คุ้นๆเหมือนเคยอ่านเรื่องนี้มาแล้ว แต่น่าจะนานจนลืมไม่เป็นไรมาอ่านทวนใหม่ก้ได้ แต่ฉากสุดท้ายนี่แปลกๆมั้งคะ คือรันต์ก็สูงตั้ง 180 นะ ส่วนทศก็สูงไม่ต่างกันมากแค่ 6-7 cm. เองใช่รึเปล่า แล้วพอรันต์มานั่งตักเราว่าระดับความสูงของหน้าน่าจะใกล้กันจนแทบเสมอเลยมากกว่านะคะ แล้วก็ตอนอุ้มด้วย ทศอุ้มเหมือนรันต์สูงแค่ 160 อะ
ตอบความคิดเห็นนี้นะคะ
จริงๆทศกัณฐ์กับน้องรันต์ส่วนสูงห่างกันเพียง 7 เซนติเมตรค่ะ มันก็สูงห่างกันไม่มากเนอะ แต่เวลานั่งช่วงตัวบนก็ห่างกันนิดหน่อย มันก็พอจะก้มหัวซบได้อยู่ เปรมไม่ได้อธิบายว่าซบทั้งตัวเนอะ(เป็นความผิดของคนเขียนเองที่ไม่อธิบายให้ชัดเจน)
ส่วนเรื่องที่สามารถอุ้มได้นั้น ทศกัณฐ์ก็ตัวหนากว่ารันต์มาก บุคลิกรันต์จะเป็นแบบเด็กผู้ชายตัวสูงแต่ตัวผอมน่ะค่ะ(คนเขียนเคยโดนน้องชายกระโดดขี่หลังโดยที่มันสูงกว่าประมาณสิบกว่าเซนฯ(แต่มันผอมกว่า)ได้ค่ะ)
ปอลอลิง เรื่องนี้ไม่เคยลงที่ไหนมาก่อนนะคะ เปรมพึ่งลงเรื่องยาวเป็นครั้งแรกที่นี่และอีกเว็บ(ธัญวลัย) เริ่มเรื่องอาจจะมีไปคล้ายๆกับนิยายเรื่องอื่นบ้างแต่เปรมกล้ารับรองว่าไม่เคยก็อปนิยายของใคร อยากให้ติดตามกันไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็จะเห็นความแตกต่างเนอะ
สุดท้ายนี้เปรมขอบคุณความคิดเห็นของคุณR@iNi@r มากๆ ที่ใส่ใจรายละเอียดที่เปรมมองข้ามไปบางจุด เปรมจะนำไปปรับแก้แน่นอนค่ะ และขอบคุณมากๆสำหรับทุกๆความคิดเห็นอื่นๆนะคะ
ไปอ่านกันเถอะเสียเวลา อิอิ+++++++++++++++++++++
9
ฮื่ออออ ปวดหัวว่ะ รู้สึกเหมือนหัวจะหนักกว่าทุกที มึนๆด้วยแฮะ ผมค่อยๆขยับเปลือกตาเปิดขึ้นช้าๆค่อยๆให้สายตาปรับโฟกัส ภายในห้องยังมืดอยู่ม่านยังปิดไว้ รู้สึกว่าจะเป็นห้องพักผมที่คอนโดฯของทศกัณฐ์นี่แหละ
ว่าแต่ ผมเข้ามาได้ไงวะครับ? ที่จำได้คือต้องกลับหอ แต่โดนไอ้พี่สมิธมันกวนตีนเอากระเป๋าผมไปซ่อน เลยต้องอยู่เล่นเกมกะมัน แล้วก็ยกเหล้าไป2แก้วรึเปล่านะ จากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้อีก นี่กูเมาใช่ไหมวะ ผมหวังว่าตัวเองคงไม่ได้ทำอะไรแย่ๆออกไปหรอกนะครับ
ผมขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง เอื้อมมือไปเปิดโคมบนโต๊ะข้างหัวเตียง หยิบแว่นขึ้นมาสวม มองไปที่นาฬิกาดิจิตอลที่อยู่บนผนังอีกฝั่ง อืม จะสิบโมงเช้าแล้วครับ ผมลุกไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อยก่อนออกจากห้อง
แก็ก
ข้างนอกเงียบสนิทไร้ความเคลื่อนไหว ผมเดินไปทางห้องนั่งเล่น ซากหมอนและผ้าห่มกองรวมอยู่ที่หน้าโซฟา แต่ไร้วี่แววมนุษย์ทั้งสี่คน ที่แปลกกว่านั้นคือแก้วเหล้า ขวดเหล้าและจานชามถูกเก็บเรียบร้อย ไม่มีเศษซากให้เห็น
ผมเดินเข้าไปที่ห้องครัว ผมกะจะทำอาหารอ่อนๆเอาไว้ให้ทศกัณฐ์แล้วจะรีบกลับหอไปอาบน้ำนอนต่อ เอ่อ แล้วกระเป๋าผมอยู่ไหนวะครับ แม่งไอ้พี่สมิธเล่นกูอีกละ
ผมทำข้าวต้มปลาไปด้วยความหงุดหงิด ลองไปถามทศกัณฐ์ดูก็ได้วะเผื่อเขาจะรู้ พอคิดหาทางได้ผมก็ทำไข่เจียวเพิ่มให้เขาอีกอย่างดีกว่า ของในตู้เย็นก็จะหมดเกือบทุกอย่างแล้วคงต้องไปหาซื้อมาไว้แล้วล่ะ
ฟู่! เสียงไข่เจียวแตกฟู่ในกะทะเรียกน้ำย่อยมากครับ คิดไปคิดมาผมก็ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เย็นเมื่อวานเลยนี่หว่า
หมับ!
ขณะที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่ๆก็มีมือปริศนาที่ไหนไม่รู้จับหมับเข้าที่บ่าผมโดยไม่ทันตั้งตัว
“เฮ้ย!!!” ผมตัวสะดุ้งโหยง กะทะทอดไข่เกือบคว่ำ หันไปมองคนที่ย่องมาด้านหลังเงียบๆ เผลอถลึงตาใส่เขาอย่างโกรธๆ สายตาคนตรงหน้าเหมือนแม่งสนุก
“เล่นอะไรของคุณครับ ถ้าเกิดผมเผลอเอากะทะทอดไข่ปาใส่คุณจะขำไม่ออกนะครับ”
“ก็หลบ”ยักไหล่ไม่แคร์แล้วเดินไปเปิดตู้เย็น มันน่าโดนจริงๆ ผมหันไปทอดไข่ต่อ ดีที่เป็นกะทะเทฟลอนไข่เลยไม่ค่อยไหม้ พอไข่สุกก็ตักใส่จาน
“คุณมาก็ดีแล้ว เห็นกระเป๋าผมที่คุณสมิธเอาไปซ่อนไหม” ทศกัณฐ์ยืนพิงตู้เย็นคิดไปพักนึงแล้วยกขวดน้ำในมือขึ้นดื่มก่อนส่ายหัวเบาๆ
โอเค ใจเย็นๆไว้รันต์ มึงต้องใจเย็น อย่าหงุดหงิด ผมสูดหายใจเข้าลึกๆอย่างระงับอารมณ์
“คุณช่วยถามเขาให้หน่อยได้ไหมครับ แบบโทรหาน่ะ ผมจะกลับหอ น้ำยังไม่ได้อาบตั้งแต่เมื่อวาน” ผมก้มมองสภาพตัวเองอย่างอดสู ทศกัณฐ์มองตามพยักหน้าเหมือนเข้าใจ แต่ไอ้สายตาเหยียดเหมือนรังเกียจนั่นคืออะไรครับ? ใช่ดิมันอยู่ในชุดนอนสะอาดสะอ้าน หลับสบายๆบนเตียงนุ่มๆ หน้างี้ก็ใสวิ้งอย่างกับคนไม่ได้ดื่มเลย
เขาเดินออกไปข้างนอกครัว ส่วนผมก็เก็บทำความสะอาดครัวให้เรียบร้อย ไม่ถึงสิบนาทีทศกัณฐ์ก็เดินกลับเข้ามาในครัวพร้อมกับผมที่ล้างจานชามเสร็จพอดี
“มันปิดเครื่อง โทรเข้าโทรศัพท์ที่ห้องก็ไม่รับสาย สงสัยยังไม่กลับ” ทศกัณฐ์บอกทันทีโดยที่ไม่ต้องถาม ผมอ้าปากพะงาบๆ คือไรวะ กูอยากอาบน้ามมมมม
“โอเค ผมหาเอง อาจจะอยู่ในห้องนี้แหละ” ผมกำลังเดินออกจากห้องครัวไปหากระเป๋าอย่างที่ปากว่าแต่ก็โดนทศกัณฐ์คว้าแขนเอาไว้ก่อน ผมหันไปเลิกคิ้วถาม
“ไม่ต้องหาหรอก ไม่ได้อยู่ในห้องนี้”
“แล้วอยู่ที่ไหน!”ผมเผลอเสียงดังใส่ทศกัณฐ์อย่างลืมตัว แต่เขาก็ไม่ได้ตกใจอะไร
“ไม่รู้เมื่อคืนเห็นสมิธมันเดินออกจากห้องไปพักนึง มันคงเอากระเป๋ามึงออกไปด้วย” อาการปวดหัวจี๊ดเข้าแทรกผมทันที ไอ้เหี้ยสมิธ… ถึงหอผมจะอยู่ถักจากที่นี่ไปสองซอย แต่ก็เป็นสองซอยที่ไกลนะครับ คือขึ้นรถเมย์ก็ตั้งสองป้ายอ่ะ เหนื่อยไปดิถ้าเดินกลับจริงๆ
“เดี๋ยวไปส่งอย่าคิดมาก กินข้าวก่อนๆ”ทศกัณฐ์ลากผมไปนั่งที่เก้าอี้ ส่วนตัวเขาเดินไปเปิดหม้อข้าวต้มหยิบถ้วยกับช้อนออกมาสองชุด ตักข้าวต้มใส่แล้วนำมาเสิร์ฟผมถึงที่
หืม แปลกๆไปรึเปล่านะ รู้สึกบรรยากาศผ่อนคลายตั้งแต่ที่เขาเข้ามาแล้ว
“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าครับ” ผมถามอย่างสงสัย จ้องหน้าเขาอย่างหาคำตอบ
“ไม่นี่” ร่างสูงทรุดนั่งตรงข้าม ก้มหน้าก้มตากินข้าวต้มกับไข่เจียวไม่สนใจผม
“หรอ คุณดู…แปลกๆ”ผมตั้งข้อสังเกต เขาดูว่าง่ายกว่าปกติ และ…อ่อนโยน เฮ้ยๆๆๆ บ้าไปแล้วรันต์ มึงเมาค้างแน่ๆ ผมตบหน้าตัวเองเบาๆเรียกสติ
“หึๆ เป็นบ้าไปแล้วหรอ”ได้ยินเสียงหัวเราะจากฝั่งตรงข้ามกับสายตาขำๆของมันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆว่ะครับ แต่ไม่รู้จะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไรดี ช่างมันเถอะ
เราสองคนนั่งกินข้าวกันเงียบๆจนหมดถ้วย ผมกินแค่ถ้วยเดียวก็อิ่ม ส่วนทศกัณฐืสองถ้วยเต็ม ไข่เจียวห้าฟองก็หมด(ผมกินนิดเดียว)
“คุณ!ไม่ต้องทำๆ เดี๋ยวผมทำเอง คุณไปอาบน้ำเถอะ”ผมรีบไปหยิบชามออกจากมือทศกัณฐ์ที่กำลังเดินจะเอาไปล้าง
“ช่วยทำ”เขาไม่ยอม จะแย่งคืนจากมือผมให้ได้
“คุณไม่ต้องช่วย นี่มันหน้าที่ผม รีบไปอาบน้ำเถอะ ผมอยากกลับจะแย่แล้ว” ผมว่าดุๆแล้วเดินเอาชามไปล้างที่ซิงค์ ทศกัณฐ์ก็มองตามก่อนจะหายใจหน่อยๆแล้วเดินออกจากครัวไป
ผมล้างชามเสร็จไม่เกินสิบนาที ก่อนจะออกไปนั่งรอทศกัณฐ์ที่ห้องนั่งเล่นเปิดทีวีดูการ์ตูนช่องโปรดอย่างสบายใจ
เกรงใจไหม?
ไม่นี่ ผมทำให้เขามากกว่านี้อีก เดี๋ยววันจันทร์จะต้องไปเอาเสื้อผ้าจากร้านซักรีดที่ใต้คอนโดมาไว้ให้อีก ชีวิตขี้ข้าเต็มตัวแล้วตอนนี้
.
.
.
.
.
15 นาทีต่อมา
ตึกๆๆ
เสียงฝีเท้าดังมาจากชั้นสอง ผมหันไปมองทศกัณฐ์ที่วิ่งลงมาอย่างรีบๆมือถือหมวกกันน็อคลงมาด้วย แล้วเขา…
ก็วิ่งเลยผมไปที่หน้าห้อง
ผมรีบปิดทีวีแล้ววิ่งตามออกไป
“หอผมไม่ได้ย้ายหนีไปไหน ไม่ต้องรีบขนาดนี้ก็ได้มั้งคุณ” ทศกัณฐ์ที่กำลังใส่รองเท้าชะงักเงยหน้ามองผมแล้วขมวดคิ้วมุ่น
“ขับรถยนต์เป็นไหม” เขาถามนิ่งๆยืนขึ้นเต็มความสูง
“ก็…พอได้ครับ ทำไม?” ผมถามงงๆ โดยส่วนตัวเมฆก็เป็นคนสอนผมขับรถ รถสปอร์ตทุกคันของมันผมก็ลองขับมาหมดแล้ว ทศกัณฐ์พยักหน้ารับ วิ่งผ่านหน้าผมขึ้นไปบนชั้นสอง
อะไรของเขาวะ?
ผมเดินไปเปิดตู้หยิบรองเท้ามาใส่รอ สักพักทศกัณฐ์ก็วิ่งลงมาพร้อมโยนสิ่งที่อยู่ในมือเขามาทางผม มือผมก็ยกขึ้นรับโดยอัตโนมัติ เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือผมก็เงยหน้าขึ้นมองทศกัณฐ์งง
“หมายความว่าไงครับ?”ผมถามแล้วชูกุญแจรถที่มีสัญลักษณ์แอสตันมาร์ตินเด่นหรา
“กูไม่ว่างไปส่งมึงแล้ว ขับกลับไปเลย เดี๋ยวกระเป๋าจะหาไปคืนให้” ทศกัณฐ์ร่ายยาวแล้วเดินฉับๆจะออกจากห้อง
“เฮ้ยๆ เดี๋ยวก่อนคุณ มีเรื่องอะไรรึเปล่า”ผมรั้งแขนทศกัณฐ์ให้หันกลับมาคุยกันดีๆ มันมองหน้าผมนิ่งๆ แล้วถอนหายใจใส่
“ไอ้สมิธโดนรุมกระทืบ ตอนนี้อยู่โรพยายบาล”
“ห๊ะ แล้ว…เป็นอะไรมากรึเปล่า”
“ไอ้ดีบอกว่าโดนแทงที่ท้อง” ผมรู้สึกว่าประโยคนี้ของทศกัณฐ์ดูเย็นเยียบ สายตาเขาดูกดต่ำลง แวบนึงผมรู้สึกเหมือนสายตาเขา…ไม่เหมือนสายคนปกติ
“งั้นคุณรีบไปเถอะ”ผมดุนหลังเขาไปที่ประตู เขาก็ออกรีบไปแต่โดยดี
ทศกัณฐ์ออกไปแล้วส่วนผมยังอยู่ในห้องเขา ก็มีเรื่องต้องทำอีกนิดหน่อยน่ะครับ
.
.
.
.
.
ผมกลับมาถึงห้องตัวเองตอนบ่ายนิดๆ ตอนขี่รถเข้ามาพี่ยามก็มองงงๆ แน่ล่ะครับอพาร์ทเมนท์ที่นี่ส่วนใหญ่คนที่อยู่ก็เป็นนักศึกษาธรรมดาๆ รถแพงๆคันเป็นสิบๆล้านก็ไม่ค่อยเห็นกันหรอกครับ ผมไปทำเรื่องขอคีย์การ์ดสำรองไม่นานนักก็ได้ขึ้นห้อง ผมอยู่ชั้น3 ครับ ตึกนี้มี5ชั้น ลิฟท์ไม่มี ก็โอเคพอเดินไหวอยู่ พอเข้ามาในห้องแล้วรู้สึกคิดถึงอย่างบอกไม่ถูก(เว่อร์) ผมรีบถอดเสื้อผ้าตรงดิ่งเข้าห้องน้ำทันที พอตัวถูกน้ำเหมือนตายแล้วได้เกิดใหม่เลยแฮะ
วันนี้ผมอาบน้ำสระผมนานก็ที่เคย รู้สึกตัวเองสกปรกไปหน่อย
ก็อกๆๆๆ
เสียงเคาะประตูรัวขึ้นขณะที่ผมกำลังนั่งเช็ดผมอยู่ ผมลุกขึ้นไปเปิด เจอไอ้เมฆหน้าบึ้งจะเคาะประตูลงมาอีก
“เป็นบ้าอะไร” ผมหลบให้มันเข้ามาในห้องแล้วถาม
“โทรศัพท์เป็นอะไร ทำไมติดต่อไม่ได้” เดินเข้ามาปุ๊บก็คั้นกูทันที ผมเดินกลับไปนั่งเช็ดผมที่เตียงอย่างไม่สนใจก่อนจะตอบ
“แบตหมดมั้ง สงสัยมันดับเอง”จริงๆอยู่กับไอ้พี่สมิธเว้ย แต่มือถือผมก็ชอบดับเองจริงๆนะ
“ซื้อใหม่ซะทีเถอะรันต์ มึงก็ไม่ได้ขาดเงินอะไรขนาดนั้น ถ้ามึงไม่ซื้อเดี๋ยวกูซื้อให้” เมฆเดินมานั่งลงข้างๆแล้วบ่น มือมันก็แย่งผ้าเช็ดตัวจากผมมาเช็ดผมให้แทน
“ก็…มันยังพอใช้ได้อยู่”
“หรอออ แล้วมีอะไรจะบอกกับพี่เมฆไหมครับน้องรันต์” ตอนแรกก็เหมือนจะล้อเลียน แต่ประโยคหลังของเมฆก็ทำผมอดสะดุ้งไม่ได้
“อะไร? ไม่มีนิ” ผมตอบขณะที่ก้มหัวให้มันเช็ดผมให้อยู่ แต่เมฆกลับหยุดมือแล้วเชยคางให้หน้าผมเงยขึ้นสบตากับมัน
“แล้วนี่อะไร อธิบายพี่มาซิ” เมฆล้วงมือไปหยิบมือถือในกางเกง กดยุกยิกก่อนจะยื่นจอมาใกล้หน้าผมเพราะตอนนี้ผมไม่ได้ใส่แว่น
อ่า รูปที่ไอ้พี่สมิธมันทำแสบไว้
“ก็…แค่เล่นๆกันไง”ผมตอบอ้อมแอ้ม พยายามหลบสายตาเมฆแม้จะทำได้ไม่มากก็เถอะ แต่น้ำเสียงเย็นๆที่มันไม่ค่อยใช้ก็ทำผมอดกลัวไม่ได้ เมฆหรี่ตามองนิ่ง ใจผมก็เต้นรัวกลัวมันรู้ว่ารู้จักกับพวกนี้แล้วไม่บอกมัน
“พวกเขาได้แกล้งมึงรึเปล่า”
“ไม่นี่ กูเป็นพี่สาธิตแต่เล่นแพ้ ก็เลย…แบบนั้นแหละ”
“แล้วทำไมต้องลงโทษแบบนั้น”ไอ้พี่สมิธมันอยากแกล้งกูไง”ถ้าไอ้อ๋องไม่ส่งมาให้กูดูก็ไม่คิดจะบอกกูเลยใช่ไหมห๊ะ กูคลาดสายตาแปบเดียวยังขนาดนี้”ไอ้แก่บ่นยาวเลยทีนี้
“เออน่ะ มันไม่มีอะไรเสียหายหรอก”
“ไม่เสียหายได้ไง แก้มมึงกูหอมได้คนเดียวยกเว้นแฟนมึง แต่ตอนนี้มึงยังไม่มีแฟนกูหอมได้คนเดียว”ผมขำนิดๆกับความคิดมัน”หรือว่า…มึงมีแฟนแล้ว?” ผมรีบส่ายหัวโดยอัตโนมัติ เมฆก็พยักหน้ารับเหมือนพอใจในคำตอบผม
“ดีมาก ไหนแก้มข้างไหนที่ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันหอมกูจะลบรอยแม่ง”ไม่พูดเปล่ามันยังเอามือทั้งสองข้างมารั้งใบหน้าผมเข้าไปใกล้ ก่อนจะกดจมูกโด่งๆลงหอมแก้มผมรัวทั้งสองข้าง ส่วนตัวผมได้แต่ยื่นมือผลักหน้ามันออกไปไกลๆแต่ก็สู้แรงมันไม่ไหวอ่ะนะ
“เหี้ยเมฆ พอเลยเล่นเป็นเด็กๆ”ผมบ่นหลังจากสลัดตัวหลุดออกจากมันได้ แต่มันกลับหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดีที่ผมบ่น
“ก็มึงมันน่าโดน” โดนเหี้ยไรวะ
++++++++++++++++++++++
หลังจากนั้นเมฆก็ชวนผมออกไปหาอะไรกินข้างนอกที่ห้างใกล้ๆ กินเสร็จเมฆก็บ่นๆอยากดูหนังไปๆมาๆก็โดนมันลากไปดูจริงๆ พอดูเสร็จก็หิวไปหาอะไรกินกันอีก ท้องผมจะแตกอยู่แล้วครับ
สี่ทุ่มเศษๆเมฆก็มาส่งผมที่หอ มีถามด้วยว่าแอสตันใคร ไม่เคยเห็นมาก่อน ผมก็ตีมึนบอกไม่รู้
เมฆตามผมขึ้นไปบนห้องเพราะจะยืมการบ้านไปลอกส่งพรุ่งนี้ พอเอาของเสร็จผมก็เดินออกไปส่งมันหน้าห้อง
“ล็อคห้องให้เรียบร้อย เดี๋ยวพรุ่งนี้กูมารับ โอเค๊?”
“อือ มึงก็ขับกลับดีๆดึกละ”ผมตอบ
“ครับ มาจุ๊บลาสิ”
“จุ๊บป้ามึงดิ ไปเลยไป”ผมไล่
“จุ๊บ! หึๆ”มันไม่สนใจแต่ก้มลงมาจุ๊บมุมปากผมเร็วๆทีนึง แล้วหัวเราะในลำคอก่อนจะวิ่งลงไป
“เชี่ยเมฆ เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง”ผมบ่นกับตัวเองเบาๆ ไม่กล้าตะโกนด่าครับเดี๋ยวข้างห้องออกมาด่าผมแทน
ผมกลับเข้ามาในห้อง คว้าผ้าเช็ดตัวเตรียมจะไปอาบน้ำแต่อยู่ๆเสียงเคาะประตูห้องผมก็ดังขึ้น เมฆลืมอะไรไว้รึเปล่านะ
ก็อกๆ
“มีอะไรอีก”ผมเปิดประตูแล้วบ่นทันทีโดยไม่ทันมองว่าเป็นใคร พอเงยหน้าขึ้นมองชัดๆเท่านั้นแหละ
“เอาของมาให้” ทศกัณฐ์พูดนิ่งๆ มือข้างนึงชูเป้ผมขึ้นให้ดู
“คุณขึ้นมาได้ไงวะ คนดูแลหอไม่รู้จักคุณนี่(เมฆขึ้นได้เพราะคนดูแลหอเปิดประตูขึ้นตึกให้ ผมบอกไว้อีกที)” ทศกัณฐ์ไม่ตอบ แต่ใช้มืออีกข้างดันผมเข้าไปในห้อง ตัวเขาก็ก้าวตามเข้ามาติดๆ ใช้เท้าปิดประตูห้องกูอีก
“หิว” เขาวางเป้ลงที่โต๊ะเขียนหนังสือผมกวาดสายตามองรอบห้อง บอกว่าหิวสั้นๆก่อนจะล้มตัวลงบนเตียง
“หิวก็ไปหาซื้ออะไรกินสิ แล้วก็ลุกออกจากเตียงผมด้วยครับมันสกปรกนะ”ผมสังเกตว่าชุดเขาคือตัวเดียวกันตั้งแต่เมื่อเช้านี้ ทศกัณฐ์ยอมลุกขึ้นนั่งแต่โดยดี แต่ก็ยังไม่ลุกออกจากเตียงผม ท่าทางดูเหนื่อยๆ
“เฮ้อ มันดึกแล้ว ร้านอาหารแถวนี้ก็ปิดหมดแล้ว คุณกินมาม่าได้ไหมล่ะ”ผมบอกอย่างเหนื่อยใจ นึกขึ้นได้ว่ายังพอมีมาม่ากับผักสดในตู้เย็นเหลืออยู่นิดหน่อย ห้องผมไม่มีห้องครัวนะ มีบ้างที่ทำนั่นนี่ใส่กระทะไฟฟ้าเอา ทศกัณฐ์พยักหน้ารับ สายตาเขามองผมนิ่งๆไม่พูดไม่จา
“มีอะไรติดหน้าผมอยู่รึเปล่าครับ” ผมถามอย่างสงสัย ทศกัณฐ์ก็ยังนิ่ง ผมจึงเลิกสนใจเขา เดินไปหยิบกะทะไฟฟ้ามาต่อ หยิบแครรอทกับคะน้าจากตู้เย็นแกะมาม่าให้เขาสองห่อดีที่เป็นรสหมูสับ
“อาบน้ำได้ไหม?”เสียงดังขึ้นจากด้านหลัง ผมหันไปมอง ตอนแรกว่าจะไล่ให้กลับไปอาบที่ห้องตัวเอง แต่พอเห็นสภาพแล้วมันอด…ใจอ่อนไม่ได้
“ก็…ได้อยู่หรอก แล้วชุดล่ะ?”
“มีชุดไหม”กูถามไม่ได้ให้ถามตอบ ผมเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าคุ้ยๆหาเสื้อผ้าผมที่เขาพอจะใส่ได้ ถึงเราจะสูงต่างกันไม่มากแต่ทศกัณฐ์ตัวหนากว่าผมมาก เกรงว่าเขาจะใส่ไม่ได้น่ะสิ
ผมได้กางเกงเลให้เขากับเสื้อยืดที่ได้ฟรีมาผิดไซส์แล้วก็ผ้าเช็ดตัวที่ยังไม่ได้ใช้ หวังว่าจะใส่ได้นะ แล้วอันเดอร์แวร์ล่ะวะ
“อ่ะ น่าจะใส่ได้ แต่…” ผมยื่นเสื้อผ้าให้ทศกัณฐ์ แต่ไม่กล้าพูดว่าไม่มีอันเดอร์แวร์ว่ะ ทศกัณฐ์ก็เลิกคิ้วถาม
“มะ ไม่มีอันเดอร์แวร์นะ”ผมพูดรัว ทำไมต้องรู้สึกอายๆวะ ยิ่งไอ้หน้าหล่อๆนิ่งๆยกยิ้มที่มุมปาก หน้าผมยิ่งร้อนขึ้นไปอีก
“หึๆ ผู้ชายเขาไม่ใส่นอนกันนะboy”มันแซวผมเสร็จก็เดินเข้าห้องน้ำไปเลย
กร๊าซซซซซ เคยโมโหที่ทำอะไรไม่ได้ไหมครับ แม่ง พอตั้งสติได้ก็เดินไปทำมาม่าต้มให้คุณชายเขาต่อ
พอทศกัณฐ์ออกจากห้องน้ำ ผมก็ชี้ไปที่มาม่าชามใหญ่ตรงโต๊ะ แล้วเดินเข้าห้องน้ำอย่างไม่สน แอบเหล่นิดหน่อยที่ขนาดมันใส่ชุดบ้านๆยังดูดีสุดๆ
ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จในห้องน้ำ ปกติก็แต่งด้านนอกแต่วันนี้มีตัวปัญหา
พอออกมาก็เห็นทศกัณฐ์นอนคว่ำอยู่บนเตียงผมแล้ว ชามมาม่าไม่มีสงสัยกินเสร็จล้างเรียบร้อยแล้วมั้ง ผมเอาผ้าเช็ดตัวไปตากที่ระเบียงแล้วเดินกลับไปที่เตียง เขย่าแขนเรียกทศกัณฐ์
“นี่คุณ อิ่มแล้วก็กลับบ้านไปนอนดิ”ผมเย่าแขนเขา จนในที่สุดทศกัณฐ์ก็หันกลับมามอง ท่าทางเขาสะลึมสะลือเหมือนหลับไปแล้ว
“กลับไปนอนห้องตัวเองได้แล้วครับ”ผมบอกนิ่ง ยกมือขึ้นกอดอก
“ง่วง จะนอน”แล้วมันก็หลับตาลงอีกครั้ง คือกวนตีนใช่ป่ะ?
“ง่วงก็ลุกกกกก”ผมดึงแขนเขาให้ลุกขึ้น แต่แม่งไม่ขยับเลย หนักเป็นบ้า
“นอนนี่นะ”นี่ผมหูฝาดไปรึเปล่าครับทุกคน
“อย่ามาตลก ขี่รถไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงห้องคุณละ”ผมบอก ยังพยายามลากแขนให้เขาลุกขึ้นให้ได้
“สิบนาทีก็ง่วง”อะไรของเขาวะ มางอแงอะไรวันนี้เนี่ยทำเอาผมไปไม่ถูกเลย
“เตียงมันแคบ”เตียงผมประมาณ6ฟุตครับ จริงๆมันก็พอนอนได้สองคนแหละ แต่ไม่อยากนอนกับมันนี่
ไม่ได้สนิทกันสักหน่ย
“นอนได้” มันพูดแล้วเขยิบไปชิดอีกฝั่งให้ผม เฮ้ออออออ
ผมถอนหาใจแรงๆใส่หน้ามันอย่างคนทำอะไรไม่ได้
ถามว่าทำไมไม่นอนพื้น เรื่องอะไรผมต้องทำแบบนั้นกันครับ นี่ห้องผมโว้ย
ผมหยิบหมอนข้างมากั้นตรงกลาง แล้วเดินไปปิดไฟก่อนจะล้มตัวลงนอน
“ห้ามข้ามมาแม้แต่นิดนะครับ”ผมบอก ยังคงระแวงนิดๆกับเรื่องเมื่อตอนนั้น
.
.
.
.
.
.
.
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ผมก็ยังคงนอนไม่หลับ เกร็งตัวนอนอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ไม่คุ้นหูดังขึ้น น่าจะเป็นมือถือของทศกัณฐ์ ผมสัมผัสได้ว่าร่างสูงที่นอนอยู่ข้างๆผมลุกขึ้น ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมทำเป็นแกล้งหลับ เสียงโทรศัพท์หยุดไปพร้อมๆกับเสียงทศกัณฐ์ที่ดังขึ้น
“มีอะไร” เขาพูดเป็นภาษาอังกฤษ
(…)
“ผมจัดการแล้ว พี่ไม่ต้องเข้ามายุ่งเรื่องนี้” ทศกัณฐ์เสียงกดต่ำลงยิ่งกว่าเดิม
(…)
“ถ้ามันรู้ว่าพี่เข้ามายุ่ง มันหนีอีกแน่”
(…)
“ตามใจ แต่ถ้าคราวนี้พี่หามันไม่เจอ รู้ไว้ว่าผมคือคนที่พามันไปเอง”
(…)
“ถ้ามันเป็นอะไรไป ผมไม่ให้อภัยพี่แน่ลุค” แล้วทศกัณฐ์ก็วางสายไป ผมเกร็งตัวยิ่งกว่าเดิมที่เตียงด้านข้างยวบลง ไม่กี่นาทีต่อมาผมก็ได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของคนข้างๆ
ทศกัณฐ์คุยกับใครกัน น้ำเสียงเขาดูซีเรียสมากจริงๆ จะเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดวันนี้รึเปล่านะ
คิดไปคิดมาผมก็ผร็อยหลับตามทศกัณฐ์ไปติดๆ โดยไม่รู้เลยว่าหมอนข้างที่กั้นไว้ได้กระเด็นตกจากเตียงด้วยฝีมือคนที่ผมคิดว่าหลับไปแล้ว
.
.
.
.
.
.
ก็อกๆๆๆ
“รันนนนนนนน ตื่นนนนนนนน”
เสียงเคาะประตูรัวหน้าห้องผมดังขึ้น ตามมาติดๆด้วยเสียงตะโกนจากเมฆ
ชิบ!ผมลืมตั้งนาฬิกาปลุก เมื่อคืนกว่าจะหลับก็ดึกดื่น
ผมรีบจะลุกจากเตียงไปเปิดประตูให้เมฆที่เรียกอยู่ด้านนอก แต่ตัวผมกลับดีดลงไปนอนที่เดิม
What? พอตั้งสติได้ดีๆก็เห็นแท่นแขนของคนพาดอยู่บริเวณเอวผม ผมไล่สายตามองตา
WTF!!!ทศกัณฐ์ มึงกอดกู! แล้วหมอนข้างไปไหนวะครับ ผมเตรียมยกเท้าจะถีบมันออก
“ไอ้รันต์ ทำเหี้ยไรอยู่เนี่ยยยยย” เชี่ยยย ทำไมปัญหามันรุมเร้าแบบนี้วะเนี่ย ผมลดเท้าลงแล้วเปลี่ยนเป็นปลุกมันดีๆแทน
“คุณณณณณ ตื่นนนน”ผมทั้งเรียกทั้งเขย่าสุดแรง แต่เรียกไม่ดังนะเดี๋ยวไอ้เมฆได้ยิน
“เมฆแปปปป กูพึ่งตื่น” ปากพูดกับไอ้เมฆ มือก็เขย่าไอ้เหี้ยข้างๆนี่ให้ตื่น จนในที่สุดมันก็ค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น(คือเสียงโครมครามขนาดนี้มึงควรตื่นได้ตั้งแล้ว)
“มีอะไร ปลุกแต่เช้า”ไม่พูดเปล่ามีการกระชับแขนดกับเอวผมแน่นขึ้น หน้าซุกหมอนนอนต่อ
“เชี่ยยย ปล่อยกู เพื่อนผมมาๆ”ผมดึงมือมันออก ทศกัณฐ์ยอมเอาหน้าออกจากหมอนมามองผม
“แล้วไง ก็ไปเปิดประตูดิ” พูดควายๆอีกละ ยังไมทันที่ผมจะด่ามัน เสียงไอ้หน้าห้องก็ดังขึ้นอีก
“ไอ้รันต์ มึงเปิดดิ อยู่กับใครกูได้ยินเสียงคนคุยกัน” นรกแล้ววววว
“ไม่มี เสียงทีวี แปปนึงกู กู กูแก้ผ้านอน เมื่อคืนไฟดับ ใส่เสื้อผ้าก่อน”ผมตะโกนบอก ทำไมกูต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยวะ
“ลุกเดี๋ยวนี้ ถ้าเพื่อนผมเข้ามาเห็นคุณผมตายแน่ๆ”ผมบอกเขาลนๆ ตอนนี้มันยอมปล่อยแขนออกจากเอวผมแล้วครับ ผมรีบวิ่งไปเก็บรองเท้ากับเสื้อผ้าทศกัณฐ์มายัดใส่มือร่างสูงที่ลุกขึ้นนั่งบนเตียงแต่ยังไม่ยอมลุกออกมา ผมได้แต่กัดฟันกรอดๆ
“ออกไปหลบที่ระเบียงเลย เร็วๆ”ผมชี้นิ้วไปที่ระเบียง ไม่รู้จะให้หลบที่ไหนนี่หว่า แล้วไอ้เมฆมันก็ไม่ค่อยเปิดระเบียงห้องผมด้วย มันบอกวิวไม่สวย
“ทำไมต่องทำอย่างนั้น”ถามหน้านิ่ง แต่ไอ้ตาเขียวๆนั่นดูเจ้าเล่ห์มาก
“ห้ามเพื่อนผมรู้แค่นั้น รีบไปเลยเร็วๆ”ผมบอก ยังได้ยินไอ้เมฆบ่นนานบ้าบออะไรอยู่หน้าห้อง
“ก็ได้ แต่…”
“แต่อะไร เร็วๆ”ผมเร่ง เริ่มหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม
ทศกัณฐ์ไม่ตอบ เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ระดับสายตาเราใกล้เคียงกัน เราสบตากันอยู่ไม่กี่วินาที ก่อนริมฝีปากสีซีดจะฉกวูบลงมาประทับกับมุมปากผมเบาๆ
“หึๆ”เขาผละออกไปแล้ว ก่อนจะเดินไปที่ระเบียงแล้วเลื่อนปิดแต่ผมก็ยังนิ่งค้างอยู่ท่าเดิม
“ไอ้รันต์ มึงตายแล้วหรอออออ” ผมสะดุ้งกับเสียงเมฆ รีบวิ่งไปเปิดประตู ไม่ลืมเปิดทีวีเพื่อความเนียน
“ช้า!”เปิดมาปุ๊บโดนทันที
“ก็แต่งตัวอยู่”ผมบอกอ้อมแอ้ม ทำไมรู้สึกเหมือนผัวแอบมีเมียน้อยแล้วกลัวเมียหลวงจับได้เลย
“แต่งทำไม ผ้าเช็ดตัวก็พอมั้งเดี๋ยวก็ต้องอาบน้ำไปเรียน”มันหรี่ตามองอย่างจับผิด”มีอะไรปิดบังกูรึเปล่าเนี่ย”ผมส่ายหัวอย่างแรง
“ไม่มี”ผมรีบปฏิเสธ เมฆพยักหน้าเดินเข้ามาในห้องก่อนจะตรงดิ่งไปที่ประตูระเบียง”เฮ้ย”ผมอุทานอย่างตกใจ เมฆมันกระชากประตูให้เปิดออก เมฆเงียบ ผมรีบวิ่งออกไปเตรียมจะอธิบาย
“ตกใจอะไร”เมฆหันมาถาม ผมกวาดสายตามองระเบียงที่ว่างเปล่าไร้วี่แววของบุคคลที่สามอยู่ หายไปไหนของเขา
“ก็มึงอ่ะเป็นอะไร คิดว่ากูปิดบังอะไรวะ”โมโหกลบเกลื่อนแม่ม ไอ้เมฆอึ้งพูดไม่ออก ผมเดินหนีมันไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำทันที
เฮ้ออออ รอดตัวไป
มือผมเผลอยกขึ้นแตะมุมปากที่พึ่งโดนขโมยจูบหมาดๆ ไม่เข้าใจว่ามันทำไปเพื่ออะไร เข้าใจว่าครั้งแรกคือแม่งเมาขาดสติ โดนหอมแก้มครั้งที่สองคือโดนไอ้พี่สมิธแกล้ง แล้วครั้งนี้ล่ะ? ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือว่ามันคือเรื่องบังเอิญที่ทศกัณฐ์จูบมุมปากผมข้างเดียวกับที่ไอ้เมฆแกล้งจุ๊บเมื่อคืนเลย งงกับมันจริงๆ
ช่างเถอะ ตอนนี้ต้องรีบอาบน้ำแล้วล่ะครับ เดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน
ซวยแต่เช้าเลย
ช่างเป็นวันที่ดีของไอ้รันต์จริงๆ
+++++++++++++++++++++++++
เค้าขอโต๊ดดดดดดดดดด ผิดไปแล้ว มาช้าไปหน่อย(หรอ) อาทิตย์ที่แล้วมีสอบนอกตาราง2ตัวเป้งๆเลย ไม่ได้มาบอกไว้(ลืม) จริงๆจะว่างแต่งตั้งแต่วันศุกร์แล้ว แต่ไอ้เพื่อนบ้ามันพาไปต่อแถวซื้อของเซลล์แถวสยามเกือบตาย เลยลากยาวมาจนถึงวันนี้แล ฮืออออ อภัยให้เค้านะ อย่าหายไปนะ จุ๊ฟ {โปรดติดตามตอนต่อไป...}