《ใจยักษ์❤[เมฆ-เก่ง]:ตอนที่1❤[25/03/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 《ใจยักษ์❤[เมฆ-เก่ง]:ตอนที่1❤[25/03/61]  (อ่าน 225133 ครั้ง)

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
«ตอบ #300 เมื่อ21-02-2017 23:43:58 »

 :laugh:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
«ตอบ #301 เมื่อ22-02-2017 00:26:20 »

น้องรันต์โดนพี่ยักษ์จับกินไปซะแล้ว โถ่~

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
«ตอบ #302 เมื่อ22-02-2017 09:07:59 »

แกล้งแรงไปไหมอะ ช็อกตายไปก่อนทำยังไง

ออฟไลน์ Fonz_Juz19

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
«ตอบ #303 เมื่อ22-02-2017 20:34:05 »

โอยยยย อยากอ่านต่อมากเลยยย
น้องรันต์จะล่าพี่ทศได้ไหม !!!!
น้องรันต์ น่ารักกกกกกกกกกกกกก
อิพี่ทศก็เก็กเกินนนน ระวังหลงน้องรันต์ โงหัวไม่ขึ้นนะจ้ะ 5555
คนเขียนสู้ๆๆนะคะ รออยู่ๆ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
«ตอบ #304 เมื่อ23-02-2017 01:51:23 »

รออ่าน

ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
«ตอบ #305 เมื่อ23-02-2017 06:04:56 »

 :z13: นิยายรายเดือนใช่มั้ย รอจนจะลืมแล้ว

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
«ตอบ #306 เมื่อ25-02-2017 10:58:20 »

โอ้ย ได้น้องแล้วมารัยผิดชอบด้วยโว้ยอีพี่ทศ หายหัวไปอีก อารมณ์ตื่นมาแล้วแบบเสียตัวมันแย่นะ
แถมวาวเงินไว้อีก กวน.... อยากจะคัดออกจากพระเอกจริงๆ น้องรันต์เวลาแทนตัวว่าน้องๆๆ นี่โคตรน่ารักเลย
แก้แค้นให้หนักค่ะน้องรันต์ ให้รักให้หลง ไปไหนไม่รอด

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Ouizzz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
Re: 《ใจยักษ์》♡ตอนที่ 16♡ [20/2/60]
«ตอบ #307 เมื่อ25-02-2017 14:03:00 »

อ่านครบ16ตอนแล้วสนุกอ่ะ  o13 o13 ทศรีบๆกลับมารับความผิดเลย :hao3:

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
ใจยักษ์ 17


“ขอโทษนะครับ เช็คเอาท์ห้อง 1012 ครับ” ผมเดินออกจากลิฟท์มาถึงฟร้อนท์ของโรงแรม บอกกับพนักงานด้วยรอยยิ้มบางๆพร้อมยื่นคีย์การ์ดให้

“สักครู่นะคะ” เธอก้มหน้าลงคีย์ข้อมูล สักพักเดียวก็เงยหน้ามาบอกผมด้วยรอยยิ้มหวาน “ห้องนี้เช็คเอาท์ล่วงหน้าไว้แล้วนะคะ ไม่ต้องชำระอะไรเพิ่มเติมค่ะ”

“อ่อครับ...แล้วห้องนี้เป็นชื่อใครจองหรอครับ”

“ชื่อการจองเข้าพักคือคุณเหรันต์ ราชรัตน์ ค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ” สายตาเธอมองผมด้วยความเคลือบแคลงแต่ไม่ได้แสดงออกเกินไปจนน่าเกลียด ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ สายตาเสมองไปทางอื่นเหมือนกำลังลำบากใจก่อนจะค่อยเบนสายตามาทางเธออีกครั้ง ดวงตาหลุบมองพื้นเล็กน้อยแล้วยิ้มฝืนๆให้เธอ ชะโงกหน้าไปใกล้เธออีกนิด พูดเสียงเบาเพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน

“ผมชื่อเหรันต์...อย่าว่าแต่จองห้องเลยเมื่อคืน ผมมาที่นี่ได้ยังไงผมยังนึกไม่ออก แต่ที่แน่ๆของสำคัญผมหายไป ผมต้องการรู้ว่าใครพาผมมา” เธอตาโตเหมือนตกใจที่ได้ยิน

“โรงแรมเราไม่เคยมีประวัติเสื่อมเสียเลยนะคะ ลูกค้าเราต่างก็มีระดับทั้งนั้น คุณเหรันต์แน่ใจนะคะ” เธอพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องโกหก ผมแค่ต้องการรู้ตัวคนที่พาผมมาแค่นั้น” ผมไม่ได้โกหกจริงๆนี่ก็ของผมหาย แต่ไม่ได้บอกว่าไอ้คนๆนั้นเอาไปสักหน่อย ก็แค่อยากรู้ว่ามันเป็นใคร

“เรื่องทรัพย์สินเสียหายอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของทางโรงแรมนะคะ” ผมมองเธอนิ่งจนเธอหลบสายตา จึงค่อยๆฉีกยิ้มแล้วพูดกับเธอด้วยรอยยิ้มสุภาพ

“ผมอยากขอดูกล้องวงจรปิด แค่เห็นหน้าเขา ผมอาจนึกออกว่าเป็นใคร”

“เอ่อ...ดิฉันเกรงว่า...” เธอมีท่าทีลำบากใจที่จะบอก แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ ผมก็เอ่ยตัดบทเสียงนิ่ง

“ผมขอคุยกับผู้จัดการ”
.
.
.
.
.
.
.

“...เรื่องนี้คุณเหรันต์ต้องไปแจ้งตำรวจก่อนแล้วนำหมายมาให้กับทางโรงแรม เราถึงจะสามารถเปิดให้ดูได้ครับ” ผู้จัดการพูดอย่างนอบน้อมหลังจากที่พนักงานเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง อ้อ ตอนนี้เหลือแค่ผมกับผู้จัดการสองคนอยู่ที่ห้องรับรองอีกห้องน่ะครับ

“แม้ว่าโรงแรมอาจจะต้องเสียชื่อเสียงน่ะหรอครับ” ผมว่าเสียงนิ่งยิ้มๆ

“ผมคิดว่ามันคงไม่ถึงขั้นนั้น ทางเรายินดีให้ความร่วมมือตามกระบวนการครับ”

หึ...ตอนตอบคำถามตาเขากระพริบถี่ขึ้นจากตอนแรกที่เจอหน้ากัน ตอนที่อธิบายบีบนิ้วตัวเองไปมา และไม่ถามสักคำว่าอะไรหายไป...มันปกติซะที่ไหน

เขา...มีเรื่องปิดบังผม

“คุณไม่รู้ไม่เห็นจริงๆใช่ไหมว่าเมื่อคืนผมเข้าพักได้ยังไง กับใคร?”

“...ครับ”

“โอเคครับ ถ้าคุณว่าอย่างนั้น” ผมลุกขึ้นไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ ผู้จัดการวัยกลางคนเดินมาส่งผมถึงหน้าโรงแรม

“คุณเหรันต์จะให้ผมเรียกแท็กซี่ให้ไหมครับ”

“ไม่ต้องหรอกครับ ผมกลับเองได้” ผมบอกเสียงนิ่ม หันหลังให้เขาแต่เดินไปแค่ไม่กี่ก้าวก็หันกลับไปเรียกคุณผู้จัดการก่อนเขาจะเดินกลับเข้าโรงแรมไป “คุณผู้จัดการครับ”

“ครับ?”

“คุณนี่เก่งจังเลยนะครับ รู้ด้วยว่าผมไม่มีรถ แต่ไม่ยักรู้ว่าผมมาได้ยังไง” ผมว่ายิ้มๆ

“...”

เขานิ่งกลืนน้ำลายอึกใหญ่แต่ไม่ได้พูดอะไร และผมก็ไม่คิดจะใส่ใจอะไรอีกแล้ว ผมจึงเดินหันหลังออกมา

เอาเถอะ...อย่างน้อยก็รู้ว่าพวกเขาร่วมมือกันตั้งใจปิดบังอะไรสักอย่างกับผม

ผมไม่รู้ว่ามันคือเรื่องบังเอิญหรือว่าเขาตั้งใจ

ถ้าคนที่พาผมมาเมื่อคืนนั้นฉลาด  เขาอาจจะรู้ว่าผมแจ้งตำรวจไม่ได้ด้วยเหตุผลบางอย่าง  แต่ลางสังหรณ์ผมมันร้องเตือนว่าทุกอย่างกำลังเป็นไปตามเกมส์ของใครสักคน

ผมไม่รู้หรอกว่าเขาคนนั้นกำลังคิดจะทำอะไร แต่ผมไม่ยอมเป็นเบี้ยให้เขาจับเดินได้ง่ายๆแน่

ก็ดี...แล้วมาดูกัน ว่าใครจะพลาดท่าก่อน

+++++++++++++++++++++++++++

ก็อก!ๆๆๆๆๆๆ

โอ้ยยยยยยยย เสียงดังอะไรนักหนาวะคนจะหลับจะนอน ผมพลิกตัวหันหลังไปอีกทางเอาหมอนปิดหูกลั้นเสียงรบกวนจากภายนอก

“ไอ้รันนนนนนนนต์ ตื่นโว้ยยยยยยย” เสียงเอะอะนอกห้องยังดังไม่หยุด ว่าแต่เมื่อกี้มีคนเรียกผมหรอวะ ดวงตาผมสว่างพรึ่บ แม้ว่าตอนที่พลิกตัวจะเจ็บสะโพกจนสะดุ้งตื่นแล้วก็เถอะ ลืมตัวไปหน่อย ผมค่อยๆลุกนั่งบนเตียง ลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตู

“มึงตื่นเดี๋ยวนะ-…” แกร็ก! ผมชิงเปิดประตูก่อนที่เมฆจะโวยวายจบ

“โวยวายอะไรของมึงแต่เช้า เดี๋ยวห้องข้างๆก็เอาอีโต้มาฟันปากหรอก” ผมเอ่ยแกมงัวเงียนิดๆ เปิดประตูทิ้งไว้ให้เมฆเข้ามาก่อนจะไปนอนฟุ่บคว่ำหน้ากับเตียงต่อ

“ปากคอเราะร้ายใครจะกล้ามาฟันปากกู มีแต่มึงนั่นแหละ แล้วเช้าบ้านมึงดิ นี่มันจะเที่ยงละ” เมฆมานั่งบนเตียงก่อนจะบ่นผม

นี่ผมหลับยาวขนาดนี้เลยหรอวะ เมื่อวานหลังกลับจากโรงแรมผมก็แวะคลินิกแล้วตรวจเลือด ตอนนี้เลือดผมปกติดี แน่ล่ะมันพึ่งจะผ่านมาคืนเดียว อีกสามเดือนค่อยไปตรวจใหม่ ได้ยาแก้ปวด แก้อักเสบ แล้วก็ยาทาแผลทางทวารหนักมา

ใช่ครับ ผมบอกอาการผมกับหมอทุกอย่าง แวะซื้อแว่นกับหมวกปิดบังใบหน้าก่อนจะไป ขอปิดบังตัวเองด้วยข้ออ้างว่ารู้สึกอาย ผมไม่ได้บอกว่าโดนข่มขืน บอกว่าสมยอมแต่เพราะเมามากเลยไม่รู้ว่าเขาจะป้องกันรึเปล่าและจะปลอดภัยไหมเลยอยากมาตรวจให้แน่ใจ  ก็ถ้าไม่อ้างแบบนี้ หมอก็จะเซ้าซี้ให้แจ้งตำรวจอีก แต่จริงๆมันก็มีส่วนความจริงในคำอ้างนั่นแหละคุณหมอเขาก็เข้าใจไม่ได้พูดซักไซ้อะไรอีก

พอกลับถึงห้องก็สักบ่ายแก่ๆใกล้จะเย็นแล้ว ผมอาบน้ำอีกรอบ เปลี่ยนเสื้อผ้ากินยาแล้วล้มตัวลงนอนเลย มารู้สึกตัวอีกทีก็เมฆมาปลุกนี่แหละ  แม้ว่าจะนอนไปซะขนาดนั้นแต่ผมก็ยังรู้สึกเพลียๆและเจ็บตรงนั้นอยู่ ดีหน่อยที่ไม่ได้เป็นไข้

“เป็นอะไรรึเปล่า ท่าทางเพลียๆ” เมฆถามอย่างเป็นห่วง สอดมือมาวัดไข้กับหน้าผากผม ผมส่ายหน้าเงยหน้ามองมันยิ้มๆ

“ก็แฮงค์ตั้งแต่วันที่ไปแดกเหล้ากับพวกมึงนั่นแหละ” แหลครับ จริงๆหายนานแล้ว

“ก็ว่า มึงเงียบหายไปเลย ตั้งแต่มึงส่งข้อความมาหากูเมื่อวาน หลังจากนั้นโทรหายังไงก็ไม่ติด วันนี้เลยแวะมาหาว่าตายรึยัง” ข้อความงั้นหรอ ผมส่งให้มันตอนไหนวะ

“ข้อความอะไรวะ?” เผลอถามมันไปด้วยความลืมตัว

“ก็ข้อความที่มึงบอกว่าปลอดภัยถึงหอแล้วไม่ต้องห่วง เบลอหรอถึงจำไม่ได้ อ่ะนี่ไง” เมฆยื่นโทรศัพท์มันให้ผมดูเป็นหลักฐาน ซึ่งก็เป็นอย่างที่มันว่าจริงๆ แต่ไม่ใช่ผมที่ส่งไปแน่ๆ เวลาที่ส่งให้ก็เป็นช่วงเช้าที่กูยังไม่ทันตื่นด้วยซ้ำ

มันรู้ได้ไงวะว่าต้องส่งให้ไอ้เมฆ ผมยกมือขยี้หัวอย่างครุ่นคิด

“เป็นเหี้ยไรของมึง แล้วโทรหาทำไมไม่ติด”

“เป็นคนโว้ยยย โทรศัพท์ก็หายไปแล้วไง” ผมเงยหน้าขึ้นตอบเมฆ พูดถึงเหี้ยก็นึกถึงไอ้พี่สมิธ

“อ้าว หายไปตอนไหนวะ” เมฆถามงงๆ

“เมื่อวานนี้แหละ หลังส่งข้อความหามึง กูก็ยังมึนๆอยู่แล้วออกไปหาซื้อของกินแต่ไม่รู้เผลอวางไว้ไหน รู้ตัวอีกทีก็หายไปแล้วง่ะ” ผมเบ้ปากเซ็งๆให้เมฆเพื่อความเนียนในการแหล มันเลยส่งนิ้วมาดีดหน้าผากผมดังเป๊าะ เจ็บนะโว้ยยยย

“ไม่ต้องมาทำเป็น ไปอาบน้ำไปเดี๋ยวพาไปซื้อเครื่องใหม่ หายก็ดีเหมือนกัน มึงจะได้เปลี่ยนไอ้โทรศัพท์เส็งเคร็งนั่นสักที”

“เออออออออออ”
.
.
.
.
.

“จะแดกอะไร” เมฆถามขึ้นหลังจากที่พาผมไปซื้อโทรศัพท์ใหม่และเปิดเบอร์เดิมเสร็จแล้ว อ้อ ผมซื้อเองนะครับแม้ไอ้เมฆจะจ่ายให้แต่ยังไงผมก็จะจ่ายเองจนมันยอมในที่สุด แล้วเงินที่ผมใช้ซื้อก็ไม่ใช่เงินไอ้เหี้ยนั่นเหมือนกัน

“อยากกินเป็ดย่าง” เมฆพยักหน้าก่อนจะพาผมเดินตรงไปยังร้านภัตตาคารอาหารจีนในห้าง เมฆสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ บอกให้ผมกินเยอะๆ ผอมจนจะปลิวไปตามลมอยู่แล้ว คือมันก็ไม่ขนาดนั้นป่ะวะ ผมเป็นคนตัวสูงนะแค่ไม่ค่อยมีกล้ามเนื้อเองเหอะ

“กินเสร็จแล้วไปดูหนังกันต่อนะ เรื่องที่กูเคยบอกมึงเมื่อตอนนั้นไงที่...” แล้วมันก็พล่ามยาวเลยครับ ผมก็พยักหน้าเออออไปกับมัน จริงๆก็จำไม่ค่อยได้หรอก จนกระทั่งเราสองคนกินเสร็จก็ใกล้ถึงเวลาที่หนังจะฉายแล้ว(มันดูเวลาที่เขาจะฉายในมือถือ) ผมกับเมฆจึงรีบไปที่เคาน์เตอร์ซื้อตั๋ว ขณะที่กำลังต่อแถวซื้อตั๋วก็มีเสียงเรียกจากด้านหลังดังขึ้น

“เฮ้ย! มึงใช่ไอ้น้องรันต์ป่ะ” เสียงเรียกกวนตีนแบบนี้ มีไม่กี่คนหรอกครับ ตอนแรกผมว่าจะไม่หันแล้วแต่ไอ้เมฆแม่งเสือกหันแล้วเอาศอกสะกิดผมไง ผมเลยหันไปยิ้มแหยะๆให้คนข้างหลัง

“หวัดดีครับพี่” ผมยกมือไหว้พวกพี่สมิธ เมฆก็ยกมือขึ้นไหว้ด้วยเหมือนกัน “เมฆ นี่พี่สมิธ พี่ใจดีแล้วก็พี่เซนท์...พี่ครับ นี่เพื่อนผมเรียนคณะเดียวกันชื่อ เมฆ” ผมแนะนำให้เขารู้จักกันคร่าวๆเมื่อพวกพี่ๆสาวเท้ามาใกล้เรามากขึ้น

“เรียกไม่หัน หยิ่งอ๋อมึง” พี่สมิธพยักหน้าแล้วถามด้วยน้ำเสียงเหมือนหาเรื่องแกมกวนตีน ส่วนพี่เซนท์ที่โบกมือยิ้มให้ผมด้วยความสดใส ผมจึงยิ้มตอบไปตามมารยาทก่อนจะหันไปตอบพี่สมิธ

“ก็พี่ทักแบบนี้ใครจะกล้าหันล่ะครับ”

“หรออออออรันต์” มันประชดใช่ไหมครับไอ้พี่คนนี้

“น้องรันต์จะดูหนังเรื่องอะไรหรอ” พี่เซนท์เป็นคนถามผมบ้าง ตอนนี้พวกผมหลบออกจากแถวให้คนอื่นไปซื้อก่อนแล้วครับ

“เรื่องอะไรวะ” หันไปถามเมฆอีกต่อหนึ่ง

“เรื่อง...อ่ะพี่ หนังภาคต่อ” เมฆตอบคำถามพี่แทนผม

“อ่ออออ พวกกูว่างพอดีเลย ขอไปดูด้วยดิ ใช่มะพวกมึง” พี่สมิธพูดขึ้น กูว่าถ้าพูดขนาดนี้ก็ไม่ต้องถามความเห็นกันแล้วมั้ง พวกเราทั้งสี่คนก็พยักหน้าให้อย่างไม่มีทางเลือก

“อ่ะมึง เอาไปซื้อตั๋วมา 5 ที่” พี่สมิธยื่นบัตรเครดิตสีดำใบหรูให้เมฆ

“เฮ้ยไม่เป็นไรพี่” ไอ้เมฆรีบปฏิเสธจะไม่รับ

“กูเป็นพี่คณะ จะเลี้ยงน้องไม่ได้หรือไง ไปดิ” กวนตีนขนาดนี้เคยโดนเขารุมตีไหมวะ อ่อ โดนแทงไปแล้ว เมฆเมื่อได้ยินพี่สมิธว่าอย่างนั้นก็พยักหน้ารับแล้วไปซื้อตั๋วอย่าว่าง่าย

“ผมไม่แปลกใจเลยทำไมพี่ถึงโดนแทง” ผมบ่นงึมงำคนเดียวแต่ก็ไม่วายโดนผลักหัวจากอีกคน

“กูได้ยิน” ผมเลยเบ้ปากใส่ให้ตรงๆซะเลย พี่สมิธทำท่าจะเข้ามาขย้ำคอผมแต่สองขาผมเร็วกว่าวิ่งไปหลบหลังพี่เซนท์แล้วแสยะยิ้มให้อีกคนอย่างไม่กลัวตาย พี่สมิธยิ่งเห็นแบบนั้นก็ยิ่งถลึงตาใส่ผมจะตรงเข้าใส่ผมให้ได้แต่ก็โดนพี่เซนท์เบรคไว้ซะก่อน

“พอเลยๆมึงนี่เล่นเป็นเด็ก ป่ะน้องรันต์ไปซื้อน้ำกับป็อปคอร์นกัน” ว่าจบพี่เซนท์ก็คว้ามือผมออกมาจากตรงนั้น ไม่วายได้ยินเสียงพี่สมิธโวยวายตามหลังมา

“ก็มันทำใส่กูก่อน มึงไม่ว่ามันบ้างวะ!” อืมมมม เคยยอมคนอื่นเขาซะที่ไหน

“น้องรันต์” อยู่ๆพี่เซนท์ก็เรียกผมขณะที่กำลังรอป็อปคอร์นกับน้ำ

“ครับ?”

“เรื่องวันนั้น...ไอ้ทศได้ทำอะไรให้โกรธรึเปล่า” น้ำเสียงพี่เซนท์ติดจะกังวล มองผมอย่างรอคอยคำตอบ

“เปล่าครับ พี่เซนท์อย่ากังวลเลย ผมไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องโกรธเขา” ผมบอกแล้วยิ้มให้เล็กน้อยเหมือนมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

“แล้วทำไมหลังจากวันนั้นพวกพี่ถึงติดต่อน้องไม่ได้”

“ก็โทรศัพท์ผมหาย นี่ไงครับ พึ่งมาซื้อวันนี้เลย” ผมชูถุงโทรศัพท์ให้พี่เซนท์ดูเป็นหลักฐาน

“อ้อ ใช้เบอร์เดิมอยู่ใช่ป่ะ” ผมพยักหน้า จากนั้นเราก็ได้ป็อปคอร์นกับน้ำจากพนักงานพอดี พอเดินไปรวมกันเมฆก็กลับมาแล้ว พวกเราเลยพากันเดินเข้าโรงหนังเพราะใกล้เวลาแล้ว  พี่สมิธเป็นคนจัดแจงที่นั่ง โดยให้ เมฆ ผม พี่สมิธ พี่เซนท์ พี่ดี นั่งเรียงกันตามลำดับ เรานั่งช่วงกลางตรงจอพอดี คนไม่ค่อยเยอะเพราะเป็นหนังที่ใกล้ออกโรงแล้ว โดยเฉพาะแถวผมที่ไม่มีใครมานั่งด้วยเลย  เมื่อหนังฉายไปสักพัก หัวพี่สมิธก็หล่นตุบมาบนไหล่ผม

คือหลับ! แต่พอผมดูไปได้สักพักความกินอิ่มๆกับแอร์เย็นๆก็ทำพิษ ตาผมปรือใกล้จะปิดเต็มที หันไปมองทางเมฆมันก็นั่งกินป็อปคอร์นดูดน้ำแจ็บๆดูหนังอย่างตั้งใจตามประสามัน แต่คือผมเริ่มไม่ไหวละ ขอพักสายตาแปบนึงเดี๋ยวกูตื่นมาดูเป็นเพื่อนนะเมฆ จนกระทั่ง...

“รันต์ ตื่นดิ๊ แม่งให้มาดูเป็นเพื่อนเสือกหลับ” แรงเขย่าตัวทำให้ผมสะดุ้งตื่น ก่อนจะพบว่าในโรงหนังไฟสว่างโร่ แสดงว่าหนังคงฉายจบแล้ว ผมลุกขึ้นยืนงงๆ ไหล่โคตรปวดไอ้พี่สมิธทำพิษกูอีกละ

“เขาให้มาดูหนังไม่ใช่มานอน” พี่สมิธว่าพลางบิดขี้เกียจโชว์ซิกส์แพคอ่อนๆ ปากก็หาวไปด้วย มึงหนักกว่ากูอีกพี่

“แล้วจะพากันไปไหนต่อ” พี่ดีถามขณะที่เรากำลังเดินออกจากโรงหนัง

“พวกผมคงกลับเลยพี่ ไอ้รันต์มันป่วยๆ” เมฆตอบพี่ดี

“มึงเป็นไร?แต่ท่าเดินมึงแปลกๆนะ ขี้คาตูดอ๋อ” คาตูดพ่องดิพี่สมิธ ผมแกล้งเบ้ปากงอนๆให้พี่สมิธ

“ผมลื่นล้มก้นกระแทกพื้น” โกหกอีกแล้วครับ ฮื่อออ คนอื่นๆก็พยักหน้าไม่ได้เซ้าซี้ต่อ แต่ไอ้พี่สมิธนี่สิครับ เขาหรี่ตามองผมเหมือนไม่เชื่อ จ้องตั้งแต่หัวจรดเท้าทำผมเสียวสันหลังวูบๆ แต่ผมก็ยังนิ่งไม่แสดงพิรุธอะไรให้เขาจับได้ แต่เมื่อกี้ผมเผลอหลบตาเขาแวบนึงไม่รู้ว่าเขาจะรู้ตัวรึเปล่า

“มึงแน่ใจนะ” พี่สมิธถามย้ำอีกรอบ

“มีอะไรที่ผมต้องไม่แน่ใจ ผมเมาแล้วลื่นอ่ะ ไม่เชื่อถามไอ้เมฆดูดิ”

“มันเมาจริงพี่ แต่ไอ้ลื่นนี่ผมไม่เห็น”

“ถ้าพี่ไม่เชื่อว่าผมลื่น แล้วพี่คิดว่าผมเป็นอะไร” ผมถามอีกคนกลับ

“มันเหมือนโดน...” พี่สมิธขมวดคิ้วเหมือนครุ่นคิด ทำหน้าตาแปลกๆ

“เหมือนโดนอะไร?” ผมคาดคั้นพี่สมิธอย่างไม่ยอมแพ้ จ้องเขานิ่ง หรือว่าจะเป็นพี่สมิธที่อยู่กับผมคืนนั้น ฮึ่ย แค่คิดผมก็ขนลุกแล้วว่ะ เขาจะแสดงเนียนไปละ  ฮ่าๆๆๆ

“ก็...เปล๊า”เขายักไหล่แล้วเสสายตาไปอีกทางแต่ไม่ได้ซักไซ้อะไรผมอีก  ผมแอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ยังไม่มีใครรู้เรื่องนั้น(หรือเปล่า?)

 “งั้นแยกกันตรงนี้นะครับ พวกผมกลับก่อน หวัดดีครับ” ผมร่ายยาวรวบรัดลาพวกเขาเลย

“อื้ม กลับดีๆนะเด็กๆ” พี่เซนท์บอกลา พี่ดีก็ยิ้มนิดๆให้ตามสไตล์ ส่วนไอ้พี่สมิธ...งอนตุ๊บป่องไปแล้ว กูผิดอะไรอีกเนี่ย ตัวเท่าควายนึกว่าตัวเองทำแล้วน่ารักหรอวะ

“ไม่น่ารักเลย” ไวเท่าความคิดปากผมก็พูดออกไปแล้ว พี่สมิธหันมาถลึงตาใส่เดินมาตบหัวผมเบาๆ

“กูไม่ได้งอน ใครจะทำ ตุ๊ดเหี้ยๆเลย”กอดอกแล้วสะบัดหน้าหนีน้องเนี่ยนะ โอเคถ้าพี่มันน่ารักบอบบาง หรือหุ่นน่ากอดเหมือนพี่เซนท์มันก็พอให้อภัยได้ไง แต่นี่สูงอย่างเปรต เลยผมไปอีก แล้วแม่งหน้าอย่างหล่อ ซิกส์แพคก็มี พวกคุณลองนึกภาพดิ แต่ผมก็รู้แหละว่าไอ้พี่สมิธเขาแกล้งทำ

“ก็ดีครับ เพราะถ้าพี่โกรธหรืองอนผมจะไม่มาให้พี่เห็นให้เสียสายตาอีก” ผมว่ายิ้มๆ พี่สมิธจ้องผมเขม็งแล้วเอ่ยเสียงเข้ม

“ถ้ามึงหายกูตามถึงห้องอ่ะ ลองดู”

“หึๆ บายครับ แล้วเจอกัน”

++++++++++++++++++++++++++++++

ก็อกๆ แก็กๆ ปัง!

“อ่ะแฮ่ม” เสียงดังจากในห้อง

“ปล่อยน้ำใส่นาน้องแหน่” ผมตอบกลับอีกคนไป

แอ๊ด! ประตูห้องเปิดพอให้ผมแทรกตัวเข้าไปได้ก่อนจะปิดลงทันที

“โค้ดเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย” ผมถามอย่างงๆ มันแปลกๆนะ อีกคนทำเพียงหัวเราะหึๆก่อนจะกลับไปนั่งที่เก้าอี้หน้าคอมพิวเตอร์สามตัวพร้อมสายไฟระโยงระยางเต็มไปหมด ถ้ามึงโดนไฟช็อตตายจะไม่แปลกใจเลย “ทำตัวลับๆล่อคนยิ่งสงสัย” ผมบ่นมันไปอีกที

“มีอะไรถึงมาหากูได้?” มันถาม

“กูจะให้มึงหาคนให้กูหน่อย” ผมเข้าเรื่อง

“ว้าว!ใครล่ะ” อีกคนมองผมอย่างสนใจ

“ไม่รู้”

“ห๊ะ...แล้วจะให้กูหายังไงวะ” มันเกาหัวงงๆ

“แฮคกล้องวงจรปิดโรงแรม S ย่าน...ให้กูที” ผมบอกนิ่งๆ

“เฮ้ย! ไหนว่ารามือแล้ววะ เกิดอะไรขึ้น” เจคถามขึ้นอย่างตกใจ

“ของสำคัญกูหายไปว่ะ กูสงสัยว่าคนที่กูกำลังตามหาอาจเอาไป” ใช่ครับ ตอนนี้ผมเชื่อเกิน 70 % ว่าคนๆนั้นอาจจะเอาไปเพราะโทรศัพท์ผมที่มีคนส่งข้อความหาเมฆทำให้ผมมั่นใจว่าแหวนอาจจะอยู่กับเขาก็ได้ “มึงจะเอาเท่าไหร่ว่ามาเลย” ผมบอกเจค ตัวผมไม่เคยให้ใครทำอะไรให้ฟรีหรอก

“มันไม่ได้อยู่ที่เงินเว้ย แต่มันเกิดอะไรขึ้นกับมึงวะที่ต้องวกกลับมาเส้นทางเดิม” เจคพูดอย่างเป็นห่วง มันก็เหมือนไอ้เมฆอีกคน เป็นเพื่อนที่รู้จักผมดีแต่เป็นอีกโลกหนึ่งที่เมฆไม่เคยรู้

“กูไม่อยากพูดถึง แต่มันทำให้กูเจ็บปวด” แค่นึกใจผมมันก็อดรู้สึกเจ็บแปลบไม่ได้ ผมระวังตัวเองมาตลอด แต่มาตกม้าตายเพราะเหล้าที่ผมแสนจะไม่ชอบ ผมไม่อยากโทษใครอีกคนที่ทำให้ผมรู้สึกอยากลืมเรื่องบ้าๆทั้งหมด

“เออก็ได้” เจคถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนหมุนตัวกลับไปที่หน้าคอมพิวตอร์ของมัน รัวนิ้วแกร็กๆๆจนมองตามไม่ทัน ผมเดินไปหยุดอยู่ข้างหลังมัน เห็นโค้ดที่ผมไม่เข้าใจขึ้นเต็มไปหมด

“ระบบรักษาความปลอดภัยของโรงแรมนี้อยู่ในเกณฑ์ดีนะ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่ มึงจะดูของวันไหนล่ะ” เจคถามขณะรัวนิ้ว ตามันก็จ้องแต่หน้าจอ

“ตั้งแต่สี่ทุ่มของวัน…จนถึงก่อนเที่ยงของวัน…ดูกล้องทุกตัวของตัวล็อบบี้” ผมบอกเวลาที่คาดการณ์เอาไว้ เจครัวนิ้วไปสักพัก ก่อนหน้าจอจะขึ้นเครื่องหมายตกใจ

“ไฟล์ที่บันทึกช่วงห้าทุ่มถึงเก้าโมงเช้าของอีกวันหายไปว่ะ” เจคเกาหัวแกรกๆ

“งั้นดูที่ชั้นสิบเวลาเดียวกัน”

“ก็หายเหมือนกันว่ะ...เชี่ย มึงไปมีเรื่องกับใครวะ” เจคถามอย่างตกใจ

“มึงกู้ไฟล์ได้ไหม” ผมถามอีกคนเสียงนิ่ง เจครัวนิ้วต่อไปอีกสักพักก่อนจะขย้ำผมอย่างอารมณ์เสีย

“มันลบไฟล์ถาวรไปแล้ว ถ้ากูกู้คืนโค้ดแก้จะบังคับให้คีย์เข้ากดตัวไวรัสที่เขาวางไว้ ความเสียหายยังไม่รู้แต่ที่แน่ๆฐานข้อมูลกูถูกพบแน่ ซึ่งนั่นบอกได้เลยว่าซวยเหี้ยๆ” เหมือนโดนตีแสกหน้ารอบสอง ต้องทำขนาดนี้เลยหรอวะ

“ไม่เป็นไร เอาที่ปลอดภัยมึงไว้ก่อน” ผมบอกมันเสียงนิ่ง

“เดี๋ยวกูหาทางอื่น แต่คงต้องใช้เวลาหน่อย” เจคบอกเสียงเครียด มันเป็นพวกไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ยิ่งอะไรที่มันทำไม่ได้มันก็จะยิ่งทำให้สำเร็จ เสี่ยงกว่านี้เราก็ทำมาแล้ว

ตอนนี้เหมือนผมกำลังโดนอีกคนท้าทายหนักมากขึ้นเรื่อยๆ เขาดักผมไว้ทุกทาง บีบให้ผมวิ่งเต้นไปตามเกมส์ของเขา  ผมอยากปล่อยวางแต่ผมไม่เข้าใจ ผมสงสัยว่าทำไมเขาต้องทำขนาดนี้แล้วต้องการอะไรจากผมกันแน่ ถามว่าทำไมไม่ลองไปดูกล้องวงจรปิดที่ร้านเหล้า คือมันมืดและคนเยอะมาก คงไม่ค่อยได้อะไรเท่าไหร่

“ขอบใจมาก นี่เลข IMEI เครื่องกูที่หายไป ว่างๆก็หาให้หน่อยแล้วกัน” ผมยื่นกระดาษให้เจค มันรับไว้แล้วหันไปจดจ่อกับหน้าคอมต่อ “กูไปแล้วนะ” มันพยักหน้ารับไม่ได้พูดอะไร ผมจึงเดินออกจากห้องมัน หอที่เจคอยู่ค่อนข้างเงียบสงบ เป็นอาคารเก่าๆสองชั้น ชั้นละแค่หกห้อง แต่ก็มีพื้นที่ในแต่ละห้องที่กว้างขวางอยู่เหมือนกัน ระบบรักษาความปลอดภัยไม่มี อยู่ในซอยลึกสุดไม่ใกล้ไม่ไกลจากชุมชน เลือกได้ดีนี่

+++++++++++++++++++++++++++

“มึงติวสแตทให้หน่อยดิ๊” เมฆพูดขึ้นขณะที่เรากำลังนั่งทานอาหารกันที่โรงอาหารของคณะ

“หืม แน่ใจหรอว่ากู?” ผมถามหลังเงยหน้าขึ้นจากการซดก๋วยเตี๋ยวถามเมฆ(บนโต๊ะอาหารมีแค่เราสองคน)

“เออดิ เทอมที่แล้วกูก็รอดเพราะมึง”

“แต่เทอมนี้ก็ยังไม่เริ่มทวนเลย กลัวมึงจะไม่รอดเพราะกูนะสิ” มัวแต่ยุ่งกับเรื่องอื่นอยู่ครับ การสอบก็กระชั้นชิดเข้ามาทุกที

“เออน่ะ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย” บอกเสร็จก็เคี้ยวข้าวตุ้ยๆ

“จริงๆมึงไม่น่ามาเรียนตามกู น่าจะไปเรียนบริหาร ไม่ก็วิศวะที่มึงชอบ” ผมพูดกับเมฆเสียงอ่อน เมฆถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนเอื้อมมือมาขยี้หัวผมเบาๆ

“มึงนี่จะคิดมากทำไม กูสอบเข้ามาแล้วเปล่าวะ ถ้าไปเรียนคณะอื่นโดยที่ไม่มีมึงกูก็ไม่มีความสุขเหมือนกันเพราะต้องคอยห่วงมึงไง แบบนี้แหละดีแล้ว กูมีความสุขดีแค่ปวดหัวกะไอ้ที่เรียน เครนะไอ้น้อง” เมฆว่ายิ้มๆแล้วก้มลงกินอาหารตรงหน้าต่อ

“ขอบคุณนะพี่เมฆ” ผมยิ้มกว้างให้อีกคน

“หึ J ”
.
.
.
.
.
.
.
.

“ไอ้รันต์ได้ข่าวจะติวสแตทให้ไอ้เมฆหรอ ติวให้กูบ้างดิวะ เห็นมันโม้ว่ารอดได้อย่างปาฏิหารย์เพราะมึง” อ๋องตรงเข้ามาหาผมทันทีที่เลิกคลาส

“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก เทอมที่แล้วมันง่ายด้วยแหละมั้ง”

“ง่ายบ้านป้ามึงดิ แดกปลา เกือบครึ่งเซค ได้ด็อคมาจูงเล่นกันถ้วนหน้า มีมึงได้แดกแอปเปิ้ลอยู่คนเดียว” บ้านป้ากูอยู่เมกา -_-

“เออๆแต่เทอมนี้กูไม่รับประกันนะเว้ย ยากกว่าเทอมที่แล้ว อยู่ที่ความตั้งใจของพวกมึง” ผมบอกปลงๆ เหนื่อยเพิ่มอีกแล้วกู

“เย้! กูชวนพวกไอ้บอยมาด้วยนะ” ผมพยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้ กรอกตาอย่างหน่ายๆให้พวกมัน “เออไอ้เมฆฝากบอกว่าให้ไปรอมันที่รถเลย มันไปขี้อยู่” ก็ว่าหายไปไหน กลิ่นตุๆเลยมาเลยไอ้บ้าเมฆ

ผมไปยืนข้างBMWคันหรูของเมฆนิ่งๆที่ลานจอดรถคณะ รอไปสักพักก็มีผู้หญิงสวยจัดสามคนเดินตรงมาทางนี้ จนกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม...สายตาดูเป็นมิตรมาก//ประชด การแต่ตัวก็สไตล์สาวสวยประจำคณะ เสื้อนิสิตรัดรูปจนแทบปริ กระโปรงทรงเอความยาวคืบเดียวแถมแหวกซะจนน่าหวาดเสียว

“ใช่รันต์ป่ะ” เสียงแหลมปรี๊ดของนางหนึ่งถามขึ้น

“ครับ” ผมพยักหน้ารับ พวกเธอมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ริมฝีปากเหยียดยิ้มให้อย่างเยาะๆ

“เป็นอะไรกับเมฆ” อีกคนหนึ่งถามขึ้นด้วยความเปรี้ยวได้ที่เลย(ไม่ใช่กลิ่นนะ)

“เพื่อนสิครับ” ผมตอบยิ้มๆ

“หรอ ท่าทางไม่น่าเป็นเพื่อนกันได้เลยเนอะ” คนตรงกลางและท่าทางจะเป็นหัวโจกด้วย กอดอกมองผมอย่างมีมาด

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกคุณด้วยไม่ทราบครับ” ผมฉีกยิ้มให้อีกนิด

“แก! คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้ามาทำตัวสนิทสนมกับเมฆวันนี้ก็ทำเป็นหลอกให้เขาขยี้ผม หน้าตาก็เห่ย แหวะ!จะอ้วก!” อ่อ ไม่แฟนคลับก็คงเป็นคู่ขาเก่าของไอ้เมฆ

“ก็อ้วกออกมาสิครับ ใครเอามือปิดปากคุณไว้ไม่ทราบ”

“หยาบคาย แกคิดว่าแกเป็นใคร คิดจะสะเออะไปตีสนิทพวกพี่ทศกัณฐ์ รูปในเพจนั่นแค่เห็นก็ขยะแขยงไปหมด” อืม พวกเธอยังเป็นแฟนคลับของแก็งค์นั้นอีกด้วย

“ใช่ๆ คิดจะยกตัวเองหรอ” เสริมกันดีจริงๆ

“พวกคุณจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ แล้วที่บอกว่าผมหยาบคาย ใครทำแบบไหนใส่ผม ผมก็จะทำอย่างนั้นคืนนะครับ” บอกแล้วยิ้มบางตบท้าย

“กรี๊ด!!!นี่แกว่าพวกฉันหรอ” หัวโจกกระทืบเท้าเร่าเตรียมถลาเข้ามาจะตบผมให้ได้

“เชิญเลยครับ แต่ถ้าคุณจะตบผมก็เตรียมเข้าพบคณบดีได้เลย” ผมบอกสายตาเหลือบไปทางกล้องวงจรปิดแล้วยิ้ม พวกเธอมองตามกัดฟันกรอด

“แกคิดว่าจะทำอะไรพวกฉันได้” ลูกสมุนถลึงตาใส่ผม

“ลองดูไหมล่ะ ทั้งเมฆ ทั้งพวกพี่สมิธ ว่าเขาจะทำยังไงกับพวกคุณถ้ารู้ว่าคุณทำร้ายผม คุณบอกว่าผมตีสนิทพวกเขานี่ ไม่อยากรู้หรอว่าสนิทขนาดไหน” เธอลดมือลงอย่างช่วยไม่ได้มองหน้ากันเหมือนปรึกษากันผ่านทางสายตา

“ฝากไว้ก่อนเถอะแก” พูดจบก็หมุนตัวเดินหนีอย่างฉุนเฉียวไปอีกทาง ลูกสมุนก็ถลึงตาใส่ผมอย่างโกรธๆก่อนจะตามออกไป เฮ้อ ผมกลัวพวกเธอจะปวดตากันซะจริงๆ ถลึงใส่อยู่นั่น

ช่างเถอะ ก็แค่คำพูดของคนอื่นไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิตผมอยูแล้ว  ถ้ามัวแต่เก็บมาใส่ใจไปซะหมด ชีวิตเราจะก้าวไปข้างหน้าได้ยังไงล่ะ

จริงไหม?

++++++++++++++++++++++++++++

{โปรดติดตามตอนต่อไป...}


งื้ออออออ สัมภาษณ์พิเศษreply ถัดไปฮับ  :katai5:

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
Special scoop

YINGPREM : ดีค่ะรันต์ เป็นไงบ้าง สบายดีไหม

เหรันต์ : สวัสดีครับเปรม ผมก็ตามอัธภาพแหละครับ แล้วเปรมล่ะ?

YINGPREM : ก็ป่วยบ้างอะไรบ้าง ตามประสานักเขียนผู้อ่อนแอ อิอิ // หราาาาาา

เหรันต์ : หึๆ ครับ//ยิ้มอ่อน

YINGPREM : เข้าเรื่องเลยนะคะ มีนักอ่านหลายคนสงสัยว่าความสัมพันธ์ของรันต์กับเมฆนี่ยังไงหรอคะ ทำไมสนิ๊ดสนิทกัน

เหรันต์ : ก็เป็นทั้งเพื่อนทั้งพี่นะครับ  รู้จักกันตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ก่อนบ้านอยู่ข้างกัน : )

YINGPREM : ทำไมเมฆชอบเรียกรันต์ว่าน้องคะ?

เหรันต์ : ผมเข้าเรียนก่อนเกณฑ์กว่าคนอื่นครับจริงๆเมฆเป็นพี่ผมเกือบสองปีครับ แต่มันซิ่วมาเรียนเป็นเพื่อนผมง่ะ

YINGPREM : อ่อ แล้วที่เมฆชอบจูบชอบหอมรันต์นี่เป็นเรื่องปกติหรอคะ

เหรันต์ : ก็คง…ปกติมั้งครับ คุณแม่ก็ยังทำ

YINGPREM : หลังๆมานี่ทำไมรันต์ดูลึกลับจัง มีความลับอะไรรึเปล่า

เหรันต์ : ฮ่ะๆ จริงหรอครับผมไม่รู้ตัวเลย เรื่องความลับใครๆก็คงมีกันทั้งนั้นแหละครับ หรือว่าเปรมไม่มี? //ยิ้มบาง

YINGPREM : แหะๆ…ทำไมรันต์ผอมจังทั้งๆที่สูง//มีความอิจ

เหรันต์ : ผมไม่ค่อยชอบกินตลอดเหมือนเปรมน่ะ ล้อเล่นๆ หึๆ

YINGPREM : ค่ะ//กัดฟันกรอดๆ…คิดยังไงกับทศกัณฐ์คะ

เหรันต์ : …ก็ไม่ได้คิดอะไรนะครับ

YINGPREM : อ้ออออค่ะ…คิดว่าพี่สมิธเป็นคนยังไง

เหรันต์ : กวนตีน…แต่ก็รักพวกพ้องดีครับ

YINGPREM : ถ้าเมฆมาขอเป็นแฟนจะตอบว่าไง

เหรันต์ : กูจะฟ้องแม่มึง

YINGPREM : เคยมีแฟนมาก่อนรึเปล่า

เหรันต์ : ไม่ครับ งงเหมือนกัน

YINGPREM : มีคนบอกว่ารันต์ฉลาด

เหรันต์ : ไม่หรอกครับ ผมแค่วิเคราะห์และระวังเสมอ แต่ก็พลาดเหมือนกัน

YINGPREM : สุดท้ายแล้ว รันต์เป็นนายเอกเรื่องนี้ใช่มะ?

เหรันต์ : คืออะไรอ่ะเปรม?

YINGPREM : หึๆ ไม่มีอะไรค่ะ ขอบคุณมากสำหรับวันนี้

เหรันต์ : ยินดีครับ J


++++++++++++++++++

scoop ต่อไปจะเป็นใครรีเควสมาเลยค่าาาาา :hao7:


อ่อ แถมอิมเมจรันต์(บุคคลในภาพเป็นแค่ส่วนประกอบของเรื่องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆนะฮับ)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2017 19:51:27 โดย YINGPREM »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
น้องรันต์ลึกลับมากเลยยย อิพี่ทศก็รีบกลับมาหาน้องดิ๊ให้ไวๆๆๆ

ออฟไลน์ itsgonnabeme

  • It's me, not you.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 263
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
น้องรันต์สู้เค้าา

แต่จริงๆเจ้ #ทีมพี่ทศ นะ
รอพี่ทศกลับมาเดินเกมมมมม

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มันส์

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ จอมจุ้น6002

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
บวกเป็ดก่อนค่ะ เดี๋ยวมาใหม่

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รันต์ ทั้งน่ารัก ทั้งหล่อ ชอบบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ จอมจุ้น6002

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เอาอีพี่ยักษ์คืนให้เจ็บตับกันไปเลย
ดีมาดีตอบ แรงมาร้ายกลับคืนพันเท่าเลยค่ะรันต์  :beat: :beat: :beat:

ออฟไลน์ Ouizzz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
สู้เขาาาาาาาาาาาา ทศนี่หายเลยรีบๆกลับมารับผิดชอบน้องเลยนะ :ling2:

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
พี่ทศหายไปไหน

ออฟไลน์ FonJuz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อิมเมจรันต์ โดนใจมากกกก
ชอบวอนอู ก็แอบคิดๆภาพรันต์ประมาณนี้
ตอนทำหน้าปกติ จะดูนิ่งๆ หล่อๆ
พอยิ้มเท่านั้นแหละ โอยยยน น่ารักกก
พี่ยักษ์นี่เงียบหายเลยนะ.....
มารับผิดชอบน้องด่วนๆเลย
ชอบ special scoop น่ารักดีค่ะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
สู้ๆค่ะ มาต่อ ไวๆเน้อ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
น้องรันต์น่ารักอ่ะ อีกมุมของน้องรันต์เป็นแบบไหนล่ะเนี่ย ดูลึกลับอ่ะ พี่ทศอย่าหายไปนานนะ
ส่วนเมฆนี่ไม่คิดว่าจะแก่กว่ารันต์ตั้งสองปี จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆค่ะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ thyme812

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 313
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
ไม่คิดว่ารันต์จะไม่ธรรมดา คือคิดตลอดว่ารันต์ฉลาด และค่อนข้างกล้าได้กล้าเสีย อิพี่ทศชั่ว เล่นแบบนี้เลยหรอ จริง ๆ รันต์หาข้อมูลใครเป็นเจ้าของโรงแรม แต่คงไม่ทันนึกเนอะ เพราะเป็นเราเราก็ไม่นึก น้องรันต์ไฟตืติ้ง อย่ายอมแพ้ อิพี่ทศนะ กลับมาเอาให้กระอัก เชื่อว่ารันต์ทำได้

ออฟไลน์ thyme812

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 313
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
ใจยักษ์ 18


“สอบเสร็จแล้วโว้ยยยยยยย!!!” ผลั๊วะ!!!

“เบาไอ้สัด อายคน” เมฆตบหัวอ๋องซะจนหน้าเกือบทิ่มพื้น

“ก็กูดีใจนี่หว่า อดหลับอดนอนมาหลายคืน” อ๋องลูบหัวตัวเองป้อยๆแก้ต่าง ก็แน่ดิอดหลับอดนอนเพราะเร่งอ่านไง

“ง่วงก็ไปนอนดิ” ผมบอกอ๋อง ตอนนี้พวกเรานั่งที่ม้าหินอ่อนใต้คณะครับ กำลังรอเก่งอยู่

“เมื่อไหร่ไอ้เก่งจะออกมาวะ แม่งไม่รู้จักเตรียม ลืมนั่นลืมนี่ตลอด เป็นเฮดภาษาอะไร” เมฆบ่นอย่างไม่จริงจังนัก

“อ้าว มึงให้มันยืมอะไรวะ” อ๋องถามเมฆอย่างสงสัยพลางดูดน้ำในมือไปด้วย

“นาฬิกา” แล้วมันก็แย่งน้ำจากมืออ๋องมาดูดต่อก่อนจะส่งมาทางผม ผมส่ายหน้าปฏิเสธ พอดียังไม่หิวน่ะครับไม่ได้รังเกียจเลย

“ก็เอาวันหลังก็ได้นี่หว่า มันแพงมากหรืองไงวะ?”อ๋องถาม

“แสนสอง พ่อกูให้ของขวัญวันเกิดกู จริงๆก็ไม่ได้กลัวมันเอาไปหรอกแต่มันบอกให้รอเอาวันนี้” อือฮึ เชื่อฟังดี

“แสดงว่ามันรู้ราคาอ่ะดิ” ผมว่าอย่างเดานิสัยเก่งออก เมฆพยักหน้ารับว่าใช่

“โทษทีมึง  กูทวนคำตอบอยู่” เก่งเดินลงมาจากตึกก่อนจะตรงดิ่งมาทางที่พวกเรานั่งกันอยู่

“ไม่รอช่วยเขาปิดห้องเลยล่ะ” แหนะ มีจิกเขา เก่งมันก็เบะปากให้เมฆหน่อยๆก่อนจะส่งคืนให้

“อ่ะ ขอบใจมาก” เมฆรับมายัดใส่กระเป๋าเสื้อไว้โดยไม่ได้ตรวจเช็คใดๆทั้งสิ้น

“แล้วนี่จะพากันไปไหนต่อ” เก่งถาม

“กูกับไอ้เมฆจะไปซ้อมบอลต่อ แล้วตอนเย็นจะไปฉลองสอบเสร็จ” อ๋องว่า ที่ฉลองก็คงไม่พ้นร้านเหล้าหรอกครับ

“แล้วมึงอ่ะไปไหนต่อ?” เก่งวกกลับมาถามผม

“กลับไปนอนดิ” ไอ้อ๋องอดนอนยังไงผมก็อดนอนอย่างนั้นครับเพราะติวให้แม่งไม่จบที่สแตทไง

“อ๋อ เคๆ แยกย้ายๆ วันจันทร์เจอกัน” วันนี้วันพฤหัสบดีครับ แล้วพวกเราก็พากันแยกย้ายไปคนละทาง ตอนแรกเมฆว่าจะแวะไปส่งผมก่อน แต่ผมไม่อยากให้มันขับรถกลับไปกลับมาเลยกลับเองดีกว่า  กลับห้องไปนอนเอาแรงก่อนเผื่อว่าเรื่องที่คิดไม่ตกจะหาทางออกได้
.
.
.
.
.
.

ที่นี่ที่ไหนวะ  ทำไมมีแต่หมอกควันเต็มไปหมด ผมเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมายแม้แต่เส้นทางที่เดินยังมองไม่เห็น ผมเดิน เดินเร็วขึ้นอีก เร็วขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นวิ่ง จนกระทั่งผมเหนื่อยจนก้าวขาไม่ออก

แฮ่กๆๆๆ

‘เหนื่อยไหม’ ไม่เหนื่อยมั้งหอบขนาดนี้ อยู่ๆก็มีเสียดังขึ้นมาจากไหนไม่รู้ ผมแยกไม่ออกว่าเป็นเสียงผู้หญิงหรือผู้ชายด้วยซ้ำ

“ใครกัน...?” ผมพูดเบากับตัวเอง

‘จิตใต้สำนึกของเจ้านั่นแหละ’ อะไรวะนี่กูฝันอยู่หรอ

“ทำไมผมถึงมองไม่เห็นอะไรเลย”

‘เจ้ามองเห็นทุกอย่าง เพียงแค่มองข้ามจุดเล็กๆไปเท่านั้น หมอกควันพวกนี้ก็คือความคิดของเจ้า ที่มีมากมายแต่กลับไม่มีประโยชน์’ อะไรวะผมงง

‘เจ้าคงงง’ เออดิ เป็นใครไม่งงบ้างวะ

“ผมต้องทำยังไง”

‘ลองไม่ต้องคิดอะไรให้มากมายดูสิ ปล่อยวางลงซะ’ ผมหลับตาลง ไม่คิดอะไรทั้งนั้นเหมือนกำลังอยู่ในภวังค์ที่ล่องลอย ดวงตาผมลืมขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมกลับเห็นทุกอย่างชัดเจน เส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนามมากมาย เนื้อตัวที่เต็มไปด้วยบาดแผลขีดข่วนจากหนาม เท้าทั้งสองข้างที่มีเลือดซึมออกมาไม่หยุด แปลกที่ตอนแรกผมไม่รู้สึกอะไรแต่ตอนนี้กลับเจ็บแสบไปทั้งตัว  ผมมองไปทางปลายทางที่มีแสงสว่างอยู่ไกลลิบๆ

ผมไม่รู้ว่านี่คืออะไร ไม่ว่าจะเป็นอภินิหารเหนือธรรมชาติหรือว่าผมมโนไปเอง แต่มันก็ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างมากขึ้น ผมก้าวเดินผ่านหนามพวกนั้นด้วยความระมัดระวัง และปลายทางที่มีแสงสว่างนั่นคือจุดหมายของผม!

เฮือก!!! ฝันไปหรอวะ เดี๋ยวนี้กูมโนเก่งขนาดนี้แล้วหรอวะ แต่ถึงอย่างนั้นในฝันผมก็รู้สึกเหมือนเหนื่อยและเจ็บจริงๆ ดีนะที่ผมเดินไปถึงจุดหมาย

จุดหมายงั้นหรอ...ไม่หรอกมั้ง

ใจผมหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่ออยู่ๆความคิดบางอย่างมันก็แล่นแวบเข้ามาในหัว

เจค!!!...ขอให้ทันทีเถอะ!

Rrrr   Rrrr   Rrrr   Rrrr

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะการก้าวเดินอย่างเร่งรีบของผม ยิ่งเห็นเบอร์ที่โชว์หราบนหน้าจอก็ทำเอามือผมเย็นเฉียบไปหมด

“ว่าไง...”

(รันต์มึงต้องรีบมาหากูเดี๋ยวนี้) กูก็กำลังไปอยู่นี่ไง

“กูกำลังจะไป ใกล้ถึงแล้ว”

(เออ รีบๆมากูมีอะไรจะให้ดู)

“...อย่าบอกนะว่ามึงแก้ได้แล้ว” สองเท้าผมรีบเดินอย่างเร่งรีบ เห็นหอพักของเจคอยู่ตรงหน้าแล้ว

(ก็เออดิ มึงมีอะไรวะ!)

“บ้าเอ้ย!...มึงออกมาเปิดประตูห้องให้กูตอนนี้เลย” ติ้ด! ผมกดวางสายอย่างหงุดหงิด เป็นเพียงไม่กี่ครั้งที่ผมควบคุมตัวเองไม่อยู่

แกร็ก! ประตูห้องเจคแง้มออก ผมรีบสอดตัวเข้าไปในห้องด้วยความรวดเร็ว

“มึงเป็นอะไรวะรันต์ เกิดอะไรขึ้น” เจคถามผมด้วยความมึนงง

“เจค...กูขอโทษ กูคิดว่านี่อาจเป็นกับดักที่ทำให้เราต้องเปิดเผยตัวเอง” ผมพูดเสียงแผ่วอย่างรู้สึกผิด ถ้ามันเป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆ คนที่เดือดร้อนที่สุดก็คือเจค

“ทุกอย่างมันแก้ไขได้เว่ย...มึงมาดูนี่ก่อน มันอาจเป็นสิ่งที่ยืนยันสันนิษฐานมึงได้ดี” เจคลากตัวผมไปนั่งลงที่หน้าจอคอม รัวนิ้วที่คีย์บอร์ดเพียงแปปเดียวก็ปรากฏไฟล์ขึ้นหลายไฟล์

“นี่เป็นไฟล์ภาพกล้องวงจรปิดที่กูกู้มาได้...ไฟล์นี้ที่ล็อบบี้โรงแรม” เจคบอกแล้วคลิกไปที่ไฟล์แรก เขารีภาพให้เร็วขึ้นอีกนิดก่อนจะปรับให้ดำเนินไปตามเวลาปกติ ภาพที่ผมเห็นคือผมโดนผู้ชายคนหนึ่งประคองเข้าไปที่ล็อบบี้ ผมไม่เห็นหน้าเขาตรงๆ เห็นแค่ด้านหลังกับด้านข้างเท่านั้น แต่แผ่นหลังใบนั้นมันดูคุ้นอย่างน่าประหลาด

“มีที่เห็นหน้าชัดกว่านี้ไหม” เจคไม่ตอบแต่คลิกไปที่อีกไฟล์หนึ่งแทนเป็นเวลาประมาณหกโมงเช้านิดๆ ภาพที่เห็นเป็นทางเดินยาว ก่อนประตูอีกฟากของกล้องวงจรปิดจะเปิดออกมา ผู้ชายคนที่ประคองผมเดินออกมาจากห้องด้วยท่าทีเรียบเฉย ยิ่งเขาเดินเข้ามาใกล้เท่าไหร่ ภาพใบหน้าเขาในกล้องก็ยิ่งชัดขึ้นเรื่อยๆใจผมยิ่งสั่นขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม จนเมื่ออีกคนในภาพหยุดเดินแล้วเงยหน้าขึ้นมามองกล้องตรงๆ

ใบหน้าเฉยชาที่เห็นบ่อยครั้งจนชินชาทำเลือดในกายผมเย็นเฉียบ นัยน์ตาสีเขียวหม่นจ้องมองมาผ่านกล้องราวกับเขารู้ว่าผมกำลังมองอยู่ ริมฝีปากหนาแสยะยิ้มมุมปากให้ก่อนจะเดินผ่านกล้องไป

“มึงรู้จักเขาใช่ไหมวะ” เจคเอ่ยทำลายความเงียบ เรียกสติผมกลับมาอีกครั้ง หมัดผมกำเข้าหากันแน่นลุกขึ้นแล้วหันไปบอกเจค

“เจค มึงรีบไปเก็บของแล้วย้ายออกให้เร็วที่สุด เรื่องนี้กูจะรับผิดชอบเอง”

“รันต์ มึงมีอะไรทำไมไม่บอกกู กูจะช่วยมึงเอง!” เจคตะคอกใส่ผมอย่างเหลืออดที่ผมไม่ยอมบอกอะไรกับมัน

“เขาอันตรายกว่าที่เราคิด เราไม่รู้หรอกว่าเขาจะมาไม้ไหน แต่ตอนนี้สถานการณ์มึงเสี่ยงกว่ากูมาก หนีไปกบดานที่อื่นก่อน แล้วค่อยคุยกันอีกที” ผมพยายามตะล่อมอีกคนให้เข้าใจ ยังไงผมก็จะไม่ยอมให้เจคต้องมาเดือดร้อนเพราะผม เจคยืนมองนิ่ง ระหว่างเราเกิดความเงียบขึ้นนานมาก จนในที่สุดเจคก็เป็นคนเปิดปากก่อน

“ครั้งนี้กูจะยอมมึงก่อน แต่มึงรู้ไว้เลยว่ากูไม่ยอมให้มึงทำอะไรเสี่ยงๆคนเดียวแน่” เจคพูดเสียงแน่วแน่ ผมยิ้มให้มันก่อนจะพยักหน้ารับ ผมช่วยเจคเก็บของนิดหน่อยก่อนจะโดนมันไล่ให้กลับหอเพราะเดี๋ยวมันจะให้คนรู้จักมารับแล้ว

ผมเดินออกจากหอเจคอย่างลอยๆเลียบไปตามฟุตบาทเหมือนไม่รู้จะไปทางไหน ไม่รู้สิ ตอนนี้ผมสมองผมมันตื้อจนคิดอะไรไม่ออกเลย

ถ้าไม่ใช่เขา...มันจะเป็นยังไงวะ

กึก! รองเท้าหนังมันปลาบหยุดยืนขวางทางผมอยู่ข้างหน้า ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมองบุคคลที่สอง

“สวัสดีครับคุณรันต์ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ” บุคคลตรงหน้ากล่าวทักทายพร้อมยิ้มบางๆไปตามมารยาท ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงยิ้มกลับคืนไปแล้ว แต่ครั้งนี้ผมกลับไม่มีอารมณ์ที่จะทำแบบนั้นเลยสักนิด

“ก็ไม่ได้นานจนผมลืมหน้าคุณหรอกครับ คุณบราวน์” รอยยิ้มบนใบหน้าสตีฟยิ่งกว้างขึ้นมากกว่าเดิมเมื่อผมไม่เล่นด้วย

“ท่าทางจะอารมณ์ดีกว่าปกตินะครับ พอจะมีเวลาว่างสักครู่ไหมครับ”

“ถ้าผมบอกว่าไม่” ผมยังคงน้ำเสียงนิ่งๆให้กับอีกคน

“ผมไม่คิดอย่างนั้นนะครับ” เอาเถอะ ถึงเขาไม่มา แต่ผมก็จะไปหาเขาเองอยู่ดี


+++++++++++++++++++++++++


ผมกลับมาที่นี่อีกแล้ว  น้ำตกที่เคยทำให้ผมสดชื่นทุกครั้งที่เห็นไม่ได้ช่วยให้ความรู้สึกผมตอนนี้ดีขึ้นเลยสักนิด  กลับกัน ผมยิ่งรู้สึกหดหู่ใจ ยิ่งก้าวเดินเข้าไปข้างในเท่าไหร่หัวใจผมเหมือนกำลังจะหยุดเต้นเข้าไปทุกที จนเมื่อโจเซฟพาผมมาหยุดอยู่ตรงผู้ชายที่พาดขาไปกับโซฟาตัวยาวนั่งดูโทรทัศน์อย่างสบายใจเฉิบ ดูมีความสุขซะจริง

“ไง J” คำทักทายพร้อมรอยยิ้มที่มุมปากที่เห็นได้ไม่บ่อยนักจากอีกคนส่งมาให้ผม

“…” ผมยังเงียบ คำพูดมากมายที่อยากพูดกลับไม่สามารถเปล่งมันออกไปได้สักคำ ตัวผมได้แต่ยืนนิ่งๆมองเขาอยู่อย่างนั้น

“นั่งก่อนสิ ยืนค้ำหัวผู้ใหญ่มันไม่มีมารยาทนะ” เขาว่าแกมสัพยอก

“ทำแบบนี้ทำไม” กว่าผมจะหาเสียงตัวเองเจอแล้วเอ่ยถามทศกัณฐ์ออกไป ตัวผมยังยืนนิ่งไม่ได้นั่งลงตามที่เขาบอก

“ทำอะไร?” เขายังทำหน้าไขสือใส่ผม

“เอาแหวนผมมา” ผมไม่ตอบแต่ทวงของสำคัญแทน

“ปรักปรำกันแบบนี้ ระวังล้มละลายนะ” เขายังบอกด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี ทำให้เส้นความอดทนผมขาดผึงทันที

“เลิกทำเป็นไขสือสักที! คุณทำเลวระยำอะไรไว้ผมรู้หมดแล้ว บีบให้ผมวิ่งเต้น ต้องการอะไรก็พูดมา!” ผมจ้องตาเขาเขม็ง เกิดมายังไม่เคยทำแบบนี้กับใครเลยสักครั้ง แต่วันนี้มันสุดจะทนแล้วจริงๆ

“คืนนั้นมึงเรียกร้องเองนะรันต์” คำตอบเขาทำเอาร่างกายผมชาวูบ ผมรู้ตัวดีว่าตัวเองแทบจะไม่ได้ขัดขืนอะไรเลยเพราะยานรกนั่น แต่ที่ผมโกรธคือเขาเอาแต่ซ้ำเติมผมย้ำๆซ้ำๆให้ผมหยุดคิดไม่ได้

“แล้วจะทำไม? มันจบไปแล้ว เอาของๆผมคืนมา”

“มึงเป็นคนยังไงกันแน่รันต์” แทนที่เขาจะคืนของผมเพื่อให้เรื่องมันจบๆไป แต่กลับถามเฉไปเรื่องอื่น

“คุณเสือกอะไรด้วย ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของผม” ตอนนี้ผมเหมือนไอ้บ้าที่ไร้เหตุผลไปทุกที

“โดยการทำตัวเป็นอาชญากรน่ะหรอ” ทศกัณฐ์ยืดตัวขึ้นนั่งไขว่ห้างแล้วตอกกลับผม

“...”

“แก้ตัวสิรันต์ว่าไม่ใช่”

“...” ผลพวงจากการกระทำในอดีตกำลังย้อนกลับมาทำร้ายผม

“จะให้กูบรรยายไหมว่าทำอะไรมาบ้าง มึงเก่งนะที่ทำได้ขนาดนี้ กูชื่นชมเลย แต่เก่งในทางที่ไม่ควรเก่ง” ทศกัณฐ์ยังร่ายยาวเรื่องราวผมไปเรื่อยๆราวกับสายน้ำ “ใครสั่งให้ทำ” คำถามสุดท้ายของทศกัณฐ์ยิ่งทำให้ผมก้มหน้านิ่งมือทั้งสองกำหมัดแน่นจนขึ้นข้อ

“...ผมทำเอง...” ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมก็คงเลือกที่จะทำเหมือนเดิม ผม...ไม่มีทางเลือก

“กูไม่อยากจะคิดว่ามึงหน้าเงินเลยจริงๆ ปากบอกว่าไม่อยากได้เงิน แต่ที่เคยทำมามันสวนทางกับการกระทำมึงนะ”

“คุณ...ไม่รู้อะไร...” ผมเค้นเสียงออกมาอย่างยากเย็น กระบอกตาผมร้อนผ่าว อย่านะรันต์ กลั้นมันไว้

“ใช่กูไม่รู้อะไร แต่ที่รู้ๆไอ้พวกที่เคยโดนมึงเอาของมันไปกำลังตามล่าตัวมึงอยู่ไง” ทศกัณฐ์ว่าเสียงนิ่ง

“ชีวิตของผม ถ้าผมจะต้องตายมันก็เป็นเรื่องของผม” ผมบอกกับอีกคนเสียงสั่นเครือ ก้มหน้านิ่ง

“ถ้ามึงตายคนเดียวโดยไม่เดือดร้อนคนอื่นก็ดีน่ะสิ ไม่คิดหรือไงว่าคนรอบข้างมึงจะคอยเดือดร้อนตามไปด้วย” สิ้นคำพูดของทศกัณฐ์สิ่งที่ผมพยายามอดกลั้นมาทั้งหมดก็พังทลายลงจนไม่เหลือสิ้นดี

เผาะ! เผาะ! เผาะ! น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลอาบแก้มร่วงลงพื้นอย่างห้ามไม่อยู่ ผมจะทำให้คนอื่นลำบากอีกแล้วหรอ ชีวิตผมเคยมีอะไรดีๆให้ใครบ้างไหมนะ หรือเป็นได้แค่ตัวภาระ ฮึก ผม...ถึงได้ไม่เหลือใครเลย...

ถ้าเกิดว่าเป็นคุณ...ถ้าเป็นคุณ คุณจะทำหรือเปล่า? โอกาสสุดท้าย...ที่คุณจะสามารถรั้งชีวิตคนที่คุณรักไว้ได้  สิ่งสุดท้ายที่จะสามารถทำให้คุณหายใจต่อได้ในแต่ละวัน ต่อให้ผม...ต้องเลวระยำแค่ไหน ต้องตกนรกอีกไม่รู้กี่ขุม หรือว่าผมต้องตาย...เพื่อแลก แลกกันกับชีวิตคนๆนั้น ถ้าทำได้...ผมก็จะทำ ทำทุกอย่างทุกอย่างจริงๆ

“ฮึก...ฮึก...” ยิ่งยกมือขึ้นปาดน้ำตามากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งไหลออกมาไม่หยุด เรื่องราวที่เคยเสียใจมามากมายปรากฏขึ้นมาในหัวราวกับพึ่งเกิด ผมไม่ชอบร้องไห้ เพราะมันคือช่วงเวลาที่ผมอ่อนแอและจบปวด น้ำตาไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา แต่น้ำตาก็แสดงให้ผมเห็นว่าเรา...ยังมีความรู้สึก มีหัวใจที่ยังเต้นอยู่ แต่หัวใจอีกครึ่งหนึ่งของผมหยุดเต้นไปตั้งนานแล้ว ตั้งแต่...ที่เธอผู้เป็นที่รักของผมจากไป

“ผม...ฮึก...ไม่ได้ ฮึกๆ ให้คุณมาเข้าใจ...ฮึก ถึงผมจะหน้าเงิน ฮึกๆ ผม...ก็มีเหตุผลของผม...ไม่ได้อยากให้ใครมาตายด้วย ฮึก...” เหตุผลที่ผมไม่อยากพูดขึ้นมาให้ปวดใจอีก ให้อยู่แค่ในใจผมคนเดียว เท่านั้นพอ...

“กูมีข้อเสนอ ถ้ามึงยอม ทุกคนจะปลอดภัย ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนแฮกเกอร์ใต้ดินของมึงด้วย” ผมเงยหน้าขึ้นมองทศกัณฐ์ผ่านม่านน้ำตา ถอดแว่นที่ขึ้นฝ้าเล็กน้อยออก ยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเอง พยายามกลั้นสะอื้นให้เบาลงที่สุด

“ข้อเสนอ ฮึก...อะไร?”

“มาเป็นเด็กกู” สิ้นเสียงทศกัณฐ์ ทำนบน้ำตาผมก็ไหลลงมาอีกระลอก นี่ผมกำลังจะกลายไปเป็นตัวอะไร ผมไม่ได้อินโนเซ้นท์ขนาดที่จะไม่รู้หน้าที่ของคำๆนี้ ผมคิดเป็นอย่างอื่นไม่ออกจริงๆ

“ไม่ได้จะให้ทำฟรีๆหรอกนะกูเลี้ยงมึงได้...ว่าไง?คนฉลาดอย่างมึงน่าจะรู้ว่าควรทำยังไง ถ้าตกลง ก็เริ่มตอนนี้เลย” ทศกัณฐ์บอกพร้อมรอยยิ้ม ราวกับมั่นใจว่ายังไงผมก็จะต้องตกลง

“นานแค่ไหน”

“ไม่รู้...คงไม่นาน ก็จนกว่าจะเบื่อนั่นแหละ” ทศกัณฐ์ว่ายักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ผมก้าวเท้าไปประชิดทศกัณฐ์หลังตัดสินใจได้ เขาเงยหน้ามามอง แววตาฉายแววเจ้าเล่ห์

“ผมเกลียดคุณ!” เอ่ยบอกอีกคนก่อนจะโน้มหน้าลงไปใกล้อีกคนที่นั่งรออยู่ ผมหลับตาปี๋แล้วประทับริมฝีปากลงไปแนบสนิทกับริมฝีปากทศกัณฐ์ที่เงยหน้ารอรับไว้อยู่ก่อนแล้ว  ทันทีที่ริมฝีปากเราสองคนสัมผัสกันน้ำตาอีกหยดของผมก็อาบแก้มทันที มันย้ำเตือนว่าจูบนี้เต็มไปด้วยความเจ็บแค้นและขมขื่นแค่ไหน รสจูบของทศกัณฐ์เต็มไปด้วยความเร่าร้อนและหื่นกระหาย มือทศกัณฐ์เลื่อนปลดกระดุมเสื้อผมทีละเม็ดๆจนกระทั่งปลดออกหมดทุกรังดุม มือหนารั้งเอวผมให้ลงไปนั่งตักเขา ขาทั้งสองข้างของผมเกี่ยวเอวอีกคนไว้โดยอัตโนมัติ มือหนาสอดรั้งเอวผมให้แนบชิดกายหนายิ่งกว่าเดิม ริมฝีปากก็ยังแนบสัมผัสกันอย่างดูดดื่มโดยไม่ละออกจากกันแม้แต่น้อย ทศกัณฐ์ลุกขึ้นเดินโดยไม่ละจูบออก แขนผมรีบเกี่ยวคออีกคนตามสัญชาตญาณ ผมลืมตาขึ้นมองเห็นดวงตาสีเขียวหม่นทรงเสน่ห์มองอยู่ก่อนแล้ว ดวงตาเราใกล้กันมาก เขาทั้งเดินไปอุ้มผมไปแถมยังจูบกันอีกต่างหาก จุดหมายก็คงเป็นห้องที่ชั้นสอง ถึงผมไม่บอกก็คงพอเดากันออกนะว่าต่อจากนี้เรากำลังจะไปทำอะไรที่ห้องนั้น...ทำหน้าที่ที่พึ่งได้รับมาสดๆร้อนๆไงล่ะ


++++++++++++++++++++++++


อื้อ ปวดตัวชะมัดเลยว่ะ ตาก็ปวดจนแทบลืมไม่ขึ้น โดยเฉพาะบริเวณศีรษะที่ปวดตุบๆอย่างกับมีคนเอาค้อนมาตอกเลย ผมพยายามฝืนลืมตาขึ้นช้าๆ รู้สึกว่าลืมได้ไม่เต็มตานัก

“ตื่นแล้วหรอครับ อาการเป็นอย่างไรบ้างครับ” ผมหันไปข้างเตียงตามเสียงปรากฏเป็นสตีฟยืนอยู่ สายตาผมเหลือบกลับมามองตัวเองว่าโป๊อยู่ไหม โชคดีที่ผมใส่ชุดนอนเรียบร้อย ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ถ้ามาโดนเห็นในสภาพนั้นผมว่ามันก็ไม่น่าดูเท่าไหร่หรอก

“ผมปวดหัว” น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปนั้นแหบแห้งจนแทบไม่ได้ยิน จริงๆผมก็ปวดไปทั้งตัวนั่นแหละ

“คุณรันต์มีไข้น่ะครับ ทานข้าวต้มสักหน่อยนะครับ จะได้ทานยา” สตีฟบอกผมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน สตีฟยกถ้วยข้าวต้มร้อนๆที่มีไอลอยกรุ่นอยู่มาทางผม แต่แค่ได้กลิ่นผมก็รู้สึกคลื่นไส้แล้ว

“เอาออกไป ผมไม่หิว เอาแค่ยามาก็พอ” ผมบอกสตีฟ หน้าตาผมก็คงแสดงความผะอืดผะอมอย่างเห็นได้ชัดเขาถึงได้ขยับตัวออกห่างเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ไปไหน

“เอาออกไป!”น้ำเสียงผมแสดงถึงความวีนอย่างเห็นได้ชัด เวลาผมป่วยอารมณ์ผมมักจะแปรปรวนและหงุดหงิดง่าย ถ้าป่วยผมมักจะอยู่คนเดียวและดูแลตัวเอง ผมไม่อยากเหวี่ยงใส่สตีฟอีกจึงหันหลังให้แล้วเอาผ้าห่มคลุมโปงแม่งเลย ถึงแม้ว่าจะปวดหัวและร้อนตามตัวไปหมดก็ตาม สตีฟเงียบไปสักพักแต่ผมก็ไม่ได้เปิดผ้าออกไปดูว่าเขายังอยู่ในห้องไหม

“เอ่อ...คุณรันต์ครับ...” คราวนี้เป็นเสียงของโจเซฟ คนหนึ่งไม่ได้ผลก็คงจะผลัดกันมาสินะ

“ก็บอกว่าไม่หิวไง!!” ผมตะคอกบอกไปด้วยความหงุดหงิด จะเซ้าซี้อะไรนักหนาวะ ก็บอกอยู่ว่าไม่หิวๆ

“ไม่หิวก็ต้องกิน!....” พรึ่บ เสียงเข้มทศกัณฐ์ดังขึ้นเหนือหัวพร้อมแรงกระชากผ้าห่มออกจากตัวผม ร่างกายผมสั่นสะท้านด้วยความหนาวทันทีที่สัมผัสกับบรรยากาศภายนอกผ้าห่ม

“จะกินไหม” เขายังส่งเสียงนิ่งๆดุๆมาให้ ผมได้แต่กัดปากมองเขานิ่ง นึกแค้นใจที่ผมเป็นแบบนี้ก็เพราะมัน

“จะอ้วก ไม่อยากกิน” ผมเอ่ยบอกเขาเสียงแผ่ว เบนสายตาไปอีกทางเพื่อที่จะได้ไม่จ้องตากับเขา ผมรู้สึกว่าสู้ไม่ได้อย่างบอกไม่ถูก

“แล้วถ้าไม่กินข้าวจะได้กินยาไหม มันจะหายไหมล่ะไข้” เขาบอกด้วยเหตุผล คือผมก็รู้นะ แต่มันไม่หิวอ่ะ จะให้ทำไง ผมเหลือบสายตามองเขาก็เห็นเขาจ้องเม็งไม่ละสายตาเลย ผมเลยค่อยๆดันตัวเองนั่งพิงหัวเตียงแล้วเอ่ยต่อรองกับอีกคน

“สามนะ”

“ยี่สิบ” อีกคนตอบกลับอย่างรวดเร็ว

“ห้า” ผม

“สิบแปด” ยักษ์

“แปด”

“สิบห้า”

“สิบขาดตัว” ผมบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่

“สิบสองขาดตัว” อีกคนเสียงดังเข้มกว่า ผมพรูลมหายใจด้วยความเหนื่อยใจ ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก เป็นอันจบว่ายอมกินที่สิบสองคำ ทศกัณฐ์หันไปทำสัญญาณให้สตีฟเอาข้าวต้มมาให้ผม

“กินเองได้ใช่ไหม” ทศกัณฐ์ถามย้ำ ผมพยักหน้าแทนคำตอบ ตักข้าวประมาณปลายๆช้อนกำลังจะเข้าปากแต่ก็โดนอีกคนท้วงเอาไว้ก่อน

“ให้มันคำใหญ่ๆกว่านั้นหน่อย เต็มช้อนเลย” ผมได้แต่กรอกตาให้กับความเรื่องเยอะของอีกคน แต่ผมจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากทำตามที่เขาบอก ผมฝืนกินไปได้ไม่กี่คำก็วางช้อน นอกจากจะไม่อยากกินอะไรแล้วผมยังเจ็บคอมากๆอีกด้วย กว่าจะกลืนไปได้แต่ละคำ

“...ขอน้ำ” สตีฟรีบยื่นแก้วน้ำมาใกล้ โดยถือไว้ให้แล้วให้ผมดูดน้ำเองอย่างเดียว

“กินอีกหน่อยสิ พึ่งกินไปได้นิดเดียวเอง” ทศกัณฐ์ที่ยืนอยู่ข้างๆสตีฟเอ่ยบอก
                                                                      
“ไม่ไหวแล้ว น้องเจ็บคอ” ทศกัณฐ์นิ่งไปเลย ผมก็พึ่งรู้ตัวว่าเผลอพูดแทนตัวเองด้วยความเคยชิ

“งั้นคำสุดท้าย” ทศกัณฐ์บอกพร้อมตักข้าวต้มคำใหญ่มาจ่อที่ปากผมเอง ผมเลยจำใจอ้าปากกินในที่สุด จากนั้นเขาก็ให้ผมกินน้ำกินยา พอกินเสร็จผมก็สไลด์ตัวลงกับเตียงแบบพร้อมจะนอนต่อแล้ว ทศกัณฐ์จึงเอาผ้าห่มที่เขากระชากออกไปมาคลุมตัวให้

“นอนพักผ่อนซะ” เขาบอกแล้วลูบหัวผมเบาๆสองสามทีก่อนที่จะพากันยกโขยงออกจากห้องไป ไม่นานผมก็หลับไปในที่สุด
.
.
.
.
.
.
.
.
.

“สวัสดีครับคุณรันต์ เช้านี้คุณจะรับอะไรดีครับ” สตีฟกล่าวทักทายเมื่อเห็นผมเดินลงมาจากชั้นบน อ่อวันนี้วันอาทิตย์ครับ ผมเพิ่งจะสร่างไข้หลังจากที่นอนซมมาสองวันติด

“ไม่เอาข้าวต้ม” กินแม่งทุกคาบตั้งแต่ป่วยอ่ะ  แค่เอ่ยชื่อก็เบื่อจนแทบไม่อยากอาหารแล้ว

“งั้นอเมริกันเบรคฟาสแล้วกันนะครับ” สตีฟบอกก่อนที่จะเดินไปทางห้องครัว เขาก็ทำอาหารเป็นอยู่นี่หว่า ผมนั่งดูทีวีรอสตีฟได้สักพัก ก็ได้ยินเสียงติ๊ดแล้วก็เสียงเปิดประตูจากหน้าห้อง ผมไม่ได้หันไปดูว่าใครมา ยังคงจดจ่ออยู่กับการ์ตูนช่องบูมอยู่

ฟุ่บ! เสียงโซฟาข้างกายยวบลงบ่งบอกว่ามีคนนั่น หางตาผมชำเลืองมองก็เห็นว่าเป็นทศกัณฐ์อย่างที่คิด

“หายไข้แล้วหรอ?” เขาเอ่ยทำลายความเงียบ(เมื่อคืนเขาออกไปข้างนอกแล้วไม่ได้กลับมา จนถึงเมื่อกี้) ผมเพียงพยักหน้าไม่ได้ตอบอะไร ตาก็มองดูการตูนอยู่ บัคบันนี่ฉลาดจัง

หมับ! เหมือนคนข้างๆจะทนความเฉยเมยของผมไม่ไหว เขาคว้าหมับเข้าที่คางรั้งใบหน้าผมให้หันไปเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ คิ้วเข้มขมวดจนแทบจะชนกัน

“นี่กูกำลังพูกับเด็กใบ้อยู่หรอ” ผมขมวดคิ้วบ้างเมื่อได้ยินคำพูดเขา ใบหน้าเริ่มงอง้ำอย่างไม่รู้ตัว แต่พอผมจะเอ่ยปากตอกกลับไป ทศกัณฐ์กลับโฉบริมฝีปากมาแนบสนิทกับริมฝีปากผมอย่างรวดเร็ว ลิ้นร้อนที่ได้โอกาสสอดเข้ามาเกี่ยวพัน ลากไล้ลัดเลาะไปตามแนวฟัน ดูดดึงลิ้นลงหนักสลับเบาจนผมเบลอไปหมด เขาจูบผมนานมากจนผมแทบจะหมดลมหายใจจึงผละออกแล้วประทับจูบลงใหม่ซ้ำๆ ราวกับว่าเข้าจะลงโทษที่ผมดื้อใส่อย่างไรอย่างนั้น

“จุ๊บ...อื้อออ...พอ...อ๊ะ!” ผมพยายามห้ามปรามหลังปล่อยเขาจูบอยู่นาน เมื่อมันชักจะเลยเถิดไปไกลกว่าที่คิด มือหนาทศกัณฐ์ตอนนี้วนเวียนอยู่แถวบั้นท้ายผมซะแล้ว

ครั้งก่อนพึ่งจะหายปวด นี่ผมจะโดนซ้ำอีกแล้วหรอ!


++++++++++++++++++++++++++++

ขอโทษที่สาย ช่วงนี้เปรมอ่านหนังสือสอบฮับ หลังสอบเสร็จคงมาได้ถี่ขึ้น ฮี่ๆ :katai3:


special scoop ต่อreply ถัดไปฮับ :katai5:

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
Special  scoop by Thossakan

YINGPREM : สวัสดีค่ะทศกัณฐ์  วันนี้ได้มีโอกาสคุยกันสักที

ทศกัณฐ์ : สวัสดีครับ

YINGPREM : เข้าคำถามแรกเลยนะคะ ชื่อทศกัณฐ์ นี่ใครเป็นคนตั้งให้อย่างนั้นหรอคะ

ทศกัณฐ์ : พ่อ

YINGPREM : อ่อ มีความหมายอะไรพิเศษไหมคะ

ทศกัณฐ์ : จริงๆทศกัณฐ์คือชื่อเล่น เขาบอกว่าเป็นยักษ์ที่มีพลังอำนาจมากมาย แม้ว่าจะเป็นตัวร้าย ที่สำคัญข้อดีที่เขาชอบทศกัณฐ์มากที่สุดคือเป็นคนที่รักเมียมากนะ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าจริงไหม

YINGPREM : ว้าววว แล้วพี่ทศรักเมียไหม(เนียนเลยกู)

ทศกัณฐ์ : ถ้าขึ้นชื่อว่าเมีย ก็คงรักแล้วล่ะ

YINGPREM : แล้วมีเมียรึยังคะ//สนใจเปรมไหม(คิดในใจ)

ทศกัณฐ์ : หึ รอดูกันเอาเอง

YINGPREM : มีเล็งๆใครว่าเป็นพิเศษรึเปล่า

ทศกัณฐ์ : ก็มองอยู่

YINGPREM : เคยมีแฟนมาแล้วกี่คนคะ?

ทศกัณฐ์ : ไม่มี

YINGPREM : โอ้ ไม่น่าเชื่อนะเนี่ย...เคยเจอน้องรันต์มาก่อนรึเปล่า

ทศกัณฐ์ : หมายถึง?

YINGPREM : ก่อนที่รันต์จะไปช่วยพี่ทศที่ซอกตึกนั่นไงคะ

ทศกัณฐ์ : ไม่ตอบได้ไหม

YINGPREM : พลีสสสสสสสสสสสส

ทศกัณฐ์ : เรื่องบังเอิญอาจมีอยู่บนโลกนี้ก็ได้ J //ฉีกยิ้มมุมปากบาดใจ

YINGPREM : ทำไมถึงชอบบังคับแล้วก็ใจร้ายกับน้องจัง

ทศกัณฐ์ : ก็มันน่าแกล้ง

YINGPREM : ไม่ใช่ม้างงง...ขออนุญาตถามตรงๆเลยชอบรันต์รึเปล่า?

ทศกัณฐ์ : ผมเกลียดสตอเบอร์รี่

YINGPREM : ??แล้วชอบอะไร?

ทศกัณฐ์ : ก็...สตอเบอร์รี่ล่ะมั้ง

YINGPREM : อ้าว...อาหารรสมือรันต์เป็นยังไงบ้าง

ทศกัณฐ์ : กินได้//ปากแข็งชัดๆ

YINGPREM : ถ้ารันต์เป็นผู้หญิง น้องเหมาะจะเป็นแม่ของลูกไหม

ทศกัณฐ์ : ผมไม่คิดว่าผมจะมีลูกนะ

YINGPREM : หืมมมมมมม คิดว่ารันต์เวอร์ชั่นเมาเป็นเป็นยังไง

ทศกัณฐ์ : เหล้าแพงแค่ไหนผมก็จะซื้อ

YINGPREM : มีคนบอกว่าเรื่องนี้แฟนตาซีหรอ?

ทศกัณฐ์ : หึๆ ผมบินไม่ได้นะถ้าไม่ได้นั่งเครื่องบิน //กวนตีน

YINGPREM : ดูท่าทางพี่ทศไม่น่ามารู้จักกันกับพี่สมิธได้นะ เป็นเพื่อนกันได้ยังไงคะเนี่ย

ทศกัณฐ์ : สถารการณ์มันบีบบังคับน่ะ

YINGPREM : มีพี่น้องไหมคะ?

ทศกัณฐ์ : มีพี่ชายคนละแม่ครับ

YINGPREM : สภาพร่างกายตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ

ทศกัณฐ์ : ผมมีโรคประจำตัวที่ยังรักษาไม่หายอยู่น่ะ

YINGPREM : เฮ้ยยยยยย แล้วอันตรายรึเปล่า

ทศกัณฐ์ : มันก็แล้วแต่คนจะคิดนะ

YINGPREM : สุดท้ายนี้อยากฝากอะไรถึงคนที่อยู่ทีมพี่ทศไหมคะ

ทศกัณฐ์ : ขอบคุณที่ติดตามครับ

YINGPREM : ขอบคุณมากนะค่า

ทศกัณฐ์ : ครับ...


+++++++++++++++


ปอลอลิง อยากลงรูปอิมเมจพี่ทศแต่ลงไม่ได้ คราวหลังแล้วกันนะคะ :m16:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-03-2017 20:44:50 โดย YINGPREM »

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
อิพี่รันต์ปากแข็ง อยากให้น้องมาอยู่ใกล้ๆล่ะสิ ถึงบอกให้มาเป็นเด็กน่ะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
อยากรู้จังว่ารันต์ทำงานอะไร พี่ทศก็อย่าใจร้ายกับน้องนักสิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด