ต่อนะคะ
ร้านที่พี่สิงห์พาเขามาอยู่ไกลจากมหาวิทยาลัยเกือบจะคนละมุมเมือง ลักษณ์เดินตามหลังร่างสูงโปร่งเข้าไปภายในร้านอาหารกึ่งผับที่ค่อนข้างมืดสลัว ดนตรีดังแผ่วๆออกมาจากมุมร้านสร้างบรรยากาศให้ดูโรแมนติกชอบกล แขกที่มาต่างนั่งในมุมมืดกันเป็นคู่ๆ ลักษณ์รีบดึงชายเสื้อของพี่รหัสเอาไว้
“ร้านนี้แน่เหรอพี่ ผมว่ามันดูแปลกๆ”
“ร้านนี้แหละ นี่ไง ดูในไลน์ดิ” อีกฝ่ายส่งโทรศัพท์มาให้เขาดู ก็เห็นว่าเป็นชื่อร้านเดียวกันกับที่พี่น้ำหวานส่งมาให้จริงๆ
“พี่น้ำหวานมาหรือยังครับ”
“น่าจะมาแล้วนะ เดี๋ยวลองถามบ๋อยก่อน....” พี่สิงห์ชะโงกเข้าไปถามบริกรที่เดินนำหน้า “จองเอาไว้ชื่อ นริศรา สี่คนครับ” บริกรคนนั้นเปิดสมุดดูแล้วพยักหน้า พาเดินเลี้ยวไปอีกทางที่สว่างกว่าเมื่อครู่นี่นิดหน่อย เดินมาจนถึงโซนที่มีโซฟาตัวโค้งยาววางเอาไว้เป็นมุม มันถูกตกแต่งอย่างดีจนดูเป็นส่วนตัว
ลักษณ์ทรุดตัวลงนั่งตัวลีบ รู้สึกแปลกๆกับบรรยากาศเหลือเกิน แต่ว่าคนพามากลับมีท่าทางสบายๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เป็นอะไรไปลักษณ์ กลัวหรอ? กลัวอะไรไอ้บ๊อง เอ้า...นี่เมนู สั่งอาหารรอก่อนเลย พี่น้ำหวานน่าจะใกล้ถึงแล้ว”
“ผมไม่เคยมาร้านแบบนี้” ลักษณ์พูดงึมงำ
“งั้นก็เคยซะ มากับพี่ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวพี่พากลับไปส่งบ้านเอง” พี่สิงห์พูดยิ้มๆ ยกมือขึ้นมายีหัวเขาคล้ายเอ็นดู แล้วก็หันไปสั่งอาหารกับบริกร
“เปิดเหล้ามั้ย”
“ผมไม่ดื่มครับ” ….เมาครั้งที่แล้วยังเคลียร์ไม่จบ เขาไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวเพิ่มหรอกนะ...
“เด็กดี ...งั้นพี่ขอสักนิดนะ น้องครับ..” รุ่นพี่หันไปสั่งเหล้า ส่วนลักษณ์ขอเป็นน้ำผลไม้ปั่นธรรมดา
พี่สิงห์ชวนเขาคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้จนลักษณ์เริ่มผ่อนคลายลง อาหารของที่นี่ก็รสชาติดีไม่น้อย ลักษณ์นั่งกินไปเรื่อย สายตาก็คอยมองนาฬิกาที่ข้อมือของอีกฝ่าย
“พี่น้ำหวานยังไม่มาอีกหรอครับ” เขาถามขึ้น สังเกตเห็นท่าทางของอีกฝ่ายไม่ได้ดูเดือดเนื้อร้อนใจเท่าที่ควร
“ไลน์มาว่าเจอรถติดน่ะ โชคดีที่เรารีบออกมาก่อน ไม่งั้นคงเจอรถติดเหมือนกัน แถมฝนตกด้วยยิ่งหนัก”
“ทำไมพี่น้ำหวานถึงต้องนัดร้านไกลขนาดนี้ด้วยล่ะครับ” ลักษณ์ค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าเป้ของตัวเอง “เดินทางลำบาก แต่จริงๆบรรยากาศก็ดีนะครับ”
“ชอบมั้ยล่ะ” ลักษณ์เริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าอีกฝ่ายขยับเข้ามานั่งจนชิดเขาทั้งที่โซฟาก็ออกกว้าง มือใหญ่วางลงบนตักของเขาตอนที่อีกฝ่ายเอื้อมไปจิ้มไส้กรอกในจานข้างหน้าเข้าปากคล้ายไม่ตั้งใจ “พี่เคยมาครั้งนึงยังติดใจ เป็นส่วนตัวดี”
“ที่นี้ห้องน้ำดีมั้ยครับ” ลักษณ์ถาม “ผมปวดขี้อ่ะพี่” เขากระซิบอายๆ
อีกฝ่ายหัวเราะก้อง
“จัดว่าดีอยู่ ไปทางโน้นแน่ะ เลี้ยวซ้ายมือ...ให้พี่ไปเป็นเพื่อนมั้ย”
“เห้ย...ไม่เป็นไรครับ ผมไปเองได้ งั้นเดี๋ยวผมกลับมานะพี่” ลักษณ์พูด แล้วลุกขึ้นยืน คว้ากระเป๋าเป้มาด้วย ยังไม่ทันเดินพ้นโต๊ะ อีกฝ่ายก็คว้าสายกระเป๋าของเขาเอาไว้
“วางกระเป๋าเอาไว้ที่โต๊ะก็ได้ เดี๋ยวพี่เฝ้าให้”
ลักษณ์ชะงักนิดหนึ่ง แล้วก็ยอมส่งกระเป๋าให้อีกฝ่ายโดยดี บอกขอบคุณยิ้มๆแล้วก็รีบเดินออกมาตามทางไปห้องน้ำ พอพ้นระยะสายตาเขาก็เร่งฝีเท้าเดินอ้อมไปอีกทาง
เดินแกมวิ่งมาถึงประตูทางออก ลักษณ์เดินออกจากร้านอย่างรวดเร็วไปที่ริมถนน สายฝนเทซู่ลงมาฉับพลันจนเปียกไปทั้งตัวในพริบตา เด็กหนุ่มยกมือขึ้นโบกแท็กซี่มือสั่น โทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสตางค์ทิ้งเอาไว้ในเป้หมดเลย ลักษณ์เหลียวมองไปทางร้านอีกรอบยังไม่เห็นร่างของพี่รหัสตามออกมา เขาเปลี่ยนใจออกเดินไปตามฟุตบาท ผ่านหน้าร้านขายของชำข้างทาง เจอรถแท็กซี่จอดส่งผู้โดยสารเข้าพอดี
ลักษณ์ถลาเข้าไปเรียกเอาไว้ได้ทันก่อนที่รถจะออก เขารีบบอกจุดหมายปลายทางเป็นร้านของป้าดาแล้วก้าวขึ้นไปนั่ง พอประตูรถปิด ลักษณ์ก็ถอนหายใจยาวด้วยความกลัวแกมตื่นเต้น
เขาไม่รู้ว่าสิงห์มีจุดประสงค์อื่นหรือเปล่า ไม่แน่ว่าความจริงมันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ แค่พี่น้ำหวานรถติดตามที่อีกฝ่ายพูด เขาอาจจะตื่นตูมไปเอง...เขาได้แต่หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น
เสียดายกระเป๋าเป้กับของในกระเป๋าชะมัด...ถุงเล็กๆที่เขาใส่ของที่อยากจะเอามาคืนไอ้ไวน์ ได้แต่หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่โยนทิ้งเสีย
ลักษณ์กำมือเข้าหากันเพราะความหนาว เขาบอกลุงคนขับให้ช่วยเบาแอร์ลงหน่อย แล้วก็นั่งมองสายฝนที่เทกระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตานั้น เม็ดฝนตกกระทบกระจกรถเสียงดัง ภาพข้างนอกพร่าเบลอเพราะละอองน้ำที่เกาะกระจก
นึกถึงเหตุการณ์คราวที่แล้วที่เขามาดื่มกับพี่สิงห์ จำได้ว่าคราวนั้นไอ้ไวน์โกรธเขามากที่ไม่ยอมบอกก่อน สุดท้ายเขาก็เมาพับจำอะไรไม่ค่อยได้ รู้แค่ว่าคืนนั้น...ไอ้ไวน์จูบเขา เป็นจูบแรกระหว่างเรา มันจูบเพราะคิดว่าเขาหลับไม่รู้สึกตัว แต่เขาดันตื่น ให้ตายสิ ถ้าคืนนั้นเขาหลับเป็นตายเหมือนทุกที เรื่องราวก็คงจะไม่วุ่นวายอย่างนี้
ป่านนี้มันจะเป็นยังไงบ้างนะ....ลักษณ์พิงศีรษะลงกับพนัก จะรู้หรือเปล่าว่าเขาน่าจะโดนพี่รหัสตัวเองหลอกพามามอมเหล้าอีกแล้ว คราวนี้เขารู้ว่าไม่มีไอ้ไวน์คอยช่วยอยู่อีก ต้องช่วยเหลือตัวเอง ลักษณ์ขอบตาร้อนผ่าว...วูบหนึ่งที่เขาสงสัยว่าถ้าตัวเองเกิดพลาดท่าเสียทีขึ้นมาจริงๆ ไวน์จะเสียใจไหม
คิดถึงตรงนั้นแล้วลักษณ์ก็ต้องรีบส่ายศีรษะไล่ความคิดนั้นออกไป ทำไมเขาถึงต้องทำอะไรประชดไวน์ด้วย ในเมื่อมันเป็นชีวิตของเขา เขาควรจะรักตัวเองมากกว่าไวน์ไม่ใช่หรือ ไหนจะมีพี่รามกับป้าดาที่คอยเป็นห่วงเขาอยู่อีก ต่อให้ไม่มีไอ้ไวน์ในชีวิต เขาก็ยังมีคนอีกอย่างน้อยสองคนที่รักเขาอย่างจริงใจ
รถติดจริงๆเมื่อฝนตกลงมา ลักษณ์นั่งห่อตัวด้วยความหนาวสั่นอยู่ในรถแท็กซี่ ตรงข้ามกับใครอีกคนที่อยู่อีกฟากหนึ่งของเมืองและกำลังร้อนรนเหมือนอยู่กลางเพลิงเผาผลาญ
“เจอแล้ว นั่นไงพวกพี่เนิร์ด แต่ไม่มีพี่สิงห์อยู่ด้วย” นพพูดขึ้นเบาๆ เหลือบตามองเข้าไปภายในร้านอาหารกึ่งผับหลังมอที่พวกเขามาเดินสำรวจตามหาลักษณ์ นพหันไปมองเพื่อนที่เดินกลับไปกลับมาราวกับเสือติดจั่นอีกครั้งด้วยความสงสารแกมกังวล ไวน์โทรหาทุกคนที่นึกออกแต่ว่าไม่มีใครเห็นสิงห์กับลักษณ์เลย เขาเพิ่งลงประกาศตามหาในเฟสบุ๊คไปเมื่อครู่ และยังไม่มีใครเม้นท์ตอบกลับมา
“ใจเย็นๆก่อนไวน์ อาจจะไม่มีอะไรก็ได้” เพลินพูดประโยคเดิมซ้ำๆคล้ายย้ำให้ตัวเองเชื่อไปด้วย “เธอเองก็นั่งพักหน่อย กำลังไข้ขึ้นอยู่นะ เดี๋ยวก็ทรุดหนักหรอก” หญิงสาวเอื้อมมือไปจับแขนเพื่อนเอาไว้ ดึงให้นั่งลง
ไวน์ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรอีกครั้ง ลักษณ์ยังปิดเครื่องอยู่เหมือนเดิม
“ถ้าเมื่อตอนบ่ายเราดึงลักษณ์ออกมาคุยให้รู้เรื่อง มันก็คงไม่เป็นแบบนี้” ไวน์ยกมือขึ้นกุมหัว เขาปวดร้าวไปทั่วศีรษะเหมือนมันจะระเบิดออกมา “ถ้ากูไม่ดึงนิวเข้ามาด้วย ลักษณ์ก็คงไม่ต้องเจออะไรแบบนี้” ไวน์พูดอย่างเสียใจ เขาเพิ่งรู้เมื่อกี้นี้เองว่านิวเป็นญาติกับเนิร์ด นพเป็นคนเข้าไปถามมาได้ เพียงเท่านั้นเขาก็ต่อจิกซอว์ติด ไม่นึกเลยว่านิวจะทำได้เจ็บแสบขนาดนี้
...เพราะเขาเอง ลักษณ์ ถ้ามึงเป็นอะไรไปก็เพราะความโง่และเห็นแก่ตัวของกูเอง ...ลักษณ์ มึงอยู่ที่ไหนกันแน่
“คิดว่านิวจะรู้มั้ย” เพลินพูดขึ้น “ไม่แน่ว่านิวอาจจะรู้ก็ได้นะ”
“งั้นไปบ้านนิวกัน” นพตัดสินใจ
ไวน์ขึ้นรถตามไปด้วยแม้ว่าเขาจะค่อนข้างมั่นใจว่านิวคงไม่รู้หรอก แต่ก็ดีกว่าการเดินกางร่มไล่ถามไปทีละร้านหรือว่าโทรหาเพื่อนทีละคนอย่างที่พวกเขาทำมาแล้ว
พอรถขับมาจนถึงซอยบ้านของนิว นพก็อุทานออกมาอย่างหัวเสีย
“น้ำท่วมว่ะ ทำไงดี”
“เดินลุยเข้าไปมั้ย” ไวน์พูด เพื่อนทั้งสองคนรีบคว้าแขนของเขาเอาไว้คนละข้าง
“บ้าเหรอไวน์ เธอป่วยอยู่นะ”
“เดี๋ยวกูลุยเข้าไปเอง” นพเสนอตัว “แค่เข่าเอง สบายมาก” นพขยับจะลงจากรถแต่ว่าไวน์รั้งเอาไว้
“ไม่ต้องหรอก ดูนั่นสิ บ้านปิดไฟเงียบ ไม่มีรถจอดอยู่ในโรงรถเลย หน้าต่างก็ปิดหมด พื้นกระเบื้องนั่นก็แห้ง กูว่าไม่มีใครอยู่บ้านหรอก” เพื่อนทั้งสองคนมองตามแล้วก็ออกจะเห็นด้วยกับไวน์
“หรือว่านิวจะอยู่กับลักษณ์?”
“แจ้งตำรวจยังไม่ได้ใช่มั้ย งั้นกูแจ้งลูกตำรวจแทนดีมั้ย” นพพูดขึ้นบ้าง ไวน์มองหน้าเพื่อนอย่างขอบคุณ เขากดโทรหาลักษณ์อีกรอบทั้งที่รู้ดีกว่าอีกฝ่ายปิดเครื่อง
ทว่าคราวนี้กลับมีคนกดรับ
“ฮัลโหล” เสียงทุ้มๆรับสาย เพลินกับนพหันมามองเป็นตาเดียว ไวน์เปิดลำโพงแล้วรีบกรอกเสียงลงไป
“นั่นใคร พี่สิงห์ใช่มั้ย”
“อ้อ...นึกว่าใคร เพื่อนรักของน้องรหัสกูนี่เอง” เสียงนั้นดังมาตามสาย
“มึงพาลักษณ์ไปไหน” ไวน์ถามเสียงเข้ม ปลายสายเงียบไปนิด แล้วก็ตอบกลับมา
“หลงกับเพื่อนเหรอครับน้องไวน์ แหม ปล่อยให้คลาดสายตาไปได้ยังไงล่ะครับ”
“ตอบกูมา ลักษณ์อยู่ที่ไหน”
“โทรมาถามแค่นี้เองเหรอ”
“ลักษณ์...ลักษณ์ได้ยินหรือเปล่า อยู่แถวนั้นหรือเปล่า” ไวน์ตะโกนเสียงดัง หวังให้คนปลายสายได้ยิน
“เสียเวลาเปล่า ไม่ต้องตะโกนหรอก ลักษณ์ไม่มีทางได้ยิน”
“มึงทำอะไรเพื่อนกู กูจะไปเอาเลือดหัวมึงออก” ไวน์สติหลุดไปแล้วตอนนั้น เขาตะโกนใส่โทรศัพท์ อีกฝ่ายกดตัดสาย ไวน์ร้องออกมาเสียงดัง “โธ่เว้ย!” เขาสบถด่าออกมาหลายคำ เพลินรอจนไวน์เริ่มสงบลงเล็กน้อยรีบถาม
“ไวน์ เครื่องลักษณ์มีแอพฟายด์มายโฟนหรือเปล่า”
“จริงด้วย ขอบคุณมากนะเพลิน” ไวน์รีบเปิดแอพที่เขาจัดการติดตั้งให้อีกฝ่ายเองตั้งแต่วันที่ฝ่ายนั้นโดนมอมเหล้าครั้งแรก เขามัวแต่โกรธก็เลยลืมไปเสียสนิท
สัญญาณขึ้นที่อีกฟากของเมือง นพรีบออกรถขับไปตามสัญญาณที่ขึ้นแล้วก็วูบหายไป ไม่รู้ว่าสัญญาณขัดข้องหรือเพราะอะไรกันแน่
ไวน์นั่งบีบมือไปตัวเองไปตลอดทาง เขาภาวนาให้สิ่งที่ตัวเองคิดไม่เป็นความจริง ถึงตอนนี้เขายอมแลกอะไรก็ได้เพื่อให้ลักษณ์ปลอดภัย ได้โปรด....ถ้าหากย้อนเวลาได้
อีกฟากหนึ่งของเมือง รถแท็กซี่คันนั้นขยับไปได้ทีละนิดเพราะรถติด แถมน่าจะมีอุบัติเหตุข้างหน้าด้วย ลักษณ์ยกมือขึ้นลูบแขนขาของตัวเอง เขาเริ่มรู้สึกประหลาด มันไม่ได้หนาวสั่นเหมือนตอนแรกแต่กลับเริ่มร้อนรุ่มขึ้นมาทีละน้อยคล้ายมีไฟมาสุมอยู่ข้างในตัว
หัวใจเต้นเร็วขึ้น เร็วขึ้น ตามเวลาที่ผ่านไป เหงื่อเริ่มแตกพลั่ก ลักษณ์ใช้มือถูขาของตัวเองไม่หยุด
“เป็นอะไรหรือเปล่าไอ้หนุ่ม ร้อนเหรอเหงื่อแตกเชียว เมื่อกี้ลุงเห็นว่าเปียกฝนตัวสั่นก็เลยเปิดแอร์เบาสุดแล้วนะ”
“ร้อน...ร้อนมากครับลุง” เขาตอบกลับไปพลางกระพือเสื้อตัวเองเรียกลม พยายามสะกดใจให้นิ่งแต่มันยากเหลือเกิน ในท้องของเขาบิดมวนเหมือนมีอะไรเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงท้องน้อย รู้สึกวูบวาบจนเขาไม่สามารถนั่งอยู่นิ่งๆได้
ลักษณ์ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร แต่คนที่เพิ่งกดวางสายจากเดือนแพทย์รู้ดี สิงห์เดินตามน้องรหัสเข้ามาในห้องน้ำเพราะรู้สึกว่าอีกฝ่ายหายเข้ามานานเกินไป เขาออกจะตื่นเต้นเล็กน้อยเพราะพอจะคำนวณได้ว่าน่าจะใกล้เวลาที่ยาจะออกฤทธ์แล้ว
แต่ห้องน้ำที่ว่างเปล่าทำให้เขาหัวเสียแทบคลั่ง โทรศัพท์ที่โทรเข้ามาพอดีทำให้เขารู้ว่าไวน์ยังไม่เจอลักษณ์ งั้นก็แปลว่าลักษณ์เพิ่งกลับออกไปได้ไม่นาน
............................................................................................
นพใช้เวลาเกือบชั่วโมงขับมาจนถึงแถวๆจุดที่สัญญาณมือถือของลักษณ์แสดงขึ้น ฝนยังเทหนักเหมือนฟ้ารั่ว ไวน์ที่นั่งเงียบมาตลอดทางพยายามสอดส่ายสายตาหาสถานที่ๆน่าจะเป็นไปได้
“ข้างหน้ามีร้านอาหาร เหมือนจะกึ่งๆบาร์ ลองเข้าไปดูหน่อย” ไวน์บอกเพื่อน เขารีบเปิดประตูรถทันทีที่รถจอดแต่ว่าเพลินดึงไหล่แล้วยัดร่มใส่มือของเขาเสียก่อน
“อย่าเปียกไปมากกว่านี้ แค่นี้เราก็กลัวแกน๊อคจะแย่อยู่แล้ว”
“ขอบใจมากเพื่อน” ไวน์พึมพำรับร่มมากางออก เขาเดินแกมวิ่งเข้าไปในร้านด้านใน ยืนปรับสายตากับความมืดสลัวภายในร้านครู่หนึ่ง พนักงานก็เดินมาต้อนรับ
“ผมนัดคนไว้ครับ คนนึงตัวสูงใส่แว่น อีกคนตัวเล็กประมาณไหล่ผม หน้าเด็กๆ”
“อ๋อ...คุณลูกค้าเพิ่งกลับออกไปไม่นานเองครับ เค้าฝากของเอาไว้ให้ด้วย บอกว่าจะมีคนตามมารับของทีหลัง คุณชื่ออะไรครับ” พนักงานถามกลับมา ไวน์ขมวดคิ้ว เหลือบมองไปทางกระเป๋าที่วางแอบเอาไว้ในเคาน์เตอร์ เห็นแค่แวบเดียวเขาก็จำได้
หัวใจเต้นแรง ไวน์รีบตอบ
“ชื่อลักษณ์”
“งั้นนี่ครับ กระเป๋าของคุณ” ไวน์รับกระเป๋าใบนั้นมาถือเอาไว้
“แล้วคนที่ฝากกระเป๋าเอาไว้ล่ะ”
“ออกไปสักพักแล้วครับผม” ไวน์รีบหันหลังออกมาจากร้าน เขาก้าวยาวๆกลับไปขึ้นรถ เทข้าวของในกระเป๋านั้นออกมา กระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์ที่ปิดเครื่อง ปากกา สมุดเลคเชอร์ ชีทเรียน กล่องแว่นตา ...และถุงผ้าที่มีเชือกมัดเอาไว้แน่น
“เห้ย ลักษณ์ไปโดยไม่มีกระเป๋าตังค์ติดตัวเนี่ยนะ โทรศัพท์ด้วย ...เราว่าต้องรีบหาลักษณ์ให้เจอจริงๆแล้วล่ะ” นพพูด
ไวน์หยิบร่มคันที่เขาเป็นคนให้วิปยืมไปให้บัดดี้นั้นขึ้นมาดูราวกับไม่เคยเห็น เขาแกะถุงผ้าใบเล็กนั้นออก รูปถ่ายติดบัตรขนาดนิ้วครึ่งของเขาหล่นลงมาบนตัก ใบหน้าตัวเองสมัยมัธยมมองตอบกลับมาอย่างเด๋อด๋า ตามด้วยพวงกุญแจรูปลูกบาส กับการ์ดใบหนึ่ง
ไวน์หยิบการ์ดขึ้นมาดู ลายมือตัวใหญ่ๆที่คล้ายกับของเขาราวกับแกะนั้นเขียนเอาไว้...
‘ถึง...ลักษณ์
กูอยากบอกว่ากูแอบชอบมึงมานานแล้ว น่าจะตั้งแต่ ม.2 มึงเป็นคนหล่อ เรียนเก่ง บ้านรวย จีบสาวเก่ง ปากหมา ชอบกวนประสาทกูตลอด แต่มึงก็คอยอยู่ดูแลกู ในยามที่กูทุกข์ มึงก็ทุกข์ด้วย ยามที่กูสุข มึงก็สุขด้วย กูไม่รู้จะบอกมึงยังไงว่ากูชอบมึงมาก กูรู้ตัวดีว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับมึง ดีได้ไม่เท่ากับแฟนของมึง กูมันโง่และขี้ขลาด ไม่เคยตามอะไรทัน กูถึงประทับใจในความเก่งกล้าของมึงไง กูรู้ว่าตัวเองไม่คู่ควรกับมึง กูทำได้แค่แอบมองมึงอยู่ตรงนี้ หวังว่าสักวันมึงจะหันมาเห็น แล้วก็ยกโทษให้กูที่เคยทำร้ายจิตใจมึงด้วยความไม่รู้ กูหวังมากเกินไปหรือเปล่า... กูรู้ว่ามันสายไปหน่อย แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ กูก็ยังอยากบอกว่ากูรักมึง ดูแลแฟนมึงดีๆนะ...ลักษณ์’
“นี่มึงเคยทำเขียนอะไรแบบนี้ด้วยเหรอวะไอ้ไวน์” นพพูดขึ้น ชะโงกเข้ามาอ่านข้อความบนการ์ดในมือของเขา ไวน์พลิกดูอีกด้านหนึ่งเป็นภาพสเก็ตช์คร่าวๆของใครคนหนึ่งที่กำลังกระโดดขึ้นชู้ตบาส ร่างสูงสมส่วนและใบหน้าที่แรเงาเอาไว้นั้นดูคล้ายกับเขาเอง
“เลี่ยนชิบหายเลยใช่มั้ยล่ะ” ไวน์พูด หัวเราะเบาๆ มันแปร่งปร่าจนเพื่อนขมวดคิ้ว แต่เขาไม่สนใจ รู้สึกขอบตาทั้งสองข้างร้อนผ่าว ไวน์เงยหน้าขึ้นเพื่อให้น้ำตาไหลย้อนกลับลงไป
หัวใจของเขาเต้นถี่แรงแล้วกลับเต้นช้าลง
ไอ้ลักษณ์...มึงอยู่ที่ไหนเนี่ย
รู้หรือเปล่าว่ากูเป็นห่วงจนจะบ้าตายอยู่แล้ว
...........................................................................................
มาอัพต่อนะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์มากค่ะ อ่านแล้วปลื้มปริ่ม

ชื่อตอนนี้จะชุ่มฉ่ำหน่อย เหมือนที่ไรท์เพิ่งตากฝนกลับบ้านมา แหมะ จะตกอะไรกันนักกันหนาคะ555
ติชมคอมเม้นท์กันมาได้เลยค่ะ
ทวิต #แอบลักษณ์
เฟส
F A N P A G E