ใจยักษ์ 14
“...เรามีโอกาสได้ใช้ชีวิตด้วยกันเกือบ3ปี อาจจะเป็นเป็นเวลาที่ไม่มาก แต่สำหรับฉันมันก็คุ้มค่าแล้ว”ร่างบางยิ้มเศร้าๆเล่ามาถึงตอนจบ แม้กระทั่งตอนนี้เธอก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่สาวเธอพูด ทศกัณฐ์ไม่เหมือนคนปกติทั่วไปตรงไหน...แน่นอนว่าเขาอาจเย็นชาไปบ้าง แต่เขาก็ยังมีอารมณ์มีความรู้สึกเหมือนมนุษย์ปุถุชนปกติทั่วไป
ทั้งบ้านเกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง...ทศกัณฐ์นิ่งเงียบ ไม่ไหวตัวเลยสักนิด
ช็อคตายไปแล้วรึเปล่าวะ
“แล้วตอนนี้น้าเฟื่องฟ้าเป็นยังไงบ้างครับ สบายดีรึเปล่า?”ผมถามขึ้นทำลายความเงียบ
“ก็ตามอัธภาพจ้ะ น้าพึ่งเปลี่ยนงานมาทำฟรีแลนท์ได้3-4เดือนแล้วจ้ะ”
“อ่อ...อย่าหักโหมมากนะครับ”เธอยิ้มบางๆตอบแทน
พรึ่บ!
“กลับ!”อยู่ๆทศกัณฐ์ก็ลุกขึ้นกระทันหันพร้อมสั่งเสียงเข้ม ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปโดยไม่รอใครเลย โจเซฟกับสตีฟก็รีบตามออกไป น้าเฟื่องฟ้าก็หน้าเสียลงถนัดตา
“เขาอาจจะต้องใช้เวลาหน่อย น้าเฟื่องฟ้าอย่าคิดมากเลยนะครับ”ผมกุมมือเธอไว้หลวมๆพร้อมปลอบ
“น้าเป็นคนไม่ค่อยจะได้เรื่องนัก ทำอะไรก็ไม่ค่อยจะสำเร็จ เรื่องทศกัณฐ์น้าไม่อยากผิดคำพูดกับพี่บุหงาแต่ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ น้องรันต์รู้จักเขาระหว่างนี้น้าอยากให้ช่วยน้าดูแลทศกัณฐ์จะได้ไหมจ้ะ”สายตาอ้อนวอนที่มองสบทำเอาผมอดรู้สึกสงสารไม่ได้ ทำไมเขาถึงต้องมีแต่คนคอยดูและนะ ผมไม่เข้าใจจริงๆ
“รันต์คงจะรับปากไม่ได้หรอกครับ เพราะรันต์กับทศกัณฐ์ไม่ได้เป็นอะไรกัน อีกอย่างเขาโตแล้วไม่จำเป็นต้องมีคนดูแลหรอกครับ”ผมปฏิเสธเรียบๆ สงสารก็สงสารอยู่ แต่มันไม่ใช่หน้าที่ของผมที่ต้องเอาชีวิตไปผูกเกี่ยวกับเขาตลอด เพราะแค่ที่ทำอยู่ตอนนี้ก็ทำเอาชีวิตผมปั่นป่วนอย่างที่ไม่เคยเป็น
น้าเฟื่องฟ้าถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงแต่ก้มหน้ายอมรับความเป็นจริง
“น้าเฟื่องฟ้าอย่าเอาแต่โทษตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้เลยครับ ตอนนี้เขาพึ่งรับฟังเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจเขามาก ไม่แปลกที่เขาจะแสดงออกแบบนั้น รันต์เชื่อว่าเดี๋ยวเขาต้องกลับมาที่นี่อีก พอถึงเวลานั้นน้าเฟื่องฟ้าก็ค่อยทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับน้าบุหงาก็ได้นี่ครับ...รันต์ต้องขอโทษถ้าการกระทำกับคำพูดของรันต์เป็นการล่วงเกินหรือทำให้น้าเฟื่องฟ้ารู้สึกไม่ดีนะครับ”ผมยกมือไหว้อย่างสุภาพที่สุด
“ไม่เป็นไรจ้ะน้าจะพยายามนะน้องรันต์ ขอบใจมากนะลูก”เธอยิ้มบางๆพร้อมลูบหัวผมเบาๆ
“ไม่เป็นไรครับ ดูแลตัวเองด้วยว่างๆรันต์จะมาเยี่ยมนะครับ”ผมร่ำลาน้าเฟื่องฟ้าอีกเล็กน้อยก่อนจะขอตัวกลับ
พอเดินพ้นจากตัวบ้านออกมา ปรากฏว่าทศกัณฐ์ยืนพิงรถรออยู่ เขาสูบนิโคตินเข้าปอดเฮือกใหญ่ทีเดียวสองมวน ที่พื้นมีก้นบุหรี่ตกอยู่อีกสอง เขาหันมามองผมนิ่งเมื่อตัวผมก้าวพ้นประตูบ้านออกมา ทศกัณฐ์ดูดบุหรี่เฮือกสุดท้ายก่อนจะปล่อยลงสู่พื้นใช้เท้าขยี้ดับไฟแล้วหมุนตัวเปิดประตูรถเข้าไปเอง
ผมได้แต่ก้าวขึ้นไปบนรถเงียบๆ ภายในรถมีแต่ความเงียบ อึดอัดยิ่งกว่าตอนขามาซะอีก
เนิ่นนานในความรู้สึกผมแต่จริงๆแล้วพึ่งผ่านไปแค่40นาที รถยนต์คันหรูจอดเทียบสนิทที่หน้าหอพักของผมเอง ผมหันไปมองทศกัณฐ์ที่มองออกไปนอกหน้าต่างนิดๆ
“วันนี้เหนื่อยมากพอแล้ว คุณรันต์พักผ่อนเถอะครับไม่ต้องไปทำอาหารให้คุณทศกัณฐ์”สตีฟลงมาเปิดประตูรถให้ผมแล้วบอก ผมพยักหน้าเข้าใจ ก้าวลงจากตัวรถ ส่งยิ้มตามมารยาทให้สตีฟแล้วเดินขึ้นหอพักโดยไม่ได้หันกลับไปมองพวกเขาอีก
เอาเถอะ...เขาจะเป็นยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องของผมนี่
ผมไม่จำเป็นต้องรู้สึกอะไร....
++++++++++++++++++++++++++
เช้าวันต่อมา
Rrr Rrr Rrr
“สวัสดีครับ”
(สวัสดีค่ะ ตอนนี้กำลังเรียนสายอยู่กับคุณเหรันต์ ราชรัตน์ใช่ไหมคะ)
“ครับ มีอะไรรึเปล่าครับ”
(ดิฉันติดต่อมาจากธนาคาร CC นะคะ เรื่องความคืบหน้าของเงินในบัญชีน่ะค่ะ สะดวกคุยไหมคะ?)
“สะดวกครับ เชิญพูดได้เลย”ขยับตัวลุกจากเตียงนั่งดีๆอย่างตั้งใจฟัง
(ทางเราได้ตรวจสอบต้นทางของเงินในบัญชีที่ฝากเข้ามา พบว่ามาจากธนาคารRในกรุงลอนดอนนะคะ)
“...ครับ ขอบคุณมากครับ”ผมนิ่งไปนานกว่าจะตอบปลายสาย
(ยินดีรับใช้ค่ะ สวัสดีค่ะ) ติ้ด!
ลอนดอน...อังกฤษ...หรือว่าจะเป็นทศกัณฐ์!
ผมเดาว่าเป็นใครไม่ออกจริงๆนอกจากเขา
ผมรีบผุดลุกขึ้นจากเตียง รีบเข้าห้องน้ำชำระร่างกายให้เรียบร้อย ก่อนออกจากห้องไม่ลืมหยิบกุญแจรถคันหรูออกไปด้วย
อยากรู้อะไร...ก็ไปถามเลยสิวะ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
แกร็ก! นี่มัน...เกิดเรื่องอะไรขึ้นวะเนี่ย!!!
ภายในห้องหรูที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ตอนนี้กลายเป็นเศษซากปรักหักพังไปหมด ตั้งแต่ตู้รองเท้าข้างประตูยันทีวีจอแบนขนาดยักษ์ที่แตกเป็นเสี่ยงๆ สภาพในห้องนั่งเล่นไม่มีอะไรดูได้เลยสักชิ้น เคาน์เตอร์บาร์ที่ทำจากหินเนื้อดีนำเข้า ก็แตกร้าวไม่เหลือเค้าความสวยงาม โซฟาตัวยาวโดนกรีดซ้ำๆจนไม่เหลือชิ้นดี เศษแก้วเศษไม้ของเฟอร์นิเจอร์ต่างๆกระจายอยู่เต็มทั่วห้อง ที่สำคัญ...รอยเลือดเป็นหย่อมๆนี่มันของใคร!
ผมรีบตรงดิ่งไปที่ชั้นสองพยายามเดินระวังไม่ให้เศษกระจกที่เกลื่อนไปทั่วบาดเท้า
มือผมคว้าลูกบิดได้ก็เปิดปังเสียงดังอย่างไม่สนใจมารยาทอะไรทั้งนั้น ข้างในมืดสนิทผมจึงเลื่อนมือไปกดเปิดไฟ
แสงสว่างภายในห้องสว่างวาบขึ้นมา คนที่ผมตามหานั่งชันเข่าอยู่ที่พื้นปลายเตียงขาอีกข้างเหยียดไปกับพื้น ที่มือถือขวดเหล้าสีเข้มที่เหลือเพียงก้นกรมนิ่งๆ
สายตาเขาไม่ได้หันมาสนใจผู้บุกรุกอย่างผมสักนิด แววตาจดจ้องอยู่แค่กับหุ่นยนต์กันดั้มตัวหนึ่ง ผมพึ่งสังเกตว่าตามข้อนิ้วเขามีแผลแตกแทบทุกนิ้ว
ผมค่อยๆเดินเข้าไปในห้องช้าๆ ภายในห้องสะอาดเรียบร้อยดีไม่มีร่องรอยโดนทำลายเหมือนด้านล่าง
“พี่...ทศกัณฐ์”เรียกเบาๆ ยังรักษาระยะห่างเอาไว้
“...”ไร้ปฏิกิริยาตอบรับ ผมค่อยๆขยับร่างกายเข้าไปใกล้เขาขึ้นอีกนิดแม้สัญชาตญาณจะร้องเตือนว่าอย่าใกล้เขาตอนนี้จะปลอดภัยที่สุด
มือผมค่อยๆยื่นไปข้างหน้าหมายจะสะกิดให้เขารู้สึกตัว แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตร
หมับ! เพล้ง! โครม! อึก!
ทศกัณฐ์กระชากแขนผมแล้วดึงอย่างแรงจนไม่ทันตั้งตัว ผมล้มลงกับพื้นเขาขว้างขวดเหล้าทิ้งก่อนจะยึดลำตัวผมลงกับพื้น มือหนาบีบรอบคอผมอย่างแน่นจนหายใจไม่ออก
ผมดิ้นรนสุดตัว สองมือพยายามแงะมือของทศกัณฐ์ออกจากลำคอ ตัวก็ดิ้นไม่ได้มากนักเพราะอีกคนนั่งทับไว้ไม่ให้ขยับไปไหนได้
สายตาผมมองลึกเข้าไปในดวงตาทศกัณฐ์หวังให้เขาปล่อย แต่สิ่งที่สะท้อนออกมาจากดวงตาเขามีเพียงความว่างเปล่า ยิ่งมองลึกลงไปเท่าไหร่ยิ่งเหมือนกำลังดำดิ่งอยู่ในก้นเหว
ผมพึ่งรู้ในวันนี้เองว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาผมพอจะเข้าใจนิสัยใจคอของเขาได้บ้าง แต่ตอนนี้...ไม่เลย
เขาเป็นอีกคนที่ผมไม่รู้จัก สายตาเขาไม่เหมือนมนุษย์ด้วยซ้ำ
มันว่างเปล่า...เย็นเยียบเกินกว่าจะหาคำมาบรรยาย
ชั่ววินาทีที่ผมคิดว่าอาจจะต้องตายแน่ๆ...ผมกลับรู้สึกสงสารเขาขึ้นมา
เขาโตมาแบบไหน ใครกันที่เลี้ยงคนๆหนึ่งให้กลายเป็นปีศาจได้ขนาดนี้
ผมหลับตาลงอย่างยอมรับสภาพ...
ผมคงไม่โกรธเขาหรอก...เพราะเขาน่าสังเวชใจยิ่งกว่า
“เฮือก...แค่กๆๆ”แต่ก่อนที่ผมจะหมดลมหายใจ แรงบีบรัดที่ลำคอก็หลุดออกไปอย่างกะทันหัน ผมรีบสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่จนสำลัก ลืมตาขึ้นเห็นชายฉกรรจ์3คนช่วยกันล็อคแขนและลำตัวทศกัณฐ์ไว้ และผู้ชายร่างสูงเพรียวคุ้นตาที่กำลังหันหลังให้ผมกำลังฉีดบางอย่างเข้ากับต้นคอแกร่งของทศกัณฐ์
สักพักเดียวทศกัณฐ์ก็สลบไป ชายทั้งสามช่วยกันยกร่างของเขาไปนอนบนเตียง คนที่ถือเข็มฉีดยาหันกลับมามองผมพร้อมฉีกยิ้มบางๆให้ บนใบหน้าหวานมีรอยช้ำหนักที่มุมปากขวาและข้างแก้มซ้าย เหนือขึ้นไปบนหน้าผากมีผ้าพันแผลพันไว้แต่ก็ยังมีรอยเลือดจางๆอยู่
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณสตีฟ...”ผมถามอย่างตกตะลึงเมื่อตั้งสติได้
“คุณรันต์ไม่เป็นอะไรมากนะครับ”เขาเลี่ยงที่จะตอบโดยการย้อนถามผมกลับ ร่างเพรียวช่วยพยุงผมให้ค่อยๆลุกขึ้นยืน
“ผมโอเค...นี่มันเกิดอะไรขึ้น”ถามพร้อมจับลำคอตัวเองเบาๆอย่างไม่คาดฝัน
“เราไปคุยกันที่ห้องผมดีกว่าครับ”เขาบอกก่อนจะเดินนำออกจากห้องไป ผมเหลือบไปมองทศกัณฐ์ที่หลับอยู่นิดๆ ชายฉกรรจ์ทั้งสามอยู่ประจำแต่ละจุดในมุมห้อง เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงจึงเดินตามสตีฟออกไป
.
.
.
.
.
.
.
.
ตอนนี้ผมมาอยู่ที่ห้อง 2910 เหมือนตอนแรกที่โจเซฟเคยพามาอีกครั้ง ผมนั่งรอที่โซฟาห้องนั่งเล่น ส่วนคนเจ็บเดินเข้าครัวไปเอาน้ำมาให้ จริงๆไม่อยากใช้คนเจ็บหรอก แต่เมื่อเจ้าบ้านสั่งให้รอเฉยๆผมก็ต้องตามนั้นแหละ
กึก! สตีฟวางแก้วน้ำไว้ตรงหน้าก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกัน
“คุณอาจสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นที่ห้องนั่งเล่น ผม และคุณทศกัณฐ์”ผมพยักหน้ารับเมื่อเขาเกริ่นขึ้น
“จริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากหรอกนะครับ”เขาพูดยิ้มๆแต่ผมสังเกตแววเศร้าในตาเขาแวบหนึ่ง
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอ...เขา-เกือบจะ-ฆ่า-ผม”ผมย้ำเสียงเข้ม
“ฮ่ะๆๆ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดคุณที่เข้าไปไม่ถูกเวลา”เขาหัวเราะฝืนๆมาให้ สรุปผมผิดหรอวะ?
“ผมจะตรัสรู้ไหมว่าเวลาไหนเขาปกติไม่ปกติ แล้วคุณโจเซฟไปไหนอย่างนั้นหรอครับ?”ผมว่าอย่างโมโห ก่อนจะถามถึงอีกคนที่ไม่เห็นเลยตั้งแต่เข้ามา
สตีฟเบือนหน้าไปอีกทาง เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ เงียบไปนานก่อนจะเอ่ยช้าๆ
“...ICU ครับ”เขาบีบมือตัวเองไปมาเหมือนระบายความเครียด
“...อย่าบอกว่าเพราะเขา”ผมนิ่งไปนานกว่าผมจะเค้นหาเสียงตัวเองเจอ สตีฟเพียงยิ้มแทนคำตอบ ทั้งรอยแผลบนร่างกายเขา แค่นี้ก็ชัดเจนเพียงพอแล้ว
นี่มันเกิดอะไรขึ้น นั่นลูกน้องคนสนิทของเขานะ กับผมที่โดนทำร้ายน่ะไม่เท่าไหร่เพราะพึ่งจะรู้จักกัน
ผมได้แต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น
“นี่ไม่ใช่ความผิดคุณทศกัณฐ์ และมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้น”
“นี่ยังไม่ใหญ่พออีกหรอ ต้องให้เขาฆ่าคนตายเลยไหมถึงจะเป็นเรื่องใหญ่!”ผมสวนกลับทันที
“คุณไม่มีสิทธิ์มาว่าเขา!!!และเขาจะไม่ฆ่าใคร!!!...อีก”สตีฟตะคอกดังลั่นลุกขึ้นมากระชากคอเสื้อผมอย่างแรง แต่ท้ายประโยคกลับสั่นเครืออย่างห้ามไม่อยู่ แววตาเขาสั่นไหวรุนแรง
“...”
“...”
“โอเค...ผมขอโทษ ผมผิดเองนี่มันไม่ใช่เรื่องของผมเลย”ผมเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย นั่นสิ มันไม่ใช่เรื่องของผมทำไมผมจะต้องมาเป็นเดือดเป็นร้อนแทน ผมค่อยๆแกะมือสตีฟออกจากคอเสื้อช้าๆ เขายอมปล่อยออกง่ายๆสายตาเหมือนรู้สึกผิด
“คุณรันต์ ผม-”
“คุณพูดถูกสตีฟ...ผมไม่มีสิทธิ์เลยสักนิด มีหน้าที่แค่ทำตามที่พวกคุณบอกก็พอ”ผมยิ้มมุมปากให้นิดๆ มือล้วงหยิบกุญแจรถวางไว้ที่โต๊ะ “ผมเอามาคืน จะเรียกใช้เมื่อไหร่ก็โทรมาแล้วกันนะครับ...ขอตัวก่อน”ว่าจบก็เดินออกจากห้องมาทันที
ผมช่างทำตัวแย่เหลือเกิน ไปยุ่งเรื่องคนอื่นโดยที่เขาไม่ต้องการ ไม่ได้สนิทกันด้วยซ้ำ จะถูกเขาว่าก็สมควรแล้ว
แต่ไม่รู้ว่าทำไมในใจลึกๆผมถึงรู้สึกเจ็บแปลบๆในอกกับคำๆนั้น รอยยิ้มเย้ยหยันตัวเองปรากฏบนใบหน้า
ไม่มีสิทธิ์งั้นหรอ...ก็คงอย่างนั้นแหละ...
++++++++++++++++++++++++++++
“เย็นนี้ไปไหน? ไปดูกูซ้อมบอลป่ะ?”เมฆเอ่ยชวนหลังเราเลิกเรียนคาบสุดท้ายของวันนี้
“อืม...ไปดิ”ผมตอบเรียบก่อนจะโดนมันกอดคอพากันออกจากห้องเรียน
“ช่วงนี้เป็นอะไรรึเปล่า ดูเงียบๆกว่าปกติ”เสียงคนข้างๆถามอย่างเป็นห่วง
“เปล่า ก็ปกตินี่”ตอบเสียงโทนเดิม เมฆหันมามองหน้าผมนิ่งๆแวบนึง ก่อนจะเดินต่อ
“ตามใจ...อยากบอกเมื่อไหร่ค่อยบอก”เมฆพูดขึ้นลอย ผมได้แต่พยักหน้ารับเบาๆ
ผมก็ปกติดีนี่...
โอเค...ผมไม่ปกติไปจากเดิมเล็กน้อย แค่เล็กน้อยนะ
ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้น นี่ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้ว พวกเขาไม่มีการติดต่อมา เงียบหายไปซะเฉยๆ และตัวผมก็ไม่กล้าเสนอหน้าไปหรอกครับ อีกอย่างรอยแดงที่โดนบีบคอก็พึ่งจะจางลงเอง
จะเอายังไงกันแน่ก็ไม่พูดออกมาตรงๆ...ผมเริ่มหงุดหงิดแล้วนะ
ช่วงนี้อารมณ์ผมเลยเป็นอึนๆเงียบๆจนเมฆสังเกตได้
“อีกอาทิตย์เดียวก็สอบแล้ว มึงอ่านไปถึงไหนละ”เมฆถามระหว่างทาง
“เกือบจบหมดละ เหลืออีก2 ตัว วิชาเสรีอ่ะ”
“โหยยยย ติวกูเลยสาสสส พึ่งเริ่มเองกู ไม่ทันแน่ๆ”เมฆโอดครวญ
“เออๆ ก็มึงมัวแต่เล่น”ผมบ่นเอือมๆ
“น่ารักจริงๆ น้องใครเนี่ย”ขยี้ผมกูอีก
Rrr Rrr Rrr
“เออ ว่าไงวะ”เมฆกดรับโทรศัพท์ “เอ้าไอ้สัด ยืมกูแล้วลำบากกูไปเอาอีก”
“เออๆทีหลังกูจะไม่ให้แม่งยืมละ...สัสกวนตีน แค่นี้แหละเดี๋ยวไปเอา”เมฆวางสายแล้วยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงอย่างหงุดหงิด
“เดี๋ยวแวะไปโรงยิม3ก่อนนะ”เก่งพาผมเดินเลี้ยวไปอีกทาง
“มีอะไรหรอ ท่าทางหงุดหงิดเชียว”
“ไอ้เก่งอ่ะดิ เมื่อเช้ามายืมไทด์กู คือแม่งมีประชุมแต่เสือกลืมใส่มา ควายไง...พอดีกูมีติดรถเลยให้แม่งยืม...แล้วมึงดูมันเดะ ยังให้กูไปเอาเองอีก จิกหัวกูนี่ยิกๆๆ”บ่นไปทั้งทาง
“ฮ่าๆๆๆ มึงยอมตกเป็นเบี้ยล่างมันเองนิ”
“อย่างกูไม่เคยอยู่ล่างโว้ยย บนตลอดคร้าบบ”เสียงกระล่อนเชียว
“บนอะไรของมึง?”ผมถามงงๆ
“หึๆ เป็นเด็กไม่ต้องรู้หรอกไอ้น้อง”ทำเสียงมีเลสนัยอีกละ เฮ้ออ
.
.
.
.
.
.
.
.
“มึงนั่งรอนี่ กูไปขี้แปบ เดี๋ยวไอ้เก่งมา”เมฆบอกก่อนจะวิ่งไปอีกฝั่งที่เป็นห้องน้ำของยิม ผมก็ขึ้นไปนั่งรอบนที่นั่งไม่สูงมากนักตามที่มันบอก
มองไปบนสนามมีนักกีฬาบาสเกตบอลกำลังวอร์มกันอยู่ข้างสนาม หนึ่งในนั้นมีคนที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ด้วย
พี่เซนท์...ข้างๆกันก็เป็นพี่ดี
เพียงแวบเดียวร่างโปร่งก็หันมาสบตากับผมโดยบังเอิญ เขายิ้มกว้างออกมาทันทีที่เห็น ผมก็ยิ้มบางๆตอบกับไป คนตัวเตี้ยกว่าวิ่งมาชิดอัฒจรรย์กวักมือเรียกผมไห้ไปหา ผมจึงเดินลงไปหาเขาแต่โดยดี
“หายไปไหนมา ไม่เจอเลย”พี่เซนท์แกล้งถามเสียงงอนๆ แก้มป่องขึ้นนิดๆ
“ผมไม่ได้ไปไหน แค่เราไม่เจอกันเอง”
“ไม่เชื่ออออ ไอ้ทศก็หายหัว ไม่มาเรียนอีกแล้ว ไปหาที่ห้องก็ไม่เจอ ไอ้สมิธก็บ่นหาทั้งน้องรันต์ทั้งไอ้ทศทุกวัน พี่ล่ะปวดหัว”พี่เซนท์ขยี้ผมตัวเองให้ยุ่งๆประกอบคำพูด ผมทำได้แค่ยิ้มบางๆตอบอย่างไม่รู้จะพูดอะไร
“แล้วนี่น้องรันต์มาทำอะไรที่นี่”
“ผมมาหาเพื่อนน่ะครับ เดี๋ยวก็จะไปแล้ว”พอผมว่าจบพี่เซนท์ก็หน้าบึ้งทันที
“น้องรันต์อ่ะ พี่ก็นึกว่าจะมาดูเค้า”
“ฮ่าๆๆ ผมสัญญาว่าจะไปดูเพื่อนซ้อมบอลแล้วน่ะสิครับ”
“ชิ!”พี่เซนท์เบะปาก
“ผมขอโทษ หายโกรธเถอะนะ”ง้อเขาหน่อย
“ไม่...”ปฏิเสธเสียงแข็ง ก่อนจะหันมาทำสายตาเจ้าเล่ห์ใส่ผม”แต่ถ้าวันนี้น้องรันต์ไปรับไอ้สมิธออกจากโรงพยาบาลกับพี่จะหายโกรธก็ได้ ขี้เกียจฟังมันบ่นจะแย่”พี่เซนท์พูดเสียงอ้อนๆ กระพริบตาใส่ผมปิ๊งๆ
ผมทำท่าคิดหนัก อืม...
“ก็ได้ครับ”ตอบตกลงในที่สุด พี่เซนท์ยิ้มดีใจร่าเลย
“เคร เอาเบอร์มา แปบนะ”เขาวิ่งกลับไปเอาโทรศัพท์ที่โต๊ะแล้ววิ่งกลับมายื่นให้ผม ผมกดเบอร์ตัวเองให้พี่
“เดี๋ยวพี่โทรหาอีกทีนะ”พูดจบก็รีบวิ่งกลับไปซ้อมต่อ
“รันต์ แฮ่กๆ”เสียงเรียกชื่อผมดังขึ้นอีกฝั่ง เก่งวิ่งหอบๆมาหยุดอยู่ข้างๆผม
“ใจเย็นเพื่อน กูไม่ค่อยรีบ”
“ไอ้เมฆขี้เสร็จยังอ่ะ”หลังจากลมหายใจกลับมาปกติ เก่งก็ยิงคำถาม
“ยังเลย นานแล้วนะเนี่ย แล้วมึงรู้ได้ไง พึ่งมาไม่ใช่อ๋อ?”
“กูโทรหามันว่าให้รอแปบ กูติดพันประชุมเรื่องงานกีฬาอยู่ มันก็บ่นๆแล้วบอกว่าจะขี้รอนั่นแหละ ทุเรศชิบหายไอ้สัด”เก่งพูดไปเบะปากไป
“ฮ่าๆๆๆ แล้วทำไมถึงนัดมันให้มาเอาที่นี่วะ”ผมถามอย่างสงสัย
“ก็กูต้องมาซ้อมบาส ขี้เกียจเดินอ้อมโลกไปสนามบอล”แล้วพวกกกูต้องอ้อมแทนว่างั้นเถอะ ไอ้เมฆก็ฉลาดตลอด ไม่ทันไอ้เก่งหรอกรายนั้น
“พวกมึงนี่น้าาา”ผมส่ายหัวอย่างเอือมระอาพวกมันสองคนเบาๆ
“งั้นเดี๋ยวกูไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ เดี๋ยวเอาไทด์มาให้”เก่งหันมาบอกก่อนจะเดินไปอีกทาง
“รันต์ ไอ้เก่งมายัง?”หลังเก่งเดินจากไปแค่ครู่เดียว เมฆก็เดินกลับมาจากห้องน้ำ
พวกมึงสองคนนี่ยังไง คลาดกันตลอด
“มาแล้ว แต่มันขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
“อะไรวะ!กูขี้เกียจรอแม่งละ มึงรอนี่เดี๋ยวกูมา”เมฆติดจะหงุดหงิดนิดๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินไปทางเดียวกับที่เก่งเดินไปเมื่อกี้
เกือบๆยี่สิบนาทีต่อมา เมฆเดินยิ้มออกมาด้วยสีหน้าอารมณ์ดีสุดๆต่างจากก่อนจะเข้าไปโดยสิ้นเชิงที่มือถือไทด์ออกมาด้วย เก่งที่เดินออกมาก็ตีหน้ายุ่งแล้วเดินเลี่ยงไปลงสนาม
“มีอะไรดีๆรึไง? อารมณ์ดีมาเชียว”ผมถามเมื่อเมฆเดินเข้ามาใกล้
“หึๆสะใจอะไรนิดหน่อย”ก็พอจะเดาได้จากสีหน้าเก่งล่ะนะ
++++++++++++++++++++++
“ไอ้สมิธมันต้องดีใจมากแน่ๆที่น้องรันต์มา อิอิ”พี่เซนท์พูดขึ้น ขณะที่เรากำลังเดินทางไปที่ห้องพักพิเศษพี่สมิธ
“ไม่ขนาดนั้นมั้งครับ”ผมยิ้มแหยๆตอบ
“จริงๆ ไม่เชื่อถามไอ้ดีดู มันบ่นถึงน้องรันต์ทุกวันจริงๆ”พี่ดีก็พยักหน้ายืนยันคำพูดพี่เซนท์ ผมได้แต่ยิ้ม
พวกเราพากันเดินมาเรื่อยๆระหว่างทางก็มีพี่เซนท์พูดเจี้ยวจ้าวอยู่ตลอด จนกระทั่งมาถึงหน้าห้องที่พี่สมิธพักอยู่ พี่ดีเป็นคนเปิดประตูนำเข้าไปก่อนคนแรก ตามด้วยพี่เซนท์และตบท้ายด้วยผม
“ช้าาาาาา”เสียงบ่นพี่สมิธดังลั่นห้อง
“ไอ้สัด เสียงดังเพื่อ?” โอ้โดนพี่ดีว่าเข้าให้
“เออๆ มึงดูก่อนว่ากูพาใครมา”พี่เซนท์โผล่ออกไปจากหลังพี่ดี แต่ผมยังไม่ได้ขยับออกพี่สมิธจึงยังไม่เห็นผม
“ใคร?”พี่ดีขยับตัวออกให้พ้นทางผม เผยให้พี่สมิธเห็นหน้าผมตรงๆ
“ดีครับ หายดีรึยัง”ผมทักแล้วยิ้มให้บางๆ
“ไอ้น้องรันต์มึงหายเฮดไปไหนมา ไม่รอมาตอนฝังกูเลยอ่ะ”พี่สมิธตรงดิ่งลงมาจากเตียงมาหาผมแถมล็อคคอผมเข้าให้ เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองธรรมดาแล้ว แต่ยังเกรียนขึ้นไปนอนบนเตียงผู้ป่วยอยู่
“นี่ถ้าไม่โดนบังคับมึงก็คงจะไม่มาใช่ไหมเนี่ย”พี่สมิธถามขึ้นหลังจากเราหาที่นั่งกันเรียบร้อย
“แฮะๆ”ได้แต่หัวเราะเจื่อนๆส่งให้
“บทพวกมึง2คนจะหายหัวก็หายไปเลย บทจะมาก็มาพร้อมกัน”พี่สมิธพูดหน่ายๆ
หมายความว่า...?
แกร็ก!ครืด!เสียงเปิดประตูระเบียงดังขึ้นเรียกความสนใจจากทุกคนในห้องให้หันไปมอง
ผู้ชาย...ที่ผมไม่ได้เจอเกือบอาทิตย์ก้าวเข้ามาในห้อง เขากวาดสายตามองยักคิ้วให้พี่ดีหนึ่งที จนสายตามาหยุดอยู่ที่ผม เท้าเขาชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเดินเลี่ยงไปนั่งอีกมุมโดยไม่หันมาสนใจผมสักนิด
ผมไม่รู้ว่าตลอดหลายวันที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับเขาและเขาเป็นอย่างไรบ้าง
แต่สิ่งที่ผมรู้ตอนนี้...
เขาไม่เหมือนเดิม...แม้กระทั่งสายตาที่ใช้มองผมยังเปลี่ยนไป!
+++++++++++++++++++++++
ตื่นปุ๊บก็รีบมาลงเลย อิอิ {โปรดติดตามตอนต่อไป...}