ตอนที่ 6
Fortune knocks at least once at every man’s gate.
“เย็นนี้มึงว่างหรือเปล่า หรือต้องซ้อมเชียร์อีก” ไวน์ถามเขาก่อนที่เราจะแยกกันไปเรียนในตอนเช้าวันถัดมา เมื่อวานไวน์ทำตัวแปลกๆตลอดบ่ายจนกระทั่งกลับบ้าน มันก็ไม่ได้อยู่ช่วยที่ร้านเสิร์ฟอาหารเหมือนทุกที แถมยังพูดน้อยลงราวกับเป็นคนละคน
พอเขาถามว่า จะเอาอย่างไรกับเพลินกันแน่ ไวน์ก็ตอบว่าจะจัดการเอง ไม่ต้องยุ่ง ก่อนกลับยังสะบัดเสียงใส่เขาราวกับเป็นตัวต้นเหตุของอารมณ์ขึ้นๆลงๆของมันงั้นแหละ
นี่เขาทำผิดอะไรวะเนี่ยเห้ย....
ตัดมาที่ตอนเช้า คุณศตวรรษก็ลากข้อเท้าของมันมารับเขาถึงหน้าบ้าน แปลกกว่านั้นคือมันหอบหิ้วข้าวเหนียวหมูปิ้ง น้ำเต้าหู้มาให้กินเป็นอาหารเช้า แถมยังเลี้ยงค่าแท็กซี่คนเดียวอีกตะหาก
“มีซ้อมเชียร์ พอเสร็จเชียร์ พี่รหัสกูบอกจะพาไปเปิดหูเปิดตาต่อ” ลักษณ์ตอบกลับไป คนฟังขมวดคิ้ว
....เอาอีกแล้ว ไอ้ไวน์มันอารมณ์แปรปรวนอีกแล้ว เป็นบ้าอะไรของมัน
“พี่รหัสไหน พี่สิงห์เหรอ แล้วไปกับใครบ้าง”
“เออพี่สิงห์นั่นแหละ กับเพื่อนๆพี่เค้ามั้ง เดี๋ยวกูว่าจะลองชวนพวกเบียร์ไปด้วย” เขาว่า เอื้อมมือไปหยิบหนังสือของตัวเองจากมืออีกฝ่ายมาถือเอาไว้
“ดีแล้ว ชวนเพื่อนไปด้วย หลายๆคนจะได้สนุก ว่าแต่ไปเปิดหูเปิดตาที่ว่าเนี่ย ที่ไหน”
“ไม่รู้ว่ะ ไม่ได้บอกชื่อ แต่พี่เขาบอกว่าเด็ด” ลักษณ์เดาว่าคงเป็นสถานที่เที่ยวกลางคืนสักแห่ง
“มึงรอกูก่อนได้มั้ยล่ะ เย็นนี้กูมีสัมภาษณ์ดาวเดือน เสร็จแล้วจะไปด้วย”
“ทำไมต้องรอ มึงอยากไปก็ตามไปเจอกันที่ร้านก็ได้” เขาตอบกลับไปง่ายๆ เท้าเดินมาถึงหน้าห้องเรียนของตัวเองแล้ว ส่วนของไวน์ต้องขึ้นบันไดไปอีกชั้นหนึ่ง
ใกล้ถึงเวลาเข้าเรียนเต็มที ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่ยอมผละไปง่ายๆ
“งั้นเดี๋ยวกูจะโทรไปถามร้านนะ ต้องรับโทรศัพท์กูนะ ไม่ก็ไลน์บอกชื่อร้านมาก็ได้”
ลักษณ์มองหน้าเขานิ่งๆอยู่พักหนึ่ง แล้วก็ร้องอ๋อ ทำเอาใจเข้าเต้นไม่เป็นส่ำ กลัวว่าจะเผลอแสดงออกอะไรมากไป
....แม้ว่าเขาจะกลับไปนั่งคิดนอนคิดดูแล้วตลอดทั้งคืน จนกระทั่งตัดสินใจว่าจะลุยเต็มที่แล้วก็ตาม กระนั้นก็ยังไม่วายกลัวอยู่ในใจ เพราะความเคยชินที่จะมีลักษณ์อยู่เคียงข้าง ถ้าวันหนึ่งไม่มีอีกต่อไป เขาก็ยังไม่รู้เลยว่าจะทำใจได้ยังไง
แต่บางที มันอาจจะดีกว่ารออยู่ข้างๆแบบนี้ ทำได้แค่หน้าที่เพื่อนที่ดีและซื่อสัตย์เท่านั้น ...หน้าที่ที่เขาเริ่มเบื่อเต็มที
แต่ต้องทำอย่างไรบ้างก็ยังคิดไม่ออกเหมือนกัน รู้แต่ว่าถ้าขืนบุ่มบ่ามผลีผลาม อาจทำให้ไก่ตื่นได้...ในเมื่อเขาอดทนรอมาตั้ง 7 ปี จะรออีกสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร
ติดตรงที่ก้างชิ้นใหญ่ที่ชักจะเริ่มรุกคืบเข้ามาใกล้อย่างไอ้พี่รหัสของลักษณ์เนี่ยแหละ
“มึงจะชวนเพลินไปเที่ยวด้วยใช่มั้ยล่ะ อยากให้กูช่วยก็บอกตรงๆก็ได้ ไม่ต้องกลัวเสียฟอร์ม” ลักษณ์พูดต่อมา หลังจากร้องอ๋อ คนฟังลอบถอนหายใจ เออออไปตามน้ำ
“เออ นั่นแหละๆ มึงต้องเปิดมือถือไว้ตลอดนะ กูไลน์ไปก็ต้องตอบด้วย อ้อ แล้วก็ห้ามเมาก่อนที่กูจะไปถึงล่ะ” ไวน์สำทับ แล้วก็ขยายความ “เกิดมึงเมาไปก่อนแล้วจะช่วยกูยังไง”
ลักษณ์พยักหน้าเห็นด้วย เชื่อสนิทใจ
“โอเค ได้เลยเพื่อน”
ไวน์มองตามร่างผอมบางที่เดินอุ้มหนังสือเลี้ยวเข้าไปในห้องเลคเชอร์นั้นแล้วถอนหายใจยาว เป็นห่วงชะมัด...ไม่อยากปล่อยให้ไปกับพี่รหัสท่าทางไม่น่าไว้ใจคนนั้นเลย ให้ตายสิ
ทำไมมันต้องมานัดสัมภ่งสัมภาษณ์อะไรกันวันนี้ด้วยวะ
เวลาผ่านไปช้าเหลือเกินในความรู้สึกของไวน์ ชายหนุ่มก้มลงมองนาฬิกาหลายครั้งขณะที่กำลังสัมภาษณ์อยู่จนเพลิน ดาวคณะฯต้องสะกิด
“รีบไปไหนหรือไวน์” เธอถาม “ท่าทางเธอกังวลจัง ปล่อยเป็นธรรมชาติหน่อยสิ”
“เรามีธุระน่ะ” ไวน์บอกปัด เขายังไม่ได้เล่าให้เธอฟังถึงการตัดสินใจของตัวเอง และคิดว่ายังไม่จำเป็นจะต้องเล่าด้วย
“หรอ...กี่โมงล่ะ”
“ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี” เขากระซิบตอบ
“คำถามสุดท้ายแล้วค่ะ ทั้งคู่โสดหรือเปล่าคะ” รุ่นพี่ที่นั่งสัมภาษณ์เขาอยู่เกือบสองชั่วโมงยิงคำถามสุดท้าย เพลินหันไปหัวเราะเบาๆแก้เขิน
“เพลินโสดค่ะ”
“แล้วน้องไวน์ละคะ”
“ไวน์ก็โสด แต่มีคนที่ชอบแล้วค่ะ” ดาวคณะฯแย่งตอบ ชายหนุ่มหันขวับไปมองอย่างฉุนๆ ขณะที่คนสัมภาษณ์ตาโต รีบถามต่อทันที
“ใครเหรอคะน้องไวน์ คณะเดียวกันหรือเปล่า...เอ หรือว่าจะเป็นน้องเพลิน ตามที่เขาลือกันให้แซ่ดคะ”
“เปล่าครับ ไม่ใช่ครับ”
“ไม่ใช่เพลิน หรือไม่ใช่คณะเดียวกัน หรือไม่มีคนที่ชอบกันแน่คะ ขยายความหน่อย เชื่อว่ามีคนอยากรู้เหมือนพี่เยอะเลย”
....ไวน์อยากตอบออกไปใจจะขาดว่า ไม่ใช่...เรื่องของพี่ครับ แต่ก็เกรงว่าจะดูก้าวร้าวผิดจากลุคไปหน่อย เลยกล้ำกลืนความหงุดหงิดเอาไว้ภายใต้รอยยิ้มอวดเขี้ยวสองข้างนั้น
“ไม่ใช่เพลิน และไม่ได้อยู่คณะเดียวกันครับ”
“แปลว่ามีคนที่ชอบแล้วจริงๆสินะคะ ถึงว่าไม่เห็นไวน์เดินกับสาวที่ไหนเท่าไหร่ แล้วว่าแต่ผู้โชคดีคนนั้นคือใครเหรอคะ”
“เขาก็ยังไม่รู้ตัวเลยครับ” ไวน์ตอบเรียบๆ
“อ้าว ทำไมล่ะคะ เราไม่ได้บอกเขาเหรอ”
“ไม่ได้บอกครับ แต่ว่าจะบอกเร็วๆนี้ ถ้ามีโอกาส”
“โอ๊ยตายแล้ว พี่อยากรู้จังเลยว่าใคร น้องแพนดาวถาปัดหรือเปล่าคะ หรือว่าน้องไปป์หลีดมอ พี่เคยเห็นเราไปกินข้าวกับน้องเขาแวบๆนะ”
“พี่เดาไม่ถูกหรอกครับ” ไวน์พูดแกมหัวเราะ
“ทำไมล่ะ หรือว่าอยู่คนละมอ เอ๊ ใคร น้องเพลินพอทราบมั้ยคะ”
“เพลินรู้แต่ว่าเค้าเป็นคนใกล้ตัวของไวน์มากๆเลยค่ะ” คำตอบของเพลินทำให้ชายหนุ่มจุ๊ปาก แล้วรีบชิงเปลี่ยนเรื่องทันควัน ไม่อยากให้เธอพูดอะไรมากไปกว่านี้
พวกผู้หญิงนี่เก็บความลับไม่อยู่เอาเสียเลยนะ..
กว่าจะเสร็จงานก็สองทุ่มกว่า ไวน์ดูนาฬิกาอีกรอบแล้วรีบลาทุกคนวิ่งลงจากอาคาร ป่านนี้แสตนด์เภสัชคงเลิกแล้ว และเจ้าเพื่อนของเขาก็คงไปอยู่ที่ร้านที่ว่านั่นเรียบร้อย
ไวน์ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเพื่อน ฟังเสียงรอสายอยู่นานจนมีเสียงให้ฝากข้อความเขาก็กดตัดสาย
...บอกให้รับโทรศัพท์ ทำไมไม่รับนะ ไลน์ก็ว่างเปล่า อีกฝ่ายไม่ได้ส่งชื่อร้านมาให้เขาตามที่ตกลงกันเอาไว้เลย...เขากดโทรออกอีกสามรอบ ก็เหมือนเดิม ไม่มีใครรับสาย
เริ่มรู้สึกร้อนใจขึ้นมาหน่อยๆ เขารู้ดีว่าลักษณ์ไม่ใช่คนคอแข็งนักหรอก และยิ่งเวลาเมาก็ชอบหลับลึกแบบไม่รู้สึกตัวอีกด้วย ใครจะทำอะไรก็ไม่รู้ตัวทั้งนั้น
เขากดโทรออกเป็นรอบที่เจ็ดก็ยังไม่มีใครรับสาย...ใจร้อนเป็นไฟ เขาเปิดรายชื่อไล่หาเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนกลุ่มใหม่ของไวน์ที่เคยขอเอาไว้เมื่อวันก่อน
เจอเบอร์ของแซม เขาโทรออกทันที รอสายอยู่ครู่เดียว อีกฝ่ายก็กดรับ
“สวัสดีครับ”
“เราไวน์นะ เพื่อนของลักษณ์ จำได้มั้ย”
“จำได้ๆ มีอะไรหรือเปล่า” เสียงของมันตอบกลับมา พร้อมกับเสียงรัวเมาส์ และกดแป้นคีย์บอร์ด
“ลักษณ์อยู่กับนายหรือเปล่า”
“เปล่า วันนี้มันไปกินกับพี่รหัส....เห้ย ตามเลยๆ อย่าช้าดิวะไอ้เต้ โหย” เสียงโวยวายลอดเข้ามาในโทรศัพท์อีกหลายคำ เดาไม่ยากว่าฝ่ายนั้นกำลังทำอะไรอยู่
“ร้านไหน พอรู้หรือเปล่า”
“เห็นมันบอกว่าร้าน.....นะ ถ้าจำไม่ผิด เห้ยกูวางสายก่อนนะ กำลังยุ่งๆ” แซมบอกแล้วกดตัดสายทิ้ง
ไวน์พูดทวนชื่อร้านในใจ รู้สึกมันจะเป็นร้านอาหารกึ่งผับที่เคยได้ยินเพื่อนร่วมคณะฯพูดถึงเหมือนกัน ไวน์โทรหาเพื่อนอีกคนถามเส้นทางไป แล้วก็โบกแท็กซี่ทันที
ถ้าลักษณ์มาเห็นคงแปลกใจน่าดู เพราะเขาเคยบอกมันไปว่าเขาเป็นพวกหลงทิศทาง จำทางอะไรไม่ค่อยได้หรอก เลยต้องรอกลับบ้านพร้อมมันทุกที....หึ
ไอ้หมอนั่นก็เชื่อได้เชื่อดี ไม่รู้ว่าทำไมถึงเชื่อคนง่ายขนาดนั้น บอกอะไร หลอกอะไรก็เชื่อหมด ไม่เคยสงสัย ไม่เคยเอะใจ
จะเรียกว่าซื่อบื้อก็คงได้มั้ง
ไม่รู้ป่านนี้เมาพับไปแล้วหรือยัง
รถแท็กซี่มาจอดที่ด้านหน้าร้านอาหาร ไวน์สังเกตว่ามีรถจอดแน่นทีเดียว ข้างในคงจะคนเยอะไม่ใช่เล่น เขาปลดไทด์ออกแล้วพับแขนเสื้อนักศึกษาขึ้น เดินเนิบๆเข้าไปภายในร้านอาหารที่จัดร้านได้อย่างมีศิลป์ทีเดียว
ถ้าไม่ติดว่าร้อนใจอยู่ล่ะก็ เขาก็คงมีอารมณ์ชื่นชมการตกแต่งของร้านได้มากกว่านี้
พนักงานสาวสวยเดินมาถามเขาว่ามากี่คน จองไว้หรือเปล่า ไวน์ตอบไปว่านัดเพื่อนเอาไว้แล้วเดินหลบหลีกโต๊ะและผู้คนแหวกเข้ามาด้านใน มือก็กดโทรออกเข้าเครื่องของเพื่อนสนิทไปด้วย สายตากวาดหาร่างผอมๆที่คงนั่งหงิกอยู่ตรงไหนสักแห่งในร้าน แต่มองหาเท่าไหร่ก็ไม่ยักเจอ
“ตรงนี้ว่างนะคะ” เสียงหญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้นข้างตัว พร้อมกับฝ่ามืออ่อนนุ่มจับที่แขนของเขา ไวน์ดึงแขนออก ปฏิเสธไปอย่างสงบ
เขาต้องหลีกเลี่ยงสายตาของหญิงสาวและชายหนุ่มหลายคนที่มองมาที่เขาด้วยแววตาสื่อความนัย บางคนก็ถึงกับสั่งเครื่องดื่มมาให้เขา
ไวน์ไม่สนใจ หัวใจของเขาร้อนราวกับไฟผลาญด้วยความเป็นห่วงเพื่อนสนิทตัวเองที่จนป่านนี้ยังหาไม่พบ เขาเดินเข้าไปหาในห้องน้ำ เคาะเรียกทุกห้องก็แล้ว เดินวนรอบร้านอีกสองรอบ มั่นใจว่าดูทุกโต๊ะก็ยังไม่พบเงาของลักษณ์ รวมถึงเงาของรุ่นพี่ของมันด้วย
โทรศัพท์ก็ไม่รับ ไลน์ก็ไม่ตอบ
นี่มึงหายหัวไปไหนวะเนี่ย...
ไวน์ออกมาสงบสติอารมณ์ที่นอกร้าน นาฬิกาบอกเวลาเกือบห้าทุ่มแล้ว เขาหงุดหงิดจนแทบจะเขวี้ยงโทรศัพท์ตัวเองทิ้ง ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นสิ่งเดียวที่ใช้ติดต่อเพื่อนรักได้ในตอนนี้
หรือว่ามันจะกลับบ้านไปแล้ว...
ลักษณ์กดโทรไปที่บ้านของลักษณ์ พี่รามเป็นคนรับสาย บอกว่าลักษณ์ยังไม่กลับบ้านเลย ติดต่อไม่ได้เหมือนกัน นั่นยิ่งทำให้ไวน์รู้สึกแย่กว่าเดิม
ทำไงดี
เขาเปิดเฟสบุ๊คที่นานทีปีหนจะโผล่เข้าไปสักทีขึ้นมาอย่างจนตรอก พิมพ์ข้อความลงไปแล้วแทคชื่อเพื่อนสนิท ห้านาทีต่อมาก็มีคนตอบ
‘ตามหา @GoodLuck Udommatin มีใครพบเห็นช่วยแจ้งด้วยคับ’
ถูกใจ 52 คน ความคิดเห็น 2 รายการ
Noppy notNoop
เห็นอยู่ที่ #%$&^#$% ตอนสามทุ่ม
3 นาทีก่อน ถูกใจ 1 ตอบกลับ
สิงหา เดชธำรงธรรม
อยู่กับผมเองครับ ไม่ต้องห่วง^^
2 นาทีก่อน ถูกใจ 2 ตอบกลับ
ไวน์อ่านข้อความนั้นซ้ำอีกครั้ง แล้วกดโทรไปหาเพื่อนร่วมคณะทันที
“ฮัลโหล กูเองนพ มึงเจอไอ้ลักษณ์ที่....เหรอ” เขาทวนชื่อผับแห่งหนึ่ง ไม่ไกลไปจากที่นี่นัก พลางกึ่งเดินกึ่งวิ่งข้ามถนนไปยังอีกฝั่งแล้วเดินต่อ
“อืม เห็นมากับพวกพี่สิงห์พี่เนิร์ด” เขารู้ชื่อเสียงของชายโฉดกลุ่มนี้ดี โดยเฉพาะคนที่ชื่อเนิร์ด ที่ไม่ได้เนิร์ดสมชื่อ หากแต่ทั้งอุดมด้วยเหล้าสุรานารี เคยหวิดมีเรื่องกับเขาเพราะผู้หญิงมาแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งร้อนใจกว่าเดิมเสียอีก
ไม่ยักรู้ว่าไอ้พี่สิงห์เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับเนิร์ดด้วย
แล้วนี่ไอ้ซื่อบื้อมันจะรู้เรื่องอะไรกับเขามั้ยวะเนี่ย
“ไวน์มึงไปรับเพื่อนก็ดีนะ ตอนกูกลับออกมาเห็นกำลังเริ่มเมาได้ที่ อย่าปล่อยให้อยู่กับพวกนั้นเลย” เพื่อนเตือนเขามาอีก เพราะรู้ชื่อเสียงของกลุ่มนี้ดี
“อืม ขอบใจมากนะ” เขาวางสายไป เร่งฝีเท้าจนมาหยุดอยู่ที่หน้าร้านที่เพื่อนบอก มันไม่ไกลไปจากร้านเดิมเท่าไหร่ ทว่าบรรยากาศรวมถึงคนในร้านแห่งนี้ดูหยาบกว่าร้านแรกอย่างเห็นได้ชัด
เขาเดินเข้าไปในร้าน กวาดสายตามองหาครู่เดียวก็เจอพวกพี่รหัสของลักษณ์ที่นั่งกันอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ ไวน์มองไปที่เพื่อนสนิทตัวเองเป็นคนแรก เห็นลักษณ์นั่งโงนเงนอยู่บนโซฟาตัวยาว มีพี่รหัสของมันนั่งประชิดอยู่ด้วย
สิงห์เงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วทัก
“อ้าว มาเร็วจัง มาดื่มด้วยกันสิคุณเดือนแพทย์” เพื่อนทั้งโต๊ะที่ปนกันหลายคณะฯ บางคนเขาก็ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนนั้น ต่างเงยหน้าขึ้นมองมาที่เขาเป็นตาเดียว
ไวน์ไม่สนใจคนอื่น คนเดียวที่เขาสนใจคือ เพื่อนที่นั่งคอพับจะหลับไม่หลับแหล่ตรงกลางวงตะหาก แก้วเครื่องดื่มตรงหน้าพร่องไปไม่น้อย แต่เดาได้จากสภาพว่านี่คงไม่ใช่แก้วแรก
“ผมมารับเพื่อนกลับ” ไวน์พูดเรียบๆ
“เดี๋ยวผมไปส่งเองก็ได้ แหม เป็นห่วงเป็นใยกันดีจริงๆเลยนะ” สิงห์วางแก้วลงกับโต๊ะอย่างแรง “คุณกลับไปเถอะคุณเดือนแพทย์ บอกแล้วไงว่าไม่ต้องเป็นห่วง ผมดูแลน้องรหัสตัวเองอย่างดี....จริงไหม ลักษณ์” เขาหันไปก้มลงถามคนที่นั่งข้างๆ ริมฝีปากเกือบชิดขมับของรุ่นน้อง
คนมองโกรธจนแทบระเบิด เขาอยากตรงเข้าไปกระชากเพื่อนออกมาแล้วต่อยหน้าหล่อๆของปีสองเภสัชสักทีสองที ทว่าเขาก็สู้อดทนอดกลั้นเอาไว้
“เพื่อนผมเมาแล้ว อยู่ต่อก็ไม่สนุกหรอก ขอเพื่อนผมคืนด้วยครับ ผมจะพากลับเอง” ไวน์พูดอีกครั้งอย่างสุภาพ คนภายในร้านเริ่มหันมามองอย่างสนอกสนใจ
“อ้อ ไวน์ มาแล้วเหรอ ไหนเพลิน เอิ้ก” คนที่เป็นต้นเหตุของความตึงเครียดนี้กลับเงยหน้าขึ้นทักเขา แล้วสะอึกอีกที จากนั้นก็เงียบไปอีก
ไวน์อยากจะเขกหัวอีกฝ่ายแรงๆ เผื่อจะได้สติรู้ตัวขึ้นมาบ้าง จะได้รู้ว่าที่ที่ตัวเองอยู่ตอนนี้มันน่ากลัวแค่ไหน ไม่ใช่เอะอะก็คิดแต่ว่าตัวเองเป็นผู้ชาย ไม่อันตรายเท่าผู้หญิงหรอก
ลองแหกตาดูเพื่อนรุ่นพี่ของมึงตอนนี้บ้างสิลักษณ์ เขาจะไม่แปลกใจเลยถ้าคืนนี้ลักษณ์จะไม่ได้กลับบ้าน และเดาออกด้วยว่าสถานที่สุดท้ายที่พี่รหัสของมันจะพาไปคือที่ไหน
“ให้มันพากลับไปเถอะสิงห์ อย่ามีเรื่องเลย ที่นี่คนเยอะ” เนิร์ด รุ่นพี่คณะฯวิศวะปีสามพูดขึ้นมาหลังจากที่พวกเขายืนจ้องหน้ากันอยู่นาน พี่รหัสของลักษณ์มีท่าทางไม่เต็มใจเลยแม้แต่น้อย แต่คงเกรงใจอีกฝ่ายก็เลยยอมให้ไวน์พยุงน้องรหัสตัวเองลุกขึ้นยืนจากโซฟา
“ดูแลดีๆล่ะ” สิงห์พูดตามหลังมาด้วยสำเนียงแกมเยาะ “ระวังอย่าให้คลาดสายตานะ”
ไวน์เหลียวกลับไปมอง แล้วพูดเรียบๆ
“ผมดูแลคนของผมดีอยู่แล้วครับ ไม่ต้องห่วง ขอบคุณที่ทำหน้าที่พี่รหัสที่ดีนะครับ”
จากนั้นเขาก็พยุงกึ่งลากร่างผอมบางของเพื่อนสนิทที่คอพับ หลับไม่รู้เรื่องรู้ราวนั้นออกมาจากร้าน กระชับอ้อมแขนไปรอบเอวของเพื่อนพาขึ้นแท็กซี่ไปส่งที่บ้านของลักษณ์
อีกฝ่ายนอนหลับมาตลอดทาง ไวน์จับศีรษะของเพื่อนวางลงกับตักของตัวเอง ใช้ปลายนิ้วช่วยปัดเส้นผมยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงนั้นให้เข้าที่
อายุเราก็ห่างกันไม่ถึงปีเสียหน่อย ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าอีกฝ่ายเด็กกว่ามากนักก็ไม่รู้
ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย...เมื่อไหร่จะดูแลตัวเองได้สักทีนะ
กว่าจะมาถึงบ้านของลักษณ์ก็เกือบเที่ยงคืน โชคดีที่พี่รามยังไม่นอน เลยลงมาเปิดประตูบ้านให้ พี่แกโวยวายใหญ่ที่เห็นน้องชายเมาไม่ได้สติขนาดนี้ ไวน์เลยต้องรีบเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง
“แล้วไป นึกว่ามึงเป็นคนพาน้องกูไปเมา เสียเเรงที่ไว้ใจ”
“เปล่าครับพี่ ผมไม่พาลักษณ์ไปที่แบบนั้นอยู่แล้ว ผมรับปากกับพี่ไว้แล้วนี่” เมื่อหลายปีก่อนตอนที่เขาเข้ามาในบ้านนี้ในฐานะเพื่อนของน้องชายคนตรงหน้า แม้จะพยายามทำตัวปกติแค่ไหน ก็ไม่วายถูกพี่ชายของลักษณ์จับได้ ถึงความคิดไม่ซื่อของตัวเองที่มีต่อน้องชายเขา
พี่รามรู้ได้ยังไง ไวน์ก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าวันหนึ่งตอน ม.5 เขาช่วยพี่รามล้างจานอยู่หลังบ้าน ส่วนลักษณ์ออกไปซื้อของข้างนอกนั้น จู่ๆพี่รามก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า
“กูมีน้องอยู่คนเดียว ถึงมันจะเซ่อๆไปหน่อย แต่กูก็รักมาก และก็ไม่ยอมให้ใครมาทำให้น้องกูเสียใจด้วย” “เอ่อ...” ไวน์ไม่รู้จะตอบกลับไปอย่างไร เขาในตอนนั้นไม่แน่ใจว่าพี่รามรู้หรือว่าพูดขึ้นมาลอยๆกันแน่ๆ
“ถ้าใครคิดจะเข้ามาดูแลน้องกูล่ะก็ ก็ต้องพิสูจน์ให้กูเห็นว่าจะไม่พาน้องกูไปเสียผู้เสียคน” พี่รามพูดต่อ พลางเปิดน้ำก๊อกลงมือล้างฟองออก แล้วส่งจานต่อมาให้เขารับไปเช็ด
“จะทำได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เฮ้อ” ไวน์เช็ดจานจนแห้งสนิท แล้วก็ยกไปเก็บในตู้เรียบร้อย พี่รามส่งน้ำดื่มมาให้เขารีบเอาไว้ ไวน์ดื่มน้ำจนหมดแก้วแล้วพูดด้วยเสียงหนักแน่น
“ผมจะทำให้พี่ดูเองครับ” หลังจากนั้นทั้งเขาก็พยายาม ‘ทำ’ ให้อีกฝ่ายเห็น แม้พี่รามจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เวลาที่เขามาบ้าน ราวกับไม่สนใจความสัมพันธ์ระหว่างเขากับน้องชาย ทว่าเขาก็รู้ดีว่าพี่รามคอยจับตามองอยู่ห่างๆเสมอ
ไม่รู้ว่าป้าดารู้เหมือนพี่รามรู้หรือเปล่า แต่ป้าดาก็เอ็นดูเขาเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่ง ไม่ได้มีท่าทางแปลกไปจากแรกพบ
คนเดียวที่ไม่รู้อะไรเลยก็คือ เจ้าเพื่อนสนิทของเขานั่นแหละ
พี่รามปล่อยให้เขาพยุงเพื่อนขึ้นไปบนห้องนอน ค่อยๆวางร่างของลักษณ์ลงไปบนเตียง อีกฝ่ายมีท่าทางกระสับกระส่ายกว่าตอนที่อยู่ในรถ ยกมือขึ้นปัดป่ายวุ่นไปหมด
“ลักษณ์ ไอ้ลักษณ์ตื่นหน่อยสิ” ลองตบที่ใบหน้าเล็กๆนั้นเบาๆ ลักษณ์ส่งเสียงอืออา แล้วยกมือขึ้นปัดลงมาที่ใบหน้าของเขาโดยแรง โชคดีที่เอียงคอหลบทัน
“เกือบไป ...โอ๊ะ เห้ย” อีกฝ่ายโก่งคออาเจียนออกมากะทันหัน คายอาหารเก่าออกมาเต็มเสื้อของไวน์ ชายหนุ่มถอนหายใจยาว เขาถอดเสื้อนักศึกษาของตัวเองออก แล้วเอื้อมมือไปหยิบทิชชูมาเช็ดที่ริมฝีปากและใบหน้าของอีกฝ่ายที่เปื้อนอาเจียนเป็นคราบ
“เละไปหมดแล้วเนี่ยไอ้ลักษณ์” ปากบ่น แต่มือก็เช็ดให้โดยไม่รังเกียจรังงอนอะไร จะทำไงได้...ปล่อยให้มันนอนจมกองอ้วกก็คงน่าสมเพชเกินไป
เขาถอดเสื้อผ้าของลักษณ์ออก เขาเหลือบมองร่างเปล่าเปลือยของเพื่อนแค่แวบเดียว ก่อนที่จะรีบใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัวให้ สวมเสื้อ ใส่กางเกงหลวมๆเสร็จก็หันมาจัดการตัวเองต่อ
ไวน์โกยเสื้อของตัวเองกับอีกฝ่ายที่เปื้อนอ้วกขึ้นมาถือเอาไว้ เดินไปซักในห้องน้ำจนสะอาดเอี่ยมอ่อง ก็ออกไปตากทิ้งไว้ที่ระเบียง จากนั้นก็กลับมาค้นผ้าเช็ดตัวและเสื้อของตัวเองที่เคยเอามาทิ้งเอาไว้ที่บ้านลักษณ์จากตู้เสื้อผ้า เดินเข้าไปอาบน้ำ
วันนี้เขาขอค้างที่นี่เลยก็แล้วกัน...ถือเป็นค่าพามาส่ง อ้อ แถมซักเสื้อให้ด้วย
กลับออกมาในชุดนอน รู้สึกสดชื่นขึ้นมากแล้ว นักศึกษาแพทย์หนุ่มเดินกลับไปที่เตียงนอนที่มีร่างของเจ้าของห้องนอนหลับสนิทอยู่ เขยิบขึ้นไปนั่งบนเตียงจนเตียงยวบลงนิดหนึ่ง
พิศดูใบหน้านั้นยามหลับ ยิ่งดูอ่อนเยาว์ลงกว่าเดิม ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่มั่นใจในหน้าตาของตัวเองเอาเสียเลย ทั้งๆที่ออกจะน่า..เอ็นดู
...ปลายนิ้วปัดผ่านเปลือกตาที่หลับสนิทไล้ลงมาที่พวงแก้ม ผิวของลักษณ์นวลละเอียดนุ่มมือ ริมฝีปากสีแดงสดคู่นั้นเผยอขึ้นน้อยๆ นึกถึงคำพูดของเพลินเมื่อวันก่อนขึ้นมาอีกครั้ง
‘ไวน์ลองกลับไปคิดดูก็แล้วกัน ว่าจะลองเสี่ยงมั้ย ถ้าไม่...ระหว่างลักษณ์กับนายก็คงเป็นได้แค่เพื่อนกันตลอดไป’
เพื่อนกันตลอดไปงั้นเรอะ...
จริงๆตอนนี้มันก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ไอ้ลักษณ์ไว้ใจเขายิ่งกว่าพ่อบังเกิดเกล้าเสียอีก ถ้าเขาไม่ทำอะไรให้มันเอะใจ ไม่ ‘เปิดเผย’ ความรู้สึกที่มีออกไป เขาก็จะได้อยู่ข้างๆลักษณ์แบบนี้ไปเรื่อยๆ ได้พูดคุย ได้หัวเราะ ได้ดูแลตามประสาเพื่อนที่ดีพึงทำ แค่นั้นก็น่าจะพอแล้ว เขาไม่ควรจะโลภมากเกินไป
ถ้าเขาเลือกอีกทางหนึ่งล่ะ... พูดตามตรงเขายังไม่เห็นโอกาสสำเร็จเลยด้วยซ้ำ มันน้อยเสียยิ่งกว่าโอกาสที่จะเห็นเมืองไทยมีหิมะตกเสียอีก แถมเขาก็จะไม่ได้เห็นรอยยิ้มเห็นฟันสามสิบสองซี่ของมันใกล้ๆ ไม่ได้หัวเราะขำสกิลจีบสาวง่อยๆแต่โคตรน่ารักของมัน ไม่ได้ใกล้ชิด ไม่ได้...
เราสองคนคงจะกลายเป็นคนแปลกหน้าซึ่งกันและกัน
ไวน์ถอนหายใจยาว ถึงตอนนั้นเขาคงจะยอมรับไม่ไหวหรอกนะ... กลับมาคิดดูอีกทีแล้ว เป็นเพื่อนกันไปแบบนี้ ก็คงไม่เจ็บปวดไปมากกว่านี้หรอก
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอนตะแคงเคียงข้างเพื่อน แอบใช้นิ้วกรีดแผงขนตายาวงอนของอีกฝ่ายเล่น เปลือกตาบางขยับยุกยิกทว่าไม่ได้ลืมตาขึ้นมา เจ้าตัวพลิกตัวนอนตะแคงหันหน้ามาทางเขา
ไวน์ใจเต้นแรง ถึงเขาจะเคยแอบมองเพื่อนตอนหลับมาหลายครั้ง แอบสัมผัสผิวแก้มของอีกฝ่ายบ้างบางคราว แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่อีกฝ่ายจะหลับไม่รู้สึกตัวเหมือนครั้งนี้
ใกล้เพียงแค่เอื้อม ผิวแก้มเนียนใสอยู่ถัดจากปลายจมูกของเขาไปชั่วลัดนิ้วมือ ไวน์รู้ว่ามันไม่ถูกต้องเท่าไหร่...แต่จะเป็นไรไป ในเมื่อลักษณ์ไม่รู้สึกตัว
ร่างกายฟังคำสั่งจากหัวใจมากกว่าสมอง ไวน์กดปลายจมูกลงบนผิวแก้มนวลเนียนนั้น
ไม่พอ...
ไม่ถูกต้อง
ลักษณ์ไม่รู้สึกตัว
ถ้ามันรู้เข้าต้องโกรธมากแน่ๆ
จิตสำนึกของเขาร้องเตือนดังลั่น หากแต่ชายหนุ่มไม่สามารถบังคับใจตัวเองได้อีกแล้ว เขาเบี่ยงหน้านิดเดียวเท่านั้น ความรู้สึกผิดมลายหายไปเมื่อริมฝีปากของตนสัมผัสลงบนกลีบปากบางของเพื่อนจนแนบสนิทเป็นเนื้อเดียว
ลักษณ์...
กูแอบรักมึงมานานแล้วนะ
กูไม่รู้ว่าต้องทำยังไง มึงถึงจะรักกูตอบ
กูไม่ใช่สาวน้อยตัวเล็กสเป็คของมึงเลยลักษณ์ เป็นได้แค่ไอ้ไวน์ เพื่อนที่มึงชอบด่าว่ากวนประสาททุกวัน
กูไม่รู้จริงๆว่ากูจะต้องเปลี่ยนยังไงมึงถึงจะมองเห็น
รู้อย่างเดียวว่ากูกลัวเสียมึงไป
ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน หรืออะไรก็ตาม กูยอมหมดนะลักษณ์
ขอแค่ได้อยู่ข้างๆมึงต่อไปก็พอ..
. ...
มาอัพต่อนะคะ ขอบคุณที่อ่านมาถึงตอนนี้
ตอนก่อนหน้านี้คืออการเกริ่น5555 ยาวมาก
เราจะเข้าเรื่องเเล้วล่ะ
เรื่องนี้เป็นเเนวโรเเมนติกดราม่านะคะ
เม้นท์เป็นกำลังใจกันมาได้ไม่จำกัดบรรทัดนะ ฟรีด้วย55
เเล้วเจอกันครัช