Once: กาลครั้งหนึ่งเมื่อแรกเจอ (ถธปทฟ & leGGyDan) แจ้งข่าวรวมเล่ม 17-11-2561
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Once: กาลครั้งหนึ่งเมื่อแรกเจอ (ถธปทฟ & leGGyDan) แจ้งข่าวรวมเล่ม 17-11-2561  (อ่าน 72399 ครั้ง)

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รอดูว่าจะยังไงกันต่อ ตกลงติ๊นจะเอายังไงกันแน่ ถ้ายังรักไนท์ก็กลับไปสิ ยังถอนตัวทัน หมอโมน่าจะเจ็บไม่นานหรอก ดีกว่าทำตัวลังเลอยู่อย่างนี้

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ไนท์มีการฝากรอยที่ระลึกไว้อีก
หมอโมเห็นคงมีเรื่องให้เคลียร์ (ถ้าหมอโมยอมเคลียร์)

ออฟไลน์ XVIII.88

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
    • XVIII.88
อื้ออหื้อออ นึกว่าจะจบที่หมอโมมาเห็นช็อตนี้พอดีซะอีก  :katai1: นั่งลุ้นบรรทัด 555

//ไนท์พลาดแล้วล่ะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2

ออฟไลน์ LALYNN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ช่วยเปิดตัวหมอโมระบุสถานะที่ชัดเจน แล้วตัดจบปัญหาแบบไร้เยื่อใยด้วยค่ะติ๊น
บอกแล้วไงว่าถ้าไม่เคลียร์ให้ชัด มันจะเป็นเสี้ยนในใจของหมอโม
#ทีมหมอโม ชวดอีกแล้ว ดึงผ้าเช็ดตัวปิดไปก่อน 5555

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
หง่า...พูดไม่ออก
ก็แล้วทำไมปล่อยเวลาให้เนิ่นนานขนาดนี้ ไนท์เอ๊ย คิดว่าติ๊นเป็นของตายหรือไง
ก็อยากให้สมหวังกันอยู่หรอก แต่หมอโมของฉันทำผิดอะไรต้องมาค้างเติ่งเพราะเพื่อนเก่าเนี่ย
ติ๊นจะเอายังไง จะกลับไปทางเก่าหรือจะเดินหน้า อย่าจับปลาหลายมือ ไม่ชอบ
ปล.ว่าแต่ห้องหมอโม เป็นห้องเก่าพี่ตังชิมิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ทำไมไม่ซื้อหวยแล้วถูกแบบนี้มั่งงง
ไนท์ชอบติ๊นจริงๆด้วย ไม่งั้นคงไม่มีท่าทีอะไรแบบนี้
รู้สึกไม่โอเคกับไนท์เท่าไหร่เลย
ก็แหม ขัดจังหวะคนกำลังจะได้กันนี่นา  :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ todiefor

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 204
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
ดูติ๊นกับโมรักกันเร็วไป ไฟติดเร็ว
พูดจาแหย่กันไปมาเรื่องอย่างว่า แต่ไม่ได้กันซักที
แล้วไหนจะมีไนท์เข้ามาอีก

ส่วนตัวเราว่าติ๊นแปลกๆ คือเป็นคนทำงานศิลปะ น่าจะเป็นคนลุ่มลึก เซนซิทีฟ แบบไวเรื่องความรู้สึกคน
นี่แบบอะไรอะ เหมือนทำไรไม่นึกถึงใจโมเท่าไหร่ ปล้ำๆ กันอยู่ มีรับโทสับมั่งไรมั่งตลอด คือมันหลายทีแล้ว สมควรโดนแม่ๆ ในนี้รุมด่าแหล่ะ ถูกล๊าววววววว 555555

รอดูตอนต่อไปว่าโมจะเอายังไง นิ่งๆ แบบนี้ ขอให้แบบเป็นภูเขาที่รอวันปะทุ ระเบิดทีระเบิดให้หนัก

แต่อย่าว่าเรานะ คือเหมือนความสัมพันธ์มันเกิดเร็ว แอบถูกใจกันมาก่อนก็จริง แต่พอมาเจอกันแล้ว ความสัมพันธ์มันดูฉาบฉวย ไม่ลึกซึ้ง แบบดูไม่ได้ศึกษาใจคออะไรกันเท่าไหร่ นี่ก็เจอกันก็ไม่กี่หนเอง แล้วแทบทุกหนก็ดูจะแบบเป็นความสัมพันธ์ทางกายเป็นเมนหลัก ถ้าเป็นเหตุการณ์จริง ติ๊นจะกลับไปหาไนท์ หรือมีคนใหม่ เราเป็นโมคงไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่มั้ง ไม่รู้จะเอาอะไรมาระเบิด มันยังไม่ได้ผูกพันธ์อะไรเท่าไหร่อะ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เราเห็นด้วยกับความคิดเห็นบนๆ หลายความคิดเห็นนะ ที่ว่ามันเร็วเกินไป และดูฉาบฉวยเกินไปยังไงก็ไม่รู้
คือเพิ่งรู้จักกันไม่นาน ยังศึกษาดูใจกันไม่ดีพอและอย่างที่ว่าดูเหมือนจะเน้นความสัมพันธ์ทางกายกันจัง
แต่คงเพราะว่าต่างคนก็เป็นผู้ชายมั้ง ถึงไม่ได้คิดอะไรเหมือนผู้หญิงอย่างเราๆ แบบที่ต้องเริ่มนับจาก 0 ถึง 100 อะไรแบบนั้น
รอดูต่อไปค่ะ ว่าหมอโมจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงต่อไป เราว่าคงได้มีเคลียร์กันเร็วๆ นี้แน่ๆ
ไม่มีใครชอบนะหรอกกับสถานการณ์แบบนี้น่ะ

ออฟไลน์ therappizdrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ติ๊นนน ง้อหมอโมด่วนเลยนะ

ไนท์คือเธอมาแบบหักอกเขาแล้วจะกลับมาแบบสวยงามงี้หรอ

ไม่ใช่ป่าวววววว มันไม่ง่ายขนาดนัน้นะ


ติ๊นก็เหลือเกินจริงๆ มีเผลอใจนิดนึง ไม่ยกหมอโมให้แล้วววว

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ตอบได้ชัดเจน ช่วยไม่ได้นะไนท์ตอนนั้นไม่รับเอง ดันกลัวระยะทางเฮ้อ...
ดีละจะได้ให้ติ๊นไปเคลียกะหมอโมต่อ น่าจะคิดไปถึงไหนมั้งป่านนี้
แหมะโดนใจจริง วันนี้หัวใจของเรา เราให้คนอื่นไปแล้ว 555555 ซะจายยยยย o13

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ไนท์ชอบติ๊นจริงๆด้วย แต่กลับมาตอนนี้มันก็ไม่ทันแล้วล่ะ

ออฟไลน์ i_Tipz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอยยยย จิกแล้วตบติ้นได้ เค้าจะทำ   :z3: :z3:

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
การกระทำของติ๊นขัดกับคำพูดของตัวเองจริงๆ
บอกว่าให้ใจหมอโมไปแล้ว แต่พอไนท์โทรมาลืมนัดทิ้งหมอโมให้รอเฉยเลย
ฉาบฉวยและไม่ให้ความสำคัญกับหมอโมเพียงพอ

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ตอนที่ 10 อากาศ


แม้เวลาจะผ่านไปสามวันแล้วศุกลก็ยังคงรู้สึกผิดอยู่เต็มหัวใจ ผิดต่อรัตติเขตคนที่เขาเคยมอบใจให้แต่สุดท้ายก็จำต้องคงความเป็นเพื่อนเอาไว้ตลอดมา เมื่อได้รู้ความจริงว่าเหตุผลที่อีกฝ่ายไม่อาจตอบรับความรู้สึกนั้นได้เพียงเพราะความกลัวทุกอย่างมันก็สายเกินกว่าจะเรียกความรู้สึกที่เคยมีกลับคืนมาได้ ภาพน้ำตาที่ร่วงรินเป็นสายจึงยังคงติดอยู่ในสองตา และด้วยเหตุนี้ก็ยิ่งรู้สึกผิดต่อเอกรงค์ที่ถึงจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ที่เขาเผลอไผลไปจูบกับคนอื่นก็ไม่ต่างอะไรกับการทรยศ ช่วงสามวันมานี้เขาจึงไม่ได้ติดต่อไปหาอีกฝ่ายเลยเพื่อปรับอารมณ์ของตนเอง


ย่างเข้าเดือนธันวาคมอากาศก็เริ่มเย็นลงอีก จิตรกรหนุ่มจึงหอบเอาการบ้านรูปวาดของเด็กๆ ออกมานั่งตรวจตรงม้านั่งใต้ต้นจำปีที่กำลังออกดอกส่งกลิ่นหอมเย็นชื่นใจ หวังจะให้แสงแดดอุ่นๆ ช่วยคลายความหนาว แต่หนาวกายไม่เท่าหนาวใจ…เขารู้อยู่ว่าทำไมตัวเองถึงไม่ติดต่อไป แต่ไม่รู้ว่าทำไมเอกรงค์ถึงไม่ยอมติดต่อมา… คิดถึง อยากเจอ อยากกอดแน่นๆ แล้วหอมแรงๆ สักฟอดลงบนแก้มบุ๋มน่ามันเขี้ยวนั่น พลันภาพเรือนร่างขาวเนียนใต้แสงจันทร์ที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนเล็กปกปิดส่วนล่างปรากฏขึ้นในห้วงความคิดส่งผลให้แก้มร้อนผ่าว จิตรกรหนุ่มละมือจากรูปวาดและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งใจจะส่งข้อความหา แต่ครั้นจะพิมพ์ไปตรงๆ ว่าคิดถึงอยากเจอก็นึกเขินขึ้นมาเสียเฉยๆ เขาพิมพ์แล้วลบสลับไปมาอยู่หลายรอบจนกระทั่งได้ข้อความที่คิดว่าที่พอใจที่สุดจึงกดส่ง


“วันนี้จะมารับนอฟหรือเปล่าครับ”


ตบท้ายด้วยตัวการ์รูปสุนัขพันธ์คอร์กี้ตัวเล็กน่ารักทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะสังเกตได้ว่าข้อความอรุณสวัสดิ์และบอกฝันดีที่ส่งไปตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ถูกเปิดอ่าน คิ้วเข้มย่นเข้าหากันอยู่อึดใจ นิ้วหัวแม่มือขยับปัดไปมาบนหน้าจอสัมผัสเพื่อหาหมายเลขโทรศัพท์ กำลังจะกดโทรออกแต่ก็คิดว่าอีกฝ่ายคงยุ่งมากๆ เพราะสามวันมานี้เอกรงค์ไม่ได้มารับนภธรณ์เหมือนอย่างเคย ศุกลจึงวางโทรศัพท์ลงและเฝ้ารอคำตอบด้วยใจจดจ่อ แต่ถึงอย่างนั้นก็ตั้งใจว่าหากวันนี้อีกฝ่ายไม่มารับเจ้าลูกชายกำมะลออีกละก็ คงจะเป็นทางนี้เองที่ต้องเป็นฝ่ายไปหา


จิตรกรหนุ่มดึงสมาธิกลับมาตรวจผลงานเด็กๆ อีกครั้งเพื่อฆ่าเวลา ทว่าก็ยังคงไม่มีข้อความตอบกลับกระทั่งใกล้เสร็จหูจึงแว่วเสียงภาดลบอกเลิกคลาสพร้อมกับเสียงล้อรถบดพื้นถนนดังขึ้นที่หน้าบ้านหัวใจก็โลดขึ้นทันที ศุกลรีบเก็บงานเข้าลวกๆ แล้วเอาที่ทับกระดาษทับไว้กันปลิวพร้อมกับลุกขึ้นยืนเพื่อออกไปต้อนรับผู้ที่เพิ่งมาถึง


“มาเร็วนะครับวันนี้” เอ่ยทักออกไปแต่ทันทีที่เห็นเต็มตารอยยิ้มก็พลันจางลงเล็กน้อย “ว่าไงไนท์”


ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งยิ้มแห้ง “เอาภาพห้องที่เสร็จสมบูรณ์แล้วมาให้ดูน่ะ” น้ำเสียงขาดหายไปเล็กน้อยเมื่อรู้ดีอยู่แก่ใจว่านั่นเป็นแค่ข้ออ้างเพื่อจะมาเจอเท่านั้น ในเมื่อมีวิธีการมากมายที่จะส่งภาพให้ดูทั้งโปรแกรมสนทนา ข้อความ อีเมลหรือแม้แต่ปริ้นต์ออกมาแล้วให้แมสเซนเจอร์นำมาส่ง แต่ที่ต้องขับรถมาเพราะยังอยากมาหา มาเจอหน้าแม้จะอกหักไปแล้วก็ตาม “ขอโทษนะถ้าการมาของเราทำให้ติ๊นลำบากใจ แต่เราคิดว่าถึงจะไม่ได้คบกันแบบนั้น เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหม”


ศุกลไม่ได้ตอบในทันทีเพราะยังรู้สึกตะขิดตะขวงใจจนไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายตรงๆ


รัตติเขตเม้มปากสนิทครั้งหนึ่งคล้ายกับจะพยายามกลืนก้อนสะอื้นลงคอก่อนจะกระซิบด้วยน้ำเสียงที่เริ่มสั่นนิดๆ  “ไม่ได้สินะ… ขอโทษนะติ๊น… เราคงขอติ๊นมากไป”


เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะหมุนตัวกลับ ศุกลจึงรีบเอื้อมมือรั้งไว้ “ได้สิ”


“อืม… ขอบใจนะ” ริมฝีปากค่อยคลี่ออกเป็นรอยยิ้ม


ศุกลยิ้มตอบ อย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังอยากเก็บมิตรภาพและความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีให้กันไว้


เสียงล้อรถบดถนนดังขึ้นอีกครั้ง จิตรกรหนุ่มจึงละสายตาจากคนตรงหน้าในทันทีพร้อมกับนึกในใจ ‘มาแล้วเหรอ… วันนี้มาชะ… ช้า… จัง…’ และเป็นอีกครั้งที่ต้องชะงักไปเมื่อเห็นนายแพทย์มาดนิ่งในชุดสูทสุดเนี้ยบก้าวลงจากรถและเดินตรงมาหา


“สวัสดีครับ” ปรเมษฐ์เอ่ยทัก


“ครับ… คุณมีธุระอะไรหรือครับ” ถามเกรงๆ เมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นชาที่แฝงมาในน้ำเสียงอย่างชัดเจนและท่าทีที่ดูเหมือนไม่กลัวใครนั่น


“ผมมารับนอฟ”


สิ้นคำผู้เป็นพ่อ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่เพิ่งเดินพ้นประตูออกมากับพี่น้องสองทีก็ส่งเสียงเรียกด้วยความดีใจราวกับเป็นเด็กเล็กๆ พร้อมทั้งวิ่งเข้ามาหา “ป๊า!”


ธีร์ทัศน์กับธีร์ธรยกมือไหว้พ่อเพื่อน “สวัสดีครับ”


ปรเมษฐ์พยักหน้ารับ


“เกิดอะไรขึ้นทำไมวันนี้ถึงมารับผมได้… แล้วพ่อโมไปไหน?” นภธรณ์เอ่ยถามเพราะเท่าที่จำได้ทุกครั้งที่พ่อมารับเขาด้วยตนเองนั้นแทบไม่เคยมีเรื่องดีเลย ถ้าไม่ใช่เพราะโดนครูประจำชั้นตามเรื่องที่เขาสอบตก ก็ต้องเป็นเรื่องอาจารย์ฝ่ายปกครองเรียกเข้าห้องเย็น


ศุกลเหลือบตามองเจ้าของนัยน์ตานิ่งสนิท รับรู้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากลเช่นกัน


ปรเมษฐ์วางมือลงบนบ่าลูกชายแล้วกล่าวเสียงเรียบ “ผมจะมาขอลาลูกออกจากการเรียนศิลปะที่นี่ครับ”


“ทะ… ทำไม มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับจู่ๆ ถึงได้...” เจ้าของชั้นเรียนถามพลางสบตานภธรณ์ซึ่งก็มีทีท่าตกใจไม่แพ้กัน


ธีร์ทัศน์ทำปากขมุบขมิบเหมือนจะถามอะไรสักอย่าง ในขณะที่นภธรณ์เหลือบมองพ่อของตัวเองอีกครั้งเห็นท่าไม่ดีจึงขยิบตาและพยักเพยิดเป็นเชิงให้กลับไปก่อนแล้วจะโทรไปเล่าให้ฟังทีหลัง ดังนั้นธีรทัศน์จึงกล่าวลาทุกคนก่อนจะกอดคอน้องชายเดินออกไปเรียกแท็กซี่ที่นอกรั้ว


ปรเมษฐ์ถอนใจเบาก่อนจะตอบอย่างเย็นชาเมื่อเห็นว่าตรงนี้มีแต่คนที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องวุ่นวายทั้งหมด “ก็มันหมดความจำเป็นแล้วนี่ครับ”


“คุณหมายความว่ายังไงครับ” ศุกลถาม รู้สึกใจคอไม่ดีกับคำว่า ‘หมดความจำเป็น’


“นอฟเป็นคนหัวทึบด้านการวาดรูปครับ พรสวรรค์เดียวที่เขามีคือการร้องเพลง หลังจากเรียนวาดรูปกับคุณมาหลายเดือนผมยอมรับว่าฝีมือแกดีขึ้น แต่จะเรียนไปทำไมในเมื่อนี่ไม่ใช่สิ่งที่แกรักเลยสักนิด… คนเราจะมามัวเสียเวลากับสิ่งที่ไม่ได้รักทำไมในเมื่อมีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่าอยู่แล้ว”


“ป๊า” นภธรณ์เรียกเสียงแผ่ว ยอมรับจนหมดใจว่าที่ปรเมษฐ์พูดนั้นถูกทุกถ้อยคำ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเสียดายที่จะไม่ได้มีโอกาสเจอเพื่อนๆ ที่นี่อีก


นายแพทย์ปรเมษฐ์เลื่อนมือโอบไหล่ลูกชายเต็มวงแขนพร้อมกับตัดบท “กลับกันเถอะนอฟ วันนี้อยากกินอะไรเดี๋ยวป๊าพาไป”


“เดี๋ยวก่อนครับ” ศุกลเรียก “ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณ”


“แต่ผมไม่มี” ตอบทั้งที่ไม่หันมา


“เรื่องหมอโม” จิตรกรหนุ่มโพล่งออกไป ถึงจะฟังดูเข้าใจยากไปสักหน่อย แต่ก็คิดว่าตนเองเข้าใจในทุกๆ ถ้อยคำที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ…


‘อย่าเสียเวลากับคนที่ไม่ได้รักในเมื่อมีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่า’


และศุกลก็คิดถูกเมื่อคนอายุมากกว่ายอมหันมาเผชิญหน้าพร้อมกับบอกลูกชาย “นอฟไปรอที่รถ”


“แต่ผม…”


“ไปรอที่รถ” ปรเมษฐ์พูดซ้ำ น้ำเสียงของเขาไม่ได้ดุดันหรือเฉียบขาดแต่แฝงด้วยความจริงจังที่ทำให้เด็กหัวดื้ออย่างนภธรณ์ต้องยอมแต่โดยดี รอกระทั่งลูกชายพ้นสายตาจึงกล่าวต่อ “ไม่เข้าใจที่ผมเปรียบเทียบเหรอครับ พวกศิลปินนี่หัวทึบกว่าที่คิดนะ เอาอย่างนี้ ผมจะพูดให้ชัดๆ ไปเลยก็แล้วกันว่าเลิกยุ่งกับโมสักทีในเมื่อตอนนี้คุณมีคนอื่นแล้ว”


ศุกลกัดฟันกรอด รู้สึกเหมือนโดนตบหน้า “คุณหมายความว่ายังไง”


“แล้วเมื่อสามวันก่อนคุณไป ‘จูบ’ กับใครมาล่ะ”


“ผมไม่ได้…” เว้นวรรคไปเล็กน้อยเมื่อนึกขึ้นได้และหันไปมองชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งที่ยังคงยืนอยู่ด้วยกัน …หรือนี่คือสาเหตุที่เอกรงค์ขาดการติดต่อไปและปรเมษฐ์มาลานภธรณ์ออก ในเมื่อเด็กหนุ่มยอมมาเรียนเพื่อเป็นข้ออ้างให้เอกรงค์มาหาเขาได้บ่อยๆ การที่ทำแบบนี้มันหมายความว่าอีกฝ่ายจะไม่มาเจอกันแล้วอย่างนั้นหรือ “ค… คุณเข้าใจผิดแล้วเราไม่ได้...”


“นอกใจก็คือนอกใจ มันไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลและที่มาที่ไปหรอก” ปรเมษฐ์แทรกขึ้น “อีกอย่างนะ คนที่คุณควรพูดด้วยมากที่สุดคือโมต่างหาก แต่ผมคิดว่ามันก็สายเกินไปแล้วล่ะ เพราะเขาคงไม่กลับมาหาคุณอีกแล้ว”


“คุณหมายความว่ายังไง โมไปไหน”


“ผมจะบอกให้ก็ได้ แต่คุณช่วยตอบคำถามผมมาข้อหนึ่งได้ไหมครับ” ปรเมษฐ์ยื่นข้อเสนอ


“อะไร”


“คุณเป็นอะไรกับโม”


“เรา…” ศุกลพูดติดขัด ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงตอบคำถามง่ายๆ นี้ออกไปไม่ได้ ยิ่งเห็นนัยน์ตาของรัตติเขตที่มองมายิ่งรู้สึกหวิวๆ ในอก


“ไม่อยากตอบหรือตอบไม่ได้ครับ” ปรเมษฐ์พูดต่อ คล้ายกับจะเยาะอยู่ในน้ำเสียง “ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องบอกอะไรคุณสินะ” ว่าแล้วก็ล้วงสองมือลงในกระเป๋าและหันหลังกลับ


“เดี๋ยวก่อน…”


“มีอะไรอีกล่ะครับ”


“แล้วคุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”


มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยก่อนสืบเท้าเข้าหาและชะโงกหน้าเข้าไปใกล้พอจนเห็นรอยสีแดงจางๆ ที่ยังคงอยู่ตรงข้างซอกคอขาว เขาใช้ปลายนิ้วชี้รั้งปกเสื้อเชิ้ตให้แบะออกจนเห็นชัด “คุณคิดว่าคนที่รู้เรื่องของโมดีทุกอย่าง รู้ถึงขนาดว่ามีไฝที่ขาอ่อนกี่เม็ดจะไม่รู้เรื่องแค่นี้เหรอ” พูดจบก็จิ้มนิ้วแรงๆ ลงไปครั้งหนึ่งราวกับจะย้ำเตือนถึงความผิดที่อีกฝ่ายทำลงไป ตวัดสายตาขึ้นสบก่อนจะเดินไปขึ้นรถ


“ทำไมป๊าทำแบบนี้” นภธรณ์ที่นั่งกอดอกหน้าตูมอยู่บนเบาะหน้าถามทันทีที่ประตูปิดลง ถึงจะไม่ได้ยินว่าคุยอะไรกัน แต่เมื่อเห็นสายตาแข็งกร้าวของปรเมษฐ์บวกกับเหตุการณ์เมื่อสามวันก่อนที่จู่ๆ ป๊าก็ผลุนผลันออกจากบ้านไปทันทีหลังจากรับโทรศัพท์ของเอกรงค์ เขาก็พอจะเดาอะไรได้บ้าง และมันก็คงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เสียด้วยเพราะตัวเขาเองก็ไม่เห็นหน้าเอกรงค์อีกเลยนับจากวันนั้น


“เรื่องของผู้ใหญ่ โตแล้วก็เข้าใจเองแหละ”


“ทั้งปี” นภธรณ์ยังไม่เลิกบ่น


ปรเมษฐ์สตาร์ทรถแล้วขับออกไป “ตกลงจะกินอะไร… เนื้อย่างสินะ”


ลูกชายย่นปาก เบื่อพ่อตัวเองตรงที่รู้ดีว่าต้องเอาอาหารอะไรมาล่อเขาถึงยอมปิดปากเงียบนี่แหละ


หลังจากรถแล่นออกมาได้สักพัก นภธรณ์ก็ตัดสินใจถามสิ่งที่ยังคาใจอยู่อีกครั้ง “เกิดอะไรขึ้นกับพ่อโมเหรอครับ”


“เรื่องเดิม” ปรเมษฐ์พูดเรียบๆ พลางยกมือขึ้นวางบนศีรษะลูกชายและลูบหนักๆ อย่างแสนรัก “แกเองก็โตเป็นหนุ่มแล้ว ตัวอย่างมีให้เห็น ดูแล้วจำไว้ล่ะว่าอย่าไปเที่ยวยกหัวใจให้ใครง่ายๆ”


“ทำเป็นพูด ตัวเองก็โดนเขาทิ้งไปไม่ใช่หรือไง” ‘เขา’ ในที่นี้คือ ‘แม่แท้ๆ’ ที่ทิ้งไปนับตั้งแต่วันลืมตาดูโลก จะเรียกว่าอกตัญญูก็ได้ แต่เขาโตมาด้วยนมวัวไม่ใช่นมแม่ และคนที่เลี้ยงดูเขาคือป๊ากับเพื่อนๆ ของป๊าไม่ใช่ผู้หญิงที่ไม่มีแม้รูปถ่ายสักใบคนนั้น


“เจ็บเจียนตายเลยล่ะ ป๊าถึงรู้ไงว่าการเสียของรักไปให้คนอื่นน่ะมันรู้สึกยังไง”


“แล้ว… คนที่เป็นผู้ใหญ่เขาไม่คิดจะสู้เพื่อ ‘คนที่เขารัก’ เลยเหรอครับ” นภธรณ์เลียบเคียงถาม


“ป๊าทำเต็มที่แล้ว”


“แน่ใจเหรอครับ”


“แน่ใจสิ” ปรเมษฐ์ว่า “สู้เพื่อคนที่ไม่มีใจยังไงก็ไม่มีวันชนะ ป๊าเลยเลือกที่ปล่อยเขาไปแล้วขอสิ่งที่มีค่ามากกว่านั้นแทน”


“อะไรครับ”


“แกไง” มือใหญ่โยกศีรษะที่ยังคงจับไว้เบาๆ ครั้งหนึ่ง


“ไม่ต้องมาปากหวาน วันก่อนป๊าก็ปล่อยให้ผมนอนคนเดียว”


“ก็เขียนโน้ตทิ้งไว้แล้วไงว่าโดนตามไปทำคลอดด่วน ไม่เอาไม่งอนน่าอยากได้อะไรไหนบอกป๊ามาสิครับคนเก่ง”


“ถ้าอย่างนั้นเล่าเรื่องพ่อโมให้ฟังหน่อยตกลงว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วตอนนี้พ่อโมอยู่ไหน”


“นอฟ” ปรเมษฐ์เหลือบตามองลูกชายและพูดเสียงหวานพร้อมกับยิ้มกว้างแข็งๆ ราวกับตัดกระดาษไปแปะไว้บนหน้า “ดูปากป๊านะครับ… ฝัน-ไป-เถอะ!”


(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
(ต่อค่ะ)


ในตอนที่รถของปรเมษฐ์ยังไม่ทันจะสตาร์ทออกไปศุกลก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยความร้อนรน แต่ทันทีที่กดโทรออกสัญญาณก็ตัดไปเป็นเสียงตอบรับอัตโนมัติที่บอกให้รู้ว่าปลายสายนั้นปิดเครื่องไว้ ‘หมายเลขที่ท่านเรียกยังไม่เปิดใช้งานในขณะนี้…’


“เกิดอะไรขึ้น” จิตรกรหนุ่มเริ่มอยู่ไม่สุข เขาจึงลองเข้าโปรแกรมสนทนาและส่งข้อความหา ‘โมอยู่ที่ไหน ผมอยากเจอคุณ’
แน่นอนว่าไม่มีคำตอบใดๆ กลับมา ไม่แม้จะขึ้นข้อความว่า ‘อ่านแล้ว’ ให้รู้ว่าข้อความนั้นได้ถูกส่งไปถึงคนปลายทางเหมือนเช่นข้อความก่อนหน้านี้


“มีอะไรหรือเปล่า” รัตติเขตที่ยังคงไม่ไปไหนถามด้วยความเป็นห่วง


“ไม่เกี่ยวกับไนท์หรอก”


“ไม่จริงหรอก ฟังจากที่ผู้ชายคนนั้นพูดมันเกี่ยวกับเราเต็มๆ เลยนะ… แล้วคนที่ชื่อโมนั่นคือคุณหมอที่ติ๊นแนะนำให้รู้จักวันนั้นใช่ไหม”


“ใช่”


“เขาคือคนที่ทำให้ติ๊นปฏิเสธเราใช่ไหม”


ศุกลไม่ตอบเพราะกำลังหมกมุ่นอยู่กับการติดต่อเอกรงค์ให้ได้ ถ้าหากเพียงเขาจะทันฉุกใจคิดถึงการกระทำของปรเมษฐ์อีกสักนิด ก็คงจะรู้ว่ามันสายเกินไปแล้วจริงๆ


...


“อะไร” กุมารแพทย์หนุ่มถามคนตรงหน้าที่จู่ๆ ก็กางแขนสองข้างออกแล้วรวบตัวเขาไว้ในวงแขน


นับจากวันที่กลับจากทะเล เอกรงค์ก็เทศนาปรเมษฐ์กับลูกชายเสียกัณฑ์ใหญ่โทษฐานแกล้งให้ศุกลหึง ดังนั้นปรเมษฐ์จึงไม่กล้าเป็นฝ่ายกอดก่อน แต่วันนี้เหตุการณ์มันเปลี่ยนไปแล้วเขาจึงไม่คิดว่าต้องสนใจสายตาของใคร แม้ทั้งสองจะยืนอยู่หน้าห้องตรวจโรคผู้ป่วยนอกของแผนกกุมารเวชซึ่งผู้คนเดินสวนกันขวักไขว่ “นึกว่าจะไม่เจอหน้านายเสียแล้ว”


“อย่าเวอร์น่าโป้ นายก็รู้ว่าคนอย่างฉันไม่มีวันให้เรื่องแบบนี้มาทำให้เสียงาน” ปากว่าอย่างนั้นแต่กลับยกสองมือขึ้นโอบรอบไหล่และวางคางเกยลงบนบ่า ถ้าหากไม่มีความอบอุ่นของอ้อมแขนนี้เขาก็ไม่รู้ว่าจะผ่านค่ำคืนที่แสนทรมานนั้นมาได้อย่างไร


หลังเลิกงานระหว่างทางขับรถกลับคอนโค นายแพทย์เอกรงค์ไม่ลืมที่จะจอดแวะหน้าแกลเลอรีสีขาวที่อยู่ห่างจากโรงพยาบาลไปสองแยกไฟแดงเหมือนทุกครั้ง แม้ว่าวันนี้จะไม่มีข้ออ้างในการมารับลูกชายของเพื่อนสนิทเพราะคลาสสอนศิลปะถูกยกเลิกเนื่องจากจะปลดภาพลงเพื่อให้ผู้เช่ารายใหม่ได้ใช้แสดงงาน แต่ก็นึกเข้าข้างตัวเองว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาคืบหน้าจนคนอื่นคงไม่คิดสงสัยอะไรแล้ว หรือต่อให้คิด เขาก็คงตอบกลับไปว่าเป็นอย่างที่ทุกคนเข้าใจ ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเขาจะไปที่ Light & Shade เมื่อไรก็ได้ด้วยเหตุผลง่ายๆ ก็คือ คิดถึง...อยากเจอหน้าเจ้าของบ้านเท่านั้นเอง


เอกรงค์ชะลอรถเพื่อเข้าเทียบหน้าโรงรถที่ตอนนี้เกือบจะเป็นที่จอดประจำของเขาไปแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าวันนี้มีรถสปอร์ตซีดานสีเงินจอดอยู่ คิ้วเรียวย่นเข้าหากันด้วยความแปลกใจ เข้าออกที่นี่มาสองเดือนจนเกือบจะสามเดือนแล้วยังไม่เคยเห็นรถคันนี้มาก่อน สงสัยจะเป็นลูกค้าที่มาขอซื้อภาพหรือผู้เช่ารายใหม่มาดูสถานที่กระมัง


เพราะทางเข้าออกเป็นถนนปูนแคบๆ เอกรงค์จึงขับรถเลยไปจอดเยื้องไปด้านนอกเพื่อไม่ให้กีดขวางแล้วจึงลงจากรถ เดินเข้าไปในแกลเลอรีสีขาวอย่างเงียบเชียบ ถ้าหากศุกลมีแขกหรือลูกค้าอยู่จริงๆ จะได้ไม่เป็นการเสียมารยาทและรีบปลีกตัวกลับ นัยน์ตาคมกวาดมองไปรอบๆ เห็นหลายภาพถูกปลดลงวางกับพื้นพร้อมแปะป้ายจองไว้ก็อดยิ้มไม่ได้กับสิ่งที่เป็นหนึ่งในความสำเร็จทางอาชีพของอีกคน และนั่นทำให้เขาเกิดอยากรู้ขึ้นมาว่าภาพ ‘รอยยิ้มวันแรกเจอ’ ถูกใครมาขอซื้อไปหรือยัง ถ้ายังเขาจะได้ทุ่มหมดตัวซื้อเก็บไว้เอง คิดได้ดังนั้นขายาวจึงเปลี่ยนเส้นทางเลี้ยวไปอีกฝั่ง แต่ก่อนที่ภาพนั้นจะปรากฏสู่สายตาหูก็แว่วเสียงคนคุยกัน


“สวยจัง ยังไม่มีคนซื้อเหรอ”


“มี แต่เราไม่ขายน่ะ”


ยังนึกไม่ออกว่าเสียงแรกเป็นใครแต่เสียงที่ตอบกลับไปนั้นคือเจ้าของผลงานไม่ผิดแน่ เอกรงค์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่รู้สึกดีใจที่ศุกลก็อยากเก็บไว้เหมือนกัน แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่เห็นด้วย


“แล้วถ้าเราขอล่ะ ซื้อก็ได้”


“ถ้าไนท์ชอบเดี๋ยวเราวาดรูปอื่นให้”


ชื่อนั้นให้เอกรงค์สืบเท้าเข้าไปใกล้ขึ้น เขาไม่ได้ไม่เชื่อใจศุกลแต่บอกตามตรงว่าไม่ไว้ใจผู้ชายคนนั้นสักนิด นับตั้งแต่วันที่มาเป็นแบบให้วาดรูป ไปจนถึงตอนเจอกันที่ลานจอดรถ... ปกติคนเราเอาผ้าเช็ดหน้าคนอื่นมาใช้นั่นก็ผิดสุขลักษณะมากพออยู่แล้ว แต่นี่ส่งคืนทั้งที่ยังไม่ได้ซักแถมจำเพาะเจาะจงว่าต้องเป็นต่อหน้าเขา… ขอโทษนะหนู มุกเก่ายุค90 แบบนั้นน่ะทางนี้ใช้มาก่อน... นั่นยังไม่รวมถึงเรื่องที่โทรหาศุกลตอนที่ขับรถไปชน ก็ได้ข่าวว่ามีพ่อแม่พี่น้อง ถ้าศุกลมีอาชีพเป็นตำรวจหรือทนายความเขายังพอหยวน แต่นี่ดันโทรหาเพื่อนเก่าที่นาน ๆ เจอกันแถมยังเป็นจิตรกร… คือจะให้ช่วยไปพ่นสีทำตำแหน่งที่ชน? โทรเคลมประกันง่ายกว่าไหม? ไร้สาระจริงๆ


“แสดงว่าหวงมาก รูปใครเหรอ บอกได้ไหม”


“ไม่รู้เหมือนกัน”


บทสนทนาต่อมาทำให้เอกรงค์นึกเสียดายเล็กๆ เพราะคิดว่าศุกลจะบอก… หรืออย่างน้อยก็ควรจะพูดเป็นนัยอะไรสักอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของพวกเขา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดมากเลย ไม่เลยสักนิดจนกระทั่งได้ฟังเรื่องเล่าต่อมา และนั่นคือสิ่งที่แทบทำให้หัวใจสลาย


“ถ้าตอนนั้นคบกัน ไม่รู้จะเป็นยังไงเนอะ”


“มันต้องดีสิ เราเชื่อแบบนั้น ยังไงเราก็ไม่ปล่อยให้ระยะทางหรือเวลามาเป็นอุปสรรคแน่ ๆ”


“คิดว่ามันจะเป็นแบบนั้นจริงเหรอ”


“อื้อ จริงสิ ถ้ามีไทม์แมชชีนจะพาย้อนกลับไปแล้วพิสูจน์ให้ดู”


“ไม่ต้องย้อนกลับไปถึงตอนนั้นหรอก ตอนนี้ก็พิสูจน์ได้ แล้วเราอยากพิสูจน์… คบกับเราได้ไหม”


ทุกสรรพเสียงเงียบหายไปเมื่อสองคนขยับตัวเข้าหากัน และทดแทนช่วงเวลาที่หายไปด้วยรอยจูบ มือเรียวกำเป็นหมัดแน่น เนื้อตัวสั่นระริกด้วยทำอะไรไม่ถูกกับทุกๆ อากัปกิริยาที่เห็นเต็มสองตา จนกระทั่งเจ้าของผิวสีน้ำผึ้งนั้นลืมตาขึ้นมาสบตากับเขา แทนที่จะหยุดรัตติเขตกลับฝากรอยสีกุหลาบไว้ที่ข้างซอกคอแล้วถามย้ำในสิ่งที่ต้องการ ส่วนศุกลก็ไม่มีทีท่าจะปฏิเสธ ถึงแม้ไม่ได้หันมาให้เห็นหน้าแต่วงแขนที่โอบรัดกันไว้อย่างเต็มใจนั้นคงไม่ต้องมีคำอธิบายใดๆ เพิ่มเติมอีกแล้ว


เอกรงค์แทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าพาตัวเองกลับขึ้นรถและขับออกมาได้อย่างไร รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่รถน้ำมันหมดจอดตายอยู่ข้างทางในสถานที่ที่ไม่รู้จัก เขาจึงตัดสินใจโทรขอความช่วยเหลือจากที่พึ่งเดียวเหมือนกับทุกๆ ครั้ง


ปรเมษฐ์ขับตาม GPRS ของโทรศัพท์มือถือหาเขาจนเจอในอีกหนึ่งชั่วโมงถัดมา… และเหมือนกับทุกๆ ครั้งที่เกิดเรื่อง เพื่อนคนนี้จะกอดเขาไว้แน่นโดยไม่พูดอะไร ปรเมษฐ์ย้ำเสมอว่าตัวเองพูดไม่เก่ง ด่าเตือนสติได้แต่ปลอบใจใครไม่เป็น แต่แค่นี้มันก็ดีจนเกินพอแล้ว… แค่กอดแน่นๆ ที่ทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ลำพัง


“ไม่เวอร์หรอก” ปรเมษฐ์กระซิบ “เพราะสายตานายมันว่างเปล่าจนน่ากลัวน่ะสิ”


“ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง ฉันน่าจะเชื่อคำเตือนของนายที่ว่า ‘รักแรกพบ’ น่ะมันไม่มีจริง”


“เชื่อกันง่ายๆ ก็ไม่ใช่นายน่ะสิ คนดื้อด้าน! สมน้ำหน้า ฉันเตือนแล้วใช่ไหมว่าระวังจะโดนหมอนั่นหลอกฟันแล้วทิ้ง พวกศิลปินน่ะอารมณ์อ่อนไหว คล้อยตามอะไรง่ายๆ หมอนั่นก็แค่เล่นกับนายคลายเหงาเท่านั้นเอง พอคนเก่ากลับมานายก็เป็นหมาหัวเน่า” แล้วคนปากจัดก็อดไม่ได้ที่จะจัดเบาๆ ไปหนึ่งยก


ถ้าเป็นคนอื่นพูดแบบนี้คงมีต่อยกันให้ตายไปข้าง แต่เพราะเป็นปรเมษฐ์ จึงทำให้เอกรงค์ค่อยยิ้มออกแม้จะเป็นยิ้มแกร็นๆ ก็ตาม “ให้มันน้อยๆ หน่อยไอ้โป้ แกว่าใครโดนใครฟันวะ”


“อ้าว… ตกลงไอ้ที่ขนซื้อยกโหลไปนั่นยังไม่ได้ใช้?”


เอกรงค์พยักหน้า


“ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าโชคดีแล้ว ขืนมีอะไรกันนายคงเจ็บหนักกว่านี้” ปรเมษฐ์ถอนหายใจอย่างโล่งอก


“เข็ดแล้ว”


“ขอให้จริง” ปรเมษฐ์หัวเราะลงคอแล้วรั้งตัวเพื่อนรักมากอดปลอบใจและเอ่ยลาเป็นครั้งสุดท้าย


เอกรงค์กำลังจะเดินเข้าประตูไปอยู่แล้วเมื่อคนที่มาส่งเรียกไว้อีกครั้ง


“โม!”


กุมารแพทย์หนุ่มสบตาเพื่อนรักเดาไม่ออกว่าจะมาไม้ไหนอีก


ปรเมษฐ์ขบกรามแน่นด้วยรู้จักเพื่อนตัวเองดี เอกรงค์เป็นคนรักใครก็จะทุ่มเท ถึงจะผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีกกับรูปแบบความรักที่ในสายตาของเขาเรียกว่าฉาบฉวย แต่อีกฝ่ายเรียกว่าเรียนรู้กันและกัน… เขาจึงไม่ขอวิจารณ์ตรงนั้นเพราะบทเรียนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่างของเขาที่เจ็บครั้งเดียวก็เกินพอ แต่วันนี้ไม่พูดอะไรเลยเห็นทีจะไม่ได้เพราะสายตาคู่นั้นมันยังคงว่างเปล่าเกินไป...และที่สำคัญคือมันต่างจากทุกครั้ง


“ถึงฉันจะไม่เชื่อในเรื่องรักแรกพบ แต่ฉันเชื่อในโชคชะตานะ”


“อืม”


“การได้พบกับใครสักคนมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่มันคือโชคชะตา และการจากลาก็เป็นเพราะโชคชะตาเหมือนกัน”


เอกรงค์พยักหน้า เข้าใจว่าคนพูดไม่เก่งกำลังพยายามพูดเปรียบเทียบกับเรื่องของตัวเองให้ฟัง “อืม”


ปรเมษฐ์เม้มปากสนิทครั้งหนึ่งนึกไม่ออกแล้วควรจะพูดอะไรนอกจาก “แล้วมันจะผ่านไป”


“อืม” ไม่ฝืนยิ้มตอบเพราะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ หากแต่พยักหน้ารับคำอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปในห้องตรวจ



เอกรงค์ถอนใจแรงหลังจากคิดทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมาซ้ำแล้วซ้ำอีก คนไข้คนสุดท้ายเพิ่งกลับออกไป ตอนนี้จึงเหลือแค่เขาในห้องแคบๆ ที่แสนเงียบเชียบ กุมารแพทย์หนุ่มทิ้งศีรษะที่ดูเหมือนจะหนักอึ้งไปหมดลงบนโต๊ะ ระนาบกระจกที่สัมผัสผิวแก้มให้ความรู้สึกเย็นเฉียบจนสะดุ้งแต่ก็ไม่ถึงเสี้ยวหนึ่งของหัวใจที่ราวกับถูกแช่อยู่ในน้ำแข็ง การที่ต้องพยายามทำตัวให้เหมือนปกติทั้งที่หัวใจกำลังอ่อนแอนั้นเผาผลาญพลังงานมากกว่าที่คิด


ไม่ว่าจะใช้น้ำปริมาณมากมายแค่ไหนล้างตาก็ไม่อาจลบภาพคนสองคนที่กอดจูบกันอย่างดูดดื่มได้เลย และเสียงของผู้ชายคนนั้นก็ยังคงดังก้องอยู่ในหูซ้ำๆ ว่า ‘คบกันนะติ๊น’


ใจจริงวันนั้นอยากเดินเข้าไปแยกสองคนออกจากกันแล้วเคลียร์กันให้จบไปเลยด้วยซ้ำ แต่เขาทำไม่ได้…
อย่าเรียกความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอกนี้ว่าหึงเลย แค่น้อยใจยังไม่กล้า เมื่อคิดขึ้นได้ว่าเขากับศุกลไม่ได้เป็นอะไรกัน ในเมื่อมีแค่เขาที่เป็นฝ่ายบอกรัก และอีกฝ่ายก็แค่ให้โอกาสทำความรู้จัก ถึงจะดูเหมือนว่าคบกันแต่ไม่มีช่วงตอนไหนของความสัมพันธ์ที่จะบอกว่าเราเป็นของกันและกัน… ไม่เหมือนคนๆ นั้น คนที่ศุกลเคยรักหมดหัวใจและตอนนี้มันก็ยังคงเป็นเช่นนี้อยู่


เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ขอบตาก็ร้อนผ่าว แต่น้ำตากลับไม่ไหลสักหยด บางทีอาจเป็นเพราะความเจ็บปวดที่มีมันมากจนเกินไป หรือจะถึงเวลาแล้วที่เขาควรหยุดไล่ตามแล้วถอยออกมา


ภาพเมื่อยามได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองแล้วผู้ชายผิวสีน้ำผึ้งคนนั้นแทรกเข้ามา ปรากฏชัดขึ้นในห้วงความคิดอีกครั้ง… และในทุกๆ ครั้งคนที่ถูกลืมหรือถูกมองข้ามไปจะต้องเป็นเขาเสมอ…


นึกถึงข้าวในจานที่วางทิ้งไว้โดยยังไม่ได้แตะต้องสักคำ…


นึกถึงรอยยิ้มที่ถูกส่งไปถึงผู้ชายคนนั้นทั้งที่มีเขานอนทับอยู่บนตัว อุณหภูมิกายอาจเป็นของเขาแต่เสียงหัวใจที่เต้นแรงอยู่หลังอกเป็นเพราะกำลังคุยกับอีกคน…


‘ดีจัง’


ถ้อยคำแหบแห้งที่กล่าวออกไปในตอนนั้นไม่ได้หมายถึงแม่และเด็กที่ถูกช่วยไว้ได้อย่างปลอดภัยอย่างที่ศุกลเข้าใจ แต่ประโยคเต็มคือ ‘ดีจังที่ได้เป็นคนที่ติ๊นให้ความสนใจ’ ต่างหาก


นึกถึงวงแขนแกร่งที่โอบรัดอยู่รอบกายเปลือยเปล่า แต่หัวใจกลับบินไปอยู่ข้างกายคนอื่น…


นึกถึง ‘จูบ’ ที่ไม่ได้เป็นของเขาแค่คนเดียว...


‘ส่วนเกิน’


คำๆ นี้คงใช้นิยามตัวตนของเขาในตอนนี้ได้ดีที่สุด แต่เมื่อลองคิดดูอีกทีให้เป็นแบบนั้นยังจะดีเสียกว่า อย่างน้อยครั้งหนึ่งเขายังเคยได้เป็นส่วนเกินอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่แค่ ‘อากาศ’ ที่ศุกลไม่เคยมองเห็น


เสียงเคาะประตูเบาๆ ปลุกเอกรงค์ให้ตื่นจากภวังค์ เขาตบหน้าตัวเองแรงๆ ครั้งหนึ่งเพื่อเรียกสติสตังให้กลับคืนมาก่อนจะเอ่ย “เชิญครับ”


ทันทีที่สิ้นคำอนุญาตนางพยาบาลสาวก็เยี่ยมหน้าเข้ามา “หมอโม มีเพื่อนมาหาค่ะ”


“ขอบคุณครับ” เอกรงค์รีบหันไปเก็บกระเป๋าเพราะไม่อยากให้ปรเมษฐ์รอนาน นอกจากจะช่วยปลอบใจเขาแล้วอีกฝ่ายยังปลีกเวลามากินข้าวเป็นเพื่อนได้ทุกวันอย่างน้อยวันละมื้อเพราะไม่อยากให้เขาอยู่คนเดียว


เสียงประตูเลื่อนเปิดออกทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายคงเบื่อที่จะรอข้างนอกแล้ว


“แป๊บนะโป้” นายแพทย์เอกรงค์กล่าวขณะยังง่วนกับการเก็บข้าวของลงกระเป๋า


“โม”


เสียงทุ้มแหบพร่าที่เรียกชื่อตนเองทำให้เจ้าของชื่อต้องเหลียวไปมองเพราะนั่นไม่ใช่เสียงของเพื่อนรัก แต่เป็นเสียงของคนที่เขาพยายามจะตัดขาดการติดต่อมาตลอดสามวันนี้ ทั้งไม่ไปหา ไม่โทรศัพท์และไม่อ่านข้อความ เขาไม่ได้คิดจะลองใจหรือแกล้งงอนให้อีกฝ่ายมาง้อ เขารู้ดีว่าถ้าเขาหายไปอีกฝ่ายก็คงไม่ตามหา... ขนาดกอดอยู่ในอ้อมแขนยังมองไม่เห็นหัวกัน นับประสาอะไรกับการที่ทำงานอยู่ห่างกันไปตั้งสองแยกไฟแดง สักวันก็คงจะลืมกันไปเอง... เหมือนอย่างที่ปรเมษฐ์พูดไว้ ‘แล้วมันจะผ่านไป’


“มีอะไรหรือครับ”


“ผมอยากคุยกับโม” ศุกลหอบแฮ่ก หลังจากหาที่จอดรถได้เขาก็วิ่งพรวดเดียวขึ้นบันไดมาจนถึงที่นี่ รู้สึกดีใจที่ลางสังหรณ์ของตนไม่ผิดที่คิดว่าอีกฝ่ายน่าจะยังอยู่ที่ทำงาน


“เรื่องอะไรครับ”


“ก็... เรื่อง...” ศุกลอึกอัก เขาไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนเมื่ออีกฝ่ายได้แสดงอาการเศร้าเสียใจ อันที่จริงเอกรงค์ดูปกติมาก... มากเสียจนเขาใจเสีย เพราะเมื่อประเมินจากการแสดงออกของปรเมษฐ์ เขามั่นใจว่าผู้ชายคนนั้นไม่ได้โกหก เอกรงค์รู้เรื่องระหว่างเขากับรัตติเขตจะด้วยวิธีการใดนั้นยังไม่อาจทราบได้ แต่ในตอนนี้ที่เขาอยากรู้มากกว่าคือภายใต้ท่าทีเฉยชานั้นเอกรงค์กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่


เจ้าของห้องเหลือบมองครั้งหนึ่งก่อนจะหันไปคว้ากระเป๋าขึ้นสะพายบ่า “ถ้าคุณไม่มีธุระอะไร ผมขอตัวนะ”


“ดะ... เดี๋ยวสิโม” คำเรียกที่ฟังดูห่างเหินผิดวิสัยของเจ้าตัวทำให้ศุกลรีบหันไปคว้าต้นแขนไว้และลองถามหยั่งเชิง “โมโกรธอะไรผมอยู่หรือเปล่า เราตกลงกันแล้วนี่นาว่าถ้าอยู่กันสองคนให้เรียกติ๊นได้”


สิ้นคำถาม คำตอบที่จิตรกรหนุ่มได้รับในทันทีคือการที่คนตรงหน้าตวัดสายตาลงมองมือของเขาเหยียดๆ ก่อนจะรั้งต้นแขนกลับไปราวกับรังเกียจกันเสียเต็มประดา


“โม...” ศุกลหน้าซีด มั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายโกรธ แต่ก็ยังมั่นใจว่าจะต้องง้อให้ได้หรืออย่างน้อยก็ต้องอธิบายให้เข้าใจกัน นั่นคือสิ่งที่เขาคิดกระทั่งน้ำเสียงเย็นชานั้นเอ่ยคำพูดที่ราวกับจะเป็นการตัดเยื่อใยทั้งหมด


“เรียกแบบไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ ‘เพราะยังไงผมก็ไม่ได้เป็นโมของติ๊นอยู่ดี’” ดวงตาไม่แสดงความรู้สึกกวาดมองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง “ตกลงมีเรื่องอะไรจะพูดไหม ถ้าไม่มีผมขอตัวนะครับคุณศุกล”


...ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ...


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ heroves

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ้ยยยย ให้ตายเถอะ บีบคั้นหัวใจเหลือเกิน

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
จัดไปค่ะหมอโม ในเมื่อติ๊นทำตัวไม่ชัดเจน หมอก็ไม่ต้องทน ควรรู้เสียบ้างว่าคนที่ติ๊นบอกเต็มปากว่ามอบใจให้ก็มีหัวใจ มีความรู้สึก ใช่จะละเลยกันได้ง่าย ๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2016 11:41:50 โดย sirin_chadada »

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
บีบใจเกินไปแล้วววว ปวดร้าวว

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
โอ๊ยยยยยย ขอตอนต่อไปด่วนค่ะ อยากรู้จริงว่าติ๊นจะได้มีโอกาสอธิบายมั้ย เพราะโมทั้งโกรธและเสียใจขนาดนี้

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
โอ้ยยยย มันปวดใจเหลือเกิน

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
สงสารโมจังเลย ติ๊นคะกล้าๆหน่อย แสดงออกน่ะ ทำเป็นไหม พูดคุย บอกสิ หมอโมเป็นคนมีเหตุผลอยู่แล้ว

ออฟไลน์ LALYNN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อยากเป็น #ทีมหมอโป้ ค่ะ!!!!!!!
ติ๊นเติ๊นอะไรไม่ต้องเอาแล้วหมอโม หมอโป้นี่ของพรีเมี่ยมอยู่ใกล้มือเลยนะ

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
อ๊าคคคคคค เอาปืนมายิงดิฉันทิ้งเลยเถอะ!  หมอโมเวอร์ชั่นถอดใจนี่ ช่างสมเป็นราชินีเคะของดิฉันนัก เฉยชา มองเหยียดได้อย่างปวดหัวใจสุดๆ  จุกไหมหล่ะติ๊น?  หวานไหมหล่ะจูบครั้งใหม่กับรักแรกที่เผลอใจไปในเวลาที่เลือกคนข้างตัวไปแล้ว? เอาอิติ๊นมันให้หนักเลยหมอโม  :z6:

ผิดไหมที่เผลอจิ้น โป้โม ~~

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด