-Rewrite- When we found love พบรัก ▪×พบรักพิเศษ×▪ P.9 5/06/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -Rewrite- When we found love พบรัก ▪×พบรักพิเศษ×▪ P.9 5/06/61  (อ่าน 102132 ครั้ง)

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
เอาล่ะซิต้นว่านเริ่มหวั่นไหวแล้ว จากนี้ไปจะจัดการกับความรู้สึกตัวเองยังไงนะ

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
ครอบครัวต้นไม้~~~ :katai2-1:

ออฟไลน์ reverofjs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โอ๊ยยยย จะน่ารักและอบอุ่นอะไรเบอร์นี้  :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
แอคแทกแรงมากอะพี่ใบไผ่
ต้นว่านโดนเรื่อยๆงี้ท่าทางจะไปไหนไม่รอดแล้ว
พี่ใบไผ่จะจองตัวน้องมาทำงานล่ะสิ
แต่คงคิดได้ว่าคงไม่ยอมมาง่ายๆแน่ๆเลยไม่ชวนตรงๆ5555
มะนาวคลอดลูกแล้วว ชื่อน่ารักมากเลยแต่ละตัว
จากนี้ก้กลายเป็นครอบครัวใหญ่แล้วสิ555
รอค่ารอออ

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :impress3: น่ารักอบอุ่นจริง ๆ ชอบงานของคุณก้อตรงนี้แหละ อ่านแล้วมันฟีลกู้ดดีจริง ๆ และมีอะไรเกี่ยวกับสัตว์นี่ถูกใจมาก ๆ รอต่อไปน่ะจ้ะ  :mew1:

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
โอย น่ารักมากเลย

ออฟไลน์ xxSunShinexx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่ารักง่า งื้ออออ
มีความครอบครัว คุณพ่อต้นว่านกะคุณแมใบไผ่  :o8:

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
พบรัก ▪×วันที่8×▪




หงิ๋งง~


เฮือก!


เสียงครางสูงที่ได้ยินเรียกสติของผมให้กลับเข้าร่างอย่างรวดเร็วจนเกือบหงายหลังตกโซฟา และเมื่อตั้งสติได้สองขาก็รีบก้าวตรงไปยังกรงที่ภายในมีสุนัขตัวใหญ่และลูกอีกสามตัวส่งเสียงครางหงิ๋งๆ ประสานเสียงกันอยู่


“ครั้งนี้มีอะไรอีกล่ะ” ผมถามโดยไม่ต้องการคำตอบแม้ดวงตาจะใกล้ปิดเต็มที


ตอนนี้เป็นเวลาตีสองครึ่งซึ่งสมควรแก่การนอนหลับพักผ่อนเป็นที่สุด ทว่าการดูแลลูกสุนัขในช่วงแรกเกิดนั้นจำเป็นต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้ผมต้องนั่งเฝ้าเกือบทั้งคืน ซึ่งแน่นอนว่าก็มีบ้างที่เผลอหลับไป แต่พอได้ยินเสียงครางก็จะสะดุ้งทันทีราวกับร่างกายรับรู้ได้ว่ามีสุนัขอยู่ใกล้ๆ


อันที่จริงถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะไม่กลัวสุนัขเท่าเมื่อก่อนแต่ก็ใช่ว่าจะเลิกกลัวอย่างสิ้นเชิง อย่างเวลาที่ผมออกไปข้างนอก หากพบสุนัขตัวอื่นที่ไหน ผมก็พร้อมจะเดินเลี่ยงอย่างไม่ลังเล แต่กับสุนัขที่บ้านผมไม่ได้เดินหนีอีกแล้ว แถมยังสามารถลูบหัวได้แล้วด้วย


มันสุดยอดมากๆ จนบางครั้งผมยังคิดเลยว่านี่ตัวเองกำลังฝันอยู่รึเปล่า ไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้...วันที่ผมสามารถอยู่ร่วมกับสุนัขได้โดยไม่รู้สึกอยากหลีกหนีอย่างเมื่อก่อน


“ไหนๆ ใครฉี่ออกมาเอ่ย?” ผมพูดก่อนจะเปิดกรงออกมาเพื่อทำความสะอาด แต่พออ้าประตูกรงออกได้เพียงนิดเดียว มะนาวก็เบียดจนออกมาได้ในที่สุด


“มะนาว!” เรียกไปก็เท่านั้นเพราะเจ้าของชื่อกระโดดขึ้นไปนอนบนโซฟาแทนที่ผมเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าใจว่าในกรงมันทั้งแคบทั้งแข็งแต่อย่างน้อยก็ห่วงลูกบ้างสิ ผมยกมือขึ้นกุมหน้าผากเมื่อได้ยินเสียงกรนของมะนาวดังขึ้น ...นอนเร็วจริง


หงิ๋ง~


เสียงครางเล็กๆ ดังขึ้นอีกครั้ง ผมละสายตาจากมะนาวกลับมายังกรงที่ตอนนี้เหล่าลูกสุนัขทั้งสามตัวกำลังครางเสียงแหลมพลางขยับร่างกายหมายจะตามหาแม่ที่บัดนี้ไปนอนสบายอยู่บนโซฟาด้วยขาสี่ข้างที่ยังไม่มีแรงมากพอแม้แต่จะพยุงตัว ท่าทางตอนลูกสุนัขกำลังพยายามคลานช่างน่าเอ็นดูจนผมหลุดยิ้มออกมา


“โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะ หนาวรึเปล่าฮืม” ผมถามก่อนจะอุ้มลูกสุนัขทั้งสามออกมาวางไว้บนผ้าที่จัดเตรียมไว้อย่างเบามือ


แกร็ก!


“สวัสดีครับพี่ใบไผ่” คำทักทายดังขึ้นในทันที่ประตูบ้านถูกเปิดอ้าออกพร้อมต้นว่านที่เดินเข้ามาในบ้านด้วยความคุ้นเคย


“ไงต้นว่าน มาก็ดีเลย มะนาวทิ้งลูกอีกแล้ว” ได้โอกาสก็ขอฟ้องซะหน่อย


ตั้งแต่ที่ลูกสุนัขทั้งสามตัวเกิดมา ต้นว่านก็มาช่วยดูแลอยู่เสมอแต่จะมาในช่วงประมาณตีสามแบบนี้ แล้วก็จะเฝ้ายาวถึงตอนผมตื่นเลยล่ะ


“อีกแล้วเหรอครับ เฮ้อ...” ต้นว่านถอนหายใจแล้วเดินเข้ามาหา


“แบบนี้ต้นสน ราตรี ต้นโมกจะหนาวไหมเนี่ย”


“ไม่เป็นไรหรอกครับ เรามีผ้าห่มไว้ให้แถมยังไม่ได้เปิดแอร์อีก” อีกฝ่ายบอก


“อืม แบบนั้นก็ดี” ถ้าเกิดป่วยขึ้นมาตอนนี้คงไม่มีร้านไหนเปิดแน่


“พี่ไปพักเถอะ เดี๋ยวผมดูต่อเอง” พูดจบต้นว่านก็นั่งลงข้างๆ พร้อมกับช่วยจัดการทำความสะอาดกรงต่อจากผม


“ได้ๆ จริงสิต้นว่าน พี่มีเรื่องอยากคุยด้วยน่ะ” ผมหันหลังกลับเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องที่ต้องคุยกับอีกฝ่าย ความจริงก็คิดมาหลายวันแล้วแต่เพราะเหนื่อยๆ และเบลอๆ เลยไม่ได้บอกไปเสียที


“อะไรครับ”


“เรามาตอนตีสามแบบนี้ที่บ้านไม่ว่าอะไรใช่ไหม”


“ไม่ครับ มีถามบ้างแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร”


“พี่ว่าเราไม่ควรออกบ้านมาตอนดึกๆ นะ เดี๋ยวนี้ยิ่งอันตรายอยู่”


ขนาดช่วงกลางวันยังไม่ค่อยปลอดภัยเลย นี่ตอนกลางคืนแถมยังค่อนข้างเปลี่ยวด้วย


“ถ้าผมไม่มาแล้วพี่จะดูแลไหวเหรอครับ”


“ไม่ไหว” ผมตอบแบบไม่ต้องคิด


“เห็นไหม ผมมาได้ไม่เป็นไรหรอกครับ ช่วงนี้สอบเสร็จแล้วไม่มีเรียนละ”


“งั้น...ต้นว่านก็มาค้างที่นี่สิ”


กึก! มือของอีกฝ่ายที่กำลังผูกถุงขยะชะงักค้าง


“...พี่ว่าอะไรนะครับ”


“พี่บอกว่าให้เรามาค้างที่บ้านนี้ดีไหม จะได้ไม่ต้องมาช่วงดึกๆ แบบนี้ ” ผมบอกอีกรอบ


“ไม่เป็นไรครับ ผมไหว”


“เราไหวแต่พี่เป็นห่วงนะ” เดินมาดึกๆ ดื่นๆ ผมค่อนข้างเป็นห่วง


“...พี่ใบไผ่”


“มาค้างนี่นะ ถือว่าเห็นแก่พี่เถอะต้นว่าน” ผมพูดแกมขอร้อง แต่ถ้ามันยังไม่ได้ผลคงต้องมีอ้อนกันบ้าง


การอ้อนถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าอายสำหรับผม แต่พอคนที่จะอ้อนเป็นต้นว่านกลับรู้สึกว่าไม่เป็นไร แถมหน้าตาตอนที่เห็นผมพูดเสียงอ้อนก็น่ารักมาก ...เรียกว่าใบหน้าหล่อๆ นั่นน่ารักขึ้นมาทันตา


“ถ้าตอนนี้ผมไม่ยอม ต่อไปพี่คงอ้อนสินะ”


“ก็รู้นี่...” ผมยิ้มให้กับคำพูดของคนรู้ทันและไม่มีคำแก้ตัวใดๆ


“ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมนอนโซฟาเอง”


“ไม่ๆ พี่ไม่ให้เราโซฟาแน่ จะมานอนโซฟาไม่ได้นะ ไปนอนเตียงนุ่มๆ ดีกว่า” ให้มาค้างตามความเอาแต่ใจของตัวเองแล้วยังจะให้นอนที่แคบๆ อย่างโซฟาได้ยังไงกัน อีกอย่างในบ้านนี้ก็มีห้องว่างอีกตั้งหลายห้อง อย่างห้องบนชั้นสองนั่นก็แทบจะไม่ได้ขึ้นไปเลยด้วยซ้ำ


“พี่จะให้ผมนอนในห้องเหรอ?” ต้นว่านถามย้ำ


“ใช่สิ เราเลือกเอาเลย ชั้นหนึ่งก็มีห้องเล็กอยู่นะ แต่ถ้านอนไม่สบายก็ไปชั้นสองได้”


“พี่เอาใจผมมากไปแล้วนะ”


“ไม่ได้เอาใจสักหน่อย” ผมรีบสวนกลับ การกระทำของผมบ่งบอกถึงความเอาใจตรงไหนกัน


“แบบนี้เขาเรียกเอาใจครับ ความจริงพี่ไม่จำเป็นต้องกังวลเลย ผมจะนอนยังไงก็ได้แค่มีผ้าปูหน่อยผมก็นอนได้แล้ว”


“เราพูดเหมือนพี่เป็นคนใจร้ายที่จะปล่อยให้คนในครอบครัวต้องนอนพื้นอย่างงั้นแหละ” ผมอดไม่ได้ที่จะบ่นกลับไปด้วยเสียงเคืองๆ ตอนนี้ต้นว่านถือเป็นครอบครัวของผมเพราะอย่างนั้นจะให้ไปนอนพื้นได้ยังไงกัน


มันคงแปลกที่เรียกคนที่ไม่ใช่สายเลือดว่าคอบครัวแต่มันก็เป็นคำที่เหมาะสมที่สุดแล้ว ...อีกฝ่ายอาจไม่รู้ตัว แต่ต้นว่านค่อยๆ เปิดใจผมออกทีละน้อย


ความจริงที่พูดออกไปว่าครอบครัวคงเป็นการย้ำถึงสถานะของความสัมพันธ์ที่ชัดเจนขึ้นเพราะถ้าขืนคิดว่าต้นว่านเป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่ง ผมคงไม่อาจห้ามใจตัวเองที่เริ่มชอบอีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ ได้ ผมไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้ความรู้สึกของตัวเอง แม้จะตกใจไปบ้างแต่ก็ยอมรับมันได้ในทันที


...ทว่าถึงจะรับได้ แต่ก็ไม่เคยคิดจะบอกต้นว่านให้รู้หรอก


ผมพอใจกับสถานะของพวกเราในตอนนี้ และอยากจะอยู่ในฐานะพี่น้องกับต้นว่านไปเรื่อยๆ การที่มีต้นว่านเข้ามาร่วมในการใช้ชีวิตหลังเสียพ่อกับแม่ไปทำให้ผมมีความสุขมาก


ในแต่ละวันเราพูดคุย…


เราทะเลาะ…


เรายิ้ม…


และเราหัวเราะไปด้วยกันเสมอ


สำหรับผมตอนนี้ต้นว่านเป็นคนพิเศษ


“พี่พูดว่าครอบครัวอีกแล้ว ผมไม่ใช่พี่น้องของพี่นะ” อีกฝ่ายพึมพำพร้อมก้มหน้าลง


“พี่ทำเราลำบากใจสินะ” ผมถามไปตามตรง


“เปล่า ผมดีใจ แต่พี่...”


“แค่นั้นพอแล้ว แค่รู้ว่าเราดีใจก็พอ พี่ไม่อยากฟังประโยคหลังคำว่า ‘แต่’ ” ผมต้องรีบพูดแทรกเพราะรู้ว่าหลังคำว่า ‘แต่’ คงไม่ใช่ประโยคที่น่ายินดีนัก ต้นว่านเป็นคนคิดมากและขี้กังวลโดยเฉพาะเรื่องที่ฐานะของเราแตกต่างกัน


“พี่ใบไผ่...พี่ดื้อมากนะ รู้ตัวไหม” อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาสบตา


“ดื้อ? พี่เนี่ยนะ?”


ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยมีคนบอกว่าผมดื้อก็ครั้งนี้ ขนาดพ่อกับแม่ยังไม่เคยพูดเลย มีแต่บอกว่าอยากให้ผมดื้อบ้างไม่ใช่เป็นเด็กดีทำตามคำสั่งทุกอย่างแบบนั้น


“ครับดื้อสุดๆ ไปพักเถอะพี่ใบไผ่” พูดย้ำเสร็จก็ลุกขึ้นตรงไปห้องครัวพร้อมกับถุงขยะที่คาดว่าจะเอาไปทิ้ง


“พี่ดื้อตรงไหนกัน?” ผมลุกตามไปเพื่อถามสิ่งคาใจ


“บอกสามวันก็ยังไม่หมดเลยครับ”


“ฮะ?” นี่ผมดื้อขนาดนั้นเลย


“ไม่รีบไปนอนเดี๋ยวตื่นไม่ไหวนะครับ” พูดจบอีกฝ่ายก็ดันหลังผมให้เดินไปยังห้องนอน


“เดี๋ยวสิ พี่ยัง...”


“ราตรีสวัสดิ์ครับ” อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะฟังแถมยังปิดประตูห้องนอนให้เสร็จสรรพ เจ้าของบ้านอย่างผมเลยได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความงงงวย


อะไรเนี่ย? สรุปแล้วผมยังไม่รู้เลยว่าตัวเองดื้อตรงไหน



แม้จะผ่านไปหลายสัปดาห์แล้วที่ต้นว่านเข้ามาอาศัยด้วยแต่ความงงงวยยังคงมีอยู่ วันนี้ต้นว่านออกไปมหาลัยแต่เช้าด้วยเรื่องอะไรสักอย่างซึ่งผมก็ไม่ได้ถามซักไซ้อะไร ถ้าต้นว่านอยากบอกก็คงบอกเอง


ครืดดด~


เสียงสั่นเพียงครั้งเดียวของเครื่องมือสื่อสารทำให้รู้ว่ามีคนส่งข้อความมา ผมเปิดอ่านด้วยความสงสัยแต่แล้วภาพที่แนบมาทำเอาผมถึงกับต้องรีบขยายมันออกโดยด่วน


ภาพที่ส่งมาเป็นภาพของต้นว่านขณะที่กำลังเดินอยู่บนเวทีขนาดใหญ่ และคนส่งภาพนี้มาให้คือบอล เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของต้นว่าน


ตั้งแต่แลกเบอร์กับเพื่อนๆ ของต้นว่านเมื่อคราวก่อนนั้นจนกระทั่งตอนนี้ พวกเราก็ยังไม่เคยได้ติดต่อกันเลยสักครั้ง ด้วยความสงสัยผมจึงส่งข้อความกลับไปถามว่าต้นว่านมีงานแสดงอะไรหรือเปล่าถึงได้ขึ้นไปอยู่บนเวทีแบบนั้น แต่คำตอบที่ได้ทำเอาดวงตาผมเบิกกว้างขึ้นก่อนจะหรี่ลงอย่างรวดเร็ว


‘เดือนหน้าเป็นงานรับปริญญาของพวกเราครับ’


นั่นคือข้อความที่บอลส่งกลับมา


ผมแปลกใจที่ต้นว่านไม่ได้เล่าให้ฟัง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็สัญญากันไว้แล้วแท้ๆ ว่าจะให้ผมไปด้วย ...หรือว่าอีกฝ่ายจะลืมสัญญานั่นไปแล้ว



ผมได้แต่คิดเรื่องนี้ตลอดทั้งวันไม่ว่าจะเป็นตอนทำความสะอาดกรง ตอนที่พามะนาวออกไปวิ่งเล่น หรือแม้แต่ตอนเช็ดตัวลูกสุนัขที่ตอนนี้เริ่มเดินได้ จนกระทั่งต้นว่านกลับมาก็ยังคิดเรื่องนี้อยู่ในหัวตลอด


“พี่ใบไผ่ วันนี้ผมทำกับข้าวไม่อร่อยเหรอครับ” เด็กหนุ่มตรงหน้าถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล คงเป็นเพราะผมยังคิดมากเรื่องนี้อยู่เลยทำให้กินมื้อเย็นน้อยกว่าปกติ


“เปล่า คือพี่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะ” ผมปฏิเสธไป


“เรื่องงานเหรอครับ”


“ก็ไม่เชิง” จะบอกได้ยังไงละว่าเป็นเรื่องของคนตรงหน้านั่นแหละ


“แปลว่าช่วงนี้พี่คงไม่ว่างใช่ไหมครับ” แม้ต้นว่านจะเอ่ยเสียงเบาแต่ผมกลับได้ยินคำถามนั้นอย่างชัดเจน


“ว่างสิ....ทำไมเหรอ” หรือที่ต้นว่านถามนี่เพราะกำลังจะบอกผมใช่ไหม ...เรื่องงานรับปริญญาเดือนหน้านั่นน่ะ


“คือ...พี่อาจลืมไปแล้ว แต่ผมเคยสัญญาไว้...”


ผมอยากจะส่ายหัวออกไปแรงๆ ว่าไม่ได้ลืมแต่ก็กลัวอีกฝ่ายจะรู้เลยได้แต่นิ่งไว้


“คือเดือนหน้าผมจะรับปริญญาแล้ว พี่จะไปได้ไหมครับ”


“ไปสิ...ไปแน่นอน!” ผมตอบเสียงดังจนเหมือนกับจะตะโกน พร้อมส่งยิ้มกว้างจนอีกฝ่ายสะดุ้ง แต่ตอนนี้ผมไม่สนหรอก ในที่สุดต้นว่านก็ไม่ได้ลืมสัญญาที่ให้ไว้จริงๆ ด้วย


“ผมจะรอนะพี่ใบไผ่” รอยยิ้มที่ส่งตอบมาทำให้หัวใจผมเริ่มเต้นเร็วขึ้น ความสุขที่มีมันมากจนแทบทะลัก




เดือนต่อมาหรือก็คือวันรับปริญญาของต้นว่าน ทั้งที่ผมตั้งหน้าตั้งตารอมาตลอดแต่พอถึงวันจริงก็ดันมีเรื่องเข้ามาขัดจนได้ เรื่องที่ว่าก็คือการประชุมของบริษัทนั่นเอง ถึงจะอยากเลื่อนวันประชุมออกไปมากแค่ไหนก็ไม่สามารถทำได้เพราะเป็นการประชุมว่าด้วยเรื่องของการเซ็นสัญญากับเหล่าบริษัทคู่ค้าในต่างประเทศที่มีกำหนดในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และเพราะแบบนั้นผมถึงได้นั่งกอดอกกระดิกขาไปมาด้วยอารมณ์ที่เริ่มคลุกกรุ่นจากความหงุดหงิด


ผมไม่ได้หงุดหงิดที่ต้องมาประชุมในช่วงเช้า แต่เพราะมีนัดไปงานรับปริญญาของต้นว่านเลยอยากรีบจบการประชุมนี่ให้เร็วที่สุด แต่ทว่า...


“บริษัทมาแตงของฝรั่งเศสเราควรตัดการเซ็นสัญญาออกไปดีกว่า จากการร่วมงานตลอดปีก็พอรู้แล้วนี่ว่าเป็นยังไง ขนส่งสินค้าให้ก็ช้าแถมยังมาเร่งบริษัทเราอีก” หัวหน้าฝ่ายต่างประเทศแทบจะตบโต๊ะเมื่อกล่าวถึงข้อมูลนี้ และแน่นอนว่าคนคนนี้ก็เป็นหนึ่งในเลขาผมเหมือนกัน ...คุณเปรมฤดี ศรีรัตรนหรือเปรม


เลขาของผมทุกคนมักจะพ่วงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายกันหมดที่ทำแบบนี้เพราะทำให้สามารถสอบถามข้อมูลของแต่ละแผนกได้โดยไม่ต้องวิ่งไปถามหัวหน้าฝ่ายให้เสียเวลาไปเปล่าๆ แต่การที่มีเลขาพ่วงตำแหน่งอื่นก็มีข้อเสียหลายๆ เลยอยากจะหาคนมารับตำแหน่งเลขาอีกสักคน ซึ่งก็มีเล็งๆ ไว้แล้วล่ะ...


นักศึกษาที่พึ่งจบใหม่...อย่างต้นว่านไงล่ะ


ดูจากไหวพริบและการวิเคราะห์ข้อมูลถือว่าเยี่ยมยอด เอามาฝึกงานสักระยะก็เรียกใช้ได้เลย


“ฉันไม่เห็นด้วยนะ การที่เราลดการเซ็นสัญญาจะทำให้กำไรของบริษัทตกไป จริงอยู่ที่ทางบริษัทมาแตงอาจนำสินค้ามาให้ช้าแต่พวกเราก็สามารถขนส่งสินค้าได้สำเร็จนี่” จาตุรงค์ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายโลจิสติกส์พ่วงตำแหน่งเลขาออกความเห็นบ้าง


ตอนนี้ห้องประชุมบนชั้น 6 แทบลุกเป็นไฟเมื่อเปรมกับรงมีความเห็นไม่ตรงกัน ทั้งที่ปกติสองคนนี้ออกจะเข้ากันได้ดีแท้ๆ
โอ้ย...นี่ผมรีบนะ


“คุณจาตุรงค์เอาแต่คิดถึงกำไรมากเกินไปนะคะ การที่เราไม่ต่อสัญญากับมาแตงไม่ได้ทำให้กำไรบริษัทลดลงแน่นอนเพราะมีอีกตั้งหลายบริษัทที่อยากมาเซ็นสัญญากับบริษัทเรา” เปรมค้านขึ้นมาทันควัน


“คุณเปรมฤดีก็ใจแคบเกินไปนะครับ แค่การนำสินค้ามาส่งช้า หากเราบอกทางมาแตงไป เขาก็สามารถจัดการได้อยู่แล้ว...”


“แล้วเราบอกไปกี่ครั้งแล้วล่ะ เราบอกมาทั้งปีแล้วยังไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นเลย”


“หยุด หยุดแค่นั้นแหละทั้งคู่!” สุดท้ายคนที่ทนไม่ไหวก็คือผมเอง ขืนปล่อยให้เถียงกันแบบนี้คงได้ไปงานรับปริญญาต้นว่านสายแน่


“แต่ประธาน.../บอสคะ...” ขนาดเรียกยังพร้อมกันเลย


“ผมมีนัดต่อ ไม่ได้ว่างมาฟังพวกคุณเถียงกันหรอกนะ”


สีหน้าของทั้งคู่สลดไปทันที แม้จะน่าสงสารแต่ตอนนี้ต้องรีบจบการประชุมที่ดูหาสาระไม่ได้นี่เสียก่อน


ถ้ารู้ว่าประชุมด่วนนี่คือการมานั่งเถียงกันอยู่เป็นชั่วโมงผมคงไม่เข้าหรอก


“ผมขอสรุปเลยละกัน เราจะหยุดเซ็นสัญญากับบริษัทมาแตง...”


“เยส!” เปรมฤดีถึงกับตะโกนขึ้นด้วยความดีใจ


อย่าได้แปลกใจที่พนักงานบริษัทผมเป็นแบบนี้ ผมเป็นคนบอกให้ทุกคนแสดงตัวตนของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ เมื่อเราเข้ามาอยู่ในบริษัทก็เหมือนกับมีครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีอะไรต้องบอกต้องช่วยกัน


เพียงแต่คำสั่งของหัวหน้าครอบครัวหรือประธานบริษัทอย่างผมถือเป็นที่สุด


“ผมหมายถึงหยุดเป็นการชั่วคราว ถ้าทางบริษัทมาแตงอยากเซ็นสัญญากับทางบริษัทเราอีกก็ต้องมีข้อบังคับและสัญญาที่ชัดเจนกว่าเดิมเพื่อที่เราจะได้ควบคุมคุณภาพของการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนเรื่องบริษัทอื่นๆ ก็เอาตามที่เสนอกันมาก่อนหน้านี้เลย จบการประชุม”


เมื่อพูดจบผมก็แทบจะวิ่งออกจากห้องประชุมไปยังรถของตัวเองทันที แต่ถึงจะรีบก็ยังไม่ลืมดอกไม้ช่อใหญ่ที่ถูกจัดแต่งอย่างประณีตสำหรับมอบเป็นของขวัญจบการศึกษาให้กับต้นว่าน



บรรยากาศทั้งในและนอกรั้วของมหาวิทยาลัยเป็นไปอย่างคึกคัก นอกจากจะมีเหล่านักศึกษามากมายแล้วยังเต็มไปด้วยร้านค้า ทั้งขายดอกไม้ ตุ๊กตา สายคาดและอื่นๆ อีกหลายร้าน แม้แต่ร้านอาหารยังมีมาตั้งเลย


“เลยเวลารับมาแล้วนี่นา...” ผมถอนหายใจออกมา ขนาดรีบสุดๆ แล้วยังมาไม่ทันดูต้นว่านรับปริญญาอีก แต่ไม่เป็นไรอย่างน้อยก็ขอเอาช่อดอกไม้นี่ไปให้พร้อมคำอวยพรละกัน


พูดแบบนั้นก็จริงแต่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ต้นว่านอยู่ไหน...


“ไอ้ว่าน! มาถ่ายรูปรวมกัน!” เสียงตะโกนที่ฟังดูคุ้นๆ ว่าจะเป็นเสียงเพื่อนสักคนของต้นว่านเรียกให้ผมเดินตามไป และเจอกับกลุ่มของนักศึกษาที่มีเหล่าผู้ปกครองล้อมรอบอยู่ ชุดจบการศึกษาสีฟ้าทองดูเข้ากับอีกฝ่ายมากจนเผลอยิ้มออกมา


จะเข้าไปตอนนี้ดีไหมนะหรือควรรอก่อนดี


“โอ๊ะ...นั่นพี่ไผ่นี่นา พี่ไผ่ครับ!” เสียงตะโกนเรียกดังลั่นทำเอานักศึกษาที่อยู่รอบๆ หันมามองผมเป็นตาเดียว


“เอ่อ...เรียกดังเกินไปแล้ว” ผมบ่นอุบอิบพลางก้าวยาวๆ เข้าไปหากลุ่มเด็กที่หันมาหา


ต้นว่านเองเมื่อเห็นผมก็ส่งยิ้มมาให้ทำเอาหัวใจเต้นแรงเลยล่ะ


“โหย ดอกไม้ช่อใหญ่มาก ของผมสินะ” บอลถามด้วยแววตาเป็นประกาย


“ฝันอยู่สินะไอ้บอล” กันหันไปตบหัวคนพูดประโยคเพ้อฝันเป็นการเตือน


“คิกๆ  พี่มีให้ทุกคนแหละ แต่ช่อใหญ่นี่...ยินดีด้วยที่จบการศึกษานะต้นว่าน” ผมบอกพร้อมกับยื่นช่อดอกไปสีขาวแซมสีอื่นๆ ไปให้ต้นว่านพร้อมรอยยิ้มกว้างเพื่อแสดงความยินดีในวันพิเศษ


“ขอบคุณครับพี่ใบไผ่ ผมดีใจมากที่พี่มา” คนรับช่อดอกไปตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มเช่นกัน


“อิ้ววว~ ไอ้ว่านเรายิ้มไม่หุบเลยวุ้ย” เสียงแซวนี้มาจากเป้ยเพื่อนอีกคนของต้นว่าน


“ไม่หุบบ้าอะไร” คนถูกพาดพิงหันไปบ่นเพื่อนตัวเอง


“พี่ใผ่แล้วของพวกผมล่ะ” เพื่อนสนิทของต้นว่านที่ชื่อน้ำถามพร้อมแบมืออกมาเตรียมรับของ


“น้ำ เสียมารยาทน่า พี่ไม่ต้องให้ก็ได้นะครับ” ต้นว่านรีบเข้ามาจัดการเพื่อนตัวเองแทบจะทันที


“ไม่เป็นไรๆ พี่มีให้จริงๆ อ่ะ...” พูดจบก็หยิบดอกไม้ที่ทำจากธนบัตร 1,000 ออกมาจากถุงแล้วยื่นให้กับเพื่อนสนิทของต้นว่านทีละคน


“ขอบคุณครับพี่ไผ่!” เด็กทั้งสี่คนตอบรับหน้าบานด้วยความดีใจสุดๆ


ผมถึงกับหลุดขำออกมาเมื่อเห็นใบหน้าพวกนั้น ดูจะดีใจมากยิ่งกว่าตอนสอบเข้าได้อีกมั้งเนี่ย


“พี่ใบไผ่ นั่น...”


“ไม่เอาสิ วันรับปริญญาทั้งทีอย่าบ่นพี่เลย...นะ” คนที่รู้ตัวว่ากำลังจะมีคำบ่นตามมารีบยกมือขึ้นปิดปากอีกฝ่ายเบาๆ 


ต้นว่านคงไม่พอใจที่ผมให้เป็นเงินถึงแม้ว่ามันถูกพับเป็นดอกกุหลาบก็ตาม ผมคิดว่าให้แบบนี้ดีกว่าให้ดอกไม้ธรรมดาเพราะเมื่อเวลาผ่านไปมันก็จะแห้งเหี่ยวเฉาลง อันที่จริงในช่อดอกไม้ของต้นว่านเองก็มีนะแต่ผมให้ทางร้านใส่หลบๆ เอาไว้


“ก็ได้ครับ”


ในที่สุดอีกฝ่ายก็ยอมจำนน


“ต้นว่าน” ผมหันไปมองตามเสียงของผู้หญิงวัยกลางคนที่เรียกต้นว่านด้วยความสนใจ และเห็นคนสี่คนเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม ไม่ต้องถามก็พอเดาได้ว่าพวกเขาคือครอบครัวของต้นว่าน


“พ่อ แม่ ไงดา ผา..” ต้นว่านขานรับพร้อมเดินเข้าไปกอดพวกเขาด้วยรอยยิ้ม


“ยินดีด้วยที่เรียนจบ!” ทั้งครอบครัวพูดขึ้นพร้อมกัน


“ครับ ขอบคุณมากครับ”


“จ้า ว่าแต่ช่อดอกไม้สวยๆ นี่ใครให้มา คงไม่ใช่แฟนลูกใช่ไหม”


คำถามนั้นทำเอาคนให้อย่างผมสะดุ้งพร้อมใบหน้าที่เห่อแดงเล็กน้อย


แฟนเหรอ...


“ไม่ใช่ครับแม่ ผมขอแนะนำนะ คนนี้คือพี่ใบไผ่ที่จ้างผมไปดูแลบ้านครับ” ต้นว่านแนะนำพลางเบนสายตามาหา ทุกคนหันมามองผมอย่างพร้อมเพรียงกัน


“ว้าว เทพบุตรของหนู” เด็กสาววัยรุ่นที่คาดว่าเป็นน้องของต้นว่านวิ่งเข้ามาหาผมด้วยใบหน้าแดงๆ


“สวัสดีครับ พี่ชื่อใบไผ่...”


“หนูชื่อแก้วมุกดา เรียก ‘ดา’ ก็ได้ค่ะ พี่ทั้งหล่อทั้งสวยเลย...น่ารักจังค่ะ”


“ขอบคุณ” สรุปว่าที่พูดมาคือผมหล่อ สวย หรือว่าน่ารักล่ะ ...ทั้งสามคำไม่น่าจะเอามารวมกันได้มั้ง


“เดี๋ยวเถอะดา อย่าเสียมารยาทกับผู้ใหญ่สิ สวัสดีจ้ะ ขอบใจที่เอ็นดูต้นว่านลูกชายป้านะ” คุณแม่ของต้นว่านดึงลูกสาวตัวเองให้ถอยหลังก่อนจะเดินมาทักทาย


“ผมขอเรียกคุณน้าได้ไหมครับ เพราะยังดูสาวอยู่เลย” ผมพูดพร้อมรอยยิ้ม


“แหม...พ่อหนุ่มนี่ละก็ มาเป็นลูกเขยบ้านน้าไหมล่ะ” คุณแม่ของต้นว่านเกือบจะอายม้วนแต่ก็ยังเอ่ยแซว


“นี่คุณ พูดอะไรแบบนั้นกัน ขอโทษด้วย...ลูกชายฉันคงสร้างเรื่องให้เธอเยอะเลย ยังไงก็ขอฝากเขาด้วยนะ” คุณพ่อของต้นว่านเดินมาทักทายบ้าง


“ผมสิสร้างเรื่องให้เขาตลอด ถ้าไม่มีต้นว่านผมคงแย่”


“ได้ยินแบบนั้นฉันก็ดีใจ ผาทักทายพี่เขาหน่อยสิ”


“สวัสดีครับผมชื่อจันผา เรียก ‘ผา’ ก็ได้ครับ” เด็กผู้ชายตรงหน้าดูจะเป็นพวกขี้อายเพราะแทบจะไม่สบตาเลยระหว่างพูด


“สวัสดีครับ เรียกพี่ไผ่ก็ได้นะ” ผมทักทายตอบด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม


“ครับ พี่ไผ่”


น้องผาเหมือนต้นว่านที่อยู่ในร่างเด็กน้อยน่ารักเลย


“ตอนผมเป็นเด็ก ผมไม่ได้น่ารักเหมือนผาหรอกนะ” เหมือนถูกรู้ทัน ต้นว่านพูดขึ้นโดยใช้สายตามองมายังผมประมาณว่า...‘ผมรู้นะว่าพี่คิดอะไร’


“เหรอ... แต่ตอนนี้เราน่ารักสำหรับพี่นะ” อีกฝ่ายเบนหน้าหนีเมื่อได้ยินสิ่งที่บอกออกไป


อ้าว...หันหน้าหนีกันทำไมล่ะ


“ต้นว่าน?”


“...”


“นี่...ต้นว่านครับ” ผมเรียกซ้ำเมื่ออีกฝ่ายยังไม่ยอมหันมาหาสักที “ต้น...”


“พอเลยครับ อย่าได้เรียกผมด้วยน้ำเสียงที่กำลังจะทำเชียว” ต้นว่านหันมาทำหน้าเข้มใส่ รู้ทันอีกว่าผมกำลังจะใช้เสียงอ้อนๆ


“ทำไมล่ะ”


“พี่ใบไผ่”


“ก็พี่อยากรู้นี่” ถึงจะทำสายตาน่ากลัวก็ไม่กลัวหรอกนะ


“ผมไม่คุยกับพี่แล้ว แม่ครับ...เรามาถ่ายรูปกัน” พูดจบอีกฝ่ายก็เดินไปหาแม่ตัวเอง ทิ้งให้ผมยืนอยู่คนเดียว


“หนีกันตลอด”


“คุณดูไม่เหมือนกับนายจ้างในแบบที่ฉันคิดไว้เท่าไหร่” ผมยิ้มเกร็งๆ ให้กับคำพูดของคุณพ่อต้นว่าน


นี่เห็นหมดแล้วสินะ...น่าอายจัง


“อยู่กับต้นว่านทีไร ผมก็มักเป็นแบบนี้แหละครับ เป็นนิสัยที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมี” ผมพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ


“ต้นว่านเองก็เหมือนกัน”


“ครับ?” อะไรกันที่ว่าเหมือน


“ตอนที่เขาอยู่กับคุณก็ไม่เหมือนตอนอยู่กับฉันหรือคนอื่นในบ้าน”


ผมเงยหน้าขึ้นไปสบกับดวงตาสีน้ำตาลอย่างไม่เข้าใจ


“บางทีคุณกับต้นว่าน...อาจจะใจตรงกันก็ได้นะ” พอพูดจบอีกฝ่ายก็เดินไปหาคนที่กำลังผลัดกันถ่ายรูป ปล่อยให้ผมยืนงงกว่าเดิมว่าสิ่งที่ได้ยินหมายความว่ายังไง


“ฮะ?”


“พี่ไผ่มาถ่ายรูปด้วยกันนะคะ” เสียงของดาดังขึ้นพร้อมกับมือที่คว้าตัวผมไปถ่ายรูป


ไม่ใช่แค่ดาเท่านั้น แต่คณะเพื่อนของต้นว่านก็พากันมาถ่ายด้วย ภาพถ่ายหมู่ในพิธีจบการศึกษาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสนุกสนาน


ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่ในหัวผมยังคงงงอยู่และงงต่อไปตลอดงานรับปริญญานั่นแหละ


ที่คุณอาพูดนี่หมายความว่าอย่างไรกันแน่นะ?

............................................................
สวัสดีค่ะ

อัพต่อเรียบร้อบ

มีคอมเม้นท์บอกว่าชื่อลูกมะนาวมีแต่ต้นๆทั้งเลย

เราอยากบอกว่าตัวเราค่อนข้างชอบชื่อพวกนี้แต่เวลาเรียกจริงอาขสับสนไปบ้างแหละเนอะ555

มีอีกคอมเม้นท์นึงที่อยากรู้เพศของลูกๆที่เกิดมาทั้งตัว

ต้นสน(สีดำล้วน)-เป็นตัวผู้

ราตรี(สีขาวน้ำตาลคล้ายมะนาว)-เป็นตัวเมีย

ต้นโมก(สีข้าวล้วน)-เป็นตัวเมียเช่นกันค่ะ

ตอนหน้ามาดูกันว่าใบไผ่จะทำยังไงเพื่อให้ได้ตัวต้นว่านเข้ามาอยู่ในบริษัท

ขอบคณทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังใจนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า

บ๊ายบาย^^

-Rewrite- >> สำหรับเรื่องพบรักตอนนี้กำลังมีการเปิดพรีออเดอร์อยู่นะคะหากสนใจสามารถเข้าไปสั่งซื้อกันได้ค่ะ >> www.bookishhouse.comหรือเข้าไปอ่านรายละเอียดในเพจเราได้ค่ะ

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-05-2018 21:10:12 โดย nicedog »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
คุณพ่อรู้ใจลูกชายใช่ไหม ถึงได้พูดแบบนี้

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ darksnow

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คุณอาดูออกสินะ พี่ใบไผ่ก็ชอบต้นว่าน ต้นว่านก็ชอบแต่ก็น่าจะละไว้ เพราะต่างคนต่างก็กลัว ว่าอีกฝ่ายจะคิดไงสินะ ต้นว่านเรียนจบแล้ว อิอิพี่ใบไผ่เรียกมาเป็นเลขาเลย ต้นว่านก็ย้ายมาเลยๆ

ออฟไลน์ เสพศิลป์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
น่ารัก

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ใบไผ่น่ารักมุ้งมิ้งมากเลยอ่ะ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ครอบครัวๆ ดี้ดี

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
แบบนี้จะเรียกส่า ทางสะดวก ได้รุป่าวนะ
5555555 คือแบบคุณอาซึ่งก้คือพ่อต้นว่านเป็นคนพูดออกมาเองนั่สิ
คุณกับต้นว่านอ่จจะใจตรงกันก้ได้
แหมม ก่อนหน้านี้พี่ใบไผ่เอาคำว่าครอบครัวมาย้ำเพื่ออะไร ก้หม่ยถึงอันนั้นแหละค่ะ
เขินกันไปเขินกันมา สุดท้ายก้ขาดกันไม่ได้
ไม่มีดราม่าครอบครัวแน่นอนน คุณพ่อไฟเขียวขนาดนี้
รอค่าาา
ปล.พี่ใบไผ่น่ารักกอะ แอบมีโหดๆกับลูกน้องหน่อยๆ5555
ปล2.ต้นว่านตอนเขินนี่น่ารักกกกกกกมากกอะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
พี่ใบไผ่ดูท่าจะติดต้นว่านน่าดู

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
เนื้อเรื่องดูขัดๆนะ ตอนบนยังบอกอยู่เลยว่าเพิ่งสอบเสร็จไม่มีเรียนแต่พอมาอ่านข้างล่างกำลังจะรับปริญญา
แต่จบไวๆก็ดีอยากให้ว่านไปเป็นเลขาพี่ไผ่

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เพิ่งได้มาอ่านสนุกมากเลยคับ อ่านรวดเดียวถึงตอนล่าสุดเลย หยุดไม่ได้จริงๆ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ที่ทำให้คนอ่านมีความสุขนะคับ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะติดตามแน่นอน รอตอนต่อไป..

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
                         :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
        งานพ่อตาก็มางานนี้ไม่ห่วงลูกด้วยสงสัยมาม่าเรื่องครอบครับรับไม่ได้คงไม่มีแน่ๆงานนี้ฟินต่อยาวๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
พึ่งมาอ่านคร้าาาาา อยากอ่านต่อจังเลย
คุณแม่คุณะอมีความชง >\\\\\<

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :impress3: น่ารักจังเลย ทำไมคุณพ่อถึงได้เซนส์ไวเชียว ผิดกับเด็ก ๆ เลยที่ยังงง ๆ กับตัวเองอยู่  :katai3: อยากอ่านตอนหน้าเร็ว ๆ จังเลย  :mew1:

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
ทางสะดวกกกกกก~ :hao7:

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
Re:-Reerite- ◢ พบรัก ▪×วันที่9×▪ ◣ P.4 21/05/61
«ตอบ #113 เมื่อ05-11-2016 13:56:44 »

-Rewrite- พบรัก ▪×วันที่9×▪




ช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์หลังจากงานรับปริญญาเป็นช่วงที่ผมต้องเค้นสมองอย่างหนักเพื่อหาคำตอบว่า ‘ทำอย่างไรจึงจะสามารถดึงคนมากความสามารถให้เข้ามาทำงานในบริษัทได้’


ถึงจะเป็นเจ้าของบริษัทก็ใช่ว่าจะรับใครก็ได้ตามอำเภอใจ ทุกอย่างต้องผ่านกระบวนการคัดเลือกอย่างถูกต้องและยุติธรรมที่สุด และเพื่อที่จะทำแบบนั้นได้ผมจึงเรียกประชุมฉุกเฉินโดยมีเพียงเลขาทั้งห้าคนเท่านั้น เมื่อมีแค่ไม่กี่คนจึงได้ใช้ห้องประชุมเล็กที่อยู่ข้างห้องทำงานที่ไม่ค่อยได้ใช้


“มากันครบแล้วสินะ” ผมพูดพลางมองไปยังเลขาทั้งห้าคนที่นั่งอย่างเป็นระเบียบ


“น่าแปลกที่บอสเป็นคนเรียกประชุมนะคะ” แก้วนภา หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์เอ่ยแซว


“จริง แถมยังเป็นประชุมฉุกเฉินอีก” พรจิราพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย


“เลิกคุยน่า” ชินภัทรหันไปปรามผู้หญิงทั้งคู่ที่หัวเราะคิกคัก


“ผู้หญิงก็แบบนี้แหละน่า ทำใจเถอะชิน” ส่วนจาตุรงค์ก็พูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย


“แบบนี้คือแบบไหนเหรอคุณจาตุรงค์” เปรมฤดี ผู้หญิงคนสุดท้ายของห้องหันไปถามเสียงเข้ม


“พอเท่านั้นแหละ วันนี้ผมมีเรื่องจะปรึกษาหน่อย” ผมรีบเข้าเรื่องก่อนที่จะเกิดสงครามระหว่างฝ่ายขึ้น ฝ่ายที่ว่าไม่ใช่ฝ่ายของสายงานแต่เป็นฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย


“ได้เลยค่ะบอส” เสียงตอบของจิราดังนำหน้าคนอื่นๆ


“พวกคุณคิดยังไงถ้าผมจะเปิดรับสมัครพนักงานเพิ่ม?” มาแต่เนื้อ น้ำๆ ไม่ต้อง


“พนักงาน? ก็ดีนะครับประธาน ตอนนี้ฝ่ายผมคนไม่ค่อยพอด้วยอยากได้เพิ่มอีกสัก 10 คน” หัวหน้าฝ่านขนส่งเห็นด้วยสินะ


“10 คน? เยอะไปมั้งแค่ขับรถ ขับเครื่องบิน ขับเรือมันใช้คนเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ” เสียงหวานๆ ของหัวหน้าฝ่ายต่างประเทศค้านขึ้นมาทันที


เอ...ผมว่าสองคนนี้เคยสนิทกันนะ


“พวกเขาไม่ถูกกันเมื่อประมาณครึ่งปีก่อนครับคุณกิต” ชินหันมากระซิบให้ฟัง


“เกิดอะไรขึ้น?”


“เห็นว่าทะเลาะกันเรื่องไข่ดาวครับ”


“ไข่ดาว?” มันมีเรื่องให้น่าทะเลาะกันด้วยรึไง


“พวกเขาเถียงกันว่าอะไรที่เหมาะจะกินกับไข่ดาวที่สุด รงบอกว่าซอสแม๊กกี้ ส่วนเปรมบอกว่าซอสมะเขือเทศ ตั้งแต่วันนั้นทั้งคู่ก็ประกาศตัวเป็นคู่กัดกันมาตลอดครับ”


“อะฮึ่ม...เข้าเรื่องกันเถอะ”


ถ้าจะทะเลาะกันด้วยสาเหตุแบบนั้นผมคงช่วยประสานความอะไรไม่ได้นอกจากให้ใส่มันทั้งสองซอสเลย ...อีกอย่างผมชอบกินเปล่าๆ ที่ไม่ใส่ซอสมากกว่า


“ครับคุณกิต”


“ผมอยากรับสมัครเลขาเพิ่มอีกคนด้วย” ผมบอกกับเลขาทุกคน


“เลขาคนใหม่เหรอคะ” แก้วนภาถามขึ้น


“ใช่ แก้วว่ายังไงล่ะ”


“ดีเลยคะ ดิฉันเห็นด้วยว่าบอสควรมีเลขาส่วนตัวสักคน”


“แล้วคนอื่นว่ายังไงล่ะ” ผมหันไปถามความเห็นกับคนที่เหลือ


“ไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธ การมีเลขาเพิ่มมันดีกับประธานด้วย” รงเป็นอีกคนที่เห็นด้วย ส่วนคนอื่นๆ ก็พยักหน้าตามๆ กัน ดังนั้นข้อสรุปนี้ถือเป็นเอกฉันท์


“งั้นก็ช่วยทำประกาศรับสมัครด้วยละจิรา วุฒิขั้นต่ำคือปริญญาตรีนะ” ผมหันไปบอกหัวหน้าฝ่ายบุคคล


“ปริญญาตรี? ไม่เอาปริญญาโทเหรอคะ?”


“เราอาจได้คนมีความสามารถจากปริญญาตรีก็ได้ พวกคุณก็น่าจะรู้ว่าวุฒิที่ได้เมื่อเข้ามาทำงานแล้วมันก็เป็นแค่เศษกระดาษเท่านั้น” ที่พูดแบบนี้เพราะหัวหน้าฝ่ายที่นั่งอยู่ตรงนี้ล้วนจบปริญญาตรีมาทั้งสิ้น


สำหรับผมไม่ได้มองคนที่ปริญญาแต่เป็นความสามารถที่อยู่ภายใน


“ตามนั้นเลยค่ะบอส”


“แล้วก็สมัครคนของฝ่ายขนส่งเพิ่มด้วย” ผมเพิ่มเติม


“ได้จริงเหรอครับ” รงถึงกับตาลุกวาวด้วยความดีใจ


“ได้สิ ฝ่ายไหนที่ขาดคนก็ไปบอกกับจิราจะได้เปิดรับสมัครพร้อมๆ กันไปเลย”


“เยี่ยมเลย!”


“รักบอสมากค่ะ!” เสียงโห่ร้องและเสียงชื่นชมดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจนผมหลุดขำออกมา


เลขาทั้งห้าคนนี่แปลกๆ ทั้งนั้น แต่ถึงจะเป็นกันแบบนี้ในตอนที่จำเป็นก็สามารถคาดหวังผลงานได้ และพึ่งพาได้สุดๆ


หลายวันผ่านไป ข่าวการประกาศรับสมัครพนักงานของบริษัทศิริวัฒนิวงศ์ถูกเผยแพร่ทั้งทางอินเตอร์เน็ตและตามสื่อต่างๆ ส่วนผู้ริเริ่มให้เปิดสมัครอย่างผมนั้นก็ได้แต่ใช้หัวคิดว่าจะทำให้ต้นว่านรู้ข้อมูลรับสมัครงานนี้ได้อย่างไร




หลังจากที่ไม่ได้แวะมาคอนโดเสียนาน พอประชุมเช้าที่บริษัทเสร็จแล้วผมก็รีบตรงกลับมานอนพักผ่อนทันที และเมื่อได้เวลาก็ขับรถกลับไปที่บ้านหลังเดิม...หลังที่มีครอบครัวรออยู่


หงิ๋ง~


บรู๊ววว~


ยังไม่ทันได้ลงจากรถ ทั้งเสียงครางและเสียงหอนก็ดังลั่นพร้อมกับสุนัขทั้ง 4 ตัวที่กระโดดมาเกาะรั้วเหล็กจนเกิดเสียงดัง เหล่าลูกสุนัขที่หัดเดินในวันวาน วันนี้กลับวิ่งเร็วยิ่งกว่าลมกรดจะจับแต่ละทีก็ลำบากซะเหลือเกิน


“ต้นว่าน!” ผมตะโกนเรียกคนดูแลบ้านที่น่าจะอยู่ไม่ไกลสุดเสียง


“ครับ มีอะไรครับพี่ใบไผ่” อีกฝ่ายวิ่งออกมาพร้อมกับคำถามที่ทำผมคิ้วกระตุก


ก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าเรียกมาทำไม แต่ที่ทำแบบนี้จะแกล้งกันสินะ


“พาพวกมะนาวเข้าบ้านไปก่อน” ผมบอกเสียงเข้ม


“อะไรครับ นี่พี่ยังไม่เลิกกลัวอีก?”


“ใครจะไปเลิกกลัวได้ง่ายๆ กัน” ผมกลัวสุนัขมาทั้งชีวิตแค่อยู่ร่วมบ้านกันได้ก็ถือว่าดีเท่าไหร่แล้ว จริงอยู่ที่ความกลัวที่มีมันลดลงไปมากแต่จะให้หายขาดเลยนี่เป็นไปได้ยากโดยเฉพาะเวลาที่ถูกสุนัขทั้งสี่ตัวเข้ามาห้อมล้อม


ถึงลูกๆ จะตัวเล็กอยู่ก็เถอะ แต่เข้ามารุมพร้อมกันก็ไม่ไหวอยู่ดี


“ผมต้มน้ำไว้ ขอไปจัดการก่อนนะครับ” พูดจบอีกฝ่ายก็ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ ก่อนจะหันหลังตรงเข้าบ้านปล่อยผมไว้หน้ารั้วกับสุนัขอีกสี่ตัว


“ต้นว่าน คนใจร้าย!” ผมตะโกนตามไปสุดเสียง


ให้ตายสิ! ต้นว่านคิดจะให้ผมฝ่าดงสุนัขเข้าไปจริงๆ ใช่ไหม


ผมทำใจสักพักใหญ่ก่อนจะผลักประตูเข้าไปท่ามกลางแรงกระโดดของสุนัขทั้งสี่ตัว ตัวเล็กๆ อาจไม่เท่าไหร่แต่พอเจอมะนาวกระโดดใส่ผมก็เซไปเหมือนกัน


“โอ้ย! ไม่นะ นั่งลง นั่งลงเดี๋ยวนี้!” ผมสั่งสุนัขที่เข้ามารุมเสียงเข้ม โชคดีที่พวกมันถูกฝึกมาอย่างดีทำให้ทำตามอย่างไม่มีอิดออด เมื่อเห็นโอกาสผมก็รีบจ้ำอ้าวเข้าบ้าน ...ไปดูหน้าคนที่บอกว่าต้มน้ำไว้ซะหน่อย


“ต้นว่าน!” ผมขึ้นเสียงเมื่อสิ่งที่เห็นคือภาพของต้นว่านกำลังนั่งอยู่บนพื้นข้างโซฟา บนโต๊ะตัวเตี้ยข้างๆ กันเต็มไปด้วยวารสารและหนังสือพิมพ์


นี่มันใช่การต้มน้ำรึไง


“พี่ทำได้เห็นไหมล่ะ พี่อย่าเอาแต่ให้ผมช่วยสิ ถ้าวันหนึ่งผมไม่อยู่ขึ้นมาแล้วพี่จะทำยังไง?”


ผมพูดไม่ออกเมื่อได้ยินแบบนั้น ความรู้สึกเจ็บที่หัวใจนี่มันคืออะไร


นั่นสิ...ต้นว่านไม่ได้จะอยู่กับผมไปตลอดนี่นะ


ที่ตอนนี้ยังอยู่เพราะยังหางานไม่ได้


แต่ถ้าหาได้ก็คง...


“พี่ใบไผ่? พี่ทำหน้าแบบนั้นทำไมครับ” อีกฝ่ายดูจะตกใจมากจนรีบลุกขึ้นมาหา


“เราจะไม่อยู่กับพี่แล้วสินะ” รู้สึกเหมือนเสียงที่พูดออกไปมันสั่นจนน่าอายจริงๆ


“พี่...ไม่ใช่นะครับ ผมจะอยู่ดูแลทั้งบ้าน ทั้งพวกมะนาว และก็พี่ไปเรื่อยๆ ไม่ได้ไปไหนสักหน่อย” ต้นว่านรีบอธิบาย


“แต่ถ้าเราทำงานก็คง...”


“ต่อให้ทำงาน พอเลิกงานผมก็จะมาหาพี่ เพราะงั้นอย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้นสิผมใจไม่ดีเลย” ท่าทางของเด็กตรงหน้าดูจะเป็นอย่างที่พูดเพราะมือไม้ต่างยกขึ้นไปมาเหมือนไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดี


“พูดแล้วนะ ห้ามผิดสัญญาด้วย” ผมพูดย้ำ


ไม่รู้ว่าต้นว่านจะได้มาอยู่บริษัทผมอย่างที่ต้องการไหม ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวต้นว่าน ผมจะไม่บังคับอะไรทั้งนั้น ถ้าต้นว่านอยากจะทำอะไรหรือที่บริษัทไหน แม้ไม่ได้อยู่บริษัทเดียวกันอย่างน้อยก็ยังได้สัญญาว่าจะมาหาบ้าง


“ผมสัญญาครับ” เสียงทุ้มรับปาก


“อืม เรากำลังหางานอยู่สินะ” ผมถามพร้อมกับนั่งลงที่พื้นระหว่างโซฟาตัวยาวกับโต๊ะญี่ปุ่นซึ่งตอนนี้มีกระดาษมากมายวางอยู่


“ครับ ขอโทษที่ทำโต๊ะพี่รก ถ้าเสร็จแล้วเดี๋ยวผมจะเก็บให้นะ”


“ตามสบายเลย เอาโน้ตบุ๊กด้วยไหม” ผมไม่รอให้อีกฝ่ายตอบแต่จัดการลุกไปเอาโน้ตบุ๊กที่อยู่ในห้องออกมาแทน


“พี่ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้” อีกฝ่ายบอกด้วยเสียงเกรงใจ


“น่าๆ นั่งลงสิ” ผมตบพื้นพรมสีขาวข้างกายเพื่อให้คนที่ยืนอยู่นั่งลงมา


“ครับ”


“เรามีที่ไหนเล็งไว้รึเปล่า”


“ไม่นะครับ”


“แล้วพวกขอบเขตของงานล่ะ”


“ก็มีนะครับ ผมอยากได้แบบไม่ไกลบ้านแล้วก็ถ้าเป็นไปได้อยากเป็นบริษัทที่มั่งคงหน่อยเพราะผมอยากไปเริ่มต้นแล้วค่อยๆ ไต่ขึ้นไปน่ะครับ”


สิ่งที่ต้นว่านต้องการทำให้ผมยิ้มออกเพราะบริษัทศิริวัฒนิวงศ์ของผมนั้นมีทุกอย่างที่เขาต้องการ ไม่ว่าจะเป็นที่ตั้งของบริษัทที่อยู่ไกลจากนี่ และใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น แถมยังเป็นบริษัทที่มีความมั่นคงสูงเพราะมีการบริหารงานที่ดี อีกทั้งยังมีความน่าเชื่อถือในระดับสูงไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศ


“ยิ้มอะไรของพี่น่ะ” คนข้างกายหันมาถามอย่างงงๆ


“ก็นิดหน่อย”


“หรือพี่มีที่ไหนแนะนำ?”


“พี่แนะนำได้เหรอ”


“ได้สิ” ผมตาลุกวาวทันทีที่ได้ยิน “พี่ว่าให้เราลองหาที่สนใจก่อนดีกว่า” ไม่แน่ว่าต้นว่านอาจเจอบริษัทดีๆ ก็ได้


“ก็ได้ครับ”


หลังจากนั้นต้นว่านก็หยิบเอกสารที่เตรียมมามากมายขึ้นมาทยอยอ่านด้วยใบหน้าจริงจัง คนที่ไม่ได้ทำอะไรแบบผมเลยได้แต่นั่งดูอีกฝ่ายนิ่งๆ ผ่านไปสักสิบนาทีความเบื่อก็เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น ผมเบนตามองไปยังใบหน้าของต้นว่านแล้วไล่ลงมาถึงบริเวณไหล่ ด้วยความที่รู้สึกเบื่อสุดขีดเลยขยับเข้าไปใกล้พร้อมกับวางคางบนไหล่อีกฝ่ายโดยสายตาก็มองไปยังหนังสือพิมพ์ที่ถูกกางไว้ในหน้าเปิดรับสมัครพนักงาน


เฮือก!


“พะ...พี่ใบไผ่” คนด้านหน้าสะดุ้งพลางขยับตัวออกห่างแต่ก็ถูกขยับตามไปเรื่อยๆ


วางคางแบบนี้ก็สบายไปอีกแบบ แม้การกระทำของตัวเองจะทำให้หัวใจที่สงบนิ่งค่อยๆ เต้นรัวขึ้นมาก็ตาม


“บริษัทพวกนี้อย่าไปเลย” ผมบอกให้คนตรงหน้าฟัง


จากที่ไล่สายตาดูชื่อบริษัทต่างๆ ซึ่งปรากฏบนหนังสือพิมพ์นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทขนาดกลางที่มีการเติบโตค่อนข้างช้า การจะสมัครงานควรจะหาจากหลายๆ ทางไม่ใช่แค่หนังสือพิมพ์อย่างเดียว แล้วก็ควรหาข้อมูลของบริษัทที่จะทำอย่างรอบคอบด้วย


“พี่ใบไผ่...”


“ถ้าขยับอีกทีพี่จะไม่ทำแค่วางคางนะ แต่จะกอดคอเลย” ผมพูดเสียงแข็งเมื่อต้นว่านทำท่าจะขยับตัวออกห่าง


ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังแต๊ะอั๋งผู้ชายที่ชอบเลย


ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งมีความสุข


ในตอนที่อยู่กับต้นว่านมันเหมือนเป็นตัวเองในแบบที่ไม่เคยรู้จัก ทั้งที่เป็นแบบนั้นกลับพอใจในตัวตนนี้เอามากๆ ไม่เคยคิดว่าการอ้อนจะทำให้รู้สึกดีขนาดนี้ ท่าทางกระอักกระอ่วนของต้นว่านทำให้ผมยิ้มออก


“แกล้งผมทำไมครับ”


“ไม่ได้แกล้งสักหน่อย” แค่แหย่เล่นเอง


“พี่ทำแบบนี้กับทุกคนเลยรึเปล่า” ต้นว่านนิ่งไปเล็กน้อยตอนพูดประโยคนี้


“ไม่ทำหรอก” อีกฝ่ายยังคงเงียบอยู่ “กับต้นว่านคนเดียวก็พอ...”


พึ่บ!


ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคร่างสูงโปร่งของต้นว่านก็หันมาคว้าตัวผมเข้าไปก่อนแน่น ด้วยความตกใจผมที่ถูกกอดเลยขยับถอยหลังไปแต่กลับสะดุดเข้ากับกองเอกสารที่วางเรียงรายอยู่ทำให้พวกเราหงายหลังลงพื้นพรมไปทั้งคู่


ตึกๆ...ตึกๆ...


เสียงหัวใจไม่ใช่แค่หนึ่งแต่เป็นสองดวงส่งเสียงดังลั่นในไม่กี่วินาทีต่อมา คนที่เป็นฝ่ายเริ่มอย่างผมได้แต่ทำตัวไม่ถูกอยู่ใต้ร่างของต้นว่านที่คร่อมอยู่โดยมือทั้งสองข้างของเขากอดรัดตัวผมไว้แน่น


“ตะ...ต้นว่าน” เสียงที่เรียกออกไปก็สั่นจนน่าอาย


“พี่ใบไผ่ ทำไมชอบทำตัวน่ารัก”


“พี่เปล่า” ใครทำตัวน่ารักกัน?


“ก็ทำอยู่นี่” เสียงทุ้มตอบอู้อี้กลับมา


“ไม่ได้ทำ”


“พี่ใบไผ่ ผมรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์อะไร แต่...”


“แต่อะไร” เขาถามย้ำเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมต่อประโยคนั้นให้จบ


“แต่พี่อย่าไปทำแบบนี้กับใครได้ไหม”


“แบบนี้คือแบบไหนล่ะ”


“อย่าให้ผมต้องพูดสิ” ต้นว่านบอกพร้อมกับซุกหน้าลงบริเวณคอผมมากขึ้น เส้นผมสีดำของอีกฝ่ายคลอเคลียไปมาจนรู้สึกจั๊กกะจี้


“ถ้าไม่พูดพี่จะรู้ไหมล่ะ” มือของผมค่อยๆ เอื้อมขึ้นไปสัมผัสเส้นผมสีดำด้านข้างอย่างเบามือ


“อย่าไปวางคางบนไหล่คนอื่น อย่าไปสัมผัสผมใครอย่างอ่อนโยน อย่าไปสบตาใครด้วยแววตาเว้าวอน และอย่าไปพูดถ้อยคำออดอ้อนให้ใครได้ฟัง” ข้อห้ามมากมายดังกระซิบขึ้นข้างหู ร่างกายถูกกระชับให้แนบสนิทยิ่งขึ้น


 “คำขอของต้นว่าน พี่คง...ทำให้ไม่ได้” แม้จะอยากทำตามที่อีกฝ่ายขอมาแค่ไหนแต่ก็คงทำไม่ได้


“พี่ใบไผ่...”


“พี่ทำไม่ได้เพราะต้นว่านเป็นคนเดียวที่พี่ทำแบบนี้ด้วย” ผมหลับตาลงเมื่อพูดประโยคแสนน่าอายนี้จบ ถ้าต้นว่านคิดสักนิดก็คงจะเข้าใจความหมายที่ผมต้องการจะสื่อออกไป


“พี่ใบไผ่ ที่พี่พูดคือ...”


“ไม่ต้องพูดอะไร พี่อยากให้เรารู้ไว้แค่นั้น เราเป็นคนพิเศษของพี่” ผมไม่อยากเสียต้นว่านไป อยากให้อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปตลอด


“พี่ใบไผ่ก็เป็นคนพิเศษของผมเหมือนกัน” ต้นว่านกระซิบประโยคซึ่งมีความหมายคล้ายคลึงกัน พร้อมกับหัวใจไม่สามารถสงบได้อีกแล้ว


ถึงจะไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง


แต่ที่รู้ตอนนี้คือ...


พวกเราต่างเป็นคนพิเศษของกันและกัน


สัมผัสอุ่นๆ ยามถูกกอดนั้นทำให้รู้สึกดีมาก และยิ่งรู้สึกดีมากกว่าเดิมหลายเท่าเมื่อคนคนนั้นคือต้นว่าน พวกเรากอดกันอยู่แบบนี้ไปสักพักก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายที่ทนไม่ไหว


การอยู่แบบนี้นานๆ มันรู้สึกดีก็ใช่ แต่อย่างไรก็รู้สึกเขินมากกว่า


“เอ่อ...ต้นว่าน”


“ครับ” คนด้านบนขานรับแต่ก็ยังไม่ยอมขยับตัวออกไป


“ลุกไปได้แล้ว” ผมบอกเสียงเบา


“อีกสักพักได้ไหมครับ”


ผมเม้มปากตัวเองแน่นเพื่อไม่ให้เผลอหลุดยิ้มออกมากับคำต่อรองนั่น


“พี่ใบไผ่ คำตอบล่ะครับ”


“ตามใจสิ” ผมไม่สามารถขัดอะไรได้หรอก แค่จะห้ามตัวเองไม่ให้เขินก็ยากเกินพอแล้ว


“พี่มีบริษัทอะไรแนะนำให้ผมเหรอครับ” อีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องทั้งที่ยังไม่ลุกจากตัวผม


“ลุกก่อนสิเราจะได้คุยกัน”


“ลุกก็ได้” สุดท้ายต้นว่านก็ลุกขึ้นไปนั่งบนพรมสีขาวอีกครั้ง ส่วนผมเองก็ลุกตามมาในเวลาไล่เลี่ยกัน




(มีต่อค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-05-2018 20:32:47 โดย nicedog »

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
(ต่อนะคะ)



บรรยากาศเงียบๆ ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปหาอีกฝ่ายก่อนจะพบว่าตอนนี้ต้นว่านหันหน้าหนีอยู่ ทว่าใบหน้าด้านข้างที่แดงขึ้นเล็กน้อยทำให้ผมหน้าขึ้นสีไม่แพ้กัน


“เอ่อ...ใช่ๆ พี่มีบริษัทที่อยากจะแนะนำล่ะ” ผมพูดทำลายความเงียบที่ยาวนานเกินไปพร้อมกับจัดการเปิดโน้ตบุ๊กเพื่อเข้าไปยังเว็บไซส์ของบริษัท ก่อนจะคลิกไปหน้าที่เปิดรับสมัครพนักงานใหม่แล้วเลื่อนให้ต้นว่านได้ดู


“บริษัทศิริวัฒนิวงค์? หมายถึงบริษัทขนส่งอันดับต้นๆ ของประเทศนั่นเหรอครับ” ต้นว่านอ่านข้อมูลไม่นานก็เงยหน้าขึ้นมาถาม


“อ่า...แล้วเป็นไงล่ะ”


“ก็น่าสนใจนะครับ บริษัทนี้ดังมากเลยแต่ผมไม่ค่อยมีข้อมูลเท่าไหร่ ทำไมพี่ถึงแนะนำที่นี่เหรอ” สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยถูกส่งมา


“ก็แบบว่า...” จะพูดยังไงดีล่ะ ให้บอกว่าเป็นเจ้าของก็ไม่ได้อีก


ขืนพูดไปแบบนั้นต้นว่านไม่ยอมมาสมัครแน่


“พี่ทำงานที่นี่สินะ” คำพูดเหมือนสรุปเรื่องทุกอย่างของต้นว่านทำให้ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ความจริงยังไม่ถูกเปิดเผย


“ใช่ๆ” ไม่ได้โกหกนะ ผมทำงานที่นี่จริงๆ แค่พ่วงตำแหน่งประธานบริษัทเข้าไปเท่านั้นเอง


“ถ้าพี่ทำงานอยู่ก็บอกผมหน่อยว่าที่บริษัทนี้เป็นยังไงบ้าง อย่างพวกกฎระเบียบ  ข้อมูลทั่วๆ ไป อ้อ...จะว่าไปต้องรู้จักประธานบริษัทด้วยนี่นะ พี่รู้จักเขาไหม”


“พวกกฎระเบียบก็เหมือนทั่วๆ ไปเข้างานตอน 8 โมง สายได้ไม่เกิน 9 โมง ส่วนเลิกงานก็ประมาณ 5 โมงเย็น แต่ถ้างานที่ได้รับเสร็จหมดแล้วจะกลับเลยก็ไม่มีปัญหา ที่บริษัทพี่ส่วนมากจะเป็นกันเอง ใครมีปัญหาอะไรสามารถพูดคุยหรือขอคำปรึกษาได้ทันที สำหรับประธาน...” คำถามมากมายที่เอ่ยขึ้นไม่ใช่เรื่องยากที่จะตอบแต่พอมาถึงเรื่องที่เกี่ยวกับประธานอยู่ๆ ก็นึกไม่ออกว่าจะบอกยังไงดี


“ประธานเขาทำไมครับ หรือว่าดุ?”


“ไม่ๆ ไม่ดุเลยสักนิดเดียว” ผมรีบตอบกลับพร้อมส่ายหัวไปมาจนเวียนหน้าไปหมด


“พี่ร้อนตัวทำไมครับ” ดวงตาสีน้ำตาลหรี่ลงอย่างสงสัยในกิริยาที่ผมแสดงออกไป


“เปล่านี่” ไม่ร้อนตัวสักหน่อย


“สรุปว่าบริษัทพี่อยู่กันเหมือนครอบครัวสินะ”


“ใช่ อย่างที่เราเข้าใจแหละ” สมแล้วที่เป็นต้นว่านอธิบายแป๊บเดียวก็เข้าใจแล้ว


“งั้นก็น่าสนใจอยู่ แถมตอนนี้มีเปิดรับหลายตำแหน่งด้วย” ต้นว่านพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนจะก้มลงไปดูรายละเอียดที่เขียนไว้หน้าเว็บ


“พี่ว่าเราสมัครเลขาดีกว่านะ” ผมรีบเสนอก่อนที่อีกฝ่ายจะไปสมัครฝ่ายอื่น คนมีความสามารถแบบนี้ควรจะอยู่ในตำแหน่งเลขามากกว่าเป็นพนักงานทั่วไป


“เลขา? ผมไม่มีประสบการณ์เลยนะ”


“ลองดูก็ได้นี่นา” ผมเชื่อว่าถ้าใครได้เห็นความสามารถที่ต้นว่านก็ต้องยอมรับและให้ผ่านการสัมภาษณ์แน่นอน


อีกอย่างการตัดสินใจสุดท้ายว่าจะรับใคร มันก็ขึ้นอยู่กับประธานอย่างผมคนเดียว


“ผมว่าลองพนักงานของฝ่ายขนส่งก่อนดีกว่า...”


“อย่าเลือกฝ่ายนั้นเลย รู้ไหมว่าฝ่ายขนส่งน่ะทำงานหนักมากนะ แถมเป็นฝ่ายที่ต้องมีทักษะเฉพาะด้านอย่างพวกขับรถคอนเทนเนอร์ เรือ หรือแม้แต่เครื่องบิน” ผมรีบค้านสิ่งที่ต้นว่านกำลังคิดอยู่


ถึงแม้คำอธิบายอาจดูเหมือนการใส่ไฟเกินความจริงไปนิดแต่ก็ยังถือว่าจริงอยู่ ทางฝ่ายขนส่งทำงานหนักจริงเพียงแต่ก็ไม่ได้มีแค่งานขับรถอย่างเดียว พวกงานเล็กๆ น้อยอย่างแพ็คของ ยกของก็มี เขาก็แค่ไม่อยากให้คนมีความสามารถอย่างต้นว่านไปทำงานแบบนั้น


“พี่ดูเหมือนอยากให้ผมสมัครตำแหน่งเลขามากเลยนะ”


“ก็พี่อยากให้เราได้ทำงานในตำแหน่งดีๆ เลขาน่ะไม่ใช่ใครก็เป็นได้หรอกนะแถมเงินเดือนยังสูงมากด้วย” ผมหว่านล้อมต่อไป


“พี่พูดเหมือนผมจะได้แน่ๆ งั้นแหละ”


“เปล่า แต่เรามีความสามารถสูง โอกาสได้น่ะมีมาก” เกือบจะคิดคำพูดไม่ออกแล้วไหมล่ะ


“มีโอกาสมากจริงเหรอ” ดูเหมือนต้นว่านจะไม่ค่อยเชื่อในคำพูดผมสักเท่าไร


“จริงสิ”


“งั้นผมลองสมัครก็ได้”


“เยส!” ทันทีที่ได้ยินมือทั้งสองข้างก็ชูขึ้นด้วยความดีใจ


“ดีใจเว่อร์ไปแล้วมั้งพี่ใบไผ่ ผมยังไม่ได้งานสักหน่อย”


“ดีใจไว้ก่อนไง”


“พี่ว่าผมควรหาข้อมูลของประธานบริษัทไว้ดีไหมนะ”


“ไม่ต้องก็ได้นะ” ขืนหาข้อมูล เรื่องที่ผมเป็นประธานก็แตกน่ะสิ


“แต่ถ้าคนสัมภาษณ์เขาถามอย่างพวกชื่ออะไรแบบนี้ล่ะ”


ที่ต้นว่านพูดก็มีเหตุผล ทางฝ่ายบุคคลถามแน่อยู่แล้วเรื่องนี้


“พี่จะบอกให้ละกัน ประธานบริษัทชื่อกิตติพิชญ์ ศิริวัฒนิวงศ์ คนในบริษัทมักเรียกคุณกิต บอส หรือท่านประธานพี่...เอ้ย...ประธานบริษัทพี่เป็นคนที่จริงจังเรื่องการทำงานอีกทั้งยังมีความรับผิดชอบและมีมนุษย์สัมพันธ์ดีจึงไม่ต้องกลัวว่าจะถูกบ่นโดยไม่มีสาเหตุ” สิ่งที่อธิบายออกไปทำให้ตัวผมรู้สึกเหมือนกำลังแนะนำตัวเองให้ต้นว่านรู้จักเลย


“บอสเหรอ? จำได้ว่าคนที่เราเจอตอนพามะนาวไปตรวจก็เรียกพี่ว่าบอสนี่”


“เอ่อ...เพราะพี่มีตำแหน่งสูงกว่าไงเลยเรียกได้”


“อ้อ...ผมจะจำชื่อของประธานไว้ ถ้าผมได้งานนี้จะพาพี่ไปเลี้ยงมื้อใหญ่เลย” ต้นว่านหันมาพูดด้วยรอยยิ้ม


“จะรอนะต้นว่าน”


หวังว่าคงไม่โกรธที่ผมไม่บอกความจริงนะ



หลายสัปดาห์ผ่านไปจนกระทั่งถึงวันสัมภาษณ์งานของบริษัทศิริวัฒนิวงศ์ วันนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่วันที่เจ้าของบริษัทอย่างผมจะเข้ามาทำงานโดยไม่มีการประชุม ทำให้เหล่าพนังงานที่เห็นต่างขมวดคิ้วพร้อมหันมามองจนคอเกือบเคล็ด


ก็แค่มาบริษัทมันจะขนาดนั้นเลย


“บอสมาบริษัท?” แก้วนภาที่เห็นผมเดินมาเอามือปิดปากพร้อมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ


“ผมมาแล้วทำไม”


“สวัสดีค่ะพนักงานทุกคน วันนี้เรามีเรื่องให้ตกตะลึงกันแต่เช้าเลยนะคะ ใครที่เดินเข้ามาทำงานแล้วเจอคนที่หน้าตาคล้ายคลึงกับประธานของบริษัทก็อย่างได้ตกใจไปว่าเป็นการปลอมตัวหรืออะไร เพราะวันนี้ท่านประธานของเรามาทำงานที่บริษัทโดยไม่การประชุมค่า!” เสียงหวานของหัวหน้าฝ่ายจัดการเปิดไมค์ประกาศเรื่องนี้ให้พนักงานทราบอย่างพร้อมเพรียง


“แก้วนภา” ผมเรียกอีกฝ่ายเสียงเข้ม


“ขาบอส” คนถูกเรียกยังหันมาด้วยรอยยิ้ม


“หักโบนัส” พูดจบผมก็เดินเข้าไปในลิฟต์โดยไม่สนใจเสียงตะโกนที่ตามหลังมา


“ขอโทษค่ะบอส อย่าหักโบนัสแก้วเลยนะคะ!”


ให้ตายสิแค่มาทำงาน มันจะแตกตื่นอะไรขนาดนั้น


ก็จริงที่มันอาจจะแปลกเพราะผมมาบริษัทโดยไม่มีการประชุม แต่จะให้อยู่เฉยๆ ได้ยังไงล่ะในเมื่อวันนี้เป็นวันสัมภาษณ์งานนี่นา
ผมไม่ได้บอกจิราว่าต้องการให้ต้นว่านมาเป็นเลขา เพราะรู้ว่าถ้าบอกไปแล้วต้นว่านเกิดได้ตำแหน่งขึ้นมาจริงๆ แล้วมารู้ทีหลังคงจะโกรธกับสิ่งที่ได้ทำไปแน่ แต่ถึงผมจะไม่บอกจิราก็มั่นใจว่าต้นว่านสามารถผ่านการสัมภาษณ์ครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน


ใช่...รู้ทั้งรู้ว่ายังไงก็ไม่พลาดแต่ก็อดไม่ได้ที่จะกังวล


จะว่าไปต้นว่านก็เคยเจอกับจิรามาก่อนไม่แน่ว่าอาจบอกเรื่องตัวจริงของผมไปแล้ว?!


พอนึกได้ขาผมก็เริ่มกระดิกไปมาด้วยความกังวล ...ลืมบอกจิราเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย



ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“คุณกิตครับ” เสียงเรียกของชินดังขึ้นหลังจากเปิดประตู


“มีอะไรชิน”


“คุณจิราแจ้งมาแล้วครับว่าให้คุณกิตลงไปหาคนที่สัมภาษณ์ผ่านที่ชั้น 4 ได้เลย”


“คนที่ผ่านมีกี่คน” ผมรีบถามกลับ


“มี 5 คนครับ”


“เข้าใจแล้ว จะไปเดี๋ยวนี้”


พอพูดจบก็รีบลงไปยังชั้น 4 ทันที ตลอดทางเดินมีพนักงานหลายคนทักทายด้วยรอยยิ้มและมีหลายคนที่ตกใจที่พบท่านประธาน ซึ่งคนที่ตกใจคือคนมาสายกว่าผมแน่นอนเพราะถ้ามาเช้ากว่าไม่มีทางที่จะไม่ได้ยินประกาศจากแก้วนภา


“...ก็ทุกอย่างที่ควรรู้ไว้ก่อนจะเจอบอสก็มีเท่านี้ อ๊ะ...บอสคะ เชิญค่ะ” น้ำเสียงจริงจังของจิราเปลี่ยนไปทันที่เห็นผมผลักประตูกระจกเข้าไปด้านใน


บุคคลที่ผ่านการสัมภาษณ์ทั้งหมด 5 คน มีทั้งชายและหญิงคละๆ กันไป ทุกคนต่างหันมาทางผมอย่างพร้อมเพรียงกัน ทว่ามีแค่คนเดียวที่เบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นผมเดินเข้าไป ไม่นานดวงตาคมสีน้ำตาลที่เบิกกว้างก็หรี่ลงราวกับกำลังประมวลความคิดอยู่


“สวัสดีทุกคน ผมกิตติพิชญ์ ศิริวัฒนิวงศ์เป็นประธานบริษัท ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาสมัครในตำแหน่งเลขา แต่ว่าตำแหน่งนี้จะมีเพียงคนเดียวที่ผ่านการสัมภาษณ์ คนที่ไม่ได้ถ้าอยากทำฝ่ายอื่นก็บอกกับจิราได้เลย” ผมพูดต่อ


“แหม...บอสใจดีอีกแล้วนะคะ”


“ถ้าอย่างนั้นผมขอพูดคุยกับพวกคุณทีละคนเป็นการส่วนตัวก่อนจะตัดสินใจ”


การพูดคุยแบบส่วนตัวถูกจัดขึ้นที่ห้องข้างๆ ซึ่งเป็นห้องเล็กๆ สำหรับรองรับแขกที่มาทำสัญญาหรือมีธุระติดต่อกับบริษัท ผู้ผ่านการสัมภาษณ์ต่างทยอยเข้ามาพูดคุยเรื่อยๆ จนจบคนที่สี่ แน่นอนว่าทั้งสี่คนไม่ใช่คนที่ผมอยากได้ แปลว่าคนสุดท้ายนี่ก็ต้องเป็น...


แกร็ก!


“ขออนุญาตครับ” เสียงทุ้มอันแสนคุ้นเคยดังขึ้น คนที่ผมรออยู่เดินมานั่งตรงหน้าอย่างเรียบร้อย


ท่าทางนิ่งๆ ที่อีกฝ่ายแสดงออกมาทำให้รู้สึกใจไม่ดีเลย แถมยังไม่ยอมมองหน้ากันด้วย


“ต้นว่าน” ท่าทางแบบนี้ผมสังหรณ์ใจไม่ดีเลย


“พี่คงสนุกมากสินะที่ได้ปั่นหัวผมเล่นแบบนี้”


ผมพูดไม่ออก ไม่รู้จะทำอย่างให้คนตรงหน้ารู้สึกกลับมาเหมือนเดิม เพราะความโกรธและความหงุดหงิดมันแสดงออกมาอย่างชัดเจนผ่านน้ำเสียงเมื่อครู่


ต้นว่านกำลังโกรธผม...


“ผมไม่ต้องการงานที่ได้มาเพราะความสงสารของพี่!” นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ต้นว่านพูด ก่อนจะลุกขึ้นเดินหันหลังออกไปจากห้องทันที


“ต้นว่าน! เดี๋ยวก่อน!” ถึงจะตะโกนเรียกอีกสักกี่ครั้ง แต่เจ้าของชื่อก็ไม่หันหลังกลับมาอยู่ดี


ไม่ใช่แค่โกรธธรรมดา แต่ต้นว่านกำลังโกรธมาก


ที่โกรธเพราะผมไม่บอกว่าเป็นเจ้าของบริษัทนี้เหรอ


แล้วที่บอกว่าไม่ต้องการงานนี้เพราะความสงสารคืออะไร


ผมไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการคัดเลือกบุคคลกรของจิราเลยสักนิด ต้นว่านกำลังเข้าใจผิดในหลายๆ อย่าง แล้วผมก็ต้องรีบไปแก้ความเข้าใจผิดก่อนที่มันจะลุกลามไปมากกว่านี้ด้วย


“จิรา ผมเลือก ‘ธนภักษ์ มั่งมีทรัพย์’ จัดการที่เหลือให้ด้วย!” ผมบอกจิราที่ดูงงๆ กับสถานการณ์ตรงหน้า


“ค่ะ แล้วบอสจะกลับเลยเหรอคะ”


“ใช่ มีเรื่องต้องไปจัดการก่อนที่จะบานปลาย!”


................................................................

สวัสดีค่ะ

มาต่อแล้ววว

ช่วงนี้ติดทำรายงานเยอะมากมาย แถมใกล้สอบแล้วด้วย

กว่าจะมีเวลาแต่งแต่ละตอนก็นานซะเหลือเกิน

หวานกันมานานเลยอยากให้มีฉากที่ผิดใจกันสักนิดเพื่อสร้างสีสัน

แต่งดราม่าไม่เก่ง เดี๋ยวตอนหน้าก็ดีกันแล้วค่ะ 555

มีคนถามมาว่าเรื่องนี้จะมีประมาณกี่ตอน

ขอตอบว่าประมาณ10ตอนต้นๆค่ะ

ถึงจะดูสั้นแต่ว่าความยาวของแต่ละตอนนั้นถือว่ามากพอดู เราคิดว่าแต่งสั้นๆมาลงแล้วมันทำให้คนอ่าน อ่านไม่อิ่ม อีกทั้งเรามาอัพแค่อาทิตย์ละครั้งเลยอยากให้ยาวๆหน่อย เนื้อหาแต่ละตอนเลยค่อนข้างเยอะ

ดีใจที่คนอ่านบอกว่าสนุกหรือชอบในผลงานนี้มากๆเลยค่ะ

ความสุขของนักเขียนคงไม่มีอะไรมีความสุขไปมากกว่าการมีคนบอกว่านิยายของตัวเองสนุก

ขอบคุณมากๆเลยนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ในตอนหน้าค่ะ

บ๊ายบาย

 :mew1:

-Rewrite- >> รีไรท์มาได้เกินครึ่งแล้วสำหรับเรื่องพบรัก อีกไม่นานก็จะรีไรท์จบแล้วนะคะ

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-05-2018 20:34:05 โดย nicedog »

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
แล้วทำไมไม่พูดล่าาา ใบไผ่

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
น่ารักกันทั้งสองคนเลย นึกไม่ออกเลยว่าใครจะกดใคร ฮา

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เป็นเรื่อง

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
งานเข้า :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :hao7:   ดีกันไวไวนะจ๊ะ
ขอบคุณที่มาต่อค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด