เขาหยิบของสิ่งหนึ่งจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมา  แตะของสิ่งนั้นลงที่ข้างแก้มของอีกฝ่าย  ลักษณ์หันหน้าหนีพูดกลับมาด้วยเสียงสั่น

            “อะไรอีกล่ะ  ก้อนหินหรอ  หรือว่าดิน  ถ้าไวน์ไม่รู้จะทำอะไรก็ไม่ต้องหรอก  อยู่เฉยๆยังดีกว่า”

            “คราวนี้เป็นต้นไม้”  อีกฝ่ายตอบกลับมาเรียบๆ  ลักษณ์ชะงัก  รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายเปิดแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือทำให้มองเห็นกันชัดขึ้น   สายตาของลักษณ์ตวัดแลเลยไปยังของในมือของฝ่ายนั้น

            เป็นแหวนวงหนึ่งที่มีรูปทรงแปลกประหลาด  หัวแหวนทำด้วยผลึกใสสะท้อนแสงวิบวับที่ลักษณ์ไม่รู้ว่าคืออะไร  ทว่าข้างในนั้นมีต้นไม้เล็กๆคล้ายต้นสนประดับอยู่  ตัวเรือนเป็นไม้  มันใหญ่กว่านิ้วของเขาแน่นอน

            “อะไรน่ะ”

            “Some people cannot see the wood for the tree.”  ไวน์ตอบแล้วยิ้มใส่ตาเขา  “เผอิญได้ยินสำนวนนี้มาเลยนึกถึงความรักของเราสองคนเข้า”

            “...............”

            “Hidden Wood คือชื่อของแหวน”   ไวน์พูดช้าๆ  จับมือของลักษณ์ประคองเอาไว้  ก่อนจะวางแหวนวงนั้นลงกลางฝ่ามือ  “ในเมื่อค้นพบสิ่งที่ซ่อนเอาไว้ในหัวใจแล้ว   ก็ช่วยกันเก็บรักษามันเอาไว้ให้คงอยู่ตลอดไปนะ”

            ลักษณ์น้ำตาคลอ  กำแหวนวงนั้นเอาไว้แน่น  ยกมือขึ้นโอบรอบคออีกฝ่ายเข้ามาชิดตัว  ลืมอารมณ์โกรธแกมน้อยใจก่อนหน้านี้ไปเสียสนิท  เหลือเอาไว้แต่ความอิ่มเอม  หัวใจพองโตเหมือนมีต้นไม้นับล้านเข้าไปเจริญงอกงามอยู่ภายใน 

            “ไวน์รักลักษณ์นะ  รักมากด้วย”

            ลักษณ์ยิ้มรับ  เอียงหน้านิดหนึ่ง  แตะริมฝีปากลงที่แก้มของฝ่ายนั้นแผ่วเบา  กระซิบตอบกลับไปชัดเจนหนักแน่น

            “ลักษณ์ก็รักไวน์  รักมาก...รักมานานแล้ว”  เขาแตะเบี่ยงนิดหนึ่งเพื่อแตะที่มุมปากของอีกฝ่าย  “และคงจะรักต่อไปอีกนาน”

            ได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วๆดังขึ้นข้างหู   ไวน์จูบตอบกลับมาอย่างอ่อนหวาน  ไม่ได้รุกเร้าเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้อีก   เนิ่นนานจนได้คล้ายได้ยินเสียงหัวใจของคนที่แนบชิดเต้นเป็นจังหวะ  ลักษณ์จึงผละออก  ปล่อยให้อีกฝ่ายกอดเอาไว้ทั้งตัว

            “กลับบ้านไหวมั้ย”  ไวน์กระซิบ

            “ยังมีหน้ามาถามอีก”

            “งั้นบอกที่บ้านว่าอะไรดี”  ไวน์ครุ่นคิด  “บอกว่าตกม้าดีมั้ย   ก็เลยเจ็บกลับบ้านไม่ไหว”       

            “ฮื้อ  ไม่เอา”

            “งั้นจะให้บอกว่าอะไรล่ะ  ขึ้นนั่งม้าไหวเหรอ”

            “แบกกลับไป”

            “เห้ย?”

            “ทำได้ก็ต้องแบกได้สิ”  ลักษณ์ตวัดเสียง

            “มันหลายกิโลเมตรอยู่นะ”  ไวน์พูดเสียงอ่อย

            “จะไปหรือไม่ไป”

            “ได้ทีใช้อำนาจเลยนะ  คิดว่าเราจะกลัวหรือไง”  ไวน์พูด  แกล้งก้มลงหอมแก้มของอีกฝ่ายแรงๆด้วยความหมั่นเขี้ยว  “เดี๋ยวขอหาโทรศัพท์ก่อน  โทรเรียกคนมารับ”

            “ไม่เอา  อุ้มกลับ”

            “งั้นไม่ต้องกลับล่ะ”  ไวน์ยิ้มอย่างมีเลศนัย  “ไว้สว่างค่อยกลับล่ะกัน   ได้ต่ออีกสักยกสองยก”

            คนในอ้อมแขนของเขาร้องลั่น  ปฏิเสธเสียงแข็ง  รีบพูดละล่ำละลัก

            “งั้นโทรเลย  บอกว่าตกม้าก็ได้”

            “สงสัยมือถือแบตหมด”  ไวน์กระซิบ  กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นอีก  ป้องกันคนดิ้นหนี

            “ไม่เอาแล้ว.....ถ้างั้นขี่ม้าก็ได้  ไหวแหละ”

            “ไม่ไหวหรอกเชื่อสิ”  ไวน์ตอบกลับอย่างสบายอารมณ์    แต่พอเห็นอีกฝ่ายทำท่าน้ำตาหยดก็ใจอ่อนอีกตามเคย  หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรเรียกคนออกมารับ

            “ข้าวเย็นยังไม่ได้กินเลยอ่ะ”

            “ไว้กลับไปกินต่อที่บ้าน”  ไวน์หมายความตามที่พูดจริงๆนะ... คนฟังขมวดคิ้วตีเผี๊ยะเข้าที่ท่อนแขนของเขาอย่างแรง

            “ไม่กินแล้ว”

            “รู้ทันทุกย่างก้าวขนาดนี้  สมเป็นเพื่อนสนิทของพี่ไวน์จริงๆเลยนะ”

            “แค่เพื่อนเหรอ”

            พวกเขายิ้มให้แก่กันในความมืด   มือต่อมือยังจับกันไว้แน่น

            แค่เพื่อน.....รู้ใจ





            ........................................................................................

 

            “แจวมาแจวจ้ำจึก น้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว  แจวมาแจวจ้ำจึกน้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว  แจวเรือ  แจวเรือ  แจวเรือจะไปเก็บผัก  แจวเรือจะไปเก็บผัก ขอเชิญน้องลักษณ์ลุกขึ้นมาแจว  เอ้า”

            ผู้ชายร่างผอมบางในชุดนักศึกษาเรียบร้อย  ห้อยป้ายชื่อเอาไว้แสดงว่าเป็นเฟรชชีที่เพิ่งเข้าใหม่ลุกขึ้นยืนเต้นท่าแจวเรือเมื่อได้ยินรุ่นพี่เรียกชื่อของตนเองเข้า

            เสียงกลองสลับกับเสียงปรบมือร้องเพลงดังขึ้นตลอดทั้งวัน  ลักษณ์ยิ้มกว้างจนเมื่อยแก้มและหัวเราะจนเสียงแหบไปเลย 

            “ลักษณ์  จบงานรับน้องแล้วไปไหนต่อมั้ย  พวกเพื่อนจะไปกินขนมกันต่อ  ไปด้วยกันเปล่า”  เพื่อนใหม่ของเขาหลายคนหันถามชวน  ลักษณ์พยักหน้ารับ  เขารวมกลุ่มไปกับเพื่อนใหม่ได้อย่างไม่ขัดเขิน   เป็นเพราะหน้าเด็กหรือตัวเล็กก็แล้วแต่  เลยทำให้ไม่มีใครเอะใจว่าเขาซิ่วมา

            นอกเสียจากว่า...

            “ลักษณ์  เราว่าพี่ไวน์เค้ามองมาทางนี้แปลกๆนะ  ลักษณ์รู้จักพี่เขาเหรอ”  แป้ง...เพื่อนใหม่หันมาถามเขา  ลักษณ์เงยหน้าขึ้นจากแถวที่นั่งอยู่  เบือนไปสบนัยน์ตาคมกริบที่มองมาทางนี้เป็นระยะนั้นแวบหนึ่ง  แอบเห็นดวงตาคู่นั้นสว่างวาบคล้ายมีรอยยิ้มจุดอยู่ภายใน

            “ก็เค้าเป็นเดือนคณะไม่ใช่เหรอ”  ลักษณ์ตอบกลับไป

            “เค้าเป็นเดือนมหาลัยเลยแหละ  เคยเห็นแต่ในเน็ต  ตัวจริงหล่อฉิบเป๋ง”  แป้งกับเพื่อนสาวอีกสองคนหันมาซุบซิบเรื่องนี้กันต่อ  “ได้ข่าวว่ามีแฟนแล้วนี่”

            “อ้าวหรอ  ใครวะ”

            “ไม่รู้  ไม่เคยเห็นหน้า”

            “ลักษณ์เคยเห็นมั้ย”  คนชื่อลักษณ์สะดุ้งเล็กน้อย  หันมาตอบตะกุกตะกัก

            “เอ่อ...ไม่..มั้ง”

            “เห้อ  คนหล่อๆก็มีแฟนไปหมดแล้ว  แล้วจะเหลือใครให้ชั้นล่ะเนี่ย”

            “เหลือเราไง  ไม่หล่อแต่อร่อยนะ”  ลักษณ์พูดขึ้นเบาๆ   เพื่อนที่นั่งรอบข้างพากันหัวเราะคิกคักจนรุ่นพี่หนุ่มที่นั่งไขว่ห้างอยู่ก่อนหน้านี้ลุกขึ้นเดินตรงมา

            “น้องครับ  พี่เค้าพูดอยู่ข้างหน้าทำไมไม่ฟังครับ”  เสียงห้าวๆนั้นดุขึ้น  ทำเอาเด็กสาวๆหน้าจ๋อย   “แล้วน้องผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงนั้น  ครับน้องนั่นแหละ”  ลักษณ์ชี้เข้าหาตัวเอง   หลังเลิกกิจกรรมแล้วอยู่ก่อนนะครับ  พี่มีเรื่องจะคุยด้วย”

            เดือนคณะฯควบตำแหน่งเดือนมหาลัยพูดเสียงเข้ม  แล้วก็เดินกลับมานั่งที่เดิม  เพื่อนผู้หญิงกระซิบถามลักษณ์เสียงอ่อย

            “จะโดนอะไรมั้ยเนี่ย  ไม่น่าชวนลักษณ์คุยเลย”

            “ไม่เป็นไรหรอก”  ลักษณ์ตอบยิ้มๆ  รอจนกระทั่งเสร็จกิจกรรมถึงได้เดินเข้าไปหารุ่นพี่ที่ยืนกอดอกรออยู่ก่อนแล้ว  สีหน้าอีกฝ่ายไม่ค่อยสบอารมณ์นัก  โดยเฉพาะเมื่อเขาบอกว่าจะไปกินข้าวกับเพื่อนใหม่

            “ไม่ให้ไป  เดี๋ยวไปหว่านเสน่ห์ใส่สาวๆอีก”

            “ประสาท”  ลักษณ์ด่า  “คนเราก็ต้องมีเพื่อนใหม่บ้างสิ  ไม่งั้นจะเรียนยังไงเล่า”  พอเขาขึ้นเสียง อีกฝ่ายก็อ่อนลงทันที   อาจเป็นเพราะสายตามองเลยไปเห็นแหวนรูปร่างแปลกที่อีกฝ่ายห้อยคออยู่ด้วยกระมัง

            “ก็ได้  งั้นเดี๋ยวไปด้วย”

            “ไม่เอา  เดี๋ยวน้องๆก็นั่งเกร็งกันหรอก”

            “งั้นไปรับเฉยๆก็ได้”  ไวน์ชักหน้าจ๋อย   อีกฝ่ายเลยหัวเราะเบาๆ  เอื้อมมือไปแตะที่ข้างแก้มของฝ่ายนั้น

            “เดี๋ยวคืนนี้ไปค้างด้วย”

            แค่นั้นอีกฝ่ายก็หน้าบานขึ้นมาทันที  เกือบสามเดือนแล้วที่ลักษณ์เอาแต่อ่านหนังสืออย่างหนัก ไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้  ทำเอาไวน์จะบ้าตายกว่าการสอบจะผ่านไปได้ด้วยดี

            ลักษณ์ได้มาเป็นรุ่นน้องคณะฯในที่สุด

            ถึงระยะทางจะอีกยาวไกล  แต่เขามั่นใจว่าพวกเราจะต้องฝ่าฟันไปได้

            “รอนะ”

            “อืม”

 

 

 

.............................................จบบริบูรณ์..............................................



           

จบแล้วค่าาาา  โอมายก้อด  ในที่สุด5555555

มาอัพตอนตีสอง คึกมากมั้ยถามใจดู 

ขอบคุณทุกคนมากจริงๆที่ติดตามเรื่องราวของ #แอบลักษณ์  มากันจนถึงตอนจบท้ายเรื่อง  ปรบมือ

มีความสุขมาก  ปลื้มปริ่ม 

ตอนพิเศษก็คาดว่าจะมี5555

ส่วนใครที่อยากพูดอะไรกับเรื่องนี้  พูดเลยค่ะ  เม้นท์มา ทวิตมาได้หมด

เรื่องนี้จะรวมเล่มนะคะ  หนามากประมาณสี่ร้อยกว่าหน้าอ่ะ  แต่จะรวมทีเดียวพร้อมอีกสองเล่ม

ใครชอบเรื่องนี้อย่าลืมบอกต่อ  แนะนำกันต่อนะคะ  ขอบคุณมากกกกก

ดีใจที่เราได้รู้จักกันผ่านตัวอักษรค่ะ

เจอกันต่อในเรื่อง #แอบยักษ์

ปล.ฉากจุดจุดจุดซอฟต์ใสสุด กะว่าน่าจะรอดในเด็กดีได้

ไลค์เพจเราด้วยน้าาา

Melenalike



ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อุ่นๆเหงาๆบรรยากาศแอบรักยังลอยละล่องถึงแม้จะสมหวังกันแล้วก็ตาม

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
พี่ไวน์หื่นมากค่ะ ครั้งแรกก็เล่นเอ้าท์ดอร์กันเลยทีเดียว  :oo1: และขอบคุณสำหรับเรื่องนี้เช่นกันค่ะเป็นแนวดราม่าที่เราชอบอ่านมาก รอตอนพิเศษนะคะ รอตอนต่อของเรื่องพี่ยักษ์ด้วย

ปล.ชอบที่ไวน์แทนตัวเองว่าพี่จัง ดูอปป้ามาก  :hao3: :z2: :heaven

ออฟไลน์ Naam3

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :L2: :3123: :3123: :pig4: :pig4: :pig4: :3123: :-[ :impress2: :hao3: :mew1:
จบแล้ววน้องลักษณ์ น่ารักๆๆๆอยากอ่านต่อๆๆๆๆ
 :mew1: :mew1:ขอบคุณน่าที่มีนิยายดีๆๆสนุกให้อ่านๆๆรอติดตามผลงานเรื่อยนะคร้าาๆๆมีผลงานดีๆๆมาให้อ่านอีกน่าๆๆ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
อื้อหือ เป็นการเปิดสนามได้กร๊าวใจมากกกก ท่ามกลางธรรมชาติ ว้าวววว

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
ยินดีกับลักษณ์ด้วยที่เข้าคณะในฝันได้แล้ว


ชีวิตรักก็แฮปปี้แล้ว



ขอบคุณมากค่ะ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
รักกันไปนานๆๆๆๆๆๆๆๆ
สมหวังกันแล้วทั้งสองคน

ไร้อุปสรรค์แล้วเนอะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด