พิมพ์หน้านี้ - °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ็Hollyk ที่ 29-11-2016 23:53:05

หัวข้อ: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 29-11-2016 23:53:05
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459







Hidden Wood

เส้นผมบังใจเขา


ยินดีต้อนรับเข้าสู่นิยายเรื่องใหม่ของเรา

เพิ่งหัดแต่งเเนวใสๆวัยรุ่นครั้งเเรก  (ที่ไม่ใช่แฟนฟิค) 
ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ

เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนแอบรัก

เชื่อว่าหลายคนคงเคยแอบรักคนใกล้ตัว
และหลายคนก็กำลังตามหาความรักโดยที่ละเลยคนใกล้ๆตัวไป

เราไม่รู้เหมือนกันว่าความสัมพันธ์ของคนสองคนจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน 
อาจจะจบที่เป็นเพื่อนกันต่อไป  หรือมองหน้ากันไม่ติดอีกเลย
หรือบางที  ถ้าโชคดีกว่านั้น   ความรักของเราอาจจะเติบโตขึ้นอย่างสวยงาม


ขอฝากนิยายเรื่องนี้ของเราเอาไว้ด้วยนะคะ

เเนะนำติชมมาได้ที่คอมเม้นท์ด้านล่างหรือใครเล่นทวิต โปรดใช้เเทค

#แอบลักษณ์

F A N P A G E (https://www.facebook.com/Melenalikebanana/?fref=nf)


ผลงานเรื่องอื่น
เพราะหัวใจบอกว่ารัก #ดิมเต อ่านเลย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57295.msg3556191#msg3556191)

ขอบคุณมากค่ะ^^
[/size]




 :hao5: :mew1:


สารบัญ

บทนำ:Books and friends should be few but good (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56731.msg3524032#msg3524032)
ตอนที่1:A friend in need is a friend indeed. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56731.msg3525314#msg3525314)
ตอนที่2:Actions speak louder than words. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56731.msg3529542#msg3529542)
ตอนที่3.1:Everything comes to him who waits. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56731.msg3532919#msg3532919)ตอนที่3.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56731.msg3532920#msg3532920)
ตอนที่4.1:He who has never tasted bitterness does not know what is sweet. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56731.msg3536400#msg3536400)ตอนที่4.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56731.msg3536408#msg3536408)
ตอนที่5:Time and tide wait for no man. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56731.msg3536880#msg3536880)
ตอนที่6:Fortune knocks at least once at every man’s gate. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56731.msg3537652#msg3537652)
ตอนที่7:Truth is stranger than fiction. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56731.msg3538983#msg3538983)
ตอนที่8:All men naturally desire to know. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56731.msg3541390#msg3541390)
ตอนที่ที่9:It is no use crying over spilt milk. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56731.msg3545405#msg3545405)
ตอนที่10:Forbidden fruit is sweetest. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56731.msg3549888#msg3549888)
ตอนที่11:Don’t put all your eggs in one basket. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56731.msg3557627#msg3557627)


FanPage (https://www.facebook.com/Melenalikebanana/?fref=nf)

บทนำ
Books and friends should be few but good



   “อุ้ย  น้องศตวรรษตัวจริงหล่อจังเลยนะคะ  พี่ขอถ่ายรูปด้วยหน่อยได้มั้ยคะ....เอ่อ น้องๆ น้องนั่นแหละค่ะ พี่วานหน่อยช่วยถ่ายรูปให้ทีนะคะ”  หญิงสาวหน้าตาดีควงแขนชายหนุ่มร่างสูงเกินมาตรฐานชายไทยเอาไว้  อีกมือก็โบกมือถือไปมาส่งให้ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนั้น
   ลักษณ์รับมือถือเครื่องนั้นมาถือไว้  เขาลอบถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายขณะที่กดถ่ายรูปชายหญิงสองคนตรงหน้าไปสามที   แล้วก็ส่งคืนให้
   หญิงสาวที่ยังไม่ยอมปล่อยแขนเพื่อนของเขาเอื้อมมือมาคว้าโทรศัพท์ไปดูรูป  แล้วก็เอ่ยชมอย่างพอใจ
   “มุมสวยจังเลยค่ะ  คงเพราะนายแบบหล่อ” 
   คนถ่ายอยากจะเบ้ปาก....ก็เขาถ่ายให้มันกับสาวๆเป็นพันๆรูปแล้วมั้ง  จะไม่รู้มุมที่ดีที่สุดของเพื่อนตัวเองได้ยังไง...
   “ผมว่าเป็นเพราะนางแบบสวยมากกว่า”  เพื่อนเขาเริ่มออกลาย  ตอบกลับพร้อมยิ้มนิดๆมุมปาก  แบบที่สาวๆทั้งมหาวิทยาลัยขนานนามรอยยิ้มนี้ว่า  ยิ้มพิฆาต
   ใบหน้าหวานแดงก่ำราวกับลูกตำลึง  ขณะที่เพื่อนสนิทของเขาอาศัยช่วงที่สาวกำลังอึ้ง รีบปลดมือที่ล็อคแขนเอาไว้ออก   พยักหน้าให้เขาเร็วๆเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาเผ่นแล้ว
   ลักษณ์รีบก้าวตามเพื่อนจนมาทันกันที่ใต้ตึกเรียนพอดี   
   “น่ารักดีนี่หว่า  ทำไมไม่เอาล่ะ”  เขาถาม   
   “ไม่อ่ะ  ไม่ใช่สเป็ค”  เพื่อนรูปหล่อพ่อรวยของเขาตอบกลับมาห้วนๆ   จากนั้นก็เร่งฝีเท้าเดินนำเขาเข้าห้องเรียนไปเฉย   
   แต่ว่าลักษณ์ก็ชินแล้ว  กับอารมณ์ขึ้นๆลงๆ แปรปรวนยิ่งกว่าผู้หญิงวัยใกล้หมดประจำเดือนของศตวรรษ   เพื่อนคนเดียวของเขาในมหาวิทยาลัยแห่งนี้  ไม่สิ  ต้องเรียกว่าเพื่อนสมัยมัธยมเลยมากกว่า
   ชายหนุ่มแวะหยิบชีทเรียนที่หน้าชั้นเผื่อคนที่เขารู้ดีว่าเจ้าตัวคงยังไม่ได้หยิบแน่นอนนั้นมาถือเอาไว้สองชุด   เดินขึ้นบันไดทางลาดผ่านที่นั่งเป็นร้อยที่ถูกจับจองแล้วด้วยนักศึกษาจากหลายคณะฯที่มาเรียนรวมกันในคาบวิชานี้
   ไม่นานก็เจอเพื่อนของเขาที่นั่งไขว่ห้างอยู่ที่เกือบบนสุด   ก็ยังดีที่อุตส่าห์เว้นที่ข้างตัวเองไว้ให้เขานั่ง  ขณะที่ถัดไปนั้นล้วนเป็นนักศึกษาสาวๆที่นั่งเรียงกันพลางทอดสายตามองมาที่เพื่อนของเขาไม่หยุดหย่อน
   “วันนี้คนเยอะชะมัด”  เขาบ่น แล้วส่งชีทให้เพื่อน
   “ก็วันนี้มีควิซท้ายคาบไง”  อีกฝ่ายตอบเรียบๆ 
   “ชิบหาย...กูลืมอ่านมา”  ลักษณ์ใจหายวาบ   ก้มลงค้นกระเป๋าหากล่องแว่นสายตามาเปิดออก  ...กรรม  กล่องว่างเปล่า  ไม่มีแว่นตาอยู่ในนั้น...
   “กูลืมเอาแว่นมาอ่ะ  ซวยฉิบ  ทีนี้จะเรียนยังไงวะ” 
   วันนี้มันวันอะไรครับ  ไม่ต้องช่วยตอบว่าวันจันทร์นะ  ไม่ได้อยากรู้เรื่องนั้น...แค่ลืมอ่านเนื้อหามาก็จะแย่แล้ว  ดันลืมแว่นสายตาอีก   ถึงเขาจะสายตาสั้นไม่มาก  แต่จากระยะห่างขนาดนี้ไม่มีทางอ่านตัวอักษรออกแน่นอน
   “ก็ไม่ต้องเรียน”  คนนั่งข้างๆตอบกลับมา  ไม่คิดจะหาทางช่วยเหลือเขาเลยสักนิด  ยังคงนั่งพิงพนักเอนหลังด้วยท่าทางสบายๆแต่ดูดีเป็นบ้าในสายตาของสาวๆหลายคนในนี้  รวมถึงลักษณ์ด้วย
   ...เหลือบมองด้วยความอิจฉา   แล้วก็ถอนหายใจเป็นลอบที่ล้านแล้วมั้ง   ไม่เข้าใจว่าทำไมพระเจ้าถึงได้ลำเอียงนักวะ   เพื่อนสนิทของเขาหล่อชนิดที่มีตำแหน่งเดือนคณะฯเป็นประกัน   แถมยังเรียนเก่ง  เก่งขนาดไหนน่ะเหรอ..ก็ขนาดที่ว่ามันสอบเข้าแพทย์ได้แบบไม่ต้องเรียนพิเศษอะไรเลย  ตรงข้ามกับเขาที่เรียนแทบตาย  กลับปิ๋วติดเภสัชซะงั้น   ยัง..แค่นั้นยังไม่หมด  โปรโมชั่นนาทีทอง  ถ้าคุณโทรมาในสามวินาทีนี้  เพื่อนผมจะแถมสกิลกีฬาบาสเก็ตบอลระดับตัวแทนโรงเรียนให้ด้วยเลย 
   คิดว่าหมดแล้วหรือยัง...ยังครับแหม  ไม่งั้นลักษณ์คนนี้จะแอบอิจฉามันมาได้เกือบ 6 ปีแบบนี้เหรอ   ไอ้หอกบ้านเสือกรวยด้วย    พ่อแม่ทำฟาร์มโคนมใหญ่โต  เอ่ยชื่อไปทุกคนก็คงร้องอ๋อ  ..ไม่รู้จัก 
   หันกลับมาดูปากกาลูกลื่นหมึกติดๆหายๆ เส้นเล็กจางเขียนทีราวกับจะขาดอากาศหายใจตายในมือของตัวเองแล้วก็ได้แต่กล้ำกลืนในอก  นี่แหละ...ถึงจะเหมาะสมกับชีวิตแสนจะขาดๆหายๆของตัวเองเสียจริง   เกิดมาก็ไม่มีพ่อแม่เลี้ยงดูแบบใครเขา  ต้องโตมากับพี่ชายกับคุณป้าที่เลี้ยงเขาด้วยลำแข้งล้วนๆ   เลิกเรียนต้องกลับไปช่วยที่บ้านขายข้าวแกง   การเรียนปานกลางไม่โดดเด่น  กีฬาก็เก่งแค่วิ่งผลัดกับวอลเลย์บอล 
   ส่วนเรื่องหน้าตา....ข้ามไปเลยดีกว่าครับ
   “โอ๊ย!”  ความเจ็บบนหลังมือแล่นแปลบจนสะดุ้ง   ต้นเหตุมาจากมือดีข้างๆมันเอาปลายปากกาแหลมเปี๊ยบทิ่มเข้าให้   คนเจ็บหันไปตะคอกอย่างหงุดหงิด
   “ทำบ้าอะไรของมึง เจ็บนะเว้ย”
   “กูให้ยืม”  ไอ้ศตวรรษที่มีชื่อเล่นเสียหรูหราฟังดูแพงว่า ไวน์  ทิ่มปากกาสีน้ำเงินด้ามนั้นใส่หลังมือเขาอีก  คนรับจุ๊ปากดึงมาถือเอาไว้   แต่ถือไปก็แค่นั้นแหละเพราะมองไม่เห็นลายมือของอาจารย์เลย  ไม่ว่าจะบนจอโปรเจคเตอร์หรือจอทีวี
   “มองไม่เห็นก็นอนไป  เดี๋ยวตอนควิซกูปลุก”  เพื่อนที่แสนดียังคงกระซิบมาอีก 
   “ให้กูนอนแล้วกูจะทำได้เรอะ”  ไม่ได้ฉลาดเทพอย่างมันนี่หว่า...
   “ต่อให้มึงตื่น  มึงก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว” 
   ครับ...ชัดเจน  ถึงกับพูดอะไรไม่ออก  ได้แต่ฟุบลงกับโต๊ะเลคเชอร์   อย่างน้อยก็เก็บแต้มเวลานอนในวันนี้เอาไว้อีกสักสองชั่วโมง 
   คืนนี้จะได้จัดหนัก  จัดเต็มได้....หึๆ คืนนี้เป็นคืนเปิดสายรหัสพอดี  พี่ๆจะพาไปเลี้ยงที่ร้านอาหารกึ่งผับที่ก่อนหน้านี้ทำได้เพียงแค่ชายตามอง 
   ถึงเวลาเปิดหูเปิดตาสู่โลกกว้างแล้วล่ะ
   ลักษณ์สะดุ้งตื่นเมื่อถูกมือหนักๆของคนข้างตัวเขย่าแรงๆ เขาเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะเลคเชอร์เล็กๆ  ตรงหน้ามีกระดาษคำถามสำหรับควิซวางเอาไว้รออยู่แล้ว   เด็กหนุ่มหยิบขึ้นมาดูอย่างมึนงง
   “อ่า...กฎของแรง  เอ่อ...ขนานแกนโลก   เอิ่ม”  ครางในลำคอแล้วเหลือบมองกระดาษคำถามของเพื่อนสนิทที่กำลังลงมือทำอย่างรวดเร็ว
   ฉิบหาย...โจทย์คนละชุดกันว่ะ  อาจารย์เล่นกูแล้ว
   ดันนั่งริมด้วยไง  เพื่อนอีกด้านหนึ่งก็นั่งห่างออกไปอีกสามก้าว   แว่นก็ไม่ได้เอามา  ไม่สามารถแอบส่องคนข้างหน้าได้ 
   กลับมาอ่านโจทย์ภาษาอังกฤษอีกรอบ...เห้ย แม่งอ่านเข้าใจอ่ะ
   เข้าใจ..แต่ทำไมไม่ได้จริงๆ
   เขียนสูตรเท่าที่นึกออกลงไปบนบรรทัดแรกเป็นการข่มไว้ก่อนเอาฤกษ์เอาชัย  จากนั้นก็เหลือบมองคนข้างๆอีกครั้ง   ถึงโจทย์ไม่เหมือนก็น่าจะคล้ายแหละวะ  อย่างมากก็เปลี่ยนแค่ตัวเลข
   “อาจารย์มองอยู่”  ได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาแว่วมาเข้าหู  ลักษณ์เลยละสายตาจากแผ่นกระดาษที่เต็มไปด้วยลายมือตัวใหญ่ๆนั้นทันที   ผ่านไปไม่กี่นาที  ทว่านานในความรู้สึกของเขามาก  เหงื่อนี่แตกซิกจนหลังชุ่ม  พยายามเค้นเอาทุกสูตรที่นึกออกมาแต่ก็ไม่สำเร็จ
   จู่ๆโต๊ะเลคเชอร์ของไอ้คนข้างๆก็หมุนหล่นลงไปกองที่พื้นดังโครม  เรียกสายตาจากทุกคนให้หันมามองเป็นตาเดียว  ไอ้ไวน์พึมพำขอโทษแล้วรีบก้มลงเก็บกระดาษควิซกับปากกาที่หล่นลงไปกองที่พื้นนั้น 
   ลักษณ์ก้มลงไปช่วยด้วย  มือแข็งแรงของเพื่อนเอื้อมกลับมาคว้าโต๊ะของเขาเอาไว้คล้ายเป็นหลักเหนี่ยวดึงให้ตัวเองลุกขึ้นมา   มือเจ้ากรรมดันพลาดทำกระดาษคำตอบของเขาปลิวตกไปที่พื้นแทบเท้าของมันพอดี
   ศตวรรษก้มลงเก็บแล้วลุกขึ้นมานั่งเหมือนเดิม   ส่งกระดาษควิซมาให้เขา 
   ...ใบที่เต็มไปด้วยลายมือตัวใหญ่ๆของมัน  ทำเสร็จหมดแล้วทุกข้อ  และคงถูกทุกข้อด้วย
   ส่วนกระดาษของเขาน่ะเหรอ...
   00000000000000000000000000000000000000000
   “ขอบใจมากนะเว้ย  ดีนะที่มึงเขียนลายมือกูได้   เยี่ยมจริงๆ”  ลักษณ์ยกมือขึ้นตบไหล่หนาดังป้าบ  ไม่แปลกที่ไอ้ศตวรรษจะเขียนลายมือตัวเล็กๆผอมๆของเขาได้ ในเมื่อเราสองคนผลัดกันเซ็นชื่อเข้าเรียน  เซ็นจดหมาย  เขียนรายงาน ฯลฯ  แทนกันมาตั้งแต่สมัยม.2
   “เออ  เลี้ยงข้าวกูเลย  หิวแล้วเนี่ย”
   “ติดไว้ก่อนล่ะกัน  เย็นนี้พี่รหัสกูจะเปิดสาย” 
   “อ้าว  ไม่เห็นบอกก่อน”
   “ทำไมกูต้องบอกมึงทุกเรื่องด้วยวะ”  เขาตอบกลับ   โบกมือให้เพื่อนสนิทที่ยังยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตรงนั้น แล้วเดินแยกมานั่งรอที่ใต้ตึกคณะฯตามที่นัดหมายกับรุ่นพี่เอาไว้
   กว่าพี่รหัสจะมากันครบทั้งสายก็เลทไปเกือบชั่วโมง  ไหนจะต้องนั่งรถแท็กซี่ฝ่ารถติดไปที่ร้านอีก   โฮลี่ชิทมากครับ  ดีอย่างเดียวคือพี่รหัสปีสามโคตรน่ารักเลย  กลิ่นตัวนี่หอมสุดๆ  เลยทำให้ความแออัดยัดเยียดนั้นไม่ทำร้ายจิตใจกันเกินไปนัก
   แม้ว่าเขาจะต้องนั่งอยู่บนตักของพี่รหัสปีสองที่เพิ่งรู้จักกันได้อาทิตย์เดียวก็ตาม..
   “หนักมั้ยพี่สิงห์”  ลักษณ์ถามอีกรอบอย่างเกรงใจ   แต่สิงหา พี่รหัสใส่แว่นของเขาก็ส่ายหน้ายิ้มๆ
   “สบายมาก  ไม่ต้องนั่งเกร็งตัวแบบนั้นก็ได้ลักษณ์  เดี๋ยวตะคริวกินตูดไปก่อน”  เสียงทุ้มๆพูดแกมหัวเราะ  มืออีกข้างจับที่เอวของเขา ทำให้รู้สึกจักจี้ชอบกล
   “ลักษณ์กระเถิบมาทางพี่ก็ได้นะ”  พี่น้ำหวานที่หน้าตาสวยหวานสมชื่อพูด เธอเองก็นั่งซ้อนอยู่บนตักของพี่ผึ้ง  พี่รหัสตัวใหญ่ร่างบึกที่กำลังมองมาที่เขายิ้มๆเช่นกัน
   “ใกล้ถึงแล้วทุกคน เลี้ยวแยกหน้านี่ล่ะ”  พี่ไปท์พี่ปีหกผู้อาวุโสสุดหันมาบอก   เขาชี้ทางให้ลุงแท็กซี่เลี้ยว  ไม่กี่อึดใจก็มาถึงด้านหน้าของร้านอาหารกึ่งผับที่ตกแต่งแบบวินเทจสวยงามจนลักษณ์มองอย่างทึ่ง
   “เข้าไปเลย  จองโต๊ะเอาไว้แล้ว” 
   เดินเข้าไปภายในร้าน  ลักษณ์ชอบการตกแต่งของร้านนี้มาก  บรรยากาศสลัวๆไม่มืดจนอึดอัด  แต่ก็ไม่สว่างจ้า ดูลึกลับมีเสน่ห์น่านั่งเล่นดีเหมือนกัน   
   พี่พากันสั่งอาหารตบท้ายด้วยเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ผสมซึ่งลักษณ์ไม่คิดจะปฏิเสธ  แม้ว่าตัวเองจะคออ่อนก็ตาม....ของฟรี มีให้แดก ต้องแดกครับ
   บทสนาบนโต๊ะไล่เรียงกันไปตั้งแต่แนะนำตัว  ที่อยู่บ้านเกิดเมืองนอน  ทำไมถึงมาเรียนเภสัช  บลาๆๆ  ซึ่งลักษณ์ก็ตอบกลับไปตรงๆว่าเพราะสอบแพทย์ไม่ติด   
   “แล้วมีเพื่อนมาจากโรงเรียนเดียวกันมั้ยจ้ะ”
   “ถ้าที่คณะฯก็มีครับ  สิบกว่าคน  แต่เพื่อนสนิทติดหมอครับ” 
   “ใช้น้องไวน์ เดือนแพทย์หรือเปล่า   พอดีพี่เห็นเราเดินด้วยกันบ่อยๆ”  พี่น้ำหวานคนสวยถาม   ลักษณ์พยักหน้า
   “ครับ  เรียนด้วยกันตั้งแต่ม.2 ถึงม.6  อยู่ห้องเดียวกันตลอดเลยสนิทมากสุดครับ”
   “อยู่กันคนละคณะแบบนี้ก็ต้องปรับตัว หาเพื่อนใหม่น่ะสิ    มีอะไรให้พี่ช่วยบอกได้นะ”  พี่สิงห์เสริมขึ้นมายิ้มๆ   จากนั้นพวกพี่ๆก็แอดเฟส แอดไลน์ แอดอินสตาแกรม  แอดโซเชียลทุกอย่างที่เขามี 
   แต่ขอโทษทีเถอะ...ชาตินึงเขาจะเปิดเสียที     ส่วนใหญ่ใช้โทรคุยมากกว่า...อยากได้ยินเสียงจากคู่สนทนา   ยิ่งเสียงใสๆหวานๆแบบพี่น้ำหวานเนี่ย  คงจะทำให้ฝันดีไม่หยอก
   “พี่เขามีแฟนแล้ว”
   “ห้ะ  อะไรนะครับ”  ปีหนึ่งถึงกับสะดุ้งจากภวังค์  หันไปมองพี่รหัสตัวเองที่ทอดสายมาที่เขาอยู่ก่อนแล้ว   
   “หมายถึงคนนั้นน่ะ”  สิงห์พยักเพยิดไปทางร่างเล็กบางของป้ารหัสคนสวยที่ลุกไปเข้าห้องน้ำ  “มีแฟนแล้ว ปีเดียวกันชื่อพี่ต่อ” 
   หัวใจห่อเหี่ยวเหมือนถูกปล่อยลมออกนิดหนึ่ง  แต่ก็ช่างเถอะ  เขาชินเสียแล้ว  กับการแห้วตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มจีบเนี่ย  เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เริ่มสนใจสาวล่ะ
   ยังไม่ทันได้เข้าไปคุย  ก็ต้องมีสิ่งขัดขวางนู่นนี่นั่นมากั้นตลอด  บางครั้งก็เป็น...ใบหน้าของเขาเอง
   “แต่พี่โสดนะ”  พี่สิงห์ยกมือขึ้นตบอกเสื้อตัวเอง  ตอนนี้เองที่ลักษณ์เริ่มรู้สึกว่าพี่รหัสตัวเองคงเริ่มเมาแล้วล่ะ    ใบหน้าคมๆนั้นแดงก่ำทีเดียว
   “หล่อๆแบบพี่ทำไมไม่มีแฟนล่ะครับ”
   “ยังไม่เจอคนที่ใช่....ลักษณ์ล่ะทำไมยังไม่มีแฟนอีก”
   “ยังไม่เจอเนื้อคู่มั้งครับ”  หรือจะให้ตอบตามจริงว่าถูกเพื่อนสุดหล่อคาบไปแดกหมดก็ว่าได้มั้ง...
   “ไหนแบมือมาซิ  พี่จะดูลายมือให้ เผื่อเนื้อคู่ลักษณ์จะอยู่แถวนี้”
   เด็กปีหนึ่งส่งมือไปให้อย่างไม่เกี่ยงงอน   ฝ่ามือสากร้อนรวบมือของเขาไปบีบแน่นแล้วคลายออก  ปลายนิ้วเขี่ยไปตามฝ่ามือจนรู้สึกจั๊กจี้
   “อืม  อยู่แถวนี้แหละ    เป็นคนใกล้ๆตัวที่อาจจะไม่ทันสังเกตมาก่อน”   ดวงตาคมกริบหลังกรอบแว่นสีเงินคู่นั้นเป็นประกายประหลาดแบบที่ทำให้ลักษณ์เผลอหลบตาโดยไม่รู้ตัว  ชักมือออก
   “เอ่อ  ขอโทษนะคะ  มีใครชื่อลักษณ์มั้ยคะ”  เสียงใสๆดังขึ้นข้างตัว  เขาหันไปมอง เห็นผู้หญิงหน้าตาน่ารักส่งยิ้มมาให้ 
   หัวใจถึงกับเต้นผิดจังหวะไปวูบ...ลักษณ์เกือบยกมือขึ้นกุมที่หน้าอกข้างซ้ายที่กำลังมีก้อนเน้อเต้นอย่างบ้าคลั่ง
   “ผะ..ผมเองครับ  ลักษณ์”
   เด็กสาวส่งโทรศัพท์มือถือให้เขารับเอาไว้  ทำท่าให้ยกแนบหู    ลักษณ์กรอกเสียงตามสายงงๆ
   “ฮัลโหล”
   “ปิดมือถือทำไมวะ   หรือว่าลืมชาร์ตแบตอีก”  เสียงคุณเพื่อนที่เคารพดังก้องเข้าหูจนต้องยกมือถือออก
   “ปิดเสียงเฉยๆ  มีอะไรวะ” 
   “จะกลับยัง”  เสียงห้วนๆนั้นถามมาอีก  แต่เขาชินเสียแล้วกับถ้อยคำสั้นๆไม่มีหางเสียงนั้น
   “อีกสักพัก  ทำไมอ่ะ”
   “แต่กูจะกลับแล้ว   มึงก็กลับพร้อมกูเนี่ยแหละ”  เสียงเข้มๆตอบกลับมาอีก   ลักษณ์ตกใจเหลียวมองซ้ายขวาเลิ่กลั่ก  ไม่ยักพบต้นเสียง
   “มึงอยู่ในร้านเหรอ”
   “เออ  มัวแต่สวีทจนไม่ทันมองกูเลยนะ   นั่งอยู่ตรงประตูเนี่ย”  มือยาวๆโบกเร็วๆเรียกสายตาของเขาให้หันกลับไปมอง   เห็นไอ้เพื่อนตัวดีทำหน้านิ่วคิ้วขมวดราวกับอยากฆ่าใครมาให้
   “อ่อ  โทษที  มึงกลับไปก่อนก็ได้  พี่กูยังกินไม่เสร็จเลย เกรงใจ”  เขาลดเสียงลง  เหลือบมองไปทางพี่ๆที่ยังนั่งดื่มกันต่ออย่างสนุกสนาน
   “งั้นรออยู่หน้าร้าน  เร็วๆล่ะ”  ปลายสายตวัดเสียงมาแล้วกดตัดสายไป  ลักษณ์มองโทรศัพท์ตัวเองอย่างงงๆ  ...เป็นบ้าอะไรของมันวะ...
   คืนโทรศัพท์ให้สาวน้อยที่ยืนยิ้มหวานอยู่นานแล้วนั้น
   “ขอบคุณมากนะ  เธอชื่ออะไรเหรอ”
   “เราชื่อแอน  เธอชื่อลักษณ์ใช่มั้ย”
   “ใช่  เธอเป็นเพื่อนไอ้ไวน์เหรอ”   ดูจากอายุใบหน้าแล้วคงเพิ่งพ้นมัธยมมาไม่กี่วันเหมือนเขานี่ล่ะ
   “อืม  ยินดีที่ได้รู้จักนะลักษณ์” 
   อึก....โดนรอยยิ้มของเธอไปอีกดอก  ประทับใจจนอยากจะเดินตามไปส่งที่โต๊ะ  แต่ก็กลัวว่าจะประเจิดประเจ้อเกินไป 
   ไม่เป็นไร  ไว้ค่อยขอเบอร์จากไอ้ไวน์เอาก็ได้  หวังว่าจะไม่กั๊กหรอกนะ....แต่เพื่อนเขาไม่เคยกั๊กเรื่องสาวอยู่แล้ว  มีแต่สาวๆนี่แหละที่ชอบไปเทหัวใจให้มัน   แล้วเทเราทิ้ง
   แล้วก็โดนเพื่อนนายลักษณ์เทอีกที  หึๆ  สม...ไอ้ไวน์มันเจ้าชู้เงียบจะตาย  เปลี่ยนแฟนมาไม่รู้กี่คนแล้วมั้ง  เรื่องแบบนี้มันไม่ค่อยเล่าให้ฟังหรอก 
   กว่าจะดื่มกันเสร็จสิ้นพิธีการ เคลื่อนขบวนออกจากร้านได้ก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว   ลักษณ์ลืมไปสนิทว่าเพื่อนบอกจะกลับด้วยจนกระทั่งเจอร่างสูงเพรียวยืนกอดอกพิงกำแพงหน้าร้าน
   ยุงเยอะฉิบหาย  มันไม่โดนกัดมั่งหรือไงวะ  หรือหนังเหนียวจนยุงกัดไม่เข้า...เหอะ  ลักษณ์ยกมือไหว้พี่ๆ  บอกลา เพื่อขอแยกกลับกับเพื่อน   ทุกคนไม่ว่าอะไร  ส่วนพี่สิงห์ตบท้ายว่าวันหลังจะชวนมาเลี้ยงอีกที
   เดินเนิบๆตรงมาหาเพื่อนสนิทที่ยืนเก๊กหล่อหน้าร้านอยู่นานนั้น  ส่งยิ้มประเลาะไปให้ก่อนนิดหนึ่ง  อย่างน้อยก็ทำให้คิ้วขมวดๆนั้นคลายลงนิดหนึ่ง
   “ทำไมไม่กลับไปก่อนล่ะ”
   “กลับไม่ถูก”  อ้อ  เกือบลืมไปว่าเพื่อนเขาเป็นพวกหลงทิศทาง...น่าแปลกไหมล่ะ  อาการหลงทิศ จำทางกลับบ้านไม่ได้ที่มักพบบ่อยในบรรดาผู้หญิงนั้น  กลับพบได้ในผู้ชายร่างสูงท่าทางฉลาดแบบนี้ได้
   “ก็บอกที่หมายกับแท็กซี่สิวะ  ไอ้ฟาย”  จัดไปหนึ่งดอก  นานๆทีจะมีโอกาสได้ด่าต้องรีบคว้าโอกาสนี้ไว้   พูดเสร็จก็เดินนำเพื่อนมาถึงริมถนน ยกมือขึ้นโบกแท็กซี่
   บอกที่หมายกับโชเฟอร์เสร็จ  ก็ค่อยเอนหลังพิงพนักอย่างสบาย 
   “มีมือถือไว้ทำไม เปิดจีพีเอสสิครับ  ไม่งั้นอีกหน่อยไม่มีกู มึงจะกลับบ้านยังไง  ไม่ต้องนั่งร้องไห้หาแม่เลยเหรอ”
   “เน็ตหมด” 
   “อ้อ  แล้วก็ไม่บอก”  เงียบกันไปอีกพัก   ลักษณ์ก็ทำลายความเงียบขึ้นมาอีก “เออ  แล้ววันนี้มึงมากินที่ร้านนี้ได้ไงวะ”
   “อ๋อ  มากับเพื่อนใหม่” 
   “ตามสาวมาล่ะสิ”  ชิงดักคออย่างรู้ทัน  คนฟังหัวเราะหึๆ  ไม่ตอบ
   “เพื่อนที่ชื่อแอนโคตรน่ารักเลยอ่ะ  มีเบอร์มั้ย  เฟส ไลน์หรืออะไรก็ได้”
   “ไม่มี”  เยี่ยมเลย...ตอบสั้นๆได้ใจความมากครับ 
   “งั้นมึงช่วยอะไรกูหน่อยได้ป่ะ”
   ...

 
หัวข้อ: Re: Hidden Wood #แค่ฝุ่น อัพบทนำ ลองอ่านกันดูนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: lightseeker ที่ 30-11-2016 15:40:45
เง้ออ เราชอบแนวนี้ อัพอีกนะคะ รออ่าน  :mew1:
หัวข้อ: Re: Hidden Wood #แค่ฝุ่น อัพบทนำ ลองอ่านกันดูนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 30-11-2016 19:48:54
เนื้อเรื่องน่าสนใจดีนะคะ แอบสงสารในชะตากรรมความนกของลักษณ์เล็กๆ
เทียบกันแล้วไวน์คือเทพทรูชัดๆเลย ถถภถถ มาต่ออีกไวๆเลยนะคะ รอค่าา
หัวข้อ: Re: Hidden Wood...เส้นผมบังใจเขา #แอบลักษณ์ อัพตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 01-12-2016 23:41:27
#แอบลักษณ์  ตอนที่ 1
A friend in need is a friend indeed.






   “อ้าว  แอน  จำเราได้ป่ะ   เราลักษณ์ไง”   

   เด็กหนุ่มหุ่นผอมแห้งหน้าจืดสนิทในสายตาของเธอโบกมือพร้อมส่งรอยยิ้มกว้างเห็นฟันครบสามสิบสองซี่มาให้   แอนขมวดคิ้วนิดหนึ่ง  นิดเดียวเพราะกลัวหน้าผากย่น  ครุ่นคิดว่าเคยเห็นใบหน้าแบบนี้ที่ไหน

   อืม...ดูเหมือนจะเคยเจอกันมาแล้ว   ที่ไหนนะ?  ตอนขึ้นรถไฟฟ้า...เวลาที่เดินเข้าห้าง   ไม่ก็ที่ฟิตเนส  เอ๊ะ หรือร้านอาหาร  แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก  แหม...ก็ใบหน้าแบบนี้มันพบเห็นได้ทั่วไปตามท้องถนนนี่   เครื่องหน้าเรียบๆไม่มีส่วนไหนสะดุดตา  ผิวขาวเหลือง  ผมตัดสั้นธรรมดา

   ส่วนที่ดีที่สุดบนใบหน้านั้นคงเป็นดวงตาเรียวยาวมันวับที่ตอนนี้กำลังเริ่มฉายแสงแห่งความผิดหวัง...

   “เอ่อ  จำได้ๆ  เราเคยเจอกันวันก่อนใช่มั้ย”  วันไหนก็ไม่รู้ล่ะ  แต่เธอก็ไม่อยากให้เขาต้องรู้สึกเก้อไปมากกว่านี้

   “ใช่ๆ ที่ร้าน....ไง  เราเป็นเพื่อนไวน์  ที่เธอถือโทรศัพท์มาให้เรา”  ลักษณ์สีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย  รีบขยายความต่อ

   อ๋อ...เด็กสาวครางในใจเมื่อนึกออก   ที่แท้ก็เพื่อนของชายหนุ่มที่เธอกำลังหมายปองอยู่นี่เอง   วันนั้นเธอถึงเต็มใจลุกจากโต๊ะ เดินเอาโทรศัพท์มาส่งให้ด้วยความเต็มใจเพราะอยากทำแต้มไว้  พอนึกออกแล้ว  สายตาก็เริ่มสอดส่ายมองหาเป้าหมายร่างสูงสมาร์ทที่น่าจะอยู่แถวๆนี้

   “เราจำได้  เพื่อนไวน์  แล้วนี่ลักษณ์กำลังจะไปไหนเหรอ  กินข้าวหรือเปล่า”   เธอและเขาเดินเรื่อยๆออกมาจากอาคารเรียนรวมที่เพิ่งจบคาบเคมีไปเมื่อครู่   นักศึกษามากมายทยอยเดินไปทางโรงอาหารใหญ่เพื่อรับประทานอาหาร

   ลักษณ์สูดลมหายใจเข้าลึกๆระบายความตื่นเต้นที่สาวเจ้าถามถึงเรื่องกินข้าวขึ้นมา   ตามที่เขาต้องการ

   “อื้ม  เราว่าจะไปกินที่ร้าน....” บอกชื่อร้านอาหารใกล้ๆมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง “สนใจไปด้วยกันมั้ยล่ะ  โรงอาหารคนเยอะออก”   

   โอ๊ย...ลุ้นชิบหาย   เห็นเด็กสาวทำท่าละล้าละลังคล้ายมองหาใครอยู่   คงกำลังมองหาเพื่อนกระมัง อาจจะเขินที่มีหนุ่มเภสัชมาชวนกินข้าว   

   “มีใครไปบ้างเหรอ”

   “เอ่อ  ก็มีเรากับแอนไง...ง่า  จะชวนเพื่อนคนอื่นไปด้วยก็ได้นะ”  รีบเสริมเผื่อเด็กสาวจะอยากหาเพื่อนไปด้วย   เอาน่า...มื้อแรก  ให้โอกาสเธอหน่อยสิ  ไปกันสองคนก็ดูจะไม่เป็นกุลสตรีเอาเสียเลย

   “งั้นเดี๋ยวเราชวนเพื่อนไปด้วยอีกสองคนนะ  ลักษณ์ก็ชวนไวน์ไปด้วยกันสิ  เอ๊ะ  เมื่อกี้เหมือนเห็นไวน์แวบๆ” 

   “อ๋อ  มันไม่ไปน่ะ  เห็นบอกอยากกินโรงอาหาร”  พูดกันเพื่อนเอาไว้เสร็จสรรพ   ทว่าคนฟังกลับมีท่าทางลังเลขึ้นมาทันทีจนคนชวนสังเกตเห็น

   ...ใจแป้วไปไม่น้อย   

   “หรอ  หรือว่าเราจะกินโรงอาหารดีล่ะ  จริงๆคนก็ไม่เยอะมากหรอก  อีกอย่างเดี๋ยวเรามีเรียนบ่ายต่อด้วย  ไม่อยากออกไปข้างนอก  ขี้เกียจกลับมาอีก”  สาวจบประโยคด้วยเสียงอ่อยๆ

   “กลับมาทันแน่นอนน่า”

   “ไปยังไงล่ะ  ลักษณ์มีรถเหรอ”

   “มะ..ไม่มีอ่ะ  ไปแท็กซี่”

   นักศึกษาแพทย์สาวทำหน้ายู่  แต่ก็ยังดูน่ารักในสายตาคนมองอยู่ดี  แม้ว่าลักษณ์จะใจเสียไปแล้วครึ่งหนึ่งก็ตาม 
 
   สุดท้ายก็ได้แต่เดินตามหลังเธอต้อยๆกลับมายังโรงอาหารใหญ่  ที่ๆมีเพื่อนสนิทของเขานั่งกินข้าวอยู่ก่อนแล้วกับเพื่อนๆร่วมคณะฯกลุ่มใหญ่   แอนแยกเข้าไปหาเพื่อนของเธออย่างรวดเร็ว   ทิ้งให้เขายืนงงทำตัวไม่ถูกอยู่หน้าร้านอาหารตามสั่ง

   มองไปเห็นเด็กสาวคนนั้นกำลังโน้มตัวเข้าไปคุยกับเพื่อนสนิทรูปหล่อที่กำลังตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆนั้นแล้วก็อดรู้สึกเจ็บจี้ดๆขึ้นมาไม่ได้

   มองเงาตัวเองในตู้กระจกผ่านกุนเชียง หัวหอม มะเขือเทศ  หมูกรอบ ฯลฯในตู้นั้นแล้วก็อยากตีอกชกตัวอีกสักรอบ  น้อยใจในวาสนาหน้าตาจนน้ำตาแทบไหล    แม้แต่กลิ่นหอมๆของไข่เยี่ยวม้าผัดกระเพราจานโปรดก็ยังไม่สามารถช่วยให้ความรู้สึกดีขึ้นมาได้

   “จะยืนดราม่าอีกนานมั้ยมึงอ่ะ   รีบๆถือจานข้าวไปนั่งกับกูเร็วๆเข้า”  มือใหญ่ๆของใครบางคนตบปั้กมาที่ไหล่จนแทบหัวคะมำถ้าอีกฝ่ายไม่หิ้วคอเสื้อเอาไว้   ข้าวหน้าไข่เยี่ยวม้าผัดกระเพรายื่นพรวดมาเกือบทิ่มใส่หน้าจนลักษณ์ผงะ  เงยหน้าขึ้นก็เจอเพื่อนสนิทยืนทำหน้าเมื่อยอยู่ข้างๆ

   “ปล่อยกู  กูเดินเองได้   มึงจ่ายค่าข้าวเลย  ทำกูอดไปกินข้าวกับแอน”  สะบัดตัวออกจากมือข้างนั้น  แล้วก็คว้าจานข้าวที่ไม่รู้ตัวเองสั่งไปตอนไหนมาถือเอาไว้

   “แล้วถ้ากูทำให้มึงได้นั่งกินข้าวกับแอนได้ล่ะ  มึงจะให้อะไร”  ไวน์ถามกลับทันควัน

   ลักษณ์เหลือบมองไปทางโต๊ะอาหารที่มีนักศึกษาแพทย์นั่งเรียงอยู่เกือบเต็มโต๊ะรวมถึงเด็กสาวที่เขาชอบด้วยนั้นแล้วก็ยิ้มออก  หันมาตบไหล่หนาๆของเพื่อนคืนแทนคำขอบคุณ

   “เดี๋ยวกูเลี้ยงเก๊กฮวยแก้วนึง   เอาแก้วจัมโบ้เลย”

   พูดจบก็ยกจานข้าว  เดินลิ่วๆจนเกือบสะดุดเก้าอี้ ตรงเข้าไปหาที่นั่งว่างๆตรงข้ามเด็กสาวทันที  ทิ้งให้เพื่อนต้องมองตามพลางส่ายศีรษะด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย

   “อ้าวลักษณ์  นั่งด้วยกันสิ   แล้วไวน์ล่ะเห็นบอกไปซื้อน้ำ  หายไปเลย”  เธอกวาดสายตามองหาอีกแล้ว...เด็กหนุ่มอยากจะถอนหายใจยาวๆไปถึงภูเก็ตเสียเลย   

   เฮ้อ...

   “เดี๋ยวก็กลับมา  แอนทานอะไรน่ะ น่ากินจัง”  อ่าฮะ  เอ่ยชมอาหารของอีกฝ่ายตามสเต็ป  ก่อนจะค่อยๆเปิดเข้าสู่หัวข้ออาหารที่ชอบ

   ตามร้านที่อยากไปกิน

   ต่อด้วยงานอดิเรกที่อีกคนชอบทำ  อย่างเช่น...ดูหนัง?

   จบด้วยเสาร์นี้ว่างมั้ย....

   มันน่าจะเป็นอย่างนั้นแหละ   ถ้าไม่ติดที่ไอ้เพื่อนสนิทหน้าตายของเขามันดันถือแก้วบรรจุน้ำสีเหลืองอ๋อยราวกับฉี่เข้มข้นเต็มสองมือมาขัดจังหวะเข้าเสียก่อน   แก้วใบใหญ่วางบนโต๊ะเสียงดังกึก 

   “ไหน ตังค์”  ยังไม่พอ  มันยังมีหน้ามาแบมือต่อหน้าเขาเพื่อขอเงินอีก  จริงอยู่ที่เขาบอกจะเลี้ยงเก๊กฮวยแก้วจัมโบ้  แต่ตอนนี้มันใช่เวลามั้ยล่ะ  ไอ้ฟาย

   “ไว้ก่อน”  ทำปากขมุบขมิบ  ขยิบตายิกๆเป็นสัญญาณให้ช่วยหลบหน้าไปก่อนได้มั้ย  ตายไปสักพักเถอะได้โปรด  กูไหว้ล่ะ  ดูสิสาวกำลังจะเคลิ้มกับกูแล้วเชียว

   ดูเหมือนเพื่อนแสนฉลาดของเขาจะเกิดสมองทึบขึ้นมาดื้อๆ  ไอ้ศตวรรษคนดีนั่งเบิ่งตากว้างมองมาที่เขาอย่างงงๆ  ราวกับฟังภาษาไทยไม่ออกซะงั้น

   “เดี๋ยวกูจ่ายให้  มึงไปไหนก็ไป”  กระซิบมุมปากอีกรอบ     อีกฝ่ายก็ยังนั่งอยู่ข้างเขาที่เดิม  ตีหน้ามึนเหมือนคนเมากัญชา    ทว่าในดวงตาคมเข้มคู่นั้นกลับแพรวพราวราวกับคนกำลังกลั้นหัวเราะเอาไว้เต็มที่   

   ไอ้บ้านี่แกล้งมึนแน่ๆ...

   อยากจะกระโดดเตะก้านคอสักที  แต่ก็เกรงว่าสาวน้อยจะตกใจในความฮาร์ดคอร์กอไก่   ได้แต่ส่งยิ้มอาฆาตไปให้เพื่อนเวรที่แสนดี

   “ตอนนี้มีหนังเรื่อง.....”  ไอ้ไวน์พูดชื่อภาพยนตร์แนวสยองขวัญสั่นประสาทขึ้นมาเรื่องนึงที่กำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้  “น่าดูมากเลย  ว่าจะไปดูวันเสาร์นี้  แอนว่างมั้ย  ไปดูด้วยกันป่ะ” 

   “อุ้ย  เราว่าจะไปดูพอดีเลย  ไวน์จะไปดูวันเสาร์หรอ  รอบกี่โมงล่ะ  เราไปด้วย”

   โห...โคตรไม่ยุติธรรมเลย  แม่งนั่งยังไม่ทันถึงสองนาที  พูดสองประโยค  สาวก็พร้อมจะไปด้วย  ทีกรูนั่งพล่ามยาวจนปากเปียกปากแฉะ  ไม่เห็นเธอจะชายตาแล

   “อืม  เดี๋ยวนัดอีกที  ขอเบอร์เธอหน่อย”  ไวน์ล้วงมือถือขึ้นมา แล้วก็อุทาน  “อ้าวแบตหมด  งั้นลักษณ์  มึงเซฟเบอร์แอนไว้ให้หน่อยสิ   จะได้โทรไปนัดเวลาได้”

   แอนดูงงๆ  แต่ก็ยอมบอกเบอร์โทรศัพท์พร้อมแอดไลน์มาที่เครื่องของลักษณ์เรียบร้อย   เด็กหนุ่มนั่งอึ้ง มองมือใหญ่ๆของเพื่อนสนิทคว้ามือถือของเขาไปกดปลดล็อคอย่างชำนาญ

   เป็นเรื่องปกติไปแล้วที่เพื่อนของเขาจะรู้รหัสส่วนตัวที่ตั้งเอาไว้ล็อคโทรศัพท์  ล็อคเฟส  ล็อคอีเมล์  ล็อคทุกอย่างบนโลกใบนี้   ก็เพราะมันเป็นคนสมัครให้ไงล่ะ  ส่วนลักษณ์เองก็รู้รหัสของไวน์เช่นเดียวกัน แต่ไม่ค่อยได้ไปยุ่มย่ามกับโทรศัพท์ของเพื่อนเท่าไหร่

   ไอ้ไวน์มันขี้หวงของ..

   “โอเค  ไว้เจอกันนะ  บ้ายบายครับ”   ได้ยินเพื่อนของเขาพูด   ลักษณ์ยกมือขึ้นโบกตามหลังร่างเล็กบางของสาวน้อยที่ลุกขึ้นเดินไปกับเพื่อนๆของเธอ   

   เหลือแค่พวกเขาสองคนนั่งหัวโด่กันอยู่ที่เดิม

   “เอ้า  เป็นไงล่ะมึง ได้มาแล้ว ทั้งเบอร์ทั้งไลน์  กราบกูซะ”   ไวน์ส่งโทรศัพท์คืนมาให้เพื่อนที่ยังนั่งเอ๋ออยู่  ลักษณ์รีบรับมาเปิดดู  แล้วยิ้มกว้าง

   “สุดยอดเลยแม่ง  ทำได้ไงวะ  แล้วดูเรื่องดูหนัง?”

   “เออมึงก็ไปกับแอนสองคนล่ะกัน  บอกว่ากูไม่สบายอะไรก็ได้”  ศตวรรษคว้าน้ำเก๊กฮวยมาดูดอึกใหญ่   พลางส่งอีกแก้วให้คนข้างๆที่รับมาดื่มที่เดียวเกือบหมดแก้ว

   “แค่กๆ”  สำลักครับ  ร้อนถึงอีกฝ่ายต้องเอื้อมมือมาตบหลังจนลูกกระเดือกแทบหลุดตามออกมาด้วย    “แค่กๆ  โอ๊ย  แผนมึงเด็ดทุกอย่างเลยนะ  ยกเว้นอย่างเดียวคือมึงลืมไปหรือเปล่าว่ากูกลัวผี   เสือกให้ไปดูหนังผี  แบบนี้ก็จะดูไหวมั้ยล่ะ   เกิดกรี้ดแตกกลางโรงขึ้นมาอายสาวตายห่า”  ที่พูดไปนั้น ประสบการณ์ตรงล้วนๆ  โชคดีที่เป็นหนังที่เช่ามาดูกันเองที่บ้านไอ้ไวน์ เลยไม่อายใครเท่าไหร่   นอกจากมันกับเพื่อนอีกสองสามคน

   เรื่องอื่นลักษณ์รับได้ ลักษณ์สู้ตาย  แต่กับเรื่องเหนือธรรมชาติเนี่ย  ลักษณ์ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆนะ

   “เฮ้ยไม่หรอกน่า  ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นหรอกเรื่องนี้  อีกอย่างนะ เวลาไปดูหนังในโรงกับสาวมันต้องดูหนังผีเว้ย  สาวๆเค้าจะกลัว แล้วเค้าก็จะหาที่หลบที่ซบ  เราก็แค่นั่งหล่อๆเป็นหลักให้สาวหลบผี  จับมือปลอบใจหน่อย  รับรองฟิน  เชื่อกู”

   คนฟังพยักหน้า คิดตาม  ..เออ  ก็เข้าท่าแฮะ  แค่เขารักษาภาพลักษณ์เอาไว้ตลอดเรื่องก็พอแล้ว  ทีนี้ก็จะดูแมนสุดๆ เป็นที่พึ่งของเธอได้ไรงี้

   “อืมก็ดีนะ  พูดแบบนี้แปลว่าเคยใช้ได้ผลมาแล้วอ่ะดิ”  เหล่ตามองเพื่อนที่หลบตาเขา  หันไปดูดน้ำเก๊กฮวยอึกใหญ่

   “ก็เคยบ้าง  ช่างเหอะน่า... ตกลงตามนี้นะ  นี่กูช่วยมึงตามที่ขอแล้ว  ถึงตากูทวงสัญญาบ้าง”  ไวน์แบมือมาตรงหน้าเขา  “ไหนค่าน้ำ  นี่อุตส่าห์เดินไปซื้อเองเลยนะ  ยังไม่บ่นสักคำ”

   ลักษณ์จุ๊ปาก  ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง  ควานหาเหรียญสิบบาทขึ้นมาจ่ายให้เพื่อนที่ทวงตังค์เหยงๆ 

   “มีแค่นี้อ่ะ”  ไวน์ก้มลงมองเหรียญในมือของเพื่อนแล้วเบ้ปาก   ยกมือขึ้นตบไปที่ศีรษะทุยๆที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสั้นๆนั้นไปที    จากนั้นก็คว้าเอาแก้วน้ำในมือของลักษณ์ขึ้นมาดูดต่อจนหมดแก้วหน้าตาเฉย

   “โอ๊ย! .....เห้ย กูเพิ่งกินไปนิดเดียวเอง  ไอ้เวร  หมดแก้วเลย  ฮึ่ย”      

   ฝ่ายนั้นจะบ่นอะไรมาบ้าง ศตวรรษก็ไม่ได้ยินเหมือนกัน เพราะเขาชิงลุกเดินหนีมาไกลแล้ว   ...ปล่อยให้นั่งบ่นไปนั่นแหละ  รำคาญ...

   คนบ้าอะไรจะจีบสาวก็เงอะๆงะๆไม่รู้เรื่องรู้ราวเอาเสียเลย  เมื่อไหร่ชาตินี้จะมีแฟน....ชายหนุ่มก้มลงดูดหลอดในแก้วของเพื่อนสนิทที่ถือติดมือมาด้วยอีกครั้งจนเกลี้ยง  ก่อนจะทิ้งขยะไปรวมถึงแก้วของตนเองด้วย

   รสชาติหอมหวานๆของเก๊กฮวยยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น...เป็นสาเหตุที่เขาชอบเครื่องดื่มชนิดนี้เป็นพิเศษ   รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก   ขณะที่เขาเดินเอื่อยๆกลับไปยังอาคารเพื่อเรียนวิชาต่อไป



   00000000000000000000000000000000000000000000


   วันเสาร์มาถึงช้าเหลือเกินในความรู้สึกของลักษณ์   แต่ในที่สุดมันก็มาถึง    เขาตื่นแต่เช้าตรู่โดยไม่ต้องให้ใครโทรมาปลุกเหมือนอย่างเคย    รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็มาหมุนตัวอยู่หน้ากระจก  คิดไม่ตกว่าจะใส่ชุดไหนดีระหว่างเชิ้ตสีชมพูกับสีขาว

   เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นจนเขาสะดุ้ง พุ่งตัวเข้าไปกดรับ...เปล่า  ไม่ใช่สายจากแอนเด็กแพทย์ที่เขาเฝ้ารอสายมาทั้งอาทิตย์หรอก  ขนาดเมื่อวานไลน์ไปนัดเวลาตอนสิบโมง  เธอยังตอบกลับมาแค่คำเดียวว่าค่ะอยู่เลย    ความคิดที่จะโทรไปชวนคุยก็เลยหดหายตามใจที่ฝ่อลงไปด้วย

   “ฮัลโหล”

   “เสียงสดใสเชียว  ตื่นแล้วเหรอมึงเพิ่งเจ็ดโมงเอง”   ปลายสายพูดอย่างรู้ทัน   

   “เออวันนี้วันดี กูต้องรีบตื่น  มึงอยู่ไหนแล้ว  มาที่บ้านกูป่ะ”  ลักษณ์รีบชวนเพื่อนที่อยู่บ้านไม่ใกล้ไม่ไกลให้มาหา   อีกฝ่ายอิดออดเล็กน้อยตามสไตล์   แต่ไม่เกินสิบห้านาที  เสียงออดหน้าประตูบ้านก็ดังกังวานไปทั่ว

   “ลักษณ์ไปดูซิ ใครมาน่ะ”  เสียงป้าของเขาตะโกนมาจากห้องข้างๆ   เด็กหนุ่มรีบสวมเสื้อยืดลวกๆ เปิดประตูห้องส่วนตัวลงบันไดมายังชั้นล่างที่ทำเป็นร้านอาหาร แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเปิดทำการ   เดินตรงไปที่ประตูรั้ว เห็นร่างสูงโปรงของเพื่อนสนิทที่อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเหมือนกันชะเง้อมองอยู่  ในมือถือถุงปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้เอาไว้

   “กินไรยัง  กูซื้อมาฝาก” 

   ลักษณ์เปิดประตู รับถุงอาหารจากเพื่อนมาถือเอาไว้    เดินเข้าไปในครัวโดยมีอีกฝ่ายเดินตามหลังมาด้วยอย่างคุ้นเคย

   “ถุงที่มีเม็ดแมงลักของมึง”  ไวน์บอกเรียบๆ  ลักษณ์พยักหน้าอย่างพอใจ...มีไอ้ไวน์เป็นเพื่อนก็ดีหน่อยตรงที่มันช่างจำ พวกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยแบบใครชอบกินอะไร ไม่ชอบอะไร  มันจำได้หมด  ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ลักษณ์คิดว่าถ้ามันมีแฟน  แฟนคงหลงตายทีเดียว

   “มึงทาอะไรที่หน้าป่ะเนี่ย”  จู่ๆไวน์ก็พูดขึ้นมา ขณะที่นั่งตรงข้ามกันซดน้ำเต้าหู้แกล้มปาท่องโก๋อยู่ในห้องครัวเงียบๆ  นิ้วมือยาวๆเอื้อมมาป้ายที่แก้มของเจ้าของบ้านแรงๆจนลักษณ์ต้องเอียงหน้าหลบ

   “โอ๊ะ เจ็บ   กูเปล่านะ..เปล่า”  รีบปฏิเสธเป็นพัลวันแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่เชื่อเอาเสียเลย  ไวน์ยกปลายนิ้วที่สัมผัสแก้มเขาขึ้นมาดู  รอยสีเนื้อจางๆติดอยู่บนนั้นคล้ายๆกับ...

   “เครื่องสำอาง?”  เสียงศตวรรษทั้งแปลกใจปนอึ้ง

   “อะ..เออ  คือ  ครีมกันแดดอ่ะ  มันผสมรองพื้นนิดนึง   คือกู...กูไปอ่านมาเค้าบอกว่าผู้ชายถ้าอยากให้หน้าเนียนๆมีมิติเนี่ย  ก็ทาไอ้เนี่ยลงไป  หน้าก็จะดูเข้มขึ้นแบบ...มึงเข้าใจป่ะ  กูหน้าจืดอ่ะ  ขนาดกูมองหน้าตัวเองในกระจกยังรู้สึกว่าหน้ากูซีดเหมือนปลาตายเลย”

   “กูยังไม่ทันว่าอะไรเลย”  ไอ้ไวน์พูดเสียงเรียบแล้ววางแก้วที่ว่างเปล่าลงบนโต๊ะ

   “กูไปล้างออกก็ได้”  ลักษณ์รีบพูด  รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เริ่มคุกรุ่นชอบกล   สีหน้าของเพื่อนสนิทดูเรียบเฉยไร้อารมณ์  ทว่าเขารู้จักกับมันมานานมากพอจะดูออกว่าไวน์กำลังไม่พอใจ...อย่างมากด้วย

   “เรื่องของมึง”  ได้ยินเสียงนั้นพึมพำตามหลัง  ขณะที่เขาเดินกลับขึ้นมายังชั้นบน    เข้าไปห้องน้ำพิจารณาดูใบหน้าในกระจกแล้วก็ออกจะรู้สึกว่ามันตลกๆอยู่เหมือนกัน   ลงมือล้างหน้าจนเกลี้ยงเหมือนเดิม พอกลับออกมาจากห้องน้ำก็เจอร่างของเพื่อนสนิทนอนเล่นอยู่กลางเตียง

   “ตัวเปื้อน  ลุกจากเตียงกูเลย”   เอาเท้าเขี่ยๆขายาวๆที่พ้นกางเกงบอลออกมา   อีกฝ่ายเพียงแต่ชักขาหลบ  ยกมือที่ถือหนังสือการ์ตูนขึ้นอ่านต่อไม่สนใจ

   ...อย่างงี้ทุกที  มาห้องกูทีไรก็ขึ้นมานอน   ทีกูไปบ้านมึงบ้าง  ไม่ยอมให้เข้าห้องนอน ชิๆ...ลักษณ์ได้แต่เข่นเคี้ยวเขี้ยวฟัน  เดินไปถอดเสื้อยืดที่สวมอยู่ออกแล้วหยิบเสื้อเชิ้ตสีชมพูกับสีขาวมาทาบกับตัวอีกครั้ง

   เลือกไม่ถูกเลยแฮะ...หันไปทางเพื่อนซี้ที่นอนแผ่อ่านหนังสือการ์ตูนเล่นอยู่

   “มึงว่าใส่ตัวไหนดี”  ไวน์ผงกหัวจากท่านอนขึ้นมาดู  คิ้วเลิกขึ้นนิดๆ 

   “ไม่ต้องใส่เลย ดีสุด” 

   “มึงแม่ง....ไม่ได้มีประโยชน์เลย”   หันกลับมาดูกระจกอีกรอบ  จริงๆเขาชอบสีชมพู แต่ก็กลัวมันจะดูตุ้ดไปหน่อย   สีขาวก็เรียบร้อยดี  แต่เหมือนกำลังจะไปสมัครงานมากกว่าจะไปดูหนัง

   เลือกยากจังแฮะ

   “สีชมพูเถอะ…สีขาวมึงใส่แล้วเหมือนกระดาษรีไซเคิลเลย”   

   ขอบคุณสำหรับความเห็นครับ...ถุย   กระดาษรีไซเคิลเลยเหรอ   ว่ากูจืดเหมือนกระดาษเปล่าไม่พอ ยังเป็นกระดาษใช้แล้วที่ผ่านการย่อยสลายมาอีกเหรอ   ช่างเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ

   ลักษณ์ค่อนขอดอยู่ในใจ  หยิบเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีชมพูขึ้นมาใส่ติดกระดุมจนเรียบร้อย   ถอดกางเกงออกเปลี่ยนเป็นกางเกงยีนส์ตัวเก่ง    เสร็จแล้วก็ถึงเวลาทำผม  เขาหยิบเจลตกแต่งทรงผมขึ้นมาพร้อมหวี  เอียงคออยู่นานกว่าจะปาดมันลงไปบนเส้นผมสั้นๆตรงๆของเขาจนมันตั้งชันได้องศา

   โอ้โห...หล่อไม่ใช่เล่นเลยนี่หว่า....ไม่มีใครชมหรอกครับ  นาทีนี้ต้องชมตัวเองเท่านั้น   เรียกขวัญกำลังใจให้ตัวเองสักนิด 
   “มึงว่าหล่อยัง”  หันไปถามเพื่อนตัวดีก็พบว่ามันนอนหลับไปแล้ว   เขาเตะเข้าไปที่หน้าแข้งของมันไปแรงจนสะดุ้งตื่น   ไวน์ลุกขึ้นมามองหน้าเขางงๆ

   “ผมทรงไรวะ  ทรงกระดานลื่นเหรอ  ตลกชิบหาย” 

   ...เชี่ย  ความมั่นใจกู  หดเหลือศูนย์เท่าเดิม...ไอ้ไวน์หัวเราะแล้วกระโดดลุกจากเตียงเดินเข้ามาหาเขา  หยิบหวีจากหน้ากระจกมาด้วย  มือหนึ่งก็ยึดคางเขาไว้แน่นแล้วก็ปาดหวีในมือซ้ายขวาสองสามที 

   โห...เงาในกระจกสะท้อนผู้ชายอีกคนที่มีทรงผมปัดเป๋อย่างเท่  แบบที่เขาอยากได้และพยายามจะทำเมื่อกี้นั่นแหละ   ทำไมมันทำได้ง่ายจังวะ

   “เอ้า  หล่อแล้วครับคุณลักษณ์   ไปได้แล้ว  จะสิบโมงแล้วเนี่ย” 

   เด็กเภสัชตกใจรีบหันไปมองนาฬิกา  นี่เขาแต่งตัวนานขนาดนั้นเลยเหรอ....โดนหลอกครับ  เพิ่งจะเก้าโมง  หันไปด่าเพื่อนพอหอมปากหอมคอแล้วก็รีบเผ่นออกมาจากห้อง  มีไอ้ไวน์ตามหลังมาด้วย   สวนกับพี่ชายตัวเองที่เดินขึ้นบันไดมาจากชั้นล่าง   พี่รามที่ตัว(ดำจน)เขียวสมชื่อนั้นพยักหน้าหงึกหงักรับไหว้เพื่อน 

   “วันนี้กูติดธุระ   มึงรีบกลับบ้านมาช่วยป้าด้วย” 

   ประโยคทักทายของพี่ชายที่มีให้กับน้องที่อายุอ่อนกว่ากันสิบสองปี  รามเป็นวิศวกร  เพิ่งลงเงินกับเพื่อนตั้งบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ป้าพร่ำบ่นทุกวันว่าใกล้จะเจ๊งแหล่ไม่เจ๊งแหล่  ก็ดูสภาพเศรษฐกิจตอนนี้สิ   ป้าถึงดีใจมากที่เขาสอบติดเภสัชได้  ...ดีใจยิ่งกว่าเขาเสียอีก

   ที่บ้านมีเขา  พี่ราม กับป้าแท้ๆที่เปิดบ้านชั้นล่างเป็นร้านขาวข้าวราดแกงมานมนาม  ตั้งแต่พ่อแม่ของลักษณ์กับรามเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถยนต์เมื่อลักษณ์อายุได้เพียง 3 ขวบ  จากนั้นพวกเขาสามคนก็โตมาในบ้านหลังนี้

   ลักษณ์กับไวน์เดินออกมาหน้าบ้าน   แยกย้ายกันเดินไปขึ้นรถเมล์ที่ปากซอย...ยังไม่ถึงไหนเลยเหงื่อก็แตกพลั่กให้กับอากาศแสนเย็นฉ่ำของเมืองไทยในฤดูหนาว   

   ความหล่อที่เซ็ตมาอย่างดี มีอันต้องละลายหายไปกลายเป็นความเมือกแทน   รู้งี้น่าจะขึ้นแท็กซี่ไป  ไม่น่าขี้เหนียวขึ้นรถเมล์เลยให้ตายสิ

   กว่าจะมาจอดหน้าห้างสรรพสินค้าที่นัดหมายเอาไว้ก็เกือบถึงเวลานัดพอดี    เขาเดินเรื่อยๆเข้าไปภายใน  ความเย็นฉ่ำที่แท้จริงของห้างช่วยให้หายเหนอะหนะบ้าง

   ขึ้นบันไดเลื่อนไปยังชั้นบนสุดของห้าง  พร้อมกับท่องสคริปต์ที่เตรียมมาอย่างดีกับไอ้ไวน์เมื่อคืน

   ‘อ๋อ  ไวน์ต้องไปธุระกับที่บ้านครับ  ค่อนข้างกะทันหัน  ไวน์ฝากขอโทษแอนมาด้วย   ..เราดูเป็นเพื่อนแอนก่อนล่ะกันถ้าแอนอยากดู’ 

   จากนั้นก็งัดเสน่ห์น้ำมันพรายออกมาป้ายข้อศอกสาวเจ้าตอนเผลอ...เดี๋ยวๆ  ไม่ใช่ล่ะ   จากนั้นก็หาวิธีหว่านล้อมให้สาวหลงกลยอมดูหนังด้วยกันแทน   ล้วงเอาตั๋วสองใบที่ซื้อเตรียมอาไว้แล้วหัวเราะ...หึๆ แฮปปี้เอนดิ้ง

   ครับ  ในความคิดของเขามัน ‘ควร’ จะเป็นอย่างนั้น

   “อ้าว  ไวน์มาไม่ได้เหรอ  งั้นไว้วันหลังแล้วกัน   เสียดายจัง    ไม่เป็นไรนะลักษณ์  ขอบคุณมากนะจ้ะที่มาบอก   ไว้เจอกันใหม่  ง่า...  พอดีเรามีนัดกับเพื่อนเหมือนกัน”  แอนที่วันนี้แต่งตัวสะสวยสมวัยพูดพลางพลิกข้อมือดูนาฬิกา  เธอทักทายเขาเพียงสองคำเท่านั้น

   โลกความจริงช่างโหดร้าย   เมื่อเพื่อนสาวของเธอที่ชื่อว่าพลอยโผล่ขึ้นมาทันควันราวกับเล่นกล   แล้วเธอก็ไม่ปล่อยให้เขาได้อ้าปากพูดประโยคหว่านล้อมนับสิบที่เตรียมมาเลยสักนิด

   “เห้ยเธอ  เดี๋ยวสิ...”   

   เหมือนภาพสโลว์โมชั่นเลยพับผ่า   เธอกับเพื่อนจูงมือกันหันหลังให้เขาทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน   เป็นอากาศหรืออะไรสักอย่างที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น

   ป้ายแสตนดี้ของพระเอกหนังยังเด่นและน่าสนใจกว่าเขาตัวเป็นๆหลายเท่า  หรือบางทีเขาควรจะไปหลบหลังป้ายเลยดีมั้ย

   ขอบตาร้อนผ่าว   พอกันทีกับการหลอกตัวเอง...บางทีชาตินี้เขาอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อใคร  และก็ไม่มีใครเกิดมาเพื่อเขาเลยก็ได้    ...เขาคนนี้อาจจะเกิดมาเพื่อ  แก่ เจ็บ  แล้วก็ตายไปเองแบบห่อเหี่ยว   อกหักซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไม่รู้จะให้หมอที่ไหนช่วยรักษาดามใจให้แล้ว

   กลับบ้านดีกว่า...

   “เลิกขี้แยได้แล้ว  เดี๋ยวสาวเห็นแล้วเสียคะแนนนะโว้ย”    สัมผัสหนักๆพาดมาบนไหล่ของเขาจนแทบทรุด  ลักษณ์หันขวับไปมองอย่างตกใจ   พอเห็นว่าเป็นใครก็สะบัดตัวออก

   “ไอ้ไวน์  ขี้แยพ่อมึงสิ  กูแค่แสบตา”  ยกมือขึ้นป้ายตาอย่างโกรธๆ   กวาดตามองสำรวจเพื่อนที่อยู่ในชุดธีมสีชมพูเหมือนกันกับเขาราวกับนัดกันมางั้นแหละ  “ไอ้หอก  มาได้ยังไง  เดาะแต่งสีชมพูเหมือนกูอีก  ลอกนี่หว่า”

   จุ๊ปากจิ๊กจั๊กหมั่นไส้เพื่อนที่ไม่ว่าจะแต่งตัวง่ายแค่ไหน ก็ยังออกมาดูดีเสมอ  ไม่เหมือนเขาที่บรรจงแทบตาย  สุดท้ายสาวเมิน

    “กูเปล่าลอก  กูอยากใส่เฉยๆ  แล้วไหนอ่ะแอน  กลับไปแล้วล่ะสิ”  ไวน์ดักคออย่างกะมองเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า    ลักษณ์เม้มปาก  หันหน้าหนีไปทางอื่น 

   นักศึกษาแพทย์เอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มือถือของเขาขึ้นมาแล้วกดจิ้มปลดล็อค   ลักษณ์เอื้อมจะคว้าคืนกลับมา

   “ทำอะไร”  ไวน์ยกมือขึ้นสูง   ส่วนสูงที่ต่างกัน 13 เซนติเมตรถ้วนก่อให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบเชิงกลที่น่าหงุดหงิด

   “โทรหาแอนไง  ขอให้เธอกลับมา”

   “ไม่ต้อง”  ลักษณ์พูดเสียงห้วน  คว้าโทรศัพท์คืนกลับมาได้สำเร็จ    สบตาเพื่อนของเขาที่มองมาอย่างไม่เข้าใจ  ก็พูดต่อด้วยเสียงอ่อนลง  “ถ้าเขากลับมา ก็เพราะเขาอยากดูหนังกับมึง  ไม่ใช่กับกู...กูไม่อยากดูแล้ว” 

   เสียใจครับบ่องตง  ใจงี้แฟบเหมือนลูกโป่งถูกปล่อยลมออกมา   อยากโกรธเพื่อนเหมือนกันที่เสือกเกิดมาหล่อกว่ากู   แต่ก็โกรธไม่ลงเพราะรู้ดีว่าหาใช่ความผิดของเพื่อนไม่

   ต้องโทษตัวเองนี่แหละที่มัน...ได้แค่นี้เอง

   “แล้วตั๋วที่ซื้อมาล่ะ  เสียดายตังค์”  เกือบลืม...ลักษณ์ก้มลงมองตั๋วหนังสองใบที่ขยำจนยับไปแล้วนั้น  ใจหนึ่งก็เสียดาย...นี่มันเงินค่าขนมของเขาสามวันเลยนะ  แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่มีกะจิตกะใจจะดูแล้ว

   “กูให้  มึงเอาไปเหอะ  เรื่องนี้มึงอยากดูไม่ใช่เหรอ”  ยื่นส่งให้เพื่อนไปซะ  จะได้จบๆไป   ขยับจะเดินหนีทว่ามือแข็งแรงกลับคว้าต้นแขนของเขาเอาไว้

   “กูไม่กล้าดูคนเดียวหรอก  กลัวตายชัก   ดูเป็นเพื่อนหน่อยสิวะ  เข้าไปหลับก็ได้”  ไวน์พูดเสียงอ่อย  หันไปดูหน้าแล้วก็เผลอยิ้มออกมานิดๆ 

   จริงด้วย  ลืมไปเลยว่านอกจากเขาแล้ว  มันเองก็กลัวผีไม่น้อยไปกว่ากัน....กลัวก็กลัวแต่ก็ดันชอบดูหนังผีอีก   เบื่อจริงๆ

   “เดี๋ยวกูเลี้ยงป๊อบคอร์นก็ได้เอ้า”  เสี่ยไวน์เสนอแบบใจป้ำเต็มที่   ลักษณ์อยากจะถอนหายใจออกมายาวๆ  ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงได้เห็นแก่ป๊อบคอร์นสองถังใหญ่  เดินตามอีกฝ่ายเข้าไปในโรงภาพยนตร์ได้

   ปลอบใจตัวเองว่า ..ไม่เป็นไรเว้ย   รอบหน้าเอาใหม่   จะคว้าสาวที่สวยกว่า น่ารักกว่าแอนสักร้อยเท่ามาเป็นแฟนเลย 

   คอยดูดิ


   ..............................................................
   
   
ขอบคุณเพื่อนๆที่กดเข้ามาอ่านและคอมเม้นต์ให้นะคะ  เรื่องนี้อาจจะดำเนินเรื่องช้าๆหน่อยนะ 555
หลายคนคงพอเดาเรื่องได้เเล้ว  ฮ่าๆ  แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกค่ะ อิอิ
  ขอฝากนิยายเรื่องนี้เอาไว้ด้วยนะคะ   เเนะนำติชมมาเลยนะ
ใครเล่นทวิต ใช้เเทค #แอบลักษณ์ นะคะ ขอบคุณมากค่ะ 
หัวข้อ: Re: Hidden Wood เส้นผมบังใจเขา #แอบลักษณ์ อัพบทที่2 ลองอ่านดูนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 07-12-2016 22:06:49
ตอนที่ 2
Actions speak louder than words.





   “เห้ย!  ไอ้บ้าตกใจหมด”

   เสียงอุทานตามด้วยเสียงบ่นด่าพึมพำดังอยู่ข้างตัวเขาตลอดเวลาที่ภาพยนตร์กำลังฉายอยู่   เพื่อนของเขาชักขาขึ้นมานั่งกอดเข่าอยู่บนเก้าอี้ด้วยเหตุผลที่ว่ากลัวถูกผีดึงขา   ส่วนมือทั้งสองข้างก็ยึดแขนเสื้อของเขาเอาไว้แน่น

   ไวน์อยากจะหัวเราะกับท่าทางยกมือขึ้นปิดหน้า แอบมองผ่านง่ามนิ้ว  สลับกับการเอียงคอหลบผี(ในเรื่อง)ของลักษณ์เป็นระยะนั้น   แต่ก็เกรงว่าจะรบกวนคนอื่นๆที่กำลังตั้งใจดูหนังอยู่   

   ส่วนเขาน่ะหรือ...สมาธิแตกซ่านตั้งแต่ไอ้ลักษณ์หันมาซุกหน้ากับซอกไหล่ของเขาตอนกลางเรื่องแล้วล่ะ   ไม่อยากเชื่อเลยว่า ‘แผน’ มาดูหนังผีนี้จะสำเร็จลงอย่างสวยงามเกินคาด

   ฟินไม่ใช่เล่นทีเดียว  แม้ว่าบางครั้งมันจะเผลอจิกเล็บลงบนท่อนแขนของเขาให้รู้สึกแสบๆคันๆบางก็ตาม

   ชายหนุ่มยกมือขึ้นตบบนหลังมือของเพื่อนสนิทที่กำรอบข้อมือของเขาแน่นแล้วก็เปลี่ยนเป็นกุมมือข้างนั้นเอาไว้เสียเลย  แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่ได้ดึงออกเพราะมัวแต่ขี้ขึ้นสมองอยู่  มันอาจจะไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำ   ว่าที่วางแขนที่ควรจะมีกั้นระหว่างเขากับมันนั้นหายไปไหน

   และระยะห่างระหว่างเราสองคนก็ถูกเขาทำลายด้วยการเขยิบเข้าไปนั่งจนชิด 
 
   ไม่ต้องกลัวว่าไก่จะตื่น...เพราะมันโง่เกินกว่าที่จะคิดได้มานานแล้ว   โง่มาตั้งแต่แรกและคงจะโง่แบบนี้ตลอดไป   ตราบใดที่เขายังไม่คิดจะบอก   มันก็คงจะไม่เอะใจ...ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคน

   ในที่สุดภาพยนตร์เรื่องนั้นก็จบลงท่ามกลางความรู้สึกเสียดายอย่างสุดซึ้งของเขา   โอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกันแบบนี้โดยที่มันไม่ขัดขืนใช่ว่าจะมีได้ง่ายๆเสียเมื่อไหร่

   เดินเคียงข้างกันออกมาจากโรง  สายตาหลายคู่เมียงมองมาทางเขากับไอ้อัปลักษณ์เป็นระยะ...หึ  เขาก็เรียกประชดไปอย่างนั้นเอง   ถ้ามันอัปลักษณ์จริง  เขาคงไม่ต้องมาตามติดทุกฝีก้าวขนาดนี้หรอก
 
   คงมีแต่เจ้าตัวเองกับคนที่ตาไม่ถึงเท่านั้นแหละ  ถึงมองไม่เห็นความ ‘น่าดู’ ในความเรียบง่ายเป็นธรรมชาตินั้น...เสน่ห์แบบเด็กๆที่เขาถูกชะตาตั้งแต่แรกเจอ  และก็รู้สึกชอบมากขึ้นทุกทีตามเวลาที่ผ่านไป   กลัวเหลือเกินว่าจะมีใครจาดี  มองเห็นมันเข้าเหมือนกัน

   “น่ากลัวฉิบหาย  กูเกร็งจนฉี่จะแตก  ไม่น่าเข้าไปดูเป็นเพื่อนมึงเล้ย   คิดผิดจริงๆ”  ลักษณ์ยังคงบ่นต่อไม่จบ  มือก็ล้วงเอาป๊อปคอร์นที่ยังหลงเหลือในถังขึ้นมาใส่ปากเคี้ยวไปด้วย

   “น่ากลัวแต่ก็สนุกไม่ใช่เหรอ  ลุ้นดีออก”  เขาตอบกลับ  ทั้งๆที่ไม่ได้ดูเลยแม้แต่ฉากเดียว  มัวแต่ดูอย่างอื่นอยู่

   “เออก็จริง   จะเย็นแล้ว  กลับไปกินข้าวเย็นที่ร้านป้ากูกันเถอะ”   ประโยคที่เหมือนจะเป็นคำชวนนั้น  ไวน์รู้ดีว่ามันแฝงนัยยะอะไรไว้

   จะอะไรซะอีกล่ะ   นอกจากจะลากเอาเขาไปช่วยกันเสิร์ฟด้วย  เพราะวันนี้พี่ชายมันไม่อยู่  ซึ่งเขาก็เดินตามหลังอีกฝ่ายไปด้วยความรู้สึกที่เรียกว่า...ยิ่งกว่าเต็มใจ

   กลับมาช่วยป้าของลักษณ์จัดโต๊ะ  เตรียมเปิดร้านที่ขายตั้งแต่เวลาเลิกงานจนถึงเกือบสี่ทุ่มทุกวัน   วันนี้มีลูกค้าแวะเข้าร้านเยอะกว่าปกติเป็นพิเศษเพราะฝนตกรถติด   คนก็เลยแวะหาอะไรกินก่อนเข้าบ้าน

   “ทั้งหมด 169 บาทครับ  รับมา 200 นะครับ”   เขารับเงินมา เดินเข้าไปหาหลานเจ้าของร้านที่กำลังหัวหมุนอยู่อีกด้านหนึ่ง

   “ทอน  31 บาท”   ยื่นเงินส่งให้อีกฝ่ายรับไปนับ   แล้วลักษณ์ก็ล้วงกระเป๋าจิงโจ้ที่คล้องเอวอยู่หยิบเงินทอนขึ้นมาส่งให้อย่างคล่องแคล่ว

   ไวน์เดินกลับไปกลับมาทั่วร้าน  หลายครั้งที่มีสาวใจกล้าบางคนแกล้งแซวบ้าง  ขอเบอร์บ้าง   เขาก็บอกปฏิเสธไปขำๆ  ไม่ได้คิดอะไรมาก  พอจะรู้อยู่เหมือนกันว่ามีตากลมๆของใครคนหนึ่งคอยจับสังเกตอยู่เงียบๆ

   อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าบางทีลักษณ์อาจจะหึงเขา....ช่างเหอะ  เขาคงจะเสียสติไปแล้ว  ความจริงก็คือ  เพื่อนสนิทของเขามันไม่พอใจเขาตะหาก   ที่บังเอิญว่าเขาหน้าตาหล่อ(ในสายตาสาว)มากกว่ามันไปบ้าง  จนทำให้สาวๆที่มันหมายปองมีอันต้องเปลี่ยนใจเทมาหาเขาแทนบ่อยๆ

   ไวน์ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน   มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้   ต้องโทษตัวมันเองที่ดูเหมือนจะไม่มีเสน่ห์ต่อเพศหญิงเอาเสียเลย   

   ตรงข้ามกับเพศชาย  ที่ดูจะ ‘ฮอต’ ไม่ใช่เล่น

   “พี่สิงห์  มาได้ยังไงครับเนี่ย”  ร่างสูง หน้าตาคมเข้มที่เดินเข้ามาภายในร้านข้าวแกงตามสั่งของป้าเรียกสายตาของทุกคนในร้านได้ดี  พี่รหัสของลักษณ์นั่นเอง   คนที่เขารู้สึกขัดหูขัดตาตั้งแต่วันนั้นที่ร้านอาหาร...พวกถือโอกาสหลอกจับมือเพื่อนผู้แสนซื่อบื้อของเขา

   “พี่แวะมาทำธุระแถวนี้พอดี  นึกได้ว่าลักษณ์บอกอยู่แถวนี้เลยถามคนเขาเอา  หาไม่ยากนี่  แค่ถามว่าร้านข้าวแกงป้าดาไปทางไหนเขาก็ชี้บอกทางมาเลย”  นักศึกษาคณะเภสัชฯปีสองพูดยิ้มๆ แล้วเดินไปเลือกอาหารที่ตู้ข้าวแกงหน้าร้าน   ยกมือขึ้นทำความเคารพ ‘ป้าดา’ คุณป้าของลักษณ์ด้วยท่าทางนอบน้อมแบบเด็กที่เข้าผู้ใหญ่เป็น

   สายตาของป้าดามีแววเอ็นดูขึ้นมาทันที   ไวน์เป็นคนยกจานอาหารมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ   สิงห์กำลังคุยอะไรกับน้องรหัสตัวเองอยู่อย่างสนุกสนาน   เขาวางจานข้าวลงบนโต๊ะแรงกว่าปกติ

   กึก!

   “อ้าว   นี่เดือนแพทย์ปีนี้ไม่ใช่เหรอ”   สิงหาเงยหน้าขึ้นมองเขา   ดวงตาคมๆใต้กรอบแว่นคู่นั้นมีแววระมัดระวังอย่างประหลาด   อธิบายไม่ถูก  รู้แน่ๆอย่างเดียวคือ  ความไม่ถูกชะตาซึ่งน่าจะมีที่มาจากใครบางคนที่นั่งเอ๋ออยู่ข้างๆเนี่ยแหละ

   “สวัสดีครับ  พี่เป็นพี่รหัสของลักษณ์เหรอ” 

   “อืม....เป็นเพื่อนกับลักษณ์เหรอ”

   “ใช่พี่  ไอ้นี่เป็นเพื่อนสนิทผมตั้งแต่ม.2  จนเอนท์เนี่ยแหละ  แม่งทิ้งผมไปเรียนหมอซะงั้น  ติวก็ติวด้วยกันแท้ๆ”  ประโยคนั้นเขาไม่ได้พูดหรอก   เจ้าของบ้านชิงพูดไปหมดแล้ว  พลางทำเสียงจิ๊กจั๊กในคอ   ดูน่าขันในสายตาของเขา ...เหลือบมองไปทางรุ่นพี่คณะเภสัชฯ ก็เห็นอีกฝ่ายกำลังจับจ้องสายตาไปทางลักษณ์ด้วยแววตาเอ็นดู...เกินไปไหมวะ?

   มีพี่รหัสคนไหนมองน้องรหัสตัวเองตาเยิ้มแบบนี้ด้วยหรือไง

   “แล้วนี่พี่แวะเอาของมาให้ลักษณ์เหรอ”  ไวน์ถาม  ถือโอกาสเนียนนั่งตรงข้ามเสียเลย  ทำให้ไอ้ลักษณ์ต้องลุกไปเก็บโต๊ะข้างๆที่กินเสร็จแล้วแทน   

   “เปล่า  พี่อยากมาบ้านลักษณ์”  อีกฝ่ายตอบตรงๆ

   เรามองกันอย่างรู้ทัน   ผู้ชายเหมือนกันทำไมจะดูไม่ออกว่าอีกฝ่ายคาดหวังอะไรอยู่ในใจ   แต่เขาไม่ยอมให้อีกฝ่ายทำสำเร็จง่ายๆหรอก   อุตส่าห์เฝ้าอยู่ตั้งนานหลายปี  เรื่องอะไรจะปล่อยให้ใครมาชุบมือเปิบเล่า

   “อ๋อ  ว่างๆพี่ก็แวะมาสิ  ผมก็มาทุกวันตั้งแต่ม.ต้นแล้ว”  ชิงพูดข่มไว้ก่อน  ไม่รู้แหละ   มาก่อนได้ก่อนดิวะ

   “สนิทกันดีจังเลยเนอะ   มีเพื่อนแบบนี้นี่ดีจริงๆ”  สิงห์เน้นสถานะของเขาอย่างจงใจ  ลักษณ์เดินกลับมาทันประโยคสุดท้ายพอดี  พยักหน้ายิ้มรับ

   “ใช่  เพื่อนแบบมันเนี่ยหายากยิ่งกว่าควายป่าแอฟริกาอีก” 
   ...เอ้าด่าอีก  แต่นาทีนี้ยอมครับ  จะพูดอะไรก็ได้ทั้งนั้น  ขอแค่มันแสดงความใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างเราสองคนให้มากๆเข้าไว้เป็นพอ   

   คิดแล้วก็ยกมือขึ้นโอบไหล่ของลักษณ์แล้วดึงเข้าหาตัว

   “ถ้ากูควายป่า  แล้วมึงเป็นตัวอะไรดีล่ะที่รัก”  แกล้งกระซิบที่ข้างหูของเพื่อน  มันตาเหลือกผลักหน้าเขาออกอย่างแรงพลางยกมือขึ้นลูบแขนตัวเองทำท่าขนลุกขนพอง

   “ไอ้บ้านี่ขนลุกหมด  อึ๋ย  ที่รักพ่องดิ  มึงเป็นควายป่า กูก็เป็นคนสิวะ” 

   “แน่ใจเหรอ  คนอะไรโง่กว่าควายป่าอีก” 

   โง่ขนาดเชื่อไอ้พี่รหัสท่าทางกรุ้มกริ่มนี่ได้ลงว่ามันแค่บังเอิญแวะผ่านมาเฉยๆ  ไม่มีอะไรในกอไผ่เลยจริงๆ   ปัดโธ่  เห็นหน้ามันก็รู้แล้ว  ยิ่งกว่าหม้อแกงหน้าร้านอีก

   “เออ  ใช่สิ  ใครมันจะไปฉลาด ดีเลิศประเสริฐศรีเหมือนมึงล่ะ”  ลักษณ์สะบัดเสียงแล้วยกจานกลับไปข้างหลังร้านเฉย   ทิ้งให้เขากับพี่สิงห์มองตามหลังไป   แว่วเสียงหัวเราะหึๆจากคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม  รุ่นพี่ปีสองมองหน้าเขาด้วยแววตาเห็นอกเห็นใจที่ดูอย่างไรก็คือการเยาะเย้ยชัดๆ

   “หึ  โชคดีนะ  ฝากบอกลักษณ์ด้วยว่าผมกลับก่อน  ไว้จะแวะมาใหม่”   สิงห์ลุกขึ้น   เดินไปลาป้าดาที่ยืนประจำการอยู่ที่หน้าร้าน   

   ไวน์ชะเง้อมองหลังบ้านแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่   ไม่มีวี่แววว่าลักษณ์จะกลับออกมาอีก   ดูเหมือนว่าคราวนี้เพื่อนของเขาจะโกรธเข้าจริงๆ

   “เก็บตังค์ด้วยครับ”  เสียงตะโกนเรียกจากโต๊ะข้างหลังทำให้ไวน์ต้องละความคิดที่จะเดินเข้าไปตามไว้ก่อน   เขาผละไปช่วยเก็บเงิน เก็บจานจนป้าดาเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติภายในร้าน

   “ลักษณ์ไปไหนน่ะลูก”  เธอหันมาถามเขา   

   “เดี๋ยวผมไปตามให้ครับ  คงเข้าห้องน้ำ” 

   เป็นช่วงที่ลูกค้าเริ่มซาพอดี   เขาจึงเดินเข้าไปด้านหลังร้านซึ่งต่อเป็นห้องครัว  ติดกับบันไดขึ้นไปบนชั้นสอง   ชายหนุ่มเดินขึ้นบันไดขึ้นไปชั้นบนโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด

   เขารู้ดีว่าตอนนี้ไอ้หมอนั่นไปหลบอยู่ที่ไหน...

   เสียงแปรงขัดห้องน้ำถูกับพื้นกระเบื้องอย่างแรงดังลั่นออกมานอกห้อง  ไวน์หยุดยืนอยู่ด้านหน้าห้องน้ำขนาดเล็กที่อยู่ข้างๆห้องส่วนตัวของเพื่อนสนิทนั่นเอง   แว่วเสียงสูดน้ำมูกปนมากับเสียงเคาะแปรงแรงๆด้วย

   ...ขัดห้องน้ำ  เหอะ...ไม่เบื่อบ้างหรือไงนะ   เป็นอย่างนี้มากี่ครั้งแล้วล่ะ...ทุกครั้งที่ลักษณ์โกรธ  น้อยใจ  เสียใจ คิดมาก  หรืออะไรก็ตาม   สิ่งหนึ่งที่จะช่วยผ่อนคลายอารมณ์ลงได้ก็คือ  การขัดห้องน้ำ

   ไม่รู้เหมือนกันว่ามันช่วยตรงไหน  แต่พอหลังจากเจ้าตัวเปียกปอนออกมาจากห้องน้ำทีไร  อารมณ์ขึ้นๆลงๆในตอนแรกนั้นก็จะสงบราบคาบลงทุกที   

   ไวน์ทิ้งตัวลงนั่งที่พื้น   หลังพิงประตูห้องน้ำเอาไว้  ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหอบหายใจลอดผ่านประตูออกมาพร้อมกับเสียงราดน้ำโครมใหญ่

   “เสร็จหรือยัง  เกลี้ยงแล้วน่า”  เขาแกล้งพูดดังๆ    เสียงขัดห้องน้ำที่ดำเนินมาอย่างดุเดือดนั้นหยุดชะงักลงนิดหนึ่ง  แล้วก็ดังขึ้นอีก

   “จะขัดจนมือเปื่อยเลยหรือไง   คนเขาปวดฉี่ ออกมาเร็วๆ” 

   “ไปฉี่ข้างล่าง”  เสียงอีกฝ่ายตอบกลับมาห้วนๆ 

   “ทิ้งป้าดาอยู่คนเดียวหรอ  ออกมาช่วยกันสิ”

   “เดี๋ยวออกไป  ถ้าเหนื่อยก็กลับบ้านไปก่อนเลย”  เสียงนั้นตอบกลับมาอีก  ตามด้วยเสียงเปิดน้ำดังซู่   คนฟังถอนหายใจยาว   นึกถึงเหตุการณ์สมัยก่อนขึ้นมาได้ 

   วันที่เขาได้เจอกับคนๆนึงครั้งแรก


   0000000000000000000000000000000000


   ‘เห้ยๆ หลบๆ  หลบไปโว้ย!’  ไวน์ตะโกนสุดเสียง  มือก็โบกไล่พวกเด็กม.1 ที่ยืนเกะกะอยู่เต็มลานหน้าโรงเรียน   เขากำลังวิ่งสุดฝีเท้าเพื่อหนีไอ้สามสี่คนที่ไล่กวดตามเขามาอยู่ข้างหลังติดๆ

   ‘มึงไม่ต้องหนีเลยไอ้ไวน์  กลับมานี่’  ไอ้คนตัวใหญ่สุดตะโกนมาข้างหลัง  พร้อมกับกระชากเสื้อของเขาแรงๆ   ไวน์หมุนตัวแล้วเตะเข้าที่หน้าแข้งของมันเข้าจังๆ 

   จากนั้นก็วิ่งต่อ   

   วนเลี้ยวอ้อมซอกตึกอย่างชำนาญ   ทว่าลืมไปสนิทว่าทางข้างหน้าเป็นทางตัน   ขายาวๆหมุนกลับเลี้ยวขึ้นไปบนตัวอาคาร   เขาก้าวขึ้นบันไดที่ละสองสามขั้นไปยังชั้นห้าบนสุด  หูยังแว่วเสียงฝีเท้าของคนที่ไล่ตามหลังมาไม่หยุด

   ...บ้าชิบ  กะอีแค่ผู้หญิงคนเดียว  จะเอาถึงตายเลยหรือไงวะ...

   ห้องเรียนทุกห้องถูกล็อคเอาไว้หมด  เขาได้แต่วิ่งไปจนสุดระเบียงเพื่อจะพบว่าไอ้พวกนั้นขึ้นบันไดมาดักรอเขาอยู่ก่อนแล้ว

   ‘จะไปไหน ไอ้ไวน์  มึงไม่รู้หรือไงว่าน้องหวานเป็นแฟนกูมาตั้งนานแล้ว’

   ‘กูไม่รู้  หวานไม่ได้บอก’  ถึงบอกก็ไม่สนหรอกครับ   นาทีนั้นใครสวยก็คว้าอยู่แล้ว

   ‘งั้นมึงก็รู้ไว้ซะนะ’  ไอ้คนตัวใหญ่สุดคว้าคอเสื้อของเขากระชากขึ้นมาจนตัวเกือบลอย  เพื่อนของมันอีกสองคนเดินมายึดตัวของเขาเอาไว้  ‘หวานเป็นแฟนกู  มึงต้องชดใช้ที่แอบพาหวานไปดูหนัง’

   สิ้นคำนั้น  หมัดลุ่นๆก็พุ่งกระแทกใบหน้าของเขาอย่างจัง  รู้สึกเจ็บแปลบพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดที่ไหลปนกันไม่รู้จากปากหรือจมูก   มันทำท่าจะง้างต่อยเขาอีกครั้ง  ทว่ากลับมีเสียงตะโกนดังขึ้นทางด้านหลัง  ทำให้ทุกคนต้องเหลียวไปมอง

   ‘ทางนี้ครับคุณครู  มีคนต่อยกันอยู่ฮะ’  พวกนั้นชะงักกึก  ไอ้คนที่ยึดตัวเขาอยู่นั้นก็คลายมือลงเมื่อได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังวิ่งขึ้นบันไดมา  ไวน์อาศัยจังหวะนั้นวิ่งสวนเข้าไปทางต้นเสียงที่ยังไม่เห็นตัว  กะว่าไอ้พวกนั้นคงไม่กล้าวิ่งตามมาทันทีแน่

   กวดสุดฝีเท้ามาถึงสุดระเบียง  เขาเลี้ยวลงบันได  กำลังจะอ้าปากฟ้องครูก็พบว่ามีเพียงเด็กผู้ชายตัวผอมๆแห้งๆคนหนึ่งยืนแอบอยู่ริมกำแพงคนเดียว   หมอนั่นยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากเป็นเชิงห้าม

   “อยู่ตรงนั้นครับครู”  เด็กคนนั้นตะโกนเสียงดังแล้วฉุดมือเขาพาวิ่งลงบันไดอย่างรวดเร็วจนหัวแทบคะมำ   ไวน์วิ่งตามหลังร่างแบบบางที่วิ่งเร็วนำหน้าเขาไปเกือบช่วงตัวนั้นลงมาจากอาคารเรียน   ตัดสนามหญ้าอ้อมไปทางโรงอาหารข้างหลัง   

   ไม่มีใครวิ่งตามพวกเขามาอีก   ไอ้พวกนั้นคงมัวแต่ตกใจอยู่กระมัง

   มาหยุดยืนเท้าแขน หอบจนตัวโยนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่  ริมสระบัวหลังโรงเรียน   ไวน์ยกมือขึ้นปากเลือดกำเดาที่ยังไหลไม่หยุดนั้นลวกๆ  อีกฝ่ายหันมาเห็นเข้า  ดวงตาโตๆคู่นั้นที่เป็นส่วนที่เด่นที่สุดบนใบหน้าเบิกกว้างขึ้นอีกเกือบเท่าไข่ห่าน

   “ละ..เลือดออกเพียบเลย  ตายแล้ว  ตายแน่ๆ” มือเล็กๆนั่นออกแรงลากเขาเดินตัดริมสระบัวกลับเข้าไปในโรงอาหาร  ตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำเก่าๆที่แทบไม่มีคนใช้แล้ว

   “ยังไม่ตายโว้ย!”  เขาตะคอกกลับอย่างหงุดหงิดแต่ก็ยอมเดินตามแรงลากโดยดี   กวาดตาสำรวจไปรอบๆห้องน้ำร้างว่าปลอดภัยแล้วจึงก้มหน้าลงวักน้ำในอ่างล้างหน้าขึ้นมาล้างคราบเลือดที่ติดอยู่เต็ม   เขาเงยหน้าขึ้นเจอ ‘พลเมืองดี’ ที่ยืนจ้องเขาอยู่เงียบๆ   ชุดนักเรียนใหม่เอี่ยมสีขาวแกมฟ้าบวกกับท่าทางเด๋อๆแปลกๆทำให้เขาเดาได้ไม่ยากว่าคนตรงหน้าคงจะเด็กกว่าเขาแน่นอน

   “ม.1 ใช่มั้ย  ชื่ออะไร”  ไวน์ถาม

   “ทำไมต้องบอก”

   “ไม่บอกก็ตามใจ” เด็กม.2ยักไหล่  ไม่อยากบอกก็ไม่อยากรู้   เขาหันหลังให้  ทำท่าจะเดินหนี

   “เห้ย เดี๋ยวสิ  อุตส่าห์ช่วย  จะไม่ขอบคุณหน่อยเหรอ”  เสียงซื่อๆแบบเด็กๆที่เสียงยังไม่แตก  ฟังดูกวนประสาทชอบกลในความคิดของเขา

   “แล้วทำไมถึงช่วยล่ะ” 

   “ก็นึกว่าเอาบุญ”  ไอ้หน้าจืดตอบกลับมา  ทำเอาคิ้วเขากระตุก  สับมะเหงกโป้กลงไปบนศีรษะทุยที่ปกคลุมด้วยเส้นผมเกรียนติดหนังหัว

   “นี่แหนะ เอาบุญ”   เด็กนั่นมองถลึงตาใส่เขาแล้วกำหมัดสวนเข้าใส่หน้าท้องของเขาทีนึงก่อนจะวิ่งหนีทว่าไม่พ้น  เขามือไวคว้าข้อมือเอาไว้ได้เสียก่อน

   ...ไม่เจ็บปวดอะไรนักหรอก  แค่หมัดง่อยๆนั่น  แต่เขาก็ไม่อยากปล่อยให้เด็กนี่ต่อยแล้วหนี

   “จะไปไหน”  กำรอบข้อมือผอมๆนั่นแน่น  หมอนั่นพยายามบิดข้อมืออย่างแรงแต่ก็ไม่หลุด   ไวน์เพิ่งสังเกตเห็นว่าดวงตาของเด็กม.1มีรอยบวมช้ำคล้ายคนที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มาไม่นานและตอนนี้ดวงตาคู่นั้นก็เริ่มมีน้ำตาคลอขึ้นมาปริ่มๆขอบตา

   “จะร้องไห้เหรอ  เป็นผู้ชายหรือเปล่าเนี่ย”  คนฟังเม้มปาก ยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้งทันที

   “ไม่ได้ร้อง  แค่แสบตาโว้ย”

   “เชื่อมากเลย  ตาบวมฉึ่งขนาดนี้”  เขาพูดแกมหัวเราะ  ยอมปล่อยข้อมือนั้น  มองอีกฝ่ายหันไปมองเงาตัวเองในกระจกอย่างตกใจ

   “โห  จริงด้วยแฮะ”  มันยกมือขึ้นแตะๆที่รอบดวงตา  แล้วก้มลงวักน้ำล้างหน้าหลายรอบ

   “ใครแกล้งมา หรือโดนสาวหักอก”  เขาค่อนข้างจะมั่นใจกับเหตุผลแรกมากทีเดียว  ดูจากท่าทางของเซ่อๆของเด็กคนนี้แล้ว  มันก็น่าแกล้งให้ร้องไห้อยู่ไม่น้อย

   “อกหักพ่อง  ยังไม่ทันจีบเลย”  เด็กม.1หลุดปากออกมาด้วยความซื่อ  แล้วก็ทำหน้าเหรอหราเมื่อคนแก่กว่าหัวเราะออกมาเสียงดัง  พลางยกมือขึ้นโยกศีรษะกลมๆไปมา

“โถ หน้าอย่างมึงเมื่อไหร่ก็อกหัก  ขี้แยก็เท่านั้น มันต้องทำตัวแมนๆหน่อยสิวะ  สาวถึงจะสน”  พูดแล้วยืดอกขึ้นนิดนึง   ดูพี่ไวน์คนนี้เป็นตัวอย่างนะครับ

“แมนๆแบบไหน  แบบที่โดนรุมตึ้บเมื่อกี้เหรอ   ไม่เอาหรอก”  พูดจบมันก็เบ้ปากใส่เขาแล้วก็วิ่งออกไปจากห้องน้ำโกโรโกโสนั้น  สรุปจนถึงบัดนี้ ไวน์ก็ยังไม่รู้เลยว่าทำไมเด็กม.1ถึงได้โผล่มาช่วยเขาไว้ได้   

   หลังจากเหตุการณ์นั้นเขาก็ได้เห็นหน้าไอ้เด็กนั่นอยู่บ้าง  รู้มาว่ามันชื่อ ลักษณ์  เรียนอยู่ห้อง ม.1/6 ห้องคิง  พวกเขาไม่เคยคุยกันอีกเลย  แม้แต่เดินผ่านกัน  เจ้าเด็กม.1ก็ทำเป็นมองไม่เห็นเขา

   จนกระทั่งกลางปี  เขาดันบังเอิญสอบได้ทุนแลกเปลี่ยนต่างประเทศ 6 เดือน  ก็เลยดรอปเรียนแล้วเดินทางไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนอยู่ครึ่งปี  ก่อนจะกลับมาเรียนซ้ำชั้น ม.2ใหม่และได้อยู่ห้องเดียวกันกับเด็กคนนั้น

   เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนอันยาวนานนี้...



   000000000000000000000000000000000000000000000


   เสียงขัดห้องน้ำเงียบไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไวน์ก็ไม่ทันสังเกต  เขารู้ตัวอีกทีเมื่อประตูที่พิงอยู่ถูกเปิดออก พร้อมกับร่างของตัวเองที่หงายหลังตามแรงเปิดของประตูไปชนิดที่ท้ายทอยกระแทกพื้นเข้าเต็มๆ
   
   “เห้ย  เจ็บมั้ย”  ได้ยินเสียงอุทานแว่วๆ  มือของคนในห้องน้ำจับต้นแขนของเขาเอาไว้แล้ว  อีกมือก็ประคองต้นคอก่อนจะพยุงให้เขาลุกขึ้นมานั่งพิงประตูเหมือนเดิม  เสื้อด้านหลังเปียกชุ่มพอๆกับเนื้อตัวของอีกคนที่เปียกม่อล่อกม่อแลก

   “ยังไหวๆ”  ไวน์พึมพำ  ยกมือขึ้นนวดท้ายทอยตัวเองจนรู้สึกดีขึ้น  ก่อนจะหรี่ตามองคนที่นั่งยองๆอยู่ตรงหน้า ลักษณ์ลุกขึ้นทันที  ทำท่าจะเดินหนี

   เขายึดข้อเท้าผอมๆเอาไว้

   “คุยกันก่อน”  เงยหน้าขึ้นพูดเสียงเรียบ แบบที่รู้ดีว่าอีกฝ่ายจะไม่มีทางปฏิเสธ   

   “ไม่มีอะไรต้องคุย” 

   “งั้นก็อยู่แบบนี้แหละ”  ลักษณ์คงรู้ดีว่าลงเขา ‘จับ’  แล้ว  ไม่มีทางแกะมือแข็งๆนี้ออกแน่นอน  ไม่ต้องนึกว่าจะยกขาอีกข้างขึ้นมาเตะด้วย   เพราะอีกฝ่ายรู้เท่าๆกับเขาว่าอาจจะโดนล็อคลงไปนอนกองที่พื้นด้วยท่ายิวยิตสูได้   

   “มีอะไรอีก”  ลักษณ์ยอมถอยหลังกลับมานั่งยองๆข้างเขาเหมือนเดิม  ใบหน้าซีดๆนั้นมีเหงื่อซึมทั้งไรผมและปลายจมูก  ริมฝีปากบางเฉียบเม้มแน่น

   “โกรธอะไร”  เขาถาม  “น้อยใจที่โดนด่าว่าโง่เหรอ  กูพูดเล่นเฉยๆเองนะ”  เขาพุ่งเข้าเป้า   อีกฝ่ายหันขวับมามองแล้วเบือนหลบสายตาของเขา

   “ปัญญาอ่อน  ใครมันจะไปคิดเล็กคิดน้อยแบบนั้น”

   “ก็มึงไง”

   “กูเปล่า”  ลักษณ์ปฏิเสธ  แต่ไม่สามารถหลอกคนที่รู้จักกันมานานเกือบ 7 ปีได้   ไวน์หรี่ตาลงยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้   อีกฝ่ายพูดเสียงเขียว  “บอกว่าเปล่าก็เปล่าดิวะ”

   “โอเค  ก็ได้  ไม่คิดก็ไม่คิด....”  เขาถอยออกมา   “แล้วทำยังไงถึงจะคิด”  ไวน์พูดเสียงเบาคล้ายพูดกับตัวเอง   คนตรงหน้าขมวดคิ้วฉับ

   “คิดอะไร  คิดว่าทำไมตัวเองโง่น่ะเหรอ”  ลักษณ์ก้มหน้าลง “กูรู้ตัวเองมานานแล้ว  ไม่ต้องย้ำ”  พูดเสียงเบาอยู่ในลำคอ  มือกำแน่นอยู่บนตัก   ดวงตาคู่นั้นหลุบต่ำเห็นขนตาหนาเป็นแพ  ปิดบังแววตาของตนเอง 

   ให้ตายเถอะ...ภาพที่เห็นทำให้เขาใจเต้นแรงแปลกๆอีกแล้ว   เผลอขยับเข้าไปจนเกือบชิด  กระซิบข้างหูเพื่อนสนิท

   “แล้วรู้ตัวหรือเปล่าว่า...น่ารัก”

   “ห้ะ?”  คนฟังเงยหน้าขึ้นทันที   ดวงตาเบิกกว้างมองหน้าเขาอย่างตกใจ    คนพูดยิ้มใส่ตาคู่นั้น   แล้วพูดแกมหัวเราะ

   “โทษที กูพูดตกไปหน่อย  จะบอกว่ารู้ตัวหรือเปล่าว่ามี ‘เพื่อน’ น่ารัก”   

   “น่ารักตรงไหนวะ  กูไม่คุยกับมึงแล้ว  พูดอะไรไม่รู้เรื่อง  ประสาท!”  ลักษณ์พูดแล้วรีบลุกขึ้นยืน    ขณะที่คนพูดหัวเราะเสียงดัง   

   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะคนทั้งคู่  ไวน์ล้วงกระเป๋ากางเกงลงไปหยิบขึ้นมาดู  หน้าจอขึ้นชื่อของเด็กสาวคนหนึ่งที่ทำให้สายตาของเพื่อนที่เมียงมองอย่างสนใจนั้น ‘จ๋อย’ ลงไปถนัด

   ชายหนุ่มจุ๊ปาก  กดรับ

   “สวัสดีครับแอน ....ครับ  ขอโทษด้วยนะที่วันนี้ไม่ว่างกะทันหัน   อืม...อ้าว  ตกลงไม่ได้ดูหนังเหรอครับ    อาทิตย์หน้าผมไม่ว่างแล้วสิ  ขอโทษด้วยนะครับ   อ้อ...จะคุยกับลักษณ์มั้ย  ผมอยู่กับเค้า...ครับ  งั้นสวัสดีครับ”  ไวน์กดวางสายแล้วหันมามองหน้าใครอีกคนที่ยืนเม้มปากอยู่ข้างๆ

   “พวกตาไม่ถึง  ไม่ต้องไปสนใจหรอกน่า   สาวๆน่ารักๆในคณะกูมีอีกเพียบ  เดี๋ยวพาทัวร์” 

   คำตอบที่ได้รับมีเพียงเสียงถอนหายใจแผ่วเบาตอบกลับมา   เบาบางทว่ากลับทำให้เขาร้อนใจขึ้นมาฉับพลัน
   
   “เอางี้  เดี๋ยวแนะนำดาวคณะฯ ให้รู้จักเลย  คนนี้เด็ดจริงๆนะ  น่ารักกว่าแอนร้อยเท่า”  เขานึกถึงเพื่อนอีกคน  เธอตัวเล็กๆขาวๆ สเป็คของไอ้ลักษณ์แน่นอน

   ไวน์ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวเอง ‘ควร’ รู้สึกอย่างไรกันแน่   ในการปฏิบัติตัวเป็นเพื่อนที่ดีนี้   วูบหนึ่งที่เขาดีใจที่แอนไม่ชอบเพื่อนของเขา  อีกวูบหนึ่งก็อดสงสารหน้าจ๋อยๆไม่ได้  เห็นมันต้องกินแห้วผสมน้ำใบบัวบกเมนูเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่นั่น   ใจหนึ่งอยากช่วยให้เพื่อนสมหวังเสียที

   ...แต่อีกใจ  ก็ไม่นึกอยากให้ใครเข้าใกล้ลักษณ์ไปมากกว่านี้....มากกว่าเขา

   “ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น   มันอยู่ที่หนังหน้ากูเนี่ย”   ลักษณ์เงยหน้าขึ้นแล้วพูดเสียงดัง   “ไม่มีใครชอบกูหรอก  ขนาดกูยังไม่ชอบตัวเองเลย”   เสียงคนพูดพร่าสั่นด้วยแรงอารมณ์   

   “หนังหน้ามึงมันทำไมไม่ทราบ”  ไวน์ยกมือขึ้นแตะที่แก้มซ้าย  แล้วเปลี่ยนเป็นจับปลายคางของเพื่อนเอาไว้แน่น “กูว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ใบหน้าของมึง  แต่อยู่ที่ความคิดของมึงมากกว่า” 

   “ปล่อยกู  ...มึงไม่เข้าใจหรอก  คนที่เกิดมาหล่ออย่างมึงอ่ะ”

   ...หล่อแล้วจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อคนที่กูชอบ เค้าไม่ได้ชอบความหล่อของกูเลย   ปัญหากูหนักกว่ามึงอีก  ลักษณ์    เขาตะโกนในใจ  ทว่าพูดออกไปไม่ได้ 

   ไม่อย่างนั้นความสัมพันธ์ที่เขาเฝ้าอุตส่าห์ทะนุถนอมมาอย่างดีคงพังครืนลงไม่เป็นท่า

   ลักษณ์ปัดมือเขาออก  แล้วเดินหายเข้าไปในห้องนอน   สักพักก็กลับออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่ที่แห้งสนิท  อีกฝ่ายเดินผ่านเขาไปราวกับเห็นเขาเป็นอากาศไม่ก็มนุษย์ล่องหน

   ไวน์ถอนหายใจยาว   เดินเข้าไปในห้องนอนของเพื่อนเพื่อเปลี่ยนเสื้อที่เปียกโชกบ้าง   สายตามองไปที่ปลายเตียงเห็นเสื้อยืดตัวหนึ่งวางพับเอาไว้   ขนาดของมันใหญ่เกินกว่าจะเป็นของเจ้าของห้อง   คงมีใครบางคนวางเตรียมเอาไว้ให้เขา...ทั้งๆที่โกรธกันอยู่

   ชายหนุ่มถอดเสื้อตัวเดิมออก แล้วหยิบเสื้อปลายเตียงขึ้นมาสวมใส่   เขามองลายการ์ตูนรูปวัวที่อยู่กลางอกนั้นแล้วถอนหายใจอีกครั้ง

   ....ไอ้วัวเอ๊ย   ทำแบบนี้ทำไมวะ

   แล้วเมื่อไหร่เขาจะตัดใจได้เสียที....

   ............................................................................
   
หัวข้อ: Re: Hidden Wood เส้นผมบังใจเขา #แอบลักษณ์ อัพบทที่2 ค่ะ ลองอ่านดูนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 07-12-2016 23:39:19
มาต่ออีกนะคะ เชียร์ไวน์สุดใจเลยยยย  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hidden Wood เส้นผมบังใจเขา #แอบลักษณ์ อัพบทที่3 นาจาา
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 12-12-2016 16:24:07
ตอนที่ 3
Everything comes to him who waits.





   “พร้อมกันอีกรอบนะคะน้อง  พี่ขอเสียงดังๆหน่อยนะ” 

   พี่ปีสองตะโกนใส่โทรโข่งให้เหล่าเด็กปีหนึ่งเฟรชชี่ร้องเพลงเชียร์หลายสิบเพลงใหม่อีกรอบ  หลังจากที่นั่งแหกปากตะเบ็งเสียงกันมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว  ก็ยังไม่เป็นที่พอใจของรุ่นพี่เสียที

   ลักษณ์รู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่ไม่เลือกลงกีฬาอะไรสักอย่างไปซะ  จะได้ไม่ต้องมานั่งร้องเพลงจนเสียงแหบเสียงแห้งขนาดนี้   

   เฟรชชี่เกมส์ได้เริ่มขึ้นแล้ว   และหน้าที่ของเด็กปีหนึ่งคณะเภสัชฯที่ไม่ได้เป็นเชียร์ลีดเดอร์  ไม่ได้มีความสามารถพิเศษด้านกีฬา  ไม่มีหน้าตาดึงดูดหรือป๊อบปูล่าพอจะไปเดินถือป้ายอย่างเขา  ก็เหลือหน้าที่เดียวคือต้องขึ้นแสตนด์เชียร์

   ซ้อมร้องเพลง ปรบมือ ก้มหัว ยกแขนเป็นจังหวะให้พร้อมเพรียงกันทุกเย็นนั้นเป็นความน่าเบื่อที่สุดในความคิดของลักษณ์  ทว่าเขาก็ไม่รู้จะหาทางปลีกตัวออกมาได้อย่างไร

   “กรี้ด!  คนนั้นแหละแก  เสื้อน้ำเงินสูงๆอ่ะ  ใช่เลย”  เสียงหวีดเบาๆดังมาจากข้างหลังของเขา  ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าเป็นสาวๆร่วมชั้นปีที่มาขึ้นแสตนด์เชียร์ด้วยอีกจุดประสงค์หนึ่งคือ ส่องนักกีฬา

   “คนไหนๆ    เสื้อสีน้ำเงินตั้งหลายคน   ใช่ที่ใส่แว่นน่ะเหรอ”

   “ไม่ใช่ย่ะ  คนที่สูงๆนั่นน่ะ   ที่ก้มลงไป  อุ้ย เงยหน้าขึ้นมาแล้ว”

   ลักษณ์กวาดสายตามองตามเสียงกระซิบกระซาบ   เห็นร่างสูงใหญ่ในเสื้อสีน้ำเงินกำลังเงยหน้าขึ้นมองมาทางแสตนด์พอดี    พอเห็นใบหน้านั้นถนัด  ลักษณ์ก็อยากจะเบ้ปาก

   นึกว่าใคร...อ่ะโธ่

   “หล่อว่ะ   ชื่อไวน์ใช่มั้ย”

   “ใช่แล้วแก   หล่อมั้ยล่ะ  นี่ชั้นมีเฟสเค้าด้วยนะ   หล่อมาตั้งแต่มัธยมแล้ว   เนี่ยเค้าได้เป็นเดือนคณะฯด้วย   เดี๋ยวจะมีแข่งดาวเดือนมหาลัย  ชั้นว่าเค้าก็คงได้อีก”
   
   สาวๆยังคงซุบซิบต่อกันมาอีกหลายคำ  พร้อมกับเสียงกรี้ดเป็นระยะ   เมื่อคนที่ถูกพูดถึงลงไปวิ่งซ้อมในสนามบาส   และโยนรับส่งลูกบาสกับเพื่อนร่วมทีมอย่างคล่องแคล่ว

   “มีแฟนแล้วชัวร์  คนไหนอ่ะ  คณะเดียวกันป่ะ” 

   “ใช่ๆ  เห็นว่าชื่อ...”

   ถึงไม่อยากฟังเท่าไหร่  แต่เสียงพูดคุยก็ยังลอยดังเข้ามาในหูเองอยู่ดี  ลักษณ์เสก้มลงดูดน้ำในขวดอึกใหญ่แก้คอแห้ง    เพื่อนผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆเขาและเพิ่งรู้จักกันได้สี่วันหันมาถาม

   “เสร็จเชียร์มึงไปไหนต่อ  ไปกินข้าวเย็นด้วยกันเปล่า  มีกู  เต้   เบียร์”    คนพูดชื่อ แซม   แต่ใบหน้าตี๋ตาชั้นเดียวบอกเชื้อจีนเต็มที่ไม่มีฝรั่งปนนั้นชวนเขาพลางยิ้มกว้าง   เพื่อนๆอีกสองคนที่นั่งถัดกันไปหันมาผงกหัวหงึกหงักเป็นเชิงเชิญชวน

   เต้เป็นคนใต้  ผิวคล้ำหน้าคม  หล่อทีเดียวเสียแต่ตัวเล็กไปหน่อย   ส่วนเบียร์นั้นอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี   ชื่อเล่นเต็มๆคือถังเบียร์เพราะหุ่นเหมือนถังไม้โอ๊ค    ท่าทางซื่อๆขี้เล่นใช้ได้ 

   ลักษณ์เหลือบมองนักกีฬาในสนามอีกรอบ   เขาอยากหันไปถามเพื่อนผู้หญิงข้างหลังเหมือนกันว่าแฟนเดือนแพทย์ที่พวกเธอซุบซิบอยู่เมื่อกี้นั้นคือใครหรือ   

   จะใช่ แอน  สาวน้อยที่เขาเคยปลื้มแล้วถูกเมินอย่างไม่ไยดีนั้นหรือเปล่า

   นับตั้งแต่วันนั้นที่บ้านของเขา    ลักษณ์ก็ไม่ได้คุยกับไวน์อีกเลย   บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมจะต้องโกรธเพื่อนขนาดนั้น  มันเหมือนน้อยใจในโชควาสนาของตนมากกว่า   จริงๆแล้วก็ไม่เกี่ยวกับเพื่อนเสน่ห์แรงของเขาเลยสักนิด

   แต่ไวน์ก็หายไปเลย  ไม่แวะมาหาเขาที่คณะฯเหมือนเคย  เวลาเรียนถ้ามีคาบเรียนรวมกัน  ไวน์ก็แยกไปนั่งกับเพื่อนใหม่ร่วมคณะฯ

   ทำเหมือนเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน   ถึงจะรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายพาลหาเรื่องอีกฝ่าย เพราะน้อยใจที่หญิงสนใจเพื่อนมากกว่า   ทว่าเขาก็ไม่อยากเป็นฝ่ายง้อ

   ไม่พูดก็ไม่พูด  ไม่อยากเจอหน้ากันก็ช่าง...ไม่เห็นต้องสนใจเลย

   “กูไปด้วยๆ  ร้านไหน”   เขาหันไปตอบเพื่อน   

   กว่ารุ่นพี่จะปล่อยให้ลงจากแสตนด์ก็ผ่านไปอีกเกือบชั่วโมง   พวกนักกีฬายังซ้อมกันไม่เสร็จ   ดูเหมือนแพทย์จะกำลังแข่งกับเภสัชเพื่อวอร์มอัพก่อนแข่งจริงอาทิตย์หน้า    เพื่อนส่วนใหญ่อยู่เชียร์กันต่อ  เสียงเชียร์เริ่มคึกคักขึ้นเรื่อยๆ   จากหางตาลักษณ์เห็นไวน์กระโดดขึ้นชู้ตทำแต้มหลายต่อหลายครั้ง

   และครั้งสุดท้ายมีเสียงร้องอุทานอย่างตกใจจากคนรอบสนาม   เด็กหนุ่มหันไปดูก็เห็นร่างสูงโปร่งของเพื่อนลงไปนอนตะแคงอยู่ที่พื้น

        “ตายแล้ว  ไวน์เป็นอะไรน่ะ  โดนชนหรอ” 

        ลักษณ์ขยับตัวแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับเรื่องนี้เลย   เพื่อนร่วมทีมของฝ่ายนั้นวิ่งเข้ามารายล้อมอีกฝ่ายจนแทบมองไม่เห็นตัว   ตามด้วยเจ้าหน้าที่แพทย์สนามที่วิ่งเข้ามาพร้อมกับกล่องยา   

         เขายืนมองอยู่นิ่งๆข้ามสนามด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก   จนเพื่อนต้องสะกิดเรียกแรงๆ

         “ไอ้ลักษณ์  ไปกันเถอะ  กูหิวแล้ว” 

          เด็กหนุ่มเหลียวไปมองในสนามบาสอีกครั้งแล้วเดินตามกลุ่มเพื่อนออกมาจากโรงยิม

   “ร้อนชิบเลย  เจ็บคอด้วย  ทำไมเราต้องมานั่งซ้อมอะไรแบบนี้ด้วยวะ”  เต้พูด  ยกมือขึ้นบิดขี้เกียจเสียงจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น 

   “นั่นดิ  อาทิตย์หน้าโดดกันดีกว่า   มานั่งเสียเวลาทำไม”  เบียร์พยักหน้าเห็นด้วย    พวกเขาเดินตามกันออกมาเกือบถึงถนนใหญ่หน้ามหาวิทยาลัย   เสียงเชียร์ยังดังมาถึงให้ได้ยินแว่วๆ   ข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม  เดินอีกหน่อยก็ถึงร้านอาหารบรรยากาศดี ราคาย่อมเยาที่พวกเพื่อนพาเขามากินหลายครั้งแล้ว

   “เอาอะไร   ลักษณ์   ไอ้ลักษณ์” 

   เขาสะดุ้ง  หันหน้ากลับมาจากหน้าต่าง    มัวแต่มองถนนคิดอะไรเพลินจนลืมตัว   ลักษณ์รับเมนูจากเพื่อนมาพลิกดูแล้วสั่งไปส่งๆ   

   “เป็นอะไรของมึง  นั่งเหม่อมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”  แซมถามขึ้น  ทุกคนหันมามองหน้าเขาเป็นตาเดียว   

   “เปล่า  กูแค่กังวล...เรื่องควิซพรุ่งนี้”

   “เออว่ะ  ยังไม่ได้อ่านเลยเนี่ย  คืนนี้ก็มีนัดตีดอทซะด้วย”

   จากนั้นหัวข้อสนทนาบนโต๊ะก็เปลี่ยนไปเป็นเรื่องเกมส์แทนตามประสาเด็กผู้ชาย    พวกเขาพูดคุยกันอย่างถูกคอมากทีเดียว   เบียร์กับแซมมาจากโรงเรียนเดียวกันโดยที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน   ส่วนเต้มาจากโรงเรียนชื่อดังทางใต้

   “แล้วมึงมาจากโรงเรียนอะไรลักษณ์    มีเพื่อนมาด้วยมั้ย”

   เพื่อนงั้นเหรอ....เอาอีกแล้ว  พอพูดถึงเพื่อน   เขาก็อดนึกถึงใบหน้าคมเข้ม ท่าทางกวนประสาทของเพื่อนสนิทคนเดียวที่มีไม่ได้    หลายครั้งที่เราทะเลาะกัน   ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นจากเขาเนี่ยแหละเป็นต้นเหตุ   ทว่าสุดท้ายคนที่ยอมก็จะเป็นอีกฝ่ายทุกที

   จนเขาลืมไปแล้วว่าเคยง้อไวน์ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่...อาจจะสองปีก่อนตอนที่เผลอทำแฟลชไดรฟ์ของมันตกน้ำล่ะมั้ง   เอ๊ะ...หรือว่าจะตอนที่แอบกินเค้กในตู้เย็นของมันจนหมดก้อน   ทั้งๆที่รู้ว่ามันเตรียมจะเอาไปให้สาวในวันรุ่งขึ้น

   “มาจากโรงเรียน....”  เขาเอ่ยเชื่อโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านชานเมือง   “เพื่อนก็มีมาบ้าง แต่อยู่คนละคณะ”

   ...ป่านนี้มันจะเป็นยังไงบ้างวะ  ลงไปนอนจูบพื้นแบบนั้นอาจจะเจ็บหนักละมั้ง  ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องลงแข่ง   เบื่อ....รำคาญเสียงกรีดร้องของบรรดาแฟนคลับของมันเต็มทน

   “ไปเว้ย  เจอกันพรุ่งนี้เช้า  กลับไปอ่านหนังสือมาด้วยนะมึง  กูฝากความหวังไว้ที่มึงแล้วไอ้ลักษณ์”  เพื่อนๆตบไหล่ของจนแทบทรุด  ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านหลังจบมื้อเย็นที่เขาแทบไม่รู้รสชาติของอาหาร

   มัวแต่คิดอะไรไปเรื่อย...ไร้สาระชะมัด

   ขึ้นรถเมล์ไปลงหน้าปากซอย  เดินเข้าไปอีกหน่อยก็ถึงหน้าร้านอาหารของป้าดาที่กำลังมีลูกค้าเต็มร้าน   ความจริงเขาก็ควรจะกลับมากินข้าวเย็นที่ร้านนั่นแหละ   แต่จะทำไงได้...เขากินมาตลอดชีวิตจนเบื่อแล้ว   

   พี่ราม  พี่ชายของเขากำลังก้มหน้าคิดเงิน  มือก็หยิบจับผ้าขี้ริ้วเช็ดโต๊ะอย่างรวดเร็ว    เขาเงยหน้าขึ้นมาเห็นน้องชายเดินเข้ามาในร้านพอดี ก็ไล่ให้ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมาช่วยกันเสิร์ฟ

   ลักษณ์ถอนหายใจยาว...ชีวิตของเขาก็เหมือนทุกวัน    เดินไปหยิบผ้ากันเปื้อนมาคล้องคอ แล้วไปช่วยป้าดาตักอาหารที่หน้าร้าน    สลับกับมาช่วยเก็บโต๊ะ ทอนเงิน

   “วันนี้ไอ้ไวน์ไม่มาเหรอ”  พอคนเยอะเข้า  พี่รามก็เริ่มถามหาเพื่อนสนิทของเขาที่เคยตัวติดกัน  และมักมาช่วยที่ร้านบ่อยๆ    ลักษณ์ส่ายหน้า

   “มันไม่ว่าง”  คงนอนเดี้ยงอยู่ที่ไหนสักแห่งแล้วมั้ง

   “เหรอ  เป็นอะไรหรือเปล่า   ไม่โผล่หน้ามาเป็นอาทิตย์แล้ว”

   “ไม่รู้มัน”

   “ทะเลาะกันอีกล่ะสิ”

   “เปล่า”  เขาตอบสั้นๆแล้วเดินหนี

   ไม่รู้เป็นบ้าอะไร  หงุดหงิดชะมัด  มองไปทางไหนก็มีแต่เรื่องขัดหูขัดตา   สุดท้ายลักษณ์ก็หนีไปนั่งล้างจานอยู่หลังร้านจนกระทั่งถึงเวลาปิดร้าน  แอบแยกตัวขึ้นมาจากสมาคมแม่บ้านที่ประกอบด้วยป้าของเขานั่งดูทีวีอยู่กับพี่ชายไปพลาง เม้าท์เรื่องสัพเพเหระไปพลาง  ไล่ตั้งแต่เรื่องหมาข้างบ้านตายไปจนถึงเรื่องข่าวดาราหญิงเปิดตัวว่าเป็นทอม

   ใครมันจะเป็นทอมเป็นดี้ เป็นเก้งกวางบ่างชะนีอะไรก็เรื่องของเค้ามั้ยล่ะ  ทำไมคนจะต้องไปให้ความสำคัญขนาดนั้นด้วยวะ...

   หลบขึ้นมาอาบน้ำ   เปลี่ยนชุดนอนค่อยรู้สึกสบายตัวขึ้นมาบ้าง   ทว่าความรู้สึกหนักๆในใจยังไม่หายไปไหน  คล้ายกับว่ามันจะทวีขึ้นตามเข็มนาฬิกาที่ผ่านไปนั้น

   หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเล่น   เปิดโปรแกรมสนทนาไลน์ที่มีกรุ้ปอยู่เกือบล้าน  ก็เวอร์ไปหน่อย...เอาเป็นว่ามีมากจนจำไม่ได้ว่าตัวเองโดนลากเข้าไปอยู่ในนั้นได้อย่างไร 

   Sammylunla ส่งคำเชิญชวนคุณเข้าร่วมกลุ่ม  หล่อ(เภ)สัชชชชชชช

   ลักษณ์อ่านข้อความนั้นซ้ำอีกรอบ    เกือบจะกดปฏิเสธไปแล้ว   แต่ก็เปลี่ยนใจกดเข้ากลุ่มที่มีสมาชิกเพียง 4 คนเท่านั้น
 
   Sammylunla:  อหหน้ำตาจะไหล  กว่าไอ้ลักษณ์จะกดเข้ากลุ่ม  ยังดีนะไม่รอให้เรียนจบแล้ว

   เต้ตอบแล้วนะ:  ยินดีต้อนรับเพื่อนลักษณ์ครับ

   Beersing:  ลักตีดอทกันนนนน

   GoodLuck:  ไม่อ่ะ  วันนี้บาย  ง่วง

   เต้ตอบแล้วนะ:  เมิงไม่อ่านควิซกันเหรอค้าบ

   Beersing:  ก็ฝากมึงอ่านไง

   Sammylunla:  ไอ้เบียร์อยู่ไหน  ขาดมึงคนเดียวเนี่ย  จะเริ่มแล้ว

   เต้ตอบแล้วนะ:  ฝากพ่อง
   
   หลังจากนั้นแชทกลุ่มก็เงียบไป  ลักษณ์เดาว่าพวกมันคงกำลังเล่นเกมกันอยู่อย่างเมามัน   ส่วนเขานั้นไม่รู้สึกง่วงตามที่ตอบเพื่อนไปเลยสักนิด   

   หยิบชีทเลคเชอร์ขึ้นมาเปิดอ่านไปได้สองสามหน้าก็ต้องวางลงอย่างหงุดหงิด   ลุกขึ้นเดินวนกลับไปกลับมาในห้องครบสามรอบพอดีก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนไลน์ดังขึ้น

   มือเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดดูทันควัน...แจ้งเตือนข้อความจากกรุ้ปเภสัชเรื่องจ่ายเงินค่ารุ่นอะไรก็ไม่รู้พรุ่งนี้   เขาถอนหายใจยาว  กดปิดการแจ้งเตือนกรุ้ปนั้นไปเสีย

   บอกตัวเองว่าไม่ได้รออะไรหรือใครอยู่เลยจริงๆ...จริงๆนะ

   โอเค

   ก็ได้...

   รออยู่

   รอมาสี่วันแล้วด้วย

   ทำไมเงียบหายไปขนาดนี้วะเห้ย   นี่ยังเห็นกูเป็นเพื่อนมึงอยู่อีกมั้ยเนี่ย  ไอ้ไวน์!!

   เขากดเข้าไปในแชทของคนที่ใช่ชื่อว่า WineiloveU   ชื่อที่เขาเคยค่อนขอดอีกฝ่ายว่าเสี่ยวสุดๆ  ทว่าเพื่อนผู้หญิงกลับมองว่ามันดูโรแมนติกเสียนี่กระไร

   WineiloveU: นอนเหอะ

   
   นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่เราคุยกันเมื่อหลายวันก่อนตอนที่นั่งวางแผนจะไปดูหนังกับแอน   หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย   ไม่ว่าจะทางไลน์  ทางโทรศัพท์  หรือว่าเผชิญหน้า

   ไม่อยากยอมรับเลยว่าเขาเป็นห่วงมันชะมัด  ลงมานอนแอ้งแม้งกับพื้นขนาดนั้น   กระดูกกระเดี้ยวหักบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้   เงียบหายไปแบบนี้อีก   

   ถ้าทักไปถามก่อน  จะเสียฟอร์มเปล่าวะ...  หรือพรุ่งนี้ค่อยเนียนๆเข้าไปถามทีเดียวเลย   ไหนๆก็มีควิซที่รวมคณะแพทย์ด้วยอยู่แล้ว   อุตส่าห์เงียบ  ไม่คุยด้วยมาตั้งนาน  ป่านนี้มันคงสำนึกผิดแล้วมั้ง

   เอาไงดีนะ

   WineiloveU: นอนยัง 

   “เห้ย!”...จู่ๆข้อความจากฝ่ายนั้นก็ปรากฏขึ้นในหน้าต่างแชทเหมือนเล่นกล  แล้วเขาก็กดออกไม่ทันเลยอ่านไปแล้วเต็มๆ   แบบนี้อีกฝ่ายก็รู้หมดสิว่าเขาเปิดหน้าจอสนทนาค้างเอาไว้อยู่

   บ้าชะมัด...

   WineiloveU:  อ่านไม่ตอบเหรอ?

   WineiLoveU:  ขอโทษเรื่องวันก่อน   ไม่ได้ตั้งใจจะหมายความอย่างนั้นนะ

   WineiLoveU:  เงียบ? 

   WineiLoveU:  ทำยังไงถึงจะหายโกรธ

   คนอ่านถอนหายใจยาวเป็นรอบที่ร้อยของวัน   เขาจะไม่แปลกใจเลยถ้าตัวเองจะสั้นลงไปอีกหลายปี   อ่านข้อความบนหน้าจอซ้ำอีกครั้ง  แล้วก็กดพิมพ์ตอบกลับไป
   
GoodLuck: ที่ล้มเป็นไงมั่ง

   WineiLoveU:  เห็นด้วยหรอ

GoodLuck: เห็นดิ  นอนพะงาบอยู่นิ55

   WineiLoveU:  นึกว่าไม่เห็น

   WineiLoveU:  เห็นเดินออกไป

   WineiLoveU:  แล้วทำไมไม่เข้ามาช่วย

   
GoodLuck:  ก็คนช่วยออกเยอะแยะแล้วนี่
GoodLuck:  ให้เข้าไปทำอะไรล่ะ

   WineiLoveU:  มาเป่าเพี้ยงๆเหมือนตอนนั้นก็ได้

   WineiLoveU:  5555555555555555
   

   คนอ่านหน้าร้อนวาบ  เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่อีกฝ่ายขุดขึ้นมาล้อเลียนนั้น   เกือบทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น  ไอ้ไวน์เป็นต้องยกเรื่องคราวนั้นมาล้อทุกที

   โธ่เว้ย  แค่ความผิดพลาดครั้งเดียว   จะล้อยันลูกกูบวชเลยมั้ยล่ะ


   0000000000000000000000000

   ลักษณ์นั่งวาดรูปอยู่ใต้ต้นไม้ริมสระบัวหลังโรงเรียน   มุมโปรดที่เขามักแอบมานั่งเล่นฝึกฝีมือวาดภาพอยู่คนเดียวยามที่ต้องการอยู่อย่างสงบปราศคนกวนใจ

   ลมเย็นๆพัดผ่านหอบเอากลิ่นหอมอ่อนๆของดอกบัวมาด้วย   เด็กชายวางดินสอในมือลงแล้วลุกไปนั่งริมขอบสระบัวแทน  เพิ่งสังเกตเห็นว่าในบึงมีปลาตัวเล็กๆว่ายอยู่เป็นกลุ่มใหญ่  บางตัวมีสันสวยงามทีเดียวคงจะเป็นตัวผู้กระมัง

   จ๋อม!

   เสียงอะไรบางอย่างกระทบน้ำกลางบึง ตามด้วยน้ำแตกกระจายเป็นวงกว้าง

   จ๋อม! 

   คราวนี้มันตกลงในน้ำใกล้กับที่เขานั่งอยู่มาก  จนน้ำในสระกระเซ็นขึ้นมาโดนขาของเขา 
 
   ลักษณ์ลุกขึ้นยืน  เงยหน้ามองหาต้นเหตุที่ทำลายความสงบยามเย็นเช่นนี้  จากสายตาเขาเดาว่าน่าจะเป็นก้อนหินหรือไม่ก็ลูกไม้เล็กๆที่ถูกพวกมือบอนเขวี้ยงลงไปในสระเล่น

   จ๋อม!

   อ่าฮะ...เขาเงยหน้าขึ้นไปบนต้นไม้ถัดไปเพียงสองต้น ก็เจอต้นเหตุนั่งห้อยขามองมาที่เขาอยู่ก่อนแล้ว  รอยยิ้มกวนๆที่มุมปากของคนๆนั้นทำให้เขาไม่ชอบยิ่งกว่าเดิม

   ศตวรรษ...รุ่นพี่ชั้นม.2ที่ไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกามา 6 เดือน  แล้วก็กลับมาเรียนซ้ำชั้น อยู่ห้องเดียวกันกับเขา  เราเคยพบกันมาก่อนหน้านั้นแล้ว   ตอนที่เขาเข้าไปช่วยอีกฝ่ายเอาไว้จากการถูกรุมกระทืบ  และฝ่ายนั้นก็ตอบแทนเขาด้วยการเขกหัวกับคำพูดไร้สาระ  ไม่มีแม้แต่คำขอบคุณสักคำ

   เหอะ...อย่างกับว่าอยากช่วยนักนี่   แค่เขาบังเอิญอยู่ในห้องน้ำตรงนั้นพอดี  และวิญญาณพลเมืองดีเข้าสิงก็เท่านั้น

   “ทำอะไรอยู่น่ะ วาดรูปเหรอ”  เสียงห้าวๆนั้นถามลงมาจากต้นไม้ 

   เขาทำเป็นไม่ได้ยิน  หันหลังเดินกลับไปที่กระเป๋าตัวเองที่วางทิ้งเอาไว้แล้วลงมือเก็บของ

   “เห้  จะไปแล้วเหรอ  ถามไม่ตอบ” 

   หินก้อนหนึ่งปลิวมาตกใกล้ๆตัวเขา   ลักษณ์เงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ  หันขวับไปมองคนปาที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

   “ไม่มีมารยาท  ปามาได้ยังไง”

   “อ้าว  พูดได้นี่  นึกว่าเป็นใบ้เสียอีก”  อีกฝ่ายตอบกลับมา   

   ลักษณ์เริ่มรู้สึกเดือดปุดๆ   ตลอดเวลาสองอาทิตย์ที่เปิดเทอมมา  เขากับอีกฝ่ายไม่เคยพูดกันเลยสักคำเดียว   แม้ว่าไวน์จะเข้ากับเพื่อนรุ่นน้องในห้องได้อย่างดีภายในอาทิตย์เดียวด้วยท่าทางเป็นมิตรกับใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา   ทว่าสำหรับลักษณ์แล้ว   สิ่งเหล่านั้นไม่ได้มีผลทำให้เขาอยากคบอีกฝ่ายเป็นเพื่อนเลยสักนิด

   “.....”  ลักษณ์ไม่ตอบกลับ  เขาไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับคนๆนี้   เก็บกระเป๋าเสร็จก็ลุกขึ้นยืน   

   ตุบ

   “โอ๊ย!”   ความรู้สึกเจ็บแปลบแล่นขึ้นมาจากกลางหลัง  ลักษณ์หันกลับไปมองมือปาหินด้วยความโมโห   เขาก้มลงหยิบก้อนหินขนาดเขื่องที่อยู่ปลายเท้าขึ้นมาถือเอาไว้ในมือ   

   สบดวงตาคมเข้มที่มองมาที่เขาอย่างท้าทายนั้นแวบหนึ่ง  แล้วก็ง้างแขนปาหินก้อนนั้นออกไปสุดแรง  กะให้เข้าที่ลำตัวของอีกฝ่ายพอดี 

   “โอ๊ะ!”  ยิ่งกว่าแม่น  เมื่อก้อนหินก้อนนั้นกระทบเข้ากลางหน้าผากของอีกฝ่ายเข้าเต็มๆ  ไวน์ร้องลั่นยกมือกุมหน้าผาก  ก่อนจะตกลงมาจากต้นไม้ที่นั่งอยู่อย่างหมิ่นเหม่นั้นเสียงดังพลั่กใหญ่

   ลักษณ์ตกใจ   เขาวิ่งเข้าไปดูคนที่นอนกองอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่นั้นอย่างรวดเร็ว  ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าข้างๆ  เอื้อมมือไปจับท่อนแขนแข็งแรงนั้นเขย่า

   “เป็นอะไรหรือเปล่า  เจ็บตรงไหน” 

   คนตัวใหญ่พลิกตัวนอนหงายหนุนหน้าขาของเขาเอาไว้  มือที่กุมอยู่ที่หน้าผากมีเลือดไหลออกมาตามง่ามนิ้ว  เจ้าตัวสูดปากเบาๆ

   “เจ็บตรงนี้  แตกเลยอ่ะ”  ไวน์ลดมือลงมา  เผยให้เห็นแผลประมาณเหรียญบาทที่กลางหน้าผาก  เลือดไหลซึมๆและบวมปูด  “ปาแม่นมาก”

   “ขอโทษนะ  เราไม่ได้ตั้งใจ”  ลักษณ์พูดอย่างร้อนรน  ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบกระดาษทิชชูที่มีไว้เช็ดมือตอนเขียนภาพขึ้นมาแตะซับเลือดที่ใบหน้าอีกฝ่ายให้   “โอ๊ยเลือดไหลเต็มเลย  อย่าร้องไห้นะ  เป่าหายเพี้ยงๆเลย”  เขาเผลอพูดออกไปด้วยความตกใจ  เพราะตอนเด็กๆเวลาเขาหกล้มร้องไห้  ก็มีพี่รามกับป้าดานี่แหละที่คอยปลอบโยนโดยการเป่าลมลงไปที่บาดแผล

   แล้วความเจ็บปวดก็ลดลงไปนิดนึง...จริงๆนะ

   “เป่าอะไรของมึง  น้ำลายกระเด็นเต็มหน้าเลยเนี่ย” 

   ลักษณ์เพิ่งนึกขึ้นได้  ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนในครอบครัวของเขา  และมันก็ดูปัญญาอ่อนไม่น้อยที่จะมานั่งเป่ามนต์เสกคาถาเหมือนเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก

   ใบหน้าร้อนซู่  ยิ่งสบดวงตาคมเข้มที่มองมาที่เขาอย่างงุนงงปนขบขันนั้นด้วยแล้ว   ลักษณ์ก็อยากเดินหนีไปเสียเลย   ติดที่อีกฝ่ายยึดข้อมือของเขาเอาไว้มั่น

   “เอ่อ...ไปห้องพยาบาลกันเถอะ”  รีบชิงเปลี่ยนเรื่องซะ  แล้วหันไปทางอื่น   

   “ไม่ต้องหรอกน่า  เดี๋ยวก็หยุด  แผลนิดเดียวเองมั้ง”  ไวน์ลุกขึ้นนั่ง  เขยิบเข้ามาใกล้จนเกือบชิด 

   “เห้ย จะทำอะไร”  ลักษณ์ตกใจ ขยับจะถอยห่าง  ทว่าอีกฝ่ายยกมือขึ้นจับท้ายทอยของเขาเอาไว้  ยึดให้อยู่นิ่งๆ  พลางชะโงกหน้าเข้ามาใกล้

   “ขอดูแผลหน่อยเดียว”  เสียงห้าวๆนั้นพึมพำ   

   “ดูยังไง  ถอยไปนะ”  ลักษณ์ไม่เข้าใจ

   “ดูเงาสะท้อนในตาไง”  อีกฝ่ายตอบกลับมา  จ้องดวงตาคู่นั้นมาที่ตาของเขานิ่ง  ลมหายใจปะทะใบหน้าเบาๆทำเอาลักษณ์ขนลุกซู่  รีบเอามือดันใบหน้าของอีกฝ่ายออก

   “ไปส่องกระจกโน่น”

   “โอ๊ย!  เบาๆหน่อยสิ  ทำเขาเจ็บแล้วยังไม่พออีก”

   “ก็ใครเริ่มก่อนล่ะ”  ลักษณ์พูดเสียงเขียว

   “โอเค  ก็ได้  เราเริ่มก่อนเอง”  ไวน์ยอมรับอย่างง่ายดายผิดไปความคาดหมาย   พอได้ยินอย่างนั้นความโกรธของคนฟังก็ลดลงแปรผกผันกับความรู้สึกผิด   ลักษณ์พยุงเพื่อนร่วมชั้นให้ลุกขึ้นยืน

   “ไปห้องพยาบาลกัน”  ลักษณ์พูดซ้ำรอบที่สอง

   “อูย”  พอก้าวขาออกเดิน  ร่างของไวน์ก็เซมาทางเขา  ดูท่าข้อเท้าของอีกฝ่ายจะเจ็บตอนตกลงมาจากต้นไม้   ตอนนี้มันเริ่มบวมช้ำทะลุถุงเท้าสีขาวจนเห็นได้ชัด   ไวน์สูดปากยกแขนขึ้นโอบรอบไหล่ของเขาเอาไว้เพื่อพยุงตัว   เท่ากับว่าลักษณ์ต้องรับน้ำหนักตัวของอีกฝ่ายที่เทมาทางเขาเต็มๆ

   “ตัวโคตรหนัก”  บ่นปนหอบ ขณะที่พาอีกฝ่ายเดินอย่างทุลักทุเลมาเกือบถึงอาคารด้านหน้าโรงเรียนที่เป็นที่ตั้งของห้องพยาบาล 

   เย็นขนาดนี้แล้ว  ไม่รู้ว่าจะยังมีใครอยู่มั้ย

   “ทำกูตกต้นไม้  อย่าบ่น”  เสียงเข้มๆพูด  แล้วแกล้งทิ้งน้ำหนักมาทางเขามากขึ้น  ลักษณ์ร้องลั่นเซไปอีกทางทว่าไม่ล้มเพราะติดวงแขนที่ล็อคอยู่รอบตัว 

    ถึงห้องพยาบาล  โชคดีที่ยังมีครูอยู่ ตอนแรกคุณครูเข้าใจว่าพวกเขามีเรื่องชกต่อยหรือเปล่า  แต่ไวน์ยืนยันว่าเขาตกต้นไม้ลงมาเอง  และลักษณ์แค่บังเอิญผ่านมาช่วยเอาไว้พอดี  เรื่องก็เลยจบลงไป 

   ลักษณ์ช่วยครูทำแผลที่หน้าผากของเพื่อนร่วมห้องให้  ส่วนข้อเท้าก็พันผ้ายืดเอาไว้  ครูบอกว่าไม่น่าหัก แค่แพลงเท่านั้น   
   “จะเป็นแผลเป็นมั้ยเนี่ย  ถ้ากูหมดหล่อมึงต้องรับผิดชอบเลยนะ”   คนพูดยกกระจกขึ้นมาส่องแผลที่ใบหน้าเป็นรอบที่สามตามประสาคนห่วงหล่อ  ลักษณ์แอบเบ้ปาก

   “จะให้กูรับผิดชอบสิ่งที่ไม่มีตั้งแต่ต้นได้ยังไง”  คนฟังหรี่ตาลง

   “หมายถึงกูไม่หล่อ?” 

   ลักษณ์ยักไหล่

   “ถ้าแบบกูเรียกไม่หล่อ แล้วแบบมึงเรียกอะไรล่ะครับ”  ไวน์สวนกลับทันควัน   ไม่รู้เลยว่าได้ไปกระตุกต่อมบางอย่างในใจของคนฟังเข้า   ลักษณ์ไม่รู้ตัวว่าเผลอแสดงสีหน้าแบบไหนออกไป   ทำให้อีกฝ่ายรีบยกมือขึ้นมาไหว้เขา

   “ขอโทษ  กูหมายถึงว่า...แบบมึงก็เรียก..ง่า...น่ารักไง”

   “เสร็จแล้ว  กลับก่อนนะ” 

   “เห้ย เดี๋ยวสิ  ...โอ๊ะ ช้าๆหน่อย”  ลักษณ์หันกลับไปมองก็เห็นเพื่อนตัวใหญ่กระโดดกระต่ายขาเดียวตามหลังเขามา  ใบหน้าคมๆนั้นมีรอยยิ้มกวนประสาทปรากฏอยู่   เขาเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น  อีกฝ่ายก็ยังโดดตามมาไม่ลดละ

   สุดท้ายก็เป็นลักษณ์เองที่ยอมแพ้  ชะลอฝีเท้าลงแล้วช่วยอีกฝ่ายโขยกเขยกข้ามถนนไปด้วยกัน   ลักษณ์เดินลัดเลาะเข้าซอยไปทะลุถนนอีกด้านหนึ่ง   ข้ามถนนนี้ไปก็ถึงบ้านของป้าที่เขาอาศัยอยู่ด้วยตั้งแต่จำความได้

   “จะถึงบ้านกูแล้ว  แยกย้ายกันตรงนี้แหละ”

   “บ้านมึงไปทางไหน”  ไวน์ถามกลับ

   “ข้ามถนนนี้ไปก็ถึง” 

   “ทางเดียวกัน  กูไปด้วย”  ลักษณ์จุ๊ปาก  แต่ก็ยอมช่วยพยุงอีกฝ่ายเดินข้ามถนนไปอีกด้าน  เรื่อยมาจนถึงหน้าร้านขายข้าวแกงของป้าดาที่เริ่มเปิดร้าน  มีลูกค้าประปราย

   “ว้าว  ที่บ้านเป็นร้านอาหารเหรอ”  ไวน์ดูตื่นตาตื่นใจ  พอรู้ว่าผู้หญิงที่ตักอาหารอยู่นั้นเป็นป้าของเขาก็พุ่งตัวเข้าไปสวัสดีทันที 

   ป้าดารับไหว้งงๆในตอนแรก  ฟังไวน์แนะนำตัวเสร็จสรรพว่าเป็นเพื่อนหลาน  ท่าทางก็เปลี่ยนเป็นเอ็นดูถึงกับหาข้าวหาน้ำมาให้นั่งกินตามสบาย   แล้วไล่หลานชายแท้ๆไปเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมาช่วยกันทำมาหากิน  พอลักษณ์ลงมาจากห้องนอนก็เจอเพื่อนร่วมชั้นนั่งคุยกับพี่ราม  พี่ชายของเขาเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย  คงเพราะอีกฝ่ายชอบกีฬาบาสเก็ตบอลเหมือนกัน
   
   ลักษณ์แอบเบ้ปากอีกรอบ  หมั่นไส้เพื่อนร่วมห้องที่ดูจะตีซี้กับคนในครอบครัวของเขาได้อย่างง่ายดาย  แถมทำท่าจะลุกมาช่วยเขาเสิร์ฟอาหารด้วย  ถ้าไม่ติดว่าป้าดาร้องห้ามเสียงหลง  กลัวหลานรักคนใหม่จะเจ็บข้อเท้า

   “ไวน์นั่งเถอะ  ไม่ต้องลูก  ลักษณ์มันไหวอยู่แล้ว  มันทำมาตั้งแต่เด็ก  ...น่าแน่ะเจ้าลักษณ์  เอาน้ำไปให้เพื่อนกินหน่อยไป  ทำเขาเจ็บตัวขนาดนี้ เค้าไม่เอาเรื่องก็ดีแล้ว  ควรจะขอบใจเขามากๆรู้มั้ย”  ประโยคหลังหันมาพูดกับหลานชายที่ทำหน้าหงิกอยู่นั้น

   ลักษณ์เดินไปหยิบแก้วบรรจุน้ำเก็กฮวยสีเหลืองใสมาวางให้ที่โต๊ะ

   “เอ่อ...มีน้ำอื่นอีกมั้ย  โค้กก็ได้”

   “ไม่มี  กินฟรีอย่าเรื่องมากได้ป่ะ”  กระแทกเสียงตอบกลับไป  เขาเลือกน้ำเก็กฮวยเพราะมันมักจะเหลือประจำตอนปิดร้าน  และเขาก็กินจนเบื่อไม่รู้จะเบื่ออย่างไรแล้วด้วย

   “ก็ได้”  ไวน์พูด  แล้วยกแก้วนั้นขึ้นดูดหลอด  พลางทำหน้าพิพักพิพ่วนชอบกล  ลักษณ์พอจะดูออกว่าอีกฝ่ายคงไม่ชอบรสหวานๆเย็นๆของเครื่องดื่มชนิดนี้เท่าไหร่

   “น้ำเก็กฮวยป้าต้มเองเลยนะ  อร่อยมั้ยลูก”  ป้าดาเดินผ่าน แวะถาม  ไวน์กลับพยักหน้ารับ

   ลักษณ์ก็เลยยกมาเสิร์ฟให้อีกสองแก้วใหญ่   บอกอร่อยแปลว่าชอบ  งั้นก็จัดไปอีกแล้วกัน..

   กว่าไวน์จะยอมกลับบ้านก็เกือบถึงเวลาปิดร้าน    มัวแต่โอเอ้นั่งคุยนู่นคุยนี่กับพี่ชายของเขาอยู่นาน  พี่รามขับมอเตอร์ไซค์ให้ไวน์ซ้อนท้าย  ไปส่งที่บ้านที่ไวน์บอกว่าอยู่ถัดไปอีกสามซอย   มันจำเลขที่บ้านได้แต่ดันจำทางกลับบ้านไม่ได้...ประสาทไหมล่ะ

   หลังจากวันนั้น  ไวน์ก็กลายเป็นแขก(ไม่ได้รับเชิญ) ประจำบ้านของเขาไปโดยปริยาย  และเจ้าตัวก็ย้ายโต๊ะเรียนมานั่งติดกับเขาที่หน้าชั้นเรียนแทนที่เดิมที่ประจำอยู่หลังห้อง

   ลักษณ์ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขากับมันไปสนิทกันตอนไหน   ความสนใจก็ไปกันคนละเรื่อง  แต่รู้ตัวอีกที...เขาก็พบว่ามีไอ้ไวน์อยู่ในชีวิตก็ไม่เลวเหมือนกัน


   00000000000000000000000000000000000000


   
   ต่อด้านล่างนะคะ
หัวข้อ: Re: Hidden Wood เส้นผมบังใจเขา #แอบลักษณ์ อัพบทที่3 ค่ะ ลองอ่านดูนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 12-12-2016 16:25:26
         
(ต่อจากด้านบนนะคะ)



             000000000000000000000000000000


            GoodLuck: ปัญญาอ่อน


   ไวน์อ่านประโยคสั้นๆนั้นซ้ำอีกรอบแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ   เขาพลิกตัวนอนหงาย  หน้าจอโทรศัพท์ที่ตั้งใบหน้าของคู่สนทนาเป็นวอลเปเปอร์แชทไว้นั้นสว่างในความมืดของห้องนอนที่เขาปิดไฟเตรียมตัวเข้านอนนานแล้ว ทว่านอนไม่หลับ

   คิดถึงใครบางคนจนต้องยอมแพ้...ไลน์ไปหาก่อน   ก็เหมือนทุกครั้งเวลาทะเลาะกัน ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่แค่ไหน  สุดท้ายคนที่ทนไม่ไหวก็คือเขาทุกที 

   ขืนรอให้ลักษณ์ง้อ  เขาคงต้องกลับไปเกิดใหม่ก่อนสักสองชาติ

   แปลกตรงที่คราวนี้ลักษณ์กดอ่านเร็วเป็นพิเศษ  ราวกับว่ากำลังเปิดหน้าจอแชทของเราค้างอยู่เหมือนกัน...ไม่แน่นะ  บางทีฝ่ายนั้นอาจจะคิดถึงเขาอยู่เหมือนกันก็เป็นได้...

   พอเหอะไวน์  กลับสู่โลกแห่งความจริงเถอะ

   
WineiloveU: เกือบได้นอนรพ.แล้ว

   GoodLuck:  ทำไมอ่ะ  เป็นหนักหรอ

   ไวน์อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่ามีความเป็นห่วงเป็นใยปนมากับประโยคนั้นอยู่มากทีเดียว   เขายิ้มกว้างตอนที่พิมพ์ตอบกลับไป

WineiloveU:  ขาแพลงธรรมดา

   GoodLuck:  แล้วทำไมต้องนอนโรงบาล

WineiloveU:  เป็นโรคไต

   GoodLuck:  ???

WineiloveU:  ไตหาหัวจาม

   GoodLuck:  พ่อง มุขโคดเก่า
 
WineiloveU:  555555
WineiloveU:  แล้วเมื่อไหร่จะคืนอ่ะ

   GoodLuck:  อะไรอีก

WineiloveU:  เอาไปเก็บไว้แล้วทำลืมเหรอ

   GoodLuck:  ??

WineiloveU:  หัวใจกูอ่ะ

   GoodLuck:  ประสาทททททท

   GoodLuck:  เก็บไว้เล่นกับเมียไป

   GoodLuck:  กูนอนแล้ว

WineiloveU:  ล้อเล่น555
WineiloveU:  นอนๆ
WineiloveU:  เจอกันพรุ่งนี้

   GoodLuck:  เออ

   ไวน์แทบจะนึกสีหน้าของอีกฝ่ายออก   คงหงุดหงิดพิลึกที่โดนเขากวนประสาทเข้าให้  แต่จะทำไงได้...ในเมื่อเขาไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองได้เลย

   มันยากขึ้นทุกที

   พลิกดูข้อเท้าตัวเองที่มีผ้ายืดพันเอาไว้แน่นหนา  ข้อเท้าที่เคยบาดเจ็บมาก่อนกลายเป็นจุดอ่อนของเขา  พอล้มก็มักจะเจ็บที่เดิมตลอด   

   จะโทษใครล่ะ  นอกจากไอ้มนุษย์หน้ามึนคนนั้นที่ทำท่าจะเดินออกไปจากโรงยิมพร้อมกับเพื่อนผู้ชายหลายคนที่เขาไม่คุ้นหน้า    ไม่รู้ด้วยว่าไปแอบสนิทกันตอนไหน ...ใครเป็นใคร  ไว้ใจได้หรือเปล่าก็ไม่รู้  เกิดมาทำให้คนของเขาเสียผู้เสียคนขึ้นมาทำไง   ยิ่งหัวอ่อนซื่อบื้อไม่ค่อยทันคนอยู่ด้วย

   เพราะมัวแต่หันไปมอง  เลยไม่ทันระวัง  ถูกทีมคู่แข่งกระแทกเข้ามาจากด้านข้าง  ล้มลงลุกไม่ขึ้น   แถมยังต้องมาเจ็บใจที่เห็นมันเดินหนีออกไปจากสนามดื้อๆอีก

   ไม่คิดจะเข้ามาดูดำดูดีกันเลยหรือไงนะ

   อย่างน้อย  เข้ามาเป่าปู้ดๆสักนิดก็ยังดี

   เจ้าตัวคงไม่รู้เลยว่าไอ้ลมปากผสมน้ำลายนั่นมันช่วยทำให้เขาหายเจ็บได้เป็นปลิดทิ้ง  ชนิดยาหมอที่ไหนก็ไม่วิเศษเท่าอีกแล้ว

   ช่างเถอะ...

   พรุ่งนี้เขาต้องเข้าไป ‘สแกน’ เพื่อนใหม่ของลักษณ์เสียหน่อย   ถ้าใครดูท่าไม่ได้เรื่อง  สายตาเกาะแกะวอแวกับคนของเขาล่ะก็   

   อย่าหาว่าไวน์คนนี้ใจร้ายนะ
   .........................................................................................


มาอัพต่อนะค่า ขอบคุณนะคะที่กดเข้ามาอ่าน55555  เรื่องนี้เป็นเรื่องเเรกที่ลองลงในเล้าเป็ด
เรื่องเราดำเนินช้าหน่อยนะ 
#แอบลักษณ์
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Hidden Wood...เส้นผมบังใจเขา #แอบลักษณ์ อัพบทที่3 แล้วนาจา
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 12-12-2016 22:26:53
ขอสอบถามหน่อยค่ะ ว่าเราจะใส่รูปหัวใจหรือรูปอื่นๆลงไปในชื่อเรื่องได้ยังไงหรอคะ  เราอยากใส่บ้าง สวยดีอ่ะ5555
แล้วนิยายที่ลงในนี้มันกดก้อปปี้ได้เหรอคะ มีวิธีป้องกันไม่ให้กดก้อปปี้ได้มั้ยคะ
ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: °°°Hidden Wood°°°||..เส้นผมบังใจเขา #แอบลักษณ์ อัพบทที่3 แล้วนาจา
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-12-2016 23:03:42
ปวดใจไปกับไวน์เลยทีเดียว แต่ว่านะ ถ้าอยากได้ลักษณ์ต้องกล้าเสี่ยงนะ
หัวข้อ: Re: °°°Hidden Wood°°°||..เส้นผมบังใจเขา #แอบลักษณ์ อัพบทที่3 แล้วนาจา
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 12-12-2016 23:39:55
ชอบๆๆๆ  แต่ว่า เจ้าของเรื่องคงไม่หายไปอีกนะ
หัวข้อ: Re: °°°Hidden Wood°°°||..เส้นผมบังใจเขา #แอบลักษณ์ อัพบทที่3 แล้วนาจา
เริ่มหัวข้อโดย: jejiiee ที่ 13-12-2016 03:32:28
หูยยยน่ารักก เราชอบมากๆ เลย ดีใจที่เข้ามาอ่าน
หัวข้อ: Re: °°°Hidden Wood°°°||..เส้นผมบังใจเขา #แอบลักษณ์ อัพบทที่3 แล้วนาจา
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 13-12-2016 08:12:24
เรื่องน่ารัก อ่านสนุก ชอบค่ะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: °°°Hidden Wood°°°||..เส้นผมบังใจเขา #แอบลักษณ์ อัพบทที่3 แล้วนาจา
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 13-12-2016 08:24:48
ไวน์นี่เป็นยิ่งกว่าพ่ออีก~ :hao7:
หัวข้อ: Re: °°°Hidden Wood°°°||..เส้นผมบังใจเขา #แอบลักษณ์ อัพบทที่3 แล้วนาจา
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 13-12-2016 11:01:47
ไวน์ดีขนาดนี้ ลักษณ์เอ๋ย ลืมตามาเห็นหน่อยจ้า
หัวข้อ: Re: °°°Hidden Wood°°°||..เส้นผมบังใจเขา #แอบลักษณ์ อัพบทที่3 แล้วนาจา
เริ่มหัวข้อโดย: gongiotherin ที่ 13-12-2016 15:04:58
สนุกดีค่ะ ชอบแนวแอบรักเหมือนกัน หรือไม่ก็แนว สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก ติดตามอยู่นะค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: °°°Hidden Wood°°°||..เส้นผมบังใจเขา #แอบลักษณ์ อัพบทที่4 ค่ะ 17/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 17-12-2016 00:26:31

ตอนที่ 4
He who has never tasted bitterness does not know what is sweet.






   “อ้าว  ทำไมมานั่งอยู่นี่”  ลักษณ์ถามอย่างแปลกใจทันทีที่เดินเข้ามาภายในห้องเลคเชอร์แล้วพบว่าเพื่อนสนิทสมัยมัธยมได้มานั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนใหม่ของเขาเรียบร้อยแล้ว

   สายตาตวัดมองไปที่ข้อเท้าของไวน์ที่มีผ้าพันอยู่นั้นโดยไม่ตั้งใจ  ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่หันกลับมาจากการสนทนากับเบียร์และเต้อย่างเมามัน

   “ทำไมอ่ะ  นั่งไม่ได้เหรอ”  ไวน์ถามกลับ  มีที่นั่งเหลืออยู่อีกที่หนึ่งข้างๆไวน์ เป็นตัวริมสุดทางเดิน   ถัดจากไวน์ไปก็เป็นเพื่อนใหม่ของเขานั่งเรียงกันหน้าสลอน

   ...นี่มันไม่แปลกๆไปหน่อยเหรอเห้ย?

   “แล้วมึงไม่ไปนั่งกับเพื่อนแพทย์อ่ะ”

   “ไม่เอา  กูเจ็บข้อเท้า ขี้เกียจเดินขึ้นบันได”  นักศึกษาแพทย์ตอบกลับมา   ลักษณ์เงยหน้าขึ้นไปมองที่นั่งประจำของเหล่าเด็กแพทย์ที่อยู่ถัดขึ้นไปแล้วก็เริ่มจะเข้าใจ   เลยไม่พูดอะไรต่อ  วางกระเป๋าแล้วหยิบอุปกรณ์การเรียนขึ้นมาวางบนโต๊ะ

   หูก็เงี่ยฟังบทสนทนาของเหล่าสหายที่นั่งถัดไป  ไวน์เข้ากับเพื่อนใหม่ของเขาได้ราวกับรู้จักกันมานาน 

   “....วันนั้นกูใช้สกิล#%&(^$^%..โคตรเจ๋ง   พวกไอ้โจแพ้ราบทุกตา ....” 

   ...อ้อ  นึกว่าคุยอะไร  ที่แท้ก็เรื่องเกมส์นี่เอง   มิน่าล่ะถึงเข้ากันได้ดีนัก   เขาคิดอย่างไม่สนใจนัก   เอื้อมมือลงไปค้นกระเป๋าหาหนังสือการ์ตูนขึ้นมาอ่านเล่นระหว่างรออาจารย์เข้ามาในห้อง

   “เที่ยงนี้ไปกินข้าวที่ไหน  กูไปด้วยสิ”  จู่ๆไวน์ก็หันมาถาม   ทำเอาลักษณ์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนเพลินๆถึงกับสะดุ้ง   เงยหน้าขึ้นเจออาจารย์กำลังเดินเข้ามาภายในห้องเรียนพอดี   รีบเก็บหนังสือการ์ตูนลงไปในกระเป๋าแล้วหยิบแว่นสายตาขึ้นมาใส่

   “ว่าไง  กินไหน”  เขารู้สึกคันยิกๆเวลาที่ไวน์มันชะโงกเข้ามากระซิบข้างหู   แถมท่อนแขนแข็งแรงก็เบียดอยู่ข้างตัวเขามากกว่าปกติจนต้องขยับตัวออกห่าง   พลางเลื่อนหนังสือเรียนออกตามออกมาจนเกือบหล่นจากโต๊ะเลคเชอร์

   “เอ่อ...ไม่รู้ดิ  แล้วแต่พวกไอ้เบียร์”  ลักษณ์พึมพำตอบกลับมา 

   นักศึกษาแพทย์หนุ่มเห็นเพื่อนขยับก็รู้สึกตัว  เอนตัวกลับมานั่งตัวตรงแน่ว  บังคับสายตาให้หันกลับมาจ้องไปที่โปรเจอเตอร์ที่เริ่มปรากฎลายมือของอาจารย์แทนที่จะมองเสี้ยวหน้าขาวๆของใครบางคน

   แว่นตาที่อยู่บนดั้งจมูกเล็กๆนั้นทำให้ดวงตาของลักษณ์โตขึ้นกว่าปกติ   ริมฝีปากบางเม้มนิดๆเวลาที่ก้มลงจดตามที่อาจารย์เขียน  เป็นสิ่งที่เขาชอบเผลอแอบมองมาตลอดหลายปี

   “วันนี้เบียร์กับแซมไม่ว่าง  เต้ก็มีประชุมชมรมดนตรีอะไรสักอย่าง  เหลือแต่มึงนั่นแหละ  จะไปกินไหน”   เขาถามต่อ   ชิงพูดดักเอาไว้ก่อนทุกทางตามที่แอบมาตีซี้ถามพวกเพื่อนใหม่ของอีกฝ่ายเอาไว้แล้วตั้งแต่เช้า 

   กลุ่มเพื่อนของลักษณ์เท่าที่เขาลองพูดคุยสังเกตดูแล้วก็โอเค  พอจะคบได้   คงไม่พาลักษณ์ลงเหว อย่างมากก็คงนั่งตีดอทกันจนรุ่งสางเท่านั้น   

   สายตาของทุกคนที่มองเพื่อนสนิทของเขาก็ดูเป็นมิตรและจริงใจ  ทว่าไม่มีร่องรอยของความเจ้าชู้กรุ้มกริ่มอะไร  นับว่าลักษณ์ก็เลือกคบเพื่อนที่ดีใช้ได้   มีแค่อย่างเดียวที่ยังติดๆอยู่ในใจของเขาก็คือสายตาคมๆของคนที่ชื่อเต้เท่านั้น

   บางครั้งก็มองมาที่เขาแปลกๆชอบกล  อธิบายไม่ถูก

   “กินโรงอาหารล่ะกัน”  ลักษณ์ตอบ   

   “บ่ายว่างไม่ใช่เหรอ  ไปหาอะไรอร่อยๆกินก็ได้  ไม่เบื่อเหรอโรงอาหาร”  ไวน์พูด   มือก็จดตามอาจารย์ไปเรื่อยๆโดยไม่เสียสมาธิ

   “ก็ขามึงเจ็บไม่ใช่เหรอ  จะไปไกลๆได้ไง”  อีกฝ่ายตอบกลับมา   มือของไวน์ชะงักไปนิดหนึ่งแล้วก็เขียนต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น   อาจารย์เรียกเพื่อนคนหนึ่งขึ้นไปทำโจทย์ให้ทุกคนดูที่หน้าห้อง

   ลักษณ์เงยหน้ามองหน้าจอโปรเจคเตอร์อย่างสนใจ

   “เป็นห่วงเหรอ”       

   จู่ๆไวน์ก็พูดขึ้นมา   นักศึกษาเภสัชหันไปมองคนพูดอย่างงงๆ

   “หืม?  อ่อ  ไม่หรอก  ไอ้ทิวมันเก่ง   ทำได้อยู่แล้ว”  เด็กหนุ่มตอบพร้อมกับก้มลงลองทำโจทย์ข้อนั้นบ้าง   คนฟังถอนหายใจยาว  อยากจะเอาปากกาเคาะศีรษะคนข้างๆสักทีสองที

   ....หมดกัน   ไอ้เราก็อุตส่าห์ดีใจ  นึกว่าใครบางคนแถวนี้จะมีแก่ใจเป็นห่วงเป็นใยอาการบาดเจ็บของเขา   อยากได้ยินคำว่า ‘เป็นห่วง’ จากปากสักครั้งให้ชื่นใจ   ที่ไหนได้...ดันเข้าใจว่าเขาถามถึงไอ้เพื่อนที่ถูกเรียกไปทำโจทย์โชว์หน้าห้องซะงั้น
   หรือต้องซื้อน้ำมันตับปลามาให้กินดีวะ? 

   “นี่ไง  ถูกป่ะ”  ยังอีก...มันยังไม่รู้ตัว   ลักษณ์ยื่นสมุดจดที่มีลายมือของมันแก้โจทย์ที่อาจารย์เขียนเอาไว้บนกระดานมาให้เขาดู   ไวน์รับมาอย่างเซ็งๆ

   กวาดสายตาไปตามตัวอักษรเล็กจิ๋วแทบจะต้องใช้แว่นขยายส่องนั้นเร็วๆ  แล้วก็ส่งกลับคืนเจ้าของ

   “คำตอบผิด แต่วิธีคิดถูก” 

   “อ้าวเหรอ  ผิดตรงไหนวะ”  ลักษณ์รับสมุดกลับไปแก้   ไม่รู้ตัวเลยว่าเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อบางคนกำลังมองมาที่เขาด้วยแววตาเช่นไร

   ใบหน้าเล็กๆที่ใครมองแวบแรกก็จะไม่รู้สึกสะดุดตาใดๆนั้นมีร่องรอยครุ่นคิด  คิ้วเรียวยาวขมวดมุ่น   ผิวละเอียดบางจนเห็นเส้นเลือดฝาดที่พวงแก้มอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม   ปลายขนตายาวงอนเป็นแพนั้นกระพริบถี่

         ...เป็นใบหน้าที่ต้องพิศดู  ถึงจะเห็นความน่ารักน่าทะนุถนอมที่ถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้ความเรียบนั้น   ...คงดีไม่น้อยถ้าดวงตาสีน้ำตาลใสคู่นั้นจะมองมาที่เขาแต่เพียงผู้เดียว...

        “เฮ้...เหม่ออะไร  หลับในซะงั้น”  ไวน์ตื่นจากภวังค์  พบว่าตัวเองกำลังนั่งเท้าคางมองหน้าอีกฝ่ายนิ่งอยู่   “อาจารย์เรียกมึงขึ้นไปช่วยเพื่อนคนนั้นทำโจทย์”  ลักษณ์บอกต่อมาอีก   

   คนฟังตกใจ  เพิ่งพบว่าทุกคนในห้องต่างมองมาที่เขาเป็นตาเดียว 

        “คนไหนศตวรรษ  ขึ้นมาช่วยเพื่อนเธอหน่อยซิ”  อาจารย์พูดด้วยเสียงเนิบๆ  ไวน์รีบลุกขึ้นยืน  เดินช้าๆออกไปหน้าห้อง   
อาจารย์ส่งปากกาเมจิกให้พลางผายมือไปที่โต๊ะหน้าจอโปรเจคเตอร์ที่มีเพื่อนของเขานั่งอยู่ก่อนแล้ว  ดวงหน้านั้นหันมายิ้มให้เขาอย่างดีใจ

   ลักษณ์มองดูใบหน้ารูปหัวใจและรอยยิ้มหวานที่ทำให้ลักษณ์ถึงกับมองค้างของนักศึกษาแพทย์สาวที่ถูกเรียกออกไปทำโจทย์ในตอนแรก  ได้แต่คิดอยู่ในใจว่า...คนอะไรน่ารักเป็นบ้า

   “ดาวแพทย์น่ารักชิบหายเลยว่ะ   คนนี้ไงที่วันนั้นกูจะชี้ให้มึงดูอ่ะไอ้เต้”  ได้ยินเสียงแซมกระซิบกระซาบกับเพื่อนเต้ที่นั่งอยู่ข้างกัน   

   “ชื่อเพลินตาด้วย  เพลินตาสมชื่อจริงๆ”  เต้รับ 

   หญิงสาวยิ้มรับอย่างยินดีเมื่อไวน์เดินไปใกล้  ทั้งคู่พูดอะไรกันสักอย่างด้วยเสียงที่คนนั่งข้างล่างไม่ได้ยิน   ก่อนที่ไวน์จะหัวเราะออกมาเบาๆ   

   “เค้าให้ขึ้นไปทำโจทย์นะคร้าบ  ไม่ได้ให้ขึ้นไปจีบกัน”

   “เบาๆหน่อยสิค้าเพื่อนไวน์  สงสารคนโสดบ้าง”

   เสียงเพื่อนคณะแพทย์หลายคนยังร้องแซวมาเป็นระยะ  เรียกรอยยิ้มจากทุกคนรวมถึงคนที่นั่งทำโจทย์กันหน้าห้องอีกด้วย   เพลินตาแก้มแดงจัด  ขณะที่ไวน์ก็ยิ้มกว้างทีเดียว  แถมยักคิ้วอีกตะหากตอนที่มองลงมายังเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่แถวที่สาม

   “แฟนไอ้ไวน์เหรอวะ  เพื่อนลักษณ์”  แซมเอียงตัวเข้ามาถามเขา   ลักษณ์อึกอัก

   “ไม่รู้  ไม่เห็นมันเล่าเลย” 

   “อิจมากบอกเลย   คนอะไรวะแม่งหล่อแล้วยังจะแฟนสวยอีก” 

   ลักษณ์ไม่ตอบ  เขาไม่รู้ว่าจะต้องตอบว่าอะไรดี   สายตาจับจ้องไปที่คนทั้งคู่ที่พยายามแก้โจทย์มหาโหดที่อาจารย์ตั้งขึ้นมาเพื่อนเด็กแพทย์โดยเฉพาะ 

   ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายแอบไปกุ๊กกิ๊กกับสาวคนนี้ตอนไหน...แต่ก็ไม่แปลกอะไรนี่   ปกติไอ้ไวน์ก็ไม่ค่อยเล่าเรื่องรักของมันกับบรรดาสาวๆให้เขาฟังอยู่แล้ว   ตรงข้ามกับเขา  ที่ไม่เคยมีความลับอะไรกับเพื่อนสนิทคนนี้เลย

   ก็ไวน์เป็นกูรูเรื่องรักของเขาตั้งแต่สมัยเรียนม.ต้นแล้วนี่นะ

   00000000000000000000000000000000000000000

   “ทำอะไรอยู่”  เสียงทักดังขึ้นด้านหลัง  ทำเอาลักษณ์สะดุ้ง  รีบยัดของในมือเข้าไปใต้โต๊ะทันควัน   “แอบอ่านการ์ตูนโป๊อ่ะดิ  ไหนเอามาดูมั่ง”  ไวน์ขยับจะเข้ามาค้นใต้โต๊ะของเขา

   ลักษณ์รีบลุกขึ้นยืนบังเอาไว้เต็มตัว

   ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางยอมให้อีกฝ่ายรู้เรื่องนี้เด็ดขาด..

   “ถอยไปน่า   ไม่มีอะไรสักหน่อย” 

   อีกฝ่ายหรี่ตามอง  ไม่เชื่อเลยสักนิด  แต่ก็ยอมถอย  หันไปยกกระเป๋าเป้ขึ้นสะพายไหล่

   “งั้นก็ไปกันเถอะ  เย็นแล้วเดี๋ยวถึงบ้านมืด”  ไวน์พูด   

   “กลับไปก่อนเลย   เอ่อ...พอดีมีอะไรต้องทำนิดหน่อย”  เขาอึกอัก   ไวน์ขมวดคิ้วมองหน้าเขา

   “ทำอะไรล่ะ  ให้ช่วยมั้ย จะได้เสร็จเร็วๆ” 

   เกือบสองเดือนแล้วที่ไวน์ย้ายมานั่งเรียนติดกับเขา  เราพูดคุยกันมากขึ้นก็จริง  ทว่าเขาก็ยังไม่เคยเล่าความลับนี้ให้ฟัง   

   ยังไม่อยากเล่าให้ฟังด้วย...

   “มะ..ไม่เป็นไร  เราทำเอง  มึงกลับเถอะ”  เขาพูด  ได้แต่หวังในใจให้อีกฝ่ายรีบๆกลับบ้านไปเสียที  เขาจะได้จัดการภารกิจที่เตรียมใจอยู่นานนี้ให้ลุล่วง

   ไวน์ยืนจ้องมาที่ลิ้นชักใต้โต๊ะของเขาเขม็ง  นานจนลักษณ์นึกว่าอีกฝ่ายจะพุ่งเข้ามาค้นใต้โต๊ะของเขาแล้ว  ทว่าสุดท้ายไวน์ก็ยักไหล่  แล้วก็บอกเรียบๆ

   “งั้นกลับก่อนนะ   มึงก็รีบๆกลับล่ะ  อย่าโอ้เอ้”  กำชับเสียงเข้มราวกับเป็นผู้ปกครองเขางั้นแหละ  จากนั้นร่างสูงเพรียวแบบนักกีฬานั้นก็เดินออกไปจากห้องเรียน  เหลือเขาอยู่คนเดียว

   เอาล่ะ...ในที่สุดโอกาสก็มาถึง

   ลักษณ์หยิบขนมผิงออกมาจากใต้โต๊ะพร้อมกับการ์ดสีสวยที่ตั้งใจเลือกมาอย่างดี   บนนั้นมีลายมือของเขาเขียนบอกความรู้สึกของตัวเองเอาไว้หลายบรรทัด  มันถูกบีบด้วยตัวอักษรเล็กจิ๋ว  ด้านหลังมีรูปวาดใบหน้าของเด็กสาวที่เขา ‘ปิ๊ง’ ตั้งแต่แรกเห็น
   
        ‘เป็นแฟนกันนะ..ผิง’  เขาอ่านประโยคสุดท้ายด้วยรอยยิ้มกว้าง  รู้สึกใจเต้นแรงยามที่จินตนาการถึงสีหน้าของคนรับ   ขนมผิงคงจะเขินน่าดูถ้าวันรุ่งขึ้นเจอขนมห่อนี้พร้อมกับการ์ดบอกความรู้สึกของเขาเข้า

   ‘ตกลงจ้ะ’ 

   คำตอบของผิงคงทำให้เขาตัวลอย  เหมือนบินได้เลยล่ะมั้ง   ลักษณ์ไม่เคยสัมผัสความรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน  ขนมผิงเป็นรักแรกของเขาตั้งแต่ป.4  แอบชอบมาตั้งนาน  พอสอบเข้าโรงเรียนใหม่พรหมลิขิตก็บันดาลให้ได้อยู่ห้องเดียวกับเธออีก

   เมื่อวานเธอจับฉลากได้ตีปิงปองคู่กับเขาในวิชาพละ   ทำให้ลักษณ์หน้าบานไปทั้งวันแม้จะถูกเธอตบลูกปิงปองกระแทกเข้าที่ริมฝีปากบนจนเจ่อเหมือนนกแก้วก็ตาม 

   ลักษณ์ก็ไม่หวั่น...นี่คือเนื้อคู่ของเขาชัดๆ  มันชัดยิ่งว่า full HD เสียอีก

   และพรุ่งนี้ก็เป็นวันวาเลนไทน์...มันถึงเวลาแล้วล่ะที่เขาจะต้องเปิดเผยความรู้สึกของตัวเองเสียที  ก่อนที่ผิงจะถูกใครคาบไป   โดยเฉพาะไอ้ชิด  เห็นมันชอบแซวผิงอยู่ด้วย

   ลักษณ์สอดห่อขนมเอาไว้ใต้โต๊ะของผิง  ดูแล้วดูอีกจนมั่นใจว่าเรียบร้อยแล้ว  ก็ค่อยหยิบกระเป๋าเดินกลับออกมาจากห้องเรียนบ้าง   

   ไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนแอบมองการกระทำของเขาอยู่ด้านนอกประตูตั้งแต่แรก  และแอบกลับเข้าไปภายในห้องเรียนเพื่อค้นโต๊ะเรียนของเด็กผู้หญิงคนนั้นจนเจอ ‘ของขวัญวันวาเลนไทน์’  ของลักษณ์เข้า

   ไวน์บอกไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกับข้อความในการ์ดใบนั้น...แต่ที่แน่ๆคือ  มันไม่ใช่ความถูกใจ หรือความรู้สึกในด้านบวกเลยสักนิด

   เขาเดินตามหลังร่างเล็กๆที่สะพายกระเป๋าเป้เดินก้มหน้าก้มตาอยู่ข้างหน้ามาเงียบๆ  ท่าทางลักษณ์กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ เลยไม่สังเกตเห็นเลยว่ามีคนเดินตามมาตั้งแต่ที่โรงเรียนจนถึงหน้าบ้าน

   นี่ถ้าเขาเป็นโจรวิ่งราวก็คงจะทำงานสำเร็จโดยไม่ต้องใช้ความพยายามเลย...

   ยืนมองอีกฝ่ายยกจานอาหารไปเสิร์ฟตามโต๊ะได้ครู่ใหญ่  ไวน์ก็เดินกลับบ้าน  เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจะต้องมาส่งอีกฝ่ายด้วย   พอๆกับที่ไม่รู้ว่าทำไมจะต้องเป็นห่วงที่เห็นเพื่อนกลับดึก

   เหมือนกับที่ไม่เข้าใจว่า..ทำไมตัวเองจะต้องอยากให้สาวชื่อผิงบอกปฏิเสธเพื่อนของเขาไป    ทำไมเขาถึงอยากให้เพื่อนอกหัก

   ทำไมเขาถึง...อิจฉาเด็กผู้หญิงคนนั้น

   
   วันรุ่งขึ้นไวน์ไปถึงโรงเรียนเช้ากว่าปกติ  เขาเดินเข้าไปในห้องเรียนที่มีเพื่อนจับกลุ่มพูดคุยกันอยู่คึกคักกว่าทุกวัน   มีเพื่อนสาวๆบางคนเดินมาแปะสติกเกอร์รูปหัวใจที่เสื้อนักเรียนของเขา  ซึ่งเขาก็ไม่คิดจะปฏิเสธ

   สายตามองสำรวจไปที่โต๊ะของเพื่อนที่ชื่อผิง...เธอยังมาไม่ถึงโรงเรียน   ส่วนเจ้าตัวต้นเหตุนั้นกำลังนั่งหน้าซีดเหมือนจะเป็นลมอยู่ที่โต๊ะประจำหน้าห้อง  เขาแกล้งทิ้งกระเป๋าลงบนไหล่นั้นแรงๆ

   “โอ๊ะ!”  ลักษณ์อุทาน  เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของกระเป๋าหนักๆที่ทิ้งลงมานั้น   ยกมือขึ้นดันกระเป๋าออกพลางคลำไหล่ตัวเองป้อย  “เล่นอะไร  เจ็บนะเว้ย”

   “ซ้อมไว้  เดี๋ยวมึงจะเจ็บกว่านี้อีก”  ไวน์ตอบกลับมาพร้อมหน้าตากวนประสาทตามสไตล์   

   ลักษณ์ไม่สนใจอีก  เขาหันไปจ้องหน้าห้องเขม็ง  สูดหายใจเข้าออกแรงๆเพื่อนระบายความตื่นเต้น

   “เป็นอะไรของมึง  ทำหน้าเหมือนคนปวดท้อง”  ไอ้ไวน์ยังเซ้าซี้ไม่เลิก   ขณะที่เป้าหมายของเขาเดินผ่านหน้าห้อง ม.2/5มาแล้ว  เธอหยุดทักทายกับเพื่อนเล็กน้อย   ก่อนจะเดินเข้ามาในห้อง   

   ลักษณ์ใจเต้นแรง  เขาหันไปมองที่หน้ากระดานตามเดิม   ทำเป็นไม่สนใจเสียงอุทานด้วยความประหลาดใจจากเธอผู้นั้น

   “อุ้ย  ขนมใครน่ะ”  ผิงพูดขึ้นเสียงดัง  แล้วหยิบห่อขนมขึ้นมาดู  เธอเห็นการ์ดใบนั้นแล้วสินะ  “ถึงผิง... เราชอบเธอมานานแล้วตั้งแต่ป.4  เธอน่ารัก  เป็นกันเอง   มีน้ำใจ  แล้วก็ฉลาดมากๆเลย   เราไม่รู้จะบอกเธอยังไงดี  ถึงความรู้สึกที่เรามีต่อเธอ  เราทำได้แค่แอบมองเธออยู่ตรงนี้ในที่ของเราเท่านั้น  หวังว่าสักวันหนึ่งเธอจะหันมามองเห็นเราบ้าง   เราหวังมากเกินไปหรือเปล่าผิง  เราชอบตอนที่เธอออกไปพูดหน้าห้อง  ชอบตอนที่เธอหัวเราะกับเพื่อนๆ  เธอมีเสน่ห์มาก  เรารู้ว่าตัวเองคงไม่คู่ควรกับเธอเท่าไหร่   เหมือนกระต่ายที่หมายจันทร์  เหมือนหมาเห่าเครื่องบิน  แต่เราก็ชอบเธอมากจริงๆนะผิง   เป็นแฟนกันนะ...ผิง”

   เสียงใสๆอ่านประโยคนั้นจนถึงบรรทัดสุดท้าย  เพื่อนในห้องต่างเงียบกริบก่อนจะตามด้วยเสียงโห่แซวดังขึ้นรอบห้อง  ผิงยิ้มกว้าง  โบกการ์ดในมือไปมา

   “ใครเป็นเจ้าของการ์ดน่ะ  ไม่ได้ลงชื่อเอาไว้ด้วยแล้วจะรู้ได้ยังไง” 

   ลักษณ์มือเย็นเฉียบ  เขาไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะอ่านออกเสียงราวกับท่องอาขยานให้เพื่อนทั้งห้องฟังขนาดนี้   เขากลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ  เริ่มบีบมือไปมาด้วยความกระวนกระวาย   

   ...เอาไงดีวะ  บอกไปเลยมั้ยว่าเป็นเราเอง...ตอนวางแผนลืมนึกไปเลยว่าผิงอาจจะไม่ได้อ่านเองเงียบๆคนเดียว  อาจจะมีเพื่อนอยู่เต็มห้อง   อาจจะไม่รู้สึกเขินอะไรเลย  ไม่เหมือนกับที่เขากำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้

   “ใครว้า  เขียนได้เลี่ยนมาก  กระต่ายหมายจันทร์งี้  หมาเห่าเครื่องบินงี้ ฮ่าๆ  เอ้า ใครวะ  กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิครับ”  เพื่อนผู้ชายในห้องเริ่มพูดขึ้นมาอีก 

   “ชอบตั้งแต่ป.4 เลยนะเว้ย  ก็ต้องเป็นเพื่อนที่มาจากโรงเรียนเดียวกับแกสิผิง  มีใครบ้างล่ะคิดๆ”   
 
   “มันอาจจะไม่ได้อยู่ห้องนี่ไง   คนมาจากโรงเรียนเดียวกับผิงเยอะแยะ  ถ้ามันไม่พูดเองก็ไม่มีใครเดาถูกหรอก”  เพื่อนสาวอีกคนพูด 

   ตลอดทั้งวันนั้น  เพื่อนๆในห้องต่างพูดกันถึงบุคคลปริศนาที่แอบเอาขนมแทนใจไปไว้ใต้โต๊ะของผิง  พวกเขาเดาไปต่างๆนานา  แต่ที่ทำให้ลักษณ์ใจเสียยิ่งกว่าเดิมก็คือ...ไม่มีชื่อของเขาอยู่ในนั้นเลย  ไม่มีแม้แต่การพูดถึง

   “เป็นอะไรของมึง  นั่งเหม่อทั้งวันเลยเนี่ย  แมลงวันจะเข้าไปไข่ในปากอยู่แล้ว”  ฝ่ามือหนักๆตบที่ศีรษะของเขาก่อนจะโยกเล่นแรงๆเหมือนทุกครั้งที่ไวน์ชอบทำ

   ลักษณ์เอียงหัวหลบ  แล้วถอนหายใจยาว

   “เปล่า  ไม่มีไร”  บอกปัดไปเหมือนเคย   อีกฝ่ายทรุดตัวลงนั่งข้างๆเขา  บนบันไดขั้นบนสุดหน้าห้องน้ำร้างหลังโรงเรียนใกล้สระบัวที่เขาชอบปลีกตัวมานั่งเล่นบ่อยๆ

   “ก็บอกเขาไปสิ”  จู่ๆไวน์ก็พูดขึ้นมาเรียบๆ 

   “ห้ะ?”  ลักษณ์หันไปมองอย่างงงๆ  พอสบตาคมๆที่มีแววรู้ทันคู่นั้นแล้ว  เขาก็เมินหลบไปทางอื่น   “พูดอะไรไม่รู้เรื่อง” 

   “ถ้าไม่บอกออกไป แล้วเขาจะรู้มั้ยว่าเรารู้สึกยังไง”  เสียงห้าวๆนั้นพูดต่อมาอีก  “ไม่แน่เขาอาจจะรู้สึกอย่างเดียวกันกับมึงก็ได้นะ” 

   ลักษณ์ถอนหายใจยาว...ไม่มีอะไรต้องปิดอีกแล้วสินะ

   “มึงรู้ได้ไงว่าเป็นกู”

   “พอดี...กูบังเอิญ...เอ่อ...จำลายมือของมึงได้น่ะ”    ไวน์ตอบกลับ   ลักษณ์พยักหน้ารับ...จริงด้วยสิ  ถ้าปล่อยไปแบบนี้  ไม่นานก็จะมีคนสังเกตเห็นลายมือของเขา  แล้วความก็จะแตกอยู่ดี

   สู้ลุยให้ถึงที่สุดเลยดีกว่า...

   “ลองดูสักตั้ง  ไหนๆก็ไหนๆแล้วก็เอาให้เต็มที่สิวะ  อย่างน้อยถ้าเขาปฏิเสธมา  มึงจะได้ไม่เสียใจว่ายังทำได้ไม่สุดกำลังเลย”

   “กู..ไม่อยากได้ยินคำปฏิเสธ”  ลักษณ์ตอบกลับไป   “เข้าใจป่ะ  กูแอบชอบเขามาตั้งนาน  กูไม่น่า...ไม่น่าทำแบบนี้เลยว่ะ   แล้วทีนี้กูจะมองหน้าเขายังไง”

   “มองหน้าไม่ได้ก็มองส่วนอื่นสิวะ...ล้อเล่น   มึงอย่าเพิ่งไปคิดถึงขั้นนั้นเลย  เอางี้  เดี๋ยวเย็นนี้กูจะบอกผิงว่ากูมีเรื่องจะพูดด้วยเกี่ยวกับกีฬาสี  ผิงเป็นหัวหน้าฝ่ายสวัสดิการต้องอยู่คุยอยู่แล้ว  ทีนี้มึงก็จัดการซะ  โอเคมั้ย”

   “ก็ได้”

   ไวน์ไม่ปล่อยให้เขาคิดซ้ำ   พอเลิกเรียนก็รีบเดินไปหาผิงทันที   พูดคุยนัดแนะกันดิบดีว่าจะไปที่หลังโรงเรียน  ลักษณ์ขาสั่นแทบก้าวไม่ออกตอนที่เดินตรงเข้าไปหาเด็กสาวตัวเล็กบางที่ยืนมองดอกบัวในสระอยู่อย่างสนอกสนใจ

   “ง่า...ผิง” 

   “อ้าว...ลักษณ์  ยังไม่กลับเหรอ”  เธอส่งยิ้มให้เขานิดๆ  ลักษณ์สูดลงหายใจเข้าปอด  หางตาเหลือบเห็นเงาของร่างสูงๆหลบอยู่ตรงหลังต้นไม้ไม่ใกล้ไม่ไกล  ทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมานิดหนึ่ง

   “อืม..รอใครอยู่เหรอ”

   “รอพี่ไวน์น่ะ  เห็นบอกจะนัดคุยเรื่องโค้วต้านักกีฬาบาส   ไม่เห็นมาสักที”  ผิงเรียกไวน์ว่าพี่เหมือนคนอื่นๆในห้อง   ตามศักดิ์จริงๆที่เป็นรุ่นพี่ของพวกเขาครึ่งปี  เธอหันไปมองรอบๆ  บรรยากาศเงียบสงัดเกินกว่าจะเรียกว่าโรแมนติกในสายตาของลักษณ์...มันเงียบเกินไป   น่าจะเรียกว่าวังเวงมากกว่า

   “อ๋อ...อืม....เอ่อ...เดี๋ยวเรา...คือว่า”  ลักษณ์พยายามรวบรวมคำพูดให้เป็นประโยค  แต่มันยากเหลือเกินในสถานการณ์แบบนี้   ยิ่งมีดวงตากลมโตของผิงจ้องมองมาที่เขาด้วยแล้ว  ลิ้นมันก็พันกันพูดแทบไม่เป็นภาษาคน

   “มีอะไรหรือเปล่า...ลักษณ์”

   “โอ๊ย!”

   ก้อนหินก้อนหนึ่งกระทบหลังของเขาอย่างแรงจนปวดแปลบ  ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามาจากใคร  คงเป็นมือปาหินเจ้าเก่าที่แอบอยู่หลังต้นไม้นั่นแหละ

   ลักษณ์สูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้ง  ความมั่นใจเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

   “ผิง...เรามีเรื่องจะบอกเธอน่ะ”  ผิงสบตาเขานิ่ง  เธอไม่พูดอะไร  คล้ายรอให้เขาพูดต่อ  “คือเรา....เรา....”

   เอาวะ  เป็นไงเป็นกัน..

   “เราเป็นเจ้าของการ์ดใบนั้นเองแหละ  ขนมนั่นด้วย”   กลั้นใจพูดออกไปเร็วปรื๋อ   อยากหลับตาปี๋จะได้ไม่ต้องเห็นสีหน้าของคนฟัง

   ทว่าเขาก็เห็นมันเข้าจนได้

   แววตาของคนตรงหน้าบอกความประหลาดใจก่อนจะกลายเป็นตกใจ  และ...ถ้าเขาเข้าใจไม่ผิด...มันมีแววผิดหวังซ่อนอยู่ในนั้น

   หัวใจที่เต้นแรงในตอนแรกกลับเต้นช้าลง

   “เป็นลักษณ์เองเหรอ...เราก็นึกว่า...”  เธอพึมพำคล้ายพูดกับตัวเอง

   “อืม..เราเอง  เธอนึกว่าใคร” 

   “เปล่าๆ  ไม่มีอะไร  อ๋อ  เธอเลยเขียนว่าตั้งแต่ป.4 สินะ  เราก็ว่าแล้วว่าคงเป็นเพื่อนเก่า  แต่ก็อดหวังไม่ได้  แย่จังนะ”

   “หมายความว่ายังไง”  ลักษณ์งง  ผิงหวังอะไร  คิดว่าใครงั้นเหรอ

   “ช่างมันเถอะ...เอ่อ  ลักษณ์  เราขอบคุณมากนะที่รู้สึกดีกับเราขนาดนี้...คือ   ลักษณ์เป็นคนแรกเลยนะเนี่ยที่เขียนการ์ดแบบนี้ให้เรา  เราดีใจนะ”

   “แล้วผิงชอบเรามั้ย”  ถึงจุดนี้ ลักษณ์คงต้องดับเครื่องชนแล้ว

   เด็กสาวมีท่าทางอึดอัดขึ้นมาทันที  เธอขมวดคิ้วราวกับเค้นหาคำพูดมาตอบเขา   ไม่มีความเขินอาย  ไม่มีความดีใจในสีหน้านั้น

   “ขอโทษนะลักษณ์  แต่เราเห็นลักษณ์เป็นเพื่อนน่ะ  ไม่ใช่ไม่ชอบนะ  เราชอบแต่ชอบแบบเพื่อน  เราเป็นเพื่อนกันก็ดีแล้วนี่”

   “..........”  ลักษณ์พูดไม่ออก

   เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไรต่ออีกบ้าง  รู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองยืนอยู่คนเดียวริมสระบัวหลังโรงเรียน   รู้สึกหนักอึ้งไปทั้งหัวใจ  ในศีรษะมึนงงเหมือนถูกทุบด้วยค้อน

   ทั้งๆที่ทำใจเอาไว้แล้ว...ทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว

   แต่มันก็ยังเจ็บปวด  ยังอดเสียใจไม่ได้ 

   ทำไมผิงใจร้ายจังวะ...

   ขอบตาร้อนผ่าว  ลักษณ์คุกเข่าลงริมสระน้ำ   เขามองเงาของใบหน้าตัวเองในสระ  มันบิดเบี้ยวน่าขันเมื่อถูกปลาตัวเล็กๆว่ายสะบัดหางไปมาจนผิวน้ำกระเพื่อมไหว

   เด็กหนุ่มชะโงกลงไปใกล้กว่าเดิม  เอื้อมมือลงไปแตะผิวน้ำเย็นเฉียบนั้น 

   “เห้ย!”  สัมผัสด้านหลังคอเสื้อพร้อมกับแรงดึงรั้งอย่างรุนแรงทำให้ลักษณ์ผละหงายหลัง  ใครบางคนลากเขาออกมาห่างจากขอบสระและพูดด้วยเสียงร้อนรน

   “แค่นี้มึงต้องฆ่าตัวตายเลยเหรอวะ  บ้าหรือเปล่า  ผู้หญิงคนเดียวเนี่ยนะ  ตั้งสติหน่อยสิโว้ย”  เป็นไอ้ไวน์เพื่อนสนิทของเขานั่นเอง   มันแหกปากพูดปากคอสั่น ยกมือขึ้นตีที่แก้มของเขาแรงๆ

   ลักษณ์ปัดมือออก

   “มึงนั่นแหละตั้งสติหน่อย  กูไม่ได้ทำอะไรเลย” 

   “ก็มึงจะพุ่งลงสระเมื่อกี้อ่ะ  กูเห็น”  ไวน์เถียง

   “เปล่า  จะเล่นกับปลาเฉยๆ”  เขาตอบกลับ  อีกฝ่ายอึ้งไปนานก่อนจะถอนหายใจยาว  ลุกขึ้นยืนแล้วฉุดแขนเขาให้ยืนตามขึ้นมาด้วย

   “แล้วไป  ก็นึกว่าจะประชดรัก  ไม่ต้องเสียใจไปหรอกน่า  ถ้ามึงยังชอบคนนี้อยู่  เดี๋ยวกูช่วยเอง”  เสียงห้าวๆนั้นพูดอยู่เหนือศีรษะ 

   “ไม่ต้องหรอก   ขอบใจมาก”  ลักษณ์ปลดมือแข็งๆที่จับที่ต้นแขนของเขาออก  แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นหญ้า

   ไวน์มองตาม  เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงอยากอยู่คนเดียวสักพัก  ใจหนึ่งก็อยากนั่งอยู่เป็นเพื่อนด้วย  แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยาก

   ความรู้สึกของเขามันตีกันยุ่งไปหมด  บางครั้งก็เอาใจช่วย อยากให้เพื่อนสมหวัง  เขาชอบเวลาที่ลักษณ์ยิ้มกว้าง   รอยยิ้มแบบเด็กๆเห็นฟันครบยี่สิบสองซี่ที่ทำให้เขาอยากยิ้มตามไปด้วย   ยิ้มแบบที่ทำให้เขารู้สึกว่าโลกสดใสขึ้นมาทันตาเห็น      ไม่อยากเห็นเพื่อนทำหน้าจ๋อย ทำหูลู่หางตกเหมือนหมาหงอยเวลาผิดหวังแบบนี้

   ทว่าตอนที่ลักษณ์ยืนคุยกับเพื่อนผู้หญิงคนนั้น  เขากลับรู้สึกขึ้นมาวูบหนึ่งว่า  ไม่...เขาไม่อยากให้ผิงรับรักลักษณ์เลย   วูบหนึ่งที่เขารู้สึกดีใจที่ผิงตอบกลับไปแบบนี้   

   เขาเป็นเพื่อนที่เลวใช่มั้ย

   ไวน์ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ  เขาหยิบการบ้านขึ้นมากางอ่าน   ขณะที่ลักษณ์ถอยไปนั่งพิงต้นไม้  หลับตานิ่งๆเหมือนคนหลับ

   “มึงเคยอกหักมั้ย”  คนหลับถามขึ้นเสียงเบา   ไวน์เหลือบตาขึ้นมองแล้วส่ายหน้า

   “ไม่เคย”

   “ไม่เคยมีแฟนเหรอ  ไม่อยากเชื่อ..”

   “เคยดิ  หลายคนแล้ว”

   “แปลว่ามึงหักอกเค้าล่ะสิ”

   “เปล่า  เค้าบอกเลิกกูทั้งนั้นแหละ  กูไม่เคยบอกเลิกใครก่อนเลย”    ไวน์ยิ้มนิดๆ ตอบกลับไป  ไม่ขยายความว่าที่สาวๆเหล่านั้นทนความไม่ใส่ใจของเขาไม่ไหว  ก็เลยเป็นฝ่ายบอกเลิกเองทั้งหมด

   “หรอ...แล้วไม่เจ็บเรอะ”

   “ก็ไม่นะ  โหวงๆนิดหน่อย  เดี๋ยวก็หาย  จะไปเอาอะไรมากมายกับความรัก   กูไม่เคยกลัวอกหักเลย   เพราะกูคิดว่าตัวเองคงไม่มีทางรักใครได้มากขนาดจะรู้สึกแบบนั้นได้...และคิดว่าชาตินี้ก็คงไม่มีหรอกมั้ง”

   คนฟังเงียบไปนาน 

   “ทำไมมึงถึงชอบผิงล่ะ”  ไวน์ถามต่อ  “เพราะน่ารัก  เป็นกันเอง มีน้ำใจ  แล้วก็ฉลาดเหรอ  นี่คือสเป็คของมึงเหรอลักษณ์  เหมือนคำขวัญงานวันเด็กเลย”  เสียงหัวเราะห้าวๆดังขึ้น  พูดทวนข้อความในจดหมายรักนั้นได้อย่างแม่นยำราวกับท่องจำมา    เก็บคำถามที่อยากรู้จริงๆเอาไว้ภายในใจอย่างมิดเม้น .... แบบไหนที่มึงเห็นว่าน่ารักหรอ  แบบไหนถึงเรียกว่าเป็นกันเอง   ยังไงถึงเรียกว่ามีน้ำใจ  แล้วฉลาดเนี่ย วัดที่ตรงไหน  แค่เรียนห้องคิงพอหรือเปล่า...

   คำถามที่เขาสงสัย  ตั้งแต่ตอนที่ได้อ่านการ์ดใบนั้น


ต่อด้านล่างนะคะ
หัวข้อ: Re: °°°Hidden Wood°°°||..เส้นผมบังใจเขา #แอบลักษณ์ อัพบทที่4 17/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 17-12-2016 00:30:35
ต่อนะคะ




      ลักษณ์เล่าเรื่องสมัยป.4 ตอนที่ได้พบเด็กหญิงครั้งแรกให้เขาฟัง  ความประทับใจตอนที่เธอช่วยเขาหารองเท้าที่เพื่อนเอาไปซ่อน   ความมีน้ำใจของเธอที่อยู่ช่วยเขาทำความสะอาดห้องเรียนจนเสร็จแม้ว่าจะไม่ใช่เวรของเธอ   เธอสอบได้ที่หนึ่งตอนป.5 แล้วก็ช่วยติววิชาเลขให้เขาด้วย  ฯลฯอีกมากมายที่ล้วนเป็นเป็นมิตรภาพแบบเด็กๆในสายตาของคนฟัง กระนั้นก็น่าประทับใจไม่น้อย

   ตอนประถมลักษณ์คงเป็นเด็กตัวเล็กๆแกนๆ  ไม่ค่อยมีเพื่อนคบ และก็ชอบโดนแกล้งแน่ๆ...ไวน์นั่งเท้าแขนฟังเพื่อนเล่าอยู่นานโดยไม่ขัดจังหวะ   จนกระทั่งฟ้ามืดสลัวและคนพูดหยุดพูดไปเอง   

   “จบแล้วเหรอ”  เขาหันไปถาม 

   “พอแล้ว เหนื่อย” 

   คนฟังหัวเราะ

        “ดีขึ้นยัง”

   “อืม”
   “งั้นกลับบ้านนะ”

   “ก็ได้” 

   พวกเขาเดินกลับบ้านด้วยกัน  ลักษณ์รู้สึกโล่งขึ้นมากหลังจากที่ได้เล่าเรื่องราวต่างๆที่อัดแน่นอยู่ในใจมาหลายปีให้ใครสักคนฟัง  แม้จะยังผิดหวังอยู่บ้างแต่มันก็เบาบางลงมากแล้ว   

   คงเป็นเพราะมีคนข้างๆอยู่เป็นเพื่อนกระมัง

   “ขอบคุณมากนะ”   เขาพูดขึ้น  ก่อนที่เราจะแยกกันที่หน้าร้านข้าวแกงป้าสีดา   ไวน์ทำหน้างงๆ แล้วก็ยิ้มกว้าง

   “ไหนของตอบแทน”   

   ลักษณ์เลิกคิ้ว 

   “อยากได้อะไรล่ะ” 

   “อยากได้....”  สายตาคมๆคู่นั้นมีแววพราวระยับแบบที่ลักษณ์รู้ว่าคงจะทำให้เพื่อนผู้หญิงในห้องใจสั่นกันเป็นแถว   ไวน์ยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวเล็กๆทั้งสองข้างที่ทำให้ใบหน้านั้นดูกวนประสาทขึ้นมาสิบระดับในความคิดของเขาอีก 
   
        ...ยิ้มเจ้าเล่ห์มาก  ให้ตายสิ  ไอ้หมอนี่มันไว้ใจได้ไหมเนี่ย...

   “...อืม...ไม่ขออะไรเยอะ  เอาเป็นว่า  ถ้าคิดจะจีบสาวอีกเมื่อไหร่…บอกกูด้วยก็พอ”   

   “ทำไมต้องบอก”

   “ไม่บอกก็ได้”  ไวน์ตวัดเสียงขึ้นจมูก  “กูก็แค่เป็นห่วง  อยากช่วยมึงก็เท่านั้นเอง   ถ้ามึงอึดอัดก็โอเค  ไม่ต้องเล่าให้กูฟังหรอก  แต่อกหักมาอีกเมื่อไหร่กูไม่ช่วยนะ”

   ...ลักษณ์ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะช่วยอะไรเขาได้มากมายหรอก  ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องอกหักอีกซ้ำๆจนต้องพึ่งอีกฝ่ายด้วย  เขาในตอนนั้นก็แค่ไม่อยากปฏิเสธน้ำใจของเพื่อนที่มีให้ก็แค่นั้นเอง

   “เออ รู้แล้วน่า” 

   0000000000000000000000000000000000



   “วันนี้ขอบคุณไวน์มากเลยนะที่ยอมขึ้นไปช่วยเรา  ไม่งั้นเราแย่แน่เลย”  น้ำเสียงหวานดังขึ้นใกล้ตัวทำให้ลักษณ์ต้องเงยหน้าจากการเก็บของลงกระเป๋าชั่วคราว 

   หญิงสาวที่เขาประทับใจในรอยยิ้มนั้นกำลังโปรยยิ้มมาให้เพื่อนตัวสูงที่ยืนรอเขาเก็บของอยู่นั้น  ไวน์ยิ้มตอบหวานพอกันแล้วพูดเสียงนุ่ม

   “เรื่องเล็กน่าเพลิน  ..อ้อ  ลักษณ์ ...นี่เพลินตา  คนที่สวยที่สุดในคณะฯกูเอง”   ไวน์ผายมือไปทางเพื่อนผู้หญิงที่ยืนข้างตัว

   ลักษณ์ส่งยิ้มให้กับหญิงสาวตรงหน้า  เธอยิ้มตอบกลับมาเขินๆ   พูดด้วยเสียงใสกังวานหวานน่ารักสมตัว 
 
   “ยินดีที่ได้รู้จักนะลักษณ์  เรียกเราเพลินเฉยๆก็ได้”

   “ก็ได้...เพลินเฉยๆ”    สาวน้อยหัวเราะคิก 

   คิ้วเข้มของคนที่ยืนอยู่ข้างหญิงสาวขมวดแวบหนึ่ง  ก่อนจะคลายออกกลายเป็นรอยยิ้มสบายๆเหมือนทุกครั้ง  เมื่อเพลินหันมาถามเขา

   “จะไปกินข้าวกันหรือเปล่าคะ  เพลินไปด้วยคนได้มั้ย  เพื่อนๆทิ้งเพลินไปหมดแล้วเนี่ย”  ใบหน้าหวานเหลียวมองรอบตัว   ตอนนี้เหลือพวกเขาสามคนกับเพื่อนกลุ่มทันตะที่กำลังทยอยออกจากห้องเลคเชอร์เท่านั้น     

   ไวน์กำลังจะอ้าปากบอกปฏิเสธ  ...เรื่องอะไรจะพาก้างขวางคอไปด้วยล่ะ  ในเมื่อเขาตั้งใจจะไปกินข้าวกับเพื่อนลักษณ์สองต่อสองเสียหน่อย

   “ยินดีเลยครับ ไปด้วยกันหลายคนสนุกดี”  คนข้างตัวกลับพูดแซงขึ้นมาซะก่อน   หญิงสาวส่งยิ้มมาให้อีก  แน่นอนว่าไอ้ลักษณ์มองตาไม่กระพริบ

   ...อย่าบอกนะว่าหลงเสน่ห์รอยยิ้มหวานๆ อีกแล้ว  ตัวเล็กๆบางๆอีกตะหาก  สเป็คมันเต็มๆ ...บ้าชิบ

   “ไปยังไงดีล่ะ  กูไม่มีรถนะ”  ไวน์พูดขึ้นมาลอยๆ  หวังว่าลูกคุณหนูแบบเพลินคงจะไม่สนุกกับการขึ้นรถเมล์แน่ๆ   ต่อให้อยากไปเพราะใคร หรืออะไรก็ตามทีเถอะ  เธอคงไม่ลงทุนขนาดนั้นหรอก

   “มึงจะไปไหน  ก็กินโรงอาหารไง  ขาเดี้ยงแล้วยังไม่เจียมบอดี้อีก”  ประโยคท้ายลักษณ์ลดเสียงลงพอให้ได้ยินกันแค่สองคน

   หัวใจคนฟังพองโตขึ้นมากะทันหัน...อย่างน้อยลักษณ์ก็ยังมีแก่ใจห่วงสภาพข้อเท้าของเขาอยู่บ้าง 

   “ยิ้มอะไรของมึง  เห็นแล้วขนลุก”  ลักษณ์กระซิบมาอีก   ส่งแขนมาให้เขาจับแทนไม้ค้ำยันเพื่อพยุงตัวเดินออกจากห้องเลคเชอร์ช้าๆ   มีเพลินเดินนำหน้า   เธอทำท่าจะเข้ามาช่วยไวน์ตอนแรกแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ

   “ก็คนมันมีความสุข  ยิ้มไม่ได้หรือไง”

   “เออ  สรุปคนนี้ตัวจริง?”  ลักษณ์พยักพเยิดไปทางด้านหลังร่างเล็กบางของสาวน้อยที่เดินนำหน้า  “ไม่เห็นเคยเล่าให้กูฟังบ้างเลย  ไปจีบตอนไหน”   

   “ไม่ได้จีบ”  ไวน์กระซิบตอบกลับมา

   “อ้าว  งั้นกู...”ลักษณ์ยังพูดไม่ทันจบ  อีกฝ่ายก็รีบขัดขึ้นมาเสียก่อน

“มึงจีบไม่ได้”  ไวน์พูดเรียบๆ  คนฟังอ้าปากค้าง   ถามกลับ 

       “ทำไมล่ะ” 

       ไวน์มองหน้าเขาแล้วตอบสั้นๆ

        “กูหวง”


        …………………………………………………………………………
   
   
   มาต่อนะคะ  ขอบคุณมากเลยที่เม้นท์เข้ามา  ดีใจที่มีคนชอบนะคะ
รู้สึกมีกำลังใจเขียนต่อ55555
ขอบคุณมากๆค่ะ

หัวข้อ: Re: °°°Hidden Wood°°°||..เส้นผมบังใจเขา #แอบลักษณ์ อัพบทที่4 <17/12/59>
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 17-12-2016 01:13:37
มีผู้ช่วยดีเกินไปแบบนี้ ลักษณ์เลยแห้วตลอดหรือเปล่าเนี่ย
หัวข้อ: Re: °°°Hidden Wood°°°||..เส้นผมบังใจเขา #แอบลักษณ์ อัพบทที่4 <17/12/59>
เริ่มหัวข้อโดย: ploysure ที่ 17-12-2016 04:07:46
ไวน์ป้อดได้อีกไม่ไหวแล้ววววว
คงต้องหาผู้หญิงๆน่ารักสักคนที่จะมาหลงเสน่ห์น้องลักษณ์ซะละ ไวน์จะได้รู้ตัวสักทีว่าควรจะทำอะไรเพื่อไม่ให้ลักษณ์ไป :ling2:
ไวน์นี่ก็ขยันพูดให้เพื่อนเข้าใจแบบเนี้ย บอกหวงๆนี่ลักษณ์ก็ต้องเข้าใจว่าหวงเพลิน เรื่องก็จบ ลักษณ์ก็คงโอเคเพื่อนชอบ ตายๆชาตินี้ไม่ต้องทำอะไรแล้วเชิญอยู่ในสถานะเพื่อนตลอดไปเลยค่ะลูกกก
เอาจริงๆนี่นึกไม่ออกเลยว่าจะรักกันได้ไง ลักษณ์นี่คิดกับไวน์เป็นเพื่อนเลย ไวน์นี่ก็ไม่ชัดเจนซักทีอะ
มาอัพต่อเร็วๆนะคะรออ่านอยู่นะ ค้างงง
หัวข้อ: Re: °°°Hidden Wood°°°||..เส้นผมบังใจเขา #แอบลักษณ์ อัพบทที่4 <17/12/59>
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-12-2016 10:35:43
ลักษณ์เอ๊ย......เลิกจีบสาวเถอะ
สาวๆ เขาไม่ชอบผู้ชายน่ารักหรอก
ไวน์ ก็รีบบอกๆไปเถอะเรื่องชอบลักษณ์
ลักษณ์ จะได้รู้สักที ว่าไม่ต้องอิจฉาความหล่อของไวน์
ยังไงๆไอ้เพื่อนหล่อมันไม่แย่งจีบสาวหรอก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: °°°Hidden Wood°°°||..เส้นผมบังใจเขา #แอบลักษณ์ อัพบทที่5 เมื่อกี้นะ 17/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 17-12-2016 17:56:13
ตอนที่ 5 
Time and tide wait for no man.






   “หวง?”  ลักษณ์ทวนคำพูดของอีกฝ่าย  จากนั้นความโกรธก็แล่นวูบขึ้นมาเป็นริ้ว  “มึงไม่คิดจะจีบ แต่ว่าหวงก้างเนี่ยนะ  ทำไมวะ” 

   เขาไม่นึกมาก่อนเลยว่าเพื่อนสนิทจะนิสัยแบบนี้  แต่ก่อนไอ้ไวน์ไม่เคยหวงสาวๆรอบตัวมันเสียหน่อย  เกิดอะไรขึ้นล่ะ  หรือว่าเพลินตาคนนี้จะถูกใจไวน์มาก

   “เปล่า   กูไม่ได้หวงเพลิน  เพลินกับกูไม่ได้เป็นอะไรกัน   กูจะมีสิทธิ์ไปหวงเขาได้ยังไง”  ไวน์ตอบกลับมา   

   คำตอบของอีกฝ่ายทำให้คนถึงกลับมองหน้า  งงจับต้นชนปลายไม่ถูก   

   “ไม่ได้หวงเพลิน?  แล้วมึงหวงใคร  หวงกูหรือไง?”  ลักษณ์เริ่มรู้สึกว่าบทสนทนาระหว่างเขากับเพื่อนสนิทมันแปลกๆชอบกล 

   “ถ้าบอกว่าใช่ล่ะ”  ไวน์พูดกลั้วหัวเราะ   

   “ประสาท  ทำไมต้องหวงกู  อึ๋ย  พูดแล้วขนลุก”   ลักษณ์ยกท่อนแขนขึ้นมาให้ดูเส้นขนที่ลุกชันทั่วทั้งแขนตามที่พูด 
 
   คนตัวสูงเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจ....คงยังไม่ถึงเวลาสินะ 

   “ก็มึงเป็นเพื่อนกูอ่ะ  เพื่อนหวงเพื่อนไม่ได้หรือไง?”   ไวน์ตอบกลับไปแล้วยักคิ้วให้  “เอ้ามึงจะกินอะไร  กะเพราหมูกรอบใช่มั้ย   เดี๋ยวกูไปซื้อให้” 

   ลักษณ์ดูงงๆกับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันของเพื่อน   แต่ก็คิดในใจว่ามันคงรู้สึกผิดที่หวงก้างกับเพื่อนสนิท เลยหาทางพูดไถลไปเรื่อย   กลายเป็นหวงเพื่อนอย่างเขาแทน   ช่างมันเหอะ....เขามองหน้าเพลินตาอย่างเสียดายเล็กน้อย    แค่ถ้าเพื่อนอย่างไวน์ชอบ   เขาก็จะไม่ยุ่ง 

“นั่งอยู่นี่แหละ เดี๋ยวกูซื้อมาให้   เพลินทานอะไรดีครับ”   เขากดไหล่ของไวน์ให้นั่งลงบนเก้าอี้   แล้วเดินไปซื้อข้าวให้เอง   ไม่ลืมอาสาซื้อให้เพลินด้วย   

ปล่อยให้ทั้งสองคนนั่งคุยกันที่โต๊ะ   ลักษณ์เดินมาสั่งอาหารที่หน้าร้านตามสั่ง   เขาเลือกกะเพราหมูกรอบให้ตัวเอง  สั่งเส้นใหญ่ผัดซีอิ๊วโปะไข่ดาวไม่สุกให้ไอ้ไวน์   และข้าวผัดทะเลให้เพลิน

เหลียวไปมองดูท่าทางระหว่างสองคนนั้นเงียบๆ  ไวน์ดูสุภาพและระมัดระวังตัวเป็นพิเศษราวกับอยู่ต่อหน้าญาติผู้ใหญ่   ไม่มีท่าทางแพรวพราวอย่างเวลาอยู่ต่อหน้าสาวๆคนอื่นอย่างที่เคยเห็น   สีหน้าของไวน์ดูติดจะเคร่งเครียดหน่อยๆด้วยซ้ำเวลาคุยกัน
...หรือว่าไวน์จะชอบเพลินจริงๆวะ  ก็เลยกลัวๆกล้าๆ  รอดูอาการของสาวเจ้าก่อน  ไม่ลุยเต็มที่เหมือนทุกที   

อาหารทั้งสามอย่างได้แล้ว    ลักษณ์ตักน้ำตาลครึ่งช้อน น้ำปลา น้าส้ม เติมพริกอีกสองช้อนใส่จานของไวน์   เขารู้ดีว่าเพื่อนชอบกินรสไหน  เพราะปรุงให้มันกินมาเกือบ 7 ปีแล้ว   เพลินลุกมาช่วยเขาถือจานอาหารกลับไปที่โต๊ะ 

“เพิ่งเคยเห็นคนกินผัดซีอิ๊วใส่ไข่ดาว   มันเข้ากันเหรอไวน์”  เพลินทักเมื่อเห็นจานอาหารของไวน์  ชายหนุ่มหัวเราะ   เขยิบที่ให้ลักษณ์นั่งข้างตัว 

“เข้าสิ  ไม่เชื่อลองกินดู  อร่อยดี”  เขาเจาะไข่แดงออกแล้วคลุกกับเส้นก๋วยเตี๋ยว   ตักเข้าปาก  “วันนี้เปรี้ยวกว่าปกตินะ”  หันไปบอกเพื่อนที่ตักหมูกรอบเข้าปาก

“อ้าวเหรอ  สงสัยหนักมือไปหน่อย  โทษๆ”  ลักษณ์ตอบกลับมา  ยื่นช้อนออกไปตักอาหารในจานของไวน์ขึ้นมาชิม 

“อืม  เปรี้ยวจริงด้วยแฮะ” 

“แต่ก็อร่อยดีนะกูว่า   วันหลังเอาเท่านี้แหละ”   คนฟังพยักหน้า   

“แปลกดีเนอะ  ไม่เคยเห็นเพื่อนผู้ชายปรุงอาหารให้กันเลย  น่ารักดีจัง”  เด็กสาวที่นั่งมองอยู่นานพูดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย   ผู้ชายสองคนมองหน้ากันก่อนจะเบือนหลบไปคนละทาง

“เหรอ...ก็เห็นเยอะแยะนะ   เรื่องธรรมดาที่เพื่อนจะปรุงให้”  ไวน์ตอบ  มีความเครียดบางอย่างแฝงอยู่ในน้ำเสียงจนคนใกล้ชิดอย่างลักษณ์สามารถจับอารมณ์ในน้ำเสียงนั้นได้ทันที   เขาเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิทงงๆ

...เป็นไรวะ  เรื่องแค่นี้เอง   ถึงเขาจะไม่รู้ว่าเพื่อนผู้ชายคนอื่นเขาปรุงให้กันหรือเปล่าก็เถอะ  แต่มันก็ไม่แปลกที่เพื่อนจะทำให้เพื่อนมั้ยล่ะ... แล้วไอ้ไวน์จะทำหน้าหงิกแบบนั้นทำไมเนี่ย  เดี๋ยวสาวก็กลัวหมดหรอก

แต่เพลินกลับยิ้มนิดๆ  ดวงตาของเธอมีแววขบขัน

“อืม  ต้องเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากๆเชียวล่ะ  ลักษณ์กับไวน์เนี่ยคบกันมากี่ปีนะ”

“เกือบ 7 ปีแล้วมั้ง”  ลักษณ์ตอบ 

“โห นานมากๆ  ตั้งแต่ชั้นอะไรน่ะ”

“ม.2”  ลักษณ์เป็นฝ่ายตอบอีก  ดูเหมือนไวน์จะกลายเป็นใบ้ไปชั่วคราวโดยไม่รู้สาเหตุ

“ลักษณ์ประทับใจไวน์ที่ตรงไหนเหรอ   หมายถึง..ทำไมคบเป็นเพื่อนกันได้น่ะ”  เพลินขยายความ   ทำเป็นไม่สนใจสายตาปรามจากคนที่นั่งตรงข้ามที่จ้องมายังเธอเขม็ง

ทั้งที่ความจริงแล้ว ก็เงี่ยหูรอฟังคำตอบอยู่เหมือนกันล่ะน่า....เธอรู้

ก็เมื่อกี้นี้ตอนที่ลักษณ์ลุกไปซื้อข้าว   แล้วเธอแกล้งถามออกไปตรงๆตามที่สังเกตเห็นท่าทางของคนทั้งคู่ในช่วงเวลาไม่นานนั้น  ปฏิกิริยาของคนฟังอย่างไวน์ก็บอกความจริงแก่เธอจนหมด

“ไวน์กับลักษณ์เนี่ยน่ารักดีเนอะ   เป็นแฟนกันนานยัง” 


คนฟังสะดุ้งสุดตัว  ละสายตาจากร่างผอมบางของเพื่อนสนิทที่เดินไปซื้อข้าวหันขวับกลับมามองหน้าเธออย่างตกใจ   ใบหน้าคมเข้มนั้นเริ่มแดงจัดลามไปถึงใบหูตอนที่ไวน์บอกปัดละล่ำละลัก

“ไม่ใช่....ไม่ใช่แฟน   เป็นเพื่อนกัน”

“อ้าวเหรอ  ก็ดีสิ  เราชอบลักษณ์น่ะ  น่ารักดี  เธอช่วยหน่อยได้มั้ย”   คิ้วเข้มของคนฟังขมวดฉับทันที

“ไม่ได้หรอก  ลักษณ์มันมีแฟนแล้ว”


“จริงหรอ  ใครน่ะ  แต่ไม่เป็นไรหรอก  มีเจ้าของแล้วก็ยิ่งสนุก  เราชอบ”  เพลินตอบยิ้มๆ เธอมองออกว่าอีกฝ่ายชักจะร้อนรนขึ้นมาบ้างแล้ว

“ขอร้อง  อย่ายุ่งกับมันเลยนะเพลิน” สุดท้ายไวน์ก็พูดเสียงอ่อย   เธอหัวเราะ

“ทำไมล่ะ  ไวน์ชอบลักษณ์หรอ”   เธอส่งหมัดฮุกเข้าไป 

อีกฝ่ายไม่ตอบ  ทว่าท่าทีนิ่งอั้นคล้ายอับจนคำพูดนั้นก็เป็นคำตอบอยู่ในตัวอยู่แล้ว

ถึงเธอจะเสียใจนิดหน่อย เพราะแอบเล็งไวน์เอาไว้  แต่ก็ช่วยไม่ได้  ดูจากสายตาของไวน์ที่มองตามหลังเพื่อนสนิทไม่ห่าง  แถมแววตาคู่นั้นถ้าใครสังเกตสักนิด  ก็คงจะเห็นแววบางอย่างบอกชัดว่าไม่ใช่แค่เพื่อนสนิทมองกันแน่ๆ

เธอคงไม่อาจหาญเข้าไปสู้กับลักษณ์หรอกนะ....ไม่สิ  ความจริงแล้วลักษณ์อาจจะยังไม่รู้เรื่องนี้หรือเปล่า?  ท่าทางของลักษณ์  ทั้งสายตา คำพูด ที่มีต่อไวน์ไม่ได้มีท่าทีอะไรเกินเพื่อนเลย  หรือว่า....

...ไม่อยากเชื่อเลยว่า  คนที่หล่อที่สุดในคณะฯ  เรียนเก่ง กีฬาดี  คุณสมบัติพร้อมอย่างไวน์จะมีตายน้ำตื้นเอากับคนที่ได้ชื่อว่าเป็น เพื่อนสนิท

“ให้เราช่วยเอามั้ย”  เพลินเสนอ   ชักรู้สึกสนุกขึ้นมาหน่อยๆ

“ไม่ต้อง”  ไวน์ตอบกลับมาห้วนๆ  และขยับจะลุกไปช่วยเพื่อนยกจานอาหาร  ติดตรงที่ข้อเท้าเจ็บเลยลุกได้ช้ากว่าเธอที่รีบเดินตรงเข้าไปช่วยลักษณ์แทน

   เพลินคิดมาถึงตรงนี้แล้วก็ยิ้ม  รอฟังคำตอบจากเด็กเภสัชหน้าตาธรรมดาที่เธอไม่เข้าใจว่า  เหตุใดผู้ชายแบบไวน์ถึงไปหลงรักคนๆนี้ได้

   ลักษณ์เหลือบมองเพื่อน แล้วก็หัวเราะ   

   “ประทับใจเหรอ...ไม่มีแฮะ    แต่ไวน์เป็นคนมีน้ำใจมากนะ  ดูแลเพื่อน  ช่วยเหลือคนแก่คนชรา  ไม่เคยเตะหมา  ไม่ด่าพ่อแม่ใคร  ลุกให้สตรีมีครรภ์นั่งบนรถเมล์ด้วย”  ลักษณ์ตอบ ...เอาจริงก็นึกไม่ค่อยออกเท่าไหร่  แต่ไหนๆสาวเจ้าเล่นถามมาอย่างนี้  เขาก็ต้องขุดเอาความดีของเพื่อนขึ้นมาประจาน  เอ๊ย  ขึ้นมาสรรเสริญเสียหน่อย  เผื่อสาวจะสนใจ

   แว่วเสียงถอนหายใจจากคนนั่งข้างๆ 

   “โธ่  ฮ่าๆ   แล้วไวน์ล่ะ  ประทับใจลักษณ์ตรงไหน  ถึงได้....”  เพลินลากเสียง   ไวน์ดูเกร็งขึ้นมาทันที  ใบหน้าหล่อเข้มนั้นดูบึ้งตึงจนลักษณ์ต้องเอาศอกกระทุ้งที่สีข้าง

   มันเอียงหน้ามามอง

   “ยิ้มหน่อยสิวะ  ทำหน้าบูดแบบนี้  สาวจะชอบเหรอ”  ลักษณ์กระซิบเบาๆ   

   คิ้วของคนฟังคลายลง    พร้อมกับมุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้ม    ไวน์มองหน้าลักษณ์แล้วเอื้อมมือไปเก็บจานเปล่าของเพื่อนๆมาซ้อนกับจานของตัวเอง 

   “ประทับใจในความโง่ของมันไง   ไม่เคยรู้เรื่องรู้ราวอะไรกับใครเขาบ้างเลย”    ไวน์ตอบแล้วดันตัวลุกขึ้นยืน  เดินช้าๆไปเก็บจานยังที่วางชั้น   

   ลักษณ์อ้าปากค้าง  ไม่นึกมาก่อนเลยว่าเพื่อนสนิทจะประทับใจในความฉลาดน้อยของเขา...ถุย  ไอ้ไวน์  มันใช่เหรอวะ
 
   “แม่ง ตอบอะไรของมันวะเนี่ย  อุตส่าห์โฆษณาให้มันดีๆแล้วเชียว”  ลักษณ์อุบอิบ  ตวัดสายตามองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินไปเก็บจานอยู่นั้นอย่างหงุดหงิด

   เพลินตาหัวเราะเบาๆ  ท่าทางเธออารมณ์ดียิ่งกว่าตอนแรกเสียอีก

   “น่ารักจังเลยนะ” 

   ได้ยินดังนั้น  ลักษณ์ก็รีบถามต่อทันที

   “น่ารักแล้วรักมั้ยล่ะ”  หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปาก  ปกปิดรอยยิ้มกว้างของเธอที่ลักษณ์ชอบมันไม่น้อย   ทว่าก็ต้องยอมถอยเพราะเพื่อนคงชอบมากกว่า

   ไม่อย่างนั้นคงไม่แสดงท่าทางประหลาดๆออกมาตลอดเวลาที่กินข้าวหรอก....เกร็งขนาดนั้น   ไวน์คงจะชอบผู้หญิงคนนี้มากจริงๆ 

   ถ้าไวน์จะมีแฟน(คนที่เท่าไหร่ของมันก็ไม่รู้)  ...ถ้าเป็นเพลินตา  เขาก็พอจะยอมรับได้อยู่หรอกนะ

   “อุ๊ย  พูดอะไรอย่างนั้น”  เธอหัวเราะออกมาอีก

   ทั้งคู่เดินตรงเข้าไปหาไวน์ที่ยืนเกาะชั้นวางจาน หันมามองอยู่ก่อนแล้วนั้น   ไวน์ยกมือขึ้นเกาะไหล่ของลักษณ์แทน    มีเพลินเดินขนาบอยู่อีกด้าน 

   “แล้วเพลินจะไปไหนต่อครับ”  ไวน์หันไปถามหญิงสาว   เธอเอียงศีรษะน้อยๆดูน่ารักเป็นธรรมชาติในสายตาของลักษณ์
   
   “ยังไม่รู้เลยค่ะ  บ่ายนี้ยังไม่มีแพลนอะไรเลย”   

   คนฟังพยักหน้าแล้วก็เงียบไปซะงั้น  ร้อนถึงเพื่อนแสนดีอย่างลักษณ์ต้องถามต่อ

   “ถ้างั้น  ไปห้องสมุดด้วยกันไหมล่ะ”   เอาศอกกระทุ้งที่สีข้างของไอ้ไวน์อีกรอบจนร่างสูงเซไปเล็กน้อย    ไวน์ก้มลงมองหน้าเขาอย่างงงๆ  “มึงชวนเขาไปด้วยสิ ห้องสมุดบรรยากาศดีนะเว้ย”   ลักษณ์กระซิบมาอีก

   “กูไม่อยากชวนเค้าอ่ะ” 

   “เอ้า  ป้อดอีกไอ้นี่”   เด็กเภสัชพูดพลางจุ๊ปาก   

   ไวน์เริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง  ลักษณ์คงคิดว่าเขาชอบเพลินตากระมัง  เลยหาทางช่วยด้วยความหวังดี เหมือนที่เขาเคยช่วยมันไว้หลายครั้ง 

   เห็นท่าทางกระตือรือร้นของอีกฝ่ายยามที่หันไปพูดชวนเพลินให้ไปนั่งห้องสมุดด้วยกันแล้วนั้น   ไวน์ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบ...จะชวนทำไม   ไม่ได้อยากให้ชวน  ที่ไม่อยากชวนเพราะไม่ได้อยากให้ไปด้วย   ไม่ได้ป้อด  มึงเข้าใจบ้างมั้ยเนี่ย...

   แน่นอนว่าลักษณ์ไม่มีทางล่วงรู้ความคิดของเขาหรอก  เพราะเขาทำได้แค่ตะโกนอยู่ในใจเท่านั้น    จะให้พูดออกไปตรงๆว่า   หยุดครับเพื่อนลักษณ์  กูอยากไปห้องสมุดกับมึงแค่สองคน... เขาก็ไม่กล้า

   ใช่   กับลักษณ์แล้ว  เขาเหมือนคนขี้ขลาดที่จะขยับตัวทำอะไรที ก็ต้องคิดแล้วคิดอีก    ต้องคอยระวังตัวไม่ให้ ‘เผลอ’ แสดงความรู้สึกออกไปมากเกินไป   

   เขาไม่กล้า...ไม่กล้าจริงๆที่จะทำลายความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนระหว่างเราสองคน   ไวน์คิดว่าตัวเองคงรับไม่ได้แน่ๆ  ถ้าวันหนึ่งลักษณ์จะหมางเมินเขาไปด้วยเหตุผลที่เขาเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงออกไป

   แล้วเขาก็ต้องสูญเสีย...ทั้งมิตรภาพและความรัก  โดยไม่มีทางหวนกลับมาได้อีก

   “ไม่รู้ว่าไวน์จะอยากให้เพลินไปด้วยหรือเปล่า”  หญิงสาวตอบยิ้มๆ  เบือนหน้ามาทางเขา  ดวงตากลมหวานนั้นมีรอยขี้เล่น

   “แล้วแต่เพลินเลย”  เขาตอบ   พยายามลดความหงุดหงิดในน้ำเสียงให้เหลือน้อยที่สุด

   ชายหนุ่มโอบไหล่ของเพื่อนสนิทเข้ามาชิดตัวมากกว่าเดิม    ลักษณ์ไม่ได้เบี่ยงหลบเพราะคิด(เอาเอง)ว่าขาของเขาเจ็บจนต้องพึ่งการพยุงช่วยของตน    ทั้งที่จริงแล้วขาของเขาก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากมายนักหรอก

   แต่เรื่องอะไรจะบอกล่ะ

   เสียงหอบน้อยๆของเพื่อนทำให้ไวน์ต้องเอียงตัวกลับมา  ไม่ทิ้งน้ำหนักไปทางลักษณ์มากเกินไป  ซีกหน้านั้นอยู่ถัดจากเขาไปเพียงนิดเดียว   ศีรษะทุยแนบอยู่ที่ซอกไหล่ของเขา

   ใกล้จนแทบจะสัมผัสได้  ทว่าเขาก็ต้องห้ามใจเอาไว้ ...เหมือนทุกครั้ง

   “นั่งโต๊ะนี้แล้วกัน”  เพลินเป็นคนเลือกโต๊ะริมสุดในห้องสมุดของมหาวิทยาลัย   บ่ายนี้คนน้อยกว่าปกติเพราะยังไม่ใกล้ฤดูกาลสอบ    ลักษณ์วางกระเป๋าของเพื่อนสนิทเอาไว้ข้างตัว    ทอดสายตามองตามหลังร่างเล็กบางของดาวแพทย์ที่เดินลับหายเข้าไปในชั้นหนังสือ

   เหลือเขากับไวน์ที่ก้มหน้าก้มตาหยิบสมุดเลคเชอร์ขึ้นมาเปิดอ่าน

   “ไวน์  ทำไมมึงนิ่งจังวะ  ทุกทีไม่เป็นงี้นี่”  ลักษณ์ลดเสียงลง  เพราะที่นี่เป็นห้องสมุด  “หรือว่าเขิน...ให้กูย้ายไปนั่งที่อื่นดีมั้ย  มึงจะได้นั่งกับเพลินสองคน”

   คนหน้าเข้มยังคงกวาดสายตาไปตามหน้าเลคเชอร์  ราวกับไม่ได้ยินที่เขาพูด

   “ไอ้ไวน์  อะไรของมึงเนี่ย   เป็นอะไร”

   “มึงนั่นแหละเป็นอะไร  อยู่เฉยๆไม่ได้หรือไง”  สุดท้ายไวน์ก็เงยหน้าขึ้นตอบด้วยเสียงหงุดหงิดไม่แพ้กัน   

   “ก็กูอยากช่วยอ่ะ  กูดูออกนะว่ามึงชอบเพลินน่ะ”

   “มึงดูยังไง”  ไวน์ถามกลับเสียงเรียบ

   “ก็...กูรู้สึกว่ามึงมองเค้าไม่เหมือนเวลามองเพื่อนผู้หญิงคนอื่นอ่ะ   ท่าทางมึงก็ดูเกร็งๆแปลกๆด้วย  แถมมึงก็ไม่ยอมให้กูจีบเขาอีก    อะไรวะไวน์  ชอบก็บอกว่าชอบดิ”   ลักษณ์สวนกลับตามความคิดของตนเอง   

   คนฟังเงียบไปนาน 

   “ถ้ากูชอบเขาจริงๆ  แล้วมึงจะทำยังไง  จะช่วยกูงั้นเหรอ?”  ไวน์ถามเสียงแผ่ว   

   “ก็เออสิ”  ลักษณ์พยักหน้า   ยกมือขึ้นตบที่หน้าอกของตัวเอง  “เชื่อมือกูได้....แหม่  นานๆทีกูจะได้มีโอกาสได้ช่วยเพื่อนอย่างมึงบ้าง  ทุกทีมึงไม่เคยเล่าให้กูฟังเลยนี่หว่า”   

   โอ้โหไม่นึกเลยว่าวันนี้จะมาถึง...วันที่เพื่อนไวน์เกิดความไม่มั่นใจในตัวเองขึ้นมาจนไม่กล้าเดินหน้าจีบสาว   ต้องพึ่งมือของไอ้ลักษณ์คนนี้   

   ถึงเขาจะไม่เคยประสบความสำเร็จในเรื่องความรักเลยก็ตาม   แต่เขาก็อยากช่วยเพื่อนเต็มที่นะ  ไอ้ไวน์จะได้มีแฟนเป็นตัวเป็นตนเสียที    ทีนี้แหละ  สาวที่เขาเล็งๆไว้ก็จะเลิกสนใจมัน  เพราะมันมีแฟนแล้ว  ฮ่าๆ  พวกเธอจะได้มองเห็นความหล่อเหลาของไอ้ลักษณ์คนนี้บ้าง

   เขาเรียกยิงทีเดียวได้นกสองตัว

   ไอ้ไวน์ไม่ตอบ  ทั้งตกลงหรือปฏิเสธ   มันพึมพำว่าจะไปเข้าห้องน้ำ  จากนั้นก็ลุกเดินหายไปซะงั้น   ทิ้งให้ลักษณ์นั่งเฝ้าโต๊ะอยู่คนเดียว   

   คิดถึงไวน์ขึ้นมา  เขารู้ว่าแท้จริงแล้ว มันเป็นคนขี้เหงา   พ่อแม่ของไวน์ทำฟาร์มโคนมอยู่ต่างจังหวัด  ทิ้งให้ลูกชายครอบครองบ้านเดี่ยวหลังใหญ่อยู่ที่กรุงเทพฯคนเดียว    ส่วนพี่สาวก็เรียนอยู่เมืองนอก  นานๆจะกลับมาเยี่ยมบ้านสักครั้ง

   ไวน์ก็เลยเหมือนอยู่ตัวคนเดียว   ตอนแรกลักษณ์ก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมอีกฝ่ายถึงชอบมาขลุกอยู่ที่ร้านป้าดานัก   หลายครั้งแอบรำคาญด้วยซ้ำ

   แต่พอได้ไปบ้านของไวน์   ได้รับรู้ถึงความแห้งแล้งของสถานที่นั้น  เขาก็เข้าใจ   ไวน์ไม่มีทางมีความสุขกับการอยู่ในบ้านหลังนั้นกับป้าที่เป็นแม่บ้านได้หรอก   

   คงดีเหมือนกันถ้าไวน์จะมีใครสักคนเป็นเพื่อน ...อย่างเช่น  เพลิน? 

   ลักษณ์ไม่รู้เลยว่าคนสองคนที่เขาครุ่นคิดอยู่นั้นกำลังยืนประจันหน้ากันอยู่หน้าห้องน้ำ   สนทนากันอย่างเคร่งเครียดในความรู้สึกของฝ่ายชาย และสนุกปนสงสารน้อยๆในความรู้สึกของฝ่ายหญิง

   “ทำไมไม่บอกไปตามตรงล่ะไวน์”   เพลินพูด  เธอไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคนตรงหน้าที่ดูมั่นอกมั่นใจในตัวเองมากขนาดนั้น  เหตุใดถึงได้เก็บงำความรู้สึกของตนเองที่มีต่อคนใกล้ชิดเอาไว้

   “เพลินไม่รู้อะไรหรอก”  ไวน์บอกปัด  ทำท่าจะเดินหนี 

   “ทำไมจะไม่รู้   เราก็เคยแอบรักเพื่อนสนิทตัวเองเหมือนกันนะไวน์”  ประโยคนั้นทำให้ไวน์ชะงัก  “เรารู้ว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน   อยากพูด  อยากแสดงออก  แต่ก็กลัวจะเสียเค้าไป....เราเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว”

   ชายหนุ่มหยุดยืนที่เดิม  เขาสบตากลมโตของเพื่อนร่วมคณะที่คล้ายมีน้ำตาคลออยู่นิดๆ   เพลินทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างราวกับกำลังมองย้อนกลับไปยังอดีตของตนเองที่เกิดขึ้นนานแล้ว

   “อีกคนไม่เคยมองเห็นเราเป็นอื่นนอกจากเพื่อน   ทั้งๆที่เราเห็นเค้าเป็นมากกว่านั้น   เราให้ใจเค้าไปทั้งหมด  แต่เขาก็ไม่เคยรู้เลยสักนิด”   เพลินถอนหายใจยาว  “ตอนแรกเราก็อยากเก็บมันไว้เป็นความลับไปจนตายเหมือนกัน  แต่มันอึดอัด  มันทรมานนะ   อยากบอกให้เค้ารู้ตัว   แต่ก็ไม่อยากผิดหวัง”

   “แล้วสุดท้าย  เธอบอกเค้าไปมั้ย”  ไวน์ทำลายความเงียบขึ้นเบาๆ  หลังจากเห็นหญิงสาวเงียบไปนาน

   “บอก...เราบอกตอนวันปัจฉิมนิเทศ   ตอนที่รู้ว่าเรากับเค้าเอนท์ติดกันคนละที่   เค้าจะไปเรียนต่อเมืองนอก  เราก็เลยบอกเพราะคิดว่าตัวเองคงไม่ต้องเจอหน้ากันอีกแล้ว” 

   “แล้วเค้าว่ายังไง”  ไวน์ถามด้วยเสียงกระซิบ   

   “เค้าก็...ร้องไห้”  เพลินตอบ  “แล้วก็บอกเราว่า  เค้าก็คิดเหมือนกันกับเรา แต่ไม่เคยกล้าบอกเราเหมือนกัน”   เสียงของเพลินสั่นน้อยๆตอนที่เล่า “เขาบอกว่าทำไมเราไม่บอกเขาก่อน  อย่างน้อยก็แสดงออกให้รู้บ้างสักนิดก็ยังดี   เค้าจะได้กล้าที่จะบอกเราบ้าง   แต่นี่เค้านึกว่าเราเห็นเค้าเป็นแค่เพื่อน   เค้าก็เลยเลือกสอบชิงทุนไปอเมริกา”

   “แค่อเมริกาเอง  เพลินบินไปหาก็ได้นี่   ไม่ก็ให้เค้าบินกลับมาเยี่ยม”

   “มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกไวน์   ตอนแรกเราก็นึกว่ามันจะเป็นอย่างนั้น   แต่เค้าบอกเราว่าความรู้สึกของเค้ามันเปลี่ยนไปแล้ว   เค้าตัดใจจากเราไปแล้วตั้งแต่ตอนที่ตัดสินใจสอบชิงทุน    มันสายไป   เราบอกเค้าช้าไปไวน์”

   ไวน์พูดไม่ออก   รู้สึกสงสารเพื่อนเต็มที  เขายกมือขึ้นแตะไหล่เธอเป็นเชิงปลอบ   เพลินก้มหน้าลงแวบหนึ่งแล้วก็เงยหน้าขึ้นยิ้ม

   “เรายังไม่ตายหรอก  ไม่ต้องทำหน้าอย่างงั้นก็ได้”  เพลินพูด  “แต่เราไม่อยากเห็นไวน์พลาดโอกาสแบบเราไปนะ   ครั้งแรกตอนที่เราเห็นไวน์มองลักษณ์  เรารู้สึกเหมือนเห็นตัวเองเลย”

   “เรื่องของเรามันไม่เหมือนกัน   ลักษณ์ไม่เคยมองเราเป็นอย่างอื่นนอกจากเพื่อนสนิทเลย”   ไวน์ยอมพูดออกมาตรงๆ หลังจากได้ยินเรื่องเล่าของเพื่อนแล้ว   

   “ก็เหมือนเรากับเค้านั้นแหละ  เราไม่มีทางรู้หรอกว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่”

   คนฟังส่ายหน้าช้าๆ 

   “ไม่ใช่  เรารู้  เพราะลักษณ์ไม่ใช่คนที่เก็บความรู้สึกอะไรได้   มีอะไรก็แสดงออกมาทางสีหน้าหมด   เราก็เลยรู้ว่าเขาไม่เคยคิดกับเราเกินเพื่อน  อีกอย่าง...เราเป็นผู้ชายด้วย   มันเลยยาก”

   “แล้วเราบอกเหรอว่าเพื่อนเราเป็นผู้ชาย”   เพลินสวนกลับมา  ทำเอาคนฟังงง  หันไปมองหน้าอย่างแปลกใจ  “เรื่องเพศมันไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกไวน์    มันอยู่ที่ใจตะหาก”

   ไวน์หัวเราะออกมาเบาๆ 

   “แล้วจะให้เราทำยังไง   เดินเข้าไปบอกมันงั้นเหรอว่าเราชอบมันมานานแล้วน่ะ”  เขาพูดแกมหัวเราะ   นึกภาพหน้าไอ้ลักษณ์ออกเลยว่ามันคงจะทั้งงงทั้งเหวอ   อาจจะด่าเขากลับมาด้วยซ้ำ  ข้อหาที่ไปพูดอะไรไร้สาระ  ล้อเล่นไม่รู้เวลาล่ำเวลา
“ไม่ใช่อย่างนั้น   เราต้องลองดูท่าทีของลักษณ์ก่อน  ว่าหวั่นไหวกับไวน์บ้างมั้ย   ยิ่งลักษณ์เป็นคนเก็บความรู้สึกไม่เก่งแบบนี้  ก็ยิ่งง่ายใหญ่”

“เราว่ามันจะเสียเวลาเปล่า”    เขาลองมาหลายปีแล้ว  ทั้งหยอดทั้งเอาใจสารพัด  แต่ไม่เห็นอีกฝ่ายจะมีท่าทางอะไรออกมาเลยสักนิด    มีแต่เฉยๆ ไม่ก็ด่ากลับมา  “ลักษณ์ไม่เคยเขินหรืออะไรเลย”

“ก็เพราะลักษณ์ไม่เคยมองไวน์ในแง่ของคนรักเลยไงล่ะ   เราต้องเปลี่ยนแนวคิดของลักษณ์เสียก่อน   ให้ลักษณ์มองเห็นไวน์ในแบบที่เป็นผู้ชายคนนึง  ไม่ใช่แค่เพื่อนสนิทเหมือนทุกที”

ไวน์คิดตามที่เพื่อนบอก   เขาเริ่มจะเข้าใจที่เพลินต้องการจะสื่อแล้ว....ปกติลักษณ์เห็นเขาเป็นเพื่อน  ก็เลยไม่รู้สึกอะไรกับความใกล้ชิด หรือการดูแลกัน  เพราะมันเข้าใจว่าก็เป็นแค่การแสดงออกของเพื่อน

ต่อให้เขาเดินเข้าไปบอกรักมันตอนนี้   มันก็อาจจะแค่ด่ากลับมาว่าประสาท  แล้วก็เข้าใจว่าเป็นความรักแบบเพื่อนอยู่นั่นเอง 
เขาต้องทำอะไรสักอย่าง   ที่จะเปลี่ยนความคิดของอีกฝ่ายที่มีต่อเขา...อะไรล่ะ

“ไวน์ลองกลับไปคิดดูก็แล้วกัน  ว่าจะลองเสี่ยงมั้ย   ถ้าไม่...ระหว่างลักษณ์กับนายก็คงเป็นได้แค่เพื่อนกันตลอดไป”  เพลินพูดเนิบๆ  เธอหลิ่วตามองเขาอย่างมีความหมาย     “แต่ถ้านายลองดูสักตั้ง   ไม่แน่ว่า  ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะคุ้มค่าเกินกว่าที่คาดคิดเอาไว้ก็ได้นะ”

เพลินเดินจากไปแล้ว   แต่เขายังยืนอยู่ที่เดิม  ครุ่นคิดถึงคำพูดของเธอกลับไปกลับมาหัว

ลองเสี่ยงดูงั้นเหรอ....เพลินก็พูดง่ายราวกับชวนเขาไปเล่นพนัน   ความจริงแล้วมันก็ไม่ต่าง  เพียงแค่เดิมพันครั้งนี้มันสูงเหลือเกินสำหรับความรู้สึกของเขา

ถ้าลักษณ์ไม่เล่นด้วยล่ะ   ถ้ามันไม่ ‘รู้สึก’ เหมือนกันกับเขา   แน่นอนว่าความสัมพันธ์ที่สร้างมาแทบตายก็คงพังทลายหายไปเหมือนปราสาททรายโดนคลื่นเซาะถล่ม   

แต่หากว่าอีกฝ่ายมีใจให้เขาบ้างเหมือนกันล่ะ...ไวน์รู้ดีว่าโอกาสมันเป็นไปได้เพียง 0.00001% เลยมั้งที่ลักษณ์จะชอบเขาเหมือนกัน   

มันคุ้มหรือเปล่าที่จะเสี่ยง

ความรู้สึกแบบคนรักที่เขาเฝ้ารอมาตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา    ความหวังริบหรี่ที่เคยคาดหวังว่าอีกฝ่ายจะมองมาเห็นเขาบ้าง   
ความมั่นใจในตัวเองที่มีอยู่ล้นเหลือนั้นใช้ไม่ได้เลยเมื่ออีกฝ่ายเป็นลักษณ์   ไม่ใช่หญิงสาวทั่วๆไปที่ดันมาหลงเสน่ห์รูปร่างหน้าตาของเขา

เขาจะทำอย่างไรดี     ถ้าเขาตัดสินใจผิด 

ก็เท่ากับว่าเขาจะสูญเสียอีกฝ่ายไปตลอดกาล

   ......................................................................................

มาอัพต่อค่ะ  ขอบคุณที่กดเข้ามาอ่านนะคะ อิอิ :mew1:
ขอบคุณที่เม้นเป็นกำลังใจกันด้วยนะคะ
เรื่องนี้เนิบๆเรียบๆนะคะ  ช้าๆด้วย555  จริงๆยังเพิ่งเริ่มจะเข้าเรื่องเอง5555
หัวข้อ: Re: °°°Hidden Wood°°°||..เส้นผมบังใจเขา #แอบลักษณ์ อัพบทที่5 เมื่อกี้น่ะ <17/12/59>
เริ่มหัวข้อโดย: ploysure ที่ 17-12-2016 20:14:48
ไวน์คนป้อด ถ้าเพลินไม่พูดแนะนำนางคงเป็นเพื่อนลักษณ์ไปตลอดชีวิต ไม่กล้าซะที5555
สู้ๆนะ รอดูว่าไวน์จะรุกลักษณ์ยังไง หึหึหึ :hao6:
หัวข้อ: Re: °°°Hidden Wood°°°||..เส้นผมบังใจเขา #แอบลักษณ์ อัพบทที่5 เมื่อกี้น่ะ <17/12/59>
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 17-12-2016 20:48:43
ดราม่าขนาดดดดดดดดด!!!!! อ่านแล้วปวดใจเลยนะเนี่ย  :hao5:
หัวข้อ: Re: °°°Hidden Wood°°°||..เส้นผมบังใจเขา #แอบลักษณ์ อัพบทที่5 เมื่อกี้น่ะ <17/12/59>
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 17-12-2016 23:29:45
อู้ววววว ลุ้น
หัวข้อ: Re: °°°Hidden Wood°°°||..เส้นผมบังใจเขา #แอบลักษณ์ อัพบทที่5 เมื่อกี้น่ะ <17/12/59>
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 18-12-2016 09:47:56
ไวน์สู้ๆ~ :hao7:
หัวข้อ: Re: °°°Hidden Wood°°°||..เส้นผมบังใจเขา #แอบลักษณ์ อัพบทที่6แล้วนะเออ18/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 18-12-2016 15:59:36
ตอนที่ 6
Fortune knocks at least once at every man’s gate.





   “เย็นนี้มึงว่างหรือเปล่า  หรือต้องซ้อมเชียร์อีก”   ไวน์ถามเขาก่อนที่เราจะแยกกันไปเรียนในตอนเช้าวันถัดมา    เมื่อวานไวน์ทำตัวแปลกๆตลอดบ่ายจนกระทั่งกลับบ้าน  มันก็ไม่ได้อยู่ช่วยที่ร้านเสิร์ฟอาหารเหมือนทุกที  แถมยังพูดน้อยลงราวกับเป็นคนละคน

   พอเขาถามว่า จะเอาอย่างไรกับเพลินกันแน่   ไวน์ก็ตอบว่าจะจัดการเอง   ไม่ต้องยุ่ง  ก่อนกลับยังสะบัดเสียงใส่เขาราวกับเป็นตัวต้นเหตุของอารมณ์ขึ้นๆลงๆของมันงั้นแหละ

   นี่เขาทำผิดอะไรวะเนี่ยเห้ย....

   ตัดมาที่ตอนเช้า  คุณศตวรรษก็ลากข้อเท้าของมันมารับเขาถึงหน้าบ้าน  แปลกกว่านั้นคือมันหอบหิ้วข้าวเหนียวหมูปิ้ง น้ำเต้าหู้มาให้กินเป็นอาหารเช้า   แถมยังเลี้ยงค่าแท็กซี่คนเดียวอีกตะหาก

   “มีซ้อมเชียร์  พอเสร็จเชียร์ พี่รหัสกูบอกจะพาไปเปิดหูเปิดตาต่อ”  ลักษณ์ตอบกลับไป  คนฟังขมวดคิ้ว

   ....เอาอีกแล้ว  ไอ้ไวน์มันอารมณ์แปรปรวนอีกแล้ว  เป็นบ้าอะไรของมัน

   “พี่รหัสไหน  พี่สิงห์เหรอ  แล้วไปกับใครบ้าง” 

   “เออพี่สิงห์นั่นแหละ  กับเพื่อนๆพี่เค้ามั้ง   เดี๋ยวกูว่าจะลองชวนพวกเบียร์ไปด้วย”  เขาว่า   เอื้อมมือไปหยิบหนังสือของตัวเองจากมืออีกฝ่ายมาถือเอาไว้   

   “ดีแล้ว  ชวนเพื่อนไปด้วย  หลายๆคนจะได้สนุก   ว่าแต่ไปเปิดหูเปิดตาที่ว่าเนี่ย  ที่ไหน” 

   “ไม่รู้ว่ะ  ไม่ได้บอกชื่อ  แต่พี่เขาบอกว่าเด็ด”  ลักษณ์เดาว่าคงเป็นสถานที่เที่ยวกลางคืนสักแห่ง 

   “มึงรอกูก่อนได้มั้ยล่ะ  เย็นนี้กูมีสัมภาษณ์ดาวเดือน  เสร็จแล้วจะไปด้วย”

   “ทำไมต้องรอ  มึงอยากไปก็ตามไปเจอกันที่ร้านก็ได้”   เขาตอบกลับไปง่ายๆ    เท้าเดินมาถึงหน้าห้องเรียนของตัวเองแล้ว  ส่วนของไวน์ต้องขึ้นบันไดไปอีกชั้นหนึ่ง

   ใกล้ถึงเวลาเข้าเรียนเต็มที  ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่ยอมผละไปง่ายๆ 

   “งั้นเดี๋ยวกูจะโทรไปถามร้านนะ  ต้องรับโทรศัพท์กูนะ   ไม่ก็ไลน์บอกชื่อร้านมาก็ได้” 

   ลักษณ์มองหน้าเขานิ่งๆอยู่พักหนึ่ง  แล้วก็ร้องอ๋อ  ทำเอาใจเข้าเต้นไม่เป็นส่ำ  กลัวว่าจะเผลอแสดงออกอะไรมากไป

   ....แม้ว่าเขาจะกลับไปนั่งคิดนอนคิดดูแล้วตลอดทั้งคืน  จนกระทั่งตัดสินใจว่าจะลุยเต็มที่แล้วก็ตาม  กระนั้นก็ยังไม่วายกลัวอยู่ในใจ   เพราะความเคยชินที่จะมีลักษณ์อยู่เคียงข้าง   ถ้าวันหนึ่งไม่มีอีกต่อไป   เขาก็ยังไม่รู้เลยว่าจะทำใจได้ยังไง

   แต่บางที  มันอาจจะดีกว่ารออยู่ข้างๆแบบนี้  ทำได้แค่หน้าที่เพื่อนที่ดีและซื่อสัตย์เท่านั้น  ...หน้าที่ที่เขาเริ่มเบื่อเต็มที

   แต่ต้องทำอย่างไรบ้างก็ยังคิดไม่ออกเหมือนกัน  รู้แต่ว่าถ้าขืนบุ่มบ่ามผลีผลาม  อาจทำให้ไก่ตื่นได้...ในเมื่อเขาอดทนรอมาตั้ง 7 ปี  จะรออีกสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร

   ติดตรงที่ก้างชิ้นใหญ่ที่ชักจะเริ่มรุกคืบเข้ามาใกล้อย่างไอ้พี่รหัสของลักษณ์เนี่ยแหละ

   “มึงจะชวนเพลินไปเที่ยวด้วยใช่มั้ยล่ะ   อยากให้กูช่วยก็บอกตรงๆก็ได้  ไม่ต้องกลัวเสียฟอร์ม”  ลักษณ์พูดต่อมา หลังจากร้องอ๋อ  คนฟังลอบถอนหายใจ  เออออไปตามน้ำ 

   “เออ  นั่นแหละๆ  มึงต้องเปิดมือถือไว้ตลอดนะ    กูไลน์ไปก็ต้องตอบด้วย   อ้อ  แล้วก็ห้ามเมาก่อนที่กูจะไปถึงล่ะ”   ไวน์สำทับ  แล้วก็ขยายความ  “เกิดมึงเมาไปก่อนแล้วจะช่วยกูยังไง”   

   ลักษณ์พยักหน้าเห็นด้วย   เชื่อสนิทใจ

   “โอเค  ได้เลยเพื่อน” 

   ไวน์มองตามร่างผอมบางที่เดินอุ้มหนังสือเลี้ยวเข้าไปในห้องเลคเชอร์นั้นแล้วถอนหายใจยาว   เป็นห่วงชะมัด...ไม่อยากปล่อยให้ไปกับพี่รหัสท่าทางไม่น่าไว้ใจคนนั้นเลย   ให้ตายสิ

   ทำไมมันต้องมานัดสัมภ่งสัมภาษณ์อะไรกันวันนี้ด้วยวะ

   เวลาผ่านไปช้าเหลือเกินในความรู้สึกของไวน์   ชายหนุ่มก้มลงมองนาฬิกาหลายครั้งขณะที่กำลังสัมภาษณ์อยู่จนเพลิน  ดาวคณะฯต้องสะกิด

   “รีบไปไหนหรือไวน์”  เธอถาม  “ท่าทางเธอกังวลจัง   ปล่อยเป็นธรรมชาติหน่อยสิ” 

   “เรามีธุระน่ะ”  ไวน์บอกปัด   เขายังไม่ได้เล่าให้เธอฟังถึงการตัดสินใจของตัวเอง   และคิดว่ายังไม่จำเป็นจะต้องเล่าด้วย

   “หรอ...กี่โมงล่ะ”

   “ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี”  เขากระซิบตอบ

   “คำถามสุดท้ายแล้วค่ะ   ทั้งคู่โสดหรือเปล่าคะ”  รุ่นพี่ที่นั่งสัมภาษณ์เขาอยู่เกือบสองชั่วโมงยิงคำถามสุดท้าย   เพลินหันไปหัวเราะเบาๆแก้เขิน 

   “เพลินโสดค่ะ”

   “แล้วน้องไวน์ละคะ”

   “ไวน์ก็โสด แต่มีคนที่ชอบแล้วค่ะ”  ดาวคณะฯแย่งตอบ     ชายหนุ่มหันขวับไปมองอย่างฉุนๆ   ขณะที่คนสัมภาษณ์ตาโต  รีบถามต่อทันที

   “ใครเหรอคะน้องไวน์  คณะเดียวกันหรือเปล่า...เอ  หรือว่าจะเป็นน้องเพลิน  ตามที่เขาลือกันให้แซ่ดคะ”   

   “เปล่าครับ  ไม่ใช่ครับ”

   “ไม่ใช่เพลิน หรือไม่ใช่คณะเดียวกัน  หรือไม่มีคนที่ชอบกันแน่คะ  ขยายความหน่อย  เชื่อว่ามีคนอยากรู้เหมือนพี่เยอะเลย”

   ....ไวน์อยากตอบออกไปใจจะขาดว่า ไม่ใช่...เรื่องของพี่ครับ   แต่ก็เกรงว่าจะดูก้าวร้าวผิดจากลุคไปหน่อย  เลยกล้ำกลืนความหงุดหงิดเอาไว้ภายใต้รอยยิ้มอวดเขี้ยวสองข้างนั้น

   “ไม่ใช่เพลิน และไม่ได้อยู่คณะเดียวกันครับ” 

   “แปลว่ามีคนที่ชอบแล้วจริงๆสินะคะ  ถึงว่าไม่เห็นไวน์เดินกับสาวที่ไหนเท่าไหร่   แล้วว่าแต่ผู้โชคดีคนนั้นคือใครเหรอคะ”
 
   “เขาก็ยังไม่รู้ตัวเลยครับ”  ไวน์ตอบเรียบๆ

   “อ้าว   ทำไมล่ะคะ  เราไม่ได้บอกเขาเหรอ”

   “ไม่ได้บอกครับ   แต่ว่าจะบอกเร็วๆนี้   ถ้ามีโอกาส”

   “โอ๊ยตายแล้ว  พี่อยากรู้จังเลยว่าใคร   น้องแพนดาวถาปัดหรือเปล่าคะ  หรือว่าน้องไปป์หลีดมอ    พี่เคยเห็นเราไปกินข้าวกับน้องเขาแวบๆนะ” 

   “พี่เดาไม่ถูกหรอกครับ”  ไวน์พูดแกมหัวเราะ   

   “ทำไมล่ะ  หรือว่าอยู่คนละมอ  เอ๊  ใคร   น้องเพลินพอทราบมั้ยคะ”

   “เพลินรู้แต่ว่าเค้าเป็นคนใกล้ตัวของไวน์มากๆเลยค่ะ”  คำตอบของเพลินทำให้ชายหนุ่มจุ๊ปาก  แล้วรีบชิงเปลี่ยนเรื่องทันควัน   ไม่อยากให้เธอพูดอะไรมากไปกว่านี้

   พวกผู้หญิงนี่เก็บความลับไม่อยู่เอาเสียเลยนะ..

   กว่าจะเสร็จงานก็สองทุ่มกว่า  ไวน์ดูนาฬิกาอีกรอบแล้วรีบลาทุกคนวิ่งลงจากอาคาร   ป่านนี้แสตนด์เภสัชคงเลิกแล้ว   และเจ้าเพื่อนของเขาก็คงไปอยู่ที่ร้านที่ว่านั่นเรียบร้อย

   ไวน์ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเพื่อน  ฟังเสียงรอสายอยู่นานจนมีเสียงให้ฝากข้อความเขาก็กดตัดสาย   

   ...บอกให้รับโทรศัพท์  ทำไมไม่รับนะ   ไลน์ก็ว่างเปล่า   อีกฝ่ายไม่ได้ส่งชื่อร้านมาให้เขาตามที่ตกลงกันเอาไว้เลย...เขากดโทรออกอีกสามรอบ  ก็เหมือนเดิม   ไม่มีใครรับสาย

   เริ่มรู้สึกร้อนใจขึ้นมาหน่อยๆ  เขารู้ดีว่าลักษณ์ไม่ใช่คนคอแข็งนักหรอก   และยิ่งเวลาเมาก็ชอบหลับลึกแบบไม่รู้สึกตัวอีกด้วย   ใครจะทำอะไรก็ไม่รู้ตัวทั้งนั้น

   เขากดโทรออกเป็นรอบที่เจ็ดก็ยังไม่มีใครรับสาย...ใจร้อนเป็นไฟ  เขาเปิดรายชื่อไล่หาเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนกลุ่มใหม่ของไวน์ที่เคยขอเอาไว้เมื่อวันก่อน

   เจอเบอร์ของแซม   เขาโทรออกทันที  รอสายอยู่ครู่เดียว อีกฝ่ายก็กดรับ

   “สวัสดีครับ”

   “เราไวน์นะ  เพื่อนของลักษณ์ จำได้มั้ย”

   “จำได้ๆ มีอะไรหรือเปล่า”   เสียงของมันตอบกลับมา พร้อมกับเสียงรัวเมาส์  และกดแป้นคีย์บอร์ด

   “ลักษณ์อยู่กับนายหรือเปล่า”

   “เปล่า  วันนี้มันไปกินกับพี่รหัส....เห้ย  ตามเลยๆ  อย่าช้าดิวะไอ้เต้  โหย”  เสียงโวยวายลอดเข้ามาในโทรศัพท์อีกหลายคำ  เดาไม่ยากว่าฝ่ายนั้นกำลังทำอะไรอยู่

   “ร้านไหน  พอรู้หรือเปล่า”

   “เห็นมันบอกว่าร้าน.....นะ  ถ้าจำไม่ผิด   เห้ยกูวางสายก่อนนะ กำลังยุ่งๆ”  แซมบอกแล้วกดตัดสายทิ้ง 

   ไวน์พูดทวนชื่อร้านในใจ   รู้สึกมันจะเป็นร้านอาหารกึ่งผับที่เคยได้ยินเพื่อนร่วมคณะฯพูดถึงเหมือนกัน     ไวน์โทรหาเพื่อนอีกคนถามเส้นทางไป  แล้วก็โบกแท็กซี่ทันที

   ถ้าลักษณ์มาเห็นคงแปลกใจน่าดู เพราะเขาเคยบอกมันไปว่าเขาเป็นพวกหลงทิศทาง   จำทางอะไรไม่ค่อยได้หรอก  เลยต้องรอกลับบ้านพร้อมมันทุกที....หึ

   ไอ้หมอนั่นก็เชื่อได้เชื่อดี   ไม่รู้ว่าทำไมถึงเชื่อคนง่ายขนาดนั้น    บอกอะไร  หลอกอะไรก็เชื่อหมด  ไม่เคยสงสัย  ไม่เคยเอะใจ   

   จะเรียกว่าซื่อบื้อก็คงได้มั้ง

   ไม่รู้ป่านนี้เมาพับไปแล้วหรือยัง

   รถแท็กซี่มาจอดที่ด้านหน้าร้านอาหาร  ไวน์สังเกตว่ามีรถจอดแน่นทีเดียว   ข้างในคงจะคนเยอะไม่ใช่เล่น   เขาปลดไทด์ออกแล้วพับแขนเสื้อนักศึกษาขึ้น   เดินเนิบๆเข้าไปภายในร้านอาหารที่จัดร้านได้อย่างมีศิลป์ทีเดียว

   ถ้าไม่ติดว่าร้อนใจอยู่ล่ะก็   เขาก็คงมีอารมณ์ชื่นชมการตกแต่งของร้านได้มากกว่านี้

   พนักงานสาวสวยเดินมาถามเขาว่ามากี่คน   จองไว้หรือเปล่า   ไวน์ตอบไปว่านัดเพื่อนเอาไว้แล้วเดินหลบหลีกโต๊ะและผู้คนแหวกเข้ามาด้านใน   มือก็กดโทรออกเข้าเครื่องของเพื่อนสนิทไปด้วย  สายตากวาดหาร่างผอมๆที่คงนั่งหงิกอยู่ตรงไหนสักแห่งในร้าน    แต่มองหาเท่าไหร่ก็ไม่ยักเจอ

   “ตรงนี้ว่างนะคะ”  เสียงหญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้นข้างตัว  พร้อมกับฝ่ามืออ่อนนุ่มจับที่แขนของเขา  ไวน์ดึงแขนออก  ปฏิเสธไปอย่างสงบ   

   เขาต้องหลีกเลี่ยงสายตาของหญิงสาวและชายหนุ่มหลายคนที่มองมาที่เขาด้วยแววตาสื่อความนัย    บางคนก็ถึงกับสั่งเครื่องดื่มมาให้เขา

   ไวน์ไม่สนใจ   หัวใจของเขาร้อนราวกับไฟผลาญด้วยความเป็นห่วงเพื่อนสนิทตัวเองที่จนป่านนี้ยังหาไม่พบ   เขาเดินเข้าไปหาในห้องน้ำ  เคาะเรียกทุกห้องก็แล้ว   เดินวนรอบร้านอีกสองรอบ  มั่นใจว่าดูทุกโต๊ะก็ยังไม่พบเงาของลักษณ์  รวมถึงเงาของรุ่นพี่ของมันด้วย

   โทรศัพท์ก็ไม่รับ   ไลน์ก็ไม่ตอบ

   นี่มึงหายหัวไปไหนวะเนี่ย...

   ไวน์ออกมาสงบสติอารมณ์ที่นอกร้าน   นาฬิกาบอกเวลาเกือบห้าทุ่มแล้ว   เขาหงุดหงิดจนแทบจะเขวี้ยงโทรศัพท์ตัวเองทิ้ง  ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นสิ่งเดียวที่ใช้ติดต่อเพื่อนรักได้ในตอนนี้

   หรือว่ามันจะกลับบ้านไปแล้ว...

   ลักษณ์กดโทรไปที่บ้านของลักษณ์   พี่รามเป็นคนรับสาย  บอกว่าลักษณ์ยังไม่กลับบ้านเลย   ติดต่อไม่ได้เหมือนกัน    นั่นยิ่งทำให้ไวน์รู้สึกแย่กว่าเดิม

   ทำไงดี

   เขาเปิดเฟสบุ๊คที่นานทีปีหนจะโผล่เข้าไปสักทีขึ้นมาอย่างจนตรอก   พิมพ์ข้อความลงไปแล้วแทคชื่อเพื่อนสนิท  ห้านาทีต่อมาก็มีคนตอบ

   
   ‘ตามหา @GoodLuck  Udommatin  มีใครพบเห็นช่วยแจ้งด้วยคับ’ 
   ถูกใจ 52 คน   ความคิดเห็น  2 รายการ

   Noppy notNoop
   เห็นอยู่ที่ #%$&^#$% ตอนสามทุ่ม
   3 นาทีก่อน   ถูกใจ 1 ตอบกลับ

   สิงหา  เดชธำรงธรรม
   อยู่กับผมเองครับ   ไม่ต้องห่วง^^
   2 นาทีก่อน  ถูกใจ 2 ตอบกลับ
   

   ไวน์อ่านข้อความนั้นซ้ำอีกครั้ง   แล้วกดโทรไปหาเพื่อนร่วมคณะทันที

   “ฮัลโหล  กูเองนพ   มึงเจอไอ้ลักษณ์ที่....เหรอ”  เขาทวนชื่อผับแห่งหนึ่ง  ไม่ไกลไปจากที่นี่นัก   พลางกึ่งเดินกึ่งวิ่งข้ามถนนไปยังอีกฝั่งแล้วเดินต่อ 

   “อืม  เห็นมากับพวกพี่สิงห์พี่เนิร์ด”  เขารู้ชื่อเสียงของชายโฉดกลุ่มนี้ดี  โดยเฉพาะคนที่ชื่อเนิร์ด  ที่ไม่ได้เนิร์ดสมชื่อ  หากแต่ทั้งอุดมด้วยเหล้าสุรานารี   เคยหวิดมีเรื่องกับเขาเพราะผู้หญิงมาแล้ว   ยิ่งคิดก็ยิ่งร้อนใจกว่าเดิมเสียอีก

   ไม่ยักรู้ว่าไอ้พี่สิงห์เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับเนิร์ดด้วย

   แล้วนี่ไอ้ซื่อบื้อมันจะรู้เรื่องอะไรกับเขามั้ยวะเนี่ย

   “ไวน์มึงไปรับเพื่อนก็ดีนะ   ตอนกูกลับออกมาเห็นกำลังเริ่มเมาได้ที่  อย่าปล่อยให้อยู่กับพวกนั้นเลย”  เพื่อนเตือนเขามาอีก เพราะรู้ชื่อเสียงของกลุ่มนี้ดี

   “อืม ขอบใจมากนะ”  เขาวางสายไป    เร่งฝีเท้าจนมาหยุดอยู่ที่หน้าร้านที่เพื่อนบอก   มันไม่ไกลไปจากร้านเดิมเท่าไหร่   ทว่าบรรยากาศรวมถึงคนในร้านแห่งนี้ดูหยาบกว่าร้านแรกอย่างเห็นได้ชัด

   เขาเดินเข้าไปในร้าน  กวาดสายตามองหาครู่เดียวก็เจอพวกพี่รหัสของลักษณ์ที่นั่งกันอยู่เป็นกลุ่มใหญ่    ไวน์มองไปที่เพื่อนสนิทตัวเองเป็นคนแรก   เห็นลักษณ์นั่งโงนเงนอยู่บนโซฟาตัวยาว  มีพี่รหัสของมันนั่งประชิดอยู่ด้วย 

   สิงห์เงยหน้าขึ้นมองเขา  แล้วทัก

   “อ้าว  มาเร็วจัง   มาดื่มด้วยกันสิคุณเดือนแพทย์”  เพื่อนทั้งโต๊ะที่ปนกันหลายคณะฯ  บางคนเขาก็ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนนั้น  ต่างเงยหน้าขึ้นมองมาที่เขาเป็นตาเดียว 

   ไวน์ไม่สนใจคนอื่น  คนเดียวที่เขาสนใจคือ  เพื่อนที่นั่งคอพับจะหลับไม่หลับแหล่ตรงกลางวงตะหาก   แก้วเครื่องดื่มตรงหน้าพร่องไปไม่น้อย  แต่เดาได้จากสภาพว่านี่คงไม่ใช่แก้วแรก

   “ผมมารับเพื่อนกลับ”  ไวน์พูดเรียบๆ

   “เดี๋ยวผมไปส่งเองก็ได้  แหม  เป็นห่วงเป็นใยกันดีจริงๆเลยนะ”  สิงห์วางแก้วลงกับโต๊ะอย่างแรง   “คุณกลับไปเถอะคุณเดือนแพทย์   บอกแล้วไงว่าไม่ต้องเป็นห่วง   ผมดูแลน้องรหัสตัวเองอย่างดี....จริงไหม  ลักษณ์”  เขาหันไปก้มลงถามคนที่นั่งข้างๆ  ริมฝีปากเกือบชิดขมับของรุ่นน้อง

   คนมองโกรธจนแทบระเบิด  เขาอยากตรงเข้าไปกระชากเพื่อนออกมาแล้วต่อยหน้าหล่อๆของปีสองเภสัชสักทีสองที     ทว่าเขาก็สู้อดทนอดกลั้นเอาไว้

   “เพื่อนผมเมาแล้ว  อยู่ต่อก็ไม่สนุกหรอก   ขอเพื่อนผมคืนด้วยครับ  ผมจะพากลับเอง”  ไวน์พูดอีกครั้งอย่างสุภาพ   คนภายในร้านเริ่มหันมามองอย่างสนอกสนใจ

   “อ้อ  ไวน์  มาแล้วเหรอ  ไหนเพลิน  เอิ้ก”  คนที่เป็นต้นเหตุของความตึงเครียดนี้กลับเงยหน้าขึ้นทักเขา  แล้วสะอึกอีกที  จากนั้นก็เงียบไปอีก 

   ไวน์อยากจะเขกหัวอีกฝ่ายแรงๆ  เผื่อจะได้สติรู้ตัวขึ้นมาบ้าง  จะได้รู้ว่าที่ที่ตัวเองอยู่ตอนนี้มันน่ากลัวแค่ไหน   ไม่ใช่เอะอะก็คิดแต่ว่าตัวเองเป็นผู้ชาย  ไม่อันตรายเท่าผู้หญิงหรอก

   ลองแหกตาดูเพื่อนรุ่นพี่ของมึงตอนนี้บ้างสิลักษณ์    เขาจะไม่แปลกใจเลยถ้าคืนนี้ลักษณ์จะไม่ได้กลับบ้าน  และเดาออกด้วยว่าสถานที่สุดท้ายที่พี่รหัสของมันจะพาไปคือที่ไหน

   “ให้มันพากลับไปเถอะสิงห์  อย่ามีเรื่องเลย  ที่นี่คนเยอะ”  เนิร์ด  รุ่นพี่คณะฯวิศวะปีสามพูดขึ้นมาหลังจากที่พวกเขายืนจ้องหน้ากันอยู่นาน   พี่รหัสของลักษณ์มีท่าทางไม่เต็มใจเลยแม้แต่น้อย   แต่คงเกรงใจอีกฝ่ายก็เลยยอมให้ไวน์พยุงน้องรหัสตัวเองลุกขึ้นยืนจากโซฟา

   “ดูแลดีๆล่ะ”  สิงห์พูดตามหลังมาด้วยสำเนียงแกมเยาะ “ระวังอย่าให้คลาดสายตานะ”

   ไวน์เหลียวกลับไปมอง  แล้วพูดเรียบๆ

   “ผมดูแลคนของผมดีอยู่แล้วครับ   ไม่ต้องห่วง  ขอบคุณที่ทำหน้าที่พี่รหัสที่ดีนะครับ”

   จากนั้นเขาก็พยุงกึ่งลากร่างผอมบางของเพื่อนสนิทที่คอพับ  หลับไม่รู้เรื่องรู้ราวนั้นออกมาจากร้าน     กระชับอ้อมแขนไปรอบเอวของเพื่อนพาขึ้นแท็กซี่ไปส่งที่บ้านของลักษณ์

   อีกฝ่ายนอนหลับมาตลอดทาง    ไวน์จับศีรษะของเพื่อนวางลงกับตักของตัวเอง    ใช้ปลายนิ้วช่วยปัดเส้นผมยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงนั้นให้เข้าที่

   อายุเราก็ห่างกันไม่ถึงปีเสียหน่อย  ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าอีกฝ่ายเด็กกว่ามากนักก็ไม่รู้   

   ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย...เมื่อไหร่จะดูแลตัวเองได้สักทีนะ

   กว่าจะมาถึงบ้านของลักษณ์ก็เกือบเที่ยงคืน  โชคดีที่พี่รามยังไม่นอน เลยลงมาเปิดประตูบ้านให้  พี่แกโวยวายใหญ่ที่เห็นน้องชายเมาไม่ได้สติขนาดนี้   ไวน์เลยต้องรีบเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง

   “แล้วไป   นึกว่ามึงเป็นคนพาน้องกูไปเมา  เสียเเรงที่ไว้ใจ”

   “เปล่าครับพี่   ผมไม่พาลักษณ์ไปที่แบบนั้นอยู่แล้ว  ผมรับปากกับพี่ไว้แล้วนี่”  เมื่อหลายปีก่อนตอนที่เขาเข้ามาในบ้านนี้ในฐานะเพื่อนของน้องชายคนตรงหน้า   แม้จะพยายามทำตัวปกติแค่ไหน  ก็ไม่วายถูกพี่ชายของลักษณ์จับได้  ถึงความคิดไม่ซื่อของตัวเองที่มีต่อน้องชายเขา 

   พี่รามรู้ได้ยังไง  ไวน์ก็ไม่รู้เหมือนกัน  รู้แต่ว่าวันหนึ่งตอน ม.5  เขาช่วยพี่รามล้างจานอยู่หลังบ้าน  ส่วนลักษณ์ออกไปซื้อของข้างนอกนั้น  จู่ๆพี่รามก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า

   “กูมีน้องอยู่คนเดียว   ถึงมันจะเซ่อๆไปหน่อย แต่กูก็รักมาก   และก็ไม่ยอมให้ใครมาทำให้น้องกูเสียใจด้วย”

   “เอ่อ...” ไวน์ไม่รู้จะตอบกลับไปอย่างไร   เขาในตอนนั้นไม่แน่ใจว่าพี่รามรู้หรือว่าพูดขึ้นมาลอยๆกันแน่ๆ   

   “ถ้าใครคิดจะเข้ามาดูแลน้องกูล่ะก็   ก็ต้องพิสูจน์ให้กูเห็นว่าจะไม่พาน้องกูไปเสียผู้เสียคน”  พี่รามพูดต่อ  พลางเปิดน้ำก๊อกลงมือล้างฟองออก แล้วส่งจานต่อมาให้เขารับไปเช็ด  “จะทำได้หรือเปล่าก็ไม่รู้  เฮ้อ”

   ไวน์เช็ดจานจนแห้งสนิท  แล้วก็ยกไปเก็บในตู้เรียบร้อย   พี่รามส่งน้ำดื่มมาให้เขารีบเอาไว้    ไวน์ดื่มน้ำจนหมดแก้วแล้วพูดด้วยเสียงหนักแน่น

   “ผมจะทำให้พี่ดูเองครับ”

   หลังจากนั้นทั้งเขาก็พยายาม ‘ทำ’ ให้อีกฝ่ายเห็น  แม้พี่รามจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เวลาที่เขามาบ้าน    ราวกับไม่สนใจความสัมพันธ์ระหว่างเขากับน้องชาย  ทว่าเขาก็รู้ดีว่าพี่รามคอยจับตามองอยู่ห่างๆเสมอ

   ไม่รู้ว่าป้าดารู้เหมือนพี่รามรู้หรือเปล่า  แต่ป้าดาก็เอ็นดูเขาเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่ง  ไม่ได้มีท่าทางแปลกไปจากแรกพบ

   คนเดียวที่ไม่รู้อะไรเลยก็คือ  เจ้าเพื่อนสนิทของเขานั่นแหละ

   พี่รามปล่อยให้เขาพยุงเพื่อนขึ้นไปบนห้องนอน    ค่อยๆวางร่างของลักษณ์ลงไปบนเตียง   อีกฝ่ายมีท่าทางกระสับกระส่ายกว่าตอนที่อยู่ในรถ    ยกมือขึ้นปัดป่ายวุ่นไปหมด

   “ลักษณ์  ไอ้ลักษณ์ตื่นหน่อยสิ”  ลองตบที่ใบหน้าเล็กๆนั้นเบาๆ  ลักษณ์ส่งเสียงอืออา  แล้วยกมือขึ้นปัดลงมาที่ใบหน้าของเขาโดยแรง   โชคดีที่เอียงคอหลบทัน

   “เกือบไป  ...โอ๊ะ  เห้ย”  อีกฝ่ายโก่งคออาเจียนออกมากะทันหัน   คายอาหารเก่าออกมาเต็มเสื้อของไวน์    ชายหนุ่มถอนหายใจยาว  เขาถอดเสื้อนักศึกษาของตัวเองออก  แล้วเอื้อมมือไปหยิบทิชชูมาเช็ดที่ริมฝีปากและใบหน้าของอีกฝ่ายที่เปื้อนอาเจียนเป็นคราบ

   “เละไปหมดแล้วเนี่ยไอ้ลักษณ์”  ปากบ่น  แต่มือก็เช็ดให้โดยไม่รังเกียจรังงอนอะไร   จะทำไงได้...ปล่อยให้มันนอนจมกองอ้วกก็คงน่าสมเพชเกินไป

   เขาถอดเสื้อผ้าของลักษณ์ออก   เขาเหลือบมองร่างเปล่าเปลือยของเพื่อนแค่แวบเดียว   ก่อนที่จะรีบใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัวให้  สวมเสื้อ ใส่กางเกงหลวมๆเสร็จก็หันมาจัดการตัวเองต่อ   

   ไวน์โกยเสื้อของตัวเองกับอีกฝ่ายที่เปื้อนอ้วกขึ้นมาถือเอาไว้   เดินไปซักในห้องน้ำจนสะอาดเอี่ยมอ่อง   ก็ออกไปตากทิ้งไว้ที่ระเบียง   จากนั้นก็กลับมาค้นผ้าเช็ดตัวและเสื้อของตัวเองที่เคยเอามาทิ้งเอาไว้ที่บ้านลักษณ์จากตู้เสื้อผ้า  เดินเข้าไปอาบน้ำ   

   วันนี้เขาขอค้างที่นี่เลยก็แล้วกัน...ถือเป็นค่าพามาส่ง  อ้อ  แถมซักเสื้อให้ด้วย

   กลับออกมาในชุดนอน  รู้สึกสดชื่นขึ้นมากแล้ว   นักศึกษาแพทย์หนุ่มเดินกลับไปที่เตียงนอนที่มีร่างของเจ้าของห้องนอนหลับสนิทอยู่  เขยิบขึ้นไปนั่งบนเตียงจนเตียงยวบลงนิดหนึ่ง

   พิศดูใบหน้านั้นยามหลับ   ยิ่งดูอ่อนเยาว์ลงกว่าเดิม   ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่มั่นใจในหน้าตาของตัวเองเอาเสียเลย   ทั้งๆที่ออกจะน่า..เอ็นดู

   ...ปลายนิ้วปัดผ่านเปลือกตาที่หลับสนิทไล้ลงมาที่พวงแก้ม  ผิวของลักษณ์นวลละเอียดนุ่มมือ  ริมฝีปากสีแดงสดคู่นั้นเผยอขึ้นน้อยๆ   นึกถึงคำพูดของเพลินเมื่อวันก่อนขึ้นมาอีกครั้ง

   ‘ไวน์ลองกลับไปคิดดูก็แล้วกัน  ว่าจะลองเสี่ยงมั้ย   ถ้าไม่...ระหว่างลักษณ์กับนายก็คงเป็นได้แค่เพื่อนกันตลอดไป’

   เพื่อนกันตลอดไปงั้นเรอะ...

   จริงๆตอนนี้มันก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ  ไอ้ลักษณ์ไว้ใจเขายิ่งกว่าพ่อบังเกิดเกล้าเสียอีก   ถ้าเขาไม่ทำอะไรให้มันเอะใจ   ไม่ ‘เปิดเผย’ ความรู้สึกที่มีออกไป    เขาก็จะได้อยู่ข้างๆลักษณ์แบบนี้ไปเรื่อยๆ  ได้พูดคุย ได้หัวเราะ ได้ดูแลตามประสาเพื่อนที่ดีพึงทำ   แค่นั้นก็น่าจะพอแล้ว  เขาไม่ควรจะโลภมากเกินไป

   ถ้าเขาเลือกอีกทางหนึ่งล่ะ... พูดตามตรงเขายังไม่เห็นโอกาสสำเร็จเลยด้วยซ้ำ  มันน้อยเสียยิ่งกว่าโอกาสที่จะเห็นเมืองไทยมีหิมะตกเสียอีก   แถมเขาก็จะไม่ได้เห็นรอยยิ้มเห็นฟันสามสิบสองซี่ของมันใกล้ๆ  ไม่ได้หัวเราะขำสกิลจีบสาวง่อยๆแต่โคตรน่ารักของมัน  ไม่ได้ใกล้ชิด   ไม่ได้...

   เราสองคนคงจะกลายเป็นคนแปลกหน้าซึ่งกันและกัน

   ไวน์ถอนหายใจยาว   ถึงตอนนั้นเขาคงจะยอมรับไม่ไหวหรอกนะ... กลับมาคิดดูอีกทีแล้ว   เป็นเพื่อนกันไปแบบนี้   ก็คงไม่เจ็บปวดไปมากกว่านี้หรอก

   ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอนตะแคงเคียงข้างเพื่อน   แอบใช้นิ้วกรีดแผงขนตายาวงอนของอีกฝ่ายเล่น   เปลือกตาบางขยับยุกยิกทว่าไม่ได้ลืมตาขึ้นมา   เจ้าตัวพลิกตัวนอนตะแคงหันหน้ามาทางเขา
   
   ไวน์ใจเต้นแรง   ถึงเขาจะเคยแอบมองเพื่อนตอนหลับมาหลายครั้ง  แอบสัมผัสผิวแก้มของอีกฝ่ายบ้างบางคราว  แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่อีกฝ่ายจะหลับไม่รู้สึกตัวเหมือนครั้งนี้

   ใกล้เพียงแค่เอื้อม  ผิวแก้มเนียนใสอยู่ถัดจากปลายจมูกของเขาไปชั่วลัดนิ้วมือ   ไวน์รู้ว่ามันไม่ถูกต้องเท่าไหร่...แต่จะเป็นไรไป  ในเมื่อลักษณ์ไม่รู้สึกตัว   

   ร่างกายฟังคำสั่งจากหัวใจมากกว่าสมอง   ไวน์กดปลายจมูกลงบนผิวแก้มนวลเนียนนั้น   

   ไม่พอ...

   ไม่ถูกต้อง

   ลักษณ์ไม่รู้สึกตัว

   ถ้ามันรู้เข้าต้องโกรธมากแน่ๆ 

   จิตสำนึกของเขาร้องเตือนดังลั่น  หากแต่ชายหนุ่มไม่สามารถบังคับใจตัวเองได้อีกแล้ว   เขาเบี่ยงหน้านิดเดียวเท่านั้น   ความรู้สึกผิดมลายหายไปเมื่อริมฝีปากของตนสัมผัสลงบนกลีบปากบางของเพื่อนจนแนบสนิทเป็นเนื้อเดียว

   ลักษณ์...

   กูแอบรักมึงมานานแล้วนะ   

   กูไม่รู้ว่าต้องทำยังไง  มึงถึงจะรักกูตอบ

   กูไม่ใช่สาวน้อยตัวเล็กสเป็คของมึงเลยลักษณ์   เป็นได้แค่ไอ้ไวน์ เพื่อนที่มึงชอบด่าว่ากวนประสาททุกวัน 
 
   กูไม่รู้จริงๆว่ากูจะต้องเปลี่ยนยังไงมึงถึงจะมองเห็น   

   รู้อย่างเดียวว่ากูกลัวเสียมึงไป   

   ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน หรืออะไรก็ตาม  กูยอมหมดนะลักษณ์

   ขอแค่ได้อยู่ข้างๆมึงต่อไปก็พอ..

.   ...
   
มาอัพต่อนะคะ  ขอบคุณที่อ่านมาถึงตอนนี้
ตอนก่อนหน้านี้คืออการเกริ่น5555 ยาวมาก
เราจะเข้าเรื่องเเล้วล่ะ 
เรื่องนี้เป็นเเนวโรเเมนติกดราม่านะคะ
เม้นท์เป็นกำลังใจกันมาได้ไม่จำกัดบรรทัดนะ ฟรีด้วย55
เเล้วเจอกันครัช
 :mew1:
หัวข้อ: Re: °°°Hidden Wood°°°||..เส้นผมบังใจเขา #แอบลักษณ์ อัพบทที่6แล้วนะเออ18/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 18-12-2016 19:55:15
อ่านแล้วชอบมากค่ะ เอาใจช่วยไวน์
หัวข้อ: Re: °°°Hidden Wood°°°||..เส้นผมบังใจเขา #แอบลักษณ์ อัพบทที่6แล้วนะเออ18/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 18-12-2016 22:07:31
ไวนนนนนนนน์~~~~ :hao5:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่7แล้วจร้าา20/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 20-12-2016 00:43:39

ตอนที่ 7
Truth is stranger than fiction.





   ไวน์สะดุ้งตื่นเพราะเสียงปิดประตูห้องน้ำของใครบางคน   เขาลืมตาขึ้นมองไปรอบด้านอย่างงงๆ  ห้องนอนเล็กๆตกแต่งด้วยวอลเปเปอร์สีฟ้าอ่อนผิดจากรสนิยมของเขา

   อ้อ...เมื่อคืนเขาค้างบ้านเพื่อนนี่นะ

   เสียงขัดห้องน้ำดังขึ้นอย่างดุดันตั้งแต่เช้าตรู่   ไวน์เดินลงจากเตียงไปเคาะประตูหน้าห้องน้ำสองสามที

   “ลักษณ์  ทำอะไรน่ะ  ขัดห้องน้ำเหรอ” 

   ไม่มีเสียงตอบรับจากคนข้างใน   นอกจากเสียงแปรงขัดพื้นที่แรงขึ้นเท่านั้น

   “ลักษณ์  เป็นอะไรหรือเปล่า  ปวดหัวเหรอ”  ปกติเพื่อนของเขาจะลุกมาขัดห้องน้ำเนี่ยต้องมีเหตุอะไรสักอย่าง   ถ้าไม่โกรธใครก็ต้องน้อยใจ  ไม่ก็คิดมาก  ไม่รู้เหมือนกันว่าในห้องน้ำมันมีดีอะไร  ไม่เข้าใจว่าพอได้ออกแรงขัดส้วมจนสะอาดเอี่ยมอ่องแล้วจะทำให้อารมณ์ดีขึ้นตรงไหน

   ก๊อก  ก๊อก   ก๊อก   

   ไวน์เคาะประตูแรงขึ้น  เสียงขัดห้องน้ำด้านในหยุดไปครู่  พร้อมกับมีเสียงตอบกลับมา

   “ไม่มีอะไร” 

   ...แปลว่า ‘มีอะไร’ แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์   เขารู้จักกับมันมา 7 ปี ทำไมจะไม่รู้   ปัญหาก็คือ   เกิดจากอะไรต่างหาก

   “กูปวดขี้  ขอเข้าไปหน่อย”  ไวน์แกล้งพูด   

   “ไปเข้าข้างล่าง”  เสียงเพื่อนสนิทตอบกลับมาฟังดูอู้อี้ชอบกล

   “ข้างล่างพี่รามเข้าอยู่”   ขอโทษพี่รามมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

   “งั้นก็อั้นไว้”  ลักษณ์ตอบกลับมาห้วนๆ  จนไวน์แปลกใจ   

   ถอยกลับมานั่งปลายเตียง  นึกทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืน....เกิดอะไรขึ้นวะ   เมื่อคืนลักษณ์มันเมามากจนหลับไปไม่รู้สึกตัว   แล้วเราก็ดันเผลอ...สัมผัสอบอุ่นอ่อนนุ่มที่ริมฝีปากยังติดตรึงอยู่ในใจ   มันกลายเป็นตราบาปที่เขาคงเก็บเอาไว้กับตัวไปจนตาย  ไม่คิดเล่าให้ใครฟัง ...หรือว่าลักษณ์จะรู้สึกตัว?

   เป็นไปไม่ได้หรอก   เพราะหลังจากนั้นมันก็หลับสนิทเหมือนเดิม  ไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาเลยสักนิด

   งั้นเป็นเพราะอะไรล่ะ...แฮงค์?  ปวดหัวก็เลยหาเรื่องออกแรงจะได้สมองโล่งอะไรทำนองนี้  หรือว่าหงุดหงิดไอ้พี่รหัสชีกอที่เอาแต่คอยหางทางเคลมน้องรหัสตัวเอง...อันหลังคงไม่ใช่  ป่านนี้มันคงยังรู้ไม่เท่าทันพี่รหัสตัวเองเลยมั้ง

   “งั้นกูกลับบ้านก่อนนะ   วันนี้มีเรียนเคมีบ่าย  อย่าลืมล่ะ”  ไวน์เดินไปเคาะประตูห้องน้ำอีกรอบเมื่อเห็นท่าว่าอีกฝ่ายคงจะไม่เปิดออกมาคุยกันดีๆแน่แล้ว

   ปล่อยไปก่อนแล้วกัน...เดี๋ยวอารมณ์ดีก็เล่าให้ฟังเองแหละ

   เสียงประตูห้องด้านนอกเปิดและปิดลง  ตามด้วยความเงียบ   มีเพียงเสียงหอบหายใจของลักษณ์เท่านั้น  กับเหงื่อที่หยดติ๋งๆจากการออกแรงหนักหน่วง

   ไอ้ไวน์กลับไปแล้วสินะ...

   มือเรียวกำรอบไม้ขัดส้วมแล้วลงมือขัดอีกครั้ง   แรงขึ้น..แรงขึ้นอีกตามอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้น   

   แม่งเอ๊ย!!

   ลักษณ์โยนไม้ขัดส้วมทิ้ง แล้วนั่งยองๆลงกับพื้นยกมือขึ้นกุมศีรษะที่ปวดตุบๆเพราะอาการแฮงค์บวกกับเรื่องที่ทำให้เขาทนนอนต่อไม่ไหว  ต้องลุกขึ้นมาระบายความอัดอั้นตันใจ

   ทำไมไอ้ไวน์ทำแบบนี้วะ!

   ลักษณ์เม้มริมฝีปากแน่น   เผื่อว่ามันจะช่วยลบรอยบางอย่างที่ถูกประทับเอาไว้เมื่อคืนโดยคนที่เขาไว้ใจที่สุด...เหมือนตกอยู่ในความฝันกึ่งจริง  ตอนที่เขารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองกำลัง ‘จูบ’ กับเพื่อนสนิท    ไม่สิ...พูดให้ถูกก็คือ  กำลังถูกเพื่อนสนิทจูบตะหาก

   ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก   แขนขาอ่อนเปลี้ยขยับไม่ไหว  ได้แต่ปล่อยให้ไอ้ไวน์จูบอยู่แบบนั้นราวกับเป็นเจ้าหญิงนิทรา
   โอ๊ย....อยากจะบ้า   

   เพื่อนเขาต้องเมาแน่ๆ  เมื่อคืนมันคงดื่มหนัก  ว่าแต่มันตามเขามาตอนไหนก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะเขาเมานำหน้ามันไปก่อนนานแล้ว   ทั้งที่พยายามปฏิเสธพี่รหัสตัวเองแล้วเชียวว่าไม่อยากดื่มมาก

   สุดท้ายก็เมาพับไม่รู้เรื่อง  มาตื่นอีกทีก็ตอนที่มันจูบเนี่ยแหละ...แล้วจะไปคิดย้ำทำไมเนี่ย

   มันคงเมา...ต้องเมาสิ   ถ้ามันไม่เมา  ใครที่ไหนจะจูบเพื่อนตัวเองวะ  แถมยังเป็นเพศเดียวกันอีก... บ้าเอ๊ย  เมื่อคืนเขาน่าจะลุกขึ้นมาถามให้รู้เรื่องกันไปเลย

   แต่อะไรบางอย่างที่เขาก็อธิบายไม่ถูกนั้นทำให้เขาได้แต่นอนหลับตาปี๋   แทบไม่กล้าหายใจด้วยซ้ำ   ทนนอนอยู่ข้างๆเพื่อนจนเผลอหลับไปเอง  รู้ตัวตื่นอีกทีก็รีบเผ่นเข้าห้องน้ำเพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับมันตอนนี้

   คงกระอักกระอ่วนพิกล...

   ลักษณ์อาบน้ำแต่งตัวออกมาจากห้องน้ำ    เพื่อนสนิทกลับบ้านไปแล้วทว่ายังมีคาบเรียนตอนบ่ายซึ่งเรียนรวมกันหลายคณะฯ  ยังไงก็หนีไม่พ้น  ต้องเผชิญหน้ากับมันแน่นอน

   ลงมาชั้นล่างก็เจอข้าวไข่เจียวกับแก้วบรรจุน้ำสีเหลืองเรืองรองราวกับฉี่พร้อมกับพาราสองเม็ดวางอยู่แล้วในห้องครัว   ไม่ต้องเดาให้ยากว่าใครเตรียมเอาไว้ให้   มีอยู่คนเดียวนั่นแหละ

   เขารีบจัดการอาหารมื้อเช้าบวกเที่ยงนั้นแล้วโยนเม็ดยาเข้าปากกลืนน้ำเก็กฮวยตามหลัง   รู้สึกเหมือนจะปวดหัวหนักกว่าเดิมเสียอีก  ลากสังขารสะโหล่สะเหลมามหาวิทยาลัย   พยายามเก็บความวิตกกังวลเอาไว้ภายใต้ท่าทางปกติ
 
   อยู่นั่นไง...ร่างสูงโปร่งของเพื่อนซี้กำลังยืนคุยกับเพื่อนๆอยู่ใต้อาคารเรียน   ลักษณ์เปลี่ยนเส้นทางเดินโดยอัตโนมัติ   สองขาพาเดินเลี้ยวอ้อมโรงอาหารมายังอีกด้านหนึ่งของอาคารเรียนแทน   

   เขายังไม่พร้อมเจอหน้ามันตอนนี้... ไม่ว่ามันจะเมาหรือไม่ก็ตาม  เขาก็ไม่อยากเห็นหน้า  โดยเฉพาะไอ้ริมฝีปากสวยๆสีแดงสดนั่นด้วย 

   อึ๋ย...แค่คิดถึงสัมผัสนุ่มๆหยุ่นๆนั่นแล้วเส้นขนก็พลอยลุกชันไปทั้งตัว

   “ไงไอ้ลักษณ์  เมื่อคืนสนุกมั้ย   เห็นไวน์โทรมาถามร้านกับพวกกูด้วย  มันได้ไปแจมหรือเปล่า”   แซมกับกลุ่มหล่อ(เภ)สัชชชชชชช เดินเข้ามาทักทายเขา

   “อืม  สนุกดี”  สนุกจนกลุ้มใจหัวจะระเบิดอยู่แล้วเนี่ย   เขาตอบแค่คำถามแรก  คำถามที่สองไม่อยากพูดถึง
   “ทำไมหน้าซีดจัง  แฮงค์ล่ะสิ”  เต้ทักขึ้นบ้าง  ยกมือขึ้นแตะแก้มของเขา   ไวน์เบนหน้าหนี   สายตาก็เหลือบมองไปรอบด้านอย่างระแวงระไว

   “ปวดหัวนิดหน่อย”  เขาตอบกลับไป   

   “กูมียา  เอาป่ะ”  เบียร์ค้นกระเป๋ากุกกัก  แต่ลักษณ์ยกมือห้ามไว้  บอกเพื่อนว่ากินมาแล้ว   เขานั่งฟังเพื่อนคุยกันอยู่พักหนึ่งแล้วขอแยกออกมาแวะเข้าห้องน้ำก่อนเข้าชั้นเรียน

   เดินออกจากห้องน้ำอย่างใจลอย   ลักษณ์ไม่ทันสังเกตเห็นร่างสูงใหญ่ของใครบางคนที่ยืนดักรออยู่หน้าห้องน้ำนานแล้ว
   “ลักษณ์”   ไวน์เรียกเสียงดัง   คนถูกเรียกสะดุ้ง   หันขวับมามองพอเห็นหน้าเขาถนัด  คนตัวเล็กกว่าก็เร่งฝีเท้าเดินหนี  “เฮ้  รีบไปไหนน่ะ”  นักศึกษาแพทย์หนุ่มเดินตาม   

   “ไปเรียน”  อีกฝ่ายตอบกลับมา  ไม่ยอมลดฝีเท้าลง 

   ไวน์ก้าวยาวๆไม่กี่ก้าวก็ตามมาทัน   เขาจับต้นแขนของเพื่อนเอาไว้แน่น  บังคับให้หยุดเดินโดยปริยาย

   “เป็นอะไรไป  โกรธอะไรทำไมต้องเดินหนีกันด้วย”  เขาเห็นตั้งแต่เพื่อนเดินเข้ามาในมหาวิทยาลัยแล้ว   กำลังจะเข้าไปทัก  เจ้าตัวยุ่งก็เดินเลี้ยวเข้าซอกตึกไปซะงั้น

   “เปล่า  ไม่ได้หนี”  ลักษณ์ตอบอุบอิบ   ไม่ยอมสบตาเขา   แขนก็พยายามบิดออกให้พ้นการเกาะกุม   ทว่าไวน์ไม่ยอมปล่อย

   “งั้นเป็นอะไร  พูดกันตรงๆสิ”  ไวน์ก้มหน้าลงให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกัน  “ไหนเคยบอกว่าจะไม่มีความลับกันไง”

   ...ก็ใช่  แต่จะให้ถามออกไปหรือไงเล่าว่า..จูบกูทำไม..แค่คิด  ลักษณ์ก็รู้สึกขนลุกอีกแล้ว  มันไม่ใช่ความขยะแขยงหรอก   แต่มัน...ไม่รู้สิ  บอกไม่ถูก   เหมือนไม่ทันตั้งตัว   ไม่นึกมาก่อนมากกว่า   อยากถามเหมือนกันแต่ปากมันพูดไม่ออก

   “จะเรียนแล้ว”  ลักษณ์หันไปพูดกับหัวไหล่ของเพื่อนแทน   แล้วปลดมือของไวน์ออกจากแขนของตัวเอง   เด็กเภสัชหันหลังเดินดุ่มๆไปทางห้องเรียนโดยไม่หันมามองอีก

   ...เกิดอะไรขึ้นกันแน่   ลักษณ์เป็นอะไรไป   ไวน์คิดอย่างร้อนรน  เขาสาวเท้าเดินตามเข้าไปในห้องเลคเชอร์ พบว่าที่ประจำข้างๆลักษณ์ถูกเต้..เพื่อนใหม่จับจองไปแทนแล้วเรียบร้อย  ไม่มีที่ว่างเหลือให้เขาอีก 

   ลักษณ์เงยหน้าขึ้นสบตาเขาเข้าพอดีก่อนจะเบือนหลบไปอย่างสงบ  ไม่กวักมือเรียก   ไม่ยิ้มหรือยักคิ้วให้เหมือนทุกที   
   ไวน์ลอบถอนหายใจ  เขาเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน  นั่งรวมกับเพื่อนๆคณะแพทย์ที่เว้นที่เอาไว้ให้เขา   เพลินนั่งแถวถัดไปชะโงกหน้าเข้ามากระซิบถามเสียงเบา

   “ทะเลาะอะไรกันเหรอ”  คนฟังเลิกคิ้ว  เธอพยักพเยิดไปทางกลุ่มเภสัชที่นั่งอยู่ด้านล่าง  ไวน์มองตามก็เห็นด้านหลังศีรษะทุยตั้งตรงของคนที่กำลังจ้องเป๋งไปที่หน้าจอโปรเจคเตอร์

   “เปล่า”  เขาตอบไปสั้นๆ  แล้วก้มลงหยิบของจากกระเป๋าอย่างหงุดหงิด 

   เขาเรียนไม่รู้เรื่องทั้งคาบ  เพราะมัวแต่ครุ่นคิดหาเหตุผลมาอธิบายพฤติกรรมของเพื่อนที่แปลกออกไปจากปกติ   ลักษณ์เป็นคนดูง่าย...คิดอย่างไรก็แสดงออกมาตรงๆเหมือนเด็กๆ   ไม่ซับซ้อนนักหรอก   

   ไม่อยากยอมรับเลยว่าลึกสุดใจแล้วเขากำลังกลัวบางอย่าง....ที่เขาอาจจะพลาดไปแล้วเพราะยั้งใจตัวเองไม่อยู่   อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่า...คงไม่หรอกมั้ง   ทุกทีเวลาเมาไอ้ลักษณ์ก็หลับเป็นตายรวดยันเช้า  ตอนฉลองเอนท์ติดเขาถึงขั้นนอนกอดมันเกือบทั้งคืน  มันยังไม่รู้สึกตัวเลย

   อะไรๆคงจะไม่แจ็กพอตเอาเมื่อคืนหรอกมั้ง   ไวน์คิดอย่างกระวนกระวาย   

   “นี่นักศึกษา...นักศึกษา...เธอนั่นแหละลุกขึ้นยืนเลย    ถ้าจะกดปากกาเล่นแบบนี้ก็ออกไปกดข้างนอก  มันรบกวนคนสอนและเพื่อนๆเธอด้วย”

   จู่ๆอาจารย์ก็หยุดสอน  แล้วพูดขึ้นมาเสียงดังจนไวน์สะดุ้งตื่นจากภวังค์  เขามองตามเสียงไปเจอร่างผอมบางที่ลุกขึ้นยืนกลางห้องเลคเชอร์...ลักษณ์ตัวสั่นนิดๆยกมือไหว้ขอโทษอาจารย์

   “ขอโทษครับ”  อาจารย์พยักหน้าแล้วให้นั่งลง    ไวน์เห็นเพียงด้านหลังต้นคอที่มีเส้นผมสั้นๆปกคลุมอยู่เท่านั้น   ลักษณ์กำลังก้มหน้าอยู่  ในมือถือปากกาด้ามเดิมเอาไว้แต่ไม่ได้กดเล่นแล้ว

   หึ...นิสัยนี้ก็ยังแก้ไม่หายสินะ

   000000000000000000000000000000000

   กริ๊ก  กริ๊ก   กริ๊ก   กริ๊ก   กริ๊ก..

   เสียงกดปากกาดังเป็นจังหวะรัวเร็วฟังแล้วน่าปวดหัวที่สุดในความรู้สึกของเขา   ไวน์เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิทที่นัดมาติวสอบปลายภาค จบม.3ด้วยกันอย่างหงุดหงิด

   “จะกดอะไรนักหนา  รำคาญ”  เขาพูดออกไปตรงๆ  แต่เหมือนนั่นยิ่งทำให้อีกฝ่ายกดปลายปากกาเร็วขึ้นอีกคล้ายกวนประสาทกันเล่น

   “สนุกดี  แก้เครียด”  ลักษณ์ตอบกลับมา

   “แต่คนฟังเครียดนะ” 

   “ก็ไม่ต้องฟังดิ” 

   “อ้าวไอ้นี่   ตอบแบบนี้ต่อยกันเลยดีกว่า”  เขายกมือขึ้นสับมะเหงกลงไปที่หัวของเพื่อนโป้กหนึ่ง   ลักษณ์ทำคอย่นแล้วตวัดสายตามองเขาอย่างโกรธๆ

   มือก็เลิกกดปากกาเล่นโดยปริยาย

   “เบื่อพวกชอบใช้กำลัง”  ริมฝีปากบางพึมพำ   แล้วก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อ   สักพักไวน์ก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนที่ด้านล่างของโต๊ะ

   เด็กหนุ่มก้มหัวมุดลงไปดูใต้โต๊ะ  ก็เจอตัวต้นเหตุเป็นข้อเท้าผอมๆของเพื่อนกำลังสั่นเคาะกับขาโต๊ะเป็นจังหวะ  ไวน์รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาทันที  เขายืดตัวกลับมานั่งที่เดิมแล้วพูดด้วยเสียงจริงจัง

   “มึงหยุดสั่นโต๊ะได้มั้ย  กูอ่านไม่ได้” 

   ลักษณ์เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยแววตางงๆ

   “ใครสั่น  กูสั่นเรอะ” 

   “ยังมีหน้ามาถามอีก”  ไวน์พูดเสียงเข้ม  โต๊ะหยุดสั่นไปครู่เดียวก็กลับมาสั่นใหม่เป็นจังหวะเหมือนเดิม   

   ไวน์ก้มลงไปใต้โต๊ะอีกครั้งแล้วเอื้อมมือไปจับขาของเพื่อนไว้แน่นเพื่อให้หยุดสั่น   ลักษณ์ชักขาออกแล้วเบ้ปาก

   “อะไรของมึงนักหนาเนี่ย  ก็กูทำไปไม่รู้ตัวอ่ะ  มันบังคับไม่ได้เข้าใจมั้ย”

   “มึงเป็นสันนิบาตหรือไง  ทำไมต้องสั่นตลอดเวลา” 

   “กูไม่รู้  มันไปเอง  เวลากูเครียดก็เป็นงี้ทุกที”  ลักษณ์เถียงตอบกลับมา   

ไวน์ถอนหายใจยาว   เขารู้ว่าเพื่อนเครียดเรื่องสอบปลายภาค   ตัวเขาเองก็เครียด  เพราะต้องทำเกรดให้ดีๆจะได้มีสิทธิเรียนม.4 สายวิทย์ต่อที่โรงเรียนเดิมได้  โชคร้ายที่ตอนม.1-2 ดันเล่นมากไปหน่อย  เกรดบางวิชาเช่น ไทยสังคมสุขะพระพุทธศาสนาเลยลงเหว   ยังดีที่เกรดวิชาหลักยังดีเลยไม่ทำให้เกรดรวมเน่ามากนัก

   ที่เขาต้องพยายามขนาดนี้ก็เพราะใคร...ไม่ใช่ไอ้คนที่อยากเรียนสายวิทย์ แถมเกรดรวมยังสวยงามชนิดได้ห้องคิงชัวร์หรือไง... แล้วมันยังจะเครียดอะไรอีก  คนที่ควรจะเครียดมากกว่าควรจะเป็นเขามั้ยล่ะ

   กริ๊ก  กริ๊ก  กริ๊ก  กริ๊ก...

   เอาอีกแล้ว  พอไม่ให้สั่นขา  มันก็กดปากกาแทน   ไวน์อยากจะบ้าตาย...เขาเอื้อมมือไปยึดปากกาออกจากมือของเพื่อนสนิท  แล้วจับมือข้างนั้นเอาไว้

   ลักษณ์เงยหน้าขึ้นมองแล้วขมวดคิ้ว 

   “ปล่อย  ไม่ต้องจับหรอกน่า  ไม่กดแล้วก็ได้”

   “ไม่เอา  เดี๋ยวก็กดอีก”  เขาตอบ  กุมมือนิ่มๆข้างนั้นเอาไว้หลวมๆ 

   ลักษณ์ขัดขืนเล็กน้อย  ครั้นพอเห็นว่าเขาไม่ปล่อยเข้าจริงๆก็เลิกบิดมือออก  ยอมให้เขาจับมือค้างเอาไว้อย่างนั้น    อีกมือหนึ่งก็พลิกหน้าหนังสือไปด้วย   

   ไวน์ลอบยิ้มในใจ   ทว่าหลังจากนั้นเขาก็อ่านหนังสือไม่รู้เรื่องอีกเลย


   000000000000000000000000000000000000000000

   เย็นมากแล้ว  ไวน์เดินกลับออกมาจากสนามบาสอย่างเหนื่อยอ่อน...วันพรุ่งนี้จะเป็นวันแข่งจริงแล้ว  นัดแรกแพทย์เจอกับทันตะ  พวกเขาก็เลยต้องฝึกซ้อมกันอย่างเต็มที่

   พลิกดูนาฬิกาข้อมือแล้วมองไปทางแสตนด์เภสัชที่เหลือเพียงรุ่นพี่ปีสองกำลังช่วยกันเก็บของอยู่   น้องๆปีหนึ่งถูกปล่อยให้ไปพักแล้วหลังจากซ้อมเชียร์กันอยู่นาน

   เขาล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดโปรแกรมสนทนาไลน์ที่เขาส่งไปหาอีกฝ่ายตั้งแต่เมื่อบ่าย   

   WineiloveU: เย็นนี้รอหน่อยได้มั้ย
WineiloveU: ซ้อมบาสเสร็จจะกลับบ้านด้วย
 WineiloveU: มีเรื่องอยากคุย

ลักษณ์ยังไม่ได้กดอ่านด้วยซ้ำ...ชายหนุ่มถอนหายใจยาว   เขาพาตัวเองมาที่ป้ายรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัย  นั่งรอรถเมล์อยู่พักใหญ่   ฝนก็เริ่มตกลงมาปรอยๆโดยไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้า   

เหม่อมองสายฝนเพลินด้วยความรู้สึกหดหู่พิกล  ก็มีเงาของคนๆหนึ่งเดินผ่านเข้ามาในป้ายรถเมล์แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเขา
ไวน์เหลือบไปมอง  เห็นคนที่เขากำลังครุ่นคิดถึงอยู่ทุกขณะจิตกำลังนั่งทำหน้าเฉย  หูฟังเพลงในโทรศัพท์มือถือโยกตามเบาๆอย่างไม่สนใจ  คล้ายกับว่าเจ้าตัวนั่งอยู่เพียงคนเดียว

ใจเต้นแรงขึ้นมาฉับพลัน  ...ไวน์ขยับจะทัก  แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมหันมาทางเขาเอาเสียเลย   ลักษณ์ทำเหมือนเขาเป็นอากาศไร้ตัวตน   

รถเมล์มาพอดี  อีกฝ่ายลุกขึ้นยืน  วิ่งตากสายฝนเบียดขึ้นไปบนรถเมล์ที่แน่นเหมือนปลากระป๋อง   ไวน์ก้าวตามไปติดๆ  เดินตามหลังอีกฝ่ายเบียดคนเข้าไปด้านใน   กลิ่นอับชื้นและกลิ่นตัวของผู้โดยสารที่อัดกันแน่นทำให้ไวน์รู้สึกเวียนศีรษะเล็กน้อย 
หยุดยืนข้างกัน  เขารีบควักเงินออกมาจ่ายค่ารถเมล์แทนอีกฝ่าย  ลักษณ์เหลือบมองหน้าเขาแวบหนึ่งแล้วก็เบือนหน้าหนี 

...ก็ได้  เล่นสงครามเย็นงั้นเหรอ   ไวน์คิดในใจ   ...ไม่ทักกันได้  ทำเป็นไม่รู้จักกันหรือ?  เขาหงุดหงิดกับพฤติกรรมเหมือนเด็กๆของเพื่อนตัวเอง   ชายหนุ่มเอื้อมมือขึ้นโหนจับราวด้านบนไว้มั่นเมื่อรถเริ่มเคลื่อนที่ด้วยความเร็วระดับฟาส7ตรงข้ามกับสภาพของรถที่ควรไว้ปลูกสะระแหน่กินได้แล้ว

รถเหวี่ยงไปมาตามทางเลี้ยวโค้ง  ลักษณ์ยึดที่จับบริเวณพนักพิงของคนนั่งไว้แน่น กระนั้นลำตัวก็ยังถูกแรงเหวี่ยงให้เอียงไปเบียดชิดกับเนื้อตัวของเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆอยู่ดี   ท่อนแขนแข็งแรงที่ยกขึ้นโหนราวอยู่เหนือศีรษะของเขาทำให้เขาเหมือนถูกอีกฝ่ายโอบกอดอยู่กลายๆ 

วูบหนึ่งที่รถเบรกกะทันหันให้เอาเขาเซไปซบกับแผ่นอกของเพื่อนเข้าเต็มๆ   ลักษณ์รีบดันตัวออกห่าง  พยายามเว้นช่องว่างระหว่างตนเองกับเพื่อนเอาไว้แม้สัก 2 เซนติเมตรเขาก็พอใจ

รู้สึกคิดผิดที่อยู่รอกลับบ้านพร้อมอีกฝ่ายอย่างนี้   เพราะความสงสัยปนกับความไม่สบายใจแท้ๆเชียว  และเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้ความอึดอัดใจนี้อยู่ข้ามวันได้อีก

ถามให้มันเคลียร์   รู้เรื่องกันไปเลย  จะได้ไม่ต้องมานั่งกลุ้มครุ่นคิดให้วุ่นวาย

แค่ไอ้ไวน์ตอบมาคำเดียวว่า...มันเมามาก   เท่านั้น..เขาก็พร้อมจะเชื่อโดยไม่มีข้อโต้แย้ง   เชื่อสนิทใจและไม่หาเหตุผลอื่นให้เหนื่อยแล้วด้วย

กลิ่นหอมอ่อนๆที่เขารู้ว่าเป็นกลิ่นน้ำหอมที่ไอ้ไวน์ใช้ประจำโชยจางๆปนกับกลิ่นเหงื่อลอยมาเข้าจมูกเป็นระยะ   โดยเฉพาะเวลาที่ร่างสูงๆนั้นเอนเข้ามาชิด   

เขายังไม่กล้ามองหน้าเพื่อนสนิทเต็มๆตาอยู่ดี   มันรู้สึกแปลกๆชอบกล...ตลอดทั้งวันมานี้ลักษณ์เฝ้าแต่ครุ่นคิดถึงเหตุผลที่เพื่อนจูบตนเอง 

วูบหนึ่งที่เขาเกิดความคิดบ้าระห่ำขึ้นมาว่า บางทีไอ้ไวน์มันอาจจะเป็น...เกย์   แล้วดันจูบเขาเพราะความเสน่หา  โอย...แค่คิดเขาก็ต้องรีบลบความคิดนี้ทิ้งไป  โยนลงทะเลไปเลย

ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกน่า   เพ้อเจ้อใหญ่แล้วไอ้ลักษณ์

คงเหลือเหตุผลอยู่แค่อย่างเดียวนั่นแหละ   เดี๋ยวพอลงจากรถเมล์แล้วเขาก็จะหาทางเกริ่นถามเรื่องนี้ดูสักที 

รถจอดที่ป้ายหน้าปากซอย  เขาเดินลงมามีไวน์เดินตามหลังมาเงียบๆเข้าไปภายในซอยที่ยังคึกคักด้วยแม่ค้าแม่ขายแผงลอย  ร้านอาหารหาบเร่ตลอดสองฝั่งทางด้วยเป็นย่านที่มีคนอาศัยอยู่มาก และมีคนเดินกันขวักไขว่

ลักษณ์หยุดที่แผงขายลูกชิ้นปิ้ง  เขาแวะซื้อลูกชิ้นของโปรดมาสามไม้  รู้สึกได้ว่าคนร่างสูงเดินตามมาไม่ห่างแม้ว่าจะไม่ได้หันไปมองก็ตาม   ชายหนุ่มกัดลูกชิ้นเคี้ยวกลืนจนหมดสองไม้แล้วก็ส่งถุงลูกชิ้นที่ยังเหลืออีกไม้หนึ่งไปด้านหลัง

“ไม้นี้ติดเอ็น   ไม่ชอบ”  พูดลอยๆเหมือนพูดกับตัวเอง   

ไวน์เอื้อมมือไปรับถุงลูกชิ้นนั้นมาถือเอาไว้   ไม่ได้พูดอะไร...เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายซื้อเผื่อเขา  ไม่ใช่ว่าไม่ชอบหรืออะไรหรอก   ไวน์ยกไม้ขึ้นกัดเข้าปาก   ลูกชิ้นเอ็นเป็นของชอบของเขาเช่นเดียวกับลูกชิ้นหมูธรรมดาไม่เอาเอ็นที่อีกคนชอบ

   มองแผ่นหลังบอบบางที่เดินนำอยู่ข้างหน้าแล้วถอนหายใจอีกเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันก็ไม่ทราบ  นี่ถ้าการถอนหายใจทำให้อายุสั้นลงจริง  เขาคงจะตายเร็วขึ้นไปหลายปี

   เดินผ่านตึกรามบ้านช่องที่เขากับลักษณ์เดินผ่านมาไม่รู้กี่ร้อยกี่พันรอบ  ก็มันตั้งหลายปีแล้วนี่นะที่เรารู้จักกันมา  หลายครั้งที่เราสองคนก็เดินห่างๆคนละฝั่งถนนเพราะว่าโกรธกันอยู่   หลายหนที่เดินกอดคอกันเพราะลักษณ์ต้องพยุงเขาที่บาดเจ็บจากการเล่นกีฬา  ไม่ก็ชกต่อย   และหลายทีที่เราแค่เดินข้างกันเฉยๆ  ไม่ได้พูดไม่ได้ถาม  แต่ก็ไม่ได้โกรธอะไร   เพราะต่างคนต่างก็มีเรื่องครุ่นคิดอยู่ในใจ

   เหมือนเช่นครั้งนี้...

   “เมื่อวานมึงตามไปที่ร้านตอนไหน”  จู่ๆคนที่เดินนำหน้าเขาก็ลดฝีเท้าลงจนกลายเป็นเคียงข้าง   ลักษณ์ถามเขาขึ้นมาเป็นประโยคแรก

   “ตอนที่มึงเมาพับไปแล้ว”  เขาตอบ  ทิ้งถุงลูกชิ้นเปล่าๆลงถังขยะข้างทาง

   “แล้วมึงดื่มต่อมั้ย   หรือว่ากลับเลย”  คนฟังขมวดคิ้ว...อีกฝ่ายต้องการอะไรงั้นหรือ?

   “กลับสิ  จะอยู่หาพระแสงอะไรล่ะ  มึงไม่รู้หรือไงลักษณ์ว่ากลุ่มพี่เนิร์ดขึ้นชื่อแค่ไหน”  พอพูดแล้วก็หยุดไม่อยู่  เขารอโอกาสจะ ‘เทศน์’ อยู่แล้วจึงพูดต่อ  ไม่ทันดูหน้าคนฟังที่ก้มลงต่ำ “ถ้าพี่สิงห์พี่รหัสมึงอยู่ในกลุ่มนั้นด้วยล่ะก็  กูขอเตือนว่าอยู่ห่างๆหน่อยดีกว่า   มึงตามเขาไม่ทันหรอก   อย่าไปยุ่งเลย....เมื่อคืนถ้ากูไม่ไปพามึงออกมาเผลอๆไม่ได้กลับบ้านด้วยซ้ำ”

   “พี่สิงห์บอกให้กูค้างที่คอนโดได้”  ลักษณ์ตอบเสียงเบา

   “มึงรู้จักพี่สิงห์อะไรนั่นมากี่วันไม่ทราบ ถึงไปไว้ใจเขาแบบนั้นน่ะ  รู้หรือเปล่าว่าเมื่อวานกูเป็นห่วงมึงแทบตาย  บอกให้ไลน์มาบอกก็ไม่ไลน์  โทรไปก็ไม่รับ  กูต้องโพสต์เฟสบุ๊คตามหาเอาเอง   นี่ถ้าโดนจับไปขายคงออกชายแดนไปแล้วมั้ง”  ไวน์พูดต่ออย่างหงุดหงิด  เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนถึงมองไม่ออก

   “สรุปมึงไม่ได้เมา”  อีกฝ่ายถามกลับมา  ไวน์ขมวดคิ้วแล้วตอบห้วนๆ

   “ก็เออสิ  ถ้าเมาจะพามึงกลับบ้านได้มั้ยล่ะ” 

   ลักษณ์เงียบไปนาน  จนกระทั่งเดินมาถึงหน้าร้านของป้าดาที่กำลังมีลูกค้าเต็มร้าน   พี่รามมองออกมาเห็นพวกเขาเข้าก็กวักมือเรียกให้เข้าไปด้านใน

   ไวน์ยึดแขนของเพื่อนเอาไว้ แล้วก้มลงถามด้วยเสียงอ่อนลง

   “ตกลงวันนี้มึงโกรธกูเรื่องอะไร  ลักษณ์”  ว่าจะถามตั้งแต่แรกแล้ว  แต่อีกฝ่ายดันเปิดประเด็นเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาเสียก่อน   ไอ้เขาก็โกรธพี่รหัสมันจนหน้ามืดไปหน่อยเลยลืมเรื่องสำคัญไปเลย

   ดวงตากลมโตคู่นั้นเหลือบขึ้นมองเขาด้วยแววประหลาด  ไวน์ขมวดคิ้ว...มันคล้ายกับมีความตกใจปนกับผิดหวัง และอะไรหลายๆอย่างอัดแน่นอยู่ในนั้น   ลักษณ์มองเขาครู่เดียวก็เบือนหลบ 

   “ไม่มีอะไร...ช่างมันเถอะ”  ริมฝีปากคู่นั้นพึมพำ   ไวน์มองอย่างไม่เข้าใจ  ขาขยับจะก้าวตามเข้าไปในร้านเหมือนทุกทีทว่าอีกฝ่ายกลับพูดด้วยเสียงเด็ดขาดกว่าทุกครั้งที่เคยได้ยิน

   “วันนี้มึงกลับไปก่อนเถอะนะ...ขอร้อง”

   ………………………………………………………………


มีใครอ่านถึงตอนนี้เเล้วบ้างคะ :katai5:
   
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่7แล้วจ้าา 20/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-12-2016 01:08:22
อ่านถึงตอนก่อนแล้วยังไม่ได้เม้นท์ ขอเม้นท์ก่อนละกันนะคะ
จริง ๆ เราว่าจะเลิกอ่านแล้วเชียว (แบบชั่วคราว) เพราะดูท่ายังไงไวน์ก็เชียร์ไม่ขึ้นอยู่ดี ในเมื่อไม่ยอมบอก ไม่กล้าเสี่ยงเราก็ไม่รู้จะอ่านจะเชียร์ไปเพื่ออะไร (ในระยะที่ยังไม่สู้นะ)
อีกเรื่องคือ จะเห็นว่าไวน์พยายามปกป้องลักษณ์จากพวกเสือหิว แต่ถ้าไม่ทำให้ลักษณ์ตามคนอื่นทันเสียที ก็ไม่แน่ว่าไวน์จะไปช่วยทันทุกครั้ง (ยิ่งอีกหน่อยเรียนสูงขึ้น คนเรียนหมอคงไม่ค่อยมีเวลาไปตามติดดูแล) เพราะดูท่าแล้วลักษณ์ไม่ค่อยเห็นความสำคัญ(ของความเป็นห่วงจากเพื่อนสนิท)เท่าไหร่ เลยไม่ค่อยให้ความร่วมมือ แล้วไม่ให้ความร่วมมือไม่พอ ยังประมาทคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายไม่อันตรายเท่าผู้หญิง เฮ้อ เพลียใจ (ใจหนึ่งก็อยากจะให้โดนสักที จะได้รู้สึกตัวว่าประมาทไปแล้ว แล้วถ้าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมันเป็นยังไง แต่อีกใจก็สงสารอยู่)
ส่วนตอนล่าสุด เราว่าการที่ลักษณ์สับสนนี่เป็นจุดเปลี่ยนนะ ถ้าลักษณ์ตั้งตัวติดแล้วสามารถเปิดใจให้ความสัมพันธ์แบบชายชายได้ ก็น่าเชียร์ให้ไวน์สู้อยู่หรอก แต่ถ้าไม่เราก็อยากให้ไวน์ถอยนะ จากการที่ปกติมีไวน์อยู่ข้าง ๆ ถ้าไม่มีแล้วลักษณ์รู้สึกโหยหา เจ้าตัวก็น่าจะได้คิด (แต่แบบลักษณ์คงคิดแค่ว่าอยากให้กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมแหละ ให้ไวน์คิดกับลักษณ์แค่เพื่อนเหมือนเดิม เฮ้อ)
ให้กำลังใจคนเขียนค่ะ (ที่เม้นท์ยาวนี่ไม่ได้จะตำหนิ หรือทำร้ายจิตใจนะคะ แค่แสดงความคิดเห็นในส่วนของเรื่องราวเฉย ๆ)
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่7แล้วจ้าา 20/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ploysure ที่ 20-12-2016 01:16:00
ลักษณ์ก็ไม่คิดจะใจอ่อนและคิดเกินเพื่อนสนิทด้วย
ทำไงดีละไวน์ เริ่งสงสาร :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่7แล้วจ้าา 20/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 20-12-2016 03:36:44
ดูไม่มีหนทางจริงๆ สำหรับไวน์ ลักษณ์ไม่เปิดใจเลย
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่8 ค่ะ 23/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 23-12-2016 18:17:00
ตอนที่ 8
All men naturally desire to know.



WineiloveU: นอนยัง
WineiloveU: พรุ่งนี้ยืมชีทฟิสิกส์หน่อยดิ
WineiloveU: อ่านไม่ตอบ?เป็นไร

ไวน์ถอนหายใจยาวหลังจากกดพิมพ์ส่งประโยคสุดท้ายไปแล้วก็ยังไม่มีคำตอบกลับมาจากอีกฝ่่ายเลย เกือบสองวันแล้วที่ลักษณ์เงียบหายไป ไม่ตอบไลน์ ไม่รับโทรศัพท์ ไม่พูดคุย...ไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำ

...ไม่รู้ว้าตัวเองทำผิดอะไร เพราะอีกฝ่ายเล่นไม่อธิบายแบบนี้  ต่อให้เขาพยายามคิดในด้านบวกแค่ไหนก็ไม่วายจิตตก ได้แต่เฝ้าครุ่นคิดทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์ของเราสองคนกันแน่

ปลายนิ้วเรียวยาวลูบไปบนสันหนังสือเล่นอย่างใจลอย เนื้อหาที่พยายามอ่านมาสองชั่วโมงไม่เข้าหัวเลยสักนิด ชายหนุ่มหงุดหงิดลุกขึ้นยืนเอี้ยวต้วไปด้านหลังไล่ความเมื่อยขบ เดินออกมาจากห้องนอนส่วนตัว

บ้าน...เงียบ เหมือนที่เคยเป็นมา หลายปีแล้วที่เขาอยู่ที่นี่คนเดียว อ้อ..จะเรียกว่าคนเดียวก็ไม่ถูกต้องนัก เพราะว่ายังมีป้าสีนวล คุณป้าแม่บ้านที่ดูแลเขามาตั้งเเต่ยังเป็นเด็กนั้นอาศัยอยู่ด้วยที่ห้องชั้นล่างติดบันได แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจขึ้นเท่าไหร่หรอกนะ

ไวน์ออกมานั่งเล่นที่สวนหลังบ้าน นาฬิกาเกือบเที่ยงคืนแล้วทว่าเขาไม่ต้องกลัวว่ารถม้าจะกลายเป็นฟักทอง หรือชุดราตรียาวจะขาดวิ่น เขาก็ยังเป็นเขา อยู่ในโลกความจริง ไม่ใช่เทพนิยาย ต่อให้เขาสวดมนต์อ้อนวอนเท่าไหร่ก็ไม่มีเทวดานางฟ้าลงมาดลบันดาลให้สมหวังในความรักหรอก

สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็มีเพียงความเพียรพยายามของตนเองเท่านั้น...ที่มองอย่างไรก็ไม่เห็นทางที่จะสำเร็จได้เลย เหมือนคนที่กำลังว่ายน้ำอยู่กลางทะเล มองไปทางใดก็ไม่เห็นฝั่ง เขาไม่รู้เลยว่าจะว่ายน้ำไปทางไหน และต้องอดทนว่ายน้ำอีกนานเท่าไหร่...หรือควรจะปล่อยตัวเองให้จมน้ำตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอดจะได้จบๆไปดี

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ชายหนุ่มรีบหยิบขึ้นมาดู...ไม่ใช่คนที่เขาเฝ้ารออยู่ กระนั้นก็ทำให้หัวใจเต้นเเรงได้

“ฮัลโหล...แม่”

“ว่าไง ทำไมเสียงจ๋อยแบบนั้น” เสียงนุ่มๆปนหัวเราะดังขึ้นที่ปลายสาย แม่ก็ยังเป็นแม่คนเดิมที่จับอารมณ์ของเขาได้ทันทีเเค่ได้ยินเสียงสองสามคำ

“ไวน์เปล่าจ๋อยนะ” เขาตอบกลับไป

“ไม่จ๋อยธรรมดา แต่จ๋อยมากใช่มั้ย” เธอแซวต่อแล้วถามเสียงจริงจังขึ้น “เกิดอะไรขึ้น ใครรังแกลูกแม่ บอกแม่มาเร็ว” ไวน์แทบจะนึกสีหน้าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันของเเม่ออก ทำให้เขายิ้มออกมาได้เป็นครั้งแรกของวัน

“ไม่มีใคร ไวน์ทำตัวเองครับ” เขาตอบกลับไป ได้ยินเสียงแม่หัวเราะอีก เสียงหัวเราะของเเม่ทำให้อะไรที่หนักอึ้งอยู่ในใจเบาลงอย่างไม่น่าเชื่อ

“แล้วทำตัวเองทำไมล่ะลูก”

“ไวน์...บังคับตัวเองไม่ได้ มันเป็นไปเอง”

“หนูมีความรักหรอ” คำพูดของคำพูดของแม่ตรงเผงราวกับเดาใจได้ ไวน์กลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ

“ครับ” ถึงเขาจะเคยโกหกแม่มาบ้าง แต่ก็ไม่อยากโกหกเรื่องนี้

“ว้าว ใครคือผู้โชคดีคนนั้นเอ่ย”

ชายหนุ่มถอนหายใจยาว เขาไม่เคยบอกแม่เรื่องลักษณ์เลย แม่ไม่เคยเจอลักษณ์ เคยแต่ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามอยู่บ้างว่าเป็นเพื่อนสนิทของลูกชาย แค่ไม่พาลูกออกนอกลู่นอกทาง แม่ก็โอเคแล้ว

“เรียกว่าผู้โชคร้ายดีกว่า”

“ทำไมงั้นล่ะลูก ลูกชายแม่ออกจะน่ารัก สาวคนไหนได้ไปก็ต้องถือว่าโชคดีสิ”

“โธ่แม่...ผมไม่ได้เรื่องหรอก แค่จะบอกชอบเขายังทำไม่ได้เลย” ลูกชายสารภาพตามตรง

“อะไรกัน ไม่สมกับเป็นลูกพ่อเราเลย พ่อเราน่ะเขาตะโกนบอกรักแม่กลางไร่เลยนะคนงานทั้งไร่เป็นพยานได้” แม่หัวเราเสียงใส ไม่รู้ทำไมคืนนี้แม่ของเขาถึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

“ก็พ่อไม่ได้แอบชอบเพื่อนตัวเองนี่ครับ” คนฟังเงียบไป ไวน์แว่วเสียงถอนหายใจยาวจากปลายสาย

“ใครเหรอลูก...คนที่ชื่อลักษณ์ ใช่มั้ย?”

คราวนี้เป็นตาลูกชายบ้างที่งันไป หลังจากได้ยินมารดาของตนเดาได้ตรงราวกับมีตาทิพย์

“แม่.. รู้ได้ไง” เขาพูดเสียงแผ่ว

“แม่ฟังเราเล่าถึงเพื่อนคนนี้มากี่ปีแล้วละลูก...ความรักมันเสียงดังนะ ปิดเท่าไหร่ก็ปิดไม่มิดหรอก..”

“ผมก็เล่าเรื่องทั่วๆไปเฉยๆนะ ไม่เคยเล่าถึงเค้าเป็นพิเศษเลย”

“คนพิเศษน่ะ ต่อให้เราพยายามปฏิบัติต่อเขาธรรมดา มันก็ยังพิเศษอยู่ดี...แม่จับน้ำเสียงของไวน์เวลาพูดถึงเพื่อนให้แม่ฟังได้ตั้งหลายปีแล้ว เวลาคุยกันทีไรก็ต้องมีชื่อลักษณ์ติดปากเสมอ”

“จริงเหรอครับ” เขานึกไม่ถึงมาก่อนเลย “แล้วแม่ไม่ห้าม ไม่อะไรเลยเหรอครับ”

“แม่จะห้ามทำไมล่ะ ไวน์รักใครชอบใครก็เรื่องของไวน์ แม่ไม่ยุ่งด้วยอยู่แล้ว แม่เลี้ยงไวน์มาให้เป็นผู้ใหญ่รับผิดชอบตัวเองได้ ถ้าไวน์ชอบจริงๆแม่ก็โอเคหมด ขอแค่ให้เค้าเป็นคนดีก็พอ” แม่เว้นช่วงนิดหนึ่งแล้วพูดต่อด้วยเสียงอ่อนกว่าปกติ “แล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะลูก ทะเลาะกัน?”

“ไวน์..ไวน์ก็ไม่รู้เหมือนกันครับแม่ อยู่ดีๆเค้าก็เปลี่ยนไป ไม่คุยกับไวน์ พอเจอหน้าก็หลบ ไม่ยอมมองหน้าด้วยซ้ำ ไวน์ทั้งโทรทั้งไลน์ไปก็ไม่ตอบ ไปดักรอที่บ้านเค้าก็เมิน ..ไวน์ไม่รู้เลยว่าตัวเองทำอะไรผิดไป”

ชายหนุ่มพูดพลางถอนหายใจยาวออกมาอีกรอบ

“ไวน์...เผื่อใจเอาไว้บ้างหรือเปล่าลูก หรือว่าทุ่มหมด..”

คำถามของแม่ทำให้ขอบตาร้อนผ่าว ชายหนุ่มเม้มปากแน่น เงียบไปครู่ใหญ่

“ไวน์บอกตัวเองว่าพยายามเผื่อใจเอาไว้บ้าง พยายามทำใจว่าเราคงเป็นได้แค่เพื่อนก้นไปตลอด แต่มันยากมากเลยแม่...รู้ตัวอีกทีไวน์ก็ให้เขาไปหมดแล้ว แล้วก็หวังหมดใจว่าเค้าจะมองเห็นไวน์แล้วก็ให้ใจกลับมาบ้าง แต่ก็เปล่าเลย...เค้าไม่เคยเห็นไวน์เป็นมากไปกว่าเพื่อนเลยครับแม่”

“โธ่..ไวน์” แม่ของเขาอุทานแล้วเงียบไปนาน “ถ้าเค้าไม่เคยเห็นค่าความรักของเรา เราก็เอาคืนกลับมาดีีไหมลูก เก็บเอาไว้ให้คนที่เขาเห็นไวน์ ไวน์จะได้ไม่เจ็บปวดแบบนี้”

“ผมเคยลองเอากลับแล้วครับ แต่มันไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้ง พอเราใกล้ชิดกันอีก หัวใจผม..มันก็เหมือนเดิม.. ผมชอบเขามานานเกินไป เลยเหมือนกับว่ามันเป็นความเคยชินของหัวใจไปแล้ว”

“ไม่มีความเคยชินใดอยู่ถาวรหรอกลูก แม่ว่าไวน์ลองกลับไปคิดทบทวนตัวเองดีๆดีกว่า อาจมีคนที่เหมาะสมแล้วก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างลูกอยู่ก็ได้นะ เหมือนกับที่ลักษณ์มองไม่เห็นลูก ลูกก็อาจจะมองไม่เห็นเขาเหมือนกัน”

“ผมรู้ครับแม่ว่าควรตัดใจ ผมรู้ดีว่าทำไปก็ไม่มีประโยชน์มีแต่เจ็บเปล่าๆ แต่ผมห้ามใจตัวเองไม่ได้ ผมชอบคนนี้ ต่อให้มีคนอื่นมาให้เลือกมากมาย ผมก็เลือกเค้าอยู่ดี”

“แต่เค้าไม่ได้เลือกลูกไงไวน์ ต่อให้ไวน์ชอบเขาเท่าไหร่ แต่เขาไม่ได้รักลูก มันก็ไม่สมหวังอยู่ดี”

ดวงตาของเขาพร่ามัวไปชั่วขณะหนึ่งจนมองภาพเบื้องหน้าไม่ชัดเจนอีกต่อไป ชายหนุ่มยกมือขึ้นเเตะข้างแก้มอย่างเเปลกใจ หยดน้ำใสๆไหลเป็นทางจากขอบตา...นี่เขาขี้เเยแบบนี้ตั้งเเต่เมื่อไหร่กัน

นานแค่ไหนแล้วที่ไม่มีน้ำตาไหลออกจากตา...เป็นเพราะประโยคนั้นของมารดา ความจริงที่เธอกึ่งบังคับให้เขายอมรับ

“ไวน์..ผม..ผม” ไวน์พูดไม่ออก

“แม่ไม่ได้จะให้ไวน์ตัดใจภายในวันนี้พรุ่งนี้นะ แต่แม่แค่อยากให้ไวน์ทำใจเอาไว้บ้างลูก”

“แล้วถ้าผมตัดใจไม่ได้” คนเป็นแม่เงียบ เธอไม่อยากให้ลูกเสียใจ แต่ดูจะเลี่ยงไม่ได้เอาเสียเลย

“ถ้างั้นไวน์ก็ต้องคิดดูว่าไวน์จะทนเป็นแค่เพื่อนแบบนี้ไปได้อีกนานเท่าไหร่ ถ้าไวน์ว่าตัวเองทนไหว ก็ทนไป แต่ถ้าไม่ไหว ...ถ้าแม่เป็นไวน์ แม่ก็จะดับเครื่องชน”

“คือยังไงครับแม่”

“แม่จะเลิกแคร์ว่าเค้าจะยังเห็นเเม่เป็นเพื่อนมั้ย ไหนๆเราก็ไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนกับเค้าอยู่แล้วนี่ เราเลิกเป็นเพื่อนกันไปเลยก็ได้ แล้วแม่ก็จะบอกความรู้สึกกับเค้าตรงๆ และจะไม่หยุดจนกว่าเขาจะบอกแม่ว่าไม่รักแม่”

“เลิกแคร์...ความเป็นเพื่อนงั้นเหรอครับ” ไวน์ทวนคำพูดแล้วคิดตาม

“ใช่ ไวน์อยากเป็นเพื่อนหรืออยากเป็นแฟนล่ะ”

“ผม...อยากเป็นแฟนเค้าครับ” ไวน์หลุดปากออกมา

“งั้นก็ทำให้เขารู้สิ แม่เชื่อว่าแค่นี้ลูกชายแม่ทำได้อยู่แล้ว ไว้เราพยายามเต็มที่ก่อน แล้วมันไม่ได้จริงๆ ถึงตอนนั้นเราค่อยตัดใจก็ยังทัน แต่ลูกแม่ตัองเผื่อใจเอาไว้บ้างนะครับ”

เขาคุยกับมารดาอีกสองสามคำ ถามสารทุกข์สุขดิบของบิดาอีกนิดหน่อยก็วางสาย

ไวน์เปิดหน้าจอแชทขึ้นมาอีกครั้ง ลักษณ์ยังไม่ตอบเหมือนเดิม..

เลิกแคร์ความเป็นเพื่อน? ความเป็นเพื่อนที่เขาเฝ้าทะนุถนอมมาอย่างดี ความเป็นเพื่อนที่เป็นสาเหตุเดียวที่ทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับอีกฝ่่าย..ความเป็นเพื่อนที่เขาหวงแหน

ก็เพราะเขามัวเเต่หวงคำว่าเพื่อนหรือเปล่า ถึงเป็นได้แค่ 'เพื่อน' อยู่แบบนี้

ชายหนุ่มกดโทรออก ทว่าอีกฝ่ายปิดมือถือไปแล้ว

............................................


“เพื่อนลักษณ์ เย็นนี้มีแข่งบาสหมอกับเภสัช อยู่เชียร์ด้วยกันมั้ย” เเซมยกมือขึ้นตบที่ไหล่ของลักษณ์อย่างแรงจนตื่นจากภวังค์ เขากันไปมองหน้าเพืือนงงๆ

“อะไรนะ ไม่ทันฟัง โทษๆ”

“มึงเหม่ออะไรนักหนาวะครับคุณลักษณ์ กูเห็นทั้งอาทิตย์เนี่ยนอกจากเวลาเรียนมึงก็เอาแต่เหม่อลูกเดีียว เป็นอะไรของมึง ทำตัวเหมือนคนอกหัก” เบียร์ทักขึ้นมา เพื่อนๆในโต๊ะอาหารพากันพยักหน้าเห็นด้วย

ลักษณ์เลิกคิ้ว

“เปล่านี่ กูอยู่ของกูดีๆ”

“อย่ามาปากแข็ง มึงไปแอบชอบสาวที่ไหนก็บอกให้เพื่อนรูับ้าง เด็กพ่งเด็กแพทย์ไรงี้ มีของดีก็บอกบ้าง”

เต้พูดพลางหรี่ตาลง คนฟังเบิกตากว้างแล้วส่ายหน้าหวือ

“เห้ย ไม่มี ไปเอาที่ไหนมาพูดมั่วๆ”

“แล้วสองวันที่ผ่านมาคุณไปแอบนั่งทำอะไรที่ใต้ตึกคณะแพทย์ครับ"

“กู...กูก็เอ่อ...” ลักษณ์อึกอัก ไม่อยากบอกเพื่อนว่าตัวเองแค่ 'บังเอิญ' เดินผ่านไปแถวนั้นเฉยๆ ไม่ได้ตั้งใจตะไปรอใครเลยจริงจริ๊ง

ก็เห็นไอ้ไวน์มันหายหน้าหายตาไปเลย ไม่รู้ตายไปหรือยังก็เลยจะเเวะไปดูเสียหน่อย เลคเชอร์แม่งก็โดดกระจายหายต๋อมเข้ากลีบเมฆ

จะโทรไปหาก็ไม่อยากโทรก่อน

ไม่ได้เมา....เหอะ ความจริงที่ออกจากปากของเพื่อนรักทำเอาเขาตั้งตัวไม่ทัน ไวน์..จูบเขา ทั้งที่รู้สึกตัวเต็มที่งั้นหรือ?

หมายความว่าอย่างไรกัน ...จริงอยู่ว่าเขาก็เคยมีเพื่อนเป็นเกย์เป็นตุ้ดมาบ้าง ไม่เคยนึกรังเกียจ แค่ก็ไม่นึกเลยว่าจะมีคนใกล้ตัวเป็น

จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่อยากเชื่อ...ไอ้ไวน์ 'เป็น' เหรอวะ? และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ...ที่มันจูบเขาเพราะ ..ชอบ? เผลอ? ..หรืออะไร

เขาได้แต่ครุ่นคิดวนเวียนไปมาแบบนี้มาเป็นอาทิตย์ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปกับตัวเอง อยากจะคิดว่าบางทีเพื่อนคงจะแค่ละเมอมาจูบเขาเข้า แค่นั้น

แต่อะไรบางอย่างที่ติดอยู่ในใจก็ทำให้ปักใจเชื่อไม่ลง ครั้นจะครุ่นคิดเอาเหตุผล..ก็กลับไม่กล้า ไม่สิ ขี้เกียจคิดตะหาก

ตลอดหลายปีที่คบกันมาเขาไม่เคยรู้สึกว่าไวน์ชอบผู้ชายเลยนะ มันจีบหญิงเหมือนเขา ชอบแอ๊วสาวรุ่นพี่ ว่างๆก็เปิดหนังโป๊ดูด้วยซ้ำ หน้าอย่างมันเป็นคนสุดท้ายในโลกที่เขาจะคิดว่าเป็นเกย์

มันไม่เคยลวนลามเขา..เอ๊ะ หรือจะเคยแต่ไม่รู้ตัววะ ลักษณ์ส่ายหน้าไล่ความคิดออกไป เอาเป็นว่าพอมาคิดไปคิดมาหลายตลบแล้ว

ลักษณ์ก็อยากจะสรุปกับตัวเองว่า...เขาควรจะถามมันตรงๆ ไม่ใช่มาเดามั่วเอาเองให้ปวดกบาลแบบนี้ และต่อให้ไอ้ไวน์จะเป็นไง มันก็ยังเป็นเพื่อนเขาอยู่ดี
เขาคิดว่างั้นนะ...

“เอ้าเหม่ออีกแล้วมึง ตกลงจะอยู่เชียร์เปล่า ไอ้ไวน์เพื่อนมึงเเข่งด้วยนี่ พักนี้หายหน้าหายตา สงสัยซ้อมหนัก กลัวแพัเภสัช” เเซมพูดแล้วหัวเรากึกๆ

“พวกมึงอยู่หรือเปล่าล่ะ”

“กูอยู่” เพื่อนตอบเป็นเสียงเดัยวกัน

“งั้นกูอยู่ก็ได้ ขี้เกียจกลับบ้านคนเดียว”

“พูดอย่างกับว่าที่ผ่านมามึงกลับบ้านกับพวกกูงั้นแหละครับ ก็เห็นกลับกับไอ้ไวน์ เดินหนุงหนิงกันอยู่สองคนตลอด นี่ถ้ากูไม่รู้คงนึกว่าแฟนกัน”

“อะไรทำให้มึงคิดแบบนั้น” ลักษณ์ถามเสียงเครียดขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“มึงต้องลองไปส่องกระจกดูหน้าตัวเองเวลาที่คุยกับไอ้ไวน์ แล้วเดี๋ยวจะรู้เอง” เต้ตอบยิ้มๆแล้วเปลี่ยนเรื่องไปเรื่องอื่น “เออแซมเล่าเรื่องจับฉลากบัดดี้กันยัง”

“บัดดี้อะไร” ลักษณ์ถามงงๆ

“อ้าวก็บัดดี้คณะไง รุ่นเราจะเล่นบัดดี้กันสนุกๆ เดือนเดียวพอ รู้จักไหมบัดดี้ ที่เราจะต้องแอบเทคเเคร์เพื่อนที่เราจับชื่อได้แบบเงียบๆห้ามให้ใครรู้ว่าเป็นใครไง แต่พอดีไอ้เเซมมันจับฉลากแทนมึงไปแล้วว่ะ ฮ่าๆ”

“ก็ตอนนั้นมึงหายไปไหนก็ไม่รู้” แซมพูดเสียงอ่อย

“แล้วกูต้องเทคใคร”

“กูเอง” เต้ยกมือขึ้นแล้วหัวเราะ

“แล้วใครเทคกูอ่ะ” ลักษณ์ถามต่อ

“ใครจะไปรู้วะ คนไหนจับชื่อมึงได้ก็คนนั้นแหละ” เบียร์พูด

หลังจากนั้นลักษณ์ก็ลืมเรื่องบัดดี้ไปสนิท เวลาผ่านไปจนเย็น เขาตามเพื่อนไปเชียร์บาสนัดสำคัญ ระหว่างแพทย์กับเภสัช กองเชียร์แพทย์ขนกันมานั่งเต็มเเสตนด์ แต่ฝั่งเภสัชก็ไม่ยอมน้อยหน้า เปล่งเสียงร้องเชียร์แบบไม่กลัวคอแตก

“กรี้ดดดดด หมอไวน์ลงด้วยเว้ยแก นัดที่แล้วไม่ลงเพราะเจ็บข้อเท้า ชั้นล่ะเป็นห่วงจริงๆ” สาวๆเภสัชที่ดูเหมือนจะแปรพักตร์ไปอยู่อีกฝั่งซุบซิบกันเสียงดัง แถมยังกรี้ดลั่นเมื่อเดือนแพทย์หันมาจ้องทางนี้ด้วย
ลักษณ์ขอใช้คำว่าจ้อง เพราะมันหันมามองทางนี้อย่างจริงจัง จ้องดวงตาคมกล้านั้นมาทางเขาแบบตาไม่กระพริบ ทว่าลักษณ์ทำเป็นมองไม่เห็น เสมองไปทางอื่นแทน หูยังได้ยินเสียงซุบซิบของสาวๆข้างหน้าดังเข้าหูไม่หยุด

“เค้ามองใครวะ มองชั้นเหรอ ตายแล้ว คิ้วชั้นเลือนหมดแล้วมั้งเนี่ย ทำไงดีวะแก” เสียงหัวเราะคิกคักทำให้ลักษณ์เสียสมาธิพอสมควร

เขาลอบพิศดูเพื่อนสนิทที่กำลังวอร์มอัพกับเพื่อนร่วมทีมนั้นเงียบๆ ใบหน้าคมเข้มซูบลงเล็กน้อย ใต้ตามีรอยดำคล้ำหน่อยๆ แต่ท่าทางการรับส่งลูกก็ยังคล่องแคล่วเหมือนเดิม

เกมเริ่ม แพทย์ขึ้นนำไปก่อนด้วยการชู้ตสามแต้มของไวน์ เรียกเสียงกรี้ดถล่มทลายจากผู้ชมทั้งหลายไม่ว่าจะแพทย์หรือเภสัช รวมถึงคณะอื่นที่แห่กันมาดูเต็มขอบสนาม

บางครั้งก็มีเสียงหวีดเบาๆเมื่อไวน์ถูกกระแทก ผ่านไปครึ่งเกมเริ่มดุเดือดมากขึ้น เภสัชพลิกกลับมานำแพทย์ได้สำเร็จ และไวน์ก็ถูกชนล้มลงไปกองกับพื้นอีกรอบ

“ใจเย็นมึงอย่า เพิ่งเป็นลม” แซมกระซิบข้างหูเขา ลักษณ์ละสายตาจากร่างสูงที่นอนกุมข้อเท้าอยู่นั้น

“เป็นลมอะไรของมึง”

“ก็กูเห็นหน้ามึงซีดๆ แถมมือเย็นอีกตะหาก” แซมเอื้อมมือมาจับที่มือของเขาที่กุมเอาไว้บนตักแน่น

ลักษณ์เพิ่งรู้สึกว่าเหงื่อออกที่ฝ่ามือจนเหนียวไปหมด

“กู..หิว. ร้อนด้วย คนเยอะเห็นแล้วอึดอัดตาลาย” เขาตอบ หันกลับไปดูในสนามก็เห็นเพื่อนรักถูกเปลี่ยนตัว แล้วพยุงเดินออกไปข้างสนาม มีเจ้าหน้าที่แพทย์สนามคอยดูแลอยู่อย่างใกล้ชิดรวมถึงเพลินตาดาวแพทย์คนสวยด้วย

“โอ้โหสวีทจังเลยแฮะ ตกลงเค้าคบกันแล้วเหรอวะ” เบียร์มองตามสายตาเขาไปยังคนทั้งคู่ เพลินทำท่าจะก้มลงไปช่วยทายาที่ข้อเท้าให้ไวน์ ทว่าชายหนุ่มห้ามเอาไว้ รั้งต้นแขนทั้งสองข้างให้ลุกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ข้างตัว

“คงงั้นมั้ง” ลักษณ์ตอบ ...เกือบอาทิตย์ที่เราไม่ได้พูดคุยกัน ความสัมพันธ์ของคนคู่นั้นพัฒนาไปถึงไหนแล้ว

ใช่สิ...ไอ้ไวน์มันหน้าตาดีนี่นะ เรียนก็เก่ง ก็เหมาะสมกับหญิงสาวที่น่ารักอย่างเพลินแล้วล่ะ .. ดาวย่อมคู่กับเดือนฉันใดก็ฉันนั้น เลิกอิจฉาเพื่อนได้แล้ว...

กระนั้นเขาก็ยังหงุดหงิดอยู่นั่นเอง เหมือนทุกครั้งเวลาที่สาวเมินเขาไปหาไอ้ไวน์นั่นแหละ ..ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมจะต้องไปน้อยอกน้อยใจเพื่อนอะไรขนาดนั้น

จบเกม แพทย์เฉือนเอาชนะเภสัชไปด้วยคะเเนนเฉียดฉิว เพื่อนๆจะแวะทานข้าวเย็นก่อนแยกย้ายกันกลับบ้านแต่ลักษณ์ขอตัวเดินแยกออกมาก่อน
เขาเดินไปทางฝั่งแพทย์ ชะเง้อมองหาร่างสูงๆของเพื่อนสนิทที่เมื่อครู่ยังเห็นนั่งอยู่ที่เก้าอี้ริมสนาม แต่ดูเหมือนว่าจะหายไปไหนแล้วก็ไม่ทราบ

“เอ่อ..โทดนะ เห็นไวน์มั้ย” ลักษณ์ถามผู้ชายคนหนึ่งที่ไวน์เคยแนะนำว่าเป็นเพื่อนใหม่ชื่อนพ อีกฝ่ายหันมองเขาทำหน้างงๆ

“ไวน์เหรอ เห็นเดินออกไปกับเพลินเมื่อกี้นะ รู้สึกจะไปโรงพยาบาลหรือไงเนี่ยแหละ ลองโทรถามดู”

“ถึงกับต้องไปโรงพยาบาลเลยเหรอ”

“อืม เห็นว่ามันแพลงซ้ำที่เดิม บวมมากน่ะเลยอยากให้หมอดูหน่อย ..เราขอตัวก่อนนะ” นพขอเดินจากไป ลักษณ์มองตาม คิดไม่ตกว่าจะเอาอย่างไรดี

ตามไปที่โรงพยาบาลเลยดีมั้ย..เพื่ออะไรล่ะ มันก็มีคนดูแลอยู่แล้วนี่

...โทรไปหา?...ไม่เอาไม่อยากโทร

งั้นไว้คุยวันอื่น?

โอ๊ย ทำไมมันยากอย่างงี้วะ นี่เขามัวเเต่คิดอะไรเยอะเเยะวะเนี่ย ก็เดินเข้าไปถามให้มันจบๆไปเลยว่ามันเป็นยังไงกันแน่

จูบเขาทำไม...ละเมอใช่มั้ย

อย่าทำให้เพื่อนต้องคิดมากแบบนี้เลย

........................................


ไวน์ชะงักไปเล็กน้อยขณะที่ค่อยๆก้าวลงมาจากรถแท็กซี่ที่ขึ้นจากหน้าโรงพยาบาลกลับมาบ้าน ใครบางคนยืนพิงประตูรั้วอยู่เห็นเป็นเงาตะคุ่มๆในความมืดสลัวของเวลาเกือบสี่ทุ่ม

เขาสบตากลมโตคู่นั้น แสงไฟจากภายในบ้านส่องให้เห็นใบหน้าอีกฝ่ายเพียงลางๆ

“กลับมาแล้ว ...เป็นไงบ้าง” เพื่อนสนิทของเขาถามเสียงเบา มีแววเก้อๆอย่างประหลาดในกระเเสเสียง ลักษณ์เข้ามาช่วยเขาเปิดประตูรั้วออก

“มารอนานหรือยัง” เขาเปิดปากพูดเป็นประโยคแรก

“ไม่นาน เพิ่งมา” ลักษณ์ตอบ ทว่ามือที่ยื่นมาช่วยพยุงจับเขาที่ท่อนแขนนั้นเย็นเฉียบ

ไวน์ไม่ได้พูดอะไร พวกเขาเดินเข้าไปภายในบ้าน ลักษณ์เคยมาที่นี่แล้วสามครั้ง นับว่าน้อยเมื่อเทียบกับระยะเวลาที่รู้จักกันมา ส่วนใหญ่ไวน์จะเป็นฝ่ายไปหาที่ร้านมากกว่า

เขาเหลือบมองเจ้าของบ้านที่เดินเขยกหายไปในห้องครัว สักพักก็กลับมาพร้อมกับแก้วบรรจุนม ไวน์วางตรงหน้าเขา พูดเสียงเรียบ

“กินรองท้องไปก่อน” พออีกฝ่ายพูดขึ้นมา ท้องของเขาก็ส่งเสียงร้องทันที ลักษณ์เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองหิว และลืมกินข้าวเย็นไปเสียสนิท...มัวเเต่กังวลเรื่องเพื่อน อุตส่าห์มายืนดักรออยู่หน้าบ้านตั้งเเต่หัวค่ำ
เขาทำหน้านิ่งๆ ยกแก้วนมขึ้นดื่มรวดเดียวหมด

เจ้าของบ้านทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตรงข้าม ยกขายาวๆนั้นขึ้นไขว่ห้าง มือกอดอกมองมาที่เขาเงียบๆ สายตาของไวน์ในวันนี้มีอะไรบางอย่างแปลกไปจนลักษณ์รู้สึกได้ แต่บอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร

รู้แต่ว่ามันคมกริบกว่าทุกครั้ง และเหมือนจะกำลังอ่านใจเขาอยู่

“เอ่อ...อ้อ..กูเอาชีทฟิสิกส์มาให้ ไม่รู้ยังอยากได้อยู่มั้ย” ลักษณ์ทำลายความเงียบที่แสนอึดอัดลงด้วยการหันไปค้นเอาชีทในกระเป๋าเป้ขึ้นมาปึกใหญ่ แล้วโบกไปมาตรงหน้าเพื่อน

ไวน์เอื้อมมือไปรับมาวางเอาไว้ข้างตัว แลัวเลิกคิ้วมองมาที่เขาราวกับจะถามว่ามีอะไรอีกมั้ย?

ลักษณ์สบตาคู่นั้นแล้วก็เบือนหลบออกไปมองนอกหน้าต่าง

“แค่นี้?” เจ้าของบ้านพูด

“หืม? อ๋อ..อืม” อีกฝ่ายสะดุ้ง พูดตะกุกตะกัก ขาเล็กๆเริ่มสั่นจังหวะ

“ขอบใจมาก งั้นก็...บาย” ไวน์ลุกขึ้นยืน เพื่อนของเขาเงยหน้าขึ้นมอง เม้มริมฝีปากแน่น แล้วลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับเขาโดยมีโต๊ะรับแขกกั้น

ใบหน้าเรียวเล็กนั้นมีแววเคร่งเครียดปนไม่แน่ใจ
ไวน์อยากจะเดินหนีบ้าง ให้สมกับที่อีกฝ่ายปิดมือถือ แถมหนีหน้าเขาเป็นสัปดาห์ แต่ว่าเท้าทั้งสองข้างดูจะหนักอึ้งและบังคับยากกว่าปกติ คงจะเกี่ยวกับที่ข้อเท้าของเขาเจ็บอยู่กระมัง หรือบางทีมันก็อาจจะเกี่ยวกับการทำงานของหัวใจที่กำลังเต้นผิดจังหวะตั้งเเต่เห็นหน้าลักษณ์ที่หน้าบ้านแล้ว

“ว่าไง..คุณลักษณ์” ...หายไปหลายวันแบบไม่ยอมอธิบายสาเหตุ ทำให้เขาทุกข์ใจมากเท่าไหร่รู้ตัวบ้างหรือเปล่า หรือไม่เคยรับรู้อะไรเลยเหมือนเดิม

“คือ..อยากถามเรืองนึง” ลักษณ์พูดแล้วกระแอมหลายครั้ง คนฟังเลิกคิ้วนิดๆ ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ตรงหน้า

วูบหนึ่งที่ลักษณ์ลืมคำถามที่เตรียมมาตลอดหลายวัน สายตาเจ้ากรรมเอาแต่เผลอมองริมฝีปากได้รูปสวยสีแดงสดแบบคนสุขภาพดีของเพื่อนสนิทอยู่เรื่อย

“ว่า?” ท่าทางของไวน์เริ่มกระวนกระวายขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคมมองมาที่เขาอย่างคาดหวังชอบกล

“สัญญาว่าจะตอบตามตรงได้มั้ย” ลักษณ์รีบพูด คนฟังอึ้งไปนิด

“ตกลง” ในที่สุดไวน์ก็พยักหน้ารับ

ลักษณ์กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ เขารู้ดีว่าคำถามที่กำลังจะถามออกไปนั้น อาจทำให้ความเป็นเพื่อนของเราสั่นคลอน

แต่จะไม่ถามให้ชัด..เขาก็อดทนเก็บเอาไว้ในใจต่อไม่ไหวอยู่ดี

ไวน์ยังคงมองมาที่เขาอย่างรอคอย

อย่าเลยลักษณ์ ..ช่างมันเถอะ

ไม่ได้ ปล่อยไปไม่ได้ นั่นมัน...จูบแรกในชีวิตเขา

ลักษณ์อึกอักอยู่นาน จนกระทั่งร่างสูงทำท่าจะหันหลังกลับ

“มึง...เป็นเกย์เหรอวะ”

ลักษณ์พูดเร็วปรื๋อ ไวน์เบิกตากว้าง ท่าทางตกใจไม่น้อย ดวงตาคมมีรอบวูบไหวก่อนจะกลายเป็นขึงเครียด

“ทำไมถึงถาม” ชายหนุ่มถามกลับเสียงเข้ม คนฟังกลืนน้ำลาย

“ก็...ก็คืนนั้น..มึง” ลักษณ์เริ่มตะกุกตะกัก ก้าวถอยหลังขณะที่ไวน์เดินอ้อมโต๊ะตรงเข้าไปหา

“คืนนั้น..ทำไม?” ไวน์ใจหายวูบ ปะติดปะต่อเรื่องได้ทันที คืนนั้นที่ว่า..คงหมายถึงคืนนี้ที่เขา...เผลอจูบอีกฝ่ายไปสินะ

แปลว่าลักษณ์รู้สึกตัว?

แล้วทำไมถึงยอมให้เขาจูบต่อล่ะ...ทำไมไม่ขัดขืน ไม่โวยวาย เก็บเอาไว้ได้ยังไงตั้งเกือบสองอาทิตย์?

“ว่าไงลักษณ์ คืนนั้นทำไมหรือ” เขาก้าวเข้าไปหาเพื่อนจนเรายืนห่างกันเพียงช่วงเเขนเอื้อมถึง ใบหน้าเรียวเล็กนั้นเริ่มขึ้นสีแดงจัดอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

แววตาของลักษณ์ทั้งสับสนและโกรธ

“มึงจำไม่ได้? หรือจริงๆแล้วมึงเมาใช่มั้ย บอกกูมาตรงๆเถอะ หรือว่ามึงละเมอไม่รู้สึกตัว” ลักษณ์พูดรัวเร็ว ราวกับเป็นสิ่งที่อัดอั้นเอาไว้ในใจมานานแล้ว

คนฟังสูดลมหายใจเข้าปอดลึก...สายไปเสียแล้ว ไอ้ไวน์เอ๋ย ความคิดที่จะทำให้ลักษณ์เปิดใจ แล้วค่อยสารภาพความรู้สึกออกไปนั้น ดูเหมือนจะสายไปเสียแล้ว

แม่เขาคงพูดถูก... เขาไม่มีทางอยู่ในสถานะแสนอึดอัดแบบนี้ได้ตลอดไป

ไม่นึกเลยว่าเวลานั้นจะมาถึงเร็วกว่าที่คิดเอาไว้..แต่เขาก็ไม่สามารถฝืนโกหกออกไปว่าเมาหรืออะไรก็ตามแต่ได้

คงต้องปล่อย...เลยตามเลย

เขาสบตาคู่นั้นเเล้วพูดช้าๆ

“เปล่า กูไม่ได้เมา และกูก็มีสติสมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง” แววตาของลักษณ์มีเเววตกใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นประหลาดใจและงงงัน  คนพูดเว้นช่วงนิดหนึ่ง นิดเดียวเท่านั้นสำหรับการตัดสินใจครั้งสุดท้าย

ให้โอกาสตัวเองได้เปลี่ยนใจ ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายทำลายคำว่า 'เพื่อน' ระหว่างเราสองคนลงด้วยตนเอง

“คืนนั้นกูตั้งใจ...ลักษณ์”

ไวน์ไม่ได้เอ่ยคำว่าจูบออกไป แต่เขาใช้การกระทำแทน  ชายหนุ่มหลับตาลงขณะที่ริมฝีปากแนบสนิทกับเรียวปากนุ่มของเพื่อนสนิทในวงแขน

ลาก่อน... 'เพื่อน’

...............................................................


มาต่อค่ะ อิอิ บอกเลยว่าดีใจมากกกกที่เห็นเม้นท์ขอวเพื่อนๆนะคะ ขอบคุณนะคะ
เรื่องนี้ชื่อตอนจะเป็นสำนวนไทยแปลเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนชื่อเรื่อง แน่นอนว่ามาจากสำนวนอีกเช่นกัน
เส้นผมบังภูเขา..เชื่่อว่าทุกคนเข้าใจความหมายของสำนวนนีนี้นะคะ
หลายคนคิดว่าโอกาสของไวน์นั้นเป็นไปได้ยาก เพราะลักษณ์ดูเหมือนจะเห็นเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น

ก็ถ้าเส้นผมที่ว่า คือคำว่า'เพื่อน' ล่ะ
ความจริงที่อยู่ตรงปลายจมูก ต้องสังเกต ต้องเอะใจ จึงจะมองเห็น ภูเขาที่ซ่อนอยู่ข้างหลังคำว่าเพื่อนนั้น
และจึงจะเข้าใจความหมายที่แท้จริงของชื่อเรื่องนี้ ว่าหมายถึงใครกันแน่ค่ะ
ความสัมพันธ์ครั้งนี้ไม่ง่ายหรอกค่ะ เพราะในชีวิตจริงก็คงไม่ง่ายเหมือนกันที่เพื่อนจะเปลี่ยนสถานะเป็นอื่น
ยิ่งรู้สึกมาก แคร์มาก ก็ยิ่งคิดมาก
เราก็เพิ่งเขียนเเนวนี้เป็นเรื่องเเรก  เป็นพล็อตที่เรารักค่ะ เชื่อว่าคนที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ก็คงจะชอบพล็อตนี้ไม่น้อยนะคะ (ไม่งั้นคงไม่อ่านมาได้ถึงขนาดนี้555 )
ปลื้มใจมากค่ะ
#แอบลักษณ์

หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่8ค่ะ 23/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 25-12-2016 00:44:29
โงยยยสงสารไวน์

แต่อย่างนี้ก็ดีจะได้เริ่มจีบจริงๆจังๆซักที
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่8ค่ะ 23/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 27-12-2016 22:04:47
ไวท์เอ้ย  สงสารจริงเมื่อไหร่ลักษณ์จะรักตอบล่ะเนี้ย ตอนเห็นเรื่องครั้งแรกนึกว่าลักษณ์เป็นคนแอบรักที่ไหนได้ เอาใจช่วยไวท์  :a3:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่9ค่ะ 29/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 28-12-2016 23:53:01
ตอนที่9
It is no use crying over spilt milk.





   “มึงเคยจูบใครบ้างมั้ย...ไวน์”  ลักษณ์ถามขึ้นหลังจากเดินออกจากโรงภาพยนตร์  ฉากจบในหนังทำเอาเขารู้สึกเคลิบเคลิ้มตามพระนางในเรื่องไปไม่น้อย   อยากรู้เหมือนกันว่าเวลาที่ริมฝีปากของเราสัมผัสกับริมฝีปากของใครสักคนมันจะรู้สึกอย่างไร   

   เพื่อนตัวสูงของเขาหันมามองหน้าแวบหนึ่งแล้วย้อนถามกลับ

   “ถามทำไม”

   “ก็อยากรู้เฉยๆ  ทำหน้าแบบนี้แปลว่าเคยล่ะสิ”  ตาคมหลบตาเขาทันที   เป็นเพื่อนกันมาจนขึ้น ม.4 แล้ว  ทำไมลักษณ์จะดูไม่ออกว่าเพื่อนกำลังปิดบังอะไรเขาอยู่

   “ก็...เออ  เคย” นั่นไง  เขาว่าแล้วเชียว  หน้าอย่างไอ้ไวน์แล้ว  ไม่มีทางไม่เคยหรอก...สาวๆกรี้ดมันจะตายชัก มันมีแฟนมาแล้วไม่รู้กี่คน

   “แล้วเป็นไงบ้าง”  เขารีบถามต่อ 

   “อืม” ไวน์ทำหน้าครุ่นคิดอย่างจริงจัง     “เปียก...เลอะเทอะไปหมดเลย  เหม็นน้ำลายด้วย”  เพื่อนของเขาตอบกลับมา  แถมเสริมต่อมาอีก “หลังจากจูบครั้งนั้น กูก็ไม่นึกอยากจูบใครอีกเลย  มึงไม่ต้องลองหรอกลักษณ์  มันไม่ได้สวยงามเหมือนในหนัง”  ดักคอเขาอย่างรู้ทันอีกครั้ง   เมื่อเขานึกถึงใบหน้าของเฟิร์น เพื่อนใหม่ร่วมห้องที่กำลังตามจีบอยู่

   “เปล่า  กูไม่ได้จะลองจูบใคร  แค่ถามประดับความรู้เฉยๆ” รีบปฏิเสธแล้วดึงแขนเพื่อนไปทางร้านขายเครื่องเขียนแทน  “แวะซื้อดินสอก่อน” 

   “ไว้ถ้ามึงอยากลองเมื่อไหร่  ค่อยบอกกู”

   ได้ยินเสียงไวน์พึมพำตามหลังมาแว่วๆ  แต่เขาในตอนนั้นไม่ได้สนใจ 


   00000000000000000000000000000000000000


   ลักษณ์คล้ายได้ยินเสียงที่ตัวเองเคยพูดกับเพื่อนในอดีตแวบกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง....จู่ๆเขาก็นึกขึ้นมาได้ทั้งๆที่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมานานหนักหนาแล้ว

   เปียก...งั้นหรือ 

   ลักษณ์หลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง  เขาอยากจะตะโกนออกมาดังๆแต่ก็เกรงใจลูกค้าที่นั่งกินข้าวกันอยู่เต็มร้านข้างล่าง 
   ในหัวมีแต่คำถามเต็มไปหมด....ทำไม  ทำไม  ทำไม และทำไมไอ้ไวน์เพื่อนสนิทของเขากลับจูบเขาอย่าง...ดูดดื่มที่สุด   เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้   

   ไม่มีคำอธิบาย...พูดให้ถูกก็คือเขาไม่ได้อยู่ฟังมันอธิบายด้วยซ้ำ   ลักษณ์รีบดันตัวเองออกจากวงแขนของเพื่อนทันทีที่รู้สึกตัว  ผลักร่างสูงๆนั้นอย่างแรงจนอีกฝ่ายเซ  ข้อเท้าที่เจ็บอยู่ก่อนทำให้ไวน์ทรงตัวไม่อยู่  หงายหลังลงไปนั่งกับพื้น 

   เขาชะงักเพียงนิดเดียวเท่านั้น  สบตาของ ‘เพื่อน’ ที่มองมาที่เขาด้วยสายตาที่ทำให้เขารู้สึกราวกับกำลังมองคนแปลกหน้าอยู่   ไม่ใช่ไอ้ไวน์..เพื่อนซี้ตั้งแต่มัธยมคนนั้น

   คล้ายกับว่าผู้ชายตรงหน้าคือใครอีกคนหนึ่งที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยในชีวิต  เป็นคนแปลกหน้าที่เพิ่งเคยเจอกันเป็นครั้งแรก  แววตาคู่นั้นมองมาที่เขาอย่างวิงวอนแกมเสียใจ   แต่เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องทำอย่างไร

   “ลักษณ์”  ไวน์เรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงแหบโหย 

   “กู...” พูดไม่ออก  เขาเดินแกมวิ่งออกมาจากบ้านของไวน์   โบกแท็กซี่กลับมาถึงบ้านได้ยังไงก็จำไม่ได้เสียแล้ว  มันสับสนไปหมด  ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคำว่าเพื่อนสนิทของเรากันแน่

   เพื่อน...เค้าไม่จูบกันหรอก   เขาแน่ใจ...ต่อให้สนิทกันแค่ไหน ก็ไม่มีทางจูบกัน   เขาไม่เหลือเหตุผลที่จะอธิบายกับตัวเองได้อีกแล้ว  เพราะไอ้ไวน์แท้ๆเชียว  มันทำลายความเชื่อของเขาจนหมดสิ้น

   โกรธ   โกรธจนไม่อยากเห็นหน้ามันอีกแล้ว....โธ่เว้ย!

   “ลักษณ์  เป็นไร ไม่กินข้าวเย็นเหรอ”  เสียงพี่รามมาเคาะห้องแล้วพูดดังๆอยู่หน้าประตู    คนฟังถอนหายใจยาวเหยียด ตะโกนตอบกลับไป

   “ผมไม่หิว” 

   “ทำไมไม่หิว  ไปกินไรมา” 

   กินน้ำลายเพื่อนมาจนอิ่มมั้ง...เขานึกอยู่ในใจ แล้วก็ปวดหัวจี้ดขึ้นมาอีก  “กินแถวมอมาแล้ว  พี่ไปนอนเหอะ  ไม่ต้องห่วงผม”

   “ไม่ได้ห่วง  ถ้ากินมาแล้วก็ดี  ออกมาช่วยกันล้างจาน”

   ค่อยสมเป็นพี่ชายของเขาหน่อย  ถึงเราจะห่างกันหลายปี แต่พี่ชายของเขาก็ไม่เคยปฏิบัติต่อเขาเป็นน้องเล็กที่น่าเอ็นดูเลยสักครั้ง   มีแต่ใช้งานตลอด ไม่มากก็น้อย

   ลักษณ์พาตัวเองออกมานั่งล้างจานเป็นเพื่อนพี่ชาย  ชามกองโตที่บ่งบอกว่าวันนี้ร้านป้าดาขายดีแค่ไหน  มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีใจเหมือนทุกที

   “น้ำเก็กฮวยในถัง  กินให้หมดด้วย กูเสียดาย  ไม่ก็เอาไปฝากไอ้ไวน์มันก็ได้  มันชอบกินไม่ใช่เหรอ”  พี่รามบอกเขา  “แล้วนี่มันหายไปไหน  มาโผล่หัวมาเลยเป็นอาทิตย์”

   “พี่คิดถึงมันก็ไปหาสิ”  ลักษณ์ตวัดเสียงแล้วลุกหนีไปล้างมือ ทิ้งให้พี่ชายล้างจานที่เหลือต่อคนเดียว ...ช่วยไม่ได้ อยากพูดไม่เข้าหูดีนัก

   โอ๊ย  หงุดหงิดโว้ย!! ความหงุดหงิดนี้ยังคงติดตามเขามาจนถึงวันรุ่งขึ้น  และวันถัดๆไป  ไอ้ไวน์หายหัวไปพักหนึ่งแล้วก็กลับมาใหม่ด้วยท่าทีที่แปลกไปจากเดิม

   “เพื่อนไวน์  ไม่เจอกันเกือบสองอาทิตย์หายไปไหนมาหรอครับ  ไอ้ลักษณ์บ่นคิดถึงเช้ากลางวันเย็นก่อนนอนจนพวกกูเบื่อแล้วเบื่ออีก”  แซม  เพื่อนเภสัชที่เขาไม่รู้ว่าไปสนิทกับไอ้ไวน์ตอนไหนทักขึ้นมาหลังจากที่มีแขกไม่ได้รับเชิญเดินตรงเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะโรงอาหารตรงข้ามเขา

   คนชื่อลักษณ์จุ๊ปาก  ตอบเพื่อนอย่างหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม  ไม่ยอมสบตาคนที่มาใหม่

   “บ่นพ่อง  กูไม่ได้พูดถึงสักคำ”

   “ไม่ได้พูด...แปลว่าคิดใช่ไหม”  ไวน์ถามเสียงนุ่ม  อีกฝ่ายส่ายหน้าหวือ  เบะปากน้อยๆ ไม่ยอมตอบ

   “เพื่อนไวน์ตัดผมใหม่เหรอครับ  หล่อไม่เกรงใจพวกผมเลยครับ”  เบียร์ทักขึ้นมาบ้าง  ลักษณ์เหลือบตาดูทรงผมที่เขาสังเกตเห็นตั้งแต่แรกแล้วนั้นอีกแวบหนึ่ง  ไวน์ไถผมด้านข้างขึ้น โชว์รูปหน้าได้ส่วนสัดกับศีรษะทุยๆ  ...ให้ตายสิ  ถึงจะยังไม่อยากมองหน้ามัน  แต่เขาก็ต้องยอมรับอย่างจำใจว่าทรงนี้...ดูดีเป็นบ้า

   “เหรอ   ไม่รู้สิ นายว่าไง  ชอบมั้ย...ลักษณ์”  ไวน์ยกมือขึ้นลูบท้ายทอย  แล้วหันมาถามความเห็นจากเพื่อนที่ยังคงไม่ยอมมองหน้าเขาเลยตั้งแต่มาถึง

   ลักษณ์ไม่ตอบ  ก้มหน้าตักอาหารเข้าปากเหมือนไม่มีเขานั่งอยู่ตรงนั้น...ไวน์ลอบถอนหายใจยาว  ตลอดหลายวันที่ผ่านมาหลังจากที่เขาตัดสินใจ ‘บอก’ ลักษณ์ไปนั้น   เขาก็ไม่กล้า...ไม่กล้าเข้ามาคุยกับอีกฝ่ายอีกเลย  พอๆกับลักษณ์ที่ทำเหมือนเขาไร้ตัวตน 

   เราเดินผ่านกันหน้าชั้นเรียนด้วยสายตาว่างเปล่าเหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

   จนกระทั่งเพลินลากเขาไปถามจนได้ความ  เขาเล่าออกมาหมดเปลือกเพราะทนเก็บเอาไว้คนเดียวไม่ไหวอีกแล้ว  มันทรมานเกินไป   เหมือนที่เพลินเคยเตือนเขาเอาไว้ก่อนหน้านี้   

   จุดจบของความสัมพันธ์ที่เขาไม่ได้ตั้งตัวมาก่อน  มันมาถึงฉับพลันแบบกลับตัวไม่ทัน  นอกจากต้องปล่อยเลยตามเลย   ปล่อยไปตามที่หัวใจของเขาเรียกร้อง   

   เพื่อสุดท้ายแล้วจะพบกับความผิดหวัง....กี่คืนแล้วที่เขานอนไม่หลับ  เฝ้านึกถึงแต่เรื่องราวของเราสองคนที่เคยผ่านกันมา  กี่วันแล้วที่เขากินข้าวไม่ลง  แค่เห็นข้าวราดแกง   เขาก็นึกถึงอีกคนขึ้นมาทันที 

   น้ำหนักตัวที่ลดลงไปสองกิโลกรัมกับความคล้ำใต้ตาและการโดดเรียนรัวๆของเขาทำให้เพื่อนๆเป็นห่วง   เพลินกับนพมาเยี่ยมเขาถึงบ้าน   แล้วก็ซักจนได้ความในที่สุดว่าเขากำลัง...อกหัก

   เพลินโกรธเขา  บอกว่าเขามันขี้แพ้  ยังไม่ทันเริ่มจีบก็ชิงบอกว่าตัวเองอกหักซะแล้ว  นพก็บอกว่าเขามันอ่อนแอ สมควรแพ้ไปน่ะถูกแล้ว   

   “เราเป็นเพื่อนกับมันมาตั้งหลายปี ถ้ามันชอบเราก็คงชอบไปนานแล้วล่ะเพลิน  วันนั้นสีหน้ามันก็บอกชัดว่ามันไม่ได้คิดอะไรกับเราเลย  มันตกใจอย่างเดียว...อาจจะเกลียดเราด้วยมั้ง”     

   “ลักษณ์พูดออกมาเหรอว่าเค้าเกลียดเธอน่ะไวน์  ลักษณ์ยังไมได้พูดอะไรเลยไม่ใช่เหรอ”

   “เออใช่  มันแค่วิ่งหนีไปเลยไงเพลิน ฮ่าๆ  เอาน่าไอ้ไวน์  ที่เพลินพูดก็ถูกนะ  มึงตีตนไปก่อนไข้หรือเปล่า  ไม่แน่ไอ้ลักษณ์อาจจะชอบมึงก็ได้นะ  หึๆ”

   “แต่...ไม่มีทางอ่ะ  ไม่มีทางเป็นไปได้”

   “Impossible is nothing.  มึงไม่เคยได้ยินเหรอไวน์  กูว่ามึงควรลองสักตั้ง”

   “เพลินเห็นด้วยกับนพนะ  แต่ก่อนลักษณ์อาจจะไม่ได้มองไวน์แบบอื่นนอกจากเพื่อน  แต่ตอนนี้เราว่ามันเปลี่ยนไปแล้วนะ  ไวน์ลองจีบลักษณ์ดูสิ  ไม่แน่ว่าอาจจะสำเร็จก็ได้”

   เขาส่ายหน้า...ความรู้สึกในใจมีแต่คำว่า  หมดหวัง

   “มึงเคยจีบผู้หญิงมั้ยไวน์  อย่าตอบกูว่าไม่เคย”  ไวน์พยักหน้า  ขมวดคิ้ว  เพื่อนของเขาพูดต่อ  “แล้วเวลาจีบ มึงทำยังไง”

   “ก็...สืบก่อนว่าเธอชอบอะไร  แล้วก็ชวนคุย ชวนทำอันนั้น”   เชาเริ่มจะมองเห็นสิ่งที่เพื่อนต้องการจะสื่อลางๆ

   “มึงรู้หรือเปล่าว่าลักษณ์ชอบกินอะไร  ชอบสีอะไร  ชอบไปเที่ยวที่ไหน   วันหยุดทำอะไรบ้าง...”  ไอ้นพถามต่อมาเรียบๆ  เขาพยักหน้ารับ....เขารู้จักมันมาตั้งกี่ปี  ก็ต้องรู้อยู่แล้วสิเรื่องพวกนี้....จริงด้วย  “แค่นี้มึงก็รู้จักเค้าดียิ่งกว่าคนอื่นๆที่มึงเคยคิดจะจีบเสียอีก  ทีนี้มึงคิดออกหรือยังว่าต้องทำยังไงต่อ”

   ไวน์ยิ้มออก เขายกมือขึ้นตบไหล่เพื่อนเบาๆ 

   “ขอบคุณมากเว้ย  ไม่ได้พวกมึง  กูคงคิดไม่ออก”

   “เรื่องแบบนี้เขาเรียกผงเข้าตาตัวเองเขี่ยไม่ออก  ไม่เป็นไรหรอก  ไว้เรื่องของมึงสำเร็จเมื่อไหร่ค่อยมาช่วยกูต่อ” 

   หลังจากวันนั้น  เขาก็กลับมามีกำลังใจขึ้นมาอีกครั้ง  จริงอยู่ว่าเขาเคยเป็นเพื่อนสนิทของลักษณ์มาก่อน...แล้วไงล่ะ   เขาจะเปลี่ยนสิ่งนี้ให้กลายเป็นข้อได้เปรียบของตัวเอง 

   เขาคนนี้   รู้จักลักษณ์มากกว่ารู้จักตัวเองเสียอีก   ลองพยายามดูก็คงไม่มีอะไรจะเสียมากไปกว่านี้แล้วล่ะ

   “ว่าไง  ชอบทรงผมใหม่ของเราหรือเปล่า” 

   ไวน์ถามมาอีก  คนฟังขมวดคิ้วนิดๆกับสรรพนามที่เปลี่ยนไป  ฟังดูสุภาพทว่าเหินห่างอย่างไรชอบกล    ใบหน้าของอีกฝ่ายดูซูบลงไปเล็กน้อย  เคราเขียวๆที่เพิ่งโกนส่งให้ดูเข้มคมกว่าปกติ 

   ถ้าเขาเป็นสาวน้อยสักคน ก็คงใจสั่นเมื่อถูกจ้องตาไม่กระพริบแบบนี้   แต่นี่บังเอิญว่าเขาไม่ใช่..

   “เพื่อนนั่งกันเยอะแยะ ทำไมต้องถามแต่ไอ้ลักษณ์ด้วยล่ะ”  เต้พูดขึ้น  “ลองถามสาวๆโต๊ะนู้นดูสิ  กูว่าพวกเธอพร้อมตอบนะมึง  ฮ่าๆ”  เต้พยักพเยิดไปยังโต๊ะของสาวบัญชีที่ปรายตามองมาที่ไอ้ไวน์เป็นระยะอยู่พักหนึ่งแล้ว 

   ไวน์ยิ้มมุมปาก  ลักษณ์มองตามแล้วหันกลับมา   เอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย  หยิบจานข้าวมาถือเอาไว้  ลุกจากโต๊ะทันที

   “กูไปก่อนนะ  เจอกันห้องสมุด”  พูดกับเพื่อนเสร็จแล้วก็เดินฉับๆออกมา  ไม่สนใจว่าเพื่อนจะท้วงมาอย่างไรบ้าง

   นักศึกษาแพทย์หนุ่มมองตามหลัง   เขาขอตัวลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินตามหลังร่างโปร่งบางไปห่างๆ   อีกฝ่ายก้มหน้าก้มตาเดินไม่ได้หันกลับมามองข้างหลังเลยสักครั้ง 

   ...จะทำอย่างไรดีนะ...จริงอยู่ว่าเขารู้ดีว่าลักษณ์ชอบอะไร หรือไม่ชอบอะไร  แต่ว่า...แล้วไงล่ะ  เขารู้สึกอับจนหนทางอย่างไรบอกไม่ถูก  ไม่เหมือนเวลาที่หาทางจีบสาวเลยสักนิด

   แอบสะกดตามหลังเพื่อนเข้าไปในห้องสมุด   ลักษณ์เลือกโต๊ะเกือบริมสุดเหมือนเดิม   เขาจับตามองร่างเล็กบางทิ้งตัวลงนั่งผ่านชั้นหนังสือที่ยืนหลบอยู่   มองใบหน้าที่ก้มลงอ่านหนังสืออย่างขะมักเขม้นแล้วก็เหลียวซ้ายแลขวา  หลับหูหลับตาหยิบหนังสือสักเล่มขึ้นมาถือเอาไว้

   ยังไม่ทันได้เข้าไปนั่งด้วย  อีกฝ่ายก็ลุกขึ้นเสียก่อน ...คงจะไปห้องน้ำ

   ไวน์ลังเลว่าจะตามไปดีมั้ย  ก็พอดีมีใครบางคนย่องเงียบมาที่โต๊ะของลักษณ์พร้อมกับวางของสิ่งหนึ่งเอาไว้บนโต๊ะ     คนแอบมองขมวดคิ้ว  ความสงสัยพุ่งขึ้นมาทันที  ...เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน  ทำไมต้องทำตัวลับๆล่อๆแบบนั้นด้วย

   ร่างสูงรีบก้าวยาวๆไปที่โต๊ะ หยิบห่อของเล็กๆขึ้นมาแกะดู...เป็นห่อบ๊วยคืนชีพ เปรี้ยวจี้ดเข็ดฟันกับกระดาษโพสอิทแนบเอาไว้ว่า

   ‘บ๊วยแก้ง่วง  จะได้ไม่หลับเวลาอ่านหนังสือ:)...จาก บัดดี้’

   บัดดี้?  สมัยนี้ยังมีเล่นแบบเด็กๆอย่างนี้ด้วยเหรอ  นึกว่าเลิกเล่นกันไปแล้วตั้งแต่มัธยมเสียอีก...หวังแต่ว่าผู้หญิงตัวเล็กๆคนนั้นคงจะไม่ได้ชื่อบัดดี้หรอกนะ

   ไวน์วางห่อขนมเอาไว้ที่เดิมบนโต๊ะ  แล้วมองซ้ายขวาทันเห็นหลังของเธอออกไปจากห้องสมุดไวๆ   เท้าไวกว่าความคิด  เขารีบก้าวยาวๆตามเธอออกไปทันที

   ลักษณ์กลับมาที่โต๊ะอ่านหนังสือ   เขาเพิ่งไปล้างหน้ามา   รู้สึกปวดศีรษะตุ้บๆมาหลายวัน  คงเพราะคิดมากบวกกับนอนไม่พอ   

   จะเพราะใครกันล่ะ  ถ้าไม่ใช่....ฮึ่ย

   สายตาเหลือบไปเห็นห่อขนมวางอยู่บนหนังสือที่เปิดค้างเอาไว้   เฟรชชี่เภสัชหยิบมันขึ้นมาพลิกดูอย่างระมัดระวัง

   บัดดี้?  อ้อ  เขาเกือบลืมไปแน่ะ  ว่าในรุ่นกำลังเล่นไอ้เกมนี่กันอยู่   แล้วบัดดี้ของเขาคือใครกันล่ะ ...ตาโตกวาดมองไปรอบด้าน   ไม่เห็นใครน่าสงสัยเลย  ไม่มีเพื่อนในคณะของเขานั่งอยู่ด้วยซ้ำ

   ช่างเหอะ...ยังไงก็ขอบใจมากก็แล้วกันนะ

   แล้วนี่เขาต้องเทคแคร์ใครกลับนะ  เอ....วันนั้นเต้บอกว่าใครวะ  จำไม่ได้อีก

   ลักษณ์นั่งอ่านหนังสือได้ไม่นาน  เพื่อนๆก็ตามมาสมทบ   ต่างคนต่างเดาบัดดี้ของตนเองเล่นๆ  ลักษณ์พบว่าเพื่อนๆต่างก็ได้ของจากบัดดี้นิรนามของตนเองกันหมดแล้ว

   “กูได้ทิชชูครับมึง ห่อใหญ่มาก  แม่งเอามายัดเอาไว้ในกระเป๋าเป้กู  แล้วเอาหนังสือกูออกมาทิ้งไว้ข้างนอกกระเป๋า   เจริญจริงๆ  อย่าให้รู้นะว่าใคร”  แซมพูดอย่างเข่นเขี้ยว

   “ของกูเป็นเค้ก  หวานหมูไปเลยฮ่าๆ  ต้องผู้หญิงแน่ๆ  กูเดา” 

   เวลาผ่านไปจนเย็น  วันนี้ไม่มีซ้อมเชียร์เพราะฝนดันเทลงมาตั้งแต่บ่ายแก่ๆ  เบียร์กับเต้ของตัวกลับไปก่อน  เหลือแค่ลักษณ์กับแซมที่เดินคู่กันออกมาข้างนอกห้องสมุด

   “กูต้องเทคบัดดี้บ้างแล้วล่ะ   กูยังไม่ได้เทคอะไรเลย”

   “มึงเป็นบัดดี้ใครนะ  อ๋อ...ไอ้เต้ใช่ป่ะ”

   “เออ  แม่งรู้กันหมดแล้ว  ไม่สนุกเลยอ่ะ” ลักษณ์เซ็งเล็กน้อยที่วันนั้นเขาดันไม่อยู่ตอนที่เพื่อนจับฉลากกัน  ก็เลยมีคนจับให้เขาแทน

   “เอาน่า...โห  ฝนตกแรงว่ะ  อุ้ย น้องฟ้าโทรมา”  เพื่อนของเขารีบรับโทรศัพท์ทันที  พูดใส่ปลายสายด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานจนเพื่อนรู้สึกคลื่นไส้  ถามตอบกันครู่หนึ่งไอ้แซมก็หันมาโบกมือให้เขา

   “กูแวะกินข้าวที่อักษรฯก่อน บาย”

   “อ้าว”  ลักษณ์อุทาน   เพื่อนตัวดีดันวิ่งแยกไปอีกทางซะงั้น   ปล่อยให้เขาเดินต่อไปยังหน้ามหาวิทยาลัยคนเดียว  ลมแรงหอบเอาละอองฝนเข้ามาเต็มรัก   เปียกชื้นทว่าลักษณ์กลับชอบลมเย็นฉ่ำแบบนี้เหลือเกิน

   มันทำให้รู้สึกอยากขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มหนาๆแล้วนอนหลับสักงีบจริงๆ

   เดินมาหยุดที่หน้าป้ายรถเมล์  เขาไม่มีร่มมาด้วยในวันนี้  ฝนฟ้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกเอาเสียเลย...หมู่เมฆสีเทาเข้มครึ้มปกคลุมอยู่เต็มท้องฟ้าไปหมด   ลักษณ์ถอยกลับเข้ามานั่งบนม้ายาว

   นึกถึงเหตุการณ์สมัยม.5 ที่เขากับไวน์วิ่งตากฝนกลับบ้านกันขึ้นมาได้    วันนั้นก็ฝนตกหนักแบบนี้แหละ  ไม่มีใครเอาร่มมาสักคน  นั่งห้อยขาบนบันไดรอให้ฝนหยุดตกจนเกือบทุ่มนึง  ฝนก็ยังไม่หยุด  มีแต่แรงขึ้น แรงขึ้นทุกที


   “ถ้าไม่กลับตอนนี้มีหวังน้ำท่วม  ได้นอนโรงเรียนจริงๆแน่ลักษณ์”  ไอ้ไวน์พูด  ระดับน้ำเบื้องหน้าที่ท่วมมิดสนามจนมองไม่เห็นยอดหญ้าทำให้เขาชักเห็นด้วย   หางตาเห็นเพื่อนๆหลายคนตัดสินใจวิ่งฝ่าฝนกลับบ้านกันแล้ว  ท่อระบายน้ำหน้าโรงเรียนป่านนี้คงเต็มไปด้วยซากใบไม้และเศษขยะจนตัน  น้ำเอ่อล้นไหลลงท่อไม่ได้เหมือนทุกที

   “เปียก...มะรืนนี้สอบ  เดี๋ยวไม่สบาย”  ลักษณ์ตอบ 

   เพื่อนของเขาลุกขึ้นยืนแล้วถอดเสื้อออก  ลักษณ์ตกใจ

   “ทำอะไร  ถอดทำไมวะ”

   “ไว้บังฝน  ลมมันแรง   นี่ถุงกระดาษ  มึงสวมหัวเอาไว้”  ไวน์ส่งถุงกระดาษยับๆใบหนึ่งมาให้เขาสวมหัว  ส่วนมันเองก็มีถุงกระดาษใบหนึ่งสวมเอาไว้   ลักษณ์พยายามพูดคัดค้านให้มันสวมเสื้อกลับไป  แต่ไอ้ไวน์ก็ยังเป็นไอ้ไวน์...ดื้อแพ่ง

   สุดท้ายเย็นวันนั้นเขากับมันก็วิ่งลุยฝนกลับ  เสื้อของไอ้ไวน์ที่กางเอาไว้บังฝนไม่มีประโยชน์อะไรเลยสักนิด   พวกเขาเปียกชุ่มทั้งตัวเข้าไปถึงกางเกงใน   รองเท้าผ้าใบชุ่มโชกจนวันรุ่งขึ้นต้องใส่รองเท้าแตะมาเรียน 

   ไอ้ไวน์เป็นหวัด  เหมือนที่คาดเอาไว้  ร้อนถึงเขาต้องมานั่งดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำมันอีกสองวันกว่าจะหายดี   ไวน์ขาดสอบไปวันหนึ่ง  เราทั้งคู่โดนป้าดากับพี่รามด่ายับ

   หลังจากนั้นพวกเราก็ไม่เคยคิดจะวิ่งตากฝนอีกเลย

   
   ความหลังเก่าๆทำให้ลักษณ์เผลอหัวเราะออกมาเบาๆ  นึกหน้าไอ้ไวน์ตอนจ๋อยแล้วตลกดี  ช่วงเวลาตอนนั้นมันดีมากจริงๆนะ   ไม่ต้องคิดอะไรมาก  ไปเรียน  เล่น  กิน   นอน  สอบ วนไปแค่นั้น   

   แต่พอเราโตขึ้นแล้วกลับต้องมีเรื่องให้ครุ่นคิด  หนักใจขึ้นมากมาย   บางเรื่องก็แก้ได้  หลายเรื่องก็แก้ไม่ได้  คิดหาหนทางจนเหงื่อตกก็ล้วนมีแต่ทางตัน

   ....เหมือนกับความสัมพันธ์ของเขากับไวน์  ที่เขาคิดไม่ออกเลยว่าเราสองคนจะกลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้อย่างไร   มันดูไม่มีทางเอาเสียเลย   เขาไม่สามารถ ‘ทำใจ’ กลับไปคบกับมันเป็นแค่เพื่อนได้อีก

   ครั้นจะให้เป็น ‘มากกว่า’ นั้น  เขาก็ทำใจไม่ได้   มันไม่ใช่...ไวน์คือเพื่อน  คนที่เขาไว้ใจมากที่สุด   เขารู้สึกเหมือนโดนหักหลัง   เขารักไวน์เหมือนญาติสนิทด้วยซ้ำ  เหมือนที่รักพี่รามกับป้าดา 

   ไวน์กลับทำแบบนั้น  ทำมัน..พังหมดเลย   ลักษณ์ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกผิดหวังอย่างไรถูก   และที่มากกว่านั้นคือความเสียดาย....เขาเสียดายความเป็นเพื่อนของเรา

   ไอ้ไวน์...มึงไม่รู้หรือไงว่ามึงเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของกูเลยนะ  มึงทำแบบนี้แล้วกูจะ...คุยกับใคร  จะบ่นให้ใครฟัง  จะด่าใคร  จะมีใครให้ปรึกษาได้อีก   

   เพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกันก็ไม่เหมือนกับมึงหรอก   

   มัน...เหงา   รู้หรือเปล่า...

   รู้สึกขอบตาร้อนผ่าว เขาเม้มปากแน่น  กลืนความรู้สึกที่อัดแน่นในอกกลับลงไป  กดมันเอาไว้ให้อยู่ลึกที่สุด...ที่เดิมที่เคยอยู่

   “ลักษณ์ใช่มั้ย”  เสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ตัว  ลักษณ์สะดุ้งน้อยๆ  เขาหันกลับไปมอง  เห็นเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยเห็นหน้ากันผ่านๆในคณะยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า

   เขารับคำงงๆ

   “ใช่?  เอ่อ  มีอะไรหรือเปล่า”  รู้สึกเธอจะชื่อวิป หรืออะไรสักอย่าง

   “มีคนฝากมาให้น่ะ”  เธอส่งร่มคันเล็กสีเทามาให้เขารับเอาไว้  มีกระดาษโพสอิทแปะอยู่เหมือนกับที่เห็นบนห่อบ๊วยเมื่อตอนบ่าย

   ‘ระวังเป็นหวัดนะ :)... จากบัดดี้’  ลายมือตัวผอมๆเอียงๆเหมือนเดิม

   “ใครฝากมาน่ะ”

   “ไม่รู้สิ  ลองเดาดู”  เธอปิดปากแล้วหัวเราะคิกคัก  จากนั้นก็ขอตัวเดินกางร่มกลับออกไป   ทิ้งให้เขายืนอยู่ที่เดิมพร้อมกับปริศนาในใจ

   ฝนเริ่มซาลงแล้วเหลือเพียงปรอยๆ  ลักษณ์กางร่มในมือขึ้น  รถติดหนักมากแทบไม่ขยับเหมือนทุกครั้งที่ฝนตกตอนเย็น   เขายืนรอรถเมล์อยู่นานแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่ารถจะมา   เด็กหนุ่มตัดสินใจที่จะเดินต่อไปอีกนิดเพื่อไปดักรอรถที่ป้ายข้างหน้า ติดถนนใหญ่

   “ไปด้วยคนสิ” 

   หัวใจกระตุกไปวูบ  เสียงห้าวๆนั้นคุ้นเคยจนเขาจำได้ทันทีแม้ไม่ต้องหันหน้าไปดู   ลักษณ์ตอบเรียบๆ

   “ไม่ได้” 

   “ทำไมใจร้ายจัง  ไม่มีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ตาดำๆเอาเสียเลยนะ”   อีกฝ่ายตอบกลับมา  คนฟังทำเสียงคล้ายๆ ‘หึ’ ขึ้นจมูก
   
        ลักษณ์นึกถึงคืนนั้นขึ้นมาอีก   ตอนนั้นไวน์ทำท่าจะอธิบายเหตุผลที่จูบเขา  แต่เขาก็ไม่พร้อมที่จะรับรู้อะไรทั้งนั้น   มาตอนนี้เขาก็ไม่อยากจะเป็นฝ่ายถามขึ้นมาก่อน  และไวน์ก็ทำเฉยๆ เหมือนว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น
   
         รู้สึกแย่ชะมัด

   “ก็ได้  ไม่เป็นไรหรอก  ฝนแค่นี่ไอ้ไวน์ไม่หวั่นอยู่แล้ว”  ลักษณ์ได้ยินเสียงกรอบแกรบเหมือนถุงพลาสติกถูกขยำ เลยเผลอหันหน้าไปดู   เห็นคนตัวสูงกำลังสวมถุงพลาสติกที่ดูอนาถาเอาไว้บนหัว  ไม่เข้ากับใบหน้าและรูปร่างท่าทางของอีกฝ่ายเลยสักนิด   
   “งั้นไปก่อนนะ”  ไวน์ยกมือขึ้นดึงขอบถุงให้ลงมาคลุมอีกนิด  แล้วขยับจะเดินออกไปจากป้ายรถเมล์   แอบเห็นคนตัวเล็กกว่าถอนหายใจอย่างหงุดหงิดก็ลอบยิ้มอยู่ในใจ

   1..2..3 

   “เดี๋ยวก่อน”  นั่นไงล่ะ  เขากะแล้วเชียว....คนมีน้ำใจดีแบบลักษณ์ไม่มีทางปล่อยเขาให้ตากฝนกลับบ้านหรอกน่า  “ไปด้วยกัน  ส่งถึงแค่ป้ายรถเมล์ข้างหน้านะ”  หางเสียงตวัดๆแบบที่ลักษณ์ชอบทำ  และเขาก็ชอบ...ฟังเหลือเกิน

   “ขอบคุณครับ”  ไวน์ตอบกลับไป  พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง

   ลักษณ์ไม่พูดอะไร  เขากางร่มออกแล้วเดินตรงไปข้างหน้า  ไม่สนใจด้วยว่าร่างสูงๆนั้นจะต้องก้มหลังทำคอย่นเพื่อให้อยู่ใต้ร่มของเขาและก้าวเดินไปด้วยกันอย่างยากลำบากเพียงไร  ไม่รู้ไม่ชี้กับขอบร่มแหลมๆที่ทิ่มหัวไหล่ของคนข้างๆเป็นระยะด้วย

   ...ช่วยไม่ได้  ไม่อยากเปียกก็อดทนเอาแล้วกัน...

   ไวน์ขยับตัวเข้ามาจนชิด  เอื้อมมือไปทาบทับบนหลังมือของเพื่อนสนิทที่กำด้ามร่มอยู่ราวกับไม่ตั้งใจ  แล้วจับร่มคันนั้นยกสูงขึ้นอีกนิด พอที่จะเดินได้อย่างสบายโดยไม่ต้องค้อมหลังค้อมไหล่ให้เมื่อย

   ได้ยินเสียงลักษณ์จุ๊ปากอย่างหงุดหงิดอีกครั้ง  พยายามบิดมือออกจากการเกาะกุมของเขา  ไวน์จับค้างไว้ครู่เดียวก็ยอมปล่อย  เมื่อเห็นเพื่อนชักจะโกรธเข้าจริงๆ

   ...เอาวะ   ใจเย็นๆโว้ย  ไอ้ไวน์...

   “ซื้อร่มตั้งแต่เมื่อไหร่  สวยดี”  เขาพูดเบาๆ  ก้าวยาวๆข้ามแอ่งน้ำที่อยู่บนฟุตบาท

   “มีคนให้มา”  ลักษณ์ตอบกลับมา   ก้มหน้าก้มตาเดิน  ราวกับกลัวสะดุดล้มเสียเต็มประดา

   “ใครหรอ...สาวที่ไหน?  หรือว่าหนุ่ม?”  รู้สึกพลาดตอนที่พูดจบไปแล้วลักษณ์เม้มริมฝีปากแน่น  ไวน์รีบพูดต่อ  “เราขอโทษ” 

   “อืม...บัดดี้ให้มาน่ะ”  ลักษณ์เงียบไปนิดนึง แล้วก็ตอบกลับมาเหมือนเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   “อ๋อ  ได้ยินคนเล่าแล้ว  แล้วบัดดี้นายเป็นใคร”

   “ประสาท  ถ้ารู้แล้วจะเรียกว่าเล่นบัดดี้มั้ย”   ลักษณ์ตอบกลับ  แล้วก็เงียบไปอีก

   “อ้อ”  ไวน์ลากเสียงยาว  “แปลว่านายก็ไม่รู้ว่าใครสินะ”

   “เออ”  ลักษณ์กระแทกเสียงในลำคอหนักๆ  พวกเขาเดินมาถึงหน้าถนนใหญ่พอดี  เดินตรงไปอีกนิดก็จะเป็นป้ายรถเมล์ 
 
   เขาผิดคาดเมื่อไวน์กลับขอตัวแยกไปก่อน  ไม่ได้เดินไปที่รอรถเมล์เพื่อกลับด้วยกันเหมือนทุกครั้ง  ...ก็บ้านของเขาสองคนทางเดียวกันนี่นะ

   “เดี๋ยวเราแวะห้างก่อนน่ะ  นัดเพลินเอาไว้”  ไวน์ตอบคำถามในดวงตากลมโตที่มองมาที่เขา  ลักษณ์พยักหน้ารับเงียบๆ  ไม่ถามต่อ 

   ...ทั้งที่อยากรู้แทบตายว่าความสัมพันธ์ระหว่างอีกฝ่ายกับเด็กสาวดาวคณะฯไปถึงไหนกันแล้ว   กระนั้นก็ยังอยากรู้น้อยกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคน...ไวน์ทำตัวเหมือนเป็นเพื่อน  ทว่าในความเป็นเพื่อนนั้นก็ไม่เหมือนเดิม  มีความเหินห่างและไว้ตัวนิดๆแฝงอยู่ในทุกการกระทำ หรือแม้แต่คำพูด 

   ไม่ใช่ไอ้ไวน์คนเดิมที่เขาคุ้นเคย....ให้ตาย  เขาไม่ชอบไวน์คนใหม่เลยสักนิด

   “ไว้เจอกันนะ  โชคดี”  ประโยคอำลาที่ไวน์ไม่เคยพูดกับเขาเลยสักครั้งนั้นก็ด้วย   มันเหมือนกับเวลาที่คนรู้จักกันแบบผิวเผินจะพึงบอกลากัน   

   ไวน์เดินดุ่มๆแยกขึ้นบันไดสะพานลอยไปแล้ว   ลักษณ์ถอนสายตากลับมา  มองไปยังท้องถนนเบื้องหน้าตามเดิม  ได้แต่หวังว่านาทีข้างหน้ารถเมล์สายที่เขารออยู่จะผ่านมาถึงและจอดป้ายตรงที่เขารออยู่

   ไม่ใช่ผ่านไปแล้วผ่านไปเลยไม่กลับมาอีก  เหมือนสายน้ำที่ไม่ไหลกลับ....เหมือนความเป็นเพื่อนของเรา   ที่คงไม่อาจหวนกลับคืนมาได้อีกแล้ว...

   เย็นวันนั้นลักษณ์กลับถึงบ้านด้วยความเหนื่อยอ่อน  ป้าดาเห็นสภาพของหลายชายก็เลยไล่ให้ไปนอนพักแทน  ไม่ต้องมาช่วยที่ร้านเหมือนทุกวัน 

   เขาทิ้งตัวนอนแผ่ลงบนเตียง   กระเป๋าเป้วางทิ้งไว้ข้างหนึ่ง  รองเท้าถอดทิ้งไว้ลวกๆหน้าห้อง  พร้อมกับถุงเท้า   โทรศัพท์มือถือสั่นครืดๆอยู่ในกระเป๋ากางเกง  เขาหยิบมันขึ้นมาดู

   เป็นการแจ้งเตือนจากโปรแกรมไลน์ว่ามีคนแอดเขาเป็นเพื่อน

   “Wishmeluck?”  ลักษณ์พูดทวนชื่อของคนๆนั้นที่ใช้รูปแทนตัวเป็นรูปวัว..วัวจริงๆที่มองกล้องเหมือนจะยิ้มให้  อวดฟันซี่ใหญ่ๆเต็มปาก

   ...ใครวะ?...

   เขากดรับเป็นเพื่อน   พร้อมกับที่อีกฝ่ายส่งข้อความมาทันที

   Wishmeluck:  สวัสดีค่ะ

   
GoodLuck: หวัดดีคับ

   GoodLuck:  ใครน่ะ??
   Wishmeluck:  คนที่คุณก็รู้ว่าใคร

GoodLuck:  ?!?
   Wishmeluck:  บัดดี้ของคุณค่ะ


   .......................................................................................
   
   ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาถึงตอนนี้นะคะ

เรื่องราวจะค่อยๆเข้มขึ้นนะคะ55555หวังว่าอย่างนั้น

บอกเลยว่าเป็นเรื่องของคน #แอบลักษณ์ ล้วนๆค่ะ5555
 :mew1:
   
   

หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่9แล้วนะ29/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 29-12-2016 18:25:03
เราเพิ่งรู้ว่าพอมีคนเม้นท์แล้วมันจะขึ้นในหน้ากระทู้อีกรอบ ทำให้นิยายเราอยู่หน้าแรกของเว็บบิอร์ดต่อ555 หลังจากเราประสบปัญหาหากระทู้นิยายตัวเองไม่เจอเราก็เพิ่งค้นพบ55 โง่จีๆ ทีนี้แปลว่าต้องเม้นท์ถึงจะได้อยู่หน้าแรกต่อแล้วก็ได้หาเจอง่ายๆ ทุกคนเห็นไรงี้
เราเลยอยากขอให้เพื่อนๆที่อ่านเรื่องนี้แล้วชอบ ช่วยเม้นท์ให้เราด้วยเน้อ กระทู้เราจะได้สถิตอยู่หน้าแรกบ้างไรบ้าง ไม่ใช่เปิดเข้ามาทีไรอยู่หน้่าสามสี่ห้าทุกที ต้องไล่หาอย่างมึนงง อ่าววกุเพิ่งอัพไปไม่ใช่เรอะ555
คือเราก็เข้าใจว่าเรื่องเราไม่ได้สนุกขนาดนั้น
แต่คิดไรไม่ออกก็บอกว่าอ่านอยู่ค่ะก็ได้นะ ไม่ก็บอกว่าเลิกอ่านแล้วก็ได้555 :hao5:
เอาจริงเราก็ไม่เคยลงในเล้าเป็ดมาก่อน รู้สึกยากกว่าเด็กดีเยอะเลย คนอ่านก็คนละแบบ ไม่ได้ชอบแนวนี้เท่าไหร่
จริงๆถ้าเรื่องนี้ไม่เวิร์คอีกสักตอนสองตอนเราอาจจะเลิกอัพในนี้แล้วล่ะ  แล้วอัพต่อในเด็กดีแทน
ไว้ถึงตอนนั้นเราจะมาแจ้งข่าวอีกทีล่ะกัน
ขอบคุณล่วงหน้านะค้า
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่9แล้วนะ29/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: Ayame ที่ 29-12-2016 19:15:11
อย่าเพิ่งเลิกอัพเลยค่ะ เรารออ่านอยู่น้า
เอาไจช่วยไวน์ ขอให้ลักษณ์เข้าใจเร็วๆ
#ทีมไวน์
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่10แล้วนะ3/1/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 04-01-2017 01:12:51
ตอนที่ 10
Forbidden fruit is sweetest



GoodLuck: ขอบคุณสำหรับร่มนะครับ
   Wishmeluck:  ด้วยความยินดี
   Wishmeluck:  อย่าลืมสระผมคืนนี้นะคะ
GoodLuck: วันนี้คุณเปียกฝนหรือเปล่าครับ
Wishmeluck:  ไม่ค่ะ   
Wishmeluck:  มีคนใจดีช่วยไว้น่ะค่ะ
GoodLuck:  ใครเหรอคับ
Wishmeluck:  ลองทายดูสิคะ
GoodLuck:  ยากจังครับ  ผมยังไม่รู้ว่าคุณคือใครเลย
GoodLuck:  ให้ทายว่าใครช่วยคุณยิ่งยากใหญ่
Wishmeluck:  ใบ้ให้มั้ยคะ
Wishmeluck:  อยู่ใกล้ๆตัวคุณแหละค่ะ
GoodLuck:  ขอบคุณสำหรับคำใบ้ครับ
GoodLuck:  ช่วยได้มากเลย =3=
Wishmeluck:  55555
Wishmeluck:  รู้ก่อนก็ไม่สนุกสิ

ลักษณ์อ่านประโยคนั้นแล้วถอนหายใจเฮือก  บัดดี้ของเขาจะต้องเป็นผู้หญิงสักคนในภาค  ใครนะที่หาญกล้าถึงกับแอดไลน์เขามา 

เด็กหนุ่มลุกขึ้นไปอาบน้ำก่อน  ทิ้งโทรศัพท์มือถือเอาไว้บนเตียงอย่างนั้น  ครู่ใหญ่เขาก็กลับออกมาในชุดนอนเรียบร้อย   เดินไปทิ้งตัวนั่งที่โต๊ะอ่านหนังสือเหมือนเคย  เปิดชีทเลคเชอร์ขึ้นอ่านทบทวน

ช่วงนี้เขาต้องขยันขึ้นอีกนิด เพราะเผลอเหม่อในห้องเรียนมากไปหน่อยเลยตามเนื้อหาไม่ค่อยทันเอาเสียเลย   แถมสมาธิก็ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว

มันเอาแต่ลอยไปหาใครบางคน...

ป่านนี้มันจะกลับบ้านหรือยังวะ  หรือว่ามัวแต่โม้กับสาวเพลินอยู่...เขาถอนหายใจอีกรอบ ระบายความรู้สึกหนักๆในอกทว่ามันกลับไม่ลดลงเลย

มัน..จูบเขา  หายหัวไปเกือบอาทิตย์  แล้วก็กลับมาทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นหรือ? 

แล้วความรู้สึกของเพื่อนที่เสียไปอย่างเขาล่ะ  มันไม่คิดจะรับผิดชอบหน่อยหรือไง

แล้วเขาคาดหวังให้มันรับผิดชอบอะไรล่ะ?  จู่ๆคำถามหนึ่งก็ผุดขึ้นมาจากซอกเล็กๆมืดๆของหัวใจ  ลักษณ์ขมวดคิ้ว...เปล่าสักหน่อย   เขาได้ยินตัวเองพูดเสียงดังกลับไป

เขาไม่ได้หวังจะให้ไอ้ไวน์มารับผิดชอบอะไรกับจูบของมันทั้งนั้น   แค่ปล่อยไป  ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ดีแล้วนี่   แล้วมันจะกลับไปจีบสาวหรือจีบใครก็เรื่องของมัน  ไม่เกี่ยวกับเขา

จะไปดูหนัง  ฟังเพลง กินข้าว  จับมือ กอด  หรือแม้แต่จูบใครอีก  ก็เรื่องของมันเลย 

เขาไม่สนสักนิด

ลักษณ์ปิดหนังสือลง   เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียง   คว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเข้าไปยังหน้าสนทนาของคุณบัดดี้เพื่อนใหม่ที่อยู่บนสุดอีกครั้ง  ไม่สนใจชื่อของอดีตเพื่อนสนิทที่อยู่ถัดลงมา

GoodLuck:  นอนหรือยังครับ

   Wishmeluck:  ยังค่ะ

   อีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างรวดเร็วราวกับเปิดหน้าจอทิ้งเอาไว้   ลักษณ์เม้มปากครุ่นคิดหาประโยคสนทนาที่จะพาเขาเข้าไปใกล้อีกคนมากขึ้นอีกนิด
GoodLuck:  คุณทำการบ้านเคมีวันนี้เสร็จแล้วหรือยังครับ

Wishmeluck:  ถามแบบนี้ มีนัยยะอะไรหรือเปล่าคะ
GoodLuck:  เปล่า  ผมแค่เป็นห่วงคุณเฉยๆ
GoodLuck:  กลัวคุณลืมทำ

Wishmeluck:  น่ารักจัง
Wishmeluck:  น่ารักแบบนี้กับทุกคนหรือเปล่าคะ 
GoodLuck:  แล้วคุณชมแบบนี้กับทุกคนหรือเปล่าครับ

Wishmeluck:  ไม่ค่ะ  เฉพาะบางคน
GoodLuck:  ผมก็เหมือนกัน

Wishmeluck:  คุณต้องจีบผู้หญิงเก่งแน่ๆ
GoodLuck:  คุณทายผิดครับ
GoodLuck:  ผมมีไร่แห้วเป็นของตัวเองเกือบร้อยไร่เลย

Wishmeluck:  55555อะไรกัน
Wishmeluck:  ทำไมเป็นงั้นล่ะ
GoodLuck:  เพราะไม่มีใครเห็นผมน่ารักเหมือนคุณมั้งครับ

Wishmeluck:  โธ่  ไม่ร้องนะคะ555
GoodLuck:  ไม่ร้องหรอกครับ  ชินแล้ว

Wishmeluck:  (ส่งสติกเกอร์ปลอบใจ)
Wishmeluck:  ฉันก็ซดน้ำใบบัวบกประจำค่ะ

GoodLuck:  ฮ่าๆ ทำไมล่ะครับ

Wishmeluck:  เพราะฉันหน้าตาดีเกินไปมั้ง
Wishmeluck:  คนที่ฉันชอบก็เลยไม่ชอบฉัน

GoodLuck:  คุณประชดหรืออะไรครับเนี่ย
GoodLuck:  มีด้วยหรือครับคนที่ไม่ชอบคนสวย

   
Wishmeluck:  ไม่ใช่ทุกคนจะชอบคนที่หน้าตานี่คะ
   Wishmeluck:  ว่าแต่คุณมั่นใจได้ยังไงว่าฉันสวย

GoodLuck:  ก็คุณบอกเองนี่ครับว่าคุณหน้าตาดี

   Wishmeluck:  แล้วคุณก็เชื่อหรือคะ

GoodLuck:  คุณมีเหตุผลอะไรจะต้องหลอกผมล่ะ

   Wishmeluck:  อาจจะมี

   GoodLuck:  5555คนอย่างผมมีอะไรให้คุณอยากหลอกหรอครับ

   Wishmeluck:  คุณไม่รู้หรอคะ  คนอย่างคุณน่าหลอกจะตาย
GoodLuck:  คุณเลยแอดไลน์ผมมาใช่มั้ย

   Wishmeluck:  อิอิ

   เขายิ้มกว้างออกมา  บัดดี้ของเขาดูท่าจะเป็นสาวอารมณ์ดีไม่น้อย  ความจริงแล้วเขาก็ยังรู้จักเพื่อนไม่ครบทั้งคณะฯเท่าไหร่  พรุ่งนี้คงต้องไปแอบถามพวกแซมดูหน่อยแล้วว่าคณะเรามีใครที่ดูจะเข้าเค้าบ้าง

   แต่จากความรู้สึกของเขาแล้ว  ลักษณ์คิดว่าเธอน่าจะน่ารักมากทีเดียว

   คืนนั้นเขาคุยกับเธอเรื่อยเปื่อยจนเกือบเที่ยงคืน  จึงได้บอกราตรีสวัสดิ์แล้วแยกย้ายกันเข้านอนเพื่อไปเรียนวันรุ่งขึ้น   ลักษณ์มาถึงชั้นเรียนก่อนเวลาเล็กน้อย   เขานั่งสังเกตเพื่อนผู้หญิงแต่ละคนในคณะที่เดินเข้ามาภายในห้องเรียนเงียบๆ

   Wishmeluck:  ตั้งใจเรียนนะ
   Wishmeluck:  อย่ากดปากกาเล่นด้วย  เด๋วโดนอ.ดุ

   ลักษณ์ขมวดคิ้ว อ่านทวนข้อความที่เด้งขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นกวาดตามองไปรอบๆห้องเลคเชอร์ที่มีเพื่อนๆร่วมคณะฯนั่งกันอยู่เต็ม  หลายคนกำลังกดโทรศัพท์มือถือเล่นอยู่

   แล้วเขาจะรู้มั้ยเนี่ยว่าเธอคือใคร....เขาใช้คำว่าเธอ  เพราะบัดดี้ของเขาใช้คำว่า คะ ค่ะ ทุกประโยค  แถมสำนวนก็ดูอ่อนหวาน  ไม่โผงผางดุดัน  แม้หลายครั้งจะฟังดูกวนๆไปบ้างแต่คงไม่มีผู้ชายที่ไหนที่จะลงทุนใช้คะขากับเขา

   มันก็เป็นแค่เกมที่เล่นกันสนุกๆ  ไม่ได้จริงจังอะไรขนาดนั้น ...ไม่ใช่หรือ

   “แต้งกิ้วมากนะไอ้ลักษณ์  ซาลาเปาอร่อยมาก”  เต้เอียงตัวเข้ามากระซิบที่ข้างหูของเขา  เมื่อเช้าลักษณ์เพิ่งแวะซื้อซาลาเปาเจ้าอร่อยที่ชอบมาขายแถวหน้าบ้านเขามาฝากเต้...บัดดี้ที่เขามีหน้าที่ต้องเทคแคร์มันไปอีกเป็นเดือน

   “เออ...มึงรู้แล้วแบบนี้ไม่สนุกเลยว่ะ”  ลักษณ์ยังคงบ่นคำเดิม

   “งั้นเดี๋ยวกูจะทำเหมือนไม่รู้แล้วกัน ดีมั้ย”  ไอ้เต้ตอบกลับมาแล้วยิ้มกว้าง “ถึงคุณบัดดี้ของผมครับ  คราวหน้าผมขอไส้หมูแดงบ้างนะครับ  อยากรู้ว่าจะอร่อยเหมือนไส้ครีมมั้ย”  เพื่อนของเขาแกล้งพูดดังๆ

   “ถึงบัดดี้ของผมบ้างครับ  คราวที่แล้วเกี๊ยวซ่าของคุณอร่อยมากเลย  ผมอยากกินอีกจังครับ”  เบียร์ที่นั่งอยู่ติดกันพูดขึ้นมาบ้าง   เพื่อนร่วมคณะฯหัวเราะแล้วต่างพูดถึงบัดดี้ของตัวเองเสียงดังๆ เท่าที่ฟังแล้วส่วนใหญ่มักจะหนักไปทางของกินเสียมาก  ไม่ค่อยมีของใช้เท่าไหร่ 

   อย่างเขาที่เคยได้ร่มจากบัดดี้ และตอนนี้ร่มคันนั้นก็ยังสถิตอยู่ในกระเป๋าเป้ข้างตัวนั้น  นับว่าเป็นของเทคที่แหวกแนวกว่าคนอื่นทีเดียว

   
GoodLuck:  วันนี้ไม่มีบ๊วยคืนชีพหรอครับ
GoodLuck:  ผมอยากได้อะไรเปรี้ยวๆจัง จะได้ตื่น

   Wishmeluck:  ซื้อไม่ทันค่ะ TT
   Wishmeluck:  ขอแก้ตัววันหลังนะคะ
   GoodLuck:  แปลว่าวันนี้คุณมาสาย?

   Wishmeluck:  นิดหน่อยค่ะ

   “เห้ยมึง  เมื่อกี้ใครเข้าห้องเราสายบ้างวะ”  เขาหันไปถามเพื่อนร่วมกลุ่มที่นั่งเรียงกันรอบโต๊ะแล็บ   แซมมองเขาอย่างสงสัย

   “ถามทำไมวะ”

   “อยากรู้เฉยๆ”  ลักษณ์ตอบ 

   “ก็เห็นมีโต๊ะนั้นทั้งกลุ่มอ่ะ  ที่เข้ามาหลังสุด”  แซมพยักพเยิดไปทางด้านหลังของโต๊ะเขา   เยื้องไปทางซ้ายมือหน่อยนึง  ลักษณ์แอบเหลียวไปมอง

   เป็นผู้หญิงล้วนทั้งโต๊ะ  แต่ล่ะคนหน้าตาท่าทางค่อนไปทางเรียบร้อยเป็นส่วนมาก    สี่คนในหกคนสวมแว่นตา  และเกือบทุกคนมัดผมหางม้ายกเว้นคนเดียวที่ปล่อยผมยาวระต้นคอ

   ไม่มีใครดูท่าจะเข้าเค้าเหมือนคุณ Wishmeluck ที่เขาคิดเอาไว้เลย  กวาดสายตามองไปปะทะเข้ากับลูกตาเรียวยาวใต้กรอบแว่นของสาวคนหนึ่งในโต๊ะนั้นเข้า   เธอคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองตรงมาที่เขาพอดี

   ลักษณ์จำอีกฝ่ายได้ทันที...ผู้หญิงที่ผมยาวระต้นคอ  เธอคือคนที่เอาร่มมาให้เขาเมื่อวานนั่นเอง

   “คนนั้นชื่ออะไร”  เขากระซิบถามเพื่อน   แซมหันไปมองบ้าง “คนที่สามจากซ้าย เกือบริมสุด  ปล่อยผมยาว”

   “อ๋อ  ชื่อวิป  มาจากโรงเรียนเดียวกับกูเอง” 

   วิปงั้นเหรอ...อืม   เป็นไปได้มั้ยว่าบัดดี้ของเขาจะเป็นเธอเอง   

   “มึงถามทำไมวะ  สนใจ?”

   “อืม”  ลักษณ์รับคำในลำคออย่างใจลอย   เขาหันไปฟังอาจารย์สอนต่อ  พักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน 

   เก็บเอาไว้ได้ไม่นาน  พอถึงเวลาพักกินข้าว  เขาก็ต้องเล่าออกไปหมด  เพราะโดนเพื่อนเซ้าซี้ถาม ทั้งเรื่องที่บัดดี้แอดไลน์มาหาเขา  ทั้งเรื่องที่เขาสงสัยว่าบัดดี้จะเป็นใครสักคนในกลุ่มนั้น  โดยเฉพาะคนที่ชื่อวิป

   “วิปหรอวะ  ก็ฟังดูเป็นไปได้นะ  แต่ไม่เห็นบัดดี้แอดกูมาคุยแบบมึงบ้างเลย”   เบียร์พูดขึ้น  น้ำเสียงอิจฉาเล็กน้อย

   “นั่นดิ  กูว่าแปลกๆว่ะ  เค้าอยากคุยกับมึงเป็นการส่วนตัวรึเปล่าเลยเอาเรื่องบัดดี้มาอ้าง”  เต้พูดขึ้นบ้าง  ยกมือขึ้นลูบปลายคางที่มีหนวดหรอมแหรม 

   “น่าคิดนะ  แต่สาวๆกลุ่มนั้นดูไม่น่าจะเป็นพวกที่แอดไลน์ผู้ชายไปคุยก่อนได้เลยนะ”  เบียร์ตั้งข้อสังเกต

   “นั่นแหละ เลยทำให้สาวๆกลุ่มนั้นน่าสงสัยที่สุดไง  เพราะพวกเธอดูเรียบร้อย  ก็เลยต้องเอาเรื่องบัดดี้มาบังหน้า  เพื่อหาทางคุยกับมึง  ไอ้ลักษณ์ เห็นแบบนี้ก็ฮอตไม่ใช่เล่นนะเนี่ย”  แซมยกมือขึ้นตบไหล่เขาแรงๆจนหน้าแทบคะมำ

   “ถ้าเป็นวิปจริงๆก็น่าสนนะมึง  น่ารักใช้ได้เลย  เคยถือป้ายงานกีฬาสีที่โรงเรียนเก่ากู  นิสัยก็โอเคมั้ง เรียนโคตรเก่งด้วย”
 
   “อาจจะไม่ใช่ก็ได้”  ลักษณ์พึมพำ 

   พวกเขาเดินมาถึงโรงอาหารพอดี  แม้จะเบื่อแสนเบื่อแต่ก็มีเรียนต่อคาบบ่ายเลยไม่สามารถออกไปกินที่ไหนไกลๆได้   ตามร้านอาหารหน้ามหาลัยก็คนเยอะจนไม่มีที่นั่งแน่ๆ ยิ่งเวลาเที่ยงที่ทุกคณะฯเลิกเรียนพร้อมกันแบบนี้ด้วยแล้ว

   เขาเดินไปหยุดซื้อข้าวที่หน้าร้านอาหารตามสั่งเจ้าประจำ

   “กะเพราะหมูกรอบ ไข่ดาวไม่สุกครับ”

   “เส้นใหญ่ผัดซีอิ๊ว  ไข่ดาวไม่สุกครับ”  เสียงห้าวๆดังขึ้นข้างตัว  ไม่ต้องหันไปมองลักษณ์ก็รู้ว่าคือใคร   เขาขยับตัวห่างออกมาเล็กน้อยโดยไม่ตั้งใจ

   “กินอย่างเดิมไม่เบื่อบ้างหรอ”  ไวน์พูดขึ้นลอยๆ

   “แล้ว..ไม่เบื่อหรือไง”  ลักษณ์ย้อนทันควัน  ไม่ยอมเอ่ยชื่ออีกฝ่าย 

   “ของชอบ  ไม่มีคำว่าเบื่อหรอก”  นักศึกษาแพทย์ตอบกลับมา เอื้อมมือไปรับจานอาหารที่ได้ไวอย่างเหลือเชื่อมาถือเอาไว้   ลักษณ์จุ๊ปากรู้สึกได้ถึงความไม่ยุติธรรมบางอย่างที่มาพร้อมรอยยิ้มหวานๆของน้องคนขายตอนที่ส่งจานให้ไอ้คนตัวสูงข้างๆ

   ไวน์ตักน้ำตาลขึ้นมาพูนช้อนแล้วเทออก  แล้วก็ตักใหม่อยู่นานจนคนที่รอต่อคิวอยู่นั้นเริ่มมอง  มันเลยหันมาทางเขาแล้วส่งจานผัดซีอิ้วนั่นให้หน้าตาเฉย

   “ปรุงให้หน่อย  กะไม่ถูก” 

   ลักษณ์อยากจะทำไม่รู้ไม่ชี้เหมือนกัน  แต่ติดตรงที่เกรงใจสายตาของเหล่าคนที่มองมาอย่างหิวโหยนั้นแล้ว  เขารับจานมาปรุงให้อย่างจำใจ   ตักน้ำตาล พริก เติมน้ำปลาน้ำส้มนิดหน่อยก็ได้ที่   ยื่นจานใบนั้นส่งคืนกลับไปให้อีกฝ่ายโดยไม่พูดอะไรสักคำ   แล้วจึงค่อยหยิบจานของตัวเองหันหลังกลับไปนั่งที่โต๊ะ

   ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายมองตามหลังเขาไปด้วยสายตาเช่นไร

   “ไม่อร่อยเหรอมึง  นั่งเขี่ยอยู่นั่น”  แซมทักหลังจากที่เขานั่งเขี่ยใบกะเพราออกวางไว้ขอบจานทีละใบ  “วันหลังถ้าจะกินแต่หมูกรอบก็สั่งหมูกรอบผัดพริกเลยสิ ได้ไม่ต้องมานั่งเขี่ยใบพวกนี้ออก”

   “กูอยากได้กลิ่นกะเพราหอมๆ  แต่ไม่อยากกินมัน   มึงไม่เข้าใจหรอก”  ลักษณ์ตอบ  ...มีคนนึงที่เข้าใจเรื่องนี้  เพราะมันเองก็ชอบสั่งคะน้าหมูกรอบ เพื่อกินแต่หมูกรอบกับยอดผักบางชิ้นเท่านั้นเหมือนกัน...

   “เออ  กูไม่เข้าใจหรอก   ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมดาวต้องคู่กับเดือนด้วยวะ”  ไอ้แซมเปลี่ยนเรื่อง  มันยักคิ้วไปทางโต๊ะทางขวาถัดไปอีกสองโต๊ะที่มีชายหญิงคู่หนึ่งนั่งทานข้าวกันอยู่

   ผู้หญิงมีใบหน้าสวยหวานพริ้งเพราสมตำแห่งดาวคณะฯ เช่นเดียวกับผู้ชายที่มีใบหน้าเข้มคมและมีรอยยิ้มที่ทำให้สาวๆใจสั่นได้...เดือนคณะฯแพทย์

   “งี้แหละมึง  ไอ้ลักษณ์มึงไม่ต้องเครียดหรอก”  เต้ยกมือขึ้นตบไปที่ไหล่ของเขาเป็นการปลอบใจ  ลักษณ์สะดุ้ง  เขาหันไปมองหน้าเพื่อนอย่างระแวง...เต้รู้อะไรงั้นหรือ?

   “พอเพื่อนมีแฟน  มันก็ทิ้งเพื่อนอย่างนี้แหละ  เดี๋ยวพอสาวทิ้งมันเมื่อไหร่  มันก็กลับมาเอง ฮ่าๆ”  เต้พูดต่อแล้วหัวเราะลงลูกคอ 

   ลักษณ์หัวเราะตามอย่างฝืดๆ  ใครคนหนึ่งเคยพูดประโยคนี้กับเขาเมื่อนานมาแล้ว

   “พอมีแฟนแล้วทิ้งเพื่อนเลยนะไอ้ลักษณ์  กูรอมึงอยู่หน้าโรงเรียนตั้งนาน  กลับบ้านก่อนทำไมไม่บอก”  ไอ้ไวน์ตามเขามาที่ร้านป้าดาตอนเกือบสองทุ่ม  เสื้อผ้าหลุดลุ่ยเหงื่อโชกท่วมตัวทีเดียว  คงเพิ่งเลิกเล่นกีฬามาล่ะสิ

   “ไปอาบน้ำก่อนไป  กูเหม็นเหงื่อ”

   “ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย” ไวน์พูดอย่างรู้ทัน “วันนี้มึงกับเฟิร์นไปเที่ยวที่ไหนมาตอนเย็น  ไม่ยอมบอกกูด้วย”

   “ไม่ได้ไปไหนเลย  ไปกินไอติมเฉยๆ  ก็กูบอกมึงแล้วไงว่าแยกกันกลับ”

   “บอกตอนไหน  ไม่เห็นได้ยิน”

   จะได้ยินได้ยังไงล่ะ  ก็เขาไม่ได้บอก  หึๆ..ลืมไปเสียสนิทเลย  คงจะจริงอย่างที่ไอ้ไวน์พูด  พอมีแฟนเข้าหน่อยก็ลืมเพื่อนไปเลย

   แฟน...เห้อ  คำๆนี้มันทำให้หัวใจคึกคัก มีความสุขเหลือเกิน   ถึงเขาจะยังไม่ได้ขอเธอเป็นแฟน  แต่การที่เธอยอมไปกินขนมด้วย  โทรคุยกันทุกคืนก็น่าจะแปลความหมายได้ไม่ยาก ไม่ใช่หรือ

   “เอ้าเหม่ออีก  น้ำเต้าหู้กูมันจะระเหยหมดแล้ว  ถ้าไม่กินก็เอามานี่ กูกินเอง” ไวน์ทำท่าจะเอื้อมมือมาคว้าแก้วน้ำเต้าหูของเขา  แต่เขาก็รีบยกหนีได้ทันเสียก่อน 

   ยกซดไวไปนิดก็เลยสำลัก  กระอักกระไอออกมาร้อนถึงคนซื้อมาฝากต้องมานั่งลูบหลังให้อีก 


   ลักษณ์ยิ้มออกมานิดๆ  เขาตักหมูกรอบคำสุดท้ายเข้าปาก  ไวน์กับเพลินลุกขึ้นเดินออกไปจากโรงอาหารแล้ว  ส่วนเพื่อนๆของเขาก็กินกันเสร็จเรียบร้อย  พร้อมสำหรับการเรียนคาบบ่ายที่เป็นคาบรวมทุกคณะฯ


Wishmeluck:  อิ่มหรือยังคะ
Wishmeluck:  ซื้อเต้าหู้นมสดมาฝากค่ะ

ไลน์เด้งแจ้งเตือนขึ้นพร้อมๆกับที่เขาเดินเข้ามาถึงโต๊ะที่นั่งเรียนประจำ  เต้าหูนมสดถ้วยหนึ่งวางเด่นเป็นสง่าอยู่บนโต๊ะ  คราวนี้ไม่มีโพสอิทหรืออะไรแปะอยู่ทั้งสิ้น

ลักษณ์หยิบมันขึ้นมาพลิกดู  แล้วพิมพ์ตอบกลับข้อความในมือถือ

GoodLuck: ขอบคุณครับ
GoodLuck:  ของโปรดผมเลย

Wishmeluck:  ดีใจที่ชอบค่ะ
Wishmeluck:  แล้วชอบอะไรอีกบ้างคะ ฉันจะได้จดเอาไว้
GoodLuck:  ชอบทุกอย่างที่เป็นเต้าหู้ครับ
   
   Wishmeluck:  แล้วถ้าขาวเหมือนเต้าหู้นี่  ชอบมั้ยคะ

GoodLuck:  5555หมายถึงอะไรครับนั่น

   Wishmeluck:  ก็อาหารที่ชอบไงคะ
   Wishmeluck:  คิดว่าอะไรล่ะ

GoodLuck:  55555ตามนั้นครับ
GoodLuck:  แล้วคุณชอบทานเต้าหู้มั้ยครับ

   Wishmeluck:  ชอบกินเต้าหู้ยี้กับข้าวต้ม

   GoodLuck:  เหมือนเพื่อนผมเลย
GoodLuck:  แต่เป็นอาหารเต้าหู้อย่างเดียวที่ผมไม่ชอบ

   Wishmeluck:  อ้าวทำไมละ  อร่อยออก

   ลักษณ์ยังไม่ทันได้พิมพ์ตอบ  อาจารย์ก็เดินเข้ามาในห้องพอดี   เขานั่งฟังอาจารย์อธิบายอยู่พักใหญ่จึงจะเข้าใจว่าวิชานี้เขาจะต้องถูกจับกลุ่มกับเพื่อนต่างคณะฯเพื่อนทำโครงการอะไรสักอย่างขึ้นมาเพื่อบำเพ็ญประโยชน์ให้กับสังคม  ไม่ก็สร้างสรรค์จรรโลงส่งเสริมฯลฯ ตามที่อาจารย์ท่านได้พร่ำพรรณนามาเกือบชั่วโมง

   “โอย  นี่กูต้องไปอยู่กลุ่มไหนวะเนี่ย”  เต้พึมพำ  ทุกคนต่างมีท่าทางกังวลไม่น้อย  แค่เพื่อนในคณะยังไม่สนิทกันเลย  นี่ต้องทำงานร่วมกับคณะอื่นอีก

   ตอนท้ายคาบ  อาจารย์ก็แจกรายชื่อของแต่ล่ะกลุ่มให้  ลักษณ์กวาดตามองชื่อของคนในกลุ่มของเขาแล้วอยากจะร้องออกมาดังๆด้วยความเซ็ง

   ศตวรรษ....ชื่อแรกเลยครับ

   กลุ่มของเขามีสิบสามคน  คละคณะฯกันคณะล่ะคนสองคน   เภสัชมีเขากับเพื่อนที่ชื่อวิปนั่นแหละ...โลกโคตรกลมอีกเหมือนกัน  แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่ชอบหรอกนะอันนี้

   จากการลอบสังเกตอยู่นาน  เขารู้สึกว่าบางทีวิปอาจจะใช่บัดดี้ของเขาก็ได้  หลายครั้งที่เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์บางอย่าง  ตรงกับตอนที่คุณบัดดี้ตอบกลับมาพอดี

   หน้าตาของเธอก็น่ารักไม่ใช่เล่น  นับว่าเป็นสาวแว่นที่มีเสน่ห์มากทีเดียว

   “เดี๋ยวเราเลือกประธานกลุ่มกันก่อน   เสนอใครบ้าง”  เกือบทุกคนเลือกหมอไวน์  ซึ่งเป็นหมออยู่คนเดียวในกลุ่มเป็นประธานคณะฯ  ทำให้ไวน์ชนะไปอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง

   ใบหน้าคมเข้มขมวดมุ่นเล็กน้อยอย่างที่เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ชอบตำแหน่งนี้เลยสักนิด  ไวน์ไม่อยากได้ตำแหน่งหัวหน้าอะไรพวกนี้  แต่ถ้าให้ช่วยงานล่ะก็ได้ทุกอย่าง....เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยม.ปลายแล้ว  ยิ่งตอนงานกีฬาสีนะ  มันปฏิเสธลูกเดียวว่าไม่เอาตำแหน่งประธานสี  ทั้งที่มันทำงานเยอะยิ่งกว่าทุกคน

   “เหลือเลขาฯ  ใครจะเป็นเลขาฯ”  สาวทันตะพูดเสียงใส  หลังจากที่เธอได้เสียงโหวตรองลงมาเลยเป็นรองประธานแทน
   “ให้ลักษณ์เป็นเลขาฯแล้วกัน  ผมสนิทกับเค้าอยู่แล้วได้ทำงานง่าย”  ประธานพูดขึ้นมาเรียบๆ  แล้วใครจะกล้าขัดล่ะ  ทุกคนก็เห็นดีเห็นงาม  เขียนชื่อลักษณ์ใส่ไปในตำแหน่งเลขาฯโดยไม่ถามเจ้าตัวสักคำ

   ลักษณ์อ้าปากเตรียมคัดค้าน  ทว่ามือใหญ่ๆของคนที่ลุกมานั่งข้างเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ก็ตบป้าบลงมาที่หลังแรงๆ

   “ไม่อยากเป็นเลขาฯใช่มั้ย  งั้นให้ลักษณ์เป็นประธานแทน” 

   คนฟังตาเหลือก  หันไปถลึงตาใส่คนข้างๆพลางจุ๊ปากอย่างหงุดหงิด  รีบปฏิเสธเพื่อนคนอื่นๆแทบไม่ทัน
 
   “เลือกคนอื่น  กูไม่อยากเป็นเลขาฯ”

   “แล้วอยากเป็นอะไร”  อีกฝ่ายถามกลับมาด้วยเสียงกระซิบให้พอได้ยินกันสองคน

   คนฟังขมวดคิ้ว

   “อยากอยู่เฉยๆ  เป็นลูกทีมธรรมดา”

   “ลูกทีมต้องทำตามคำสั่งประธานนะ”

   “แล้วเลขาฯไม่ต้องทำตามหรือไง” 

   “ถ้าเป็นเลขาฯคนนี้  ประธานยอมให้สั่งได้”  ไวน์ตอบกลับมา   ลักษณ์เผลอย่นจมูก

   “ดี  สั่งอะไรก็จะทำใช่มั้ย”

   “แล้วแต่ว่าจะสั่งอะไร”

   “งั้นอย่างแรกก็ช่วยขยับออกไปห่างๆหน่อย  ที่เหลือเยอะแยะจะเบียดเข้ามาทำไม”  ลักษณ์พูดห้วนๆ  เขาเพิ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายขยับเข้ามานั่งจนชิด  เบียดเข้าจนเกือบตกจากโซฟา   อีกนิดนึงคงได้ปีนขึ้นไปนั่งบนตักมันแทน  ทั้งที่เหลือที่ว่างอีกข้างให้นั่งได้อีกประมาณสามคน   

   “ขอโทษ  พอดีพูดเบาเลยไม่ได้ยิน  ต้องเข้ามาฟังใกล้ๆ”  ไวน์ตอบ  แล้วยิ้มใส่ตาเขา...ลักยิ้มมุมปากรับเขี้ยวแหลมๆนั่นทำให้ใบหน้าคมเข้มยามยิ้มดูเด็กลงเหมือนรอยยิ้มของเด็กเฮี้ยวๆสักคน

   นักศึกษาแพทย์หนุ่มยอมขยับออกไปแต่โดยดี  เขาหันไปพูดกับเพื่อนร่วมกลุ่มถึงหัวข้อที่สนใจจะทำ   บางครั้งก็สะกิดเรียกให้ลักษณ์ก้มลงจดหัวข้อที่น่าสนใจใส่สมุดเอาไว้   

   เวลาล่วงไปอีกเกือบชั่วโมงตอนที่อาจารย์ให้ทุกกลุ่มสรุปงานแล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน

   “ลองไปคิดดูแล้วกัน  แล้วคายหน้าเรามาคุยกันอีกทีนะฮะ”  ไวน์พูดกับเพื่อนร่วมกลุ่ม   แล้วเดินเร็วๆตามหลังออกมาจนทันร่างผอมบางที่เดินสะพายเป้เคียงข้างเด็กสาวอีกคนที่มาจากคณะเดียวกัน

   “เราขอไลน์เธอได้มั้ย จะได้คุยงานกันง่ายขึ้น”  ได้ยินเสียงลักษณ์พูดขึ้น   เขารู้จักลักษณ์มากพอที่จะรู้ได้ทันทีว่ามันจะต้องมีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงสักอย่างนอกเหนือจากการคุยงานที่อ้าง

   วิปยิ้ม  เธอหยิบมือถือขึ้นมาเปิดโปรแกรมไลน์อย่างกระตือรือร้น

   ไวน์เดินตามหลังทั้งคู่ออกมาเรื่อยๆ  แอบมองพวกเขาแลกเบอร์แลกไลน์กันเสร็จ  วิปก็ขอตัวแยกไปอีกทาง  เหลือแค่เขาที่เดินตามมาห่างๆ

   “จะตามไปถึงบ้านเลยมั้ยล่ะ”  จู่ๆคนที่เดินนำหน้าก็หยุดเดิน แล้วพูดเสียงดัง  หางเสียงตวัดบอกชัดว่าอารมณ์ไม่ดี...อีกตามเคย

   “แล้วให้ไปมั้ยล่ะ”  เขาถามกลับไป   มองด้านหลังของศีรษะเล็กๆทุยๆนั้นก้มๆเงยๆ ทว่าไม่ยอมหันมาสบตาเขาเหมือนเดิม
 
   “ไม่ให้”  ลักษณ์ตอบกลับมาด้วยเสียงเบากว่าทุกครั้งคล้ายคนไม่มั่นใจ

   “ขอเหตุผล” 

   อีกฝ่ายไม่ตอบ  แต่ออกเดินไปจนถึงหน้ามหาวิทยาลัย   ก็หยุดเดิน

   “จริงๆมึงต้องเป็นคนบอกเหตุผลกูไม่ใช่เหรอ”  ลักษณ์หันขวับกลับมามองหน้าเขาด้วยแววตาเอาเรื่อง  ริมฝีปากเม้มแน่นแทบเป็นเส้นตรง 

   “แน่ใจเหรอว่าอยากฟัง”  เขาได้ยินเสียงตัวเองตอบกลับไป

   แววตาของอีกฝ่ายวูบไหวทันที  หันหน้าหนีเขา  ไวน์ถอนหายใจยาว   ขยับจะพูดต่อ  ทว่าโทรศัพท์มือถือของลักษณ์กลับสั่นครืดๆ เรียกความสนใจจากคนตรงหน้าได้ทันที

   ลักษณ์รีบหยิบมาขึ้นมาเปิดอ่าน  แล้วพิมพ์ตอบกลับไป...ทำเหมือนไม่เห็นเขายืนอยู่ตรงหน้าอีก 

   Wishmeluck:  กลับบ้านดีๆนะคะ
   Wishmeluck:  ถึงแล้วไลน์บอกด้วยน้าา
   Wishmeluck:  เป็นห่วง

   ...........................................................................
   
มาต่อนะคะ  ขอบคุณคอมเม้นท์ที่บอกว่าอยากอ่านต่อนะคะ  เพราะคุณเราเลยมาต่อ555
หัวไม่ล้านเเต่ใจน้อยค่ะ5555   :mew1:
สวัสดีปีใหม่ทุกคนนะคะ
ถ้าชอบเรื่องนี้เม้นท์เป็นกำลังใจด้วยนะคะ  อย่าให้เราพูดคนเดียวเลย  :mew2: :mew6:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่10แล้วนะ3/1/60
เริ่มหัวข้อโดย: Varsator ที่ 04-01-2017 09:26:09
เราตามมาจากเรื้องสั้นค่ะ
เรื่องนี้อ่านแล้วเราลุ้น ลุ้นให้ลงเอยยยย
เราขออยู่ #ทีมไวท์ อีกคนนะคะะ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่10แล้วนะ3/1/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 04-01-2017 20:22:33
เราตามมาจากเรื้องสั้นค่ะ
เรื่องนี้อ่านแล้วเราลุ้น ลุ้นให้ลงเอยยยย
เราขออยู่ #ทีมไวท์ อีกคนนะคะะ

โอ๊ะ จริงหรอคะปลื้มมจังตามมาจากเรื่องไหนหรอคะ :hao7:
ดีใจมากเลยค่ะ รู้สึกเหมือนเจอเพื่อนเก่า55555
อยู่ทีมไหนก็ได้เลยตามสบาย เรื่องเราเรื่อยๆค่ะ555 ขอบคุณมากเลยนะคะ  ที่ตามมาอ่าน รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมามาก อิอิ
ติดตามอัพเดทได้ใน #แอบลักษณ์นะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่11แล้วนะ14/1/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 14-01-2017 22:44:06
ตอนที่ 11
Don’t put all your eggs in one basket.





   มือใหญ่เอื้อมมาคว้าโทรศัพท์จากมือของเขาไปดื้อๆ  ลักษณ์อุทานเสียงดังขณะที่เพื่อนตัวสูงหมุนตัวหนีไม่ยอมคืนโทรศัพท์มือถือให้เขา

   “กลับบ้านดีๆนะคะ...ถึงแล้วไลน์บอกด้วย...เป็นห่วง?”  เสียงห้าวๆนั้นแกล้งดัดจนเล็กแหลม อ่านข้อความในโทรศัพท์มือถือของเขาโดยไม่ขออนุญาต  “โอ้โห สาวที่ไหนหรอ” ลากเสียงถามพลางเลิกคิ้ว

   ลักษณ์โกรธจนตัวสั่น  เขามองอีกฝ่ายเขม็ง พูดเสียงห้วน

   “เอาคืนมานะ”

   “เดี๋ยวสิ  มีความลับกับเพื่อนเหรอเดี๋ยวนี้”  อีกฝ่ายไม่ยอมคืนให้  กลับลากนิ้วยาวๆไล่ดูข้อความก่อนหน้านี้  ไม่สนใจเจ้าของที่จ้องหน้าเขาราวกับจะจับฉีก

   “มึงไม่ใช่เพื่อนกู  ไวน์”  ลักษณ์กัดฟัน พูดเสียงต่ำ  พยายามข่มอารมณ์โกรธที่ไม่รู้มาจากไหนนักหนา  คงเป็นเพราะปัญหาเดิมที่ยังคาราคาซังอยู่ด้วยก็เลยยิ่งไปกันใหญ่

   คนฟังหน้าเปลี่ยนไปนิดหนึ่งแทบไม่สังเกต  แต่แล้วก็กลับมายิ้มกว้างกว่าเก่า   หรี่ตาลงถาม

   “ไม่ใช่เพื่อน  แล้วเป็นอะไรดีล่ะ” 

   “คนแปลกหน้า”  ลักษณ์ตอบทันควัน  อาศัยทีเผลอแย่งโทรศัพท์คืนกลับมาได้สำเร็จ   เขารีบจ้ำไปตามทางเท้าริมถนน  ได้ยินเสียงฝีเท้าตามมาด้านหลังไม่ห่าง

   “คนแปลกหน้าสองคนมาพบกัน  และก็รู้จักกัน...แบบนี้ใช่ไหม”   เสียงห้าวๆนั้นดังขึ้นข้างหลัง  “เห้  มองรถด้วยสิ”  ไวน์ตะโกนเมื่อเห็นเขาเดินข้ามถนน   

   ลักษณ์เม้มปาก รีบเร่งฝีเท้าขึ้นแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายก็ก้าวตามมาทันเสียทุกที  ไม่ว่าเขาจะเร่งอย่างไรก็ตาม 

   “จะตามมาทำไม”  สุดท้ายเขาก็ต้องหันไปถามอย่างหงุดหงิดอีกครั้ง  อีกฝ่ายก็ตอบหน้าตาเฉยเหมือนกัน

   “จะไปเยี่ยมป้าดากับพี่ราม  คิดถึงไม่ได้เจอหลายวัน”  ไวน์พูดแล้วยิ้ม  “ไม่ได้ตามนายหรอกน่า  อย่าหลงตัวเองดิ”

   ลักษณ์สะบัดหน้ากลับอย่างลืมตัว   ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆดังตามหลังก็ยิ่งโกรธ   เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายจะต้องทำตัวแบบนี้ด้วย...

   ทำลายความเป็นเพื่อนของเราไปแล้วแท้ๆ 

   “Wishmeluck เนี่ยคือใครเหรอ”  คนข้างหลังยังถามต่อมาอีก 

   “จะถามไปทำไม”  ลักษณ์ย้อนเสียงห้วน หยุดยืนซื้อขนมกุ๊ยช่ายทอดข้างทาง   อีกฝ่ายก็หยุดตามไปด้วย  ร่างสูงใหญ่ควักกระเป๋าสตางค์ชิงจ่ายเงินให้ก่อนที่เขาจะทันหยิบแบงค์เสียอีก...ลักษณ์มองตามแล้วยักไหล่  ก็ดี...อยากเปย์ก็เชิญตามสบาย

   “ก็อยากรู้จักคู่แข่งเอาไว้”  คำตอบของอีกฝ่ายทำเอาลักษณ์เผลอกินกุ๊ยช่ายร้อนจัดนั้นเข้าไปทั้งชิ้น  ความร้อนทำให้ปากแทบพอง  ต้องห่อปากสูดลมเข้ากระพุ้งแก้มเอาไว้น่าเกลียดพิลึก

   “ใจเย็นๆ กินน้ำก่อนเอ้า ...ควันออกฉุยกินเข้าไปได้ไง ทำไมไม่เป่าก่อนฮึ” ไวน์พูดแล้วค้นกระเป๋าเป้ของเขาอย่างถือวิสาสะ หยิบเอาขวดน้ำที่ลักษณ์มีติดกระเป๋าเป้เอาไว้เสมอขึ้นมาเปิดส่งให้  “คายออกมาก่อน  ปากพองตาย”  ไวน์แบมือมาตรงหน้า

ลักษณ์พูดไม่ออก   เขาเบือนหน้าหนีไปคายทิ้งใส่ฝ่ามือของตัวเอง  แล้วรับขวดน้ำจากมืออีกฝ่ายมาเทเข้าปาก   จนอาการแสบๆร้อนๆในปากดีขึ้นนั่นแหละ  จึงค่อยยังชั่ว

“ไม่เห็นจะต้องตกใจอะไรขนาดนั้น”  นักศึกษาแพทย์หนุ่มพูด  ยกมือขึ้นลูบหลังเพื่อนรักเบาๆ  อีกฝ่ายเอี้ยวตัวหนี เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแต่หัวเราะ

“กูไม่ได้ตกใจ  แต่กูแค่..ไม่เข้าใจ”  ลักษณ์ตั้งหลักได้ก็หันมาเผชิญหน้าเพื่อนอีกครั้ง  ควันไฟจากร้านหมูปิ้งลอยพัดเข้ามาเป็นระยะ  ลักษณ์รู้สึกว่าหน้าตลาดนั้นไม่ใช่ที่ๆจะมาคุยเรื่องซีเรียสกันเลย

แต่จะทำไงได้..

“ไม่เข้าใจตรงไหน ถามมา”  ไวน์พูดราวกับพวกเรากำลังติวสอบกันอยู่  และเขาก็ทำโจทย์ไม่ได้ ต้องให้มันช่วยสอนให้ 
 
...ถ้ามันเป็นโจทย์ฟิสิกส์หรือเลข เขาก็คงจะไม่รอช้าที่จะถามมันเลย   ติดตรงที่คราวนี้  มันดันเป็นโจทย์ที่เขาเองก็ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าอยากรู้คำตอบหรือเปล่า..

“เอ้า...พอให้ถามก็ไม่ถาม  จะเอายังไงกันแน่”

“มึงนั่นแหละจะเอายังไงกันแน่....ทำแบบนี้  กูไม่สนุกด้วยนะเว้ย”  ลักษณ์เริ่มสติหลุด  ควันหมูย่างลอยเข้าตาจนเริ่มแสบตา  ต้องกระพริบตาถี่ๆไล่น้ำตาที่เริ่มเอ่อคลอขึ้นมา

เห็นใบหน้าของ(อดีต)เพื่อนสนิทมีกลุ่มควันจางๆปกคลุมอยู่   มองเห็นแววตาคมคู่นั้นไม่ชัด  ทว่ากลับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกจริงจังที่แผ่ซ่านออกมาจากเนื้อตัวสูงใหญ่

“ที่เราทำไปทั้งหมด  นายยังไม่เก็ทอีกหรือไงลักษณ์” 

“เลิกพูดสุภาพสักที  รำคาญ”  ลักษณ์พูดห้วนๆ  ...อยากจะหันหลังกลับ   อยากจะเดินหนี  ทว่าสองเท้ากลับไม่ขยับ  คล้ายกับมีบางสิ่งตรึงขาของเขาเอาไว้   ไม่ให้หนีไปไหน

ได้แต่ยืนจ้องหน้าอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้น

“ก็ได้...”  ไวน์พูด   เขาหยุดนิดหนึ่ง  หัวใจเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้   แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมบรรยากาศถึงได้เป็นใจขนาดนี้....กลิ่นหมูปิ้งที่ลอยมาผสมกับควันท่อไอเสียรถยนต์ ผสานกับเสียงตำครกโป้กๆของแม่ค้าขายส้มตำข้างทาง

นี่ไม่ใช่ ‘ภาพ’ ที่เขาต้องการเลยสักนิด

แต่ดูเหมือนว่าถ้าเขาไม่พูดออกไปตอนนี้....ก็อาจจะไม่มีโอกาสได้พูดอีกเลย...

ไวน์สบตากลมโตคู่นั้นพูดเสียงดังฟังชัด

“กูชอบมึง  ลักษณ์...อยากจีบมึงเป็นแฟน....ทีนี้เข้าใจหรือยัง” 

คนชื่อลักษณ์อ้าปากค้าง  ถุงกุ๊ยช่ายหลุดจากมือตกลงไปกองที่พื้น  น้ำจิ้มสีดำไหลนองเปื้อนถนนคอนกรีตที่เต็มไปด้วยฝุ่น   เด็กหนุ่มก้าวถอยหลังไปสองก้าวแล้วก็หันหลังเดินแกมวิ่งหนีไปดื้อๆ 

ไวน์ขยับจะก้าวตามแล้วก็เปลี่ยนใจ  เขาก้มลงเก็บถุงกุ๊ยช่ายนั้นขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปหาถังขยะที่อยู่ใกล้ๆ...จบกัน  ความรู้สึกที่สั่งสมมาเกือบ 7 ปี  ...

สุนัขจรจัดตัวหนึ่งเดินเข้ามากระดิกหางมองเขาด้วยแววตาเต็มไปด้วยความหวัง  ศตวรรษถอนหายใจยาวทีเดียวตอนที่จิ้มกุ๊ยช่ายที่เหลือส่งให้มันไป

....ทำไมเป็นงี้วะ....แล้วกูต้องทำยังไงต่อวะเนี่ย...



0000000000000000000000000000000000000


“ทอนสองร้อยสิบสี่บาท  ไอ้ลักษณ์  เหม่ออะไรเนี่ย”  เสียงพี่รามทำให้เขาสะดุ้งตื่นจากความคิด   รีบก้มหน้าลงควานหาเศษเหรียญขึ้นมาทอนให้ลูกค้าต่อ

เสร็จแล้วก็นั่งถอนหายใจยาว  รู้สึกหนักๆไปหมดเหมือนมีอะไรมาทับเอาไว้บนหลังไหล่ทั้งสองข้าง....รวมถึงในหัวใจด้วย
ไม่ใช่เดาไม่ออก...แต่เขายังไม่อยากจะเชื่อ

มันบ้าหรือเปล่า....

“กูชอบมึง  ลักษณ์...อยากจีบมึงเป็นแฟน..” 

เสียงของเพื่อนสนิทยังดังก้องอยู่ในหัว   ถ้าเขาเป็นสาวน้อยสักคนที่ปลื้มไวน์อยู่ล่ะก็..วันนี้คงจะเป็นวันที่ดีที่สุดในโลก   แต่นี่เขาไม่ใช่!

เขาเป็นเพื่อน...แค่เพื่อน  แถมยังเป็นเพื่อนผู้ชายที่เคยร่วมกันจีบสาว  โดนไอ้ไวน์แย่งสาวไปก็บ่อย  มีเรื่องชกต่อยเนืองๆ หนีเรียนบ้าง ติวหนังสือบ้าง  ผ่านอะไรด้วยกันมาตั้งเยอะแยะ 

ทำไมสุดท้ายมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้...จะว่ามันกำลังล้อเขาเล่นอยู่  ก็ดูเป็นแกล้งที่เอาเรื่องเกินไปไม่น้อย  ครั้นจะคิดว่ามันหมายความตามที่พูดออกมาจริง  มันก็อดรู้สึกตะขิดตะขวงใจไม่ได้

เขาไม่เคยมองมันในฐานะอื่นมาก่อนเลย...ไม่เคยคิด

นี่ถ้าไวน์เป็นหญิงสาวสักคน  ไม่ต้องสวยมากก็ได้  เขาคงจะรีบตะโกนรับรักกลางตลาดทันที  ไม่ปล่อยให้ค้างคาแบบนี้หรอก
กว่าจะปิดร้าน เก็บร้าน  ล้างจานนู่นนี่ก็ดึกตามเคย  ลักษณ์ลากสังขารกลับขึ้นมาบนห้องแล้วทิ้งตัวลงนอน 

โอ้ย ปวดหัวโว้ย  ...เด็กหนุ่มผุดลุกขึ้นจากเตียง  จะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่อเข้าห้องน้ำ แต่นิ้วก้อยเท้าเจ้ากรรมดันไปเตะเข้ากับขาเตียงเต็มแรง เจ็บจี้ดจนทรุดลงไปนั่งที่พื้น  สูดปากเบาๆด้วยความปวด  คลำนิ้วเท้าป้อยๆ ปลายเล็บนิ้วก้อยฉีกออกมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย 

ลักษณ์เอื้อมหยิบทิชชูบนโต๊ะมาเช็ดเลือด  นึกแช่งความซุ่มซ่ามของตัวเอง  เลยไปถึงคนๆที่ทำให้เขาสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวด้วย
สายตาเหลือบไปเห็นกล่องใต้เตียงที่แสนจะรกของเขา   คิ้วเรียวยาวขมวดมุ่น  ลักษณ์ก้มลงเอื้อมสุดแขนเข้าไปเลื่อนกล่องใบใหญ่ออกมาจากใต้เตียง

ข้างบนกล่องมีกระดาษเอสี่เขียนเอาไว้ลวกๆด้วยลายมือของคนอื่นที่ไม่ใช่เขาแปะเอาไว้ว่า ‘ของลักษณ์’ 

เด็กหนุ่มเปิดฝากล่องออก  ด้านในมีหนังสือ ชีทติวตั้งแต่สมัยม.4 อัดแน่นเต็มกล่อง  สมุดจดกับสมุดทดเลขที่ไม่ใช้แล้วก็ยังยัดเอาไว้   คงเป็นตอนที่ไอ้ไวน์มาช่วยเขาเก็บกวาดห้องแน่ๆ 

หนังสือปกแข็งเล่มใหญ่ที่แทรกอยู่ตรงฝั่งซ้ายของกล่องสะดุดตาของเขามากกว่าอย่างอื่น   ลักษณ์งัดมันขึ้นมา...เป็นหนังสือเล่มใหญ่ปกแข็งตกแต่งสวยงาม...หนังสือรุ่นแต่ไม่ใช่ของปีเขา

เปิดออกดูด้านในผ่านๆ มีแต่ใบหน้าของนักเรียนชั้นมัธยม   มีตั้งแต่ม.4-ม.6 เขาเปิดไปเรื่อยๆจนกระทั่งเจอหน้าที่เขียนเอาไว้ว่า ม.4/1

ไล่ปลายนิ้วหาครู่เดียวก็เจอใบหน้าเด๋อด๋าของตัวเองมองตอบกลับมาจากแถวริมสุด  ถัดขึ้นไปเป็นใบหน้าของไอ้ไวน์ที่วางมือเท้าเอาไว้บนไหล่ของเขาซะงั้น   ไวน์ฉีกยิ้มกว้างขณะที่เขามีสีหน้าหงุดหงิด

00000000000000000000000000000


“มายืนข้างบนดิวะ   เร็วๆขึ้นมา”  ไอ้ไวน์พูดซ้ำเป็นรอบที่ห้าแล้วมั้ง แต่เขาก็ยังไม่ขยับตัว  มันจุ๊ปากจิ๊จ๊ะในลำคอแล้วดึงปกหลังของเสื้อเขาแรงๆ

“กูจะยืนตรงนี้  อย่าดึง”  ลักษณ์หันไปบอก  ปัดมือที่ดึงเสื้อของเขายิกๆนั้นออก  “เฟิร์นครับ  เฟิร์นเขยิบมาทางซ้ายหน่อยสิ...หัวใจเราจะได้ตรงกัน”  เขาชะโงกลงไปพูดกับเด็กสาวหน้าตาน่ารักที่ยืนอยู่ข้างหน้า 

ได้ยินเสียงโห่แซวจากเพื่อนๆแต่เขาก็ไม่สนใจ...

“มึงก็เอาแต่ป้อสาว  ไม่สนใจกูเลย”  ไอ้คนข้างหลังก้มลงมากระซิบยุกยิกที่ข้างหูของเขา  ลักษณ์เอียงคอหนี

“มึงมีอะไรให้กูสนใจฮึ  เอาแต่แกล้งกู   วันก่อนเอาขนมที่กูเตรียมให้เฟิร์นไปซ่อน กูยังไม่ได้จัดการเลยนะ”  เขากระซิบตอบกลับ
เสียงคุณครูสั่งให้ทุกคนยืนนิ่งๆ อยู่กับที่ เพื่อให้ช่างภาพได้เก็บภาพดังขึ้น    ลักษณ์หันกลับไปมองที่กล้อง ขยับไปทางขวานิดหน่อยให้ตรงกับเฟิร์นแล้วอมยิ้มน้อยๆ...หวังว่ารูปของเขาจะออกมาดูดี

“โอ๊ะ!”  ลักษณ์อุทานออกมาเมื่อถูกนิ้วปริศนาจิ้มเข้าที่เอว  ทำเอาสะดุ้งเฮือก เอี้ยวตัวหลบในจังหวะที่ตากล้องลั่นชัตเตอร์พอดี   เขาหันขวับไปยังตัวการที่ยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ด้านหลัง  “ไอ้ไวน์”  เขาเค้นเสียงพลางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างโมโห ทว่าเสียงอาจารย์ดุมาก่อน

“นายลักษณ์  เป็นอะไรน่ะ  ยืนนิ่งๆสิ  เร็วเข้า  เอาใหม่”  เขาถลึงตาใส่เพื่อนแทนการฝากเอาไว้ก่อน   แล้วก็หันไปมองกล้องอีกครั้ง

“ทุกคนมองกล้องนะครับ”  ช่างภาพพูด 

เด็กหนุ่มอมยิ้มใส่กล้อง   แต่แล้วก็มีลมอุ่นๆเป่าวูบเข้าที่ริมหูของเขา  ลักษณ์สะดุ้งอีกรอบ เอียงคอหนี ครั้งนี้คุณครูถึงกับอุทานด้วยความหงุดหงิด

“ลักษณ์!  เธอเป็นอะไรของเธอ  ยืนนิ่งๆไม่ได้หรือไง  เอาอย่างนี้...นายศตวรรษแน่ะ  เอามือจับตัวเพื่อนเธอเอาไว้  จะได้อยู่นิ่งๆสักที” 

“ครับผม”  ไวน์รับคำอาจารย์เสียงดัง  แล้วก็จับเข้าที่เอวของเขาแน่น  ไม่สนใจว่าเขาจะพยายามแกะมือออกอย่างไร  “ชู่ว  อยู่นิ่งๆสิวะ จะได้ถ่ายเสร็จสักที”

“ก็เพราะใครล่ะ ไม่ต้องมาจับเอว กูจักจี้”  เขาแกะนิ้วยาวๆรอบเอาตัวเองได้สำเร็จ   มือนั้นก็เปลี่ยนเป็นจับที่ไหล่ทั้งสองข้างของเขาแทน

“อย่ากดดิวะ  มันหนัก”  ลักษณ์โมโหเต็มที  โดนแกล้งแท้ๆดันโดนครูด่าอีก   คุณครูประจำชั้นยกมือชึ้มาทางเขา เด็กหนุ่มเลยจำต้องยืนนิ่งๆอย่างจำใจ

กว่าจะถ่ายเสร็จก็เย็นพอดี   ไวน์แยกไปซ้อมบาส ส่วนเขาก็นั่งทำการบ้านอ่านหนังสือ อ่านการ์ตูนอะไรไปเรื่อยที่ห้องสมุด  รอจนเพื่อนซ้อมกีฬาเสร็จจึงค่อยเดินกลับบ้านด้วยกัน

“วันนี้การบ้านเลขโคตรยาก  กูยังทำไมเสร็จเลยเนี่ย”  เขาบ่นไประหว่างทางกลับบ้าน   ไวน์เดินพลางเดาะลูกบาสเล่นไปพลาง
 
“ยังไม่ได้เริ่มเลย   เดี๋ยวกูโทรหาแล้วกัน  ตรวจคำตอบหน่อย”  ไวน์ตอบ   ยืนรอเขาแวะซื้อปลาหมึกย่างมาเดินกินเล่น

“จริงๆกูว่าตัวเองไม่ค่อยเหมาะกับสายวิทย์ว่ะ   กับตัวเลขเนี่ยกูหัวไม่ไปเลย”   เขาบ่นต่อ    เดินจิ้มปลาหมึกกับน้ำจิ้มรสเด็ดไปด้วย 

บรรยากาศในซอยวันนี้เงียบเหงากว่าปกติ  คงเป็นเพราะว่าคืนนี้มีละครเรื่องดังตอนอวสาน  ชาวบ้านร้านตลาดก็เลยอยู่ในบ้านนั่งดูทีวีเงียบกันหมด   นานๆทีได้ยินเสียงพูดคุยลอดหน้าต่างออกมาสักที

“แล้วทำไมมึงเรียนสายวิทย์ล่ะ  วาดรูปสวยๆอย่างมึง กูว่าไปสายศิลป์สบาย”

“กูอยากเป็นหมอ”   ลักษณ์ตอบกลับไปสั้นๆ

“จริงดิ ทำไมถึงอยากเป็นหมอล่ะ”  ไวน์มีท่าทีแปลกใจไม่น้อย    ถึงกับหยุดเดาะลูกบาสเล่นแล้วกันมามองหน้า

“ก็อยากช่วยคนอื่น  ไม่รู้ดิ…กูว่ามันเป็นอาชีพที่ดีอ่ะ” 

“แบบนี้มึงก็ต้องขยันมากๆเลยสินะ....กูด้วย”

“หืม?  มึงอยากเป็นหมอเหมือนกันเหรอ”  เขาหันไปถามอย่างประหลาดใจ   เสี้ยวหน้าคมอยู่ในเงามืดทำให้มองไม่เห็นแววตาคู่นั้น

“เปล่า...อยากเป็น..เพื่อน…มึงต่อไป”  คำตอบของฝ่ายนั้นสะดุดๆชอบกล   ลักษณ์หัวเราะ

“โธ่  ไม่ต้องเรียนคณะเดียวกันก็เป็นเพื่อนกันได้น่า”  เราเดินกันมาจนเกือบหน้าร้านของป้าดาที่ไฟยังเปิดสว่าง  แขกเพียบเต็มทุกโต๊ะ  “แต่ก็ดีนะถ้ามึงอยู่คณะเดียวกัน  เข้ามหาวิทยาลัยเดียวกัน....เรามาพยายามกันเถอะ” 

“โอเค...หมอใช่มั้ย…ได้”

รอยยิ้มของไวน์ในคืนนั้นยังติดตาของเขาอยู่เลย


000000000000000000000000000000000000000
[/i]


ลักษณ์เพ่งมองหาใบหน้าของสาวน้อยที่ชื่อเฟิร์น ได้แต่นึกสงสัยว่าสามปีก่อนนั้นเขาชอบผู้หญิงหน้าตาแนวนี้เหรอ   ดูเหมือนสเป็คของเขาจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ  เก็บหนังสือรุ่นเล่มนั้นใส่กล่องตามเดิม  ลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำแล้วกลับออกมาด้วยความรู้สึกสดชื่นขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย   เปลี่ยนชุดนอนเป็นเสื้อยืดกางเกงบอลง่ายๆเสร็จก็เดินไปทิ้งตัวลงบนเตียง

คืนนี้เขาไม่มีอารมณ์อ่านหนังสือทบทวนบทเรียนอะไรทั้งนั้น

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  เขาเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาดู....ชื่อของคนที่เขายังไม่อยากคุยด้วยมากที่สุด ปรากฏขึ้นบนนั้น   ลักษณ์กดตัดสายทิ้งทันที

เสียงเรียกเข้าดังซ้ำจากคนๆเดิม  เขาก็กดสายทิ้งอีก  จนครบสามรอบ  ฝ่ายนั้นถึงได้ยอมรามือ   เลิกโทรเสียที

ไม่นึกเลยว่ามันจะเป็นปัญหาที่เขาคิดไม่ตกขนาดนี้...ใจหนึ่งอยากกลับไปเป็นเพื่อนกับอีกฝ่ายเหมือนเดิม  แต่ว่าอีกใจหนึ่งก็อยากให้เราแยกย้ายไปตามทางของตัวเองเถอะ

แน่นอนว่าทุกทางออกที่เขาคิดนั้น  ไม่มีทางที่ฝ่ายนั้นต้องการเลย...มันเป็นไปไม่ได้หรอก

ก็เขาไม่ได้ชอบไวน์  จะฝืนใจได้ยังไงเล่า..

WineiloveU:  ลักษณ์รับโทรสับกู
WineiloveU:  เราต้องคุยกันนะ
WineiloveU:  กูไปหาที่ร้านนะ
WineiloveU:  จะให้กูทำยังไง
WineiloveU:  ก็กูชอบมึงไปแล้ว
WineiloveU:  กูก็ไม่ได้ตั้งใจจะชอบหรอก
WineiloveU:  ลักษณ์
WineiloveU:  (ส่งสติกเกอร์)
WineiloveU:  (ส่งสติกเกอร์)
WineiloveU:  (ส่งสติกเกอร์)
WineiloveU:  (ส่งสติกเกอร์)

เสียงแจ้งเตือนไลน์ดังรัวจนสุดท้ายเขาก็กดปิดแจ้งเตือนของไวน์ไป   ปล่อยให้จำนวนข้อความเพิ่มขึ้นโดยไม่คิดจะเข้าไปอ่านอีก

หรือว่าเขาจะบล็อกไปเลยดี?...ไม่เอาดีกว่า  ทิ้งเอาไว้อย่างนั้นแหละ

ลักษณ์เดินลงมาข้างล่าง  เปิดตู้เย็นหาอะไรกินตอนดึก ทั้งที่ไม่หิว  แต่เขาก็อยากหาอะไรทำสักอย่าง   หลังจากที่อ่านการ์ตูนก็แล้ว วาดรูปเล่นก็แล้ว  ก็ยังไม่หายฟุ้งซ่าน

“กินอะไรดึกๆน่ะไอ้ลักษณ์   เดี๋ยวก็อ้วนตายห่า”  เสียงแข็งๆของพี่ชายดังขึ้นข้างหลัง  ลักษณ์สะดุ้งแต่ก็ไม่วางขวดนมเต้าหู้ที่ถือเอาไว้ในมือลง

“พี่ราม  มาเงียบๆตกใจหมด”

“เออ...กูออกไปปิดประตูเหล็กมา   กินอะไรน่ะ...เทให้แก้วสิ” 

เขาหันไปหยิบแก้วมาเพิ่มอีกใบ  รินนมเต้าหู้เย็นๆใส่แก้วส่งให้พี่ชายรับไปถือเอาไว้  ส่วนตัวเองก็ยกขึ้นจิบบ้าง  รสหวานๆหอมๆช่วยให้ผ่อนคลายลงนิดหนึ่ง

“เป็นอะไรของมึง  ทำไมทำหน้าอย่างนั้น  อกหักมาอีกหรือไง”

...ถ้าอกหักจริงๆคงจะไม่รู้สึกแย่แบบนี้หรอก  โดนหักอกจนชินแล้ว   แต่นี่มันไม่ใช่...
“เปล่า  ผมแค่..เหนื่อยๆ”

“เหรอ  เรียนหนักล่ะสิ  ปีหนึ่งก็งี้แหละ   แล้วไอ้ไวน์มันบ่นอะไรบ้างมั้ย  พักนี้มันเงียบๆไปนะ  ทะเลาะกันเหรอ”  พี่รามถามเนิบๆ 
คนเป็นน้องถอนหายใจยาว   เขาไม่อยากเล่าให้พี่ชายฟังเท่าไหร่  แต่ก็ไม่รู้ว่าจะปรึกษาใครดี   จะบอกเพื่อนแก๊งค์หล่อสัชก็กระไรอยู่   

“พี่ราม...”  เขาเรียก หลังจากเงียบไปนาน

“อืม...ว่า?”

“พี่เคย...รักเพื่อนสนิทมั้ย”    คนฟังหันขวับมามองหน้าเขาทันที 

“ใคร?  มึงไปรักใครเข้า  ไอ้ไวน์เหรอ” 

“เห้ย เปล่าๆ  ไม่ใช่”  เขารีบปฏิเสธ แล้วพูดต่อ  “คือ...แบบ  มีเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนลักษณ์อีกทีนึงน่ะ เขามาปรึกษา  คือแบบ...เขาถูกเพื่อนสนิทบอกชอบ  แล้วทีนี้...ทีนี้...ก็เลย...”

“ก็เลยอะไร  ก็เลยโอเค ตกลงเป็นแฟนกันเรียบร้อยเหรอ”

“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกซะหน่อย   โหพี่ราม  เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานนะพี่  อยู่ดีๆมาบอกชอบ  เป็นใครใครก็ช็อคป่ะ”

“แต่พี่ว่ามันก็เจอได้บ่อยๆไมใช่เหรอ  พวกแอบรักเพื่อนสนิทเนี่ย เยอะแยะ   เห็นลงเอยกันก็หลายคู่  แยกกันก็เยอะ   แล้วไงต่อ...ปัญหาคืออะไร”

“คือ...แบบเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนลักษณ์อ่ะ  เขายังอยากเป็นเพื่อนกับเพื่อนคนนั้นต่อ  คือไม่ได้ชอบแบบเป็นแฟนไง    ต้องทำยังไงถึงจะเป็นเพื่อนกันต่อได้ล่ะ”  ประโยคหลังเขาพูดเสียงเบาคล้ายพูดกับตัวเอง

พี่รามมองหน้าเขาแล้วยิ้มนิดๆ 

“ปัญหามันคงไม่ได้อยู่ที่เพื่อนของเพื่อนมึงหรอก  แต่อยู่ที่อีกฝ่ายน่ะ  เค้าคงไม่อยากเป็นแค่เพื่อนอีกแล้ว  จะทำยังไงก็เปลี่ยนกลับไปเป็นเพื่อนแบบบริสุทธิ์ใจแบบเดิมไม่ได้หรอก  ยาก”  พี่รามลากเสียงให้รู้ว่ายากจริงๆ  “ว่าแต่ทำไมถึงอยากเป็นเพื่อนกับมันต่อล่ะ  เพื่อนคนอื่นก็มีเยอะแยะ..ก็คบคนอื่นก็ได้นี่”

“คนอื่นไม่เหมือนมันอ่ะ”  ลักษณ์พูดเสียงอ่อย  “มัน....ไม่รู้สิ อธิบายไม่ถูก  รู้แต่ว่าต้องเป็นมันน่ะ” 

คนฟังหรี่ตาลง  แล้วจุ๊ปาก

“จริงๆเป็นแฟนกันก็ไม่ต่างกับเป็นเพื่อนหรอกนะ  อาจจะลึกซึ้งมากกว่านิดหน่อย  แต่เนื้อแท้แล้วกูว่าแฟนก็คือเพื่อนแท้ในชีวิตคนนึงนั่นแหละ”  พี่รามบอก

“มันจะเหมือนกันได้ไงพี่  แฟนมันต้อง..เอ่อ  ต้องรู้สึกอยากกอด อยากจูบ  รู้สึกพิศวาสอะไรทำนองนั้นสิ  แต่นี่ไม่ใช่”

“แล้วเป็นแบบไหน”

“แค่แบบ...อยากให้อยู่ใกล้ๆ เฉยๆ” ลักษณ์อึกอัก

“ทำไมต้องอยู่ใกล้ๆ”

“ก็จะได้คอยปรึกษากันได้ไง  จะได้คอยช่วยเหลืออะไรกันได้”

“แล้วคนอื่นช่วยมึงไม่ได้หรือไง”

“ก็ไม่ได้น่ะสิ...มีแต่มันที่ช่วยได้ คุยกันรู้เรื่อง”

“ตกลงนี่เรื่องของมึงเองหรือเรื่องของเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนมึงกันแน่ฮึ ไอ้ลักษณ์”  คนเป็นน้องสะดุ้ง เพิ่งนึกขึ้นได้ เลยเสหัวเราะกลบเกลื่อน

“เพื่อนสิ  ของเพื่อน”

“ก็แล้วไป  กูนึกว่าเรื่องของมึงกับไอ้ไวน์”  พี่ของเขาพูด   ทำเอาคนฟังหูผึ่งรีบถามต่อ

“ทำไมพี่ถึงคิดว่าเป็นเรื่องของลักษณ์กับไอ้ไวน์ล่ะ”

“กูจะไปรู้หรอ  ก็เห็นมึงทำหน้าหงอยอยู่เนี่ย    ...ไม่เอาแล้ว  กูไปดีกว่า”

“เดี๋ยวสิพี่ราม”   ลักษณ์ดึงชายเสื้อของพี่ชายเอาไว้  “แล้วสมมตินะ  ว่าพี่เป็นเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนผมคนนั้น  พี่จะทำยังไง”
“กูหรอ...กูคงนั่งคิดก่อนว่าไอ้คนนั้นมันสำคัญกับชีวิตกูแค่ไหน  ถ้ากูขาดมันไปกูจะตายมั้ย   กูจะต้องร้องห่มร้องไห้ทุกคืนก่อนนอนหรือเปล่า  ถ้าไม่...กูก็ปล่อย  หาเพื่อนใหม่  แต่ถ้าไม่ได้  กูขาดมันไม่ได้อะไรแบบนี้...ก็..ไม่รู้สิ  ถ้ากูเจอคนที่ทำให้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ  สถานะอะไรกูก็ยอมล่ะวะ"

“แล้วถ้ามันเป็นเพศเดียวกันกับพี่ล่ะ”

พี่รามไม่มีท่าทีแปลกใจเลยสักนิดตอนที่ตอบกลับมาแกมหัวเราะว่า

“แล้วไง   สำคัญด้วยเหรอ”  พี่รามวางแก้วลง แล้วบอกเขาด้วยประโยคที่ไม่สัมพันธ์กับคำถามตอนแรกเลยแม้แต่น้อย  “กินให้หมดขวดไปเลยนะ  ไอ้ไวน์มันซื้อมาให้หลายวันแล้ว เดี๋ยวหมดอายุก่อน” 

ลักษณ์เกือบสำลัก   เขาไอค่อกแค่ก  ได้ยินเสียงพี่ชายเดินฮัมเพลงขึ้นไปชั้นบน   เด็กหนุ่มรีบล้างแก้ว  หมดอารมณ์กินต่อ
ขึ้นไปที่ห้องนอนส่วนตัวของตัวเอง   เปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นเล่นเกมออนไลน์กับเพื่อนจนจบไปสองตา  หันไปดูนาฬิกาก็พบว่าดึกมากแล้ว  เลยเปลี่ยนเป็นล้มตัวลงนอนแทน

ไม่ลืมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งนาฬิกาปลุก

แจ้งเตือนข้อความไลน์เต็มหน้าจอไปหมด ลักษณ์เลือกกดเข้าไปดูกลุ่มหล่อ(เภ)สัชชชชชชที่เตือนกันเรื่องงานกลุ่มวันพรุ่งนี้    ไลน์คณะที่แจ้งเรื่องเปลี่ยนคาบเรียน

จบด้วยไลน์ของใครคนหนึ่งที่เขาลืมไปเกือบสนิท


Wishmeluck:  นอนแล้วเหรอ
Wishmeluck:  นอนเร็วจัง

บัดดี้ของเขาทักมาตั้งแต่สามชั่วโมงที่แล้วนู่นแน่ะ

GoodLuck: ยังไม่นอนครับ
GoodLuck:  นอนแล้วหรอ
Wishmeluck:  ยังเหมือนกัน


อีกฝ่ายตอบกลับมารวดเร็วเหมือนทุกที  ราวกับรอเขาอยู่งั้นแหละ

Wishmeluck:  ทำไมยังไม่นอนอีก

GoodLuck:  คุณล่ะครับ

Wishmeluck:  นอนไม่หลับ

GoodLuck:  เป็นอะไร  คิดมาก?

Wishmeluck:  คงงั้นมั้งคะ

GoodLuck:  เล่าให้ผมฟังก็ได้นะครับ
GoodLuck:  สัญญาว่าจะเก็บเป็นความลับ

Wishmeluck:  เรื่องของฉันไม่สนุกหรอก
Wishmeluck:  อยากรู้เรื่องของคุณมากกว่า
Wishmeluck:  ทำไมถึงยังไม่นอนคะ

GoodLuck:  คิดมากเหมือนกันมั้งครับ

Wishmeluck:  มีอะไรพอให้ฉันช่วยมั้ย

GoodLuck:  คุณอยากฟังเรื่องของผมเหรอครับ

Wishmeluck:  ก็ถ้าคุณเล่า
Wishmeluck:  ฉันก็ยินดีเป็นที่ปรึกษาให้ค่ะ

GoodLuck: ถ้างั้นก็..
GoodLuck:  มันเป็นเรื่องของเพื่อนของเพื่อนพี่ชายผมอีกทีครับ

...
มาอัพต่อนะคะ  ขอบคุณที่กดเข้ามาอ่านนะคะ
ถ้าชอบอย่าลืมติชม มาได้เลยนะคะ
กดโหวตด้วยออิ :mew1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่11แล้วนะ14/1/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 21-04-2017 00:19:57
ตอนที่12

If it were not for hope, the heart would break.

 

 

 

 

 

            Wishmeluck: แล้วเพื่อนของเพื่อนของพี่ชายคุณจะทำยังไงต่อหรอคะ

            Wishmeluck: คงลำบากใจน่าดู

            GoodLuck: ครับ  ลำบากใจมาก

GoodLuck: เหมือนทำตัวไม่ถูกมากกว่า

GoodLuck:  ยังอยากเป็นเพื่อนกันต่อ

            Wishmeluck: กลัวว่าจะเสียเพื่อนไปหรือ

GoodLuck:  ประมาณนั้น

            ลักษณ์ขยับจะพิมพ์อธิบายต่อแต่ก็เปลี่ยนใจ   ละเอาไว้เพียงแค่นั้น

          เด็กหนุ่มถอนหายใจยาว   เขาหันไปดูนาฬิกาติดผนังก็พบว่าเลยเที่ยงคืนมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว...นี่เขาคุยกับอีกฝ่ายเพลินจนล่วงเวลามาขนาดนี้แล้วรึนี่  ไม่ทันรู้ตัวเลย

            บัดดี้ของเขาเป็นผู้ฟังและที่ปรึกษาที่ดีมาก  เค้ารับฟังและให้ความเห็นได้ตรงเผงราวกับรู้ใจทั้งที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน

            Wishmeluck: จะไม่ลองเปิดใจดูบ้างเหรอ

            Wishmeluck: ไม่แน่ว่าคบกันเป็นแฟนอาจจะดีกว่าเป็นเพื่อนก็ได้

            ฝั่งนั้นส่งข้อความมาอีก  เขาอ่านแล้วส่ายหัวอย่างแรง

GoodLuck:  ไม่มีทาง

GoodLuck:  เป็นไปไม่ได้หรอก

            Wishmeluck: ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้  คุณลองแล้วเหรอ

GoodLuck:  มันคงตลกตาย

            Wishmeluck: ทำไมล่ะ  คุณเห็นว่ามันเป็นเรื่องตลกหรอที่จะลองคบกัน

GoodLuck:  เพื่อนผู้ชายสองคนเนี่ยนะ?

          Wishmeluck: นี่มันยุคไหนแล้วคุณ  เป็นเต่าล้านปีหรอ หรือมาจากราชวงศ์เหา

GoodLuck:  ผมไม่ได้รังเกียจเรื่องเพศนะ  ผมว่าตัวเองก็เปิดกว้างพอตัว

GoodLuck:  แต่ที่ผมไม่โอเค  คือผมเสียดายมิตรภาพดีๆของเรามากกว่า

GoodLuck:  ทำไมเค้าทำแบบนี้วะ

GoodLuck:  ไม่เสียดายความเป็นเพื่อนของเราเลยหรอ

            Wishmeluck:  เคยดูหนังเรื่อง Frozen มั้ย

GoodLuck:  เคยดูผ่านๆ จำเรื่องไม่ได้แล้ว

            Wishmeluck: มันจะมีตอนนึงที่ตุ๊กตาหิมะที่มีจมูกเป็นแครอทอ่ะพูดว่า

            Wishmeluck: Some people are worth melting for.

GoodLuck:  ???

          Wishmeluck:  เพื่อนคนนั้นเค้าคงเห็นว่ามันคุ้มค่าที่จะเสี่ยงเอามิตรภาพหลายปีของพวกคุณมาแลกไงล่ะ 

GoodLuck:  แลกกับอะไร

Wishmeluck:  แลกกับความรักที่คุณจะมอบให้เขาในฐานะคนรัก

Wishmeluck:  และถ้าไม่สำเร็จ เขาก็คงเตรียมใจเอาไว้แล้ว

GoodLuck:  บ้าไปแล้วแน่ๆ

GoodLuck:  ไม่คุ้มอย่างแรง

GoodLuck:  เสียเพื่อนไปเนี่ยนะ

Wishmeluck:  ถ้าให้เดาเค้าคงไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆหรอกนะ

GoodLuck:  แล้วผมต้องรับมือยังไงล่ะ

GoodLuck:  ผมก็ไม่อยากให้ใครเสียใจอ่ะ

            Wishmeluck: คุณเคยได้ยินสำนวนเส้นผมบังภูเขามั้ย

            GoodLuck:  เคยดิ ทำไมอ่อ

Wishmeluck: รู้มั้ยมันแปลว่ายังไง

GoodLuck:  อืม  ก็แนวๆว่ามองข้ามวิธีแก้ปัญหาง่ายๆไปใช่มั้ย

GoodLuck:  แค่หยิบเส้นผมออกก็จบแล้ว

Wishmeluck: ใช่ นั่นแหละ

            Wishmeluck: แค่เอาคำว่าเพื่อนออกก็พอ

GoodLuck:  แล้วไง  ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย

Wishmeluck: ลองลบคำว่าเพื่อนออกไปจากหน้าผากของเค้า

Wishmeluck: แล้วมองว่าเค้าเป็นคนๆนึงที่ชอบคุณและอยากจีบคุณ

GoodLuck:  คุณกำลังเชียร์ให้ผมให้โอกาสเค้าหรอ

GoodLuck:  ผมนึกว่าคุณอยู่ฝั่งผมเสียอีกL

Wishmeluck: ก็แค่พูดอย่างเป็นกลาง

Wishmeluck: ไม่แน่คุณอาจเจอภูเขาในใจคุณก็ได้นะ

GoodLuck:  ภูเขาที่หมายถึงปัญหาใหญ่น่ะเหรอ

Wishmeluck: <3

Wishmeluck: ไม่รู้สิ

Wishmeluck: เอ๊ะ  ตกลงเป็นเรื่องของเพื่อนของเพื่อนของพี่ชายคุณ หรือว่าเรื่องของคุณเองกันแน่นะคะ

 

“เห้ย...ลืมตัวไปหน่อย  ตายแล้ว  ป่านนี้เธอคงรู้แล้วมั้งว่าเป็นเรื่องจริงไม่ใช้แสตนอินของเราเอง”  ลักษณ์บ่น  ยกมือขึ้นขยี้ผมสั้นๆจนมันยุ่งเหยิงกว่าเดิม 

GoodLuck:  ก็ต้องเรื่องของเพื่อนของเพื่อนพี่สิครับ

GoodLuck:  ผมแค่เอามาถามเล่นๆเฉยๆ

GoodLuck:  อยากฟังความเห็นของคุณ

Wishmeluck: อ้อ...ค่อยยังชั่วหน่อย  นึกว่ามีคนมาจีบคุณซะแล้ว

GoodLuck:  คุณเสียใจหรอครับ  ถ้ามีคนมาจีบผม

Wishmeluck: แค่หวั่นใจค่ะ  กลัวสำเร็จ

GoodLuck:  J

GoodLuck:  พูดแบบนี้ ผมหวั่นไหวนะ

Wishmeluck: นอนดีกว่า

Wishmeluck: ฝันดีนะ

 

ลักษณ์ยิ้มกว้างให้ข้อความในโทรศัพท์แล้วกดส่งสติกเกอร์รูปฝันดีไปให้   นึกจินตนาการถึงใบหน้าของเพื่อนสาวใส่แว่นคนนั้น  เวลาหน้าแดงคงน่าเอ็นดูไม่น้อยเหมือนกัน

เพิ่งเคยโดนสาวเต๊าะเป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย....มีความสุขชะมัด

ก่อนที่เขาจะเข้าสู่ห้วงนิทรารมณ์ในคืนนั้น   ภาพใบหน้าของใครอีกคนก็ปรากฏขึ้นในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น  ผู้ชายคนนั้นชะโงกหน้าเข้ามาจนชิด  ริมฝีปากแดงจัดห่างจากปากของเขาไปเพียงนิดเดียว     

ลักษณ์เม้มปากแน่น  เบี่ยงหน้าหนี  ได้ยินเสียงหัวเราะห้าวๆดังขึ้น   จากนั้นอีกฝ่ายก็ถอยออก...ก้าวถอยหลังห่างออกไปจากเขามากขึ้นเรื่อยๆ ทีละก้าว ทีละก้าว  จนกระทั่งเห็นเป็นเพียงเงาดำๆตามรูปร่างเท่านั้น

‘....เดี๋ยวก่อน  อย่าเพิ่งไป   อย่าไปเลย...นะ  ได้โปรด’  เขาตะโกนเรียกออกไป

เสียงสะอื้นฮักของใครกันดังมาเข้าหู  เขาขมวดคิ้ว   ยกมือขึ้นแตะที่หางตา  พบว่ามีหยดน้ำไหลออกจากดวงตาของเขาเป็นทาง

....นี่เรากำลังร้องไห้อยู่งั้นหรือ   ร้องเพื่ออะไร และทำไมกัน

            จากนั้นก็มีแสงสว่างจ้าแล้วเขาก็ไม่รู้สึกตัวอีก  จนกระทั่งสะดุ้งตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุกและพบว่ามีคราบน้ำตาเต็มสองข้างแก้ม

            เขาร้องไห้ออกมาจริงๆ

            .............................................................................

            ลักษณ์ไปเรียนด้วยความสะโหลสะเหล   เพื่อนๆพากันทักถึงใต้ตาดำคล้ำเป็นแพนด้าของเขา  กลุ่มหล่อสัชรุมถามด้วยความสงสัยว่าเขาแอบไปแว๊นซ์มาตอนกลางคืนหรือเปล่า 

            เขาปฏิเสธไปเรียบๆ  หมดไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรแม้แต่เรียนหนังสือ  ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของเขาในฐานะนักศึกษา  ได้แต่นั่งจดตามที่อาจารย์เลคเชอร์ไปแกนๆ  ไม่เข้าหัวเลยสักนิด

            ...เห้อ

            “เย็นวันพรุ่งนี้ครับผม....มึงไปป่าว ไอ้ลักษณ์”

          “ห้ะ อะไรนะ?”

            “สมัครชมรมไงมึง  ชมรมอ่ะ”   แล้วไอ้แซมก็โม้น้ำลายแตกฟองถึงชมรมปลูกผักของมัน   ฟังแล้วไม่เห็นจะน่าสนใจตรงไหน  ก็แค่ไปนั่งรดน้ำต้นไม้  ถอนหญ้า  จับหนอนอะไรไปเรื่อย

            “ไม่เอาอ่ะ ร้อนตาย  แดดเปรี้ยงขนาดนี้ให้กูไปขุดดิน  สุกตายพอดี”  เต้ปฏิเสธคนแรก

            “นั่นดิ  ไม่เอาหรอก  มึงจะไปจีบหญิงล่ะสิ  ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นสนใจเรื่องธรรมชาติ”  เบียร์ดักคออย่างรู้ทัน   คนชวนอึกอัก หน้าแดงเพราะโดนจับไต๋ได้  เลยเสเปลี่ยนเรื่องชวนเข้าชมรมอื่นแทน

            “ชมรมกีฬามั้ย  แล้วก็แวบๆไปนอน”

          “กูว่าไปหาชมรมตีดอทดีกว่า  น่าจะมีนะ”

            “กูจะเข้าชมรมวาดรูป”  ลักษณ์พูดขึ้นเรียบๆ  หลังจากฟังเพื่อนโต้เถียงกันอยู่พักใหญ่  ทุกคนหันมามองหน้าเขาอย่างทึ่ง

            “วาดรูป?  มึงเนี่ยนะ”

            “เออ!”  เขารับคำอย่างหงุดหงิด  “กูกลับก่อนนะ  ต้องไปช่วยที่ร้าน”   คว้าแก้วน้ำกับหนังสือเรียนลุกขึ้นเดินแยกออกมาดื้อๆ

            เขาเบื่อ....มันเบื่อไปหมด  ไม่รู้เป็นบ้าอะไร

            เดินออกมาที่หน้ามหาวิทยาลัย  ตรงไปที่ป้ายรถเมล์ก็เจอเด็กสาวร่างบางสวมแว่นตา....ผมยาวประบ่าปลิวตามแรงลมเบาๆ   เธอหันมามองเขาแล้วส่งยิ้มมาให้

            “วิป  กลับบ้านเหรอฮะ”  เขายิ้มออก  พิศดูดวงตากลมหวานหลังกรอบแว่นของเธอ  ผิวแก้มขาวเปล่งปลั่งมีเลือดฝาด   รวมกับท่าทางติดเรียบร้อยนิดๆของเธอนั้น ทำให้เธอเป็นหญิงสาวที่น่ารักไม่เบา

            “อืม....ลักษณ์เพิ่งกลับเหรอ”

          “ใช่แล้ว  เราอยู่คุยเรื่องชมรมกับเพื่อนน่ะ”  เขาเหล่มองเธอแล้วยิ้มกว้าง   นึกถึงบทสนทนาที่แสนลื่นไหลในไลน์ที่ผ่านมา  “วิปจะเข้าชมรมอะไรเหรอ”

            “ว่าจะเข้าชมรมศิลปะน่ะ  เราชอบวาดรูป”

          “จริงเปล่า...เราก็ชอบ  นี่เราก็จะเข้าชมรมวาดรูปเหมือนกัน”  หัวใจของเขาเต้นแรงนิดๆตอนที่รู้ว่าเธอก็มีงานอดิเรกอย่างเดียวกันกับเขา

            บังเอิญจริง...หรือมันเป็นพรหมลิขิตกันนะ

            “ดีจัง  เราจะได้มีเพื่อนไปสมัครด้วย”  วิปพูด  “ลักษณ์ชอบวาดรูปแบบไหนหรอ  เราชอบสีน้ำล่ะ”

          “เราใช้ดินสอน่ะ   อยากลองวาดสีน้ำอยู่เหมือนกันแต่ไม่มีคนสอนให้  ไว้เธอสอนเราหน่อยได้มั้ย”   เขาได้ทีรีบเสนอตัวขอเป็นศิษย์

            วิปมีท่าทางเขินอายอย่างเห็นได้ชัด  ตัวจริงของเธอพูดน้อยกว่าที่เขาวาดภาพเอาไว้จากบทสนทนาในไลน์   แถมยังมีหลายครั้งที่เธอทำเหมือนไม่เคยได้ยินเรื่องที่เขาเคยเล่าให้ฟังไปแล้ว  หรือแม้แต่มุขที่เคยเล่นกันวันก่อน

            ...เธอตีเนียนกว่าที่คิดแฮะ

            “ลักษณ์กลับบ้านยังไงหรอ”

          “รถเมล์น่ะ  ไปลงแล้วเดินต่อนิดหน่อย  วิปล่ะ”  เขาแอบหวังในใจว่าเธอจะขึ้นรถเมล์กลับสายเดียวกัน

            “แม่เรามารับน่ะ  เดี๋ยวก็คงมา  แต่วันนี้รถติดมากเลยนะ”  เธอพูดเหมือนรำพึงกับตัวเอง แล้วชะโงกไปมองถนนที่มีรถราจอดติดยาวเหยียด

            “ไปนั่งกันมั้ย  ยืนแล้วเมื่อยออก   เดี๋ยวเราอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าแม่เธอจะมาล่ะกัน”

            ....แมนๆ สุภาพบุรุษฝุดๆไปเลยครับผม   ลักษณ์นึกในใจขณะที่พาเธอถอยกลับไปนั่งในป้ายรถเมล์  ไม่ลืมก้มลงไปปัดฝุ่นบนเก้าอี้ให้เธอด้วย

            วิปดูประทับใจอย่างเห็นได้ชัด  ท่าทางของเธอผ่อนคลายลงมาก  วิธีพูดก็เป็นกันเองมากขึ้น

            กระนั้นมันก็ยังมีอะไรที่ต่างออกไป....อะไรบางอย่างที่เขายังนึกไม่ออก

            รถเริ่มเคลื่อนตัวคล่องขึ้นเล็กน้อย  รถตุ๊กๆคันหนึ่งขับตามหลังรถกระบะมาจอดติดไฟแดงอยู่ตรงหน้าของพวกเขาพอดิบพอดี  สายตาของลักษณ์มองเข้าไปเห็นร่างสูงคุ้นตานั่งอยู่เคียงข้างกับสาวน้อยร่างบาง

            หัวใจกระตุกไปวูบ...จำคนที่นั่งอยู่นั้นได้ทันที   เป็นคนเดียวกับที่บอกชอบเขาเมื่อวาน  ส่วนหญิงสาวข้างๆที่นั่งคู่กันในพื้นที่แคบๆนั้นคือเพลินตา  ดาวคณะแพทย์ไม่ผิดแน่

            หรือว่าข่าวลือที่ว่าทั้งคู่คบกันจะเป็นจริง?

          …กูชอบมึง  ลักษณ์!

          เป็นแค่มุขที่อำกันเล่นๆใช่มั้ย   บอกกูที  กูจะได้ทำตัวถูก  ไม่ต้องมานั่งงงเป็นไก่ตาแตก ทำอะไรไม่ถูกแบบนี้....เขาตะโกนในใจ   มองสองคนบนรถนั้นเขม็ง   ทั้งคู่ไม่มีทีท่าว่าจะหันมาเห็นเลย  ยังคงนั่นคุยกันอย่างสนิทสนม 

            โลกคงเป็นสีชมพูล่ะมั้ง

 

            “เพลินว่าลักษณ์เห็นพวกเราแล้วนะ”   หญิงสาวพูดขึ้น  เหลือบมองคนที่ป้ายรถเมล์ทางหางตานิดหนึ่ง  อยากหันไปโบกมือทักแต่ติดตรงที่ผู้ชายที่นั่งหน้าเคร่งอยู่ข้างๆเธอนั้นห้ามเอาไว้

            “ช่างเขา  ทำเฉยๆเถอะ”

            “ไม่ทักหน่อยเหรอ....อืม  แต่ดูเหมือนว่าเค้าจะไม่ได้มาคนเดียวนะ   ผู้หญิงคนนั้นคือใครน่ะ”  เพลินทักขึ้น  ทำให้ดวงตาคมตวัดไปมองเข้าจนได้

            “เป็นเพื่อนในคณะของลักษณ์  ที่เป็นบัดดี้น่ะ”

          “คนนี้น่ะเหรอ”  เพลินตาอุทาน  “น่ารักดีนี่  ดูเป็นแม่ศรีเรือน   ลักษณ์น่าจะชอบนะ”  เธอแกล้งพูดยั่วเล่นๆ  แววหงุดหงิดพาดผ่านนัยน์ตาสีดำสนิทล้อมด้วยขนตายาวนั้นอย่างไม่ปิดบัง

            “ไม่ใช่สเป็คมันหรอกน่า”  เขาตอบกลับไป 

            จริงๆก็อยากกระโดดลงจากรถตุ๊กๆแล้วเดินเข้าไปนั่งแทรกกลางระหว่างคนทั้งคู่เล่นเหมือนกัน   ดูซิว่าเจ้านั่นจะทำหน้ายังไง  แต่สติที่พอมีก็รั้งเอาไว้ไม่ให้ทำตามใจ

            ..แค่นี้ลักษณ์ยังเกลียดมึงไม่พอรึไง  ไอ้ไวน์    ใจเย็นๆดิวะ

            “ไม่แน่  ยิ่งคุยถูกคอกันด้วยแล้วล่ะก็....”  เพลินตาลากเสียง  “จะไหวเรอะ  มัวแต่นั่งนิ่งไม่ทำอะไรสักที”   เธอแกล้งพูดอีกครั้ง   คนฟังมีท่าทางฮึดฮัดแต่พยายามเก็บอาการเอาไว้ใต้ท่าทางเหมือนไม่สนใจ

            สนิทกันมาเกือบเดือนทำไมจะดูไม่ออก   ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนเก็บอารมณ์เก่งนักหรอก   ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมลักษณ์ถึงดูไม่ออกว่าถูกเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อเข้าให้แล้ว  ทั้งที่คบกันมาตั้งเจ็ดปี

            ถ้าไม่ซื่อบื้อจนไม่รู้จริงๆ  ก็คงแกล้งซึนทำเป็นไม่รู้แล้วล่ะ   ผู้ชายที่เพียบพร้อมและรักตัวมากขนาดนี้  ทำไมถึงไม่สนใจนะ  ถ้าเป็นเราล่ะก็...

            เธอรีบปัดความคิดพวกนั้นออกไป 

            “เบื่อรถติดจริงๆ  ป่านนี้พวกนพคงไปถึงแล้วมั้ง   หรือเราจะซ้อนมอเตอร์ไซค์ไป อาจจะเร็วกว่า”  เธอเสนอความคิด  แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนร่วมทางของเธอจะไม่ได้ใส่ใจฟังเลย

            “ไวน์...ถ้าอยากคุยก็ลงไปเหอะ  ไปเคลียร์กันให้จบ ดีกว่าปล่อยคาราคาซัง”

            “เธอนั่งต่อไปห้างคนเดียวได้ใช่มั้ย”  เขาหันมาถาม  คนฟังไม่แปลกใจ  แค่เห็นสายตาที่มองฝ่ายนั้นก็เดาออกแล้ว

            “นี่ใครคะ  นี่เพลินตานะคะ  นั่งแท็กซี่กลับจากผับคนเดียวยังทำมาแล้วเลยค่ะ   รุ่นนี้ล้มช้างได้ทั้งตัวค่ะ ไม่ต้องห่วง  ห่วงโน่นดีกว่าค่ะ”

          เพื่อนชายยิ้มให้แทนคำขอบคุณ   กระโดดลงจากรถตุ๊กๆคันนั้น ก้าวขึ้นฟุตบาทตรงเข้าไปหาคนที่ยังนั่งคุยอยู่ในป้ายรถเมล์

            “ไว้เดี๋ยวตามไปที่ห้างนะ”  เขาหันไปบอกเพื่อนสาว  เพลินตาโบกมือตะโกนกลับมา           

            “เจอกันพรุ่งนี้เลยค่ะ  เดี๋ยวเราสวีทกับนพสองคนเอง”  ไวน์หัวเราะเบาๆ  เป็นจังหวะที่รถเคลื่อนตัวพอดี 

หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆลักษณ์ผุดลุกขึ้นยืน   วิ่งไปขึ้นรถเก๋งที่มาจอดเทียบใกล้ๆนั้น   ลักษณ์ยกมือสวัสดีมารดาของเพื่อนที่เป็นคนขับ  โบกมือให้วิปนิดหนึ่งแทนคำลา  จากนั้นก็ลดมือลงเปลี่ยนเป็นกอดอกแทน  รับรู้ได้ว่ามีคนเดินมาหยุดยืนข้างๆ

เงาสูงๆที่บังเงาเขาบนฟุตบาทจนเกือบมิด

“นึกว่าจะไปกับสาวซะอีก  แม่เธอดันมารับซะได้”

“..................”  เขาไม่ตอบ แต่หมุนตัวเดินหนี    ไม่รงไม่รอมันแล้วรถเมล์

มือใหญ่คว้าหมับเข้าที่หัวไหล่  ดึงรั้งเอาไว้ให้หยุดยืนอยู่กับที่

“ขอโทษ”  เสียงห้าวๆเอ่ยเบาๆ

“เรื่องอะไร”  เขาถามกลับไปห้วน  ยกมือปัดมือของอีกคนออก

“กูทำให้มึงไม่สบายใจมากใช่มั้ย”

“มันยิ่งกว่านั้นอีก  ไอ้ไวน์”   เขาหันกลับไปตอบ สบตาคมเข้มคู่นั้นที่มองมาด้วยแววเสียใจ  แฝงด้วยรอยบางอย่างที่คล้ายกับเว้าวอนนิดๆ

“มึงไม่ยอมคุยกับกูเลย ลักษณ์”

“ก็คุยอยู่นี่ไง”

“หมายถึงแบบ...คุยดีๆ   เหมือนทุกทีเวลาเราโกรธกันน่ะ”  ไวน์พูดเสียงอ่อน  “หรือว่ามึงไม่อยากฟัง”

“เออ! กูไม่อยากฟังมึงพล่ามแล้ว”  ลักษณ์พูดห้วนๆ  “ไม่เข้าใจว่ามึงมาทำแบบนี้ทำไม  ทั้งที่มึงก็กำลังคบกับดาวคณะอยู่   เห็นกูเป็นอะไร  ตัวตลกเหรอ”  เสียงของเขาแหบลงเพราะอารมณ์ที่อัดแน่นอยู่ในอก   ไม่รู้เหมือนกันว่ามันมาจากไหนมากมายขนาดนี้ 

“ไม่ใช่อย่างนั้น  คบอะไร...เพลินน่ะเหรอ”  ชื่อเล่นของหญิงสาวหลุดออกมาจากริมฝีปากของเพื่อนอย่างง่ายดายคล้ายคุ้นชิน  “ไปเอามาจากไหน”

“ก็เห็นกันอยู่   หรือไม่จริง...มึงอ่ะชอบปิดบังกูเรื่องผู้หญิง  ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ทีกูยังเล่าให้มึงฟังทุกเรื่องเลย   ไม่คิดว่ามันไม่ยุติธรรมบ้างเหรอ”

“มึงคิดว่าการที่ต้องทนฟังคนที่เราชอบนั่งเล่าเรื่องตัวเองกับคนอื่นมันสนุกนักหรือไงลักษณ์”  ไวน์พูดเสียงต่ำ  “กูช่วยให้ปรึกษามึงทั้งที่ในใจกูแช่งให้มึงเลิกกัน  จะไม่ฟังก็ไม่ได้เพราะอยากรู้ความเป็นไปของอีกฝ่ายมากเหลือเกิน   หึ...มึงบอกว่ากูไม่ยุติธรรมที่ไม่เคยเล่าเรื่องผู้หญิงให้มึงฟังเลย  คำตอบของกูคือไม่มี...กูไม่เคยคบใครจริงจังเลยลักษณ์  รู้มั้ยว่าทำไม?”

เสียงของไวน์เบาเร็วแทบฟังไม่ทัน  ทว่าเขาก็ได้ยินมันทุกคำ

ลักษณ์ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาคนพูดเลยด้วยซ้ำ   เขายืนเม้มปากแน่น   หัวใจเต้นรัวเร็วในอกจนกลัวว่ามันจะหลุดออกมาเข้าในวินาทีใดวินาทีหนึ่งข้างหน้า    บรรดาคนที่ยืนรอรถเมล์อยู่ด้วยกันคล้ายเลือนหายไปชั่วขณะ   มีแค่เขากับไอ้ไวน์สองคน  ยืนเผชิญหน้ากัน

“เพราะมีไอ้เด็กแกนคนนึงอยู่ข้างกูมาตลอดไง   กูหลงรักมันมา 7 ปี  ตั้งแต่ตอนไหน เมื่อไหร่ก็ไม่รู้  รู้ตัวอีกทีก็รักไปแล้ว  แถมมันยังโง่ไม่เคยรู้ตัวอีก  จนกระทั่งวันนึงกูเก็บเอาไว้ไม่ไหว  เผลอจูบมันไป   บอกรักมันไป   มันก็เอาแต่หนี  ไม่ยอมพูดยอมจา  พอเจอหน้าดันบอกว่ากูมีแฟนแล้ว มาล้อเล่นกับมันทำไม  ทั้งๆที่กูไม่-ได้-มี-ใคร”  ไวน์เน้นเสียงทีละพยางค์   

มือแข็งๆเอื้อมมาจับที่ต้นแขนของเขาเอาไว้แน่น    แสงแดดยามเย็นสะท้อนเข้าที่แก้วตาของฝ่ายนั้นเป็นสีน้ำตาลเข้ม  เงาของตัวเองปรากฏอยู่ในแก้วตาใสที่ลักษณ์เพิ่งสังเกตว่ามันไม่ได้เป็นสีดำสนิทอย่างที่เคยเข้าใจ 

            “จะให้กูทำยังไงต่อ  ลักษณ์” 

          “กูเสียดายความเป็นเพื่อนของเราสองคนไวน์”  เขาพูดออกมาจนได้หลังจากหาเสียงของตัวเองอยู่นาน  “…ที่มึงทำมันทำให้กูลำบากใจมาก....มึงไม่ใช่กูไม่รู้หรอกว่ากูรู้สึกยังไง”

          ไวน์ตั้งใจฟังที่เขาจะพูดเหลือเกิน  นัยน์ตาคู่นั้นจับจ้องมาที่เขาแน่วแน่   ลักษณ์กลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ...ที่ไวน์พูดมาทั้งหมดทำให้เขาประหลาดใจมาก   เพราะมันล้วนเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลย   ไม่นึกเลยว่าตลอดหลายปีที่คบกันมา   ช่วยเหลือกันทะเลาะกันดีกันวนไปเรื่อยๆคล้ายความสัมพันธ์ของเราไม่มีที่สิ้นสุดนั้น  อีกคนจะไม่ได้นึกกับเขาแค่เพื่อน

            “....กูไม่อยากเปลี่ยน  ไวน์  กูชอบมิตรภาพแบบเพื่อนของเรามากกว่า  กูไม่อยากให้เราต้องมาผิดใจกันด้วยเรื่องงี่เง่าเหมือนเวลาที่คนคบกันเป็นแฟนเค้าเป็นกัน   ไวน์....เป็นเพื่อนกันมันอาจจะยั่งยืนกว่า   บางทีมึงอาจจะลองคุยกับ....”  เขาพูดต่อไม่ออก  ความเสียใจที่ฉายชัดบนดวงตาคมคู่นั้นทำให้คำพูดที่คิดเอาไว้เลือนหายไปจากสมอง

            ไวน์มองหน้าเขานิ่งงัน  ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำทว่าไม่มีน้ำตาสักหยดเดียว  ริมฝีปากแดงสดเม้มแล้วคลายออกคล้ายจะพูด แต่ก็ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา 

            ลักษณ์รู้สึกเหมือนถูกอากาศรอบตัวบีบเค้นจนหายใจไม่ออก  ความกดดันมากมายมหาศาลโถมลงมาทับบนสองบ่าโดยไม่ทันตั้งตัว   ไวน์ปล่อยมือจากต้นแขนของเขาช้าๆแล้วยืดตัวขึ้นยืนเต็มความสูง

            “ถ้างั้น...ก็ได้...”  ไวน์พูดเสียงสั่น  “ตามนั้น...เป็นเพื่อนกัน....แค่เพื่อน  โอเค”  ไวน์ยกมือขึ้นสองข้างแล้วเปลี่ยนเป็นล้วงกระเป๋ากางเกงแทน

            “ไวน์”

          “ลักษณ์....มึงรู้ดีอยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไร   เพียงแต่มึงกลัวที่จะยอมรับ....อีกหน่อยมึงจะเสียใจที่เลือกแบบนี้   ลักษณ์”

            “กูขอโทษ”

          นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่เขาพูดกับอีกฝ่าย  ไม่รู้ว่าไวน์ได้ยินที่เขาพูดหรือเปล่า เพราะเจ้าตัวหันหลังให้แล้วเดินดุ่มๆจากไปเสียแล้ว

            ลักษณ์ยกมือขึ้นจับที่หน้าอกซีกซ้ายของตัวเอง  ก้อนเนื้อที่อยู่ข้างในนั้นกำลังเต้นอย่างบ้าคลั่งกระแทกแผ่นอกของเขาจนเจ็บไปหมด  ลำคอแห้งผากเป็นผงราวกับเพิ่งเดินทางไกลผ่านทะเลทราย   ขอบตาร้อนผ่าว   ภาพเบื้องหน้าเริ่มพร่าเบลอมองไม่ชัดอีกต่อไป

            เขายกมือขึ้นแตะที่ขอบตา  หยาดน้ำใสๆไหลรินลงมาเป็นทางยาว   เขากลั้นสะอื้น   ความรู้สึกที่ยากจะบรรยายอัดแน่นอยู่ข้างใน   นึกอยากร้องตะโกนออกมาดังๆด้วยความอัดอั้นที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่

            เขาทำถูกแล้วไม่ใช่เหรอ 

            ให้ไวน์เสียใจตอนนี้เสียยังดีกว่าทนทู่ซี้ลากยาวหรือบ้าจี้ยอมเป็นแฟนมันตามที่ขอ  เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีวันมองเห็นมันเป็นอื่นอยู่ดีนอกจากเพื่อนสนิท   ต่อให้มันมาจีบเขาอย่างที่บอกก็เถอะ

            มันไม่มีทางสำเร็จ

            ไม่อย่างนั้นเขาก็คงรักมันไปแล้วสิ ในเมื่อเราใกล้ชิดกันมาตั้งนานแล้ว

            อืม...นั่นแหละ  ถูกต้องที่สุด 

            ลักษณ์สงบสติอารมณ์แล้วขึ้นรถเมล์กลับมาถึงบ้าน  ป้าดาไม่ได้ให้เขาลงมาช่วยเหมือนทุกวัน  และเขาก็ไม่อยู่ในอารมณ์พร้อมจะช่วยใครทั้งนั้น

            กลับมานอนก่ายหน้าผากในห้องนอนของตัวเอง  ครุ่นคิดกลับไปกลับมาอีกรอบก็ยังหาหนทางที่ดีกว่านี้ไม่ได้  ความโกรธที่มีในตอนแรกนั้นหายไปหมดเหลือเพียงแต่ความรู้สึกผิดที่ทำให้เพื่อนต้องผิดหวังและเสียใจ

            ไม่ใช่ไวน์คนเดียวที่เสียใจ

            ลักษณ์คว่ำกรอบรูปที่มีเขากับไอ้ไวน์ยืนกอดคอยิ้มกว้างลงกับผ้าปูที่นอน  ทุบกำปั้นลงกับเตียงแรงๆหลายครั้ง   ปากเม้มสนิทไม่ยอมให้เสียงหลุดลอดออกมา

            โคตรเสียใจเลยเว้ย

            ................................................................................

มาต่อนะคะ  ยังจำเรื่องนี้กันได้อยู่มั้ยคะ555555 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่12แล้วนะ21/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-04-2017 08:23:58
เราก็เสียใจค่ะ ทำเอาน้ำตาซึม จะเชียร์ให้มีคนอื่นมาจีบไวน์ แล้วไวน์ยอมคบด้วยซะเลย
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่12แล้วนะ21/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 21-04-2017 17:43:46
เราตามมาทันแล้วค่ะ ตื่นเต้นลุ้นด้วย #ทีมไวน์เลย
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่12แล้วนะ21/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 22-04-2017 02:58:19
 :hao5:



โอยยย หน่วงงงงง
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่12แล้วนะ21/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 22-04-2017 19:21:39
โถถถถ ไวน์


 :mew4:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่12แล้วนะ21/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: knxiiviii ที่ 23-04-2017 18:16:24
ลักษณ์รักไปแล้วแต่ยังไม่รู้มากกว่า
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่13แล้วนะ23/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 23-04-2017 20:33:54
ตอนที่ 13

Every man is his own worst enemy.

 

 

 

            “เต็มแล้วค่ะน้อง  พี่ขอโทษจริงๆนะ   แต่ทางมหาลัยเค้ากำหนดจำนวนมาแค่นี้  พี่ก็ไม่รู้จะทำยังไง”

            รุ่นพี่ปีสองของชมรมศิลปะพูดพลางตบบ่าของเขาอย่างเห็นใจ  ลักษณ์รับใบสมัครที่กรอกเรียบร้อยแล้วมาถือเอาไว้เงียบๆ  กวาดสายตามองรายชื่อบนกระดาษที่แปะอยู่บนโต๊ะรับสมัครซ้ำ  นับจำนวนอีกรอบก็พบว่าเขา...มาช้าไปจริงๆ  นี่ถ้าไม่มัวแต่นั่งคิดอะไรไร้สาระ  เขาก็คงมาทันแล้ว

            ถอนหายใจยาว เดินกลับมาออกมาจากตึกอย่างหงอยๆ

            “ลักษณ์  มาอยู่นี่เอง  วิปเดินตามกาตั้งแต่เลิกเรียนก็ไม่เจอ  ก็เลยไปสมัครก่อน”  เพื่อนสาวร่วมคณะฯ  เดินยิ้มตรงเข้ามาหา  “ลักษณ์สมัครเสร็จหรือยัง  เดี๋ยวคนเต็มนะ”

          “เต็มไปแล้วล่ะวิป  เราไปไม่ทัน”  เขาบอกเรียบๆ

            “อ้าว  เอาไงดี... เอางี้  เดี๋ยววิปไปคุยกับพี่เอมให้  เค้าเป็นแฟนของพี่ชายวิปเอง”  เธอเดินนำเขากลับเข้าไปในห้องชมรม   ตรงเข้าไปหารุ่นพี่ผู้หญิงผมสั้นคนนั้น  เขาเห็นพวกเธอพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง   คนที่ชื่อพี่เอมก็ยิ้มกว้าง  ยกมือขึ้นเหมือนจะแซวอะไรวิปสักอย่าง

            วิปเดินกลับมาหาเขา  ใบหน้าใต้กรอบแว่นแดงก่ำ

            “ได้แล้วล่ะ  ไหนใบสมัครของลักษณ์ล่ะ”

          “ขอบคุณมากนะวิป  เธอพูดยังไงน่ะ พี่เขาถึงให้”

          “อ๋อ...ก็  ไม่มีอะไรหรอก  เราแค่บอกว่าเธอเป็นเพื่อนเราน่ะ  และก็วาดรูปเก่งมากอะไรทำนองนั้น”  เด็กสาวพูดโดยไม่มองหน้าเขา  รับกระดาษใบสมัครจากมือไปส่งให้รุ่นพี่

            เย็นวันนั้นเขาอาสาเลี้ยงข้าวเย็นเธอหนึ่งมื้อเป็นการตอบแทน  ทว่าเธอปฏิเสธ  เพราะไม่ได้บอกแม่ไว้ก่อน  ลักษณ์เลยเปลี่ยนเป็นชวนเธอไปดูหนังแทนวันเสาร์

            ใบหน้าที่ขึ้นสีแดงเรื่อของอีกฝ่ายทำให้เขาออกจะรู้สึกว่าเธอน่ารักน่าเอ็นดูดีไม่น้อย   วิปพยักหน้ารับคำเสียงเบาก่อนจะเดินไปขึ้นรถของมารดา 

            ไม่ลืมหันมาโบกมือให้เขา

            “แหนะๆ  ทำไรมึง  จีบวิปหรอครับ”  เสียงทักดังขึ้นข้างหลัง  ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าคือใคร   มือหนักตบที่บ่าเขาจนตัวเอียง   แซมหรี่ตามองเขาอย่างมีเลศนัย

            ลักษณ์เบี่ยงตัวออกจากฝ่ามือหนักของไอ้เบียร์  ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

            “เพื่อนกันเฉยๆน่า”

          “เพื่อนที่ไหนจะชวนไปดูหนังกันสองคนละครับ”

          “เพื่อนสนิทไง”  เขาตอบกลับอย่างหงุดหงิด....ทีเขากับไอ้ไวน์ยังไปดูหนังกันสองคนประจำเลย  ไม่เห็นแปลก...สองเท้าหยุดชะงัก   ชายหนุ่มสั่นหัวไล่ความคิดไร้สาระที่มีชื่อไอ้ไวน์ผสมอยู่ออกไปจากสมอง

            คิดไปก็เท่านั้น..

            “ศุกร์หน้ามีงานปิดเฟรชชี่เกมแล้วนะ    เร็วดีเหมือนกัน  กูว่าพวกเรายังโดดแสตนกันไม่เท่าไหร่เลย  อ้อ...แล้วก็จะมีประกวดดาวเดือนมหาวิทยาลัยด้วย”

          “แล้วไง  ไม่เห็นน่าสนใจ”  เขาตอบปัด  ทั้งที่รู้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่อถึงอะไร

“ไม่ไปเชียร์เพื่อนมึงหน่อยเหรอ....ไอ้ลักษณ์  เพื่อนมึงไอ้ไวน์อ่ะ เป็นตัวเก็งเลยนะคร้าบ  ส่วนดาวนี่เห็นบอกว่าเพลินตาคณะแพทย์กับน้องไปป์ถาปัดมาแรงด้วยกันทั้งคู่ สูสีมากมึง  แต่กูเชียร์เพลินตาว่ะ  ดูแล้วเพลินตาเพลินใจ”

“ไอ้ลักษณ์มึงไปสิ  จะได้ไปขอเบอร์เพลินตาให้กูด้วย  มึงสนิทกับไอ้ไวน์ไม่ใช่เหรอ  เข้าทางนั้นก็ได้”

“ไอ้เบียร์  เพลินตากับไอ้ไวน์ไม่ได้เป็นแฟนกันไปแล้วเหรอวะ  มึงให้ไอ้ลักษณ์ไปขอแบบนั้นเดี๋ยวก็เละเป็นโจ๊กหรอก”  แซมพูดด้วยท่าทางของผู้รู้ลึกรู้จริง

“อ้าว  สรุปข่าวลือนั่นจริงหรอ  โห...ไอ้ไวน์คาบไปแดกเรียบ  อย่าให้กูเกิดมาหล่อลากเหมือนมันบ้างนะ”

ลักษณ์เร่งฝีเท้าขึ้น  ไม่รอเพื่อนที่เหลือที่เดินเกาะกลุ่มคุยกันเฮฮาไปตามเรื่อง   ...เขาอยากกลับบ้านแล้ว  อยากไปช่วยป้าดาเสิร์ฟอาหารเต็มที

เย็นวันนั้นเขาทำงานหัวหมุนอยู่ในร้านอาหารตามสั่งของป้า  พี่รามไม่อยู่ต้องไปพบลูกค้า  ทั้งร้านก็เลยเหลือเขาเป็นลูกมือของป้าอยู่คนเดียว  ทั้งจดรายการอาหาร  เดินเสิร์ฟ เก็บโต๊ะ  เก็บตังค์   วิ่งวุ่นขาแทบขวิด  และลูกค้าในร้านก็เเน่นยิ่งกว่าทุกวัน

“ลักษณ์เอ้ย  โต๊ะสองขอน้ำเปล่าน้ำแข็งสองลูก”  ป้าดาตะโกนบอกมาจากหน้าร้าน  ป้าเป็นผู้หญิงวัยกลางคนร่างท้วมใหญ่  ขาของเธอไม่ดีมาตั้งแต่สาวๆเลยเดินเหินไม่ถนัด   แต่เรื่องทำกับข้าวบอกเลยว่าฝีมือของเธอไม่เป็นรองใครในละแวกนี้   ไม่เชื่อดูกับข้าวเกือบยี่สิบถาดที่วางเรียงอยู่ในตู้กระจกหน้าร้านดูก็ได้   หลายถาดพร่องไปเกือบหมดแล้วทั้งที่เพิ่งเปิดร้านได้ไม่กี่ชั่วโมง

“ได้ครับ”   หลานชายตอบกลับมาอย่างแข็งขัน

ลักษณ์เป็นลูกชายคนเล็กของน้องสาวของเธอเอง  เธอรับทั้งเขาและรามพี่ชายมาเลี้ยงดูตั้งแต่ลักษณ์อายุได้เพียง 3 ขวบ  เพราะน้องสาวและน้องเขยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์   สำหรับหญิงสาวโสดแล้วการเลี้ยงดูเด็กเล็กๆกับเด็กวัยรุ่นพร้อมกันนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย

โชคดีที่ลักษณ์เป็นเด็กเลี้ยงง่าย  ไม่ค่อยงอแง  ส่วนรามก็เป็นเด็กวัยรุ่นที่เอาถ่านไม่ใช่เล่น  และมีความคิดที่โตเกินวัย   ทำให้ป้าอย่างเธอไม่เหนื่อยจนเกินไปนัก 

เธอดีใจมากที่หลานคนเล็กสอบเข้าเภสัชได้  แค่นี้เธอว่าก็หรูแล้ว  ไม่ต้องถึงขั้นหมออย่างที่หลานชายอยากเป็นหรอก...ทว่าเธอก็รู้อยู่ดีว่าลึกๆแล้วลักษณ์เสียใจที่ไม่ได้ตามที่หวังเอาไว้

“เหนื่อยมั้ยลูก  วันนี้รามไม่อยู่  ป้าก็เดินเสิร์ฟไม่ไหว...สงสัยเราต้องจ้างคนมาเพิ่มแล้วมั้งเนี่ย”  เธอพูดขึ้นหลังจากนั่งล้างจานอยู่ข้างๆหลานชายที่วันนี้เงียบผิดปกติ

“ยังไม่ต้องหรอกครับ  ผมยังไหวอยู่”

“แล้วถ้าวันไหนทั้งหนูทั้งรามไม่อยู่ล่ะ”

“ยังไงผมก็ต้องกลับบ้านอยู่แล้วครับ ป้าดา”  ลักษณ์ตอบกลับมา  “พี่รามก็ไม่ได้ไปไหนหรอก”

“ถ้าไม่ได้พวกเธอป้าก็คงทำร้านนี้ไม่ไหวหรอกนะ  ต้องขอบคุณแม่วรรณเค้าที่ทิ้งหลานเอาไว้ให้สองคน”  เสียงของเธอเบาลง  “คิดถึงแม่บ้างหรือเปล่า..ลักษณ์”

เด็กหนุ่มสั่นศีรษะแทนคำตอบที่เขาพูดไม่ออก   ความจริงแล้วลักษณ์จำหน้าพ่อแม่ไม่ได้ด้วยซ้ำ  พวกเค้าจากไปตอนที่เขายังเล็กเกินไป  เขาก็เลยได้แต่มองหน้าบุพการีตัวเองจากรูปภาพที่มีอยู่ไม่กี่ใบเท่านั้น

“ดีนะที่พวกเธอโตมาไม่มีปัญหา  ลักษณ์สอบได้เภสัชนี่ป้าโล่งใจมากเลยรู้ไหมลูก”

“แต่ผมไม่ได้ชอบเท่าไหร่”   ลักษณ์นึกถึงความฝันของตัวเองที่อยากเข้าแพทย์แล้วถอนหายใจยาว  ในตอนนี้มันดูเป็นความฝันที่ไกลเกินเอื้อมเหลือเกิน   ทั้งที่ไม่กี่เดือนก่อนเขากับไอ้ไวน์ยังนั่งติวหนังสือกันด้วยความหวังที่ลุกโชนเต็มหัวใจแท้ๆ

“เรียนเภสัชจบออกมาก็ไม่ตกงานนะลูก  อย่าคิดมากเลย  อดทนเรียน....เรียนๆไปอีกหน่อยก็ชอบเองนั่นล่ะ”

หลานชายอยากจะเถียงว่าไม่จริงหรอก  เรียนๆไปเดี๋ยวก็ชอบเองนั้นเป็นแค่ประโยคที่มีไว้พูดปลอบใจตัวเองเท่านั้นแหละ

“ครับ”  แต่ว่าเขาก็เลือกที่จะรับคำอย่างสงบแทน

มีคนถามว่าทำไมเขาไม่ซิ่ว  อย่างที่คนอีกเกือบครึ่งคณะฯเลือกที่จะทำ   ลักษณ์ไม่อยากหาคำตอบให้กับตัวเอง   แม้ว่าลึกๆแล้วเขาจะพอรู้คำตอบอยู่บ้าง

ลักษณ์กลัวผิดหวังอีกครั้ง

            ..................................................................................

 

            เด็กหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอ่านข้อความอีกรอบ  เป็นประโยคสั้นๆเขียนว่า ‘โชคดีค่ะ’  จากบัดดี้ของเขา  มันถูกส่งมาให้ตั้งแต่เมื่อต้นอาทิตย์ก่อน  เป็นข้อความสุดท้ายที่เขาได้รับ  หลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยตอบกลับมาอีกเลยไม่ว่าเขาจะพยายามทักไปอย่างไรก็ตาม

            เธอหายไปดื้อๆ

            หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเราได้คุยกัน ‘จริงๆ’ แล้วกระมัง

            ลักษณ์ยิ้มนิดๆตอนที่กดคลิกเม้าส์เปิดโปรแกรมเฟสไทม์ขึ้นมา  บนหน้าจอตรงข้ามกับเขาเป็นใบหน้าของเด็กสาวร่วมคณะฯ....วิป   เราคุยกันทุกวันที่คณะฯ และทุกคืนก่อนนอน

            ถ้าจะบอกว่าเขาจีบเธอ...ก็คงจะได้ล่ะมั้ง

            “วิปยังทำแคลไม่เสร็จเลยค่ะ ลักษณ์มีเฉลยมั้ย”  เสียงสดใสดังผ่านลำโพง

            “มีครับ  เดี๋ยวผมถ่ายรูปส่งไปให้....พรุ่งนี้ว่างหรือเปล่าเอ่ย”  เขาถามเรื่อยๆ  มือก็ง่วนอยู่กับการเปิดแฟ้มหาชีทแคลคูลัสมาถ่ายรูปส่งให้เธอ

            วันเสาร์ที่ผ่านมาเราไปดูหนังกัน...เปล่า  ไม่ใช่สองคนอย่างที่เขาคิดเอาไว้หรอก  แต่เป็นสี่....วิปพาเพื่อนมาอีกด้วยอีกสองคน   โชคดีที่เพื่อนของเธอดูเหมือนจะชอบเขาอยู่บ้าง  ก็เลยไม่ทำตัวเป็นคนหวงเพื่อน หรือก้างขวางคออย่างคนอื่น

            ลักษณ์พบว่าอีกฝ่ายก็คุยเก่งพอตัว  โดยเฉพาะเวลาพูดถึงเรื่องศิลปะ   วิปมีพรสวรรค์โดดเด่นมาก  งานเขียนของเธอที่เขาเห็นในชมรมทำให้เขาทึ่ง  เธอเลยกลายเป็นติวเตอร์เรื่องศิลปะให้เขาขณะที่เขาช่วยเธอเรื่องเลขแทน

            “พรุ่งนี้เหรอคะ....ว้า  ไม่ว่างอ่ะ  วิปต้องไปช่วยพราวเตรียมตัวประกวดดาวคณะฯ”  เธอหมายถึงพราวฝัน  เพื่อนในกลุ่มที่ตอนแรกทุกคนมองข้ามเพราะความเรียบร้อย จนกระทั่งวันหนึ่งมีคนเห็นพราวฝันที่สยามในลุคสวยเฉี่ยวชนิดตัวเก็งดาวคณะฯคนเดิมต้องชิดซ้าย  ตำแหน่งนี้เลยตกเป็นของเธอไปโดยปริยาย

            หลังจากนั้นเพื่อนสาวกลุ่มนี้ก็เลยพลอยฮอตขึ้นมา  หลายคนโดยเฉพาะวิปที่หน้าตาน่ารักอยู่แล้ว ก็เลยยิ่งมีคนหมายปองมากขึ้น

            แต่เสียใจด้วยนะทุกคน  เพราะไอ้ลักษณ์คนนี้ทำคะแนนเอาไว้ก่อนแล้ว

            “ผมช่วยอะไรได้บ้าง”

          “ไปเชียร์แล้วกันค่ะ  แข่งวันศุกร์นี้แล้ว  หลังชิงบาสแพทย์กับวิศวะ”

          “อ้อ..”   เขาอุทานแล้วเงียบไปจนอีกฝ่ายถาม

            “ลักษณ์...ยังอยู่หรือเปล่า  หรือว่าเน็ตค้างไปแล้ว”

            “อยู่ฮะ ....มีอะไรให้ช่วยตรงไหนอีกมั้ย  ข้อไหนสงสัยรีบถามมาเร็ว”  เขาตอบกลับไปด้วยเสียงที่มีแต่ตนเองเท่านั้นที่รู้ว่า ร่าเริงกว่าปกติ

            เกือบห้าทุ่มแล้ว  เขาบอกลาวิปและกดเข้าไปในห้องแชทรวมของเพื่อนกลุ่มหล่อสัช   ทุกคนต่อว่าที่เขามัวแต่ป้อสาวเลยมาช้า  ไอ้แซมกดเริ่มเกมทันทีเมื่อคนครบโดยไม่ยอมเสียเวลาให้สูญเปล่าไปสักวินาที

            ตีสาม...ตอนที่เขากดผิดคอมพิวเตอร์แล้วไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน  การแพ้สองตารวดแล้วกลับมาเอาชนะได้นี่ช่างมันส์ได้ใจเหลือเกิน   กระนั้นในใจเขาก็ไม่เบิกบานเท่าที่ควร  ราวกับมีเมฆหมอกอะไรบางอย่างลอยคลุมอยู่ 

            นอนก่ายหน้าผากอยู่บนเตียงต่ออีกครึ่งชั่วโมง  ความเหนื่อยอ่อนและง่วงงุนในตอนแรกเหมือนหนังโฆษณาชวนเชื่อในโทรทัศน์  ลักษณ์ถอนหายใจยาว 

            อาทิตย์กว่าแล้วที่เขานอนไม่หลับ

            อาทิตย์กว่าแล้วเช่นกันที่เขาไม่ได้เจอหน้า(อดีต) เพื่อนสนิทเลย  คล้ายกับว่าอีกฝ่ายหายตัวไปเสียเฉยๆ  ไม่เข้าเรียน  ไม่ไปที่คณะฯ  ไม่กลับบ้าน  และไม่ได้บอกใคร...ไม่สิ  เขาว่าเพลินตาคงรู้ว่าอีกฝ่ายไปไหน

            แต่เขาก็ไม่อยากถาม  ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไงที่อีกฝ่ายหายไปแบบนั้น

            ไม่อย่างนั้นจะให้เขาทำหน้ายังไงเวลาเจอหน้ากัน  ทำเป็น...ไม่เคยรู้จักกันงั้นหรือ   หรือว่าทำตัวเหมือนเดิม  ปล่อยให้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเรื่องตลกขำๆไม่สำคัญ

            ลักษณ์หยิบโทรศัพท์มาเปิดโปรแกรมไลน์อีกครั้ง ...ไม่ใช่คุณบัดดี้ Wishmeluck คนเดียวที่หายเงียบไป  หากแต่ WineiloveU ก็หายเงียบไปด้วยเช่นกัน

          GoodLuck: ....

            เขาพิมพ์แล้วก็ลบ  พิมพ์แล้วก็กดลบทิ้งอยู่อย่างนั้นประมาณห้าครั้ง  ก่อนจะเปลี่ยนใจวางโทรศัพท์มือถือเอาไว้ที่เดิม

            ช่างมันเถอะ..

            ไม่รู้เลยว่ามีใครคนหนึ่งยืนมองหน้าต่างห้องนอนของเขาอยู่นานแล้ว   ร่างสูงได้ส่วนสัดยืนล้วงกระเป๋ากางเกงพิงรถยนต์ที่จอดเอาไว้หน้าร้านอาหารตามสั่งของป้าดาเงียบๆ 

            ไวน์เพิ่งกลับมาจากบ้านที่ต่างจังหวัด   เขาแพ็คกระเป๋าขึ้นเครื่องบินไปหาพ่อกับแม่โดยไม่บอกกล่าวก่อน ทำเอาพวกท่านสองคนตกอกตักใจกันใหญ่ว่าเขาเป็นอะไร   ซึ่งศตวรรษก็ตอบออกไปง่ายๆว่า  เขาอกหัก

            แม่ตกใจมาก  จะบินมาที่นี่เพื่อมาคุยกับคนที่ทำให้ลูกชายตัวเองอกหัก  ส่วนพ่อก็โกรธที่เขาดันเห็นเรื่องความรักสำคัญกว่าการเรียน   ทว่าพอถูกแม่แว้ดเข้า  พ่อก็เลยเปลี่ยนใจหันมาปลอบเขาแทน

            ชีวิตเกือบสองอาทิตย์ที่ไร่ทำให้เขาสบายใจขึ้นมาก  แม้ว่ามันจะทำให้เขาหมดสิทธิสอบไปสองวิชาเพราะเวลาเข้าเรียนไม่พอ   แต่ด้วยบารมีของพ่อที่ไวน์ก็ไม่รู้ว่าพ่อทำได้ยังไงเหมือนกัน   เอาเป็นว่าเขาแค่หยุดพักไปเพราะป่วยด้วยโรคอะไรสักอย่าง  และมีสิทธิเข้าสอบ

            คำตอบของลักษณ์ทำให้เขาเสียศูนย์   มันเจ็บยิ่งกว่าการปฏิเสธตรงๆเสียอีก   นอกจากลักษณ์จะไม่ให้โอกาสเขาแล้ว  กลับตอกย้ำด้วยการเสนอให้เราเป็นเพื่อนกันต่อไป 

            ใครมันจะไปทำได้ 

            แม้แต่ลักษณ์เองเขาก็รู้ว่าไม่มีทางทำได้ 

            ประโยคสุดท้ายที่เขาจงใจพูดใส่หน้าฝ่ายนั้น  ‘มึงรู้ดีอยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไร   เพียงแต่มึงกลัวที่จะยอมรับ....อีกหน่อยมึงจะเสียใจที่เลือกแบบนี้’  เขาก็แค่พูดออกไปอย่างนั้นเอง

            รู้อยู่แล้วว่าคนอย่างลักษณ์คงไม่เสียใจหรอก   ไม่อย่างนั้นจะมีหน้าไปจีบสาวร่วมคณะฯที่ชื่อ วิป ได้สบายใจเฉิบเหรอ

            คนที่รักมากกว่าก็คือคนที่เสียใจที่สุด  มันก็เป็นกฎง่ายๆที่ใครๆก็รู้ดี 

            และคนอย่างเขา   ก็ไม่ชอบเสียใจซ้ำซากเสียด้วย

            ..........................................................................

            “เอาล่ะครับงานนี้ สูสีมากทีเดียว  วิศวะนำแพทย์อยู่ 85 ต่อ 79   แพทย์ขอเวลานอก  เปลี่ยนตัว...”  เสียงคนพากย์นัดชิงแชมป์ระหว่างแพทย์กับวิศวะดังก้องออกมานอกโรงยิม  บรรดานักศึกษาเฟรชชี่ที่มีหน้าที่ต้องขึ้นแสตนเชียร์เป็นวันสุดท้ายต่างตะโกนร้องเพลงกันเต็มเสียงคอแทบแตก

            คนที่วิ่งชิงลูกสีส้มๆเบื้องล่างก็เล่นกันอย่างดุเดือด  ไม่มีใครยอมใคร  นัดนี้เป็นนัดแห่งศักดิ์ศรีที่ร้อยปีจะมีสักครั้ง (ขนาดนั้นเลย)ทีเดียว

            “เจ็บคอฉิบ  หิวน้ำด้วย   แวบออกไปเดินเล่นงานข้างนอกดีกว่ามั้ย”  แซมกระซิบข้างหูของเขา

            “เดี๋ยวโดนพี่ด่า”

          “ขาดพวกเราไปสี่คนไม่เป็นไรหรอก”  เต้เอียงเข้ามาพูดกรอกหู 

            “เบื่อแล้ว  ยังไงแสตนเภสัชก็ไม่ชนะอยู่แล้วมึง  จะอยู่เอาโล่หรอ”

            ....เปล่า  ไม่ได้จะเอาโล่  แค่อยากดูต่อเฉยๆ  ลักษณ์คิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป

            “หมอไวน์รับลูก  เลี้ยงผ่านอย่างสวยงาม แล้ว...ชู้ต  แน่นอน!  สามแต้มเป็นของแพทย์ครับ”

            “ไอ้ไวน์นี่มันไปกินกระทิงแดงมาหรือไงวะ  แรงโคตรดี โคตรคึกเลยอ่ะ  วิ่งไม่หยุด  ไม่เปลี่ยนตัวด้วย”  เบียร์ทักขึ้นตรงกับที่เขาคิดอยู่พอดี

            “เขาเรียกว่ากำลังใจดีโว้ย...ดูซะๆ”  แซมตะโกน  พร้อมกับที่คนเกือบครึ่งสนามเป่าปากเปี้ยวเมื่อเพลินตา ดาวคณะแพทย์ส่งผ้าขนหนูให้ไวน์เช็ดหน้า

            “โอ้โห  หวานไม่เกรงใจเลยนะครับ  นี่ถือว่าเปิดตัวหรือเปล่าเนี่ย  สงสัยคืนนี้ตำแหน่งดาวเดือนมหาลัยคงไม่หนีไปไหนแน่ๆ ครับ  หมอไวน์ลงสนามได้แล้วฮะ   มดขึ้นข้างสนามจนกองเชียร์คันคะเยอกันไปหมดแล้ว”  แม้แต่โฆษกก็ยังแซว  แถมยังตามแซวไม่เลิกด้วยจนกระทั่งจบเกม

            แพทย์แพ้วิศวะไปอย่างฉิวเฉียด  แต่นั่นก็เรียกว่าทำดีที่สุดแล้ว

            “แทนที่จะได้ออกมาเดินเล่นก่อนสบายๆ  ดูซิ  เป็นเพราะมึงเลยลักษณ์  คนเลยเยอะเลย”  เบียร์บ่นกระปอดกระแปดที่ต้องออกมาจากโรงยิมพร้อมกับคนจำนวนมหาศาล

            กิจกรรมสุดท้ายก่อนจะปิดงานกีฬาเฟรชชี่อยู่ที่เวทีประกวดดาวเดือนของมหาวิทยาลัย  ซึ่งจะจัดขึ้นในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า   พวกลักษณ์เบียดเสียดกับฝูงชนต่อคิวซื้ออาหารอยู่พักใหญ่กว่าจะได้มานั่งรวมกลุ่มกินกันที่พื้นสนามหญ้าหน้าหอประชุม

            “ยุงโคตรเยอะ”  เต้บ่น  ยกมือขึ้นเกาไปมา

            “ทำไมไม่พก กย.15มาด้วยล่ะ”

          “ไอ้บ้าที่ไหนจะพกกย.15ไว้ในกระเป๋าวะ  ประสาท”  แซมด่ากลับ  ลักษณ์ขยับจะตอบแต่ก็เปลี่ยนใจ...เขาแค่บังเอิญนึกขึ้นมาได้ว่ามีคนพกกย.15เอาไว้ในกระเป๋านักเรียนเพื่อให้เขาทากันยุงเวลานั่งรอมันเตะบอลดึกๆอยู่ริมสนาม...ก็เท่านั้นเอง

            ไอ้ไวน์....มันเป็นคนบ้าจริงๆด้วย  ว่าแล้วเชียว...

            “เอ้าไอ้ลักษณ์เป็นไร  อยู่ดีๆก็เป่าปี่ซะงั้น  เป็นไรลูกพ่อ  โอ๋ๆ”   แซมตบไหล่ของแรงๆ

            “กูไม่ได้เป็นอะไร...ผัดซีอิ้วมันไม่อร่อยเฉยๆ”   เขาตอบกลับไป  รีบปาดน้ำตาทิ้ง  ออกจะตกใจตัวเองอยู่เหมือนกันที่จู่ๆก็น้ำตาไหลออกมาซะงั้น....ท่าจะประสาทไปด้วยอีกคน

            “แล้วไป....งั้นแลกกับข้าวผัดของกูมั้ยล่ะ  ทุกทีไม่เคยเห็นมึงกินผัดซีอิ้วนี่หว่า  นึกยังไง”  แซมส่งข้าวผัดให้เขา แต่เขาปฏิเสธ  ก้มหน้าลงใช้ตะเกียบไม้คีบเส้นใหญ่ลื่นเป็นมันย่องเข้าปาก

            ...ไม่เห็นจะอร่อยตรงไหน  กินเข้าไปได้ไงทุกวันกันนะ...

            ลักษณ์กินเข้าไปจนหมดกล่อง  แล้วก็ลุกขึ้นถือแก้วน้ำเดินตามทุกคนเข้าไปภายในหอประชุมที่เริ่มมีเสียงดนตรีและแสงสีแล้ว

            เขาไม่ค่อยได้สนใจดูการประกวดเท่าไหร่  มันน่าเบื่อกว่าที่คิด  ไม่มีสาวๆน่ารักๆเข้าตาเลยสักคน   หรือถ้ามี...ก็มักจะตัวสูงกว่าเขา

            ลักษณ์เกือบหลับไปแล้วตอนที่เต้ใช้ศอกถองแรงๆให้หันไปดูบนเวที  ดูเหมือนจะถึงเวลาตอบคำถามของผู้เข้ารอบสุดท้ายฝ่ายชายทั้งห้าคน

            ร่างสูงโปร่งคุ้นตาของใครคนหนึ่งยืนไขว้หลังอยู่มุมซ้ายสุด  สีหน้าของไวน์ดูเบื่อหน่ายปนรำคาญทว่านั่นกลับยิ่งทำให้เค้ามีเสน่ห์น่ามองอย่างประหลาด   โอเค...น่ามองก็คือน่ามอง  เขาไม่ได้บอกว่าน่ารักนี่   ลักษณ์คิดในใจ

            “กูปวดเยี่ยว  เดี๋ยวมา”

            “เออๆ  รีบๆกลับมาล่ะ  ตอนไคล์แมกซ์เลย  ตอบคำถามเนี่ย”  แซมพูด  จ้องเป๋งไปบนเวที  ไม่ละไปจากสาวสวยตัวแทนจากคณะสถาปัต

            ลักษณ์เดินลัดเลาะตามเก้าอี้ที่มีคนจับจองอยู่เต็มออกมาจนถึงห้องน้ำ   ใช้เวลาทำธุระส่วนตัวไม่นานก็กลับออกมาเจอคนเยอะแน่นหอประชุม มองไปทางไหนก็เจอแต่คนทำให้เขาตาลาย

            “เป็นอะไรหรือเปล่าฮะ  เห็นหน้าซีดๆ”  มือเย็นๆของคนๆหนึ่งเอื้อมมาจับที่ท่อนแขนของเขา  ลักษณ์หันกลับมามอง....เป็นผู้ชายร่างเล็ก  ตัวเล็กกว่าเขาเสียอีก  ใบหน้าขาวมีเลือดฝาดมองมาที่เขาด้วยสายตาเป็นห่วง

            “ผม...มึนหัวนิดหน่อย”  ลักษณ์ตอบกลับไป   ภาพที่เห็นเริ่มหมุนวนและมืดดับลง  ทว่ายังรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายออกแรงกึ่งจูงกึ่งลากพาเขาไปนั่งที่เก้าอี้มุมห้อง 

            “คนเป็นลมฮะ  ช่วยหน่อย  ผมเจอเค้าหน้าห้องน้ำ”

            “นิวทำไมมาอยู่ตรงนี้อีกล่ะ  ไม่ไปรอข้างเวที เดี๋ยวรอบตอบคำถามเสร็จเค้าจะให้เธอขึ้นไปโชว์ตัวอีกรอบ”   เสียงผู้หญิงพูดข้างๆตัวเขา  จากนั้นก็มียาดมมาจ่อที่ใต้จมูกของลักษณ์  ลักษณ์ฝืนลืมตาขึ้น  เห็นรอยยิ้มน่ารักมีลักยิ้มสองข้างจากเด็กผู้ชายที่ช่วยเขาอยู่ตรงหน้า

            “ดีขึ้นหรือยัง   นั่งพักตรงนี้ก่อนก็ได้”

          “ไปได้แล้ว  เดี๋ยวชั้นดูแลนายคนนี้เอง”

            เด็กผู้ชายคนนั้นหัวเราะออกมา   โบกมือให้เขาแล้วก็เดินลัดเลาะฝูงชนหายไป  เดาว่าคงไปทางเวที  ทิ้งให้เขาอยู่กับผู้หญิงเสียงดุอีกคน  เธอกำลังมองเขาผ่านแว่นสี่เหลี่ยม

            “เธอเรียนคณะอะไร” สำเนียงของเธอฟังห้วนๆ  แต่ลักษณ์กลับรู้สึกได้ว่าเธอเป็นคนใจดีกว่ารูปลักษณ์ภายนอก

            “เรียนเภสัช  ชื่อลักษณ์   ขอบคุณมากนะที่ช่วยเราไว้”

          “ไปขอบคุณไอ้นิวนู่น   ชั้นไม่ได้เป็นคนเจอเธอหรอก....ชั้นชื่อมะยม”

          “ชื่อเก๋จัง”  เขาชมอย่างจริงใจ  มะยมเลยยิ้มออกมานิดๆ  และนั่นทำให้เธอดูน่าคบกว่าเดิมเยอะ

            “เราเรียนมนุษย์ฯ  นิวก็เรียน  แถมเป็นเดือนคณะด้วย”

          “โห  จริงหรอ”  ลักษณ์รีบกลืนคำอุทานลงคอ  หน้าหวานขนาดนั้นน่าจะเป็นดาวคณะมากกว่านะ  “แบบนี้ก็ต้องขึ้นไปแข่งด้วยสิ”

          “แข่ง แต่มันตกรอบแล้ว  ตกรอบแรกด้วย”  เธอหัวเราะแล้วยักไหล่  ทิ้งตัวลงนั่งข้างเขา “ไม่แปลกหรอก  หน้าอย่างมันน่าจะไปประกวดดาวมากกว่า”  ลักษณ์เผลอพยักหน้าอย่างเห็นด้วย  “แต่มันก็ดูแมนสุดในภาคเราแล้วล่ะ ฮ่าๆ”

            เสียงพิธีกรถามคำถามผู้เข้าแข่งขันคนล่ะข้อ  บางคำถามก็จริงจัง บางคำถามก็เหมือนแซวเล่น  แล้วแต่ดวงของผู้เข้าแข่งขันที่จับฉลาก

            “คนต่อไป  เบอร์ 12  โอ้โห  คนนี้เสียงกรี้ดดังมากครับ”   แม้แต่พิธีกรยังทัก  ลักษณ์รู้ตั้งแต่ยังไม่ประกาศชื่อเสียอีกว่าคนที่จะมาตอบคำถามคือใคร

            “คำถามสำหรับคุณศตวรรษนะครับ  ..ถามว่า   คุณคิดอย่างไรกับผู้ที่รักร่วมเพศครับ”

          ได้ยินเสียงกรี้ดดังขึ้นจากคนเชียร์ตอนที่ไวน์รับไมค์มาถือเอาไว้

            “ผมคิดว่าเรื่องความรักไม่มีจำกัดเพศนะครับ   ใครเป็นคนกำหนดมาเหรอว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิงเท่านั้น  ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องความรู้สึกมากกว่า  สำหรับผมเองนะ  ถ้าผมรักใคร  ก็คือผมรัก...ไม่สนหรอกว่าเขาจะเป็นเพศไหน   ความรักเป็นสิ่งสวยงามครับ  ผู้ที่รักร่วมเพศไม่ใช่คนวิปริต  เขาก็แค่เปิดกว้างกับความรัก”

          “ฟังดูคุณเป็นคนเปิดกว้างมากเลย   คุณไวน์  ถ้าอย่างนั้นผมขอถามสเป็คของคุณหน่อยสิ”

          “สเป็คของผมเหรอ ...  ผมชอบคนพูดกันรู้เรื่อง  มีน้ำใจ   ถ้าตัวเล็กๆขาวๆหน่อยจะชอบเป็นพิเศษ....” 

          “บอกชื่อเลยๆ”  เสียงกองเชียร์ตะโกนดังลั่น  กลบเสียงของไวน์ 

            ลักษณ์กำยาดมในมือแน่น   คำพูดที่อีกฝ่ายพูดออกมาแต่ล่ะคำทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงกว่าที่เคย....อย่านะ  ไม่เอา  ห้ามพูดชื่อกูนะ   ไม่เอา  ขอร้อง....

            เขานั่งภาวนา  จ้องตาเป๋งไปที่ร่างสูงบนเวทีที่ยกมือขึ้นเกาศีรษะเหมือนเขิน

            “แฟนคลับข้างล่างเชียร์มาให้บอกชื่อ   หรือว่าหมอไวน์ของเราจะไม่โสดจริงๆตามข่าวลือซะแล้วเนี่ย”  พิธีกรเริ่มชง  รับมุขจากกองเชียร์ข้างล่างต่อ  “บอกชื่อได้ไหมครับ  คนไหนหรอสเป็คของหมอไวน์    เค้ายืนอยู่ตรงนู้นหรือเปล่าครับ”  พิธีกรพยักพเยิดไปทางเหล่าดาวคณะฯห้าคนสุดท้ายที่ยืนยิ้มเรียงกันอยู่  หนึ่งในนั้นมีเพลินตา...คนที่น่าจะใช่มากที่สุด

          “จะดีหรอครับ ...”

          ...ไม่ดี  ไม่ดีแน่ๆ  มึงอย่าพูดนะเว้ย  หุบปากเดินลงเวทีไปเลย   ไม่ก็ตอบเพลินตาไปก็ได้   ....ลักษณ์ตะโกนอยู่ในใจก้อง  สังหรณ์บางอย่างเมื่อเห็นหน้าของมันทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายไม่ตอบชื่อของหญิงสาวที่กำลังมีข่าวด้วยกันแน่ๆ   จะเกิดอะไรขึ้นถ้าไอ้ไวน์เอ่ยชื่อเขาขึ้นมากลางฮอลล์ที่รวมเอานักศึกษาเกือบทั้งมหาลัยเข้ามารวมกันแบบนี้

            เขาจะทำหน้ายังไงเล่า   ไม่แน่ว่าอาจจะโดนเหล่าแม่ยกรุมทึ้งเสียก่อน

            “ดีสิครับคุณไวน์   บอกชื่อเลยฮะ”

          ....อย่านะมึง

          เสียงเชียร์กระหึ่ม  ไอ้ไวน์ทำท่าอิดออด  สุดท้ายก็พยักหน้ารับไมค์มาจ่อปาก

            “เค้าชื่อ...นิว...ครับ”

            ..........................................................................................

มาต่อนะค้าาา  ขอบคุณมากค่ะที่กดเข้ามาอ่าน
เรื่องยาวหน่อยนะคะ  สำหรับคนที่เล่นทวิต ใช้ #แอบลักษณ์ นะคะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่13แล้วนะ23/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-04-2017 21:12:28
หึ การณ์ออกมาเป็นแบบนี้แล้วรู้สึกยังไงล่ะลักษณ์
ว่าแต่ไวน์รู้จักนิวด้วยเหรอ หรือพูดชื่อออกไปมั่ว ๆ แล้วดันมีโผล่มาจริง ๆ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่13แล้วนะ23/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 24-04-2017 01:18:04
อ้าววววว
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่13แล้วนะ23/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-04-2017 02:32:29
 :hao7:



คือ ??? งง !! แบบไหน ?? ต้องการความกระจ่าง !! ไม่เข้าใจ !!
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่14แล้วนะ26/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 25-04-2017 22:37:56
ตอนที่ 14

Easier said than done.

 

 

 

 

            “ไอ้ไวน์มันไปซุ่มคบกับคนชื่อนิวตั้งแต่เมื่อไหร่วะลักษณ์  ทำไมไม่เห็นเคยได้ยินข่าวเลย”  คำถามจากไอ้แซมคงตรงใจใครหลายๆคนในหอประชุมวันนั้น รวมถึงเขาด้วย

            หลังจากที่ไวน์พูดชื่อ นิว  กลางเวทีประกวดดาวเดือนไปเมื่อวันก่อน  มันก็กลายเป็นกระแสฮอตยิ่งกว่าใครได้เป็นดาวเดือนของมหาวิทยาลัยเสียอีก  สาวๆแฟนคลับของไวน์ตามหาคนชื่อนิวให้ควั่ก  บ้างก็ว่าคือ น้องนิว ที่เป็นลีดนิเทศ  บ้างก็ว่าเป็นนิว  น้องสาวของพี่นาวดาวอักษรฯต่างหาก

            แต่สุดท้ายความจริงก็ปรากฏว่าหาใช่สาวสวยน่ารักอย่างที่ใครหลายคนๆคิดไม่  คนชื่อนิวเป็นชายหนุ่มร่างเล็กบาง  เดือนคณะสังคมและมานุษยวิทยา  ข่าวว่ามีคนเห็นไวน์เดินไปนั่งรออยู่ใต้ตึกคณะสังคมเช้าวันถัดมา

            “กูก็ไม่รู้เหมือนกัน  มันไม่ได้เล่า”  ลักษณ์ตอบกลับไป

            “ถึงว่าพักนี้มันหายไปไหน ไม่มาตามประกบมึงเหมือนเคย  ไปติดสาว เอ๊ย ติดหนุ่มอยู่นี่เอง”  เต้พูดกลั้วหัวเราะ

            “พลิกล็อคสุดๆ  ตอนแรกนึกว่าเพลินตา”

          “สรุปไวน์กับเพลินตาเป็นแค่เพื่อนสนิทกันธรรมดา  ฮ่าๆ  แบบนี้เพลินตาก็ยังว่างอยู่น่ะสิ” แซมพูดเสียงดัง

            “ถึงว่าง แต่ชั้นก็เลือกนะยะ”  เสียงแหลมใสดังมาจากด้านหลัง   พวกเขาสี่คนสะดุ้งเฮือก หันกลับไปมองก็เจอดาวแพทย์ควบตำแหน่งรองดาวมหาวิทยาลัยยืนเท้าสะเอวยิ้มอยู่

            “เพลินตา?  มาอยู่ที่นี่ได้ไง  ไม่มีเรียนเหรอ”  ลักษณ์ทักอย่างงงๆ

            “ยกคลาสไปแล้ว  ....จะไปกินข้าวกันใช่มั้ย  เราไปด้วยสิ”

          “อ้าว...แล้วเพื่อนเธอ”  เขาหลีกเลี่ยงที่จะเอ่ยชื่ออดีตเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อของตัวเองออกมา  หญิงสาวยักไหล่

            “คุณเดือนมหาลัยติดสัมภาษณ์อะไรสักอย่างนี่แหละ  แถมต้องไปกินข้าวกับแฟนต่ออีก  ไม่ว่างมาเหลียวแลสาวน้อยน่ารักอย่างอิชั้นหรอกค่ะ”

            “ตกลงไวน์เป็นแฟนกับนิวจริงๆเหรอวะ”  แซมอุทาน 

            เพลินตาเหลือบมองคนที่ยืนนิ่งพลางหันหน้าไปทางอื่นราวกับไม่สนใจฟังนั้นแล้วยิ้มนิดๆ

            “ใช่  สดๆร้อนๆเมื่อเช้านี้เอง  พอเมื่อวันศุกร์ประกาศออกสื่อว่าเป็นสเป็คปุ้บ  พอจบงานไวน์ก็อาสาไปส่งนิวที่บ้าน  ทีนี้ไม่รู้ยังไงต่อ  ตอนเช้าก็เป็นแฟนกันแล้วเรียบร้อย”

          “เร็วเวอร์  ทำไมมันจีบใครง่ายจังวะ  อิจฉาชะมัด  อย่าให้กูหน้าดีแบบนี้บ้างนะ  ฮึ่ม”

          “ก็ไม่มีใครสนใจมึงอยู่ดีนั่นแหละ”

            “ไอ้เต้!”

            เพื่อนของลักษณ์สามคนวิ่งไล่กันเหมือนเด็กๆ  ขณะที่ลักษณ์เดินเคียงข้างกับหญิงสาวตรงไปยังโรงอาหารช้าๆ

            “ลักษณ์โอเคหรือเปล่า?”   เพลินตาถามขึ้นเบาๆ  คนฟังสะดุ้งเล็กน้อยเพราะมัวแต่คิดอะไรอยู่ในใจ   หันหน้ามามอง  “หมายถึงที่ไวน์มีแฟน   ลักษณ์โอเคหรือเปล่า”

          “ทำไมเราจะต้องไม่โอเคด้วยล่ะ  เราดีใจด้วยอยู่แล้วที่เพื่อนมีความสุข”  เขาตอบเรียบๆ

            “เรารู้เรื่องเธอกับไวน์นะ  เพราะไวน์ปรึกษาเรามาตั้งแต่แรก”  ลักษณ์หยุดเดิน

            “ว่าไงนะ?”

          “อย่าโกรธเลยลักษณ์  ไวน์ไม่ได้ตั้งใจเล่าหรอก  แต่ว่าเราดูออกตั้งนานแล้วว่าไวน์ชอบลักษณ์  เราก็เลยเค้นถามออกมา”   เพลินพูด  เอื้อมมือมาจับที่แขนของเขา  “ไวน์เสียใจมากเลยนะที่ลักษณ์ปฏิเสธเขาน่ะ  ไวน์หยุดเรียนไปเป็นอาทิตย์เลยเพราะเฮิร์ตเรื่องนี้”

          ลักษณ์มองเมินไปทางอื่น

            “แล้วมาเล่าให้เราฟังทำไม”

          “เรารู้ว่ามันออกจะสายไปหน่อย  ตอนแรกเราอาสาจะมาช่วยพูดกับลักษณ์  แต่เมื่อวานไวน์ก็ดันพูดออกไปแบบนั้น  เรางงมากเลย  รู้ทำไมไวน์ทำแบบนี้”

          “เราว่าเราเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นกันดีกว่านะ”

          “ลักษณ์....เราว่าที่ไวน์ทำลงไปเพราะประชดลักษณ์นะ  ถ้าลักษณ์รู้สึกอะไรกับไวน์อยู่บ้างล่ะก็...”

          “พอเหอะเพลิน  เราไม่ได้รู้สึกอะไรกับไวน์มากไปกว่าแค่เพื่อนสนิท  ก็เท่านั้นเอง....ไม่มีทางพัฒนา  ไม่มีทางไปต่อ  ไอ้ไวน์เจอคนใหม่ที่ตัวเองชอบก็ดีอยู่แล้ว  เรายินดีกับมันด้วย  จะได้เลิกเพ้อเจ้อแล้วกลับมาเป็นเพื่อนเราคนเดิมเร็วๆ  ก็แค่นั้นแหละ”  ลักษณ์ลดเสียงลงเมื่อรู้ตัวว่าตนเองใส่อารมณ์มากเกินไป  “เราเองก็มีคนที่ชอบแล้วเพลิน  เรื่องของเรากับไวน์มันจบลงตรงคำว่าเพื่อนกัน  หวังว่าเธอคงเข้าใจนะ”

          “ลักษณ์...”  เธอมองตามหลังชายหนุ่มหุ่นผอมบางที่เดินดุ่มตรงเข้าไปในโรงอาหาร   คำพูดของเขาที่พูดออกมาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดรำคาญก็จริง  ทว่าในแววตาคู่นั้น...เธอคิดว่าตัวเองทันเห็นอะไรบางอย่าง

            ...แววของความน้อยใจ

            .................................................................................................

           

            “กะเพราหมูกรอบ ไข่ดาวไม่สุกครับ”

          “ผัดซีอิ้วสอง  ไข่ดาวไม่สุกหนึ่ง  ไข่ดาวสุกหนึ่งฮะ”

            ลักษณ์เหลียวไปมองคนที่สั่งอาหารอยู่ด้านหลังตนเอง  ผู้ชายร่างเล็กหน้าหวานที่ช่วยเขาจากเป็นลมเอาไว้เมื่อวันก่อน  นิวส่งยิ้มมาให้  ท่าทางดีใจที่ได้พบกับเขาอีก

            “ลักษณ์ใช่มั้ย  เรานิวนะ  จำได้หรือเปล่า”

          “จำได้ดิ  วันนั้นแต้งกิ้วมากนะ”

          “เรื่องเล็กน่า  ไม่เป็นไรหรอก....แล้วนี่ลักษณ์มากับใคร  นั่งกับเรามั้ย”  นิวพยักพเยิดไปทางโต๊ะริมสุดที่มีใครคนหนึ่งนั่งหันหลังให้อยู่....เห็นแค่ท้ายทอยกับเส้นผมหยักศกสะบัดปลายนั้นเขาก็จำได้

            ลักษณ์รู้ทันทีว่าผัดซีอิ้วอีกจานนั้นนิวสั่งไปเผื่อใคร  เจ้าตัวคงไม่ได้กินคนเดียวสองจานแน่ๆ

          “ขอบคุณมาก  แต่เรามากับเพื่อนน่ะ”

          “หรอ...ไว้เจอกันอีกนะ  เราไปก่อนล่ะ”  นิวเอื้อมมือไปรับจานอาหารทั้งสองจานมาถือเอาไว้  ลักษณ์ขยับจะหยิบช้อนตักน้ำตาลให้ตามความเคยชินแต่แล้วก็นึกขึ้นมาได้

          ....ไม่ใช่เรื่องของเราแล้วนี่หว่า   อีกฝ่ายมีคนดูแลอยู่แล้วนี่

            เผลอมองตามหลังนิวที่ถือจานตรงกับที่โต๊ะโดยไม่ปรุง  หางตาเห็นไอ้ไวน์หันกลับมาทางร้านขายอาหารตามสั่ง   ลักษณ์เลยรีบหันกลับมาเพ่งสมาธิกับการนับธนบัตรในมือส่งให้ป้าขายข้าว

            “กินอะไรซ้ำซาก  มึงไม่เบื่อบ้างเหรอวะลักษณ์”  แซมทักเหมือนทุกครั้งเวลาที่เขายกจานข้าวมาวางที่โต๊ะอาหาร  เบียร์จุ๊ปาก

            “ก็คนมันชอบกิน ก็เรื่องของมันสิ จะไปยุ่งไรด้วยอ่ะ”

          “เอ้า  ก็แค่สงสัย”

          “เบื่อแล้วเหมือนกัน  ว่าจะเลิกกินแล้ว”  ลักษณ์ตอบแล้วก้มลงใช้ช้อนตักหมูกรอบเข้าปากเงียบๆ

            อาหารที่เคยโปรดปราน กินได้ทุกวันไม่เคยเบื่อ  ในวันนี้กลับไม่อร่อยเหมือนเคย  คงต้องโทษแม่ครัวที่ปรุงออกมาเค็มกว่าปกติ  ไม่กลมกล่อมถูกปากเหมือนแต่ก่อน

            “ดูๆ ซ้ายมือ แปดนาฬิกา...มึงอย่าหันไปมองอย่างนั้นสิไอ้เบียร์  มันเสียมารยาท”  แซมพูดพลางพยักเพยิดไปทางโต๊ะข้างหลังเขากับเบียร์   ลักษณ์ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเพื่อนหมายถึงโต๊ะไหน

            “หวานเวอร์  แล้วนี่เพลินตาก็หายไปเลยสงสัยเห็นแล้วเฮิร์ทแหงๆ”

            “กูว่าเพลินกับไวน์น่าจะเป็นแค่เพื่อนจริงๆมากกว่า”

          “เพื่อนกับผีน่ะสิ  มึงเชื่อสายตากู  กูว่ากูดูไม่ผิดหรอก  เพลินตาชอบไอ้ไวน์นั่นแหละ”  แซมตอบกลับมาด้วยท่าทางอมภูมิ

            ลักษณ์ไม่ทันฟังว่าแซมอธิบายกับเพื่อนๆว่าอะไรต่อ  เพราะโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของเขามันสั่นเป็นเจ้าเข้า  เจ้าตัวเลยหยิบขึ้นมากดรับ

            “ครับวิป”

          ปลายสายโทรมาตอบตกลงที่เขาชวนไปกินขนมที่ห้างเย็นนี้  แถมยังต่อว่ามาเล็กน้อยเรื่องที่เขาไม่ตอบไลน์เธอ

            “ลักษณ์ขอโทษจริงๆ  มัวแต่อ่านหนังสือยุ่งๆ  ก็เลยไม่ได้เปิดอ่านไลน์เลย  ขอโทษนะครับ ....”  เขาทอดเสียงอ่อน   “ถ้าอย่างนั้น  เย็นนี้เจอกันนะ   หลังเลิกคาบสังคม”

          เขายิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อปลายสายตอบกลับมาอย่างน่ารัก

            “เบื่อพวกคนมีฟามรักจริงๆโว้ย  มีไม่แบ่งเพื่อนแบ่งฝูงบ้างเลย ….แล้วเย็นนี้จะไปไหนกันเหรอครับเพื่อนลักษณ์”

            “มีร้านขนมญี่ปุ่นมาเปิดใหม่ที่ห้าง  วิปเค้าอยากกิน  กูก็เลยชวนไป”

          “โอ้โห  เดี๋ยวนี้ป๋านะมึง  แล้วตกลงคนนี้เนี่ยจริงจังอ่อ”

          “ก็น่ารักดี”   ลักษณ์ตอบสั้นๆ  ไม่ยอมขยายความต่อว่าเขาเคยคุยกับอีกฝ่ายมาแล้วในนามของ Wishmeluck  ....อันที่จริงเขาก็ยังไม่เคยถามเรื่องนี้กับวิปตรงๆเลยสักที

            ถ้าให้เดาวิปคงไม่ยอมรับหรอก

            “เฉลยบัดดี้นี่วันไหนวะ”  ลักษณ์เปลี่ยนเรื่องฉับพลัน

            “เห็นว่าพฤหัสนี้แหละ  หลังคาบเคมี”

            “อย่าลืมซื้อของแต้งค์ด้วยนะมึง  ของขวัญขอบคุณบัดดี้อ่ะ”  เต้ขยายความเมื่อเห็นคนฟังทั้งสามทำหน้างง  “มันเป็นธรรมเนียมไง  พวกมึงเคยเล่นกันมั้ยเนี่ย”

          สุดท้ายพวกเขาเลยนัดกันจะไปซื้อของด้วยกันอีกทีบ่ายวันพุธซึ่งเป็นคาบว่างประจำสัปดาห์

            เย็นวันนั้นลักษณ์มารอวิปที่หน้าตึกเรียนรวม  เธอมาถึงตรงเวลาพอดีและยอมขึ้นรถเมล์ไปกับเขาแบบไม่เกี่ยงงอน  นั่นทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย

            อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้คุณหนูจัดอย่างที่เขากลัว

            แอร์ในห้างเปิดเอาไว้เย็นฉ่ำตัดกับอากาศด้านนอกอย่างสุดขั้ว  อากาศที่เปลี่ยนแปลงทันทีทำให้ลักษณ์ภูมิแพ้กำเริบ  จามออกมาหลายครั้ง   แถมยังมีน้ำมูกใสๆไหลตลอดเวลาจนเขารำคาญตัวเอง

            “แล้วแบบนี้จะกินไอศกรีมได้มั้ยล่ะเนี่ย”  วิปถามขำๆ  เมื่อเห็นเสียงของเขาเริ่มอู้อี้  “แล้วปกติอยู่ในห้องแอร์ทำยังไง  ในห้องเรียนล่ะ”

          “ในห้องเรียนเราใส่เสื้อหนาวไง  ส่วนที่อื่น  เวลาหนาว...”

          เสียงของเขาขาดหายไปในลำคอ  คำพูดของคนๆหนึ่งย้อนกลับมาในความคิดโดยไม่ทันตั้งตัว

            ‘มึงมันผอมเป็นไม้เสียบผีไง  ถึงได้ขี้หนาวขนาดนี้อ่ะ  เอ้า..มานี่’  แล้วแขนหนักๆก็พาดหมับลงบนไหล่ของเขาพลางดึงเข้าหาตัว  ไออุ่นของร่างที่แนบข้างทำให้เขาอุ่นขึ้นจริงๆจนกลายเป็นปกติไปแล้วถ้าไอ้ไวน์จะเดินกอดคอเขาในห้าง  หรือเมื่อใดก็ตามที่เขารู้สึก...หนาว

            “ทำยังไงหรอ”

            ลักษณ์รู้สึกตัว  เขากระพริบตาแล้วยิ้มตอบหญิงสาวกลับไป

            “ก็กอดอกเอาไว้  เดี๋ยวก็ดีขึ้นเองแหละ”

          “โธ่  ก็นึกว่าจะมีเคล็บลับอะไร”

          “มีเหมือนกันแหละ  แต่กลัววิปโกรธ”  เขาแกล้งพูด   จ้องตาสาวน้อยอย่างมีความหมาย  ใบหน้าหวานใต้กรอบแว่นแดงขึ้นเล็กน้อย  เธอเบือนหลบไม่สบตาเขา

            “ร้านอยู่ตรงนั้นไง  โห...คิวยาวมากเลย”

          คิวยาวจริงสมกับเป็นร้านขนมเปิดใหม่ส่งตรงมาจากญี่ปุ่น  เขากับวิปยืนรอคิวอยู่พักหนึ่งกว่าจะได้เข้าไปนั่งในร้านที่ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นน่ารักน่าเอ็นดู (ในความคิดของวิป)   แค่เห็นราคาอาหาร  เงินในกระเป๋าสตางค์ของลักษณ์ก็สั่นไหวคล้ายประท้วง

            “เอาอันนี้มั้ยคะ  น่าทานจัง”

            ลักษณ์กัดฟังเออออห่อหมกไปด้วย  แล้วก็นั่งฟังวิปพูดจากเรื่องโน้นไปเรื่องนี้ไม่หยุด   หลังจากที่เราเริ่มสนิทกันแล้ว  วิปก็พูดเก่งขึ้นมาก  หลายครั้งที่เรื่องที่เธอพูดนั้นทำให้เขานั่งงงเพราะตามไม่ทัน

            “......เราชอบมาก  ลักษณ์ล่ะ ชอบหนังแนวไหน”  เธอพูดอะไรสักอย่างที่เขาไม่ทันฟังแต่แรก  มาได้ยินเอาตอนประโยคสุดท้าย

            “ผมชอบหนังอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่หนังผี”  เขาตอบออกไปตรงๆ  อดนึกถึงหนังผีเรื่องล่าสุดที่เข้าไปดูในโรงกับไอ้ไวน์ไม่ได้..

            “ตรงข้ามกับวิปเลย  วิปชอบหนังผีมากๆ  แต่ที่ไม่ชอบเลยคือพวกการ์ตูน  ยิ่งแนวเจ้าหญิงดิสนี่ย์เนี่ย  เกลียดเลยอ่ะ....ทำไมทำหน้าแบบนั้น  แปลกใจใช่มั้ยล่ะ  ใช่...วิปก็ว่าตัวเองแปลกที่ไม่ชอบหนังสไตล์เจ้าหญิงเหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่นอีกครึ่งโลก”

          “แล้ววิปเคยดูเรื่อง  Frozen มั้ย”

          “Frozen?  เจ้าหญิงน้ำแข็งชุดฟ้าๆใช่มั้ย  ชื่ออะไรนะ....อ๋อ  เอลซ่า  เคยดูผ่านๆน่ะ  น้องสาวเปิดให้ดู  แต่จำเนื้อเรื่องไม่ได้แล้ว  ถามทำไม  ลักษณ์ชอบดูหรอ?”  เธอเลิกคิ้ว 

            “เปล่า  พอดี...เห็นมีตุ๊กตาตัวใหญ่อยู่โซนชั้นล่าง”

          “เราไม่ชอบตุ๊กตา  ลักษณ์ไม่ต้องซื้อให้เรานะ”  เธอพูดกลับมาแล้วหัวเราะ   เขาก็เลยหัวเราะบ้าง...เสียงหัวเราะที่มีแต่เขาที่รู้ดีว่ามันคงแปร่งพิกล

            ...วิปดูไม่เหมือนคนที่จะยกตัวอย่างคำพูดจกตัวละครในแอนิเมชั่นเรื่องดังมาคุยกับเขาเหมือนในคืนนั้นได้เลย  หรือว่าเธอจะแกล้งพูดเลี่ยงเพราะไม่ต้องการให้ความลับเรื่องบัดดี้เปิดเผยออกมากันแน่

            “อ้าว...ผู้หญิงเขาไม่ชอบตุ๊กตากันเหรอ  เราว่าจะซื้อให้บัดดี้พอดี”  เขาแกล้งพูด  เห็นเธอตวัดสายตาขึ้นมามองหน้าเขาแล้วอมยิ้ม

            “เราว่าบัดดี้ลักษณ์น่าจะชอบพวกสมุดปากกาสวยๆมากกว่านะ”

            “เธอรู้ได้ยังไง”

            “เดาเอา”  หญิงสาวตอบกลับมาแล้วเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มเล่น  หลบตาเขาไปทางอื่น

            ต้องยอมรับว่าวิปเป็นผู้หญิงที่น่ารักคนหนึ่ง  ชนิดที่ใครได้ไปเป็นแฟนก็น่าภูมิใจพอจะควงอวดใครเขาได้  แถมที่สำคัญที่สุดก็คือ  เธอดูเหมือนจะมีใจให้เขาไม่น้อย   แค่ยอมมากินขนมด้วยกันที่ห้างสองคนก็ชัดเจนแล้ว

            “เราเลี้ยงเอง”  ลักษณ์พูด  แล้วล้วงกระเป๋าเงินมาเปิดออก  วิปอมยิ้มบอกขอบคุณและขอเลี้ยงมื้อถัดไปแทน...ตรงตามที่เขาคิดเอาไว้เป๊ะ

         
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่14แล้วนะ26/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 25-04-2017 22:38:53
 ต่อนะคะ





           “จะกลับบ้านเลยหรือเปล่า  หรือเดินเล่นต่อ”    เขาถามขึ้นเมื่อพวกเขาเดินออกมาจากโซนของกินแล้ว  ตอนแรกลักษณ์ชวนเธอกินข้าวเย็นทว่าเธอปฏิเสธเพราะกินขนมไปแล้ว  กลัวอ้วน

            “ไม่เอาล่ะ  วันนี้ทำแลปยืนทั้งคาบเลย  เมื่อยขาออก  ลักษณ์ไม่เมื่อยเหรอ”

          “แค่นี้เด็กๆ  ปกติผมต้องกลับไปเสิร์ฟข้าวที่ร้านผ้าตอนเย็นทุกวัน  เหนื่อยกว่านี้เยอะ”

          “ร้านอาหารตามสั่งที่ลักษณ์เคยเล่าให้ฟังใช่มั้ย  วันหลังเราต้องแวะไปกินบ้างแล้ว”

          “ไปสิ  พรุ่งนี้เลยดีมั้ย”  เขารีบถาม  คนฟังหัวเราะ แต่ก็ดูว่าเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินของเจ้าตัว

            “พรุ่งนี้เราไม่ว่าง  มีสอนพิเศษเด็กๆ  ไว้วันพฤหัสดีมั้ย”

          “มีเฉลยบัดดี้ด้วยนี่  เดี๋ยวเลิกเย็นนะ”

          “อื้ม...เอาวันพฤหัสนั่นแหละ”  แล้วเธอก็ยิ้มให้เขา   ลักษณ์รับรู้นัยยะที่เธอส่งมาได้ก็เลยหัวเราะ  ตอบตกลงด้วยความยินดี 

            ขากลับลักษณ์พานั่งแท็กซี่ไปส่งเธอที่หน้าบ้าน  บ้านของวิปอยู่อีกฟากหนึ่งของเมือง  ค่อนข้างไกลทีเดียว  แต่แม่ของเธอทำงานอยู่ที่บริษัทใกล้ๆกับมหาวิทยาลัยก็เลยขับรถมารับส่งเธอได้ทุกวัน

            ลักษณ์จ่ายเงินค่าแท็กซี่ไป  วันนี้เขาจ่ายเยอะจนกระเป๋าสตางค์เบาหวิว   ก็เลยแวะกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มหน้าเซเว่นหน้าปากซอย  เยื้องกับร้านอาหารตามสั่งป้าดาไปไม่ไกล  เวลาเกือบสามทุ่มแล้ว  คนก็ยังพลุกพล่านเหมือนเพิ่งเลิกงาน  เพราะตรงนี้เป็นที่ต่อรถหลายสาย  ก็เลยเป็นจุดที่คนต้องมานั่งแกร่วรอรถกัน

            เขากดเงินเสร็จกำลังจะเอากระเป่าสตางค์เก็บใส่กระเป๋า  ก็ปรากฏว่ามีมือดีที่ไหนไม่ทราบเดินมาชนตัวเขาอย่างแรงจนเซ  จากนั้นก็ฉวยเอากระเป๋าเงินในมือของเขาไปและออกวิ่ง

            ลักษณ์วิ่งก้าวตามหลังก่อนที่สมองจะทันสั่งการเสียอีก  เขาตะโกนขอความช่วยเหลือลั่นซอย

            “ช่วยด้วยครับ  มันขโมยกระเป๋าตังค์ผม  ช่วยด้วย”

          “ลักษณ์  เกิดอะไรขึ้นลูก”  แว่วเสียงป้าดาร้องเสียงหลงเมื่อเขาวิ่งผ่านหน้าร้านของป้า  กวดตามหลังไอ้โจรวิ่งราวไปติดๆ

            รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งโฉบเลี้ยวออกมาจากในซอยกะทันหัน ประจันหน้ากับลักษณ์ทำให้เขาเสียหลัก  หงายหลังล้มลง

            “เจ็บมั้ยๆ”  เสียงห้าวคุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับมือแข็งแรงที่พุ่งเข้ามาจับที่ต้นแขนของเขาทั้งสองข้าง  “เป็นอะไรหรือเปล่า”

          “กระเป๋า  เอากระเป๋าคืนมาก่อน”  ลักษณ์พูดอย่างยากเย็นเพราะความจุก   อีกฝ่ายเลยปล่อยมือจากเขาแล้วออกวิ่งตามหลังโจรรายนั้นไปอีกคน 

            ลักษณ์กัดฟันดันตัวลุกขึ้นยืนแล้วโบกมือเรียกวินมอเตอร์ไซค์ที่ผ่านมา  เหวี่ยงขาขึ้นซ้อนแล้วชี้มือบอกเป้าหมายร่างผอมบางที่วิ่งอยู่ข้างหน้าโดยมีร่างสูงใหญ่วิ่งตามหลังอยู่

            “ไปเลยพี่”               

          โจรวิ่งเลี้ยวหายเข้าไปในตรอกแคบๆที่รถเข้าไม่ได้   ลักษณ์ลงจากมอเตอร์ไซค์วิ่งเข้าไปดึงเสื้อของคนที่ทำท่าจะตามเข้าไปอย่างไม่ลดละ

          “พอแล้วๆ  พอแล้วไวน์”

          “ตรอกนี้กูรู้จัก  เคยเข้าไป”  อีกฝ่ายหันมาตอบปนหอบ

            “ไม่เอา  ช่างมันเหอะ  เดี๋ยวเกิดมันมีอาวุธขึ้นมา  ไม่คุ้ม”  ลักษณ์พูดเหนื่อยๆ  จริงๆก็เสียดายอยู่เหมือนกัน  เสียดายเงินไม่เท่าไหร่ แต่พวกบัตรต่างๆเนี่ยสิ

            “ไม่รู้จักระวัง  นี่รอบที่สองแล้วนะที่โดนวิ่งราวเนี่ย...”  ไวน์พูดด้วยเสียงหงุดหงิด  “โทรไปอายัตบัตรเอทีเอ็มก่อน  แล้วก็ไปแจ้งความด้วย”  ไวน์พูดเรียบๆ  ยกมือแขนเสื้อขึ้นเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมาเป็นทาง  เสื้อนักศึกษาเปียกชุ่มไปทั้งหลัง

            “อืม   ขอหาเบอร์ก่อน...เบอร์”  ลักษณ์ล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจิ้ม  ทว่าอีกฝ่ายกลับคว้าโทรศัพท์ไปกดโทรเสียเอง  ไม่นานก็หันมาบอกว่าเรียบร้อย

            “เหลือแค่แจ้งความ”

            ลักษณ์เดินตามหลังอีกฝ่ายออกมาจากซอยลึกเงียบๆ  พี่วินมอเตอร์ไซค์คันนั้นก็ขับหายไปเสียแล้วไม่รอเอาเงินซักบาท  คงสมเพชเวทนาเขาเต็มทน 

            แสงไฟฟ้าข้างทางส่องให้เห็นเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายอยู่ในเงามืดกึ่งสว่าง   ลักษณ์เร่งฝีเท้าขึ้นมาเดินเคียงข้างแล้วหันไปพูดด้วยเสียงที่พยายามให้ฟังดูปกติที่สุด

            “ยินดีด้วยนะ คุณเดือนมหาลัย”

          “อืม  ไปดูด้วยหรอ”  อีกฝ่ายถามกลับมาด้วยท่าทางเหินห่าง

            “ไปดิ  เพื่อนแข่งทั้งทีไม่ไปได้ไง”  ลักษณ์เอื้อมมือไปตบที่หัวไหล่แข็งๆนั้นสองที ก่อนจะดึงมือกลับมา

            “ไม่ได้อยากเป็นหรอก  น่าเบื่อ”  ไวน์ตอบกลับมา   ชะลอฝีเท้าลงเล็กน้อยเพื่อรอเขา  “แต่ก็สนุกดี”

          “ยังเหลืออีกเรื่องนึง  ที่ยังไม่ได้แสดงความยินดีด้วยเลย”  ลักษณ์พูดเบาๆ  หลังจากเดินมาจนเกือบถึงปากซอย   อีกฝ่ายไม่ได้ถามต่อเพราะมีรถกระบะวิ่งสวนเข้ามาตอนที่พวกเขากำลังจะข้ามถนน

            ไวน์ยกแขนขึ้นกั้นเอาไว้ไม่ให้เขาเซ่อซ่าเดินออกไป

            “ดูรถหน่อยสิ”  โดนไปอีกหนึ่งดอก

            พวกเขาแวะเล่าเรื่องให้ป้าดาฟังก่อนรอบหนึ่งเพื่อคลายกังวล   แล้วเขาก็เดินตามเพื่อนตัวสูงเข้าไปในสถานีตำรวจที่อยู่ถัดไปเพียงป้ายรถเมล์เดียว   ขึ้นไปแจ้งความเสร็จเวลาก็ล่วงไปอีก 

            ไวน์เดินตามมาส่งเขาที่หน้าร้านป้าดา   ท่าทางอิดโรยและสภาพมอมแมมนั้นทำให้ลักษณ์เอ่ยชวนออกไปโดยไม่ทันคิด

            “อาบน้ำบ้านกูก่อนก็ได้นะ”

          คนฟังชะงักกึก  เงยหน้าขึ้นมองเขา  นัยน์ตาคู่นั้นมีอะไรบางอย่างแวบผ่าน  มันเร็วมากจนเขาจับอารมณ์ไม่ทัน  ก่อนจะเปลี่ยนเป็นนิ่งสงบแบบเดิม

            “ไม่ล่ะ  ขอบคุณมาก”  อีกฝ่ายยกมือขึ้นล้วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง

            ลักษณ์รู้สึกตัว  เขายกมือขึ้นขยี้ผมแก้เก้อ  เพิ่งรู้สึกแสบที่ฝ่ามือและแขนซ้าย  พอยกขึ้นมาดูก็พบว่ามีแผลถลอกเป็นทางยาวตั้งแต่ข้อมือลงไปถึงข้อศอก  เลือดซึมออกมานิดหน่อยปนกับคราบฝุ่นผงของถนน

            “รีบไปล้างออกซะ  แล้วก็ใส่ยาด้วย  เข้าใจหรือเปล่า?”  ไวน์พูดเสียงเข้มกว่าปกติ  จับตามองแผลที่แขนของเขาตาไม่กระพริบ

            “นิดหน่อยน่า  ไกลหัวใจ”

          “ใครบอก”  อีกฝ่ายสวนกลับทันควัน  “ใกล้หัวใจตะหาก....”

          ลักษณ์คล้ายจะได้ยินคำว่า ‘หัวใจกู’ ดังต่อท้ายประโยคที่อีกฝ่ายหยุดพูดไปดื้อๆนั้น   เขาเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างงงๆ  เหมือนฟังไม่ทัน

            “ว่าไงนะ”

          “ไม่มีอะไร  แค่จะบอกว่าแขนมันเป็นอวัยวะใกล้หัวใจ   เส้นเลือดจากแขนก็ไหลเข้าหัวใจโดยตรงนั่นแหละ  ...มึงฟังไม่เข้าใจหรอก  แต่เชื่อกูเหอะ  กูรู้กูเรียนมา  ฉะนั้นก็รีบๆเข้าบ้านไปล้างแผลได้แล้ว  เดี๋ยวติดเชื้อ”  ไวน์พูดเร็วปรื๋อ   แถมยังโบกมือไล่เขาราวกับไล่แมลงวันสักตัวอีก

            “เออ  รู้แล้ว  ทำตัวเป็นพ่อไปได้”

          “ก็อยากเป็นมากกว่านั้นก็ไม่ให้นี่”  ไวน์สวนแล้วหัวเราะหึ  “พูดเล่น  เลิกคิดมากได้แล้ว  เรื่องนั้น....สบายใจได้  กูทำใจได้แล้ว”

          ....สุดท้ายไวน์ก็พูดถึงเรื่องนั้นออกมาจนได้  ลักษณ์ลอบถอนหายใจระบายความอึดอัด  เขามองเข้าไปภายในร้านป้าดาที่เปิดไฟชั้นล่างทิ้งเอาไว้แทนที่จะสบตาคมเข้มที่จ้องมาที่เขานิ่ง

            “ดีแล้วล่ะ  กลับมาเป็นพื่อนกูสักทีเหอะ”  ....กูเหงา   ลักษณ์คิดต่อในใจ  เขาขอโทษความรู้สึกแปลกๆตลอดสัปดาห์นี้ว่าเกิดจากความเหงาที่ไม่มีเงาของเพื่อนสนิทอยู่ด้วยล่ะกัน  “ยินดีด้วยเรื่องของมึงกับนิวนะ  น่ารักดี”

          “อืม...ขอบใจ”   ไวน์ดูผ่อนคลายลงเมื่อพูดถึงชื่อบุคคลที่สามออกมา

            “ไปเจอกันตอนไหนน่ะ”

          “เจอตอนประกวดดาวเดือนอะไรเนี่ยแหละ   เห็นว่าน่ารักดีก็เลยลองจีบดู....ไม่คิดจะถามหน่อยเหรอว่าทำไมถึงเร็วนัก”  จู่ๆอีกฝ่ายก็ถามกลับมา  คนฟังอึกอัก  ตอบอย่างระมัดระวัง

            “ก็เพราะว่า....ถูกสเป็คมึงสุดๆมั้ง”

          “ก็ถูกส่วนนึง  แต่อีกอย่างคือ...เพราะนิวคล้ายมึง...ลักษณ์”  ไวน์ตอบออกมาหน้าตาเฉย  “กูเพิ่งอกหักจากมึงมาก็เลยอยากหาวิธีทำใจ   โชคดีที่คราวนี้กูไม่ผิดหวัง”

          ลักษณ์อ้าปากค้างพูดไม่ออก  ถ้ามีคนคิดจะวาดรูปใบหน้าของเขาตอนนี้ล่ะก็  คงเป็นใบหน้าที่วาดยากพิลึก

            “กูรู้ว่าตัดใจจากมึงมันยาก  ก็กูรักของกูมาตั้งหลายปี  แต่ก็นะ...กูเข้าใจแล้ว  ต่อให้กูพยายามยังไงก็คงสูญเปล่า  สู้เรากลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมดีกว่า....ลักษณ์”

          “อะ..อะไร?”

          “ให้เวลากูอีกนิด  กูใกล้จะทำใจได้แล้วล่ะ...แล้วเราจะได้กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม”   เสียงของไวน์แหบเบาทว่าเขาก็ฟังออกทุกคำ “เหมือนที่มึงต้องการ”

          “ไวน์...”

          “ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้น  กูโอเคมากแล้ว  นิวก็เป็นคนที่น่ารักมาก  กูอยู่ด้วยแล้วสบายใจเหมือนเวลาที่อยู่กับมึงเลย”

          “นิวเคยช่วยกูเอาไว้ด้วย  วันที่ประกวดดาวเดือนตอนนั้นกูเป็นลมอยู่หน้าห้องน้ำ” ลักษณ์เล่าเรื่องที่ตัวเองไม่สบายให้อีกฝ่ายฟัง  ไวน์มีพยักหน้าเนิบๆ ท่าทางไม่แปลกใจอะไร

            “เค้าก็เป็นคนแบบนี้แหละ  ชอบช่วยคนอื่นเขาไปทั่ว  ทั้งที่ตัวเองก็ตัวแค่นั้น  จะไปทำอะไรได้....หึๆ  ขอบคุณมากนะลักษณ์ที่เล่าให้ฟัง   ดึกแล้วเข้าบ้านเถอะ  กูจะกลับแล้วล่ะ”

            “โชคดีเพื่อน ขอบคุณมาก”

          ไวน์โบกมือลาแล้วหมุนตัวเดินออกไปยังถนนใหญ่   ทิ้งให้คนข้างหลังมองตามด้วยความรู้สึกยากจะบรรยาย  ใจหนึ่งก็ดีใจที่จะได้ ‘เพื่อนสนิท’ กลับคืนมาอีกครั้ง

            ทว่าอีกใจหนึ่ง...กลับรู้สึกหม่นๆชอบกล  โดยเฉพาะเวลาที่อีกฝ่ายพูดถึง ‘เพื่อนใหม่’ คนนั้น  ไวน์ดูรู้จักอีกฝ่ายดีนักหนาทั้งที่เจอกันไม่นาน  น้ำเสียงที่พูดถึงคนชื่อ นิว เต็มไปด้วยความชื่นชม  ไวน์ไม่ถามด้วยซ้ำว่าเขาเป็นลมไม่สบายเป็นอะไรมากหรือเปล่า

            ...ก็ทำไมต้องถามล่ะ   

            ...ไวน์ก็ควรจะเป็นห่วงเพื่อนสักนิดไม่ใช่หรือไง

            ...เพื่อนที่ตัดเพื่อนไปแล้วน่ะเหรอ

            ...เพื่อนที่กำลังจะกลับมาคืนดีกันต่างหากเล่า

            ลักษณ์คิดว่าอาการที่ตัวเองเป็นอยู่คงจะเรียกว่า หวงเพื่อน  กระมัง  เหมือนที่พวกเพื่อนสนิทชอบเป็นกันเวลาที่เห็นเพื่อนมีแฟน

            มันจะค่อยๆดีขึ้นเอง   เขาคิดว่าอย่างนั้นนะ

            ................................................................................................

มาต่อนะค้าาา  ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ 
เรื่องนี้ยังอีกยาวไกล  บอกแล้วไงว่าเป็นเรื่องของคนแอบรัก5555
ฝากติดตามด้วยน้าา  อัพเดทพูดคุยกันได้ในทวิต #แอบลักษณ์ นะคะ
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่14แล้วนะ26/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 25-04-2017 22:41:46
ขอแนะนำอีกเรื่องของผู้เขียนนะคะ
เป็นเเนวดรามาหนักหน่วงหน่อย 
ของแฟนเก่าที่กลับมาเจอกันอีกครั้งค่ะ
ลองอ่านดูนะคะ
เพราะหัวใจบอกว่า...รัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57295.0)
 :mew1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่14แล้วนะ26/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-04-2017 22:58:39
ทีมไวน์ (ถึงจะรู้ว่าลักษณ์ก็ไม่ผิด แต่เราแอบรำคาญ)
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่14แล้วนะ26/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-04-2017 00:25:00
 :a5:


โอยยยยยย
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่14แล้วนะ26/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 26-04-2017 08:48:42
เดาทางเรื่องไม่ถูกเลย
งงกับลักษณ์ งงกับไวน์
 :katai5:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่14แล้วนะ26/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 26-04-2017 09:37:24
พอเค้าไป ก็คิดถึงอะดิ

เรื่องปกติ คิดดีๆ อยากเป็นแค่เพื่อนจริงๆหรอ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่14แล้วนะ26/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 26-04-2017 13:19:58
ทำอย่างนี้ดีแล้วแหละไวน์ ให้ลักษณ์มันรู้ตัวซะบ้าง ว่าอะไรเป็นอะไร  :hao6: :katai4:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่14แล้วนะ26/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: appattap ที่ 27-04-2017 15:07:38
อ่านไปน้ำตาซึมไป ทั้งโมโหทั้งสารในเวลาเดียวกัน
เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ  อ่านแล้วอินมากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่14แล้วนะ26/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 27-04-2017 23:49:08
อ่านแล้วหนุกมาก มีให้ได้ลุ้นทุกตอนเลย

#ตอนที่ 14
ก็ยังเห็นใจไวน์เหมือนเดิม คนแอบรักเพื่อนมันอึดอัดมากนะ
แต่ถ้าไวน์ไปคบกับนิวแบบเล่นๆ ก็น่าสงสารนิว ที่ต้องมาเป็นแค่คนคั่นเวลา
อย่าเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นแบบนี้เลย มันไม่ดีหรอกไวน์
เพราะจะได้รับความเจ็บปวดกันถ้วนหน้า ทั้งไวน์ ลักษณ์ และก็นิว

วิธียืมมือฆ่าคน..มันบาปมากกกกกกกกก

+1 ฮับ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่15แล้วนะ29/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 29-04-2017 21:40:42
ตอนที่15

He who hesitates is lost.

 

 

 

 

            “เย็นนี้มึงไปซื้อของด้วยกันหรือเปล่าไอ้ลักษณ์  ของขวัญเฉลยบัดดี้อ่ะ  พรุ่งนี้แล้วนะ”   เบียร์ถามขึ้นหลังจากหมดคาบเคมีคาบสุดท้ายของวัน   เพื่อนๆในคณะพากันก้มหน้าก้มตาเก็บของเพื่อออกจากห้องเลคเชอร์ให้เร็วที่สุด

          “ไปๆ  ว่าจะดูกระเป๋าสตางค์ใหม่ด้วย”   เขาเพิ่งเล่าให้เพื่อนในกลุ่มฟังเมื่อเช้าว่าถูกโจรวิ่งราวกระเป๋าไป  ทุกคนต่างสรรเสริญไอ้ไวน์และด่าเขาซ้ำจนหูชามาทั้งวัน

          “เห้ย...พอดีเลย  งั้นเดี๋ยวมึงไปเลือก  กูซื้อให้เอง  ถือว่าเป็นของขวัญขอบคุณบัดดี้ไปเลยไง”  เต้รีบพูดขึ้นมา  ลักษณ์พยักหน้าเห็นด้วย

            “โอเค  ดีเหมือนกันกูจะได้ถูกใจ”

          “เลือกแพงๆเลยมึง  ถล่มให้มันหมดตูด”  แซมกระซิบแล้วแล้วหัวเราะลั่น

            พวกเขาตรงดิ่งออกมาขึ้นแท็กซี่หน้ามหาวิทยาลัย  เพราะยังไม่มีใครในกลุ่มมีรถกันสักคน  พอมาถึงห้างต่างคนต่างก็แยกย้ายไปหาของที่ตัวเองต้องการ   ลักษณ์กับเต้ก็เดินแยกออกมาด้วยกันเพื่อไปดูกระเป๋าสตางค์

            “มีงบแค่ไหน”  ลักษณ์หันไปถาม

            “เลือกมาเลย  สำหรับบัดดี้อย่างมึง กูพร้อมควักเต็มที่”  เต้ตอบกลับมา พลางหัวเราะหึๆ 

          “โอ้โห  เสี่ยเต้มาเอง”

            เต้พาเขาเข้าไปในร้านกระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อหนึ่ง   ตอนแรกลักษณ์ก็นึกว่ามันคงพูดเล่น  ที่ไหนได้ พอเขาหยิบกระเป๋าสตางค์หนังใบสีน้ำตาลอ่อนทรงสวยขึ้นมาดู  พลิกไปพลิกมาหลายรอบด้วยความถูกใจ  เต้กลับบอกคนขายที่เข้ามายืนรออยู่แล้วให้ห่อให้เลย

            “เห้ยมึง...กูดูเล่นๆเพราะมันสวย  ไม่ได้อยากได้จริงๆ”  เขาดึงกระเป๋าในมือเอาไว้ไม่ให้พนักงานรับไป  เต้หันมามองหน้าแล้วพูดกลับมาเสียงขึงขัง

            “เงินกู  กูอยากซื้อให้บัดดี้กู  มึงมีปัญหาอะไรลักษณ์”

          “จะบ้าเหรอมึง  แพงขนาดนี้กูไม่เอาหรอก  นี่มันเท่าเงินเดือนที่กูใช้ทั้งเดือนเลยนะ”

          “งั้นมึงก็เป็นคนประหยัดมาก ลักษณ์”  เต้ตอบกลับมาแล้วหัวเราะ  ส่งบัตรเครดิตในมือให้พนักงานไป

            “ถ้ามึงซื้อมา กูโกรธ และกูก็จะไม่ยอมใช้ด้วย”

          “ลักษณ์....เอางี้  งั้นมันจะเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่กูจะให้มึงเลย ดีมั้ย  แล้วต่อจากนี้ทุกวันเกิดของมึง  กูจะไม่ซื้ออะไรให้”  เต้พูดด้วยเสียงจริงจัง  ยื่นมือไปรับถุงจากพนักงานมาถือเอาไว้  “กูซื้อมาแล้วด้วย  คืนไม่ได้แล้วล่ะ”

            ลักษณ์ยกมือขึ้นขยี้เส้นผมสั้นๆของตัวเองให้ยุ่งหนักกว่าเดิมแล้วเดินตามหลังเพื่อนออกมาข้างนอกร้าน  ....ก็พอรู้อยู่หรอกว่าบ้านเพื่อนมีเงิน  แต่ไม่นึกว่าจะใจป้ำซื้อของแพงขนาดนี้ให้

            …กะอีแค่เล่นบัดดี้

          “มึงจริงจังไปหรือเปล่าวะไอ้เต้  แค่ของขวัญแต้งค์บัดดี้เอง”  ลักษณ์พูดขึ้น

            “สำหรับมึงอาจจะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย  แต่สำหรับคนอื่นอาจเป็นความหวังที่เขาเฝ้ารอโอกาสมาตลอดก็ได้นะ”  เต้พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย  “ดูอย่างวิป บัดดี้ของมึงสิ  ถ้าไม่ได้เกมโง่ๆอย่างบัดดี้  พวกมึงจะได้คุยกันเหรอ”  ลักษณ์ขมวดคิ้ว  ไม่รู้ทำไมเขารู้สึกประหลาดกับคำพูดประโยคแรกของอีกฝ่าย  ทว่าเต้ก็ชิงเปลี่ยนเรื่องจนเขาทักไม่ทัน  สุดท้ายก็เลยลืมไปเสียสนิท

            เต้ขอกลับก่อนเพราะต้องกลับไปทานมื้อเย็นกับครอบครัว   ยังเหลือเวลาอีกเกือบชั่วโมงถึงจะถึงเวลานัดเจอกันที่ร้านอาหารของกลุ่ม  ลักษณ์ก็เลยเดินดูของต่อคนเดียว

          ....วิปบอกว่าอะไรนะ  สมุดปากกาสวยๆงั้นเหรอ....ทำไมพวกผู้หญิงถึงชอบอะไรพวกนี้กันนัก  หรือว่าจะเป็นเพราะว่าวิปชอบวาดรูปอยู่แล้ว  ชายหนุ่มคิดขณะที่เดินเลี้ยวเข้าไปในล็อคเครื่องเขียน   กวาดสายตาไล่ดูปากกาชนิดต่างๆอย่างเพลิดเพลิน  รู้ตัวอีกทีก็โดนสะกิดที่แขนเบาๆ

            “เธอ”

          “อ้าว ...มะยม”  เด็กสาวที่สวมแว่นตาทรงสี่เหลี่ยม  ส่งสายตาดุๆลอดแว่นมาให้เขาก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มมุมปากที่ทำให้เธอดูใจดี

            “มาซื้อของหรอ”

          “อื้ม  มะยมล่ะ”

          “มาเดินเล่นน่ะ  เราชอบเดินร้านเครื่องเขียน”  เธอตอบกลับมา  เอื้อมมือไปหยิบปากกาหน้าตาประหลาดแต่ก็เข้ากันดีกับท่าทางของเธอมาลองขีดเล่น

            “แปลกดี”  ลักษณ์พูด  แล้วรีบเปลี่ยนเป็นคำถาม  “มาคนเดียวหรอ”  กวาดสายตาไปรอบๆเผื่อจะเจอเพื่อนคนอื่นของมะยม  อย่างเช่นคนตัวเล็กๆสักคน 

          ทำไมเขาถึงอยากต้องอยากเจอนิวด้วยล่ะ....

            “มากับนิว  มันเดินไปซื้อกระดาษอะไรสักอย่างข้างหลังร้านน่ะ”  มะยมตอบกลับมา  “ลักษณ์ล่ะ  มาคนเดียวหรอ”

          “เปล่า...มากับเพื่อน  แต่ว่าแยกกันซื้อของก่อน”

          ลักษณ์ตอบ  มือก็เลือกเอาปากกาที่คิดว่าสวยที่สุดมาถือเอาไว้   เขาเดินไปที่ชั้นวางสมุดหลายหลายรูปแบบ  เลือกอยู่นานสุดท้ายก็หยิบเอาแบบเรียบๆมา  กะว่าจะไปวาดรูปลงสีเองคืนนี้

            ...ที่เต้พูดมาก็ถูก  เฉลยบัดดี้ทั้งทีนี่นะ...

            “ลักษณ์  เป็นไงบ้าง  หายดีหรือยัง”  เสียงที่เขาเริ่มจำได้ทักขึ้นหลังจากที่เขาเอาของไปจ่ายเงินเสร็จแล้ว  ...เดือนนี้เสียเงินไปมากจริงๆ  ไหนจะที่โดนขโมยไป  คงเหลือไม่ถึงสิ้นเดือนแน่ๆ  แถมยังต้องเสียเวลาวิ่งวุ่นทำสารพัดบัตรใหม่อีก

            “หายแล้วล่ะ  นิวล่ะเป็นยังไงบ้าง”  เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังคุยกับเพื่อนผู้หญิงสักคน  ไม่ใช่เพื่อนผู้ชายรุ่นเดียวกัน  คงเป็นเพราะท่าทางของอีกฝ่ายดูนุ่มนิ่ม แถมรอยยิ้มหวานๆบนใบหน้านั้นก็ดูเข้ากับเพศหญิงมากกว่า

            “ไอ้นิวมันกำลังอินเลิฟ  ไม่ต้องไปถามมันหรอก  ไม่ต้องถามเรื่องแฟนมันด้วย  เดี๋ยวมันเริ่มเปิดประเด็นขึ้นมาจะยาว”

          “แหม...ก็เวอร์ไปมั้ยมะยม  เราไม่ได้พูดอะไรขนาดนั้นสักหน่อย”

          “ค่า  ก็แค่พูดถึงหมอไวน์สามเวลาหลังอาหาร  หมอไวน์อย่างนั้น  หมอไวน์อย่างนี้”   มะยมพูดเสียงดัง  นิวหน้าแดงก่ำ  ตีแขนเพื่อนอย่างแรงไปหลายทีจนเธอฟาดกลับ

            “ไม่ใช่อย่างนั้น  ดูซิ  ลักษณ์งงใหญ่แล้ว”

          “ลักษณ์จำคนที่ได้เป็นเดือนมอได้มั้ย  ที่สูงๆอ่ะ  นั่นแหละ..ผัว  เอ๊ย  แฟนไอ้นิวมัน”

          “อ้อ  เรารู้จัก  ยินดีด้วยนะ” ลักษณ์เลือกตอบกลับไปสั้นๆ

            “ขอบคุณนะ”  นิวยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มบุ๋มลึกข้างแก้ม  ยิ่งทำให้ใบหน้านั้นน่าเอ็นดูยิ่งกว่าเดิม  แม้แต่มะยมเองก็เถอะ...ลักษณ์สังเกตว่าถึงจะคอยจิกกัดนิวตลอด  ทว่าสายตาที่มองไปยังเพื่อนชายตัวเล็กก็เต็มไปด้วยความเอ็นดู

            “เราต้องไปแล้วล่ะ  เพื่อนรออยู่”  เขาพูด  โบกมือลาสองคู่หูนั้น  เดินขึ้นบันไดเลื่อนไปยังชั้นบนที่มีร้านอาหารเรียงรายให้เลือกอยู่เต็ม  ไปหยุดที่หน้าร้านอาหารไทยราคานักเรียนนักศึกษารอเพื่อนอีกสองคนที่ยังไม่มา

            “มาแล้วๆ หิวเหรอมึง  กูมาช้าไปไม่ถึงห้านาทีทำให้เหมือนตูด”  แซมตบไหล่ของเขาดังป้าบ  ขณะที่ไอ้เบียร์หัวเราะร่า  พวกเราเดินเข้าไปภายในร้านอาหารที่แวะมากินบ่อยเพราะอร่อย  ราคาถูก

          หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน  ไอ้เบียร์กับแซมไปแท็กซี่เพราะบ้านอยู่ทางเดียวกัน  ส่วนลักษณ์ก็เดินเรื่อยๆออกมารอรถเมล์ข้างหน้าห้าง  พลิกนาฬิกาข้อมือดูเวลาเกือบสองทุ่มแล้ว  คงกลับบ้านไปทันช่วยป้าดาเก็บร้านพอดี

            “ลักษณ์  เจอกันอีกแล้ว”  ลักษณ์หันไปตามเสียงทัก  เห็นหนึ่งในสองคู่ซี้ที่เขาเจอในร้านขายเครื่องเขียนเดินยิ้มโบกมือมาให้แต่ไกล  จนกระทั่งนิวเดินมาหยุดยืนที่ป้ายรถเมล์ข้างเขา

            “กลับยังไง/กลับไงอ่ะ” พวกเขาพูดออกมาพร้อมกัน แล้วต่างหัวเราะออกมาเก้อๆ

            “เรากลับรถเมล์  นั่งไปนิดเดียวก็ถึงบ้านแล้ว  นิวล่ะ”  ลักษณ์เป็นฝ่ายตอบออกมาก่อน  อีกฝ่ายอมยิ้ม  นิ่งไปนิดนึงอย่างมีเลศนัย     

            “ห้ามบอกมะยมเด็ดขาดนะ  เราบอกมะยมไปว่าจะกลับเอง  แต่ว่า...”  นัยน์ตากลมหวานคู่นั้นมีแววซุกซน  “เดี๋ยวหมอไวน์มารับ”  ฝ่ายนั้นจบประโยคแบบเขินๆ

            “อ้อ”  ลักษณ์ครุ่นคิดหาคำพูดอื่นมาต่อท้ายเสียงอุทานของตัวเองไม่ให้มันดูแปลก  ก็พอดีร่างสูงโปร่งของคนที่กำลังพูดถึงอยู่นั้น เดินฝ่าฝูงชนตรงมาที่พวกเขาสองคน

            “ทางนี้ไวน์”  คนข้างเขายกมือขึ้นโบกเรียก   อีกฝ่ายก็โบกตอบแล้วเดินเข้ามาหา  นัยน์ตาคมเข้มคู่นั้นไม่ได้เหลือบมองมาทางเขาเลยสักนิดตอนที่เอ่ยทักนิวด้วยเสียงอ่อนกว่าปกติ

            “รอนานหรือเปล่า  ขอโทษทีนะ”

          “ไม่นานหรอก...”

ไวน์หันมามองเขา หน้าตาประหลาดใจราวกับเพิ่งสังเกตเห็น

            “อ้าว....ลักษณ์”  ฝ่ายนั้นทักสั้นๆ  แล้วทำท่าจะพานิวเดินไปทางอื่น ทว่าคนตัวเล็กสุดกับรั้งแขนเอาไว้เสียก่อน

            “รู้จักกันหรอ  โลกกลมจัง  นี่ไงคนที่นิวบอกว่าน่ารักอ่ะ….ขนาดมะยมไม่เคยชมใครยังบอกว่าลักษณ์น่ารักเลย”  คนที่โดนชมซึ่งๆหน้ากลับทำหน้าไม่ถูก  ทั้งที่ปกติแล้วเขาคงดีใจมากเพราะนานทีปีหนจะมีสาวชมสักครั้ง

            ถึงจะเป็นคำว่าน่ารักแทนหล่อก็เถอะ..

          “หึๆ  เพื่อนเราเอง  รู้จักกันตั้งแต่มัธยมแล้ว”  ไวน์พูด

            “ว้าว จริงเหรอ  ดีล่ะ  งั้นวันหลังนิวต้องไปแอบถามลักษณ์หน่อยแล้วว่าสมัยก่อนไวน์เป็นยังไงบ้าง  ต้องเฮี้ยวมากแน่เลย ใช่มั้ย”  นิวหันมาถามเขา

            ลักษณ์เงยหน้าขึ้นสบตาผู้ชายร่างสูงแวบหนึ่งแล้วก็เมินไปทางอื่น  ตอบด้วยเสียงปกติ

            “มาก...ไว้จะเล่าให้ฟัง”

          “งั้นไว้เจอกันนะลักษณ์  กลับบ้านดีๆนะ”  นิวร่ำลา  ยกมือขึ้นโบกเหมือนทุกที   ส่วน ‘แฟน’ ของเจ้าตัวนั้นหมุนตัวเดินนำลิ่วไปก่อนแล้ว  ลักษณ์มองตามหลังเห็นนิววิ่งตามไปเกาะท่อนแขนล่ำสันนั้น  ไวน์ชะลอฝีเท้าลงและก็เปลี่ยนเป็นจับมือของอีกฝ่ายพาจูงข้ามถนน

            ลักษณ์หุบยิ้มเมื่อรู้สึกว่ายกมุมปากค้างเอาไว้นานเกินไปจนเริ่มรู้สึกเมื่อยหน้า  ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการยิ้มต้องใช้พลังงานมากมายขนาดนี้ 

แต่ภาพของเพื่อนสนิทกับ ‘แฟน’ ก็ทำให้เขาอดยิ้มออกมาไม่ได้ด้วยความปลื้มใจแทน  ต่อไปนี้ไวน์คงมีคนให้ดูแลแทนแล้ว   ไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับสารพัดปัญหาที่เขาสรรหาก่อขึ้นมาให้อีกฝ่ายตามแก้ไม่เว้นแต่ละวัน   และเขาก็ไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับการช่วยมันสับหลีกรางรถไฟและช่วยกันบรรดาแฟนคลับของมันด้วย

ก็ดีนี่...

เสียงบีบแตรของรถใกล้ๆทำให้ลักษณ์สะดุ้ง  หันไปมองเห็นรถเมล์คันที่เขายืนรออยู่นั้นกำลังจะออกจากป้าย  เด็กเภสัชรีบตะโกนลั่นให้รอก่อนแล้วเดินแกมวิ่งโหนขึ้นไปบนรถเมล์ที่คนแน่นเอียดเป็นปลากระป๋องเหมือนทุกวัน

ต่างกันตรงที่...เขามองลอดซอกคอของคุณตาที่ยืนชิดอยู่นั้นออกไปยังหน้าต่าง  เห็นร่างสูงสง่าของไอ้ไวน์กำลังเปิดประตูรถแท็กซี่ให้คนรักก้าวขึ้นไปนั่ง  ก่อนที่ตัวเองจะก้าวตามขึ้นไป  จากนั้นรถแท็กซี่คันนั้นก็แล่นฉิวเหลือแต่ไฟท้ายสีแดงๆ

ลักษณ์ถอนหายใจยาว  เกร็งข้อมือที่ยึดราวเหนือศีรษะเอาไว้แน่นเมื่อรถออกตัว

...ต่างกันตรงที่วันนี้รถเมล์ขับนิ่มกว่าปกติมั้ง

......................................................................

“เราเป็นบัดดี้ของเธอเองแหละ.....ลักษณ์”   

ไม่มีพลิกโผใดๆ  คนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของลักษณ์และพูดประโยคนี้คือ วิป  หญิงสาวหน้าใสสวมแว่นตาที่เขากำลัง ‘คุย’ ด้วยอยู่   วิปดูเขินเล็กน้อยตอนที่บอก

“กะเอาไว้อยู่แล้วล่ะ”  ลักษณ์พูดยิ้มๆ  ยื่นกล่องของขวัญสีเงินที่เขาบรรจงห่อเองไปให้เธอ  “ขอบคุณมากนะที่ดูแลเรามาตลอดเดือน  ขอบคุณบ๊วยเค็ม น้ำ ขนมอื่นๆ แล้วก็...ร่มของเธอวันนั้นด้วย”  หญิงสาวหัวเราะ

“บ๊วยคืนชีพกับขนมน่ะของเราเอง  แต่ร่มไม่ใช่ของเราหรอก”

“อ้าว...”

“มีคนให้ยืมมาน่ะ  ตอนที่เราตามหาร่มมาให้เธออยู่”

“แล้วต้องเอาไปคืนมั้ย”  ลักษณ์ถามกลับงงๆ

“ไม่ต้อง เขาบอกว่าได้ฟรีมาอีกที  ให้เลย”  วิปตอบ  แล้วก้มลงแกะกระดาษห่อของขวัญอย่างตั้งใจ  ลักษณ์เลยถามขึ้นเบาๆ

“Wishmeluck นี่มีความหมายอะไรพิเศษหรือเปล่า หืม?”

“อะไรนะลักษณ์   Wishmeluckหรอ   คือชื่ออะไรน่ะ”

คนฟังเงียบไปในทันที  ทว่าวิปไม่ทันสังเกต  เธอก้มลงแกะกระดาษออกทีละชั้นจนถึงกล่องคุ้กกี้ด้านใน  พอใช้คัทเตอร์กรีดออกก็พบว่าของขวัญของลักษณ์เป็นปากกาลายน่ารักกับสมุดบันทึกที่มีภาพสเก็ตช์รูปเธออยู่บนหน้าปก

“โอ้ย  น่ารักมากๆเลย  ขอบคุณมากนะลักษณ์”  หญิงสาวหันมาบอกคนให้  เธอขมวดคิ้วเมื่อเห็นอีกฝ่ายหน้าซีดๆพิกล  “เป็นอะไรหรือเปล่า  หรือว่าไม่สบาย”

“ปละ..เปล่า  คือ...เดี๋ยวเรามานะวิป  ขอตัวครู่เดียว”

ลักษณ์พูดตะกุกตะกักแล้วรีบเดินเร็วๆฝ่าเพื่อนในห้องที่ยืนพูดคุยแกะของขวัญกันออกมาจากห้องเลคเชอร์   เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงต้องเดินแกมวิ่งตรงไปยังตึกคณะแพทย์ตอนนี้ด้วย  ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาถึงไม่เอะใจเรื่องนี้ทั้งๆที่มันไม่ยากเลยสักนิดเดียว  ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพราะอะไรชื่อที่ผุดขึ้นมาในหัว ถึงมีเพียงแค่อีกฝ่ายคนเดียวเท่านั้น 

Wishmeluck…WineiloveU

ให้ตายสิ....ถ้าใช่ล่ะก็....บทสนทนาที่ผ่านมา  เรื่องราวที่เขาเล่าให้อีกฝ่ายฟังทั้งหมด  ความเห็นของฝ่ายนั้นที่เคยบอกเขา  ลักษณ์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดโปรแกรมไลน์   เข้าไปที่หน้าแชทระหว่างเขากับคนที่ใช่ชื่อ Wishmeluck  ...คนที่บอกกับเขาว่าเป็นบัดดี้   คนที่...พูดคุยกันได้อย่างถูกคอเหลือเกิน

“ลักษณ์  มาหาไวน์หรอ  มันยังอยู่บนตึกอยู่เลย”   เขาเจอเพลินตาเป็นคนแรก  เธอทำหน้าแปลกใจอย่างไม่ปิดบัง  ลักษณ์ไม่ได้เล่าอะไรมาก  แค่บอกว่ามาขอพบไวน์เฉยๆ

เด็กคณะเภสัชฯเดินขึ้นบันไดไปยังห้องเรียนชั้นสองของอาคารเรียนรวม  หัวใจยังเต้นรัวเร็วเพราะออกแรงวิ่งมาบวกกับความตื่นเต้นในใจ  เขาเดินไปหยุดหน้าห้องๆหนึ่งที่เห็นเพื่อนเด็กแพทย์เดินออกมาทีละคนสองคน

ไวน์ยังอยู่ข้างในนั้นจริงๆด้วย  ร่างสูงกำลังก้มๆเงยๆอยู่แถวเก้าอี้ที่นั่งเรียนเลคเชอร์โดยมีเพื่อนอีกคนเดินด้อมๆมองคล้ายหาอะไรสักอย่างไปตามพื้นด้วย

“ไวน์”  ลักษณ์ส่งเสียงเรียก  อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามองแล้วโบกมือให้

“มึงกลับก่อนก็ได้นพ  แต้งค์กิ้วมาก  เดี๋ยวกูหาต่อเอง”

นพพยักหน้าให้ลักษณ์นิดหนึ่งแทนคำทักทาย  แล้วก็คว้ากระเป๋าเดินออกจากห้องไป  เพื่อนๆที่ยังเหลือในห้องอีกสองสามคนก็ทยอยลุกขึ้นเดินออก  เหลือเพียงเขากับไวน์ยืนประจันหน้ากันโดยมีโต๊ะเลคเชอร์นับสิบกั้นเอาไว้

“มีอะไรหรือเปล่า?”  ไวน์ถาม

“Wishmeluck  มึงคือ Wishmeluck ใช่มั้ย?”  ลักษณ์ถามโพล่งออกไปโดยไม่มีการเกริ่นใดๆ  อีกฝ่ายชะงัก  คิ้วเข้มๆนั้นเลิกขึ้นเล็กน้อย

“คืออะไร”

“ชื่อในไลน์  มึงแกล้งหลอกกูว่าเป็นบัดดี้  แล้วก็ใช้ชื่อ Wishmeluck มาคุยกับกูอยู่ตั้งนาน  สนุกมากใช่มั้ยหลอกกูเนี่ย”  ลักษณ์พูด  เสียงสั่นจนตัวเองยังรู้สึก  แม้จะพยายามฝืนเอาไว้มากแค่ไหนก็ตาม

สีหน้าของไวน์เปลี่ยนจากตกใจในตอนแรกกลายเป็นนิ่งเฉยเหมือนใส่หน้ากาก  ไม่มีอารมณ์ในน้ำเสียงที่ตอบกลับมาเรียบๆเลยว่า

“ไม่สนุกหรอก”

“แล้วมึงทำทำไมไวน์   รู้มั้ยว่ากู...กู...เสียใจนะเว้ย”  คำว่า ‘เสียใจ’ หลุดออกมาจากปากลักษณ์อย่างง่ายดายจนแม้แต่เจ้าตัวยังแปลกใจ  ...นี่เขารู้สึกเสียใจงั้นเหรอ?

“เสียใจที่เป็นกู  ไม่ใช่วิปคนที่มึงตามจีบอยู่ใช่มั้ย”  ไวน์สวนกลับ  “กูก็คิดเอาไว้อยู่แล้ว”

ลักษณ์ขยับจะตอบว่าไม่ใช่...ทว่าความคิดอย่างหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัว....ถ้าเขาไม่ได้เสียใจ  ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เขารู้สึกอะไรอยู่ล่ะ   ไอ้ความรู้สึกตื้อๆในอกนี้หมายความว่าอย่างไรกัน

“ไวน์...”

“กูเข้าใจว่ามึงคงผิดหวัง  ลักษณ์....กูขอโทษ  ตอนนั้นมันจนปัญญาจริงๆ  ไม่รู้จะหาทางคุยกับมึงยังไง  ....อ้ะ  เจอแล้ว!”  จู่ๆ ไวน์ก็อุทานแล้วก้มลงหยิบอะไรสักอย่างที่ตกอยู่ที่พื้นขึ้นมา   “หาตั้งนาน  นึกว่าทำหาย”

ลักษณ์เพ่งมองของในมือที่อีกฝ่ายก้มลงเก็บ  มันเป็นพวงกุญแจอันเล็กๆรูปขวดไวน์  คล้องด้วยตัวอักษรรูปตัวเอ็น   อีกฝ่ายตอบกลับมาโดยไม่ต้องรอให้เขาถาม

“พวกกุญแจของนิวน่ะ  เค้าเพิ่งเอามาให้เมื่อเช้า  แต่กูดันทำหล่นหายตอนเรียน  นึกว่าจะโดนโกรธแล้วเนี่ย”  ไวน์บอก  หยิบพวกกุญแจพวงนั้นขึ้นมาร้อยกับกุญแจบ้านของตน  ปากก็พูดต่อโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง   “ถึงไหนแล้วนะ....อ้อ  ถ้ามึงโกรธที่กูหลอกมึง  ก็ยกโทษให้กูเถอะ  เห็นแก่คนที่มึงไม่เคยคิดจะรักแล้วกัน...”

ห้องเงียบกว่าปกติ  ไวน์เงยหน้าขึ้นมอง  ปรากฏว่าร่างผอมบางที่ควรจะยืนอยู่หน้าห้องนั้นหายตัวไปแล้ว  ชายหนุ่มถอนหายใจยาวแล้วโยนพวงกุญแจพวงนั้นลงบนโต๊ะ  เหยียดขายาวพาดเก้าอี้ตัวข้างหน้าแล้ววางคอลงบนพนักพิงหลับตานิ่งอยู่อย่างนั้น

................................................................................

         
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่14แล้วนะ26/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 29-04-2017 21:41:28
ต่อนะคะ


 


           “หายไปไหนมาน่ะลักษณ์  ให้เรารออยู่ตั้งนาน”  วิปถามอย่างโกรธๆตอนที่ลักษณ์เดินกลับคณะฯเข้าไปถึงห้อง  เพื่อนๆพากันทยอยกลับกันเกือบหมดแล้ว  “โทรไปก็ไม่รับ  ตอนแรกเราว่าจะกลับแล้วเนี่ย”

          “ขอโทษทีนะ...พอดีเรา...”  เขาเงียบไปเสียเฉยๆ  นึกคำพูดแก้ตัวไม่ออก

            “ช่างเถอะ  ไม่เป็นไรหรอก  เย็นแล้วด้วย...วันนี้ลักษณ์บอกจะพาเราไปกินที่ร้านคุณป้าไม่ใช่เหรอ”  วิปทวนความจำอย่างแม่นยำ 

            ลักษณ์กระพริบตาถี่ๆ แล้วยิ้ม

          “อื้ม  ใช่....ไปกันเถอะ”  เขาถือวิสาสะจับแขนของเธอเดินออกมาจากห้องเรียน  ไม่ลืมหยิบถุงของขวัญที่ไอ้เต้ให้เขามาติดมือมาด้วย   พวกเขาออกมาจากห้องเรียนเกือบเป็นคู่สุดท้าย 

            เดินตรงออกมายังหน้ามหาวิทยาลัย  วิปพูดอะไรเจื้อยแจ้ว  ลักษณ์ก็เออออตามไม่ได้ฟังเท่าไหร่   ความคิดในหัวเอาแต่วนเวียนกลับไปกลับมาถึงคนๆเดียวเท่านั้น

            ไวน์...

            ทำไมเขาถึงดีใจที่ไม่ใช่วิป  ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนตัวเองรู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่  เขาถึงไม่ได้โกรธที่คนๆนั้นคือไวน์   แถมรู้สึกตัวเบาหวิวตอนที่รู้ว่าทั้งหมดนี่เป็นความพยายามของอีกฝ่ายที่จะคุยกับเขา  แล้วความรู้สึกจุกแน่นตอนที่อีกฝ่ายหยิบพวงกุญแจนั่นขึ้นมา  มันคืออะไร

            ทำไมถึงรู้สึก...มากขนาดนี้ในเวลาเพียงชั่วครู่เดียว

            ทำไมกัน

            “ลักษณ์  ร้านนี้หรอ...เราว่าเราเคยแวะมากินนะ  สมัยเรียนม.ปลายล่ะ”

            พวกเขาลงจากรถเมล์  เดินมาจนถึงหน้าร้านของป้าดาตั้งแต่เมื่อไหร่ลักษณ์ก็ไม่ทันรู้ตัว  เด็กหนุ่มพาเพื่อนเข้าไปแนะนำกับป้าของเขา  ป้าดาลอบหรี่ตามองเขาอย่างมีเลศนัย  แต่ลักษณ์ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้  พาวิปมาเลือกอาหารแล้วก็ตักเข้าไปเสิร์ฟด้วยตัวเอง

            “น่ารักดีนี่...แม่หนูคนนั้น   ร้อยวันพันปีไม่เคยพาเพื่อนผู้หญิงมาบ้าน  หรือว่าคนนี้จะเป็นคนพิเศษ  หืมลักษณ์”  ป้ารั้งต้นแขนของเขาเอาไว้แล้วกระซิบ

            “ป้าว่าผ่านไหมล่ะครับ”  ลักษณ์ตอบกลับไป

            “หลานรักใครป้าก็รักด้วยทั้งนั้นแหละ”  เธอตอบกลับมา

            ลักษณ์ไม่ได้ตอบกลับไปว่าอะไร  เขาตรงไปนั่งตรงข้ามกับหญิงสาวที่ก้มลงตักข้าวในจานทานเงียบๆ

            “เอาน้ำอะไร  เก๊กฮวยที่นี่อร่อยนะ”  ลักษณ์พูด   

            “มันหวานไปอ่ะ  เราขอน้ำเปล่าได้มั้ย”

          “ได้เลย”  เขาลุกไปหยิบน้ำขวดมาเปิดให้  พี่รามแวะเข้ามาทักทายด้วยเมื่อลูกค้าในร้านเริ่มว่าง  พี่ชายของลักษณ์ท่าทางจะชอบวิปมากทีเดียว  หันมาพยักหน้าให้เขาตั้งหลายรอบ

            “คนนี้ดีนะ  ท่าทางเรียบร้อย น่าจะเป็นแม่บ้านแม่เรือน”

          “โห พี่รามคิดไกลไปหรือเปล่า”

          “เอ้า  ก็มึงถึงขั้นพามาบ้าน  กูก็ต้องคิดเอาไว้ไกลๆหน่อยสิวะ  แล้วคบกันนานยัง”

          “ยังไม่ได้คบเลย  แค่คุยๆกันเฉยๆ”

          “เห้ย...แล้วพามาบ้านเนี่ยนะ”

          “เค้าอยากกินข้าวแกงฝีมือป้าดา  ก็เลยพามา”  ลักษณ์ตอบกลับไป  พี่รามก็เลยพยักหน้า  ลุกไปคิดตังค์ต่อ  ปล่อยให้พวกเขานั่งด้วยกันสองคน

            ลักษณ์หยิบถ้วยน้ำเก๊กฮวยขึ้นมาดูดรวดเดียวจนหมดแก้ว  รสชาติหวานจัดนั้นไม่ทำให้รู้สึกดีขึ้นเหมือนเคย  เผลอๆมันกลับทำให้แย่ลงกว่าเดิมอีก  เขารินน้ำเปล่าลงไปแทน

            “แกงส้มอร่อยมาก   ปลาดุกผัดเผ็ดก็อร่อย  ต้มยำเห็ดคือดีงาม  ป้าของลักษณ์มีฝีมือจัง”  วิปพูดขึ้นหลังจากที่ทานจนหมด  เธอรวบช้อน  ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม  “ลักษณ์โชคดีมากเลยได้กินอาหารอร่อยๆทุกวัน”

          ...เธอลองมากินกับข้าวแบบนี้ทุกวันสักสิบปีสิ อาจจะไม่รู้สึกแบบนี้  ลักษณ์คิดในใจ แต่กลับเอ่ยออกไปเพียงคำขอบคุณเท่านั้น

            “ไว้วันหลังเรามาอีกนะ  ติดใจรสมือคุณป้ามากค่ะ”  ประโยคหลังวิปหันไปบอกป้าดาที่วันนี้ลุกจากฐานที่มั่นหน้าร้านเดินมาถึงโต๊ะของหลานชาย

            “ยินดีเลยจ้ะ  ให้ลักษณ์หิ้วไปฝากที่บ้านก็ได้นะ  หรือหนูวิปอยากกินอะไรพิเศษบอกป้า  ป้าจะทำให้กิน”

          “ขอบคุณมากๆเลยค่ะคุณป้า”

            วิปดูเข้ากับป้าดาได้ดี  อันที่จริงไม่ว่าใครที่เขาพามารู้จักกับป้า  ก็เข้ากันกับป้าได้ดีด้วยกันหมดทั้งนั้น  มีแต่ไอ้ไวน์ล่ะมั้งที่ป้าไม่ได้พูดดีๆด้วยเหมือนเวลาพูดกับแขกของหลาน  หากแต่ใช้คำและน้ำเสียงเหมือนเวลาที่คุยกับเขาที่เป็นหลานแท้ๆ แถมบางครั้งไวน์ทำผิดก็โดนดุโดนตีเหมือนๆกันกับเขานี่แหละ

            “ไว้มาใหม่นะจ้ะ   ป้าจะทำไก่ผัดขิงเอาไว้รอ”   ป้าดาพูดหลังจากรู้ว่าเพื่อนของลักษณ์อยากกินเมนูนี้เป็นพิเศษ   เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะกลับมากินไก่ผัดขิงตามที่พูดหรือเปล่า

            “วันนี้ขอบคุณลักษณ์มากนะ  สำหรับของขวัญบัดดี้แล้วก็มื้อเย็นด้วย”  วิปหยุดพูดกับเขาหน้าร้าน  ลักษณ์เอื้อมมือไปหยิบแมลงตัวเล็กๆที่ติดอยู่บนเส้นผมของเธอออกให้  สังเกตเห็นว่าซีกแก้มของเธอแดงเล็กน้อย

            เธอหลบตาเขา

            “ชอบหรือเปล่า”

          “หมายถึงของหรอ...ชอบสิ  น่ารักมากเลย”

            “หมายถึงคนให้”   เขาพูดออกไป  คนฟังยิ้ม

            “ไม่บอก”

            นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่วิปพูด  พวกเขาเดินออกมาจนถึงปากซอย  แม่ของเธอขับรถมาจอดรับพอดี  ชายหนุ่มยกมือไหว้ทว่าอีกฝ่ายคงไม่ทันเห็น  เพราะรถเก๋งคันนั้นขับออกไปทันทีที่ลูกสาวของเธอขึ้นรถ

            เขาแวะซื้อน้ำเต้าหู้จากรถเข็นเจ้าประจำ  คนขายแถมเม็ดแมงลักให้เป็นพิเศษเพราะจำเขาได้  ลักษณ์เดินถือถุงน้ำเต้าหู้เดินกลับเข้าไปในซอย  บรรยากาศในซอยวันนี้ไม่พลุกพล่านเหมือนเคย  คงเป็นเพราะคืนนี้มีละครดังตอนจบ  ชาวบ้านร้านตลาดเลยกลับเข้าบ้านนั่งรอดูหน้าทีวีกันหมด  เสียงโทรทัศน์ดังแว่วๆออกจากประตูเหล็กที่ปิดสนิทแต่ยังเห็นแสงไฟลอดออกมาจากด้านใน

            เสียงเด็กหนุ่มสองคนในชุดนักเรียนดังขึ้นโหวกเหวกถัดจากหน้าร้านป้าดาไปนิดหนึ่ง  ลักษณ์เห็นสองคนนั้นไล่ต่อยกัน  หลังจากนั้นเสียงหัวเราะห้าวๆก็ดังลั่นไปทั่วทั้งซอย  ขับไล่บรรยากาศอึมครึมให้สดใสขึ้นอย่างน่าประหลาด

            ลักษณ์ยืนมองพวกเขาสองคนเงียบๆ  คนหนึ่งยกมือขึ้นกอดคออีกคนแล้วก็พากันเดินดุ่มๆหายลับเข้าไปในซอย  เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะยังได้ยินอยู่แว่วๆ

            ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้...

            ชายหนุ่มสั่นศีรษะเบาๆไล่ความคิดไร้สาระ  ต่อให้ย้อนเวลากลับไปได้  เขาก็ไม่ย้อนกลับไปหรอก   จะย้อนกลับไปเพื่ออะไรล่ะ  แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว  เขากำลังจะมี ‘แฟน’ คนแรก  อีกไม่นานจะได้ขายไร่แห้วทิ้งเสียที

            ถุงพลาสติกถุงหนึ่งห้อยอยู่ที่ขอบตู้กระจกหน้าร้าน ลักษณ์ก้าวเข้าหยิบขึ้นมาดู  คงมีลูกค้าสักคนมาลืมทิ้งเอาไว้เป็นแน่   เปิดดูของข้างใน....กระเป๋าสตางค์ใบเก่าของเขาวางนิ่งอยู่ในนั้น

            ลักษณ์อุทานอย่างดีใจ  รีบหยิบขึ้นมาเปิดออกดู....ไม่เหลือเงินสักบาท  แต่บัตรสำคัญอื่นๆครบหมด ยกเว้นบัตรเอทีเอ็มที่เขาชิงอายัดไปแล้วตั้งแต่วันนั้น 

            ....ขอบคุณโจรวิ่งราวที่ยังอุตส่าห์มีจิตสำนึกเอากระเป๋ามาคืนนะครับ

            เขาเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บไว้แล้วก็เข้าไปช่วยป้าดากับพี่รามเก็บร้านเหมือนทุกวัน  ป้าดาจับเขาซักใหญ่เรื่องของวิป  เขาก็ได้แต่ตอบเลี่ยงๆไปก่อน  ไม่อยากลงรายละเอียดตอนนี้  รอให้มั่นใจกว่านี้อีกสักนิด

            เดินกลับขึ้นมาบนห้องนอนอย่างเหนื่อยอ่อน  ลักษณ์หยิบกระเป๋าสตางค์ใบใหม่ที่เพื่อนให้มาวางเอาไว้ข้างๆใบเก่าที่สีซีดลงตามกาลเวลา   ใบนี้เขาไปเลือกกับไอ้ไวน์ตอนม.3  มันเป็นวันเกิดของเขา... จำได้ว่าเดินวนอยู่นานมากเพราะชอบกันคนละแบบ  ทะเลาะกันไปครึ่งวันจนในที่สุดไวน์ก็เป็นฝ่ายตามใจเขาเพราะเป็นเจ้าของวันเกิด

            เหอะ..ทำเหมือนมันเป็นคนซื้อให้งั้นแหละ  ป้าดาตะหากที่เป็นคนออกเงินให้   เขาย่นจมูกนิดๆ หยิบกระเป๋าสตางค์ใบเก่าขึ้นมาเปิดดู  แล้วก็ค่อยๆหยิบบรรดาบัตรต่างๆออกมากองเอาไว้บนเตียง

            รูปถ่ายหน้าตรงของตัวเองสมัยม.ปลายหัวเกรียนมองตอบกลับมาอย่างเด๋อด๋าในช่องใส่บัตร  ลักษณ์ยกมือลูบเส้นผมที่เริ่มยาวขึ้นแล้วของตัวเองแล้วหันไปมองกระจก...หล่อขึ้นเยอะแฮะเรา

            รูปใบที่สองที่ซ้อนอยู่เป็นรูปถ่ายคู่ของพ่อกับแม่  รูปนี้ป้าดาเป็นคนให้เขาและเป็นรูปที่เขาชอบมากที่สุดแม้ไม่เห็นหน้าของเขาเลย   เพราะเขาอยู่ในท้องของแม่  และพ่อก็กำลังร้องไห้ด้วยความดีใจอยู่ข้างๆแม่ที่ยิ้มร่า  ไม่รู้ว่าใครเป็นคนถ่ายรูปใบนี้เอาไว้แต่มันเป็นเหมือนบันทึกความทรงจำอย่างดีที่บอกเขาว่าพวกท่านดีใจแค่ไหนที่มีลูกชาย

            รูปใบสุดท้ายที่ถูกซ้อนทับอยู่จนมองไม่เห็นหล่นลงมาที่ตัก  เขาชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อเห็นใบหน้าเด๋อๆของคนในรูปมองตรงมาที่เขา...รูปหนึ่งนิ้วครึ่งหน้าตรงของไอ้ไวน์รูปนี้มาอยู่ที่เขาเพราะเหลือจากการไล่ติดใบสมัครสอบกับใบต่างๆนานาที่เด็กม.6ต้องใช้กันตอนเรียนจบ  จริงๆก็ควรจะคืนมันไปตั้งนานแล้วไม่รู้จะเก็บเอาไว้ทำไม

            เจอกันก็ลืมคืนให้ทุกที  คงลืมไปแล้วล่ะมั้ง....ช่างมันเถอะ

          ลักษณ์สรุปกับตัวเองอย่างรวดเร็วแล้วรีบย้ายของจากประเป๋าเดิมมายังกระเป๋าใหม่  สอดรูปถ่ายติดบัตรทั้งของเขาและไวน์ลงไปในซอกมุมที่ลึกที่สุดของกระเป๋า  ปล่อยให้มันอยู่ตรงนั้น  เผื่อสักวันเขานึกขึ้นมาได้จะได้ควักออกมาคืนไวน์ไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราว

            ความทรงจำเก่าๆพวกนั้นน่ะ...

            ..........................................................................................


มาต่อนะคะ   ขอบคุณที่เม้นท์กันมานะคะ  มีกำลังใจเขียนต่อ ฮึบๆ
ถ้าใครอ่านแล้วชอบก็อย่าลืมเม้นท์เป็นกำลังใจกันบ้างน้าา หรือใครเล่นทวิตเตอร์ติดแทค #แอบลักษณ์ มาก็ได้ค่ะ  อย่าเป็นนักอ่านเงาเลยนะ  เค้าใจบ่ดี5555

กล่าวถึงตอนนี้สักนิด ลักษณ์รู้ความจริงแล้วว่าไวน์ลงทุนไลน์ปลอมตัวเป็นสาวบัดดี้มาจีบนาง555   นี่ถ้าคนอย่างไวน์มีจริงนะ เหอะ ไม่หลุดมาถึงลักษณ์หรอกค่ะ  น่ารักขนาดเน้ชั้นนี่แหละจะสกัดดาวรุ่งเก็บไว้กินเอง555

เบื่อคนปากแข็งเนอะ  ขนาดนี้เเล้วยังไม่ยอมรับอีก  มีเพื่อนที่ไหนเขาพกรูปกันไว้ในกระเป๋าสตางค์ด้วยหรอ  บ้าบอที่สุด  คิดถึงเค้าตลอดเวลาขนาดนี้เนี่ย  แค่เพื่อนมากค่ะ  โว้ะหงุดหงิด  เขียนเองก็หงิดเอง5555 ไปค่ะ ไปขัดห้องน้ำ555

พาร์ทหน้าเราจะพาทุกคนดำดิ่ง  ไปค้นหัวใจคนปากแข็งกัน

โอ๊ะโหห ขี้โม้ตลอด5555  ไม่ขนาดนั้นหรอก55 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่15แล้วนะ29/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 29-04-2017 23:52:57
 :hao5:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่15แล้วนะ29/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: appattap ที่ 30-04-2017 19:05:55
คนนึงไม่รู้ตัวอีกคนไม่รู้คบคนอื่นประชดหรือยังไง
คนอ่านปวดใจมากค่ะ มันอึนๆ หน่วงๆไปหมดดดด
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่15แล้วนะ29/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: xxxspai ที่ 02-05-2017 06:08:25
ถึงกับต้องไปค้นหารหัสล็อกอิน สมัครไว้นานมากและไม่ได้เม้นซะทีเพราะชอบลืมรหัส แต่เรื่องนี้ไม่ได้ ขอเข้ามาบ่นหน่อย ไม่น่าเข้ามาอ่านเลยยยยยย.  หน่วงสุด... เจ็บทุกคน


ทำไมไวน์ทำแบบนี้ ไปดึงคนอื่นมาเจ็บด้วยแบบนี้ได้ไง. คือถ้าชอบเขาจริงๆจะไม่ว่าอะไรเลย. แต่นี่เข้าไปจีบ ไปแทคแคร์ ไปทำให้เขารัก.  แล้วถ้าสุดท้ายตัวเองสมหวัง. ลักษณ์ใจอ่อน ความรู้สึกทิวจะเป็นยังไงก็ช่างใช่มั้ย


ตัวเองก็เจ็บมา. น่าจะรู้ว่ามันหนักแค่ไหน ไปทำกับคนอื่นได้ยังไง.

แล้วยิ่งตอนที่แกล้งทำเหมือนว่าพวงกุญแจของนิวสำคัญซะมากมาย ทั้งๆที่ทำประชดไปงั้นอีก.    โอ้ยยย ขัดใจ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่15แล้วนะ29/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 02-05-2017 22:21:51
ตอนแรกก็คิดว่าจะสงสารไวน์
แต่มาคิดดูอีกทีน่าจะสงสารลักษณ์

ตกลงตูสงสารทั้งสองคนเลยหรือนี่
เอ้าาาาาา..ทั้งสองคนหน่วงใจกันต่อไป

แต่คนอ่านหน่วงกว่าอีก
ซิกซิก
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่15แล้วนะ29/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 03-05-2017 14:20:11
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่15แล้วนะ29/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 04-05-2017 11:48:07
ทรมานทั้งคู่แต่คนนึงไม่รู้ตัวสักที
หลอกตัวเองอยู่เรื่อย ปวดใจแทนไวท์จริงๆ
ถ้าจบแบบแบดเอนท์ก็คิดว่าคงเข้าใจได้
เอาแบบไวท์ตัดใจได้แล้วตอนที่ลักษณ์รู้ตัวว่าจริงๆชอบไวท์ คงสาแก่ใจดี(ไม่ค่อยลำเอียงเลยตรู)
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่15แล้วนะ29/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 05-05-2017 10:03:32
จึ๊กแรงมอง ตอนพวงกุญแจ คือทะเลาะกันอยุ่ไง

แต่เปลี่ยนประเด็นไปคุยเรื่องคนอื่นเฉย

เป็นนี่ก็เดินหนีเหมือยกัน
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่156แล้วนะ5/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 05-05-2017 20:59:44
ตอนที่ 16

Some people cannot see the wood for the trees.

 

 



 

            “.... 82 83 84 85 86  เยส  กูได้ 86 ข้อแล้วโว้ย  ไอ้ไวน์  มึงได้เท่าไหร่เอามาดูซิ”  ภาพเด็กหนุ่มสองคนนั่งสุมหัวกันอยู่ที่โต๊ะหลังสุดในร้านอาหารตามสั่งของป้าดากลายเป็นภาพที่คุ้นตาของบรรดาลูกค้าที่แวะเวียนกันเข้ามากินที่ร้านไปแล้ว

          นับตั้งแต่พวกเขาสองคนตั้งใจว่าจะสอบเข้าคณะฯแพทย์  ลักษณ์ก็เป็นคนร่างตารางเตรียมตัวสอบขึ้นมา   เด็กหนุ่มทั้งคู่ตัวติดกันยิ่งกว่าปาท่องโก๋  หลายครั้งที่ไวน์ค้างที่บ้านของลักษณ์เพื่อติวหนังสือต่อยามดึก  อย่างเช่นในขณะนี้ที่ร้านของป้าปิดเงียบ  ชั้นล่างที่พวกเขานั่งติวกันนั้นมีแค่ไฟสองดวงเปิดเอาไว้  ได้ยินเสียงละครโทรทัศน์ดังมาจากชั้นบนที่เป็นห้องนอนของป้าดาแว่วๆ

          “โห...90  ทำไมมึงเก่งจังวะ  นี่กูทำตั้งหลายรอบแล้วคะแนนไม่เห็นขึ้นพรวดๆแบบมึงเลย”  ลักษณ์ที่คว้ากระดาษคำตอบของอีกฝ่ายไปดูถึงกับครางออกมา  ทั้งทึ่งทั้งอิจฉาในความหัวดีของเพื่อนสนิท

          “เอาน่า  คะแนนมึงก็ดีขึ้นตั้งเยอะนี่  บางข้อกูก็บังเอิญเดาถูกเฉยๆ”  ไวน์ตอบกลับมา  ยกมือขึ้นตบที่ไหล่ของเขาเบาๆแทนการปลอบใจ  “ไว้พรุ่งนี้ค่อยทำซ้ำอีกรอบก็ได้  ข้อสอบเก่าปีนี้มันยากจริงๆ”

          “อืม..”        ลักษณ์หน้ายู่  คิ้วเรียวยังขมวดนิดๆ

          “ไปหาอะไรกินกันดีกว่า  หิวแล้วเนี่ย   เดี๋ยวค่อยกลับมาทวนคำตอบกัน”  ไวน์เสนอขึ้นเหมือนทุกครั้งที่เริ่มเห็นเพื่อนหน้าจ๋อย  เจ้าตัวรู้ดีหลังจากเป็นเพื่อนกันมาหลายปีว่าถ้าท้องอิ่ม อารมณ์ของเพื่อนรักจะกลับมาดีเหมือนปกติในเวลารวดเร็ว

          พวกเขาเดินไปที่หน้าปากซอย  ลักษณ์แวะซื้อน้ำเต้าหูมารองท้องรอบดึก แล้วก็ยืนรอเพื่อนซี้เดินเข้าไปซื้อไส้กรอก  ขนมจีบ ซาลาเปา  ฯลฯ  แล้วแต่มันจะสรรหามาได้จากเซเว่น  จากนั้นพวกเขาก็จะพากันไปเดินเล่นยืดเส้นยืดสายกันที่สนามเด็กเล่นที่ซอยข้างๆ  ซึ่งมีทางเดินทะลุถึงกันได้

          “....เมื่อวานกูไปเจอหนังสือเทคนิควาดสีน้ำที่ห้องสมุดโรงเรียนมา  แต่ยังไม่ได้ยืม  ว่าจะเอามาลองอ่านเล่นๆดูซักหน่อย  น่าสนใจดีเหมือนกัน  ช่วงนี้กูเบื่อสเก็ตช์แล้ว”  ลักษณ์นั่งโยกชิงช้าเล่น  ปากก็พูดเรื่อยเปื่อยจากเรื่องนั้นไปเรื่องนี้  จนกระทั่งมาถึงเรื่องของการวาดรูปที่เป็นงานอดิเรกของเจ้าตัวมาตั้งแต่สมัยประถม

          เพื่อนสนิทร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆเหลือบมามองแล้วถาม

          “ทำไมมึงไม่เอนท์เข้าคณะศิลป์วะ  จะได้วาดรูประบายสีแบบที่มึงชอบไง”

          “กูเคยบอกมึงตั้งแต่ม.3แล้วไม่ใช่เหรอว่ากูอยากเป็นหมอ” ลักษณ์ตอบกลับไป  “วาดรูปมันก็แค่งานอดิเรก  แต่กูอยากมีอาชีพที่มั่นคง  เลี้ยงตัวเองกับครอบครัวได้  กูอยากให้ป้าดาสบาย”

          “มึงจะมีความสุขหรอวะ  หมอมันเรียนตั้งหกปีเลยนะเว้ย”

          “ถ้างั้นมึงจะเอนท์หมอทำไม”

          “ก็กูอยากเรียนคณะเดียวกับมึงอ่ะ”  ไวน์ยังคงยืนยันคำตอบเดิม  คนฟังหัวเราะ

          “มึงนี่เด็กจริงๆไอ้ไวน์  ฮ่าๆ  มึงจะเอาอนาคตของมึงมาผูกติดกับกูได้ไง”  ลักษณ์ยังแปลกใจไม่หายที่อีกฝ่ายเลือกเอนทรานซ์ตามเขาทั้งๆที่บุคลิกของไวน์ไม่ใช่คนที่จะทำตามใครเลย

          “เออเรื่องของกูเถอะน่ะ  ต้องให้ติดที่เดียวกันนะเว้ย...ไปๆลุกได้แล้วไอ้ลักษณ์  มีติวอังกฤษต่อคืนนี้  ใครทำได้น้อยกว่านอนพื้นนะ”

          “เรื่องอะไร  ห้องก็ห้องกู  เตียงก็เตียงกู  กูไม่ยอมลงไปนอนพื้นหรอกโว้ย”  ลักษณ์ตะเบ็งเสียงตามหลังร่างสูงโปร่งที่ลุกขึ้นจากชิงช้าเดินนำกลับไปยังบ้านของลักษณ์

          เวลาเกือบสี่เดือนผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนลมพัด  ในที่สุดก็ถึงคืนสุดท้ายก่อนเอนทรานซ์  คืนนั้นไวน์มาค้างบ้านเพื่อนรักอีกเหมือนเคย  แตกต่างกันตรงที่คืนนี้ไม่มีเสียงท่องศัพท์จ้อยๆ  หรือว่าเสียงโหวกเหวกทะเลาะกันเรื่องสูตรคำนวณอีก

          ทั้งคู่นอนเคียงกันอยู่บนเตียงของลักษณ์  มันแคบจนต้องนอนนิ่งๆไม่ขยับ  ไม่อย่างนั้นอาจจะตกเตียง  ไม่ก็ได้ปีนขึ้นไปนอนทับบนตัวของเพื่อนได้  ลักษณ์นอนมองเพดานห้องอยู่เงียบๆนานแล้วตั้งแต่ลุกไปปิดไฟนอนตั้งแต่สามทุ่ม  แล้วก็พบว่าตัวเองนอนไม่หลับ

          เขาถอนหายใจเฮือก  พลิกตะแคงข้างหันไปมองเพื่อนสนิทที่นอนกอดอกขาเหยียดยาวเลยขอบเตียงเพราะความสูง   เสี้ยวหน้าคมที่เห็นอยู่ในเงาสลัวรางบวกกับเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอบอกให้เขารู้ว่าเจ้าตัวคงจะหลับสนิทไปก่อนนานแล้ว

          ....จะเป็นยังไงถ้าพรุ่งนี้เราคนใดคนหนึ่งเกิดสอบไม่ติดขึ้นมา  มันจะรู้สึกแย่แค่ไหนถ้าคนๆนั้นเกิดเป็น..เขา  ไอ้ไวน์เป็นคนที่หัวดีมาแต่ไหนแต่ไร  เค้าสอบได้คะแนนดีโดยไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมากมายเมื่อเทียบกับคนหัวปานกลางแบบเขา  ไอ้ไวน์น่าจะสอบติดแพทย์แบบนอนมาด้วยซ้ำ

          แต่เขานี่สิ...จะออกหัวออกก้อยก็ยังไม่รู้เลย  คะแนนที่ทำข้อสอบเก่าถึงจะอยู่ในเกณฑ์ดีมาก  แต่ถ้าเกิดข้อสอบออกไม่เหมือนเดิม เขาก็คงแย่เหมือนกัน

          เสียงโทรศัพท์สั่นครืดๆที่โต๊ะหัวเตียงฝั่งไอ้ไวน์   มันสั่นอยู่อย่างนั้นไม่ยอมหยุด  ทว่าเจ้าของของมันกลับนอนเงียบไม่ไหวติงราวกับถอดวิญญาณขึ้นไปเฝ้าพระอินทร์แบบไร้หนทางกลับ  ลักษณ์ถอนหายใจเฮือก  ดันตัวขึ้นแล้วชะโงกผ่านคนหลับด้วยความขี้เกียจลุกจากที่นอน  เอื้อมมือไปสุดแขนจนปลายนิ้วเขี่ยถึงขอบสี่เหลี่ยมของโทรศัพท์มือถือ  ลักษณ์เกร็งตัวเต็มที่ระวังไม่ให้ตัวเองทับลงไปบนตัวเพื่อน

          พรืด..

“เห้ย!”  โทรศัพท์เครื่องนั้นเลื่อนตกโต๊ะลงไปกระแทกพื้นดังปึก  ลักษณ์อุทานออกมาพร้อมกับขยับตัวอย่างเร็วทำให้ศอกไปกระทุ้งเข้าที่หน้าอกของคนที่หลับอยู่จนอีกฝ่ายตกใจตื่นขึ้น

ตาคมกริบลืมขึ้นสบตาเขาอย่างงงๆ  ไวน์คงตกใจที่จู่ๆก็ตื่นมาเจอเพื่อนสนิทนอนพังพาบเกยอยู่บนตัวของเค้าเช่นนี้   ใบหน้าของไวน์อยู่ห่างจากเขาไปไม่ถึงคืบ  มันใกล้มากจนเขารู้สึกถึงลมหายใจที่ลอยมาปะทะหน้าพร้อมกับกลิ่นหอมๆของยาสีฟันรสมิ้นท์

“โทษๆ พอดีกูแค่จะเอื้อมไปรับโทรศัพท์มึงอ่ะ”  ลักษณ์พูด  พยายามจะดันตัวออกจากร่างของอีกฝ่ายทว่ากลับยากกว่าที่คิด  คล้ายกับว่ามีอะไรสักอย่างกดทับอยู่ที่หลังเอวของเขา  อะไรอย่างนั้นคือท่อนแขนแข็งแรงของเพื่อนสนิทที่พาดเอวของเขาเอาไว้อยู่  “เอ่อ...กูขอลุกหน่อย”  คงเป็นเพราะความตกใจเลยทำให้เขารู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงกว่าปกติ

ไวน์กระพริบตาแล้วก็ปล่อยเขาออกเป็นอิสระ  ลักษณ์รีบพลิกตัวมาทางฝั่งตัวเองแล้วลุกขึ้นยืน เดินอ้อมไปอีกฝั่งนึงเพื่อมาดูความเสียหายของโทรศัพท์มือถือของเพื่อน  ไวน์ก้มลงเก็บมันขึ้นมา  เขาเลยแย่งมาถือเอาไว้เสียเอง

“เดี๋ยวกูดูให้ๆ  ขอโทษจริงๆ  โชคดีนะหน้าจอไม่แตก....นี่ไง  ยังเปิดติดอยู่ๆ  มีมิสคอลเมื่อกี้กับข้อความค้างไว้...เอ่อ   ของน้องแพรว…”  มือใหญ่เอื้อมมาคว้าโทรศัพท์ไปจากมือของเขา  ใบหน้าของไวน์ขึ้นสีเล็กน้อย  ท่าทางนั้นทำให้ลักษณ์ยิ้มกว้าง ยกมือขึ้นชี้หน้าล้อ

“อันแน่ะ...ไหนบอกช่วงนี้ไม่มีคนคุยไง  แล้วน้องแพรวคือใคร...  คนไหนวะไม่เห็นเล่าให้ฟังกันบ้าง”

“น้องเพื่อน  ไม่มีอะไรหรอก”  ไวน์บอกปัด ไม่สบตาเขา

“สู้ๆนะคะพี่ไวน์  แพรวเป็นกำลังใจให้ค่ะ”  ลักษณ์แกล้งพูดเสียงเล็กแหลม  “น้องเค้ารุกขนาดนี้มึงไม่จัดซักหน่อยล่ะวะ”

“ก็ว่าจะจัดอยู่  เดี๋ยวรอสอบพรุ่งนี้เสร็จก่อน”  ไอ้ไวน์พูดออกมาในที่สุด  “มึงไม่ต้องรู้หรอกน่า  กลับไปนอนได้แล้วไป  เช็คอีกทีด้วยว่านาฬิกาปลุกยังตั้งอยู่มั้ย  ถ้าพรุ่งนี้เรียกไม่ตื่นนะ  กูจะเอาตีนเหยียบหน้า”

“ครับผม  สั่งกูอย่างกับพ่อ  เดี๋ยวสอบเสร็จเมื่อไหร่จะไปบอกน้องแพรวว่ามึงเจ้าชู้แค่ไหน”

“กูไม่ใช่คนเจ้าชู้  กูรักใครรักจริง”  ไวน์สวนกลับมาทันควัน   “มึงทำแบบนี้  เหมือนเวลาเมียจับได้ว่าผัวมีชู้เลยลักษณ์  รู้ตัวหรือเปล่า”  ไวน์พูดแล้วหัวเราะหึๆ

“ไอ้บ้า  กูแค่สงสารน้องแพรวเขาโว้ย  ต้องมาเจอคาซาโนว่าอย่างมึง  เรื่องน้องเตยม.4 คราวที่แล้วอย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ”

“น้องเค้ามาจีบกูเอง  กูอยู่หล่อๆเฉยๆ  ไม่ได้ทำอะไรเลยสาบานได้”

“กูเชื่อมึงมากครับ  ดีล่ะงั้นพรุ่งนี้มึงก็เตรียมแก้ตัวกับน้องแพรวเค้าล่ะกัน”

“ไอ้ลักษณ์  อย่านะเว้ย  ถ้ามึงบอกน้องเค้ากูโกรธ”  ไอ้ไวน์พูดด้วยเสียงจริงจังจนลักษณ์ชะงัก

“คนนี้มึงเอาจริง?”  เขาถามกลับ  อีกฝ่ายยิ้มมุมปากไม่ยอมตอบ  กลับไปทิ้งตัวนอนหงายบนเตียงเหมือนเดิมแล้วหลับตาลง

“ง่วงแล้ว  รีบๆนอน  เดี๋ยวพรุ่งนี้ง่วงในห้องสอบไม่รู้ด้วยนะ”  เสียงห้าวๆลอยตามลมมาจากคนที่หลับตาไปแล้ว  ไม่นานก็ได้ยินเสียงกรนดังขึ้นเบาๆ 

ลักษณ์เบ้ปากใส่เพื่อนสนิทตัวใหญ่  แล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงที่เดิม  เขายกมือขึ้นก่ายหน้าผาก  ความสับสนวุ่นวายใจดูจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเมื่อกี้เสียอีก  มีเรื่องน้องแพรว เด็กใหม่ของเพื่อนที่เขาอยากเห็นหน้าเพิ่มเข้ามาอีกเรื่อง  เด็กหนุ่มข่มตาอยู่นานจนกระทั่งผล็อยหลับไป

เช้าวันรุ่งขึ้นเขาตื่นขึ้นด้วยความสะโหลสะเหลเหมือนคนนอนไม่พอ  รู้สึกไม่สดชื่นอย่างที่คนพร้อมสอบควรจะเป็น  ป้าดากับพี่รามเข้ามาอวยพรเขากับไวน์ยกใหญ่ก่อนที่พวกเขาจะออกมาจากร้านแล้วขึ้นรถแท็กซี่ตรงไปสนามสอบ

“สอบเสร็จแล้วเจอที่ไหน”   เขาถามไวน์เมื่อไปถึงสนามสอบ  คนเยอะแยะเดินกันขวักไขว่จนเขาเริ่มตาลาย  ไวน์เลยต้องพาเขามายืนแอบอยู่ที่มุมหนึ่งของซอกตึกที่คนน้อยหน่อย

“หน้าโรงอาหารแล้วกัน  ยังไม่ได้เช็ครอบหนังเลย”  ไวน์ตอบกลับมา  สายตาสอดส่ายคล้ายมองหาใครอยู่

“กูเช็คมาแล้ว  มีรอบหกโมงเย็น...”  ลักษณ์ยังพูดไม่ทันจบ  ก็มีสาวน้อยหน้าตาน่ารักคนหนึ่งเดินเข้ามาทักไวน์  ได้ยินแว่วๆว่าคือน้องแพรว  คนที่โทรมาเมื่อคืนนั่นแหละ  เขาเงี่ยหูแอบฟังทั้งคู่คุยกันด้วยความสนใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เพื่อนในห้องอีกสองคนที่สอบสนามสอบเดียวกันจะเดินเข้ามาทักเขา

ลักษณ์ยืนคุยกับเพื่อนจนกระทั่งสาวน้อยคนนั้นแยกไป  ไวน์จึงเดินกลับมาหาเขาด้วยท่าทางไม่ค่อยสบายใจนัก

“ลักษณ์  หนังต้องเลื่อนไปก่อนว่ะ  ขอโทษที  พอดีน้องแพรวเค้ามีเรื่องสำคัญอยากให้กูช่วย  คือว่า...”

“เออไม่เป็นไรหรอก  ไม่ซีเรียสอยู่แล้ว  เดี๋ยวกูไปกินข้าวกับไอ้ตี๋ไอ้ก้องก็ได้”  ลักษณ์รีบขัดขึ้นไม่ปล่อยให้ไวน์พูดต่อจนจบ  “มึงไปเหอะ....ขอให้โชคดีล่ะกัน”

“ไม่โกรธนะ”

“อืม”  เขาตอบกลับออกไปสั้นๆ ด้วยความหงุดหงิด  เขาไม่ชอบอารมณ์แบบนี้ของตัวเองเลย  มันเกิดขึ้นทุกครั้งที่ไอ้ไวน์มีสาวสวยๆน่ารักมาติดพัน  เขาคิดว่ามันคือความอิจฉา....อิจฉาเพื่อนสนิทที่เกิดมารูปหล่อ บ้านรวย  เรียนดี  กีฬาเด่น  เพื่อนเยอะ  สาวติดตรึม  แค่โปรยยิ้ม พูดด้วยเสียงห้าวๆนั้นผู้หญิงก็พร้อมที่จะศิโรราบวิ่งตามกันมาเป็นพรวน  ขณะที่เขาต้องใช้สารพัดวิธีกว่าพวกเธอจะหันมามองหรือแม้แต่ยิ้มให้สักครั้ง

ทำไมโลกมันไม่ยุติธรรมกับเขาเลยวะ....

เขารู้สึกไม่มีสมาธิกับการทำข้อสอบเอาเสียเลย  ลักษณ์รู้ตั้งแต่ยังไม่ออกจากห้องสอบด้วยซ้ำว่าคณะแพทย์ที่ใฝ่ฝันก็คงจะเป็นได้แค่ฝันอยู่อย่างนั้น  อารมณ์ของเขาตอนที่ออกมาจากห้องสอบช่างตรงข้ามกับเพื่อนสนิทที่เดินยิ้มร่าเข้ามาหาหลังสอบเสร็จ

“ทำได้ไหมมึง  เห็นมั้ยฟิสิกส์ที่กูติวไป ตรงเผ็ง แม่นเหมือนจับวาง  อังกฤษยากอยู่แต่โชคดีที่มึงให้กูท่องศัพท์ชุดนั้น.....” ไวน์พูดเร็วปรื๋อแต่ลักษณ์ไม่มีกะจิตกะใจจะฟัง  เขารู้สึกเซ็งจนอยากจะเดินหนีออกมาเสียดื้อๆ    “ทำไมทำหน้าแบบนั้น  ทำไม่ได้เหรอ?”  ไวน์ก้มลงถาม  เสียงเปลี่ยนไปจนลักษณ์สัมผัสได้  ท่าทางไวน์ออกจะตกใจไม่น้อยที่เขาเงียบ

“ก็ทำได้บ้าง”  เขาตอบออกไป  ไม่อยากพูดเรื่องข้อสอบอีก  พอดีกับที่น้องแพรวเดินแกมวิ่งเข้ามาหาพี่ไวน์  ไอ้ไวน์ก็เลยหันไปสนใจเธอแทน

“กินเสร็จแล้วก็รออยู่ที่ห้างนั่นแหละ  กูจะกลับด้วย”  ไวน์หันมาบอกเขาเสียงเข้ม

“มึงไม่ไปส่งน้องแพรวล่ะ”

“ก็อยากไปเหมือนกัน แต่มึงก็รู้ว่ากูจำทางไม่ได้  มึงรอกูนะ  เดี๋ยวกูกลับด้วย  ห้ามทิ้งกลับเองคนเดียวล่ะ”  ไวน์กำชับอีกหลายครั้งจนเขาต้องรับปากไปเพื่อตัดความรำคาญ...โตจนป่านนี้ยังจำทางกลับบ้านไม่ได้   เหอะ...ยังมีหน้าไปจีบสาวอีก  ไม่พาสาวหลงทางไปไหนต่อไหนเหรอ

เย็นวันนั้นลักษณ์ไปกินข้าวฉลองสอบเสร็จกับเพื่อนด้วยความหดหู่  เขาไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าตัวเองจะเอนท์ติดหรือเปล่า  หรือจะติดคณะที่ตัวเองไม่ได้ชอบ  เขาควรจะเตรียมอ่านหนังสือเพื่อซิ่วเลยดีไหม  หรือว่ารอผลสอบประกาศก่อนดี  เขาได้แต่ครุ่นคิดกลับไปกลับมาด้วยความกังวลอยู่อย่างนั้น  แม้กระทั่งตอนที่กลับมาที่บ้านพร้อมกับเพื่อนสนิทแล้วก็ตาม

อาการวิตกกังวลของเขาเป็นหนักขึ้นตามช่วงเวลาที่ผ่านไป  ใกล้ถึงวันประกาศผลสอบเต็มที  ลักษณ์ก็ยิ่งจิตตกจนไม่อยากจะกินข้าวด้วยซ้ำ  ร้อนถึงเพื่อนสนิทอย่างไวน์ต้องมาลากพาไปเที่ยวเพื่อให้จิตใจเบิกบานขึ้นบ้าง

สุดท้ายวันที่เขารอคอยอย่างหวาดกลัวก็มาถึง  วันนั้นเขากำลังช่วยป้าดาเก็บจานตอนที่ไอ้ไวน์วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาที่ร้าน   ในมือของมันกำโทรศัพท์มือถือเอาไว้แน่น

“ออกแล้วลักษณ์  ประกาศแล้ว”

“ติดมั้ย  ดูหรือยัง”  ลักษณ์มือสั่นจนเกือบทำจานแตก  ป้าดารีบกระวีกรวาดเข้ามารับจานไปจากเขา

“ยังไม่ได้ดู  พอรู้ว่าประกาศก็รีบมาหามึง”  ไวน์พูดเสียงสั่น  พวกเขาพุ่งขึ้นไปบนชั้นสอง เปิดคอมพิวเตอร์ในห้องนอนของลักษณ์  ลักษณ์หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมานอกอกตอนที่กวาดสายตาไล่ดูรายชื่อที่ประกาศ

“.....ศตวรรษ  ไอ้ไวน์!  นี่ไงชื่อมึง โอ้ยมึงติดแล้วเพื่อน”  ลักษณ์ร้องเสียงดัง ดีใจที่เห็นชื่อของเพื่อนเด่นหราอยู่ในหน้าจอคอมพิวเตอร์  ไวน์ดึงเข้าเข้าไปกอดแน่นแล้วปล่อยออก

“ตามึงแล้ว  ไหนชื่อมึง เลื่อนเม้าส์ช้าๆหน่อย”  ไวน์พูด

พวกเขากวาดสายตาไล่หาหลายรอบ  เวลาผ่านไปพร้อมกับหัวใจของลักษณ์ที่เริ่มจะเต้นช้าลงด้วยความผิดหวัง...ไม่มีชื่อของเขาติดอยู่ในคณะแพทยศาสตร์  ไม่ว่าจะสถาบันไหนในประเทศไทย

ไวน์เงียบกริบ  เอาแต่เลื่อนเม้าส์ขึ้นลง  กดรีเฟรชหลายครั้งทว่าชื่อของลักษณ์ก็ยังไม่ปรากฏขึ้นมา

“ไม่เป็นไรเว้ยมึง  ไม่เป็นไรหรอก  กูก็ว่าตัวเองคงไม่ติดแหละ.... กะเอาไว้อยู่แล้ว”  ลักษณ์พูด  พยายามยิ้มออกมา  เอื้อมมือไปตบไหล่กว้างของเพื่อน  “มึงเก่งมากไวน์  กูดีใจด้วย  แบบนี้กูก็อวดใครๆได้แล้วสิว่ามีเพื่อนเป็นหมอ  ฮ่าๆ”  เสียงหัวเราะของเขามันฝืดเฝื่อนเสียจนตัวเองยังรู้สึก  ไวน์ยังคงคลิกเม้าส์เสียงดังคลิ้กๆต่อไปไม่ยอมหยุด

“ไวน์  พอเหอะ....มึงรีเฟรชจนเว็ปค้างก็ไม่มีชื่อกูหรอก   ไม่เป็นไรเว้ยเพื่อน  กูไม่ได้เสียใจขนาดนั้น”  ลักษณ์พูดขึ้นมาอีก 

“กูว่าต้องมีอะไรผิดพลาดสักอย่าง  เค้าอาจจะตรวจข้อสอบผิด  เครื่องตรวจพัง  หรือไม่มึงก็รันข้อผิด  ใช่มั้ยลักษณ์  กูบอกแล้วไงว่าให้นับข้อดีๆ  หรือมึงข้ามข้อไหนไปฮึ”  ไอ้ไวน์พูดเร็วปรื๋อ  สีหน้าของมันทำให้เขารู้สึกตื้นตันในอก  รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายเสียใจไม่น้อยไปกว่าเขาเลย

“ไอ้ไวน์...กูทำไม่ได้เอง  ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก  สงสัยกูจะต้องไปวาดรูปขายอย่างที่มึงเชียร์นั่นแหละ  ดีเหมือนกันจะได้ทำงานที่ชอบด้วย”

“ลักษณ์....งั้นกูจะสละสิทธิ์  กูจะไปเรียนศิลป์กับมึงด้วย”

“จะบ้าหรือไง  มึงพยายามแค่ไหนกว่าจะเอนท์ติด  นี่หมอจริงๆนะเว้ย  ไม่ใช่หมอดูจะได้สละสิทธิกันง่ายๆ  ถ้ามึงทำอย่างนั้นกูจะโกรธจริงๆด้วย”

“แต่มึง...”

“เออน่า...กูมีทางไปแหละ  กูคงยื่นคะแนนใหม่ ได้ที่ไหนก็เอาที่นั่น  หยุดทำหน้าเหมือนใครตายได้มั้ย  เดี๋ยวปีหน้ากูก็ซิ่วไปอยู่กับมึงเองแหละ”

“โธ่...ไอ้ลักษณ์เอ๊ย  มานี่มา”  ไอ้ไวน์ดึงเขาเข้าไปกอดอีกรอบ  เขาซบหน้าลงกับอกกว้างแล้วถอนหายใจยาว  ระบายความรู้สึกอัดอั้นนี้ออกไปช้าๆ  ไม่ใช่ว่าไม่เสียใจ...ความจริงแล้วมันยิ่งกว่าเสียใจเสียอีก

มันคือความผิดหวัง

มือใหญ่ลูบที่หลังแล้วตบเบาๆเหมือนเวลาผู้ใหญ่ปลอบเด็ก  ถ้าเป็นเวลาปกติเขาคงได้ด่าไอ้ไวน์เข้าให้แล้ว  แต่คราวนี้ต้องยอมรับว่ามันทำให้รู้สึกดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ  ขอบตาของเขาร้อนผ่าวแต่สู้กลั้นเอาไว้กลัวจะถูกเพื่อนล้อเอาว่าขี้แยอีก 

เขาใช้เวลาสองเดือนเรียกกำลังใจให้กลับมาสู้ใหม่  ต้องยอมรับว่าไอ้ไวน์เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เขามีแรงฮึดขึ้นมา  สุดท้ายลักษณ์ก็เอนท์ติดคณะเภสัชฯ จนได้   ไอ้ไวน์ดีใจกับเขาเสียใหญ่โตราวกับเป็นคนเอนท์ติดเสียเอง  ส่วนความรู้สึกของเขานั้น  บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าดีใจหรือเปล่า....





ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่16 5/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 05-05-2017 21:01:32
ต่อนะคะ







               ลักษณ์พิศดูรูปในอัลบั้มที่มีรูปเขากับไอ้ไวน์ในชุดนักเรียนม.ปลายวันสุดท้ายเนิ่นนาน  เสื้อสีขาวสะอาดถูกปากกาเมจิกสารพัดสีเขียนฝากข้อความเอาไว้จนลายพร้อยเต็มตัวไปหมด  ในมือของไอ้ไวน์มีกุหลาบอยู่หลายดอกจากบรรดาแฟนคลับทั้งในโรงเรียนและต่างโรงเรียนของมัน  ส่วนในมือของลักษณ์มีกล่องของขวัญเล็กๆที่น้องห้องให้มา

รอยยิ้มกว้างนั้นดูสดใสจนเหมือนไม่ใช่เขาตัวจริงเลย  ตอนนั้นเขากำลังเครียดหนักเพราะต้องตัดสินใจว่าจะเรียนเภสัชหรือว่าจะรอซิ่วหมอใหม่ดี   ไอ้ไวน์เชียร์ให้เขาซิ่วหมอใหม่อีกรอบ  มาเป็นรุ่นน้องของมัน  เขาก็เลยตัดสินใจได้ว่าจะเรียนเภสัชซะเลย

ให้ไปเป็นรุ่นน้องมัน...ไม่เอาดีกว่า

เขาหันไปมองนาฬิกาบนฝาผนังห้อง....เกือบตีสี่แล้ว  นี่เขานอนไม่หลับจนต้องลุกขึ้นมานั่งไล่ดูของเก่าๆฆ่าเวลา กะว่าพอเริ่มง่วงเมื่อไหร่จะได้รีบนอนอีกรอบ  แต่ผ่านมาเกือบสองชั่วโมงเขาก็ยังตาสว่างโพลงอยู่เหมือนเดิม 

เก็บของเก่าๆสมัยวันวานกลับลงกล่องเหมือนเดิม แล้วก็ยัดเอาไว้ใต้เตียง  พักนี้เขาคิดถึงชีวิตม.ปลายบ่อยขึ้น  ทั้งๆที่หลายคนบอกว่าชีวิตนักศึกษาสนุกกว่าชีวิตนักเรียนหลายเท่า  แต่เขากลับเห็นต่าง ... ลักษณ์รู้สึกว่าช่วงเวลาเกือบหกปีในโรงเรียนแห่งนั้นเป็นความทรงจำที่มีความสุขมาก  มันมากจนเขารู้สึกโหยหาแปลกๆ   หลายครั้งที่เขาคิดถึงเสียงหัวเราะของเพื่อนๆในห้อง  คิดถึงวิธีทำโทษสารพัดแบบของครูฝ่ายปกครอง  คิดถึงสาวๆข้างห้องที่เขาชอบไปแอบนั่งมอง  คิดถึงเพื่อนเก่าๆที่แยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง

คิดถึง...เพื่อนตัวสูงใหญ่ที่คอยตามเขาเป็นเงาตามตัว  คิดถึงเสียงห้าวๆที่ชอบพูดแหย่ให้เขาโกรธแล้วก็ค่อยมาง้อทีหลังด้วยวิธีบ๊องๆแต่ก็ทำให้เขาหายโกรธทุกที  คิดถึงคำแนะนำในการจีบสาวต่างๆนานาที่มันสรรหามาเล่าให้เขาฟัง  คิดถึงรอยยิ้มกวนๆกับดวงตาคมๆคู่นั้นเวลาที่มองมา......ก็ได้  เขายอมรับก็ได้ว่าเขาคิดถึง...ไวน์  ในฐานะเพื่อนเก่าคนหนึ่ง

ตั้งแต่วันที่เขาไปหาไวน์ที่คณะฯเรื่องบัดดี้  พวกเขาก็ไม่ได้คุยกันอีกเลยมาเกือบสองอาทิตย์ ทั้งๆที่เข้าเรียนคาบเดียวกันอยู่บ่อยครั้ง  ทว่าไวน์กลับทำมากที่สุดแค่ยกมือขึ้นทักเขาหรือพยักหน้าให้  เผลอๆอีกฝ่ายยังพูดคุยกับเพื่อนของเขามากกว่าคุยกับเขาด้วยซ้ำ

และเขา...คนอย่างลักษณ์ก็ไม่คิดจะเข้าไปคุยกับอีกฝ่ายก่อนหรอก   เขาจะปล่อยให้ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนของเราค่อยๆตายไปอย่างช้าๆ   และเขาจะยืนกอดอกมองมันสูญสลายหายไปอย่างสงบ  ไม่เหนี่ยวรั้งหรือยื้อใดๆทั้งนั้น   ในเมื่ออีกฝ่ายก็ไม่ได้คิดจะเก็บมันเอาไว้เช่นกัน

ถ้าเปรียบความสัมพันธ์ระหว่างเขากับไวน์เป็นแม่น้ำก็คงจะเป็นแม่น้ำหรือคลองเล็กๆที่อยู่ในช่วงหน้าแล้ง  น้ำแห้งขอดจนเห็นตอผุดขึ้นเต็ม  ตรงข้ามกับความสัมพันธ์ของไวน์กับนิว  ซึ่งดูจะเย็นฉ่ำชื่นหวานราวกับแหวกว่ายอยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา

เขาไม่ได้อิจฉา  ลักษณ์สาบานกับตัวเองเป็นรอบที่ร้อยเมื่อความคิดแบบนั้นผุดขึ้นมาทุกครั้งยามที่เขาเห็นคนทั้งคู่เดินอยู่ด้วยกัน  เขาจะอิจฉาไวน์เรื่องที่ได้แฟนหล่อน่ารักเหรอ  ฝันไปแล้วมั้ง...หรือจะอิจฉาที่นิวได้ความรักความเอาใจใส่จากไวน์ไปทั้งหมด....นั่นยิ่งบ้าเข้าไปใหญ่   เป็นความคิดที่ไร้สาระที่สุด

หรือว่าจะเป็นความน้อยใจ  ลักษณ์คิดว่าคงใกล้เคียงกับความรู้สึกของตัวเองอยู่หน่อยๆ  เขาคิดว่ามันคงเป็นกันได้ ลองถ้าใครมีเพื่อนสนิทที่ซี้กันมากๆแล้วจู่ๆเพื่อนคนนั้นก็หันไปซี้กับคนอื่นแทน  ใครๆก็ต้องรู้สึกน้อยใจกันทั้งนั้นแหละ  ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวหรอก  และไม่ใช่เพราะเขารู้สึก ‘พิเศษ’ กับไอ้ไวน์ด้วย

            เขาไม่มีทางรู้สึก ‘แบบนั้น’ กับไอ้ไวน์  เหมือนที่ไอ้ไวน์เคยบอกว่ารู้สึกกับเขาหรอก

            นาฬิกาปลุกดังขึ้นตอนตีห้า  ลักษณ์เอื้อมมือไปกดปิด...สรุปเขาไม่ได้นอนเลยทั้งคืนเพราะมัวแต่คิดอะไรก็ไม่รู้จนนอนไม่หลับ  เด็กหนุ่มถอนหายใจยาวลุกขึ้นเก็บที่นอนแล้วเข้าห้องน้ำจัดการธุระส่วนตัว  เขาฝืนไปมหาวิทยาลัยทั้งที่ไม่พร้อมเรียนเลยสักนิด

            “ไงลักษณ์  หน้าตาเหมือนซอมบี้  อ่านหนักล่ะสิ  อย่าลืมช่วยกูด้วยนะ  ควิซท้ายคาบอ่ะ”  ไอ้แซมทักเสียงดังก่อนจะลดเสียงลงเปลี่ยนเป็นกระซิบ 

            “เย็นนี้กูไม่ไปแล้วนะ พี่ชมรมกูจะพาไปเลี้ยง”  เบียร์ที่ตามเข้ามาสมทบทีหลังพูดขึ้นบ้าง   ความจริงวันนี้พวกเขามีนัดไปเล่นเกมกันที่บ้านของเต้   

          “กูก็ขอบาย  เย็นนี้วิปชวนไปวิ่ง”   ลักษณ์พูดขึ้นบ้าง  หญิงสาวไลน์มาชวนเขาเอาไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นวาน   เขาลืมไปเสียสนิท  ไม่ได้เข้าไปตอบไลน์ของเธอจนกระทั่งเธอโทรมาหาเมื่อเช้า

            ถึงเขาจะไม่อยากไปเพราะง่วงเพลีย  แต่ด้วยความเกรงใจ ‘ว่าที่’ แฟน ก็เลยตอบตกลงไป 

            “ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมันวิ่ง  พอสาวชวนเท่านั้นแหละ...”

          “อะไรๆ  กูเป็นนักวิ่งมาก่อนโว้ย....”  เสียงของลักษณ์ขาดหายไปเมื่อร่างสูงของเดือนมหาลัยเดินผ่านแถวที่พวกเขานั่ง  ไวน์เหลือบมองมานิดนึง  เสี้ยววินาทีที่พวกเขาสบตากันกลับทำให้ลักษณ์ลืมเรื่องที่จะพูดไปเสียสนิท

            “แล้วไง...เอ้า ไอ้ลักษณ์  มึงหลับในเหรอวะ”  แซมยกมือขึ้นโบกตรงหน้าเขา  ลักษณ์กระพริบตาปัดมือของเพื่อนออก  เขาแทบไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยหลังจากนั้น 

            ตอนเย็นลักษณ์ขอแยกกลับไปเปลี่ยนชุดก่อน  ส่วนวิปเตรียมชุดมาแล้วก็เลยตามเขามารอที่หน้าร้านป้าดา  ป้าดาชวนวิปกินข้าวเย็นด้วยกันอีก  ทว่าคราวนี้เธอปฏิเสธ  บอกว่าต้องไปกินกับมารดา

            ลักษณ์พาเธอย้อนกลับมาที่สวนสาธารณะข้างๆมหาวิทยาลัย  เวลาเย็นๆแดดร่มลมตกแบบนี้มีหนุ่มสาวมาวิ่งออกกำลังกันอยู่เยอะทีเดียว  บ้างก็มาเดินเล่นชมวิวกับเพื่อนๆ  บ้างก็มาปูเสื่อนั่งกินข้าวกินขนมกัน

            “คนเยอะเหมือนกันนะวันนี้  ลักษณ์เคยมาหรือเปล่า”

          “ไม่เคยเลย  ครั้งแรก”  ลักษณ์ตอบ  ก้มลงผูกเชือกรองเท้าให้แน่นกระชับขึ้น   “วิปมาบ่อยเหรอ”

          “นี่ครั้งที่สาม  ปกติมากับเพื่อนในกลุ่ม”  เธอตอบกลับมา  วันนี้เธออยู่ในชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้นอวดเรียวขาสวย   ลักษณ์ลอบมองผิวขาวเนียนนั้นอย่างพอใจทีเดียว ....ต้องแบบนี้สิ  ถึงจะถูกใจ

            เขากับวิปวอร์มร่างกายแล้วก็ออกวิ่งเหยาะๆไปตามทางที่ทอดยาวคดเคี้ยวไปมา  ลัดเลาะไปตามสุมทุมพุ่มไม้และไม้ยืนต้นสูงใหญ่  ลมเย็นๆพัดมาไม่ขาดระยะ  อากาศดีเสียจนไม่น่าเชื่อว่าถัดไปไม่กี่ร้อยเมตรมีรถติดอยู่เต็มท้องถนน

            “ดีจังเลยนะ  ผมชอบ”  ลักษณ์พูด  ส่งยิ้มให้หญิงสาวที่วิ่งอยู่เคียงข้าง    เธอยิ้มตอบกลับมา  เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้านั้น  วันนี้วิปถอดแว่นตาออก  เลยมองเห็นดวงตากลมโตของเธอได้ชัดเจนกว่าทุกวัน

            ลักษณ์คิดว่าตัวเองคงไม่ได้คิดไปเองหรอกว่าวันนี้วิปสวยน่ารักมาก

            “ไว้มาวิ่งอีกนะ  แก้เครียดด้วยไง  พักนี้ลักษณ์ดูเครียดๆ   คิดเรื่องอะไรอยู่   เล่าให้เราฟังได้นะ”  หญิงสาวพูดยิ้มๆ

            “ก็เรื่องทั่วๆไปนั่นแหละ   เรื่องเรียน เรื่องสอบ  เรื่องที่บ้าน...แล้วก็เรื่องวิป”

            “หืม?  วิปเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ”   เธอถาม

            “เกี่ยวดิ   ก็เราคิดถึงวิปไง”

          “พูดแบบนี้เดี๋ยวจะฟ้องแม่”

          “พอดีเลย  ลักษณ์จะได้ฝากเนื้อฝากตัว”

          “กะจะเอาทุกดอกเลยหรอ”  วิปพูดแล้วหัวเราะเบาๆ

            “ก็จนกว่าวิปจะใจอ่อน”  เขาสวนกลับไป   แล้วยิ้มกว้าง  กำลังจะหยอดต่ออีกหน่อย  สายตาเจ้ากรรมก็ดันเหลือบไปเห็นร่างสูงๆคุ้นตากำลังวิ่งมาทางนี้เข้าพอดี   

            หัวใจของลักษณ์กระตุกไปวูบโดยไม่ทันตั้งตัวก่อนที่จะกลับมาเต้นแรงขึ้น   เขาเกือบหลุดปากเรียกชื่ออีกฝ่ายไปแล้วแต่กลั้นเอาไว้ทันเมื่อเห็นร่างเล็กบางที่วิ่งตามหลังเข้ามาในระยะสายตา ...เพื่อนสนิทของเขาไม่ได้มาวิ่งคนเดียว       ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไรในเมื่อสองคนนั้นก็ทำตัวติดกันเป็นบี1บี2อยู่แล้ว

            ลักษณ์หันกลับมา  เขาเพิ่งรู้สึกตัวว่าเผลอหยุดยืนอยู่กับที่จนทำให้หญิงสาวมองมาที่เขาอย่างฉงน

            “เพื่อนลักษณ์ใช่มั้ย  จะเข้าไปทักก็ได้นะ”  เธอพูดขึ้น

            “ไม่ล่ะ  มันมากับแฟน  เราไม่อยากรบกวน”  ลักษณ์ตอบ  เริ่มออกวิ่งอีกครั้ง   “แล้วเราก็ไม่อยากให้มันมารบกวนเหมือนกัน”   เหลือบมองคนวิ่งข้างๆก็เห็นพวงแก้มสีชมพูด้วยเลือดฝาดนั้นแดงเรื่อขึ้นกว่าเดิม

            “ทำไมล่ะ”

          เขารู้ว่าวิปรู้ว่าเขาจงใจสื่อว่าอะไร  และเธอก็แกล้งถามกลับมาอย่างนั้นเอง  หลังจากที่คุยกันมาเกือบเดือน  ลักษณ์เริ่มจับทางได้ว่าผู้หญิงอย่างวิปไม่ได้ฉลาดแต่เรื่องเรียนเท่านั้น

            “ก็...วิปอยากให้เราพูดตรงๆหรือเปล่าล่ะ”    คนฟังหัวเราะเสียงใส   ส่ายหน้าไปมาอย่างน่าเอ็นดู  ลักษณ์เลยยิ้มตาม  ความรู้สึกหม่นๆเมื่อครู่จางหายไปเล็กน้อย

            “งั้นเราจะเก็บเอาไว้ก่อน  เรารอได้จนกว่าวิปจะพร้อม”

          “บางทีอาจจะเป็นเราที่ต้องพูดประโยคนั้นนะลักษณ์”  วิปตอบกลับมาน้ำเสียงทีเล่นทีจริงจนเขาเอะใจเงยหน้าขึ้นมองหน้าเธอ  ทว่าเธอกลับชวนเปลี่ยนเรื่อง  ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปเสีย

            ท้องฟ้ามืดแล้วตอนที่เขาโบกมือให้วิปที่เดินไปขึ้นรถของมารดาที่มาจอดรอรับ  มารดาของเธอไม่รับไหว้เขาอีกตามเคย  ลักษณ์คิดว่าฟิล์มติดกระจกรถยนต์ของเธอคงจะมืดเกินไปเลยมองไม่เห็น

            ชายหนุ่มเดินช้าๆย้อนกลับมาตามทางเดิม   ผู้คนที่เดินสวนทางผ่านมาบางตาลงจากเดิมมาก  คงกลับบ้านไปหาคนที่รักกันหมดแล้ว  ลักษณ์ยิ้มนิดๆเมื่อนึกถึงบทสนทนาระหว่างเขากับวิปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน

            ...ถ้าเขาไม่คิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไป  เขาก็คิดว่าคงใกล้ถึงเวลาเผาไร่แห้วร้อยไร่ของตัวเองแล้วล่ะ...

             เท้าเดินมาจนเกือบถึงใจกลางของสวนสาธารณะที่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ และเต็มไปด้วยมุมลับตา   ลักษณ์เดินเลี้ยวหลบชายหญิงคู่หนึ่งที่นั่งพลอดรักกันอยู่ข้างพุ่มไม้ไปอีกด้านที่สว่างกว่า   เขาก้มหน้าก้มตาเดินจนเห็นเงาของคนสองคนทอดยาวจากเสาไฟต้นเล็กๆข้างหน้า....ร่างหนึ่งสูงใหญ่คุ้นตาขณะที่อีกร่างเล็กบางกว่ามาก

ลักษณ์ชะงักฝีเท้าลงจนกลายเป็นหยุดนิ่งเมื่อเห็นคนร่างสูงยกมือขึ้นประคองใบหน้าของคนที่แนบชิดเอาไว้  เขารู้ก่อนที่อีกฝ่ายจะทำจริงๆเสียอีกว่าจะเกิดอะไรขึ้นในไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้

และมันก็เกิดขึ้นจริงๆ

ลักษณ์รู้สึกเหมือนตัวเองยืนดูภาพสโลวโมชั่นอยู่ตอนที่เสี้ยวหน้าคมก้มลงประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากบางของคนในอ้อมแขน  มันเชื่องช้าและเนิ่นนานจนเหมือนถูกหยุดเวลาเอาไว้  ลักษณ์อยากเดินหนีทว่ากลับขยับตัวไม่ได้  เขาได้แต่ยืนเบิกตามองสองคนนั้นเหมือนไม่เคยเห็นคนจูบกันมาก่อน 

            หัวใจเต้นแรงอยู่ในอกราวกับบ้าคลั่ง  ภาพผู้ชายสองคนจูบกันอย่างดูดดื่มทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกดูดวิญญาณออกไปด้วย  แข้งขาอ่อนเหมือนจะทรงตัวไม่ไหว  ทั้งที่ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเค้าเลยสักนิดเดียว

            นานจนลักษณ์เกือบลืมวิธีหายใจไปแล้ว  ตอนที่สองคนนั้นผละออกจากกันก่อนที่ร่างสูงๆนั้นจะโอบไหล่คนตัวเล็กกว่าเอาไว้แล้วพาเดินหายออกไปอีกทาง  ไม่มีทีท่าว่าจะสังเกตเห็นใครอีกคนที่ดันมาเห็นช็อตเด็ดเข้า

            ....ไวน์  กับคนๆนั้น  ....จูบกัน

            พวกเค้าจูบกัน....อย่างดูดดื่ม

            ลักษณ์ครุ่นคิดอย่างมึนงง  เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร  ทุกส่วนในร่างกายรวมถึงสมองมึนชาเหมือนเพิ่งโดนสายฟ้าฟาดลงมากลางศีรษะ   ภาพเมื่อครู่ฉายย้อนกลับมาชัดเจน  เขาเห็นแม้แต่ขนตายาวตรงของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ  ฉากนั้นมันฉายกลับไปกลับมาในหัวเหมือนเป็นฉากเด็ดติดตาของภาพยนตร์คลาสสิกสักเรื่องที่เขาชอบ

            ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งบนพื้นหญ้าใกล้ๆนั้นเอง  เขาไม่มีแรงเดินกลับบ้านตอนนี้  มือสั่นยกขึ้นแตะที่แผ่นอกข้างซ้าย  สัมผัสได้ถึงก้อนเนื้อข้างในที่เต้นเป็นจังหวะรัวเร็วเหมือนกลองจนเจ็บร้าวไปหมดทั้งอก

          อะไรกัน...ความรู้สึกนี้

            น้ำตาร้อนๆไหลลงมาจากขอบตา  เขายกมือขึ้นแตะอย่างมึนงง  มันไหลลงมาเป็นทางจนเขาตกใจ   ลักษณ์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอารมณ์มากมายที่พุ่งขึ้นมาพร้อมกันอย่างฉับพลันนี้มันมาจากไหน   ราวกับว่ามันถูกเก็บกักเอาไว้นานแล้วโดยที่เขาไม่รู้ตัว...ไม่เคยสนใจ

            เหมือนคลื่นใต้น้ำที่ไหลวนอยู่ใต้ผืนน้ำที่ราบเรียบ  จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดมีมือดีมาเขย่าแผ่นดินข้างใต้จนเกิดรอยแยกแตกออก  รอยแยกลึกดำมืดนั้นดูดกลืนเอาน้ำทะเลลงไปข้างใต้ก่อนจะส่งกลับขึ้นมาเป็นคลื่นยักษ์ที่ใหญ่กว่าตึกสิบชั้น

            ลักษณ์ได้ยินเสียงคลื่นยักษ์นั้นพัดถล่มอย่างรุนแรงและรวดเร็ว   มันทำลายเมืองทั้งเมืองจนราบเป็นหน้ากลองในพริบตา  รวมถึงกำแพงใหญ่ๆล้อมรอบหัวใจที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่

            เขาปีนขึ้นไปบนซากปรักหักพังของกำแพงเหล่านั้น  ทอดสายตามองซากเมืองที่พังทลายไม่เหลือชิ้นดี  แว่วเสียงคล้ายสะอื้นดังออกมาจากซอกมุมหนึ่งใต้กองอิฐแดงๆที่ครั้งหนึ่งเคยมีกำแพงล้อมทึบเอาไว้ทุกด้านจนเขาไม่เคยมองเห็นด้านใน   ลักษณ์ก้าวเดินตามเสียงเข้าไปช้าๆ

....เด็กคนหนึ่งในชุดมัธยมต้นนั่งกอดเข่าก้มหน้าร้องไห้อยู่ใจกลางซากกำแพงนั้น     

.........................................................................................









มาอัพต่อจบตอนนะคะ  อ่านกันเข้าใจหรือเปล่าอ่ะ5555

ถ้าใครงงก็สรุปว่าลักษณ์เพิ่งค้นพบความรู้สึกของตัวเองที่แอบซ่อนอยู่มานานมากแล้วหลังจากเจอไวน์จูบกับคนอื่นนั่นเอง  และดูเหมือนว่าความรู้สึกนี้จะเกิดขึ้นตั้งเเต่สมัยม.ต้นเเล้วด้วยนะเออ  เฮ้ออออวงวารรร ความรู้สึกช้าจริมๆ

งานนี้คน #แอบลักษณ์ ตัวจริงจะทำไงต่อ    โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ 

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ด้วยน้าา  ในเล้าเป็ดด้วย ในทวิตเตอร์ด้วย  ขอบคุณมากๆค่ะ   :hao5:

หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่16 5/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: libra82 ที่ 05-05-2017 22:03:10
โอ๊ย ไม่ได้อ่านนิยายรวดเดียวอย่างนี้มานานแล้ว หน่วงเหลือเกิน และเป็นครั้งแรกที่สงสารพระเอกจับใจ อีน้องลักษณ์ ห่วงแต่ความรู้สึกของตัวเอง กลัวจะเสียเพื่อน เสียดายมิตรภาพ แต่กลับไม่คิดถึงความรู้สึกของพี่ไวน์เลย ใครพูดอะไรก็ไม่ฟัง โอ๊ย หงุดหงิดดดดดดดดด สงสารพี่ไวน์จนน้ำตาซึม มาต่อไวๆ นะคะ ชอบความหน่วงแบบนี้ที่สู๊ดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่16 5/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: appattap ที่ 05-05-2017 22:21:54
เฮ้อออออ!! ถอนหายใจยาวๆ สู้ๆเค้านะลักษณ์ ตบบ่าปุๆ
 :katai1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่16 5/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-05-2017 22:32:36
 :hao4:


เหลือ* จ้ะ ... กลับบ้าน
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่16 5/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 05-05-2017 22:55:42
#ลักษณ์

มันเจ็บหน่วง ทั้งช่วงอก ตกสะเก็ด
น้ำตาเล็ด รินไหล ใจหวิดหวิว
อารมณ์พุ่ง สูงสุด หลุดปลิดปลิว
ทั้งห้านิ้ว ปาดน้ำตา หน้าเปียกปอน

ใจเจ้าเอ๋ย ไม่เคยรู้ อยู่กับเพื่อน
ใจเจ้าเอ๋ย เลอะเลือน เตือนสุดถอน
ใจเจ้าเอ๋ย ไม่หยุดฟัง เว้าอ้อนวอน
มาถึงตอน ใจเจ้าเหน็บ เจ็บเพราะใคร
 :L3:

โป้งไวน์ ไม่เชียร์แล้ว
ทีมลักษณ์ หึหึ

+1 ฮับ

ป้อล่อ..วันนี้รีเฟรชเรื่องนี้ทั้งวันตั้งแต่เช้า อิอิ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่16 5/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 06-05-2017 12:03:01
เราพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไง !!!
สนุกมากกกกกกก ขอบคุณที่แต่งให้ได้อ่านน้า
ตอนนี้เรื่องกำลังหน่วงได้ที่เลย
สารภาพว่าไม่สงสารลักษณ์เลย ทำตัวเองทั้งนั้น แอบชอบเวลาหน่วงด้วย สะใจดี 555555555
ว่าแต่เจ็บขนาดนี้น่ารู้ใจตัวเองได้แล้วยังน้าาา 
ชอบฉากกำแพงอิฐในใจถล่มตอนท้าย บรรยายได้อินเว่อ 
..... สงสารก็แต่วิปกับนิวที่ต้องมาอยู่ในวังวนของสองคนนี้
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่16 5/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 06-05-2017 20:01:59
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่16 5/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 06-05-2017 23:56:35
TT มาต่อเร็วๆ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่16 5/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 07-05-2017 15:30:15
รัก(ลักษณ์)
อย่าไปเข้าทางคนขี้ประชด
ยิ่งทำแบบนี้จะยิ่งหนีห่าง

เชื่อเหอะจงใจจูบกันให้เห็นๆ
ล้านเปอร์
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่17 7/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 07-05-2017 23:06:52
ตอนที่ 17

It’s a long lane that has no turning.

 

 

 

 

 

            เสียงขัดห้องน้ำแต่เช้าทำให้คนที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำต้องถอนหายใจออกมาแรงๆ  ไอ้ลักษณ์น้องชายเขามันเป็นอะไรไปอีกล่ะเนี่ย  จะว่าดีก็ดีอยู่หรอกที่น้องชายดันมีนิสัยแปลกประหลาด  ชอบขัดห้องน้ำเวลาไม่สบายใจ  อย่างน้อยเขาก็มีห้องน้ำที่สะอาดเอี่ยมเหมือนอยู่โรงแรมห้าดาวให้ใช้ตลอด

            แต่หลังๆมานี่มันขัดถี่ไปหน่อยมั้ยวะครับ

            “ไอ้ลักษณ์  ใกล้เสร็จหรือยัง  กูได้ยินเสียงมึงขัดตั้งแต่ตีสี่ นี่หกโมงเช้าแล้ว  สะอาดแล้วมึง  ออกมาเหอะ”  เขายกมือขึ้นเคาะประตูเรียก  เสียงขัดพื้นหยุดไปชั่วครู่  แล้วก็เริ่มขัดใหม่

            “พี่รามไปอาบห้องป้าดาก่อนได้มั้ย”  เสียงอู้อี้นั้นตอบกลับมา   และถ้ารามหูไม่ฝาด  เขาคิดว่าได้ยินเสียงสูดน้ำมูกดังฟืดฟาดผสมมาด้วย

            “เดี๋ยวก็เป็นหวัดกันพอดี   ออกมาเดี๋ยวนี้นะลักษณ์  อย่าให้กูอารมณ์เสีย  ไม่งั้นจะพังประตูเข้าไปนะ”  รามพูดเสียงดังขึ้น  ได้ยินเสียงราดน้ำดังโครมแล้วกลอนประตูก็ถูกถอดออก

            ใบหน้าที่โผล่พ้นบานประตูออกมานั้นทำให้คนเป็นพี่อุทานออกมา

            “เห้ย  มึงเป็นบ้าอะไร  ลักษณ์”

          ลักษณ์สูดน้ำมูก  จมูกบวมแดงนั่นยังไม่เท่ากับเปลือกตาที่บวมช้ำราวกับผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก  ลักษณ์ส่ายหน้า

            “ไม่มีอะไร   พี่จะอาบน้ำใช่มั้ย  เอาเลย”  เจ้าตัวพูดแล้วก็เดินออกมาจากห้องน้ำ  มุดเข้าไปในห้องนอนอย่างรวดเร็ว   ทิ้งให้พี่ชายได้แต่มองตามหลังด้วยความสงสัย   เขาเดินไปเคาะประตูห้องน้องชาย

            “ลักษณ์  สภาพนั้นมึงไปเรียนไหวเหรอ  วันนี้ไม่ต้องไปหรอก  อยู่บ้านช่วยป้าดาไป”  รามพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง

          “ไม่ได้  วันนี้ผมมีควิซ”  เสียงอู้อี้นั้นตอบกลับมา

            “งั้นก็ตามใจ”  คนเป็นพี่ไม่เซ้าซี้อีก  ไม่ใช่นิสัยของรามอยู่แล้วที่จะไปซักไซ้หรือยุ่งเรื่องส่วนตัวของใคร  แม้คนๆนั้นจะเป็นน้องชายแท้ๆของเขาเอง  ลักษณ์โตจนเข้ามหาวิทยาลัยแล้วก็ต้องหัดคิด หัดจัดการปัญหาชีวิตเอา  เขามีหน้าที่แค่คอยยืนอยู่ห่างๆในระยะที่มันจะหันมาปรึกษาได้ก็พอ

            ชายหนุ่มทอดสายตามองร่างเล็กบางในชุดนักศึกษาที่สะพายกระเป๋าเป้  เดินออกไปจากร้านอาหารตามสั่งที่ยังไม่เปิดร้านด้วยความเป็นห่วง  ใบหน้าเล็กรูปหัวใจนั้นก้มงุดมีหน้ากากอนามัยคาดปิดเอาไว้เกือบหมด  ไม่นับแว่นตากรอบใหญ่ที่วันนี้น้องชายของเขาขุดขึ้นมาใส่ด้วย   คงไม่อยากให้ใครสังเกตเห็นใบหน้าของตัวเองที่เด็กสามขวบก็บอกได้ว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักหน่วง

            ....ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นอะไร  แต่เขาก็เชื่อว่ามันจะผ่านไปได้

            ความคิดของพี่ชายตรงกับของคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาเดินไปขึ้นรถเมล์โดยบังเอิญ  ลักษณ์บอกตัวเองซ้ำไปซ้ำมาเหมือนสะกดจิตว่ามันจะต้องผ่านไปได้ด้วยดี  แม้ว่าวันนี้เขาจะต้องเผชิญหน้ากับคนๆนั้นตลอดทั้งคาบบ่ายก็ตาม

            ....ไอ้ไวน์

            ชื่อบุคคลที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเป็นบ้า  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสวนสาธารณะเมื่อคืนทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกไม้หน้าสามฟาดหัวจนสลบแล้วตื่นขึ้นมาใหม่กลายเป็นใครอีกคนหนึ่งที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน  มันช่างรุนแรงและรวดเร็วจนตั้งรับไม่ทัน

            เมื่อคืนเขากลับมาที่ร้านของป้าได้ยังไงลักษณ์ก็จำไม่ได้เหมือนกัน  รู้ตัวอีกทีเขาก็อยู่ในห้องน้ำ  มือขวามีแปรงขัดส้วมถือเอาไว้  ส่วนในมือซ้ายมีเป็ดโปรเป็นอาวุธคู่กาย  สองมือแดงก่ำเพราะกำด้ามพลาสติกเอาไว้เป็นเวลานาน  ฝ่าเท้าทั้งสองข้างเริ่มชาและคันยิบๆ  เดี๋ยวก็คงจะลอกออกมาเป็นแผ่นๆเหมือนเคย

            ...เขาคงต้องเปลี่ยนยี่ห้อน้ำยาล้างห้องน้ำเสียใหม่  มาจิคลีนหรือมิสเตอร์มัสเซิลอาจจะเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของเขามากกว่า  ...เย็นนี้คงต้องแวะซื้อกลับเข้าไป

            ลักษณ์คิดอย่างใจลอย  เขาเดินสวนทางกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ที่เขาจำได้ว่าเรียนแพทย์   ลักษณ์หลบวูบเปลี่ยนเส้นทางไปยังอีกด้านหนึ่งแทน

            อย่าเรียกว่าเขาขี้ขลาด...เขาไม่ได้ขี้ขลาด  ก็แค่ยังไม่พร้อมจะเผชิญหน้าไวน์ตอนนี้  ในตอนที่เขายังจัดการความรู้สึกของตัวเองไม่ได้  ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตกลงที่เป็นน้ำตาไหลไม่หยุดเป็นเพราะแพ้ฝุ่นควันรถหรือว่าแพ้เกสรดอกไม้ในสวนสาธารณะกันแน่....โอเค  ก็ได้  เขาจะเลิกแถ  เลิกเบี่ยงประเด็นเสียที

            เมื่อคืนนี้ตอนที่เห็นไวน์จูบกับนิว  หัวใจของเขาเหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นล้วงเข้ามาในอกแล้วบีบก้อนเนื้อของเขาเอาไว้แน่น  มันแน่นมากจนลักษณ์รู้สึกเหมือนจะตายเอา  ความเจ็บปวดนั้นร้าวไปทั่วทั้งอก  ลักษณ์เคยมีประสบการณ์อกหักมาแล้วหลายครั้งก็จริง  แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขารู้สึกเหมือนครั้งนี้เลย  เพิ่งเข้าในคำว่าอกหักในนาทีนั้นเองว่ามันหมายความว่าอย่างไร

            แม่งเจ็บ  เจ็บฉิบหาย  เจ็บทีเดียวตื่น   พอกันทีกับความอยากเป็นแค่เพื่อนบ้าๆนั่น  มันก็เป็นเพียงแค่ข้ออ้างเพื่ออะไรก็ไม่รู้  เขารู้สึกเหมือนคนเพิ่งได้สติหลังจากงมอยู่ใต้น้ำอยู่นาน ...ความรู้สึกของเขาที่มีต่อไอ้ไวน์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ...สิ่งที่อยู่ในหัวใจของเขา  แอบซ่อนเก็บงำเอาไว้เนิ่นนานทั้งจากไอ้ไวน์และตัวเขาเอง  โดยมีคำว่า ‘เพื่อน’ เป็นเกราะกำบังชั้นดีปกปิดมิดเม้น...

          “ไอ้ลักษณ์  มายืนลับๆล่อๆอะไรตรงนี้”  มือหนักๆจบเข้าที่หลังของเขา   ลักษณ์สะดุ้งจากภวังค์หันขวับไปมองเห็นเพื่อนกลุ่มหล่อสัช  ยืนมองเขาอยู่อย่างสงสัย

          “แล้วทำไมต้องใส่หน้ากาก  ไม่สบายเหรอ”  เพื่อนเริ่มหรี่ตามองอย่างสงสัย  เต้ขยับเข้ามาชิดแล้วจ้องหน้าเขา

            “ตามึงบวมมากลักษณ์”  เต้พูดเรียบๆ    ลักษณ์เลยดันแว่นตาขึ้นอีกนิดแล้วตอบกลับไปโดยไม่มองหน้าใคร

            “เมื่อคืนกูนั่งดูหนังดึก   ไม่มีอะไร”

          “หนังจบเศร้าหรอวะ   เรื่องอะไรอ่ะ”  แซมถามขึ้นมาอีก  ไม่รู้ว่าอยากรู้จริงๆหรือว่าต้องการต้อนเขากันแน่   ลักษณ์พูดชื่อหนังที่พระเอกตายตอนจบไปเรื่องหนึ่ง  นึกดีใจที่เพื่อนๆหันไปสนใจวิจารณ์เรื่องหนังแทนที่จะสนใจหนังหน้าของเขา

            คาบเช้าหมดไปอย่างรวดเร็ว  ลักษณ์ฟังบ้างไม่ฟังบ้างจนอดสงสัยไม่ได้ว่าตัวเขาจะสอบผ่านกลางภาคไปได้มั้ย   มื้อกลางวันผ่านไปแบบไม่รู้รสชาติ  ในที่สุดก็มาถึงคาบบ่ายที่ทำให้เขารู้สึกปวดมวนท้องทุกครั้งที่นึกถึง

            “เจอกันเว้ย   กลุ่มกูเลิกก่อนบ่ายสามชัวร์ๆ”  เบียร์พูดอย่างมั่นใจ  เดินตรงไปยังห้องทางซ้ายมือซึ่งเป็นคนละห้องกับลักษณ์

            เพราะเป็นวิชาสังคมและการพัฒนามนุษย์  นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ก็เลยถูกจับแยกออกเป็นกลุ่มๆคละกันหลายๆคณะฯ  เพื่อทำโครงงานอะไรสักอย่างเพื่อเป็นประโยชน์แก่สังคมและเหล่ามนุษยชาติ  ลักษณ์เดินไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องของกลุ่มเรียนของเขาด้วยความซังกะตาย  แอบแง้มประตูมองเข้าไปในห้องก็เห็นคนในกลุ่มมากันเกือบครบแล้ว

          “ลักษณ์  หายไปไหนมาน่ะ  เราโทรหาก็ไม่รับ”  เสียงเรียกทักดังขึ้นด้านหลังก่อนที่เขาจะเปิดประตู  ลักษณ์หันไปมอง  เขาลืมไปสนิทว่าวิปก็อยู่กลุ่มเดียวกับเขาเช่นกัน

            หญิงสาวเดินเข้ามาหา  ท่าทางคล้ายแง่งอนน้อยๆนั้นทำให้ลักษณ์ต้องฝืนยิ้มออกมา

            “ขอโทษที  เมื่อเช้าๆยุ่งๆกับควิซน่ะ  วิปทานข้าวแล้วหรือยัง”

          “ทานแล้วสิ  นี่บ่ายโมงกว่าแล้วนะ....เพื่อนๆมากันครบแล้วมั้ง” วิปพูดขำๆแล้วเป็นฝ่ายผลักประตูก้าวเข้าไปในห้องก่อน

            ลักษณ์เดินตามหลังอีกฝ่ายเข้าไปข้างใน  ร่างสูงใหญ่ที่นั่งเอนๆอยู่หัวโต๊ะสะดุดสายตาของเขาเข้าเป็นอันดับแรก  ลักษณ์หลบตาคมกริบคู่นั้นทันควัน  เดินอ้อมไปนั่งอีกที่เก้าอี้ว่างเกือบสุดปลายโต๊ะ  ห่างจากผู้ชายคนนั้นเป็นโยชน์  วิปก็เดินตามมานั่งข้างๆกัน

            “ลักษณ์มานั่งข้างไวน์มั้ย  เป็นเลขาฯจะได้จดงานสะดวกหน่อย”  เพื่อนทันตะที่เป็นรองประธานพูดยิ้มๆ  ยกมือขึ้นตบเก้าอี้เปล่าๆข้างตัวเธอดังปุๆ

            ลักษณ์อึกอักขยับจะปฏิเสธ

            “เค้าอาจจะอยากนั่งกับแฟนหรือเปล่า”  ประธานกลุ่มพูดขึ้นเรียบๆ ดูเผินๆคล้ายแซวทว่าดวงตาคมคู่นั้นกลับไม่มีแววยิ้มอยู่เลย

          คนมาใหม่มองหน้ากัน  วิปหน้าแดงเล็กน้อยพูดพึมพำว่าไม่ใช่แฟน  ขณะที่ลักษณ์เม้มปากแล้วลุกขึ้นยืน  ย้ายไปนั่งข้างๆ(อดีต)เพื่อนสนิทโดยไม่พูดอะไร

            “เอาล่ะ  มากันครบแล้วเนอะ  งั้นเดี๋ยวเราจะให้ทุกคนอ่านแผนของรายวิชานี้กันก่อน  แล้วค่อยเสนอหัวข้อโครงงานที่คราวที่แล้วเราแบ่งกันไปคิดมาคนละเรื่อง  ดีมั้ย”  ไวน์ที่ถูกเลือกเป็นประธานกลุ่มพูดขึ้น  เพื่อนในกลุ่มต่างพยักหน้า  ก้มลงอ่านเอกสารที่เพิ่งแจกให้

            ลักษณ์รู้สึกแปลกๆ  ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขานั่งข้างๆอีกฝ่ายแบบนี้  ทว่ากลับเป็นครั้งแรกที่เขา ‘รู้สึก’ ยามที่ท่อนแขนแข็งแรงนั้นขยับโดนแม้ฝ่ายนั้นจะไม่ตั้งใจก็ตาม

            เสี้ยวหน้าคมกริบที่เขาเห็นนั้นอยู่ห่างออกไปไม่ถึงช่วงแขน  เพียงแค่เอื้อมมือก็คงจะสัมผัสใบหน้านั้นได้  ลักษณ์สังเกตว่าวันนี้ไวน์ไม่ได้โกนหนวดเรียบร้อยเหมือนทุกที  แต่เคราเขียวๆนั้นกลับทำให้อีกฝ่ายดูเข้มคมกว่าเดิมเสียอีก..

            “อ่านจบแล้วเหรอ”  จู่ๆเสียงห้าวๆนั้นก็ดังขึ้นพร้อมกับดวงตาคมเข้มที่เงยขึ้นมองเขาอย่างฉับพลัน   ทำเอาคนที่เผลอนั่งมองเพลินสะดุ้ง  หลบตาไปทางอื่น

            “จะจบแล้ว”

          “ดี....เดี๋ยวฝากจดหัวข้อที่เพื่อนเสนอหน่อยนะ  แล้วเราจะได้มาโหวตกันว่าเอาเรื่องไหนดี”  ไวน์พูดกับเขาจากนั้นก็หันไปบอกเพื่อนๆทุกคนให้เสนอหัวข้อโครงงานที่สนใจขึ้นมา

            ลักษณ์ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองด้วยซ้ำ  เขาฟังแต่เสียงที่ทุกคนพูดแล้วก็ก้มหน้าก้มตาจดจนกระทั่งเพื่อนทันตะทักขึ้นว่าเขายังไม่ได้เสนอไอเดียอะไรเลย

            ทุกคนหันมามองหน้าเขาจนลักษณ์รู้สึกอึกอัก  อันที่จริงเขาลืมเรื่องโครงงานอะไรนี่ไปเสียสนิท  เฟรชชีเภสัชรีบกวาดตามองรายชื่อหัวข้อโครงงานต่างๆที่เพื่อนคนก่อนหน้านี้เสนอขึ้นมา  ....ช่วยทำหนังสือให้คนตาบอด  จัดกิจกรรมที่บ้านเด็กกำพร้า  ทำความสะอาดห้องน้ำวัด   สร้างฝายชะลอน้ำ   ปลูกป่า   ทำห้องน้ำ....

            ....ภาพชิงช้ากับม้าหมุนเล็กๆแวบกลับเข้ามาในความคิด

            “เอ่อ....ทำสนามเด็กเล่นให้โรงเรียนที่ห่างไกล...เราเสนออันนี้ล่ะกัน”  เขาพูด  ยกมือขึ้นเกาจมูก  เกิดความเงียบขึ้นนิดนึงก่อนที่ไวน์จะพูดขึ้น

            “เป็นไอเดียที่ดี   โอเค...ครบทุกคนแล้วนะ  งั้นเราจะมาโหวตกัน  ลักษณ์ช่วยไล่ให้ฟังหน่อยว่ามีอะไรบ้าง”

            สุดท้ายโครงงานที่เข้ารอบก็เหลือแค่สามโครงการ  พวกเขาเห็นไปในทางเดียวกันว่าควรจะออกต่างจังหวัด  และก็เห็นผลงานเป็นรูปธรรมหน่อยเพื่อคะแนนและเกรดปลายเทอมที่ดีกว่า 

            หลังจากให้โหวตกันรอบสุดท้าย  ลักษณ์แปลกใจมากทีเดียวที่โครงงานของเขากลับได้รับการโหวตให้ไปต่อมากที่สุด

          “เราว่ามันน่าจะไม่ยากนะ  แต่ไม่น่าถึงขั้นต้องไปสร้างสนามเด็กเล่นใหม่  อาจจะแค่ทาสี  ปรับปรุงซ่อมแซมไรงี้”  เพื่อนที่เรียนวิทย์กีฬาพูดขึ้น

            “แต่เราจะทำกันเป็นเหรอ”

          “หรือจะทำฝาย  แต่อันนี้ต้องเข้าป่า  เราว่ายากกว่า  ถ้าไปทำสนามน่าจะนอนที่โรงเรียนได้” 

            พวกเขาถกเถียงกันอย่างเคร่งเครียดจนถึงเลยเวลาเลิกเรียนไปมาก  ไวน์เลยสรุปให้ทุกคนช่วยกันไปหาโรงเรียนที่ดูเหมาะสมจะเข้าไปทำมากที่สุด   เพื่อจะได้มาร่างเสนออาจารย์ที่ปรึกษาอาทิตย์หน้า

            “ลักษณ์เรากลับก่อนนะ  พอดีแม่มารอแล้วอ่ะ”  วิปพูดเสียงดังแล้วโบกมือให้เขาพลางเดินแกมวิ่งออกไปนอกห้องเป็นคนแรก  จากนั้นเพื่อนๆก็ทยอยกันเดินออกจากห้องกันเกือบหมด  เหลือแต่ประธานกลุ่มกับเลขาฯที่ก้มหน้าก้มตาจดอะไรยุกยิกลงในสมุด 

            “เสร็จหรือยัง  จะปิดห้องแล้ว”  คนร่างสูงพูดขึ้นลอยๆ  เดินมาหยุดยืนข้างๆคนที่วันนี้นั่งเงียบที่สุดในกลุ่มทั้งๆที่เป็นคนเสนอหัวข้อที่เข้าท่าที่สุด

            “กลับไปก่อนเลย  เดี๋ยวปิดเอง”  ฝ่ายนั้นพูดโดยไม่เงยหน้า  มือยังจับปากกาเขียนอะไรยืดยาวไม่มีทีท่าว่าจะหยุด   ไวน์เลยดึงสมุดเล่มนั้นขึ้นจากโต๊ะ

            “ไปเขียนต่อที่บ้าน  ต้องปิดห้องแล้ว  เดี๋ยวคืนกุญแจไม่ทัน”  เขาพูด  แล้วพับสมุดเล่มนั้นลงกระเป๋าตัวเอง   หันหลังเดินไปที่ประตู  ได้ยินเสียงอีกฝ่ายบ่นพึมพำพร้อมกับก้มลงเก็บของกุกกัก

            ชายหนุ่มยกมือขึ้นดึงประตูไม้ทว่ากลับเปิดไม่ออก  ไวน์ตกใจเล็กน้อย   เขากระชากประตูแรงๆจนเกิดเสียงดังทว่าบานประตูนั้นดูเหมือนจะติดอะไรสักอย่างจากด้านนอก

            “เกิดอะไรขึ้นน่ะ  เปิดประตูไม่ออกหรอ”  ลักษณ์เดินมาจนถึงหน้าห้อง   เขาขยับเข้าไปลองดึงประตูบ้าง  ลูกบิดหมุนได้แต่กลับเปิดไม่ออก

          “ช่วยเปิดด้วยครับ  มีใครอยู่ข้างนอกมั้ยครับ   ช่วยด้วย  มีคนติดอยู่ข้างในครับ”  ลักษณ์ทุบประตูแรงๆแล้วเริ่มตะโกนขอความช่วยเหลือ

            “น่าจะโดนล็อคจากข้างนอก”  นักศึกษาแพทย์พึมพำ  ยกมือขึ้นกดที่สันคิ้ว  จากนั้นก็ล้วงมือหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมากดโทรออก  รอสายไม่นานปลายสายก็กดรับ

            “นพหรอ  กลับบ้านยัง  อืม....กูติดอยู่ในห้องเรียนว่ะ  ชั้นสี่  ห้อง 401....อืม....น่าจะติดกุญแจ  ฝากตามป้าแม่บ้านหน่อยดิ .....ได้  ขอบใจมากเพื่อน”  เขากดวางสาย  หันไปมองคนที่ยังทุบประตูไม่เลิก

            ไวน์เอื้อมมือไปจับข้อมือเล็กบางนั้นเอาไว้

          “เลิกทุบได้แล้ว  เจ็บมือเปล่าๆ”  เขาบอก  เห็นอีกฝ่ายรีบดึงมือออกจากการเกาะกุมของเขาแถมเขยิบถอยไปหลายก้าวก็อดรู้สึกเสียใจขึ้นมาวูบหนึ่งไม่ได้

          ร่างเล็กเหลือเกินในสายตาของเขาเดินไปทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ใกล้ๆประตู  ใบหน้าที่มีหน้ากากอนามัยปิดอยู่เกือบครึ่งนั้นก้มลงน้อยๆ  ไวน์เดินไปนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ

            “ไม่สบายเหรอ  ว่าจะถามตั้งแต่เข้ามาล่ะ  เห็นใส่หน้ากาก”

          “อืม...นิดหน่อย”  อีกฝ่ายตอบกลับมา  แว่นสายตาอันโตที่เขาไม่เคยชอบนั้นหล่นลงมาบนดั้งจมูกเล็กๆ  อีกฝ่ายก็ใช้นิ้วดันกลับเข้าที่เดิม  ...เขาไม่ชอบเวลาที่ลักษณ์ใส่แว่น  เพราะมันจะบดบังดวงตากลมโตที่สวยที่สุดในสายตาของเขาเอาไว้เสียหมด  แต่บางทีก็ดีเหมือนกันเพราะคนอื่นก็จะไม่มีทางได้เห็นด้วยเช่นกัน

            “กับวิป...ไปถึงไหนกันแล้ว  กูแสดงความยินดีด้วยได้หรือยัง”  เขาถามขึ้นเรียบๆ  ตั้งแต่เห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเด็กสาวคนนั้น  เขาก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเสียเฉยๆ  แม้จะบอกตัวเองเป็นล้านรอบแล้วว่าไม่มีสิทธิก็ตาม

            ทอดสายตามองอีกฝ่ายหยิบยางลบขึ้นมาลบรอยดินสอบนโต๊ะเล่นแล้วก็เผลอถอนหายใจออกมาเบาๆ  ถ้าความรู้สึกมันลบออกไปจากหัวใจได้ง่ายๆเหมือนรอยดินสอเหล่านั้นก็คงดี

            “ใกล้แล้วล่ะ”  ลักษณ์ตอบกลับมา  เงยหน้าขึ้นสบตาเขาแวบหนึ่ง  ไวน์ขมวดคิ้ว  เพิ่งสังเกตเห็นว่าเปลือกตาของอีกฝ่ายบวมกว่าปกติ

            นักศึกษาแพทย์หนุ่มเอื้อมมือไปจับที่ปลายคางของเพื่อนสนิทแล้วเชยขึ้น  บีบเอาไว้ไม่ยอมให้อีกฝ่ายหันหน้าหนี

            “อยู่นิ่งๆ ....กูไม่ทำอะไรหรอก  ...ทำไมตาบวม  ร้องไห้?”

          “เปล่า...เออ  ร้อง...ดูหนังแล้วมันจบเศร้า”  ลักษณ์ตอบกลับมา  ยกมือขึ้นปัดมือของเขาออก

            “อ้อ...”  เขาอุทานแล้วเงียบไป 

            ไวน์คงไม่รู้หรอกว่าการกระทำเมื่อครู่นี้มันทำให้หัวใจของใครสั่นไหวแค่ไหน  ลักษณ์ยกมือขึ้นกดที่หน้าอกของตัวเองแน่น  กลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยินเสียงหัวใจเต้นของเขา...และจะหัวเราะเยาะเอา

            ....มันสายไปมาก  เขารู้ดี  มันคงสายไปแล้ว

            เสียงริงโทนดังขึ้นในความเงียบที่แสนอึดอัด  ไวน์ขยับตัวล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรับ  ลักษณ์ไม่ได้ชะโงกดูว่าใครโทรมาแต่ก็รู้ดีว่าใครที่อยู่ปลายสายนั้น

            “โทษทีครับ  รอนิดนึงได้มั้ย  พอได้ไวน์ติดอยู่ในห้องเรียนอ่ะ ....ครับ  ไม่ต้องห่วง  เพื่อนไวน์ตามป้าแม่บ้านให้แล้ว  อืม...อยู่กับเพื่อนอีกคนครับ  ..ครับ  หิ้วท้องรอหน่อยนะคนดี..”

          ไวน์ทอดเสียงอ่อนลงในประโยคสุดท้าย  ลักษณ์จะไม่แปลกใจเลยถ้าจะได้ยินเสียง ‘จุ้บ’ ดังขึ้นส่งให้ปลายสายก่อนกดวางทว่าก็..ไม่มี  ไวน์วางสายแล้วยกมือขึ้นเหยียดขาออกเหมือนบิดขี้เกียจ

            “ถ้าเลือกโครงการสนามเด็กเล่นนั่นต้องไปหาโรงเรียนที่น่าทำหน่อยนะ  พวกโรงเรียนที่ชนบทๆหน่อย”  ไวน์พูดขึ้นมาลอยๆ  “คงต้องเรี่ยไรหางบด้วย  เรื่องใหญ่เหมือนกันแต่มันก็น่าทำ  ปีก่อนนู้นพี่กูก็ทำ  ได้เอกันยกกลุ่มด้วย  อาจารย์คงชอบแนวนี้”

          “อืม...”

            “หรือจะไปจังหวัดบ้านกู  แถวฟาร์มพ่อมีโรงเรียนอยู่เหมือนกัน.....ก็ดีนะ  จะได้เกณฑ์คนงานที่ไร่มาช่วยได้ด้วย  มึงคิดว่าไงลักษณ์”

          “ก็น่าจะดีมั้ง”  ลักษณ์ตอบกลับไป  เขากำลังนึกภาวนาว่าเมื่อไหร่ป้าแม่บ้านจะมาไขเปิดประตูห้องให้เสียที 

            ภาพของไอ้ไวน์กับคนรักเมื่อคืนยังตามมาหลอกหลอนอยู่ทุกขณะจิต   ลักษณ์พยายามตั้งสมาธิอยู่กับการลบรอยดินสอบนโต๊ะเล่น  ไม่วอกแวกไปทางอื่น   จู่ๆมือใหญ่ก็ฉวยเอายางลบก้อนเล็กๆจากมือเขาไปลบโต๊ะตัวเองบ้าง  ลักษณ์อยากแย่งยางลบก้อนนั้นคืนมาก่อนที่อีกฝ่ายจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง

            “นี่อะไร”  ดูเหมือนจะไม่ทันแล้ว  เพราะสายตาคมเข้มจับจ้องไปที่รอยดินสอที่เขียนเอาไว้บนยางลบก้อนเล็ก....มันเป็นรูปขวดทรงสูง...ขวดไวน์ที่ปากขวดแหว่งไปเล็กน้อยเพราะเนื้อยางลบที่หายไป

            “เอ่อ...”  ลักษณ์อึกอัก  นึกโกรธตัวเองที่มือบอนไม่เข้าท่า  เผลอวาดรูปนั้นลงไป....อันที่จริงรอยดินสอนั่นมันฝังอยู่ในเนื้อยางลบตั้งแต่ม.6เทอมปลายแล้ว  ใช้ไม่หมดก้อนสักที

            “เดี๋ยวนี้มึงหมกมุ่นกับเรื่องนี้ขนาดนี้เลยเหรอ”  อีกฝ่ายถามเสียงเข้ม  คนฟังเงยหน้าขึ้นมองอย่างตกใจ  “กูเคยบอกแล้วไงว่าแอลกอฮอล์มันไม่ดี  มึงก็ยังกินอีก  หรือว่าพวกเพื่อนที่คณะฯ ไอ้กลุ่มหล่อสัชนั่นมันชวนใช่มั้ย...”

            “ไม่ใช่...”

          “หรือจะเป็นรุ่นพี่ชวนไป  กูขอเตือนมึงอีกรอบ  ไอ้ลักษณ์...กินเหล้ามันไม่ดีต่อสุขภาพหรอกนะ  ไม่ได้ดูเท่ด้วย   แถมพอเมาก็ไร้สติ  ทีนี้ใครจะทำอะไรก็ได้ล่ะมึงไม่รู้ตัวหรอก  ลักษณ์...เลิกเลยนะ”

          “กูไม่ได้กิน  กูวาดเล่นเฉยๆ  นี่มึงเป็นเพื่อนหรือเป็นพ่อเนี่ย”  ลักษณ์ตอบเสียงดัง  แย่งยางลบคืนมาจากอีกฝ่ายจนได้  เหลือบตามองคนที่ดุเขาอย่างโกรธๆ

            “ก็ดูมึงทำตัวดิ   แล้วจะไม่ให้กูห่วงได้ไง”  ไวน์พูด   ขมวดคิ้วกลับ  อยากเอานิ้วจิ้มที่แก้มใสๆป่องๆนั้นแรงๆเข้าสักที  จะได้เลิกดื้อ  เลิกเถียง

            “ไวน์...”  ลักษณ์เรียกชื่อเขาแล้วกลับเงียบไปอีก

            “ทำไม  โกรธหรอ  โอ๋นะ”  เขายกมือขึ้นยีหัวทุยๆที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสั้นๆนั้นเล่น  ลักษณ์เบี่ยงหัวหลบ ปัดมือของเขาออกอีกรอบ

            ท่าทางของลักษณ์เหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง  ไวน์เห็นริมฝีปากบางคู่นั้นขยับขึ้นลง อ้า-หุบเหมือนปลาสำลักน้ำ  ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจกับดวงตาที่จ้องมองตรงมาที่เขาผ่านแว่นสายตาอันใหญ่  มันมีแววอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปจากทุกที   เขาไม่เคยถูกลักษณ์มองด้วยสายตาเช่นนี้มาก่อน

            “มีอะไรหรือปละ...”  ยังไม่ทันถามจนจบก็พอดีได้ยินเสียงกุกกักดังขึ้นที่หน้าประตู  ลักษณ์ลุกพรวดเดินไปที่ประตูทันที    เขาเลยลุกเดินตามหลังไป

         




ต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่17 7/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 07-05-2017 23:07:43
ต่อนะคะ

 



            “รอนิดนึงน่ะลูก  ป้าขอโทษที   ไม่ทันดูนึกว่าออกจากห้องกันมาหมดแล้ว”  เสียงสาวใหญ่ที่ดูแลตึกเรียนดังขึ้นก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออก

            ข้างนอกนั่นมีเพื่อนสนิทของเขา...ไอ้นพยืนอยู่ข้างๆกับนิว  คนรัก  ไวน์ยกมือขึ้นตบบ่าเพื่อนแทนคำขอบคุณ  แล้วหันไปจับมือนิวที่เดินตรงเข้ามาหา  ท่าทางตกใจไม่น้อย

            “เป็นยังไงบ้างไวน์  นิวตกใจแทบแย่แหนะ  ดีนะเจอนพก่อน”  นิวพูด  กวาดตาสำรวจตัวเขาราวกับเขาเพิ่งกลับจากสนามรบ

            “ไม่ได้เป็นอะไร  แค่ร้อนนิดหน่อย”  เขาตอบ  ยกมือขึ้นโอบไหล่ของนิวเอาไว้ด้วยความเคยชิน

            “อ้าว...ลักษณ์   อ๋อ  เพื่อนที่ไวน์บอกคือลักษณ์เองหรอ   ดีใจจังที่เป็นลักษณ์  นี่ถ้าเป็นคนอื่นนิวอาจจะคิดว่ามีคนวางแผนอยากติดอยู่ในห้องกับไวน์สองคนแหงๆ”  นิวพูดพลางยิ้มกว้างมาให้ลักษณ์ที่เพิ่งยกมือไหว้ขอบคุณป้าแม่บ้าน

            “ดูซีรี่ส์มากไปแล้วเราน่ะ”  ไวน์พูดกลั้วหัวเราะ  ยกมือขึ้นจับศีรษะเล็กๆของคนพูดโยกเล่นอย่างเอ็นดู

            “แหม  คิดว่านิวไม่รู้หรอว่าแฟนตัวเองฮอตขนาดไหน”  นิวพึมพำ  “หิวแย่เลยสิ  เราไปกินข้าวกันเถอะ  ไปด้วยกันมั้ยลักษณ์  นพ”

            “เรากลับไปกินที่บ้านน่ะ”  ลักษณ์ตอบเรียบๆ

            “บ้านลักษณ์เป็นร้านข้าวแกง”  ไวน์เอ่ยขึ้น  “อยากไปลองมั้ยล่ะ  อาหารฝีมือป้าของลักษณ์อร่อยมากๆเลยล่ะ  ไวน์กินมาตั้งแต่มอต้นแน่ะ”

          “โหย  จริงดิ  งั้นวันนี้เราขอไปกินที่ร้านป้าลักษณ์ด้วยได้มั้ย”  นิวพูดอย่างยินดี

            ลักษณ์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้ารับอย่างแกนๆ  ทั้งๆที่อยากหนีกลับบ้านเต็มทนแล้ว 

            พวกเขาขึ้นรถแท็กซี่ตรงมาจอดที่หน้าบ้านของลักษณ์  ป้าดาตื่นเต้นดีใจใหญ่ที่เพื่อนหลานคนโปรดกลับมาเยี่ยมร้านเสียทีหลังจากหายหน้าหายตาไปพักใหญ่  แถมยังพาเพื่อนคนใหม่มาแนะนำให้รู้จักอีกด้วย

            “ป้าก็ถามไอ้ลักษณ์มันทุกวันว่าไวน์หายไปไหน  เรียนหนักหรอลูก”

          “ครับป้าดา  นิดหน่อย”

          “ป้าคิดถึงแรงงานทาสน่ะ  ไม่มีมึงมาช่วยแล้วกูกับไอ้ลักษณ์โคตรเหนื่อยเลย”  พี่รามพูดเสียงดังมาจากอีกด้านของร้าน   ป้าดาหัวเราะร่วน

            “แหม  หลานฉันได้เป็นคุณหมอแล้วนะ  จะให้มาช่วยแบกของเสิร์ฟอาหารได้ไง  เอ้า...นั่งๆลูกนั่ง  แล้วคนนี้ใคร  หน้าตาน่าเอ็นดู”

          “นิวครับ  เป็นแฟนผมเอง”  ไวน์แนะนำ  ทำเอาคนฟังอึ้งไปทั้งสามคน  ก่อนที่ป้าดาจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อนด้วยท่าทางเป็นมิตร

            “โอ้โห  วันนี้วันดีนะ  ไวน์พาแฟนมาเปิดตัวกับป้า  เอ้า  เข้ามาเลยลูก...น้องนิวใช่มั้ย   อยากกินอะไรเป็นพิเศษ วันนี้ป้าดาเลี้ยง  บอกมาเลยป้าทำเป็นทุกอย่าง”   ป้าดาเลื่อนโต๊ะให้ไวน์กับนิวนั่งด้วยกันใกล้ๆหน้าร้าน  ไวน์พูดแนะนำเมนูเด็ดในร้านให้อีกฝ่ายฟังอย่างคล่องแคล่ว

          ลักษณ์มองภาพเบื้องหน้าเงียบๆ  เขาถอยไปช่วยพี่รามเก็บเงินเหมือนที่ทำทุกที  พี่ชายไม่พูดอะไรกับเขาเลยนอกจากส่งย่ามกระเป๋าเงินมาให้

            “ฝากหน่อย  กูจะไปฉี่”  พี่รามพูดแล้วก็เดินหายไปด้านหลังร้าน

            ลักษณ์ทำงานไปเรื่อยๆ  จนกระทั่งไวน์กวักมือเรียกเข้าไปหา  เขาเดินเข้าไปที่โต๊ะที่ตอนนี้มีอาหารวางเรียงอยู่เต็มนั้นช้าๆ

            “พักกินข้าวก่อน  ตั้งแต่มายังไม่เห็นมึงกินข้าวเลยลักษณ์”  ไวน์พูดขึ้น

            “ยังไม่หิว  ไว้กินตอนเก็บร้านทีเดียว”  ลักษณ์ตอบกลับไป มีลูกค้ายกมือเรียก  เขาเลยฉวยโอกาสนั้นเดินหนีจากไป  หูยังได้ยินเสียงพูดคุยกันแว่วๆดังมาจากโต๊ะนั้น   ดูเหมือนไวน์จะเล่าเรื่องความหลังอะไรสักอย่างเกี่ยวกับร้านนี้ให้คนรักฟัง

            “จริงหรอ  ฮ่าๆ  ตลกจัง  นี่นิวไม่คิดเลยว่าลักษณ์กับไวน์สนิทกันขนาดนี้  ตอนแรกนึกว่ามาจากโรงเรียนเดียวกันเฉยๆเสียอีก   ลักษณ์ๆ  เสร็จยัง มาเผาไวน์ให้นิวฟังบ้าง  ไวน์เผาลักษณ์จนไม่เหลือแล้ว  ฮ่าๆ”  นิวกวักมือเรียกมาแต่ไกล   ลักษณ์ลอบถอนหายใจยาวอย่างอึดอัดแล้วเดินเข้าไปร่วมวงด้วย

            “ไวน์เผาอะไรเราไปบ้าง”  เขาถามเป็นประโยคแรก  พยายามไม่สบตาคมๆของคนที่นั่งทางซ้ายมือมากเกินไป   นิวหัวเราะร่วน  เล่าเรื่องสมัยที่เขาริจีบสาวครั้งแรกออกมา  คนฟังหน้าแดงก่ำ  หันไปถลึงตาใส่คนปากมากอย่างลืมตัว

            “ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีคนเอาขนมกับการ์ดไปไว้ใต้โต๊ะด้วย”  นิวเหมือนจะไม่ได้สังเกตอาการของผู้ร่วมวงทั้งคู่  ยังคงหัวเราะอย่างสนุกสนาน   ยกมือขึ้นตบไหล่ลักษณ์เบาๆแทนการปลอบใจ “ไม่เป็นไรนะลักษณ์  แต่เสียดายขนมผิงแย่เลย”

          “อืม  รู้งี้เก็บไว้กินเองเสียก็ดี  เจ้าอร่อยด้วย”  ลักษณ์เออออตามไป   นั่งฟังนิวกับไวน์ผลัดกันเล่าเรื่องตลกๆของตัวเองบ้าง ของเพื่อนๆบ้างออกมา

            “แล้วไวน์ล่ะ  ไวน์เคยแห้วบ้างมั้ยลักษณ์”  มีอยู่ตอนหนึ่งที่อีกฝ่ายหันมาถามเขา  ลักษณ์เหลือบมองหน้าคนชื่อไวน์แวบหนึ่งแล้วส่ายหน้า

            “ไม่มีหรอก  ดูจากหน้ามันก็รู้แล้ว  ถ้าหน้าอย่างมันยังรับประทานแห้ว  อย่างเราคงไม่ต้องไปจีบใครแล้วล่ะ”

          “อะไรกัน  เราว่าลักษณ์น่ารักออก ....แล้วว่าแต่ไวน์มีแฟนมากี่คนแล้วเหรอลักษณ์”  ท่าทางนิวจะอยากรู้เรื่องความรักเก่าๆของไอ้ไวน์มันจริงๆแฮะ...ลักษณ์คิดอย่างหงุดหงิด

            “ไม่รู้สิ  ต้องถามเจ้าตัว  แต่สงสัยจะนับไม่หวาดไม่ไหวมั้ง”  เขาโยนกลับไปให้คนที่นั่งอมยิ้มมองแฟนตัวเองอยู่นั้น

            “หืม  กี่คนน่ะไวน์  หรือนับไม่ถ้วนจริงๆ”  นิวหันไปเอียงคอถาม   ไวน์ยิ้มนิ้วชี้ขึ้นชูแทนสัญลักษณ์ตัวเลข

            “1 คน?  จริงหรอลักษณ์”

          ลักษณ์ยักไหล่  ความจริงแล้วเขากำลังนึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน  ก็ที่ผ่านมาเขาก็เห็นมันคบผู้หญิงออกเยอะแยะ  ทั้งที่รู้และไม่รู้   ไอ้ไวน์ถือเป็นหนุ่มป๊อบของโรงเรียนเลยนะ

            “มีคุยบ้างแต่ไม่ถูกใจ  นิวเป็นแฟนคนแรกของผม”  ไวน์พูดยิ้มๆ

            ลักษณ์ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองคนฟัง แต่ก็พอเดาได้ว่าเจ้าตัวคงจะกำลังยิ้มหวานด้วยความปลาบปลื้มอยู่แน่ๆ  ขนาดเขาเองยังอดรู้สึกประทับใจไม่ได้เลย....เป็นแฟนคนแรกงั้นเหรอ   ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่าแต่คงได้ใจคนรักไปเต็มๆ   ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืนกะทันหัน

            “โต๊ะนั้นเรียกเก็บตังค์  ขอไปทำงานก่อนนะ”  หางตาเห็นมือใหญ่กำลังเลื่อนไปกุมมือน้อยที่วางอยู่บนโต๊ะเอาไว้  ลักษณ์บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมตัวเองจะต้องรีบพรวดพราดเดินเข้าไปที่โต๊ะหลังร้านด้วยทั้งๆที่พี่รามก็กำลังยืนคิดเงินอยู่ก่อนแล้ว

            “อะไรของมึงไอ้ลักษณ์  กูคิดไปแล้ว”

          “ผมช่วยทอนให้  เท่าไหร่”  ลักษณ์แย่งเอาย่ามเงินมาสะพายอีกรอบ  หลังจากนั้นเขาก็ไม่เฉียดกรายเข้าไปใกล้โต๊ะของสองคนนั้นอีกเลยจนกระทั่งทั้งคู่เป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเขาเองก่อนกลับบ้าน

            “วันนี้ขอบใจมากเลยนะลักษณ์  โทษทีไม่ได้ช่วยเลย  ไว้วันหลังให้เรามาช่วยเสิร์ฟบ้างนะ  ดูน่าสนุกดี”  นิวพูด  แล้วโบกมือให้เขา   ป้าดาเข้ามาร่วมวงด้วย  เธอยิ้มกว้างเมื่อได้ยินแขกของหลานชายชมรสชาติอาหารของเธอแถมบอกจะกลับมากินอีกด้วย

            ลักษณ์ไม่ได้ฟังว่าป้าดาพูดอะไรอีกบ้าง  เขากำลังยืนจ้องหน้าเพื่อนสนิท  อดีตเด็ก(ช่วย)เสิร์ฟที่ร้านที่กำลังยืนมองหน้าเขาอยู่เช่นกัน

            “ร้านลูกค้าเยอะขึ้น  ทำไมไม่บอกป้าดาให้จ้างคนเพิ่ม”  เสียงห้าวๆนั้นพูดขึ้น

            “กูกับพี่รามช่วยกันยังไหวอยู่  ไม่ต้องห่วง”

          “ไว้กูว่างๆจะมาช่วยเสิร์ฟให้เหมือนเดิม”

          “ไม่ต้องหรอก  อย่ารบกวนเลย”  ลักษณ์ตอบกลับไป  ขอบตาเริ่มร้อนผ่าวทั้งที่ไม่มีสาเหตุเลยสักนิด...เขาคงเป็นบ้าไปเอง  “มึง...ต้องดูแลนิว   แถมใกล้สอบแล้วด้วย  อ่านหนังสือเถอะ”  เขากัดฟันพูดเร็วปรื๋อ

            “แล้วมึงมีเวลาอ่านเหรอลักษณ์  กลับมาก็ต้องมาทำงานงกๆแบบนี้”

          “กูแบ่งเวลาได้น่า  กูรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้อยู่แล้ว”  ...มึงไม่ต้องยุ่ง  เขากลืนคำพูดนั้นลงไป  ไม่ได้พูดต่อ  แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนสนิทของเขาจะเดาได้  ร่างสูงใหญ่นั้นยักไหล่  ไม่พูดอะไรอีก

            ไวน์ยกมือไหว้ลาป้าดากับพี่รามแล้วก็เดินเคียงข้างคนรักกลับออกไปจากร้าน  ลักษณ์หันหลังกลับพึมพำว่าปวดฉี่ เดินแกมวิ่งเข้าไปหลังร้าน

            รามมองตาม  เขาหันไปเห็นป้าดากำลังมองอยู่ด้วยเช่นกัน  ป้าของเขายิ้มออกมานิดๆ แล้วสั่นศีรษะเบาๆเป็นเชิงห้ามไม่ให้ตามไป  ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก ก้มลงเก็บจานต่อด้วยความกลัดกลุ้ม

            ....มันเล่นอะไรกัน  สงครามประสาทหรือไง  งานนี้น้องเขาคงจะแพ้ตั้งแต่ยังอยู่ในมุ้งเลยมั้ง

            ไอ้ไวน์...กูเคยบอกมึงว่ายังไงยังจำได้มั้ย?

            ...

         

มาอัพต่อนะคะ  ช่วงนี้อัพบ่อยนิดนึงไม่ว่ากันนะ  กำลังมันส์กับเรื่องนี้มาก555555 อยู่ทีมใครคะ  เชียร์ลักษณ์หรือไวน์555  ถ้าคิดไม่ออก เชียร์คนเเต่งก็ได้นะคะ อิอิ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะคะ  ขอบคุณที่เม้นท์กันมาด้วย  ดีใจมากๆค่ะ  ขอบคุณสำหรับกลอนด้วยนะคะ  เราจำได้ว่าเคยเเต่งให้อีกเรื่องนึงด้วย  ปลื้มมากอ่ะ5555
สำหรับคนที่เล่น  ทวิต #แอบลักษณ์ นะคะ


เจอกันตอนหน้าค่ะ  :katai4:

 
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่17 7/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 08-05-2017 00:13:59
บวกเป็ด บวกหนึ่ง


น้ำตาใส ไหลกระฉอก ออกเป็นเล่น
น้ำตาใส ไหลเยียบเย็น เค้นนักหนา
น้ำตาใส ไหลต่อเนื่อง เปลื้องดวงตา
น้ำตาไหล ทุกเวลา ว่าบ้าบอ

ถ้ากรูเจ็บ แล้วมาง้อ ว่าขอโทษ
ที่ทำไป ไม่ให้โกรธ พิโรธขอ
อย่าสำคัญ ตัวเองผิด คิดว่ารอ
คนอย่างกรู แค่นี้พอ ไม่ท้อนาน

อย่าทำร้ายด้วยคำว่า"รัก"กันเลย
หึหึ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่17 7/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 08-05-2017 00:17:17
โอ้ยยยย ยินดีค่ะ อัพบ่อยๆได้เลยตามที่ใจต้องการ
คนอ่านยินดีอย่างยิ่งเพราะเรื่องกำลังสนุกได้ที่เลย 555555
เลือกไม่ถูกว่าจะอยู่ทีมลักษณ์หรือไวน์ดี  ดีใจที่ลักษณ์รู้ใจตัวเองแล้ว
แต่หน่วงใจที่ไวน์ดูรักกันดีกับนิว
เอาเป็นว่าอยู่ทีมคนเขียนดีกว่า  ฮ่าๆๆ   
 
ปล.  พออ่านเรื่องนี้ฉากขัดห้องน้ำแล้วทั้งสงสาร ทั้งขำ ทั้งเอ็นดู  55555555
เรามีเพื่อนสนิทคนนึงที่เวลาเครียดๆมันจะขัดห้องน้ำแบบลักษณ์นี่เลย

หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่17 7/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 08-05-2017 00:28:31
หึ ไวน์ โดนพี่รามจัดการแน่ :hao3: #ทีมลักษณ์
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่17 7/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: Abella ที่ 08-05-2017 01:11:53
ไวท์นี่ยังไง บอกว่ารักแต่จีบอยู่แปปนึงก็ไปหาคนอื่นมาเป็นเอามาควงเฉยถึงจะแอบชอบมานานก็เถอะดูยอมแพ้ง่ายไป รักแบบนี้ก็ไปเถอะ ลักษณ์ก็นะรู้ใจช้าไปถ้าไม่ทันก็ทำใจหาใหม่ดีกว่าอย่าไปรักเลยไวท์น่ะ เชิญไวท์รักนิวให้สบายไปเลยจ้า เท
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่17 7/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 08-05-2017 07:04:19
 :m16:เปลี่ยนใจง่ายดีนะทำเหมือนรักมากพอไม่สมหวังแป๊ปเดียวได้แฟนใหม่แล้วเชื่อได้มั้ยคำว่ารักจากคนแบบนี้หาคนใหม่เถอะ :m31:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่17 7/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: Naam3 ที่ 08-05-2017 21:08:34
 :katai2-1: :hao5: :hao3: :katai1:
สงสารลักษณ์ๆๆๆๆรอๆๆๆ :hao7: :L2:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่17 7/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 08-05-2017 22:37:00
อ่านตอนนี้แล้วอยากเปลี่ยนข้างทันที(โลเลมาก) สงสารลักษณ์
ไวท์ดูทำใจได้ ดูชอบนิวไปแล้ว ดูไม่แคร์ลักษณ์เหมือนเดิม
ในขณะที่ลักษณ์เพิ่งรู้ใจตัวเอง
เจ็บปวดแทน อินมากกก :hao5:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่17 7/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 08-05-2017 22:53:24
เปลี่ยนใจง่ายเหมือนเปลี่ยนกางเกงใน#ไวน์
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่17 7/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: appattap ที่ 09-05-2017 10:12:56
ทีมพี่รามแล้วกัน แอบหมั่นไส้ไวน์หน่อยๆ
ลักษณ์ไม่ได้เสียใจคนเดียวหรอก เราคนอ่านก็เสียใจจจจจ

หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่17 7/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 09-05-2017 10:15:11
เราเข้าใจไวน์นะ คนเราเมื่อมันเจ็บมากๆ มันจะถึงจุดๆ หนึ่ง จุดที่หยุดความรู้สึกทุกอย่าง แล้วกลไกในการรักษาตัวจะเริ่มขึ้นเอง และเมื่อเวลาผ่านกฎแห่งการแทนที่จะเริ่มมีผล เราจะมองหาบางสิ่งเพื่อทดแทน.. (ขอบอกว่าช่วงเวลาอ่อนแอนี่แหละ คนที่เข้ามาช่วยเยียวยามีอิทธิพลที่สุด) ไม่ใช่ว่าไวน์ไม่รักลักษณ์จริง แต่คนเราทุกคนมันมีขีดจำกัด ไม่มีใครทนเจ็บซ้ำๆ ซากๆ ได้หรอก
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่18 9/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 09-05-2017 23:10:53
ตอนที่ 18

An eye for an eye, and a tooth for a tooth.

 

 

 

 

 

 

            ลักษณ์ใช้ปากกาลูกลื่นขีดฆ่าวันที่บนปฏิทินตั้งโต๊ะ  หมดไปอีกหนึ่งวันสำหรับการเตรียมตัวสอบกลางภาค....เหลืออีกไม่ถึงอาทิตย์ เขายังอ่านได้ไม่ถึงไหนเลย

            หยิบหนังสือเคมีขึ้นมาเปิดกางออก  ลงมือทำโจทย์อีกรอบพลางเปิดเทียบเนื้อหากับข้อสอบเก่า  เขาอยากจะยกเท้าขึ้นเกาหัว  ทำไมโจทย์พวกนี้ไม่เห็นเหมือนที่อาจารย์สอนในห้องเรียนเลยล่ะ  หรือว่าตอนที่อาจารย์สอนเขาจะมัวนั่งเหม่ออยู่

            ...ถ้ามีคนมาช่วยติวให้ก็คงดี

            ใบหน้าของคนๆหนึ่งผุดขึ้นในความคิด  ลักษณ์รีบสั่นศีรษะไล่ความคิดนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว  เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเพื่อนในกลุ่ม

            แซม เบียร์ เต้ก็กำลังประสบปัญหาเดียวกัน  ไม่มีใครสามารถช่วยใครได้  ถ้ามาติวกันเองก็คงเหมือนเตี้ยอุ้มค่อม  แซมเลยเสนอไอเดียให้เพื่อนในคณะฯไม่ก็เพื่อนคณะฯอื่นมาช่วยติวให้แทน  ใครเล่าจะมีภาษีดีไปกว่าเพื่อนคณะแพทย์และทันตะ

            “ไอ้ไวน์เพื่อนมึงไงลักษณ์  ลองถามมันดูสิ  มันเทพไม่ใช่เหรอ”  แซมเปิดประเด็น หันมาทางเขาทันทีที่เรามาพร้อมหน้าพร้อมตากันที่มหาวิทยาลัยในวันถัดมา  แต่ละคนใต้ตาคล้ำเป็นแพนด้าคืนชีพ  เพราะไม่ใช่วิชาเคมีเท่านั้นที่อาการน่าเป็นห่วง  ยังมีเลข ชีวะ ฟิสิกส์ อังกฤษ ฯลฯ  ที่อาการร่อแร่ไม่แพ้กัน

            ลักษณ์ลอบถอนหายใจนิดหนึ่ง ตอบเพื่อนกลับไปเรียบๆ

            “ช่วงนี้มันไม่ว่าง  หาคนอื่นเถอะ”

          “อ่าวหรอ  งั้นใครดีล่ะ  เพลินตาไงเพลินตา  เราว่าเพลินตาต้องช่วยได้แน่ๆ”  แซมพูดขึ้นมาอีก

            “เกรงใจเค้ามั้ย  เราว่าหาคนในคณะฯดีกว่า ที่เก่งๆเยอะแยะ  เพื่อนของวิปไงลักษณ์  คนที่สวมแว่นตาอ่ะ”  เบียร์เสนอขึ้นมาบ้าง

            “คนไหนวะ  กูเห็นสวมแว่นกันทั้งกลุ่ม”

            “คนที่ชื่อมัดหมี่อ่ะ  ที่คราวที่แล้วท้อปควิซเคมีไง  จำได้มั้ย”

            เบียร์พยายามอธิบาย  แต่เพราะพยายามมากไปเพื่อนก็เลยจับได้ว่ามีความในใจซ่อนอยู่เข้า  พอโดนคาดคั้นหนักๆ เบียร์ก็รับสารภาพแบบจ๋อยๆว่าสนใจสาวมัดหมี่แสนเรียบร้อยอยู่

            “กูว่าแล้วไง...”  แซมลากเสียงยาว  “ซื้อหวยทำไมไม่ถูกบ้าง....ฮ่าๆ  เอางี้สิ  เราก็ชวนกลุ่มนั้นทั้งกลุ่มมานั่งติวกัน  ถือเป็นการกระชับรัก เอ๊ย  กระชับมิตร  สานสัมพันธ์เพื่อนในคณะด้วย  ดีมั้ยๆ  ไอ้ลักษณ์ก็จะได้มีโอกาสทำคะแนนกับวิปด้วย  พักหลังๆนี่ดูเงียบๆไปนี่หว่า  หรือว่าวิปปฏิเสธมึงไปแล้ววะลักษณ์”

          “เปล่า  ...พักนี้ยุ่งๆน่ะ”  ลักษณ์ตอบเลี่ยงๆ  เขายังไม่ได้เล่าให้ใครฟังทั้งนั้น  และตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่เล่าด้วย

            “งั้นตกลงตามนี้ดีมั้ย  ยังไงกลุ่มนั้นก็เทพทั้งกลุ่มอยู่แล้ว  พวกเรามีแต่ได้กับได้”

          “ว่าแต่เค้าจะยอมมาติวให้พวกเราหรอวะ”  เต้ถามขึ้นเบาๆ  ทำเอาทั้งกลุ่มหันมามองหน้ากันเลิ่กลั่ก 

            สุดท้ายก็กรรมก็ตกลงที่ลักษณ์ผู้ที่สนิทกับสาวๆกลุ่มนั้นมากที่สุด  ลักษณ์รอจนเลิกเรียนคาบสุดท้ายจึงค่อยๆเข้าไปเลียบๆเคียงทักวิป  ส่งยิ้มนำทัพไปก่อน...รู้ดีว่าเธอคงไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่เขาหายหน้าหายตาไปเกือบอาทิตย์  จะทำไงได้   ก็เขาไม่มีอารมณ์จะพูดคุยหรือส่งข้อความกับใครทั้งนั้น

            “อ่า..วิป  จะกลับแล้วเหรอ”   เธอหันมามอง  แล้วก้มลงเก็บของ

            “อืม  เดี๋ยวแม่มารับแล้ว....ลักษณ์มีอะไรหรือเปล่า?”   ท่าทางของเธออ่อนลงนิดหน่อยเมื่อเห็นเขาทำท่าจะมาง้อก่อน

            “ตอนแรกเราจะมาชวนไปกินข้าวน่ะ   คือ...จะขอโทษที่ช่วงนี้...ง่า...หายๆไป  คือมันใกล้สอบแล้วที่บ้านลักษณ์ก็ยุ่งมากๆ”

          “ไม่เป็นไรหรอก  เราเข้าใจ”  วิปตอบกลับมา  ยกกระเป๋าขึ้นสะพายไหล่  เพื่อนๆของเธอเก็บของกันเสร็จหมดแล้วเช่นกัน

            “เดี๋ยวก่อนๆ  คืออย่างนี้  พวกวิปสนใจจะมาติวเคมีกับพวกเรามั้ย”

          “ติวเหรอ?”

          “ใช่ๆ  พอดีไอ้แซมได้แนวข้อสอบจากรุ่นพี่มา  เผื่อว่าพวกวิปจะสนใจ...”

          “โพยข้อสอบหรอ”   เสียงถามอย่างตื่นเต้นดังขึ้นจากเพื่อนของเธอที่ชื่อเตย

            “ไม่เชิง   เป็นแนวข้อสอบเก่าอ่ะ   คือ...พวกเราลองทำดูบางส่วนแล้วไม่รู้ว่าถูกมั้ย เพราะไม่มีเฉลย  เลยอยากให้พวกเธอมาช่วยกันทำด้วย  หลายๆหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว  คำตอบออกมาจะได้ถูกที่สุดไง”  ลักษณ์ใจมาเป็นกองเมื่อเห็นเพื่อนๆของเธอเริ่มสนใจ

            ใช้เวลาโน้มน้าวอีกนิดหน่อย  มัดหมี่คนที่ไอ้เบียร์เล็งเอาไว้และก็เป็นคนที่เรียนเก่งที่สุดในกลุ่มก็ตกลงเห็นด้วย  ลักษณ์เลยจัดการนัดหมายเวลาเป็นวันเสาร์สุดสัปดาห์นี้ที่คณะฯ

            วิปโบกมือให้เขานิดนึง  เธอคงยกโทษให้เขาแล้ว...ลักษณ์ยิ้มออกมา  ยกมือขึ้นทำสัญลักษณ์ว่าจะโทรไปหาคืนนี้   เธอพยักหน้ารับ

            “เยี่ยมมากครับเพื่อนลักษณ์  ที่นี่เคมีก็ปล่อยไว้ก่อน  ยังเหลืออีกหลายวิชานัก  เฮ้อ...”

            เพราะเป็นช่วงใกล้สอบ  มหาวิทยาลัยก็เลยเงียบกว่าปกติ  มองไปทางไหนก็มีแต่นักศึกษานั่งจับกลุ่มอ่านหนังสือกันตามโต๊ะใต้ต้นไม้บ้าง  ตามห้องสมุดบ้าง  กลุ่มลักษณ์ใช้โรงอาหารเพราะสามารถส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายได้เต็มที่โดยไม่ต้องกลัวสายตาของใคร  แถมยังมีร้านขายขนม-น้ำรอบด้านให้พักเติมกำลังระหว่างอ่านได้อีกต่างหาก

            “ยากฉิบหาย  กูไม่ไหวแล้วนะโว้ย”  แซมพูดเสียงดัง ยกมือขึ้นบิดขี้เกียจสุดแขน   ลักษณ์เงยหน้าขึ้นพักสายตาจากหนังสือเช่นกัน   พวกเขาอ่านกันมาอย่างคร่ำเคร่งตั้งแต่บ่ายกว่าๆ  มาตอนนี้ก็เกือบสี่โมงเย็นแล้ว  เรียกว่าเป็นการใช้เวลาคาบบ่ายที่ว่างได้คุ้มค่าที่สุดตั้งแต่เปิดเรียนมา

            “ไปเดินเล่นหน่อยมั้ย”  ลักษณ์เสนอ  เดินเล่นของเขาความหมายคือ  เดินไปซื้ออะไรมากินรองท้องนั่นแหละ ไม่ได้เดินไปไหนไกลเลย

            “ดีเหมือนกัน  ชักหิว”  เบียร์เห็นด้วย

            “มึงเพิ่งกินเปาะเปี๊ยะทอดไปสองจาน ยังหิวอีกเหรอวะ”  เต้ขัดคอ   ยกน้ำแดงขึ้นดูด

            “ระบบเผาผลาญกูดีโว้ย”

          “ถ้าดีจริงก็ต้องผอมสิวะ  ดูไอ้ลักษณ์มันโน่น  มันกินเยอะนะแต่ไม่อ้วนเลย”  เต้หันไปทางเพื่อนที่นั่งข้างๆ  ลักษณ์หัวเราะยกมือขึ้นทาบเอวของตัวเอง

            “กูหุ่นงี้มาตั้งแต่อนุบาลแล้ว  ตอนเด็กๆป้าเคยบอกว่ากูมีพยาธิ  ต้องกินยาถ่ายทุกหกเดือน”

            “นั่นไง กูว่าแล้วว่ามึงต้องมีพยาธิแน่ๆ  เคยดูในคลิปนะ  หมอที่จีนเค้าผ่าไส้เอาพยาธิออกมาเต็มชามเลย....ตัวแบนๆเหมือนก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ที่มึงกินตอนเที่ยงเลยแซม”  คนพูดหัวเราะร่วน

          “หยุดเลยนะ  พูดเรื่องอะไรไร้สาระว่ะ   มาคุยเรื่องที่มันจรรโลงใจหน่อยเหอะ...สอบเสร็จแล้วไปเที่ยวไหนดี”  แซมเปิดประเด็นเรื่องนี้อีกรอบ  มันพยายามพูดมาหลายครั้งแล้วตั้งแต่เดือนก่อน   “ได้หยุดต่อกันสี่วันเลยนะเว้ย   มันต้องไปเที่ยวดิวะ”

          “ไปทะเล  กูอยากไป”

          “ไปหน้าฝนเนี่ยนะ  ไม่เอาหรอก”  เต้ส่ายหน้า  หันไปทางลักษณ์  “ลักษณ์ว่าไง  อยากไปที่ไหน”

          “กู...เอ่อ...ต้องไปสำรวจโรงเรียนกับกลุ่มสังคมฯว่ะ”  ลักษณ์พูดขึ้นมา   เกรซเพื่อนทันตะที่เป็นรองประธานกลุ่มเป็นคนโทรมาบอกเขาเองเมื่อวันก่อน   ถึงแผนที่จะไปสำรวจหาโรงเรียนที่เหมาะสมจะเข้าไปทำโครงงาน  ความจริงเขาไม่อยากไปเลยสักนิด  แค่คิดว่าต้องเห็นหน้าไอ้ไวน์ตลอดสี่วันเขาก็อยากจะบ้าตายแล้ว

            จะไม่ไปก็ไม่ได้  ในเมื่อเขาเป็นสมาชิกในกลุ่ม  แถมยังเป็นเลขาฯด้วย...

            “เห้ย  โครงงานมันทำยาวถึงเทอมหน้าเลยไม่ใช่เหรอวะ  ทำไมรีบจัง   ทำเรื่องอะไรเนี่ย”  เพื่อนสงสัย  ลักษณ์เลยเล่าให้ฟังคร่าวๆถึงโครงงานของกลุ่มตัวเอง  คนฟังทำหน้าทึ่งเล็กน้อย

            “โห  ลงทุนมาก  ดูจริงจังดี  ของกลุ่มกูทำอะไรรู้ป่ะ  หนังสือทำมือจ้า  ง่ายๆไม่ต้องไปไหน  ไม่มีใครคาดหวังกับเกรด   เพราะเกือบครึ่งนึงเป็นวิทย์กีฬา  อีกครึ่งเป็นดนตรี   ประธานเป็นวิศวะ  ตอนประชุมนี่โคตรมันส์  นั่งเดาะบอลไปด้วย  มีคนสีไวโอลินไปด้วย”  แซมเล่าอย่างครื้นเครง

            เพื่อนคนอื่นเลยเล่าขึ้นมาบ้าง  กลุ่มของเต้จะปรับปรุงห้องน้ำโรงเรียนเหมือนกัน   แต่ยังไม่มีใครอยากจะเริ่มงานตอนนี้  ส่วนของเบียร์ยังเลือกหัวข้อไม่ได้

            “เอช้วนทั้งกลุ่มแน่มึง  แต่กูยอมว่ะ   สังคมฯจะได้อะไรก็ช่างแม่งเหอะ”  แซมพูด  ยกมือขึ้นตบไหล่เขาเบาๆแทนการปลอบใจ  “แล้วเค้าจะไปที่ไหนกันล่ะ  เผื่อพวกกูยกโขยงไปด้วย  หลายๆคนสนุกดี”

          “ยังไม่รู้เลย  เห็นว่าจะบอกอีกทีหลังสอบเสร็จ  ตอนนี้ทุกคนเตรียมสอบกันอยู่”  ลักษณ์บอก  รู้สึกห่อเหี่ยวกว่าเดิม

            หรือว่าเขาจะแกล้งไม่สบาย  ไปไม่ไหวดีวะ....จะมีใครเชื่อมั้ย

            ลักษณ์ตัดสินใจเก็บเรื่องนี้เอาไว้ก่อน  เพราะยังมีสอบกลางภาคแสนดุเดือดรออยู่เบื้องหน้า

            ...

            ชายหญิงที่เดินเคียงข้างกันออกมาจากมหาวิทยาลัย  ดูๆไปแล้วมีความเหมาะสมกันอยู่มาก  ถ้าไม่ติดว่าส่วนสูงของฝ่ายชายจะน้อยไปสักนิดหนึ่ง

            ลักษณ์มองเงาของเขากับวิปที่ทอดยาวไปบนพื้นถนนด้านหน้าของมหาลัย  เงาสองเงาเคียงคู่กัน...มันเคยเป็นความฝันของเขาเมื่อนานมาแล้ว  ที่อยากจะมีใครสักคนมาเดินข้างๆ เติมเต็มที่ว่างๆข้างตัวเขา

            ครั้นพอมีเข้าจริงๆ  มันกลับไม่ยักรู้สึก ‘เต็ม’ เหมือนที่เคยจินตนาการเอาไว้

            “วันนี้ขอบคุณลักษณ์มากเลยนะที่ชวนมาติว  สนุกมากเลยอ่ะ”  วิปกอดหนังสือหลายเล่มเอาไว้แนบอก  สองแก้มแดงปลั่งเพราะความร้อนจากไอถนนที่ระเหยขึ้นมาและแสงแดดยามเย็น

            “ต้องขอบคุณพวกวิปมากกว่าที่มาช่วยกัน ถ้าไม่ได้พวกเธอ เราก็ไม่รู้ว่าจะทำโจทย์พวกนั้นยังไง”  ลักษณ์พูด ยกมือขึ้นเกาจมูกแก้เก้อ   กลุ่มวิปไม่โกรธที่พวกเขาไม่รู้เรื่องเลยแถมเต็มใจสอนให้ใหม่ก็ดีแค่ไหนแล้ว

            “รู้มั้ยว่าใครอยากมามากที่สุด”  วิปถาม เหลือบมองมาทางเขาแวบหนึ่ง

            “ใครหรอ  วิปหรือเปล่า”

          “ลักษณ์คิดว่าใช่มั้ยล่ะ”   เธอย้อนกลับมา

            “อาจจะใช่นะ....ก็วิปอยากเจอลักษณ์ไม่ใช่หรอ”

          “ใครบอก...ลักษณ์นี่หลงตัวเองชะมัด”

          “หลงตัวเองยังน้อยกว่าที่หลงเธอนะ”   ลักษณ์อยากยกมือตบปากตัวเองเหมือนกันที่เผลอต่อปากต่อคำออกไปโดยไม่ตั้งใจ

            “โอ๊ย  ฮ่าๆ  ลักษณ์....ไม่เอาน่า”

          “ขอโทษๆ  มันลืมตัว”

          “จีบใครบ่อยล่ะสิ”

          “เปล่า  ถ้านับแถวนี้ก็มีคนเดียว”

          วิปหัวเราะแล้วหยุดเดิน  เธอหันมามองหน้าเขา  เอียงคอมองอยู่อย่างนั้นนานพอสมควรจนลักษณ์เริ่มทำตัวไม่ถูก

            “มีอะไรติดหน้าลักษณ์หรือไง”

          “เปล่า...เราแค่สงสัยว่าลักษณ์เป็นคนยังไงกันแน่  ทำเหมือนจีบเรา แต่ก็ไม่เอาจริงสักที”  เสียงหวานใสพูดออกมาเบาๆเหมือนพูดกับตนเอง   “คุยกันแปบๆก็หายไป  แล้วก็กลับมาคุยใหม่…..เห้อ”  เธอถอนหายใจออกมาแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา  “..ลักษณ์จริงจังหรือเปล่า   บอกเราบ้าง  เราจะได้ทำตัวถูก”

          คนฟังอึ้งยืนนิ่ง  มือประสานกันแน่น  ลักษณ์นึกหาคำพูดเหมาะๆไปตอบเธอแต่กลับนึกไม่ออกซักคำเดียว  ครั้นจะตอบออกไปว่าเขาจริงจัง  อะไรบางอย่างในใจก็คอยผุดขึ้นมาเตือนตลอดว่าอย่าพูดออกไปอย่างนั้น   ได้แต่อึกอักอยู่นาน  อีกฝ่ายเลยหัวเราะขึ้นมาเบาๆ

          “หึๆ  ไม่เป็นไรหรอก  ยังไม่ต้องตอบเราก็ได้  ยังไงมันก็ต้องใช้เวลาอยู่แล้ว”  วิปพูด  ยกมือขึ้นเสยผมยาวระต้นคอกลับไปรวมไว้ด้านหลัง  “อย่าทำหน้าซีเรียสงั้นสิ  ไม่เอาน่า...”

            “วิป...”

          “ตั้งใจอ่านหนังสือล่ะ  แม่เราขับรถมานู่นแล้ว....ไปก่อนนะลักษณ์”  เธอยกมือขึ้นโบกให้เขาแล้วเดินฉับๆก้าวขึ้นรถของมารดาไป   ทิ้งให้ลักษณ์ยืนมองตามหลังท้ายรถคันนั้นอีกเหมือนเคย

            ....จริงจังกับวิปงั้นเหรอ....ลักษณ์ครุ่นคิดไปตลอดทาง  จะเป็นไปได้อย่างไรเล่าในเมื่อในหัวใจของเขายังมีใครอีกคนจับจองเป็นเจ้าของอยู่  ขนาดพยายามเอาน้ำยาล้างห้องน้ำที่แรงที่สุดบวกพลังขัดถูก็ยังขัดเอาคนๆนั้นออกไปจากหัวใจไม่ได้

            แววเศร้านิดๆในดวงตาของวิปที่เขาเห็นเพียงแวบเดียวก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นเสยผมนั้นทำให้เขาอึ้งไป  มันเบาบางแต่เขาก็มองเห็น..นี่เขากำลังทำร้ายเธออยู่หรือเปล่า 

            ถ้อยคำที่พูดหยอด ท่าทางที่คล้ายจีบคงทำให้เธอสับสน  จะทำไงได้ในเมื่อตอนแรกเขาตั้งใจจีบอีกฝ่ายจริงๆ ทว่าตอนนี้....พอจะบอกว่าไม่ได้จีบเธอแล้ว  มันก็พูดไม่ออก

            เขาเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า...

            ลักษณ์พยายามปล่อยวางเรื่องวุ่นวายต่างๆที่คอยแต่จะดึงเอาสมาธิออกไปจากเขา  เด็กหนุ่มนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบจนดึกดื่นทุกวันจนกระทั่งสัปดาห์แห่งการสอบมาถึง

            เขาเดินออกมาจากห้องสอบวิชาสุดท้ายอย่างเหนื่อยอ่อน   ปวดขมับด้านซ้ายตุบๆร้าวไปทั่วกระบอกตา   การสอบหลายๆวิชาต่อเนื่องดูดพลังงานไปเยอะมากจนไม่มีแก่ใจจะไปฉลองสอบเสร็จเอาเสียเลย

            “ลักษณ์ไปมั้ย  ร้านเดิม”  เพื่อนในคณะฯที่นัดกันจะไปฉลองต่างพูดคุยกันเสียงดังเหมือนนกแตกรัง   บ้างก็ชวนกันไปดูหนัง   บ้างก็ชวนไปเตะบอล

            ส่วนกลุ่มหล่อสัชชชชชชของเขานั้น  มีแพลนที่คิดกันเอาไว้แล้วตั้งแต่ก่อนสอบ

          “คืนนี้ยาวๆไปเว้ย  เดี๋ยวกูไปซื้อของก่อนแล้วแวะไปเจอกันที่บ้านไอ้เต้เหมือนเดิม  เอาคอมฯไปด้วยนะมึง  กูจะฉลองยันเช้าเลย   อดมาตั้งหลายคืน”

            “กูขอบาย  วันนี้ง่วงมาก  ไม่ไหวว่ะ”  ลักษณ์ไม่ขอร่วมศึกดอทเอครั้งนี้ด้วย  ไม่ว่าเพื่อนจะทักท้วงมาอย่างไร  จุดหมายของเขาวันนี้ต้องการการนอนหลับเท่านั้น   ขนาดวิปชวนไปกินขนมด้วยกัน เขายังปฏิเสธไปเลย

            ลักษณ์เดินออกมาจากมหาลัยคนเดียว  กำลังจะถึงป้ายรถเมล์ก็ได้ยินเสียงเรียกเอาไว้เสียก่อน  เป็นเสียงคุ้นเคยที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงกว่าเดิม  เขาหยุดเดินแล้วหันหน้าไปมองคนที่วิ่งตามหลังมานั้น

            “อ้อ...ไวน์   มีอะไรหรือเปล่า”  ช่วยไม่ได้เลยที่ลักษณ์จะเผลอมองหาร่างเล็กบางอีกคนที่พักหลังตัวติดกับฝ่ายนั้นเป็นตังเม

            “โทรไปไม่ติดเลย  ปิดเครื่องเหรอ”

          “แบตหมดอ่ะ   เมื่อคืนลืมชาร์ต”  เขาตอบกลับไปเรียบๆ  ไม่ยอมบอกว่าเขากดตัดสายเองแหละ...ไม่อยากรับ

            “อ้อ...แล้วนี่สอบเสร็จแล้วใช่มั้ย”  ไวน์ถาม  กวาดตามองอีกฝ่ายเร็วๆ  ลักษณ์พยักหน้า  “ไปดูหนังเป็นเพื่อนหน่อยดิ”

          จู่ๆอีกฝ่ายก็เอ่ยชวนอย่างรวดเร็วจนคนฟังตั้งตัวไม่ทัน   ลักษณ์กระพริบตาปริบๆ  กลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ  ถามกลับไปว่า

            “แล้วทำไมไม่ไปดูกับแฟนล่ะ”

          “นิวไม่อยากดูเรื่องนี้อ่ะ  แต่กูอยากดู  ไปเป็นเพื่อนกันหน่อย  นะๆ”  ไวน์ย่อตัวลงเล็กน้อยจนใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับสายตาของเขา  แววเว้าวอนแปลกๆในดวงตาคู่นั้นทำให้ลักษณ์ต้องเบือนหลบทันควัน  “เห็นแก่มิตรภาพวัยเยาว์ของเราสองคน”

            คนฟังบอกตัวเองว่า...ไปด้วยก็บ้าแล้ว...

            เขาคงบ้าไปแล้วจริงๆ....ลักษณ์ด่าตัวเอง  ถ้าทำได้เขาก็อยากเอาหัวโขกกำแพงดูเหมือนกัน  เผื่อจะไล่เอาลูกบ้าไร้สตินี้ออกไปจากความคิดได้บ้าง  ไม่ใช่เอาแต่เดินต่างร่างสูงใหญ่นี้ไปต้อยๆ โดยไม่คิดจะปฏิเสธ

            “เรื่องนี้ไง  น่าดูมากนะ”

          “หนังผีอีกแล้ว”  ลักษณ์ครางออกมา  มองดูแผ่นป้ายโฆษณาที่ติดเอาไว้อยู่หน้าโรงภาพยนตร์  คนเยอะทีเดียว  ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาจากมหาลัยของเขาที่เพิ่งสอบเสร็จกันนี่แหละ

            “เอาน่า  ดูเป็นเพื่อนหน่อย  กูอยากดูจริงๆ  ไม่มีใครอยากดูกับกูเลยลักษณ์...”  ไวน์ทอดเสียงอ่อน

            ....เอาอีกแล้ว  ลักษณ์ต้องทำเป็นหันไปมองทางอื่นที่ไม่ใช่ใบหน้าของเพื่อนสนิท  ลอบถอนหายใจยาวระบายความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอก

            “เออๆ  แต่มึงต้องเลี้ยงนะ  กูไม่มีเงินแล้ว”

            “สบายมาก”  ไวน์ตอบกลับมาพร้อมกับยิ้มกว้าง

            ลักษณ์ใจเต้นแรงกว่าเดิมเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น  เขี้ยวแหลมๆรับกับลักยิ้มมุมปากทำให้ไวน์มีรอยยิ้มที่น่าหลงใหลได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ  เขาไม่เคยสังเกตมาก่อนเลยว่ารอยยิ้มเหมือนเด็กเกเรที่ดู ‘ร้าย’ นิดๆนั้นจะรับกับประกายตาวิบวับในดวงตาคมๆขนาดนี้

            เป็นยิ้มที่บาดตาเหลือเกิน  เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้มีสาวๆตามล้อมหน้าล้อมหนังมาตั้งแต่มัธยม  และยิ่งไม่แปลกใจที่ไม่เคยมีสาวคนไหนสังเกตเห็นเขาเลยสักคน  จะมีใครมองเห็นสิ่งที่อยู่ใกล้ๆดวงอาทิตย์กันล่ะในเมื่อแสงของดวงอาทิตย์สว่างจ้าออกอย่างนั้น

            แม้แต่เขาเองก็ยังแสบตาเสียจนมองไม่เห็นตัวเองด้วยซ้ำ ...ถึงได้ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองหลงไปโคจรรอบดวงอาทิตย์ตั้งแต่เมื่อไหร่  รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นดาวเคราะห์แคระที่ถูกเตะโด่งออกมาจากระบบสุริยะเสียแล้ว

            ลักษณ์หัวเราะเบาๆให้กับความคิดนั้น   เขาเดินตามเพื่อนตัวสูงเข้าไปในโรงหนัง  คนแน่นเต็มโรงทีเดียวสมกับที่เจ้าตัวคุยไว้ว่าเป็นหนังที่น่าดูมาก

            ขยับแทรกเข้าไปในแถวที่นั่ง   ลักษณ์พึมพำขอโทษไปตลอดทางจนกระทั่งถึงที่ๆจองเอาไว้สองที่  ขนาบข้างด้วยผู้ใหญ่วัยทำงานทั้งสองข้าง

            ลักษณ์ทรุดตัวลงนั่ง  หยิบที่วางแขนมาวางกั้นเอาไว้ระหว่างเขากับไวน์  ไอ้ไวน์ไม่ได้พูดอะไรแม่ว่าปกจิเขาจะไม่เคยเอาลงมาเลยก็ตาม  เสียงโฆษณาหนังเรื่องใหม่ๆน่าดูดังขึ้นเป็นระยะแต่ว่าลักษณ์กลับไม่ได้ฟังเลย  เพราะมัวแต่ก้มหน้าขยับตัวทุกครั้งที่แขนของไวน์มาโดนตัวเข้า

            “นั่งไม่สบายเหรอ  เอาไอ้นี่ขึ้นสิ”  ไวน์พูด  เคาะที่วางแขนเบาๆ  ลักษณ์ส่ายหน้า  รีบเอาขวดน้ำของตัวเองมาวางเอาไว้ในช่อง

            “จะวางน้ำ”  เขาตอบกลับไป  หันไปใส่ใจตัวอย่างภาพยนตร์บนจอภาพอีกครั้ง  คนข้างๆเขาขยับตัวยุกยิกไม่อยู่นิ่งเหมือนนั่งไม่สบาย

            “เป็นอะไร”  ลักษณ์อดรนทนไม่ได้ ต้องถามขึ้นเบาๆ

            “เข่ามันติด   เกรงใจคนข้างหน้าเขา”  ไวน์ตอบกลับมาด้วยเสียงกระซิบ  พูดให้ถูกคือไวน์กระซิบตอบกลับมาข้างๆหูของเขา  ลมหายใจอุ่นๆที่รดข้างแก้มทำเอาคนฟังสะดุ้ง รีบผละออกห่าง

            “เอ้อ..เอียงมาทางนี้ก็ได้”  ลักษณ์พูดอุบอิบ  อีกฝ่ายเลยเอียงหน้ามาอีกครั้งเพราะไม่ได้ยิน

            “อะไรนะ”

          “เอียงขามาทางนี้”  ลักษณ์จำใจหันกลับไปกระซิบตอบข้างหูอีกฝ่าย  ไม่เข้าใจเลยว่าก่อนหน้านี้ทำไมถึงไม่เกิดปัญหาไอ้ไวน์ขาติดมาก่อนนะ  ทั้งๆที่โรงนี้ก็เคยเข้ามาดูหลายครั้งแล้วด้วย

            ไวน์เอี้ยวเบี่ยงขายาวๆเกะกะนั่นมาทางเขา  ถ้ายกขึ้นพาดคอเขาได้คงทำไปแล้วมั้ง...ลักษณ์คิดอย่างหงุดหงิดแกมหมั่นไส้นิดๆ  ความรู้สึกเก่าๆสมัยที่มานั่งดูหนังด้วยกันตอนเรียนมัธยมย้อนกลับมาอีกครั้ง

            “ลืมซื้อป้อปคอร์น”  ลักษณ์พึมพำออกมาเบาๆ  มัวแต่คิดอะไรฟุ้งซ่านอยู่ก็เลยลืมหน้าที่ประจำของตัวเองไปเสียสนิท  ได้ยินเสียงคนนั่งข้างๆจุ๊ปาก

            “เดี๋ยวออกไปซื้อให้”  ไวน์ทำท่าจะลุกจริงๆ  เขาเลยยึดท่อนแขนข้างนั้นเอาไว้

            “ไม่เป็นไร  หนังจะฉายแล้ว”

          “กูอยากกิน”  ไวน์ตอบกลับมาสั้นๆ  แล้วลุกเดินฝ่าคนที่นั่งกันแน่นออกไปข้างนอก  ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับป้อปคอร์นสองถัง

            “เอาไปคนละถังเลย”  ลักษณ์รับมาถือกอดเอาไว้บนตัก   พึมพำขอบคุณเพื่อนเบาๆ

            หนังเริ่มฉายแล้ว  บรรยากาศมืดสลัวของเรื่องบวกกับแอร์ในโรงเย็นฉ่ำทำให้หนังตาเริ่มหนักอึ้ง  คนที่เพลียอยู่แล้วจากการหักโหมอ่านหนังสืออย่างลักษณ์ก็เลยเผลอปิดตาลงโดยไม่รู้ตัว  เขาไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าคนในโรงกรี้ดกันสนั่นหวั่นไหวตอนที่ผีออกมาแค่ไหน  ไม่รู้ด้วยว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่

            เขาลืมตาขึ้นช้าๆ ไฟในโรงสว่างแล้วพร้อมกับรายชื่อนักแสดงฉายอยู่บนจอ  ภาพเบื้องหน้าที่เห็นดูเอียงกะเท่เร่ผิดปกติ  ดูเหมือนว่าศีรษะของเขากำลังซบอยู่บนอะไรบางอย่างที่อุ่นหนา  ลักษณ์กระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรง  หน้าร้อนผ่าวไม่กล้าหันไปมองหน้าคนข้างๆที่ขยับลุกขึ้นยืน

            “หนังสนุกมั้ยล่ะ  หึๆ”  เสียงหัวเราะห้าวๆนั้นดังขึ้นเหนือศีรษะ  มือใหญ่เอื้อมมาคว้าถังป้อปคอร์นที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งบนตักของเขาไปถือเอาไว้เสียเอง  แล้วก็ค่อยๆเดินเลาะตามที่นั่งออกไป

            ลักษณ์รู้สึกตัวรีบลุกเดินตามหลังออกไปบ้าง  ความรู้สึกในตอนนั้นมีคำว่าอายผสมอยู่เป็นส่วนใหญ่  ที่เหลือก็เป็นความรู้สึกอึดอัดทำตัวไม่ถูกเมื่อออกมายืนประจันหน้ากันที่หน้าโรงหนัง

            “เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้...แหะๆ”  เขาหัวเราะออกมาฝืดๆ  สบเข้ากัยสายตาคมเข้มที่มองมาด้วยแววตาที่อ่านไม่ออกคู่นั้น

            “ตั้งแต่ต้นเรื่องแล้ว  ไอ้เราก็เขย่าปลุกตั้งหลายรอบไม่ตื่น”  ไวน์ตอบกลับมา  “ไปอดหลับอดนอนที่ไหนมา  เล่นเกมหนักเหรอ”

          “เล่นเกมอะไรล่ะ  อ่านหนังสือล่ะสิไม่ว่า  โคตรเหนื่อย”  ลักษณ์หลุดปากออกมา

            “อ้าว  แล้วทำไมไม่บอก  จะได้ให้กลับไปนอน”  ไวน์อุทาน  ก้มลงมองสบตาเขาอย่างค้นคว้า....ค้นอะไรลักษณ์ก็ไม่รู้แหละ  ไม่คิดจะสบตาต่อให้ค้นด้วย  เขารีบหลบตาไปทางอื่นแล้วชี้มือไปที่ท้องฟ้าด้านนอก

            “มืดแล้ว  ฟ้าครึ้มๆเหมือนฝนจะตกด้วย  เรากละ...”  เสียงของเขาขาดหายไป   เพราะมองไปเห็นร่างเล็กแบบบางของใครคนหนึ่งยืนบิดมือมองมาที่พวกเขาเข้าพอดี  ร่างนั้นเหมือนจะเพิ่งเห็นพวกเขาสองคนเข้าเช่นกัน  จึงรีบเดินตรงเข้ามาหา

            “ลักษณ์....เป็นไงบ้าง หนังสนุกมั้ย”  นิวทักเขาทว่าสายตากลับมองไปที่คนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ  ท่าทางแปลกๆนั้นทำให้ลักษณ์ขมวดคิ้ว

            “ก็ดี....มารอไวน์เหรอ”

          “อืม”

          “ลักษณ์....กูไปก่อนนะ  พรุ่งนี้เจอกันที่มหาลัยฯ  เดี๋ยวเกรซจะส่งตารางเวลาคร่าวๆไปให้ในไลน์กรุ้ป   เก็บของเตรียมชุดไปค้างสักสามวันก็พอ”

          “เห้ย...เดี๋ยวสิ”  ลักษณ์ท้วง  จะถามทั้งเรื่องทริปที่จะไปหาทำเลของโรงเรียนและเรื่องของคนตัวเล็กที่ยืนทำหน้าจ๋อยอยู่ข้างๆนี่ด้วย  ทว่าร่างสูงใหญ่นั้นกลับหันหลังก้าวยาวๆออกไปจากโซนเสียเฉยๆ

            “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย...โกรธกันเหรอนิว”  เขาหันมาทางคนที่ยังยืนนิ่งอยู่  นิวเอื้อมมือมาจับที่แขนของลักษณ์บีบเอาไว้แน่น  มือของนิวเย็นเฉียบ

            “ลักษณ์...ช่วยเราหน่อยนะ”

          นิวเอ่ยขึ้นด้วยเสียงกระซิบ  น้ำตาคลออยู่ในดวงตากลมโตที่มองมาที่เขาอย่างอ้อนวอนและมองไปทางแผ่นหลังกว้างนั้นอย่างน้อยใจแกมเสียใจ

            ............................................................................................


มาต่อนะคะ  ขอบคุณมากเลยที่เม้นท์กันมา ถกเถียงเเละวิเคราะห์กันดีมากๆ  หลายเม้นท์ค่อนข้างตรงใจ และบางเม้นท์ชี้ให้เห็นแง่คิดใหม่ๆของตัวละคร  ขอบคุณมากๆค่ะ   
ตอนหน้าจะพาไปเที่ยวนอกสถานที่บ้าง  เบื่อเที่ยวห้างเเล้วค่ะ5555
เจอกันตอนหน้า ใครเล่นทวิตใช้แทค #แอบลักษณ์ นะคะ :hao5:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่18 9/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 09-05-2017 23:54:26
โล้ชิงช้า แกว่งไปมา พาสนุก
ยืนนั่งลุก กระตุกไว ให้หรรษา
ใจของคน ช่างเปลี่ยนแปลง ทุกเวลา 
ใครจะบ้า ตามเมิงทัน ทุกวันคืน

เอาตัวเอง เป็นแกนกลาง ขวางขั้วโลก
ใครจะทุกข์ ใครจะโศก วิโยคฝืน
ไม่รับรู้ ขอแค่กรู ยังได้ยืน
ยิ้มระรื่น ชื่นมื่นพอ ขอทุกคน
#คนเห็นแก่ตัว#ไวน์#ลูกแกะห่มหนังสิงโต#งอนเมีย

ตาต่อตาฟันต่อฟัน
ตรงไหนอ่ะ คุณนักเขียน
แง้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


บวกหนึ่ง บวกเป็ดฮับ


หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่18 9/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: Naam3 ที่ 10-05-2017 00:37:44
สนุกๆๆๆๆสงสารลีกษณ์ๆๆๆรอลุ้นๆๆๆ :mew2: :mew3: :z3:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่18 9/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-05-2017 00:49:11
 :katai1:


หืมมมมม .. เริ่มรุงรังล่ะ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่18 9/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 10-05-2017 01:25:41
กรรม :katai1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่18 9/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 10-05-2017 01:42:54
ลักษณ์สู้นะ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่18 9/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 11-05-2017 19:08:07
ลักษณ์#วันนี้มามั้ย


คืนนี้นัดกันนะ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่19 11/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 11-05-2017 23:16:11
ตอนที่ 19

It never rains but it pours.

 

 

 

 

            “เดี๋ยวพอไอ้ไวน์มันมา  นิวก็เข้าไปคุยกับมันเองละกันนะ”  ลักษณ์พูดเรียบๆ  เขาก้มลงจัดเรียงกระเป๋าใส่รถตู้ของเกรซ   เพื่อนในกลุ่มไปกันไม่ครบเพราะหลายคนมีแพลนไปเที่ยวกับครอบครัวอยู่ก่อนแล้ว  อย่างเช่น วิป เป็นต้น  ไวน์เห็นว่ายังไม่จำเป็นต้องแห่ไปสำรวจโรงเรียนกันทุกคน  สุดท้ายก็เลยเหลือแค่  เขา  ไวน์  เกรซ  เจมส์  กันต์  และแพรเพื่อนคณะฯวิศวะกับเทคนิคการแพทย์อีกสามคน

            “ลักษณ์ช่วยพูดให้เราไม่ได้เหรอ  นะๆ” นิวยืนยันคำเดิมเหมือนที่พูดไปเมื่อวาน

          “ไอ้ไวน์ไม่ฟังเรามากไปกว่านิวหรอก  เชื่อดิ  เข้าไปขอโทษดีๆก็จบแล้ว  ไวน์มันเป็นพวกอารมณ์ขึ้นๆลงๆ  โกรธง่ายแต่หายเร็ว”  เขาตอบเรื่อยๆ  พยายามไม่แสดงความหงุดหงิดออกมาทางสีหน้ามากนัก

            นิวมาดักรอเจอไอ้ไวน์หน้าโรงหนังตั้งแต่เย็นวาน  พอไวน์เดินหนี  ก็เปลี่ยนแผนหันมาให้เขาช่วยแทน  นิวเล่าคร่าวๆให้ฟังแค่ว่าไวน์โกรธอะไรสักอย่างที่จนป่านนี้นิวก็ยังไม่รู้ว่าไวน์โกรธเรื่องอะไร  หรือบางทีนิวอาจจะไม่อยากลงรายละเอียดให้เขาฟัง  ลักษณ์ก็ไม่รู้เหมือนกัน  เอาเป็นว่านิวอยากหาทางคุยกับไวน์อีกสักครั้ง

            ....ปรายตามองกระเป๋าเป้ที่นิวสะพายมาด้วยแล้ว  ลักษณ์คิดว่าเจ้าตัวคงอยากไปทริปนี้ด้วยมากกว่า...

            ลักษณ์ไม่ใช่พ่อพระ  เขาไม่ใช่คนจิตใจดีขนาดนั้น  เขาหงุดหงิดและหมั่นไส้ที่ต้องมานั่งฟังอีกฝ่ายพร่ำพรรณนาถึงไอ้ไวน์  บางครั้งเขายังนึกสมน้ำหน้าแกมสะใจที่คนทั้งคู่ผิดใจกันด้วยซ้ำ  แต่ครั้นจะแสดงออกไปตรงๆ  เขาก็ยังไม่อยากจะกลายเป็นตัวร้ายในละครชีวิตเรื่องนี้

            ทำได้อย่างมากก็แค่ช่วยเล็กๆน้อยๆเท่าที่เขาจะทำได้และไม่ฝืนความรู้สึกตัวเองจนเกินไปก็เท่านั้น

            “มากันครบยัง....อ้าว...”  เสียงห้าวๆดังมาแต่ไกล  ร่างสูงใหญ่อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ง่ายๆ แต่ก็ดึงดูดสายตาใครต่อใครเหมือนทุกครั้ง  ลักษณ์ชะงักมือเล็กน้อยแทบไม่สังเกตแล้วก็ก้มหน้าจัดข้าวของต่อไปเหมือนไม่ได้ยิน

            “คนครบแล้วใช่มั้ย  ขึ้นรถเลย”  ไวน์กลับพูดต่อไปราวกับมองไม่เห็นนิวจนอีกฝ่ายหน้าเสีย  ลักษณ์พ่นลมหายใจออกมาแรงๆแล้วหันไปทางไวน์

            “นิวมีเรื่องสำคัญอยากคุยกับมึง  มารอตั้งเเต่ตีห้าแล้ว”  ลักษณ์สัญญากับตัวเองว่าเขาจะไม่ช่วยไปมากกว่านี้อีก

            “นิวมีเรื่องอะไรเหรอ”  ไวน์พูดเสียงเรียบหลังจากปล่อยให้เกิดบรรยากาศอึมครึมจนเพื่อนหลายคนเริ่มอึดอัด  ชายหนุ่มหันไปทางเพื่อนที่เป็นรองประธานกลุ่ม  “ผมขอเวลาครู่นึงนะเกรซ”

            “ตามสบาย”  สาวทันตะลุคห้าวตอบกลับมา  เธอกับเพื่อนอีกสองคนเดินหนีไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อหน้ามหาลัยแทน   ฝากให้ลักษณ์เฝ้ารถเอาไว้

            ลักษณ์ยืนมองตามหลังแผ่นหลังกว้างที่ก้าวยาวๆไปทางโรงอาหารโดยมีร่างเล็กแบบบางเดินแกมวิ่งตามไปด้วยนั้น  วูบหนึ่งที่เขานึกอยากให้สองคนนั้นปรับความเข้าใจกันไม่สำเร็จ

            และก็เลิกกันซะ...

            ลักษณ์ถอนหายใจยาว  ถ้าความรักจะทำให้เขามีความคิดแย่ๆแบบนี้  เขาก็ไม่อยากมี   แต่หัวใจของเขามันเหมือนจะไปไกลจนกู่ไม่กลับ

            เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงตอนที่ผู้ชายสองคนนั้นเดินกลับมารวมกลุ่มกันอีกครั้ง  รอยยิ้มที่แต้มบนใบหน้าของนิวกับท่าทางผ่อนคลายลงของไวน์ทำให้คนมองรู้ตั้งแต่ยังเดินเข้ามาไม่ถึงตัวด้วยซ้ำว่าพวกเค้าคืนดีกันแล้ว

            “ต้องขอโทษที่ให้รอนาน  พอดีมีปัญหานิดหน่อย...เอ่อ  จะว่าอะไรมั้ยถ้านิวจะไปด้วย”  ประธานกลุ่มพูดยิ้มๆ   “โอเคหรือเปล่า”

          “ได้อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา   แล้วแต่เจ้าของที่พักเถอะ”  เกรซพูด  ทุกคนเห็นด้วย   ไวน์หันไปทางเพื่อนสนิทที่เป็นเลขาฯของกลุ่ม

            “ลักษณ์ล่ะ”

          “ดีสิ  ไปหลายๆคนสนุกดี”

          ...เขาโกหก  ลักษณ์รู้ตัวดี  เขาแทบไม่สบตาไวน์เลยด้วยซ้ำตอนที่พูดออกไป   นิวเข้ามาจับแขนของเขาแล้วส่งยิ้มกว้างมาให้อย่างประจบแกมขอบคุณ  ลักษณ์ยิ้มตอบออกไปอัตโนมัติ...บางครั้งเขาก็อดรู้สึกผิดต่อนิวไม่ได้

            “ขนของหมดแล้วเนอะ   ไปทุกคนขึ้นรถครับ  เดี๋ยวกูขับก่อน  พอเหนื่อยแล้วเดี๋ยวมึงมาขับ”  ไวน์หันไปพูดกับเพื่อนวิศวะอีกสองคน   ทุกคนขึ้นนั่งประจำที่ 

            เกรซนั่งข้างไวน์ที่เป็นคนขับ  ส่วนนิวก็ขึ้นมานั่งข้างๆลักษณ์   

            “ขอบคุณลักษณ์มากเลยนะที่ช่วยเรา”  นิวเอียงหน้าเข้ามากระซิบ

            “อืม”  ลักษณ์ตอบกลับไป   ล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเพลงฟัง

            “เดี๋ยวไปพักที่บ้านไวน์ใช่มั้ย”  นิวพูดต่อ  ท่าทางตื่นเต้น   ไม่ได้สังเกตท่าทางของคนฟังเอาเสียเลย   “ลักษณ์เคยไปมั้ย”

          “ไม่เคย”  ลักษณ์ตอบสั้นๆ  ความจริงแล้วเขาก็ตื่นเต้นอยู่มากเหมือนกัน   หลายปีที่คบกันมาเขารู้ว่าบ้านของไวน์มีกิจการฟาร์มโคนมประมาณนั้น  แต่ไม่เคยไปเที่ยวที่บ้านมันเลยสักครั้ง  ไวน์ไม่ค่อยเล่าเรื่องที่บ้านมากเท่าไหร่ รวมถึงพ่อแม่ด้วย  เพราะกลัวว่าเขาจะสะเทือนใจเรื่องพ่อแม่ที่เสียไปแล้วของตัวเอง   ลักษณ์เดาไม่ถูกเหมือนกันว่าพ่อแม่ที่ปล่อยให้ลูกชายมาอยู่คนเดียวในบ้านหลังใหญ่จะเป็นคนแบบไหน

            “ว้าว...ตื่นเต้นชะมัด  นึกว่าจะไม่ได้ไปซะแล้วสิ  เมื่อกี้ตอนคุยกับไวน์  เรากลัวแทบแย่แน่ะ....ลักษณ์เคยรู้สึกมั้ยว่าเวลาที่ไวน์โกรธน่ะน่ากลัว”

          “อืม  นิดหน่อยมั้ง”  ไวน์ไม่ค่อยแสดงว่าโกรธให้เขาเห็นเท่าไหร่  มากสุดก็น้อยใจเท่านั้น  ถ้าไวน์จะโกรธเขาส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะเขาขัดคำสั่งแสนเผด็จการของมันนั่นแหละ   แต่ก็เห็นมันโกรธเองหายเอง ไม่เคยต้องไปง้อสักที

            “สายตาของไวน์ตอนโกรธน่ากลัวมาก  แต่ก็ดูเซ็กซี่พิลึก  ฮ่าๆ  อย่าเพิ่งเกลียดเรานะลักษณ์  เรารู้ว่าลักษณ์ไม่ได้ชอบทางนี้  ก็คิดซะว่าเราเป็นเพื่อนผู้หญิงสักคนที่กรี้ดไวน์ก็ได้”

          “ไม่เป็นไร  เราชินแล้ว”

          “เนอะๆ....เห้อ  กว่าเราจะง้อสำเร็จ  ง้อยากชะมัด”

          “แล้วง้อยังไงล่ะ”  ลักษณ์หลุดปากถามออกไป   ใบหน้าของนิวขึ้นสีแดงเรื่อทันที  เหลือบมองลักษณ์นิดนึงแล้วก้เอียงหน้าเข้ามากระซิบเสียงเบาแทบไม่ได้ยิน

            “เรา...จูบน่ะ”  ท่าทางนิวจะเขินมาก

            “อ้อ…” คนฟังอุทานแล้วก็ไม่รู้จะพูดต่อว่าอะไรดี

            “ง่า...ลักษณ์เคยจูบกับใครมั้ย”

          “ก็เคยบ้าง”

          “เราไม่เคยเลย   เราไม่รู้ว่าไวน์จูบเก่งหรือว่าเราอ่อนกันแน่   มันจะแบบ...ตัวหวิวๆลอยๆ  บอกไม่ถูก”   นิวยกมือขึ้นปิดหน้า    “โอ้ย... ลักษณ์  อย่าเพิ่งหลับดิ”

          ลักษณ์ได้ยินแต่ไม่ลืมตาขึ้นมา  เขาหันหน้าไปทางหน้าต่างแล้วหลับตาลง ....ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นที่บ้านของไวน์ย้อนกลับคืนมาอีกครั้งโดยไม่ต้องใช้ความพยายาม  ราวกับว่ามันกลายเป็นภาพติดตาของเขาไปแล้ว

            จูบกันงั้นเหรอ....ลักษณ์จำไม่ได้ว่าตอนที่ไวน์จูบเขาคืนนั้นมันรู้สึกอย่างไร  มันออกจะสับสนวุ่นวายมากกว่า  ที่แน่ๆไม่ใช่ความรู้สึกตัวลอยๆหวิวๆแน่นอน  เขานอนคิดเรื่องนู้นเรื่องนี้ไปเรื่อยจนกระทั่งเผลอหลับไปเอง

            มาสะดุ้งตื่นเพราะเสียงประตูรถเปิดออก  รู้สึกหนักๆที่ไหล่ซ้ายเพราะมีศีรษะของคนที่นั่งข้างๆเอียงซบอยู่  ลักษณ์ขยับตัว  เขย่าปลุกนิวเบาๆ  อีกฝ่ายลืมตาตื่นขึ้นงัวเงีย

            “ถึงแล้วเหรอ?”

          “แวะปั้ม   ปวดฉี่หรือเปล่า”

          “ไม่อ่ะ”

          “งั้นรออยู่บนรถล่ะกัน  เดี๋ยวเราไปเข้าห้องน้ำก่อน”  ลักษณ์พูด  ลุกขึ้นเดินออกมาจากรถ  เขาบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยขบ   แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ

            ไอ้ไวน์เดินเข้ามายืนที่โถข้างๆเขา  ลักษณ์เหลือบมองนิดนึง  ทำเป็นไม่สนใจมากนัก

            “ใกล้ถึงแล้วนะ  เดี๋ยวจะแวะที่ฟาร์มพ่อกูก่อน  จะได้เก็บของ  ไว้พรุ่งนี้ค่อยไปดูโรงเรียน”

          “ทำไมไม่ไปดูโรงเรียนเลยล่ะ”

          “มาตั้งสี่วัน  จะรีบไปไหน คิดซะว่ามาพักผ่อนหลังสอบเสร็จก็ได้”  ไวน์ตอบ   “หรือว่าคิดถึงสาว....ทำไมไม่ชวนวิปมาด้วยล่ะ”

          “วิปไปหัวหินกับครอบครัว”  ลักษณ์พูด  เดินไปล้างมือที่อ่างล้างหน้า  “ไม่งั้นกูก็ชวนมาแล้ว”

          “อ้อ...มิน่าล่ะ  ปกติทริปทำคะแนนแบบนี้มึงไม่น่าพลาดอยู่แล้ว”  ร่างสูงตามมายืนล้างมือข้างๆเขา  “ยังไงก็ขอบใจมากที่ช่วยเรื่องนิว  แต่วันหลังไม่ต้องหรอก  เรื่องแฟนกูจัดการเองได้”  ไวน์พูดด้วยเสียงห้วนกว่าปกติ  ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดมือแล้วก็หันหลังเดินดุ่มๆออกไปจากห้องน้ำ

            ลักษณ์วักน้ำขึ้นมาล้างหน้าอีกครั้ง   เขามองเงาตัวเองในกระจกนิ่งๆแล้วหมุนตัวเดินกลับออกไปขึ้นรถ

            ..................................................................................

            “สวัสดีจ้ะ  ยินดีต้อนรับนะ  ฉันเป็นแม่ของเจ้าไวน์  ส่วนพ่อเขาทำงานอยู่นะจ้ะ   ไวน์ไปตามคนมาช่วยเพื่อนๆขนของสิ”  หญิงวัยกลางคนร่างท้วมนิดๆทว่ายังรักษาความงามบนใบหน้าเอาไว้ได้อย่างดีพูดยิ้มๆ  ลักษณ์ยกมือไหว้แม่ของเพื่อนสนิทอย่างนอบน้อม  รู้สึกได้ว่าเธอเป็นคนใจดี  และตอนสาวๆคงสวยมาก

            “นี่ลักษณ์ใช่มั้ยเอ่ย...ไวน์เคยพูดถึงให้แม่ฟังอยู่บ่อยๆ  เป็นไงบ้างจ้ะ  เรียนหนักแย่เลยสิ  แม่ว่าผอมกว่าในรูปที่ไวน์ส่งมาให้แม่ดูนะ”

            “เพิ่งสอบเสร็จครับ  คุณน้า”  ลักษณ์อึกอัก  ไม่แน่ใจว่าจะเรียกแทนอีกฝ่ายว่าอย่างไรดี

          “เรียกแม่ก็ได้  น้าอะไรกัน”  แม่ของไวน์บอกอย่างเป็นกันเอง  เธอหันไปรับไหว้นิวที่เดินเข้ามาหา

            “นี่คงเป็นน้องนิวใช่มั้ย   น่ารักกว่าในรูปเยอะเลยนี่....ไวน์”

          “แน่นอนสิครับ”  ไวน์พูดแล้วยิ้มกว้าง   นิวหน้าแดง  ก้มหน้านิดๆอย่างอายๆ  “ผมตาถึงมั้ยล่ะ  มาเดี๋ยวช่วยถือกระเป๋า”  ไวน์คว้ากระเป๋าเป้ของนิวไปถือเอาไว้เสียเอง  ลักษณ์มองภาพแม่ของไวน์กับนิวคุยกันด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก  เขาก้มหน้าก้มตายกกระเป๋าตัวเองเข้าไปในบ้านพักด้านหลังที่เตรียมเอาไว้ให้พวกเขา

            ห้องนอนมีสามห้อง  ลักษณ์อยู่กับเพื่อนวิศวะอีกสองคนนอนห้องใหญ่สุด   ส่วนเกรซอยู่กับแพร  และไวน์กับนิวอีกห้องหนึ่ง

            “มึงนอนเตียงไหนลักษณ์”  เจมส์พูด  แต่เจ้าตัวกระโดดขึ้นไปนอนแผ่อยู่บนเตียงแรกเสียแล้ว

          “กูนอนเตียงริมสุด”  ลักษณ์พูด  ชิงวางกระเป๋าที่เตียงริมสุดหน้าต่างก่อนที่กันต์  เพื่อนอีกคนจะออกมาจากห้องน้ำ   เขาอึดอัดกับเพื่อนใหม่เล็กน้อยเพราะแทบไม่เคยคุยกันมาก่อน  แต่เพียงไม่นานก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเมื่อเจมส์เริ่มเปิดประเด็นเรื่องนู้นเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ

            ลักษณ์ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง  เขามองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเพลินเพลิน  ข้างนอกนั้นเป็นทุ่งหญ้ากว้างๆสุดลูกหูลูกตา  ล้อมรอบด้วยภูเขาใหญ่   มองจากตรงนี้เขาเห็นคนงานในฟาร์มเดินเรียงกันเป็นแถวอยู่ทางซ้ายคล้ายๆจะไปทำงาน

            “ไอ้ลักษณ์  ลักษณ์...มึงนี่ชอบเหม่อนะ  ทำหน้าง่วงๆตลอดอีก  เมื่อคืนตีดอทดึกอ่ะดิ   กูเคยเล่นกับไอ้แซมเพื่อนกลุ่มมึงอ่ะ  ใช้ได้นี่หว่า..”  เจมส์นอนพูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย  ส่วนกันต์ก็จัดของเรียงเข้าตู้อย่างเป็นระเบียบ

            “ไปกินข้าวกันดีกว่า  เกรซไลน์มาตามแล้ว”  กันต์ลุกขึ้นพูดเรียบๆ

            ลักษณ์เดินตามเพื่อนอีกสองคนออกมาข้างนอก   เดินกลับไปยังเรือนใหญ่ที่เป็นบ้านของพ่อแม่ไวน์   บ้านสามชั้นที่ตกแต่งสวยงาม   รอบบ้านร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่  หน้าบ้านเป็นสวนดอกไม้คล้ายๆบ้านพักที่ลักษณ์เคยเห็นตามนิตยสารท่องเที่ยว

            เขาเดินตามกลุ่มเพื่อนๆเข้าไปภายในบ้าน  ข้างในสวยยิ่งกว่าข้างนอกเสียอีก  ลักษณ์ไม่รู้ว่ามันเรียกการตกแต่งแบบนี้ว่าอะไร  รู้แต่ว่ามันให้ความรู้สึกอบอุ่น เหมือนเป็นบ้านคนจริงๆ  ไม่ใช่บ้านตามนิตยสารอีกต่อไป  หรือจะเป็นเพราะเขาเห็นไวน์ก้มลงกอดมารดาโดยมีชายร่างใหญ่วัยกลางคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้านพร้อมหัวเราะร่า  ทักทายลูกชายเสียงดังล่ะมั้ง  ที่ทำให้ภาพที่เห็นตรงหน้ากลายเป็น ‘บ้าน’ ที่สมบูรณ์แบบ

            สมบูรณ์แบบ...ใช่แล้ว  คำนี้ล่ะที่คือคำที่อธิบายตัวตนของ ‘ไวน์’ ได้ดีที่สุด  เขาไม่เคยเห็นใครสมบูรณ์พร้อมพรั่งขนาดนี้มาก่อน  ร่างสูงใหญ่สมส่วนแบบนักกีฬานั้นขยับเข้ากอดบิดาแน่น  พ่อแม่ของไวน์คงภูมิใจในตัวของลูกชายมาก  แววตาของทั้งคู่แสดงออกมาให้เห็นชัดเจน

            ลักษณ์อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าพ่อแม่ของเขายังอยู่   พวกท่านจะรู้สึกภูมิใจในตัวลูกชายคนนี้บ้างมั้ย   แต่เขาคงไม่มีวันนั้น  บางทีอาจจะดีก็ได้ เพราะเขาคงเสียใจถ้าได้เห็นแววผิดหวังในดวงตาของพวกท่านทั้งสอง 

            ไวน์แนะนำนิวให้กับพ่อของเขา  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพ่อแม่ของไวน์ถูกใจ ‘คนรัก’ ของลูกชายแค่ไหน  ฟังจากเสียงที่พูดคุยกันและท่าทางที่แสดงออก  มันบ่งบอกว่าเอ็นดูผู้ชายคนนั้นเหลือเกิน  ไม่เหมือนยามที่หันมาพูดคุยกับเพื่อนของลูกคนอื่น  แววตาและน้ำเสียงมันต่างกัน  แม้เพียงนิดเดียวแต่ลักษณ์ก็รู้สึกได้

            “พ่อแม่ก็รอเจอหน้าน้องนิวนี่แหละ  เอ้า  ไวน์  พาเพื่อนไปที่โต๊ะกินข้าวสิจ้ะ  บ่ายโมงกว่าแล้ว  หิวกันแย่เลย  ออกจากบ้านมาตั้งแต่กี่โมงล่ะ”  ลักษณ์กระพริบตา   ตกใจเล็กน้อยที่จู่ๆแม่ของไวน์ก็หันมาถามเขา

            “เจ็ดโมงเช้าครับ”  เขาตอบกลับไป

            “อืม  ออกแต่เช้าเชียว  ดีแล้วล่ะ  วันหยุดยาวรถออกต่างจังหวัดเยอะ...”  แม่ของไวน์หันไปคุยกับคนอื่นๆต่อ

            แม่บ้านยกชามแกงออกมาจากในครัว  ลักษณ์ขยับเข้าไปช่วยด้วยความเคยชิน  ประกอบกับหาทางเลี่ยงจากสถานการณ์อึดอัดที่เขาไม่รู้จะทำตัวอย่างไร  เด็กหนุ่มเลยเข้าไปช่วยแม่บ้านยกจานอาหารแทน

            “อุ้ย! ไม่ต้องค่ะคุณ  เดี๋ยวป้ายกออกไปเอง  คุณไปรอข้างนอกเถอะ”  ป้าแกตกใจ

          “ไม่เป็นไรครับ  ผมอยากช่วย  ที่บ้านผมก็ขายอาหาร  เรื่องยกจานนี่ผมถนัด...ล้างจานผมก็เก่งนะครับ”  ลักษณ์พูด  หัวเราะออกมานิดหน่อย   เขาช่วยตักอาหารแล้วก็ยกจานออกมาวางอย่างรวดเร็วสมกับที่ทำมาหลายปี

            บทสนทนาบนโต๊ะอาหารเป็นไปอย่างฝืดเฝื่อนตามที่ลักษณ์คาดการณ์เอาไว้  คงมีแต่เขาคนเดียวกระมังที่รู้สึกไม่ค่อยอยากอาหารเท่าที่ควร  ทั้งๆที่อาหารทุกจานรสดีมาก...พอๆกับรสมือของป้าดา  ส่วนใหญ่พ่อกับแม่ของไวน์จะเป็นผู้ผูกขาดการสนทนา  พวกท่านถามเรื่องเรียน เรื่องกิจกรรมของลูกชายและสุดท้ายก็วกมาถึงเรื่อง...รัก

            “....อยู่ๆไวน์ก็โทรมาบอกแม่ว่ามีแฟนแล้วนะ  แล้วก็ส่งรูปน้องนิวมาให้ แม่ก็ตกใจใหญ่   ตอนช้าก็ช้าเป็นเต่า บทจะเร็วก็เร็วจนตามไม่ทัน”  ไวน์กับพ่อหัวเราะ

            “ขอโทษด้วยครับแม่”

          “ไม่ต้องขอโทษหรอก  น้องนิวน่ารักแบบนี้แม่ก็ดีใจแล้ว  นิวโดนเจ้าไวน์มันเป่ากระหม่อมมาหรือเปล่าลูก  ทำไมหลงมาคบกับลูกชายแม่ได้”

          “เปล่าครับ  ไวน์....น่ารักครับ”  นิวหน้าแดงจัดตอบอุบอิบ  เรียกรอยยิ้มเอ็นดูได้จากทุกคนที่เห็น  ไม่เว้นแม้แต่ลักษณ์

            ลักษณ์ก้มหน้าลงเขี่ยผักคะน้าที่เพื่อนตักใส่จานเขาไปไว้ข้างๆ  ตกใจเล็กน้อยเมื่อจู่ๆคนที่นั่งคุยกับพ่อแม่หันมาพูดเสียงเข้มกับเขา

            “นั่นยอดผัก  ไม่ขม  กินเข้าไปสิลักษณ์  ป้าณีอุตส่าห์ทำให้กิน  เลิกทำตัวเป็นเด็กๆไม่ยอมกินผักได้แล้ว”  ลักษณ์สะดุ้ง  เงยหน้าขึ้นมองสบกับตาคมที่มองมาที่เขาดุๆ

            “อะไรกันไวน์...ดุจังฮึเราน่ะ ....ไม่เป็นไรลูก  ไม่ชอบก็ไม่ต้องฝืนกินหรอกจ้ะ”  แม่ของไวน์หันมาพูดกับเขาเสียงอ่อน  แล้วขมวดคิ้วใส่ลูกชาย

            “ไม่เป็นไรครับ”  ลักษณ์ตอบเสียงเบา

            “งั้นเลื่อนหมูกรอบไปทางลักษณ์หน่อย  ชอบไม่ใช่หรือลูก”  แม่ของไวน์พูดขึ้น   “ไวน์เขาเล่าให้แม่ฟังเรื่องลักษณ์มาตั้งนานแล้วนะ  อยู่ห้องเดียวกันตั้งแต่มัธยมนี่เนอะ”

          “แม่”  ไวน์ขัดขึ้น  แล้วก็เปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉย  “มีใครอยากลองขี่ม้าบ้างมั้ยครับ  หลังบ้านมีคอกอยู่”  เพื่อนๆหลายคนพยักหน้าอย่างสนใจ   เกรซตื่นเต้นมากเพราะเธอเคยเป็นนักกีฬาขี่ม้ามาก่อน

            ลักษณ์ขอตัว  ไม่ร่วมกิจกรรมขี่ม้าด้วย  ความจริงคือเขากลัวตกม้า  เห็นในข่าวอยู่บ่อยๆว่าคนตกม้าแล้วกลายเป็นอัมพาต  เขาไม่มั่นใจในสกิลของตัวเองต่อให้มีครูฝึกคอยช่วยอยู่ตลอดเวลาก็เถอะ

           




ต่อด้านล่าง

 

 

           
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่19 11/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 11-05-2017 23:17:51
ต่อนะคะ





            ลักษณ์หลบมาช่วยป้าณีล้างจานอยู่ในครัวตามที่พูดเอาไว้ก่อนหน้านี้   เขายืนฟังป้าแกเล่าเรื่องสมัยก่อตั้งฟาร์มใหม่ๆของพ่อกับแม่ของไวน์  ออกจะทึ่งไม่น้อยที่ทั้งสองท่านสร้างเนื้อสร้างตัวมาจากที่ดินผืนเท่ากระแบะมือที่เป็นมรดกของพ่อไวน์  กว่าจะขยายมาจนถึงขั้นนี้  มีคนงานในไร่เป็นร้อยไม่ง่ายเลย

            “คุณวิทย์น่ะแกเป็นคนขยันอดทนแล้วก็ใจดีกับพวกคนงานมาก  แต่ใครอย่าทำผิดกฎเชียวนะ  พวกเหล้ายาปลาปิ้งนี่ห้ามขาด  ถ้าถูกจับได้แกไล่ออกสถานเดียว  บทจะเด็ดขาดก็เด็ดขาด  ถึงคุมคนอยู่...  ดูๆไปคุณไวน์ก็นิสัยคล้ายๆคุณพ่ออยู่เหมือนกัน   แต่ถ้าคุณแชมเปญนี่เหมือนคุณแม่  ใจเย็น  สวย..”

          “พี่สาวของไวน์ใช่ไหมครับ”  ลักษณ์ถามเรื่อยๆ  มือก็ล้างจานอย่างคล่องแคล่ว

          “ใช่ค่ะ  แต่คุณแชมเปญไปเรียนเมืองนอกนานแล้ว  นานๆจะกลับมาสักที ...ได้ยินว่าไปมีแฟนอยู่ที่นู่น  ตอนแรกคุณวิทย์จะตามไปเมืองนอกแต่คุณปิ่นห้ามเอาไว้”

          “อ้าว...ทำไมล่ะครับ”

          “คุณปิ่นไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องแฟนของลูกๆค่ะ  แบบแฟนคุณไวน์  คุณปิ่นก็ไม่ว่าอะไรสักคำ  วุ้ย...ตายแล้ว  คุณลักษณ์นี่ล่ะก็  ป้าก็เผลอเล่าเสียเยอะแยะ”   หญิงวัยกลางคนยกมือขึ้นตบปากเบาๆแล้วหัวเราะ

            “แล้วอย่างคุณลักษณ์นี่มีแฟนหรือยังล่ะ  ลักษณะเป็นพ่อบ้านพ่อเรือนแบบนี้สาวที่ไหนได้ไปสบายตายเลย”

          คนฟังนึกถึงใบหน้าของ ‘สาว’  แวบหนึ่งแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ

            “ผมยังไม่มีแฟนหรอกครับป้า  ดวงผมคงอาภัพเรื่องนี้ล่ะมั้ง”

            ดวงมณีทอดสายตามองเด็กหนุ่มที่เธอนึกถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น และยิ่งเอ็นดูความมีน้ำใจของเขาที่แสดงออกมาเองโดยไม่ได้เสแสร้งนั้นยิ้มๆ  เธอรอจนเขาล้างมือเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ขอมือของเขาไปดูลายมือ

            “ไหนป้าขอดูลายมือหน่อยซิ”

          “หืม?  ป้าดูลายมือได้หรอครับ  ช่วยดูเนื้อคู่ให้ผมหน่อยสิ”  ลักษณ์พูดแกมหัวเราะ  สายตาเหลือบมองไปนอกกระจก  เห็นเพื่อนๆกำลังฝึกขี่ม้ากันอยู่ในคอกม้าอย่างสนุกสนาน  เขาเห็นไวน์กำลังช่วยนิวปีนขึ้นไปนั่งบนม้าตัวใหญ่

            ปลายนิ้วของหญิงวัยกลางคนแตะลงที่ใจกลางฝ่ามือเขา  ลากเบาๆไปตามรอยลึกที่ทอดยาวกระจายอยู่เต็มฝ่ามือ  ลักษณ์อายนิดหน่อยที่มือของเขานั้นหยาบกระด้างและมีรอยลอกเป็นแผ่นๆจากการขัดห้องน้ำและล้างจานเป็นเวลานาน

            “มือคนทำงาน  จะต้องทำงานไปตลอดชีวิต  เส้นวาสนาไม่ชัด    แต่ชีวิตไม่อับจนหรอก  ลำบากตอนแรกแต่จะสบายตอนหลัง  ....อืม...อายุยืนนะ   แข็งแรงใช้ได้....เส้นสมอง....สมองพอใช้ได้  เส้นสมรส...เนื้อคู่  อืม....”  เธอเงียบไปเสียเฉยๆ  จนลักษณ์ใจไม่ดี  ต้องรีบถาม

            “เนื้อคู่ผมยังไม่เกิดหรอครับ”

          “เปล่า...เนื้อคู่เธอมี  เคยเจอกันแล้วด้วย  เธอลองดูเส้นนี้สิ....”  ลักษณ์ก้มลงมองตามนิ้วของเธอ  เขาดูไม่ออก  “เธอจะไม่ได้แต่งงาน”  ดวงมณีพูดเรียบๆ

            “อ้าว....แล้วเนื้อคู่ผมล่ะครับ”

          “ไม่รู้สิ  ป้าก็ไม่รู้เหมือนกัน  ....แต่เธออย่าไปจริงจังนักเลย  ป้าก็ดูเล่นๆไปอย่างนั้นเองแหละ  ดูผิดมั่งถูกมั่ง   อย่างที่เขาบอกไงล่ะว่าหมอดูคู่กับหมอเดา....ว่าแต่เธอชอบกินวุ้นกะทิมั้ย  ป้าเพิ่งทำเอาไว้น่าจะได้แล้วล่ะ”

          ลักษณ์มองตามหลังด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก   ถ้าคำทำนายของป้าณีเป็นจริงก็แปลว่าเขาจะเป็นโสดไปตลอดชีวิต....มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้น   ถ้าอีกฝ่ายทักว่าเขาจะแต่งงานเร็วๆนี้  นั่นแหละเขาถึงค่อยน่าวิตกหน่อย

            เขาเดินออกมาจากห้องครัวหลังจากจัดการวุ้นกะทิไปจนหมดจานแล้ว   เดินเรื่อยๆตามไปสมทบกับเพื่อนๆที่คอกม้า  อากาศข้างนอกบ้านค่อนข้างร้อนจนลักษณ์นึกเสียดายที่ไม่แวะหยิบหมวกออกมาด้วย

            “ลักษณ์  มาขี่ม้ากันมั้ย  สนุกมากเลยล่ะ”  เสียงนิวนำมาแต่ไกล  ลักษณ์ยกมือขึ้นป้องแดด  เห็นอีกฝ่ายอยู่บนม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลโดยมีร่างสูงใหญ่ของลูกชายเจ้าของบ้านนั่งซ้อนอยู่ด้วย

            “ไม่เอาล่ะ  ตามสบาย”  ลักษณ์ตะโกนตอบกลับไป  เขาเดินแยกไปยืนดูเกรซขี่ม้าไปรอบๆสนาม  เธอดูคล่องแคล่วเชี่ยวชาญจนเข้าต้องยกมือปรบหลายครั้งอย่างทึ่งๆ   ขณะที่แพรนั่งหัวเราะกันต์กับเจมส์ที่ถูกม้าพ่นน้ำลายใส่

            “แพรไม่ขี่บ้างเหรอ”  ลักษณ์ทรุดตัวลงนั่งข้างๆหญิงสาว

          “ไม่เอาเรากลัวม้าอ่ะ”  แพรส่ายหน้า  “เราเคยขี่ตอนเด็กๆแล้วมันยกขาหน้า  กลัวแทบตาย  ตั้งแต่นั้นไม่นึกอยากขี่อีกเลย   ลักษณ์ล่ะไม่ลองขี่เล่นเหรอ”

          “เราก็กลัวเหมือนกัน”  ลักษณ์ตอบตามตรง  เขาทอดสายตามองผู้ชายสองคนที่อยู่บนหลังม้าตัวเดียวกันเงียบๆ   ไวน์พานิวขี่ม้าไปรอบๆคอกช้าๆ   ลักษณ์ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเพื่อนสนิทขี่ม้าเป็นด้วย

            ...ยังมีอะไรเกี่ยวกับไวน์ที่เขายังไม่รู้อีกบ้างนะ

            “ลักษณ์มาลองเถอะ  ให้ไวน์พาขี่ก็ได้  มันสนุกจริงๆนะ”  นิวลงจากม้าแล้วเดินเข้ามาหาเขา  สองข้างแก้มนั้นแดงปลั่งมีเม็ดเหงื่ออยู่เต็ม  “ไปเร็ว  ไม่น่ากลัวหรอก  จริงๆ”  นิวฉุดแขนของเขาแล้วพาลากเดินไปที่ม้าสีน้ำตาลตัวนั้นโดยไม่ให้เขาตั้งตัว   ลักษณ์พยายามขืนตัวเอาไว้เต็มที่

            “ไม่เอาๆ  เราไม่ขี่หรอกนิว”  เขาปฏิเสธ  พยายามปลดมือของอีกฝ่ายออกจากแขน

            “นิวอย่าไปเซ้าซี้เค้าเลย  คนเค้าขี้กลัวก็ดีแล้ว   เดี๋ยวเกิดเป็นลมฉี่ราดขึ้นมาทำไง  สงสารเจ้าจูดี้แย่เลย”  คนที่นั่งอยู่บนม้าตัวนั้นพูดขึ้นลอยๆ  แล้วก็เลื่อนตัวลงจากหลังม้ามายืนที่พื้นประจันหน้ากับเขา

            ลักษณ์รู้สึกโกรธที่อีกฝ่ายพูดแบบนั้น  เขาขยับจะพูดเถียงทว่าอีกฝ่ายก็ชิงพูดต่อมาเสียก่อน

            “ดีแล้วลักษณ์  ขืนมึงร้องไห้แงๆออกมาอายสาวแย่เลยนะ  ...จะว่าไปแพรก็น่ารักดีนี่หว่า”  ประโยคหลังไวน์ลดเสียงลง เอียงหน้าเขามากระซิบข้างหูของเขา  “พอวิปไม่มาก็หาคนใหม่เลยเรอะ”

          “ปากอย่างมึงนี่น่าจะโดนม้ากระทืบเอาหน่อยนะ”  ลักษณ์สวนกลับ

            “อย่างมึงก็น่าจะโดนม้ากระทืบโรงเข้าสักทีเหมือนกัน”  คนฟังอ้าปากค้างตามไม่ทัน  ลักษณ์อุทานเสียงหลงเมื่อถูกคนตัวสูงกว่ารวบเอวแล้วยกลอยขึ้นไปนั่งอยู่บนหลังม้า  พร้อมกับเจ้าตัวที่กระโดดขึ้นมานั่งซ้อนหลังด้วย   เขาขยับจะลงทว่าท่อนแขนแข็งแรงกลับคล้องเอวรัดเอาไว้แน่น  รู้สึกถึงลมหายใจของอีกฝ่ายที่เป่ารดอยู่ที่ต้นคอและซีกแก้ม

            “อย่าดิ้นนะ  ตกลงไปคอหักไม่รู้ด้วย”  เสียงห้าวๆนั้นพูดขู่ 

            “ปล่อยกูลงไปเถอะ”  ลักษณ์พูด  เหลือบมองพื้นข้างล่างอย่างหวาดเสียว  ไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวม้าจะตกใจ  “นิวๆ  ช่วยเราด้วย”  เขาหันหาเพื่อนที่ยืนหัวเราะอยู่ข้างๆ

            “ไม่ต้องกลัวลักษณ์  เอามือจับเชือกดิ  ทำตามที่ไวน์สอนอ่ะ  ไม่น่ากลัวหรอก...เดี๋ยวเราจะเข้าไปหาน้ำกินก่อน  ร้อนมากเลย”   คนพูดหันหลังเดินกลับออกไปนอกคอกซะงั้น

          “เห้ย....เดี๋ยวสินิว   เดี๋ยวๆ  ปล่อย...ปล่อยกูลงไปเถอะ”    ลักษณ์เห็นท่าไม่ดีเลยหันไปหาคนที่นั่งซ้อนหลังอีกรอบ  เห็นแต่เพียงปลายคางเขียวครึ้มกับริมฝีปากสีแดงสดเท่านั้น

            “นั่งดีๆ  ไม่ต้องหันมา  เดี๋ยววอกแวกแล้วทีนี้ตกม้าไม่รู้ด้วยนะ”  ไวน์ตอบกลับมา  ถ้าลักษณ์ฟังไม่ผิดเขาอยากจะคิดว่ามีความขบขันแฝงมากับน้ำเสียงนั้นด้วย  ...ไอ้ไวน์มันต้องรู้แน่ๆว่าเขากลัวม้า

            “รู้แล้ว  มะ..ไม่ต้องรัดแน่น  กูหายใจไม่ออก”  เขาหมายถึงท่อนแขนที่รัดอยู่รอบเอวและทำให้แผ่นหลังของเขาแนบไปกับช่วงอกของไวน์โดยไม่มีทางหลีกเลี่ยง

            “ก็ได้  งั้นปล่อย”  อีกฝ่ายพูด แล้วปล่อยมือออกทันที  ลักษณ์รู้สึกเสียววูบที่ท้องน้อย  เขานั่งเกร็งไม่กล้าขยับตัวขณะที่ไวน์กระตุ้นให้ม้าเริ่มออกเดินไปข้างหน้า   เหงื่อแตกพลั่กไม่กล้าขยับไปทางไหน  เหลือบตามองไปทางเพื่อนคนอื่นๆก็เห็นแต่ละคนต่างก็กำลังสนใจกิจกรรมของตัวเอง  ไม่มีใครเหลียวมาทางนี้บ้างเลย

            ม้าเริ่มเร็วขึ้นเรื่อยๆจนลักษณ์รู้สึกได้  เขากำเชือกตรงหน้าเอาไว้แน่น  มันไม่ใช่เชือกบังคับเพราะเชือกเส้นนั้นอยู่ในมือของไวน์  ลักษณ์อยากจะคิดว่าไวน์จงใจแกล้งเขาและรู้สึกสะใจมากด้วยที่เห็นเขานั่งแข็งเป็นหินด้วยความกลัวแทบขาดใจเช่นนี้

          “พอแล้วๆ  เร็วไปแล้วๆ”  เขาพูดละล่ำละลักเมื่อคนนั่งซ้อนหลังบังคับม้าให้วิ่งเร็วขึ้นจนเกือบถึงรั้วกั้นคอก  “ไม่เอาน่าไวน์  หยุดๆ  ไม่ก็เลี้ยวก็ได้  ไม่เอาๆ  หยุดเถอะ”

            นอกจากไวน์ไม่หยุดแล้ว  ยังกลับเร่งความเร็วขึ้นอีกนิดจนถึงรั้วกั้น  ลักษณ์หลับตาปี๋นึกภาวนาในใจถึงป้าดากับพี่ราม  งานนี้เขาคงคอหักตายแหงๆ

            เสียงหัวเราะห้าวๆดังขึ้นข้างๆหู  ลักษณ์ลืมตาขึ้นพบว่าตัวเองยังนั่งอยู่บนหลังม้าตัวเดิมที่กำลังวิ่งเหยาะๆไปอีกทางหนึ่ง  ออกห่างจากคอกม้ามากขึ้นทุกที  และก็กำลังจิกเล็บลงบนท่อนแขนของไวน์ที่โอบลำตัวของเขาเอาไว้แน่น

            “ฉี่ราดหรือเปล่า”  ไวน์ถามด้วยเสียงกวนประสาทเหมือนที่เคยได้ยินสมัยก่อน   “หลับตาปี๋เชียว  ฮ่าๆ  อยากถ่ายรูปหน้ามึงเมื่อกี้เก็บเอาไว้จัง” 

            “มึงแกล้งกู”  ลักษณ์เค้นเสียง  จงใจจิกเล็บลงบนท่อนแขนนั้นให้ลึกขึ้น  ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่มีท่าทางสะดุ้งสะเทือน  กลับพาม้าสีน้ำตาลตัวนั้นเหยาะย่างไปเบื้องหน้าอย่างสบายอารมณ์

            “เดี๋ยวจะพาไปดูอะไรแน่ะ”  ไวน์พูดเบาๆ  แล้วบังคับม้าให้เดินเร็วขึ้นอีก  ลักษณ์พยายามแกะแขนที่รัดรอบเอวตัวเองออก  แต่ไม่สำเร็จ  สุดท้ายก็เลยปล่อยเลยตามเลย  นั่งพิงอกกว้างอยู่ในอ้อมแขนนั้น  ทำเป็นไม่ใส่ใจไอตัวอุ่นๆจนเกือบร้อนที่สัมผัสแนบชิดอยู่

            ไวน์พาเขาอ้อมมาทางด้านหลังถ้าเขาจำไม่ผิด  มันเป็นทุ่งหญ้ากว้างๆโล่งๆล้อมด้วยภูเขาที่เขาเห็นจากวิวทางหน้าต่างห้องพักเมื่อเที่ยง  แดดร่มลมตกแล้ว  ไวน์พาม้าเข้าไปหยุดที่เกือบสุดเขตของไร่   

            “สวยมั้ย”

          “ก็สวยมั้ง  เอ้า....ก็กูเห็นมีแต่ทุ่งหญ้าอ่ะ”  ลักษณ์ตอบกลับไป  ได้ยินเสียงอีกฝ่ายถอนหายใจเฮือกใหญ่คล้ายอ่อนใจแล้วก็พยักหน้าไปทางภูเขาข้างบนเหนือทุ่งหญ้านั้น

          “มึงนี่ยังไง  เงยหน้ามองฟ้าบ้างสิ  เอาแต่ก้มหน้ามองหญ้าอยู่ได้  ชอบกินมากหรือไง”

          “เอ๊ะ...ก็กูไม่รู้นี่หว่า....”  เสียงของลักษณ์ขาดหายไปเพราะเริ่มเข้าใจสิ่งที่เพื่อนต้องการให้ดู  มันคือพระอาทิตย์ดวงโตที่กำลังลอยต่ำอยู่ระหว่างชะเงื้อมเขาลูกใหญ่ทั้งสองด้าน   แสงสีส้มอ่อนๆกระทบกับเงาของหินผาเกิดเป็นรูปร่างแปลกตา  มันสวยจนลักษณ์แทบลืมหายใจ

            เขาจ้องมองภาพนั้นอยู่นานจนกระทั่งแสงสีส้มลับหายไปจากฟากฟ้า   ลักษณ์ถึงรู้สึกว่าตัวเองถูกคนด้านหลังกอดเอาไว้ทั้งตัว   ปลายคางของไวน์วางอยู่บนไหล่ของเขา   ลมหายใจของเค้ารดอยู่ที่ข้างแก้ม....หัวใจของลักษณ์เต้นแรงจนเกรงว่าคนข้างหลังจะจับได้

            “สวยใช่มั้ย”  ไวน์ถามเหมือนกระซิบ  ลักษณ์จะไม่แปลกใจเลยถ้าริมฝีปากของอีกฝ่ายจะเคลียอยู่ที่ริมหูของเขา  “ชอบมั้ย”

          “อืม...เอ่อ...ช่วยขยับออกไปหน่อย  มัน...อึดอัด”  ลักษณ์สะกดใจที่สั่นไหว  พูดออกไปเรียบๆ  อีกฝ่ายขยับตัวถอยออกราวกับรู้ตัว

            “ขอโทษ  ไม่ได้ตั้งใจ”  ไวน์พูด

            “ไม่เป็นไร”  เขาตอบสั้นๆ  “ทำไมถึงไม่พานิวมาดูล่ะ  เขาน่าจะชอบนะ” ลักษณ์ไม่ได้ตั้งใจจะพูดออกไปอย่างนั้น  แต่อารมณ์ลึกลับในใจเขาทำให้เอ่ยถามออกไป

            คนฟังเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยเสียงที่ไม่เหมือนไวน์เลย

            “เลิกพูดถึงชื่อนิวสักพักได้มั้ย”

          “ทำไมล่ะ  เค้าเป็นแฟนมึงนะ”

            “................”   อีกฝ่ายไม่ตอบ

            ไวน์พาม้าเดินแกมวิ่งกลับไปยังทางเดิม  คราวนี้เขาเพียงแต่คล้องเอวลักษณ์เอาไว้หลวมๆกันตกเท่านั้น   ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยจนกระทั่งมาถึงคอกม้า   มีเพื่อนๆยืนจับกลุ่มกันอยู่  พวกนั้นหันมาทางเขาเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของม้า 

            นิวเดินเข้ามาหาด้วยท่าทางโล่งใจ

            “ตกใจหมดเลย  นึกว่าเป็นอะไรหรือเปล่า.....เป็นไงบ้างลักษณ์  สนุกมั้ย   ไปเที่ยวที่ไหนมาเหรอ”  ร่างเล็กตรงเข้ามาหาเขา  ไวน์กระโดดลงจากหลังม้าแล้วปล่อยให้ลักษณ์ปีนลงมาเอง

            ลักษณ์มองตามหลังร่างสูงใหญ่ที่เดินตรงเข้าไปในบ้านนั้นเงียบๆ  แล้วหันไปยึดมือของนิวกับพี่คนเลี้ยงม้าเอาไว้แน่น  ค่อยๆกระโดดลงมาบ้าง  พอเท้าเหยียบดินเขาก็เกือบจะทรุดลงไปนั่งที่พื้นคอก  เพิ่งรู้ว่าตัวเองนั่งเกร็งมาตลอดทางขนาดไหน

            “ไหวมั้ยลักษณ์  หิวแย่เลย  เข้าไปกินข้าวเย็นกันเถอะ”  นิวช่วยพาเขาเข้าไปในบ้าน  ลักษณ์ขอขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่  เขาขอกินทีหลังเอง  ไม่ต้องให้ทุกคนรอ  เพราะอยากมีเวลาอยู่คนเดียวสักพัก

            เดินเข้าห้องน้ำ  ถอดเสื้อผ้าออกแล้วก้าวไปยืนอยู่ข้างใต้ฝักบัว ปล่อยให้น้ำเย็นๆไหลผ่านหัวใจที่ร้อนรุ่มของเขา  ...เหตุการณ์เมื่อครู่ที่เกิดขึ้นมันเหมือนกับความฝัน  ลักษณ์รับรู้ได้ถึงความสุขที่เขาเคยใฝ่หามานาน  มันอยู่ใกล้จนคล้ายกับว่าจะเอื้อมมือออกไปคว้าเอาไว้ได้  เหมือนปลายขนตายาวตรงของอีกฝ่ายที่อาบไล้ด้วยแสงอาทิตย์ยามอัสดงที่เขาเห็นในระยะประชิดนั้น 

             แต่ความฝันก็ยังคงเป็นความฝัน....ลักษณ์ได้ยินเสียงหัวเราะห้าวๆดังขึ้นจากห้องนั่งเล่นข้างล่าง...สิ่งที่ไวน์ทำมันเหมือนกับการให้ความหวังกัน  ทำเหมือนว่ายังมีใจให้ทั้งๆที่เจ้าตัวก็มีแฟนอยู่แล้ว

            ให้ความหวังงั้นหรือ....ลักษณ์พูดกับตัวเองแล้วยิ้มเยาะ  ยกมือของตัวเองขึ้นลูบไปตามร่างกายที่เริ่มหนาวสั่น   ...จะเรียกว่าให้ความหวังได้อย่างไรในเมื่อไวน์ไม่เคยรู้ว่าเขารู้สึกยังไงกับมัน

            และเขาก็คงไม่มีหน้าไปบอกความรู้สึกกับไวน์อีกแล้วด้วย  ถึงจะอยากก็เถอะ....ลักษณ์ก็ไม่ต้องการเป็นคนที่เลวร้ายถึงขนาดทำร้ายจิตใจคนที่ไม่เกี่ยวข้องหรอกนะ  นิวเป็นคนดีและรักไวน์ด้วยใจจริง  ไม่ควรจะเข้ามาเจ็บปวดด้วย

            ถ้าจะมีใครสักคนที่เจ็บปวดก็ควรจะเป็นตัวเขาเองที่รู้ช้าเกินไป   ปล่อยให้ความรู้สึกของเขาเป็นเหมือนพระอาทิตย์ที่แผดแสงจ้าเผาหัวใจของเขาจนไหม้เกรียมและลาลับขอบฟ้าไปเถอะ

            ..................................................................................................



           มาอัพต่อนะคะ  อ่านถึงตอนนี้กันแล้วหรือยัง  อ่านแล้วเป็นอย่างไรกันบ้างคะ

ใครเล่นทวิต ใช้ #แอบลักษณ์ นะคะ    ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

ส่วนใครที่ถนัดเล่นเฟสบุ๊ค  ตอนนี้เรามีช่องทางใหม่ไว้ติดตามข่าวคราวกันนะคะ

Facebook Fanpageของเราเอง เพิ่งเปิดสดๆร้อนๆ คลิกเลย (https://www.facebook.com/Melenalikebanana/)
 

 
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่19 11/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: Naam3 ที่ 12-05-2017 00:42:35
 :ling1:รอตอนต่อไปๆๆๆสงสารลักษณ :mew6: :L1: :L2: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่19 11/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 12-05-2017 02:16:14
ยังหน่วงคงเส้นคงวา
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่19 11/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 12-05-2017 20:07:38
จะจับมือ หรือปล่อยถือ มือกันแน่
จะให้แพ้ หรือชนะ เอาแบบไหน
จะให้เกลียด หรือว่ารัก จะเอาไง
ไม่มีใคร เดาใจใคร ใช่แน่นอน

อย่ามาเล่น ความรู้สึก ของคนอื่น
อย่ามาเล่น มุขตื้นตื้น ไฟสุมขอน
กูจะดับ ให้มันมอด เชื้อไฟฟอน
ตัดซะก่อน ไม่ให้ติด ชิดเชื้อไฟ

#คิดว่าดีก็ทำต่อไปนะ#ไวน์#เห็นแก่ตัวชิ้บ#ใครจะเจ็บใครจะเสียใจ#ช่างหัวมัน

ขอยกเลิกการเป็นพระเอก#คนแต่ง

อ่านตอนนี้แล้วหงุดหงิดแทบบ้า#คนอ่าน
ย๊ากกกกกสสสสสสสสสส อยากพ่นไฟ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่19 11/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-05-2017 09:46:26
 :เฮ้อ:


หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่19 11/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 14-05-2017 13:35:01
น่าตีทั้งคู่อ่ะ หมั่นเขี้ยว
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่20 14/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 14-05-2017 15:48:33
ตอนที่ 20

In wine there is truth.

 

 

 

 

 

            “เสร็จยังลักษณ์  พวกกูรอข้างล่างนะ”  เพื่อนร่วมห้องของเขาตะโกนเข้ามาบอก  ลักษณ์พยักหน้ารับ บอกเจมส์กับกันต์ว่าจะตามลงไปทีหลัง  เขารีบเก็บของที่จำเป็นใส่กระเป๋าเป้  วันนี้พวกเขาจะไปสำรวจโรงเรียนในละแวกนี้กัน เพื่อหาสถานที่ทำโครงงาน

            ลักษณ์ลงมากินอาหารเช้าอย่างรวดเร็ว  เขารู้สึกปวดหัวนิดหน่อยเพราะนอนไม่พอ  เมื่อคืนกว่านอนหลับลงไปได้ก็เลยเที่ยงคืนไปหลายชั่วโมง  คงเป็นเพราะแปลกที่  ไม่เกี่ยวกับการจินตนาการถึงภาพคนสองคนบนเตียงในห้องที่อยู่ถัดไปหรอก

            “เดี๋ยวไปโรงเรียนก่อน  ไม่ไกล  เดินทางง่าย  แต่มันเป็นวันหยุดไม่รู้ว่าจะมีครูอยู่หรือเปล่า”  ไวน์พูดขึ้นบนโต๊ะอาหาร  “นิวรอที่บ้านมั้ยล่ะ  หรือจะไปด้วยกัน  วันนี้ท่าทางจะร้อนเอาเรื่องอยู่นะ  เดี๋ยวไม่สบาย”

            “โธ่ไวน์  แค่นี้สบายมาก  ขอไปด้วยคน”

            “เรามันอยากเที่ยวตลอด”  ไวน์พูดยิ้มๆ  “มีใครเติมอะไรอีกมั้ย  เจมส์กันต์มีข้าวต้มเหลือในหม้อนะ  ส่วนคุณผู้หญิงมีผลไม้อีกนะครับ   แพรเอาส้มมั้ย....ลักษณ์  อิ่มแล้วเหรอ  กินไปนิดเดียว”

            ลักษณ์พึมพำว่าอิ่มแล้ว  รีบลุกจากโต๊ะ  เดินเข้าไปในครัว  เจอป้าณีกำลังปอกมะม่วงอยู่ก็เลยเข้าไปทักทาย

            “เอาน้ำส้มติดไปด้วยแน่ะคุณลักษณ์  ป้าคั้นใส่กระติกเอาไว้ให้” 

            เด็กหนุ่มยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณดวงมณีอย่างนอบน้อม  เธอมองตามหลังเพื่อนของลูกชายเจ้านายด้วยความเอ็นดู  ลักษณ์เป็นเด็กน่ารัก  คุยด้วยนิดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนซื่อๆ  ท่าทางเวลาเข้ามาช่วยเธอทำงานในครัวดูออกว่ามาจากความมีน้ำใจของเจ้าตัว  ไม่ใช่ประจบประแจง

            เด็กคนนี้เป็นเด็กกำพร้าแน่นอนไม่ต้องสงสัย แววเศร้าที่แฝงอยู่ในแววตาของเด็กหนุ่มตลอดเวลาบอกเธอว่าอย่างนั้น   ลักษณ์ ‘ขาด’ บางอย่าง  เขาแตกต่างจากเพื่อนๆที่มาด้วยกันอย่างชัดเจนและเจ้าตัวก็รู้ดี  มันกลายเป็นบุคลิกที่แฝงอยู่เหมือนคนไม่มั่นใจในตัวเอง

            “แดดข้างนอกร้อนมากนะคะ  คุณลักษณ์อย่าลืมสวมหมวกเอาไว้นะ” เธอเอ่ยเตือนเป็นประโยคสุดท้าย  เด็กหนุ่มส่งยิ้มแทนคำขอบคุณและพยักหน้าเร็วๆมาให้  ดวงมณีมองตามร่างเล็กที่วิ่งไปรวมกลุ่มกับเพื่อนด้านนอกอย่างเป็นห่วง

            รถขับออกมาจากเขตของบ้านไวน์   ทางเป็นทางลาดยางที่ไม่ดีเท่าไหร่ ทำให้ทุกคนนั่งหัวสั่นหัวคลอนไปตลอดทางจนกระทั่งมาถึงโรงเรียนที่ไวน์บอก  สภาพโรงเรียนตรงหน้าทำให้ใครหลายๆคนในกลุ่มลงความเห็นได้ทันทีว่า เหมาะมากที่จะเข้ามาบูรณะ

            “เดี๋ยวเราจะเข้าไปดูก่อนว่ามีครูอยู่หรือเปล่า”  ไวน์พูด  ก้าวยาวๆเข้าไปในอาคารโดยมีเกรซวิ่งเหยาะๆตามเข้าไปด้วย  ลักษณ์กับเพื่อนคนอื่นๆออกเดินสำรวจรอบๆสนามฟุตบอลที่ครั้งหนึ่งน่าจะเคยมีหญ้าปกคลุมอยู่

            นิวเดินมาข้างๆเขา  ก้มลงหยิบกิ่งไม้ที่ตกระเกะระกะขึ้นมาแกว่งเล่น   ลักษณ์เดินเรื่อยๆฝ่าแสงแดดเข้าไปจนถึงสนามเด็กเล่นที่อยู่ลึกเข้ามา  สภาพของมันไม่ต่างจากสนามบอลข้างนอก  ชิงช้าเก่าๆสนิมเขรอะกับม้าหมุนสีลอก  ไม้กระดานหกที่วางเอียงกระเท่เร่  และถังเหล็กบุบๆที่เอาไว้ลอดเล่น  มันเก่าจนลักษณ์ไม่แน่ใจว่าจะรับน้ำหนักใครไหวด้วยซ้ำ

            “ทำไมมันโทรมขนาดนี้ล่ะ  เด็กๆที่นี่เล่นกันได้ยังไง”  นิวพูดขึ้น   ทดลองนั่งบนชิงช้าแล้วแกว่ง  ได้ยินเสียงเอี้ยดอ้าดเหมือนโซ่จะหลุดออกมา

            ลักษณ์โบกมือเรียกเจมส์กับกันต์ให้มาช่วยกันถ่ายรูปเก็บรอบๆสถานที่เอาไว้ไปทำรายงานเสนออาจารย์อาทิตย์หน้า  พวกเขาเดินวนสำรวจอยู่พักใหญ่กว่าไวน์กับเกรซจะกลับออกมา

            “เป็นไงบ้าง  โชคที่วันนี้ครูใหญ่อยู่พอดี ท่านยินดีมากเลยถ้าพวกเราจะเข้ามาช่วย”  เกรซเล่า   มองสำรวจไปรอบๆอย่างพอใจ  “เราว่าทีนี่ก็ดีนะไวน์  ครูคุยง่าย  แถมสถานที่ก็น่าทำด้วย”

            “อืม...เพื่อนๆคนอื่นว่าไง  เห็นด้วยมั้ย  หรือเราจะลองไปดูอีกโรงเรียนนึงก่อน  อยู่ห่างจากนี่ไปประมาณ 10 กิโลเมตร”

            “กูว่าที่นี่แหละดีแล้ว  โรงเรียนก็โอเคอยู่ พอจะมาพักได้  ใกล้บ้านมึงด้วย จะได้ให้พวกผู้หญิงพักที่บ้านมึงได้”  เจมส์พูดขึ้นบ้าง 

            ไวน์หันมามองเลขาฯของกลุ่ม  เห็นใบหน้าเล็กๆนั้นแดงกว่าปกติ  เหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้า  เจ้าตัวยกแขนเสื้อขึ้นปาดเช็ดลวกๆ  แล้วก็ก้มลงร่างสถานที่คร่าวๆในสมุด   คนมองรู้สึกหงุดหงิดในใจ...หมวกมีก็ไม่รู้จักใส่

            “ถ้างั้นเรารีบเก็บข้อมูลแล้วกลับบ้านดีกว่า  ลักษณ์...มึงเข้าไปหาน้ำมาหน่อยไป  ไปถามครูในโรงเรียนก็ได้  เดี๋ยวกูจดต่อเอง”  เขาดึงสมุดออกมาจากมือนั้น  เห็นอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่พอใจที่โดนใช้งาน  ไวน์ไม่ได้หันไปสนใจอีก  เขาก้าวยาวๆเข้าไปสำรวจสนามเด็กเล่นบ้าง

            ลักษณ์เม้มปาก  หันหลังเดินเข้าไปในอาคาร   เจอภารโรงกำลังทำความสะอาดระเบียงอยู่  เขาก็เลยเข้าไปถามว่ามีน้ำขายบ้างมั้ย   ลุงแกก็ใจดีพาไปเคาะกระจกร้านสหกรณ์ของโรงเรียน

            เขาซื้อน้ำเปล่ากับน้ำอัดลมมาหลายขวด  แอบยืนเป่าพัดลมพอให้รู้สึกสบายตัวขึ้นบ้างแล้วก็เดินหิ้วถุงใส่ขวดน้ำตรงไปหาเพื่อนๆที่กำลังนั่งพักกันอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่

            “น้ำมาแล้ว”  เขาแจกจ่ายให้ทุกคน

            “ที่นี่ดีทุกอย่างนะไวน์  แต่แม่งโคตรร้อน  ร้อนเหมือนอยู่ซาฮาร่า”

            “มึงเคยไปซาฮาร่าหรอเจมส์”  เสียงของเพื่อนอีกคนขัดขึ้นเบาๆ

            ลักษณ์ไม่ได้ฟังว่าพวกนั้นเถียงอะไรกันอีก  เขาก้มหน้าก้มตาดูดน้ำในขวดจนหมด  รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยแม้ว่าจะยังมีอาการปวดศีรษะตุบๆอยู่ตลอดเวลาก็ตาม

            “มะรืนนี้โรงเรียนเปิด  เราแวะมาแอบดูพวกเด็กๆเล่นเครื่องเล่นก่อนกลับกันดีมั้ย”  แพรเสนอขึ้นมา  “รูปถ่ายตอนใช้งานจริงน่าจะเห็นภาพดีนะ”

            “ต้องดูเวลาก่อนน่ะแพร  เพราะเราต้องขับรถกลับกัน  ถ้าเย็นไปเดี๋ยวรถติด  ทุกคนจะกลับถึงบ้านช้า  ถ้ายังไม่มีรูปเด็กๆเล่น ก็เอารูปพวกเราที่ถ่ายไปนี่แหละ”  ไวน์พูด

            ทุกคนเก็บข้าวของและขยะไปทิ้งให้เรียบร้อย  ขากลับไวน์ไม่ได้พาตรงกลับบ้านเลยแต่กลับพาอ้อมไปอีกทางหนึ่ง  ลักษณ์ได้ยินแว่วๆว่าจะพาไปไร่องุ่น

            “บ้านไวน์มีไร่องุ่นด้วยเหรอ”  นิวถามอย่างแปลกใจ  “นึกว่าทำฟาร์มอย่างเดียว....เอาจริงตั้งแต่มาเรายังไม่เห็นวัวสักตัวเลยนะ”

            “วัวก็อยู่ในโรงเลี้ยงสิ  ที่บ้านเราไม่ได้เลี้ยงแบบเปิดน่ะ...ไว้พรุ่งนี้จะพาไปดู  แต่วันนี้ขอพาไปเที่ยวไร่องุ่นก่อน  จริงๆเป็นธุรกิจของฝั่งแม่เรา  ตกทอดมาถึงแม่  ตอนแรกแม่กะจะขายแล้วแต่ว่าพ่อชอบดื่มไวน์ก็เลยขอเก็บเอาไว้   ไม่ได้มีกำไรมากมายหรอก”

            “อ๋อ...เป็นที่มาของชื่อ ..ไวน์ ใช่มั้ย”

            “อืม”  คนหลังพวงมาลัยพยักหน้ารับ   

            รถตู้เลี้ยวเข้าไปจอดภายในอาณาบริเวณของไร่   ไวน์จอดรถที่ด้านหน้าของบ้านเล็กๆที่เหมือนสำนักงาน  มีผู้ชายคนหนึ่งยืนรอรับอยู่ก่อนแล้ว

            “สวัสดีครับ  ผมชื่อชาติเป็นคนดูแลที่นี่นะครับ  มากันพอดีกำลังรออยู่เลย  เข้าไปทานข้าวกันก่อน  ผมเตรียมอาหารเที่ยงเอาไว้ให้แล้ว”  ทุกคนเดินตามเข้าไปทางด้านในอาคาร

            อากาศร้อนจัดข้างนอกพอเข้ามาเจอแอร์เย็นฉ่ำเข้าก็ทำเอาลักษณ์รู้สึกเหมือนจะเป็นไข้  เขานั่งห่อตัวอยู่ข้างๆเจมส์กับแพรด้วยความหนาวแต่ไม่ได้บอกใคร  แอบค้นหายาพาราฯที่มีติดกระเป๋าเอาไว้เสมอขึ้นมากิน  อาการปวดศีรษะตุบๆยังเป็นอยู่  กระบอกตาร้อนผ่าว  ลักษณ์ไม่รู้สึกอยากอาหารเลย  เขาฝืนกินข้าวไปได้ไม่กี่คำก็ต้องวางช้อนลงเพราะผะอืดผะอม

            “เดี๋ยวจะพาไปเดินดูไร่  แล้วก็เลยไปโรงเก็บไวน์ข้างหลังนะ...นิวครับ ลองกินพายองุ่นดูหน่อยสิ  อันนี้เป็นสูตรบ้านแม่ผม  ผมกินมาตั้งแต่เด็ก....เกรซ แพร ตักถึงไหม”  ไวน์ทำหน้าที่เจ้าบ้านได้อย่างดีไม่มีที่ติ

            นิวช่วยตักพายชินใหญ่ใส่จานให้ลักษณ์หลังจากกินข้าวเสร็จ  เขาเป็นคนแรกที่สังเกตว่าอีกฝ่ายหน้าตาเหมือนไม่สบาย

            “ลักษณ์  เป็นอะไรหรือเปล่า?  ตายล่ะตัวร้อนจังเลย  ...ไวน์  ลักษณ์เป็นไข้ล่ะ”  นิวเอื้อมมือมาจับตัวเพื่อนแล้วก็หันไปบอกคนรัก  ไวน์หันมามอง

            “กินยาหรือยัง  มียาหรือเปล่า?”

            “กินแล้ว  ไข้หวัดธรรมดาน่ะ  นอนพักเดี๋ยวก็หาย”  ลักษณ์พูดเบาๆ

            “เอาไงดี  งั้นเรากลับกันก่อนดีมั้ยไวน์  ลักษณ์จะได้พักผ่อน”  นิวเสนอ  เพื่อนหลายคนพยักหน้า

            “ไม่เป็นไรๆ  อุตส่าห์มาทั้งที  เดี๋ยวเราขอรอในนี้ล่ะกัน  พวกนายไปดูไร่เหอะ”  ลักษณ์รีบพูด  เขาไม่อยากให้ตัวเองกลายเป็นตัวถ่วงทำให้ทริปนี้ไม่สนุก

            ไวน์มองหน้าเขา  สบตากันแวบหนึ่ง

            “ไหวหรือเปล่า  ถ้าเป็นหนักจะได้รีบไปหาหมอ”

            คนป่วยส่ายหน้าเบาๆ  ริมฝีปากบางแดงจัดเพราะพิษไข้  ลักษณ์ดูท่าจะอยากนอนเต็มที  ไวน์เลยหันไปบอกสุชาติ  คนดูแลไร่ว่าขอให้เพื่อนของเขานอนพักที่สำนักงานไปก่อน 

            “หรือว่าจะให้ไปส่งที่บ้านใหญ่ก่อนครับคุณไวน์”

            “ไม่ต้องหรอก  ไม่น่าเป็นอะไรมาก”  ไวน์ตอบกลับไป  เขามองตามหลังร่างเล็กบางที่เดินตามสุชาติเข้าไปในสำนักงานที่มีโซฟาตัวใหญ่ไว้รับรองแขกตั้งอยู่  ดูจนลักษณ์ล้มตัวนอนลงเรียบร้อยแล้วจึงค่อยหันกลับมาหาเพื่อนๆ

            “โอเค  ไปเดินเล่นกันเถอะ”

            ลักษณ์หลับตาลง  เขาผล็อยหลับไปเพราะพิษไข้และยาที่กินเข้าไป  พอสะดุ้งตื่นอีกทีก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงนุ่มภายในห้องพักของตัวเองแล้ว  ลักษณ์ดันตัวลุกขึ้นนั่ง  มองไปรอบตัวอย่างมึนงง

            “.......”  คอแห้งผากเป็นผง  ยังมึนหัวอยู่ไม่น้อย  ลักษณ์ค่อยๆลุกขึ้นยืนแล้วเปิดประตูเดินออกมาจากห้องพัก   ทั้งบ้านเงียบสนิท  ได้ยินเสียงหัวเราะและพูดคุยกันดังมาจากบ้านใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าแว่วๆ

            เสียงกุกกักดังขึ้นที่หน้าประตูก่อนที่นิวจะเปิดเข้ามาในบ้าน  นิวเงยหน้าขึ้นมองเขาบนบันได  แวบหนึ่งที่ลักษณ์รู้สึกแปลกๆกับแววตาของอีกฝ่าย   แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็วเหลือเพียงความห่วงใยแกมดีใจที่นิวส่งมาให้

            “ลักษณ์...เป็นยังไงบ้าง  ดีขึ้นแล้วใช่มั้ย”  นิวพูด  วางกล่องบรรจุอาหารลงบนโต๊ะกินข้าว   ลักษณ์เดินลงบันไดมาช้าๆ

            “อืม  ดีขึ้นแล้วล่ะ”  เขาเทน้ำใส่แก้วแล้วยกขึ้นดื่ม  ทอดสายตามองนิวเปิดกล่องอาหารยื่นส่งมาให้เขา

            “โจ๊กน่ะ  ป้าณีทำมาให้ลักษณ์  กินไหวมั้ย  หรือจะเก็บไว้ก่อน”

            ชื่อของป้าณีทำให้ลักษณ์รู้สึกดีขึ้น   เขาพยักหน้ารับ เดินไปหยิบช้อนมานั่งตักกินทีละคำ   โจ๊กร้อนๆช่วยให้รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย  หางตาเห็นนิวเปิดตู้เย็นหยิบขนมเดินมานั่งด้วยที่โต๊ะอาหาร

            “เพื่อนๆคนอื่นล่ะ”  ลักษณ์ทำลายความเงียบขึ้น

            “อยู่บ้านพ่อไวน์  กำลังร้องคาราโอเกะกันอยู่”  นิวตอบกลับมา

            “เรากลับมาที่บ้านนี้ได้ยังไง”  คนป่วยถามต่อมาอีก  เดือนสังคมฯเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วตอบยิ้มๆ

            “พอพวกเราเที่ยวไร่เสร็จแล้วก็กลับไปดูลักษณ์   เห็นกำลังหลับอยู่ไวน์เลยไม่อยากปลุก  ก็เลยอุ้มนายขึ้นรถพากลับมาที่นี่น่ะ” 

            “อ้อ..”  ลักษณ์นิ่งไป  อดใจเต้นไม่ได้กับคำที่อีกฝ่ายเล่าออกมา  ไวน์..อุ้มเขางั้นเหรอ  จริงดิ

            “ไวน์กับลักษณ์เนี่ยสนิทกันดีเนอะ  ดูแลกันดีจัง  นิวอยากมีเพื่อนแบบนี้บ้าง”  อีกฝ่ายพูดขึ้นมา  “ปกติเราไม่ค่อยมีเพื่อนผู้ชายเท่าไหร่  พวกนั้นชอบแกล้งเรา”

            “ไวน์มันเป็นคนรักเพื่อนพ้อง”  ลักษณ์ตอบเรียบๆ  พยายามไม่สบตาคนที่นั่งตรงข้ามมากนัก  เพราะพิรุธในใจของเขาทำให้รู้สึกละอายใจเหลือเกินยามที่สบดวงตาใสซื่อคู่นั้น

          “เราชอบมิตรภาพแบบเพื่อนระหว่างนายทั้งสองคนมาก   มีคนเคยบอกว่าความรักแบบเพื่อนนี่แหละที่อยู่ยั่งยืนยง  ลักษณ์ว่าไหม..รักแบบแฟน  พอสักวันนึงเลิกกันก็กลายเป็นคนแปลกหน้า”

            “อืม”  ลักษณ์ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

            “เค้าบอกว่าถ้าเราคบใครเป็นเพื่อนนานเกิน 7 ปี  เรากับคนนั้นจะเป็นเพื่อนกันไปตลอดชีวิต  ไวน์กับลักษณ์ก็เหมือนกันสินะ  เกือบจะ 7 ปีแล้วนี่”

            “เพิ่ง 6 ปีกว่าเอง  อาจจะเลิกคบกันเร็วๆนี้ก็ได้  ฮ่าๆ”  ลักษณ์พยายามหัวเราะ  แต่มันฟังดูฝืดเฝื่อนชอบกล

            “หึๆ ไม่หรอก  ไวน์ดูเป็นห่วงลักษณ์ออกขนาดนั้น”  ...เป็นห่วงเกินไป ....นิวขยับจะพูดต่อแต่ก็เปลี่ยนใจ  เขาทอดสายตามองเพื่อนสนิทของคนรักที่ตักโจ๊กเละๆเข้าปากนั้นนิ่ง   โจ๊กที่ไวน์เป็นคนขอให้ป้าณีทำให้ลักษณ์  แถมเจ้าตัวจะถือมาให้เองด้วยซ้ำถ้าไม่ติดว่าเขาชิงพูดขึ้นก่อนว่าอยากมาดูลักษณ์เสียหน่อย

            แต่เหนือสิ่งอื่นใด...ภาพที่ไวน์ก้มลงอุ้มเพื่อนสนิทเมื่อบ่ายนั้นยังติดตา  มันก็ไม่แปลกหรอกถ้าเพื่อนฝูงจะดูแลกัน  แต่ที่แปลกก็คือแววตาของไวน์ยามที่มองไปยังลักษณ์  มันช่างเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและร้อนรน  แม้เจ้าตัวจะพยายามซ่อนอาการเอาไว้แค่ไหนก็ตาม  เขาก็สังเกตได้....ตั้งแต่ท่าทางอยากกลับของไวน์ตอนเดินชมไร่แล้ว  ไวน์ไม่แวะโรงเก็บไวน์ด้วยซ้ำทั้งที่ตอนแรกคุยเอาไว้อย่างดี  กลับบอกเรียบๆว่าอากาศร้อนมากกลัวว่าสาวๆจะไม่สบายไปด้วย  เลยให้กลับกันก่อน 

            เขาก็ไม่ได้อยากจะสงสัยในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่หรอกนะ....แม้จะมีหลายครั้งที่รู้สึกได้ว่าทั้งสองคนดูผูกพันกันมาก  และนั่นยิ่งแปลกเพราะยามปกติต่อหน้าคนอื่นพวกเค้ากลับแสดงท่าทางห่างเหินอยู่ในที  ยังไม่นับอากัปกิริยาของไวน์ที่แสดงต่อเขาด้วย  ไวน์จะอ่อนโยนกับเขาเป็นพิเศษในยามที่มีลักษณ์อยู่ด้วย  แต่ก่อนเขายังไม่มั่นใจทว่าเมื่อลองย้อนคิดทบทวนดูแล้ว  นิวคิดว่าเขาพบอะไรบางอย่าง

            ความผิดปกติในความสัมพันธ์ของเพื่อนสนิทคู่นี้

            “ไวน์มันก็ห่วงทุกคนแหละ  มันชอบยุ่ง ชอบสั่ง  ทำเหมือนคนอื่นเป็นลูกมัน”  คนตรงหน้าเขาตอบกลับมา

            “ไวน์ไม่ค่อยออกคำสั่งเรานะ  แต่ถ้าเรื่องดุนี่เราโดนบ่อยเหมือนกัน  อยู่กับไวน์แล้วเหมือนอยู่กับพี่ชาย”  นิวหลุดปากออกมาแล้วก็นึกได้....ใช่แล้ว  ไวน์ทำเหมือนเขาเป็นน้องชายมากกว่าแฟน  เขาชอบที่ไวน์ดูแลเขาอย่างดี  ให้เกียรติ  พูดจาอ่อนหวาน  แต่ไวน์กลับไม่มีความดึงดูดอย่างที่แฟนควรจะมีต่อกัน

            “อืม...ไวน์ดูแลนิวดีมั้ย  มีอะไรไม่ถูกใจบอกเราได้นะ  เดี๋ยวเราจะไปจัดการไอ้ไวน์ให้”

            “ดีมากเลยล่ะ  เราไม่เคยเจอใครน่ารักเท่าไวน์มาก่อนเลย”  เขาตอบออกไป  เห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายที่ส่งมาให้แล้วเขาก็ได้แต่นึกสงสัยว่าเจ้าของรอยยิ้มซื่อๆแบบนี้ตัวจริงจะเป็นคนซื่อจริงหรือเปล่า

            หรือว่าซับซ้อนซ่อนเงื่อน  แอบซ่อนความลับอะไรเอาไว้กันแน่ ...โดยเฉพาะ  ถ้าเป็นความลับที่เกี่ยวข้องกับคนรักของเขาล่ะก็....คนอย่างนิวก็ไม่ใช่คนใสๆยอมคนอย่างที่แสดงออกว่าเป็นหรอกนะ

         



ต่อด้านล่างจ้าา
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่20 14/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 14-05-2017 15:50:12
 
ต่อนะคะ






            ลักษณ์ลืมตาขึ้นในเช้าวันถัดมา  รู้สึกดีขึ้นมากแล้วจนเกือบเป็นปกติ  คงเป็นเพราะฤทธิ์ยาบวกกับการพักผ่อนเพียงพอก็เลยทำให้ดีขึ้นเร็ว

            เพื่อนผู้ชายสองคนที่นอนเตียงถัดไปข้างๆยังไม่ตื่น  ลักษณ์หันไปดูนาฬิกา..เพิ่งจะตีห้ากว่าๆ  นี่เขาตื่นเช้าขนาดนี้เองโดยไม่ต้องพึ่งนาฬิกาปลุกหรอเนี่ย   น่าประทับใจจังแฮะ

            เด็กหนุ่มผุดลุกขึ้นเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ  แล้วก็ย่องลงจากบ้านออกมาเดินเล่นด้านนอก  อากาศยามเช้าของที่นี่สดชื่นดี  ละอองหมอกเบาบางยังคงเหลืออยู่ให้เห็น   กลิ่นหอมๆของดอกไม้ที่ลักษณ์ไม่รู้ว่าคือดอกอะไรลอยมาตามลม   เขาออกเดินเล่นยืดเส้นยืดสายรอบๆบ้านพัก  ไม่กล้าไปไหนไกลเพราะยังไม่คุ้นที่

            เสียงฝีเท้ากระทบพื้นลาดยางดังเป็นจังหวะเข้ามาใกล้  ร่างสูงใหญ่ของเพื่อนสนิทของเขากำลังวิ่งออกกำลังกาย  แถมกำลังตรงมาทางนี้เสียด้วย  ลักษณ์หันไปเห็นเข้าก็ตั้งท่าจะหลบเข้าบ้าน  ทว่าอีกฝ่ายเห็นเข้าก่อน

            “ลักษณ์..จะไปไหน  หายดีแล้วเหรอ”  เสียงห้าวๆนั้นดังขึ้นข้างหลัง  ลักษณ์ลอบถอนหายใจ  หันกลับไปเผชิญหน้า

            “ดีขึ้นแล้ว”  เขาทำตัวไม่ถูกเมื่อรู้สึกได้ว่าดวงตาคมกริบคู่นั้นกวาดมองสำรวจไปทั่วร่าง

            “แล้วออกมาทำไมไม่ใส่หมวก  เดี๋ยวก็ไข้กลับอีก”

            “กูไม่ได้กระหม่อมบางขนาดนั้นหรอกน่า”  ลักษณ์ตอบกลับไป  ได้ยินอีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ

            “กระหม่อมไม่บางแต่ผมบางใช่มั้ย  ตากแดดแปบเดียวไข้ขึ้น”

            “มันนอนไม่พอตะหาก”

            “ไปเดินเล่นกันมั้ย”  ไวน์เปลี่ยนเรื่อง  เอ่ยชวนเขาโดยไม่ทันตั้งตัว  ลักษณ์อึกอักขยับจะปฏิเสธแต่ว่าขาทั้งสองข้างกลับก้าวเดินเคียงข้างอีกฝ่ายไปก่อนที่สมองจะสั่งการเสียอีก

            พักนี้เขาบังคับตัวเองยากขึ้นทุกที...

            “เมื่อวาน...ขอบคุณมากนะ”  คนตัวเล็กกว่าพูดขึ้นเบาๆ  ระหว่างที่เดินทอดน่องไปตามทางที่ล้อมด้วยพุ่มไม้และดอกไม้  ไวน์พาเขาเดินอ้อมมาทางหน้าบ้านที่จัดเป็นสวนหย่อมเอาไว้

            “เรื่องเล็ก...กูว่าแล้วว่าต้องไข้ขึ้นแน่ๆ  เห็นตั้งแต่ที่โรงเรียนแล้ว  หน้าแดงแจ๋”  ร่างสูงใหญ่นั้นพูดขึ้นบ้าง  ไวน์หัวเราะเบาๆตอนที่พูดต่อมาว่า “นี่ยังไม่ครบสูตร ทุกทีเป็นไข้ต้องอ้วกด้วยไม่ใช่หรือไง”

            “มันก็ต้องพัฒนากันบ้าง”  คนฟังตอบกลับไป  รู้สึกอายแต่ก็ฝืนทำเป็นเฉยๆ  “วันนี้มีแพลนจะไปทำอะไรบ้างนะคุณประธาน”  ลักษณ์ชิงเปลี่ยนเรื่องไปเป็นเรื่องงานแทน

            “วันนี้พักผ่อน  ไว้เย็นๆค่อยมานั่งร่างรายงานกัน”  ประธานกลุ่มพูด  ก้มลงผูกเชือกรองเท้าที่หลุดใหม่  ลักษณ์เลยหยุดยืนรอ  “อยากลองรีดนมวัวไหม”

            “มันจะถีบเอาหรือเปล่า”  คนฟังหลุดปากถามออกไป

            “ขี้กลัวไปได้”  ไวน์ลุกขึ้นยืน  “ถ้ามันถีบมาก็ถีบกลับไปสิ  ไม่เห็นยาก”

            “ไอ้บ้า  ใครจะไปถีบวัวได้วะ  แน่จริงก็ลองถีบให้ดูหน่อยสิ”

          “เรื่องถีบกูไม่ถนัด  แต่ถ้าจีบก็ว่าไปอย่าง”  น้ำเสียงของไวน์ที่ใช้พูดทำให้คนฟังรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาอีกรอบ  ทั้งที่บอกตัวเองว่าเขาเป็นคน  ไม่ใช่วัว  และไอ้ไวน์ก็พูดไปเรื่อยไม่มีแก่นสาระใดๆทั้งนั้น

            “มึงจะจีบวัว...ฮ่าๆ  กูชักสงสารนิวแล้วสิที่มีแฟนแบบมึงเนี่ย”  ลักษณ์กัดฟันพูด  แล้วเร่งฝีเท้าเดินนำอีกฝ่ายกลับเข้าไปในบ้าน

            เช้าวันนั้น  พ่อของไวน์พาเพื่อนๆลูกชายเข้าไปชมโรงเลี้ยงวัวขนาดใหญ่ของฟาร์ม  มันเป็นโรงเลี้ยงแบบทันสมัย  มีเครื่องรีดนมวัวไม่ต้องเสียเวลานั่งรีดเอง  วัวทุกตัวอยู่ในพื้นที่ของตน  แต่ละตัวดูอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี           

            “ตัวนี้ชื่อแมรี่  เป็นวัวแม่พันธุ์  พ่อนำเข้ามาจากต่างประเทศ...” พ่อของไวน์อธิบายไปเรื่อยๆ  ลักษณ์เดินไปฟังไปอย่างเพลิดเพลิน  ส่วนเพื่อนๆก็แวะถ่ายรูปบ้าง  แวะให้อาหารวัวบ้าง

            ไวน์กับนิวหายตัวไปจากกลุ่ม  ลักษณ์เดาว่าคงไปสวีทกันที่ไหนสักแห่ง  เขาตามพ่อของไวน์เข้าไปในพื้นที่ที่จัดเอาไว้รีดนมวัว

            “ลองไหม  ไม่ยากหรอกเดี๋ยวพ่อสอนให้”  พ่อของไวน์หันมาชวนเด็กหนุ่มทั้งสามคนที่ยืนจ้องหน้าแม่วัวด้วยความตื่นเต้น   เจมส์อาสาขอรีดนมวัวเป็นคนแรก  ตามด้วยกันต์และลักษณ์

            ลักษณ์รู้สึกว่ามันก็สนุกดีเหมือนกัน  เขาชอบสัมผัสนิ่มๆหยุ่นๆของนมแม่วัว   ชอบตอนให้อาหารมันด้วย  โดยเฉพาะเสียงมอๆของมันฟังแล้วเหมือนกับว่ามันกำลังคุยตอบกลับมา  เขาเล่นเพลินจนเวลาล่วงเลยไปจนถึงอาหารเที่ยง  พ่อของไวน์ก็ให้คนมาตามไปกินข้าว

            “พวกผู้หญิงไปไหนกันแล้วล่ะ  ไอ้ไวน์กับแฟนมันด้วย”  กันต์ถามขึ้น  เพิ่งรู้สึกตัวว่าเหลือกันอยู่สามคน  ลักษณ์มองไปรอบๆ  นอกจากลายขาวดำของวัวแล้วเขาก็ไม่เห็นเพื่อนร่วมกลุ่มที่เหลือเลย

            “สงสัยกลับบ้านไปก่อนแล้วมั้ง  ไปล้างมือเร็วๆมึง  กูหิวแล้ว”  ลักษณ์หันไปเร่งเพื่อนวิศวะอีกสองคน

            ที่โต๊ะอาหารมีเพื่อนๆผู้หญิงนั่งกันอยู่ก่อนแล้ว  พวกเธอเข้ามาช่วยกันทำอาหารมื้อเที่ยงตอบแทนพ่อแม่ของไวน์  อาหารหน้าตาน่ารับประทานหลายอย่างวางเรียงกันอยู่บนโต๊ะ  เกรซบอกว่าเกือบทั้งหมดเป็นฝีมือของแพร

            “โห สุดยอดไปเลยแพร  น่ากินมากๆ  ทำอาหารเก่งจัง”  ลักษณ์ชม  จากนั้นเพื่อนวิศวะอีกสองคนก็ชิงกันทำคะแนนกับหญิงสาว  แพรเอาแต่หัวเราะหน้าแดงเพราะขำไม่ใช่เขินอย่างที่สองคนนั้นคิดเข้าข้างตัวเอง

            นั่งรอกันครู่หนึ่ง  พ่อแม่ของไวน์ก็เข้ามาร่วมวง  แต่กลับไม่เห็นเงาของลูกชายและคนรัก  พ่อของไวน์บอกให้เริ่มทานกันไปได้เลย

            ลักษณ์อดเป็นห่วงเพื่อนขึ้นมาไม่ได้  ถึงจะพอเดาได้ก็เถอะว่าสองคนนั้นคงหลบไปสวีทกันสองต่อสอง  แต่ก็ไม่น่าจะปล่อยให้เลยเวลาแบบนี้เลย  กำลังคิดอยู่นั้น  ไวน์ก็กลับเข้ามาในบ้าน  ใบหน้าคมเข้มนั้นมีความบึ้งตึงแฝงอยู่ 

            “ไปไหนมาไวน์  มากินข้าวเร็ว  แล้วน้องนิวล่ะ”

            “นิวไม่หิวครับ  เค้าอยากนอนพัก...ขอบคุณมากครับป้าณี”  เขาหันไปขอบคุณป้าแม่บ้านที่เข้ามาช่วยตักข้าวให้  ไม่มีใครซักถามอะไร  บทสนทนาบนโต๊ะดำเนินไปอย่างราบรื่นโดยมีแม่ของไวน์กับแพรที่ชอบทำครัวเหมือนกันเป็นเมนหลัก   

            ลักษณ์ตักอาหารเข้าปากเงียบๆ  เขาสังเกตว่าไวน์แทบไม่กินข้าวเลย  แววตาคู่นั้นดูสับสนและครุ่นคิด  ...อยากถาม  อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น  แต่ก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องของเขา  อย่างมากก็ทำได้เพียงแค่เป็นห่วงอยู่ตรงนี้เท่านั้น...

            “เย็นนี้พ่อกับแม่จะเลี้ยงส่งพวกเราเสียหน่อย  คืนสุดท้ายแล้ว....อยากให้อยู่ต่อจัง  บ้านจะได้ไม่เงียบเหงา”  แม่ของไวน์พูดขึ้นตอนหนึ่ง  “แต่ไม่เป็นไร  เดี๋ยวก็ต้องมาอีกใช่ไหมจ้ะ  เมื่อไหร่นะ”

            “เทอมหน้าค่ะ  เทอมนี้เราทำแค่ทฤษฎี  เทอมหน้าถึงลงมือปฏิบัติ”

            “ว่างๆก็แวะมาเที่ยวได้นะ  ไวน์...ไวน์ลูก  พาเพื่อนๆแวะมาอีกนะ”  ไวน์ขมวดคิ้ว  หันไปมองหน้ามารดางงๆเพราะไม่ทันได้ฟัง  เขาพยักหน้ารับไปแกนๆ  แล้วขอตัวลุกจากโต๊ะอาหารก่อนแม้จะเพิ่งกินไปไม่ถึงครึ่ง

            ลักษณ์เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง  เขาสบตากับเพื่อนๆร่วมโต๊ะที่ต่างมองมากึ่งปรึกษาหารือ  ในฐานะที่เขาสนิทกับไวน์มากที่สุด  เขาก็เลยสั่นศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงว่าไม่ต้องสนใจ  เดี๋ยวก็หายเอง

            ตอนบ่ายวันนั้นทุกคนเลยนั่งเล่นกันในบ้านเพราะไกด์นำเที่ยวอารมณ์บ่จอย หายตัวไปเสียดื้อๆ  คุณพ่อคุณแม่ของไวน์ก็ต้องออกไปทำธุระในตัวจังหวัด  พวกเขาก็เลยใช้เวลาว่างที่เหลือไปกับการนอนเล่น  อ่านหนังสือ  ไม่ก็ไถมือถือโง่ๆ สลับกับเงยหน้าขึ้นมากินขนมที่ป้ามณีทำมาให้  และก็นั่งเม้าท์กัน

            ลักษณ์ขึ้นมาเคาะประตูห้องไวน์กับนิวตอนบ่ายจัด   เขารู้ว่านิวยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง

            “นิว  โอเคหรือเปล่า  ลักษณ์เอาแซนวิชขึ้นมาให้  กินหน่อยมั้ย”

            “ไม่เป็นไร  ขอบคุณมาก  เราไม่หิว”  เสียงคนในห้องตอบกลับมาอู้อี้  ลักษณ์ไม่เซ้าซี้อีก  เขาถือจานอาหารลงไปแบ่งกับเพื่อนๆทานกันเองจนหมด

            ตอนเย็นสาวๆเข้าครัวช่วยกันทำอาหาร  ลักษณ์ก็เลยเข้าไปช่วยบ้างเพราะเบื่อเล่นเกมกับพวกเจมส์เต็มที  เขายืนล้างผักอยู่เงียบๆตอนที่ไวน์กลับเข้ามาในครัวด้วยสภาพเหงื่อท่วมตัว

            “คุณไวน์  ตายแล้วไปทำไรมาคะนั่น”  ป้าณีทักขึ้นก่อน   “ดูซิ ไปคลุกดินที่ไหนมา”

            “ไปล้างคอกวัวมาครับ”  ไวน์ตอบ

            “ขึ้นไปอาบน้ำก่อนค่ะ  ตรงนี้เค้าจะทำอาหารกัน  เดี๋ยวเปื้อนหมด”  ป้าณีพูด  ไล่เด็กหนุ่มที่เธอเคยเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กขึ้นไปอาบน้ำข้างบน  ไวน์หันมาทางลักษณ์แล้วถามเขาว่า

            “ขออาบห้องนายได้มั้ย”

            “บ้านนาย  จะอาบตรงไหนก็ตามสบายอยู่แล้ว”  ลักษณ์ตอบกลับไป  นึกสงสัยว่าไวน์กับนิวทะเลาะอะไรกันรุนแรงนักหนาถึงขนาดไม่ยอมเจอหน้ากันเชียวหรือ

            มื้อค่ำพร้อมแล้ว  วันนี้พิเศษกว่าทุกวันเพราะป้าณีออกมาจัดโต๊ะที่สนามหญ้านอกบ้าน  ได้บรรยากาศมาเที่ยวสุดๆ  ลักษณ์ช่วยยกจานออกไปจัดวางเรียงเอาไว้บนโต๊ะสนามที่วางต่อกันสี่ตัว   เจมส์กับกันต์ก็ช่วยกันจุดยากันยุงเตรียมเอาไว้ก่อน   เกรซกับแพรเดินไปรอบๆบริเวณช่วยกันตกแต่งสถานที่จนเหมือนงานปาร์ตี้เลี้ยงส่งจริงๆ

            พ่อแม่ของไวน์กลับมาพอดี   พวกท่านหอบเอาไวน์จากไร่มาฝากด้วย  พ่อของไวน์บอกว่าเป็นรุ่นปีที่รสชาติดีที่สุดของไร่

            ไวน์กับนิวลงมาร่วมวงด้วย  แม้จะมีท่าทางหมางเมินกันเล็กน้อยแต่ก็ไม่ทำให้บรรยากาศอึดอัดอะไร  ดูท่าพวกเค้าคงเคลียร์กันมาอีกรอบแล้ว  ลักษณ์นั่งห่างจากสองคนนั้นเกือบสุดโต๊ะ  เขาคอยลุกขึ้นเติมน้ำอัดลมให้เพื่อนๆที่ไม่ดื่มเป็นระยะ

            “มึงนั่งเหอะลักษณ์  เดี๋ยวกูเติมเอง  ไอ้กันต์เอาบาบีคิวให้ไอ้ลักษณ์มันหน่อย  แม่งกินน้อยเหมือนแมวดม”  เจมส์พูดขึ้น  ยกมือขึ้นพาดไหล่ของลักษณ์  อีกมือหนึ่งถือแก้วไวน์เอาไว้

            “ปล่อย  กูอึดอัด”  ลักษณ์ดันแขนที่พาดไหล่ออก  แล้วเอื้อมมือไปหยิบแก้วโค้กมาดื่ม  กันต์ฉวยแก้วจากมือของเขาไปถือเอาไว้

            “ลองนี่ดีกว่ามึง  รับรองอร่อยกว่าโค้ก”  เพื่อนวิศวะยืนแก้วทรงสูงบรรจุของเหลวสีแดงเข้มมาให้  ไวน์ที่เจ้าของไร่ภูมิใจเสนอ

            “ไม่เอา  เดี๋ยวเมา”   ลักษณ์รู้ดีว่าตัวเองคออ่อน  และถ้าเมาก็มีแนวโน้มที่เขาจะพล่ามอะไรไร้สาระออกมาก่อนที่จะหลับสนิทเหมือนซ้อมตาย

            “ไม่เมาหรอก  กูแทบไม่ได้รสแอลกอฮอล์เลย  อีกอย่างถ้าเมาก็ไม่ต้องห่วง  ยังไงเราก็อยู่บ้านอยู่แล้ว  มึงดูสองคนนั้นดิ  ไอ้เกรซกับแพร  ซัดไปตั้งเยอะยังไม่เห็นเมา”   ลักษณ์หันไปมองผู้หญิงสองคนก็เห็นยังนั่งคุยเป็นปกติ ทั้งที่ไวน์ในแก้วพร่องลงไปตั้งเยอะ

            “ก็ได้  นิดหน่อยละกัน”  ลักษณ์พูด  รับแก้วมาจากเพื่อนแล้วยกขึ้นจิบ   รสชาติของมันเฝื่อนในตอนแรกก่อนจะเปลี่ยนเป็นหวานหอมนุ่มลิ้นจริงอย่างที่เพื่อนคุยเอาไว้  เขาจิบเข้าไปอีก  หางตาเห็นนิวเอียงศีรษะลงซบที่ไหล่ของไวน์และฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ปัดหรือเอียงตัวหนี  แต่กลับยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กเบาๆแทน

            ....คืนดีกันแล้วสินะ   ลักษณ์คิดในใจอย่างขมขื่น  เขาเกลียดตัวเองเหลือเกินที่กลายเป็นคนแบบนี้  อยากให้สองคนนั้นเลิกกัน  ทั้งๆที่รู้ว่าสิทธิของเขามันหมดไปแล้ว  ตั้งแต่วันที่ปฏิเสธไวน์ออกไปนั่นแหละ

            รู้ทั้งรู้ว่ามันสายไป  แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะห้ามใจ  กลับปล่อยให้ความรู้สึกข้างในหยั่งรากลึกลงไปทุกที  ยอมศิโรราบให้กับความรู้สึกที่เพิ่งค้นพบนั้นอย่างราบคาบ....

          หรือว่ามันจะถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องตัดใจ   ถอนรากถอนโคนความผูกพันทั้งหมดนั้นเสีย

            “ไอ้ลักษณ์  ไหวหรือเปล่ามึง”  เจมส์พูด  เขย่าตัวเขาเบาๆ  ลักษณ์ยังรู้สึกตัวอยู่  เพียงแต่ว่าบังคับตัวเองให้นั่งตรงๆไม่ค่อยจะได้                                                 

            “ไหวๆ  ยังดีอยู่  ไม่เมา..เมา”

            “แบบนี้เมาชัวร์  ไอ้บ้าลักษณ์  ตอนแรกบอกไม่กิน พอบทจะกินก็ซัดไม่เลิก  เป็นไงล่ะ  แบกมันกลับห้องดีมั้ย”  เขาได้ยินเสียงกันต์ปรึกษากับเจมส์แว่วๆ  ลักษณ์ใช้แรงทั้งหมดดันตัวเองลุกขึ้นยืน

            “กูกลับห้องเองไหวๆ”   ได้ยินเสียงตัวเองพูดไปแบบนั้น  กันต์มองร่างเล็กบางที่เดินเซไปมานั้นอย่างกังวล  แต่เพื่อนสนิทที่นั่งข้างกลับตบไหล่

            “แม่งไหวแหละ  กูว่าพวกเราไปช่วยสองสาวนู้นดีกว่า”  เจมส์พยักพเยิดไปทางแพรกับเกรซที่นั่งหน้าแดง หัวเราะคิกคักกันสองคน

            ลักษณ์เดินงมหาทางกลับไปยังบ้านพักที่อยู่ทางด้านหลังคนเดียว  เขาหรี่ตามองทางเบื้องหน้า  รู้สึกคุ้นๆว่าเมื่อเช้าน่าจะเดินมาทางนี้  ความรู้สึกหนักๆหัวทำให้ทรงตัวเดินลำบากกว่าที่เคย

            เซแซ่ดๆเข้าไปหาพุ่มไม้เพราะสะดุดก้อนหินที่พื้น   ลักษณ์รู้สึกโลกหมุนวูบสามตลบก่อนจะกลับมาตั้งตรงเพราะเสาต้นใหญ่ข้างทางที่เขาคว้าเอาไว้ได้ทัน  ลักษณ์เหนี่ยวเสาไฟเต็มแรงพยุงตัวเอาไว้

            เสาไฟต้นนั้นขยับตัว  มือแข็งๆจับที่ต้นแขนของเขาเอาไว้แน่น

            “ลักษณ์  ..มึงเมามาก”

            ใบหน้าเล็กๆแดงก่ำนั้นแหงนเงยขึ้นมองหน้าคนพูดด้วยดวงตาฉ่ำเยิ้ม  หัวใจของลักษณ์หยุดเต้นไปวูบแล้วก็กลับเต้นแรงขึ้นเหมือนทุกครั้งที่เห็นหน้าไวน์

            มันเป็นแบบนี้มานานแล้ว  และลักษณ์เกลียดตัวเองที่รู้สึกแบบนั้น

            “มึงนั่นเอง   ไอ้ไวน์...เพราะมึงคนเดียวเลย  ทำให้กูเป็นแบบนี้  ฮึก”   กระบอกตาสองข้างร้อนผ่าวพอๆกับอาการมึนงง  น้ำตาร้อนๆไหลพรากออกมาอย่างสุดกลั้น   “มึงมันแย่ไอ้ไวน์  เลว...ทิ้งให้กูอยู่คนเดียว”  เขายกมือขึ้นทุบแผ่นอกกว้างที่แนบชิดอยู่นั้นแรงๆหลายครั้งระบายความอัดอั้นในใจ

            “ขี้ขลาด...กูเอง  ผิดเอง”  ลักษณ์ยกมือขึ้นปาดน้ำตา   ไม่เหลือสติที่จะยับยั้งชั่งใจใดๆ  เขาจิกเล็บลงกับฝ่ามือตัวเองจนเจ็บไปหมด  แต่นั่นยังน้อยกว่าความรู้สึกในใจที่เขาอดทนเก็บเอาไว้มาตลอดหลายวัน   ไม่สิ...หลายเดือน    หรือว่าหลายปีแล้วกันแน่

            เขาไม่รู้เลย...ไม่รู้จริงๆว่าหลงรักเพื่อนสนิทของตัวเองมาเนิ่นนานเท่าไหร่   ไม่รู้เลยว่าตัวเองเผลอทำของมีค่าหลุดมือไปเพราะความกลัวสารพัด  กลัวเสียเพื่อน  กลัวไม่เข้าท่ากระทั่งเขา ‘เสีย’ อีกฝ่ายไปจริงๆ

            ในตอนแรกเขาก็ยังหวังว่าเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้   แต่ว่าไม่...เลิกหลอกตัวเองได้แล้วลักษณ์  โอกาสของเขามันหมดไปแล้ว  เหมือนสายน้ำที่ไม่มีทางไหลย้อนกลับ  มิตรภาพของเรา...

            ถึงตอนนี้  แม้แต่คำว่าเพื่อนสนิท  ลักษณ์ก็ไม่รู้ว่าไวน์ยังอยากให้เขาเป็นอยู่มั้ย

            “กูไม่น่าเป็นเพื่อนมึงเลย  ฮือๆ   เมื่อไหร่มึงจะเลิกกับเค้าวะ  แล้วจะได้...เราจะได้  ฮึก...กูอิจฉา....”  ลักษณ์รู้สึกคลื่นอารมณ์มากมายที่พุ่งขึ้นมาจนพูดไม่ออก  “กูไม่อยาก...เป็นแค่เพื่อนแล้ว  ฮึก ...”

            แล้วลักษณ์ก็ทำในสิ่งที่ตัวเขาเองไม่เคยคิดว่าตัวเองจะกล้าทำมาก่อน  เขายกแขนขึ้นคล้องลำคอหนาแล้วออกแรงเหนี่ยวรั้งให้ร่างสูงก้มลงมาในระดับสายตา 

            ต้องโทษไวน์ที่เขาดื่มเข้าไปเกินพิกัด  หรือไม่ก็โทษความรู้สึกของเขาเอง  ที่มันเอ่อล้นจนไม่สามารถกักเก็บควบคุมเอาไว้ใต้ท่าทางเมินเฉยได้อีกแล้ว

            ลักษณ์เขย่งขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองเข้ากับริมฝีปากของเพื่อนสนิท...คนที่เขายอมรับในวันที่สายไปว่ารู้สึกมากกว่าคำว่าเพื่อนหลายเท่า  เป็นความรู้สึกกึ่งฝันกึ่งจริง  แต่ลักษณ์ก็รู้ตัวดีว่าตัวเองทำอะไรลงไป

            เขาจูบไวน์                                                           

            มันคงเป็นจูบแรกและจูบสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นจากคนขี้ขลาดคนนี้

            ไวน์...กูขอโทษ  กูรู้มันสายเกินไป  แต่มึงเห็นใจคนอย่างกูที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะมีใครมารักจริงๆเถอะ   หลังจากนี้มึงจะเกลียดกูก็ได้  กูคงไม่มีอะไรจะเสียแล้วล่ะ

            กูรู้ว่ามึงมีนิวอยู่แล้ว  รู้ว่ามึงเปลี่ยนใจไปแล้ว  แต่ตอนนี้...เวลานี้..   ต่อให้พรุ่งนี้เราจะมองหน้ากันไม่ติดอีก  ต่อให้เราต้องกลายเป็นคนแปลกหน้าไปตลอดชีวิต  มันคงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้แล้วล่ะ

            ในเมื่อกูหมดหวังไปแล้ว

            “กูรักมึงนะไวน์  รักมากด้วย”

            .........................................................................................



โอ่ยยยตายเเล้วว  ตอนนี้นี่มันช่าง...55555

ถ้าใครจำได้ ก่อนหน้านี้ไวน์เป็นฝ่ายจูบลักษณ์แล้วก็คิดทำนองนี้เหมือนกัน  คราวนี้กลับกันดันเป็นลักษณ์ที่คิดบ้าง

ร้องไห้แปบ

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่านกันมา   ขอบคุณคอมเม้นท์ด้วย  เป็นกำลังใจกันเนอะ  คนเขียนจะได้ดีใจ อิอิอิ

เจอกันตอนหน้า  ใครอ่านถึงตอนนี้เเล้วบ้าง  รุ้สึกยังไงมาเม้าท์นอกรอบกัน ได้ที่

Twitter  ติดแท็ก #แอบลักษณ์

FB fanpage  : Melenalike
 (https://www.facebook.com/Melenalikebanana/)
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่20 14/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 14-05-2017 17:32:57
กรรมของกรรม ของกรรม :katai1: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่20 14/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 14-05-2017 20:17:25
เป่ายิ้งฉุบ อุ๊บอิ๊บ หยิบคำแพ้
หรือแม้แต่ วิ่งแข่ง ก็แพ้ไหม
แต่ใจบอก ออกตัว ไม่เป็นไร
จะแพ้ใคร ก็อย่าแพ้ ใจตัวเอง

#เก่งมาจากไหนก็แพ้หัวใจของเธอ#มันจะยุ่งอิรุงตุงนัง


เก่งเนอะพยายามจนทำสำเร็จ#ไวน์

+1 ฮับ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่20 14/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: Naam3 ที่ 14-05-2017 20:34:46
 :katai2-1.ล :heaven o13 :เฮ้อ:สงสารลักษณ์ๆๆๆรอน่าๆๆๆชอบๆๆคะ❤❤:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่20 14/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 14-05-2017 21:03:10
+1 ให้รัวๆเลย
 
คนเขียนนนนน ขอตอนต่อเลยได้มั้ยค้าาา
 
นอนไม่หลับ ตื่นเต้นคาใจทนไม่ไหวแล้วว
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่20 14/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-05-2017 00:56:53
 :serius2:




หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่20 14/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 15-05-2017 20:19:13
เข้ามาปูเสื่อรอออ 
 
อย่าให้เค้ารอเก้อเลยน้า  กราบบบบ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่20 14/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 15-05-2017 21:03:35
เวลาหวน ทวนคืน สะอื้นไห้
สายน้ำไหล ย้อนกลับ ยากนักหนา
สายตาหวาน ปานกลืน ยื่นหยิบมา
สุดไขว้คว้า ครอบครอง เป็นของตัว

มารออ่านด้วยอีกคน
นะ..นะ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่21 16/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 16-05-2017 00:01:34
ตอนที่ 21

Love is blind.

 

 

 

 

            ไวน์ พิศดูเปลือกตาบวมช้ำและปลายจมูกแดงก่ำบนใบหน้าเล็กๆรูปหัวใจที่แนบกับหมอนอยู่นั้นแล้วก็อยากจะถอนหายใจออกมาดังๆ  ....เด็กบ้า

            นี่ถ้ามันไม่ดื่มเข้าไปจนเมาเละขนาดนี้  เขาจะได้รู้ความจริงมั้ยว่ามัน...ก็แอบรักเขาอยู่เช่นกัน

            ให้ตายสิ...ไวน์ไม่อยากเชื่อเลยด้วยซ้ำ  เขาอยากจะคิดว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความฝัน แต่สัมผัสแผ่วเบากึ่งขลาดกึ่งกล้าบนริมฝีปากของเขาทำให้ไวน์เชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง  คนที่จูบเขาคือลักษณ์  ...คนที่เขาหลงรักหมดใจมาตั้งแต่สมัยมัธยม  คนที่เขาสารภาพรักด้วย   คนที่ปฏิเสธเขาเป็นคนแรก  แถมยังมีหน้ามาขอร้องให้เป็นเพื่อนกันอีกเหมือนเดิม

            ไอ้ลักษณ์ใจร้ายที่เขาพยายามหาทางตัดใจคนนั้น 

            หลังจากที่มันจูบเขา  เจ้าตัวก็ทรุดวูบลงไปกองกับพื้น  แล้วก็ทำท่าผะอืดผะอมก่อนจะอ้วกออกมา  จากนั้นก็หลับไปเฉยเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น  เหมือนทุกทีเวลามันเมาแล้วหลับพับไป

            เขาอุ้มลักษณ์เข้ามาในบ้าน  วางบนเตียงในห้องพัก  จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าทำความสะอาดให้เหมือนทุกครั้งที่มันทำเลอะเทอะ...เขาไม่เคยรังเกียจ  เพราะตอนที่เขาไม่สบายก็ได้อีกฝ่ายเป็นคนช่วยดูแลเช่นกัน  แม้แต่ตอนที่เขาท้องเสียหนักๆ  ไอ้ลักษณ์ก็เคยนั่งเฝ้าหน้าประตูห้องน้ำมาแล้ว  มันกลัวเขาจะเป็นลมวูบในห้องน้ำ

            ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดใบหน้าเล็กๆนั้นเป็นครั้งสุดท้าย  ไวน์ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงข้างๆอีกฝ่าย  ยกนิ้วขึ้นดีดหน้าผากเนียนของมันแรงๆไปทีหนึ่ง  เห็นเจ้าตัวย่นหน้านิดหนึ่งแล้วก็หลับต่อ

            “ไอ้บ้าเอ๊ย  ทำให้กูเสียใจซะตั้งนาน  ช้าตลอดไม่เคยทันอะไรกับเขาบ้างเลย...”

            ความรู้สึกของเขาตอนแรกไวน์รู้ว่ามันคือความโกรธ  ลักษณ์มาบอกอะไรเขาเอาป่านนี้  ตอนที่เขากำลังจะตัดใจได้แล้ว  ตอนที่เขากำลังมีคนใหม่  อีกฝ่ายปล่อยให้เขา ‘อกหัก’ อยู่ได้ตั้งนานสองนาน  จนเขาหมดหวัง  เลือกที่จะลองคบคนอื่น  ความสัมพันธ์ครั้งใหม่ของเขาเกือบไปได้สวยแล้วเชียว

            ...ทว่าไวน์ก็รู้ตัวว่าเขากำลังโกหกตัวเองอยู่  เหมือนที่คนรักตะโกนใส่หน้าเขาเมื่อบ่ายนั่นแหละ

            ‘ไวน์มาคบกับเราเพราะชอบเราหรือว่าเพราะอย่างอื่นกันแน่’  นิวพูดขึ้นมาทั้งน้ำตา   ‘ไวน์ไม่เคยเห็นเราอยู่ในสายตาเลย  เรารู้สึกเหมือนเราพยายามอยู่คนเดียว’

          ‘พูดอะไรน่ะนิว  จะมาทะเลาะเรื่องเดิมอีกแล้วเหรอ’  ตอนนั้นเขามีแต่ความหงุดหงิด  ทำไมการเดินเล่นธรรมดาถึงได้กลายเป็นชนวนชวนทะเลาะกันไปได้

          ‘คราวก่อนไวน์โกรธนิวเพราะนิวขอมาทริปนี้ด้วย  ตอนแรกนิวแค่คิดว่าไวน์โกรธเพราะนิวมายุ่มย่ามเรื่องงาน  แต่ตอนนี้นิวรู้แล้วว่ามันไม่ใช่  ไวน์โกรธเพราะไวน์อยากมากับลักษณ์โดยไม่มีนิวตะหาก’

          ‘ไม่ใช่อย่างนั้น’

          ‘แล้วมันอย่างไหนล่ะ  ไวน์คิดว่านิวดูไม่ออกเหรอว่าไวน์รู้สึกยังไงกับลักษณ์  ตอนที่ลักษณ์ป่วย  ตอนที่ลักษณ์ยิ้มมีความสุข  ...สายตาของไวน์มันไม่เคยคลาดไปจากคนที่ไวน์บอกนิวว่าเป็นแค่เพื่อนสนิทเลย’

          ‘นิว’

          ‘ยอมรับความจริงมาสิ  ว่าไวน์รู้สึกยังไงกับเพื่อนของไวน์กันแน่’

          ‘จะให้ยอมรับอะไร  ในเมื่อมันไม่มีอะไรทั้งนั้น...ผมกับลักษณ์ เราเป็นแค่เพื่อนกัน  ถ้าคุณยังพูดไม่รู้เรื่องล่ะก็   เราก็ไม่ต้องมาพูดกันอีก’

          ‘ไวน์โกหกนิว  โกหกตัวเองด้วย  คิดว่านิวจะเชื่อหรือไง’

          เมื่อตอนบ่าย  เขาทะเลาะกับนิวหนักมาก  และเลือกจะเดินหนีเพราะเขารู้ดีว่าที่อีกฝ่ายพูดมาเป็นความจริง   เขาไม่เคยลืมลักษณ์ได้เลย

            ไวน์ขยับผ้าห่มให้คลุมถึงคอของลักษณ์  ได้ยินเสียงขยับตัวดังขึ้นที่หน้าประตู  ชายหนุ่มพูดโดยไม่หันไปมอง

            “ผมขอโทษ...นิว  ผมผิดเอง”  ไวน์ลุกขึ้นยืน  ถอยออกมาจากห้องนั้น  ปล่อยให้ลักษณ์ได้พักผ่อนเต็มที่  ร่างเล็กแบบบางของคนรักยืนกอดอกอยู่แล้วที่หน้าห้อง  ใบหน้าของนิวสงบนิ่งคล้ายไม่แปลกใจกับภาพคนรักดูแลคนอื่นอย่างใกล้ชิด  ไวน์จับต้นแขนของอีกฝ่ายเอาไว้แล้วพูดว่า  “ไปคุยกันที่ห้องเถอะ”

            นิวเดินตามเข้ามาในห้องโดยดี   ไวน์หันมาเผชิญหน้ากับคนที่เขาเรียกว่าแฟน  เขารู้สึกเสียใจมาก  ไม่มีข้อแก้ตัวให้กับเรื่องที่เกิดขึ้น  ทั้งหมดเป็นความผิดของเขาคนเดียว

            “ผมขอโทษ...ที่นิวพูดมามันถูกทั้งหมด  ผมผิดเองนิว  ผมรักลักษณ์  ผมแอบรักเขามานานแล้ว แต่ว่าเขาปฏิเสธผม”

            “ลักษณ์เนี่ยนะจะปฏิเสธคนอย่างไวน์  อย่ามาพูดตลกดีกว่า  นิวเห็นลักษณ์ดึงไวน์เข้าไปจูบก่อนด้วยซ้ำ”  ไวน์รู้สึกไม่พอใจวิธีพูดของนิว  ไม่ใช่ครั้งแรกที่นิวพูดเหมือนเขาสูงส่งกว่าลักษณ์มากมาย  ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่

            “มันเป็นเรื่องจริง  ผมรักเขาก่อน...ส่วนเขารักผมตอนไหนผมก็ไม่รู้เหมือนกัน  แต่เขาปฏิเสธผมตอนแรก”

            “แล้วไวน์ก็เลยมาคบกับนิวเพราะประชดลักษณ์หรอ”  นิวดูทั้งตกใจและเสียใจที่ปะติดปะต่อเรื่องได้  “ทำไมไวน์ทำแบบนี้  เห็นนิวเป็นอะไร”

            “ไม่ใช่นะนิว  ใจเย็นๆก่อน   ผมขอคบนิวเพราะผมชอบนิวจริงๆ  ผมอยากเริ่มต้นใหม่กับนิว”  เขาพูดจริงๆ แต่คำว่า ‘ชอบ’ กับ ‘รัก’ มันต่างกัน   เขาก็เพิ่งรู้ไม่นานมานี้เอง

            “ไวน์ให้นิวเป็นตัวแทนของลักษณ์ใช่มั้ย”  นิวพูดโพล่งขึ้นมา  “นิวว่าแล้วเชียว  มะยมก็เตือนนิวแล้วว่านิวตกลงคบกับไวน์เร็วเกินไป  แต่ตอนนั้นนิวไม่เชื่อเพื่อน  นิวนึกว่า...นึกว่าไวน์รัก เหมือนที่นิวรักไวน์ตั้งแต่แรก”

            “นิว...ผมขอโทษ”  ไวน์ไม่เคยรู้สึกผิดต่อใครมากขนาดนี้มาก่อน  “จะให้ผมทำอะไรก็ได้เพื่อเป็นการไถ่โทษนิว”

            “ไวน์เห็นนิวเป็นตัวอะไร  ตุ๊กตาไม่มีความรู้สึกหรือไง  ไวน์รู้มั้ยว่ามันเจ็บ”  นิวยกมือขึ้นทุบที่หน้าอกของตัวเอง “รู้ว่าแฟนตัวเองไม่รักก็ยังไม่พอ  แถมตัวเองกลายเป็นอะไรก็ไม่รู้  เหมือนหุ่นเชิดที่เขาเอาไว้บังหน้า  นิวไม่นึกเลยว่าไวน์จะเป็นคนแบบนี้”

            “ฟังก่อน  ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะตัดใจจากลักษณ์ยากเย็นขนาดนั้น  ผมนึกว่าตัวเองคงจะทำใจได้”

            “แล้วทำไมไม่บอกกันก่อนว่าไวน์จะให้นิวเป็นคนดามใจ  ทำไมต่อหน้าคนอื่นถึงทำเหมือนรักนิวมากมาย  ไวน์แค่อยากประชดเค้าใช่มั้ย”  นิวร้องไห้ออกมา  ไวน์ทำตัวไม่ถูกได้แต่ดึงร่างอีกฝ่ายเข้ามากอด  นิวสะบัดตัวแต่สุดท้ายก็ร้องไห้ออกมาอีก  ซบใบหน้าลงกับหน้าอกของเขา

            “ผมขอโทษจริงๆนิว  ผมรู้ว่าผมทำให้คุณเสียใจมาก  ผมมันเลวเอง..นิว  ผม....ไม่เหมาะสมคู่ควรกับคนดีๆอย่างคุณ”

            “ไวน์!!”  นิวกรีดเสียงจนไวน์ตกใจ  “จะขอเลิกกับนิวยังต้องใช้มุขแบบนี้อีกเหรอ  ไวน์เห็นนิวเป็นคนยังไง”  นิวร้องไห้หนักมากจนเสื้อของไวน์เปียกชุ่ม  เขาได้แต่ยกมือขึ้นลูบหลังไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆ  รู้สึกละอายใจต่อคนตรงหน้าจนไม่รู้จะทำยังไง

            “นิว...ขอเวลา...ขออยู่คนเดียว..ฮึก  สักพัก”  นิวดันตัวออกจากอ้อมแขนของเขา  ไวน์ถอยออกมาจากห้อง  สายตาของนิวยามที่มองเขามันเต็มไปด้วยความเจ็บช้ำจนไวน์ใจหาย....นี่เขาทำร้ายจิตใจคนที่รักเขาอีกแล้วใช่มั้ย

            เพราะเขามัวแต่หลงดีใจที่ได้รับรู้ความรู้สึกของลักษณ์  ก็เลยลืมไปว่ามีใครอีกคนที่เขาลากเข้ามาในวังวนนี้ด้วยตัวเอง พอได้ประโยชน์แล้วก็กลับผลักไสไม่ไยดีเพราะความเห็นแก่ตัว   ชายหนุ่มเพิ่งจะได้สติว่าตัวเองทำอะไรลงไป   เขาทิ้งตัวลงนั่งหน้าประตูห้องนั้นแล้วซบใบหน้าลงกับท่อนแขนเนิ่นนาน

            ...

            เช้าวันรุ่งขึ้น  ลักษณ์ลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียงภายในห้องพัก  ความรู้สึกแรกที่จู่โจมเข้ามาคือความปวดหัวจนแทบระเบิด  เขาทิ้งตัวลงกับเตียงอีกรอบ

            ความทรงจำเมื่อคืนย้อนกลับคืนมาอีกครั้ง...ลักษณ์ยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองเบาๆ....เขาทำลงไปแล้วจริงๆสินะ  ร่างเล็กพลิกตัวนอนคว่ำกำมือแน่นทุบเตียงแรงๆ  เขาไม่อยากตื่นมาเจอหน้าใครด้วยซ้ำ  โดยเฉพาะผู้ชายคนนั้น

            มันอายเสียจนไม่อยากจะเผชิญหน้า  ไอ้บ้าลักษณ์!  ทำไมถึงทำอะไรไร้สติได้ขนาดนั้นนะ

            เสียงเคาะประตูดังขึ้นข้างหน้าห้องก่อนที่เพื่อนร่วมห้องอีกสองคนจะก้าวตามเข้ามา   สองคนนั้นอยู่ในชุดเรียบร้อยพร้อมเดินทางกลับบ้านแล้ว

            “ไงครับคุณลักษณ์ แฮงค์ล่ะสิ  กูงงจริงๆเลย  มึงเมาไวน์เนี่ยนะ ฮ่าๆ”

            ไม่ใช่แค่ไวน์ขวดเมื่อคืนหรอกที่ทำให้เขาเมา  เขาเมาไวน์ที่เป็นคนต่างหาก  ลักษณ์คิดอยู่ในใจ  ดันตัวลุกขึ้นมานั่ง  เพื่อนส่งแก้วน้ำกับยามาให้

            “กินก่อน  มันช่วยได้  แล้วก็รีบเก็บของเร็วๆเข้า ให้เวลาครึ่งชั่วโมง...เราจะกลับบ้านกันแล้ว”

            “มีอะไรให้ช่วยก็เรียกนะครับเพื่อนลักษณ์”

            เด็กหนุ่มใช้เวลาจัดการธุระทั้งหมดอย่างรวดเร็ว  แล้วก็มานั่งกุมขมับอยู่ที่ปลายเตียงเพราะไม่อยากลงไปเผชิญหน้ากับเจ้าของบ้านข้างล่าง   เขาจะทำยังไงดีวะ...ทำไมเมื่อคืนถึงได้กล้าบ้าบิ่นขนาดนั้น

            สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องหิ้วกระเป๋าเดินลงบันไดไปข้างล่างอย่างจำใจ  ร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงโซฟาหันหน้ามาทางบันไดนั้นกระทบสายตาของเขาเป็นคนแรก  ลักษณ์สบตาคมเข้มที่มองมาที่เขาแวบหนึ่งแล้วก็รีบเบือนหลบ  ก้มหน้าก้มตาหิ้วของเดินลงมาถึงชั้นล่าง         

            “เรียบร้อยทุกคนแล้ว  ลักษณ์เอาของไปใส่รถตู้ได้เลย  แล้วเดี๋ยวไปเจอกันที่บ้านใหญ่  จะได้ลาพ่อกับแม่”  ไวน์พูดเรียบๆ  น้ำเสียงไม่เปลี่ยนไปจากเดิม

            ลักษณ์มองตามหลังเพื่อนที่ลุกขึ้นเดินออกไปจากบ้านด้วยท่าทางปกติ  ไม่ได้แปลกไปอย่างที่เขานึกกลัว  ถึงอีกฝ่ายจะไม่ได้มองหน้าเขาตรงๆตอนที่พูดก็เถอะ

            “ของแพรกับเกรซขนขึ้นรถหรือยัง”

            “ครบหมดแล้วย่ะ  เหลือแต่ของเธอน่ะลักษณ์  ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น”  เกรซตอบกลับมาแล้วหัวเราะ   เธอไม่ได้โกรธลักษณ์เป็นจริงเป็นจัง  แค่พูดไปอย่างนั้นเอง

            นิวเข้ามาช่วยลักษณ์ยกกระเป๋า  เขาส่งยิ้มมาให้บางๆ  ลักษณ์ก็ยิ้มตอบกลับไป

            “ไม่อยากกลับเลยเนอะ  ลักษณ์”

            “อืม...อยากอยู่เที่ยวต่อ  ขี้เกียจไปเรียน”  เขาตอบ  คิดถึงวันพรุ่งนี้ที่ต้องไปเรียน และเขาอาจจะต้องเจอหน้าไวน์อีก  ...เขาอาจกังวลไปไกลเกินไป  เอาใกล้ๆนี้ก่อนดีกว่า 

            เขาจะพูดอะไรกับไวน์ดี  ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นดีมั้ย  จะเข้าไปขอโทษบอกว่าตัวเองเมามาก  หรือว่าเมินไปเสียเหมือนไม่เคยรู้จักกัน

            “เดินทางปลอดภัยนะลูกนะ  มีอะไรก็โทรมาได้  แวะมาเยี่ยมพ่อกับแม่ก็ได้  ไว้เจอกันจ้ะ”

            ลักษณ์ยกมือไหวเจ้าของบ้านทั้งสองแล้วถอยออกมา   เข้าไปกอดป้าณีแม่บ้านที่มาส่งเขาด้วย  หันไปมองไวน์เข้าไปกอดพ่อกับแม่เป็นคนสุดท้าย   แล้วก็เดินไปขึ้นรถ  นิวนั่งข้างเขาเหมือนเดิม แต่วันนี้เราไม่ได้คุยอะไรกันเลย

            ลักษณ์เผลอหลับไปอีกครั้ง  พอตื่นขึ้นมารถก็มาจอดที่มหาลัยแล้ว  ทุกคนขนกระเป๋าลงจากรถเตรียมตัวแยกย้ายกันกลับบ้าน  เจมส์กับกันต์และก็แพรกลับทางเดียวกัน  เกรซก็ขับรถตู้กลับ  ส่วนไวน์...ลักษณ์เห็นเดินแยกไปกับนิวตั้งแต่ขนของลงมาจากรถเสร็จ  ไวน์ไม่ได้หันมาทางเขาหรือมีท่าทางว่าอยากคุยด้วยเลย

            มันจบแล้ว

            เขาคิดว่าอย่างนั้น

            แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิม  อย่างที่เคยเป็น...ลักษณ์คิด  ไม่รู้ว่าเขาควรจะดีใจหรือว่าเสียใจกันแน่ที่อีกฝ่ายทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย  ราวกับเรื่องเมื่อคืนเป็นแค่เรื่องที่เกิดขึ้นจากจินตนาการของเขาเอง  ไวน์ไม่ได้รับรู้อะไรด้วย

            บางทีนี่อาจจะดีก็ได้  ห่างหายกันไปสักพัก  เขาจะได้ทำใจเสียที  ไหนๆก็บอกออกไปแล้ว  ถือซะว่าการเงียบของฝ่ายนั้นแทนคำปฏิเสธแบบถนอมน้ำใจก็แล้วกัน

            ในเมื่อเขาก็ไม่ได้หวังอะไรตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่  จะให้ไอ้ไวน์เดินเข้ามาคุกเข่าบอกว่ายังรักเขาอยู่หรือไง  หรือบอกว่าเรื่องของไวน์กับนิวเป็นแค่เรื่องล้อเล่นกันเท่านั้นเหรอ

            ตื่นได้แล้วน่า..

ลักษณ์สะพายกระเป๋าเป้ขึ้นหลัง  เดินดุ่มๆกลับไปทางหน้ามหาวิทยาลัย  เขานั่งรถเมล์กลับมาลงหน้าปากซอย  เดินอีกนิดหน่อยก็ถึงหน้าร้านของป้าดา...บ้านที่เขาอาศัยอยู่มาชั่วชีวิต

            “กลับมาแล้วเหรอลักษณ์  เป็นไง สนุกมั้ย”  ป้าดาทักขึ้นคนแรก  ลักษณ์วางกระเป๋าเป้ลงกับพื้นแล้วเดินเข้าไปกอดป้าแท้ๆของตัวเองแน่น  อ้อมกอดของป้าทำให้ความรู้สึกที่พยายามกดเก็บมาตลอดทางนั้นพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง  น้ำตาไหลออกมาเป็นทาง

            “เป็นอะไรไป  ขี้แยไปได้  ไม่เจอกันไม่กี่วัน  คิดถึงป้าเหรอลูก”  ป้าดาลูบหัวของเขาเบาๆ  ลักษณ์พยายามกลั้นสะอื้นเอาไว้  สูดน้ำมูกฟืดฟาด 

            ป้าดาพาเขาเข้าไปในร้านอาหารที่ยังไม่เปิด  พี่รามหันมามองแล้วก็พูดเสียงดัง

            “ไอ้ลักษณ์  ทำตัวเป็นเด็กๆ  แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะโตสักที”

            “ก็ผม...ฮึก  คิดถึงป้ากับพี่นี่”  ลักษณ์พูด  พี่ชายถอนหายใจเฮือก  เดินเข้ามารวบตัวเขาไปกอดเอาไว้แล้วโยกตัวเบาๆ  เหมือนยามที่เขายังเป็นเด็กน้อย

            “พอแล้ว  เสื้อพี่เปียกหมดแล้วเนี่ย เห็นมั้ย”  นานๆครั้งพี่รามจะเรียกตัวเองว่า ‘พี่’ สักที  ถือว่าเป็นบุญหูไม่น้อย  “ยังไม่หยุดร้องอีก  เดี๋ยวกูจะโกรธแล้วนะ”

            “หึๆ  ค่อยเหมือนพี่รามคนเดิมหน่อย”  ลักษณ์พูดอู้อี้ เช็ดหน้ากับแขนเสื้อของพี่ชาย

            รามวางมือลงบนศีรษะของน้องรัก  แล้วขยี้เส้นผมอ่อนนุ่มนั้นเบาๆกึ่งหมั่นไส้กึ่งสงสาร  ทำไมเขาจะเดาไม่ออกว่าอะไรเป็นต้นเหตุทำให้น้องชายของเขาร้องไห้

            จะมีเรื่องอะไร...ถ้าไม่ใช่เรื่องของไอ้ไวน์  เพื่อนสนิทสุดที่รักของมันนั่นแหละ

            “ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนไป  มาเหนื่อยๆ  แล้วไม่ต้องขัดห้องน้ำล่ะ  กูเพิ่งขัดไปเมื่อเช้า”  พี่ชายดักคอทำเอาลักษณ์เผลอหันไปค้อน

            เดินขึ้นมาบนห้องนอน  ทุกอย่างในห้องยังคงวางอยู่ที่เดิมเหมือนก่อนจะไปที่ฟาร์ม  แต่ความรู้สึกของลักษณ์กลับรู้สึกว่ามันเปลี่ยนไป  คงเป็นหัวใจของเขาที่เปลี่ยน....เขายอมรับความรู้สึกของตัวเองมากขึ้น  รู้เท่าทันมันมากขึ้น

            อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า  เคลียร์ของออกจากกระเป๋าเสียใหม่  ลักษณ์รู้สึกสดชื่นขึ้นมากจนกระทั่งเดินลงบันไดมาชั้นล่างและได้ยินเสียงพูดคุยของใครบางคนเข้า

            “คิดถึงอาหารฝีมือป้าดาจังครับ”

            ...เสียงนิว?  ทำไมถึงมาหาเขาที่บ้านได้ล่ะ  ความคิดแวบไปถึงคนตัวสูงที่เป็นคนรักของอีกฝ่าย  ไอ้ไวน์มาด้วยหรือเปล่า

            “อ้อ..ลักษณ์  เพื่อนมึงมาหาแน่ะ  บอกว่ามีเรื่องคุยด้วย”  พี่รามดันหันมาเห็นเขาเข้าพอดี  ลักษณ์ขยับจะถอยกลับขึ้นไปบนห้อง  แต่อีกฝ่ายกลับเดินเข้ามายึดมือของเขาเอาไว้

            “ลักษณ์ ....เราขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้มั้ย”  เสียงใสๆนั้นพูด  ท่าทางเอาจริงจนลักษณ์ไม่กล้าสะบัดมือออก

            “ระ...เรื่องอะไรหรือ นิว”   เขาตะกุกตะกัก  ไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายตรงๆ  นิวยิ้ม  พลิกมือเป็นฝ่ายจับมือเขาเอาไว้แน่น

            “เรามีเรื่องมาปรึกษาลักษณ์น่ะ  แต่คุยตรงนี้คงไม่ค่อยสะดวก”  นิวเหลือบตามองขึ้นไปชั้นบน  ลักษณ์เข้าใจก็เลยพาเพื่อนขึ้นมาบนห้องนอน

            หัวใจของลักษณ์เต้นถี่เร็วด้วยความกลัว...หรือว่านิวจะรู้

            “เมื่อคืนเป็นยังไงบ้าง  หายเมาค้างหรือยัง”  นิวเปิดประเด็นขึ้นยิ้มๆ  นั่งลงบนเตียงของเขา  ลักษณ์ถอยไปนั่งบนเก้าอี้

            “ดีแล้วล่ะ  ได้นอนในรถตู้มาเยอะ”

            “ดีจัง...เราไม่อยากมารบกวนลักษณ์หรอก  แต่ว่าเรามีปัญหานิดนึง....เกี่ยวกับไวน์น่ะ”  นิวอึกอัก  มองหน้าเขาราวกับลำบากใจชอบกลจนลักษณ์สงสัย

            “มีอะไรหรือเปล่า”

            “คือ...เราก็ไม่ได้จะอะไรนะ  แต่ทีนี้ไวน์..เอ่อ...มาเล่า  คือมาปรึกษาน่ะ  ไวน์มาปรึกษาเราเรื่องลักษณ์”  นิวพูดตะกุกตะกัก  คนฟังลอบกำมือแน่น   อยากรู้ใจจะขาดแต่พยายามเก็บเอาไว้ในสีหน้า

            “ว่าอะไร”

            “ง่า...ลักษณ์อย่าโกรธไวน์เลยนะ  แต่ไวน์ลำบากใจจริงๆ  คือ...เรื่องเมื่อคืน  ที่สนามหน้าบ้าน...ไวน์เล่าให้เราฟังหมดแล้วล่ะ”

            ลักษณ์ตัวเย็นเฉียบ  เขาไม่นึกว่าไวน์จะเล่าให้ใครฟังต่อ  ไม่นึกด้วยซ้ำว่าเรื่องจะถึงหูของนิวด้วยปากของเจ้าตัวเอง

            “เราเข้าใจนะลักษณ์  เราก็เคยมีความรักมาก่อน...ลักษณ์ฟังก่อนนะ  อย่าเพิ่งโกรธ  ไวน์กังวลมากเลย  ไวน์ไม่รู้ว่าจะ...เอ่อ...บอกลักษณ์ยังไง  แต่ว่าไวน์...ไวน์มีเราอยู่แล้ว  ลักษณ์อย่าเสียใจหรือโกรธไวน์เลยนะ  ถ้าโกรธก็โกรธเราเถอะ”  นิวเอื้อมมือมาจับมือของเขาเอาไว้  มือของลักษณ์เย็นชื้นเหมือนน้ำแข็ง  “เราไม่รู้จริงๆว่าลักษณ์ชอบไวน์  ไม่อย่างนั้น...ไม่อย่างนั้นเราก็คงไม่... เราขอโทษนะลักษณ์”

            “นิวจะขอโทษทำไม”  ลักษณ์พูดออกมาเป็นประโยคแรก หลังจากเพิ่งหาเสียงของตัวเองเจอ  “เราต่างหากที่ต้องเป็นคนขอโทษนิว  เราผิดเองนิว  เราขอโทษจริงๆ”  ลักษณ์ไม่ได้แก้ตัวว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ  เพราะเขาไม่อยากโกหก  ทุกการกระทำที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เขาตั้งใจทั้งสิ้น  แอลกอฮอล์ก็เป็นแค่เครื่องเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้เขากล้าขึ้นเท่านั้น

            “โธ่...ลักษณ์”   นิวพูด  ลุกขึ้นเดินเข้ามากอดเขาเอาไว้  ลักษณ์ลอบระบายลมหายใจออกมาอย่างอึดอัด  “ทำไมไม่บอกนิวก่อน  นิวทำร้ายความรู้สึกของลักษณ์ไปขนาดไหนแล้วนี่  นิวขอโทษนะ  นิวไม่รู้จริงๆ”

            “ไม่เป็นไรนิว  ไม่เป็นไร”

            ลักษณ์ยกมือขึ้นตบที่ไหล่ของนิว  ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงกลายเป็นเขาที่ต้องมาปลอบใจอีกฝ่ายว่าไม่เป็นไร

            “ลักษณ์ไม่โกรธไวน์นะ  ไวน์ยังอยากเป็นเพื่อนกับลักษณ์อยู่เหมือนเดิม   ไวน์กังวลมากเลยไม่กล้ามาบอกลักษณ์ตรงๆ”

            ...เป็นเพื่อนงั้นเหรอ....ขนาดนี้แล้วยังคิดจะเป็นเพื่อนกันได้อีกเหรอ  วูบหนึ่งที่ลักษณ์เข้าใจความรู้สึกของไวน์ขึ้นมาฉับพลัน  ตอนที่ไวน์ถูกเขาปฏิเสธ และเขาขอให้เป็นเพื่อนก็คงรู้สึกแบบนี้กระมัง

            “อืม...บอกไวน์ไปเถอะว่าไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น”

            “ลักษณ์เข้มแข็งจัง  นิวอยากเข้มแข็งให้ได้สักครึ่งหนึ่งของลักษณ์บ้าง”  นิวกระซิบ  แล้วคลายอ้อมแขนออก  “นิวสบายใจแล้วล่ะ  ขอบคุณมากนะลักษณ์  ลักษณ์เป็นคนดีมาก  นิวเชื่อว่าสักวันนึงลักษณ์จะต้องเจอคนๆนั้น  คนที่เกิดมาเพื่อลักษณ์”

            “อืม”  เจ้าของห้องพูดไม่ออก   เขาเดินไปส่งแขกที่ชั้นล่างแล้วก็หมุนตัวเดินขึ้นบันไดกลับขึ้นมาบนห้อง  พอประตูปิดเท่านั้น  ทำนบน้ำตาที่ฝืนกลั้นเอาไว้ก็แตกออก

            ลักษณ์ยกมือขึ้นอุดปากไม่ให้เสียงสะอื้นของตัวเองดังลงไปด้านล่าง  เขากลัวว่าพี่รามกับป้าดาจะเป็นห่วงมากไปกว่านี้

            งานนี้เขาทำไปเพราะขาดสติเอง  ก็สมควรแล้วที่จะโดนแบบนี้  ที่นิวพูดออกมายังใจดีเกินไปด้วยซ้ำสำหรับคนที่มายุ่งกับคนของตน 

            ถึงลักษณ์จะรู้จักไวน์มาก่อน  และถึงไวน์จะเคยรักเขา  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีสิทธิในตัวของอีกฝ่ายมากกว่านิว  เพราะเขาปฏิเสธอีกฝ่ายไปแล้ว  ไวน์คบกับนิวทีหลัง  นิวจึงมีสิทธิที่จะโกรธเขา

           



ต่อด้านล่างนะคะ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่20 14/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 16-05-2017 00:03:31
ต่อนะคะ





            เย็นวันนั้นลักษณ์ฝืนลงมาช่วยพี่รามกับป้าดาทำงานในร้าน  เขารับคำสั่ง คิดเงิน  เก็บโต๊ะเหมือนหุ่นยนต์  อาการของลักษณ์แย่ลงกว่าเดิมเสียอีก

            รามอดรนทนไม่ได้เลยต้องจับตัวน้องชายมานั่งคุยกันหลังจากปิดร้าน  ป้าดาเดินขึ้นห้องนอนไปแล้ว  เหลือแต่เขากับลักษณ์นั่งล้างจ้านกันอยู่หลังร้าน

            “หิวหรือเปล่า  ไอ้ลักษณ์  เดี๋ยวกูจะไปซื้อของเซเว่น  เอาอะไรมั้ย”

            “ไม่เอา”  ลักษณ์ตอบสั้นๆ  ล้างจานต่ออย่างใจลอย

            “ลักษณ์  คืนนี้ไปนอนห้องกูมั้ย”

            “ไม่...ทำไมต้องนอนห้องพี่ด้วย”

            “กูเป็นห่วง  กลัวมึงลุกขึ้นมาผูกคอตาย”  พี่รามตอบกลับมาทำเอาลักษณ์ตกใจ หันไปมองหน้างงๆ

            “ผมดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ”

            “ไปส่องกระจกดูไป....  เป็นอะไรนักหนาลักษณ์  เล่าให้พี่ฟังบ้างสิ  เรื่องไอ้ไวน์ใช่มั้ย”

            “ปละ..เปล่า”  น้องเขารีบปฏิเสธ  แต่สุดท้ายก็ก้มหน้าลง  “อืม  ใช่”  รามถอนหายใจยาว

            “เล่ามา”  เขาพูดสั้นๆ  ลักษณ์ก้มหน้าลง  ทำท่าจะไม่ยอมเล่า  แต่สุดท้ายมันก็ยอมเปิดปาก  เล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่ตอนที่ไอ้ไวน์มาสารภาพรักกับมันและมันก็ปฏิเสธไป  ลักษณ์เล่าทุกอย่าง  เรื่องบัดดี้  เรื่องโครงงาน  เรื่องนิว  เรื่องที่ฟาร์มเมื่อคืน..

            รามนั่งเรียงจานไปด้วยฟังน้องพูดไปด้วยโดยไม่ขัดคอ  น้องของเขาเล่าไปร้องไห้ไป  เขาไม่เคยเห็นลักษณ์เสียใจขนาดนี้มาก่อน  แค่เห็นน้ำตาของน้องรัก  คนเป็นพี่ก็พลอยเจ็บไปด้วยจนพูดอะไรไม่ออก

            “..แล้วเมื่อกี้  นิวมาหา   เขามาบอกว่า ...ฮึก   ว่าไวน์เล่าให้เขาฟังเรื่องเมื่อคืนที่สนาม  ไวน์...มีนิวอยู่แล้ว  แต่ไม่รู้  จะบอกผมยังไง  ก็เลย..ให้นิวมาบอกแทน..ฮือ”

            “นิวมาบอกเรื่องนี้แทนไอ้ไวน์เนี่ยนะ  มันไม่แปลกๆหรือไงไอ้ลักษณ์”  รามพูดขึ้นช้าๆ  จริงอยู่ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเกิดจากลักษณ์รู้ตัวช้าเกินไป  แต่ว่าไอ้ไวน์ก็มีส่วนผิดที่ยังทำเหมือนมีใจให้น้องเขาทั้งที่ตัวเองมีแฟนแล้ว  แถมการส่งแฟนตัวเองมาเคลียร์กับลักษณ์เรื่องเมื่อคืนแทน...เขาว่ามันไม่แมนเอาเสียเลย  อย่างน้อยก็เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน  ไม่ควรจะทำแบบนี้

            “เดี๋ยวกูจะไปคุยกับไอ้ไวน์ให้”  รามผุดลุกขึ้นยืน  น้องชายรีบดึงชายเสื้อเอาไว้

            “ไม่เอาพี่ราม  แค่นี้ลักษณ์ก็อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว”  ลักษณ์พูดแกมสะอื้น  ส่ายหน้าไปมา  “ลักษณ์ผิดเองพี่รามที่ไม่ยอมจบ  ไอ้ไวน์มันมีแฟนไปแล้วก็ยังไม่เลิก”

            “แล้วมึงจะเอายังไงต่อล่ะ  ลักษณ์”  รามเสียงอ่อนลง  โอบไหล่น้องชายเอาไว้หลวมๆ  “ถ้าให้พี่แนะนำ  ก็มีทางเดียวคือตัดใจจากมันเถอะ  รักไปก็เจ็บปวดเปล่าๆ”...คนพรรค์นั้น  รามโกรธไวน์มากที่ทำให้น้องเขาเสียใจขนาดนี้

            “มันคงยากมาก”

            “ยากยังไงมึงก็ต้องทำ  จะทนอยู่แบบนี้ได้ยังไง  มันมีแฟนแฮปปี้ไปแล้ว  มึงโง่ที่ไม่รู้ตัวว่ารักมันตั้งแต่แรก  และก็กำลังจะโง่ซ้ำสองถ้ายังขืนดื้อดึงรักมันต่อ”  รามพูดอย่างดุดัน   แต่พอเห็นหน้าจ๋อยๆของน้องก็ลดเสียงลง  “ลักษณ์...เชื่อพี่นะ  ไวน์มันไม่ได้รักน้องพี่จริงๆหรอก  ไม่อย่างนั้นมันจะเปลี่ยนไปคบไอ้นิวนั่นได้ยังไงรวดเร็วขนาดนั้น”  ....แต่น้องพี่นี่สิ  รักมันเข้าเต็มๆ  พี่กะแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นแบบนี้  รามถอนหายใจยาว

            “พี่ราม...”  คนพูดยกมือขึ้นปิดหน้า  “ผมจะทำได้ใช่มั้ย  แล้วมันต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะทำใจได้”  คนฟังอึ้งไป  เขาทอดสายตามองออกไปข้างนอกร้าน  ทะลุประตูเหล็กกั้นราวกับมองเห็นภาพในอดีตย้อนกลับคืนมา

            “กูก็ไม่รู้  ลักษณ์...ไม่รู้เหมือนกัน”  มันอาจจะยาวนานตราบชั่วฟ้าดินสลายอย่างที่ใครบางคนเคยบอกเอาไว้ก็ได้ล่ะมั้ง  รามยิ้มเยาะให้ตัวเอง แล้วหันมาทางน้องชาย  “แต่กูเชื่อว่ามึงจะทำใจได้  ลักษณ์  น้องกูเข้มแข็งจะตายไป  ใช่มั้ย”  เขายกมือขึ้นขยี้หัวน้องชายแล้วโยกเล่นเบาๆ  “ไปเถอะ  ลุกขึ้นได้แล้วไอ้ขี้แง  ไปซื้อของหน้าปากซอยดีกว่า  เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง”

            “เย่!”  ลักษณ์ส่งเสียงแล้วฝืนยิ้มออกมา  พี่รามโอบไหล่ของเขาพาออกไปข้างนอก  เสียงผิวปากเล่นของพี่ชายกับท่าทางสบายๆเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายๆที่สามารถจัดการได้นั้นทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาก  ลักษณ์เดินกินไอศกรีมแท่ง  ฟังพี่เล่าเรื่องที่ทำงานให้ฟังอย่างเพลิดเพลินจนลืมเรื่องที่กำลังทุกข์ใจไปได้บ้าง

            ....เวลาคงจะช่วยเยียวยาหัวใจของเขาได้เอง

            รามมองตามหลังร่างเล็กที่เดินขึ้นบันไดไปชั้นบนบ้านด้วยความเป็นห่วง  เขาในฐานะพี่ชายจะช่วยอะไรน้องได้มากกว่านี้มั้ยนะ  หรือว่าเขาควรจะไปหาไอ้ตัวต้นเหตุแล้วเคลียร์กันดี...แต่ว่าเขาก็เป็นคนนอก  ถ้าเข้าไปยุ่งด้วยจะยิ่งวุ่นวายหรือเปล่า

            เขาคิดไม่ตก  เดินไปปิดประตูเหล็กหน้าบ้าน  สายตามองไปเจอเงาของร่างสูงตรงที่ยืนสงบนิ่งอยู่หน้าร้าน  ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เหมือนกัน

            “ไอ้ไวน์?  โผล่มาแล้วเรอะ”

            “ผมขอเข้าไปคุยกับลักษณ์ได้มั้ยครับ”

            “คุยอะไรอีก  แฟนมึงก็มาคุยไปแล้วทีนึงไง”  เขาพูด  ระวังไม่ให้เสียงดังจนน้องชายที่อยู่ชั้นบนได้ยิน

            “นิวน่ะเหรอครับ   เค้ามาคุยเรื่องอะไร”

            “ไปถามกันเอาเองสิ  มึงเป็นคนให้เค้ามาเคลียร์ไม่ใช่เหรอ”   รามถาม  โกรธแทนน้องชาย

            “ผมเปล่า...พี่ราม  ผมขอคุยกับลักษณ์หน่อย  นะครับ”

            “ทำไมมึงเพิ่งมา”  รามถามเสียงเข้ม

            “พี่ราม”

            “กูถามว่ามึงไปไหนมา”

            “ผม....นิวขอให้ผมกลับบ้านเป็นเพื่อน  แล้วทีนี้..”  คนโตกว่ายกมือขึ้นห้าม ให้หยุดพูด  ไวน์ชะงัก

            “พอ...มึงไม่ต้องพูดแล้ว  ไอ้ไวน์  กูรักมึงเหมือนน้องชายคนนึงมาตลอดนะ  แต่พฤติกรรมของมึงที่ผ่านมามันทำให้กูต้องกลับไปคิดใหม่  ถ้าตราบใดที่มึงยังเคลียร์เรื่องนิวแฟนมึงไม่ได้  ก็ไม่ต้องมายุ่งกับน้องกูอีก  กูไม่อยากเห็นมันร้องไห้แล้ว  มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย”  รามดึงประตูปิดเสียงดังปัง

            “พี่ราม  ฟังผมก่อน  เรื่องนี้ผมผิดเองที่ดึงนิวเข้ามาด้วย  พี่ราม...นิวมาพูดอะไรกับลักษณ์เหรอ  ผมไม่รู้เรื่องด้วยเลยนะ  ผมรู้สึกผิดทั้งต่อลักษณ์และนิว  พี่ราม  ลักษณ์  ได้ยินกูพูดมั้ย...ลักษณ์”

            “เลิกตะโกนได้แล้วไวน์  ยังไงมึงก็ยังเป็นเพื่อนน้องกูอยู่  อย่าให้กูโกรธไปมากกว่านี้เลยนะ  ไม่อย่างนั้นมันจะจบไม่สวย”  พี่รามกระซิบผ่านช่องลูกกรงเหล็ก  คนเด็กกว่าชะงัก  เขารู้ว่าพี่รามเอาจริงและพี่รามก็ไม่ใช่คนที่ควรจะไปมีเรื่องด้วย  ชื่อเสียงของอีกฝ่ายดังกระฉ่อนตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยแล้ว

            ไวน์เดินคอตกกลับไป  เขาเงยหน้าขึ้นมองหน้าต่างห้องของลักษณ์เห็นปิดไฟเงียบ  เจ้าตัวคงนอนไปแล้ว  ไวน์ยกมือขึ้นกุมหัว  เขาไม่น่าปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปเลย  เพราะเขามัวแต่เกรงใจนิว  มัวแต่รู้สึกผิดต่อนิว

            ‘ไวน์ ...นิวลองมาคิดดูแล้วนะ  เราก็ผิดกันทุกฝ่าย  ไม่ใช่ไวน์คนเดียวที่ผิดหรอก  นิวคิดว่า...นิวอยากเริ่มใหม่นะ  นิวจะพยายามทำใจถ้าไวน์จะกลับไปหาลักษณ์’  นิวพูดขึ้นช้าๆ  มือที่เอื้อมมาจับมือของเขาเย็นเฉียบ  นิวเป็นคนขอคุยกับไวน์เองหลังจากกลับมาถึงมหาลัย  นิวก็ดึงเขามาที่หลังโรงอาหารซึ่งปลอดคน

          ‘นิว...ผมขอโทษ’  ไวน์พูดไม่ออก  เขามองหน้าคนรักด้วยความแปลกใจแกมค้นคว้า  ‘นิวพูดจริงเหรอ’

          ‘จริง  นิวไม่อยากอยู่ในวังวนรักสามเศร้าแบบนี้  ในเมื่อไวน์รักลักษณ์และลักษณ์ก็รักไวน์เหมือนกัน  นิวก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะขวางอยู่ตรงนี้ไปทำไม  นิวจะยอมปล่อยไวน์ไปนะ  ถึงมันจะยากก็ตาม’  นิวน้ำตาคลอ  ‘แต่นิวขอเวลาหน่อยได้มั้ย  นิวยัง..ทำใจไม่ได้  ไวน์อย่าเพิ่งเลิกกับนิวได้หรือเปล่า  ช่วย..ทำตัวปกติเหมือนไวน์คนเดิมสักพัก’  ดวงตากลมหวานที่เงยขึ้นมองเขามีทั้งความเสียใจและวิงวอนจนคนมองใจอ่อนยวบด้วยความสงสารและรู้สึกผิด  ‘แล้วนิวจะเป็นคนไปเอง  นิวขอเวลาแค่ไม่นาน  แค่ให้นิวทำใจได้...แล้วนิวจะไปเองไวน์’

          นิวโผเข้ามากอดเขาแน่น  ไวน์ยกมือขึ้นลูบศีรษะนั้นเบาๆ

          ‘ผมขอโทษนะนิว  ขอโทษจริงๆ’

          ‘ไม่เป็นไร  แค่ระหว่างนี้ไวน์เป็นคนเดิมของนิวก็พอ’  ไวน์พยักหน้ารับเพื่อตัดบท  เขาชวนนิวเดินกลับออกมาเพราะอยากจะคุยกับลักษณ์เต็มที  แต่ว่าอีกฝ่ายกลับไปก่อนแล้ว

          ‘อ้าว...เกรซกลับไปแล้ว  ไม่รอนิวเลย  ว่าจะขอติดรถกลับด้วยเสียหน่อย’  นิวคราง  แล้วหันมาทางเขา “จะรบกวนไวน์มากเกินไปมั้ย  ถ้าจะช่วยกลับเป็นเพื่อนนิวหน่อย  นิวไม่กล้านั่งแท็กซี่คนเดียว ไวน์ก็รู้..’

          ‘เอ่อ..’  ไวน์อึกอัก  ขยับจะปฏิเสธ

          ‘ไม่เอาดีกว่า  ไวน์กลับไปเถอะ  นิวกลับเองได้’ นิวเปลี่ยนใจ ส่งยิ้มให้เขาบางๆ ‘ไวน์ต้องรีบไปเคลียร์กับลักษณ์นะ  จะได้เข้าใจกันเสียที’


            เพราะคำพูดของนิวเลยทำให้ไวน์ตัดสินใจไปส่งนิวก่อน  เขาเสียเวลาที่บ้านของนิวมากพอสมควรเพราะแม่ของนิวดึงตัวให้อยู่คุยด้วยไม่เลิก  ไม่ยักรู้ว่านิวหลบมาที่บ้านของลักษณ์ตอนไหน

            แล้วนิวมาคุยอะไรกับลักษณ์กันแน่...

            ชายหนุ่มอดรนทนไม่ไหวตัดสินใจกดโทรหาลักษณ์  ...เป็นดังคาด  ฝ่ายนั้นปิดเครื่อง

            ไวน์เดินกลับบ้านอย่างหัวเสีย  เขากดโทรไปหานิว อีกฝ่ายก็ปิดเครื่องเหมือนกัน  ไวน์คิดว่าถ้าเขาทิ้งเรื่องนี้เอาไว้คาราคาซังคงไม่มีทางนอนหลับแน่  เลยโบกรถแท็กซี่แล้วนั่งไปบ้านนิวอีกครั้ง

            บ้านของนิวเป็นทาวน์เฮ้าส์อยู่ไม่ไกลจากบ้านของลักษณ์กับเขาเท่าไหร่   ไฟในบ้านปิดเงียบสงสัยว่าคงจะเข้านอนกันไปแล้ว  ชายหนุ่มยืนเกาะรั้วบ้าน   กดโทรเข้าเครื่องนิวอีกทีก็ปิดเครื่อง  ไลน์ไปก็ไม่อ่าน

            เอื้อมมือไปกดออดหน้าบ้านสองครั้ง  สักพักไฟในบ้านก็สว่าง  ได้ยินเสียงตะโกนออกมาจากในตัวบ้าน

            “ใครน่ะ  มาดึกๆ”

            “ผมเองนิว....ไวน์”  เขาตะโกนตอบกลับไป  อีกฝ่ายเงียบไปจนไวน์นึกว่าคงจะไม่ออกมาเสียแล้ว  แต่ร่างเล็กในชุดนอนก็ปรากฏตัวขึ้นที่หลังประตูรั้ว  ใบหน้าของนิวดูซีดเมื่ออยู่ใต้แสงไฟรั้ว

            “มีอะไรหรือเปล่าไวน์  มาดึกๆ ไม่โทรมาล่ะ”

            “ก็นิวปิดเครื่อง”

            “อ้าวเหรอ...สงสัยแบตหมดน่ะ”  อีกฝ่ายตอบกลับมา  “แล้วมีเรื่องอะไรหรือเปล่า”  นิวไม่มีทีท่าว่าจะเปิดประตูรั้ว และเขาก็ไม่ได้อยากจะเข้าไปเช่นกัน

            “เมื่อบ่ายนิวไปหาลักษณ์มาใช่มั้ย”  ไวน์เข้าประเด็นอย่างไม่รอช้า  คนฟังสีหน้าแทบไม่เปลี่ยน  ส่งยิ้มมาให้เขานิดๆ

            “อื้ม  แวะไปหามาแปบนึงตอนที่ไวน์อยู่กับคุณแม่”  นิวเงยหน้ามองเขา “ก็ไม่มีอะไรนี่  ลักษณ์ลืมของเอาไว้ที่นิว  นิวเลยเอาไปคืน”

            “ลักษณ์ลืมอะไร”

            “ไวน์เจอลักษณ์มาแล้วเหรอ”  นิวย้อนถาม

            “ลักษณ์ลืมอะไรไว้ที่นิวหรอ”  ไวน์ไม่ตอบ  ถามคำถามเดิมซ้ำอีกครั้ง

            “ลักษณ์...ลักษณ์ไม่อยากให้นิวเล่าให้ไวน์ฟัง  ลักษณ์อยากให้มันเป็นความลับระหว่างเราสองคน....เอ่อ...จริงๆแล้วลักษณ์เป็นคนขอให้นิวไปหาที่บ้าน”

            “พี่ชายลักษณ์บอกว่านิวเป็นคนไปที่บ้านเอง  บอกว่ามาเคลียร์กับลักษณ์แทนผม”  ไวน์พูด  คนฟังกระพริบตาแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาเขา  แววตาคู่นั้นมีแววเจ็บปวด

            “นิวไม่รู้ว่าไวน์ได้ยินมาว่าอะไร  แต่นิวรู้ว่าสุดท้ายไวน์จะเชื่อใคร....คงไม่ต้องให้นิวเสียเวลาอธิบายหรอก”

            “นิว...ผมไม่ใช่คนแบบนั้นนะ   ผมแค่อยากรู้ว่าลักษณ์พูดกับคุณว่าอะไร”  ไวน์เอื้อมมือลอดลูกกรงเข้าไปจับที่ต้นแขนทั้งสองข้างของอีกฝ่ายเอาไว้  ไม่ยอมให้ฝ่ายนั้นถอยกลับไปในบ้าน

            “อย่าเลย มันไม่มีอะไรหรอก”

            “บอกมาเถอะนิว”  ไวน์สบตากลมโตที่แววหวาดหวั่นแกมเสียใจคู่นั้น  “ถือซะว่าผมขอ” 

            “นิวไม่อยากพูด  นิวไม่อยากได้ยินมันซ้ำอีก”  คนฟังยกมือขึ้นปิดหน้า  “นิวรักทั้งไวน์และลักษณ์  นิวไม่อยากให้ตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้เรื่องมันบานปลายไปมากกว่านี้”

            “ถ้าคุณไม่พูด  ผมจะปีนรั้วเข้าไปนะ”  ไวน์พูดเสียงเข้ม  บอกให้รู้ว่าเขาเอาจริง

            “ก็ได้”   นิวลดมือลง  ท่าทางเหมือนตัดสินใจเด็ดขาด  “นิวรู้ว่าไวน์คงไม่เชื่อที่นิวพูด  นิวรู้ว่าพูดออกไปก็มีแต่นิวที่เจ็บเอง  แต่ในเมื่อไวน์อยากรู้นักล่ะก็”  นิวเว้นช่วงนิดหนึ่งคล้ายเรียกกำลังใจ  “...ลักษณ์บอกว่าไวน์เป็นของลักษณ์มานานแล้ว  ลักษณ์มาก่อน ...บอกว่าไวน์ไม่เคยรักนิวหรอก  ที่แล้วมามันก็เป็นแค่ละครที่ไวน์ตั้งใจทำเพื่อประชดลักษณ์....ฮึก”  นิวน้ำตาร่วง  “...ลักษณ์ก็แค่พูดความจริง  ลักษณ์พูดถูกแล้ว  มันก็เป็นอย่างนั้นมาตั้งแต่แรก  แต่นิวเจ็บ....เจ็บมากเลยไวน์....พอใจหรือยัง”  นิวกรีดเสียง แล้วสะบัดตัวหลุดจากมือของไวน์  วิ่งกลับเข้าไปในบ้าน 

            ทิ้งให้คนฟังยืนอึ้งพูดไม่ออก  ได้แต่มองกลับเข้าไปในบ้านอย่างมึนงง

            ...



เขียนตอนนี้เสร็จเเล้วอยากจะบ้า5555 แต่เชื่อเหอะว่าคนอย่างนิวมีจริง 

มาต่อกันรัวๆค่ะ  อัพบ่อยอย่าเพิ่งเบื่อกันน้าา

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ค่ะ  ดีจายยยย  :katai2-1:

ใครเล่นทวิต #แอบลักษณ์

ใครเล่นเฟส  F A N P A G E (https://www.facebook.com/Melenalikebanana/)
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่21 16/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 16-05-2017 00:57:17
ระหว่างคน คบหา มานานมาก
ไม่ต้องพูด เอ่ยปาก เป็นล้านแสน
ก็รู้ดี ในนิสัย ยิ่งกว่าแฟน
อยู่ด้วยกัน แน่นแฟ้น กว่าใครใคร

ระหว่างคน คบหา ไม่นานมาก
สันดานคน เข้าใจยาก หากสงสัย
อาจจะมี คำพูด ไม่ตรงใจ
ก็แล้วแต่ อยากเชื่อใคร ตามใจเมิง

#ไม่โง่นะ#ถ้าเมิงเป็นพระเอกจริง#วันเวลาที่ผ่านเลยถ้าไม่เคยก็เคยซะ


วัดใจกันตอนหน้าไปเลย
หึหึ อย่าควายยยยยยยย


พี่ขอร้อง
กร๊ากกกกกกก

บวกหนึ่ง บวกเป็ดฮับ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่21 16/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 16-05-2017 00:59:00
มีความตอแหล
นิวคนเดิมคนดีหายไปไหน  =[]= 
ตอนแรกสงสารนิว แต่ตอนนี้ไม่สงสารแล้ว 
สงสารตัวเองนี่แหละต้องมาปวดตับกับรักสองสามคนนี้ 5555555+


 
 

 
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่21 16/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 16-05-2017 07:17:09
จริงๆที่สองคนนี้ทำอยู่มันไม่ได้ถูกซะทีเดียว เพราะคนที่จะเสียใจที่สุดคือคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่21 16/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: Naam3 ที่ 16-05-2017 08:37:52
สงสารลักษณ์ๆๆๆๆๆแค่ความรู้ช้าเองๆๆๆนะๆๆๆรอๆๆต่อๆๆๆลุ้นๆๆๆนิวร้ายลึกนะเนี่ยยยๆๆ :mew4: :hao7: :เฮ้อ: :3123: :mew1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่21 16/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 16-05-2017 08:56:03
อีนิวนี่โคตรตอแหลเลย ถ้าไวน์เชื่อก็เสียดายเวลาที่เป็นเพื่อนกันมา เพราะไวน์น่าจะรู้จักลักษณ์ดีที่สุด
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่21 16/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: yamapong ที่ 16-05-2017 09:39:47
โหหหหห ตอแหลขั้นสุด
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่21 16/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 16-05-2017 11:37:38
อีลุงตุงนังมาก :katai1: :serius2:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่21 16/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 16-05-2017 11:54:49
อ่านระขึ้น ละครมากจ๊ะ

เอาตรงๆปะ นี่นิวไปคุยกับไปลักษณ์แล้วรักเชื่อนี่เป็นไปได้เพราะลักษณ์ทำตัวเอง ตอนเค้าชอบไม่ชอบ ตอนเค้ามีอื่นค่อยมาสนใจ มันช้าไปแล้ว ลักษณ์เป็นพวกหัวอ่อน อยู่ด้วย ลึกๆก็รู้สึกผิดพอมาได้ยินอะไรแบบนี้ คิดถี่ถ้วนไม่ออกหรอก เชื่อแน่นอน


แต่ไวน์ คิดดีๆนะ เอ็งแอบรักเพื่อนสนิทมากี่ปี คิดดูดีๆว่า ลักษณ์เนี่ยนะจะพูดแบบนี้ โคตรเป็นไปไม่ได้ ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันนี่จะไม่หลุดสันดานเสียเลยหรอ



คนเราเวลารักใครแมร่งเห็นแก่ตัวได้ขนาดนี้เลยหรอ อีรุงตุงนังมากทุกฝ่ายเลย


ทุกคนล้วนมีด้านดิบอยู่ในใจ แต่จะทำตามไหม มันอยุ่ที่ตัวเองแล้วละ



นิวเอ้ยย เสียแรงที่เอ็นดู :katai4:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่21 16/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 16-05-2017 16:58:35
อืมม์ เพิ่งได้เข้ามาอ่าน เศร้าเหมือนกันนะ แต่ไปๆมาๆตามอ่านจนทันเลย อยากรู้ว่าจะเป็นไงต่อ
สงสารไวน์นะ แต่เอานิวมาเป็นแฟนเร็วไปป่ะ ไม่เคยเจอกันมาก่อนเลย แถมอกหักอีก ไม่มีเหตุผลไปหน่อย
รู้ก็รู้ว่าลักษณ์ซื่อบื้อ ต้องใช้เวลาปรับตัวสักพัก นี่สองอาทิตย์เอง มีแฟนแล้ว ทั้งๆที่รักมา 7 ปีนี่นะ ไม่ชอบเลยจุดนี้
แล้วถ้านิวพูดแบบนี้แล้วเชื่ออีกนี่ก็ไม่รู้จะพูดไงดี ลักษณ์ซิ่วไปเรียนที่อื่นให้กาลเวลาช่วยไปเลย สวยๆ อยู่ไปก็เครียดเปล่าๆ
555+ เขียนยาวเหยียดเพราะอ่านต่อเนื่อง กำลังอินเลย ได้แต่รอตอนหน้าว่าเหรียญจะออกด้านไหน
ขอบคุณคนแต่งที่แต่งเรื่องสนุกให้ได้ติดตามอ่านด้วยนะคร้าบบบบ  :L2:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่21 16/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 16-05-2017 18:54:09
มันหน่วงจนอยากจะเลิกอ่านกลางทางเลย ฮรึกก แต่ก็อยากจะรู้ว่าทั้งสองคนจะเข้าหากันยังไง ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ฝ่าฟันมันไปให้ได้นะะะ  :ling3:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่21 16/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 16-05-2017 21:42:45
จะมาต่ออีกหรือเปล่า
แต่คืนนี้คงจะอยู่ไม่ดึก
เพราะเหมือนจะง่วงๆแล้วอ่ะ

ฝนตกอากาศน่านอนม่อก


#ยังไม่ปลื้มไวน์#ตัวก่อเรื่องขึ้นมา#มันยุ่งพันกันเป็นฝอยรุย
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่21 16/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: libra82 ที่ 16-05-2017 22:04:25
อ้าว อีน้องนิว ทำไมเป็นเด็กตอแหลแบบนี้ล่ะลูก อุตส่าห์น่ารักมาตั้งนาน เดี๋ยวก็เชียร์พี่รามจัดการซะหรอก
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่21 16/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: ไป๋ไป๋ ที่ 16-05-2017 22:22:10
ความหวังยุที่เอ็งแล้วไวน์ อย่าโง่นะแกรรรรร๊
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่22 17/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 16-05-2017 23:45:53
ตอนที่ 22

Rain cats and dogs.

 

 

 

 

            “เพื่อนลักษณ์....เป็นไงบ้างครับมึง  เที่ยวฟาร์ม เอ๊ย...งานสังคมกลุ่มมึง สนุกมั้ย”  เสียงแซมดังนำหน้ามาแต่ไกล  ลักษณ์เงยหน้าขึ้นจากหนังสือที่กางเอาไว้บนโต๊ะ  ตอบกลับเรียบๆ

            “ก็ดี  ได้สถานที่ที่จะไปทำโครงงานล่ะ  แล้วพวกมึงอ่ะเป็นไงบ้าง  ทริปขึ้นเขา เวิร์คมั้ย”  ท่าทางอยากเล่าเต็มแก่ของแซมทำให้เขาต้องถามกลับบ้าง  ทั้งที่ยังไม่มีอารมณ์อยากฟังเรื่องสนุกของใครทั้งนั้น

            “เวิร์คโคตรๆ  สนุกมากมึง  เดี๋ยวรอให้ไอ้เบียร์กับไอ้เต้มาก่อน  กูจะเล่าให้ฟัง....ไม่เอา  กูเล่าเลยดีกว่า  คืองี้เว้ย  ตอนแรกก็นั่งรถขึ้นเขากัน  นั่งๆอยู่ปรากฏรถเครื่องดับ  ไอ้เชี่ย  แล้วดันดับตอนอยู่กลางเขา  แล้วมึงลองคิดดูภาพรถค่อยๆไหลลงเขาอ่ะ  สยองมาก  ตอนนั้นกูก็นั่งภาวนาอยู่กับไอ้สองตัวนั้น  แล้วรู้มั้ยว่ามีนางฟ้าที่ไหนมาช่วย....นางฟ้าจริงๆมึง สวยเซ็กซี่ นมตู้ม..”

            ลักษณ์ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง  คอยพยักหน้าอือๆออๆตาม  ชะโงกมองรูปของสาวที่เพื่อนแซมเก็บเอามาเพ้อถึงนิดนึง  แต่ความสวยเย้ายวนที่เขาเคยชอบเช่นกันนั้นกลับไม่ทำให้ลักษณ์อารมณ์ดีขึ้นเหมือนทุกที

            ความรู้สึกของเขามันเบลอๆ  เหมือนคนที่เพิ่งตื่นจากการนอนหลับอันยาวนาน  ถ้าเปรียบเทียบเหตุการณ์ที่ฟาร์มเหมือนอยู่ในความฝัน   การที่นิวมาหาเขาที่บ้านก็เหมือนการเขย่าปลุกตัวเขาแรงๆให้สะดุ้งตื่น       

            พอกันทีกับความรักที่รู้ตัวเมื่อสายไป...ลักษณ์นอนคิดกลับไปกลับมาทั้งคืน  ฟังเสียงฝนตกพรำนอกหน้าต่าง  มันเป็นคืนที่ทรมานมากในความรู้สึกของเขา  แต่พี่รามพูดถูก...เขาเคยโง่มาครั้งหนึ่งแล้วที่รักเพื่อนโดยไม่รู้ตัว  เขาไม่ควรจะโง่เป็นครั้งที่สองด้วยการทู่ซี้รักมันต่อ  ทั้งที่มันมีแฟนแล้ว  แถมแฟนยังเป็นคนดี...เหมาะสมคู่ควรกันทุกอย่าง

            ลักษณ์นึกไม่ออกเลยว่าตัวเองจะเอาอะไรไปสู้กับนิวได้  นอกจากความจริงในใจที่ไวน์ไม่ต้องการแล้ว

            การตัดใจคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่เขาคิดออก

            ลักษณ์เก็บรวบรวมของไม่กี่อย่างที่อยากให้ไวน์ใส่ถุงผ้าเล็กๆ  เขาเอามันติดกระเป๋าเป้มาเรียนด้วยวันนี้  กะว่าหลังเลิกเรียนจะรวบรวมความกล้าอีกสักครั้ง  เดินเข้าไปหาไวน์และจบเรื่องทุกอย่างนี้ซะ

            แม้แต่ความเป็นเพื่อน...ลักษณ์ก็คิดว่ามันคงไม่จำเป็นสำหรับเราอีก

            คาบเช้าวันนั้นไวน์ไม่มาเข้าเรียน  ลักษณ์พยายามมองหาแล้วแต่ก็ไม่เห็น  เขาเดินไปกินข้าวเที่ยงกับเพื่อนๆในกลุ่มด้วยใจที่ห่อเหี่ยวกว่าปกติ

            “ลักษณ์...ไปเที่ยวสนุกมั้ย  ไม่เห็นอัพรูปบ้างเลย”  วิปเข้ามาทักเขาก่อน   ลักษณ์รู้สึกแปลกใจเพราะสี่วันที่ผ่านมาเธอกับเขาไม่ได้ติดต่อกันเลย  “เราเอาของฝากมาให้น่ะ  พวงกุญแจปะการัง...ไว้เผื่อห้อยกระเป๋าได้”  เธอส่งพวงกุญแจสีแดงที่ทำจากเปลือกหอยมาให้  มันก็สวยดีอยู่หรอก

            “ขอบคุณนะวิป....เราไม่ได้มีของมาฝากเลย  ที่เราไปมีแต่...กองฟางกับขี้วัว”

            “ก็เธอไปทำงานนี่  ฮ่าๆ  ไว้วันหลังเราไปเที่ยวด้วยกันนะ”  วิปพูดยิ้มๆ แล้วขอตัวเดินกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆของเธอ

            เบียร์เอื้อมมือมาพาดไหล่ของเขา  พูดแกมหัวเราะ

            “แบบนี้สงสัยจะได้การ  ไอ้ลักษณ์เชื่อกู  วิปสนใจมึงจริงๆนะเนี่ย  รุกเลยมึง”

            “เห้ย...เพื่อนกัน”  ลักษณ์พูดออกไป  แต่ในใจอดคิดตามที่เพื่อนบอกไม่ได้  หรือว่าวิปจะเป็นคนนั้น....คนที่จะช่วยให้เขาผ่านความเจ็บปวดนี้ไปได้  มันจะดีหรือเปล่านะ

            โทรศัพท์มือถือสั่นครืด   ลักษณ์หยิบขึ้นมาดูเห็นเป็นชื่อของคนที่โดดคาบเช้า  เขากดตัดสายทิ้งอย่างไม่ลังเล  ฝ่ายนั้นโทรกลับมาอีก  โทรศัพท์ของลักษณ์สั่นจนเพื่อนๆที่นั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันเงยหน้าขึ้นมอง

            “ใครวะ  มึงก็กดรับไปสิลักษณ์”  แซมพูดอย่างหงุดหงิด

            “ถ้าไม่อยากคุยก็ปิดเครื่องไปเลย  ไม่ก็บล็อกเบอร์”  เต้เสนอขึ้นมาบ้าง

            ลักษณ์เลยกดปิดเครื่อง  ตัดปัญหาไปซะ...เขาไม่อยากรู้ว่าไอ้ไวน์จะมาพูดว่าอะไรอีก  เขาไม่สนใจ

            “คาบบ่ายแลปไบโอ   เบื่อจริงๆ จะนอนก็ไม่ได้”  เพื่อนๆเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น  ลักษณ์พยายามร่วมวงสนทนาด้วย  อย่างน้อยเขาจะได้ไม่เอาแต่ครุ่นคิดเรื่องเดิมๆ

            กินข้าวเสร็จพวกเขาก็เตรียมตัวเข้าเรียนต่อคาบบ่าย  ร่างสูงโปร่งของพี่สิงห์  พี่รหัสของลักษณ์ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าห้องเรียน  ลักษณ์แปลกใจมาก  เดินเข้าไปยกมือไหว้ทักทาย

            “ไงลักษณ์  สอบกลางภาคเป็นไงบ้าง  วันนี้พี่น้ำหวานให้มาบอกว่าจะเลี้ยงตอนเย็น  พี่ไลน์ไปบอกเราแล้วแต่เราไม่อ่านเลย  มือถือก็ติดต่อไม่ได้เลยมาดักรออยู่นี่แหละ”

            “พี่น้ำหวานเหรอครับ”  ลักษณ์ทวน  นึกถึงใบหน้าสวยหวานของพี่รหัสปีสาม

            “เออ  จะได้มาอัพเดทชีวิตกันหน่อย ผ่านมาครึ่งเทอมแล้ว  ...เจอกันใต้คณะห้าโมงนะ  เราไปกับพี่  ไปเจอพี่น้ำหวานที่ร้านเลย  ส่วนพี่เค้าเดี๋ยวไปกับแฟนเอง”

            “ร้านอะไรเหรอครับ”

            “เดี๋ยวพี่หวานไลน์มาบอก  ยังตกลงเรื่องร้านกันไม่ได้”  พี่สิงห์ตอบยิ้มๆ  โบกมือให้เขาแล้วก็เดินจากไป  ลักษณ์ขยับจะเรียกเอาไว้..  เขาไม่อยากไปเท่าไหร่  อยากจะเปลี่ยนใจปฏิเสธแต่อีกฝ่ายก็เดินลับมุมตึกไปแล้ว  เขาถอนหายใจยาว  หมุนตัวจะเข้าห้องเรียน  แต่ก็มีเสียงเรียกเอาไว้ก่อน

            “ลักษณ์”

            เสียงห้าวๆที่เคยคุ้นทำให้ลักษณ์ใจเต้น  เขาสะกดใจหันกลับไปมองหน้าอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเรียบเฉย  ซ่อนอารมณ์ต่างๆเอาไว้มิดเม้น

            “อ้อ...ไวน์”

            “ขอคุยด้วยหน่อยดิ”  เสียงไอ้ไวน์แหบมากเหมือนคนไม่สบาย  ดวงตาที่มองมาที่เขาแดงนิดๆ  “เรื่องสำคัญมาก”

            “ถึงเวลาเรียนแล้ว  อาจารย์เช็คชื่อ  มึงก็ต้องรีบไปเข้าเรียนไม่ใช่เหรอ”

            “วันนี้กูลาป่วย”  อีกฝ่ายตอบกลับมา  ลักษณ์พิศดูริมฝีปากแดงสดที่แห้งผากของไวน์แล้วก็อดเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้

            “งั้นก็กลับไปนอนพักเถอะ  ไว้ค่อยคุยกัน”

            “เรื่องของเรานะ”  ไวน์พูด  เอื้อมมือมาจับที่แขนของลักษณ์  มือของไวน์ร้อนจัด  ลักษณ์ชะงักไปครู่  “ขอเวลาแปบเดียว”

            ลักษณ์เหลือบมองเข้าไปในห้องเรียน  เห็นอาจารย์เริ่มเขียนลงบนกระดานแล้ว  เขาปัดมือของไวน์ออก  พูดออกไปโดยไม่มองหน้า

            “ไม่ได้...ต้องเข้าเรียนแล้ว  ไว้ค่อยคุยกันทีหลังนะ”

            ...ไว้กูพอทำใจได้แล้ว  เราค่อยคุยกันนะ... ลักษณ์รีบเดินเข้าห้องเรียนอย่างรวดเร็ว  หางตาเห็นร่างสูงใหญ่นั้นยืนเกาะกระจกอยู่ด้านนอกพักหนึ่ง  พอเขาเงยหน้าขึ้นมาจากขากบอีกที  ไวน์ก็หายตัวไปแล้ว

            เย็นวันนั้นหลังเลิกเรียน  ลักษณ์มานั่งรอพี่รหัสที่ใต้ตึกคณะฯ  ไม่นานพี่สิงห์ก็เดินมาหา  ในมือแกว่งกุญแจรถมาด้วย

            “รอนานหรือเปล่า โทษทีพี่เพิ่งเลิกเรียนน่ะ”

            “ไม่นานครับ....ตกลงไปร้านไหนเหรอครับ”  เขาลุกเดินตามหลังพี่รหัสไปที่รถยนต์ที่จอดเอาไว้หน้าตึก

            “เอาน่า...เดี๋ยวพาไป  รับรองไม่เคยไปมาก่อน”  พี่ปีสองพูด  แล้วสตาร์ทรถ  พาขับออกไปจากคณะโดยมีลักษณ์นั่งคู่ไปด้วย

            สายตาสองคู่มองตามหลังรถคันนั้นไปอย่างพอใจ  คนหนึ่งตัวเล็กแบบบางยืนกอดอกมีรอยยิ้มประดับอยู่ในหน้า  ส่วนอีกคนหนึ่งตัวสูงกว่ามาก  ยืนพิงกำแพงล้วงกระเป๋าอยู่

            “ขอบคุณมากนะพี่เนิร์ด  นิวจะไม่ลืมพระคุณเลย”  นิวหันไปยกมือไหว้ลูกพี่ลูกน้องของเขาอย่างดีใจ

            “กูไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย  ไอ้สิงห์มันทำของมันเอง”  เนิร์ดตอบ  “ถึงกูไม่ขอให้ช่วย  มันก็อยากได้เด็กคนนั้นอยู่แล้ว”

            “ยังไงนิวก็ติดหนี้บุญคุณพี่อยู่ดี  แล้วนิวจะบอกน้าจอยให้ว่าพี่ช่วยดูแลนิวดีแค่ไหน”

            “ดีมาก  แม่จะได้เลิกตัดเงินเดือนกูสักที   กูไปล่ะ....มึงก็อย่ามัวแต่เลินเล่อ  ดูแลแฟนตัวเองให้ดีๆด้วยล่ะ  ที่กูช่วยเพราะสงสาร เห็นว่ามึงมาร้องห่มร้องไห้โดนแฟนหลอกสวมเขาหรอกนะ”

            “หลังจากนี้จะไม่มีแล้วล่ะ  นิวจะไม่ยอมโดนหลอกอีกแล้ว”

            “ให้เลิกก็ไม่เลิก”  คนพูดยักไหล่  “ก็ทนต่อไปล่ะกัน”  คนพูดเดินจากไป

            นิวมองตามหลังแล้วหันไปมองถนนที่ทอดยาวเบื้องหน้า  เขารู้ว่าที่ทำมันผิด....แต่เขาไม่เหลือทางอื่นแล้วจริงๆ  ความรู้สึกของเขาที่มีต่อไวน์มันทั้งรักทั้งแค้น  เขาไม่อยากเสียไวน์ไป  เจ็บใจที่กลายเป็นคนโง่ถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือประชดรัก  เสียใจที่ตัวเองดันหลงรักอีกฝ่ายหัวปักหัวปำ  เชื่อทุกอย่างที่ไวน์พูด  แถมยังหลงผูกมิตรกับคนหน้าไหว้หลังหลอกอย่างลักษณ์

            แอบรักเพื่อนอย่างไวน์  เหอะ...เขาไม่แปลกใจเลย  คนอย่างไวน์ใครลองได้อยู่ใกล้ก็เป็นต้องหลงรักกันทั้งนั้น  แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องแกล้งทำเป็นคนดีกับเขาด้วย  เขาไม่เชื่อหรอกว่าลักษณ์จะหวังดีกับเขาด้วยใจจริง  หรือที่พักนี้เขาทะเลาะกับไวน์บ่อยๆจะเป็นเพราะมีอีกฝ่ายคอยยุยงอยู่เงียบๆก็เป็นได้

            ถึงเวลากรรมตามสนองแล้วล่ะ...

            นิวกดโทรไปหาไวน์  อีกฝ่ายกดตัดสายทิ้ง  เขาไม่ละความพยายาม  เดินไปจนถึงคณะแพทย์  เจอเพื่อนสนิทของไวน์ที่เขาไม่เคยชอบหน้าเธอ  และเธอก็คงไม่ชอบเขาเช่นกัน

            “เพลินตา  ดีใจจังที่เจอเธอ  เห็นไวน์บ้างไหม”

            “มันไม่สบาย นอนอยู่ในห้องพยาบาล  เราจะให้ไปโรงพยาบาลก็ไม่ยอมไป”  เพลินพูด  “เธอลองเข้าไปดูหน่อยสิ  ไวน์คงจะเชื่อเธอมากกว่า”

          นิวยิ้มรับแล้วเดินเข้าไปในห้องพยาบาลขนาดเล็ก  มีเตียงนอนเพียงสองเตียง  ร่างสูงใหญ่นอนหลับอยู่บนนั้นเพราะพิษไข้   เมื่อวานไวน์คงเดินตากฝนกลับบ้านกระมังถ้าเขาเดาไม่ผิด  คงจะช็อคที่รู้ความจริงของเพื่อนสนิทจากปากของเขาเข้า

            “ไวน์  เป็นยังไงบ้าง”  เขาแตะที่หน้าผากของอีกฝ่าย  รู้สึกได้ว่ามันร้อนจัดจนเขาตกใจ  นิวเขย่าไหล่ของไวน์เบาๆ  “ไวน์  ทำไมเป็นหนักงี้ล่ะ  นิวว่าต้องไปรพ.แล้วนะ  ไวน์”  เขาพูด  ขยับจะออกไปตามเพื่อนข้างนอก  แต่ว่ามือร้อนของคนป่วยคว้าข้อมือของเขาเอาไว้เสียก่อน   ไวน์พยายามดันตัวลุกขึ้นมานั่ง

            “ผมไม่ไป  นิว  ผมโทรหาคุณทำไมไม่รับสาย  นิวจงใจหลบหน้าผมเหรอ”

            “เปล่านะ  ....ใช่  นิวก็ต้องการเวลาทำใจเหมือนกันนะไวน์”  นิวปฏิเสธในตอนแรกแล้วก็ยอมรับ  “นิวไม่ใช่พ่อพระนะจะได้ปล่อยให้ไวน์ไปหาลักษณ์ได้โดยที่นิวไม่เสียใจเลย”

            “นิวก็เลยโกหกผมใช่มั้ย”  เสียงแหบห้าวของคนป่วยทำเอาคนที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆเตียงชะงักกึก  หันกลับมามองอีกฝ่าย

            “นั่นไง  นิวนึกแล้วเชียวว่าสุดท้ายไวน์จะเลือกเชื่อใคร  ทำไม่นิวไม่แปลกใจนะ”

            “ผมไม่ได้เชื่อใคร  ผมเชื่อหัวใจของผมเองนิว...”  ไวน์หอบเล็กน้อย  สบตาเขาด้วยแววเจ็บปวดแกมผิดหวัง  “แต่ก่อนผมก็คิดว่าตัวเองเป็นคนฉลาด แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าตัวเองมันโง่บัดซบเลยที่ดูคนไม่ออก”

            “ไวน์หมายความว่าอะไร”  นิวพูดไปอย่างนั้นเอง  เขารู้แล้วว่าไวน์คงรู้ความจริงแล้ว  จะเป็นเพราะลักษณ์บอกหรือว่าคิดเองได้ก็แล้วแต่  เอาเป็นว่าไวน์โกรธมาก  แถมไม่ยอมปล่อยมือเขาด้วย

            “ผมรู้จักลักษณ์มาเกือบ 7 ปี  ผมรู้ว่าเค้าคิดอะไรก่อนที่เค้าจะพูดออกมาด้วยซ้ำ  แล้วคิดเหรอว่าผมจะเชื่อว่าคนอย่างลักษณ์  จะพูดอะไรเหมือนที่คุณบอกผม”  คนฟังใจหายวูบ  “คนแบบลักษณ์...”  ไวน์เค้นเสียง  “ถ้าลักษณ์ไม่เมา  ผมก็คงไม่มีวันรู้เลยว่าเค้าก็รักผมเหมือนกัน”

            “หึ....ไหนว่ารู้จักกันดี  ไวน์ก็ยังไม่รู้เลยไม่ใช่เหรอว่าลักษณ์ก็ชอบไวน์”  นิวเถียงกลับ  “เราไม่มีทางพูดได้เต็มปากหรอกว่ารู้จักใครดี   ทุกคนก็มีด้านมืดกันทั้งนั้น”

            “เหมือนที่คุณกำลังแสดงให้ผมเห็นใช่มั้ยนิว”  สายตาของไวน์ที่มองมาทำให้นิวรู้สึกเหมือนนักโทษที่กำลังโดนเฆี่ยน  ทั้งๆที่ไวน์ไม่ได้ด่าว่าหรือทำร้ายเขา  แต่ว่านิวกลับเจ็บแสบยิ่งกว่าเสียอีก  มันคือความผิดหวังและสมเพช

            “อย่ามองนิวอย่างนั้นนะ”  เขาตวาด  “ไวน์ไม่รู้หรอกว่าตัวจริงของลักษณ์เป็นยังไง  เค้าไม่ได้หน้าซื่อเหมือนที่แสดงออกหรอก  เค้าจ้องรอโอกาสจะแย่งไวน์ไปจากนิว  เค้าจงใจ..”

            “คุณเลิกพาลเถอะ  ก่อนหน้านี้ผมยังเหลือความรู้สึกผิดต่อคุณอยู่นะ...นิว  แต่ตอนนี้มัน....นิวที่ผมรู้จักตอนประกวดเดือนหายไปไหนแล้ว”  ไวน์หลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นมาใหม่  “เป็นเพราะผมเหรอ  ผมเสียใจ”  คนป่วยรู้สึกปวดร้าวไปทั่วศีรษะจนอยากจะล้มตัวลงนอนต่อแต่ก็ฝืนเอาไว้

            วันนี้เขาต้องเคลียร์เรื่องทุกอย่างให้จบ

            “ไวน์ไม่ต้องมาเสียใจ”  นิวกระซิบ  “ตอนที่ไวน์ขอคบกับนิว  รู้มั้ยว่านิวมีความสุขมากแค่ไหน  แต่ตอนนี้มัน...เหมือนตกนรก   ไวน์ทำให้นิวต้องทำอะไรที่นิวเคยรังเกียจ  มันไม่ใช่ตัวนิวเลย”

            “ถ้างั้นก็หยุดสิ  กลับมาเป็นนิวคนเดิม”  ไวน์พูดเสียงแหบโหย

            “คนดีที่ไวน์ไม่รักน่ะเหรอ”  นิวยิ้มนิดๆ  “ความจริง  นิวก็อยากปล่อยให้ไวน์ได้คู่กับลักษณ์อยู่หรอกนะ  แต่ว่ามันสายไป  ไวน์ทำนิวเจ็บมาก  มาหลอกให้รักแล้วก็ทิ้งกันไปแบบนี้...”

            “ผมขอโทษ”

            “เก็บไว้ขอโทษลักษณ์เถอะ  เพราะว่าลักษณ์ก็คงจะ...เจ็บมาก”  รอยยิ้มของนิวทำให้คนมองตัวเย็นเหมือนตกลงไปในถังน้ำแข็ง  ไวน์ผุดลุกขึ้นก้าวไปหาร่างเล็กที่ถอยหลังไปที่ประตู

            “หมายความว่ายังไง  ลักษณ์อยู่ที่ไหน”

            “นิวก็ไม่รู้เหมือนกัน”  นิวถอยหลังผลุบออกมาจากห้อง

“นี่ไม่ใช่ละครนะนิว  เกิดอะไรขึ้น  กลับมาก่อน”  ไวน์ตามออกมา  แต่คว้าตัวอีกฝ่ายเอาไว้ไม่ทัน  นิวหันมามองแล้วออกวิ่งไปทางอื่น   ทิ้งคำพูดลอยลมเอาไว้ว่า

“ก็เพราะมันไม่ใช่ละครไง  ...สาสมกันแล้วกับที่ไวน์หลอกใช้นิวเป็นเครื่องมือ”

ไวน์ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาลักษณ์มือสั่น  เขาไม่เคยกลัวอะไรขนาดนี้มาก่อน  หรือว่าเพราะป่วยด้วยก็เลยทำให้จิตใจอ่อนแอกว่าปกติ  เพลินตากับนพลุกจากโต๊ะอ่านหนังสือเดินเข้ามาหางงๆ

            “เกิดอะไรขึ้นไวน์  มีอะไรเหรอ  ทะเลาะกับนิวอีกหรือไง”  เพลินตาถาม

            “ผมเลิกกับเค้าไปแล้ว  นิวโกรธมาก  โทษว่าลักษณ์เป็นต้นเหตุ  แล้วก็พูดอะไรแปลกๆออกมา”  ไวน์เล่าให้เพื่อนฟังสั้นๆ  เพลินตากับนพอุทานออกมาเสียงดัง

            “บ้าไปแล้ว  ใจเย็นๆก่อนนะไวน์  นิวน่าจะแค่พูดไปอย่างนั้นเอง  อาจจะไม่มีอะไรก็ได้”  หญิงสาวพูดเสียงสั่น  ยกมือขึ้นแตะตัวเพื่อน  เธอไม่เคยเห็นไวน์สติแตกแบบนี้มาก่อน

            “ไม่...เธอไม่เข้าใจเพลิน  เราเห็นแววตาของนิว  เรารู้ว่านิวต้องทำอะไรสักอย่างกับลักษณ์  เรารู้”

            “ใจเย็นๆก่อน  มึงลองติดต่อหาลักษณ์  ส่วนกูจะโทรหาพวกแซม  เพลินเธอมีเบอร์เพื่อนเภสัชบ้างมั้ย”  นพดูจะเป็นคนที่คุมสติได้ดีที่สุด

            ไวน์โทรหาลักษณ์หลายครั้ง  แต่ก็เหมือนเดิม  ลักษณ์ปิดเครื่อง  เขาโทรไปหาพี่รามที่ร้านป้าดา  พี่รามกระแทกเสียงบอกว่าลักษณ์ยังไม่กลับมา 

            นพโทรไล่หาพวกแซม  พวกนั้นไม่รับโทรศัพท์  เขาโทรอยู่หลายครั้งจนกระทั่งไอ้เบียร์กดรับ

            “ฮัลโหล  ว่าไงยุ่งอยู่”  เดาไม่ยากว่าพวกนั้นคงกำลังเล่นเกมกันอยู่แน่ๆ

            “กูนพนะ  ลักษณ์อยู่กับพวกมึงหรือเปล่า”

            “เปล่า  มันไปกับพี่รหัส  วันนี้พี่มันเลี้ยงสาย”  นพรีบถามต่อว่าที่ไหน  แต่เบียร์ปฏิเสธ  เขาเลยบอกขอบใจแล้วกดวางสาย  หันมาเล่าให้เพื่อนฟัง  เกือบสะดุ้งเมื่อเห็นแววตาของเพื่อนสนิท  ดวงตาคมเข้มคู่นั้นลุกวาบราวกับมีใครไปจุดเพลิงเอาไว้ภายใน

            “ไอ้สิงหา  ต้องเป็นมันแน่ๆ”

            ....................................................................................

         



ต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่22 17/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 16-05-2017 23:47:54
 
ต่อนะคะ






              ร้านที่พี่สิงห์พาเขามาอยู่ไกลจากมหาวิทยาลัยเกือบจะคนละมุมเมือง  ลักษณ์เดินตามหลังร่างสูงโปร่งเข้าไปภายในร้านอาหารกึ่งผับที่ค่อนข้างมืดสลัว  ดนตรีดังแผ่วๆออกมาจากมุมร้านสร้างบรรยากาศให้ดูโรแมนติกชอบกล  แขกที่มาต่างนั่งในมุมมืดกันเป็นคู่ๆ  ลักษณ์รีบดึงชายเสื้อของพี่รหัสเอาไว้

            “ร้านนี้แน่เหรอพี่  ผมว่ามันดูแปลกๆ”

            “ร้านนี้แหละ  นี่ไง ดูในไลน์ดิ”  อีกฝ่ายส่งโทรศัพท์มาให้เขาดู  ก็เห็นว่าเป็นชื่อร้านเดียวกันกับที่พี่น้ำหวานส่งมาให้จริงๆ

            “พี่น้ำหวานมาหรือยังครับ”

            “น่าจะมาแล้วนะ  เดี๋ยวลองถามบ๋อยก่อน....”  พี่สิงห์ชะโงกเข้าไปถามบริกรที่เดินนำหน้า  “จองเอาไว้ชื่อ นริศรา  สี่คนครับ”  บริกรคนนั้นเปิดสมุดดูแล้วพยักหน้า  พาเดินเลี้ยวไปอีกทางที่สว่างกว่าเมื่อครู่นี่นิดหน่อย  เดินมาจนถึงโซนที่มีโซฟาตัวโค้งยาววางเอาไว้เป็นมุม  มันถูกตกแต่งอย่างดีจนดูเป็นส่วนตัว

            ลักษณ์ทรุดตัวลงนั่งตัวลีบ  รู้สึกแปลกๆกับบรรยากาศเหลือเกิน  แต่ว่าคนพามากลับมีท่าทางสบายๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

            “เป็นอะไรไปลักษณ์  กลัวหรอ?  กลัวอะไรไอ้บ๊อง   เอ้า...นี่เมนู  สั่งอาหารรอก่อนเลย  พี่น้ำหวานน่าจะใกล้ถึงแล้ว”

            “ผมไม่เคยมาร้านแบบนี้”  ลักษณ์พูดงึมงำ

            “งั้นก็เคยซะ  มากับพี่ไม่ต้องกลัว  เดี๋ยวพี่พากลับไปส่งบ้านเอง”  พี่สิงห์พูดยิ้มๆ  ยกมือขึ้นมายีหัวเขาคล้ายเอ็นดู  แล้วก็หันไปสั่งอาหารกับบริกร

            “เปิดเหล้ามั้ย”

            “ผมไม่ดื่มครับ”  ….เมาครั้งที่แล้วยังเคลียร์ไม่จบ  เขาไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวเพิ่มหรอกนะ...

            “เด็กดี  ...งั้นพี่ขอสักนิดนะ  น้องครับ..”  รุ่นพี่หันไปสั่งเหล้า   ส่วนลักษณ์ขอเป็นน้ำผลไม้ปั่นธรรมดา 

            พี่สิงห์ชวนเขาคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้จนลักษณ์เริ่มผ่อนคลายลง  อาหารของที่นี่ก็รสชาติดีไม่น้อย  ลักษณ์นั่งกินไปเรื่อย  สายตาก็คอยมองนาฬิกาที่ข้อมือของอีกฝ่าย

            “พี่น้ำหวานยังไม่มาอีกหรอครับ”  เขาถามขึ้น  สังเกตเห็นท่าทางของอีกฝ่ายไม่ได้ดูเดือดเนื้อร้อนใจเท่าที่ควร

            “ไลน์มาว่าเจอรถติดน่ะ  โชคดีที่เรารีบออกมาก่อน  ไม่งั้นคงเจอรถติดเหมือนกัน   แถมฝนตกด้วยยิ่งหนัก”

            “ทำไมพี่น้ำหวานถึงต้องนัดร้านไกลขนาดนี้ด้วยล่ะครับ”  ลักษณ์ค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าเป้ของตัวเอง  “เดินทางลำบาก  แต่จริงๆบรรยากาศก็ดีนะครับ”

            “ชอบมั้ยล่ะ”  ลักษณ์เริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าอีกฝ่ายขยับเข้ามานั่งจนชิดเขาทั้งที่โซฟาก็ออกกว้าง  มือใหญ่วางลงบนตักของเขาตอนที่อีกฝ่ายเอื้อมไปจิ้มไส้กรอกในจานข้างหน้าเข้าปากคล้ายไม่ตั้งใจ  “พี่เคยมาครั้งนึงยังติดใจ  เป็นส่วนตัวดี”

            “ที่นี้ห้องน้ำดีมั้ยครับ”  ลักษณ์ถาม  “ผมปวดขี้อ่ะพี่”  เขากระซิบอายๆ

            อีกฝ่ายหัวเราะก้อง

            “จัดว่าดีอยู่  ไปทางโน้นแน่ะ  เลี้ยวซ้ายมือ...ให้พี่ไปเป็นเพื่อนมั้ย”

            “เห้ย...ไม่เป็นไรครับ  ผมไปเองได้  งั้นเดี๋ยวผมกลับมานะพี่”  ลักษณ์พูด  แล้วลุกขึ้นยืน คว้ากระเป๋าเป้มาด้วย  ยังไม่ทันเดินพ้นโต๊ะ  อีกฝ่ายก็คว้าสายกระเป๋าของเขาเอาไว้

            “วางกระเป๋าเอาไว้ที่โต๊ะก็ได้  เดี๋ยวพี่เฝ้าให้”

            ลักษณ์ชะงักนิดหนึ่ง  แล้วก็ยอมส่งกระเป๋าให้อีกฝ่ายโดยดี  บอกขอบคุณยิ้มๆแล้วก็รีบเดินออกมาตามทางไปห้องน้ำ  พอพ้นระยะสายตาเขาก็เร่งฝีเท้าเดินอ้อมไปอีกทาง

            เดินแกมวิ่งมาถึงประตูทางออก  ลักษณ์เดินออกจากร้านอย่างรวดเร็วไปที่ริมถนน  สายฝนเทซู่ลงมาฉับพลันจนเปียกไปทั้งตัวในพริบตา  เด็กหนุ่มยกมือขึ้นโบกแท็กซี่มือสั่น  โทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสตางค์ทิ้งเอาไว้ในเป้หมดเลย  ลักษณ์เหลียวมองไปทางร้านอีกรอบยังไม่เห็นร่างของพี่รหัสตามออกมา  เขาเปลี่ยนใจออกเดินไปตามฟุตบาท  ผ่านหน้าร้านขายของชำข้างทาง  เจอรถแท็กซี่จอดส่งผู้โดยสารเข้าพอดี

            ลักษณ์ถลาเข้าไปเรียกเอาไว้ได้ทันก่อนที่รถจะออก  เขารีบบอกจุดหมายปลายทางเป็นร้านของป้าดาแล้วก้าวขึ้นไปนั่ง  พอประตูรถปิด  ลักษณ์ก็ถอนหายใจยาวด้วยความกลัวแกมตื่นเต้น

            เขาไม่รู้ว่าสิงห์มีจุดประสงค์อื่นหรือเปล่า  ไม่แน่ว่าความจริงมันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้  แค่พี่น้ำหวานรถติดตามที่อีกฝ่ายพูด  เขาอาจจะตื่นตูมไปเอง...เขาได้แต่หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น

            เสียดายกระเป๋าเป้กับของในกระเป๋าชะมัด...ถุงเล็กๆที่เขาใส่ของที่อยากจะเอามาคืนไอ้ไวน์   ได้แต่หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่โยนทิ้งเสีย

            ลักษณ์กำมือเข้าหากันเพราะความหนาว  เขาบอกลุงคนขับให้ช่วยเบาแอร์ลงหน่อย  แล้วก็นั่งมองสายฝนที่เทกระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตานั้น  เม็ดฝนตกกระทบกระจกรถเสียงดัง  ภาพข้างนอกพร่าเบลอเพราะละอองน้ำที่เกาะกระจก

            นึกถึงเหตุการณ์คราวที่แล้วที่เขามาดื่มกับพี่สิงห์  จำได้ว่าคราวนั้นไอ้ไวน์โกรธเขามากที่ไม่ยอมบอกก่อน  สุดท้ายเขาก็เมาพับจำอะไรไม่ค่อยได้  รู้แค่ว่าคืนนั้น...ไอ้ไวน์จูบเขา  เป็นจูบแรกระหว่างเรา  มันจูบเพราะคิดว่าเขาหลับไม่รู้สึกตัว  แต่เขาดันตื่น  ให้ตายสิ  ถ้าคืนนั้นเขาหลับเป็นตายเหมือนทุกที  เรื่องราวก็คงจะไม่วุ่นวายอย่างนี้

            ป่านนี้มันจะเป็นยังไงบ้างนะ....ลักษณ์พิงศีรษะลงกับพนัก  จะรู้หรือเปล่าว่าเขาน่าจะโดนพี่รหัสตัวเองหลอกพามามอมเหล้าอีกแล้ว  คราวนี้เขารู้ว่าไม่มีไอ้ไวน์คอยช่วยอยู่อีก  ต้องช่วยเหลือตัวเอง  ลักษณ์ขอบตาร้อนผ่าว...วูบหนึ่งที่เขาสงสัยว่าถ้าตัวเองเกิดพลาดท่าเสียทีขึ้นมาจริงๆ  ไวน์จะเสียใจไหม

            คิดถึงตรงนั้นแล้วลักษณ์ก็ต้องรีบส่ายศีรษะไล่ความคิดนั้นออกไป  ทำไมเขาถึงต้องทำอะไรประชดไวน์ด้วย ในเมื่อมันเป็นชีวิตของเขา  เขาควรจะรักตัวเองมากกว่าไวน์ไม่ใช่หรือ  ไหนจะมีพี่รามกับป้าดาที่คอยเป็นห่วงเขาอยู่อีก  ต่อให้ไม่มีไอ้ไวน์ในชีวิต  เขาก็ยังมีคนอีกอย่างน้อยสองคนที่รักเขาอย่างจริงใจ

            รถติดจริงๆเมื่อฝนตกลงมา  ลักษณ์นั่งห่อตัวด้วยความหนาวสั่นอยู่ในรถแท็กซี่  ตรงข้ามกับใครอีกคนที่อยู่อีกฟากหนึ่งของเมืองและกำลังร้อนรนเหมือนอยู่กลางเพลิงเผาผลาญ

            “เจอแล้ว  นั่นไงพวกพี่เนิร์ด  แต่ไม่มีพี่สิงห์อยู่ด้วย”  นพพูดขึ้นเบาๆ เหลือบตามองเข้าไปภายในร้านอาหารกึ่งผับหลังมอที่พวกเขามาเดินสำรวจตามหาลักษณ์  นพหันไปมองเพื่อนที่เดินกลับไปกลับมาราวกับเสือติดจั่นอีกครั้งด้วยความสงสารแกมกังวล  ไวน์โทรหาทุกคนที่นึกออกแต่ว่าไม่มีใครเห็นสิงห์กับลักษณ์เลย  เขาเพิ่งลงประกาศตามหาในเฟสบุ๊คไปเมื่อครู่  และยังไม่มีใครเม้นท์ตอบกลับมา

            “ใจเย็นๆก่อนไวน์  อาจจะไม่มีอะไรก็ได้”  เพลินพูดประโยคเดิมซ้ำๆคล้ายย้ำให้ตัวเองเชื่อไปด้วย  “เธอเองก็นั่งพักหน่อย  กำลังไข้ขึ้นอยู่นะ  เดี๋ยวก็ทรุดหนักหรอก”  หญิงสาวเอื้อมมือไปจับแขนเพื่อนเอาไว้  ดึงให้นั่งลง

            ไวน์ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้  หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรอีกครั้ง  ลักษณ์ยังปิดเครื่องอยู่เหมือนเดิม

            “ถ้าเมื่อตอนบ่ายเราดึงลักษณ์ออกมาคุยให้รู้เรื่อง  มันก็คงไม่เป็นแบบนี้”  ไวน์ยกมือขึ้นกุมหัว  เขาปวดร้าวไปทั่วศีรษะเหมือนมันจะระเบิดออกมา  “ถ้ากูไม่ดึงนิวเข้ามาด้วย  ลักษณ์ก็คงไม่ต้องเจออะไรแบบนี้”  ไวน์พูดอย่างเสียใจ  เขาเพิ่งรู้เมื่อกี้นี้เองว่านิวเป็นญาติกับเนิร์ด  นพเป็นคนเข้าไปถามมาได้  เพียงเท่านั้นเขาก็ต่อจิกซอว์ติด  ไม่นึกเลยว่านิวจะทำได้เจ็บแสบขนาดนี้

            ...เพราะเขาเอง  ลักษณ์  ถ้ามึงเป็นอะไรไปก็เพราะความโง่และเห็นแก่ตัวของกูเอง ...ลักษณ์  มึงอยู่ที่ไหนกันแน่

            “คิดว่านิวจะรู้มั้ย”  เพลินพูดขึ้น  “ไม่แน่ว่านิวอาจจะรู้ก็ได้นะ”

            “งั้นไปบ้านนิวกัน”  นพตัดสินใจ

            ไวน์ขึ้นรถตามไปด้วยแม้ว่าเขาจะค่อนข้างมั่นใจว่านิวคงไม่รู้หรอก  แต่ก็ดีกว่าการเดินกางร่มไล่ถามไปทีละร้านหรือว่าโทรหาเพื่อนทีละคนอย่างที่พวกเขาทำมาแล้ว

            พอรถขับมาจนถึงซอยบ้านของนิว  นพก็อุทานออกมาอย่างหัวเสีย

            “น้ำท่วมว่ะ  ทำไงดี”

            “เดินลุยเข้าไปมั้ย”  ไวน์พูด  เพื่อนทั้งสองคนรีบคว้าแขนของเขาเอาไว้คนละข้าง

            “บ้าเหรอไวน์  เธอป่วยอยู่นะ”

            “เดี๋ยวกูลุยเข้าไปเอง”  นพเสนอตัว  “แค่เข่าเอง   สบายมาก”  นพขยับจะลงจากรถแต่ว่าไวน์รั้งเอาไว้

            “ไม่ต้องหรอก ดูนั่นสิ  บ้านปิดไฟเงียบ  ไม่มีรถจอดอยู่ในโรงรถเลย  หน้าต่างก็ปิดหมด  พื้นกระเบื้องนั่นก็แห้ง  กูว่าไม่มีใครอยู่บ้านหรอก”  เพื่อนทั้งสองคนมองตามแล้วก็ออกจะเห็นด้วยกับไวน์

            “หรือว่านิวจะอยู่กับลักษณ์?”

          “แจ้งตำรวจยังไม่ได้ใช่มั้ย  งั้นกูแจ้งลูกตำรวจแทนดีมั้ย”  นพพูดขึ้นบ้าง  ไวน์มองหน้าเพื่อนอย่างขอบคุณ  เขากดโทรหาลักษณ์อีกรอบทั้งที่รู้ดีกว่าอีกฝ่ายปิดเครื่อง

            ทว่าคราวนี้กลับมีคนกดรับ

            “ฮัลโหล”  เสียงทุ้มๆรับสาย  เพลินกับนพหันมามองเป็นตาเดียว  ไวน์เปิดลำโพงแล้วรีบกรอกเสียงลงไป

            “นั่นใคร พี่สิงห์ใช่มั้ย”

          “อ้อ...นึกว่าใคร  เพื่อนรักของน้องรหัสกูนี่เอง”  เสียงนั้นดังมาตามสาย

            “มึงพาลักษณ์ไปไหน”  ไวน์ถามเสียงเข้ม  ปลายสายเงียบไปนิด  แล้วก็ตอบกลับมา

            “หลงกับเพื่อนเหรอครับน้องไวน์  แหม ปล่อยให้คลาดสายตาไปได้ยังไงล่ะครับ”

            “ตอบกูมา  ลักษณ์อยู่ที่ไหน”

            “โทรมาถามแค่นี้เองเหรอ”

            “ลักษณ์...ลักษณ์ได้ยินหรือเปล่า  อยู่แถวนั้นหรือเปล่า”  ไวน์ตะโกนเสียงดัง หวังให้คนปลายสายได้ยิน

            “เสียเวลาเปล่า  ไม่ต้องตะโกนหรอก  ลักษณ์ไม่มีทางได้ยิน”

            “มึงทำอะไรเพื่อนกู  กูจะไปเอาเลือดหัวมึงออก”  ไวน์สติหลุดไปแล้วตอนนั้น  เขาตะโกนใส่โทรศัพท์  อีกฝ่ายกดตัดสาย  ไวน์ร้องออกมาเสียงดัง  “โธ่เว้ย!”  เขาสบถด่าออกมาหลายคำ   เพลินรอจนไวน์เริ่มสงบลงเล็กน้อยรีบถาม

            “ไวน์  เครื่องลักษณ์มีแอพฟายด์มายโฟนหรือเปล่า”

            “จริงด้วย  ขอบคุณมากนะเพลิน”  ไวน์รีบเปิดแอพที่เขาจัดการติดตั้งให้อีกฝ่ายเองตั้งแต่วันที่ฝ่ายนั้นโดนมอมเหล้าครั้งแรก  เขามัวแต่โกรธก็เลยลืมไปเสียสนิท

            สัญญาณขึ้นที่อีกฟากของเมือง  นพรีบออกรถขับไปตามสัญญาณที่ขึ้นแล้วก็วูบหายไป  ไม่รู้ว่าสัญญาณขัดข้องหรือเพราะอะไรกันแน่   

          ไวน์นั่งบีบมือไปตัวเองไปตลอดทาง  เขาภาวนาให้สิ่งที่ตัวเองคิดไม่เป็นความจริง  ถึงตอนนี้เขายอมแลกอะไรก็ได้เพื่อให้ลักษณ์ปลอดภัย  ได้โปรด....ถ้าหากย้อนเวลาได้

            อีกฟากหนึ่งของเมือง  รถแท็กซี่คันนั้นขยับไปได้ทีละนิดเพราะรถติด แถมน่าจะมีอุบัติเหตุข้างหน้าด้วย  ลักษณ์ยกมือขึ้นลูบแขนขาของตัวเอง  เขาเริ่มรู้สึกประหลาด  มันไม่ได้หนาวสั่นเหมือนตอนแรกแต่กลับเริ่มร้อนรุ่มขึ้นมาทีละน้อยคล้ายมีไฟมาสุมอยู่ข้างในตัว

            หัวใจเต้นเร็วขึ้น  เร็วขึ้น  ตามเวลาที่ผ่านไป  เหงื่อเริ่มแตกพลั่ก  ลักษณ์ใช้มือถูขาของตัวเองไม่หยุด

            “เป็นอะไรหรือเปล่าไอ้หนุ่ม  ร้อนเหรอเหงื่อแตกเชียว  เมื่อกี้ลุงเห็นว่าเปียกฝนตัวสั่นก็เลยเปิดแอร์เบาสุดแล้วนะ”

            “ร้อน...ร้อนมากครับลุง”   เขาตอบกลับไปพลางกระพือเสื้อตัวเองเรียกลม  พยายามสะกดใจให้นิ่งแต่มันยากเหลือเกิน  ในท้องของเขาบิดมวนเหมือนมีอะไรเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงท้องน้อย  รู้สึกวูบวาบจนเขาไม่สามารถนั่งอยู่นิ่งๆได้

            ลักษณ์ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร  แต่คนที่เพิ่งกดวางสายจากเดือนแพทย์รู้ดี  สิงห์เดินตามน้องรหัสเข้ามาในห้องน้ำเพราะรู้สึกว่าอีกฝ่ายหายเข้ามานานเกินไป  เขาออกจะตื่นเต้นเล็กน้อยเพราะพอจะคำนวณได้ว่าน่าจะใกล้เวลาที่ยาจะออกฤทธ์แล้ว

            แต่ห้องน้ำที่ว่างเปล่าทำให้เขาหัวเสียแทบคลั่ง  โทรศัพท์ที่โทรเข้ามาพอดีทำให้เขารู้ว่าไวน์ยังไม่เจอลักษณ์  งั้นก็แปลว่าลักษณ์เพิ่งกลับออกไปได้ไม่นาน

            ............................................................................................

            นพใช้เวลาเกือบชั่วโมงขับมาจนถึงแถวๆจุดที่สัญญาณมือถือของลักษณ์แสดงขึ้น  ฝนยังเทหนักเหมือนฟ้ารั่ว  ไวน์ที่นั่งเงียบมาตลอดทางพยายามสอดส่ายสายตาหาสถานที่ๆน่าจะเป็นไปได้

            “ข้างหน้ามีร้านอาหาร  เหมือนจะกึ่งๆบาร์  ลองเข้าไปดูหน่อย”  ไวน์บอกเพื่อน   เขารีบเปิดประตูรถทันทีที่รถจอดแต่ว่าเพลินดึงไหล่แล้วยัดร่มใส่มือของเขาเสียก่อน

            “อย่าเปียกไปมากกว่านี้  แค่นี้เราก็กลัวแกน๊อคจะแย่อยู่แล้ว”

            “ขอบใจมากเพื่อน”  ไวน์พึมพำรับร่มมากางออก  เขาเดินแกมวิ่งเข้าไปในร้านด้านใน  ยืนปรับสายตากับความมืดสลัวภายในร้านครู่หนึ่ง  พนักงานก็เดินมาต้อนรับ

            “ผมนัดคนไว้ครับ  คนนึงตัวสูงใส่แว่น  อีกคนตัวเล็กประมาณไหล่ผม  หน้าเด็กๆ”

            “อ๋อ...คุณลูกค้าเพิ่งกลับออกไปไม่นานเองครับ  เค้าฝากของเอาไว้ให้ด้วย  บอกว่าจะมีคนตามมารับของทีหลัง   คุณชื่ออะไรครับ”   พนักงานถามกลับมา  ไวน์ขมวดคิ้ว  เหลือบมองไปทางกระเป๋าที่วางแอบเอาไว้ในเคาน์เตอร์  เห็นแค่แวบเดียวเขาก็จำได้

            หัวใจเต้นแรง  ไวน์รีบตอบ

            “ชื่อลักษณ์”

            “งั้นนี่ครับ กระเป๋าของคุณ”  ไวน์รับกระเป๋าใบนั้นมาถือเอาไว้

            “แล้วคนที่ฝากกระเป๋าเอาไว้ล่ะ”

            “ออกไปสักพักแล้วครับผม”  ไวน์รีบหันหลังออกมาจากร้าน  เขาก้าวยาวๆกลับไปขึ้นรถ  เทข้าวของในกระเป๋านั้นออกมา  กระเป๋าสตางค์  โทรศัพท์ที่ปิดเครื่อง  ปากกา  สมุดเลคเชอร์  ชีทเรียน  กล่องแว่นตา ...และถุงผ้าที่มีเชือกมัดเอาไว้แน่น   

            “เห้ย  ลักษณ์ไปโดยไม่มีกระเป๋าตังค์ติดตัวเนี่ยนะ  โทรศัพท์ด้วย ...เราว่าต้องรีบหาลักษณ์ให้เจอจริงๆแล้วล่ะ”  นพพูด

            ไวน์หยิบร่มคันที่เขาเป็นคนให้วิปยืมไปให้บัดดี้นั้นขึ้นมาดูราวกับไม่เคยเห็น  เขาแกะถุงผ้าใบเล็กนั้นออก  รูปถ่ายติดบัตรขนาดนิ้วครึ่งของเขาหล่นลงมาบนตัก  ใบหน้าตัวเองสมัยมัธยมมองตอบกลับมาอย่างเด๋อด๋า   ตามด้วยพวงกุญแจรูปลูกบาส  กับการ์ดใบหนึ่ง

            ไวน์หยิบการ์ดขึ้นมาดู  ลายมือตัวใหญ่ๆที่คล้ายกับของเขาราวกับแกะนั้นเขียนเอาไว้...

 

            ‘ถึง...ลักษณ์

          กูอยากบอกว่ากูแอบชอบมึงมานานแล้ว  น่าจะตั้งแต่ ม.2  มึงเป็นคนหล่อ  เรียนเก่ง  บ้านรวย  จีบสาวเก่ง   ปากหมา  ชอบกวนประสาทกูตลอด  แต่มึงก็คอยอยู่ดูแลกู  ในยามที่กูทุกข์  มึงก็ทุกข์ด้วย  ยามที่กูสุข  มึงก็สุขด้วย  กูไม่รู้จะบอกมึงยังไงว่ากูชอบมึงมาก  กูรู้ตัวดีว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับมึง  ดีได้ไม่เท่ากับแฟนของมึง  กูมันโง่และขี้ขลาด  ไม่เคยตามอะไรทัน  กูถึงประทับใจในความเก่งกล้าของมึงไง  กูรู้ว่าตัวเองไม่คู่ควรกับมึง  กูทำได้แค่แอบมองมึงอยู่ตรงนี้  หวังว่าสักวันมึงจะหันมาเห็น  แล้วก็ยกโทษให้กูที่เคยทำร้ายจิตใจมึงด้วยความไม่รู้  กูหวังมากเกินไปหรือเปล่า...  กูรู้ว่ามันสายไปหน่อย  แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้  กูก็ยังอยากบอกว่ากูรักมึง  ดูแลแฟนมึงดีๆนะ...ลักษณ์’

         


          “นี่มึงเคยทำเขียนอะไรแบบนี้ด้วยเหรอวะไอ้ไวน์”  นพพูดขึ้น   ชะโงกเข้ามาอ่านข้อความบนการ์ดในมือของเขา  ไวน์พลิกดูอีกด้านหนึ่งเป็นภาพสเก็ตช์คร่าวๆของใครคนหนึ่งที่กำลังกระโดดขึ้นชู้ตบาส  ร่างสูงสมส่วนและใบหน้าที่แรเงาเอาไว้นั้นดูคล้ายกับเขาเอง

          “เลี่ยนชิบหายเลยใช่มั้ยล่ะ”  ไวน์พูด  หัวเราะเบาๆ  มันแปร่งปร่าจนเพื่อนขมวดคิ้ว  แต่เขาไม่สนใจ  รู้สึกขอบตาทั้งสองข้างร้อนผ่าว  ไวน์เงยหน้าขึ้นเพื่อให้น้ำตาไหลย้อนกลับลงไป 

            หัวใจของเขาเต้นถี่แรงแล้วกลับเต้นช้าลง

            ไอ้ลักษณ์...มึงอยู่ที่ไหนเนี่ย 

            รู้หรือเปล่าว่ากูเป็นห่วงจนจะบ้าตายอยู่แล้ว

            ...........................................................................................





มาอัพต่อนะคะ  ขอบคุณทุกคอมเม้นท์มากค่ะ  อ่านแล้วปลื้มปริ่ม   :katai2-1:  ชื่อตอนนี้จะชุ่มฉ่ำหน่อย  เหมือนที่ไรท์เพิ่งตากฝนกลับบ้านมา แหมะ  จะตกอะไรกันนักกันหนาคะ555

ติชมคอมเม้นท์กันมาได้เลยค่ะ 

ทวิต #แอบลักษณ์ 

เฟส F A N P A G E (https://www.facebook.com/Melenalikebanana/)
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่22 17/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-05-2017 01:09:28
 :hao7:



นิว นี่ได้ใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่22 17/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 17-05-2017 01:38:11
ที่ไวน์ทำมันผิดแน่ แต่สิ่งที่นิวทำเรียกว่าเลว การกระทำส่อถึงจิตใจจริงๆ
อยากเห็นนิวได้รับผลที่ตัวเองทำ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่22 17/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 17-05-2017 01:55:10
โอ๊ยยยยยย  :katai1: :katai1: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่22 17/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 17-05-2017 04:06:47
 :ling3:

จะเป็นไง ก็เป็นกัน บากบั่นหา
จะติดตาม เจ้าแก้วตา เพื่อนยาเอ๋ย
จะกอดไว้ ให้มั่นคง จงเหมือนเคย
ไม่ทอดทิ้ง ไม่ละเลย เผยหัวใจ

กลับมาหา อ้อมกอด ทอดสนิท
กลับมาหา คู่คิด ได้ชิดใกล้
กลับมาหา คนรัก ให้พักใจ
สงบนื่ง ไม่ติงไหว ใจผูกกัน

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่22 17/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: Naam3 ที่ 17-05-2017 08:12:51
ลุ้นๆๆๆๆๆอย่าเป็นไรน่าาๆๆๆขอให้ไวท์หาเจอๆๆๆๆไม่ม่าน่าาๆๆๆสนุกๆๆๆรอๆๆๆ :ling1: :katai5: :o12: :sad4: :hao5: :3123:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่22 17/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 17-05-2017 13:15:09
โหยยยย ลุ้นมากตอนนี้
โชคดีที่ไวน์ไม่งี่เง่า แต่ลักษณ์งี่เง่าแทน แทนที่จะคุยกันให้จบๆ เบื่อพวกคิดไปเองจริงๆเลย
ยังดีที่ลักษณ์ยังมีไหวพริบ ไม่ขี้เกรงใจไอ้พี่รหัสเลวๆ ทำกันแบบนี้ น่าจะเอาให้นายสิงห์เสียอนาคตไปเลย
ลุ้นๆว่าทั้งคู่จะลงเอยยังไง แต่หวังว่าฟ้าหลังฝนจะแจ่มใสนะฮะ ได้โปรดดดดดดด
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่22 17/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: appattap ที่ 17-05-2017 17:28:56
เรื่องความรักนี่ไม่มีใครผิดใครถูก
แต่ผิดที่นิว ลำไยมากกกกกกก เลวด้วย
เค้าไม่รักทำยังไงเค้าก็ไม่รักค่ะลูก
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่22 17/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 19-05-2017 18:26:32
ขอให้ปลอดภัยนะ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่22 17/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 19-05-2017 22:21:03
รอมาสองคืนแล้ว
คิดถึงนะ


เอามาเสริฟเลย
จะคลั่งแว๊ววววววว
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่22 17/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: Naam3 ที่ 19-05-2017 22:50:33
รอๆๆๆๆๆๆ :mew1: :hao7: :mew4: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่23 22/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 22-05-2017 23:27:28
ตอนที่ 23

Some people are worth melting for.

 

 

 

 

 

            “ข้างหน้าต้องมีรถชนกันแน่ๆ  ถึงได้ติดแหงกขนาดนี้”  นพพูด  พวกเขาติดอยู่บนถนนสามเลนที่ไม่ขยับมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว  ไวน์ที่นั่งข้างหลังก็เริ่มร้อนใจมากขึ้นทุกทีตามเวลาที่ผ่านไป  เขาพยายามโทรติดต่อขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆของตัวเองและของลักษณ์  ใช้โซเชียลตามหาก็แล้ว  ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเจอ

            ในหัวของเขามีแต่ภาพร้ายๆเกิดขึ้นเต็มไปหมด  ภาพลักษณ์โดนทำร้าย  ถูกขัง หรือแม้แต่ถูกไอ้บ้าสิงห์นั่นมัน... เขายกมือขึ้นปิดหน้า   รู้สึกเส้นประสาทตัวเองขมวดขึงจนแทบจะขาดได้ในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง

            “กูลงไปเดินอาจจะเร็วกว่า”

            “ไอ้บ้าไวน์  ใจเย็นๆดิวะ  ขืนมึงลงไปเดินตากฝนอีกคงได้ตายพอดี   มึงนอนพักไปก่อนดีกว่า”

            “กูจะนอนพักยังไงไหวในเมื่อไอ้ลักษณ์ไปอยู่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้เนี่ย   ไม่รู้ละ  ถ้ารถมันติดมาตั้งนานแล้ว ก็แปลว่าลักษณ์มันต้องอยู่ในรถที่จอดติดอยู่ข้างหน้านั่น”

            “มึงจะไปเคาะกระจกรถส่องดูทีละคันหรือไง”

            “ก็ดีกว่านั่งหงิกอยู่บนนี้ล่ะวะ”  ไวน์ทำท่าจะเปิดประตูลงไปจริงๆ  แต่นพกดล็อคประตู

            “คนที่ลงไปเดินตอนฝนตกขนาดนี้  ถ้าไม่ใช่คนบ้าก็เมาแล้ว  มึงนั่งอยู่บนนี้แหละ  เดี๋ยวรถก็ขยับ”  นพพูดเสียงดังด้วยความเป็นห่วงเพื่อน

            “เราว่ามีคนบ้าคนนึงนะนพ  ดูนั่นดิ”  เพลินชี้ไปทางซ้ายมือแล้วหัวเราะ  เห็นเงาของร่างคนๆหนึ่งเดินท่อมๆกลางสายฝนย้อนกลับมาทางรถของพวกเขา  ฝนที่ตกแรงมากนั้นทำให้มองเห็นไม่ชัด  รู้แต่ว่าร่างนั้นเซไปเซมาไม่รู้ว่าเป็นเพราะลมพายุหรือทรงตัวไม่อยู่เองกันแน่

            ไวน์จ้องมองภาพเงาตะคุ่มๆที่เดินตรงมานั้นเขม็ง  สังหรณ์บางอย่างทำให้เขาจ้องมันตาไม่กระพริบ  ไม่ได้แลเลยไปทางอื่นอย่างเพื่อนสนิททั้งสองคนที่เปลี่ยนไปคุยเรื่องรถชนแทน

            เงานั้นเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกทีจนเห็นเค้าโครงรูปร่างได้ถนัด  ไวน์ใจเต้นรัวแรง  เขาปลดล็อคประตูรถยนต์ของเพื่อนแล้วเปิดประตูพรวดลงไปจากรถโดยที่เพื่อนหันมาห้ามไม่ทัน

            “เชี่ยไวน์  ทำไรวะ!”

            ไวน์ไม่ตอบ  เขาปิดประตูรถดังปัง  สายฝนที่เทลงมาทำให้เสื้อนักศึกษาของเขาเปียกในพริบตา  ไวน์ก้าวยาวๆเบี่ยงหลบมอเตอร์ไซต์และท้ายรถกระบะตรงเข้าไปหาร่างเพรียวบางที่เดินกอดอกตัวสั่นกึกอยู่ริมถนนนั้น

            พอเข้ามาเห็นถนัด  ไวน์ก็แทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น

            “ลักษณ์...ลักษณ์”  ไวน์พูดไม่ออก  ส่งเสียงเรียกชื่อออกไป  อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นทันที  ใบหน้าเล็กๆนั้นมีหยาดน้ำอยู่เต็ม  ไม่รู้ว่าเป็นหยดน้ำฝนหรือน้ำตากันแน่  แต่ว่าที่อยู่บนหน้าของเขานั้น  ไวน์รู้ดีว่าคือน้ำตาล้วนๆ

            ชายหนุ่มก้าวเข้าไปหาแล้วดึงร่างผอมบางมากอดเอาไว้แน่น  ความรู้สึกของคนที่เคยทำของสำคัญหายไปแล้วได้กลับคืนมานั้นทะลักเข้าท่วมล้นในอก  ไวน์ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร  ซบหน้าลงกับศีรษะทุยและเส้นผมเปียกลู่แนบศีรษะนั้น   มือลูบไปตามหลังไหล่ของคนในอ้อมแขนให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป

            “ไม่เป็นไรใช่มั้ย  ปลอดภัยใช่มั้ยลักษณ์  ไอ้สิงห์มันอยู่ไหน  กูจะไปจัดการมัน”  พอหายตกใจ ไวน์ก็นึกขึ้นมาได้  เขารีบถามเร็วปรื๋อ  สังเกตว่าอีกฝ่ายตัวสั่นเทาเหมือนบังคับตัวเองไม่อยู่ก็ยิ่งสงสาร

            “มะ...ไม่  คือ...คือว่า”  ลักษณ์พูดไม่เป็นคำ  ยิ่งแววตาคู่นั้นแสดงความดีใจที่เห็นไวน์แค่ไหน ไวน์ก็ยิ่งแค้นใจ  เขาจับร่างที่สั่นเทาของอีกฝ่ายเอาไว้  พาเดินกลับไปที่รถ

            “กลับไปที่รถก่อน เรื่องไอ้สิงห์ค่อยว่ากัน”  ไวน์ป้องมือกันน้ำฝนให้แม้มันจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่  เพิ่งสังเกตว่าเนื้อตัวของลักษณ์ร้อนผิดปกติตอนที่เดินมาถึงรถแล้ว

            “มึงไข้ขึ้นด้วยหรอเนี่ย”  ไวน์อุทาน ดันตัวลักษณ์เข้าไปในรถ  แต่ว่าอีกฝ่ายกลับพยายามขืนตัวเอาไว้  ลักษณ์พูดอย่างยากเย็นฟังแทบไม่เป็นคำ

            “ระ..ร้อน  กูร้อน..ไม่ขึ้น....ตากฝน”

            “ใช่มึงตัวร้อนมากลักษณ์  ขึ้นไปบนรถ”  ไวน์ใช้แรงที่มากกว่าดันตัวเพื่อนขึ้นไปนั่งในรถจนได้  เพลินกับนพทักทายด้วยความดีใจ   ไวน์ขอโทษนพที่ทำรถเปียกหมด

            “ไม่เป็นไรเว้ยเพื่อน  แค่เจอไอ้ลักษณ์กูก็ดีใจแล้ว  มึงตาดีชิบหายเลย ฝนตกหนักขนาดนี้มองเห็นได้ยังไง”   นพพูดอย่างประทับใจ  ส่วนเพลินค้นผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กมาส่งให้ไวน์

            “ไม่มีผ้าขนหนูเลย  เอาอันนี้เช็ดหน้าไปก่อนล่ะกัน  นพ..เบาแอร์ลงหน่อย  หนาวแย่เลยดูสิลักษณ์ตัวสั่นแย่แล้ว  นี่เดินตากฝนมาจากตรงไหนเนี่ย  แล้วเจอไอ้พี่สิงห์มั้ยไวน์”

            “ไม่เจอ...”  ไวน์ขมวดคิ้ว  เขาเริ่มรู้สึกว่าท่าทางของลักษณ์ดูแปลกกว่าคนเป็นไข้หรือหนาวทั่วไป  พอมองใกล้ๆแล้วลักษณ์กำลังเหงื่อแตกท่วมตัวราวกับร้อนหนักหนา  ทั้งที่เนื้อตัวสั่นกึกๆและปลายนิ้วเหี่ยวย่นเพราะตากฝน   ริมฝีปากแดงสดคู่นั้นพึมพำว่าร้อน  มือไม้ก็ลูบไล้ไปตามเนื้อตัวของตัวเองและบิดตัวไปมาเหมือนไม่สบายตัว

            “ลักษณ์  มึงเป็นอะไรเนี่ย  บอกกูมาสิ  ไอ้สิงห์ทำอะไรมึง”  ไวน์เอื้อมมือไปจับที่ต้นแขนทั้งสองข้างของเพื่อน เขย่าแรงๆให้สายตาเลื่อนลอยคู่นั้นหันมามองหน้าเขา  ลักษณ์มองเขาตาเยิ้ม  ยกมือเล็กๆนั่นจับที่ใบหน้าของเขา

            “ช่วย...ช่วยด้วย  มัน..ร้อน  ร้อนนะ..ในนี้”   ลักษณ์จับมือของเขาไปวางที่หน้าอกของตัวเองแล้วถูไปมา   ไวน์เบิกตาโพลงตกใจกับการกระทำของเพื่อน

            “มึงเป็นอะไรไปลักษณ์  ทำไมเหมือน...”

            “โดนยา”  นพช่วยต่อให้  “กูว่าใช่แน่ๆ”   ไวน์ก็คิดอยู่เหมือนกัน  เขาเคยได้ยินเรื่องยานรกพวกนี้มาบ้าง  แต่ว่าไม่เคยเห็นของจริงเลยสักครั้ง

            “ไอ้สิงห์!  อย่าให้กูเจอนะ”  ไวน์คำราม  ดึงมือออกจากมือของลักษณ์ที่พยายามบังคับมือของเขาให้ลูบไล้เนื้อตัวของตัวเองไปมาไม่หยุด  “ลักษณ์  จำกูได้หรือเปล่า  นี่กูไวน์นะ จำได้ใช่มั้ย”

            อีกฝ่ายพยักหน้า  แต่ทำท่าเหมือนอยากพูดออกมาแต่ก็ไม่พูด  เนื้อตัวบิดไปมาสลับกับสั่นสะท้านเป็นระยะ  นิ้วเรียวเริ่มแกะกระดุมเสื้อของตัวเองออกเพราะต้องการระบายความร้อนในตัวที่ไม่รู้มาจากไหน

            “เราต้องพาลักษณ์ไปโรงพยาบาลนะ  นพ โรงบาลที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ไหน”

            “อีกสองป้ายรถเมล์  ไม่เกินสิบนาที  แต่รถติดขนาดนี้คงไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง”  นพตอบ  เขากับเพลินพยายามเปิดหาข้อมูลของยาที่เดาว่าลักษณ์คงโดนมา  เพลินตัดสินใจโทรหาญาติผู้พี่ที่เป็นหมอแทน

            “....ค่ะพี่....  เพลินไม่ทราบเหมือนกันว่าโดนมาตั้งแต่เมื่อไหร่  ตอนนี้ก็....กำลังแย่เลยค่ะ  ทำยังไงดีคะ”  เพลินถามเสียงสั่น  ตาก็มองไวน์พยายามปลอบลักษณ์ให้อยู่นิ่งๆไปด้วย  “มีค่ะ มีรพ.ใกล้ๆ  แต่ตอนนี้รถติด  ค่ะพี่เพลิง....ยานอนหลับหรอคะ  เพลินไม่มีหรอก  น้ำเย็นหรอคะ  เพลินจะไปเอามาจากไหนล่ะ...ค่ะๆ ดื่มน้ำใช่มั้ยคะ  ขอบคุณมากค่ะ”

            “ยังไงเพลิน  พี่ว่าไงบ้าง”  ไวน์รีบถาม  เห็นหญิงสาวเอื้อมหยิบขวดน้ำเปล่าในรถมาส่งให้

            “พี่บอกต้องไปรพ.ก่อน  ดื่มน้ำเยอะๆด้วย  เอ้า...นี่ไวน์  ให้ลักษณ์กินเข้าไป  พี่เพลิงบอกมันขับออกทางฉี่” ไวน์รับขวดน้ำมาเปิดฝาออกแล้วประคองใบหน้าของลักษณ์ขึ้น  จ่อขวดให้ที่ริมผีปาก  ลักษณ์พยายามให้ความร่วมมือเต็มที่แม้จะทำได้ยากก็ตาม   ดื่มไปได้เกือบครึ่งขวดเจ้าตัวก็สำลักออกมา

            “ไหวมั้ยลักษณ์  อดทนอีกนิดนะ  ดื่มให้หมด”  ไวน์กัดฟันพูด  เขาสงสารอีกฝ่ายที่สำลักจนหน้าดำหน้าแดงแต่ก็ยังพยายามดื่มน้ำต่อจนหมดขวด

            ร่างเล็กตัวสั่นเทาสลับกับบิดเกร็งไปหมดทั้งตัว  หน้าตาของลักษณ์บ่งบอกความทรมานจนไม่ต้องเอ่ยออกมาเป็นคำพูด  ริมฝีปากบางพึมพำด้วยเสียงสั่นเครือฟังไม่ได้ศัพท์  ไวน์กอดร่างนั้นเอาไว้แนบอก  เขาไม่เคยรู้สึกอะไรอย่างนี้มาก่อน   มันเป็นความรู้สึกที่อยากจะรับความทุกข์ทรมานที่อีกฝ่ายได้รับอยู่นั้นมาไว้เสียเอง  เขายอมแล้ว  ยอมหมดทุกอย่างเลยขอแค่ให้ลักษณ์หายกลับมาเป็นปกติ  นาทีนี้ถ้ามีใครถามเขาว่ายอมตายแทนได้มั้ย ไวน์คงตอบว่าได้โดยไม่ลังเล

            “มีน้ำอีกมั้ย  ให้ลักษณ์ดื่มอีก”  ไวน์พูด  เพื่อนสองคนช่วยกันค้นจนทั่วได้น้ำมาอีกขวด  ไวน์ช่วยให้ลักษณ์ดื่มเข้าไปอีกจนหมด

            “หมดแล้วไวน์   ...เมื่อกี้พี่เพลินบอกให้ลงไปแช่น้ำเย็นจะช่วยได้”

            “น้ำเย็นเหรอ”  ไวน์มองออกไปข้างนอกรถ  ฝ่าสายฝนที่ตกหนักไม่ทีท่าว่าจะหยุด  เขาเห็นคลองประปาที่อยู่ริมถนน  นพเห็นสายตาของเพื่อนก็รีบบอก

            “อย่านะมึง  ไม่ได้นะ”

            “เปิดประตูหน่อยนพ”  ไวน์พูดเรียบๆ  เพื่อนสนิทไม่ยอมปลดล็อคให้  ไวน์ก็เลยจะกดเปิดเองเหมือนเมื่อครู่  “กูไม่ได้จะลงไปแช่คลอง  แต่จะพาไปตากฝนนี่แหละ น่าจะช่วยได้  เมื่อกี้ตอนลักษณ์อยู่กลางฝนก็ดูสงบกว่าตอนนี้”  ไวน์พูดเสียงแหบ  กระชับอ้อมแขนโอบกอดคนตัวเล็กแน่นเข้า  ลักษณ์เม้มปากเอาไว้ หน้าแดงก่ำ

            “ตากฝน?  เดี๋ยวก็ปอดบวมตายกันทั้งคู่หรอก  ไอ้ไวน์ใจเย็นๆนะมึง   ก่อนถึงแยกหน้าก็ถึงรพ.แล้ว”

            “มึงไม่เห็นไอ้รถเก๋งที่นอนแอ้งแม้งขวางอยู่นั่นหรือไง  เลนมันไปไม่ได้แล้ว  กว่ารถจะมาลากไป”  ไวน์ชี้ให้เพื่อนดูอุบัติเหตุรถเก๋งชนกับรถกระบะข้างหน้า  เป็นสาเหตุที่ทำให้รถติดเป็นทางยาวขนาดนี้นอกจากฝนตกที่เป็นสาเหตุหลัก  “เมื่อกี้บอกก่อนถึงแยกหน้าใช่มั้ย  เห็นแล้วที่มีป้าย...งั้นเดี๋ยวกูพาลักษณ์ไปเอง”  ไวน์กะระยะด้วยสายตาแล้วน่าจะพอเดินไหวแน่ๆ

            “มึงจะพาไปยังไง”

            “เลาะฟุตบาทไป”   ไวน์ตอบ  เขาก้มลงมองใบหน้าบิดเบ้ของคนในอ้อมแขน  แตะริมฝีปากเข้ากับหน้าผากอุ่นชื้นนั้น  ไม่แคร์สายตาของเพื่อนที่มองมา

            “ลักษณ์  เดี๋ยวกูจะพาไปโรงพยาบาลนะ  มึงพอเดินไหวมั้ย”   ลักษณ์พยักหน้ารับ

            “ไอ้ไวน์  อันตรายเถอะ”

            “ไม่เป็นไรหรอก  กูอุ้มไหว...ให้กูได้ทำอะไรบ้าง  มึงดูหน้ามันสินพ..  กูทนไม่ไหวหรอก”   ไวน์พูด  เขากัดริมฝีปากของตัวเองจนห้อเลือด  แต่ความรู้สึกเจ็บยังน้อยกว่ายามทอดสายตามองลักษณ์แล้วเห็นแววตาหวาดกลัวทว่าเปี่ยมไปด้วยความต้องการนั้น  ลักษณ์บังคับตัวเองไม่ได้เลย  มือเล็กๆนั้นพยายามเลิกเสื้อขึ้นและสอดเข้าไปในกางเกงของตัวเอง  ลูบคลำปาดป่ายไปทั่วพลางบิดเกร็ง

นี่ถ้าเขาไม่ได้เป็นคนเจอลักษณ์  ถ้าเป็นไอ้สิงห์หรือว่าคนใจชั่วคนอื่นเจอเข้าก่อน  ....ไวน์ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนสนิท...เขาคงรู้สึกผิดและเสียใจไปจนตาย

ไวน์ยึดมือของลักษณ์มากำเอาไว้หลวมๆ  ลักษณ์หายใจถี่เร็ว ดูเหนื่อยมากเหมือนคนวิ่งมาหลายกิโล  น้ำตาคลออยู่ในดวงตากลมโตคู่นั้นที่ครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยความสดใส  แต่ว่าในระยะหลังกลับมีหมอกบางเบาปกคลุมอยู่ตลอด  ไวน์รู้แล้วว่ามันเป็นเพราะเขา  และที่มันเปลี่ยนเป็นหวานหยาดเยิ้มแกมหวาดหวั่นนี้ต้นเหตุก็เป็นเพราะเขาอีกเช่นกัน

เพราะเขาเอง...ลักษณ์  ถ้ามึงเป็นอะไรไปนะ 

“ช่วยด้วย...ช่วยหน่อย”  เสียงแหบพร่าของลักษณ์ที่กระซิบอยู่ข้างหู  กลิ่นกายหอมอ่อนๆปนกับกลิ่นน้ำฝน  สัมผัสร้อนรุ่มที่แนบชิด  และความรู้สึกในใจของเขา...ช่วยไม่ได้เลยที่ทุกอย่างทำให้ไวน์รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาบ้างเช่นกัน  ไวน์เม้มปากแน่นสะกดกลั้นความรู้สึกของตัวเองที่เริ่มพลุ่งพล่าน

“อื้อ...ฮือ   อึก..”  ลักษณ์ล้วงมือของตัวเองเข้าไปในกางเกง  บางส่วนของลักษณ์กำลังถูกปลุกเร้าด้วยฤทธิ์ยาที่ได้รับทำให้ยากจะต้านทานได้   ร่างเล็กบิดเกร็งขยับมือรัวเร็ว

“เพลินอย่าหันมานะ”  ไวน์ใช้หมอนช่วยปิดพลางกอดลักษณ์เอาไว้แน่น  เขาไม่สามารถหยุดอีกฝ่ายได้ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถ ‘ช่วย’ อีกฝ่ายได้เช่นกัน  ใบหน้าเล็กแดงจัดลามลงมาถึงลำคอ  เหงื่อแตกพลั่ก  ลักษณ์เงยหน้าขึ้นเห็นเส้นเลือดที่คอเต้นตุบเป็นจังหวะรัวแรง  เสื้อสีขาวชุ่มน้ำฝนบางแนบเนื้อเห็นไปถึงไหนต่อไหน  กางเกงแบะออกเลื่อนลงไปต่ำเกือบหลุดสะโพก  ไวน์จิกมือลงกับหน้าขาตัวเองแรงๆเป็นการเตือนตัวเองไม่ให้สติแตกตามไปด้วย  แม้ว่าภาพเบื้องหน้ามันจะกระตุ้นอารมณ์ของเขามากมายขนาดไหนก็ตาม

สัญชาตญาณในตัวร้องเตือนดังลั่นว่าเขาไม่หยุดตอนนี้  ก็อาจจะหยุดยั้งตัวเองไม่ได้อีก

“อ่า ...ชะ..ช่วยด้วย”

“ไอ้ไวน์  ทำไงดีวะ  สงสารมัน”  นพพูดกลบเสียงครางของลักษณ์  ขณะที่เพลินหน้าแดงยกมือขึ้นปิดหูปิดตา 

ไวน์จับมือของลักษณ์ให้เลิกขยับ  ใบหน้าลักษณ์เหยเกด้วยความเจ็บแต่ก็ยังเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ต้องการปลดปล่อย  ของเหลวสีขุ่นเปื้อนเลอะเทอะที่กางเกงและหน้าตักของเขา  ชายหนุ่มจัดการดึงกางเกงของอีกฝ่ายขึ้นสวมจนเรียบร้อย  หันไปสบตาไอ้นพผ่านกระจกมองหลังแล้วก็กดปลดล็อคประตูข้าง

            “ไอ้ไวน์!”  นพกับเพลินตะโกนเรียกแต่ไม่ทัน  อีกฝ่ายเปิดประตูออกแล้วดึงลักษณ์ตามออกมาด้วย   ไวน์ไม่พูดพร่ำทำเพลง   ก้มลงช้อนร่างของลักษณ์ขึ้นมาอุ้มแล้วก็พาเดินฝ่าสายฝนเย็นฉ่ำนั้นไปตามฟุตบาท  มือเรียวคล้องอยู่รอบลำคอหนา  ปลายเล็บจิกที่ผิวหลังคอของเขาจนแสบไปหมด  นัยน์ตาของลักษณ์มองจับมาแล้วก็เบือนหลบไปซุกใบหน้าที่ซอกไหล่   ได้ยินเสียงพึมพำเบาจนต้องก้มลงไปฟังว่าให้ปล่อย

            “อดทนหน่อยนะลักษณ์”  ไวน์ตอบ  กระชับอ้อมแขนขึ้นอีก  “ไม่ไกลแล้ว  ให้หมอดู...มึงก็จะได้หายนะลักษณ์”   สายฝนเริ่มเบาลงเล็กน้อย  ลักษณ์สูดหายใจเข้าออกช้าๆตามที่เขาบอก  เนื้อตัวยังสั่นสะท้านอยู่เป็นระยะ  แต่อาการก็ดีขึ้น  เช่นเดียวกับบางส่วนในร่างกายของเขาที่เริ่มสงบลงเช่นกัน  ไวน์กัดฟันพาเพื่อนสนิทมาถึงรพ.จนได้

            เขาวางร่างของเพื่อนลงหน้าห้องฉุกเฉิน  พูดปากคอสั่นกับเจ้าหน้าที่ว่าเพื่อนเขาโดนวางยา  ลักษณ์ถูกพาเข้าไปในห้องฉุกเฉินทันที  เขายืนรอ พยายามจะชะเง้อมองเข้าไปภายในห้องนั้นอย่างเป็นห่วง  แต่เจ้าหน้าที่ก็บอกให้เขาไปติดต่อทำบัตรโรงพยาบาลก่อน  ไวน์ยืนจับปากกาอ่านเอกสาร  ตัวอักษรเบื้องหน้าเริ่มพร่าเบลอ  เขามือสั่น  ความเหนื่อยอ่อนและปวดร้าวไปทั่วทั้งตัวเข้าจู่โจมขึ้นมาฉับพลันราวกับรอจังหวะอยู่  ชายหนุ่มเริ่มยืนโงนเงน

            “คุณคะ ...รักษาใช้สิทธิที่ไหนคะ  คุณ... อ้าว... มีคนเป็นลม  ช่วยหน่อยค่ะ”   คุณพยาบาลร้องเรียก  แล้วร่างสูงใหญ่นั้นก็ถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินด้วยอีกคน

            “ผม...ไม่เป็นไร... ช่วยเพื่อนผม ลักษณ์”  เขาพูดเบาๆ  รู้สึกว่าตัวเองถูกอุ้มลอยขึ้นนอนบนเปล  มีอะไรสักอย่างรัดที่ต้นแขนจนรู้สึกอึดอัดไปหมด  แล้วภาพเพดานกับแสงไฟด้านบนก็เริ่มหมุนติ้วจนเขาคลื่นไส้

            ภาพที่ไวน์เห็นก่อนที่ตัวเองจะหมดสติไปคือร่างผอมบางของเพื่อนสนิทที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงแคบๆภายในห้องที่แสนวุ่นวายนั้น  มีผู้หญิงใส่ชุดสีฟ้าๆและขาวล้อมรอบ   เขาเห็นลักษณ์ตัวสั่นเป็นระยะแต่อย่างน้อยลักษณ์ก็อยู่ในมือหมอแล้ว

            มึงต้องหายดี...ลักษณ์  มึงต้องไม่เป็นอะไร  แล้วก็ต้องตื่นขึ้นมาฟังกูพูด  เข้าใจมั้ย   กูมีอะไรจะบอก  ความผิดของกูเอง  อย่าเป็นอะไรนะเพื่อนรัก

            ............................................................................................

            “มันบ้าไปแล้ว   เราว่าต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุดนะ  แจ้งตำรวจดีกว่า”  นพพูดขึ้นมา  มองหน้าเพื่อนสนิทสาวที่นั่งไขว่ห้างอยู่ใกล้ๆ  แล้วเปลี่ยนสายตาไปมองร่างสูงใหญ่ที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงภายในห้องพักพิเศษของโรงพยาบาล

            “เราไม่มีหลักฐานอะไรเลยนะ  มีแค่ผลตรวจของลักษณ์  จะไปเอาผิดไอ้สิงหานั่นได้ยังไง” เพลินตาแย้งขึ้นมา

            “แต่เราจะปล่อยให้คนชั่วลอยนวลแบบนี้เหรอ  ไม่ไหวล่ะ  เราว่ามันไม่ถูกต้อง  ไอ้ไวน์ก็คงไม่ปล่อยเหมือนกัน...”   คนฟังลุกขึ้นดินไปหาร่างคนป่วยที่นอนหลับอยู่บนเตียงบ้าง  ไวน์นอนอยู่ที่นี่ล่วงเข้าวันที่สามแล้วนับจากวันที่มันน็อคที่ห้องฉุกเฉิน  เธอกับนพที่ตามมาถึงทีหลังก็ตกใจเกือบช็อคไปอีกคนเมื่อหมอบอกว่ามันป่วยเป็นปอดอักเสบ  อาการหนักพอสมควร  ถ้ามาช้ากว่านี้ก็คงแย่  โชคดีที่เป็นคนหนุ่มแข็งแรงมาก่อนก็เลยพอจะฟื้นตัวได้

            “เราว่าให้ลักษณ์กับไวน์ตัดสินใจกันเองดีกว่า”

            “แต่ถ้าช้ามันก็จะยิ่งลอยนวลนะเพลิน”

            “นพพูดถูก”  เสียงแหบๆของคนป่วยพูดขึ้น  เพลินอุทาน

            “ไวน์  นึกว่าหลับอยู่เสียอีก”

            “นอนฟังพวกเธอคุยกัน   นพ...แจ้งความเถอะ  อย่างน้อยก็เป็นการขู่มันไม่ให้มายุ่งกับลักษณ์อีก  มึงมีวิธีหาหลักฐานไม่ใช่เหรอ”  นพเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอย่างรู้กัน  บังเอิญนพมีเพื่อนเป็นลูกนายตำรวจใหญ่ที่แค่เอ่ยชื่อออกไปทุกคนก็ต้องร้องอ๋อ 

            “ได้เลย  รอคำนี้มานานแล้ว”  นพผิวปากแล้วลุกขึ้นยืน  เดินเข้ามาเกาะขอบเตียงบ้าง  “แล้วมึงเป็นไงบ้าง  ดีขึ้นแล้วสิ พูดได้ขนาดนี้”

            “อืม  ดีขึ้นแล้ว  ...กูขอไปเยี่ยมลักษณ์ได้มั้ย”  เพื่อนสองคนสบตากันแวบหนึ่ง  เพลินเป็นคนพูดขึ้นมาก่อน

            “ลักษณ์กลับบ้านไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน  ไวน์  พี่ชายกับป้าของลักษณ์เป็นคนมารับ”

            “อ้าว  แล้วทำไมเมื่อวานเธอไม่บอกเรา  เธอให้เรารอวันนี้ทำไม”  ไวน์โมโห

            “เอ่อ...พะ  พี่ชายลักษณ์ไม่ยอมให้เธอเยี่ยมน่ะ”

            “พี่รามคงโกรธกูมาก”  ไวน์ครางออกมา  “แล้วลักษณ์มาเยี่ยมกูบ้างมั้ย”  เพื่อนอึ้งไปแล้วก็ส่ายหน้าช้าๆ  ทำเอาคนป่วยเงียบไปนานด้วยความเสียใจ

            “มึงอย่าเพิ่งคิดเรื่องลักษณ์เลย  รักษาตัวเองให้หายก่อนเถอะ  แล้วค่อยว่ากัน”  นพตัดสินใจพูดขึ้นมา  “เรื่องลักษณ์มึงยังใจเย็นรอมาได้ตั้งหลายปี  รออีกไม่กี่วัน  รักษาตัวให้หายแล้วจะไปตามง้อก็ยังไม่สายนะเว้ย”

            “มันไม่เหมือนกัน  เรื่องลักษณ์กูยังไม่ห่วงเท่าเรื่องพี่รามเลย”

            “เอ่อ...จริงๆเรื่องลักษณ์ก็น่าห่วงอยู่เหมือนกันนะ”  เพลินพูดแทรกขึ้นมา  “คือ...ลักษณ์ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงที่โดนยาไปน่ะ”  หญิงสาวพูดขึ้นมาแล้วกัดปาก  ไวน์อ้าปากค้าง  เธอเลยรีบขยายความต่อ  “คือหมอบอกว่าน่าจะเป็นผลข้างเคียงของยาทำให้ลืมช่วงเวลานั้นไป  หมอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแค่ชั่วคราวหรือจะลืมไปตลอด”

            “แล้วมีใครเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ลักษณ์ฟังหรือยัง”

            “พี่ชายของลักษณ์...คนที่น่ากลัวๆน่ะเล่าไปแล้ว  บอกว่าลักษณ์ไม่สบายมากก็เลยพามาส่งรพ. พี่เค้ากำชับด้วยว่าให้ทุกคนพูดตรงกันให้หมด  ลักษณ์จะได้เชื่อตามนั้นแล้วก็ลืมๆเรื่องนี้ไปซะ”

            ไวน์นิ่งงัน  เขาเม้มปากแน่นหลับตานิ่งไปนานจนเพื่อนนึกว่าหลับไปแล้ว จนกระทั่งเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง

            “ก็ดีเหมือนกัน   ให้ลักษณ์ลืมเรื่องแย่ๆไปก็ดีแล้ว”





ต่อ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่23 22/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 22-05-2017 23:30:51
  ต่อนะคะ







              “เค้าก็จะลืมเรื่องที่มึงไปช่วยเค้าเอาไว้ด้วยล่ะสิ  นี่มึงเสี่ยงชีวิตเพื่อเค้าเลยนะ”  นพท้วง

            “เสี่ยงชีวิตอะไร  กูป่วยของกูอยู่เอง  ไม่ได้เสี่ยงอะไรทั้งนั้น”  ไวน์พูด  “ลักษณ์ต่างหากที่เสี่ยงชีวิต  ไอ้ยานั่นอาจจะทำให้เค้าเสียผู้เสียคนได้เลยนะ”

            “ไอ้ไวน์  มึงช่วยหยุดพูดเรื่องลักษณ์หน่อยเหอะ  ที่มึงเกือบตายอยู่เนี่ยไม่ใช่เพราะแบกมันตากฝนมาถึงที่นี่เรอะ”  นพพูดเพราะเป็นห่วงเขามาก  ไวน์เข้าใจ  เขายิ้มออกมานิดๆ

            “ถ้ากูจะตายเพราะโง่เดินตากฝนพามันมารพ.ก็สมควรแล้ว”  เขาพูด  แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาถึงคอ  “กูขอนอนต่ออีกหน่อย  เดี๋ยวพ่อกับแม่กูจะลงมาวันนี้ใช่มั้ย”

            “ใช่  แม่มึงเป็นห่วงมาก โทรหากูวันละสามเวลาหลังอาหารเพราะลูกชายไม่ยอมรับโทรศัพท์  ไม่รู้ว่าปิดเครื่องหรือมัวยุ่งเรื่องอื่นอยู่”  นพกระแทกเสียง  สายตามองไปยังโทรศัพท์สองเครื่องที่วางอยู่บนหัวเตียงของคนไข้  ไวน์หัวเราะเบาๆ

            “ขอบคุณมากนพ  เพลินด้วย...กูโชคดีที่มีเพื่อนอย่างพวกมึง”

            “เออ  กูไปล่ะ  เพลิน...ปล่อยให้มันนอนหงิกอยู่ที่นี่แล้วเราไปกินข้าวกันดีกว่า  วันนี้เรามีร้านเด็ดอยากแนะนำด้วยนะ”

            “ไปเหอะ  อย่าลืมบอกเด็กเสิร์ฟว่ากูคิดถึงด้วยล่ะ”  ไวน์พูด แล้วไอออกมาหลายครั้ง

            “กูจะเอาไปบอกพี่ชายเค้าแทนล่ะกัน”  นพตอบกลับมาแว่วๆก่อนจะปิดประตูห้องคนไข้

            รอยยิ้มบนใบหน้าของคนป่วยจางลง  เขาถอนหายใจยาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู...ข้อความในไลน์ที่เขาส่งไปหาลักษณ์ตั้งแต่เมื่อคืน  อีกฝ่ายยังไม่ได้กดอ่านด้วยซ้ำ   เป็นไปได้ว่าอาจจะบล็อกเขาไปแล้ว   ชายหนุ่มวางโทรศัพท์ที่ใช้ประจำนั้นลงแล้วหยิบโทรศัพท์อีกเครื่องที่เขาซื้อมาถูกๆเพื่อเอาไว้คุยกับใครบางคนโดยเฉพาะขึ้นมา   ...เขาขอให้ไอ้นพกลับไปเอาให้ที่บ้านตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

ไม่รู้เหมือนกันว่าลักษณ์จะบล็อกไอดีนี้ไปด้วยหรือเปล่า

            Wishmeluck:  ลักษณ์

            Wishmeluck:  นี่กูเองนะ  ไวน์

            Wishmeluck:  มึงคงรู้อยู่แล้วล่ะว่าเป็นกู  กูมีเรื่องอยากคุยกับมึงหลายอย่าง  กูไม่รู้ว่าตอนนี้มึงเข้าใจว่ายังไง  ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเราสองคนอยู่ที่ตรงไหนแล้ว   ยังเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่เหมือนเดิมหรือว่ากลายเป็นแค่คนแปลกหน้า   แต่กูก็ไม่สนใจแล้ว  กูมีเรื่องอยากจะบอกมึง

            Wishmeluck:  ลักษณ์...กูรักมึงนะ  รักเหมือนเดิม  เหมือนวันแรกที่กูรู้สึกตัวว่าหลงรักเพื่อนสนิทตัวเอง  เหมือนวันสุดท้ายที่มึงปฏิเสธกูและกูก็พยายามตัดใจ   กูพยายามตัดใจจากมึงลักษณ์  นิวคือคนที่กูคิดว่าเค้าจะช่วยกูได้ แต่ก็เปล่าเลย...คืนนั้นในสนามที่มึงจูบกู  มันทำให้กูรู้ทันทีว่าไม่มีทางตัดใจจากมึงได้  กูยังรักมึงอยู่เต็มหัวใจ   มึงรู้หรือเปล่าลักษณ์ว่ากูดีใจมากแค่ไหนที่มึงก็มีใจให้กูเหมือนกัน

            Wishmeluck:  กูรอวันนี้มานานมากลักษณ์  มันนานจนเหมือนไม่มีวันมาถึง  นานจนกูถอดใจไปแล้ว  แต่สุดท้ายมันก็มาถึงจนได้ ทว่าเรากลับไม่เข้าใจกันอีก  กูไม่รู้ว่านิวไปพูดกับมึงว่าอะไรบ้าง  แต่คงไม่เหมือนกับที่กูอยากจะพูดกับมึงแน่ๆ  ถ้ามึงอ่านถึงบรรทัดนี้  ถ้ามึงยังรักกูอยู่  ก็ได้โปรดเถอะลักษณ์  ช่วยตอบกลับมา  ไม่ก็รับโทรศัพท์กูที  กูจะเป็นบ้าอยู่แล้วนะลักษณ์

            ชายหนุ่มวางโทรศัพท์ลงที่เดิมหลังจากจ้องหน้าจอที่มีข้อความของตัวเองปรากฏอยู่ฝ่ายเดียวนั้นอยู่นานมากค่อนข้างมั่นใจว่าอีกฝ่ายคงบล็อกเขาไปแล้ว

            เขาทิ้งตัวลงนอนก่ายหน้าผาก  รู้สึกเจ็บนิดๆตรงข้อพับแขนที่มีเข็มน้ำเกลือคาอยู่   ใจจริงอยากจะโลดออกไปนอกรพ.เสียตั้งแต่ตอนนี้เลยด้วยซ้ำ  แต่ว่าคงทำไม่ได้  และถึงทำได้  พี่รามก็คงไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้น้องชายอีกแล้ว

            เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นเบาๆตามด้วยร่างของพ่อกับแม่ของเขาก้าวเข้ามาในห้อง  แม่ร้องไห้ใหญ่ตอนที่เห็นหน้าเขา  ส่วนพ่อก็ตาแดงๆยกมือขึ้นลูบศีรษะของเขาเบาๆ  ไวน์กอดแม่เอาไว้แน่น

            “ผมขอโทษนะครับที่ทำให้เป็นห่วง”

            “รู้ตัวเหมือนกันเหรอเราน่ะ”  แม่เขาพูด  “ตอนเพื่อนลูกโทรไปแม่เกือบเป็นลมแน่ะ  ไปทำอะไรมาฮึไวน์  ถึงได้เป็นขนาดนี้”

            “อกหักมั้งครั้บ”  ไวน์พูดแกมหัวเราะ เสียงแปร่งจนผู้ผ่านโลกมาแล้วทั้งสองคนต้องเงยขึ้นมองหน้า

            “อะไรกัน  ..เลิกกับนิวแล้วเหรอ”  แม่ของเขาคราง

            “ครับ  แต่ไม่ได้อกหักเพราะนิว”  ไวน์ตอบ  “ผมอกหักเพราะ..คนเดิมอีกแล้วครับ”

          “เจ้าลักษณ์น่ะเรอะ”  พ่อของเขาพูดเสียงดัง  เพราะเมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งเผ่นกลับบ้านไปรักษาแผลใจเพราะถูกเพื่อนสนิทหักอกมาหยกๆ  โดนพ่อไล่กลับมาเรียนแทบไม่ทัน  หนนี้เอาอีกแล้ว  “ไหนว่าตัดใจแล้วไง  พ่อก็เห็นมาคบกับเจ้านิวก็น่าเอ็นดูดีออก”

            “ลักษณ์บอกรักผมครับ  แต่ว่ามันมีเรื่องเข้าใจผิดกัน”  ไวน์อึกอัก ไม่แน่ใจว่าจะเล่าดีมั้ย  สุดท้ายก็เล่าออกไป เพราะถึงอย่างไรพวกท่านก็ร่วมรับรู้ทุกอย่างมาตั้งแต่แรก

            “ตายแล้ว แล้วลักษณ์เป็นอะไรมากหรือเปล่า”  แม่ตกใจหนักกว่าเดิมเมื่อเขาเล่าถึงตอนที่ลักษณ์โดนวางยา

            “ไม่ครับ  หมอบอกว่าไม่มีอะไร  โดนวางยาแค่นั้น”  ถ้าไม่ ‘แค่นั้น’ ล่ะก็  ไวน์สาบานกับตัวเองเลยว่าเขาจะทำทุกวิถีทางให้ไอ้สิงห์โดนยิ่งกว่านั้น

            “ฟาดเคราะห์จริงๆ โถ่เอ๊ย  ตัวเล็กแค่นั้นเอง”

            “แบบนี้ไม่เรียกฟาดเคราะห์นะคุณ  ต้องเรียกว่าซวยกลายเป็นเหยื่อของคนโรคจิตมากกว่า   นี่พ่อไม่คิดเลยนะว่านิวจะบ้าได้ขนาดนี้  แล้วลูกมีแผนจะจัดการยังไงอีก  แจ้งตำรวจดีมั้ย”

            “แจ้งแล้วครับ  ผมขอให้นพช่วย”

            “เดี๋ยวพ่อจะช่วยอีกแรง จะได้เข็ดๆ  ไม่มายุ่งกับคนของเราอีก”

            “แน่ะ  จะทำอะไรคะพ่อลูก เจอคนชั่วทำผิดกฎหมายเราก็อย่าไปทำตามเค้าสิคะ”

            “แล้วจะปล่อยไปแบบนี้เหรอครับแม่”  ไวน์ท้วง

            “สักวันบาปกรรมก็ตามทันเอง  เดี๋ยวนี้กรรมติดจรวดด้วยนะ   เอ๊ะ  หรือติดเรือดำน้ำ”   เธอหัวเราะออกมา  “เอาอย่างนี้  เรื่องนิวกับรุ่นพี่ลักษณ์อะไรเนี่ยก็ปล่อยไปก่อน  ตอนนี้รักษาตัวก่อนนะลูกนะ  ส่วนเรื่องลักษณ์แม่ว่าน่าจะเข้าใจกันได้แหละ  ไม่น่ายากหรอก  ในเมื่อคนมันใจตรงกัน  โบราณว่าคู่กันแล้วไม่แคล้วกัน  มันก็คงจะจริงตามนั้นล่ะนะ”  แม่ของไวน์ทอดเสียงอ่อน   เธอเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องอื่นอย่างนุ่มนวล  ไม่นานลูกชายก็มีสีหน้าสดชื่นขึ้นมาบ้าง

            อยู่คุยด้วยได้ไม่นาน พ่อแม่ของไวน์ก็ต้องเดินทางกลับบ้านเพราะมีธุระที่ฟาร์มต่อ  ทิ้งให้คนป่วยต้องนั่งๆนอนๆอยู่ในรพ.คนเดียว

            เพื่อนๆก็ต่างมีเรียนกัน  เขาเลยได้แต่นอนดูทีวีสลับกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูนานๆครั้ง  หรือไม่ก็ชวนคุณพยาบาลที่เข้ามาวัดไข้คุยแก้เบื่อ

            “พรุ่งนี้ผมจะกลับได้หรือยังครับ”  เขาถามคุณพยาบาลซ้ำไม่รู้กี่รอบ  และเธอก็ตอบกลับมาเหมือนเดิมทุกครั้ง

            “รอคุณหมอมาก่อนนะคะ”

            เขาเผลอหลับไปอีกครั้ง  สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทีตอนที่นายแพทย์เจ้าของไข้มาเยี่ยม  พี่หมอคนนั้นบังเอิญเป็นเพื่อนกับพี่สายของไวน์  เคยไปเลี้ยงรวมกันเมื่อตอนเปิดสายใหม่ๆ  ก็เลยคุยกันง่ายหน่อย  พี่หมอบอกว่าจะให้เขากลับบ้านมะรืนนี้ถ้าไม่มีไข้อีก

            คืนนั้นไวน์ย้ายจากเตียง  ลากเสาน้ำเกลือมานั่งอยู่ริมหน้าต่าง  ห้องเดี่ยวพิเศษมันดีอย่างนี้นี่เอง  เพลินตากับนพเพิ่งจะกลับไปไม่นานหลังจากที่เอาขนมกับผลไม้มาให้กินเล่นๆ  นพบอกว่าสิงหาไม่โผล่หัวไปเรียนอีกเลยนับตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง  ส่วนลักษณ์ก็ยังไม่มาเหมือนกัน

            เพลินกับนพไปเยี่ยมลักษณ์ที่ร้านอาหารป้าดามา  ลักษณ์ไม่ได้ลงมาช่วยเสิร์ฟ  ไม่ได้ลงมาเจอหน้าสองคนนั้นด้วยซ้ำ  พี่รามบอกว่าลักษณ์ไม่ค่อยสบาย  นอนหลับอยู่  แต่ความจริงแล้วไวน์คิดว่าฝ่ายนั้นคงกลัวว่าเพื่อนของเขาจะมาเป่าหูน้องชายมากกว่า  พี่รามคงโกรธเขามากจริงๆ  ส่วนตัวลักษณ์เองนั้นจะรู้สึกอย่างไรนั้น  เขาเดาไม่ถูกเลย

            ลักษณ์อาจจะโกรธเขาก็ได้ที่นำพาปัญหามาให้  หรือไม่ก็อาจจะน้อยใจ  เสียใจ  หรือไม่รู้สึกอะไรเลย?  โว้ย...ดันติดแหงกอยู่ที่นี่เสียได้  ไม่งั้นจะได้ตามไปพูดกันเสียให้รู้เรื่อง

            เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  ไวน์รีบเอื้อมมือไปรับ  เขาถอนหายใจด้วยความผิดหวังเมื่อคนที่โทรไม่ใช่คนที่รอคอย  แต่กลับเป็นคนที่เขารู้สึกรังเกียจจนไม่อยากจะเห็นหน้าหรือได้ยินเสียงด้วยซ้ำ…ชายหนุ่มกดตัดสายทิ้ง   ปลายสายก็โทรกลับมาใหม่อีกสองรอบจนในที่สุดไวน์ก็รำคาญ  เขากดรับสาย  กรอกเสียงลงไปห้วนๆ

            “ฮัลโหล”

            “ไวน์  นี่นิวเองนะ”      เสียงนิวดังขึ้น  แกมสะอื้นเล็กน้อย

            “คุณยังมีหน้าโทรหาผมอีกเหรอ”

            “นิวขอโทษ  ไวน์...นิวเพิ่งรู้ข่าวว่าไวน์ป่วยเข้ารพ.  นิวเสียใจ”

          “ผมว่าเราพูดกันตรงๆดีกว่า  คุณโทรมาทำไม”  ไวน์ไม่หลงกลสำเนียงซื่อๆ  ดูไม่มีพิษมีภัยนั้นอีกแล้ว

            “เพราะเป็นห่วงไวน์  ดีขึ้นหรือยัง...แล้วลักษณ์ล่ะ  เป็นอย่างไรบ้าง”

            “คุณยังกล้าถามถึงลักษณ์....นี่จิตใจคุณทำด้วยอะไรเนี่ย  หรือว่าคุณเป็นโรคจิตฮึนิว  ที่คุณทำลงไปมันเกือบทำลายอนาคตของคนๆนึงเลยนะ  คุณรู้ตัวหรือเปล่า”

            “นิวไม่รู้จริงๆว่าพี่สิงห์จะทำถึงขั้นนั้น”  นิวหลุดปากพูดออกมา   “ไวน์  นึกว่าเห็นแก่ความสัมพันธ์ของเราเมื่อก่อน  ช่วยถอนแจ้งความได้มั้ย”  ในที่สุดอีกฝ่ายก็บอกจุดประสงค์หลักที่โทรมาวันนี้  ไวน์หัวเราะในลำคอ  “ได้โปรดเถอะไวน์  อย่างน้อยไวน์ก็เคยทำร้ายจิตใจนิวนะ”

            “สิงหาเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย”

            “ไม่เกี่ยว  แต่เค้าเกี่ยวกับพี่เนิร์ด  พี่ชายของนิวเอง  ...นิวรู้ว่าพี่สิงห์คงซัดทอดแน่ๆ  ไวน์  ช่วยหน่อยนะ  แม่ของพี่เนิร์ดตั้งความหวังกับลูกชายเอาไว้มาก  นิวไม่อยากให้ท่านเสียใจที่ลูกโดนไทร์”

            “ก็สมควรแล้วนี่  ใครทำอะไรก็ต้องได้อย่างนั้น”

            “ไวน์ไม่กลัวว่าลักษณ์จะตกอยู่ในอันตรายหรือไงถ้าอยู่ในฐานะพยาน  เรื่องนี้เกี่ยวพันกับหลายคนนะไวน์  เราว่าไวน์อย่าเข้ามายุ่งเลยดีกว่า”

            “นี่นิวขู่ผมเหรอ   ผมไม่สนใจหรอกว่างานนี้จะดึงใครติดร่างแหเข้ามาเกี่ยวบ้าง  ผมสนใจแต่ว่าลักษณ์จะต้องปลอดภัยเท่านั้น  ถ้าคุณคิดจะทำอะไรลักษณ์อีกล่ะก็....”  เขาพูดเสียงเย็น  “คุณเองก็เตรียมตัวหาที่เรียนใหม่ได้เลย  เพราะมหาวิทยาลัยคงไม่ปล่อยให้คนที่เกี่ยวพันกับคดียาเสพติดลอยนวล”

            “ไวน์...”

            นิวกรีดร้องมาตามสายแต่ว่าเขาชิงกดตัดสายทิ้งไปเสียก่อน  ไวน์เอนหลังพิงพนัก  ยกมือขึ้นนวดที่ต้นคอของตัวเอง  ปลายนิ้วสะดุดเข้ากับสะเก็ดเล็กๆเป็นทางยาวที่หลังคอที่เกิดจากรอยเล็บของใครบางคน  มันยังหลงเหลือความรู้สึกแสบๆเอาไว้

            บางครั้งเขาก็คิดขึ้นมาเหมือนกันว่าถ้าวันนั้นไม่มีเพลินตากับนพอยู่ในรถด้วย  เหตุการณ์จะเป็นอย่างนี้หรือเปล่า  หรือว่าจะจบลงที่เขาตบะแตก  พาลักษณ์เลี้ยวรถเข้าไปในโรงแรงสักแห่งข้างทางที่มีอยู่มากมายนั้นแทนที่จะพามารพ.อย่างที่ควรจะเป็น   และถ้ามันเป็นอย่างนั้น   เรื่องราวของเราจะเป็นอย่างไรต่อ

            จะดีกว่าที่เป็นอยู่นี้มั้ย...

            เขาหยิบการ์ดกับพวงกุญแจรูปลูกบาสขึ้นมาดูอีกครั้ง  เขาพกติดตัวเอาไว้ตลอดราวกับเป็นเครื่องราง  หยิบมาดูทุกครั้งที่คิดถึงอีกฝ่าย  ลักษณ์ก็ยังเป็นลักษณ์คนเดิมกับเมื่อหลายปีก่อน....เขียนการ์ดบอกรัก  หึ...ยังจำได้เมื่อตอนม.ต้น  ที่มันเขียนการ์ดเสียหวานหยดย้อยแล้วก็เอาไปไว้ใต้โต๊ะเรียนสาวที่มันชอบ  พร้อมขนมชื่อเดียวกับสาวคนนั้น   จะว่าตลกก็ตลก  แต่ตอนนั้นเขาก็ยังอดรู้สึกอิจฉาเด็กคนนั้นไม่ได้

            มาถึงตอนนี้  เขาว่าเขารู้สึกอิจฉาตัวเองในอดีต  ที่สามารถใกล้ชิดกับคนที่ชอบได้โดยไม่ต้องห่วงกังวลอะไร  ถ้าเขาไม่เปิดเผยความรู้สึกของตัวเอง  ไม่แน่ว่าตอนนี้เขากับลักษณ์อาจจะกำลังนั่งกินขนม  เดินเล่นในสวนสาธารณะ  ดูหนังด้วยกันเหมือนทุกทีก็เป็นได้  ทุกอย่างอาจจะดีกว่าที่เป็นอยู่ 

            เสียงแจ้งเตือนไลน์ดังขึ้น  ไวน์ขยับลุก  เอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาเพื่อกดปิดเสียงอย่างเชื่องช้า  คงเป็นไลน์กลุ่มคณะอีกตามเคย  ไม่รู้จะคุยอะไรกันนักหนาเป็นร้อยๆข้อความ  หลายครั้งที่เขากดอ่านผ่านๆให้มันเลิกแจ้งเตือนสีแดงๆเฉยๆ

            ทว่าตัวอักษรที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอทำให้เขาเบิกตากว้าง  มือสั่นด้วยความตื่นเต้น  เลื่อนสายตาจากข้อความของตัวเองที่ส่งไปยาวเป็นพรืดเต็มหน้าจอ  ใครคนนั้นตอบกลับมาสั้นๆด้วยถ้อยคำที่ไม่เคยมีใครรู้ว่ามีความรู้สึกใดซ่อนอยู่บ้าง

 

            GoodLuck: อืม

.....................................................................

             

             มาต่อนะคะ  ช้านิดนึงนะ55555ช่วงนี้ไรท์ติดธุระยุ่งเหยิงหน่อย  ต้องอาศัยแต่งเก็บเอาไว้ทีละเล็กละน้อย    เอาละ  มาถึงตอนนี้เเล้ว   ถ้าใครเดาว่าจะมีncละก็ เป็นอันต้องผิดหวัง555555แหม  นายเอกโดนวางยา พระเอกก็ป่วย  ไรท์คิดว่าที่เขียนน่าจะเป็นไปได้มากที่สุดเเล้ว  เเต่ถ้าใครมีไอเดียดีๆเด็ดเสนอได้เผื่อรีไรท์555555555

หลายคนคงเดาได้ว่าใกล้จะถึงตอนจบเเล้ว  ใช่แล้วค่ะ5555

เร็วๆนี้จะเปิดเรื่องใหม่นะคะ  เป็นเรื่องที่สองในซี่รี่ส์แอบรัก  (เซตนี้มีสามเรื่องนะคะ เรื่องสุดท้ายใครชอบพี่รามก็โปรดติดตามค่ะ)

ขอบคุณมากๆนะคะที่ติดตามอ่าน   

ทวิตเด้อ #แอบลักษณ์

FB 
FANPAGE (https://www.facebook.com/Melenalikebanana/)
Melenalike

 
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่23 22/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 23-05-2017 00:22:08
TT

อืมแล้วยังไงต่อค่ะลูกกกกก
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่23 22/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-05-2017 00:40:22
 :z3:


จัดการนิวให้ถึงที่สุด
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่23 22/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 23-05-2017 01:49:43
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่23 22/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 23-05-2017 02:03:01
คนแต่งแต่งเก่ง เรารู้สึกว่ามันเรียลมาก ความหน่วงมาทุกตอน
ขอให้จบดีๆ ให้ลักษณ์กับไวน์เข้าใจกันซะที T T
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่23 22/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 23-05-2017 06:40:59
เห้ออออออ ไม่มีวี่แววจะดีขึ้น อุตส่าดีใจที่โดนยาแล้วลงท้ายที่ไม่เอากัน(เหมือนๆ นิยายส่วนมาก) แต่ดันความจำเสื่อมนี่สิ  :ling2:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่23 22/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: Naam3 ที่ 23-05-2017 08:14:52
 :katai2-1: :impress2: :hao7:รอๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่23 22/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 23-05-2017 09:47:01
หวังว่าพี่รามคงมีเหตุผลพอ
ไวน์ ลักษณ์ต้องพากันไปทำบุญบ้างแล้ว คลาดกันตลอด ไม่รู้จะได้รักกันเมื่อไหร่ เฮ้อ...... :mew5:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่23 22/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 23-05-2017 23:36:51
แค่มีใจ ตรงกัน มันไม่พอ
ถ้าไม่ขอ เปิดใจ ไร้ความฝัน
ต้องเปิดปาก อยากบอก ตอกสัมพันธ์
เราเป็นคน รักกัน มั่นเสมอมา

ได้กลิ่นตุๆ#หมาหัวเน่า#นิวนี่เอง
กร๊ากกกกกก
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่24 26/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 26-05-2017 22:08:26
ตอนที่ 24

Love or friendship, one cannot serve two masters.

 

 

 

 

             GoodLuck: อืม

 

          ไวน์จ้องตัวอักษรไม่กี่ตัวที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์อีกรอบ  เขารีบกดโทรเข้าเครื่องของอีกฝ่ายทันที  ลักษณ์ไม่รับสาย 

            Wishmeluck:  รับโทรศัพท์กูหน่อยนะ  ไม่ก็ตอบกลับมามากกว่านี้ได้มั้ย

            Wishmeluck:  ลักษณ์  ได้โปรดเถอะ  อืมของมึงหมายความว่ายังไงกันแน่

            Wishmeluck:  ตอบกูหน่อยนะลักษณ์

            Wishmeluck:  ถ้ากูอาการทรุดหนักไป จะทำไง

           

GoodLuck: ก็ตายๆไปสิ

GoodLuck: มาบอกกูทำไม

           

 

            ประโยคที่อีกฝ่ายตอบกลับมาทำเอาไวน์ชะงัก  เขาอ่านประโยคนั้นซ้ำอย่างครุ่นคิด   ข้อความที่เพลินเล่าให้ฟังย้อนกลับมาอีกครั้ง ...ลักษณ์มันความจำเสื่อม  จำเรื่องที่โดนยาไม่ได้

           

            Wishmeluck:  นี่พี่รามใช่มั้ยครับ

GoodLuck: 555555

GoodLuck:  อาจจะใช่

            Wishmeluck:  ผมอยากคุยกับลักษณ์หน่อย

            Wishmeluck:  นะครับ  ให้โอกาสผมได้ปรับความเข้าใจกับลักษณ์หน่อย  อย่างน้อยมันก็เป็นเรื่องระหว่างผมกับลักษณ์  ได้โปรดให้ผมได้คุยกับลักษณ์เถอะครับ

            Wishmeluck:  พี่ก็รู้อยู่แล้วว่าผมรักลักษณ์มานานแค่ไหน  พี่เป็นคนให้โอกาสผมเอง  ตอนนี้ผมขอแค่โอกาสสุดท้ายก็ได้  ให้ผมได้เจอลักษณ์  ไม่ก็คุยกับเค้าสักนิดได้มั้ยครับ

           

            ไวน์กดส่งข้อความยาวเหยียดพวกนั้นไป  อีกฝ่ายอ่านแล้วก็ไม่ตอบกลับมา  หายเงียบไปนานจนเขาใจเสีย  คิดว่าคงไม่เหลือโอกาสให้เขาอีกแล้ว

 

            Wishmeluck:  พี่รามครับ  พี่ก็รู้ว่าเรื่องวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น  ผมผิดเองที่ดึงนิวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย  แต่ว่าตอนนั้นลักษณ์ก็เป็นคนปฏิเสธผมก่อน  ผมว่าลักษณ์รู้ว่าเรื่องนี้เราผิดกันทั้งสองฝ่าย  ลักษณ์ก็มีส่วนที่ไม่รู้ใจตัวเอง  แต่เรื่องที่ลักษณ์ถูกวางยาตอนหลังนั้น   เป็นความผิดจากผมคนเดียวที่ผมดูคนแบบนิวไม่ออก  ผมไม่นึกเลยว่าเขาจะร้ายได้ขนาดนั้น  และไม่คิดเลยว่านิวจะเข้าทางสิงหาที่เป็นพี่รหัสของลักษณ์  ผมประมาทเองเลยทำให้ลักษณ์ต้องเจอเรื่องแย่ๆ

            Wishmeluck:  ผมเสียใจนะพี่ราม  เห็นลักษณ์ทรมานจากไอ้ยานรกนั่น  หัวใจผมมันก็เหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ  ผมรู้ว่าผมสร้างเรื่องยุ่งๆขึ้น  แต่เรื่องทุกอย่างก็เกิดจากความไม่รู้  ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต  แต่ถ้าพี่ไม่ยอมให้ผมได้คุยกับลักษณ์  เราก็ไม่มีทางได้เข้าใจกันเสียที

           

 GoodLuck:  แล้วถ้าเจอลักษณ์ จะพูดอะไรกับมัน

           

            Wishmeluck:  ถ้าพี่รามเป็นห่วงว่าผมจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้นล่ะก็  ไม่ต้องห่วงครับ  ผมไม่อยากให้ลักษณ์จำเหตุการณ์เลวร้ายแบบนั้นขึ้นมาได้ด้วยซ้ำ  ผมดีใจที่ลักษณ์ลืม และจะทำทุกทางให้เค้าเชื่อว่าตัวเองแค่ป่วยเฉยๆ  แต่ว่าเรื่องพี่รหัสของลักษณ์ ยังไงผมก็ต้องขอจัดการเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด  ไม่อย่างนั้นลักษณ์อาจจะเป็นอันตรายได้อีก

 

GoodLuck:  ตอบไม่ตรงคำถาม

            Wishmeluck:  ผมจะบอกว่าผมรู้สึกยังไงและขอโอกาสจากเค้าอีกครั้ง

            GoodLuck:  กูคิดว่ามึงกำลังเจอภูเขาลูกใหญ่นะ

            Wishmeluck:  หมายถึงพี่น่ะเหรอ

GoodLuck:  ไม่รู้สิ

GoodLuck:  คงงั้นมั้ง

            ไวน์อ่านทวนประโยคนั้น  กัดริมฝีปากเบาๆ

            Wishmeluck:  ถ้าพี่รามไม่ยอมจริงๆ ผมก็คงต้องยอมถอย

            Wishmeluck:  ผมไม่อยากให้มีเรื่องกัน

GoodLuck:  อ้าว

GoodLuck:  ถอดใจเร็วจัง

            Wishmeluck:  ก็ถ้าพี่รามไม่ให้โอกาสผม  ผมก็ไม่อยากผิดใจกับพี่

            Wishmeluck:  เพราะผมก็เคารพรักพี่เหมือนพี่ชายคนนึง

            Wishmeluck:  ผมแค่หวังว่าพี่รามจะไม่ใจร้ายกับน้องชายตัวเอง

            Wishmeluck:  เพราะลักษณ์ก็รักผมเช่นกัน

GoodLuck:  มั่นใจมากไปหรือเปล่า

GoodLuck:  ลักษณ์อาจจะลืมมึงไปแล้วก็ได้

GoodLuck:  บอกแล้วไงว่ามันความจำเสื่อม

            Wishmeluck:  ถ้าลักษณ์ลืมผมไปแล้วจริงๆ ผมก็จะทำทุกทางให้เค้าจำผมได้

GoodLuck:  ทำยังไงหรอ

            Wishmeluck:  ถ้าผมเจอเค้า ผมจะแสดงให้ดู

 

 

            ไวน์พิมตอบกลับไป  อีกฝ่ายอ่านแล้วไม่ยอมตอบกลับมาอีก  ชายหนุ่มรอคำตอบอยู่สักพักจนมั่นใจว่าคงไม่ตอบกลับมาแล้วจึงวางโทรศัพท์ลง  เขาลุกขึ้นลากเสาน้ำเกลือกลับไปที่เตียงผู้ป่วยตามเดิม

            ...อย่างน้อยเขาก็ได้ลงมือทำอะไรบ้างแล้ว  ไม่ได้ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปวันๆ  ไม่รู้เหมือนกันว่าคนที่อ่านข้อความจะรู้สึกแบบไหน  เขาเดาไม่ถูก  มีคนเคยบอกว่าเวลาเราเจ็บป่วยจะทำให้สภาพอารมณ์ของเราหดหู่กว่าปกติ  ไวน์ว่าก็น่าจะจริง

            วันเวลาผ่านไปขณะที่เขาก็เฝ้าแต่เร่งวันเร่งคืน  ไวน์ได้ออกจากรพ.ในที่สุด  เพลินกับนพพาเขามาส่งที่บ้าน หมอบอกว่าเขาควรจะพักผ่อนต่ออีกสักสองสามวันถึงค่อยกลับไปเรียนต่อ  ไม่ควรออกไปไหนนอกจากนอนพักอยู่ที่บ้าน  แต่คนอย่างไวน์ก็ดื้อมากพอที่จะถ่อสังขารเดินจากบ้านตัวเองข้ามซอยมาจนถึงหน้าร้านอาหารของป้าดา

            ป้าดาเหลือบมาเห็นเขาเข้าคนแรก  เธอรีบเดินเข้ามาหาด้วยท่าทางดีอกดีใจ

            “ไวน์ลูก  เป็นยังไงบ้าง  เห็นเพื่อนหนูบอกว่าไม่สบาย  หายดีหรือยัง ซูบไปเยอะเลยเนี่ยดูซิหลานฉัน”  ป้าดากระวีกระวาดพาเขาเข้าไปในร้าน  พี่รามหันหน้ามามองแวบหนึ่งด้วยแววตาที่ไวน์รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก  เขายกมือขึ้นไหว้พี่ชายของลักษณ์  อีกฝ่ายเพียงแต่พยักหน้าให้นิดเดียว 

            “นั่งก่อนลูก  กินอะไรมาหรือยัง”

            “ป้าดาครับ  ลักษณ์อยู่มั้ย”   เขารีบชิงถาม  จับมือของผู้สูงวัยกว่าเอาไว้แน่น  ป้าสีดาหันมามองเขางงๆแล้วก็ตอบกลับไป

            “ลักษณ์มันไปเดินเที่ยวเล่นอะไรของมันไม่รู้   ตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลมาป้ารู้สึกว่ามันแปลกๆไปเหมือนกัน” 

            “เที่ยวเล่น?  เค้าไปไหนเหรอครับ  ไปคนเดียวเหรอ”  ไวน์รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาทันที

            “อืม  มันก็อย่างนี้แหละ  เวลาไม่สบายใจก็นู่น  ขัดห้องน้ำจนมือเปื่อยไปหมดแล้วมั้ง  สงสัยคงเบื่อเลยออกไปเดินเล่นหน่อย  เดี๋ยวก็กลับมาเอง  เมื่อวานมันก็ไป”  ป้าดาพูด  ท่าทางไม่ใส่ใจนัก  เพราะแถวนี้เป็นถิ่นของหลานชาย  เดินเล่นมาตั้งแต่เด็กจนปรุหมดแล้ว

          ไวน์มองไปทางพี่รามอย่างกังวล  เขาปฏิเสธที่จะกินอาหารเย็นของป้าดา  อาศัยจังหวะที่พี่รามว่างเลียบๆเคียงๆเข้าไปหา  ทำทีว่าเข้าไปช่วยเก็บโต๊ะด้วยเหมือนทุกที

            “พี่รามครับ”

            “อะไร”  อีกฝ่ายตอบกลับมาห้วนๆ  ดวงตาคมเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างดุๆ

            “คือผม...พี่เห็นข้อความที่ผมส่งให้แล้วใช่มั้ยครับ”

            “ข้อความอะไรของคุณ  ผมไม่รู้เรื่อง”  สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้ไวน์ใจเสียยิ่งกว่าเดิม

            “ก็ได้ครับ  พี่ไม่ยอมรับว่าเป็นพี่ก็ไม่เป็นไร  แต่ว่าพี่รามครับ  อนุญาตให้ผมได้คุยกับลักษณ์อีกครั้งได้มั้ยครับ”

            “ไอ้ลักษณ์ไม่อยู่”

            “ผมทราบครับ  แล้วก็รู้ด้วยว่าพี่รู้ว่าลักษณ์อยู่ที่ไหนตอนนี้”

            “ผมไม่รู้  ถึงรู้ก็ไม่บอก”   พี่รามยกจานเป็นตั้งขึ้น  เขารีบชิงดึงจากมืออีกฝ่ายมาถือเอาไว้เสียเอง  คนโตกว่ายักไหล่แล้วเดินไปเก็บเงินอีกโต๊ะนึงต่อ  ไวน์รอจนอีกฝ่ายว่างจึงเข้าไปหาใหม่

            “คุณจะตามผมอีกนานมั้ยเนี่ยฮึ”

            “ผมรักลักษณ์ครับพี่  รักมาตลอด  ผมเลิกกับนิวแล้วพี่ก็รู้  มันจบไม่สวยเท่าไหร่ลักษณ์ก็เลยพลอยโดนลูกหลงไปด้วย  ผมรู้สึกผิดมากนะครับ  ผมเสียใจที่ทำให้ลักษณ์ต้องเจอเรื่องร้ายๆ...”

            “พอก่อน”

            “ผมไม่หยุดจนกว่าพี่จะเห็นใจผม”

            “คุณอาจจะไม่อายคนในร้าน แต่ผมอาย”  พี่รามพูดห้วนๆ  ไวน์เพิ่งรู้สึกตัวว่าเขาได้พูดกลางร้านอาหารที่มีลูกค้านั่งกินข้าวกันอยู่เต็มร้าน  และต่างมองมาที่เขากับพี่รามเป็นตาเดียว

            ไวน์ยอมถอยไปรอข้างหลังร้าน   เขาช่วยอีกฝ่ายคิดเงินบ้างเวลาที่งานเริ่มล้นมือ  พอเวลาผ่านไปคนเริ่มซา  เขาก็เข้าไปหาพี่รามใหม่   

            “พี่ราม  พี่ก็รู้ว่าลักษณ์ก็รักผมเหมือนกัน  ทำไมพี่ถึงไม่อยากให้เราสมหวังล่ะครับ   พี่ไม่อยากให้ลักษณ์มีความสุขหรอครับ”

            “ผมอยากให้น้องชายมีความสุขคุณไวน์  ผมเคยบอกคุณว่ายังไงจำได้หรือเปล่า”  ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งก้มลงเช็ดโต๊ะแรงๆราวกับจะให้สีมันหลุดออกมา

            “พี่จะไม่ยอมให้ใครทำลักษณ์เสียใจ”

            “และคุณก็ทำไปแล้ว”

            “ผมทำลงไปเพราะผมไม่รู้ตะหาก  ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเราสองคน  พี่รามจะไม่ให้โอกาสผมแก้ตัวหน่อยเลยหรอ  อย่างน้อยผมก็ดูแลลักษณ์มาตลอดหลายปีที่ผ่านมานะครับ”

            ไวน์เดินตามอีกฝ่ายเข้าไปหลังร้านที่เป็นห้องครัวและปลอดจากสายตาผู้คน  พี่รามหันมาเผชิญหน้ากับเขาด้วยสีหน้าแววตาที่ทำให้ไวน์รู้สึกมือเย็นทั้งๆที่ไม่ใช่คนที่กลัวอะไรง่ายๆ  เขาเคยได้ยินมาก่อนเมื่อนานมาแล้วว่าสมัยเรียนพี่รามเป็นคล้ายๆหัวหน้าแก๊งค์อันตรพาลของมหาลัย  เกือบโดนไทร์แต่ก็รอดมาได้จนจบ  เรื่องฝีมือเตะต่อยของพี่แกนั่นโด่งดังถึงขึ้นเคยล้มรุ่นพี่ตัวใหญ่กว่าสองเท่ามาได้สบายๆ

            และไวน์ก็ไม่คิดอยากจะลองทดสอบฝีมือของตัวเองในตอนนี้ด้วย

            “พี่ราม....”  ร่างนั้นยืนพิงเคาน์เตอร์ในครัวทอดสายตามองเขานิ่งๆ

            “คุณทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจของผม  ผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าถ้าคุณผิดหวังจากน้องผมด้วยเรื่องอะไรก็แล้วแต่  คุณจะไม่ใจเร็วด่วนได้  ไปคว้าใครมาสร้างปัญหาให้น้องผมอีก”

            “เรื่องของนิวเกิดขึ้นเพราะผมเสียใจ ผิดหวังจากลักษณ์ก็จริง  แต่ว่าตอนนั้นผมนึกว่าตัวเองหมดหวังแล้ว  ผมไม่รู้ว่าลักษณ์รักผม  ผมก็เลยแค่อยากลองเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนดู”

            “คุณประชดน้องผมใช่มั้ย”  อีกฝ่ายสวนกลับ  ไวน์อึ้งไปแล้วก็ก้มหน้ายอมรับ

            “ครับ  ผมทำเพราะประชดลักษณ์ด้วย”

            “การประชดกันมันเป็นวิธีการของเด็กๆ  คนที่โตพอแล้วเค้าไม่ทำกัน  คุณต้องใจเย็นกว่านี้  ต้องคิดให้รอบคอบกว่านี้  คนที่เข้ามาในชีวิตแต่ละคน  ไม่ใช่ทุกคนจะมาดีหรือร้ายให้เห็นชัดๆ  จิตใจคนมันเปลี่ยนกันได้ต้องใช้เวลาดูไปนานๆ  คุณก็น่าจะเข้าใจเรื่องนี้แล้ว  คราวนี้ยังดีที่น้องผมไม่เป็นอะไรไป ถ้าลักษณ์เป็นอะไรขึ้นมาล่ะก็  ผมกับป้าดาคงจะเสียใจมากยิ่งกว่าคุณหลายเท่านะคุณไวน์”

            “ผมขอโทษครับพี่”  ไวน์ยกมือขึ้นไหว้  ให้พี่รามขึ้นเสียงดุด่าเขาไม่ก็ชกหน้าเขาสักเปรี้ยงเสียยังดีกว่าพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดาแต่ฟังแล้วเย็นชาห่างเหินแบบนี้

            “ถ้าสมมตว่าคุณเป็นพี่ชายอย่างผม  คุณจะยกโทษให้คนที่ทำให้น้องชายตัวเองเสียใจแถมยังเกือบตายทั้งเป็นมั้ย”

            ไวน์ขอบตาร้อนผ่าว  เขารู้ว่าพี่รามเป็นคนเด็ดขาด  คำไหนคำนั้น   และถ้าเขาเป็นพี่ของลักษณ์เหมือนที่อีกฝ่ายสมมตจริงๆ  เขาก็คงไม่ปล่อยให้ไอ้หน้าไหนที่สร้างปัญหาให้น้องเขาเข้าใกล้น้องเด็ดขาด

            เขามัวแต่คิดถึงความเจ็บปวดของตัวเองจนลืมไปว่ายังมีคนที่รักลักษณ์ไม่น้อยไปกว่าเขาอยู่อีกถึงสองคน

            “ครับพี่...ผม...เข้าใจแล้ว”  ไวน์ตอบเสียงแผ่ว  “ไม่เป็นไรครับ   ผม...”  ไวน์อยากพูดว่าขอโทษอีกสักครั้งแต่ก็พูดไม่ออก  เขารู้ว่าคนอย่างรามคงไม่ใจอ่อนง่ายๆ  แค่ยอมให้เขาตามติดน้องชายตัวเองมาหลายปีก็นับว่าบุญมากแล้ว

            นี่เรื่องของเขากับลักษณ์จะต้องจบลงเพียงเท่านี้จริงๆเหรอ  แค่คิดในอกก็วูบโหวง  สมองมึนๆตื้อๆชอบกล  หรือเป็นเพราะว่าเขายังไม่หายไข้ดี?





ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่24 26/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 26-05-2017 22:11:23

ต่อนะคะ






            พี่ชายของลักษณ์ยืนกอดอกมองหน้าเขา  ไวน์ไม่เคยรู้สึกกดดันขนาดนี้มาก่อน   ทั้งความรู้สึกผิดและเสียใจจุกแน่นอยู่ข้างใน 

            “คุณอยากให้ผมยกโทษให้คุณเหรอ...ถ้างั้นก็จงไปจากร้านนี้ซะ”  คำพูดของอีกฝ่ายทำเอาคนฟังเงยหน้าขึ้นอย่างคาดไม่ถึง  แววเสียใจปนใจหายฉายวาบอยู่ในดวงตาคมเข้ม

            “แต่ว่า...พี่ราม...” ไวน์พูดตะกุกตะกักแล้วก็ยืนนิ่งอั้น  เขาไม่รู้ว่าจะสรรหาถ้อยคำหรือเหตุผลอะไรมาพูดกับอีกฝ่ายอีกแล้ว  เรื่องคราวนี้มันหนักหนาเกินไปและเขาก็เข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายในฐานะพี่ชาย

            คงต้องยอมรับความจริง...

            “ยังจะยืนอยู่อีก  รีบไปสิ  แล้วก็รับน้องกูกลับมาด้วย  จะปิดร้านแล้ว   ไปพามันกลับมาช่วยกูล้างจาน”  คำพูดหน้าตายของพี่ชายลักษณ์ทำให้คนเด็กกว่าอ้าปากค้างอีกรอบก่อนจะร้องตะโกนออกมา

            “ขอบคุณมากครับพี่  ผมรับปากว่าจะไม่ทำให้ลักษณ์เสียใจอีกแล้ว”

            “มึงไม่ต้องมาปากดีหรอกไวน์  น้ำหน้าอย่างมึงกูไม่เชื่อแล้ว  นี่กูเห็นแก่น้องหรอกนะถึงได้ยอมให้  แต่บอกเลยว่าโอกาสไม่ได้มีบ่อยๆ”

            “ผมจะถือว่ามันเป็นโอกาสสุดท้ายของผมเลยครับ  ผมจะทำให้ดีที่สุด”  ไวน์พูดอย่างหนักแน่น  ยกมือไหว้คนที่เขานับถือเหมือนพี่ชายอีกครั้ง  รามพยักหน้ารับแล้วทำท่าจะเดินออกไปจากห้องครัว  “เดี๋ยวครับพี่  แล้วลักษณ์อยู่ที่ไหนหรอครับตอนนี้”

            “ปกติมึงชอบไปสุมหัวที่ไหนกันล่ะ  กูจะไปรู้ได้ไง”

            พี่รามเดินออกไปแล้ว  ไวน์ยืนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เดินตามออกมาบ้าง  เขาแวะลาป้าดาก่อนจะรีบจ้ำไปทางสนามเด็กเล่นเก่าที่เขากับลักษณ์เคยไปนั่งเล่นด้วยกัน  เดินไม่กี่นาทีก็ถึง  ที่นั่นเต็มไปด้วยเด็กน้อยมาวิ่งเล่นกัน บ้างก็พากันไกวชิงช้าอย่างสนุกสนาน  ไม่มีเงาของคนที่เขาตามหาอยู่

            ไวน์เดินย้อนกลับมาอย่างผิดหวัง  เขามาหยุดที่ป้ายรถเมล์หน้าปากซอย  ครุ่นคิดถึงสถานที่อื่นที่ลักษณ์น่าจะไป  มันจะต้องไม่ไกลจากที่นี่มากนัก  หรือจะเป็นมหาวิทยาลัย?

            ชายหนุ่มโหนรถเมล์มาลงหน้ามอ  ลืมไปสนิทว่าตัวเองเพิ่งออกมาจากรพ. หัวใจเต้นแรงตอนที่เดินเข้าไปที่คณะฯเภสัช  วันนี้เป็นวันหยุดเรียน แต่ก็มีนักศึกษามานั่งล้อมวงคุยกันเล่นอยู่ใต้ตึกพอสมควร   เขาชะเง้อมองหาพักหนึ่งก็เจอเด็กสาวชั้นเดียวกันที่เขาเคยนึกอิจฉาเธอ

            “เอ้อ....วิป  เราไวน์เองนะ  จำได้มั้ย”   เธอกระพริบตาแล้วก็พยักหน้า

            “จำได้  จะมาทวงร่มหรอ”

            “เปล่าๆ  คือเรามาตามหาลักษณ์น่ะ  เขามาที่นี่หรือเปล่า”

            “ลักษณ์เหรอ  ไม่เห็นนะ  เค้าไม่สบายเข้ารพ. เลยลาหยุดหลายวันน่ะ  อ้าว...เธอไม่ได้สนิทกับเค้าเหรอ”

            “อ๋อหรอ  ขอบคุณนะ  งั้นเราขอตัวก่อน”  ไวน์ตอบกลับไปคนละเรื่องแล้วรีบแยกออกมา  ลักษณ์ไม่ได้มาที่คณะฯ และเป็นไปไม่ได้ที่จะไปคณะแพทย์  เพราะไม่อย่างนั้นพวกนพกับเพลินก็ต้องเห็นแล้ว  เหลือที่ไหนอีก...ห้องสมุด?

          เขาเดินวนในห้องสมุดสองรอบ  สำรวจทุกมุมโต๊ะจนแน่ใจว่าไม่มีร่างของลักษณ์แอบหลบมุมอยู่ตรงไหน  เขาเดินลงมาจากตึกอย่างหงอยๆ  โทรศัพท์ของลักษณ์ก็ปิดเครื่องตลอดราวกับซื้อมาไว้ทับกระดาษ

          เดินมานั่งที่ป้ายรถเมล์อีกรอบอย่างเหนื่อยอ่อน  ร่างกายของเขายังไม่กลับมาสมบูรณ์พร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์  คงต้องใช้เวลาอีกหน่อย  เขานั่งมองรถหลายคันที่ขับผ่านไปผ่านมา  นึกถึงเรื่องราวต่างๆอย่างใจลอย

            เด็กมัธยมปลายเดินจับกลุ่มผ่านหน้าไปเป็นกลุ่มใหญ่  ท่าทางสดชื่นเต็มไปด้วยพลังนั้นทำให้เขาอดเปรียบเทียบตัวเองไม่ได้  แค่เข้ามหาวิทยาลัยมาไม่กี่เดือน  ทำไมถึงได้ดูดพลังเขาไปได้มากมายขนาดนี้นะ  อยากกลับไปเป็นเด็กม.ปลายอีกจัง....เดี๋ยวนะ  ม.ปลายงั้นเหรอ

            “พี่ๆ  รอด้วยครับ  ผมไปด้วย”  ไวน์ผุดลุกขึ้นยืน โบกมือตามหลังรถเมล์ที่กำลังจะออกจากป้าย  สายที่มุ่งหน้าผ่านโรงเรียนเก่าของเขากับลักษณ์...จริงสิ  ทำไมเขาถึงนึกไม่ออกกันนะ

            ที่ๆเราชอบไปนั่งสุมหัว...

            โชคดีที่รถไม่ติดเพราะไม่ได้เป็นวันทำงาน   เขาลงจากรถโดยสารประจำทางมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าโรงเรียนเก่าของตัวเอง  สภาพด้านนอกไม่เปลี่ยนไปเลย ก็เพิ่งผ่านวันปัจฉิมไปไม่กี่เดือน    ใบหน้าของเขากับเพื่อนอีกหลายคนประดับติดอยู่บนป้ายที่รั้วโรงเรียน  มีตัวอักษรเขียนเอาไว้ใหญ่โตว่าเด็กโรงเรียนนี้สอบติดแพทย์กี่คน  ถัดไปเป็นทันตะ  และริมสุดเป็นเภสัช

            ใบหน้าของลักษณ์ถูกตัดไปเหลือครึ่งเดียวเพราะที่บนกำแพงไม่พอ  แถมชื่อก็สะกดผิดอีกต่างหาก  .....โธ่  ไอ้เพื่อนลักษณ์

            เขาก้าวเข้าไปในโรงเรียน  รู้สึกประหม่าเล็กน้อยเพราะไม่ได้กลับมาสักพักแล้ว  แม้ว่าทุกอย่างจะคุ้นตาทว่าความรู้สึกข้างในกลับไม่เหมือนเดิม  มันอบอุ่นปนใจหายอย่างบอกไม่ถูก  ไวน์รู้สึกเหมือนคนที่ซมซานออกไปแล้วได้กลับมาบ้านที่ไม่ใช่ที่ของเราอีกต่อไปแล้ว  ถึงใครจะบอกว่าชีวิตสมัยมหาวิทยาลัยดีอย่างไร   เขาก็ยังรู้สึกว่าชีวิตตอนมัธยมนี่แหละที่เรียกได้ว่ามีความสุขอย่างแท้จริง

            เดินเรื่อยๆอ้อมตึกและสนามบอลที่มีนักกีฬาโรงเรียนลงซ้อมอยู่ไปทางด้านหลัง  ผ่านทางแคบๆทะลุโรงอาหาร  เดินเลี้ยวซ้ายผ่านห้องน้ำเก่าๆ  ตรงไปเรื่อยตามทางเดินเล็กๆที่สองข้างทางเคยเป็นสวนที่ขาดการดูแลมาเนิ่นนาน  จนกระทั่งมาทะลุถึงด้านหลังที่เป็นที่กว้าง  มีสระบัวอยู่ตรงกลาง  ล้อมด้วยต้นไม้ต้นใหญ่ๆ  ใกล้ๆกันนั้นมีตึกเก่าที่ปล่อยทิ้งร้างเอาไว้

            สระบัวมีดอกบัวดอกใหญ่ๆบานสะพรั่ง  ลมโชยเบาๆหอบเอากลิ่นหอมอ่อนๆของเกสรบัวลอยมาเข้าจมูก  ชวนให้คิดถึงบรรยากาศเก่าๆเมื่อหลายปีก่อน  ยามพักเที่ยงหรือเลิกเรียนที่เขากับลักษณ์มักจะหลบความวุ่นวายมาแอบงีบหลับ  ไม่เขาก็นั่งเงียบๆมองดูอีกฝ่ายวาดภาพ

            ลักษณ์คงไม่รู้ว่าเขารักบรรยากาศเงียบสงบที่เหมือนโลกทั้งโลกมีแค่เราสองขนาดไหน  เขาชอบเวลาที่ได้นอนเท้าคาง  กางหนังสือเอาไว้บนพื้นหญ้า   ทอดสายตาจับไปที่มือเล็กๆที่จับดินสอขยับไปมาอยู่ใกล้ๆ  ร่างภาพแรเงาบนกระดาษอย่างลื่นไหล  นัยน์ตากลมโตจับจ้องไปที่งานตรงหน้าอย่างตั้งใจ  เหงื่อซึมออกมาที่ปลายจมูกโด่งรั้นเล็กน้อยและตามขมับ  ซึ่งเจ้าตัวจะยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดเป็นระยะ โดยเฉพาะเวลาที่วาดออกมาแล้วไม่ได้ดั่งใจ

            บางครั้งยามที่เจ้าตัวเหนื่อยล้าก็จะวางดินสอลงแล้วหันมาทางเขา  พูดคุยเล่นกันพอให้ยิ้มออก  แล้วร่างเล็กผอมบางเหมือนเด็กแกนก็จะเอนตัวลงนอนข้างๆ  เงยหน้าขึ้นมองใบไม้บนยอดไม้สูงนั้นเล่น  บางทีก็มีนกตัวเล็กๆมาเกาะกิ่งร้องเสียงแหลมใสให้ฟังเพลินๆ

            ไวน์กวาดสายตามองไปรอบๆสระบัว  เดินไปหยุดที่บริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นโปรดที่ประจำของเราสองคน   ต้นหญ้าบริเวณนี้ลาบเตียนกว่าที่อื่นเพราะพวกเขามาอาศัยนั่งเล่นนอนเล่นหลายปีจนมันไม่งอกขึ้นมาใหม่....ไม่มีเงาของคนที่เขาตามหา

            “ลักษณ์  อยู่แถวนี้หรือเปล่า”  เขาตะโกน  แทบจะได้ยินเสียงตัวเองสะท้อนกลับมาในความเงียบสงัดนั้น  “นี่กูเองไวน์  ถ้ามึงอยู่แถวนี้ก็ออกมาเถอะ”

            ไม่มีเสียงตอบกลับมาหรือแม้แต่เสียงขยับตัว  ไวน์ถอนหายใจยาวเขาทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นใต้ต้นไม้ต้นนั้น  วูบหนึ่งที่เขารู้สึกคล้ายกับมีร่างของอีกฝ่ายนั่งอยู่ข้างๆ  เหมือนวันเก่าก่อน   

            “ไอ้ลักษณ์  มึงเอาแต่วาดรูปสระบัวซ้ำไปซ้ำมาทำไมวะ  ไม่เบื่อบ้างเหรอ”

          “สิ่งที่ชอบไม่มีคำว่าเบื่อหรอก”

          “มึงชอบสระบัวนี่ขนาดนั้นเลย?”  ไวน์ได้ยินเสียงตัวเองถามออกไปแบบนั้น

          “..............”  ไม่มีคำตอบจากลักษณ์  เจ้าตัวยังขะมักเขม้นกับงานอดิเรกตรงหน้าอย่างเพลิดเพลิน   ไวน์เห็นอีกฝ่ายวาดรูปจากมุมเดิมๆมาเป็นร้อยครั้งแล้วมั้ง  วาดเสร็จแล้วก็แก้  แก้เสร็จ ก็เปลี่ยนวาดใหม่อีก  วนซ้ำไปซ้ำมาอยู่นั่นจนเขารำคาญแทน

          ไม่รู้จะชอบวิวสระบัวอะไรนักหนา  ไม่เบื่อบ้างหรือไง ...แต่บางทีลักษณ์อาจจะพูดถูก....ไม่มีคำว่าเบื่อสำหรับสิ่งที่ชอบงั้นหรือ  ถ้าคำพูดนี้เป็นจริง  เขาก็คงไม่มีวันเบื่อลักษณ์สินะ

          “มึงจะเบื่อกูมั้ย...ลักษณ์”  จู่ๆเขาก็หลุดปากถามออกไป  ยั้งไม่ทัน  อีกฝ่ายรามือหันมามองหน้าเขางงๆ  “หมายถึงว่า...มึงเคยคิดแบบ..รู้สึกเบื่อเพื่อนสนิทบ้างมั้ย”  เขาอึกอัก  ลักษณ์หรี่ตาลง

          “มึงเบื่อกูหรอไวน์  งั้นมึงกลับบ้านไปก่อนก็ได้นะ”  ไม่ต้องรู้จักมาสามปี ไวน์ก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังน้อยใจอยู่  เขารีบแก้ตัว

          “ไม่ใช่อย่างนั้น  กูไม่เคยเบื่อมึงเลยลักษณ์  นั่งดูมึงวาดรูปก็เพลินดี  กูแค่กลัวว่าสักวันนึงมึงจะเบื่อกูเฉยๆ” 

          “กลัวไว้ก็ดี  ชอบมาแย่งสาวที่กูเล็งไว้”

          “กูไม่ได้ตั้งใจเปล่าวะ  แล้วใจคอมึงเบื่อกูแล้วจะทิ้งกูหรือไง  กูไม่ยอมหรอกนะ  ได้กูแล้วก็ต้องรับผิดชอบดิ”  เขาพูดกลับไป  หัวเราะอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นใบหน้าเล็กๆนั้นแดงก่ำ  น่าจะเพราะความโกรธมากกว่าอย่างอื่น

          “ได้พ่อง”  เขาได้ยินลักษณ์พูดอุบอิบ  “ทำเหมือนเป็นผัวเมีย  ประสาท   กูไม่พูดกับมึงแล้วไวน์  กลับบ้านดีกว่า  เอ้า เก็บของ”

          “ทีอย่างนี้ล่ะสั่งเอาสั่งเอา”  เขาแกล้งพูด  “กูก็น้อยใจเป็นเหมือนกันนะ”

          “โอ๋ๆ  หัวล้านเหรอ  ใจน้อยจัง”  ลักษณ์พูดพลางหัวเราะ  ใช้บอร์ดเคาะศีรษะของเพื่อนตัวสูงกว่าเบาๆ แต่เขาแกล้งทำหน้าบึ้งเอียงหัวหลบ  ไม่ยอมยิ้มตอบ  “โกรธจริงหรอ  หรือว่าน้อยใจ?”  ร่างผอมบางจับชายเสื้อของเขาเอาไว้แล้วจ้องหน้าถาม

          ไวน์สบตากลมโตแกล้งจ้องค้างเอาไว้ครู่หนึ่งจนอีกฝ่ายขมวดคิ้ว  หันหน้าหนี

          “มึงง้อใครไม่เป็นเลยหรือไงลักษณ์”  เขาได้ยินเสียงตัวเองถามออกไป  ลักษณ์หันหน้ามามองแล้วสั่นศีรษะ 

          “กูไม่ค่อยชอบง้อใคร  ง้อไม่เป็น”

          “แล้วถ้าวันนึงกูโกรธมึงมากๆล่ะ  มึงจะง้อกูมั้ย”

          “ต้องดูก่อนว่าโกรธกันเรื่องอะไร”

          “เรื่องที่มึงเป็นฝ่ายผิด”

          “ก็....ขอคิดดูก่อน”

          “ตอบมาเลยไม่ได้รึไง”   เขาเร่งรัด  อีกฝ่ายทำหน้าครุ่นคิดเอาจริงเอาจัง

          “ก็ถ้ามึงทำตัวน่าง้อ  กูก็จะยอมง้อ”  ลักษณ์พูดออกมาช้าๆ

          “แบบไหนถึงเรียกว่าน่าง้อล่ะ”  เขาซักต่อ  เท้าก็เดินเรื่อยๆออกมาจนเกือบถึงหน้าโรงเรียน  เย็นมากแล้วแต่ก็ยังมีเด็กเตะบอลกันเล่นอยู่  ลูกบอลลูกหนึ่งลอยละลิ่วจากสนามมาทางพวกเขาสองคน  ไวน์เป็นคนเห็นก่อน  เขายกมือขึ้นผลักเพื่อนหลบไปข้างๆแล้วใช้มือปัดลูกบอลลูกนั้นให้เปลี่ยนทิศทางลอยไปตกใกล้ๆ   

          เด็กม.ต้นวิ่งมายกมือไหว้ขอโทษแล้วก็วิ่งไปเก็บบอลกลับไปเล่นต่อ  ไวน์หันไปยักคิ้วไปให้คนที่ยืนอึ้งอยู่ด้วยความตกใจนั้นนิดนึง

          “เดินต่อสิครับคุณลักษณ์  ตกใจอะไรขนาดนั้น”

          “เปล่าซะหน่อย  เจ็บที่มึงผลักซะแรงเนี่ยแหละ”  เจ้าตัวบ่นอุบยกมือขึ้นคลำแขนตัวเองป้อยๆ

          “ก็ดีกว่าหน้าแหกหัวปูดนั้นแหละ”  ไวน์ตอบกลับพลางหัวเราะ   เอื้อมมือไปจับแขนเรียวบางของอีกคนขึ้นมาแล้วเป่าลมพรวดลงไปตามแบบฉบับที่อาจารย์ลักษณ์เคยประสิทธิประสาทวิชาให้  “เป่าหายเพี้ยง”

          “โอ๊ย  กูไม่ใช่เด็กอนุบาลนะ”  ลักษณ์ดึงแขนกลับไปอย่างฉุนๆ  “รีบเดินเร็วเข้า  จะได้ไปช่วยป้าดา  วันนี้ลูกค้าน่าจะเยอะ”

          “กูไม่ไปแล้ว  จะกลับบ้าน”  ไวน์ตอบ   อีกฝ่ายชะงักหันมามองหน้าเขางงๆ  สักพักก็หัวเราะออกมา เข้ามาเกาะแขนเขาด้วยท่าทางที่ไวน์ไม่เคยเห็นมาก่อน

          “ไปเถอะ  ข้าวฟรีนะ  ตอบแทนที่มึงช่วยกูปัดบอลเมื่อกี้นี้ไง”  สายตาที่ช้อนขึ้นสบตาเขาทำเอาคนมองใจอ่อนยวบ  จากที่ตั้งใจว่าจะแกล้งงอนต่อให้เพื่อนง้อดูสักหน่อยก็เป็นอันต้องล้มเลิกไปเพราะกระแสอ้อนนิดๆที่ปนมาในแววตาและน้ำเสียงของคนพูด

          ลักษณ์มันร้ายจริงๆ...

          “ตอบแทนโดยการให้กูไปช่วยมึงเสิร์ฟที่ร้านเนี่ยนะ”  ไวน์แกล้งพูดเสียงดัง  อีกฝ่ายหัวเราะจนตาหยี ยิ้มกว้างอวดฟันเรียงสวยในเรียวปากบาง  รอยยิ้มที่ทำให้ทุกอย่างรอบตัวสว่างไสวราวกับฉาบด้วยแสงตะวัน

          “ก็ตอบแทนกันไง”  ลักษณ์ตอบกลั้วหัวเราะ  ฉุดแขนเขาให้รีบเดินเร็วขึ้น



            ไวน์มองเห็นร่างสองร่างเดินกอดคอกันผ่านหน้าเขาไป  เสียงหัวเราะของทั้งคู่ยังก้องอยู่ในโสตประสาทราวกับเพิ่งเกิดขึ้นจริงเมื่อครู่  ไม่ใช่เนิ่นนานมาเกือบสี่ปีแล้ว กลายเป็นอดีตที่มีชีวิตอยู่แค่ในความทรงจำเท่านั้น 

            ชายหนุ่มซบใบหน้าลงกับหัวเข่านิ่งนาน

            เสียงน้ำในบึงกระฉอกเบาๆตรงหน้าปลุกเขาตื่นจากภวังค์  ไวน์เงยหน้าขึ้นมองทันเห็นครีบปลาสะบัดจนน้ำกระจาย   ชายหนุ่มขยับเข้าไปใกล้ขอบสระบัวอีกนิด  ชะโงกหน้าลงไปมองริมสระอย่างระมัดระวัง  ปลาตัวเล็กๆสีดำๆ ผสมกับปลาตัวยาวๆสีซีดว่ายไปมาอย่างรวดเร็ว  ไม่ได้ตัวใหญ่เหมือนที่เห็นมันสะบัดหางที่กลางสระเมื่อครู่ 

            จ๋อม!

          น้ำในสระแตกกระจายใกล้ตัวเขามากจนหยดน้ำกระเซ็นมาโดนขากางเกง  ฝูงปลาในน้ำแตกฮือว่ายหนีกันไปคนละทิศคนทางเพราะถูกมือดีปาหินลงมาใส่กลางวง  ทว่าเพียงไม่นานพวกมันก็ย้อนกลับมาว่ายวนเวียนกันต่อเหมือนเดิม

            จ๋อม!

            ของแข็งตกกระทบผิวน้ำอีกครั้ง   มันเฉียดไหล่ของเขาไปนิดเดียว  ไวน์ลุกขึ้นยืนหันขวับไปมองต้นเหตุที่น่าจะมาจากต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากที่นั่งเดิมของเขานั่นเอง

            หัวใจเต้นแรงเหมือนตีกลอง  ไวน์ถามออกไปเสียงดัง

            “เด็กที่ไหนมาเล่นปาหินแถวนี้”

            ตุบ!

            ก้อนหินขนาดเท่านิ้วโป้งลอยมากระทบแผ่นอกของเขา  มันไม่ได้เจ็บมากนักหรอก  แต่เขาก็ยกมือขึ้นแตะที่หน้าอกซ้ายที่ถูกประทุษร้าย  รู้สึกถึงก้อนเนื้อข้างใต้ที่เต้นกระแทกแผ่นอกอยู่ภายใน  สัญชาตญาณบอกเขาว่าถ้าไม่ใช่คนที่เขาตามหาอยู่  ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นใครไปได้อีก

            ถึงเวลาเคลียร์ทุกอย่างให้กลับเข้าที่เข้าทางอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว   เราสองคนจะได้...มีความสุขเสียที

            “ออกมาเร็ว  อย่าแอบ...ลักษณ์”

 

            .....................................................................................



มาอัพต่อนะจ้ะ  นี่อยากอัพทุกวันเลยยย  (คึกอะไรเบอร์นั้น) 

ขอบคุณมากๆเลยที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้  นักเขียนเงาเเสดงตัวหน่อยเร็วววว

มีความสุขมากเลยอ่ะ  บอกยังว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องยาวเรื่องแรกของเราที่ไม่ใช่แฟนฟิค

รู้สึกว่าแบบ...เออ มันก็มีคนอ่านอยู่เนอะ  ดีใจอ่ะ 

ขอบคุณอีกรอบ   ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ  ติชมมากันได้เลยนะ จะได้พัฒนา 

เจอกันตอนหน้า 

พรุ่งนี้ไรท์ไม่อัพนะ  ไปทำฝาย5555555  เข้าค่ายเด็กดียังบ่จบเลยจร้าาา 

ทวิตเตอร์ #แอบลักษณ์

FB: MelenalikeFanpage (https://www.facebook.com/Melenalikebanana/)
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่24 26/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 26-05-2017 22:33:48
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่24 26/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-05-2017 01:38:01
 :hao5:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่24 26/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 27-05-2017 20:58:49
เป็นเรื่องที่อ่านรวดเดียว หน่วงมากๆอึดอัดใจสุดๆก็ขอให้เคลียร์กันได้สักทีนะ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่24 26/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 27-05-2017 22:07:20
อืม..... นี่ฝีมือพี่รามป่ะ 5555555   
ขัดขวางความรักของชาวบ้านนี่เป็นบาปนะเฮีย
โบราณว่าช่วยให้คนสมหวัง ยินดีกับความรักของผู้อื่นรักเราจะดี
ถ้าขัดขวางความรักคนอื่นระวังอกหักรักคุดนะเฮีย อิอิ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่24 26/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 28-05-2017 23:00:36
จะเจอกันได้หรือยัง
ทำเป็นพระเอกนายเอกหนังอินเดียไปได้

แค่รักกัน
มันยังไม่พออีกเหรอ

ปรับความเข้าใจกันซะ
---โบกหัวทิ่ม---

หุหุ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่24 26/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: beedy ที่ 29-05-2017 05:41:19
อ่านรวดเดียวเลย  ชอบมากๆ ขอบคุณไรท์มากๆนะ มาต่อไวๆน้า เค้ารออยู่ :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่24 26/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 29-05-2017 20:48:10
อ่านรวดเดียวเลย..สนุกมากค่ะมีทุกรสชาติตอนนี้ขาดหวานอย่างเดียวเลย :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่24 26/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: runtothemoon ที่ 03-06-2017 14:36:22
ลุ้นนน ลักษณ์จะยอมคุยด้วยดีๆมั้ย :ling1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่24 26/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-06-2017 22:34:57
บีบหัวใจไปหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่24 26/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: Naam3 ที่ 04-06-2017 22:56:14
รอๆๆๆน่าๆๆๆๆๆ :mew2: :mew3: :katai4: :ling1: :katai1: :z2: :z10: :z3: :L2:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่24 26/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 04-06-2017 23:04:44
 :m15:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่25 6/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 06-06-2017 01:25:08
ตอนที่ 25

Everybody is somebodys daydream.

 

 

 

 

           

 

            เขากำก้อนหินเล็กๆในมือเอาไว้แน่น  เหลือบตามองลงไปที่ใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ที่พาตัวเองขึ้นมานั่งเล่นนอนเล่นได้พักใหญ่  ก่อนจะเผลอหลับไปและถูกปลุกขึ้นด้วยเสียงฝีเท้าของใครบางคนเข้า

            ....คนที่เขากำลังคิดถึง

            ศีรษะทุยที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสั้นๆเกือบติดหนังศีรษะของคนตัวสูงอยู่ห่างจากกิ่งไม้ที่เขาเกาะนั่งอยู่ไม่มาก  ฝ่ายนั้นกำลังเงยหน้าขึ้นมองต้นไม้ต้นข้างๆที่เขาแอบอยู่นั้น

            “อย่าให้เจอนะ  ไม่งั้นล่ะก็....”   เสียงห้าวๆพูดขึ้นดังๆเหมือนตั้งใจขู่  ลักษณ์เลิกคิ้วแล้วปาก้อนหินในมือใส่เป้าหมายตรงหน้ากะให้ลงกลางกระหม่อม

            ตุบ!

            “โอ๊ย!”   แม่นยำราวกับจับวาง  เสียงอุทานดังขึ้นทันที

            มันไม่ได้ดังขึ้นจากคนที่ถูกก้อนหินกระแทกใส่ศีรษะ  แต่กลับมาจากเจ้าของข้อเท้าผอมๆที่ถูกมือแข็งๆคว้าหมับแล้วดึงอย่างไม่ทันตั้งตัวจนร่างทั้งร่างไถลพรืดลงมาจากกิ่งไม้

            ลักษณ์ใจหายวาบ  ร่วงลงมาจากกิ่งไม้ที่สูงกว่าตัวเขาหลายคืบ   นึกว่าจะต้องกระแทกพื้นจุกแอ้กแต่เขากลับยังลอยอยู่เหนือพื้นดินเพราะมีวงแขนของคนที่กระตุกข้อเท้าเขาเมื่อครู่กางรับเอาไว้ได้ทัน

            แขนเรียวโอบรอบลำคอแข็งแรงของอีกฝ่ายแน่นอย่างตกใจ   เสี้ยวหน้าคมอยู่ห่างออกไปเพียงคืบ  ดวงตาสองคู่สบกันในระยะประชิด  แววตาที่ลักษณ์เห็นนั้นเต้นระริกด้วยประกายของความปีติยินดีปนกับแววอะไรอย่างอื่นที่ทำให้ใบหน้าของเขาร้อนซู่ขึ้นมาฉับพลัน

            “จับได้แล้ว....มือปาหิน”  เสียงห้าวๆนั้นกระซิบที่ข้างหูของเขา  ก่อนที่ลักษณ์จะรู้สึกได้ถึงสัมผัสแผ่วเบาที่ซีกแก้มข้างนั้น  “แอบทำไม  ไม่รู้หรือไงว่าอยากเจอแค่ไหนน่ะฮึ”

            “ปล่อยก่อน”  ลักษณ์พูดออกมาเป็นประโยคแรก  หัวใจของเขาเต้นรัวจนกลัวว่ามันอาจจะผิดจังหวะเข้าได้ในวินาทีใดวินาทีหนึ่งข้างหน้า

            อีกฝ่ายส่ายหน้าเบาๆ  รอยยิ้มนิดๆปรากฏอยู่บนริมฝีปากสวยที่ลักษณ์เคยนึกอิจฉานั้น

            “ไม่ปล่อยแล้ว  เดี๋ยวหนีไปอีก”

            “จะหนีไปไหนเล่า”  ลักษณ์อุบอิบกับแผ่นอกกว้าง  ซ่อนใบหน้าที่แดงก่ำของตัวเองเอาไว้  ไม่รู้ทำไมตอนนี้เขาถึงได้เขินสายตาของอีกฝ่ายเหลือเกิน  ทั้งๆที่เคยเห็นดวงตาคู่นี้มาตั้งหลายปีแล้ว 

            คงเป็นเพราะแววตาของไวน์ในวันนี้ต่างไปจากเดิมมาก   เมื่อประกอบกับรอยยิ้มนั้น  ลักษณ์อยากจะพูดว่าเขาเกลียดเขี้ยวๆแหลมๆเกๆที่มุมปากของอีกฝ่ายเหลือเกิน  มันให้ความรู้สึกทั้งเจ้าเล่ห์และเซ็กซี่ในเวลาเดียวกันอย่างบอกไม่ถูก 

            “ไม่หนีแน่นะ”  ปลายจมูกโด่งก้มลงถามจนชิดแก้มของเขา  ลักษณ์เอียงหน้าหนีแล้วพยักหน้า 

            “รีบปล่อยเถอะ  ไม่กลัวนิวมาเห็นหรือไง”  ลักษณ์พูดเร็วปรื๋อ

            คนฟังหุบยิ้ม  มองหน้าเขาอย่างแคลงใจ  แววผิดหวังปรากฏขึ้นในดวงตาคมที่มองมายังเขา

            “นิว?  นิวมาเกี่ยวอะไรด้วย”

            “ก็เขาเป็นแฟนไม่ใช่หรือไง”  ลักษณ์ตอบกลับไป  ไม่สบตาอีกฝ่าย  ไวน์นิ่งไปนิดแล้วยอมวางเขาลงยืนบนพื้นแต่โดยดี

            “ที่ไม่สบาย....หายดีหรือยัง..ลักษณ์”  ฝ่ายนั้นถามขึ้นช้าๆ  เปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉย  ตาจับจ้องมาที่เขาไม่กระพริบ

            “อืม  ดีขึ้นแล้วล่ะ”

            “หมอบอกว่าเป็นอะไรเหรอ”

            “หมอไม่ได้บอกอะไร แต่พี่รามบอกว่าเป็นไข้หวัดใหญ่”   ลักษณ์ตอบกลับไป  ก้มหน้าลงพิศดูมดตัวเล็กๆที่เดินเรียวกันเป็นแถวบนพื้นดินร่วนๆ  “ถามทำไมเหรอ”

            แว่วเสียงคล้ายถอนหายใจดังขึ้นเหนือศีรษะของเขา

            “เปล่า  แค่...เป็นห่วง”  อีกฝ่ายตอบกลับมา  “ไปติดหวัดที่ไหนมา”

            “ไม่รู้สิ...คงตากฝนหน้าคณะฯตอนที่รอพี่สิงห์มั้ง”

            “วันนั้นพี่สิงห์พาไปกินที่ไหน”  ไวน์ถามต่อมาอีกราวกับเป็นสิ่งที่อยากรู้เต็มประดา

            “ร้านแถวๆนอกเมือง  จำเชื่อร้านไม่ได้  รู้แต่คงเมาเละเพราะจำอะไรไม่ได้เลย  รู้ตัวอีกทีก็อยู่ที่รพ.แล้ว”  ลักษณ์พูดแล้วหัวเราะเบาๆ  เงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนตรงหน้าอย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายซ่อนแววตาเอาไว้ไม่ทัน  พอเห็นแววตาที่ฝ่ายนั้นมองมา ลักษณ์ก็ขมวดคิ้ว

            “เป็นอะไรไป  ทำไมทำหน้าอย่างนั้น  หรือว่าปวดขี้?  มีห้องน้ำอยู่ตรงโน้นนะ”

            คนฟังนิ่งอั้น  มองหน้าเขาเหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่สุดท้ายก็ไม่มีคำพูดใดหลุดรอดริมฝีปากคู่นั้น  ไวน์มองหน้าเขานานมาก

            “ช่างมันเถอะนะ....ทั้งเมาทั้งเป็นไข้ ไม่แปลกที่จะลืม” ดวงตาคมเหลือบมองริมฝีปากของเขาแทน  “แต่ว่านายคงไม่ลืมเรื่องที่ฟาร์มหรอกนะ”

            ลักษณ์ไม่ตอบ  เขาเบือนหลบสายตาของอีกฝ่ายทันควัน

            “เรื่องทำสนามเด็กเล่นน่ะเหรอ  ไม่ลืมหรอก”

            “ไม่ใช่เรื่องนั้น”

            “อ้อ....เรื่องรีดนมวัวใช่มั้ย  ก็สนุกดีนะ”

            “เรื่อง...ไวน์”

            “หืม?”

            “เห็นดื่มไปเยอะเลยนี่  ชอบเหรอ”

            “อืม...ก็รสชาติดี” 

            “อยากชิมอีกมั้ย”  ลักษณ์เริ่มรู้สึกว่าอีกฝ่ายก้าวเข้ามาชิด  ก็เลยค่อยๆก้าวถอยหลังทีละก้าว  รักษาระยะห่างระหว่างคนสองคนให้เท่าเดิม

            “ไม่”  ตอบออกไปสั้นๆ  ขาก็ก้าวถอยหลัง  เพียงแค่ครึ่งก้าวแผ่นหลังก็ชนเข้ากับเปลือกไม้แข็งๆของต้นไม้ใหญ่ที่ขวางอยู่   พอลักษณ์ทำท่าจะเบี่ยงตัวหลบ  มือของอีกฝ่ายก็ยึดที่ต้นแขนทันที   “คะ..คิดจะทำอะไรน่ะ...”  ทำไมเสียงของเขาถึงไม่ขึงขังเข้มดุเหมือนที่ตั้งใจเลยนะ

            “จะจูบ”  อีกฝ่ายตอบกลับมาตรงเผงพร้อมกับริมฝีปากได้รูปสวยที่ขยับเข้ามาจนเกือบชิดใบหน้าของเขา  ลักษณ์ตัวลีบยกมือขึ้นดันปลายคางของอีกฝ่ายเอาไว้  พูดละล่ำละลัก

“ไม่ได้นะ  กูไม่อยากเป็นมือที่สามของ...ของใคร”

“มึงไม่ใช่มือที่สาม”

“แต่ว่านิว...”

“กูเลิกกับนิวไปแล้ว”

“นิวทำผิดอะไร”

ไวน์ขยับจะตอบแล้วก็เปลี่ยนใจ  ....ถ้าเขาเล่าเรื่องทั้งหมดที่นิวทำ  ก็เท่ากับว่าความลับเรื่องที่ลักษณ์โดนยาต้องถูกเปิดเผย  และไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะระลึกถึงเหตุการณ์แย่ๆพวกนั้นขึ้นมาอีกก็ได้  อุตส่าห์ลืมไปหมดแล้วแท้ๆ  เขาไม่อยากให้ลักษณ์จำความทรมานในตอนนั้นได้เลยแม้เพียงเศษเสี้ยว

“กูผิดเองที่ไม่รักเขา”  ไวน์ตอบออกไปเรียบๆ  เขาคิดว่านี่เป็นคำตอบที่ถูกต้องที่สุดแล้ว  แม้ว่าเขาจะอยากเล่าความชั่วร้ายของนิวและพี่รหัสของลักษณ์มากแค่ไหนแต่ก็ต้องทนเก็บเอาไว้ก่อน

อีกฝ่ายเลิกคิ้ว

“อ้อ”

“ไม่ถามต่อหน่อยหรอว่ารักใครอยู่”

“ทำไมกูต้องถามด้วยล่ะ”  ลักษณ์อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายเผลอตัว ออกแรงดันอกอีกฝ่ายออก  แล้วรีบชิ่งหนีออกมาจากมุมอับที่เสียเปรียบนั้น

“อ้อ...” ไวน์อุทานเลียนแบบอีกฝ่าย  “ลืมไปว่าเป็นพวกชอบคิดไปเอง”

ดวงตากลมโตคู่นั้นตวัดมองเขา  ได้ยินเสียง ‘ฮึ’ หลุดออกมาเบาๆ

“กูกลับบ้านดีกว่า เดี๋ยวฝนจะตกแล้ว”  คนพูดหันหลัง  ทำท่าจะรีบเดินจ้ำทว่าคนตัวสูงกว่าคว้าตัวเอาไว้ได้เสียก่อน

ท้องฟ้าด้านบนเริ่มมืดครึ้ม ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังมีแสงแดดให้เห็น 

“อยากตากฝนอีกหรือไง  เดี๋ยวก็ได้นอนรพ.อีกหรอก” ลักษณ์พูดเสียงดัง  คนฟังชะงัก  เงยหน้าขึ้นสบตาคนพูด  มือยังเหนี่ยวรั้งรอบเอวบางไม่ยอมปล่อย

“รู้ได้ไงว่ากูตากฝนหนักเลยต้องเข้ารพ.”  ไวน์ถามเสียงเข้ม  “พี่รามบอกงั้นหรอ”

“ใช่”  อีกฝ่ายตอบรับทันควัน  พยายามสะบัดตัวออก

“อย่าโกหก”  ไวน์สวน  หรี่ตาลง คิ้วเข้มขมวดมุ่น  “จริงๆจะว่าไปแล้วมันก็แปลก...”  ไวน์พูดช้าๆ  เหมือนพูดกับตัวเอง  เขาเพิ่งเอะใจว่าท่าทางของอีกฝ่ายดูประหลาดชอบกล  ถ้าลักษณ์ความจำเสื่อมจริงล่ะก็...

“แปลกตรงไหน  พี่รามบอกกูว่ามึงปอดบวมเลยต้องนอนรพ.  อย่างมึงจะมีอะไรได้นอกจากเดินตากฝนกลับบ้าน  ทำอยู่แล้วประจำนี่”  ลักษณ์พูดเร็วปรื๋อ

“อืม   นั่นสินะ”  ไวน์พยักหน้ารับ  “ใช่  กูเดินตากฝนก็เลยป่วย....งั้นเรารีบกลับบ้านกันดีกว่า  เพิ่งออกจากรพ.ทั้งคู่  เดี๋ยวไข้กลับกันพอดี”

มือที่รั้งร่างของเขาเอาไว้นั้นเปลี่ยนเป็นกระชับเอวแน่นแล้วออกแรงกึ่งลากพาเขาเดินไปที่หน้าโรงเรียนอย่างไม่มีทางเลี่ยง  ลักษณ์ทั้งหยิกทั้งตีก็ไม่ยอมปล่อย  สุดท้ายเขาต้องหันไปถลึงตาใส่พร้อมกับกระทืบเท้าลงบนรองเท้าแตะคีบของอีกฝ่ายแรงๆ

“โอ๊ะ!”  ไวน์อุทาน ชักเท้าหนี  ยอมปล่อยมือจากเอวของเขาเป็นอิสระแต่เปลี่ยนไปจับมือของลักษณ์ขึ้นมากุมเอาไว้แทน

“ไม่ต้องจับ”  ลักษณ์พูดเสียงแข็ง  อีกฝ่ายเหลือบมองด้วยหางตาแล้วก็ลากเขาขึ้นรถเมล์ที่มาจอดป้าย  มือข้างนั้นบีบกระชับฝ่ามือของลักษณ์เอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย  แม้กระทั่งตอนที่รุนหลังให้ลักษณ์นั่งบนเก้าอี้แทนที่ผู้ชายอีกคนที่ลงป้ายนั้น

ไวน์ยังอุตส่าห์มายืนจับมืออยู่ข้างๆเก้าอี้ที่นั่งของเขา  ไม่แคร์สายตาของผู้โดยสารคนอื่นที่เหลือบมองมาเป็นระยะ

“ปล่อยได้แล้ว”  ลักษณ์พูด  บิดมือตัวเองออกอีกรอบ....ไม่สำเร็จอีกตามเคย  เพราะเขาไม่ได้ออกแรงเต็มที่จริงจัง  จะทำไงได้ในเมื่อเสียงกระซิบในหัวใจของเขาบอกว่า...ไม่อยากปล่อยมือเลยสักนิด

ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้  เพราะเจ้าตัวยืนกำมือเขาเฉยด้วยสีหน้ายิ้มๆ...ให้ตายสิ   ทำไมลักษณ์รู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นมันเจ้าเล่ห์กว่าที่เคยกันนะ

หรือเขาจะคิดมากไปเอง

รถมาจอดป้ายใกล้ปากซอยบ้านของลักษณ์  ไวน์จูงเขาลงจากรถเมล์  พอเท้ายืนบนพื้นดิน  สายฝนก็เทซู่ลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย   ทำเอาเสื้อที่สวมอยู่เปียกไปครึ่งตัว  มันคงจะเปียกมากกว่านี้ถ้าไอ้ไวน์ไม่ลากเขาถูลู่ถูกังเข้าไปหลบฝนใต้ชายคาเซเว่นอีเลเว่น

“ไม่ทันฝนจนได้”  เขาบ่นเบาๆ  อีกฝ่ายหันมามอง  “ดูท่าจะตกนานด้วย  โทรบอกพี่รามให้เอาร่มมารับดีมั้ย”  ลักษณ์หันไปปรึกษาคนข้างๆอย่างลืมตัว

“รบกวนเขาเปล่าๆ  ไม่รีบไปไหนนี่”  ไวน์พูด  ทำท่าจะเดินเข้าเซเว่น  แต่ลักษณ์รั้งมือเอาไว้

“ตกหนักแบบนี้เดี๋ยวน้ำท่วม  ต้องลุยน้ำเข้าไปทำไง”

“เก๊าะขี่หลัง”  ไวน์ตอบกลับมา  “มากับพี่ไวน์ไม่ต้องกลัว  ขอพี่ซื้อขนมรองท้องก่อน  ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่บ่าย  จะเป็นลมแล้ว”

“อ้าว  แล้วก็ไม่บอก”  อีกฝ่ายอุทาน  แล้วก็เป็นฝ่ายลากไวน์เข้าไปซื้อของในร้านแทน

ไวน์ลอบมองใบหน้าเล็กรูปหัวใจที่เงยขึ้นเลือกขนมบนชั้นอย่างตั้งอกตั้งใจนั้นด้วยความรู้สึกแสนแปลก  เป็นความรู้สึกใหม่ที่เขาเพิ่งจะรับรู้ได้เมื่อครู่ใหญ่ๆนี้เอง  จะว่าเป็นตอนที่อีกฝ่ายหลุดปากบอกอะไรบางอย่างออกมาก็เป็นได้  กวาดตามองแขนผอมๆที่เอื้อมหยิบนมขวดคู่กับซาลาเปาส่งให้เขา  ก่อนที่จะหยิบเต้าหู้นมสดของตัวเองมาถือเอาไว้ด้วยท่าทางเหมือนเด็กๆนั้น  ไวน์ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

“เป็นบ้าอะไรอีก  ยืนยิ้มอยู่ได้...เอาไปคิดตังค์สิ”  ลักษณ์พูด  แต่ไม่ยอมสบตาเขาเลยตั้งแต่อยู่บนรถเมล์แล้ว   ไวน์ก้มหัวค้อมรับล้อเลียน  เดินไปคิดเงินที่แคชเชียร์  ส่วนอีกฝ่ายเดินออกไปรอด้านนอก

เขาตามออกมา  มือล้วงหยิบเต้าหู้นมสดของโปรดของอีกฝ่ายมาส่งให้  ส่วนตัวเองก็หยิบเอาซาลาเปาไส้หมูสับไข่เค็มขึ้นมากัดเข้าปาก

“ขาดขนมจีบ”  ไวน์พูดขึ้นลอยๆ   อีกฝ่ายเหลือบตาขึ้นมอง

“ก็เข้าไปซื้อดิ  แต่มันไม่มีโปรโมชั่นซื้อคู่แล้วลดอ่ะ”   ลักษณ์ตอบกลับมา

“ไม่ต้องหรอก  เดี๋ยวไวน์จีบเอง”  คนพูดพูดทั้งที่ซาลาเปาเต็มปาก แล้วก็หัวเราะออกมา  ส่วนคนฟังทำหน้างง

“พูดว่าไงนะ  ฟังไม่รู้เรื่อง”

“ไม่ต้องมาทำไก๋  คิดว่าคนเขาไม่รู้ทันหรือไง”  ไวน์กลืนอาหารลงคอ  ดื่มนมตามจนหมดขวดแล้วก็หันมาพูดด้วยสีหน้ามีเลศนัย ทำเอาคนฟังร้อนตัว

“ไก๋เก๋ยอะไร  ประสาท...รีบกินเร็วๆ  จะได้กลับบ้าน”

            “ฝนยังไม่หยุดเลยจะรีบไปไหน”

            ก็จริงของไวน์...สายฝนยังเทกระหน่ำประหนึ่งว่าจะชดเชยหน้าร้อนที่ผ่านมา  น้ำฝนเจิ่งนองอยู่บนพื้นถนนระบายลงท่อไม่ทัน  อีกไม่นานซอยเล็กๆนี้ก็คงจะต้องท่วมแน่ๆ   เหมือนทุกครั้งที่เคยเป็น

            “สงสัยจะได้ขี่หลังจริงๆ”  ไวน์พูดแกมหัวเราะ  “หรือจะตากฝนกลับตอนนี้  เราก็มีอุปกรณ์นะ”  อุปกรณ์ที่อีกฝ่ายว่าก็คือถุงพลาสติกบางๆของเซเว่นนั่นเอง  แถมยังมีอยู่เพียงถุงเดียวด้วย  “รู้สึกเหตุการณ์นี้คุ้นๆนะ”  ไวน์พูดขึ้นมาตรงใจเขา  ลักษณ์ก็กำลังนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตอยู่พอดี

            “ถุงเท่ากระแบะมือ  ใส่ไปคนเดียวเถอะ”

            “แล้วจะเดินตากฝนหรือไง”

            “เย็นดี”  ลักษณ์ตอบหน้าตาเฉย  ทำท่าจะเดินออกไปจากใต้ชายคาที่บังฝน  ไวน์รีบคว้าแขนเอาไว้  พูดเสียงเข้ม

            “คราวที่แล้วไม่เข็ดใช่มั้ย”

            “อ๋อ  ที่มึงป่วยจนขาดสอบ แล้วก็โดนพี่รามสวดยับทั้งคู่ใช่มั้ย”

            “เปล่า...หมายถึง..”  ไวน์ชะงัก  เปลี่ยนเรื่องทันควัน  “เออ...หมายถึงเรื่องนั้นนั่นแหละ  ยังไม่เข็ดอีกหรือไง  ก็ไม่อยากโดนพี่รามด่าอีกหรอกนะ”

            รอยยิ้มผุดขึ้นที่ริมฝีปากของคนฟังก่อนจะสว่างไสวไปทั่วใบหน้า

            “พี่รามไม่ด่าหรอก”  ลักษณ์กระซิบ   ไวน์มองตอบด้วยสายตาค้นคว้าแต่เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้  หันไปมองสายฝนที่เริ่มเบาบางลง  “ปัญหาแค่นี้มันเส้นผมบังภูเขา...เห็นชายคาของร้านอาแปะโชห่วยนั่นมั้ย  เราเดินเลาะไปตามกันสาดก็ได้”

            “ทำไมกูถึงไม่ทันคิดนะ”  ไวน์พูดเบาๆ  แล้วยิ้มกว้าง  “ภูเขาออกใหญ่โตดันมองไม่เห็น”

            “รีบๆเดินเถอะ”  ลักษณ์ตอบกลับมา  เริ่มออกเดินเลาะไปตามใต้ชายคาร้านรวงต่างๆที่เรียงรายเป็นแนวไปตลอดตั้งแต่หน้าปากซอยจนกระทั่งถึงร้านของป้าดา  พวกเขาสวนกับพี่รามที่เดินจ้ำออกมาจากร้านด้วยใบหน้าเคร่งเครียด  พี่รามเหลือบมองพวกเขาสองคนแวบเดียวเท่านั้นแล้วก็เดินผ่านไปโดยไม่พูดอะไร

            “กลับมากันพอดี  ป้าว่าจะโทรตามมาช่วยเก็บร้านหน่อย  ต้องเลื่อนตู้เข้ามาข้างในด้วย  เดี๋ยวน้ำท่วมแล้วเปียกเละหมด”  ป้าดากวักมือเรียกพวกเขาเข้าไปช่วยเก็บของเพราะน้ำเริ่มเอ่อล้นขึ้นมาจากท่อหน้าร้าน  วุ่นวายอยู่พักใหญ่จนลืมเรื่องต่างๆที่ค้างคาไปเสียสนิท  กว่าจะเสร็จเรียบร้อย  ไวน์ก็พบว่าตัวเองกำลังนั่งพับเพียบตักข้าวเย็น(กับข้าวที่เหลือในร้าน) เข้าปากอย่างหิวโหย  คนที่นั่งขัดสมาธิอยู่ที่พื้นตรงหน้านั้นก็มีสภาพไม่ต่างกัน  ลักษณ์กินข้าวหมดจานก่อนเขาเสียอีก

            “ฝนยังไม่หยุดตกเลย”  ไวน์ปรารภขึ้นมาลอยๆ  ลักษณ์เงยหน้าขึ้นหันไปมองหน้าร้านที่ระดับน้ำปริ่มๆกับพื้นชั้นล่างที่พวกเขานั่งกินข้าวอยู่  พวกโต๊ะเก้าอี้ถูกยกขึ้นไปซ้อนเก็บชั้นสองหมดแล้วตามมาตรการกันไว้ดีกว่าแก้ของป้าดา 

            “คงตกทั้งคืน”  ลักษณ์พูดอย่างกังวล  ถ้าน้ำท่วมร้านขึ้นมาจริงๆ ก็คงลำบาก  ไหนจะต้องขาดรายได้ไปแล้วยังต้องมาบูรณะใหม่หลังน้ำลดอีก   “เราควรเตรียมพวกกระสอบทรายหรือเปล่า”

            “คงไม่ถึงขั้นนั้นมั้ง”

            “สองปีก่อนก็คิดอย่างงี้ไม่ใช่เหรอ  โต๊ะเก้าอี้แช่น้ำพังหมดเลย  จำไม่ได้หรือไง  ที่ต้องลงมาลุยน้ำถึงเอวตอนตีหนึ่งขนของขึ้นบ้านน่ะ”  เหตุการณ์น้ำท่วมหนักในปีนั้นเขายังจำได้ไม่ลืม

            “จำได้”  ไวน์ลากเสียง  “เอวของมึงน่ะแค่เข่าของกูเอง”

            “เวอร์ไปล่ะ”  ลักษณ์กระแทกเสียงแล้วลุกขึ้นยืน  ยกจานกลับไปรวมไว้เป็นกองใหญ่หลังร้านแล้วเริ่มล้าง   ไวน์ตามเข้ามาช่วยด้วย  ร่างสูงลากเก้าอี้เล็กมานั่งเบียดข้างๆเขา

            “กระเถิบไปหน่อย ไปล้างน้ำเปล่านู่นสิ  จะมาแย่งล้างฟองทำไม”  ลักษณ์พูดฉุนๆเมื่ออีกฝ่ายแย่งเอาฝอยขัดหม้อไปถือเอาไว้เสียเอง

            “หม้อนี้ล้างยาก  มึงชอบบ่นไม่ใช่เหรอว่าขี้เกียจขัด”  ไวน์ตอบกลับมา  ดึงหม้อไปขัดแรงๆ  ลักษณ์จุ๊ปากเอื้อมมือไปหยิบจานที่เหลือมาล้างแทน

            เสียงเปิดน้ำผสมกับเสียงหม้อไหกะละมังแก้วจานกระทบกันฟังแล้วกลับให้ความรู้สึกแปลกๆชอบกล  บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยกลิ่นคาวของอาหารและเปียกเฉอะแฉะ  ยุงหลายตัวเริ่มบินว่อน  เสียงฝนตกกระทบหลังคาเป็นฉากหลัง  มันไม่โรแมนติกเลยสักนิด  แต่ให้ตายสิ  ทำไมใจเขาถึงได้เต้นแรงนักก็ไม่รู้

            หรือเพราะคนที่กำลังใช้ฟองน้ำล้างแก้วอย่างบรรจงอยู่ข้างตัวก็ไม่ทราบ

            เขาชอบใบหน้าของไวน์เวลาที่ตั้งใจทำอะไรสักอย่าง  คิ้วเข้มคู่นั้นจะขมวดนิดๆ  แววตามุ่งมั่นมองตรงไม่วอกแวก  จมูกโด่งคมและริมฝีปากได้รูปสวยสีสดเม้มจนเกือบเป็นเส้นตรง...
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่25 6/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 06-06-2017 01:27:09
 





               “ถ้าจ้องนานกว่านี้กูจะท้องแล้วนะ”

            เสียงห้าวๆดังขึ้นพร้อมกับแววตาแพรวระยับที่เหลือบมาทางเขา   ลักษณ์สะดุ้ง เผลอหลบตาเพราะไม่ทันตั้งตัว

            “ประสาท” ด่าออกไปด้วยคำติดปาก  เอื้อมมือไปคว้าแก้วพลาสติกใบสุดท้ายในกะลังมังขึ้นมา  เป็นจังหวะเดียวกับที่อีกฝ่ายเอื้อมมือมาคว้าเช่นกัน  แต่ไม่ได้คว้าแก้ว  ลักษณ์ดูออกว่าฝ่ายนั้นจงใจคว้ามือของเขาตะหาก

            แก้วพลาสติกสีเขียวใบนั้นหลุดจากมือลักษณ์ลงไปลอยตุบป่องในน้ำฟองฟอดเหมือนเดิมโดยที่ไม่มีใครสนใจ   มือเล็กพยายามดึงออกทว่าฝ่ามือของอีกฝ่ายกลับเหนียวแน่นกว่าน้ำยาล้างจานลื่นๆเสียอีก  สงสัยชาติก่อนจะทำบุญด้วยตีนตุ๊กแก

            “ปล่อยเลย  กูจะรีบล้าง”  ลักษณ์พูดรัวเร็ว

            “กูไม่รีบ  มีเวลาล้างทั้งคืน”  ไวน์ตอบกลับมา  “ฝนตกน้ำท่วม คืนนี้กูขอค้างที่นี่นะลักษณ์”

            คนฟังอ้าปากค้าง  ไวน์รู้ว่าอีกฝ่ายเตรียมจะปฏิเสธแต่เขาก็รู้อีกนั่นแหละว่าสุดท้ายแล้วนั้น   คนแบบลักษณ์ก็ยังเป็นคนแบบลักษณ์วันยันค่ำ 

            “ก็ได้”  ท่าทางตอบกลับมาแบบไม่เต็มใจนัก  แต่ก็ปล่อยให้ ‘เพื่อน’ เดินตากฝนลุยน้ำกลับบ้านไม่ลง  หึ...

            “นอนห้องมึงนะ”

            ถ้าเป็นปกติ ลักษณ์คงย้อนกลับไปว่า ‘ก็ต้องห้องกูดิ  จะไปนอนห้องพี่รามหรือไง’  ไปแล้ว  ทว่าสายตาของไวน์ที่มองมาและสัมผัสอุ่นๆของฝ่ามือที่ยืดมือของเขาอยู่ใต้ฟองฟอดของน้ำยาล้างจานนั้นทำให้ลักษณ์ใจสั่น  ไม่สามารถตอบกลับไปได้เหมือนเคย

            “ว่าไง...ลักษณ์”

            “ปล่อยมือก่อน”

            “ตอบตกลงก่อน”

            “ไม่”

            “งั้นก็ไม่ปล่อย  แช่น้ำอยู่อย่างนี้แหละ”

            “ไอ้ไวน์!  กูจะรีบทำงานให้เสร็จ”

            “ก็บอกตกลงก่อนสิ  กูนอนพื้นก็ได้  ไม่ไปแย่งที่มึงบนเตียงหรอก”  ไวน์พูดด้วยเสียงน่าสงสาร  ในใจเริ่มนับหนึ่งถึงสาม  เขาเห็นลักษณ์เม้มปากแน่น  กวาดตาลอกแลกหาหนทางอื่น  จากนั้นก็กลืนน้ำลายอึกนึง  สูดลมหายใจเข้าปอดแล้วอ้าปาก

            “เป็นแฟนกันนะ”  ไวน์พูดเร็วปรื๋อตัดหน้า

            “ตกลง....เห้ย  เมื่อกี้ว่าไรนะ”   ลักษณ์ตาเหลือก  มองหน้าเขาค้างเหมือนเห็นผี  ไวน์หัวเราะเสียงดังยกมือขึ้นโบกข้างหน้า

            “ตกลงแล้วนะ  เอ้าหุบปากหน่อย แมลงวันเข้าปากแล้ว”

            “เมื่อกี้พูดว่าอะไรไอ้ไวน์  กูฟังไม่ทัน”

            “ฟังไม่ทันแล้วจะตอบตกลงได้ไง”  ไวน์ย้อนกลับมายิ้มๆ ใช้ปลายนิ้วโป่งไล้หลังมือลื่นๆของอีกฝ่ายเล่นเบาๆ  พลางเอื้อมมือไปหยิบแก้วใบสุดท้ายในกะลังมังขึ้นมาล้างด้วยวิธีที่ลักษณ์ไม่เคยเห็นใครใช้มาก่อน

            มันวาดแขนโอบรอบตัวเขาแล้วจับมือเขาล้างจานเหมือนเวลาที่แม่จับมือสอนลูกกินข้าว  ลักษณ์รู้สึกเหมือนตัวเองถูกน็อคด้วยกำปั้นที่มองไม่เห็นเข้าเต็มๆหน้า  สมองมึนงงจากไอตัวของคนที่แนบชิดอยู่  ปลายคางที่มีหนวดขรุขระวางป้วนเปี้ยนอยู่แถวซอกคอปนกับลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ามาปะทะที่หลังคอและซีกแก้มของเขาเป็นจังหวะ  กินเน็สบุ๊คคงต้องบันทึกสถิติการล้างแก้วหนึ่งใบด้วยเวลานานที่สุดเท่าที่ลักษณ์เคยทำมา

            “เกลี้ยงแล้ว”  เสียงห้าวๆกระซิบข้างหู  ดึงสติของคนที่นั่งตาลอยมองแก้วในมือเหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน  “เปิดน้ำเร็ว  จะได้ล้างน้ำเปล่า”  เสียงนั้นบงการมาอีก  ท่อนแขนล่ำสันเปลี่ยนมาโอบรอบเอวของเขาเอาไว้หลวมๆแล้วเจ้าตัวก็เอื้อมมือมาเปิดก๊อกตรงหน้าลักษณ์เสียเองเมื่อเห็นว่าลักษณ์ยังนั่งนิ่งอยู่

            ไวน์จับมือเขาหยิบจานชามขึ้นมาล้างน้ำเปล่าทีละใบ  มันใช้เวลานานกว่าการล้างปกติถึงสามเท่า แถมยังเปลืองน้ำ  ลักษณ์คิดในใจทว่ากลับไม่ได้ดึงมือออก...

            “ฉันรู้ว่าเธอกังวล อาการเธอบอกทางสายตา ฉันรู้ว่าเธอไม่กล้าที่จะพูดจาเปิดหัวใจ  ฉันรู้ว่าเธอกำลัง  อยากรู้ว่าฉันนั้นคิดอะไรอยู่...”  เสียงห้าวๆดังขึ้นที่ริมหู  ลักษณ์ชะงัก...   “อาจเพราะว่าเป็นเวลาเนิ่นนานที่เราได้พบกัน  อาจเพราะว่ามีเพียงเธอคนเดียวที่ดูฉันสนใจ  อาจเพราะฉันไม่มองใคร  อาจเพราะฉันมองเพียงเธอคนเดียว..”

            “นึกว่าสวดมนต์อยู่”  คนฟังขัดขึ้นทั้งที่หน้าแดงจัด

            “หากอยากถาม  ว่าฉันนั้นคิดอะไรมั้ย   ก็จะขอบอกเธอเลยว่าใช่  ฉันคิด”  คนร้องไม่สนใจ  ยังคงร้องต่อไปประหนึ่งก๊อกน้ำเป็นไมค์และจานชามช้อนส้อมเป็นคนดู  “คิดว่าเธอเป็นคนน่ารักดี  มีตังค์พอใช้หรือเปล่า  ถ้าไม่มี  ก็อยากจะชวนเธอพูดคุยกันยาวๆ”

            “มันไม่ได้ร้องงี้นะกูว่า”

            “เพราะวันนี้บรรยากาศก็ดี๊ดี  มีเสียงน้ำและ...ถั่วฝักยาว”  เศษผักลอยผ่านหน้าลงท่อระบายน้ำไป  ลักษณ์มองตามแล้วหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ  คนร้องทำหน้าพิกลแล้วร้องต่อ  “ถ้าไม่รีบไป  ก็อยู่ล้างกันจนเช้า   จนจานหมดร้าน  จนเธอง่วงนอน”

            “รีบล้างดีกว่านะ  ชักง่วงจริงๆด้วย  เสียงร้องมึงเหมือนเสียงสวดกล่อมเลย”

            ไวน์จุ๊ปาก  ขยับจะตอบแต่ก็มีเสียงเดินลงบันไดจากชั้นบนมาเสียก่อน  เขารีบปล่อยมือจากลักษณ์อย่างรวดเร็วพอดีกับที่ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายนั้นเดินลงมาชั้นล่าง

            “เหนื่อยหน่อยนะวันนี้  ไม่ต้องล้างหมดก็ได้  เพิ่งหายป่วยกัน  วางกองไว้ก่อน ให้รามมันกลับมาล้างต่อพรุ่งนี้”

            “คืนนี้พี่รามไม่นอนบ้านเหรอครับ”  ไวน์ชิงถาม  อาศัยจังหวะนั้นดันเก้าอี้ออกห่างจากลักษณ์

            “เห็นว่าเพื่อนมีปัญหาหรืออะไรสักอย่าง”

            “อ้อ”

            “ลักษณ์  เล่นอะไรน่ะ ทำไมเสื้อเปียกอย่างนั้น เดี๋ยวก็ไม่สบายอีกหรอก  ไวน์ก็อีกคน....เล่นอะไรระวังกันบ้าง”  ประโยคหลังป้าดาหันมาพูดกับคนโตกว่าโดยตรง  ไม่รู้ทำไมไวน์ถึงรู้สึกว่าเธอจงใจสื่อบางอย่างถึงเขา

            “ครับ...จะเสร็จแล้วครับ”  ลักษณ์ตอบอุบอิบ

            “รีบขึ้นนอนได้แล้ว  เจ้าไวน์คืนนี้นอนห้องรามก็ได้  ได้ไม่ต้องเบียดกัน   รามมันไม่ว่าอะไรหรอก”  ป้าดาพูดทิ้งท้ายเอาไว้เป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะเดินกลับขึ้นบันไดไปชั้นบน  ทิ้งให้เด็กหนุ่มสองคนยืนมองหน้ากัน 

            ลักษณ์ตัวสั่นเพราะกลั้นหัวเราะ  มองหน้าอีกคนที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างสะใจ

            “ขำอะไร”

            “เปล่า”  เขาตอบกลับไป ก้มลงหยิบจานที่ล้างเสร็จแล้วขึ้นไปวางเรียงผึ่งเอาไว้ให้แห้ง   ท่าทางของไวน์ดูหงอยลงอย่างเห็นได้ชัดจนเขานึกขำ  ไม่นึกเลยว่าจะได้เห็นสีหน้าเหมือนหมาหงอยแบบนี้จากคนที่ป๊อปปูล่าที่สุดในมหาลัย

            ...เป็นอีกครั้งที่ลักษณ์ถามตัวเองว่ากำลังฝันไปหรือเปล่า

            ได้เป็นคนที่รัก...และถูกรักตอบกลับมา

            “คิดอะไรอยู่  หรือว่าหลับในไปแล้ว”  สองมือโบกไปมาตรงหน้า   ลักษณ์ส่งยิ้มกลับไปให้จนอีกฝ่ายมองหน้าเขากลับมาอย่างแปลกใจ  “เป็นอะไรหรือเปล่า จู่ๆก็มาจ้องหน้ายิ้ม”

            “ก็แค่ดีใจ”

            “เรื่อง?”

            “ไม่รู้สิ...”  ลักษณ์เดินขึ้นบันไดไปชั้นบน  มีร่างสูงสมส่วนของอีกฝ่ายเดินตามขึ้นมาติดๆ  มาหยุดที่หน้าห้องนอนของลักษณ์ 

            “ห้องพี่รามอยู่ทางโน้น”

            “ขอหยิบของก่อน”

            ลักษณ์เลิกคิ้ว  เปิดประตูห้องให้อีกฝ่ายเข้าไป  ไวน์มาค้างบ้านลักษณ์บ่อยจนมีของใช้ส่วนตัวอยู่ที่นี่เหมือนเป็นบ้านอีกหลัง  เพิ่งมีระยะหลังนี่แหละที่ห่างหายไปบ้างทว่าข้าวของก็ยังคงวางอยู่ที่เดิมราวกับเจ้าของห้องไม่เคยแตะต้องมัน

            ไวน์เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อยืด กางเกงบอลมาถือเอาไว้  รับผ้าเช็ดตัวมาจากลักษณ์ สายตาคมไวก็ดันเหลือบไปเห็นภาพวาดด้วยดินสอที่วางเอาไว้บนโต๊ะในห้อง 

            เป็นรูปสระบัวของโรงเรียนที่เขาเพิ่งไปตามหาลักษณ์เมื่อตอนเย็น  แสงแรเงายังไม่ดีถึงขึ้นมืออาชีพ แต่ก็พอดูเค้าโครงออกว่าอะไรเป็นอะไร  รวมถึงเงาของคนสองคนที่อยู่ริมสระบัวด้วย   คนหนึ่งนั่งอยู่หลังผืนผ้าใบส่วนอีกคนนอนเท้าคางอยู่ข้างๆ

            สายตาของคนที่ดูเหมือนจะกำลังวาดภาพอยู่นั้นกลับไม่ได้จับจ้องไปที่ผืนผ้าใบหรือวิวทิวทัศน์ที่ใช้เป็นแบบ  หากกลับเหลือบมองไปทางคนที่นอนอ่านหนังสืออยู่ใกล้ๆนั้นแทน  มุมปากยิ้มนิดๆราวกับกำลังพึงใจ

          “รูปนี้มัน..”  ...กลับกัน  ไวน์คิดต่อในใจ  เป็นเขาไม่ใช่หรือที่เป็นฝ่ายคอยแอบมองลักษณ์เรื่อยมา  หากิจกรรมอะไรก็ได้ที่จะทำให้เขาสามารถอยู่ใกล้ชิดกับอีกคนได้นานๆ   ไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่ายทั้งที่เป็นคนไม่ชอบทำอะไรซ้ำซากจำเจ

            “เคยถามใช่มั้ยว่าทำไมถึงต้องวาดรูปสระบัวซ้ำๆด้วย”  ลักษณ์พูดขึ้นช้าๆ  “แต่ก่อนกูก็ไม่รู้  รู้แค่อยากวาดมันทุกวัน  วาดเท่าไหร่ก็ไม่ถูกใจสักที   ต้องกลับไปวาดใหม่ทุกเย็น”

            “ลักษณ์”

            หัวใจของไวน์เต้นแรงตอนที่เขาเพิ่งสังเกตว่ามีกระดาษอีกแผ่นซ้อนอยู่ใต้รูปใบนั้น   ไวน์หยิบรูปใบแรกออกวางเอาไว้ที่เดิม  สายตาจับจ้องไปที่ภาพที่สองที่ถูกวาดขึ้นด้วยฝีมือที่น่าจะเป็นคนเดียวกันกับรูปแรกแต่พัฒนาขึ้นจากเดิมมาก

            ภาพผู้ชายคนหนึ่งเดินตากฝนที่ตกหนักฝ่ารถที่จอดเรียงรายอยู่เต็มถนน  เสื้อเปียกชุ่มผมลู่แนบศีรษะ  ใบหน้าของคนๆนั้นดูคล้ายกับเขาราวกับแกะ  แววตาที่มองทอดตรงมาเต็มไปด้วยอารมณ์ร้อนแรงจนเหมือนสายฝนฉ่ำนั้นไม่อาจลดความร้อนใจของเขาได้เลย

            ห้องเงียบได้ยินแต่เสียงละครโทรทัศน์ดังมาจากห้องป้าดา

            “มึงไม่ได้ความจำเสื่อม”  ไวน์กระซิบ

            “บางอย่างก็ไม่ได้ลืมกันได้ง่ายๆ”  ลักษณ์กระซิบตอบแล้วยิ้ม   “อยากขอบคุณและก็ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง...”  ลักษณ์พูดไม่จบเพราะอีกฝ่ายดึงตัวเข้าไปกอดอย่างแรง

            “รู้ตัวก็ดีแล้ว”

            “ตอนนั้นคิดถึงแต่มึงคนเดียวเลยนะ  แล้วมึงก็มาปรากฏตัวตรงหน้าเหมือนเล่นกล”  ลักษณ์พูด  ซบใบหน้าลงกับแผ่นอก  ยกมือขึ้นกอดตอบกลับไปแน่นพอกัน  “นึกว่าฝัน  มันน่ากลัว...”

            “ชู่ว”  ไวน์แตะปลายนิ้วที่ริมฝีปากของเขา “อย่าไปนึกถึงเลย  ลืมไปได้ยิ่งดี”

            “ไม่อยากลืม”  ลักษณ์ตอบ  เงยหน้าขึ้นสบตาเขา “จะเก็บเอาไว้ในใจ”

ไวน์ยิ้มก้มลงมาหาจนปลายจมูกเสียดสีกันเบาๆ

            “กองรวมอยู่ที่ตีนเขาลูกนั้นใช่มั้ย”

            คิ้วคนฟังขมวดนิดๆแล้วก็คลายออกเป็นรอยยิ้มหวานที่ไวน์ไม่เคยเห็นมาก่อน

            “ภูเขาลูกใหญ่ในใจน่ะเหรอ”

            “อาจจะใช่”  ไวน์ตอบกลับมากลั้วหัวเราะ  ก้มลงประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากบางที่เผยอน้อยๆนั้น  ลักษณ์ผงะหนี  สำลักนิดหนึ่งเพราะความตกใจ   ฝ่ายนั้นไม่ปล่อยให้เขาได้ตั้งตัวนาน  บดริมฝีปากประชิดแนบสนิทจนแทบจะกลายเป็นเนื้อเดียว  พอเขาเผลอตัวก็ส่งปลายลิ้นเข้ามาทักทายหยอกเย้าสร้างความปั่นป่วนในช่องท้องไปหมด

            ลักษณ์ยกมือขึ้นจับเสื้อของอีกฝ่ายเอาไว้  อีกมือก็เกาะไหล่เป็นหลังพยุงตัว  ใบหน้าของเขาถูกมือของอีกฝ่ายจับเชยขึ้นให้แหงนเงยรับสัมผัสได้ถนัดถนี่  ชั่วขณะหนึ่งลักษณ์รู้สึกเหมือนตัวเองได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กคนหนึ่งข้างในอก  เป็นเสียงหัวเราะที่สดใสที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา  มันดังประสานกับเสียงเต้นของหัวใจเขา

            “ดูเหมือนห้องพี่รามจะล็อคนะ”  เขาได้ยินเสียงไวน์พึมพำ  ฝ่ามือร้อนๆเริ่มปัดป่ายลอดเข้ามาใต้เสื้อยืดที่เขาสวมเอาไว้

            ....มีกุญแจสำรอง....ลักษณ์คิดในใจ  แต่ไม่รู้ว่าได้ตอบออกไปหรือเปล่า

            .................................................................................

           

            อ่ะแฮ่มม  มาต่อแล้วนาจาา  หายไปทำงานหาเงินยังชีพ555555ใครอ่านตอนนี้แล้วงงแนะนำให้กลับไปอ่านแชทของไวน์อีกรอบ  ถ้าคุณยังงงอยู่ ไว้ต่อตอนหน้าล่ะกันนะ

     ฉากหลังจากนี้ก็..เอ่อ  เค้าก็คงใช้กุญแจไขประตูกันน่ะค่ะ  ลงในเด็กดีไม่ได้อ่ะนะเสียจายโด้ยยย  แต่เราก็ไม่ค่อยถนัดหรอก  ผ่านๆไปเลยก็ได้ (ผ่านไปทางเล้าเป็ดก็ดี5555 แต่เป็นตอนหน้านะ) 

     ใกล้จบล้าววว ตื่นเต้น  ดีใจแต่ก็ใจหาย  ตอนนี้มีเกมทาpชื่อนิยายเรื่องใหม่ที่จะมาต่อจากแอบลักษณ์อยู่ในทวิตกับแฟนเพจเราเอง  ไปเล่นได้  ตอบถูกคนเเรกได้รางวัล ตอบซ้ำกับคำตอบที่ถูกอาจจะพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ 5555

นักอ่านเงาเเสดงโปรดแสดงตัว  ใครชอบเรื่องนี้ติดแท็ค #แอบลักษณ์  นะจ้ะ

กดไลค์แฟนเพจด้วยเด้ออ FB : Melenalike  (https://web.facebook.com/Melenalikebanana/)
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่25 6/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-06-2017 03:42:10
ดีใจที่เข้าใจกันได้ สุขแบบเหงาๆยามฝนพร่ำ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่25 6/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: pim14 ที่ 06-06-2017 09:31:01
 :mew1: เข้าใจกันสักดี ขอช็อตสวีตกระหน่ำมาได้เลยค่ะ ไม่ต้องยั้ง ไวน์สุดหล่ออดทนรอมานานแล้ว ปล่อยพลังออกมาให้หมด แฟนคลับยินดีเป็นพยานแห่งฉากรักนี้เอง อิอิ ชอบเรื่องนี้มาก อ่านแล้วเหมือนเห็นตัวละครออกมาเดินอยู่ใกล้ๆ รีบมาต่อตอนใหม่นะคะ คนรออ่าน ลุ้น ใจจะขาด
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่25 6/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-06-2017 10:04:55
 :katai1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่25 6/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 06-06-2017 11:59:39
กว่าจะถึงวันนี้ ดีใจกับไวน์ด้วยน้าาาาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่25 6/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 06-06-2017 18:39:20
ตอนแรกอ่านแล้วไม่ชอบลักษณ์แอบลำไย ต่อมาไวน์ก็เริ่มไม่ชอบ ต่อด้วยอิหนูนิว อินมากอะอ่านแล้วร้องไห้ตาม :hao5:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่25 6/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: marisa9397 ที่ 06-06-2017 19:01:12
กว่าจะมาถึงวันนี้รักกันนานๆน้าาา
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่25 6/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 06-06-2017 22:48:26
คนรักกัน ยังไงมันก็ใช่อยู่วันยันค่ำ

คนที่ไม่ใช่ ชิ้วๆๆๆๆๆๆ ไปไกลๆๆๆๆ

น่ารักอ่ะคู่นี้
ไวน์&ลักษณ์
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่25 6/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: MorethanMore ที่ 07-06-2017 03:30:35
อ่านไปสงสารตัวเองไป
ตอนแรกสงสารไวน์ สักพัก เกิดคำถาม ไวน์ผิดตรงไหนที่คบกับคนที่ชอบในเมื่อลักษ์บอกเด็ดขาดชัดเจน แค่เพื่อน ไวน์ก็ไปคบคนอื่นดิ แบบทำไมอะ แอบรักมานานเลยต้องเจ็บนาน ๆ หรือเหรอ? ไม่จำเป็นไหมอะ ในเมื่อลักษ์บอกเอง แถมจะจีบผญด้วย ไวน์ก็แค่พอแล้ว

เอ้าพออ่านไปอีกลักษ์ชอบรักไวน์ แต่ช้าไปไหม นี่เชียร์ให้ไวน์ไม่กลับมาด้วยซ้ำ ก็ขอแค่เพื่อนก็จะให้แค่เพื่อน ส่วนนิว เป็นใครใครก็โกรธ แต่คงคาดไม่ถึงว่าพี่สิงห์จะทำขนาดนี้ นิวเราเฉย ๆ มาก แต่นางร้ายเพราะ ถูกทำร้าย

พี่รามถามจริงทำไมต้องโกรธไวน์ คนที่ผิดคือลักษ์นะ ปฏิเสธไวน์อะ พอไวน์คบคนอื่น แล้วลักษ์เจ็บเพราะเพิ่งรู้ตัวนี่ผิดเหรอไง

แต่ในที่สุดเขาก้รักกันสักที เฮ้อ ถอนหายใจ 5555
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่25 6/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 07-06-2017 15:32:22
อ่านทันแล้วววววว

หน่วง อึดอัด ลำไย และ โล่งใจ 555555

สรุปโดยรวม แต่ท้ายสึด รอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่25 6/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 07-06-2017 23:53:10
ไม่ต้องแอบรักกันแล้วนะ...

สิงเล้า เพราะเล้าเป็ดนี้ดีมีคุณภาพ รออ่านฉากหวีดหวิว. อุอิอุอิ....


 :hao6:  :hao7:  :hao6:  :hao7:  :hao6:  :hao7:

....

.
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่25 6/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 10-06-2017 16:55:48
ก็ว่าลักษณ์ไม่น่าจะถึงความจำเสื่อมเพราะก็ไม่ได้ช็อคยาขนาดนั้นอาจจะแค่เบลอๆงงๆและพอสติมาครบก็คงจำได้ ดีใจที่ลงเอยด้วยดีกว่าจะมาถึงจุดนี้คนอ่านหน่วงใจกันไปเท่าไหร่ เสียใจที่ใกล้จบแล้วและเราทายชื่อนิยายเรื่องหน้าผิด
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่26 12/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 12-06-2017 00:19:54
ตอนที่ 26

Love is the flower you’ve got to let grow.

 

 

 

            “ทำอะไรอยู่”

            “กำลังคิดว่า....ทำไมถึงต้องเป็นห้องน้ำทุกที”

            เสียงหัวเราะดังขึ้นด้านหลังประตูห้องน้ำที่ปิดสนิท  ไวน์ถอนหายใจเฮือกทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นข้างหน้าห้องน้ำ...ที่ประจำของเขาตั้งแต่สมัยม.ปลาย

            “จะนอนในห้องน้ำหรือไง”  เขาถามหางเสียงตวัดด้วยความฉุน

            “ก็ดีเหมือนกันนะ”  อีกฝ่ายตอบกลับมา  ได้ยินเสียงกุกกัก  คงกำลังแต่งตัวอยู่

            “ไวนักนะ”  ไวน์เข่นเขี้ยว...ก็แหม  พอเขาเผลอ  มัวแต่ก้มลงสูดกลิ่นเนื้อหอมเหมือนกลิ่นแป้งเด็กของฝ่ายนั้นเพลินๆ  จู่ๆคนในอ้อมแขนก็ผลักหน้าเขาหงายแล้วก็คว้าผ้าเช็ดตัว  วิ่งออกมาจากห้องนอนของตนเองด้วยความเร็วแสง  หายเข้าไปในห้องน้ำเป็นชั่วโมง  ให้เขารอเฝ้าอยู่หน้าห้องแบบเซ็งๆ  “เสร็จยัง  ขัดห้องน้ำหรือขัดตัว  เปื่อยหมดแล้วมั้ง”

            “จะเสร็จแล้ว เร่งจริงโว้ย”

            “ก็อยากเสร็จบ้างอ่ะ”  เขาตอบกลับไป

            “ไอ้บ้า”  อีกฝ่ายตอบกลับมาทันควัน  พร้อมกับประตูห้องน้ำที่เปิดออก  ร่างผอมบางอยู่ในชุดนอนที่เรียบร้อยกว่าที่เคย  มีผ้าเช็ดตัวสีฟ้าพาดบ่า  ผมสั้นๆเปียกชื้นมีน้ำหยดติ๋งๆ

            “สระผมแล้วทำไมไม่เช็ดผม  เดี๋ยวก็เป็นหวัด”  ไวน์พูดออกไปก่อนที่สมองจะทันคิดด้วยซ้ำ  เอื้อมมือไปคว้าผ้าเช็ดตัวจากบ่ามาโปะลงบนศีรษะของอีกฝ่าย  ลักษณ์เอียงตัวหลบ

            “ก็เร่งนักไม่ใช่หรือไง”

            “เออดีมาก...อาบเสร็จแล้วก็ไป...เข้าห้อง”  ไวน์พูดหน้าตาเฉย  ซ่อนยิ้มเอาไว้  คนฟังทำหน้าเหรอหรา  หันมาบอกเขาว่า

            “คืนนี้จะไปนอนดูทีวีห้องป้าดา  มึงนอนห้องกูไปเลยก็ได้”  ลักษณ์ตอบ  ไม่ยอมสบตาแพรวพราวของอีกฝ่ายที่มองมา  ...กว่าเขาจะสะบัดตัวหลุดจากอ้อมกอดนั้นก็ยากเอาการ  ขืนยอมเดินตามเข้าห้องนอนด้วยมีหวัง  คืนนี้คงมีเฮแน่ๆ

            “กลัวอะไรกูหรือ  ลักษณ์”  ไวน์ทอดเสียงอ่อนลง  เอื้อมมือมาแตะที่บ่าเล็ก  “กลัวใช่หรือเปล่า”

            “เปล่า”  ลักษณ์โกหก  และไวน์ก็รู้  “กูแค่อยากนอนกับป้าบ้าง”

            “กลัวกูปล้ำเอาใช่มั้ย”  คนโตกว่าพูดตรงเผงจนคนฟังหน้าแดงขึ้นฉับพลัน  ท่าทางอึดอัดขัดเขินนั้นทั้งน่าขำและน่าเอ็นดูจนไวน์อยากจะคว้าตัวมาจับฟัดเสียให้หายอยาก  แต่ก็เกรงว่าลักษณ์จะตกใจจนยิ่งหนีหายไปกันใหญ่  เขาสบตากลมโตที่มีแววตื่นกลัวเหมือนตากวางระแวงภัยคู่นั้นนิ่งๆ  แล้วก็เปล่งเสียงหัวเราะห้าวๆออกมาเบาๆ   “เห็นกูเป็นอะไร  กูไวน์เพื่อนมึงนะ  ไม่ทำอะไรหรอก”

            “................”

            “จริงๆ  สาบานด้วยเกียรติของลูกเสือก็ได้”   ไวน์ยกนิ้วขึ้นมาสามนิ้วเหมือนสมัยเรียนลูกเสือสามัญ  “ข้าพเจ้า นายศตวรรษของปฏิญาณว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับนายลักษณ์เด็ดขาด  ถ้านายลักษณ์ไม่ยินยอมด้วยตนเอง...”  ประโยคหลังเจ้าตัวลดเสียงเบาลงแล้วยิ้มใส่ตาคนฟัง

            “เอ๊ะ?”  ลักษณ์ขมวดคิ้ว

            “ก็มึงไม่ยินยอมก็จบ  ไม่เห็นยาก”

            “คนเจ้าเล่ห์  เดี๋ยวก็หาวิธีจนได้”

            “นั่นสินะ”  ไวน์พยักหน้า  “ล้อเล่นน่า   ง่วงแล้วเนี่ย  มึงเข้าไปก่อนไป   เดี๋ยวกูอาบน้ำก่อนแล้วเดี๋ยวตามเข้าไป  เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว”   ชายหนุ่มดึงผ้าเช็ดตัวของเพื่อนมาถือเอาไว้พลางเบี่ยงตัวเข้าไปในห้องน้ำ  ลักษณ์รีบเผ่นออกมาจากห้องน้ำโดยเร็วเพราะกลัวอีกฝ่ายเล่นตุกติกปิดประตูห้องน้ำขังเขาเอาไว้ด้วยกัน

            ไวน์หัวเราะเบาๆ  ชะโงกหน้าออกมากระซิบ

            “ห้องน้ำเนี่ยไว้คราวหน้าให้หายป่วยก่อน”  พอคนฟังถลึงตาใส่  ไวน์ก็หัวเราะลั่น   “พูดเล่น  ไปนอนได้แล้วไป  จะนอนห้องป้าดาก็ได้”   เขาขยิบตาแล้วปิดประตูห้องน้ำ

            ลักษณ์ได้ยินเสียงเปิดน้ำดังซู่  ใหญ่  เขายืนอยู่ตรงระเบียงห้าบันได  ลังเลว่าจะไปนอนห้องป้าดาดีมั้ย  หรือว่าจะนอนห้องของตัวเองดี   คิดอยู่พักนึงก็ตัดสินใจเดินกลับเข้าไปในห้องส่วนตัวของตน

            ใช้ผ้าเช็ดผมจนแห้งแล้วก็หยิบการ์ตูนมานอนกลิ้งบนเตียงเปิดอ่านเล่น  สักพักก็ได้ยินเสียงปิดน้ำจากในห้องน้ำ  เขาเกร็งเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายเปิดประตูเข้ามาในห้อง  ไวน์คาดผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเหมือนทุกที  เห็นหยดน้ำเกาะพราวตามเนื้อตัวที่มีกล้ามเนื้อสมส่วนแบบคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ 

            “ระวังตาเป็นกุ้งยิงนะ”  เสียงห้าวๆพูดลอยๆ

            “ไม่เห็นจะน่าดูตรงไหน”  ลักษณ์ตอบกลับไป

            “งั้นเช็ดน้ำลายมุมปากหน่อย”  อีกฝ่ายพูด  ลงมือแต่งตัวหน้าตู้เสื้อผ้า

            “พอเหอะ  คนจะนอน”   ลักษณ์ตอบ  เก็บการ์ตูนเข้าชั้นตามเดิม   ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนถึงคอ

            “ก็นอนไปดิ  ใครว่าอะไร”

            “ปิดไฟสักที  แยงตานอนไม่หลับ”  ลักษณ์พูดอย่างหงุดหงิด  อีกฝ่ายก็เดินไปกดปิดสวิตช์ไฟให้แต่โดยดี  มือก็สวมเสื้อยืดใส่นอนไปด้วย  ห้องสี่เหลี่ยมแคบๆนั้นมืดสลัว  มองเห็นแต่เพียงลางๆจากแสงไฟฟ้าข้างนอกห้อง  ลักษณ์รู้สึกว่าเตียงยวบลงจากน้ำหนักตัวคนที่ปีนขึ้นมานอนด้วย

            “ไหนว่าจะนอนพื้น”

            “ใจคอจะใจร้ายให้เพื่อนนอนพื้นได้ลงคอหรอ”   เสียงไวน์ตอบกลับมาใกล้มากพร้อมกับน้ำหนักตัวที่ทิ้งลงข้างตัว  ลักษณ์ขยับหนีไปทางซ้าย  เว้นที่ว่างระหว่างกันเอาไว้

            “ผ้าห่มอยู่ไหน  หนาวจัง”  อีกฝายพูด  ลักษณ์รู้สึกถึงมือแข็งๆที่ป่ายเปะปะมาที่ฝั่งเขา  ก็เลยส่งผ้าห่มไปให้ฝ่ายนั้น  ทว่ามือข้างนั้นกลับไม่ยอมดึงกลับ  เจ้าของกลับสอดเข้ามาใต้ผ้าห่มแล้ววางแปะลงบนอกของเขา

            สัมผัสนั้นทำเอาลักษณ์สะดุ้งเพราะไม่ทันตั้งตัว  รีบยกมือขึ้นปัดมือฝ่ายนั้นออก  พอปัดมือใหญ่ก็ร่วงลงมาแปะที่ส่วนล่างของร่างกายเขาแทนราวกับไม่ตั้งใจ

            “โทษๆ  ไหนผ้าห่มนะ”  ได้ยินเสียงไวน์พึมพำในความมืด ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะพลิกตัวมาหาเขา  ฝ่ามือข้างนั้นล้วงลอดเข้าไปในกางเกงวอร์มขายาวที่ลักษณ์ใส่นอน  กอบกุมเข้าที่ตัวตนของลักษณ์ผ่านชั้นในที่สวมอยู่  ลักษณ์สะดุ้งทั้งตัวพยายามบิดตัวหนี  ทว่าริมฝีปากที่รอจังหวะอยู่แล้วนั้นกลับวูบเข้ามาประกบที่เรียวปากของเขา  ไม่ยอมให้เปล่งเสียงคัดค้าน  ปลายลิ้นส่งเข้ามาสำรวจโพรงปากอย่างดุดันเอาแต่ใจ  แต่ก็แฝงความอ่อนหวานตามใจเอาไว้อยู่มากจนลักษณ์จูบตอบกลับไปอย่างเผลอไผล

ปลายนิ้วเรียวยาวเกี่ยวเอาปราการด่านสุดท้ายลงโดยที่เจ้าของลืมขัดขืน  ตัวตนของลักษณ์ยืนหยัดออกมาสู้กับฝ่ามือร้อนที่ชำนาญจนน่าแปลกใจ  ริมฝีปากคู่นั้นเปลี่ยนมาขมเม้มที่ติ่งหูของเขาลามลงมายังซอกคอและไหปลาร้า  ลักษณ์ไม่รู้เลยว่าอารมณ์ของตัวเองพุ่งสูงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่  รู้แต่ว่าข้างในมันช่างปั่นป่วนเหลือเกินโดยเฉพาะยามที่ริมฝีปากคู่นั้นบดเม้มที่ยอดอกของเขาทั้งสองข้าง   ทั้งๆที่เสื้อผ้าของเขายังอยู่บนเนื้อตัวครบถ้วนทุกชิ้น 

หน้าท้องบิดเป็นเกลียว  ลักษณ์นึกถึงความทรงจำในคืนวันฝนตกหนักขึ้นมาได้   ความหนาวจับขั้วหัวใจทว่าร่างกายกลับร้อนเป็นไฟ  เป็นความทรมานที่ยากจะบรรยายได้   ความรู้สึกตอนนี้ช่างคล้ายกับวันนั้น  แตกต่างตรงที่ในใจของเขาไม่ได้หนาวเหน็บราวกับอยู่กลางหิมะ  หากแต่อบอุ่นเหมือนมีเตาผิงจุดอยู่ภายใน  ร้อนเหมือนดื่มเหล้าเพียวๆเข้าไปสิบแก้วติดต่อกัน  ทว่านี่เป็นไวน์ทั้งขวด 

เขาคงดื่มมันมากเกินไปกระมัง...ลักษณ์คิดในใจขณะที่ปรือตามองเส้นผมหยักศกของใครอีกคนที่ขยับอยู่ที่หน้าท้องของเขา  ใช้ริมฝีปากทำหน้าที่แทนมือที่แสนร้ายกาจนั้น   หรือบางทีมันอาจจะยิ่งกว่า

            แอลกอฮอล์ในเลือดของเขาคงพุ่งสูงจนควบคุมตัวเองไม่อยู่  ลักษณ์จิกเล็บลงกับไหล่หนาของอีกฝ่าย  รู้สึกเหมือนตัวเองถูกเหวี่ยงตัวลอยคว้างขึ้นไปบนอวกาศไร้น้ำหนัก  แสงเจิดจ้าของดวงอาทิตย์อยู่ใกล้จนแทบสัมผัสได้  มันจ้าจนเขาต้องหรี่ตาลงก่อนที่จะมีอ้อมแขนนุ่มๆพาเขาลอยกลับลงมาสู่พื้นดิน 

            เสียงหอบหายใจหนักๆของตัวเองดังมาเข้าหู  เหงื่อแตกชุ่มไปหมด  ผสมกับบางอย่างที่ทำให้กางเกงนอนของเขาชื้นแฉะ   ลักษณ์ลืมตาขึ้นเห็นร่างสูงใหญ่นอนตะแคงอยู่ข้างๆ

            “ไง...”

            “มึง....ไอ้ไวน์..”   พูดไม่ทันจบ  อีกฝ่ายก็ชะโงกเข้ามาจูบเขา  รสชาติแปลกๆที่ติดอยู่ที่ลิ้นฝ่ายนั้นทำให้ลักษณ์ไม่คุ้นชิน 

            “ต่อนะ”  เสียงห้าวๆกระซิบ  ปลายจมูกเคลียอยู่ที่ข้างแก้มของเขา

            “มะ..ไม่”

            “ใจร้าย”  มุมปากของเขาถูกจูบ  “ใจคอจะปล่อยให้ค้างอยู่แบบนี้เหรอ”

            ลักษณ์หน้าแดง  รู้สึกถึงอะไรสักอย่างที่ดุนดันอยู่ที่เอวของเขา  ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้ชายที่เขารู้ดีอยู่แล้ว  แถมยังเป็นของเพื่อนสนิทที่เคยเห็นกันมาทุกซอกทุกมุมด้วยซ้ำ  ไม่รู้ทำไมคราวนี้ถึงได้...

            คงเพราะความสัมพันธ์ทางใจที่เปลี่ยนไป

            “ไม่”

            ไวน์ถอนหายใจเฮือก

            “ก็ได้”  ความอบอุ่นที่คลอเคลียรายล้อมอยู่รอบตัวนั้นหายไป  ไวน์ลุกขึ้นเดินหายออกไปจากห้อง ครู่หนึ่งก็กลับเข้ามาใหม่  ทิ้งตัวลงนอนข้างๆเขาที่ลุกขึ้นมาเช็ดทำความสะอาดตัวเองไปแล้ว

            ลักษณ์หันไปมองอย่างระแวงอีกครั้ง

            “ไม่ทำอะไรหรอกน่า....”  ไวน์พูดอย่างอ่อนใจ  “ถึงอยากทำก็ทำไม่เป็นหรอก”  ฝ่ายนั้นพูดเสียงอ่อย  คนฟังตาโต  ถามกลับไป

            “อ้าว...หรอ”

          “ก็ใช่น่ะสิ  กูเคยกับผู้ชายที่ไหน  ทำไม่เป็นหรอก  มึงไม่ต้องห่วง”  ไวน์พูดออกมาด้วยท่าทางไม่เต็มใจ  “ทำได้แค่เมื่อกี้แหละ  มากกว่านี้ไม่เป็นแล้ว”

            “อ้อ”  ในเสียงอุทานนั้น  ไวน์อยากจะคิดว่ามันมีความโล่งอกโล่งใจแฝงอยู่มากทีเดียว  เขาซ่อนยิ้มเอาไว้ในความมืด  เอื้อมมือไปคว้าตัวเพื่อนสนิท(คิดไม่ซื่อ)มากอดเอาไว้ทั้งตัว

            “ปล่อย  อึดอัด”  พอเจ้าตัวรู้ว่าเขาไม่เป็นอันตรายไปมากกว่านี้  ท่าทางระมัดระวังก็อ่อนลงจนเกือบจะวางใจ  พอเขาไม่ยอมปล่อยเข้าก็ทิ้งศีรษะลงบนอกของเขา  นอนนิ่งยอมให้กอดอยู่อย่างนั้น

            “ขอกอดหน่อย  อุตส่าห์รอมาตั้งหลายปี”

            “ก็รอทำไมล่ะ”

            “นั่นสิ  ไม่น่าเลยเนอะ”

            “คนอย่างมึงน่าจะคบกับคนเด่นๆอย่างพวกดาวเดือนน่ะถูกแล้ว”  ลักษณ์พึมพำเสียงเบา  ทว่าเขาก็ได้ยินอยู่ดี  “คนอย่างกู...ไม่น่าเป็นไปได้เลย”

            “เป็นเพราะมึงเป่าน้ำลายใส่กูแน่ๆลักษณ์”  เขาพูดแล้วหัวเราะเบาๆ  นึกถึงหน้าตาเด๋อๆของเด็กหัวเกรียนตัวเล็กที่เข้ามาช่วยเขาสมัยมอต้น

            “ประสาท”  คนที่นอนนิ่งอยู่บนอกเงยหน้าขึ้นมาด่า  แล้วย่นจมูกใส่

            “คบกับคนอย่างมึงอ่ะดีแล้ว  ไม่งั้นใครจะปรุงผัดซีอิ้วให้กูอ่ะ  ปรุงเองก็ไม่อร่อยเหมือนที่มึงปรุงให้”

            “กูมีค่าแค่เครื่องปรุงผัดซีอิ้วสินะ”

            “เอ้า.. กูแค่จะเปรียบเทียบเฉยๆ ว่าคนเราก็ชอบรสชาติไม่เหมือนกัน  เหมือนเวลาปรุงรสผัดซีอิ้วนั่นแหละ  บางคนชอบหวาน บางคนชอบเปรี้ยวๆ  บางคนก็ชอบเค็ม  กูชอบรสที่มึงปรุงให้  ก็แค่นั้นเอง  ในเมื่อกูเจอรสชาติที่อร่อยถูกลิ้นแล้ว  ทำไมจะต้องไปขวนขวายหารสอื่นด้วย”

            ลักษณ์ยิ้มในความมืด

            “งั้นมึงก็คงเหมือนหมูกรอบผัดกระเพราสินะ”

            “ยังไง”

            “กินได้ไม่เบื่อ”  ลักษณ์ตอบแล้วหัวเราะ  รู้สึกสองแก้มร้อนซู่   อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ  เสียงกังวานลึกอยู่ในช่องอกเมื่อแนบหูฟังอยู่เช่นนี้   มือใหญ่ยกขึ้นลูบที่เส้นผมของเขาเล่น

            “งั้นกินกันอีกมั้ย”

            “ไม่!”

            “ฮ่าๆ”  ไวน์หัวเราะจนตัวสั่น  ออกแรงดันตัวให้ลักษณ์ลงนอนข้างตัวเอง  ศีรษะหนุนแขนเขาเอาไว้   “รอมาได้ตั้งหลายปี  รออีกสักนิดก็ไม่เป็นไรหรอก”  เขาพลิกตัวเป็นนอนตะแคง  หันหน้าเข้าหาคนที่นอนหงายหนุนแขนเขาอยู่  “ลักษณ์...ถามอะไรหน่อยได้มั้ย”

            “ว่า”

            “รู้ใจตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่”  เป็นคำถามที่ไวน์อยากรู้คำตอบมาเนิ่นนาน

            “ลองทายดูสิ”

            “ตอนที่กูคบกับนิว”

            “ก็อาจจะใช่..”  ลักษณ์ขมวดคิ้ว  “บอกไม่ถูกแฮะ  จริงๆพูดตามตรงมันก็เหมือนรู้ตัวนิดๆมาตลอดแต่กูแค่ไม่อยากยอมรับ  หลอกตัวเองไปเรื่อยๆว่ามันไม่ใช่   จนกระทั่งวันนั้น...”  ลักษณ์หรี่ตาลง  คิดย้อนกลับไปวันนั้น....เหตุการณ์ที่สวนสาธารณะที่ทำให้เขาทลายกำแพงที่มองไม่เห็นนั้นลงจนได้

            “วันไหน”

            “วันที่มึงไปวิ่งกับนิวที่สวนสาธารณะ   แล้วก็...จูบกัน”

            “มึงเห็น?”  ไวน์ดูแปลกใจ

            “อืม”   ลักษณ์รับคำ  “รู้มั้ยว่าตอนนั้นกูรู้สึกยังไง”  ไวน์ส่ายหน้าช้าๆ  “มันเหมือนมีเสียงแตกโพละในหัว  จากนั้นก็เหมือนคนกำลังจะจมน้ำ  หายใจไม่ค่อยออก  ตอนนั้นรู้สึกว่ามันสายไปแล้ว”

            “โธ่”

            “มึงกับนิวเหมาะสมกันมาก  แถมกูก็เป็นฝ่ายปฏิเสธมึงก่อนอีก  กูไม่กล้าจะมองหน้ามึงด้วยซ้ำไวน์   กูรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนโง่ที่ไม่รู้จักค่าของของในมือ”

            “กูไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอกลักษณ์   กูก็ผิดเองที่จงใจคบนิวเพื่อประชดมึง”  ไวน์พูดออกมาตรงๆ  “กูใจร้อนเองนึกว่าหมดหวังแล้ว  ลืมไปสนิทว่าเพื่อนกูมันโง่  หัวช้าไม่ค่อยจะทันใคร  แม้แต่ความรู้สึกของตัวเองก็ยังตามไม่ทันเลย”

            “มึงด่ากูหรอไอ้ไวน์”

            “เอ้า..หัวไวขึ้นแล้วนี่”

            “ไปนอนข้างนอกเลยไป”

            “เอะอะก็ไล่ไปนอนข้างนอก  เหมือนอะไรรู้ป่ะ”

            “อะไร”

            “เมียที่จับได้ว่าผัวมีกิ๊ก....โอ๊ย!”  ไวน์ร้องดังลั่นเพราะความเจ็บปลาบที่สีข้างจากปลายนิ้วของคนที่นอนอยู่ข้างๆจับบิดแบบไม่ปราณีปราศรัย

            “หึ...”

            “ยอมแล้วจ้า”  ไวน์งอตัวลงราวกับเจ็บปวดเต็มที่  แล้วก็ฉวยโอกาสจุมพิตลงบนหน้าผากของลักษณ์เบาๆ   “นอนได้แล้ว...ที่รัก”

            “ขนลุก  ขอร้อง”

            “งั้นให้เรียกอะไรล่ะ  ไม่อยากเรียกมึงๆกูๆแล้ว”

            “เรียกอย่างอื่น”

            “ฮันนี่?”

            “อ้วกเถอะ”

            “งั้นเรียกลักษณ์เฉยๆ  แล้วลักษณ์ก็เรียกแทนตัวเองว่าลักษณ์ด้วย  ดีมั้ย”  ไวน์เสนอ  “นะครับ  ตกลงนะ”  น้ำเสียงนั้นมีแววออดอ้อนจนคนฟังใจสั่น  ลักษณ์ไม่แปลกใจเลยที่อีกฝ่ายฮอตเหลือเกิน 

            “ก็ได้”

            “งั้นตามนี้นะ”

            ลักษณ์ไม่ตอบ  เขานอนหลับตานิ่งฟังเสียงหายใจของอีกฝ่ายแผ่วเบาเป็นจังหวะสม่ำเสมอ  ไม่นานก็รู้ว่าไวน์หลับสนิทไปแล้ว  ลักษณ์นอนคิดเรื่องอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อยจนเผลอหลับตามไปอีกคน

            .............................................................................

ต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่26 12/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 12-06-2017 00:23:06
ต่อนะคะ





            “คิดดีแล้วเหรอเพื่อนลักษณ์”

            “อืม”

            “ไม่เปลี่ยนใจแน่นา”

            “ไม่เปลี่ยน”

            “เภสัชมันก็ดีนะ  เป็นอาชีพมั่นคงพอๆกับแพทย์นั่นแหละ”

            “มึงก็อย่าไปห้ามมันเลยเต้  ถ้ามันอยากไปก็ปล่อยมันไปเหอะ  เพื่อนฝูงอย่างพวกเราไม่มีค่าพอจะพูดโน้มน้าวมันหรอก”  แซมสะบัดเสียง  หันหน้าหนี

            ลักษณ์ถอนหายใจยาว

            “มึงอย่าเพิ่งโกรธกูดิแซม  พวกมึงก็ก็รักทุกคน อีกอย่างนี่กูยังไม่ได้ซิ่วเลยนะ  ไม่ได้มีหลักประกันเสียหน่อยว่ากูจะเอนท์ใหม่ติด  ถ้ากูเอนท์ไม่ติด  กูก็กลับมาเรียนกับพวกมึงอยู่ดี”

            “งั้นทำไมมึงต้องดรอปด้วยล่ะ”

            “ไม่งั้นกูจะเอาเวลาไหนไปอ่านหนังสือล่ะ”

            “แล้วถ้ามึงลาออกก็ต้องจ่ายเงินค่าทุนนะ”

            “อืม  ทำไงได้...กูอยากพยายามอีกครั้ง  ให้ตัวเองได้เรียนในสิ่งที่อยากเรียนมากกว่า”

            “ถ้ามึงไม่ติดขึ้นมาล่ะ  นี่กูไม่ได้แช่งนะ  แต่ถ้ามึงไม่ติดขึ้นมา มึงก็ไม่ได้ขึ้นปีสองพร้อมพวกกูนะลักษณ์  ต้องไปเรียนกับน้องๆปีหนึ่งนะ”

            “ก็ดี  กูได้มาเป็นน้องพวกมึงไง”

            “ลักษณ์  เปลี่ยนใจเถอะ”

            “กูไปทำเรื่องขอดรอปมาแล้ว”             

            “อ้าว”  เพื่อนๆอุทาน  มองมาที่เขาอย่างโกรธเคือง  ลักษณ์ยกมือไหว้ หัวเราะแหะๆ

            “เอาน่า  ยังไงพวกเราก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมไม่ใช่เหรอวะ”

            “มันก็ใช่อยู่หรอก  แต่ว่า...”   แซมที่ดูเสียใจกว่าเพื่อนหันมามองเขา  เบียร์ยกมือขึ้นตบไหล่เบาๆ  ส่วนเต้ยืนมองอยู่ห่างๆ  “กูเป็นห่วงมึง กลัวมึงผิดหวัง”

            “มึงไม่ต้องห่วงไอ้ลักษณ์หรอกแซม  มันมีติวเตอร์ดี”  เบียร์พูดแกมหัวเราะ

            “ใคร?”  คนพูดพยักพเยิดไปทางด้านหลัง  ลักษณ์หันไปมองก็เห็นร่างสูงใหญ่ในชุดนักศึกษายืนโบกมือมาให้ยิ้มๆ   

            “อ้อ...ครูพี่ไวน์นี่เอง”  แซมพยักหน้าหงึกหงัก  รอจนไวน์เดินเข้ามาถึงโต๊ะใต้ตึกคณะเภสัชที่พลุกพล่านนั้นแล้วถึงค่อยทัก  “ไงครับ  เดี๋ยวนี้มาบ่อยนะ  เล็งสาวคนไหนเอาไว้หรือไงครับครูพี่ไวน์”

            “เล็งเอาไว้คนเดียว”  ไวน์ตอบกลับมา  สบตากับ ‘สาว’  ที่ถลึงตาใส่ แล้วก็ทำไม่รู้ไม่ชี้

            “แน่ะๆ  มีของดีไม่ยอมบอกต่ออีกแล้ว....เดี๋ยวก่อน  มึงใช่มั้ยไอ้ไวน์ที่ยุให้ไอ้ลักษณ์มันซิ่วเนี่ย”

            “เปล่านะ  กูก็รู้ก่อนหน้าพวกมึงนิดเดียวเนี่ยแหละ”   ไวน์ตอบกลับมา  “ลักษณ์ไม่ได้บอกกูเหมือนกัน”

            “เอ้าเหรอ  ...เฮ้อ  ไอ้ลักษณ์  มึงคิดดีๆนะ  มึงจะเรียนจบไม่พร้อมเพื่อนรุ่นเดียวกันนะเว้ย  เพื่อนมึงทำงานหาเงินได้แล้ว  มึงยังเรียนอยู่เลย”

            “ไม่เป็นไร  กูจบช้าๆก็ได้  มีคนเลี้ยงอยู่แล้ว”  ลักษณ์พูดทีเล่นทีจริง  ปรายตามองไปทางคนหน้าเข้มที่ยักคิ้วมาให้  “กูหมายถึงป้าดากับพี่ราม  เค้าไม่ปล่อยให้กูอดอยากหรอก”

            “โว้ย  กูขี้เกียจโน้มน้าวมันแล้ว  แล้วแต่เลยแล้วกันไอ้ลักษณ์...มีอะไรให้ช่วยก็บอก”

            “เออๆ  เดี๋ยวกูจะแวะมาหาบ่อยๆนะ”

            “มึงตั้งใจอ่านหนังสือไปเถอะ  เดี๋ยวกูไปเยี่ยมที่ร้านเอง”  เพื่อนๆตอบกลับมา  ก่อนจะแยกย้ายกัน  ลักษณ์เดินเคียงคู่อดีตเพื่อนสนิทออกมาจากคณะ  ไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติในความสัมพันธ์ที่ดูแสนจะธรรมดาสามัญนั้น   นอกจากเพื่อนกลุ่มหล่อสัชที่มองมาเป็นตาเดียวแล้วหันไปยักคิ้วให้แก่กัน 

            “เพื่อนโกรธหรือเปล่า”  ไวน์ถามด้วยเสียงกังวล  ดึงแฟ้มในมืออีกฝ่ายมาช่วยถือ  เขาไม่ได้หิ้วเป้ให้เพราะลักษณ์ขอร้องว่าอย่ากระโตกกระตาก  มันคงดูประหลาดถ้าเพื่อนผู้ชายจะมาสะพายกระเป๋าให้กัน

            “น่าจะไม่นะ”

            “ดีแล้ว...”  ไวน์ตอบ  ดึงแขนเสื้อให้ลักษณ์เดินหลบเข้ามาด้านในชิดขอบฟุตบาท  “หลังจากนี้มันจะหนักนะ   น่าจะเครียดดว่าตอนเอนท์ครั้งแรกด้วยมั้ง...จะไหวใช่มั้ย”

            “ไหวสิ  ตัดสินใจแล้วนี่”

            “ตัดสินใจไม่บอกกันบ้างเลย”  ไวน์ตัดพ้อเล็กน้อย

            “ก็อยากให้แปลกใจไง”

            “เป็นห่วง  ไม่รู้หรือไง”

            “อืม...รู้แล้ว”  ลักษณ์รับคำในคอ  พวกเขาเดินมาจนถึงหน้าป้ายรถเมล์  “ถ้าเป็นห่วงก็ช่วยติวให้ด้วย”

            “มันก็ต้องอย่างงั้นอยู่แล้ว”  ไวน์พูด  ยกมือขึ้นโบกเรียกรถเมล์ให้จอดป้าย   รุนหลังคนรักให้ขึ้นไปบนรถก่อน  คอยระวังไม่ให้ใครมาชนเข้า  ทุกอย่างเป็นอัตโนมัติราวกับปฏิบัติเช่นนี้มานานหลายปี ทั้งที่ความจริงแล้วเพิ่งผ่านไปเพียงสองอาทิตย์เท่านั้น 

            ความสัมพันธ์ของพวกเขา  จะว่าคืบหน้าก็คืบ  แต่ในความคืบหน้านั้นก็ยังตั้งอยู่บนความเป็นเพื่อนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง  ไวน์ยังเป็นคนแรกที่ลักษณ์นึกถึงเหมือนเดิม  ที่จะต่างจากเดิมก็คงเป็นความอ่อนหวานในสายตายามที่อีกฝ่ายทอดมองมาเวลาที่ไม่มีใครเห็นเท่านั้น 

            ไวน์มารับมาส่งเขาที่คณะฯโดยไม่มีใครผิดสังเกต  ส่วนเขาก็แวะไปหาไวน์ที่คณะบ้าง  เอาขนมไปให้บ้างบ้างวันโดยที่ไม่มีเพื่อนคนไหนเอะใจเลยเช่นกันว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาก้าวเกินเขตเส้นแดงของคำว่าเพื่อนสนิทไปแล้ว

            นอกจากเพื่อนในกลุ่มของแต่ละคนที่ดูจะมีท่าทีระแคะระคายบ้างเท่านั้น    แต่ก็ยังไม่มีใครพูดอะไรออกมาตรงๆ  ในเมื่อพวกเขายังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ 

            รถมาจอดที่ป้ายหน้าปากซอย  ลักษณ์ยืนรอไวน์เข้าไปซื้อของในเซเว่นเหมือนทุกที  ระหว่างนั้นก็กวาดสายตามองไปตามแผงหาบเร่ที่วางขายอยู่เต็มไปด้วย  ลูกชิ้นปิ้งวันนี้น่ากินเป็นพิเศษ...

            “ลักษณ์”  เสียงเรียกทำให้ลักษณ์หันไปมอง  เขาเห็นพี่รหัสของตัวเองยืนอยู่เบื้องหน้า   ลักษณ์ตกใจ

            “พี่สิงห์”  อุทานเสร็จก็เหลียวไปมองในร้านสะดวกซื้อ  ไวน์ยังไม่ออกมา   เขาเลยจะเดินหนีเข้าไปในเซเว่นแทน  ทว่าฝ่ายนั้นคว้าต้นแขนของเขาเอาไว้

            ลักษณ์สะบัดแขนอย่างแรง

            “พี่ขอโทษ  ลักษณ์  พี่ไม่ได้ตั้งใจ”

            “พี่อย่ามายุ่งกับผม  ผมอโหสิกรรมให้พี่ไปแล้ว”

            “ลักษณ์...ถ้างั้นก็ช่วยบอกพี่รามทีว่าพี่สำนึกผิดแล้ว”

          “เกี่ยวอะไรกับพี่ชายผม”

            “พี่ฝากไปบอกได้มั้ย  นะลักษณ์นะ....ต่อไปนี้พี่จะไม่มายุ่งเกี่ยวกับนายอีกแล้ว  ได้โปรดนะลักษณ์นะ”  พี่สิงห์แทบจะยกมือไหว้เขา  ลักษณ์มองตอบอย่างมึนงง  “แค่นี้พี่เนิร์ดก็จะเอาพี่ตายแล้วลักษณ์  เห็นแก่พี่เถอะ  อย่าให้เป็นเรื่องเลยนะ  พี่ขอร้อง  แม่พี่แก่แล้ว  พี่ต้องเรียนให้จบจะได้มาเลี้ยงดูแม่”

            “ผมยกโทษให้พี่ไปนานแล้วพี่สิงห์  แต่เรื่องอื่นพี่ก็ต้องจัดการเอง”   ลักษณ์ตอบเสียงเย็น  เดินหนีเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ  เข้าไปยืนข้างๆร่างใหญ่ที่ยืนเอียงคอพิศดูซาลาเปา ขนมจีบในตู้อยู่

            “กินอะไรดี”

            “............”  ลักษณ์ไม่ตอบ  เขายังไม่หายตกใจจากเหตุการณ์เมื่อครู่

            “เอาไส้กรอกดีกว่า  พี่ครับ....ขอฟุตลองชีสหน่อย”   ไวน์พูดกับพนักงาน  แล้วถอยมายืนข้างๆเขา   คว้ามือของลักษณ์มากุมเอาไว้หน้าตาเฉย  ไม่ยอมปล่อยแม้กระทั่งตอนที่จ่ายเงินแล้วรับของมาถือด้วยมืออีกข้าง

            ไวน์ลากเขาออกมาจากเซเว่น  พาจูงมือเดินเข้าไปในซอยช้าๆไม่รีบร้อน 

            “โอเคหรือยัง”  นักศึกษาแพทย์ถามลอยๆ

            “อืม”  เขารับคำ  แกว่งมือที่ประสานกันไว้นั้นเล่น  รู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด  เขารู้ว่าไวน์เห็นเหตุการณ์  แต่ไวน์ก็ไม่ได้เข้ามายุ่งเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ร้องขอ  ลักษณ์รู้ดีว่าตราบใดที่ไวน์อยู่ตรงนั้นจะไม่ทางปล่อยให้เขาเป็นอันตรายไปได้

            “คืนนี้เริ่มติวเลยนะ”

            “?”

          “เดี๋ยวซิ่วไม่ติดทำไงเล่า”

            “เก๊าะเรียนเภสัชต่อ”

            “เสียใจแย่”

            “ไม่เสียใจหรอกน่า”  ลักษณ์ตอบยิ้มๆ  ทอดสายตามองเงาสองเงาทอดยาวอยู่บนพื้นคู่กัน  “แฟนพี่หมอไวน์ซะอย่าง”

            .........................................................................................

           มาต่อนะคะ  5555555  อตนหน้าจะพาไปเที่ยวฟาร์มอีกรอบ   คือชอบมาก5555 จะไปอีกๆ ชอบเอ้าท์ดอร์

ตอนนี้เปิดเรื่องใหม่เอาไว้เเล้วนะคะ 

ชื่อเรื่อง    ยักษ์ยอกรัก #แอบยักษ์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60426.0)

เป็นเรื่องที่สองในเซ็ทนะคะ  ลองอ่านกันดูได้ค่ะ 

ใกล้จบแล้ว  ใครมีอะไรอยากบอกถึงนิยายเรื่องนี้ เม้นท์บอกได้เลยหรือติดแท็ค #แอบลักษณ์ ในทวิตนะคะ

ขอบคุณมากจริงๆสำหรับการติดตามอ่านค่ะ
 :sad4:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่25 6/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 12-06-2017 00:26:56
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ สนุกดีค่ะ อ่านรวดเดียวถึงตอนนี้เลย
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่26 12/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: MorethanMore ที่ 12-06-2017 00:35:15
ไม่เข้าใจเพื่อน ทำไมต้องประชด แค่ลักษ์จะซิ่ว ไม่ใช่ว่าซิ่วไปแล้วเป็นเพื่อนต่อไม่ได้นิ ใจแคบจัง

มันจะไม่หน่วงแล้วใช่ไหม สงสารไวน์มาก ปล.ทำไมไวน์เจ้าเล่ห์
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่26 12/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-06-2017 02:09:41
เรื่อยๆแต่ความสำคัญไม่สั่นคลอนดี ชอบ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่26 12/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 12-06-2017 08:57:22
ลักษณ์ สู้ ๆ ขอให้ติดแพทย์จ้า
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่26 12/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 12-06-2017 12:34:36
สมหวังซะทีนะ
หมอคนไข้กับหมอยา

ไวน์&ลักษณ์
เฮ้ออออ ตามเชียร์ซะเหนื่อย
ฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่26 12/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 12-06-2017 15:18:02
เข้าใจกันได้สักทีนะ พอเข้าใจปุ๊บไวน์ก็หาเรื่องมาคลุกวงในปั๊บเลยนะ ว่าแต่พี่รามไปทำอะไรหว่าไอ่พี่สิงห์ถึงแล่นมาขอร้องลักษณ์ซะขนาดนี้
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่26 12/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 14-06-2017 10:35:07
 :hao5: อ่านรวดเดียว ซึ้งมาก
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่26 12/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-06-2017 11:04:20
 :hao6:


นี่ลุ้นมากกกกก
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่27 17/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 17-06-2017 21:45:30
ตอนที่ 27

Love isn’t blind; it just only sees what matters.

 

 

 

 

            “กลับมาแล้วเหรอ  เหนื่อยหรือเปล่า  กินอะไรมาหรือยัง”   คำถามจากอดีตเพื่อนสนิททำให้คนตัวสูงยิ้มกว้าง  ลอบจับมือของฝ่ายนั้นเบาๆไม่ให้พี่ชายอีกฝ่ายเห็น  อดชื่นใจไม่ได้ทุกครั้งที่แวะมาหาคนรักที่ร้านป้าดาทุกเย็นหลังเลิกเรียน   ได้ยินคำถามเดิมซ้ำๆพร้อมกับน้ำเก๊กฮวยเย็นเฉียบที่ยกมาเสิร์ฟถึงที่   ได้รับรอยยิ้มหวานๆแฝงด้วยความดีใจเอาไว้บนใบหน้าเล็กๆ....แค่นี้  ไวน์ก็บอกตัวเองว่าไม่ต้องการอะไรอีก

            “ยังเลย  วันนี้แล็ปเลิกเย็น  พอเลิกปุ๊บไวน์ก็รีบมา  กลัวลักษณ์หิวแย่”

            “ยังไม่หิวหรอกน่า”  อีกฝ่ายตอบงึมงำ  ลักษณ์ยังไม่ชินกับสรรพนามที่เปลี่ยนไปของเราสักที  ขณะที่เขาชอบมากที่จะเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเล่น  มันให้ความรู้สึกน่ารักดี

            “เย็นนี้มีอะไรกินครับ”

            “ผัดเผ็ดปลาดุก   ต้มมะระหมูยัดไส้   ยำไข่เค็ม   ปลาสลิดทอด”  หลานชายเจ้าของร้านร่ายเมนูให้ฟัง  มือก็หยิบเงินขึ้นมานับส่งให้พี่ชายทอนลูกค้า

            “มีแต่ของโปรดมึงทั้งนั้นอ่ะไอ้ไวน์  ไม่รู้มันจะเอาใจมึงไปถึงไหน”  พี่รามหันมาพูดฉุนๆแกมหมั่นไส้น้องชายที่พักหลังชักจะ ‘หลงแฟน’ เกินหน้าเกินตา

            “เปล่าสักหน่อย  ก็ป้าดาอยากทำเมนูนี้พอดี”  ลักษณ์ตอบเสียงอ่อย  หลบตาพี่ชายที่มองมาอย่างรู้ทัน  รีบเปลี่ยนเรื่อง  หันไปถามคนกินที่ถือช้อนส้อมในมือพร้อม  “เอาข้าวเพิ่มหรือเปล่า  เดี๋ยวลักษณ์ไปตักเพิ่มให้”

            อีกฝ่ายคว้ามือของเขาเอาไว้  พูดแกมหัวเราะ

            “พอแล้ว  จะขุนกันหรือไง...นั่งลงเถอะ  กินข้าวกัน  พี่รามกับป้าดาทานข้าวยังครับ”  ไวน์ดึงมือลักษณ์ให้นั่งลงข้างตัวเองแล้วเป็นฝ่ายบริการตักข้าวใส่จานให้บ้าง  ป้าดาตอบกลับมายิ้มๆให้กินกันไปก่อนเลย  ส่วนพี่รามก็ขมวดคิ้วใส่แล้วตอบฮึดฮัดหน่อยๆ

            “เชิญเถอะ  ตามสบาย  กูเหม็น...ไม่อยากเป็นกขค.ใคร”

            ไวน์ยกมือไหว้แล้วหัวเราะ  มองตามหลังร่างสูงโปร่งที่เดินกลับเข้าไปเอาจานเพิ่มที่หลังร้าน...ตั้งแต่เขากับลักษณ์ปรับความเข้าใจกันได้  ก็มีพี่รามเนี่ยแหละที่ดูจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แม้ว่าจะยอมให้เขามาค้างที่ร้านได้เหมือนเดิมก็ตาม   ส่วนป้าดาคนที่เขากลัวที่สุดนั้น  กลับแค่พยักหน้าแล้วพูดเรียบๆว่าดูแลลักษณ์ด้วย   

            ถึงจะเป็นประโยคสั้นๆ  แต่ไวน์ก็รู้ดีว่าญาติผู้ใหญ่ที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของลักษณ์จริงจังแค่ไหน

            “ไม่ต้องไปสนพี่รามหรอก  รายนั้นก็งี้แหละ”  ลักษณ์กระซิบ  คงกลัวเขาคิดมาก  มือก็ตักอาหารใส่จานให้เขาไม่ได้หยุด....จะว่าไปที่พี่รามพูดมาก็ถูก  ลักษณ์เอาใจเขามากขึ้นจริงๆนั่นแหละ 

            “ตัวเองก็กินบ้างสิ   เดี๋ยวไปหิวในโรงหนังไม่รู้ด้วยนะ”

            “กินขนมมาทั้งวันแล้ว”  ลักษณ์ตอบแล้วส่งยิ้มให้เขา....เป็นยิ้มตาหยีแบบที่เขาแพ้ทางอย่างที่สุด  และดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะรู้เสียด้วย  “ไวน์ล่ะ  ไปกินขนมกับใครมาบ้างหรือเปล่า”

            คนฟังขมวดคิ้ว  จับความผิดปกติได้ทันที

            “ใครมาเล่าอะไรให้ฟังอีกล่ะ  ไร้สาระน่า”

            “ถามเล่นๆไปงั้นเอง”  ลักษณ์ตอบกลับไป  ไม่สบตาเขา  “ลักษณ์อยู่แต่ที่บ้าน  ไม่ได้ไปมหาลัยมาเป็นเดือนๆแล้ว  ก็เลยอยากรู้เฉยๆว่าที่นู่นเป็นไงบ้าง”

            ไวน์เอื้อมมือไปจับที่หลังมือของอีกฝ่ายแล้วบีบเบาๆ

            “อดทนหน่อย  อีกไม่กี่เดือนเอง  แล้วเราจะได้ไปเรียนด้วยกันไง”   เขาพูดเสียงนุ่ม  เดาใจอีกฝ่ายได้ว่าคงจะเหงาที่อยู่บ้านอ่านหนังสือเตรียมสอบเฉยๆ  ขณะที่เขาออกไปเรียนทุกวัน

            ฝ่ายนั้นกระพริบตาแล้วส่งยิ้มมาให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

            หลังจากนั้นพวกเขาก็ออกไปดูหนังด้วยกัน  ตามแผนของไวน์ที่บอกว่าเป็นการฝึกภาษาอังกฤษผ่านการฟังซาวน์แทร็ค   แม้ลักษณ์จะคิดว่านั่งดูผ่านยูทูปที่บ้านก็ได้  แต่เขาก็อยากออกไปเที่ยว  เปลี่ยนบรรยากาศที่จำเจบ้างเหมือนกัน

            ตอนที่ตัดสินใจว่าจะดรอปเรียนเพื่ออ่านหนังสือเตรียมสอบใหม่อย่างจริงจังนั้น  ลักษณ์พอเดาได้ว่ามันคงจะกดดันและเครียดมาก   แต่ไม่รู้เลยว่ามันจะรู้สึก ‘หนัก’ ขนาดนี้  คงเป็นเพราะตอนเอนท์ครั้งแรกเขามีไวน์เป็นเพื่อนตลอดเวลา   พอมาคราวนี้ถึงไวน์จะมาอยู่ด้วย  คอยช่วยติวให้ทุกเย็น   ทว่าความรู้สึกกลับเหมือนอยู่ตัวคนเดียว  ต่อสู้คนเดียวอยู่ดี   ยิ่งเวลาที่อีกฝ่ายไปเรียนที่คณะฯ และกลับมาเล่าให้ฟังถึงความสนุกสนานหรือแม้กระทั่งปัญหาในแต่ละวัน ลักษณ์ก็ยิ่งอดรู้สึก ‘โหวงๆ’  ข้างในไม่ได้

            โดยเฉพาะเวลาที่เขาเผลอกดเข้าไปในเฟสบุ๊คของอีกฝ่ายแล้วเห็นฝ่ายนั้นถ่ายรูปหมู่  รูปคู่กับคนนั้นคนนี้ในกิจกรรมต่างๆ  ก็เข้าใจอยู่หรอกว่า ไวน์ฮอตมาตั้งแต่ไหนแต่ไร   แต่ก่อนเขาเป็นเหมือนตากล้องส่วนตัวคอยถ่ายรูปฝ่ายนั้นคู่กับสาวๆด้วยซ้ำ  ยังไม่เห็นจะรู้สึกอะไรมากมาย   แต่มาตอนนี้...แค่เห็นภาพไอ้ไวน์ยืนยิ้มถ่ายคู่กับรุ่นพี่ในคณะฯ  หัวใจก็อดเต้นแรงด้วยความรู้สึกแปลกๆไม่ได้ 

            เป็นความหงุดหงิดแกมน้อยใจที่เขาไม่อยากจะยอมรับ

            “นั่งรอตรงนี้ก่อนนะ  เดี๋ยวไวน์ไปซื้อตั๋วให้”

            ลักษณ์พยักหน้ารับ  ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ยาวที่ด้านหน้าโรงหนัง  เย็นวันศุกร์แบบนี้คนเยอะไม่ใช่เล่น  หนุ่มสาวหลายคนมากันเป็นคู่  บางคนก็มาเดี่ยว  เด็กๆวัยรุ่นจับกลุ่มกันมายืนพูดคุยหัวเราะกันอย่างมีความสุข 

            เขามองตามแผ่นหลังกว้างที่เข้าไปยืนต่อแถวซื้อตั๋วตรงช่อง  ไม่แปลกใจที่เห็นสายตาหลายคู่ลอบมองไปยังฝ่ายนั้น  รูปร่างสูงโดดเด่นเสียขนาดนั้น  ไหนจะใบหน้าคมเข้มที่มีดีกรีถึงเดือนมหาวิทยาลัยอีก  จะไม่ให้ดึงดูดสายตาใครต่อใครได้อย่างไรกัน  แม้ฝ่ายนั้นจะใส่แค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดาๆก็เถอะ

            ก็ยังดูห่างไกลกับเสื้อยืด กางเกงยีนส์ของเขาอยู่ดี  ทั้งที่เป็นเครื่องแต่งกายแบบเดียวกันแท้ๆ  ลักษณ์ลอบถอนหายใจยาวเมื่อเห็นสาวในชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกับเขาเข้าไปทักไวน์แล้วพูดคุยกันอยู่นานก่อนจะแยกไป  สักพักก็มีคนเข้าไปคุยกับไวน์อีก

            กว่าไวน์จะซื้อตั๋วเสร็จแล้วเดินกลับมาหาเขาก็ผ่านไปนานทีเดียว  แน่ล่ะ...ก็ฝ่ายนั้นถูกคนทักทุกห้าวินาทีได้  ไวน์เดินกลับมาหาเขาพร้อมตั๋วกับถังป๊อปคอร์นในมือด้วยท่าทางเก้อเล็กน้อย

            “ขอโทษที  รอนานหรือเปล่า  พอดีเจอคนรู้จัก”

            “อืม  ไม่นานหรอก”  เขาตอบกลับไป  รับถังป๊อปคอร์นมาช่วยถือ  ขยับจะเดินเข้าไปในโรงหนังด้วยกัน ทว่าคนข้างๆก็ถูกเรียกเอาไว้อีกครั้ง

            “ไวน์   บอกว่าจะมาหาพี่ที่ชมรมไม่เห็นมาเลย  พี่ก็ร้อรอ”  เสียงแหบนิดๆอย่างเซ็กซี่นั้นสะดุดหูเขาทันที   ลักษณ์ปล่อยมือจากแขนเสื้อของคนรัก  เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวผิวแทนตรงหน้าแวบหนึ่ง

            “พี่ลูกหว้า  สวัสดีครับ”  ไวน์ทักทาย  ท่าทางดูสนิทสนมไม่น้อย

            “มาดูหนังกับเพื่อนเหรอคะ   ดูเรื่องอะไรกันล่ะ...อ้อ  เรื่องนี้พี่ก็อยากดูอยู่เหมือนกัน...”  หญิงสาวพูดเร็วปรื๋อ  ไม่เปิดโอกาสให้ใครแทรกทั้งนั้น

            “งั้นเดี๋ยว..ตามเข้าไปนะ”  ลักษณ์พูดงึมงำแล้วหันหลังเดินจ้ำเข้าไปในโรงหนังก่อนทันที

            ไวน์เหลียวไปมองตาม  ขมวดคิ้วนิดหนึ่งอย่างหงุดหงิด  หันกลับมาพูดเรียบๆกับสาวรุ่นพี่

            “ครับ  น่าจะสนุกดี ....เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ”

            “จ้ะ  โดนเพื่อนทิ้งแล้วแน่ะ”  เสียงหัวเราะแหบๆของเธอน่าสนใจพอๆกับการช้อนตาขึ้นมองเขา  แต่ว่าไวน์ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะสนใจคนอื่นได้อีก  นอกจากคนตัวเล็กที่ทิ้งเขาเดินหายไปดื้อๆคนนั้น

            “ไม่ใช่เพื่อนครับ  แฟนผมเอง  ขอตัวก่อนนะฮะ”

            เขาตอบกลับไป   ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะพูดว่าอะไรต่อมาอีก  เขาตามลักษณ์เข้าไปในโรงภาพยนตร์  ปรับสายตาให้ชินกับความมืดข้างใน  เดินลงบันไดกวาดสายตาไล่หาแถวที่นั่งจนกระทั่งเจอก็เดินเลาะเข้าไปทิ้งตัวลงนั่งข้างๆคนที่เข้ามาก่อนแล้ว

            ท่านั่งกอดถังป๊อปคอร์น  ปากเม้มนิดๆนั้นเกือบทำให้ไวน์หัวเราะออกมาเบาๆ

            “ไม่รอกันบ้างเลย”  เขาเอียงหน้าเข้าไปกระซิบ

            “ก็นึกว่าจะคุยนาน”  อีกฝ่ายตอบกลับมา

            “ไม่งอนดิ”

            “งอนบ้าอะไร  ไม่ได้งอน”  ฝ่ายนั้นตอบกลับมา   ท่าทางผ่อนคลายลงเล็กน้อย  ไวน์อาศัยจังหวะที่ฝ่ายนั้นล้วงหยิบป๊อปคอร์นในถังคว้ามือของอีกฝ่ายมากุมเอาไว้

            ลักษณ์ขมวดคิ้ว  นึกดีใจที่ในนี้มันมืด  ต่อให้เขาหน้าแดงขึ้นมาก็คงจะไม่มีใครเห็น

            “ปล่อยมือ  คนจะกิน”

            “เดี๋ยวป้อน”  อีกคนตอบ  แล้วใช้มืออีกข้างที่เหลือหยิบข้าวโพดคั่วขึ้นมาจ่อให้ถึงปาก  ลักษณ์อ้าปากงับอย่างเสียไม่ได้  ทิ้งมือของตัวเองเอาไว้ในฝ่ามืออุ่นๆของอีกฝ่าย  ไม่คิดจะดึงกลับ

            ไวน์ยิ้มอยู่ในความมืดสลัว  ภาพยนตร์เริ่มฉายแล้วแต่ว่าสมาธิของเขาไม่ได้จับอยู่บนเนื้อเรื่องที่กำลังดำเนินไปอย่างเมามันเพราะมัวแต่ลอบมองหน้าคนข้างๆเป็นระยะ   มือก็คอยป้อนป๊อปคอร์นใส่ปากให้   เขาชอบเวลาที่ปากเล็กๆนั้นอ้างับขนม   เห็นแล้วอยากงับปากบ้างจัง....เขาคงเป็นเอามาก

            ทำไมไวน์จะไม่รู้ว่าคนรักคิดอะไรหรือแม้แต่รู้สึกอะไรอยู่  แค่เห็นสีหน้า  เหลือบมองแววตาคู่นั้นปราดเดียวเขาก็รู้แล้วว่าลักษณ์กำลังน้อยใจ  อาจจะคิดมากเรื่องเดิมๆ  ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะต้องทำยังไง  อีกฝ่ายถึงจะมั่นใจในตัวเองและเชื่อมั่นในความรักที่เขามีให้สักที

            เวลาหลายปีที่เขาหลงรักอีกฝ่ายอย่างถอนตัวไม่ขึ้นนี่ยังไม่พอที่จะพิสูจน์อีกหรือ

            เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับคนที่เข้ามา  แม้ว่าเขาไม่เคยปิดบังว่าตัวเองมีแฟนแล้ว  กระนั้นผู้คนทั้งหญิงและชายก็ยังเข้าหาเขาไม่เลิกราวกับว่าการแย่งชิงกันนั้นเป็นเรื่องท้าทายเสียเต็มประดา   แต่ก่อนไวน์ก็ภูมิใจไม่หยอกที่มีคนสนใจขนาดนี้  แต่ว่าตอนนี้เขาชักรู้สึกว่ามันเริ่มจะมากเกินไปแล้ว

            บางคนใจกล้าถึงขั้นโพสรูปลงโซเชียล ประกาศตัว ‘จีบ’ เขาเอาดื้อๆ  ทั้งๆที่เขาปฏิเสธอย่างสุภาพก็แล้ว  พูดตรงๆก็แล้ว  หลายคนก็ยังไม่เลิกความพยายาม

            ไม่รู้ว่าลักษณ์จะเห็นบ้างหรือเปล่า  เขาคิดว่าคงเห็นนั่นแหละ  เพียงแต่ฝ่ายนั้นไม่เคยพูดออกมา  เพิ่งมีวันนี้ที่ลักษณ์เดินหนีออกมาให้เห็น  คงเก็บอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่

            เห้อ....ลอบระบายลมหายใจออกมาช้าๆ  ลูบหลังมือของอีกฝ่ายเบาๆ  มือของลักษณ์ไม่ได้นุ่มนิ่มเหมือนมือผู้หญิงหรอก  มือของเค้าหยาบกร้านกว่ามือของเขาเองเสียอีก  น่าจะเป็นเพราะต้องทำงานหนักช่วยที่ร้านมาตั้งแต่เด็ก  ไหนจะชอบขัดห้องน้ำแบบไม่ใส่ถุงมืออีก  ฝ่ามือของลักษณ์ก็เลยชอบลอกเป็นแผ่นๆให้เขาต้องมานั่งทาครีมให้ก่อนนอนทุกคืนเพราะเจ้าตัวไม่ชอบบำรุงรักษามือเอาเสียเลย

            ดวงตากลมโตเหลือบมองเขาแวบหนึ่งแล้วก็เอนศีรษะลงมาพิงที่ไหล่  ไวน์ขยับตัวให้อีกฝ่ายพิงได้ถนัดมากขึ้น....นี่ก็เหมือนกัน  เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายขี้อ้อนขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่  รู้ตัวอีกทีเขาก็พบว่าลักษณ์มีสารพัดวิธีที่จะทำให้เขายอมทำตามที่เจ้าตัวต้องการ

            สมัยเป็นเพื่อนสนิทกัน  แค่เจอรอยยิ้มเหมือนเด็กๆก็ว่าแย่แล้วนะ  พอพัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นเป็นแฟน  ลักษณ์ก็ดูเหมือนจะยกระดับความน่ารักน่าเอ็นดูขึ้นอีกหลายเท่า  หรือว่าจะเป็นเพราะเขารู้สึกไปเองก็ไม่รู้

            ยามค่ำคืนหลังจากที่เราติวหนังสือกันเสร็จ  มีบ้างเหมือนกันที่เขาจะได้มีโอกาส ‘ช่วย’ อีกฝ่ายระบายความเครียดบ้าง  แต่ไม่เคยมีโอกาสได้มากกว่านั้นเพราะลักษณ์อาศัยลูกอ้อนหลายกระบวนท่าทำให้เขาใจอ่อน  ความจริงก็ใจอ่อนตั้งแต่ได้ยินเสียงครางหงิงๆว่าไม่อยากบ้างล่ะ  กลัวเจ็บบ้างนั่นล่ะ  แถมพอสบตากลมๆมีน้ำตาคลอนิดๆน่าสงสารแล้วก็เลยยิ่งแล้วใหญ่  สุดท้ายเขาเลยต้องอดทน  เก็บไว้ไปสำเร็จโทษด้วยตัวเองในห้องน้ำทุกที..

              “หนังจบแล้ว  นั่งเหม่ออยู่นั่นแหละ”   เสียงกระซิบดังขึ้นข้างหูพร้อมกับปลายนิ้วสะกิดเบาๆที่ท่อนแขน   ไวน์สะดุ้งตื่นจากภวังค์  หันมาส่งยิ้มให้คนข้างๆ

            “สนุกมั้ย”  เขาถาม  คนฟังพ่นลมออกจากจมูก

            “ไม่ได้ดูล่ะสิ  มัวแต่นั่งใจลอยคิดถึงใครอยู่”

            “จะคิดถึงใครได้ล่ะ  มีอยู่คนเดียว”  เขาตอบแกมหัวเราะ  ขยับลุกขึ้นยืนให้ลักษณ์เดินนำออกไปก่อน  คนมากมายเบียดเสียดกันอยู่ตรงหน้าประตูทางออก  เขาเอื้อมไปยึดไหล่ของอีกฝ่ายเอาไว้และก็เลยเปลี่ยนเป็นโอบไหล่พาเดินออกมาด้านนอกไม่ยอมปล่อย  แม้ว่าจะถูกหยิกไปหลายทีก็ตาม

            “ปล่อยนะ  เดินดีๆไม่ได้หรือไง  คนที่มหาลัยออกเยอะแยะ”  ลักษณ์กระซิบเสียงเขียว

            “ก็ดีสิ  เขาจะได้รู้ไงว่าไวน์มากับแฟน”  นักศึกษาแพทย์ตอบกลับไป  ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้  โอบไหล่พาลักษณ์เดินฝ่ากลุ่มคนไปอีกทาง  แอบเห็นว่าสีหน้าของลักษณ์ดีขึ้นกว่าขามาอย่างเห็นได้ชัด  ถึงจะทำเหมือนไม่เต็มใจก็เถอะ ...หึ  เด็กจริงๆเลย

            “กินอะไรก่อนมั้ย  เดี๋ยวค่อยกลับ”  ลักษณ์เงยหน้าขึ้นถาม    คนฟังส่ายหน้า

            “ไม่ล่ะ  ลักษณ์อยากกินหรอ”

            “เปล่า...จริงๆก็อยากรีบกลับไปช่วยป้าดา”   

            “ไปสิ”  เขารู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายอยากกลับไปช่วยเก็บร้าน   แต่ก็เป็นห่วงกลัวเขาจะหิวเหมือนทุกที  ไวน์ยิ้มออกมาอย่างอ่อนใจ  ยกมือขึ้นจับศีรษะทุยๆนั้นโยกเบาๆ  “แวะซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ก่อนเข้าร้านดีไหม  อยากกิน”

            ลักษณ์ยิ้มกว้าง  พยักหน้ารับ

            นับว่าการพาอีกฝ่ายมาเปลี่ยนบรรยากาศข้างนอกบ้านบ้างก็เป็นไอเดียที่ดีจริงๆ  คืนนั้นเขาเผลอหลับไปพร้อมๆกับร่างผอมบางในอ้อมแขน  ในหัวเต็มไปด้วยความคิดใหม่ที่อยากจะช่วยให้อีกฝ่ายสบายใจขึ้น

            “วันนี้ไปที่มหาลัยกัน”  ไวน์เอ่ยชวนในตอนเช้านั่นเอง  ลักษณ์หันหน้ามาทางเขางงๆ  มือก็หยิบครีมกันแดดกับเข็มขัดส่งให้คนที่ยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจก 

            “ไปทำไมล่ะ”   วันนี้ไวน์มีงานที่คณะฯ  เหมือนจะไปร่วมรณรงค์หาเงินบริจาคอะไรสักอย่าง

            “ก็...คิดถึงอ่ะ  อีกอย่างวันนี้กิจกรรมน่าสนุกนะ  ไปด้วยกันเถอะ  จะได้เปลี่ยนบรรยากาศไง   อ่านหนังสือที่บ้านทุกวันไม่เบื่อเหรอ”  ไวน์ดักคอ  อีกฝ่ายพยักหน้ารับหงอยๆ

            “เบื่อ...แต่ว่า...”

            “ไม่มีแต่ครับ  ไปแต่งตัวได้แล้ว  ไวน์รอข้างล่างนะ”  เขารวบรัดไม่ให้อีกคนปฏิเสธ  คว้ากระเป๋าได้ก็เดินลงบันไดไปชั้นล่าง  เจอพี่รามที่แต่งตัวเหมือนจะออกไปทำงาน    ไวน์ยกมือไหว้  อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับ ไม่ได้พูดอะไรอีก  ท่าทางฝ่ายนั้นคงรีบน่าดู

            ลักษณ์เดินตามลงมาในชุดออกจากบ้านเรียบร้อย   พวกเขาออกจากบ้าน  เดินเรื่อยๆไม่รีบร้อนไปยังป้ายรถเมล์  พาหนะประจำของเราทั้งคู่   เช้าวันเสาร์แบบนี้คนไม่พลุกพล่านเหมือนวันทำงาน   ไม่นานรถก็มาถึงมหาวิทยาลัย 

            ลักษณ์รู้สึกแปลกๆยามที่เดินเคียงข้างอีกฝ่ายตรงไปยังคณะแพทยศาสตร์  แม้จะเคยมาไม่รู้กี่ครั้งแล้วก็ตาม  อาจจะเป็นเพราะวันนี้ไวน์จับมือเขาพาเดินมาด้วยตลอดทาง

            “ไอ้คุณเดือนมาแล้วครับผม  นั่นแน่ะพาใครมาด้วย  ไงลักษณ์  ไม่เห็นหน้าเลย  คิดถึงจัง”  นพเพื่อนสนิทของไวน์พูดยิ้มๆ  ยักคิ้วล้อเลียนเพื่อนที่ขมวดคิ้วใส่

            “คิดถงคิดถึงอะไร  มึงเก็บไว้บอกเพลินนู่น”   นพหน้าแดง  รีบเปลี่ยนเรื่องทันควัน

            “ถามแค่นี้ทำโกรธ  รู้แล้วครับว่าหวงมาก   แล้วทำไมวันนี้พามาโชว์ตัวได้ล่ะครับคุณไวน์”

            “ลักษณ์เขาอยากมาช่วยโครงการด้วย”  ไวน์ตอบหน้าตาเฉย  ไม่ถามความเห็นคนข้างๆสักคำ  ลักษณ์หัวเราะแหะๆ  กวาดตามองรอบบริเวณที่เต็มไปด้วยนักศึกษาแพทย์ชั้นพรีคลินิกที่มารวมตัวกันนั้น   หลายคนลอบมองมาทางพวกเขาด้วยแววตาสงสัยใครรู่  ลักษณ์เลยบิดมือตัวเองออกจากมือใหญ่ทว่าอีกฝ่ายก็คว้ากลับมากุมเอาไว้เหมือนเดิม  แถมยังกระซิบดุ

            “ห้ามปล่อย  แถวนี้เสือสิงห์กระทิงแรดเยอะ”

            “เยอะแล้วพามาทำไม”

            “ก็อยากเปิดตัวบ้างไรบ้าง”  อีกฝ่ายตอบกลับมาแกมหัวเราะ   ยิ้มใส่ตาคนฟังจนลักษณ์ใจเต้นผิดจังหวะไปวูบ...ไม่ชินเลย  ให้ตายสิ   เมื่อไหร่ไอ้ไวน์จะเลิกส่งยิ้มพิฆาตระยะใกล้มาให้แบบนี้สักที

            “มึงเห็นใจคนโสดอย่างกูบ้างเถอะ”  นพโอดครวญ  ยัดใบปลิวปึกใหญ่ใส่มือของไวน์  “พวกมึงสองคนไปยืนแจกใบปลิวตรงนู้นเลยไป   ไอ้ไวน์เอากล่องบริจาคไปด้วย   มึงปล่อยมือไอ้ลักษณ์บ้างก็ได้ครับเพื่อน  มันไม่หายไปไหนหรอก”  นพชักหมั่นไส้ 

            “เออๆ  โทษที  ปล่อยมือแล้วกูไม่ชินน่ะ”

            “ว้ายตายแล้ว  ลักษณ์....คิดถึงจัง  ไม่เจอตั้งนานแน่ะ  เป็นไงบ้าง”  เสียงแหลมใสดังขึ้นด้านหลังพร้อมกับร่างอ้อนแอ้นของเพลินตา  ดาวคณะแพทย์ปรากฏขึ้น  รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเธอทำให้ลักษณ์ยิ้มตอบกลับไปอย่างเต็มใจ

            “สบายดี  เพลินล่ะ  ไม่เจอตั้งนานคิดถึงเหมือนกัน”

            “อ่ะแฮ่ม”  ไวน์กระแอม  เหมือนเรียกความสนใจ  “งานจะเริ่มแล้ว  เราไปยืนมุมโน้นกันดีมั้ย”  หญิงสาวหัวเราะคิก  เหลือบมองเพื่อนสนิทอย่างรู้ทัน

            “เบื่อพวกขี้หวงจริงๆ  ลักษณ์รู้มั้ยว่ามีคนอยากเห็นหน้าแฟนไวน์เยอะมาก”  เธอลากเสียงให้รู้ว่าเยอะแค่ไหน  “แต่รายนี้ไม่ยอมเอารูปให้ดูด้วยซ้ำ  ปิดเงียบ  ตอนแรกนึกว่ากลัวคะแนนตก  หรือว่าลักษณ์ห้ามไว้  ที่ไหนได้  หวงกลัวคนอื่นมาชอบลักษณ์ตะหาก”

            “กู...เอ๊ย  เราเฝ้าของเรามาตั้งหลายปี  เรื่องอะไรจะให้ใครมาแย่งไปล่ะครับ”  ไวน์ตอบกลับ

            “อย่างผมไม่ต้องกลัวใครมาแย่งหรอก”  ลักษณ์พูดขึ้นบ้าง  เพลินตาเหลือบมองไวน์แวบหนึ่ง  เธอจับความรู้สึกของลักษณ์ได้ทันทีตามประสาผู้หญิงความรู้สึกไว  ขณะที่นพกลับหัวเราะอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่

            “แต่อย่างไอ้ไวน์นี่ไม่แน่นะลักษณ์  มันล่ะเสือเลย  วันนี้จับตาดูดีๆนะ  เผลอเมื่อไหร่เดี๋ยวได้เรื่อง...โอ๊ย!  ตีเราทำไมเพลิน”

            “ก็พูดอะไรไม่เข้าท่า  ไปเล่นตรงนู้นเลยไป  ผู้ใหญ่เขาจะคุยกัน”  เพลินมองมาทางลักษณ์อย่างเป็นห่วงจนลักษณ์รู้สึกตัว

            “ขนาดนั้นเลยเหรอ  เดี๋ยววันนี้ต้องคอยดูหน่อยแล้ว”  เขาฝืนพูดเล่น แล้วหัวเราะออกมา

            “ไอ้นพมันเวอร์  ไม่มีไรหรอก  เราไปแจกใบปลิวกันดีกว่า”  ไวน์รีบเปลี่ยนเรื่อง   ชักรู้สึกว่ามันไม่เป็นไปตามที่วางแผนเอาไว้   ฉุดแขนพาลักษณ์เดินออกมาด้านนอก   เดินตามขบวนของคณะฯที่เริ่มออกรณรงค์ขอรับบริจาคไปตามถนน   รายได้มอบให้มูลนิธิของโรงพยาบาลโดยเป้าหมายอยู่ที่ห้างดังไม่ห่างจากมหาลัย

            ลักษณ์สวมเสื้อโครงการที่ไวน์เอามาให้  เดินแจกใบปลิวไปข้างๆคนตัวสูงที่เดินถือกล่องรับบริจาค เขย่าไปตลอดทาง   ดูเหมือนไวน์จะรับหน้าที่ถูกแล้ว  เพราะมีคนเดินเข้ามาบริจาคเงินใส่กล่องให้มากมาย  แลกกับขอถ่ายรูปเอาไว้เป็นที่ระลึก






ต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่27 17/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 17-06-2017 21:48:52
ต่อนะคะ






           “พี่คะ  หนูฝากถ่ายให้หน่อย  เอาเต็มตัวนะคะพี่”  เด็กสาววัยมัธยมส่งโทรศัพท์มือถือให้ลักษณ์รับมาช่วยถ่ายเธอกับไวน์ให้   ลักษณ์รับมาถือเอาไว้  ขยับถอยหลังไปหามุมที่ถนัด  เขารับหน้าที่นี้มาเกือบร้อยครั้งแล้วมั้งในวันนี้

            “หนึ่ง สอง สาม  สวยครับ”  กดถ่ายให้ไปหลายรูป  จริงๆเขาก็ชอบหรอกนะที่มีคนมาสนใจไวน์  แต่ก็นั่นแหละ....ความหงุดหงิดมีมากกว่า

            “ขอบคุณค่ะพี่  อุ้ย..รูปนี้หนูหลับตาอ่ะ  พี่คะ  หนูขออีกที ได้มั้ยคะ  นะคะ”

            “ได้ครับน้อง”  ลักษณ์รับกล้องมา แม้ว่าไวน์จะทำท่าปฏิเสธ   เขาถอยหลังหามุมอีกครั้งแล้วก็รู้สึกเจ็บที่หลังอย่างแรงเพราะมีอะไรสักอย่างมาชนเข้าจนเกือบคะมำ  โชคดีที่ไม่ทำมือถือของน้องเขาหล่นตกพื้น

            “ลักษณ์!  เป็นอะไรหรือเปล่า  ....นี่คุณเดินไม่มองทางเลย”  ไวน์อุทาน  เดินเข้าไปหาทันที

            “ผมขอโทษครับ   เจ็บมากมั้ย”  คนชนเป็นผู้ชายตัวใหญ่กว่าไวน์เสียอีก  เขาก้มลงจับแขนลักษณ์เอาไว้ ช่วยพยุงให้ลุกขึ้นยืน  “ขอโทษทีไม่ทันเห็น”

            “ไม่เป็นไรครับ”  ลักษณ์ตอบกลับไปสั้นๆ  ขณะที่อีกฝ่ายปล่อยมือจากต้นแขนของเขาเมื่อไวน์เดินเข้ามาถึง  ผู้ชายคนนั้นก้มหัวให้อีกครั้งแทนคำขอโทษก่อนจะเดินหายไปทางอื่น

            ไวน์จับไหล่ของลักษณ์เอาไว้  ก้มลงมองสำรวจอย่างรวดเร็ว

            “เป็นอะไรหรือเปล่า  เจ็บตรงไหน”    ลักษณ์รู้สึกยอกๆที่หลังนิดหน่อย  แต่เห็นสีหน้าของไวน์แล้วเขาก็เลยตัดสินใจไม่พูดออกไปดีกว่า

            “ไม่เจ็บหรอก  นิดหน่อย  ...อ่ะนี่กล้องน้องครับ”  เขาหันไปยื่นโทรศัพท์ส่งให้น้องผู้หญิงที่มีหน้าตารู้สึกผิดเล็กน้อย  เธอขอบคุณและขอตัวเดินหายไปในฝูงชน   “ไปถือกล่องต่อได้แล้วน่า  ทำหน้าเหมือนกูจะตายงั้นแหละ”  ลักษณ์พูด  ไวน์เลยยิ้มออก  กลับไปทำหน้าที่ต่อเหมือนเดิม  แต่คราวนี้ไม่ให้ลักษณ์ถ่ายให้แล้ว  กลับใช้วิธีเซลฟี่แทน

            ก็เหมือนจะดีหรอกนะ....ลักษณ์คิดในใจ  มองคนสองคนเอียงศีรษะเข้าหากันจนเกือบชิด  ส่งยิ้มให้หน้าจอมือถือในมือของไวน์  ก่อนเขาจะถอนหายใจเฮือก  พูดเสียงดัง

            “เดี๋ยวผมถ่ายให้ดีกว่าครับ”  คว้าโทรศัพท์มาจากมือไวน์ที่มองหน้าเขาแบบงงๆ  แล้วก็ลงมือถ่ายให้ไปสองสามรูป  “เสร็จแล้วครับ”  สาวคนนั้นรับโทรศัพท์มาถือไว้ด้วยท่าทางเหวอๆ  “รับใบปลิวไปด้วยนะครับ”   ลักษณ์บอกก่อนจะส่งใบปลิวให้เธอ

            ไวน์หันมามองหน้าแล้วยิ้มมุมปาก   ล้วงโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาบ้าง

            “เอ้า...มองกล้องครับ”

            ไวน์โอบอีกฝ่ายเข้ามาชิดตัวแล้วส่งยิ้มกว้างให้กล้องตรงหน้า  ลักษณ์หน้าแดงจัดลามลงมาถึงลำคอ  ส่งยิ้มตอบกลับไป   เป็นรูปคู่ที่เขาชอบมากทีเดียว

            “เดี๋ยวขอลงเฟสหน่อย”  ไวน์พูด  ก้มหน้าลงจิ้มตัวอักษรในโทรศัพท์  ลักษณ์จับแขนอีกฝ่ายเอาไว้

            “ไม่เอา”

            “ลงหน่อยน่า  เราไม่เคยอัพรูปคู่กันเลยนะ   นี่งานบุญด้วย....ชาติหน้าได้เกิดมาคู่กันอีกไง”

            ลักษณ์เม้มปาก  ถึงจะดีใจอยู่มากก็เถอะ  แต่ความอายมีมากกว่า  เขาเลยหันหน้าหนี  ไม่สนใจคนที่ยืนคิดแคปชั่นต่ออีก

            “ขอถ่ายรูปด้วยนะคะ”  เสียงใสๆคุ้นหูดังขึ้นข้างตัว  ลักษณ์หันไปมองก็เจอหญิงสาวอดีตเพื่อนร่วมคณะฯที่เคย ‘คุย’ กันได้พักหนึ่ง

            “วิป?  ไม่เจอกันนานเลย  มาเที่ยวหรอ”

            “จ้ะ  มาซื้อของกับเพื่อน  ลักษณ์ล่ะ...มาช่วยเค้าแจกใบปลิวหรอ  ดีจังเลย”  วิปมีท่าทางขัดเขินตอนแรกเล็กน้อย  จากนั้นก็เริ่มคุยจ้อเหมือนเดิม  พวกเขายืนคุยกันอยู่พักใหญ่โดยที่ไวน์ไม่ได้เข้ามาขัดจังหวะ

            “เสียดายที่ลักษณ์ดรอปไปก่อน  ตอนนี้มีประกวดวาดภาพภายในชมรมด้วยแหละ  เพื่อนๆที่ชมรมก็คิดถึงลักษณ์กันทุกคน  ว่างๆแวะมาสิ  ได้มาวาดรูปกันอีก”  วิปพูดอย่างร่าเริง

            “อยากไปเหมือนกัน  ไว้จะแวะไปนะ  ว่างๆแวะไปกินข้าวที่ร้านได้นะ  ป้าดาถามถึงบ่อยๆ”

            “จ้า...เดี๋ยวยังไงเราขอตัวก่อนนะ  มีธุระต้องไปต่อ  โชคดีนะลักษณ์  ขอให้สอบติดสมใจหวังนะ  สู้ๆ  ทำได้อยู่แล้ว”

            “ขอบคุณมากนะวิป”  ลักษณ์ยิ้มกว้างจนคนข้างๆอดแซะไม่ได้

            “ถ่านไฟเก่าคุหรอ”

            “สงสัยจะใช่”  เขาแกล้งตอบกลับไป  เห็นอีกฝ่ายหน้าหงิกขึ้นทันตาก็หัวเราะ  “คนมันฮอต  ช่วยไม่ได้”  ไม่ทันจบประโยคนั้นก็มีผู้ชายสวมเสื้อช็อปเข้ามาขอถ่ายรูปคู่กับเขา

            “เอ่อ....ได้ครับ”  ลักษณ์ตอบกลับไปแบบงงๆ  หลังจากนั้นก็มีคนเริ่มเข้ามาขอถ่ายรูปกับเขาเป็นระยะ  บางคนถึงกับขอเบอร์  ขอไลน์ด้วย

            “นะครับ  เผื่อผมไม่สบายจะได้ขอคำปรึกษา”  ผู้ชายหน้าตี๋ตรงหน้าพูด

            “ไม่ได้ครับ  ถ้าคุณไม่สบายก็ไปโรงพยาบาลเลย  ไม่ก็โทรเรียกปอเต๊กตึ๊งมาเก็บไปส่งรพ.ก็ได้  ไม่ต้องโทรหาแฟนผมหรอก”  ไวน์หันมาพูดแทรกกลางวงหน้าตาเฉย  “หรือไม่จะเอาเบอร์ผมไป  ผมเรียนหมอ”

            อีกฝ่ายส่ายหน้าหวือ  รีบเดินหนีไปทางอื่น  ลักษณ์มองตามหลัง  ได้ยินเสียงคนข้างๆค่อนขอดอีกครั้ง

            “เสียดายหรือไง  หน้าหล่อไม่ถึงครึ่งของกูด้วยซ้ำ”

            “โกรธอะไรลักษณ์เนี่ย”  เขาหันไปช้อนตาถาม  ยกมือขึ้นแตะท่อนแขนล่ำสันที่พ้นชายแขนเสื้อออกมา  “ทำไมต้องหงุดหงิดด้วย  ทีมีคนมาขอถ่ายรูปกับไวน์  ลักษณ์ยังไม่ว่าอะไรเลย”

            “ถ่ายกับไวน์ก็ไม่เท่าไหร่หรอก”  เสียงฝ่ายนั้นอ่อนลงทันที  “แต่ไม่อยากให้ถ่ายกับลักษณ์เลย  รู้งี้ไม่พามาหรอก”  ไวน์ย่นจมูก

            ลักษณ์ยิ้ม  ยกมือขึ้นบีบจมูกโด่งๆของฝ่ายนั้นเล่น

            “มีคนขอถ่ายกับไวน์  ลักษณ์ก็หงุดหงิดเหมือนกันนะ”

            “งั้นเรากลับกันดีไหม”

            “ฮื้อ  ยังแจกไม่หมดเลย   เงินก็ยังไม่เต็มกล่องด้วย”

            “งั้นมายืนตรงนี้นี่  ใกล้ๆอย่าไปไกล  ถ้ามีใครมาขอถ่าย  ก็ถ่ายรวมกันสามคนไปเลย”   ไวน์ตวัดเสียง  ล้วงมือหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาช่วยเช็ดเหงื่อให้คนรัก

            ลักษณ์เขิน...ความรู้สึกเคร่งเครียดปนหดหู่ที่เริ่มเป็นมาสักพักนั้นจางหายไปแทบไม่เหลือ   ตรงข้ามกับความมั่นใจที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละนิด  เขารู้ว่าเป็นแผนของไวน์ที่จงใจพาเขามา   แต่อย่างน้อยมันก็ได้ผลในเชิงจิตวิทยามากพอดู 

            ไวน์ดูแลเขาดีมาก  ไม่สนใจเสียงแซวที่ลอยมาเป็นระยะให้ได้หน้าแดงเล่นๆ   นาฬิกาบอกเวลาบ่ายคล้อยตอนที่ใบปลิวแผ่นสุดท้ายถูกแจกให้และเงินเต็มกล่องบริจาค   ไวน์พาเขากลับไปที่คณะฯ  มีเลี้ยงอาหารกลางวันให้คนที่มาช่วยงานทุกคน

            “เหนื่อยมั้ยลักษณ์  ขอบคุณมากเลยนะที่มาช่วย  สนุกหรือเปล่า”  เพลินตากลับเข้ามานั่งด้วย  สองแก้มของเธอแดงปลั่งด้วยความร้อน   “ไวน์มันบ่นใหญ่เลยที่มีคนมาขอเบอร์ลักษณ์”  เธอหัวเราะ

            “ไม่มีหรอก”

            “แน่ะ  ไม่ต้องมาปฏิเสธ  เมื่อกี้เพลินเดินผ่านน้องมัธยมกลุ่มนึง   ได้ยินแว่วๆว่าพี่ลักษณ์น่ารักอย่างงั้นน่ารักอย่างงี้   นี่ถ้าไม่มีไวน์ยืนทำหน้าขมึงทึงอยู่ข้างๆล่ะก็  รับรองว่า...”       

            “รับรองว่าอะไรเพลิน”  เสียงห้าวๆของคนมาใหม่ทำให้เพลินตาคอย่น  ยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะแบบไม่มีเสียง  ไวน์ส่งกระเพาะปลาให้ลักษณ์รับเอาไว้  “ร้อนนะ  ค่อยๆกิน”  ไม่ลืมสำทับเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง

            “โอ๊ย  เพลินชักรู้แล้วว่าทำไมนพถึงเดินหนีไปนั่งตรงนู้น   แค่ตอนแจกใบปลิวก็ฆ่าคนโสดมาหลายศพแล้วนะ  นี่ยังไม่พออีกเหรอ”

            ไวน์ยักไหล่ไม่ตอบ  เอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำมาบิดเปิดส่งให้ลักษณ์

            “เพลินไม่กินอะไรหน่อยเหรอ”  ลักษณ์เงยหน้าขึ้นถาม 

            “ไม่ล่ะ  เพลินไดเอทอยู่  งั้นเพลินไปดีกว่า  เห็นแล้วมันปวดใจ...ยังไงวันนี้ก็ขอบคุณทั้งสองคนมากนะที่มาช่วย  โดยเฉพาะลักษณ์  ไว้เจอกันอีก  ไวน์อย่ามัวแต่เที่ยวเพลินล่ะ  หลังหยุดยาวมีควิซนะยะ”   เธอเตือนแล้วก็ลุกเดินหนีไปรวมกลุ่มกับพวกนพ 

            “ไวน์ไปนั่งกับเพื่อนก็ได้นะ”  ลักษณ์พูดขึ้นเบาๆ

            “ไม่ล่ะ  อยากนั่งกับแฟนมากกว่า”   ไวน์ตอบ   หันหน้ามาทางเขา  เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นเต็มหน้าผากและลำคอด้วยความร้อน   “วันนี้สนุกมั้ย  ชอบหรือเปล่า”

            “ชอบ  แต่ร้อนไปหน่อย”

            “พรุ่งนี้เราไปที่ฟาร์มพ่อแม่กันดีมั้ย”  ไวน์เสนอขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย  “หยุดยาวอีกสองวันแน่ะ  ไปเที่ยวไร่องุ่นดีกว่า  วันนั้นมัวแต่ไม่สบาย  ยังไม่ได้เดินเล่นเลย” 

          “ต้องอ่านหนังสือ  วันนี้ก็ไม่ได้เลยอ่านเลยเนี่ย”  ลักษณ์พูดอย่างกังวล

            “ฮื้อ...เดี๋ยวไปติวที่ฟาร์มก็ได้”  ไวน์พูด  ก้มลงซ่อนยิ้มไม่ให้อีกฝ่ายเห็น  “รับรองเดี๋ยวจะติวให้จนเก่งเลย”

            “ขอถามพี่รามกับป้าดาก่อน”  ลักษณ์อิดออดไม่ยอมรับปาก  และไวน์ก็ไม่เซ้าซี้ 

            นั่งพักพอหายเหนื่อยกันแล้ว  ไวน์ก็พาเขากลับไปส่งที่บ้านป้าดา  คืนนี้ไวน์ไม่ได้ค้างด้วยเพราะบอกว่าจะไปเก็บของที่บ้านเตรียมไปค้างที่ฟาร์ม  ป้าดากับพี่รามอนุญาตให้ลักษณ์ไปด้วยอย่างง่ายดาย

            ลักษณ์ทั้งดีใจปนตื่นเต้น  ร่ำลาอดีตเพื่อนสนิทอยู่นานจนพี่รามค่อนขอดว่าไม่ตามไปนอนบ้านนู้นเลยล่ะ  พอไวน์จะตอบตกลง   รามก็ชิงห้ามเอาไว้เสียก่อน  แล้วโบกมือไล่ให้รีบๆกลับบ้านไปซะ

            “ไปก่อนนะ  พรุ่งนี้เจอกัน  เจ็ดโมงเช้านะ”

            “แล้วจะไปยังไง”

            “พ่อจะส่งรถมารับ”  ไวน์ตอบกลับมาง่ายๆ  ลักษณ์พยักหน้ารับ 

            อีกฝ่ายอาศัยจังหวะที่ป้าดาหันไปตักแกงให้ลูกค้า  ส่วนพี่รามก็ก้มหน้าลงเช็ดโต๊ะอาหาร  รีบชะโงกเข้าไปจูบที่แก้มของลักษณ์เบาๆ

            “..............”

            “ไปก่อนนะ  คืนนี้ไม่ได้นอนด้วย  อย่าร้องไห้โยเยล่ะ”

            “ประสาท  จะร้องเพื่อ”

            “ก็คิดถึงไง  ไม่รู้แหละ  เดี๋ยวถ้านอนไม่หลับจะมาเคาะประตูเรียก...อย่าลืมท่องศัพท์ก่อนนอนด้วย  พรุ่งนี้จะถาม”

            “คร้าบผมครูพี่ไวน์  ไปได้แล้ว  ยุงกัดแล้วเนี่ย”

            ลักษณ์โบกมือให้  ไล่เป็นครั้งที่สามนั่นแหละ  อีกฝ่ายถึงได้ยอมไป  เขามองตามหลังร่างสูงแล้วยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

            “เห็นแกยิ้มออก ก็ค่อยยังชั่ว”  พี่ชายที่มายืนกอดอกอยู่ข้างๆตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบพูดขึ้นเบาๆ  ยกมือขึ้นขยี้ผมของเขาจนยุ่ง  “อย่าร้องไห้มาอีกล่ะ   กูปลอบใครไม่เป็นหรอกนะ  มีแต่จะซ้ำเติม”

            ลักษณ์รู้ว่าอีกฝ่ายก็พูดไปอย่างนั้นเอง  พี่รามเป็นนักปลอบใจมือหนึ่งเลยต่างหาก  ไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครต่อใครแวะมาหาพี่รามเพื่อพูดระบายความในใจให้พี่รามฟังหรอก   ดูอย่างพี่ผู้ชายที่นั่งตาแดงๆอยู่ที่โต๊ะมุมร้านที่พี่รามเดินเข้าไปหาสิ

            เขาเห็นพี่รามยกมือขึ้นตบไหล่คนๆนั้นเบาๆเหมือนให้กำลังใจ  พี่คนนั้นลักษณ์เคยเห็นหน้าอยู่บ้าง  เขาเคยแวะมาหาพี่รามบางครั้ง  นัยว่าเป็นเพื่อนสมัยเรียนของพี่รามนั่นแหละ  แต่พี่รามก็ไม่เคยแนะนำให้เขารู้จัก

            รู้สึกว่าจะชื่อ รัน หรือริวนี่แหละ  ได้ยินเรียกกันแว่วๆ   ดูเหมือนว่าพี่เขาจะเจอเรื่องหนักหน่วงมา   นัยน์ตาคู่นั้นแดงช้ำทีเดียว  ลักษณ์เห็นใกล้ๆตอนที่เข้าไปเก็บโต๊ะของอีกฝ่าย   เขาบอกตัวเองว่าไม่เคยเห็นใครมีดวงตาสวยขนาดนี้มาก่อน   มันเป็นดวงตาที่ทั้งคมทั้งหวานล้อมด้วยขนตายาว  ให้ความรู้สึกเข้มแข็งแต่ก็น่าปกป้องในเวลาเดียวกัน

            “ขอบคุณมากนะน้อง...ลักษณ์ใช่มั้ย”  เสียงนุ่มๆนั้นพูดขึ้น  บุคลิกแบบนี้ไม่น่าเป็นเพื่อนสนิทกับพี่รามได้เลยนะ  ลักษณ์ไม่เข้าใจจริงๆว่าทั้งคู่ไปสนิทกันได้ยังไง

            “ครับ  พี่...”

            “ริวครับ  แต่ไม่ใช่ริวจิตสัมผัมนะ”  รอยยิ้มเล็กๆมุมปากทำให้ใบหน้าเศร้าๆนั้นน่าดูขึ้นเป็นกอง  ลักษณ์คิดในใจ

            “ครับพี่ริว  ต้องการอะไรเพิ่มบอกได้นะครับพี่”

            “แค่นี้ก็อิ่มมากแล้วครับ”  อีกฝ่ายตอบกลับมา

            ลักษณ์ส่งยิ้มไปให้แทนกำลังใจ  เขากำลังจะขอตัวไปที่โต๊ะอื่นตอนที่มีเงาสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งก้าวเข้ามาในร้าน  เขาหันไปมองแขกมาใหม่อย่างแปลกใจ  ใบหน้านั้นดูคุ้นตา  คิดแวบเดียวก็นึกออก....เป็นผู้ชายคนเดียวกับที่ชนเขาวันนี้นั่นเอง

            ส่วนสูงเกือบถึงเพดานของร้านกับหุ่นหนาและเสื้อผ้าเปื้อนฝุ่นมอมแมมเรียกสายตาของทุกคนในร้านให้หันไปมองเป็นตาเดียว   ลักษณ์เห็นฝ่ายนั้นยืนกวาดตาอยู่ครู่หนึ่งก็ตรงเข้าไปหาเพื่อนของพี่รามที่นั่งหันหลังอยู่

            ฝีเท้าของเค้าเงียบเชียบไม่สมกับขนาดตัว  ผู้ชายคนนั้นเดินไปทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามกับเพื่อนพี่ราม  ชะโงกเข้าไปพูดอะไรบางอย่างที่ลักษณ์ไม่ได้ยิน  ไม่ได้คิดจะสนใจด้วย

            เพราะตอนนี้ในหัวของเขามีเพียงภาพใบหน้ากวนประสาทของใครบางคนปรากฏอยู่เท่านั้น  คาดว่าคืนนี้ตัวเองคงจะนอนหลับยากกว่าปกติสักหน่อย

            นี่เขาชักจะติดไวน์มากไปหน่อยแล้วแฮะ...

            ...

           

              อ่ะฮะ  มาอัพต่อนะคะ   ตอนหน้าดูเหมือนจะเป็นตอนจบเเล้วเเหละ  โอยย  หายใจ เอ๊ย  ใจหาย55555

ขอบคุณมากนะคะที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้  มีความสุขมากเลยค่ะ   :katai2-1:

จะจบแล้ว  ใครมีเรื่องอะไรอยากบอก เม้นท์บอกได้เลยนะคะ 

สำหรับตอนนี้แอบใส่ตัวละครของเรื่องต่อไป ยักษ์ยอกรัก #แอบยักษ์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60426.0) ลงไปเล็กน้อย 

ใครสนใจลองอ่านกันต่อได้เลยนะคะ  อิอิ 

สำหรับใครที่เล่นทวิต #แอบลักษณ์ นะคะ

สำหรับคนที่เล่นเฟส แฟนเพจของเราเอง Melenalike  (https://www.facebook.com/Melenalikebanana/)

ไปกดไลค์กันได้ค่าาา  :hao5:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่27 17/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-06-2017 22:20:26
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่27 17/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 17-06-2017 22:53:13
จะจบแล้วอ่าาาา
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่27 17/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 17-06-2017 22:59:29
เสียใจตอนหน้าจะจบแล้วจริงๆเหรอ..ใจหายเลยอ่า
รอติดตามผลงานเรื่องใหม่ค่ะ.. :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่27 17/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Naam3 ที่ 17-06-2017 23:47:04
 :impress2: :katai2-1:จะจบแล้วเหรอๆๆๆรอติดตามนะคะ :mew1: :mew1: :L2: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่27 17/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 18-06-2017 00:13:44
จะจบแล้วเหรอ หน่วงกันมานานขอหวานๆอีกสักหลายๆตอนไม่ได้เหรอคะ  รึไม่ก็ขอตอนพิเศษเถอะค่ะ อยากเห็นลักษณ์มีความสุขเยอะๆ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่27 17/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-06-2017 00:31:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่27 17/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 18-06-2017 02:51:07
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่27 17/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: MorethanMore ที่ 18-06-2017 09:01:08
ม่ายยยยย คือหน่วงมาจนจบขอหวานอีกนิดได้ไหม ฮึกก
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่27 17/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 18-06-2017 15:38:16
 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 22-06-2017 01:59:13
ตอนที่ 28

Live Simply, Laugh Often, Love Deeply.

 

 

 

 

            รูปเซลฟี่ที่ปรากฏอยู่ในหน้าเฟสบุ๊คของไวน์ทำเอาคนที่เพิ่งเปิดเจอยิ้มกว้าง  ถึงหน้าจะมันแผล็บ  ผมเปียกลู่แนบหัวไปหน่อยก็เถอะ...รอยยิ้มของเราสองคนก็ดูสดใสเหลือเกิน

            ไม่มีแคปชั่นเขียนเอาไว้ทั้งที่ลักษณ์เห็นอีกฝ่ายครุ่นคิดอยู่ตั้งนาน  สงสัยจะนึกแคปชั่นเด็ดๆไม่ออกล่ะมั้งเลยลงแต่รูป  เขาเลื่อนสายตาลงมาอ่านคอมเม้นท์ที่อยู่ข้างล่าง  เพื่อนของไวน์เข้ามาตอบกันเต็ม  ส่วนใหญ่เป็นไปในทางแซว  ไม่ก็อวยพรให้รักกันนานๆ

            มีบ้างที่จะเข้ามาเม้นท์ตัดพ้อต่อว่า  ซึ่งมักจะเป็นสาวรุ่นพี่ที่สนิทกับไวน์มากกว่า   แทบไม่มีคอมเม้นท์จากฝั่งเพื่อนของเขาเลย  นอกจากไอ้แซมที่ส่งสติ้กเกอร์รูปหมาคาบหัวใจมาให้  กับเต้ที่ส่งรูปใบหน้าคนปิดปากหัวเราะ

            เพื่อนๆกลุ่มหล่อสัชก็ยังติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอ  บางคืนเขาก็เข้าไปเล่นเกมร่วมทีมด้วยอย่างเคย   ถือเป็นการผ่อนคลายแก้เครียดหลังจากอ่านหนังสือทำข้อสอบเก่าติดต่อกันมาหลายชั่วโมง

            เสียงแจ้งเตือนไลน์ดังขึ้น  ลักษณ์ละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดู   พวกแซมรวบรวมสมาชิกทีมตีดอทอีกแล้ว

            Sammylunla: ไอ้ลักษณ์ตีดอทป่าววว

            เต้ตอบแล้วนะ:  อย่ากวนมัน  มันอ่านสือ

            Beersing: พักบ้างดิเพื่อน

            GoodLuck: คืนนี้บาย  กูต้องจัดของ

            Sammylunla:  ไปหนายยย

            GoodLuck:  ไปเที่ยวบ้านไอ้ไวน์

            Beersing:  แรงงงงง พวกมีแฟนแล้วทิ้งเพื่อนทิ้งฝูง

            Sammylunla:  ใครบอก  อย่างไอ้ลักษณ์เรียกพวกเอาเพื่อนเอาฝูงตะหาก

            GoodLuck:  ไอ้แซม  จะไปไหนก็ไปเลย  กูม่นคุยด้วยและวว

            Sammylunla:  แน่ะๆๆ เขินจนพิมพ์ผิดพิมพ์ถูกเลย

            เต้ตอบแล้วนะ:  ไอ้แซมกูจะเล่นแล้ว  เร็วมึง

            เต้ตอบแล้วนะ: บายลักษณ์  อย่าลืมของฝากล่ะ

           

                       

            ลักษณ์ส่ายหัวเบาๆ  ส่งสติกเกอร์โบกมือให้แทนคำลา  พวกเพื่อนๆหายเงียบกันไปแล้วคงแปลงร่างเป็นฮีโร่กันอยู่อย่างเมามัน  เขาเปลี่ยนท่าเป็นล้มตัวลงนอนบนเตียง  วางโทรศัพท์มือถือเอาไว้บนหัวเตียงที่เดิม

            ข่มตาหลับอยู่นาน  พลิกตัวก็แล้ว  นับแกะก็แล้ว  มันก็ไม่ยักหลับทั้งๆที่รู้สึกง่วงอยู่ไม่น้อย  ลักษณ์ดึงหมอนข้างมากอด  ซุกใบหน้าลงกับหมอนนิ่มๆ

            ...ก็ได้   เขาคิดถึงใครบางคนที่เคยนอนด้วยกันทุกคืนโดยเฉพาะช่วงหลังๆมานี้   คิดถึงอ้อมแขนอบอุ่นที่โอบล้อมอยู่รอบตัว   คิดถึงลมหายใจที่เป่ารดที่หน้าผากและซีกแก้ม   คิดถึงสัมผัสวาบหวามที่...เอ่อ   ลักษณ์รีบปัดความคิดทิ้งไป  ยกมือขึ้นแนบใบหน้า   

            “โอ๊ย...บ้าไปแล้วแน่ๆ”           

            เขาลุกขึ้นจากที่นอน  หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาอีกฝ่าย  ไม่นานฝ่ายนั้นก็กดรับ

            “ไงลักษณ์  เดี๋ยววางสายก่อนนะ”  แล้วก็กดวางสายไปดื้อๆ

            ลักษณ์งงตามไม่ทัน  พอจะกดโทรกลับไปอีกรอบ  ที่หน้าจอโทรศัพท์ก็ขึ้นว่ามีสายเรียกเข้าจากโทรไลน์เสียก่อน  จากคนที่ชื่อ  Wineiloveu

            ลักษณ์ยิ้มกว้าง  กดรับสาย  ปรากฏใบหน้าของอีกฝ่ายขึ้นเต็มจอ   ไวน์อยู่ในชุดนอนแล้ว  กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ในห้องที่เขาเดาว่าเป็นห้องนอนของอีกฝ่าย  เพราะเขาไม่เคยเห็นมาก่อน

            ไวน์ไม่เคยยอมให้เขาเข้าไปในห้องนอนเลยสักครั้ง 

            “ว่าไงครับ  คิดถึงพี่ไวน์ล่ะสิ”  เสียงฝ่ายนั้นทักมาพร้อมรอยยิ้มกว้างเห็นเขี้ยวมุมปาก   ลักษณ์ย่นจมูกตอบ

            “เปล่า  กดผิดเฉยๆ”

            “อ่าวหรอ  งั้นวางสายนะ”  อีกฝ่ายตอบกลับมา

            “เดี๋ยวดิ  จะนอนแล้วเหรอ”  ลักษณ์หลงกลรีบถาม  พอเห็นไวน์ยิ้ม  เขาก็ตวัดสายตาใส่อย่างฉุนนิดๆ   “จะนอนแล้วใช่มั้ย  งั้นวางสายนะ”

            “ล้อเล่นแค่นี้ทำเป็นงอนไปได้  ก็รอคนโทรมาเนี่ยแหละ”

            “ประสาท”

            “จริงๆ   มันนอนไม่หลับ”  ไวน์พูดหน้าตาเฉย  “คิดถึงจัง”

            “ขอไปอ้วกหน่อยได้มั้ย”  ลักษณ์หวังว่าหน้าจอจะไม่ชัดจนเห็นว่าใบหน้าของเขาแดงจัด  “ปกติมึงจีบสาวเลี่ยนขนาดนี้เลยเหรอ”

            คนฟังหัวเราะ

            “ไม่นะ  เลี่ยนกว่านี้เยอะ”  พอลักษณ์หุบยิ้ม  ไวน์ก็รีบพูดต่อ  “ล้อเล่น  ปกติเคยเห็นพี่ไวน์จีบสาวหรอ  มีแต่ช่วยน้องลักษณ์จีบสาวเท่านั้นแหละ”  เขาเรียกแทนตัวเองว่าพี่ไวน์เล่นๆ  มาจากครูพี่ไวน์ ติวเตอร์อันดับหนึ่งที่เพื่อนๆชอบล้อเขากับลักษณ์นั่นแหละ

            “ก็ไม่เคยเห็นตอนจีบน่ะสิ  เห็นอีกทีก็เดินด้วยกัน กินข้าวดูหนังด้วยกันไปเลย”  ลักษณ์สะบัดเสียง   ไม่รู้เป็นไรพักหลังมานี้หางเสียงเขามักจะตวัดสูงขึ้นจมูกทุกที  เป็นกับเวลาคุยกับไวน์คนเดียวด้วย

            “โยนโบว์ลิ่งก็เคยนะ  แต่วันนั้นมึงซ้อมวิ่งอยู่  ฮ่าๆ”

            “นั่นแหละ...ร้ายนัก  แล้วมาบอกว่าชอบเราคนเดียว  เชื่อตาย”

            “นี่หึงเหรอ”

            “เปล่าโว้ย”

            “แล้วไป  นึกว่าหึง  ถ้างั้นก็ไม่ว่าอะไรใช่ไหมถ้าจะไปกินข้าวดูหนังกับใครบ้าง”

            ลักษณ์นิ่งไปทันที  เขาเม้มปากอย่างครุ่นคิดแล้วก็พูดขึ้นช้าๆ

            “ถ้าพี่ไวน์อยากไปจริงๆ  ลักษณ์ก็ไม่ว่านะ  ลักษณ์ไม่อยากให้พี่ไวน์ปิดกั้นโอกาสของตัวเองหรอก”

            “แล้วลักษณ์จะยังรักพี่ไวน์อยู่มั้ย  จะยังคบกับพี่อยู่หรือเปล่า” 

            “ก็คงยังรักอยู่   แต่เรื่องคบ...อาจจะไม่”   ลักษณ์ถอนหายใจ   “ไวน์...ลักษณ์เข้าใจนะถ้าวันนึงเราจะเลิกกัน  ลักษณ์ทำใจเรื่องนี้เอาไว้แล้วด้วยซ้ำ”

            “พูดอะไรอย่างนั้น”  อีกฝ่ายตอบกลับเสียงเข้ม  “ถ้าลักษณ์พูดแบบนี้ก็แปลว่าไม่เห็นค่าความรักของไวน์เลย”

            “ไม่ใช่อย่างนั้น  ลักษณ์ก็แค่...คิดว่าอาจจะมีคนที่...ดีกว่า”

            “นี่ลักษณ์ยังไม่เลิกคิดเรื่องบ้าๆนี่อีกเหรอ”   ดูท่าทางอีกฝ่ายจะหัวเสียอย่างหนัก  “พี่พูดเล่น  พี่จะอยากไปกินข้าวดูหนังกับใครได้ล่ะในเมื่อในหัวพี่ก็จะมีแต่ภาพลักษณ์ซ้อนอยู่ตลอดเวลา  พี่จะมีความสุขหรอถ้าต้องนั่งคิดตลอดว่าป่านนี้ลักษณ์จะร้องไห้ขี้มูกโป่ง  ขัดห้องน้ำจนมือเปื่อยถึงไหนแล้ว”

            ไวน์เรียกแทนตัวเองว่าพี่อย่างไม่รู้ตัว

            “ทำไมหรอ  ไอ้ไวน์มันดีกว่าลักษณ์ตรงไหน  ทำไมถึงต้องคิดว่าตัวเองไม่ดีพอด้วย  มันก็แค่คนๆนึงที่มีอวัยวะสามสิบสอง  มีสองมือสองเท้าเท่ากับลักษณ์นั่นแหละ  ไม่ได้เลิศเลอตรงไหน”  ไวน์พูดเสียงดังจนลักษณ์ต้องเบาเสียงโทรศัพท์ลงเพราะกลัวคนข้างนอกได้ยิน

            “อืม รู้แล้วน่า”

            “รู้แล้วก็เลิกคิดมากซักที”  ไวน์เหลือบมองไปด้านหลังแล้วก็ยิ้ม “นี่เห็นอะไรมั้ย”  ไวน์แพนกล้องให้ลักษณ์เห็นกำแพงห้องข้างหลังตนเอง   ฟากหนึ่งของกำแพงเต็มไปด้วยรูปภาพที่ถ่ายแปะเอาไว้อย่างมีศิลป์  ครึ่งหนึ่งเป็นรูปไวน์ ส่วนอีกครึ่งเป็นรูปไวน์ถ่ายกับเด็กผู้ชายอีกคนที่หน้าตาเหมือนเขา

ลักษณ์พิศดูอย่างแปลกใจ

“นี่คือเหตุผลที่ไม่ยอมให้เข้าห้องหรอ”  เขาเคยไปบ้านไวน์แค่สามครั้งเท่านั้น  และสามครั้งนั้นไวน์ก็ไม่ยอมให้ขึ้นชั้นสองด้วยซ้ำ  ทั้งๆที่มานอนบ้านคนอื่นเป็นประจำ

“อืม”  ไวน์รับคำ   “กลัวความแตกเสียก่อนน่ะ  ไม่อยากเสียเพื่อนดีๆ”

ลักษณ์น้ำคลอนิดๆ  รู้สึกปลื้มใจอย่างบอกไม่ถูก  นี่เขาไม่เคยรู้เลย....อดรู้สึกสงสารไวน์ขึ้นมาไม่ได้ที่ต้องเก็บความรู้สึกเอาไว้อยู่นานหลายปี  เพราะเขามัวแต่ซื่อบื้อ

“นั่นร้องไห้หรอ”

“เปล่า  แมลงเข้าตาน่ะ”  ลักษณ์ยกมือขึ้นป้ายตา

            “ปลื้มก็บอก”   ไวน์ยิ้มให้กล้อง  “เพิ่งนึกได้ว่า  จะว่าไปนะ  ไวน์ก็มีส่วนที่มีมากกว่าลักษณ์อยู่นะ”   คนพูดพูดเสร็จก็อมยิ้มอย่างมีเลศนัย 

            “อะไร”  คนฟังถามอย่างระแวง

            “เดี๋ยวไว้มาที่ฟาร์มจะเฉลย”

            “ไม่อยากรู้แล้ว”

            “โธ่”   ไวน์ลากเสียง  “ไม่เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ดีเลย  ทำไมไม่มีความอยากรู้อยากเห็นเลยฮึ”

            “เรื่องไร้สาระไม่อยากรู้หรอก”

            “งั้นชวนคุยเรื่องมีสาระดีกว่า   เย็นพรุ่งนี้อยากกินอะไร ป้ามณีฝากถาม  แกรอจะเจอคุณลักษณ์จะแย่อยู่แล้ว  พูถึงเช้าเย็น  ขนาดไวน์จะกลับบ้านทั้งทีแกยังไม่เห็นสนใจเท่าไหร่เลย”

            ลักษณ์ดีใจ  เขานั่งคุยนอนคุยกับไวน์อย่างเพลิดเพลินจนเวลาล่วงเข้าเช้าวันใหม่นั่นแหละถึงได้บอกราตรีสวัสดิ์แล้วแยกย้ายกันไปนอนได้ 

            ตื่นขึ้นมาเช้าวันใหม่ด้วยความสดใสแม้จะได้นอนไปไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม  ลักษณ์รีบอาบน้ำแต่งตัว  หิ้วกระเป๋าที่จัดเตรียมเอาไว้แล้วลงมารอข้างล่าง  นั่งกินอาหารเช้ากับพี่ชายรอจนไวน์มาถึง

            “มาแล้ว  นั่งยิ้มหน้าบานอยู่ได้  แค่ไปเที่ยว  เคยไปแล้วไม่ใช่เหรอ  ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนี้ด้วย”  พี่รามเคาะ  ยืนกอดอกมองไวน์เข้ามาช่วยยกกระเป๋าน้องไปใส่รถตู้ที่จอดอยู่หน้าบ้าน 

            “ก็คราวนี้สถานะมันเปลี่ยน  มันก็ต้องตื่นเต้นกันบ้างสิครับ”  ลักษณ์กระซิบ  รู้อยู่หรอกว่าคงจะสร้างความหมั่นไส้ให้กับคนฟังไม่น้อย   แต่พี่รามก็ทำเป็นมึนตึงไปอย่างนั้นเอง  ความจริงก็รีบตื่นแต่เช้ามาส่งเขาเดินทางเหมือนกันล่ะน่า

            “เออ  กลับมาอาจจะเปลี่ยนเป็นแค่คนแปลกหน้ากันก็ได้”

            “พี่ราม!”  พอน้องชายขมวดคิ้วใส่  รามก็ขยับตัว

            “พูดเล่นแค่นี้ทำเป็นขึ้น  เดี๋ยวเหอะ...ไปนู่นก็ทำตัวดีๆล่ะ   อย่าให้เขาว่าเอาได้รู้มั้ย”  ลักษณ์พยักหน้ารับ

            “ป้าดาตื่นหรือยังครับ”  ไวน์เข้ามาถามหาญาติผู้ใหญ่ของคนรัก  นิสัยไปลามาไหว้เป็นนิสัยที่รามถูกใจมาตั้งแต่แรก  สีหน้าของเขาจึงอ่อนลงนิดหน่อย

            “ยังไม่ตื่นหรอก  เมื่อคืนดูละครดึก   จะไปไหนก็รีบไปเถอะ....”  ถ้อยคำเหมือนไล่  แต่ลักษณ์รู้ว่าอีกฝ่ายพูดเพราะอะไร  “...เดี๋ยวไปถึงเย็นแล้วฝนตก  ขับลำบาก”

            “ครับพี่   อีกสองวันเจอกันครับ”

            ทั้งคู่ยกมือไหว้  รามพยักหน้ารับแล้วหมุนตัวเดินหายเข้าไปหลังร้าน   ลักษณ์เดินตามหลังไวน์ไปยังรถตู้ที่จอดอยู่  คนขับเป็นคนเดียวกับที่เขาเคยเห็นที่ไร่ 

            ไวน์ก้าวตามขึ้นมานั่งข้างๆเขา   ขยับตัวเข้ามาคาดเข็มขัดนิรภัยให้  จากนั้นก็เอื้อมมือมาจับมือของเขาเอาไว้  ลักษณ์ยิ้มก้มลงพิศดูเส้นเลือดที่หลังมือของอีกฝ่ายเล่น

            “ง่วงก็ปรับเบาะนอนได้นะ”  ริมฝีปากอุ่นๆกระซิบอยู่ข้างหู  “นอนเอาแรงเอาไว้ก่อน   จะพิงมาก็ได้”

            ลักษณ์ขยับเอนศีรษะพิงไหล่ของอีกฝ่ายเอาไว้  ไวน์สอดมือเข้ามากอดเขาเอาไว้หลวมๆ  ลักษณ์เห็นคนขับรถเหลือบตาขึ้นมองแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร   เขาอดกังวลขึ้นมาไม่ได้ว่าพ่อแม่ของไวน์จะว่าอย่างไรบ้างกับความสัมพันธ์ของลูกชายกับเพื่อนสนิท

            “ไวน์”

            “หืม”

            “ไวน์เคยเล่าเรื่องของเราให้พ่อแม่ฟังบ้างมั้ย”

            “เล่าสิ”

            “เล่าว่าอะไรบ้าง”

            “ทั้งหมดเลย”  ไวน์ตอบกลับมา

            “แล้วพวกท่านว่ายังไง”

            “ก็ไม่ว่ายังไง  เดี๋ยวเจอกันก็ลองถามดูสิ”

            “โธ่...บอกหน่อยไม่ได้หรอ   จะได้เตรียมตัวถูก”

            “ไม่ต้องเตรียมอะไรทั้งนั้น   นอนได้แล้วน่า  เดี๋ยวเพลียไม่รู้ด้วยนะ  เมื่อคืนก็นอนดึก”

            “ก็ได้”  ลักษณ์ผล็อยหลับไปพร้อมกับความคิดวุ่นวายในหัว  มาสะดุ้งตื่นอีกทีก็พบว่าถึงที่ฟาร์มแล้ว  ประตูรถเปิดออก  ไวน์ก้าวลงมาเป็นคนแรกตามด้วยลักษณ์  ป้ามณีเดินเข้ามาหาอย่างดีใจ

            “คุณลักษณ์  เป็นอย่างไรบ้าง  สบายดีหรือเปล่า  ผอมลงไปนิดนึงนะเนี่ย  เรียนหนักเหรอคะ  แต่เอ๊ะ  เห็นคุณไวน์เล่าว่าคุณดรอปอยู่นี่”

            “โหย  ค่อยยังชั่วหน่อยที่มีชื่อผมอยู่บ้าง  นึกว่าป้าจะลืมผมซะแล้ว”

            “แหมคุณไวน์นี่ล่ะก็  เข้าไปข้างในกันค่ะ  คุณพ่อคุณแม่รออยู่”

            ลักษณ์มือเย็นเฉียบอย่างช่วยไม่ได้  ยืนชะงักอยู่ข้างหน้าประตูนั่นเอง  ไวน์เลยคว้ามือขึ้นมาแล้วกึ่งลากกึ่งจูงเข้าไปภายในบ้านพักที่ยังคงเหมือนกับคราวที่แล้วที่มาไม่ผิดเพี้ยน

            คุณพ่อคุณแม่ของไวน์เดินมารับ  สีหน้าพวกท่านยิ้มแย้มแจ่มใส  เอ่ยทักทายเขาเป็นปกติจนลักษณ์ใจชื้นขึ้น

            “ลักษณ์  เป็นไงบ้างลูก  อ่านหนังสือเตรียมสอบถึงไหนแล้ว  เจ้าไวน์มันช่วยบ้างหรือเปล่า”  แม่ของไวน์พูดขึ้นยิ้มๆ

            “นอนกี่คืน  นอนที่บ้านนี้แหละ  ไม่ต้องแยกไปบ้านโน้นหรอกมากันแค่สองคน”   พ่อของไวน์พูดขึ้นบ้าง

            “นั่นสิ  ลักษณ์วางกระเป๋าก่อนก็ได้จ้ะ  เดี๋ยวค่อยยกขึ้นไป  แม่จัดห้องเอาไว้ให้แล้ว  นอนข้างๆห้องพ่อแม่นั่นแหละ”

            “อ้าวแม่  ให้นอนห้องไวน์ก็ได้  ไม่เห็นต้องจัดใหม่เลย”  ไวน์ท้วงทันควัน 

            “จะนอนเบียดกันทำไมล่ะลูก  ห้องเรามีเยอะแยะไม่ได้ใช้”

            มาแนวเดียวกับป้าดาเลยแฮะ   พวกผู้ใหญ่คงมีแนวคิดคล้ายๆกันหมด  ไวน์เงียบลงไม่เถียง  เอาไว้คืนนี้ค่อยว่ากัน   เดี๋ยวก็รู้ว่าเขาจะมีวิธีมั้ย

            “หิวกันมั้ยเอ่ย   อยากกินอะไรรีบบอก  มณีเขาอยากทำให้ลักษณ์กิน”   แม่ของไวน์โอบไหล่เขาพาไปนั่งที่โต๊ะอาหารซึ่งจัดเตรียมเอาไว้แล้ว

            อาหารมื้อนั้นผ่านไปอย่างราบรื่นในความรู้สึกของลักษณ์  พ่อกับแม่ของไวน์ไม่ได้พูดหรือถามอะไรที่ทำให้เขาลำบากใจเลย  และเขาก็ค้นพบว่าพวกท่านรู้เรื่องเขานานแล้ว  ตั้งแต่ก่อนเรื่องของนิวด้วยซ้ำ

            “แม่ก็เป็นห่วงมากนะตอนนั้น   ไวน์กลับบ้าน  ทิ้งเรื่องเรียนไปซะเฉยๆ  ไม่ยอมพูดยอมจาปิดห้องเงียบอยู่สามวันถึงได้ยอมเล่าว่าโดนลักษณ์ปฏิเสธมา”

            “ผมขอโทษนะครับ”  ลักษณ์ยกมือไหว้เพราะความรู้สึกผิดจริงๆ

            “เห้ย  ขอโทษอะไรกัน  ไอ้ไวน์มันแอบรักหนูข้างเดียว  ตอนนั้นหนูไม่รักก็ไม่แปลก  ความรักมันใช่ว่าจะต้องสมหวังทุกครั้งเสียหน่อย”  พ่อของไวน์พูด  “ว่าแต่หนูรักเจ้าไวน์ตอนไหนดีกว่า  นี่สิที่อยากรู้”

            “ก็...”  ลักษณ์อึกอัก  รู้สึกเขินที่ต้องตอบ  “คงนานแล้วครับ  แต่ว่าไม่รู้ตัว”

            “ไม่แปลกหรอกจ้ะ  บางครั้งเราอยู่ใกล้อะไรมากเกินไปก็มักจะมองไม่เห็นมัน  อย่างพ่อกับแม่นี่ก็รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กนะ  เป็นเพื่อนเรียนด้วยกันมาจนเข้ามหาลัย”

            ความรู้ใหม่ทำให้ลักษณ์เบิกตากว้าง

            “ใช่จ้ะ  โอ๊ย  วุ่นวายจะตายไปกว่าจะมารักกันได้  แม่ถึงเข้าใจพวกหนูไงว่าบางทีมันก็ยากที่จะเปลี่ยนความเป็นเพื่อนมาเป็นความสัมพันธ์แบบคนรัก   แต่ใจคนน่ะเนอะ  บังคับไม่ได้หรอก  ตอนที่มาคราวก่อนเชื่อมั้ยว่าแม่ยังพูดกับพ่ออยู่เลยว่า แม่ว่าลักษณ์ก็น่าจะรักลูกเราอยู่เหมือนกัน”

            “จริงหรอครับแม่  ทำไมแม่ไม่บอกผม” ไวน์ท้วง  ส่วนลักษณ์หน้าแดง

            “แม่ดูหน้าลักษณ์ก็รู้แล้ว   แต่เรื่องอะไรแม่จะบอกเราล่ะ  ในเมื่อเราก็คบกับแฟนอยู่แล้ว  แล้วรายนั้นก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย”

            พอคิดถึงนิวขึ้นมา ทุกคนก็เงียบลงก่อนจะเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน

            “แล้วลักษณ์เตรียมตัวสอบไปถึงแล้วจ้ะ”

            “ก็อ่านหนังสือสลับกับทำข้อสอบเก่าครับ  ได้ไวน์มาช่วยติวพวกคำนวณด้วย  ก็ดีครับ”  ลักษณ์ตอบออกไป  บทสนทนาดำเนินไปอีกจากเรื่องนั้นเป็นเรื่องนี้  จนสุดท้ายพ่อแม่ของลักษณ์ก็ขอตัวไปดูงานที่ฟาร์มก่อน

            ไวน์ชวนเขาไปขี่ม้าเล่นอีกเหมือนคราวที่แล้ว  แตกต่างตรงที่ครั้งนี้เจ้าตัวบอกตรงๆว่าจะพาไปดูพระอาทิตย์ตกอีกครั้ง 

            “คราวที่แล้วกลัวไม่ยอมไปเลยไม่ได้บอกก่อน”  ไวน์พูดยิ้มๆ  พาเขามาที่คอกม้า

            “ยังสงสัยว่าทำไมไม่พานิวไปดู  พาเราไปดูทำไม”

            “พระอาทิตย์ตกก็ต้องดูกับคนที่เรารักสิ  ถึงจะได้บรรยากาศ”  ไวน์จับที่เอวของเขาแล้วยกลอยทั้งตัวให้ขึ้นไปนั่งบนหลังม้าตัวใหญ่  ก่อนที่เจ้าตัวจะขึ้นตามมานั่งซ้อนอยู่ข้างหลังด้วย

            “คราวนี้พิงได้นะ  ได้ไม่ต้องนั่งตัวเกร็งเหมือนคราวที่แล้วอีก”

            “ถึงไม่ยอมให้พิงก็จะพิง”  ลักษณ์ตอบ  เอนหลังพิงแผ่นอกกว้างที่แนบชิดอยู่  ปล่อยตัวตามสบายไม่ฝืนเอาไว้เหมือนคราวก่อน   ท่อนแขนแข็งแรงโอบอยู่รอบตัวหลวมๆขณะที่ม้าออกเดินลัดเลาะไปตามรั้ว 

            แสงแดดยามบ่ายไม่แรงนักคงเป็นเพราะมีเมฆฝนบังอยู่ไม่น้อย   ไม่แน่ว่าคืนนี้ฝนอาจจะตกลงมาก็เป็นได้    ไวน์พาเขาอ้อมไปอีกทางหนึ่ง  เป็นคนละทางกับที่มาคราวที่แล้ว  ดอกไม้สีเหลืองสดที่ลักษณ์ไม่รู้จักชื่อชูช่ออยู่เต็มสองข้าง  ส่งกลิ่นหอมรวยรินคล้ายดอกไม้ป่า

            “ลงไปเก็บไหม”  ไวน์มองตามสายตาของเขา   กระซิบเบาๆราวกับกลัวผีเสื้อที่ดอมดมดอกไม้พวกนั้นอยู่จะได้ยิน

            “ไม่เอาหรอก  ปล่อยมันบานอยู่กับต้นดีกว่า”   เขากระซิบตอบเช่นกัน

            ไวน์พาเดินสำรวจไปรอบๆฟาร์ม  ลักษณ์เพิ่งรู้ว่าอาณาเขตของฟาร์มออกจะใหญ่โตกว่าที่คิดมาก   ไวน์เล่าธุรกิจของครอบครัวให้ฟังคร่าวๆระหว่างสำรวจ   มีสวนสมุนไพรที่ลักษณ์เห็นว่าน่าสนใจอยู่ด้วย

            “ชอบหรอ  เอาไปปลูกสักต้นดิ”

            “พูดอย่างกับว่าที่ร้านมีที่งั้นแหละ”

            “ก็เอาไปปลูกที่บ้านเราไง”

            “บ้านเรา?”  ลักษณ์หันไปถาม

            “ใช่  บ้านเรา”

            “คงอีกนาน   นานมากๆ”  ลักษณ์หลับตาลง  ...บ้านเรางั้นหรือ  เขาไม่เคยคิดอะไรไปถึงขั้นนั้นเลย  พอได้ยินอีกฝ่ายพูดขึ้นมาแล้วก็รู้สึกพิกล  เหมือนมันเป็นฝันที่อยู่ไกลเกินเอื้อม

            “ไม่นานหรอก  ไว้เราสองคนเรียนจบ  ทำงานหาเงินเลี้ยงดูตัวเองกับครอบครัวได้  ไม่เกินสิบปี  พวกเราก็จะได้มี บ้าน...ที่จะมีเพียงแค่เราสองคน”

            “วันนั้นจะมาถึงมั้ยนะ”

            “ขนาดวันนี้ยังมาถึงเลย   รอมาตั้งหลายปีจนนึกว่ามันจะไม่มาถึงแล้ว”  ไวน์กระชับอ้อมแขนแน่นเข้า  “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ”

            คนในวงแขนอมยิ้ม  พยักหน้ารับ  ไวน์กระตุ้นม้าให้เดินต่อมาจนถึงที่เดิมที่ดูพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาด้วยกัน   เพิ่งจะเวลาห้าโมงกว่า  ยังเหลือเวลาอีกสักพักกว่าจะถึงเวลานั้น   ไวน์อุ้มลักษณ์ลงมายืนที่พื้น  ผูกม้าเอาไว้กับต้นไม้ใหญ่  ลักษณ์เพิ่งสังเกตว่าที่ใต้ต้นไม้มีตะกล้ากับเสื่อวางเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว

            “อภินันทนาการน้อยๆจากป้ามณี”  ไวน์พูดยิ้มๆ  ก้มลงปูเสื่อออกกว้าง   ลักษณ์ทรุดตัวลงนั่ง  หยิบตะกร้าขึ้นมาเปิดดูของภายในที่อัดแน่นมาด้วยปิ่นโตสองใบ  ผลไม้และขนมอีกหลายอย่าง

            “ปิกนิกเฟิร์สไทม์”  ไวน์พูดแกมหัวเราะ  รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่เคยปิกนิกมาก่อน   “เปลี่ยนสถานที่บ้าง  ชอบมั้ย”

            ลักษณ์ยกนิ้วโป้งมาให้แทนคำตอบ  ขยับตัวไปนั่งพิงต้นไม้  เหยียดขายาวอย่างสบาย   สายลมพัดมาเย็นฉ่ำจนต้นหญ้าเบื้องหน้าเอนลู่ไหวตามแรงลม    เช่นเดียวกับเส้นผมของเขาที่เริ่มยาว  มันกระจายยุ่งเหยิงให้ใครอีกคนต้องยกมือขึ้นมาจัดทรงให้อย่างเบามือ

            ลักษณ์เลยเอนศีรษะลงซุกใบหน้ากับซอกไหล่ของฝ่ายนั้นเสียเลย


ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 22-06-2017 02:01:00
       






             “ทำไมเดี๋ยวนี้ขี้อ้อนจัง”  ได้ยินไวน์ถามแว่วๆ

            “ไม่ชอบหรอ”

            “ชอบมากตะหาก”   ฝ่ามือใหญ่ลูบที่หลังของเขาเบาๆ  “ชอบจนเหมือนจะคลั่ง”

            “เวอร์ตลอด”

            “อยากให้พิสูจน์มั้ยล่ะว่าจริงหรือเปล่า”

            คนฟังย่นจมูกพลางส่ายหน้า

            “ม่าย”   ลากเสียงยาวปฏิเสธแล้วก็จับมือใหญ่ที่เริ่มซนเลื้อยเข้ามาในเสื้อนั้นออก  “อย่ายุกยิก   คนเขาจะดื่มด่ำธรรมชาติ”

            “มีอะไรน่าดื่มด่ำกว่านั้นเยอะ”

            ไวน์แนบริมฝีปากลงกับกลีบปากบางที่เม้มนิดๆนั้น  ใช้เทคนิคเฉพาะตัวเล็กน้อยทำให้อีกฝ่ายเผยอปากได้สำเร็จ  แค่นั้นก็เกินพอ...เขาแทรกลิ้นตัวเองลงไปเกี่ยวกวัดกับปลายลิ้นเล็กที่เจ้าของกำลังมึนงงอยู่นั้น  อาศัยช่วงที่ลักษณ์ตั้งตัวไม่ทัน  จัดการปลุกอารมณ์ของอีกฝ่ายขึ้นมาด้วยฝีมือทั้งหมดที่มี

            ลักษณ์เริ่มรู้สึกตัวร้อนขึ้นเรื่อยๆเหมือนคนเป็นไข้  ฝ่ามือของไวน์สอดเข้ามาเสื้อของเขาปัดผ่านยอดอกไปมาสร้างความเสียวซ่านที่ลักษณ์บรรยายไม่ถูก   ฝ่ามืออีกข้างก็วกลงต่ำลากผ่านสะดือของเขาหายลับเข้าไปในกางเกง  ความช่ำชองของไวน์ดูจะเพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ  ราวกับไม่ใช่ไวน์คนเดิมที่สารภาพกับเขาอย่างตรงไปตรงมาว่า ‘ทำไม่เป็น’

            รู้ตัวอีกทีลักษณ์ก็พบว่าตัวเองลงนอนอยู่ที่พื้น  แผ่นหลังแนบไปกับเสื่อน้ำมันที่ปูรองอยู่ โดยมีร่างสูงใหญ่ของคนรักคร่อมทับลงมา  เสื้อเชิ้ตถูกปลดกระดุมแบะออกจนหมด  ส่วนกางเกงก็ถูกรูดซิปลงไปกองพ้นสะโพก   ลักษณ์ขืนตัวเอาไว้เมื่อริมฝีปากของอีกฝ่ายสัมผัสอ้อยอิ่งที่สะดือบุ๋ม

            “หนะ...ไหนว่า  ไม่ทำ  ทะ...อ๊ะ...ทำไม่เป็นไง”  เขาสะดุ้งเป็นระยะเมื่อถูกอีกคนแกล้งกระตุ้นที่จุดไวต่อสัมผัส  ใบหน้าของไวน์เขยิบขึ้นมาแนบชิด  ได้ยินเสียงกระซิบตอบกลับมาว่า

            “ก็ทำไม่เป็นไง  ไม่ต้องกลัว  แค่จะช่วย...เหมือนทุกที”

            “ดะ....เดี๋ยวมี  คนเห็น  โอ๊ย”  ลักษณ์สะดุ้งอีกเมื่อฟันคมๆของฝ่ายนั้นงับเข้าที่ซอกคออย่างหมั่นเขี้ยว

            “ไม่มีใครมาหรอก  สั่งเอาไว้แล้ว  รับรอง”  ไวน์ตอบ   ใช้ปลายลิ้นแตะเข้าที่ยอดอกสีสดนั้นอีกครั้งสลับกับใช้ฟันสะกิดเล่น  เจ้าของบิดเร้ายกมือขึ้นทุบไหล่ของเขาแรงๆ   ทว่าแรงแค่นั้นไม่อาจจะทำอะไรเขาได้

            “ปล่อย... นะ”  เสียงของลักษณ์เริ่มขาดเป็นห้วงเมื่อฝ่ามือร้ายกาจของอีกฝ่ายจู่โจมเข้าที่กึ่งกลางลำตัว   ไวน์เกี่ยวชั้นในของเขาออกอย่างไม่ไยดี  ก่อนจะกอบกุมเข้าที่ตัวตนของเขา  ออกแรงกระตุ้นขยับจนลักษณ์ร้องลั่น  พยายามดันตัวออก   คนแก่กว่าก็เลยก้มลงจูบที่ริมฝีปากอย่างหนักหน่วง  มือก็ขยับรัวเร็วไม่ปล่อยให้ตั้งตัว

            ลักษณ์ตาพร่า  รู้สึกสมองเบลอไปชั่วขณะเหมือนขาดออกซิเจน  รับรู้แต่กลิ่นกายเฉพาะตัวของฝ่ายนั้นที่โอบล้อมเขาเอาไว้ทุกทิศทุกทาง  กับความรู้สึกเสียวซ่านที่ถูกส่งมาจากทั้งข้างบนและข้างล่างจนเขากลัวว่าประสาทที่ขมึงเกลียวนั้นจะขาดไปเสียก่อน

            แต่สุดท้ายประสาทที่ตึงเครียดนั้นก็ถูกระบายออกกลายเป็นของเหลวเปรอะเปื้อนเสื้อของอีกฝ่าย   ลักษณ์หายใจหอบเร็วแรง  พลิกตัวนอนคว่ำ   เหนื่อยเหมือนจะขาดใจ

            “พอแล้ว”  เขารีบบอกเมื่อมืออีกฝ่ายเอื้อมมาแตะที่เอว

            “ไม่พอ”  ไวน์ตอบกลับมาด้วยเสียงแหบพร่าอย่างที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน  “ไม่อยากดูพระอาทิตย์ตกดินหรอ”

            “อยาก”

            “งั้นก็หันหน้ามาสิ”  ไวน์บอก  ครั้นลักษณ์ส่ายหน้า  อีกฝ่ายก็จับที่เอวของเขาพลิกกลับให้นอนหงาย   ลักษณ์รีบดึงกางเกงขึ้น   ดึงเสื้อเข้าหาตัว  ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ

            “ลุกขึ้นมาดูพระอาทิตย์ตกเร็ว”  ไวน์ดึงเขาพรวดเดียวขึ้นมานั่งซ้อนอยู่บนตักของอีกฝ่าย  ลักษณ์รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ดันอยู่ที่ช่วงล่างผ่านหน้าตักของฝ่ายนั้น

            เขาขยับตัวหนี  แต่อีกฝ่ายกลับล็อคเอวเอาไว้แถมยังวางคางลงกับไหล่อีก

            “ดูโน่นสิ”  โน่นที่ว่าคือพระอาทิตย์ สีส้มดวงโตที่กำลังจะลับขอบฟ้า  ถึงลักษณ์จะเคยเห็นมาแล้วทว่าความงามนั้นก็ยังคงสะกดสายตาเอาไว้ได้เหมือนเคย  แตกต่างกับคราวที่แล้วตรงที่ครั้งนี้คนที่กอดเขาเอาไว้จากข้างหลังกลับไมได้กอดนิ่งๆแค่นั้น

            มือซุกซนเริ่มควานต่ำลงมาอีกครั้ง  ไม่สนใจว่าลักษณ์จะพยายามดิ้นหนีอย่างไรก็ตาม  เพราะเขามัวแต่เผลอดูตะวันตกดินตามที่อีกฝ่ายชี้ชวน  ก็เลยลืมป้องกันตัวไปครู่หนึ่ง   ซึ่งมันก็นานพอที่จะทำให้ฝ่ายนั้นพลิกตัวเขาลงนอนอีกครั้งก่อนจะจูบตามลงมา

            “มืดแล้ว  ไม่ต้องกลัวใครเห็นแล้วล่ะ”

            “ไม่เอา...อย่านะ”  ลักษณ์ร้องเสียงหลงเมื่อปลายนิ้วนั้นแตะเข้าที่ส่วนหลังของเขา  ไวน์ใช้ของเหลวป้ายที่ส่วนหลังและนวดคลึงเบาๆจนทั่ว   ปลายลิ้นแตะเข้าที่สะดือแล้วลากลงต่ำก่อนจะครอบครองตัวตนของลักษณ์  ขณะที่ฝ่ามือก็ลูบไล้ป่ายปาดสุดแต่ใจจะเอื้อมถึงให้เจ้าของร่างได้สะดุ้งเฮือก  บิดตัวหนีเล่น

            ท่อนขาของลักษณ์ถูกจับแยกออกจากกัน   ไวน์ชะโงกขึ้นมาจูบเขา  ส่งปลายลิ้นที่มีรสชาติปะแล่มเข้ามาทักทายกับลิ้นของเขาที่อ่อนเปลี้ย  วูบหนึ่งที่ลักษณ์รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายพาเขากลับไปที่โรงเรียนมัธยมแห่งนั้นอีกครั้ง

            เสียงหัวเราะของเด็กชายสองคนดังขึ้นในความคิด  เงาร่มไม้ในตอนเย็นหลังเลิกเรียน  สระบัวที่มีดอกบัวบานสะพรั่งเต็มสระ  เขาได้ยินเสียงเด็กอีกคนหนึ่งชวนเชิญให้เขาเอื้อมมือลงไปเด็ดดอกบัวนั้น

            ลักษณ์ก้าวตามลงไปในสระบัวอย่างเผลอไผล  มันชื้นแฉะแต่ก็อ่อนนุ่มให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเหยียบลงบนดินโคลนเหลวเละ  ก่อนที่จะสะดุ้งเฮือกเมื่อความเจ็บแล่นพล่านไปทั่วตัว....เขาคงเหยียบก้อนหิน  ไม่ก็กอบัวใต้น้ำเข้า  ลักษณ์พยายามชักเท้าออกทว่าร่างกายกลับถูกดึงลงไปสู่แก่นของความเจ็บปวดนั้น

            “เจ็บ...ฮือ  เจ็บนะ”

            “เดี๋ยวก็จะดีขึ้นเอง  คนดี”  ไวน์กระซิบ  ใช้ปลายนิ้วปัดเส้นผมที่ตกลงมาปรกใบหน้าของอีกฝ่ายเสยขึ้นให้พ้นใบหน้า  ยึดเอวของอีกฝ่ายเอาไว้แน่นและค่อยๆขยับเข้าออกช้าๆทว่าหนักแน่น   

            ลักษณ์เริ่มร้องไห้ออกมา  รู้สึกเหมือนร่างจะแยกออกเป็นสองเสี่ยงทว่าในความเจ็บร้าวนั้นกลับมีความรู้สึกวาบหวามแทรกเข้ามาเป็นระยะ  และมันมากขึ้นทุกทีจนในที่สุดเขาก็ลืมความเจ็บปวดในตอนแรกไป  ลักษณ์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังว่ายน้ำอยู่  เนื้อตัวขยับขึ้นลงตามแรงของกระแสคลื่นที่เข้ามากระทบ...คลื่น?

            สระบัวมีคลื่นด้วยเหรอ  แต่ก็ช่างเถอะ

            ไวน์เพิ่มความเร็วขึ้นอีกตามใจ  เขาจับขาของอีกฝ่ายพาดไหล่เอาไว้  สีหน้าของลักษณ์เหยเกมีน้ำตาไหลเป็นทาง  เขารู้ว่าอีกฝ่ายเจ็บ  แต่เขาก็ไม่อาจหยุดยั้งตัวเองได้อีกแล้ว

            หัวใจเต้นรัวแรงเหมือนจะโลดออกมานอกอก  ลักษณ์เรียกชื่อเขาเสียงดังก่อนจะกระตุกไปทั้งตัวเช่นเดียวกับเขาที่ซบใบหน้าลงที่ซอกคอชื้นเหงื่อของอีกฝ่าย  หายใจหอบรัวเหนื่อยเหมือนไปวิ่งมายี่สิบกิโลเมตร  เขาขยับตัวออก  หันไปหยิบกระดาษทิชชูมาทำความสะอาดทั้งตัวเองและคนรัก

            เสื้อเปื้อนไปแถบหนึ่ง  หวังว่าขากลับจะไม่มีใครสังเกตเห็น  ไวน์คิดในใจ   ช่วยลักษณ์ใส่เสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยนั้นกลับไปเหมือนเดิม   อีกฝ่ายยังนอนหลับตาเงียบหายใจหอบลึกอยู่

            “ไหวไหมครับ”  ไวน์แตะปลายนิ้วลงที่ใบหน้าเล็กๆแดงก่ำนั้นเบาๆ  ลักษณ์ลืมตาขึ้นพอเห็นหน้าเขาก็เบือนหลบสายตาไปอีกทางหนึ่ง    ไม่ยอมพูดยอมจา  “โกรธหรอ”  ไวน์พูดเสียงอ่อน  แตะริมฝีปากลงกับแก้มใสจนเห็นเลือดฝาดนั้น  “ไวน์ขอโทษนะ”

            ยกนิ้วก้อยขึ้นมาแทนสัญลักษณ์ของคืนดีแบบเด็กๆ  ทว่าอีกฝ่ายกลับหันหน้าหนีไปอีกทาง  ไวน์ถอนหายใจเฮือก  ลุกขึ้นมานั่งข้างๆ  ทอดสายตามองคนที่นอนหันหลังให้นิ่งๆ

            “หันมาคุยกันสักนิดก็ยังดี   นะครับ”  เป็นครั้งแรกที่เขาพูดครับกับลักษณ์  ไวน์เอื้อมมือไปเด็ดดอกหญ้าขึ้นมาถือเอาไว้  ใช้มันเขี่ยแก้มของอีกฝ่ายเล่น  “เดี๋ยวไวน์เป่าแผลให้ หายเพี้ยงเลยดีไหม”

            “.................”

            คำตอบกลับมาเป็นความเงียบจนไวน์เริ่มใจเสีย   เขาคาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้วก็จริงว่างานนี้อาจมีเฮ  แต่ไม่ได้คาดการณ์เอาไว้ว่าหลังจากเฮแล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อ 

            “ลักษณ์ครับ”  เสียงอ่อนๆยังคงดังมาจากข้างหลังอีก  ทว่าคนที่นอนตะแคงอยู่นั้นก็ทำเป็นไม่ได้ยินเสีย  ความเจ็บเมื่อครู่ยังคงอยู่ครบถ้วนเป็นเครื่องยืนยันว่าเขาไม่ได้ฝันไปแน่ๆ

            ไอ้ไวน์....หลอกให้เขาตายใจว่าทำไม่เป็น  พอเผลอก็....

            ลักษณ์ยกมือขึ้นปิดหน้า   เขาคิดไม่ออกเลยว่าจะกลับไปเผชิญหน้ากับพ่อแม่ฝ่ายนั้นหรือแม้แต่คนที่บ้านได้ยังไง  ฮือ....

            “ลักษณ์ครับ   หันมามองทางนี้นิดนะ”  ...อย่ามาทำเสียงอ่อนเสียงหวาน  ทีเมื่อกี้ล่ะทั้งคำรามทั้งกัด  เราดิ้นหนีก็ไม่ยอมปล่อย...ลักษณ์เม้มปากแน่นแต่ก็รู้สึกเจ็บปากเล็กน้อย

            ได้ยินเสียงสวบสาบ  อีกฝ่ายขยับตัวลุกขึ้นเดินอ้อมมาอีกทางเพื่อจะมานั่งคุกเข่าตรงหน้าเขา  ลักษณ์อยากจะหันหน้าหนีแต่ว่าความเจ็บไม่อำนวยเลยได้แต่มองเมินไปทางพระจันทร์ดวงโตที่ปรากฎตัวให้เห็นเหนือยอดไม้แทน  ทอแสงนวลจางๆให้พอมองเห็นกันได้

            “นี่ไม่รู้จะง้อยังไงแล้วนะเนี่ย  เลยเอาแหวนมาให้”  เสียงอีกฝ่ายดังขึ้น  ปลายนิ้วเอื้อมมาแตะที่ปลายคางของลักษณ์ให้ก้มลงดูของในมือที่อีกฝ่ายถือเอาไว้

            ลักษณ์ขมวดคิ้ว  เพ่งมองเงาดำๆกลมๆในความมืดนั้น  เขายอดวางความโกรธเอาไว้ชั่วขณะเพราะความอยากรู้มีมากกว่า

            สัมผัสสากๆทำให้เขารู้ทันทีว่ามันเป็นแหวนที่ทำมาจากดอกหญ้า  กลิ่นเหม็นเขียวยังลอยมาเข้าจมูกเป็นระยะ  เป็นแหวนรูปร่างบิดเบี้ยวที่เกิดจากการเอาดอกหญ้ามาผูกเป็นวงด้วยฝีมือที่ลักษณ์คิดว่ากากที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา

            “อะไรเนี่ย  เหม็นเขียว”

            “แหวนไง  แหวนดอกหญ้า  ไม่เคยเห็นในละครหรอ”

            “ไม่อ่ะ”   ถึงเคยเห็น  ก็ไม่ใช่แหวนที่ทำลวกๆแบบนี้แน่ๆ    “ถ้าจะทำแบบนี้ก็โยนทิ้งไปเถอะ”  ไวน์คิดว่าได้ยินความน้อยใจผสมอยู่ในน้ำเสียงนั้น   เขาซ่อนยิ้มเอาไว้ในความมืด

            “นั่นสิเนอะ  ทิ้งไปเถอะ”   ชายหนุ่มโยนเศษหญ้าในมือทิ้ง  หันไปมองอีกฝ่ายที่ก้มหน้าลงต่ำ  จับความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ทันทีโดยไม่ต้องให้ฝ่ายนั้นพูดออกมา

            เขาหยิบของสิ่งหนึ่งจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมา  แตะของสิ่งนั้นลงที่ข้างแก้มของอีกฝ่าย  ลักษณ์หันหน้าหนีพูดกลับมาด้วยเสียงสั่น

            “อะไรอีกล่ะ  ก้อนหินหรอ  หรือว่าดิน  ถ้าไวน์ไม่รู้จะทำอะไรก็ไม่ต้องหรอก  อยู่เฉยๆยังดีกว่า”

            “คราวนี้เป็นต้นไม้”  อีกฝ่ายตอบกลับมาเรียบๆ  ลักษณ์ชะงัก  รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายเปิดแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือทำให้มองเห็นกันชัดขึ้น   สายตาของลักษณ์ตวัดแลเลยไปยังของในมือของฝ่ายนั้น

            เป็นแหวนวงหนึ่งที่มีรูปทรงแปลกประหลาด  หัวแหวนทำด้วยผลึกใสสะท้อนแสงวิบวับที่ลักษณ์ไม่รู้ว่าคืออะไร  ทว่าข้างในนั้นมีต้นไม้เล็กๆคล้ายต้นสนประดับอยู่  ตัวเรือนเป็นไม้  มันใหญ่กว่านิ้วของเขาแน่นอน

            “อะไรน่ะ”

            “Some people cannot see the wood for the tree.”  ไวน์ตอบแล้วยิ้มใส่ตาเขา  “เผอิญได้ยินสำนวนนี้มาเลยนึกถึงความรักของเราสองคนเข้า”

            “...............”

            “Hidden Wood คือชื่อของแหวน”   ไวน์พูดช้าๆ  จับมือของลักษณ์ประคองเอาไว้  ก่อนจะวางแหวนวงนั้นลงกลางฝ่ามือ  “ในเมื่อค้นพบสิ่งที่ซ่อนเอาไว้ในหัวใจแล้ว   ก็ช่วยกันเก็บรักษามันเอาไว้ให้คงอยู่ตลอดไปนะ”

            ลักษณ์น้ำตาคลอ  กำแหวนวงนั้นเอาไว้แน่น  ยกมือขึ้นโอบรอบคออีกฝ่ายเข้ามาชิดตัว  ลืมอารมณ์โกรธแกมน้อยใจก่อนหน้านี้ไปเสียสนิท  เหลือเอาไว้แต่ความอิ่มเอม  หัวใจพองโตเหมือนมีต้นไม้นับล้านเข้าไปเจริญงอกงามอยู่ภายใน 

            “ไวน์รักลักษณ์นะ  รักมากด้วย”

            ลักษณ์ยิ้มรับ  เอียงหน้านิดหนึ่ง  แตะริมฝีปากลงที่แก้มของฝ่ายนั้นแผ่วเบา  กระซิบตอบกลับไปชัดเจนหนักแน่น

            “ลักษณ์ก็รักไวน์  รักมาก...รักมานานแล้ว”  เขาแตะเบี่ยงนิดหนึ่งเพื่อแตะที่มุมปากของอีกฝ่าย  “และคงจะรักต่อไปอีกนาน”

            ได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วๆดังขึ้นข้างหู   ไวน์จูบตอบกลับมาอย่างอ่อนหวาน  ไม่ได้รุกเร้าเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้อีก   เนิ่นนานจนได้คล้ายได้ยินเสียงหัวใจของคนที่แนบชิดเต้นเป็นจังหวะ  ลักษณ์จึงผละออก  ปล่อยให้อีกฝ่ายกอดเอาไว้ทั้งตัว

            “กลับบ้านไหวมั้ย”  ไวน์กระซิบ

            “ยังมีหน้ามาถามอีก”

            “งั้นบอกที่บ้านว่าอะไรดี”  ไวน์ครุ่นคิด  “บอกว่าตกม้าดีมั้ย   ก็เลยเจ็บกลับบ้านไม่ไหว”       

            “ฮื้อ  ไม่เอา”

            “งั้นจะให้บอกว่าอะไรล่ะ  ขึ้นนั่งม้าไหวเหรอ”

            “แบกกลับไป”

            “เห้ย?”

            “ทำได้ก็ต้องแบกได้สิ”  ลักษณ์ตวัดเสียง

            “มันหลายกิโลเมตรอยู่นะ”  ไวน์พูดเสียงอ่อย

            “จะไปหรือไม่ไป”

            “ได้ทีใช้อำนาจเลยนะ  คิดว่าเราจะกลัวหรือไง”  ไวน์พูด  แกล้งก้มลงหอมแก้มของอีกฝ่ายแรงๆด้วยความหมั่นเขี้ยว  “เดี๋ยวขอหาโทรศัพท์ก่อน  โทรเรียกคนมารับ”

            “ไม่เอา  อุ้มกลับ”

            “งั้นไม่ต้องกลับล่ะ”  ไวน์ยิ้มอย่างมีเลศนัย  “ไว้สว่างค่อยกลับล่ะกัน   ได้ต่ออีกสักยกสองยก”

            คนในอ้อมแขนของเขาร้องลั่น  ปฏิเสธเสียงแข็ง  รีบพูดละล่ำละลัก

            “งั้นโทรเลย  บอกว่าตกม้าก็ได้”

            “สงสัยมือถือแบตหมด”  ไวน์กระซิบ  กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นอีก  ป้องกันคนดิ้นหนี

            “ไม่เอาแล้ว.....ถ้างั้นขี่ม้าก็ได้  ไหวแหละ”

            “ไม่ไหวหรอกเชื่อสิ”  ไวน์ตอบกลับอย่างสบายอารมณ์    แต่พอเห็นอีกฝ่ายทำท่าน้ำตาหยดก็ใจอ่อนอีกตามเคย  หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรเรียกคนออกมารับ

            “ข้าวเย็นยังไม่ได้กินเลยอ่ะ”

            “ไว้กลับไปกินต่อที่บ้าน”  ไวน์หมายความตามที่พูดจริงๆนะ... คนฟังขมวดคิ้วตีเผี๊ยะเข้าที่ท่อนแขนของเขาอย่างแรง

            “ไม่กินแล้ว”

            “รู้ทันทุกย่างก้าวขนาดนี้  สมเป็นเพื่อนสนิทของพี่ไวน์จริงๆเลยนะ”

            “แค่เพื่อนเหรอ”

            พวกเขายิ้มให้แก่กันในความมืด   มือต่อมือยังจับกันไว้แน่น

            แค่เพื่อน.....รู้ใจ





            ........................................................................................

 

            “แจวมาแจวจ้ำจึก น้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว  แจวมาแจวจ้ำจึกน้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว  แจวเรือ  แจวเรือ  แจวเรือจะไปเก็บผัก  แจวเรือจะไปเก็บผัก ขอเชิญน้องลักษณ์ลุกขึ้นมาแจว  เอ้า”

            ผู้ชายร่างผอมบางในชุดนักศึกษาเรียบร้อย  ห้อยป้ายชื่อเอาไว้แสดงว่าเป็นเฟรชชีที่เพิ่งเข้าใหม่ลุกขึ้นยืนเต้นท่าแจวเรือเมื่อได้ยินรุ่นพี่เรียกชื่อของตนเองเข้า

            เสียงกลองสลับกับเสียงปรบมือร้องเพลงดังขึ้นตลอดทั้งวัน  ลักษณ์ยิ้มกว้างจนเมื่อยแก้มและหัวเราะจนเสียงแหบไปเลย 

            “ลักษณ์  จบงานรับน้องแล้วไปไหนต่อมั้ย  พวกเพื่อนจะไปกินขนมกันต่อ  ไปด้วยกันเปล่า”  เพื่อนใหม่ของเขาหลายคนหันถามชวน  ลักษณ์พยักหน้ารับ  เขารวมกลุ่มไปกับเพื่อนใหม่ได้อย่างไม่ขัดเขิน   เป็นเพราะหน้าเด็กหรือตัวเล็กก็แล้วแต่  เลยทำให้ไม่มีใครเอะใจว่าเขาซิ่วมา

            นอกเสียจากว่า...

            “ลักษณ์  เราว่าพี่ไวน์เค้ามองมาทางนี้แปลกๆนะ  ลักษณ์รู้จักพี่เขาเหรอ”  แป้ง...เพื่อนใหม่หันมาถามเขา  ลักษณ์เงยหน้าขึ้นจากแถวที่นั่งอยู่  เบือนไปสบนัยน์ตาคมกริบที่มองมาทางนี้เป็นระยะนั้นแวบหนึ่ง  แอบเห็นดวงตาคู่นั้นสว่างวาบคล้ายมีรอยยิ้มจุดอยู่ภายใน

            “ก็เค้าเป็นเดือนคณะไม่ใช่เหรอ”  ลักษณ์ตอบกลับไป

            “เค้าเป็นเดือนมหาลัยเลยแหละ  เคยเห็นแต่ในเน็ต  ตัวจริงหล่อฉิบเป๋ง”  แป้งกับเพื่อนสาวอีกสองคนหันมาซุบซิบเรื่องนี้กันต่อ  “ได้ข่าวว่ามีแฟนแล้วนี่”

            “อ้าวหรอ  ใครวะ”

            “ไม่รู้  ไม่เคยเห็นหน้า”

            “ลักษณ์เคยเห็นมั้ย”  คนชื่อลักษณ์สะดุ้งเล็กน้อย  หันมาตอบตะกุกตะกัก

            “เอ่อ...ไม่..มั้ง”

            “เห้อ  คนหล่อๆก็มีแฟนไปหมดแล้ว  แล้วจะเหลือใครให้ชั้นล่ะเนี่ย”

            “เหลือเราไง  ไม่หล่อแต่อร่อยนะ”  ลักษณ์พูดขึ้นเบาๆ   เพื่อนที่นั่งรอบข้างพากันหัวเราะคิกคักจนรุ่นพี่หนุ่มที่นั่งไขว่ห้างอยู่ก่อนหน้านี้ลุกขึ้นเดินตรงมา

            “น้องครับ  พี่เค้าพูดอยู่ข้างหน้าทำไมไม่ฟังครับ”  เสียงห้าวๆนั้นดุขึ้น  ทำเอาเด็กสาวๆหน้าจ๋อย   “แล้วน้องผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงนั้น  ครับน้องนั่นแหละ”  ลักษณ์ชี้เข้าหาตัวเอง   หลังเลิกกิจกรรมแล้วอยู่ก่อนนะครับ  พี่มีเรื่องจะคุยด้วย”

            เดือนคณะฯควบตำแหน่งเดือนมหาลัยพูดเสียงเข้ม  แล้วก็เดินกลับมานั่งที่เดิม  เพื่อนผู้หญิงกระซิบถามลักษณ์เสียงอ่อย

            “จะโดนอะไรมั้ยเนี่ย  ไม่น่าชวนลักษณ์คุยเลย”

            “ไม่เป็นไรหรอก”  ลักษณ์ตอบยิ้มๆ  รอจนกระทั่งเสร็จกิจกรรมถึงได้เดินเข้าไปหารุ่นพี่ที่ยืนกอดอกรออยู่ก่อนแล้ว  สีหน้าอีกฝ่ายไม่ค่อยสบอารมณ์นัก  โดยเฉพาะเมื่อเขาบอกว่าจะไปกินข้าวกับเพื่อนใหม่

            “ไม่ให้ไป  เดี๋ยวไปหว่านเสน่ห์ใส่สาวๆอีก”

            “ประสาท”  ลักษณ์ด่า  “คนเราก็ต้องมีเพื่อนใหม่บ้างสิ  ไม่งั้นจะเรียนยังไงเล่า”  พอเขาขึ้นเสียง อีกฝ่ายก็อ่อนลงทันที   อาจเป็นเพราะสายตามองเลยไปเห็นแหวนรูปร่างแปลกที่อีกฝ่ายห้อยคออยู่ด้วยกระมัง

            “ก็ได้  งั้นเดี๋ยวไปด้วย”

            “ไม่เอา  เดี๋ยวน้องๆก็นั่งเกร็งกันหรอก”

            “งั้นไปรับเฉยๆก็ได้”  ไวน์ชักหน้าจ๋อย   อีกฝ่ายเลยหัวเราะเบาๆ  เอื้อมมือไปแตะที่ข้างแก้มของฝ่ายนั้น

            “เดี๋ยวคืนนี้ไปค้างด้วย”

            แค่นั้นอีกฝ่ายก็หน้าบานขึ้นมาทันที  เกือบสามเดือนแล้วที่ลักษณ์เอาแต่อ่านหนังสืออย่างหนัก ไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้  ทำเอาไวน์จะบ้าตายกว่าการสอบจะผ่านไปได้ด้วยดี

            ลักษณ์ได้มาเป็นรุ่นน้องคณะฯในที่สุด

            ถึงระยะทางจะอีกยาวไกล  แต่เขามั่นใจว่าพวกเราจะต้องฝ่าฟันไปได้

            “รอนะ”

            “อืม”

 

 

 

.............................................จบบริบูรณ์..............................................



           

จบแล้วค่าาาา  โอมายก้อด  ในที่สุด5555555

มาอัพตอนตีสอง คึกมากมั้ยถามใจดู 

ขอบคุณทุกคนมากจริงๆที่ติดตามเรื่องราวของ #แอบลักษณ์  มากันจนถึงตอนจบท้ายเรื่อง  ปรบมือ

มีความสุขมาก  ปลื้มปริ่ม 

ตอนพิเศษก็คาดว่าจะมี5555

ส่วนใครที่อยากพูดอะไรกับเรื่องนี้  พูดเลยค่ะ  เม้นท์มา ทวิตมาได้หมด

เรื่องนี้จะรวมเล่มนะคะ  หนามากประมาณสี่ร้อยกว่าหน้าอ่ะ  แต่จะรวมทีเดียวพร้อมอีกสองเล่ม

ใครชอบเรื่องนี้อย่าลืมบอกต่อ  แนะนำกันต่อนะคะ  ขอบคุณมากกกกก

ดีใจที่เราได้รู้จักกันผ่านตัวอักษรค่ะ

เจอกันต่อในเรื่อง #แอบยักษ์

ปล.ฉากจุดจุดจุดซอฟต์ใสสุด กะว่าน่าจะรอดในเด็กดีได้

ไลค์เพจเราด้วยน้าาา

Melenalike (https://www.facebook.com/Melenalikebanana/)


หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-06-2017 02:54:09
อุ่นๆเหงาๆบรรยากาศแอบรักยังลอยละล่องถึงแม้จะสมหวังกันแล้วก็ตาม
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 22-06-2017 13:55:09
พี่ไวน์หื่นมากค่ะ ครั้งแรกก็เล่นเอ้าท์ดอร์กันเลยทีเดียว  :oo1: และขอบคุณสำหรับเรื่องนี้เช่นกันค่ะเป็นแนวดราม่าที่เราชอบอ่านมาก รอตอนพิเศษนะคะ รอตอนต่อของเรื่องพี่ยักษ์ด้วย

ปล.ชอบที่ไวน์แทนตัวเองว่าพี่จัง ดูอปป้ามาก  :hao3: :z2: :heaven
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Naam3 ที่ 22-06-2017 14:31:38
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :L2: :3123: :3123: :pig4: :pig4: :pig4: :3123: :-[ :impress2: :hao3: :mew1:
จบแล้ววน้องลักษณ์ น่ารักๆๆๆอยากอ่านต่อๆๆๆๆ
 :mew1: :mew1:ขอบคุณน่าที่มีนิยายดีๆๆสนุกให้อ่านๆๆรอติดตามผลงานเรื่อยนะคร้าาๆๆมีผลงานดีๆๆมาให้อ่านอีกน่าๆๆ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 22-06-2017 14:49:47
อื้อหือ เป็นการเปิดสนามได้กร๊าวใจมากกกก ท่ามกลางธรรมชาติ ว้าวววว
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 22-06-2017 15:47:48
ยินดีกับลักษณ์ด้วยที่เข้าคณะในฝันได้แล้ว


ชีวิตรักก็แฮปปี้แล้ว



ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 22-06-2017 23:33:02
รักกันไปนานๆๆๆๆๆๆๆๆ
สมหวังกันแล้วทั้งสองคน

ไร้อุปสรรค์แล้วเนอะ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 22-06-2017 23:54:07
 :pig4:


หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 23-06-2017 12:47:30
จะมีตอนพิเศษไหมคะ อยากได้แบบลักษณ์ฮอตบ้างค่ะ แล้วไวน์หึงอ่ะ ที่ผ่านมาหึงแบบแอบๆ เพราะเป็นเพื่อนงัย ตอนนี้เป็นแฟนแล้ว อยกเห็นตอนหึงโหด 555
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-06-2017 07:46:20
ลักษณ์น่ารักมาอ่ะ กว่าจะได้คบกับไวน์นี่อุปสรรคเยอะมากเลย 55555 จะรออ่านตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 22-08-2017 13:58:36
สนุกมาก อินมาก
ช่วงหน่วงอันแสนยาวนาน เล่นซะนอนไม่ได้ต้องอ่านจนผ่านช่วงหน่วงไป เครียดจนต้องดมยา อินสุดๆ 55555
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 22-08-2017 16:22:47
เรื่องนี้จบแล้วอย่าลืมเปลี่ยนหัวข้อว่าจบนะคะจะได้ย้ายห้องค่า
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 26-09-2017 17:33:52
เพิ่งมาอ่านนะ ตามมาจาก #แอบยักษ์
ยอมรับว่าน้ำตาซึมไปหลายตอนเหมือนกัน
ปกติไม่ค่อยชอบแนวนักศึกษานะ รู้สึกมันแหววๆ ยังไงพิกล
แต่พอได้อ่านแล้วลื่นไหล วางไม่ลงเลยละ กว่าจะรู้ตัวก็ตี 2
ยังอ่านไม่จบเลย รีบปิดคอมก่อน เดี๋ยวทำงานไปตาโหลไป
เลิกงานรีบกลับมาอ่านก่อนไม่ทำอะไรเลย อิอิอิ
ขอบคุณนะ ที่เขียนอะไรดีๆ มาแบ่งปัน
#รักคนเขียน  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 20-10-2017 22:49:44
อยากให้มีตอนพิเศษจังเลยค่ะ สนุกดีค่ะกว่าจะรู้ใจตัวเองก็เสียน้ำตาไปเยอะ
ขอบคุณมากนะคะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Fool oneself ที่ 21-10-2017 10:30:50
สนุกมาก อยากให้มีตอนพิเศษครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 21-10-2017 12:15:58
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 31-01-2018 13:27:26
ตาม ตาม ตาม  :mew1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: พ. ที่ 06-02-2018 01:19:33
เป็นอีกหนึ่งเรืองที่สนึก สนุกอีกแล้วววว มีหมอเพลิงโผล่มาด้วย 55555
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 28-03-2018 15:54:39
ไวน์นี่รอเก่งจริง จบยังต้องรอเลย  :hao7:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 28-03-2018 20:15:07
 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: StarPasO ที่ 01-04-2018 06:51:28
เพิ่งได้มาอ่าน ช่วงดราม่าก็เกลียดไวน์ไปช่วงนึงเลย แบบ เฮ้ย รักมาก็ตั้งนาน เอางี้เลยหรอ  :angry2: แต่พอเขาเข้าใจกันแล้วดันหวานกันซะมดเต็มจอซะงั้น ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 08-04-2018 13:43:02
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ชอบมาก สนุกมากด้วย
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 16-04-2018 12:14:22
สนุกมาก
ชอบการบรรยาย/การเปรียบเทียบของคนเขียนมากเลย
เป็นกำลังใจให้นะคะและขอบคุณมากค่ะ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 31-05-2018 12:28:45
งื้ออออออ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 09-06-2018 01:33:32
 :man1: o13 :man1:


 :L1: :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: khunpisda ที่ 10-06-2018 23:16:11
อยากบอกนักเขียนว่าแต่งนิยายเรื่องนี้ออกมาได้รู้สึกเหมือนจริงมาก เหมือนตัวเองเข้าไปอยู่ในนิยาย เหมือนมีตัวตนจริงๆ นานๆจะเจอนิยายฟีลนี้ เขียนต่อไปนะค่ะ เป็น ✊
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 12-06-2018 05:16:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 13-06-2018 22:20:07
อ่านไปลุ้นไปดว่าจะรักกันได้นะ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: PoPoe ที่ 21-06-2018 20:13:29
สนุกมากค่ะ  :katai2-1: ตามมาจาก แอบยักษ์ อ่านรวดเดียวจบเลย
ขอบคุณนะคะ รอติดตามเรื่องอื่นๆต่อไปค่ะ o13
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-06-2018 03:30:19
 :pig4:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 24-06-2018 20:20:44
เพิ่งได้อ่าน สนุกมาก อ่านรวดเดียวจบเลย

ตอนแรกว่าหน่วง ตอนหลังคือน่าเอ็นดูมากกกกกกก

อยากให้มีตอนพิเศษจัง

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 15-07-2018 01:09:28
อ่านรวดเดียวจบ สนุกมากกกกกกกกก
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ คร่าาา  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 28-07-2018 17:17:18
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 08-08-2018 08:10:13
คู่นี้กว่าจะได้รักกัน ลุ้นแล้วลุ้นอีกค่ะ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 09-08-2018 15:23:44
กว่าจะได้คบกัน ลุ้นเหนื่อยเลย 555
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 10-08-2018 08:04:05
 :mew1:  :mew1:  :katai2-1: :katai2-1: ชอบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: jeabjunsu ที่ 05-09-2018 20:56:26
พี่ไวน์น้องลักษณ์ น่าร้ากกกกก
แต่มามืดมนตรงไม่รู้ใจคัวเองเนี่ยล่ะลูกเอ๊ย แถมยังมีนิว!!! ที่ร้ายกาจมากๆด้วยเนี่ย ฮึ่ม อยากจะตีไวน์สักทีสองทีที่นำพาตัวดีเข้ามา แต้ก็สมนเำหน้าล่ะ ได้รับกรรมไปละ
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวสนุกๆนะคะ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 24-09-2018 06:31:26
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 27-09-2018 18:32:28
กลับมาอ่านอีกรอบ ก็ยังชอบอยู่ดี  :o8:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 29-09-2018 06:04:58
กว่าลักษณ์จะรู้ใจตัวเองก็เล่นทำเอาหน่วงจนมาม่าอืดเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 29-09-2018 19:07:35
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Koduck ที่ 04-01-2019 05:10:45
ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆครับ :hao5: :z1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพเดทรวมเล่ม 29/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 29-01-2019 20:57:46
มาแจ้งข่าว  ใครคิดถึงพี่ไวน์กับน้องลักษณ์บ้างคะ
เรากำลังจะรวมเล่มนิยายเรื่อง #แอบลักษณ์ นะคะ  กับสนพ.Bookish
แอบมากระซิบบอกก่อนด้วยความตื่นเต้น55555

ถ้าสนใจเดี๋ยวจะมาแจ้งข่าวเรื่อยๆนะคะ โปรดติดตามรายละเอียดในเพจนะคะ
ขอบคุณมากค่า :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 14-07-2019 22:20:46
เกือบปิดหนี แต่อยากรุ้ไง

เชื่อใจด้วยเพราะตามมาจากหมอแมน

น่ารักดีครับ แต่ตัวร้าย...เหมือนผมทั้งชื่อ คณะที่เรียน แล้วก็นิสัยเลย แต่ผมไม่ได้เป็นเดือน
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 14-07-2019 22:51:26
อวบระยะสุดท้าย นิยามของนายเอก :katai3:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 24-07-2019 22:57:48
จบแบบน่ารักมากๆ
แต่กว่าจะลงเอยกันได้
เอาสะเสียน้ำตาเลย
ขอบคุณนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: auntreory ที่ 29-07-2019 16:28:08
นายเอกอ่อนแอเกินนึกว่าอ่าน ช ญ กดข้ามเยอะมาก
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: sunnymine ที่ 13-08-2019 21:57:44
อยากอ่านพักตร์รามค่ะ :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 26-10-2019 11:46:56
น่ารักน่าลักษณ์ :mew1:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Number1_90 ที่ 10-04-2020 07:34:19
สนุกมากค่ะ ชอบลักษณ์มาก

น่ารักสุดๆ

+1 ไปเลยจ้า
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 14-04-2020 09:53:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่18 9/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 18-08-2020 18:30:30


            “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย...โกรธกันเหรอนิว”  เขาหันมาทางคนที่ยังยืนนิ่งอยู่  นิวเอื้อมมือมาจับที่แขนของลักษณ์บีบเอาไว้แน่น  มือของนิวเย็นเฉียบ

            “ลักษณ์...ช่วยเราหน่อยนะ”

          นิวเอ่ยขึ้นด้วยเสียงกระซิบ  น้ำตาคลออยู่ในดวงตากลมโตที่มองมาที่เขาอย่างอ้อนวอนและมองไปทางแผ่นหลังกว้างนั้นอย่างน้อยใจแกมเสียใจ

           
เกิดอะไรขึ้น สงสารนิวนะ เราทีมนิว
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่21 16/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 18-08-2020 19:49:53

            “นิว...ผมขอโทษ”  ไวน์ไม่เคยรู้สึกผิดต่อใครมากขนาดนี้มาก่อน  “จะให้ผมทำอะไรก็ได้เพื่อเป็นการไถ่โทษนิว”

            “ไวน์เห็นนิวเป็นตัวอะไร  ตุ๊กตาไม่มีความรู้สึกหรือไง  ไวน์รู้มั้ยว่ามันเจ็บ”  นิวยกมือขึ้นทุบที่หน้าอกของตัวเอง “รู้ว่าแฟนตัวเองไม่รักก็ยังไม่พอ  แถมตัวเองกลายเป็นอะไรก็ไม่รู้  เหมือนหุ่นเชิดที่เขาเอาไว้บังหน้า  นิวไม่นึกเลยว่าไวน์จะเป็นคนแบบนี้”

            “ฟังก่อน  ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะตัดใจจากลักษณ์ยากเย็นขนาดนั้น  ผมนึกว่าตัวเองคงจะทำใจได้”

            “แล้วทำไมไม่บอกกันก่อนว่าไวน์จะให้นิวเป็นคนดามใจ  ทำไมต่อหน้าคนอื่นถึงทำเหมือนรักนิวมากมาย  ไวน์แค่อยากประชดเค้าใช่มั้ย”  นิวร้องไห้ออกมา  ไวน์ทำตัวไม่ถูกได้แต่ดึงร่างอีกฝ่ายเข้ามากอด  นิวสะบัดตัวแต่สุดท้ายก็ร้องไห้ออกมาอีก  ซบใบหน้าลงกับหน้าอกของเขา

            “ผมขอโทษจริงๆนิว  ผมรู้ว่าผมทำให้คุณเสียใจมาก  ผมมันเลวเอง..นิว  ผม....ไม่เหมาะสมคู่ควรกับคนดีๆอย่างคุณ”

            “ไวน์!!”  นิวกรีดเสียงจนไวน์ตกใจ  “จะขอเลิกกับนิวยังต้องใช้มุขแบบนี้อีกเหรอ  ไวน์เห็นนิวเป็นคนยังไง”  นิวร้องไห้หนักมากจนเสื้อของไวน์เปียกชุ่ม  เขาได้แต่ยกมือขึ้นลูบหลังไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆ  รู้สึกละอายใจต่อคนตรงหน้าจนไม่รู้จะทำยังไง

         
สงสารนิวนะ นิวไม่ได้ผิดเลย ถ้านิวตัดสินใจทำอะไรลงไปก็เพราะนิวมีสิทธิที่จะปกป้องความรักของตัวเอง
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่20 14/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 18-08-2020 20:03:51
 

         
            “พอ...มึงไม่ต้องพูดแล้ว  ไอ้ไวน์  กูรักมึงเหมือนน้องชายคนนึงมาตลอดนะ  แต่พฤติกรรมของมึงที่ผ่านมามันทำให้กูต้องกลับไปคิดใหม่  ถ้าตราบใดที่มึงยังเคลียร์เรื่องนิวแฟนมึงไม่ได้  ก็ไม่ต้องมายุ่งกับน้องกูอีก  กูไม่อยากเห็นมันร้องไห้แล้ว  มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย”  รามดึงประตูปิดเสียงดังปัง

         
น้องคุณปฏิเสธเขาเอง แล้วยังไปจูบเขาเองอีก ลักษณ์ผิดเต็มๆงานนี้ หยุดเหวี่ยงคนอื่นได้แล้วนายราม ไม่แมนเลย
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 22-02-2021 13:21:06
กว่าลักษณ์จะรู้หัวใจตัวเองนี่ สงสารไวน์เลยอ่ะ ต้องเหนื่อยน่าดู ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 22-02-2021 17:46:01
 :pig4:
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่17 7/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 25-04-2021 01:20:50
 
            ไอ้ไวน์...กูเคยบอกมึงว่ายังไงยังจำได้มั้ย?
 
[/quote]
อย่าไปทำอะไรไวน์นะ น้องมึงเทเขาเอง
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่22 17/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 25-04-2021 03:42:23
 
“ก็เพราะมันไม่ใช่ละครไง  ...สาสมกันแล้วกับที่ไวน์หลอกใช้นิวเป็นเครื่องมือ”

 
[/quote]
นิวเป็นผู้ถูกกระทำ นิวไม่ผิดที่จะลงมือทำอะไรซักอย่างเพื่อเขี่ยขยะออกไปให้พ้นทาง ลักษณ์ก็ไม่มีสิทธิอะไรจะหวนกลับมาเพราะเป็นคนปฏิเสธสดีดสะดิ้งเองตั้งแต่แรก ไวน์ก็ไม่ผิดที่คบกับนิว เป็นเราๆก็ต้องหาใครมาดามใจซักคน แต่ไวน์มาผิดเอาตอนหลังที่ยังไม่จบกับลักษณ์จริงๆ ถ้านิวจะผิดก็เพราะโดนกระทำก่อนและจากปลายปากกาของคนแต่งที่ประเคนความร้ายๆให้นิวอย่างไม่ยุติธรรมเหมือนกับต้องการบอกว่านิวมีพื้นฐานเป็นคนเลว
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่23 22/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 25-04-2021 03:59:05
 

            “สักวันบาปกรรมก็ตามทันเอง  เดี๋ยวนี้กรรมติดจรวดด้วยนะ 
[/quote]
ดีเนอะ ต่อไปก็ไม่ต้องมีตำรวจ ทหารหรือกฏหมายแล้ว รอกรรมมันตามทันเองก็แล้วกัน
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่24 26/5/60
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 25-04-2021 04:08:21
 

            “พี่จะไม่ยอมให้ใครทำลักษณ์เสียใจ”

            “และคุณก็ทำไปแล้ว”
 
[/quote]
น้องมึงเป็นคนทำเองนะ อย่าพาลสิไอ้ราม
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: KittybabymApi ที่ 26-10-2022 14:58:34
ขอบคุณ​ที่แต่งและแบ่งปันนิยายให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Nattarat ที่ 14-05-2023 09:50:47
สนุกมากเลยค่ะ ลักษณ์น่ารัก อยากให้มีตอนพิเศษด้วยค่ะ