Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่ 21 มาแล้วจ้าาาา
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่ 21 มาแล้วจ้าาาา  (อ่าน 85972 ครั้ง)

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
รอรอรอรอรอรอรอรอรอรอรอรอค่ะ

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
โอ้โห มันจะ4พีป่าวเนี่ย สงสารนายเอกนะ

แต่ชอบภาษาคนเขียนบรรยายลื่นไหลดีจัง มาต่อเร็วๆนะรออยู่

ออฟไลน์ sosi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11

ออฟไลน์ ►MoNkEy-PrInCe◄

  • อินเตอร์ไลน์
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 726
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
สงสารจากใจจริง นี่พ่อแม่รังแกฉันหรือเปล่า ทำไมไม่รีบรักษา

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ไอ้พวกเลว ชั่วมาก รังแกคนอ่อนแอ
ทารุณจิตใจ แค่เพื่อปกปิดความเลวของตัวเอง
     

ออฟไลน์ zaturday

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
นี่มันงานดราม่าแบบชุดใหญ่รึไง  ฮืออออ สงสารโบ

ออฟไลน์ U_Ton

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
 o22 ขังไว้ที่ระเบียง น้องไม่สบายอยู่นะ... หนูโบลุกขึ้นสู้แล้วก็สู้ให้สุดสิลูก อย่าไปยอมมัน

ยิ่งยอมไอ้พวกนี้ยิ่งได้ใจ คิดในแง่คนโรคจิตอาจจะรู้สึกสนุกขึ้นที่เห็นเหยื่อที่อ่อนแอ

กำลังดิ้นรน และร้องไห้... อยากให้ไอ้พวกนี้เป็นฝ่ายถูกกระทำบ้าง หนูโบเข้มแข็งนะ

มันทำเราได้ วันหนึ่งเราก็ต้องทำมันได้เหมือนกัน :hao5:

ออฟไลน์ madmay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • twitter.com/gaa_nu

ห่ะ ห่ะมาแว้วววววว



-4-


               คลิก

               ผมเงยหน้ามองผู้ที่มาเปิดประตูให้ ...พี่เมษ ...พี่เขาช่วยดึงตัวผมลุกขึ้นแล้วพาเข้ามาในห้อง ไฟด้านในถูกปิดจนมือสนิท เขาปล่อยผมลงนั่งหน้าระเบียง

               “พวกนั้นหลับกันหมดแล้วล่ะ… แต่กูไม่แนะนำให้หนีกลับไปหรอกนะ ถ้ายังอยากใช้ชีวิตปกติน่ะ” แค่นี้ก็ไม่ปกติแล้ว แต่ผมจะเชื่อเขา ผมรู้ว่านี่แค่เบาะๆ ถ้าเขาเอาจริงเขาอาจจะตามราวีถึงคนรอบตัวผมเลยก็ได้ ไม่ว่ารูปพวกนั้นจะถูกทำลายหรือไม่

               พี่เมษส่งชุดนอนที่ผมเตรียมมาให้ “ขอบคุณครับ” ผมกล่าวรับน้ำใจนั้นเบาๆ แล้วสวมเสื้อผ้า ผิวกายเย็นเพราะตากลมเกือบชั่วโมงแต่แถวหน้าผากและซอกคอกลับอุ่นๆ สงสัยไข้จะกลับอีกแล้ว รอบช้ำที่มุมปากยังไม่ทันหายดีก็ได้แผลใหม่มาอีกแล้ว

               เหมือนถูกกดขี่โดยพวกเขานานนับปีทั้งๆ ที่มันเพิ่งผ่านมาได้ไม่กี่วันเท่านั้น ในเมื่อเลือกที่จะสู้แล้วมันไม่เป็นผล เช่นนั้นผมก็ควรก้มหน้าอดทนรอวันที่พวกเขาเบื่อไปเองคงจะดีกว่า… หรือไม่ ก็รอทีเผลอ จะเอาคืนให้แสบยิ่งกว่านี้อีก

               นาฬิกาบอกเวลาตีหนึ่งพอดิบพอดี ผมหามุมวางๆ ก่อนล้มตัวนอน ผมลองถามคนที่กลับไปนั่งซดเบียร์เงียบๆ ว่า “พี่ครับ มียาแก้ไข้มั้ยฮะ” เขาลุกไปค้นๆ ในลิ้นชักข้างเตียง บนนั้นร่างใหญ่ทั้งสองนอนสะเปะสะปะกรนเสียงดังอย่างกับยักษ์ แม้ยามหลับก็ยังน่าหวันเกรง ผมไม่กล้ามองนานกลัวดวงตาเขียวปัดนั่นลืมขึ้นจ้องตอบ

               “ขอบคุณครับ” ผมรับยาและแก้วน้ำมา พี่เมษดูจะใจดีกับผมที่สุด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะห้ามเพื่อนเขาไม่ให้แกล้งผม หนำซ้ำยังร่วมวงเป็นบางครั้งด้วย

               “กินยาแล้วก็รีบนอนซะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”

               “หือ?”

               “พรุ่งทำอาหารเช้าให่พวกกูด้วย… เรานั่นแหละไม่ต้องงง แล้วก็ไปซื้อของมาเองนะ ที่ห้องมีอุปกรณ์ก็เท่าที่เห็นแหละ”

               คำตอบที่ได้ทำให้ผมต้องทิ้งตัวลงนอนอย่างเหนื่อยอ่อน นี่เขาตั้งใจให้ผมมาเป็นเบ๊ชัดๆ เรื่องตื่นเช้าหรือทำงานหนักผมไม่กลัวหรอก แต่ผมกังวลว่าถ้าทำออกมาไม่ถูกปากถูกใจผมจะเป็นยังไงนะ

               เฮ้อ...

               ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ข่มตาหลับเพื่อเก็บเป็นพลังในวันรุ่งขึ้น จะให้ทำอะไรก็ทำ ตอนนี้ยังไหว… แล้วผมก็เข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว



               ซ่า!

               ผมตื่นไปซื้อวัตถุดิบตั้งแต่เช้า โชคดีที่แถวนี้มีตลาดสดอยู่ผมจึงได้ของครบถ้วนตามที่ต้องการ อาการก็ไม่ได้แย่มากมายแค่ยังตัวรุมๆ ออกแรงสักหน่อยก็สดชื่นขึ้น

               เมนูเช้านี้เป็นไข่เจียวมะเขือเทศ ผัดพริกแกง และแกงมะระครับ ตอนไข่เจียวลงมันก็มีเสียงหน่อย ใส่ตอนน้ำมันเดือดๆ จะได้ฟูกรอบน่าทาน น้ำมันท่วมๆ จะได้ไม่อมน้ำมัน พี่เขามีแค่กระทะไฟฟ้าหน้าตามันอาจจะไม่เหมือนอุปกรณ์พร้อมแต่รสชาติคงไม่ต่างกันเท่าใดนัก

               กลิ่นไข่ทอดหอมฟุ้ง ทั้งสามร่างบนเตียงเริ่มมีปฏิกิริยาแต่ยังไม่ตื่นกันครับ จนเมนูต่อมาผัดพริกแกงนี่แหละ

               “แค่กๆๆ ใครทำอะไรวะ!” ให้ตายสิ ทำไมต้องเป็นพี่แม็กที่ตื่นก่อนเพื่อนนะ

               ผมพยายามเลื่อนประตูปิดอีกนิดแต่มันสุดแล้วครับเพราะผมล่ามปลั้กมาจากในห้องแล้วทำอาหารนอกระเบียง ช่องแคบๆ นั้นกว้างพอที่อานุภาพแห่งเครื่องเทศจะสามารถเล็ดลอดไปปลุกเจ้าของห้องได้ ทำไงได้ก็มันต้องทำนี่ สั่งเองแล้วอย่ามาบ่น

               “ไอ้เตี้ย! มึงทำบ้าอะไร!”

               “มื้อเช้าครับ จะเสร็จแล้วครับ” ไม่รู้ทำไม ผมนึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วรู้สึกกรุ่นๆ ในใจอยากกวนโมโหเขาก็ไม่รู้ สงสัยผมจะมาโซมั้ง

               “แค่กๆ ทำไมมันฉุนงี้วะ!” จิ๊! เสียงดัง

               “มันเป็นพริกแกงครับ”

               “...”

               ฉ่าๆ

               “กวนตีน” เขาเปิดประตูเพื่อเอามือมาผลักหัวผม แม้จะยังหยาบคายอยู่แต่ก็รู้สึกได้ว่าเขาเย็นลงนิดๆ

               พี่แม็กหายเข้าไปในห้องน้ำขณะที่พี่พอลกับพี่เมษเริ่มลุกขึ้นบิดขี้เกียจ เมื่อคืนนอนกันไปได้ไงไม่รู้ ผู้ชายตัวใหญ่สามคน เตียงก็ประมาณห้าฟุตเอง

               ผมยกจานชามไปวางบนโต๊ะญี่ปุ่นกลางห้อง จัดเตรียมอุปกรณ์ให้พอดีสามคน ด้วยความที่โต๊ะมันเล็กผมจึงวางกับไว้ข้างบนส่วนจานเปล่าตั้งรอพวกเขาพร้อมข้างๆ ที่นี่ไม่มีหม้อหุงข้าวผมเลยต้องซื้อข้าวสวยมาให้เผื่อๆ เลยหกถุงเพราะดูจะกินจุกันทั้งนั้น และไม่ลืมชงกาแฟแก้แฮงค์ไว้ให้ด้วย

               เรียบร้อยผมก็มานั่งรอแถวนั้น พี่เมษมาคนแรก เขายกกาแฟขึ้นซด ผมก็แบ่งข้าวใส่จานให้รอ พอเสิร์ฟให้พี่เขาพี่พอลก็ตามมาติดๆ ผมทำแบบเดิม

               “ทำเอง?” อ้าว เมื่อคืนพี่บอกผมไม่ใช่เหรอครับ

               “กูยังไม่หายโกรธมึงนะไอ้เตี้ย แต่กูจะลดโทษให้กึ่งหนึ่งเพราะกาแฟมึงอร่อย” ถ้าพี่ชิมกับข้าวผมผมว่าพี่ยกโทษให้ผมเลยล่ะพี่พอล เรื่องทำอาหารผมมั่นใจมากๆ

               แล้วพี่แม็กก็ตามมา สมาชิกครบแล้วพวกเขาก็จับช้อนส้อมเตรียมพร้อม พี่แม็กทำท่านึกอะไรได้จึงบอกว่า

               “ทำไมมึงไม่กิน ไม่ได้วางยาพวกกูใช่มั้ย” ความคิดเด็กมาก แต่ที่เด็กกว่าก็คือคนที่วางช้อนตาม

               “...ผมกินด้วยนะครับ” ไม่รออนุญาตผมถือว่ามันเป็นคำชวนแล้วกัน หิวแล้วด้วย ผมเอาจานมาอีกชุด เทข้าวนิดหน่อยก็ตักกับทั้งสามอย่างใส่จานอย่างละคำให้เห็นจะๆ แล้วตักใส่ปาก พวกเขาดูวางใจจึงเริ่มทานบ้าง แต่ปัญหาก็มาอีก

               “ไม่มีผักอย่างอื่นหรือไงวะ กูไม่ชอบมะระ” ครับ เจ้าเดิม

               “แม่งขมจะตายเอามาทำกับข้าวได้จริงเหรอวะ” พี่พอล พี่อยู่เมืองไทยมากี่ปีแล้วครับ

               “มันไม่ขมเหรอวะ...” พี่เมษใจกล้าที่สุดลองสับชิ้นเล็กเข้าปากตามผมดูแล้วเงียบไป ที่เหลือรอดูปฏิกิริยาอย่างใจจดใจจ่อ

               “...”

               “...”

               “...เชี่ย...มึงต้องลอง” เขาเบิกตาขึ้นก่อนจะตักคำเล็กๆ ใส่จานของเพื่อน ทั้งสองจำต้องทำตาม ผมทำเป็นไม่สนใจแล้วกินส่วนของตัวเองไปเรื่อยๆ แต่ก็แอบลุ้นอยู่เหมือนกัน

               “เฮ่ย!”

               คนผิวเข้มเรียกเสียงต่ำ ผมตกใจหูได้ยินตัวเองสบถไปหนึ่งคำเบาๆ ดีที่ยั้งไว้ทัน

               “ทำไมมันไม่ขมวะ” ผมรู้ว่าพี่อยากถามว่าทำไมอร่อยมากกว่าแต่ปากแข็ง

               “ใช้เกลือดูดความขมครับ” นัยตายังคงมีความงงงวยหลงเหลืออยู่ ผมจึงร่ายยาว เขาก็กินไปฟังไป ดูเหมือนอาหารถูกปากจะทำให้พวกเขาลืมวีรกรรมเมื่อคืนไปแล้ว

               “ผมล้างมะระให้สะอาดก่อนแล้วโรยเกลือลงไป คลุกให้ทั่วทิ้งไว้ให้เกลือมันล้างขมออกแล้วค่อยล้างน้ำเปล่าอีกที่ ตอนต้มก็ต้องต้มให้สุกๆ บลาๆๆ”

               กว่าผมจะแลกเชอร์จบกับข้าวก็เกลี้ยงทุกอย่างแล้วครับ ไม่เหลือแม้แต่น้ำมะระ บอกแล้วไง เรื่องอาหารผมภูมิใจมาก นึกอยู่นะว่าเขาอาจจะแกล้งบ่นแล้วทิ้งกับข้าวผม ถ้าทำจริงผมจะเสียใจยิ่งกว่าโดนต่อยอีก แต่ฝีมือซะอย่าง

               “แหม พอได้พล่ามเรื่องทำอาหารหน่อยหน้าระรื่นเลยนะมึง ไอ้หน้าตูดเมื่อตอนเช้าไปไหนวะ” อืม อารมณ์ดีขึ้นจริงๆ ด้วย ต่างคนต่างลืมเรื่องบาดหมางเมื่อคืนเพราะเสน่ห์ปลายจวักของผม ผมเองที่ตึงๆ หัวคิ้วตั้งแต่เช้าก็เฉยๆ แล้วครับ ผมมันหายโกรธเร็ว แต่ขี้แยนะครับ

               พี่เมษยิ้มให้ คงยินดีที่ผมผ่านมันไปได้ ผมจะจำไว้เลยว่าถ้าพวกเขาอารมณ์ไม่ได้จะทำกับข้าวอร่อยๆ มาเซ่น

               เก็บถ้วยจานไปล้างตามหน้าที่ พี่พอลกลับไปแล้ว เห็นบ่นๆ เรื่องมือถือว่าจะไปขอแม่ซื้อเครื่องใหม่ จะว่าไปพี่เขายังดูตึงๆ กับผมอยู่นะ พี่แม็กไม่เห็นว่าอะไรเลย

               “เฮ่ย ไปอาบน้ำแล้วไปซื้อโทรศัพท์ให้กู”

               ซะที่ไหนล่ะ

               เฮ้อ… นั่นสิ ทำของเขาพังก็ต้องชดใช้ ถึงพี่เขาจะแกล้งผมแรงแค่ไหนก็ไม่เคยทำลายข้าวของผมนี่เนาะ แต่จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อให้เขากันล่ะ ตัวช่วยอย่างพี่เมษก็เพิ่งกลับไปเอง… ต้องลองเจรจาก่อน

               ผมเก็บจานเข้าชั้นแล้วไปยืนข้างๆ เขาที่นั่งเอามือยันพื้นดูทีวี “พี่ฮะ ผมขอโทษเรื่อโทรศัพท์นะฮะ แต่ว่า… ผม ไม่มีเงิน...”

               “กูจะรูดไปก่อนมึงก็ผ่อนให้กู”

               “...ครับ”

               พูดไม่ทันจบดีพี่เข้าก็วางแผนการเงินให้เรียบร้อย ตามนั้น เขากำลังอารมณ์ดีผมไม่อยากไปขัด แล้วผมก็ไปเตรียมตัวครับ



               ผมเดินเร็วกึ่งวิ่งตามหลังคนขายาวที่ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีตั้งแต่ออกจากร้านมือถือมา ผิดกับผมที่ทำหน้าเซ็ง หมันไส้มากครับ พี่แกดันเลือกรุ่นใหม่และแพงกว่าของเก่าทำเอากระเป๋าสตางค์ผมน้ำตาไหลซิกๆ ก็ยังดีที่เขาไม่เอาตัวท๊อป แต่ราคามันก็ราวๆ สองหมื่นนิดๆ แล้ว พี่เขารูดบัตรแล้วเอาใบเสร็จใบรับประกันต่างๆ นานาให้ผมเก็บไว้

               ดีที่เขารูดได้สิบเดือน 0% ก็จ่ายเขาไปเดือนละสองพันกว่า เรื่องเงินผมไม่ค่อยขัดสนเท่าไหร่ ยังขอทางบ้านได้ถ้าตัวเลขไม่มากเกินความจำเป็น ผมแค่ไม่ชอบพกทีละเยอะๆ เท่านั้นเอง สิบเดือนนี้ผมก็จะแอ๊บว่าต้องจ่ายค่ารายงานเอาก็ได้ครับ ลืมหรือยังว่าบ้านผมมีฐานะ

               เขาดูอารมณ์ดียิ่งขึ้นเมื่อผมเลี้ยงไอติมอีก (ก็บังคับจ่ายทางสายตาเช่นเคย) จากการที่ได้เดินห้างกับเขากว่าสี่ชั่วโมง (ขาลาก) ผมเริ่มจับทางเขาได้นิดนึงว่าทำอย่างไรถึงจะไม่โดนฟาดงวงฟาดงาใส่

               หนึ่ง ห้ามขัด ไม่ว่าอะไรก็ตามและต้องเดาให้ออกว่าเขาต้องการอะไรด้วย (บางทีเขาแค่ถอนหายใจ ผมจะไปรู้ได้ไงว่านั่นคือผมต้องไปกดลิฟท์ เลยโดนโบกไปหนึ่งที)

               สองคือต้องเร็ว สั่งปุ๊บทำปั๊บห้ามยืนงงไม่งั้นจะโดนเตะก้น แบบเตะจริงๆ ไม่ใช่ทุ้งให้พอรู้สึกตัว

               สุดท้ายและสำคัญที่สุด ทุกอย่างที่เขาต้องการ… ผมจ่าย

               โชคดีที่พี่แม็กไม่ใช่ขาช้อป แต่ของกินจะถี่หน่อยและก็ไม่ใช่พวกนั่งกินในร้าน แค่ครึ่งเช้าผมหมดไปกว่าสามพันจึงขออนุญาตเขาไปกดเพิ่มสำหรับมื้อเที่ยง เงินในบัญชียังเหลือเฟือ อย่างที่บอก บ้านผมรวย

               ผมทรุดนั่งกับเก้าอี้อย่างหมดแรง พอขาได้พักมันเหมือนกับลอยบนอากาศ ท่อนล่างไร้ความรู้สึกชั่วขณะ แต่เดี๋ยวมันจะหนักจนลุกไม่ไหวเลยล่ะครับ เราอยู่ที่ร้านอาหารญี่ปุ่น พี่เขาเดินฉับๆ นั่งแล้วก็สั่งๆๆ ผมแค่รอเฉยๆ ไม่สั่งเพิ่มเพราะยังรู้สึกตึงๆ ท้องอยู่ ปกติผมไม่กินข้าวเช้าครับ มันไม่ดีต่อสุขภาพผมรู้แต่มันเป็นนิสัยไปแล้ว ไม่ดีเลยนะครับ เช้านี้จัดไปเยอะด้วยเลยยังใส่อะไรเข้าไปเพิ่มไม่ไหว

               ผมชอบเวลาเขากิน เพราะมันทำให้ปากเขาไม่ว่างมาด่าผม แล้วท่าทางการกินอย่างเอร็ดอร่อยก็ดูน่ารักดี เหมือนเด็กเลย

               “กวนตีนกูเหรอไง” เขาเงยหน้าจากอาหารตรงหน้ามาก็ว่าผมเสียงเขียว ไรอ่า ผมยังไงทันทำอะไรเลยนะ

               “ฮะ?”

               ซ่า!



MAGNUM

               ดีจริงๆ ชีวิตโคตรดีสุดๆ เกิดมาก็หน้าตาดี กีฬาก็เก่ง มือถือก็มีคนผ่อนให้ อยากกินอะไรก็ให้ไอ้เตี้ยเลี้ยง ฮ่าๆๆ หลังจากมื้อเช้าฝีมือไอ้จืดคหกรรม (ยอมรับว่าโคตรพ่อโคตรแม่อร่อยเลย ถ้ามึงเป็นผู้หญิงกูว่าหน้าบ้านๆ ก็ได้ผัวดีเถอะ) ผมก็ออกมาช้อปปิ้งกับเจ้าหนูกางเกงในเฉิ่มกะจะให้มันชดใช้ที่เมื่อคืนบังอาจมาพังโทรศัพท์ของผม (กูขอแม่ตั้งนานกว่าจะได้นะเว้ย)

               ไม่อยากเชื่อว่ามันจะยอมออกให้จริงๆ ลองแกล้งเลือกรุ่นแรงๆ มันก็ไม่ว่าอะไร แถมจ่ายงวดแรกให้เป็นเงินสดเลยอีกด้วย ที่ไอ้พอลบอกว่าบ้านมันรวยท่าจะจริง ก็ดี จะได้ถลุงมันโดยไม่รู้สึกผิด (กูรู้จักคำนี้ด้วย? ฮ่าๆๆ) ว่าแล้วก็ใช้มันซื้อนู่นซื้อนี่ให้ ของกินทั้งนั้น พอดีผมคนชอบกิน ไอ้นี่ก็ตลก แค่ทำถลึงตาใส่ก็หางจุกตูดแล้ว

               เที่ยงผมอยากอาหารญี่ปุ่น อยากกินซาชิมิโบกวาซาบิพูนๆ นึกแล้วเปรี้ยวปากเลี้ยวเข้าร้านเฉย นั่งได้ก็สั่งๆๆ มันก็นั่งเงียบๆ จัดถุงขนมก๊อกแก๊กๆ เวลามันทำตัววุ่นๆ กับเรื่องไม่เป็นเรื่องดูเหมือนหนูแฮมส์เตอร์คุ้ยหาเมล็ดทานตะวันใต้กองขี้เลื่อยเสียจริงๆ

               ผมกินไปอย่างเอร็ดอร่อยไม่สนใจคนตรงหน้า แต่สายตากลับเห็นมันทำยึกยักๆ เดี๋ยวยักไหล่ เอียงคอ ปากอ้าพะงาบๆ ตามผม พอเงยหน้าไปมองมันก็หยุดแล้วทำหน้างงใส่ พอดินต่อสักพักมันก็ทำอีก แบบนี้จงใจกวนตีนกูชัดๆ

               ถลึงตาใส่เป็นความหมายเชิงให้หยุด มันหงอไป… แค่แป๊บเดียว “กวนตีนกูหรือไง” โมโหมาก ผมไม่ชอบให้ใครมาล้อเลียน ไอ้เด็กนี่ก็เหมือนไม่กลัว แล้วทำหน้าที่แม่งกวนตีนกว่าเมื่อกี้แบบว่าทำซื่อใส่

               “ฮะ?”

               มึง! คำตอบนั่นก็กวนตีน ผมโคตรโมโห รำคาญหน้ามึนๆ นั่นเลยสาดชาเขียวใส่

               ซ่า!

               น้ำเปียกตั้งแต่ผมไหลย้อยจนย้อมเสื้อสีอ่อนของมันจนอมสีเขียว รู้งี้กูสั่งชาเขียวร้อนก็ดี หน้าใสๆ นั่นแม่งจะได้เสียโฉมดูซิมันจะไปกวนตีนใครอีกมั้ย

               แล้วก็ตามเสต็ป แม่งต้องทำตาแดงๆ น่าสงสารตายห่า อยากลองของก็เอาให้สุดสิวะ ไม่ใช้พอสู้ไม่ได้จะลงไม้ลงมือเข้าหน่อยก็บีบน้ำตา คนอื่นอาจหลงกลมึงแต่กูไม่ว่ะ ไหนๆ มึงก็อยากร้องนักกูก็จะจัดให้ กูมันทำอะไรทำให้สุดอยู่แล้วไม่เหมือนมึง

               “ผม… ไปห้องน้ำนะครับ” ทำเป็นเสียงอ่อย มันเลือกที่จะหนี ได้ กูจะปล่อยมึงไปก่อนไว้แดกเสร็จมึงโดนแน่

               ก่อนลุกออกไปมันล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมาวางไว้บนโต๊ะ อย่างน้อยก็รู้งาน เห็นมันเดินวนไปทางห้องน้ำจริงๆ ผมถึงกินต่อพลางหยิบกระเป๋ามันมาค้นดู ในนั้นมีบัตรอยู่หลายใบวงเงินน่าจะสูงอยู่ สีสวยเชียว หยิบแบงค์พันออกมาสองใบยัดใส่กระเป๋ากางเกง ไม่ต้องห่วงมันเหลืออีกเยอะ ไหนขอดูบัตรประชาชนมึงหน่อย ...ฮ่าๆ โคตรเด๋อ ใส่โปโลสีชมพูถ่ายบัตรเนี้ยนะ ผมทรงกะลาครอบหน้าเอ๋อๆ ยิ่งทำให้มันดูเนิร์ดยิ่งขึ้นไปอีก แถมยืนไหล่ห่อ นี่เขาไม่บอกมึงเหรอว่ามันทุเรศขนาดไหน ตากล้องก็ใจร้ายจริง ว่าแต่เพิ่งสังเกตนะ ...เตี้ยจริงๆ ขีดด้านหลังถึงแค่เลข 150 นิดๆ เอง รวมๆ คือ ชีวิตนี้หาเมียไม่ได้แน่

               ...

               ผมต้องเมาปลาดิบแน่ๆ ที่เห็นภาพไอ้เปี๊ยกขี้แยร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่ใต้ร่างผม ในมือมันกำรอบแก่นกายของผมอยู่ห่างจากหน้ามันแค่สองนิ้ว น้ำสีขาวขุ่นเปรอะเปื้อนผมเส้นเล็กย้อยผ่านตาบวมช้ำ… ถึงปากสีสด...

               !

               เวร! ผมกำลังมีอารมณ์!

               รีบจ่ายตังค์แล้วเก็บของเดินออกจากร้านไปทันที ผมเดินตามทางที่มันไปแล้วมองหาห้องน้ำที่ใกล้ที่สุด วันนี้วันหยุดคนค่อนข้างเยอะทำให้การตามหาเป็นไปอย่างยากลำบาก แล้วยิ่งตัวมันเตี้ยด้วยคงถูกกลืนไปในฝูงชนได้ง่ายๆ

               “คนเยอะชิบ” สบทกับตัวเอง คิดว่ามองหาทั่วแล้วแต่ไม่มี งั้นมันน่าจะไปเข้าห้องน้ำที่อื่น ให้ตายสิทำไมยุ่งยากงี้วะ เป้ากูก็ตุงเอาๆ ร้อนจนแทบระเบิด ในหัวคิดไปสารพัดว่าถ้าเจอหน้ามันเมื่อไหร่จะทำอะไรบ้าง

               ห้องน้ำแห่งที่สองไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่แรก โซนนี้คนบางตาลงแต่ก็ยังเยอะอยู่ดี ผมมองไม่เห็นไอ้หัวกะลาครอบเลย เบอร์มันก็ลืมเมมไว้ ผมยิ่งหงุดหงิดเมื่อคิดว่ามันแอบกลับไปแล้วแน่ๆ จึงรีบวิ่งไปทางลานจอดรถเพราะที่นั่นจะทะลุไปป้ายรถเมล์ที่ใกล้ที่สุดได้

               นอกห้างติดกับลานจอดรถมีห้องน้ำเช่นกัน ข้างนอกนี้มักจะปลอดคนเพราะการดูแลและบรรยากาศของห้องน้ำไม่ดีเท่าด้านใน ราวกับมีอะไรมาดลใจให้ผมคิดว่าไอ้เปี๊ยกต้องอยู่นี่แน่ๆ

               นั่นไง!

               ในห้องน้ำชายมีห้องส้วมสามห้อง โถปัสสาวะ และอ่างล้างมือ ที่นั่นมีร่างเล็กของคนที่ผมกำลังตามหา มันกำลังใช้กระดาษซับน้ำตามใบหน้า เสื้อผ้าเปียกชื้นมีรอยสีเขียวจางๆ สันนิษฐานว่ามันน่าจะซักเสื้อไปก่อนหน้านี้ ผมเดินไปยืนซ้อนด้านหลัง มันสะดุ้งสุดตัวทันทีที่เห็นผม

               “พ พี่!”

               ปึ่ก

               โครม!

               เหวี่ยงสารพัดถุงกองไว้บนอ่างสักมุมแล้วผลักมันจนร่างบอบบางกระแทกผนัง มันหน้าแหยแกตัวคู้เหมือนจุกแต่ผมไม่สน สิ่งเดียวที่ต้องการตอนนี้คือจัดการกับส่วนล่างที่ยิ่งพองคับขึ้นเมื่อเห็นมันผ่านชุดเปียกชื้น เสื้อบางๆ ลู่ติดกับยอดอกชูชันชัดเจน ไม่รอให้มันตั้งตัว ผมโยนมันเข้าไปในห้องน้ำห้องในสุดแล้วตามประกบทันที เมื่อเราเข้ามาได้ทั้งคู่ก็ลงกลอน กดมันนั่งลงกับชักโครกที่ปิดฝาไว้

               มันทำหน้าตื่นตระหนกเมื่อผมแก้เข็มขัดแล้วรูดซิปกางเกง งัดเอาแก่นกายใหญ่โตออกมาอย่างรีบน้อน “พี่ครับ! พี่จะทำอะไร-”

               “หุบปาก!”

               “...”

               พูดมาก เสียงเล็กๆ ที่สั่นเครือฟังรำคาญหูเสียจริง ต้องให้ขึ้นเสียงถึงจะเงียบปากได้ ผมดึงมือมันมากำรอบแท่งเอ็นร้อน มันขืนไว้แต่สู้แรงผมไม่ได้ ในที่สุดสัมผัสนิ่มของอุ้งมือเล็กก็ทำผมเกือบเสร็จพร้อมภาพในจินตนาการ

               “ฮือ...”

               แม่งเอ้ย! ร้องอีกแล้ว!

               “เงียบ! รูดไป เหมือนเวลามึงเงี่ยนแล้วช่วยตัวเองนั่นแหละ เร็วดิสัด”

               มันส่ายหน้า แม่งอะไรของมันอีกวะ อย่าบอกนะว่าไม่เคยทำ ให้ตายสิอ่อนชิบหายเลย เออ! กูสอนมึงเอง

               “กำแน่นๆ แล้วรูดแบบนี้… เออ ทำต่อไป ซี้ดดด อาาา เป็นแล้วนี่หว่า”

               ผมปล่อยให้มันทำเอง สั่งให้มันเร่งจังหวะมันก็ทำตามอย่างว่าง่ายทั้งน้ำตา ดูท่ามันจะกลัวผมด้วยถึงได้สั่นเป็นลูกนกขนาดนี้ มือนิ่มเคลื่อนไหวอย่างเงอะงะคงไม่ทำให้ถึงฝั่งได้ จึงให้มันเปลี่ยนท่า

               “ลุกขึ้น ถอดกางเกงออก”

               “!”

               “เร็วๆ ไอ้สัด” ตบหัวทุยไปที ทั้งรำคาญและหงุดหงิดที่แม่งลีลาอยู่นั่น จะถอดจะขยับก็ช้าเป็นควายเคี้ยวเอื้อง กูไม่รอแม่งแล้ว! จับมันถอดทีเดียวทั้งชั้นนอกชั้นในแล้วจับมันหันหลังคุกเข่าบนชักโครก เหมือนรู้ชะตากรรมมันยิ่งฟูมฟายเสียงดัง

               ผัวะ

               ตบหัวไปอีกที “มึงจะร้องอะไรนักหนาวะไอ้ห่า อยากให้คนข้างนอกได้ยินใช่มั้ยว่าเราทำอะไรกัน” พูดจบมันรีบเอามือปิดปากกลั้นสะอื้นไว้

               จัดท่ามันให้หนีบขาชิดๆ กันแล้วสอดแก่นกายไปที่หว่างขา เนื้ออ่อนเสียดสีให้รู้สึกเสียววาบ จากมุมนี้ผมเห็นสะโพกมนชัดเต็มตา ต้นขาด้านในของมันบีบส่วนกลางของผมแน่นทว่าผิวเรียบลื่นกับเนื้อนุ่มๆ ให้ความรู้สึกดีได้ เสียดายที่ไม่ได้เห็นหน้ามัน ไม่รู้ว่าจะเหมือนที่จินตนาการไว้หรือเปล่า แค่คิดผมเร่งจังหวะเร็วขึ้นจนได้ยินเสียงกระทบกัน ลองปรับองศาเล็กน้อยก็รู้สึกว่าโดนกับของมันที่อ่อนตัว ตอนที่ของผมไปโดนมันสะดุ้งครางในคออย่างน่ารัก ปฏิกิริยานั้นเชิญชวนให้เน้นถูโดนของมันมากขึ้นจนมันเริ่มกลั้นเสียงไม่ไหว

               “ของใครวะ”

               !!!

               มีคนมาเข้าห้องน้ำ ได้ยินเสียงฝีเท้าผ่านด้านหลังไปสองคู่กับประโยคสนทนาถึงถุงของผมที่กองอยู่ด้านนอก ไอ้ตัวเล็กหันมามองผมแล้วจะลุกหนีไป ใครจะยอมล่ะ ยิ่งตื่นเต้นแบบนี้ก็ยิ่งสนุกสิ ผมบังคับให้มันอยู่ท่าเดิมแล้วเริ่มขยับต่อ

               “หนีบขาแน่นอีกสิ” ผมกระซิบข้างหูแดงก่ำ ขบเม้มอย่างหมันเขี้ยว มึงนี่น่ากินไปทั้งตัวเลย

               ชู่...

               มันเริ่มดิ้น ผมกอดรัดมันจากด้านหลัง จมูกซุกไซ้ตามหลังคอเจอเนินเนื้อตรงไหนพอดีคำก็ฝังรอยเขี้ยวลงไปจนผิวขาวปรากฎรอยแดงเด่นชัดขึ้นมา เสียงฝีเท้าห่างออกไปเรื่อยๆ จนเงียบไปแสดงว่าตอนนี้ปลอดคนแล้วเรียบร้อย

               อ่า… ใกล้แล้วๆ เสร็จแล้ว เร่งอีกๆ

               พั่บๆๆ

               “อึก… ฮ่าาาาา” กระตุกสองสามครั้งก็ปลดปล่อยน้ำกามออกมาไหลเลอะเต็มขาเนียน

               ไอ้ตัวเล็กฟุบหมดแรง ผมหันมันกลับก็เห็นหนอนน้อยกึ่งตั้งกึ่งอ่อนที่กลางลำตัว

               “มึงแข็งด้วยนี่ มีอารมณ์เพราะทำกับกูหรือว่าตื่นเต้นที่มีคนอื่นอยู่นอกจากเรากันล่ะ หา… โรคจิตจริงๆ เลยนะ” มันส่ายหัวกับคำล้อเลียน ผมเปลี่ยนตำแหน่งนั่งลงบนชักโครกแล้วยกมันมานั่งซ้อนตัก จับของมันรูดรั้งเล่น มันสะดุ้ง

               “มึงนี่มันเล็กไปหมดทุกส่วนเลยนะ… มา กูจะทำให้มันใหญ่ขึ้นเอง ดีมั้ย”

               “ม… อื้อ! ไม่เอา พี่ฮะ ปล่อย”

               ไอ้เด็กนี้เวอร์จิ้นบริสุทธิ์ผุดผ่อง หัวยังไม่เปิดเลยด้วยซ้ำ ผมรั้งหนังบางลงเผยหัวสีสดน่าเอ็นดู ล้วงเอามือถือใหม่มาให้มันถือไว้แล้วเปิดแอพกล้องวิดีโอ

               “ถ่ายไว้ดูทีหลังจะได้ทำเองไง”

               มันคงรู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะต่อต้านจึงกดอัดภาพมือผมรูดขึ้นลงจนกระทั่งน้ำใสๆ ปริ่มออกมา ...สักพักมันก็เสร็จ ไอ้เตี้ยน้อยอ่อนตัวเหลือเท่าเดิมพร้อมๆ กับเจ้าของมันที่นอนหอบพิงอกผมอย่างเหนื่อยอ่อน

               ระหว่างทางกลับมันเงียบตลอดทางแถมเหม่อหน่อยๆ วันนี้พอแค่นี้ กูจะปล่อยให้มึงพักก่อนก็ได้ กลัวจะเฉามือตาย

               นานๆ ทีจะเจอของเล่นน่าสนใจก็ต้องถนอมไว้นานๆ หน่อย จริงมั้ย...


------------------------------------------------

หายไปพักนึงเลย เรื่องของเรื่องไม่ใช่ไร งานส่วนน้ ยแต่ข้าเจ้านอยไลน์ที่ทำงานมากกกกกกกก
เห็นแล้วขัดหูขัดตาขี้ไม่ออกบอกไม่ถูกอารมณ์เสียสุขภาพจิตแบ่ บอกตรงๆ นี่ไมาได้เยอะ แต่ขอร้อง

แค่ คะ กับ ค่ะ ใช้ให้ถูกหน่อยได้มั้ยยยยยย

เฮ้ยแบบ คุณระดับหัวหน้ากันทั้งนั้นนะ ขนาดลูกจ้างแม่บ้าน คนครัวที่เชื้อสายประเทศเพื่อนบ้านเขายังใช้กันถูกอ่ะ

ภาษาไทยมันเป็นเรื่องใหญ่นะ วิกฤตเลยเถอะ พิมพ์ผิดให้อภัยพลาดกันได้ ตั้งใจวิบัติเราก็เข้าใจว่าเพื่ออรรถรสในบ้างครั้ง แต่นี่ผิดจริงจังแบบใช้ผิดจริงๆ
ตัวอย่าง
พนง.- คนไข้รับใหม่โปรห้องคู่ สหวิชาชีพประเมินแรกรับค่ะ
หน.1- คะ

หน.2- ญาติคอมเพลนรสชาติอาหารและการจัดจาน ห้องอาหารรับเรื่องด้วยนะค่ะ
หน.1- คะ

อ๊ากกกกกกกกกกกกกก

อัพช้าเพราะสภาพจิตใจล้วนๆ (อ้างไปนั้น)


ncแรงไปมั้ย ไม่เนาะ นี่แค่ถูๆ กันเอง พรุ่งนี้จะรีบปั่นแต่ไม่รู้จะทันหรือเปล่านะ

ขอบคุณทุกกำลังใจ แล้วจะขยันอัพให้ อยากมีหนังสือกับเขาบ้าง
แอบวาดน้องโบไว้หลายเวอชั่นเลย ไม่ให้ดูหรอก แบร่ นางน่ารักนะ แต่เชียนไปเขียนมา เอ๊ะ ญาติอายาเสะป่าวหว่า

เอาล่ะเจอกันจอนหน้า รักทุกคนเลย ว่างๆ จะมาตอบเม้น


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
โดนแบบนี้. ซิ่วดีกว่ามั้ง. พวกรุ่นพี่นี่ก็นะ. คนอะไรเลวได้ขนาดนั้น. ลูกเค้ามีพ่อมีแม่. ทำไปได้

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
ไอ้พี่นี่ติดใจน้องโบแน่ๆ มาต่อๆชอบจริงๆเลย

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
สงสารน้องโบ แต่ชอบ อิอิ เพราะรอวันเอาคืน ฮ่าๆๆๆๆ
ลุ้นต่อๆๆ

ออฟไลน์ madmay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • twitter.com/gaa_nu


-5-


               ไม่อยากตื่นเลย...

               อยากจะนอนหลับไปแบบนี้ตลอดกาล ไม่อยากตื่นขึ้นมารับรู้การมีอยู่ของเขา เมื่อวานนี้ผมกลัวมากจริงๆ เกิดมาไม่เคยถูกทำแบบนี้มาก่อนแม้แต่กับผู้หญิง ผมเคยฝันเปียกเมื่อตอนม.4 แต่ไม่เคยช่วยตัวเอง การที่มีคนที่ไม่ได้เรียกว่าสนิทกันมาทำอนาจารผมรับไม่ได้ครับ ทั้งอายและขยะแขยงแม้ว่าผมจะชอบพี่เขา แต่ก็แค่ชอบแบบชื่นชมในรูปร่างหน้าตาอยากจะเป็นแบบเขาบ้างเท่านั้น

               เมื่อวานหลังจากกลับมาเขาก็ทำทุกอย่างราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ด่าผมบ้างบางครั้ง มีตบหัวบ้างผลักผมแรงๆ บ้างอย่างเคย แล้วก็สั่งให้ผมทำนู่นทำนี่ ผมเองก็คิดว่าดีแล้วที่งานที่เขาสั่งทำให้ผมยุ่งจนลืมภาพน่าอายพวกนั้นได้ชั่วขณะ ถึงแม้ว่าการที่ถูกทำให้เสร็จด้วยมือคนอื่นจะไม่ใช่เรื่องปกติแต่หวังว่ามันคงไม่แปลกถ้าเพื่อนชายสองคนจะช่วยกันทำอย่างว่าน่ะนะ

               ผมประหลาดใจเล็กน้อยที่เขายอมให้ผมนอนบนเตียงเดียวกับเขา ตอนแรกผมไม่ยอมเพราะกลัวว่าเขาจะแกล้งอะไรอีก แต่ก็ถูกฉุดขึ้นมาและถูกขังไว้ใต้อ้อมแขนแกร่งไม่สามารถดิ้นหนีได้ เราอยู่ในท่าเขากอดผมจากด้านหลังทั้งคืน ก่อนสติจะหลุดลอยไปผมรู้สึกถึงสัมผัสเปียกชื้นลามเลียแถวใบหู ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดต้นคอ เสียงสูดดมตามซอกคอทำขนลุกซู่ มือของเขาลูบไล้รอบสะดือ ในใจคิดว่าต้องถูกทำอีกแน่ ผ่านไปสักพักเขาก็หยุด เหลือเพียงลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วผมจึงเบาใจและหลับตามไปอย่างเหนื่อยอ่อน

               ผมทำกับข้าวง่ายๆ ไว้รอเขาตื่นมา จัดโต๊ะเสร็จก็ไปทำธุระส่วนตัว เหมือนกลายเป็นกิจวัตรใหม่ทั้งๆ ที่เพิ่งอยู่กับพี่เขาได้แค่ไม่กี่วันก็เป็นอันต้องรับหน้าที่เบ๊ 24 ชั่วโมงไปโดยปริยาย ผมจะพยายามทำอะไรก็ได้ให้เขาอารมณ์ดี ยังไม่พร้อมจะเจ็บตัวตอนนี้ ไข้ก็ยังไม่หายดีผมกลัวว่ามันจะกระทบการเรียน

               หลายคนคงคิด ทำไมไม่ซิ่วหนีไปเลย ผมทำไม่ได้ครับ เพราะกว่าผมจะต่อสู้จนได้เรียนคณะที่ชอบได้ก็หมดน้ำตาไปหลายลิตร คุณพ่อเขาอยากให้ผมเรียนเกี่ยวกับธุรกิจเพื่อเป็นหน้าเป็นตาแต่ว่าผมรักการทำอาหาร ผมฝึกฝนอย่างหนัก ลองผิดลองถูกจนชนะใจคุณพ่อได้ ในวันที่เขาจะตัดสินว่าผมจะได้เรียนต่อที่ไหน เขาให้เชฟที่รู้จักกันมาเป็นกรรมการชิมอาหารฝีมือผม โชคดีที่สอบผ่านผมจึงได้เรียนในสิ่งที่รัก แล้วอยู่ๆ จะให้ผมซิ่วไปที่อื่นคุณพ่อได้เอาผมตายแน่ สรุปคือผมต้องทนต่อไป นี่พี่เขาก็ปีสามแล้วอย่างมากก็แค่สองปีที่ต้องทนเป็นที่รองมือรองเท้า แต่ถ้าโชคดีผมอาจจะเป็นอิสระเร็วกว่านั้นก็ได้ สองปีมันเร็วจะตายไป… ถึงแม้ว่าหกวันที่ได้เจอกันมันจะยาวนานราวสิบปีก็ตาม

               ได้ยินเสียงทีวีแว่วมา ผมออกจากห้องน้ำก็เห็นพี่เขานั่งกินข้าวกับพื้นตามองทีวีที่กำลังฉายรายการการ์ตูนช่วงเช้าอยู่ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีมุมน่ารักเหมือนกัน เขาดูอารมณ์ดีทำให้ผมโล่งใจไปเปราะหนึ่ง ขอให้คงที่แบบนี้ตลอดวันนะครับ

               “เตี้ยมานี่ดิ๊” เขาเรียก ก่อนที่จะเดินไปหาผมสังเกตเห็นว่าเขายังไม่มีน้ำดื่ม จึงบอกไปเบาๆ แล้วไปคั้นน้ำส้มสดๆ ที่ซื้อติดมาเมื่อวาน ลืมไปได้ยังไงเนี่ย

               “แป๊บนะครับ”

               ผมวางแก้วน้ำส้มบนโต๊ะ รอว่าเขาจะสั่งอะไรอีก กินเสร็จพอดี ดีใจที่เห็นเขากินอาหารฝีมือผมจนเกือบหมดเพราะผมทำเยอะพอสมควร ขณะที่ตาก็ยังจดจ่อกับการ์ตูน เขาดึงผมไปนั่งบนตัก

               “อ๊ะ!”

               “นิ่งๆ”

               “...”

               แค่นั้น? เขาแค่กอดผมไว้หลวมๆ มือหนึ่งเอื้อมไปหยิบน้ำส้มมาดื่มแล้วดูทีวีต่อ ผมนั่งตัวเกร็งแทบเป็นตะคริวกลัวจะพลาดทำอะไรไม่ถูกใจอีก ที่แน่ๆ ต้องเก็บมือเก็บปากให้สงบเข้าไว้

               “มึงแดกแล้ว?” หือ… ถามผมเหรอ

               “ฮะ?... ยังครับ”

               “ทำไมไม่กิน”

               “...ผมไม่กินข้าวเช้าครับ”

               “ไม่กิน? ไม่เคยกินเลย? ได้ที่ไหนล่ะสัด มื้อเช้าสำคัญนะเว้ย”

               ผมจะดีใจมั้ยที่พี่เป็นห่วง แต่คำพูดกับน้ำเสียงถ้าปรับได้พี่นี่ชนชั้นสูงเลยนะฮะ พี่แม็กเลิกสนใจทีวีแล้วหันมาดีเบทกับผมแทน

               “เพราะไม่กินข้าวเช้ามึงเลยสมองช้าแบบนี้ไง กูถามจะตอบทีแม่งเอ๋อไปสามวิแบบเนียะ ต่อไปมึงต้องกินมื้อเช้าด้วย”

               “...ต”

               “นั่นไง ขนาดจะเถียงยังช้า” อะไรอ่ะ ผมว่าพี่งี่เง่าเองมากกว่า ไม่พูดหรอกครับผมยังอยู่บนตักเขาอยู่

               “อ่า… แต่… ผมเคยลองแล้วมันปวดท้อง” ครับ ถ้ากินเยอะเหมือนมื้ออื่นๆ ผมจะรู้สึกไม่สบายตัว เมื่อวานนี้ดีที่ไม่เท่าไหร่

               “ก็ค่อยๆ เพิ่มสิ เอ้า! ไข่ที่เหลือมึงกิน น้ำส้มด้วย”

               พี่แม็กเอาแขนรัดตัวผมกันดิ้นหนีข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างตักไข่เจียวที่เหลือครึ่งจานมาจ่อปากผม ผมกลัวเขาไม่พอใจแล้วจะลงไม้ลงมือเลยอ้าปากรับไป

               “เมื่อวานแม่งแย่งกูแดก ทีงี้มาทำสำออย” เขาป้อนต่อเรื่อยๆ จนหมดทั้งไข่เจียวและน้ำส้มอีกเกือบครึ่งแก้ว แค่นี้ก็อิ่มจะแย่แล้วครับจน...

               “เอิ่ก!”

               อ๊า! น่าอายที่สุด ผมเรอออกมาสั้นๆ เอามือปิดปากไม่ทัน พี่แม็กถึงกับผงะเลยครับ ผมเองยังตกใจเลย

               “อุ๊บ ฮ่าๆๆ เชี่ย ทุเรศชิบหาย ฮ่าๆๆ”

               เชิญหัวเราะให้ขาดใจไปเลย ไม่เคยเห็นคนเรอหรือไง ไม่ใช่เรื่องตลกน่ะ ผมทำหน้ายุ่งมองเขาตาเขียว พยายามบ่งบอกทางสายตาว่าผมโกรธจริงๆ นะ นิสัยไม่ดีเลยเอาเรื่องธรรมชาติมาล้อเลียนแบบนี้

               “นี่ๆ ดูกูนี่… อึก… เออะ เอิ่กกกกก! ฮ่าๆๆ” เขาดูสนุกมากเล่นเป็นเด็กเลย แข่งกันเรอเนี่ย

               “น่าเกลียด”

               “กล้าว่ากูน่าเกลียดเหรอ ตัวเองเริ่มก่อนแท้ๆ” ผมเริ่มตรงไหน มันเป็นกลไกทางธรรมชาติไม่ได้จงใจให้มันเกิดอย่างพี่เสียหน่อย ผมทำหน้าแหยงๆ ใส่ “อะไร! รังเกียจไง กูจะเรออัดปากมึง มานี่”

               เขาจับหน้าผมหันไป แล้วประกบปากลงมาทาบทับปากผม ดวงตาเบิกกว้างอย่างคาดไม่ถึง โลกพลันหมุนช้าลงราวกับเปิดโหมดสโลว์ ริมฝีปากหยาบแห้งยังมีกลิ่นส้มจางๆ รสชาติเปรี้ยวอมหวานสัมผัสลิ้น ความแฉะชื้นของเราแตะกันเบาๆ แล้ว...

               “เอิ่กกกกก”

               “อื้อ! แหวะ!” อ้าก! พี่แม็กเอาจริงเหรอเนี่ย! น่าเกลียดที่สุด ทุเรศ คนบ้า!!! แต่คงจะถูกใจพี่แกเอามากๆ ถึงได้หัวร่องอหงายจนดึงผมล้มลงนอนตะแคงกับพื้นด้วย

               “ฮ่าๆๆ”

               คิก! ตลกดี ท่าทางนั้นทำผมหัวเราะตาม เรานอนตะแคงหันหน้าเข้าหากันทำให้ผมสามารถสำรวจใบหน้าหล่อเข้มได้ชัดเจน สังเกตเห็นลักยิ้มข้างขวามันบุ๋มลงไปน่ารักดี เวลาเข้าหัวเราะทุกอย่างดูสดใสไปหมด มันมีชีวิตชีวามีเสน่ห์ดึงดูด ไม่แปลกใจเลยที่จะมีสาวๆ มาหลงรวมทั้งผู้ชายบางคนด้วย

               ...

               เขาหยุดหัวเราะแล้วนอนมองตากัน ดวงตาสีดำสนิทสะท้อนภาพใบหน้าของผมราวกับส่องกระจก ระยะห่างค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ ในที่สุดปลายจมูกของเราก็แตะกันเบาๆ

               !

               ทันใดนั้นพี่เขาก็สะดุ้งผละออกห่าง เขาผุดลุกขึ้นแล้วหยิบกุญแจเดินไปทางประตูเสียดื้อๆ ปล่อยผมให้นอนงงกับความปุบปับนั้น เขาพูดโดยไม่หันมามองแล้วปังประตูตามหลัง

               “ม… ล้างจานให้กูด้วย”



50%ก่อน ได้แค่นี้อ่ะ



ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ถ้าได้รู้จักชีวิตน้องทุกแง่มุมไอ้พี่แม็กมันจะสงสารน้อง และรู้สึกผิดบ้างไหม

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โบ จะมีโอกาสหายจากโรคติคส์ มั้ยเนี่ย
อยากให้โบหายจากโรคนี้ แล้วเปลี่ยนโฉม
ดูสิ คนที่ดูถูก รังเกียจ จะเหวอสักแค่ไหน
เมื่อไหร่พี่แม็ก จะรู้สักทีว่า โบเป็นโรคไม่ใช่แกล้งกวนตีน
คนอ่อนแออย่างโบนี่ จะกล้ากวนตีนคน ให้เจ็บตัวทำไม
พี่แม็ก แกล้งๆ โบเนี่ย ถูกใจโบแล้วใช่ไหม
แถมโบมีฝีมือทำอาหาร  เริ่มชอบแล้วละสิ
แต่ที่ให้โบจ่ายเงินเนี่ย ไม่ค่อยดีนะ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
จะไม่ม่าแล้วชิป้ะ จะเริ่มหวานแล้วมั้ย

อย่าม่าเลย แต่เดาว่าม่าแน่ๆ  :katai1:


ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ตอนนี้มี ฮ่า ลุ้นต่อๆๆ

ออฟไลน์ madmay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • twitter.com/gaa_nu


ที่เงียบหายไม่ได้ไปไหน แอบไปวาดน้องมา
ไม่ได้วาดนานแล้วไม่สวยอย่าว่ากันนะ

Combo, แขนใคร



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ madmay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • twitter.com/gaa_nu


               ปัง!

               “ไง”

               แย่แล้ว! ผมลืมโทรหาพี่เขาเลย และดูเหมือนมันทำให้เขาโกรธเอามากๆ สังเกตจากฝาล็อกเกอร์ที่ยุบลงไปด้วยกำปั้นของเขา… เฉียดหัวผมไม่ถึงนิ้วเอง น่ากลัว...

               “พ... พ... พ... พี่ครับ ค... คือ ผมขอโทษครับ ผ… ผมทำงานอยู่ ก… ก็เลย-”

               “ลืม”

               “...”

               เขาสวนก่อนที่ผมจะพูดจบ ผมยิ่งสั่นเป็นเจ้าเข้า มือไม้อยู่ไม่สุข ครั้งนี้ผมรู้สึกตัวแต่ควบคุมมันไม่ได้ โชคดีที่พี่แม็กไม่สังเกตเห็น

               ผมอยู่ที่ครัวกันจนเย็น ระหว่างช่วยบัวเก็บของก็เห็นร่างสูงยืนพิงกรอบประตู แสงด้านนอกส่องย้อนมาทำให้เห็นหน้าได้ไม่ชัด ทว่าแววตาวาวโรจน์สะท้อนราวกับดวงตาปีศาจที่หมายจะสูบวิญญาณลงสู่ความมืดมิดเสียตั้งแต่ตรงนั้น วินาทีนั้นผมเห็นทางข้างหน้าอย่างชัดเจน

               มันคือเหวนรก

               “กู บอก ให้ มึง โทร หา กู” เสียงเข้มรอดไรฟังย้ำทีละคำ ข้อแก้ตัวมากมายเพื่อเอาตัวรอดสะสมอยู่แทบล้นสมองไม่อาจกลั่นออกมาจากปากได้จึงคอยเงียบรอรับแรงอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

               “...”

               แขนแกร่งอีกข้างชกเข้าที่ฝาล็อกเกอร์ดัง ปัง! ผมถูกกักขังโดยสมบูรณ์ ผมหลบตามองทะลุอกกว้างไปแทน ไม่กล้าสบตาที่ราวกับจะกินหัวผมอยู่รอมร่อได้

               กึง กึง กึง...

               ปึ่ก!

               “โอ้ย!”

               มือที่ไม่ยอมฟังคำสั่งกำทุบล็อกเกอร์ที่พิงอยู่จนเกิดเสียงน่ารำคาญ พี่เขาคงคิดว่าผมท้าทายเขาจึงต่อยใส่ไหล่ผมอย่างแรง น้ำตาปริ่มๆ รอให้ผมระบายมันออกมาหลังจากได้ยินประโยคป้ายสีในสิ่งที่มันไม่ใช่ความจริง

               “ที่ไม่โทรเพราะมัวแต่ไปอี๋อ๋อกับผู้หญิงล่ะสิ กูเห็นนะ แหม เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย โบจ้ะโบจ๋าหยิบนั่นให้หน่อยสิ ถุย! น้ำหน้าอย่างมึงเนี่ยนะจะมีเมีย”

               “พี่อย่ามาพูดจาไม่ให้เกียรติเพื่อนผมนะ”

               “...”

               เราอึ้งไปทั้งคู่ เขาคงไม่คิดว่าผมจะเถียงเขา อย่างว่าแต่เขาอึ้งเลย ตัวผมผมยังไม่อยากเชื่อว่าจะปล่อยให้สิ่งที่อยู่ในหัวมันหลุดออกมาได้ เดี๋ยวนี้ผมมักจะหลุดคำที่คิดอยู่ในหัวออกมาบ่อยขึ้น และมันไม่เป็นผลดีเลยสักนิด

               “มีปกป้องกันด้วย?” เขาลงท้ายเสียงสูงด้วยใบหน้าเรียบเฉย

               “ป… เปล่าครับ ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะเถียงพ… พี่ ฮึก”

               “เอะอะก็บีบน้ำตาเอาตัวรอด ผู้ชายที่ไหนเขาทำกัน… มึงมันตุ๊ด”

               “...” ผมพยักหน้า ไม่ว่าอะไรก็ต้องตามเขาไปก่อน

               “มึงเอาผู้หญิงไม่ได้หรอก… หรือมึงเงี่ยนเพราะนึกถึงที่กูทำให้… เลยกะจะ...”

               “เปล่านะ!” ผมไม่ยอมให้เขาดูหมิ่นคนอื่นหรอกนะ ไม่พอใจผมก็ว่าผมคนเดียวสิ!

               “โฮ่ ค่อยแมนขึ้นหน่อย แต่จะลองกับเพื่อนเนี่ยไม่ดีเลยนะครับ”

               “ก็บอกว่าเปล่าไง อ๊ะ!”

               มือหนาตะปบที่กลางตัวผม ผมใช้แรงอันน้อยนิดผลักเขาออกไปแต่ร่างยักษ์ไม่ได้สะเทือนเลยแม้แต่น้อย แรงเค้นคลึงบีบนวดจนผมเข่าอ่อนจึงต้องเกาะเสื้อเขาไว้ไม่งั้นได้ไปกองกับพื้นแน่

               “อาห์… หยุด อ… นะ”

               เขาหัวเราะขึ้นจมูกอย่างดูแคลนในความอ่อนเดียงสาของผม จมูกโด่งซุกไซ้ใบหูและซอกคอขณะที่มือของเขาเริ่มไล้เข้าไปในกางเกง

               “เฮ้ยไอ้แม็ก มึงจะเล่นป่าวเนี่ยบอลอ่ะ หรือจะเล่นเด็กมึงเอาซักอย่างสิ”

               ผมสะดุ้งตกใจที่มีคนมาเห็น ผมผลักเขาออกได้สำเร็จในตอนเขาเผลอมองไปทางผู้มาใหม่ ผมวิ่งหนีออกจากห้องแต่งตัวแล้วไปหยุดพักหายใจใต้ต้นไม้ห่างจากสนามพอสมควร ส่วนกลางตัวยังร้อนรุ่มแต่ผมไม่กล้าจัดการกับมันจึงนั่งยองลงใต้ต้นไม้รอให้มันสงบไปเอง



Magnum


               ผมรอแล้วรอเล่าก็ไม่มีวี่แววว่าอุปกรณ์สื่อสารอันใหม่จะแสดงการติดต่อกลับจากไอ้หน้าจืดนั่นสักทีทั้งๆ ที่เลยเวลาเลิกเรียนมันไปเกือบชั่วโมงแล้ว

               หงุดหงิดเว้ย!

               เมื่อวานนี้เป็นบ้าอะไรไม่รู้จู่ๆ ก็คิดว่ามันน่ารักแล้วเผลอจูบแบบหยอกๆ กับมันไปได้ พูดแล้วขนลุก นี่เดี๋ยวนี้กูไม่เลือกแล้วเหรอวะ

               “สัดเอ้ย!”

               แม่ง! กูไปหามึงเอง ถ้าเจอนะจะด่ายับเลย เดี๋ยวนี้มันชักจะกำแหงขึ้นเรื่อยๆ ว่าให้ก็มีเถียง กล้าสวนกลับด้วย แต่อยู่ๆ มันก็จะดราม่าน้ำตาไหลเสียดื้อๆ ซึ่งบางครั้งก็ไม่มีเหตุให้น่าร้องมันก็ยังร้อง… แต่กูชอบหน้ามึงแบบนั้นว่ะ ฮ่าๆ

               ผมเดินหามันไปทั่ว ถามใครก็ไม่มีใครรู้จักมัน มึงเป็นมนุษย์เงาหรือไง เมื่อพึ่งใครไม่ได้ก็เลยเดินหามันไปทุกที่ในคณะมัน ไม่มีอะไรเร่งด่วนหรอก แค่เย็นนี้ผมจะไปเตะบอลและต้องการให้มันคอยส่งน้ำให้เท่านั้นแหละ แต่กว่าจะเย็น แกล้งมันเล่นแก้เบื่อก็สนุกดี

               นั่นตึกอะไรหว่า ดูไม่เหมือนตึกเรียน มันเป็นอาคารยาวๆ หน้าต่างเรียงเป็นตับและข้างในเป็นโต๊ะเหล็กยาวๆ กลิ่นหอมลอยออกมาชวนน้ำลายสอ ด้านในมีคนอยู่ด้วยลองไปดูดีกว่า

               ผมเจอมันแล้ว ไอ้เปี๊ยกยืนหมุนไปหมุนมาระหว่างโต๊ะยาวกับซิงค์เหมือนในรายการทำอาหารที่เคยเห็นในทีวี แถวข้างๆ มีเด็กสาวห้าหกคนทำเช่นเดียวกัน หรือกำลังแข่งทำอาหาร?

               ไอ้เตี้ยเวลาทำอาหารมันดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ดูสุขุม เป็นผู้ใหญ่ แววตามันดูเป็นประกาย ท่วงท่าจับมีดนั่นก็พลิ้วไหวเป็นธรรมชาติ... มันดูดีขึ้น

               “โบจ้ะ ชิมของเราให้หน่อยสิใช้ได้หรือยัง”

               เด็กผู้หญิงคนนั้นสวยใช้ได้เลย หุ่นดีด้วยแต่ดูเรียบร้อยไปหน่อย อ่านะ ผมชอบคนแรงๆ แต่เธอดูคุ้นหน้าแปลกๆ หรือจะเป็นหนึ่งในสต๊อกผม… ไม่มั้ง ผมไม่เคยกินเด็กปีหนึ่ง

               เธอเรียกไอ้เปี๊ยกแล้วถือช้อนรอตรงหน้า มันที่มือไม่ว่างจับช้อนจึงอ้าปากงับจากหล่อนแทน พูดสองสามคำแล้วกลับไปทำงานตัวเองต่อ สาวเจ้าทำท่าเหนียมอายลับหลัง ผมเห็นเธอหน้าอดงยิ้มแก้มปริอย่างน่ารัก แต่ขอโทษที ผมมองว่ามันดัดจริตไปนิด

               ภาพนั่นผมเกลียดชะมัด

               ฉากหวานแหววมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ผลัดกันป้อนบ้างล่ะ จับมือกันบ้างล่ะ ไอ้เปี๊ยกของผมก็ส่งยิ้มตาเชื่อมให้ตลอด ดี๊ด๊าเชียวนะมึง เขาเห็นเจี๊ยวมึงเขาก็ไม่เอาแล้วสัด

               ผมรอ รอจนมันหันมาเจอ ซีนโรแมนติกถึงได้จบลง ผมลากมันออกไปโดยไม่พูดอะไร มันหันไปลาเมียมันก่อนจะตามแรงดึงผมไป

               ครั้งนี้กูจะเอาให้มึงไม่กล้าเข้าใกล้ผู้หญืงเลย คอยดู

 

ออฟไลน์ Nassie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ fammi50

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
จิตไม่ปกติสุดในเรื่องก็แม็กเนี่ยแหละ นังผู้ชายลำไยเอ้ย

ออฟไลน์ madmay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • twitter.com/gaa_nu

ข่าวดี!!!

วันที่8 ข้าเจ้าก็สอบเสร็จแล้วและจะรีบมาต่อโดยไว

รับรองดราม่าsmสมกับที่รอนานแน่นอน

[/b]

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3

ออฟไลน์ madmay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • twitter.com/gaa_nu
มาแล้วแจ้~~~ มีความหนังบู๊มาก พอดีเพิ่งทดสอบสมัครเป็นบรรณาธิการไป แล้วแบบทดสอบมันแฟนตาซี55

-6-


               Rrrr...

               โทรมาอีกแล้ว...

               ผมเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์เดียวกับกว่าสามสิบสายที่ไม่ได้รับมาตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว พี่แม็กทั้งโทรและส่งข้อความตามจิก แต่ผมทำใจแข็งไม่เปิดอ่าน เพ่งสมาธิจดจ่อที่กระดานเท่านั้น ก็กลัวเขาโกรธอยู่หรอก แต่เพราะกลัวไงที่ทำให้ผมพยายามลบตัวตนจากเขาอยู่แบบนี้ หวังว่าเขาจะเบื่อแล้วเลิกยุ่งกับผมไปเองในเร็วๆ นี้นะ

               นอกจากจะโทรตามแล้ว บางครั้งพี่แม็กยังเคยมาดักรอผมด้วย แต่ผมแอบหนีมาได้ทุกครั้ง อาทิตย์นี้จึงไม่ได้ไปห้องเขาเลย ถ้าถามว่าไม่กลัวโดนแบล็คเมล์หรอ กลัวสิครับ แต่ก็คิดแง่ดีว่ารูปเก่าพวกนั่นถูกทำลายไปแล้ว ซึ่งถ้ามันยังเหลืออยู่พี่เขาน่าจะส่งมาขู่ผมแล่วล่ะ ส่วนคลิปที่ผม… เอ่อ มันไม่เห็นหน้าผมพอทำใจได้ครับ

               แชทมาอีกแล้ว

               “โบๆ อาจารย์มองแล้วนะ”

               ฮะ? อ๊ะ! จริงด้วย จ้องเขม็งเลย ลืมไปว่าอาจารย์แกเกลียดเทคโนโลยีเอามากๆ ยิ่งเห็นใครแอบเล่นมือถือนะโดนเฉ่งแน่ ...อย่างผมนี่ไง

               “...เข้าใจมั้ยนักศึกษา เราเพื่ออะไร ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี อย่ามัวเมาแต่ของล่อใจมันจะทำให้เธอตกต่ำ เทคโนโลยีทำให้มนุษย์ไร้อารยะ แล้วเธอจะเสียใจถ้า-”

               ติ๊ดๆๆ

               เยส! นี่คือคำที่ปรากฎในใจทุกคน

               “เอาล่ะวันนี้พอแค่นี้ อาจารย์ต้องไปธุระต่อ อย่าลืมส่งงานกันด้วยล่ะ”

               แกกลับไปแล้ว พวกเราก็ทะยอยเก็บของกันตั้งแต่ได้ยินเสียงปลุกจากมือถือรุ่นเจ้างูน้อยของแกแล้วล่ะครับ คือแกจะตรงเวลามากๆ ทุกอย่างต้องเป๊ะ แม้แต่โปรเจคเตอร์ก็ต้องฉายให้ตรงห้ามเบี้ยวห้ามล้นทีเดียว

               ท่ามกลางความโล่งใจที่หลุดพ้นจากการเป็นหัวข้อเทศนาอันยาวนานแล้ว ลึกๆ ผมกลับอยากถูกแกว่าอีกสักชั่วโมงสองชั่วโมง เพราะหลังจากนี้คือเวลาเลิกเรียนซึ่งวันนี้ผมกับพี่เขาจะเลิกพอๆ กัน มันยากที่จะหนีเพราะพี่แม็กจะเลิกเร็วกว่านิดนึงทำให้สามารถมาดักรอที่หน้าห้องผมได้ คราวก่อนผมใช้ช่วงชุลมุนหลบไปพร้อมกับฝูงชน แต่ครั้งนี้ไม่รู้เพื่อนๆ เขาพร้อมใจกันโดดไปเที่ยวเตร่ที่ไหนกันกว่าครึ่งก็ไม่รู้

               นั่นไง!

               “วันนี้โบจะกลับกับเรามั้ยจ้ะ… โบ?”

               “ฮะ? อ เอ่อ โทษทีนะ เรามีธุระ” ผมรีบตามกลุ่มที่กำลังจะออกจากห้องแล้วแทรกตัวอยู่ด้านหลัง ไหล่ห่อเข้าหากันพลางกอดกระเป๋าไว้แน่น แม้จะสูงไม่เท่าพวกเขาแต่ก็อดค่อมตัวต่ำลงอีกไม่ได้

               อีกนิดเดียวๆ

               ผมก้มหน้าก้มตาเดิน ใช้กลุ่มคนอำพรางตัวขณะเคลื่อนผ่านรุ่นพี่วิศวะสามคน พวกเขาโดดเด่นท่ามกลางเด็กปีหนึ่งและได้รับคำทักทายเป็นระยะๆ ซึ่งก็ดี เขาจะได้สนใจสิ่งอื่นมากกว่าตามหาตัวผม ...ผ่านมาแล้ว เร่งฝีเท้าเพื่อแซงกลุ่มที่ช่วยบังตาให้เมื่อกี้ อีกสามเมตรก็จะถึงลิฟท์แล้ว

               เฮ้อ...

               ผมถอนหายใจยาวแทบจะทรุดลงกองกับลิฟท์ด้วยความโล่งอก และแล้วผมก็รอดมาได้อีกครั้ง รู้สึกเหนื่อยทั้งๆ ที่ไม่ได้ออกแรงอะไรสักนิด ง่วงจนต้องพักสายตาขณะที่กล่องสี่เหลี่ยมเคลื่อนตัวลงอย่างช้าๆ คนอื่นๆ ไม่ได้สนใจผม อันที่จริงพวกเขาอาจไม่ทันสังเกตเห็นคนแคระตรงนี้ก็ได้มั้ง พอถึงชั้นหนึ่ง ผมรอจนคนออกไปหมดแล้วก่อนถึงค่อยๆ ก้าวออกไป แล้วเสียงคุ้นหูก็ทักขึ้น

               “ไม่เจอกันนานเลยนะ… น้องโบ”

               “!”

               พ พี่แม็ก!!! เดี๋ยวก่อน ผมหลบเขาพ้นแล้ว?!

               “คิดว่าจะหนีกูได้เหรอ กูจะโง่ปล่อยมึงรอดได้อีก? อย่าประเมินกูต่ำไป กูเห็นมึงตั้งแต่ออกห้องมาแล้วแค่ปล่อยให้มึงได้ใจไปก่อน เพราะว่า...”

               เสียงทุ้มเนิบช้าแต่แผ่ความกดดันมหาศาล  ขายาวก้าวเข้ามาช้าๆ ใจผมเต้นรัวจนสั่นไปทั้งตัว พยายามถอยหนีแต่กลับติดผนัง ดวงตาสีรัตติกาลตรงหน้าเหมือนเสือที่สะกดตรึงเหยื่อให้ไร้ทางสู้อย่างที่ผมเป็นตอนนี้ นิ้วร้อนๆ เชยคางผมขึ้นเพื่อสบกับริมฝีปากเหยียดยิ้มตรงอย่างสมใจ

               “สีหน้าที่ถูกทำลายความหวังแบบนี้นี่แหละ ที่กูอยากเห็น”

               ผลั่ก!

               “โอ๊ะ! เชี่ยเอ๊ย!”

               ไม่สนแล้วว่าการกระทำของผมจะทำเขาโกรธเคืองเพิ่มขึ้นแค่ไหน ขอแค่ผมหนีเขาไปได้เรื่อยๆ ผมก็ไม่ต้องกลัวอะไร ใช่ แค่หนีให้พ้นเท่านั้นเอง ผมวิ่งไปปลอบใจตัวเองไป เมื่อกี้หลังจากคิดแล้วว่ายังไงผมก็โดนอยู่ดี แต่ถ้าเสี่ยงหนีอีกครั้งผมอาจจะรอดก็ได้ คิดดังนั้นก็กระทืบเท้าเขาอย่างแรง ใช้ส้นตอกกับนิ้วเท้าเขาเพื่อสร้างความเจ็บปวดให้มากที่สุดแล้วผลักร่างหนาออกเต็มแรง พี่พอลกับพี่เมษไม่ทันตั้งตัว กว่าจะตั้งสติได้ผมก็วิ่งหลบมุมตึกลับสายตาพวกเขาไปแล้ว

               แฮ่กๆ

               ผมวิ่ง วิ่งต่อเนื่องไม่หยุดไม่หันไปมองทั้งที่เหนื่อยแทบขาดใจ แต่ถ้าชะงักแม้เสี้ยววิมีหวังได้ถูกตามทันแน่ เสียงพวกเขาตะโกนไล่หลังมาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ความเร็วผมเริ่มตกเพราะไม่ค่อยได้ออกกำลังแล้วยังต้องแบกเป้มาด้วยอีก หรือจะโยนมันทิ้งก่อนดี ก่อนที่จะตัดสินใจผมเห็นประตูห้องเก็บของเสียก่อน ผมเสี่ยงหยุดบิดลูกบิดประตู

               แกร่ก

               โชคเข้าข้างที่เย็นขนาดนี้แล้วแต่ยามยังไม่ได้มาล็อกประตูเสียก่อน ผมผลุบเข้าไปหลังประตูและจัดการล็อกมันพร้อมเอาเก้าอี้พับที่วางข้างๆ มาขัดใต้ลูกบิดไว้ ก็พออุ่นใจได้ชั่วคราว...

               “หายไปไหนวะ” เสียงนั้นห่างไปไม่ไกล

               ภายในห้องเก็บของมืดสลัวมีเพียงแสงจากภายนอกที่ส่องผ่านบล็อกแก้วบนผนังและแสงที่ลอดใต้ช่องประตูไม้เท่านั้น ห้องนี้เป็นห้องขนาดใหญ่พอสมควร มันเต็มไปด้วยกองลังไม้ ชั้นวางของและตู้หลากหลายแบบที่มีไว้ใช้เก็บอุปกรณ์เครื่องครัวและวัตถุดิบของแห้งต่างๆ ในตอนกลางวันจะเปิดไว้ให้นักศึกษาเข้ามาหาของไปใช้เรียนได้แต่ต้องลงชื่อกับอาจารย์ประจำวิชานั้นๆ  หลังหมดคาบเรียนยามของคณะจึงจะมาปิดห้อง ด้วยแสงสว่างเพียงเท่านี้ ผมเห็นเงาพวกเขาเดินวนเวียนอยู่หน้าประตูกับเสียงสบถเป็นระยะ

               แก่กๆๆ

               “!”

               ลูกบิดขยับดังกุกกักๆ แต่เปิดออกไม่ได้เพราะผมกดล็อกไว้ ขาอ่อนแรงถอยหลังอย่างสะเปะสะปะแล้วทรุดลงที่หน้าตู้เหล็กขนาดพอดีตัว มันคือตู้มีซิงค์น้ำแบบประกอบ ลองเปิดตู้ออกมาข้างในว่างเปล่าผมจึงขดตัวหมุดเข้าไปแล้วแง้มบานตู้ไว้เพื่อสังเกตการณ์ มือข้างหนึ่งปิดปากกันเสียงหอบหนักๆ ของตัวเองไว้แต่ก็ไม่สามารถกั้นลมหายใจที่เสียดร้าวให้เงียบได้

               “มันจะหายไปไหนได้วะ ทางยาวขนาดนี้ เมื่อกี้ยังกับเพิ่งเห็นมันเลี้ยวมาอยู่เลย” เสียงพี่พอลดูหงุดหงิดมากพอๆ กับพี่เมษที่ตอบกลับมา

               “หรือว่ามันจะไปอีกทาง”

               “ไม่อ่ะ กูเห็นมันมาทางนี้นี่แหละ”

               “ชู่!”

               “...”

               …? ข้างนอกจู่ๆ ก็เงียบกระทันหัน ผมใจคอไม่ดีเลย หัวใจที่สูบฉีดด้วยความเหนื่อยยิ่งดังถี่จนหูอื้อ ผมรู้สึกวิงเวียนตาพร่ามัวเนื้อตัวเย็นเฉียบคล้ายจะช็อค แต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเพราะเสียงเตะประตูดัง ปัง!

               “.....” เกือบร้องออกมาด้วยความตกใจ ดีที่ยกมือปิดปากได้ทัน ความเงียบโรยตัวอีกครั้ง มันนานจนผมสามารถควบคุมลมหายใจให้คงที่ได้บ้างแล้ว สายตาสอดส่ายหาทางหนีทีไล่ก็ไปเจอะหน้าต่างระบายอากาศบนกองลังไม้ตรงข้ามกับตู้ที่ผมอยู่ห่างไปประมาณห้าหกเมตร ...ถ้าผมปีนออกไปตอนนี้ก่อนที่เขาจะไหวตัวทัน

               กริ๊กๆ

               ผมถอยกลับมาซ่อนที่เดิม แต่เพราะไม่ระวังหลังจึงกระแทกเกิดเสียงดังตึงเบาๆ ภาวนาขอให้ไม่ได้ยินทีเถอะ

               “หึย เชี่ยแม็ก นี่มันห้องอะไรก็ไม่รู้ เขาล็อคไว้ไม่ใช่เหรอ ไอ้เปี๊ยกนั่นไม่ได้อยู่ในนั้นหรอก”

               “...คิดอีกแง่นะไอ้เมษ ทางยาวนี่ไม่มีห้องหรือซอกอื่นให้หลบได้แล้ว อย่างเด็กนั่นไม่มีทางวิ่งได้เร็วจนพ้นโค้งนั้นได้ก่อนเราจะมาถึงแน่ๆ แล้วห้องที่ล็อก… ก็เป็นไปได้ว่าไอ้เปี๊ยกนั่นแหละที่ล็อก ใช่มั้ยไอ้แม็ก”

               เฮือก! ลูกบิดมัน! ผมน่าจะปีนหน้าต่างออกไปตั้งแต่ตอนนั้น ก่อนที่พี่แม็กจะสะเดาะกลอนสำเร็จ โง่ยังไงก็โง่ยังงั้นคอมโบเอ๊ย!

               ประตูถูกเปิดแต่เพียงนิดเดียวเพราะมันติดสิ่งกีดขวางอยู่ แล้วพี่แม็กก็พูดกับเพื่อนเขาว่า “ไงล่ะไอ้เมษ ยามเขาคงไม่ล็อกห้องแล้วสามารถเอาเก้าอี้มาขัดไว้แบบนี้ได้หรอกนะ ถ้าจะเก่งขนาดนั้นก็เรียกโคนันเถอะ”

               “โถ่! พูดงี้เหมือนกูโง่อยู่คนเดียวเลยสิ” พี่เมษโอดครวญอย่างไม่จริงจัง

               “ไม่แค่มึงหรอกมั้ง...” แล้วพี่เขาก็พูดลอยๆ มากระทบผมซึ่งนั่งสั่นด้วยความกลัว “เนาะ~ คุณหนู”

               ก๊อกๆ… ก๊อกๆ… ก๊อกๆ...

               พวกเขาแยกย้ายกันเดินคนละซอยพลางใช้มือเคาะตามตู้หรืออะไรก็ตามที่คนตัวขนาดผมสามารถเข้าไปซ่อนได้ พี่แม็กฮัมเพลงในลำคอ มุมปากเหยียดยิ้มเล็กน้อยแต่ดวงตาวาวเรืองท่ามกลางความมืดดั่งสัตว์ป่าดุร้ายนั้นผมเห็นได้อย่างชัดเจน ความเครียดก่อตัวครองงำสติสัมปชัญญะทีละน้อย และมันทำให้โรคของผมกำเริบ

               โครม

               ซวยแล้ว! แขนมันดันสะบัดไปชนผนังด้านข้างเสียงดังลั่นทำให้เขารู้ที่อยู่ของผม บานตู้ถูกเปิดเผยให้เห็นใบหน้าคมคายที่เคยหลงใหลห่างเพียงคืบ “เจอแล้ว เจ้าหนูน้อย” มือหนาขยุ้มกระจุกผมลากออกมาข้างนอก มันเจ็บจนผมน้ำตาเล็ดร้องอย่างเจ็บปวด

               “มึงกล้ามากเลยนะ ไม่เคยมีใครไม่รับสายกูมาก่อนแถมยังกล้าหนีกูอีก มึงเก่งนักหรอฮะ! ทำยังไงมึงถึงจะหลาบจำสักที!”

               “พี่ ผมเจ็บ!”

               พี่เมษกับพี่พอลยืนกอดอกมองเฉย “พวกกูเลยต้องเหนื่อยด้วยเลยเนี่ย… แม่ง วันนี้ไม่ทันซ้อมบอลแน่เลยว่ะ”

               “ผมขอโทษ ผมจะชดเชยให้ แต่ปล่อยผมไปเถอะนะ” ผมพยายามขอร้อง “ชดเชยพ่อมึงสิ ปล่อยมึงแล้วมึงจะชดเชยยังไง”

               เขาลากผมย้อนกลับไปที่ประตู มือที่ดึงผมไว้แข็งอย่างกับคีม ยิ่งผมดิ้นมันก็ยิ่งทวีความเจ็บเหมือนหนังหัวจะหลุดออกมาให้ได้ เลี้ยวเลาะผ่านชั้นวัตถุดิบต่างๆ มา ชั้นด้านหน้าเป็นพวกเครื่องปรุง ผมเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา

               “เออ เงียบปากไปได้ก็ดี รำคาญแม่ง- อ๊าก!!! ตากู!”

               ขณะเดินผ่าน ผมคว้ากระปุกพริกไทยป่นมา เปิดฝาแล้วสาดใส่ทั้งสามคนนั้นทันที และได้ผล พวกเขาร้องลั่นเผลอปล่อยมือให้ผมหนีอีกครั้ง

               “อ้าก! แม่งเอ้ย อย่าหนีนะ” การมองเห็นถูกทำลายชั่วขณะ ผมรีบพุ่งไปที่หน้าต่างบานเล็กเพราะประตูมีพวกเขาขวางอยู่และไกลเกินไป แถมถ้าผมออกทางนี้ได้ คงใช้เวลามากแน่กว่าจะตามผมได้ทัน

               มือเล็กเกาะเกี่ยวขึ้นไปบนลังไม้ ในตอนที่กำลังจะโหนตัวลอดผ่านช่องแคบๆ นั้น ผมหันกลับไปดูสถานการณ์ เห็นพี่พอลหรี่ตามองหาอ่างน้ำแล้วเขาก็รี่ไปเปิดก็อกวักน้ำใส่หน้ารัวๆ แล้วลากเพื่อนสองคนมาล้างตาด้วย ไม่ได้การ ผมต้องรีบออกไปก่อนเขาจะตั้งตัวกันได้

               “เวรเอ้ย! มันจะหนีไปแล้ว!” พี่พอลวิ่งมาหมายจะดึงขาผมกลับ “จับมันไว้ไอ้พอล!” พี่เมษสั่ง แต่ช้าไป ผมผ่านมาได้กว่าครึ่งตัวแล้ว

               ผมตัดสินใจทิ้งตัวลงพื้นกลั้นใจไม่ให้นึกถึงความเจ็บปวดที่จะตามมา ดีที่เป็นชั้นหนึ่งความสูงระดับนี้จึงคงไม่ถึงกับทำให้แขนขาหักหรอกนะ เบื้องล่างเป็นพื้นหญ้าแห้งๆ ข้างๆ มีกองฟืนเรียงติดกำแพงไว้ ลงแบบนี้หัวอาจจะเฉี่ยวกองไม้แหลมคมบ้างแต่ไม่น่าจะสาหัส เป็นไงเป็นกัน!

               !!!

               พี่พอลจับข้อเท้าไว้ได้ข้างหนึ่ง ผมพยายามสะบัดมันออกแล้วก็รู้สึกเหมือนเท้าได้พลาดไปถีบหน้าเขาเข้า เป็นจังหวะเดียวกับลำตัวไถลหล่นลงสู่พื้นข้างล่างพอดีดัง ผลั่ก

               “อ… โอ๊ย...”

               ทั้งเจ็บและจุก แต่ต้องฝืนยันตัวขึ้น แขนขวามีรอยถลอกเป็นแนวยาวตั้งแต่ศอกถึงหัวไหล่นอกนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไร พี่พอลไม่ได้ตามมาจากทางหน้าต่างนี่อาจซื้อเวลาได้สักหน่อย แต่ผมเชื่อว่าความเร็วระดับนักกีฬาของพวกเขาจะตามผมทันในไม่ช้า จึงสลัดความเจ็บปวดทั้งหลายลุกขึ้นวิ่งต่อไป

               “แฮ่ก… แฮ่ก… แฮ่ก...” ไม่ไหว… เหนื่อยจัง ทรมานทุกลมหายใจเข้าออกเลย แถมรู้สึกขัดๆ ที่หัวเข่าอีกต่างหาก ในเมื่อวิ่งต่อไม่ไหวก็เดินเอาแล้วกัน ว่าแต่… นี่ที่ไหน

               ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้มอมม่วง ฝูงนกพากันบินกลับรังต่างจากผมที่ไม่มีแม้เวลาจะคิดถึงบ้าน ลมพัดผ่านกิ่งไม้ให้มันเสียดสีกันจนเกิดเสียงดังแซ่กๆ ประสานกับลมหายใจหอบแห้งจากร่างชุ่มเหงื่อไม่สบายตัว ผมไม่เคยมาแถวนี้มาก่อน เพราะมันคือเขตก่อสร้างอาคารอะไรสักอย่าง มาถึงตรงนี้พวกเขาคงตามไม่เจอแล้วล่ะ เฮ้อ… ขอนั่งพักหน่อยเถอะ ...แย่ล่ะ กระเป๋าผม

               ความเหน็ดเหนื่อยพาลให้หนังตาจะปิดอยู่รอมร่อ ผมนั่งกอดเข่าซุกตัวแนบชิดกับซอกปูนเปลือยในเขตก่อสร้าง ฟุบหน้าเช็ดเหงื่อบนกางเกงแล้วพักสายตาครู่หนึ่ง วันนี้มันช่างแสนยาวนานและทรมานเหลือเกิน ผมไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้พวกเขาโกรธแค้นนักหนา มันเริ่มจากความชื่นชมด้วยซ้ำ… หรือเพราะโรคบ้าๆ นี่ที่ทำให้ทุกอย่างมันผิดเพี้ยนไปหมด

               “K… สัด แม่ง”

               “...”

               “!” ใครน่ะ

               “...”

               พวกเขา?! ต้องไปแล้ว

               “เฮ้ยนั่นไง” ทำไมเร็วอย่างนี้เนี่ย ผมวิ่งลึกเข้าไปในตึกโล่งๆ ข้ามกองไม้และหินทรายคิดว่าอีกฝั่งน่าจะออกไปได้ แต่แล้ว...

               ฉึก

               “อ๊ากกก!!!”


               เจ็บบบ! เจ็บมาก โอ้ย เจ็บเหลือเกิน ใครก็ได้ช่วยผมด้วย!

               “ฮือออ! ช่วยด้วย! ช่วยผมด้วย! พี่แม็กกก!”

               พี่พอลวิ่งมาถึงตัวผมก่อน เขามองร่างเล็กที่คุดคู้อยู่บนพื้นอย่างตกตะลึง “เฮ้ย! ไอ้เปี๊ยก เชี่ยแม็กมาดูเด็กมึงเร็ว”

               “แม่งเอ้ย! มึงทำอีท่าไหนวะ” อย่าเพิ่งคุยกันได้ไหม! พาผมไปโรงพยาบาลที!

               “พี่ ผมเจ็บ โอ้ย ผมเจ็บ”

               ตอนที่วิ่งผมไม่ทันได้ดูทางบวกกับท้องฟ้าเริ่มมืดแล้วจึงไม่ทันสังเกตเห็นท่อนไม้ตอกตะปูวางเกลื่อนพื้นจึงเผลอเหยียบเข้าเต็มๆ ตะปูแหลมๆ แทงทะลุรองเท้าปักเข้าเนื้อบริเวณอุ้งเท้าใต้นิ้งโป้ง มันไม่ได้ทะลุถึงหลังเท้าแต่ก็สร้างความเจ็บปวดให้ผมเป็นอย่างมาก ผมได้แต่ตื่นกลัวตะโกนแหกปากร้องไม่หยุดแม้จะถูกพี่แม็กอุ้มขึ้นมาแนบอก มีพี่เมษพยุงท่อนไม้นั้นติดเท้าผมไว้ ยิ่งถูกช้อนใต้เข่ามันยิ่งเหมือนไปกระตุ้นให้บาดแผลปวดตุบๆ จนผมต้องขยุ้มคอเสื้อพี่แม็กไว้หวังระบายความเจ็บ

               “มึง เราต้องเอาออกก่อนหรือว่าคาไว้งี้ดีวะ” พี่เมษถาม

               “กูเคยได้ยินว่าถ้าถูกแทงให้คามีดไว้แต่ตะปูตำเท้ากูไม่รู้-”

               “ก็คามันไว้อย่างนั้นแหละ! พาผมไปโรงพยาบาลสักทีสิ!”



               -ห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง-



               “ญาติรอข้างนอกก่อนนะคะ” คุณพยาบาลสาวบอกกับพี่ๆ ทั้งสามคนเมื่อเขาวางผมนอนบนเตียงแล้ว เท้าผมมันเริ่มชานิดๆ แต่ก็ยังเจ็บอยู่มาก เพียงแต่ผมไม่เหลือแรงจะแหกปากร้องแล้วครับ จึงนอนน้ำหูน้ำตานองหน้าสะอื้นเบาๆ แทน

               “ปล่อยเสื้อกู” พี่แม็กว่า แต่มือผมยังคงกำชายเสื้อเขาไว้แน่นจนขึ้นข้อขาว พี่เขาหันไปพยักเพยิดให้เพื่อนให้ไปรอข้างนอกก่อนแล้วกลับมาแกะมือผมออก “กูบอกให้ปล่อย”

               “ฮึก...” แปลกคน แค่มือตัวเองยังควบคุมไม่ได้เลยทั้งๆ ที่ไม่ใช่เพราะโรคที่ผมเป็นเสียหน่อย เหมือนจิตใต้สำนึกต้องการใครสักคนมาอยู่ข้างๆ ยามที่ผมเจ็บ ...เพราะตั้งแต่มัธยมเป็นต้นมา ไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนคอยปลอบใจเวลาที่ผมต้องทำแผลเลย แต่ตอนไม่สบายแม่ผมอยู่เฝ้านะ แค่แม่กลัวเลือดเท่านั้นเอง

               “งั้น… คุณอยู่เป็นเพื่อนน้องเขาก็ได้ค่ะ” เธอคงเห็นผมเป็นเด็กโข่งขี้แยล่ะมั้ง แบบว่าต้องมีคนคอยโอ๋ไม่งั้นจะโยเยตอนคุณหมอมาตรวจ

               พี่แม็กลากเก้าอี้พลาสติกจากเตียงข้างๆ มานั่งเท้าคางบนเตียงผมแต่หันหน้าหนีไปอีกทาง สักพักก็ล้วงเอามือถือขึ้นมากดๆ อะไรไปเรื่อยไม่สนใจแม้หมอพยาบาลเริ่มมารุมรอบตัวผม

               “พี่...” ผมเรียกเสียงสั่น ไม่กล้าดูการรักษาที่กำลังจะเริ่มขึ้น คุณพยาบาลถกขากางเกงขึ้นแล้วพวกเขาก็คุยกันเป็นภาษาที่ผมไม่เข้าใจ รู้สึกที่เท้ามันขยุกขยิกจึงค่อยๆ เหลือบดู พวกเขากำลังดึงท่อนไม้พร้อมตะปูออกช้าๆ “ฮื่อ!”

               “เดี๋ยวก็หายแล้วค่ะน้อง อดทนหน่อยนะ”

               พี่แม็กยังเอาแต่มองหน้าจออยู่นั่น ไม่ให้กำลังใจกันเลย แล้วผมก็… ร้องไห้อีกแล้ว เบื่อตัวเองที่อ่อนแอจริงๆ อย่างที่คนตัวโตเคยว่าไว้ เอะอะก็บีบน้ำตา น่ารำคาญ… แขนเรียวยกขึ้นปิดหน้าส่วนมืออีกข้างยังกำเสื้อเขาไว้ไม่ยอมคลาย ได้ยินแต่เสียงสะอื้นของตัวเองที่กลบการรับรู้ส่วนล่างไปแล้ว ไม่รู้ว่าตะปูถูกเอาออกรวมทั้งรองเท้าถุงเท้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉีดยาชาหรือเปล่าผมก็ไม่รู้ แต่พอได้ยินหมอพูดแว่วๆ มาว่าต้องกรีดเพื่อล้างแผล ผมสะดุ้งคว้าแขนคนข้างๆ แน่น ผมกลัวเรื่องแบบนี้เอามากๆ เหมือนกับแม่เลย แต่ถ้าเข้าครัวโดนมีดโดนไฟผมไม่เท่าไหร่นะ

               “จิ๊!” พี่เขาจิ๊ปากอย่างรำคาญ สะบัดมือผมออกแล้วถอดเสื้อตัวนอกโยนคลุมหัวผม หรือนี่จะเป็นวิธีปลอบของเขากัน

               “ถ้ากลัวก็ปิดตาไว้นะ หมอฉีดยาชาให้แล้วไม่เจ็บหรอก พี่ชายดูน้องไว้นะ” หมอปลอบใจผมแล้วหันไปพูดประโยคหลังกับคนที่ถูกเขาใจว่าเป็นพี่ชาย เขาถอนหายใจหนักเฮือกหนึ่ง มือใหญ่วางบนหัวผมไว้เฉยๆ แต่แค่นั้นกลับทำให้หัวใจมันพองฟู รู้สึกร้อนทั้งหน้า ปากฉีกยิ้มโรยแรงใต้เสื้อตัวใหญ่ ถือวิสาสะแอบกุมมือที่วางบนศีรษะทุยเป็นที่ยึดเหนี่ยวอีกแรง

               การพยาบาลผ่านไปอย่างรวดเร็วทว่าสำหรับผมมันนานเหมือนเวลาเราจ้องเตาอบให้มันเสร็จเร็วๆ อย่างไงอย่างงั้นเลยครับ น้ำเกลือถูกฉีดเข้าไปตามด้วยเบตาดีนที่ฉีดแล้วปล่อยมันไหลย้อนออกมาเยอะมากๆ เช่นกัน ผมแสบจี๊ดๆ ที่แผลเลยบีบมือหนาแน่นขึ้นอย่างหวาดเสียวจนกระทั่งแผลถูกพันด้วยผ้าสีขาวเป็นอันเรียบร้อย

               “เดี๋ยวของดูที่แขนด้วยนะคะ คนไข้ถอดเสื้อกับกางเกงด้วยนะจะได้ดูว่ามีแผลที่อื่นอีกมั้ย”

               ระหว่างทำแผลจุดอื่นๆ ต่อพี่แม็กยังอยู่กับผมตลอดแต่ก็ดูเหนื่อยหน่ายไม่สนใจผมเหมือนเดิม พยาบาลก็ถามว่าไปทำอะไรมา เลยโกหกไปว่าตกหน้าต่าง… แต่พี่แม็กตายังแดงๆ อยู่เลยไม่ตรวจหน่อยเหรอครับ

               “เรียบร้อยค่ะ เดี๋ยวฉีดยากันบาดทะยักก็กลับได้แล้ว” ห๊ะ! ฉีดยาเหรอ

               “ม… ไม่ฉีดไม่ได้เหรอฮะ” ผมถามกล้าๆ กลัวๆ แต่คำตอบช่างทำร้ายจิตใจเหลือเกิน

               “ไม่ได้จ่ะ น้องไม่มีประวัติด้วยฉีดกันไว้ก่อนดีกว่า”

               “...เป็นยากินไม่มีเหรอครับ”

               “เดี๋ยวให้ยาฆ่าเชื้อกับแก้ปวดไปทานนะ มา นั่งเลยค่ะ” เปล่าครับ ผมหมายถึงยายาดทะยักน่ะ

               “พี่...”

               “ฉีดๆ ไปเหอะ อย่าสำออย” แต่… แต่ว่า

               ผมพึมพำเบาๆ “ผ ผม… ผมกลัวเข็ม” คุณพยาบาลกลับมาพร้อมเข็มฉีดยาในมือสีหน้ายิ้มแย้ม ผมนี่หน้าซีดเลย

               “พี่ชายจับน้องไว้นะ ท่าจะกลัวเข็ม”

               ร่างสูงดึงผมลงจากเตียงมานั่งตักแล้วโอบแขนล็อกตัวผมไว้ไม่ให้ดิ้น “พี่!” ปล่อยนะ! เข็มขยับเข้ามาใกล้ต้นแขนซ้ายผมเลยดิ้นสะบัดตัวถอยห่างให้มากที่สุด ปลุกปล้ำกันอยู่พักหนึ่งคุณพยาบาลก็เร่งพี่แม็กเพราะกลัวเข็มจะติดเชื่อเสียก่อน

               “ไม่เอา ผมไม่ฉีด! พี่ปล่อยผมนะ! ไม่ฉีดนะ ไม่- อุ๊บ!”

               ริมฝีปากหยาบกร้านทาบทับปากผม ก่อนที่สัมผัสเปียกชื้นจะกระตุ้นให้ผมเปิดปาก ลิ้นร้อนเลื้อยเข้ามากวาดร้อนพันเกี่ยวเรียวลิ้นเล็กที่ขยับอย่างไม่ประสา รสจูบชวนตกตะลึงและเคลิบเคลิ้มพาสมองให้ล่องลอยไปในมโนภาพสีขาวโพลน เลือดร้อนพาดไปถึงใบหู เขาดูดดุนอย่างชำนาญอยู่ครู่หนึ่งแล้วเสียงคุณพยาบาลก็ขัดความวาบหวามของผมเสียก่อน

               “เสร็จแล้วจ้ะ แหม...เราก็นึกว่าเป็นพี่น้องกันเสียอีก รู้งี้ให้ทำตั้งนานแล้วจะได้เลิกงอแง เดี๋ยวไปรอรับยาเลยนะ แล้วกลับบ้านดีๆ ดูแลแฟนด้วยนะ แผลห้ามโดนน้ำ อย่าลงน้ำหนักมาก ทานยาให้ครบแล้วมาตามนัดนะจ้ะ”

               เธอพล่าม… ขอโทษครับ พูดทีเดียวยาวเหยียดแล้วจากไปหลังจากที่พี่แม็กตอบรับสั้นๆ ผมเพิ่งรู้สึกตัวและระลึกทุกสิ่งทุกอย่างได้หน้าก็แทบไหม้ใจเต้นรัวราวกับจะระเบิดออกมา เมื่อกี้… พี่เขาจ จ จูบ! เขาจูบผม จูบดูดดื่มที่ไม่ใช่แค่ปากแตะกัน

               ...จูบแรก… ของผม

               “เมษ มึงไม่เอายามันดิ” เขาอุ้มผมเดินออกมารอรับยา คนมองกันเต็มเลยครับ ผมอายมากเลย นี่ก็หน้านิ่งไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยสินะ

               ก่อนที่ผมจะจมเข้าไปในอกเขา พี่พอลก็บอกว่า “เปี๊ยก แม่มึงโทรมา” เพิ่งเห็นว่าเขาสะพายกระเป๋าผมอยู่ด้วย คงเอาติดมาจากตอนนั้น ผมรับโทรศัพท์มาจากเขา กดเบอร์โทรเข้าล่าสุด หมายความว่าเขาคุยกับแม่แล้วสิ

               “ฮะแม่”

               “เป็นไงลูก เจ็บมากไหม หมอฉีดยาหรือเปล่า”

               “ก็ เจ็บครับ แต่ไม่เป็นไรตอนนี้ชาอยู่ครับ”

               “แม่ตกใจแทบแย่เลย ทีหลังอย่าเล่นซนอีกนะ แล้วก็แม่ฝากพี่เขาให้ดูหนูแล้วนะ แม่ต้องไปสิงคโปร์กับพ่อเขา ไปดูแลเราไม่ได้ หนูอย่าดื้อนะ มีอะไรก็เรียกพี่เขา หรือให้พี่เขามาอยู่เป็นเพื่อนก็ได้ งั้นขอแม่คุยกับพี่เขาหน่อยสิ” แย่แล้ว! แม่จะให้ผมอยู่กับเขาเหรอ! แม่ไม่รู้สินะว่าที่ผมเจ็บตัวแบบนี้ก็เพราะพวกเขานั่นแหละ แต่ผมบอกแม่ไม่ได้ ไม่อยากให้เป็นกังวล ไม่รู้แม่จะคุยอะไรต่อเลยส่งมือถือให้พี่พอลเป็นเชิงว่าปลายสายจะชอคุยด้วย พี่พอลกลับพยักเพยิดไปทางคนที่อุ้มผมอยู่ จึงเอามือถือแนบหูให้คุยแทน

               “ครับ ผมแม็กครับ… ครับ… ไม่เป็นอะไรมากครับ ครับ...ได้ครับคุณน้า ผมจะดูแลให้ครับไม่ต้องเป็นห่วง พวกผมก็มีส่วนผิดด้วยเหมือนกัน… ครับ สวัสดีครับ”

               วางไปแล้ว ไม่รู้เขาคุยอะไรกันแต่จับใจความได้ว่า… ผมต้องอยู่กับเขา! ตาโตเบิกกว้างเมื่อนึกถึงอนาคตข้างหน้า รอยยิ้มร้ายที่ก้มมองตอบยิ่งตอกย้ำลางสังหรณ์ของผมเป็นอย่างดีว่าต่อจากนี้… นรกของจริงได้เริ่มขึ้นแล้ว

               “กูจะดูแลมึงอย่าดีเลยล่ะ… หึ”


 :z1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-12-2016 14:55:17 โดย madmay »

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
หลงลืมไปเยอะเลย

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
งื้ออออ ไอ้พี่แม็กมันจะเลิกชั่วแล้วใช่หรือไม่

ออฟไลน์ vipsky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
จ่าหัวว่า SM มันต้องไม่แฮปปี้แบบที่คิดแน่ๆ (รึป่าว?)
พี่แม็กเริ่มชอบน้องแล้วใช่มั้ยยยยย กลับตัวกลับใจเสียเถอะ เป็นคนดีวันนี้ยังไม่สาย ฮา

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด