-Rewrite- When we found love พบรัก ▪×พบรักพิเศษ×▪ P.9 5/06/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -Rewrite- When we found love พบรัก ▪×พบรักพิเศษ×▪ P.9 5/06/61  (อ่าน 102131 ครั้ง)

ออฟไลน์ เสพศิลป์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
 :ling1: :ling1: ค้างคา มาต้อด่วนๆเลยค้า

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เอาแล้วๆ งานเข้าเลยคุณบอส ง้อด่วน!!! สนุกมากเลยคับ

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
แง่วว ต้นว่านฟังใบไผ่ก่อนนน

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
หาทางขอโทษน้องเลย

ออฟไลน์ b2friend

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อ่านรวดเดียว....สนุกมากเลยค่ะ
บอสจะง้อน้องว่านยังไงน้า :impress2:

ออฟไลน์ darksnow

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
งานเข้าพี่ใบไผ่เลย... ใจเย็นๆนะต้นว่าน ฟังพี่เค้าก่อนน

ออฟไลน์ Pakeleiei

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 850
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
งานเข้าเลยยยยยย
มาต่อน้าาาาา

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
งานเข้าแล้วพี่ใบไผ่
เจตนาดี แต่อธิบายไม่ได้
ต้นว่านโกรธมากเลยอะ
ไปง้อน้องเลยนะะะะ
รอค่าา

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
งานเข้าล้าววว

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
รีบตามไปจับต้นว่านกด(?)ไว้เร็ว จะได้ไม่วิ่งหนีเตลิดไปไกล~ :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Babelilong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 304
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • Facebook  เข้ามาขอเป็นเพือนได้เลย
งานเข้าค่ะบอสสสสสส

 :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :z1: ต้นไผ่เจ้าเล่ห์จนได้เรื่องเลย  :katai1: ต้นว่านเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรีไม่แปลกที่จะโกรธน่ะ ยังไงก้อรีบอธิบายซะน่ะจ้ะ ยังไงต้นว่านก้อแพ้ลูกอ้อนอยู่แล้ว อ้อนให้มากเข้าไว้จะดีเอง  :mew4:
เรื่องนี้มีแค่สิบกว่าตอนเองเรอะ อยากได้สักยี่สิบอ่ะ ชอบมาก น่ารัก  :mew3:

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
                                 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
เซอร์ไพรส ไปอีกกก

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
รอรอรอรอรอรอรอรอคร้าบบ

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
พบรัก ▪×วันที่10×▪



บรรยากาศยามเที่ยงที่ร้อนระอุจากดวงอาทิตย์ไม่ได้ทำให้นักศึกษาจบใหม่อย่างผมรู้สึกร้อนเท่าตอนที่ได้เห็นใบหน้าของประธานหนุ่มของบริษัทศิริวัฒนิวงศ์เลยสักนิด ความร้อนที่กำลังปะทุอยู่ในอกนั่นไม่ใช่ทั้งความโกรธและความหงุดหงิดเพราะประธานยังหนุ่มที่ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่บอกความจริง  แต่เป็นความโกรธและหงุดหงิดที่ตัวเองดูพึ่งพาไม่ได้ถึงขนาดพี่ใบไผ่ต้องยอมมาช่วยถึงขนาดนี้


การกระทำของพี่ใบไผ่เหมือนจะบอกกลายๆ ว่าถ้าไม่ใช่บริษัทของพี่เขา ต่อให้ไปสมัครที่ไหนก็ไม่มีทางได้งาน ซึ่งนั่นทำให้ผมรู้สึกสมเพชตัวเองที่ทำอะไรเองไม่ได้ ต้องคอยแต่ให้อีกฝ่ายช่วยเหลือตลอด


ยิ่งนับวัน สิ่งที่เหมือนเป็นตะกอนขุ่นๆ อยู่ภายในหัวใจก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นทีน้อย และมันเริ่มเด่นชัดขึ้นเมื่อได้ยินคำว่าคนพิเศษออกมาจากปากของพี่ใบไผ่


สำหรับผมพี่ใบไผ่เป็นคนพิเศษ...เป็นมานานแล้วด้วย


ผมไม่ใช่เด็กๆ ที่เพิ่งหัดชอบใครแล้วจะไม่รู้ใจของตัวเอง ผมรู้ตัวดีว่ากำลังคิดเกินเลยกับเจ้าของบ้านมากขึ้นทุกวันๆ ตั้งแต่ที่ได้เจอกันในวันแรกดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจนเกือบทองที่มักจะทอประกายแห่งความสุขจะเปลี่ยนเป็นเศร้าและออดอ้อนทันทีเมื่อไม่ได้สิ่งที่ต้องการ หลายๆ คนอาจไม่ชอบความเอาแต่ใจแบบนั้น แต่สำหรับผมกลับไม่ได้มองว่ามันคือความเอาแต่ใจเพราะพี่ใบไผ่บอกเองว่าทำแบบนั้นแค่กับผมเท่านั้น


พี่ใบไผ่จะอ้อนแค่กับผม...กับผมคนเดียว


ได้ยินแบบนั้นหัวใจก็เต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาจากอกด้วยความดีใจ ความรู้สึกในตอนนี้มันเกินคำว่าชอบแต่ก็ต้องระงับมันเอาไว้ ถึงจะรู้ว่าได้เป็นคนพิเศษ แต่ก็ไม่รู้ว่าพิเศษแบบไหน และผมก็ไม่กล้าที่จะคิดเข้าข้างตัวเอง


ระยะห่างของเราอาจแคบลงจนแทบไม่เหลือช่องว่าง แต่ในเรื่องของฐานะมันยังกว้างมากและกว้างขึ้นไปอีกเมื่อได้รู้ความจริงว่าพี่ใบไผ่เป็นถึงประธานของบริษัทศิริวัฒนิวงศ์ที่ผมมาสัมภาษณ์ในวันนี้


“ต้นว่าน!” พี่ใบไผ่ตะโกนเรียกชื่อผมดังลั่นหน้าบริษัทตัวเองอย่างไม่อายพนักงานโดยรอบ


“อย่าตามผมมานะ!” ผมตะโกนกลับไปโดยไม่หันไปมอง เพราะถ้าหันไปก็รู้เลยว่าตัวเองต้องหยุดรอตามที่อีกฝ่ายบอกแน่ๆ พี่ใบไผ่เป็นคนที่มีเสน่ห์ดึงดูดมาก โดยเฉพาะกับผมเสน่ห์นั่นมันดูจะมีมากเป็นพิเศษ


“ฟังพี่ก่อนสิต้นว่าน!” คนวิ่งตามมายังคงตะโกนต่อแต่ผมก็ไม่หยุดก้าวขา


ตอนนี้ยังไม่อยากเจอหน้า


ยังไม่อยากพูดคุย


ยังไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น


ขออยู่คนเดียวสักพักเมื่อสงบสติได้ผมจะไปหาพี่เองเพราะงั้น...


“กลับไปเถอะพี่ใบไผ่”


หมับ!


“พี่จะไม่กลับไปไหนทั้งนั้นถ้ายังคุยกับเราไม่รู้เรื่อง” อีกฝ่ายอาศัยจังหวะที่ผมชะลอความเร็ววิ่งเข้ามาคว้าแขนผมไปกอดไว้แน่น ราวกับจะไม่ยอมให้ผมหนีไปไหนได้อีก


“พะ...พี่ ปล่อยก่อน เดี๋ยวคนอื่นจะมองพี่ไม่ดีนะ” ผมพยายามดึงแขนที่ถูกกอดไว้ออกก่อนที่จะมีพนักงานเห็นแล้วเอาไปพูดให้พี่ใบไผ่เสียหาย


ภาพที่ท่านประธานบริษัทใหญ่โตวิ่งมากอดแขนคนธรรมดาแบบนี้ มันดูไม่ดีเอาซะเลย


“ก็ให้มองไปสิ พี่จะไม่ปล่อยจนกว่าต้นว่านจะยอมคุยกับพี่” คนตรงหน้ายังคงดื้อรั้นเหมือนอย่างทุกครั้งที่เป็น


“พี่ใบไผ่...”


“ให้พี่ได้อธิบายสิ่งที่เรากำลังเข้าใจผิดอยู่เถอะนะ พี่ไม่ได้...”


“ผมยอมแล้วๆ เราไปหาที่อื่นคุยกันเถอะ” สุดท้ายผมก็ต้องพูดแทรกก่อนที่พนักงานคนอื่นจะเข้ามามุงมากไปกว่านี้


“ได้ ไปที่ห้องทำงานพี่ก็ได้”


“ครับ ปล่อยผมด้วยพี่ใบไผ่” เป็นอีกครั้งที่ผมพยายามชักแขนออกจากการกอดนั้น


“ถ้าพี่ปล่อย เราจะไม่หนีใช่ไหม” ดูเหมือนพี่ใบไผ่จะระแวงอยู่ไม่น้อยเลยไม่ยอมปล่อยแขนง่ายๆ


“ไม่หนีครับ” ทำเหมือนผมเป็นเด็กงั้นแหละ


“พูดแล้วนะ”


“ครับ ปล่อยผมได้แล้ว” ทันทีที่แรงจากแขนถูกผ่อนลง ผมก็รีบยกแขนขึ้นแล้วเดินกลับเข้าไปในบริษัท่ามกลางสายตาของพนักงานที่มองมาอย่างงงๆ


ห้องทำงานที่พี่ใบไผ่พาไปอยู่ชั้น 8 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของตึกนี้ ภายในห้องถูกตกแต่งด้วยเครื่องเรือนแบบเรียบหรูหราเหมาะสำหรับนั่งทำงานเอกสารและต้อนรับแขก ผมเดินไปนั่งที่โซฟาสีน้ำเงินตรงข้ามกับเจ้าของห้องนี้


“ต้นว่านโกรธพี่ใช่ไหม” พี่ใบไผ่นั่งก้มหน้าพึมพำอยู่แบบนั้นทำเอาผมรู้สึกไม่ดีเลย


“ใช่ ผมโกรธพี่” แต่โกรธตัวเองมากกว่าที่ทำให้พี่ต้องมาลำบากช่วยเหลือกันอยู่ตลอด ถ้ายังเอาแต่พึ่งพาพี่ แล้วเมื่อไหร่ผมจะโตสักทีล่ะ


ผมอยากทำงานและโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่คู่ควรจะอยู่ข้างๆ พี่


“พี่อยากอธิบาย...”


“ไม่ต้องหรอกครับ ผมเข้าใจถึงความใจดีและความเป็นห่วงของพี่ดี พี่ช่วยให้ผมได้งานและอยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างมั่นคง ทั้งที่ผมควรขอบคุณที่พี่ช่วยแต่ผมกลับรู้สึกแย่ที่ไม่สามารถคว้ามันมาได้ด้วยตัวเอง ถึงแบบนั้น...”


“พอแล้วต้นว่าน หยุดพูดแค่นั้นแหละ”


“แต่...” ผมยังมีเรื่องที่อยากบอกอยู่อีกนี่


“เรากำลังเข้าใจผิดอยู่จริงๆ ด้วย”


“เข้าใจผิด?” ตรงไหนกันที่ผมเข้าใจผิด


“จริงอยู่ที่พี่เป็นเจ้าของบริษัทและเป็นคนที่เปิดรับเลขา พี่เป็นคนบอกให้เรามาสมัครโดยไม่บอกความจริงเรื่องนี้ พี่ผิด...พี่ต้องขอโทษด้วย แต่เรื่องที่ต้นว่านผ่านการสัมภาษณ์มันไม่ใช่ฝีมือพี่แน่นอน ถ้าเรายังไม่เชื่อก็ไปถามจิราที่เป็นคนสัมภาษณ์ได้เลย” คนตรงหน้าอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง


“พี่ใบไผ่...” ที่พี่พูดนี่หมายความว่า...


“พี่ไม่เคยใช้อำนาจของตัวเองเพื่อช่วยเราหรอก เพราะพี่รู้ดีว่าต้นว่านมีความสามารถมากพอที่จะมาอยู่ในตำแหน่งนี้ได้โดยที่พี่ไม่จำเป็นต้องยื่นมือไปช่วยสักนิด อย่าเข้าพี่ผิดแบบนั้นสิ”


“พี่...งั้นพี่บอกผมได้ไหมว่าทำไมถึงบอกให้ผมมาสมัครที่บริษัทนี้?” ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ต้องการจะช่วยผม


“พี่ต้องการเรานะต้นว่าน...”


“พี่...”


“พี่ต้องการมากกว่าบริษัทอื่นที่ไม่รู้ถึงความสามารถจริงๆ ของเราอีก แล้วก็...”


“แล้วก็?”


“พี่อยากให้ต้นว่านอยู่ข้างๆพี่” น้ำเสียงที่พูดประโยคนี้ดูเขินอายเล็กน้อย แต่นั่นก็ทำให้ผมยิ้มออก

 
ความรู้สึกเมื่อมีคนต้องการตัวเรานั้นมันดีจนไม่รู้จะอธิบายมันออกมายังไง รู้แค่ว่าอยากจะคว้าตัวคนตรงหน้ามากอดแน่นๆ ซะเดี๋ยวนี้เลย


“ขอบคุณครับ”


ขอบคุณที่พี่ต้องการผม


“เราจะตกลงทำงานกับพี่ใช่ไหม” คนตรงหน้าถามต่อ ดวงตาคู่สวยที่จ้องมาสั่นระริกเหมือนกำลังลุ้นคำตอบที่ผมจะบอก


“แน่นอนครับ”


โอกาสดีๆ ที่จะได้ทั้งงานและได้อยู่ใกล้ชิดกับพี่ใบไผ่มีไม่มาก ทว่าผมก็สามารถคว้ามันมาได้สำเร็จ ผมไม่ได้เชื่อในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดทั้งหมดเพราะอย่างน้อยๆ ในช่วงสัมภาษณ์ตัวต่อตัวกับเจ้าของบริษัทพี่เขาก็ต้องเจอคนที่ดีกว่าหรือถูกใจกว่าบ้างแน่ ถึงอย่างนั้นพี่ใบไผ่ก็ยังเลือกผม


แบบนี้จะไม่เรียกว่าถูกช่วยได้ยังไงล่ะจริงไหม?



วันต่อมาผมตั้งนาฬิกาปลุกรีบตื่นตั้งแต่เช้าตั้งใจจะไปทำงานเร็วๆ ถือว่าเอาฤกษ์เอาชัยในการเข้าทำงานวันแรก ทว่าก่อนจะออกจากบ้านกลับมีสายโทรศัพท์เข้า ไม่ต้องดูหน้าจอก็รู้ว่าเป็นพี่ใบไผ่แน่เพราะโทรศัพท์เครื่องนี้เมมเบอร์ไว้ยังไม่ถึงสิบคนเลย หลังจากรับสายก็ได้รู้ว่าอีกฝ่ายอยากให้ผมไปที่บ้านของเขาก่อน แม้จะงงๆ ไปบ้างแต่ก็ตอบรับไป


ตั้งแต่ลูกสุนัขสายพันธุ์หายากอายุเกินสามเดือนผมก็เลิกนอนค้างที่บ้านของพี่ใบไผ่ อย่างหนึ่งอาจเพราะไม่จำเป็นต้องดูลูกสุนัขเหล่านั้นแบบใกล้ชิดแล้ว อีกอย่างหนึ่งก็เพราะผมพยายามจะไม่เข้าใกล้เจ้าของบ้านมากเกินไป ยิ่งอยู่ใกล้เหมือนความรู้สึกที่ปกปิดไว้มันยิ่งจะระเบิดออกมา แต่แม้จะไม่ได้นอนค้างผมก็ยังต้องมาให้อาหารเช้า-เย็นอยู่ทุกวัน มีช่วงหลังๆ มานี้ที่พี่ใบไผ่เริ่มให้อาหารเม็ดในมื้อเช้าเองได้แล้ว ผมจึงไปแค่ช่วงเย็น


“ต้นว่าน” เสียงของพี่ใบไผ่ดังขึ้นก่อนจะเห็นตัวซะอีก


“พี่ใบไผ่?” ตอนแรกผมก็ยังงงๆ แต่พอมองไปที่เจ้าของบ้าน ผมก็เข้าใจได้ในทันที


เสื้อคอกลมสีฟ้าอ่อนไร้ลวดลายตอนนี้กลับมีรอยประทับสีดำเกิดขึ้นไปทั่วตัว ไม่เพียงแค่เสื้อเท่านั้นแต่กางเกงขาสามส่วนสีเนื้อก็เต็มไปด้วยร่องรอยของโคลนสีดำเปรอะเปื้อนไปหมด


“พวกมะนาวกระโดดใส่พี่”


“อ่า...ผมรู้แล้วครับ” สภาพของเสื้อผ้าเป็นหลักฐานอย่างชัดเจนเลยล่ะ


จะว่าไปช่วงเวลาประมาณตี 4 มีฝนตกลงมาค่อนข้างหนักเลยทำให้สนามหญ้ากลายเป็นแอ่งโคลน พวกสุนัขไม่ว่าสายพันธุ์ไหนก็ชอบเล่นน้ำกันทั้งนั้น และสายพันธุ์เชคโกสโลวัคเกี้ยน วูล์ฟด็อกเองก็เป็นอีกสายพันธ์หนึ่งที่ชอบเล่นน้ำมาก และพวกมันคงจะอยากบอกเจ้าของว่ารู้สึกดีแค่ไหนด้วยการมอบตราประทับไว้บนเสื้อผ้า


“ทำยังไงดีล่ะเนี่ย” พี่ใบไผ่เริ่มทำหน้ากังวล


“เอาเสื้อผ้าไปแช่น้ำก่อนซักจะช่วยได้นะครับ” ผมเสนอ ก่อนจะค่อยๆ เปิดประตูรั้วเหล็กด้านหน้าเข้าไปในตัวบ้าน


“พี่ไม่ได้ห่วงเรื่องเสื้อผ้าหรอก”


“งั้นเรื่องอะไรล่ะครับ” ผมถามกลับ


“ก็...”


บรู๊ววว~


ไม่ถึงสองวินาทีหลังจากเปิดประตู เสียงของมะนาวก็หอนดังลั่นพร้อมกับเจ้าของเสียงที่วิ่งตรงมาด้วยสภาพเนื้อตัวที่หาคำว่าสะอาดไม่เจอ ถัดไปด้านหลังของมะนาวที่วิ่งมาก็มีลูกสุนัขทั้งสามตัว ต้นสน ราตรี และดอกโมกวิ่งตามมาในสภาพที่เขรอะไม่ต่างกัน


“นั่งลงเดี๋ยวนี้!” ผมรีบสั่งเจ้าสี่ขาตรงหน้าเสียงเข้ม ถ้าพวกมันกระโดดใส่ผมพร้อมกันเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหม่ที่พึ่งซื้อต้องกลายเป็นเสื้อสีดำในพริบตาแน่


“นี่แหละที่พี่ห่วง เราช่วยอาบน้ำพวกมะนาวหน่อยได้ไหม” พี่ใบไผ่หันมาถามด้วยใบหน้าเหนื่อยๆ


“ได้สิครับ แต่ต้องเป็นตอนเย็นนะครับ”


“ทำไมต้องตอนเย็นด้วย”


“พี่คงไม่ลืมนะว่าวันนี้ผมต้องไปทำงานวันแรกน่ะ” จะให้ไปสายตั้งแต่วันแรกได้ยังไงกัน


“อ้อ...ใช่ๆ พี่ไม่ลืมหรอก แต่เราไม่ต้องไปที่บริษัทหรอกนะ”


“ฮะ?” คำพูดของคนตรงหน้าทำเอาผมถึงกับขมวดคิ้วแน่น


ไม่ให้ไปบริษัทแล้วจะทำงานยังไงกัน


“เราเป็นเลขาส่วนตัวพี่ เพราะงั้นสิ่งที่ต้องทำคือการช่วยพี่จัดการงานเอกสารทั้งหมดที่เลขาคนอื่นๆ ส่งมา”


“เพื่อจะทำแบบนั้นได้ ผมก็ต้องไปที่บริษัทสิ”


“ไม่ต้องหรอก พวกเอกสารจะถูกส่งมาทางระบบเครือข่ายของบริษัท เราใช้โน้ตบุ๊กของพี่ที่วางอยู่จัดการเรื่องงานที่ส่งมาได้เลย อีกอย่างพี่ไม่ค่อยชอบเข้าบริษัทเท่าไร ดังนั้นคนที่เป็นเลขาส่วนตัวพี่ก็ต้องทำงานนอกสถานที่แบบนี้แหละ”


“แต่แบบนั้นมันไม่แฟร์กับพนักงานคนอื่นๆ นะครับ” ผมค้านเสียงแข็ง


ก็มันจริงไหมล่ะ การที่พนักงานคนอื่นต้องมาทำงานตั้งแต่ 8 โมงเช้ายัน 5 โมงเย็น แต่ผมกลับได้มานั่งทำงานสบายๆ ที่บ้านของพี่ใบไผ่เท่านั้น


“ไม่แฟร์? ถึงจะทำงานที่นี่แต่บอกเลยว่าเหมือนทำที่บริษัททุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเวลาเข้างานที่ต้องมาก่อน 8 โมง หรือกลับได้ตอน 4 โมงครึ่ง การทำงานก็เรียกว่าหนักกว่าพนักงานคนอื่น เพราะเอกสารที่ถูกส่งมา เราต้องเป็นคนสรุปให้พี่ฟังพร้อมวิเคราะห์มาด้วยว่าควรจะจัดการตามเอกสารที่ว่ามาไหมก่อนจะเอามาให้พี่เซ็น พูดแบบนี้แล้วจะบอกว่าไม่แฟร์อีกไหม” อีกฝ่ายอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจังแถมกอดอกทำหน้านิ่งราวกับจะบอกว่าต่อให้ทำงานที่นี่ก็ไม่ได้สบายอย่างที่ผมคิด


“พี่ห้ามใจดีกับผมนะ” นี่เป็นคำขอเพียงอย่างเดียวก่อนเริ่มงาน การที่รู้จักตัวตนของพี่ใบไผ่ดีนั้นทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายใจดีมากแค่ไหน ผมกลัวว่าถ้าเกิดผมทำอะไรพลาดไป พี่ใบไผ่ก็จะปล่อยผ่านเพราะเห็นแก่ที่เรารู้จักกัน


“พี่แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้นะต้นว่าน ในเวลาทำงานพี่เป็นเจ้านายที่จะตำหนิทุกอย่างหากเราทำพลาด แต่ถ้าอยู่นอกเวลางานพี่จะเป็นพี่ใบไผ่ของต้นว่านเหมือนเดิม” คำพูดพร้อมรอยยิ้มกว้างที่ส่งมาทำให้คนฟังต้องกำมือแน่นเพื่อข่มอารมณ์ที่อยากจะคว้าตัวพี่เขามากอดไว้แน่นๆ


ครั้งแรกที่ได้กอดกันมันรู้สึกดีมากจนไม่อยากจะปล่อยคนในอ้อมกอดให้หลุดไป


อยากจะผูกขาดคนคนนี้ไว้แต่เพียงผู้เดียว


แค่ได้กอด ความรู้สึกบ้าๆ พวกนี้ก็กรูเข้ามาจนน่าโมโห เพราะรู้ว่าในตอนนี้ตัวเองไม่มีสิทธิ์อะไรที่ทำแบบนั้นได้ สิ่งที่ทำได้คือต้องเติบโตขึ้นเพื่อเป็นคนที่คู่ควรให้เร็วที่สุดเท่านั้น


“ผมจะทำให้ดีที่สุด” จะไม่ให้พี่ต้องผิดหวังที่เลือกรับผมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท


“ดีมาก มีคำสั่งและงานแรกให้เริ่มทำเดี๋ยวนี้ ได้ไหม”


“ได้สิครับ” ผมรีบตอบ งานแรกที่ต้องทำคงไม่พ้นการเปิดไฟล์งานเอกสารมาอ่าน ทำความเข้าใจ และสรุปก่อนนำมาให้พี่ใบไผ่ ถึงจะยังกังวลแต่ผมก็พร้อมที่จะทำแล้ว


“ดี ไปเปลี่ยนชุดซะ ในห้องที่เรานอนยังมีเสื้อผ้าอยู่พี่เห็น เอาเสื้อสีมืดๆ หน่อยนะ”


“พี่ใบไผ่...” ผมเรียกอีกฝ่ายเสียงอ่อยเพราะคาดการณ์ได้ว่าพี่ใบไผ่ต้องการให้ทำอะไร


“เปลี่ยนเสร็จแล้วก็ช่วยอาบน้ำพวกตัวแสบทั้งสี่ตัวด้วยนะ” พูดจบอีกฝ่ายก็ส่งรอยยิ้มกว้างมาให้


“พี่...นี่มันไม่ใช่งานของบริษัท” เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด


“ไม่ใช่แล้วเราทำให้ไม่ได้เหรอ” น้ำเสียงเศร้าๆ มันมาอีกแล้ว


“แต่มันอยู่ในเวลางาน ถ้างานพี่ไม่เสร็จขึ้นมาล่ะ”


ไม่ได้นะ จะหลงกลไม่ได้


“เรามาทำแค่งาน คงไม่อยากดูแลพวกมะนาวอีกแล้วสินะ” คนแสนงอนหรี่ตาลงเล็กน้อย นั่นยิ่งทำให้ใบหน้าดูเศร้ามากขึ้นไปอีก


“ไม่ใช่นะครับ ผมแค่เห็นว่ามันอยู่ในเวลางาน”


“เริ่มงานช้าไปชั่วโมงนึงคงไม่เป็นไรหรอก เราคงไม่อยากให้พื้นบ้านที่เพิ่งถูไปเละเทะหรอกเนอะ ช่วยอาบน้ำพวกมะนาวหน่อยนะ...นะครับต้นว่าน” เมื่อน้ำเสียงเศร้าๆ ผ่านไป น้ำเสียงออดอ้อนก็ดังขึ้นมาแทน เท่านั้นดูเหมือนจะยังไม่พอใจพี่ใบไผ่จึงได้เอื้อมมือมาจับแขนผมไว้ ก่อนจะเขย่าไปมาเบาๆ


“...ได้ครับ” ถ้าจะอ้อนขนาดนี้ใครจะไปใจแข็งได้กัน


เสียงอ้อนๆ นี่มีพลังทำลายมากกว่าคำสั่งอีก


“เยี่ยมเลย งั้นพี่จะเป็นคนทำมื้อเช้าแทนนะ”


“พี่ทำอาหารเป็นด้วยเหรอครับ?” ผมไม่ค่อยอยากเชื่อนักว่าอีกฝ่ายจะทำอาหารเป็น


“เป็นสิ ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อกันเลยนะ” พี่ใบไผ่พูดเมื่อเห็นสีหน้าผมที่แสดงออกไป


“เปล่าสักหน่อย” ก็แค่ไม่แน่ใจ


ตั้งแต่รู้จักกันมา ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่คนตรงหน้าจะเข้าครัวทำอะไรกินเอง อีกอย่างบุคลิกแบบพี่ใบไผ่ไม่เหมาะกับการยืนอยู่หน้าครัว เขาเหมาะกับนั่งอยู่หัวโต๊ะรออาหารมาเสิร์ฟถึงที่มากกว่าจะมาทำเอง


“พี่อยู่คนเดียวมานาน เรื่องการทำอาหารก็ต้องหัดกันบ้างจะให้กินแต่ร้านก็ไม่ไหวหรอก คอยดูฝีมือพี่นะ...อร่อยมากบอกเลย” พอพูดจบอีกฝ่ายก็หันหลังเปิดประตูเข้าไปในบ้าน ทิ้งผมไว้กับสุนัขทั้งสี่ตัวที่ยังคงนั่งลงตามคำสั่ง



หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จผมก็ไม่รอช้ารีบจัดการอาบน้ำสุนัขทั้งสี่ทีละตัวโดยเริ่มจากตัวเล็กทั้งสาม เมื่ออาบตัวแรกเสร็จก็จัดการเป่าขนจนแห้ง ก่อนจะปล่อยให้เข้าไปอยู่ในบ้านและเริ่มอาบตัวต่อไป จนถึงตัวสุดท้ายซึ่งก็คือมะนาว


“เฮ้อ...” ผมพาร่างอันเหนื่อยล้าจากการอาบน้ำให้สุนักทั้งสี่ตัวมานั่งทรุดฮวบที่ตรงโซฟาสีน้ำตาล


ไม่คิดเลยว่าจะเหนื่อยขนาดนี้


นี่ขนาดพวกลูกๆ ยังไม่โตเต็มที่นะเนี่ย ถ้าโตเต็มที่แล้วผมไม่อยากคิดสภาพเลย


มะนาวที่พอเห็นผมเรียกก็คิดว่าจะเล่นด้วยเลยวิ่งตรงมาพร้อมกระโจมใส่เต็มแรงขนาดบอกให้หยุดก็ยังไม่ทัน โชคดีผมใส่เสื้อสีเข้มเลยไม่มีปัญหาตอนถูกเท้าดำๆ พวกนั้นประทับตราไปทั่ว แต่กว่าจะอาบเสร็จก็เรียกได้ว่าผมเหนื่อยกว่าตอนทำงานพิเศษทั้งวันซะอีก


“อาบเสร็จแล้วเหรอ” พี่ใบไผ่โผล่หน้ามามองโดยที่สวมผ้ากันเปื้อนสีขาวสะอาดไว้


“ครับ...ขอผมพักสักแป๊บนะครับ” ผมบอกไปตามตรง แทบขยับร่างกายไม่ไหวแล้ว


“ได้สิ อาหารต้องรออีกสักพักอยู่แล้ว เรางีบไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวเสร็จแล้วพี่ปลุก”


“...ครับ” ผมไม่ขัดสิ่งที่เจ้าของบ้านเสนอ เพียงแค่เอนตัวไปพิงโซฟาด้านหลังสติที่เหลืออยู่น้อยนิดก็ลอยหายไปอย่างรวดเร็ว ส่วนสุนัขทั้งสี่ตัวที่สะอาดสะอ้านก็นอนเรียงอยู่บริเวณปลายเท้าผมเกือบทั้งหมด มีเพียงต้นสนที่เหมือนจะเดินตามหลังพี่ใบไผ่ไป


“...ต้นว่าน เสร็จแล้วนะ” เสียงตะโกนที่ได้ยินลางๆ ทำให้ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้น


“ครับ จะไปเดี๋ยวนี้”


ผมหยุดชะงักเมื่อได้กลิ่นหอมๆ ที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนลอยคลุ้งอยู่เต็มอากาศ ไม่รอช้าผมรีบลุกขึ้นเดินไปตามกลิ่นนั้นไปจนถึงห้องครัวและห้องอาหารที่อยู่ติดๆ กัน บนโต๊ะไม้สีน้ำตาลอ่อนเต็มไปด้วยอาหารหลายอย่างที่ไม่เคยเห็น


“พี่ทำเป็นแค่อาหารฝรั่งน่ะ รสชาติอาจอ่อนไปสำหรับคนไทยแต่ไม่ต้องห่วงพี่เพิ่มรสชาติให้เข้มข้นขึ้นแล้ว” พี่ใบไผ่อธิบายพร้อมกับวางจานที่มีขนมปังแผ่นใหญ่สองแผ่นมาให้


“นี่พี่ทำเองหมดจริงๆ เหรอ” ไม่ใช่จะดูถูกนะ แต่มันน่าจะใช้เวลาทำประมาณครึ่งวันไม่ใช่แค่ไม่กี่ชั่วโมงแบบนี้


“แน่นอนสิ นั่งๆ เรามากินกันดีกว่า พี่แนะนำอันนี้เลยเนื้อวัวผัดซอสกินคู่กับมันบดอบชีสอร่อยสุดๆ” พี่ใบไผ่แนะนำจบก็แสดงตัวอย่างให้ดูโดยการตักอาหารทั้งสองอย่างไปวางบนขนมปังแผ่นหนาก่อนจะยกขึ้นกัดเข้าปากคำโต


ใบหน้าฟินๆ ของพี่ใบไผ่ทำให้ผมลองทำตามดู


“อื้มม~ อร่อย...” เพียงคำแรกที่กินเข้าไปก็รู้สึกเหมือนรสชาติทุกอย่างมารวมกันอย่างลงตัว ...อร่อยสุดๆ


“บอกแล้วว่าอร่อย สูตรนี้แม่พี่สอนให้ตอนเด็กๆ เลยนะ กินเสร็จแล้วลองซุปผักโขมนี่ด้วยสิ” ใบหน้าที่ยิ้มแย้มเต็มไปด้วยความสุขเมื่อถูกชมแสดงออกมาอย่างชัดเจน ก่อนที่พี่ใบไผ่จะเลื่อนชามซุปมาตรงหน้า


มื้อเช้าของพวกเราผ่านไปอย่างเชื่องช้า กว่าจะจัดการอาหารตรงหน้าหมดก็ปาไปเกือบเที่ยงแล้ว หลังจากนั้นผมก็ได้เริ่มงานเลขาอย่างจริงจังโดยเริ่มจากการอ่านเอกสารที่ถูกส่งมาทางระบบของบริษัทพร้อมทั้งสรุปย่อยและวิเคราะห์ตามที่พี่ใบไผ่ต้องการ


การทำงานวันแรกสูบพลังงานผมไปจนแทบไม่เหลือ และเป็นอย่างที่พี่ใบไผ่พูดว่าเรื่องงานอยู่ส่วนเรื่องงาน เพราะแค่ผมสรุปผิดไปนิดเดียว แววตาที่มักจะทอประกายสดใสจะหรี่ลงอย่างน่ากลัวและจริงจังมากจนผมต้องตั้งสติแล้วทำงานให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่



การเป็นเลขาของพี่ใบไผ่มีข้อดีคือใกล้บ้าน แต่ข้อเสียคือมีหลายงานที่ต้องไปประชุมและจัดการที่บริษัทโดยตรงทว่าเจ้าของบริษัทคนนี้ก็ดันไม่ชอบเข้าบริษัทสุดๆ ทุกครั้งที่มีการประชุมก็มักจะให้ผมเข้าไปแทนแล้วสรุปรายงานการประชุมมาให้ทีหลัง เห็นบอกว่าพอมีผมมาเป็นเลขาก็ไม่จำเป็นต้องไปเข้าประชุมด้วยตัวเองอีกต่อไปแล้ว


พี่ใบไผ่เชื่อใจผมมากเกินไปจริงๆ


และถึงผมจะไม่อยากไปขนาดไหนแต่พอถูกดวงตาคู่สวยกับน้ำเสียงนุ่มๆ นั้นออดอ้อนมา ผมก็ได้แต่กรอกตาขึ้นฟ้าแล้วยอมตามใจแต่โดยดี ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่สามารถต่อกรกับมันได้จริงๆ


ทว่าวันนี้ผมจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นอีกแล้ว...


“วันนี้พี่ต้องไปประชุมตอนบ่ายโมงนะครับ เลิกทำอาหารได้แล้ว” ผมวางท่ายืนเท้าเอวบ่นคนที่ยืนต้มอะไรบางอย่างในหม้อมานานกว่า 3 ชั่วโมงแล้ว ตั้งแต่วันที่ชมว่าอาหารของพี่ใบไผ่อร่อย ผมก็ได้ชิมฝีมือระดับสุดยอดนั้นอีกเรื่อยๆ


“ประชุมอีกแล้ว ไม่เอาๆ เราไปเถอะพี่จะอยู่เคี่ยวสตูให้ได้ที่ก่อน” ท่าทางที่ไม่แยแสการประชุมใหญ่นั้นทำให้ผมยกมือขึ้นเสยผมตัวเองอย่างเหนื่อยใจ


“พี่ใบไผ่”


“อย่าทำเสียงแข็งแบบนั้นสิ”


“พี่ก็อย่าดื้อสิ ครั้งนี้เป็นการประชุมเรื่องสำคัญนะ”


“เรื่องสำคัญ? โอ๊ะ...เดือนนี้มัน เดี๋ยวพี่ขอไปแต่งตัวก่อน ฝากดูหม้อหน่อยนะ”


การที่พี่ใบไผ่ยอมง่ายๆ ควรจะทำให้ดีใจแต่ทำไมผมกลับรู้สึกแปลกๆ แทนล่ะ


พี่ใบไผ่ยอมง่ายแบบนี้มันต้องมีอะไรแน่ๆ


เดือนนี้เหรอ?


“ไปกันเถอะต้นว่าน”



หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จพวกเราก็ตรงไปยังบริษัทในช่วงเที่ยง ซึ่งก็ไปถึงก่อนเวลาประชุมสักพักใหญ่ การประชุมในวันนี้เป็นการสรุปผลกำไรและยอดส่งสินค้าทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในครึ่งปีที่ผ่านมา รวมทั้งมีการเสนอนโยบายใหม่ๆ ด้วย


“...การประชุมเป็นอันจบเท่านี้ เปรม” พอจบการประชุมเจ้าของบริษัทก็หันไปเรียกคนที่เป็นหนึ่งในเลขาของตัวเอง


คุณเปรมฤดีหรือที่เธอให้ผมเรียกว่าพี่เปรม เป็นหัวหน้าฝ่ายต่างประเทศที่มีความสามารถในระดับสูงแต่พอเป็นเรื่องของจาตุรงค์หรือคุณรง หัวหน้าฝ่ายขนส่ง เธอก็มักจะใส่อารมณ์จนเกินจริงทุกครั้งไป ไม่รู้ว่าทะเลาะอะไรกัน


“มีอะไรเหรอคะบอส”


“เจมส์ติดต่อมาหรือยัง” ชื่อของคนที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเรียกให้เลขาหมาดๆ อย่างผมหันไปมองหน้าท่านประธานอย่างงงๆ


เจมส์? ชื่อเหมือนคนต่างชาติเลย


“อ้อ...คุณเจมส์ กลาส สินะคะ เพิ่งจะติดต่อมาวันนี้เองค่ะ เห็นว่าเชิญบอสไปร่วมงานเหมือนเดิมนะค่ะ”


“วันไหนล่ะ”


“งานมีอาทิตย์หน้าค่ะ บอสจะไปไหมคะ” พี่เปรมถามด้วยรอยยิ้ม


“ไปสิ ตอบตกลงไปให้หน่อยละกัน”


“เรียบร้อยแล้วค่ะ” พี่เปรมตอบกลับทันที


“ดีมาก งั้นอาทิตย์หน้าผมจะไม่เข้าบริษัทสักสามสี่วันนะ”


“พูดเหมือนท่านประธานมาทำงานทุกวันเลยนะครับ” คำพูดของคุณรงทำเอาคนทั้งห้องพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน ไม่เว้นแม้แต่เด็กใหม่อย่างผม


คนที่มาบริษัทแค่อาทิตย์ละครั้งก็ทำหน้าจะเป็นจะตายขนาดนั้น ไม่ต้องมาบอกว่าอาทิตย์หน้าไม่เข้าบริษัทเลย...


เอ๊ะ...เดี๋ยวนะ


นี่หรือว่า…



(มีต่อค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-05-2018 20:44:31 โดย nicedog »

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
(ต่อนะคะ)


“พี่จะไม่อยู่บ้านเหรอครับ” ผมถามหลังจากที่เรากลับมาถึงบ้านแล้ว


“ใช่ ประมาณ 4 วันน่ะ” พี่ใบไผ่ตอบพลางตักน้ำสตูที่อยู่ในหม้อขึ้นมาชิม


“เป็นงานแบบไหนเหรอครับ” ผมยังคงถามต่อ


...ก็อยากรู้นี่นา แถมท่าทางที่ดูเหมือนกำลังรอคอยอะไรอยู่ของพี่ใบไผ่ทำให้ความสงสัยที่มีเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมอีก


“เป็นงานเลี้ยงสำหรับประธานบริษัทที่มีชื่อเสียงทั่วโลกเท่านั้นถึงจะเข้าร่วมได้ อืม..อร่อยใช้ได้” พี่ใบไผ่พึมพำออกมาด้วยรอยยิ้มเมื่อรสชาติของสตูเป็นไปตามที่คิด


“แล้วคุณเจมส์ กลาสที่ว่านี่...” ยิ่งพูดก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวเลย


แต่มันก็อดสงสัยไม่ได้นี่...


คนชื่อเจมส์ กลาสที่ว่า…


เป็นเพื่อน พี่น้อง ญาติ หรือเป็นอะไรกับพี่ใบไผ่กัน


ยิ่งได้เห็นท่าทางกระตือรือร้นก็รับรู้ได้ว่าพี่เขาตั้งใจที่จะไปงานนี้มาก แปลว่าคนคนนั้นคงเป็นคนที่สำคัญมาก เพียงแค่คิดแบบนั้นก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่พี่ใบไผ่ให้สำคัญมากถึงขนาดนั้น


“อ้อ หมอนั่นเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงน่ะ แล้วก็เป็นเพื่อนสนิทพี่ด้วย”


“เหรอครับ” เพื่อนสนิทของพี่ใบไผ่


อยากเจออยู่นิดๆ แฮะ


อยากรู้ว่าพี่เขาจะแสดงท่าทางยังไงตอนอยู่กับเพื่อน คงไม่ได้เหมือนตอนที่อยู่กับผมใช่ไหม


“จริงสิ เราก็ต้องไปด้วยนะ”


“พี่ว่าอะไรนะ” คำพูดเมื่อครู่คงไม่ได้เป็นอย่างที่ได้ยินจริงๆ ใช่ไหม


“พี่บอกว่าเราต้องไปกับพี่ด้วย”


“ถ้าผมไป แล้วใครจะดูแลพวกมะนาวล่ะ” ให้ไปต่างประเทศ 4 วัน แล้วเหล่าสุนัขทั้ง 4 ตัวใครจะเป็นคอยดูแลหรือให้อาหารระหว่างนั้น


“เดี๋ยวพี่จ้างคนมาดูแล”


“ไม่ได้นะ แบบนั้นถ้าเกิดอะไรขึ้นมาล่ะครับ” ผมไม่ไว้ใจคนที่ไม่รู้จักแบบนั้นหรอก


“เราไม่อยากไปกับพี่เหรอ” น้ำเสียงหง๋อยๆ ที่ตามมาทำเอาผมอยากจะวิ่งออกจากบ้านไปซะเดี๋ยวนี้เลย


“ก็ไม่ใช่ไม่อยาก แต่พวกมะนาว...”


“งั้นถ้าวานน้องสาวของต้นว่านมาดูเป็นไงล่ะ” ข้อเสนอของพี่ใบไผ่ถือว่าดีอยู่ ถ้าเป็นดาก็ไว้ใจได้


“ก็ได้ครับ แต่ผมไม่มีพาสปอร์ตนะครับ” ผมบอกปัญหาใหญ่อีกอย่างออกไป


“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เรารีบไปทำกันเถอะ”


“ทำ? หมายถึงตอนนี้เหรอครับ”


“ใช่สิ ไปกัน!”




การทำพาสปอร์ตที่กระชั้นชิดที่สุดผ่านไปด้วยดี จนถึงวันที่พวกเราต้องเดินทางไปงานเลี้ยงที่จัดขึ้น ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ครั้งแรกในชีวิตที่ได้ทั้งขึ้นเครื่องบินและเหยียบบนพื้นดินต่างประเทศนั้นสร้างความประทับใจให้แก่ผมสุดๆ ผิดกับพี่ใบไผ่ที่มีท่าทางสบายๆ เหมือนชินกับการเดินทางอยู่แล้ว


โรงแรมหรูที่เป็นสถานที่จัดงานนั้นเรียกว่าหรูกว่าในละครบ้านเราที่ดูกันซะอีก ทั้งเสื้อผ้าที่จัดเต็มแบบไม่ให้เสียชื่อโดยเฉพาะผู้หญิงที่ดูเหมือนจะแข่งขันกันให้ตัวเองโดดเด่น ส่วนผู้ชายนั้นก็ใส่สูทหลากสีกันตามปกติที่เคยเห็น แต่ถ้าคิดถึงราคาของชุดพวกนั้นคงจะทำให้ผมลมจับแน่


ของราคาถูกคงไม่มีในงานนี้


“ไม่ต้องเกร็งนะต้นว่าน” เสียงนุ่มๆ ของพี่ใบไผ่บอกพร้อมกับวางมือลงบนไหล่แทนการให้กำลังใจ


“ครับ แต่ผมดูไม่เหมาะ...”


“อย่าพูดแบบนั้นสิ เราหล่อจะตาย หล่อกว่าพี่อีกรับรองเลยว่าสาวๆ ต้องหลงกันเป็นแถวแน่” พี่ใบไผ่พูดพร้อมรอยยิ้ม


“ผมไม่ได้ต้องการให้สาวๆ หลงสักหน่อย” แต่ถ้าเป็นพี่ก็ว่าไปอย่าง


“ไม่เชื่อที่พี่พูดเหรอ เราหล่อจริงๆ นะ พี่ยังหลงเลย”


“...พี่ใบไผ่” ผมหันไปมองหน้าของคนพูดประโยคนั้นทันที ทว่าอีกฝ่ายรู้ทันเลยหันหน้าหนี แต่ก็ไม่สามารถหลบใบหูขาวๆ ที่ขึ้นสีแดงระเรื่อนั่นได้


พี่ใบไผ่เขินผมใช่ไหม


“พี่ใบ...”


“แบมรีฟ!!” เสียงตะโกนของชายคนหนึ่งดังขึ้นขัดคำพูดที่ผมกำลังจะเอ่ย แต่นั่นไม่ทำให้ผมหงุดหงิดเท่ากับการที่เห็นชายคนนั้นวิ่งเข้ามากระโดดกอดพี่ใบไผ่ด้วยรอยยิ้มกว้าง ไม่ใช่แค่กอดแต่ยังมีการหอมแก้มทั้งสองข้างอีก


หมอนั่น...เป็นใคร?


“เจมส์ บอกแล้วไงว่าฉันชื่อใบไผ่ไม่ใช่แบมรีฟ” พี่ใบไผ่หันไปพูดกับคนที่กอดตัวเองด้วยน้ำเสียงแข็งๆ


“ไม่ๆ แบมรีฟน่ารักกว่าตั้งเยอะ มาจุ๊บอีกทีเนอะ” พูดจบแก้มขาวๆ ของพี่ใบไผ่ถูกประทับอีกรอบ


ผมกำมือแน่นเพื่อข่มอารมณ์ร้อนที่กำลังปะทุ


ให้ตายสิ...ผมหวงอีกฝ่ายชะมัด


ไม่ชอบอารมณ์แบบนี้ของตัวเองเลย เด็กชะมัด แค่ควบคุมอารมณ์ตัวเองยังทำได้ยากเลย


“พอได้แล้วน่า เดี๋ยวได้โดนหรอก”


“กลัวที่ไหน ว่าแต่สุดหล่อนี่เป็นใครกัน” เจมส์ถามพี่ใบไผ่โดยสายตาหันมาหยุดอยู่ที่ผมซึ่งตอนนี้กำลังรู้สึกหวงพี่ใบไผ่อยู่เต็มอก


“เลขาส่วนตัว”


“หื้อ? ส่วนตัวขนาดไหนล่ะ” อีกฝ่ายยังคงถามพร้อมยกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาอีก


“...มากกว่าที่นายคิดละกัน”


“วิ๊ว! สวัสดีครับผมเจมส์ กลาส แล้วคุณล่ะชื่ออะไร”


“ผมต้นว่าน สวัสดีครับ” ผมแนะนำตัวกลับเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท


“โอ้ว หน่วยก้านดีหน้าตาหล่อเหลาสเป็กหนุ่มสาวในอุดมคติเลย”


“เจมส์” พี่ใบไผ่ขึ้นเสียงพลางหรี่ตามองเพื่อนสนิทของตัวเอง


“หึ...แหมๆ ไม่ต้องห่วงยังไงสเป๊กฉันก็คือแบมรีฟคนเดียวอยู่แล้ว” พูดจบพี่ใบไผ่ก็ถูกกอดแน่นอีกครั้ง


“พี่ใบไผ่” ผมเรียกอีกฝ่ายเสียงเบา ความหงุดหงิดที่มีมันกำลังจะปะทุอยู่รอมล่อ


“โทษทีนะต้นว่าน” อีกฝ่ายหันมาตอบผม “ไปที่อื่นได้แล้วมั้ง” ก่อนจะหันไปผลักคนที่กอดแน่นอย่างรำคาญ ทว่าทางนั้นก็ยังไม่ยอมปล่อย แถมดวงตาสีเขียวที่มองมายังผมเหมือนกำลังหลอกล่อกวนอารมณ์ให้ผมโมโหอย่างงั้นแหละ


“ไม่ไป วันนี้จะอยู่กับแบมรีฟทั้งคืน”


“ปล่อยพี่ใบไผ่!” ผมไม่รอแม้แต่จะให้อีกฝ่ายพูดจบ จัดการดึงตัวพี่ใบไผ่มาอยู่ด้านหลังท่ามกลางดวงตาสีเขียวสดของเจมส์ที่จ้องมา


ตอนนี้รู้แค่ว่าผมจะไม่ยอมให้ผู้ชายคนนี้ได้เข้าใกล้พี่ใบไผ่ไปมากกว่านี้แล้ว ถึงจะรู้ว่าไม่สมควรแสดงท่าทางแบบนี้ออกไปแต่จะให้ทำยังไงล่ะ


ผมไม่ชอบให้ใครมาแตะตัวพี่ใบไผ่ของผมนี่


รู้ตัวว่ากำลังสิ่งที่ไม่สมควรและรู้ว่าควรหยุด แต่เหมือนร่างกายไม่ยอมฟังคำสั่งของสมอง


“ต้นว่าน...” พี่ใบไผ่เองก็ดูจะตกใจไม่น้อยกับการกระทำของผม


“ขอโทษครับ ผมขอโทษที่ทำแบบนี้...” ผมหันไปบอกคนด้านหลังด้วยน้ำเสียงสั่นๆ อย่างหมดความอดทน ก่อนจะรีบเดินหนีออกไปจากสถานการณ์นี้


ก็รู้อยู่ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์แต่ก็ยังอยากจะเป็นเจ้าของ...


...อยากเป็นเจ้าของหัวใจของพี่ใบไผ่


“โธ่เว้ย!” น่าจะคุมตัวเองให้ได้มากกว่านี้แท้ๆ


แบบนี้จะมองหน้าพี่ใบไผ่ได้ยังไงกัน



“ต้นว่าน!” เสียงที่คุ้นเคยตะโกนตามหลังมา ทำให้ผมวิ่งเต็มกำลังเพื่อให้ออกห่างจากเสียงนั่นอีก สภาพจิตใจที่ไม่สงบแบบนี้ไม่ควรเข้าใกล้พี่ใบไผ่


ถ้าเข้าใกล้ ความรู้สึกที่กำลังจะปะทุนี่คงห้ามไม่อยู่แล้ว


“ให้ผมอยู่คนเดียวสักพักเถอะครับ” ขอเวลาสักนิดเพื่อที่จะควบคุมตัวเองไม่ให้อารมณ์หึงหวงเข้าครอบงำแบบนี้


“พี่ไม่ให้!” เสียงเด็ดขาดของพี่ใบไผ่ดังขึ้นพร้อมกับข้อมือผมที่ถูกรั้งไว้จากด้านหลัง


ทำไมวิ่งตามมาเร็วขนาดนี้เนี่ย


แม้จะพยายามขืนตัวแล้วดึงแขนออกไปมากเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล เลยได้แต่หยุดการกระทำทุกอย่างแล้วยืนนิ่งๆ โดยที่ยังหันหลังให้อีกฝ่ายอยู่เหมือนเดิม


ถ้าต้องหันไปสบตากัน สติผมคงไม่เหลือแล้ว


“ต้นว่าน...หันมาหาพี่สิ มาคุยกันดีๆ ”


“ผมไม่มีอะไรจะคุยกับพี่”


สิ่งที่อยากจะตะโกนออกไปตอนนี้มีเพียงคำว่ารัก


รักพี่ใบไผ่!


ความรู้สึกที่มีคืออยากครอบครองจนแทบทนไม่ไหว แต่สิ่งที่ทำได้มีเพียงอดกลั้นไม่ให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ผมไม่มีอะไรที่คู่ควรเลยสักอย่าง


ไม่มีแม้แต่อย่างเดียว!


“คิดว่าพี่โง่ถึงขนาดที่ดูไม่ออกรึไง บอกพี่มาว่าเป็นอะไร ปกติเราไม่ใช่คนที่พาลกับใครไปทั่วนี่นา”


“ผม...”


“พี่ไม่อยากฟังคำโกหก บอกพี่มาเถอะว่าสิ่งที่เราคิดมันคืออะไร” พี่ใบไผ่เอ่ยประโยคนั้นด้วยน้ำเสียงวิงวอนปนขอร้องแล้วเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า


ใบหน้าของผมที่ก้มอยู่ถูกสัมผัสอย่างอ่อนโอนก่อนจะถูกฝ่ามือนั่นชี้นำจนดวงตาสีน้ำตาลของผมประสานกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจนเกือบทอง เพียงแค่เห็นใบหน้าและดวงตาคู่สวยนี้ความอดทนที่มีก็พังทลายลงอย่างรวดเร็ว


ผมคว้าตัวของพี่ใบไผ่มากอดไว้แน่นพลางซุกตัวลงที่คอขาวๆ ด้วยความรู้สึกมากมายที่กำลังทะลักออกมายิ่งกว่าเขื่อนแตก


“ผมขอโทษที่ทำลายความเชื่อใจของพี่ พี่เห็นผมเป็นเหมือนน้องชายและทำดีกับผมมาตลอด แต่ความใจดีของพี่มันทำให้ความรู้สึกที่ผมมีมันมากขึ้นจนไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้อีกแล้ว...”


“ต้นว่าน...”


“พี่อาจรังเกียจผม และไม่ชอบในสิ่งที่ผมกำลังจะบอก แต่ผมทนไม่ไหวแล้วจริงๆ...”


“...”


“ผมรักพี่นะ ผมรักพี่ใบไผ่!”

.............................................................................

อ้าวๆ ทำไมตัดจบกันแบบนี้

เราคิดว่าหลายๆคนคงกำลังคิดแบบนี้อยู่ 555

ตอนนี้แต่งเพลินไปหน่อย พอรู้ตัวอีกทีต้นว่านก็สารภาพรักซะแล้ว

แต่งเองยังตกใจเองเลย

ความรู้สึกประมาณว่าอยู่ๆก็พูดเลยเรอะะะะ

ตอนหน้าใบไผ่จะตอบรับความรู้สึกของต้นว่านยังไงช่วยติดตามด้วยนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์ที่คอยเป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ

บ๊ายบาย

-Rewrite- >> มาต่อกับรีไรท์อีกตอนค่ะ แจ้งข่าวอีกนิดใครที่สนใจเรื่องพบรักสามารถเข้าไปสั่งพรีออเดอร์ได้นะคะ รอบพรีของแถมน่ารักมากแถมยังได้ลดราคาอีก เข้าไปดูรายละเอียดในเพจเราได้นะคะ

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-05-2018 20:45:29 โดย nicedog »

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ในที่สุดก็พูดออกไปแล้ววว

ออฟไลน์ darksnow

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สกิลความอ้อน ความอ่อยของพี่ใบไผ่รุนแรงจนต้นว่านไม่สามารถโกรธ หรืองอน ได้นานจริงๆ เจมส์ นี่ดูออกใข่มั้ยเค้ารู้สึกไงกัน แกล้งซะต้นว่านฟิลขาดดด แล้วพี่ใบไผ่จะยังไงละน้อง หลุดปากสารภาพรักแล้วนะเอออ อิอิ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ตัดฉึบบบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :o8:   เอาแล้วววว

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
 
ต้นว่านบอกรักพี่แล้วววววว :mc4: :mc4: :mc4:

อยู่ที่ว่าพี่จะตอบน้องว่ายังไง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
จ้าาาา

ออฟไลน์ iranen

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
โอ้เย้ สารภาพรักไปแล้ว พี่ใบไผ่รอแค่ Say Yes
 :hao3:

ออฟไลน์ Babelilong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 304
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • Facebook  เข้ามาขอเป็นเพือนได้เลย
อ้าว ค้างงงงงง
ต้นว่านสารภาพไปแล้ว พี่ใบไผ่ตอบรับไปเถ้ออออออะ

 :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
ใบไผ่อ่อยมาขนาดนี้แล้วววววว
ต้องรับรักน้องนะ ห้ามแกล้งนอน >\\\\\<

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
โถ่ พระเอกเราเอะอะเป็นวิ่งๆ แล้วนายเอกก็วิ่งเร็ว ตามทันตลอด ฮา~ :hao7:

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อย่างกะหนังอินเดียแน่ะ

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
เข้าใจผิดทีก็วิ่งตามให้ง้อที หนูเป็นนางเอกเหรอคะต้นว่าน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด