-Rewrite- When we found love พบรัก ▪×พบรักพิเศษ×▪ P.9 5/06/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -Rewrite- When we found love พบรัก ▪×พบรักพิเศษ×▪ P.9 5/06/61  (อ่าน 102128 ครั้ง)

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
มะนาว~~~

ออฟไลน์ Coffeeblack

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
มะนาวสื่อรักรึป่าว คิคิ

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ทำไมใบไผ่น่ารักจังเลยยย

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เง้อออ. น่ารักจริงๆเลยน้องต้นว่าน
วั้นน้องนั่นแหละเจ้าชาย. มีองครักษ์ชื่อมะนาวด้วยนะ
ขอบคุณค่ะขอให้สุขภาพแข็งแรงไวๆ

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2

ออฟไลน์ farfarneenee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ Jadd

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

ออฟไลน์ snowtoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น่าร๊ากกกกกกกกกกกกก :-[
ฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมวววว
ปักเสาบ้านเตรียมปลูก รออ่านยาวววปายยย :katai2-1:

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
พี่ใบไผ่น่ารักไรเบอร์นี้อะ
ต้นว่านจะหลงเอาแบบไม่รู้ตัวนะ
รอค่าาา

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
พบรัก ▪×วันที่4×▪




การจราจรในยามสายนั้นไม่ได้ติดขัดเหมือนในช่วงเช้าอย่างที่พนักงานออฟฟิสหลายคนเจอกัน บางบริษัทอาจจะมีกฏให้พนักงานเข้างานแปดโมง หรือเช้ากว่านั้น แต่สำหรับเจ้าของบริษัทที่มีเลขาประจำตัวอีก 5 คน อย่างผมแล้ว ผมไม่เคยต้องผจญกับช่วงเวลาเร่งรีบเหล่านั้นเลย บางวันแทบไม่ต้องเข้าบริษัทเลยด้วยซ้ำ เว้นเสียแต่ว่าจะมีการประชุมอย่างวันนี้


“จากการสำรวจสถิติการขนส่งภายในประเทศมีข้อมูลว่าสินค้าระดับต้นๆ ที่ทำการขนส่งคือสินค้าสะดวกซื้อ ตามมาด้วยสินค้าสดจำพวกผักสดหรือเนื้อสัตว์ ดั้งนั้นสินค้าที่ทางบริษัทเราควรจะขยายการขนส่งก็ควรจะเป็นหนึ่งในสินค้าสองตัวนี้ครับ” หัวหน้าฝ่ายการตลาดอธิบายข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์มาอย่างดีต่อหน้าที่ประชุมกว่า 20 ชีวิต โดยมีประธานอย่างผมนั่งอยู่หัวโต๊ะ


สืบเนื่องจากผลการประชุมครั้งที่แล้ว ผมยอมรับให้มีการขยายสินค้าที่จะขนส่งได้โดยให้แต่ละฝ่ายช่วยกันไปหาข้อมูลเพิ่มเติมมาเสนออีกครั้งในวันนี้ว่าบริษัทควรจะขนส่งสินค้าอะไรเพิ่มดี ซึ่งหัวข้อของการประชุมนั้นเริ่มจากการขนส่งภายในประเทศตามที่หัวหน้าฝ่ายการตลาดได้อธิบายไปก่อนหน้า


“จากข้อมูลนี้แสดงว่าก็มีหลายบริษัทที่ทำการขนส่งอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ หมายถึงว่าในเมื่อทุกบริษัทต่างหาข้อมูลนี้มาได้แสดงว่าบริษัทขนส่งเล็กๆ ภายในประเทศก็ต้องเล็งการขนส่งสินค้าสองชนิดที่ว่ามาอยู่แล้ว การที่เราจะเข้าไปแย่งพวกเขาอีกไม่ถือเป็นการแย่งงานพวกเขารึไง” ผมถามกลับโดยที่สายตามองไปยังเอกสารในมือ


ก็จริงที่สินค้าสองชนิดนี้ผู้บริโภคต้องการอยู่ทุกวันไม่ขาด แต่การขนส่งสินค้าจำพวกนั้นย่อมมีบริษัทย่อยคอยทำการขนส่งอยู่แล้ว ถ้าบริษัทผมคิดจะขยายการขนส่งไปยังสินค้าสองอย่างนี้อาจจะทำให้บริษัทย่อยเหล่านั้นไม่มีงานและปิดตัวลงในที่สุด เพราะเทคโนโลยีการขนส่งของบริษัทเรานั้นมีต้นทุนต่ำกว่าบริษัทอื่นๆ อยู่มาก จึงทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งให้ความสนใจและเข้ามายื่นข้อเสนอให้บริษัทเราส่งสินค้าให้ ดังนั้นผมจึงไม่เห็นด้วยนักที่จะไปแย่งงานของบริษัทรายย่อยแบบนั้น แถมในขณะนี้เศรษฐกิจก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร เราไม่ควรไปซ้ำเติมผู้ประกอบการรายเล็กๆ อีก


“แต่ถ้าเราเลือกสินค้าชนิดอื่นก็อาจไม่ได้กำไรมากเท่าที่ควร...”


“ศิริวัฒนิวงศ์มีกำไรในการขนส่งสินค้าต่อเดือนไม่รู้กี่ร้อยล้าน แค่จะยอมลดกำไรให้น้อยลงหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง” ผมพูดแทรกหัวหน้าฝ่ายที่พยายามบอกเรื่องผลกำไร


สำหรับบริษัทอื่นอาจเน้นการแสวงหาผลกำไรเป็นหลักซึ่งผมก็ไม่เถียงเพราะมันเป็นความจริง แต่ถ้าจะมุ่งแต่หากำไรโดยไม่สนบุคคลหรือสถานประกอบการที่เล็กกว่า เศรษฐกิจของประเทศมันจะดีขึ้นได้ยังไงกัน ขืนให้บริษัทผมผูกขาดจัดการเรื่องการขนส่งทุกอย่างในประเทศและนอกประเทศรับรองว่าได้มีบริษัทที่ต้องปิดตัวลงจำนวนมากแน่ และหลังจากปิดตัวก็จะมีปัญหาเรื่องการจ้างงานเข้ามาเกี่ยวข้องอีก


มันไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถเห็นแก่ตัวได้


“ถ้าอย่างนั้นท่านประธานมีความเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ”


“นั่นสิ...ชินมีอะไรจะเสนอไหม” เมื่อหัวหน้าฝ่ายไม่รู้จะยุติปัญหานี้ยังไงผมเลยหันไปถาม ‘ชิน’ เลขาคนสนิทแทน


ชินหรือชินภัทร ปญิญเทวาเป็นหนึ่งในเลขาทั้งห้าคน และเป็นหัวหน้าฝ่ายบัญชีด้วย ความสามารถของชินอยู่ในระดับแนวหน้ามาตั้งแต่มหาวิทยาลัย กระทั่งเรียนจบมาทำงานก็มีความโดดเด่นจนทำให้ผมรู้สึกสนใจตั้งแต่แรกเห็น และชักชวนให้มาทำงานเป็นเลขา


“ครับ ถ้าคุณกิตไม่ต้องการให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้รับผลกระทบก็มีสองทางที่จะแก้ได้ อย่างแรกคือในกรณีที่ต้องการขนส่งสินค้าตามที่คุณกฤตเมตรบอก ทางเราก็ควรขึ้นราคาการขนส่งสินค้าให้เทียบเท่ากับที่อื่นเพื่อทำให้เกิดทางเลือกในการขนส่งมากขึ้น”


“อย่างที่สองล่ะ” ผมถามต่อ


“อย่างที่สองคือการเปลี่ยนสินค้าที่จะขนส่ง”


“เช่น?”


อีกฝ่ายก็นิ่งไปเล็กน้อยเมื่อถูกผมถามกลับไปในทันที ก็นะเล่นถามกระชั้นชิดแบบนี้ก็ต้องคิดไม่ทันเป็นธรรมดา ชินเป็นคนเก่งและมีความสามารถแต่ก็มีข้อเสียตรงที่ถ้ามีเวลาคิดน้อยก็จะคิดอะไรไม่ออก


“เอาล่ะ มีใครอยากเสนอไหม แก้วนภา?” ผมหันไปถามเลขาคนที่สองที่นั่งอยู่ข้างๆ ชิน


“...เอ่อ...ดิฉันคิดว่าเปลี่ยนเป็นพวกหนังสือดีไหมคะ” เธอตอบเสียงอ่อยเหมือนไม่รู้ตอบอะไร


ก็นะ...ตอบได้ก็แปลก เพราะแก้วนภาเป็นเลขาคอยจัดพวกตารางเวลาให้ว่าวันไหนต้องไปคุยงานข้างนอกหรือมีประชุมพ่วงด้วยตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ เธอจึงไม่ค่อยเก่งเรื่องพวกนี้นัก เลขาทั้ง 5 คนของผมต่างก็เก่งกันคนละแบบและมีข้อเสียคนละนิดซึ่งผมก็เข้าใจว่าไม่มีใครที่จะเก่งไปหมดทุกอย่าง


ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็อยากได้คนที่สามารถทำงานทุกอย่างได้เหมือนกัน เคยคิดอยู่ว่าจะเปิดรับสมัครพนักงานเพิ่มแต่บริษัทในตอนนี้ก็ถือว่าดีอยู่แล้วเลยเอาไว้ก่อน


“เอาล่ะ ผมมีเรื่องที่ต้องไปทำต่อเพราะงั้นขอสรุปเลยละกัน เราจะเปลี่ยนสินค้าที่จะทำการขนส่งภายในประเทศ โดยเราจะเริ่มจากเสื้อผ้าที่จะมีการเปลี่ยนเทรนไปเรื่อยๆ ตามฤดู การมีกระแสหรือค่านิยมจึงเป็นหนึ่งในสิ่งที่ต้องมีการขนส่งที่สม่ำเสมอ ส่วนจะเป็นยี่ห้อหรือแบรนด์ไหนก็ขอให้ทุกคนไปช่วยกันคิดแล้วนำมาเสนอให้การประชุมครั้งต่อไป จบการประชุมครับ” ผมกล่าวปิดการประชุมที่ยืดเยื้อมากว่าสามชั่วโมง ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องด้วยความเหนื่อยล้า


วันนี้ทั้งวันผมไม่มีงานอื่นนอกจากเข้าร่วมการประชุมอย่างเดียว ซึ่งก็เหมือนจะสบายแต่ติดตรงที่ไม่ชินกับการนั่งนานๆ นี่แหละ


“คุณกิต”


“...ชิน?” ผมหันไปตามเสียงเรียกก่อนจะเจอกับชินที่วิ่งตามมา


“ครับ ผมขอโทษด้วยที่ไม่สามารถทำตามที่คุณคาดหวังได้” คนตรงหน้าก้มหัวขอโทษอย่างไม่อายคนที่เดินผ่านมา


“ไม่เป็นไร คุณเก่งแล้วแค่อาจต้องการการฝึกฝนอีกหน่อย”


“ครับ...ครั้งหน้าผมจะเตรียมตัว...”


“ผมขอสั่งให้คุณห้ามเตรียมตัวอะไรทั้งนั้น” ผมรีบพูดแทรก


“แต่ว่า...”


“ถ้าคุณเตรียมตัวมาก่อนมันจะมีความหมายอะไรล่ะ ข้อเสียของคุณคือการชะงักเวลาถูกถามในสิ่งที่ไม่ได้เตรียมตัวมาเพราะงั้นทางแก้ก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ”


“เข้าใจแล้วครับ”


“ดีมาก ฝากจัดการงานเอกสารด้วยถ้ามีอะไรไม่แน่ใจก็ส่งมาให้ได้เลย ขอตัวก่อนล่ะ” พูดจบก็ตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ เป็นการให้กำลังใจก่อนจะเดินออกมา



รถยนต์คันสีบรอนซ์ทองแล่นไปตามถนนโดยมีจุดหมายอยู่ที่บ้านหลังเดิมที่ไปมาทุกวันติดต่อกันกว่าสองอาทิตย์แล้ว หลังจากวันที่สามารถสั่งมะนาวให้นั่งและรอได้ เขาก็ยังต้องฝึกทำแบบนั้นเป็นประจำโดยมีต้นว่านคอยดูอยู่ข้างๆ


เมื่อหลายวันก่อนต้นว่านลองให้ผมสั่งมะนาวในขณะที่อีกฝ่ายยืนดูอยู่นอกบ้าน แน่นอนว่าคนกลัวสุนัขอย่างผมเถียงขาดใจว่าไม่ไหวแต่พอได้ยินคำว่า ‘พี่ทำได้’ ก็ต้องจำใจทำมันอยู่หลายครั้งกว่าที่จะทำได้สำเร็จ


ปกติเวลาผมอยู่ที่บริษัทมักจะเป็นคนจริงจังและคิดวิเคราะห์ได้อย่างรวดเร็ว แต่พออยู่ใกล้สิ่งมีชีวิตสี่ขาที่เรียกว่าสุนัขเมื่อไหร่ ระบบความคิด วิเคราะห์ แยกแยะต่างก็ทำงานรวนไปหมดจนแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง การมีต้นว่านอยู่เลยช่วยผมได้มากจริงๆ ความมั่นใจและความกล้าที่อีกฝ่ายมีให้มันส่งมาถึงผมจนสามารถเข้ามาในบ้านหลังสีขาวได้ตามลำพังโดยไม่ต้องมีต้นว่านอยู่ด้วยได้ สองวันที่ผ่านมาผมไม่ได้เจอกับต้นว่านเลยสักครั้งเดียวเหมือนอีกฝ่ายคงกำลังยุ่งกับการทำงานพิเศษ ในทุกๆ วันต้นว่านต้องคอยมาช่วยดูผมฝึกทำให้ไปทำงานสายหลายครั้ง แต่พอบอกว่าจะไปส่ง อีกฝ่ายกลับปฏิเสธเสียงแข็ง


ทั้งที่คิดว่าน่าจะสนิทกันได้แท้ๆ แต่กลับรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายมีเส้นแบ่งไม่ให้ก้าวเข้าไปได้มากกว่านี้


“...น่าเสียดายจัง” ผมพึมพำพร้อมกับเดินตรงเข้าไปในรั้วบ้านหลังจากไขกุญแจเรียบร้อย


บรู๊ววว~


เฮือก!


“มะนาวนั่งลง!”


เสียงหอนของมะนาวมาก่อนตัวซะอีก โชคดีที่ฝึกมาหลายครั้งเลยพอจะตั้งสติได้แต่ก็ห้ามไม่ให้ตกใจไม่ได้จริงๆ และเมื่อมะนาวได้ยินคำสั่งก็หยุดขาที่กำลังวิ่งเข้ามาหมายจะกระโจนใส่ แล้วเปลี่ยนเป็นนั่งเรียบร้อยแทน


“เฮ้อ ดีมากๆ” ผมเอ่ยชมก่อนจะเดินเข้าไปภายในบ้าน ถึงจะเริ่มชินกับการมีสุนัขแต่ก็มีหลายอย่างที่ยังไม่สามารถทำได้ อย่างแรกเลยก็คือ...


“ยะ...อย่ามาอ้อนนะ ถอยออกไป” ผมส่งเสียงสั่นๆ ออกไป ร่างกายเริ่มเกร็งขึ้นอัตโนมัติเมื่อถูกสุนัขตรงหน้าเข้ามาใกล้พร้อมถูไถหัวมันกับขากางเกงตัวเอง


อย่าว่าแต่จะลูบขนมัน...แค่จะเดินหนียังทำไม่ได้เลย


“นั่งลงเดี๋ยวนี้ รอก่อนนะ...รอก่อน” สิ่งเดียวที่ช่วยได้คือคำสั่งให้นั่งลงกับรอก่อน


อาหารของมะนาวที่ซื้อมาเป็นอาหารเม็ดสำหรับสุนัขพันธุ์ใหญ่โดยเฉพาะ แม้ราคาจะเรียกว่าสูงมากแต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับผมอยู่แล้ว ชามอาหารถูกวางลงบนพื้นกระเบื้องในห้องครัวก่อนจะเรียกมะนาวให้มากิน ในวันแรกๆ ผมส่ายหัวไปมาจนเกือบหลุด ไม่ว่ายังไงการให้อาหารมะนาวก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้จริงๆ แต่ต้นว่านก็ทำในสิ่งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ในที่สุด


ผมไม่รู้ว่าต้นว่านมีเวทย์มนต์หรือคาถาอะไรที่ทำให้ผมเชื่อในทุกคำตามที่อีกฝ่ายบอกมา แต่คำว่า ‘ทำได้’ ที่มักจะได้ยินบ่อยๆ ก็ช่วยสร้างกำลังใจและเพิ่มความกล้าให้มากขึ้น


ภายในบ้านหลังสีขาวเต็มไปด้วยความทรงจำมากมายที่เกี่ยวกับพ่อและแม่ทั้งโซฟาสีน้ำตาลที่แม่ชอบ ผนังห้องที่มีภาพวาดวิวทิวทัศน์ฝีมือพ่อ รวมทั้งตู้กระจกที่มีรูปภาพของครอบครัวใส่ไว้หลายใบ นั่นทำให้น้ำตาเอ่อไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นจนต้องรีบหนีเข้าไปร้องไห้ยังห้องใกล้สุดโดยทิ้งต้นว่านให้รออยู่นอกห้องตั้งนาน


เหมือนต้นว่านจะรู้ว่าผมร้องไห้แต่กลับไม่ถามอะไร...ผมเลยรู้สึกขอบคุณต้นว่านมาก


แค่รู้สึกมันยังไม่พอ แต่ผมไม่สามารถทำอะไรให้อีกฝ่ายได้เพราะแค่จะไปส่งยังถูกปฏิเสธ ไม่ต้องลองก็รู้ว่าถ้าซื้ออะไรไปให้อีกฝ่ายก็คงจะไม่ยอมรับไว้เป็นแน่


“...ฮืม?”


ผมหรี่ตามองมะนาวที่กำลังกินอาหารเม็ดตรงหน้าอย่างไม่แน่ใจ อะไรบางอย่างมันดูไม่ปกติ


ทำไมเต้านมถึงดูใหญ่ขึ้นล่ะ เอ๊ะ... หรือว่าเป็นแบบนี้อยู่แล้ว?


ภายในหัวเริ่มตีกันวุ่นเนื่องจากไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นนี่มันเป็นปกติอยู่แล้วหรือพึ่งเกิดขึ้น ถ้าจะบอกว่ามะนาวแค่อ้วนนมเลยห้อยก็ไม่น่าใช่...


“...หรือว่าจะป่วย”


พอคิดได้แบบนั้น สิ่งแรกที่ผมทำคือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาคนที่สามารถช่วยได้ซึ่งก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเด็กหนุ่มที่มักจะมอบความกล้าให้เสมอ...ต้นว่าน


เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่คนที่อยู่ปลายสายนอกจากจะไม่รับแล้ว อยู่ๆ สายกลับถูกตัดไปและกลายเป็นฝากข้อความแทน พอโทรกลับไปอีกรอบก็พบว่าปิดเครื่องไปแล้ว หลังจากผ่านไปประมาณสิบนาที ผมที่ยังคงติดต่อต้นว่านไม่ได้ก็เริ่มสังหรณ์ใจไม่ค่อยดีเพราะอีกฝ่ายไม่เคยไม่รับสาย ต่อให้ติดธุระอะไรก็จะส่งข้อความกลับมาบอกทุกครั้ง จึงรีบขับรถตรงไปยังมหาวิทยาลัยของต้นว่านที่อยู่ไม่ไกลนัก


ตอนนี้เป็นเวลาเกือบบ่ายสามจึงมีนักศึกษาหลายคนที่ทยอยเดินออกมาจากมหาวิทยาลัย ผมเดินเข้าไปภายในโดยไม่รู้แน่ชัดว่าต้นว่านจะมาเรียนวันนี้ไหม แต่การรอโดยไม่ทำอะไร มันไม่ใช่นิสัยของผมอยู่ดี


“อ๊ะ...นั่นพี่ไผ่นี่นา”


“บอล?” เสียงเรียกชื่อทำให้ผมหันไปก่อนจะเจอเพื่อนในกลุ่มของต้นว่านนั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อนกันครบทั้งสี่คนขาดแต่คนที่ผมตามหาอยู่เท่านั้น


“สวัสดีครับพี่ไผ่” เด็กทั้งสี่คนยกมือไหว้ทักทายอย่างมีมารยาท


“สวัสดี ว่าแต่ต้นว่านไม่อยู่เหรอ”


“อ้อ...ถ้าว่านละก็ไปทำงานพิเศษอยู่น่ะครับแต่เห็นว่าช่วงนี้ไม่ค่อยดีเท่าไร” เสียงของเพื่อนในกลุ่มอีกคนที่ชื่อ ‘กัน’ บอก


“ไม่ค่อยดี?”


“พวกผมก็ไม่ค่อยรู้อะไรเพราะว่านไม่ค่อยชอบเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง แต่พี่จำพวกเด็กอวดรวยพวกนั้นได้ไหมครับ”


“จำได้สิ” โดนด่าว่ากระเทย ถ้าจะให้ลืมคงไม่ง่าย


“พ่อของหมอนั่นเป็นเจ้าของร้านที่ว่านไปทำงานด้วยเลยถูกแกล้ง พวกผมก็อยากไปช่วยนะแต่ว่านมันห้ามไว้บอกว่าห้ามมายุ่งเด็ดขาดเลย”


“อีกอย่างพวกผมก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก พ่อของหมอนั่นรู้จักร้านแถวนี้เกือบหมดถ้าเข้าไปยุ่งครอบครัวพวกผมก็จะแย่ไปด้วย” เพื่อนอีกคนพูดเสริมขึ้น


“เลยมองดูเพื่อนถูกทำแบบนั้นเหรอ”


คำถามที่เอ่ยออกไปทำเอาเด็กทั้งสี่คนเงียบกริบ


“พี่ไม่ได้จะว่าพวกเรานะ มันถูกแล้วที่จะไม่เข้าไปยุ่งเพราะถ้าการเข้าไปยุ่งจะทำให้ครอบครัวตัวเองต้องแย่ก็อย่าเลย” ผมอธิบายเพิ่มอย่างเข้าใจ


“แต่พวกผมก็ไม่ได้อยากทนดูอยู่เฉยๆ หรอกนะ!” บอลตะโกนเสียงดัง


“พี่รู้ เพราะงั้นถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกมาบอกพี่ นี่เบอร์พี่...” ผมจัดการให้เบอร์กับเด็กๆ พวกนั้นไป


“พี่จะทำอะไร...”


“อืม...นั่นสิ ทำอะไรดีนะ ว่าแต่ร้านที่ว่าอยู่ไหนพอจะบอกได้ไหม”


ผมขับรถเข้าไปจอดในที่จอดรถของร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งที่มีสาขาเยอะพอๆ กับแฟมิลี่มาร์ท ก่อนจะเดินตรงไปทางร้านนั้นโดยที่ความหงุดหงิดเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่ชอบการใช้อำนาจมารังแกคนอ่อนแอกว่า แล้วยิ่งไม่ชอบพวกผู้ใหญ่ที่ตามใจลูกตัวเองจนเสียคน


“ขนเร็วๆ สิวะ แกนี่มันช้าเหมือนเต่าจริงๆ” เสียงตะโกนด่าที่ออกจะคุ้นหูทำให้ผมที่กำลังหงุดหงิดหยุดชะงัก


เสียงนี่คุ้นมาก...


พอเดินตามเสียงไปยังด้านหลังร้านก็เป็นอย่างที่คิด เพราะเด็กที่ตะคอกเสียงดังเมื่อครู่เป็นคนเดียวกับที่ด่าเผมว่าเป็นกระเทย ทว่าสิ่งที่ผมสนใจไม่ใช่เด็กอวดรวยนั่นแต่เป็นเด็กข้างๆ ที่กำลังยกลังสินค้าไปวางไว้ชิดผนังของร้านต่างหาก


“...ต้นว่าน” ผมพึมพำเมื่อเจอตัวคนที่ตามหาแล้ว


ใบหน้าสีแทนที่ปกติจะมีรอยยิ้มมุมปากเสมอเวลาเล่นกับมะนาวตอนนี้กลับมีรอยถลอกอยู่เต็มไปหมด...แค่ดูก็เดาได้ว่าเกิดจากอะไร


โคร่ม!


ยังไม่ทันได้มองอะไรต่อลูกชายเจ้าของร้านก็เดินเข้าไปหาต้นว่านก่อนจะออกแรงแตะเข้าที่ขาทำให้ต้นว่านล้มลงบนพื้นอย่างแรง ภาพนั่นทำเอาความโกรธที่มีเริ่มปะทุขึ้น


นี่มันมากเกินกว่าคำว่าแกล้งแล้ว


“ต้นว่าน!” ผมไม่รอช้ารีบเข้าไปช่วยพยุงอีกฝ่ายทันที


“...พี่ใบไผ่?” เหมือนอีกฝ่ายจะงงว่าผมมาที่นี่ได้ยังไง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาอธิบายอะไรแล้ว


“ไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”


“พี่...”


“อีกแล้วเหรอ นี่สรุปขายตัวจริงๆ สินะไอ้ว่าน” เสียงของเด็กอีกคนที่ยืนกอดอกดังขึ้นพร้อมมองมาด้วยสายตาดูถูก


สายตานั่นผมไม่ชอบเลย...


“นี่เป็นคำที่เพื่อนพูดกันงั้นเหรอ” ผมถามเสียงนิ่ง ตอนนี้ผมรู้สึกโกรธมากและใกล้จะทนไม่ไหวแล้วด้วย


“เพื่อน? ไอ้กระจอกเนี่ยนะ? ฮ่าฮ่าฮ่า...ใครเป็นเพื่อนมันกัน แค่เห็นหน้าก็อยากชกให้เละเลย!”


“เพราะต้นว่านหล่อกว่าสินะ”


“แก!” เด็กตรงหน้าขึ้นเสียงทันทีที่ได้ยิน


ท่าทางร้อนตัวแบบนั้นทำให้รู้ว่าตัวเองคิดถูก


“อิจฉาเขาละสิ”


“ว่าไงนะ? ใครจะไปอิจฉาคนจนๆ แบบนั้นกัน”


“สิ่งที่ทำอยู่มันเรียกว่าอิจฉา” ผมยังคงยืนยัน ผมเคยผ่านชีวิตวัยรุ่นมาก่อนเพราะอย่างนั้นผมจึงรู้ดีว่าการกระทำเหล่านั้นคือความอิจฉา


“ถ้ายังกล้าพูดอีก ฉันจะไปฟ้องพ่อให้จัดการแก” เด็กตรงหน้าพูดใส่อารมณ์เต็มที่


ตัวเองทำอะไรไม่ได้เลยต้องพึ่งพ่อสินะ…


ตอนแรกกะจะไม่ทำอะไรแล้วเชียว แต่ถ้าอยากลองดีก็จะจัดให้สักหน่อยก็ได้


“เอาสิ นี่นามบัตร เอาให้พ่อเราดูด้วยล่ะ จะนัดเมื่อไหร่ก็ตามใจ” ผมหยิบนามบัตรส่งให้เด็กคนนั้นก่อนจะพยุงต้นว่านให้ออกจากสภาพแวดล้อมแย่ๆ ตรงนี้สักที


“แก...อย่าคิดว่าฉันไม่กล้านะ”


“จะรอดูว่าถ้าพ่อเราเห็นนามสกุลนั้นแล้วยังจะกล้าโทรมาอยู่ไหม อ้อ...ต้นว่านจะลาออกจากที่นี่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” ผมบอกทุกอย่างตามที่คิดออกไป


“พี่ใบ...”


“หยุดพูดก่อนที่พี่จะโกรธมากไปกว่านี้” แค่นี้ก็รู้สึกอยากจะอัดหน้าเด็กนั่นจะแย่แล้ว แต่การใช้กำลังมันไม่สนุกเท่าใช้สมองหรอก
นามสกุล ‘ศิริวัฒนิวงศ์’ เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในแวดวงธุรกิจ เพราะไม่ว่าจะเป็นบริษัทเล็กหรือใหญ่ต่างก็อยากส่งสินค้าของตัวเองไปขายที่ต่างประเทศ แต่ประเทศอื่นก็ใช่ว่าจะยอมรับสินค้าต่างชาติได้ง่ายๆ และการจะนำเข้าสินค้าจะต้องมาจากบริษัทที่ได้รับมาตรฐาน มีใบอนุญาตและมีคุณภาพดีเท่านั้น และเป็นที่แน่นอนว่าสินค้าที่ถูกส่งภายใต้ชื่อของบริษัทผมนั้นสามารถผ่านขั้นตอนการดำเนินการต่างๆ ได้อย่างราบรื่น ไม่เหมือนบางบริษัทที่อาจจะมีการติดขัดบ้างในบางครั้ง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีหลายบริษัทอยากส่งออกสินค้าภายใต้ชื่อ 'ศิริวัฒนิวงศ์'


ถ้าพ่อเด็กนั่นเห็นนามสกุลนี้แล้วยังกล้าโทรมา...ผมจะจัดหนักให้เลย


ผมจูงแขนต้นว่านไปที่รถ แล้วขับออกจากสถานที่นั้นอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางที่ขับกลับบ้านไม่มีบทสนทนาอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่คำเดียว ซึ่งผมก็พอจะเข้าใจ


“เข้ามาก่อนสิ” ผมบอกพลางเปิดประตูรั้ว


“พี่...คือ...”


“ไปคุยกันในบ้าน...นะครับ” ผมเปลี่ยนโทนเสียงจากที่อารมณ์ไม่ดีให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เรื่องเครียดๆ ก็โยนมันทิ้งไปอย่าเก็บเอาไว้เลย


“พี่ไม่ควรทำแบบนั้น...”


“พี่บอกว่าให้มาคุยกันข้างในไง” ผมหันไปเอ็ดคนตรงหน้าอีกครั้งเมื่อเห็นว่าไม่ยอมเดินตามเข้ามา


“พี่เข้ามาช่วยผมทำไม พี่รู้ไหมว่าพ่อของเป้เป็นคนที่มีอิทธิพลแถวนี้ การที่พี่มาช่วยแถมยังพูดท้าทายแบบนั้นการงานพี่อาจจะแย่ไปด้วยนะ!” ต้นว่านตะโกนขึ้นราวกับความอดทนที่มีได้พังทลายลงแล้ว


“พี่ไม่เป็นไร”


“พี่ไม่รู้...”


“รู้สิ พี่รู้ว่ามันจะไม่เป็นไร”


แค่เจ้าของกิจการขนาดกลางจะมีอิทธิพลขนาดไหนเชียว ไม่ใช่ว่าผมดูถูกหรืออะไรแต่เพราะมั่นใจว่าถ้าเป็นเรื่องของอิทธิพล ...ผมมีมากกว่าเห็นๆ


“แต่...”


“เราทนมามากแล้วต้นว่าน พี่จะช่วยเราเอง” บอกจบผมก็ยกมือขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ เป็นการปลอบ


ผมไม่รู้ว่าต้นว่านเจอเรื่องพวกนี้มานานขนาดไหน จิตใจที่โดนดูถูกทุกวันๆ มันจะเจ็บจนไม่รู้สึกไปแล้วรึยัง


“...อย่ามายุ่งกับผมเลยพี่ใบไผ่” อีกฝ่ายพึมพำพร้อมกับก้มหน้าลง


“ต้นว่าน...”


“ผมไม่มีอะไรจะให้พี่ ไม่มีประโยชน์อะไรทั้งนั้น พี่ปล่อยผมไปเถอะอย่ามาทำดีกันแบบนี้เลย...”


“กลัวอะไรอยู่เหรอต้นว่าน” ผมถามกลับไปตามตรง “พี่ไม่รู้หรอกว่าเราเจออะไรมาบ้างแต่คงไม่ใช่เรื่องที่น่าเล่านัก ปกติเราเป็นเด็กใจร้อนที่พร้อมจะวิ่งเข้าไปชกใครต่อใครเมื่อโดนดูถูก แต่นี่กลับยอมถูกเตะแบบนั้น พี่ว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านี้”


“พี่ใบไผ่...”


“ถ้าเรายอมบอก พี่อาจจะช่วยได้นะ”


“...”


“เด็กที่ชอบแกล้งพี่มันหายไปไหนแล้วฮื้อ” ผมถามออกไปด้วยรอยยิ้มขำๆ เพื่อหวังว่าจะคลายบรรยากาศตรึงเครียดให้ได้สักนิด


“...ถ้าผมไม่ยอมทำตาม พ่อแม่ผมจะโดนไล่ออกจากงาน” ต้นว่านพึมพำเบาๆ โดยที่มือทั้งสองข้างกำแน่นด้วยความโกรธ


“รู้สึกว่าเพชรเกษมศักดิ์จะมีอิทธิพลพอดูสินะ” นั่นเป็นสิ่งเดียวที่คิดได้


“พ่อของเขาเป็นกำนันที่นี่ด้วย”


“อ้อ...อย่างนี้นี่เอง” เข้าใจละว่าทำไมถึงได้ชอบอ้างพ่อขนาดนั้น


“ผมเจ็บใจมากที่ทำอะไรไม่ได้ ถ้าผมสู้ พ่อกับแม่ก็จะแย่ไปด้วย ใจผมอยากจะชกหน้ามันสักหมัดสองหมัดให้หายโกรธไปเลยแต่ก็ต้องกดไว้”


“การใช้กำลังไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาหรอกนะ”


“ผมรู้”


“การแก้แค้นที่ดีที่สุดคือการประความสำเร็จที่เหนือกว่า” ผมบอกเด็กตรงหน้า


“ครับ”


“เอาล่ะเลิกคิดมากก่อน ตอนนี้เรามีงานพิเศษที่ไหนต้องทำอีกไหม”ผมเปลี่ยนเรื่อง


“...พี่ให้ผมลาออกแล้วนี่”


“แล้วที่อื่นล่ะ” จำได้ว่าน่าจะมีหลายที่นะ


“เจ้าของร้านแถวนี้ก็มีพ่อของเป้เป็นคนคุมทั้งนั้นแหละ คิดว่าพวกเขาจะให้ผมไปทำงานเหรอ”


“ดีเลย”


“ดีตรงไหน” คิ้วสีดำขมวดเข้าหาแน่นราวกับจะบอกว่าไม่เห็นดีสักนิด


“ดีสิ เพราะพี่จะจ้างเราเอง” ผมยิ้มระหว่างที่บอก


“ฮะ? จ้างผม?”


“ใช่”


“ไม่เอาครับ”


“ต้นว่าน”


“ผมรู้ว่าพี่มีเงิน พี่ควรเอาเงินนั้นไปจ้างคนที่มีความรู้ความสามารถตรงกับที่ต้องการดีกว่าเด็กแบบ...”


“พูดมาก็ดีเลย งานที่พี่จะให้ทำมีแต่เราที่ทำได้ และพี่ก็ไว้ใจได้แค่เราเท่านั้นด้วย” ผมรีบพูดแทรก


“...แค่ผม”


“ใช่”


“อะไรเหรอครับ” ต้นว่านถามกลับ


“ตกลงก่อนสิ”


“บอกผมก่อน”


“ไม่บอกจนกว่าต้นว่านจะตกลง”


“พี่ใบไผ่” คนตรงหน้าเริ่มหรี่ตามองมาด้วยสายตาโกรธๆ


“ฮึ...แบบนี้สิถึงจะเป็นต้นว่านที่พี่รู้จัก” ต้นว่านที่ยอมคนน่ะผมไม่รู้จักหรอก


“บอกผมมา”


“ตกลงก่อน”


“พี่ใบไผ่”


“ครับต้นว่าน”


“ผมจะเรียกมะนาวให้กระโจนใส่พี่”


“เฮ้ย...ไม่เอา” ผมสะดุ้งเมื่อถูกเอาจุดอ่อนมาแกล้งกัน


“บอกมาได้แล้วพี่”


“แค่ตกลงก่อนมันจะยากอะไรล่ะ”


เรื่องง่ายๆ  แค่ตอบตกลงทำไมถึงได้ยากเหลือเกิน ทำไมถึงดื้อนักนะต้นว่าน...


“ถ้าตกลงมันจะไม่เป็นการรบกวนพี่ใช่ไหม”


“แน่นอน”


“ตกลงก็ได้” สุดท้ายต้นว่านก็ยอมแพ้ในที่สุด


“เยี่ยม พี่จะให้เรามาดูแลบ้านหลังนี้กับมะนาว” ผมอธิบายสิ่งที่ต้องการให้อีกฝ่ายทำ


“แค่นี้เหรอครับ”


“ใช่...แต่มะนาวดูเหมือนจะป่วยอยู่เลยนะ” พอพูดมาถึงตรงนี้ก็นึกขึ้นมาได้


“ป่วย? เป็นอะไรครับ” ต้นว่านทำหน้าร้อนรนทันทีที่ได้ยิน


“พี่ก็ไม่รู้แต่มันแปลก พี่พยายามโทรหาเราช่วงบ่ายแต่ไม่ติด”


“โทรศัพท์ผมโดนเหยียบไปแล้ว...” ดวงตาคมสีน้ำตาลที่หรี่ลงเหมือนกำลังระงับความโกรธทำให้คนฟังอย่างผมรู้ทันทีว่าใครเป็นคนทำ


“ไปดูมะนาวกันดีกว่า” เพื่อไม่ให้บรรยากาศเสียผมจึงวกกลับเข้าเรื่องเดิมอีกครั้งก่อนจะเปิดเข้าไปในบ้านที่ขังมะนาวเอาไว้ภายใน


ไม่รู้ว่าจะไปแอบฉี่แอบอึไว้ที่ไหนรึเปล่า...


“ที่บอกว่าแปลกนี่คืออะไรครับ” ต้นว่านถามต่อ


“ก็เต้านมมันดูใหญ่ๆ ขึ้นน่ะ ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าแต่ตอนแรกที่มามันไม่ได้เป็นแบบนี้” ผมอธิบายคร่าวๆ


บรู๊ววว~


เสียงหอนดังขึ้นก่อนสุนัขรูปร่างคล้ายหมาป่าจะวิ่งมาด้วยท่าทางเริงร่า ยิ่งมันเห็นต้นว่านก็ยิ่งรีบวิ่งเข้ามาซุกไซร้ที่ขาของเด็กหนุ่มราวกับดีใจที่ได้เจอกันหลังจากไม่ได้เจอกันมานาน ต้นว่านเองก็คุกเข่าลงไปนั่งที่พื้นพลางลูบไปตามหน้าท้องซึ่งตอนนี้เต้านมเริ่มใหญ่ขึ้น


“...พี่ใบไผ่” หลังจากเงียบอยู่นานต้นว่านก็เรียกชื่อผมเสียงเบาหวิว


“ฮืม? สรุปมะนาวเป็นอะไร”


“ผมยังไม่แน่ใจเต็มร้อย แต่...”


“แต่?”


“พี่ยังกลัวหมาอยู่รึเปล่า”


“...ก็กลัวอยู่ แต่ถ้าเป็นมะนาวก็ไม่มากเท่าตัวอื่น”


ถ้าเป็นสุนัขตัวอื่นผมยังคงกลัวและไม่อยากเข้าใกล้ แต่สำหรับมะนาวผมเริ่มรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยแล้ว อาจเพราะให้อาหารแทบทุกวันเลยมีความรู้สึกผูกพัน


“งั้นถ้าเป็นลูกของมะนาวพี่จะกลัวไหม”


คำถามของต้นว่านทำเอาผมตาเบิกกว้างพร้อมก้มลงไปมองที่ท้องของมะนาวด้วยความตกใจ


“พี่ใบไผ่?”


“ยะ...อย่าบอกนะว่า...”


ขอร้องล่ะอย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย


“อย่างที่พี่คิดแหละ...มะนาวท้องครับ”


พระเจ้า! ท่านช่างโหดร้ายนัก นี่ท่านไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่!


จริงอยู่ว่าผมเริ่มรู้สึกดีกับสุนัขขึ้นมาบ้าง แต่...แต่!...และแต่!! แต่แค่สุนัขตัวเดียวก็แทบรับมือไม่ไหวแล้ว นี่ถ้ามีสุนัขตัวใหญ่แบบมะนาวเพิ่มเข้ามาอีกละก็...โอ้ยไม่อยากจะคิด


ผมกลัวสุนัขเฟ้ยยย~!

..................................................................................

สวัสดีค่ะ

มาอัพต่อแล้ว

ชอบตอนที่ใบไผ่รู้ว่ามะนาวท้องจังเลย ลองจินตนาการแล้วก็อดขำไม่ได้

สำหรับคนที่กลัวสุนัขแต่ดันรู้ว่าสุนัขเพียงตัวเดียวของตนท้องอีกคงจะตกใจสุดๆ

อยากลองแต่งแนวนี้มานาน ในที่สุดก็ได้ลองแต่งสักที

เรื่องที่ดำเนินเรื่อยๆแบบนี้แต่งได้เรื่อยๆ เราเลยไม่ได้วางพล๊อตอะไรไว้นัก

ไม่แน่ใจว่าจะจบสักกี่ตอนดี แต่คงไม่เยอะมากหรอกนะ555

ขอบคุณทุกๆคนที่คอมเม้นท์และเป็นกำลังใจให้ตลอดนะคะ

ไว้เจอกันในตอนต่อไปค่ะ^^

บ๊ายบาย

-Rewrite- >> รีอีกสักตอนเนอะ 555 16/05/61

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-05-2018 21:07:33 โดย nicedog »

ออฟไลน์ harumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-33

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
มะนาวหนูไปท้องกับมะหมาที่ไหนล่ะลูก
 

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :mew1:
ลูกของมะนาวนี่พันธุ์แท้เลยมั้งคะนี่

/เกาะประตูบ้านอยากได้ซักตัว

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:มะนาวท้องกับใครละเลี้ยงไว้ตัวเดียวไม่ใช่เหรอ :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
สำหรับคนรักหมาแบบเราแอบตกใจมากเลยนะสำหรับการพานทางนะหรือผสมพันธุ์กับสายพันธุ์ที่ไม่ใช่แบบเดียวกันเครียดอ่ะ
ไม่พานทางนะพรีดดดดดดดดดด :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
ต้นว้านออกจากงานแล้วก็มีเวลาอยู่กับพี่ใบไผ่มากขึ้นดินะว้าวววววววววความรักกลิ่นอายม่วงอมชมพูกำลังรอฟินอยู่ดินะอิอิ :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
มะนาวหนูไปท้องกับใครมาคะลูก

ออฟไลน์ Somm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
เบื่อพวกคนอวดรวยนะแล้วยิ่งพวกที่ชอบเอาพ่อมาเบ่งเนี่ยโครตเกลียดด แต่ก็นะบางทีอำนาจนี้มีอยู่ในมือก็ควรใช้ซะบ้างแบบใบไผ่ หุหุ มะนาวหนูท้องกับใครลูกกก แค่หนูคนเดียวใบไผ่ก็จะตายหน้าน้าาา

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
 :a5: ท้องได้ไงอ่ะ

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
งานถนัดของต้นว่าน

ออฟไลน์ คนคิ้วท์คิ้วท์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
มะนาว! เป็นผู้หญิงแต่หนูไปท้องกับใคร
พ่อของลูกหนูคือใครรร

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ฮรือออออ. ดีใจ. จะมีมะนาวลูกเล็กๆๆๆๆ

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :impress3: น่ารักมาก ๆ จ้ะ เราชอบพวกขนฟูมาก ๆ น่ะ อิจฉาต้นว่านจังได้ดูแลสุนัขแบบนี้ อยากได้มาเลี้ยงสักตัวจังเลย เป็นความใฝ่ฝันส่วนตัว อยากเลี้ยงหมาตัวใหญ่ ๆ  :-[ แต่ชาตินี้คงไม่มีโอกาส ตอนแรกที่อ่านจิ้นไปไกลว่าสุนัขตัวนี้อาจสามารถกลายร่างเป็นพระเอกหรือนายเอกได้ 555 บอกแล้วจิ้นไปไกล แต่แบบนี้ก้อชอบน่ะ น่ารักดี ยังเดาไม่ออกเลยว่าใครเป็นเมะใครเป็นเคะ ลุ้นเอาแล้วกัน เรื่องราวน่ารักดี ชอบจ้ะ ขำใบไผ่จัง พอรู้ว่ามะนาวท้องนี่ ช็อคไปเลย งานนี้ต้นว่านคงได้ทำงานเต็มที่เลย เพราะจะได้เลี้ยงอีกหลายตัวเลย อยากรู้จังมะนาวไปท้องกับใครเนี่ย หรือว่าพ่อแม่ของใบไผ่พาไปผสมพันธ์ไว้ก่อนเสียชีวิตแน่ ๆ เพราะเจ้ามะนาวคงไม่เคยได้ออกไปไหนแน่ ๆ  ตัวใหญ่ขนาดนี้ถ้าออกไปชาวบ้านคงแตกตื่นและจะหาหมาตัวไหนมาผสมได้ล่ะ  :mew4: รอตอนต่อไปจ้ะ  :mew1:

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
น่ารักดี ทั้งสองคนเลย :mew1:

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
นี่เห็นภาพพี่ใบไผ่ช็อคเข่าอ่อนทรุดลงไปกองที่พื้นเลย555555
ราวกับโลกจะถล่มมมเลยใช่มั้ยยย
เกลียดพวกอวดรวยแล้วเอาพ่อมาเบ่งจัง
คือโอเครวย แต่แบบคนที่รวยคือพ่อแม่คุณค่ะไม่ใช่คุณ
ละถ้ายิ่งพ่อแม่สปอยนะ ภาระสังคมชัดๆ
รอพี่ใบไผ่จัดการเลย ถ้ายังไม่หยุดนะ
รออๆๆๆค่าา

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
พบรัก ▪×วันที่5×▪




วันรุ่งขึ้น ตัวผมพร้อมด้วยกระเป๋าเดินทางสามใบก็เดินทางมาถึงบ้านสีขาวสองชั้นหลังเดิม ซึ่งมีสุนัขพันธุ์เชคโกสโลวัคเกี้ยน วูล์ฟด็อกวิ่งออกมาต้อนรับพร้อมกับเสียงหอนเหมือนอย่างทุกครั้ง...


บรู๊ววว~


“มะนาวนั่งลง” และทุกครั้งที่มันทำแบบนั้น ผมก็จะสั่งเหมือนเดิมเช่นกัน


ตอนนี้คำสั่งให้นั่งลงไม่ได้สั่งเพื่อให้มะนาวไม่เข้ามาใกล้อย่างเดียว แต่ยังสั่งเพื่อไม่ให้สุนัขตรงหน้ากระโดดไปมาเพราะในท้องของมันตอนนี้มีสิ่งมีชีวิตที่กำลังจะลืมตาดูโลกอยู่ แม้จะไม่มั่นใจนักว่ามะนาวท้องแน่รึเปล่าแต่จากการที่หาข้อมูลก็ดูเหมือนว่าจะท้องอย่างไม่ต้องสงสัย


วันนี้ผมตัดสินใจจะพามะนาวไปตรวจและฝากท้องกับสัตว์แพทย์ แน่นอนว่าการไปยังร้านที่เต็มไปด้วยสุนัขแบบนั้น คนกลัวสุขนัขอย่างผมไม่มีทางไปคนเดียวแน่นอน


“พี่ใบไผ่” เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ผมหันไปทักทายโดยไม่ต้องมองว่าใครที่เรียก


“มาเร็วดีนี่ต้นว่าน”


“ครับ วันนี้ผมไม่มีเรียน” อีกฝ่ายตอบพร้อมกับเดินเข้ามาทักทายมะนาวที่วิ่งไปหา หางของมะนาวส่ายไปมาก่อนจะกระโดดใส่ต้นว่าน


“ไม่เอามะนาว ห้ามกระโดดสิ” ต้นว่านสั่งเสียงแข็งทำเอาสุนัขที่กระโดดใส่ถึงกลับนั่งลงพลางส่งสายตาหงอยๆ ไปให้


“ถูกคุณพ่อดุซะแล้วนะมะนาว” ผมเอ่ยแซวด้วยรอยยิ้ม


“ถ้าผมเป็นพ่อพี่ใบไผ่จะเป็นแม่ให้สินะ”


คำพูดกวนๆ ที่ตอบกลับทำเอาผมหันไปจ้องอีกฝ่ายตาเขม็งก่อนจะเดินลากกระเป๋าเข้ามาเก็บในห้องนอน ในช่วงที่มะนาวท้องจำเป็นต้องมีคนคอยดูแลอยู่เสมอดังนั้นผมจึงจำเป็นต้องเก็บกระเป๋ามานอนค้างที่บ้านหลังนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต


ค้างคืนครั้งแรกกับสุนัข...แค่คิดก็สั่นไปทั้งตัวแล้ว


ผมจะให้มะนาวอยู่ข้างนอกได้ไหมนะ...


“พี่ใบไผ่ พี่ห้ามให้มะนาวอยู่ข้างนอกบ้านนะ!” เสียงต้นว่านตะโกนไล่หลังมาราวกับล่วงรู้ในสิ่งที่ผมกำลังคิดอยู่ในหัว


“ระ...รู้แล้วน่า”


หลังจากที่จัดการเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้ให้เรียบร้อย พวกเราก็พามะนาวไปยังคลินิกแห่งหนึ่งแถวบริษัท ความจริงก็มีหลายที่แต่เห็นว่าที่นี่ดีที่สุดแล้ว


“มะนาวนั่งลงดีๆ” ต้นว่านหันไปสั่งมะนาวที่เดินวนไปวนมาอยู่ที่เบาะหลังมากว่า 5 นาทีได้แล้ว


“พี่ว่าเราควรจะไปนั่งข้างหลังกับมะนาวนะ” ผมซึ่งเป็นคนขับรถแนะนำโดยที่ตาก็ยังแอบมองมะนาวจากกระจกมองหลังเป็นระยะ
ขืนให้ขยับไปมาตลอดทางผมคงไม่มีสมาธิขับรถกันพอดี...


“ถ้าผมไปนั่งมันดูไม่ดีเท่าไหร่”


“ทำไมล่ะ”


“พี่ก็น่าจะเดาได้นี่ ผมไม่อยากให้คนอื่นมองว่าพี่เป็นคนขับรถหรอกนะ” อีกฝ่ายตอบกลับตามตรง


“ถ้าพี่ไม่ถือซะอย่างก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรนี่” ผมยังคงยืนกราน


ก็ผมไม่ได้รู้สึกไม่ดีเวลาต้องขับรถแล้วมีคนนั่งอยู่ด้านหลัง คนอื่นจะมองหรือจะคิดว่าผมเป็นคนขับรถก็ไม่เห็นเป็นไร


“แต่...”


“ไปนั่งหลังซะต้นว่าน” ผมจอดรถเข้าริมฟุตบาทก่อนจะหันไปบอกคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง


“พี่ใบไผ่...”


“หยุดเลย พี่ไม่อยากฟังแล้วไปนั่งข้างหลังเร็วๆ ” เมื่อถูกเร่ง ต้นว่านก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงๆ ก่อนจะเปลี่ยนไปนั่งด้านหลังกับมะนาว


“ดีมาก”


และก็จริงอย่างที่ว่า ทุกอย่างดีขึ้นมากตั้งแต่ที่ต้นว่านไปนั่งข้างหลัง มะนาวซึ่งเดินวนไปมาเปลี่ยนมานอนซบบนตักของต้นว่าน ยิ่งถูกอีกฝ่ายลูบไปทั่วตัวก็ยิ่งเคลิ้มจนครางหงิ๋งๆ เลย


“...น่าอิจฉาเกินไปแล้วนะ” ผมพึมพำเบาๆแต่ดูเหมือนจะดังพอให้คนด้านหลังเงยหน้าขึ้นมามองอย่างงงๆ


“อิจฉาอะไรครับ?”


“เอาใจมะนาวเกินไปแล้วมั้ง”


“เปล่าสักหน่อย ก็มะนาวเล่นกับพี่ไม่ได้ ถ้าจะหันมาเล่นกับผมมันก็ไม่แปลกอะไรนี่”


“ก็จริง...” ทุกครั้งที่มะนาวพยายามเข้ามาอ้อนหรือเล่นด้วย ผมเป็นต้องตัวสั่นเกร็งทุกครั้งไป


“...”


“ต้นว่าน” ผมเรียกคนด้านหลังท่ามกลางความเงียบ


“ครับ?”


“พ่อกับแม่ไม่เป็นไรใช่ไหม” เมื่อเห็นคนด้านหลังนิ่งไปเล็กน้อยผมถึงเข้าใจว่าตัวเองกำลังละเมิดความเป็นส่วนตัวของอีกฝ่ายอยู่ แต่มันก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ


เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานมันเป็นความใจร้อนของตัวผมเองที่ไปพูดจาหาเรื่องแบบนั้น ถ้าระงับอารมณ์ตัวเองให้สงบลงกว่านี้คงจะมีวิธีอื่นที่ไม่ทำให้ครอบครัวของต้นว่านต้องพลอยติดร่างแหไปด้วย


“...ยังไม่เป็นไรครับ” ต้นว่านตอบกลับมาเสียงเบา


“พี่ขอโทษที่ทำให้เราต้องลำบาก” ยิ่งพอได้สงบสติอารมณ์ก็รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำเหมือนกำลังอวดฐานะนั้นมันดูไม่ดีเอาซะเลย
“พี่ไม่จำเป็นต้องขอโทษ เพราะถ้าพี่ไม่เข้ามาช่วยผมก็คงทนได้อีกไม่นาน...”


“อืม ถ้ามีปัญหาอะไร เราต้องบอกพี่นะ”


“...ผมไม่...”


“มันไม่เป็นการรบกวนหรอก”


“...” ต้นว่านก้มหน้าลงโดยที่มือยังคงลูบขนสีขาวแซมน้ำตาลและดำของมะนาวอยู่


“คำตอบล่ะ” ผมถามย้ำขอคำตอบ


“...ครับ”


“โอเค เอาล่ะถึงแล้ว”


ผมจอดรถบริเวณหน้าคลินิกอย่างไม่คิดอะไร แต่พอหันไปมองยังประตูกระจกใสของคลินิกตรงหน้าร่างกายก็เกร็งขึ้นมาในทันที ภายในประตูกระจกนั้นนอกจากจะมีคนอยู่ด้านในหลายคนแล้วยังมีสิ่งมีชีวิตสี่ขาที่เขากลัวที่สุดอยู่เป็นสิบตัว


“พี่ใบไผ่”


“...พี่ไม่ไหวแล้วต้นว่าน” แค่เห็นก็ขนลุกทั้งตัวแล้ว ถ้าเดินเข้าไปอาจได้เห็นประธานบริษัทศิริวัฒนิวงศ์ร้องเสียงหลงท่ามกลางหมู่สุนัขก็เป็นได้


“...ผมอยู่กับพี่นะ ไม่ต้องกลัวว่าจะมีสุนัขตัวไหนเข้าใกล้พี่ได้หรอก เดี๋ยวผมจัดการเอง”


ต้นว่านที่หันไปมองทางประตูกระจกคงจะรู้แล้วว่าที่ผมบอกไม่ไหวคืออะไร ...แต่ทำไมต้องบังคับกันอีกล่ะ


“ต้นว่าน...”


“ถึงทำเสียงอ่อยผมก็ไม่ใจอ่อนหรอกนะ” พูดจบเด็กด้านหลังก็เปิดประตูรถให้มะนาวลงไปก่อน ก่อนตัวเองจะก้าวตามลงไปด้วย แล้วทิ้งให้ผมนั่งหน้าเหวออยู่คนเดียว


สุดท้ายผมก็จำต้องลงมาจากรถด้วยขาสั่นๆ ส่วนต้นว่านก็ยืนดึงสายจูงสีน้ำเงินไม่ให้มะนาววิ่งเข้าไปใส่คนที่เดินผ่านไปมา


“ต้นว่าน...”


“...ถึงจะทำเสียงอ้อนแบบนั้นก็ไม่ได้ครับ...มะนาวเป็นหมาของพี่นะ”


คราวนี้น้ำเสียงอ้อนๆ ของผมดูจะไม่ได้ผลซะแล้ว...เสียใจที่สุด


ผมก้าวขาสั่นๆ เข้ามาภายในคลินิกอย่างกล้าๆ กลัวๆ กลิ่นของยาไม่ได้ทำให้รู้สึกแย่เท่าเสียงเห่าหอนของสุนัขเป็นสิบตัวที่ยืนรอต่อคิวเข้าไปรักษาอยู่จนเต็มที่นั่งทั้งสองฝาก


“ตะ...ต้นว่าน...”


ไม่ไหว ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ไหวแล้ว


“ใจเย็นๆ ครับพี่” ต้นว่านหันมาพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวไหล่คนกำลังกลัวเบาๆ


“แต่...”


“อ้าว บอสนี่นา”


เฮือก! เสียงเรียกที่ดูคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลังพร้อมเสียงลมหายใจที่เข้ามาประชิดบริเวณต้นคอเพียงแค่หันกลับไปดูก็เจอเข้ากับจมูกเล็กๆ สีดำและลิ้นสีชมพูที่แล่บออกมาเล็กน้อย...


มีสุนัขอยู่ตรงหน้าผม!


สติที่มีแทบจะกระเจิงหายไปในทันที เพียงแต่ผมต้องระงับตัวเองไม่ให้แสดงความกลัวออกไป เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะผู้หญิงเจ้าของสุนัขตัวเล็กที่ถูกอุ้มขึ้นแนบอกคนนี้คือหนึ่งในเลขาของผมเอง


‘คุณพรจิรา แก้วเกษม’ หรือที่ผมมักเรียกว่า ‘จิรา’ เป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลของบริษัทที่พ่วงด้วยตำแหน่งเลขาอีกอย่าง


“สวัสดีจิรา” ผมกล้ำกลืนความกลัวลงคอพร้อมกับเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตรราวกับว่าไม่กลัวสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในอ้อมกอดนั่นเลยสักนิด


คนในครอบครัวอาจจะรู้ว่าผมกลัวสุนัข ต้นว่านเองก็เป็นอีกคนที่รู้เรื่องนั้น แต่พนักงานในบริษัททุกคนต่างไม่รู้เรื่องนี้ และผมจะให้คนอื่นรู้ความลับนี้ไม่ได้ ไม่งั้นภาพพจน์ที่มีมันจะ...


โฮ่ง!


เฮือก! ผมสะดุ้งเมื่อสุนัขตัวเล็กตรงหน้าส่งเสียงเห่าขึ้นมา โชคดีที่จิราก้มลงไปหาสุนัขของตัวเองอยู่เลยไม่เห็นตอนที่ผมสะดุ้ง


“ไม่คิดว่าจะเจอบอสที่นี่เลยนะคะ พึ่งรู้ว่าบอสเลี้ยงสุนัขด้วย ...น่ารักจังเลยชื่ออะไรเอ่ย?” เธอพูดกับผมเสร็จก็ก้มลงไปทักทายมะนาวที่ส่ายหางไปมาด้วยความดีใจเมื่อถูกเล่นด้วย


“อ่า...ชื่อมะนาวน่ะ”


ทำไมรู้สึกเหมือนจะเป็นลมเลยล่ะ


“พี่ใบไผ่” ต้นว่านกระซิบเรียกเสียงเบา


“อะไร”


“ผู้หญิงคนนี้?”


“ลูกน้องที่บริษัทน่ะ”


ยาดมอยู่ไหน ตอนนี้ผมใกล้จะถึงขีดจำกัดเต็มทนแล้ว


“เธอไม่รู้ใช่ไหมว่า...”


“ใช่...เพราะงั้นเราห้ามบอกเด็ดขาดนะ” ผมหันไปบอกต้นว่านเสียงแข็ง


“เข้าใจแล้วครับ เดี๋ยวผมจะช่วยพี่เอง”


“...” ช่วย?


“สวัสดีครับพี่สาว” ต้นว่านเลิกสนใจผมที่ยืนเกร็งแล้วก้มลงไปทักทายกับจิราซึ่งถูกมะนาวเลียหน้าอยู่


“สวัสดีจ้า อ๊ะ...หรือว่าเราเป็นน้องชายของบอส?” เธอมองหน้าผมสลับกับต้นว่าน


“พวกเราดูเหมือนกันเหรอครับ?” ต้นว่านถามต่อด้วยรอยยิ้มแบบเพลย์บอย


ร้ายกาจนะตัวแค่นี้ จีบหญิงเป็นซะด้วย


“เหมือนตรงที่หล่อรากดินเหมือนกันเลย”


“จิรา” ผมปรามเบาๆ


“แหม...ก็จริงนี่บอส ถึงเขาจะหล่อว่าบอสก็เถอะ” เลขาของผมพูดออกมาตรงๆ ด้วยรอยยิ้มแพรวพราว


เอาเข้าไป คงไม่ได้คิดจะจีบเด็กที่อ่อนกว่าตัวเองตั้ง 5 - 6 ปีหรอกนะ


“โบนัสหายจะมาโทษกันไม่ได้นะ” เจ้าของบริษัทอย่างผมพึมพำเบาๆ


“ว้าย ไม่ได้นะคะ บอสน่ะหล่อที่สุดอยู่แล้วล่ะค่ะ ที่หนึ่งในใจจิราก็คือบอสนะคะ ทั้งหล่อ ทั้งเท่แถมยังมีความรู้รอบด้านจน...”


“พอๆ มากไปแล้ว” ผมรีบห้ามก่อนเธอจะพูดไม่หยุด


“ค่ะบอส ว่าแต่มาทำอะไรเหรอค่ะ”


“...มะนาวดูเหมือนจะท้องน่ะ” ผมแอบถอยหลังไปเล็กน้อยก่อนจะตอบกกลับไปเพราะสุนัขตัวเล็กในอ้อมกอดเข้ามาใกล้จนแทบจะเลียคอผมได้อยู่แล้ว


“ท้อง? ดีใจด้วยนะค่ะอีกไม่นานคงจะมีเจ้าตัวเล็กวิ่งกันให้วุ่นเลย”


“เหอะๆ ”


นั่นแหละที่ไม่ต้องการ แค่ตัวเดียวหัวใจก็แทบวายแล้ว


ขอเถอะ...ได้โปรดออกมาแค่ตัวเดียวที


“แล้วพี่สาวมาทำอะไรเหรอครับ” ต้นว่านเหมือนรู้ว่าผมไม่ค่อยอยากเข้าใกล้สุนัขที่จิราอุ้มอยู่เท่าไหร่เลยแทรกตัวมาตรงกลางระหว่างผมกับจิรา


“...ขอบคุณ” ผมได้แต่กระซิบบอกเสียงเบา ด้วยระยะแค่นี้ต้นว่านคงได้ยินอยู่แล้ว


“มาฉีดวัคซีนประจำปีน่ะ”


“เป็นชิวาว่าที่น่ารักจังเลยนะครับ ชื่ออะไรเอ่ย” ต้นว่านเข้าไปทำความรู้จักกับสุนัขตัวเล็กที่พึ่งรู้ว่าคือพันธุ์ชิวาว่า


“ชื่อครีมจ้า ทักทายพี่เขาหน่อยเร็วครีม” พอพูดจบจิราก็อุ้มชิวาว่าของตัวเองขึ้นมา แล้วมันก็เข้ามาเลียแก้มของต้นว่านเบาๆ


แค่มองอย่างเดียวผมยังรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว ถ้าต้องโดนเลียหน้าแบบนั้น หัวใจคงวายไปแล้วแน่ๆ หลังจากนั้นพวกเราก็นั่งรอคิวกันโดยมีต้นว่านนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างผมกับจิราซึ่งถือว่าดีมากเพราะจิราปล่อยชิวาว่าที่ชื่อครีมลงทำให้สามารถปีนป่ายไปบนตักของต้นว่านได้สะดวก


“เชิญคิวต่อไปครับ” เสียงเรียกจากพนักงานทำให้ทั้งผมเอ่ยลาจิราก่อนจะเดินตามต้นว่านไปอย่างโล่งอก


ในที่สุดก็ถึงคิวสักที...


“เคยมารึยังครับ?” สัตว์แพทย์หนุ่มที่เดินมาเอ่ยถามอย่างเป็นมิตร


“ยังครับ” ต้นว่านตอบแทน


“งั้นขอทำประวัติก่อนละกัน จากที่ดูสายพันธุ์นี้คล้ายหมาป่าเลยนะ ผสมรึเปล่า?” อีกฝ่ายยังคงถามต่อ


“เปล่าครับ นี่ชื่อมะนาวเป็นสุนัขพันธุ์เชคโกสโลวัคเกี้ยน วูล์ฟด็อกครับ”


คุณหมออึ้งไปเล็กน้อย รู้สึกว่าจะดังจริงๆ เลยนะไอ้พันธุ์เชคโกสโลวัคเกี้ยน วูล์ฟด็อกอะไรเนี่ย


หลังจากจัดการทำประวัติเรียบร้อยแล้วก็เริ่มต้นการตรวจร่างกาย ยิ่งพอรู้ว่าเป็นสุนัขหายาก คุณหมอก็ยิ่งตรวจให้อย่างละเอียดมากขึ้น ผลที่ออกมาคือร่างกายจะแข็งแรงปกติไม่มีปัญหาอะไร


“ทางเจ้าของอยากทำการอัลตร้าซาวด์ไหมครับ” คุณหมอถามต่อ


“พี่ใบไผ่เอายังไงดีครับ” ต้นว่านหันมาขอความเห็น


“แล้วแต่ต้นว่านเลย”


“พี่อยากรู้ไหมว่ามะนาวมีลูกกี่ตัว”


“รู้ก็ดีนะ” จะได้ทำใจไว้บ้าง


“งั้นหมอจะพาไปอัลตร้าซาวด์นะครับ”



::ต้นว่าน::


ผลจากการอัลตร้าซาวด์ทำให้ผมยิ้มแก้มแทบปริตลอดการเดินทางกลับบ้าน ผิดกับคนที่ขับรถอยู่ในขณะนี้ ใบหน้าขาวอมชมพูดูจะกังวลเล็กน้อยอาจเพราะรู้ว่าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่กำลังจะออกมาลืมตาดูโลกมีมากถึง 3 ชีวิตก็ได้


คิดแล้วก็ตลกดีที่ได้เห็นใบหน้าเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างของพี่ใบไผ่ตอนที่รู้ แถมยังได้รู้อีกว่าพี่ใบไผ่ปิดเรื่องที่กลัวสุนัขไม่ให้คนในบริษัทรู้ แบบนี้ก็เหมือนเป็นความลับระหว่างเราเลยน่ะสิ...พอคิดแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา


“พี่ขับรถไหวแน่นะ” ผมหันไปถามพี่ใบไผ่ที่ทำหน้าเหมือนใกล้เป็นลมเต็มที


“ขับรถน่ะไหว”


“แต่เรื่องลูกของมะนาวไม่ไหวใช่ไหมครับ” ผมต่อสิ่งที่อีกฝ่ายน่าจะคิดออกไป


“ก็รู้นี่”


ผมปล่อยให้พี่ใบไผ่ขับรถต่อไปเงียบๆ โดยตัวเองเปลี่ยนมาเล่นกับมะนาวซึ่งส่ายหางไปมาไม่หยุดด้วยรอยยิ้ม...ยิ่งได้รู้ว่าอีกไม่ถึงเดือนจะได้เห็นเจ้าตัวเล็กๆ ออกมาแล้วก็ยิ่งดีใจมากขึ้นไปอีก แต่การที่พี่ใบไผ่ไม่ชอบสุนัขเท่าไหร่...คงไม่ได้คิดจะเอาลูกของมะนาวไปขายหรอกนะ


ผมคิดขณะเดินจูงมะนาวเข้ามาภายในบ้านสองชั้นสีขาวโดยที่มีพี่ใบไผ่ทิ้งตัวลงที่โซฟาสีน้ำตาลยาวอย่างหมดแรง สำหรับพี่ใบไผ่ครั้งนี้ถือว่าทำได้ดีเกิดคาด คงเป็นเพราะมีลูกน้องที่ไม่รู้ความลับของพี่เขาอยู่เลยทำให้ต้องพยายามมากกว่าปกติ


“พี่ใบไผ่”


“ฮือ?” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนปรือขึ้นมาสบเล็กน้อย


“พี่คงไม่...เอ่อ...ไม่มีอะไรครับ” จะให้ถามออกไปได้ยังไงล่ะว่าจะขายลูกของมะนาวไหม สุนัขของตัวเองก็ไม่ใช่ ถ้าพี่เขาอยากขายก็คงทำอะไรไม่ได้ถึงจะเสียดายก็ตามที


ถึงจะอยากได้มาเลี้ยงมากขนาดไหน แต่ถ้าแค่ค่าอาหารยังไม่มีปัญญาหาเงินมาซื้อ แล้วจะกล้าเลี้ยงได้ยังไง


ผมไม่มีทั้งเวลา และก็ไม่มีทั้งเงินด้วย...


“ต้นว่าน” ดวงตาสีสวยลืมขึ้นเต็มตาก่อนจะหรี่ลงเล็กน้อยระหว่างเรียกชื่อผม


“ครับ”


“มานั่งนี่” มือเรียวกวักเรียกให้ผมไปนั่งที่โซฟาตัวยาวที่พี่เขานั่งอยู่


“ไม่เป็นไรครับ พี่มีอะไรพูดมาเลย” จะให้ไปนั่งทัดเทียมกับเจ้าของบ้านก็ดูยังไงๆ อยู่


“ต้นว่าน” เสียงนุ่มที่เข้มขึ้นเล็กน้อยไม่ได้ทำให้รู้สึกกลัวสักนิด


“มีอะไรครับ”


“ไม่ได้กลัวกันเลยนี่” อีกฝ่ายพึมพำเบาๆ


“ผมไม่รู้ว่าคนอื่นกลัวไหม แต่สำหรับผมต่อให้พี่จะทำเสียงแข็งผมก็ไม่กลัวหรอก”


“งั้น...ต้นว่านครับ” ตาผมเบิกกว้างเมื่อเสียงแข็งๆ ตรงหน้าเปลี่ยนมาเป็นเสียงออดอ้อนแทน “ต้นว่านมานั่งกับพี่นะ...นะครับ”
แล้วไหนจะสายตาที่ส่งมาอีกนั่น...


“...ครับ” ทำเอาผมไม่อาจปฏิเสธได้


ไม่รู้ว่าพี่ใบไผ่ใช้วิธีนี้กับทุกคนไหม แต่บอกเลยว่าถ้าใช้ ไม่ว่าใครก็ไม่รอดทั้งนั้นแหละ


เมื่ออีกฝ่ายเห็นผมเดินมานั่งลงข้างๆ ก็ส่งยิ้มกว้างแสดงถึงชัยชนะออกมาอย่างไม่อายใคร ...โดนจับจุดอ่อนได้ซะแล้ว


พี่ใบไผ่เป็นคนที่อ้อนไม่ได้น่ารักแต่น่ามองมาก ทุกครั้งที่ได้ยินหรือได้เห็นมันเหมือนกับถูกสะกด ทางเดียวที่จะหนีได้คืออย่าไปสบตา เพราะแค่ฟังเสียงอย่างเดียวอาจจะยังพอหนีได้


“มีอะไรจะถามพี่เหรอ”


“ไม่มีครับ” ผมรีบตอบกลับไป


“พี่เหมือนคนที่จะถูกหลอกได้ง่ายๆ สินะ”


“เปล่านะครับ”


“งั้นก็บอกมา” อีกฝ่ายยังคงตื้อไม่หยุด


“...ไม่มีอะไรจริงๆ ครับ” ผมยังคงโกหกต่อไปแม้จะรู้ว่าไม่ดี ไม่อยากเอาความเอาแต่ใจของตัวเองไปทำให้พี่เขาลำบาก


“ต้นว่าน...อย่าหลบตาสิมองตาพี่” พูดจบมือเรียวก็สัมผัสที่ใบหน้าผมพร้อมกับเงยขึ้นจนดวงตาของเราประสานกัน


“...”


“พี่จะถามครั้งสุดท้าย มีอะไร”


ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจนเกือบทองไม่ได้จ้องมาอย่างคาดคั้น ตรงกันข้ามมันกลับดูเหมือนกำลังขอร้องให้บอก แล้วแบบนี้เขาจะปากแข็งต่อไปได้ยังไง


“พี่...คงจะไม่ขายลูกของมะนาวใช่ไหมครับ”


ทำไมเวลาที่ถูกพี่เขาจ้องตาถึงได้เป็นแบบนี้ตลอดเลยนะ ทั้งที่กับคนอื่นไม่เป็นแท้ๆ


“ขาย? อ้อ...จะว่าไปก็ขายได้นี่นะ”


“...” ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งไปชี้โพรงให้กระรอก เพราะคำพูดแบบนั้นแปลว่าตอนแรกพี่ใบไผ่ไม่คิดจะขายแต่พอผมถามก็นึกได้ว่ามีวิธีนี้อยู่


ให้ตายสิ...ไม่น่าเลยจริงๆ


“ต้นว่านไม่อยากให้พี่ขายใช่ไหม” อีกฝ่ายถามกลับก่อนจะปล่อยมือที่สัมผัสใบหน้าผม


“...ผมไม่มีสิทธิ์” ไม่มีสิทธิ์ที่จะบอกว่าไม่ให้ขายในเมื่อมะนาวเป็นสุนัขของพี่


ผมเป็นแค่คนอื่น...


“รู้สึกว่าเราจะตอบไม่ตรงคำถามนะ...”


“...”


“พี่ดูเป็นคนที่หยิ่งและถือตัวสินะ” อยู่ๆ พี่ใบไผ่ก็เปลี่ยนคำถามพร้อมกับเอนตัวพิงกับโซฟา


“ไม่เลยสักนิด” ผมตอบโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด


พี่ใบไผ่ไม่ได้ดูหยิ่งหรือถือตัวเลยสักนิดเดียว ถึงจะมีฐานะดีกว่าแต่ก็ยังพูดคุยกับผมเหมือนคุยกับคนปกติทั้งๆ ที่ความจริงไม่จำเป็นเลยสักนิด


“ไม่จริงหรอก ถ้าไม่ใช่แบบนั้นเราคงจะไม่พูดว่าไม่มีสิทธิ์ สิ่งที่ต้นว่านพูดเหมือนกับจะบอกว่าถึงบอกไปพี่ก็ไม่มีวันทำตามที่บอก” คนข้างๆ พูดพร้อมกับเงยหน้ามองเพดานสีขาวด้านบน


“...พี่...ไม่ใช่นะ ผมแค่...” พี่เข้าใจผิดแล้ว


“แค่?”


“...พี่เป็นเจ้าของมะนาว”


“อืม...แต่เราเป็นคนดูแล”


“ก็ใช่ แต่...ก็เป็นแค่นั้น” แค่ดูแลจะมีสิทธิ์เท่าเจ้าของได้ยังไงกัน


“พี่จะพูดครั้งเดียว สำหรับที่อื่นพี่ไม่รู้ว่าเป็นยังไงแต่สำหรับพี่คนดูแลมีสิทธิ์มากกว่าเจ้าของ”


“พี่ใบไผ่!” ผมหันกลับไปมองหน้าคนด้านข้างด้วยความตกใจ


พี่พูดอะไรออกมาน่ะ ...มีสิทธิ์มากกว่า?


“เอาล่ะ ทีนี้ตอบมาได้รึยังว่าต้นว่านไม่อยากให้พี่ขายลูกของมะนาวใช่ไหม”


คำถามเดิมถูกถามย้ำอีกรอบแต่ครั้งนี้ไม่ได้มีสายตาคู่สวยหันมาสบ พี่ใบไผ่ยังคงเงยหน้ามองเพดานอยู่ทั้งแบบนั้น เหมือนอีกฝ่ายอยากให้เวลาผมคิดและตอบ


“ครับ...ผมไม่อยากให้พี่ขาย” สุดท้ายก็ยอมบอกไปตามตรง


“ก็แค่นั้น ทำไมมันพูดยากนักฮึ” ทันทีที่พูดจบพี่ใบไผ่ก็หันมาส่งยิ้มให้พร้อมกับยกมือสองข้างขึ้นมาขยี้เส้นผมสีดำของผมจนยุ่งไปหมด โดยส่วนตัวผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับหัวตัวเองนัก แต่น่าแปลกที่พอเป็นพี่ใบไผ่ ผมกลับไม่รู้สึกอยากผลักไสสัมผัสนี้เหมือนอย่างทุกที


“...พี่จะทำตามที่ผมบอก?” ผมถามออกไปตามตรง


“บอกแล้วไงว่าคนดูแลมีสิทธิ์มากกว่าเจ้าของ”


“แต่นี่บ้านพี่นะ” จะทำตามผมที่เป็นคนนอกพูดจริงๆงั้นเหรอ


“ก็ใช่ แต่ถ้าเราสัญญาว่าจะฝึกเจ้าตัวเล็กๆ ที่จะเกิดมาให้ฟังคำสั่งเหมือนมะนาวพี่ก็ไม่มีปัญหา”


“ผมสัญญา...จะทำให้ได้แน่นอนครับ” ผมสัญญาเสียงหนักแน่น


ถ้าเรื่องฝึก ผมมั่นใจว่าตัวเองทำได้แค่อาจต้องใช้เวลาสักหน่อย


“โอเค เรื่องลูกของมะนาวเป็นอันจบ เรามาว่าเรื่องต่อไปกันดีกว่า” พี่ใบไผ่ปรบมือครั้งหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูด


“เรื่องต่อไป?”


“ใช่...ตอนนี้เราเป็นคนดูแลมะนาวอย่างเป็นทางการแล้ว”


“ใช่ครับ”


“แล้วก็ยังมีหน้าทำความสะอาดภายในและนอกบ้านด้วย”


“ครับ”


เรื่องพวกนี้พี่ใบไผ่ก็บอกตั้งแต่วันแรกแล้วเหมือนกัน ไม่เข้าใจว่าจะทวนซ้ำทำไม หรือว่ากลัวผมลืม?


“ทำหน้าเหมือนงงว่าพี่จะพูดทำไมใช่ไหม”


“...ก็...ครับ”


“เข้าเรื่องเลยละกัน เราอยากได้ค่าจ้างเป็นรายวันหรือรายเดือน?”


สิ่งที่พี่ใบไผ่พูดทำให้นึกออกว่าเรายังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้เลย ความจริงก็อยากจะบอกว่าไม่ต้อง แต่เพราะคงไปหางานพิเศษแถวนี้ทำไม่ได้แล้วแถมครอบครัวก็ยังต้องใช้เงินอีก เลยทำได้แค่บอกว่า “เอาที่พี่สะดวกเลยครับ” เพราะเรื่องค่าจ้างแต่ละที่ให้ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ถ้าเป็นพวกพนักงานเสิร์ฟจะได้เป็นรายเดือน แต่ถ้าเป็นพวกพนักงานล้างจานก็จะได้เป็นรายวัน


“พี่ก็สะดวกทั้งสองแบบนะ”


“ถ้าแบบนั้น...ผมขอเป็นรายวันได้รึเปล่าครับ”


ถ้าเป็นรายวันก็จะได้มีเงินไปซื้ออาหารหรือของอย่างอื่นเข้าบ้านได้ไม่ต้องรอจนถึงช่วงปลายเดือน


“ไม่มีปัญหา แต่บางวันพี่คงไม่ได้อยู่ที่นี่ อ้อ...ช่วงนี้คงต้องอยู่ตลอดงั้นไว้ค่อยคิดทีหลังละกัน”


“ครับ”


“แล้วงานที่ทำอยู่นี่ได้ค่าจ้างเท่าไร” พี่เขายังคงถามต่อ


“แต่ละที่ไม่เท่ากัน บางทีก็ขึ้นอยู่กับชั่วโมงที่ทำงานหรือความพอใจของเจ้าของร้าน” ผมตอบไปตามตรง


“ความพอใจ? ดีเลย...เอาแบบนั้นก็ได้”


“ครับ?” แบบไหน?


“พี่จะให้ค่าจ้างตามความพอใจของพี่ที่เป็นเจ้าของบ้านตกลงนะ”


“ครับ”


เรื่องนี้ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ถึงจะได้น้อยหน่อยก็ไม่เป็นไรเพราะการมาดูแลมะนาวกับบริเวณบ้านเป็นเรื่องที่ถ้าทำเป็นประจำคงไม่ยุ่งยากเท่าทำงานพิเศษอย่างอื่น


“ห้ามมาบ่นหรือไม่พอใจนะ” อีกฝ่ายยังคงย้ำ


“แน่นอนครับ” ผมจะบ่นคนที่จ้างได้ยังไงกัน


“พูดแล้วนะ...งั้นนี่ส่วนของวันนี้” พูดจบพี่ใบไผ่ก็หยิบกระเป๋าเงินสีดำที่แค่ดูก็รู้ว่าราคาของมันคงมีมูลค่าไม่แพ้ธนบัตรที่อยู่ข้างในแน่


“หลับตาแล้วแบมือต้นว่าน”


“ครับ?” ทำไมผมต้องหลับตาด้วยล่ะ


“เร็วสิ...หลับตาแล้วแบบมือด้วย”


“...ครับๆ”


เมื่อไม่มีทางเลือกผมจึงค่อยๆ หลับตาลงพร้อมกับยื่นมือออกไป ไม่นานก็สัมผัสได้ถึงธนบัตรที่ถูกวางไปประมาณสองถึงสามใบ นั่นทำให้ผมที่หลับตาอยู่รู้สึกโล่งอกเพราะพี่เขาไม่ได้ให้เยอะเกินความจำเป็นอย่างที่กังวลในตอนแรก


“ลืมตาได้” พี่ใบไผ่บอกพร้อมกับลุกขึ้นจากโซฟา


ทันทีที่ผมลืมตาขึ้นมาเห็นธนบัตรสามใบที่อยู่ในมือ คิ้วทั้งสองข้างก็ขมวดเข้าหากันแน่นก่อนจะหันกลับไปมองพี่ใบไผ่ที่ก้าวยาวๆ ไปยังประตูห้องนอน


“พี่ใบไผ่! นี่มันอะไรครับ” ผมยิงคำถามพร้อมกับลุกขึ้นเดินตามเจ้าของบ้านพ่วงด้วยตำแหน่งผู้ว่าจ้างไปติดๆ


“ค่าจ้างไง”


“ผมรู้ว่าค่าจ้าง แต่นี่มันตั้งสามพันเลยนะครับ”


ทำที่อื่นอย่างมากก็วันละสามร้อยแถมยังไม่ใช่งานง่ายๆ ด้วย แล้วนี่อะไร...แค่มาดูแลมะนาวที่ตัวผมเองก็อยากทำอยู่แล้ว และทำความสะอาดบ้านหนึ่งหลังซึ่งก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย ทำแค่นี้ยังไม่ถึงครึ่งของเวลาที่ผมไปทำงานอย่างอื่นเลย ทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้นแต่กลับได้ตั้งสามพัน


“เราพูดเองนะว่าจะไม่บ่นหรือไม่พอใจ” พี่ใบไผ่ท้วงสิ่งที่ผมพึ่งพูดไปก่อนหน้านี้


“ก็ใช่แต่ว่านั่นมัน...”


ใครจะคิดว่าพี่จะให้มากขนาดนี้เล่า!


“พี่ให้ตามความพอใจ ถ้าวันพรุ่งนี้เราทำงานไม่ดีพี่อาจลดเหลือสามร้อยก็ได้”


“พี่ควรลดตั้งแต่วันนี้แล้วครับ” ผมเถียงพร้อมกับเดินตรงไปหาอีกฝ่ายเพื่อจะคืนเงิน


“หยุดเลย ตอนนี้พี่ต้องการสมาธิในการทำงานห้ามเข้ามารบกวนไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม” ฝ่ายถูกตามรีบเอ่ยปากห้ามพร้อมกับหลบเข้าไปในห้องนอนอย่างรวดเร็ว


นี่คิดไว้แล้วสินะถึงได้เตรียมที่หนีไว้แบบนี้...


“พี่ใบไผ่!” ผมรีบวิ่งไปโดยคิดว่าต้องทันก่อนที่ประตูจะปิดแน่นๆ แต่...


ปัง!


“อ้อ...ให้อาหารมะนาวเสร็จก็ปิดประตูบ้านแล้วกลับได้เลยนะ” เสียงนุ่มดังขึ้นจากอีกฝั่งของประตูโดยไม่ฟังคำค้านของลูกจ้างตัวเองสักนิด


“พี่ใบไผ่!”


“เจอกันพรุ่งนี้ ฝันดีนะต้นว่าน”


“พี่ใบไผ่!” เป็นครั้งที่สามที่ผมตะโกนเรียกคนที่อยู่ภายในแต่กลับไม่มีการตอบสนองเลยแม้แต่นิดเดียว...ให้ตายสิ ทำไมถึงดื้อแบบนี้นะ


หงิ๋ง~


เสียงครางพร้อมกับขนสามสีนุ่มๆ ที่เข้ามาคลอเคลียเรียกความสนใจของผมให้หันไปหา มะนาวที่นอนอยู่เงียบๆ เดินเข้ามาแบบนี้แปลว่าเริ่มหิวแล้ว ผมจึงตัดใจเรื่องที่จะคืนเงินแล้วไปทำหน้าที่ของตัวเอง


ในเมื่อพี่ใบไผ่ยืนกรานขนาดนั้น… ก็ได้ๆ ผมจะทำงานให้คุ้มค่าจ้างสามพันบาทเลยคอยดูสิ!


................................................................................

สวัสดีค่ะ

มาอัพต่อแล้วว

มีหลายคนถามว่ามะนาวไปท้องกับใครมาคงไม่ใช่น้องหมาพันธุ์ทางใช่ไหม

บอกเลยค่ะว่าไม่ได้ท้องกับพันธุ์ทางค่ะ เป็นพันธุ์แท้ๆเลยเพราะงั้นไม่ต้องกังวลกันนะคะ

ขอประกาศอีกสักรอบนะคะว่าอาทิตย์หน้าของดอัพเนื่องจากติดสอบทั้งอาทิตย์

ปกติที่ม.เราจะให้สอบ2อาทิตย์แต่ด้วยเหตุผลบางการซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าคืออะไรทำให้มีการจัดสอบเพียงแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น

ด้วยเหตุนั้นเราจึงขอหยุดอัพหนึ่งอาทิตย์เพื่อสอบค่า

รอกันหน่อยนะคะ จะรีบกลับมาต่อหลังสอบเสร็จ

สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังใจที่มีให้เสมอมานะคะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า

บ๊ายบายค่ะ

-Rewrite- >> อัพรีไรท์ต่อค่า 16/05/61

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-05-2018 21:31:19 โดย nicedog »

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
คิดถึงน้องหมาที่บ้านทันที อิอิ นานแค่ไหนก็รอค่าา

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
แบบนี้ก็ดีมะนาวจะได้มีลูกอยู่เป็นเพื่อนไม่ต้องเหงา

 :pig4:  :pig4:  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ darksnow

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สู้ๆจ้า รอได้ พี่ใบไผ่น่าชวนว่านมาอยู่ด้วยเลย ถ้ามะนาวคลอดนี่ พี่ใบำผ่ตายแน่ๆ

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
หลงรักมะนาว อ่านแล้วอยากกลับไปเลีัยงหมา

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
ถ้าจะให้คุ้มนะต้นว่านต้องดูแลเจ้าแบบลึกซึ้งด้้วย :hao3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด