พิมพ์หน้านี้ - Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่ 21 มาแล้วจ้าาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: madmay ที่ 19-09-2016 16:48:33

หัวข้อ: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่ 21 มาแล้วจ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 19-09-2016 16:48:33
เก็บกระทู้ไว้  ------โมดุฯ
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
หัวข้อ: Re: Tics... ผมไม่ได้ตั้งใจ
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 19-09-2016 16:51:12
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ สถานที่ใดๆ
และมีคำหยาบ ถ้อยคำ พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมมากมาย

-0-

               เสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กๆ ที่วิ่งเล่นเต็มสนามเด็กเล่นของโรงเรียนแห่งหนึ่งดังแซงแซ่ภายใต้ท้องฟ้าที่ค่อยๆ ถูกย้อมด้วยสีส้มอมม่วง เด็กประถม อนุบาลต่างจับกลุ่มเล่นกันตามจินตนาการ กลุ่มหนึ่งเล่นจระเข้กินคนมีสี่คน กลุ่มหนึ่งเล่นตีจับกันกลางสนามโล่งเจ็ดแปดคน บ้างก็จับคู่เล่นของเล่นที่ตนเตรียมมาจากบ้าน รวมแล้วมีเกือบสามสิบคนต่างชั้นต่างอายุกระจายอยู่ทั่วสวนสนุกย่อมๆ กว้างเท่าสนามฟุตบอลของโรงเรียนเอกชนชั้นนำแห่งนี้ ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

              ทุกเย็นหลังเลิกเรียนผมมักจะมารอแม่ที่นี่กับเพื่อนๆ ชั้นเดียวกัน นี่เป็นหน้าร้อนที่ 13 ของผม ผมและเพื่อนๆ เพิ่งจะได้เลื่อนชั้นจากเด็กประถมเป็นมัธยมต้นได้สองอาทิตย์แล้วสำหรับเปิดเทอมภาคฤดูร้อน มันตื่นเต้นน่าดูที่เราจะได้เปลี่ยนเครื่องแบบชุดใหม่ ได้นั่งเรียนในห้องใหม่อีกตึกหนึ่ง ซึ่งเมื่อก่อนผมกับเพื่อนเคยมองดูอย่างชื่นชม... ว้าว ดูพี่ๆ พวกนั้นสิ พวกเขาดูเป็นผู้ใหญ่จัง และในที่สุดผมก็จะได้เป็นผู้ใหญ่อีกขั้นเช่นพวกเขา แต่แม้ว่าเราจะได้เป็นนักเรียนม.ต้น เราก็ยังคงติดการเล่นที่สนามเด็กเล่นแห่งนี้เช่นเคย ผมว่ามันคงเป็นไปอีกสักพักก่อนที่เราจะเลิกสนใจวิถีแบบเด็กๆ เพราะเราจะเติบโตขึ้นในไม่ช้า

               “โบๆ ตาหน้าโบเป็นแทนเราได้ป่าว พ่อเรามารอแล้ว”

               “อื้ม ได้สิ”

               เด็กหญิงผมเปียบอกกับผม พอจบตานี้ผมต้องลงไปเป็นจระเข้แทนเธอ มิน่าล่ะ รู้สึกตาขยิบยิบๆ แม่ก็มาช้ากว่าทุกที เวลาเดินไปเรื่อยๆ จำนวนคนในสนามก็หายไปทีละคนๆ ส่วนใหญ่เหลือแต่พวกเด็กผู้ชายที่ตั้งใจกลับช้าเพราะอยากเตะบอลกันมากกว่า อันที่จริงผมก็อยากเล่นกับเด็กเพศเดียวกันนะ แต่ว่าผมตัวเล็กและนุ่มนิ่มเกินไปที่จะเล่นอะไรแรงๆ จึงเลือกที่จะอยู่กลุ่มผู้หญิงมากกว่า จนพวกเด็กผู้ชายล้อว่าตุ๊ดบ้างล่ะ เป็นกระเทยบ้างล่ะ และมักจะโดนแกล้งเป็นประจำ แต่จะว่าผมก็ไม่ได้ ก็ผมกลัวเจ็บนี่ ดูสิ เตะอัดหลังกันตรงๆ แบบนั้นเดียวก็ได้ไปให้หมอเย็บแผลให้หรอก

               “เห้ยตุ๊ดโบ เก็บบอลให้หน่อยดิ๊”

               หนึ่งในนั้นตะโกนบอกผม ผมไม่สนฉายาแปลกๆ นั่นหรอกก็ผมไม่ได้เป็นอย่างที่เขาว่านี่ ผมหยิบบอลที่กลิ้งมาหยุดข้างเท้าขึ้นมา ใจอยากลองเตะกลับไปเท่ๆ แต่คิดดูอีกทีเดินเอาไปให้ดีกว่า กลัวหน้าแตกครับ

               เหมือนบอลในมือไหวๆ แปลกๆ รู้สึกถึงแรงดึงของมุมปากแต่แล้วมันก็หยุดไป แล้วเจ้าของบอลก็พูดถึงมันให้ผมได้สงสัยอีกครั้ง “เป็นไรวะ ทำท่ายึกยักๆ อย่างกับสันนิบาต กวนตีนรึไงตุ๊ด” ผมส่ายหัวงงๆ แล้วก็ไม่น่าเชื่อว่าคำที่ผมคิดว่าชั่วชีวิตจะไม่พูดมันแน่กลับหลุดออกมาจากปาก

               “K”

               “!?...”

               เอ๋? เมื่อกี้ผมพูดอะไรหรือเปล่า... นะ คนอื่นๆ มองอึ้งๆ เด็กผู้หญิงในกลุ่มผมสองสามคนกอดอกหน้าบู้แบบโกรธสุดๆ ผมไม่เข้าใจว่าทำอะไรให้พวกเธอไม่พอใจ แต่แล้วก็ได้รู้สาเหตุในที่สุด

               “โบพูดคำหยาบ เราจะไม่ให้โบเล่นด้วยอีกแล้ว เพราะแม่เราไม่ให้เล่นกับคนพูดไม่เพราะ”

               “ใช่ คนพูดคำหยาบเป็นคนนิสัยไม่ดี” เธอเสริมจบก็วิ่งไปหาผู้ปกครองที่มารับพอดี ผมเห็นเธอทำคิ้วขมวดชี้นิ้วมาที่ผมขณะพูดกับผู้ใหญ่แจ้วๆ ผมเลิกสนแล้วยื่นบอลส่งให้เพื่อนผู้ชายแทนและเขาก็รับไปก่อนจะหันหลังกลับไปเล่นกันตามเดิม

               ทิ้งผมไว้ที่กลางลานนั่น...

               ปริ้นๆ !

               อ่า มาซะที ไม่บอกก็ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ค่อยถามก็ได้ รีบกลับดีกว่าวันนี้การบ้านเยอะเสียด้วยสิ


หัวข้อ: Re: Tics... ผมไม่ได้ตั้งใจ
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 19-09-2016 16:51:57
 -1-

               ร้อน... ร้อนจะตายอยู่แล้ว อากาศร้อนอบอ้าวราวกับนั่งอยู่ในหม้อสุกี้ก็ไม่ปาน หน้าร้อนครั้งที่19 ของผม ผมและเพื่อนร่วมรุ่นปี1 ของคณะคหกรรมยังคงนั่งเรียงแถวบนอัฒจันทร์อย่างช่วยไม่ได้ วันนี้มีการแข่งขันฟุตบอลระหว่างคณะคหกรรมและวิศวะ เป็นศึกศักดิ์ศรีที่ไม่มีใครยอมใครมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ซึ่งการแข่งนอกจากจะวัดกันที่ความสามารถด้านกีฬาแล้วอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือกองเชียร์ ...ยิ่งเยอะยิ่งดี แล้วผู้โชคร้ายที่ต้องนั่งอัดกันเป็นปลากระป๋องอยู่บนนั้นกว่าร้อยชีวิตก็พวกผมปี1 นี่ไง

               บนอัฒจันทร์ที่จุนักศึกษามากมายกลางแดดร้อนและอุณหภูมิที่พุ่งสูงไร้ลมพัดพาเป็นดั่งนรกสำหรับผมที่ไม่ถูกกับอากาศร้อนแบบนี้ เคราะห์ซ้ำตำแหน่งที่ผมนั่งดันไปตรงรูโหว่ของหลังคาทำให้แดดส่องลงมาแผดเผาผมได้อย่างสะดวก ณ ตอนนี้ผมอาจจะยังมีสติครบถ้วน แต่ก็คงอีกไม่นาน นึกดีใจล่วงหน้าว่าถ้าล้มพับไปก็จะได้ไปนอนชิลๆ ในเต้นท์พยาบาลแล้ว แต่เวลานี้ต้องแหกปากร้องเพลงเชียร์ที่เนื้อหาไม่มีความหมายเสียก่อน

               “นกบวกนก เป็นนกบวกนก วู้ๆ ! นกบวกนก เป็นนกอะไร วู้ๆ !”

               อดทนไว้ๆ ครึ่งหลังแล้ว ขอร้องล่ะ ผมแสร้งทำป่วยไม่เป็นเสียด้วย ถ้าไม่เป็นลมก็ขอให้เกมจบเร็วๆ ทีเถอะ ทำไมต้องมาแข่งกีฬากันตอนหน้าร้อนด้วยนะ เคยถามคนเล่นคนเชียร์กันบ้างมั้ย อ๋อ แหงล่ะ พวกคนคิดกิจกรรมมันนั่งในร่มกันหมดนี่ พอๆ อย่าเครียด ไม่งั้นมันจะ...

               “อ๊ะ! นี่นายนั่งดีๆ สิ” นั่นไง ไม่รู้ส่วนไหนไปโดนเธอเข้าเหมือนกันผมไม่ทันสังเกต

               ผมมีอาการกระตุกแบบนี้มาตั้งแต่ขึ้นม.ต้น จนตอนนี้เข้าปี1 เวลาเผลอร่างกายมันมักจะเคลื่อนไหวแปลกๆ ไปเอง บางครั้งก็ควบคุมได้ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่หรอกครับ เช่นพวกแขน ไหล่ คอ หรือแม้แต่ใบหน้าก็จะเกิดอาการกระตุกไปมา ขยิบตา ทำเสียงหายใจแปลกๆ เหมือนสะอึกหรือสูดน้ำมูกก็มี แต่ที่มันรบกวนชีวิตผมที่สุดคงจะเป็นอาการสบถคำหยาบออกมาโดยไม่รู้ตัว ผมเกลียดการพูดหยาบคายมาก ยิ่งหลุดออกมาจากปากตัวเองยิ่งเกลียด

               พ่อกับแม่เองก็เกลียด ผมโดนดุทุกครั้งที่เกิดอาการ บางคนก็ว่าเป็นสันนิบาต เคยไปหาหมออยู่ครั้งหนึ่งหมอว่าผมน่าจะเป็นโรค Tics disorder แต่พอดีมันอยู่ในกลุ่มจิตเวชซึ่งพ่อแม่ผมรับไม่ได้อย่างยิ่ง วันนั้นหมอโดนไปเยอะเลยครับ หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้หาหมออีกเลย พ่อบอกให้ผมหัดควบคุมตัวเอง ตอนนั่งดูทีวีหรือกินข้าวด้วยพ่อมักจะถือไม้เรียวไว้ตลอด ถ้าผมมีอาการตรงไหนก็จะใช้ไม้นั่นเคาะตรงนั้น แรงหน่อยก็ตรงปากนี่แหละครับ ไม่มีออมแรงเลยล่ะครับ ยิ่งไม่ใช่พ่อแท้ๆ ด้วย (เขาเป็นพ่อเลี้ยงครับ พ่อแท้ๆ ผมเสียไปตั้งแต่เล็กๆ  แล้วแม่ก็แต่งงานใหม่กับเขาครับ มีน้องชายอีกคน)

               เห้อ ร้อนชะมัด รีบๆ เตะให้จบเสียทีสิ แกล้งแพ้ไปเลยก็ได้ยังไงก็ไม่ได้อะไรนอกจากถ้วยโหลๆ อยู่แล้วนี่ ในโลกนี่มีสองสิ่งที่ผมเกลียดสุดๆ  หนึ่งคือคนพูดหยาบ กับอีกอันก็กีฬานี่แหละครับ คิดไปก็ชักจะมึนหัว คาดว่าจะได้เป็นลมแดดสมใจเร็วๆ นี้ ในลานสายตาอันพร่ามัวผมเห็นในสนามกำลังขอเวลานอก ฝ่ายตรงข้ามขอเปลี่ยนตัวนักกีฬา อ๊ะ นั่นพี่คนที่ยิงประตูเก่งๆ นี่ ถูกเปลี่ยนออกเหรอ แต่ดูหน้ายิ้มๆ นั่นคล้ายจะบอกว่าฉันออมมือให้นะ อุตส่าห์เปลี่ยนตัวเก็งออกให้แล้วนะ ครึ่งหลังยิงให้ได้ล่ะคหกรรม อะไรแบบนั้นเลย แล้วพี่เขาก็เดินไปคุยกับสาวๆ เต้นท์พยาบาล กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่เลย...

               “นี่นาย! บอกว่านั่ง... พี่คะๆ  คนนี้เป็นลมค่า!”

               โหวกแหวกอะไรกัน ปวดหัวชะมัดเลย อยากพักสายตา ขอหลับไปเลยได้ไหมนะ แอบงีบตอนนี้เขาจะว่าหรือเปล่า

               รู้สึกตัวลอยหวือเหมือนเหาะได้ แล้วหูก็ได้ยินแต่เสียงลมอู้ๆ  ปรือตามองรอบๆ มีแต่หมอกขาวเต็มไปหมด นี่ผมได้เป็นลมสมใจแล้วใช่ไหม?

               “พยาบาล! มีคนเป็นลม เฮ้ย หลีกทางหน่อยๆ ”

               เพราะมีคนมุงอยู่รอบสนามตรงส่วนที่คั่นระหว่างอัฒจันทร์ของผมกับเต้นท์พยาบาลอยู่การขนย้ายจึงทำได้อย่างยากลำบาก รุ่นพี่ที่อุ้มผมอยู่ตะโกนขอทางคอเอ็นขึ้นปูดแต่เสียงภายนอกดังเกินไปจึงไม่มีใครได้ยิน

               อึก... อยากอ้วก ผมเอามือปิดปากกันของเก่าย้อนออกมาตามกลิ่นเปรียวที่ตีจุกคอ ผมดิ้นจะลงไม่อยากให้ของเสียเลอะตัวทั้งผมและพี่คนที่อุ้ม

               “เฮ้ยน้อง! อย่าดิ้น” ไม่ทันแล้ว เพราะผมทำตามอำเภอใจพี่เขาจึงตั้งตัวไม่ทันทำผมหลุดมืองานนี้ได้มีวัดพื้นแน่

               “!!!”

               เอ๋? ไม่เจ็บ... เปิดตามองข้างหนึ่ง ด้านบนไม่ใช่พี่คณะคนเมื่อกี้ แต่เป็นใบหน้าหล่อเหล่า ผิวสีแทนคนเข้ม ดวงตาสีท้องฟ้าเที่ยงคืนลึกล้ำใต้คิ้วขมวดมุ่นจ้องมองที่ผม ปากบางขยับพูดอะไรบางอย่างแต่สมองผมเกินประมวลได้ เขายืดตัวขึ้นทำให้ผมลอยสูงขึ้นตามแล้วแหวกทางโดยใช้เสียงทุ้มกังวานนำไป เพราะตัวสูงใหญ่จึงง่ายต่อการสังเกต คนรอบด้านจึงเปิดทางให้เขาพาผมมาส่งที่เต้นท์พยาบาลได้โดยสวัสดิภาพ พี่คนนี้… เท่จัง  ใช่นักกีฬาวิศวะที่เปลี่ยนตัวออกหรือเปล่านะ ช่างเถอะ ผมไม่ไหวแล้ว หูอื้อๆ ได้ยินแต่เสียงหัวใจสูบฉีดรัวในอก แล้วความมืดก็เข้าครอบงำราวกับทีวีถูกปิดสวิทช์ไปทันที



               พอฟื้นมาพิธีก็ปิดจบไปแล้ว ตามคาดครับ วิศวะได้แชมป์ปีนี้ไป ที่จริงคณะผมก็เก่งนะแต่ไม่ค่อยเห็นซ้อมกันเท่าไหร่ ผมยังนั่งเหม่ออยู่ข้างสนามมองดูเหล่านักศึกษาเก็บข้าวของกันขะมักเขม้น ปี1 เข้าแถวเรียงกันอยู่หน้าอัฒจันทร์คงกำลังเช็คชื่อเตรียมกลับหอกันแล้วล่ะครับ

               “น้องๆ  น้องอยู่หอไหน เดี๋ยวพี่ไปส่ง” รุ่นพี่คณะที่อุ้มผมถาม

               “ห... หอนอกครับ แถว...”

               “อ้าว แถวนั้นเองเหรอ พอดีเลย” แล้วพี่เขาก็หันไปเรียกใครบางคน “เฮ้ยแม็ก! มานี่ดิ๊”

               อ่า เงยหน้านานมึนหัวอีกแล้วสิ ผมก้มหน้ามือกุมหัวไว้ กะจะดูเสียหน่อยว่าพี่เขาเรียกใครมา ได้แต่ฟังบทสนทนาสรุปว่าผมต้องกลับกับใคร “น้องเขาอยู่แถวหอมึงเลย มึงไปส่งด้วยแล้วกัน เดี๋ยวน้องกลับกับมันนะ” หันมาพูดประโยคหลังกับผมเสร็จก็จากไป แล้วก็ตามนั้น ผมต้องกลับกับพี่ที่ชื่อ แม็ก ครับ เขามาช่วยพยุงแขนผมเดินไปทั้งยังก้มหน้า

               ขึ้นรถได้ก็ฟุบหน้ากับแผ่นหลังกว้าง เงยไม่ไหวแล้วครับ แล้วก็เป็นสภาพนี้ตลอดทางจนพี่เขาย่อนผมไว้หน้าป้อมยามหอแล้วบึ่งจากไปทันที มีน้ำใจให้สุดหน่อยก็ไม่ได้ โถ่

               แต่ว่านะ เขาก็ยังเท่อยู่ดี ...ชอบ ซะแล้วสิ



               ผ่านไปอีกหนึ่งวันอันปกติของผม ที่ปกติคือการที่ผมนั่งเรียนคนเดียว กินข้าวคนเดียว กลับหอก็คนเดียวนั่นแหละครับ ยังจำปมด้อยของผมได้อยู่ใช่ไหมครับ ในสังคมจริงคนที่เข้าใจภาวะที่ผมเป็นอยู่นั้นน้อยจนแทบไม่มี คนที่เข้าใจก็มักจะมองด้วยความสงสารซึ่งผมไม่ต้องการ มันบั่นทอนจิตใจผมเสียยิ่งกว่าพวกที่ทำท่ารังเกียจเวลาเห็นผมสะบัดแขนสะบัดคอเสียอีก

               พูดมาเสียยืดยาวจนจะจบตอนแล้วผมยังไม่ได้แนะนำตัวเลยนี่นา ครับ ผมชื่อคอมโบ มักถูกเรียกสั้นๆ ว่าโบ ถึงตรงนี้ผมสะกิดใจอยู่อย่างทำไมสมัยนี้วัยรุ่นชื่อมีชื่อน่ารักๆ สองพยางค์ก็ไม่รู้ ทีไอ้คนที่มีสองคำอยู่แล้วกลับไปลดเหลือคำเดียวเสียนี่ จะเอาไงกันแน่ ช่างเถอะ

               ผมเป็นลูกคนเดียวครับ (ไม่นับน้องคนละพ่อนะ)  พ่อ(ใหม่)กับแม่ทำงานบริษัทมีหน้ามีตาพอสมควร เรื่องที่ผมเป็น Tics disorder เลยเป็นความอัปยศของตระกูลสำหรับพวกเขา ถูกหมางเมินและสายตาที่มองอย่างผิดหวังทำผมเจ็บปวดอยู่เหมือนกัน อยากให้ทุกอย่างกลับไปเป็นเช่นแต่ก่อนที่ผมจะผิดปกติ เป็นครอบครัวสุขสันต์ที่พ่อแม่ประคบประหงมอย่างเอ็นดู ทางเดียวที่ฝันผมจะเป็นจริงก็คงต้องหายจากโรคบ้าๆ นี่เสียก่อนล่ะมั้ง

               คอผมสะบัดสองสามทีก่อนที่จะควบคุมได้ดั่งเดิม ผมเดินเตร่ไปเรื่อยอย่างไม่รู้จะทำอะไร ยังไม่รู้สึกอยากกลับหอเท่าไหร่แต่ก็ไม่อยากอยู่ท่ามกลางฝูงชนด้วยจึงเลือกหาที่สงบๆ นั่งเล่นมือถือ รอสักหกโมงค่อยกลับก็ได้

               มองหาที่เหมาะสุดท้ายก็มาถึงม้าหินอ่อนข้างสนามฟุตบอลที่จัดเข้าชุดเรียงรอบๆ สนามใต้ร่มไม้สี่ห้าชุด ผมเลือกตัวที่ไกลผู้คนที่สุดแล้วนั่งลงหยิบหนังสือนิยายออกมาอ่าน เวลาโพล้เพล้ใกล้อาทิตย์ตกทำให้แสงแดดอ่อนแรงลง ลมพัดเย็นสบายเคล้าเสียงคนในสนามแว่วเป็นพักๆ ไม่ทำให้ผมเสียสมาธิเท่าใดนัก ไฟกิ่งข้างม้าหินกระพริบสองสามทีก่อนที่แสงสว่างจะถูกจุดขึ้นช่วยไม่ให้สายตาผมเสียไปมากกว่านี้

               ยิ่งจมดิ่งไปกับตัวหนังสือมากมายก็ยิ่งตัดขาดจากโลกภายนอก รู้ตัวอีกทีนาฬิกาข้อมือก็ดังปิ๊บๆ บอกเวลาหกโมงพอดี ได้เวลากลับแล้วสิ ผมยัดหนังสือลงเป้ก่อนสะพายมันขึ้นบ่าเตรียมตัวกลับ แล้วก็มีความรู้สึกว่าอะไรบางอย่างมาชนที่เท้าจึงก้มลงไปดู

               อ๊ะ! เดจาวู

               “เฮ้ย! เก็บบอลให้หน่อยดิ”

               มองลูกบอลสีขาวดำในมือสลับกับต้นเสียง พลันนึกย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อสมัยก่อนที่เป็นจุดเริ่มต้นอาการแปลกๆ ของผม ...เอ๋ นั่นพี่นักบอลคนนั้นนี่

               หล่อไร้ที่ติเหมือนเดิมเลยครับ ลุคแบดบอยเซ็กซี่ในชุดนักศึกษาปล่อยชายโชกเหงื่อดูเร้าใจจนหน้าผมเห่อแดง ยกตำแหน่งมายไอดอลให้เลยครับ หวา ๆๆ มาทางนี้แล้ว

               “เฮ้ย บอลน่ะ”

               ตัวใหญ่อย่างกับยักษ์แหนะ ตื่นเต้นที่ได้คุยกันจะๆ ผมเพ่งสมาธิไปยังทุกส่วนของร่างกายพยายามไม่ให้มันเคลื่อนไหวโดยไม่ได้ตั้งใจให้ขายหน้า เม้มปากไว้ก็น่าจะช่วยได้อยู่

               ส่งบอลให้อย่างสั่นๆ ก้มหน้าคางชิดอก บอลลอยออกจากมือไปเห็นเขากับเพื่อนเดินกอดคอกลับไปในสนามผมถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก็ไม่วายดันได้ยินบทสนทนาที่ไม่คิดจะปิดบังของพวกเขา

               “มึง ไอ้เด็กนั้นมันเป็นอะไรวะ ทำท่าอย่างกับผีเข้า” คนที่กอดคอพี่แม็กอยู่พูด

               “โคตรหลอนเลยว่ะ สะบัดคอซะกูนึกว่าจะหักแล้ว แถมคุยกับตัวเองอีก” พี่อีกคนที่ยืนรอในสนามเสริม แล้วพี่แม็กก็สรุปได้ค่อนข้างถูกทีเดียว

               “สงสัยสันนิบาตกินมั้ง กูเคยไปส่งมันอยู่ทีก็งี้” แล้วผมก็ตกเป็นหัวข้อสนทนาของพวกเขาต่อไป

               อ่า… เจอคนที่ชอบนินทาเราแบบนี้ก็น้อยใจอยู่หรอก แต่ผมก็ทำเฉยๆ ไปซะ ใครๆ ก็พูดกันอย่างนี้ทั้งนั้นไม่เห็นแปลก แต่ความชอบก็ยังเท่าเดิมนะ ผมชอบสไตล์พี่เขา แล้วจะให้คนท่าทางแบบนั้นมาพูดหวานๆ มันก็ไม่ค่อยเข้าเท่าไหร่ เอาล่ะ กลับดีกว่าเรา



               เที่ยงนี้ก็กินข้าวคนเดียวเช่นเคย ถ้าถามว่าเหงามั้ยเวลาไปไหนมาไหนคนเดียว ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหงา แต่ก็ช่วยไม่ได้เพราะต่างจากคนอื่น เป็นของประหลาดที่ใครๆ ก็ไม่เข้าใจ แต่ในความเหงาผมกลับยินดีเล็กๆ ที่สามารถทำอะไรต่อมิอะไรได้โดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง จะกินก็ไม่ต้องรอเพื่อนมาให้ครบก่อนถึงจะกินได้ กลับบ้านก็ไม่ต้องคอยใคร อยากไปไหนก็ไม่ต้องบอก ในมือถือผมมีอยู่แค่สิบกว่าเบอร์เท่านั้น มีแค่พ่อ แม่ ญาติ อาจารย์ที่ปรึกษากับเบอร์ฉุกเฉินต่างๆ และเบอร์โรงพยาบาลประจำเท่านั้น ...ผมพยายามมองแง่ดีเข้าไว้

               “วันนี้ขนมปังก็พอมั้ง” ผมพึมพำกับตัวเอง วันนี้ผมมีเรียนแค่ช่วงเช้า นี่ก็กินร้องท้องรอเวลาเหมาะๆ ค่อยกลับไปหาอะไรหนักๆ ใส่แถวหอดีกว่า “อ๊ะ!”

               เจออีกแล้ว ผมมองทะลุผนังกระจกของร้านสะดวกซื้อเข้าไปเจอกับร่างสูงของพี่แม็ก ผมรีบผลักประตูเข้าไปแล้วยืนงงสับสนทิศทางชั่วขณะ เขายืนหันหลังให้ผมห่างไปแค่สองเมตรเท่านั้น ผมกะจะอ้อมไปทางชั้นตู้แช่แล้วจู่ๆ เขาก็หันกลับมา

               โป๊ก!

               โอยยย ผมกรีดร้องไม่มีเสียง เพราะตกใจที่พี่เขาหันกลับมาโดยไม่ทันตั้งตัว ผมเลยย่อตัวหลบหลังชั้นตามสัญชาตญาณ ผลคือหัวไปโขกกับชั้นแขวนที่ยื่นออกมาพอดี แรงขนาดว่าชั้นมันไหวจนเกือบล้มเลยต้องเอามืออีกข้างที่ไม่ได้กุมหัวมาจับไว้

               “นี่ เป็นอะไรหรือเปล่า”

               สะดุ้งเลยทีนี้ อุตส่าห์หลบแล้วพี่จะอ้อมมาหาผมทำไมครับ!

               ผมลุกเต็มความสูง (แต่ยังอยู่แค่ไหลเขา) อยากทักออกไปแต่ปากมันเอาแต่พะงาบๆ อย่างเดียว อ๊า! พี่อย่าขมวดคิ้วสิ

               “มีไรกันวะ” อ้ากกก! มากันทำไมเยอะแยะครับ เพื่อนเขาที่เล่นบอลด้วยกันวันนั้นมากันครบสองคนเลย กลายเป็นว่าผมตกอยู่ในดงยักษ์สามตน ข้างหน้ามีพี่แม็กกับเพื่อนหน้าฝรั่งๆ ปิดทางหนีด้านหลังผมด้วยพี่ยักษ์หน้าเกาหลี

               “ได้ยินเสียงเหมือนใครชนอะไรเลยมาดูน่ะ” พี่แม็กบอกกับเพื่อน “อ้าว ไอ้น้องสันนิบาตนี่หวา”

               ปากเสีย นึกในใจครับ ไม่กล้าพูดไปหรอก กลัวโดนตี แต่คำนั้นมันคงออกทางสีหน้ามากไปหน่อยจนผมเริ่มได้กลิ่นหายนะลางๆ แล้วล่ะ

               “เฮ้ย! ชักสีหน้าใส่หมายความว่าไงวะ อยากมีเรื่องหรอ” พี่เขาเดินเข้ามาจะผลักไหล่ผม แล้วผมดันมือกระตุกไปปัดมือพี่เขาพอดี เสียงเนื้อกระทบกันดังเพียะ

               งานนี้ไม่ได้ตายดีแน่

               ยักษ์แม็กโกรธจนหน้าดำกว่าเดิม ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เรื่องเล็กๆ แค่นี้กลับทำเป็นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้ ลุคพี่เขาเหมือนคนที่สามารถเอามีดมาแทงคนได้แค่เพราะมองหน้ากันอยู่แล้ว และคงจะเอาแต่ใจน่าดูด้วย ได้ข่าวว่าชอบมีเรื่องกับคณะอื่นไม่ก็สถาบันอื่นอยู่บ่อยๆ ผมเตรียมตัวเจ็บไว้แล้วครับ

               “เฮ้ย! มึงกล้าเหรอวะ ตัวเล็กแล้วอย่าคิดว่ากูจะไม่ต่อยมึงนะเว้ย”

               “แม็กๆ ออกไปก่อนเหอะว่ะ คนมองแล้ว”

               ใจชื้นขึ้นเล็กน้อย ผมคงรอดแล้วล่ะ สำหรับวันนี้นะ แต่เปล่า ผมคิดผิดเพราะมือหนาหนักราวคีมเหล็กคว้าต้นแขนผมลากออกไปด้วย

               เดี๋ยวๆๆ นี่ยังไม่จบเหรอ! ปล่อยผมไปเถอะพี่ ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมขอโทษ

               แล้วพวกเขาก็ลากผมไปทางหลังอาคารที่ปลอดผู้คน พี่แม็กเปลี่ยนตำแหน่งจากมือจับแขนเป็นเอาแขนหนีบหัวผมไว้เพราะเมื่อกี้ผมเกือบดิ้นหลุดแล้วเชียว ความแนบชิดทำให้ผมได้กลิ่นเหงื่อผสมโคโลนของเขาเต็มๆ ทำเอาผมเคลิ้มไป… เดี๋ยวๆๆ นี่มันใช่เวลามั้ย จะตายอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีก

               ปึก!

               ผมถูกผลักติดกำแพง ไหล่บางเจ็บจนคิดว่ามันหักไปแล้ว มือหนายังบดผมกับกำแพงอยู่ด้วยหน้าถมึงทึง เพื่อนของเขายืนไม่ทุกข์ร้อนอยู่ด้านหลัง ปล่อยให้เขาจัดการผมเพียงลำพัง

               “มึงจะเอาไงฮะ!”

               “...” ผมส่ายหน้ารัว ๆ

               “เก่งนักก็อย่าทำเป็นกลัวดิ ที่กูใจดีด้วยวันนั้นมันตามหน้าที่หรอกเว้ย อย่าคิดว่าจะมาทำเหลิงกับกู”

               “...” ผมส่ายหัวให้แรงขึ้นอีกเป็นการยืนยันว่าผมไม่ได้เจตนาเช่นนั้นจริง ๆ

               “เฮ้ย พูดดิ!” ไม่! พูดไม่ได้ ถ้าอ้าปากออกไปตอนนี้ผมได้หลุดอะไรที่ไม่สมควรออกไปแน่

               “จะเอาไง สัส!”

               “สัส”

               “...”

               ชิบหายแล้ว ผมเผลอพูดตามเขา คำอื่นมีตั้งเยอะแยะทำไมต้องคำนี้ตอนนี้ด้วย โถ่เอ้ย!

               เงียบกันหมด คงไม่นึกว่าผมจะพูดคำนี้สินะ บางครั้งผมก็เป็นแบบนี้แหละครับ ได้ยินอะไรก็จะพูดตามหรือเวลาอ่านหนังสือก็จะพูดประโยคที่ชอบออกมาซ้ำๆ สี่ห้ารอบเลยก็มี

               สถานการณ์เลวร้ายถึงขีดสุดแล้วครับ

               ผัวะ!

               ผมหน้าหันตามแรงกำปั้นที่ฟาดลงมา ได้กลิ่นคาวคลุกเต็มปากและชาไปทั้งซีกหน้า มึนจนเห็นแสงวาบๆ เหมือนดาวเต็มไปหมด

               เพื่อนของเขาเข้ามารั้งตัวออกไป ร่างผมร่วงลงกับพื้นเมื่อถูกปล่อยเป็นอิสระ แล้วคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้นเพื่อยุติเหตุการณ์ “พอแล้วมึง ถ้าเป็นเรื่องขึ้นมามึงโดนพักการเรียนเลยนะ” อีกคนเสริม “ปล่อยไอ้นี่ไปเหอะแม็ก อย่างที่ไอ้พอลบอก อาจารย์สั่งห้ามมึงมีเรื่องชกต่อยอีกเด็ดขาดนะเว้ย นึกถึงอนาคตไว้บ้าง” เป็นห่วงผมกันทุกคนเลยนะ

               นับเป็นโชคดีอันน้อยนิดของผมที่เขายอมเชื่อเพื่อนขอเขา “เออๆๆ ครั้งนี้มึงรอดไปนะไอ้เตี้ย” แล้วพวกเขาก็เดินจากไปโดยไม่สนใจผมที่นั่งกองอยู่ที่เดิม

               ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ยังไม่ทันสุดลมดีพี่แม็กก็หันกลับมา ผมสะดุ้ง

               “แล้วจะรู้ได้ไงว่ามันจะไม่เอาเรื่องนี้ไปฟ้องอาจารย์วะ” ไม่ๆๆ ไม่ฟ้องแน่นอนครับ ปล่อยผมไปเถอะ

               “จริง แล้วไม่ใช่แค่มึงที่ซวย พวกกูต้องโดนด้วยแน่” พี่หน้าฝรั่งชื่อพอลเอะใจแล้วหันไปถามพี่เกาหลี “เอาไงวะเมษ กูไม่อยากซวยกับไอ้แม็กว่ะ”

               พี่เมษนึก ระหว่างที่พวกเขาคุยกันผมค่อยคลานเลียบกำแพงไปอย่างเงียบๆ เรื่องอะไรจะอยู่รอให้เขายำล่ะครับ

               ไปได้ไม่ถึงสามเมตรคอเสื้อก็ถูกดึง ตัวผมลอยขึ้นมากประจันหน้ากับพี่แม็กอีกครั้ง (ยังไงพี่นี่ก็หล่อเลวดีนะครับ) เสื้อบาดรัดคอ ตัวคู้เหมือนแมวถูกหิ้ว เมื่อไหร่จะเลิกสนใจผมสักทีครับ

               “...”

               “...”

               เราจ้องตากันห่างเพียงคืบ ต่างแค่แววตาของผมนั้นเต็มไปด้วยความกลัวและไม่ไว้ใจ ส่วนฝ่ายตรงข้ามแฝงด้วยนัยไร้ความหมายราวกับกำลังนึกคิดอย่างระวัง แล้วเขาก็ตัดสินใจบางอย่าง

               “มึง… แก้ผ้าออกซะ”

               “!”

               “ถอดเสื้อผ้าออก เร็ว!” ตกใจ ส่วนสองคนด้านหลังกลับยิ้มให้กันและทำสีหน้าเข้าอกเข้าใจความคิดระดับเด็กประถมแกล้งกันของชายคนนี้เสียนี่ บ้าแล้ว อยู่ๆ จะมาสั่งคนอื่นเปลือยกลางแจ้งอย่างนี้ได้ยังไง ถึงจะปลอดคนก็เถอะ

               “...” ผมส่ายหัวน้ำตาพาลจะไหล มือกุมเสื้อแน่นบ่งบอกว่าผมจะไม่ทำตามที่เขาสั่งเด็ดขาด

               “ถอดๆ เหอะน่า เราแค่จะถ่ายรูปไว้แบล็คเมล์เฉยๆ กันนายเอาเรื่องนี้ไปฟ้องอาจารย์ไง” พี่พอลเอาน้ำเย็นเข้าลูบ แต่ขอโทษ น้ำเสียงใจดีไม่ได้ช่วยให้ความหมายที่สื่อดูดีขึ้นเลยครับ

               “พ… พี่ ปล่อยผมไปเถอะ ผมไม่บอกใครหรอก ผมสาบาน” เสียงผมสั่นเครือพร้อมกับน้ำตาร่วงเผาะ แทนที่จะสงสาร สภาพผมตอนนี้คงไปจุดสวิทช์พวกเขาเข้า

               “แม่ง เสียเวลา กูรีบไปซ้อมบอลอยู่ มา ไม่ถอดกูถอดเอง!” พี่เมษกระชากเสื้อด้านหนึ่งจนกระดุมหลุดกระเด็นไปหนึ่งเม็ด

               “ไม่นะ! พี่ อย่าทำผม ผมไหว้ล่ะ อย่าทำผมเลย!”

               “พอลเตรียมกล้อง” พี่แม็กดึงเสื้อของผมที่เหลือจนท่อนบนเปลือยเปล่าแล้วบอกพี่พอลซึ่งรับคำอย่างดี “คร้าบ ๆ”

               ผมยกแขนบังหน้านองน้ำตาของตัวเอง ปล่อยพวกเขายืนมองร่างผอมแห้งขาวซีดไป เสียใจมาก คิดว่าโตๆ กันแล้วน่าจะหลุดพ้นจากการกลั่นแกล้งบ้าๆ นี่เสียที และถึงผมจะดูประหลาด แต่พวกคุณก็ไม่มีสิทธิ์มาทำกับผมแบบนี้นะ

               “ฮึก ฮือ...”

               “กางเกงด้วย”

               “อย่า...” มือเล็กปัดป้องอย่างอ่อนแรง พี่แม็กล้วงกระเป๋าหยิบเอาสิ่งหนึ่งขึ้นมา

               แกรก...

               เสียงใบมีดเคลื่อนบาดลึกกรีดหัวใจให้สั่นไหว เขายกมันขึ้นที่ระดับสายตาของผม คัตเตอร์อันใหญ่แบบที่ใช้ในงานช่างมีความเงางามดูใหม่และน่าจะคมมากๆ คมพอๆ กับดวงตากร้าวที่ปราศจากความลังเลใดๆ ...เขาไม่แคร์ถ้าจะแทงผมให้ตายตรงนี้ด้วยซ้ำ

               อย่างไรก็แล้วแต่ ผมยังรักชีวิตอยู่ มือสั่นเทาแก้เข็มขัดอย่างยากลำบาก ปลดกระดุมรูดซิบและปล่อยกางเกงแสลกสีดำร่วงลงไปกองกับพื้นตามแรงโน้มถ่วง ในใจพร่ำปลอบตัวเองว่าเดี๋ยวมันก็จบแล้ว ให้มันแล้วๆ กันไปซะ จะได้รีบๆ กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมไง

               “เจ้าสีขาวตัวน้อยนั่นด้วยครับคุณหนู”

               “!...”

               “ถอดเลย ถอดเลย ถอดเลย ถอดเลย...”

               เสียงเชียร์ประกอบกับปรบมือให้จังหวะราวกับมันสนุกหรรษาเสียจริง… ใช่ สนุกมากสำหรับพวกเขา แต่ผมนั่นรู้สึกตรงข้าม

               นิ้วเกี่ยวขอบชั้นในร่นลงช้าๆ ผมสะอื้นไห้หนักขึ้นแทบหายใจขัด กางเกงชั้นในถูกดึงลงจนถึงเข่า ผมอยู่ในสภาพชีเปลือยหมดตัวแบบนี้เขาคงพอใจแล้วสินะ

               “ยกขาซิ” พี่แม็กมาดึงกางเกงในผมลอดขาไปทีละข้าง เสื้อผ้าที่เหลืออยู่มีเพียงถุงเท้าคู่เดียวเท่านั้น ผมเอามือปิดส่วนนั้นไว้ด้วยความอายพลางมองพวกเขาสนุกสนานกับชั้นในของผม ดูท่าเรื่องน่าอายนี่จะทำให้พี่แม็กลืมความโกรธเมื่อก่อนหน้าไปหมดแล้ว

               “ดูดิ เกงในโคตรเห่ยเลยว่ะ ฮ่าๆๆ เด็กน้อยชะมัด”

               “มาๆๆ ถ่ายรูปๆ” พี่พอลยกมือถือขึ้นนับหนึ่งสองสาม ผมก้มหน้างุดทำเป็นเช็ดน้ำตาเพื่อปิดบังใบหน้าให้มากที่สุด แต่พี่แม็กไม่พอใจเลยสั่งว่า “เฮ้ย เอามือออก ถ่ายรูปก็มองกล้องด้วยดิวะ เออๆ นั่นแหละ เอาล่ะ ชูสองนิ้วด้วย สองข้างเลยเร็ว” ผมทำตามทุกประการแล้วก็ได้ยินเสียงชัตเตอร์สองสามที พวกเขาผลัดเปลี่ยนกันสั่งให้ผมทำท่าน่าอายๆ อีกพักหนึ่ง

               “รู้ใช่มั้ยว่าถ้าปากโป้งแล้วรูปพวกนี้มันจะไปอยู่ที่ไหน” เขาเอารูปให้ผมดู ผมพยักหน้าช้าๆ แล้วพวกยักษ์ใจร้ายก็แยกย้ายไป ทิ้งผมไว้เพียงลำพัง

               “ฮึก… ฮึก...” ผมใส่เสื้อผ้ากลับทีละชิ้น เสื้อกระดุมขาดชำรุดทำให้ต้องใช้มือจับไว้ตลอดทาง

               ทำไมต้องทำกันขนาดนี้ด้วย ทั้งๆ ทีผมชอบพี่ แต่พี่กลับ...

               ผมเสียใจมากนะ เสียใจจริงๆ ที่เกิดมาเป็นแบบนี้

               ผมไม่ได้อยากเกิดมาตัวเล็ก

               ผมไม่ได้อยากอ่อนแอ

               และไม่ได้อยากมีปมด้อยแบบนี้… เสียหน่อย

               แผลที่ปากเริ่มเจ็บระบม แสบตาแสบจมูกเพราะร้องไห้หนัก คงต้องแวะซื้อยาไว้เผื่อไข้ขึ้นดีกว่า ผมไม่อยากขาดเรียนในวันรุ่งขึ้น อ่า… แต่ถ้าไปเรียนก็ต้องใส่แมสก์ปิดแผลเขียวช้ำที่หน้าไว้ด้วย ทำใจให้สบายเถอะ มันก็แค่เด็กๆ แกล้งกันอย่างเคย

               ก็ได้แต่หวัง… ว่าเขาจะรักษาสัญญา อย่าทำให้ชีวิตผมแย่ไปกว่านี้อีกเลย



หัวข้อ: Re: Tics... ผมไม่ได้ตั้งใจ
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-09-2016 17:17:54
สงสารคอมโบจังเลย หวังว่ารูปที่ไอ้พี่พวกนั้นบังคับถ่ายไปจะไม่หลุดนะ
หัวข้อ: Re: Tics... ผมไม่ได้ตั้งใจ 2 25/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 25-09-2016 10:39:20
-2-

               แค่กๆ

               จริงตามคาด วันรุ่งขึ้นผมมีไข้ทันทีแต่ยังฝืนมาเรียนจนได้ ก็วันนี้บ่ายมีภาคปฏิบัตินี่ครับ หายไปครั้งนึงคะแนนผมฮวบเลยนะ แถมเป็นงานกลุ่มด้วย ถ้าคาบนี้ผมไม่มีกลุ่มคาบต่อๆ ไปจะลำบากเอา

               ผมไอติดๆ กันมาพักใหญ่ เจ็บคอเจ็บท้องแทบหมดแรงทั้งที่พยายามไอให้เบาที่สุดแต่ก็ยังหยุดไม่ได้ ผู้หญิงแถวหน้าเหลือบมองค้อนๆ อย่างรำคาญ ก็จะให้ทำไงอ่ะ ไม่ได้อยากไอเสียหน่อย

               แค่กๆๆ โอ้ย ปวดท้อง...

               ผมพ่ายแพ้ให้กับความอ่อนเพลียเลยฟุบหน้าลงกับโต๊ะ สัมผัสของแผ่นไม้เย็นช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย แต่เพียงแค่นั้นก็พาผมจมดิ่งสู่ห้วงนิทราได้แทบจะทันทีที่ปิดเปลือกตาลง

               “โบ… โบจ้ะ”

               แรงเขย่าเบาๆ ปลุกผมให้ตื่นขึ้น ลืมตาแสบพร่าขึ้นมาก็พบกับ บัว เด็กเรียนแถวหน้าที่เป็นคนเดียวที่คุยกับผม ...แต่เมื่อกี้เธอจับโดนไหล่ข้างที่เจ็บของเรานะ

               “ตอนบ่ายโบอยู่กลุ่มเรานะ คนอื่นเขาจับกันลงตัวหมดแล้วล่ะ” อ่า… ผมเป็นตัวแถมอีกแล้วสิเนี่ย ผมครางตอบรับไปเช่นทุกครั้ง

               มันจะมีอยู่แทบทุกทีใช่ไหมครับ คนที่ดีเลิศเหนือมนุษย์ ผมเรียกว่า ‘นางฟ้าประจำห้อง’ คนเหล่านี้จะมีเพียงน้อยนิดในรุ่น พวกเธอจะเป็นคนสวย เรียนเก่ง พึ่งพาได้ จิตใจดีงามโอบอ้อมอารีและพูดจากกิริยางดงามเกินคนธรรมดาทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการแอ๊บหรือไม่ก็ตาม ขอดีที่ผมมองเห็นประโยชน์นั่นคือกลุ่มของพวกเธอจะอุดมไปด้วยเศษเหลือที่ไม่มีใครเอาอย่างผมนี่แหละครับ ผมออกจะเฉยๆ กับคนเหล่านี้ ต่างจากคนอื่นที่ต่อหน้าปากหวานชมสารพัดแล้วไปนินทาลับหลังกันมากกว่า… คนมันดีเกินยังไงก็โดนหมันไส้

               บัวชวนผมกินข้าวซึ่งผมไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธเพราะเดี๋ยวกินเสร็จก็ต้องไปที่ห้องครัวเลย ผมเก็บของเงียบๆ พวกของบัวยืนรออยู่ข้างๆ ส่วนบัวแม่พระของสัตว์โลกก็ช่วยผมเก็บปากกาด้วยครับ ผมเปิดแมสก์ออกนิดนึงเพื่อระบายลมร้อนด้านในขณะที่ได้ยินเพื่อนกลุ่มหนึ่งแซวผมกับบัว

               “วี้ดวิ้ว! รักกันจริงเว้ย”

               “ฮั่นแน่ๆ”

               “คู่เบี้ยนๆ”

               และอื่นๆ

               นอกจากจะมีนางฟ้ามันก็ต้องมีซาตานหรือพวกเด็กเกรียนเรียนพอได้แต่ชอบทำตัวเรียกร้องความสนใจแบบนี้เสมอ แต่ผมชินแล้วล่ะ เป็นห่วงก็แต่นางฟ้าที่เงียบไป กลัวเธอจะกระดากอายกลายเป็นรังเกียจจนพาลให้เลิกรับผมเข้ากลุ่มมากกว่า

               เอ่อ ดูท่าจะไม่เป็นเช่นนั้น จากที่บัวยิ้มให้อายๆ พร้อมแก้มขึ้นสีชมพู… อย่าบอกนะ

               “โบ มีคนมาหา”

               ผมละสายตาจากหน้าแดงๆ ของบัวไปทางเพื่อน (ซึ่งผมจำชื่อไม่ได้) คนหนึ่งที่ยื่นหน้าเข้ามาบอกจากนอกประตู จากคำบอกเล่าของเขาไม่มีข้อมูลใดๆ ให้ผมเดาได้เลยว่าใครกันที่ต้องการพบผม

               “บัวไปก่อนเลยก็ได้” ผมบอกเธอกลัวจะรอผมคุยกับแขกนาน นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้วถ้าไม่รีบไปจองที่คนจะเยอะเสียก่อนแล้วจะหาที่นั่งลำบาก บัวทำตามนั้น เธอล่วงหน้าไปพร้อมเพื่อนสายเรียนอีกสามสี่คน ผมสะพายกระเป๋าขึ้นบ่าแล้วเดินไปตามทิศที่เขารออยู่

               ผมคงก่อกรรมไว้มากในชาติที่แล้ว ชาตินี้จึงต้องพบแต่เรื่องแย่ๆ มากมาย ยิ่งโตก็ยิ่งเจอ โดยเฉพาะเจ้ากรรมนายเวรใหม่ของผม

               ผมพยายามแล้ว พยายามลืมเรื่องเมื่อวานไปเสีย อุตส่าห์คิดแง่ดีว่ามันจะจบแค่นั้น แต่ก็เปล่า ผมคิดว่ามันจะไม่จบลงง่ายๆ และอิสระจะหายไปจากชีวิตผมตราบใดที่เขายังไม่ปล่อยผมไป

               ร่างสูงใหญ่ราวยักษ์เฝ้าประตูทั้งสามยืนตระง่านรอผมที่หน้าห้อง หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ มือเท้าเย็นและสั่นอย่างกับไข้ขึ้น ความเย็นไล่จากปลายเท้าส่งกระแสไฟช็อตสมองให้ชา ผมถอยหนีโดยไม่รู้ตัวแต่มือแกร่งคว้าต้นแขนดึงเข้าอย่างรวดเร็วจนหน้าผมกระแทกกับอกผายนั่นเต็มๆ

               “ไปกินข้าวกับพี่มั้ยครับ… น้องโบ

               “พ… พี่แม็ก...”



Magnum’s part

               สวัสดี ผมแม็กนัม เรื่องแนะนำตัวห่าเหวอะไรนั่นข้ามๆ ไปก่อนแล้วกัน พอดีผมไม่ช่างประดิษฐ์คำพูดเท่าไหร่ เอาเป็นว่าผมเป็นคนใจร้อนและนักเลงมาก และเอาแต่ใจสุดๆ งานอดิเรกนอกจากเตะบอลก็เรื่องวิวาทนี่แหละ อ่านๆ ไปเถอะ เดี๋ยวก็รู้กำพืดกันเองนั่นแหละ ทั้งผมทั้งไอ้พอลไอ้เมษเลย

               เอาล่ะ ผมจะเล่าส่วนที่เป็นมุมมองของผมบ้าง เมื่อวันกีฬามหา’ลัยพวกผมเป็นตัวเก็งลงแข่งด้วย และตามคาด อีกฝ่ายถูกพวกผมยิงไม่ยั้งจนแต้มถอยห่างเรื่อยๆ โค้ชจึงให้ผมออกเพื่อที่แต้มจะได้ไม่น่าเกลียดกว่านี้ ก็ผมมันพวกชอบเด่น พวกไอ้พอลไอ้เมษก็เหมือนกัน เด่นกันทั้งเรื่องดีและไม่ดีจนอาจารย์พากันกุมขมับ ก็การเป็นจุดสนใจมันได้ใจสาวนี่หว่า

               ผมกับไอ้พอลน่ะได้ทั้งชายทั้งหญิงขอแค่ถูกใจ ส่วนไอ้เมษเมื่อก่อนก็เหลวไหลตามสันดานแต่ตั้งแต่มันมีเมีย (แฟนนั่นแหละ ถือว่าเป็นผู้หญิงคนแรกที่มันคบโดยยังไม่เอากัน) มันสงบเสงี่ยมขึ้นเยอะ แต่ก็ยังไปเที่ยวด้วยกันเหมือนเดิมแค่มันจะไม่แตะเรื่องชู้สาวให้เมียมันเสียใจอีก ยอมใจผู้หญิงคนนี้จริงๆ

               กำลังหม้อสาวพยาบาลอยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงเอะอะแว่วๆ แทรกเสียงเชียร์ของฝูงชนมา เห็นเพื่อนต่างคณะซึ่งเคยเรียนห้องเดียวกันสมัยม.6 หน้าตาตื่น ในอ้อมแขนมีร่างเล็กใส่ชุดปี1 ท่าทางร่อแร่ มันพยายามจะฝ่าดงกองเชียร์เข้ามาแต่ก็ไม่สำเร็จซ้ำไอ้เด็กนั่นก็ดิ้นจนหลุดมือ ผมรีบพุ่งไปหาและรับมันไว้ได้พอดีก่อนจะใช้ร่างสูงใหญ่แหวกทางออกพามันมาถึงเต้นท์พยาบาลได้สำเร็จ ตากลมโตมองผมอย่างโรยแรง ปกติผมไม่ทำตัวเป็นฮีโร่หรอก แต่พอดีสาวเยอะเลยอยากทำคะแนนเสียหน่อยเท่านั้นเอง และก็เสร็จโจร หนึ่งแต้มสำหรับสาวคัพดี

               แข่งจบผมขึ้นไปรับรางวัลและยืนกุมเป้ารอประธานกล่าวปิดงานอย่างเซ็งๆ อยากกลับจะแย่ เพิ่งได้เบอร์คนใหม่มาคนนึงด้วย แต่แทนที่ผมจะได้รีบกลับโดยมีสาวทรงโตซ้อนท้าย ไอ้เพื่อนคหกรรมคนเดิมกลับใช้ให้ผมไปส่งไอ้เด็กปี1 นั่นเสียนี่ ชักจะไม่ชอบหน้ามันแล้วสิ ถึงมันจะน่ารักก็เถอะ

               เหตุการณ์ต่อมาผมเจอมันอีกตอนซ้อมบอล เชื่อมั้ย ผมขนลุกเลยแม้มองมันจะที่ไกลๆ เห็นมันนั่งอ่านหนังสือคนเดียวแล้วก็พึมพำเป็นบางครั้ง แขนยกขึ้นยกลง สะบัดคอสะบัดมืออย่างกับผีเข้า ท่าทางนั้นโคตรน่าขยะแขยงเลยว่ะ

               และการพบกันล่าสุด ผมว่ามันต้องกวนตีนผมแน่ๆ สงสัยอยากโดน มาทำเก่งปากดีกับผมมันไม่ได้ตายดีอยู่แล้ว ตัวเท่าลูกแมวยังกล้ามาท้าทายก็จะจัดให้ เอาให้สมใจไปหลายๆ ดอก ทีงี้มาทำน้ำตาตก เฮอะ! เสียใจ กูไม่หลงกลหน้าซื่อๆ ของมึงหรอก

               พวกผมจัดการจนหนำใจและมั่นใจว่ามันจะเข็ดหลาบไม่กล้าหือกับผมอีกถึงได้ปล่อยมันไป (จริงๆ ก็คือทิ้งนั่นแหละ) ถามว่าสงสารมั้ย สภาพมันก็น่าสงสารอยู่หรอก แต่สำหรับผม ไม่ ตกเย็นก็ยังไปเล่นบอลกันตามปกติ

               “เฮ้ยพอล มึงส่งรูปไอ้เปี๊ยกนั่นมาดิ๊” กลับหอผมอาบน้ำเตรียมนอน ระหว่างซับผมให้แห้งผมก็โทรหาไอ้พอล ไม่รู้นึกไงจู่ๆ ถึงอยากเห็นรูปแก้ผ้าของมัน ไม่นานนักรูปถ่ายนับสิบรูปก็เด้งขึ้น

               เปิดไปก็ขำไป หน้าแม่งโคตรตลก ตัวขาวๆ แห้งๆ ชูสองนิ้วทั้งน้ำหูน้ำตานองหน้า เชี่ย ขี้มูกย้อยอีกต่างหาก ...ไอ้เจี๊ยวโคตรเล็กเลย ฮ่าๆๆ ผมเปิดดูไปเรื่อยๆ อย่างเพลิดเพลิน ก็แค่ถ่ายไว้แบล็กเมล์มันนั่นแหละ กันมันไปฟ้องอาจารย์ ไม่ได้กลัวนะแต่ผมขี้เกียจฟังพวกหัวหงอกนั่นเทศน์อีกต่างหาก พูดได้เรื่องเดิมๆ เป็นชั่วโมง

               เปลี่ยนจากคุยโทรศัพท์เป็นแชทกันในกลุ่มแทน ก็เรื่องไอ้เด็กนี่แหละ

               -เมษ: มึงว่ามันจะกล้าไปฟ้องจารย์ป่าววะ

               -พอล: จะกล้า? กูว่าหน้าอย่างมันแค่ขู่เฉยๆ ไม่มีรูปพวกนี้มันก็ไม่กล้าหรอกว่ะ

               -เมษ: แล้วมึงถ่ายเพื่อ?

               -พอล: สนุก

               ผมอ่านของพวกมันไป มีอะไรจะพิมพ์แทรกเข้าไปตั้งเยอะแยะ แต่ทำไมผมถึงได้แต่จ้องบทสนทนาค้างอย่างเดียว ในหัวก็มีแต่ใบหน้าน่ารักเปื้อนน้ำตาของไอ้เด็กเปรตนั่น เสียงสั่นๆ อ้อนวอนให้หยุด ตัวสั่นระริกเหมือนลูกแมวขี้กลัว และกางเกงในตัวจิ๋วที่เคยอยู่ในมือผม...

               -พอล: แม็กเงียบวะ?

               “...”

               -ผม: มึง

               คิดไว้ว่ามันจะต้องไปแล้วไปลับจากชีวิต ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อการนั้นไม่ใช่หรอ กลับเป็นผมเสียเองที่ดึงมันกลับเข้ามาในวงจรอีกครั้ง

               -ผม: กูอยากเล่นกับมันอีกสักหน่อยว่ะ

               จุดรอยยิ้มที่มุมปากเมื่อจินตนาการว่าถ้าเจอกันอีกครั้งมันจะทำหน้ายังไง จะเล่นด้วยนานๆ เลยอย่าเพิ่งหนีไปก่อนซะล่ะ

               ...แค่คิดก็สนุกแล้ว


50%
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+++
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 25-09-2016 10:58:20
ใจร้ายอ่ะ พ่อแม่ก็ใจร้าย ลูกตัวเองเป็นแบบนี้ก็ไม่รักษา อาการก็แย่ไปอีกแล้วก็มาตีลูก
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+++
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 25-09-2016 11:06:25
สนุกมาก มาต่อด่วนๆเลยค่ะพี่คนเขียน เราจะตายแล้วววววว :katai1: :katai4: คนเขียนช่วยเอาจำนวนตอน แล้วก็เปอร์เซ็นที่อัพขึ้นตรงชื่อด้วยได้ไหมคะ แบบRe:Tics...เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+++ อัพตอนที่ 2 100%  แบบนี้อะค่ะ ได้ไหมจะได้รู้ว่ามากี่ตอนแบ้ววว :hao3: :mew1: :o8:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+++
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 25-09-2016 13:55:35
สนุกมาก มาต่อด่วนๆเลยค่ะพี่คนเขียน เราจะตายแล้วววววว :katai1: :katai4: คนเขียนช่วยเอาจำนวนตอน แล้วก็เปอร์เซ็นที่อัพขึ้นตรงชื่อด้วยได้ไหมคะ แบบRe:Tics...เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+++ อัพตอนที่ 2 100%  แบบนี้อะค่ะ ได้ไหมจะได้รู้ว่ามากี่ตอนแบ้ววว :hao3: :mew1: :o8:

อ้าว นึกว่าพิมพ์แล้วซะอีก โทษทีๆ ครบ100แล้วจะแก้ให้นะจ้ะ เย็นๆ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+++
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 25-09-2016 14:22:25
 :z13:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+++
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 25-09-2016 15:33:02
อ้ายลูกบอลที่โบเก็บมันมีอะไรอ่ะป่าว สงสัย
จะแกล้งน้องโบ เดี่ยวก็ได้หลงหรอก ฮ่าๆๆ
เอาอีกๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+++ ตอน2 100% 25/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 25-09-2016 16:17:49
ต่อ




COMBO’s part



               “พ… พี่แม็ก...”

               คนที่มาหาผมคือพี่แม็ก!? ไม่นะ! ผมจะไม่ยุ่งกับพี่แล้ว เรื่องมันแล้วก็ให้แล้วไปสิ พี่จะมาตามรังควาญผมทำไม

               “ไงครับน้องโบ” พี่… รู้ชื่อผม… แล้วรู้ได้ไงว่าผมอยู่นี่

               “ป่ะ ไปกินข้าวกันดีกว่าพี่หิวแล้ว” เขากอดคอพาผมไป

               เวลาเดินผ่านกลุ่มสาวๆ จะได้ยินเสียงกรี้ดกร้าดตามมาเสมอ พี่เขาทำเป็นขออนุญาตเพื่อนผมว่าขอยืมผมไปกินข้าวก่อนนะ แค่นี้พวกเธอก็รีบตอบรับทันควันทั้งๆ ที่ไม่เคยสนใจผมแท้ๆ คนดังนี่ครับ

               “ผม… ผมนัดเพื่อนไว้-”

               “อย่าลีลา มึงคิดว่ากูอยากกินข้าวกับมึงนักรึไง” ไม่ทันเอ่ยจนจบเขาก็แทรกขึ้นมาด้วยเสียงรอดไรฟันให้ได้ยินกันแค่สองคน แรงรัดที่คอเพิ่มขึ้นจนน่ากลัวคอเล็กๆ ของผมจะหักทำให้ผมเงียบปากไว้

               ใช่ ผมไม่ควรพูดอะไรไปมากกว่านี้ และต้องระวังตัวให้มากๆ อย่าเผลอปล่อยแขนขาหรือปล่อยปากพ่นคำสบถใส่เขาอีกเด็ดขาด

               ผมถูกลากมาถึงโรงอาหาร ดูเหมือนพวกเขาจะมีโต๊ะประจำอยู่ถึงได้ก้าวฉับๆ ไปนั่งโดยไม่สนรอบข้าง แต่ผมไม่นั่งด้วยหรอกนะ ขาเตรียมหนีทันทีที่เขาปล่อยมือ

               พี่แม็กล้วงเอามือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขาจิ้มๆ ที่จอสักพักหน้าจอก็ปรากฎรูปๆ หนึ่งขึ้นมา รูปที่ผมอยากให้มันหายไปมากที่สุด ก่อนที่เขาจะพูดลอยๆ “กูอยากกินผัดพริกแกง”

               “?”

               “กูเอาข้าวมันไก่”

               “บะหมี่ต้มยำหมูรวม”

               แล้วก็สั่งกันรัวๆ ผมยืนงง พอเห็นผมนิ่งไปทั้งสามก็หันมาจ้องผมจนสะดุ้ง พี่แม็กถลึงตาใส่ “ไปสั่งสิ” ก็ไม่มีใครบอกนี่ผมจะรู้กับพวกพี่มั้ยเล่า!

               “อย่ามาชักสีหน้าใส่ อยากโดนอีกหรือไง”

               “ป เปล่า เปล่าครับ” ลิ้นพันกันแทบสำลัก ผมรีบหมุนตัวไปทันทีที่พี่เขาปล่อยมือ แต่… “พี่ครับ… เงิน-”

               “มึงก็จ่ายสิ โง่!”

               เฮ้อ… ทำไมต้องเป็นผมที่เจอแต่เรื่องร้ายๆ กะจะหนีไปแต่นึกถึงรูปถ่ายอุจาดตานั่น… ถ้ามีใครเห็นล่ะก็ พ่อเอาผมตายแน่

               โชคดีที่คนไม่เยอะ ผมเลือกที่จะสั่งของพี่แม็กก่อนเพราะคิดว่าเขาน่าจะใจร้อนที่สุด แล้วค่อยไปสั่งข้าวมันไก่ให้พี่ฝรั่ง แล้วก็บะหมี่ แม่ครัวก็เป็นใจทำเสร็จไว้ใช้ได้ ผมจ่ายเงินแล้วยกจานไปเสิร์ฟแล้ววิ่งกลับไปสั่งอีกร้านต่อ เหนื่อยมากครับ หัวเริ่มมึนสงสัยไข้จะขึ้นอีกแน่

               จานสุดท้ายถูกวางตรงหน้าพี่เมษ ผมหมดทั้งแรงหมดทั้งเงิน ไม่เหลือสำหรับของตัวเองเลยครับ จะทวงก็ไม่กล้าเลยได้แต่นั่งดูพวกเขากินกันอย่างหิวโหย

               แค่กๆ

               ตะครุบปากแทบไม่ทัน สายตาอำมหิตสามคู่จ้องมาเป็นตาเดียว “ห้ามไออีก สกปรก ถ้ากูเห็นนะ...” เขาชี้หน้าคาดโทษ หลังจากนั้นผมก็นั่งสูดหายใจเข้าลึกๆ กลืนก้อนลงคอไปตลอด 15 นาทีเพื่อกลั้นไม่ให้ไอออกมา

               เวลาแห่งความทรมานก็สิ้นสุด พวกเขากินเสร็จและใช้ผมเอาจานไปเก็บ ผมว่าเก็บจานแล้วก็จะเลยไปตึกปฏิบัติการเลยแต่ก็ถูกเรียกไว้ก่อน

               “เฮ้ย ไอ้เปี๊ยก ใครให้มึงไปวะ” ทำไมไม่พูดเพราะๆ เหมือนเวลาอยู่กับผู้หญิงบ้าง

               ย้อนกลับมาแบบป่วยๆ พยายามไม่ต่อต้านเพราะแค่เดินตามเขาให้ทันผมก็จะตายแล้วครับ อย่าพูดถึงเรื่องให้ไปเถียงด้วยเลย “ตามกูมา”

               สังหรณ์ใจอยู่แล้วเชียว ที่ที่เขาพามาคือห้องน้ำเก่าหลังตึกที่สกปรกจนไม่มีใครเฉียดมาใกล้แม้แม่บ้านทำความสะอาด อย่าบอกนะว่าจะให้ผมล้างห้องน้ำน่ะ

               ปัง!

               สะดุ้งตกใจ พี่เมษปิดประตูเสียงดัง ห้องทั้งห้องเหลือเพียงแสงสลัวจากภายนอกลอดผ่านบานเกล็ดระบายอากาศเท่านั้น ใจเต้นด้วยความตื่นกลัวกับสิ่งที่จะตามมา ภาพเมื่อวานฉายซ้ำในหัวยิ่งทำให้หวาดวิตกเพิ่มขึ้นอีกสองเท่า

               “ถอดกางเกงออก”

               “!”

               และแล้วก็เป็นคำสั่งนั้น ครั้งนี้ผมทำตามอย่างว่าง่ายเพราะไม่อยากถูกซ้อมอีก ลมหายใจผะผ่าวขาดห่วงเป็นระลอกสะอื้น ผมร้องไห้อีกแล้ว แต่จะพยายามร้องเงียบๆ กลัวเขาจะรำคาญแล้วทำร้ายผมอีก

               เพราะสั่นไปหมดและดวงตาพร่ามัวด้วยหยาดน้ำผมจึงแก้กางเกงออกไม่ได้เสียที เขาคงรำคาญถึงได้จิ๊ปากอย่างหงุดหงิดแต่นั่นกลับทำผมสั่นหนักยิ่งกว่าเดิม พี่พอลทนไม่ไหวช่วยแก้เข็มขัดและกางเกงให้จนท่อนล่างเหลือแต่ชั้นในตัวเดียว

               “โว้! โคตรเขียวเลย เจ็บมากป่าววะ” พี่เมษกระชากแมสก์ออก เขาจับหน้าผมไปหมุนดู จงใจกดนิ้วลงบนแผลช้ำที่มุมปาก ผมเจ็บจนร้องอื้อ

               “ฮือ...”

               “เงียบ! น่ารำคาญ รีบๆ ถอดเกงในมา กูมีเรียนต่อ”

               ผมร้องไห้อย่างเดียว กลัวเขาต่อยก็จริงแต่มันหยุดไม่ได้ พี่พอลดึงชั้นในผมลงและถอดออกไป อากาศเย็นปะทะผิวกายร้อนระอุของช่วงล่างที่เปลือยเปล่าและอ่อนปวกเปียก พี่เมษยังไม่ปล่อยหน้าผมผมจึงเหมือนถูกแขวนคอไว้ ผมเห็นพี่แม็กกับพี่พอลวิจารณ์กางเกงในสีขาวของผมอย่างสนุกปาก

               “อ่อนชะมัด ใส่กางเกงในอย่างกับเด็ก”

               “จืดสนิทเลย กางเกงแบบนี้สาวๆ ที่ไหนจะมาสนใจ สีขาวอีกต่างหาก”

               “ตัวแม่งโคตรเล็กเลยว่ะ”

               “ก็เจี๊ยวมันมีแค่นั้นมันก็ต้องไซส์นี้แหละมึง ฮ่าๆๆ”

               “เฮ้ย นี้มึงเรียนมหา’ลัยแล้วจริงเหรอวะ”

               น่าเกลียดที่สุด! คนปกติที่ไหนจะเอากางเกงในคนอื่นไปดึงเล่นแบบนี้บ้าง พวกเขาผลัดกันดึงไปดึงมา แย่งกันราวกับมันเป็นของเล่น มันเหมือนการทำลายศักดิ์ศรีให้ย่อยยับ เกลียดอะไรกันถึงต้องทำกันขนาดนี้ด้วย

               “ไอ้อ่อน มึงจะไปไหนก็ไป แต่นี่...” เขาโบกมันในอากาศก่อนจะเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงไป “กูขอละกัน... และครั้งหน้า เอาตารางเรียน เบอร์โทรเบอร์ห้องมาให้กูด้วย”

               “บายนะไอ้เปี๊ยก”

               “...”

               ผมก้มหน้ากัดปาก ลืมความเจ็บครั้งก่อนไปแทบทั้งหมด พวกเขาเรียงแถวยีหัวผมแล้วเดินออกจากห้องน้ำไป อีกครั้งที่ผมต้องถูกทิ้งให้จัดการตัวเองเพียงลำพัง

               ข้างล่างมันโล่งแปลกๆ แม้จะมีกางเกงตัวนอกมิดชิด ผมเปิดก๊อกขึ้นสนิมรอน้ำสีโคลนใสขึ้นก็วักใส่หน้าอย่างรุนแรงคล้ายจะระบายความอัดอั้นในใจ

               เอาเถอะ มันผ่านไปแล้ว… อีกครั้งหนึ่ง ยังไงซะชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป ผมยังมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบอีกมาก จะมาใส่ใจกันเรื่องแกล้งกันในโรงเรียนแบบนี้ไม่ได้ ผมไม่อยากให้พ่อแม่ผิดหวังซ้ำซาก กับการเรียนต้องทำให้ดีที่สุด เหตุการณ์ต่างๆ มันแค่ผ่านมาและผ่านไปเท่านั้น พอพวกเขาเบื่อ เดี๋ยวก็เลิกไปเองนั่นแหละ



               “โบเป็นอะไรหรือเปล่า เราไม่เห็นโบมาทานข้าวด้วยเลย แล้วทำไมตาแดงๆ ล่ะจ้ะ ไข้ขึ้นเหรอ”

               ผมมาทันเช็คชื่อพอดี รู้สึกร่างไร้เรี่ยวแรงและดวงตาเหมือนมีน้ำรื้นอยู่ตลอดเวลา บัวที่จองที่นั่งไว้ให้ถือวิสาสะทาบมือกับหน้าผากผม ผมชักตัวหลบบอกเบาๆ ว่าไม่เป็นไร เธอหน้าเสียเล็กน้อย แต่ผมยังไม่พร้อมจะพูดอะไรมากไปกว่านี้ ขอแค่ครองสติให้อยู่รอดจนหมดคาบก่อน เรื่องอื่นไว้ค่อยคิดทีหลัง

               มันเป็นแล็บที่ต้องยืนตลอดครับ ความรู้สึกโล่งๆ จึงยิ่งชัดเจน สมาธิผมไปอยู่ที่นั่นเสียเป็นส่วนใหญ่จึงเผลอลืมควบคุมการเคลื่อนไหวของตัวเองไป บวกกับความเครียดที่เพิ่มขึ้น อาการเลยออกมากตามมา รู้ตัวอีกทีตรงหน้าผมก็มีแต่วัตถุดิบหกกระจัดกระจายแล้วครับ

               “นี่เธอ! ทำดีๆ หน่อยสิ เละเทะหมดแล้ว” เพื่อนในกลุ่มว่าให้จนได้ พวกเขาขนของหนีห่างไปอีก เหลือเพียงบัวที่ยังยืนข้างผมไม่ไปไหน ผมดีใจที่อย่างน้อยข้างๆ ก็ไม่ได้ว่างเปล่าไปเสียหมด แต่คงจะดีกว่าถ้าเธอจะห่างๆ ผมบ้าง ไม่อยากให้ถูกมองไม่ดีด้วย

               ในที่สุดก็ได้กลับเสียที ผมทั้งปวดหัวปวดแผลเจ็บคอแสบตาสารพัดไปหมด อยากล้มตัวลงนอนแล้วหลับไปไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลยได้ยิ่งดี แต่อย่างที่บอก ผมยังมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบอยู่ จะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด

               เวลาเจ็บป่วยผมจะคิดถึงแม่ อยากไปนอนกับแม่ซึ่งก็ทำอยู่เสมอ แต่ผมจะกลับไปโดยมีแผลแบบนี้ไม่ได้ ไม่อยากให้เป็นห่วง แถมถ้าพ่อเห็นแม่เองก็ต้องโดนดุพร้อมกับผมด้วยเช่นกัน

               กลับถึงห้องโดยสวัสดิภาพ จับการอาบน้ำกินยาแล้วกระแทกตัวลงกับที่นอนพร้อมที่จะเข้าสู่ห้วงนิทราตั้งแต่หกโมงครึ่ง

               หลับตาลงสักพักก็กลับลืมขึ้น ผมจัดกระเป๋าสำหรับเรียนพรุ่งนี้อย่างที่ทำเป็นประจำก่อนนอน เพื่อที่ตอนเช้าจะได้ไม่ต้องรีบเร่งหาชีทเรียน ไม่ลืมที่จะหยิบตารางเรียนเทอมนี้ใส่แฟ้มไปด้วย เดี๋ยวค่อยไปถ่ายเอกสารที่ห้องสมุด…

               อ่า… จริงหรือเนี่ย ผมทำตามที่เขาสั่งจริงๆ ด้วยแฮะ...

               ขาหมดแรงเสียดื้อๆ สงสัยเพราะปวดท้องที่ไอกับกลั้นหัวเราะมากไปแน่ๆ ผมทรุดกองกับพื้นข้างๆ โต๊ะเขียนหนังสือ ในใจคิดถึงวันพรุ่งนี้ว่าควรจะเตรียมกางเกงในไปสองตัวดีไหมนะ… ให้ตายสิ ขำชะมัด ผมเริ่มพูดไม่เพราะแล้วสิ

               “หึ… ฮะๆ ฮ่าๆๆ ฮะ ฮึก ฮือ...”



++++++++++20++++++++++++++++++20++++++++++++++20+++++++++SMMMMMMM

แหม พอจั่วหัวว่าSM 20+ นี่ตามมากันเต็มเลยนะยะ 555


หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+++ ตอน2 100% 25/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 25-09-2016 17:06:18
ว้ายยย ชั้นชอบจัง5555555 แต่เกรียจอีแม็กตอนมันขู่น้องง่ะ ถ้าน้องช้ำใน หรือ ซึมเศร้ามาทำไงห๊าาาาา :m31: :angry2: มาต่อไวน้าาาา อันนี้คนเขียนจะอัพทุกวันหรือตามใจฉัน พะเจ้าคะ เราจะได้ตามอ่านถูก555555 เขียนต่อไวๆน้าเรารออ่าน จุ้บ :impress2: :mew1:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+++ ตอน2 100% 25/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 25-09-2016 20:48:48
จะเอาไปดมก็บอกมาเตอะ ฮ่าๆๆๆ
แอบสงสารโบจัง
ใช่เลย อิอิ ดีน่ะแวะมาอีกรอบ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+++ ตอน2 100% 25/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 25-09-2016 22:12:56
มันจะต้องมีวันที่คอมโบจะแก้แค้นชิมิ แม่ยกคนนี้พร้อมหนุนหลังเอาคืนไอ้สามตัวนั้น ฮึ่มๆ  :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+++ ตอน2 100% 25/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 25-09-2016 22:57:05
คือสงสารโบมากๆเลยอ่ะ น่าสงสารตั้งแต่เป็นTic disorderแล้ว ยังต้องมาเจอคนเลวๆแบบแม๊กและผองเพื่อนอีก
ก็สงสัยนะว่าคนเลวๆแบบแม๊กและผองเพื่อนโดนเลี้ยงมายังไงให้ชั่วเพียวๆ รังแกคนอ่อนแอกว่ามันสนุกนักหรอ?
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+++ ตอน2 100% 25/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 26-09-2016 21:35:48
ว๊าาาา วันนี้ไม่ทันอ่ะ งานล้น พรุ่งนี้จะรีบๆๆๆๆปั่นให้เลย(แต่เสร็จรึป่าวอีกเรื่อง555)
ส่วนตัวเราชอบแนวดราม่านะ smด้วย รู้สึกว่าแนวนี้จะลื่นปรื้ดๆในสมองเราดี
เคยคิดนะว่าไอ้พระเอกที่มันเลวเสมอต้นเสมอปลาย เลวได้ใจ ชั่วแต่เด็กยันโต สันดานชั่วช้าสามานเข้ากระดูกดำแบบไร้เหตุผลมันเว่อร์ไปเว้ย คนจริงที่ไหนจะเลวโดยไม่มีสาเหตุได้ขนาดนั้น พ่อแม่ก็เลี้ยงดีบ้านไม่มีปัญหามึงเอาปมที่ไหนมาทำตัวโหดร้ายกับนายเอกวะ(คะ) ชั่วชีวิตชั้นจะไม่เขียนพระเอกชิงนรกเกิดแบบนั้นแน่นอน
แต่ๆๆๆๆมันก็ พลิก!!!!
แมมมมมมมมมมม่ง มีจริงดิ๊!!!
เฮ้ย! นี่เกิดเป็นคน? โอ้วววว โลกยิ่งอยู่ยากขึ้นทวีคูณเมื่อชั้นเจอคนเลวววววว อย่างไร้ที่มาจริงๆ อะเมซิ่ง


สรุป! เลยยอมให้พระเอกของเราเลวถึงแก่น+คุณเพื่อนที่แน่นอนว่าคบกันได้นิสัยมันต้องเหมือนกันอยู่แล้ว ทีนี้ล่ะ ชั้นจะได้ปู้ยี่ปู้ยำน้องคอมโบได้อย่างสะดวกใจไม่ต้องกังวลว่ามันจะไม่สมจริง

บ่นยาวว่ะ
เอาเป็นว่าเราจะอัพแบบตามใจ(งานประจำ)ละกัน วันไหนเคสน้อยก็จะได้ยาวหน่อยมากระท่อนกระแท่นบ้างอย่าว่ากันนะ
ที่สำคัญเรื่องนี้ไม่ต้องการคนโลกสวย เราจะได้ดาร์กถึงขิงไม่มีเกรงใจใครนะจ้ะ
อ้อๆ ขาดไม่ได้เลยคือตัวละครดัดแปลงมาจากชีวิตจริง เขาเหล่านี้เป็นเคสที่เคยผ่านตามา ลักษณะอาการค่อนข้างอิงความจริง+ใส่ไข่เติมแป้งนิดหน่อย ต้องขอบคุณพวกเขาและขอให้ชีวิตพวกเขาดีขึ้นพบแต่ความสุขตลอดไปด้วย
แล้วเจอกันนะยะหมู่สู รอนะ เค
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+++ ตอน2 100% 25/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: mamaree ที่ 27-09-2016 23:36:03
 :impress3: :a5: :z13: มาได้แล้วค้าาา  รอรอรอ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+++ ตอน3 50% 28/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 28-09-2016 18:20:41
คือ เกิดไรขึ้นไม่รู้ เมื่อวานพิมพ์ไว้ตั้งยืดยาวพอจะอัพปุ้บ
เอ๊าว นางอัพซิม4จีค่า ปิดระบบชั่วคราว วันหยุดอยู่หอไม่มีไวไฟ ต้องลักที่ทำงานใช้
ไม่เป็นไร เราพิมพ์ไว้แล้วในไดรฟ์
เอ๊าววววว นางไม่เซฟ ไม่มีเนทไม่เซฟ ลืมเซฟออฟไลน์ไว้ด้วย
เช็ดโด้โคอาล่ามาช
พิมพ์ใหม่...
นี่ใช้เนทได้ก็ลงเลยนะนี่

แก้เคล็ดด้วยตอนหวานๆ(?) เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง


-3-


               “ไหน”

               คำสั้นๆ เพียงคำสั้นๆ เพียงพยางค์เดียวแค่อธิบายความต้องการของเขาได้ทั้งหมด วันนี้เขาใช้ให้คนอื่นมาตามผมไปหาเขาที่คณะวิศวะครับ มาถึงปุ้บก็เห็นเขานั่งอยู่กับพี่สองคนนั้นเหมือนเดิม ไม่มีใครคบอีกแล้วหรือไง หรือว่าศีลเสมอกันจริงๆ ถึงจะคบกันได้

               ผมเอาสำเนาตารางเรียนพร้อมข้อมูลติดต่อวางบนมือที่แบรอโดยสายตายังคงจดจ้องจอมือถือตัวเอง ทำเหมือนไม่ใส่ใจผมแต่ถ้าผมขัดใจนิดเดียวคงได้เจ็บตัวอีกแน่

               “...วันพุธหยุด?”

               “...”

               “เฮย”

               “ค ครับ!” อะไรอ่ะ พูดด้วยก็ไม่บอกใครจะไปรู้เล่า พี่เขามองตาขุ่นเริ่มอารมณ์เสียนิดๆ

               “ดี พุธกับเสาร์อาทิตย์ไปห้องกู”

               “ฮะ?”

               “จิ๊!” อะไรอีกล่ะ อยู่ๆ ก็โมโห ผมงงผมก็ถาม เดี๋ยวพอไม่รู้ก็โดนอีก เอาใจยากจริง

               “ทำหน้า ไม่พอใจไงวะ”

               “เปล่าครับ!”

               และตามนั้น… แย่หน่อยคือวันนี้เป็นวันศุกร์ เพราะฉะนั้น นรกของผมมันจะเริ่มวันพรุ่งนี้...

               พี่แม็กสั่งให้ผมไปเก็บของที่จำเป็นหลังเรียนเสร็จแล้วเขาจะวนไปรับที่หอ อย่างน้อยก็ยังใจดีไปรับล่ะนะ แต่ว่า… ทำไมผมต้องไปอยู่กับเขาด้วยล่ะ แล้วเพิ่งมาเอะใจด้วยนะ สงสัยเพราะไข้ยังไม่หายสมองเลยช้าอย่างกับตัวสล็อตขนาดนี้

               เหลือเวลาอีกพอสมควรก่อนจะถึงเวลานัด แต่เพื่อความปลอดภัยผมลงไปรอพี่เขาเลยดีกว่า พาดกระเป๋าบนบ่าแล้วก็ไปรอที่ด้านหน้าตึก ผมคิดถูกแล้วล่ะที่ลงมารอเลย

               “เฮ่ย”

               นั่นไง นั่งก้นยังไม่ทันอุ่นพี่แม็กก็เรียกมาก่อนนัดตั้งสิบนาทีครับ พี่เขาเอาคันเดิมที่เคยมาส่งผม มันเป็นมอไซต์คันใหญ่ๆ เท่มากๆ เลย เข้ากับบุคลิกของพี่เขาสุดๆ ผมเดินไปด้วยความมึนๆ อึนๆ พอไปยืนข้างรถแล้ว...

               ขึ้นไงอ่ะ

               คือรถมันสูงเลยเอวผมไปอีกอ่ะครับ แล้วผมก็หาที่เหยียบไม่เจอ ก้มๆ เงยๆ หาทางขึ้นอยู่พักนึง เห็นสายตาพี่เขามองแบบ…

               “มึงทำอะไร”

               ผมกระพริบตาปริบๆ มองเขาสลับกับเบาะสูง ยอมรับว่าเตี้ยแต่ไม่เคยรู้สึกเป็นปนด้อยจนกระทั่งมาเจอรถพี่นี่แหละ

               “จิ๊! ไมโง่งี้วะ”

               “อ๊ะ!”

               พี่แม็กลงมาแล้วหิ้วแขนผมจนลอยคร่อมเบาะได้ ทำเหมือนผมเป็นเด็กเลย จัดการเรียบร้อยก็วาดขาตามมาแล้วพุ่งทะยานออกไปทันที แรงส่งทำผมเกือบตกรถ เพื่อความปลอดภัยจึงจับชายเสื้อคนตรงหน้าไว้ให้มั่น กลัวว่าเขาจะหันมาดุเหมือนกันนะ แต่กลัวตกมากกว่า



MAGNUM’s part



               “อ๊ะๆๆ พี่แม็ก”

               “อ้า อ้าาา”

               “จะถึงแล้ว เร็วอีกๆ อ๊าาา”

               อ้า… เสร็จอีกหนึ่งน้ำ ผมถอนตัวออก พลิกตัวนอนหงายข้างดิวเดือน(สักคณะ)ที่หมดแรงไปแล้ว… ครับ อ่านไม่ผิดหรอก เดือนนี่แหละ ผมมันได้ทั้งชายหญิงขอแค่หน้าดีก็พอ ลมหายใจปรับสู่ปกติในไม่ช้า ผมหายเหนื่อยเร็วแบบนี้แหละครับ ได้ออกแรงแล้วรู้สึกสดชื่นพาลให้อารมณ์ดีขึ้นเป็นกอง

               หลังจากกลับห้องมาผมจัดแจงถอดเสื้อผ้าเตรียมอาบน้ำเช่นทุกครั้ง ตอนถอดกางเกงเผอิญล้วงไปเจอกางเกงตัวน้อยในกระเป๋า

               “ลิงไอ้เปี๊ยกนี่หว่า… เอามาไมวะกู” บ่นกับตัวเอง ไม่เข้าใจว่ายังเก็บไว้ทำไม ทิ้งไปซะก็สิ้นเรื่อง ไอ้อ่อนนั่นคงไม่ตามไปคุ้ยเอามาใส่หรอก

               นึกแล้วก็ขำ มันต้องเรียนคาบบ่ายด้วยอาการลมเย็นฉิวๆ แม่งจะทำหน้ายังไงวะ โยนผ้าชิ้นน้อยในมือไปสักที่หนึ่ง ผมเปลี่ยนเป้าหมายมานั่งลงบนเตียง ห้องกูไมรกงี้วะ ช่างแม่ง หยิบโทรศัพท์มาเลื่อนๆ ดู รูปไอ้เด็กนั่นแก้ผ้าทำผมขำได้เสมอ ดูๆ ไปมันน่ารักนะ น่ารักแบบผู้ชายตัวเล็กๆ ไว้ผมทรงกะลา ไม่ได้แบ๊วสาวแตกแบบตุ๊ดเท่าไหร่ ถ้ามันหุ่นดีแล้วก็แต่งตัวเป็นคงจะป๊อบน่าดู… แต่สภาพนี้ ผู้หญิงคงไม่เอา

               แต่ถ้าผู้ชายน่ารักก็ต้องดิว ของเขาขึ้นชื่ออยู่ ยกหูกริ้งเดียวก็ผูกโบว์ใส่พานถวายตัวถึงที่เลย

               นอนมองเพดานว่างเปล่า แต่แปลกที่ยังนึกถึงใบหน้าเปื้อนน้ำตาที่ยังติดอยู่ในหัว สงสัยดูรูปมันบ่อยจนหลอน นอนคิดไปคิดมาไม่ยักง่วงเสียที น่าเสียดายที่วันนี้ลืมถ่ายคอลแลกชั่นใหม่… 

               จะถ่ายทำไมให้เสียเวลา ก็แค่ให้มันมาอยู่นี่เสียเลยก็สิ้นเรื่อง ทีนี้อยากให้มันทำอะไรเมื่อไหร่ก็ได้ แถมยังได้คนใช้ส่วนตัวด้วย มันเรียนคหกรรมงานบ้านงานเรือนมันคงถนัดอยู่แล้ว ห้องกูจะเอี่ยมก็คราวนี้ล่ะ ฮ่าๆๆ

               “อืม พี่แม็ก กอดหน่อยสิครับ”

               ยั่วขนาดนี้อีกรอบดีมั้ยเนี่ย อ่า… ต้องทำห้องให้รกที่สุดไว้ต้อนรับมันดีกว่า ว่าแล้วก็จัดไปอีกหลายยก จนดิวสลบคาอกไปนั่นแหละ แล้วทิ้งทั้งถุงยาง ทิชชู่ ขยะต่างๆ เอาให้เกลื่อน พรุ่งนี้มันต้องมา เรื่องตารางเรียนมันผมสืบมาแล้วแต่อยากแกล้งให้มันเตรียมเอง

               จะสนุกขนาดไหนกันนะ ชักรอไม่ไหวแล้วสิ



50%
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+++ ตอน3 50% 28/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: princeofdark ที่ 28-09-2016 20:24:36
ทำไมพี่แม็กซ์ทำแบบนี้อ่าแกล้งเขาระวังหลงรักเน้อ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+++ ตอน3 50% 28/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 30-09-2016 20:18:28
เอาอีกๆๆๆๆ
ต้องมีช่วงโบเอาคืนบ้างล่ะน่ะ
ลุ้นต่อ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+++ ตอน3 50% 28/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 30-09-2016 22:34:43
โรคจิต
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+++ ตอน3 50% 28/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: SUPERMUAY ที่ 30-09-2016 22:53:00
เรื่องเหมือนจะเศร้า. แต่ทำไมเล่าแล้วขำ.
 :hao6:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+++ ตอน3 50% 28/9/59
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 01-10-2016 01:45:05
อะไรคือความสั้นนี้ น้ำตาจิไหล กราบละค่ะรีบมาต่อเถอะะะ ค้างมากกก ขอหนักๆ5555555 :hao7: สู้ๆนะจ๊ะเป็นกำลังใจให้ พักผ่อนมั่งน้า จะได้มีแรงมาแต่งต่อ :z2: :z13:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+++ ตอน3 100% 2/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 02-10-2016 12:12:35


วันนี้งานน้อยเลยนั่งปั่นทั้งเช้าเลย สบายจายยยย หัวหน้าก็ไม่อยู่555 ที่จริงเรื่องนี้ดราม่ากว่าครึ่งนะ เพียงแต่วิธีเล่าออกมาจากมุมมองของคอมโบเนี่ยดูไม่เศร้าสุดๆ เพราะแม้ชีวิตจะบัดซบแค่ไหนแต่ภายในโบเป็นคนเข้มแข็งมาก ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะมองแบบเฉยๆ ถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆ แต่ไม่ว่ายังไงก็จะสุภาพเสมอ อย่างตอนเด็กถูกเพื่อนทิ้งนางก็พอจะโอเค ตอนเรียนไม่มีเพื่อนก็ไม่เป็นไร แค่มีกลุ่มทำงานก็พอ และจริงๆ นางไม่ใช่คนยอมใครมีเวลาเอาคืนแน่นอน แต่อะไรทนได้ก็จะทนจนถึงที่สุด ส่วนอิแม็กและผองเพื่อน… มันเป็นสันดาน





ต่อ50%

               ทุ่มกว่าแล้วผมเพิ่งถึงหอพี่แม็ก ที่ช้าเพราะพี่แกวนไปเอาของที่คณะ (รับผมก่อนเพื่อจะได้ให้ผมขนของล่ะสิ) ก็กล่องลังหนึ่งใบใหญ่ๆ เขาให้ผมอุ้มมาตลอดทาง ของมันไม่ได้หนักถึงขั้นยกไม่ไหวแต่ก้นกล่องมันไม่ได้ยึดไว้และจะอ้าออกตลอดผมจึงต้องใช้แขนสั้นๆ โอบให้รอบกล่องนั่นซึ่งลำบากเหลือเกิน

               คลิก

               “เข้าไปแล้วเก็บห้องให้กูด้วย” สั่งๆๆ

               ช็อค! ในห้องเบื้องหลังประตูสีขาวสะอาดที่ผมถูกผลักเข้ามามันตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง เกินคำว่ารก และรังหนูอาจจะน่าอยู่กว่าเสียด้วยซ้ำ ผมมองพื้นห้องที่เต็มไปด้วยเศษขยะนานาประเภททั้งกระดาษ ถุงขนม เสื้อผ้าใส่แล้วและยัง… เศษซากน่าขยะแขยงพวกนั้น นี่มีปาร์ตี้เซ็กส์หมู่กันหรือไง! ตัวผมไม่ได้ใสซื่อเดาเหตุการณ์ก่อนหน้าไม่ออกหรอกนะ แต่จะให้ดีผมไม่อยากรู้เสียจะดีกว่า

               “กูจะลงไปซื้อเบียร์ มึงจัดการให้เสร็จก่อนกูมาแล้วกัน”

               ปัง!

               เขาปิดประตูเสียงดังไม่เกรงใจชาวบ้าน ปล่อยผมยืนเคว้งท่ามกลางภูเขาขยะ หวังว่าจะไม่มีงูนะ เอากล่องว่งลงบนโต๊ะตัวที่เหลือเนื้อที่มากที่สุดแล้วเท้าเอวมองห้องขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ มีห้องน้ำ เตียงและครัวเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยจานกองพะเนิน

               จะเริ่มจากตรงไหนดีเนี่ย… ไม่มีเวลามาคิดแล้ว!



               20 นาทีผ่านไป

               ได้ยินเสียงคนคุยกันที่หน้าประตู อย่าบอกนะว่าเขากลับมาแล้ว ไม่น่าใช่ เพราะเขาไปคนเดียวนี่ เอ๊ะ! หรือพี่อีกสองคนนั่นมาด้วย

               “เฮ้ย เสร็จยังวะ พวกกูจะแดกเหล้ากัน” ทำไมต้องเรียกแบบนั้นตลอดเลย ผมมีชื่อนะ

               โชคดีที่ผมเร่งมือทำจนเกือบเสร็จ ขยะทั้งหลายย้ายไปอยู่ในที่ๆ มันควรอยู่ แม้จะไม่ได้กวาดถูอย่างดีแต่ก็จัดๆ ไปเท่าที่เวลาอำนวยก็ทำให้ดูสะอาดตาขึ้นจนพี่พอลร้อง “สุดยอดดด มึงๆๆ กูขอดูรูปbeforeใหม่ดิ๊ แม่งเอี่ยมอย่างกับไม่ใช่ห้องมึงอ่ะแม็ก” อย่าเพิ่งออกไประเบียงละกัน พอดีผมเอาจานใช้แล้วไปยัดไว้… ไม่น่าเชื่อว่าจะดองไว้ขนาดนั้นบางใบราขึ้นด้วยครับ แต่ได้ออกแรงให้เหงื่อออกก็ดี ผมรู้สึกว่าจมูกโล่งขึ้นแถมสดชื่นขึ้นด้วย คงจะหายไข้แล้ว

               “สมแล้วที่เรียนคหกรรม มีความเป็นแม่บ้านแม่เรือนดี” คหกรรมไม่จำเป็นต้องทำงานบ้านเก่งทุกคนนะครับ มันมีตั้งหลายสาย

               “น้องโบ เอาของพวกนี้จัดใส่จานแล้วยกมาที่โต๊ะด้วยนะครับ” พี่เมษ เกือบดีแล้วครับ ถ้าพี่จะช่วยผมด้วย ไม่ใช่สั่งอย่างเดียว

               ผมแกะถุงกับแกล้มจัดใส่จานแล้วยกไปเสิร์ฟตรงโต๊ะญี่ปุ่นกลางห้อง เงี่ยหูฟังพักนึงไม่มีใครเอาอะไรเพิ่มผมเลยผละไปล้างจานต่อที่ระเบียง พวกเขาคุยกันดังมากจนผมเกรงใจชาวบ้านแทน ยิ่งเวลาผ่านไปเหมือนยิ่งเมา

               หอบกองจานชามเข้ามาเก็บให้เรียบร้อย หันมาดูอีกทีแทบเข่าอ่อน ห้องที่ผมอุตส่าห์จัดระเบียบไว้กลับมารกในพริบตาด้วยกระป๋องเบียร์ ทิชชู่ เศษอาหารเกลื่อนไปหมด

               เฮ้อ ถอนหายใจเบาๆ เอาถุงพลาสติกที่ใส่ของมาสะบัดสองสามทีให้มันพอง ผมค่อยๆ เก็บขยะจากนอกสุดไปเงียบๆ ไม่ให้รบกวนพวกเขา แล้ววนเข้ามาใกล้วงเรื่อยๆ

               ดีมาก คุยไปเถอะไม่ต้องสนใจผมน่ะดีแล้ว

               “เฮย”

               “ค ครับ!” ตกใจหมด ช่วงนี้ขวัญเกินไปแล้ว

               “จะเที่ยงคืนแล้วมึงไปอาบน้ำไป”

               “...?” ใจดีแปลกๆ นะฮะ พี่แม็กบอกเสร็จก็หันไปคุยกับเพื่อนต่อ นาฬิกาบนผนังบอกเวลาอีกประมาณสิบกว่านาทีจะเที่ยงคืนอย่างเขาว่า นี่กินกันนานมากเลยนะครับ หน้าเริ่มแดงๆ กันแล้วด้วยสงสัยจะเมา ผมเองก็วุ่นกับห้องเขาจนลืมเวลาเหมือนกัน

               เก็บกวาดขยะล็อตสุดท้ายแล้วก็ไปเตรียมอุปกรณ์จากกระเป๋า เข้าห้องน้ำไปแล้วจัดการตัวเองอย่างพิถีพิถันโดยไม่กลัวไข้กลับ

               ซ่า...

               ก๊อกๆๆ

               เสียงเคาะประตูลอดสายน้ำกระทบหูให้ได้ยิน ผมหมุนก๊อกเบาน้ำเพื่อรอฟังชัดๆ

               “เฮ้ยมึง ออกมาเดี๋ยวดิ๊” ไม่คิดจะเรียกชื่อกันจริงๆ เหรอ ผมปิดน้ำแล้วนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาเผื่อเขามีอะไรเร่งด่วนถึงได้ทุบประตูรัวๆ มัวใส่เสื้อผ้าจะไม่ทันการ

               “ครับ?”

               ออกมาก็เจอทั้งสามคนยืนขวางเต็มประตู หน้าแต่ละคนเยิ้มมากเลย ตาปรือเริ่มพูดอ้อแอ้ไม่เป็นคำกันแล้ว แว้บหนึ่งที่เห็นดังนั้น ผมกวาดสายตามองหามือถือของแต่ละคน เห็นเครื่องหนึ่งบนพื้นข้างกระป๋องเบียร์เปล่าๆ ใต้โต๊ะ อีกเครื่องที่ปลายเตียง ก่อนที่จะเจอเครื่องสุดท้ายสติผมก็ถูกดึงกลับมาด้วยบทสนทนาของทั้งสาม

               “กูบอกแล้วมึงจ่ายกูกับไอ้แม็กมาเลยไอ้เมษ”

               “ไรว๊าาา มึงหารกันเลย”

               “อย่าลีลาเชี่ยเมษ แพ้แล้วอย่าพาล กูบอกมึงแล้ว ไอ้เตี้ยมันกลัวกูจะตาย ถ้าเรียกนะไม่ทันใส่เสื้อผ้ามาแน่นอน ฮ่าๆๆ”

               หมายความว่าไงน่ะ งงได้ไม่นานผมก็เข้าใจทุกอย่างด้วยประโยคของพี่แม็ก นี่เขาพนันกันว่าผมจะออกมาด้วยสภาพไหนงั้นเหรอ ผมเหลืออดแล้วนะ!

               “เอาไปๆ ” พี่เมษควักแบงค์แดงให้พี่แม็ก “แต่กูไม่จ่ายมึงไอ้ฝรั่งหัวK มึงบอกว่ามันจะแก้ผ้าออกมาไม่ใช่ไม่ใส่เสื้อผ้า”

               “ไรวะ มันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละมึงจ่ายมาเลย” ช่วงที่เขาสองคนหันไปเถียงกันผมก็เจอมือถือเครื่องสุดท้ายในกระเป๋ากางเกงพี่เมษแล้ว

               คำนวณแผนการในหัวรอจังหวะที่จะตอบโต้บ้าง แต่คนที่ยังขวางอยู่หน้าประตูนี่สิ

               พี่แม็กนับเงินเสร็จก็หันาสนใจผมอีกครั้ง เห็นผมยืนก้มหน้ากัดริมฝีปากล่างกำหมัดแน่นเขาจึงพูดขึ้นอย่างหยอกล้อว่า “อะไรๆ โกรธเหรอจ้ะหนูน้อย”

               “!” มือหนาจับหน้าผมเงยขึ้นสบกับเขา แล้วก็ต้องผงะเมื่อเจอกับสายตาที่เปลี่ยนไปของผม ผมรู้สึกได้ถึงความโกรธแค้นเกลียดชังที่ผ่านทางสายตาจนร้อนผ่าว แม้แต่น้ำที่คลอหน่วยก็ร้อนราวกับน้ำต้มเดือด นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกได้มากขนาดนี้ โมโหเลือดขึ้นหน้าเป็นอย่างไรผมรู้แล้ว

               “อะไร คิดจะสู้หรือไง มึงไม่สนแล้วใช่มั้ยว่ากูจะปล่อยรูปทุเรศๆ นั่น- อั่ก!”

               โครม!

               แรงฮึดจากไหนไม่รู้สั่งให้ผมชกเต็มแรงเข้าที่กลางอกแน่น เขาเซเล็กน้อยผมอาศัยจังหวะนั้นดึงกางเกงเขาไว้แล้วเอาหัวดันให้เสียศูนย์จนล้มลงเสียงดังสนั่น อีกสองคนหันมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นแต่สมองที่ถูกครอบงำด้วยน้ำเมาทำให้เคลื่อนไหวได้ช้ากว่าผม

               ผมพุ่งตัวผ่านพวกเขา เป้าหมายคือโทรศัพท์สองเครื่องนั่น คำนวณระยะทางในหัวเพื่อหาทางที่ใกล้ที่สุด มือถือเครื่องแรกที่อยู่บนเตียงผมได้มันมาแล้ว ขณะที่ผมไปถึงอีกเครื่องหนึ่งพวกเขาก็เริ่มตั้งหลักได้แล้วกรูกันมาทางผมทันที ดูท่าจะสร่างกันเต็มตาเลยล่ะ แต่ก็ยังช้าไป สองเครื่องนั้นอยู่ในมือผมแล้ว ผมไม่สนเครื่องที่อยู่ในกระเป๋าพี่เมษ มันเสี่ยงเกินไป และความเป็นไปได้ที่จะมีรูปของผมมันน่าจะอยู่ที่ของพี่พอลกับพี่แม็กมากกว่า

               ซ่า!

               ผมไปที่อ่างล้างจานเปิดก๊อกจนสุดอุดรูแล้วโยนมือถือสองเครื่องนั้นลงไป ทันมองเห็นฟองอากาศผุดออกมาจากอุปกกรณ์สี่เหลี่ยมนั่นแล้วยิ้มให้ตัวเอง ในหัวโล่งพอๆ กับหัวใจที่เบาหวิวจนน่าใจหาย ไม่นานพวกเขาก็มาถึงตัวผม และสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปผมก็คำนวณไว้แล้วเช่นกัน

               ผัวะ!

               “แม่งเอ้ย! โทรศัพท์กู! พังหมดแล้ว” พี่พอลครวญคราง ส่วนเจ้าของอีกคนก็กำลังยุ่งกับการทุบผมกับพื้น

               ฮ่าๆ สำเร็จ

               “เปิดไม่ติดเลยแม็ก”

               พี่แม็กผลักผมทิ้งไกลๆ ตัวแล้วไปดูใจโทรศัพท์ตัวเอง ฮ่าๆๆ ตลกดี น่าซีดกันเป็นแถวเลย ท่าทางร้อนรนนั่นถูกใจผมที่สุด โดนซ้อมอีกก็ไม่เป็นไรถ้าได้เห็นภาพหายากเหล่านี้อีกครั้ง รู้แล้วล่ะว่าการแกล้งคนอื่นมันรู้สึกดีแบบนี้นี่เอง

               “มึง!!!”

               “อ๊า!!!” เจ็บ! พี่แม็กจิกหัวผมลากไปทางระเบียง ตัวผมครูดกับพื้นจนแสบผิว ผ้าเช็ดตัวหลุดไปตอนไหนไม่รู้ทำให้ตอนนี้ผมเหลือเพียงตัวเปล่าๆ ความสะใจเมื่อครู่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นหวาดระแวง ณ อารมณ์ชั่ววูบนั้นผมลืมคิดไปว่าถ้าพวกเขาไม่พอใจผมคงจะโดนหนักขึ้น

               เขาเลื่อนประตูดัง ครืด แล้วโยนออกไปนอกระเบียงทั้งที่ตัวล่อนจ้อน พอตัวผมพ้นเขาก็เลื่อนมันปิดลงกลอนข้างในทันที

               “พี่! พี่เปิด ให้ผมเข้าไปนะ!”

               “มึงอยู่นั่นแหละ กล้ามากนะมาพังโทรศัพท์กู!”

               “พี่ พี่! ผมขอโทษ พี่เปิดประตูหน่อย ผมขอโทษ!” ผมทั้งดึงทั้งเขย่าประตูอย่างเอาเป็นเอาตาย ข้างในห้องพี่แม็กกับพี่พอลมองผมราวกับจะสาปให้ตาย พี่เมษยังคงพยายามซ่อมมือถือให้เพื่อนต่อไป แต่เพราะไม่ใช่รุ่นกันน้ำ พอแกะฝาออกมาจึงมีน้ำไหลออกมานองพื้น

               พี่แม็กกลับมานั่งยองตรงข้ามผม เสียงเย็นชาลอดกระจกฟังดูอู้อี้แต่กลับบาดลึกถึงขั้วหัวใจ “ถ้าเสียงดังข้างห้องจะได้ยินเอานะ”

               “พี่… ฮือ… ผมขอโทษครับ ให้ผมเข้าไปเถอะนะ” ผมอ้อนวอนเสียงอ่อน ผมร้องไห้และขอร้องซ้ำๆ ลดเสียงลงเรื่อยๆ เพราะกลัวว่าข้างห้องจะได้ยินแล้วออกมาดูอย่างเขาว่า จนเหลือเพียงเสียงสะอื้น ผมพนมมือขอให้ยกโทษด้วยภาษากาย ตาก็สอดส่ายกลัวใครจะเห็นผมในสภาพเปลือยเปล่า ผิวขาวตัวความมืดยามราตรี ที่ห้องด้านขวาผมเห็นแสงไฟสว่างพรึบจึงทุบกระจกเบาๆ ทั้งน้ำตาอีกครั้ง

               “...”

               แต่เขากลับกระชากม่านปิดตัดขาดจากผม ผมถอยตัวชิดระเบียงที่เป็นปูนทึบครึ่งล่างแล้วกอดเข่าชิดอกแน่น แม้จะเป็นชั้นสี่แต่เนื้อที่ปิดทึบสูงเพียงหัวเข่าหากยืนขึ้นคนด้านล่างก็เห็นได้ชัดเจน ห้องข้างๆ ปิดไฟไปแล้วแต่ก็ยังวางใจไม่ได้

               ความใจกล้าเมื่อตอนนั้นหายไปในพริบตา ผมกลับมาเป็นไอ้อ่อนขี้กลัวเหมือนเดิม กอดเข่าฟังเสียงคนด้านในผสมเสียงสะอื้นของตัวเอง คืนนี้ลมพัดแรงจนใจสะท้าน ภาวนาให้เขายังคงเหลือความเมตตา แล้วผมจะสัญญาว่าจะไม่ดื้ออีก ผมจะยอมทำทุกอย่าง ขอร้อง ผมกลัวพี่แล้วจริงๆ...

               “K… สัตว์… ไอ้สัตว์ ฮึก ฮือ...”



100%


ต่อไปจะหยาบขึ้นและnc

หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ หยาบเต็มที่ ตอน3 100% 2/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 02-10-2016 13:00:40
สนุกมากกก อึดอัดอ่ะอยาดจะไปตบหน้าอี3ตัวนั้น ทำร้ายน้องอีกละ แล้วจะรักเมื่อไหรละเนี้ยยยย สู้ๆนะคะคนเขียน รอต่อปุยยย :z2: :z13:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ หยาบเต็มที่ ตอน3 100% 2/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 02-10-2016 13:51:08
รอต่อน่ะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ หยาบเต็มที่ ตอน3 100% 2/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: GGamy ที่ 02-10-2016 20:19:00
แนวใหม่จริงๆึ่ะ นายเอกก็น่าสงสารเหลือเดิน  :katai1:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ หยาบเต็มที่ ตอน3 100% 2/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Sky ที่ 03-10-2016 03:20:57
 :katai1: :katai1: น้องโบบบบบบบโอ๋เอ๋นะลูกกก
อิพี่แม็กน่าตืบให้จมทำกับน้องแบบนี้ได้เยี่ยงไรเจ้าคะ :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ หยาบเต็มที่ ตอน3 100% 2/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 03-10-2016 11:52:52
มาต่อไวๆ ติดหนักมากกก

 :ling1:  :ling1:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ หยาบเต็มที่ ตอน3 100% 2/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 03-10-2016 12:21:57
มาต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ หยาบเต็มที่ ตอน3 100% 2/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-10-2016 12:43:47
สงสารคอมโบ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ หยาบเต็มที่ ตอน3 100% 2/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 03-10-2016 18:08:58
รอรอรอรอรอรอรอรอรอรอรอรอค่ะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ หยาบเต็มที่ ตอน3 100% 2/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 05-10-2016 22:04:34
โอ้โห มันจะ4พีป่าวเนี่ย สงสารนายเอกนะ

แต่ชอบภาษาคนเขียนบรรยายลื่นไหลดีจัง มาต่อเร็วๆนะรออยู่
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ หยาบเต็มที่ ตอน3 100% 2/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 06-10-2016 01:17:16
น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ หยาบเต็มที่ ตอน3 100% 2/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 06-10-2016 01:50:41
สวสารนาง
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ หยาบเต็มที่ ตอน3 100% 2/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 06-10-2016 01:56:22
สงสารจากใจจริง นี่พ่อแม่รังแกฉันหรือเปล่า ทำไมไม่รีบรักษา
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ หยาบเต็มที่ ตอน3 100% 2/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-10-2016 05:16:03
ไอ้พวกเลว ชั่วมาก รังแกคนอ่อนแอ
ทารุณจิตใจ แค่เพื่อปกปิดความเลวของตัวเอง
     
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ หยาบเต็มที่ ตอน3 100% 2/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: zaturday ที่ 06-10-2016 06:34:00
นี่มันงานดราม่าแบบชุดใหญ่รึไง  ฮืออออ สงสารโบ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ หยาบเต็มที่ ตอน3 100% 2/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: U_Ton ที่ 06-10-2016 13:07:08
 o22 ขังไว้ที่ระเบียง น้องไม่สบายอยู่นะ... หนูโบลุกขึ้นสู้แล้วก็สู้ให้สุดสิลูก อย่าไปยอมมัน

ยิ่งยอมไอ้พวกนี้ยิ่งได้ใจ คิดในแง่คนโรคจิตอาจจะรู้สึกสนุกขึ้นที่เห็นเหยื่อที่อ่อนแอ

กำลังดิ้นรน และร้องไห้... อยากให้ไอ้พวกนี้เป็นฝ่ายถูกกระทำบ้าง หนูโบเข้มแข็งนะ

มันทำเราได้ วันหนึ่งเราก็ต้องทำมันได้เหมือนกัน :hao5:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ หยาบเต็มที่ ตอน4 100% 8/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 08-10-2016 22:27:59

ห่ะ ห่ะมาแว้วววววว



-4-


               คลิก

               ผมเงยหน้ามองผู้ที่มาเปิดประตูให้ ...พี่เมษ ...พี่เขาช่วยดึงตัวผมลุกขึ้นแล้วพาเข้ามาในห้อง ไฟด้านในถูกปิดจนมือสนิท เขาปล่อยผมลงนั่งหน้าระเบียง

               “พวกนั้นหลับกันหมดแล้วล่ะ… แต่กูไม่แนะนำให้หนีกลับไปหรอกนะ ถ้ายังอยากใช้ชีวิตปกติน่ะ” แค่นี้ก็ไม่ปกติแล้ว แต่ผมจะเชื่อเขา ผมรู้ว่านี่แค่เบาะๆ ถ้าเขาเอาจริงเขาอาจจะตามราวีถึงคนรอบตัวผมเลยก็ได้ ไม่ว่ารูปพวกนั้นจะถูกทำลายหรือไม่

               พี่เมษส่งชุดนอนที่ผมเตรียมมาให้ “ขอบคุณครับ” ผมกล่าวรับน้ำใจนั้นเบาๆ แล้วสวมเสื้อผ้า ผิวกายเย็นเพราะตากลมเกือบชั่วโมงแต่แถวหน้าผากและซอกคอกลับอุ่นๆ สงสัยไข้จะกลับอีกแล้ว รอบช้ำที่มุมปากยังไม่ทันหายดีก็ได้แผลใหม่มาอีกแล้ว

               เหมือนถูกกดขี่โดยพวกเขานานนับปีทั้งๆ ที่มันเพิ่งผ่านมาได้ไม่กี่วันเท่านั้น ในเมื่อเลือกที่จะสู้แล้วมันไม่เป็นผล เช่นนั้นผมก็ควรก้มหน้าอดทนรอวันที่พวกเขาเบื่อไปเองคงจะดีกว่า… หรือไม่ ก็รอทีเผลอ จะเอาคืนให้แสบยิ่งกว่านี้อีก

               นาฬิกาบอกเวลาตีหนึ่งพอดิบพอดี ผมหามุมวางๆ ก่อนล้มตัวนอน ผมลองถามคนที่กลับไปนั่งซดเบียร์เงียบๆ ว่า “พี่ครับ มียาแก้ไข้มั้ยฮะ” เขาลุกไปค้นๆ ในลิ้นชักข้างเตียง บนนั้นร่างใหญ่ทั้งสองนอนสะเปะสะปะกรนเสียงดังอย่างกับยักษ์ แม้ยามหลับก็ยังน่าหวันเกรง ผมไม่กล้ามองนานกลัวดวงตาเขียวปัดนั่นลืมขึ้นจ้องตอบ

               “ขอบคุณครับ” ผมรับยาและแก้วน้ำมา พี่เมษดูจะใจดีกับผมที่สุด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะห้ามเพื่อนเขาไม่ให้แกล้งผม หนำซ้ำยังร่วมวงเป็นบางครั้งด้วย

               “กินยาแล้วก็รีบนอนซะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”

               “หือ?”

               “พรุ่งทำอาหารเช้าให่พวกกูด้วย… เรานั่นแหละไม่ต้องงง แล้วก็ไปซื้อของมาเองนะ ที่ห้องมีอุปกรณ์ก็เท่าที่เห็นแหละ”

               คำตอบที่ได้ทำให้ผมต้องทิ้งตัวลงนอนอย่างเหนื่อยอ่อน นี่เขาตั้งใจให้ผมมาเป็นเบ๊ชัดๆ เรื่องตื่นเช้าหรือทำงานหนักผมไม่กลัวหรอก แต่ผมกังวลว่าถ้าทำออกมาไม่ถูกปากถูกใจผมจะเป็นยังไงนะ

               เฮ้อ...

               ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ข่มตาหลับเพื่อเก็บเป็นพลังในวันรุ่งขึ้น จะให้ทำอะไรก็ทำ ตอนนี้ยังไหว… แล้วผมก็เข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว



               ซ่า!

               ผมตื่นไปซื้อวัตถุดิบตั้งแต่เช้า โชคดีที่แถวนี้มีตลาดสดอยู่ผมจึงได้ของครบถ้วนตามที่ต้องการ อาการก็ไม่ได้แย่มากมายแค่ยังตัวรุมๆ ออกแรงสักหน่อยก็สดชื่นขึ้น

               เมนูเช้านี้เป็นไข่เจียวมะเขือเทศ ผัดพริกแกง และแกงมะระครับ ตอนไข่เจียวลงมันก็มีเสียงหน่อย ใส่ตอนน้ำมันเดือดๆ จะได้ฟูกรอบน่าทาน น้ำมันท่วมๆ จะได้ไม่อมน้ำมัน พี่เขามีแค่กระทะไฟฟ้าหน้าตามันอาจจะไม่เหมือนอุปกรณ์พร้อมแต่รสชาติคงไม่ต่างกันเท่าใดนัก

               กลิ่นไข่ทอดหอมฟุ้ง ทั้งสามร่างบนเตียงเริ่มมีปฏิกิริยาแต่ยังไม่ตื่นกันครับ จนเมนูต่อมาผัดพริกแกงนี่แหละ

               “แค่กๆๆ ใครทำอะไรวะ!” ให้ตายสิ ทำไมต้องเป็นพี่แม็กที่ตื่นก่อนเพื่อนนะ

               ผมพยายามเลื่อนประตูปิดอีกนิดแต่มันสุดแล้วครับเพราะผมล่ามปลั้กมาจากในห้องแล้วทำอาหารนอกระเบียง ช่องแคบๆ นั้นกว้างพอที่อานุภาพแห่งเครื่องเทศจะสามารถเล็ดลอดไปปลุกเจ้าของห้องได้ ทำไงได้ก็มันต้องทำนี่ สั่งเองแล้วอย่ามาบ่น

               “ไอ้เตี้ย! มึงทำบ้าอะไร!”

               “มื้อเช้าครับ จะเสร็จแล้วครับ” ไม่รู้ทำไม ผมนึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วรู้สึกกรุ่นๆ ในใจอยากกวนโมโหเขาก็ไม่รู้ สงสัยผมจะมาโซมั้ง

               “แค่กๆ ทำไมมันฉุนงี้วะ!” จิ๊! เสียงดัง

               “มันเป็นพริกแกงครับ”

               “...”

               ฉ่าๆ

               “กวนตีน” เขาเปิดประตูเพื่อเอามือมาผลักหัวผม แม้จะยังหยาบคายอยู่แต่ก็รู้สึกได้ว่าเขาเย็นลงนิดๆ

               พี่แม็กหายเข้าไปในห้องน้ำขณะที่พี่พอลกับพี่เมษเริ่มลุกขึ้นบิดขี้เกียจ เมื่อคืนนอนกันไปได้ไงไม่รู้ ผู้ชายตัวใหญ่สามคน เตียงก็ประมาณห้าฟุตเอง

               ผมยกจานชามไปวางบนโต๊ะญี่ปุ่นกลางห้อง จัดเตรียมอุปกรณ์ให้พอดีสามคน ด้วยความที่โต๊ะมันเล็กผมจึงวางกับไว้ข้างบนส่วนจานเปล่าตั้งรอพวกเขาพร้อมข้างๆ ที่นี่ไม่มีหม้อหุงข้าวผมเลยต้องซื้อข้าวสวยมาให้เผื่อๆ เลยหกถุงเพราะดูจะกินจุกันทั้งนั้น และไม่ลืมชงกาแฟแก้แฮงค์ไว้ให้ด้วย

               เรียบร้อยผมก็มานั่งรอแถวนั้น พี่เมษมาคนแรก เขายกกาแฟขึ้นซด ผมก็แบ่งข้าวใส่จานให้รอ พอเสิร์ฟให้พี่เขาพี่พอลก็ตามมาติดๆ ผมทำแบบเดิม

               “ทำเอง?” อ้าว เมื่อคืนพี่บอกผมไม่ใช่เหรอครับ

               “กูยังไม่หายโกรธมึงนะไอ้เตี้ย แต่กูจะลดโทษให้กึ่งหนึ่งเพราะกาแฟมึงอร่อย” ถ้าพี่ชิมกับข้าวผมผมว่าพี่ยกโทษให้ผมเลยล่ะพี่พอล เรื่องทำอาหารผมมั่นใจมากๆ

               แล้วพี่แม็กก็ตามมา สมาชิกครบแล้วพวกเขาก็จับช้อนส้อมเตรียมพร้อม พี่แม็กทำท่านึกอะไรได้จึงบอกว่า

               “ทำไมมึงไม่กิน ไม่ได้วางยาพวกกูใช่มั้ย” ความคิดเด็กมาก แต่ที่เด็กกว่าก็คือคนที่วางช้อนตาม

               “...ผมกินด้วยนะครับ” ไม่รออนุญาตผมถือว่ามันเป็นคำชวนแล้วกัน หิวแล้วด้วย ผมเอาจานมาอีกชุด เทข้าวนิดหน่อยก็ตักกับทั้งสามอย่างใส่จานอย่างละคำให้เห็นจะๆ แล้วตักใส่ปาก พวกเขาดูวางใจจึงเริ่มทานบ้าง แต่ปัญหาก็มาอีก

               “ไม่มีผักอย่างอื่นหรือไงวะ กูไม่ชอบมะระ” ครับ เจ้าเดิม

               “แม่งขมจะตายเอามาทำกับข้าวได้จริงเหรอวะ” พี่พอล พี่อยู่เมืองไทยมากี่ปีแล้วครับ

               “มันไม่ขมเหรอวะ...” พี่เมษใจกล้าที่สุดลองสับชิ้นเล็กเข้าปากตามผมดูแล้วเงียบไป ที่เหลือรอดูปฏิกิริยาอย่างใจจดใจจ่อ

               “...”

               “...”

               “...เชี่ย...มึงต้องลอง” เขาเบิกตาขึ้นก่อนจะตักคำเล็กๆ ใส่จานของเพื่อน ทั้งสองจำต้องทำตาม ผมทำเป็นไม่สนใจแล้วกินส่วนของตัวเองไปเรื่อยๆ แต่ก็แอบลุ้นอยู่เหมือนกัน

               “เฮ่ย!”

               คนผิวเข้มเรียกเสียงต่ำ ผมตกใจหูได้ยินตัวเองสบถไปหนึ่งคำเบาๆ ดีที่ยั้งไว้ทัน

               “ทำไมมันไม่ขมวะ” ผมรู้ว่าพี่อยากถามว่าทำไมอร่อยมากกว่าแต่ปากแข็ง

               “ใช้เกลือดูดความขมครับ” นัยตายังคงมีความงงงวยหลงเหลืออยู่ ผมจึงร่ายยาว เขาก็กินไปฟังไป ดูเหมือนอาหารถูกปากจะทำให้พวกเขาลืมวีรกรรมเมื่อคืนไปแล้ว

               “ผมล้างมะระให้สะอาดก่อนแล้วโรยเกลือลงไป คลุกให้ทั่วทิ้งไว้ให้เกลือมันล้างขมออกแล้วค่อยล้างน้ำเปล่าอีกที่ ตอนต้มก็ต้องต้มให้สุกๆ บลาๆๆ”

               กว่าผมจะแลกเชอร์จบกับข้าวก็เกลี้ยงทุกอย่างแล้วครับ ไม่เหลือแม้แต่น้ำมะระ บอกแล้วไง เรื่องอาหารผมภูมิใจมาก นึกอยู่นะว่าเขาอาจจะแกล้งบ่นแล้วทิ้งกับข้าวผม ถ้าทำจริงผมจะเสียใจยิ่งกว่าโดนต่อยอีก แต่ฝีมือซะอย่าง

               “แหม พอได้พล่ามเรื่องทำอาหารหน่อยหน้าระรื่นเลยนะมึง ไอ้หน้าตูดเมื่อตอนเช้าไปไหนวะ” อืม อารมณ์ดีขึ้นจริงๆ ด้วย ต่างคนต่างลืมเรื่องบาดหมางเมื่อคืนเพราะเสน่ห์ปลายจวักของผม ผมเองที่ตึงๆ หัวคิ้วตั้งแต่เช้าก็เฉยๆ แล้วครับ ผมมันหายโกรธเร็ว แต่ขี้แยนะครับ

               พี่เมษยิ้มให้ คงยินดีที่ผมผ่านมันไปได้ ผมจะจำไว้เลยว่าถ้าพวกเขาอารมณ์ไม่ได้จะทำกับข้าวอร่อยๆ มาเซ่น

               เก็บถ้วยจานไปล้างตามหน้าที่ พี่พอลกลับไปแล้ว เห็นบ่นๆ เรื่องมือถือว่าจะไปขอแม่ซื้อเครื่องใหม่ จะว่าไปพี่เขายังดูตึงๆ กับผมอยู่นะ พี่แม็กไม่เห็นว่าอะไรเลย

               “เฮ่ย ไปอาบน้ำแล้วไปซื้อโทรศัพท์ให้กู”

               ซะที่ไหนล่ะ

               เฮ้อ… นั่นสิ ทำของเขาพังก็ต้องชดใช้ ถึงพี่เขาจะแกล้งผมแรงแค่ไหนก็ไม่เคยทำลายข้าวของผมนี่เนาะ แต่จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อให้เขากันล่ะ ตัวช่วยอย่างพี่เมษก็เพิ่งกลับไปเอง… ต้องลองเจรจาก่อน

               ผมเก็บจานเข้าชั้นแล้วไปยืนข้างๆ เขาที่นั่งเอามือยันพื้นดูทีวี “พี่ฮะ ผมขอโทษเรื่อโทรศัพท์นะฮะ แต่ว่า… ผม ไม่มีเงิน...”

               “กูจะรูดไปก่อนมึงก็ผ่อนให้กู”

               “...ครับ”

               พูดไม่ทันจบดีพี่เข้าก็วางแผนการเงินให้เรียบร้อย ตามนั้น เขากำลังอารมณ์ดีผมไม่อยากไปขัด แล้วผมก็ไปเตรียมตัวครับ



               ผมเดินเร็วกึ่งวิ่งตามหลังคนขายาวที่ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีตั้งแต่ออกจากร้านมือถือมา ผิดกับผมที่ทำหน้าเซ็ง หมันไส้มากครับ พี่แกดันเลือกรุ่นใหม่และแพงกว่าของเก่าทำเอากระเป๋าสตางค์ผมน้ำตาไหลซิกๆ ก็ยังดีที่เขาไม่เอาตัวท๊อป แต่ราคามันก็ราวๆ สองหมื่นนิดๆ แล้ว พี่เขารูดบัตรแล้วเอาใบเสร็จใบรับประกันต่างๆ นานาให้ผมเก็บไว้

               ดีที่เขารูดได้สิบเดือน 0% ก็จ่ายเขาไปเดือนละสองพันกว่า เรื่องเงินผมไม่ค่อยขัดสนเท่าไหร่ ยังขอทางบ้านได้ถ้าตัวเลขไม่มากเกินความจำเป็น ผมแค่ไม่ชอบพกทีละเยอะๆ เท่านั้นเอง สิบเดือนนี้ผมก็จะแอ๊บว่าต้องจ่ายค่ารายงานเอาก็ได้ครับ ลืมหรือยังว่าบ้านผมมีฐานะ

               เขาดูอารมณ์ดียิ่งขึ้นเมื่อผมเลี้ยงไอติมอีก (ก็บังคับจ่ายทางสายตาเช่นเคย) จากการที่ได้เดินห้างกับเขากว่าสี่ชั่วโมง (ขาลาก) ผมเริ่มจับทางเขาได้นิดนึงว่าทำอย่างไรถึงจะไม่โดนฟาดงวงฟาดงาใส่

               หนึ่ง ห้ามขัด ไม่ว่าอะไรก็ตามและต้องเดาให้ออกว่าเขาต้องการอะไรด้วย (บางทีเขาแค่ถอนหายใจ ผมจะไปรู้ได้ไงว่านั่นคือผมต้องไปกดลิฟท์ เลยโดนโบกไปหนึ่งที)

               สองคือต้องเร็ว สั่งปุ๊บทำปั๊บห้ามยืนงงไม่งั้นจะโดนเตะก้น แบบเตะจริงๆ ไม่ใช่ทุ้งให้พอรู้สึกตัว

               สุดท้ายและสำคัญที่สุด ทุกอย่างที่เขาต้องการ… ผมจ่าย

               โชคดีที่พี่แม็กไม่ใช่ขาช้อป แต่ของกินจะถี่หน่อยและก็ไม่ใช่พวกนั่งกินในร้าน แค่ครึ่งเช้าผมหมดไปกว่าสามพันจึงขออนุญาตเขาไปกดเพิ่มสำหรับมื้อเที่ยง เงินในบัญชียังเหลือเฟือ อย่างที่บอก บ้านผมรวย

               ผมทรุดนั่งกับเก้าอี้อย่างหมดแรง พอขาได้พักมันเหมือนกับลอยบนอากาศ ท่อนล่างไร้ความรู้สึกชั่วขณะ แต่เดี๋ยวมันจะหนักจนลุกไม่ไหวเลยล่ะครับ เราอยู่ที่ร้านอาหารญี่ปุ่น พี่เขาเดินฉับๆ นั่งแล้วก็สั่งๆๆ ผมแค่รอเฉยๆ ไม่สั่งเพิ่มเพราะยังรู้สึกตึงๆ ท้องอยู่ ปกติผมไม่กินข้าวเช้าครับ มันไม่ดีต่อสุขภาพผมรู้แต่มันเป็นนิสัยไปแล้ว ไม่ดีเลยนะครับ เช้านี้จัดไปเยอะด้วยเลยยังใส่อะไรเข้าไปเพิ่มไม่ไหว

               ผมชอบเวลาเขากิน เพราะมันทำให้ปากเขาไม่ว่างมาด่าผม แล้วท่าทางการกินอย่างเอร็ดอร่อยก็ดูน่ารักดี เหมือนเด็กเลย

               “กวนตีนกูเหรอไง” เขาเงยหน้าจากอาหารตรงหน้ามาก็ว่าผมเสียงเขียว ไรอ่า ผมยังไงทันทำอะไรเลยนะ

               “ฮะ?”

               ซ่า!



MAGNUM

               ดีจริงๆ ชีวิตโคตรดีสุดๆ เกิดมาก็หน้าตาดี กีฬาก็เก่ง มือถือก็มีคนผ่อนให้ อยากกินอะไรก็ให้ไอ้เตี้ยเลี้ยง ฮ่าๆๆ หลังจากมื้อเช้าฝีมือไอ้จืดคหกรรม (ยอมรับว่าโคตรพ่อโคตรแม่อร่อยเลย ถ้ามึงเป็นผู้หญิงกูว่าหน้าบ้านๆ ก็ได้ผัวดีเถอะ) ผมก็ออกมาช้อปปิ้งกับเจ้าหนูกางเกงในเฉิ่มกะจะให้มันชดใช้ที่เมื่อคืนบังอาจมาพังโทรศัพท์ของผม (กูขอแม่ตั้งนานกว่าจะได้นะเว้ย)

               ไม่อยากเชื่อว่ามันจะยอมออกให้จริงๆ ลองแกล้งเลือกรุ่นแรงๆ มันก็ไม่ว่าอะไร แถมจ่ายงวดแรกให้เป็นเงินสดเลยอีกด้วย ที่ไอ้พอลบอกว่าบ้านมันรวยท่าจะจริง ก็ดี จะได้ถลุงมันโดยไม่รู้สึกผิด (กูรู้จักคำนี้ด้วย? ฮ่าๆๆ) ว่าแล้วก็ใช้มันซื้อนู่นซื้อนี่ให้ ของกินทั้งนั้น พอดีผมคนชอบกิน ไอ้นี่ก็ตลก แค่ทำถลึงตาใส่ก็หางจุกตูดแล้ว

               เที่ยงผมอยากอาหารญี่ปุ่น อยากกินซาชิมิโบกวาซาบิพูนๆ นึกแล้วเปรี้ยวปากเลี้ยวเข้าร้านเฉย นั่งได้ก็สั่งๆๆ มันก็นั่งเงียบๆ จัดถุงขนมก๊อกแก๊กๆ เวลามันทำตัววุ่นๆ กับเรื่องไม่เป็นเรื่องดูเหมือนหนูแฮมส์เตอร์คุ้ยหาเมล็ดทานตะวันใต้กองขี้เลื่อยเสียจริงๆ

               ผมกินไปอย่างเอร็ดอร่อยไม่สนใจคนตรงหน้า แต่สายตากลับเห็นมันทำยึกยักๆ เดี๋ยวยักไหล่ เอียงคอ ปากอ้าพะงาบๆ ตามผม พอเงยหน้าไปมองมันก็หยุดแล้วทำหน้างงใส่ พอดินต่อสักพักมันก็ทำอีก แบบนี้จงใจกวนตีนกูชัดๆ

               ถลึงตาใส่เป็นความหมายเชิงให้หยุด มันหงอไป… แค่แป๊บเดียว “กวนตีนกูหรือไง” โมโหมาก ผมไม่ชอบให้ใครมาล้อเลียน ไอ้เด็กนี่ก็เหมือนไม่กลัว แล้วทำหน้าที่แม่งกวนตีนกว่าเมื่อกี้แบบว่าทำซื่อใส่

               “ฮะ?”

               มึง! คำตอบนั่นก็กวนตีน ผมโคตรโมโห รำคาญหน้ามึนๆ นั่นเลยสาดชาเขียวใส่

               ซ่า!

               น้ำเปียกตั้งแต่ผมไหลย้อยจนย้อมเสื้อสีอ่อนของมันจนอมสีเขียว รู้งี้กูสั่งชาเขียวร้อนก็ดี หน้าใสๆ นั่นแม่งจะได้เสียโฉมดูซิมันจะไปกวนตีนใครอีกมั้ย

               แล้วก็ตามเสต็ป แม่งต้องทำตาแดงๆ น่าสงสารตายห่า อยากลองของก็เอาให้สุดสิวะ ไม่ใช้พอสู้ไม่ได้จะลงไม้ลงมือเข้าหน่อยก็บีบน้ำตา คนอื่นอาจหลงกลมึงแต่กูไม่ว่ะ ไหนๆ มึงก็อยากร้องนักกูก็จะจัดให้ กูมันทำอะไรทำให้สุดอยู่แล้วไม่เหมือนมึง

               “ผม… ไปห้องน้ำนะครับ” ทำเป็นเสียงอ่อย มันเลือกที่จะหนี ได้ กูจะปล่อยมึงไปก่อนไว้แดกเสร็จมึงโดนแน่

               ก่อนลุกออกไปมันล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมาวางไว้บนโต๊ะ อย่างน้อยก็รู้งาน เห็นมันเดินวนไปทางห้องน้ำจริงๆ ผมถึงกินต่อพลางหยิบกระเป๋ามันมาค้นดู ในนั้นมีบัตรอยู่หลายใบวงเงินน่าจะสูงอยู่ สีสวยเชียว หยิบแบงค์พันออกมาสองใบยัดใส่กระเป๋ากางเกง ไม่ต้องห่วงมันเหลืออีกเยอะ ไหนขอดูบัตรประชาชนมึงหน่อย ...ฮ่าๆ โคตรเด๋อ ใส่โปโลสีชมพูถ่ายบัตรเนี้ยนะ ผมทรงกะลาครอบหน้าเอ๋อๆ ยิ่งทำให้มันดูเนิร์ดยิ่งขึ้นไปอีก แถมยืนไหล่ห่อ นี่เขาไม่บอกมึงเหรอว่ามันทุเรศขนาดไหน ตากล้องก็ใจร้ายจริง ว่าแต่เพิ่งสังเกตนะ ...เตี้ยจริงๆ ขีดด้านหลังถึงแค่เลข 150 นิดๆ เอง รวมๆ คือ ชีวิตนี้หาเมียไม่ได้แน่

               ...

               ผมต้องเมาปลาดิบแน่ๆ ที่เห็นภาพไอ้เปี๊ยกขี้แยร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่ใต้ร่างผม ในมือมันกำรอบแก่นกายของผมอยู่ห่างจากหน้ามันแค่สองนิ้ว น้ำสีขาวขุ่นเปรอะเปื้อนผมเส้นเล็กย้อยผ่านตาบวมช้ำ… ถึงปากสีสด...

               !

               เวร! ผมกำลังมีอารมณ์!

               รีบจ่ายตังค์แล้วเก็บของเดินออกจากร้านไปทันที ผมเดินตามทางที่มันไปแล้วมองหาห้องน้ำที่ใกล้ที่สุด วันนี้วันหยุดคนค่อนข้างเยอะทำให้การตามหาเป็นไปอย่างยากลำบาก แล้วยิ่งตัวมันเตี้ยด้วยคงถูกกลืนไปในฝูงชนได้ง่ายๆ

               “คนเยอะชิบ” สบทกับตัวเอง คิดว่ามองหาทั่วแล้วแต่ไม่มี งั้นมันน่าจะไปเข้าห้องน้ำที่อื่น ให้ตายสิทำไมยุ่งยากงี้วะ เป้ากูก็ตุงเอาๆ ร้อนจนแทบระเบิด ในหัวคิดไปสารพัดว่าถ้าเจอหน้ามันเมื่อไหร่จะทำอะไรบ้าง

               ห้องน้ำแห่งที่สองไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่แรก โซนนี้คนบางตาลงแต่ก็ยังเยอะอยู่ดี ผมมองไม่เห็นไอ้หัวกะลาครอบเลย เบอร์มันก็ลืมเมมไว้ ผมยิ่งหงุดหงิดเมื่อคิดว่ามันแอบกลับไปแล้วแน่ๆ จึงรีบวิ่งไปทางลานจอดรถเพราะที่นั่นจะทะลุไปป้ายรถเมล์ที่ใกล้ที่สุดได้

               นอกห้างติดกับลานจอดรถมีห้องน้ำเช่นกัน ข้างนอกนี้มักจะปลอดคนเพราะการดูแลและบรรยากาศของห้องน้ำไม่ดีเท่าด้านใน ราวกับมีอะไรมาดลใจให้ผมคิดว่าไอ้เปี๊ยกต้องอยู่นี่แน่ๆ

               นั่นไง!

               ในห้องน้ำชายมีห้องส้วมสามห้อง โถปัสสาวะ และอ่างล้างมือ ที่นั่นมีร่างเล็กของคนที่ผมกำลังตามหา มันกำลังใช้กระดาษซับน้ำตามใบหน้า เสื้อผ้าเปียกชื้นมีรอยสีเขียวจางๆ สันนิษฐานว่ามันน่าจะซักเสื้อไปก่อนหน้านี้ ผมเดินไปยืนซ้อนด้านหลัง มันสะดุ้งสุดตัวทันทีที่เห็นผม

               “พ พี่!”

               ปึ่ก

               โครม!

               เหวี่ยงสารพัดถุงกองไว้บนอ่างสักมุมแล้วผลักมันจนร่างบอบบางกระแทกผนัง มันหน้าแหยแกตัวคู้เหมือนจุกแต่ผมไม่สน สิ่งเดียวที่ต้องการตอนนี้คือจัดการกับส่วนล่างที่ยิ่งพองคับขึ้นเมื่อเห็นมันผ่านชุดเปียกชื้น เสื้อบางๆ ลู่ติดกับยอดอกชูชันชัดเจน ไม่รอให้มันตั้งตัว ผมโยนมันเข้าไปในห้องน้ำห้องในสุดแล้วตามประกบทันที เมื่อเราเข้ามาได้ทั้งคู่ก็ลงกลอน กดมันนั่งลงกับชักโครกที่ปิดฝาไว้

               มันทำหน้าตื่นตระหนกเมื่อผมแก้เข็มขัดแล้วรูดซิปกางเกง งัดเอาแก่นกายใหญ่โตออกมาอย่างรีบน้อน “พี่ครับ! พี่จะทำอะไร-”

               “หุบปาก!”

               “...”

               พูดมาก เสียงเล็กๆ ที่สั่นเครือฟังรำคาญหูเสียจริง ต้องให้ขึ้นเสียงถึงจะเงียบปากได้ ผมดึงมือมันมากำรอบแท่งเอ็นร้อน มันขืนไว้แต่สู้แรงผมไม่ได้ ในที่สุดสัมผัสนิ่มของอุ้งมือเล็กก็ทำผมเกือบเสร็จพร้อมภาพในจินตนาการ

               “ฮือ...”

               แม่งเอ้ย! ร้องอีกแล้ว!

               “เงียบ! รูดไป เหมือนเวลามึงเงี่ยนแล้วช่วยตัวเองนั่นแหละ เร็วดิสัด”

               มันส่ายหน้า แม่งอะไรของมันอีกวะ อย่าบอกนะว่าไม่เคยทำ ให้ตายสิอ่อนชิบหายเลย เออ! กูสอนมึงเอง

               “กำแน่นๆ แล้วรูดแบบนี้… เออ ทำต่อไป ซี้ดดด อาาา เป็นแล้วนี่หว่า”

               ผมปล่อยให้มันทำเอง สั่งให้มันเร่งจังหวะมันก็ทำตามอย่างว่าง่ายทั้งน้ำตา ดูท่ามันจะกลัวผมด้วยถึงได้สั่นเป็นลูกนกขนาดนี้ มือนิ่มเคลื่อนไหวอย่างเงอะงะคงไม่ทำให้ถึงฝั่งได้ จึงให้มันเปลี่ยนท่า

               “ลุกขึ้น ถอดกางเกงออก”

               “!”

               “เร็วๆ ไอ้สัด” ตบหัวทุยไปที ทั้งรำคาญและหงุดหงิดที่แม่งลีลาอยู่นั่น จะถอดจะขยับก็ช้าเป็นควายเคี้ยวเอื้อง กูไม่รอแม่งแล้ว! จับมันถอดทีเดียวทั้งชั้นนอกชั้นในแล้วจับมันหันหลังคุกเข่าบนชักโครก เหมือนรู้ชะตากรรมมันยิ่งฟูมฟายเสียงดัง

               ผัวะ

               ตบหัวไปอีกที “มึงจะร้องอะไรนักหนาวะไอ้ห่า อยากให้คนข้างนอกได้ยินใช่มั้ยว่าเราทำอะไรกัน” พูดจบมันรีบเอามือปิดปากกลั้นสะอื้นไว้

               จัดท่ามันให้หนีบขาชิดๆ กันแล้วสอดแก่นกายไปที่หว่างขา เนื้ออ่อนเสียดสีให้รู้สึกเสียววาบ จากมุมนี้ผมเห็นสะโพกมนชัดเต็มตา ต้นขาด้านในของมันบีบส่วนกลางของผมแน่นทว่าผิวเรียบลื่นกับเนื้อนุ่มๆ ให้ความรู้สึกดีได้ เสียดายที่ไม่ได้เห็นหน้ามัน ไม่รู้ว่าจะเหมือนที่จินตนาการไว้หรือเปล่า แค่คิดผมเร่งจังหวะเร็วขึ้นจนได้ยินเสียงกระทบกัน ลองปรับองศาเล็กน้อยก็รู้สึกว่าโดนกับของมันที่อ่อนตัว ตอนที่ของผมไปโดนมันสะดุ้งครางในคออย่างน่ารัก ปฏิกิริยานั้นเชิญชวนให้เน้นถูโดนของมันมากขึ้นจนมันเริ่มกลั้นเสียงไม่ไหว

               “ของใครวะ”

               !!!

               มีคนมาเข้าห้องน้ำ ได้ยินเสียงฝีเท้าผ่านด้านหลังไปสองคู่กับประโยคสนทนาถึงถุงของผมที่กองอยู่ด้านนอก ไอ้ตัวเล็กหันมามองผมแล้วจะลุกหนีไป ใครจะยอมล่ะ ยิ่งตื่นเต้นแบบนี้ก็ยิ่งสนุกสิ ผมบังคับให้มันอยู่ท่าเดิมแล้วเริ่มขยับต่อ

               “หนีบขาแน่นอีกสิ” ผมกระซิบข้างหูแดงก่ำ ขบเม้มอย่างหมันเขี้ยว มึงนี่น่ากินไปทั้งตัวเลย

               ชู่...

               มันเริ่มดิ้น ผมกอดรัดมันจากด้านหลัง จมูกซุกไซ้ตามหลังคอเจอเนินเนื้อตรงไหนพอดีคำก็ฝังรอยเขี้ยวลงไปจนผิวขาวปรากฎรอยแดงเด่นชัดขึ้นมา เสียงฝีเท้าห่างออกไปเรื่อยๆ จนเงียบไปแสดงว่าตอนนี้ปลอดคนแล้วเรียบร้อย

               อ่า… ใกล้แล้วๆ เสร็จแล้ว เร่งอีกๆ

               พั่บๆๆ

               “อึก… ฮ่าาาาา” กระตุกสองสามครั้งก็ปลดปล่อยน้ำกามออกมาไหลเลอะเต็มขาเนียน

               ไอ้ตัวเล็กฟุบหมดแรง ผมหันมันกลับก็เห็นหนอนน้อยกึ่งตั้งกึ่งอ่อนที่กลางลำตัว

               “มึงแข็งด้วยนี่ มีอารมณ์เพราะทำกับกูหรือว่าตื่นเต้นที่มีคนอื่นอยู่นอกจากเรากันล่ะ หา… โรคจิตจริงๆ เลยนะ” มันส่ายหัวกับคำล้อเลียน ผมเปลี่ยนตำแหน่งนั่งลงบนชักโครกแล้วยกมันมานั่งซ้อนตัก จับของมันรูดรั้งเล่น มันสะดุ้ง

               “มึงนี่มันเล็กไปหมดทุกส่วนเลยนะ… มา กูจะทำให้มันใหญ่ขึ้นเอง ดีมั้ย”

               “ม… อื้อ! ไม่เอา พี่ฮะ ปล่อย”

               ไอ้เด็กนี้เวอร์จิ้นบริสุทธิ์ผุดผ่อง หัวยังไม่เปิดเลยด้วยซ้ำ ผมรั้งหนังบางลงเผยหัวสีสดน่าเอ็นดู ล้วงเอามือถือใหม่มาให้มันถือไว้แล้วเปิดแอพกล้องวิดีโอ

               “ถ่ายไว้ดูทีหลังจะได้ทำเองไง”

               มันคงรู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะต่อต้านจึงกดอัดภาพมือผมรูดขึ้นลงจนกระทั่งน้ำใสๆ ปริ่มออกมา ...สักพักมันก็เสร็จ ไอ้เตี้ยน้อยอ่อนตัวเหลือเท่าเดิมพร้อมๆ กับเจ้าของมันที่นอนหอบพิงอกผมอย่างเหนื่อยอ่อน

               ระหว่างทางกลับมันเงียบตลอดทางแถมเหม่อหน่อยๆ วันนี้พอแค่นี้ กูจะปล่อยให้มึงพักก่อนก็ได้ กลัวจะเฉามือตาย

               นานๆ ทีจะเจอของเล่นน่าสนใจก็ต้องถนอมไว้นานๆ หน่อย จริงมั้ย...


------------------------------------------------

หายไปพักนึงเลย เรื่องของเรื่องไม่ใช่ไร งานส่วนน้ ยแต่ข้าเจ้านอยไลน์ที่ทำงานมากกกกกกกก
เห็นแล้วขัดหูขัดตาขี้ไม่ออกบอกไม่ถูกอารมณ์เสียสุขภาพจิตแบ่ บอกตรงๆ นี่ไมาได้เยอะ แต่ขอร้อง

แค่ คะ กับ ค่ะ ใช้ให้ถูกหน่อยได้มั้ยยยยยย

เฮ้ยแบบ คุณระดับหัวหน้ากันทั้งนั้นนะ ขนาดลูกจ้างแม่บ้าน คนครัวที่เชื้อสายประเทศเพื่อนบ้านเขายังใช้กันถูกอ่ะ

ภาษาไทยมันเป็นเรื่องใหญ่นะ วิกฤตเลยเถอะ พิมพ์ผิดให้อภัยพลาดกันได้ ตั้งใจวิบัติเราก็เข้าใจว่าเพื่ออรรถรสในบ้างครั้ง แต่นี่ผิดจริงจังแบบใช้ผิดจริงๆ
ตัวอย่าง
พนง.- คนไข้รับใหม่โปรห้องคู่ สหวิชาชีพประเมินแรกรับค่ะ
หน.1- คะ

หน.2- ญาติคอมเพลนรสชาติอาหารและการจัดจาน ห้องอาหารรับเรื่องด้วยนะค่ะ
หน.1- คะ

อ๊ากกกกกกกกกกกกกก

อัพช้าเพราะสภาพจิตใจล้วนๆ (อ้างไปนั้น)


ncแรงไปมั้ย ไม่เนาะ นี่แค่ถูๆ กันเอง พรุ่งนี้จะรีบปั่นแต่ไม่รู้จะทันหรือเปล่านะ

ขอบคุณทุกกำลังใจ แล้วจะขยันอัพให้ อยากมีหนังสือกับเขาบ้าง
แอบวาดน้องโบไว้หลายเวอชั่นเลย ไม่ให้ดูหรอก แบร่ นางน่ารักนะ แต่เชียนไปเขียนมา เอ๊ะ ญาติอายาเสะป่าวหว่า

เอาล่ะเจอกันจอนหน้า รักทุกคนเลย ว่างๆ จะมาตอบเม้น

หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ หยาบเต็มที่ ตอน4 100% 8/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 08-10-2016 23:32:50
โดนแบบนี้. ซิ่วดีกว่ามั้ง. พวกรุ่นพี่นี่ก็นะ. คนอะไรเลวได้ขนาดนั้น. ลูกเค้ามีพ่อมีแม่. ทำไปได้
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ หยาบเต็มที่ ตอน4 100% 8/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 08-10-2016 23:47:06
แรงเต็มพิกัด
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ หยาบเต็มที่ ตอน4 100% 8/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 09-10-2016 11:35:59
ไอ้พี่นี่ติดใจน้องโบแน่ๆ มาต่อๆชอบจริงๆเลย
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ หยาบเต็มที่ ตอน4 100% 8/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 09-10-2016 12:28:14
สงสารน้องโบ แต่ชอบ อิอิ เพราะรอวันเอาคืน ฮ่าๆๆๆๆ
ลุ้นต่อๆๆ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ หยาบเต็มที่ ตอน5 50% 9/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 09-10-2016 16:56:09


-5-


               ไม่อยากตื่นเลย...

               อยากจะนอนหลับไปแบบนี้ตลอดกาล ไม่อยากตื่นขึ้นมารับรู้การมีอยู่ของเขา เมื่อวานนี้ผมกลัวมากจริงๆ เกิดมาไม่เคยถูกทำแบบนี้มาก่อนแม้แต่กับผู้หญิง ผมเคยฝันเปียกเมื่อตอนม.4 แต่ไม่เคยช่วยตัวเอง การที่มีคนที่ไม่ได้เรียกว่าสนิทกันมาทำอนาจารผมรับไม่ได้ครับ ทั้งอายและขยะแขยงแม้ว่าผมจะชอบพี่เขา แต่ก็แค่ชอบแบบชื่นชมในรูปร่างหน้าตาอยากจะเป็นแบบเขาบ้างเท่านั้น

               เมื่อวานหลังจากกลับมาเขาก็ทำทุกอย่างราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ด่าผมบ้างบางครั้ง มีตบหัวบ้างผลักผมแรงๆ บ้างอย่างเคย แล้วก็สั่งให้ผมทำนู่นทำนี่ ผมเองก็คิดว่าดีแล้วที่งานที่เขาสั่งทำให้ผมยุ่งจนลืมภาพน่าอายพวกนั้นได้ชั่วขณะ ถึงแม้ว่าการที่ถูกทำให้เสร็จด้วยมือคนอื่นจะไม่ใช่เรื่องปกติแต่หวังว่ามันคงไม่แปลกถ้าเพื่อนชายสองคนจะช่วยกันทำอย่างว่าน่ะนะ

               ผมประหลาดใจเล็กน้อยที่เขายอมให้ผมนอนบนเตียงเดียวกับเขา ตอนแรกผมไม่ยอมเพราะกลัวว่าเขาจะแกล้งอะไรอีก แต่ก็ถูกฉุดขึ้นมาและถูกขังไว้ใต้อ้อมแขนแกร่งไม่สามารถดิ้นหนีได้ เราอยู่ในท่าเขากอดผมจากด้านหลังทั้งคืน ก่อนสติจะหลุดลอยไปผมรู้สึกถึงสัมผัสเปียกชื้นลามเลียแถวใบหู ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดต้นคอ เสียงสูดดมตามซอกคอทำขนลุกซู่ มือของเขาลูบไล้รอบสะดือ ในใจคิดว่าต้องถูกทำอีกแน่ ผ่านไปสักพักเขาก็หยุด เหลือเพียงลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วผมจึงเบาใจและหลับตามไปอย่างเหนื่อยอ่อน

               ผมทำกับข้าวง่ายๆ ไว้รอเขาตื่นมา จัดโต๊ะเสร็จก็ไปทำธุระส่วนตัว เหมือนกลายเป็นกิจวัตรใหม่ทั้งๆ ที่เพิ่งอยู่กับพี่เขาได้แค่ไม่กี่วันก็เป็นอันต้องรับหน้าที่เบ๊ 24 ชั่วโมงไปโดยปริยาย ผมจะพยายามทำอะไรก็ได้ให้เขาอารมณ์ดี ยังไม่พร้อมจะเจ็บตัวตอนนี้ ไข้ก็ยังไม่หายดีผมกลัวว่ามันจะกระทบการเรียน

               หลายคนคงคิด ทำไมไม่ซิ่วหนีไปเลย ผมทำไม่ได้ครับ เพราะกว่าผมจะต่อสู้จนได้เรียนคณะที่ชอบได้ก็หมดน้ำตาไปหลายลิตร คุณพ่อเขาอยากให้ผมเรียนเกี่ยวกับธุรกิจเพื่อเป็นหน้าเป็นตาแต่ว่าผมรักการทำอาหาร ผมฝึกฝนอย่างหนัก ลองผิดลองถูกจนชนะใจคุณพ่อได้ ในวันที่เขาจะตัดสินว่าผมจะได้เรียนต่อที่ไหน เขาให้เชฟที่รู้จักกันมาเป็นกรรมการชิมอาหารฝีมือผม โชคดีที่สอบผ่านผมจึงได้เรียนในสิ่งที่รัก แล้วอยู่ๆ จะให้ผมซิ่วไปที่อื่นคุณพ่อได้เอาผมตายแน่ สรุปคือผมต้องทนต่อไป นี่พี่เขาก็ปีสามแล้วอย่างมากก็แค่สองปีที่ต้องทนเป็นที่รองมือรองเท้า แต่ถ้าโชคดีผมอาจจะเป็นอิสระเร็วกว่านั้นก็ได้ สองปีมันเร็วจะตายไป… ถึงแม้ว่าหกวันที่ได้เจอกันมันจะยาวนานราวสิบปีก็ตาม

               ได้ยินเสียงทีวีแว่วมา ผมออกจากห้องน้ำก็เห็นพี่เขานั่งกินข้าวกับพื้นตามองทีวีที่กำลังฉายรายการการ์ตูนช่วงเช้าอยู่ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีมุมน่ารักเหมือนกัน เขาดูอารมณ์ดีทำให้ผมโล่งใจไปเปราะหนึ่ง ขอให้คงที่แบบนี้ตลอดวันนะครับ

               “เตี้ยมานี่ดิ๊” เขาเรียก ก่อนที่จะเดินไปหาผมสังเกตเห็นว่าเขายังไม่มีน้ำดื่ม จึงบอกไปเบาๆ แล้วไปคั้นน้ำส้มสดๆ ที่ซื้อติดมาเมื่อวาน ลืมไปได้ยังไงเนี่ย

               “แป๊บนะครับ”

               ผมวางแก้วน้ำส้มบนโต๊ะ รอว่าเขาจะสั่งอะไรอีก กินเสร็จพอดี ดีใจที่เห็นเขากินอาหารฝีมือผมจนเกือบหมดเพราะผมทำเยอะพอสมควร ขณะที่ตาก็ยังจดจ่อกับการ์ตูน เขาดึงผมไปนั่งบนตัก

               “อ๊ะ!”

               “นิ่งๆ”

               “...”

               แค่นั้น? เขาแค่กอดผมไว้หลวมๆ มือหนึ่งเอื้อมไปหยิบน้ำส้มมาดื่มแล้วดูทีวีต่อ ผมนั่งตัวเกร็งแทบเป็นตะคริวกลัวจะพลาดทำอะไรไม่ถูกใจอีก ที่แน่ๆ ต้องเก็บมือเก็บปากให้สงบเข้าไว้

               “มึงแดกแล้ว?” หือ… ถามผมเหรอ

               “ฮะ?... ยังครับ”

               “ทำไมไม่กิน”

               “...ผมไม่กินข้าวเช้าครับ”

               “ไม่กิน? ไม่เคยกินเลย? ได้ที่ไหนล่ะสัด มื้อเช้าสำคัญนะเว้ย”

               ผมจะดีใจมั้ยที่พี่เป็นห่วง แต่คำพูดกับน้ำเสียงถ้าปรับได้พี่นี่ชนชั้นสูงเลยนะฮะ พี่แม็กเลิกสนใจทีวีแล้วหันมาดีเบทกับผมแทน

               “เพราะไม่กินข้าวเช้ามึงเลยสมองช้าแบบนี้ไง กูถามจะตอบทีแม่งเอ๋อไปสามวิแบบเนียะ ต่อไปมึงต้องกินมื้อเช้าด้วย”

               “...ต”

               “นั่นไง ขนาดจะเถียงยังช้า” อะไรอ่ะ ผมว่าพี่งี่เง่าเองมากกว่า ไม่พูดหรอกครับผมยังอยู่บนตักเขาอยู่

               “อ่า… แต่… ผมเคยลองแล้วมันปวดท้อง” ครับ ถ้ากินเยอะเหมือนมื้ออื่นๆ ผมจะรู้สึกไม่สบายตัว เมื่อวานนี้ดีที่ไม่เท่าไหร่

               “ก็ค่อยๆ เพิ่มสิ เอ้า! ไข่ที่เหลือมึงกิน น้ำส้มด้วย”

               พี่แม็กเอาแขนรัดตัวผมกันดิ้นหนีข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างตักไข่เจียวที่เหลือครึ่งจานมาจ่อปากผม ผมกลัวเขาไม่พอใจแล้วจะลงไม้ลงมือเลยอ้าปากรับไป

               “เมื่อวานแม่งแย่งกูแดก ทีงี้มาทำสำออย” เขาป้อนต่อเรื่อยๆ จนหมดทั้งไข่เจียวและน้ำส้มอีกเกือบครึ่งแก้ว แค่นี้ก็อิ่มจะแย่แล้วครับจน...

               “เอิ่ก!”

               อ๊า! น่าอายที่สุด ผมเรอออกมาสั้นๆ เอามือปิดปากไม่ทัน พี่แม็กถึงกับผงะเลยครับ ผมเองยังตกใจเลย

               “อุ๊บ ฮ่าๆๆ เชี่ย ทุเรศชิบหาย ฮ่าๆๆ”

               เชิญหัวเราะให้ขาดใจไปเลย ไม่เคยเห็นคนเรอหรือไง ไม่ใช่เรื่องตลกน่ะ ผมทำหน้ายุ่งมองเขาตาเขียว พยายามบ่งบอกทางสายตาว่าผมโกรธจริงๆ นะ นิสัยไม่ดีเลยเอาเรื่องธรรมชาติมาล้อเลียนแบบนี้

               “นี่ๆ ดูกูนี่… อึก… เออะ เอิ่กกกกก! ฮ่าๆๆ” เขาดูสนุกมากเล่นเป็นเด็กเลย แข่งกันเรอเนี่ย

               “น่าเกลียด”

               “กล้าว่ากูน่าเกลียดเหรอ ตัวเองเริ่มก่อนแท้ๆ” ผมเริ่มตรงไหน มันเป็นกลไกทางธรรมชาติไม่ได้จงใจให้มันเกิดอย่างพี่เสียหน่อย ผมทำหน้าแหยงๆ ใส่ “อะไร! รังเกียจไง กูจะเรออัดปากมึง มานี่”

               เขาจับหน้าผมหันไป แล้วประกบปากลงมาทาบทับปากผม ดวงตาเบิกกว้างอย่างคาดไม่ถึง โลกพลันหมุนช้าลงราวกับเปิดโหมดสโลว์ ริมฝีปากหยาบแห้งยังมีกลิ่นส้มจางๆ รสชาติเปรี้ยวอมหวานสัมผัสลิ้น ความแฉะชื้นของเราแตะกันเบาๆ แล้ว...

               “เอิ่กกกกก”

               “อื้อ! แหวะ!” อ้าก! พี่แม็กเอาจริงเหรอเนี่ย! น่าเกลียดที่สุด ทุเรศ คนบ้า!!! แต่คงจะถูกใจพี่แกเอามากๆ ถึงได้หัวร่องอหงายจนดึงผมล้มลงนอนตะแคงกับพื้นด้วย

               “ฮ่าๆๆ”

               คิก! ตลกดี ท่าทางนั้นทำผมหัวเราะตาม เรานอนตะแคงหันหน้าเข้าหากันทำให้ผมสามารถสำรวจใบหน้าหล่อเข้มได้ชัดเจน สังเกตเห็นลักยิ้มข้างขวามันบุ๋มลงไปน่ารักดี เวลาเข้าหัวเราะทุกอย่างดูสดใสไปหมด มันมีชีวิตชีวามีเสน่ห์ดึงดูด ไม่แปลกใจเลยที่จะมีสาวๆ มาหลงรวมทั้งผู้ชายบางคนด้วย

               ...

               เขาหยุดหัวเราะแล้วนอนมองตากัน ดวงตาสีดำสนิทสะท้อนภาพใบหน้าของผมราวกับส่องกระจก ระยะห่างค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ ในที่สุดปลายจมูกของเราก็แตะกันเบาๆ

               !

               ทันใดนั้นพี่เขาก็สะดุ้งผละออกห่าง เขาผุดลุกขึ้นแล้วหยิบกุญแจเดินไปทางประตูเสียดื้อๆ ปล่อยผมให้นอนงงกับความปุบปับนั้น เขาพูดโดยไม่หันมามองแล้วปังประตูตามหลัง

               “ม… ล้างจานให้กูด้วย”



50%ก่อน ได้แค่นี้อ่ะ


หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ หยาบเต็มที่ ตอน5 50% 9/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-10-2016 17:49:36
ถ้าได้รู้จักชีวิตน้องทุกแง่มุมไอ้พี่แม็กมันจะสงสารน้อง และรู้สึกผิดบ้างไหม
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ หยาบเต็มที่ ตอน5 50% 9/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-10-2016 17:59:32
โบ จะมีโอกาสหายจากโรคติคส์ มั้ยเนี่ย
อยากให้โบหายจากโรคนี้ แล้วเปลี่ยนโฉม
ดูสิ คนที่ดูถูก รังเกียจ จะเหวอสักแค่ไหน
เมื่อไหร่พี่แม็ก จะรู้สักทีว่า โบเป็นโรคไม่ใช่แกล้งกวนตีน
คนอ่อนแออย่างโบนี่ จะกล้ากวนตีนคน ให้เจ็บตัวทำไม
พี่แม็ก แกล้งๆ โบเนี่ย ถูกใจโบแล้วใช่ไหม
แถมโบมีฝีมือทำอาหาร  เริ่มชอบแล้วละสิ
แต่ที่ให้โบจ่ายเงินเนี่ย ไม่ค่อยดีนะ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ หยาบเต็มที่ ตอน5 50% 9/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 09-10-2016 18:01:42
จะไม่ม่าแล้วชิป้ะ จะเริ่มหวานแล้วมั้ย

อย่าม่าเลย แต่เดาว่าม่าแน่ๆ  :katai1:

หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ หยาบเต็มที่ ตอน5 50% 9/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 09-10-2016 18:31:29
ตอนนี้มี ฮ่า ลุ้นต่อๆๆ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ หยาบเต็มที่ ตอน5 50% 9/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 12-10-2016 16:35:06


ที่เงียบหายไม่ได้ไปไหน แอบไปวาดน้องมา
ไม่ได้วาดนานแล้วไม่สวยอย่าว่ากันนะ

Combo, แขนใคร

(https://www.img.in.th/images/5f389b94a8ceca1da9b969ac0add9343.jpg)

หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน5 100% เพิ่มรูป 12/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 12-10-2016 22:47:01


               ปัง!

               “ไง”

               แย่แล้ว! ผมลืมโทรหาพี่เขาเลย และดูเหมือนมันทำให้เขาโกรธเอามากๆ สังเกตจากฝาล็อกเกอร์ที่ยุบลงไปด้วยกำปั้นของเขา… เฉียดหัวผมไม่ถึงนิ้วเอง น่ากลัว...

               “พ... พ... พ... พี่ครับ ค... คือ ผมขอโทษครับ ผ… ผมทำงานอยู่ ก… ก็เลย-”

               “ลืม”

               “...”

               เขาสวนก่อนที่ผมจะพูดจบ ผมยิ่งสั่นเป็นเจ้าเข้า มือไม้อยู่ไม่สุข ครั้งนี้ผมรู้สึกตัวแต่ควบคุมมันไม่ได้ โชคดีที่พี่แม็กไม่สังเกตเห็น

               ผมอยู่ที่ครัวกันจนเย็น ระหว่างช่วยบัวเก็บของก็เห็นร่างสูงยืนพิงกรอบประตู แสงด้านนอกส่องย้อนมาทำให้เห็นหน้าได้ไม่ชัด ทว่าแววตาวาวโรจน์สะท้อนราวกับดวงตาปีศาจที่หมายจะสูบวิญญาณลงสู่ความมืดมิดเสียตั้งแต่ตรงนั้น วินาทีนั้นผมเห็นทางข้างหน้าอย่างชัดเจน

               มันคือเหวนรก

               “กู บอก ให้ มึง โทร หา กู” เสียงเข้มรอดไรฟังย้ำทีละคำ ข้อแก้ตัวมากมายเพื่อเอาตัวรอดสะสมอยู่แทบล้นสมองไม่อาจกลั่นออกมาจากปากได้จึงคอยเงียบรอรับแรงอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

               “...”

               แขนแกร่งอีกข้างชกเข้าที่ฝาล็อกเกอร์ดัง ปัง! ผมถูกกักขังโดยสมบูรณ์ ผมหลบตามองทะลุอกกว้างไปแทน ไม่กล้าสบตาที่ราวกับจะกินหัวผมอยู่รอมร่อได้

               กึง กึง กึง...

               ปึ่ก!

               “โอ้ย!”

               มือที่ไม่ยอมฟังคำสั่งกำทุบล็อกเกอร์ที่พิงอยู่จนเกิดเสียงน่ารำคาญ พี่เขาคงคิดว่าผมท้าทายเขาจึงต่อยใส่ไหล่ผมอย่างแรง น้ำตาปริ่มๆ รอให้ผมระบายมันออกมาหลังจากได้ยินประโยคป้ายสีในสิ่งที่มันไม่ใช่ความจริง

               “ที่ไม่โทรเพราะมัวแต่ไปอี๋อ๋อกับผู้หญิงล่ะสิ กูเห็นนะ แหม เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย โบจ้ะโบจ๋าหยิบนั่นให้หน่อยสิ ถุย! น้ำหน้าอย่างมึงเนี่ยนะจะมีเมีย”

               “พี่อย่ามาพูดจาไม่ให้เกียรติเพื่อนผมนะ”

               “...”

               เราอึ้งไปทั้งคู่ เขาคงไม่คิดว่าผมจะเถียงเขา อย่างว่าแต่เขาอึ้งเลย ตัวผมผมยังไม่อยากเชื่อว่าจะปล่อยให้สิ่งที่อยู่ในหัวมันหลุดออกมาได้ เดี๋ยวนี้ผมมักจะหลุดคำที่คิดอยู่ในหัวออกมาบ่อยขึ้น และมันไม่เป็นผลดีเลยสักนิด

               “มีปกป้องกันด้วย?” เขาลงท้ายเสียงสูงด้วยใบหน้าเรียบเฉย

               “ป… เปล่าครับ ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะเถียงพ… พี่ ฮึก”

               “เอะอะก็บีบน้ำตาเอาตัวรอด ผู้ชายที่ไหนเขาทำกัน… มึงมันตุ๊ด”

               “...” ผมพยักหน้า ไม่ว่าอะไรก็ต้องตามเขาไปก่อน

               “มึงเอาผู้หญิงไม่ได้หรอก… หรือมึงเงี่ยนเพราะนึกถึงที่กูทำให้… เลยกะจะ...”

               “เปล่านะ!” ผมไม่ยอมให้เขาดูหมิ่นคนอื่นหรอกนะ ไม่พอใจผมก็ว่าผมคนเดียวสิ!

               “โฮ่ ค่อยแมนขึ้นหน่อย แต่จะลองกับเพื่อนเนี่ยไม่ดีเลยนะครับ”

               “ก็บอกว่าเปล่าไง อ๊ะ!”

               มือหนาตะปบที่กลางตัวผม ผมใช้แรงอันน้อยนิดผลักเขาออกไปแต่ร่างยักษ์ไม่ได้สะเทือนเลยแม้แต่น้อย แรงเค้นคลึงบีบนวดจนผมเข่าอ่อนจึงต้องเกาะเสื้อเขาไว้ไม่งั้นได้ไปกองกับพื้นแน่

               “อาห์… หยุด อ… นะ”

               เขาหัวเราะขึ้นจมูกอย่างดูแคลนในความอ่อนเดียงสาของผม จมูกโด่งซุกไซ้ใบหูและซอกคอขณะที่มือของเขาเริ่มไล้เข้าไปในกางเกง

               “เฮ้ยไอ้แม็ก มึงจะเล่นป่าวเนี่ยบอลอ่ะ หรือจะเล่นเด็กมึงเอาซักอย่างสิ”

               ผมสะดุ้งตกใจที่มีคนมาเห็น ผมผลักเขาออกได้สำเร็จในตอนเขาเผลอมองไปทางผู้มาใหม่ ผมวิ่งหนีออกจากห้องแต่งตัวแล้วไปหยุดพักหายใจใต้ต้นไม้ห่างจากสนามพอสมควร ส่วนกลางตัวยังร้อนรุ่มแต่ผมไม่กล้าจัดการกับมันจึงนั่งยองลงใต้ต้นไม้รอให้มันสงบไปเอง



Magnum


               ผมรอแล้วรอเล่าก็ไม่มีวี่แววว่าอุปกรณ์สื่อสารอันใหม่จะแสดงการติดต่อกลับจากไอ้หน้าจืดนั่นสักทีทั้งๆ ที่เลยเวลาเลิกเรียนมันไปเกือบชั่วโมงแล้ว

               หงุดหงิดเว้ย!

               เมื่อวานนี้เป็นบ้าอะไรไม่รู้จู่ๆ ก็คิดว่ามันน่ารักแล้วเผลอจูบแบบหยอกๆ กับมันไปได้ พูดแล้วขนลุก นี่เดี๋ยวนี้กูไม่เลือกแล้วเหรอวะ

               “สัดเอ้ย!”

               แม่ง! กูไปหามึงเอง ถ้าเจอนะจะด่ายับเลย เดี๋ยวนี้มันชักจะกำแหงขึ้นเรื่อยๆ ว่าให้ก็มีเถียง กล้าสวนกลับด้วย แต่อยู่ๆ มันก็จะดราม่าน้ำตาไหลเสียดื้อๆ ซึ่งบางครั้งก็ไม่มีเหตุให้น่าร้องมันก็ยังร้อง… แต่กูชอบหน้ามึงแบบนั้นว่ะ ฮ่าๆ

               ผมเดินหามันไปทั่ว ถามใครก็ไม่มีใครรู้จักมัน มึงเป็นมนุษย์เงาหรือไง เมื่อพึ่งใครไม่ได้ก็เลยเดินหามันไปทุกที่ในคณะมัน ไม่มีอะไรเร่งด่วนหรอก แค่เย็นนี้ผมจะไปเตะบอลและต้องการให้มันคอยส่งน้ำให้เท่านั้นแหละ แต่กว่าจะเย็น แกล้งมันเล่นแก้เบื่อก็สนุกดี

               นั่นตึกอะไรหว่า ดูไม่เหมือนตึกเรียน มันเป็นอาคารยาวๆ หน้าต่างเรียงเป็นตับและข้างในเป็นโต๊ะเหล็กยาวๆ กลิ่นหอมลอยออกมาชวนน้ำลายสอ ด้านในมีคนอยู่ด้วยลองไปดูดีกว่า

               ผมเจอมันแล้ว ไอ้เปี๊ยกยืนหมุนไปหมุนมาระหว่างโต๊ะยาวกับซิงค์เหมือนในรายการทำอาหารที่เคยเห็นในทีวี แถวข้างๆ มีเด็กสาวห้าหกคนทำเช่นเดียวกัน หรือกำลังแข่งทำอาหาร?

               ไอ้เตี้ยเวลาทำอาหารมันดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ดูสุขุม เป็นผู้ใหญ่ แววตามันดูเป็นประกาย ท่วงท่าจับมีดนั่นก็พลิ้วไหวเป็นธรรมชาติ... มันดูดีขึ้น

               “โบจ้ะ ชิมของเราให้หน่อยสิใช้ได้หรือยัง”

               เด็กผู้หญิงคนนั้นสวยใช้ได้เลย หุ่นดีด้วยแต่ดูเรียบร้อยไปหน่อย อ่านะ ผมชอบคนแรงๆ แต่เธอดูคุ้นหน้าแปลกๆ หรือจะเป็นหนึ่งในสต๊อกผม… ไม่มั้ง ผมไม่เคยกินเด็กปีหนึ่ง

               เธอเรียกไอ้เปี๊ยกแล้วถือช้อนรอตรงหน้า มันที่มือไม่ว่างจับช้อนจึงอ้าปากงับจากหล่อนแทน พูดสองสามคำแล้วกลับไปทำงานตัวเองต่อ สาวเจ้าทำท่าเหนียมอายลับหลัง ผมเห็นเธอหน้าอดงยิ้มแก้มปริอย่างน่ารัก แต่ขอโทษที ผมมองว่ามันดัดจริตไปนิด

               ภาพนั่นผมเกลียดชะมัด

               ฉากหวานแหววมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ผลัดกันป้อนบ้างล่ะ จับมือกันบ้างล่ะ ไอ้เปี๊ยกของผมก็ส่งยิ้มตาเชื่อมให้ตลอด ดี๊ด๊าเชียวนะมึง เขาเห็นเจี๊ยวมึงเขาก็ไม่เอาแล้วสัด

               ผมรอ รอจนมันหันมาเจอ ซีนโรแมนติกถึงได้จบลง ผมลากมันออกไปโดยไม่พูดอะไร มันหันไปลาเมียมันก่อนจะตามแรงดึงผมไป

               ครั้งนี้กูจะเอาให้มึงไม่กล้าเข้าใกล้ผู้หญืงเลย คอยดู

 
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน5 100% เพิ่มรูป 12/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Nassie ที่ 13-10-2016 22:09:44
รออยู่ค่าาาาา :-[ :o8: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน5 100% เพิ่มรูป 12/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: fammi50 ที่ 14-10-2016 00:06:52
จิตไม่ปกติสุดในเรื่องก็แม็กเนี่ยแหละ นังผู้ชายลำไยเอ้ย
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน5 100% เพิ่มรูป 12/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 31-10-2016 16:06:05

ข่าวดี!!!

วันที่8 ข้าเจ้าก็สอบเสร็จแล้วและจะรีบมาต่อโดยไว

รับรองดราม่าsmสมกับที่รอนานแน่นอน

[/b]
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน5 100% เพิ่มรูป 12/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 31-10-2016 20:26:57
รอตอนต่อไปจ้า :hao7:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน6 100% 9/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 09-11-2016 23:11:34
มาแล้วแจ้~~~ มีความหนังบู๊มาก พอดีเพิ่งทดสอบสมัครเป็นบรรณาธิการไป แล้วแบบทดสอบมันแฟนตาซี55

-6-


               Rrrr...

               โทรมาอีกแล้ว...

               ผมเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์เดียวกับกว่าสามสิบสายที่ไม่ได้รับมาตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว พี่แม็กทั้งโทรและส่งข้อความตามจิก แต่ผมทำใจแข็งไม่เปิดอ่าน เพ่งสมาธิจดจ่อที่กระดานเท่านั้น ก็กลัวเขาโกรธอยู่หรอก แต่เพราะกลัวไงที่ทำให้ผมพยายามลบตัวตนจากเขาอยู่แบบนี้ หวังว่าเขาจะเบื่อแล้วเลิกยุ่งกับผมไปเองในเร็วๆ นี้นะ

               นอกจากจะโทรตามแล้ว บางครั้งพี่แม็กยังเคยมาดักรอผมด้วย แต่ผมแอบหนีมาได้ทุกครั้ง อาทิตย์นี้จึงไม่ได้ไปห้องเขาเลย ถ้าถามว่าไม่กลัวโดนแบล็คเมล์หรอ กลัวสิครับ แต่ก็คิดแง่ดีว่ารูปเก่าพวกนั่นถูกทำลายไปแล้ว ซึ่งถ้ามันยังเหลืออยู่พี่เขาน่าจะส่งมาขู่ผมแล่วล่ะ ส่วนคลิปที่ผม… เอ่อ มันไม่เห็นหน้าผมพอทำใจได้ครับ

               แชทมาอีกแล้ว

               “โบๆ อาจารย์มองแล้วนะ”

               ฮะ? อ๊ะ! จริงด้วย จ้องเขม็งเลย ลืมไปว่าอาจารย์แกเกลียดเทคโนโลยีเอามากๆ ยิ่งเห็นใครแอบเล่นมือถือนะโดนเฉ่งแน่ ...อย่างผมนี่ไง

               “...เข้าใจมั้ยนักศึกษา เราเพื่ออะไร ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี อย่ามัวเมาแต่ของล่อใจมันจะทำให้เธอตกต่ำ เทคโนโลยีทำให้มนุษย์ไร้อารยะ แล้วเธอจะเสียใจถ้า-”

               ติ๊ดๆๆ

               เยส! นี่คือคำที่ปรากฎในใจทุกคน

               “เอาล่ะวันนี้พอแค่นี้ อาจารย์ต้องไปธุระต่อ อย่าลืมส่งงานกันด้วยล่ะ”

               แกกลับไปแล้ว พวกเราก็ทะยอยเก็บของกันตั้งแต่ได้ยินเสียงปลุกจากมือถือรุ่นเจ้างูน้อยของแกแล้วล่ะครับ คือแกจะตรงเวลามากๆ ทุกอย่างต้องเป๊ะ แม้แต่โปรเจคเตอร์ก็ต้องฉายให้ตรงห้ามเบี้ยวห้ามล้นทีเดียว

               ท่ามกลางความโล่งใจที่หลุดพ้นจากการเป็นหัวข้อเทศนาอันยาวนานแล้ว ลึกๆ ผมกลับอยากถูกแกว่าอีกสักชั่วโมงสองชั่วโมง เพราะหลังจากนี้คือเวลาเลิกเรียนซึ่งวันนี้ผมกับพี่เขาจะเลิกพอๆ กัน มันยากที่จะหนีเพราะพี่แม็กจะเลิกเร็วกว่านิดนึงทำให้สามารถมาดักรอที่หน้าห้องผมได้ คราวก่อนผมใช้ช่วงชุลมุนหลบไปพร้อมกับฝูงชน แต่ครั้งนี้ไม่รู้เพื่อนๆ เขาพร้อมใจกันโดดไปเที่ยวเตร่ที่ไหนกันกว่าครึ่งก็ไม่รู้

               นั่นไง!

               “วันนี้โบจะกลับกับเรามั้ยจ้ะ… โบ?”

               “ฮะ? อ เอ่อ โทษทีนะ เรามีธุระ” ผมรีบตามกลุ่มที่กำลังจะออกจากห้องแล้วแทรกตัวอยู่ด้านหลัง ไหล่ห่อเข้าหากันพลางกอดกระเป๋าไว้แน่น แม้จะสูงไม่เท่าพวกเขาแต่ก็อดค่อมตัวต่ำลงอีกไม่ได้

               อีกนิดเดียวๆ

               ผมก้มหน้าก้มตาเดิน ใช้กลุ่มคนอำพรางตัวขณะเคลื่อนผ่านรุ่นพี่วิศวะสามคน พวกเขาโดดเด่นท่ามกลางเด็กปีหนึ่งและได้รับคำทักทายเป็นระยะๆ ซึ่งก็ดี เขาจะได้สนใจสิ่งอื่นมากกว่าตามหาตัวผม ...ผ่านมาแล้ว เร่งฝีเท้าเพื่อแซงกลุ่มที่ช่วยบังตาให้เมื่อกี้ อีกสามเมตรก็จะถึงลิฟท์แล้ว

               เฮ้อ...

               ผมถอนหายใจยาวแทบจะทรุดลงกองกับลิฟท์ด้วยความโล่งอก และแล้วผมก็รอดมาได้อีกครั้ง รู้สึกเหนื่อยทั้งๆ ที่ไม่ได้ออกแรงอะไรสักนิด ง่วงจนต้องพักสายตาขณะที่กล่องสี่เหลี่ยมเคลื่อนตัวลงอย่างช้าๆ คนอื่นๆ ไม่ได้สนใจผม อันที่จริงพวกเขาอาจไม่ทันสังเกตเห็นคนแคระตรงนี้ก็ได้มั้ง พอถึงชั้นหนึ่ง ผมรอจนคนออกไปหมดแล้วก่อนถึงค่อยๆ ก้าวออกไป แล้วเสียงคุ้นหูก็ทักขึ้น

               “ไม่เจอกันนานเลยนะ… น้องโบ”

               “!”

               พ พี่แม็ก!!! เดี๋ยวก่อน ผมหลบเขาพ้นแล้ว?!

               “คิดว่าจะหนีกูได้เหรอ กูจะโง่ปล่อยมึงรอดได้อีก? อย่าประเมินกูต่ำไป กูเห็นมึงตั้งแต่ออกห้องมาแล้วแค่ปล่อยให้มึงได้ใจไปก่อน เพราะว่า...”

               เสียงทุ้มเนิบช้าแต่แผ่ความกดดันมหาศาล  ขายาวก้าวเข้ามาช้าๆ ใจผมเต้นรัวจนสั่นไปทั้งตัว พยายามถอยหนีแต่กลับติดผนัง ดวงตาสีรัตติกาลตรงหน้าเหมือนเสือที่สะกดตรึงเหยื่อให้ไร้ทางสู้อย่างที่ผมเป็นตอนนี้ นิ้วร้อนๆ เชยคางผมขึ้นเพื่อสบกับริมฝีปากเหยียดยิ้มตรงอย่างสมใจ

               “สีหน้าที่ถูกทำลายความหวังแบบนี้นี่แหละ ที่กูอยากเห็น”

               ผลั่ก!

               “โอ๊ะ! เชี่ยเอ๊ย!”

               ไม่สนแล้วว่าการกระทำของผมจะทำเขาโกรธเคืองเพิ่มขึ้นแค่ไหน ขอแค่ผมหนีเขาไปได้เรื่อยๆ ผมก็ไม่ต้องกลัวอะไร ใช่ แค่หนีให้พ้นเท่านั้นเอง ผมวิ่งไปปลอบใจตัวเองไป เมื่อกี้หลังจากคิดแล้วว่ายังไงผมก็โดนอยู่ดี แต่ถ้าเสี่ยงหนีอีกครั้งผมอาจจะรอดก็ได้ คิดดังนั้นก็กระทืบเท้าเขาอย่างแรง ใช้ส้นตอกกับนิ้วเท้าเขาเพื่อสร้างความเจ็บปวดให้มากที่สุดแล้วผลักร่างหนาออกเต็มแรง พี่พอลกับพี่เมษไม่ทันตั้งตัว กว่าจะตั้งสติได้ผมก็วิ่งหลบมุมตึกลับสายตาพวกเขาไปแล้ว

               แฮ่กๆ

               ผมวิ่ง วิ่งต่อเนื่องไม่หยุดไม่หันไปมองทั้งที่เหนื่อยแทบขาดใจ แต่ถ้าชะงักแม้เสี้ยววิมีหวังได้ถูกตามทันแน่ เสียงพวกเขาตะโกนไล่หลังมาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ความเร็วผมเริ่มตกเพราะไม่ค่อยได้ออกกำลังแล้วยังต้องแบกเป้มาด้วยอีก หรือจะโยนมันทิ้งก่อนดี ก่อนที่จะตัดสินใจผมเห็นประตูห้องเก็บของเสียก่อน ผมเสี่ยงหยุดบิดลูกบิดประตู

               แกร่ก

               โชคเข้าข้างที่เย็นขนาดนี้แล้วแต่ยามยังไม่ได้มาล็อกประตูเสียก่อน ผมผลุบเข้าไปหลังประตูและจัดการล็อกมันพร้อมเอาเก้าอี้พับที่วางข้างๆ มาขัดใต้ลูกบิดไว้ ก็พออุ่นใจได้ชั่วคราว...

               “หายไปไหนวะ” เสียงนั้นห่างไปไม่ไกล

               ภายในห้องเก็บของมืดสลัวมีเพียงแสงจากภายนอกที่ส่องผ่านบล็อกแก้วบนผนังและแสงที่ลอดใต้ช่องประตูไม้เท่านั้น ห้องนี้เป็นห้องขนาดใหญ่พอสมควร มันเต็มไปด้วยกองลังไม้ ชั้นวางของและตู้หลากหลายแบบที่มีไว้ใช้เก็บอุปกรณ์เครื่องครัวและวัตถุดิบของแห้งต่างๆ ในตอนกลางวันจะเปิดไว้ให้นักศึกษาเข้ามาหาของไปใช้เรียนได้แต่ต้องลงชื่อกับอาจารย์ประจำวิชานั้นๆ  หลังหมดคาบเรียนยามของคณะจึงจะมาปิดห้อง ด้วยแสงสว่างเพียงเท่านี้ ผมเห็นเงาพวกเขาเดินวนเวียนอยู่หน้าประตูกับเสียงสบถเป็นระยะ

               แก่กๆๆ

               “!”

               ลูกบิดขยับดังกุกกักๆ แต่เปิดออกไม่ได้เพราะผมกดล็อกไว้ ขาอ่อนแรงถอยหลังอย่างสะเปะสะปะแล้วทรุดลงที่หน้าตู้เหล็กขนาดพอดีตัว มันคือตู้มีซิงค์น้ำแบบประกอบ ลองเปิดตู้ออกมาข้างในว่างเปล่าผมจึงขดตัวหมุดเข้าไปแล้วแง้มบานตู้ไว้เพื่อสังเกตการณ์ มือข้างหนึ่งปิดปากกันเสียงหอบหนักๆ ของตัวเองไว้แต่ก็ไม่สามารถกั้นลมหายใจที่เสียดร้าวให้เงียบได้

               “มันจะหายไปไหนได้วะ ทางยาวขนาดนี้ เมื่อกี้ยังกับเพิ่งเห็นมันเลี้ยวมาอยู่เลย” เสียงพี่พอลดูหงุดหงิดมากพอๆ กับพี่เมษที่ตอบกลับมา

               “หรือว่ามันจะไปอีกทาง”

               “ไม่อ่ะ กูเห็นมันมาทางนี้นี่แหละ”

               “ชู่!”

               “...”

               …? ข้างนอกจู่ๆ ก็เงียบกระทันหัน ผมใจคอไม่ดีเลย หัวใจที่สูบฉีดด้วยความเหนื่อยยิ่งดังถี่จนหูอื้อ ผมรู้สึกวิงเวียนตาพร่ามัวเนื้อตัวเย็นเฉียบคล้ายจะช็อค แต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเพราะเสียงเตะประตูดัง ปัง!

               “.....” เกือบร้องออกมาด้วยความตกใจ ดีที่ยกมือปิดปากได้ทัน ความเงียบโรยตัวอีกครั้ง มันนานจนผมสามารถควบคุมลมหายใจให้คงที่ได้บ้างแล้ว สายตาสอดส่ายหาทางหนีทีไล่ก็ไปเจอะหน้าต่างระบายอากาศบนกองลังไม้ตรงข้ามกับตู้ที่ผมอยู่ห่างไปประมาณห้าหกเมตร ...ถ้าผมปีนออกไปตอนนี้ก่อนที่เขาจะไหวตัวทัน

               กริ๊กๆ

               ผมถอยกลับมาซ่อนที่เดิม แต่เพราะไม่ระวังหลังจึงกระแทกเกิดเสียงดังตึงเบาๆ ภาวนาขอให้ไม่ได้ยินทีเถอะ

               “หึย เชี่ยแม็ก นี่มันห้องอะไรก็ไม่รู้ เขาล็อคไว้ไม่ใช่เหรอ ไอ้เปี๊ยกนั่นไม่ได้อยู่ในนั้นหรอก”

               “...คิดอีกแง่นะไอ้เมษ ทางยาวนี่ไม่มีห้องหรือซอกอื่นให้หลบได้แล้ว อย่างเด็กนั่นไม่มีทางวิ่งได้เร็วจนพ้นโค้งนั้นได้ก่อนเราจะมาถึงแน่ๆ แล้วห้องที่ล็อก… ก็เป็นไปได้ว่าไอ้เปี๊ยกนั่นแหละที่ล็อก ใช่มั้ยไอ้แม็ก”

               เฮือก! ลูกบิดมัน! ผมน่าจะปีนหน้าต่างออกไปตั้งแต่ตอนนั้น ก่อนที่พี่แม็กจะสะเดาะกลอนสำเร็จ โง่ยังไงก็โง่ยังงั้นคอมโบเอ๊ย!

               ประตูถูกเปิดแต่เพียงนิดเดียวเพราะมันติดสิ่งกีดขวางอยู่ แล้วพี่แม็กก็พูดกับเพื่อนเขาว่า “ไงล่ะไอ้เมษ ยามเขาคงไม่ล็อกห้องแล้วสามารถเอาเก้าอี้มาขัดไว้แบบนี้ได้หรอกนะ ถ้าจะเก่งขนาดนั้นก็เรียกโคนันเถอะ”

               “โถ่! พูดงี้เหมือนกูโง่อยู่คนเดียวเลยสิ” พี่เมษโอดครวญอย่างไม่จริงจัง

               “ไม่แค่มึงหรอกมั้ง...” แล้วพี่เขาก็พูดลอยๆ มากระทบผมซึ่งนั่งสั่นด้วยความกลัว “เนาะ~ คุณหนู”

               ก๊อกๆ… ก๊อกๆ… ก๊อกๆ...

               พวกเขาแยกย้ายกันเดินคนละซอยพลางใช้มือเคาะตามตู้หรืออะไรก็ตามที่คนตัวขนาดผมสามารถเข้าไปซ่อนได้ พี่แม็กฮัมเพลงในลำคอ มุมปากเหยียดยิ้มเล็กน้อยแต่ดวงตาวาวเรืองท่ามกลางความมืดดั่งสัตว์ป่าดุร้ายนั้นผมเห็นได้อย่างชัดเจน ความเครียดก่อตัวครองงำสติสัมปชัญญะทีละน้อย และมันทำให้โรคของผมกำเริบ

               โครม

               ซวยแล้ว! แขนมันดันสะบัดไปชนผนังด้านข้างเสียงดังลั่นทำให้เขารู้ที่อยู่ของผม บานตู้ถูกเปิดเผยให้เห็นใบหน้าคมคายที่เคยหลงใหลห่างเพียงคืบ “เจอแล้ว เจ้าหนูน้อย” มือหนาขยุ้มกระจุกผมลากออกมาข้างนอก มันเจ็บจนผมน้ำตาเล็ดร้องอย่างเจ็บปวด

               “มึงกล้ามากเลยนะ ไม่เคยมีใครไม่รับสายกูมาก่อนแถมยังกล้าหนีกูอีก มึงเก่งนักหรอฮะ! ทำยังไงมึงถึงจะหลาบจำสักที!”

               “พี่ ผมเจ็บ!”

               พี่เมษกับพี่พอลยืนกอดอกมองเฉย “พวกกูเลยต้องเหนื่อยด้วยเลยเนี่ย… แม่ง วันนี้ไม่ทันซ้อมบอลแน่เลยว่ะ”

               “ผมขอโทษ ผมจะชดเชยให้ แต่ปล่อยผมไปเถอะนะ” ผมพยายามขอร้อง “ชดเชยพ่อมึงสิ ปล่อยมึงแล้วมึงจะชดเชยยังไง”

               เขาลากผมย้อนกลับไปที่ประตู มือที่ดึงผมไว้แข็งอย่างกับคีม ยิ่งผมดิ้นมันก็ยิ่งทวีความเจ็บเหมือนหนังหัวจะหลุดออกมาให้ได้ เลี้ยวเลาะผ่านชั้นวัตถุดิบต่างๆ มา ชั้นด้านหน้าเป็นพวกเครื่องปรุง ผมเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา

               “เออ เงียบปากไปได้ก็ดี รำคาญแม่ง- อ๊าก!!! ตากู!”

               ขณะเดินผ่าน ผมคว้ากระปุกพริกไทยป่นมา เปิดฝาแล้วสาดใส่ทั้งสามคนนั้นทันที และได้ผล พวกเขาร้องลั่นเผลอปล่อยมือให้ผมหนีอีกครั้ง

               “อ้าก! แม่งเอ้ย อย่าหนีนะ” การมองเห็นถูกทำลายชั่วขณะ ผมรีบพุ่งไปที่หน้าต่างบานเล็กเพราะประตูมีพวกเขาขวางอยู่และไกลเกินไป แถมถ้าผมออกทางนี้ได้ คงใช้เวลามากแน่กว่าจะตามผมได้ทัน

               มือเล็กเกาะเกี่ยวขึ้นไปบนลังไม้ ในตอนที่กำลังจะโหนตัวลอดผ่านช่องแคบๆ นั้น ผมหันกลับไปดูสถานการณ์ เห็นพี่พอลหรี่ตามองหาอ่างน้ำแล้วเขาก็รี่ไปเปิดก็อกวักน้ำใส่หน้ารัวๆ แล้วลากเพื่อนสองคนมาล้างตาด้วย ไม่ได้การ ผมต้องรีบออกไปก่อนเขาจะตั้งตัวกันได้

               “เวรเอ้ย! มันจะหนีไปแล้ว!” พี่พอลวิ่งมาหมายจะดึงขาผมกลับ “จับมันไว้ไอ้พอล!” พี่เมษสั่ง แต่ช้าไป ผมผ่านมาได้กว่าครึ่งตัวแล้ว

               ผมตัดสินใจทิ้งตัวลงพื้นกลั้นใจไม่ให้นึกถึงความเจ็บปวดที่จะตามมา ดีที่เป็นชั้นหนึ่งความสูงระดับนี้จึงคงไม่ถึงกับทำให้แขนขาหักหรอกนะ เบื้องล่างเป็นพื้นหญ้าแห้งๆ ข้างๆ มีกองฟืนเรียงติดกำแพงไว้ ลงแบบนี้หัวอาจจะเฉี่ยวกองไม้แหลมคมบ้างแต่ไม่น่าจะสาหัส เป็นไงเป็นกัน!

               !!!

               พี่พอลจับข้อเท้าไว้ได้ข้างหนึ่ง ผมพยายามสะบัดมันออกแล้วก็รู้สึกเหมือนเท้าได้พลาดไปถีบหน้าเขาเข้า เป็นจังหวะเดียวกับลำตัวไถลหล่นลงสู่พื้นข้างล่างพอดีดัง ผลั่ก

               “อ… โอ๊ย...”

               ทั้งเจ็บและจุก แต่ต้องฝืนยันตัวขึ้น แขนขวามีรอยถลอกเป็นแนวยาวตั้งแต่ศอกถึงหัวไหล่นอกนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไร พี่พอลไม่ได้ตามมาจากทางหน้าต่างนี่อาจซื้อเวลาได้สักหน่อย แต่ผมเชื่อว่าความเร็วระดับนักกีฬาของพวกเขาจะตามผมทันในไม่ช้า จึงสลัดความเจ็บปวดทั้งหลายลุกขึ้นวิ่งต่อไป

               “แฮ่ก… แฮ่ก… แฮ่ก...” ไม่ไหว… เหนื่อยจัง ทรมานทุกลมหายใจเข้าออกเลย แถมรู้สึกขัดๆ ที่หัวเข่าอีกต่างหาก ในเมื่อวิ่งต่อไม่ไหวก็เดินเอาแล้วกัน ว่าแต่… นี่ที่ไหน

               ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้มอมม่วง ฝูงนกพากันบินกลับรังต่างจากผมที่ไม่มีแม้เวลาจะคิดถึงบ้าน ลมพัดผ่านกิ่งไม้ให้มันเสียดสีกันจนเกิดเสียงดังแซ่กๆ ประสานกับลมหายใจหอบแห้งจากร่างชุ่มเหงื่อไม่สบายตัว ผมไม่เคยมาแถวนี้มาก่อน เพราะมันคือเขตก่อสร้างอาคารอะไรสักอย่าง มาถึงตรงนี้พวกเขาคงตามไม่เจอแล้วล่ะ เฮ้อ… ขอนั่งพักหน่อยเถอะ ...แย่ล่ะ กระเป๋าผม

               ความเหน็ดเหนื่อยพาลให้หนังตาจะปิดอยู่รอมร่อ ผมนั่งกอดเข่าซุกตัวแนบชิดกับซอกปูนเปลือยในเขตก่อสร้าง ฟุบหน้าเช็ดเหงื่อบนกางเกงแล้วพักสายตาครู่หนึ่ง วันนี้มันช่างแสนยาวนานและทรมานเหลือเกิน ผมไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้พวกเขาโกรธแค้นนักหนา มันเริ่มจากความชื่นชมด้วยซ้ำ… หรือเพราะโรคบ้าๆ นี่ที่ทำให้ทุกอย่างมันผิดเพี้ยนไปหมด

               “K… สัด แม่ง”

               “...”

               “!” ใครน่ะ

               “...”

               พวกเขา?! ต้องไปแล้ว

               “เฮ้ยนั่นไง” ทำไมเร็วอย่างนี้เนี่ย ผมวิ่งลึกเข้าไปในตึกโล่งๆ ข้ามกองไม้และหินทรายคิดว่าอีกฝั่งน่าจะออกไปได้ แต่แล้ว...

               ฉึก

               “อ๊ากกก!!!”


               เจ็บบบ! เจ็บมาก โอ้ย เจ็บเหลือเกิน ใครก็ได้ช่วยผมด้วย!

               “ฮือออ! ช่วยด้วย! ช่วยผมด้วย! พี่แม็กกก!”

               พี่พอลวิ่งมาถึงตัวผมก่อน เขามองร่างเล็กที่คุดคู้อยู่บนพื้นอย่างตกตะลึง “เฮ้ย! ไอ้เปี๊ยก เชี่ยแม็กมาดูเด็กมึงเร็ว”

               “แม่งเอ้ย! มึงทำอีท่าไหนวะ” อย่าเพิ่งคุยกันได้ไหม! พาผมไปโรงพยาบาลที!

               “พี่ ผมเจ็บ โอ้ย ผมเจ็บ”

               ตอนที่วิ่งผมไม่ทันได้ดูทางบวกกับท้องฟ้าเริ่มมืดแล้วจึงไม่ทันสังเกตเห็นท่อนไม้ตอกตะปูวางเกลื่อนพื้นจึงเผลอเหยียบเข้าเต็มๆ ตะปูแหลมๆ แทงทะลุรองเท้าปักเข้าเนื้อบริเวณอุ้งเท้าใต้นิ้งโป้ง มันไม่ได้ทะลุถึงหลังเท้าแต่ก็สร้างความเจ็บปวดให้ผมเป็นอย่างมาก ผมได้แต่ตื่นกลัวตะโกนแหกปากร้องไม่หยุดแม้จะถูกพี่แม็กอุ้มขึ้นมาแนบอก มีพี่เมษพยุงท่อนไม้นั้นติดเท้าผมไว้ ยิ่งถูกช้อนใต้เข่ามันยิ่งเหมือนไปกระตุ้นให้บาดแผลปวดตุบๆ จนผมต้องขยุ้มคอเสื้อพี่แม็กไว้หวังระบายความเจ็บ

               “มึง เราต้องเอาออกก่อนหรือว่าคาไว้งี้ดีวะ” พี่เมษถาม

               “กูเคยได้ยินว่าถ้าถูกแทงให้คามีดไว้แต่ตะปูตำเท้ากูไม่รู้-”

               “ก็คามันไว้อย่างนั้นแหละ! พาผมไปโรงพยาบาลสักทีสิ!”



               -ห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง-



               “ญาติรอข้างนอกก่อนนะคะ” คุณพยาบาลสาวบอกกับพี่ๆ ทั้งสามคนเมื่อเขาวางผมนอนบนเตียงแล้ว เท้าผมมันเริ่มชานิดๆ แต่ก็ยังเจ็บอยู่มาก เพียงแต่ผมไม่เหลือแรงจะแหกปากร้องแล้วครับ จึงนอนน้ำหูน้ำตานองหน้าสะอื้นเบาๆ แทน

               “ปล่อยเสื้อกู” พี่แม็กว่า แต่มือผมยังคงกำชายเสื้อเขาไว้แน่นจนขึ้นข้อขาว พี่เขาหันไปพยักเพยิดให้เพื่อนให้ไปรอข้างนอกก่อนแล้วกลับมาแกะมือผมออก “กูบอกให้ปล่อย”

               “ฮึก...” แปลกคน แค่มือตัวเองยังควบคุมไม่ได้เลยทั้งๆ ที่ไม่ใช่เพราะโรคที่ผมเป็นเสียหน่อย เหมือนจิตใต้สำนึกต้องการใครสักคนมาอยู่ข้างๆ ยามที่ผมเจ็บ ...เพราะตั้งแต่มัธยมเป็นต้นมา ไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนคอยปลอบใจเวลาที่ผมต้องทำแผลเลย แต่ตอนไม่สบายแม่ผมอยู่เฝ้านะ แค่แม่กลัวเลือดเท่านั้นเอง

               “งั้น… คุณอยู่เป็นเพื่อนน้องเขาก็ได้ค่ะ” เธอคงเห็นผมเป็นเด็กโข่งขี้แยล่ะมั้ง แบบว่าต้องมีคนคอยโอ๋ไม่งั้นจะโยเยตอนคุณหมอมาตรวจ

               พี่แม็กลากเก้าอี้พลาสติกจากเตียงข้างๆ มานั่งเท้าคางบนเตียงผมแต่หันหน้าหนีไปอีกทาง สักพักก็ล้วงเอามือถือขึ้นมากดๆ อะไรไปเรื่อยไม่สนใจแม้หมอพยาบาลเริ่มมารุมรอบตัวผม

               “พี่...” ผมเรียกเสียงสั่น ไม่กล้าดูการรักษาที่กำลังจะเริ่มขึ้น คุณพยาบาลถกขากางเกงขึ้นแล้วพวกเขาก็คุยกันเป็นภาษาที่ผมไม่เข้าใจ รู้สึกที่เท้ามันขยุกขยิกจึงค่อยๆ เหลือบดู พวกเขากำลังดึงท่อนไม้พร้อมตะปูออกช้าๆ “ฮื่อ!”

               “เดี๋ยวก็หายแล้วค่ะน้อง อดทนหน่อยนะ”

               พี่แม็กยังเอาแต่มองหน้าจออยู่นั่น ไม่ให้กำลังใจกันเลย แล้วผมก็… ร้องไห้อีกแล้ว เบื่อตัวเองที่อ่อนแอจริงๆ อย่างที่คนตัวโตเคยว่าไว้ เอะอะก็บีบน้ำตา น่ารำคาญ… แขนเรียวยกขึ้นปิดหน้าส่วนมืออีกข้างยังกำเสื้อเขาไว้ไม่ยอมคลาย ได้ยินแต่เสียงสะอื้นของตัวเองที่กลบการรับรู้ส่วนล่างไปแล้ว ไม่รู้ว่าตะปูถูกเอาออกรวมทั้งรองเท้าถุงเท้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉีดยาชาหรือเปล่าผมก็ไม่รู้ แต่พอได้ยินหมอพูดแว่วๆ มาว่าต้องกรีดเพื่อล้างแผล ผมสะดุ้งคว้าแขนคนข้างๆ แน่น ผมกลัวเรื่องแบบนี้เอามากๆ เหมือนกับแม่เลย แต่ถ้าเข้าครัวโดนมีดโดนไฟผมไม่เท่าไหร่นะ

               “จิ๊!” พี่เขาจิ๊ปากอย่างรำคาญ สะบัดมือผมออกแล้วถอดเสื้อตัวนอกโยนคลุมหัวผม หรือนี่จะเป็นวิธีปลอบของเขากัน

               “ถ้ากลัวก็ปิดตาไว้นะ หมอฉีดยาชาให้แล้วไม่เจ็บหรอก พี่ชายดูน้องไว้นะ” หมอปลอบใจผมแล้วหันไปพูดประโยคหลังกับคนที่ถูกเขาใจว่าเป็นพี่ชาย เขาถอนหายใจหนักเฮือกหนึ่ง มือใหญ่วางบนหัวผมไว้เฉยๆ แต่แค่นั้นกลับทำให้หัวใจมันพองฟู รู้สึกร้อนทั้งหน้า ปากฉีกยิ้มโรยแรงใต้เสื้อตัวใหญ่ ถือวิสาสะแอบกุมมือที่วางบนศีรษะทุยเป็นที่ยึดเหนี่ยวอีกแรง

               การพยาบาลผ่านไปอย่างรวดเร็วทว่าสำหรับผมมันนานเหมือนเวลาเราจ้องเตาอบให้มันเสร็จเร็วๆ อย่างไงอย่างงั้นเลยครับ น้ำเกลือถูกฉีดเข้าไปตามด้วยเบตาดีนที่ฉีดแล้วปล่อยมันไหลย้อนออกมาเยอะมากๆ เช่นกัน ผมแสบจี๊ดๆ ที่แผลเลยบีบมือหนาแน่นขึ้นอย่างหวาดเสียวจนกระทั่งแผลถูกพันด้วยผ้าสีขาวเป็นอันเรียบร้อย

               “เดี๋ยวของดูที่แขนด้วยนะคะ คนไข้ถอดเสื้อกับกางเกงด้วยนะจะได้ดูว่ามีแผลที่อื่นอีกมั้ย”

               ระหว่างทำแผลจุดอื่นๆ ต่อพี่แม็กยังอยู่กับผมตลอดแต่ก็ดูเหนื่อยหน่ายไม่สนใจผมเหมือนเดิม พยาบาลก็ถามว่าไปทำอะไรมา เลยโกหกไปว่าตกหน้าต่าง… แต่พี่แม็กตายังแดงๆ อยู่เลยไม่ตรวจหน่อยเหรอครับ

               “เรียบร้อยค่ะ เดี๋ยวฉีดยากันบาดทะยักก็กลับได้แล้ว” ห๊ะ! ฉีดยาเหรอ

               “ม… ไม่ฉีดไม่ได้เหรอฮะ” ผมถามกล้าๆ กลัวๆ แต่คำตอบช่างทำร้ายจิตใจเหลือเกิน

               “ไม่ได้จ่ะ น้องไม่มีประวัติด้วยฉีดกันไว้ก่อนดีกว่า”

               “...เป็นยากินไม่มีเหรอครับ”

               “เดี๋ยวให้ยาฆ่าเชื้อกับแก้ปวดไปทานนะ มา นั่งเลยค่ะ” เปล่าครับ ผมหมายถึงยายาดทะยักน่ะ

               “พี่...”

               “ฉีดๆ ไปเหอะ อย่าสำออย” แต่… แต่ว่า

               ผมพึมพำเบาๆ “ผ ผม… ผมกลัวเข็ม” คุณพยาบาลกลับมาพร้อมเข็มฉีดยาในมือสีหน้ายิ้มแย้ม ผมนี่หน้าซีดเลย

               “พี่ชายจับน้องไว้นะ ท่าจะกลัวเข็ม”

               ร่างสูงดึงผมลงจากเตียงมานั่งตักแล้วโอบแขนล็อกตัวผมไว้ไม่ให้ดิ้น “พี่!” ปล่อยนะ! เข็มขยับเข้ามาใกล้ต้นแขนซ้ายผมเลยดิ้นสะบัดตัวถอยห่างให้มากที่สุด ปลุกปล้ำกันอยู่พักหนึ่งคุณพยาบาลก็เร่งพี่แม็กเพราะกลัวเข็มจะติดเชื่อเสียก่อน

               “ไม่เอา ผมไม่ฉีด! พี่ปล่อยผมนะ! ไม่ฉีดนะ ไม่- อุ๊บ!”

               ริมฝีปากหยาบกร้านทาบทับปากผม ก่อนที่สัมผัสเปียกชื้นจะกระตุ้นให้ผมเปิดปาก ลิ้นร้อนเลื้อยเข้ามากวาดร้อนพันเกี่ยวเรียวลิ้นเล็กที่ขยับอย่างไม่ประสา รสจูบชวนตกตะลึงและเคลิบเคลิ้มพาสมองให้ล่องลอยไปในมโนภาพสีขาวโพลน เลือดร้อนพาดไปถึงใบหู เขาดูดดุนอย่างชำนาญอยู่ครู่หนึ่งแล้วเสียงคุณพยาบาลก็ขัดความวาบหวามของผมเสียก่อน

               “เสร็จแล้วจ้ะ แหม...เราก็นึกว่าเป็นพี่น้องกันเสียอีก รู้งี้ให้ทำตั้งนานแล้วจะได้เลิกงอแง เดี๋ยวไปรอรับยาเลยนะ แล้วกลับบ้านดีๆ ดูแลแฟนด้วยนะ แผลห้ามโดนน้ำ อย่าลงน้ำหนักมาก ทานยาให้ครบแล้วมาตามนัดนะจ้ะ”

               เธอพล่าม… ขอโทษครับ พูดทีเดียวยาวเหยียดแล้วจากไปหลังจากที่พี่แม็กตอบรับสั้นๆ ผมเพิ่งรู้สึกตัวและระลึกทุกสิ่งทุกอย่างได้หน้าก็แทบไหม้ใจเต้นรัวราวกับจะระเบิดออกมา เมื่อกี้… พี่เขาจ จ จูบ! เขาจูบผม จูบดูดดื่มที่ไม่ใช่แค่ปากแตะกัน

               ...จูบแรก… ของผม

               “เมษ มึงไม่เอายามันดิ” เขาอุ้มผมเดินออกมารอรับยา คนมองกันเต็มเลยครับ ผมอายมากเลย นี่ก็หน้านิ่งไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยสินะ

               ก่อนที่ผมจะจมเข้าไปในอกเขา พี่พอลก็บอกว่า “เปี๊ยก แม่มึงโทรมา” เพิ่งเห็นว่าเขาสะพายกระเป๋าผมอยู่ด้วย คงเอาติดมาจากตอนนั้น ผมรับโทรศัพท์มาจากเขา กดเบอร์โทรเข้าล่าสุด หมายความว่าเขาคุยกับแม่แล้วสิ

               “ฮะแม่”

               “เป็นไงลูก เจ็บมากไหม หมอฉีดยาหรือเปล่า”

               “ก็ เจ็บครับ แต่ไม่เป็นไรตอนนี้ชาอยู่ครับ”

               “แม่ตกใจแทบแย่เลย ทีหลังอย่าเล่นซนอีกนะ แล้วก็แม่ฝากพี่เขาให้ดูหนูแล้วนะ แม่ต้องไปสิงคโปร์กับพ่อเขา ไปดูแลเราไม่ได้ หนูอย่าดื้อนะ มีอะไรก็เรียกพี่เขา หรือให้พี่เขามาอยู่เป็นเพื่อนก็ได้ งั้นขอแม่คุยกับพี่เขาหน่อยสิ” แย่แล้ว! แม่จะให้ผมอยู่กับเขาเหรอ! แม่ไม่รู้สินะว่าที่ผมเจ็บตัวแบบนี้ก็เพราะพวกเขานั่นแหละ แต่ผมบอกแม่ไม่ได้ ไม่อยากให้เป็นกังวล ไม่รู้แม่จะคุยอะไรต่อเลยส่งมือถือให้พี่พอลเป็นเชิงว่าปลายสายจะชอคุยด้วย พี่พอลกลับพยักเพยิดไปทางคนที่อุ้มผมอยู่ จึงเอามือถือแนบหูให้คุยแทน

               “ครับ ผมแม็กครับ… ครับ… ไม่เป็นอะไรมากครับ ครับ...ได้ครับคุณน้า ผมจะดูแลให้ครับไม่ต้องเป็นห่วง พวกผมก็มีส่วนผิดด้วยเหมือนกัน… ครับ สวัสดีครับ”

               วางไปแล้ว ไม่รู้เขาคุยอะไรกันแต่จับใจความได้ว่า… ผมต้องอยู่กับเขา! ตาโตเบิกกว้างเมื่อนึกถึงอนาคตข้างหน้า รอยยิ้มร้ายที่ก้มมองตอบยิ่งตอกย้ำลางสังหรณ์ของผมเป็นอย่างดีว่าต่อจากนี้… นรกของจริงได้เริ่มขึ้นแล้ว

               “กูจะดูแลมึงอย่าดีเลยล่ะ… หึ”

 :z1:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน6 100% 9/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 10-11-2016 01:59:26
หลงลืมไปเยอะเลย
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน6 100% 9/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 10-11-2016 02:41:41
งื้ออออ ไอ้พี่แม็กมันจะเลิกชั่วแล้วใช่หรือไม่
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน6 100% 9/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: vipsky ที่ 10-11-2016 04:17:41
จ่าหัวว่า SM มันต้องไม่แฮปปี้แบบที่คิดแน่ๆ (รึป่าว?)
พี่แม็กเริ่มชอบน้องแล้วใช่มั้ยยยยย กลับตัวกลับใจเสียเถอะ เป็นคนดีวันนี้ยังไม่สาย ฮา
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน6 100% 9/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 10-11-2016 22:41:50
นังเเม็ก... :z6:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน6 100% 9/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 11-11-2016 00:00:51
 :z6:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน6 100% 9/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 12-11-2016 11:43:39
พี่แม็คตาแดงด้วยนี่หว่า
จูบโชว์ซะด้วย
ลุ้นต่อๆๆ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน6 100% 9/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: fammi50 ที่ 14-11-2016 23:10:41
รอตอนต่อไปค่าาาาาาา
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน6 100% 9/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 15-11-2016 08:24:33
แม็กหน่ะหลงน้อยแค่ไม่รู้ตัวเอง
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน6 100% 9/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 15-11-2016 10:56:53
คอมโบน่ารัก น่าสงสาร หวังว่าแม็กจะเห็นความน่ารักในตัวน้องนะ
เรื่องสนุกมาก แต่ขอร้องว่าอย่าดราม่านะฮะ ได้โปรด
มาต่อไวไวนะฮะ รออ่านอยู่ ขอบคุณคร้าบบบบ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน6 100% 9/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 23-11-2016 11:04:41
คิดถึงคอมโบแล้ว เมื่อไหร่จะมาต่อฮะ พลีสสสสส
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน6 100% 9/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 11-12-2016 15:22:12


เดี๋ยวมานะ

ถึงหน้า5ละ ปกติยาว7หน้าเอสี่

หายไปนานเลยเนาะ เอาคอมฯไปหาหมอมาล่ะ อย่าโกรธเก๊านะ (จริงๆติดคลิปเอกแคสไฟนอล15)

วันนี้ลงแน่ จะจบตอนละ :katai4: :katai4: :katai4:

นกแสก

หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน6 100% 9/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: ์ำNeFuji ที่ 11-12-2016 16:29:25
เย้ๆๆๆ  :z2: รออยู่เลย
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน6 100% 9/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: purple ที่ 11-12-2016 20:41:48
มาเอาใจช่วยน้องโบน้าาา พี่แม็กโปรดอย่าโหดร้าย
รอตอนต่อจ้า
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน7 100% 11/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 11-12-2016 21:40:27


-7-

Magnum

               พวกเราแบกไอ้เปี๊ยกกลับหอของมันหลังจากรับยาแล้ว แม่ของมันก็ฝากฝังไว้ให้ช่วยดูแล ช่วยลาเรียนให้มัน (คนอย่างมันเนี่ยนะจะยอม) แม่มันก็ไว้ใจคนง่ายไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ถึงได้กล้าฝากลูกไว้กับคนแปลกหน้า ถ้ารู้ว่าคนที่ทำให้มันเป็นแบบนี้คือพวกผมแม่มันคงเปลี่ยนใจแทบไม่ทัน

               เรายืนอยู่หน้าห้องของมันเรียบร้อย ก็ขับตามกันมาทั้งเจ็บตานั่นแหละ เดี๋ยวได้เอาคืนแน่ แต่ตอนนี้โคตรง่วงเลยว่ะ ไอ้เมษแม่งก็หากุญแจช้าจริง มันควานๆ หาในกระเป๋ากางเกงของคนตัวเล็กที่หลับอยู่บนหลังผม ไม่เจอ มันทำท่าจะล้วงเข้าไปในกางเกงแต่โดนไอ้พอลโบกหัวให้ในความง่าวของมัน แล้วไอ้ฝรั่งก็โชว์กุญแจที่ได้จากเป้ไอ้เตี้ยให้ดู พวกมึงเล่นกันอย่างนี้คนเขาได้หมดศรัทธากันพอดี

               “รีบไขดิวะ กูหนัก” เชี่ยนี่ กูแบกคนอยู่นะเว้ย ถึงตัวมันจะเล็กแต่คงไม่ต่ำกว่า 40 แน่ๆ ขนาดอุ้มเด็กยังเมื่อยเลย

               “คร้าบๆ เชิญครับคุณผู้ชาย”

               เข้ามาผมก็ทิ้งคนข้างหลังลงบนเตียงทันที มันทำท่าจะตื่นก็ไม่ตื่นแล้วขดๆ ตัวอย่างกับกุ้งกอดผ้าห่มเป็นก้อนแล้วหายใจสม่ำเสมอต่อไป แม่มันนอกจากจะขอร้องให้ช่วยดูแลมันแล้วยังอนุญาตให้ผม ‘ทำตัวตามสบาย’ ในห้องมันได้อีกด้วย แถมขอเลขบัญชีผมไปเพื่อที่จะได้โอนเงินค่าจ้าง อ้อ สินน้ำใจให้เล็กๆ น้อยๆ อีกด้วย ...เลี้ยงลูกด้วยเงินนี่หว่า

               “หูยยย ไอ้แม็ก ดูๆๆ มีอ่างอาบน้ำด้วยว่ะมึง” ปัญญาอ่อนน่าเชี่ยเมษ ทำอย่างกับไม่เคยเห็น ได้ข่าวมึงก็เคยไปใช้บ้านไอ้ฝรั่งบ่อยๆ ไม่ใช่

               “ไอ้เด็กนี่ใช่ย่อยว่ะ หอนี่ระดับคอนโดดีๆ ได้เลยมั้ง” พอลว่านิ่งๆ พลางสอดส่ายสายตาสำรวจไปเรื่อย ผมลองเดินไปค้นๆ รื้อๆ นู่นนี่ ในห้องน้ำก็แว่วเสียงเด็กโข่งเล่นน้ำอยู่ในนั้น ผมบอกกับพวกมันว่าคืนนี้ให้นอนกันที่นี่เลย เสื้อผ้าเดี๋ยวให้ไอ้เมษขี่ไปเอาที่หอมาให้ (ก็มึงอาบแล้วนี่หว่า) จัดแจงเสร็จก็แวะเปิดตู้เย็นดูว่ามีอะไรกินบ้าง

               ฮืม… น้ำเปล่า นม ไข่ไก่สด ผักสองสามอย่าง มีหมูสับใต้ช่องฟรีซ แล้วก็ไอศกรีม… มึงเฮลธ์ตี้ไปป่าววะ “เซ็งชะมัด ไม่มีเบียร์เลย”

              “แล้วมึงคิดว่าอย่างไอ้เด็กนี่จะมีอบายมุขอยู่ในห้องรึไง” จริงของมึง “กูไม่รอเชี่ยเมษแล้วนะแม็ก ขอนอนก่อนว่ะ วันนี้แม่งใช้แรงเยอะ… ตื่นมาจะเอาให้ช้ำในเลย” ประโยคหลังมันหันไปพูดกับคนที่หลับอุตุบนเตียง หน้ามันออกจะซีดเซียวไปหน่อย ตาก็บวม จมูกแดง ปากสีฉ่ำเผยอน้อยๆ คิ้วมันกระตุกเป็นทีๆ นอกนั้นนิ่งสนิท

               Rrrr…

               โทรศัพท์ที่สั่นจนขาชาถูกหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกง ผมกดรับเมื่อเห็นว่าเป็นของเพื่อนสมัยเด็ก และตอนนี้ก็เรียนอยู่มหา’ลัยเดียวกันด้วย

               “ว่าไง ฟา”

               ”ฮัลโหลแม็ก แม็กได้ไปโรงพยาบาลหรือเปล่าเราเห็นเมษกับพอลล่ะ มีใครเป็นอะไรไหม”

               มีสิ มีแน่... ฟาเรียนพยาบาลปีเดียวกัน เรารู้จักกันมาตั้งแต่เล็กๆ บ้านผม ฟา และไอ้เมษอยู่หมู่บ้านเดียวกัน เราเคยเล่นด้วยกันบ่อยๆ แถมยังเรียนที่เดียวกันจนเข้ามหาวิทยาลัย แม้จะคนละคณะแต่เราก็ยังสนิทกันเหมือนเดิม รวมถึงรุ่นแม่ที่กลมเกลียวกันจนถึงขนาดอยากให้ผมกับฟาแต่งงานด้วยกันเลยทีเดียว แต่ไม่ล่ะ ผมมันนิสัยไม่ดี

               “อือ พารุ่นน้องไปทำแผลน่ะ ฟาฝึกงานที่นั่นเหรอ” ไม่รู้ว่าพยาบาลเขาฝึกงานกันตอนไหน เพราะมันก็ดึกแล้วเธอไม่น่าจะมีเรียน

               ”เปล่าหรอก ไปช่วยแม่น่ะ” อ้อ แม่ฟาก็เป็นพยาบาลน่ะ

               คุยไปอีกสักพัก ก็ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบทั่วไป เรื่องที่บ้านอีกนิดหน่อย จริงๆ เราไม่ค่อยได้โทรหากันเท่าไหร่ นอกจากมีเหตุนั่นแหละ ผมฝากสวัสดีแม่เธอไปแล้ววางสาย เกร็ดความรู้อีกเรื่องที่ผมจะบอกคือ ฟาเป็นคนเดียวที่ผมไม่เคยพูดหยาบด้วยเพราะความสุภาพอ่อนหวานและใจดีของเธอ อย่างเมื่อกี้ก็ถามเรื่องอาการไอ้เปี๊ยกมันด้วย เป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมทั้งรูปและจิตใจจริงๆ

               นึกถึงตอนที่อยู่โรงพยาบาลก็สงสารมันนิดๆ ...นิดเดียวจริงๆ มันคงทั้งเจ็บทั้งตกใจ มันร้องเสียงดังไม่หยุดตลอดทางที่พามันไปโรงพยาบาล น้ำตานองหน้าจนเข้าห้องฉุกเฉินมันคงจะเหนื่อยเสียงถึงค่อยๆ เงียบไป มันหลับตาแน่น หรือว่าจะกลัวโรงพยาบาล มันดูอ่อนแอเหมือนสัตว์ตัวเล็กๆ ที่ตื่นตระหนก พยายามคว้าสิ่งยึดเหนี่ยวเพื่อคลายความกลัว ด้วยความสงสารอันน้อยนิดที่มีจึงยอมให้มันเกาะชายเสื้อระบายความเจ็บปวด

               แต่ก็แปลกใจตัวเองที่ใช้จูบหันเหความสนใจจากเข็มฉีดยา… วิธีอื่นก็มีตั้งเยอะแยะ ไม่ใช่คิดไม่ออก แต่สัญชาตญาณมันพาไป แถมรสจูบนั่นยังให้ความรู้สึกแปลกๆ ลิ้นเล็กๆ เคลื่อนไหวอย่างไม่ประสา ทว่าหวานล้ำทั้งเชิญชวนให้ค้นหาและน่ารังแกให้ขาดใจ มันมอมเมาผมจนเกือบจะลืมไปว่าเราอยู่ในสถานการณ์เช่นไร ผมนั่งมองริมฝีปากที่เคยสัมผัส พักหนึ่งไอ้เมษก็กลับมาพร้อมกระเป๋าใส่เสื้อผ้าหนึ่งใบ… กูหวังว่ามึงจะฉลาดพอที่จะนึกถึงแปรงสีฟัน ของใช้ส่วนตัวอื่นๆ ด้วยนะ

               “อ่าว มันนอนแล้วเหรอ” ผมตอบในลำคอ ไอ้พอลนอนอืดเต็มโซฟาหน้าทีวีไม่รู้เรื่องรู้ราวไปแล้ว ผมรับของจากไอ้เมษแล้วเข้าไปจัดการตัวเอง

               ไม่นานก็ออกมา เห็นไอ้เมษนั่งชันขากับพื้นดูช่องหนังฮอลลีวู้ดอยู่ ห้องก็กว้างพอสมควรแต่จะให้ไปยัดกันบนเตียงก็คงไม่เวิร์ก “มึงจะนอนตรงไหน กูนอนเตียง”

               “อ่าว ไอ้สัด งี้ก็ไม่ต้องถามกูก็ได้มั้ง” มันบ่น ไม่ให้เลือกหรอกเดี๋ยวเสียม้า “มึงเอาหมอนมาใบดิ กูนอนพรมเช็ดตีนนี่แหละ… ขนแกะมั้งเนี่ยโคตรนุ่มเลย” กูก็นึกอยู่ทำไมมึงต้องเลื้อยมือกับพรมตลอดเวลาแบบนั้นด้วย สงสัยชอบจริง

               ผมโยนหมอนใส่ตักมันก่อนจะเดินไปปิดไฟแล้วทรุดนั่งลงบนเตียงฝั่งหนึ่ง ยกเท้าถีบเจ้าของห้องจนเกือบตกเตียงเพื่อเพิ่มพื้นที่การนอนของตัวเอง จัดการเสร็จสรรพก็ล้มตัวนอน ผ้าห่มไม่ต้องใช้ ขี้เกียจแงะจากมันมา

               “...”

               นอนไม่หลับ!

               ห้องมันเงียบแม้จะมีเสียงทีวีแว่วๆ ก็ตาม แต่บรรยากาศโคตรเงียบ! หอก็ห่างกันไม่ถึง’โล ความอึกทึกที่กูต้องฟังทุกคืนมันหายไปวะ!

               พรึ่บ

               ผมดีดตัวลุกขึ้นนั่ง รู้เลยว่าหน้าตัวเองตัวนี้มันจะต้องบึ้งแบบเซ็งๆ ผมไม่ชอบความเงียบสงบ มันเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวหายไป… โดยเฉพาะความศิวิไลซ์

               “...”

               เหม็นหน้ามันว่ะ! มองคนที่นอนหลับสนิทข้างตัวแล้วพาลหงุดหงิดอย่างไม่มีสาเหตุ รู้ตัวนะว่าเป็นคนอารมณ์ร้อนถึงขนาดเคยตีไอ้หน้าเหียกแปลกหน้าที่บังอาจยักคิ้วใส่จนมันดั้งหักมาแล้ว และไอ้เตี้ยบนเตียงเดียวกันนี่มึงก็นอนสบายเนาะ ทั้งๆ ที่กูแทบคลั่งกับบรรยากาศวังเวงนี่ฉิบหาย

               ผัวะ

               ตบหัวมันไม่เบาไม่แรงอย่างหมันไส้หวังจะลดความขุ่นมัวในใจ แต่มันยังนอนต่อเฉย

               ไอ้เมษปิดทีวีแล้วนอนกลิ้งบนพรมขนสัตว์ราวกับหมาคลุกหญ้า ทำไมพวกมึงถึงหลับกันได้ง่ายๆ อย่างงั้นวะ เหลือกูที่นั่งหัวโด่ท่ามกลางความมืดคนเดียว ตาก็ยังแสบๆ แม้จะไม่มากแต่ก็น่ารำคาญเป็นที่สุด

               นึกแล้วก็ยิ่งโมโห เวลาไอ้เปี๊ยกสู้มันก็เล่นเสียแสบ ดีนะที่ไม่ใช่พริกป่น ไม่งั้นกูคงได้ตาบอดกันหมดนี่แน่ แถมยังให้กูวิ่งวุ่นทั่วม. เสียเหงื่อเสียเวลาแล้วยังต้องพามึงไปหาหมออีก แค้นนี้มึงได้เละคาตีนกูแน่

               แต่ไว้พรุ่งนี้ก่อนแล้วกัน

               ผมง่วงแต่นอนในความเงียบไม่ได้จึงเอาโทรศัพท์ของมันมาเสียบหูฟังเปิดเน็ตฟังเพลงเพื่อที่จะได้หลับๆ ได้เสียที ก่อนเข้าสู่ห้วงนิทราผมจดบันทึกวีรกรรมของมันเป็นข้อๆ ในหัวแทนการนับแกะหนึ่งสองสามสี่ ในที่สุดก็ได้นอนอย่างคนอื่นเสียที…



               Rrrr

               แม่งงงงง!!!

               ผมกรีดร้องในใจ ทึ้งหัวตัวเองอย่างอัดอั้นเพราะเสียงโทรศัพท์ที่คาหูอยู่เกิดร้องขึ้นมา กูเพิ่งได้นอนเองนะเว้ย!

               “อะไร!”

               “อ… เอ่อ โบ?”

               หะ? เสียงผู้หญิง? ผมเอาหน้าจอมาส่องดู ตาพร่ามัวเห็นชื่อ ‘บัว’ โชว์หรา นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่ารู้จักคนชื่อบัวตอนไหน ยิ่งเสียงสวยๆ แบบนี้ผมไม่น่าพลาด… อ่า มือถือไอ้เปี๊ยกนี่หว่า

               !

               ไอ้เปี๊ยก! มึงมีเบอร์ผู้หญิงด้วยเหรอ!

               “...คอมโบหลับอยู่” แล้วกูจะตอบเขาทำไม

               “อ อ๋อ เหรอคะ… คือ คุณเป็นใครคะ ทำไมถึงอยู่กับโบได้” เกี่ยวอะไรด้วยมิทราบ น้ำเสียงนั้นถ้าฟังดีๆ จะสัมผัสได้ถึงการแสดงความเป็นเจ้าของเล็กๆ จากหางเสียงห้วนๆ ทั้งๆ ที่ตอนแรกน้ำเสียงจะทอดหวานน่ารัก… เชื่อสิ เรื่องผู้หญิงผมรู้ดี

               “มีอะไร” ผมไม่ตอบแต่ถามกลับ กวาดตามองรอบห้องไอ้เมษไอ้พอลยังตายสนิทเหมือนเดิม ส่วนไอ้ตัวต้นเรื่องก็ยังนอนขดส่งเสียงอือๆ เบาๆ

               “ขอคุยกับโบหน่อยค่ะ” เธอยังดื้อจะคุยต่อ ผมย้ำอีกทีว่ามันหลับอยู่ แต่แทนที่จะวางสายเธอกลับวกมาที่เรื่องผมอีกจนได้ “แล้วคุณเป็นใครทำไมถึงรับโทรศัพท์โบ” และเริ่มห้วนยิ่งขึ้น

               “มันไม่สบาย แม่มันฝากให้มาดูแล” อ้างถึงแม่มันอย่างนี้จะถอยได้หรือยัง ผมไม่สบอารมณ์อย่างยิ่งที่อีกฝ่ายทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ถึงแม้ผมจะไม่ได้ชอบมันก็ตาม มันเหมือนกับมีคนรีบวิ่งมาจะแย่งที่นั่งที่ผมแค่เดินเฉียดเฉยๆ แล้วรู้สึกแบบ เอ๊ะ! ไอ้ห่านี้ มึงคิดว่ากูอยากนั่งมากไง ถีบมันตกแล้วนั่งแม่ง! ...คุณเข้าใจใช่ไหม

               “โกหก โบไม่มีเพื่อนที่ไหนนอกจากฉันคนเดียว แล้วก็ไม่เคยพูดถึงครอบครัวด้วย คุณอย่าเอาแม่ของเขามาอ้างเลย”

               “ถ้าไม่เชื่อก็รอมันตื่นแล้วคุยกับมันเองแล้วกัน” ผมวางสายทันทีที่พูดจบ เดาว่าผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นเพื่อนที่เคยเห็นทำอาหารด้วยกันวันนั้นแน่ หล่อนแสดงความหึงหวงออกมาอย่างชัดเจน เมื่อรวมกับสายตาตอนนั้นพนันได้เลยว่าหล่อนจ้องจะงาบไอ้เปี๊ยกชัวร์ๆ

               หน้าอย่างมึงนี่นะจะเป็นผัวคนอื่นได้ เหอะ

               “...อ๋าาา”

               ความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นมา ผมรู้แล้วว่าจะสั่งสอนที่มันบังอาจลองดีกับผมยังไง ในเมื่อมันริจะมีเมีย… งั้นกูจะช่วยเตรียมความพร้อมให้เอง

               รูปน่าอายของมันถูกทำลายไปแล้วก็คงถึงเวลาถ่ายคอลแลกชั่นใหม่เสียแล้วมั้ง ผมเอามือถือตัวเองไล่หาเบอร์ๆ หนึ่งแล้วกดโทรออก

               “...วันนี้ว่างหรือเปล่า… อือ เดี๋ยวส่งที่อยู่ให้ ...งานนี้สนุกแน่ แล้วเจอกัน”



               แปดโมงกว่า… ร่างเล็กเริ่มขยับตัวอย่างอึดอัด มันครางอือพร้อมขมวดคิ้วยุ่ง ก่อนขนตายาวจะกระพือปริบๆ ราวกับปีกผีเสื้อ มันลืมตางงๆ กลอกมองรอบๆ อย่างไม่แน่ใจ พอสายตาปะทะกับผมที่มองมันอยู่มันถึงกับสะดุ้งเฮือกถดตัวหนี

               “พี่...” เสียงสั่นเชียว

               “ทำหน้าอย่างนี้แสดงว่ามึงคงจะรู้ตัวใช่ไหมว่าทำเหี้ยอะไรไว้” พูดไม่ทันขาดคำตาโตๆ ก็เริ่มคลอหน่วย ผมถลึงตาใส่ รำคาญมันเวลาแบบนี้มากๆ ปวกเปียก อ่อนแอ ทำตัวไม่น่าเกิดมามีไอ้จู๋เลยให้ตายสิ “หยุด! ถ้ามึงปล่อยให้ไหลมาแม้แต่หยดเดียว รับรองหยดต่อไปมันได้เป็นสีแดงแน่” มันยกมือปิดปากสูดหายใจเสียงแดง ผมลุกจากเตียงจะไปหาอะไรกิน สักพักไอ้สองหน่อก็กลับมาพร้อมถุงกับข้าวเต็มมือ กูก็ว่าห้องแม่งเงียบๆ

               พวกมันรื้อๆ เอาจานชามมาใส่ข้าว “มาๆ กินข้าวๆ เออ ไอ้เปี๊ยกมึงมียาก่อนอาหารนี่หว่า”

               เสมองไปทางคนตัวเล็กบนเตียง แม่งทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก คิดว่ามันน่าสงสารนักหรือไง ผมกลอกตามองบนถอนหายใจกับตัวเองแล้ววกไปลากแขนแห้งๆ กว่าจะมายืนข้างโต๊ะกินข้าวได้ผมเกือบทำมันหน้าคมำเพราะเหลือเท้าข้างเดียวเสียแล้ว

               มันแกะถุงยาออกมาดูทีละซอง ก็มีไม่กี่อย่างหรอก แก้ปวด ฆ่าเชื้อว่ากันไป

               โคตรช้า การเคลื่อนไหวของมันช้ามากกก ช่างขัดใจยิ่งนัก กูก็โรคจิตรู้อยู่ว่ามันจะทำให้หงุดหงิดก็ยังเอาแต่จับตาดูมันไปเรื่อย… มึงเป็นตัวสล็อตรึไง!

               ตึง!

               มันสะดุ้ง เชื่อไหมมันเพิ่งแกะยาออกมาได้เม็ดนึง ผมทนไม่ไหวเลยทุบโต๊ะเร่งไปที

               เกือบลืม เตือนมันหน่อยแล้วกันว่าเมื่อเช้ามีสาวโทรมา “รีบๆ แดก เมียมึงโทรมา” ทำหน้าหมางงอีก

               “อ้อ แล้วจะฝากลาหรืออะไรก็บอกไปซะ วันนี้ห้ามมึงมีสายเข้านอกจากที่บ้าน เข้าใจไหม”

               “...”

               มันจัดการอาหารตรงหน้าเงียบๆ ต่อจนเกือบหมดแล้วจึงเดินไปหยิบมือถือมากดๆ สองสามทีก็เอาแนบหู ดูท่าอาการคลื่นไส้ที่เมื่อคืนเล่นซะมันหมดแรงหลับคาหลังผมจะดีขึ้น เคยได้ยินว่าบางคนฉีดยากันบาดทะยักก็มีอาการนี้เหมือนกัน

               “ฮัลโล บัว… อื้อ เปล่า เราไม่เป็นไร… ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ เอ่อ บัว เราฝากลาวันนี้ให้หน่อยสิ ...อือ… พรุ่งนี้ก็น่าจะไปได้นะ… ได้ๆ ขอบคุณครับ ...อ๋อ อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเล่าให้ฟังนะ… ครับ บาย” แหม มีบงมีบาย แหวะ! แถมยังนัดแนะกันเรียบร้อย พรุ่งนี้จะเจอกัน? ฝันเหอะ ดูสภาพตัวเองบ้าง ตะปูตำตีนจนจะทะลุขนาดนั้นมีคิดว่าจะหายภายในวันสองวันหรือไง

               “ฮิ้ววว!” ไอ้เมษโห่แซว มันวางสายแล้วทำหน้ามึน เกลียดตาแป๋วๆ เวลามึงงงจริงๆ ซื่อแบบนี้จะเอาผู้หญิงเป็นเหรอ

               รำคาญเว้ย!

               แต่ผมว่ามันกวนตีน คนอะไรจะซื่อบื้อกับทุกเรื่องได้ขนาดนี้วะ ผมพูดอะไรไปมันก็จะมองกลับด้วยตาโตๆ คิ้วเลิกขึ้นจนเห็นคำว่า ‘หา?’ แปะอยู่กลางหน้าผาก แล้วปากก็จะอ้าออกน้อยๆ แบบ… โคตรกวน!

               ผมถลึงตาใส่มัน หน้าฉงนผสมฉงายนั่นแปรเปลี่ยนเป็นสะดุ้งตกใจแล้วหันหนีอย่างรวดเร็วเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าถ้ากวนตีนต่ออีกนิดมันต้องเจอดีแน่ เหงื่อเม็ดเล็กผุดตามไรผม มันหนีโดยการลุกไปหยิบเอาถุงยามาเลือกยาหลังอาหารไปกิน จากนั้นก็เดินมาเก็บจานบนโต๊ะ ไอ้เมษกับไอ้พอลจองหน้าทีวีเรียบร้อยแล้วเหลือผมที่ยังนั่งดูมันเดินโขยกๆ ไปมาหน้าอ่างล้างจาน ตอนนี้มันเคลื่อนไหวได้ไม่เต็มเท้า เวลายืนจะพักขาข้างที่เจ็บขึ้น พอเผลอเอาเท้าแตะพื้นนิดเดียวก็จะสะดุ้งด้วยความเจ็บ

               เลิกสนใจแล้วพาตัวเองมานั่งรวมกับไอ้สองคนนั่นแทน แต่ยังไม่ทันทรุดตัวลงเต็มก้น เสียงเคาะประตูก็ขัดขึ้นเสียก่อน ทำให้ผมต้องลุกไปเปิดอย่างหงุดหงิด ยุ่งอะไรนักหนาวะ

               “อุ้ย! นี่ห้องน้องโบใช่ไหมจ๊ะ” ป้าแก่ๆ อายุน่าจะประมาณห้าสิบอัพถามขึ้นหลังจากที่เห็นคนที่มาต้อนรับไม่ใช่เจ้าของห้องตัวจริง ผมพยักหน้าให้แล้วเปิดประตูกว้างให้แกเข้ามา ดูจากลักษณะใส่ชุดเสื้อยืดมีผ้ากันเปื้อนกับสองมือที่ถืออุปกรณ์ทำความสะอาดมาเต็มเดาว่าคงจะเป็นแม่บ้านของไอ้เปี๊ยกแน่ ...ค่อนข้างมั่นใจเลยล่ะเพราะมันรวย

               “ตายแล้วน้องโบ! หนูเจ็บอยู่ไปล้างจานแบบนั้นได้ยังไงคะ”

               “...สวัสดีครับคุณป้า ผมล้างจานน่ะครับ” นี่มึงงงหรือมึงมึน ป้าเขาถามว่ามึงล้างจานทำไมไม่ได้ถามว่ามึงทำอะไร ให้ตายสิ! มันเอ๋อเหรอวะ

               ป้าแกรีบแทรกตัวจัดการงานของมันต่อเองแล้วไล่ให้มันไปนั่งพัก ดีนะที่แกไม่เอะใจว่าทำไมพวกผมปล่อยให้มันล้างจาน (และดีมากๆ ที่กูเก็บกระป๋องเบียร์แล้ว) ป้าเหมือนถูกโปรแกรมมาให้ทำอย่างใดอย่างหนึ่ง นอกเหนือจากงานแกก็ไม่ได้สนใจอะไรซึ่งก็ดี ผมคว้าแขนแห้งๆ มานั่งข้างไอ้พอลหลังจากเห็นมันยืนคว้างมองป้าแม่บ้านทำงาน (หน้ามึงโคตรรักไอ้เปี๊ยกเลยว่ะพอล ฮ่าๆ มีกระเถิบหนีด้วย) ทำท่าเหมือนอยากช่วยเขามากแต่ผมรู้ว่ามันแค่หาเรื่องอยู่ห่างผมเท่านั้นแหละ

               “...”

               ทั้งห้องตกอยู่ในบรรยากาศที่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นอย่างไร อึมครึม? มาคุ? (คงมาจากไอ้พอลที่นั่งขบกรามพยายามกอดแขนเอนตัวไปทางไอ้เมษแทบจะนอนตัก คงยังไม่หายเคืองเรื่องโทรศัพท์ล่ะมั้ง) มีเพียงเสียงแอร์เบาๆ หนังในจอจากช่องต่างประเทศยิงกันมันส์สนุกใช้ได้ นานๆ ทีจะมีเสียงกุกกักจากป้าแม่บ้านยามแกทำความสะอาดตามซอกมุมต่างๆ โทรศัพท์ไอ้เปี๊ยกดัง (วันนี้แม่งถี่จังวะ) ไม่เห็นมันหยิบมารับสักทีพอเหลือบตามองก็รู้ว่าเพราะมันหลับคอพับไปแล้ว ผมเลยเอื้อมไปหยิบมารับเองจากบนโต๊ะหน้าโซฟา

               “มึงเบาทีวีดิ” แม่มันโทรมา ไอ้เมษกดปิดเสียงให้ ผมกดรับแล้วถือวิสาสะคุยเอง แม่มันก็โทรมาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ผมก็รายงานไปว่ามันหลับและมีเจ็บแผลนิดหน่อย ยากินแล้วอะไรก็ว่าไป ไม่ถึงนาทีก็จบ

               “ป้ากลับก่อนนะคะ ฝากคุณหนูด้วยนะคะ” ป้าเก็บของเรียบร้อยก็มารายงาน ไม่ใช่ มาลากลับ รู้สึกเหมือนเป็นเศรษฐีมีคนรับใช้เลยเว้ย ว่าแต่ ‘คุณหนู’ ? โห รวยจริง ผมตัวยืดขึ้นเล็กน้อย พยักหน้าตอบรับไป ไม่ไปส่งนะป้าหนังกำลังมันส์ จากที่คุยกับแม่มันเมื่อกี้ ป้าแม่บ้านคนนี้คือคนดูแลจากที่บ้าน นานๆ ทีแม่มันจะส่งมาดูแลความเรียบร้อยห้องมันเพราะส่วนใหญ่แล้วมันจะทำเอง ช่วงที่มันเจ็บอยู่ป้าแกจะมาวันเว้นวันและจะเอาอาหารมาส่งให้ตอนเช้า ซึ่งวันนี้พวกผมซื้อมาแล้วเลยบอกว่าไม่ต้องทำกับข้าวมาให้ ไว้พรุ่งนี้แล้วกับ ...ถ้ามาก็แย่สิ ผมว่าจะเซอร์ไพรส์ไอ้เปี๊ยกมันด้วย หึๆ



 
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน6 100% 9/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 11-12-2016 21:41:18


               12:40

               จะบ่ายแล้วนี่หว่า ลืมให้มันกินยาก่อนอาหารเลย ไอ้สองตัวออกไปแรดข้างนอกตั้งแต่หนังจบแล้ว ผมเปิดประตูระเบียงกลับเข้าไปในห้องใช้เท้าสะกิดคนที่นอนอยู่บนโซฟา ก็มือไม่ว่าง ถือกระป๋องเบียร์อยู่ มันงัวเงียขยี้ตา

               “เที่ยงแล้ว ไปแดกยาแดกข้าวไป” พอมันลุกผมก็นั่งลงแทนที่ เปิดทีวีอีกครั้งหนึ่ง วันหยุดแบบนี้ปกติผมคงออกไปเที่ยวเล่นแล้ว ไม่ค่อยได้อยู่อุดอู้ในห้องเกินครึ่งวันหรอก มันน่าเบื่อ

               ก๊อกๆๆ

               อ้ากกก! ทำไมอยู่ๆ ห้องมึงถึงเนื้อหอมขนาดนี้วะเนี่ย (ก็แปลกเนาะ เมื่อคืนกูยังไม่ชอบเงียบๆ อยู่เลย)

               กระชากประตูเปิด ทายซิใครเอ่ย “อ๊ะ! เอ่อ ขอโทษนะคะ นี่ใช่ห้องคอมโบหรือเปล่าคะ” กูต้องเดาอีกแล้วใช่ไหม งั้นเดาว่านี่คือตัวจริงของปลายสายที่ชื่อ ‘บัว’

               “ใช่”

               “ค… ค่ะ ขอเข้าไปหาโบหน่อยค่ะ”

               หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง เธอคงตั้งสติได้และรู้ว่าผมคือคนที่รับสายตอนนั้น สายตาที่มองเปลี่ยนไปทันทีน้ำเสียงเองก็เช่นกัน หน้าสวยเชิดขึ้นเบี่ยงเล็กน้อยและใช้หางตามองผม เสียงหวานตวัดห้วนไม่เข้ากับรูปลักษณ์ภายใต้ชุดนักศึกษาเรียบร้อยกระดุมติดจนถึงเม็ดบนเสียเลย ผู้หญิงคนนี้ดูเผินๆ ก็เป็นเด็กดีเรียบร้อย ที่สำคัญคือน่ารักมาก แต่ผมมองออกว่าเธอมีอะไรซ้อนไว้หลายอย่างเลยล่ะ

               เจ้าหล่อนไม่รอคำเชิญ เธอกระแทกไหลผมแทรกตัวเข้ามาได้สำเร็จ สายตาสอดส่ายหาเป้าหมายเมื่อเจอแล้วก็ปรี่เข้าไปหาทันที

               เฮ้ยๆๆ นี่เธอผู้หญิงคนเดียวเลยนะ เข้าห้องผู้ชายแบบนี้เลยเหรอ

               “บัว?” …ช่างเถอะ คงเป็นหน้าประจำมันแล้วล่ะ

               “โบ! เป็นยังไงบ้าง หน้าซีดมากเลย” ไม่พูดเปล่า สาวเธอก็เอามือจับๆ ลูบๆ ทั่วตัวทั่วหน้าไอ้เปี๊ยกราวกับไม่เจอกันมาเป็นชาติ คือถ้ากูไม่อยู่ตรงนี้คงมีจูบปากกันแน่

               “ด เดี๋ยวๆ บัว เราโอเค ไม่เป็นไรหรอก”

               ผมยืนกอดอกดูฉากหวานแหววเงียบๆ มันหน้าแดงแปร๊ด มือเล็กจับมือที่บางพอกันไว้ทำให้อยู่ในลักษณะมันกุมมือเด็กสาวที่ชื่อบัวไว้ เธอก้มมองแล้วยิ้มเอียงอายก้มหน้าหลบตามัน ไอ้บื้อเตี้ยรู้สึกตัวรีบปล่อยมือขาวทันที มันเกาหัวเขินๆ แล้วบอกให้เมียมันไปนั่งคุยที่โซฟา

               มันเปิดประเด็นก่อน “บัวมาได้ไง”

               “เราเป็นห่วงโบน่ะ เลยไปขอที่อยู่กับอาจารย์มา… โบ… คงไม่ว่าอะไรใช่ไหม” ช้อนตาอ่อยอีกหนึ่ง

               “ม… ไม่หรอก คือ แค่แปลกใจน่ะ ไม่ได้ว่าอะไร”

               พอได้รับคำตอบที่ถูกใจปากอิ่มก็แยกยิ้มจนหน้าบาน “ดีจัง! เรากลัวโบว่าเราวุ่นวายมากเลยนะ” เฮ้ๆ กูยังยืนอยู่ข้างหลังนะ เห็นไหม ไอ้เปี๊ยกเหลือบๆ มองผมแวบหนึ่งแล้วหันไปสนใจผู้หญิงข้างๆ ต่อ “แล้วโบเป็นอะไรมากหรือเปล่า”

               “อ๋อ… เปล่าหรอก เรา… ตะปูตำเท้าน่ะ”

               สั้นๆ ได้ใจความ ทำเอาสาวเจ้าเบิกตากว้างอุทานเสียงดัง “ฮะ! ไหนโบ ขอบัวดูหน่อย” มันเหยียดขาให้ดู ผ้าพันแผลหนาเตอะพันรอบตั้งแต่ข้อเท้าลงไปขาวสะอาด เธอทำกระต่ายตื่นตูมพูดโวยวายหนวกหูผมจึงเลิกจับตาดูเดินหนีออกมา

               แว่วเสียงเจื้อยแจ้วของฝ่ายหญิงเป็นระยะระหว่างที่ผมกลับมาจิบเบียร์ชมวิวด้านนอก แอบมองทั้งสองเป็นระยะๆ จนไม่เหลือน้ำเมาในกระป๋อง กะจะเข้าไปเอามากินต่อแต่พอเปิดเข้าไปเจอภาพสองคนนั่งคุยไหล่ชนกันหัวเราะกันคิกคัก สีหน้าไอ้เปี๊ยกดูสดชื่นขึ้น รอยยิ้มประดับบนใบหน้าดวงตาเป็นประกายเช่นเดียวกับอีกฝ่ายเห็นแล้วมันน่าหงุดหงิด ทีอยู่กับผมไม่ทำท่ากวนตีนก็ร้องไห้ มีแค่นั้นแหละ อยู่กับกูมันไม่สนุกเหมือนคุยกับเมียสินะ ดี เดี๋ยวก็รู้

               “อะแฮ่ม!”

               อะไรจะตกใจกันขนาดนั้น ผมกระแอมเบาๆ มันสองคนรีบดีดตัวออกห่างกันมองผมเป็นตาเดียว เป็นสาวเป็นนางอยู่ห้องผู้ชายนานๆ คงไม่งามมั้งคุณ

               “นี่ก็จะเย็นแล้ว เดี๋ยวมึงต้องกินข้าวกินยาพักผ่อนได้แล้ว” นี่ไล่อย่างโคตรให้เกียรติเลยนะ ดูซิจะรู้ตัวไหม

               “โบมียาก่อนอาหารไหม ต้องกินก่อนสามสิบนาทีนะ แล้วมีกับข้าวหรือยัง บัวทำให้ไหม” นั่นไง นึกแล้วเชียว งั้นผมต้องสกัดดวงรุ่งก่อน อีกเดี๋ยวก็จะเวลานัดแล้วด้วย

               “เธอกลับไปเถอะ แม่มันฝากให้ดูแลแล้ว ข้าวปลาก็มี ยาเดี๋ยวเตรียมให้ไม่ต้องรบกวนเธอหรอก รีบกลับเถอะ มืดค่ำจะอันตราย” ประโยคหลังกะพูดให้ไอ้เตี้ยได้ยิน ส่งสายตาส่อความหมายไปอีกว่าอันตรายนั่นคืออะไร อย่าคิดว่าไม่ชอบแล้วกูจะไม่เอานะ ยิ่งหน้าตาผ่านด้วย

               “จริงด้วย บัวกลับไปก่อนดีกว่า ปากซอยมันเปลี่ยวด้วย ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ” เหมือนจะไม่ตรงจุดประสงค์ แต่ช่างเถอะ กลับๆ ไปได้ก็พอ

               “... ก็ได้จ่ะ งั้นไว้เจอกันนะ”



               “...”

               เหมือนเดิม...

               พออยู่กันสองคนมันกลับไปเงียบใบ้แดกเช่นเคย เสียงช้อนกระทบจานดังเบาๆ ไม่ช่วยให้บรรยากาศดีขึ้นเลย ผมวางช้อนในมือเมื่อจัดการอาหารส่วนของตัวเองเสร็จแล้ว ระหว่างรอเวลาผมก็นั่งมองมันเล่น ทุกอากัปกกิริยาเชื่องช้ายิ่งกว่าเต่าคลานทำคนใจร้อนอย่างผมถอนหายใจเฮือกหนึ่ง คงแรงไปหน่อยมันเลยสะดุ้งมองหน้าผมกลัวๆ ผมจ้องตอบ เราเล่นจ้องตากันสักพักมันถึงได้ค่อยๆ กวาดอาหารใส่ช้อนตักเข้าปากไปทั้งๆ ที่ตากลมโตยังเหลือบมองผมอยู่

               จานของคนตรงข้ามว่างเปล่าผมจึงไล่ให้มันไปอาบน้ำ ส่วนจานชามก็กองทิ้งไว้นั่นแหละเดี๋ยวป้าแม่บ้านเขาจะไม่มีอะไรทำ

               “แม็กโว้ย!” ไอ้เมษตะโกนลอดประตูมา เมื่อผมปลดกลอนให้ด้านนอกปรากฎเป็นคนสามคน แน่นอนมีเพื่อนซี้ทั้งสอง ส่วนอีกหนึ่งนั้น

               “หอหรูดีนี่แม็ก”

               “ข้างในหรูกว่าอีก เข้ามาสิ ...อ้อ! เอาของมาด้วยหรือเปล่า ‘จี’”

               หญิงสาวนาม ‘จี’ ชูถุงในมือให้ดู เธอเป็นหนึ่งในคู่ขาที่ถูกใจผมที่สุด รูปร่างหน้าตา ทรวดทรงองเอวเย้ายวนแถมลีลาดีไม่แพ้กัน อีกอย่างที่โดนใจผมก็คือ จีมีความจิตนิดๆ โดยเฉพาะเวลามีเซ็กส์ ซึ่งเหมาะมากที่จะใช้สั่งสอนคนเจ็บที่บังอาจกวนตีนผม ...เป็นยังไงเดี๋ยวก็รู้

               “นั่น… ใครน่ะครับ”

               น่าสนุกชะมัด ไอ้เปี๊ยกร้องถามพร้อมคิ้วเรียวขมวดยุ่ง มันมองผู้หญิงหุ่นเอ็กซ์นุ่งน้อยห่มน้อยเผยรอยสักเต็มตัวนิ่งอย่างไม่เข้าใจ ผมคงคิดเพลินไปหน่อยเลยลืมแนะนำแขกสำคัญที่จะมาช่วยสอนบทเรียนการเตรียมตัวสำหรับการมีแฟนให้ไอ้คุณหนูกะลาครอบ

               “โทษทีๆ ลืมแนะนำตัว...” ผมกอดคอมันแล้วผายมือไปทางฝ่ายหญิง “ไอ้เปี๊ยก… นี่จี วันนี้เขามีอะไรดีๆ มาฝากมึงเยอะแยะเลยล่ะ ทำความรู้จักกันไว้ซะ และเดี๋ยวจะยิ่งรู้จักกันอย่าง ‘ลึกซึ้ง’ มากขึ้นอีก”

               “...พี่หมายความว่าไง” ถามได้ดี ผมกระซิบตอบที่ข้างใบหูเล็ก

               “เดี๋ยวก็รู้...”




______________________________________

ไม่ได้ตั้งใจให้ยืดเยื้อนะ แต่พาร์ทไอ้พี่แม็กมันคิดเยอะอ่ะ
ตอนหน้า20++++++++
เห็นมีหลายคนหวังว่าเรื่องนี้จะจบแฮปปี้ แม้จะดราม่า sm ncกระจายก็ตาม

จบแฮปปี้ค่ะวางใจได้
คิดว่าปีหน้าคงจะได้อัพถี่ขึ้น (ข้าเป็นอิสระแล้วเว้ยยยย)
แต่ช่วงนี้ติดดูแคสเกม เมื่อวานก็อดไปงานที่พารากอนเลย เสียจุย

เอาล่ะ
และแล้วก็มีชะนีโผล่มาอีก ใบ้ให้ว่านางจะทำให้ชีวิตคอมโบยุ่งยากยิ่งขึ้น
นางฟ้าบัวก็นะ น้ำนิ่งไหลลึกเป็นอย่างไรติดตามจากนางได้  :hao3:

แล้วเจอกันตอนหน้า

นกแสก
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน7 100% 11/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 12-12-2016 09:01:33
อิพี่แม็กซ์จะทำไรอีกเนี่ย ลุ้นๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน7 100% 11/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 12-12-2016 12:18:18
 :ruready
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน7 100% 11/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-12-2016 13:22:12
แม็ก จะแกล้งอะไรโบอีกล่ะ
ไม่ใช่ให้จี ทำรักกับโบนะ
หรือใช้ยากับโบ โอ้.......โบ เอ๊ย......
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน7 100% 11/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 12-12-2016 21:27:58
น่าติดตามสุดๆๆ จะโดนทำอะไรอีกเนี่ย น่าสงสารจริงๆๆ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน7 100% 11/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 12-12-2016 22:39:27
จะให้จีมา ...?
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน7 100% 11/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: thyme812 ที่ 13-12-2016 01:43:19
 :mew5:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน7 100% 11/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 06-03-2017 07:12:48
นี่รอ คือ เราว่าอิพี่แม็คเลว
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน7 100% 11/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 06-03-2017 07:36:44
เมื่อไหร่จะมาน่อ :mew6:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน7 100% 11/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 06-03-2017 18:42:38
รอค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน8 100% 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 07-03-2017 00:46:37


ห่างหายไปนาน จัดไป NC 20+++ ล้วนๆ เลยนะ ไม่มีไรมากข้ามได้ถ้าไม่ชอบ




-8-

               “พี่จะทำอะไร!”

               ผมมองชายหญิงสี่คนตรงหน้าอย่างหวาดระแวง เขาจับผมมัดมือไพล่หลังด้วยกางเกงนอนของผมเอง ทำให้ตอนนี้ผมอยู่ในสภาพไร้ทางสู้ ท่อนล่างเกือบล่อนจ้อนยังดีที่เหลือชั้นในปกปิดส่วนน่าอายไว้บ้าง

               กับพวกพี่แม็กผมยังอายอยู่เลยขนาดเป็นผู้ชายเหมือนกันแถมยังเคยแกล้งเปลือยผมมาแล้วผมยังไม่ชินเลย แล้วผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้นนั่งมองผมอย่างไม่รู้สึกรู้สา ผมยิ่งอยากจะแทรกแผ่นดินหนีถ้าทำได้ สองขาหดชิดลำตัวพยายามปกปิดร่างกายน่าเกลียดนี้ให้มากที่สุดแม้จะไม่ช่วยอะไรก็ตาม

               “อยู่เฉยๆ ! ไม่งั้นกูจะมัดปากมัดขามึง” โดนขู่มาแบบนี้ผมก็จำต้องเงียบและทำใจยอมรับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไป พี่แม็กจัดการผมเสร็จก็ถอยให้พี่จีเข้ามานั่งข้างผม ที่ปลายเตียงพี่พอลหันหลังให้กำลังทำอะไรบางอย่าง

               ร่างกายกระตุกอย่างตกใจเมื่อปลายเล็บยาวสีแดงสดไล้ผ่านข้างแก้ม ทำให้ผมละสายตาจากหลังของพี่พอล “น้องโบเนี่ย ผิวสวยจังเลย” ผมเกร็งตัวหนี เธอตามผมมาอย่างไม่ลดละ อกนูนเด่นใต้คอเสื้อคว้านลึกจนเห็นขอบยกทรงเข้าใกล้ผมจนเกินงาม ผมได้กลิ่นน้ำหอมฉุนกึกมาจากเธอ แล้วพี่พอลก็พูดขึ้น

               “เค พร้อมละ” จบคำ หญิงสาวผละจากผมตบมือชอบใจอะไรบางอย่าง เมื่อตรงหน้าไม่มีใครมาบดบังสายตาผมก็เห็นกล้องวิดีโอด้านหน้า เลนส์มันวาวสะท้อนรูปผมตรงกลางพอดิบพอดี ผมเริ่มใจเสียมากขึ้นมั่นใจแล้วว่าพวกเขาจะต้องแกล้งอะไรผมอีกแน่ๆ

               !

               ผมตาค้างอ้าปากหวอ พี่จีถอดเสื้อและกางเกงออกจนเหลือแต่ชั้นในสีแดงยั่วยวนเผยผิวเนียนสีน้ำผึ้งมีรอยสักเล็กๆ บริเวณเนินอกซ้ายและสะโพก เธอจับขาผมเหยียดตรงแล้วขึ้นคร่อมทิ้งน้ำหนักลงบนตักทำให้ผมขยับไปไหนไม่ได้ พวกพี่แม็กเองก็ถอดเสื้ออวดมัดกล้ามอยู่รอบเตียง

               “เอาละ! เนื่องจากน้องโบสุดหล่อของเรากำลังจะได้เมียเป็นตัวเป็นตนในเร็วๆ นี้ วันนี้เราก็เลยจะมาเปิดคลาสเพศศึกษา เพื่อสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตให้คุณหนูกัน” ฮะ? หมายความว่าไง ผมงงไปหมดแล้ว

               “เดี๋ยวพี่สอนน้องโบเองนะคะ” ยิ่งเนินเนื้อแอ่นเข้าใกล้ผมยิ่งหลับตาปี๋เบือนหน้าหนี จะว่าไร้เดียงสาก็ได้เพราะเกิดมานอกจากอาบน้ำกับแม่ตอนเด็กๆ แล้วผมก็ไม่เคยเห็นเรือนร่างผู้หญิงจะๆ แบบนี้อีกเลย แม้แต่สื่อลามกก็ไม่เคยแตะ

               ระหว่างที่ผมดิ้นขลุกขลักอยู่ใต้ร่างพี่จี เธอก็ขยับส่วนลับที่ถูกปิดบังด้วยกางเกงชั้นในสีสดถูไถกับกลางตัวผมทำให้ผมรู้สึกวูบๆ ในท้องแปลกๆ ผมร้องหวอขณะที่หญิงสาวหัวเราะร่าอย่างสนุกเมื่อกรงเล็บตะปบกระชากชั้นในของผมไปกองที่หัวเข่า

               “อ๊าย! น่ารักอ่ะ มามะ เจ้าหนอนน้อย”

               “ไม่! ไม่ๆๆ อย่านะครับ ไม่เอา!” ผมร้องอย่างตระหนก หญิงสาวล้อเลียนโดยไม่มีความเห็นใจ เธอคว้าส่วนที่ยังอ่อนตัวของผมไว้แล้วโน้มตัวลงมา ริมฝีปากอิ่มอ้าออกเตรียมกลืนกินมันเข้าไปทันที

               “พี่ครับ! พี่! ผมขอร้อง อย่าทำผมเลยนะ พี่แม็ก! พี่แม็กครับปล่อยผมเถอะนะ ให้ผมทำอะไรก็ได้ ผมจะเชื่อฟังพี่ทุกอย่างเลย แต่ไม่เล่นแบบนี้นะฮะ”

               เจ้าของชื่อยังคงนิ่ง เขาอมยิ้มน้อยๆ มองดูผมร้อนรนอย่างสุขใจแล้วหันไปหยิบถุงที่พี่จีเอามาวางไว้ข้างๆ แล้วพูดกับผม “มึงว่าจะทำตามใช่ไหม”

               ผมเดาใจไม่ถูกจึงไม่กล้าพูดหรือแสดงอาการตอบรับออกไปถึงแม้ว่าผมจะพูดเช่นนั้นจริงๆ ก็ตาม ตาคมตวัดมองจนลมหายใจกระตุก ผมไม่ควรทำให้เขาอารมณ์เสียมากกว่านี้จึงยอมรับโดยการพยักหน้าเร็วๆ

               “ก่อนอื่นขอแนะนำให้รู้จัก…” ชายร่างใหญ่คุกเข่าซ้อนหลังหญิงสาว มือทั้งสองสอดเข้าไปในบราของเธอ “นม” เขาบีบขยำมันไปมา “มีหลายขนาดและรูปทรง มันนุ่มนิ่ม ใช่งานได้ตั้งหลายอย่าง เอาไว้กูจะสอนมึงทีหลังละกัน… เพราะกูจะให้มึงใช้นี่”

               เขามองสบตาผมไม่ลดละ คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยยามเขายกสิ่งหนึ่งออกมาให้พ้นปากถุง มันเป็นทรงกระบอกขนาดประมาณขวดน้ำดื่ม ผมไม่เคยเห็นของชนิดนี้มาก่อน ตรายี่ห้อข้างกระบอกก็ไม่รู้จักจึงเดาไม่ได้เลยว่าเจ้าสิ่งนั้นคืออะไร แต่ไม่นานนักพี่เขาก็เฉลยให้ฟัง

               “นี่เรียกว่าจิ๋มกระป๋อง ผู้ชายเราเอาไว้ใช้เป็นเพื่อนแก้เหงาเวลาสาวๆ ไม่อยู่ หึหึ” เขาหันไปหัวเราะกับพี่จี ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่มต่อหน้าผม ผมอายแทนหน้าเห่อร้อน ปากเม้มแน่นเมื่อเห็นเรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดกันจนเกิดเสียงแฉะชื้น “...หรือไม่ก็ตอนที่ยังไม่มีสาวๆ พูดง่ายๆ ว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับฝึกงานก็ไม่ผิด”

               “นี่ไอ้แม็ก กูขออัดเฉพาะตอนสำคัญๆ แล้วกัน กูลืมชาร์ตแบตมาว่ะ” พี่พอลขัด

               พี่แม็กดันพี่จีออกแล้วแก้มัดให้ผม ก่อนจะยัดกระบอกนั่นใส่มือ “เออๆ งั้นเริ่มเลย อ่ะนี่ ถือไว้แล้วบีบ… เจลเข้าไป กูว่าให้จีสอนดีกว่าว่ะ กูมันผู้ชายหนักมือไปมึงจะเจ็บตัวเปล่าๆ”

               ผมมองมันที่อยู่ในมืออย่างขยะแขยง เจลใสๆ ด้านในไหลออกมาตามแรงโน้มถ่วง ผมเผลอเอามือรองเพราะกลัวจะเลอะผ้าปู ข้างในมันเป็นวัสดุอ่อนนุ่มตรงกลางมีรูลึกเข้าไปขอบนอกทำเลียนแบบอวัยวะเพศหญิงได้เหมือนเสียจนน่าเกลียด ขณะกำลังพิจารณารูปลักษณ์อันน่าพะอืดพะอมพี่เมษก็ซื้ดปากเรียกความสนใจผม “แม่งเอ้ย… ฉากนี้มึงโคตรอีโรติกเลยว่ะไอ้ตัวเล็ก” ฮะ?

               “ช็อตนี้อย่างกับหนังเอวีเด็กน้อยเล่นของเล่นผู้ใหญ่เลยว่ะ… เรื่องโปรดกูเลย ริเอะจัง น้องทวินเทลกระโปรงลายสก๊อต”

               “มึงเพ้อไอ้เตี้ยนี่เป็นสาวญี่ปุ่นได้ไงวะพอล เห็นหำมันไหม” พวกเขาพูดเรื่องลามกกันได้ไม่อายปาก เถียงกันไปมาสักพักจนผมนึกว่ารอดแล้ว แต่ขาที่ค่อยๆ ไต่ลงเตียงยังไม่ทันถึงพื้นดี พี่แม็กก็หิ้วปีกดึงผมกลับมากลางวงล้อมจากทางด้านหลังเสียก่อน

               แล้วล็อคตัวผมไม่ให้หนีได้อีกด้วยตัวเขาเอง พี่แม็กพิงหัวเตียงซ้อนหลังผม แขนล่ำกอดรอบคอส่วนขาเกี่ยวขาผมอ้าออก และเขาคงเคลื่อนไหวเร็วเกินเท้าข้างที่เจ็บจึงถูกับเตียง ความเจ็บร้าวมาถึงสันหลังขนาดต้องเกร็งตัวอัตโนมัติ เมื่ออยู่แนบชิดในสภาพเสื้อผ้าน้อยชิ้นเผยผิวของเราตัดกันจนแอบคิดถึงทางม้าลายเช่นนี้ แผ่นหลังรับรู้ได้ถึงอุณหภูมิร่างกายของคนด้านหลังได้ชัดเจน แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจผมเต้นไม่เป็นส่ำยิ่งกว่าคือบางอย่างที่ดุนดันติดสะโพก… นี้ขนาดมันยังสงบอยู่นะ

               “เออ นิ่งเลยเว้ย สงสัยชอบท่านี้” เสียงห้าวผสมลมร้อนพาให้ขนคอลุกชัน เขากอดหลวมๆ ทิ้งน้ำหนักลงบนไหล่เหมือนกอดตุ๊กตา มือหนาละออกมาทาบทับกับมือข้างที่ถือกระป๋องสีดำของผมไว้ เขาพูดพลางนำทางผมไปพร้อมๆ กัน “รุ่นนี้ทำเหมือนดีนะ ราคาก็ใช่ย่อย แต่ระดับคุณหนูโบแล้วก็ต้องใช้ของดีหน่อย… พร้อมนะ?”

               “...”

               ผมไม่ตอบ เขาจึงรัดแขนที่คอแน่นขึ้นเป็นเชิงขู่ ผมพยักหน้ารัวๆ ไม่อยากเจ็บตัวอีก แค่นี้ก็ปวดตั้งแต่เท้าลามมาถึงขมับแล้วครับ แถมยังรู้สึกตัวรุมๆ ร้อนกระบอกตา ความรู้สึกอ่อนแอพาให้น้ำตารื้น และต้องคอยสูดน้ำมูกใสๆ ที่เริ่มไหล่มาทีละน้อย แต่มือก็ยังทำตามคำสั่งเป็นระยะ

               “ช่วยจับหน่อยสิ… นั่นแหละ แล้วเอาของมึงใส่ไปในรูนั่นเลย”

               ผมจินตนาการความรู้สึกข้างในนั้น มันเหมือนเกมคลำสิ่งของในกล่องซึ่งด้านในมีอะไรแหยะๆ หลอกอยู่ มือหนึ่งประคองของตัวเองที่ยังอ่อนตัวอยู่ให้ตั้งตรงแล้วเลื่อนกระบอกเข้ามาใกล้ ผมสูดน้ำมูกโดยไม่ได้ตั้งใจให้เสียงดัง เขาช่วยดันให้มันครอบอวัยวะอันเล็กจนมิด… ผมรู้สึกเหมือนจะอ้วกเลย

               “ขยับสิ”

               ผมไม่ชอบเอาเสียเลย มันเหมือนกับว่าผมกำลังทำในสิ่งที่ไม่ดี แม่บอกไว้ว่าวัยแบบผมควรคิดแต่เรื่องตั้งใจเรียนเท่านั้น เรื่องทางเพศเป็นสิ่งน่าอายและไม่ควรยุ่งเกี่ยวด้วย ถ้าผมช่วยตัวเองนั่นก็ถือเป็นการไม่ให้เกียรติผู้หญิง แล้วแม่ก็จะถามว่าผมรักแม่ไหม ถ้ารักผมต้องไม่ทำให้เพศเดียวกับแม่เสียเกียรติ นอกจากถึงเวลาอันสมควรที่ผมจะต้องแต่งงานมีลูกเท่านั้น มันฝังหัวผมมาตั้งแต่เล็กๆ จนถึงขนาดว่าการจับมือหรือสัมผัสเพศตรงข้ามช่างลำบากและต้องเฉพาะยามจำเป็นเท่านั้น

               ผมเบือนหน้าหนีภาพของเล่นผู้ใหญ่ผลุบเข้าผลุบออกบนตัว ท้องน้อยเสียววูบทุกครั้งที่มันขยับและยิ่งตัวเกร็งมากขึ้นเมื่อพี่แม็กจับมือผมเร่งความเร็วเกิดเสียงชื้นแฉะ อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นราวกับมีใครไปก่อไฟข้างใน ขาอยากจะขดหาตัวด้วยความเสียวซ่านหากติดที่มีขายาวเต็มไปด้วยมัดกล้ามต้านอยู่

               “อ… อ๊ะ อ๊า...”

               “เสียงน่ารักจัง”

               ได้ยินเสียงตัวเองครางหวานอย่างห้ามไม่อยู่ตามด้วยหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวเอ่ยชม สติผมยังครบถ้วนทว่ากลับไม่สามารถควบคุมทั้งเสียงและมือที่เร่งถี่ได้ จุดขาวเล็กๆ ขยายส่องสว่างกลางหัว ผมรู้ว่าหากแตะถึงจุดนั้นได้ผมจะได้พบกับความสุขสม ปากอ้าหอบแทบขาดใจ สมองเริ่มพร่าเลือนทีละน้อยไม่รู้ตัวว่าเผลอคว้าคอคนข้างหลังเป็นหลักยึด ...เกือบแล้ว อีกนิด… อีกนิดเดียว

               “อะ อ๊ะ!”

               เฮือก!

               แสงขาวหายวับไปในพริบตาเมื่อพี่จีคว้าเอากระป๋องไปจากมือเสียดื้อๆ ในใจแวบแรกผมเสียดายมันอย่างมาก เนื่องจากผมยังไม่ได้สัมผัสกับการปลดปล่อย ที่กลางตัวตั้งแข็งและปวดหนึบ ตรงปลายมีน้ำใสไหลซึมออกมาแต่ผมอยากให้มันออกมามากกว่านี้ ตอนนี้จึงแน่นคับอย่างกับจะระเบิด เนื้อตัวสั่นระริกมองตามเจ้าสิ่งนั้นอย่างต้องการ

               “ไม่ได้นะ ตรงนี้ของน้องโบเป็นของพี่ น้องโบจะเสร็จก่อนไม่ได้นะจ๊ะ” นิ้วเรียวโบกไปมา จู่ชั้นในตัวจิ๋วก็ถูกกระชากออก ผมซึ่งไม่ทั้งตั้งตัวจึงเผลอมองจ้องเต็มๆ อวัยวะเกลี้ยงเกลากลางหว่างขาปรากฎต่อสายตาทำผมช็อค เธอไม่มีความอายแถมยังดูจัดเจนในเรื่องอย่างว่า พวกผู้ชายเองก็ล้วงเขาไปในกางเกงแล้วขยับมือ นี่พวกเขาคิดจะให้ผมเล่นเซ็กส์หมู่ด้วยอย่างนั้นหรอ!

               ผมถดตัวหนีแม้จะรู้ว่ายังไงก็ถูกขัดขวางตัวร่างใหญ่ข้างหลัง เธอขึ้นมาคร่อมแล้วจับน้องผมตั้งขึ้นก่อนจะกดตัวลงมาช้าๆ

               “ไม่ๆๆๆ !!! ไม่เอานะ ผมไม่อยากทำแบบนี้ ผมไม่อยากมีอะไรกับพี่จีนะ!” ผมไม่พร้อม! ผมกลัว กลัวว่าถ้าผมทำให้เธอท้องล่ะ ถุงยางก็ไม่มีและถึงมีผมก็ไม่อยากทำ ถ้าคนอื่นรู้ ถ้าพ่อกับแม่รู้ผมโดนแน่ ชื่อเสียงพ่อแม่ผมต้องป่นปี้ถ้าชาวบ้านรู้ว่าผมทำผู้หญิงท้องตั้งแต่อายุแค่นี้แล้วไม่มีปัญญารับผิดชอบชีวิตที่จะเกิดขึ้นมา… ผมจะทำยังไงดี

               “ฮือ… ฮึก ฮือออ...”

               “เอ๋า ร้องซะแล้ว” พี่จีทำน่าสงสาร เล็บสีสดปาดน้ำตาที่ไหลพรากให้ จูบซับน้ำตาไปทั่วหน้า ผมไม่ต่อต้านเอาแต่โยเยเป็นเด็กๆ ยกมือปาดน้ำมูกน้ำตาจนเลอะเทอะ “โถ… น้องโบ โอ๋น้าๆ พี่ไม่แกล้งหนูแล้ว เงียบนะๆ”

               “ฮึกๆ...”

               “คนเก่งไม่ร้องนะ ดูสิ แดงไปทั้งตัวเลย เดี๋ยวไม่สวยนะ” ผมมองคนที่ปลอบผมอย่างกับหลอกเด็ก ลมหายใจยังสะดุดเป็นห้วงๆ คงดูน่าสงสารอย่างน่าสมเพสมากสินะทุกคนถึงได้ทำหน้าเห็นใจแบบเฟคๆ เช่นนั้น ผมรู้ได้ยังไงว่าเขาไม่จริงใจงั้นหรอ ก็ฟังเธอพูดสิครับ “แต่ยังไงซะ ของน้องโบก็พร้อมแล้ว ท่าไม่ให้พี่ทำมันจะยิ่งทรมานนะ ไม่เชื่อถามหนุ่มๆ สิ”

               ถึงผมจะอ่อนต่อโลกแต่ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้นนะครับ ผมคงแสดงสีหน้าเคลือบแคลงโจ่งแจ้งเกินไปเธอจึงเสนอตัวเลือก “พี่จะให้เลือก… อ๊ะๆ ไม่ได้จ่ะ หนูต้องเลือก” เธอค้านทันทีที่ผมส่ายหน้าปฏิเสธตั้งแต่ต้นประโยค แถมยังมีเสียงทุ้มกระซิบขู่จากด้านหลังทำให้ต้องยอมฟังต่อ

               “ถ้ามึงปฏิเสธอีก มึงกับจิ๋มกระป๋องได้ว่อนทั่วเนทแน่”

               “...”

               “...”

               เกมจ้องตาดำเนินไปได้ไม่นาน เนื่องจากแรงหยิกข้างเอวทำให้ผมรู้ว่าต่อให้อ้อนวอนเท่าไหร่ผลก็เป็นเช่นเดิมหากเขาตั้งใจไว้แล้ว

               “ว่าไงจ้ะ ตกลงได้ยังว่าน้องโบจะ ‘เอา’ ปากนี้...” หญิงสาวว่าพลางชี้นิ้วแตะที่ริมฝีปากแดงสด แล้วชี้ลงไล่ไปจนถึงส่วนที่ทับผมอยู่ขณะที่พูดต่อว่า “...หรือปาก… นี้”


Magnum

               ไอ้ตัวเล็กยกมือทั้งสองข้างปิดปากปิดปากแน่น อกเล็กกระเพื่อมขึ้นลงหนักและถี่สลับกับเกร็งตัวกลั้นหายใจยามถูกกลืนกินด้วยปากแดง เรื่องใช้ปากผมยกให้จีเป็นที่หนึ่งเลย เธอรู้จุดและจังหวะที่เหมาะสมบวกกับประสบการณ์อันช่ำชอง พนันได้เลยว่าไม่มีผู้ชายคนไหนไม่เสร็จคาปากจีแน่ๆ แต่อย่างเด็กนี่ก็จะเร็วไปนะ ไม่ทันไรก็ทำท่าจะถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดเสียแล้ว ด้วยความชำนาญของผู้ให้บริการ จีผ่อนจังหวะเพื่อดับฝันมันจนมันเผลอเด้งเอวสวนอย่างลืมตัว

               จีมันหัวเราะชอบใจทำให้ไอ้เตี้ยได้สติ มันรั้งไหล่คนตรงหน้าที่กำลังอ้าปากครอบหนอนน้อยของมันอีกครั้งปากก็บอกให้พอแล้วๆ ทั้งน้ำตาคลอ ก็น่าสงสารอยู่หรอก ขนาดจียังทำหน้าเอ็นดูมันเลย… แต่เสียใจด้วย กูสนุกมากกว่าว่ะ

               “...”

               ผมพยักหน้าให้จีทำต่อไป มันยอมแต่โดยดีเมื่อเจอผมหยิกเอวอย่างแรง ผมปล่อยให้มันท่องไปจนถึงสรวงสวรรค์จนกระทั่งมันได้ปล่อยน้ำสีขาวเข้าปากอิ่มไป แล้วร่างผอมก็อ่อนยวบกลายเป็นขี้ผึ้งเหลวๆ

               “...ผม… ขอโทษ”

               สองมือยกขึ้นพนมส่งไปให้หญิงสาวที่เพิ่งกลืนหยาดน้ำกามของเจ้าตัว จีมันทำหน้างง พวกผมก็งงปนขำ อะไรของมันแตกใส่ปากเขาแล้วมายกมือไหว้มันใช่มั้ยล่ะ บ้านไหนเขาทำกันบ้าง ตลกสัตว์

               มันยังสะอื้นเบาๆ ตาปรือเหมือนจะหลับ ...เมื่อกี้ได้ให้มันกินยายังวะ

               “จะนอนแล้วหรอ ทิ้งพี่เฉยเลยอ่า...”

               “...แม่ง” หิอ?

               ปากเล็กขมุบขมิบจับใจความไม่ได้แต่คำหลังค่อนข้างชัด ไม่ว่ามันจะพูดว่าอะไร แค่ลงท้ายคำนี้ไม่พ้นแอบด่าพวกกูอยู่แล้ว ผมกระทุ้งมันทีหนึ่ง มันโงหัวขึ้นมองตาใส ผมถามมันว่าเมื่อกี้พูดอะไรมันก็มองงงๆ

               “มึงอย่ามาทำไก๋ กูได้ยิน”

               “ได้ยินแล้วพี่ถามทำไม” ดูมัน!

               “กล้าเถียงกูหรอ!” ตบหัวทุยแบบไม่แรงไม่เบาแต่ก็ทำมันหัวทิ่มได้ จากอารมณ์ที่เกือบจะดีแม่งก็มากวนให้ขุ่นอีกแล้ว ดูท่าคนอย่างมันคงไม่รู้จักเข็ดหลาบสินะ

               มันยกมือกุมหัวแล้วหันมาถามด้วยหน้าแหยๆ น้ำตาคลอ “พี่ตบผมทำไม”

               “มึงย้อนกู”

               “ผมเปล่า”

               “ทำไมจะไม่ เมื่อกี้มึงว่าถ้ากูได้ยินแล้วกูถามมึงทำไมใช่มั้ย คนอื่นก็ได้ยินอย่ามาแอ๊บใส่กู” เห็นมั้ย ไอ้พอลยังพยักหน้าเสริมเลย

               “... ผม… ผมไม่ได้พูด...”

               “มึงพูด!” ไม่รอให้มันพูดจบผมตัดบทพร้อมซ้ำที่เดิมอีกหนึ่งโบกเน้นๆ มันเม้มปากขมวดดิ้วทำท่าเหมือนหยุดเพื่อตัดปัญหา รู้มั้ยทำแบบนั้นแทนที่ผมจะหายโมโหมันกลับยิ่งกวนประสาทมากกว่าเดิม ตอนแรกกะจะแกล้งมันนิดหน่อย แตกเสร็จก็จะให้นอนพักผ่อนดีๆ เพราะสงสาร ในเมื่อมีแรงกวนตีนกูมึงก็สนุกกับกูต่อแล้วกัน

               ผมผลักมันออก จัดท่าให้มันนอนหงายกลางเตียง ดึงให้จีมานั่งทับอกมันไว้ มันหน้าตื่นตาเหลือกเมื่อเจอหอยเนียนๆ ในระยะประชิดเต็มสองตา ผมไปซ้อนหลังเธอ ระหว่างล้วงควักเล้าโลมก่อนเริ่มก็เกริ่มบวกขู่มันไปด้วย “เอาล่ะ ในเมื่อมึงมีแรงเถียงกู แสดงว่ามึงก็ต้องเรียนต่อได้ บทต่ไปจะเป็นเพศศึกษาเชิงลึก กูจะแสดงให้ดูแบบจะๆ Full HD ถ้ามึงหลับตาหรือหันหน้าหนีกูเอามึงตายแน่”

               กล้องยังคงส่องมาที่พวกเรา ไอ้สองคนขึ้นเตียงมาล้อมรอบหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียว ร่างยั่วยวนบิดเร้าอย่างมีอารมณ์ท่ามกลางมือสามคู่ที่ปะป่ายบีบเค้นทุกส่วนสัด

               นักแสดงนำพร้อมแล้ว… แล้วผู้ชมล่ะ

               ดวงตาที่ค่อนข้างโตเบิกกว้างค้าง มันโตยิ่งกว่าเก่าและแทบไม่กระพริบจนผมคิดว่าตามันน่าจะแห้งพอกระพริบตาปิดอีกทีอาจมีน้ำตาใสๆ ไหลออกมาได้ เอ… หรือนี่จะเป็นเทคนิคเวลามันบีบน้ำตาใส่ผมบ่อยๆ กันนะ ที่จริงไอ้เปี๊ยกมันเป็นคนตาสองชั้นหลบใน ตอนลืมตาจะเห็นมีชั้นเดียว แต่ตาดำมันใหญ่กว่าคนทั่วไปเลยทำให้ตามันดูโต… แบ๊วอย่างกับตุ๊กตา

               “อืม… อ๊า เอาเลยแม็ก ใส่มาเลย น้องเขารอดูอยู่”

               สาวเจ้าไฟติดและเพลิงกำลังโหมกระหน่ำจนหลั่งสารหล่อลื่นตามธรรมชาติ จีขยับให้หว่างขาอยู่ตรงระดับสายตาคนด้านล่าง นิ้วเรียวประดับเล็บสีร้อนแรงจับแก่นกายของผมจ่อปากประตู เมื่อตรงตำแหน่งผมสวนเอวยัดทีเดียวมิดด้าม ผู้ชมด้านล่างถึงกับสะดุ้งราวกับมันเป็นคนโดนเสียบเสียเอง เหตุการณ์หลังจากนั้นเป็นอย่างไรก็รู้ๆ กันอยู่

               เสียงครางอย่างเสียวซ่านดังระงมอยู่พักหนึ่งจนกระทั่งจีเอี้ยวตัวไปใช้ปากให้ไอ้พอลที่อยู่เหนือหัวมัน ไอ้เมษจับมือคนไม่ประสาทาบอกคัพดี อีกข้างให้ถือกระป๋องอันเดิม

               หนังเอ็กซ์ฉบับทำเองดำเนินต่อไป ผมเห็นมือเล็กๆ นั่นชักกระป๋องเข้าออกตามแรงอารมณ์ มันคงทำไปตามธรรมชาติ ตาโตยังเบิกค้างแต่ดูหยาดเยิ้ม ปากเล็กเผยอออกให้เห็นลิ้นแดงๆ แลบมาน้อยๆ

               “อ๊ะๆๆๆ แรงอีกๆๆ เร็วๆๆๆ”

               “อา อา ซืดดด”

               “อะ อ๊าาา”

               เรียกว่าไปตามๆ กัน แต่ละคนกระตุกปลดปล่อยไล่เลี่ยกัน กับจีผมรู้กันอยู่และเธอค่อนข้างสะอาด ผมมั่นใจว่าจะไม่ติดอะไรแปลกๆ แน่นอนจึงทำแบบสดๆ น้ำเชื้อที่ปล่อยสู่ช่องทางไหลออกมาตามแรงโน้มถ่วง มันย้อยหยดลงเฉียดปากหมาๆ ของไอ้เปี๊ยกไปนิดเดียว

               “ฟู่… ได้อารมณ์อีกแบบเว้ย แม็ก มึงจะเล่นอะไรกับมันอีกป่าว ถ้าพอแล้วกูขอต่อกับจีหน่อย ไหนๆ ก็มาแล้ว” พอลเป่าปาก ผมพยักหน้าเป็นเชิงว่าอยากทำไรก็ทำ ก็ไม่ได้ไปไหนไกล ประตูระเบียงนั่นแหละ ไอ้เมษเดินไปปิดกล้องแล้วขอตัวกลับ มีเมียแล้วทำไรได้ไม่มาก เดี๋ยวศพไม่สวย แม้เมียมันจะเสรีก็เถอะ

               “...”

               ส่วนมัน… สภาพเหมือนโดนข่มขืน ร่างเล็กลุกตะแคงนั่งอย่างเชื่องช้า หยิบทิชชู่มาเช็ดคราบคาวทั้งของผมและของมันแถมใจดีจะเช็ดด้านในจิ๋มกระป๋องให้ด้วย แต่คงไม่รู้วิธีทำความสะอาดเลยเลิกไป มันเคลื่อนไหวช้ามากกก ทั้งเช็ดน้ำ เช็ดตัว และจัดเสื้อผ้าล้มตัวลงคลุมผ้านอน คือรู้นะว่าแม่งต้องหงุดหงิดกับสปีดมันแม่แต่ก็ยังจ้องมันไม่เลิก เชื่อมั้ยพอมันห่มผ้าหลับตาเสร็จผมนี่เกือบขาดอากาศตายเพราะกลั้นหายใจดูมันเนี่ย

               “เฮ้ย อย่าเพิ่งนอน แดกยาก่อน” นึกขึ้นได้ตอนเห็นถุงยา ถ้าแม่มึงไม่ฝากฝังไว้ (พร้อมค่าจ้าง) กูก็ไม่สนหรอก

               “...”

               “มึงว่าไรนะ”

               “ไม่กิน” กูว่าแล้ว

               “ลุกขึ้นมา อย่าดื้อ”

               “เปล่าดื้อ” ชักมีน้ำโหแล้วนะ

               “จะแดกดีๆ มั้ย ไม่งั้นกูล้วงคอยัดยาถึงคอหอยมึงแน่” และกูทำจริง เชื่อสิ

               มันรู้ดีจึงเด้งตัวลุกขึ้น คว้าถุงยาไปเลือกๆ แกะออกมาแล้วเปิดน้ำบนหัวเตียงดื่มอั้กๆ แล้วกระแทกขวดคืนที่ดังปัง ก่อนจะล้มตัวคงุมโปงปิดกั้นจากโลกภายนอก

               มึงกล้าทำกิริยาตึงตังใส่กูหรอ ท้าทาย? เก่งนักไง แน่จริงมึงพูดต่อหน้ากูนี่

               “อะไรๆ เป็นห่าไรมึง ไม่พอใจ? ไม่พอใจไงสัตว์” พูดไปก็ตบกลุ่มผมดำที่โผล่พ้นผ้าไป แม่งสู้ไม่ได้ไม่หนีก็บีบน้ำตาอ่ะมึง

               เพี๊ยะ!

               ฮะ? กล้าปัดมือกู? มาไอ้เก่งกูของดูหน้าคนเก่งหน่อยดิ๊

               “ผมเกลียดพี่!”

               !

               !!

               โอะโห เอางงเลยกู หลังจากผมดึงผ้าห่มมันออกมันก็พ่นวลีเด็ดใส่หน้าทันที ทำเอาช๊อคทั้งผมและสองคนนั้นยังหยุดกิจกรรมมามอง ผมเหยียดยิ้มเหี้ยมให้คนปากดี บอกสองคนนั้นให้กลับไปก่อนโดยตายังจ้องที่หน้าขาวซีดไม่ลดละ

               “พอลมึงไปเอากันที่อื่นก่อน แล้วล็อคประตูให้กูด้วย มีเรื่องต้องเคลียร์ตัวๆ ว่ะ”

-------------------------------------
ตอนนี้เป็น ชxญ สร้างปมให้น้องก่อน ต่อจากนี้

...

ยับแน่

มิตรรักแฟนเพลงหายไปหมดแล้วม้างงง คนแต่งไม่ขยัน
ถ้าอยากให้ขยัน เค้าชอบอ่านคอมเม้นนะเออ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน8 100% 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: fammi50 ที่ 07-03-2017 01:35:26
เค้ายังรออยู่น้าาาาาาาา

แม็กนี่เริ่มชั่วขึ้นทุกวัน อยากให้เปลี่ยนพระเอกแล้วววววววว อยากให้น้องได้เจอคนดีๆบ้าง :mew6:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน8 100% 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 07-03-2017 12:21:25
มาต่อเร็วๆสิเว้ยยยยยย รอนานมากเลยรู้มั้ยยย นึกว่าจะไม่แต่งแล้ว  ฮือออออ เมื่อไหรจะได้กันคะพี่บอกน้องที ขอดราม่าหนักกว่านี้ๆๆๆ แต่ไม่เอาชะนีมาพัวพันนะ555555 รักคนแต่งนะ :-[ ไม่มาต่อเร็วงอนไม่อ่านแล้วด้วย :katai3: :z2:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน8 100% 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-03-2017 15:06:58
แหมๆ......ชอบให้เม้น
แต่ไรท์ ไม่แต่ง คนอ่านจะเม้นได้จะได
พี่แม็กซ์ นี่เลวแฮะ รับปากแม่เขาจะดูแล
แล้วมาบังคับสอนเพศศึกษาเฉยเลย
คนเรียนไม่อยากเรียนแท้ๆ
ทั้งตบหัว ทำร้ายร่างกายอีก
น้องไม่พอใจ บอกเกลียดก็ไม่ยอม
จะให้บอกพอใจพี่ รักพี่งั้นหรอ
ถามตัวเองก่อนสิ ว่าถ้ามีคนมาบังคับข่มขู่
จะรักเขา หรือเกลียดเขากันล่ะ
นี่น้องมีโรคประจำตัว รู้ๆอยู่มียาเป็นถุง  :katai1: :katai1: :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน8 100% 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 07-03-2017 15:28:52
พระเอกโคตรของโคตรเลว.  อย่าจบแบบ Happy เลย.  รับไม่ได้.  :m16: :z6:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน8 100% 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 07-03-2017 19:38:42
รู้แต่ว่า มาต่อด่วน จบแบบค้างอ่ะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน8 100% 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: tinmoiy ที่ 07-03-2017 22:15:13
 :z3: โหดต่อใจมาก
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน8 100% 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 07-03-2017 23:03:14
ยิ่งอ่านยิ่งสงสารน้องอะ คือ น้องโคตรน่ารัก โคตรซื่อ โคตรแบ๊ว โคตรดี น่าเอ็นดู ส่วนไอ้พี่แม็ค ไอ้เลว ไอ้ชั่ว ระยำไปอีก
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน8 100% 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 08-03-2017 07:24:54
กลับมาต่อล้ะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน8 100% 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 08-03-2017 08:32:50
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน8 100% 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 08-03-2017 17:05:57
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน8 100% 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 08-03-2017 19:01:37
 :katai1:   :katai1:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน8 100% 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 08-03-2017 23:06:10
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน8 100% 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 09-03-2017 00:41:43
ชอบอ่ะ เม้นแล้ว มาต่อไวๆด้วย :z13:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน8 100% 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Somm ที่ 09-03-2017 11:43:34
เริ่มรับพระเอกไม่ได้ละ เลวเกินไป :angry2:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน8 100% 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 09-03-2017 18:00:11
เค้ารออยู่นะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน8 100% 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 09-03-2017 18:37:28
สงสารน้อง
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน8 100% 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-03-2017 20:07:37
แม็กเริ่มให้ความสนใจ จนอาจจะเรียกได้ว่าชอบน้องไปแล้วนะ แต่ก็ยังโง่/หรือไม่ยอมรับความจริง ทำตัวแบบเด็กผู้ชายเกเรไปได้
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน8 100% 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 10-03-2017 02:27:41
โอ๊ยยย แม่งเป็นพระเอกจริงเหรอเนี่ย โคตรเหี้ยเลยขอให้มึงตาย สันดานจริงๆ นายเอกก็ไม่สู้ให้สุดเนาะ มีจุดพีคจุดเปลี่ยนของนายเอกที่สะใจๆไหม นี่โดนอยู่ฝ่ายเดียว ไม่โอเคกับชะนี_สาธารณะมาก แต่แบบหยุดอ่านไม่ได้ ตามต่อ ถึงแม้จะอยากจับพระเอกและสมุนมันทุ่มมากแค่ไหน
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน8 100% 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 11-03-2017 22:51:42
เป็นนิยายที่โหดดิบมากเลย
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน8 100% 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 12-03-2017 08:54:32
พระเอกจิตมากอะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน8 100% 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 16-03-2017 01:05:51
พระเอกนี้เลวมากจริงๆ
สงสารนายเอก ฮือออ :hao5:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 50% 18/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 18-03-2017 16:44:19




เออะ การตอบรับนี่มัน…
ข้าน้อยผิดไปโล้วววว
เก๊ามีงานอ่ะ จะสอบด้วยอวยพรหน่อย
ไว้ว่างๆ จะตอบเม้นต์(ใหม่ๆ)นะ

-9-
50%

               “ผมเกลียดพี่!”

               พ… พูดไปแล้ว ท… ทำไงดี โดนตีแน่

               ผมคลุมโปงหนีสายตาคม เพียงแวบเดียวเขาราวกับจะกลายร่างเป็นยักษ์ฉีกทึ้งร่างผมออกเป็นชิ้นๆ ด้วยแรงโทสะ พี่เขาให้เพื่อนเขาออกไปทำให้เหลือเราสองคนในห้อง

               ผมโพล่งไปไม่คิด ตะคอกไปอย่างไม่มีสัมมาคารวะกับรุ่นพี่แต่ก็เพราะผมเหลืออดแล้วจริงๆ พี่จะทำอะไรกับผมก็ได้แต่ถ้าให้ผมทำ… ผู้หญิงเขาเสียเกียรติผมรับไม่ได้จริงๆ จึงเผลอพูดออกไปว่าเกลียด คือผมหมายถึงเกลียดการกระทำ ผม… ผมไม่รู้! อย่าตีผมนะ!

               เข้าใจครับว่าอาการที่ผมมีอยู่บางครั้งมันก็ทำให้ผมได้รับสายตาเกลียดชังจากคนรอบข้าง มีหลายครั้งที่ผมนอกจากจะพูดคำที่ไม่ควรแล้วผมยังเผลอพูดในสิ่งที่คิดในใจโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย เคยพูดตามทีวีเป็นประโยคๆ ก็มี ไม่แน่ว่าที่พี่เขาหาว่าผมพูดยอกย้อนก็อาจจะเพราะผมเผลอปล่อยสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาเองก็ได้

               มันทรมานนะ กะอีแค่ควบคุมตัวเองยังทำไม่ได้ แถมบอกไปใครเข้าก็ไม่เชื่อเพราะโรคนี้น่ะอาการจะแสดงตอนเผลอ แต่ถ้าไม่มีสติเช่นตอนนอนหลับมันก็ไม่เกิด พวกเขาถึงคิดว่าผมตั้งใจ พ่อกับแม่ก็คิดว่าผมแกล้งทำเหมือนกัน ยิ่งตอนเด็กๆ มันหนักกว่านี้อีกครับ

               “อย่า!... อะ แค่กๆๆ”

               คำแรกผมร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดจากหนังศีรษะ พี่แม็กใช้มือข้างที่ดึงผ้าห่มออกขยุ้มผมเต็มกำมือจนตัวผมลอยติดมือมา แต่สิ้นการแผดเสียงสุดลำคอกลับต้องสำลักไอหลายครั้งจนเจ็บคอ เขาปล่อยผม ผมไอแห้งๆ ต่อไปอีกพักหนึ่งกระทั่งเริ่มปรับลมหายใจได้ทว่าความรู้สึกแสบบาดคอยังคงอยู่เพียงกลืนน้ำลาย พี่แม็กหายไปจากสายตาผม แล้วเขาก็กลับมาพร้อมน้ำแก้วใหม่

               “โง่หรือไงมึง ป่วยแล้วยังแหกปากตะโกน แดกน้ำไปจะได้คุยกันให้รู้เรื่อง” เหมือนจะใจดีแต่ผมว่าเปล่า เพราะทั้งสีหน้าและน้ำเสียงไม่มีส่วนไหนแสดงความห่วงใยเลยสักนิด เขาแค่รำคาญเท่านั้นแหละฟังจากการกระแทกแก้วกับโต๊ะข้างหัวเตียงก็พอจะรู้

               ยกจิบไปสองสามอึกพอชุ่มคอและเพื่อสงบสติอารมณ์ลงบ้าง ที่นอนยุบยวบลงตามแรงทิ้งตัวของชายตรงหน้า เขายังคงหล่อเหลาและเร้าใจเสมอ หากไม่นับอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ อย่างพายุเขาก็เป็นคนที่น่าดึงดูดมากๆ เคยได้ยินมาว่าพี่เขามีเรื่องวิวาทอยู่เป็นนิจ เพราะเป็นคนจุดเดือดต่ำ หุนหันพลันแล่น แค่มองหน้าก็ใช้หมัดสวนได้… ฉะนั้นเมื่อรู้เช่นนี้ ผมควรจะยอมรับและปรับตัวรวมถึงหาวิธีเอาตัวรอดให้ได้ถ้ายังต้องติดแหงกกับเขาแบบนี้

               “เอาไง มึงจะเอายังไง เถียงได้เถียงดีอยู่กับกูมันมีปัญหานักใช้มั้ย”

               “ป… เปล่...” ผมเกือบแก้ตัวเหมือนเดิม แต่คงได้ผลลัพธ์ตามคาดจึงลองเปลี่ยนวิธี “...ขอโทษครับ” ยอมไปซะน่าจะปลอดภัยกว่า

               กระบอกตาร้อนผ่าวรวมถึงอาการแสบโพรงจมูกซึ่งอยู่ๆ ก็คัดตันจนหายใจไม่ได้ ผมหายใจทางปากแทนแต่มันกลับทำให้ลำคอแห้งระคายมากขึ้น ไข้ผมคงขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เรี่ยวแรงหายไปเสียดื้อๆ ผมเกือบหลับไปทั้งอย่างนั้น แต่กลัวเขาโกรธที่ไม่ฟังเขาพูดให้จบจึงพยายามรวบรวมสติไว้ที่หู ได้ยินนะแต่สมองมันช้าเหลือเกินเลยไม่สามารถเรียบเรียงคำพูดของเขาได้ แต่พี่เขาก็ชักสีหน้าใส่นั่นทำให้ผมรู้ว่าผมพลาดที่จะตอบคำถามเขาอีกแล้ว

               ผมแสบตา… พอกระพริบน้ำตามันก็ไหลออกมา

               “เฮ้อ!”

               ตกใจไหลกระตุกกับเสียงถอนหายใจอย่างดังของพี่เขา ผมเตรียมรับความเจ็บปวดไม่ทางใดก็ทางหนึ่งซึ่งอาจจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ มือหนาคว้าหูผมไว้ ไม่ได้ดึงให้เจ็บแต่ก็แน่นหนาพอที่จะบังคับให้ใบหน้าซีกหนึ่งของผมจมลงกับที่นอนได้

               พี่แม็กสั่งให้เงียบ ผมทำตามแต่ยังมีหลุดสะอื้นเป็นบางครั้ง พี่เขากระแทกเสียงใส่ว่า “กูไม่ชอบคนขี้แย กูรำคาญ!”

               Rrrr...

               โทรศัพท์? เรามองไปที่อุปกรณ์สื่อสารเครื่องนั้นเป็นตาเดียว มันดังมาจากเครื่องของผมเอง หน้าจอที่หงายขึ้นปรากฎคำสั้นๆ ที่แม้เห็นไม่ชัดแต่ก็เดาได้ว่าเป็นคำว่า ‘แม่’ ชื่อนั้นเป็นดั่งระฆังช่วยชีวิตสำหรับผม แต่กับคนด้านบนมันคงตรงกันข้าม

               ผมรีบเอื้อมแขนออกไปคว้ามันไว้ ผมจะบอกแม่ทุกอย่าง ไม่สนใจแล้วว่าจะทำให้ท่านกังวลหรือไม่ ผมต้องการที่จะอยู่ให้ห่างผู้ชายคนนี้ ไม่แน่ว่าแม่อาจจะฟ้องพ่อด้วย พ่อเขามีลูกน้องอยู่เยอะอาจจะช่วยอะไรผมได้บ้าง เช่นส่งคนมาคุ้มกันผมหรือสั่งย้ายพี่เขาไปไกลๆ ขอแค่ผมได้คุยกับแม่เท่านั้น

               ได้แล้ว!

               “ม… อุ๊บ!”

               ยังไม่ทันได้เอ่ยเรียกปลายสายก็ถูกฝ่ามือใหญ่อุดปากไว้มั่นแล้วแย่งมือถือไปคุยเสียเอง เขาตอบรับราวกับเป็นธุระตัวเองว่า “ครับคุณน้า…”

               ‘นั่นใครพูดสายคะ’ ได้ยินแว่วๆ เป็นแม่ที่ถามยืนยันตัวตน

               “แม็กครับ”

               ‘พี่แม็กเองเหรอ ดีเลย อยู่กับน้องใช่มั้ย น้องเป็นไงบ้าง’

               “กินยานอนแล้วครับ มีไข้ด้วย ผมว่าจะให้หยุดเรียนสักวันสองวัน”

               ‘พี่แม็กจัดการเลยลูก น้องเขาไม่ยอมขาดเรียนแน่ๆ ต้องให้บังคับ ขานั้นห่วงเรียนอย่างกับอะไรดี ถ้าน้องดื้อก็ดุได้เลยนะ แม่อนุญาต’ จบประโยคนี้ผมเห็นปากหยักกระตุกยิ้ม แววตาน่าขนลุกปรายตามองอย่างมีชัยเมื่อผู้ปกครองตัวจริงเอ่ยอนุญาต และเขาคงจะทำตามนั้นได้อย่างดีเยี่ยมเกินคำสั่งแน่ๆ

               ‘ขาดเหลืออะไรบอกแม่นะ ยังไงแม่ฝากด้วยนะ แม่ห่วงเขานะแต่แม่ติดธุระสำคัญมาก กว่าจะเสร็จคงอีกสองสามวัน ไว้กลับไปแม่จะตอบแทนให้นะลูก ดูแลน้องด้วยนะ อ้อ! เวลาไปเรียนนั่งมอ’ไซค์คงไม่สะดวก แม็กขับรถยนต์ได้หรือเปล่า เดี๋ยวแม่จะเอารถยัยหมิวให้ใช้ไปก่อน น้องของน้องโบน่ะ แกเรียนม.ปลายไม่ค่อยได้ใช้หรอก’ แม่ร่ายยาว พี่แม็กหนีบมือถือไว้ซอกคอ เขาคงไม่ถนัดใช้สองมือกดผมที่ดิ้นรนจะเอามือถือมาให้ได้จึงเปลี่ยนท่าเป็นนอนทับผมทั้งตัวโดยมือแกร่งยังปิดปากแน่นเช่นเดิม อีกข้างถือโทรศัพท์ กลายเป็นว่าตอนนี้เราอยู่ในท่าคว่ำหน้าร่างหนาทับอยู่ด้านบน หนักจนหายใจไม่ออกเลยครับ

               “...ได้ครับ ผมมีใบขับขี่ ถ้ายังไงติดต่อเบอร์ผมดีกว่าครับ น้องจะได้พักผ่อน ... เรื่องเรียนผมไม่มีปัญหาครับ แต่บางวันมีปฏิบัติผมอาจจะไปรับช้าหน่อยเดี๋ยวดูอีกที… แค่นี้ก่อนนะครับคุณน้า น้องได้เวลากินยาแล้ว สวัสดีครับ” โกหก! “แม่มึงนี่เลี้ยงลูกด้วยเงินจริงๆ”

               เขาปล่อยผมให้เป็นอิสระหลังจากที่วางสายแล้วหันมาคุยกับผม ผมเองก็ทนไม่ได้จึงสวนกลับทันควัน “อย่าว่าแม่ผมนะ!”

               ผมรักแม่ของผม ไม่ว่าแม่จะเป็นยังไง จะทิ้งขว้างผม ไม่ใส่ใจ หรือรักหมิวมากกว่าแต่ท่านก็ยังเป็นแม่ ในความห่างเหินผมสัมผัสได้ถึงความรักที่อย่างไรก็ตัดไม่ขาดระหว่างเรา ท่านให้ผมได้เกิดมาแค่นี้ก็เป็นพระคุณสูงสุดแล้ว ผมซึ่งเป็นลูกมีหน้าที่เชื่อฟังคำสั่งสอนและเป็นเด็กดีเพื่อไม่ให้ท่านทุกข์ใจ แต่ด้วยโรคของผม… ผมเลือกเกิดไม่ได้ อย่างไรเสีย เขาก็ไม่ควรมาว่าผู้ใหญ่เสียๆ หายๆ แบบนี้ มันดูไม่มีวุฒิภาวะ เหมือนเด็กโข่งไม่รู้จักคิด

               เพียะ!

               แรงตบไม่เบาแต่ก็ไม่ได้หนักมือเท่าทุกทีส่งผลเพียงแค่อาการชาที่หน้า เขาตั้งใจจะตบปากผม เพราะไม่เจ็บเลยมีกำลังพอจะแย่งมือถือคืนมาได้ ผมจะฟ้องแม่ให้หมดเลยคอยดู แม่อาจจะขวัญเสียแต่เดี๋ยวผมก็ปลอดภัยแล้ว

               “อ๊ะ!”

               ตุบ

               คนป่วยจะสู้อะไรได้ล่ะครับ มือถือผมถูกดึงกลับก่อนที่เขาจะเคว้งมันไปอีกมุมห้องทันที ผมรีบมองหาอาวุธอื่นแต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากหมอนนิ่มๆ ตัวผมโชกไปด้วยเหงื่อ ปัดป่ายมือกันสักพักพี่แม็กยกมือขึ้นง้าง “จะฟ้องแม่หรือไง กูจะตบให้ปากมันพูดไม่ได้อีกเลยคอยดู!”

               เขาทำจริงแน่! ผมมันก็บ้า รู้ทั้งรู้ว่าแข็งข้อไปก็เปล่าประโยชน์แถมยังหาเรื่องใส่ตัวอีก

               เท่าที่ผมสังเกตมีไม่กี่ข้อที่ควรระลึกไว้เมื่ออยู่ต่อหน้าชายคนนี้ หนึ่งคือพี่แม็กไม่ชอบคนขี้แย สอง ห้ามต่อต้านหรือเถียงใดๆ ทั้งสิ้น และสาม...

               ต้องยอมรับทุกข้อกล่าวหา

               “พี่ๆๆ พี่แม็ก ผมขอโทษ ผมจะไม่เถียงพี่แล้ว ไม่ฟ้องแม่แล้ว ผมผิดเอง ผมมันดื้อ พี่อย่าตีผมเลยนะ” ผมคว้ามือหนาไว้ ใช้สองมือเล็กกุมแน่นแม้จะสั่นเทาเป็นลูกนก ปากพูดตะกุกตะกักแทบไม่เว้นช่องไฟอย่างต่อเนื่อง

               “พี่แม็กอยากกินอะไรครับ เดี๋ยวโบทำให้นะ พี่ชอบแพนงมั้ย โบทำอร่อยนะ กินกับข้าวสวยร้อนๆ เอาน้ำสมุนไพรมั้ยครับ โบมีตะไคร้ อากาศร้อนๆ ดื่มน้ำตะไคร้เย็นๆ ชื่นใจดีนะฮะ แล้วอยากได้อะไรหรือเปล่า โบขอโทษนะฮะโบไม่มีเกมเพลย์แต่พี่ใช่โน้ตบุ๊คโบได้นะ ไวไฟที่นี่เร็วใช้ได้เลย แล้วเอ่อ ...เอ่อ พี่… พี่” ผมพ่นทุกอย่างที่คิดได้ออกมาจนหมดก๊อก ขณะพูดผมใช้นิ้วคลึงฝ่ามือที่อยู่ในท่าเตรียมเบาๆ วิธีนี้ผมเคยใช้เวลาพ่อโมโห พูดเอาใจทุกอย่างจนมีสักคำที่ถูกใจเขาแล้วมันสามารถหันเหความสนใจไปได้ ผมเปลี่ยนมาแทนตัวด้วยชื่อเพราะมันเคยทำให้พ่อใจอ่อนได้เหมือนกัน ซึ่งพี่แม็กก็น่าจะได้ผลคล้ายกัน… แต่ผมไม่เคยอ้อนขอนั่นขอนี่กับพ่อหรอก มันเป็นแค่ไม้ตายไว้ใช้เอาตัวรอดเท่านั้น

               “...”

               เขานิ่งมอง ผมยิ้มให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งนานเหมือนน้ำตาจะไหลออกมาแทน เริ่มฝืนมุมปากไว้ไม่ไหว ทันใดนั้นเขาก็ผลักผมลงนอน มือวาดลงมาทำให้ผมหลับตาพร้อมรับความเจ็บปวด

               แปะ

               เอ๋?

               ผมหรี่ตาขึ้นทีละข้าง พี่เขาตบแก้มผมเกิดเสียเนื้อกระทบกันทว่าไร้ซึ่งความเจ็บปวด คนเป็นรุ่นพี่ลุกออกจากเตียงไปนั่งดูทีวีหันหลังให้ผม งุนงงพักหนึ่งแล้วต้องรีบคลุมโปงหลบสายตาที่หันมาสบอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เสียงทีวีดำเนินต่อไปกับหัวใจผมที่เต้นช้าลงจนเข้าสู่จังหวะปกติ ความเหนื่อยล้าสะสมพาผมสู่นิทรารมย์อย่างง่ายดายราวกับความกังวลใจได้ถูกพัดพาไปกับฝ่ามืออุ่นร้อนนั้น ผมภาวนาขอให้เมื่อตื่นขึ้นมาพี่แม็กจะยังดีกับผมดังเช่นเมื่อแรกพบที่เขาช่วยผมไว้ในงานกีฬาสีด้วยเถิด…





ทีละครึ่ง
ขออ่านสือสอบก่อนน้าาาา








หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 50% 18/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 18-03-2017 17:32:08
ถ้าพวกพี่มันได้รู้ว่าน้องต้องเจออะไรมาบ้าง จะสงสารเมตตาน้องมันบ้างไหมหนอ
อวยพรให้ออกตรงที่อ่านค่ะ พยายามเข้านะคะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 50% 18/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 18-03-2017 20:48:05
อย่าว่าแต่เกลียดพระเอกเลย เกลียดมันทั้งแกงค์นั่นหละ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 50% 18/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 18-03-2017 21:31:03
โอ๊ยไอ้ชั่ว เกลียดมันทั้งแก๊งค์อะ ชั่ว สารเลว เกลียดคนประเภทนี้ แต่คนอ่อนแอแม่งเป็นเหยื่อคนแข็งแกร่งกว่าตลอดเลย โบทนไม่ไหว ฆ่าตัวตายแม่ง ฮือออ แต่คิดอีกทีอย่าทำเลย สงสารตัวเอง แต่โบน่าสงสาร เจอมาเยอะมากอะ แต่เรื่องแบบนี้คนไม่เป็นก็ไม่เข้าใจโรคเนี้ย

สงสารโบ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 50% 18/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 20-03-2017 02:34:32
ถ้ายังไม่ดีกันกูจะเลิกอ่านแล้วนะขี้เกียจ555555ล้อเล่นนนน แต่ถ้ารีบหน่อยก็ดีค่ะ ลำไยเพื่อนพระเอกกับนิสัยส้นตีนของพระเอกมากกกก มาต่อเร็วๆนะ เราก็อ่านหนังสือเหมือนกันแต่แค่อ่านวันละ2ชม.เอง ลองทำแบบนี้สิ มันเข้าหัวดีนะๆ ขอโทดสำหรับคำหยาบค่ะๆๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 50% 18/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 20-03-2017 03:16:41
ไม่อยากให้จบแบบhappyเลยค่ะ อยากให้กระอักเลือดตายอันทั้งแก๊งค์ แบบติดเชื้อโรค ตาย
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 50% 18/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 20-03-2017 03:53:54
เป็นนิยายที่ ถ้าจบ bad end จะดีใจกว่าค่ะ ทำใจให้รักกับน้องไม่ลง อยากให้อีแก็งค์มั่วๆนี่มันได้บทเรียนบ้าง ขัดใจอ่ะ เวลาอ่านเจอพระเอกแสนดัก็ดีไป เจอชั่วก็ชั่วไป  555555
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 50% 18/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-03-2017 05:40:23
โบ ถ้าการสื่อสารด้วยการพูดมันติดขัด เพราะอาการของโรค
พูดไปก็เยิ่งทำทำให้คนฟังโกรธซะอีก
โบพูดให้น้อยลง แต่เขียนมันจะดีกว่ามั้ย
แบบเขียนโต้ตอบ เขียนบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ
เขียนบอกเล่าอาการของโรคที่เป็น แม็กก็ยังได้อ่าน
เขาฉลาด ให้เขาสืบค้นอาการของโรคเอง
แม็ก ก็ความอดทนต่ำ ได้อ่านอย่างน้อยก็พอเข้าใจโบ
มันจะดีกับทั้งสองฝ่าย เพราะโบต้องติดแหง็กกับแม็กอยู่แล้ว
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:   
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 50% 18/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 20-03-2017 07:22:51
อีกนาน กว่าแม็กจะรู้ว่าน้องเป็นโรคนี้สินะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 50% 18/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 20-03-2017 10:18:06
รอได้ค่ะ


มาอวยพรให้สอบได้คะแนนดี้ดีนะคะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 50% 18/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: normalplayer ที่ 21-03-2017 00:02:04
สงสารน้องโบอ่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 50% 18/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: moonjelee ที่ 21-03-2017 00:08:43
เลวแม่งทั้งแก๊งจริงๆ ไม่สงสารน้องมันเลยหรอวะถามจริง มันไม่น่าแกล้งเลยอะ โอยยยยอิน เกลียดๆๆ
รอวันที่น้องแก้แค้น
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 50% 18/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 21-03-2017 04:22:51
เรื่องจะพลิกไหมเะ อยากให้แม็ครู้ว่าน้องเป็นโรค วุ้ยยยย
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 50% 18/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: lovejinjunno ที่ 21-03-2017 08:51:33
ตามๆๆ รอๆๆ 555
แสดงว่าเราคงมีภูมิคุ้มกันความดิบเถื่อนแอนด์ซาดิสต์สินะ
อ่านแล้วยังไม่รู้สึกเลยว่าเกลียดอีพี่แม็กซ์
แต่แอบอยากอ่านเรื่องของอีพี่เมษนะ
แก๊งค์นี้อ่านแล้วรู้สึกนึกถึง F4 เลย
แล้วพี่เมษก็เป็นฮานาซาว่า รุย แล้วอีพี่แม็กซ์ก็เป็นอีโดเมียวจิ 5555
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 50% 18/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 21-03-2017 11:19:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 50% 18/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: monday1995 ที่ 21-03-2017 18:17:30
ถ้าอิฉันเป็นคอมโบคงหยิบมีดไล่แทงเรียงตัวไปแล้ว
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 50% 18/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 21-03-2017 21:35:53
สนุกกกกกกกก
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 50% 18/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: puking01 ที่ 21-03-2017 22:54:32
อาจารย์หมอนิวโรมาแต่งนิยายเองเลยหรอครับ?
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 50% 18/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: normalplayer ที่ 01-04-2017 17:36:49
คิดถึงเรื่องนี้จัง คนเขียนหายไปเลยง่ะ  :hao5: เศร้าใจ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 50% 18/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 02-04-2017 09:31:00
อ่านรวดเดียวจบเลย

รอติดตามนะครับ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 50% 18/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 02-04-2017 13:29:00
จิตใจทำด้วยอะไร
น้องโบจะมีพีคไม๊
เมื่อไหร่ใครๆจะเข้าใจน้องซักที
น้องต้องเจ็บอีกนานแค่ไหน
หรือต้องเป็นอะไรไป คนรอบข้างถึงจะะเข้าใจซักที
สงสารหนักมาก
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 50% 18/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: chuxm ที่ 02-04-2017 17:29:42
กลั้นหายใจเกือบทุกตอนเลยอินมากก. รอมาต่อ :katai2-1: :katai3:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 50% 18/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 02-04-2017 17:56:48
ชอบค่ะ จะมาต่อหรือเปล่าน้อออออ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 50% 18/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 04-04-2017 15:02:49

สอบก็เสร็จแล้ว
งานหนังสือก็ไปแล้ว
มิชชั่นคอมพลีท


งั้นเย็นนี้รีบปั่นดีกว่า :katai2-1:


เราเปลี่ยนนามปากกานะ เป็นเกียรติแก่android7

ต่อไปจะใช้ชื่อ
ヌガー
นูก้า
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 50% 18/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 06-04-2017 16:20:25
เย้ ติดตามครับ

+1 ให้ครับ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอบเม้น
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 09-04-2017 17:58:01

ขอตอบเม้นล่าสุดก่อนนะ อันเก่าๆ อย่าเพิ่งน้อยใจ มันเยอะอ่ะ

ถ้าพวกพี่มันได้รู้ว่าน้องต้องเจออะไรมาบ้าง จะสงสารเมตตาน้องมันบ้างไหมหนอ
อวยพรให้ออกตรงที่อ่านค่ะ พยายามเข้านะคะ
เดี๋ยวก็รู้ แต่เมื่อไหร่ไม่บอก รู้แล้วจะเป็นไงติดตามต่อนะจิ๊ ขอบพระคุณสำหรับคำอวยพร สาธุ99


อย่าว่าแต่เกลียดพระเอกเลย เกลียดมันทั้งแกงค์นั่นหละ
เกลียดพระเอกได้ แต่อย่าเกลียดนูก้าที่ช้าน้าาา


โอ๊ยไอ้ชั่ว เกลียดมันทั้งแก๊งค์อะ ชั่ว สารเลว เกลียดคนประเภทนี้ แต่คนอ่อนแอแม่งเป็นเหยื่อคนแข็งแกร่งกว่าตลอดเลย โบทนไม่ไหว ฆ่าตัวตายแม่ง ฮือออ แต่คิดอีกทีอย่าทำเลย สงสารตัวเอง แต่โบน่าสงสาร เจอมาเยอะมากอะ แต่เรื่องแบบนี้คนไม่เป็นก็ไม่เข้าใจโรคเนี้ย

สงสารโบ
นูก้าได้แรงบันดาลใจจากคนจริงๆ ที่เคยเจอนะ ทั้งคนที่เลวแต่กำเนิดแม้พ่อแม่สอนมาดี (ไปดูงานในทัณฑสถานได้ มีเยอะเลยพวกครอบครัวอบอุ่นแต่ทำตัวเองอ่ะ) ส่วนโรคของโบเนี่ยแถวบ้านมีคนเป็นแล้วเขาก็ถูกสังคมรังเกียจเพราะไม่เข้าใจ เลยอยากสะท้อนผ่านนิยายเรื่องนี้


ถ้ายังไม่ดีกันกูจะเลิกอ่านแล้วนะขี้เกียจ555555ล้อเล่นนนน แต่ถ้ารีบหน่อยก็ดีค่ะ ลำไยเพื่อนพระเอกกับนิสัยส้นตีนของพระเอกมากกกก มาต่อเร็วๆนะ เราก็อ่านหนังสือเหมือนกันแต่แค่อ่านวันละ2ชม.เอง ลองทำแบบนี้สิ มันเข้าหัวดีนะๆ ขอโทดสำหรับคำหยาบค่ะๆๆ :hao7:
อย่าน้าาา พี่แม็กเขาเลวไปงั้นเอง ตอนปรับความเข้าใจกันแล้วอาจจะน่ารักก็ได้นะ


ไม่อยากให้จบแบบhappyเลยค่ะ อยากให้กระอักเลือดตายอันทั้งแก๊งค์ แบบติดเชื้อโรค ตาย
โหดดด


เป็นนิยายที่ ถ้าจบ bad end จะดีใจกว่าค่ะ ทำใจให้รักกับน้องไม่ลง อยากให้อีแก็งค์มั่วๆนี่มันได้บทเรียนบ้าง ขัดใจอ่ะ เวลาอ่านเจอพระเอกแสนดัก็ดีไป เจอชั่วก็ชั่วไป  555555
ยังไม่ครึ่งเรื่องเลย ไม่ชั่วเท่าไหร่หรอกถ้าแทบกับพวกในสังคมจริงๆ ที่เห็นใครต่างพวกก็ยิงทิ้งอ่ะ ถึงแม็กจะชั่วแต่เขาไม่ฆ่าใครนะ เขาอาจจะปรับปรุงตัวได้ก็ได้นะ หุหุหุ


โบ ถ้าการสื่อสารด้วยการพูดมันติดขัด เพราะอาการของโรค
พูดไปก็เยิ่งทำทำให้คนฟังโกรธซะอีก
โบพูดให้น้อยลง แต่เขียนมันจะดีกว่ามั้ย
แบบเขียนโต้ตอบ เขียนบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ
เขียนบอกเล่าอาการของโรคที่เป็น แม็กก็ยังได้อ่าน
เขาฉลาด ให้เขาสืบค้นอาการของโรคเอง
แม็ก ก็ความอดทนต่ำ ได้อ่านอย่างน้อยก็พอเข้าใจโบ
มันจะดีกับทั้งสองฝ่าย เพราะโบต้องติดแหง็กกับแม็กอยู่แล้ว
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
นูก้าอยากสะท้อนให้ผู้อ่านได้รู้จักโรคนี้มากขึ้น อาการของโบก็อ้างอิงจากข้อมูลจริง โบไม่ได้มีปัญหาการสื่อสารด้วยคำพูด แต่ไม่สามารถควบคุมตัวเองเมื่อเผลอได้ จะเขียนไม่เขียนตอนเผลออาการก็แสดงออกมาอยู่ดี ส่วนว่าทำไมไม่บอกๆ ไปซะว่าป่วย อันนี้มีที่มาแต่ยังไม่บอก
อันนี้ใบ้ให้ ถ้าสมมติตัวเองมีโอกาสได้เจอคนที่เป็นโรคนี้โดยที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลย แล้วเขาบอกว่าเขาป่วยคิดว่าคนอื่นจะเชื่อมากน้อยแค่ไหน ยังไงก็ติดตามต่อไป นูก้าพยายามแทรกความรู้ไปด้วย ถึงนิยายจะไม่สนุกแต่ได้ความรู้นะเออ^^


อีกนาน กว่าแม็กจะรู้ว่าน้องเป็นโรคนี้สินะ
รอๆๆ หุหุ


รอได้ค่ะ


มาอวยพรให้สอบได้คะแนนดี้ดีนะคะ
ขอบคุณค่าาา สาธุ99


สงสารน้องโบอ่ะ  :hao5:
งื้อออออ


เลวแม่งทั้งแก๊งจริงๆ ไม่สงสารน้องมันเลยหรอวะถามจริง มันไม่น่าแกล้งเลยอะ โอยยยยอิน เกลียดๆๆ
รอวันที่น้องแก้แค้น
มีเยอะแยะไปพวกชอบแกล้งคนอื่นอ่ะ ในโซเชี่ยลเห็นชัดๆ ก็พวกbullyในโรงเรียน แต่อีพวกนี้มันเป็นเด็กโข่งผสมอันธพาลไง เลยทวีความเลว


เรื่องจะพลิกไหมเะ อยากให้แม็ครู้ว่าน้องเป็นโรค วุ้ยยยย
รอต่อปายยยย


ตามๆๆ รอๆๆ 555
แสดงว่าเราคงมีภูมิคุ้มกันความดิบเถื่อนแอนด์ซาดิสต์สินะ
อ่านแล้วยังไม่รู้สึกเลยว่าเกลียดอีพี่แม็กซ์
แต่แอบอยากอ่านเรื่องของอีพี่เมษนะ
แก๊งค์นี้อ่านแล้วรู้สึกนึกถึง F4 เลย
แล้วพี่เมษก็เป็นฮานาซาว่า รุย แล้วอีพี่แม็กซ์ก็เป็นอีโดเมียวจิ 5555
เวอร์นี้ไม่เคยดู ส่วนตัวนูก้าชอบแนวซาดิสต์ไง (เจอเพื่อน จับมือๆ) แต่นี้ปรับซอฟลงเยอะเลยนะ กลัวรับกันไม่ได้


:pig4:
เจ้าาา


ถ้าอิฉันเป็นคอมโบคงหยิบมีดไล่แทงเรียงตัวไปแล้ว
ก็น้องเค้าไม่สู้อ่าาา


สนุกกกกกกกก
รอตอนต่อไปค่ะ
ขอบคุณค่าาา


อาจารย์หมอนิวโรมาแต่งนิยายเองเลยหรอครับ?
ป๊าววว ไม่ถึงขั้นอาจารย์หมอม้างงง แต่เคยเรียนนิวโร ไม่เป๊ะขออภัย


คิดถึงเรื่องนี้จัง คนเขียนหายไปเลยง่ะ  :hao5: เศร้าใจ
เขิล เค้ามาแล้วน้าาา


อ่านรวดเดียวจบเลย

รอติดตามนะครับ
อ่านถนอมๆ หน่อยสิ เค้าเขียนช้า ระวังค้างนะ


จิตใจทำด้วยอะไร
น้องโบจะมีพีคไม๊
เมื่อไหร่ใครๆจะเข้าใจน้องซักที
น้องต้องเจ็บอีกนานแค่ไหน
หรือต้องเป็นอะไรไป คนรอบข้างถึงจะะเข้าใจซักที
สงสารหนักมาก
เป็นเม้นที่ดราม่ายิ่งกว่านิยาย


กลั้นหายใจเกือบทุกตอนเลยอินมากก. รอมาต่อ :katai2-1: :katai3:
อย่าลืมหายใจนะ


ชอบค่ะ จะมาต่อหรือเปล่าน้อออออ
มาโล้วววว


เย้ ติดตามครับ

+1 ให้ครับ
ขอบคุณมากๆ ค่ะ
 
ไปอ่านต่อกันเล้ย

หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 100% 9/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 09-04-2017 18:03:31


50%
Magnum


               “ผมไม่อยากกิน”

               นี่คือคำแรกที่ออกจากปากซีดหลังจากที่ผมปลุกมันมากินยา ตัวมันเหมือนจะร้อนกว่าเดิมนิดหน่อย ตาโตก็แดงช้ำ หน้าแดงตัวแดงเหลือแค่ปากที่ซีดสนิท มันสั่นน้อยๆ สองแขนกอดผ้าห่มแนบอกแต่ชุดนอนชุ่มไปด้วยเหงื่อ

               เรานั่งเล่นเกมจ้องตากัน ในมือยังกำเม็ดยากับแก้วน้ำอุ่นอยู่ บอกตรงๆ ว่าโคตรเกลียดเลยที่ต้องมาดูแลคนป่วยงี่เง่าแบบนี้ งี่เง่าแค่ไหนไปดู

               “หมอสั่งให้กินมึงก็ต้องกิน อย่าท่ามาก”

               “ไม่เอา” มันว่าเสียงอ่อยหน้ามุ่ย

               “อยากหายก็ต้องกิน กะอีแค่ยาสองสามเม็ดอย่าให้มันเป็นปัญหา”

               “ก็ผมไม่อยากกินนี่”

               “ไม่กินแล้วเมื่อไหร่มึงจะหาย!” กูชักจะมีน้ำโหแล้วนะ

               “ช่างผมสิ”

               ผมจิ๊ปากอย่างขัดใจ มื้อก่อนๆ แม่งยังไม่งอแงแบบนี้นี่หว่า เป็นเหี้ยอะไรของมันวะ ผมรู้สึกถึงความกลัวที่มีต่อผมเหมือนเดิม แต่ก็ยังแสดงอาการต่อต้านทั้งๆ ที่ไม่กล้าสบตา เวลาเถียงมันก็ค่อยๆ ถอยไปชิดหัวเตียงทีละนิด

               นึกย้อนไปก่อนหน้า มันไม่มีปัญหากับยาสองสามเม็ดต่อมื้อเท่าไหร่ แค่ใช้เวลานานและหมดน้ำไปแก้วกว่าต่อเม็ด ผมคิดว่ามันเป็นคนกินยายาก สังเกตจากที่มันต้องเอายาเข้าปากทีละเม็ด ก็คงล้วยัดเข้าไปลึกๆ ดื่มน้ำตามด้วยหน้าเหยเก ...แล้วมันใช่เรื่องที่ผมต้องมานั่งพิจารณาความผิดปกติของมันไหม ถ้าไม่ใช่เพราะอยากให้มันหายไวๆ กไม่ต้องมานั่งทนเฝ้าหาข้าวหายาให้มันอย่างนี้หรอก

               ผมสูดหายใจลึกเต็มปอด พลางท่องไว้ว่ามันป่วยๆ คราวก่อนเล่นแรงไปจนมันไข้ขึ้นสูงร้องไห้จนตาบวม ผมต้องใจเย็นๆ เข้าไว้ เป็นอะไรขึ้นมาเดี๋ยวจะไม่ได้ค่าจ้างเอา “…กูจะพูดเป็นครึ่งสุดท้าย ...กินยา”

               “...”

               “คอมโบ”

               มันสะดุ้งเมื่อผมเรียกมันเสียงต่ำ หน้ารูปไข่กดลงชิดอกจนผมลงมาปรกหน้าทำให้ไม่สามารถเห็นหน้ามันได้ นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ผมเอ่ยชื่อมันตรงๆ ไม่ได้พูดแบบแซวๆ เหมือนทุกครั้ง แขนเล็กกอดผ้าห่มแน่นขึ้น ผมจับหน้ามันเงยขึ้นสบตา

               “อย่าให้กูต้องใช้กำลังนะ”

               “...” ลูกแก้วใสสั่นไหวทว่าคงความดื้อรั้นไว้เช่นเดิม ผมยื่นเม็ดยาจ่อหน้ามันที่ย่นคิ้วแหยงๆ มันหยิบไปหนึ่งเม็ดแต่ไม่ยอมเอาเข้าปากสักทีจนผมต้องกระตุ้นอีกครั้ง “แดกๆ ไปซะ กูขี้เกียจบังคับมึงแล้วนะ”

               “...”

               ร่างเล็กถอนหายใจ มันอ้าปากกว้างยัดยาเข้าไปลึกจนนิ้วชี้กับนิ้วโป้งที่คีบยาอยู่หายเข้าไปในปากทั้งหมด อีกมือรีบคว้าแก้วน้ำไปดื่มอึกๆ แต่แล้วกลับสำลักอย่างรุนแรง เม็ดยาหล่นออกมากองบนตักพร้อมน้ำไหลนองจนผ้าห่มเปียกเป็นดวง

               “แหวะ! แค่กๆๆ”

               มันโก่งคอเหมือนจะขย่อนของเก่าออกมาทั้งยังไม่หยุดไอ ผมตบหลังมันอั่กๆ จนมันปรับลมหายใจได้ใกล้เคียงปกติ น้ำหูน้ำตาไหลย้อยดูทุเรศ มันมองผมหวาดๆ ซึ่งผมเองก็พยายามทำใจให้เย็นที่สุดแม้ขมับจะปวดตุบๆ ก็ตาม

               “...ผมขอโทษ...” อ่า… เสต็ปเดิม

               “กูจะทำยังไงกับมึงดี หือ”

               ตากลมโตช้อนมองก่อนจะค่อยขยับตัวเอาหัวมาพิงแขนผมราวกับจะอ้อน สัมผัสได้ถึงความต่างของอุณหภูมิร่างกายเลยคิดว่าเพราะไข้สูงมันเลยมีท่าทางเหมือนลูกหมาอย่างนี้ แล้วมันก็บอกว่า “ผมกินยาไม่ได้หรอก พี่อย่าบังคับผมเลยนะ” พอเสนอให้บดจะได้กินง่ายขึ้นมันก็ไม่เอา

               “เหตุผล” ผมถามสั้นๆ

               “...ก็ ก็… ...” มันบ่นงุ้งงิ้งไม่รู้เรื่อง ผมขึ้นเสียงใส่ “พูดอะไรกูไม่ได้ยิน”

               เงียบไปพักหนึ่งกว่าจะได้คำตอบโคตรเด็กว่า “...มันขม” โอย คุยกับมึงกูโคตรอึดอัด

               “ยาก็ขมดิวะ ถ้ามึงไม่ลีลารีบๆ แดกไปซะมันก็ไม่ขมหรอก”

               “มันขมจริงๆ นะฮะ แค่วางไว้บนลิ้นก็จะอ้วกแล้ว”

               อันนี้ผมเดานะ คิดว่าเพราะป่วยแล้วอาการขมปากขมคอเบื่ออาหารคงเป็นสาเหตุหลัก ช่วงแรกที่ยังไม่มีไข้สูงมันยังพอกินยากินข้าวได้หมดถ้วยด้วยหน้าฝืนๆ แต่พอป่วยนานขึ้นลิ้นคงพังไปด้วย กับข้าวก็ว่าไม่อร่อยแล้วยาคงยิ่งเสริมความขมได้ทวีคูณ แต่ว่านะ มันไม่เว่อร์ไปหน่อยเหรอวะ

               “แต่ยังไงมึงก็ต้องกิน มียาฆ่าเชื้อด้วยหมอสั่งให้กินให้หมด หรือมึงอยากโดนบาดทะยักแดกตาย”

               แล้วเราก็เถียงกันอีกครั้ง ผมพยายามเสนอวิธีสารพัดถึงขึ้นว่าจะละลายน้ำผสมน้ำตาลเลยนะ มันเล่าว่ามันเคยลองแล้วแต่รสชาติกลับเลวร้ายกว่าเดิม คือกูก็ไม่รู้จะทำไงแล้วไง ห่านี่ก็ไม่ช่วยคิดด้วย ส่ายหัวอย่างเดียว ดูแลคนป่วยยากขนาดนี้เลยหรอวะ

               เอาล่ะ นี่คงจะถึงที่สุดสำหรับสถานการณ์นี้แล้วสินะ ผมเอายาที่ยังไม่ทันละลายจากบนที่นอนและอีกชุดในมือมาเข้าปากแล้วอมน้ำไว้ กระชากแขนคนที่กำลังจะล้มตัวนอนคลุมโปงขึ้นมาประจันหน้า ผมบีบแก้มป่องนั่นแล้วประกบปากทาบทับทันที ผมทำทุกอย่างอย่างรวดเร็ว ใช้ลิ้นดันเม็ดยาเข้าไปในโพรงปากร้อนพร้อมปล่อยน้ำไปพอให้เม็ดยาสามารถไหลลื่นลงคอมันไปได้ มือที่บีบคางรู้สึกว่าลูกกระเดือกมันขยับเพื่อกลืนเรียบร้อยแล้ว กวาดลิ้นเช็คอีกรอบเพื่อให้แน่ใจว่ายาจะไม่ไปตกค้างในปากจึงถอนปากออก

               โอเค มิชชั่นคอมพลีท!

               เหนื่อยชิบหายกับการป้อนยาเด็กดื้อตรงหน้า ผมถึงกับถอนหายใจทิ้งตัวมือยันเตียงไปด้านหลัง คือมันเหนื่อยแบบเหนื่อยกายสิบเปอร์เซนต์ที่เหลือเหนื่อยใจล้วนๆ

               ไอ้เปี๊ยกนั่งเอ๋อตาจ้องผมค้าง สองมือยกไว้ตำแหน่งเดิมที่เคยเกาะไหล่ผม น้ำไหลเปียกตั้งแต่คางถึงชุดนอนหลุดลุ่ย รวมกับผมทรงกะลาครอบยุ่งเหยิงแล้วถ้าไม่นับความกวนตีนของมันก็เป็นภาพที่กระตุ้นอารมณ์ได้ดีเหมือนกัน… อ่า ตัวมันแดงชะมัด

               เหอะ! มึงไม่ได้น่ารักสำหรับกูหรอก

               “พ… เมื่อกี้… จ... จ... ”

               ปากเล็กพูดตะกุกตะกักหน้าตื่น ยิ่งพูดหน้ามันยิ่งแดงจนผมนึกอย่างตลกว่ามันอาจจะระเบิดตัวเองได้ ไม่รู้ว่าไอ้ที่แดงเพราะไข้หรือเพราะเขิน อันไหนจะมากกว่ากัน ผมยิ้มขำเมื่อเลื่อนสายมาที่ปากผมแล้วยกมือปิดปากตัวเองก่อนจะกระแทกตัวลงกับที่นอนนุ่มดึงผ้าห่มเปียกชื้นคลุมมิดหัว

               ก็… อารมณ์ดีขึ้นนิดนึงล่ะนะ ฉะนั้นที่ทำกูวุ่นวายเมื่อกี้กูจะไม่เอาเรื่องแล้วกัน

               Rrrr

               “อืม ว่าไง” ผมรับสายหลังจากที่เห็นชื่อโชว์ว่า ‘ฟา’ เพื่อนสมัยเด็กของผม อาจจะฟังดูห้วนไปหน่อย แต่อยากจะบอกว่านี่น่ะ สุภาพที่สุดแล้ว

               ‘อื้ม เห็นว่าโดดเรียน ไปเถลไถลที่ไหนล่ะ’ ไม่แปลกใจที่ฟารู้ กลุ่มเราติดต่อกันเป็นระยะๆ ไม่ได้ถี่แต่ก็พอจะอัพเดตชีวิตประจำวันกันอยู่บ้าง และไอ้พวกนั้นคงบอกฟาว่าผมโดดเรียนมาเฝ้าไข้ไอ้เปี๊ยกนี่แน่

               “รับจ๊อบเลี้ยงหนูแฮมสเตอร์น่ะ”

               ใช่… เหมาะมาก

               พูดไม่ทันขาดคำ คนที่ตกเป็นหัวข้อสนทนาก็มีลมหายใจสม่ำเสมอ ดึงผ้าห่มลงให้นิดนึงกลัวมันขาดอากาศตาย ผมมองไอ้ก้อนกลมๆ ใต้ผ้าห่ม มือยังกุมปากหลวมๆ อยู่เลย ดูยังก็ให้ความรู้สึกเหมือนหนูแฮมสเตอร์ ตัวเล็กๆ ตาโตๆ หลับง่ายแล้วก็โง่ นิยามตรงเป๊ะ จริงๆ แล้วมันไม่ได้ผอมกะหร่องแบบหนังหุ้มกระดูกหรอก แต่ที่ดูเหมือนผอมเพราะมันไม่มีเนื้อ มีแต่ไขมันเละๆ จับตรงไหนก็นุ่มนิ่มไปหมด แถมมีพุงหยุ่นๆ อีกด้วย มันเลยเหมือนแฮมสเตอร์ไง

               ‘เด็กที่ไหน น่ารักขนาดนั้นเลย’

               “ไม่ได้น่ารักหรอก แต่แม่เขาให้เยอะเลยช่วยดูให้ ...เออ ฟา ถามหน่อยดิ”

               ‘ว่า’

               “คนที่กินยายากเนี่ย มันเพราะอะไร” ผมเล่าให้ฟาฟัง เรียนพยาบาลน่าจะรู้เรื่องร่างกายมนุษย์ดีน่ะนะ ฟาฟังอย่างตั้งใจแล้วตอบมาว่า

               ‘อาจเพราะมี Threshold ต่ำล่ะมั้ง’

               “เอ่อ… มันคือ?” อะไรโฮๆ วะ ปลายสายหัวเราะคิกคักเมื่อผมงง บางครั้งฟาก็ชอบแกล้งผมโดยการใช้ศัพท์เทคนิคกับผม แต่ผมไม่เคยแก้แค้นด้วยศัพท์เทคนิคของผมนะ

               ‘ง่ายๆ ก็คือความเข้มข้นต่ำสุดที่ประสาทสัมผัสจะรับรู้ได้อ่ะนะ หู ตา จมูก ลิ้น ผิว แต่ละส่วนก็รับได้ไม่เหมือนกัน และแต่ละคนอาจจะมีระดับเทรสโฮลด์ (Threshold) ต่างกันได้ด้วย บางคนหูดี สมมติว่าแค่ระดับหนึ่งหรือสองก็ได้ยินแล้ว กับอีกคนที่หูไม่ดีเท่าก็อาจจะต้องใช้เสียงเข้มข้นถึงระดับห้ากว่าจะได้ยินก็ได้ อย่างน้องคนนั้นเขาคงมีเทรสโฮลด์การรับรสต่ำมาก คนอื่นต่อให้อมยาเม็ดไว้ในปากจนละลายอาจจะไม่รู้สึกขมเท่าไหร่แต่น้องเขาแค่วางไว้บนลิ้นแป๊บเดียวก็ทนไม่ไหวแล้ว ประมาณนี้น่ะ แม็กอย่าดุน้องเลย มันเป็นธรรมชาติเขาไม่ได้ตั้งใจหรอก’

               “ได้ทีร่ายซะยาวเลยนะ ...ก็เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแหละ แต่ก็จะพยายามใจเย็นละกัน เดี๋ยวมันจะไม่หายสักที”

               ‘จ้า แม็กของฟาเก่งอยู่แล้ว แค่เด็กกวนนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอกเนาะ… โอเค เราวางก่อนนะ จะเข้าห้องสมุดแล้ว เจอกันนะ บาย’

               “อือ บาย”

               งี้นี้เอง ความรู้ใหม่ ถึงว่าคนกินจืดๆ นี่เขาอร่อยตรงไหน ผมนี่พริกอย่างน้อยหนึ่งช้อนเหอะกว่าจะแซ่บ งดแค่เค็มแค่นั้นเองเพราะฟาบอกว่ากินเค็มมากจะบวมน้ำ เดี๋ยวกล้ามหายหมด

               แต่ก็เหมาะกับมันดีนะ เรียนทำอาหารแล้วลิ้นทิพย์แบบนี้ ถึงว่าทำกับข้าวโคตรอร่อย ขนาดมะระยังไม่ขมได้นี่ก็สุดยอด… อะแฮ่ม ก็ ไม่ได้เลิศเลอหรอก แค่พอกินได้ล่ะน่า

               Rrrr

               ใครอีกวะ... อ๋อ

               “สวัสดีครับ” ท่านผู้มีอุปการะคุณ

               ‘น้องเป็นไงบ้างลูก’

               “หลับไปแล้วครับ”

               ‘แม่ฝากดูเรื่องยาด้วยนะ น้องเขากินยายาก เมื่อก่อนต้องขอยาน้ำของเด็กจากคุณหมอให้กินเลยล่ะ ไม่รู้ว่าตอนอยู่คนเดียวจะกินยาครบไหม แม่กลัวแกจะดื้อยา อ้อ! คือแม่จะโทรมาบอกว่าเดี๋ยวน้องหมิวเอารถไปให้นะครับ แม่ให้เบอร์แม็กไปแล้ว ถึงแล้วเขาจะโทรให้ลงไปเอากุญแจนะ’

               “ครับคุณน้า” มีรถใช้แล้วกู ยิ้มจนตึงแก้มเลย แต่ถึงคุณน้าจะใจดีแค่ไหนผมก็ยังไม่เรียกแม่หรอกนะ ส่วนเรื่องยา ผมรู้ซึ้งมาได้สักครึ่งชั่วโมงแล้วครับ

               หมดธุระก็วางสายไป ผมนั่งเขย่าขาจ้องโทรศัพท์รอรถจ๋าโทรมา ผมไม่รู้เบอร์อะไรแต่ตั้งใจไว้ว่าทุกเบอร์แปลกที่โทรมาก่อนที่ผมจะได้รถ ผมจะพูดสุภาพด้วยเสียงที่หล่อที่สุด...

               Rrrr

               มาแล้ว!

               “ครั...”

               ‘สวัสดีค่ะ! คุณคือผู้โชคดี-’

               อีเวร! ทำไงถึงจะบล็อคเบอร์พวกนี้ได้วะเนี่ย

               Rrrr

               “อะไร” เชี่ย เสียงโคตรแข็ง ขออภัยปลายสายมา ณ ที่นี้ด้วย

               ‘ลงมาเอากุญแจ ฉันรีบ’

               ติ้ด

               โอ้ว เหวี่ยงพอกัน เสียงผู้หญิงซึ่งน่าจะเป็น ‘น้องหมิว’ ที่ว่า งั้นก็ต้องเป็นน้องของไอ้เตี้ยใช่ไหม กวนตีนเหมือนกันอีกต่างหาก ไม่รู้ว่าสองพี่น้องจะหน้าตาเหมือนกันไหม อยากเห็นหน้านักแต่แค่เห็นก็พอไม่ต้องถึงกับลงไม้ลงมือแบบไอ้เตี้ย ยังไงเขาก็เป็นเจ้าของรถนี่เนาะ

               เดินไปก็คิดไปในใจ พอถึงชั้นล่างหน้าตึกมีรถบีเอ็มสีควันบุหรี่เงาวับจอดขว้างประตูอยู่ จอดได้เปรี้ยวมากน้อง ถ้าไม่มีพื้นยกระดับคงเอาเข้ามาจอดในตึกแล้วใช่ไหม ข้างรถมีเด็กสาวใส่เสื้อมียี่ห้อกับกางเกงขาสั้นกุด หุ่นดีไม่เบา แม้จะไม่เท่าจีก็ตาม เธอยืนพิงรถคุยโทรศัพท์หันหลังให้ผม งั้นผมขอแอบฟังสักนิดก่อนแล้วกัน

               “โคตรเบื่อเลยแก ประสาทแล้วยังขี้โรคไม่เข้าเรื่อง เดือดร้อนคนอื่นตลอดอ่ะมันอ่ะ แม่ก็โอ๋มันเหลือเกิน เจ็บนิดเจ็บหน่อยทำสำออยเป็นง่อย ลำบากฉันต้องเอารถที่พ่อออกให้เป็นของขวัญวันเกิดมาให้มันใช้ แล้วคนขับเป็นใครไม่รู้ ...นั่นและแก ฉันก็ว่าผัวขายหมูมันมั้ง” นินทาแบบนี้กูเสียหายนะเว้ย

               “คอยดูนะถ้าพวกมันทำรถฉันเป็นรอย กูจะตบ- ว้าย!”

               เด็กสาวคุยอย่างออกรสออกชาติ มือไม้ร่ายรำประกอบการพูดโดยเฉพาะตบเมื่อกี้ ถ้าผมเข้าไปหาเร็วอีกนิดนี่เข้าเบ้าตาแน่นอน เล็บหล่อนก็ต่อยาวซะสวยเชียว เธอหันมาทางผมอย่างกะทันหันพอเห็นผมก็ร้องอย่างตกใจ

               “...เอ่อ แก เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ”

               เหอะ เป็นไงล่ะ เห็นหน้าผมแล้วมองค้างเลย หน้าตาก็ดีแต่พูดกูมึงแล้วมันดูขัดๆ ยังไงไม่รู้ มันก็ธรรมดาแหละถ้าจะพูด สำหรับผมขอแค่หน้าตาดี มีรู หุ่นได้ก็ได้หมด แต่ให้เป็นแม่ของลูกนี่ขอคิดดูก่อน ถึงจะเลวแต่ก็เลือกนะครับ

               “เอ่อ พี่… มีอะไรกันหมิวเหรอคะ” จริตใช้ได้ นับว่าอยู่เป็น ตาโตคล้ายไอ้เปี๊ยกช้อนมอง ตัวก้มเล็กน้อยโชว์ร่องอกอย่างแนบเนียน แถมแทนชื่อตัวเองพร้อมเป็นการตีสนิท เธอยังไม่รู้ว่าผมคือ ‘ผัวขายหมู’ ที่เพิ่งพูดถึง

               “ผมมาเอารถ” ผมบอกนิ่งๆ ก็อยากจีบอยู่แต่ดูง่ายและผมไม่มีอารมณ์ เดี๋ยวเธอก็มาหาเองแหละ พนันไหมล่ะ

               “อะ อ้อ พี่แม็กเหรอคะ ตัวจริงหล่อกว่าที่คุณแม่บอกเยอะเลยนะเนี่ย” นิ้วเรียวเกี่ยวเส้นผมลอนยาวทัดหู ยืนบิดไปมานิดๆ ด้วยอิมเมจสาวน้อยขี้อายทว่าเชิญชวน ทำไมถึงรู้น่ะเหรอ ก็ผมผ่านผู้หญิงมาเยอะไง “นี่ค่ะกุญแจ พี่แม็กดูแลดีๆ นะคะ คันเนี่ยหมิวรักมากแล้วก็หวงมากเลยนะ”

               “อือ”

               ผมรับกุญแจประดับด้วยพู่กระต่ายสีชมพูตัวเท่ากำปั้นมา อุตส่าห์ยืนส่งแต่เจ้าหล่อนก็ไม่มีทีท่าว่าจะไปไหนสักทีจนผมต้องเอ่ยขึ้น “มีธุระอะไรอีกหรือเปล่า”

               “อ๊ะ ก็ ไม่มีอะไรค่ะ งั้นหมิวไปก่อนนะ”

               “กลับยังไง” ถามเป็นมารยาทน่ะ

               “ก็คงแท็กซี่ค่ะ หมิวขึ้นรถเมล์ไปเป็น แล้วก็ไม่ได้บอกให้คนขับรถที่บ้านมารับด้วย… หรือพี่แม็กจะไปส่ง...”

               จุดประสงค์เธออยู่ที่ประโยคหลังนั่นแหละ เอาเถอะ ถือว่าใช้รถเขางั้นผมจะเซอร์วิสนิดนึงแล้วกัน “งั้นเดี๋ยวเดินไปส่งปากซอย”

               “ก็ ได้ค่ะ”

               ชักจะรำคาญคำว่า ‘ก็’ ของเธอแล้วสิ

               ในซอยถนนเลนเดียวค่อนข้างแคบ เด็กสาวเดินฝั่งนอกแอบเบียดผมให้แขนชนกันเบาๆ ตลอดทาง หมิวยิ้มไม่หุบสงสัยจะถูกใจผมเอามากๆ ป้ายรถหน้าปากซอยมาถึงอย่างรวดเร็วเพราะผมจ้ำเต็มช่วงขาไม่สนว่าคนเตี้ยกว่าจะต้องวิ่งเหยาะๆ ตามก็ตาม อย่างที่บอก ผมไม่อยู่ในช่วงอารมณ์อยากยุ่งกับใครเท่าไหร่ ปิดประตูอัดหน้าไปทีเป็นการกำจัดตัวกวนไปหนึ่ง

               กลับมาที่ห้องไอ้แฮมสเตอร์ยังหลับอุตุอยู่ท่าเดิม ทีวีไม่มีรายการน่าสนใจ ช่องเคเบิ้ลมีแต่หนังเก่าๆ การ์ตูนก็ไม่สนุก ไหนๆ ก็ได้รถแล้ว ลองเครื่องสักหน่อยดีกว่า ว่าจะขับไปร้านหนังสือการ์ตูนหน้ามหาลัยแล้วค่อยจอดดีๆ เพราะตอนนี้หมิวมาส่งยังไงมันก็ยังอยู่อย่างงั้น อืม… แวะซื้อข้าวเลยก็ดี ธุระนู่นนี่กลับมาถึงเวลากินข้าวกินยาพอดี เอาตามนี้แหละ วางแผนในหัวแล้วก็คว้าพวงกุญแจกระต่ายขนฟูมาถือไว้ เอิ่ม… ต้องหาซื้อพวงกุญแจใหม่ด้วยสินะ



               “พี่แม็ก...”

               เสียงมันกระซิบข้างๆ ผมที่นั่งพิงหัวเตียงอ่านฮันเตอร์อยู่ เสียงแหบอยู่แล้วจะกระซิบเพื่อ? เมื่อไม่ได้รับความสนใจจากผม
มันค่อยๆ กระดึ๊บๆ เข้าใกล้ มือเล็กสะกิดสะโพกเบาๆ ผมละสายตาจากหนังสือเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไร

               “ผมอยากไปเรียน ผมไปได้ไหม”

               มันขาดเรียนมาสองวันแล้วแต่แผลมันก็ยังไม่ดีขึ้น พอยาหมดฤทธิ์มันก็ครวญครางอย่างเจ็บปวดเหมือนเดิม แถมไข้ก็ไม่มีทีท่าจะลด สภาพแบบนี้ยังจะไปเรียนอีกหรือไง ผมยื่นคำขาดก่อนจะกลับไปอ่านฉากต่อสู้ของกอร์นต่อ

               “ไม่”

               “ทำไมอ่ะ” มีหน้ามาถาม

               “หนึ่ง มึงยังเจ็บแผลอยู่ สอง หวัดลงคอ สามไข้สูง แล้วมึงจะไปเรียนยังไงไหว จะคลานไปรึไง”

               “ผมเรียนได้...” มันว่าเสียงอ่อยแล้วบ่นอะไรพึมพำอีกไม่รู้ฟังไม่ทัน มือมันสะบัดตีหมอนดังปุ ปล่อยมัน งอแงยังไงกูก็ไม่ให้มึงไปเรียนหรอก

               “ผมจะเรียนไม่ทัน”

               ช่วงนี้มันใช้ไม้ตายนี้บ่อยมาก นั่นคือทำคิ้วตกช้อนตามอง อมแก้มเล็กน้อย และแทนที่มันจะถอยห่างเวลาผมหงุดหงิดอย่างเมื่อก่อน มันกลับเข้าประชิดแล้วใช้ส่วนของร่างกายส่วนใดส่วนนึง เช่นมือหรือหัวทุยๆ สัมผัสตัวผม บางครั้งก็จะนวดมือผมวนๆ ก็เพลินดีแต่ร้อนไปหน่อยเลยรู้สึกไม่สบายตัวนัก ผมปล่อยมันอ้อนงุ้งงิ้งสักพัก เมื่อไม่ได้รับการตอบรับมันก็เงยหน้ามองตรงๆ ทำหน้างอใส่ โคตรตลก สรุปมึงยังกลัวกูอยู่ไหมเนี่ย

               ถลึงตาใส่แล้วปรามมันไปเบาะๆ “อย่างี่เง่า สังขารจะไปไม่รอดเสือกดื้อไม่เข้าเรื่อง ช็อคคาห้องเรียนขึ้นมาคนอื่นเขาเดือดร้อน ถ้าอยากไปเรียนมึงต้องหายไข้ก่อนแล้วกูจะคิดดูอีกที” ผมตั้งเงื่อนไข แถมด้วยว่ากูก็ไม่ได้อยากโดดมาเฝ้ามึงนักหรอก นี่ฝากไอ้พอลเช็คชื่อให้นะ ไม่มีแล็ปก็ดีไปไว้รอลอกแลคเชอร์มันทีหลัง

               “ฮึ่ย!”

               ไอ้เปี๊ยกส่งเสียงอย่างขัดใจพลิกตัวหันหลังให้ผม เกี่ยวกับเรื่องเรียนเนี่ยไม่มีกลัวทั้งนั้น งี้ต้องตกลงกันหน่อยล่ะ

               “สามสิบเจ็ดจุดห้า ถ้าไข้สูงกว่านี้ก็ไม่ได้ไป”

               ร่างเล็กพลิกกลับอย่างไว หน้ามืดขึ้นมาจะหาว่าไม่เตือน “พี่จะบ้าเหรอ สามเจ็ดจุดห้าก็ปกติแล้ว” นี่ว่ากูบ้าเหรอ!

               “ก็ให้หายก่อนไงถึงจะเรียนได้”

               “ไม่เอา!... สี่สิบ”

               “โวะ! สี่สิบมึงช็อคอยู่โรง’บาลแล้ว อย่าเว่อร์ สามแปด”

               “พาราสิบเม็ดไข้ผมก็ไม่ลงถึงสามสิบแปดหรอก รอสามแปดเทอมนี้ผมก็ไม่ได้ไปเรียน” เยอะละๆ เริ่มกรุ่นๆ ละ

               “เอ๊ะ! มึงนี่ ป่วยแล้วซ่านะมึง กูซัดแม่งให้สลบไปจนกว่าจะหายไข้ดีไหมเนี่ย”

               “สามสิบเก้าจุดห้า! แล้วพูดเพราะๆ ด้วย! ผมยังไม่เคยพูดคำหยาบกับพี่เลยนะ”

               “บ่อยเหอะ กวนตีนอะไรกูบ้างล่ะถึงได้ง่อยอย่างนี้ไง ทำลืม หนี้เก่ายังอีกเยอะ หายดีแล้วกูจะทบต้นทบดอกทีเดียว” กวนโมโหได้ตลอด ที่เป็นแบบนี้ก็มึงทั้งนั้น ผมขึ้นคร่อมยึดแขนบางกับที่นอน พอถูกคุกคามมันเริ่มตื่น น้ำตาคลอโดยอัตโนมัติคงตกใจและหลาบกับบทลงโทษที่เคยโดน ปากที่พล่ามเถียงไม่หยุดเม้มแน่น แต่...

               “ส… สามสิบเก้านะฮะ...”

               “สามสิบแปดจุดห้าขาดตัว! ต่อรองอีกกูจะเอาแม่งให้นอนซมเป็นอาทิตย์เลยคอยดู”

               สงครามย่อมๆ จบลงที่ราคาประมูลสามสิบแปดจุดห้าองศาเซลเซียส ไข้ ณ ปัจจุบันมันสามสิบแปดจุดแปด ตราบใดที่ยังมีไข้สูงกว่าสามสิบแปดจุดห้าผมจะไม่อนุญาตให้ไปเรียน

               ผมจัดยาก่อนอาหารให้มัน มื้อนี้มันสามารถกระเดือกเม็ดยาลงไปโดยไม่อิดออดแม้จะทำหน้าพะอืดพะอมเต็มที่ก็ตาม ข้าวและยาหลังอาหารถูกจัดการจนเกลี้ยง คงอยากไปเรียนจริงๆ ถึงทำตัวว่านอนสอนง่ายขนาดนี้ เม็ดสุดท้ายไหลลงคอไปอย่างยากลำบาก ตาใสเผลอมองสบผมหลังจากลดแก้วน้ำลง หน้ารูปไข่พลันแดงแปร๊ด ในหัวมันต้องฉายภาพการป้อนยาอย่างดูดดื่มตอนนั้นแน่ ทำหน้าตลกชะมัด

               นึกแล้วก็รู้สึกแปลกๆ ที่ไม่ได้รังเกียจคนตรงหน้าเท่าที่ควร คิดไปก็เปลืองสมอง ผมเก็บจานและแก้วไปกองที่อ่าง ไม่ล้างแน่นอน รอมันหายเดี๋ยวมันก็ล้างเองแหละ กลับมาเปิดทีวีแต่ตาจดจ่อกับฮันเตอร์ต่อบนเตียงข้างมัน ปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยไร้บทสนทนาระหว่างเรารอให้ถึงเวลานอนจึงปิดทีวีแล้วล้มตัวลงนอนเข้าสู่ห้วงนิทราตามคนป่วยที่หลับไปก่อนนานแล้ว



ヌガ-です。
นูก้ามาต่อแล้ว

ขอบคุณสำหรับทุกเม้นและกำลังใจ นูก้าดีใจมากที่หลายๆ คนชอบ ตอบกันเยอะแบบนี้นี่อยากปั่นตลอด24ชม.เล้ย

อืม... จะเขียนตอนพิเศษวันสงกรานต์ดีมั้ยน้า
แต่กลัวสปอยล์อ่ะ
เอาดี ไม่เอาดี ตอบ!

ปล.รู้สึกภาษาแย่ลงไงไม่รู้ มันขัดๆ มั้ย แต่ไม่แก้หรอกขี้เกียจ555




หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 100% 9/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-04-2017 18:34:45
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 100% 9/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 09-04-2017 19:34:26
ดูแลน้องให้มันดีๆหน่อยอิพี่แม๊ก
เฮ้ออออ ตอนนี้ชื่นมื่นดีงามไม่ดราม่า
สงครามน้ำลายเล็กๆให้ชุ่มชื่นหัวใจ
รอตอนต่อไปค่า
ปล. อยากได้ตอนพิเศษนะ
สงกรานต์ปีละครั้ง จัดให้เถอะค่า พลีส
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 100% 9/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 09-04-2017 20:30:11
ชอบอ่ะ สงสารน้อง โคตรน่าสงสารเลย รอต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 100% 9/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-04-2017 20:53:03
ดูเหมือนจะดีขึ้นปะ
ความสัมพันธ์ของสองคน
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 100% 9/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 09-04-2017 21:23:08
ลงตอนพิเศษวันสงกรานต์ เป็นเพื่อนแก้เหงาวันหยุดยาวน้าาาาาา

ทำตาใสๆ อ้อนนนนนนูก้าาาาาา

  :impress: :impress: :impress: :impress: :impress:

หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 100% 9/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: normalplayer ที่ 09-04-2017 21:41:47
ในที่สุดก็มาต่อแล้ว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 100% 9/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: lovejinjunno ที่ 09-04-2017 22:28:45
เย้ๆๆๆ
ดีใจได้อ่านพาร์ทอีพี่แม็กซ์แล้ว 555
แต่เหมือนว่าจะรู้สึกไปเองนะว่า
อีพี่แม็กซ์แลดูไม่ได้โหดร้ายเหมือนในสายตาน้องโบเลยอ่ะ
สรุปเราคิดไปเองใช่ไหมเนี่ย
แอบคิดว่าอยากให้ป้อนยาแบบนี้อีกหลายๆทีจริงๆ 555

รอตอนต่อจ้า จะเป็นไงต่อน้าาาา
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน9 100% 9/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 10-04-2017 19:07:46
 :hao7:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอนพิเศษ 11/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 11-04-2017 18:12:38


-ตอนพิเศษ-


เนื้อหาสปอยล์หนักมาก



               “เตี้ย เสื้อที่ซื้อวันก่อนอยู่ไหนวะ”

               หลังจากที่ร่างใหญ่เดินวนทั่วห้อง ไล่เปิดนู่นดูนี่มาสักพักก็ถามขึ้นเพราะหาสิ่งที่ต้องการไม่พบ มันคืดเสื้อสีแดงมีลายดอกชบาเลขาคณิตสีขาวซึ่งผมซื้อให้เขาตอนเราไปเที่ยวตลาดนัดใกล้มหาลัยในวันก่อน เขาถูกใจมากมาถึงห้องก็ลองใส่ทันทีแล้วสั่งให้ผมซักให้พร้อมเตรียมใส่เล่นวันสงกรานต์

               “โบซักให้แล้ว เดี๋ยวเอาให้ฮะ”

               วันนี้วันที่ 13 เมษายน ใช่แล้วฮะ วันสงกรานต์นั่นเอง วันที่ใครๆ ต่างรอคอยเป็นอันดับต้นๆ ในแต่ละปี เพราะเป็นวันหยุดยาวและจะได้สนุกสนานกับการเล่นน้ำกัน ไม่เฉพาะคนไทย ชาวต่างชาติเองก็แห่แหนกันมาเยี่ยมชมกิจกรรมต่างๆ ช่วงนี้ด้วย ...แต่สำหรับผม สงกรานต์ก็แค่วันวันหนึ่งเท่านั้น

               ผมไม่ชอบเล่นน้ำ มีไม่กี่ปีที่ผมจะไปเล่นสงกรานต์เหตุผลคือ หนึ่ง ผมไม่มีเพื่อนเล่น สอง ผมไม่อยากเป็นลมกลางงานเพราะอากาศหน้าร้อนกลางเดือนเมษายน และสุดท้าย สงกรานต์สมัยนี้เล่นกันแรงมากจนคิดว่ามันไม่ใช่การละเล่นอีกต่อไป สงครามต่างหากล่ะ สงคราม!

               แต่ผมกลับบ้านนะ ก็รดน้ำดำหัวตามประเพณี แม้จะเป็นครอบครัวนักธุรกิจแต่ผมไม่ได้มีญาติผู้ใหญ่สายตรงทางฝั่งแม่ ฝ่ายพ่อเลี้ยงเขาก็ไม่ค่อยอยากเห็นหน้าผมเท่าไหร่ วันรวมญาติจึงไม่ค่อยมีผมปรากฎอยู่รูปถ่ายน่ะครับ ขอโทษครับ ไม่ได้ตั้งใจจะดราม่า

               สรุปคือ เกือบทุกสงกรานต์ผมมักจะขลุกอยู่แต่ในห้อง ไม่อยากออกไปให้เปียกเปล่าๆ ...ยกเว้นวันนี้

               “ไปแต่งตัวดิ”

               “ไมอ่ะ” ผมเอียงคอถามคนที่ใส่ชุดหล่อเซ็ทผมอย่างดี (เดี๋ยวเปียกก็เสียทรงแล้วไม่ใช่หรอ) พี่แม็กไม่ตอบแต่ชูปืนฉีดน้ำกระบอกเล็กกว่าบนหลังเขาขึ้น คิ้วหนากระดกหนึ่งข้างเป็นเชิงบอกว่า ‘มึงนั่นแหละ ต้องไปกับกู’

               “ไม่เอา ผมไม่เล่น พี่ไปเหอะ”

               “กูไม่ได้ถาม กูสั่งให้มึงไป”

               “ผมไม่ชอบอ่ะพี่ แถวนี้เล่นกันแรงด้วย เดี๋ยวผมทาครีมกันแดดให้แล้วกัน พี่ก็ไปสนุกกับเพื่อนๆ เนาะ”

               พี่แม็กพุ่งเข้ามาจับตัวผมแล้วจัดการลอกคราบผมจนเกือบโป๊ ดีที่มีชั้นในปกปิดอยู่ไม่งั้นผมคงอายจนระเบิดตัวทิ้งแน่ๆ ถึงจนเคยโป๊ต่อหน้าเขามาเยอะแต่หน้า ผมร้องอย่างตกใจ ไม่พอเขายังหิ้วผมด้วยแขนข้างเดียวมาหย่อนไว้หน้าตู้เสื้อผ้า เขารื้อๆๆ ได้เสื้อสีขาวลายดอกไม้เล็กๆ กับกางเกงสีฟ้าอ่อนติดมือมา

               “ยกขา” เหมือนเด็กเลยอ่า พี่แม็กจัดเสื้อสวมหัวผมแล้วก้มมาถือกางเกงให้ นานๆ ทีจะเห็นมุมนี้ของเขาก็น่ารักดีนะ ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่ผมอ่ะ

               ขณะก้าวขาลงไปผมก็พูดว่า “โบยังไม่ได้อาบน้ำเลย”

               “ไม่ต้องอาบหรอก เดี๋ยวก็เปียกแล้ว”

               ผมยู่หน้าปากจู๋ นั่นก็ไม่นี่ก็ไม่ แต่เห็นอารมณ์ดีเลยไม่อยากขัดใจ กะว่าพอถึงจุดเล่นน้ำผมจะขอแอบไปหลบในห้างแถวนั้นรอดีกว่า เราผลัดกันทาครีม พี่แม็กหยิบหมวกหูแมวมาใส่บนหัวผมเป็นอันเสร็จสิ้นจึงออกเดินทาง

               “พี่แม็ก… โบไม่เล่นไม่ได้หรอ”

               “ทำไม สนุกจะตาย”

               “โบไม่ชอบอ่ะ แดดก็แรง เสียงดังหนวกหูอีกต่างหาก”

               “กูจะเล่นน้ำกับแฟนกู มึงมีปัญหาหรือไง”

               “...”

               คนบ้า!

               ผมก้มหน้าซ่อนใบหน้าเห่อแดงใต้ปีกหมวก มันเขินนะพูดได้ไงไม่อายเลย ผมถูกจูงมาที่ลานจอดรถ พอได้สติผมก็ถามเสียงดัง

               “พี่จะขับมอ’ไซค์เหรอ!”

               “เออ”

               “เดินไปก็ได้นี่ ใกล้ๆ แค่นี้เอง ขับรถมันอันตรายนะ”

               ผมโวยวาย ก็ไม่อยากนั่งกับพี่เขานี่ น่ากลัวจะตาย รถเครื่องแรงกับคนขับใจร้อนไม่ควรคู่กันอย่างยิ่ง ผมเข็ดหลาบกับการซ้อนท้ายท้านรกคราวล่าสุดมาก ตอนนั้นพี่เขาเกือบพาผมเสยท้ายปิ๊กอัพแล้ว แค่นึกก็ขนลุกแล้ว และการขับมอ’ไซค์เล่นน้ำเป็นอะไรที่น่าหวาดเสียวมาก ที่นี่เล่นก็แรงเข้าหูเข้าตามาเสียหลักรถอาจล้มบาดเจ็บกันได้แม้ว่าจะไม่ได้ขับเร็วก็ตาม

               “ไม่เอาแล้ว ไม่ไปด้วยแล้ว โบไม่ซ้อนพี่แล้ว หัวใจจะวาย”

               “กูขับช้าน่า รถติดงี้ขับเร็วได้ที่ไหน ขึ้นมาเร็วพวกนั้นรอแล้ว”

               พี่เขาดึงแขนผม ผมต้านไม่ไหวขาที่ตรึงกับพื้นลากไปตามแรงดึง ปากบ่นเขาหลายเรื่องที่เกี่ยวกับการขับรถแต่คนฟังหาได้สนใจ ร่างแข็งแรงยกผมวางบนเบาะรถที่แม่ผมซื้อให้เขาเพื่อไว้ใช้รับส่งผมโดยเฉพาะ เขารีบนั่งหน้าแต่มือยังจับแขนผมไว้ เมื่อได้ที่พี่แม็กจัดแขนผมให้โอบรอบเอวหนา ผมชักกลับดิ้นจะลงให้ได้ ชุลมุนกันสักพักพี่เขาก็เอาเนคไทนักศึกษาตรงช่องเก็บของออกมามัดมือของผมไว้ กลายเป็นว่าตอนนี้ผมอยู่ในท่ากอดเอวเขาอย่างแน่นหนาหมดสิทธิ์ดิ้นรนอีกต่อไป

               บรืน

               เครื่องยนต์ส่งเสียงคำรามต่ำก่อนจะเคลื่อนตัวออกสู่ถนนใหญ่ รถเยอะมากจริงๆ ผู้คนก็เช่นกัน เราไม่ได้ใส่หมวกกันน็อคแต่ผมซึ่งซ้อนอยู่ด้านหลังถูกบดบังทัศนียภาพโดยแผ่นหลังกำยำจนเกือบมิดแทบไม่เห็นอะไรนอกจากท้องฟ้ากับด้านข้างรถเท่านั้น รู้แต่ว่า… เปียกโชกทั้งตัวตั้งแต่ปากซอยแล้วครับ

               “เปียกอ่ะ...”

               “กูจะพาไปแห่นางแมว”

               ไม่เอาาา!!!



               “ช้าว่ะมึง ไปแห่นางแมวถึงไหนวะ” นี่นัดกันใช่ไหมครับพี่เมษ แล้วให้ใส่หมวกหูแมวนี่ก็เพื่อการนี้ใช่ไหม ทำไมทุกคนต้องแกล้งผมด้วยอ่ะ! ผมมุ่ยหน้าอย่างเคืองๆ

               พี่แม็กยักคิ้ว ยังไม่แก้มัดให้ผม เขาคุยเรื่องสถานที่ต่อไปซึ่งเป็นจุดเล่นน้ำจุดใหญ่แห่งหนึ่ง มีคนไปรวมตัวกันเป็นพันๆ และมีคอนเสิร์ตกับปาร์ตี้โฟมด้วย เดาว่าคงไปหลี่หญิงกันล่ะสิ แต่พี่เมษมากับแฟนเขาคงไม่หรอกมั้งครับ พี่เมษก็เรื่องของเขาแต่คนของผมนี่สิ

               พี่เมษใส่หมวกให้แฟนสาวคนสวยแล้วพูดกับพี่แม็ก “พวกมึงนี่ซาดิสต์ไม่เปลี่ยนเลยนะ นี่” แล้วพยักเพยิดมาทางมือผมที่ถูกมัดไว้

               “เด็กมันดื้อ- โอ๊ย! เชี่ยนี่!” เขาเอื้อมมาเขกหัวผมเมื่อโดนงับแขนจนขึ้นรอย มือไม่มีก็ใช้ฟันนี่แหละ จากตำแหน่งนี้ผมยังฝังเขี้ยวกับกล้ามแน่นๆ พี่ได้อีกหลายรอย เอาสิ!

               “หึยยย น้องน่ารักอ่ะเมษ เค้าอยากได้อ่ะ” พี่เมษตอบแฟนเขาว่าให้ไปขอกับพี่แม็ก ถึงจุดนี้ผมถึงเริ่มเขินมุดหน้ากับหลังคนข้างหน้าหนีอาย เมื่อไหร่จะไปกันสักที คุยกันให้ตะวันตกดินเลยไหมไม่ต้องเล่นมันแล้ว น้ำอ่ะ

               “ไปๆๆ สายแล้วเดี๋ยวหาที่จอดยากนะมึง” พี่พอลตัดบทให้พวกเราเริ่มเคลื่อนขบวนกันได้แล้ว

               เราห้าคนอันได้แก่ผม พี่แม็กหนึ่งคัน พี่เมษกับแฟนซึ่งใส่หมวกหูแมวเหมือนผมหนึ่งคัน และพี่พอลนั่งไปเลยโสดๆ คนเดียว (สมน้ำหน้า) หมวกนี่คุณผู้ชายเขากะให้แฟนๆ ใส่เหมือนกันจะได้ดูเป็นแก๊งเดียว (เขาว่ามางี้) พี่เมษจะสนิทกับผมมากกว่าเพราะพี่พอลเขาไม่ค่อยชอบผมเท่าไหร่ ผมมักถูกมองด้วยสายตาอำมหิตและถูกถากถางเป็นประจำ แต่พี่แม็กก็จะ… คอยผสมโรงอยู่เรื่อยไป จนผมชักไม่แน่ใจว่าเราเป็นแฟนกันจริงๆ หรือเปล่า

               ตูม!

               “โอ๊ย!”

               นั่นไง ผมบอกแล้วว่าที่นี่เล่นแรง ผมโดนสาดน้ำจากข้างหลังเสียงดังอย่างกับโดนค้อนทุบ ผมจุกไปพักนึงกับชาไปทั้งหลัง คนขับที่ว่าขับช้าเพราะรถติดยังเซวิดจะรถล้มเลย

               “เฮ้ยโบ! เป็นไรป่าว” เขาหยุดรถหันมามองผม

               “เจ็บอ่า...” ผมว่าเสียงอ่อย

               “เฮ้ย! เล่นดีๆ หน่อยดิวะ คนเขาเจ็บเนี่ย ไอ้-”

               “ขอปะแป้งหน่อยค่าสุดหล่อ”

               “ชื่อไรค่ะ หล่อจังเลย”

               “สักแก้วไหมน้อง วู้ๆ!”

               พอจอดแล้วรอบตัวเราเหมือนอยู่กลางดงซอมบี้ พี่แม็กไม่ทันเตือนคนที่สาดน้ำใส่ผมจบดีก็มือมากมายเข้ามาทึ้ง… หมายถึงมาปะแป้งราดน้ำใส่ไม่หยุดยั้ง ผมกับเขาโดนทั้งแป้งทั้งน้ำจนหมดสภาพ เหล่าชายหญิงและเพศอื่นๆ เกี้ยวพาร่างใหญ่ในอ้อมกอดของผม อกแกร่งโดนแป้งลูบไล้ลามมาถึงหน้าท้อง บางคนมองออกทันทีว่าเมาแน่นอนก็แสดงน้ำใจยื่นแก้วเหล้ามาให้ ผมกอดพี่แม็กแน่นแต่ก็มีมือหลายข้างพยายามเอาแป้งมาป้ายแก้มผมอยู่ดี กว่าจะหลุดจากตรงนั้นได้พวกพี่เมษก็หายไปแล้ว

               “ไอ้พวกนั้นไปถึงไหนแล้ววะ เกาะดีๆ นะมึง กูจะเร่งละ”

               “ไม่เอาพี่! อันตราย”

               “ช้าก็เป็นแบบเมื่อกี้ไง กูรู้นะว่ามึงโดนลวนลามด้วย” พี่ก็เหมือนกันแหละ

               “ช่างเหอะ ขับช้าๆ นะ ...โบกลัว”

               อ้อนแบบนี้มีหรือจะรอด พี่เขาแพ้ลูกอ้อนผมพอสมควรเลยล่ะ เขาครางเสียงต่ำอย่างขัดใจแล้วยอมลดความเร็วลง

               เพราะขับช้าจึงโดนดักตลอดทาง หลังๆ พี่แม็กแทบไม่ได้ขับเลยฮะ ได้แต่เอาขาไถๆ ไปทีละนิด กว่าจะถึงจุดหมาย คนที่ถึงก็พอเห็นพวกเราถึงกับปล่อยฮาก๊ากใหญ่

               พี่พอลชี้หน้าพี่แม็กแล้วพูดว่า “เฮ้ย! มึง ไปทำไรมาว่า ฮ่าๆๆ สภาพมึงแบบ ขาวกว่าฉีดกลูต้าอีกมึง ฮ่าๆๆๆ”

               “ฮึ้ยเพื่อน ไม่เจอกันนาน ขาวขึ้นเยอะเลยมึง มีเคล็ดลับอะไรวะ คิกๆๆ” พี่แม็กเคยบอกว่าเกลียดเสียงหัวเราะของพี่เมษที่สุดเพราะงี้เองสินะ ผมสำรวจคนโดนรุมบ้างแล้วก็หลุดขำพรืดออกมา แต่ก็ต้องรีบปรับให้เป็นปกติเพราะสายตาทิ่มแทงที่ค้อนขวับตาเขียว พี่แม็กน่ะ เรื่องสีผิวล่ะอย่าแตะเชียวถ้าไม่อยากลงไปนอนวัดพื้น

               แต่มันตลกจริงๆ นะ ร่างหนาถูกทาด้วยแป้งดินสอพองทั่วทั้งตัวไม่เว้นเสื้อผ้าตั้งแต่หัวถึงเอว หน้าขาวแขนขาวแถมกางเกงยังโดน ผมเห็นมีสาวเสียงใหญ่ไหล่หนาพยายามเอามาป้ายเป้าเขาอยู่ ส่วนด้านหลังไม่โดนแป้งเพราะผมเกาะหลังเขาอยู่ ไม่แน่ว่าด้านหลังผมคงขาวไม่แพ้กัน โชคดีนะที่ใช้ตัวเขาบังหน้าไว้

               “แล้วคือ อย่างเหมือนฉีดสเปรย์ตอนมีอุบัติเหตุอ่ะ เชี่ยพอลมึงมาดูดิ ข้างหลังเป็นรูปไอ้เปี๊ยกเลยว่ะ”

               ผมถูกปล่อยให้เป็นอิสระแล้วพี่แม็กก็จูงออกมาจากตรงนั้นเข้าสู่งานทันที สงสัยจะอายอ่ะครับ เขาใช้ปีนฉีดน้ำของตัวเองฉีดล้างหน้าล้างตัวให้ลดความขาวลงบ้าง หน้าบึ้งปากคว่ำอย่างงี้งอนชัวร์ ...แต่ก็น่ารักดีนะครับ

               “ยิ้มไร”

               ผมส่ายหน้า เห็นนะว่าหูแดง เวลาเขาเขินเขาจะแดงที่หูอย่างเดียว ผมชอบดูเวลาคนตัวโตงอนปากคว่ำคิ้วขมวด แขนแกร่งยกกอดอกสะบัดหน้าหนีเหมือนเด็กๆ ดูน่ารัก เฉพาะตอนงอนนะ ถ้าโกรธล่ะคนละเรื่องเลย

               “...”

               ผมเขี่ยแขนเขาเล่น เขาทำฮึดฮัดไม่มองหน้าผมจึงต้องง้อหน่อยไม่งั้นคงไม่ได้เล่นน้ำกันแน่ โดยการเอาหัวมุดซอกแขน มันคลายออกให้ผมมุดเข้าไปได้กลายเป็นผมหันหน้าเข้าหาเจ้าของวงแขนที่กอดไว้หลวมๆ นิ้วชี้ดันจมูกตัวเองขึ้นคล้ายจมูกหมูแล้วเผลอปากตลกๆ ท่าไม้ตายสำหรับการง้อคนตัวโตขี้ใจน้อยของผมเลยล่ะ และมันได้ผลทุกครั้งเสียด้วย เห็นไหมล่ะ พี่แม็กยิ้มแล้ว

               “อ้วนเอ้ย!” มือหนายีผมผมขณะยิ้มแข็งๆ แบบเก๊กๆ พ่อคุณก็กลัวเสียฟอร์มจริง “ยังไม่หยุดยิ้มอีก ขำไรนักหนาหาาา”

               “อ๊าาา อย่าน้าาา” อ๊าย! ผมจะงอนแทนแล้วนะ ก็พี่เขาเปิดเหม่งผมอ่ะ! พี่ก็รู้ว่าผมไม่อยากให้ใครเห็นเถิก มันน่าเกลียด แล้วผมที่เปียกน้ำพอเสยแล้วมันก็อยู่ทรงอย่างนั้นเลย ดินสอพองเริ่มแข็งทำให้การจัดทรงของผมเป็นไปอย่างยากลำบาก

               “สม! หมูเถิกเอ้ย”

               จ๊วบ!

               “เหี้ย อุ๊บ!”

               “ฮ่าๆๆๆ”

               แทนที่จะโกรธที่ผมหลุดคำนั้นไปหลังจากที่เขาจุ๊บหน้าผากผมเขากลับหัวเราะแทน เพราะเขารู้แล้วว่าผมป่วยจึงไม่ถือสาเป็นผมเองที่ไม่เคยชินเลยสักครั้งที่มีคำหยาบออกจากปาก

               “สวีทกันจริ๊งงง โลกนี้ไม่ได้มีแค่มึงสองคนนะเว้ย”

               “แต่มึงก็ไม่ได้อยู่ในโลกของกูเหมือนกันนะเชี่ยพอล” ง่ะ อย่าทะเลาะกันสิ

               พวกพี่พอลเดินมาสมทบพร้อมอาวุธบรรจุกระสุนมาเต็มแม็ก “ไปๆๆ ก่อนที่น้องโบของกูจะเปลืองตัวไปมากกว่านี้ มาค่ะน้องโบ ไปเล่นกับพี่ดีกว่า”

               “อย่ายุ่งกับแฟนกู อีปิ๊ ไปเล่นกับผัวมึงนู่น”

               “หยาบคายอีแม็ก กูชื่อปิง อีผี อีเลว” ครับ… นั่นแฟนพี่เมษเอง

               นานเลยครับกว่าจะฟาดฝีปากกันจนเป็นที่พอใจ ไม่ต้องห่วงฮะ เขาก็เป็นกันอย่างนี้แหละ ในที่สุดก็ได้เล่นน้ำเสียที มัวแวะนู่นเถียงนี่จนผมที่ไม่อยากมากลับรู้สึกอยากเล่นน้ำเร็วๆ ใจจะขาด ฟังเขากัดกันแล้วมึนหัว

               ปาร์ตี้นี่สุดเหวี่ยงจริงๆ ด้วย เครื่องเสียงดังมากเลย หัวใจผมสั่นตื้อไปหมดเลยฮะ ถึงเวลาดารานักร้องก็พ่นโฟมจำนวนมากจากบนเวที มันตื่นตาตื่นใจสำหรับคนโลกแคบแบบผม ปุยสีขาวพวยพุ่งราวกับก้อนเมฆบนท้องฟ้า พี่แม็กบอกว่าระวังอย่าให้เข้าตาเข้าปาก ผมที่แหงนหน้าชื่นชมมันไม่ทำตามเขาจึงยกมือมาป้องตาให้ผม

               เบื้องหน้าท้องฟ้าประดับปุยเมฆขาวที่โบยบิน ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมองด้วยสีหน้าหงุดหงิดที่ผมไม่ฟังคำเตือนเขา ผมเห็นรัศมีสีทองประกายจากดวงอาทิตย์สะท้อนดวงตาดำขลับเป็นประกาย พี่เขาตาสวยมากเลย แต่คิ้วเข้มขับให้มันดูดุดันก้าวร้าว ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย ผมชอบที่เขาตัดผมสั้นเสมอ เพราะมันเปิดให้เห็นใบหน้าน่าหลงใหลได้ชัดขึ้น รู้สึกว่าระยะห่างของเราเริ่มลดลงทีละนิด อีกเพียงนิดริมฝีปากของเราก็จะสัมผัสกัน ราวกาลเวลาหยุดหมุน ไร้ซึ่งสรรพเสียงใดรอบกาย ...ไม่มีสิ่งใด...

               ปึ่ก!

               “อ๊ะ!”

               โลกส่วนตัวของผมถูกทำลายลงด้วยความแออัดของฝูงชน นี่เราเกือบทำเรื่องน่าอายกลางที่สาธารณะอีกแล้วไหมล่ะ โลกกลับมาโคจรดั่งเดิมอีกครั้ง ผมหันหลังหนีความอาย หน้าร้อนขนาดเอาน้ำฉีดยังไม่หาย หวังว่าจะไม่มีใครเห็นนะ

               “ทำอะไร ติงต๊อง หึหึ” เสียงหัวเราะต่ำทุ้มดังข้างหูผมยิ่งร้อนหน้ามากขึ้นกว่าเดิม แล้วตรงหน้าก็ปรากฎเป็นโฟมนุ่มๆ ก้อนใหญ่ มันสั่นไปมาตามแรงยกของพี่แม็ก ร่างใหญ่กอบกลุ่มโฟมด้วยสองมือโดยตัวเองซ้อนหลังผมกลายเป็นผมอยู่ในอ้อมแขนของเขาไปโดยปริยาย ผมไม่ทันรู้ตัวเลยว่าโฟมถูกปล่อยมาจนสูงเท่าเอวแล้ว เหมือนอยู่บนเมฆเลย คิกๆ

               คนอื่นๆ เต้นกระโดดไปมา บ้างก็เล็งปีนฉีดน้ำฉีดใส่รอบๆ บ้างก็ถ่ายรูปกัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงคิดว่ามันไม่เห็นจะสนุกตรงไหน เสียงก็ดังคนก็เยอะหวิดจะเหยียบเท้ากันทุกครั้งที่ขยับตัว แต่นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าทำไมเทศกาลนี้ถึงเป็นที่ตั้งตาคอย ไม่ใช่เพราะเราได้เปียก ไม่ใช่เพราะเราต้องการเสียงเพลงดังๆ ท่ามกลางแดดร้อน แต่เพราะเราอยากทำกิจกรรมร่วมกับคนที่เรารักต่างหากล่ะ ไม่ว่าจะเพื่อน ครอบครัว… หรือคนรัก ขอแค่มีเขา จะเล่นน้ำ ปีนเขา เดินห้าง หรือซื้อของที่ตลาดมันก็กลายเป็นเรื่องสนุกและน่าจดจำได้ทั้งนั้น

               ขอบคุณนะฮะพี่แม็ก ผมดีใจที่มีพี่ แม้เราจะเริ่มกันได้ไม่ดี แต่อดีตผ่านแล้วก็ผ่านไป อะไรดีก็เก็บไว้ อะไรที่ผิดพลาดก็นำไปเป็นบทเรียน เหมือนเราที่เรียนรู้ซึ่งกันและกันจนมีวันนี้ เรื่องร้ายๆ ทั้งหลายผมอภัยให้ แต่ว่าพี่น่ะ ...อย่าทิ้งผมนะ

               ผมเอาฟองโฟมมาต่อกับของบนมือใหญ่ให้เป็นหูกระต่าย มันบิดเบี้ยวดูตลก ผมเป่าสุดแรงกลุ่มโฟมแตกกระจายลอยไปในอากาศ ผมหมุนด้วยฉีดน้ำใส่หน้าเขาระวังไม่ให้เข้าตาแล้วถามเขา

               “พี่แม็ก พี่รักผมไหม”

               “มันต้องเป็นมึงบอกรักไม่ใช่มาถามกูป่าววะ”

               “เหอะน่า ตอบดิ”

               สงกรานต์ปีนี้ผมมีความสุขที่สุดเลย ไว้วันพรุ่งนี้ชวนพี่เขาไปไหว้แม่ผมกับแม่เขาดีกว่า

               …..

               ….

               ...

               ..

               .

               “เออ”

-----------------------------------------------------------------

ヌガ-です。
ตอนพิเศษแบบเผาๆ จากนูก้ามาเสิร์ฟแว้ววว
เลี่ยนว่ะ
อย่างที่บอก เนื้อหาตอนนี้โคตรสปอยล์ เรียกได้ว่าเป็นตอนหลังจบเลยก็ว่าได้
ตอนแรกจะเขียนตอนพิเศษแบบเครียดๆ แต่มันไม่ใช่อ่ะกิ๊บ สงกรานต์ก็ต้องหนุกหนานดิ
แต่ๆๆๆ เห็นหวานหยดแบบนี้ใช่ว่านูก้าจะไม่จบแบดเอนนะยะ ทุกอย่างเป็นไปได้ซัมเหมอ เพราะนี้เป็นตอนหลังจบ
อ่า พอพิมพ์ตอนพิเศษจบแล้วก็เกิดอาการอยากมีพาร์ทสอง
คือกะปล่อยตัวละครลับออกมาอีกสักตัวสองตัว ที่รักทุกท่านคิดว่าไง
เขียนต่อหรือพอแล้วสำหรับตอนพิเศษเพราะบ้างคนกลัวโดนสปอยล์ไง ถ้าไม่เอาก็จะไปแต่งเรื่องหลักต่อเลย
อันนี้แล้วแต่นะ (แต่เรื่องเวลาและความเร่งต้องแล้วแต่นูก้านะ เหอๆ)

ขอให้สนุกกับสงกรานต์ ใครมีพ่อแม่ปู่ย่าตายายอย่าลืมกลับไปหาครอบครัวนะ
เดินทางปลอดภัย ระมัดระวังกันด้วย
แล้วพบกันใหม่

นูก้า

รอตอนต่อไปค่ะ
เอาตอนพิเศษไปก่อนนะ

ดูแลน้องให้มันดีๆหน่อยอิพี่แม๊ก
เฮ้ออออ ตอนนี้ชื่นมื่นดีงามไม่ดราม่า
สงครามน้ำลายเล็กๆให้ชุ่มชื่นหัวใจ
รอตอนต่อไปค่า
ปล. อยากได้ตอนพิเศษนะ
สงกรานต์ปีละครั้ง จัดให้เถอะค่า พลีส
ถ้าแค่นี้เรียกชื่นมื่น เจอตอนพิเศษหน่อยเป็นไง

ชอบอ่ะ สงสารน้อง โคตรน่าสงสารเลย รอต่อนะคะ
ชอบที่น้องน่าสงสาร? ได๊!

ดูเหมือนจะดีขึ้นปะ
ความสัมพันธ์ของสองคน
ดีๆ ร้ายๆ พอกล้อมแกล้ม

ลงตอนพิเศษวันสงกรานต์ เป็นเพื่อนแก้เหงาวันหยุดยาวน้าาาาาา

ทำตาใสๆ อ้อนนนนนนูก้าาาาาา

  :impress: :impress: :impress: :impress: :impress:
จัดไป

ในที่สุดก็มาต่อแล้ว  :katai2-1:
มารัวๆ

เย้ๆๆๆ
ดีใจได้อ่านพาร์ทอีพี่แม็กซ์แล้ว 555
แต่เหมือนว่าจะรู้สึกไปเองนะว่า
อีพี่แม็กซ์แลดูไม่ได้โหดร้ายเหมือนในสายตาน้องโบเลยอ่ะ
สรุปเราคิดไปเองใช่ไหมเนี่ย
แอบคิดว่าอยากให้ป้อนยาแบบนี้อีกหลายๆทีจริงๆ 555

รอตอนต่อจ้า จะเป็นไงต่อน้าาาา
ฮึ๊ย ท่านช่างเฉียบแหลมนัก

:hao7:
:hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอนพิเศษ วันสงกรานต์ 11/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 11-04-2017 19:12:25
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอนพิเศษ วันสงกรานต์ 11/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 11-04-2017 19:13:25
ตอนพิเศษแบบว่าดีอ่ะ น้องโบดูมีสีสันเลย เป็นแฟนกันด้วย เอาตอนพิเศษอีก อิอิ
ลุ้นตอนหลักต่อ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอนพิเศษ วันสงกรานต์ 11/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 11-04-2017 20:42:39
โคตรน่ารักจนอยากให้รักกันเร็วๆ อ่านตอนนี้แล้วเขินบอกไม่ถูก :hao6:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอนพิเศษ วันสงกรานต์ 11/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-04-2017 21:46:04
ได้อ่านตอนพิเศษสปอยล์  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
แม็กซ์ ใจดีกับโบ แล้ว
เป็นเพราะรู้ว่าโบเป็นโรคติ๊ก
แม็กซ์ ทำให้โบ ได้มารูจักโลกข้างนอกบ้าง
ไม่งั้นก็ต้องเก็บตัวอยู่คนเดียว
ไม่รู้เห็นโลกภายนอกเลย เพราะโรคของโบ
หวั่นมาม่า แม้จะอ่านตอนนี้แล้ว  :z3: :z3: :z3:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอนพิเศษ วันสงกรานต์ 11/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: normalplayer ที่ 13-04-2017 01:05:05
แหม หวานกันซะอยากรู้เลยว่าไปเคลียร์กันอีท่าไหน :hao3:
ตอนแรกๆนี่รุนแรงกับน้องขนาดที่ว่าพี่แม็กโดนรุมด่า รุมแช่ง จากคนอ่านไปหลายดอกเลย
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอนพิเศษ วันสงกรานต์ 11/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 14-04-2017 03:39:48
ตอนสงกรานก็หวานกันดี เนื้อเรื่องหลักแม่งจะฆ่าก้นตาย55555 พี่มาต่อเร็วๆเลยน้าาา น้องรอนานมากกกกกกกกกก กอ.กยาวไปถึงเมกา สนุกไงชอบพี่แต่ง อ่านไปลุ้นไปจะได้กันตอนไหน เศร้าาาา รักนะรอเสมอ :mew1: :z2:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอนพิเศษ วันสงกรานต์ 11/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 14-04-2017 08:31:23
อื้ออออ ดีๆ
ค่อยรู้สึกว่าชีวิตโบก็มีเรื่องดีๆหน่อย
งั้นตอนหลักก้อ....
ทนหน่อยนะโบ ..(ยิ้ม)
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอนพิเศษ วันสงกรานต์ 11/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 14-04-2017 16:10:05
งือออ อ่านแล้วติด รอนะฮะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอนพิเศษ วันสงกรานต์ 11/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: noozzz ที่ 15-04-2017 02:01:06
หวานแว๋ววาเลนไทน์
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอนพิเศษ วันสงกรานต์ 11/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: lovejinjunno ที่ 16-04-2017 15:02:23
ตอนพิเศษก็โอนะ น่ารักดี
แต่ปรับอารมณ์ไม่ทัน
เพราะตอนล่าสุดยังไม่ได้เป็นแฟนกันเลย
เลยอ่านแล้วรู้สึกแปลกๆ
เหมือนอ่านข้ามตอนไปไกลยังไงไม่รู้อ่ะ 555
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอนพิเศษ วันสงกรานต์ 11/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 19-04-2017 14:13:43
น้องนางแอบด่า แล้วพอเห็นว่าหล่อก็อ่อยเบาๆ

พี่แม็กะคอมโบพอคบกันนี่สวีทน่าดู
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอนพิเศษ วันสงกรานต์ 11/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 25-04-2017 12:41:40
หายเลย
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอนพิเศษ วันสงกรานต์ 11/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 11-05-2017 08:54:33

ขออภัยที่เงียบหายไป ตั้งแต่หลังสงกรานต์นูก้ากลับไปทำงาน+เรียนและแต่งตอนต่อไปเรื่อยๆ แต่ว่าวันที่ยี่สิบกว่าๆ คุณน้าน้องแม่เสีย ต้องกลับบ้านไปช่วยงาน นี่ก็พึ่งกลับได้ไม่ถึงอาทิตย์ดีเลย การบ้านกองสุมทะลุเพดาน ไหนอาทิตย์หน้าจะไปญี่ปุ่นอีก อิชั้นเลยเจียดเวลามาอัพนิยายไม่ได้เลย ขอบคุณทุกคนที่รอ สอบเสร็จ25นี้คงได้ฤกษ์ปั่นนิยายแล้วล่ะ
เดี๋ยวเอาแบบโหดๆ ชดเชยที่หายไปละกัน ฮ่าๆ
ขอบคุณอีกครั้งและหวังว่าจะยังสนับสนุนกันต่อไปนะ

จึงแจ้งมาเพื่อทราบ

นูก้า
ヌガー
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอนพิเศษ วันสงกรานต์ 11/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 26-05-2017 22:14:23
เสียใจแล้วก็สู้ๆ นะครับ
ปวดเป็ดเป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอนพิเศษ วันสงกรานต์ 11/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-06-2017 05:35:38
อ่านรวดเดียวจบ สนุกอ่า แต่ เมื่อไหร่แม๊กจะรู้ว่าโบป่วย
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอนพิเศษ วันสงกรานต์ 11/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 23-06-2017 21:55:14
รอครับ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน10 29/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 29-06-2017 20:52:45

-10-

               “อืม...”

               “...”

               ปิ๊บ

               “โอเค วันนี้ไปเรียนได้”

               อ้าาา ในที่สุด!

               ปากผมฉีกยิ้มกว้างที่สุดในรอบหลายสัปดาห์เมื่อจอแสดงอุณหภูมิแบบดิจิตอลขึ้นตัวเลข ‘38.3’

               เฉียดไปนิดเดียว แต่ผมก็จะได้ไปเรียนแล้วล่ะนะ เย้!

               “ผมไปอาบน้ำก่อนนะ” ผมบอกเขาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นระคนดีใจ รีบไถลลงเตียงโดยใช้ขาข้างขวาที่ไม่เจ็บเขย่งๆ ไปที่ตู้เสื้อผ้า แต่ยังไม่ทันได้เข้าไปจัดการตัวเอง พี่แม็กก็คว้าแขนผมไว้แล้วพูดว่า

               “ห้ามอาบน้ำ ไข้กลับกูจะไม่ให้มึงไปเรียน”

               “แต่ผมเหนียวตัว เหม็นตัวเองจะแย่แล้ว-”

               “เอ๊ะ มึงนี่! เห็นกูใจดีด้วยหน่อยทำเป็นเหลิงนะมึง”

               “...”

               ผมเงียบด้วยกลัวว่าหากต่อคำมากกว่านี้อาจถูกริบสิทธิ์การไปเรียนวันนี้อีกก็ได้ ...และก็มือหนาที่บีบต้นแขนจนชาปลายนิ้วนั่นด้วย สุดท้ายเลยต้องไปเรียนโดยได้แค่เช็ดตัวให้พอหายเน่าเท่านั้น แต่ก็ช่างเถอะครับ ยังไงก็ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ผมอยู่แล้ว

               ผมยืนขาเดียวรอพี่เขาหน้าโรงจอดรถ อย่าถามว่าผมมายังไง ที่แน่ๆ คือพี่เขาไม่ได้ช่วยผมเดินมาแน่นอน ชายร่างสูงผิวเข้มในชุดนักศึกษาเดินผ่านผมไปในโรงจอดรถ สงสัยวันนี้จะมีเรียนเหมือนกันมั้งครับ เขาเข้าไปพักนึงผมกำลังจะยักแย่ยักยันตามเข้าไปบ้างแต่พี่แม็กกลับเดินหน้ามุ่ยออกมาเสียก่อน

               “มีอะไรหรอฮะ” ผมถามเมื่อสังเกตเห็นความหงุดหงิดเขียนเต็มหน้าหล่อเหลา

               “รถน้องมึงสตาร์ทไม่ติด” เสียงเข้มตวัดห้วนตามหน้า ทว่าคำตอบนั้นทำผมงงเล็กน้อยจึงจะถามต่อแต่ก็ถูกสวนขึ้นทันควัน

               “แต่… เมื่อวานมันยังดี...”

               “ก็นั่นมันเมื่อวาน! วันนี้มันก็ส่วนวันนี้สิวะ! มึงโง่รึไง!”

               อ่า… นั่นสินะ ทำไมคิดไม่ได้นะ อยู่กับเขาแล้วผมรู้สึกตัวเองโง่ลงทุกวันๆ จัง

               คนตัวโตฟึดฟัดหัวเสีย เวลาเขาถอนหายใจแรงๆ ผมเห็นควันออกจากจมูกโด่งเหมือนวัวกระทิงโมโหในการ์ตูนเลยครับ เกือบหลุดขำกับความคิดชวนหัวกุดยังดีที่ยั้งไว้ทัน

               “...มึงว่าอะไรนะ”

               ตายล่ะ! ไม่ทัน “อ… เปล่า อ๋อ! ผมจะถามว่าเราจะไปยังไงกันดีน่ะครับ” ฟู่… โชคดีที่สมองวันนี้เร็วกว่าทุกวัน ผมว่าอยู่กับพี่เขาก็ดีอย่างได้ฝึกสมองหาทางหนีทีไล่ทุกลมหายใจ ทั้งฉลาดขึ้นและก็โง่ลงทุกวันเช่นกัน… เอ๋?

               พี่แม็กเท้าเอวถอนหายใจอีกรอบก่อนจะล้วงกุญแจในเป้ออกมาพวงหนึ่ง เขาว่าไปก็เดินไปในโรงจอดรถอีกครั้งแต่เป็นคนละฝั่งกับที่จอดรถยนต์ “ไปมอ’ไซค์ก่อนแล้วกันวันนี้ แม่งเอ๊ย ทำไมยุ่งงี้วะ จะๆด้นั่งรถแอร์เย็นๆ เสือกมาเจ๊งอีก แล้วคันนี้แม่งจะขึ้นได้ป่าววะ” เขาบ่นเป็นหมีกินผึ้ง ผมเลิกหวังว่าจะไ้ด้เห็นเขาอารมณ์ดีในวันนี้ทันที ขาไปยังชนาดนี้แล้วขากลับจะขนาดไหนกัน มิต้องถึงขั้นเลือดตกยางออกกันเลยเหรอ

               เพื่อเตรียมความพร้อม ผมค้นหาเบอร์ช่างให้มาดูรถจากมือถือรุ่นเก่าของผมพลางๆ ระหว่างรอพี่เขา คือหาไปงั้นแหละ คนอย่างผมจะไปมีเบอร์ช่างได้ไง ในเน็ตก็ไม่รู้จะค้นยังไง แต่ก็ต้องทำตัวให้ ‘ดูเหมือน’ มีประโยชน์ไว้ก่อน

               “มา” คำสั่งสั้นๆ ดึงสายตาผมออกจากจอมาที่เจ้าของเสียงเรียกแทน

               เบื้องหน้าคือชายหุ่นล้ำนั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์คันใหญ่สีแดงแบบรถแข่ง ผมไม่รู้ชื่อเฉพาะของมันหรอกฮะ รู้แต่ว่าคันมันใหญ่เทอะทะมาก ทว่าก็ดูปราดเปรียวน่าเกรงขามเช่นกัน คนขับก็รับกับเจ้าลมกรดอย่างเหมาะเจาะ ผมคิดวิธีที่จะขึ้นไปอยู่บนนั้นพร้อมๆ กับที่นึกย้อนไปว่ารถคันนี้ไม่ใช่คันเดียวกับที่ผมเคยเห็นนี่นา ที่เคยซ้อนมันไม่สูงงี้อ่ะ

               “ฮึ๊บ!”

               ผมไปยืนข้างๆ ด้านขวา วางแผนการเคลื่อนไหวร่างกายในหัวคร่าวๆ ขาซ้ายที่บาดเจ็บแตะพื้นเพียงนิดก็ปวดตุบ จะทิ้งน้ำหนักลงไปก็คงไม่ได้จึงใช้วิธีเอาตัวพาดขวางอานสูงกว่าระดับเอวไว้ แล้วเหวี่ยงขาขวาข้ามมาอีกฝั่งอย่างทุลักทุเล พี่แม็กเห็นสภาพผมคงเวทนาช่วยดึงคอเสื้อให้อีกแรงจนสามารถทรงตัวตั้งตรงอยู่ด้านหลังเขาได้เสียที เมื่อเข้าที่เรียบร้อยมือหนาก็บิดคันเร่งพาเราพุ่งทะยาน (ผมหมายถึง ‘พุ่งทะยาน’ จริงๆ) ออกไปทันที

               แล้วหมวกกันน็อคล่ะ!!!

               ไม่มีหมวกยังไม่พอ คนขับเอาโทรศัพท์มาจิ้มๆ เหลือบตาดูเป็นครั้งคราวสลับกับมองถนนไปด้วย พอเขาทำแบบนั้นผมรีบเอามือเกาะเอวเขาแน่นอย่างหวาดเสียว ไอ้ไว้ใจมันก็มั่นใจอยู่ว่าพี่แม็กขับรถเก่งพอตัว แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้จริงไหมครับ ยิ่งความเร็วบนหน้าปัดไม่ลดลงเลยแม้ตอนเข้าโค้งผมยิ่งซุกตัวกับแผ่นหลังกว้างจนแทบจะจมหายไปในนั้น อารมณ์ประมาณว่าลืมหายใจเป็นอย่างไรผมเข้าใจอย่างถ่องแท้เลยครับ

               อาชาสีเพลิงมันปลาบชะลอตัวก่อนจอดสนิทแทบฟุตบาทบริเวณหน้าตึกเรียนของผม จากหอมาถึงนี่ใช้เวลาไม่ถึงห้านาที แต่ก็เป็นห้านาทีที่ผมแทบช็อคคาเบาะในท่ากอดเอวหนาไว้เต็มวงแขน เมื่อตั้งสติได้ผมจึงเงยหน้าออกจากกล้ามแน่น คงจะเร็วเกินไปที่นักศึกษาจะมานั่งรอเรียนที่นี่มันจึงดูโล่งตาและเงียบเชียบ ก็ดี จะได้ไม่มีใครเห็นสภาพน่าอนาถของผม

               “ลงไปซักทีสิวะ”

               คำสั่งกึ่งบ่นให้ผมไปให้พ้นๆ เขาเสียทีทำได้แค่ให้ผมปล่อยมือจากการเกาะกุมเท่านั้น เพราะผมจะบอกว่า...

               ขาขึ้นยากยังไง… ขาลงคูณสามเข้าไปครับ

               “ชักชาอะไรอยู่วะ! ลง! กูจะไปที่อื่นต่อ”

               “...พี่ ผม… ผมลงข้างขวาไปเป็น”

               คนเรามันก็มีด้านถนัดเวลาจะขึ้นรถลงเรือใช่ไหมครับ แล้วเคยไหมครับ ถ้าให้ลงข้างที่ไม่ถนัดมันจะนึกวิธีลงไม่ออกเลยล่ะครับ ตอนนี้ผมก็เป็นอย่างนั้น ผมเคยลงแต่ข้างซ้าย ใช้ขาซ้ายรับน้ำหนักตัวขณะเหวี่ยงขาขวาลงแต่เพราะมีแผลที่เท้าอยู่จึงไม่สามารถทำอย่างเคยได้ ผมลองเอาขาขวาแกว่งนำทางสุดท้ายคือไม่ถึงพื้น รถพี่เขาก็สูงแถมเขายังเอียงไปทางซ้ายเช่นกัน (เห็นมั้ย ที่พี่ยังถนัดซ้ายเลย แน่จริงเอียงขวาดิ) คือยังไงก็ไม่ได้ฮะ ผมนี่มันน่ารำคาญจริงๆ

               “น่ารำคาญชิบหาย!” นั่นไง เดี๋ยวนี้ผมมีพลังวิเศษอ่านใจพี่แม็กได้แล้ล่ะฮะ

               “... ผม ผมจะพยายาม แต่… พี่ช่วยเอียงมาทางขวาอีกได้มั้ยฮะ”

               “เฮ้อ!”

               ผมสะดุ้งตกใจเมื่อเขากระแทกลมหายใจเสียงดัง พี่แม็กไม่ได้ทำตามที่ผมขอร้องแต่กลับเตะขาตั้งแล้วลงมายืนข้างรถแทน ผมเดาไม่ถูกว่าเขาจะทำอะไร ไม่วายคงตีหัวผมแน่ๆ

               “เอาขามาฝั่งนี้”

               หือ? หมายถึงให้นั่งข้างมาฝั่งเขาเหรอ ทำไมอ่ะ ยังไงก็ต้องลงสองขาอยู่ดี

               ผมคงคิดนานไป มือใหญ่เลยจับตัวผมให้หันมาทั้งตัว ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะยอมอุ้มผมลง อาจจะไม่ใช่ท่าเจ้าสาว เป็นแค่การโอบเหมือนอุ้มเด็กแต่มันกลับใกล้ชิดกันมากยิ่งกว่าท่าเจ้าสาวเสียอีก ผมเองก็กอดคอเขาแน่นตามสัญชาตญาณ

               ใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำจนคิดว่าถ้านานกว่านี้เขาต้องได้อุ้มผมส่งโรงพยาบาลแทนแน่ๆ หูอื้อด้วยเสียงตึกตักจนกลัวว่าคนอุ้มจะได้ยิน ผมไม่อยากให้เขาว่าไม่เจียมตัวหรอกนะ

               ปลายเท้าแตะพื้นลงเบาๆ ก่อนจะทิ้งน้ำหนักส่วนมากไว้ด้านที่ไม่มีแผล ผมรู้สึกตัวกลับมาสู่โลกปัจจุบันเมื่อมือกร้านดันหัวผมออกจากซอกคอ ปลายจมูกยังมีกลิ่นกายติดมา หน้าร้อนผ่าวอย่างอับอายที่เผลอทำเคลิ้มใส่ หวังว่าเขาจะไม่สังเกตเห็นนะ

               “กูส่งแค่นี้นะ ไปได้แล้ว แล้วแดกยาให้ครบด้วย”

               ปากเผลอยิ้มดีใจกับความใจดีที่ไม่เคยมีของพี่แม็กก่อนจะทำเป็นลูบมือปิดปากไปเรื่อยเพื่อบดบังความสุขเล็กๆ ไว้พลางพยักหน้ารับคำ พอส่งผมลงพื้นพี่เขาก็จากไปทันที ทิ้งผมให้มองตามหลังจนลับสายตา ผมถอนหายใจเมื่อรับรู้ถึงความคิดเองเออเองของตัวเอง มันก็แน่ล่ะ คนอย่างพี่แม็กน่ะหรือจะมาคอยเป็นห่วงเป็นใยผม

               งี่เง่า

               ช่างเถอะ แค่เขาไม่อารมณืเสียใส่ก็พอแล้วนี่ อย่าไปหวังลมๆ แล้งๆ ให้เหนื่อยเปล่าเลย ทะเลาะกับตัวเองเสร็จผมก็หันหลังเตรียมขึ้นห้องเรียน แต่ว่านะ...

               มันไม่มีลิฟต์อ่ะครับ




               บทเรียนในวันนี้มีหลายจุดที่ผมไม่เข้าใจ คงเพราะขาดเรียนไปหลายวันเนื้อหาเลยไม่ปะติดปะต่อ จะไปขอยืมโน้ตก็เกรงใจเพื่อนๆ ผมไม่อยากให้เขาลำบากใจกันน่ะครับ

               “ไหวมั้ยโบ ไม่เข้าใจตรงไหนถามเราได้นะ”

               ก็คงจะมีแค่บัวนี่แหละครับที่มีน้ำใจกับผม สมแล้วที่ได้ฉายานางฟ้าประจำห้อง เธอไม่เคยเลือกปฏิบัติกับใครเลย ช่วยเหลือทุกคนอย่างเต็มความสามารถ เป็นผู้หญิงในอุดมคติที่ผู้ชายต่างหมายปอง

               “เอ่อ งั้น เราขอยืมชีทคราวที่แล้วหน่อยนะ” ผมเองก็ตอบรับน้ำใจนั้น โชคดีจริงๆ ที่ได้เรียนกับบัว

               “กว่าจะคาบต่อไปก็อีกเป็นชั่วโมงแหนะ งั้นเราติวให้โบดีมั้ย เราจะได้ทบทวนไปในตัวด้วย” บัวว่าด้วยน้ำเสียงสดใส

               ผมยิ้มขอบคุณแล้วก้มอ่านชีทที่มีลายมือเป็นระเบียบหลากสีประกอบไฮไลท์เน้นข้อความจนแทบจะไม่เหลือที่ว่าง บัวลายมือสวยมาก ไม่รู้ว่าจดทันได้ยังไง ทั้งเยอะ ทั้งไฮไลท์ ไหนจะเปลี่ยนสีปากกาอีก เก่งมากๆ เลยล่ะฮะ ผมนี่แค่ดินสอกดแท่งเดียวยังไม่ทันเลย

               “อันนี้อาจารย์เน้นมากเลยนะ เราเลยขีดซะเลอะเทอะไปหมดเลย โบอ่านออกป่าว แล้วก็ตรงนี้จำให้ดีๆ นะ ออกทุกปี ...”

               เสียงใสอธิบายอย่างไม่เหนื่อยหน่าย ตาผมจดจ้องที่หน้ากระดาษ แล้วหัวไหล่ก็รู้สึกถึงความใกล้ชิดเกินงามจึงถอยตัวออกห่างอย่างกับโดนไฟช็อต ในหัวกลับปรากฏภาพหญิงสาวนุ่งน้อยชิ้นแวบขึ้นมาทำเอาขนกายลุกซู่ กลิ่นน้ำหอมฟุ้งเต็มจมูก จู่ๆ ก็เหมือนมีมวลคลื่นตีขึ้นมาจุกลำคอ ผมสะบัดหัวไล่มโนภาพเหล่านั้นออกไปแล้วกลับสู่โลกความจริง บัวยังคงพูดต่อไปโดยไม่ทันได้สังเกตผมซึ่งนั่นก็ดีแล้ว ดังนั้นผมควรปรับอารมณ์ให้กลับจดจ่อกับเนื้อหาเสียที

               ผมถามแทรกบ้างเมื่อไม่เข้าใจ เมื่อเหลือบไปดูนาฬิกาก็พบว่าเวลาได้ล่วงเลยมาพอสมควรผมจึงชวนบัวเก็บของเตรียมย้ายห้อง ว่าแต่กลุ่มของบัวหายไปไหนนะ

               “เพื่อนบัวไปไหนอ่ะ”

               “อ๋อ ไปจองที่น่ะ” แถวหน้าสุดไม่จำเป็นต้องจองมันก็ว่างอยู่ตลอดอยู่แล้วนี่ อันนี้ผมคิดในใจ

               “งั้นก็ไปกันเถอะ เดี๋ยวเพื่อนบัวรอนาน”

               ผมเดินเขยกๆ เกาะผนังไปอย่างทุลักทุเล โบจะเข้ามาช่วยพยุงแต่ผมห้ามไว้เพราะสองมือเธอคงไม่ว่างพอจะรับน้ำหนักผมแน่ แค่หนังสือสี่เล่มกับกระเป๋าเครื่องเขียนที่บรรจุปากกาครบทุกเฉดสีนั่นก็หนักแย่แล้ว แต่จริงๆ คือผมไม่อยากถูกตัวเธอต่างหาก จากอาการไม่ปกติเมื่อครู่ทำให้ผมรู้สึกว่าผมไม่ควรอยู่ใกล้เธอเกินไป

               “โบจะไหวหรอ งั้น… อ๊ะ ให้อาร์ทช่วยดีกว่าเนาะ อาร์ทๆ ช่วยเราหน่อยสิ”

               เมื่อมองตามเสียงเรียกไปก็พบผู้ชายตัวสูงนอนฟุบหน้ากับโต๊ะแถวท้ายสุดของห้อง ถ้าจำไม่ผิด อาร์ทคือหนึ่งในเพื่อนร่วมห้องที่อยู่ในกลุ่มเด็กเก เขาไม่ได้มีกลุ่มประจำมักจะเห็นเขานอนฟุบคนเดียวไม่สุงสิงกับใครมากกว่า การเรียนก็จัดอยู่ในกลุ่มท้ายๆ แต่มีผลงานด้านกิจกรรม กีฬาเป็นส่วนมาก ว่าแต่ ไม่มีใครปลุกให้เขาเปลี่ยนห้องเลยหรอ?

               “อือ...” อาร์ทงัวเงียเมื่อถูกเสียงหวานปลุก ชายหนุ่มถามยานคางว่า “มีราย”

               บัวขอความช่วยเหลืออีกครั้ง อาร์ทงวยงงพักหนึ่งแล้วเบนสายตามาที่ผมจากนั้นก็พยักหน้า บัวกว่าวขอบคุณก่อนจะเดินนำออกไป “เดี๋ยวให้อาร์ทช่วยพยุงนะ ดีนะที่อาร์ทยังอยู่ แล้วก็โชคดีด้วยที่เราวานเขาพอดี ไม่งั้นอาร์ทคงถูกลืมปล่อยให้นอนยาวจนกลับบ้านนู่นแน่เลย คิกๆ”

               คล้อยหลังบัว คนตัวสูงก็มาจับแขนผมแล้วเอากระเป๋าผมไปถือเอง (ทำไมมีแต่คนตัวสูงๆ กันนะ หรอผมเตี้ยทุกคนเลยดูสูงไปหมด) อาร์ทจัดอยู่ในพวกหน้าตากลางๆ ไม่ขาวไม่คล้ำ ไม่มีอะไรโดดเด่น หุ่นก็ไม่อ้วนไม่ผอม แต่ก็มีคิ้วหนาๆ เสริมหน้าตาให้ดูดีขึ้นกับหน้าตายๆ ดวงตาเฉยเมยปรือแทบตลอดเวลาก็ดึงดูดสาวๆ ที่ชอบสไตล์ได้เหมือนกัน ถ้าไม่ไปยืนข้างๆ พี่แม็กน่ะนะ

               “สนิทกันจังนะ”

               “หือ?” อยู่ๆ เขาก็พูดขึ้น ตาไร้อารมณ์มองเลยไปที่หญิงสาวด้านหน้า ผมมองเขาสลับกับบัวไปมาอย่างไม่เข้าใจ

               มือที่คอยจับแขนเปลี่ยนมาโอบเอวผมไว้อย่างไม่ทันตั้งตัว ผมตกใจเล็กน้อย เขาอาจจะแค่ต้องการจับให้ถนัดขึ้นแต่ผมกลับระแวงการสัมผัสแบบนี้ตั้งแต่ที่ถูกพวกพี่เขารังแก วงแขนกระชับจนด้านข้างแนบชิดติดกัน มันทำให้ผมเดินได้ไม่สะดวกนักเพราะต้องระวังไม่ทันเท้าถูกเหยียบอยู่ทุกฝีก้าว

               “ทำยังไงบัวถึงได้สนใจล่ะ หรือใช้ความใจดีของบัว แกล้งสำออยเรียกร้องความสนใจ?” จู่ๆ เขาก็อะไรเกี่ยวกับบัวก็ไม่รู้ขณะที่ยังคงมองไปข้างเช่นเดิม ราวกับรำพันคนเดียวไม่ได้พูดกับผม แต่ก็ถามเพื่อความแน่ใจอีกที

               “พูดกับเราเหรอ”

               “หึ”

               มีเพียงเสียงขึ้นจมูกตอบกลับมา มุมปากยิ้มเหยียมขณะที่ดวงตาเซื่องซึมเหล่มอง จะว่าผมโง่ก็ได้ เพราะผมไม่เข้าใจการกระทำนั้นจริงๆ

               “ทำหน้าโง่ตาใสอย่างงี้นี่เอง เป็นผู้ชายซะเปล่ากลับอ่อยผู้หญิงด้วยท่าทางอ่อนแอน่าสงสาร… ก็ได้ผลดี”

               อึ๊ก!

               เจ็บ! มือที่โอบรอบตัวจิกเอวผมเต็มแรง ผมเกือบกลั้นเสียงร้องไว้ไม่ทัน เท้าเดินสะดุดจนขาทรุดไปก้าวหนึ่งแต่เขาก็ยังพยุงผมไว้ด้วยแขนข้างเดียว บัวยังเดินนำต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้ยินหรือเห็นการกระทำของคนที่ฝากฝังไว้ ซึ่งก็ดีกว่าให้เธอมารับรู้น่ะนะ

               สบตากลับไปยังต้นเหตุของความเจ็บปวดก็พบกับสายตาวาวโรจน์จ้องอยู่ก่อนทำเอาถึงกับผงะ ผมไม่รู้ว่าเคยไปทำอะไรให้อาร์ทแค้นเคืองหรือเปล่า แต่แค่ช่วงเวลาไม่ถึงห้านาทีที่ได้เข้าใกล้ก็สัมผัสได้ถึงความไม่พอใจบางอย่าง

               แม้ภายนอกอาร์ทจะดูเป็นคนเฉยชา ทว่าเมื่อเขาแสดงด้านมืดออกมา กลับทำให้ในหัวผมกู่ร้องอย่างหวาดกลัว

               ผู้ชายคนนี้อันตราย!

               “อ อาร์ท... ร เรา เราว่าเราพอจะเดินเองได้แล้วล่ะ ข ข ขอบใ...”

               ปึก

               “อ โอ๊ย...”

               “ไหนว่าเดินเองได้ ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า แถมบัวยังขอร้องเองด้วย ไม่ช่วยได้ไง” สีหน้าที่ส่งให้บัวซึ่งหันมาเพราะเสียงร้องของผมช่างตรงข้ามกันเสียเหลือเกิน

               “โบเป็นอะไรหรือเปล่า ทนหน่อยนะจะถึงห้องแล้ว แล้วก็ให้อาร์ทช่วยเถอะนะ อย่าฝืนเลย” เธอไม่ทันสังเกตว่านี่แหละที่ผมฝืนอยู่ ผมไม่อยากให้เสียน้ำใจจึงทำได้แค่กัดฟันทน พ้นตรงนี้ไปเราก็ไม่มีเรื่องข้องเกี่ยวกันแล้ว ระยะทางเพียงไม่กี่สิบเมตรช่างยาวนานและบีบคั้นหัวใจเสียจริง โชคยังดีที่เขาไม่ทำอะไรผมอีกเพราะบัวลงมาตีคู่ แต่การที่มีใครอีกคนเกลียดผมอย่างมากมันก็บั่นทอนจิตใจเหมือนกันนะ เอาไว้ขากลับค่อยหาข้ออ้างให้บัวกลับก่อนแล้วค่อยหาวิธีเองเงียบๆ จะดีกว่า แล้วก็เป็นอีกคาบที่บทเรียนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเพราะสมองครุ่นคิดถึงเรื่องเดิมซ้ำๆ

               ผมพยายามแล้ว พยายามอย่างมากที่จะไม่มีปัญหากับใคร และพยายามระวังตัวไม่ให้ร่างกายที่ควบคุมไม่ได้สร้างปัญหาเช่นกัน ผมจึงตีตัวออกห่างจากทุกคน อยู่คนเดียวก็ได้ ไม่ต้องมีเพื่อนก็ได้ แค่ได้เรียนในสิ่งที่รักผมก็อยู่ได้ แต่ว่า… เหมือนโชคร้ายวนอยู่รอบตัว คอยดึงดูดพวกเขาเข้ามา...

               “...”

               “นี่เธอ!”

               ความคิดของผมสะดุดเพราะอาจารย์ตบโต๊ะพร้อมแผดเสียงดังลั่น อกผมสั่นอย่างตกใจและคนอื่นๆ ก็คงเป็นเหมือนกัน ผมมองหาว่าใครเป็นต้นเหตุก่อกวนการสอนของอาจารย์แต่กลับพบว่าตาเขียวจ้องมาที่ผมเขม็ง… นั่นหมายความว่าผมเองนี่แหละต้นเหตุ

               “อาจารย์สอนอยู่รู้จักเคารพกันบ้างสิ! เห็นเป็นหัวหลักหัวตอหรือไง หยาบคายไร้มารยาท! สำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุล พ่อแม่สั่งสอนมายังไงถึงได้ไม่รู้จักสัมมาคารวะอย่างนี้ ออกไปเลยนะ ฉันไม่สอนคนพูดจาหยาบคาย!” ผม… พูดอะไร...

               “อ อาจารย์ครับ ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใ...”

               “เชิญ!”

               “...”

               ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่ผม… เรื่องเดิมๆ สินะ แย่หน่อยที่คราวนี้ดันเป็นอาจารย์ที่ได้ยิน ผมเก็บของช้าๆ แล้วลุกขึ้นยืนเกาะเก้าอี้ สองมือยกพนมกล่าวลาเบาๆ ก่อนจะลากเท้าออกจากห้องไป ผมเดินผ่านบัวเธอมองมาอย่างให้กำลังใจแม้ในแววตาจะมีความตะขิดตะขวงบางอย่าง

               “เอาล่ะนักศึกษา เรามาต่อกันที่...”

               การบรรยายดำเนินต่อไป ผมเดินเกือบถึงประตูแล้ว และที่นั่งริมประตูนั้นคืออีกคนที่ผมไม่อยากเจอมาที่สุดในตอนนี้ อาร์ทไม่ได้ฟุบหน้าหลับอย่างทุกที แถมยังนั่งแถวหน้าสุดอีกด้วย ราวกับกำลังรอให้ผมเดินไปหาก็ไม่ปาน เป็นเรื่องเลี่ยงไม่ได้ที่จะเข้าไปอยู่ในรัศมีแขนของเขาเพราะประตูมันอยู่ติดกัน มือที่เคยหยิกเอวคว้าแขนผมไว้ก่อนจะก้าวออกไป เขากระซิบกับผมว่า

               “ด่าอาจารย์ลั่นห้องแน่นอนจริงๆ คนอื่นเกลียดอีแก่นี่จะตายยังไม่กล้าทำเลย”

               “เราเปล่า” จริงหรือไม่ผมก็ไม่แน่ใจ แต่ทุกคนก็เข้าใจเช่นนั้นแล้ว ถึงอย่างนั้นผมก็ยังแก้ตัวกับเขา แค่กับเขา “เราไม่ได้ตั้งใจ อาร์ทไม่รู้หรอกว่าเรา...”

               “ไม่ต้องอธิบาย ไม่ได้อยากรู้ แต่จะบอกให้ระวังตัวไว้ ถ้ายังอยากมาเรียนแบบปกติล่ะก็… อย่ายุ่งกับบัว”

               “...”

               “...ไปได้แล้ว อาจารย์มอง”



               สุดท้าย… ก็เรื่องเดิมๆ ...

               ผมเหนื่อย

               เหนื่อยจนลืมเจ็บแล้วเผลอเดินด้วยสองเท้าเต็มๆ แต่ก็เพียงแค่สามก้าวเท่านั้นก่อนที่ขาจะทรุดลงยอบกายเอนพิงกับพนังข้างประตู ล้วงเอาโทรศัพท์มาถือไว้ เลื่อนหน้าจออย่างไร้จุดหมาย สุดท้ายมาจบที่รายชื่อในสมุดโทรศัพท์

               ดวงตาร้อนรื่นพร่ามัว น้ำหยดใสยังไม่เอ่อล้นออกมา เป็นครั้งแรกที่ผมเกลียดการมาเรียน ผมอยากพูดกับใครสักคน ใครที่ผมจะพึ่งพิงได้และรับฟังผม ผมหารายชื่อนั้น

               คนแรกเป็นแม่ พ่วงกับเบอร์บ้าน… ผมบอกแม่ไม่ได้หรอก

               เบอร์ที่ทำงานพ่อ… เขาจะซ้ำเติมมากกว่าล่ะสิ

               อาจารย์ที่ปรึกษาล่ะ ท่านจะจำผมได้หรือเปล่า

               บัว…

               และอีกสองสามคนที่ผมเคยคุยด้วยนับครั้งได้

               “พี่แม็ก...”

               หมดแล้ว… ไม่มีใครอีกแล้ว คนน่าเบื่อแบบผมมีแค่นี้ก็ถือว่าเยอะแล้วล่ะ ฮะๆ

               โทรหาพี่แม็กให้รู้แล้วรู้รอดเลยดีมั้ยนะ

               ผมเลื่อนกลับมาที่ชื่อแรก นิ้วยกค้างอยู่ที่ชื่อแม่ แต่แล้วก็กดปิดหน้าจอซุกหน้ากับหัวเข่าแทน

               “แม่ฮะ… ผมไม่อยากเรียนแล้ว… ฮึก...”



MAGNUM

               “ฮัลโหล พี่ฟิก พี่มาดูรถให้หน่อยดิ ที่หอหลังซอยสอง… ไม่ใช่รถผมหรอก แต่ตอนนี้ใช่… เออน่า จะรถใครก็ช่าง ’เคนะพี่ เดี๋ยวส่งโล’ให้”

               แม่งเอ๊ย! กูนึกว่าจะได้ขับบีเอ็มมาอวดสาวซะหน่อย เสือกพังอีก โธ่เว้ย! อารมณ์เสีย

               หลังจากส่งไอ้เตี้ยเสร็จผมก็ไปเรียนบ้าง ผมโทรหาพี่ที่รู้จักกันเพราะซื้อรถกับเขา ก็คันที่ขับมาวันนี้นั่นแหละ เห็นหล่อเลวแบบนี้ก็เก็บตังค์เองนะคร้าบ

               นึกแล้วก็ขำปนหงุดหงิด ไอ้เป๋นั่นมันจะอ่อนปวกเปียกไม่ได้เรื่องซักอย่างเลยหรือไง กะอีแค่ลงรถมันยังทำเองไม่ได้ เดือดร้อนกูตลอด ไม่มีเงินแม่มึงโอนมาเมื่อเช้านี้กูไม่มีทางเจียดความเมตตาอันน้อยนิดของกูสงเคราะห์มึงหรอก ห่า!

               วันนี้เลิกเร็ว ระหว่างรอมันเลิกผมว่าจะกลับไปดูรถมันเสียหน่อย ไม่ใช่ไร กูอยากขับ ฮ่าๆ

               เมื่อเข้ามาในมหา’ลัย สิ่งหนึ่งที่ทำเป็นกิจวัตรคือ ‘เช็คเรตติ้ง’ ไง

               ผมแว้นม้าเพลิงเข้าตึกนู้นออกคณะนี้ไปเรื่อยประสาคนเคลียร์คิวกับเพื่อนแล้ว ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนกันเพราะผมมีไอ้ลูกแหง่ติดแม่ต้องดูแล (ด้วยเงิน) เรียนเสร็จก็ต้องรีบไปรับมัน โคตรเบื่อเลยว่ะ

               Rrrr

               ตายยากจริงนะมึง กูอุตส่าห์นั่งรอเด็กนิติโทรมาเสือกเป็นไอ้เตี้ยซะได้ ผมกดรับสายไปมันก็เสือกเงียบเป็นงานผมต้องกระตุ้นมันอีกแล้ว

               “ห่า! มีไรไม่พูด”

               ‘...’

               “สัตว์ อย่ากวนตีน ถ้าเล่นงี้กลับไปกูจะเอาให้หนั...”

               ‘พี่…’ เสียงมันสั่นมาก
             
               “อะไร”

               ‘พี่มารับผมหน่อยได้มั้ย’

               “มันอีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเลิกไม่ใช่หรอ แล้วตัวฟรีล่ะ ไม่เรียนแล้วรึไง”

               ‘...ไม่เอาแล้ว’

               เป็นไรของมันวะ พูดจาแปลกๆ แถมเสียงสั่นๆ เหมือนคนร้องไห้ด้วย สงสัยเจ็บแผลมั้ง เลิกเดาสุ่มแล้วไปดูด้วยตัวเองดีกว่า “เออๆ รออยู่นั่นแหละ กูอยู่ใกล้ๆ นี่เอง แล้วนี่กูต้องไปแบกมึงลงจากตึกหรือป่าว”

               ‘อือ’ แปลกจริงๆ มันไม่เคยตอบแบบนี้นี่

               ผมจอดรถไว้หน้าทางขึ้นตึกข้างป้ายห้ามจอดแล้วขึ้นบันไดไป ผมรู้หมดแหละว่ามันเรียนห้องไหนเวลาไหน ถ้าเปลี่ยนห้องผมก็สั่งให้มันรายงานอยู่แล้ว ภาพแรกที่เห็นคือก้อนกลมๆ กองอยู่หน้าประตู หัวทุยทรงกะลาครอบฟุบกับเข่าแขนกอดตัวเองไว้ บรรยากาศรอบตัวช่างหดหู่ราวกับหมาถูกทิ้ง ผมไม่เคยสงสารใครนะ แต่เห็นมันเป็นแบบนี้แล้วก็เวทนานิดนึง

               “เฮ่ย”

               ผมเรียกเบาๆ มันโงหัวขึ้นมาน้ำมูกยืดติดแขน น่าเกลียดมาก หน้าเน้อแฉะไปหมด ตาแดงบวมเป่งทุเรศลูกตาหาความจรรโลงไม่เจอ มันลุกขึ้นช้าๆ ผมทนไม่ไหวต้องไปฉุดมันขึ้นมา เก็บกระเป๋าบนพื้นแล้วลากมันไปที่รถ ไม่เสียเวลาถามมันไว้ไปเคลียร์ที่ห้องแล้วกัน ผมบริการมันมากกว่าปกติเพราะความน่าสมเพสของมัน ขึ้นรถลงเรือก็อุ้มตลอด มันก็ทำตัวเหมือนตุ๊กตาจับท่าไหนก็ท่านั้น ไม่พูดมากต่อรองให้รำคาญหู มันก็ดีแต่ก็ไม่ดี ไร้ชีวิตเกินไปไม่สนุกเลยสักนิด

               ไม่ได้รู้สึกดีกับมันเพิ่มขึ้นหรอกนะบอกไว้ก่อน แค่บางทีก็คิดว่ามันดูเหมือนจะรับอะไรอีกไม่ไหวแล้วก็ได้เท่านั้นเอง

               “กูไม่ได้ใจดีหรอกนะ แต่เป็นอะไรขึ้นมาแม่มึงจะว่ากูเอา อย่าเหลิงก็แล้วกัน”

               …

               “...ผมรู้”





------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------100

ฮืออออ หายไปนานมาก

กว่าจะตั้งหลักได้ก็นานเลยเนาะ มันไม่มีอารมณ์จะเขียนอ่ะ หลังจากน้าก็อากงที่เลี้ยงนูก้ามาตั้งแต่เกิด หนึ่งเดือนสองศพมันก็แย่เหมือนกันเนาะ แต่ตอนนี้ครอบครัวโอเคแล้วล่ะ

ขอบคุณทุกคนที่ยังไม่ทิ้งกันนะ

สู้กันต่อไป!!!

สู้ๆ นะน้องโบ

ต่อจากนี้พี่จะรังแกหนูอีกเยอะเลยล่ะลูก555

แต่งนิยายนี่ก็ดีเนาะ เครียดอะไรก็เอาไประบายกับตัวละคร ไม่มีใครเดือดร้อนไม่มีใครเจ็บตัวด้วย ดีๆๆ

ตอนต่อไปรอก่อนน้า



นูก้า

ヌガ-


หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน10 29/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 29-06-2017 21:17:25
ฮือ สงสารน้อง...
คนเขียนอย่าหายไปนานอีกนะคะ
รอตอนต่อไป รอจนกว่าน้องจะมีชีวิตที่สดใส
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน10 29/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-06-2017 00:43:11
จุดพลุฉลอง100นัด
ไรท์เตอร์มาต่อแล้ว มาอัพบ่อยๆนะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน10 29/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-06-2017 04:55:28
โลกเรานี้ ส่วนใหญ่คนแข็งแรง จะชอบรังแก เอาเปรียบ
คนที่ด้อยกว่า อ่อนแอกว่าอยู่แล้ว
ไม่ต้องพูดถึงคนป่วยเป็นโรค ที่คนทั่วไปไม่รู้จัก

แล้วคนปกตินี่ ก็ไม่เข้าใจ ไม่รู้ถึงความทุกข์
ความลำบากของคนที่ไม่พร้อม คนป่วย

น่าสงสารโบ ต้องมาเรียนร่วมกับเพื่อน ครู ที่ไม่เข้าใจอาการของโรค
คงหดหู่ ไหนจะถูกดูถูก เหยียดหยาม ทำร้าย
อยากให้มีปาฏิหาริย์ช่วยให้โบหายจากโรคนี้
หรือแค่มีคนใจดี เข้าใจโบ เป็นเพื่อนโบก็พอ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน10 29/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 30-06-2017 05:52:20
โบน่าสงสาจัง
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน10 29/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 30-06-2017 10:39:41
โอ๊ยสงสารอ่ะ

ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจเลยสักคนอะ


ฟังความเห็นก็ไม่ฟัง ดูก็รู้ว่าผิดปกติ


ถ้าไม่ชอบไม่เข้ามายุ่งก็จบ ทำไมต้องรังเกียจ


โมโห
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน10 29/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 30-06-2017 17:24:52
ไม่ถามไถ่กันสักคนนะ พ่อแม่ก็แย่
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน10 29/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 30-06-2017 19:31:56
สงสารโบ  :mew6:
ทุกๆคนไม่เข้าใจโบเลย
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน10 29/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 07-07-2017 21:58:58
ติดตามครับ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน11 30/7/60
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 30-07-2017 16:00:17



จะไม่ถามว่ารอนานมั้ย
ควรถามว่าคนอ่านที่รักยังรออยู่หรือเปล่าดีกว่า555

-11-

               เฮ้อ...

               เบื่อตัวเองจัง

               ผมนั่งหายใจยาวและเบาอย่างเหนื่อยหน่ายในท่าเดิมกับที่พี่แม็กเอามาวางไว้บนโซฟา ระหว่างทางกลับหอไม่มีใครพูดอะไรออกมา พี่เขาไม่ว่าไม่บ่นที่ต้องคอยยกขึ้นยกลงผิดวิสัย ผมควรจะดีใจกับความเมตตานี้แต่หัวสมองมันช่างว่างเปล่า ไม่ได้คิดถึงเรื่องก่อนหน้านี้หรือเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น แค่เอนตัวลงนอนตะแคงบนโซฟาทอดสายตาไกลไร้จุดหมายดังเช่นชีวิตของผม ณ ตอนนี้

               ผู้ร่วมห้องเดินจับนู่นดูนี่สักพักก็ออกจากห้องไป เขาคงไม่อยากอยู่กับผมมั้งครับ ก็แน่ล่ะ ใครจะอยากล่ะจริงมั้ย

               แต่ว่านะ มีเขาอยู่ผมกลับอุ่นใจมากกว่านี้ อย่างน้อยก็ได้เห็นใครอยู่ข้างๆ บ้าง แม้เขาจะไม่เต็มใจก็ตาม รอบข้างที่ไม่มีใครน่ะ...

               ผมนึกถึงเมื่อก่อน… ตอนยังเด็ก… ครอบครัวอบอุ่นพร้อมหน้า เพื่อนๆ รายล้อม คุณครูต่างชื่นชมในความเรียบร้อยอ่อนน้อม จนถึงช่วงที่ผมแปลกไป ทุกอย่างก็แปรเปลี่ยน

               เห็นเพียงแผ่นหลังของคนอื่นๆ ที่หันหลังให้... สายตาที่มองมา… คุณพ่อคุณแม่ที่เจ็บปวดกับคำติฉินนินทา… ผมไม่รู้ว่าผมผิดอะไร

               มีครั้งหนึ่งที่ผมฝังใจมากคือตอนที่เล่นซ่อนหากับเพื่อนในห้อง เราแยกย้ายกันไปซ่อนส่วนนายหมูอ้วนเป็นคนหา ผมไปแอบในห้องน้ำกับเพื่อนอีกสองคน ผมหลบใต้เคาน์เตอร์อ่างล้างมือ สองคนนั้นตัวใหญ่กว่าไม่สามารถทำแบบผมได้เลยจองห้องส้วมคนละห้อง พักเดียวก็ถูกเจอตัว ผมยังซ่อนอยู่มั่นใจว่าจะชนะเกมนี้ ที่เหลือแค่รอจนกว่าคนเป็นจะประกาศยอมแพ้

               ผมรอ รอ แล้วก็รอ มันนานจนผมรู้สึกเมื่อยขบเพราะต้องขดตัวในที่แคบเป็นเวลานาน แล้วก็ทนไม่ไหวยอมแพ้ดีกว่า ทว่าข้างนอกกลับฉาบไปด้วยสีส้มของท้องฟ้ายามเย็น ที่ห้องไม่เหลือใครแล้ว มีเพียงกระเป๋านักเรียนของผมตรงโต๊ะ ไม่มีใครเรียกหรือตามหา… หลังจากนั้นผมก็ไม่เล่นกับใครอีกเลย

               การเล่นคือสังคมอย่างหนึ่งของเด็ก ผมเข้าใจแล้ว ผมทำตัวเอง

               ผมไม่เข้าหาเพื่อนเอง เพื่อนๆ จึงไม่ชอบผม ผมคอยที่จะเป็นเศษเวลาจับกลุ่มทำรายงานเพื่อนจึงไม่ไว้ใจผม ผมรายงานหน้าชั้นไม่ได้เพราะมันมักจะหลุดคำไม่สุภาพ… เพื่อนเลยคิดว่าผมคือตัวถ่วง ผมไม่พูดเอง ผมเลือกที่จะเงียบมากกว่าอธิบายว่าผมเป็นอะไร ...อธิบายไปเขาก็หาว่าแก้ตัวอยู่ดี คุณพ่อคุณแม่ยังไม่เชื่อใครเขาจะเชื่อล่ะ

               อยู่ไปทำไมก็ไม่รู้เนาะ

               “เฮ้อ...”

               พยุงตัวลุกขึ้นลากขาเข้าไปในห้องน้ำ ใต้อ่างล้างมือมีที่เก็บของ ผมสอดตัวเข้าไปได้แค่ครึ่งเดียว ก็มันไม่เหมือนตอนเด็กๆ นี่นาที่จะยัดทั้งตัวเข้าไปได้น่ะ ...ช่างมันเถอะ



               แกร่ก

               “กินข้าว”

               กี่โมงแล้วนะ ว่าไปก็หิวนิดๆ พี่เขาไปไหนตั้งนานสองนาน กลับมาก็จัดการเทอาหารเสียกลิ่นหอมฉุยลอยมาถึงห้องน้ำเลย ผมยังกอดเข่ามีส่วนขาเลยบานประตูเคาน์เตอร์ หน้าฟุบเข่าทำให้เหลือเพียงจมูกและหูทำหน้าที่รับสัมผัส เสียงก๊องแก๊งของจานชามดังมาแว่วๆ พี่แม็กเปิดทีวีช่องโปรดก่อนจะได้ยินเสียงเขาทิ้งตัวลงกับโซฟา

               “...”

               “เฮย มากินข้าว”

               “...”

               “ไอ้เตี้ย กูบอกว่าให้มากินข้าวไง”

               กลิ่นอะไรน้า ผัดซีอิ๊วหรือเปล่า มีน้ำเต้าหู้ด้วย

               “ไอ้สัด! มึงอยู่ไหน จะมาแดกเองดีๆ หรือจะให้กูเอาตีนล้างปากมึงก่อนฮะ!”

               “...”

               “ไอ้เชี่ยโบ!”

               !

               เขาเรียกผม?! จริงใช่มั้ย เขาตามหาผมใช่มั้ย พี่ฮะ ผมอยู่นี่

               “ไอ้โบ อย่าให้เจอนะมึง...”

               หมับ

               “เชี่ยไรเนี่ย! ออกไปสัด”

               ผมวิ่งไปกอดคนที่ยืนหันหลังให้ประตูห้องน้ำอย่างลืมเจ็บ พี่เขาตกใจเล็กน้อยพยายามแกะมือผมออกจากเอวแต่ผมกลับกระชับแขนแน่นขึ้น หน้าซุกกลางหลังจนจมูกบี้ ผมรู้สึกว่าตัวสั่นอย่างไร้เหตุผล ไม่ได้กลัวมือหนาที่ตบศีรษะรัวๆ หากเป็นเพราะความรู้สึกบางอย่างที่พองฟูแทบหายใจไม่ออกจนต้องจิกเล็บกับหน้าท้องแกร่งเพื่อระบายอารมณ์ คนถูกประทุษร้ายร้องโอ้ยตัวงอ ในที่สุดก็กระชากผมจากตัวเขาได้สักที

               “เหี้ยไรเนี่ย แม่ง เจ็บชิบหาย… สัตว์เอ๊ย เป็นรอยเลยแม่ง”

               เขาสำรวจตัวเองแล้วบ่นเป็นหมีกินผึ้ง เขาหันมาเตรียมจะเอาคืนอย่างทุกที แขนล่ำง้างกำปั้นเป้าหมายคงเป็นหน้าน่าเกลียดๆ ของผมแน่ๆ แต่ก่อนที่หมัดจะได้สัมผัสแก้มผม เขาก็ชะงักแล้วถามผมงงๆ “ร้องไห้ทำไม”

               เอ๋ ผมร้องไห้ด้วยเหรอ ถึงว่ามันเปียกๆ ผมเช็ดลวกๆ ไม่ตอบคำถามนั้นเพราะผมก็ไม่รู้คำตอบเช่นกัน เขาจึงถามซ้ำว่า “เป็นอะไร”

               “ผม… ไม่รู้”

               “ไม่รู้แล้วร้องทำไม กูยังไม่ทันทำอะไรเลยนะเว้ย” เขาร้อนตัวด้วยล่ะ

               “พี่ ฮึก ...เรียกผมใช่มั้ย”

               ผมถามเสียงสั่น พี่เขายิ่งงงหนักที่จู่ๆ ผมก็ฟูมฟายต่อหน้าแล้วเขย่าแขนเขาอย่างเว้าวอน “ผมอยู่นี่… ผมอยู่ตรงนี้”

               “เออๆๆ กูรู้แล้วน่า บ้าอะไรวะ ผีเข้ารึไง”

               คงจะจริงอย่างที่เขาบอก ผมดีใจแทบบ้าเลยที่รู้ว่ายังมีคนตามหาผมอยู่ ผมไม่ต้องกลับบ้านคนเดียวอีกแล้ว ผมไม่ต้องกลัวต้นไม้เก่าแก่หน้าโรงเรียนที่ดูราวกับมีผีสิงยามแสงแดดสุดท้ายทอดผ่านอีกแล้ว เพราะเราจะเดินแข่งเตะก้อนหินกันจนถึงป้ายรถเมล์ที่นัดกับคุณแม่ไว้ เสาร์-อาทิตย์ผมจะชวนเขามาเล่นที่บ้าน...

               “เฮ้ยๆๆ เป็นอะไรวะ เฮ้ย! มึง หยุด หยุดร้องก่อน ใจเย็นๆ เหี้ยเอ้ย! หยุดร้องสิวะ”

               “โฮ โฮ...”

               “ชิบหายแล้ว กูยังไม่ทันทำเหี้ยอะไรเลยนะเว้ย”

               เขาดันผมออกจากอก แขนแข็งแรงเขย่าจนผมเริ่มมึนหัว ปากก็ตะโกนให้ผมหยุดแข่งกับเสียงร้องไห้โฮๆ ผมรู้สึกตัวดีแต่เหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ ปล่อยให้น้ำหูน้ำตาไหลเลอะเทอะเต็มหน้า

               แล้วผมก็หลับไป…



               ตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยเสียงผู้ชายคุยกันตรงหน้าตู้เย็น ผมปรับสายตาให้ชินกับแสงอย่างมึนงงมากกว่าปวดหัว ข้างนอกมืดแล้ว อากาศที่เย็นจัดจากเครื่องปรับอากาศทำให้เท้าผมเต้นตุบๆ หนาวจริงๆ ครับ ก็เขาไม่ได้ห่มผ้าให้ผมนี่นา

               “รถดีมีประกันแต่แม่งไม่เคยเข้าศูนย์เลยว่ะ วิ่งมาก็เยอะนะ มิน่าถึงได้งอแงเอา เจ้าของรถนี่ใครวะ ไอ้เด็กนี่หรอ” ชายหนุ่มในชุดเสื้อกล้ามรัดรูปเปื้อนคราบน้ำมันบุ้ยปากมาทางผม ผมได้กลิ่นบุหรี่คลุ้งมาจากเขาแม้จะห่างกันหลาบเมตร รอยสักเลื้อยพ้นเสื้อผ้าเสริมให้เขาดูน่าไว้ใจลดลงเป็นกอง พวกเขายังคงคุยกันต่อราวกับผมเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเข้าใจภาษาของพวกเขา

               “เปล่าพี่ ของน้องมัน ถ้าพี่เห็นพี่ต้องชอบ ขาวหมวย… หุ่นเซียะ”

               “จริงหรอวะ ให้แน่นะมึง ได้ซักทีกูซ่อมให้ฟรีทั้งชีวิตเลย”

               “ฮ่าๆๆ”

               พี่แม็กคุยไปก็เดินมาเปิดตู้เสื้อผ้าข้างเตียงไป เขาค้นเอาผ้าเช็ดตัวไปผืนหนึ่งยื่นให้พี่รอยสักราวกับเป็นเจ้าของห้อง “พี่ใช้ห้องน้ำได้เลย” พี่แม็กว่า

               คนแปลกน้ำรับผ้าเข้าห้องน้ำไป ส่วนพี่แม็กกลับมาหย่อนกายลงบนเตียงข้างๆ ผม บิดขี้เกียจสองสามทีแล้วจ้องผม

               “หายบ้าหรือยัง” เขาถาม คงหมายถึงที่ผมสติแตกก่อนจะหลับไปมั้งครับ

               “...”

               ผมพยักหน้า ผมจำเหตุการณ์ตอนนั้นได้ทั้งหมด เหมือนไม่รู้ตัวแต่ก็รู้ นึกแล้วเสียวสันหลัง กลัวว่าเขาจะไม่พอใจอะไรอีกหรือเปล่า… แต่ผมอยากลองเสี่ยงดู

               “พี่แม็ก”

               เสียงที่ลอดออกมาช่างเบาราวกระซิบ มือรั้งแขนแกร่งไว้มั่น ผมสูดหายใจลึกก่อนจะพูดกับคนตรงหน้า

               “พี่… ช่วยฟังผมหน่อยได้มั้ยฮะ ...แค่ฟังเฉยๆ ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้”

               “...” มีเพียงความเงียบ เขาทำแค่จ้องนิ่งๆ ผมจึงย้ำอีกที

               “...นะฮะ”

               ในที่สุดเขาพรูลมหายใจยาวว่าเสียงห้วน

               “เออๆๆ กูก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” คำตอบทำให้ผมยิ้มแก้มปริ

               แย่จัง… ผมเหมือนจะร้องไห้อีกแล้วสิ

               “จะพูดก็พูด อย่าร้องไห้”

               เอาล่ะ สูดหายใจลึกๆ เรียบเรียงประโยคในหัวให้ดีๆ พี่แม็กไม่ชอบพูดยืดเยื้อวกวน เขาอุตส่าห์รับคำขอแล้วผมเองก็ต้องพยายามเช่นกัน

               แต่ประโยคแรกอาจไม่ดีเท่าไหร่ “ผมป่วย”

               “หา” เลยทำเขางงคิ้วยุ่งแบบนี้ “ก็แน่ล่ะ ตีนทะลุไข้แดกขนาดนี้กูรู้น่าว่ามึงป่วย”

               “ม ไม่ใช่ ไม่ใช่ป่วยแบบนั้น ผมหมายถึง… ป่วย… เอ่อ… มีโรคประจำตัว”

               “...”

               “ย อย่ามองอย่างงั้นสิ โอเคๆ ผม ผม… หมอบอกว่า ผมเป็นโรคทูเร็ตต์”

               “...หา? ทูอะไรนะ”

               คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน แววตาแฝงความคลางแคลงไม่เชื่อใจ

               “ทูเร็ตต์ คือ ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอก แต่ว่า มันเอ่อ มันจะแบบ… หมอว่ามันจะมีอาการเหมือนเป็นสันนิบาต ควบคุมตัวเองไม่ได้… แล้วก็ บางทีก็จะพูดอะไรที่… ไม่ค่อยดี”

               “มึงจะบอกว่าที่ผ่านมาที่ด่ากูเนี่ย… เพราะป่วย?”

               “ผมขอโทษ”

               ผมถูกดวงตาคมดุกลอกมองหัวจรดเท้า พี่แม็กกอดอกเอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อย เป็นท่าที่บ่งบอกว่าเขาไม่เชื่อที่ผมพูดไปเลยสักนิด

               “คิดว่ากูจะเชื่อคำแก้ตัวของมึงหรือไง”

               “ถึงบอกไง… ไม่ต้องเชื่อก็ได้ ขอแค่ฟังผมก็ขอบคุณมากแล้วครับ”

               “...”

               ผมไม่ชอบเกมจ้องตาเลย แล้วยิ่งฝ่ายตรงข้ามคือพี่แม็กด้วยแล้ว แต่ถ้าผมต้องการให้เขาเชื่อผมต้องสบตาสู้… ยอมแล้ว ผมไม่เหมาะกับเกมนี้จริงๆ

               “ไม่มีตรงไหนชวนให้กูหลงเชื่อมึงสักนิด หนึ่ง กูไม่เห็นมึงจะมียาติดตัว แม่มึงก็ไม่ได้ว่าอะไร สอง โรคบ้าบออะไรทำให้ด่าคนโดยไม่รู้ตัวได้วะ ไม่แฟนตาซีไปหน่อยหรือไง ถ้าสันนิบาตกูยังพอได้ยิน แล้วก็นะ...” เขาเว้นช่วง ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนผมต้องถอยชิดหัวเตียง “มึงด่ากูได้เหมือนตั้งใจมาก… ปกติตอนนอนก็ไม่เห็นเป็นนี่ ระหว่างวันก็ไม่มี เห็นแต่ไอ้สันนิบาตนี่แหละที่น่าเชื่อหน่อย”

               นั่นก็จริง อาการแสดงส่วนมากก็จะเป็นพวกสะบัดมือ ยักไหล่ คอกระตุก ที่ออกจากปากก็นานๆ ที

               “คือผม… เอ่อ อาการคงจะไม่หนักแล้วก็ได้มั้งครับ” ทำไมยิ่งพูดยิ่งเหมือนแก้ตัวกันนะ ใจหนึ่งผมคิดว่าพอได้แล้วล่ะ กลัวว่าจะยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดเปล่าๆ แต่อีกใจก็สังเกตเห็นแววตาไหววูบชั่วขณะ หากลองอีกนิดเขาอาจจะเข้าใจมากขึ้นก็ได้

               “มึงรู้มั้ยว่าหน้ามึงโคตรตอแหล เอาใบรับรองแพทย์มา” แย่ล่ะ

               “ไม่มีครับ”

               “มีโรคประจำตัวแต่ไม่มีหลักฐาน? พอที กูชักรำคาญละ”

               “พี่ครับ ได้โปรด ผมเป็นจริงๆ ถึงจะไม่มีหลักฐานแต่ผมป่วยจริงๆ นะ พี่ถามแม่… ไม่ๆ ไม่ถามดีกว่า… พี่จะไม่เชื่อผมจริงๆ หรอ”

               “มึงบอกเองไม่ใช่หรือไงว่าไม่ต้องเชื่อก็ได้ เอาไงแน่วะ”

               ฮือ… ถูกของเขา ผมถือว่าบอกแล้วนะ ...เออ! ไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ คนใจร้าย!

               ผมคลุมโปงหนีทันที พอดีกับประตูห้องน้ำเปิดออก แขกแปลกหน้ามีท่าทางสดชื่นช่วยเบนความสนใจของนิ้วที่กางเตรียมฟาดผมอย่างฉิวเฉียด “ไงพี่”

               “อือ” เขาเปิดตู้เย็นถือวิสาสะหยิบน้ำส้มมากระดกรวดเดียวหมดกล่อง “อ๊า! วู้ แอร์ฉ่ำดีว่ะ เออ กูต้องเก็บค่าซ่อมที่ใครวะ ให้เจ้าของมาจ่ายดิ อยากเห็นว่ะ ฮ่าๆๆ”

               “เดี๋ยวให้แม่มันโอนให้ก็ได้ ผมกลัวว่าถ้าน้องมันเห็นพี่ฟิกแล้วผมจะไม่ได้ขับรถมันซักทีเพราะcแม่งหาเรื่องทำรถพังอีก เฮ้ยไอ้เตี้ย โทรบอกแม่มึงดิ”

               ประโยคหลังหันมาสั่งผมพร้อมกระชากผ้าห่มออก มือถือถูกยื่นมาจ่อหน้าทำให้ต้องจำใจรับไปแล้วกดเบอร์คุณแม่ไปเงียบๆ มีคนอื่นอยู่ด้วยรู้สึกยังไงก็ไม่รู้ครับ แล้วผมก็เพิ่งรู้ว่าคนที่พี่แม็กเรียก ‘พี่ฟิก’ คือคนที่มาซ่อมรถนี่เอง

               ระหว่างรอสาย ผมรู้สึกถึงสายตาละลาบละล้วงสำรวจผมที่นอนใต้ผ้าห่ม “ดูๆ ไปก็ใช่ได้นี่หว่า เนี่ยนะที่มึงบอกว่าห่วย ถ้าคนพี่ห่วยยังน่า… ขนาดนี้ คนน้องจะขนาดไหนวะ”

               “สเปคพี่เป็นแบบนี้หรอเพิ่งรู้ เห็นเมียแต่ละคนอย่างกับคัดมา”

               “มึงไม่รู้อะไร หน้าแบบเนี้ย เวลาทำให้ร้องไห้นะ... โคตรเซ็กซี่”

               คนรอบตัวพี่แม็กต้องมีแต่คนน่ากลัวๆ กันหมดเลยหรือไง คิดกันแต่เรื่องน่าอายๆ พูดได้ไม่เกรงใจเจ้าตัวเลย ผมไม่ชอบเลยครับ ก่อนที่พวกเขาจะได้ล้อผมอีก ปลายสายก็รับพอดี

               “ฮ ฮ ฮัลโหล แม่ฮะ” ผมตอบรับตะกุกตะกัก

               ‘มีอะไรหรอลูก แม่ติดธุระ ถ้าไม่สำคัญไว้ก่อนได้มั้ยครับ’

               “อ… เอ่อ เรื่องรถหมิวครับแม่”

               ‘อ้าว ว่าไง รถน้องเป็นอะไรหรอ’

               “คือมันเสีย สตาร์ทไม่ติด เมื่อเช้าเลยขี่มอ’ไซค์ไปกัน แต่ว่า… พี่แม็กให้ช่างมาซ่อม...” ผมขอเหล่มองเพื่อความแน่ใจหน่อยครับ “แล้ว เอ่อ...”

               กระดาษโชว์ค่าใช้จ่ายแต่ละรายการถูกยัดใส่มือ ตัวเลขสุทธิทำเอาผม ‘เอ่อ’ ค้าง หันไปมองช้าๆ ก็เจอใบหน้ายิ้มแป้นของพี่ฟิก “อะไหล่มันแพง” เขาว่า

               “ม… แม่ครับ มันเป็นหมื่นเลยอ่ะ ผมไม่รู้เรื่องด้วยนะ” ออกตัวก่อนเลยครับ ก็ผมไม่ได้รู้เห็นด้วยจริงๆ นี่ ซ่อมเขาก็ซ่อมกันเอง กุญแจยังไม่อยู่กับผมเลยด้วยซ้ำ

               ‘อ๋อ ไม่เป็นไรลูก รุ่นนี้ก็แพงอย่างนี้แหละ ไว้หนูส่งบิลกับเลขบัญชีมาให้แม่แล้วกัน แค่นี้นะครับ’

               “อะ ครั...”

               ตรูด ตรูด ตรูด… วางซะแล้ว

               คงไม่ต้องเดานะครับว่าสองคนนั้นทำหน้าแบบไหนรอผมอยู่

               เสียงทุ้มกระซิบเกือบชิดหู “อย่าให้จับได้นะว่าโกหกกู”



               รุ่งขึ้นผมโดดเรียนอีกหนึ่งวันด้วยสาเหตุทำใจไม่ได้ครับ ผมยังจำสายตาคนทั้งห้องที่มองมาได้อยู่เลย จึงได้แต่นอนแห้งอยู่บนเตียงเกือบทั้งวัน คนเฝ้ามีเรียนครับ แต่ยังใจดีซื้อข้าวกล่องมาตุนไว้ให้ก่อนไป (ผมเห็นนะว่าเอารถน้องผมไปอ่ะ) แค่เวลาไม่ถึงเดือนที่รู้จักกันชีวิตผมเหมือนยืนอยู่กลางสี่แยกรอรถมาเฉียวเล่นๆ ยังไงยังงั้นเลยครับ กะว่าจะนอนชาร์ตแบตเผื่อวันต่อๆ ไปเสียหน่อย แต่คิดว่าจะได้ทำอย่างนั้นเหรอ

               “ไปแต่งตัว กูให้เวลาสิบนาที”

               นั่นไง นาฬิกาบอกเวลาเกือบสี่โมงเย็น พี่แม็กกลับมาถึงพร้อมพี่เมษกับพี่พอล พวกเขาผลัดกันอาบน้ำเปลี่ยนชุดนักศึกษาเป็นชุดกีฬา ไม่ใช่ชุดพร้อมแข่งแต่ก็ทะมัดทะแมงทั้งถุงเท้ารองเท้า ลักษณะนี้น่าจะไปเตะบอลกันล่ะมั้ง ว่าแต่ ให้ผมแต่งตัวทำไม

               “ทำหน้าโง่อีก กูบอกให้เปลี่ยนชุดไง หรือมึงจะใส่ชุดนอนเน่าไปเฝ้าพวกกูเตะบอลก็ตามใจ”

               ฮะ?! ทำไมผมต้องไปด้วยอ่ะ ได้แต่คิดในใจหรอกพูดออกมาได้มีปากฉีกพอดี ผมไถลตัวลงเตียง กะเผลกๆ ทำตามคำสั่งภายในสิบนาที แล้วเราก็ออกเดินทาง… ด้วยรถของน้องผม



               “มึงนั่งนี่ ห้ามไปไหน อย่าให้ของพวกกูหายนะมึง” ครับ พี่คิดว่าผมจะไปไหนได้ล่ะ

               “จะไปไหนได้ละ”

               “มึงว่าอะไรนะ” อุ๊ย! ดีนะที่พูดเบา ตาดุค้อนขวับแต่เหมือนจับใจความไม่ได้ผมเลยรอดตัวไป ผมถอนหายใจยาว หวาดเสียวนะ ต้องตั้งสมาธิดีๆ ผมไม่มั่นใจว่าเขาจะเชื่อว่าผมป่วยมากน้อยแค่ไหนด้วยสิ

               การเตะบอลสนุกตรงไหนเหรอครับ ไม่เห็นจะมีอะไรเลย ลูกบอลลูกเดียวแย่งกันอยู่ได้ ล้มไปก็เลอะ กระแทกกันก็เจ็บตัว พอตัดหน้ากันก็ทำท่าจะมีเรื่องกันอีก ผมเห็นยังเหนื่อยเลย พวกพี่ไม่เหนื่อยบ้างหรอ

               “กรี๊ดดด พี่แม็ก สู้ๆ นะค้าา”

               “พี่พอล สู้ๆ พี่พอลสู้ๆ”

               “น้องเมษยิงเลยๆ เย้”

               ผมนั่งฟังเสียงเชียร์ซึ่งส่วนใหญ่จะส่งไปให้สามหนุ่มแบดบอย ดูเกมดำเนินไปเรื่อยๆ ลูกบอลกลิ้งไปซ้ายทีขวาทีน่าเวียนหัว ผมนั่งทับมือตัวเองตั้งแต่มาถึง การเอามือสอดไว้ใต้ขานานๆ เหน็บจะกินแต่มันก็กันมือไม้ร่ายรำได้พอสมควร ผมพยายามควบคุมตัวเองสุดๆ เพราะที่นั่งผมคือแถวหน้าติดขอบสนาม ถ้าทำอะไรแปลกๆ มันจะเป็นจุดสนใจได้ง่ายมาก อย่างเช่น

               “เอาน้ำมาดิ๊เตี้ย”

               พี่แม็กตัวมอมแมมเหงื่ออาบท่วมเกาะราวกั้นขอบสนามตรงหน้าผม เสียงหอบดังไม่เรียกสติผมเท่าคำสั่ง โชคดีที่ผมจำได้ว่ากระเป๋าพี่แม็กคือใบไหนในสามใบที่ผมเฝ้าอยู่ ผมหยิบกระบอกน้ำดื่มยื่นให้ พี่เขาไม่รับแต่ชูมือเปื้อนดินทั้งสองข้างเป็นการบอกกลายๆ ว่าไม่สะดวกถือเอง

               “งัดหลอดออกมาดิ เร็ว”

               เอะอะดุ เอะอะตะคอก ตกใจหมดเลย รีบงัดหลอดขึ้นมาอย่างลนลานแล้วยื่นไปตรงปากสีเข้ม เขาดูดสองสามทีได้ยินเสียงกลืนดังเอื้อกๆ ก่อนจะวิ่งกลับไปที่กลางสนาม ทีนี้สิ่งที่ตามมาคือสายตาทิ่มแทงนับสิบคู่บนอัฒจันทร์เหนือขึ้นไป ...ไม่กล้าหันไปดูเลยครับ

               ทำไมพวกคนหล่อถึงชอบเล่นกีฬากันนักนะ อยู่เฉยๆ สาวๆ ก็ละลายกันแล้ว ทำไมต้องมาวิ่งให้เหงื่อมันออก หรืออยากโชว์ท่ายกแขนปาดเหงื่อเท่ๆ เลิกเสื้อขึ้นเช็ดหน้าอวดซิกแพ็ก หรือว่าจะ- อ๊ะ!

               “เช็ดมือหน่อย ฮ่าๆๆ”

               โธ่! นิสัย! ร่างสูงวิ่งวกมาเฉียดขอบสนาม พอผ่านผมเขาก็เอามือเลอะๆ มายีหัวจนยุ่ง ผมจับหัวตัวเองมีเศษดินติดมาด้วย สกปรกที่สุดเลย การได้แกล้งผมนี่มันทำให้พี่อารมณ์ดีขนาดนั้นเลยหรอครับ ผิดกับผมที่จิ๊ปากหงุดหงิด ขี้เกียจสระอ่า

               “นี่นายน่ะ”

               ฮือ ไม่นะ

               ผมหันไปตอบช้าๆ สภาพหัวหดคิ้วตกล่วงหน้าอย่างรู้เหตุการณ์ “เรียกผมหรอครับ”

               “นายเป็นใคร มาอ่อยพี่แม็กทำไม” เธอในชุดนักศึกษาถาม ผมเดาว่าหน้าจะเป็นปีหนึ่งเหมือนกันเพราะทั้งชุดและผมยังถูกระเบียบอยู่ เธอยืนขึ้นแล้วก้าวลงมาพร้อมเพื่อนอีกคนจนหยุดยืนที่ขั้นเดียวกับผม

               ด้านหลัง คนอื่นๆ ยังมองอยู่ ไม่มีใครคิดจะห้ามแถมยังตั้งตารอดูอย่างจดจ่ออีกด้วย เพิ่งสังเกตว่าบนอัฒจันทร์มีแต่ผู้หญิงกับผู้ชายทาปากปัดแก้มทั้งนั้นเลยครับ เสียงเชียร์เงียบไปจากบริเวณที่ผมนั่งเพราะมันกำลังจะเกิดสงครามเล็กๆ เร็วๆ นี้แล้วครับ

               “เงียบทำไมอีตุ๊ด”

               “ไม่ใช่นะ!” คนเราทำไมต้องหาเรื่องเหยียดคนอื่นด้วย คำตอบเสียงแข็งของผมนั้นตอบได้ทั้งคำกล่าวหาแรกและคำดูถูกเรื่องเพศสภาพ ผมอาจจะดูอ่อนแอ แต่ผมไม่ได้มีจิตใจอยากเป็นผู้หญิง และถึงเป็นมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรเอามาว่ากันแบบนี้

               “แล้วแกเป็นใคร มายุ่งกับของพี่เขาได้ไง อย่าบอกนะว่าเป็นน้องพี่แม็ก พี่เขาไม่มีน้องย่ะ พี่แม็กควงใครพวกฉันรู้หมด หน้าอย่าแกมันไม่เข้าพวกสักนิด” เพื่อนผู้หญิงของเธอว่าผมฉอดๆ เขาสิไม่รู้อะไร อยากจะตอบโต้แต่กลัวเรื่องจะยาวเลยนั่งเฉยๆ ทำหูทวนลมซะ

               “นี่! หูหนวกหรือไง”

               “ทำอะไรกันหรอจ๊ะ”

               เสียงหวานขัดจังหวะสองคนนั้น ผู้มาใหม่คือพี่สาวสวย ผมทำสีคาราเมลยาวลอนสลวยดั่งแพรไหม ดวงหน้าขาวเนียนแต่งบางๆ เหมาะสมกับวัย โดยรวมคือสวยมากๆ

               “อ๊ะ! พี่ฟา สวัสดีค่ะ”

               เธอยิ้มละไมพยักหน้ารับ สองคนนั้นกลับไปนั่งที่โดยไม่พูดอะไรอีกทำให้ผมลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก พี่คนสวยทรุดตัวลงข้างผมถัดจากกองกระเป๋า ผมแอบมองสำรวจด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผมเริ่มนึกออกละ พี่เขาคือดาวปีสาม พยาบาลมั้งครับถ้าจำไม่ผิด

               “น้อง...”

               อยู่ๆ เธอก็หันมาคุยกับผม ผมสะดุ้งตาโตรู้สึกประหม่าทันทีเพราะไม่ค่อยได้คุยกับผู้หญิง “ค ครับ! ผม คอมโบครับ”

               “ใช่น้องที่แม็กดูแลอยู่หรือเปล่าคะ” ผมรู้จักพี่แม็ก แต่อืมมม ดูแลหรอ เอาเป็นว่ายิ้มแห้งๆ ตอบไปก่อนแล้วกันฮะ

               พี่ฟาพยายามชวนผมคุย เธอเล่าว่าพี่แม็กนินทาผมไว้เยอะแยะเลย (นิสัย!) บางเรื่องก็ลึกซึ้งจนผมเขินหน้าแดง พี่ฟาคงเอ็นดูผมเลยหยอกไม่ยอมหยุดจนกระทั่งพวกพี่ๆ ในสนามออกมาพักกันนั่นแหละครับ คราวนี้พี่ฟาเตรียมน้ำและผ้าให้พี่แม็กเอง ผมจึงนั่งเฉยๆ “มาทำไมเนี่ยฟา”

               เสียงหวานเอ่ยตอบไปว่า “เห็นว่ามีซ้อมเลยแอบมาดู”

               “มาดูทำไม ร้อนจะตาย”

               “อยากเห็นแม็กเวลาเล่นบอลไง ดูเป็นผู้เป็นคนผิดกับตอนปกติเลยนะ” เธอหัวเราะคิกคัก จะว่าไปก็จริงครับ พี่แม็กตอนอยู่ในสนามน่ะเท่มากๆ เลยนะ แววตาจริงจังและไม่มีการเล่นสกปรกใดๆ ทั้งสิ้น ต่างจากตอนอยู่กับผมที่ทั้งใจร้าย เจ้าเล่ห์และหยาบคายมากๆ เลยฮะ

               “จิ๊! ต่อไปห้ามมานะ”

               “รอบแข่งจริงก็ไม่ได้หรอ”

               พี่ฟาทำเสียงออดอ้อน ผมยังไม่ได้ยินพี่แม็กพูดคำหยาบกับพี่ฟาเลยสักคำ สองคนนี้ดูสนิทกันมากเลย ...แล้วก็ดูเหมาะสมกันมากด้วย

               “ก็… ตอนไหนมาได้จะบอกแล้วกัน” พูดแล้วสะบัดหน้าหนีงอนๆ ไม่คิดว่าพี่แม็กจะมีมุมน่ารักแบบนี้ด้วย คงให้เฉพาะคนพิเศษอย่างพี่ฟาเท่านั้นล่ะมั้งครับ… จะเศร้าทำไมเล่า

               “ไปจีบกันไกลๆ ไป เบื่อคู่นี้จริง” พี่พอลพูดเสียงเนือย สงสัยอิจฉาเพราะแม้แต่พี่เมษก็ยังมีแฟนตามมาเชียร์ด้วย แล้วสาวๆ เขาไม่รู้สึกอะไรเลยหรอที่ผู้หญิงอื่นเชียร์ออกหน้าขนาดนั้น

               “เหงาก็ให้ไอ้เปี๊ยกป้อนน้ำซับเหงื่อให้ดิ จะได้ครบคู่” พี่พอลครับ… พี่จะมาถลึงตาใส่ผมทำไม พี่เมษนู่น

               ฟุตบอลนี่เขาเล่นกันกี่ชั่วโมงครับ ผมรอจนหิว ดีที่พกขนมปังมาเผื่อกินรองท้องตอนกินยา เท้าก็ตื้อๆ เป็นระยะ สิ่งที่ดึงดูดความสนใจไปจากความปวดได้คือชายผิวเข้มกลางสนาม ร่างแข็งแกร่งปราดเปรียว การเคลื่อนไหวอันชาญฉลาดพาทีมได้คะแนนมานักต่อนัก หากมองจากมุมนี้ นอกเหนือจากความหยาบคาย เขาคือผู้ชายที่น่าหลงใหลคนหนึ่งเลยทีเดียว

               “น้องชอบแม็กหรอ”

               “ห ฮะ?” ผมทำหน้าแบบไหนออกไปกันเนี่ยพี่ฟาถึงได้ถามผมแบบนี้ แล้วพี่จะโกรธมั้ยที่ผมไปมองแฟนเขาตาไม่กระพริบ

               “ไม่เป็นไร เราไม่ใช่แฟนกันหรอกนะ คนอื่นเขาก็พูดไปเรื่อย คือเราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กเลยสนิทกันมากจนบางคนเข้าใจผิดน่ะ”

               “อ อย่างนั้นหรอครับ” ผมตอบผิดหรือเปล่าเนี่ย ผมควรปฏิเสธก่อนสิ

               “แล้วยังไง ชอบหรือเปล่า” ถ้าพี่ฟายิ้มแบบนี้คงไม่มีอะไรจริงๆ มั้งครับ แต่… ผมจะตอบว่าไงดี

               “ผม… ไม่รู้ฮะ”

               แสงอาทิตย์ค่อยๆ ลาลับท้องฟ้า เบื้องหลังก้อนเมฆบดบังดวงจันทร์ปรากฎกายอย่างช้าๆ ภาพครั้งแรกที่ได้เจอพี่แม็กลอยขึ้นมาเป็นฉากๆ คิ้วยุ่งที่ขมวดกังวลก่อนที่ผมจะเป็นลม แผ่นหลังกว้างอุ่นร้อนตอนพาผมซ้อนท้ายไปเรียน เสียงหัวเราะร้ายกาจสะใจที่ได้รังแกผม ความเจ็บปวด หวาดกลัว คำสั่งที่ส่งมาแทบตลอดเวลา จนถึงเมื่อวาน...

               “อยากรู้อะไรเกี่ยวกับแม็กถามพี่ได้เลยนะ พี่รู้เรื่องแม็กทุกอย่างเลย”

               “...ขอบคุณครับ”

               ผมเข้าใจว่าพี่ฟาหวังดีอ่ะนะ แล้วเธอคงคิดกับพี่แม็กแบบเพื่อนจริงๆ ถึงได้พูดแบบนี้

               ดีจังที่อย่างน้อยก็มีพี่ฟาเป็นพวกเนาะ



++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เขาว่านอนวันละแปดชั่วโมงจะดี

นี่ก็ใกล้สอบแล้ว ทั้งที่ม. ทั้งใบประกอบ สุนอ๊ะสุนอา

ใครมีวิธีนอนแปดชั่วโมงยังไงในหกชั่วโมงบ้าง

ขอตัวอ่านหนังสือสอบก่อนนะ (เป็นสัญญาณว่า อีกนานนน อ่ะนะ)

ขอบคุณที่ติดตาม :pig4:

นูก้า

ヌガ-
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน11 30/7/60
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 30-07-2017 18:24:45
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน11 30/7/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-07-2017 19:07:46
ฟา พูดจริง หรือหลอก ไม่ไว้ใจ  :hao3:
หมือนจับสังเกตได้ ที่โบ ตาจ้องแต่แม็ก เลยโยนหินถามทาง
โบถูกหลอกแน่เลย เหมือนโบจะได้พวก
แต่กลัวว่าจะเอาความรู้สึกโบ มาล้อกันเล่น
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน11 30/7/60
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 30-07-2017 20:28:09
ลุ้นต่อน่ะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน11 30/7/60
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-07-2017 21:32:49
ไรท์เตอร์หายไปนานมาก
มารออ่านนะ อย่าหายไปนานๆอีกล่ะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน11 30/7/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 31-07-2017 01:21:03
กว่าจะได้มีความสุขคงต้องผ่านอะไรอีกเยอะสินะคอมโบ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน11 30/7/60
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 31-07-2017 04:13:14
กว่าจะมาต่อน่ะคะ แทบลืมเลยคุณผู้ชม
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน11 30/7/60
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 31-07-2017 12:01:11

เฮ้ย ลืมแปะลิ้งโรคทูเร็ตต์ไว้ให้ ลืมตอบเม้นด้วย555
ขอเปลี่ยนโรคของโบนะ มันก็กลุ่มเดียวกันนั่นแหละ แต่โบเข้ากับทูเร็ตต์มากกว่า ส่วนชื่อยังเป็นติกอยู่ (อยู่ในช่วงตัดสินใจน่ะ) มาจากtics movement

สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่
http://haamor.com/th/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%95%E0%B8%95%E0%B9%8C/

https://mdnote.wikispaces.com/Tics+and+Tourette%27s+syndrome

ใครอยากเห็นภาพมากขึ้นมีเคสตัวอย่างเยอะแยะเลย ลองหาดูนะ The Road Within พระเอกเป็นทูเร็ตต์ด้วย

เคนะ เจอกันตอนหน้า เค้าก็อยากมาอัพถี่ๆ แหละ แต่ธุระเยอะเหลือเกิน

ใครมีงานสบายๆ แนะนำ เช่น พิสูจน์อักษร งานรับมาทำที่บ้านก็ได้ แบบฟรีแลนซ์น่ะ เพราะต้องเรียนไปด้วย ภาษาญี่ปุ่นไม่เข้าคาบนึงนี่นั่งโง่เลยนะคะ รับวาดรูปเล็กๆ น้อยๆ ก็ได้ เอาพอค่าหอค่ากิน ช่วงนี้สำนักพิมพ์ไม่ค่อยมีมาให้พิสูจน์อักษรเลยทรัพย์จาง555 พาร์ททามที่รพยังได้น้อยเลย :hao5:


นูก้า

ヌガ-
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน11 30/7/60
เริ่มหัวข้อโดย: moodyfairy ที่ 31-07-2017 21:06:57
น่ารักอ่าาาาา ติดละเนี่ยยยย รอนะจ๊าาาาา :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน11 30/7/60
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 01-08-2017 15:31:21
ยังรออยู่ค่ะ ดีใจที่มาต่อ  o13
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน11 30/7/60
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 01-08-2017 20:49:51
มารอความคืบหน้า จะรักกันยังไง  :z10:
โดยเฉพาะพี่แม็ก นอกจากความสมเพสแกมสงสารยังไม่เห็นจะชอบโบขึ้นมาบ้างเลยย  :hao5:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน11 30/7/60
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 06-08-2017 09:20:32
จะลงเอยกันยังไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน11 30/7/60
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 06-08-2017 22:12:51
อ้อ น้องเป็นทัวเรตต์นี่เอง

ผมชอบเรื่องนี้ตรงตัวละครนะครับ ตัวละครมีความเด่นมีมาก คือคาแรกเตอร์ของแต่ละคนชัด แต่ข้อเสียเรื่องนี้ก็มีเยอะเช่นกัน ทั้งเรื่องความขัดแย้งในการบรรยายจนทำให้ผู้อ่านค่อนข้างสับสน และการปล่อยปมออกมาแบบไม่ค่อยสมูท (คือเราผ่านมา 11 ตอน ถึงรู้ว่าน้องเป็นโรค ถือว่านานอยู่นะครับ) ทำให้กราฟเส้นอารมณ์ของเรื่องมันกวัดแกว่งมาก อ่านไปอ่านมาผมก็มีค่อนข้างสับสนงุนงงนะครับ อธิบายคือ จะเห็นว่ากลุ่มของพอล (จำชื่อได้คนเดียว ฮา เพราะว่าผมสนใจคนนี้มากกว่าพระเอกอีก) จะเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างเน้นเรื่องเซ็กซ์เป็นหลัก ซึ่งผมโอเคนะครับ คาแรกเตอร์ของทั้งสามคนในกลุ่มนี้ชัดเจนและน่าสนใจมาก คือนิสัยและรูปลักษณ์ที่มองเผินๆจะเป็นเอกลักษณ์ที่เหมือนกัน แต่ก็แตกต่างกันเล็กๆน้อยๆในจุดที่เด่นจนสังเกตได้ ทำให้ตัวละครทั้งสามคนไม่จม และเกลี่ยบทให้กับตัวละครที่เป็นตัวดึงเรื่องได้ดี (จะเห็นว่าเพื่อนพระเอกที่มีแฟนแล้วบทไม่เยอะเท่าไหร่ ซึ่งก็ดีแล้วครับเพราะว่าตัวละครเยอะ ปมก็เยอะ และการบรรยายต่อหนึ่งตอนมีไม่มาก ดังนั้นต้องรีบๆใส่เรื่องสำคัญเข้ามาก่อน)

คือเห็นแล้วแหละว่าจั่วไว้ว่าเป็นนิยายเฉพาะแนว (SM) แต่บางอย่างผมคิดว่าทำให้มันบรรยายออกมาได้สมูทหน่อยก็จะดีครับ เช่น การทยอยใส่ปมของเนื้อเรื่องแล้วค่อยๆคลายออกอย่างมีนัยยะสำคัญ ถ้าเราจะให้นิสัยของตัวนางสับสนเปลี่ยนแปลงมาก ก็ต้องให้มีการบรรยายที่แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นมายังไง ทิ้งเลศนัยให้คนอ่านได้สนใจขบต่อ เพื่อเกลี่ยความน่าสนใจของคนอ่าน จากการเข้าคู่ของพระเอกนางเอก มาที่เบื้องหลังและปมตัวละครที่เป็นแบ็คกราวน์ ซึ่งเราต้องการจะสื่อและค่อยๆให้มันขมวดต่อไปครับ ยกตัวอย่างเรื่องนี้คือ ตอนช่วงแรกๆผมอ่านแล้วค่อนข้างอึดอัดครับ เพราะว่าอ่านแล้วผมไม่เข้าใจภาพรวมที่เกิดขึ้น ความเลวของกลุ่มพระเอกนี่โอเค แต่ปัญหาคือส่วนของน้องเนี่ยแหละครับ น้องเป็นอะไรวะนั่น ทำไมดูบางบทก็ดูน่าสงสารเหมือนคนป่วย บางบทก็ดูกร้านโลกเหมือนคนเป็นจิตเวชอ่อนๆ แถมพาร์ทครอบครัวที่มีบรรยายมาก็ไม่ได้ทำให้ผมเข้าใจปมของตัวน้องมากขึ้นเลย สิบตอนผมเห็นแต่ interaction ระหว่าพระเอกกับนางเอก (ซึ่งก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เพราะฝั่งนึงแย่ อีกฝั่งนึงมีปัญหาแต่ก็ไม่รู้ว่าคือปัญหาอะไร ทำให้ความสัมพันธ์มันไม่กระเตื้องอย่างสมเหตุสมผลน่ะครับ มันดูสับสน)

ทีนี้ผมจะขออนุญาตเสนอเรื่องทัวเรตต์นะครับ เผื่อว่าผู้เขียนจะได้แนวทางในการเขียนพล็อตต่อหรือไปเพิ่มปมแล้วคลายต่ออะไรในอนาคตครับ

ทัวเรตต์เป็นความผิดปกติทางเส้นประสาทประเภทนึงครับ พบได้ค่อนข้างทั่วไป ส่วนมากเจอในวัยเด็ก และมักพบในกลุ่มเด็กสมาธิสั้น หรือเป็นโอซีดี (โรคย้ำคิดย้ำทำ) มากกว่ากลุ่มเด็กทั่วๆไป สังเกตได้จากการสั่นกระตุกของเส้นประสาทสั่งการกล้ามเนื้อ และเส้นประสาทสั่งการเสียง โดยทั่วไปแล้วอาการสั่นกระตุกของเส้นประสาทพวกนี้มักไม่แน่นอน อาจหยุดยั้งได้ชั่วคราว และส่วนมากมักเกิดเมื่อมีแรงกระตุ้นที่ไม่พึงประสงค์หรือการรับสัมผัสบริเวณกล้ามเนื้อนั้นๆ และโดยปกติ ทัวเรตต์มักไม่มีผลกระทบต่อสติปัญญาและการใช้ชีวิตเท่าไหร่นะครับ นอกจากนี้ ทัวเรตต์มักเป็นอาการที่แม้แต่ในทางการแพทย์ เรายังไม่พบสาเหตุที่แท้จริง เราสันนิษฐานว่าเกิดจากการส่งผลทางพันธุกรรมและสภาวะแวดล้อม (มลพิษ, อาหาร) ส่วนมากวินิจฉัยไม่เจอ เพราะว่าไม่มีการทดสอบอย่างเฉพาะเจาะจงกับอาการผิดปกตินี้ ประกอบกับอาการกระตุกมักมีค่อนข้างเบาจนไม่เป็นที่สังเกต (mild) และจะน้อยลงเรื่อยๆเมื่อผู้ป่วยเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในแง่ชองน้องอาจจะเพราะว่าน้องมีภาวะจิตใจไม่เติบโตตามวัยร่วมด้วย (ซึ่งปัญหานี้เดี๋ยวเรามาพูดต่อครับ) ในแง่ของน้องนี่ผมคิดว่าเป็น Rare Case นะครับ เพราะว่าเป็น Extreme Tourette’s in adulthood

ซึ่งโดยปกติแล้ว ทัวเรตต์ถือว่าอาการหนักที่สุดนะครับในหมู่โรคสันนิบาต (เอาจริงๆผมไม่ชอบคำนี้เลยนะ ขออนุญาตใช้คำว่า Tics แทนละกัน) เพราะมีมากกว่า 2 การกระทำของ Motor Tics (เช่น การเลียนแบบท่าทางของคนอื่น [เรียกว่า Echopraxia] หรือการมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม [เรียกว่า Copropraxia]) และมีอย่างน้อย 1 การกระทำของ Vocal Tics (เช่น การพูดคำสุดท้ายหรือวลีสุดท้ายของคนอื่น [Echolalia] ที่ได้ยิน หรือของตัวเอง [Plilalia] ซ้ำๆกัน หรือ กล่าววาจาที่ไม่เหมาะสม [Coprolalia]) และเป็นมาอย่างน้อย 1 ปี ขึ้นไป

การแสดงออกของ Tics นั้นมีทั้งแบบ Simple และ Complex แบบ Simple คือมีการแสดงออกสั้นๆ เช่น การกระพริบตาบ่อยๆ, ปลายนิ้วกระตุกไปๆมาๆเหมือนควบคุมไม่ได้ หรือการพูดติดตะกุกตะกัก ส่วนแบบ Complex จะมีระยะเวลานานกว่า ไม่หยุดง่ายๆครับ แต่ก็อย่างที่บอกไปข้างต้น ว่ามักจะอาการเบาลงเมื่อเด็กเติบโตขึ้นเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ครับ โดยทั่วไป ก่อนจะเกิด Tics เราจะพบได้ว่ามีสัญญาณบ่งบอก เช่น ความรู้สึกของเด็ก, แรงกระตุ้นที่ทำให้เกิด พวกนี้ถ้าสังเกตก็จะทำให้รับรู้ได้ว่าสภาวะไหนจะก่อให้เกิดอาการ Tics ครับ โดยปกติก็มักเป็นช่วงที่มีอารมณ์กังวล หอบเหนื่อย หรือตื่นเต้น (ช่วงที่อดรีนาลินหลั่งจากแรงกระตุ้นภายนอกน่ะครับ หรือเป็นช่วงบีบคั้นทางจิตใจ) ดังนั้นจะเห็นว่าเราสามารถดูแลน้องได้ง่ายๆ ด้วยการพยายามสังเกตและควบคุมอาการเพื่อทำให้น้องควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น (Cognitive Behavioral Therapy) หรือช่วงลดภาวะที่ผมกล่าวมาแล้วข้างต้น ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดอาการได้ ถ้าเรื่องใช้ยา ผมไม่อยากให้ใช้นะครับถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เพราะว่าที่ใช้ได้ มันก็จะเป็นพวก Antipsychotics ซึ่งลดภาวะทางจิตใจคล้ายๆยากล่อมประสาทหน่อย หรือถ้าจะฝึกน้องใช้ควบคุมกล้ามเนื้อที่กระตุกบ่อยๆ อาจจะต้องใช้ยากันโรคสมาธิสั้น แต่ยาที่ออกฤทธิ์แรงพวก Epilepsy จะมีผลข้างเคียง ‘อย่างน้อย’ 1 อย่าง ซึ่งอาจเป็นทั้งระยะสั้นหรือระยะยาวก็ได้ ซึ่งอันตรายกับผู้ป่วยที่มีภาวะร่างกายไม่แข็งแรงครับ ดังนั้น ถ้าเจอคนเป็นทัวเรตต์ คนรอบข้างหรือคนสนิทในครอบครัวต้องมีความรู้ มีความเข้าอกเข้าใจอาการที่เป็น จึงจะทำให้สามารถเลี้ยงดูหรือดูแลเด็กให้เติบโตได้อย่างมีคุณภาพ ควบคุมตัวเองได้ดี ไม่เป็นสิ่งที่สังคมตราหน้าด้วยความแตกต่างครับ (ซึ่งไม่ใช่ในเคสนี้ของน้องแน่ๆ)

ในเคสนี้ของน้อง ผมว่าน้องมีปัญหาทั้งเรื่องการขาดความเอาใจใส่อย่าง ‘เข้าใจ’ ในอาการที่น้องเป็น ทำให้คุณแม่ไปสนใจลูกอีกคนมากกว่าครับ นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องของปมสภาพทางจิตใจที่ถูกตอกย้ำจากสังคมที่ขาดความเข้าใจในโรค ทำให้น้องมีอาการหวาดกลัวการเข้าสังคมและอาการซึมเศร้าอย่างอ่อนๆ และทำให้อาการของโรคไม่ได้รับการรักษาอย่างที่ควร ก็ส่งผลต่อกับพฤติกรรมการเข้าสังคมของน้องด้วยครับ ซึ่งถ้าเป็นผมเห็น ผมจัดระดับน้องเป็นซึมเศร้าระดับกลางแล้วนะครับ เพราะเริ่มมีปัญหาในการใช้ชีวิตแล้ว อาจนำไปสู่ความหดหู่ขั้นรุนแรงได้ เพราะครอบครัวน้องก็ไม่ได้ส่งเสริมการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพเท่าไหร่จากการขาดความเข้าใจในตัวโรค
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน11 30/7/60
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 04-09-2017 22:12:52


คนเขียนยังไม่หายนะ


แต่เน็ตหายยยย

หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน11 30/7/60
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-09-2017 22:35:18


คนเขียนยังไม่หายนะ


แต่เน็ตหายยยย




รออ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน11 30/7/60
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 05-09-2017 06:59:46
ปักมุด :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน12 50% 20/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 21-10-2017 23:27:13
 

 
-12-
 
              “เตี้ย น้ำ”
 
              “นี่ครับ”
 
              ซ่า!
 
              ขวดน้ำถูกเทรดศีรษะของเจ้าตัวแทนที่จะดื่มแก้กระหาย เขายื่นขวดเปล่าคืน ผมรับมาแล้วส่งผ้าขนหนูให้อย่างรวดเร็ว เช็ดอย่างลวกๆ เสร็จเขาก็วิ่งกลับไปในสนามอีกครั้ง ส่วนผมก็คงต้องไปเติมน้ำมาใหม่เป็นรอบที่สาม
 
              กรอกน้ำจากตู้มาจนเต็มกระบอกก็เขยกๆ กลับ อ๊ะ! แวะซื้อน้ำเพิ่มอีกดีกว่า ครึ่งหลังกำลังดุเดือดพี่เขาอาจกระหายมากขึ้น การอยู่กับพี่แม็กก็ดีอย่างครับ มันช่วยให้ผมกลายเป็นคนต้องคิดวิเคราะห์และวางแผนล่วงหน้าตลอดเวลา แม้เขาจะไม่ค่อยรุนแรงกับผมแล้วตั้งแต่ที่ผมบอกเขาว่าผมป่วย แต่ก็ใช่จะใจดีนะ
 
              เดือนนี้ลามไปถึงกลางเดือนหน้าพวกพี่ๆ จะต้องมาซ้อมแข่งแทบทุกเย็นเนื่องจากงานกีฬาต่างมหา’ลัยกำลังใกล้เข้ามา เขาว่ามันคือศึกแห่งศักดิ์ศรีที่ยิ่งใหญ่ของเหล่าชายชาตินักเตะ (?) ที่จะต้องรักษาแชมป์ไว้ให้มั่นคง อันนี้ผมเข้าใจ แต่ส่วนหนึ่งก็สงสัย ทำไมผู้ชายถึงชอบกันนัก ไอ้การวิ่งไปแย่งลูกกลมๆ ลูกเดียว พอได้แล้วก็เตะทิ้งใส่ประตูตรงข้าม มันสนุกตรงไหนหรอครับ เหนื่อยก็เหนื่อย ล้มไปก็เลอะ แถมอาจเจ็บตัวได้แผลกันอีกด้วย
 
              ชีวิตประจำวันของผมเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยหลังจากที่ผมฟูมฟายจนเสื้อพี่แม็กเต็มไปด้วยคราบน้ำมูก เขาไม่อะไรกับผมมากเท่าเมื่อก่อน แต่ตำแหน่งเบ๊ก็ยังคงเป็นของผมอย่างเหนียวแน่น ความรู้สึกบางอย่างค่อยๆ ก่อตัวขึ้นที่ละน้อย จากที่ชอบมองพี่เขาเพราะความหล่อตอนนี้กลับกลายเป็นอยากอยู่ใกล้แม้จะต้องเจ็บตัวบ้างก็เถอะ ผมเคยลืมตัวเอาเสื้อเปื้อนเหงื่อเขามาดมด้วยล่ะ น่าอายจัง
 
              อืม… ช่วงนี้ดวงผมคงขึ้นมาจากก้นเหวนิดๆ ล่ะมั้งฮะ
 
              “สัสเตี้ย ระวัง!”
 
              ตุบ
 
              “โอ๊ย!”



MAGNUM
 
              เหนื่อยโว้ยยย!!!
 
              ห่า! แม่งไมเหนียวงี้วะ แค่ซ้อมมึงจะจริงจังอะไรนักหนาวะ ปล่อยๆ ให้ลูกแม่งเข้าประตูมั่งเฮอะ (ได้ข่าวว่ากูก็จริงจัง) อากาศเมืองไทยก็โคตรร้อน นี่กูวิ่งบนพื้นหญ้าหรือว่าท่อไอ้เสียวะ ห้าโมงแล้วพระอาทิตย์มึงไม่รู้จักหลับจักนอนเลยรึไง! หงุดหงิดโว้ย!!!
 
              ผมวิ่งไป โทษฟ้าโทษฝนไปเรื่อย ก็คนมันโมโหนี่หว่า ยิ่งเจอลมร้อนๆ เข้าไปผมถึงกับทำฟาวล์ไปสามครั้ง แต่ไม่โดนไล่ออกนะ ซ้อมเล่นๆ เฉยๆ
 
              ไอ้แฮมสเตอร์เสิร์ฟน้ำให้เป็นระยะ น้ำหมดก็วิ่งด๊อกแด๊กไปเติม กลับมาไม่ทันนั่งผมก็เอาไปราดหัวอีก คราวนี้มันซื้อขวดใหม่มาเพิ่มเต็มถุงเลย ฮ่าๆ
 
              ยอมรับก็ได้ว่าพอเห็นหน้าโง่ๆ ของมันแล้วอารมณ์ดีขึ้น ส่งผลให้มีมารยาทบนสนามมากขึ้นด้วย ทีมผมเริ่มตีตื้นได้ บอลถูกส่งให้ไอ้เมษที่ว่างอยู่มันยิงเข้าหนึ่งประตูงามๆ ตัดหน้าไอ้พอลที่อยู่อีกทีม
 
              ฟุบ!
 
              “เอาแม่ง! อุบ”
 
              ทันทีที่ลูกลายขาวดำพุ่งเข้าประตู เสียงคุ้นหูก็โพล่งอย่างดัง ไอ้ตัวดีตะครุบปากตัวเองแล้วมุดหน้าลงกับเข่าหนีสายตาตำหนินับหลายสิบคู่ทั้งในและนอกสนาม ตลกดีว่ะ โรคบ้าอะไรจะจี้ขนาดนี้วะ ถ้ามันเป็นจริงก็น่าสงสารอยู่หรอก
 
              “เด็กมึงโคตรแน่ว่ะไอ้แม็ก ดูเพื่อนเราดิ ถลกหนังด้วยสายตาได้คงทำไปแล้ว”
 
แก้//              ฮ่าๆ จริงอย่างที่ไอ้เมษบอก ไอ้ฝรั่งจ้องร่างคุดคู้ตาขว้าง มันยิ่งไม่ถูกกันอยู่ ไอ้โรคบ้าของมันก็ช่างได้จังหวะดีเสียเหลือเกิน นี่ถ้ามีมีดในมือคงได้นองเลือดกันแน่ๆ ...ไม่ต้องมีดก็ได้ อุกกาบาตพุ่งเข้าหัวมันเต็มๆ ไปแล้ว

              “สัสเตี้ย ระวัง!”
 
              อ่า… เอาล่ะ สนใจเกมของผมกันต่อดีกว่า
 
              พอลมันได้ครองลูกอีกครั้งหลังจากจงใจเล็งหัวทุยๆ นั่นอย่างเหมาะเหม็ง ผมส่งลูกทีมสี่ห้าคนประกบมันไว้ ไอ้นี่มันเก่งกีฬาแทบทุกชนิด ต้องระวังมันให้มาก ถึงกระนั้นมันก็ยังหลบหลีกจนพาลูกมาจ่อประตูฝั่งผมได้แล้ว
//แก้
               “พี่พอล สู้ๆ ค่าาา”
 
              “กรี้ดดด พี่พอล ยิงเลยๆ”
 
              แฟนคลับมันส่งเสียงเชียร์ลั่นสนาม ด้วยความดังที่แหลมสูงแบบนั้นมนุษย์ไม่น่าทำได้ ผู้หญิงนี่มหัศจรรย์จริงๆ
 
              บ้าเอ๊ย! ไม่ทันแน่ ไอ้นี่มันฉลาด ระหว่างที่หลบไปเลี้ยงลูกไป มันยังอุตส่าห์แบ่งสมองมาคิดให้พวกเราวิ่งไปกองกันที่จุดเดียว พอถึงเวลาสำคัญทางของมันจึงเปิดโล่งมีแค่มันกับผู้รักษาประตูที่อ่อนด๋อยมาก (กูไม่ได้ดูถูกนะ แต่มันเป็นจริงๆ โทษทีว่ะไอ้ตัวประกอบที่กูจำชื่อไม่ได้)
 
              และในจังหวะที่มันง้างขาเตรียมยิงนั่นเอง
 
              “ไอ้ฝรั่งหัวK!”
 
              ควับ
 
              “แบงค์ ส่งมาให้กู!”
 
              “เฮ้ยๆ เบอร์3ๆ”
 
              “ชิบหายยย กันมันไว้ๆ”
 
              ต่างคนต่างสั่งกันเองรัวๆ เมื่อเมษอาศัยจังหวะที่พอลมันชะงักไปเพราะเสียงไอ้แสบของผม มันแย่งลูกไปได้อย่างหวุดหวิดแล้ววิ่งย้อนกลับมา ฝ่ายตรงข้ามที่หลงระเริงไม่ทันได้ตั้งตัวเมื่อต้องพลิกกลับมาเป็นฝ่ายรับแทน แต่เสียใจว่ะ บอลถูกส่งข้ามไปข้ามมาในทีมจนถึงผมที่รอกวาดแต้มงามๆ แล้ว
 
              ฟุบ

              ปี๊ดดดดด
 
              “เฮ้!!!”
 
              ฮ่า! สองหนึ่ง กูชนะเว้ยยย
 
              เหล่าชายฉกรรจ์กระโดดใส่กันไม่ออมแรงด้วยความปิติประหนึ่งได้แชมป์โลก (ย้ำอีกครั้ง พวกมึงแค่ซ้อมย่อยๆ นะเว้ย) แล้วใครรับศึกหนักสุดล่ะ กูนี่ไง! ห่า! ตบไหล่ตบหัวกันก็พอป่าววะ เลิกได้แล้วไอ้ธรรมเนียมโดดทับกันเป็นชั้นๆ เนี่ย ขี้จะแตก
 
              “เฮ้ยๆ พอๆ เพื่อนกูจะตายห่าแล้ว” ใจ ไอ้เมษ ที่ช่วยกูออกมาจากซากตึกถล่ม จากใจคนเล่นบอลหรือกีฬาอื่นที่มีโอกาสปะทะกันบาดเจ็บระหว่างเล่นเลยนะ ไอ้ตอนเล่นเจ็บแค่ไหนไม่กลัว แต่อีตอนแสดงความยินดีนี่แหละ เรียกรถโรง’บาลรอได้เลย
 
              “เชี่ยแม็กกก ถ้าไม่ได้เด็กมึงนะ โหยยย”
 
              “ไร ใครเด็กกู” ถามไปงั้นแหละ แต่ก็จริงอย่างที่ไอ้เมษบอก เพราะไอ้เตี้ยมันลั่นมากลางวงขนาดนั้น ไอ้พอลเลยเสียสมาธิเปิดโอกาสให้พวกผมทำแต้ม เดี๋ยวว่าจะให้รางวัลมันซะหน่อย… เบาๆ “แต่ก็ต้องยกความดีให้มันจริงๆ ว่ะ ไปมึง ไปขอบคุณมันกันหน่อย”
 
              “ไอ้พอลตัดหน้าไปก่อนแล้ว”
 
              “หา?”
 
              ตัวประกอบเบอร์สองบอก สงสัยไม่นานก็หันไปดูตามปลายนิ้วที่ชี้ข้ามไหล่ เห็นลูกครึ่งตัวโตก้าวยาวๆ บรรยากาศมาคุสุดๆ ไปหาตัวต้นเหตุแห่งความพ่ายแพ้ของมัน พวกผมเดินตาม แต่ก่อนจะถึงอัฒจันทร์ที่ไอ้เปี๊ยกนั่งอยู่ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด (จริงๆ ก็คิดนิดๆ)
 
              ผัวะ!
 
              อูย… บ้องหูเต็มๆ หน้าที่ซีดตั้งแต่เห็นโจทก์เดินมาหายิ่งซีดหนักกว่าเก่า คนตัวเล็กกุมหัวมึนๆ ตัวคู้อย่างน่าสงสาร ห่านั่นก็ไม่สนภาพพจน์ตัวเองแม้แต่น้อย จัดการลากแขนบอบบางไปทางด้านหลังในส่วนเปลี่ยนชุดไปเรียบร้อย
 
              “เหยๆๆ ไม่ดีแล้วมั้ง ไอ้พอลยิ่งไม่ชอบหน้ามันอยู่ ดันจี้จุดมันงี้ไอ้เปี๊ยกศพไม่สวยแน่” เมษว่า ใช่ พวกเรารับรู้ได้ว่าในบรรดาพวกเรา ไอ้ฝรั่งนี่แหละที่เกลียดไอ้รุ่นน้องคนนี้อย่างจริงจังและทวีความชังขึ้นทุกวัน มันไม่ชอบการพ่ายแพ้ที่เกิดจากตัวมัน (พูดง่ายๆ คือเป็นพวกชอบโทษคนอื่น ฮ่าๆ) แล้วโรคประหลาดซึ่งไอ้เตี้ยจะเป็นจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ดันทำให้มันเสียสมาธิในวันนี้จนแพ้… น่าเป็นห่วง
 
              “เก็บของแล้วตามมันไปเร็ว” ผมกวาดๆ ของของตัวเองเข้ากระเป๋าลวกๆ แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามสองคนนั้นไป ไอ้เพื่อนปากดียังมิวายแซว
 
              “มีห่วงด้วยเว้ยยย”
 
              “จิ๊! เออห่วง! แต่ห่วงไอ้พอลเว้ย กูกลัวมันพลั้งมือ ถ้าผู้ใหญ่รู้ว่ามันทะเลาะวิวาทเดี๋ยวจะโดนตัดสิทธิ์”
 
              “...”
 
              ไอ้…
 
              “มองเหี้ยไร! ไม่ต้องมายิ้มเลยมึง”


50%

แอ่แฮ่! มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง
งานเค้าเยอะอ่ะ
โกเมนนาไซ :m5: :m5:

พาร์ทหน้าจะเสิร์ฟncเบาๆ ใส่นมข้นหวานนิดนึงละกัน :katai5:

หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน12 50% 20/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-10-2017 23:31:55
อะไรจะเหมาะเจาะขนาดนั้น สงสาร
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน12 50% 20/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 22-10-2017 06:30:02
 :เฮ้อ :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน12 50% 20/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 22-10-2017 07:25:10
น่าสนใจ ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน12 50% 20/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 22-10-2017 10:34:17
อ่านวนหลายรอบมาก
ตอนหลังๆอิพี่แม็กเริ่มใจดีขึ้น
แต่พอเรากลับไปอ่านตอนเก่าๆมันก็เบรกอารมณ์ความปลาบปลื้มทุกที  :m16:

มาอัพบ่อยๆจิ อยากอ่านต่อ
อยากรู้ว่าจะลงเอยยังไง
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน12 50% 20/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 23-10-2017 01:25:31
ทำไมชีวิตหนูน่าสงสารขนาดนี้ลูกTT
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน12 50% 20/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 23-10-2017 11:29:46
อ่อย สนุกอ่า พอลจะทำไรน้องงงงงงงงงงง ใจเย็นๆนะ อย่าพึ่ง nc20+
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน12 50% 20/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-10-2017 13:32:44
โรค Tics... นี่ทำให้คนเป็นโรคปากลั่น
ปากหมา หลุดปากด่า ไม่เข้ากับสถานการณ์
ถ้าตัวใหญ่ โหด ปากหมา ด่า ก็คงได้รับความเกรงใจ
แต่คนด่า ปากลั่น ดันตัวเล็ก สู้ใครก็ไม่เป็น
ก็เจ็บฝ่ายเดียวสิ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ว่าที่จริง โบ ก็ไม่น่าไปอยู่ใกล้กลุ่มแบบนี้
พวกนี้เถื่อนๆอยู่ด้วย มันจะได้ไกลอันตรายไปหน่อย
แม็ก ไม่น่าพาโบ ไป เอ้อ......ให้รับใช้ตัวเองที่สนามเลย
เกิดไรขึ้นช่วยโบ ได้แค่ไหนกัน
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน12 50% 20/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 26-10-2017 21:00:18
พรุ่งนี้ค่อยลงนะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน12 50% 20/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: TiinyMTBB ที่ 27-10-2017 23:20:56
รออยู่นะคะ ใกล้หมดวันแล้วอิอิ :z2:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน12 50% 20/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 28-10-2017 11:24:12
ง่ะ ยังไม่มาหรอ :katai4:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน12 100% 28/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 28-10-2017 17:03:52
ข้าน้อยผิดไปแล้ววววว




COMBO
 
              ในห้องแต่งตัวที่คล้ายห้องน้ำซอยเป็นล็อกประมาณสี่ถึงห้าห้อง ต่างเพียงเปลี่ยนจานห้องน้ำเป็นตู้ล็อกเกอร์สีเทายาวตลอดแนวผนัง ตรงกลางมีม้ายาวสองแถวเต็มไปด้วยข้าวของของนักกีฬาที่มาซ้อมวันนี้ แต่ปราศจากผู้คนใช้สอย ทั้งห้องจึงเงียบงันมีเพียงเสียงหายใจเบาๆ ของเราสองคนเท่านั้น
 
              พี่พอลสงบนิ่งไม่แสดงสีหน้าอะไร เขาหายใจอย่างปกติ
 
              ผิดกับผมที่เสียงเบาบางเพราะไม่กล้าแม้แต่จะสูดไอยะเยือกของเขา
 
              “...พี่พอล”
 
              ผมทำใจดีสู้เสือเอ่ยเรียกหยั่งเชิง เขาไม่ได้ทำอะไรรุนแรงอย่างที่กลัว ความเจ็บปวดที่แขนเบาบางลง พี่เขาเปลี่ยนจากบีบรัดเป็นคลายไว้หลวมๆ ทว่าไม่ปล่อยให้ผมหลุดเป็นแน่
 
              “...”
 
              “...”
 
              นิ่ง… ทำไมไม่รู้ ผมรู้สึกว่าถ้าเขาแสดงออกมากกว่านี้ หรือลงไม้ลงมือไปเลยจะยังดีกว่าตอนนี้ด้วยซ้ำ ราวกับว่าเขากำลังสะสมความดุร้ายแล้วรอขย่ำทีเดียวจนผมตายคามือ หรือจะทรมานให้ตายอย่างช้าๆ กันนะ
 
              “พี่… ผมขอโทษที่ทำให้พี่แพ้ แต่ผมไม่ได้ตั้งใจนะ...”
 
              ตอบอะไรบ้างสิ! พี่แม็ก พี่เมษ ช่วยพูดกับเขาให้หน่อยสิฮะ!
 
              “มึงจะเอายังไง”
 
              ทำไมทุกคนชอบพูดเหมือนผมเป็นพวกชอบหาเรื่องแบบนี้กันตลอดเลย ผมเคยทำเวรทำกรรมอะไรไว้หรอ ถึงได้ถูกตราหน้าว่าเป็นคนหยาบคาบ กับผู้หลักผู้ใหญ่ก็ไม่เว้น บอกไปก็ไม่มีใครเชื่อ พี่แม็กเองก็ยังแคลงใจ แม้แต่แม่...
 
              “หยุด ห้ามร้อง”
 
              “อึก”
 
              แรงบีบที่แขนกลับมารัดแน่นจนร้าวดั่งเดิม ความเจ็บแล่นจี๊ดขึ้นไปถึงขมับ หัวใจผมสูบฉีดแรงจนหูอื้อ ตาพร่าร้อนมองเห็นใบหน้าเรียบเฉยไม่ชัด แล้วจู่ๆ การหายใจก็ติดขัด ผมว่าอีกโรคของผมกำลังจะกำเริบตามมาแล้วล่ะครับ
 
              “พ… พี่… ผม โบ ...โบ ป่วย...”
 
              “ถ้าไอ้โรคประหลาดนั่นไอ้แม็กบอกกูแล้ว ...แต่ไม่ยักรู้ว่าเป็นโรคสำออยด้วย”
 
              “ป เปล่า...” ไม่ไหวแล้ว สติผมเริ่มหลุดลอยไปทีละนิด มือผมเกร็ง หายใจฟืดฟาดลึก
 
              ความทรมานดูยาวนานสำหรับผม ในขณะที่จะตายให้ได้ เสียงที่คุ้นเคยก็แว่วมาไกลๆ เขาเรียก “โบ โบ” ก่อนที่พี่พอลจะถูกผลักออกแล้วเขามาแทนที่
 
              “เฮ้ยๆ ได้ยินเปล่าวะ ทำไมมึงหายใจงี้วะ”
 
              “แม็ก โทรหาฟา”
 
              “มึงโทร มือถือในกระเป๋า...”
 
              อ่า วุ่นวายจัง แค่ไฮเปอร์ขึ้นเอง ผมอยู่กับมันมานานพอๆ กับทูแร็ตต์นั่นแหละ แต่ว่าเสียงนี้…
 
              “พ ม แม...”
 
              “ไอ้เหี้ย! หายใจๆ ชิบหายแล้ว โรคมึงมีฟังก์ชั่นนี้ด้วยหรอวะ”
 
              ภายใต้สติอันเลือนลางยังพอให้ผมรับรู้เหตุการณ์รอบๆ ได้บ้าง พี่แม็กยังพูดลนลาน ประคองผมนอนกับพื้น ข้างหลังพี่พอลนั่งทำเป็นทองไม่รู้ร้อนบนม้านั่ง ส่วนพี่เมษกำลังโทรศัพท์… แล้วมันก็มืดลง… มืดลง
 
               …..
 
               ...

              “น้องโบ น้องโบคะ”
 
              “อือ...”
 
              พี่ฟา…?
 
              “ใจเย็นๆ นะคะ หายใจตามพี่นะ ฟู่… ช้าๆ ฟู่… อย่างนั้นแหละค่ะ ฟู่...”
 
              ทำไมพี่ฟามาอยู่ตรงหน้าผม? คิดไปก็พยายามหายใจช้าๆ ยาวๆ ตาม พี่เขาพูดชมผมว่าเด็กดีๆ ด้วยรอยยิ้มทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้น “ดีมากจ้ะ ทำใจสบายๆ มองหน้าสวยๆ ของพี่น้าาา เก่งมากจ้า น่ารักมากคนเก่ง”
 
              ผมยิ้มตามยิ้มหวานๆ ของนางฟ้าของผม ลมหายใจเริ่มกลับมาเป็นปกติ มือทั้งสองของพี่ฟาบีบมือผมเป็นจังหวะช้าๆ เธอเช็ดเหงื่อที่หน้าผากให้ ปัดผมที่ปรกหน้าแล้วคอยลูบหัวอย่างใจดี ปากสีชมพูพร่ำชมผมไม่เด็กดีก็คนเก่งทำให้ผมลืมเรื่องเมื่อครู่ไปเสียสิ้น
 
              “พี่ฟา ทำไมมาอยู่นี่” ผมถาม เพราะหลังจากที่เจอกันครั้งแรก พี่ฟาก็ไม่ได้มาดูพี่แม็กซ้อมอีกเลย ได้ยินพวกพี่แม็กว่าพี่ฟาต้องไปซ้อมหลีดเลยไม่ว่างมาดู น่าเสียดายจัง… ผมอยากดูพี่ฟาหลีดด้วยเหมือนกันอ่ะ
 
              “พี่ซ้อมหลีดอยู่ที่โรงยิมนี่เอง เมษโทรมาบอกว่าน้องโบเป็นลม พวกเขาตกใจกันใหญ่เลย ฮะๆ นั่นแหละ พี่เลยรีบวิ่งสี่คูณร้อยมาหาเลย”
 
              น่ารัก ดูยังไงก็น่ารัก ถ้าเรื่องรูปลักษณ์ก็เหมาะสมกับพี่แม็กดีนะ พี่ฟาพูดอย่างออกรสพร้อมทำไม้ทำมือประกอบ เราคุยเรื่อยเปื่อยสักพักผมก็เพิ่งสังเกตว่าตอนนี้เราอยู่ที่ใต้ต้นก้ามปูข้างสนามไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ ผมพอจะลุกไหวเลยนั่งคุยกับพี่ฟา (จริงๆ ต้องเรียกว่านั่งฟังมากกว่า) แต่เอ… พวกพี่แม็กไปไหนนะ
 
              “ไม่ต้องมองหาหรอก พี่ไล่ให้ไปซื้อน้ำกันทั้งสามคนแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ”
 
              “ป เปล่ากลัวหรอกฮะ”
 
              ผมจะไม่เล่าให้พี่ฟาฟังหรอก พวกพี่เขาเป็นเพื่อนกัน จะให้มาทะเลาะกันเพราะผมได้ยังไง
 
              “โบ… ที่โบไฮเปอร์ขึ้น เพราะสามคนนั้นใช่มั้ย”
 
              “...ป” ผมคิดไปนิด กะจะปฏิเสธแต่ก็ถูกตัดบทก่อน
 
              “บอกพี่มาเถอะ ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะทะเลาะกัน… แล้วก็ไม่ต้องห่วงนะ” ผมจ้องตอบผู้หญิงตรงหน้า ดวงตาหวานล้ำฉายแววแน่วแน่จริงจังเพื่อให้ผมมั่นใจในเธอ มือนุ่มจับมือของผมจนผมแอบคิดแวบหนึ่งว่าถ้าพี่แม็กมาเห็นต้องดุผมแน่ แล้วนางฟ้าก็กล่าวคำที่ทำให้น้ำตาของผมไหลออกมาจากใจอันแห้งแล้งว่า “พี่จะปกป้องโบเอง”
 
              “ฮ ฮึก”
 
              “ชู่ว… ไม่เป็นไรนะ โอ๋ๆๆ”
 
              น่าอายจริงๆ เธอตัวเล็กกว่าผมด้วยซ้ำ แถมยังเป็นผู้หญิง… นี่ผมอ่อนแอถึงขนาดต้องให้ผู้หญิงมาปกป้องแล้วหรอ
 
              แขนเล็กโอบกอดพร้อมโยกตัวเบาๆ ราวกล่อมเด็ก ผมรู้สึกอยากระบายความอัดอั้นที่มีออกมาให้เธอรับรู้ แต่มันก็ไม่ปะติดปะต่อนัก “ผมมันไม่เอาไหน… ฮือ”
 
              “ไม่หรอก โบเก่งจะตาย นี่ก็หายหอบเองไม่ต้องหาหมอเลยเห็นมั้ย” พี่เขายังคงหาข้อดีอันน้อยนิดมาปลอบใจ
 
              “เกิดมาไม่มีอะไรดีซักอย่าง เวรเอ้ย ไอ้สัส ผมทำให้แม่ผิดหวัง”
 
              “น้องโบเป็นเด็กดีนะ น่ารักด้วย ถ้าคุยเก่งๆ นะ สาวตรึมแน่เลย”
 
              “ฮือ… โง่ก็โง่ โรคก็เยอะ ฮือ ชิบหาย แม่ง อึก… ร่างกายตัวเองยังควบคุมไม่ได้เลย เหี้ย”
 
              เนิ่นนานจนรู้สึกเหนื่อย ผมระบายทุกสิ่งที่อยู่ในใจจนสิ้น พี่ฟาเป็นผู้ฟังที่ดี เธอปลอบเป็นระยะสลับกับเล่นมุกแก้เครียดแม้มันจะแป้กก็เถอะ เมื่อดีขึ้นก็ค่อยๆ ถอนตัวจากอกอุ่นที่โหยหามาแสนนาน กี่ปีแล้วนะที่ไม่ได้คุยกับคนอื่นแบบนี้ยกเว้นคุณหมอ ผมขอโทษทีทำเสื้อเธอเลอะแต่เธอก็ไม่ได้ถือสา ซ้ำยังช่วยจัดเสื้อปัดผมให้เข้าที่ กระทั่งกลุ่มชายสามคนเดินเข้ามา
 
              “เอาล่ะ มืดแล้วเนาะ กลับกันเถอะ ป่ะ น้องโบ”
 
              มือบางที่เคยลูบหัวยื่นมาตรงหน้า ผมยิ้มแล้วจับตอบยอมให้พี่ฟาดึงลุกขึ้น เราเดินจับมือผ่านร่างทะมึนทั้งสามไป ผมอดหลบสายตาพี่พอลไม่ได้ ไม่รู้ทำไม ณ ตอนนี้ผมถึงคิดว่าพี่พอลนี่แหละ... ที่ควรอยู่ให้ห่างที่สุด ไม่ใช่พี่แม็ก
 
              “อ้าว แล้วน้ำ-” คนผิวเข้มชูถุงจากร้านสะดวกซื้อถามเพื่อนสาวคู่จิ้นยังไม่ทันจบ พี่ฟาก็แลบลิ้นใส่ก่อนจากไป
 
              “แบร่~”
 


              เรากลับมาที่ห้องของผม… หมายถึงผมกับพี่แม็กน่ะ
 
              พี่ฟาแค่จูงมาส่งผมที่รถพี่แม็ก (เดินได้เยอะแล้วครับเลยซ้อนมาได้) เอง กำชับกับหนุ่มๆ ว่าห้ามแกล้งผมอีก รวมถึงให้ผมฟ้องเธอได้เลยถ้าพวกเขาผิดสัญญา ก่อนเราจะแยกย้ายกันกลับ… โดยมีพี่พอลมองไล่หลังผมจนลับสายตา
 
              “เทข้าวเลย กูอาบน้ำก่อน เหนื่อยชิบหายเลยวันนี้”
 
              เขาบ่นไปบ่นไปเรื่องแข่งบ้างแล้วก็เรื่องพี่พอลบ้าง (จริงๆ คือด่าผมแหละ) ช่างเขาเถอะ อย่างน้อยวันนี้ผมก็มีโชคอยู่นิดนึง ผมเทผัดไทกุ้งสดที่แวะซื้อมาจัดใส่จานวางไว้รอคนในห้องน้ำ ผมแถมกู้งจากจานผมให้อีกสองตัว พี่เขาชอบน่ะ กินเยอะๆ จะได้อารมณ์ดีๆ เตรียมน้ำอัญชันมะนาวเย็นๆ ไว้คู่กันเสร็จประตูห้องน้ำก็เปิดออกพอดี
 
              “อ… อ๊า!”
 
              “อะไร?”
 
              ไม่มัวตอบหรอก ผมร้องเมื่อเห็นสภาพผ้าขนหนูสั้นห่อปิดส่วนล่างกำยำไว้อย่างน่ามอง- ไม่ใช่! อย่างหวาดเสียวต่างหาก ต้องรีบเอาชุดนอนเขายัดใส่มือแล้วหันหลังหนีอย่างรวดเร็ว ที่ห้องมีเสื้อผ้าของเขาเกินมาครึ่งตู้แล้วเพราะนี่ก็แทบจะย้ายมาอยู่ถาวรแล้วล่ะครับ
 
              จะบอกว่าเห็นประจำ แต่ยังไงก็ไม่ชิน ครั้งนี้ตกใจไปหน่อยเพราะไม่ทันตั้งตัว หน้าร้อนลามถึงหูที่คอยเงี่ยฟังการเคลื่อนไหวด้านหลัง
 
              “พี่เสร็จหรือยังครับ” ถามเพื่อความปลอดภัยก่อนหันกลับไป
 
              “จะหมดจานแล้ว มึงยืนทำอะไรน่ะ รีบมาแดกแล้วไปอาบน้ำซะ”
 
              อะ อ่าว ทานแล้วหรอ
 
              ผมนั่งลงตรงข้ามพี่แม็กอย่างมึนๆ แล้วหยิบตะเกียบคีบเส้นผัดไทเข้าปากอย่างมึนๆ สลับกับดูดน้ำอัญชันอย่าง...
 
              “เป็นเอ๋อหรือไง มึงเมาผัดไทหรอ”
 
              “อ่า...” ไม่รู้จะตอบอะไร พี่แม็กก็ถอนหายใจใส่อย่างหน่ายๆ คือผมเพลียๆ น่ะ เท้าก็ยังไม่หายดี เอาจริงๆ ใจมันยังแกว่งๆ อยู่เลยด้วยซ้ำแม้พี่พอลจะกลับไปแล้ว คนตัวโตทานหมดผมก็อิ่มพอดี จึงวางตะเกียบเตรียมเก็บโต๊ะ น้อยครั้งที่ผมจะกินเหลือเยอะขนาดนี้ แต่ตอนนี้อยากนอนพักมากกว่า
 
              พอเสียงน้ำหยุดก็ได้ยินข้างนอกบอกแว่วๆ ว่า “เตี้ย เอายานวดมาดิ๊”
 
              ตัวเย็นๆ สดชื่นขึ้นออกมาในชุดนอนเสื้อยืดย้วยกางเกงขาสั้น ผมค้นหาหลอดยาในตู้ตามคำสั่ง เมื่อพบแล้วก็เอาไปให้ร่างใหญ่ที่นอนดูทีวีบนเตียง
 
              “น นี่- เหี้ย เหี้ย… นี่ฮะ” โดนจ้องเขม็งเลย ได้แต่ทำสีหน้าสำนึกผิดไป ผมว่าผมเป็นบ่อยขึ้นนะ ปกติจะไม่ค่อยรู้ตัวหรอก แต่เดี๋ยวนี้จะๆ เลย ทั้งอาการกระตุกและหลุดคำหยาบเนี่ย จะโดนดุมั้ยอ่า
 
              “...”
 
              “เอ่อ… เอายี่ห้ออื่นมั้ยฮะ”
 
              “มึงนวดดิ๊”
 
              ฮะ? ผมคลานขึ้นเตียงตามแรงดึง งงกับคำสั่งที่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน แต่แล้วพี่แม็กก็ถอนหายใจ (บ่อยจัง) เอายาไปบีบเป็นเส้นยาวๆ บนขาทั้งสองข้างแล้วจับมือผมไปวางแหมะ...
 
              อ๊าาา ยามันเผ็ดอ่ะ
 
              “เผ็ดบ้าอะไร ยาทาไม่ใช่ยาแดก บ๊องเอ๊ย” ง่ะ หลุดปากจนได้ แต่ผมไม่กล้าขยับจนเขาสั่ง “นวดสิ”
 
              หน้าจะระเบิดอยู่แล้ว ผมจับขาอ่อนพี่แม็ก! คือมันไม่อ่อนหรอก กล้ามเน้นๆ แต่มันคือขาอ่อนใช่มั้ยล่ะ แล้วแบบว่าร่นขากางเกงไปจนสุด แล้วชายเสื้อเผยอเห็นสะดือนิดๆ อ๊าาา ผมอายอ่ะ ผู้ชายเหมือนกันทำไมถึงได้ต่างกันขนาดนี้
 
              “ไอ้โบ! นิ่งทำห่าไร เร็วๆ กูปวดขา”
 
              “ค ครับ!”
 
              นวดก็นวด ผมไล้มือขึ้นลงตามแนวกล้ามเนื้อ พยายามทำหัวให้ว่าง ตั้งใจทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างมุ่งมั่นต่อไป
 
              เพียะ!
 
              “แรงๆ”
 
              พี่เขาตบหัวผมอ่ะ ผมกดแรงขึ้นโดยใช้น้ำหนักตัวช่วย จึงต้องขยับจุดศูนย์ถ่วงให้ใกล้ขึ้นด้วย เลยกลายเป็นนั่งคร่อมบนขายาวไปแล้ว
 
              “หันมานี่” เขาสั่ง
 
              ผมหยุดเพื่อให้เขาจัดแจงท่าใหม่ คุณชายนอนราบเหมือนเดิมแล้วจับผมหันหลังคร่อมบนตัวเขาแทน แบบนี้ก็ดีจะได้ไม่เห็นหน้าพี่ให้กดดันเล่น
 
              “...”
 
              ผมนวดไปเรื่อยๆ ตาก็มองทีวีเป็นพักๆ มุมนี้ก็ดีผมจะได้ดูทีวีได้ ส่วนเขาก็คงเห็นแต่ก้นบังเต็มจอ คาดว่าเขาคงไม่ดูทีวีหรอกมั้งไม่งั้นด่าผมไปแล้ว
 
              “อ๊ะ!”
 
              “นวดไป”
 
              ผมรู้สึกได้ถึงมือร้อนนาบแก้มก้นทั้งสองข้างของผมเลยชะงักไป แต่เสียงทุ้มก็สั่งว่าอย่าหยุดมือ ผมก็ทำตาม นวดไปมือที่เคยวางเฉยๆ เริ่มบีบเบาๆ แล้วคลาย และทวีความหนักขึ้นเรื่อยๆ
 
              “พ… พี่แม็ก” ผมเรียกเสียงสั่น
 
              “อือ”
 
              “ทำอะไรฮะ”
 
              “...” เขาไม่ตอบ จากขยำกลายเป็นดึงซ้ายขวาสลับขึ้นลงราวกับนวดแป้ง รู้สึกแปลกๆ ที่ก้นสองข้างขยับไปคนละทิศละทาง เหมือนเขากำลังเล่นสนุกอยู่ ผมลองหันไปดูก็เห็นสีหน้าเรียบเฉยจ้องก้นนิ่มๆ พอผมหยุดมือเขาก็ตี เพียะ! จนสะดุ้งเป็นเชิงสั่งให้ทำต่อไป
 
              “อื้อ! ไม่เอา”
 
              มือร้อนเลื้อยไปใต้กางเกงนาบกับผิวเนื้อโดยตรงราวกับอสรพิษพันรัดเหยื่อ พี่แม็กเป็นคนตัวร้อน ผิวเขาร้อนดั่งเหล็กเผาไฟยิ่งชัดเจนเมื่อร่างกายผมเพิ่งอาบน้ำมาใหม่ๆ บั้นท้ายอิ่มถูกรังแกจนชาร้อนไปหมด ทำให้ลมหายใจของผมเริ่มติดขัดบวกกับอาการสั่นน้อยๆ เพราะหัวใจเต้นแรง
 
              “อ๊ะ!”
 
              ไม่นะ! อื้อ! อย่า… อย่าแหย่เข้าไปนะ! ผมไม่ไหวแล้ว
 
              เพียะ!
 
              “อึ๊!” มือหนาฟาดลงไปจนขาแทบทรุด เรียวนิ้วที่เขี่ยวนรอบรอยจีบสลับกดย้ำเบาๆ สร้างความเสียวซ่านอย่างมิอาจห้าม ก้อนเนื้อในอกเต้นจนปวด มันต่างจากตอนหวาดกลัวลิบลับแม้มันจะเป็นจังหวะที่คล้ายกัน แต่ครั้งนี้กลับสั่นระรัวด้วยความหวังแปลกๆ
 
              ผมครางอย่างอดกลั้น พี่แม็กก็เอาแต่แกล้งส่วนท้ายของผมอยู่อย่างนั้นจนแทบบ้า พอถดตัวหนีก็ถูกดึงกลับมา ไฟร้อนทาบเต็มสองมือแยกบั้นท้ายเข้าออกขณะที่นิ้วโป้งของเขาจ่อที่ปากประตู
 
              “อ อยะ อ่ะ อ๊ะ! ไม่นะ ไม่ๆๆๆ พี่แม็ก หยุดนะ”
 
              น นิ้ว… เข้ามา… ขาผมสั่นพับๆ ไม่มั่นคงเมื่อนิ้วหนึ่งแทรกผ่านช่องแคบเข้ามา ถึงจะแค่นิ้วเดียวแต่ตรงนั้นมันไม่เคยถูกใช้งานแบบนี้มาก่อน แค่นี้ก็น้ำตาเล็ดด้วยความเจ็บจุกแล้ว
 
              “นวดต่อไป”
 
              พี่แม็กยืนยันให้ทำหน้าที่ตามเดิมเสียงเรียบ นิ้วที่ชำแรกผ่านเริ่มสอดลึกเข้ามา ผมจำต้องผ่อนลมหายใจคลายความเครียดที่รัดแน่นเพื่อบรรเทาความเจ็บ เขาแช่ไว้สักพัก ผมชินเล็กน้อยจึงพอหายใจคล่องขึ้น
 
              “อา… ฮา...” สิ่งแปลกปลอมขยับเข้าออกช้าๆ ผมหอบแผ่วหวิว มือก็กดนวดต้นขาแกร่งไปด้วย ด้านหน้าปวดหน่วงนิดๆ เคยได้ยินมาบ้างว่ามีการใช้ช่องทางนั้นสำหรับการอื่น แต่พอได้เจอกับตัวถึงรู้ว่า… มันทำให้มีอารมณ์ได้ขนาดไหน
 
              สะโพกมนเผลอโยกตามการเคลื่อนไหวของนิ้ว พี่แม็กเปลี่ยนจากดึงเข้าออกมาเป็นหมุนคว้านภายในให้เสียวไส้เล่น ขณะที่ชอนไชอย่างซุกซนก็ไปชนกับจุดๆ หนึ่ง
 
               “อ๊า!!!”

              กระแสไฟแล่นวาบทั่วสรรพางค์กาย เข่าทรุดทิ้งตัวลงกับหน้าท้องเป็นลอน ผมละมือมาขยำเสื้อตัวเอง ประสบการณ์ใหม่ทำเอาตัวสั่นไม่หยุด วูบเมื่อครู่นี้มันทั้งน่าตกใจ ตื่นเต้น แฝงความหฤหรรษ์ลึกๆ แม้เพียงเสี้ยววิ แต่ความรู้สึกยังคงค้างอยู่ให้อยากลองอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว
 
              นิ้วเรียวกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง คราวนี้เน้นที่จุดตื่นตัวเป็นพิเศษ ผ่านครั้งหนึ่ง ผมก็ร้องครางครั้งหนึ่ง เป็นเช่นนี้จนเป้ากางเกงชื้นแฉะ ผมเสร็จโดยไม่ได้แตะต้องอะไรเลยด้วยซ้ำ แถมมันแข็งขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
 
              พี่แม็กถอนมือออกดึงกางเกงผมลง น้ำสีขาวไหลย้อยตามมาดูน่าเกลียด เสียงห้าวแหบพร่าเล็กน้อยบอกว่า
 
              “นวดของกูสิ”
 
              นวด? นวดจนเมื่อยมือแล้วจะให้ผมนว… เอ่อ นั่นมัน...
 
              เบื้องล่างระหว่างขากางเกงที่ร่นสูงของพี่แม็ก ส่วนกลางตัวพองขยายนูนเด่นท้าสายตาผม อย่าบอกนะว่าจะให้นวดเจ้านี่?
 
              “สงสัยมึงกดไปโดนเส้น มันเลยตื่น รับผิดชอบด้วย แบบนี้กูนอนไม่ได้”
 
              อ… อย่ากระซิบข้างหูได้มั้ย หัวใจจะวายอยู่แล้ว
 
              ผมค่อยๆ ดึงขอบกางเกงเขาลงทีละนิด ราวกับกลัวว่าจะมีสัตว์ร้ายกระโดดออกมาจากที่ซ้อน เมื่อถึงปลายทาง แม็กน้อยก็ดีดผึงดีใจกับอิสรภาพ ส่วนปลายมีน้ำใสปริ่มหน่อยๆ ลำตัวอวบแน่นมีเส้นเลือดเกาะน่ากลัวที่สุด
 
              “เร็วๆ” เขาเร่งแล้วนอนเอาหมอนหนุนหลัง
 
              ผมประคองมันอย่างเก้ๆ กังๆ ด้วยสองมือ คิดว่าคงทำเหมือนที่ทำให้ตัวเองล่ะมั้ง ชักรูดตั้งแต่โคนจรดปลาย แปลกดี ทั้งๆ ที่ทำให้คนอื่นแท้ๆ แต่ตัวเองกลับตื่นเต้นหายใจหอบไปด้วย
 
              “...” เสียงหายใจจากข้างหลังดังขึ้น บั้นท้ายเปลือยเปล่าถูกรุกรานอีกครั้ง มันง่ายขึ้นเพราะยังชินสัมผัสเมื่อก่อนหน้าอยู่
 
              สองลมหายใจประสานกัน ของผมดังกว่าพ่วงเสียงครางหวานสุขสม มือเร่งขยับตามจังหวะภายในกาย จากหนึ่งนิ้วเพิ่มเป็นสอง และสาม ความเสียวซ่านยิ่งกว่าตอนใช้ของเล่นปลุกเร้าอารมณ์ไม่มีที่สิ้นสุด ด้านหน้าของผมถูกเขากอบกุมด้วยมือเดียว ความเร็วเพิ่มตามแรงปรารถนาจนถึงจุดสูงสุด
 
              “อะ อ๊า!!!”
 
              ผมปลดปล่อยออกมาหมดแรงทรุดตัวคว่ำหน้าตรงหน้าขาพี่แม็ก จังหวะเดียวกับฝ่ายนั้นพ่นน้ำขาวขุ่นออกมาเป็นสายกระเด็นมาโดนหน้าผม ทุกอย่างหยุดนิ่ง มีเพียงเสียงกระเส่าท่ามกลางทีวีที่เปิดทิ้งไว้ ผมอยู่ในท่าโก่งโค้งสะโพกลอยเด่นหน้าแนบต้นขาแกร่งห่างจากแก่นกายคลายตัวของร่างสูงเพียงนิด สภาพดูไม่จืดและไม่งามอย่างยิ่ง แต่ผมไม่มีแรงพอจะจัดการตัวเองหรอกนะ
 
              พี่แม็กดันผมออกจากตัว ส่วนเขาลุกไปห้องน้ำ ได้ยินเสียงน้ำซ่าๆ นึกอยากทำความสะอาดบ้างแต่ขี้เกียจซะงั้น ขณะกำลังเคลิมหลับ ผ้าขนหนูเปียกๆ ก็ถูกโยนแหมะเต็มหน้า
 
              “นอนดีๆ”
 
              จากที่ได้คลุกคลีมานาน ผมแปลคำว่า ‘นอนดีๆ’ ได้ว่า ‘เช็ดหน้าซะ ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วจัดที่นอนดีๆ’ แน่ๆ เลยครับ
 
              ค่ำคืนนี้ก็ผ่านพ้นไปเช่นวันอื่นๆ พี่แม็กเร่งแอร์ที่ยี่สิบองศา ดึงผ้าไปห่มครึ่งตัว นอนหงายก่ายมาเกินครึ่งเตียง ส่วนผมนอนตะแคงหันหลังให้ เบียดชิดขอบเตียง ห่อผ้าผืนเดียวกัน ต่างแค่คืนนี้…
 
              ผมหลับไปพร้อมกับความรู้สึกใจเต้นหวิวๆ หน้าเห่อร้อนทั้งๆ ที่แอร์หนาวจัดเท่านั้นเอง

100%

เหยดดด ลืม
กะว่ากลับบ้านละค่อยอัพ หลับเฉ้ยยย
โกเมนนาไซ :m5:

ช้อปงานหนังสือเพลินเลย แถมงานพิสูจน์อักษรก็เร่งอีก ลืมทุกสิ่งเลยจ้าาา

จะมีวันไหนที่เราจะมีหนังเป็นของตัวเองบ้างน้า

(ทำแล้วมีใครซื้อป่าวเหอะนูก้า555)

เอ้อ ใครเจอตรงไหนที่มันงงๆ หรือเนื้อหาผิดแบบตอนแรกอย่างนึง อีกตอนเป็นอย่างช่วยบอกหน่อยนะ เพราะอีนูก้าด้นสดและนานๆ มาทีอาจลืมเองได้

ก็มีพล็อตแหละ แต่เนื้อหาเปลี่ยนไปเรื่อยจนเริ่มออกทะเลละ จากที่วางไว้พังหมด55 ดีนะที่ยังไม่หลุดพล็อต

มีรีไรท์เพื่อความสวยงามแน่นอน แต่จะรีเลยหรือรอจบดี :เฮ้อ:

หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน12 100% 28/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 28-10-2017 19:01:13
 :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน12 100% 28/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 28-10-2017 22:13:08
 :z1: :z1: :-[
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน12 100% 28/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 28-10-2017 23:01:46
สับสนพี่แม็ก
เดี๋ยวผีเข้าผีออก ถึงตอนนี้จะดีกว่าเมื่อก่อนมากก็เหอะ
พี่พอลอีก เกลียดอะไรน้องมันนักหนาเนี่ย เห็นทำเค้าอยู่ฝ่ายเดียว  :m16:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน12 100% 28/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 01-11-2017 12:27:15
น้องคอมโบกลับมาแล้วววว ดีใจๆๆ  :mc4:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน12 100% 28/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: moodyfairy ที่ 01-11-2017 16:30:18
แอร๋ยยยยยย ใกล้ละะ ใกล้จะได้กันละะะ :haun4:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน12 100% 28/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 01-11-2017 17:17:17
พี่แม็คโปรดแถลงไขด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน12 100% 28/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 01-11-2017 18:46:40
พี่แม็กมันยังไม่สุดน่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน12 100% 28/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 26-11-2017 23:34:54
คิดถึงพี่แม็คน้องโบTT
เรารออยู่เน้อออ สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน12 100% 28/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 07-12-2017 13:26:11
พัฒนาขึ้นเยอะเลยคู่นี้ แม็คดูใจเย็นขึ้น  ถ้าไม่รวมเรื่องเอาเปรียบน้องถือว่าใช้ได้
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน12 100% 28/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: annch ที่ 10-12-2017 16:50:25
เพิ่งเข้ามาอ่านชอบมาก
เขียนอาการของโบ ได้ดี จะทำคนให้เข้าใจผป.กลุ่ม ทรูเร็ตต์มากขึ้น  รออ่านครับ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน13 100% 12/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 12-12-2017 22:33:12

 
-13-
 

 
              ปี๊ดดด!
 
              สิ้นเสียงสัญญาณเริ่มเกมดังขึ้น ทั้งสองฝ่ายต่างพุ่งเข้าใส่ลูกบอลเพื่อแย่งชิงมาเป็นของตน รอบข้างมีแต่เสียงโห่เชียร์กึกก้องเป็นแอคโค่แลดูตื่นเต้นบีบคั้นหัวใจกันตั้งแต่ครึ่งแรก แต่สำหรับผมมันก็แค่เกมชิงบอลที่แย่งกันแทบตายสุดท้ายก็พยายามเตะใส่อีกทีมอยู่ดี ขนาดไปนั่งดูพี่แม็กซ้อมมาตั้งหลายวันผมยังไม่อินเลย ทำแค่ยกไม่ยกมือร้องเพลงตามป้ายโค้ดที่พี่สตาฟฟ์เชียร์ข้างล่างชูขึ้นตามที่ซักซ้อมมาเท่านั้น
 
              วันนี้สิบสี่นาฬิกาหรือก็คือบ่ายสองตรงๆ แดดระอุสะสมตั้งแต่เช้ายังคงฉาดฉายแรงกล้าจนหน้าม้านเช่นเดิม สองสถาบันต้องมาห้ำหั่นกันในเกมกีฬายอดฮิตซึ่งทางเราได้เป็นเจ้าภาพในปีนี้ แต่การเรียนการสอนก็ยังมีตามปกตินะครับ ทว่าสาเหตุที่ผมต้องมานั่งตากแดดตะเบ็งเสียงจนเจ็บคอแบบนี้ก็เพราะ… ผมไม่มีเรียนไง เพื่อนๆ ปีหนึ่งคณะเดียวกันเองก็ถูกเกณฑ์มาหมด แต่ผมคิดว่าส่วนใหญ่ยินดีมาเถอะ ทีม All Star มาเองทั้งทีสาวแท้สาวเทียมเขาก็อยากมาให้กำลังใจ
 
              “เฮ้!!!”
 
              อ๋า เขานำไปซะแล้ว พวกพี่แม็กมัวทำอะไรอยู่ เก่งไม่ใช่หรอ รีบๆ ทำแต้มให้จบๆ ไปสักทีเถอะครับ ผมจะหน้ามืดแล้ว ผมว่าในใจหรือต่อให้เผลอพูดออกมาก็คงไม่มีใครได้ยินอยู่ดี ฝั่งนั้นกองเชียร์ใช้น้อยเสียที่ไหน ว่าแล้วก็คอแห้งกระหายน้ำมาก แต่ยังกินไม่ได้ครับยังไม่จบเพลงต้องทนไปก่อนอีกนิดนึง ผมร้องบ้างอู้บ้างตามแรงที่ถดถอย อยากอยู่ทนๆ อย่างคนอื่นนะ ไม่รู้คนในสนามเขาโด๊ปอะไรกันถึงแรงดีขนาดนั้น อ๊ะๆ เข้าแล้วๆ
 
              “พี่แม็กกกกก กรี๊ดดดดด”
 
              “เก่งที่สุดเลยค่า ผัวขาาา”
 
              “สู้ๆ !”
 
              เหมือนจะเริ่มเอาจริงแล้วครับโดยลูกแรกพี่แม็กเปิดให้สวยๆ เลย เพื่อนๆ เข้ามาตบบ่าขณะที่เขาวิ่งกลับมาประจำตำแหน่งก่อนที่ลูกจะลอยเข้าสนามมาอีกครั้ง
 
              เอ๋?
 
              เมื่อกี้พี่เขามองมาทางผมหรือเปล่านะ ผมยกสองนิ้วขึ้นมาช้าๆ เพื่อจะสื่อว่า ‘สู้ๆ นะ’ แบบกระมิดกระเมี้ยนกลัวคนเห็นแล้วหาว่าบ้า แล้วพี่เขาก็หันกลับไป ผมว่าเขาคงไม่ได้มองแหละ เก้อเลย
 
              ครึ่งแรกผ่านพ้นไปด้วยแต้มหนึ่งต่อหนึ่ง ในที่สุดผมก็ได้พักสักที ผมรับขนมเบรกกับน้ำแดงรสจางๆ มาดื่มอักๆ รวดเดียวหมดแก้ว ผมนั่งอยู่ชั้นเกือบบนสุดของอัฒจันทร์ที่ตอนนี้ข้างๆ สมาชิกหายไปทั้งแถวเพราะเขาลงไปดูนักกีฬาพักที่ข้างสนามกัน คือที่นั่งนักกีฬาอยู่หน้าอัฒจันทร์น่ะฮะ ตัวอัฒจันทร์ปูนแน่นหนายกสูงขึ้นมีสาวๆ ไปเกาะราวชะโงกหน้ากรี๊ดใส่นักกีฬาเหมือนเจอดาราเกาหลีก็ไม่ปาน หลายคนบอกว่าโชคดีมากที่คณะเราได้นั่งตรงนี้ จะได้แทะโลมหนุ่มๆ ได้อย่างถนัดตา ผมไม่ได้ลุกไปไหนนั่งตากแดดอยู่ที่เดิมเพราะมันไม่มีที่ให้หลบ แล้วบัวก็หย่อนตัวลงนั่งที่ว่างข้างๆ ผม ผมตกใจจนสะดุ้ง ผมว่าตั้งแจ่เจอพี่จีผมก็กลัวผู้หญิงยังไงก็ไม่รู้
 
              “โบอิ่มมั้ย เอาขนมเราอีกเปล่า” บัวทักพร้อมยื่นถุงขนมมาให้ ผมส่ายหน้าปฏิเสธด้วยรอยยิ้มน้อยๆ แต่เธอก็ไม่สนใจจัดการแกะห่อจ่อปากผมเรียบร้อย
 
              คำนวณความเหมาะสม ผลกระทบต่างๆ นานาในใจก็ไม่อยาก แต่กลัวเสียน้ำใจเลยอ้าปากงับไปคำหนึ่ง ผมเอื้อมมือจะไปหยิบมากกินเองดีๆ แต่บัวก็เอามาจ่อปากอีก ไม่รู้ทำไงเลยยอมให้ป้อนไปอย่างนั้น ขนมก้อนนิดเดียวคงไม่เป็นไรมั้ง อีกอย่างไม่มีใครมองด้วยไม่น่ามีใครเอาไปนินทา...
 
              ซะเมื่อไหร่ล่ะ
 
              สายตาอาฆาตจากชั้นบนสุดส่งมาจนขนคอลุก อาร์ทจ้องผมเขม็ง เมื่อก่อนคิดว่าอาร์ทน่าจะชอบบัว พอบัวอยู่ใกล้ผมเลยเข้าใจผิดได้ แต่ตอนนี้ตัดคำว่า ‘น่าจะ’ ออกได้เลย
 
              “ร้อนเนาะ”
 
              หันหน้าหนีแทบไม่ทัน บัวที่วันนี้ใส่เสื้อนักศึกษาไซส์เล็กกว่าปกติดึงคอเสื้อกระพือลมพัดตัวเองจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน ผมจะบอกยังไงถึงดูไม่น่าเกลียดดีนะ
 
              “เอ่อ… บัว เสื้อใหม่หรอ มันดูจะ เอ่อ คับไป... นะ อากาศแบบนี้ใส่เสื้อคับๆ เดี๋ยวหายใจไม่ออกนะ” อยากตบปากตัวเอง!
 
              “รู้ได้ไงว่าตัวนี้บัวไม่เคยใส่อ่ะ ช่างสังเกตจังเลย เอ๊ะ หรือว่าโบจะแอบชอบเราแอบมองเราตลอดเลยหรอ” บัวทำหน้าล้อเลียนแต่ผมไม่เขินเลยสักนิด มีแต่สังหรณ์ว่าคราวเคราะห์กำลังมาเมื่อเพื่อนสาวไม่พูดเปล่าพลางโน้มตัวเข้าใกล้เกินงาม
 
              “...”
 
              นอกจากสายตาอาฆาตจากด้านหลังยังไม่หายไปไหน เบื้องล่างตรงม้านั่งข้างสนามพี่แม็กถลึงตามองอย่างน่ากลัว พวกผู้หญิงคิดว่าเขามองพวกเธอก็กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ แล้วทุกคนก็กระจ่างขึ้นเมื่อพี่เขาชี้นิ้วมาทางผม ทุกคนมองตาม ปลายนิ้วเปลี่ยนจากชี้ตรงเป็นกระดิกเรียกให้ผมลงไปหา ผมกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอค่อยๆ ลุกจากที่ น่าแปลกที่เสียงเจี๊ยวจ๊าวเมื่อครู่พลันเงียบลงยามผมก้าวไปที่ละขั้น แม้แต่บัวยังชะงักด้วยความงงงวย ประชาชนพากันแหวกทางให้โดยไม่ได้นัดหมาย
 
              “ชิบหายแล้วชิบหายแล้วชิบหายแล้วชิบหายแล้วชิบหายแล้วชิบหายแล้ว...”
 
              เชื่อไหมล่ะว่ามันจะเป็นไปตามที่พูดออกมาอย่างควบคุมไม่ได้น่ะ นับว่าเป็นการสบถซ้ำๆ ที่ยาวที่สุดที่เคยเป็นเลย ผมเดินห่อไหล่ไปยืนเกาะราวรอรับคำสั่ง พี่แม็กไม่ได้ว่าอะไร แต่หันไปคุยกับพี่สตาฟฟ์คณะผมแทน “มันสำคัญมั้ย”
 
              ถามแปลกๆ พลางพยักพเยิดมาทางผม พี่สตาฟฟ์ส่ายหน้า “แค่ร้องเพลงเชียร์ ไม่มีหน้าที่อะไรค่ะพี่แม็ก”
 
              ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดีที่ตำแหน่งผมมันไม่ค่อยมีโค้ดป้าย แต่ตอนนี้ไม่ดีแน่ๆ
 
              “มึงลงมานี่”
 
              “เอ่อ...”
 
              “ได้ใช่มั้ย พอดีน้องมันไม่ค่อยสบาย แม่มันฝากดูแลมา ไงให้มันเสิร์ฟน้ำข้างล่างนี่ก็ได้ ไม่เอาเปรียบหรอก” พี่เขาหันไปพูดกับสตาฟฟ์อีกครั้งเพื่อขออนุญาตพร้อมให้เหตุผลเสร็จสรรพ พี่สตาฟฟ์ก็มองตากันนิดหนึ่งแล้วจึงพยักหน้ารัวๆ ไม่มีใครอยากมีปัญหากับพี่แม็กหรอกครับ สุดท้ายผมจึงถูกส่งลงไปนั่งข้างสนามแถวกองสัมภาระของนักกีฬา ก็ดีอย่างที่มีร่มอัฒจันทร์บังอยู่ให้คลายร้อน ...แต่ผมไม่เข้าใจอ่ะ ในเมื่อมีฝ่ายสวัสดิการอยู่แล้ว แล้วผมมาทำไม
 
              “...”
 
              กระบอกน้ำส่วนตัวถูกยัดใส่มือผมก่อนที่เสียงนกหวีดจะดึงให้เหล่านักกีฬากลับเข้าสนามไป ด้านในกระบอกใสบรรจุน้ำสีแดงอยู่เกือบครึ่งแสดงว่าพี่เขาดื่มไปบ้างแล้ว อืม… ปกติเวลาเสียเหงื่อมากๆ เขาจะกินน้ำเยอะกว่านี้นี่ ขวดเดียวไม่เคยพอหรอก นี่เพิ่งได้พักเองหมดไปแค่นี้อาจเพราะว่ามันไม่ถูกปากหรือเปล่า เป็นไปได้แฮะ น้ำแดงนี่สีก็จ๊างจางแถมยังหายเย็นหมดแล้ว
 
              แย่แน่ๆ พี่แม็กยังดูไม่สดชื่นอย่างคนได้พักเลย ได้รับน้ำไม่เพียงพอเขาจะแข่งได้เต็มที่หรอ ถ้าเป็นเช่นนั้นอาจเป็นสาเหตุทำให้เราแพ้นัดนี้ก็ได้ พอแพ้พี่เขาก็จะโมโห แล้วถ้าโมโห… ผมก็โดนสิ!
 
              “เอ่อ พี่ฮะ ผมขอไปซื้อของแป๊บนึงนะ” ผมขอพี่สวัสดิการที่ยืนคุยกันใกล้ๆ ได้ยินหัวข้อแว่วๆ ก็เรื่องผมนี่แหละ แต่ช่างเถอะ ถือว่าพยักหน้าอนุญาตแล้วผมก็เดินอ้อมไปด้านหลังสนาม เป้าหมายคือร้านสะดวกซื้อนั่นเอง
 
              ของน้อยจังเลยยย โธ่! มีแต่น้ำเปล่ากับขนมหลอกเด็ก น้ำอัดลมยี่ห้อนี่ก็ไม่ชอบแถมขวดเล็กอีก เอาไงดี
 
              “เรามีน้ำแดง อืม… น้ำส้มมั้ย? อันนี้ผสมเนื้อส้ม...” พึมพำกับตัวเองไปตาก็สอดส่องสิ่งที่เหลืออยู่ในร้านไป เพราะเป็นร้านเล็กๆ แต่มีของทุกประเภทจึงทำให้มีแค่อย่างละนิดอย่างละหน่อย “ส้ม… มะนาวเอา… อันนี้ แล้วก็โซดา โอเค มี น่าจะพอแล้วมั้ง”
 
              “สามร้อยเจ็ดสิบห้าบาทค่ะ รับขนมจีบซาลาเปาเพิ่มมั้ยคะ”
 
              “ไม่แล้วครับ นี่ครั… เชี่… อะแฮ่ม ขอบคุณครับ”
 
              ผมพักจัดของใส่กระเป๋านอกร้านก่อน ดีนะที่เอามาทั้งเป้เลย ผมใช้หนังสือพิมพ์ที่ซื้อมาด้วยรองด้านในกระเป๋าก่อนจะใส่น้ำแข็งสองถุงลงไปพยายามวางให้มันโค้งรอบพื้นที่ ผมเปิดกระบอกน้ำพี่แม็กออก แอบใช้หลอดจุ่มลงไปแล้วเอานิ้วปิดด้านบนดึงออกมาชิมจะได้ไม่มีน้ำลายผมบนเปื้อน
 
              “แหยะ”
 
              มันจืดจริงๆ ครับ อย่างกับหมากฝรั่งเคี้ยวจนหมดหวานเลย มิน่าพี่เขาถึงทำใจดื่มหมดไม่ลง เมื่อก่อนตอนเจอกันใหม่ๆ เขาก็ไม่ได้เลือกกินเท่าไหร่ แต่หลังๆ มานี่เรื่องมาก… อ๊ะ! เลือกกินจัง
 
              เติมน้ำส้มลงไปพอประมาณ จากนั้นก็น้ำมะนาว ชิมแล้วก็ดูดีขึ้น ไว้กลับไปขอเติมน้ำแดงอีกนิด ใส่โซดาตัดเกลือนิดนึงเป็นอันใช้ได้ รีบไปดีกว่าฮะ หายไปนานเขาจะว่าเอา


 
              “น้ำไรวะ”
 
              พี่แม็กถามเมื่อเห็นสีน้ำในมือแปลกไป ผมเอาคืนมาก่อนจะเติมโซดาลงไปจนเต็มกระบอก แกว่งให้เข้ากันเสร็จแล้วก็ส่งให้พี่แม็กรับความชื่นใจที่รับประกันว่ามากกว่าเดิมแน่ๆ อ้อ! โซดาน่ะไม่ต้องเขย่านะครับเดี๋ยวระเบิด ฮ่าๆ พอดีไม่มีช้อนคนเลยต้องแกว่งเอา
 
              “น้ำพั้นช์ ล่ะมั้งฮะ” เสียดายน่าจะได้กลิ่นแอปเปิลอีกนิดนึง
 
              พี่แม็กแทบไม่รอคำตอบด้วยซ้ำ ซัดอึกๆ รวดเดียวหมด ผมนึกแล้วแหละว่าไม่พอหรอก จึงรับกระบอกเปล่าแล้วส่งขวดน้ำดื่มที่ชงเครื่องดื่มรสเดียวกันให้ แล้วเอากระบอกเปล่านั่นมาชงใหม่ วัตถุดิบตุนมาพร้อม
 
              “เฮ้ย น้องเตี้ย พี่ขอมั่งดิ”
 
              แต่คงไม่พอสำหรับหลายที่...
 
              “เชี่ยเมษ ของกู อยากได้ก็ไปซื้อเองดิ” ใช่ๆ มันไม่พออ่ะพี่ โบขอโทษ
 
              “พี่เมษจะกินอะไร เดี๋ยวผมไปซื้อให้ก็ได้” รีบบอกก่อนครับ ผมรับผิดชอบพวกพี่ที่กุมชีวิตผมไว้อยู่แล้ว
 
              “เอาแบบนี้อ่ะ แล้วก็เอาเดี๋ยวนี้ด้วย น้ำสวัสดิการจางอย่างกับน้ำล้างหัวล้านแดกไปไม่ได้พลังเล้ย”
 
              “งั้น… ผมชงให้ก็ได้” เดี๋ยวค่อยวิ่งไปซื้อใหม่เนาะ
 
              “เฮ้ยๆ น้ำไรวะ ทำไมสีสวยกว่าของพวกกูอ่ะ”
 
              “ไอ้แม็ก ไอ้เมษ ขอกูชิมบ้างดิ”
 
              “เชี่ย สดชื่นนนนน”
 
              ไม่ๆๆๆ นี่ของพี่แม็กนะ ตายแน่ๆๆ จากหนึ่งมาเป็นสอง แล้วสามสี่ห้าตามมาเรื่อยๆ ยิ่งคนล่าสุดนี่ฉกไปจากมือพี่แม็กเลย แล้วของพี่เมษก็หายไปกลางดงนักบอลเรียบร้อย ผมก็ได้แต่มองอย่างตื่นตระหนกและงงงวย สุดท้ายพี่สวัสดิฯ คงทนไม่ไหว อาสาจะไปซื้อส่วนผสมให้แทน
 
              “มันมีไรบ้างอ่ะน้อง เดี๋ยวพวกพี่รวมตังค์กันซื้อเอง แต่เร็วๆ นะ จะหมดเวลานอกแล้ว” นี่พักเวลานอกหรอ ผมนึกว่าแข่งเสร็จแล้วนะเนี่ย ชิลกันจัง
 
              เกิดความวุ่นวายขนาดย่อมขึ้น ผมต้องเปลี่ยนไปชงใส่ถังคูลเลอร์แทนน้ำแดงจืดๆ นั้น พวกพี่สวัสดิฯ ก็มาช่วยด้วย แต่ผมสัมผัสได้ถึงสายตาไม่เป็นมิตรจากบางคน ก็เข้าใจแหละ อยู่ๆ ไปแย่งงานเขาไม่พอ ยังได้หน้ากว่าพวกเขาอีกจะถูกหมั่นไส้ก็ไม่แปลก  พี่แม็กดูหงุดหงิดนิดหน่อยแต่ก็ไม่ว่าอะไร พี่พอลแม้จะมองด้วยหางตาแต่ก็ยังมาเติมอีกหลายแก้ว แต่มีคนชอบฝีมือผมผมก็ดีใจจนลืมสิ่งเหล่านั้นไปหมด ไม่คิดว่ามันจะอร่อยขนาดนี้ ผมเห็นนะว่าอีกสถาบันนึงแอบเนียนมากินด้วยอ่ะ
 
              “เออเนาะ คหกรรมก็อยู่แค่นี้ทำไมพี่ไม่ให้มาช่วยเตรียมเครื่องดื่มนะ จบงานนี้สวัสดิฯ คงต้องขอคหกรรมเข้าเยอะๆ แล้วล่ะ ขอบคุณน้องมากเลยนะ ช่วยได้มากเลย ตลกดีอ่ะ แค่น้ำแดงพวกพี่ยังชงกันไม่ได้เรื่องเลย” พี่คนนี้อัธยาศัยดีแฮะ เขาพูดปนบ่นกับผมพลางเตรียมเก็บของไปด้วย ใกล้จบเกมแล้วครับ เห็นว่างั้นนะ
 
              “โห! ม. เรามีแดจังกึมด้วยหรอเนี่ย”
 
              “พี่ฟา!”
 
              รุ่นพี่คนสวยทรุดนั่งลงข้างผม ในมือถือแก้วน้ำมหัศจรรย์ของผมไว้ด้วย พี่ฟาสวยมากเลยครับ ผมหางม้าเป็นพวงลอนสลวย ดวงหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางสีสด ร่างระหงสวมชุดเชียร์ลีดเดอร์สีประจำมหา’ลัยกับหมวกใบเล็กสีเดียวกัน เธอยิ้มให้ผม ปากสีแดงอมส้มชมไม่หยุดถึงฝีมือชงเครื่องดื่มของผม จนผมคิดว่าพวกเขาอวยกันเกินจริงไปนะ วัตถุดิบแค่นี้ถือว่าแค่พอถูไถเถอะ
 
              “อร่อยจริงๆ นะ คนอื่นยังบอกเลย”
 
              “พี่ชมเกินไปต่างหากล่ะ” พอแล้วๆ หน้าแดงหมดแล้วฮะ
 
              “แล้วพี่ฟาไม่หลีดแล้วหรอ” พี่สวัสดิฯ คนเดิมถาม
 
              “โอ๊ย พอแล้ว เหลือแค่ห้านาทีเชียร์ไปก็ไม่เห็นมีไร คนดูไม่ได้แข่งคนแข่งไม่ได้ดู แดดก็แรงขอพักเถอะ ผิวเสียหมด”
 
              ตามนั้นฮะ แค่ป้องกันประตูไว้ให้ได้จนจบห้านาทีชัยชนะก็เป็นของเราด้วยคะแนนสองหนึ่งใสๆ
 
              ปี๊ดดดดด


 
              “วันนี้พี่จะทานอะไรฮะ”
 
              ผมถามคนที่เดินนำไปสองช่วงขาหลังจากเราเก็บของเดินออกจากสนามกีฬาแล้ว คนอื่นๆ ก็เดินเกาะกลุ่มกันมาหลังจากที่อาบน้ำกันเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้จึงกลายเป็นกลุ่มคนขนาดใหญ่ส่งเสียงล้งเล้งตลอดทางที่เดินผ่าน สนุกดีครับ ผมไม่เคยได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้มาก่อนเลย ภาพเหล่าเพื่อนชายพูดคุยหยอกล้อแซวกันด้วยภาษาไม่สุภาพแต่เป็นธรรมชาติ ตบหัวกอดคอกันร้องเพลงก็มี มันทำให้ผมโหยหาสังคมอย่างประหลาด แต่ก่อนหน้านั้นผมต้องเอาตัวรอดจากนายใหญ่ผมก่อน
 
              “เดี๋ยวกูไปกินหมูกระทะกับพวกแม่งนี่ แล้วคงไปต่อซักร้าน” หมายความว่าบุฟเฟ่ต์เสร็จก็เมาต่อสินะ ดีเลย คืนนี้เขาคงไม่ไปนอนด้วย
 
              “งั้นคืนนี้พี่คงไม่ได้ไปนอนหอผมใช่มั้ยฮะ ผมขอกลับเลยนะ”
 
              ผมหมุนตัวไปอีกทางทันที แต่เดินได้ไม่กี่ก้าวแขนล่ำก็คว้าคอล็อกตัวผมกลับไปที่เดิม
 
              “ดีใจล่ะสิที่จะได้ไปแรดโดยที่กูไม่อยู่ แต่เสียใจ มึงต้องไปด้วย”
 
              “หา! ทำไมอ่ะ พี่จะไปฉลองพี่ก็ไปได้เลยครับ ไม่ต้องห่วงผมหรอก”
 
              “กูไม่ได้ห่วง! อย่าพูดมาก สั่งให้ไปก็ไป แดกฟรีนะไม่เอาหรอ”
 
              “แต่… ผมไม่ได้เกี่ยวด้วยเสียหน่อย” จริงๆ นะ เขาแข่งชนะเขาก็ไปฉลองกันเป็นเรื่องปกติ แต่ผมไม่ได้แข่งด้วยนี่ เอาไปกินฟรีนี่น่าเกลียดตาย เกือบจะแย้งได้สำเร็จถ้าไม่มีพี่คนหนึ่ง (ที่เคยชิมเครื่องดื่มมหัศจรรย์ของผม) วิ่งมากอดคออีกข้างแทรกขึ้นก่อน
 
              “เกี่ยวสิ เกี่ยวเต็มๆ ถ้าไม่ได้เครื่องดื่มมหัศจรรย์ของน้องโบพวกเราคงแพ้ไปแล้วเพราะภาวะขาดน้ำแล้วแห้งตายคาสนาม” ใหญ่ไปครับพี่
 
              “ไปเหอะน้อง ไม่ต้องเกรงใจ วันนี้น้องก็ช่วยเยอะแล้ว ไปกันสนุกเถอะนะ”
 
              “ช่าย ถ้าได้น้องไปปรุงน้ำจิ้มท่าจะแซ่บบบ”
 
              “คือว่า ผมเกรงใ… ผมมีงานน่ะครับ ขอตัว...”
 
              “อย่าตอแหล การบ้านก็ไม่มี งานก็ไม่ต้องทำ งานบ้านมึงก็ทำเมื่อวานแล้ว” พี่แม็กอ่าาา
 
              แล้วทุกคนก็มายื่นล้อมพร้อมส่งสายตากดดันผมกันหมด ลำบากใจจังเลย ผมไม่อยากไปจริงๆ นะ ไม่ชอบคนเยอะแล้วเดี๋ยวพวกเขาก็ไปต่อกันอีกซึ่งถ้าไปกินหมูกระทะแล้วก็ต้องโดนลากไปดื่มต่อแน่เลย ผมเห็นห่วงอันหลังนี่แหละ แต่ทำไงได้ คำตอบมีแค่ข้อเดียวนี่ เอ้า! ไปก็ไป ตอบๆ ไปซะก่อนที่เอวผมจะเขียวเพราะแรงหยิกมากกว่านี้
 
              “ก็ได้...”
 


-------------------------------------------------

เย้ๆๆๆ มาแล้วๆ
จะปั่นเรื่อยๆ นะ (ถ้าว่าง)
ช่วงนี้งานทำหนังสือมาเยอะ ยังจ่ออีกหลายเล่มเลย เรียนก็เรียน เฮ้อ!
ทำเยอะแยะจนเป็นเป็ดอ่ะ ไม่ได้อะไรซักอย่าง
แต่ใจก็อยากให้เวลากับน้องโบที่สุดนะ
งั้น!
รอดูกันว่าตอนหน้าจะมาเมื่อไหร่555
ความมุ้งมิ้งจะเกิดกับพี่แม็กหรือไม่
แต่คนห่ามๆ เวลาอ่อนโยนนี่น่ารักนะเออ อย่าเกลียดนางนักเลยเนาะ

แล้วก็ยินดีต้อนรับนักอ่านทั้งหน้าใหม่หน้าเก่า
เข้ามาเม้นกันเยอะๆ นะ อ่านทุกเม้น (แต่ก็ยังไม่ตอบเนาะ55)

แล้วแจกัน

นูก้า



หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน13 100% 12/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 12-12-2017 23:12:34
งานนี้มีเมา อะไรจะเกิดขึ้นน๊า
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน13 100% 12/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 13-12-2017 00:16:24
ดีใจมากๆเลยค่ะ ที่มาต่อ><
สู้ๆนะคะ✌
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน13 100% 12/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-12-2017 05:35:38
พี่แม็ก เรื่องมาก เอ๊ย.....ช่างเลือก ทั้งที่ก่อนนี้อะไรก็ได้
คงเป็นเพราะโบ ปรนนิบัติดีสินะ

บัว ชอบโบจริง หรือแกล้งทำให้บางคนอิจฉา
แต่ทำให้โบถูกเกลียดนะ

แบบนี้จะว่าพี่แม็ก หึงโบหรือเปล่า  :hao3:
พอเห็นบัวมาป้อนขนม ถึงเนื้อถึงตัวโบ

พวกสวัสดิบางคน ที่ดูไม่ชอบโบเพราะถูกละเลย ลดความสำคัญหรือเปล่า
ก็นะ อยากให้นักบอลนัวเนียตัวเองล่ะสิ
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน13 100% 12/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 13-12-2017 07:48:54
 :call:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน13 100% 12/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 13-12-2017 12:54:21
อยากให้น้องโบมีความสุขค่ะ

หลังๆไม่ดาม่าเหมือนแรกๆแล้วด้วย


หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน13 100% 12/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 13-12-2017 13:09:58
แอบหวงละสิ ตาแม็กซ์
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน13 100% 12/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 13-12-2017 19:07:13
มีห่วงน่ะพี่แม็กซ์ อิอิ แอบสงสัยใครส่งสายตาพิฆาตน้องโบตอนชงน้ำ  ร้านเหล้ามาไวไวๆๆๆๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน13 100% 12/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: moodyfairy ที่ 13-12-2017 19:14:30
หายไปนานนนน คิดถึงเลออออออออออ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน13 100% 12/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 13-12-2017 21:31:43
สู้ๆค่ะคนเขียน  :katai5:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน14 50% 13/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 13-12-2017 22:18:30
 

อุ๊ย มือลั่น
 
-14-
 
MAGNUM
 
              เป็นเรื่องธรรมดาเมื่อเหล่าชายฉกรรจ์หลายนายรวมตัวกันแล้วจะต้องเกิดความโกลาหลวุ่นวายชิบหายและมลภาวะทางเสียงที่เป็นภัยต่อสังคม พวกผมก็ไม่ยกเว้น สงสารเจ้าของร้านหมูกระทะที่กุมขมับหลังเห็นสภาพร้านแกวุ่นวายราวกับโต๊ะจีนลิง ทั้งๆ ที่เดิมก็ลูกค้าเยอะอยู่แล้ว มาบวกพวกผมไปอีกสิบกว่าชีวิตนี่บอกได้สองคำครับ ชิบหายกับชิบหายแน่ๆ

              ไอ้อ่อนโดนลากมาได้สำเร็จ และตอนนี้มันก็กำลังง่วนอยู่หน้าเตามีเป็นระวิง ปกติกินหมูกระทะก็แค่ตักใครตักมัน ปิ้งใครปิ้งมัน มีแย่งแดกบ้างแต่พอมีไอ้เปี๊ยกมามันกลับดูหรูขึ้นเป็นกอง
 
              “น้องโบ น้ำจิ้มพี่หมดแล้ว”
 
              “หมูกูอ่ะ เอ๊ยเหี้ยยย! น้องทำให้กู ไอ้สัด”
 
              “สามชั้นย่างซอสเสร็จยางงง”
 
              “น้องๆ ชงน้ำให้หน่อย”
 
              และอื่นๆ กูล่ะหนวกหูจริง
 
              ผมนั่งเท้าคางมองเหตุการณ์ตรงหน้าเงียบๆ ไม่จำเป็นต้องโวยวายผม ไอ้พอล ไอ้เมษก็มีของกินมาประเคนไม่ขาดสายอยู่แล้ว ลำพองนิดๆ ว่ายังไงไอ้เปี๊ยกก็ต้องให้ความสำคัญกับพวกผมก่อนเสมอ แต่มันก็น่าสงสารนะทำคนเดียวแล้วตั้งหลายอย่าง แต่ละคนก็แม่งโคตรเรื่องมาก เจอฝีมือดีเข้าหน่อยก็เอาใหญ่ ไอ้เปี๊ยกหน้ามันเยิ้ม เหงื่อไหลซึมตั้งแต่ขมับจนผมเปียกแนบแก้มที่แดงระเรื่อด้วยไอเตา แต่มันก็ไม่มีบ่น ถ้าเรื่องอาหารมันไม่เคยบ่นหรอกผมรู้ เห็นเหนื่อยล้าขนาดนั้นทว่าแววตาบนหน้าเรียบเฉยก็ยังส่องประกายความสุขเล็กๆ ออกมา
 
              พอเถอะ ให้ยืมทรัพย์สินส่วนตัวนานไปแล้ว ถึงเวลาทวงคืนเดี๋ยวพวกแม่งจะง่อยแดกกันซะก่อน “โบ มานี่”
 
              แล้วทำไมต้องมองเป็นตาเดียวขนาดนั้น ไอ้เมษยังยิ้มมุมปากเลยอย่าคิดว่ากูไม่เห็น ส่วนไอ้พอลลุกไปเข้าห้องน้ำเมื่อไอ้เปี๊ยกเดินมายืนข้างๆ
 
              “พี่แม็กเอาอะไรอีกมั้ยครับ ผมตักให้”
 
              เฮ้อ! ถอนหายใจทีไอ้ตัวเตี้ยก็สะดุ้ง ขวัญอ่อนเอ๊ย รำคาญที่มันหงอไม่เข้าเรื่อง เข้าใกล้ทีแทบจะคลานเข่า พูดด้วยก็ไม่มองตรงๆ ต้องก้มหน้าช้อนสายตามองจนคนอื่นเข้าสงสัยกันไปหมดแล้ว กลัวกูก็ดีแต่อย่าหาเรื่องให้เขาคิดดิวะ
 
              “มานั่ง มึงก็กินได้แล้ว แม่งไม่คุ้มค่าหัวเลยว่ะ พวกมึงก็มีมือมีตีนนะ” ประโยคหลังหันไปแขวะเพื่อนหน่อย
 
              ผมดันจานที่มีเนื้อหมูพูนๆ (ก็ฝีมื้อมันแหละ) ไปตรงหน้ามัน มันทำหน้างงใส่ “แดกนี่แหละ ไม่ต้องเสียเวลาปิ้งใหม่จะได้รีบๆ ไปต่อ อันนี้กูอิ่มแล้ว เลยเยอะเดี๋ยวอีเจ๊แม่งคิดตังค์ มึงก็จัดการให้หมดล่ะ ถ้าเหลือมึงโดน” แล้วก็ปล่อยมันกินไปเงียบๆ (แต่อีตัวอื่นช่วยเงียบด้วยได้มั้ย)


 
              [ผับแห่งหนึ่งไม่ไกลจากนั้น]
 
              เออ อย่างน้อยที่นี่ก็วุ่นน้อยกว่า แต่มันกลับกันหรือเปล่าเนี่ย
 
              พอเราได้โต๊ะผมนึกว่ามันจะมาวอแวไอ้เตี้ยอีก แต่เปล่า สงสัยรู้ว่าคนทำอาหารเก่งไม่ได้ชงเหล้าเก่งเสมอไป ยิ่งเปี๊ยกมันออกตัวก่อนแล้วว่าไม่เคยแตะของมึนเมาเราก็เข้าใจได้ทันทีว่ามันชงเหล้าไม่เป็นแน่ๆ แล้วเหล้าที่ดีไม่ได้อยู่ที่ความอร่อย มันต้องแรงเข้าว่าต่างหาก พวกมันแยกย้ายไปคนละทิศละทางโดยในมือถือแก้วไปด้วย
 
              “พี่ไม่ไปกับเพื่อนหรอ” เสียงใสพูดเบาจนเกือบไม่ได้ยิน เพลงแม่งก็ดัง แต่หูผมดีว่ะ
 
              “ทำไม ไม่อยากใกล้กูขนาดนั้นเลย? กล้าไล่กูนะมึง ที่มึงอ่อยผู้หญิงไว้กูยังไม่ได้สั่งสอนมึงเลยนะ”
 
              “...”
 
              ปากอิ่มเม้มแน่นเสหน้าหนีไปอีกทาง คิ้วยุ่งหน่อยๆ กับแก้มพองลม… รึป่าว ไม่แน่ใจเพราะเดิมก็เนื้อแก้มเยอะอยู่แล้ว ลักษณะนี้น่าจะงอน เหอะ! คิดว่ากูแคร์?
 
              “แม็กกก เมิงทามน้องงอนทามมายว๊าาา” เอาแล้วไง มาไม่ทันถึงชั่วโมงแม่งกอดคอกันเมาแล้ว แล้วมาระรานกูเพื่อ?
 
              “เมาแล้วมึง งอนอะไรไอ้สัด มึงถามมันเลย เตี้ยงอนไร” อ๊ะ กูถามให้ก็ได้
 
              “...”
 
              “อะไรนะ พูดดังๆ ดิ เพลงกลบหมดแล้ว”
 
              “เปล่า”
 
              “ไม่ต้องมาตอแหล กูเห็นประโยคมันยาวกว่านี้”
 
              หมั่นไส้แม่ง ลีลาท่ามากเลยบิกเอวนิ่มๆ ไปสุดแรงจนมันร้อง “โอ๊ย!”
 
              เพียะ!
 
              ไอ้สัด! ตีกูหรอ ผมเปลี่ยนมาบีบแก้มยุ้ยบังคับให้หันมาสบตา ไม่สนใจว่าใครจะมองเพราะไอ้ขี้เมาสองตัวเมื่อกี้หายไปกับฝูงชนแล้ว ผมถลึงตาเป็นเชิงสั่งให้มันพูด ถ้าโกหกมึงโดน พูดไม่เข้าหูมีเจ็บ แล้วถ้ากล้าโมโหกูมีกัดแก้มหลุด!
 
              “โบ… โบบอกว่า ไม่งอน”
 
              “...”
 
              “ไม่… ใคร จะกล้างอน… ล่ะครับ”
 
              กว่าจะตอบตามจริงได้กูเกือบตาถลนออกจากเบ้า ให้ตายสิ!
 
              สมาชิกโต๊ะผมเริ่มกลับมานั่งคอพับทีละคน ส่วนไอ้พวกที่หายไปถ้ายังมันไม่สุดก็คงได้เป้าหมายไปแล้ว แต่ไอ้เมษเมียมารับไปได้สักพักแล้วล่ะ เหลือไอ้พอลที่ยังดวลเหล้ากับผม
 
              “พี่แม็ก”
 
              เด็กหนุ่มตัวเล็กข้างกูนี่ใครวะ ตาเยิ้มๆ น่าเอ็นดู… อ่อ ไอ้เตี้ยเองหรอ เมื่อกี้กูขอถอนคำพูด
 
              “จิ๊! อะไร” มือเล็กกระตุกชายเสื้อแผ่วเบาราวกับกลัวมันยับ หัวทุยกระดกเหมือนสัปหงกทีหนึ่งก็ใช้มือกุมหัวตัวเองไว้ ตาง่วงๆ ช้อนมองผม น่ารักดี… สงสัยจะดื่มมากไปแล้ว
 
              “โบมึนๆ หัวอ่ะ กลับได้ยังฮะ”
 
              “มึงแดกแต่โค้กไม่ใช่หรอ จะมึนได้ไง อย่างอแงน่าเพิ่งห้าทุ่มครึ่งเอง”
 
              เมื่อไม่เป็นไปตามต้องการมันก็ทำหน้ามุ่ยลุกไปเข้าห้องน้ำแทน

COMBO
 
              พี่แม็กงี่เง่า!
 
              ผมคิดขณะวักน้ำลูบหน้าให้หายมึน ไม่รู้เมาอะไรครับ ทั้งๆ ที่น้ำอัดลมเต็มกระเพาะฉี่ เอ๋? หรือเพราะน้ำที่รสชาติเปลี่ยนไปกันนะ แน่ๆ เลย ต้องพี่สักคนนี่แหละแอบหยอดเหล้าในน้ำผมอ่ะ!
 
              ผมยังสติเต็มร้อยอยู่นะ แค่สมองไม่โล่งไม่โปร่งทรงตัวยากขึ้นเท่านั้นเอง พี่แม็กก็นะ ฮึ่ย! โมโหอ่ะ! บอกเฉยๆ หรอก ไม่ได้ชวนกลับด้วยเสียหน่อย อยากอยู่ต่อก็อยู่สิใครว่าล่ะ ชิ
 
              “เฮือก!”
 
              เวรกรรม มัวแต่บนพี่แม็กจนเกือบเดินชนพี่พอลเลย ผมตะกรุบปากแน่นแล้วเดินค่อมตัวผ่านช่องประตูห้องน้ำแคบๆ ออกไป ด้วยระยะห่างแค่นั้นทำให้ไหล่ไปเฉี่ยวพี่เขานิดนึง กลัวจนฉี่จะราดแหนะ ดีนะที่ฉี่หมดแล้ว
 
              “...”
 
              ไม่กล้าเงยหน้าเลย กลัวเจอกับสายตาเย็นเยียบเบื้องบน ผมกลั้นหายใจพอพ้นประตูได้ผมก็รีบวิ่งกลับโต๊ะเลย กว่าจะถึงก็แข้งช้ำเพราะเดินเตะไปเรื่อย
 
              พอถึงโต๊ะก็พบกับสภาพขี้เหล้านอนตายใต้สะพานลอยหลายศพ พี่แม็กเองก็ท่าจะกรึ่มเต็มที่เพราะเขานั่งคอตกในมือยังไม่วางแก้วเปล่าลง นี่น่าจะเป็นโอกาสดีที่จะหนีกลับหอ แต่ว่านะ… รู้ใช่ไหมครับ
 
              ผมเขย่าร่างหนาตรงหน้าพลางร้องเรียก “พี่แม็ก”
 
              “อือ...”
 
              “กลับกันเลยมั้ยครับ โบจะได้เรียกแท็กซี่” ขี่รถกลับไม่รอดแน่ ผมก็ขับไม่เป็นด้วย แต่เขายังเงียบ ผมเขย่าและเรียกดังขึ้น “พี่ครับ”
 
              “เออๆ...” เย้!
 
              ผมลาพี่ๆ ที่ยังมีสติอยู่บ้าง แล้วก็พยุงคนตัวหนักออกจากร้านไป จ่ายเงินกันยังไงไม่รู้ครับ ชิ่งก่อนได้เปรียบ ที่เหลือ รับผิดชอบไป ฮ่าๆ
 
              โชคดีนะแท็กซี่แถวนี้เยอะจึงไม่ต้องทนแบกน้ำหนักกว่าเจ็ดสิบโลนานๆ (ตัวสูงแถมกล้ามเนื้อเยอะชะมัด) จริงๆ ผมก็เว่อร์ไป เขาแค่เซนิดหน่อย ผมช่วยประคองนิดเดียวก็ดำเนินสะดวกแล้วครับ





50%มั้ง

น้องเมาแล้วภาษาเกรียนขึ้นเนาะ


รอncก่อนเด้อ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน14 50% 13/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-12-2017 22:37:34
ดีใจ ไรท์มาไว  :katai2-1:

โบ ถูกจองตัวเรื่องปิ้ง ย่างหมูกระทะเลย
แม็ก ยังโมโห ที่บัวมาลวนลามโบ
แม็กมองยังไงหาว่าโบ ไปยุ่งหญิง
หวงโบแล้วใช่ไหม
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน14 50% 13/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 13-12-2017 23:35:16
มาต่อแล้วว เย้ๆ~
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน14 50% 13/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: worry ที่ 14-12-2017 00:09:26
รออ่านต่ออยู่นะครับ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน14 50% 13/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: moodyfairy ที่ 14-12-2017 06:34:48
เค้าจะได้กันแล้วสินะ :hao6: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน14 50% 13/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 14-12-2017 07:29:44
เสร็จแน่ๆเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน14 50% 13/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 15-12-2017 21:11:57
อุ๊ยๆๆๆๆ เมาแบบนี้ อิอิ
จงมาๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน14 50% 13/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 16-12-2017 04:21:13
มาต่อแล้ว ดีใจน้ำตาจิไหล :sad4:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน14 50% 13/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 18-12-2017 14:19:56
ไม่ได้เข้าเว็บนาน อ่านสามตอนรวดเลย
บวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน14 100% 24/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 24-12-2017 17:47:54
 

 
-14-
100%
 
              ตุบ
 
              “เฮ้อออออ”
 
              เขาแกล้งหรือเปล่าเนี่ย ตอนแรกก็เดินดีๆ ได้ ไหงเข้าหอปุ๊บทิ้งตัวปั๊บอย่างงี้ ผมนี่เหนื่อยยยยย น้ำหนักต่างกันจะเป็นสองเท่าได้เลยมั้ง ที่กินมาอิ่มๆ เลยใช้เป็นพลังงานไปหมดจนเริ่มหิวอีกรอบแล้วสิ
 
              ผมทิ้งร่างใหญ่โตราวกับยักษ์ลงบนโซฟา ย้ำว่าทิ้งเลยฮะ ไม่ไหวอ่ะ แล้วผมก็ไม่อาจพาร่างเน่าๆ สาบกลิ่นเหล้าไปที่นอนได้ กลัวที่นอนสกปรกแล้วก็มีกลิ่นติดเป็นอันต้องถอดทิ้งเสียดายแย่
 
              พี่แม็กนอนตัวราบกับโซฟาเอามือก่ายหน้าผาก (ก็ท่าที่ลงไปนั่นแหละ) ส่วนขาเลยโซฟามาอยู่ในสภาพบรรยายยาก คือค่อนข้างผิดรูปและดูไม่สะดวกสบายน่ะ มัน… ทุเรศ? ใช่ คำนี้แหละครับ
 
              ตัวผมเองยังไม่หายมึนดีจึงตัดสินใจว่าจะเข้าไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยจัดการกับหมีขี้เมาตัวนี้ทีหลัง จริงๆ ก็อยากทำรวดเดียวเหงื่อออกทีเดียวแล้วไปอาบนะ แต่ไว้ก่อนดีกว่า เหม็นตัวเอง
 
              “อือ”
 
              เขาครางงึมงำไม่รู้เรื่อง ผมเดินกลับจากประตูห้องน้ำมาหาเขาแล้วเงี่ยหูฟังเผื่อเขาต้องการอะไร แต่ก็เงียบ… ละเมอมั้ง งั้นผมอาบน้ำก่อนนะ อย่าซนนะพี่
 
              “อ๊ะ!?” มือร้อนคว้าแขนผมไว้ทันทีที่ผมหันหลังให้ ผมพยายามปลดมันออกแต่ก็ไร้ผล คนอะไรเมาแล้วแรงเยอะชะมัด ผมวางผ้าเช็ดตัวลงเพื่อที่จะแงะได้สะดวกๆ
 
              “เหวอออ พี่แม็ก! ทำอะไรน่ะ!”
 
              คนเมาไม่ตอบ เขาฉุดผมลงไปกองบนตัวเขา แขนอีกข้างตวัดรอบเอวล็อกตัวผมไว้ทำให้ตอนนี้เราอยู่ในท่าผมคลานคร่อมพี่แม็กทั้งตัว
 
              “พี่แม็ก เดี๋ยว! หยุดนะ ปล่อยนะไอ้ขี้เมา! ไอ้ตัวเหม็น!”
 
              มืออ่อนแรงระดมทุบแผงอกคนที่ยังหลับตานิ่งแต่มือกลับเลื้อยเข้ามาในสาบเสื้อ เขาทำท่าเหมือนหลับจริงแต่ผมว่าไม่ใช่แล้ว การประทุษร้ายของผมไม่สามารถทำอันตรายเขาได้แม้แต่น้อย มือซุกซนเคลื่อนมาถึงยอดอก ผมตกใจรีบเอามือตะครุบไว้ ทว่าเขาก็ยังใช้ปลายนิ้วเขี่ยวนรอบๆ จนขนลุกซู่
 
              “อ๊ะ! หยุด- อื้อ!”
 
              ห้ามได้ไม่ทันขาดคำ ริมฝีปากแห้งระแหงประกบจูบมา ศีรษะถูกกดไว้ไม่ให้หันหนี ผมส่งเสียงประท้วงในลำคอมือก็ทั้งทุบทั้งตีขี้เมาด้านล่างไม่ขาด เขาทำโทษโดยการกัดริมฝีปากล่างจนได้เลือดทำให้ผมเผลอเผยอปากด่า หากคนชำนาญกว่าใช้โอกาสเพียงเสี้ยววิส่งลิ้นแทรกชอนไชพัวพันลิ้นเล็กได้ทัน จูบปนเลือดสูบเอาทั้งแรงและวิญญาณผมไปเกือบสิ้น ในหันพร่าเบลอชั่วขณะส่งผลให้เรียวลิ้นตอบสนองกลับอย่างเมามาย ทว่าก็ได้สติเมื่อยอดอกถูกขยี้อย่างรุนแรง
 
              “งับ!”
 
              ผมกัดลิ้นเขาด้วยความตกใจ พี่เขาก็สวนกลับโดยตบเข้าบ้องหูอย่างอัตโนมัติ เป็นการแลกหมัดที่เท่าเทียมที่สุดนับตั้งแต่เราพบกันเลย เขาเจ็บผมมึนกว่าเดิม แต่ถึงจะมึนแค่ไหนผมก็ยังระลึกได้ว่าจะต้องหนีจากสถานการณ์นี้เสียก่อน ว่าแล้วก็ผลักเขาออกเต็มแรงพุ่งเข้าห้องน้ำไป
 
              ปัง!
 


              “พี่แม็ก...”
 
              “...”
 
              ชายขี้เมานอนนิ่งไม่ไหวติ่งบนโซฟาทำให้ผมวางใจได้ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์น่าหวาดเสียวเร็วๆ นี้ ผมเรียกด้วยเสียงกระซิบ ก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องกระซิบ มันไม่ได้ช่วยเช็กได้เลยว่าเขาตื่นอยู่หรือเปล่า เอาเป็นว่าลักษณะนี้น่าจะหลับไปแล้วครับ
 
              ผมย่องออกมาจากห้องน้ำในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันท่อนล่างไว้ เมื่อกี้มันตกใจเลยลืมเอาชุดเข้าไปเปลี่ยนอย่างทุกที แถมผ้าผืนใหญ่ก็ยังกองอยู่ใกล้ๆ สถานที่เกิดเหตุด้วย เหลือแค่ผ้าซับผมที่ทิ้งไว้ในห้องน้ำเท่านั้นที่ช่วยอำพรางความอุจาดแก่สายตาประชาชีด้านนอกได้
 
              “อือ...”
 
              “!”
 
              ...
 
              เงียบ...
 
              ฟู่! อย่าละเมอไม่ให้ซุ่มให้เสียงสิ!
 
              พยายามเดินให้เบาที่สุด ระวังอย่าไปเตะอะไรเข้า ค่อยๆ หมุนตัวไปตู้เสื้อผ้า... แล้วผมจะกระซิบทำไม
 
              อย่างกับในเกมที่พี่แม็กเล่นเลย เป็นเกมโหดๆ ที่ต้องคอยซ่อนตัวตลอดเกม เนื้อเรื่องประมาณว่าเป็นนักข่าวไปสืบความลับอะไรบางอย่างน่ะครับ ผมรู้แค่นี้ อ้อ ผมลงทุนซื้อเพลย์4 ให้เขาเลยนะ เขาจะได้ไม่มายุ่งกับผมไง แม่เองพอคิดว่าผมมีเพื่อนเล่นด้วยก็ดีใจใหญ่
 
              ติ๊ง!
 
              อ๊าก! ชู่ๆๆๆ เจ้ามือถือบ้า! จะข้อความเข้าตอนนี้ทำไมเนี่ย
 
              ผมเปลี่ยนเป้าหมายวิ่งซอยเท้าไปอีกทางเพื่อปิดเสียงมันก่อนอันดับแรก ถึงมือถือเจ้ากรรมจะอยู่บนโต๊ะใกล้พี่เขาไปนิดเดียวถ้าลงมือเร็วเขาคงไม่ตื่นหรอกมั้ง
 
              ฟู่...
 
              เฮ้อออออ… เรียบร้อยแล้วฮะ ขอถอนหายใจยาวๆ ที
 
              ผมยังยืนหันหลังอยู่ที่เดิม ขอเช็กข้อความก่อนนิดนึง สักพักก็ก้าวกลับไปตู้เสื้อผ้าอีกครั้ง (กว่าจะได้ใส่ชุดนี่นานจังเนาะ) ก้าวไปแต่ตายังจดจ้องหน้าจอไปด้วยทำให้ไม่เห็นการเคลื่อนไหวด้านหลังแม้แต่น้อย
 
              “เหวอ!!!”
 
              พลั่ก!
 
              พอรู้สึกถึงแรงโอบรัดรอบเอวปุ๊บ ร่างผมก็ลอยหวือถูกเหวี่ยงไปตกลงบนเตียงทันที แม้เตียงจะนุ่มแต่แรงกระแทกก็พาจุกพอสมควร ผมนอนโอดโอยไร้เสียงตัวงอเป็นกุ้ง คนด้านบนก็โถมน้ำหนักลงมาซ้ำอีกรอบ
 
              “อุก! พี่แม็ก เจ็บนะ...”
 
              อาการจุกค่อยๆ หายไปถูกแทนที่ด้วยคนตัวใหญ่กดตรึงไว้ทั้งตัว ผมเบิกตาอย่างตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะตื่นและพุ่งเข้าหาแบบนี้ และไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาอยู่ในท่าล่อแหลมและสภาพไม่เหมาะสมเช่นนี้ด้วย สองแขนถูกพันธนาการด้วยมือแกร่ง ช่วงขาพาดข้างเตียงมีตัวเขาอยู่ตรงกลางมันเลยต้องอ้าออกอย่างช่วยไม่ได้ ลมแอร์พัดเข้ามาใต้ผ้าขนหนูมันเย็นหวิวๆ ขนลุกชูชันจากความเย็นเบื้องล่างแล่นขึ้นตามแนวสันหลัง รู้งี้ไปใส่เสื้อผ้าก่อนก็ดี
 
              “พี่แม็ก ขอโบไปใส่เสื้อผ้าก่อนนะ… โบหนาว”
 
              การเจรจาไม่เป็นผลเมื่อคนด้านบนเอาแต่เงียบแล้วกวาดตามองผมไปทั้งตัวราวกลับจะกลืนกิน สายตาเขาวาววับล้อแสงไฟหัวเตียง กวาดมองตรงนั้นตรงนี้ราวกับพ่อครัวกำลังพิจารณาเนื้อชิ้นงาม ในที่สุดเขาก็พูดอะไรออกมาบ้าง ทว่าคำตอบนั้นมันออกจะ… พิลึกไปหน่อย
 
              “ยั่วกูหรอ”
 
              คิ้วเข้มกระดกขึ้นข้างหนึ่ง เขากระตุกยิ้มมุมปากอย่างกับจะเยาะเย้ยผม ผมก็ไม่เข้าใจที่เขาพูดจึงถามไปสั้นๆ “ฮะ?”
 
              “ก็มึงบอกว่าหนาว...” ใช่ ก็หนาวจริงๆ นี่ ผมเกือบโป๊เลยนะ
 
              “ก็หนาวจริงนี่ เชี่ย! เชี่ย… ข้างล่างยิ่งหนาวเลย ขอโบไปใส่เสื้อนะ พี่หลีกให้โบหน่อย” ไม่ได้ตั้งใจทำหน้ายุ่งยู่ปากใส่เขานะ ก็เขาเมาแล้วงี่เง่าเองหนิ แล้วตัวทำจากอะไร ดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่สะเทือน
 
              “อ่อยรอบเดียวก็พอไอ้ลูกหมู ทำหน้าแบบนั้นไม่น่ารักหรอกนะ”
 
              “?”
 
              ยิ่งฟังยิ่งงง ผมเอียงคอมองตาแป๋ว พี่แม็กไม่ได้ไขความกระจ่างทั้งยังคำรามต่ำสบถในลำคอด้วยคำหยาบคาย เขาจู่โจมฉับพลันที่ริมฝีปาก จุมพิศสูบพลังเริ่มขึ้นอีกครั้งทว่าทวีด้วยแรงอารมณ์กว่ามาก
 
              เมื่อละริมฝีปากออกให้ผมได้หอบหายใจ เขาก็พูดทั้งยังชิดแนบปากกันด้วยเสียงแหบพร่าว่า “ไม่รู้หรอ เวลาผู้หญิงบอกว่าหนาว เขาว่าอ่อยน่ะ”
 
              “... ม ไม่เข้าใจ” ก็ผมไม่ใช่ผู้หญิงนี่
 
              “ถ้าบอกว่าหนาว แสดงว่า...”
 
              “ว่า…?”
 
              ผมลากเสียงตามอย่างไม่รู้ตัว พี่เขาดูหล่อมากเวลายิ้มร้ายๆ ทั้งสีหน้า น้ำเสียง กลิ่นแอลกอฮอล์โชยคลุ้งและความใกล้ชิด ทุกอย่างมันพาใจดวงน้อยสั่นไหวเคลิบเคลิ้มราวฟังนิทานกล่อมนอน ความเงียบต่อจากเสียงผมเกิดขึ้นราวสามสี่วิก่อนที่เขาจะเฉลยออกมา
 
              “อยากให้กอดไง”
 
              ใบหน้าชวนฝันซุกไซ้ที่ซอกคอทันทีที่เขาเอ่ยจบ ผมร้องอย่างตกใจระคนเสียว มือที่ถูกตรึงถูกปล่อยให้ดันไหล่กว้างได้เพราะพี่แม็กเปลี่ยนมานวดเฟ้นทั่วร่างผมแทน
 
              “อ๊ะ! พี่แม็ก หยุดนะ”
 
              ยอดอกแข็งเป็นไตสู้แรงบดขยี้ ริมฝีปากแห้งขบเม้มซอกคอจนเจ็บจี๊ด ก่อนมันจะเคลื่อนผ่านฝากความร้อนระอุไปตามแนวไหปลาร้า ลากผ่านอกมาแล้วหยุดที่หน้าท้อง
 
              “งับ!”
 
              “อ๊า! ไอ้พี่แม็ก! นิสัย! อย่ากัดพุงนะ เจ็บ!”
 
              หน้าท้องผมถูกฟันคมๆ งับเข้าเต็มแรง ยกหัวขึ้นดูเห็นรอยฟันเด่นหราตัดกับผิวสีขาวที่เลือดฝาดเกินปกติ ผมไม่ได้ผอมแห้งแต่ก็ไม่อ้วนฉุ แค่เรียกได้ว่าเจ้าเนื้อ ตรงท้องก็มี ‘พุง’ ที่เวลานั่งจะเห็นเป็นชั้นชัดเจน แล้วเนื้อนิ่มๆ ตรงนั้นก็กลายเป็นห่วงยางที่พอดีคำสำหรับเขามาก เขาถึงเรียกผมว่าลูกหมูสินะ
 
              “หึหึ อ้วน” ยังจะมาล้อกันอีก เคืองจริงๆ นะ ไม่ชอบ
 
              “ไม่ได้อ้วน สัด!”
 
              “ไอ้อ้วน”
 
              “ไม่อ้วน”
 
              “หมูน้อย”
 
              “K แม่ง- อย่างเรียกอย่างนั้นนะ”
 
              “ให้เรียกอะไรล่ะ มีพุงนุ่มๆ ก็หมูไง”
 
              เถียงไปตัวก็ถูกดันมากลางเตียง พี่เขาดูจะชอบใจมากที่ได้ล้อผมแบบนี้ แต่ผมโมโหจริงๆ นะ บอกเลย มีใครดีใจเวลาถูกว่าว่าอ้วนบ้างล่ะ
 
              ผมเอาแขนมาบังเมื่อเขาทำท่าจะเข้ามากัดอีก “พี่แม็กนิสัยไม่ดี!”
 
              “หู… อันไหนตั้งใจด่าเนี่ย อย่าบอกนะว่าอันหลัง” เออ!
 
              “ผมไม่เล่นกับพี่แล้ว” ผมทำหน้าที่คิดว่าน่ากลัวที่สุดส่งไป หมุนตัวกะจะคลานหนีเขาแต่ดันไปเปิดช่องให้เขาแทนซะงั้น “ไม่เอาาาาา”
 
              “ใครว่ากูเล่นล่ะ เอาจริงละนะ พร้อมยัง”
 
              “พร้อมอะไรล่ะ- อ๊ะ!”
 
              ขณะที่ตัวผมถูกรัดด้วยแขนแกร่งข้างหนึ่งในท่าคว่ำหน้าก้นลอยคุกเข่า ใต้ผืนผ้าก็รู้สึกถึงนิ้วร้อนป้วนเปี้ยนรอบๆ สะโพก เนินเนื้อหนานุ่มมือถูกขยำเค้นทำให้นึกถึงเมื่อวันนั้นที่ก้นของผมถูกทำอะไรๆ แบบนั้น ผมรู้ละว่าเขาจะทำเหมือนเดิมอีกแน่ๆ จึงรีบร้องห้าม
 
              “ไม่ๆๆๆ ไม่เอาแบบวันนั้นนะ”
 
              “ไม่เหมือนหรอกน่า” เขาปลอบหรือเปล่านะ แต่ทำไมมันไม่น่าไว้วางใจก็ไม่รู้ “สนุกกว่านั้นเยอะ”
 
              นั่นไง!
 
              และแล้วช่องทางก็ถูกรุนรานด้วยนิ้วหนึ่ง ความฝืดเคืองทำเอาเจ็บจนจุก ไม่ชอบตอนที่ใส่เลย แล้วเขาก็เหมือนจะรู้ว่าผมเจ็บจึงหยุดสอดใส่แล้วถอนนิ้วออกไป ผมถูกปล่อยพักหนึ่งก่อนที่เขาจะกลับมากอดจากด้านหลังอีกครั้ง คราวนี้มาพร้อมกับอุปกรณ์คล้ายขวดเจลซึ่งผมจำไ้ด้ดีเลยว่าเคยใช้มันมาก่อน
 
              เจลเย็นป้ายลงบนรอยจีบโดยไม่ทันตั้งตัวจนผมสะดุ้ง ขนอ่อนลุกไล่ตั้งแต่ก้นกบลามถึงกระหม่อมเมื่อบั้นท้ายถูกล่วงล้ำอีกครา คราวนี้ง่ายขึ้นและไม่ค่อยเจ็บแล้ว
 
              “อ อื้อ อื้ม...”
 
              มันผลุบเข้าผลุบออกสักพัก บางครั้งปลายนิ้วก็ไปสะกิดโดนจุดอ่อนไหวให้ผมครางระทวย แล้วเขาก็ถอนนิ้วซึ่งก็ไม่รู้ว่ากี่นิ้วออก ก่อนสิ่งที่ใหญ่กว่ามาจ่อแนบประตู
 
              ช่วงที่รู้สึกโล่งแป๊บนึงผมหันกลับไปดูแต่ถูกเขากดหน้าลงกับหมอนแทน แล้วอาวุธร้อนก็ค่อยๆ ถูกดันเข้ามาทีละนิด ด้วยธรรมชาติไม่ได้สร้างสรีระนั้นสำหรับการนี้ผมจึงต้องร้องออกมาอย่างเจ็บปวด “โอ๊ย… อย่... ด เดี๋ยวๆๆ”
 
              “ชู่… อย่าเกร็ง”
 
              ฝ่ามืออุ่นลูบตามแนวผมอย่างปลอบประโลม จังหวะเนิบช้ากับริมฝีปากที่จูบซับหางตาทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย เขาสัมผัสด้านหน้าของผมเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ ความอ่อนโยนทั้งหมดช่วยให้ผมคลายความตื่นเกร็งแล้วยอมให้ส่วนหัวเข้ามาอย่างช้าๆ
 
              “เด็กดี...”
 
              มันเจ็บ เจ็บมากสำหรับครั้งแรกแต่ก็ยังพอทนไหว สัมผัสลูบไล้ดึงสมาธิไปจากเบื้องหลังได้ชั่วครู่ พี่แม็กค่อยๆ เสือกกายเข้ามาทีละนิดจนสุดลำ น้ำตาเล็ดไหลออกมาหยดหนึ่ง เขาปาดมันเบาๆ แล้วขบจูบต้นคอระเรื่อยถึงหัวไหล่ เสียงทุ่มแตกพร่าด้วยตัณหากระซิบถามความพร้อมก่อนจะขยับสะโพกช้าๆ
 
              “ดี… ดีมาก หมูน้อย เดี๋ยวก็ดี อย่าเกร็งนะ”
 
              คนๆ นี้ใช่พี่แม็กจริงหรือเปล่า ทำไมเขาช่างอ่อนโยนและใจเย็นกับผมขนาดนี้ พี่กำลังทำให้ผมคิด… ในอกพองฟูทั้งยังตื่นเต้นว่าเราจะไปจบกันที่ตรงไหน ความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นเสียววาบยามแก่นกายสวนเสียดสี เขารู้ว่าจุดไหนที่ผมรู้สึกดี และก็รู้ด้วยว่าผมรับมันได้แค่ไหน เขาไม่เอาแต่ใจเร่งร้อนทำร้ายกันอย่างทุกที ช่างอบอุ่นและวาบหวามหัวใจจนต้องครางออกมาอย่างสุขสม
 
              “อา… พี่แม็ก เร็ว… เร็วอีก”
 
              “ชอบมั้ยโบ”
 
              “เร็ว ทำเร็วกว่านี้ โบจะไม่ไหวแล้ว… พี่ พี่แม็ก พี่แม็ก...” ผมเรียกเขาไม่หยุด เขาจับหน้าผมหันไปแลกจูบดูดดื่มขณะที่ขยับเร็วขึ้นตามคำสั่ง
 
              “อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ...”
 
              “แม่งเอ๊ย มึงโคตรน่ารักเลย”
 
              ผมไม่รับรู้อะไรอีกแล้วแม้คำหวานทั้งหลาย ในหัวขาวโพลนจิตใจล่องลอยไปตามกามารมณ์ที่เขานำพา นี่หรือ ‘เซ็กส์’ มันรู้สึกดีขนาดนี้เลยหรอ ดีจนจะตายอยู่แล้ว ดีจนได้เท่าไหร่ก็ไม่พอ ผมต้องการอีก มากกว่านี้!
 
              “จูบ… จูบอีก”
 
              “อืม...”
 
              ร่างถูกพลิกกลับมานอนหงายทั้งที่ร่างกายเรายังเชื่อมติดกัน แรงเสียดสีหมุนคว้างข้างในสุดเสียวเกินบรรยาย ผมหวีดร้องปลดปล่อยออกมาส่วนหนึ่งทว่ามันยังไม่รู้สึกโล่งเลยสักนิด
 
              “เสียวหรอครับ”
 
              ครับ?... เขาพูด… ครับ
 
              “โอ๊ะ! อะไร มีอารมณ์เพราะกูพูดเพราะหรอเนี่ย… ตอดจนพี่จุกเลยนะครับ...”
 
              “อ๊ะ!”
 
              ผม… ถึงเพราะเขาพูด ‘ครับ’ จริงๆ หรอเนี่ย ล… ลามก
 
              “รอก่อนสิ อา...” เขาเร่งจังหวะถี่กระชั้นเพื่อตามผมให้ทัน เสียงพี่แม็กเซ็กซี่มากเลย โบน้อยแข็งตัวอีกครั้ง เวลาผ่านไปท่ามกลางเสียงครางและกลิ่นเหงื่อ ในที่สุดเราทั้งคู่ก็ปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน
 
              “อ๊าาาาา”
 
              “อาาาาา”
 
              เหนื่อยราวกับวิ่งรอบสนามเป็นสิบๆ รอบ ผมหอบแฮ่กพอๆ กับคนข้างบนที่ยังแช่กายแข็งขืนไว้สักพัก เมื่อปรับลมหายใจได้เขาก็ถอนตัวออก เพิ่งรู้ตัวว่าไม่ได้มีอุปกรณ์ป้องกันเช่นถุงยางเลย ของเหลวข้างในจึงไหลย้อนออกมาเปรอะผ้าปูที่นอน พี่แม็กลุกไปเข้าห้องน้ำเงียบๆ ส่วนผมหมดแรงที่จะลืมตาต่อจึงค่อยๆ เข้าสู่ห้วงนิทราพร้อมความรู้สึกปลอดโปร่งแปลกๆ ก่อนที่สติจะดำมืดผมเห็นเงาร่างสูงที่ข้างเตียงก้มลงมา
 
              จุ๊บ…



+++++++++++++++++++++++

ขอบพระคุณทุกกำลังใจจากมิตรรักแฟนเพลงทุกท่าน


แล้วก็...


อ่านถนอมๆ กันหน่อยนะ 555
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน14 100% 24/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 24-12-2017 18:25:34
พี่แม็กกินน้องโบแล้ว ในที่สุด อิอิ
ถนอมน้องด้วยแระ ฮ่าๆๆๆๆ
เอาอีกๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน14 100% 24/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: moodyfairy ที่ 24-12-2017 19:11:45
ง่อวววววววววววว :jul1: :jul1: :jul1:
น้องเป็นของพี่แม็กแล้ววว จะโดนเทหรือโดนตามตื๊อกว่าเดิมอ่าา ทำไมรู้สึกว่าน่าจะอึน :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน14 100% 24/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 24-12-2017 19:50:35
 :haun4:  :haun4:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน14 100% 24/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-12-2017 19:58:54
ที่ผ่านมา แม็กเอาแต่ใจตัวเอง ทำโบเจ็บตลอดสินะ

แล้วโบ ไม่ไปล้างร่างกายก่อนนอนจริงหรือ
จะไม่เป็นอะไรใช้ไหม

แล้วแม็ก มีพูดเพราะกับโบด้วย
เพราะต้องการเซ็กส์ดีๆจากโบ  :serius2:
ในใจแม็กคิดอะไรกับโบ มีมาจุ๊บโบก่อนนอนด้วย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน14 100% 24/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 24-12-2017 23:10:33
เค้าได้กันแล้ว
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน14 100% 24/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 24-12-2017 23:21:34
กลัวใจพี่แม็กจริงๆค่ะ ร้ายมากก ไม่น่าไว้ใจ กะจะเก็บโบไว้เล่นหรือเปล่าเนี่ยย
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน14 100% 24/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 24-12-2017 23:36:40
อื้อหืออ พีแม็กอ่อนโยนกับน้องด้วยยยย
หวังว่าพี่แม็กจะไม่หลอกโบน่ะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน14 100% 24/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 25-12-2017 00:07:09
พี่แม็กจะลมเพลมพัดอีกไหมเนี่ย ขอชัดๆหน่อยน๊าาาา ไม่โลเลให้น้องโบเสียใจ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน14 100% 24/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-12-2017 00:18:48
ซับเลือดด่วนจร้า  :m25:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน14 100% 24/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 25-12-2017 15:30:51
 :pighaun: กรี๊ดดดด
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน14 100% 24/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 25-12-2017 20:32:27
กรี๊ดดดดดดดดดด :katai1:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน14 100% 24/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 26-12-2017 12:15:54
ง่อวววววววว :hao3:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน14 100% 24/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 28-12-2017 15:05:34
เดี่ยวๆๆๆ ไอ้พี่แม็กจำได้ไหม

หรือนี่แกล้งเมา


อารมณ์พาไป


หรือจริงๆแล้วก็ตั้งใจ


หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน14 100% 24/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 31-12-2017 12:47:15
นูก้าจะทำเพจ ณ เวลาเริ่มปีใหม่ จะได้รู้ความเคลื่อนไหวกันว่าอัพตอนไหนอะไรยังไงเนาะ


หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน14 100% 24/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 31-12-2017 23:10:36
นูก้าจะทำเพจ ณ เวลาเริ่มปีใหม่ จะได้รู้ความเคลื่อนไหวกันว่าอัพตอนไหนอะไรยังไงเนาะ

รับทราบครับ ขอทวิตเตอร์ด้วยนะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน14 100% 24/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 01-01-2018 00:09:33
นูก้าจะทำเพจ ณ เวลาเริ่มปีใหม่ จะได้รู้ความเคลื่อนไหวกันว่าอัพตอนไหนอะไรยังไงเนาะ

รับทราบครับ ขอทวิตเตอร์ด้วยนะ

ทวิตเค้าขอไปหัดเล่นก่อนนะ55
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน14 100% 24/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 03-01-2018 09:40:39



นูก้ามีเพจแล้ววว ณ เวลาเริ่มปีใหม่ จะได้รู้ความเคลื่อนไหวกันว่าอัพตอนไหนอะไรยังไงเนาะ

สวัสดีปีใหม่ ขอให้ทุกคนมีความสุข สนับสนุนกันตลอดไปนะคะ

  :L1: :3123:

เพจ NuGaa ヌガー

หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 50% 4/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 04-01-2018 21:17:58



สวัสดีปีใหม่ทุกคนนน
ขอให้ทุกคนมีความสุขตลอดปีและตลอดไป
สนับสนุนกันต่อไปเรื่อยๆ นะจ๊ะ

แล้วอย่าลืมไปเยี่ยมเพจนูก้าด้วยนะ

เพจ NuGaa ヌガ- Novels

ไปดูชีวิตรักน้องโบพี่แม็กกันต่อเล้ยยย

-15-

MAGNUM
 
              ได้กันแล้ว
 
              อันที่จริงคำนี้มันก็ไม่ได้มีอิทธิพลอะไรกับชีวิตผมเท่าไหร่ เพราะที่ผ่านมาก็ ‘ได้’ กับหลายๆ คนมาแล้วไม่ว่าจะหญิงหรือชาย แต่คราวของไอ้อ้วนเตี้ยนี่ทำไมรู้สึกต่างออกไปวะ

              หรือเพราะเมา? คนอื่นก็เคยเมา... ช่างแม่งเหอะ
 
              แต่ถึงจะเมายังไงผมกลับจำทุกภาพทุกช็อต ทุกๆ การเคลื่อนไหว และสีหน้าที่แสดงออกได้อย่างติดตา ไม่คิดว่าหงิมๆ อย่างมันเวลาอยู่บนเตียงก็เร้าร้อนเหมือนกันนะเนี่ย สายตาเชื่อมปรอยมองอย่างเว้าวอนยามผมขยับกาย ตอนครางเสียงหวิวฟังแล้วรื่นหูดีชะมัด เนื้อตัวก็นุ่มนิ่มเหมาะมือ

              ผมน่ะ ได้ทั้งชายและหญิงก็จริง แต่ทั้งสองอย่างก็มีข้อดีข้อเสียที่น่าขัดใจอยู่
 
              ผู้หญิงน่ะ ผู้ชายน่ะนะ จะให้มามีเนื้อชอบครางครวญเสียเว่อร์วัง ขยับนิดนึงก็ทำเหมือนจะเสร็จไปถึงดวงจันทร์แถมยังพูดพล่ามน่ารำคาญ แต่ข้อดีคือมีความเนื้อนมไข่ ส่วนผู้ชายไม่ว่าจะเป็นหนุ่มน้อยน่ารัก ตัวเล็กบอบบางแต่ผู้ชายก็คือผู้ชาย จับไปก็มีแต่กล้ามเนื้อกับกระดูกแข็งๆ ทว่าไม่ส่งเสียงพร่ำเพรื่ออย่างผู้หญิง

              ไอ้โบ… มันดันรวมข้อดีทั้งคู่ไว้หมด มันไม่ครางและพูดมากเกินไป ไม่เสียวจริงก็จะเป็นหอบเสียมากกว่าแม้จะหลุดปากลั่นบ้าง แต่ตัวมันนิ่ม… ไอ้ลูกหมูไขมันยุ้ยๆ กอดแล้วรู้สึกดียิ่งกว่าหมอนข้างราคาแพง ผิวมันก็เย็นลื่นมือ ขบกัดตรงไหนก็เป็นรอยชัดแถมอร่อยมันเขี้ยวดีด้วย ผมเสพติดร่างกายมันทันทีจนสองสามวันที่ผ่านมาเอาแต่ฟัดเจ้าก้อนซาลาเปาหนุบหนับนั่นทุกคืน ซาลาเปาสองก้อนขาวๆ ก็ช่างพอดีสำหรับคนมือใหญ่อย่างผม ขยี้ขยำแรงแค่ไหนมันก็ไม่บ่น ผมชอบมองตอนซาลาเปาขาวช้ำมือถูกแยกออกจากกันแล้วน้ำของผมไหลออกมาช้าๆ
 
              เหมือนซาลาเปา...

              “ไส้ครีม”
 
              “...เชี่ยแม็ก”

              อะไรวะไอ้เมษ เรียกแล้วมองหน้าแหยงๆ เหมือนกูไปเหยียบขี้มา ตอนนี้พวกผมสามหน่อนั่งหล่อๆ หย่อนใจใต้ใบโพธิ์ (แหนะ! คล้องจอง) ผมไม่ได้หันไปหา พอดีว่ากำลังอารมณ์ดีไม่อยากใส่ใจสิ่งแวดล้อมใดๆ นอกจากของว่างบนโต๊ะหินอ่อน
 
              “ไหวมั้ยเนี่ยมึง เรียกไม่ตอบ... กูชักจะกลัวแล้วนะเว้ย พอลมึงดูดิ แม่งเอาแต่มองซาลาเปาแล้วยิ้มหื่นๆ โรคจิตชิบหาย”

              “...” ผมไม่ตอบ ยังคงยิ้มให้ก้อนสีขาวดังมันว่า
 
              ผัวะ!

              “ไอ้เหี้ย! จะแดกก็แดกดิ มาแหกไส้เล่นทำไมวะ กูกลัวจริงๆ นะเว้ย!”
 
              เชี่ยเมษโวยวายหลังตบหัวผมจนเสียงก้องในหัวเสร็จก็กระโดดไปนั่งติดไอ้ฝรั่งทันที มันมองด้วยสีหน้าไม่ไว้ใจสุดตีนเพราะผมบิซาลาเปาในมือให้ครีมมันไหลออกจากรอยแยกตามจินตนาการอย่างใจลอย พอสติเข้าร่างด้วยแรงตกกระทบมหาศาลก็หันไปมองไอ้ขี้เว่อร์อย่างเคืองๆ

              “ไอ้ห่า ใส่เต็มแรงเลยนะมึง ถ้ากูสมองเสื่อมเทอมนี้ไม่ได้บีขึ้นไปกูจะบอกอาจารย์ว่ามึงเคยลอกกูตอนปีหนึ่ง ให้แม่งเอฟกันทั้งคู่ไปเลย”
 
              “ไม่ต้องมาเสือกขู่เลย เหม่อเองแล้วโทษคนอื่นว่ะ ไอ้ตูดเอ๊ย”

              อ่า พูดถึงตูด ตูดอ้วนๆ ก็ลอยมา ลูกหมูของผมซอยเท้าด๊อกแด๊กมาหา ท่าเดินขัดๆ บ้างตามประสาคนโดนศึกหนักแต่ร่างอ้วนๆ ก็เคลื่อนย้ายมาข้างผมได้โดยสวัสดิภาพ มันไม่ได้อ้วนมากหรอกแค่ช่วงนี้รู้สึกว่ามันมีน้ำมีนวลขึ้นเฉยๆ เกือบจะดูสุขภาพดีแล้วถ้าไม่ติดว่าหน้าซีดไปหน่อย
 
              มันเดินเลี่ยงไอ้พอล นิ้วเล็กจิ้มแขนผมจึกๆ พูดด้วยเสียงอันเบาาา ว่า “เย็นนี้พี่จะไปหอโบป่าว”

              “อือ” ผมตอบในลำคอ ไม่รู้ตัวว่ายิ้มบางๆ ให้มันอยู่ มันเองก็ทำตัวไม่ถูก จะนั่งก็ไม่นั่งไม่รู้เอาไงแน่
 
              “งั้น… พี่ไปก่อนเลยนะ โบจะกลับบ้านไปหาแม่แป๊บนึง”

              “แล้วจะไปยังไง”
 
              “ก็… คง...”

              ช้าโว้ยยย แค่พูดทำไมช้างี้วะ กว่าจะหลุดออกมาคำนึงกูนี่ลุ้นจนเยี่ยวเหนียว
 
              ผมเร่งมันด้วยตาดุๆ มันสะดุ้งสูดหายใจเฮือก สงสัยจะอีกนานกว่าจะรู้เรื่องเลยดึงมันลงมานั่งตักก่อน แต่คงจะแรงไปหน่อยมันเลยเด้งตัวเพราะเจ็บตูด ฮ่าๆ

              พอดีมากๆ แขนโอบรอบเอวหลวมๆ แต่เต็มวง คางวางบนไหล่บางได้อย่างเหมาะเจาะ ขาสั้นลอยพันพื้นแกว่งดุ๊กดิ๊ก ไซส์มึงนี่เกิดมาเพื่อกูจริงๆ “เอาไง แท็กชี่? รถเมล์? หรือให้กูไปส่ง” เริ่มจับทางถูกละ คุยกับมันนี่ต้องตอบเองให้ด้วยครับ
 
              “งั้นพี่ช่วย เอ่อ ไปส่งแล้วก็เอารถไปคืนหมิวเลยมั้ยครับ หรือพี่อยากเอาไว้ใช้ แต่เกรงใจหมิวอ่ะ เอาของเขามานานแล้ว”

              “นั้นน้องนะ เกรงใจทำไม” กูก็คิดเหมือนมึง ฝรั่ง เห็นเงียบมานานได้มีบททีตรงประเด็นตลอดครับคุณชาย
 
              โบไม่ตอบไอ้พอลหรอก สองตัวนี้ก็เป็นห่าไรไม่รู้ เหมือนหนูอยู่กรงเดียวกับงูที่อิ่มอยู่อ่ะ แม่งก็ฟ่อๆ ใส่น้องทั้งวัน หนูมันก็กลัวดิ

              แต่คืนไปก็ดี เกะกะว่ะ แรกๆ ก็โก้ดีอยู่หรอก พอนานๆ ไปชักรำคาญ หาที่จอดยาก “เดี๋ยวขับไปคืนเลย เอาไว้ก็ไม่ได้ใช้ แล้วไง ใช้กูแล้วเฉดหัวส่งเลย? ไม่เลี้ยงข้าวหน่อยไง”
 
              ตกลงกันเรียบร้อยผมนัวเนียมันอีกพักก่อนที่มันจะขอตัวกลับไปเรียน (อย่างง ผมว่างเว้ยยย) ไม่ได้ฟัดอย่างรักใคร่เหมือนบนแต่งหรอก แค่ขยำพุงมันเล่นเท่านั้นเอง พอเหลือกันสามคนไอ้สองตัวตรงข้ามก็เอาแต่มองผมนิ่ง “อะไร” ผมยักคิ้วถาม

              “ไม่ยักรู้ว่ากลมเกลียวกันขนาดนี้” เมษเปิดก่อน สายตาโคตรแคลงใจ กูก็ไม่ได้แสดงท่าทางรักใคร่กลมเกลียวอย่างมันว่าเลยป่าววะ ก็ยังแหย่มันเหมือนเดิม แล้วแต่จะคิดนะ ผมยักไหล่
 
              “แม็ก” ไอ้พอลมาเว้ยๆ

              “ว่า?” ห้วนสุด คุยตั้งนานนึกคอแห้งเลยกระดกขวดชาเขียวระหว่างรอตอบมัน แต่คำถามถัดมาก็เล่นเอาสำลักพรวด
 
              “มึงได้มันแล้วใช่มั้ย”

              พรวด!!!
 
              “แค่กๆๆๆ มึงว่าอะไรนะ”

              “มึงเอามันแล้ว ใครเห็นก็ดูออก สองสามวันนี่มึงห่างๆ ไปแถมยังท่าทางแปลกๆ อีก ใช่มั้ยเมษ” ตรงกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว พอลหันไปหาพวกเพื่อยืนยันทฤษฎีของมันแต่ดันถามผิดคน
 
              “หา? จริงหรอ กูไม่ทันสังเกตเลยนะเนี่ย”

              ไอ้เมษหลอหลาผิดกับหนุ่มลูกครึ่งผู้ทำหน้าเซ็งโลก มันกุมขมับส่ายหัวหน่อยๆ มาดคุณชายชิบหาย หมั่นไส้ ไอ้พอลคาดคั้นต่อ “ใช่ไม่ใช่ จะเล่ารายละเอียดด้วยกูก็ไม่ว่า”
 
              ขอมา จัดให้ “เออ เอามันละ แล้วก็เอามันจริงๆ”

              “ยังไงวะ กรุณาอย่าเล่นคำ สมองกูไม่ดี” เมษ… เมียยังไม่ทันสวมเขาให้เลยนะ
 
              จะให้จารไนอะไรอีกล่ะ มันก็มันดิ ผมเล่าหมดทุกกระบวนท่า เล่าแม้กระทั้งสัมผัสทั้งห้าหกเจ็ดยามได้ร่วมรักกับไอ้อ้วน ผมยอมใช้คำว่าร่วมรักเลยทั้งๆ ที่ไม่เคยใช้คำนี้กับใคร มันคือคนแรกที่ทำให้รู้สึกอิ่มเอม ภายนอกที่ดูบอบบางทว่าสามารถรองรับความรุนแรงจากผมได้มันถึงได้เดี้ยงอย่างนี้ มีแค่วันแรกแหละที่เบามือ

              “พอๆๆๆ แม่งเล่าซะกูเกือบแข็ง” ไอ้เมษยอมแพ้ลุกไปห้องน้ำก่อน มีไอ้พอลนี่แหละ ยังนั่งหรี่ตาอย่างกับจะมองทะลุเข้าไปในความทรงจำผมยังไงยังงั้น อะไรอีกวะ กูก็ปวดเยี่ยวเนี่ย
 
              “มึงไม่ได้ชอบมันใช่มั้ย”

              “...”
 
              “แม็ก”



              “...ไม่หรอกน่า”

50%

เอาไปครึ่งนึงก่อนเนาะ ง่วงอ่ะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 50% 4/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 04-01-2018 23:04:06
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 50% 4/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-01-2018 01:13:14
มาต่อแล้ววววรอที่เหลือจ้า
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 50% 4/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 05-01-2018 10:39:12
กรี๊ดดด ตื่นเดี๋ยวนี้ค่ะคนเขียนน //เขย่า  :z13:

ปล.ขำที่พี่แม็กบอกว่าพี่พอลเป็นงูที่อิ่มอยู่ เออ จริง เหมือนจริงด้วย  :laugh:
หวังว่าพี่แกคงไม่เกิดหิวขึ้นมาหรอกนะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 50% 4/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 05-01-2018 12:10:38
ชอบก้บอกไปไอ้พี่แม้ก
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 50% 4/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 05-01-2018 15:57:05
อ่านรวดเลย สนุกมาก ชอบๆๆ มาต่อบ่อยๆนะคะ
อย่าทิ้งไปนานนะ :impress2:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 50% 4/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 05-01-2018 16:33:44
ตอนแรกคิดว่าพอลแอบชอบน้องโบ
ไปๆมาๆ น่าจะเป็นชอบแม็กมากกว่า
ยังไงก็เหอะ อย่ามาทำอะไรโบละกัน ชิ!
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 50% 4/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 05-01-2018 17:10:15
ดูเค้าหยอกน้อง น่ารักอ่ะ ไม่รู้ตัวเลยรึพี่แม็ก  :mew4:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 50% 4/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-01-2018 18:40:40
Happy New Year 2018
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๑  ขอให้ไรท์สุขสันต์ ไม่มีโรคภัย มีความสุขมากๆ

แม็ก ติดใจโบแล้ว  :hao3:
ไม่รักโบ ก็ไม่รัก อีกไม่นานก็รู้
         :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 50% 4/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 05-01-2018 22:00:05
จินตนาการตามเลย ซาลาเปาไส้ครีม อิอิ

พี่พอลชอบพี่แม็กซ์ปะเนี่ย ชวนให้คิดเลย ฮ่าๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 50% 4/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 06-01-2018 09:58:39
มาต่อแล้วเย้
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 50% 4/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 07-01-2018 12:34:31
รอที่เหลือครับ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 50% 4/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 14-01-2018 22:19:34
นรอครับ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 100% 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 14-01-2018 22:44:50
 
100%
              “อ้วน มานี่ก่อนดิ๊”

              ตอนเย็นผมกับมันกลับหอมันด้วยกันเพื่อเตรียมตัวไปบ้านมัน ตื่นเต้นนิดๆ ที่จะได้ไปเยี่ยมบ้านคนรวยอีกหลัง (บ้านไอ้พอลคือหลังแรก) ได้ข่าวว่าอลังการอย่างกับวัง จะจริงหรือโม้เดี๋ยวก็รู้เร็วๆ นี้
 
              พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จผมก็มานั่งนึกระหว่างรอมันเข้าห้องน้ำบ้าง ไอ้อยากเห็นบ้านมันก็อยากเห็นนะ แต่ผมไม่ชอบอยู่บ้านคนอื่นนานว่ะ ขอแบบถึงปุ๊บสวัสดีแล้วกลับเลยได้เปล่าวะ ได้ยินไอ้อ้วนคุยกับแม่มันว่าจะอยู่กินมื้อเย็นกันด้วย ภาพโต๊ะยาวๆ อุดมไปด้วยอาหารกับช้อนส้อมหลายขนาดเรียงยาวเป็นตับแวบขึ้นมาในหัว ผมขนลุกอย่างขยาด จะให้กูไปนั่งละเมียดเลือกช้อนอย่างในหนังกูไม่เอานะเว้ย

              รู้ละ วิธีที่จะทำให้มันยอมกลับแต่โดยดี
 
              “ครับ?”

              ร่างเจ้าเนื้อซ่อนรูปเดินมาตามคำเรียก ผมหยิบบางอย่างออกมาจากถุง มันทำหน้าสงสัยกับของไม่คุ้นตานั่น เดี๋ยวมึงก็หายสงสัยเองแหละ
 
              “หันหลังซิ...”

              เหยดดดดด
 
              บ้านทรายทองชัดๆ ! ไม่สิ น่าจะเป็นบ้านทรายทองเวอร์ชั่นโมเดิร์นมากกว่า บริเวณหน้าบ้านเป็นสวนกว้างขวางตกแต่งด้วยสไตล์ทันสมัย ตัวบ้านสามชั้นออกแบบด้วยไม้และปูนขัดมันอย่างลงตัวทำให้ไม่ดูเชยอย่างคฤหาสน์ในทีวีที่เน้นสีขาวและทอง เหี้ยเอ๊ย! บ้านในฝันกูชัดๆ ! สวยกว่าบ้านไอ้พอลอีก (ของมันนี่เน้นอลัง แต่อร่ามไปหน่อย)

              โอ้โห! มีคนรับใช้มายืนต้อนรับด้วยวุ๊ย
 
              “พี่จอดไว้นี่แหละครับ เดี๋ยวลุงขับไปเก็บให้เอง”

              คนข้างตัวพูดขณะปลดเข็มขัดนิรภัย มันเห็นผมยังอึ้งตาค้างอยู่จึงเอื้อมมาปลดเข็มขัดให้ช้าๆ ก่อนจะสะกิดให้ผมลงรถได้แล้ว
 
              “เชี่ยเอ๊ย… บ้านมึงโคตรแจ่มเลยว่ะเตี้ย” ผมว่า อีกคนไม่ตอบทว่าสั่งผมด้วยเสียงแผ่วว่า

              “พี่แม็ก… ผมขอ… เอ่อ พี่ช่วย สุภาพด้วยนะครับ ท่านไม่ชอบคนพูดไม่เพราะน่ะ”
 
              ความรู้สึกเหมือนสั่งปลาห้ามว่ายน้ำเลยว่ะ

              “กู จะ พ ยา ยาม”
 
              “คอมโบ ลงมาสิลูก แม็กลงมาได้เลยนะครับ ไม่ต้องดับเครื่อง มาทานของว่างกันก่อนมา”

              เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นแม่มันชัดๆ ผู้หญิงในชุดทำงานเดินออกมาเปิดประตูฝั่งไอ้เตี้ยเอ่ยชวน เธอยังดูสาวและกระฉับกระเฉง ผมยาวรวบเกล้าไว้ด้านหลังยิ่งส่งเสริมให้บุคลิกดูน่าเกรงขามตามตำแหน่งในบริษัทของสามีเธอ ผมลงตามลูกเจ้าของบ้านที่กำลังรับจูบที่หน้าผากจากแม่ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินนำเข้าตัวบ้านไป
 
              สัดเอ๊ย พื้นหน้าประตูทำเป็นสะพานปูนขัด ด้านล่างเป็นน้ำมีปลาคาร์ฟด้วย!

              “ตามสบายนะแม็ก โบนั่งเล่นกับพี่เขาก่อนนะลูก พี่เขาอยากได้อะไรก็คอยบริการด้วยนะ… อ๊ะ น้องหมิว พี่เขามาแล้วนะ” คุณแม่ยังสาวกดบ่าให้ผมกับลูกชายนั่งลงบนโซฟารับแขกก่อนจะเรียกน้องมันให้มาต้อนรับพี่ นี่ไม่รู้เหรอว่าคนน้องรักพี่มันขนาดไหน
 
              เสียงเดินตอกส้นดังมาจากบันไดไม้ลอยๆ น่าหวาดเสียว เด็กสาวคนเดิมในชุดอยู่บ้านกางเกงสั้นจู๋เดินลงมาด้วยหน้าตาบึ้งตึง แม่มันมองปรามแต่เจ้าหล่อนหาได้ใส่ใจ คงถูกขัดเวลาส่วนตัวเพื่อมาต้อนรับพี่ชายที่รักล่ะมั้งเลยหน้าบูด หมิวยกมือไหว้พี่มันลวกๆ โดยไม่มอง ไอ้เปี๊ยกหน้าจ๋อยยิ้มแกนๆ กลับไป

              ทว่าพอเข้ามาใกล้เธอจึงสังเกตเห็นผม อาการบูดบึ้งหายเป็นปลิดทิ้งเปลี่ยนเป็นยิ้มร่า หมิวก้าวเร็วๆ มานั่งชิดผมทันที เธอยกมือไหว้ระยะประชิดแต่ผมไม่ได้ว่าอะไร คุณแม่หายไปเตรียมขนมมาให้ตั้งแต่ปรามหมิวด้วยสายตาแล้ว เพราะงี้เลยกล้านั่งชิดผู้ชายแปลกหน้าจนเกินงามแบบนี้ล่ะมั้ง
 
              “มานานยังคะ” ดวงหน้าน่ารักช้อนมองขณะถาม

              “เพิ่งถึง พี่เอารถมาคืนน่ะ...” ครั้งแรกที่เจอผมอารมณ์ไม่ค่อยดีบวกกับเด็กคนนี้อ่อยแรงมากไปเลยทำให้ความน่าสนใจลดน้อยลง แต่วันนี้ก็ โอเคอยู่นะ ถ้าจะเล่นด้วยแก้เบื่อคงไม่เป็นไร ผมงัดไม้เด็ดที่ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยเป็นต้องตกหลุมนั่นคือการเอาใจใส่ ในกรณีนี้คือการจำชื่อเธอได้นั่นเอง “น้องหมิว”
 
              แน่นอนว่าผมไม่เคยพลาด แก้มใสขึ้นสีระเรื่อ เจ้าตัวปิดปากด้วยความเขินอาย “พี่แม็ก… จำหมิวได้ด้วยล่ะ”

              “หมิวยังจำพี่ได้เลย ทำไมพี่จะจำหมิวได้บ้างไม่ได้ล่ะ”
 
              ผมยกแขนขึ้นพาดพนักพิงโซฟา ดูคล้ายๆ กับการโอบไหล่บาง ซึ่งผมก็ต้องการสื่อความนัยว่าอย่างนั้น แถมยิ้มที่คิดว่าโคตรหล่อไปอีก เอาให้ตายมันตรงนี้ไปเลย

              “เดี๋ยวผมไปเอา-”
 
              กูว่าแล้วทำไมอีกฝั่งมันเงียบๆ ไอ้อ้วนมันทำท่าจะหนีไปจากภาพบาดตา แอบเห็นคิ้วเรียวขมวดหน่อยๆ ตาแข็งที่มองแต่ข้างหน้าแข็งพอๆ กับเสียงต่างจากโทนปกติ ผมดึงขอบกางเกงด้านหลังตอนมันลุกมันเลยกระเด้งกลับมากระแทกโซฟาดังเดิม ประโยคมันขาดไปเพราะปากเม้มแน่น ผมรู้ว่าเพราะอะไรมันถึงเป็นแบบนี้

              หึงกูล่ะสิ
 
              ผมคุยกับสาวน้อยฝั่งซ้ายอย่างสนุกสนาน ภาพแม็กคนหยาบคายและแข็งกระด้างหายไปยามสนทนากับสตรีเพศ ผมคอยลอบสังเกตคนทางขวาอยู่เรื่อยๆ มันยังนิ่งเหมือนเดิม แต่เริ่มยกแขนกอดอก ไม่ค่อยได้เห็นด้านนี้ของมันเท่าไหร่ ก็น่ามองไปอีกแบบ… หมายถึง น่าสนุกดีที่ได้แหย่ให้มันหงุดหงิดน่ะ

              “มาการองจ้ะ แม่ลืมถามว่าแม็กจะดื่มอะไร ชา กาแฟ โกโก้ หรือน้ำผลไม้ดีครับ”
 
              แม่มันชอบลงท้ายตามเพศคู่สนทนาเหมือนคุยกับเด็กเลย แต่ก็ดูใจดีดี พวกเขารับรองผมอย่างดีทั้งชวนดูหนัง ชมสวน ดูรถ (ไม่ลำเอียงนะ แต่ถูกใจสัด อย่างอื่นไม่ต้องชวนเลย) พ่อมันไปต่างจังหวัดยังไม่กลับรถเลยเหลืออยู่แค่สองสามคัน

              “นี่คันใหม่ของคุณพ่อ พี่แม็กชอบมั้ยคะ หมิวไม่รู้ว่ารุ่นอะไรพี่แม็กรู้มั้ยคะ ต้องรู้อยู่แล้วแหละ เด็กผู้ชายชอบรถนี่นา” ได้ยินแล้วก็อดมองอีกคนไม่ได้ ไอ้เตี้ยยังเงียบมาตั้งแต่ตอนนั้น มันถอนหายใจกับความเจื้อยแจ้วของน้องสาว เดินเล่นกันเกือบชั่วโมงจนถึงเวลาอาหารเย็นก็มีแม่บ้านมาเชิญเราทั้งสี่ เออ สงสัยอย่าง นี่แม่เขาไม่สนหน่อยเหรอ ลูกสาวคุณเกาะแขนผมอยู่เนี่ย
 
              ชัด… ชัดเลย อย่างกับในทีวีเปี๊ยบ โต๊ะไม้สักที่เป็นไม้ท่อนใหญ่ๆ ไม่ไสขอบยาวกว่าห้าเมตรตั้งอยู่กลางห้อง บนโต๊ะประกอบด้วยอาหารคาวมากมายหลายเชื้อชาติทั้งประเภทแกง พาสต้า สลัด และเป็ดปักกิ่ง ที่กูบอกว่าจะกลับเร็วกูขอถอนคำพูด

              “มื้อนี้ตอบแทนที่แม็กคอยดูแลน้องโบให้แม่นะครับ ถ้าไม่ได้แม็กน้องต้องลำบากมากแน่ๆ เลย”
 
              “ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี” ตอแหลได้อีก ฮ่าๆ

              “แล้วพี่แม็กจะตอบแทนหมิวยังไงเหรอคะ หมิวอุตส่าห์ให้ยืมรถนา”
 
              “งั้นต้องให้พี่โบตอบแทนแล้วล่ะ เพราะคนที่ยืมจริงๆ แล้วคือพี่โบต่างหากล่ะ” หมิวแอบแบะปากเมื่อแม่ตัวเองแย้งแบบนั้น ส่วนคนถูกพาดพิงก็กระแทกลมหายใจเบาๆ ตอนแรกคิดว่าเตี้ยมันจะรักน้องเสียอีก พอเจอกันจะๆ แล้วมันก็หมั่นไส้น้องอยู่ไม่น้อย เอ๊ะ หรือมันหวงผมหว่า ฮ่ะๆ

              หัวข้อนั้นจบลงเพียงเท่านี้ ผมยืนงงไม่รู้จะนั่งตรงไหนเพราะโต๊ะแม่งยาวมากที่นั่งมีเป็นสิบ แล้วแม่ก็แตะแขนให้ผมมานั่งข้างขวาของเธอโดยเธอนั่งหัวโต๊ะ หมิวเล่าว่าหัวโต๊ะคือที่ประจำของพ่อ แต่วันนี้พ่อไม่อยู่คนที่นั่งแทนก็จะเป็นคุณแม่ ถัดมาทางขวาจะเป็นตำแหน่งที่รองลงมาซึ่งก็คือลูกชาย ทางซ้ายรองจากลูกชายก็เป็นลูกสาว เหี้ยเอ๊ย! ก็นั่งๆ ไปเหอะจะแบ่งกันทำไมวะ กูปวดหัวกะคนรวยจริงๆ
 
              พอผมนั่งขวาแล้วลูกชายตัวจริงก็ต้องนั่งถัดจากผม ไอ้เตี้ยกำลังลากเก้าอี้ออกมาทว่าหมิวกลับแทรกตัวนั่งลงไปทันที มันมองนิ่งๆ แล้วอ้อมไปนั่งตรงข้ามผมแทน แม่มันดุ “หมิว นั่นที่พี่เขานะคะ” แต่เด็กสาวทำลอยหน้าลอยตาเอาหัวพิงไหล่ยิ้มแก่นๆ กลับไปให้แม่ซะงั้น

              “น้องอยากนั่งก็ให้นั่งไปเถอะครับ โบหิวแล้ว”
 
              “...”

              แม่มันทำหน้าลำบากใจแต่ก็สั่งให้แม่บ้านตักข้าวเสิร์ฟ ไม่เคยเห็นมันเป็นอย่างนี้มาก่อน มันนิ่งแต่ผมสัมผัสได้ถึงคลื่นพายุใต้ทะเลลึก หากมีอะไรไปกวนเพียงนิดพายุนั้นคงสำแดงฤทธิ์ให้ประจักแน่นอน และผมอยากเห็นมัน
 
              ปฏิบัติการยั่วโมโหแฮมสเตอร์น้อยเริ่มแล้ว!

              “อันนี้กินยังไงเหรอครับน้องหมิว” ผมตักก้ามแดงๆ ที่ไม่รู้ว่าเป็นของกุ้งหรือปูขึ้นมา หมิวดึงไปวางบนจานตัวเองแล้วแกะเอาเนื้อมันออกมาอย่างคล่องแคล่ว จัดแจงจิ้มน้ำจิ้มแล้วยื่นมาจ่อปากผม ผมอ้าปากรับ… เหี้ยยยยย กูกินอะไรอยู่เนี่ย โคตรฟิน
 
              “อร่อยมั้ยคะ” ผมพยักหน้าทั้งยังเคี้ยวเนื้อหวานๆ ตุ้ยๆ แม่มันว่าดีใจที่ผมชอบ เราสามคนคุยไปกินไปอย่างสนุกสนานโดยที่ผมลืมไปเลยว่าต้องแหย่ให้คนที่เป็นส่วนเกินขณะนี้โกรธ แต่คงไม่ต้องแล้วล่ะ โบมันวางช้อนส้อมแรงกว่าปกติเล็กน้อย เสียงกระทบกับจานเรียกสายตาของเราให้หันไปทางมัน ไอ้อ้วนยกผ้าซับปากพูดเบาๆ ว่าอิ่มแล้วก่อนจะลุกออกไปทันที

              “...”
 
              ไม่คิดว่าจะโมโหขนาดนี้แฮะ

              “...แม็กทานต่อเถอะครับ น้องเขาก็อย่างนี้แหละ ไม่มีอะไรหรอก”
 
              ถึงคนเป็นแม่จะพูดอย่างนั้น แต่ผมรู้ว่าแม่มันรักมันนะ แววตาเจ็บปวดตอนมันเดินหน้านิ่งออกไปไม่สามารถกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มได้หรอก มื้อเย็นกร่อยลงเล็กน้อย ที่เล็กน้อยก็คือแม่มันคนเดียว ส่วนผมกับน้องสาวมันหาได้ใส่ใจไม่

              พอของหวานมาเสิร์ฟคุณแม่ก็ชวนคุย “แม็กนี่หล่อกว่าที่แม่คิดเยอะเลยนะ ไม่รู้ทำไมแม่รู้สึกถูกชะตากับลูกจัง ถ้าได้มาเป็นลูกเขยก็คงจะดี” ขายตรงๆ เลยนะครับ ลูกสาวยิ่งตาวาวปากจะฉีกถึงหูเมื่อประโยคต่อมาโดนใจยิ่งกว่า “แม่ว่าเราสองคนก็น่ารักดีนะ น้องก็อยากได้คนดูแล พี่แม็กก็เป็นผู้ใหญ่”
 
              “...ครับ”

              “อ้อ หมิวอยากเรียนวิศวะไม่ใช่เหรอ ให้พี่แม็กติวให้สิ” งานเข้า
 
              น้องหมิวรีบใส่ต่อจนผมรู้สึกเบื่อวงสนทนานี้ขึ้นมานิดๆ “พี่แม็กจะติวให้หมิวใช่มั้ยคะ เริ่มเมื่อไหร่ดี เอางี้ คุณแม่จ้างพี่แม็กแล้วกันเนาะ เป็นติวเตอร์ส่วนตัวของหมิว หมิวได้เข้าเรียนที่เดียวกับพี่แม็ก พี่เองก็ได้ตังค์ด้วยดีมั้ยคะ”

              ผมเออออตามน้ำไปเรื่อย หลังๆ เริ่มเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวาไปแล้วครับ ไอ้เตี้ยของผมหายไปไหนวะ มันก็น่าสงสารนะ ตอนเจอแม่มันออกจะดีใจแต่แล้วไม่เท่าไหร่แม่มันก็หมดความสนใจ มัวแต่สปอยล์น้องเล็กอยู่นั่น จะบอกว่ารักลูกไม่เท่ากันก็ได้ ในสายตาผมมันมองเป็นเช่นนั้น เพราะทั้งๆ ที่ผู้ดีจ๋า เคร่งกระทั่งคำพูดคำจา แต่กลับปล่อยให้ลูกสาวสัมผัสใกล้ชิดผู้ชายที่ไม่ใช่ญาติได้นี่ต้องตามใจสุดๆ อ่ะ
 
              ผมรู้… เวลาที่ได้รับความรักไม่เต็มที่น่ะ มันเป็นยังไง

              “ผมขอไปห้องน้ำก่อนนะครับ” ผมโกหกเพื่อที่จะได้ไปจากโต๊ะอาหารเสียที นายหญิงของบ้านสั่งคนใช้ให้นำทางผมไป ทำเป็นเข้าห้องน้ำพักหนึ่งก็แอบเลี้ยวออกไปยังสวนซึ่งผมคิดว่า ‘มัน’ น่าจะอยู่ที่นั่น
 
              แล้วก็จริง ร่างเล็กในเสื้อไซส์ใหญ่กว่าตัวนั่งกอดเข่าอยู่ข้างบ่อปลา คอมันสะบัดสองสามที มือฟาดแขนตัวดังเพียะ ผมเดินเข้าไปใกล้จนเกือบถึงตัวแต่มันก็ยังไม่รู้ตัวอยู่ดี

              “เหี้ย เหี้ย… สัด แม่ง! สันดานเสี… อื้อ เฮ้อ...”
 
              มองคนบ้าเถียงกับตัวเองสักพักก็แสดงตัวโดยการนั่งลงข้างๆ “พ พี่แม็ก?”

              “อะไร” ขอกวนตีนหน่อยเหอะ
 
              “...ตามสบายเลยครับ พี่จะคุยต่อนานเท่าไหร่ก็ได้ผมไม่รีบกลับ”

              รู้จักประชดประชันด้วยเหรอ ไอ้หนูนี่พัฒนานี่หว่า เสียงมันนิ่งมาก แบบโคตรงอนกูอ่ะ ตลกว่ะ ผมบอกมันว่าคุยอะไรกับสองสาวมา “แม่มึงจะให้กูติวให้น้องมึง”
 
              “...”

              ปฏิกิริยาที่ตอบกลับไม่เป็นดั่งคิดไว้ มันผ่อนลมหายใจยาว ตาเหม่อมองไปข้างหน้า ใบหน้านิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทว่าผมจับความขุ่นมัวจากมันได้ แต่กูอยากเห็นมึงฉุนเฉียวว่ะ ถ้าไม่เล่นด้วยกูขอกลับไปกินทับทิมกรอบต่อละกัน
 
              “เขาก็เป็นอย่างงี้...”

              ประโยคนั้นรั้งผมไม่ให้ลุกขึ้นจากขอบบ่อได้ หัวเล็กวางลงบนเข่าที่ตั้งชันหันหน้ามาฝั่งผม เราสบตากันเงียบๆ ไม่มีใครออกตามหาเรา ดวงตาไร้ความอ่อนแอมีเพียงความเหนื่อยหน่าย แล้วมันก็ใจกล้าจับมือผมไปวางแหมะบนหัวทุยของตัวเอง
 
              ผมสับสนกับการกระทำของมันมาก ไม่เข้าใจสิ่งที่มันจะสื่อ จึงปล่อยให้มันทำตามใจไปสักพักจนมันพอใจแล้วมันก็เป็นฝ่ายลุกขึ้นก่อน

              “เขาเป็นห่วงหมิวมากเลยนะ แม่น่ะ” มันเริ่มเปิดปากขณะที่เราเดินผ่านแมกไม้นานาพันธูุ์ภายในสวนงาม “ตอนที่แต่งกันใหม่ๆ พวกเขาก็เอาใจใส่ผมอย่างดีเพราะเป็นลูกชายคนโต ตอนนั้นหมิวยังเด็กมาก ชอบแย่งของเล่นผม แรกๆ พ่อกับแม่ก็ดุ ลงโทษโดยการไม่ยอมซื้อของเล่นที่หมิวอยากได้หมิวเลยเอาแต่ใจ หมิวจะร้องโวยวายถ้าทุกอย่างไม่เป็นตามต้องการ เคยร้องจนคออักเสบเป็นไข้หนักต้องเข้าโรงพยาบาลเลยล่ะ จากนั้นพ่อกับแม่ก็เริ่มตามใจ...”
 
              จังหวะการพูดเนิบช้าแผ่วเบาเช่นเดียวกับการก้าวเดิน มันพาผมมาที่ซุ้มแปดเหลี่ยมสีขาว มันขยับเข้าข้างในให้ผมตามไปนั่งข้างๆ หัวทุยเอียงซบไหล่ซึ่งปกติมันไม่ทำแน่ๆ ผมยอมให้มันทำตามต้องการ มันก็เล่าต่อ

              “ผมต้องยกของเล่นให้น้อง หมิวเป็นคนไม่รักษาของ แป๊บเดียวก็พัก พอของเล่นของผมพักหมดหมิวก็อยากได้ของใหม่ พวกเขาซื้อให้ทุกอย่าง เสื้อผ้า รองเท้า โทรศัพท์ โน้ตบุ๊ก… เพื่อน… แม้แต่แฟน”
 
              “อะไรนะ” เดี๋ยวๆ อันหลังๆ ไม่ใช่แล้วมั้ง

              “พวกเขาทำได้จริงๆ นะ เพื่อให้หมิวสงบลงเขาทำได้ทุกอย่าง ใช้เงินซื้อมิตรภาพปลอมๆ กับกลุ่มเพื่อนของหมิว ให้ของกับผู้ชายที่น้องชอบ เขาจะซื้อ… เหมือนที่เขากำลังจะทำกับพี่”
 
              บ้าไปแล้ว! บ้านนี่ใช่เงินซื้อทุกอย่างเลยงั้นสิ และกูคือเป้าหมายต่อไป มิน่าล่ะอวยกับไส้แหก โบมันยังคงพูดด้วยเสียงหมดอาลัยตายอยากเหมือนเดิม ยิ่งพูดแต่ละประโยคมันราวกับค่อยๆ กรีดหัวใจซ้ำๆ มันวิงวอนด้วยน้ำตาหยดแรกที่ซึมผ่านหัวไหล่ของผม

              “พี่อย่ายอมนะ… แค่พี่ที่ผมยอมไม่ได้ ไม่รู้ทำไมทั้งๆ ที่พี่ไม่ได้ดีกับผมสักนิด ทำร้ายกันตั้งหลายครั้ง ...แต่มีแค่พี่เท่านั้นที่จะเป็นของหมิวไม่ได้”
 
              “เหอะ! มึงเห็นกูเป็นอะไร คิดว่ากูง่ายขนาดนั้นเลย?” ได้ฟังเบื้องลึกเบื้องหลังแล้วกูไม่ยอมโง่หรอกเว้ย

              “...ได้ พวกเขาทำได้เชื่อสิ”
 
              “...” คำพูดของมันทำให้ผมหวั่นใจอีกครั้ง

              “ผมขอร้องนะพี่แม็ก จะให้ทำอะไรก็ได้ ต่อไปไม่ต้องขู่ผมก็จะยอมทุกอย่าง… ได้โปรด”
 
              ดวงหน้าเปื้อนน้ำตาเงยขึ้นสบ มันน่าสงสารราวกับคนที่สูญเสียทุกอย่าง ทั้งของรัก เพื่อน คนรัก หรือแม้แต่ชีวิต หากผมคือสิ่งเดียวที่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวสำหรับมัน ไม่ว่าจะด้วยฐานะอะไรก็ตาม แต่ผมคือพระเจ้าในโลกอันบิดเบี้ยวเดียวดายของมัน ด้วยประโยคเดียวที่ผมจะยอม...

              “ผมมีแค่พี่คนเดียว...”
 
              โอเค ผมจะยอม… เป็นราชาผู้กุมชีวิตเพียงหนึ่งเดียวของมัน

              และมึงจะต้องทำตามบัญชาของกูทุกประการไม่ว่ามันจะโหดร้ายเพียงใดก็ตาม
 
              “ได้ โบ... กูจะเป็นของมึงคนเดียว… จงเทิดทูนบูชากู ราชาของมึงก็แล้วกัน”

              จุมพิตเป็นดั่งสัญญาทาสรัดตรึงวิญญาณหลงทางดวงน้อยให้ดำดิ่งสู่ห้วงสเน่หาแห่งผู้ที่จักเป็นเจ้าชีวิตของมัน… คราวนี้กูจะได้ทำตามใจโดยไม่ผิดบาปอีกต่อไปแล้วสินะ


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

มีใครดู call me by your name หรือยังงงงง
โอ้ยน้องงงงงงงงง
น้ำตาไหลลลล


 
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 100% 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 15-01-2018 00:40:38
อ้าว เฮ้ยยยย
นี่-มัน อะ-ร้ายยยยยย!!๚ :katai1:๚

โบ ชีวิตจบสิ้นแล้วล่ะ เป็นคนที่ถูกลืมในบ้าน แถมต้องเป็นทาสอิพี่แม็กอีกก
โอยย หนูจะเป็นลมมม o22
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 100% 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 15-01-2018 10:07:52
ถ้าตามใจขนาดนั้นแล้วทำไมให้น้องเอารถไปให้พี่ใช้ละ ทั้งๆที่น้องไม่อยากให้ยืม


แม่ก็คงรักเราแหละโบ เพียงแต่บางทีต้องตัดลำคาญ


อยากทำอะไรก็ทำไป จนลืมความรู้สึกของอีกคนอย่าน้อยใจไปเลยนะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 100% 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-01-2018 14:36:48
ครอบครัวนี้ สมควรมีจิตแพทย์ประจำบ้านแล้ว  :really2: :really2: :really2:
มีแต่พ่อแม่รังแกลูก นี่ลูกรังแกพ่อแม่นะหมิวนะ
ตกลงใครทำร้ายใครกันเนี่ย  :katai1: :katai1: :katai1:

แล้วโบ ทำไมต้องไปยอมไอ้พี่แม็กมันขนาดนี้
เหมือนไม่อยากให้ไอ้พี่แม็ก ถูกซื้อไปปรนเปรอน้องสาว
ขัดใจหมิว ด้วยเรื่องนี้สินะ  o18
ไม่ให้หมิวสมใจซักเรื่องใช่ไหม น่าสนใจ ชอบบบบบบ  :laugh: :laugh: :laugh:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 100% 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 15-01-2018 17:43:55
โบน่าสงสารมากเลย อิพี่แม็กมึงก็ชอบแกล้งน้อง
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 100% 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 15-01-2018 20:08:55
อิพี่แม็ก ความหื่นน่ะ เพลาๆลงบ้าง
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 100% 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 15-01-2018 20:44:53
เอ่อออ พี่แม็คยังจะทำอะไรต่ออีกหรอ แค่นี้ก็ตามใจสุดๆแล้ว สงสารโบ~~~ พี่แม็คอย่าทิ้งน้องนะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 100% 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 16-01-2018 00:01:26
ขอบคุณที่มาต่อนะคะ :-[
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 100% 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 16-01-2018 01:44:32
แรกก็ชอบแม๊กนะ เหมือนมีความเป็นตัวเองสูงละก็ยอมรับกับตัวเองอยุ่ว่าโบน่ารัก เหมือนๆจะชอบ

แต่พอมาเป็นแบบนี้แล้วอยากให้โบหาใหม่ สุดท้ายก็ดูไม่เห็นมีใครจริงจังกับน้องเลย สงสาร หาใหม่เหอะ มันต้องมีคนดีสักคนแหละเชื่อเรา รักตัวเองเยอะๆหน่อย
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 100% 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 16-01-2018 12:33:46
ตอนนี้เศร้าอ่ะ สงสารน้องโบ  :mew6:

อิแมกซ์ ความคิดไรเนี่ย  :z6:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 100% 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 16-01-2018 19:28:57
โดนแย้งทุกอย่างเลย จะไม่ให้โบเป็นแบบนี้ได้ไง
แล้วอิตาแม็กซ์จะทำอะไรต่อ รออออออออ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 100% 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 02-02-2018 14:19:59
รอครับ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 100% 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 08-02-2018 12:38:38
รอนะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 100% 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 08-02-2018 14:44:32
รอน้าาาาา :impress2:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 100% 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 25-02-2018 01:01:44
รอๆ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 100% 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-02-2018 06:21:59
หายไปนานจัง
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 100% 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: TheCatmewt ที่ 07-03-2018 15:51:15
เรื่องนี้มีคนปกติบ้างไหมอะ ป่วยทั้งบ้าน สงสารน้องถ้าเป็นน้องคงโดดตึกตายไปแล้ว มีแต่คนร้ายๆ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 100% 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 13-03-2018 00:47:09
รอครับ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 100% 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 13-03-2018 01:29:10
มารออยู่นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 100% 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-03-2018 05:29:36
หายไปเลยนะไรท์  คิดถึงแล้ว  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 100% 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 13-03-2018 10:39:39
รออ่านอยู่นะจ๊ะ แต่ไม่รู้บ้างเลย
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 100% 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 13-03-2018 13:23:32
 ฮือออ ชอบมากๆเลยค่ะ ติดตามนะคะ จุ้บบบ :mew1:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 100% 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 17-03-2018 13:25:39
รอครับ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 100% 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 19-03-2018 03:48:59


เคลียร์งานหมดแล้ววว
จะกลับมาเร็วๆ นี้
ขอโทษที่ให้รอ ข้าน้อยผิดไปแล้ววว
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 100% 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-03-2018 07:00:53
รออออ   :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 100% 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 19-03-2018 15:52:19
 :katai4: :katai4: :katai4:มาต่อเลย
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน15 100% 14/1/61
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 22-03-2018 10:52:20
เย้ๆ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน16 100% 1/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 01-04-2018 23:18:02




-16-


              “แม่ครับ โบกลับก่อนนะ” ผมยกมือสวัสดีคุณแม่ด้วยหางเสียงสั่นๆ พี่แม็กที่ยืนอยู่ข้างหลังยกมือไหว้ตาม

              “อ้าว จะกลับแล้วเหรอ แม่นึกว่าโบกับแม็กจะนอนนี่ซะอีก” แม่ถามเสียงสูง สายตาจ้องที่พี่แม็กเป็นพิเศษ
 
              ร่างสูงขานรับเบาๆ เขาให้เหตุผลว่าจะไปซื้อของที่ห้าง ของที่ต้องการมีขายถึงวันนี้เท่านั้น แม่เอ่ยอย่างเสียดายแต่คงไม่เท่าหมิวที่เริ่มหน้างอ

              “ต้องรีบขนาดนั้นเลยเหรอคะพี่แม็ก หมิวเพิ่งได้คุยกับพี่นิดเดียวเอง ว่าจะถามเรื่องเรียนเยอะแยะเลย นอนนี่ไม่ได้เหรอคะ ไม่งั้นให้หมิวไปส่งซื้อของแล้วเรากลับมานอนบ้านกัน น้าาา นะๆๆๆ”
 
              มือขาวถือวิิสาสะกอดแขนล่ำ หมิวออดอ้อนอย่างที่ผู้ชายทั้งโลกคงเห็นว่าน่ารักแต่ผมว่ามันเกินงามไปหน่อย พี่แม็กยิ้มน้อยๆ ขณะปลดแขนเธออย่างสุภาพเพราะยังอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่

              “ไม่ได้ครับ เพราะของที่พี่จะไปซื้อมันเป็นของ… ผู้ชายๆ น่ะ”
 
              ลำแขนหนักวางพาดไหล่ผม เขาดึงกระชับให้ผมเข้าไปชิดตัวเขาจนหน้าผมเกือบชนแผงอกหนาก่อนจะพูดว่า “สาวๆ ไปด้วยพี่คงเกร็งน่ะ พอดีมันค่อนข้างส่วนตัว แต่ไม่ต้องห่วง มีพี่ชายหมิวไปด้วยก็พอแล้วล่ะ ใช่มั้ย”

              คำหลังหันมาพูดกับผม ผมคงงงนานเกินไป มือพี่แม็กที่ล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกงอีกข้างจึงทำบางอย่างที่ทำให้ผมสะดุ้ง “อ๊ะ”
 
              “ใช่มั้ย?”

              ผมพยักหน้ารัวเร็ว เม้มปากแน่นเพื่อกลั้นเสียง พยายามทรงตัวด้วยขาสั่นๆ เนื่องจากแรงสั่นสะเทือนเบื้องล่างจากอุปกรณ์ทรงรีขนาดเล็ก หรือที่พี่แม็กบอกว่ามันคือ ‘ไข่สั่น’
 
              “ช ใช่”

              แรงสั่นหายไปหลังจากผมตอบ เขาขยี้หัวผมราวกับให้รางวัล เขาขยี้หัวผมราวกับให้รางวัล หมิวมองมาอย่างริษยาทำให้ผมรีบตัดบทก่อนจะถูกเกลียดมากกว่านี้
 
              “งั้น… โบไปแล้วนะครับ”

              ยังไม่ทันได้หมุนตัวกลับแม่ก็ทักขึ้นมาว่า “อ๊ะนี่ พี่แม็กแม่ให้ตังค์ไปซื้อของนะลูก สามพันพอมั้ยครับ”
 
              “ขอบคุณครับ” พี่เขามีรึจะปฏิเสธ ส่งมือออกไปรับแบงก์พันสามใบนั้นมาใส่กระเป๋าทันที



              ไม่คิดว่าจะมาห้างจริงๆ นึกว่าแค่อ้างเพราะอยากกลับแล้วเสียอีก เราลงจากรถหลังแท็กซี่จอดสนิทที่หน้าห้างดังแห่งหนึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากมหา’ลัยนัก ขายาวนำห่างไปเรื่อยๆ แต่ผมไม่สามารถวิ่งตามได้อย่างทุกวันเพราะความไม่สบายตัวที่ยังค้างอยู่ในกาย
 
              “พี่แม็ก ช้าหน่อยครับ” ผมซอยเท้ายิกๆ ถึงตอนแรกที่ใส่ตั้งแต่ออกจากหอ แต่นั่นสักพักก็ชิน หลังจากพี่เขาเปิดสวิตช์นี่สิ... ขยับทีก็เสียววาบแปลกๆ

              ตุบ
 
              ผมชนหลังพี่แม็กเต็มๆ จนกระเด็นก้นกระแทกพื้นเพระเขาหยุดกะทันหัน ก้นอันเซนสิทีฟเจ็บแปล๊บไล่ตามสันหลัง มันร้าวจนกลั่นเสียงออกจากลำคอไม่ได้เลยล่ะครับ ทำได้แค่อ้าปากค้างน้ำตาเล็ดกองอยู่กับพื้น

              “ซุ่มซ่ามเอ๊ย”
 
              มือใหญ่ดึงผมลุกขึ้นแล้วหิ้วแขนเดินเข้าห้างไป รีบไปไหนของเขากัน รอให้หายเจ็บก่อนก็ไม่ได้

              “เจ็บ เจ็- เหี้ย เหี้ย เหี้ยเอ๊ย เจ็บ...”
 
              เราเดินไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าพี่เขามีจุดหมายคือที่ไหน แต่พอผมเห็นที่นั่งกลางทางเดินก็ยื้อตัวขอนั่งพักก่อน คนเดินผ่านไปผ่านมามองเรา… น่าจะมองพี่แม็กคนเดียวมากกว่า เขานั่งข้างๆ ผมวางแขนพาดไหล่เหมือนชินกับท่านี้ไปแล้ว นั่งไปพักหนึ่งก็รู้สึกดีขึ้นจึงหันไปพยักหน้าให้เขาเป็นเชิงว่า โอเค เดินต่อได้

              “พี่จะซื้ออะไรเหรอครับ” ผมถามคนที่ยังทิ้งน้ำหนักบนไหล่อยู่เช่นเดิม
 
              “ไม่ได้จะซื้ออะไร”

              อ้าว ผมทำหน้างง เขาไม่ได้ขยายความเพิ่มแค่มองมายิ้มๆ อย่างมีเลศนัย ผมปล่อยให้เขาพาไปยังโซนอีเว้นต์ขายของซึ่งมีคนจำนวนมากเต็มพื้นที่ แล้วก็สั่งให้ผมไปยืนต่อคิวที่ร้านไอติมร้านหนึ่งซึ่งแถวยาวพอสมควร
 
              “กูเอาช็อกโกแลต มึงเอาวนิลา เดี๋ยวไปรอตรงนั้น” เขาชี้ไปที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ปลอมต้นใหญ่นอกโซนร้านค้า

              “ครับ”
 
              เนื่องจากเป็นไอติมแบบกดตู้คิวจึงผ่านไปเร็ว ไม่นานผมก็ได้มาอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์ ขณะที่กำลังจะอ้าปากสั่งนั่นเอง แรงสั่นภายในก็ทำผมสะดุ้งเผลอหลุดเสียงร้องมานิดนึง

               “อึ๊!”

              “อะไรนะครับ” พี่คนขายถามย้ำเพราะไม่ทันฟัง ผมกลั้นหายใจหน้าเห่อร้อนพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด ผมมองตัวต้นเหตุที่นั่งไขว่ห้างกระดิกเท้ากวนอารมณ์อย่างเคืองๆ แต่หางตาดันเห็นคิวข้างหลังเริ่มแสดงความไม่พอใจเพราะผมไม่สั่งสักที
 
              “อ เอา ว วนิ ลา กับเอ่อ… ช็อก ช็อกโกแลต”

              พูดออกมาแทบไม่เป็นประโยคเพราะรู้สึกเสียวซ่านจากภายใน ผมควักแบงก์วางก่อนจะรับไอติมสองโคนออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว
 
              “ไม่ต้องทอนครับ!”

              ระยะทางกะด้วยสายตาตอนแรกแค่ไม่กี่สิบเมตร แต่ตอนนี้มันช่างไกลหลายสิบกิโล ขาสั่นก้าวได้ทีละนิดๆ ช้าต้วมเตี้ยมเป็นเต่าคลาน ผมเห็นร่างสูงชูรีโมตสีชมพูขึ้นมาส่ายให้ดู นิ้วจรดที่ปุ่มปรับความแรงทำให้ผมรีบส่ายหน้าห้ามรัวๆ
 
              ตืดดดดด

              อ๊าาา! ความแรงระดับสูงสุดฉุดให้ร่างทรุดลงไปนั่งยองกับพื้น ไอติมในมือสองข้างเริ่มละลาย ผมเอาหน้าผากซุกเข่าส่ายหัวอย่างอดกลั้นขนาดหายใจยังไม่กล้า กลางกายปวดหนึบๆ แทบทนไม่ไหว คนคงคิดว่าผมเป็นบ้าแน่ๆ มานั่งให้ไอติมละลายอยู่กลางทางแบบนี้
 
              เมื่อพอใจเขาก็ปรับความแรงลง ผมมองอย่างอ้อนวอนขณะค่อยๆ พยุงตัวเดินไปหาเขาช้าๆ ไอติมไหลย้อยจนเลอะเทอะไปหมดแล้วครับกว่าจะไปถึงเขา ผมเลียของตัวเองก่อนแล้วส่งรสช็อกโกแลตให้อีกคน ถือจนเมื่อยเขาก็ไม่รับไปเสียที

              “ป้อนสิ”

              “?”
 
              มือก็ว่างนี่ครับ? เขาจิ๊ปากเพราะหน้าโง่ๆ ของผม ก็ผมไม่เข้าใจจริงๆ นี่ มือเขาก็ว่างถ้ากลัวเลอะผมก็พันทิชชู่ให้แล้ว แล้วการป้อนไอติมถึงปากเนี่ยผู้ชายด้วยกันมันไม่แปลกเหรอครับ แถมเราก็ไม่ใช่แฟนกันด้วย ผมว่ามันไม่น่ามองเท่าไหร่นะ

              “กูสั่งอะไรมึงมีหน้าที่แค่ทำตาม อย่าเรื่องมาก ไอ้โง่” น่ะ ว่าผมอีกละ
 
              ผมยู่หน้าให้รู้ไปเลยว่าไม่พอใจกับคำสบประมาทนั้นนะ แต่ก็ยอมยื่นไอติมไปจ่อปากตามคำสั่งเพราะไม่อยากให้เป็นเรื่อง คนอารมณ์กำลังดีไม่อยากขัดครับ ลิ้นสีแดงสดตวัดเลียถึงปลายยอดขนมหวานเย็นอย่างเชื่องช้า เขาเหลือบตาขึ้นมองผม จู่ๆ ก็รู้สึกว่าหน้าเห่อร้อน ร้อนขนาดที่ว่าเห็นมือที่ถือไอศกรีมอมสีแดงของเลือดฝาด สายตาเร้าร้อนสบตาขณะลากลิ้นไปมาอย่างยั่วยวนทำเอาผมเกือบจะละลายตามไอติมไปเสียตรงนั้น แล้วลิ้นร้อนก็ตวัดมาเลียความหวานอมขมที่ไหลเลอะมือของผม

              ฉ่า...
 
              หัวใจเต้นเร็วแรงราวกับจะทะลุออกมานอกอกสั่นระทวยไปทั้งกาย นัยน์ตามองร่างสูงตรงหน้าอย่างหยาดเยิ้มและหลงใหล สมองมีแค่คนตรงหน้ากับคำว่า

              พี่แม็ก… โคตรเซ็กซี่!
 
              “ชอบมั้ย”

              “อะ… อะ”
 
              “ชอบมั้ยครับ หืม...”

              อาาา
 
              พี่แม็กลุกขึ้นประคองผมไว้ก่อนที่ตัวผมจะไหลไปกองกับพื้น ดีที่ยังไม่เผลอปล่อยไอติมร่วง เสียดายครับ ของผมยังไม่ได้กินเลย

              “หึ เด็กหน้าไม่อาย” หือ?
 
              สงสัยได้ไม่นานก็เข้าใจว่าเขาพูดถึงอะไร เพราะขายาวที่แอบคลึงเป้ากางเกงทำให้ผมรู้ว่าตรงนั้นมันเริ่มตื่นตัวขึ้นมาแล้ว น่าอายจริงๆ ที่ดันมีอารมณ์กลางห้างแบบนี้ ซึ่งตัวต้นเหตุก็อยู่ข้างหน้านี่แหละ แถมยังมาว่าผมอีก ตัวเองแหละที่หน้าไม่อาย มากอดมาหอมกันให้คนอื่นดูอยู่ได้ น่าเกลียด

              เป็นผมเองที่เดินนำไปห้องน้ำอย่างไวว่องโดยไม่สนใจเสียงหัวเราะในลำคอของคนที่ตามหลังอยู่ ยอมรับว่าใจนึกถึงบทรักอันเร้าร้อนที่คุ้นเคยไปแล้ว ทั่วร่างสั่นระริกต้องการสัมผัสจากเขา อยากแนบกายสูดดมกลิ่นเหงื่อบนกล้ามแน่นเต็มทน พอมาถึงผมก็มุ่งเข้าไปในห้องในสุด โชคดีที่ห้องน้ำชั้นนี้ปลอดคนเพราะมันไกลกว่าที่อื่น พี่แม็กตามมาพร้อมลงกลอนไว้เรียบร้อยแล้วเริ่มเล้าโลมทันที
 
              “อืม เร็วๆ” ผมสั่ง

              “คร้าบๆ”
 
              คิดอะไรไม่ออกแล้วครับ แขนขาวุ่นวายไปหมด เสียงทุ้มเวลาพูดเพราะๆ นี่มันทำใจสั่นจริงๆ ทำไมไม่พูดเพราะกับผมบ่อยๆ นะ ผมจะยอมทุกอย่างเลย

              กางเกงถูกดึงลงไปกองที่หัวเข่า ผมสะบัดมันออกข้างหนึ่งแล้วยกขาเกี่ยวอีกคน มือไม่ว่างทั้งสองข้างเพราะยังถือไอติมอยู่ พอจะทิ้งอุปสรรคที่ขัดขวางความสุขอยู่พี่แม็กก็พูดขึ้นเสียก่อนว่า “ถ้าทิ้งมึงโดนดีแน่ กินไป”
 
              ผมทำตามอย่างว่าง่ายซึ่งเหมือนเป็นไปโดยอัตโนมัติไปแล้ว ลิ้นเล็กแลบเลียไอติมรสวนิลาของตัวเอง ส่วนพี่แม็กก็ไม่อยู่เฉยจัดการกับเบื้องหลังของผมทันที

              นิ้วร้อนล้วงควานช่องทางอ่อนนุ่มที่พร้อมสำหรับการสอดใส่ด้วยของเล่นที่อยู่ในตัว เขาเปิดสวิตช์มันอีกครั้งในระดับกลาง ผมหลุดเสียงครางหวิวเสียวซ่านแทบขาดใจ แต่ก็ถูกสั่งให้เงียบโดยกินไอติมต่อไป พี่แม็กดึงสิ่งนั้นออกมาแล้วจ่อวนรอบรอยจีบสีช้ำ ผมอ้อนวอนด้วยใบหน้าเคล้าน้ำตาอยากให้เขาเข้ามาในตัวสักที!
 
              “ตะกละจริงๆ กินที่อยู่ในปากให้หมดก่อนสิ ถ้าหมดแล้วปากล่างถึงจะได้นะ”

              ผมเร่งกินจนหมดจนมันเลอะแก้มไปหมด อีกโคนก็ป้อนพี่แม็กไปด้วยแล้วก็หมดพร้อมๆ กันเขาจะงทำตามสัญญาสอดแขนใต้ข้อพับขายกผมลอยติดผนังห้องน้ำ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมสงสัย
 
              “พ พี่แม็ก ทำ ทำไมต้องให้โบกินวนิลาด้วยล่ะ”

              แทนที่จะตอบแก่นกายระอุก็แทงสวนเข้ามาจนมิด ผมร้องเสียงหลงโผกอดอีกคนแน่น ปลอดปล่อยออกมาหนึ่งครั้งโดยที่ยังไม่ทันได้ทำอะไรจริงจัง แล้วเอวสอบก็เด้งกระแทกรัวๆ อย่างไม่รอให้ตั้งตัว ความเจ็บปวดแทรกด้วยความสุขสมตลอดเวลาที่กายเสียดสีกัน เขาย้ำจุดอ่อนไหวของผมซ้ำๆ ไม่ปราณีจนผมลืมสิ้นถึงคำถามก่อนหน้า กระทั่งเขาตอบกลับมาเมื่อตอนใกล้จะถึงฝั่งฝันทั้งคู่
 
              “เพราะมึงมันเหมาะที่จะเปื้อนอะไรขาวๆ ไงล่ะ”



+++++++++++++++++++++++++

ฉับ!

น้องก็จิตขึ้นทุกวัน

 :z1:

หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน16 100% 1/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-04-2018 23:29:06
ว๊ายยย  ขอเลือดด่วนคร่า~ :haun4: อิพี่แม็กหื่่นได้ใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน16 100% 1/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 01-04-2018 23:39:55
อ่านไปเขินไป ฮืออออ :-[
พี่ก็แกล้งน้องเชียวหืมมมมม
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน16 100% 1/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 03-04-2018 09:04:50
ตอนนี้งงนิดหน่อย

ขอบคุณที่มาต่อครับ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน16 100% 1/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 03-04-2018 12:04:07
โอ๊ยยยย ฟินแบบจิตๆ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 50% 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 03-04-2018 14:50:40

ตอนที่แล้วคืองงมาก จำเรื่องตัวเองไม่ได้ ถถถ
คือถ้าจะเขียนของตัวเอง ห้ามอ่านของคนอื่น ถ้าอ่านของคนอื่น ของตัวรอยาวๆ ไปนะจ๊ะ

-17- ชาเย็นหวานน้อย อิอิ
 
             
              แม้ความสัมพันธ์ระหว่างเราจะยังคลุมเครือ… หรืออาจจะยิ่งกว่าคลุมเครือก็ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปทีละเล็กทีละน้อยอย่างสม่ำเสมอนั่นคือการปฏิบัติต่อผมมันดีขึ้นเรื่อยๆ พี่แม็กยังปากร้ายตามนิสัยแต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้ด่าอะไรรุนแรงแค่บ่นตามประสาเท่านั้น มือก็เบาลงไม่ทุบตีจนเขียวช้ำเหมือนเมื่อก่อน (แต่ก็ชอบพลั้งมือเล่นแรงกับผมอยู่ดี)
 
              และโดยเฉพาะเรื่องบนเตียง…
 
              ตั้งแต่กลับบ้านวันนั้นเรามีอะไรกันทุกวัน พี่แม็กขนของมาอยู่กับผมจนเกือบจะถาวร คอยไปรับไปส่งถึงคณะไม่เคยขาดแม้บางวันจะเรียนไม่ตรงกัน แถมยังส่งสติกเกอร์ไร้ความหมายมาหาทุกช่วงพักด้วย เขาเปลี่ยนไปมากซึ่งก็เป็นเรื่องดีสำหรับผม แต่จะขอบคุณมากถ้าพี่ลดความหื่นลงบ้างสักนิด
 
              เช้านี้ผมตื่นมาบนแผงอกกระเพื่อมขึ้นลงสม่ำเสมอ เสียงกรนเบาๆ ดังเหนือหัวขึ้นไปทำให้รู้ว่าเจ้าตัวยังคงหลับลึกหลังจากผ่านเซ็กส์มาราธอนจนใกล้รุ่งสาง (พอดีวันนี้เรียนบ่ายกันครับพี่เขาเลยใส่เต็ม) ผมยิ้มกับใบหน้าหล่อเหลาที่หลับตาพริ้มหัวคิ้วคลายไร้แววดุร้ายเช่นยามตื่น เพลินตามากเลยครับ ผมชอบช่วงเวลาแบบนี้จังเลย คนอื่นอาจว่าพี่หล่อนะ แต่สำหรับผมพี่แม็กน่ารักมากเลย แขนแกร่งโอบผมไว้เหมือนกอดหมอนข้างขนาดขายังเกี่ยวผมไว้ในท่านอนไขว่ห้างด้วย ท่ายากเก่งจริงๆ … ใช่ เก่ง
 
              บทรักที่เร้าร้อนทว่าอ่อนหวานถูกมอบให้ทุกค่ำคืน ความอ่อนโยนแสดงให้เห็นว่าเขาทะนุถนอมและใส่ใจผมราวกับเป็นคนรักกัน ผมไม่กล้าพูดอย่างเต็มปากหรอกว่าเรารักกัน เพราะคงมีแค่ผมคนเดียวที่คิดอย่างนั้น
 
              ผมหลับตาลงอีกครั้ง ขี้เกียจตื่นจังเลยยย ผมว่านอกจากร่างสูงแล้วผมเองก็รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปเช่นเดียว คือมัน… เหมือนผมเห็นโลกนี้เปลี่ยนไป จากสีเทาก็เริ่มมีมิติอื่นๆ แทรกเข้ามา อธิบายไม่ถูกแฮะ
 
              “อืม...”
 
              ผมคงหยุกหยิกมากเกินไปจนไปรบกวนคนนอนเข้า ผมนอนตัวแข็ง พี่แม็กตบหัวตัวเองกับหมอนพอได้ที่ก็นิ่งไป เขาเป็นสิงโตขี้เซาหรือไงกัน น่ารักชะมัด
 
              “คิกๆ”
 
              ผมหัวเราะเบาๆ กอดตอบเขาบ้างกำลังจะเคลิ้มหลับอีกรอบเพราะลมอุ่นๆ เป่ารดกระหม่อม พี่เขานอนถอนหายใจด้วย น่ารักอ่า แต่จู่ๆ มือปลาหมึกก็เลื้อยตามตัวผมไปเรื่อยจนไปหยุดที่ข้างเอว ผมซึ่งนอนคว่ำทับเขาอยู่มองตาม มือข้างนั้นก็หยิบพุงย้วยๆ ของผมมาหนึ่งชั้นเต็มๆ มือ
 
              “อ๊า!” คนบ้า! มันจั๊กจี้นะ
 
              “อือ...”
 
              ผมดิ้นแรงไปจนทำคนด้านล่างตื่น คิ้วเข้มขมวดหยีตาสู้แสงอย่างงงๆ ผมดันตัวจะลุกแต่แขนเขายังกักตัวไว้เหมือนเดิม “พี่แม็กปล่อยหน่อย ผมจะลุก”
 
              “ให้เรียกว่าไง” ประโยคแรกของวันก็ดุกันซะงั้น ที่บอกว่าพี่ใจดีขึ้นผมขอถอนคำพูด
 
              “ปล่อย ‘โบ’ ก่อน ปวดฉี่”
 
              มันเป็นคำสั่งของเขาครับ ให้ผมแทนตัวด้วยชื่อตอนพูดกับเขาตลอด ตอนแรกก็ไม่ชินมันดูหวานแหววเกินไปแต่ก็ได้เหตุผลกลับมาว่าการแทนตัวที่พิเศษกว่าคนอื่นคือการแสดงความเป็นเจ้าของ เขาพูดเต็มปากเลยว่าจะเป็นของผมคนเดียว ถึงจะไม่ใช่ในฐานะคนรักแต่แค่นี้ก็ทำให้หัวใจอันเหี่ยวแห้งกลับมามีชีวิตได้อีกครั้งแล้วครับ
 
              “โกหก” ถึงจะยอมเป็นของผมแต่เขาก็ไม่ได้เลิกขัดผมเสียทุกอย่างอยู่ดี โธ่
 
              “โบปวดจริงๆ ฉี่จะราดแล้วปล่อยก่อน” แต่ผมโกหกจริงครับ แหะๆ
 
              “งั้นก็เยี่ยวเลย”
 
              “พี่จะบ้าเหรอ มันก็เปื้อนที่นอนสิ”
 
              “กูไม่เดือดร้อน มึงซัก”
 
              เบื่อเถียงด้วยแล้ว! ผมดิ้นๆๆ ตีแขนตีขาจะลุกจนร่างเปลือยเปล่าของเราเสียดสีกัน เขาจึงรัดแขนแน่นขึ้นคราวนี้ฉี่ผมจะเล็ดจริงๆ ล่ะ คนหรืองูเหลือมเนี่ย

              งับ!
 
              “โอ๊ย”
 
              สู้ไม่ได้ก็งับเลยครับ ผมกัดไหล่แบบไม่ยั้งแรง เล่นแรงมาผมก็เล่นกลับไม่โกง กะให้เนื้อหลุดเลยแหละ หมั่นไส้ แต่คนอย่างพี่แม็กมีหรือจะยอม เขากัดหูผมทั้งที่ผมยังไม่ปล่อยเขา กลายเป็นเล่นมวยปล้ำภาคพิศดารกันไปซะงั้น
 
              “อ๊า! พี่ เจ็บ! เชี่ยแม่ง เชี่ยๆ เจ็บครับ ยอมแล้ว”
 
              โอย หูขาดหรือเปล่าเนี่ย ผมจับหูชุ่มน้ำลายอย่างแหยงๆ มองคนหน้าระรื่นอย่างเคืองๆ แต่ยอมให้ก่อนก็ได้ เพราะรอยยิ้มทั้งตาทั้งปากอย่างยากจะหาได้ของพี่หรอกนะ ฟันขาวจั๊วะ
 
              เขาดึงผมไปจูบแรงๆ ตั้งแต่หน้าผาก จมูก ปาก แก้ม ตา วนมาปากอีกสองสามที่เหมือนหมั่นเขี้ยว รอบสุดท้ายนี่กัดปากผมจนยืดเลยครับ ไม่นานผมคงเฉามือตาย
 
              หลังจากจูบรับอรุณที่ไม่เห็นละมุนแบบคนอื่นเลยสักนิดเขาก็ตีก้นผมดัง เพียะ! แล้วขยุ้มพุงผมทั้งสองมือ เนื้อส่วนเกินถูกดึงยืดเป็นห่วงยางน่าเกลียดแต่นุ่มหยุ่นมือ เขาชอบมายุ่งกับส่วนนี้ของผมมาก อยู่ใกล้ทีไรมือไม่เคยไปไหน ต้องจับต้องจิตลอด คือผมไม่ได้อ้วนนะแค่เนื้อมันไม่เฟิร์ม เมื่อก่อนก็ไม่อะไรกับหุ่นตัวเองนักหรอก แต่พี่ทำผมหมดความมั่นใจแล้วเนี่ย
 
              “พี่แม็กหยุดเลย! ไม่เล่น”
 
              “กูจะเล่น”
 
              “เอ๊ะ!”
 
              “หุบปากไอ้หมู”
 
              “โอ๊ย ไอ้...” ผมจะด่าเขาว่าอะไรดีเนี่ย
 
              “อะไรๆ มึงด่าเลย ด่ากูแรงๆ เลย ไม่งั้นกูไม่หยุด”
 
              ได้! พี่ท้าผมใช้ไหม งี้ต้องจัดให้หน่อยเอาแบบสุดๆ เลย “...” ขอโทษครับผมนึกไม่ออก
 
              “เงียบไม ด่ากูดิ๊”
 
              “เอ่อ อ่า ไอ้ ไอ้...”
 
              “เอาเหี้ยอ่ะ ไหนมึงด่ากูเหี้ยดิ๊” ขนาดด่ายังต้องให้เขาสอนเหรอ อนาถตัวเอง
 
              “ไม่เอาอ่ะ ไม่ชอบ” คือทำไมคนเราต้องด่ากันด้วยสิ่งมีชีวิตอื่นด้วยล่ะครับ ผมไม่เข้าใจ
 
              “งั้นจัดมา อะไรก็ได้ แรงที่สุดให้กูจุกน้ำตาไหลเลย”
 
              ผมเคยได้ยินคำด่ามามากมาย แต่ให้พูดอย่างตั้งใจเองมันไม่ยอมหลุดออกมาจากปากอ่ะครับ ไม่เหมือนพี่แม็กที่พูดออกมาได้โดยสัน- น่ะเห็นไหม ผมพยายามแล้วนะ
 
              “...”
 
              “เร็วๆ”
 
              “อ่ะ อ ไอ้ เอ่อ”
 
              “เร็วๆ หมู”
 
              “ไอ้!... นิสัย” ผมด่าเขาอย่างสุดความสามารถที่มี แถมอ้อมแอ้มคำหลังอีกต่างหาก
 
              “...หะ?”
 
              พี่แม็กทำหน้าแบบงงไปกว่านี้ไม่ได้แล้วครับ “นี่ด่าแล้ว?”

              ผมครางอือพยักหน้าให้อย่างรู้สึกผิด แอบขอโทษเขาในใจเพราะยังไงเขาก็อายุมากกว่า ผมไม่ควรว่าเขาแบบนั้น แต่พี่แม็กนอกจากจะไม่โมโหแล้วยังปล่อยก๊ากใส่เต็มหน้าผมอีก
 
              “ฮ่าๆๆๆ โอ๊ย เชี่ย ฮ่าๆๆ ขำชิบหาย ฮ่าๆๆ ปวดท้อง โอย กูปวดท้อง”
 
              เขาปล่อยมือจากเอวผมไปกุมท้องตัวเอง หัวเราะจนตัวดำกลายเป็นแดงไปทั้งตัว เป็นปกติผมคงว่าน่ารักอยู่หรอกแต่ตอนนี้ ผมโกรธ!
 
              “ฮ่าๆๆ แค่กๆๆ ฮ่าๆ”
 
              “พี่พอได้ยัง” ยกแขนกอดอกหน้างอทับบนตัวเขา ไม่สนว่าท่าทางจะน่าเกลียดยังไง ขอแค่คนตรงหน้าเลิกหัวเราะเยาะผมเสียทีเถอะ
 
              “ฮ่าๆๆ โอยยย ไม่ไหวแล้ว มึงอย่ามองกู! ฮ่าๆๆๆ กูขำ กูขำหน้ามึง”
 
              ฮึ่ย! อยากขำขำไปเลย ไม่สนใจแล้ว! ผมลุกไปจัดการตัวเองก่อนจะเสียเวล่ำเวลาไปกับเรื่องไร้สาระไปมากกว่านี้ ถึงจะเรียนบ่ายแต่ก็ต้องหุงหาอาหาร เก็บกวาดห้อง รีดชุดคุณชายอีก อาบน้ำเสร็จก็็เจอหน้ายิ้มจ้องคอยอยู่บนเตียง ผมปาผ้าเช็ดตัวใส่หวังจะปิดหน้าทะเล้นนั่นแล้วไปเตรียมทำอาหารเช้าควบเที่ยงแทน


มีต่อ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 50% 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 03-04-2018 16:17:26
 :katai4:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 50% 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-04-2018 17:51:32
ดีใจที่ไรท์มาอัพต่อ ปาดน้ำตารัวๆ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 50% 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 03-04-2018 20:29:28
 :o12: ฮือ ได้อ่านต่ออีกแล้ว ดีใจจุง
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 50% 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 03-04-2018 21:47:32
...


ดีใจด้วยนะน้องโบ. 

ความสัมพันธ์ดีขึ้นเยอะเลย.....

มีความสุขนานๆยาวๆนะ

..

 :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:

.
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 50% 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-04-2018 22:09:42
โบ ดูมีความสุขมากขึ้น   :mew1:
แม็ก โบ สองคนที่ดูแตกต่างกัน กลับเติมเต็มกันได้  :hao3:
แต่แอบกลัวมาม่านี่สิ    :z3:

แม็ก โบ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 50% 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 04-04-2018 00:09:33
เห็นโบมีความสุขแล้วเราก็ชื่นใจ
พี่แม็กดูแลโบดีๆล่ะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 50% 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 04-04-2018 19:35:05
ต่ออีกๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 50% 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 04-04-2018 22:24:27


ใกล้แล้ว ใกล้ไคลแม็กซ์แล้ว

ดื่มน้ำเยอะๆ เดี๋ยวต้องเสียน้ำตากันอีก

แต่จบแฮปปี้เด้อ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 50% 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-04-2018 23:51:32


ใกล้แล้ว ใกล้ไคลแม็กซ์แล้ว

ดื่มน้ำเยอะๆ เดี๋ยวต้องเสียน้ำตากันอีก

แต่จบแฮปปี้เด้อ


ทำไมทำแบบนี้~ มาเร็วๆ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 50% 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 05-04-2018 19:16:52
เหยยย คิดว่าจะไมาดาม่าแล้วซะอีก
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 50% 3/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 05-04-2018 23:22:04


ดราม่านิดดดดเดียว
ฟ้าหลังฝนรับรองว่าสวยยยยงาม

หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 100% 7/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 07-04-2018 13:37:52



              “หมู่นี้โบดูมีความสุขจังเลยนะจ๊ะ”
 
              เสียงใสเอ่ยถามตอนอาจารย์ให้พักเบรกสิบนาที ผมกับบัวไม่ได้ออกไปแบบคนอื่นๆ ในกลุ่มจึงนั่งคุยกันที่โต๊ะแถวหน้าสุดเช่นเคย ข้างหลังบัวมีอาร์ตนอนฟุบโต๊ะอยู่ เขาเงยหน้าทันทีที่บัวทักผม
 
              “ยังไงเหรอ เราก็เหมือนเดิมนี่” ผมถามกลับ ผมว่าผมก็เหมือนเดิมนะ ไม่ได้ยิ้มแย้มทั้งวันหรือพูดมากกว่าปกติเสียหน่อย ต่างนิดนึงก็แค่ผมเข้าใกล้ผู้หญิงได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจล่ะมั้งครับ
 
              “ก็… ดูอิ่มเอิบ มีชีวิตชีวาขึ้นอ่ะ”
 
              “... เราอ้วนขึ้นเหรอ”

              บัวขำก๊ากกับคำถามที่สองของผม ก็ถ้าบอกว่าอิ่มเอิบมันก็หมายถึงบวมขึ้นเปล่าอ่ะ ก็ยอมรับนะว่าช่วงนี้กินเยอะมาก เพราะพี่แม็กคนเดียวเลย กินจุ ทำให้ผมต้องทำกับข้าวเยอะ พอทำเยอะก็โดนบังคับให้กินเยอะตามเขาด้วย เขาต้องวางแผนขุนผมแน่ๆ อยากให้มีพุงย้วยๆ ไว้ขยำเล่นใช่ไหมล่ะ
 
              “เปล่าาา เราหมายถึงดูสดใสเปล่งปลั่งงี้ แบบว่าดูผ่องขึ้นอ่ะ… แต่จริงๆ ก็แอบอ้วนขึ้นนะ แก้มฟูเลย คิกๆ”
 
              นั่นไง ยังจะหัวเราะอีก ผมเสียความมั่นใจนะ ผมทำหน้ายุ่งงอนๆ บัวง้อโดยการดึงแก้มผมให้ยิ้ม เราเล่นกันจนกระทั่งอาจารย์กลับมาสอนต่อ เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกแล้วครับที่บัวเล่นถึงเนื้อถึงตัวผมแบบนี้ ผมเองก็ไม่ได้คิดอะไร ความรู้สึกเหมือนเล่นกับเพื่อนธรรมดาทั่วๆ ไปน่ะครับ
 
              ชีวิตช่วงนี้ดีขึ้นอย่างประหลาด มีเพื่อนหน้าใหม่ๆ เข้ามาคุยด้วยเป็นครั้งคราว งานกลุ่มงานคู่ผมก็ไม่ใช่ตัวแถมอีกต่อไป มีบ้างที่ถูกมองแปลกๆ เวลามีอาการแต่มันก็น้อยลงไปเยอะนะเท่าที่ผมสังเกตตัวเอง คงเพราะเครียดน้อยลงด้วยมั้งฮะ
 
              พูดถึงเรื่องเครียดก็นึกไปถึงใครอีกคนที่อุตส่าห์ตื่นมาส่งผมแต่เช้าแล้วกลับไปนอนต่อเพราะไม่มีเรียน คนที่เรียกได้ว่าเป็นสาเหตุความเครียดหลักๆ ของผมเลยก็ว่าได้ แต่ความเปลี่ยนแปลงของเขากลับให้ผลตรงกันข้าม เขาใจดี เอาใจใส่อย่างดีด้วย ถึงจะมือหนักปากร้ายไปหน่อยก็เถอะ แต่ผมมีความสุขที่ได้อยู่กับเขา ดีใจที่เขากินกับข้าวฝีมือผมอย่างเอร็ดอร่อย ตอนนอนเขาชอบเปิดแอร์เย็นจัดแต่ก็ได้อ้อมกอดอบอุ่นคลายความหนาวได้ซึ่งมักแปรเปลี่ยนเป็นเร้าร้อนประจำ ผมไปเคยชอบความเร็ว แต่กลับชอบซ้อนมอร์ไซค์เขาซะงั้น
 
              มีอีกหลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับเขาที่ให้เล่าสามวันก็ไม่จบ จะให้พูดซ้ำอีกกี่รอบก็ไม่เบื่อ ผมว่าอาการแบบนี้...
 
              ผมคงรักพี่แม็กเข้าให้แล้วล่ะครับ
 


              ตืดดด ตืดดด
 
              หลังจากที่แยกกับเพื่อนๆ โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็สั่น เมื่อหยิบออกมาดูปรากฏว่าเป็นแจ้งเตือนข้อความเข้า ไม่ต้องเดาให้เสียเวลามีอยู่คนเดียวแหละครับ ผมโทรหาพี่แม็กทันทีโดยไม่เปิดดูสติกเกอร์ไม่สื่อความหมายตามบริบทนั่น
 
              “ครับ?”
 
              “เลิกแล้วใช่มั้ย”
 
              “ครับ” ผมตอบ
 
              “ออกมารึยัง”
 
              “ครับ”
 
              “กูจะถึงแล้ว รอที่เดิมนะ” เป็นอันรู้กันว่าทุกครั้งที่เขามารับเขาจะรอรับผมที่หลังตึกเสมอ ผมเดินไปคุยไปจนถึงที่นัดหมาย
 
              “ครับ”
 
              “...” จู่ๆ ก็เงียบไปผมเลยถามเขาไปว่า
 
              “ครับ?”
 
              “มึงช่วยพูดคำอื่นนอกจากครับได้มั้ย” เอ๊า
 
              “ครับ อ่า… ฮะ”
 
              “เฮ้อ… ช่างเหอะ เตรียมตัว กูถึงแล้ว”
 
              ร่างสูงมาพร้อมกับรถคู่ใจสีแดงเพลิงจอดเทียบทางเดินที่ผมยืนอยู่ ผมเผ้ายุ่งไม่เป็นทรงกับหน้าออกมันเล็กน้อยทำให้รู้ว่าเขาเพิ่งตื่นก่อนออกมาแน่ๆ นี่มันบ่ายแล้วนะครับ เอาแต่นอนอยากเป็นหมูเป็นเพื่อนผมเหรอ พี่แม็กตาปรือถอดหูฟังบลูทูธออกมาเก็บลงกระเป๋ากางเกง ผมเป็นคนซื้อให้เขาเองแหละเพราะเขาชอบโทรตอนขับรถ มันอันตรายครับพี่ไม่ห่วงตัวเองแต่ผมห่วงนะ
 
              “ทำไมมารับเร็วจังล่ะครับ” ทุกทีผมต้องยืนรอเป็นสิบๆ นาทีเลย
 
              “เชี่ยพอลเรียกไปเตะบอล”

              ชื่อนี้อีกแล้ว ได้ยินแล้วก็อดขนลุกไม่ได้ นี่ไม่แคล้วต้องเผชิญหน้ากันอีกแน่ๆ แต่ก็จำยอมยกขาขึ้นคร่อมซ้อนท้ายพี่แม็กไป



MAGNUM
 
             
 
              เชี่ยพอลแม่งโทรมาปลุกไปเตะบอล คนกำลังหลับสบายไอ้มารผจญเอ๊ย พอจะปฏิเสธมันก็บอกว่า
 
              “มึงห่างเหินกับเพื่อนฝูงมาเป็นเดือนๆ แล้วนะเว้ย”

              เออ! ก็ได้วะ เล่นขู่ด้วยมิตรภาพอันยาวนานขนาดนี้กูไปก็ได้ แม่ง
 
              ผมแวะรับไอ้ลูกหมูก่อนจะได้มีคนเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟข้าวให้ พอบอกมันว่าจะไปเล่นบอลกับพวกไอ้พอลมันงี้หน้าซีดเลย ก็รู้อยู่แหละว่ามันไม่ถูกกับเพื่อนผม (หรือเพื่อนผมไม่ถูกกับมันคนเดียววะ) แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของผมว่ะ
 
              พอมาถึงสถานที่นัดพบผมสั่งให้มันนั่งเฝ้าของข้างสนามไปไม่ได้ให้มันตามมาเจอคนอื่นที่รออยู่อีกมุมหนึ่งด้วย ไอ้พอลเหลือบมองตั้งแต่เราเข้ามาในลานสายตามัน ปากมันคุยกับผมแต่ตางี้จ้องไอ้เตี้ยที่อยู่ไกลๆ อย่างเอาเรื่อง
 
              “พอล มึงมากับกูดิ๊” ผมลากมันออกจากกลุ่ม ไม่ลืมพยักหน้าให้ไอ้เมษตามมาด้วย “มึงด้วยเมษ”
 
              พอออกมาไกลพอสมควรผมก็เปิดประเด็นทันที “มึงไม่ได้แค่อยากเตะบอลกับกูเฉยๆ ใช่มั้ย” เปิดตรงไปไอ้ฝรั่งกลับตรงๆ เหมือนกัน
 
              “มึงติดไอ้เด็กนั้นเกินไป”
 
              “ฮะ?” อะไรของแม่งวะ แค่กูขี้เกียจออกกำลังมึงหาว่ากูติดเด็กเลยรึ
 
              “กูก็คิดเหมือนมันนะแม็ก เดี๋ยวนี้มึงไปไหนมาไหนกับมันตลอด หอมึงก็แทบจะไม่กลับ เอาแต่ส่งสติกเกอร์ทั้งวันแถมนั่งยิ้มให้โทรศัพท์อย่างกับคนบ้า ถามจริง มึงกับมันเป็นแฟนกันหรือเปล่า”
 
              ไอ้บ้าาา เลอะเทอะแล้ว กูเกลียดมันจะตายไม่นึกอยากเป็นแฟนมันหรอกน่า… ผม ‘เคย’ คิดอย่างนั้น คำพูดของเมษทำให้ผมนิ่งอึ้งนึกย้อนไปถึงช่วงหลังว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมไม่เคยนึกถึงใจใคร ไม่เคยสงสาร ดีแต่ทำร้ายมันสารพัด ใช่ ผมก็ยังด่ามันตีมันอยู่นี่มันต่างจากเดิมตรงไหน ถ้าเรื่องเซ็กส์มันไม่จำเป็นต้องมีความรู้สึกมาเกี่ยวข้องอยู่แล้วนี่ เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรแปลกอย่างที่พวกมันคิดแน่
 
              “กูก็เหมือนเดิมนี่ ที่ไปอยู่กับมันเพราะหอมันสบาย แม่มันยังให้เงินเดือนกูอยู่ แถมมันก็ทำกับข้าวใช้ได้ กูก็เอามันบ้าง...”
 
              “นี่มึงนอนกับมันมากกว่าหนึ่งครั้งเหรอ!” แล้วมึงจะตะโกนทำหอกอะไรฮะเหี้ยพอล! ตาสีอ่อนถลึงใส่ซะน่ากลัว ทำตัวอย่างกับเป็นเมียกูเลยนะเหี้ยนี่

              “มึงไม่ปกติจริงๆ อ่ะแม็ก” ไอ้เมษ
 
              “พอๆๆๆ นี่มึงจะมาเตะบอลหรือจะมาซักกูเนี่ยหา”
 
              “มึงลากพวกกูมาเองนะ” เออ… จริงว่ะ
 
              “งั้นไปได้แล้ว พวกแม่งรออยู่”


 
              “ทีมพวกมึงถอดเสื้อ”
 
              เรากลับมาที่สนาม คนอื่นๆ วอร์มกันเรียบร้อยแล้ว ก่อนเริ่มก็จัดการแบ่งทีมแล้วทีมผมกับไอ้พอลเป็นทีมที่ถอดเสื้อ ไอ้เมษได้อยู่อีกทีมหนึ่ง ผมวิ่งกลับไปหาไอ้เตี้ยโยนเสื้อใส่หน้ามันแล้ววิ่งกลับมาในสนาม
 
              การแข่งแบบเล่นๆ แต่โคตรจริงจังดำเนินไปจนหมดครึ่งแรก พวกเรากลับไปนั่งพักที่ใครที่มัน ผมนำไอ้เตี้ยย้ายที่มาอยู่ใกล้ๆ เพื่อนผม มันนั่งเงียบเรียบร้อยทำตัวเป็นอากาศธาตุ แต่ไอ้พอลไม่วายขู่ใส่มันแหง่งๆ อยู่ดี ช่างพวกมันเถอะ ผมก็คุยสัพเพเหระกับไอ้เมษไปเรื่อยแล้วจู่ๆ มันก็ทัก
 
              “แม็ก มึงอ้วนว่ะ”
 
              “มึงว่าไงนะ” มองแขนมองขาตัวเองก็ยังมีกล้ามแน่นเหมือนเดิมนี่หว่า ว่ากูซะเสียเลยมึง
 
              “มึงอ้วน ทำไม กินดีอยู่ดีมีเมียให้เอาแต่ไม่มาออกกำลังกับเพื่อนกับฝูงแค่ไม่กี่เดือนห่วงยางมึงออกเลยเหรอ”
 
              “มึงก็ว่าไป อ้วนที่ไหน กูก็เฟิร์มป่ะวะ” ผมลุกขึ้นหมุนตัวเบ่งกล้ามโชว์
 
              “ตอนยืนก็ดูไม่ออกหรอก มึงลองนั่งสิ” อ่ะ นั่งก็นั่ง “ดูพุงมึง”
 
              ผมก้มตามมันแล้วก็ต้องร้อง เชี่ย! ดังๆ ในใจ จริงอย่างที่มันว่าพอนั่งปุ๊บหน้าท้องที่เคยเป็นลอนสวยงามก็กลายเป็นชั้นๆ เหมือนใส่ห่วงยาง ทุเรศจิตที่สุด!
 
              “ฮึ่ย นั่งมันก็เป็นงีี้กันทุกคนป่ะ แค่นิดเดียวไม่ได้อ้วนซักหน่อย” ไม่ๆๆ กูไม่ยอมรับเด็ดขาด
 
              “ถ้าหยิบออกมาได้เป็นนิ้ว… คืออ้วน” เชี่ยพอลมึงทำกูใจเสีย
 
              แต่ก็พิสูจน์ตามมันว่า ผมดึงชั้นตรงกลางออกมา มันหยิบติดมือง่ายมากไม่เหมือนเมื่อก่อนเลย ใจเต้นไม่เป็นส่ำยิ่งกว่าลุ้นผลสอบขณะที่ค่อยยืดหน้าท้องส่วนนั้นออกมาช้าๆ กะคะเนด้วยสายตาแล้ว...
 
              มันยืดออกมาได้นิ้วกว่าเลยว่ะ!


100%

อีแม็ก อีอ้วน555
ถึงเวลาเอาคืนพระเอก



หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 100% 7/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 07-04-2018 14:16:57
5555การทำให้พี่แม็กอ้วนคือการแก้แค้นสินะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 100% 7/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 07-04-2018 14:39:23
อ้วนไปด้วยกัน 5555
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 100% 7/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: T_TARS ที่ 07-04-2018 15:48:00
รอวันน้องโบเอาคืนชายโฉดบ้าง
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 100% 7/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-04-2018 16:23:20
พอล เมษ  วุ่นวายกับแม็กมากไปนะ
เค้าของมาม่ามาแล้ว เพราะเพื่อนๆแม็กสินะ   :fire: :fire: :fire:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 100% 7/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 07-04-2018 19:13:41
รักเค้าไม่รู้ตัว ระวังพลาดเจ็บเองน๊าาาาพี่แม็ก
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 100% 7/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 07-04-2018 21:22:59
แม็กอย่าแกล้งน้องนะ มึงผิดคนเดียวอย่าโยนให้น้อง
รักก็ยอมรับไป
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 100% 7/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 07-04-2018 22:22:37
อีพี่แม็กกกก อ้วนนน :m20:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 100% 7/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 08-04-2018 20:22:19
อ้วนไปด้วยกัน อิอิ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 100% 7/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 10-04-2018 00:01:43
น้องโบเลี้ยงดีละสิ ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 100% 7/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 10-04-2018 00:44:06
โหวตเป็ด +1 เป็นกำลังใจให้คร้บ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 100% 7/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: +HaNeul+ ที่ 10-04-2018 03:41:26
ฮื่อออ อ่ารวดเดียวจบภายใน 2 ชม. โอ้ยยย แรกอ่านละเกลียดอิพิแม็กมากเลยอะ มันแบบ อิแม้กกกก

ความจริงเราชอบตัวละครอย่างน้องโบมากเลยค่ะ มันแบบเป็นคาแรกเตอร์ที่เด่นดี น้องดีอะแต่สังคมน้องแย่

ตอนแรกที่เห็นแก๊งนี้ไประรานน้องคือแบบด่าอิพี่แม้กในใจเยอะมากก ด่าแบบสุด โกรธที่ทำกับน้องขนาดนี้แถมยังแบบ...

ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ดราม่าหนักไหมแต่ใจเราหว่ันมากแค่ตอนที่น้องร้องไห้และคุยกับฟาเรายังร้องตามเลยค่ะ อ่อนไหวฮื่อ

ก็อย่างที่คนเขียนบอกอะนะว่าจบแฮปปี้ตอนแรกที่เห็นคือแบบ ไม่! ต้องไม่แฮปปี้!! คืออิพิแม้กทำกับน้องเกินอะแต่ก็นะแหละตอนนี้พี่มันก็ดีขึ้นมากแล้ว แต่หลังจากนี้จะร้ายกับน้องอีกหรือไม่ก็ไม่ทราบแต่ที่ทราบคืออิพิแม้กอ้วนนนนนนนนนนนนน 555555555555555 ว่าน้องดีนักฮึ่ยยยย อีกอย่างน้องคือแบบยอมม ยอมมมม ตอนอ่านที่น้องโดนทำร้ายนี่แบบน้องต้องสู้อะน้องอย่าไปยอมพิมันแต่ก็นั่นแหละค่ะ..น้องก็ยอม เห้อมมมม แต่กลัวใจเรื่องหมิวมากเลยว่านังจะงอแงเอาพิแม้กอีกมะ แต่หวังว่าพิแม้กจะไม่หักหลังน้องโดยการไปหาน้องหมิวนะ อห.น้องเทิดทูนพิเขาจนาดนี้แล้ว

อีกอย่าง ชีวิตน้องเหลือแค่พิแม้กละเด้อที่ดีกับน้องสุด หวังว่าจะไม่เจออะไรที่เจ็บปวดอีกนะคะ แงงง (ไม่เจอก็บ้าแล้วจั่วหัวมา SM20+ ขนาดนี้ สารภาพค่ะเข้ามาเพราะอิคำนี้เลย ไม่ค่อยอ่าน SM อยากรู้ อ่านละอินมาก ถถถถถถ)

เม้นยาวไปขอโทษค่ะ มันแบบสุดดดขอเม้นหน่อยนึง ติดเม้นต์ยาวด้วย

ปล.รอนะคะ จะเข้าเล้าบ่อยๆมาเพื่อรออัพเลยค่ะ แงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 100% 7/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: W2P5 ที่ 10-04-2018 08:23:59
รออยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 100% 7/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 10-04-2018 17:26:40


ใครรอไม่ต้องรีเฟรชหน้าเว็บทุกวันเพื่อดูว่าน้องโบมารึยังก็ได้นะ
แค่ไปไลค์เพจ NuGaa ヌガー Novels
เท่านี้คุณก็สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของนูก้าได้แล้ววว
เชิญชวนญาติสนิทไม่สนิทมิตรสหายทั้งหลายไปติดตามกัน
มีหลายคนแนะนำให้เล่นทวิต แต่ข้าเจ้าเล่นไม่เป็นอ่า
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 100% 7/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 01-05-2018 15:10:07
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 100% 7/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-05-2018 17:07:25
หายไปนานจัง
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 100% 7/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 01-05-2018 18:33:34
น้องคอมโบ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 100% 7/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: iikol ที่ 26-05-2018 12:14:58
ตามหาคนหาย
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 100% 7/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-05-2018 12:58:42
หายไปนานจังเลย อยากอ่านต่อแล้ววว
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 100% 7/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 29-05-2018 00:54:14
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ สงสารน้องงงงกว่าจะมาถึงวันนี้ไม่รู้ต้องเจอกับอะไรบ้าง แล้วไหนจะพวกอิแม็กซ์อีกที่เหมือนจะดีแต่ยังไงก็นิสัยเลวกันเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน17 100% 7/4/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-05-2018 01:01:05
หายไปนานจัง รออยู่นะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน18 1/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 01-06-2018 17:24:43


18

     “พี่แม็กกก กลับกันเถอะ”
     ผมร้องเรียกคนที่วิ่งเอาเป็นเอาตายมาชั่วโมงกว่าด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนปนเหนื่อยหน่าย ตั้งแต่ที่ถูกเพื่อนล้อวันนั้นพี่เขาก็โหมออกกำลังอย่างหนัก แถมยังสั่งให้ผมทำแต่อาหารคลีน... ซึ่งสุดท้ายก็ปรับเป็นอาหารปกติเพราะความอยากอยู่ดี
     “แฮ่ก อีก... แฮ่ก อีกสองรอบ ก... ก็พันแคลแล้ว...” เขาบอกตอนวิ่งมาใกล้ เสียงนี่หอบจนจะฟังไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว อย่าหักโหมสิครับ
     “เฮ้อ...” ผมได้แต่ถอนหายใจนั่งเท้าคางเบื่อๆ ก็เข้าใจนะว่ามันเสียเซลฟ์ แต่เขาก็ยังดูดีอยู่นา ไม่ได้ใกล้คำว่าอ้วนเลย แค่บวมกว่าปกตินิดหน่อยเอง พวกเพื่อนๆ ก็ปากเสียทำคนอื่นเขาขาดความมั่นใจหมด ผมนึกว่าคนอย่างพี่แม็กจะไม่แคร์เรื่องรูปลักษณ์ตัวเองเข้าขั้นวิตกจริตขนาดนี้ซะอีก
     ...แต่ก็แอบสะใจเล็กๆ นะ อิอิ
     ทุ่มกว่าๆ พอเบิร์นได้ตามเป้าที่เขาวางไว้พวกเราก็กลับหอกันด้วยเจ้าแดงเพลิงของพี่แม็ก แล้วเชื่อไหมว่าใครขับ ผมเอ๊ง!!!
     คือเจ้าของมันหลังจากที่โหมออกกำลังจนกล้ามเนื้อร้าวไปทั้งตัวจนไม่มีแรงแม้แต่จะเตะขาตั้งขึ้นทำให้วันนั้นเราต้องโบกแท็กซี่กลับหอกัน คนตัวโตนั่งเงียบตลอดทาง นอกเหนือจากอาการเหนื่อยล้าผมยังสัมผัสได้ถึงความเขินของเขา เข้าใจครับ คนที่เคยเป็นช้างเท้าหน้าสั่งนู่นสั่งนี่ อีโก้สูง แล้วยังเป็นคนดูแลเรื่องการเดินทางเป็นหลักกลับมานั่งง่อยเพราะกล้ามเนื้ออักเสบ เขาย่อมอายเป็นธรรมดา
วันต่อมาเขาเลยจับผมหัดขับเจ้าแดงครับ (ผมตั้งชื่อนี้เองล่ะ) ทุลักทุเลมาก แรกๆ นี่โดนมันล้มทับจนเกือบไส้แตกตายแหนะ กว่าสัปดาห์ถึงจะเอาพี่แม็กซ้อนได้ รู้สึกเท่มาก ถามว่าขึ้นได้ไงขาถึงเหรอ ถึงครับ ถ้าขึ้นจากบนฟุตบาต ฮ่าๆ
     เอ่อ...
จริงๆ พี่แม็กอุ้มผมขึ้นครับ
     เพียะ!
     “อย่าขับส่ายดิ ทำรถกูคว่ำมึงได้พังกว่ารถกูแน่”
     “อ๊า! พี่! อย่าตบหัวผมดิ เกือบคว่ำจริงแล้วมั้ยล่ะ” คนบ้า ผมหลบหลุมแล้วเซนิดเดียวเองก็โดนบ้องหูเต็มๆ จนรถเสียหลัก ดีที่พี่แม็กช่วยประคองไว้ทัน
     “มึง จอดๆๆๆ” อยู่ๆ เขาก็บอกให้จอดพร้อมตบหัวผมรัวๆ แทนการสะกิด และวิธีที่ทำให้รถหยุดอย่างทันใจของเขาเขาทำไงเดาได้ไหมครับ...
     เขากดเบรกเองแล้วใช้ขายาวๆ ยันพื้น และหักรถหน้าทิ่มฟุตบาตรเพื่อให้ทางต่างระดับช่วยหยุดอีกแรง แรงเฉื่อยทำให้ตัวผมไถลเลยหน้ารถไปครึ่งตัว แถมหว่างขายังไปกระแทกถังน้ำมันที่นูนขึ้นมาจุกดัง “อุก!”
     มือหนาบิดกุญแจออกแล้วหิ้วผมติดมือเข้าร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทาง ดวงตาคมเบิกขึ้นเล็กน้อยเป็นประกายจ้องหน้าแม่ค้าที่กำลังลวกเส้นเขม็งแล้วพูดว่า
     “หมี่เกี๊ยวหมูกรอบหมูแดงพิเศษ!”
     ...
     ผมขอไว้อาลัยให้กับความตั้งใจในการลดน้ำหนักตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาของเขาด้วยครับ

     ในที่สุดก็ได้กลับซะทีหลังจากที่คุณชายได้อิ่มอร่อยกับบะหมี่ชามโตต่อด้วยบัวลอยแผงข้างๆ เรียบร้อย ผมอาบน้ำก่อนแล้วมายืนถือชุดนอนรอเขาหน้าห้องน้ำ พี่แม็กออกมาในสภาพผ้าขนหนูผืนเดียว สีหน้าของเขาดูเหนื่อยมาก ก็สมควรแหละ ไหนจะเรียนไหนจะฟิตหุ่น ตอนนี้อาจพ่วงความรู้สึกผิดที่เผลออดใจไม่ไหวกับมื้อดึกด้วย
     “ยังไงก็หล่ออยู่ดีล่ะน่า”
     อะ... ผมคิดดังไปสินะ
     เขาทำหน้ายุ่งใส่ เท้าเอวโน้มตัวมาจ้องผมระยะประชิดส่งผลให้ผมต้องเอียงตัวหนีไปข้างหลัง ร่างสูงพ่นลมหายใจใส่หน้าแรงๆ หนึ่งทีแล้วผละไปที่เครื่องชั่งน้ำหนักหน้าห้องน้ำ
     ผมอยากถ่ายวิดีโอเก็บไว้ใจจะขาดแต่กลัวศพไม่สวย ก็ดูเขาทำสิ ตัวโตๆ ค่อยๆ ย่างก้าวขึ้นไปบนเครื่องชั่งอย่างช้าโดยแตะปลายเท้าข้างหนึ่งก่อนค่อยๆ ทิ้งน้ำหนักเต็มฝ่าเท้า ก้าวที่สองขึ้นตามไปด้วยความเร็วที่ช้ากว่าเดิม แล้วยืนแขม่วท้องพ่นลมจนหมดปอดเท้าเอวมองเลขดิจิตอลที่วิ่งขึ้นลงพักหนึ่ง ผมกลั้นขำจนเมื่อยหน้า พอจะหลุดหัวเราะก็แกล้งไอเบาๆ แอบดูเลขแสดงน้ำหนักแต่พี่แม็กกลับรู้ทันเอาเท้ามาบังไว้เสียก่อน
     “เอ่อ... ส... ใส่เสื้อก่อนครับ” ผมบอก
     ร่างสูงกระชากชุดนอนจากมือตาขวาง ทว่าแทนที่จะใส่เขากลับขว้างไปกองบนเตียงแทน
     “มึงว่ากูหนักเท่าไหร่” หะ?
     “อ... เอ่อ”
     “ตอบ!”
     “ห... ห... ห... ห้า ห้าสิบ!” ผมตอบอย่างลนลาน คือไม่รู้ว่าเขาต้องการเลขช่วงไหนไง เลยตอบแบบให้กำลังใจสุดๆ ไปแต่กลับโดนตะคอกใส่ว่า
     “ห้าสิบบ้านมึงสิ! ดูตัวกูด้วย สูงจะสองเมตรมันจะหนักแต่ห้าสิบได้ไง”
     “ง... งั้น หกสิบห้า!”
     “ไอ้!” เขาเงื้อแขนเตรียมฟาดหัวผม ผมรีบยกมือมันบัง
     “อ๊า!!! พี่ต้องการอะไรอ่ะ โบไม่รู้!”
     ผมหลับตาปี๋ไม่กล้าสบตาหมีคลั่งที่คิ้วกระตุกหน้าตึงอย่างอารมณ์เสีย ตอนนี้พูดอะไรไปก็ไม่เข้าหูพี่แกทั้งนั้นอ่ะครับ แล้วเขาก็เฉลยว่า
     “แปดสิบ! กู หนัก แปดสิบ! เหี้ยเอ๊ยยย อีกยี่สิบครบร้อย เกิดมากูยังไม่เคยได้สัมผัสเลขแปดมาก่อนเลย เพราะมึงเลยไอ้เตี้ย! ทำอะไรให้กูกินก็ไม่รู้ แล้วพอกูจะลดมึงก็ทำแต่จืดๆ มีแต่ผักๆๆ เขียวเต็มจาน มึงคิดว่ามันจะน่าเจริญอาหารมั้ย! แล้วมันก็เลยทำให้กู หิว! ต ลอด วัน! จนตอนนั่งเรียนกูต้องแอบกินขนมในห้อง ทำให้กูต้องไปออกกำลังอย่างหนัก แล้วเป็นไง กูเหนื่อยกูก็หิวอีก โหยน้ำตาล ทุกอย่างมันเพราะมึงเลย!!!”
     มือแกร่งจับผมเขย่าตามทุกคำที่เขาพูด จากที่ฟังผมขอถามอย่างเดียว... ผมผิดตรงไหนวะ! (ขอโทษครับ) ผมก็แค่ทำตามที่เขาอยากกินอ่ะ
     “แล้วเมื่อกี้... ถ้ามึงขับเร็วอีกหน่อยกูคงไม่ทันสังเกตเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวนั่น” ความผิดผม!?
     ตุบ
     พี่แม็กผลักผมลงนอนกับพื้นโดยมีเขาคร่อมด้านบน สองแขนถูกตรึงด้วยมือของเขาอย่างแน่นหนา หยดน้ำจากตัวและเส้นผมที่ยังไม่ได้เช็ดให้แห้งไหลลงมาโดน ผมสบนัยน์ตาสีดำสนิทพบความโกรธฉายชัดในนั้น... ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงเรียกว่าโกรธ แต่ตอนนี้มันต่างไปนิด ออกไปทาง... งอน? มากกว่า มันทำให้นึกสงสัยเหมือนกันว่านี่เป็นคนเดียวกับที่เคยทำร้ายผมสารพัดคนนั้นจริงหรือ
     “อีกหน่อยกูคงเป็นหมูแบบมึง” เขางึมงำ ปากสีเข้มยื่นนิดๆ ดูน่ารักไม่สมตัว เมื่อเห็นความไม่มั่นใจนั้นผมก็เลยต้องปลอบไป
     “พี่ไม่เห็นจะอ้วนเลย ไม่มึงพุงแบบผมสักหน่อย”
     “มึงหนักเท่าไหร่” ไม่ได้ชั่งมานานแล้วสิ คงไม่ต่างจากที่ชั่งล่าสุดหรอกมั้ง ผมตัดสินใจบอกไปพร้อมเพิ่มไปอีกสองสามโลว่า “หกสิบสาม... มั้ง”
     “น่ะ! เทียบกับส่วนสูงมึงยังดูผอมกว่ากูอีก” อย่างอแงสิครับ
     “พี่ครับ ถึงผมจะเบาแต่เพราะไขมันเยอะกล้ามเนื้อน้อยมันเลยเบาต่างหากล่ะ พี่หนักกว่าเพราะกล้ามเนื้อเยอะ อ้วนผอมวัดที่น้ำหนักไม่ได้หรอก พี่คิดแบบนี้สิ”
     คิ้วเข้มขมวดคิดตามผมว่าคำตอบผมน่าพอใจอยู่นะ เขาครางอืมไม่สนใจกับอาการสบถเบาๆ ของผมเหมือนชินแล้ว (ช่วงนี้แทบไม่เป็นแล้วครับ มีแขนกระตุกบ้างบางครั้ง) ผิวชื้นแนบสัมผัสเมื่อเขาโน้มตัววางหน้าผากกับไหล่ผม ผมจึงปล่อยให้เขาคิดเงียบๆ ไปก่อน
     ควับ!
     จู่ๆ พี่แม็กก็เด้งตัวขึ้นจนผมสะดุ้ง
     “วิดพื้นร้อยที ปฏิบัติ!”
     “ห๊ะ!?”
     “วันนี้กูยังไม่ได้วิดพื้น มันไม่ครบคอร์ส มึงนับ หนึ่ง!”
     “เดี๋ยวๆๆๆ ผมไม่เข้าใจ”
     ร่างใหญ่โตเหยียดตรงในท่าพร้อมทั้งๆ ที่ผมยังอยู่ตรงนี้! ข้างล่างนี่! ยังไม่ทันตั้งตัวเขาก็ทิ้งน้ำหนักลงมาแล้วยืดแขนขึ้นนับหนึ่ง พี่อยากทำอะไรก็ทำเถอะ แต่ปล่อยผมออกไปก่อน!
      “กูสั่งให้นับ” แล้วเขาก็ทับลงมา
     “พี่ปล่อยก่อน”
     “นับเร็ว กูเสียไปสองครั้งแล้วเนี่ย ถ้ามึงไม่นับกูจะเริ่มใหม่ พร้อม! หนึ่ง” ทีนี้ทิ้งทั้งตัวเลยครับ
     “อั่ก! เดี๋ยวก็บาดเจ็บหรอก”
     “หนึ่ง! จุ๊บ พูดมาก”
     คราวนี้ลงมาพร้อมจุ๊บปากผมด้วย ครั้งที่สองงก็พยายามทำแบบเดิมแต่ผมหันหนี เขาก็ยังตามมาจนเอาปากชนปากผมได้
     “อื้อ! ทำแบบนี้แล้วผมจะนับยังไงเล่า”
     “หนึ่ง! จุ๊บ”
     “พี่แม็ก!”
     “หนึ่ง จุ๊บ นับ!”
     โอเคๆ มีแต่ต้องทำตามเท่านั้นแหละครับ ไม่งั้นคืนนี้ทั้งคืนก็ไม่ถึงร้อย แถมปากจะแตกเอาด้วย พอเขาลงมานับหนึ่งอีกครั้งผมก็ขานตอบ “หนึ่ง”
     “ดีมาก ต่อ จุ๊บ”
     “ผมนับแล้วไง พี่ไม่ต้องจูบแล้ว”
     “นับใหม่ หนึ่ง! จุ๊บ”
     ...ครับ ผมเลิกต่อล้อต่อเถียง ตั้งใจนับทุกครั้งที่ปากเขาลงมาแตะ นับเรื่อยๆ “สี่ จุ๊บ ห้า จุ๊บ หก จุ๊บ เจ็ด...”
     ผ่านไปครึ่งทางแขนเริ่มสั่น มัดกล้ามปูดโปนมีเส้นเลือดขึ้นชัดน่ากลัวว่ามันอาจจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ ทว่าใบหน้าของคนผิวเข้มกลับประดับไปด้วยรอยยิ้มมุมปากตลอดเวลาราวกับสนุกที่ได้ทำแบบนี้ ตัวเลขถูกเอ่ยผ่านริมฝีปากอิ่มทีละเลขโดยที่ในหัวผมว่างเปล่า มีเพียงชายที่อยู่เบื้องบนเท่านั้นที่ฉายชัดเต็มสองตา สัมผัสกระด้างของคนไม่ชอบดื่มน้ำกลับนุ่มนวลราวปุยนุ่นทำเอาผมอยากนับเลยไปสักพันครั้ง เม็ดเหงื่อหยดกระทบใบหน้าแทนน้ำที่เพิ่งอาบ หน้าผมร้อนผ่าวไม่รู้เพราะเหนื่อยแทนหรือเพราะกลิ่นกายที่คุ้นเคยนั้นกันแน่ แม้แต่เสียงที่ค่อยนับเลขก็แผ่วสั่นยิ่งขึ้นทุกครั้งที่ริมฝีปากแห้งประกบลงมา
     “ก... เก้าสิบเจ็ด เก้า... สิบแปด เก้าสิบ... เก้า... ร... อื้ม”
     สองแขนอันอ่อนล้าปล่อยให้น้ำหนักแปดสิบกิโลทาบทับลงมาบนตัวผม การวิดพื้นครั้งที่หนึ่งร้อยเขาไม่ได้แค่จุ๊บปากแต่มอบสัมผัสลึกซึ้งดูดดื่ม ลิ้นร้อนกวาดต้อนในโพรงปากทุกซอกทุกมุมราวกับจะดูดกลืนวิญญาณของผมจนสิ้น เสียงหอบหายใจถี่ดังพอๆ กับเสียงหัวใจเต้นรัวเพราะความเหนื่อยของเจ้าของมัน หน้าอกที่ทาบทับสนิทยังทำให้ผมสัมผัสก้อนเนื้อนั้นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นเป็นคลื่นสะท้อนไปมาระหว่างผมกับเขา รัวแรงจนน่ากลัวว่าจะหัวใจวายกันตรงนั้นทั้งคู่จริงๆ
     “แฮ่ก... แฮ่ก... แฮ่ก...”
     เมื่อถอนริมฝีปากออกจากกัน กายหนาก็ทิ้งตัวซบซอกคอหอบหายใจแรง ปลายจมูกโด่งซุกไซ้หลังหูสลับกับความเปียกชื้นไล่ชิมผิวเนื้ออ่อนจนผมขนลุกซู่ แล้วเสียงทุ้มก็กระซิบแผ่วเบาด้วยคำที่ทำให้ผมแทบสิ้นสติว่า
     ...
     “กู... ชอบมึงนะโบ...”


-------------------------
กรีดร้องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
ตอนนี้สั้นไปนิด
สาบานเลยว่าตอนแรกที่คิดพล็อตเรื่องนี้ได้ไม่มีฉากนี้ในหัวเลย
ใครที่หลวมตัวเขามาอ่านแล้วจากลากันไปเพราะความเลวของอิแม็กถือว่าพลาดมากกกก
แนะนำให้กลับมาอ่านใหม่นะคะ๕๕๕
เดี๋ยวตอนหน้าจะพาไปหาแม่แม็กด้วยล่ะ
ตอนนี้ยกให้นางสองคนไปก่อน ใกล้ไคลแม็กซ์แล้วตัวอื่นๆ จะมีผลกับน้องมาก
แต่ย้ำอีกครั้งว่าจบแฮปปี้ ไม่ต้องห่วง (ดูทรงอิแม็กตอนนี้ก็น่าจะหายห่วงแล้วล่ะ)
นูก้ามีเพจนะ ทวงงาน ชวนเพื่อนมาปั่นไลค์ได้ที่
NuGaa ヌガー Novels
ติดแท็ก #แม็กโบ ก็ได้ ทวีตจะพยายามหัดเล่นนะ ชื่อเดียวกัน
แอดเฟรน NuGaaก็ได้
แล้วเจอกันตอนหน้าจ้า


หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน18 100% 1/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: W2P5 ที่ 01-06-2018 17:38:35
 :mew3: เขาทำอารายกานนนนน
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน18 100% 1/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 01-06-2018 18:37:27
หมั่นไส้อิพี้แม็กมากกก  :katai1:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน18 100% 1/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 01-06-2018 19:04:30
โอ๊ยยย​ นึก​จะ​หวาน​ก็​ปาน​รถ​น้ำตาลคว่ำเลยนะอิพี่จ๋าาาาาา​ ฟินนนนนนน
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน18 100% 1/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 01-06-2018 22:30:07
 :katai5: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน18 100% 1/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-06-2018 23:55:17
รอตอนต่อไปจ้ะ มาอัพเร็วๆนะใจจะขาดแล้ว
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน18 100% 1/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 02-06-2018 11:49:14
โอ๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆพี่แม็กซ์มันแอบหวานน่ะเออ อิอิ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน18 100% 1/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: พันวา ที่ 02-06-2018 13:14:41
หูยยยยย หมั่นอิพี่แม้กว่ะ :z6:

สงสารโบเนอะ  ป่วยแล้วยังต้องมาเจอแบบนี้ ครอบครัวก็ไม่ได้รัก เจแคนที่รักก็เอาแต่แกล้งกัน  เฮ้ออออออออ

อยากให้พี่แม้กรักโบมากๆ ดูแลโบหน่อย แล้วพามาอยุ่กันสองคนเถอะ ครอบครัว อุบาทว์นั่นปล่อยให้อยู่แบบนั้นดีแล้ว 

พี่แม้ก อย่าใจร้ายกับน้องนักเลย รักน้องได้แล้ว อ้วนๆไปเถอะน้องมันรักพี่อยู่ดีแหละ


สู้ๆนะโบ :กอด1: :กอด1:

 
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน18.5 100% 2/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 02-06-2018 14:50:11


แม็กกี้- //ผิด
MAGNUM
 

          ผมกลับมาเฟิร์มได้อีกครั้งและผมขอปฏิญาณกับตัวเองเลยว่าจะไม่กลายเป็นพ่อหมูตัวนั้นอีกแน่นอน ผมจึงออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ (บังคับไอ้โบออกด้วย นั่งรอเฉยๆ ให้เสียเวลาทำไม) และควบคุมอาหาร
          ควบคุมอาหารนี่ไม่ใช่ลดปริมาณหรือกินคลีนนะ ผมลองแล้วไม่เวิร์ก คือเห็นข้าวน้อยๆ มันนึกไปถึงมื้อต่อไปทันที คิดว่าวันนั้นทั้งวันคงจะท้องร้องน่ารำคาญแถมยังเห็นอะไรก็หอมน่ากินไปหมดทั้งลูกชิ้นข้างตึก กลิ่นอาหารจากโรงอาหาร ขนมปังใต้โต๊ะไอ้พอล กาแฟบนโต๊ะอาจารย์ ข้าวคลุกอาหารเม็ดไอ้ด่างใต้ตึก วู้ว! ไม่เป็นอันเรียน
          สรุปคือให้มันทำข้าวกล่องให้ในปริมาณเท่าเดิม เพิ่มเติมคือมีเพื่อนกินด้วย เป็นการสะกดจิตตัวเองอย่างหนึ่ง ผมจะได้เห็นอาหารในขนาดที่ต้องการต่อมื้อเท่าเดิมทำให้ไม่วอกแวกสิ่งเร้าอื่นแต่ได้กินจริงน้อยลงเพราะแบ่งเพื่อนกินด้วย พอมีเพื่อนมันกินไปคุยไปทำให้ไม่นึกถึงปริมาณรับเข้าท้องจริงก็ไม่หิวต่อ ใครสนใจสูตรนี้เอาไปใช้กันได้ ผมไม่หวง (แต่หวงคนทำกับข้าวนะ)
พูดถึงตรงนี้ รู้แล้วใช่ไหมว่าผม... บอกมันไปแล้ว เสียงตัวเองที่กระซิบข้างหูมันวันนั้นยังติดหูผมอยู่เลยว่ามันทั้งเบาและสั่นอย่างกับคนร้องไห้ก็ไม่ปาน ทุเรศตัวเองชะมัด ไม่คิดไม่ฝันว่าจะต้องสารภาพ... โดยเฉพาะกับมัน
          ตื่นเช้ามาเราก็ทำตัวปกติทั้งคู่แค่ดูพยายามมากไปหน่อย ไอ้อ้วนไม่ยอมสบตาตรงๆ หูเหอแดงก่ำ มันสบถถี่แทบทุกนาทีทั้งๆ ที่อาการมันดีขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว ส่วนผม อ่า... ก็ปกติ แหละ เหมือนเดิ๊ม ชิลๆ
          “เชี่ยแม็กครับ เพื่อนคุยด้วยไม่ตอบครับ มัวแต่ยิ้มให้โทรศัพท์อยู่นั่น”
          ไอ้เมษด่าผมแทนไอ้ฝรั่งทั้งๆ ที่มือถือมันก็ยังแนบหูอยู่ ประมาณว่าถึงกูจะคุยกับแฟนแต่ก็ยังเหลือสติไว้ฟังเพื่อนอยู่นะ ไรงี้ บลัฟกูเพื่อ?
          “มึงว่าไรนะพอล” ผมถามพอลซ้ำ
          “กูว่าช่วงนี้อิ่มเอิบนะมึง”
          “ห๊ะ นี่กูยังลดไม่พออีกหรอ หรือกูกลับมาอ้วนใหม่” ไอ้เมษได้ยินผมพูดถึงกับขำพรืดน้ำลายกระเด็น
          ไอ้พอลที่กุมขมับไหล่สั่นแก้ความเข้าใจผิดของผมด้วยเสียงกลั้วขำว่า “ไม่ใช่ ห่า กูหมายถึงมึงดูมีความสุขเกินเหตุต่างหาก กลายเป็นคนกลัวอ้วนตั้งแต่ตอนไหนวะเพื่อนกู”
          “ก็ตั้งแต่ตอนพวกมึงล้อกูนั่นแหละสัตว์”
          ไอ้สองตัวฮาก๊ากขนาดฝรั่งขี้เก๊กยังหลุดมาด เพื่อนมึงไม่ใช่ตลกครับ และกูอ้วนมันยิ่งไม่ตลก!
          เราคุยกันไปตบหัวกันไปอย่างไม่กลัวสมองเสื่อม ผมแกะกล่องกับข้าวออกมาพวกมันก็ยกข้าวสวยมาวางให้อารมณ์เด็กม.ปลายญี่ปุ่นมาก พวกมันรู้อยู่แล้วว่าฝีมือใครทำ ไอ้พอลทำหน้าบึ้งเหมือนไอ้โบอยู่ตรงหน้ามันแป๊บนึงแต่ก็ลงมือจ้วงกุ้งผัดกระเทียมกับผัดผักรวมกินอย่างเอร็ดอร่อย ขนาดคนเกลียดมันยังยอมให้กับสเน่ห์ปลายจวัก เป็นไงล่ะ แฟนผม
          ...
          เดี๋ยวนะ เมื่อกี้ผมว่าไงนะ
          “มึงส่งไอ้เตี้ยไปแข่งทำอาหารเหอะว่ะ อร่อยอย่างกับเชฟมาเอง” เมษชมไม่หยุดแม้กุ้งจะเต็มปากมัน
          “กูยอมรับนะว่าเกลียดขี้หน้ามัน แต่เรื่องรสมือนี่ยอมว่ะ แล้วสรุปมึงอยู่กินกับมันถาวรแล้ว?”
          คำถามไอ้พอลทำให้ผมชะงัก ไม่อยากจะยอมรับว่ารู้สึกตามที่กระซิบบอกมัน คนเคยเกลียดชังเข้ากระดูกดำแถมยังทำร้ายเขาสารพัดอย่างไม่รู้สึกผิด แล้วอะไรทำให้ความรู้สึกผมเปลี่ยนไปกันนะ ผมคิดว่าผมสงสารมัน ใช่ ก็ยังสงสารอยู่ แต่ก็เอ็นดูความเด๋อมันด้วย
          ไม่รู้ว่าเริ่มชอบมันตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็หวงมันจะเป็นจะตาย อยากกอดอยากฟัดร่างนุ่มนิ่มนั่นให้จมเขี้ยว ก่อนนอนต้องสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ จากมันไม่งั้นนอนไม่สบาย หมอนข้างอย่างดีมีไม่ใช้ดันเอามันมานอนทับแขนให้เมื่อยเล่น เช้ามาผมแขนชาเพราะน้ำหนักหัวทุยที่ทับตลอดคืนแต่กลับอบอุ่นในใจ และอีกหลายๆ อย่างที่ทำให้ผมตัดสินใจพูดออกไป
          ‘กู... ชอบมึงนะโบ...’
          “แม็ก... เชี่ยแม็ก! หยุดดูรูปไอ้เตี้ยนั่นซักนาทีเถอะกูขอล่ะ มึงอาการหนักมากเลยนะเว้ย”
          เมษแย่งมือถือที่ฉายรูปไอ้โบนอนน้ำลายยืดไปจากมือผม ทุกคนวางช้อนหันหน้ามาหาผมกันหมดสื่อว่าเรื่องที่จะพูดนั้นสำคัญมาก แล้วชายลูกครึ่งก็เปิดประเด็นขึ้นมาก่อนว่า
          “แม็ก กับไอ้โบ ถึงขั้นไหนกันแล้ว”
          คำถามง่ายๆ ทว่าตอบยากสำหรับผมในตอนนี้ชวนให้คิดทบทวนความสัมพันธ์ล่าสุดของเรา ทุกอย่างก็ชัดเจนแต่กลับพูดลำบาก อาจเพราะผมไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนมาก่อนการตัดสินใจยกสถานะนั้นให้จึงเป็นเรื่องยากพอสมควร... ‘แฟน’ มันมีอิมแพ็คกับใจผมมาก จึงระมัดระวังกับคำคำนี้ หรือจะเรียกมันว่าเมียดี ก็ได้นะ แต่ถ้ามันรู้มันคงเสียใจ งั้นคู่นอนหรอ หรือเบ๊ส่วนตัว... ให้ตายสิ! ทำไมยากอย่างงี้วะ
          สุดท้ายก็ตอบไป
          “ก็คง... แฟนมั้ง”
          “...”
          เกิดความเงียบระหว่างพวกเราทั้งสาม ไอ้พอลถอนหายใจขณะเก็บกล่องที่ปราศจากอาหารแม้แต่เศษผักสักต้นลงกระเป๋า ผมกับเมษเก็บบ้าง ความเงียบไม่ได้สร้างความอึดอัดแต่ทำให้รู้สึกถึงปัญหาอื่นๆ ที่จะตามมามากกว่า
          “แม็ก มึงรู้ตัวมั้ยว่ามึงเปลี่ยนไปแค่ไหน”
          “อืม...” ผมตอบพอลเพราะเข้าใจตัวเองอยู่บ้าง
          “มึงเปลี่ยนไปมาก... มึงที่เป็นศูนย์กลางของจักรวาล เป็นคนไม่เคยเห็นหัวใคร มึงสนใจแค่เพื่อนมึง... แต่พอมันเข้ามา... เมษมึงบอกมันซิ”
          “มึงห่างพวกกูไปเยอะ โอเคแบบกูเนี่ยกูก็มีแฟนแต่ยังไงกูก็ไปกับพวกมึงตลอด ถูกป่ะ แต่แม็ก มึงหายหัวไปเลย ถึงจะหลอกตัวเองว่าไม่ได้ชอบแต่พวกกูสัมผัสได้ว่ามึงแปลกๆ ที่พูดเนี่ยไม่ใช่ว่าให้เลิกคบมันนะ แค่อยากให้ลองคิดดีๆ กูเป็นห่วงมึงว่ะ...”
          “มันไม่เหมาะกับมึง”
          ผมอึ้งไปกับประโยคของพอลที่แทรกขึ้นมา ใจกระตุกเมื่อได้ยินคำว่าไม่เหมาะนั้นอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ผมพูดไม่ออก พอจะเปิดปากมันก็ดันตัดหน้าย้ำอีก
          “ถ้ามึงจะรักใคร ใครก็ได้แม็ก... ที่ไม่ใช่มัน” แล้วมันก็ลุกจากไป
          ไอ้เมษตบไหล่ให้กำลังใจก่อนจะตามร่างสูงของลูกครึ่งฝรั่งไปบ้าง ทิ้งผมให้นั่งทบทวนตัวเองเงียบๆ คนเดียว
ก็จริง... เราต่างกันมาก แถมยังเริ่มกันได้แย่เสียยิ่งกว่าแย่ ผมเปรียบเหมือนดวงอาทิตย์ร้อนแรงที่ใครๆ ต่างก็อยากเข้ามาอยู่ในระบบสุริยะของผม แล้วก็ได้เจอมันซึ่งเป็นแค่อุกกาบาตลูกเล็กๆ ที่เผอิญโคจรเข้ามาใกล้ๆ ความอัปลักษณ์ น่ารำคาญ แล้วอาจหาญมาเฉียวชนให้ขุ่นข้องใจทำให้ผมอยากจะระเบิดมันทิ้งทำลายมันไปซะ
          แล้วภาพเหตุการณ์เมื่อตอนไปบ้านมันก็ฉายทับขึ้นมา ตอนที่มันร้องไห้อ้อนวอนให้ดวงอาทิตย์ดวงนี้เป็นนายของมัน มันยอมแลกทุกอย่างแม้จะรู้ว่าเพลิงสุริยานั้นร้ายแรงพอจะเผามันให้มอดไหม้... แต่มันก็ยอม แค่ให้มันได้เป็นบริวารของดวงอาทิตย์...
          ความคิดแล่นมาจนหยุดที่การตัดสินใจสุดท้ายก็หมดคาบบ่ายพอดี ผมรีบเก็บของแล้ววิ่งตามเพื่อนสนิททั้งสองไปเพราะดันเหม่อตลอดบ่ายทำให้รู้ตัวอีกทีก็ไม่เหลือใครในห้องแล้ว ผมจับไหล่ให้พวกมันหันมาก่อนจะบอกไปว่า
          “ขอโทษพวกมึงด้วยนะ... แต่กูรักมันว่ะ”

          ไม่รักแล้วจะถึงขั้นพกกางเกงในมันไว้ในกระเป๋าตลอดได้ไงล่ะ จริงไหม?



100%
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน18.5 100% 2/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 02-06-2018 17:09:48

……


นับถือ นับถือ พี่แม็กคนจริงอ่ะ.

ยอมรับกับตัวเองได้ปั๊ป ก้อหนักแน่นมั่นคงดี

เรื่องที่แกล้งน้องโบที่ผ่านมา.  ให้อภัยทั้งหมดเลย

เชียร์สสสส

………


 :mew1:  :mew1:  :mew1:  :mew1:  :mew1:  :mew1:



หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน18.5 100% 2/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 02-06-2018 19:34:01
แม็ก ทำดีมาก แต่ "ไม่รักแล้วจะถึงขั้นพกกางเกงในมันไว้ในกระเป๋าตลอดได้ไงล่ะ จริงไหม?" อันนี้แกเป็นหนักนะแม็ก
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน18.5 100% 2/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 02-06-2018 19:43:13
โอ้ยยยยยยยยยย คือต้องรักขนาดไหนถึงขนาดพกกางเกงในไว้ในเป๋า555555555
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน18.5 100% 2/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 02-06-2018 20:06:58
แม็ก!!!  ขอ​ดู​ของ​ใน​กระเป๋า​หน่อย!!!!
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน18.5 100% 2/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 02-06-2018 20:58:55
กรี๊ดดด อิพี่แม็ก!! เอากระเป๋ามาดูเดี๋ยวนี้!!! // กระชากกระเป๋า  :katai1:

คนบ้าอะไรเนี่ยยย  :z3:

ถึงจะหมั่นนางแต่ก็ยอมรับความเป็นคนจริง
ตอนนี้เริ่มมาลำไยอิพี่พอลกะอิพี่เมษแทน
เอาอะไรมาวัดว่าเหมาะไม่เหมาะ งงใจ  :z6:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน18.5 100% 2/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: W2P5 ที่ 02-06-2018 21:43:04
สารภาพค่ะ ว่าตอนจะซึ้งล่ะ ถ้าเจอบรรทัดสุดท้าย  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน18.5 100% 2/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-06-2018 22:13:14
โอ้ว!!!! อิพี่แม็กคนจัง_2018  555
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน18.5 100% 2/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 02-06-2018 23:29:48
 :-[
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน18.5 100% 2/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 09-06-2018 11:39:32
ยกนิ้วให้พี่แม็กเลย
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน18.5 100% 2/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 11-06-2018 17:06:56
เดี๋ยวๆๆ คนรักกันเค้าไม่ต้องพกกางเกงในกันก็ได้ป่ะ
อันนี้เข้าข่ายโรคจิตมากกว่าละ ตาแม็กซ์ 55555555   :pigha2:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน18.5 100% 2/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 11-06-2018 19:07:40
อิพี่แม๊กโว้ยยยย เกือบซึ้งแล้ววว มาจบที่พกเกงในน้องงง
ยอมรับว่าอ่านตอนแรกๆก็คือโกรธอิพี่มันมาก ทำร้ายน้องมาก
แต่เอออให้อภัยก็ได้ ดูแลน้องดีๆล่ะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน18.5 100% 2/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 12-06-2018 23:56:40
พกกางเกงใน? อิพี่แม็กนี่มันเรัยกโรคจิตแล้วโว้ยยยยย!!!!! ส่วนคุณเพื่อนทั้งหลายเรื่องหัวใจก็ปล่อยให้เจ้าตัวเขาคิดและตัดสินใจเองค่ะไม่ต้องมาเสี้ยม
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน18.5 100% 2/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: Mookpichh ที่ 13-06-2018 00:20:43
ยอมอิพี่แล้วจ้าาาา :-[

ตอนแรกก็คิดว่าจะเป็นคนปากแข็งแล้วก็อีโก้สูงเรื่องความรักซะอีก

ในความโชคร้ายที่โบเจอมา ก็ยังมีคนบ้าๆ มารักอ่าเนอะ ยินดีด้วยจ้าาา

รอความหวานมาเติมเต็มหัวใจฉานนนน :hao7:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน18.5 100% 2/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 13-06-2018 23:59:57
❤️
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 50% 30/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 30-06-2018 15:06:07

จะพาไปสวัสดีแม่แม็กยังไม่ได้ไปซักทีเลยเนี่ย

-19-

          ตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลายผมก็เริ่มลืมเลือนความรู้เก่าๆ สมัยเด็กไป เช่นบรรดาเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนเป็นอะไรบ้างแล้วก็ไม่รู้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะขอเอาไปใส่ในลิสต์มากๆ เลยคือ...
          หมับ
          “ทำอะไรครับหมูน้อย”
          ผมที่คอยมองพี่แม็กอย่างตะขิดตะขวงใจปนระแวงมาตั้งแต่เขาซ้อนมอร์ไซค์แล้วกอดเอวผมแน่นต้องสะดุ้งเมื่อคนตัวโตสอดแขนมากอดเอวตอนผมเผลอ เกือบสับนิ้วตัวเองแหนะ คนกำลังมีสมาธิกับการทำอาหารอยู่
          ใช่ครับ สิ่งประหลาดที่ว่าคือพี่แม็กเวอร์ชั่นพ่อหมีขี้อ้อนนี่แหละ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเขาไปทำอะไรที่กระทบกระเทือนสมองมารึเปล่า วันนี้ถึงได้คอยนัวเนียผมไม่หยุด แถมยังพูดซะหวานเจี๊ยบ จ๊ะจ๋า สุภาพอย่างไม่เคยเป็น
          คนอื่นคงว่าน่ารัก... แต่ผมกลัวครับ
          “ช... เชี่ย เชี่- ทำแกงจืดไก่ตุ๋นสับปะรดครับ เอ่อ พี่ไปนั่งรอก่อนก็ได้ครับ กว่าจะเข้าเนื้อต้องอีกพักเลย” จริงๆ คือพี่เกะกะครับ ไปไกลๆ ก่อนเถอะ
          “เก่งจังหมูน้อยกู แค่กลิ่นก็รู้แล้วว่าอร่อย...”
          ฟอดดด
          “!!!”
          “แต่อันนี้หอมกว่า”
          เขาฟัดแก้มผมอย่างแรง จมูกโด่งสีกับเนื้อนิ่มจนรู้สึกเจ็บ ร่างสูงผละไปทิ้งให้ผมยืนช็อกอยู่กับเนื้อไก่บนเขียง ผมหันคอไปช้าๆ เห็นพี่แม็กนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้ทีวีอย่างคนสติไม่เต็ม (คนปกติที่ไหนจะหัวเราะเวลาดูสารคดีงูกินตุ๊กแกล่ะ!)
          ถึงมือจะขยับไปเองอย่างคล่องแคล่วตามความเคยชินยามทำอาหาร แต่ความคิดกลับสับสนวนไปไกลถึงสาเหตุของความผิดปกติของพี่แม็กซึ่งเพิ่งเป็นตอนเลิกเรียนนี่เอง พี่เขาเปลี่ยนไปจากหลังเท้าเป็นหน้ามือ... อ่า คือมันดีขึ้นน่ะ แต่ก็สร้างความสะพรึงให้ไม่น้อย
          “พี่ครับ กับข้าวเสร็จแล้ว พี่จะกิ- ไอ้เหี้ย!”
          ผมสบถดังลั่นเมื่อหันไปเจอหน้าหล่อเข้มในระยะประชิด จำได้ว่าดูทีวีอยู่แท้ๆ ทำไมมาโผล่ชิดหลังผมได้เนี่ย ดีนะที่ในมือไม่มีมีดหรือถ้วยร้อนๆ ไม่งั้นผมทำเขาเสียโฉมแน่
          “จุ๊ๆๆ พูดไม่เพราะเลย” เขาว่าไม่จริงจังนัก สังเกตได้จากรอยยิ้มใต้ตาหวานเชื่อม ลักษณะเหมือนโดนของแรงสักตัวมา เอาจริงผมก็ยังเดาอารมณ์เขาไม่ถูก ไงก็อย่าขัดใจเขาเหมือนเดิมจะดีกว่า เลยอ้อมแอ้มขอโทษไปเบาๆ
          “เด็กดี...”
          เสียงทุ้มเอ่ยชมขณะที่ฝ่ามือร้อนวางทาบศีรษะผมแล้วลูบเบาๆ ผมยิ่งงงกับพี่แม็กในโหมดนี้ แล้วก็ยิ่งงงหนักขึ้นเมื่อเขาจุ๊บหน้าผากผมอย่างอ่อนโยน จมูกโด่งสูดกลิ่นผมจนรู้สึกถึงเส้นผมลอยตามแรงลมหายใจเข้า ผมคิดว่าผมควรเขินนะ แต่กลับระแวงมากกว่าเพราะเขาดูโรคจิตยังไงไม่รู้
          เราช่วยกันยกอาหารไปวางบนโต๊ะ ตำแหน่งประจำของเราคือนั่งตรงข้ามกัน ทว่าพอผมกำลังจะอ้อมไปนั่งที่ตัวเองก็ถูกดึงไปนั่งแหมะบนตักพี่เขาแทน ยังความตกใจให้ผม (อีกครั้ง)
          ผมมองหน้าเหลอหลา พี่แม็กไม่ว่าอะไร ทำแค่ดันจานผมมาไว้ฝั่งเดียวกัน ผมจึงตกอยู่ในสภาพถูกกักขังไว้บนตัก มีแขนแกร่งถือช้อนคร่อมทั้งซ้ายขวา คางที่มีไรหนวดแข็งๆ ขึ้นประปรายวางบนกระหม่อมของผมอย่างพอดิบพอดี
          คนทำตัวแปลกกว่าที่เคยตักข้าวขึ้นมากินหน้าตาเฉย ไม่สนใจท่านั่งตลกๆ นี่สักนิด และผมคงออกไปจากปราการแข็งแรงนี่เองไม่ได้แน่จึงจำใจจัดการอาหารตรงหน้าไปทั้งอย่างนั้น
          แหมะ
          อ๊ะ? สัมผัสเปียกๆ หยดลงกลางหน้าผากทำให้ผมหันไปมองตัวต้นเหตุอย่างเคืองๆ พี่แม็กยักคิ้วกวนไปหนึ่งทีก่อนจะซดน้ำซุปใสเสียงดังซูดดด โตเป็นหมียักษ์แล้วยังมาเล่นอะไรติงต๊องๆ อีก
          “มันเลอะ” ผมว่าให้ รู้ไหมเขาตอบว่าอะไร
          “หน้าผากมึงเยอะเอง ไอ้เหม่ง”
          นิสัย!
          มื้อนี้เป็นมื้อที่เปลืองเวลา เปลืองพลังงาน และเปลืองตัวที่สุดในชีวิตเลยครับ กว่าจะได้แต่ละคำนี่ต้องตีกันก่อน พี่แม็กเป็นบ้าอะไรไม่รู้กวนประสาทมาก จับนู่นหยิกนี่แกล้งผมตลอด ผมเหนื่อยนะ
          “อื้อ! พี่แม็กหยุดเลย เก็บจานก่อนนน” ผมเบี่ยงหน้าหนีจมูกโด่งเป็นพัลวัน พอหนีพ้นเขาก็เอาฟันคมๆ มางับใบหูแทนแล้วดึงให้ผมหันมารับจูบ มันเจ็บมากจนนึกว่าหูผมขาดไปแล้วเลยนะครับ “หยุดดดดด เจ็บบบบบ”
          “หมั่นเขี้ยวมึงว่ะอ้วนนน” พูดพลางบีบพุงผมเขย่าๆๆ พี่ไม่กลัวผมเฉามือตายหรอ
          เป็นบ้าอะไรวะไอ้- ไปโดนตัวไหนมาเนี่ย!
          พอดิ้นจนหลุดผมก็พุ่งไปอาบน้ำเลยครับ จานเจินกองไว้นั่นแหละ ไม่เอาแล้ว เจอร่างสูงโหมดนี้เข้าไปผมรับมือไม่ถูกเลย อุตส่าห์จับทางโหมดปกติได้แล้วเชียว
          แล้วผมก็ต้องประหลาดใจคูณสองเข้าไปอีกเมื่อออกมาจากห้องน้ำแล้วพบว่าจานชามถูกเก็บล้างคว่ำไว้เรียบร้อยแล้ว คนตัวโตยืนยิ้มตาหยีพร้อมผายมือโชว์ผลงานที่ถ้าจะทำก็ทำได้ เห็นอย่างนั้นผมก็ยิ้มตอบเป็นเชิงว่าทำดีมากเจ้าหมี แต่แค่นั้นคงไม่พอสำหรับเขา
          “ไหนรางวัล” เขาถาม
          ผมก็ตอบซื่อๆ ไปว่า “รางวัลอะไรครับ”
          “กูอุตส่าห์ล้างจานน้าาา”
          ฮะ?
          ไม่พูดเปล่า ขายาวสาวเท้าเข้ามาใกล้ช้าๆ ผมก็รอว่าเขาจะทำยังไง แต่พลาดแล้วล่ะที่ไม่หนีตั้งแต่ตอนที่ยังหนีทัน เพราะพออยู่ในระยะเอื้อมพี่เขาก็พุ่งเข้ามารัด (ครับ รัดเลยล่ะ) เต็มอ้อมแขน มัดกล้ามบีบจนผมหายใจไม่ออกนึกว่ากระดูกแหลกแล้วแน่ๆ แล้วเขาก็ฟัดแก้มซ้ายขวาไม่หยุด แถมยังขบกัดตั้งแต่หัวถึงไหล่ ผมระบมไม่รู้จะระบมยังไงแล้ว
          “โอ๊ยๆๆๆ ผมเจ็บๆๆๆ”
          “หมั่นเขี้ยวโว้ยยย ตัวมึงโคตรหอม”
          “พอแล้ว หยุดดด ถ้าไม่หยุดโบโกรธนะ”
          ไม่ได้ผล โครงหน้าแข็งๆ ยังคงฟัดผมไม่อยู่ราวกับสุนัขพิทบลูขย้ำตุ๊กตาโทรมๆ ไม่มีผิด งั้นผมต้องลองแผนเข้าข้างตัวเองบ้างแล้วล่ะ
          “พี่แม็ก ไปอาบน้ำก่อนนะ พอพี่หอมๆ แล้วโบจะได้หอมกลับบ้างไง”
          เจ้าหมีคลั่งชะงักกึกทันที เขาฉีกยิ้มเต็มแก้มก่อนจะสูดดมข้างขมับผมทิ้งท้ายด้วยการกระซิบที่ข้างหูว่า
          “กูรักมึงนะ”
          ...
          หะ?
          ห๊ะ!
          ห๊ะ! ห๊ะ! ห๊ะ! ! ! หาาาาา! ! !

          ช็อกกว่านี้ก็หมีแพนด้ามีขนสีชมพูแล้วครับ ผมตะลึงค้างกับประโยคสุดท้ายที่พี่แม็กฝากไว้ รอยจูบยังอุ่นๆ ที่ขมับอยู่เลย ผมตั้งสติ เมื่อได้ยินเสียงน้ำจากในห้องน้ำก็รีบหยิบมือถือของพี่แม็กขึ้นมาเพื่อตามหาเบาะแส
          ผมเปล่าจะค้นมือถือเขานะครับ แค่จะถามคนใกล้ตัวเขาน่ะ
          - พี่เมษครับ นี่คอมโบนะ
          ผมกรอกข้อความในไลน์ส่งไปให้เพื่อนพี่แม็กทันที ซึ่งผมไม่ถามพี่พอลแน่นอน อีกฝ่ายก็ขึ้นอ่านแล้วทันทีเช่นกัน
          - ไร
          - วันนี้มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าครับ
          ผมถามหว่านๆ อย่างไม่รู้จะตั้งต้นจากตรงไหน ซึ่งก็สร้างความสับสนให้พี่เมษไม่น้อย
          - คำถามมึงงงไปนะ เอาใหม่ดิ๊
          - ผมหมายถึง
          - คือพี่แม็กทำตัวแปลกๆ
          - ยังไง
          ยังไงดีล่ะ ผมนึกพักหนึ่งก่อนจะตอบไปเท่าที่นึกออก
          - คือเขาพูดดี ไม่ดุผมอ่ะ แล้วก็ทำงานบ้านด้วย
          - สติกเกอร์หมีตกใจ
          - ทำงานบ้าน?
          - ครับ เขาล้างจานให้ผมล่ะ
          ดูเหมือนการที่พี่แม็กจะลุกขึ้นมาหยิบจับงานบ้านได้จะสร้างความประหลาดใจให้แก่คนที่รู้จักนิสัยพี่แม็กเยอะอยู่นะ พี่เมษยังไม่ได้พิมพ์กลับมา ผมก็เล่าสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดที่เกิดขึ้นในวันนี้
          - แล้วก็...
          - พี่แม็กบอกรักผมด้วย
          - เออ มันก็บอกกูเหมือนกัน
          ว่าไงนะ! นี่แหลกเกินแปลกแล้ว!
          - หา! เขาก็บอกรักพี่ด้วยเหรอ
          - มึงจะบ้าเหรอ! กูหมายถึงมันก็บอกพวกกูว่ามันรักมึงเหมือนกัน ปัดโธ่!
          อ้าวเหรอ นึกว่าเพี้ยนขนาดบอกรักทุกคนไปทั่วเสียอีก แบบนี้ก็เบาใจ... เอ๊ะ? เขาบอกว่าเขารักผมกับคนอื่นด้วยเหรอ?
          “แอบ! คุยกับใครเอ่ย”
          “อ๊า!”
          ขณะกำลังจมดิ่งกับข้อมูลที่ได้มา จู่ๆ คนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จก็เข้ามาตะปบเอวผมและส่งเสียงดังจนผมร้องลั่น อยู่กับเขาแล้วผมตกใจบ่อยมากอ่ะ จะกลายเป็นโรคขวัญอ่อนแล้วเนี่ย
          พี่แม็กดึงมือถือตัวเองไปดู ผมพยายามยื้อไว้ ยังไม่ทันได้ลบประวัติแชทเลย ถ้าเขาเห็นผมตายแน่
          “...”
          รอยยิ้มที่เคยมีค่อยๆ จางหายเมื่อเขาเลื่อนหน้าแชทอ่านเรื่อยๆ เรายังอยู่ในลักษณะผมนอนคว่ำมีเขาทับข้างบน ผมลอบมองสีหน้าตึงเรียบอย่างลุ้นๆ ที่คิดว่าเขายิ้มร่าเป็นโรคจิตน่ากลัวแล้ว ยังไงซะก็ดีกว่าหน้าแบบนี้ล่ะนะ
          “พี่ครับ...”
          “...”
          “พี่... โกรธเหรอ”
          ตาคมเบนจากหน้าจอมามองผม เขากลับไปเป็นพี่แม็กคนเดิมที่เกลียดผม แววตาสีเข้มเรียบนิ่งเดาไม่ออกว่าจะลงมือฆ่าผมตอนไหนทำเอาผมน้ำตาคลอ อีกแล้ว พอจะดีผมก็เป็นอันต้องไปกวนน้ำให้ขุ่นตลอดเลย ทำอะไรก็มีแต่แย่ลงๆ พี่เขาอุตส่าห์ใจดีด้วยแต่ก็ผมอีกแหละที่ทำให้เขาไม่พอใจอีกจนได้ ก่อนที่หยาดน้ำใสจะกลิ้งออกจากกรอบตาเสียงทุ้มก็พูดว่า
          “ไหนว่าจะหอมกูไง”
          “...!?”
          ช็อกยกกำลังสิบเมื่อพี่เขานอกจากจะไม่ด่าไม่ตีแล้วยังทำแก้มป่องเอียงหาผมอีกต่างหาก ผมคงงงนานไปเลยถูกจับพลิกหงายโดยคนที่เปลี่ยนเป็นหน้ายุ่งอีกแล้ว แก้มถูกยื่นมาใกล้ขึ้นบดบังทัศนียภาพตรงหน้าทำให้ผมเผลอเอาปากไปแตะตามสัญชาตญาณ
            “แหวะ กูเหม็นความรัก”
          ผมทันหันไปเห็นพี่เมษที่ปลายสายวิดีโอคอลก่อนที่เขาจะวางไป นี่พี่แม็กแอบเปิดกล้องเหรอ! น่าอายที่สุด!
          “แอบคุยกันดีนัก แน่จริงเอาจะจะแบบกูนี่ โด่”
          บางทีพี่ก็เด็กน้อยไปนะครับ...

50%


(http://www.8img.xyz/images/2018/07/05/_20180705_133944320c3.jpg)
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 50% 30/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-06-2018 17:23:51
ไปโดนตัวไหนมาเนี่ย
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 50% 30/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 30-06-2018 22:50:59
ทำไมกดอ้างถึงไม่ได้อ่ะ
อาถรรพ์อิแม็กเหรอ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 50% 30/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 01-07-2018 00:36:09
ไม่ชินกับพี่แม็ก​เวอร์​นี้จริงๆแต่ก็เอ็นดู​ปนขำอ่ะน่ารักกกกกกก​ น้องโบยังไม่ชินเลย​ ค่อยๆทำความคุ้นชินนะเดี๋ยว​ก็ชินไปเอง o18
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 50% 30/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 01-07-2018 09:41:59
นี้ก็เปลี่ยนเวอร์​ อิพี่แม็ก​ หลังตีนเป็นหน้ามือจริงๆ​ ขอให้​เป็น​อย่าง​นี้ตลอดนะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 50% 30/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 01-07-2018 09:57:00
เวอร์ชั่นนี้ชอบๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ
พี่แม็กซ์มีทุกรส
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 50% 30/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 01-07-2018 10:23:07
พี่แม็ก!! มึงจะไม่ผีใส่น้องอีกใช่มะ
เกือบเลือกอ่านเพราะความผีของมันเนี่ย แต่ตอนนี้ปัญญาอ่อนแล้ว ให้อภัยๆ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 50% 30/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 05-07-2018 13:53:13

หลายคนคงอยากรู้ว่านูก้าหายไปไหนไม่มาต่อซักที

โปรดรู้ไว้ว่าฉันเห่อของเล่นใหม่

สีน้ำsilpakornของไทยเรานี่เอง เกรดอาร์ตติสได้เลยนะ แต่ราคานักเรียนเว่อร์ ชอบๆ นูก้ามีพู่กันเบอร์6อันเดียวเลยมีออกเส้นบ้าง เป็นรูปแรกที่ลองใช้สีน้ำยอมรับเลยว่าคุมยากมาก

แชร์รูปหรือเอาไปแปะนิยายกันก็ได้นะแต่ให้เครดิตด้วยนิดนึง

ปล.น้องไม่ค่อยอ้วนอย่างที่คิดเลยอ่ะ

(http://www.8img.xyz/images/2018/07/05/_20180705_133944320c3.jpg)
http://www.8img.xyz/images/2018/07/05/_20180705_133944320c3.jpg
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 50% เพิ่มรูปน้อง 5/7/61
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 05-07-2018 16:04:20
เดี๋ยวนะคะอิพี่แม็ก ดูอาการหนักนะคะ


หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 50% เพิ่มรูปน้อง 5/7/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-07-2018 16:44:09
มาต่อไวๆนะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 50% เพิ่มรูปน้อง 5/7/61
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 05-07-2018 18:15:01
อ่านรวดเดียวจบเลยเรา ตอนน้องกดดันหรือเศร้ามากๆ เรานี่น้ำตาตกเลยสงสารน้อง
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 50% เพิ่มรูปน้อง 5/7/61
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 05-07-2018 20:06:41
น้องน่ารัก
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 50% เพิ่มรูปน้อง 5/7/61
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 06-07-2018 16:43:49
อิพี่แม็คโหมดนี้ก็มีด้วยเหรอ เออจะเป็นคนดีก็ดีได้นี่หว่าแล้วทำไมที่ผ่านมาถึงได้นิสัยเสียชอบรังแกโบนัก
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 50% 30/6/61
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-07-2018 18:49:21

หลายคนคงอยากรู้ว่านูก้าหายไปไหนไม่มาต่อซักที

โปรดรู้ไว้ว่าฉันเห่อของเล่นใหม่

สีน้ำsilpakornของไทยเรานี่เอง เกรดอาร์ตติสได้เลยนะ แต่ราคานักเรียนเว่อร์ ชอบๆ นูก้ามีพู่กันเบอร์6อันเดียวเลยมีออกเส้นบ้าง เป็นรูปแรกที่ลองใช้สีน้ำยอมรับเลยว่าคุมยากมาก

แชร์รูปหรือเอาไปแปะนิยายกันก็ได้นะแต่ให้เครดิตด้วยนิดนึง

ปล.น้องไม่ค่อยอ้วนอย่างที่คิดเลยอ่ะ

(http://www.8img.xyz/images/2018/07/05/_20180705_133944320c3.jpg)
http://www.8img.xyz/images/2018/07/05/_20180705_133944320c3.jpg

ภาพสวยมากกกกกกก   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ชอบบบบบบบ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 50% เพิ่มรูปน้อง 5/7/61
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 08-07-2018 21:24:08
อิแม็กตามมาติดๆ

ด้วยความคล้ำของนางทำให้ลงสียากขึ้นไปอีกสิบเท่า

มันก็จะช้ำเลือดช้ำหนองหน่อยๆ

(http://www.8img.xyz/images/2018/07/08/_20180708_21265980a8c.jpg)

http://www.8img.xyz/images/2018/07/08/_20180708_21265980a8c.jpg
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 50% เพิ่มรูปน้อง 5/7/61
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 09-07-2018 01:42:42
พี่แม็กเปลี่ยนไป!!!
ไม่ชินเลยจริงๆ5555 กลัวแล้วว
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 50% เพิ่มรูปน้อง 5/7/61
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 09-07-2018 03:07:47
เขาหวานๆกันแร้วววว
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 50% เพิ่มรูปน้อง 5/7/61
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 09-07-2018 07:38:52
น่าร้ากกกกกก
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 50% เพิ่มรูปน้อง 5/7/61
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 15-08-2018 23:06:52


พรุ่งนี้นะ

วันนี้ฉลองวันเกิดเพลิน ฮ่าๆๆ


หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 50% เพิ่มรูปน้อง 5/7/61
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 16-08-2018 04:19:59
วาดภาพน้องได้น่ารักมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 50% เพิ่มรูปน้อง 5/7/61
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 16-08-2018 09:06:06
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 50% เพิ่มรูปน้อง 5/7/61
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 16-08-2018 14:42:22
มาลงชื่อรอ~~~~
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 50% เพิ่มรูปน้อง 5/7/61
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 21-08-2018 23:12:32
รอๆ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 100%26/9/61
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 26-09-2018 12:19:38

คนเด๋อ2018
ที่บอกว่าจะอัพตั้งแต่เดือนที่แล้วอ่ะ คือพิมพ์แล้วเรียบร้อยนะ
แต่ลืมกดตั้งกระทู้!!!
แล้วก็หายยยยไปไม่ได้เปิดคอมไง กลับมาเปิดอีกที เอ๊า!
มันจะสติกว่านี้ถ้าลงในธัญเหมือนทุกที
เจ็บหัวกับตัวเองจริงๆ ให้ตาย


19 ครบ

“หมู มึงสอบเสร็จวันไหน”

เสียงห้าวเอ่ยถามขณะผมนอนคว่ำไถมือถือพี่แม็กเล่นบนตัวเขา ส่วนพี่แม็กก็นอนพิงหัวเตียงเป็นเบาะรองรับน้ำหนักกว่าหกสิบกิโลกรัมของผม (เปล่าอ้วนนะ! แค่น้ำในร่างกายเยอะหรอก) เขาอ่านชีตเรียนผ่านหัวไหล่ผมโดยอ้อมแขนทั้งสองโอบรอบตัวผมไว้ เป็นท่าที่มุ้งมิ้งโรแมนติกน่าดู... ถ้าเป็นคู่อื่นน่ะนะ

แล้วเขาก็เป็นคนบังคับให้ผมนอนแบบนี้เองด้วย บอกว่าให้ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกนวดด้วยแรงกำลังดี

“กลางๆ เดือนฮะ” ผมตอบขณะตาก็เล่นเกมนกไหลๆ กระโดดๆ ในมือถือเขาไปด้วย เครื่องผมลงเกมนี้ไม่ได้น่ะ มันเป็นเกมเฉพาะระบบปฏิบัติการนี้ ซึ่งเครื่องผมสเป็กไม่ถึง

“ไมเร็วจังวะ กูตั้งสิ้นเดือน” พี่เขาถามแกมบ่นต่อ แล้วก็ก้มมางับใบหูผมเล่น ผมก็ปล่อยเขาทำไป

“ของโบสอบปฏิบัติเยอะ แล้วก็สอบตั้งแต่เรียนคาบสุดท้ายเลยเร็วฮะ” อ๊ะ ตายซะละ พี่แม็กนี่ทำเสียสมาธิจริงๆ ผมออกเกมแล้วหันไปถามเขากลับบ้าง “พี่ทำไมเหรอ”

“กูจะไปเที่ยวกับพวกแม่ง” เขาตอบทั้งที่ตายังอ่านชีตอยู่ ทำไมชอบพูดหยาบตลอดเลยนะ ทำไงจะแก้นิสัยเสียนี่ได้เนี่ย

ผมพยักหน้ารับรู้ คิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับตัวเองเลยนอนพักสายตาไป กำลังฟังเสียงหัวใจคนใต้ร่างเคลิ้มๆ ก็ต้องลืมตาเพราะแรงกระทุ้ง “มึงก็ต้องไป รู้ป่าว”

ถ้าบอกไม่รู้พี่จะโกรธมั้ย

“ไม่รู้”

งื้อ! พอหลุดปากมือหนาก็ดึงปากผมจนยาวยืด ผมทุบอกแน่นไปเต็มแรง (อันนี้ตั้งใจ) ส่งผลให้ตาคมถลึงปรามอย่างดุร้าย ต่อสู้ด้วยความไร้สาระกันพักหนึ่งจนเริ่มเหนื่อยผมจึงหยุดนอนนิ่งๆ อย่างยอมแพ้

พี่แม็กพลิกตัวดันผมไปใต้ร่างแล้วร่ายยาวเหมือนกลัวผมตอบกวนๆ อีกว่า “กูสอบวันสุดท้ายเสร็จก็ไปกันเลย เที่ยวเขาเอาอากาศหนาวไม่ใกล้ไม่ไกลนี่แหละ รีสอร์ทไอ้พอล นัดขึ้นรถตู้มันที่คณะ”

“หลายวันมั้ยฮะ คุณแม่บอกว่าช่วงปิดเทอมให้กลับไปบ้าน” ผมถาม ปกติวันหยุดยาวๆ ผมจะกลับบ้านน่ะ

“สองวันหนึ่งคืน พวกกูมีปั่นโปรเจ็กต์ต่อ” ไปแค่นี้หยุดก็เหมือนไม่หยุดเลยนะครับ

ขณะที่กำลังคิดว่าจะต้องบอกที่บ้านยังไงพี่แม็กก็พูดขึ้นมาว่า “เดี๋ยวกูขอแม่มึงเอง ไหนๆ ก็จะฝากของน้องมึงมาอยู่แล้วก็ไปหาที่บ้านพรุ่งนี้เลยละกัน”

พูดเองเออเองจบก็เอามือถือคืนแล้วส่งข้อความบอกแม่ผมเรียบร้อย ไปคุยกันตอนไหนไม่เห็นผมรู้เรื่องเลย งั้นที่จะจีบพี่แม็กให้หมิวก็คงจริง

“ของอะไรเหรอครับ” ผมถามเพราะอยากรู้

“ไม่รู้ แต่จะฝากน้องมึงมาให้ที่นี่พรุ่งนี้ ไปเอาเองก็ดี กูไม่ชอบให้คนอื่นมาวุ่นวายที่ของเราว่ะ”

จบประโยคเหมือนได้ยินเสียงระเบิดในหัวดังป๊อง หน้าร้อนผ่าวลามไปถึงหูเพราะคำว่า ‘ที่ของเรา’ ทำเอาใจสั่นเขินจนต้องยกแขนมาปิดหน้า แว่วเสียงหัวเราะในลำคอจากด้านบนก็รู้เลยว่าชายผิวเข้มกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่ สัมผัสแผ่วเบาบนแขนที่บดบังใบหน้าแดงก่ำขยับไปมาตามจังหวะการพูดของร่างสูง

“ชอบคำว่า ‘เรา’ เหรอครับ”

เขาแกล้งผมอ่ะ! นิสัยไม่ดี! พอรู้ว่าผมอ่อนไหวกับเสียงทุ้มที่พูดเพราะๆ นั่นก็เอาใหญ่เลย

แล้วมือหนาก็ค่อยๆ เลื่อนไปที่ขอบกางเกงก่อนปลายนิ้วซุกซนจะไต่เข้าไปข้างในช้าๆ ผมจำต้องปล่อยมือละจากหน้าแล้วรีบตะครุบมือปลาหมึกก่อนที่มันจะเลื้อยไปถึงน้องชายผม... ที่เริ่มตื่นแล้ว

“เด็กลามก~” เขาล้อ

ผมปัดป้องด้วยกำลังอ่อนแรง อารมณ์ใคร่ถูกปลุกโดยสมบูรณ์แต่ถึงอย่างนั่นก็ต้องหยุดการกระทำของเขาเพราะพรุ่งนี้มีธุระทางบ้าน ผมห้ามเสียงกระเส่า “...พรุ่งนี้ต้องไปบ้านแม่...”

“เบาๆ ... นะ”

...ก็รู้ๆ อยู่ ผมห้ามเขาได้ที่ไหนล่ะ

ก่อนที่อะไรๆ มันจะเข้าสู่ช่วงไคลแม็กซ์เสียงแจ้งข้อความเข้าโทรศัพท์มือถือพี่แม็กก็ขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน เขาคว้ามันมาดูแว๊บๆ แล้วโยนทิ้งไปอีกทาง

“?” ผมเอียงคอถามอย่างที่เขาเคยบอกว่ามันเหมือนหมางง

“น้องมึง” คำเฉลยทำให้รู้สึกขุ่นมัวขึ้นหลายส่วนโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าพวกเขาแลกไลน์กันตอนไหน
เพราะเผลอทำหน้ายุ่งใส่ คนตัวโตเลยง้อด้วยการขบเม้มติ่งหูพลางกระซิบบอก

“แลกกันตั้งแต่วันที่เอารถมาให้ใช้แล้ว ไม่มีอะไร ไม่เชื่อจะเช็กดูก็ได้ว่ากูไม่เคยอ่าน... แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้นะ”

ว่าแล้วก็เริ่มจัดท่าทางเพื่อสอดประสาน ผมละความสนใจจากเรื่องนั้น ยอมเชื่อใจเพราะพี่แม็กไม่มีเหตุผลอะไรจำเป็นให้ต้องปิดบังอยู่แล้ว

ใช่... พี่แม็กเป็นคนยังไงผมรู้ดี แม้เมื่อก่อนเขาจะมีผู้คนล้อมหน้าล้อมหลังมากมาย เรื่องคู่ควงก็ไม่เคยขาด แต่ตอนนี้เขาอยู่นี่... อยู่กับผมตรงนี้ ที่นี่มีแค่เราสองคนเท่านั้น ต่อให้เขาจะคุยกับคนเป็นร้อย คบผู้หญิงเป็นพันผมก็จะไม่สนใจ

เพราะเขาสัญญาแล้วว่าเขาจะ เป็นของผมคนเดียว!



ยามเช้ามาถึงอย่างรวดเร็วในความรู้สึกของคนที่ยังไม่อยากตื่นนอน สองร่างกกกอดทั้งยังเชื่อมต่อกันใต้ผ้านวมผืนหนา แขนแกร่งวางพาดพุงน้อยๆ หน้าผากซุกต้นคอคนที่ตัวลายพร้อยไปด้วยรอยจ้ำแดง ลมหายใจทั้งสองสม่ำเสมอราวกับว่าไม่มีสิ่งใดสามารถปลุกพวกเขาจากนิทราได้

นอกจาก...

แกร่ก!

ร่างเล็กผวาเล็กน้อยเพราะเสียงปลดล็อกประตูแต่ก็ยังหลับต่อ ไม่สนเสียงผู้บุกรุกโยนกระเป๋าทิ้งบนโซฟาแล้วเปิดตู้เย็นควานหาน้ำมาดื่มโดยไม่ได้สังเกตเจ้าของห้องเช่นกัน

เจ้าของห้องกึ่งหลับกึ่งตื่นปรือตามาเห็นเงาเดินไปเดินมาหลังผนังที่บังส่วนเตียงนอนก็นึกว่าฝันจึงไม่ได้ใส่ใจ หันไปตะแคงตัวซุกไซ้กล้ามอกของอีกคนแทน แต่แล้วเช้าอันสงบสุขก็ต้องถูกทำลายลงเมื่อแขกที่ไม่ได้รับเชิญรุกล้ำถึงบริเวณส่วนตัว

“พี่ แม่ให้มา...”

แล้ว...

“กรี๊ดดดดด!!!”

เสียงแหลมแปดหลอดดังลั่นห้องปลุกให้ชายหนุ่มทั้งสองสะดุ้งตาแจ้งตื่นเต็มตา เด็กหนุ่มเห็นน้องสาวต่างพ่อของตัวเองยืนปิดปากอยู่ปลายเตียง พลันสมองก็ค่อยๆ ประมวลผลอย่างช้าๆ จนในที่สุดก็นึกได้ว่าตอนนี้ตนอยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยน่าดู แถมร่องรอยตามตัวกับหลักฐานชิ้นใหญ่ที่ลุกขึ้นขยี้ผมอย่างหงุดหงิดนั่นยิ่งยืนยันความสัมพันธ์ลึกซึ้งของทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี

“แม่ง... อะไรวะ” แม็กลูบหน้าแรงๆ การถูกปลุกด้วยความตกใจเป็นอะไรที่เขาไม่ชอบเอาเสียเลย

“พ... พี่แม็ก... นี่สองคน...” หมิวมองคนตรงหน้าสลับกันไปมา ขณะที่พี่ชายร่วมสายเลือดครึ่งหนึ่งกอบผ้าห่มมาคลุมกาย ใบหน้าเขาซีดเผือดส่ายไปมาช้าๆ อยากจะปฏิเสธทว่าเห็นจะจะคาตาขนาดนี้คงไม่ทันแล้วล่ะ

แม็กที่รับรู้สถานการณ์แล้วก็ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ยกแขนจัดผ้าห่มให้ร่างข้างๆ มิดชิดขึ้น ความเอาใจใส่นั้นทำให้ไฟริษยาในใจเด็กสาวลุกโชน อัดความเกลียดชังใส่พี่ชายในคำคำเดียว

“น่าขยะแขยง”

เธอหันหลังไปทันที คอมโบพยายามร้องเรียกแต่ก็ไม่เป็นผล

“เดี๋ยวก่อน หมิว! หมิวอย่าบอกพ่อกับแม่นะหมิว เดี๋ยวก่อน ฟังพี่ก่อน ขอร้องล่ะ อย่าบอกนะ!”

คำอ้อนวอนสูญเปล่าเมื่อเสียงปิดประตูดังกระแทกหน้า คอมโบเคร่งเครียด ใจเต้นตุบด้วยความกังวล เขาหันไปสบตากับอีกคนด้วยหน้าเสียๆ แม็กไม่ได้ว่าอะไร เพียงยกมือมาวางบนผมนิ่มเฉยๆ อุณหภูมิอุ่นที่แผ่มาทำให้เขาค่อยๆ เอนตัวพิงศีรษะกับอกเปลือย เขาไม่ได้ฟูมฟายเพราะความเครียดนั้นหนักหนาเกินกว่าจะกลั่นเป็นน้ำตาได้
แล้วคนอายุมากกว่าก็พูดขึ้นว่า “ไปแต่งตัวไป จะได้ไปบ้านแม่”

“แต่ว่า แม่คงรู้เรื่องเราแล้ว...” หมดความมั่นใจที่จะเผชิญกับครอบครัวโดยสิ้นเชิง แต่ร่างสูงก็ยืนยันจนเขาจำต้องลุกจากที่นอนเขาห้องน้ำไป

“ใจเย็นๆ ถึงมึงจะได้ผัวเป็นผู้ชาย แต่ก็ได้ระดับกูเลยนะ ไม่ดีใจหรือไง”

ถึงแม็กจะปลอบได้ใกล้เคียงกับการซ้ำเติมแต่ก็สามารถคลายคิ้วที่ผูกเป็นบ่วงนั้นได้ ร่างอวบกอดเอวสอบหลวมๆ ใต้สายน้ำที่ช่วยชำระความกังวลออกไปบ้าง

ถึงแม้เหตุการณ์ที่อาจจะเลวร้ายที่สุดจะมีโอกาสเกิดได้สูง เขาก็ยังเชื่อมั่นว่าครั้งนี้เขาจะไม่ได้ตัวคนเดียว ครอบครัวหันหลังให้เขามานานแล้ว จะตัดขาดกันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนี่ ผู้ชายตรงหน้านี่ต่างหากที่ควรแคร์ ถ้าพี่แม็กไม่กลัว...

เขาก็จะสู้

หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 50% เพิ่มรูปน้อง 5/7/61
เริ่มหัวข้อโดย: moodyfairy ที่ 26-09-2018 15:08:51
กำ นังน้องชะนีน้อยเห็นละะะ โอ๊ยยๆๆๆๆ ค้างงงงงงงงง :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 100% 27/9/61
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 27-09-2018 12:10:23
พี่แม้กกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 100% 27/9/61
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-09-2018 13:40:28
แม็ก ว่าจะไปบ้านแม่โบก่อน
แต่มีคนที่ไวกว่าเพราะใจสั่งมา
เลยเห็นเต็มๆตา  o22 o22 o22

เหอะ..........ว่าคนอื่นน่าขยะแขยง
ท่าที ท่าทางแกแดด และใจตัวเองที่จะจับแม็กนั้น  :m20:
น่าขยะแขยงกว่าเสียอีก  :angry2: :angry2: :angry2:
ดี.......รู้ๆกันไป แม่จะแสดงท่าทางเช่นไร  :hao3:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 100% 27/9/61
เริ่มหัวข้อโดย: summerkiss ที่ 27-09-2018 22:03:47
อ่านถึงหน้า 4 ชักทนไม่ไหว ขอระบายทีเหอะ

ทั้งแก๊ง พระเอกสารเลวพอกัน

ที่บ้านก็เหมือนเลี้ยงไปส่งๆ ยิ่งแม่นี่ตัวดีเลย แทนที่จะเชื่อใจลูก หรือแค่ซักนิดหนึ่งที่ควรจะยอมรับสิ่งที่ลูกเป็น  แต่จากการมุมของ คอมโบและแม็ค เราไม่เห็นสิ่งเหล่านี้เลย ทำเป็นหลับหูหลับตาแล้วดูแลไปแบบนั้น รู้ทั้งรู้ว่า ลูกตัวเองต่างจากคนอื่น  ทั้งที่ควรระแวงคนเข้าหาลูกแต่ ไม่ คือไม่คิดเหรอว่า ไอ้พวกนี้จะมาเอาผลประโยชน์ 

เบื่อกระเอก ปล. ฉาก sex พระเอกหละหลวมไป รู้ว่าอีกฝ่าย"ค่อนข้าง"  สะอาด ก็เลยเผลอเรอ  อยากให้ติดโรคตายไปจริงๆ  ผญ แบบนี้จะสะอาดจริงๆเหรอ สมอง
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 100% 27/9/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 27-09-2018 22:25:13
ขอบใจน๊าาา มาต่อแล้ว อย่าหายไปนานแบบนี้อีกนะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน11 30/7/60
เริ่มหัวข้อโดย: summerkiss ที่ 27-09-2018 22:32:03
อ้อ น้องเป็นทัวเรตต์นี่เอง

ผมชอบเรื่องนี้ตรงตัวละครนะครับ ตัวละครมีความเด่นมีมาก คือคาแรกเตอร์ของแต่ละคนชัด แต่ข้อเสียเรื่องนี้ก็มีเยอะเช่นกัน ทั้งเรื่องความขัดแย้งในการบรรยายจนทำให้ผู้อ่านค่อนข้างสับสน และการปล่อยปมออกมาแบบไม่ค่อยสมูท (คือเราผ่านมา 11 ตอน ถึงรู้ว่าน้องเป็นโรค ถือว่านานอยู่นะครับ) ทำให้กราฟเส้นอารมณ์ของเรื่องมันกวัดแกว่งมาก อ่านไปอ่านมาผมก็มีค่อนข้างสับสนงุนงงนะครับ อธิบายคือ จะเห็นว่ากลุ่มของพอล (จำชื่อได้คนเดียว ฮา เพราะว่าผมสนใจคนนี้มากกว่าพระเอกอีก) จะเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างเน้นเรื่องเซ็กซ์เป็นหลัก ซึ่งผมโอเคนะครับ คาแรกเตอร์ของทั้งสามคนในกลุ่มนี้ชัดเจนและน่าสนใจมาก คือนิสัยและรูปลักษณ์ที่มองเผินๆจะเป็นเอกลักษณ์ที่เหมือนกัน แต่ก็แตกต่างกันเล็กๆน้อยๆในจุดที่เด่นจนสังเกตได้ ทำให้ตัวละครทั้งสามคนไม่จม และเกลี่ยบทให้กับตัวละครที่เป็นตัวดึงเรื่องได้ดี (จะเห็นว่าเพื่อนพระเอกที่มีแฟนแล้วบทไม่เยอะเท่าไหร่ ซึ่งก็ดีแล้วครับเพราะว่าตัวละครเยอะ ปมก็เยอะ และการบรรยายต่อหนึ่งตอนมีไม่มาก ดังนั้นต้องรีบๆใส่เรื่องสำคัญเข้ามาก่อน)

คือเห็นแล้วแหละว่าจั่วไว้ว่าเป็นนิยายเฉพาะแนว (SM) แต่บางอย่างผมคิดว่าทำให้มันบรรยายออกมาได้สมูทหน่อยก็จะดีครับ เช่น การทยอยใส่ปมของเนื้อเรื่องแล้วค่อยๆคลายออกอย่างมีนัยยะสำคัญ ถ้าเราจะให้นิสัยของตัวนางสับสนเปลี่ยนแปลงมาก ก็ต้องให้มีการบรรยายที่แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นมายังไง ทิ้งเลศนัยให้คนอ่านได้สนใจขบต่อ เพื่อเกลี่ยความน่าสนใจของคนอ่าน จากการเข้าคู่ของพระเอกนางเอก มาที่เบื้องหลังและปมตัวละครที่เป็นแบ็คกราวน์ ซึ่งเราต้องการจะสื่อและค่อยๆให้มันขมวดต่อไปครับ ยกตัวอย่างเรื่องนี้คือ ตอนช่วงแรกๆผมอ่านแล้วค่อนข้างอึดอัดครับ เพราะว่าอ่านแล้วผมไม่เข้าใจภาพรวมที่เกิดขึ้น ความเลวของกลุ่มพระเอกนี่โอเค แต่ปัญหาคือส่วนของน้องเนี่ยแหละครับ น้องเป็นอะไรวะนั่น ทำไมดูบางบทก็ดูน่าสงสารเหมือนคนป่วย บางบทก็ดูกร้านโลกเหมือนคนเป็นจิตเวชอ่อนๆ แถมพาร์ทครอบครัวที่มีบรรยายมาก็ไม่ได้ทำให้ผมเข้าใจปมของตัวน้องมากขึ้นเลย สิบตอนผมเห็นแต่ interaction ระหว่าพระเอกกับนางเอก (ซึ่งก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เพราะฝั่งนึงแย่ อีกฝั่งนึงมีปัญหาแต่ก็ไม่รู้ว่าคือปัญหาอะไร ทำให้ความสัมพันธ์มันไม่กระเตื้องอย่างสมเหตุสมผลน่ะครับ มันดูสับสน)

ทีนี้ผมจะขออนุญาตเสนอเรื่องทัวเรตต์นะครับ เผื่อว่าผู้เขียนจะได้แนวทางในการเขียนพล็อตต่อหรือไปเพิ่มปมแล้วคลายต่ออะไรในอนาคตครับ

ทัวเรตต์เป็นความผิดปกติทางเส้นประสาทประเภทนึงครับ พบได้ค่อนข้างทั่วไป ส่วนมากเจอในวัยเด็ก และมักพบในกลุ่มเด็กสมาธิสั้น หรือเป็นโอซีดี (โรคย้ำคิดย้ำทำ) มากกว่ากลุ่มเด็กทั่วๆไป สังเกตได้จากการสั่นกระตุกของเส้นประสาทสั่งการกล้ามเนื้อ และเส้นประสาทสั่งการเสียง โดยทั่วไปแล้วอาการสั่นกระตุกของเส้นประสาทพวกนี้มักไม่แน่นอน อาจหยุดยั้งได้ชั่วคราว และส่วนมากมักเกิดเมื่อมีแรงกระตุ้นที่ไม่พึงประสงค์หรือการรับสัมผัสบริเวณกล้ามเนื้อนั้นๆ และโดยปกติ ทัวเรตต์มักไม่มีผลกระทบต่อสติปัญญาและการใช้ชีวิตเท่าไหร่นะครับ นอกจากนี้ ทัวเรตต์มักเป็นอาการที่แม้แต่ในทางการแพทย์ เรายังไม่พบสาเหตุที่แท้จริง เราสันนิษฐานว่าเกิดจากการส่งผลทางพันธุกรรมและสภาวะแวดล้อม (มลพิษ, อาหาร) ส่วนมากวินิจฉัยไม่เจอ เพราะว่าไม่มีการทดสอบอย่างเฉพาะเจาะจงกับอาการผิดปกตินี้ ประกอบกับอาการกระตุกมักมีค่อนข้างเบาจนไม่เป็นที่สังเกต (mild) และจะน้อยลงเรื่อยๆเมื่อผู้ป่วยเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในแง่ชองน้องอาจจะเพราะว่าน้องมีภาวะจิตใจไม่เติบโตตามวัยร่วมด้วย (ซึ่งปัญหานี้เดี๋ยวเรามาพูดต่อครับ) ในแง่ของน้องนี่ผมคิดว่าเป็น Rare Case นะครับ เพราะว่าเป็น Extreme Tourette’s in adulthood

ซึ่งโดยปกติแล้ว ทัวเรตต์ถือว่าอาการหนักที่สุดนะครับในหมู่โรคสันนิบาต (เอาจริงๆผมไม่ชอบคำนี้เลยนะ ขออนุญาตใช้คำว่า Tics แทนละกัน) เพราะมีมากกว่า 2 การกระทำของ Motor Tics (เช่น การเลียนแบบท่าทางของคนอื่น [เรียกว่า Echopraxia] หรือการมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม [เรียกว่า Copropraxia]) และมีอย่างน้อย 1 การกระทำของ Vocal Tics (เช่น การพูดคำสุดท้ายหรือวลีสุดท้ายของคนอื่น [Echolalia] ที่ได้ยิน หรือของตัวเอง [Plilalia] ซ้ำๆกัน หรือ กล่าววาจาที่ไม่เหมาะสม [Coprolalia]) และเป็นมาอย่างน้อย 1 ปี ขึ้นไป

การแสดงออกของ Tics นั้นมีทั้งแบบ Simple และ Complex แบบ Simple คือมีการแสดงออกสั้นๆ เช่น การกระพริบตาบ่อยๆ, ปลายนิ้วกระตุกไปๆมาๆเหมือนควบคุมไม่ได้ หรือการพูดติดตะกุกตะกัก ส่วนแบบ Complex จะมีระยะเวลานานกว่า ไม่หยุดง่ายๆครับ แต่ก็อย่างที่บอกไปข้างต้น ว่ามักจะอาการเบาลงเมื่อเด็กเติบโตขึ้นเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ครับ โดยทั่วไป ก่อนจะเกิด Tics เราจะพบได้ว่ามีสัญญาณบ่งบอก เช่น ความรู้สึกของเด็ก, แรงกระตุ้นที่ทำให้เกิด พวกนี้ถ้าสังเกตก็จะทำให้รับรู้ได้ว่าสภาวะไหนจะก่อให้เกิดอาการ Tics ครับ โดยปกติก็มักเป็นช่วงที่มีอารมณ์กังวล หอบเหนื่อย หรือตื่นเต้น (ช่วงที่อดรีนาลินหลั่งจากแรงกระตุ้นภายนอกน่ะครับ หรือเป็นช่วงบีบคั้นทางจิตใจ) ดังนั้นจะเห็นว่าเราสามารถดูแลน้องได้ง่ายๆ ด้วยการพยายามสังเกตและควบคุมอาการเพื่อทำให้น้องควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น (Cognitive Behavioral Therapy) หรือช่วงลดภาวะที่ผมกล่าวมาแล้วข้างต้น ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดอาการได้ ถ้าเรื่องใช้ยา ผมไม่อยากให้ใช้นะครับถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เพราะว่าที่ใช้ได้ มันก็จะเป็นพวก Antipsychotics ซึ่งลดภาวะทางจิตใจคล้ายๆยากล่อมประสาทหน่อย หรือถ้าจะฝึกน้องใช้ควบคุมกล้ามเนื้อที่กระตุกบ่อยๆ อาจจะต้องใช้ยากันโรคสมาธิสั้น แต่ยาที่ออกฤทธิ์แรงพวก Epilepsy จะมีผลข้างเคียง ‘อย่างน้อย’ 1 อย่าง ซึ่งอาจเป็นทั้งระยะสั้นหรือระยะยาวก็ได้ ซึ่งอันตรายกับผู้ป่วยที่มีภาวะร่างกายไม่แข็งแรงครับ ดังนั้น ถ้าเจอคนเป็นทัวเรตต์ คนรอบข้างหรือคนสนิทในครอบครัวต้องมีความรู้ มีความเข้าอกเข้าใจอาการที่เป็น จึงจะทำให้สามารถเลี้ยงดูหรือดูแลเด็กให้เติบโตได้อย่างมีคุณภาพ ควบคุมตัวเองได้ดี ไม่เป็นสิ่งที่สังคมตราหน้าด้วยความแตกต่างครับ (ซึ่งไม่ใช่ในเคสนี้ของน้องแน่ๆ)

ในเคสนี้ของน้อง ผมว่าน้องมีปัญหาทั้งเรื่องการขาดความเอาใจใส่อย่าง ‘เข้าใจ’ ในอาการที่น้องเป็น ทำให้คุณแม่ไปสนใจลูกอีกคนมากกว่าครับ นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องของปมสภาพทางจิตใจที่ถูกตอกย้ำจากสังคมที่ขาดความเข้าใจในโรค ทำให้น้องมีอาการหวาดกลัวการเข้าสังคมและอาการซึมเศร้าอย่างอ่อนๆ และทำให้อาการของโรคไม่ได้รับการรักษาอย่างที่ควร ก็ส่งผลต่อกับพฤติกรรมการเข้าสังคมของน้องด้วยครับ ซึ่งถ้าเป็นผมเห็น ผมจัดระดับน้องเป็นซึมเศร้าระดับกลางแล้วนะครับ เพราะเริ่มมีปัญหาในการใช้ชีวิตแล้ว อาจนำไปสู่ความหดหู่ขั้นรุนแรงได้ เพราะครอบครัวน้องก็ไม่ได้ส่งเสริมการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพเท่าไหร่จากการขาดความเข้าใจในตัวโรค

มัน + เป็ดตรงไหน. สองย่อหน้า(?) สุดท้าย แจ่มมาก ที่บอกไม่ใส่ใจ เห็นได้อย่างชัดเจน 
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 100% 27/9/61
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 27-09-2018 22:44:07
เย้ๆๆๆ​ มาต่อแล้ว​ ขอให้​พี่แม็ก​มั่นคง​ตลอด​ไป
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 100% 27/9/61
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 27-09-2018 22:46:24
อ่านตอนแรกๆอยากเข้าไปจิกหัวพระเอกกับแก้งค์มากๆสาระเหวกันจริงๆ คือไม่ชอบเขาก็ไปไกลๆเขาสิมันน่าเบื่อนะไอ้พวกเด็กนิสัยเห็นคนอื่นอ่อนแอกว่าชอบไปแสดงตัวว่าตัวเองเก่ง ตัวเองแกร่งกว่า คนอ่อนแอก็ต้องเป็นเยื่อโดนรังแกตลอด แบบอ่อนแอก็แพ้ไป ไม่อยากพูดมากเจ็บปาก

รอตอนต่อไปดีกว่า อยากตบนังนัองของโบมากกว่าอิแม็กแล้ว
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 100% 27/9/61
เริ่มหัวข้อโดย: summerkiss ที่ 27-09-2018 23:50:01
อ่านมาเรื่อยๆ ถึงตอนล่าสุดทำเอาด่าพระเอกไม่ลงเลยแฮะ

หวังว่านังแม็คจะเสมอต้นเสมอปลายแบบนี้ต่อไป  ไม่มีดราม่าระหว่างสองคนนี้ ( ไม่รวมดราม่าครอบครัว )

เอาจริงๆนะดราม่าครอบครัวเรื่องนี้ ถ้าเกิดขึ้นเราเฉยๆมากกว่าเพราะ

1. ทางบ้านเหมือนจะตัด คอมโบ ออหจากสารระบบครอบครัวแบบอ้อมๆ อยู่แล้ว
2. พ่อเลี้ยง + แม่ และน้องก็ไม่ได้ใส่ใจ คอมโบอยู่แล้ว แทบจะเป็นการปล่อยด้วยซ้ำ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 100% 27/9/61
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 28-09-2018 15:01:13
 :katai2-1: :katai2-1:รอนะครับ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 100% 27/9/61
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 29-09-2018 08:34:19
รอค่ะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 100% 27/9/61
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 30-09-2018 08:59:18
พี่แม็กอย่าทิ้งน้องโบนะTT
ต้องดูแลน้องโบดีๆอย่าทำร้ายเลย
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 100% 27/9/61
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 02-10-2018 23:19:59

แอบอ่านวิเคราะห์ตัวละครอยู่นะจ๊ะ อิอิ
ถึงภาษาและพล็อตจะไม่ได้เลิศเลอ ไม่ดึงดูดเท่านิยายคนอื่น แต่นูก้ามั่นใจคาแรคเตอร์ทุกตัวมาก ตั้งใจว่าทุกคนต้องมีความชัดเจน มีเรื่องราวของตัวเองแม้จะไม่ได้เล่าให้ฟัง เพื่อที่ทุกตัวละครจะมีความเป็น'คน'มากที่สุด เวลาเขียนนี่นึกถึงตัวละครก่อนแล้วเนื้อเรื่องตามมาทีหลัง(ถึงได้ออกทะเลงงๆเง็งๆ
ผู้อ่านที่รักลองสังเกตบุคลิกแต่ละคนดูนะคะ อยากให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของพวกเขาไปด้วยกัน ยิ่งเรื่องดำเนินไปก็จะยิ่งเห็นภูมิหลังของแต่ละคน
อย่างว่าแหละ จุดประสงค์หลักของเรื่องนี้คือนูก้าอยากให้ทุกคน'เข้าใจ' เมื่อเข้าใจเราก็จะรับฟังและยอมรับในคนคนนั้น บรรเทาปัญหาความขัดแย้งที่เกิดจากความไม่เข้าใจกัน
ทั้งในนิยายและนอกนิยาย

ขอบคุณที่รอกันนะคะ ช่วงนี้จะสอบแล้วแถมสิ้นปียังต้องเตรียมสอบjlptอีก กำลังพยายามปูพื้นฐานตัวเองให้แน่นๆ อนาคตจะได้สบาย วาดรูป เขียนนิยายได้เท่าที่ต้องการสักที

รักทุกคน
นูก้า



อ่า... บวกเป็ดตรงไหนนะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 100% 27/9/61
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 03-10-2018 06:44:43
 :man1:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 100% 27/9/61
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 06-12-2018 21:20:57
เค้าไม่ได้หายไปไหนนะ เดี๋ยวแต่งจบตอนแล้วมาต่อ พอดีขอเตรียมสอบวัดระดับก่อน ขออภัยทุกคนที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้าน้า
แต่ไม่ต้องรอลุ้นผลสอบเลย
ตกพาร์ทฟังแน่นอนอยู่แล้ว ฮ่าา
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน19 100% 27/9/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 07-12-2018 00:26:16
งุ้ยยยย จะมาอัพต่อแล้ววววว
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน20 100% 9/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 09-12-2018 14:41:13


20

ติ๊ก ต่อก ติ๊ก ต่อก...
ผมนั่งขยำกางเกงบนโซฟาในห้องรับแขกอย่างตึงเครียดหลังจากที่พี่แม็กหย่อนผมไว้นี่แล้วบึ่งรถออกไปทันที ผ่านไปกว่าชั่วโมงก็ยังไม่มีวี่แววของร่างสูงเลย ทิ้งให้ผมนั่งโดดเดี่ยวท่ามกลางสายตาของน้องสาวที่มองมาอย่างเกลียดชังและคุณแม่ที่เพียงลอบมองเงียบๆ เสริมให้เสียงนาฬิกาลูกตุ้มกดดันโสตประสาทยิ่งขึ้น
ผมทนบรรยากาศกดดันนี่ไม่ไหวจนต้องเอ่ยออกมาเบาๆ “คุณแม่ครับ คือเรื่องนี้...”
“รอพี่เขากลับมาก่อนนะโบ แล้วเราค่อยคุยกันทีเดียว”
คุณแม่ตัดบทด้วยน้ำเสียงที่ผมเองก็บอกไม่ถูกว่าโกรธหรือไม่ ผมจึงตอบรับในลำคอ ปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง
ไม่นานนักก็แว่วเสียงเครื่องยนต์เข้ามาจอดที่หน้าบ้าน เพิ่มเติมคือเสียงผู้หญิงโหวกเหวกใกล้เข้ามา

MAGNUM

ผมส่งไอ้โบไว้ที่บ้านมันเสร็จก็หันรถกลับออกมาทันที เห็นมันทำหน้าเหลอหลาวิ่งตามมาได้สามก้าวก็ทำละล้าละลังเหมือนไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตดี สุดท้ายก็เดินหูลู่หางตกเข้าบ้านไป อยากขำอยู่หรอกแต่มันไม่ใช่เวลา ตอนนี้ต้องรีบไปที่หนึ่งก่อน
บ้านผมนั่นเอง
จากคฤหาสน์หรูและมหา’ลัยก็ไกลโขอยู่ แบบว่าคนละโซนกับบ้านผมเลย ต้องฝ่าการจราจรที่แน่นขนัดเกือบครึ่งชั่วโมงถึงจะเข้าหมู่บ้านได้
บ้านผมเป็นทาวน์เฮ้าส์สองชั้นไม่เล็กไม่ใหญ่สำหรับคนฐานะปานกลาง สภาพค่อนไปทางเก่า ไม่มีสวนสวยๆ รถแพงๆ จอดในบ้านหรอก มีแค่อีแก่ของแม่ที่หน้าตาไม่น่าผ่านตรวจสภาพก็เท่านั้น
ที่นี่ก็ยังเหมือนเดิม รกร้าง อึมครึม หม่นหมอง สถานที่ที่ผมเคยอาศัยอยู่ตั้งแต่เกิด เมื่อก่อนนี้เคยเป็นสวรรค์น้อยๆ ของครอบครัวเราเลยล่ะ ...ถ้าไม่มีมันสักคนคงจะมีความสุขกว่านี้
ผมเฝ้าตั้งตาคอยชีวิตมหา’ลัยอย่างใจจดใจจ่อ พอรู้ว่าติดที่ไหนผมก็จัดการหาที่อยู่ใหม่ทันที พยายามออกไปจากบ้านเฮงซวยนี่ให้เร็วที่สุด เพราะตั้งแต่ที่มันเปลี่ยนไป ก็ไม่เคยมีเสียงหัวเราะปรากฏขึ้นอีกเลย
“แม่!” ผมร้องเรียก มั่นใจว่าแม่ต้องอยู่บ้านเพราะอีแก่ไร้ขาตั้งยังจอดพิงรั้วอยู่ พอไร้เสียงตอบรับผมก็รัวกริ่งบนรั้วจนกว่าแม่จะได้ยิน
ติ๊ง ต่อง... ติ๊งต่อง ติ๊งๆๆๆ
“โว้ย! ได้ยินแล้วโว้ย! หมาที่ไหนวะ แม่จะฟาดให้หาทางกลับบ้านไม่ถูกเลย”
“ก็หมาลูกแม่หมาไง ไหน ไหน ฟาดดิ ต่อไปจะไม่กลับแม่งแล้วบ้านอ่ะ”
หญิงกลางคนในชุดอยู่บ้าน (ไม่ควรออกบ้าน) เดินไปด่าไปไม่ลืมหูลืมตาจนไม่ทันสังเกตผู้มาเยือนที่เป็นถึงลูกแท้ๆ ผมก็ทักกลับตามประสาแม่ลูกไม่เจอกันนาน พอแม่ได้ยินก็รีบเงยหน้าทำตาโตอย่างตื่นตะลึง ผมเท้าเอวถอนหายใจ กลอกตามองบนหนึ่งรอบเซ็งๆ
“แม็ก?” ทำไม? เห็นหน้าลูกนี่แปลกขนาดนั้นเลย?
“เออดิแม่” เอนตัวพิงประตูรั้วด้วยท่าทางที่น่าดักตีเป็นที่สุด
“แกมาได้ยังไงเนี่ย”
“ขับรถมา”
“กวนตีน” แม่รู้ดีที่สุดว่าลูกเป็นคนยังไง ฮ่าๆ
ผมเลิกต่อปากต่อคำ เปิดรั้วเข้าบ้านไปหาน้ำดื่ม ก่อนจะทิ้งตัวบนโซฟาหน้าทีวี แม่เดินมาหาแล้วยืนกอดเอาหัวผมซบพุงเหี่ยวๆ มือก็ลูบหัวลูบหลังอย่างคิดถึง พลางบ่นไปเรื่อยว่า “แกหายไปไม่ติดต่อแม่เล๊ยยย ปล่อยคนแก่นั่งเหงาอยู่บ้านคนเดียว มีลูกชายว่าจะไว้ใช้สอยมันก็หายหัวจนจะลืมทางกลับบ้านแล้วมั้ง ข่าวข่มขืนคนแก่ก็มีตั้งเยอะ ไม่รู้จักห่วงแม่มั่ง”
“โวะ บ้านอย่างกับบ้านผีสิง แถมมีผีเฝ้าบ้าน โจรที่ไหนจะกล้า โอ๊ย!”
โดนเบิ้ดกะโหลกเสียงนี่ดังเพราะเชียว ผมเริ่มเข้าเรื่องเพราะธุระที่มานี่คือมารับแม่นั่นเอง
“ไปเปลี่ยนชุดไป จะพาไปข้างนอก” ผมสั่ง
“อะไร? ไปไหน? ไปทำไม?” แม่ถาม
ผมก็พูดเสียงเนือยแค่ “ไปเหอะน่า”
แม่ยอมขึ้นชั้นสองไปเปลี่ยนชุดแต่โดยดี แล้วกลับลงมาด้วยชุดที่ดูดีที่สุดในตู้ ผมเผ้าก็หวีใหม่เรียบร้อย แถมแอบไปป้ายลิปแดงแปร๊ดมาอีก ผมเดินนำไปรอที่รถ แม่เองก็เงียบไป สงสัยจะคิดเดาในหัวให้วุ่นไปแล้วล่ะมั้ง
“จะบอกได้รึยังว่าแกจะพาฉันไปไหน” เสียงแหลมถามขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เราออกเดินทางมาได้ครึ่งทางแล้ว ก็ไม่ได้จะปิดบังหรอก แต่ไว้ใกล้ๆ แล้วค่อยบอก จะได้ปวดหูทีเดียว ถ้าแม่รู้แต่แรกนะ เฮอะ หูชา
“ไม่เอาไปขายหรอกน่า... อย่างมากก็เอาไปทิ้งบ้านพักคนชรา โอ๊ยๆ ! ขับรถอยู่เนี่ย!”
คนซ้อนด่าผมเป็นชุดพลางระดมกำปั้นทุบหลังผมรัวๆ รถล้มหน้าแหกขึ้นมานะแม่...
อดเห็นลูกสะใภ้นะ
“ไอ้แม็ก นี่ที่ไหนเนี่ย ใหญ่อย่างกับวัง”
แม่ถาม ปากที่ทาลิปสติกสีแดงเลือดนกจากตลาดนัดอ้าค้าง พึมพำว่าฉากถ่ายหนังบ้างล่ะ พิพิธภัณฑ์บ้างล่ะ โคตรเว่อร์ ผมขับเข้าไปแล้วไล่แม่ลง เตะขาตั้งจอดรถคู่ใจไว้หน้าประตู คุณอรพินยิ่งงงตาเหลือกเมื่อป้ารุ่นราวคราวเดียวกันมาเชิญเข้าบ้านอย่างสุภาพ
ก่อนที่จะเข้าไปผมก็หันมาคุยกับแม่ “แม่ นี่บ้านคนรวย ผู้ดีมาก พูดจาดีๆ หน่อยละกัน”
“หา? แล้วแกพาฉันมาทำไม อย่าบอกนะว่าไปยืมเงินเขาแล้วไม่มีปัญญาใช้คืนเลยให้แม่มาเคลียร์อ่ะ”
คิดได้เนาะ ก่อนที่จินตนาการจะกว้างไกลไปกว่านี้ ผมจึงบอกไปว่า
“ป่าว... พามาขอสะใภ้”
“หา?!!!”

COMBO

“...”
ผมกับคุณแม่หันไปทางประตูพร้อมกันเป็นจุดเดียวเมื่อได้ยินเสียงโวยวายแว่วมาแต่ไกล แม่บ้านที่ไปเปิดประตูกลับมาบอกคุณแม่ว่าพี่แม็กมาถึงแล้ว ได้ยินดังนั้นหัวใจพลันเต้นรัว ดีใจที่เขากลับมาแล้ว บรรยากาศกดดันเมื่อกี้ก็หายไปในพริบตา ผมชะเง้อมองหาร่างสูง อยากจะวิ่งไปหาเสียด้วยซ้ำถ้าไม่ติดหน้างอๆ ของหมิวผมคงไม่รู้ตัวว่าแสดงออกเกินไป
“ไอ้แม็ก! ไอ้ลูกหมา! บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าอย่าเที่ยวเยี่ยวเรี่ยราดไปทั่วทำไมไม่จำ!”
“โอ๊ย! แม่! เบาๆ บอกว่าอย่าเสียงดังไง”
“แกทำผู้หญิงท้องใช่มั้ย!”
“จะบ้าเหรอ พามาหาแฟน ไม่ได้ให้มาสู่ขอ”
“ก็แกบอกว่า ‘มาขอสะใภ้’ ไม่ใช่รึไงฮึ”
“มาขอ ไม่ได้มาสู่ขอ เข้าใจป่ะ”
เสียงเหล่านั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ในที่สุดพวกเขาก็มาถึง ผู้หญิงที่มากับพี่แม็กรูปร่างท้วมเล็กน้อย ตาดุเหมือนพี่แม็กเลย พอพวกเขาเห็นเราที่นั่งอยู่แม่เขาก็ชะงักไป เธอหันไปมองหมิวแล้วพูดว่า
“แม็ก... นั่นเด็กมัธยมใช่มั้ย”
“หยุดเลยแม่”
“แกพรากผู้เยาว์?!”
คนเป็นลูกพรูลมหายใจยาวกลอกตามองบน เขาหันมาแนะนำกับคุณแม่ผม
“ผมพาแม่มาแล้วครับ ถ้างั้นผมขอเข้าเรื่องเลย...”
“เชิญคุณแม่นั่งก่อนสิแม็ก” คุณแม่ขัดขึ้นแล้วผายมือมาที่โซฟาฝั่งตรงข้าม แม่บ้านยกของว่างมาเสิร์ฟแขกที่หนึ่งในนั้นนั่งตัวเกร็งอย่างเห็นได้ชัด คุณแม่ยิ้มให้อย่างสุภาพ ส่วนอีกฝ่ายก็ยิ้มกลับแหยๆ ก่อนที่จะเริ่มเข้าประเด็น “สวัสดีค่ะคุณอรพิน ดิฉันนิภา คุณแม่ของน้องหมิวกับคอมโบค่ะ ตามสบายนะคะ”
คุณอรพิน... แม่ของพี่แม็ก ผมเองก็แปลกใจเหมือนกันว่าคุณแม่รู้จักชื่อของเขาได้ยังไง
“ขนาดพูดยังผู้ดี อุ๊บ!”
พอคุณป้าจะพูดพี่แม็กก็เอาคุกกี้ยัดใส่ปากทันที เธอมองลูกตาขวาง ส่วนพี่เขาก็คงอายที่แม่ตัวเองโผงผางล่ะมั้ง เขาสั่งให้คุณป้าเงียบๆ ก่อนจะยืดตัวตรง ปรับสีหน้าให้จริงจัง
“ต้องขอโทษด้วยที่พามาแนะนำช้า ที่จริงแล้วผมกะจะคบกันเงียบๆ ไม่ตั้งใจให้ผู้ใหญ่รู้ด้วยซ้ำ แต่ถ้าเรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ยังไงผมก็ขออนุญาตคุณน้านิภา ให้เราคบกันด้วยเถอะครับ”
ฉ่า...
หน้าผมเห่อร้อนกับคำพูดตรงไปตรงมานั้น พี่เขาทำเหมือนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ เฉยเมยได้ถึงขั้นมองว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ ผมคงคิดเช่นนั้นถ้าไม่ได้เห็นแววตาแน่วแน่ที่สบกับคุณแม่โดยตรงอย่างไม่หวั่นไหว
 “บอกให้เรียก ‘แม่’ ไงครับ จำไม่ได้เหรอ”
คุณแม่บอกพร้อมยิ้มละไม พี่แม็กขานรับแล้วทำท่าจะลุกมาหาผมแต่ถูกขัดโดยคนข้างๆ เสียก่อน
“เดี๋ยวนะตาแม็ก... เอ่อ... คุณคะ คือ ใครก็ได้ ช่วยอธิบายทีว่านี่มันเรื่องอะไร” คุณป้าทำสีหน้าไม่เข้าใจสุดขีด เธอพูดยาวเหยียดแล้วหันไปทางหมิว “แล้วนี่ รู้จักกันมาก่อนเหรอ แกไม่เคยเล่าอะไรให้ฉันฟังเลยนะแม็ก แล้วอยู่ๆ ก็... โอ... ขอโทษด้วยนะหนู ลูกชายแม่มันก็หัวทึบแบบนี้แหละ แต่ยังไงหนูก็เป็นผู้หญิง ถ้ามีอะไรให้แม่รับผิดชอบ...”
“อะแฮ่ม!”
เสียงเข้มกระแอมขัดมารดา ทำหน้าเบื่อหน่ายแล้วชี้นิ้วมาทางผม ปรากฏเครื่องหมายคำถามเต็มหน้าผากหญิงกลางคน เธอมองผมกับหมิวสลับไปมา สุดท้ายก็มาหยุดสายตาลงที่ผมแล้วถามว่า “คนนี้?” ที่เหลือพยักหน้ายืนยัน
“เด็กๆ ไปพักผ่อนเถอะจ้ะ ตรงนี้ให้ผู้ใหญ่คุยกันดีกว่า” คุณแม่ไล่
ผมมองรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคนที่ลุกผึงตรงมาหาทันทีที่ได้รับคำอนุญาตกลายๆ เขาโอบไหล่ดันผมไปทางบันได พูดอย่างร่าเริงว่า “ไหนน้า~ กูลืมห้องมึงไปแล้ว พาไปดูหน่อยสิ”
เขาก็พูดไปงั้นแหละ เพราะแรงดันนั้นพาเราไปในทางที่ถูกต้องโดยที่ไม่ต้องการการนำทางจากเจ้าบ้านด้วยซ้ำ ได้ยินหมิวกระแทกเสียงอย่างหัวเสีย “แค่นี้อ่ะนะ!” แล้วเดินตอกส้นผ่านหางตาไป พี่แม็กก็ไม่ได้สนใจ ทำเพียงเปิดประตูห้องนอนอย่างถือวิสาสะ เป็นอันว่าสถานการณ์เริ่มล่อแหลมและผมกำลังตกอยู่ในอันตราย
“อื้อ!”
นั่นไง! ริมฝีปากร้อนประกบจูบลงมาทั้งที่ประตูยังปิดไม่สนิทดี วงแขนล็อกร่างไว้ภายใน บดจูบเสียจนผมแทบขาดอากาศจนต้องระดมทุบหลังเขาให้ปล่อยเสียที
“ฮ่า! เชี่ยแม่ง- พี่จะทำอะไร ถ้าคนอื่นมาเห็นจะว่ายังไง”
“ก็ไม่เห็นเป็นไร แม่เราก็รู้แล้ว จะกลัวอะไร”
พี่ก็พูดง่ายสิ ไม่ได้หน้าบางเหมือนผมนี่ ตะวันส่องหัวแถมคนในบ้านเยอะแยะยังจะ ‘ทำ’ อีก ผมต่อสู้สุดกำลังแต่เขาก็ไม่สนแรงมดอันน้อยนิดเลย... ผมทำได้เพียงกลั้นเสียงให้มากที่สุดสินะ
“อื้อ...”

Messenger Chat

- แม่ง! ทำไมเป็นแบบนี้วะ
- ?
- ผู้ใหญ่คุยกันดี ไม่เห็นว่าอะไรเลย นี่ผู้ชายคบกันนะ ชีวิตง่ายไปหน่อยมั้ย
- ทำไมล่ะ นึกว่าไม่ทะเลาะกันแล้วก็ดีซะอีก
- ไม่ชอบ! เกลียดมัน ภาพมันนอนกกกันยังติดตาอยู่เลย ทุเรศ
- งั้นหมิวต้องการอะไรล่ะ
...
- ทำยังไงก็ได้ไม่ให้มีสมหวังกัน
- เอาพี่แม็กไปสิ ส่วนไอ้หมูนั่นมันก็มีคนตาถั่วชอบมันอยู่
- ไม่เอาไปเองล่ะ นึกว่าหมิวชอบพี่แม็กซะอีก
- เมื่อก่อน แต่ตอนนี้ไม่ไหวอ่ะ แค่คิดว่าเคยแหย่รูไหนมาก็จะอ้วกละ ขยะแขยง
- ค่อยๆ ช่วยกันคิด อย่าเพิ่งวู่วามแล้วกัน แล้วก็ติดต่ออีกคนหรือยัง ทางนั้นรู้คงจะตื่นเต้นน่าดู
- คุยแล้ว นางก็ไม่โอเคกับเรื่องนี้เหมือนกัน
- แล้วจะเอาไง
...

- ก็... ปล่อยให้มันเป็นไป
...
- หึ... จ้ะ แม่นางฟ้า


[/color]





ถ้าบอกว่าอ่านหนังสือจนลืมพล็อตจะโกรธมั้ย...
ทั้งงานทั้งเรียนเหนื่อยจังเลย
พยายามจะไม่ตันน้า 555
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน20 100% 9/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 09-12-2018 15:33:34
บทสนทนาช่วงท้ายนี่อะไร วอทททท
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน20 100% 9/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: spms ที่ 09-12-2018 16:04:59
รอจ้า :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน20 100% 9/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-12-2018 17:20:41
มาต่อก็ดีใจแล้วววว
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน20 100% 9/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-12-2018 18:18:18
ยังไงๆ..........
ไอ้ที่ว่า  ...ปล่อยให้มันเป็นไป........  :really2:
ปล่อยให้แม็ก คบกับโบ ต่อไป  ..... ?????
หรือ มาหาเรื่องโบคนเดียว กลั่นแกล้ง ทำร้ายโบ   :angry2: :angry2: :angry2:
หรือ ระบายความโกรธใส่แม็ก กับโบ  :hao3:

แม็ก  โบ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :really2:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน20 100% 9/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 09-12-2018 21:35:23
หมิวคุยกะใครอ่ะ??? พอเถอะอย่าแกล้งน้องอีกเลย เลาเอ็นดูน้องงง

ปล.เราชอบเรื่องนี้มากนะ ทั้งสำนวนและพล็อต​เรื่อง​เลย​ อ่าน​แล้ว​อินมาก
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน20 100% 9/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 07-02-2019 07:42:11
เหนื่อยจัง ขอพักหน่อยนะ
ขอบคุณทุกคอมเม้น ไม่ว่าจะมาทวงหรือติชม มันเป็นกำลังใจที่ดีมากเลยค่ะ
ขอบคุณที่หลายๆคนชอบนิยายเรื่องนี้นะคะ

นูก้า
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน20 100% 9/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 08-02-2019 04:24:41
พักเลยๆ มาๆนั่งๆ *ตบเก้าอี้ปุๆ* ฮ่าๆ พักให้หายเหนื่อยหายเครียดนะคะ แล้วค่อยว่ากันต่อ เห็นฟีดมาอยู่หน้า1นึกว่ามาต่อตอนใหม่ เลยเข้ามาส่อง แอบรออยู่ตลอดเด้อ 55555 พอบอกอย่างนี้ก็ไม่กล้าทวงเลย พักก่อนเนาะ รอได้อยู่แล้ว ขอไม่เทก็พอนะคะ 555 เอาจริงก็น่าจะเพิ่งเม้นนี้ละนะ อ่านแบบรวดเดียวยังไม่เคยเม้นเลย แต่ดันกลายเป็นเรื่องที่แอบเข้ามาอ่าน วนอยู่หลายรอบมาก จริงๆ แทบจะจำได้ทุกฉาก 5555 อยากจะบอกว่าช๊อบบบบบบบบบบ สนุกม๊ากกก มันเป็นอะไรที่แบบว่าตอนแรกอยากจะกระโดดถีบยอดหน้าไอ้พี่แม๊กมาก แต่พี่มันก็เป็นคนเดียวที่เข้าถึงคอมโบ เข้าใจเข้าถึงโรค+โลกของโบ เราก็เลยทั้งอยากตบทั้งอยากดีด้วย อารมณ์ขึ้นๆลงๆหรอกกับพี่มัน คนขี้แกล้ง หมั่นไส้ มันเลยสนุกและน่าติดตาม และตอนนี้ก็คือจริงจังแบบพาแม่มาขอแล้ว โอ๊ยยยคนอย่างไอ้พี่แม๊ก ก็ไม่คิดว่ามันจะรักใครเป็น แล้วยิ่งเป็นโบอีก แต่ดันเคมีเข้ากันได้เฉย 5555  ชอบความจริงจังของพี่มันเว้ยย ได้ใจไปรัวๆ กรี๊ดดดดดด 555555 แล้วต่อจากนี้ก็อยากจะรู้ว่าจะเกิดไรขึ้น อีน้องหมิวจะทำไรอีก ไอ้พี่แม๊กมันจะเผลอพลาดไหมเนี้ย เดี๋ยวโบเสียใจ อาการกำเริบอีก กำลังจะดีเชียว เหอะ!! อินๆ 55555 นอนรอตอนต่อไปแต่ยังไงก็พักให้สบายใจแล้วค่อยปั่นต่อนะคะ ขอบคุณที่แต่งและอัพให้อ่านและแวะมาทักทาย ให้รู้ว่าไม่ได้หายไปไหน ก็ยังดีค่ะ อุ่นใจ 55555555 โอเคคคคค เจอกันอีกทีเมื่ออัพนะคะ ^_^ ไฟท์ติ้งค่ะ ส่งพลังรัวๆ :)  พูดๆอยู่นี้ก็อยากวนไปอ่านอีกแล้ว 55555
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน20 100% 9/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 08-02-2019 10:05:08
บวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน20 100% 9/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: annch ที่ 08-02-2019 14:53:44
ค้างงงงงงงงงง....... หมิวจะทำอะไรอ่ะ :mew5: :mew5:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน20 100% 9/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 09-02-2019 00:16:18
ยังไงก็รอเสมอน้า
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน20 100% 9/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-02-2019 02:03:30
อย่าหายไปนานแบบนี้~
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน20 100% 9/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 26-03-2019 07:55:09
เสร็จงานหนังสือก็จะว่างมาต่อละ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน20 100% 9/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-03-2019 08:40:02
ไรท์ หายไปไหน ...........  หายไปนานแล้วนะ...... คิดถึงงงงงงง  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน20 100% 9/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 26-03-2019 11:47:06
งือออ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน20 100% 9/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-03-2019 12:27:06
เมื่อไหร่จะมาอัพต่อนะ   :hao5:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ ตอน20 100% 9/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 03-07-2019 18:53:28
เฝ้าพ่อรพ.มานานลืมเอาคอมมาด้วย พิมพ์ในมือถือไม่สะดวกเลยยังไม่ได้อัพเลย
ขอโทษทุกคนที่รอนะ ไว้หายเหนื่อยแล้วจะรีบอัพให้น้า
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ แจ้งข่าวเล็กน้อย แต่ไม่เทนะ
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 03-07-2019 19:50:21
ขอให้คุณพ่อคนเขียนหายไวๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ แจ้งข่าวเล็กน้อย แต่ไม่เทนะ
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 06-08-2019 22:24:47
ว่าอยู่คุณนักเขียนหายไปไหน กำลังว่าจะมาตาม อิอิ //ขอให้คุณพ่อหายและสุขภาพแข็งแรงนะคะ รอเรื่องนี้มากค่ะ คิดถึง อยากอ่านต่อ วนกลับมาอ่านหลายรอบแล้วค่ะ 555 รรรรนะคะ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ แจ้งข่าวเล็กน้อย แต่ไม่เทนะ
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 21-08-2019 23:14:46
โหวต+ เป็นกำลังใจให้นะครับ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ SM 20+ แจ้งข่าวเล็กน้อย แต่ไม่เทนะ
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 06-09-2019 22:38:49
เดี๋ยวลงให้พรุ่งนี้นะคะ ฝากติดตามเพจหน่อยนะคะ เพจ NUGAA เอาไว้เก็บงาน+อัพเดตงานค่ะ ช่วยนี้มีประกวดวาดรูปด้วย ไปให้กำลังใจกันได้นะคะ
ถ้าติด1ใน3จะลงรวดเดียวจบเลยเอ้า! ใกล้แล้วๆ
https://www.facebook.com/%EF%BC%AE%EF%BC%B5%EF%BC%A7%EF%BC%A1%EF%BC%A1-336787800603094/
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ตอน21 มาแล้วจ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 07-09-2019 23:30:45

ไปประกวดวาดรูปมา ช่วยกันไปปั่นไลค์และแชร์ในเพจได้นะคะ
ขอบนว่าถ้าติด1ใน3จะลงรวดเดียวจบเล้ย
 เพจ NUGAA
https://www.facebook.com/%EF%BC%AE%EF%BC%B5%EF%BC%A7%EF%BC%A1%EF%BC%A1-336787800603094/


21

     ผมตื่นมาในอ้อมแขนที่คุ้นเคยเช่นทุกเช้า พี่แม็กและแม่ได้รับเชิญให้พักที่บ้านผม คุณแม่สั่งให้แม่บ้านเตรียมห้องนอนแขกให้หญิงร่างท้วม ส่วนพี่แม็กก็...
     “อืม...”
     แอ่ก!
     ร่างหนาหนักพลิกมาทับตัวผมเต็มๆ จนจุก มือร้อนเริ่มฟอนเฟ้นเนื้อนุ่มนิ่มทั่วตัวจนได้เจอที่เหมาะๆ เช่นพุงหยุ่นๆ ของผมจึงหยุดอยู่ที่ตำแหน่งนั้นแล้วบีบขยำเต็มมือ ผมยังไม่อยากปลุกเขาตอนนี้จึงปล่อยให้ทำตามใจไปก่อน ...ไม่งั้นสิ่งที่ทิ่มผมอยู่อาจจะลุกมาทำอะไรๆ ให้ผมพลาดมื้อเช้ากับผู้ใหญ่ก็เป็นได้
     พลันต้องสะดุ้งเมื่อถูกพี่แม็กหยิกเอว ผมเผลอเท้าลั่นถีบคนขี้เซาเต็มแรงจนเขากลิ้งตกเตียงดังโครม     
     ผมค่อยๆ คลานไปดูพี่เขา เห็นสายตาอาฆาตจากคนที่ลูบสะโพกป้อยๆ ก็ยิ้มประจบ รีบลุกไปพยุงเขาขึ้นทันทีโดยที่ไม่เข้าใจว่าผมผิดตรงไหน ทว่าแทนที่จะลุกดีๆ เขากลับดึงผมให้นอนทับอีกครั้งแล้วไว้ด้วยท่ามวยปล้ำจนในหูลั่นเสียงกระดูกดังกร๊อบ
     “โอ๊ย! พี่! ลุกได้แล้ว จะไปกินข้าว”
     เมื่อไม่มีเสียงตอบรับผมนิ่งคิดด้วยสมองเบลอๆ พักหนึ่งจึงระลึกได้ว่าอาการงอแงยามเช้าของเขามันเกิดจากอะไร ผมค่อยๆ เคลื่อนหน้าเข้าใกล้คนใต้ร่างแล้วจุ๊บปากสากทีหนึ่ง พี่แม็กหายบ้าทันที เขาหอมเหม่งผมฟอดใหญ่จากนั้นจึงปล่อยให้ลุกแล้วแยกย้ายไปเตรียมตัวทานอาหารเช้าด้านล่าง
     
     “หลับสบายไหมครับแม็ก” คุณแม่ถามขึ้นเมื่อทุกคนวางช้อนส้อมลงแล้ว
     “ดีครับ สบาย... ตัวมาก”
     แล้วคำหลังจะหันมามองผมทำไมเล่า!
     คุณแม่ยิ้มอย่างงอ่อนโยนก่อนจะถามต่อว่า “แล้วที่แม็กบอกว่าจะขอคุยด้วยนี่เรื่องอะไรครับ”
     “วันหยุดนี้ผมจะพาโบไปขึ้นเขานะครับ”
     เอาจริงเหรอ! ผมลืมไปแล้วนะเนี่ยว่าสอบเสร็จเขาจะไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ผมเริ่มมองเลิ่กลั่ก เอาจริงๆ คือไม่อยากไป วันหยุดผมอยากอยู่บ้านเฉยๆ ทำอาหาร ใช้เวลากับคุณแม่มากกว่า และไม่อยากเจอพี่พอลด้วย (อันนี้เหตุผลหลักเลย) ผมหันไปมองหาความช่วยเหลือจากคนเป็นแม่ซึ่งน่าจะเข้าใจผมได้ดีที่สุดและคงไม่อยากปล่อยให้ผมไป...
     “เอาสิจ๊ะ เที่ยวเขาหน้านี้อากาศดี น้องจะได้ไปเปิดหูเปิดตา วันหยุดทีไรเอาแต่อุดอู้อยู่บ้าน ให้ไปรับแดดรับลมบ้างก็ดี ช่วงนี้แม่เองก็ไม่ค่อยว่างอยู่ดูน้องด้วย ต้องตามพ่อเขาไปงานต่างจังหวัดน่ะ”
     อ่า... หมดหวังแล้วสินะ
     “เดี๋ยวผมดูโบเองครับ ไปกันสามสี่คนพักรีสอร์ตเพื่อนไม่ไกลหรอกครับ ปลอดภัยหายห่วง” พี่เขารับคำอย่างขึงขังผิดกับผมที่เริ่มหน้ามุ่ยหลังจากที่รู้ว่าคุณแม่ต้องไปต่างจังหวัดแล้ว ส่วนแม่พี่แม็กก็สนใจแต่ทับทิมกรอบชามที่สาม หาได้ฟังบทสนทนาทั้งหลายไม่ ขณะเคี้ยวก็พร่ำถึงความกรอบอร่อยกับตัวเองเบาๆ ในโลกส่วนตัว



     ขณะนี้เราอยู่บนรถตู้ของพี่พอลซึ่งมีคนของบ้านพี่พอลเป็นคนขับ ส่วนเจ้าของรถนั่งข้างๆ แถวหลังคนขับเป็นเป็นพี่เมษกับแฟนสาว ส่วนหลังสุดคือผมกับพี่แม็ก ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าเราจะนั่งเบียดกันทำไมในเมื่อแถวกลางก็ยังว่าง แล้วก็นะ
     “...”
     พวกพี่ไม่คิดว่ารถมันเงียบเกินไปเหรอครับ
     ผมถอนหายใจท่ามกลางสังคมก้มหน้า ทุกคนสวมหูฟังสายยตาจดจ่อที่หน้าจอกันหมด มีแค่ผมที่นั่งหงอยเหงาอย่างเบื่อหน่ายเนื่องจากไม่มีอะไรทำ จะมองทางกระจกก็ดันถูกปิดม่านไว้เพราะแดดส่อง ในมือถือผมไม่มีทั้งเกมหรือเพลงเลย จะเอาสูตรอาหารมานั่งอ่านก็คงได้อ้วกแตกบนรถแน่ จะหลับก็หลับไม่ลง เส้นทางที่เริ่มออกห่างจากตัวเมืองเข้าใกล้เขตเขามากขึ้นจึงคดเคี้ยวเหวี่ยงไปมา
     “เมา?”
     ผมส่ายหน้าตอบพี่แม็ก แต่พอเขาถามผมก็เริ่มรู้สึกเวียนหัวหน่อยๆ แล้วแฮะ มือหนากดหัวผมอิงไหล่ก่อนจะถอดหูฟังข้างหนึ่งมาเสียบหูผมแทน เพลงติดชาร์ตไหล่ผ่านโลกที่เงียบเหงาพร้อมสัมผัสเบาๆ บนศีรษะช่วยให้ผมดีขึ้น ผมค่อยๆ หลับตาลงซุกหน้าสูดกลิ่นกายคุ้นจมูกไปตลอดชั่วโมงจนเราถึงที่หมาย
     “จอดบ้านพักหรือลานเต้นท์ครับ” แว่วเสียงคนขับถามเจ้าของพื้นที่ เห็นว่าทริปนี้เราจะกางเต้นท์นอนดูดาวกัน จะลำบากกันทำไมก็ไม่รู้ทั้งๆ ที่บ้านพักก็หรูหราสะดวกสบาย ทีห้องน้ำยังมาใช้ในบ้าน ทำไมไม่อาบที่ลำธารกันไปเลยล่ะ
     “มึงอย่าทำตัวมีปัญหากับมันล่ะ” ผมคงแสดงออกทางสีหน้ามากไปจนคนข้างๆ เตือน แต่พี่ควรจะรู้ไว้นะว่าผมไม่เคย ‘มีปัญหา’ ก่อนเลย พวกเขานั่นแหละที่หาเรื่อง... แต่มันก็ทำให้ผมได้เจอกับพี่แม็กจนได้รู้สึกดีๆ อย่างนี้นี่นะ
     
     พอตะวันลับขอบฟ้าดวงดาวน้อยใหญ่ก็เริ่มปรากฏตัว ความสวยงามที่แปลกตาทำให้ผมเข้าใจว่าเหตุใดเราจึงควรละทิ้งความสะดวกสบายบางอย่างเพื่อดื่มด่ำกับธรรมชาติบ้าง ท้องฟ้าไร้เมฆมืดสนิทขับให้ดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยวส่องสกาวท่ามกลางจุดเล็กนับร้อยนับพัน เสียงลมหวีดหวิวมาพร้อมกับความหนาวเย็นพาขนกายลุกชัน อุณหภูมิที่ต่างกันกับพื้นเบื้องล่างราวกับอยู่คนละประเทศช่างสดชื่นชุ่มปอด มันผสมกับความร้อนจากกองไฟกลางวงล้อมจนอบอุ่นกำลังดีทว่าก็ยังต้องพึ่งชุดกันหนาวกับผ้าคลุมอุ่นๆ อยู่ดี
     แต่มันจะโรแมนติกมากเลยนะถ้าผมไม่ได้อยู่ในท่านั่งขดกลางหว่างขาพี่แม็กโดยอยู่ในเสื้อกันหนาวตัวเดียวกัน!
     “อะไรของมึงวะแม็ก” พี่เมษถามขำๆ ข้างกายมีสาวสวยกอดแขนแบ่งปันความอบอุ่น
     “ถุงอุ่นกู” และนี่คือคำตอบที่ทำเอาทุกคนส่ายหัว
     ปาร์ตี้รอบกองไฟเป็นไปอย่างเรียบง่าย ก็ง่ายสิ ทุกอย่างถูกเตรียมไว้โดยแม่บ้านของรีสอร์ต เรามีหน้าที่แค่หยิบไม้บาบิคิวไปว่างบนเตา คอยพลิกให้สุก และกิน คนไม่เคยได้เตรียมของเองไม่รู้หรอกว่ามันเหนื่อยแค่ไหน หน้าฉากสวยงาม แต่ในครัวนี้เรียกนรกยังได้เลยเถอะ... ที่บ่นนี่คืออยากให้รู้ถึงความเหนื่อยยากของคนครัวหรอก เพื่อที่จะได้ไม่...
     “กินทิ้งกินขว้างเสียดายของ”
     “...”
     อะ... อ่า...
     “ปากมึงจำเป็นต้องลั่นได้ถูกจังหวะแบบนี้ทุกทีเลยมั้ย”
     เอาแล้วไง นอกจากจะถูกเวลาแล้วยังถูกคนด้วยนะ เพราะคนที่รับไปเต็มๆ คือผู้ที่เป็นเจ้าของกองไม้ซึ่งยังมีทั้งผักและเนื้อติดอยู่เพราะกัดไปแค่ขอบๆ และเลือกเฉพาะเนื้อฉ่ำๆ เท่านั้น ชิ้นไหนแห้งไปก็ไม่กิน... พี่พอลนั่นเอง
     ผมตื่นกลัวกับสายตาแข็งกร้าวที่มองมาอย่างเอาเรื่องจนต้องกระถดตัวเบียดคนข้างหลัง พี่แม็กไม่ได้สนใจจะช่วยผมสักนิด เอาแต่ถูจมูกเย็นๆ ซุกกระหม่อมผมอยู่นั่น
     ซากบาร์บิคิวถูกยื่นมาตรงหน้า หนุ่มลูกครึ่งหยิบมันขึ้นมาหนึ่งไม้ก่อนจะจ่อปลายแหลมๆ ตรงหว่างคิ้วของผม สีหน้าเรียบตึงบ่งบอกว่าถ้าอยู่กันตามลำพังผมคงกลายเป็นศพไปแล้วแน่ๆ แล้วพี่พอลพูดขึ้นมาว่า “ถ้าเสียดายนัก งั้นมึงช่วยจัดการให้หมดนี่เลยแล้วกัน”
     ผมไม่มีปัญหากับการกินที่เหลือถ้ามันยังอยู่ในสภาพดี และเป็นการกินต่อจากคนที่สนิทจริงๆ น่ะนะ แต่นอกจากผมจะไม่ได้สนิทกับพี่พอลขนาดนั้นแล้ว ชิ้นเนื้อเหล่านี้บางไม้ก็ถูกวางเลยออกนอกจานจนมันสัมผัสกับพื้นดินด้วย ต่อให้ผมรักอาหารขนาดไหนก็ทำใจไม่นึกถึงเชื้อโรคที่อาจติดมาไม่ได้หรอก
     “พอแล้วน่า มึงจะอะไรกับมันนักหนา”
     คนข้างหลังเอ่ยขึ้นเหมือนจะช่วย แต่แท้จริงแล้วน่าจะเพราะรำคาญมากกว่า แล้วเขาก็รับไม้นั้นมาใช้ฟันรูดเศษเนื้อเข้าปากก่อนจะกลืนมันลงคออย่างหน้าตาเฉยจนทุกคนถึงกับอึ้ง
     “เอื้อก... กูง่วงแล้ว ไปนอนก่อนนะ”
     จากนั้นตัวผมก็ถูกอุ้มลอยขึ้นทั้งๆ ที่ยังอยู่ในเสื้อพี่แม็ก ผมห้อยต่องแต่งตามจังหวะการก้าวของร่างสูงไปจนถึงเต้นท์โดยไม่พูดอะไรเพราะรับรู้ได้ถึงความขุ่นมัวจางๆ แม้ว่าเขาจะดูปกติก็ตาม
     เมื่อซุกกายภายใต้ถุงนอนหนานุ่มแล้ว (ผมยังอยู่ในเสื้อพี่แม็กเหมือนเดิม) ก็ได้ยินเสียงพรูลมหายใจจากด้านหลัง แขนยาวโอบรอบพุงน้อยๆ ของผม เขาคงไม่สบายใจเท่าไหร่ที่ต้องทะเลาะกับเพื่อนรัก แต่เพราะไม่รู้ว่าจะปลอบเขายังไงดีจึงได้แต่เรียกเบาๆ “พี่...”
     “ไม่โกรธเพื่อนกูใช่มั้ย”
     แรงรัดกระชับขึ้นเล็กน้อย ผมตอบกลับไป “ไม่ได้โกรธครับ แต่ห่วงว่าพี่จะทะเลาะกับเพื่อนมากกว่า”
     “พวกกูไม่แตกหักกันเพราะเรื่องแค่นี้หรอกน่า อย่าสำคัญตัวผิด”
     ไม่วายเหน็บผมอีก ก็เชื่อแหละว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเหนียวแน่น แต่เพราะอย่างนั้นผมถึงได้กังวลไง ยิ่งรักกันมากพอถูกคนนอกมาแทรกกลางมันย่อมเกิดความไม่พอใจอยู่ลึกๆ แน่นอน และอาจบานปลายจนเกินแก้ ทันใดนั้นใจผมก็เกิดหวั่นไหวขึ้นมา
     “พี่แม็ก”
     “หืม?”
     “พี่ว่า... ระหว่างเรา มันเป็นของจริงเหรอ พี่ว่าเราจะไปกันได้ไกลเหรอ ในเมื่อ...”
     “ในเมื่ออะไร?”
     อ้อมกอดที่อบอุ่นแปรเปลี่ยนเป็นแรงบีบที่ต้นแขนจนรู้สึกเจ็บ พี่แม็กปลดเสื้อกันหนาวออกแล้วพลิกตัวคร่อมผมไว้ น้ำเสียงขุ่นเคืองกับแววตาเรืองแสงตะเกียงเจ้าพายุแสดงให้เห็นถึงโทสะที่กำลังจะปะทุ แต่ถึงจะน่ากลัวเพียงใดก็ยังไม่เท่าความกลัวต่อเรื่องที่ยังคงติดค้างในใจผมอยู่ได้
     “ในเมื่อมีพวกแม่งคอยแขวะงั้นเหรอ? มึงจะแคร์ทำไมนักหนาวะโบ” คนด้านบนกดเสียงกัดฟันพูด
     “ก็ในเมื่อคนอื่นไม่โอเคกับ ‘เรา’ แล้วเราจะอยู่กันไปอย่างนี้ได้เหรอพี่ พี่ไม่อึดอัด หร... หรือ หรือ ไม่อายเหรอที่เป็นผม ม... แม่ง”
     สิ่งที่ผมพยายามอธิบายใช่ว่าเพื่อที่จะหาเรื่องเลิกกับพี่เขา แต่จากประสบการณ์ตลอดชีวิตที่ผ่านมามันสอนผมว่าจะต้องคอยมองคนอื่นๆ เสมอ ต้องตามกระแสความคาดหวังที่สังคมต้องการ ความรักของผู้ชายด้วยกันไม่ได้ถูกยอมรับเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว นี่ผมยังถือว่า ‘ไม่ปกติ’ อีก มองทางไหนก็มีแต่ทางตันทั้งนั้น
     “มึงมันก็มีแต่คนอื่น”
     ฝ่ามือหนายกทาบข้างแก้ม มันใหญ่จนแทบปิดซีกหน้าผมได้จนมิด นิ้วโป้งเขาไล้ตามผิวเย็นๆ เบาๆ พร้อมเสียงทุ้มที่อ่อนลง “แคร์คนอื่น แล้วแคร์กูบ้างมั้ย”
     เขาค่อยๆ โน้มตัวลงมาให้ระยะห่างใบหน้าของเราลดลงทีละนิด ปลายจมูกเย็นเขี่ยกันเบาๆ ก่อนที่พี่แม็กจะพาริมฝีปากแห้งแตกเพราะความเย็นแตะลงบนริมฝีปากผมอย่างแนบแน่น บดเบียดมันเล็กน้อย แล้วจึงสอดลิ้นมอบจุมพิศนุ่มช้าพาสติล่องลอยไปกับสายลมหนาว
     นานนับนาทีกว่าปากหนาจะผละออกเปิดโอกาสให้ผมได้พูดต่อ “โบห่วงพี่หรอก กลัวพี่จะหมองเพราะผมน่ะสิ”
     “เฮอะ! กูถึงบอกว่ามึงสำคัญตัวเองผิดไง ระดับกูไม่เสียความนิยมเพราะมึงหรอกเว้ย”
     ช่างเป็นความมั่นใจที่น่าหมั่นไส้เสียจริง
     “มั่นหน้า”
     “มึงว่าไงนะ!”
     อื้อ! ดันเผลอพูดสิ่งที่คิดไปซะได้ แบบว่าคิดจริงๆ ไม่ใช่เพราะโรค
     พี่แม็กบีบแก้มผมจนปากจู๋ เขาบีบคลายบีบคลายคล้ายสนุกนักหนา (ก็คงสนุกแหละ) ใบหน้าหล่อเหลายิ้มจนถึงตาอย่างที่ศตวรรษหนึ่งจะได้เห็นสักครั้ง ผมว่าเขาคงอารมณ์ดีแล้ว เป็นสีหน้าที่น้อยคนจะได้เห็นแน่นอน น่าปลื้มใจจริงที่ผมได้เป็นหนึ่งในนั้น
     จากนั้นผมก็ถูกฟัดแก้มอย่างรุนแรง มือที่ปัดป้องเป็นพัลวันถูกรวบแนบลำตัว เล่นกันจนเหนื่อยเขาถึงยอมหยุดแล้วนอนกอดพุงผมนิ่งๆ
     “เฮ้อ... มึงก็เลิกคิดเยอะได้แล้วนะ นี่แม่ๆ ก็โอเคแล้วยังจะกังวลไม่เข้าเรื่อง”
     “คุณแม่โอเคแล้วไงครับ เพื่อนพี่เกลียดผมจะตาย”
     “ก็แค่ไอ้พอลหรอกที่เรียกว่าเกลียดได้ ส่วนไอ้เมษก็แค่... เฉยๆ ถึงนิดๆ” เฮ้อ
     “แต่น้องผมไม่ชอบ”
     “น้องมึงจ้องจะงาบกูเถอะ แล้วต่อให้ไม่คบกันมันก็เกลียดมึงเป็นปกติป่ะ ไม่เห็นเกี่ยวกับที่เราคบกันตรงไหน” เฮ้อ!
     “แต่คุณพ่อไม่โอเคแน่... อุ๊บ!”
     “เงียบปากซะ กูขี้เกียจเถียง หนาว! มึงเก็บแรงไว้สร้างความอบอุ่นกันดีกว่า”
     อะ เอ๋? สร้างความอบอุ่น?
     “ช่าย...” และเหมือนเขาอ่านมันจากแววตาสงสัยของผมได้จึงเฉลยทันที “อุ่นจนร้อน... เลยละ แถมจะช่วยให้มึงเลิกฟุ้งซ่านเรื่องความคิดคนอื่นได้ด้วยนะ... เพราะกูจะทำให้มึงซึ้งเลยละว่ากูร้ากกก มึงจนใครก็มาห้ามไม่ได้”
     คำพูดเลี่ยนประหลาดหูไม่เท่าไหร่ แต่ทำไมมือต้องเลื้อยเขามาในเสื้อผมด้วยมิทราบ!
     “ไม่เอานะพี่แม็ก! นี่มันในเต้นท์นะ เพื่อนพี่ได้ยินจะทำยังไง” ให้ตายยังไงผมก็ไม่ยอมเล่นกีฬากลางแจ้งหรอก!
     “ชู่ววว ฟังสิ”
     ...
     เมื่อเงี่ยหูฟังตามพี่แม็กผมก็ได้ยิน...
     “อ๊ะ... อ๊า...”
     เต้นท์ข้างๆ ที่อยู่ห่างไปประมาณห้าเมตรอันเป็นเต้นท์คู่ชายหญิงเพียงหนึ่งเดียวในทริปนี้แว่วเสียงกิจกรรมเพิ่มความอบอุ่นให้ได้ยิน แล้วดูรอยยิ้มของเพื่อนเขาสิ!
     “คนน่าไม่อาย นิสัย!”
     “ด่าเจ็บกว่านี้กูอาจจะหยุดก็ได้นะ”
     “...”
     งั้นก็แล้วแต่พี่เถอะครับ


........................................................
ฮายยยยยยย ใกล้จบแล้วอ่า (ตามพล็อตนะ มันจะงอกหรือเปล่าไม่รู้ ฮ่าๆๆ)
โดดไปนานเลย จังหวะชีวิตไม่ดีจริงๆ คือเราก็มีงานที่ทำประจำ+พาร์ทไทม์+เรียน ไหนจะเตรียมตัวสอบ พ่อก็เขาโรงพยาบาล (ตอนนี้ออกแล้วจ้า แข็งแรงดีแม้จะไม่เท่าเก่าเพราะนอนนานเลยตัวแข็งๆ อยู่ สรุปกระดูกสันหลังเคลื่อนและทรุดด้วย หมอนรองกระดูกเลยปลิ้นไปทับเส้นประสาท แต่ที่หนักคือติดเชื้อในกระแสเลือด ตอนนี้กินยาฆ่าเชื้อเกือบหมดละ) ต้องขอบคุณทุกๆ กำลังใจเลยนะคะ และขอบคุณที่ยังรอ ไม่ทั้งกันไปไหน ระหว่างหยุดเขียนเรื่องนี้ก็ดันงอกเรื่องใหม่ๆ มาเต็มเลย หลักๆ อยากเขียนแนวแทรกสาระโรคต่างๆ นี่แหละค่ะ
อ้อ ที่โดดไปคือเราติดซีรีส์ปรมาจารย์ด้วย แล้วก็ปั่นงานประกวดวาดรูป ถ้าไงไปติดตามเพจกันได้นะคะ
ชื่อเพจ NUGAA เอาไว้เก็บงาน+อัพเดตงานค่ะ
https://www.facebook.com/%EF%BC%AE%EF%BC%B5%EF%BC%A7%EF%BC%A1%EF%BC%A1-336787800603094/
เจอกันค่า
     
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่ 21 มาแล้วจ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-09-2019 01:41:18
ทำไมนิยายมาอยู่ใน หมวดนี้อ่ะ  เราก็หาไปเถอะ~
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่ 21 มาแล้วจ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 20-09-2019 21:46:29
นั่นสิคะ เราแจ้งแอดมินแล้วค่ะไม่รู้จะได้พิจารณามั้ย
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่ 21 มาแล้วจ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 21-09-2019 04:06:14
นั่นสิคะ เราแจ้งแอดมินแล้วค่ะไม่รู้จะได้พิจารณามั้ย




เอาใจช่วยนะ  รอติดตามเสมอจ้า
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่ 21 มาแล้วจ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 22-09-2019 19:20:46
เก็บกระทู้ไว้  ------โมดุฯ
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่ 21 มาแล้วจ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 25-09-2019 01:49:09
เย้
นึกว่าจะโดนลบซะแล้ว
ตรงไหนอ่านแล้วไม่โอเคท้วงได้นะคะ จะได้ปรับปรุงให้ดีๆๆๆๆขึ้นไปค่ะ
พยายามจะเขียนให้ดี แต่พอทำงานตรวจเล่มนิยายคนอื่นแล้วภาษาเราบางครั้งก็รวน
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่ 21 มาแล้วจ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-09-2019 06:59:57
ยินดีกับคุณพ่อของไรท์ที่อาการดีขึ้นแล้ว  :mew1:
รอมานาน แล้วก็ได้อ่าน    :katai2-1:
รอวันที่พี่พอล จะยอมรับโบ   :hao3:
ส่วนน้องของโบ จะเลิกอยากเป็นเมียพี่แม็กได้จริงหรือ  o22 :really2: :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่ 21 มาแล้วจ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 24-11-2019 07:05:31
เจอกันหลัง20ธคนะคะ ติดงานพิสูจน์อักษร ไม่อยากเขียนไปด้วยเดี๋ยวภาษามันจะตีกันไม่เป็นตัวเอง ขอโทษที่ช้านะคะ และขอบคุณที่ยังรอกัน
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่ 21 มาแล้วจ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-11-2019 09:51:55
ยังรออยู่น๊าาาา
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่ 21 มาแล้วจ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-11-2019 20:19:22
รออยู่นะค้าบ   :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่ 21 มาแล้วจ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-11-2019 00:28:09
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่ 21 มาแล้วจ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 25-11-2019 16:08:24
ไอ้พี่แม๊กคนหื่นนนน เงื่อนไขที่จะหยุดความหื่นได้ โบก็ทำยากมาก 555 โว้ยยยยยยคิดถึงงงงสองคนนี้มากกกกก #ยักษ์แม๊กหมูน้อยคอมโบ คิดถึงๆๆ ดีใจที่มาต่อนะคะ วนกลับมาอ่านหลายรอบมาก แล้วก็จะยังรอต่อไปขอให้ไม่เท (ฮา)
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่ 21 มาแล้วจ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-11-2019 06:01:22
ไอ้พี่แม๊กคนหื่นนนน เงื่อนไขที่จะหยุดความหื่นได้ โบก็ทำยากมาก 555 โว้ยยยยยยคิดถึงงงงสองคนนี้มากกกกก #ยักษ์แม๊กหมูน้อยคอมโบ คิดถึงๆๆ ดีใจที่มาต่อนะคะ วนกลับมาอ่านหลายรอบมาก แล้วก็จะยังรอต่อไปขอให้ไม่เท (ฮา)

คิดเหมือน  ....... ยังรอต่อไปขอให้ไม่เท    :impress2:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่ 21 มาแล้วจ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-03-2020 01:08:14
ยังรออยู่นะ  อย่าเทเลย  พลีสสสส
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่ 21 มาแล้วจ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 16-03-2020 17:32:22
นี่ยังไม่จบเหรอ !!! ม่ายย ย ย
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่ 21 มาแล้วจ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-03-2020 21:30:32
รอ ....  รอไรท์อยู่น้าาาาาาาาาา  :mew2: :mew6: :mew4:
หัวข้อ: Re: Tics... เชี่ย! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่ 21 มาแล้วจ้าาาา
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 24-03-2020 21:35:20
รอ.... ขอบคุณนะที่กลับมา