พิมพ์หน้านี้ - -Rewrite- When we found love พบรัก ▪×พบรักพิเศษ×▪ P.9 5/06/61

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: nicedog ที่ 03-09-2016 15:01:25

หัวข้อ: -Rewrite- When we found love พบรัก ▪×พบรักพิเศษ×▪ P.9 5/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 03-09-2016 15:01:25
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับ

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น 

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้   

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว  ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


**********************************************


สวัสดีค่ะ

วันนนี้มาเปิดนิยายเรื่องใหม่

เรื่องนี้เป็นแนวรักโรแมนติกที่อยากลองแต่งดูสักครั้ง

หวังว่านักอ่านจะชอบกันนะคะ^^


*ผลงานที่ผ่านมา*

   ✉ CorrespondencE สื่อรักทางจดหมาย!✉ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45471.0)

    ◣♥◥ Precinct ►◄ อาณาเขตรักของหัวใจ ◣♥◥ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47133.0)

(http://www.navaraclubthailand.com/images/icon_hot3.gif)   ✥ Jurassic Heart ✥ดวงใจ กลายพันธุ์รัก
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47401.0)

(http://www.navaraclubthailand.com/images/icon_hot3.gif)   ✣Jurassic Confidant✣ คู่หู กลายพันธุ์รัก
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51956.msg3307933#msg3307933)

(http://www.navaraclubthailand.com/images/icon_hot3.gif)   ❣Secret heart❣ หัวใจ แอบรัก
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50864.msg3262162#msg3262162)


สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของนิยายได้ในเพจนะคะ>>nicedog (https://www.facebook.com/novelistnicedog/)<<

ขอบคุณทุกนที่ติดตามค่ะ

*นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล สถาบันหรือสถานที่ใดทั้งสิ้น*


สารบัญ

◢◇เกริ่นนำ◆ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55504.msg3462361#msg3462361)◣◢พบรัก ▪×วันที่1×▪ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55504.msg3462364#msg3462364)◣
◢พบรัก ▪×วันที่2×▪ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55504.msg3467575#msg3467575)◣◢พบรัก ▪×วันที่3×▪ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55504.msg3472870#msg3472870)◣
◢พบรัก ▪×วันที่4×▪ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55504.msg3477985#msg3477985)◣◢พบรัก ▪×วันที่5×▪ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55504.msg3482969#msg3482969)◣
◢พบรัก ▪×วันที่6×▪ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55504.msg3492357#msg3492357)◣◢พบรัก ▪×วันที่7×▪ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55504.msg3496856#msg3496856)◣
◢พบรัก ▪×วันที่8×▪ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55504.msg3501643#msg3501643)◣◢พบรัก ▪×วันที่9×▪ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55504.msg3506741#msg3506741)◣
◢พบรัก ▪×วันที่10×▪ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55504.msg3511785#msg3511785)◣◢พบรัก ▪×วันที่11×▪ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55504.msg3516862#msg3516862)◣
◢พบรัก ▪×วันที่12×▪ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55504.msg3530629#msg3530629)◣◢พบรัก ▪×วันที่13×▪ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55504.msg3535374#msg3535374)◣
◢พบรัก ▪×วันสุดท้าย×▪ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55504.msg3541295#msg3541295)◣◢พบรัก ▪×ส่งท้าย×▪ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55504.msg3544570#msg3544570)◣
◢พบรักพิเศษ ▪×พิเศษส่งท้าย×▪ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55504.msg3841841#msg3841841)◣

(http://i205.photobucket.com/albums/bb186/mhilkas/th_New_avatar__3_by_Silverwolf90.gif)(http://i205.photobucket.com/albums/bb186/mhilkas/th_New_avatar__3_by_Silverwolf90.gif)(http://i205.photobucket.com/albums/bb186/mhilkas/th_New_avatar__3_by_Silverwolf90.gif)

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: Rewrite- When we found love ▪พบรัก▪ ◢ เกริ่นนำ ◣ P.1 11/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 03-09-2016 15:06:37

◇เกริ่นนำ◆



ครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นใครต่างก็มีครอบครัวเป็นของตัวเองทั้งนั้น แม้อาจมีหลายคนที่ต้องพลัดพราก แยกจาก หรือสูญเสียครอบครัวไป ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็มีแต่ต้องเดินหน้าเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้...


ไม่มีใครที่จะอยู่คนเดียวไปทั้งชีวิต


แต่ก็ไม่มีใครที่จะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตด้วย


ครอบครัวเองเช่นกัน


แม้วันนี้อาจอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาแต่ไม่แน่ว่าในวันพรุ่งนี้อาจต้องเสียใครสักคนไปด้วยเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดได้ เหมือนอย่างผมที่เพิ่งจะผ่านงานศพของครอบครัวไปเมื่อวันก่อน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วมากจนไม่อาจทำความเข้าใจได้ในทันที…


ตัวผม กิตติพิชญ์ ศิริวัฒนิวงศ์ หรือใบไผ่เติบโตมาในครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างดีเรียกว่ารวยก็ไม่ผิดนัก เพราะแบบนั้นจึงได้ไปศึกษาที่ต่างประเทศตั้งแต่เด็กจนจบมหาวิทยาลัยที่มีชื่อของอังกฤษก่อนจะกลับมาสืบทอดกิจการของที่บ้าน แต่ถึงจะกลับมาที่ประเทศไทยผมก็ไม่ได้กลับไปอยู่กับครอบครัวที่บ้านเพราะซื้อคอนโดหรูติดกับที่ทำงานแทน และการที่ทางบ้านไม่คัดค้านอะไรก็อาจด้วยความที่มีเชื้อของคนอังกฤษอยู่ครึ่งหนึ่งจึงไม่แปลกที่ทางครอบครัวจะมีวิธีการเลี้ยงดูแบบปล่อยให้ใช้ชีวิตเอง


ทุกๆ วันที่ผ่านมานั้นผมใช้ชีวิตผ่านไปเหมือนปกติ จนกระทั่งคืนหนึ่งมีโทรศัพท์จากคุณตำรวจที่คาดว่าน่าจะเป็นคนในพื้นที่นั้นโทรมาแจ้งว่าพ่อและแม่ของผมได้เสียชีวิตแล้วเนื่องจากอุบัติเหตุเรือล่มขณะที่กำลังออกไปเที่ยวพักผ่อนที่เกาะทางตอนใต้แห่งหนึ่ง ตอนที่ผมได้ยินอย่างนั้น มันเหมือนกับโลกหยุดหมุนไปในทันที ทั้งที่อยากจะร้องไห้แต่กลับไม่มีน้ำตา เหมือนคนที่กำลังช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสุดๆ


แต่พอสติเริ่มกลับมา น้ำตากลับไหลมากกว่าที่คิดไว้เสียอีก


ครอบครัวของผมมีกันแค่สามคน เพราะแบบนั้นเลยได้รับความรักจากคนทั้งคู่มาเต็มๆ โดยไม่ต้องแบ่งให้เหล่าพี่น้องเหมือนครอบครัวอื่น ก็จริงที่ได้รับความรักมามากมายแต่พอตอนไม่เหลือใครก็อดคิดไม่ได้ว่าอยากมีพี่น้องสักคนสองคนอยู่เคียงข้าง
ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของพ่อและแม่ถูกยกมาให้ผมที่เป็นลูกชายเพียงคนเดียวตามคาด แต่นอกจากจะได้ทรัพย์สมบัติที่ใช้ทั้งชีวิตก็ไม่มีทางหมดแล้ว ยังมีจดหมายฉบับหนึ่งถูกส่งตามมาด้วย


ตราแสตมป์บนจนหมายระบุว่ามันถูกส่งก่อนวันที่จะเกิดอุบัติเหตุ อันที่จริงผมรับมันมาหลายวันแล้ว แต่เพราะยุ่งกับอะไรหลายๆ อย่างเลยไม่มีเวลาได้เปิดอ่าน อีกทั้งชื่อผู้ส่งบนหลังซองทำให้ความรู้สึกเศร้าและเสียใจวนกลับมา วันนี้เป็นวันที่ผมเริ่มเข้มแข็งขึ้นและพร้อมที่จะก้าวต่อไป จึงเป็นวันที่สมควรแก่การอ่านมันสักที…




ถึงใบไผ่

คงแปลกใจล่ะสิที่ได้รับจดหมายในยุคดิจิทัลแบบนี้ ความจริงจะส่งให้ลูกทางเมลก็ได้แต่คิดว่าแบบนี้มันน่าสนุกกว่าเป็นไหนๆ พ่อกับแม่คงเที่ยวต่ออีกหลายวัน ถ้าลูกยังไม่ลืมทางกลับบ้านแม่ไปเสียก่อน ก็ช่วยกลับไปดูแลให้หน่อยนะจ๊ะ

ฝากด้วยนะลูกรัก
ป.ล. รักลูกใบไผ่นะ


ข้อความที่ได้อ่านในจดหมายเพียงสี่ถึงห้าบรรทัดทำให้ความรู้สึกเศร้าเสียใจเข้ามาโจมตีอีกครั้งจนต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำตาหยดลงบนกระดาษที่มีลายมือสุดท้ายที่แม่เขียนไว้ แม้จะทำใจได้ยากกับการสูญเสีย แต่ผมก็ต้องสู้และมีชีวิตต่อไปเพื่อทดแทนในส่วนของพ่อแม่ด้วย




วันรุ่งขึ้นผมเดินทางไปยังบ้านเดี่ยวขนาดกลางที่พ่อและแม่อาศัยอยู่ในปัจจุบัน สำหรับตระกูลดังอย่างบ้านผม การมีบ้านหลายหลังถือเป็นเรื่องปกติเพราะพ่อกับแม่เป็นคนที่ชอบเปลี่ยนบรรยากาศอยู่เรื่อยๆ แค่ในประเทศก็มีบ้านอยู่ประมาณ 6 หลังได้


ถึงจะเป็นบอกว่ามีเยอะแต่ก็เป็นบ้านจริงๆ บ้านที่ไม่ใช่คฤหาสน์ขนาดกว้างใหญ่ หรือมีพื้นที่มากมายเหมือนอย่างในละคร ส่วนมากบ้านทุกหลังที่กระจายอยู่ตามจังหวัดต่างๆ ก็มีขนาดเหมือนบ้านคนปกติทั่วไป สองชั้นบ้าง ชั้นเดียวบ้าง บางทีก็มีเป็นบ้านแฝด หากหลังไหนเริ่มโทรม ไม่ได้ไปบ่อย หรือพ่อแม่เริ่มเบื่อก็จะปล่อยให้คนเช่าหรือไม่ก็ขายต่อในราคาราคาสมเหตุสมผล


หลังจากที่ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมง รถยนต์คันสีบรอนซ์ทองก็มาหยุดอยู่หน้ารั้วเหล็กที่สูงกว่าสองเมตร เพียงแค่เห็นรั้วบ้านขนาดใหญ่ ดวงตาเรียวสีน้ำตาลอ่อนจนเกือบทองของผมก็หรี่ลงพร้อมกับความรู้สึกแปลกๆ ที่แล่นเข้ามาในหัว คล้ายสัญชาตญาณกำลังร้องเตือนถึงอันตรายบางอย่าง ปกติพ่อกับแม่จะชอบบ้านที่มีรั้วค่อนข้างเตี้ยเพราะสามารถมองเห็นภายนอกได้ชัด แต่บ้านหลังนี้กลับแปลกกว่าบ้านหลังอื่นที่เคยไป ก่อนหน้านี้ผมเคยไปหาพ่อกับแม่ที่บ้านหลังอื่นอยู่บ้าง แต่สำหรับหลังนี้ ถึงพ่อกับแม่จะซื้อมาได้สามปีแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาเยือน


ผมหยิบกุญแจที่อยู่ในกระเป๋าออกมาไขประตูเหล็กสีเงินก่อนจะค่อยๆ ก้าวเข้าไปเหยียบพื้นหินด้านหน้าโดยที่ดวงตาก็หันไปมองดูสนามหญ้าขนาดใหญ่ที่ขนาบทั้งสองข้างของทางเดิน...


ฟุบ!


เสียงอะไรบางอย่างที่ได้ยินจากที่ไกลๆ ทำเอาผมรีบหันขวับไปมองอย่างหวาดระแวง แต่สิ่งที่พบก็มีแค่พุ่มไม้ที่ขยับไปมาเนื่องจากแรงลมที่พัดมา ...จะว่าไปวันนี้ก็ลมแรงอยู่ไม่น้อย


“หูฝาดสินะ” ผมบอกกับตัวเอง


ทั้งที่ปากบอกว่าไม่กลัว แต่ขาทั้งสองข้างกลับก้าวไปยังประตูบ้านที่อยู่ถัดไปไม่ไกลอย่างรวดเร็ว จนเมื่อถึงระยะที่สามารถเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูได้ จังหวะนั้นเองร่างอันปราดเปรียวของสิ่งมีชีวิตสี่ขาก็โผล่ออกมาจากพุ่มไม้ด้านข้าง


เจ้าตัวที่มีรูปร่างที่คล้ายหมาป่าแต่ว่าขนมีสามสี ทั้งขาว ดำ และน้ำตาล ค่อยย่างกรายออกมาให้เห็นอย่างเชื่องช้า ดวงตาสีน้ำตาลของมันจับจ้องมาราวกับกำลังวิเคราะห์ว่าคนที่ยืนอยู่นี่คือใครกัน


ถ้าเป็นคนอื่นอาจยิ้มรับและรอให้มันเดินเข้ามาทักทาย แต่ไม่ใช่กับผมที่กลัวสุนัขทุกชนิดเข้าขั้นรุนแรง ผมได้แต่ยืนตัวแข็ง ดวงตาทั้งสองข้างและปากเบิกกว้างอย่างคนทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าตอนนี้เริ่มมีเหงื่อไหลลงมาด้วยความหวาดกลัว


“ยะ...” เสียงที่ส่งออกไปเพียงเล็กน้อยทำให้สุนัขตรงหน้าหยุดขาที่กำลังก้าวเข้ามา หัวของมันเอียงเล็กน้อยเหมือนกำลังสงสัยในสิ่งที่พูดค้างไว้


แต่นั่นก็เพียงแป๊บเดียวเท่านั้น


บรู๊ววว~


“อย่าเข้ามานะ!”


เจ้าของบ้านคนใหม่อย่างผมร้องเสียงหลงอย่างหมดภาพลักษณ์เมื่อถูกสุนัขตัวใหญ่ตรงหน้าหอนพร้อมกับวิ่งเข้าใส่


ตอนนี้ในหัวคิดอะไรไม่ออกแล้ว ที่รู้คือต้องหนีให้เร็วที่สุดเท่านั้น...


“อย่าตามมาสิ!” คนถูกไล่ตะโกนระหว่างวิ่งหนีสุดกำลัง


แกร็ก!


ตึง!


ทันทีที่ถึงรั้ว ประตูเหล็กก็ถูกปิดอย่างรุนแรงพร้อมกับแรงกระแทกของสุนัขที่กระโจนใส่จากทางด้านใน


โชคยังดีที่ประตูเป็นแบบออโต้ล็อกทำให้ไม่สามารถเปิดได้ด้วยแรงกระแทก ผมทรุดตัวลงอย่างไม่อายผู้คนที่เดินผ่านทาง ขาทั้งสองข้างที่เพิ่งวิ่งเต็มสปีดยังคงสั่นไม่หยุด ถ้าคนอื่นมาเห็นคงจะคิดว่าผมกำลังหนีสัตว์ป่าที่หลุดออกมาจากสวนสัตว์เป็นแน่


ความจริงสุนัขตรงหน้านี่ก็สัตว์ป่าชัดๆ


ไม่ว่าดูยังไงก็หมาป่าเห็นๆ


ถ้าหนีไม่ทันคงได้กลายเป็นอาหารว่างแน่


ว่าแต่ทำไมพ่อแม่ถึงเลี้ยงสุนัขโดยไม่บอกกันก่อนเล่า!


ทั้งๆ ที่พ่อกับแม่ก็รู้อยู่ว่าอาการกลัวสุนัขของผมนั้นเรียกว่าเข้าขั้นวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นสุนัขพันธุ์เล็กอย่างชิวาว่า ชิสุ ปอม หรืออะไรก็ตามแต่ ถ้าเข้าพวกนั้นวิ่งเข้ามาใกล้ก็ขอวิ่งก่อนล่ะ


ตัวผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงได้กลัวสุนัขนักหนา ทั้งที่ไม่ได้มีความทรงจำแย่ๆ อย่างถูกกัดหรือถูกขย้ำ


ช่วงที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ เสียงบางอย่างก็เรียกผมให้เงยหน้าขึ้นไปมองยังอีกฝั่งของรั้วด้วยหัวใจที่เต้นแรง และก็เป็นอย่างตามคาดเมื่อเจอสุนัขตัวเดิมนั่งจ้องอยู่หน้ารั้วโดยที่ปากเรียวของมันกำลังหอบอยู่เล็กน้อย


“...ไม่ต้องมามองหน้า” ผมพูดเสียงแข็งทั้งที่เริ่มขยับตัวไปด้านหลังอีกหน่อย


ห้ามแสดงออกว่ากลัวเด็ดขาด เพราะถ้าเป็นแบบนั้นสุนัขจะรับรู้ได้


ทฤษฎีทุกอย่างผมรู้หมด เพียงแต่ร่างกายมันไม่ยอมทำตาม


บรู๊ววว~


“เฮ้ย!” ผมที่ทรุดตัวนั่งอยู่บนพื้นถึงกลับหงายหลังเมื่อสุนัขตัวใหญ่ตรงหน้าหอนพร้อมกับกระโจนใส่รั้วเหล็กจนเกิดเสียงดังลั่น
ไม่เอาแล้ว


น่ากลัวชะมัด


ขอหนีก่อนละกัน


สิ่งที่คิดในหัวตรงข้ามกับสิ่งที่ตะโกนบอกกับสุนัขตรงหน้าด้วยขาสั่นๆ อย่างสิ้นเชิง...


“ที่กลับก่อนนี่ไม่ได้กลัวนะ...ไม่ได้กลัวจริงๆ นะ”

.....................................................................

กลับมารีไรท์ในรอบ 2 ปี

หวังว่าจะทำให้ทุกคนอ่านได้ลื่นไหนขึ้นนะคะ

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ บทนำ+พบรัก ▪×วันที่1×▪ ◣ P.1 03/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 03-09-2016 15:07:13
กราบบบบบ

ปูพรมแดง คิดถึงคุณ nicedog นะค้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: Rewrite- When we found love ▪พบรัก▪ ◢ ▪×วันที่1×▪ ◣ P.1 11/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 03-09-2016 15:17:06
-Rewrite- พบรัก ▪×วันที่1×▪


แสงยามเช้าที่เล็ดลอดเข้ามาภายในห้องของคอนโดหรูบนชั้นสูงสุดทำให้เจ้าของห้องอย่างผมที่ตาค้างอยู่ค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงสีขาวสะอาดด้วยความง่วงสุดขีดเพราะไม่ได้นอนเลยสักงีบเดียว


ถ้าถามว่าทำไมถึงไม่นอน ก็บอกได้เลยว่าเพราะเอาแต่คิดถึงสุนัขตัวใหญ่ที่อยู่ในบ้านของพ่อกับแม่เมื่อวานนี้… ตั้งแต่กลับมาถึงคอนโดเมื่อเย็นก็เอาแต่คิดอยู่ตลอดว่ามันเป็นยังไงบ้าง วันที่พ่อกับแม่ไปเที่ยวคือเมื่อสองอาทิตย์ก่อน และเวลาที่ใช้จัดงานศพก็อีกอาทิตย์นั่นแปลว่าสุนัขตัวนั้นไม่มีใครให้อาหารมามากกว่าสามอาทิตย์แล้ว


พอคิดได้แบบนั้นก็พานทำให้นอนไม่หลับ


เอาตรงๆ คือรู้สึกผิดที่ไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนอยู่บ้านหลังนั้น อย่างน้อยถ้านึกได้ก็จะได้โยนอะไรเข้าไปให้กินบ้าง จริงอยู่ที่ผมกลัวสุนัขมากแต่ก็ไม่ได้มากถึงขั้นจะปล่อยให้หนึ่งชีวิตต้องเสียไปหรอกนะ


ขอแค่อย่าเข้ามาใกล้ก็พอ...


เมื่อคิดได้แบบนั้นผมจึงลุกไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะขับรถไปยังบ้านหลังเดิมอีกครั้ง ระหว่างทางก็แวะเข้าไปซื้ออาหารสุนัขในร้านสะดวกซื้อ โซนของอาหารสัตว์แม้จะไม่กว้างมากนักแต่ก็มีให้เลือกอยู่หลากหลายแบบ


“...อันนี้รสปลาแซลมอน ส่วนนี่รสไก่งวง...” ผมพึมพำเบาๆ  ในมือทั้งสองข้างตอนนี้กำลังถืออาหารสำเร็จรูปแบบถาดของสุนัขอยู่


เชื่อไหมว่าผมยืนเลือกมาได้เกือบ 20 นาทีแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมอาหารสุนัขถึงได้มีให้เลือกเยอะมากขนาดนี้ นอกจากอาหารเปียกแบบถาดที่ถืออยู่แล้วยังมีทั้งอาหารเม็ด อาหารกระป๋อง อาหารเสริม หรือแม้แต่พวกวิตามินสำหรับสัตว์เลี้ยง แค่ชนิดของมันก็มากจนไม่รู้ว่าจะเลือกหยิบอะไร แต่พอเลือกชนิดได้แล้วยังต้องมากลุ้มกับรสชาติของแต่ละอันอีก


อย่างอาหารสำเร็จรูปของสุนัขแบบถาดที่ถืออยู่นี่ก็มีทั้งรสไก่ ไก่งวง เนื้อวัว ตับ เป็ด ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาเนื้อขาว รวมทั้งยังมีแบบรสผสมพวก ไก่กับผัก เนื้อกับตับ ปลากับผัก ไก่กับเนยแข็ง และอีกมากมายนับไม่ถ้วนตามแต่ยี่ห้อนั้นๆ


ผมหรี่ตามองอาหารสำเร็จรูปสองอันที่อยู่ในมือพร้อมตัดสินใจว่าจะเลือกซื้อทั้งคู่ แต่ก่อนจะเดินไปจ่ายเงินก็ต้องชะงักเมื่อนึกถึงภาพของสุนัขตัวใหญ่ในความทรงจำ...


“...จะพอกินไหมเนี่ย”


ดูจากขนาดตัวกับอาหารที่อยู่ในมือแค่ 2 อันแล้วไม่น่าจะพอ


พอคิดได้แบบนั้นก็วกกลับไปยังชั้นวางอาหารสุนัขอีกครั้ง โดยที่ครั้งนี้อาหารสำเร็จรูปแบบถาดทุกรสถูกหยิบใส่ตะกร้ารสละอันโดยไม่สนใจราคาที่แพงลิ่ว ทันทีที่คิดเงินเสร็จรถคันสีบรอนซ์ทองก็ตรงไปยังบ้านของพ่อแม่ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นของผมอย่างไม่รีบร้อน



ปกติในช่วงเช้าก่อนแปดโมง หลายๆ คนต้องเร่งรีบเพื่อจะไปทำงานให้ทันเวลา แต่สำหรับคนที่เป็นประธานบริษัทศิริวัฒนิวงศ์อย่างผมไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นมากจนไม่จำเป็นต้องไปนั่งเซ็นเอกสารเหมือนอย่างเมื่อก่อน ถ้ามีเอกสารที่ต้องการให้เซ็น ทางเลขาส่วนตัวจะส่งมาให้ผ่านระบบใหม่ของทางบริษัท สิ่งที่ประธานอย่างผมต้องทำมีเพียงเซ็นเอกสารผ่านทางระบบนั้นเท่านั้น และเพราะแบบนั้นผมจึงสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการโดยไม่ต้องกังวลเรื่องบริษัท แต่ถึงจะว่าแบบนั้นก็มีบ้างที่ต้องเข้าไปนั่งประชุมแต่แค่อาทิตย์ละวันสองวัน หรือถ้ามากหน่อยก็สักสี่วันต่อสัปดาห์


ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีรถก็มาจอดอยู่หน้าประตูรั้วเหล็กอีกครั้ง ผมใช้เวลาทำใจอยู่สักพักก่อนจะลงจากรถแล้วเดินไปยังรั้วตรงหน้าอย่างเกร็งๆ แค่คิดว่ามีสุนัขอยู่ข้างใน ขาที่ก้าวก็เริ่มสั่นทีละน้อย


ผมเดินย่องไปย่องมาหน้าประตูพลางชะโงกเข้าไปดูว่าสุนัขตัวเมื่อวานอยู่ที่ไหนแต่หลังจากที่มองหาสักพักก็ไม่มีวี่แวว เมื่อเป็นแบบนั้นผมเลยตัดสินใจเดินหารอบๆ บ้านแทน


รอบๆ รั้วบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้ปลูกที่เรียงรายตั้งแต่หน้าบ้านยันหลังบ้าน พูดให้ถูกก็คือนอกจากบ้านจะถูกล้อมด้วยรั้วแล้วยังถูกล้อมด้วยพืชผักสวนครัวหลากหลายชนิด เท่าที่รู้ก็มีพวกมะนาว มะเขือเทศ กะเพรา และอีกหลายอย่างที่ไม่รู้จัก


“ไปอยู่ไหนนะ” ผมพึมพำด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเป็นห่วงเล็กน้อย และกำลังจะวกกลับไปยังประตูรั้วด้านหน้าอีกครั้งโดยที่ยังไม่เจอสุนัขตัวใหญ่นั่นเลย


คงไม่ได้ตายไปแล้วหรอกนะ?


ยิ่งคิดแบบนั้นตาผมก็หรี่ลงอย่างครุ่นคิด ทว่าก่อนที่จะคิดอะไรได้ก็พลันได้ยินเสียงเหมือนโลหะดังกระทบกันดังขึ้นในรัศมีใกล้ๆ ผมเดินตามเสียงนั้นไปจนเจอประตูทางเข้าขนาดเล็กที่อยู่ด้านข้างของบ้าน เท่านั้นยังไม่พอสุนัขที่กำลังตามหายืนอยู่หน้าประตูรั้วเหล็กโดยที่หัวของมันกำลังก้มกินอะไรบางอย่างในชามอาหารสีเงินบนพื้น


“กินอะไรน่ะ” ผมถามออกไปทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางได้คำตอบแน่ๆ


ถ้าได้คำตอบจริง ผมนี่แหละที่จะวิ่งหนี แล้วไม่กลับมาที่นี่อีกเลย


สุนัขที่เหมือนหมาป่าตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมามองตามเสียงเรียกอย่างรวดเร็วราวกับว่าเข้าใจสิ่งที่ถามไป ดวงตาสีน้ำตาลคมที่จ้องมาทำเอาผมซึ่งไม่ถูกกับสุนัขต้องก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่วายก้มลงไปมองในชามสีเงินที่มีข้าวคลุกกับอะไรบางอย่างใส่ไว้อยู่


น่าแปลก… ข้าวยังดูใหม่อยู่ทั้งที่ไม่น่าจะมีใครให้อาหารมาตั้งสองอาทิตย์แล้ว


“อย่าบอกนะว่า...” ผมพูดขึ้นเมื่อคิดอะไรบางอย่างได้


การที่สุนัขด้านในยังมีชีวิตอยู่ได้ทั้งที่ไม่มีคนให้อาหารมาตั้งสองอาทิตย์ สิ่งที่คิดได้ก็มีแค่...มีคนคอยให้อาหารมัน?!


ความจริงที่คิดได้ทำเอาผมหรี่ตาลงด้วยความสงสัยเพราะรู้ว่าพ่อกับแม่ไม่เคยจ้างแม่บ้านมาดูแลทำความสะอาดเป็นประจำ ถ้าจะจ้างก็เป็นครั้งคราวเท่านั้น พ่อกับแม่เป็นคนที่ชอบทำความสะอาดทั้งคู่ แม้จะอายุมากขึ้นแล้วก็ยังคงทำความสะอาดบ้านเองอยู่เป็นนิตย์ ดังนั้นการจะจ้างแม่บ้านตัดไปได้เลย หรือจะคิดว่าเป็นญาติของพ่อกับแม่ก็ไม่ใช่อีก เพราะปัจจุบันทั้งพ่อและแม่ต่างก็ไม่เหลือญาติที่ไหนแล้ว ล่าสุดคุณน้าที่เป็นน้องสาวแม่ก็เพิ่งจะเสียไปเมื่อครึ่งปีก่อนทำให้ญาติคนสุดท้ายที่มีไม่มีอีกต่อไปแล้ว ถ้าจะให้เดาต่อก็อาจเป็นเพื่อนบ้านแถวนี้มากกว่า แต่การเดานี้ยังไม่มีหลักฐานอะไรจึงไม่สามารถเอามาใช้ตัดสินได้


ทางเดียวที่จะรู้คือต้องอยู่รอพบสินะ...


จะว่าไปตรงนี้ถือเป็นมุมดีในการให้อาหารเลยแฮะ


อย่างที่เคยบอกไปว่าบ้านหลังนี้ถูกล้อมรอบด้วยรั้วเหล็กที่สูงกว่าสองเมตรโดยรั้วนั้นถูกทำให้มีระยะห่างมากพอที่จะยื่นมือเข้าไปได้ คนที่ให้คงจะเอาชามสีเงินเข้าไปก่อนจะใส่อาหารตามเพื่อจะได้สะดวกต่อการให้สินะ


“...ถือเป็นความโชคดีของนายที่มีคนใจดีมาให้อาหารนะ” ผมบอกกับสุนัขที่จัดการอาหารตรงหน้าจนไม่เหลือแม้แต่ข้าวสักเม็ด
“แบบนี้คงกินนี่ไม่ไหวแล้วสิ” พูดจบผมก็ชูถุงที่เต็มไปด้วยอาหารสำเร็จรูปขึ้น


สุนัขตัวใหญ่ตรงหน้าเหมือนจะรับรู้ได้ด้วยอะไรสักอย่าง ดวงตาสีน้ำตาลของมันไม่ได้จ้องมายังผมแต่เป็นถุงสีขาวที่เป็นไปด้วยอาหารสำเร็จรูปหลายสิบอัน  ไม่เพียงแค่จ้องแต่สุนัขตรงหน้ายังนั่งลงเรียบร้อยราวกับเคยถูกฝึกสอนมาอย่างดี แต่ถึงจะสอนดียังไงก็คงห้ามน้ำลายที่ค่อยๆ ไหลลงมาไม่ได้


“คิกๆ...” ผมหลุดขำให้กับท่าทางของมัน


“อยากกินใช่ไหม”


บรู๊ววว~


“เฮ้ย!”


ผมถอยกรูดจนแผ่นหลังไปติดกับกำแพงบ้านข้างๆ เมื่อสุนัขที่นั่งเรียบร้อยเมื่อครู่เปลี่ยนมากระโจนใส่รั้วเหล็กจนเกิดเสียงดังก้อง ความรู้สึกผ่อนคลายเมื่อเห็นน้ำลายยืดๆ นั่นหายไปโดยมีความหวาดกลัวเข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว


ไม่เอาแล้ว!


น่ากลัว...


ใบหน้าเริ่มมีเหงื่อซึมออกมาด้วยความกลัว ผมเริ่มขยับเดินไปยังรถที่จอดเอาไว้โดยที่สายตายังคงจับจ้องไปทางสุนัขที่เดินตามมาด้วยความหวาดระแวง


โดนกระโจนใส่ขนาดนั้นใครจะกล้าเข้าไปใกล้กัน


สุดท้ายเจ้าของบ้านคนใหม่อย่างผมก็พาตัวเองกลับขึ้นมาอยู่บนรถได้สำเร็จ ใจหนึ่งก็อยากจะกลับบ้านเลยแต่อีกใจก็อยากจะพบกับคนที่คอยมาให้อาหารสุนัขของพ่อกับแม่สักหน่อย เผื่อจะได้ขอบคุณที่ช่วยเหลือ ดีไม่ดีอาจจะจ้างอีกฝ่ายให้มาช่วยดูแลสุนัขตัวใหญ่นี่ก็ได้


ยังไงก็ขอเห็นหน้าก่อนจะตัดสินใจอะไรละกัน...


เมื่อคิดได้แบบนั้นผมก็นั่งรออยู่ในรถตั้งแต่ช่วงสายยาวไปจนถึงช่วงบ่าย แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เห็นใครที่น่าจะเป็นคนที่ใช่เลยสักคนเดียว...


“หรือมาให้แค่วันละครั้ง?”


ความคิดนี้มีความเป็นไปได้สูงเหมือนกัน จะมีสักกี่คนที่มาให้อาหารสุนัขของคนอื่นโดยที่ไม่ได้อะไรตอบแทน… หรืออาจได้นะ? ไม่แน่ว่าพ่อกับแม่อาจจะจ้างมาก็ได้


เดี๋ยวสิ... พ่อกับแม่วางแผนจะไปเที่ยวแค่อาทิตย์เดียวแปลว่าถ้าจ้างจริงก็คงจะจ้างแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น และตอนนี้คงหมดสัญญาจ้างแล้ว


“ยังไงกันแน่เนี่ย” ผมยกมือขึ้นขยี้เส้นผมสีน้ำตาลของตัวเองจนยุ่งไปหมด


นิสัยของผมก็เป็นแบบนี้แหละ... เป็นคนที่ไม่ชอบให้มีอะไรค้างคาใจ รวมถึงไม่ชอบให้มีเรื่องที่ไม่รู้ว่าคืออะไรติดอยู่ในหัว ด้วยความที่นั่งอยู่ในรถมานานเกือบ 5 ชั่วโมงทำให้กล้ามเนื้อรู้สึกตึงๆ จนต้องออกมาเดินข้างนอกบ้าง แต่แล้วเสียงท้องร้องก็ดังประท้วงเมื่อไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่ช่วงเช้า


ผมสอดส่ายสายตามองหาร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆ แถวนี้แต่กลับพบเพียงบ้านเดี่ยวที่อยู่ติดๆ กันหลายสิบหลังยาวไปเรื่อยๆ ตามถนน ผมขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดว่าจะทำยังกับสถานการณ์ตอนนี้ดี ถ้าขับรถไปหาอะไรกินก็อาจจะคลาดกับคนคนนั้นแต่ถ้าเลือกที่อยู่ต่อก็ต้องอดข้าวไปอีกมื้อ ด้วยความหิวที่เริ่มรุนแรงขึ้นทำให้ผมตัดสินออกไปหาอะไรกินก่อนจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด


ถือเป็นโชคดีที่พอขับรถออกมาได้ไม่นานก็เจอกับตึกแถวที่เต็มไปด้วยร้านอาหารมากมาย คงเพราะฝั่งตรงข้ามมีมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่เปิดอยู่จึงไม่แปลกเลยที่มีร้านค้าเรียงรายเต็มไปหมด


“มหาวิทยาลัยนั้นมัน...” ผมพึมพำระหว่างจัดการมื้อเช้าควบกลางวันของตัวเอง


ถ้าจำไม่ผิดชื่อของมหาวิทยาลัยที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนี่ดูคุ้นหูอยู่เหมือนกัน...รู้สึกจะเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังของที่นี่เลย


อยากรู้จังว่าจะเรียนเหมือนที่อังกฤษไหมนะ?


ไม่สิ...ไม่มีเวลามาคิดอะไรแล้วต้องรีบกลับไปบ้านไปรอเจอคนคนนั้นให้ได้


ผมบอกตัวเองพร้อมจัดการอาหารตรงหน้าในพริบตา


ผมกลับมายังบ้านสองชั้นหลังสีขาวสะอาดตาอีกครั้ง คราวนี้ผมเลือกจอดรถไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ถัดไปไม่ไกล ช่วงบ่ายๆ แถมยังแดดแรงแบบนี้ ผมไม่อยากจอดรถตากแดด


“วิ๊ว!”


เสียงผิวปากดังขึ้นขณะที่ผมเพิ่งกดรีโมตล็อกรถเสร็จ พอหันไปดูก็เจอใครบางคนยืนอยู่หน้าประตูรั้วบ้านพร้อมกับชูถุงในมือขึ้นแกว่งไปมา จากที่เห็นด้านหลังคงบอกได้แค่ว่าเป็นผู้ชายผมสั้นสีดำเหมือนที่พบเห็นได้ทั่วไป และที่รู้อีกอย่างก็คือผู้ชายคนนั้นน่าจะอายุน้อยกว่าผมอยู่พอสมควร อย่างต่ำๆ ก็น่าจะน้อยกว่า 5 ปีเพราะอีกฝ่ายใส่ชุดนักศึกษาอยู่


นี่พ่อกับแม่จ้างเด็กคนนั้นให้มาดูแลสุนัขหรือ?


ผมถอนหายใจทันทีที่นึกได้ ทั้งที่พวกแม่บ้านหรือพ่อบ้านก็มีให้จ้างอยู่เยอะแยะแต่ทำไมถึงต้องไปจ้างเด็กด้วยนะ


“มะนาว!”


เสียงทุ้มที่ตะโกนเรียกทำเอาขาผมที่กำลังก้าวเข้าไปใกล้ชะงัก ...มะนาว? ใครกัน?


บรู๊วว~


ไม่ต้องคิดให้เสียเวลาเพราะไม่กี่วินาทีหลังเสียงหอนดังขึ้นร่างของสุนัขตัวใหญ่ก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า ผมร้อง ‘อ๋อ’ ในลำคอเบาๆ เมื่อรู้ว่ามะนาวที่ว่าหมายถึงสุนัขตัวใหญ่ที่อยู่ในบ้านนั่นเอง


ตึง!


สุนัขตัวใหญ่ที่พึ่งรู้ว่าชื่อมะนาวกระโจนใส่รั้วจนเกิดเสียงดังก้อง ทว่าเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่กลับไม่แสดงออกว่ากลัวเหมือนผมที่ตอนนี้ก้าวถอยหลังออกไปสองก้าวแล้ว


“อะไร หิวแล้วเหรอ” เด็กหนุ่มตรงหน้ายังคงพูดคุยกับสิ่งมีชีวิตที่อีกฟากรั้วโดยไม่กลัวมันกัดเลยสักนิด


หงิ๋ง~


“เจ้าของเธอยังไม่กลับมาสักทีเนอะ อาหารที่ฝากไว้ก็หมดแล้วเลยต้องให้ข้าวแทน ยังดีที่ไม่เลือกกิน”


เธอ? หมายความว่าสุนัขตัวนั้นเป็นตัวเมีย?


เห็นหน้าตาดุๆ แบบนั้นนึกว่าเป็นตัวผู้ซะอีก


“เอ่อ...สวัสดี!”


ผมตะโกนทักทายคนที่เด็กกว่าโดยที่ยังยืนอยู่ด้านหลังอีกฝ่าย แถมยังไกลจากหน้ารั้วอยู่ไม่น้อย


ผมไม่กล้าเข้าไปใกล้หรอก ก็ดูหน้าสุนัขที่กระโจนเกาะรั้วอยู่นั่นสิ ...น่ากลัวชะมัด!


“...” ผู้ชายผมดำตรงหน้าหันมามองตามเสียงตะโกนเรียก


ผมเบิกตากว้างด้วยความตะลึงเมื่อเห็นใบหน้านั้นชัดๆ ขนาดไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษมาเกือบครึ่งชีวิตและพบเจอผู้คนหรือดาราที่มีหน้าตาหล่อเหลามากมาย ก็ยังไม่เคยมีคนไทยในต่างแดนคนไหนที่เรียกว่าหล่อได้


แต่กับเด็กที่ยืนอยู่นี่...ผมกล้าใช้คำว่าหล่อออกมาได้อย่างเต็มปาก


ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างสมส่วนที่พอเดินเข้าไปใกล้แล้วคงจะสูงเท่าๆ กัน หรือใบหน้าคมเข้มและผิวสีแทนตามแบบฉบับคนไทยที่ดูเป็นจุดเด่นทันทีที่เห็น ทรงผมที่ดูออกแนวเซอร์นิดๆ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เด็กมหาลัย ทว่าหน้าตานั้นเทียบได้กับระดับพระเอกเลยทีเดียว


อืม...จะเรียกว่าเด็กได้ไหมนะ เอาเถอะถ้าอายุน้อยกว่าก็ขอเรียกว่าเด็กต่อไปละกัน


ดวงตาคมสีน้ำตาลมองมายังผมก่อนจะหรี่ตาลงอย่างสงสัย


“สวัสดี ผมชื่อใบไผ่” ผมรีบแนะนำตัว


“อืม”


คำตอบสั้นๆ ทำเอาผมถึงกับไปไม่เป็น


“พี่เป็นใคร?”


ผมยิ้มเมื่อเด็กตรงหน้าดูจะเป็นมิตรกว่าที่คิดไว้


“ยิ้มทำไม”


“เปล่าๆ”


“ก็เห็นอยู่ว่ายิ้ม”


“แค่ดีใจนิดหน่อย” ผมบอกไปตามตรง


“ดีใจ?”


“ก็ตอนแรกที่เราตอบพี่นึกว่าเราไม่อยากจะคุยกับพี่ซะแล้ว” ในเมื่อผมอายุมากกว่าคงไม่ผิดถ้าจะแทนตัวเองว่าพี่


“เป็นใครก็ต้องสงสัยคนที่ตะโกนเรียกตัวเองทั้งนั้นนี่”


คำตอบที่ได้รับทำให้ผมคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างครุ่นคิด


ก็คงจริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า ถ้ากลับกันผมเป็นคนที่ถูกตะโกนเรียกก็คงจะระแวงสงสัยเหมือนกัน


“ก็จริง โทษทีนะ”


“แล้วพี่จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหมเข้ามาใกล้ๆ ก็ได้ผมไม่กัดหรอกนะ” อีกฝ่ายพูดพลางมองมายังผมที่ไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้


“เราน่ะไม่กัดหรอก แต่...” ผมเหลือบไปมองสุนัขตัวใหญ่ที่ชะโงกหน้ามาดูด้วยสายตาหวั่นๆ


“กลัวเหรอ”


เฮือก!


“พะ...พูดอะไรน่ะ” ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นๆ


ทำไมถึงรู้ได้ล่ะ?


“ตัวสั่นไปหมดแล้วนะ”


“คิดไปเองน่า”


“งั้นถ้าไม่กลัวก็ขยับมาคุยกันดีๆ สิพี่”


ดูเหมือนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากค่อยๆ ก้าวขาสั่นๆ ไปหาเด็กหนุ่มคนนั้นและสุนัขตัวใหญ่ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของรั้วเหล็กอย่างเชื่องช้า


“แล้วมีอะไรล่ะ”


“คนที่ถามควรจะเป็นผมไหม”


คำถามที่สวนกลับมาทำเอาผมหน้าแดงเล็กน้อยที่ทำตัวป้ำๆเป๋อๆ ให้อีกฝ่ายเห็น


...เพราะมีเจ้าสี่ขาอยู่ใกล้ๆ นี่แหละทำเอาคิดอะไรไม่ออกเลย


“เอ่อ หมาตัวนี้ชื่อมะนาวเหรอ”


“ใช่ แต่ไม่ใช่ของผมหรอกนะ เจ้าของบ้านเขาบอกว่าให้ช่วยดูแลในระหว่างที่ไปเที่ยวหน่อย แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นกลับมาเลย”


“ขอบคุณที่ช่วยดูแลมาจนถึงตอนนี้นะ” ผมพูดพร้อมกับก้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณจากใจที่อีกฝ่ายช่วยดูแลสุนัขของพ่อกับแม่


“พี่จะขอบคุณผมทำไม”


“เจ้าของหมาตัวนี้ไม่อยู่แล้วล่ะ”


ดวงตาคนเอ่ยถามหรี่ลงอย่างไม่เข้าใจ “ไม่อยู่แล้ว...หมายถึงย้ายบ้าน?”


“ไม่ใช่ พวกเขาเสียแล้วน่ะ” ผมเลือกที่จะบอกความจริงไปตามตรง


“...”


ดูเหมือนอีกฝ่ายจะอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินไปพอดูเลย


“พี่เป็นลูกชายของเจ้าของบ้านชื่อใบไผ่ แล้วเราล่ะ”


ผมไม่รู้ว่าเด็กตรงหน้าสนิทกับพ่อแม่ตัวเองมากแค่ไหนแต่จากที่เห็นแววตาเศร้าๆ นั่นก็พอเดาได้ว่าสนิทอยู่พอสมควร


:: ต้นว่าน ::


“ต้นว่าน...เรียกผมว่าว่านก็ได้” ผมตอบกลับคนที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ


ผมชื่อต้นว่าน หรือ ธนภักษ์ มั่งมีทรัพย์ เป็นนักศึกษาปีสี่ สาขาบริหารของมหาวิทยาลัยชื่อดังในละแวกนี้ ด้วยความที่ครอบครัวค่อนข้างยากจนเลยต้องทำงานพิเศษเพื่อเป็นค่าเทอมและช่วยค่าใช้จ่ายของทางบ้านที่ต้องเลี้ยงน้องอีกสองคน


เมื่อสามปีก่อน ตอนที่เดินผ่านบ้านหลงนี้ก็ได้เจอกับสามีภรรยาคู่หนึ่งที่เพิ่งจะย้ายมาอยู่ใหม่พร้อมกับลูกสุนัขตัวเล็กสายพันธุ์เชคโกสโลวัคเกี้ยน วูล์ฟด็อก ด้วยความที่ผมชอบสุนัขมากจึงรู้ได้ทันทีว่าสุนัขสายพันธุ์นี้มีมูลมหาศาลอย่างที่สายพันธุ์อื่นเทียบไม่ติด แถมในประเทศไทยก็มีสุนัขพันธุ์นี้อยู่เพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น ไม่ต้องถามก็บอกได้ว่าสามีภรรยาคู่นี้เป็นมหาเศรษฐีอย่างแน่นอน


และนอกจากราคาของสุนัขพันธุ์นี้จะมหาศาลแล้ว มันยังไม่มีวางขายตามท้องตลาดทั่วไป คนที่ต้องการจะครอบครองต้องได้รับการทดสอบว่าเหมาะสมหรือไม่ ผมไม่รู้ว่าพวกเขาใช้วิธีไหนจึงได้มันมาครอบครองและได้นำมันกลับมาเลี้ยงที่นี่ แต่ที่รู้คือพวกเขาคงไม่ได้มันง่ายๆ อย่างแน่นอน


สำหรับผมคนรวยทุกคนที่เคยเห็นมักจะดูถูกคนจนๆ อย่างผมเสมอ แต่สามีภรรยาคู่นี้กลับต่างออกไป พวกเขาพูดคุยกับผมด้วยท่าทีปกติ ไม่มีการพูดจาหยาบคาย เสียดสีหรืออะไรทั้งสิ้น นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมรู้สึกดีที่ได้พูดคุยกับคนทั้งคู่


หลังจากรู้จักกันมาหลายเดือน ท่านทั้งสองต่างก็ต้อนรับผมอย่างดี แถมเมื่อรู้ว่าผมชอบสุนัขมากแต่ด้วยฐานะทางครอบครัวที่ค่อนข้างยากจนเลยไม่สามารถเลี้ยงสุนัขได้ก็ยังยอมให้มาเล่นกับสุนัขที่ราคาสูงลิ่วอย่างมะนาวด้วยรอยยิ้มและเต็มใจ นับจากวันนั้นการมาดูแลเจ้ามะนาวก็เป็นหน้าที่ประจำของผมไปเสียแล้ว


ผมยังจำบทสนทนาของคู่สามีภรรยาอารมณ์ดีเมื่อสองอาทิตย์ก่อนได้อยู่เลย พวกเขาบอกว่าจะไปเที่ยวสักพัก ฝากดูแลมะนาวระหว่างนั้นด้วย ในตอนนั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไร เลยตอบรับไปก่อนจะมาดูแลมะนาวให้ทุกวันจนอาหารที่ฝากไว้หมดลง ด้วยยี่ห้อของอาหารซึ่งมีราคาสูงกว่าของคนอยู่มากทำให้ผมไม่สามารถซื้ออาหารเม็ดที่ว่ามาให้ได้ เลยใช้ข้าวคลุกกับพวกปลาโอมาให้แทน


ทั้งที่คิดว่าอีกไม่นานทั้งคู่ก็จะกลับมา…


แต่ไม่คิดเลยว่าคนจิตใจดีขนาดนั้นจะไม่กลับมาอีกแล้ว


“ต้นว่าน...เราคงสนิทกับพ่อแม่พี่ใช่ไหม” เสียงทุ้มแต่ออกนุ่มเอ่ยถามพร้อมกับนัยน์ตาที่จ้องประสานมา


ชายหนุ่มตรงหน้าคือลูกชายของเจ้าของมะนาว เพียงแว้บแรกที่เห็นก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่างของฐานะอย่างชัดเจน อีกฝ่ายมีใบหน้าเรียว ผิวสีขาวอมชมพู ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจนเกือบทอง และเส้นผมสีน้ำตาลซอยระกับต้นคอแสดงให้เห็นถึงความเป็นลูกครึ่งที่ลงตัวสุดๆ เรียกว่าชายตรงหน้าเหมือนเจ้าชายในฝันของเจ้าหญิงหลายๆ คนเลยก็ว่าได้


ขนาดตอนสั่นๆ ยังน่าดู ถ้าผู้หญิงมาเห็นคงจะกรี๊ดลั่นแน่


“ผมไม่ได้สนิทขนาดนั้น ก็แค่คุยกันบ้าง” ผมตอบไปตามตรง


“ยังไงก็ขอบคุณที่ช่วยดูแลมะนาวนะ พี่ไม่รู้ว่าจะตอบแทนยังไงดี” ชายหนุ่มบอกพลางขมวดคิ้วสีน้ำตาลจนเป็นปมแสดงให้เห็นว่ากำลังคิดหนักอยู่จริงๆ


“ไม่ต้องหรอก...เอ่อ...ครับ ผมไม่ได้ทำอะไรมากมายเลย”


อยู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่าคนตรงหน้ามีอายุมากกว่าอยู่พอสมควรจึงไม่ควรเสียมารยาท


“พูดที่ถนัดเถอะพี่ไม่ถือ อ้อ...มีของที่ต้องให้นี่นา รอนี่แป๊บนะ” พอพูดจบอีกฝ่ายก็วิ่งกลับไป ทิ้งให้ผมยืนสงสัยอยู่คนเดียว


ใช้เวลาไม่นานเจ้าของบ้านตัวจริงก็เดินกลับมาพร้อมกับยื่นกระดาษบางอย่างมาให้


ผมรับกระดาษมาอย่างงงๆ แต่พอก้มลงไปอ่านผมถึงกับกำมือแน่นจนกระดาษที่ว่ายับยู่ยี่อย่างรวดเร็ว


สิ่งที่อยู่ในมือของผมคือเช็คหนึ่งใบที่ไม่ได้ระบุตัวเลขไว้ภายใน มีเพียงลายเซ็นจากผู้เป็นเจ้าของเท่านั้น ผมเงยหน้าขึ้นไปจ้องชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง และคนถูกจ้องก็เหมือนจะรู้ถึงความผิดปกติ


“เอ่อ...ไม่พอใจอะไรพี่”


“...ก็เป็นแบบนี้กันหมด”


“...อะไร”


“พวกคนรวยก็เป็นแบบนี้กันหมด! ไม่ว่าจะอะไรก็เอาแต่ใช้เงิน เงิน และเงิน เอาแต่ดูถูกคนที่ด้อยกว่า! ผมมันจนแล้วไงล่ะ ถึงจะแบบนั้นผมก็ไม่ต้องการให้ใครมาสงสารหรอกนะ!!” ผมตะโกนออกไปอย่างหมดความอดทน


กระดาษที่ได้มาถูกฉีกก่อนจะโยนลงพื้นด้วยความโกรธที่ปะทุจนถึงขีดสุด


ทั้งที่คิดว่าลูกของพวกเขาจะไม่เป็นเหมือนคนรวยคนอื่นๆ แล้วเชียว แต่สุดท้ายก็เอาเงินมาฟาดหัวกันจนได้


“เอ่อ...พี่ไม่ได้...”


“ผมไม่อยากจะฟังอะไรทั้งนั้น!” พอพูดจบผมก็เดินออกมาทันทีโดยไม่สนใจเสียงที่ตะโกนเรียกตามหลังมา


ถ้าขืนยังอยู่ต่อคงได้เผลอชกอีกฝ่ายออกไปแน่ และถ้าเป็นแบบนั้นเรื่องคงไม่จบง่ายๆ


ให้มันจบตรงนี้เถอะ


หวังว่าจะไม่ได้เจอกันอีกนะ!

..........................................................................

รีไรท์อีกสักตอน

พอได้กลับมาอ่านแล้วปรับแก้สำนวนใหม่แล้วรู้สึกเลยว่าตัวเองเมื่อก่อนนี่ฝีมือในการแต่งไม่ค่อยดีเลย ทั้งสำนวน ทั้งคำพูด ทั้งการใช้ภาษา

จากนี้จะปรับปรุงการแต่งให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปนะคะ

nicedog


♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ บทนำ+พบรัก ▪×วันที่1×▪ ◣ P.1 03/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-09-2016 15:26:29
 :mc4:    ใจเย็นๆก่อนนนนน
ขอบคุณค่ะรอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ บทนำ+พบรัก ▪×วันที่1×▪ ◣ P.1 03/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 03-09-2016 16:32:36
 :hao5:

อีกอย่างที่คุณ nicedog ชอบเขียนนอกจากมีน้องหมาในเรื่องแล้วคือ "ตัวเอกอาภัพ เหลือตัวคนเดียว"

 :hao5:

รอตอนต่อปายยยยยยย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ บทนำ+พบรัก ▪×วันที่1×▪ ◣ P.1 03/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 03-09-2016 19:33:10
เห็นชื่อคนแต่งก้กดเลยค่ะ5555
ว่านโกรธซะแล้ววว
ไผ่จะทำไงดีเนี่ย ไงก้ต้องง้อนะ
ไม่งั้นต้องมาดูแลหมาเอง555555
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ บทนำ+พบรัก ▪×วันที่1×▪ ◣ P.1 03/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-09-2016 20:00:17
อ้าว ผิดใจกันซะแล้ว
ให้กำลังใจคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ บทนำ+พบรัก ▪×วันที่1×▪ ◣ P.1 03/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 03-09-2016 20:45:01
มะนาวเหรอ ชื่อน่ารักแหะ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ บทนำ+พบรัก ▪×วันที่1×▪ ◣ P.1 03/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 03-09-2016 21:25:29
 :hao4: เจอกันก็ทะเลาะกันซะแระ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ บทนำ+พบรัก ▪×วันที่1×▪ ◣ P.1 03/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 03-09-2016 23:27:48
เจิมมมมค่ะ >____<
เริ่มมาก็เข้าใจผิดซะแล้ว โธ่ถัง รอปรับความเข้าใจกันนะคะ ~
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ บทนำ+พบรัก ▪×วันที่1×▪ ◣ P.1 03/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 04-09-2016 02:38:25
ในที่สุดก็มาแล้วดีใจมากกก :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ บทนำ+พบรัก ▪×วันที่1×▪ ◣ P.1 03/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-09-2016 07:58:55
ว่านโกรธซะแล้ว

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Rewrite- When we found love ▪พบรัก▪◢ พบรัก ▪×วันที่2×▪ ◣ P.1 16/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 10-09-2016 20:09:40
-Rewrite-พบรัก ▪×วันที่2×▪



ในคืนแรกสาเหตุที่ผมนอนไม่หลับอาจเป็นเพราะคิดถึงเรื่องของสุนัขตัวใหญ่ที่อาจจะไม่ได้กินอาหาร ทว่าคืนต่อมาหรือก็คือคืนนี้กลับเป็นเรื่องของเด็กหนุ่มผมดำที่ชื่อว่าต้นว่าน ด้วยท่าทางที่แสดงออกอย่างชัดเจนถึงความโกรธนั่นทำให้ผมไม่กล้าจะพูดหรือถามอะไรออกไปในตอนนั้น


แค่ยื่นเช็คให้ก็ทำให้โกรธขนาดนั้นเลยเหรอ?


แต่พอดูจากคำพูดที่อีกฝ่ายตะโกนก็พอจะทำให้รู้อะไรได้มากขึ้น อาจเป็นไปได้ว่าต้นว่านมีฐานะทางครอบครัวไม่ค่อยดีนัก และคงจะโดนดูถูกจากพวกที่ชอบทำตัวเหนือกว่าอยู่บ่อยๆ เลยพาลให้เหมารวมคนรวยเป็นคนไม่ดีไปซะหมด


ผมไม่ปฏิเสธในสิ่งที่ต้นว่านพูดเพราะมันเป็นความจริง ในสังคมปัจจุบันหลายคนอาจคิดว่ามันเสมอภาค แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย เพราะคนที่อยู่ในฐานะสูงกว่ามักจะมองคนที่ด้อยกว่าด้วยสายตาเหยียดหยามอย่างชัดเจน ที่ผมรู้เพราะผมก็เคยสัมผัสมันมาด้วยตัวเอง จริงอยู่ผมเกิดมาในตระกูลที่เรียกได้ว่ามหาเศรษฐีแต่พ่อและแม่ต่างก็ไม่เคยดูถูกคนอื่น แถมยังสอนให้ผมรู้ถึงหัวอกของคนไม่มีอะไรโดยการให้ลองอยู่ด้วยตัวเอง


ระยะเวลาตลอดหนึ่งปีที่ผมต้องไปทำงานพิเศษ ผมเป็นทั้งพนักงานขายไอศกรีม พนักงานเสิร์ฟ หรือแม้แต่พนักงานล้างจาน งานที่เลือกทำเป็นงานที่ให้เงินแบบวันต่อวัน มาเมื่อไหร่ก็ได้เมื่อนั้นจึงเหมาะสำหรับคนทำงานไปด้วยเรียนมหาวิทยาลัยไปด้วยแบบผม แต่เพราะการทำงานแบบนี้ทำให้มีเพื่อนหลายคนในมหาวิทยาลัยมาเห็นแล้วต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าผมเป็นคนขี้โกหกที่บอกว่าตัวเองเป็นลูกคนมีเงินทั้งที่จริงๆ ต้องทำงานแทบทุกนาทีที่ว่างจากการเรียน


เพื่อนที่ผมคิดว่าสนิทนั้นพูดจาทำร้ายเรามากกว่าคนที่ไม่รู้จักซะอีก


ผมได้ล่วงรู้ถึงความจริงก็วันนั้นแหละ...


ตั้งแต่ได้เรียนรู้เรื่องเหล่านั้น ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่ผมดูถูกคนที่ด้อยกว่าไม่ว่าจะเป็นหน้าตา ฐานะหรืออะไรก็ตามเลยสักครั้งเดียว อย่างเรื่องของต้นว่านเองก็เช่นกัน การที่ผมให้เช็คไปไม่ใช่เพราะคิดดูถูกอย่างที่เจ้าตัวว่า แต่เป็นเพราะในกระเป๋าเงินตอนนั้นเหลือเงินอยู่เพียงแค่ 200 บาทเนื่องจากผมลืมไปกดเงิน และที่ไม่ได้เขียนตัวเลขลงไปก็เพราะไม่รู้ว่าค่าอาหารทั้งหมดมันเท่าไหร่กันแน่


อย่างที่บอกว่าผมไม่ชอบสุนัขเลยไม่รู้ว่าอาหารแต่ละมื้อมันหมดไปเท่าไหร่ แต่จากที่ไปซื้อมาวันนี้ก็รู้ว่าคงไม่ใช่น้อยๆ แน่ ซึ่งนั่นทำให้ผมตัดสินใจไม่ใส่จำนวนเงินลงไป


ก็จริงอยู่ที่การให้เงินอาจไม่ใช่วิธีการขอบคุณที่ถูกต้องนัก แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าผมไม่ได้คิดจะขอบคุณด้วยการให้เงิน… เงินที่ให้นี่เป็นแค่ค่าอาหารเท่านั้น ในเมื่อมะนาวเป็นสุนัขของพ่อกับแม่ก็แปลว่าเป็นสุนัขของผมด้วย เพราะแบบนั้นการที่จะออกค่าอาหารอาหารสัตว์เลี้ยงตัวเองมันผิดตรงไหนกัน แถมยังไม่ทันได้อธิบายอะไร คนตรงหน้าก็ใส่อารมณ์กลับมาเพราะคิดแต่ว่าผมต้องการเอาเงินฟาดหัวอย่างเดียว ยิ่งดวงตาคมสีน้ำตาลเข้มที่มองมาเต็มไปด้วยความโกรธที่ใกล้ปะทุเต็มที  เกรงว่าถ้าเข้าไปใกล้อาจถูกชกกลับมาก็เป็นได้...


“โอ้ย เครียด!” ผมถึงกลับลุกขึ้นมานั่งทึ้งหัวตัวเองเพื่อระบายความเครียดที่มีอยู่ให้ออกไป


จะทำยังไงกับเรื่องนี้ดีเนี่ย!


ผมหันไปมองนาฬิกาดิจิตอลที่บอกเวลาตี 5 กว่าอย่างครุ่นคิด สุดท้ายก็เลือกที่จะลุกขึ้นไปจัดการตัวเองก่อนตัดสินใจไปบ้านอีกหลังเผื่อจะได้เจอกับเด็กคนนั้นอีกครั้ง สิ่งที่อยากทำคือขอโทษและอธิบายทุกอย่างให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าผมไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้คิดแบบนั้น


ผมมาจอดรถรออยู่ที่เดิมตั้งแต่หกโมงเช้า ระหว่างนั้นก็คอยเซ็นเอกสารที่ถูกส่งมาทางระบบของบริษัทพลางมองไปยังถนนเผื่อจะเจอคนคุ้นตาเดินมา แต่รอเท่าไรเด็กคนเมื่อวานก็ไม่โผล่มาสักที จนเวลาล่วงเลยมาถึงบ่ายสองของวันความอดทนที่มีก็เริ่มหมดลง แม้แต่เอกสารด่วนที่ต้องเซ็นก็ถูกเปิดคาไว้ทั้งๆ แบบนั้น


การที่รอนานขนาดนี้แล้วยังไม่เจอมีสามอย่าง...


อย่างแรก คือต้นว่านไม่มีเรียนเลยไม่ออกมาเหมือนอย่างทุกวัน


อย่างที่สอง คือมีเรียนแต่ยังไม่เลิกเรียน และตอนที่ต้นว่านออกไปอาจจะเป็นช่วงที่ผมละสายตามาอ่านรายงานบนจอพอดี
หรืออย่างสุดท้าย ก็คือต้นว่านเลี่ยงที่จะไม่มาบ้านนี้อีก


คิ้วสีน้ำตาลของผมขมวดเข้าหากันแน่นเมื่อข้อสรุปสุดท้ายผุดเข้ามาในหัว เพราะการกระทำที่ไม่คิดของตัวเองแท้ๆ ถึงทำให้เรื่องมันเลยเถิดมาได้ขนาดนี้


“หิวจัง...” ผมเอ่ยเบาๆ โดยใช้มือข้างหนึ่งลูบท้องตัวเองไปมา


จะว่าไปมะนาวก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่นะ แต่จะให้ผมให้อาหารสุนัขงั้นเหรอ?


ไม่! ไม่! ไม่! ไม่มีทาง… แค่จะหยิบชามข้าวออกมาก็ทำไม่ได้แล้ว


เดี๋ยวนะ...หิวข้าวงั้นเหรอ


ความทรงจำของเมื่อวานที่ไปนั่งกินข้าวพรั่งพรูออกมาพร้อมกับภาพของชุดนักศึกษาที่ต้นว่านใส่อยู่ ถ้าจำไม่ผิดมหาวิทยาลัยนั้นเป็นที่เดียวกับตราที่ติดอยู่บนเนคไทของต้นว่านนี่นา...


หรืออาจจำผิด… แต่ก็ไม่น่าจะผิดนะ


“เอาไงเอากันสิ” ผมบอกกับตัวเองก่อนจะขับรถไปตามทางที่เคยออกไปหาอะไรกินเมื่อวาน



ถนนช่วงบ่ายสองมีรถไม่มากจึงสามารถขับไปจอดเรียบฟุตบาทหน้ามหาวิทยาลัยได้ง่ายๆ ผมดับเครื่องพลางเปิดหน้าต่างเล็กน้อยเพื่อรับลม สายตามองไปยังประตูรั้วของมหาวิทยาลัยตรงหน้า


หวังว่าจะได้เจอกันนะ… ต้นว่าน


ผมนั่งมองเหล่านักศึกษาที่พากันเดินออกมาเรื่อยๆ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่พบคนที่ต้องการพบ ด้วยความที่ดับเครื่องยนต์ไปแล้วจึงทำให้อากาศภายในเริ่มอบอ้าวจนเหงื่อเริ่มออก ผมลงจากรถแล้วตัดสินใจเดินเข้าไปในรั้วของมหาวิทยาลัยแทน


ภายในมหาวิทยาลัยก็ไม่ต่างจากที่คิดเอาไว้สักเท่าไหร่นัก ตึกสูงมากมายเรียงรายกันจนแทบมองไม่ออกว่ามีทั้งหมดกี่ตึกกันแน่ แต่ที่รู้คือที่นี่สมเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อจริงๆ ไม่ใช่แค่สถานที่ที่พร้อมสำหรับการฝึกสอน แต่นักศึกษายังดูเป็นคนสุภาพมากด้วย เพราะทุกก้าวที่ผมเดินผ่านก็จะมีนักศึกษายกมือไหว้พร้อมเอ่ยทักทายเกือบตลอดทาง


หรือพวกเขาคิดว่าผมเป็นอาจารย์หรือรุ่นพี่ของที่นี่กันนะ...


“เฮ้ยๆ พวกมึงดูไอ้พวกคนจนสิวะ ผิวดำอย่างกับพวกคนใช้เลยว่ะ!”


ขณะที่กำลังเดินผ่านกลุ่มนักศึกษาที่อยู่แถวนั้นก็พลันได้ยินเสียงตะโกนที่ไม่ค่อยสุภาพขึ้นมา ผมหันไปมองอย่างสนใจทันทีที่ได้ยินคำว่า “พวกคนจน” และเห็นว่ามีนักศึกษาสองกลุ่มกำลังยืนเผชิญหน้ากันอยู่


แค่ฟังน้ำเสียงเหยียดหยาม และดูจากท่าทางยียวนแถมยังยิ้มเหยียดราวกับเจอสิ่งที่น่าขยะแขยงนั้นก็พอเดาได้ว่าคนกลุ่มแรกคือกลุ่มของนักศึกษาที่มีอันจะกินและอวดรวย ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งที่ถูกแซวว่าเป็นพวกคนจนนั้นดูจะเป็นแค่นักศึกษาธรรมดาที่รวมกลุ่มกันอยู่ประมาณ 5 คน


และหนึ่งในกลุ่มนั้นทำเอาผมถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันในทันทีที่เห็น...


“ต้นว่าน” ผมพึมพำชื่อนั้นออกมาเบาๆ


“จนแล้วมันหนักหัวพวกแกรึไง!” เสียงของเด็กหนุ่มผิวคล้ำคนหนึ่งตะโกนกลับอย่างไม่สบอารมณ์


“หนักดิ หนักมากเลยด้วยที่ต้องมานั่งเรียนกับพวกไม่เอาไหนแบบนี้” กลุ่มเด็กรวยตอบกลับ


“พวกที่ไม่เอาไหนคือพวกแกมากกว่ามั้ง”


“ว่าไงนะ?!”


“คะแนนสอบสู้ว่านไม่ได้ก็อย่ามาหาเรื่องกันสิ” เด็กอีกกลุ่มสวนกลับ


‘ว่าน’ ที่พูดถึงนี่คือต้นว่านสินะ ...แปลว่าเก่งใช้ได้เลยนี่


“เหอะ เก่งแล้วไง เก่งแต่จน ยังไงก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรับจ้างไปวันๆ คนอย่างพวกแกไม่มีทางได้ขึ้นตำแหน่งสูงๆ หรอกเว้ย”
เสียงด่านั่นทำเอาเด็กหนุ่มผมดำที่เงียบมาตลอดทนไม่ไหว และเดินก้าวไปหาคนพูดจาหยาบคายด้วยแววตาคุกกรุ่น


เมื่อผมเห็นแบบนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปหาพร้อมกับเอามือกดที่หัวไหล่อีกฝ่ายเอาไว้เพื่อเป็นการห้ามไม่ให้เข้าไปหาเรื่องมากไปกว่านี้ ผมรู้ว่าถ้าเกิดเรื่องกันขึ้นมาจริงๆ คนที่จะหมอบกลับไปก่อนต้องเป็นพวกเด็กปากไม่ดีพวกนั้นแน่ๆ แต่หลังจากที่เรื่องถึงหูผู้ปกครองของพวกมัน ต้นว่านอาจจะต้องถูกพักการเรียนหรือไม่ก็โดนตัดคะแนนแน่นอน และจากที่ฟังมาก็พอรู้ว่าอีกฝ่ายเรียนดี แปลว่าต้นว่านอาจได้ทุนการศึกษาด้วย ถ้าขืนปล่อยให้มีเรื่องกัน ทุนฯ ที่ควรจะได้ก็จะพลอยไม่ได้กันพอดี


“ต้นว่าน” ผมเรียกเด็กชายตรงหน้า


“...พี่...มานี่ได้ไง” ดูเหมือนคนถูกเรียกจะยังงุนงงพอสมควร


“อยากเจอเรานี่ เมื่อวานเรายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย”


“ผมไม่มีอะไรต้องพูดกับพี่” ถึงน้ำเสียงจะแข็งกร้าวแต่คำพูดก็ดูเหมือนจะอ่อนลงกว่าเมื่อวาน


“แต่พี่มี”


“อะไรๆ ผู้ชายคนนี้เป็นใครวะ อย่าบอกนะว่าแกขายตัวด้วยน่ะ ว่าแต่พี่ก็หล่อดีนะ แต่ตาต่ำไปหน่อยมั้งที่เลือกหมอนี่น่ะ เอ๊ะ...หรือว่าไอ้ว่านจะลีลาดีทำให้พี่ครางเสียงหวานเลยต้องมาซื้อมันอีกรอบน่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า”


“แก...” ทันทีที่คำหยาบคายหลุดออกมาจากปากคนพวกนั้น ต้นว่านก็วิ่งเข้าไปหมายจะชกอีกฝ่าย แต่ผมใช้แขนกันไม่ให้อีกฝ่ายได้ไป


นานแล้วที่ไม่ได้ถูกดูถูกแบบนี้…


ไหนๆ ก็ไหนๆ นี่เนอะ


“Low intelligence being”


“ฮะ? พูดอะไรของแกน่ะ?”


แค่ประโยคสั้นที่ผมพูดออกไปก็ทำเอากลุ่มเด็กรวยอุทานออกมาพร้อมกัน


“Scumbag!” ผมยังคงใช้ภาษาอังกฤษพูดต่อด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าเอ๋อๆ ของกลุ่มเด็กที่ฟังไม่รู้เรื่อง


“...พูดบ้าอะไร?”


“คำง่ายๆ แบบนี้ยังไม่รู้ เรียนมหาวิทยาลัยมาได้ยังไงนะ” ผมไม่ตอบแต่ถามกลับไปแทน


“นี่แก!”


“ทางมหาลัยไม่ได้สอนให้เคารพผู้ใหญ่เหรอ”


“เหอะ ผู้ใหญ่แล้วไงรู้ไหมว่าฉันลูกใคร?!”


นี่คงเป็นประโยคคลาสสิคของลูกคนรวยสินะ ดูท่าทางหยิ่งๆ ก็พอเดาได้ละว่าพ่อแม่คงจะใหญ่พอดู


“ไม่รู้สิ พี่ไม่ได้จำนามสกุลใครได้หมดทั้งประเทศหรอกนะ”


“นี่จะบอกว่าไม่รู้จักตระกูลเพชรเกษมศักดิ์ เจ้าของร้านสะดวกซื้อที่เปิดหลายสาขาทั่วประเทศรึไงกัน”


เพชรเกษมศักดิ์? อ้อ...จะว่าคุ้นก็คุ้น แต่ก็ยังไม่รู้จักอยู่ดี


ในประเทศนี้ ถ้าเป็นคนที่มีฐานะจริงๆ ส่วนมากผมรู้จักทั้งนั้นเพราะเคยไปร่วมงานเลี้ยงดังๆ มาตั้งมาก แถมด้วยฐานะที่เป็นประธานบริษัทก็ต้องรู้จักคนที่มีประโยชน์ต่อเราไว้ แต่คิดยังไงก็จำไม่ได้ว่าเคยรู้จักนามสกุลนี้ แปลว่าคงจะไม่ได้เด่นดังอะไรมากนัก


“ขอโทษด้วยนะที่นึกไม่ออก”


“แก!”


“ขอบอกหน่อยว่าพี่อายุ 28 แล้วห่างจากพวกเรามาก เพราะงั้นควรจะให้ความเคารพกันหน่อย ถ้าขืนปล่อยให้โตมาทั้งๆ ที่ยังเป็นแบบนี้...เดี๋ยวจะแย่เอานะ” ผมบอกไปตรงๆ


ถ้าผมคิดจะจัดการเด็กพวกนี้คงไม่อยากอะไร แต่นอกเหนือจากการจัดการคือต้องทำให้พวกเขารู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่… ขืนขึ้นไปบริหารบริษัททั้งที่ยังเป็นแบบนี้คงไม่รอดแน่


โลกนี้น่ะอยู่ไม่ได้หรอกนะถ้าไม่รู้จักมีมารยาทต่อผู้ใหญ่


“ไม่ต้องมาสั่งสอนฉัน! พอทีเบื่อจะคุยกับพวกกระเทยแล้ว ไปกันเถอะ!” พูดจบทั้งกลุ่มก็เดินออกไปโดยที่ไม่หันกลับมาสนใจอีก


“กระเทยเลยเหรอ แรงนะเนี่ย”


เพิ่งเคยโดนคนด่าว่าเป็นกระเทยก็ครั้งนี้ แหม… โกรธนิดๆ เหมือนกันแฮะ


“...พี่ใบไผ่”


“ฮืม?” ผมหันไปตามเสียงเรียก


“ทำไมต้องมาช่วยผมด้วย?” อีกฝ่ายถามกลับ ดวงตาคมเข้มจ้องมาอย่างคาดคั้น


“บอกแล้วไงว่าพี่มีเรื่องจะคุยกับเรา”


“พี่ตอบไม่ตรงคำถามนะรู้ไหม”


“ก็นะ… ก่อนจะพูดเรื่องนั้นพี่ขอพูดอะไรสักหน่อยได้รึเปล่า”


“จะมาเอาเรื่องผมสินะ”


“ไม่นี่” ผมขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ


“งั้นทำไม...”


“พี่มาขอโทษเรื่องเมื่อวาน เรื่องเช็คอาจทำให้ต้นว่านรู้สึกไม่ดี ซึ่งพี่เองก็คิดเรื่องนี้อยู่ทั้งคืน ต้นว่านอาจเข้าใจว่าพี่ใช้เงินฟาดหัวเราแต่ความจริงมันไม่ใช่ เช็คที่พี่ให้คือค่าอาหารที่เราช่วยดูแลมะนาวเท่านั้น”


“แต่พี่ไม่ได้ใส่จำนวนเงิน...”


“นั่นเพราะพี่ไม่รู้ว่าค่าอาหารทั้งหมดมันเท่าไหร่ ถ้าใส่เยอะไปอาจเป็นการดูถูกเราก็ได้ พี่เลยต้องเว้นว่างไว้แบบนั้น” ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายพูดจบผมรีบจัดการอธิบายออกไปทันที


“...”


“พี่ขอโทษที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดี… ขอโทษจริงๆ พี่อยากให้เรารู้ว่าถึงพี่จะมีเงินแต่ก็ไม่เคยใช้เงินในการขอบคุณหรือขอโทษใคร สิ่งที่พี่ทำมันผิดที่ไม่อธิบายให้ต้นว่านเข้าใจจนทำให้เข้าใจผิดกันแบบนี้ พี่ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะ”


ผมพูดสิ่งที่คิดอยู่ออกมาทั้งหมดพร้อมก้มหัวขอโทษคนอายุน้อยกว่าตรงหน้าท่ามกลางสายตาของนักศึกษาหลายคนที่มองมา แต่ถึงจะมองผมก็ไม่รู้สึกอายอะไร การขอโทษไม่ทำให้ผมรู้สึกอายเท่าการที่ทำความรู้สึกดีๆ ของต้นว่านที่มีต่อพ่อกับแม่ของผมเปลี่ยนไป การที่ต้นว่านสนิทกับพ่อและแม่ทั้งที่ไม่ชอบคนรวยคงเป็นเพราะพ่อกับแม่มักจะใจดีกับคนรอบข้างเสมอๆ และไม่สนว่าอีกฝ่ายจะมีฐานะดีหรือไม่ หรือนิสัยเป็นยังไง ทว่าการกระทำของผมอาจทำให้ต้นว่านมองพ่อกับแม่ไปในทางที่ไม่ดีทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่


“พี่ใบไผ่...”


ผมยังคงนิ่งอยู่ในท่าก้มหัวให้อีกฝ่ายต่อไปโดยไม่มีคำพูดใดๆ


“พอเถอะ ผมไม่โกรธแล้ว พี่อย่าทำแบบนี้เลยเดี๋ยวคนอื่นจะมองพี่ไม่ดีนะที่มาก้มหัวให้คนแบบผม”


“จะคนแบบไหนต่อให้ได้ชื่อว่าเป็นคน ทุกคนก็ต่างเท่าเทียม ไม่มีคำว่าฐานะทางสังคมหรือฐานะทางครอบครัวทั้งนั้น เมื่อทำผิดก็เป็นธรรมดาที่ต้องขอโทษ”


“ผมเข้าใจแล้ว พี่เงยหน้าถึงเถอะ”


“ไม่โกรธกันนะ” ผมถามกลับหลังจากที่เงยหน้าขึ้นมา


“ครับ ไม่โกรธแล้ว ผมเองก็มีอะไรอยากบอกพี่เหมือนกัน”


“อะไรล่ะ”


“ขอโทษที่ตะหวาดใส่เมื่อวานนะครับ ถ้าผมหยุดแล้วฟังพี่อธิบายคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้...ขอโทษครับ” ครั้งนี้เป็นต้นว่านที่ก้มหัวขอโทษด้วยความสำนึกผิด


“ถือว่าหายกันเนอะ” ผมบอกด้วยรอยยิ้มเมื่อจัดการเรื่องเครียดลงได้สำเร็จ


“ครับ”


“เอ่อ...ว่าน นี่ใครวะ”


หลังจากคุยกันอยู่นานเพื่อนๆ ที่อยู่ด้านหลังต่างก็สะกิดถามกันเสียงเบา สายตาทั้งสี่คู่จับจ้องมายังผมเป็นตาเดียว


“ก็… คนรู้จักน่ะ” ต้นว่านหันไปตอบเพื่อน


“พี่ชื่อใบไผ่ เรียกพี่ไผ่ก็ได้ พวกเราเป็นเพื่อนของต้นว่านสินะ คราวหน้าช่วยดึงเขาไว้ด้วยล่ะถ้าขืนมีเรื่องขึ้นมาจะถูกพักการเรียนเอา” ผมหันไปคุยกับเพื่อนของต้นว่านอย่างเป็นมิตรและไม่ถือตัว ทำให้เพื่อนทั้งสี่คนกล้าเข้ามาพูดคุยด้วยความเป็นมิตรไม่แพ้กัน...


“โหยพี่ พวกเราห้ามไอ้ว่านไม่ได้หรอก ดูมันดิตัวก็สูงแรงก็เยอะ สะบัดทีพวกผมก็ปลิวแล้ว” คนบอกนี่ชื่อบอล บอลเป็นคนที่มีสีผิวคล้ำแดด และตัดผมจนสั้นเกรียน


“เว่อร์แล้วบอล” ต้นว่านกระทุ้งข้อศอกใส่เพื่อนตัวเองเบาๆ


“อั๊ก! โอ๊ย! กระดูกผมหักแล้ว พี่ไผ่ช่วยพาผมไปส่งโรงพยาบาลที” อีกฝ่ายว่าพร้อมกับเซมาเตรียมจะกอดเอวคนอายุมากสุดอย่างผมแต่กลับถูกเพื่อนรู้ทันคว้าคอเสื้อไว้แล้วเหวี่ยงไปหากลุ่มเพื่อนที่เหลือแทน


“เลิกเล่นน่า”


“เป็นเพื่อนที่ดีเลยนี่” สนิทกันมากแถมยังดูจะเข้ากันได้ดีอีก


“เพื่อนที่ชอบกวนน่ะสิ”


“เราต้องไปทำอะไรต่อรึเปล่า” ใบไผ่ถามต่อ


“ผมมีงานพิเศษที่ต้องทำแต่ยังเหลือเวลาอยู่ประมาณชั่วโมง พี่มีอะไรเหรอครับ”


“ไปด้วยกันหน่อยได้ไหม” ผมไม่ตอบแต่ส่งยิ้มบางๆ กลับไปให้แทน


“อืม… ก็ได้ครับ”




มีต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: Rewrite- When we found love ▪พบรัก▪◢ พบรัก ▪×วันที่2×▪ ◣ P.1 16/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 10-09-2016 20:10:00
ต่อค่าา


:: ต้นว่าน ::

จากนั้นผมก็ลาเพื่อนในกลุ่มทั้งสี่คนก่อนจะเดินตามหลังคนอายุมากกว่าไปโดยไม่พูดอะไรจนไปถึงรถยนต์คันสีบรอนซ์ทองที่ไม่ต้องดูยี่ห้อก็พอรู้ว่าราคาสูงลิ่วแน่นอน ระหว่างที่พี่ใบไผ่กำลังขับรถผมก็ลอบมองหน้าอีกฝ่ายเป็นระยะ การกระทำของพี่เขาทำให้ความรู้สึกที่มีต่อพวกคนรวยของผมเปลี่ยนไปมาก


ไม่เคยคิดว่าจะได้รับทั้งคำขอโทษและก้มหัวให้เหมือนอย่างวันนี้...


ก็อย่างที่เห็นว่านักศึกษารวยๆ หลายคนไม่ค่อยชอบผมเท่าไรนัก ถึงจะเรียนดี เล่นกีฬาเก่ง หรือหน้าหล่อตามที่เพื่อนๆ ยกยอ แต่ด้วยฐานะที่ไม่ค่อยดีเลยมักถูกกันให้ไม่สามารถเข้ากลุ่มได้ในบางครั้ง ผมเข้าใจถึงความแตกต่างของฐานะดีจึงไม่ได้ว่าอะไร แต่ถึงจะบอกว่าเข้าใจแต่การถูกด่าทออย่างวันนี้เป็นเรื่องที่ทำให้โมโหที่สุด ถ้าไม่ถูกเจ้าของรถคันนี้ห้ามไว้ก็คงมีเรื่องไปแล้ว


ถ้ามีการทะเลาะกันเรื่องต้องถึงหูฝ่ายปกครองเป็นแน่ และก็คงถูกพักการเรียน ซ้ำยังโดนหักคะแนน ทุนการศึกษาที่จะได้ก็คงหายวับไปเช่นกัน


“ขอบคุณนะครับ” ผมบอกกับคนที่กำลังขับรถเบาๆ พอสงบสติอารมณ์ได้ก็เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเข้ามาห้ามไว้ทั้งๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันแถมยังถูกด่าว่าอีก


พี่เขาคงรู้ว่าถ้าไม่มาห้ามจะเกิดอะไรขึ้น...


“ขอบคุณพี่เหรอ” เสียงนุ่มๆ ของคนขับรถถามกลับ ผมจึงพยักหน้าส่งไปให้ “ไม่เป็นไร...แต่คราวหน้าใจเย็นหน่อยก็ดีนะ”


“พี่เองก็ใจเย็นใช่ย่อยนี่”


ภาษาอังกฤษสำเนียงไพเราะนั่นมีความหมายที่ไม่เข้ากับน้ำเสียงซะเลย


“ก็มีบ้าง นานๆ ทีจะถูกด่า แถมยังบอกว่าพี่เป็นกระเทย ถึงจะไม่หล่อเหมือนเราแต่หน้าตาก็ไม่ได้หวานขนาดนั้นสักหน่อย”


พอถูกชมอย่างไม่ตั้งตัวเลยหันไปมองคนข้างกายอย่างงงๆ


“ผมหล่อ?” สาบานได้ว่าไม่ได้คิดกวนแม้แต่น้อย


“เราควรส่องกระจกหน่อยนะ แล้วก็พูดว่ากระจกวิเศษเอ๋ย จงบอกข้าเถิดใครหล่อเลิศในปฐพี กระจกวิเศษก็จะตอบกลับมาว่าต้นว่านนั่นไง”


“ฮึ...” ผมหลุดขำออกมาเพราะเสียงนุ่มๆ ที่ดัดเป็นเป็นทั้งแม่มดและกระจกวิเศษ


“นั่นแหละๆ ยิ้มเยอะๆ เราเพิ่งจะอายุเท่านี้เองอย่าเพิ่งไปเครียดกับทุกอย่างรอบตัวเลย” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจนเกือบทองที่หันมาสบพร้อมรอยยิ้มนั่นทำเอาหัวใจที่สงบนิ่งเต้นเร็วขึ้นมาเล็กน้อย


“แปลกคน”


แปลกคนจริงๆ ทั้งที่ถูกตะโกนใส่ไปขนาดนั้นแต่ก็ยังตามมาขอโทษทั้งที่ไม่จำเป็นสักนิด


“บอกพี่?”


“แล้วแต่พี่จะคิดเลย” พูดจบก็ส่งยิ้มบางๆ กลับไปบ้าง


ใช้เวลาไม่กี่นาทีรถก็มาจอดบริเวณหน้าบ้านหลังเดิม เจ้าของรถดับเครื่องแล้วลงไปหยิบถุงบางอย่างด้านหลังคนขับ ผมที่นั่งมาด้วยก็ได้แต่ลงไปรออีกฝ่ายที่หน้าประตูเงียบๆ ที่พามานี่ก็พอจะเดาเหตุผลได้อยู่


จำได้ว่าพี่เขากลัวสุนัขนี่นะ... คงจะไม่กล้าให้อาหารเองแน่ๆ


“เอาล่ะ เราช่วยเอาอาหารให้มะนาวหน่อยสิ”


ถึงคำพูดเหมือนจะดูเป็นคำสั่ง แต่ด้วยร่างกายที่เริ่มสั่นเมื่อเข้าใกล้ประตูรั้วก็ทำเอาผมที่มองอยู่หลุดยิ้มออกมา พี่ใบไผ่เหมือนเจ้าชายที่อยู่ในนิทานเพียงแต่ตอนนี้กำลังขาสั่นไม่ใช่เพราะต้องเจอกับมังกรพ่นไฟแต่เพราะต้องเจอกับสุนัขตัวใหญ่อย่างมะนาวต่างหาก


“วิ๊ว!”


ด้วยความอยากแกล้งผมจึงผิวปากเรียกมะนาวให้ออกมาหา เสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้และทันทีที่เห็นคนหน้าคุ้นอย่างผมมะนาวก็กระโจนใส่รั้วหมายจะเล่นด้วยเหมือนอย่างทุกที


บรู๊ววว~


ลักษณะของสุนัขสายพันธุ์นี้จะเหมือนหมาป่าที่มักจะไม่ส่งเสียงเห่าแต่จะหอนแทน ตามสัญชาติญานแล้วพวกมันจะค่อนข้างดุและไม่ยอมใครง่ายๆ แถมยังเป็นสุนัขที่มีพลังงานมาก และต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม แต่กับมะนาวนั้นความก้าวร้าวหรือดุดันแทบจะไม่มีให้เห็นเลย นิสัยของมะนาวทั้งน่ารักและเฉลียวฉลาดเหมือนสุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮักกี้เสียมากกว่า อาจเพราะได้รับการดูแลและพาออกสังคมตั้งแต่ยังเด็กเลยไม่คิดว่ามนุษย์เป็นศัตรู


ถึงการกระโดดพร้อมเสียงหอนจะเป็นสิ่งที่ผมเห็นเป็นประจำจนชินแต่กับคนพึ่งมาเจอกับตัวใกล้ๆ อย่างพี่ใบไผ่ก็ถึงกลับหน้าถอดสีทรุดตัวลงไปกับพื้นอย่างหมดท่า


ผมได้แต่แอบยิ้มกับท่าทางที่เห็น ใจจริงก็อยากจะหัวเราะออกมาดังๆ แต่ก็กลัวว่าจะเป็นการเสียมารยาทเกินไป


บอกไปแบบนั้นก็จริงแต่...


“ฮึ...” ผมหลุดขำจนต้องรีบเอามือทั้งสองข้างปิดปากตัวเอง


เจ้าของบ้านคนใหม่หันขวับมามองอย่างเคืองๆ “...ขะ...ขอบอกไว้ก่อนนะว่าพี่ไม่ได้กลัวแค่ตกใจเฉยๆ ”


คำพูดติดๆ ขัดๆ นั่นแค่มองก็รู้แล้วว่าโกหกเห็นๆ


“ครับๆ ”


“เสียงแบบนั้นไม่เชื่อกันนี่” หนุ่มลูกครึ่งที่ทรุดตัวอยู่บนพื้นพูดต่อ


“เชื่อสิครับ”


“พูดจริงใช่ไหม”


“แน่นอนครับ” ผมไม่ได้โกหกนะแต่นี่เพื่อความสบายใจของพี่ใบไผ่ล้วนๆ


“งั้นก็เอานี่ให้มะนาวด้วย”


พูดจบถุงสีขาวขุ่นก็ถูกยื่นมา พอเปิดดูภายในก็เจออาหารสำเร็จรูปแบบถาดสำหรับสุนัขหลายสิบอัน ยี่ห้อของอาหารที่ปรากฏต่อสายตาทำเอาผมตาเบิกกว้างขึ้น


ก็อาหารสำเร็จรูปยี่ห้อนี้เพียงอันเดียวแพงกว่าค่าอาหารทั้งวันของผมเองเสียอีก


“พี่ไม่ให้เองเหรอ… ครับ” เป็นอีกครั้งที่ผมเผลอพูดแบบไม่มีหางเสียง


“ไม่ต้องกังวลเรื่องมารยาทหรอก จะเติมครับหรือไม่ก็ได้ ตามใจเลย”


“แต่...” แบบนั้นมันก็ดูไม่ดีน่ะสิ


“บอกแล้วไงว่าพี่ไม่ถือ...นะ”


คำว่า ‘นะ’ ทำให้ผมเผลอกำมือแน่นอย่างไม่ทันตั้งตัว


“...ครับ”


“งั้นก็ฝากด้วยนะ”


ผมเดินไปหยิบชามใส่อาหารที่อยู่ตรงประตูเล็กด้านข้างไปทำความสะอาด ก่อนจะเดินกลับมายังหน้าประตูรั้วซึ่งมีเจ้าของบ้านยืนรออยู่ เพียงแต่ระยะห่างของคนกับรั้วดูจะมากขึ้นกว่าตอนแรกซะอีก


“มะนาวไม่กัดพี่หรอกนะ”


“...ก็ไม่ได้กลัวนี่” ปากก็พูดแบบนั้นแต่ขาดันก้าวถอยห่างออกไปอีกนิด


“ครับๆ พี่จะให้รสไหนดีล่ะ” ผมถามต่อโดยที่กางถุงสีขาวขุ่นให้อีกฝ่ายดูอาหารสำเร็จรูปที่อยู่ภายใน


“แล้วแต่เลย”


ได้ยินแบบนั้นคนถือถุงแบบผมก็ได้แต่ทำตาม ผมหยิบอาหารสำเร็จรูปออกมาสามอันแต่หนึ่งในนั้นทำเอาผมจ้องจนคิ้วขมวดเข้าหากันแน่นก่อนจะจัดการเอาอาหารทั้งหมดที่อยู่ในถุงออกมาเรียง


“ทำอะไรเหรอต้นว่าน” คนข้างหลังเอ่ยถามก่อนจะเดินเข้ามาหาอย่างสนใจ


“พี่ได้อ่านฉลากก่อนซื้อรึเปล่า”


“อ่านสิ”


“งั้นซื้ออาหารสำหรับลูกหมามาทำไม” ผมถามพร้อมกับชูหลักฐานขึ้นมาให้ดู แถมไม่ใช่แค่อันเดียวแต่มีถึงสามอัน


คนซื้อได้แต่ก้มหน้าลง คงรู้สึกแย่ที่แค่เลือกอาหารสุนัขก็ยังทำผิด


“ผมไม่ได้ว่าสักหน่อย อย่าก้มหน้าแบบนั้นสิ” แค่คนตรงหน้าก้มลงก็นึกได้ว่าตัวเองพูดอะไรไม่ดีออกไป


“...”


“พี่ใบไผ่...” ผมเรียกคนตรงหน้าอีกครั้งแต่อีกฝ่ายยังคงเงียบ


ผมวางมือจากอาหารที่ถือแล้วเปลี่ยนไปสัมผัสใบหน้าของพี่ใบไผ่ให้เชิดขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าที่แดงระเรื่อเพราะความอายทำเอาผมเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตะลึง...


ผมเคยเจอผู้ชายหน้าแดงมาก็มาก แต่ก็เพิ่งเคยเจอคนที่หน้าแดงได้น่ารักก็ครั้งนี้แหละ


“พี่ไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้...คราวหน้าจะดูดีๆ ละกัน” เสียงนุ่มพึมพำกลับมา


“ครับ”


ประโยคที่อีกฝ่ายพูดมาแทบไม่เข้าหัวเลย รู้เพียงแค่ใบหน้าแดงๆ นั่น ...น่ามองชะมัด


“ไม่ให้ต่อล่ะ...หรือว่าไม่ควรเอาของหมาเด็กให้มะนาวกิน?”


“เปล่าครับ ให้กินได้เดี๋ยวผมจัดการให้” ผมละมือที่สัมผัสใบหน้าขาวออกก่อนจะหันมาจัดการอาหารตรงหน้าอย่างจริงจัง


“ขอบคุณนะ”


“ไม่เป็นไรครับ แต่พี่ควรจะเป็นคนให้อาหารมะนาวเองนะ สุนัขน่ะจะสัมผัสกลิ่นที่คลุกลงไปในอาหารได้ทำให้เกิดความใกล้ชิดกันมากขึ้น” ระหว่างที่จัดการแกะอาหารสำเร็จรูปใส่ชาม ผมก็บอกเจ้าของบ้านไปด้วย


“ไม่ไหวหรอก”


“พี่บอกว่าไม่กลัวนี่?” ครั้งนี้ผมสวนกลับบ้าง


“เอ่อ...”


“ผมอยากให้พี่บอกความจริงมา ถ้ายอมบอก ผมอาจช่วยพี่ได้นะ”


คนถูกถามเม้มปากแน่นอย่างชั่งใจว่าควรจะบอกความจริงไปดี หรือจะโกหกต่อไปทั้งๆ แบบนี้


“เสร็จล่ะ มากินเร็วสาวสวย”

 
ชามอาหารถูกสอดเข้าไปด้านใต้ของรั้วที่มีช่องว่างพอจะให้สอดเข้าไปได้ สุนัขตัวใหญ่กระดิกหางไปมาอย่างดีใจที่จะได้อาหาร ผมสั่งให้มะนาวนั่ง มันเป็นการฝึกอย่างที่ทำประจำก่อนจะสั่งให้กินได้ เพียงพริบตาอาหารสำเร็จรูปก็หมดลง


“ต้นว่าน”


“ครับ?”


“อื้ม...”


“ครับ?” ผมกระพริบตาติดๆ กันอย่างไม่เข้าสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ


“พี่กลัวหมา เพราะงั้นช่วยพี่หน่อย...นะ”


คำตอบที่ได้ยินเรียกรอยยิ้มบางๆ ออกมาอย่างไม่ตั้งใจ


“ผมช่วยได้ แต่พี่ต้องพยายามด้วยนะ”


“หมายความว่าไง” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจนเกือบทองเลื่อนขึ้นมาสบพร้อมเอียงหัวเล็กน้อย ท่าทางเหมือนเด็กๆ ที่เห็นนั้นทำให้รอยยิ้มที่หายไปกลับมาอีกครั้ง


“ผมจะทำให้พี่เลิกกลัวหมา”


“ฮะ?!”

................................................................................

สวัสดีค่ะ

ก่อนอื่นต้องบอกว่าประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้นั้นเราหามาจากเน็ตนะคะเพราะเราไม่ค่อยเก่งอังกฤษนัก555

เรื่องนี้จะแต่งเป็นเหมือนเรื่องสั้นที่ออกจะยาวหน่อย

จากที่วางไว้คิดว่าไม่ยาวเท่าเรื่องอื่นแน่ๆ

เขียนแนวแฟนตาซีมาซะนานเลยอยากกลับมาเขียนแนวธรรมดาแบบนี้บ้าง

ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังใจนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ในตอนหน้าค่ะ

มาดูกันว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะพัฒนาไปยังไง

บ๊ายบาย :mew1:

Rewrite >> หากมีใครสังเกตจะมีการเปลี่ยนชื่อเรื่องจาก Find Love พบรัก มาเป็น When we found love ▪พบรัก▪​ แทนนะคะเพื่อให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องมากขึ้นค่ะ

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่2×▪ ◣ P.1 10/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-09-2016 20:23:02
สุดยอดไปเลย. พวกเด็กที่โตมาด้วยเงินอย่างเดียวนี่น่าสงสารและสมเพชในเวลาเดียวกันนะ.
แปลว่าตัวเองไม่มีอะไรดีเลยสินะ จ้องแต่จะดูถูกคนอื่นเพื่อจะได้รู้สึกมีตัวตน

ต้นว่านกับน้องมะนาวคนสวยช่วยพี่ไผ่ด้วยนะ. ว่าแต่มะนาว ไผ่ ว่าน คนละตระกูลเลยนะแต่มาลงเอยกันได้ อิอิ
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่2×▪ ◣ P.1 10/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-09-2016 21:42:18
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่2×▪ ◣ P.1 10/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 10-09-2016 21:48:02
 :katai2-1: :katai2-1:เอาจริงๆนะตอนแรกนึกว่าแฟนตาซีซะอีก
นึกว่าหมาจะกลายร่างเป็นคนอะไรเทือกๆนั้น555ยังอินกับไดนเสาร์กลายร่างได้อยู่ไงอิอิ
แต่แบบนี้ก็ละมุนดีได้อารมณ์ประมาณอาณาเขตรักดีชอบ...ส่วนตัวชอบแแนวๆนึ้มันดูละมุนดีมีหมาเป็นตัวเชื่อมน่ารักไปอีก
รอติดตามนะจร๊ะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่2×▪ ◣ P.1 10/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 10-09-2016 22:07:09
ละมุน ละไม~

ทั้งสองคนนี้คืนดีกันแล้ว แล้วพี่ใบไผ่จะโดนน้องล่อลวงแล้วเหรอคะ  :m20: ไวไปม้ายยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่2×▪ ◣ P.1 10/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 10-09-2016 22:39:53
อยากจิได้มะนาวววว
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่2×▪ ◣ P.1 10/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-09-2016 22:55:15
ใบไผ่น่ารักจังเลย
(มะนาวก็น่ารักนะ ฮา)
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่2×▪ ◣ P.1 10/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-09-2016 00:02:54
พี่ใบไผ่หน้าแดงแล้วน่ารักในสายตาต้นว่าน :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่2×▪ ◣ P.1 10/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 11-09-2016 08:48:57
ตอนแรกนึกว่าจะแฟนตาซี
คืดว่ามะนาวจะกลายเป็นคน
55555555
ติดตามต่อค่ะ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่2×▪ ◣ P.1 10/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 11-09-2016 17:41:17
มีเขินมีชมน่ารัก วรั้ยยย
ไม่รอดแล้วละค่ะทั้งคู่
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่2×▪ ◣ P.1 10/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 11-09-2016 19:25:40
 :L2: เรื่องสนุกต้องปักไว้
หัวข้อ: Re: -Rewrite- When we found love ▪พบรัก▪◢ พบรัก ▪×วันที่3×▪ ◣ P.1 16/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 17-09-2016 14:03:07
พบรัก ▪×วันที่3×▪



การต้องเข้าประชุมในช่วงเช้าสูบพลังงานคนนอนน้อยอย่างผมสุดๆ หัวข้อของการประชุมครั้งนี้คือการขยายสินค้าที่จะทำการขนส่งให้มีขอบเขตกว้างกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ทุกคนต่างรู้กันว่าบริษัทศิริวัฒนิวงศ์ของผมเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ผู้ประกอบการที่ต้องการนำสินค้าเข้ามาในประเทศหรือส่งออกสินค้าไปต่างประเทศต้องนึกถึงบริษัทผมทั้งนั้น พูดง่ายๆ ก็คือบริษัทนี้เป็นบริษัทขนส่งสินค้าที่ได้รับความนิยมและติดอันดับหนึ่งของประเทศ


เหล่าผู้ประกอบการต่างไว้วางใจการขนส่งสินค้าของเราว่าจะไปถึงจุดหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพและว่องไว แต่ในปัจจุบันบริษัทของเรานั้นเน้นการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่อย่างเช่น เฟอร์นิเจอร์ รถยนต์ หรือพวกส่วนประกอบของตึก ในการประชุมวันนี้จึงมีการเสนอให้เพิ่มการขนส่งสินค้าขนาดเล็กลงมาอย่างพวกอาหารสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยว หรือแม้แต่พวกอาหารแช่แข็งตามฤดูกาล


ความจริงก็ถือเป็นเรื่องดีที่บริษัทมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องเพราะจะทำให้ชื่อเสียงที่มีอยู่สะสมมากขึ้นไปเรื่อยๆ ดังนั้นผลของการประชุมจึงอนุมัติให้ทำตามนั้นได้


หลังจากจบการประชุมที่ยาวนานกว่าสามชั่วโมงผมก็จัดการเอกสารด้วยตัวเองอีกเล็กน้อยก่อนจะขับรถออกจากบริษัท จุดหมายปลายทางก็คือบ้านสองชั้นหลังเดิมตามที่นัดกับต้นว่านไว้เมื่อวาน


‘ผมจะทำให้พี่เลิกกลัวหมา’


ต้นว่านพูดไว้แบบนั้นแล้วก็นัดวันเอาเองเสร็จสับ แต่ถึงอย่างไรประธานบริษัทอย่างผมก็ว่างอยู่แล้ว ...แม้จะมาสายกว่าที่นัดไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงก็ตาม


“ขอโทษที่มาสายนะ” ผมวิ่งเหยาะๆ ไปหาต้นว่านที่รออยู่หน้าประตูด้วยความรู้สึกผิด


ไม่น่าเผลอไปจัดการเอกสารเลย… กินเวลาไปเสียนาน


ทั้งที่ความจริงคนขอความช่วยเหลืออย่างผมควรจะมาถึงก่อน ไม่ใช่ให้เขามารอแบบนี้ แล้วนี่ก็ไม่รู้ว่ามายืนรอนานเท่าไรแล้ว ถ้าให้เดาคงไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงเป็นแน่


“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ลืมถามว่าพี่ว่างไหม พี่คงไม่ได้ลางานมาหรอกนะ”


คำถามที่ได้ยินทำเอาผมตอบไม่ถูก จะว่าลางานก็คงใช่ แต่อีกแง่มันก็ไม่ใช่


“ก็ไม่นะ”


สุดท้ายผมก็ตัดสินใจบอกตามความจริงว่านี่ไม่ใช่การลางาน ยังไงผมก็เข้าบริษัทเพียงไม่กี่วันต่อสัปดาห์เท่านั้น อีกอย่างต่อให้ผมเข้าบริษัทตอนเช้า พอช่วงบ่ายหากไม่มีงานอะไรผมก็ตรงกลับห้องก่อนอยู่ดี ผมชินกับการทำงานข้างนอกมากกว่าในห้องประธานซะอีก


“แปลว่าพี่หยุดสินะ”


“จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิดหรอก… ว่าแต่เราไม่มีเรียนเหรอ” ผมถามกลับไปบ้าง


“ผมมีเรียนแค่สามวัน”


“เรียนน้อยจังนะ”


“ก็ปีสุดท้ายแล้วนี่”


“ปีสุดท้ายแล้ว? งั้นเดี๋ยววันรับปริญญาพี่จะเอาดอกไม้ไปให้ละกัน”


“ไม่ต้องหรอกพี่” เด็กหนุ่มตรงหน้าปฏิเสธแทบจะทันที


“พี่ไปไม่ได้สินะ ก็อย่างว่าแหละเราเพิ่งรู้จักกันเองนี่เนอะ” ผมพยายามบีบเสียงตัวเองให้เศร้าพลางก้มหน้าลงมองพื้นช้าๆ เหมือนกับว่ากำลังจะร้องไห้


รางวัลตุ๊กตาทองอยู่ไหน? 


อยู่ที่ผมนี่ไง!


“พี่... เอ่อ...ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นนะ คือ...”


ยิ่งได้ฟังน้ำเสียงร้อนรนปนทำตัวไม่ถูก ผมที่แกล้งเศร้าถึงกลับต้องกลั้นยิ้มไว้อย่างสุดความสามารถ


ต้นว่านเป็นคนที่ดูภายนอกเหมือนจะแข็งๆ แต่พอได้รู้จักกลับอ่อนโยนอย่างคาดไม่ถึง แค่แกล้งทำหน้าเศร้าใส่นิดหน่อยก็ทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว


งั้นถ้าเปลี่ยนจากเศร้าเป็นอ้อนดูจะเป็นยังไงนะ...


“งั้นให้พี่ไปได้ไหม” คราวนี้ผมลองเปลี่ยนจากเสียงโทนเศร้ามมาเป็นเสียงอ้อนๆ แทน


“เอ่อ...”


อีกฝ่ายหน้าขึ้นสีทันทีที่เห็นท่าทางออดอ้อนจากผม แปลว่าอายุขนาดนี้ก็ยังพออ้อนได้สินะ


“ให้พี่ไปนะต้นว่าน… นะ”


“ครับ”


“เยส!” ผมกระโดดตัวลอยเมื่อลูกอ้อนของตัวเองใช้ได้ผล


“นี่พี่… แกล้งผมสินะ”


เสียงทุ้มที่ดังขึ้นทำเอาผมที่กระโดดโลดเต้นเมื่อครู่หันไปส่งยิ้มแฮะๆ ให้


“เปล่านะ พี่อยากไปงานรับปริญญาเราจริงๆ ”


เรื่องนี้ไม่ได้โกหกนะ ที่ผมทำทั้งหมดก็เพราะอยากไปงานรับปริญญาของต้นว่าน


“พี่ใช้วิธีนี้กับทุกคนเลยเหรอ”


“วิธีนี้?”


“ก็พูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ น่ะ” ต้นว่านพูดเสียงเบาคล้ายไม่อยากจะพูดสักเท่าไหร่


“อ้อ… พึ่งลองกันต้นว่านครั้งแรก อายุขนาดนี้จะให้ไปอ้อนใครเหมือนเด็กๆ ก็คงไม่ได้หรอก แค่นี้ก็อายอายุตัวเองแล้ว” ทั้งการบีบเสียง ทั้งการพูดอ้อนเหมือนเด็กอายุ 7 ขวบนั่นอีก


“ถ้าพี่อยากอ้อน...จะอ้อนผมก็ได้นะ” เด็กตรงหน้าบอก


“เอาจริง?”


“ครับ”


“คิกๆ ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นน่า” ผมบอกพลางตบไหล่ต้นว่านเบาๆ


“เราจะเข้าไปข้างในกันเลยไหม”


“เข้าไปเลยเหรอ”


บรรยากาศสนุกๆ หายไปทันควันเมื่อได้ยินว่าต้องเข้าไปในบ้าน ถ้าเป็นบ้านธรรมดาคงไม่มีอะไรต้องกลัว แต่ในบ้านหลังนี้มันมีสิ่งมีชีวิตที่ผมกลัวที่สุดอาศัยอยู่


สิ่งมีชีวิตสี่ขาที่ชื่อว่า ‘สุนัข’


แค่นึกว่าต้องเข้าไปเจอกับอะไร ใบหน้าผมก็เริ่มซีดลงเรื่อยๆ ผมสัมผัสได้ว่าเลือดที่กำลังไหลเวียนอยู่ทั่วใบหน้าบัดนี้กลับไหลลงไปส่วนอื่นกันหมด


“ถ้าไม่เข้าไปแล้วพี่จะเลิกกลัวได้ยังไงล่ะ”


“เฮ้ย!”


คนกลัวสุนัขอย่างผมร้องเสียงหลงเมื่อเด็กหนุ่มตรงหน้าทำท่าจะเปิดประตู ดวงตาของผมเบิกตากว้าง ร่างกายตั้งท่าพร้อมถอยหนีจนแผ่นหลังชนเข้ากับกระโปงหน้ารถด้วยหัวใจที่เต้นรัวขึ้นจากความกลัว


“พี่ร้องทำไม” ต้นว่านก็สะดุ้งกับเสียงร้องผมเหมือนกัน


“ก็เราเปิดประตูโดยไม่บอกกันก่อนนี่” ไม่วิ่งเข้ารถก็ถือว่าดีเท่าไหร่แล้ว


“พี่ใบไผ่” คนได้ยินคำตอบก็ยกมือเท้าเอวทั้งสองข้างพร้อมส่งสายตาเอือมๆ มาให้


“อะไร” ทำไมต้องทำหน้าเอือมขนาดนั้นด้วย


“นี่มันบ้านพี่นะ”


“อืม” ก็รู้… แล้วไง?


“ผมจะมีกุญแจบ้านพี่ได้ยังไงกัน”


คำตอบที่ได้ยินทำเอาผมอยากจะหายตัวไปจากแผ่นดินไทยมันซะเดี๋ยวนี้เลย นี่กลัวมากจนคิดเรื่องง่ายๆ ไม่ออกได้ยังไง


อับอาย ขายหน้า!


ถ้าหาอะไรมาคลุมหัวได้คงทำไปแล้ว!


“พี่เคยมีอดีตไม่ดีกับหมาเหรอ”


“ก็เปล่า...มั้ง” ผมนึกระหว่างตอบ


รู้แค่ว่าพอเห็นสุนัขเดินเข้ามาใกล้ร่างกายมันจะเกร็งไปเอง ยิ่งถูกมองด้วยดวงตาคมนั่นยิ่งส่งผมให้ผมอยากหนีไปไกลๆ ซะให้รู้แล้วรู้รอด


“เคยถูกกัดหรือถูกข่วนไหม”


“ไม่นะ” ถ้าจะมีก็แค่เห่าหรือวิ่งไล่ อ้อ… มีที่เคยถูกกระโดดใส่เหมือนกัน


“งั้นถูกวิ่งไล่ล่ะ” อีกฝ่ายยังคงถามต่อ


“ก็มะนาวแหละที่วิ่งไล่ตอนพี่เข้าไปในบ้าน”


ความทรงจำเมื่อวันก่อนผุดย้อนมาอย่างรวดเร็ว ภาพของสุนัขคล้ายหมาป่าวิ่งไล่จนแทบเอาตัวไม่รอดยังเป็นภาพติดตาอยู่จนถึงทุกวันนี้


“พี่วิ่งก่อน หรือมะนาววิ่งก่อน?”


“...คิดว่าเป็นมะนาวนะ” ตอนนั้นมันกลัวจนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง


“มะนาวเป็นหมาที่เป็นมิตรมากจึงไม่แปลกที่จะวิ่งเข้าหาคน แต่ถ้าเป็นสายพันธุ์เดียวกันแต่เป็นตัวอื่นที่ไม่ใช่มะนาวคงไม่ได้วิ่งมาเพราะความเป็นมิตรแน่”


แม้ต้นว่านจะพึมพำประโยคสุดท้ายกับตัวเองแต่ผมก็ยังได้ยินชัดเจนเต็มสองหู แปลว่าผมโชคดีที่มะนาวเป็นสุนัขแสนเป็นมิตรสินะ ถึงอย่างนั้นจะห้ามไม่ให้กลัวได้ที่ไหนกัน


“แต่มะนาวมันจะกัดพี่นะ” ผมเถียงขาดใจ เขี้ยวแหลมๆ นั่นดูยังไงก็น่ากลัวสุดๆ


“จะกัดแน่เหรอ เชคโกสโลวัคเกี้ยน วูล์ฟด็อกถึงจะมีรูปร่างคล้ายหมาป่าแถมยังนิสัยดุอยู่สักหน่อยก็จริง แต่มะนาวไม่เหมือนกับตัวอื่นๆ มันไม่ทำร้ายคนแน่นอน ผมว่ามะนาวน่าจะอยากเล่นกับพี่มากกว่า” เด็กหนุ่มวิเคราะห์ออกมาอย่างมีเหตุผล


“เชคโกสโลวัคเกี้ยน วูล์ฟด็อก?”


อะไรน่ะ...ชื่อสายพันธุ์?


“นี่พี่ไม่รู้เหรอ ว่าพ่อแม่ตัวเองเลี้ยงหมาพันธ์อะไร”


คำพูดนี้เหมือนกำลังโดนด่าว่าโง่อยู่กลายๆ


“ไม่รู้… พึ่งมารู้ว่าเลี้ยงก็วันแรกที่มานั่นแหละ”


ถ้ารู้ว่าในบ้านมีสุนัขอยู่ผมคงไม่กล้าเปิดประตูเข้าไปหรอก


“เอาเถอะ อย่างที่พี่ได้ยินมะนาวเป็นสุนัขพันธุ์เชคโกสโลวัคเกี้ยน วูล์ฟด็อก …พูดอย่างนี้พี่คงจะไม่รู้สินะว่าสายพันธุ์นี้น่ะสุดยอดขนาดไหน”


“อ่า… ไม่รู้”


ต่อให้ชื่อสายพันธุ์จะยาวกว่านี้สักสิบบรรทัดผมก็ไม่รู้หรอกว่าหมายถึงอะไร แล้วนี่ไม่ใช่ว่าอยากได้ก็ไปหาซื้อตามตลาด หรือสั่งทางเว็บเหมือนสายพันธุ์อื่นรึไง


“เฮ้อ สำหรับพี่อาจจะไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจก็ได้นะ แต่พี่รู้ไหมว่าราคาของสุนัขพันธุ์นี้อยู่ที่เท่าไหร่” ต้นว่านพูดต่อ


คำถามที่ได้ยินเริ่มทำให้ผมขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างครุ่นคิด ถ้าพูดถึงราคาสุนัขก็มีให้เห็นตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักล้าน เคยได้ยินมาเหมือนกันว่ามีสุนัขบางตัวที่มีเพียงมหาเศรษฐีเท่านั้นจึงจะสามารถเลี้ยงได้ แต่ดูจากลักษณะของมะนาวก็คล้ายๆ บางแก้วของไทย แสดงว่าราคาคงไม่สูงมากขนาดนั้น ถึงอย่างนั้นพ่อแม่คงไม่เลือกสุนัขเกรดธรรมดามาเลี้ยงหรอกมั้ง


“สักแสนนึงมั้ง” ผมตอบหลังจากคิดอยู่สักพัก


ดวงตาคมเข้มที่หรี่มองมาคล้ายกับเอือมระอาเต็มทีทำเอาผมที่ไม่ค่อยรู้เรื่องสุนัขมากนักถึงกับไปไม่ถูก


“เอ่อ...ผิดสินะ”


“จะว่าผิดก็ไม่ผิดหรอกครับ”


“แปลว่าถูกสินะ” ได้ยินแบบนั้นก็เริ่มมีความหวังขึ้นมาว่ามันจะถูก


“เชคโกสโลวัคเกี้ยน วูล์ฟด็อกเป็นสุนัขที่ไม่สามารถวัดราคาได้”


“พูดเป็นเล่น” เพียงประโยคเดียวก็ทำเอาผมเหงื่อตกเพราะเข้าใจความหมายของประโยคนั้นเป็นอย่างดี


ไม่สามารถวัดราคาได้ ตีความหมายออกมาได้ว่าคนที่จะสามารถครอบครองสุนัขสายพันธุ์นี้ได้ต้องผ่านการประมูลซึ่งจะมีราคาเริ่มต้นแตกต่างกันไปตามมูลค่าของสินค้า ในทางธุรกิจ การประมูลถือเป็นการค้าที่ทำกำไรได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าสินค้านั้นมีคนต้องการมาก


นี่จะบอกว่ามีสุนัขที่ต้องใช้การประมูลเพื่อซื้อ?


“ผมไม่รู้หรอกว่าพ่อแม่พี่ซื้อมะนาวมาเท่าไหร่แต่จากที่คาดมันคงไม่ต่ำกว่าหลักล้าน”


ฟังมาถึงตรงนี้ ผมก็ยกมือขึ้นมาก่ายหน้าผากอย่างเครียดๆ สุนัขราคากว่าหกหลักถูกเลี้ยงอยู่ในบ้านเดี่ยวสองชั้นอันแสนธรรมดา แถมตอนนี้เจ้าของมันดันเป็นคนที่กลัวสุนัขขั้นรุนแรงอย่างผมด้วย


“อ้อ… ผมลืมบอกไปว่าหมาพันธุ์นี้มีอยู่ในประเทศไทยเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นนะ”


“พอเถอะต้นว่าน” ตอนนี้ผมที่กลายเป็นเจ้าของสุนัขหมาดๆ กำลังทำใจกับสิ่งที่เพิ่งรู้อยู่


“เข้าบ้านกันได้แล้วพี่”


“ต้นว่านเข้าไปคนเดียวได้ไหม” ผมต่อรอง


“ไม่ครับ เร็วๆ เลยพี่ผมต้องไปทำงานพิเศษอีกนะ”


เสียงต้นว่านที่เร่งมาทำให้ผมจำต้องหยิบกุญแจบ้านขึ้นมาไขด้วยมือสั่นๆ จากที่มองเข้าไปยังไม่เห็นมะนาวอยู่แถวๆ นี้ เป็นไปได้ว่าอาจนอนอยู่ที่อื่น


ถ้าเป็นแบบนั้นก็รีบเดินให้ถึงตัวบ้านจะได้ไม่ต้องเจอมะนาวก็ได้สินะ...


“ผมลืมบอกอีกแล้ว พ่อแม่พี่เลี้ยงมะนาวในบ้านด้วยนะ”


“อึก...” ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อได้ยิน


ทำไมผมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย ที่หนีก็ไม่มีเลยสักที่… ฮือออ


“ผมจะเข้าไปก่อน พี่ตามผมมานะ”


“อืม” พยักหน้าเสร็จก็ถอยออกมาให้ต้นว่านเปิดประตูรั้วเข้าไป ผมรีบเดินเข้าประชิดตัวต้นว่านที่เดินนำหน้าอยู่ในทันทีที่ประตูรั้วถูกปิดลง


ความจริงอยากจะกอดแขนอีกฝ่ายด้วยซ้ำแต่ก็กลัวจะเสียมารยาทเกินไป...


ฟุบ!


“เฮ้ย!”


สติแทบลอยไปกับสายลมเมื่อได้เสียงดังขึ้นพร้อมกับสุนัขตัวโตที่โผล่ออกมาจากหลังพุ่มไม้ด้านข้าง สองมือของผมคว้าเอวของต้นว่านมากอดไว้แน่นด้วยร่างกายสั่นเทา


ตอนนี้ผมไม่กังวลเรื่องมารยาทอะไรทั้งสิ้น...วินาทีนี้รู้เพียงว่าตัวเองไม่ไหวแล้วจริงๆ


“ต้นว่าน ต้นว่านไม่เอานะ” ผมพร่ำเรียกชื่อของเด็กหนุ่มครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความกลัวและหวังว่าอีกฝ่ายจะเห็นใจกันบ้าง





(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: -Rewrite-When we found love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่3×▪ ◣ P.1 16/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 17-09-2016 14:03:33
(ต่อนะคะ)


:: ต้นว่าน ::



ภาพของสุนัขตัวโตที่โผล่ออกมาจากพุ่มไม้ด้านข้างไม่ได้ทำให้ผมตกใจ ทว่าการถูกสวมกอดจากเจ้าบ้านอย่างพี่ใบไผ่นี่สิ ...ทำเอาผมถึงกับสติหลุด  ร่างกายที่ขยับเข้ามาชิดอย่างรวดเร็วทำให้สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมาจากด้านหลัง ไม่เพียงแค่นั้นมือทั้งสองข้างที่กระชับเอวผมแน่นยังสร้างความปั่นป่วนจนสติกระเจิงไปหมดแล้ว


บรู๊ววว~


มะนาวหอนพร้อมกับวิ่งตรงเข้ามาหาคนคุ้นเคยอย่างผม เท้าหน้าใหญ่ๆ ทั้งสองข้างประทับเข้าบริเวณแผ่นอกทันทีที่มันกระโจนใส่พร้อมแลบลิ้นออกมาเลียจนหน้าผมเต็มไปด้วยคราบน้ำลาย


“อย่าน่ามะนาว มันอึดอัด” ผมบ่นเล็กน้อย


“ตะ...ต้นว่าน เอามะนาวออกไปก่อน...พี่ไม่ไหว”


เสียงสั่นๆ ของพี่ใบไผ่เรียกความสนใจของมะนาวให้หันไปดมตามเท้าและขึ้นมาจนถึงเอว คนที่ไม่ชอบสุนัขอย่างพี่ใบไผ่เกร็งร่างกายอย่างชัดเจนจนผมสัมผัสได้ แม้แต่แขนที่กอดเอวผมอยู่ยังพลอยเกร็งไปด้วยเลย


“ใจเย็นๆ พี่ใบไผ่ มะนาวไม่กัดหรอก” ผมพยายามปลอบโดยการหันไปลูบไหล่ที่สั่นไม่หยุดของอีกฝ่าย


“ตะ...แต่ว่า...มะนาวจะกัดพี่” คนด้านหลังหลับตาปี๋เหมือนไม่อยากเห็นสุนัขที่กำลังดมตัวเองอยู่ตอนนี้


“ไม่กัดหรอกครับ ไม่ต้องห่วง...ไม่เป็นไร”


พี่ใบไผ่ที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่เม้มปากแน่นแล้วขยับเข้าประชิดตัวผมมากกว่าเดิม


ดูท่าจะกลัวมากกว่าที่คิด...


“มะนาว...นั่งลง” ผมสั่งสุนัขตรงหน้า มะนาวเองก็ทำตามที่สั่งในทันที ร่างของมันนั่งลงอยู่ด้านข้างพี่ใบไผ่


“รอก่อนนะ...รอก่อน พี่ใบไผ่ค่อยๆ ลืมตาสิครับ” พอสั่งสุนัขตรงหน้าเสร็จก็หันไปบอกคนด้านหลัง


“...อื้อ” พี่เขาครางรับก่อนจะลืมตาคู่สวยขึ้นมอง


“มันไม่เข้ามากัดพี่ใช่ไหมล่ะ”


“ก็ใช่...แต่...”


“พี่สั่งมันได้นะ”


“ไม่ไหวหรอก ไม่ไหวจริงๆ” พี่ใบไผ่สะบัดเส้นผมสีน้ำตาลไปมาหลายครั้งเพื่อย้ำคำพูดตัวเอง


“ไม่ยากหรอกพี่ แค่พูดว่า ‘นั่งลง’ กับ ‘รอก่อน’ เท่านั้น” ก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงกลัวจนคิดอะไรไม่ออก แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยมันก็เหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงน่ะสิ


“แค่นั้นมันจะฟังใช่ไหม”ดวงตาคู่เดินเงยขึ้นมาสบ


“ครับ ลองดูนะครับ”


“อืม...นั่งลง” เสียงนุ่มพูดเสียงเบาโดยที่ยังจ้องไปยังสุนัขตรงหน้าด้วยสายตาหวั่นๆ


“มันก็นั่งอยู่แล้วไงครับ”


“แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ”


“ก็ลองเดินดูสิครับ”


ถ้าลองเดิน มะนาวต้องลุกตามแน่ แบบนั้นจะได้สั่งให้นั่งหรือรอได้


“ไม่เอา แบบนั้นก็โดนไล่สิ” พี่ใบไผ่ยังคงสะบัดหัวไปมาอยู่อย่างเดียว


“งั้นผมจะทำให้ดู ปล่อยผมก่อนพี่ใบไผ่”


การทำให้ดูก่อนคงจะทำให้อีกฝ่ายผ่อนคลายลงได้บ้าง


“ถ้าพี่ปล่อยเราแล้วมะนาวเข้ามากัดพี่ล่ะ” คนด้านหลังยังคงไม่ยอมปล่อย แถมยังดึงเสื้อผมไว้แน่นกว่าเดิมอีก


“ไม่กัดแน่นอนครับ เดี๋ยวผมจะกันไว้ให้ โอเคนะครับ”


“...ก็ได้ แต่ห้ามไปไกลนะ”


“ครับ” ตอบเสร็จผมจึงค่อยๆ เดินแยกกับพี่ใบไผ่ที่ยื่นมองมาด้วยแววตากังวล


“มะนาว...มานี่” สุนัขตัวใหญ่วิ่งตรงมาแทบจะทันทีที่เรียกชื่อ


“นั่งลง รอก่อนนะ...รอก่อน”


เมื่อมะนาวนั่งลงตามที่สั่งก็บอกให้มันรอก่อน แล้วค่อยหันไปมองหน้าของพี่ใบไผ่ที่ไม่สั่นเหมือนในตอนแรกแล้ว


รู้สึกว่าพี่เขาจะผ่อนคลายขึ้นนิดหน่อย


“ลองดูสิพี่”


“...ต้นว่าน” อีกฝ่ายเรียกชื่อผมแทนที่จะเป็นชื่อมะนาวที่นั่งรออยู่


“พี่ทำได้ ผมจะอยู่กับพี่เพราะงั้นไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นแค่ลองทำดูเท่านั้น” ผมบอกกลับไป


“ก็ได้แต่...ต้นว่านมายืนข้างๆ พี่ได้ไหม”


“ครับ” ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธคำขอนี่


พอเดินมาอยู่ข้างๆ พี่ใบไผ่ มะนาวที่เห็นแบบนั้นก็เลยคิดจะเดินตามมาด้วยนั่นทำให้พี่ใบไผ่เกร็งร่างกายขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับไม่เหมือนตอนแรกที่ร้องลั่นแล้ววิ่งเข้ามากอดผมซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี พี่ใบไผ่มองไปยังสุนัขตัวใหญ่ตรงหน้าเหมือนกำลังพยายามที่จะต่อสู้กับความกลัวของตัวเองอยู่ ซึ่งคนที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างผมก็ทำได้เพียงส่งกำลังใจไปให้เท่านั้น


“...มะนาว...นั่งลง”


“ดังอีกหน่อยครับพี่” ผมบอกเมื่อเสียงที่ได้ยินนั้นเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน


“มะนาว...นั่งลง!” ครั้งนี้เสียงสั่งดังขึ้นกว่าเดิมมากทำให้มะนาวที่ได้ยินนั่งลงตามที่สั่งได้สำเร็จ


“นั่นไง… ทำได้แล้วนะครับ”


“ทำได้ พี่สั่งมะนาวได้ล่ะ!” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยคพี่ใบไผ่ก็ตะโกนขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มก่อนจะหันมากระโดดกอดผมเต็มแรงจนเกือบหงายหลัง


“พี่...ใบไผ่”


คนถูกกอดอย่างผมถึงกับทำอะไรไม่ถูก เพราะกอดในครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนที่กอดจากด้านหลัง การถูกกอดจากด้านหน้าทำให้สามารถได้กลิ่นของคนตรงหน้าได้ชัดเจนขึ้นและยังสัมผัสถึงความอบอุ่นได้อย่างชัดเจน...ความอบอุ่นที่เคยสัมผัสเมื่อนานมาแล้ว


ครอบครัวผมที่มีฐานะไม่ค่อยดีเลยจำเป็นต้องออกไปช่วยกันทำงานรับค่าจ้างรายวัน จึงไม่เคยมีเวลาที่จะได้แสดงความรักมากนัก ครั้งล่าสุดที่จำได้คือตอนที่จบปีสุดท้ายของชั้นมัธยมปลาย


ถึงจะนานมากแล้วแต่ก็ยังจดจำสัมผัสนั้นได้อย่างแม่นยำ...


เพียงแต่ความอบอุ่นในตอนนี้กลับมีมากกว่าครั้งไหนๆ ที่เคยสัมผัส


จะเป็นไรไหมนะ...ถ้าผมจะตอบรับสัมผัสนี้


เหมือนร่างกายตอบสนองก่อนที่สมองจะสั่งการทำให้พอรู้ตัวผมก็ยกแขนขึ้นกอดตอบพี่ใบไผ่ไปซะแล้ว


“สุดยอดเลย ครั้งแรกเลยนะที่ทำแบบนี้ได้ ต้นว่านสุดยอดเลย” พี่ใบไผ่พึมพำเบาๆข้างหูด้วยความดีใจ


“ผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” แค่บอกว่าควรจะทำยังไงเท่านั้นเอง


มะนาวเป็นสุนัขที่ฉลาดจึงเรียนรู้เร็วกว่าสุนัขตัวอื่นมาก ขนาดไม่เคยเอาไปฝึกยังเก่งขนาดนี้ถ้าเอาไปเข้ารับการฝึกจะเก่งขนาดไหนกันนะ


“ทำสิ ต้นว่านทำให้พี่มีความกล้า แถมยังคอยให้กำลังใจอีก ถ้าไม่มีต้นว่านพี่คงทำไม่ได้หรอก”


“ขอบคุณครับ”


“พี่สิที่ต้องบอกขอบคุณ ขอบคุณนะ”


“แบบนี้พี่ก็ไม่กลัวแล้วใช่ไหม”


“เอ่อ...ก็ยังกลัวอยู่” พี่เขาตอบกลับเสียงอ่อย


“ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า วันนี้ได้ขนาดนี้ก็สุดยอดแล้ว” ผมเอ่ยชม


สำหรับคนที่แค่เห็นสุนัขยังขาสั่นกลับสามารถเข้ามายืนในรั้วเดียวกันได้แถมยังสามารถสั่งได้อีก คงต้องบอกว่าสุดยอดแล้วสำหรับการพยายามครั้งแรก


“อืม เอ่อ...ขอโทษที่เผลอกอดนะ” พี่ใบไผ่บอกก่อนจะคลายแขนที่กอดไว้ออกไป


“ไม่เป็นไรครับ”


“งั้นพี่เข้าบ้านได้รึเปล่า” อีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องคุย


“นี่บ้านพี่นะครับ พี่จะถามผมทำไม”


“อ่า...นั่นสิ งั้นช่วยกันมะนาวไว้ก่อนนะ” พี่เขาบอกพลางเกาเส้นผมสีน้ำตาลแก้เขิน


“ผมไม่ช่วยหรอก พี่สั่งให้มะนาวรอสิ” ในเมื่อสั่งนั่งได้ก็ต้องสั่งรอได้เหมือนกัน


“จะลองดู มะนาวรอก่อนนะ...รอก่อน” พี่ใบไผ่บอกมานาวระหว่างหยิบกุญหยิบกุญแจบ้านขึ้นมาไขประตูบานสีขาวให้เปิดออก
ภายในบ้านเหมือนกับข้างนอกที่ผนังถูกทาไว้ด้วยสีขาวสะอาดตา ไม่ใช่แค่ผนังแต่พื้นพรมที่ปูอยู่ก็เป็นสีขาวเช่นเดียวกัน แต่บางที่บนพื้นขาวกลับมีรอยเท้าสีดำๆ ของมะนาวประทับไว้ ผมเคยเข้ามาในนี้หลายครั้งเลยพอรู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน แต่พี่ใบไผ่เหมือนจะเพิ่งเข้ามาครั้งแรก...


ใบหน้าขาวๆ ของพี่เขามองไปยังรอบๆ ห้องรับแขกที่มีโซฟากับโต๊ะสีน้ำตาลอยู่ติดกับประตูเลื่อนทางด้านข้างทำให้เวลานั่งสามารถมองเห็นวิวของสวนด้านนอกได้ ถัดออกไปด้านข้างโซฟาก็มีทั้งชั้นวางหนังสือและตู้กระจกที่อยู่ตรงข้ามกับโทรทัศน์สีดำขนาดใหญ่ พี่ใบไผ่ยืนมองสิ่งที่อยู่ในตู้กระจกค่อนข้างนานเสียจนผมสงสัย แต่พอจะเข้าไปหาพี่เขากลับเดินไปทางประตูห้องนอนแทน


“พี่ขอ...อยู่คนเดียวสักพักนะ ขอโทษด้วย” พี่ใบไผ่บอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแล้วเดินเข้าไปในห้องด้านข้างโดยที่ไม่ยอมหันมาหากัน


ถึงจะไม่ได้มองหน้า แต่แค่ฟังน้ำเสียงแบบนั้นก็พอรู้แล้วว่าอีกฝ่ายกำลังกลั้นน้ำตาอยู่


ผมยืนนิ่งสักพักแล้วเดินเข้าไปใกล้ประตูห้องนอนที่พี่เขาเพิ่งก้าวเข้าไป ก่อนจะแนบหูลงกับบานประตูสีครีมตรงหน้า และสิ่งที่ตัวเองคิดก็ถูกต้อง...


ภายในห้องมีเสียงสะอื้นดังออกมาเป็นระยะๆ การเข้ามาในบ้านหลังนี้คงทำให้ความทรงจำที่มีต่อพ่อแม่พรั่งพรูเข้ามาไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือความทุกข์ก็ตาม


ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกของคนที่ต้องสูญเสียคนในครอบครัวอันเป็นที่รักไปมันเป็นอย่างไร เพราะครอบครัวผมยังอยู่กันพร้อมหน้า แต่จากที่ได้ยินเสียงของคนที่อยู่อีกฝั่งของประตูนี่ก็เริ่มเข้าใจ มันคงทั้งเจ็บปวดและทรมานจนยากจะทนไหว ยิ่งพี่เขาเป็นลูกคนเดียวยิ่งแล้วใหญ่ คนที่เคยปลอบโยนเวลาเสียใจหรือร้องไห้คงจะไม่มีอีกแล้ว


ผมไม่รู้ว่าพี่ใบไผ่ผ่านอะไรมาบ้าง แต่ที่รู้แน่ๆ คืออีกฝ่ายไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอของตัวเอง ขนาดเรื่องที่กลัวสุนัขกว่าจะยอมบอกก็ใช้เวลาไปนานพอดู


อยากจะช่วยอะไรได้บ้าง...


แต่คงไม่มีอะไรที่ผมสามารถทำเพื่อพี่ใบไผ่ได้


ผมยังไม่โตพอที่จะเป็นที่ปรึกษาที่ดีและยังไม่กล้าพอที่จะเดินเข้าไปปลอบ


สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คงมีแค่ทาบมือของตัวเองลงไปบนบานประตูสีครีมโดยพึมพำประโยคบางอย่างออกไปเบาๆ โดยหวังว่าคนที่อยู่อีกฝากจะได้ยินมัน...


“ผมจะอยู่ตรงนี้...จะอยู่จนกว่าพี่จะหยุดร้อง”


ผมยืนรอเจ้าของบ้านอยู่กว่าสองชั่วโมงที่หน้าบานประตูสีครีม จากที่ฟังเสียงคนด้านในคงจะหยุดร้องแล้วแต่คงไม่กล้าออกมาเพราะกลัวตาแดงๆ นั่นจะเป็นที่สังเกตเห็น ผมอยากบอกเหลือเกินว่าพี่ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ผมรู้อยู่แล้วว่าพี่ร้องไห้ถึงพี่ใบไผ่จะพยายามกลั้นเสียงให้เบาที่สุดก็ตาม


แกร็ก!


เสียงลูกบิดประตูที่ดังขึ้นทำเอาผมที่ยืนอยู่หน้าประตูต้องรีบก้าวขายาวๆ ไปยังโซฟาที่อยู่ไม่ไกลพร้อมหย่อนก้นลงนั่งราวกับอยู่ตรงนี้มาหลายชั่วโมงแทน ส่วนมะนาวเองก็นอนอยู่ข้างๆ โซฟาอยู่แล้วเลยยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือเข้าไปอีก


“ต้นว่าน...”


“ครับพี่”


“ขอโทษนะ คือพี่...”


“ไม่เป็นไรครับพี่ ไม่ต้องบอกอะไรผมหรอก” ไม่ต้องพยายามแก้ตัวอะไรเพราะผมเข้าใจดีว่าพี่กำลังทุกข์ขนาดไหนที่เข้ามาอยู่ในบ้านที่มีทั้งกลิ่น สัมผัส หรืออะไรหลายๆ อย่างของพ่อกับแม่ซึ่งยังหลงเหลืออยู่


มันอาจไม่เรียกว่าทุกข์...แต่คงเป็นความคิดถึงที่มากจนทนแทบไม่ไหว


ถ้าผมโตกว่านี้จะช่วยปลอบพี่ได้ไหมนะ? น่าแปลกที่ผมรู้สึกอยากจะปลอบใครสักคนแบบนี้ คงเป็นเพราะพี่ใบไผ่ดูภายนอกเหมือนเจ้าชายที่ทั้งสง่างามและเข้มแข็งแต่ภายในกลับขี้กลัวและอ่อนแอ เหมือนเจ้าหญิงที่อยู่ในคราบเจ้าชายมากกว่า


“เราไม่ได้ยินอะไรใช่รึเปล่า”


คำถามนั้นดังขึ้นพร้อมกับแววตาที่จ้องมองมาด้วยความกังวลอยู่ไม่น้อย เหมือนพี่ใบไผ่จะพอเดาได้ว่าผมรู้เรื่องที่เกิดขึ้น


“ครับ” ผมเลือกที่จะโกหกทั้งๆ ที่จะบอกความจริงไปก็ได้


“ขอบคุณนะต้นว่าน” พี่ใบไผ่พึมพำพร้อมรอยยิ้ม


เจ้าของบ้านคงเดาได้ว่าผมโกหกสินะ...


“ผมไม่รู้ว่าพี่ขอบคุณผมทำไม” แต่ผมยังเลือกที่จะทำเป็นไม่รู้เรื่องเพื่อความสบายใจของคนตรงหน้า


“อ่า...นั่นสินะ”


“เรามาให้อาหารมะนาวกันดีกว่าพี่”


“อืม เราเอาถุงที่พี่ให้เมื่อวานมาไหม”


“อยู่ที่รั้วหน้าบ้านครับ เดี๋ยวผมไปเอาให้” ถุงที่พี่ใบไผ่หมายถึงคงไม่พ้นถุงใส่อาหารสำเร็จที่ซื้อมาเมื่อวันก่อน


การให้อาหารมะนาวผ่านไปได้ดีกว่าที่คิดไว้มาก แรกๆ พี่ใบไผ่ยังแสดงอาการกลัวถึงขนาดกับโยนชามใส่อาหารลงพื้นจนต้องให้ทำใหม่หลายๆ รอบ แต่ในที่สุดพี่เขาก็สามารถวางกับพื้นใกล้ๆ มะนาวได้ ถึงแม้มือที่จับชามจะสั่นเป็นเจ้าเข้าเลยก็ตาม


“พี่ต้องฝึกแบบนี้ทุกวัน รับรองเลยว่าเดี๋ยวพี่ต้องหายกลัวแน่” ผมบอกอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มก่อนจะก้มดูเวลา ตอนนี้เกือบเย็นแล้ว เหลือเวลาอีกไม่เท่าไหร่ก็ต้องออกไปทำงานพิเศษ


“ทุกวัน? แบบนั้นไม่ไหว...”


“วันนี้พี่ก็บอกว่าไม่ไหวๆ แต่สุดท้ายพี่ก็สั่งให้มะนาวทั้งนั่งและคอยได้ แถมยังให้อาหารได้อีก พี่ทำได้อยู่แล้วอย่าพึ่งกลัวก่อนจะลงมือทำสิพี่ ตอนที่พี่ทำงานในบริษัทพี่กลัวแบบนี้รึเปล่า” ผมถามกลับไป


จากที่ฟังๆ ดูพี่ใบไผ่มักจะพูดว่าทำไม่ได้หรือทำไม่ไหวอยู่เสมอ ไม่รู้ว่าเป็นคำพูดที่ติดมาตอนทำงานไหม


“ไม่กลัวนะ ไม่เลยสักนิด”


น้ำเสียงที่ได้ยินไม่มีความลังเลสักนิดที่จะตอบทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายพูดจริง


“งั้นที่พี่กลัวก็เพราะมีสุนัขสินะ” นี่เป็นสิ่งเดียวที่คิดออก


“อืม...ก็มันน่ากลัว เอ่อ...ต้นว่าน”


“ครับ?”


“ถ้าจะให้พี่ฝึกก็ได้อยู่ แต่...”


“แต่?” ผมพูดทวนเมื่ออยู่ๆ อีกฝ่ายก็เงียบไป


“แต่พี่อยากให้เราอยู่ด้วยได้ไหม”


คำพูดธรรมดาที่ได้ยินทำให้หัวใจรู้สึกอุ่นขึ้นมาอย่างอย่างประหลาด มันรู้สึกดีใจที่มีคนต้องการเราแบบนี้ ความจริงแค่คนที่มาอยู่เป็นเพื่อนสำหรับพี่ใบไผ่คงมีมากมายแต่กลับเลือกคนธรรมดาอย่างผม


“ได้สิครับ”


“ขอบคุณนะ งั้นขอเบอร์หน่อยสิพี่จะได้ติดต่อเราไปว่าจะมาเมื่อไหร่หรือยังไง” พี่ใบไผ่บอกพร้อมกับหยิบโทรศัพท์สีดำที่แค่มองก็รู้ว่ายังไม่มีวางขายในไทย


“ได้ครับ”


จากนั้นพวกเราก็แลกเบอร์กันก่อนที่ผมจะขอตัวไปทำงานพิเศษที่ร้านอาหารใกล้ๆ ความจริงแล้วงานพิเศษที่ผมทำไม่ได้มีแค่ร้านอาหารแต่ยังมีร้านสะดวกซื้อและที่อื่นอีก


ตอนแรกพี่ใบไผ่จะขับรถไปส่งแต่ผมปฏิเสธในทันที ผมไม่อยากรบกวนต่อให้รู้ว่าพี่ใบไผ่ไม่ได้คิดอะไรก็ตามที ถ้ามีการรบกวนครั้งที่หนึ่งก็มั่นใจว่าจะมีครั้งที่สองตามมา พี่ใบไผ่เป็นคนใจดีและอ่อนโยนมาก...มากจนกลัวว่าตัวเองจะพึ่งพิงมันมากเกินไป

......................................................................................

มาอัพแล้วค่ะะะะ

ช่วงนี้ฝนตกบ่อยทำเอาเราป่วยเลย ป่วยทีไรเป็นต้องถูกห้ามไม่ให้เล่นคอมนานตลอด

แต่งนิยายแต่ละตอนแค่ชั่วโมง2ชั่วโมงแต่งไม่จบหรอกนะ(ตะโกนเสียงดัง)

ตอนนี้ดีขึ้นค่อนข้างมากแล้วค่ะ

สำหรับตอนนี้ถือเป็นการพัฒนาไปอีกขั้น

พี่ใบไผ่นี่ให้ความรู้สึกน่ารักมากมาย...ชอบจัง 55

มารอดูว่าตอนหน้าจะเป็นยังไงนะคะ

มีหลายคนอยากให้แต่งแนวแฟนตาซีอีก

เรื่องหน้ากะว่าจะแต่งแฟนตาซีดูค่ะ(ขอเรื่องนี้ให้จบก่อนนะ)

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังใจนะคะ

บ๊ายบาย

-Rewrite- >> รีไรท์แบบรัวๆ 16/05/61

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่3×▪ ◣ P.1 17/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-09-2016 14:57:46
อยากให้พี่ใบไผ่เข้ากับมะนาวได้เร็วๆ เผื่อจะได้ย้ายมาอยู่กับมะนาว
ให้มะนาวอยู่บ้านตัวเดียวเหงาแย่เลย :mew6: :mew6:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่3×▪ ◣ P.1 17/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: meeoldly ที่ 17-09-2016 15:16:58
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่3×▪ ◣ P.1 17/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: darksnow ที่ 17-09-2016 15:21:34
ต้นว่าน ต่างคนต่างพึงพิงงายย ช่วยดูแลพี่ใบไผ่ กับมะนาวด้วย
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่3×▪ ◣ P.1 17/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-09-2016 16:12:52
มะนาว~~~
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่3×▪ ◣ P.1 17/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 17-09-2016 16:36:12
มะนาวสื่อรักรึป่าว คิคิ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่3×▪ ◣ P.1 17/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 17-09-2016 17:02:18
ทำไมใบไผ่น่ารักจังเลยยย
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่3×▪ ◣ P.1 17/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 17-09-2016 17:07:00
เง้อออ. น่ารักจริงๆเลยน้องต้นว่าน
วั้นน้องนั่นแหละเจ้าชาย. มีองครักษ์ชื่อมะนาวด้วยนะ
ขอบคุณค่ะขอให้สุขภาพแข็งแรงไวๆ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่3×▪ ◣ P.1 17/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 17-09-2016 21:49:49
 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่3×▪ ◣ P.1 17/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 18-09-2016 00:03:15
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่3×▪ ◣ P.1 17/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: Jadd ที่ 18-09-2016 04:21:56
 :3123:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่3×▪ ◣ P.1 17/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: snowtoy ที่ 19-09-2016 00:22:50
น่าร๊ากกกกกกกกกกกกก :-[
ฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมวววว
ปักเสาบ้านเตรียมปลูก รออ่านยาวววปายยย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่3×▪ ◣ P.1 17/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 19-09-2016 07:36:52
พี่ใบไผ่น่ารักไรเบอร์นี้อะ
ต้นว่านจะหลงเอาแบบไม่รู้ตัวนะ
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่3×▪ ◣ P.1 17/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-09-2016 19:54:07
 :L1:   
หัวข้อ: Re: -Rewrite-When we found love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่4×▪ ◣ P.2 16/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 24-09-2016 11:16:31
พบรัก ▪×วันที่4×▪




การจราจรในยามสายนั้นไม่ได้ติดขัดเหมือนในช่วงเช้าอย่างที่พนักงานออฟฟิสหลายคนเจอกัน บางบริษัทอาจจะมีกฏให้พนักงานเข้างานแปดโมง หรือเช้ากว่านั้น แต่สำหรับเจ้าของบริษัทที่มีเลขาประจำตัวอีก 5 คน อย่างผมแล้ว ผมไม่เคยต้องผจญกับช่วงเวลาเร่งรีบเหล่านั้นเลย บางวันแทบไม่ต้องเข้าบริษัทเลยด้วยซ้ำ เว้นเสียแต่ว่าจะมีการประชุมอย่างวันนี้


“จากการสำรวจสถิติการขนส่งภายในประเทศมีข้อมูลว่าสินค้าระดับต้นๆ ที่ทำการขนส่งคือสินค้าสะดวกซื้อ ตามมาด้วยสินค้าสดจำพวกผักสดหรือเนื้อสัตว์ ดั้งนั้นสินค้าที่ทางบริษัทเราควรจะขยายการขนส่งก็ควรจะเป็นหนึ่งในสินค้าสองตัวนี้ครับ” หัวหน้าฝ่ายการตลาดอธิบายข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์มาอย่างดีต่อหน้าที่ประชุมกว่า 20 ชีวิต โดยมีประธานอย่างผมนั่งอยู่หัวโต๊ะ


สืบเนื่องจากผลการประชุมครั้งที่แล้ว ผมยอมรับให้มีการขยายสินค้าที่จะขนส่งได้โดยให้แต่ละฝ่ายช่วยกันไปหาข้อมูลเพิ่มเติมมาเสนออีกครั้งในวันนี้ว่าบริษัทควรจะขนส่งสินค้าอะไรเพิ่มดี ซึ่งหัวข้อของการประชุมนั้นเริ่มจากการขนส่งภายในประเทศตามที่หัวหน้าฝ่ายการตลาดได้อธิบายไปก่อนหน้า


“จากข้อมูลนี้แสดงว่าก็มีหลายบริษัทที่ทำการขนส่งอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ หมายถึงว่าในเมื่อทุกบริษัทต่างหาข้อมูลนี้มาได้แสดงว่าบริษัทขนส่งเล็กๆ ภายในประเทศก็ต้องเล็งการขนส่งสินค้าสองชนิดที่ว่ามาอยู่แล้ว การที่เราจะเข้าไปแย่งพวกเขาอีกไม่ถือเป็นการแย่งงานพวกเขารึไง” ผมถามกลับโดยที่สายตามองไปยังเอกสารในมือ


ก็จริงที่สินค้าสองชนิดนี้ผู้บริโภคต้องการอยู่ทุกวันไม่ขาด แต่การขนส่งสินค้าจำพวกนั้นย่อมมีบริษัทย่อยคอยทำการขนส่งอยู่แล้ว ถ้าบริษัทผมคิดจะขยายการขนส่งไปยังสินค้าสองอย่างนี้อาจจะทำให้บริษัทย่อยเหล่านั้นไม่มีงานและปิดตัวลงในที่สุด เพราะเทคโนโลยีการขนส่งของบริษัทเรานั้นมีต้นทุนต่ำกว่าบริษัทอื่นๆ อยู่มาก จึงทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งให้ความสนใจและเข้ามายื่นข้อเสนอให้บริษัทเราส่งสินค้าให้ ดังนั้นผมจึงไม่เห็นด้วยนักที่จะไปแย่งงานของบริษัทรายย่อยแบบนั้น แถมในขณะนี้เศรษฐกิจก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร เราไม่ควรไปซ้ำเติมผู้ประกอบการรายเล็กๆ อีก


“แต่ถ้าเราเลือกสินค้าชนิดอื่นก็อาจไม่ได้กำไรมากเท่าที่ควร...”


“ศิริวัฒนิวงศ์มีกำไรในการขนส่งสินค้าต่อเดือนไม่รู้กี่ร้อยล้าน แค่จะยอมลดกำไรให้น้อยลงหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง” ผมพูดแทรกหัวหน้าฝ่ายที่พยายามบอกเรื่องผลกำไร


สำหรับบริษัทอื่นอาจเน้นการแสวงหาผลกำไรเป็นหลักซึ่งผมก็ไม่เถียงเพราะมันเป็นความจริง แต่ถ้าจะมุ่งแต่หากำไรโดยไม่สนบุคคลหรือสถานประกอบการที่เล็กกว่า เศรษฐกิจของประเทศมันจะดีขึ้นได้ยังไงกัน ขืนให้บริษัทผมผูกขาดจัดการเรื่องการขนส่งทุกอย่างในประเทศและนอกประเทศรับรองว่าได้มีบริษัทที่ต้องปิดตัวลงจำนวนมากแน่ และหลังจากปิดตัวก็จะมีปัญหาเรื่องการจ้างงานเข้ามาเกี่ยวข้องอีก


มันไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถเห็นแก่ตัวได้


“ถ้าอย่างนั้นท่านประธานมีความเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ”


“นั่นสิ...ชินมีอะไรจะเสนอไหม” เมื่อหัวหน้าฝ่ายไม่รู้จะยุติปัญหานี้ยังไงผมเลยหันไปถาม ‘ชิน’ เลขาคนสนิทแทน


ชินหรือชินภัทร ปญิญเทวาเป็นหนึ่งในเลขาทั้งห้าคน และเป็นหัวหน้าฝ่ายบัญชีด้วย ความสามารถของชินอยู่ในระดับแนวหน้ามาตั้งแต่มหาวิทยาลัย กระทั่งเรียนจบมาทำงานก็มีความโดดเด่นจนทำให้ผมรู้สึกสนใจตั้งแต่แรกเห็น และชักชวนให้มาทำงานเป็นเลขา


“ครับ ถ้าคุณกิตไม่ต้องการให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้รับผลกระทบก็มีสองทางที่จะแก้ได้ อย่างแรกคือในกรณีที่ต้องการขนส่งสินค้าตามที่คุณกฤตเมตรบอก ทางเราก็ควรขึ้นราคาการขนส่งสินค้าให้เทียบเท่ากับที่อื่นเพื่อทำให้เกิดทางเลือกในการขนส่งมากขึ้น”


“อย่างที่สองล่ะ” ผมถามต่อ


“อย่างที่สองคือการเปลี่ยนสินค้าที่จะขนส่ง”


“เช่น?”


อีกฝ่ายก็นิ่งไปเล็กน้อยเมื่อถูกผมถามกลับไปในทันที ก็นะเล่นถามกระชั้นชิดแบบนี้ก็ต้องคิดไม่ทันเป็นธรรมดา ชินเป็นคนเก่งและมีความสามารถแต่ก็มีข้อเสียตรงที่ถ้ามีเวลาคิดน้อยก็จะคิดอะไรไม่ออก


“เอาล่ะ มีใครอยากเสนอไหม แก้วนภา?” ผมหันไปถามเลขาคนที่สองที่นั่งอยู่ข้างๆ ชิน


“...เอ่อ...ดิฉันคิดว่าเปลี่ยนเป็นพวกหนังสือดีไหมคะ” เธอตอบเสียงอ่อยเหมือนไม่รู้ตอบอะไร


ก็นะ...ตอบได้ก็แปลก เพราะแก้วนภาเป็นเลขาคอยจัดพวกตารางเวลาให้ว่าวันไหนต้องไปคุยงานข้างนอกหรือมีประชุมพ่วงด้วยตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ เธอจึงไม่ค่อยเก่งเรื่องพวกนี้นัก เลขาทั้ง 5 คนของผมต่างก็เก่งกันคนละแบบและมีข้อเสียคนละนิดซึ่งผมก็เข้าใจว่าไม่มีใครที่จะเก่งไปหมดทุกอย่าง


ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็อยากได้คนที่สามารถทำงานทุกอย่างได้เหมือนกัน เคยคิดอยู่ว่าจะเปิดรับสมัครพนักงานเพิ่มแต่บริษัทในตอนนี้ก็ถือว่าดีอยู่แล้วเลยเอาไว้ก่อน


“เอาล่ะ ผมมีเรื่องที่ต้องไปทำต่อเพราะงั้นขอสรุปเลยละกัน เราจะเปลี่ยนสินค้าที่จะทำการขนส่งภายในประเทศ โดยเราจะเริ่มจากเสื้อผ้าที่จะมีการเปลี่ยนเทรนไปเรื่อยๆ ตามฤดู การมีกระแสหรือค่านิยมจึงเป็นหนึ่งในสิ่งที่ต้องมีการขนส่งที่สม่ำเสมอ ส่วนจะเป็นยี่ห้อหรือแบรนด์ไหนก็ขอให้ทุกคนไปช่วยกันคิดแล้วนำมาเสนอให้การประชุมครั้งต่อไป จบการประชุมครับ” ผมกล่าวปิดการประชุมที่ยืดเยื้อมากว่าสามชั่วโมง ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องด้วยความเหนื่อยล้า


วันนี้ทั้งวันผมไม่มีงานอื่นนอกจากเข้าร่วมการประชุมอย่างเดียว ซึ่งก็เหมือนจะสบายแต่ติดตรงที่ไม่ชินกับการนั่งนานๆ นี่แหละ


“คุณกิต”


“...ชิน?” ผมหันไปตามเสียงเรียกก่อนจะเจอกับชินที่วิ่งตามมา


“ครับ ผมขอโทษด้วยที่ไม่สามารถทำตามที่คุณคาดหวังได้” คนตรงหน้าก้มหัวขอโทษอย่างไม่อายคนที่เดินผ่านมา


“ไม่เป็นไร คุณเก่งแล้วแค่อาจต้องการการฝึกฝนอีกหน่อย”


“ครับ...ครั้งหน้าผมจะเตรียมตัว...”


“ผมขอสั่งให้คุณห้ามเตรียมตัวอะไรทั้งนั้น” ผมรีบพูดแทรก


“แต่ว่า...”


“ถ้าคุณเตรียมตัวมาก่อนมันจะมีความหมายอะไรล่ะ ข้อเสียของคุณคือการชะงักเวลาถูกถามในสิ่งที่ไม่ได้เตรียมตัวมาเพราะงั้นทางแก้ก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ”


“เข้าใจแล้วครับ”


“ดีมาก ฝากจัดการงานเอกสารด้วยถ้ามีอะไรไม่แน่ใจก็ส่งมาให้ได้เลย ขอตัวก่อนล่ะ” พูดจบก็ตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ เป็นการให้กำลังใจก่อนจะเดินออกมา



รถยนต์คันสีบรอนซ์ทองแล่นไปตามถนนโดยมีจุดหมายอยู่ที่บ้านหลังเดิมที่ไปมาทุกวันติดต่อกันกว่าสองอาทิตย์แล้ว หลังจากวันที่สามารถสั่งมะนาวให้นั่งและรอได้ เขาก็ยังต้องฝึกทำแบบนั้นเป็นประจำโดยมีต้นว่านคอยดูอยู่ข้างๆ


เมื่อหลายวันก่อนต้นว่านลองให้ผมสั่งมะนาวในขณะที่อีกฝ่ายยืนดูอยู่นอกบ้าน แน่นอนว่าคนกลัวสุนัขอย่างผมเถียงขาดใจว่าไม่ไหวแต่พอได้ยินคำว่า ‘พี่ทำได้’ ก็ต้องจำใจทำมันอยู่หลายครั้งกว่าที่จะทำได้สำเร็จ


ปกติเวลาผมอยู่ที่บริษัทมักจะเป็นคนจริงจังและคิดวิเคราะห์ได้อย่างรวดเร็ว แต่พออยู่ใกล้สิ่งมีชีวิตสี่ขาที่เรียกว่าสุนัขเมื่อไหร่ ระบบความคิด วิเคราะห์ แยกแยะต่างก็ทำงานรวนไปหมดจนแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง การมีต้นว่านอยู่เลยช่วยผมได้มากจริงๆ ความมั่นใจและความกล้าที่อีกฝ่ายมีให้มันส่งมาถึงผมจนสามารถเข้ามาในบ้านหลังสีขาวได้ตามลำพังโดยไม่ต้องมีต้นว่านอยู่ด้วยได้ สองวันที่ผ่านมาผมไม่ได้เจอกับต้นว่านเลยสักครั้งเดียวเหมือนอีกฝ่ายคงกำลังยุ่งกับการทำงานพิเศษ ในทุกๆ วันต้นว่านต้องคอยมาช่วยดูผมฝึกทำให้ไปทำงานสายหลายครั้ง แต่พอบอกว่าจะไปส่ง อีกฝ่ายกลับปฏิเสธเสียงแข็ง


ทั้งที่คิดว่าน่าจะสนิทกันได้แท้ๆ แต่กลับรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายมีเส้นแบ่งไม่ให้ก้าวเข้าไปได้มากกว่านี้


“...น่าเสียดายจัง” ผมพึมพำพร้อมกับเดินตรงเข้าไปในรั้วบ้านหลังจากไขกุญแจเรียบร้อย


บรู๊ววว~


เฮือก!


“มะนาวนั่งลง!”


เสียงหอนของมะนาวมาก่อนตัวซะอีก โชคดีที่ฝึกมาหลายครั้งเลยพอจะตั้งสติได้แต่ก็ห้ามไม่ให้ตกใจไม่ได้จริงๆ และเมื่อมะนาวได้ยินคำสั่งก็หยุดขาที่กำลังวิ่งเข้ามาหมายจะกระโจนใส่ แล้วเปลี่ยนเป็นนั่งเรียบร้อยแทน


“เฮ้อ ดีมากๆ” ผมเอ่ยชมก่อนจะเดินเข้าไปภายในบ้าน ถึงจะเริ่มชินกับการมีสุนัขแต่ก็มีหลายอย่างที่ยังไม่สามารถทำได้ อย่างแรกเลยก็คือ...


“ยะ...อย่ามาอ้อนนะ ถอยออกไป” ผมส่งเสียงสั่นๆ ออกไป ร่างกายเริ่มเกร็งขึ้นอัตโนมัติเมื่อถูกสุนัขตรงหน้าเข้ามาใกล้พร้อมถูไถหัวมันกับขากางเกงตัวเอง


อย่าว่าแต่จะลูบขนมัน...แค่จะเดินหนียังทำไม่ได้เลย


“นั่งลงเดี๋ยวนี้ รอก่อนนะ...รอก่อน” สิ่งเดียวที่ช่วยได้คือคำสั่งให้นั่งลงกับรอก่อน


อาหารของมะนาวที่ซื้อมาเป็นอาหารเม็ดสำหรับสุนัขพันธุ์ใหญ่โดยเฉพาะ แม้ราคาจะเรียกว่าสูงมากแต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับผมอยู่แล้ว ชามอาหารถูกวางลงบนพื้นกระเบื้องในห้องครัวก่อนจะเรียกมะนาวให้มากิน ในวันแรกๆ ผมส่ายหัวไปมาจนเกือบหลุด ไม่ว่ายังไงการให้อาหารมะนาวก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้จริงๆ แต่ต้นว่านก็ทำในสิ่งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ในที่สุด


ผมไม่รู้ว่าต้นว่านมีเวทย์มนต์หรือคาถาอะไรที่ทำให้ผมเชื่อในทุกคำตามที่อีกฝ่ายบอกมา แต่คำว่า ‘ทำได้’ ที่มักจะได้ยินบ่อยๆ ก็ช่วยสร้างกำลังใจและเพิ่มความกล้าให้มากขึ้น


ภายในบ้านหลังสีขาวเต็มไปด้วยความทรงจำมากมายที่เกี่ยวกับพ่อและแม่ทั้งโซฟาสีน้ำตาลที่แม่ชอบ ผนังห้องที่มีภาพวาดวิวทิวทัศน์ฝีมือพ่อ รวมทั้งตู้กระจกที่มีรูปภาพของครอบครัวใส่ไว้หลายใบ นั่นทำให้น้ำตาเอ่อไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นจนต้องรีบหนีเข้าไปร้องไห้ยังห้องใกล้สุดโดยทิ้งต้นว่านให้รออยู่นอกห้องตั้งนาน


เหมือนต้นว่านจะรู้ว่าผมร้องไห้แต่กลับไม่ถามอะไร...ผมเลยรู้สึกขอบคุณต้นว่านมาก


แค่รู้สึกมันยังไม่พอ แต่ผมไม่สามารถทำอะไรให้อีกฝ่ายได้เพราะแค่จะไปส่งยังถูกปฏิเสธ ไม่ต้องลองก็รู้ว่าถ้าซื้ออะไรไปให้อีกฝ่ายก็คงจะไม่ยอมรับไว้เป็นแน่


“...ฮืม?”


ผมหรี่ตามองมะนาวที่กำลังกินอาหารเม็ดตรงหน้าอย่างไม่แน่ใจ อะไรบางอย่างมันดูไม่ปกติ


ทำไมเต้านมถึงดูใหญ่ขึ้นล่ะ เอ๊ะ... หรือว่าเป็นแบบนี้อยู่แล้ว?


ภายในหัวเริ่มตีกันวุ่นเนื่องจากไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นนี่มันเป็นปกติอยู่แล้วหรือพึ่งเกิดขึ้น ถ้าจะบอกว่ามะนาวแค่อ้วนนมเลยห้อยก็ไม่น่าใช่...


“...หรือว่าจะป่วย”


พอคิดได้แบบนั้น สิ่งแรกที่ผมทำคือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาคนที่สามารถช่วยได้ซึ่งก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเด็กหนุ่มที่มักจะมอบความกล้าให้เสมอ...ต้นว่าน


เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่คนที่อยู่ปลายสายนอกจากจะไม่รับแล้ว อยู่ๆ สายกลับถูกตัดไปและกลายเป็นฝากข้อความแทน พอโทรกลับไปอีกรอบก็พบว่าปิดเครื่องไปแล้ว หลังจากผ่านไปประมาณสิบนาที ผมที่ยังคงติดต่อต้นว่านไม่ได้ก็เริ่มสังหรณ์ใจไม่ค่อยดีเพราะอีกฝ่ายไม่เคยไม่รับสาย ต่อให้ติดธุระอะไรก็จะส่งข้อความกลับมาบอกทุกครั้ง จึงรีบขับรถตรงไปยังมหาวิทยาลัยของต้นว่านที่อยู่ไม่ไกลนัก


ตอนนี้เป็นเวลาเกือบบ่ายสามจึงมีนักศึกษาหลายคนที่ทยอยเดินออกมาจากมหาวิทยาลัย ผมเดินเข้าไปภายในโดยไม่รู้แน่ชัดว่าต้นว่านจะมาเรียนวันนี้ไหม แต่การรอโดยไม่ทำอะไร มันไม่ใช่นิสัยของผมอยู่ดี


“อ๊ะ...นั่นพี่ไผ่นี่นา”


“บอล?” เสียงเรียกชื่อทำให้ผมหันไปก่อนจะเจอเพื่อนในกลุ่มของต้นว่านนั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อนกันครบทั้งสี่คนขาดแต่คนที่ผมตามหาอยู่เท่านั้น


“สวัสดีครับพี่ไผ่” เด็กทั้งสี่คนยกมือไหว้ทักทายอย่างมีมารยาท


“สวัสดี ว่าแต่ต้นว่านไม่อยู่เหรอ”


“อ้อ...ถ้าว่านละก็ไปทำงานพิเศษอยู่น่ะครับแต่เห็นว่าช่วงนี้ไม่ค่อยดีเท่าไร” เสียงของเพื่อนในกลุ่มอีกคนที่ชื่อ ‘กัน’ บอก


“ไม่ค่อยดี?”


“พวกผมก็ไม่ค่อยรู้อะไรเพราะว่านไม่ค่อยชอบเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง แต่พี่จำพวกเด็กอวดรวยพวกนั้นได้ไหมครับ”


“จำได้สิ” โดนด่าว่ากระเทย ถ้าจะให้ลืมคงไม่ง่าย


“พ่อของหมอนั่นเป็นเจ้าของร้านที่ว่านไปทำงานด้วยเลยถูกแกล้ง พวกผมก็อยากไปช่วยนะแต่ว่านมันห้ามไว้บอกว่าห้ามมายุ่งเด็ดขาดเลย”


“อีกอย่างพวกผมก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก พ่อของหมอนั่นรู้จักร้านแถวนี้เกือบหมดถ้าเข้าไปยุ่งครอบครัวพวกผมก็จะแย่ไปด้วย” เพื่อนอีกคนพูดเสริมขึ้น


“เลยมองดูเพื่อนถูกทำแบบนั้นเหรอ”


คำถามที่เอ่ยออกไปทำเอาเด็กทั้งสี่คนเงียบกริบ


“พี่ไม่ได้จะว่าพวกเรานะ มันถูกแล้วที่จะไม่เข้าไปยุ่งเพราะถ้าการเข้าไปยุ่งจะทำให้ครอบครัวตัวเองต้องแย่ก็อย่าเลย” ผมอธิบายเพิ่มอย่างเข้าใจ


“แต่พวกผมก็ไม่ได้อยากทนดูอยู่เฉยๆ หรอกนะ!” บอลตะโกนเสียงดัง


“พี่รู้ เพราะงั้นถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกมาบอกพี่ นี่เบอร์พี่...” ผมจัดการให้เบอร์กับเด็กๆ พวกนั้นไป


“พี่จะทำอะไร...”


“อืม...นั่นสิ ทำอะไรดีนะ ว่าแต่ร้านที่ว่าอยู่ไหนพอจะบอกได้ไหม”


ผมขับรถเข้าไปจอดในที่จอดรถของร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งที่มีสาขาเยอะพอๆ กับแฟมิลี่มาร์ท ก่อนจะเดินตรงไปทางร้านนั้นโดยที่ความหงุดหงิดเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่ชอบการใช้อำนาจมารังแกคนอ่อนแอกว่า แล้วยิ่งไม่ชอบพวกผู้ใหญ่ที่ตามใจลูกตัวเองจนเสียคน


“ขนเร็วๆ สิวะ แกนี่มันช้าเหมือนเต่าจริงๆ” เสียงตะโกนด่าที่ออกจะคุ้นหูทำให้ผมที่กำลังหงุดหงิดหยุดชะงัก


เสียงนี่คุ้นมาก...


พอเดินตามเสียงไปยังด้านหลังร้านก็เป็นอย่างที่คิด เพราะเด็กที่ตะคอกเสียงดังเมื่อครู่เป็นคนเดียวกับที่ด่าเผมว่าเป็นกระเทย ทว่าสิ่งที่ผมสนใจไม่ใช่เด็กอวดรวยนั่นแต่เป็นเด็กข้างๆ ที่กำลังยกลังสินค้าไปวางไว้ชิดผนังของร้านต่างหาก


“...ต้นว่าน” ผมพึมพำเมื่อเจอตัวคนที่ตามหาแล้ว


ใบหน้าสีแทนที่ปกติจะมีรอยยิ้มมุมปากเสมอเวลาเล่นกับมะนาวตอนนี้กลับมีรอยถลอกอยู่เต็มไปหมด...แค่ดูก็เดาได้ว่าเกิดจากอะไร


โคร่ม!


ยังไม่ทันได้มองอะไรต่อลูกชายเจ้าของร้านก็เดินเข้าไปหาต้นว่านก่อนจะออกแรงแตะเข้าที่ขาทำให้ต้นว่านล้มลงบนพื้นอย่างแรง ภาพนั่นทำเอาความโกรธที่มีเริ่มปะทุขึ้น


นี่มันมากเกินกว่าคำว่าแกล้งแล้ว


“ต้นว่าน!” ผมไม่รอช้ารีบเข้าไปช่วยพยุงอีกฝ่ายทันที


“...พี่ใบไผ่?” เหมือนอีกฝ่ายจะงงว่าผมมาที่นี่ได้ยังไง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาอธิบายอะไรแล้ว


“ไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”


“พี่...”


“อีกแล้วเหรอ นี่สรุปขายตัวจริงๆ สินะไอ้ว่าน” เสียงของเด็กอีกคนที่ยืนกอดอกดังขึ้นพร้อมมองมาด้วยสายตาดูถูก


สายตานั่นผมไม่ชอบเลย...


“นี่เป็นคำที่เพื่อนพูดกันงั้นเหรอ” ผมถามเสียงนิ่ง ตอนนี้ผมรู้สึกโกรธมากและใกล้จะทนไม่ไหวแล้วด้วย


“เพื่อน? ไอ้กระจอกเนี่ยนะ? ฮ่าฮ่าฮ่า...ใครเป็นเพื่อนมันกัน แค่เห็นหน้าก็อยากชกให้เละเลย!”


“เพราะต้นว่านหล่อกว่าสินะ”


“แก!” เด็กตรงหน้าขึ้นเสียงทันทีที่ได้ยิน


ท่าทางร้อนตัวแบบนั้นทำให้รู้ว่าตัวเองคิดถูก


“อิจฉาเขาละสิ”


“ว่าไงนะ? ใครจะไปอิจฉาคนจนๆ แบบนั้นกัน”


“สิ่งที่ทำอยู่มันเรียกว่าอิจฉา” ผมยังคงยืนยัน ผมเคยผ่านชีวิตวัยรุ่นมาก่อนเพราะอย่างนั้นผมจึงรู้ดีว่าการกระทำเหล่านั้นคือความอิจฉา


“ถ้ายังกล้าพูดอีก ฉันจะไปฟ้องพ่อให้จัดการแก” เด็กตรงหน้าพูดใส่อารมณ์เต็มที่


ตัวเองทำอะไรไม่ได้เลยต้องพึ่งพ่อสินะ…


ตอนแรกกะจะไม่ทำอะไรแล้วเชียว แต่ถ้าอยากลองดีก็จะจัดให้สักหน่อยก็ได้


“เอาสิ นี่นามบัตร เอาให้พ่อเราดูด้วยล่ะ จะนัดเมื่อไหร่ก็ตามใจ” ผมหยิบนามบัตรส่งให้เด็กคนนั้นก่อนจะพยุงต้นว่านให้ออกจากสภาพแวดล้อมแย่ๆ ตรงนี้สักที


“แก...อย่าคิดว่าฉันไม่กล้านะ”


“จะรอดูว่าถ้าพ่อเราเห็นนามสกุลนั้นแล้วยังจะกล้าโทรมาอยู่ไหม อ้อ...ต้นว่านจะลาออกจากที่นี่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” ผมบอกทุกอย่างตามที่คิดออกไป


“พี่ใบ...”


“หยุดพูดก่อนที่พี่จะโกรธมากไปกว่านี้” แค่นี้ก็รู้สึกอยากจะอัดหน้าเด็กนั่นจะแย่แล้ว แต่การใช้กำลังมันไม่สนุกเท่าใช้สมองหรอก
นามสกุล ‘ศิริวัฒนิวงศ์’ เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในแวดวงธุรกิจ เพราะไม่ว่าจะเป็นบริษัทเล็กหรือใหญ่ต่างก็อยากส่งสินค้าของตัวเองไปขายที่ต่างประเทศ แต่ประเทศอื่นก็ใช่ว่าจะยอมรับสินค้าต่างชาติได้ง่ายๆ และการจะนำเข้าสินค้าจะต้องมาจากบริษัทที่ได้รับมาตรฐาน มีใบอนุญาตและมีคุณภาพดีเท่านั้น และเป็นที่แน่นอนว่าสินค้าที่ถูกส่งภายใต้ชื่อของบริษัทผมนั้นสามารถผ่านขั้นตอนการดำเนินการต่างๆ ได้อย่างราบรื่น ไม่เหมือนบางบริษัทที่อาจจะมีการติดขัดบ้างในบางครั้ง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีหลายบริษัทอยากส่งออกสินค้าภายใต้ชื่อ 'ศิริวัฒนิวงศ์'


ถ้าพ่อเด็กนั่นเห็นนามสกุลนี้แล้วยังกล้าโทรมา...ผมจะจัดหนักให้เลย


ผมจูงแขนต้นว่านไปที่รถ แล้วขับออกจากสถานที่นั้นอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางที่ขับกลับบ้านไม่มีบทสนทนาอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่คำเดียว ซึ่งผมก็พอจะเข้าใจ


“เข้ามาก่อนสิ” ผมบอกพลางเปิดประตูรั้ว


“พี่...คือ...”


“ไปคุยกันในบ้าน...นะครับ” ผมเปลี่ยนโทนเสียงจากที่อารมณ์ไม่ดีให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เรื่องเครียดๆ ก็โยนมันทิ้งไปอย่าเก็บเอาไว้เลย


“พี่ไม่ควรทำแบบนั้น...”


“พี่บอกว่าให้มาคุยกันข้างในไง” ผมหันไปเอ็ดคนตรงหน้าอีกครั้งเมื่อเห็นว่าไม่ยอมเดินตามเข้ามา


“พี่เข้ามาช่วยผมทำไม พี่รู้ไหมว่าพ่อของเป้เป็นคนที่มีอิทธิพลแถวนี้ การที่พี่มาช่วยแถมยังพูดท้าทายแบบนั้นการงานพี่อาจจะแย่ไปด้วยนะ!” ต้นว่านตะโกนขึ้นราวกับความอดทนที่มีได้พังทลายลงแล้ว


“พี่ไม่เป็นไร”


“พี่ไม่รู้...”


“รู้สิ พี่รู้ว่ามันจะไม่เป็นไร”


แค่เจ้าของกิจการขนาดกลางจะมีอิทธิพลขนาดไหนเชียว ไม่ใช่ว่าผมดูถูกหรืออะไรแต่เพราะมั่นใจว่าถ้าเป็นเรื่องของอิทธิพล ...ผมมีมากกว่าเห็นๆ


“แต่...”


“เราทนมามากแล้วต้นว่าน พี่จะช่วยเราเอง” บอกจบผมก็ยกมือขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ เป็นการปลอบ


ผมไม่รู้ว่าต้นว่านเจอเรื่องพวกนี้มานานขนาดไหน จิตใจที่โดนดูถูกทุกวันๆ มันจะเจ็บจนไม่รู้สึกไปแล้วรึยัง


“...อย่ามายุ่งกับผมเลยพี่ใบไผ่” อีกฝ่ายพึมพำพร้อมกับก้มหน้าลง


“ต้นว่าน...”


“ผมไม่มีอะไรจะให้พี่ ไม่มีประโยชน์อะไรทั้งนั้น พี่ปล่อยผมไปเถอะอย่ามาทำดีกันแบบนี้เลย...”


“กลัวอะไรอยู่เหรอต้นว่าน” ผมถามกลับไปตามตรง “พี่ไม่รู้หรอกว่าเราเจออะไรมาบ้างแต่คงไม่ใช่เรื่องที่น่าเล่านัก ปกติเราเป็นเด็กใจร้อนที่พร้อมจะวิ่งเข้าไปชกใครต่อใครเมื่อโดนดูถูก แต่นี่กลับยอมถูกเตะแบบนั้น พี่ว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านี้”


“พี่ใบไผ่...”


“ถ้าเรายอมบอก พี่อาจจะช่วยได้นะ”


“...”


“เด็กที่ชอบแกล้งพี่มันหายไปไหนแล้วฮื้อ” ผมถามออกไปด้วยรอยยิ้มขำๆ เพื่อหวังว่าจะคลายบรรยากาศตรึงเครียดให้ได้สักนิด


“...ถ้าผมไม่ยอมทำตาม พ่อแม่ผมจะโดนไล่ออกจากงาน” ต้นว่านพึมพำเบาๆ โดยที่มือทั้งสองข้างกำแน่นด้วยความโกรธ


“รู้สึกว่าเพชรเกษมศักดิ์จะมีอิทธิพลพอดูสินะ” นั่นเป็นสิ่งเดียวที่คิดได้


“พ่อของเขาเป็นกำนันที่นี่ด้วย”


“อ้อ...อย่างนี้นี่เอง” เข้าใจละว่าทำไมถึงได้ชอบอ้างพ่อขนาดนั้น


“ผมเจ็บใจมากที่ทำอะไรไม่ได้ ถ้าผมสู้ พ่อกับแม่ก็จะแย่ไปด้วย ใจผมอยากจะชกหน้ามันสักหมัดสองหมัดให้หายโกรธไปเลยแต่ก็ต้องกดไว้”


“การใช้กำลังไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาหรอกนะ”


“ผมรู้”


“การแก้แค้นที่ดีที่สุดคือการประความสำเร็จที่เหนือกว่า” ผมบอกเด็กตรงหน้า


“ครับ”


“เอาล่ะเลิกคิดมากก่อน ตอนนี้เรามีงานพิเศษที่ไหนต้องทำอีกไหม”ผมเปลี่ยนเรื่อง


“...พี่ให้ผมลาออกแล้วนี่”


“แล้วที่อื่นล่ะ” จำได้ว่าน่าจะมีหลายที่นะ


“เจ้าของร้านแถวนี้ก็มีพ่อของเป้เป็นคนคุมทั้งนั้นแหละ คิดว่าพวกเขาจะให้ผมไปทำงานเหรอ”


“ดีเลย”


“ดีตรงไหน” คิ้วสีดำขมวดเข้าหาแน่นราวกับจะบอกว่าไม่เห็นดีสักนิด


“ดีสิ เพราะพี่จะจ้างเราเอง” ผมยิ้มระหว่างที่บอก


“ฮะ? จ้างผม?”


“ใช่”


“ไม่เอาครับ”


“ต้นว่าน”


“ผมรู้ว่าพี่มีเงิน พี่ควรเอาเงินนั้นไปจ้างคนที่มีความรู้ความสามารถตรงกับที่ต้องการดีกว่าเด็กแบบ...”


“พูดมาก็ดีเลย งานที่พี่จะให้ทำมีแต่เราที่ทำได้ และพี่ก็ไว้ใจได้แค่เราเท่านั้นด้วย” ผมรีบพูดแทรก


“...แค่ผม”


“ใช่”


“อะไรเหรอครับ” ต้นว่านถามกลับ


“ตกลงก่อนสิ”


“บอกผมก่อน”


“ไม่บอกจนกว่าต้นว่านจะตกลง”


“พี่ใบไผ่” คนตรงหน้าเริ่มหรี่ตามองมาด้วยสายตาโกรธๆ


“ฮึ...แบบนี้สิถึงจะเป็นต้นว่านที่พี่รู้จัก” ต้นว่านที่ยอมคนน่ะผมไม่รู้จักหรอก


“บอกผมมา”


“ตกลงก่อน”


“พี่ใบไผ่”


“ครับต้นว่าน”


“ผมจะเรียกมะนาวให้กระโจนใส่พี่”


“เฮ้ย...ไม่เอา” ผมสะดุ้งเมื่อถูกเอาจุดอ่อนมาแกล้งกัน


“บอกมาได้แล้วพี่”


“แค่ตกลงก่อนมันจะยากอะไรล่ะ”


เรื่องง่ายๆ  แค่ตอบตกลงทำไมถึงได้ยากเหลือเกิน ทำไมถึงดื้อนักนะต้นว่าน...


“ถ้าตกลงมันจะไม่เป็นการรบกวนพี่ใช่ไหม”


“แน่นอน”


“ตกลงก็ได้” สุดท้ายต้นว่านก็ยอมแพ้ในที่สุด


“เยี่ยม พี่จะให้เรามาดูแลบ้านหลังนี้กับมะนาว” ผมอธิบายสิ่งที่ต้องการให้อีกฝ่ายทำ


“แค่นี้เหรอครับ”


“ใช่...แต่มะนาวดูเหมือนจะป่วยอยู่เลยนะ” พอพูดมาถึงตรงนี้ก็นึกขึ้นมาได้


“ป่วย? เป็นอะไรครับ” ต้นว่านทำหน้าร้อนรนทันทีที่ได้ยิน


“พี่ก็ไม่รู้แต่มันแปลก พี่พยายามโทรหาเราช่วงบ่ายแต่ไม่ติด”


“โทรศัพท์ผมโดนเหยียบไปแล้ว...” ดวงตาคมสีน้ำตาลที่หรี่ลงเหมือนกำลังระงับความโกรธทำให้คนฟังอย่างผมรู้ทันทีว่าใครเป็นคนทำ


“ไปดูมะนาวกันดีกว่า” เพื่อไม่ให้บรรยากาศเสียผมจึงวกกลับเข้าเรื่องเดิมอีกครั้งก่อนจะเปิดเข้าไปในบ้านที่ขังมะนาวเอาไว้ภายใน


ไม่รู้ว่าจะไปแอบฉี่แอบอึไว้ที่ไหนรึเปล่า...


“ที่บอกว่าแปลกนี่คืออะไรครับ” ต้นว่านถามต่อ


“ก็เต้านมมันดูใหญ่ๆ ขึ้นน่ะ ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าแต่ตอนแรกที่มามันไม่ได้เป็นแบบนี้” ผมอธิบายคร่าวๆ


บรู๊ววว~


เสียงหอนดังขึ้นก่อนสุนัขรูปร่างคล้ายหมาป่าจะวิ่งมาด้วยท่าทางเริงร่า ยิ่งมันเห็นต้นว่านก็ยิ่งรีบวิ่งเข้ามาซุกไซร้ที่ขาของเด็กหนุ่มราวกับดีใจที่ได้เจอกันหลังจากไม่ได้เจอกันมานาน ต้นว่านเองก็คุกเข่าลงไปนั่งที่พื้นพลางลูบไปตามหน้าท้องซึ่งตอนนี้เต้านมเริ่มใหญ่ขึ้น


“...พี่ใบไผ่” หลังจากเงียบอยู่นานต้นว่านก็เรียกชื่อผมเสียงเบาหวิว


“ฮืม? สรุปมะนาวเป็นอะไร”


“ผมยังไม่แน่ใจเต็มร้อย แต่...”


“แต่?”


“พี่ยังกลัวหมาอยู่รึเปล่า”


“...ก็กลัวอยู่ แต่ถ้าเป็นมะนาวก็ไม่มากเท่าตัวอื่น”


ถ้าเป็นสุนัขตัวอื่นผมยังคงกลัวและไม่อยากเข้าใกล้ แต่สำหรับมะนาวผมเริ่มรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยแล้ว อาจเพราะให้อาหารแทบทุกวันเลยมีความรู้สึกผูกพัน


“งั้นถ้าเป็นลูกของมะนาวพี่จะกลัวไหม”


คำถามของต้นว่านทำเอาผมตาเบิกกว้างพร้อมก้มลงไปมองที่ท้องของมะนาวด้วยความตกใจ


“พี่ใบไผ่?”


“ยะ...อย่าบอกนะว่า...”


ขอร้องล่ะอย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย


“อย่างที่พี่คิดแหละ...มะนาวท้องครับ”


พระเจ้า! ท่านช่างโหดร้ายนัก นี่ท่านไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่!


จริงอยู่ว่าผมเริ่มรู้สึกดีกับสุนัขขึ้นมาบ้าง แต่...แต่!...และแต่!! แต่แค่สุนัขตัวเดียวก็แทบรับมือไม่ไหวแล้ว นี่ถ้ามีสุนัขตัวใหญ่แบบมะนาวเพิ่มเข้ามาอีกละก็...โอ้ยไม่อยากจะคิด


ผมกลัวสุนัขเฟ้ยยย~!

..................................................................................

สวัสดีค่ะ

มาอัพต่อแล้ว

ชอบตอนที่ใบไผ่รู้ว่ามะนาวท้องจังเลย ลองจินตนาการแล้วก็อดขำไม่ได้

สำหรับคนที่กลัวสุนัขแต่ดันรู้ว่าสุนัขเพียงตัวเดียวของตนท้องอีกคงจะตกใจสุดๆ

อยากลองแต่งแนวนี้มานาน ในที่สุดก็ได้ลองแต่งสักที

เรื่องที่ดำเนินเรื่อยๆแบบนี้แต่งได้เรื่อยๆ เราเลยไม่ได้วางพล๊อตอะไรไว้นัก

ไม่แน่ใจว่าจะจบสักกี่ตอนดี แต่คงไม่เยอะมากหรอกนะ555

ขอบคุณทุกๆคนที่คอมเม้นท์และเป็นกำลังใจให้ตลอดนะคะ

ไว้เจอกันในตอนต่อไปค่ะ^^

บ๊ายบาย

-Rewrite- >> รีอีกสักตอนเนอะ 555 16/05/61

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่4×▪ ◣ P.2 24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 24-09-2016 11:33:53
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่4×▪ ◣ P.2 24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 24-09-2016 11:38:55
มะนาวหนูไปท้องกับมะหมาที่ไหนล่ะลูก
 

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่4×▪ ◣ P.2 24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 24-09-2016 12:16:25
 :mew1:
ลูกของมะนาวนี่พันธุ์แท้เลยมั้งคะนี่

/เกาะประตูบ้านอยากได้ซักตัว
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่4×▪ ◣ P.2 24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 24-09-2016 15:50:18
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:มะนาวท้องกับใครละเลี้ยงไว้ตัวเดียวไม่ใช่เหรอ :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
สำหรับคนรักหมาแบบเราแอบตกใจมากเลยนะสำหรับการพานทางนะหรือผสมพันธุ์กับสายพันธุ์ที่ไม่ใช่แบบเดียวกันเครียดอ่ะ
ไม่พานทางนะพรีดดดดดดดดดด :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
ต้นว้านออกจากงานแล้วก็มีเวลาอยู่กับพี่ใบไผ่มากขึ้นดินะว้าวววววววววความรักกลิ่นอายม่วงอมชมพูกำลังรอฟินอยู่ดินะอิอิ :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่4×▪ ◣ P.2 24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 24-09-2016 18:54:13
มะนาวหนูไปท้องกับใครมาคะลูก
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่4×▪ ◣ P.2 24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: Somm ที่ 24-09-2016 19:41:26
เบื่อพวกคนอวดรวยนะแล้วยิ่งพวกที่ชอบเอาพ่อมาเบ่งเนี่ยโครตเกลียดด แต่ก็นะบางทีอำนาจนี้มีอยู่ในมือก็ควรใช้ซะบ้างแบบใบไผ่ หุหุ มะนาวหนูท้องกับใครลูกกก แค่หนูคนเดียวใบไผ่ก็จะตายหน้าน้าาา
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่4×▪ ◣ P.2 24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 24-09-2016 19:46:08
 :a5: ท้องได้ไงอ่ะ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่4×▪ ◣ P.2 24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 24-09-2016 20:00:12
งานถนัดของต้นว่าน
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่4×▪ ◣ P.2 24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 24-09-2016 20:17:20
มะนาว! เป็นผู้หญิงแต่หนูไปท้องกับใคร
พ่อของลูกหนูคือใครรร
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่4×▪ ◣ P.2 24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 24-09-2016 20:37:36
ฮรือออออ. ดีใจ. จะมีมะนาวลูกเล็กๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่4×▪ ◣ P.2 24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 24-09-2016 21:53:06
 :impress3: น่ารักมาก ๆ จ้ะ เราชอบพวกขนฟูมาก ๆ น่ะ อิจฉาต้นว่านจังได้ดูแลสุนัขแบบนี้ อยากได้มาเลี้ยงสักตัวจังเลย เป็นความใฝ่ฝันส่วนตัว อยากเลี้ยงหมาตัวใหญ่ ๆ  :-[ แต่ชาตินี้คงไม่มีโอกาส ตอนแรกที่อ่านจิ้นไปไกลว่าสุนัขตัวนี้อาจสามารถกลายร่างเป็นพระเอกหรือนายเอกได้ 555 บอกแล้วจิ้นไปไกล แต่แบบนี้ก้อชอบน่ะ น่ารักดี ยังเดาไม่ออกเลยว่าใครเป็นเมะใครเป็นเคะ ลุ้นเอาแล้วกัน เรื่องราวน่ารักดี ชอบจ้ะ ขำใบไผ่จัง พอรู้ว่ามะนาวท้องนี่ ช็อคไปเลย งานนี้ต้นว่านคงได้ทำงานเต็มที่เลย เพราะจะได้เลี้ยงอีกหลายตัวเลย อยากรู้จังมะนาวไปท้องกับใครเนี่ย หรือว่าพ่อแม่ของใบไผ่พาไปผสมพันธ์ไว้ก่อนเสียชีวิตแน่ ๆ เพราะเจ้ามะนาวคงไม่เคยได้ออกไปไหนแน่ ๆ  ตัวใหญ่ขนาดนี้ถ้าออกไปชาวบ้านคงแตกตื่นและจะหาหมาตัวไหนมาผสมได้ล่ะ  :mew4: รอตอนต่อไปจ้ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่4×▪ ◣ P.2 24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 24-09-2016 23:45:14
น่ารักดี ทั้งสองคนเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่4×▪ ◣ P.2 24/09/59
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 25-09-2016 01:30:04
นี่เห็นภาพพี่ใบไผ่ช็อคเข่าอ่อนทรุดลงไปกองที่พื้นเลย555555
ราวกับโลกจะถล่มมมเลยใช่มั้ยยย
เกลียดพวกอวดรวยแล้วเอาพ่อมาเบ่งจัง
คือโอเครวย แต่แบบคนที่รวยคือพ่อแม่คุณค่ะไม่ใช่คุณ
ละถ้ายิ่งพ่อแม่สปอยนะ ภาระสังคมชัดๆ
รอพี่ใบไผ่จัดการเลย ถ้ายังไม่หยุดนะ
รออๆๆๆค่าา
หัวข้อ: Re: -Rewrite-When we found love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่5×▪ ◣ P.2 16/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 01-10-2016 21:41:20
พบรัก ▪×วันที่5×▪




วันรุ่งขึ้น ตัวผมพร้อมด้วยกระเป๋าเดินทางสามใบก็เดินทางมาถึงบ้านสีขาวสองชั้นหลังเดิม ซึ่งมีสุนัขพันธุ์เชคโกสโลวัคเกี้ยน วูล์ฟด็อกวิ่งออกมาต้อนรับพร้อมกับเสียงหอนเหมือนอย่างทุกครั้ง...


บรู๊ววว~


“มะนาวนั่งลง” และทุกครั้งที่มันทำแบบนั้น ผมก็จะสั่งเหมือนเดิมเช่นกัน


ตอนนี้คำสั่งให้นั่งลงไม่ได้สั่งเพื่อให้มะนาวไม่เข้ามาใกล้อย่างเดียว แต่ยังสั่งเพื่อไม่ให้สุนัขตรงหน้ากระโดดไปมาเพราะในท้องของมันตอนนี้มีสิ่งมีชีวิตที่กำลังจะลืมตาดูโลกอยู่ แม้จะไม่มั่นใจนักว่ามะนาวท้องแน่รึเปล่าแต่จากการที่หาข้อมูลก็ดูเหมือนว่าจะท้องอย่างไม่ต้องสงสัย


วันนี้ผมตัดสินใจจะพามะนาวไปตรวจและฝากท้องกับสัตว์แพทย์ แน่นอนว่าการไปยังร้านที่เต็มไปด้วยสุนัขแบบนั้น คนกลัวสุขนัขอย่างผมไม่มีทางไปคนเดียวแน่นอน


“พี่ใบไผ่” เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ผมหันไปทักทายโดยไม่ต้องมองว่าใครที่เรียก


“มาเร็วดีนี่ต้นว่าน”


“ครับ วันนี้ผมไม่มีเรียน” อีกฝ่ายตอบพร้อมกับเดินเข้ามาทักทายมะนาวที่วิ่งไปหา หางของมะนาวส่ายไปมาก่อนจะกระโดดใส่ต้นว่าน


“ไม่เอามะนาว ห้ามกระโดดสิ” ต้นว่านสั่งเสียงแข็งทำเอาสุนัขที่กระโดดใส่ถึงกลับนั่งลงพลางส่งสายตาหงอยๆ ไปให้


“ถูกคุณพ่อดุซะแล้วนะมะนาว” ผมเอ่ยแซวด้วยรอยยิ้ม


“ถ้าผมเป็นพ่อพี่ใบไผ่จะเป็นแม่ให้สินะ”


คำพูดกวนๆ ที่ตอบกลับทำเอาผมหันไปจ้องอีกฝ่ายตาเขม็งก่อนจะเดินลากกระเป๋าเข้ามาเก็บในห้องนอน ในช่วงที่มะนาวท้องจำเป็นต้องมีคนคอยดูแลอยู่เสมอดังนั้นผมจึงจำเป็นต้องเก็บกระเป๋ามานอนค้างที่บ้านหลังนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต


ค้างคืนครั้งแรกกับสุนัข...แค่คิดก็สั่นไปทั้งตัวแล้ว


ผมจะให้มะนาวอยู่ข้างนอกได้ไหมนะ...


“พี่ใบไผ่ พี่ห้ามให้มะนาวอยู่ข้างนอกบ้านนะ!” เสียงต้นว่านตะโกนไล่หลังมาราวกับล่วงรู้ในสิ่งที่ผมกำลังคิดอยู่ในหัว


“ระ...รู้แล้วน่า”


หลังจากที่จัดการเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้ให้เรียบร้อย พวกเราก็พามะนาวไปยังคลินิกแห่งหนึ่งแถวบริษัท ความจริงก็มีหลายที่แต่เห็นว่าที่นี่ดีที่สุดแล้ว


“มะนาวนั่งลงดีๆ” ต้นว่านหันไปสั่งมะนาวที่เดินวนไปวนมาอยู่ที่เบาะหลังมากว่า 5 นาทีได้แล้ว


“พี่ว่าเราควรจะไปนั่งข้างหลังกับมะนาวนะ” ผมซึ่งเป็นคนขับรถแนะนำโดยที่ตาก็ยังแอบมองมะนาวจากกระจกมองหลังเป็นระยะ
ขืนให้ขยับไปมาตลอดทางผมคงไม่มีสมาธิขับรถกันพอดี...


“ถ้าผมไปนั่งมันดูไม่ดีเท่าไหร่”


“ทำไมล่ะ”


“พี่ก็น่าจะเดาได้นี่ ผมไม่อยากให้คนอื่นมองว่าพี่เป็นคนขับรถหรอกนะ” อีกฝ่ายตอบกลับตามตรง


“ถ้าพี่ไม่ถือซะอย่างก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรนี่” ผมยังคงยืนกราน


ก็ผมไม่ได้รู้สึกไม่ดีเวลาต้องขับรถแล้วมีคนนั่งอยู่ด้านหลัง คนอื่นจะมองหรือจะคิดว่าผมเป็นคนขับรถก็ไม่เห็นเป็นไร


“แต่...”


“ไปนั่งหลังซะต้นว่าน” ผมจอดรถเข้าริมฟุตบาทก่อนจะหันไปบอกคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง


“พี่ใบไผ่...”


“หยุดเลย พี่ไม่อยากฟังแล้วไปนั่งข้างหลังเร็วๆ ” เมื่อถูกเร่ง ต้นว่านก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงๆ ก่อนจะเปลี่ยนไปนั่งด้านหลังกับมะนาว


“ดีมาก”


และก็จริงอย่างที่ว่า ทุกอย่างดีขึ้นมากตั้งแต่ที่ต้นว่านไปนั่งข้างหลัง มะนาวซึ่งเดินวนไปมาเปลี่ยนมานอนซบบนตักของต้นว่าน ยิ่งถูกอีกฝ่ายลูบไปทั่วตัวก็ยิ่งเคลิ้มจนครางหงิ๋งๆ เลย


“...น่าอิจฉาเกินไปแล้วนะ” ผมพึมพำเบาๆแต่ดูเหมือนจะดังพอให้คนด้านหลังเงยหน้าขึ้นมามองอย่างงงๆ


“อิจฉาอะไรครับ?”


“เอาใจมะนาวเกินไปแล้วมั้ง”


“เปล่าสักหน่อย ก็มะนาวเล่นกับพี่ไม่ได้ ถ้าจะหันมาเล่นกับผมมันก็ไม่แปลกอะไรนี่”


“ก็จริง...” ทุกครั้งที่มะนาวพยายามเข้ามาอ้อนหรือเล่นด้วย ผมเป็นต้องตัวสั่นเกร็งทุกครั้งไป


“...”


“ต้นว่าน” ผมเรียกคนด้านหลังท่ามกลางความเงียบ


“ครับ?”


“พ่อกับแม่ไม่เป็นไรใช่ไหม” เมื่อเห็นคนด้านหลังนิ่งไปเล็กน้อยผมถึงเข้าใจว่าตัวเองกำลังละเมิดความเป็นส่วนตัวของอีกฝ่ายอยู่ แต่มันก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ


เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานมันเป็นความใจร้อนของตัวผมเองที่ไปพูดจาหาเรื่องแบบนั้น ถ้าระงับอารมณ์ตัวเองให้สงบลงกว่านี้คงจะมีวิธีอื่นที่ไม่ทำให้ครอบครัวของต้นว่านต้องพลอยติดร่างแหไปด้วย


“...ยังไม่เป็นไรครับ” ต้นว่านตอบกลับมาเสียงเบา


“พี่ขอโทษที่ทำให้เราต้องลำบาก” ยิ่งพอได้สงบสติอารมณ์ก็รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำเหมือนกำลังอวดฐานะนั้นมันดูไม่ดีเอาซะเลย
“พี่ไม่จำเป็นต้องขอโทษ เพราะถ้าพี่ไม่เข้ามาช่วยผมก็คงทนได้อีกไม่นาน...”


“อืม ถ้ามีปัญหาอะไร เราต้องบอกพี่นะ”


“...ผมไม่...”


“มันไม่เป็นการรบกวนหรอก”


“...” ต้นว่านก้มหน้าลงโดยที่มือยังคงลูบขนสีขาวแซมน้ำตาลและดำของมะนาวอยู่


“คำตอบล่ะ” ผมถามย้ำขอคำตอบ


“...ครับ”


“โอเค เอาล่ะถึงแล้ว”


ผมจอดรถบริเวณหน้าคลินิกอย่างไม่คิดอะไร แต่พอหันไปมองยังประตูกระจกใสของคลินิกตรงหน้าร่างกายก็เกร็งขึ้นมาในทันที ภายในประตูกระจกนั้นนอกจากจะมีคนอยู่ด้านในหลายคนแล้วยังมีสิ่งมีชีวิตสี่ขาที่เขากลัวที่สุดอยู่เป็นสิบตัว


“พี่ใบไผ่”


“...พี่ไม่ไหวแล้วต้นว่าน” แค่เห็นก็ขนลุกทั้งตัวแล้ว ถ้าเดินเข้าไปอาจได้เห็นประธานบริษัทศิริวัฒนิวงศ์ร้องเสียงหลงท่ามกลางหมู่สุนัขก็เป็นได้


“...ผมอยู่กับพี่นะ ไม่ต้องกลัวว่าจะมีสุนัขตัวไหนเข้าใกล้พี่ได้หรอก เดี๋ยวผมจัดการเอง”


ต้นว่านที่หันไปมองทางประตูกระจกคงจะรู้แล้วว่าที่ผมบอกไม่ไหวคืออะไร ...แต่ทำไมต้องบังคับกันอีกล่ะ


“ต้นว่าน...”


“ถึงทำเสียงอ่อยผมก็ไม่ใจอ่อนหรอกนะ” พูดจบเด็กด้านหลังก็เปิดประตูรถให้มะนาวลงไปก่อน ก่อนตัวเองจะก้าวตามลงไปด้วย แล้วทิ้งให้ผมนั่งหน้าเหวออยู่คนเดียว


สุดท้ายผมก็จำต้องลงมาจากรถด้วยขาสั่นๆ ส่วนต้นว่านก็ยืนดึงสายจูงสีน้ำเงินไม่ให้มะนาววิ่งเข้าไปใส่คนที่เดินผ่านไปมา


“ต้นว่าน...”


“...ถึงจะทำเสียงอ้อนแบบนั้นก็ไม่ได้ครับ...มะนาวเป็นหมาของพี่นะ”


คราวนี้น้ำเสียงอ้อนๆ ของผมดูจะไม่ได้ผลซะแล้ว...เสียใจที่สุด


ผมก้าวขาสั่นๆ เข้ามาภายในคลินิกอย่างกล้าๆ กลัวๆ กลิ่นของยาไม่ได้ทำให้รู้สึกแย่เท่าเสียงเห่าหอนของสุนัขเป็นสิบตัวที่ยืนรอต่อคิวเข้าไปรักษาอยู่จนเต็มที่นั่งทั้งสองฝาก


“ตะ...ต้นว่าน...”


ไม่ไหว ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ไหวแล้ว


“ใจเย็นๆ ครับพี่” ต้นว่านหันมาพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวไหล่คนกำลังกลัวเบาๆ


“แต่...”


“อ้าว บอสนี่นา”


เฮือก! เสียงเรียกที่ดูคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลังพร้อมเสียงลมหายใจที่เข้ามาประชิดบริเวณต้นคอเพียงแค่หันกลับไปดูก็เจอเข้ากับจมูกเล็กๆ สีดำและลิ้นสีชมพูที่แล่บออกมาเล็กน้อย...


มีสุนัขอยู่ตรงหน้าผม!


สติที่มีแทบจะกระเจิงหายไปในทันที เพียงแต่ผมต้องระงับตัวเองไม่ให้แสดงความกลัวออกไป เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะผู้หญิงเจ้าของสุนัขตัวเล็กที่ถูกอุ้มขึ้นแนบอกคนนี้คือหนึ่งในเลขาของผมเอง


‘คุณพรจิรา แก้วเกษม’ หรือที่ผมมักเรียกว่า ‘จิรา’ เป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลของบริษัทที่พ่วงด้วยตำแหน่งเลขาอีกอย่าง


“สวัสดีจิรา” ผมกล้ำกลืนความกลัวลงคอพร้อมกับเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตรราวกับว่าไม่กลัวสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในอ้อมกอดนั่นเลยสักนิด


คนในครอบครัวอาจจะรู้ว่าผมกลัวสุนัข ต้นว่านเองก็เป็นอีกคนที่รู้เรื่องนั้น แต่พนักงานในบริษัททุกคนต่างไม่รู้เรื่องนี้ และผมจะให้คนอื่นรู้ความลับนี้ไม่ได้ ไม่งั้นภาพพจน์ที่มีมันจะ...


โฮ่ง!


เฮือก! ผมสะดุ้งเมื่อสุนัขตัวเล็กตรงหน้าส่งเสียงเห่าขึ้นมา โชคดีที่จิราก้มลงไปหาสุนัขของตัวเองอยู่เลยไม่เห็นตอนที่ผมสะดุ้ง


“ไม่คิดว่าจะเจอบอสที่นี่เลยนะคะ พึ่งรู้ว่าบอสเลี้ยงสุนัขด้วย ...น่ารักจังเลยชื่ออะไรเอ่ย?” เธอพูดกับผมเสร็จก็ก้มลงไปทักทายมะนาวที่ส่ายหางไปมาด้วยความดีใจเมื่อถูกเล่นด้วย


“อ่า...ชื่อมะนาวน่ะ”


ทำไมรู้สึกเหมือนจะเป็นลมเลยล่ะ


“พี่ใบไผ่” ต้นว่านกระซิบเรียกเสียงเบา


“อะไร”


“ผู้หญิงคนนี้?”


“ลูกน้องที่บริษัทน่ะ”


ยาดมอยู่ไหน ตอนนี้ผมใกล้จะถึงขีดจำกัดเต็มทนแล้ว


“เธอไม่รู้ใช่ไหมว่า...”


“ใช่...เพราะงั้นเราห้ามบอกเด็ดขาดนะ” ผมหันไปบอกต้นว่านเสียงแข็ง


“เข้าใจแล้วครับ เดี๋ยวผมจะช่วยพี่เอง”


“...” ช่วย?


“สวัสดีครับพี่สาว” ต้นว่านเลิกสนใจผมที่ยืนเกร็งแล้วก้มลงไปทักทายกับจิราซึ่งถูกมะนาวเลียหน้าอยู่


“สวัสดีจ้า อ๊ะ...หรือว่าเราเป็นน้องชายของบอส?” เธอมองหน้าผมสลับกับต้นว่าน


“พวกเราดูเหมือนกันเหรอครับ?” ต้นว่านถามต่อด้วยรอยยิ้มแบบเพลย์บอย


ร้ายกาจนะตัวแค่นี้ จีบหญิงเป็นซะด้วย


“เหมือนตรงที่หล่อรากดินเหมือนกันเลย”


“จิรา” ผมปรามเบาๆ


“แหม...ก็จริงนี่บอส ถึงเขาจะหล่อว่าบอสก็เถอะ” เลขาของผมพูดออกมาตรงๆ ด้วยรอยยิ้มแพรวพราว


เอาเข้าไป คงไม่ได้คิดจะจีบเด็กที่อ่อนกว่าตัวเองตั้ง 5 - 6 ปีหรอกนะ


“โบนัสหายจะมาโทษกันไม่ได้นะ” เจ้าของบริษัทอย่างผมพึมพำเบาๆ


“ว้าย ไม่ได้นะคะ บอสน่ะหล่อที่สุดอยู่แล้วล่ะค่ะ ที่หนึ่งในใจจิราก็คือบอสนะคะ ทั้งหล่อ ทั้งเท่แถมยังมีความรู้รอบด้านจน...”


“พอๆ มากไปแล้ว” ผมรีบห้ามก่อนเธอจะพูดไม่หยุด


“ค่ะบอส ว่าแต่มาทำอะไรเหรอค่ะ”


“...มะนาวดูเหมือนจะท้องน่ะ” ผมแอบถอยหลังไปเล็กน้อยก่อนจะตอบกกลับไปเพราะสุนัขตัวเล็กในอ้อมกอดเข้ามาใกล้จนแทบจะเลียคอผมได้อยู่แล้ว


“ท้อง? ดีใจด้วยนะค่ะอีกไม่นานคงจะมีเจ้าตัวเล็กวิ่งกันให้วุ่นเลย”


“เหอะๆ ”


นั่นแหละที่ไม่ต้องการ แค่ตัวเดียวหัวใจก็แทบวายแล้ว


ขอเถอะ...ได้โปรดออกมาแค่ตัวเดียวที


“แล้วพี่สาวมาทำอะไรเหรอครับ” ต้นว่านเหมือนรู้ว่าผมไม่ค่อยอยากเข้าใกล้สุนัขที่จิราอุ้มอยู่เท่าไหร่เลยแทรกตัวมาตรงกลางระหว่างผมกับจิรา


“...ขอบคุณ” ผมได้แต่กระซิบบอกเสียงเบา ด้วยระยะแค่นี้ต้นว่านคงได้ยินอยู่แล้ว


“มาฉีดวัคซีนประจำปีน่ะ”


“เป็นชิวาว่าที่น่ารักจังเลยนะครับ ชื่ออะไรเอ่ย” ต้นว่านเข้าไปทำความรู้จักกับสุนัขตัวเล็กที่พึ่งรู้ว่าคือพันธุ์ชิวาว่า


“ชื่อครีมจ้า ทักทายพี่เขาหน่อยเร็วครีม” พอพูดจบจิราก็อุ้มชิวาว่าของตัวเองขึ้นมา แล้วมันก็เข้ามาเลียแก้มของต้นว่านเบาๆ


แค่มองอย่างเดียวผมยังรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว ถ้าต้องโดนเลียหน้าแบบนั้น หัวใจคงวายไปแล้วแน่ๆ หลังจากนั้นพวกเราก็นั่งรอคิวกันโดยมีต้นว่านนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างผมกับจิราซึ่งถือว่าดีมากเพราะจิราปล่อยชิวาว่าที่ชื่อครีมลงทำให้สามารถปีนป่ายไปบนตักของต้นว่านได้สะดวก


“เชิญคิวต่อไปครับ” เสียงเรียกจากพนักงานทำให้ทั้งผมเอ่ยลาจิราก่อนจะเดินตามต้นว่านไปอย่างโล่งอก


ในที่สุดก็ถึงคิวสักที...


“เคยมารึยังครับ?” สัตว์แพทย์หนุ่มที่เดินมาเอ่ยถามอย่างเป็นมิตร


“ยังครับ” ต้นว่านตอบแทน


“งั้นขอทำประวัติก่อนละกัน จากที่ดูสายพันธุ์นี้คล้ายหมาป่าเลยนะ ผสมรึเปล่า?” อีกฝ่ายยังคงถามต่อ


“เปล่าครับ นี่ชื่อมะนาวเป็นสุนัขพันธุ์เชคโกสโลวัคเกี้ยน วูล์ฟด็อกครับ”


คุณหมออึ้งไปเล็กน้อย รู้สึกว่าจะดังจริงๆ เลยนะไอ้พันธุ์เชคโกสโลวัคเกี้ยน วูล์ฟด็อกอะไรเนี่ย


หลังจากจัดการทำประวัติเรียบร้อยแล้วก็เริ่มต้นการตรวจร่างกาย ยิ่งพอรู้ว่าเป็นสุนัขหายาก คุณหมอก็ยิ่งตรวจให้อย่างละเอียดมากขึ้น ผลที่ออกมาคือร่างกายจะแข็งแรงปกติไม่มีปัญหาอะไร


“ทางเจ้าของอยากทำการอัลตร้าซาวด์ไหมครับ” คุณหมอถามต่อ


“พี่ใบไผ่เอายังไงดีครับ” ต้นว่านหันมาขอความเห็น


“แล้วแต่ต้นว่านเลย”


“พี่อยากรู้ไหมว่ามะนาวมีลูกกี่ตัว”


“รู้ก็ดีนะ” จะได้ทำใจไว้บ้าง


“งั้นหมอจะพาไปอัลตร้าซาวด์นะครับ”



::ต้นว่าน::


ผลจากการอัลตร้าซาวด์ทำให้ผมยิ้มแก้มแทบปริตลอดการเดินทางกลับบ้าน ผิดกับคนที่ขับรถอยู่ในขณะนี้ ใบหน้าขาวอมชมพูดูจะกังวลเล็กน้อยอาจเพราะรู้ว่าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่กำลังจะออกมาลืมตาดูโลกมีมากถึง 3 ชีวิตก็ได้


คิดแล้วก็ตลกดีที่ได้เห็นใบหน้าเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างของพี่ใบไผ่ตอนที่รู้ แถมยังได้รู้อีกว่าพี่ใบไผ่ปิดเรื่องที่กลัวสุนัขไม่ให้คนในบริษัทรู้ แบบนี้ก็เหมือนเป็นความลับระหว่างเราเลยน่ะสิ...พอคิดแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา


“พี่ขับรถไหวแน่นะ” ผมหันไปถามพี่ใบไผ่ที่ทำหน้าเหมือนใกล้เป็นลมเต็มที


“ขับรถน่ะไหว”


“แต่เรื่องลูกของมะนาวไม่ไหวใช่ไหมครับ” ผมต่อสิ่งที่อีกฝ่ายน่าจะคิดออกไป


“ก็รู้นี่”


ผมปล่อยให้พี่ใบไผ่ขับรถต่อไปเงียบๆ โดยตัวเองเปลี่ยนมาเล่นกับมะนาวซึ่งส่ายหางไปมาไม่หยุดด้วยรอยยิ้ม...ยิ่งได้รู้ว่าอีกไม่ถึงเดือนจะได้เห็นเจ้าตัวเล็กๆ ออกมาแล้วก็ยิ่งดีใจมากขึ้นไปอีก แต่การที่พี่ใบไผ่ไม่ชอบสุนัขเท่าไหร่...คงไม่ได้คิดจะเอาลูกของมะนาวไปขายหรอกนะ


ผมคิดขณะเดินจูงมะนาวเข้ามาภายในบ้านสองชั้นสีขาวโดยที่มีพี่ใบไผ่ทิ้งตัวลงที่โซฟาสีน้ำตาลยาวอย่างหมดแรง สำหรับพี่ใบไผ่ครั้งนี้ถือว่าทำได้ดีเกิดคาด คงเป็นเพราะมีลูกน้องที่ไม่รู้ความลับของพี่เขาอยู่เลยทำให้ต้องพยายามมากกว่าปกติ


“พี่ใบไผ่”


“ฮือ?” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนปรือขึ้นมาสบเล็กน้อย


“พี่คงไม่...เอ่อ...ไม่มีอะไรครับ” จะให้ถามออกไปได้ยังไงล่ะว่าจะขายลูกของมะนาวไหม สุนัขของตัวเองก็ไม่ใช่ ถ้าพี่เขาอยากขายก็คงทำอะไรไม่ได้ถึงจะเสียดายก็ตามที


ถึงจะอยากได้มาเลี้ยงมากขนาดไหน แต่ถ้าแค่ค่าอาหารยังไม่มีปัญญาหาเงินมาซื้อ แล้วจะกล้าเลี้ยงได้ยังไง


ผมไม่มีทั้งเวลา และก็ไม่มีทั้งเงินด้วย...


“ต้นว่าน” ดวงตาสีสวยลืมขึ้นเต็มตาก่อนจะหรี่ลงเล็กน้อยระหว่างเรียกชื่อผม


“ครับ”


“มานั่งนี่” มือเรียวกวักเรียกให้ผมไปนั่งที่โซฟาตัวยาวที่พี่เขานั่งอยู่


“ไม่เป็นไรครับ พี่มีอะไรพูดมาเลย” จะให้ไปนั่งทัดเทียมกับเจ้าของบ้านก็ดูยังไงๆ อยู่


“ต้นว่าน” เสียงนุ่มที่เข้มขึ้นเล็กน้อยไม่ได้ทำให้รู้สึกกลัวสักนิด


“มีอะไรครับ”


“ไม่ได้กลัวกันเลยนี่” อีกฝ่ายพึมพำเบาๆ


“ผมไม่รู้ว่าคนอื่นกลัวไหม แต่สำหรับผมต่อให้พี่จะทำเสียงแข็งผมก็ไม่กลัวหรอก”


“งั้น...ต้นว่านครับ” ตาผมเบิกกว้างเมื่อเสียงแข็งๆ ตรงหน้าเปลี่ยนมาเป็นเสียงออดอ้อนแทน “ต้นว่านมานั่งกับพี่นะ...นะครับ”
แล้วไหนจะสายตาที่ส่งมาอีกนั่น...


“...ครับ” ทำเอาผมไม่อาจปฏิเสธได้


ไม่รู้ว่าพี่ใบไผ่ใช้วิธีนี้กับทุกคนไหม แต่บอกเลยว่าถ้าใช้ ไม่ว่าใครก็ไม่รอดทั้งนั้นแหละ


เมื่ออีกฝ่ายเห็นผมเดินมานั่งลงข้างๆ ก็ส่งยิ้มกว้างแสดงถึงชัยชนะออกมาอย่างไม่อายใคร ...โดนจับจุดอ่อนได้ซะแล้ว


พี่ใบไผ่เป็นคนที่อ้อนไม่ได้น่ารักแต่น่ามองมาก ทุกครั้งที่ได้ยินหรือได้เห็นมันเหมือนกับถูกสะกด ทางเดียวที่จะหนีได้คืออย่าไปสบตา เพราะแค่ฟังเสียงอย่างเดียวอาจจะยังพอหนีได้


“มีอะไรจะถามพี่เหรอ”


“ไม่มีครับ” ผมรีบตอบกลับไป


“พี่เหมือนคนที่จะถูกหลอกได้ง่ายๆ สินะ”


“เปล่านะครับ”


“งั้นก็บอกมา” อีกฝ่ายยังคงตื้อไม่หยุด


“...ไม่มีอะไรจริงๆ ครับ” ผมยังคงโกหกต่อไปแม้จะรู้ว่าไม่ดี ไม่อยากเอาความเอาแต่ใจของตัวเองไปทำให้พี่เขาลำบาก


“ต้นว่าน...อย่าหลบตาสิมองตาพี่” พูดจบมือเรียวก็สัมผัสที่ใบหน้าผมพร้อมกับเงยขึ้นจนดวงตาของเราประสานกัน


“...”


“พี่จะถามครั้งสุดท้าย มีอะไร”


ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจนเกือบทองไม่ได้จ้องมาอย่างคาดคั้น ตรงกันข้ามมันกลับดูเหมือนกำลังขอร้องให้บอก แล้วแบบนี้เขาจะปากแข็งต่อไปได้ยังไง


“พี่...คงจะไม่ขายลูกของมะนาวใช่ไหมครับ”


ทำไมเวลาที่ถูกพี่เขาจ้องตาถึงได้เป็นแบบนี้ตลอดเลยนะ ทั้งที่กับคนอื่นไม่เป็นแท้ๆ


“ขาย? อ้อ...จะว่าไปก็ขายได้นี่นะ”


“...” ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งไปชี้โพรงให้กระรอก เพราะคำพูดแบบนั้นแปลว่าตอนแรกพี่ใบไผ่ไม่คิดจะขายแต่พอผมถามก็นึกได้ว่ามีวิธีนี้อยู่


ให้ตายสิ...ไม่น่าเลยจริงๆ


“ต้นว่านไม่อยากให้พี่ขายใช่ไหม” อีกฝ่ายถามกลับก่อนจะปล่อยมือที่สัมผัสใบหน้าผม


“...ผมไม่มีสิทธิ์” ไม่มีสิทธิ์ที่จะบอกว่าไม่ให้ขายในเมื่อมะนาวเป็นสุนัขของพี่


ผมเป็นแค่คนอื่น...


“รู้สึกว่าเราจะตอบไม่ตรงคำถามนะ...”


“...”


“พี่ดูเป็นคนที่หยิ่งและถือตัวสินะ” อยู่ๆ พี่ใบไผ่ก็เปลี่ยนคำถามพร้อมกับเอนตัวพิงกับโซฟา


“ไม่เลยสักนิด” ผมตอบโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด


พี่ใบไผ่ไม่ได้ดูหยิ่งหรือถือตัวเลยสักนิดเดียว ถึงจะมีฐานะดีกว่าแต่ก็ยังพูดคุยกับผมเหมือนคุยกับคนปกติทั้งๆ ที่ความจริงไม่จำเป็นเลยสักนิด


“ไม่จริงหรอก ถ้าไม่ใช่แบบนั้นเราคงจะไม่พูดว่าไม่มีสิทธิ์ สิ่งที่ต้นว่านพูดเหมือนกับจะบอกว่าถึงบอกไปพี่ก็ไม่มีวันทำตามที่บอก” คนข้างๆ พูดพร้อมกับเงยหน้ามองเพดานสีขาวด้านบน


“...พี่...ไม่ใช่นะ ผมแค่...” พี่เข้าใจผิดแล้ว


“แค่?”


“...พี่เป็นเจ้าของมะนาว”


“อืม...แต่เราเป็นคนดูแล”


“ก็ใช่ แต่...ก็เป็นแค่นั้น” แค่ดูแลจะมีสิทธิ์เท่าเจ้าของได้ยังไงกัน


“พี่จะพูดครั้งเดียว สำหรับที่อื่นพี่ไม่รู้ว่าเป็นยังไงแต่สำหรับพี่คนดูแลมีสิทธิ์มากกว่าเจ้าของ”


“พี่ใบไผ่!” ผมหันกลับไปมองหน้าคนด้านข้างด้วยความตกใจ


พี่พูดอะไรออกมาน่ะ ...มีสิทธิ์มากกว่า?


“เอาล่ะ ทีนี้ตอบมาได้รึยังว่าต้นว่านไม่อยากให้พี่ขายลูกของมะนาวใช่ไหม”


คำถามเดิมถูกถามย้ำอีกรอบแต่ครั้งนี้ไม่ได้มีสายตาคู่สวยหันมาสบ พี่ใบไผ่ยังคงเงยหน้ามองเพดานอยู่ทั้งแบบนั้น เหมือนอีกฝ่ายอยากให้เวลาผมคิดและตอบ


“ครับ...ผมไม่อยากให้พี่ขาย” สุดท้ายก็ยอมบอกไปตามตรง


“ก็แค่นั้น ทำไมมันพูดยากนักฮึ” ทันทีที่พูดจบพี่ใบไผ่ก็หันมาส่งยิ้มให้พร้อมกับยกมือสองข้างขึ้นมาขยี้เส้นผมสีดำของผมจนยุ่งไปหมด โดยส่วนตัวผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับหัวตัวเองนัก แต่น่าแปลกที่พอเป็นพี่ใบไผ่ ผมกลับไม่รู้สึกอยากผลักไสสัมผัสนี้เหมือนอย่างทุกที


“...พี่จะทำตามที่ผมบอก?” ผมถามออกไปตามตรง


“บอกแล้วไงว่าคนดูแลมีสิทธิ์มากกว่าเจ้าของ”


“แต่นี่บ้านพี่นะ” จะทำตามผมที่เป็นคนนอกพูดจริงๆงั้นเหรอ


“ก็ใช่ แต่ถ้าเราสัญญาว่าจะฝึกเจ้าตัวเล็กๆ ที่จะเกิดมาให้ฟังคำสั่งเหมือนมะนาวพี่ก็ไม่มีปัญหา”


“ผมสัญญา...จะทำให้ได้แน่นอนครับ” ผมสัญญาเสียงหนักแน่น


ถ้าเรื่องฝึก ผมมั่นใจว่าตัวเองทำได้แค่อาจต้องใช้เวลาสักหน่อย


“โอเค เรื่องลูกของมะนาวเป็นอันจบ เรามาว่าเรื่องต่อไปกันดีกว่า” พี่ใบไผ่ปรบมือครั้งหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูด


“เรื่องต่อไป?”


“ใช่...ตอนนี้เราเป็นคนดูแลมะนาวอย่างเป็นทางการแล้ว”


“ใช่ครับ”


“แล้วก็ยังมีหน้าทำความสะอาดภายในและนอกบ้านด้วย”


“ครับ”


เรื่องพวกนี้พี่ใบไผ่ก็บอกตั้งแต่วันแรกแล้วเหมือนกัน ไม่เข้าใจว่าจะทวนซ้ำทำไม หรือว่ากลัวผมลืม?


“ทำหน้าเหมือนงงว่าพี่จะพูดทำไมใช่ไหม”


“...ก็...ครับ”


“เข้าเรื่องเลยละกัน เราอยากได้ค่าจ้างเป็นรายวันหรือรายเดือน?”


สิ่งที่พี่ใบไผ่พูดทำให้นึกออกว่าเรายังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้เลย ความจริงก็อยากจะบอกว่าไม่ต้อง แต่เพราะคงไปหางานพิเศษแถวนี้ทำไม่ได้แล้วแถมครอบครัวก็ยังต้องใช้เงินอีก เลยทำได้แค่บอกว่า “เอาที่พี่สะดวกเลยครับ” เพราะเรื่องค่าจ้างแต่ละที่ให้ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ถ้าเป็นพวกพนักงานเสิร์ฟจะได้เป็นรายเดือน แต่ถ้าเป็นพวกพนักงานล้างจานก็จะได้เป็นรายวัน


“พี่ก็สะดวกทั้งสองแบบนะ”


“ถ้าแบบนั้น...ผมขอเป็นรายวันได้รึเปล่าครับ”


ถ้าเป็นรายวันก็จะได้มีเงินไปซื้ออาหารหรือของอย่างอื่นเข้าบ้านได้ไม่ต้องรอจนถึงช่วงปลายเดือน


“ไม่มีปัญหา แต่บางวันพี่คงไม่ได้อยู่ที่นี่ อ้อ...ช่วงนี้คงต้องอยู่ตลอดงั้นไว้ค่อยคิดทีหลังละกัน”


“ครับ”


“แล้วงานที่ทำอยู่นี่ได้ค่าจ้างเท่าไร” พี่เขายังคงถามต่อ


“แต่ละที่ไม่เท่ากัน บางทีก็ขึ้นอยู่กับชั่วโมงที่ทำงานหรือความพอใจของเจ้าของร้าน” ผมตอบไปตามตรง


“ความพอใจ? ดีเลย...เอาแบบนั้นก็ได้”


“ครับ?” แบบไหน?


“พี่จะให้ค่าจ้างตามความพอใจของพี่ที่เป็นเจ้าของบ้านตกลงนะ”


“ครับ”


เรื่องนี้ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ถึงจะได้น้อยหน่อยก็ไม่เป็นไรเพราะการมาดูแลมะนาวกับบริเวณบ้านเป็นเรื่องที่ถ้าทำเป็นประจำคงไม่ยุ่งยากเท่าทำงานพิเศษอย่างอื่น


“ห้ามมาบ่นหรือไม่พอใจนะ” อีกฝ่ายยังคงย้ำ


“แน่นอนครับ” ผมจะบ่นคนที่จ้างได้ยังไงกัน


“พูดแล้วนะ...งั้นนี่ส่วนของวันนี้” พูดจบพี่ใบไผ่ก็หยิบกระเป๋าเงินสีดำที่แค่ดูก็รู้ว่าราคาของมันคงมีมูลค่าไม่แพ้ธนบัตรที่อยู่ข้างในแน่


“หลับตาแล้วแบมือต้นว่าน”


“ครับ?” ทำไมผมต้องหลับตาด้วยล่ะ


“เร็วสิ...หลับตาแล้วแบบมือด้วย”


“...ครับๆ”


เมื่อไม่มีทางเลือกผมจึงค่อยๆ หลับตาลงพร้อมกับยื่นมือออกไป ไม่นานก็สัมผัสได้ถึงธนบัตรที่ถูกวางไปประมาณสองถึงสามใบ นั่นทำให้ผมที่หลับตาอยู่รู้สึกโล่งอกเพราะพี่เขาไม่ได้ให้เยอะเกินความจำเป็นอย่างที่กังวลในตอนแรก


“ลืมตาได้” พี่ใบไผ่บอกพร้อมกับลุกขึ้นจากโซฟา


ทันทีที่ผมลืมตาขึ้นมาเห็นธนบัตรสามใบที่อยู่ในมือ คิ้วทั้งสองข้างก็ขมวดเข้าหากันแน่นก่อนจะหันกลับไปมองพี่ใบไผ่ที่ก้าวยาวๆ ไปยังประตูห้องนอน


“พี่ใบไผ่! นี่มันอะไรครับ” ผมยิงคำถามพร้อมกับลุกขึ้นเดินตามเจ้าของบ้านพ่วงด้วยตำแหน่งผู้ว่าจ้างไปติดๆ


“ค่าจ้างไง”


“ผมรู้ว่าค่าจ้าง แต่นี่มันตั้งสามพันเลยนะครับ”


ทำที่อื่นอย่างมากก็วันละสามร้อยแถมยังไม่ใช่งานง่ายๆ ด้วย แล้วนี่อะไร...แค่มาดูแลมะนาวที่ตัวผมเองก็อยากทำอยู่แล้ว และทำความสะอาดบ้านหนึ่งหลังซึ่งก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย ทำแค่นี้ยังไม่ถึงครึ่งของเวลาที่ผมไปทำงานอย่างอื่นเลย ทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้นแต่กลับได้ตั้งสามพัน


“เราพูดเองนะว่าจะไม่บ่นหรือไม่พอใจ” พี่ใบไผ่ท้วงสิ่งที่ผมพึ่งพูดไปก่อนหน้านี้


“ก็ใช่แต่ว่านั่นมัน...”


ใครจะคิดว่าพี่จะให้มากขนาดนี้เล่า!


“พี่ให้ตามความพอใจ ถ้าวันพรุ่งนี้เราทำงานไม่ดีพี่อาจลดเหลือสามร้อยก็ได้”


“พี่ควรลดตั้งแต่วันนี้แล้วครับ” ผมเถียงพร้อมกับเดินตรงไปหาอีกฝ่ายเพื่อจะคืนเงิน


“หยุดเลย ตอนนี้พี่ต้องการสมาธิในการทำงานห้ามเข้ามารบกวนไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม” ฝ่ายถูกตามรีบเอ่ยปากห้ามพร้อมกับหลบเข้าไปในห้องนอนอย่างรวดเร็ว


นี่คิดไว้แล้วสินะถึงได้เตรียมที่หนีไว้แบบนี้...


“พี่ใบไผ่!” ผมรีบวิ่งไปโดยคิดว่าต้องทันก่อนที่ประตูจะปิดแน่นๆ แต่...


ปัง!


“อ้อ...ให้อาหารมะนาวเสร็จก็ปิดประตูบ้านแล้วกลับได้เลยนะ” เสียงนุ่มดังขึ้นจากอีกฝั่งของประตูโดยไม่ฟังคำค้านของลูกจ้างตัวเองสักนิด


“พี่ใบไผ่!”


“เจอกันพรุ่งนี้ ฝันดีนะต้นว่าน”


“พี่ใบไผ่!” เป็นครั้งที่สามที่ผมตะโกนเรียกคนที่อยู่ภายในแต่กลับไม่มีการตอบสนองเลยแม้แต่นิดเดียว...ให้ตายสิ ทำไมถึงดื้อแบบนี้นะ


หงิ๋ง~


เสียงครางพร้อมกับขนสามสีนุ่มๆ ที่เข้ามาคลอเคลียเรียกความสนใจของผมให้หันไปหา มะนาวที่นอนอยู่เงียบๆ เดินเข้ามาแบบนี้แปลว่าเริ่มหิวแล้ว ผมจึงตัดใจเรื่องที่จะคืนเงินแล้วไปทำหน้าที่ของตัวเอง


ในเมื่อพี่ใบไผ่ยืนกรานขนาดนั้น… ก็ได้ๆ ผมจะทำงานให้คุ้มค่าจ้างสามพันบาทเลยคอยดูสิ!


................................................................................

สวัสดีค่ะ

มาอัพต่อแล้วว

มีหลายคนถามว่ามะนาวไปท้องกับใครมาคงไม่ใช่น้องหมาพันธุ์ทางใช่ไหม

บอกเลยค่ะว่าไม่ได้ท้องกับพันธุ์ทางค่ะ เป็นพันธุ์แท้ๆเลยเพราะงั้นไม่ต้องกังวลกันนะคะ

ขอประกาศอีกสักรอบนะคะว่าอาทิตย์หน้าของดอัพเนื่องจากติดสอบทั้งอาทิตย์

ปกติที่ม.เราจะให้สอบ2อาทิตย์แต่ด้วยเหตุผลบางการซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าคืออะไรทำให้มีการจัดสอบเพียงแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น

ด้วยเหตุนั้นเราจึงขอหยุดอัพหนึ่งอาทิตย์เพื่อสอบค่า

รอกันหน่อยนะคะ จะรีบกลับมาต่อหลังสอบเสร็จ

สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังใจที่มีให้เสมอมานะคะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า

บ๊ายบายค่ะ

-Rewrite- >> อัพรีไรท์ต่อค่า 16/05/61

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่5×▪ ◣ P.2 1/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 01-10-2016 22:11:52
คิดถึงน้องหมาที่บ้านทันที อิอิ นานแค่ไหนก็รอค่าา
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่5×▪ ◣ P.2 1/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 01-10-2016 23:38:34
แบบนี้ก็ดีมะนาวจะได้มีลูกอยู่เป็นเพื่อนไม่ต้องเหงา

 :pig4:  :pig4:  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่5×▪ ◣ P.2 1/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: darksnow ที่ 02-10-2016 00:29:21
สู้ๆจ้า รอได้ พี่ใบไผ่น่าชวนว่านมาอยู่ด้วยเลย ถ้ามะนาวคลอดนี่ พี่ใบำผ่ตายแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่5×▪ ◣ P.2 1/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 02-10-2016 03:39:26
หลงรักมะนาว อ่านแล้วอยากกลับไปเลีัยงหมา
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่5×▪ ◣ P.2 1/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 02-10-2016 08:35:15
ถ้าจะให้คุ้มนะต้นว่านต้องดูแลเจ้าแบบลึกซึ้งด้้วย :hao3:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่5×▪ ◣ P.2 1/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 02-10-2016 14:03:38
อยากให้ลูกมะนาวออกมาเเล้ว
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่5×▪ ◣ P.2 1/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 02-10-2016 18:09:45
จะรออ่านนะ :mew1:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่5×▪ ◣ P.2 1/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: yozz ที่ 02-10-2016 22:22:51
ฮืออออ น่ารักมากเลย  :o8: อยากเลี้ยงหมาขึ้นมาทันที
ปล.เรียนที่ไหนคะ เวลาสอบเหลืออาทิตย์เหมือนกันเลย เศร้าใจ :hao5:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่5×▪ ◣ P.2 1/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 02-10-2016 23:31:01
 :o8: น่ารักจริง ๆ เลยน่ะ ช่วงนี้ได้อ่านหนังสือพวกหูหางบ่อยมาก รู้สึกดีกับใจมาก ๆ เราชอบงานของคุณมาก ๆ เลยน่ะ มันเป็นอะไรที่มีสัตว์เข้ามาเกี่ยวข้องทำให้รู้สึกดีน่ะ สงสัยพ่อแม่ของใบไผ่คงจับไปผสมก่อนที่จะไปเที่ยวแน่ ๆ เลยน่ะ เลยเหมือนทิ้งมรดกมีชีวิตให้กับลูกชายคนเดียวเลยและยังเป็นกามเทพให้กับลูกด้วยน่ะเนี่ย อยากรู้จังว่าระหว่างต้นว่านกับใบไผ่ใครเป็นรุกใครเป็นรับ เดาไม่ออกจริง ๆ เลย  :hao3:
ป.ล.ขอให้คุณคนเขียนทำสอบได้ตามที่หวังไว้น่ะจ้ะ สู้ ๆ คนอ่านรอได้เสมอจ้ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่5×▪ ◣ P.2 1/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 02-10-2016 23:36:58
กอดขาคุณ nicedog

อ่านสือสอบสุ้ๆนะคะ ขอเกรดบี :D
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่5×▪ ◣ P.2 1/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 04-10-2016 01:15:40
 :mc4: :mc4: :mc4:โล่งมากที่มะนาวมีสามีที่ดีไม่พันธุ์ทางอิอิ :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: -Rewrite-When we found love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่6×▪ ◣ P.3 16/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 14-10-2016 22:01:38
พบรัก ▪×วันที่6×▪



หลายสัปดาห์ผ่านไปตั้งแต่ผมย้ายจากคอนโดมาอยู่ที่บ้านเดี่ยวหลังสีขาวของพ่อกับแม่เพื่อดูแลมะนาวที่ใกล้คลอดเต็มที แต่ด้วยความที่ตัวเองนั้นกลัวสุนัขเสียเหลือเกินเลยจำเป็นต้องมีผู้ช่วยดูแล ซึ่งก็คือ ‘ต้นว่าน’ นักศึกษามหา’ลัยปี 4 ที่ผมเพิ่งจ้างมาทำงานได้ไม่ถึงเดือน


ค่าจ้างต่อวันที่ให้ดูเหมือนจะมากเกินไปตามคาด สามพันบาทต่อวันอาจดูมากสำหรับคนอื่นและมันก็มากสำหรับผมด้วย แต่ถ้าให้จากความพอใจสามพันบาทที่ให้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ คิดถูกจริงๆ ที่เตรียมทางหนีทีไล่ไว้ เพราะอีกฝ่ายคงไม่ยอมง่ายๆ แน่ และก็เป็นอย่างที่คาดแต่สิ่งที่คืนกลับไม่ใช่เงินที่ให้ไปแต่เป็นคำพูดประโยคหนึ่งจากต้นว่านมาบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างที่ไม่เคยได้ยิน...


‘ถ้าพี่จะให้ค่าจ้างสามพันผมก็จะรับไว้ แต่บอกเลยว่าผมจะทำทุกอย่างให้คุ้มกับเงินสามพันที่พี่ให้แน่!’


ตอนแรกผมก็ไม่ได้ใส่ใจนักเพราะคิดว่าต้นว่านคงจะดูแลบ้านกับมะนาวให้เป็นพิเศษ แต่พอวันต่อมาเท่านั้นแหละ…ผมถึงได้เห็นความตั้งใจของเขา


ตามปกติแล้วในตอนเช้าผมมักจะหาอะไรรองท้องก่อนไปประชุมหรือเข้าไปเซ็นเอกสารสำคัญเสมอ ทว่าเช้าวันนั้นต่างไปจากทุกวันเพราะบนโต๊ะทานอาหารมีขนมปังปิ้งกับกาแฟรสกลมกล่อมถูกวางไว้อยู่ก่อนแล้ว ไม่จำเป็นต้องเดาก็รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร


ส่วนสาเหตุที่ว่าทำไมต้นว่านถึงเข้ามาในบ้านได้ง่ายๆ ก็เพราะผมให้กุญแจสำรองไว้ตั้งแต่วันแรกที่จ้างงาน แล้วก็ไม่เพียงแค่มื้อเช้าเท่านั้นที่เพิ่มเข้ามา มื้อเย็นก็ยังเป็นอีกมื้อที่มีเชฟต้นว่านคอยทำให้ทาน โดยแต่ละวันนั้นแทบจะไม่ซ้ำรายการกันเลยทีเดียว และที่น่าแปลกคือรสชาติกลับอร่อยกว่าที่คิดไว้มาก


ส่วนมื้อกลางวันก็จะมีแค่วันที่ผมไม่ต้องออกไปทำงานที่บริษัท และต้นว่านไม่มีเรียนเท่านั้น เขาถึงจะกลับมาทำให้ อย่างวันนี้เองก็เช่นกัน


“พี่ใบไผ่จะเอาต้มจืดหมูสับหรือผัดกระเพราหมูสับดีครับ” เสียงทุ้มของเชฟประจำบ้านดังขึ้นจากทางห้องครัวซึ่งอยู่ติดกัน


“เอาต้มจืดดีกว่า” ผมตะโกนกลับไปโดยที่สายตายังไม่ละมือจากเอกสารที่เพิ่งถูกส่งมายังหน้าจอโทรศัพท์


หงิ๋ง~


“เฮ้ย!” ผมเผลอปล่อยโทรศัพท์มือถือลงพื้นเสียงดังตุ๊บ เมื่ออยู่ๆ ก็ถูกจมูกชื้นๆ สีดำสะกิดเข้าบริเวณปลายเท้า


สิ่งมีชีวิตสี่ขาขนฟูหนึ่งเดียวของบ้านเงยหน้าขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มให้ราวกับรู้สึกสนุกที่ได้เห็นท่าทางหวาดกลัว นี่ถ้าคนอื่นมาเห็นคงจะขำแน่ๆ ที่ท่านประธานอย่างผมกระโดดขึ้นโซฟาหนีสุนัขโดยไม่สนแม้แต่โทรศัพท์ของตัวเอง


ตอนนี้มะนาวกำลังท้องป่องเพราะตั้งท้องลูกสามตัว แม้ผมจะไม่รู้สึกยินดีนักที่จะมีสุนัขตัวใหญ่แบบนี้เพิ่มขึ้นแต่เพราะท่าทางของต้นว่านที่ดูไม่อยากให้ขายลูกของมะนาวนั่นเรียกรอยยิ้มจากผมได้ ก็เลยยอมเลี้ยงเหล่าลูกสุนัขซึ่งกำลังจะเกิดมาเพิ่มพร้อมมีเงื่อนไขว่าอีกฝ่ายจะต้องทำตามสัญญา นั่นคือการคอยดูแลและฝึกพวกมันอย่างดี


อันที่จริงแล้วถึงต้นว่านไม่พูดผมก็ไม่คิดจะขายหรอก การที่มะนาวท้องมีทางเดียวคือพ่อกับแม่พาไปผสมพันธุ์ นั่นหมายความว่าลูกๆ ของมะนาวที่กำลังจะเกิดมาคือความตั้งใจของพ่อกับแม่ ...รู้แบบนี้แล้วจะให้ขายลูกสุนัขพวกนั้นไปได้ยังไงกัน


“พี่ใบไผ่เกิดอะไร...อุ๊บ!” ต้นว่านรีบวิ่งออกมาจากครัวทันทีที่ได้ยินเสียงร้อง แต่พอเห็นผมกระโดดขึ้นไปหลบมุมอยู่บนโซฟาก็ยกมือสองข้างขึ้นปิดปากตัวเองไม่ให้หลุดขำออกมา


“เลิกขำแล้ว ทำอะไรสักอย่างสิ” ผมกัดฟัดพูดออกไปพร้อมร่างกายที่สั่นขึ้นเรื่อยๆ จะไม่ให้สั่นได้ยังไงล่ะในเมื่อมะนาวกระโดดขึ้นมาบนโซฟาตัวเดียวกับผมแล้ว


“ครับๆ มะนาวมานี่”


เพียงประโยคเดียวสุนัขตัวโตก็เลิกยุ่งกับผมแล้วหันไปสนใจต้นว่านที่นั่งยองๆ เรียกมันแทน


“โอ๊ะ อย่ากระโดดสิ ท้องอยู่นะ!” เสียงทุ้มบอกกับสุนัขที่วิ่งเข้าไปหาพร้อมกับกอดกันกลมดิ๊ก มะนาวเองก็ส่งเสียงครางราวกับรู้สึกดีที่ถูกต้นว่านกอด ผมได้แต่มองภาพนั้นและรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นส่วนเกินของบ้านหลังนี้อย่างบอกไม่ถูก


จะมีวันที่ผมสามารถสัมผัสหรือเล่นกับสุนัขได้แบบนั้นบ้างไหมนะ? อยู่ๆ คำถามนี้ก็ผุดขึ้น ทั้งที่ตลอดเวลากว่า 28 ปีที่ผ่านมาไม่เคยมีครั้งไหนที่คิดว่าอยากสัมผัสหรือเล่นกับสุนัขเลยสักครั้งเดียว


ตั้งแต่ได้เจอกับต้นว่านรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายกำลังเปลี่ยนผมอย่างช้าๆ และผมคิดว่าต้นว่านสามารถทำมันได้สำเร็จด้วยเพียงแต่คงต้องใช้เวลานานกว่านี้สักนิด


“ห้ามกระโดดนะรู้ไหม ต้องอยู่เฉยๆ ด้วย” ระหว่างที่ต้นว่านกำลังลูบขนสามสีนั้นไปมาผมก็ค่อยๆ ย้ายลงไปนั่งโซฟาตามเดิมโดยใช้มือเอื้อมลงไปเก็บโทรศัพท์ที่ตกอยู่ไม่ไกล


ไม่กี่นาทีต่อมาต้มจืดหมูสับและไข่เจียวกุ้งก็เสร็จ คนท้องว่างอย่างผมไม่รอให้ต้นว่านมาเรียกเพราะแค่กลิ่นของอาหารที่ลอยมาก็มาพอจะบอกให้รู้ได้ แม้แต่มะนาวยังเปลี่ยนที่นอนไปอยู่ในครัวแทนเลย



“กินด้วยสิต้นว่าน” เป็นอีกครั้งที่ผมใช้มือคว้าแขนคนตรงหน้าที่พอทำอาหารเสร็จก็จะรีบเปลี่ยนไปทำงานอย่างอื่นแทน


ตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาต้นว่านคอยดูแลบ้านให้ทั้งหมด ทั้งเก็บกวาด ทำความสะอาด และจัดข้าวของให้เป็นระเบียบ บอกได้เลยว่าเหมือนมีบ้านหลังใหม่ที่มองไปทางไหนก็สะอาดน่ามองเป็นที่สุด


ต้นว่านทำทุกอย่างได้ดีแต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้...


“ผมกินมาแล้วครับ”


ข้ออ้างเดิมๆ ที่ฟังมาแล้วไม่รู้กี่รอบทำเอาผมหมดความอดทน ไม่ว่าจะวันไหนก็อ้างแต่แบบนี้ แล้วสุดท้ายมื้อกลางวันก็ถูกนำไปจัดการต่อในมื้อเย็นเพราะถ้าทิ้งไปทั้งแบบนั้นมันก็เสียของ วันนี้แหละผมต้องทำให้อีกฝ่ายมานั่งกินด้วยกันให้ได้


“กินแล้วก็กินอีกได้” ผมจะไม่ยอมเหมือนวันก่อนๆ อีกแล้ว


“ผมอิ่มครับ”


“ต้นว่าน”


“พี่กินเถอะ” อีกฝ่ายพูดโดยไม่หันมามองหน้า


ไม้แข็งใช้ไม่ได้กับต้นว่าน ...ผมรู้ดี


และอะไรที่ใช้ได้กับต้นว่าน ...ผมก็รู้ดีเช่นกัน


แต่การจะให้ทำบ่อยๆ มันก็มีอายกันบ้าง ยิ่งอายุขนาดนี้ก็ยิ่งอายเข้าไปใหญ่


“ต้นว่าน” ผมเปลี่ยนจากเสียงโทนแข็งให้อ่อนลงจนสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายเกร็งตัวขึ้นอัตโนมัติ “กินมื้อเที่ยงกับพี่นะ” น้ำเสียงอ้อนๆ ถูกส่งออกไปในที่สุด


แม้จะรู้สึกอาย แต่พอคนที่อ้อนเป็นต้นว่านผมกลับไม่ได้รู้สึกแย่อย่างที่คิด มีทฤษฏีที่บอกว่าเมื่อมีครั้งที่หนึ่งก็จะมีครั้งที่สองตามมา และเมื่อมีครั้งที่สองก็จะมีครั้งที่สามและที่สี่ตามมาเช่นกัน ...ผมว่ามันจริงนะ พอมีการอ้อนครั้งแรกก็มีครั้งสองและสามตามมาจนตอนนี้ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่อ้อนอีกฝ่ายแบบนี้


การกินข้าวคนเดียวมันเหงานะ ในเมื่อมีคนอยู่ด้วยก็ควรจะกินด้วยกันสิไม่ใช่เดินหนีไปทำอย่างอื่นแบบนี้


“อย่ามาอ้อนผมนะ” ต้นว่านนิ่งไปสักพักก่อนจะตอบกลับมา


“มากินด้วยกันเถอะ” แต่ผมก็ยังอ้อนต่อไป


“พี่ใบไผ่”


“นะ...นะ...กินด้วยกันนะ” พูดเองก็อายเองแฮะ


“...”


“ต้นว่าน”


“...ปกติพี่กินข้าวกับลูกจ้างรึไง” คำถามหนึ่งดังขึ้นราวกับเสียงกระซิบแต่ผมก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน


“ไม่กินหรอก...”


“เห็นไหมล่ะ”


“ก็ที่บ้านพี่ไม่เคยมีลูกจ้างนี่”


“...”


“แล้วถึงต้นว่านจะเป็นลูกจ้างแล้วยังไงล่ะ มีกฎที่ไหนห้ามกินข้าวกับลูกจ้างตัวเองเหรอ” ผมถามกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง


ต้นว่านมักเป็นแบบนี้ตลอด ชอบเลี่ยงที่จะทำอะไรล้ำเส้นความเป็นลูกจ้างกับนายจ้าง ชอบทำเหมือนกับตัวเองอยู่ต่ำกว่ามากๆ ทั้งที่ความจริงผมไม่เคยคิดถึงเรื่องแบบนั้นเลยสักนิด ถ้ารู้สึกดีเวลาอยู่กับใครผมก็จะอยู่ ต่อให้อีกฝ่ายไม่ต้องการก็ตาม


ในเมื่อต้นว่านดื้อ ผมก็จะเอาแต่ใจให้มากกว่า และจะให้มากจนอีกฝ่ายลืมคำว่า ‘ฐานะ’ ไปเลย


“พี่ใบไผ่...”


น้ำเสียงของต้นว่านเริ่มอ่อนลงทำให้ผมรู้ว่าโอกาสมาแล้ว


“กินด้วยกันเนอะ”


“...ก็ได้”


“เยส!” สุดท้ายลูกอ้อนก็เป็นฝ่ายชนะ



พวกเรานั่งจัดการมื้อเที่ยงของตัวเองไปเงียบๆ โดยไม่มีใครพูดอะไร บรรยากาศรอบๆ เลยมีเพียงเสียงหายใจของมะนาวที่นอนอยู่ใต้โต๊ะกินข้าวเท่านั้น


“พี่ทำเราลำบากใจสินะ” ระหว่างกินผมก็เอ่ยถามอีกฝ่ายไปตามตรง


ผมไม่ชอบบรรยากาศอึดอัดแบบนี้เลย มันรู้สึกว่าความอยากอาหารลดลงจนแทบไม่เหลืออะไรแล้ว


“พี่ต่างหากที่ต้องลำบากใจ” คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามตอบกลับ


“ไม่เลยสักนิด”


“พี่ทำหน้าเหมือนกำลังเครียด”


“พี่ทำเพราะเราทำหน้าเครียดแถมแผ่บรรยากาศน่าอึดอัดก่อนนั่นแหละ” ผมเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้ เรื่องนี้ผมไม่ผิดสักนิด คนที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับคือต้นว่านเองแท้ๆ จะมาโทษกันแบบนี้ได้ไง


“ผมเปล่า...”


“เปล่าที่ไหน”


“...”


นั่นไง...เงียบอีกละ ต้นว่านเป็นเหมือนเด็กที่เก็บทุกอย่างไว้กับตัวเองหมด ขืนเป็นแบบนี้สักวันคงได้เป็นไมเกรนแน่


“พี่ไม่เคยคิดว่าต้นว่านเป็นลูกจ้าง เราเป็นเหมือนน้องคนนึงและเป็นคนในครอบครัวพี่ เพราะงั้นพี่อยากให้เรามองพี่ด้วยสายตาที่เหมือนมองมะนาวบ้าง”


ทั้งที่คิดว่าจะไม่พูดแต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเปิดอกคุยกับต้นว่านไปตรงๆ การปล่อยให้ค้างคามันไม่ใช่นิสัยผม


“ผมไม่ได้...”


“เรามองมะนาวเหมือนเป็นสิ่งสำคัญและมีค่ามาก ทุกครั้งที่คุยเล่นกับมะนาว มันเหมือนเรากำลังคุยกับครอบครัว แต่พอเป็นพี่ เรากลับทำเหมือนว่าพี่...เป็นคนนอก” ทันทีที่พูดจบผมก็รีบก้มหน้าลงเพื่อหลบดวงตาคมสีน้ำตาลที่กำลังจ้องมองมา


ตอนนี้เหมือนความอดทนที่มีมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ผมอาจดูบ้าที่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับสุนัข แต่มันไม่มีอะไรจะเห็นชัดมากไปกว่านี้อีกแล้ว เส้นกั้นระหว่างผมกับต้นว่านมันอาจเป็นเส้นบางๆ แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะก้าวเข้าไป


“พี่ใบไผ่...ผมไม่ได้คิดแบบนั้น พี่กำลังเข้าใจผิด”


“งั้นก็อธิบายให้พี่เข้าใจทีสิ”


อธิบายให้เข้าใจว่าสิ่งที่ต้นว่านคิดคืออะไรกันแน่?


“พี่ใบไผ่เป็นคนที่อ่อนโยน ใจดี ใจกว้าง มีเมตตา...มีทุกๆ อย่างเพียบพร้อมแม้กระทั่งฐานะ ถึงผมไม่รู้ว่าพี่ทำงานอะไรแต่จากที่พบพ่อกับแม่ของพี่ผมก็รู้ว่าฐานะของพี่กับผมมันต่างกันขนาดไหน...”


“...ต่างแล้วยังไง” สุดท้ายก็วกมาเรื่องฐานะอีกจนได้


“เพราะความต่างนั่นทำให้ผมกลัว กลัวว่าตัวเองจะพึ่งพิงความใจดีของพี่มากเกินไป ถ้าผมขอ พี่ใบไผ่ก็จะให้...”


“พี่ไม่ได้ใจดีขนาด...” สิ่งที่ผมกำลังจะพูดแทรกขาดห้วงไปเมื่อเงยหน้าขึ้นมาสบกับดวงตาคมที่จ้องมา สายตานั้นเหมือนกำลังบอกว่าให้ผมหยุดและฟังในสิ่งที่เขากำลังจะบอก


“ถึงพี่พูดแบบนั้น แต่ถ้าผมขอจริงๆ ผมก็มั่นใจว่าพี่จะให้ พี่ไว้ใจคนง่ายไป พี่อาจมองว่าผมเป็นคนดีที่ช่วยดูแลมะนาวและบ้านของพี่ แต่ในความจริงถ้าผมไม่ได้เป็นแบบนั้นล่ะ พี่เคยเดินดูของที่อยู่ในบ้านไหมว่ามันหายไปรึเปล่า พี่เคยระแวงที่ให้กุญแจสำรองกับใครก็ไม่รู้แบบผมไหม”


เหมือนอีกฝ่ายเองก็อัดอั้นไม่แพ้กันเลยยิงคำถามมากมายจนแทบไม่หยุดหายใจ คิ้วทั้งสองข้างก็ขมวดเข้าหากันแน่นราวกับเครียดกับเรื่องนี้มานานแล้ว


นี่ผมปล่อยให้ต้นว่านคาใจมานานขนาดนี้ได้ยังไงกัน...


ผมมีเหตุผลมากมายที่อยากพูดออกไป แต่สำหรับตอนนี้มันคงไม่จำเป็นแล้ว คำพูดยืดยาวคงไม่สำคัญเท่าประโยคเดียวที่อยากให้ต้นว่านได้ยิน และผมหวังว่าเขาจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของผมที่สื่อผ่านไป...


“พี่ดูเราออก และพี่เชื่อใจเรา”


“ผมรู้ว่าพี่จะตอบแบบนั้น และคำตอบนั่นทำให้ผมกลัว พี่คาดหวังในตัวผมสูงเกินไป ถ้าวันหนึ่งผมจนตรอกจนทำลายความเชื่อใจที่พี่มีให้ ถึงตอนนั้นพี่จะทำยังไง” ดวงตาคมที่จ้องมาสั่นระริก


“พี่ทำอะไรกับอนาคตที่ยังไม่มาถึงไม่ได้ พี่รู้แค่ปัจจุบันพี่เชื่อใจเราและจะเชื่อต่อไป”


“ต่อให้ในอนาคตผมอาจจะทำลายมันงั้นเหรอ”


“ใช่ ต่อให้เป็นแบบนั้นพี่ก็จะเชื่อ...จะเชื่อให้ถึงที่สุด” สำหรับผมต้นว่านไม่ใช่เด็กที่จะทำลายความเชื่อใจที่มีให้หรอก


ไม่ทำแน่...ผมเชื่อแบบนั้น


“เข้าใจแล้วครับ ขอโทษที่ทำให้พี่ลำบากใจมาตลอดนะครับ” อีกฝ่ายหลับลงสักพักก่อนจะลืมขึ้น รอยยิ้มที่ส่งมาให้ครั้งนี้น่ามองกว่าครั้งไหนๆ ที่เคยเห็น จนอดไม่ได้ที่จะยิ้มตามไป


“เหมือนกัน เราน่ะเป็นเด็กดีนะต้นว่าน” ผมลุกขึ้นเดินไปกอดอีกฝ่ายไว้หลวมๆ พลางลูบหัวอีกฝ่ายไปมาอย่างเบามือ คนที่ถูกกอดไม่ได้พูดอะไร เอาแต่นั่งนิ่งๆ ให้ทำแบบนั้นจนผมพอใจ



หลังจากที่พวกเราได้พูดคุยเพื่อปรับความเข้าใจในสิ่งที่ค้างคาใจกันมาตลอดเรียบร้อยแล้ว เราก็มาเปลี่ยนบรรยากาศกันที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในโซนที่ทำให้ผมต้องหันซ้ายขวาระแวงไปตลอดทาง ทว่าเด็กที่มาด้วยกลับเข็นรถเข็นอย่างอารมณ์ดี ซึ่งโซนที่ว่านั่นก็คือ ‘โซนสัตว์เลี้ยง’ นั่นเอง


ถ้าเป็นแค่โซนที่ขายของสำหรับสัตว์เลี้ยงธรรมดาๆ คงจะไม่มีปัญหา แต่ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้สามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาภายในโซนนี้ได้อย่างอิสระทำให้ผมต้องคอยหวาดระแวงไปเสียทุกทิศทุกทาง


“พี่ไม่ต้องระแวงขนาดนั้นก็ได้ ถึงที่นี่จะให้สัตว์เข้าได้แต่ก็ต้องให้อยู่ในรถเข็นเท่านั้นเพราะงั้นไม่ต้องกังวลไปนะครับ” ต้นว่านอธิบายเพื่อเพิ่มความสบายใจซึ่งก็ช่วยได้จริงๆ


“อืม แล้วเรากำลังจะไปไหนกัน” เดินมาตั้งนานแล้วผมยังไม่รู้เลยว่าจุดหมายของการมายังโซนสัตว์เลี้ยงนี่คืออะไร


“เราจะไปดูกรงกัน ช่วงนี้ต้องให้มะนาวอยู่ในกรงให้ชินไว้เพราะเวลาคลอดลูกจะดูแลง่ายกว่า”


“อ้อ ได้ๆ ”


“มีของหลายอย่างต้องเตรียมก่อนที่ลูกของมะนาวจะเกิด แต่...” พูดมาถึงตรงนี้ต้นว่านที่เข็นรถอยู่ก็หยุดชะงัก


“แต่?”


“...ค่าใช้จ่ายมันอาจสูงตามไปด้วย”


“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา เอาที่ต้นว่านคิดว่าดีเลย เต็มที่ไม่ต้องเกรงใจ”


ก็บอกแล้วว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาสักนิด


“พี่มีงบเท่าไหร่เหรอ?”


ดูเหมือนต้นว่านจะไม่เข้าใจคำว่าเต็มที่ของผมนะ


“มีมากกว่าที่ต้นว่านคิดละกัน”


“ถ้าเงินไม่พอจ่าย ผมไม่รู้ด้วยนะ” อีกฝ่ายบ่นพลางเข็นรถเข็นต่อไปโดยไม่สนใจเสียงหัวเราะที่ไล่หลังสักนิด


การเลือกกรงใช้เวลานานกว่าที่คิด และสาเหตุไม่ใช่เพราะเรื่องราคาแต่เป็น...


“สีฟ้าสวยกว่าสีน้ำตาลตั้งเยอะ” ผมบอกต้นว่านที่ตัดสินใจเลือกซื้อกรงขนาดใหญ่สีน้ำตาล และกำลังถือไปวางที่เค้าเตอร์ข้างๆ
ก็สีน้ำตาลดูแก่จะตาย สีฟ้าสวยกว่าตั้งเยอะ...


“แต่สีน้ำตาลมันทำมาจากวัสดุที่คงทนกว่า แถมราคาก็ถูกกว่าสีฟ้าที่ทำจากวัสดุที่สเป็กต่ำกว่าด้วยนะครับ” ต้นว่านอธิบายด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิดที่ผมไม่ยอมท่าเดียว


“ถึงจะอย่างนั้น แต่สีฟ้าน่ะ...”


“พี่ใบไผ่”


“ก็ได้...สีน้ำตาลก็ได้” เมื่อถูกขึ้นเสียงใส่ ผมก็ต้องยอมเอากรงสีน้ำตาลนั่นจนได้


ผมเดินหน้ามุ่ยตามหลังต้นว่านที่มุ่งหน้าไปยังมุมอาหารสุนัข ยิ่งถูกเมินก็ยิ่งรู้สึกเหมือนโดนขัดใจ ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยเป็นแท้ๆ นี่ตัวผมชักจะบ้ากันไปใหญ่แล้วที่มานั่งเถียงเรื่องไร้สาระอย่างเรื่องสีของกรงสุนัขแบบนี้


“เฮ้อ...” ผมถอนหายใจยาวๆ เมื่อคิดได้ว่าตัวทำอะไรลงไป


ทำท่าเหมือนเด็กอายุ 7 ขวบที่โดนพ่อแม่ขัดใจงั้นแหละ...


“พี่ใบไผ่”


“หืมม์?” ผมขานรับเสียงเรียก


“เดี๋ยวกลับไป ผมซื้อสีฟ้าไปทากรงให้ได้นะครับ”


ผมกระพริบตาปริบๆ เมื่อได้ยินแบบนั้น ก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างโชว์ฟันเกือบทุกซี่


“ยิ้มมากไปแล้ว” อีกฝ่ายพึมพำเบาๆ


“ก็มันดีใจที่ต้นว่านเป็นห่วงความรู้สึกพี่น่ะ”


ต้นว่านเป็นเด็กที่ใจดีที่สุดเลย...


“พูดเหมือนทุกครั้งผมไม่ห่วงอย่างนั้นแหละ”


“อืมๆ ปกติเอาแต่เลี่ยงๆ นี่นา”


“พี่ใบไผ่...”


“ครับผม”


“ไปซื้อของกันต่อเถอะครับ” พูดจบก็เดินต่อไปจนถึงชั้นวางอาหารสุนัขที่ยาวเป็นสิบเมตร แถมยังยาวเต็มทั้งสองฝั่งทำเอาผมตาลายไปหมดเลย


ครั้งก่อนที่ซื้ออาหารไปผมก็ไม่ได้มาซื้อที่นี่ เลยไม่รู้ว่าอาหารสุนัขจริงๆ มันมีให้เลือกมากมายขนาดนี้


“เยอะมาก” ผมเดินไล่มองตามถุงอาหารแต่ละยี่ห้อด้วยความสนใจ


จากที่ไล่อ่านแต่ละยี่ห้อก็จะเน้นไปคนละแบบ อย่างยี่ห้อนี้จะเน้นสำหรับให้สุนัขขนสวยและขับถ่ายเป็นก้อน ส่วนอีกยี่ห้อนอกจากจะขนสวยแล้วยังช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงด้วย เรียกได้ว่ามีหลากหลายสูตรจนแทบเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว


“พี่ใบไผ่มานี่หน่อยครับ”


“ได้” ผมตอบพลางเดินไปหาต้นว่านที่กำลังยืนมองอาหารเม็ดสองแบบที่อยู่ติดกันด้วยใบหน้าครุ่นคิด


“พี่ว่าซื้อถุงไหนดี?”


“ไหนๆ ดูหน่อย... ถุงนี้เหมาะสำหรับสุนัขกำลังตั้งครรภ์ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนมและบำรุงแม่สุนัขให้แข็งแรง อีกถุงก็เหมาะสำหรับสุนัขตั้งครรภ์เหมือนกันแต่มีช่วยเพิ่มวิตามินให้กับแม่สุนัขไปจนถึงลูกสุนัข อืม...เอาทั้งสองแบบไปเลยสิ” ผมแทบไม่ต้องคิดอะไรมาก ถ้าดีทั้งสองแบบก็เอาทั้งคู่เลยสิ


“สองถุงเลย? พี่ได้ดูราคาไหมว่ามันเท่าไหร่”


ผมเบนสายตาไปมองป้ายราคาที่แปะอยู่ “ก็ไม่แพงเท่าไหร่นี่ เอาไปอย่างละสอง ไม่สิ สักสามถุงเลยก็ได้” ซื้อตุนไว้ก่อนย่อมดีกว่าอาหารหมดแล้วต้องรีบขับมาซื้อ ดีไม่ดีครั้งหน้าของอาจหมดก็ได้


อาหารหนึ่งถุงหนักสามกิโลกรัม ราคาอยู่ที่พันห้าร้อยบาท ...ก็ไม่ได้แพงอะไรมากมาย


“พี่เพิ่งจะซื้อกรงที่ราคาเป็นหมื่นไปนะ แล้วพี่จะซื้ออันนี้ตั้งหกถุง?”


“น่าๆ พี่จ่ายได้น่า”


“ผมรู้ว่าพี่จ่ายได้ แต่เงินพี่จะไม่เหลือเอานะ”


ฟังจากที่พูดมา ต้นว่านคงคิดว่าผมเอาเงินเก็บมาซื้อสินะ จริงๆ จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิดเสียทีเดียว แต่แค่จ่ายไปสองหมื่นสามหมื่น ยังไงๆ ขนหน้าแข้งผมไม่ร่วงหรอก


“เหลือน่า”


“ผมชักอยากรู้แล้วสิว่าพี่ทำงานอะไร”


“ถึงอยากรู้ พี่ก็ไม่บอกหรอก” ผมยิ้มๆ แล้วจัดการหยิบอาหารเม็ดที่ว่าวางลงบนรถเข็น


“แกล้งกันนี่”


“งั้นเราก็หาเอาสิ”


“พูดเหมือนถ้ากดกูเกิ้ลหาแล้วจะเจอทันทีงั้นเหละ” ต้นว่านพูดยิ้มๆ


“แน่นอน”


ถ้าใส่ชื่อ ‘กิตติพิชญ์ ศิริวัฒนิวงศ์’ ลงไป ไม่ใช่แค่รูปภาพเท่านั้นที่จะขึ้นบนจอ แต่ข้อมูลทั้งหมดรวมถึงประวัติการทำงานก็จะปรากฏมาให้อ่านได้ไม่ยากเช่นกัน


“กลับไปจะลองหาดูเลย”


“จะหาน่ะรู้ชื่อจริงพี่รึยัง?” ผมถามกลับเพราะเท่าที่จำได้รู้สึกว่าต้นว่านจะไม่รู้


“พี่ก็บอกมาสิ” ดูเหมือนอีกฝ่ายก็เพิ่งนึกได้ว่าไม่รู้


“ไม่บอก”


“พี่ใบไผ่”


อ่า...นี่สินะคือความสนุกที่ได้แกล้งน้อง


“ครับต้นว่าน”


“ไม่ต้องมาทำเสียงหวานเลย”


หลังจากนั้นพวกเราก็เดินซื้ออาหารเสริมอื่นๆ รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นในการเตรียมความพร้อมสำหรับลูกสุนัขทั้งสามตัวกันต่อ


ค่าใช้จ่ายที่หมดไปกับการจับจ่ายใช้สอยในวันนี้ทำให้ต้นว่านมีสีหน้าแปลกๆ อย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ถ้าให้เปรียบเทียบก็คงเหมือนกับคนที่วิญญาณหลุดออกจากร่างเมื่อเห็นยอดเงินรวมบนหน้าจอเครื่องคิดเงินของพนักงานแคชเชียร์ แต่สำหรับผมที่จ่ายด้วยบัตรเครดิตก็ไม่เห็นว่ามันจะมีปัญหาอะไร โดยปกติผมไม่ใช่พวกใช้จ่ายฟุ่มเฟือยนัก ยอดบัตรเครดิตแต่ละครั้งเลยไม่สูงมาก แต่ครั้งนี้ดูจะมากเป็นประวัติการณ์ ทว่ามันน่าแปลกตรงที่รู้สึกว่ามีความสุขมากกว่าจะมาเสียดายเงินที่จ่ายไป


“ต้นว่านรอพี่แป๊บนึงนะ” ผมหันไปบอกต้นว่านที่กำลังยกของใส่ท้ายรถอยู่


“พี่จะไปไหนเหรอครับ”


“ลืมซื้อของนิดหน่อยน่ะ”


“ให้ผมเข้าไปช่วยถือไหม”


“ไม่เป็นไรๆ แค่ของเบาๆ เองน่า” พูดจบผมก็วกกลับเข้ามาซื้อของที่เพิ่งนึกขึ้นได้อีกครั้ง


สิ่งที่ผมวิ่งกลับเข้ามาซื้อคือโทรศัพท์หนึ่งเครื่อง แน่นอนว่าไม่ใช่ของตัวเองแต่เป็นของต้นว่านนั่นแหละ ตั้งแต่ครั้งก่อนที่โทรศัพท์ถูกเหยียบพังไปอีกฝ่ายก็ไร้เครื่องมือสื่อสารอย่างสิ้นเชิง การมาห้างครั้งนี้ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ซื้อของให้ต้นว่านสักหน่อย


อันที่จริง...การซื้อน่ะไม่ใช่เรื่องยาก แต่การทำให้อีกฝ่ายยอมรับไปใช้น่ะยากยิ่งกว่า



“อ่ะ...พี่ให้” ผมยื่นถุงกระดาษสีน้ำเงินเข้มให้ต้นว่านหลังจากที่ขึ้นมานั่งอยู่บนรถเรียบร้อยแล้ว


“ให้ผมถือ?”


“เปล่า...พี่ให้เรา”


“ให้ผม? นี่มันโทรศัพท์...พี่ใบไผ่” เป็นอย่างที่คาดไว้ เพราะทันทีที่เห็นของภายในถุง ต้นว่านก็หันมาสบตาอย่างจริงจัง


“พี่ซื้อให้เพราะมีเหตุผลนะ” ผมต้องรีบพูดก่อนที่อีกฝ่ายจะยื่นถุงมาคืน


“เหตุผล? ห้ามบอกว่าเพราะติดต่อผมลำบากด้วย”


“...” ผมนิ่งไปเพราะเหตุผลที่จะบอกมันเหมือนกับที่คนตรงหน้าห้ามไว้เป้ะๆ


“พี่นี่น้า...”


“จะรับไว้ไม่ได้เหรอ” สุดท้ายก็ต้องใช้ไม้ตายโดยการหันไปถามเสียงอ่อย


ไหนๆ ก็ซื้อมาแล้วก็อยากให้ต้นว่านเอาไปใช้


“ก็ไม่ใช่ไม่ได้...”


“พูดแล้วนะ” ผมยิ้มกว้างทันทีที่ได้ยินแบบนั้น รู้สึกเหมือนระยะห่างของพวกเราเริ่มลดลงบ้างแล้ว


“ขอบคุณนะครับ” ต้นว่านบอกพร้อมกับส่งยิ้มบางๆ กลับมาให้เช่นกัน


พอกลับมาถึงบ้านต้นว่านก็จัดการยกของทั้งหมดลงจากรถ ทั้งอาหาร อุปกรณ์ต่างๆ หรือแม้แต่กรงสีน้ำตาลเข้าไปในบ้าน โดยที่มีผมคอยช่วยแค่ตอนยกกรงเท่านั้น นอกนั้นอีกฝ่ายเป็นคนจัดการเองทั้งหมด ตอนแรกผมก็ไม่ยอมแต่พอถูกสายตาแข็งๆ นั่นจ้องมาก็ทำเอายอมทุกครั้งไป ...ทำไมถึงไม่กล้าขัดขืนสายตานั่นกันนะ?


ไม่ใช่เพราะกลัว...มันอาจเป็นเหตุผลที่ง่ายกว่านั้น


ไม่แน่นะผมอาจจะแค่...ไม่อยากให้ต้นว่านโกรธก็ได้

...................................................................................

สวัสดีค่ะ

ความจริงตอนนี้แต่งเสร็จตั้งแต่เมื่อวานแต่เนื่องจากข่าวที่ได้รับสร้างความตกใจเกินกว่าจะมาอัพไหว

เลยเปลี่ยนมาอัพในวันนี้แทนค่ะ

สำหรับตอนนี้ความสัมพันธู์ของทั้งคู่ก็พัฒนาไปอีกขั้น

ค่อยๆเรียนรู้และรู้จักกันมากขึ้นทีละน้อย

ตอนหน้ามารอลุ้นกันนะคะว่าจะมีเหตุการณือะไรเกิดขึ้น

ขอบคุณทุกคนที่คอยให้กำลังใจและคอมเม้นท์ให้เสมอนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

บ๊ายบาย

-Rewrite- >> มารีตอนสุดท้ายของวันค่ะ ไว้วันอื่นจะมารีเพิ่มนะคะ

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่6×▪ ◣ P.3 14/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 14-10-2016 22:05:48
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่6×▪ ◣ P.3 14/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 14-10-2016 22:39:45
 :impress3: น่ารักจ้า อ่านแล้วเหมือนเข้ามาปลอบประโลมใจที่กำลังเศร้าเลยจ้ะ  :mew1: ชอบใบไผ่จังเลยน่ารัก ส่วนต้นว่านก้อน่ารักกว่า เราเดาว่าใบไผ่น่าจะเป็นเมะส่วนต้นว่านก้อเป็นเคะแน่ ๆ ไม่น่าผิดน้า  :hao3:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่6×▪ ◣ P.3 14/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 14-10-2016 23:24:31
มีคำถามค่าาาา

หน้าร้อนน้องมะนาวไม่แย่เอาเหรอคะ ไทยร้อนกว่าบ้านเกิดเขาตั้งเยอะ กลัวจะร้อนจัดแล้วเครียดอ่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่6×▪ ◣ P.3 14/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 15-10-2016 01:12:41
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่6×▪ ◣ P.3 14/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 15-10-2016 02:47:10
ขอบคุณที่มาอัพนะคะ
เราเข้าโซเชียลไม่ได้เลย น้ำตาไหลตลอด
เลยต้องหันมาทำอย่างอื่นแทนไปก่อน
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่6×▪ ◣ P.3 14/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-10-2016 09:13:13
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่6×▪ ◣ P.3 14/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 15-10-2016 10:13:53
ค่อยเป็นค่อยไป รักกันนานๆ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่6×▪ ◣ P.3 14/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 15-10-2016 10:38:05
อยากอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่6×▪ ◣ P.3 14/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: darksnow ที่ 15-10-2016 11:18:25
แพ้ลูกอ้อนพี่ใบไผ่ตามเคยนะต้นว่าน หึหึ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่6×▪ ◣ P.3 14/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 15-10-2016 14:58:52
น่ารัก
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่6×▪ ◣ P.3 14/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 15-10-2016 22:54:52
                                    :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
                                              เรามีความสุขกับนิยายเรื่องนี้จังอยาดอ่านเยอะๆอ่านไม่หยุด555
                                                                      รีบๆมาต่อนะ
                                                                         :pig4:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่6×▪ ◣ P.3 14/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 16-10-2016 21:24:15
สายเปปย์สุดๆเลยนะเนี่ย 5555
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่6×▪ ◣ P.3 14/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-10-2016 17:30:26
ตามอ่านนน
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่6×▪ ◣ P.3 14/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 17-10-2016 18:55:21
น่ารักมาก ชอบแนวพล็อตเรื่องง ละภาษาของคุณทุกเรื่องเลยคะ แบบว่าเราชอบเคะแก่กว่า ยิ่งเรื่องจดหมายเราชอบมาก เสียดายเราจองหนังสือไม่ทัน :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re:-Rewritr- Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่7×▪ ◣ P.3 19/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 22-10-2016 21:18:38
พบรัก ▪×วันที่7×▪



ช่วงค่ำหลังจากที่นักศึกษาปีสุดท้ายอย่างผมดูแลบ้านของนายจ้างผู้ใจดีเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็ตรงกลับบ้านของตัวเองทันที บ้านเดี่ยวชั้นเดียวหลังเล็กๆ ที่อยู่ห่างจากบ้านของพี่ใบไผ่พอสมควรทำให้ใช้เวลาในการเดินกลับประมาณ 15 นาที


“กลับมาแล้วครับ” ผมพูดเสียงเบาเพื่อไม่เป็นการรบกวนคนที่อยู่ข้างใน เวลาประมาณนี้ทุกคนในบ้านคงจะเข้านอนกันไปสักพักแล้ว


“วันนี้ก็กลับดึกอีกแล้วเหรอว่าน” เสียงของแม่ดังขึ้นพร้อมกับหันมามองผมด้วยความเป็นห่วง ข้างๆ แม่ที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวของบ้านก็มีพ่อที่กำลังดูโทรทัศน์อยู่


แม่ของผมทำงานรับจ้างที่ร้านขายดอกไม้ในช่วงเช้าถึงบ่าย ส่วนตอนเย็นก็รับงานเสริมเป็นพนักงานที่ร้านอาหารข้างทางแห่งหนึ่ง


“ครับ พ่อกับแม่ยังไม่นอนอีกเหรอ นี่มันดึกแล้วนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ตื่นไม่ไหวหรอก” พูดจบก็เดินเข้าไปหาทั้งคู่


“บอกตัวเองดีกว่ามั้ง เดี๋ยวนี้กลับดึกทุกวันเลยนี่” พ่อหันมาพูดบ้าง


พ่อของผมเป็นคนตรงๆ เวลาอยากพูดอะไรก็จะพูดไปตามนิสัยที่ติดมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความที่มีร่างกายแข็งแรงจึงทำงานพวกขนของ หรือบางครั้งก็จะรับจ้างซ่อมหลังคาหรือว่าห้องน้ำบ้าง ถึงแม้ว่าทั้งพ่อและแม่จะออกไปทำงานกันทุกวันแต่ค่าใช้จ่ายก็ยังมีมากกว่ารายได้อยู่ดี ส่วนสาเหตุที่เป็นแบบนั้น อย่างแรกอาจเพราะเงินที่หามาได้ต้องเก็บไว้จ่ายค่าเช่าบ้านที่เพิ่งปรับราคาขึ้น 

อย่างที่สองคือน้องอีกสองคนของผมกำลังจะเข้าเรียนชั้นมัธยมฯ ปลายคนนึงกับมหาวิทยาลัยอีกคนนึง ทำให้ครอบครัวเราต้องเก็บเงินออมไว้ใช้สำหรับจ่ายทั้งค่าสมัคร ค่าเสื้อผ้า และอุปกรณ์การเรียนต่างๆ


“นิดหน่อยเองพ่อ นี่ครับแม่”


ผมยื่นเงินค่าจ้างที่ได้จากพี่ใบไผ่ให้แม่ไปสองพันบาท และเก็บเอาไว้ใช้เองหนึ่งพันบาท อาจฟังดูเยอะที่เก็บเอาไว้เองตั้งหนึ่งพัน แต่ความจริงแล้วในหนึ่งพันนี้ผมต้องเอาไปใช้เป็นค่าวัตถุดิบในการทำอาหารแต่ละมื้อให้พี่ใบไผ่ด้วย และส่วนที่เหลือก็เอาไปใช้เป็นค่าใช่จ่ายอื่นๆ สำหรับการเรียน  ส่วนมากก็จะมีเหลือเก็บอยู่ครึ่งหนึ่งซึ่งก็จะเก็บออมเอาไว้เพื่อซื้อบ้าน เพื่อที่ครอบครัวเราจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าแบบนี้ทุกๆ เดือน


“เอามาให้แม่อีกแล้ว ...ตั้งสองพัน ว่านบอกแม่หน่อยว่าสรุปแล้วลูกทำงานอะไรกันแน่ถึงได้เงินเยอะขนาดนี้” แม่รับเงินไปพร้อมหันมาถามด้วยความเป็นห่วง ไม่ใช่แค่แม่คนเดียวแต่พ่อเองก็หันมารอคำตอบเช่นเดียวกัน


“ผมช่วยดูแลบ้านนะครับ”


“แค่ดูแลบ้านจะได้วันนึงเยอะขนาดนี้ได้ยังไง” แม่ยังคงตื้อถาม


ก็อย่างที่แม่ว่าละครับ แค่ดูแลบ้านจะได้ค่าจ้างขนาดนี้ได้ยังไง...


เรื่องนี้คนที่อยากรู้ที่สุดก็คือตัวผมเองนี่แหละ ก็รู้ว่าพี่เขารวยแต่ไม่รู้ว่ารวยขนาดไหนถึงได้จ้างคนดูแลบ้านวันละตั้งสามพันแถมยังไม่เคยมาเดินดูตรวจเช็คความเรียบร้อยเลยสักนิด


“แกคงไม่ได้ทำอะไรอันตรายใช่ไหม” ครั้งนี้เป็นพ่อที่ถาม


“ไม่แน่นอนครับ พี่...คนที่จ้างผมเขาเป็นคนที่ค่อนข้างรวยแล้วก็ใจดีมากๆ เขาบอกว่าจะให้เงินตามความพอใจของตัวเอง แล้วก็ได้มาอย่างที่เห็นนี่แหละ” ผมบอกไปโดยไม่ปิดบัง


“ถึงจะบอกว่าใจดีแต่นี่มันก็มากไป” แม่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าเดิม “ลูกไม่ควรไปรบกวนเขา คราวหน้าก็บอกไปเลยว่ารับไม่ได้”


“ผมบอกไปไม่รู้กี่ร้อยรอบแล้วครับ” พูดถึงตรงนี้ภาพความทรงจำเมื่อตอนเย็นก็กลับมาอีกครั้ง


เจ้าตัวบอกเองแท้ๆ ว่าจะให้ตามความพอใจ แต่ทำไมถึงให้สามพันเท่ากันหมดก็ไม่รู้ ถึงจะไม่ได้ไปทำทุกวันก็เถอะ แถมพอจะคืนก็ช่างหาแผนมารับมือได้ไม่เว้นวัน


อย่างวันแรกก็หนีเข้าห้องนอน


วันที่สองก็หนีไปเข้าห้องน้ำบอกว่าปวดท้อง


วันที่สามที่คิดว่าคงไม่มีทางหนีเข้าห้องไหนได้แน่ๆ เพราะดักไว้หมดแล้ว แต่เหมือนพี่เขาจะรู้ทันเลยเปลี่ยนมาพูดด้วยประโยคเศร้าๆ แทนเสียอย่างนั้น...


‘มันเป็นความพอใจของพี่ที่จะให้เรา เป็นแบบนั้นเราจะรับมันไว้ไม่ได้เลยเหรอ’


ไม่รู้ว่าพี่ใบไผ่ไปเรียนรู้วิธีการพูดแบบนี้มาจากไหน แต่ขอบอกว่ามันได้ผลดีสุดๆ


และที่เหมือนหมัดน๊อกก็คือเย็นวันนี้...


ไม่มีการหนีเข้าห้อง


ไม่มีการพูดเสียงเศร้า


แต่เป็นการพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ ที่ทำเอาคนฟังถึงกับทำตัวไม่ถูก ยิ่งดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจนเกือบทองนั่นมองมาอย่างร้องขอ ผมก็แทบจะยอมทุกอย่างตามที่อีกฝ่ายต้องการ


“เท่าที่ฟัง... ดูเหมือนจะเป็นคนที่ใจแข็งน่าดูนะ” พ่อบอกเสียงเข้ม


“ไม่หรอกครับ ก็แค่ดื้อเท่านั้นแหละ”


ใช่...ท่าทางแบบนั้นเหมือนเด็กที่ดื้อมากๆ แถมยังเอาแต่ใจตัวเองสุดๆ ต่อให้ไม่บอกก็รู้ได้เลยว่าพี่ใบไผ่เป็นลูกคนเดียวแน่


“พูดจาแบบนั้นกับผู้ใหญ่มันไม่ดีนะว่าน ในเมื่อเขาให้เรามากขนาดนี้ก็ต้องขอบคุณเขาด้วยนะ”


“ครับแม่”


“ไว้มีโอกาสแม่จะทำขนมไปฝากดีกว่าเนอะ แต่ไม่รู้ว่าฝีมือแม่จะถูกปากเขาไหม”


“ลองดูก็ได้ครับแม่”


“ได้เลยจ้ะ เราขึ้นไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้มีเรียนเช้านี่”


“ครับ ราตรีสวัสดิ์ครับพ่อแม่”



ผมเดินไปยังห้องนอนที่อยู่ถัดไปด้านหลัง พยายามเปิดประตูห้องนอนให้เบาที่สุดเพราะในห้องนั้นมีน้องๆ ที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง น้องคนแรกของผมเป็นผู้หญิงชื่อแก้วมุกดา หรือ ดา ดาเป็นผู้หญิงหน้าตาปกติธรรมดาทั่วๆ ไปแต่มีความเป็นมิตรสูงไม่ว่าจะกับผู้ชายหรือผู้หญิงด้วยกันก็ตาม ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ชั้นม. 6 เทอมสุดท้าย และอีกไม่กี่เดือนก็จะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับผมแล้ว ส่วนน้องคนสุดท้องเป็นผู้ชายชื่อจันผา หรือ ผา ผาเป็นเด็กผู้ชายที่ค่อนข้างขี้อายผิดกับผมและดาอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้ก็เรียนอยู่ชั้นม. 3 อีกไม่กี่เดือนก็จะขึ้นชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนเดียวกับดา


อย่างที่เคยบอกไป เรื่องค่าใช้จ่ายสำหรับการเรียนของน้องๆ ถือว่าหนักอยู่มาก แต่อีกไม่นานผมก็จะจบมหาวิทยาลัยแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นผมตั้งใจว่าจะรีบหางานเพื่อจะได้ช่วยพ่อแม่แบ่งเบาภาระได้สักที


เมื่อสมัยผมเรียนชั้นมัธยมปลาย ผมก็บอกพ่อกับแม่หลายครั้งแล้วว่าไม่จำเป็นต้องให้เรียนมหาลัยก็ได้แต่พ่อกับแม่ก็ยังยืนกรานให้ผมเรียนจนจบปริญญาตรี ดังนั้นเมื่อผมเรียนจบแล้ว ผมก็จะพยายามส่งน้องๆ ให้ได้เรียนถึงปริญญาตรีเหมือนกัน และถ้าคนไหนอยากเรียนปริญญาโทต่อ ผมก็จะหาเงินส่งเอง


“อื้อ...พี่ว่าน” เสียงหวานติดแหบนิดๆ ของดาดังขึ้นเมื่อผมเปิดโคมไฟหัวเตียง ภายในห้องขนาดเล็กนี้มีเตียงอยู่สองฝั่งซึ่งฝั่งแรกเป็นของดา และฝั่งที่สองเป็นของผมที่ใช้นอนกับผา


“โทษที นอนต่อเถอะเดี๋ยวพี่จะปิดไฟแล้ว” ผมบอกเสียงเบา


“ไม่เป็นไรค่ะ พี่กลับดึกอีกแล้วเหรอ”


“อืม มีอะไรรึเปล่า” ผมถามก่อนจะเดินไปนั่งบนเตียงของดาพลางลูบเส้นผมสีดำของเธอเบาๆ


“เปล่า...แต่พี่คงไม่ได้ทำงานอะไรแปลกๆ ใช่ไหม”


“อะไรที่ว่าแปลกล่ะ”


“ก็...อย่างไปเป็นกิ๊กของสาวใหญ่อะไรแบบนี้”


“ฮึ...พูดบ้าๆ น่า” ผมหลุดขำออกมาเมื่อได้ยิน


“พูดจริงนะ ก็พี่ชายของดาหล่อจะตายไป เพื่อนดาบางคนยังอยากเป็นแฟนพี่เลย”


“เว่อร์ไป นอนได้แล้ว” ผมปิดการสนทนาโดยการบอกฝันดี ก่อนจะกลับไปยังเตียงตัวเอง


ผมหยิบเอาโทรศัพท์เครื่องใหม่ในถุงกระดาษสีน้ำเงินเข้มที่เพิ่งได้ออกมาชาร์ตทิ้งไว้ตามคู่มือการใช้งาน แค่เห็นก็รู้ว่าโทรศัพท์เครื่องนี้ค่อนข้างมีราคาแพง ซึ่งมันไม่ค่อยเหมาะกับผมเท่าไรนัก แต่ว่าถ้าพี่ใบไผ่ให้มา...ผมก็จะรับมันไว้


วันนี้พวกเราคุยกันจนเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ค้างคาใจมาตลอดหรือเรื่องอื่นๆ หัวใจที่เคยปิดสนิทแถมลงกลอนไว้อย่างแน่นหนาค่อยๆ ถูกไขออกทีละชั้น จนบัดนี้กลับเปิดรับตัวตนของอีกฝ่ายเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ผมสัมผัสได้ว่าเส้นที่ตัวเองขีดขั้นไม่ให้พี่เขาเดินเข้ามาตอนนี้มันเอาไม่อยู่แล้ว


“พี่ใบไผ่...” พี่ทำอะไรกับผมกันแน่ ทำไมแม้แต่ตอนที่หลับถึงได้คิดถึงแต่เรื่องของพี่อยู่แบบนี้


การดูแลบ้านให้พี่ใบไผ่ทำให้มีกิจวัตรประจำวันหลายๆ อย่างเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนไม่ว่าจะเป็นช่วงเช้าที่ต้องออกไปเดินตลาดเพื่อหาซื้อของมาทำอาหารง่ายๆ ให้เจ้าของบ้านก่อนที่จะออกไปเรียนต่อ ไม่ใช่แค่มื้อเช้าแต่บางวันผมก็จะทำมื้อกลางวันให้ด้วย ส่วนมื้อเย็นนั้นทำเป็นปกติอยู่ทุกวัน


นอกจากทำอาหารให้พี่เขาทานแล้ว ผมยังต้องนั่งกินเป็นเพื่อนด้วย ปกติผมมักหลีกเลี่ยงมาตลอดแต่เพราะถูกทั้งคำพูดและสายตาเศร้าๆ นั่นมองมาทำให้ความอดทนที่มีมาตลอดหลายสัปดาห์พังทลายลง หลายวันมานี้ผมเลยต้องกินมื้อกลางวันกับพี่ใบไผ่ตลอด


ทั้งที่คิดว่าถ้าแค่กลางวันก็คงไม่เป็นไร แต่วันนี้กลับ…


“ต้นว่านกินข้าวด้วยกันก่อนสิ” น้ำเสียงอบอุ่นของเจ้าของบ้านดังขึ้นพร้อมกับคว้าแขนผมที่กำลังจะเดินเลี่ยงไปทำความสะอาดกรงของมะนาวหลังจากเตรียมมื้อเย็นเสร็จ


“ก็กินมื้อกลางวันด้วยแล้วไงครับ” ผมตอบกลับไปโดยไม่หันไปมองใบหน้าของพี่ใบไผ่


ถ้าหันไปมองก็คงต้องยอมเหมือนทุกทีแน่ ครั้งนี้แหละจะไม่ยอมทำตามพี่อีกแล้ว


“กลางวันก็ส่วนกลางวันสิ ต้นว่านไม่หิวเหรอ”


“ผมกินมาแล้วครับ” ที่บอกไปไม่ได้โกหกนะ ผมกินมื้อเย็นตั้งแต่ตอนออกไปซื้อวัตถุดิบมาทำกับข้าวแล้ว


“...”


“พี่ใบไผ่...” ความเงียบและสัมผัสของมือที่หายไปทำให้ผมหันไปมองคนด้านหลังด้วยความรู้สึกสังหรณ์แปลกๆ


“ไม่อยากกินกับพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ”


เพียงแค่ได้ยินเสียงเศร้าปนหง๋อยของคนขี้งอนนั่น ผมก็เงยหน้าขึ้นไปมองบนเพดานบ้านอย่างรวดเร็ว เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่กำลังจะตามมาคืออะไร


ห้ามสบตากับพี่เขาเด็ดขาด! นั่นเป็นประโยคเดียวที่ดังก้องอยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมา


“ต้นว่าน...”


นั่นไง มันมานแล้ว น้ำเสียงเศร้าๆ นั่น


“พี่กินเถอะครับ ผมต้องไปทำความสะอาดกรงมะนาวอีก”


“เพิ่งทำไปตอนบ่ายเองนี่”


“สุนัขใกล้คลอดต้องดูแลทำความสะอาดเป็นพิเศษครับ” ผมยังคงยืนยันคำเดิม แต่รู้ได้เลยว่าถ้าเสียงเศร้าๆ มันใช้ไม่ได้ผล อีกไม่นานไม้เด็ดต้องออกมาแน่


“กินกับพี่ไม่ได้จริงๆ เหรอ”


นั่นไงล่ะ...น้ำเสียงอ้อนๆ ที่ทำเอาหัวใจที่สงบนิ่งถึงกับกระตุก


“ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้” ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพอได้ยินเสียงแบบนี้แล้วก็อดไม่ได้ที่จะใจอ่อน


“งั้นกินด้วยกันเนอะ เดี๋ยวพี่ตักข้าวให้นะ”


ผมก้มหน้าลงพลางถอนหายใจให้กับน้ำเสียงของพี่ใบไผ่ที่เต็มไปด้วยความดีใจนั่น


ต่อให้ไม่สบสายตา...ก็ต้องยอมอีกฝ่ายทุกทีสิน่า


หลังมื้อเย็นผ่านพ้นไป ผมก็จัดการทำความสะอาดกรงมะนาวพร้อมใช้ผ้าเปียกเช็ดตัวให้ ช่วงใกล้คลอดแบบนี้จำเป็นต้องให้มะนาวอยู่นิ่งๆ เลยให้อยู่แต่ในกรง จะมีให้ออกมาบ้างก็แค่ตอนช่วงบ่ายและเย็นตามแต่โอกาสจะอำนวย


เวลาผ่านไปจนถึงสามทุ่ม ผมก็เตรียมตัวกลับบ้านตามปกติ โดยก่อนกลับก็เดินไปหาพี่ใบไผ่ที่นอนเอนตัวอยู่บนโซฟาตัวยาวสีน้ำตาล ดวงตาคู่สวยที่มักเปล่งประกายอยู่เสมอปิดลงเหมือนต้องการพักผ่อน


“ถ้าจะนอนไปนอนในห้องดีกว่านะพี่” ผมบอกก่อนก้าวเข้าไปเขย่าตัวเจ้าของบ้านเบาๆ


“ไม่เป็นไร” อีกฝ่ายตอบกลับพร้อมปรือตาขึ้นมา


“นอนที่นี่มันไม่สบายตัวนะ”


“อืม...แต่ต้องเฝ้ามะนาวนี่ ไม่ต้องห่วงหรอกกลับได้แล้วเดี๋ยวพ่อกับแม่เป็นห่วงนะ” พี่ใบไผ่บอกพลางเปลี่ยนกิริยาบทจากนอนมานั่ง รอยยิ้มที่แสดงให้เห็นนั้นดูอ่อนล้าอย่างบอกไม่ถูก


“พี่ไหวแน่นะ” ผมถามย้ำ


“ไหวสิ ฝันดีต้นว่าน”


“ครับ ฝันดีครับ”


แม้จะไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าไหว แต่ผมก็ตัดสินใจกลับบ้านตามปกติ ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาพี่ใบไผ่ดูจะสนิทกับมะนาวมากขึ้น จากที่เมื่อก่อนจะเข้าไปนอนในห้องทันทีที่ผมกลับบ้านก็เปลี่ยนมานอนโซฟาแทน แถมยังมีบางครั้งที่พี่ใบไผ่เดินมาสะกิดผมให้เอามะนาวออกจากกรงด้วย...ทุกอย่างที่เกิดขึ้นถือเป็นสัญญาณที่ดี



ถ้าลูกของมะนาวเกิดพี่ใบไผ่จะทำหน้ายังไงนะ...


ผมคิดเรื่องนั้นตลอดจนกระทั่งผล๋อยหลับไปบนเตียงโดยที่มีน้องชายนอนอยู่ข้างๆ



ครืดดด~ ครืดดดด~


แรงสั่นของโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่ชาร์ตอยู่ข้างเตียงไม่ทำให้ผมตื่นขึ้นอย่างที่ควรเป็น อาจเพราะร่างกายรู้ว่ายังไม่ใช่เวลาตื่นเลยพยายามขืนสุดชีวิตไม่ให้ลืมตา


“พี่ว่านครับ” เสียงเรียกจากน้องชายมาพร้อมแรงเขย่า


ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นท่ามกลางความมืดมิด แม้ไม่มองนาฬิกาก็รู้ได้ว่ายังไม่ถึงเวลาตื่นแน่นอน “...ผา? มีอะไรเหรอ” ถามน้องชายเสียงงัวเงีย


“โทรศัพท์พี่มันสั่นน่ะ”


“โทรศัพท์? อ่า...โทษทีที่ทำให้ตื่น” ผมบอกก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมามองหน้าจอ ดึกขนาดนี้ใครกันที่โทรมา


“พี่ใบไผ่?” ผมร้องเสียงหลงเมื่อหน้าจอปรากฏชื่อของคนที่ไม่น่าจะโทรมาเวลานี้มากที่สุด หรือว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น?


“ครับพี่”


(ต้นว่าน ดีจังที่รับแล้ว พี่โทรไปตั้งหลายรอบแล้วรู้ไหม) น้ำเสียงร้อนรนจากปลายสายนั้นทำให้รู้ว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่


“เกิดอะไรขึ้นครับ” ตอนนี้ความงัวเงียที่มีหายไปทันตา


(มะนาวน่ะสิ ครางเสียงเหมือนเจ็บเลย...แล้ว...แล้วก็มี...มี...)


“ใจเย็นๆ พี่ ค่อยพูดหายใจเข้าก่อน” ขืนยังพูดติดขัดอยู่แบบนี้คงฟังไม่รู้เรื่องแน่


(อืม...มีน้ำอะไรไม่รู้ไหลออกมาจากช่องคลอดด้วย)


“น้ำนั่นแปลว่าใกล้คลอดแล้วครับ”


(คลอด? แล้ว...แล้วพี่ต้องทำยังไง)


“เอ่อ...พี่ต้องรอให้ลูกออกมาก่อน จากนั้นค่อยดูว่ามีเมือกหุ้มอยู่ไหมถ้ามีก็ช่วยเอาออกแล้วก็...”


(ไม่ไหวๆ พี่ทำไม่ได้หรอกต้นว่าน) อีกฝ่ายปฏิเสธเสียงสั่น


“พี่ใบไผ่”


(มาหาพี่ได้ไหม)


“ครับ?”


(ต้นว่านมาหาพี่ตอนนี้ได้รึเปล่า)


“ได้ครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”




(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re:-Rewrite- Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่7×▪ ◣ P.3 19/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 22-10-2016 21:19:05
(ต่อนะคะ)



วางสายเสร็จผมก็เรียบแต่งตัวก่อนจะวิ่งออกจากบ้านไปท่ามกลางความมืดมิดของท้องฟ้ายามค่ำคืน สองขาของผมวิ่งตรงไปยังบ้านหลังนั้นด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่ร่างกายสามารถทำได้ พอไปถึงก็รีบไขกุญแจเข้าไปภายในโดยไม่รีรออะไรทั้งสิ้น


“ต้นว่าน” แค่เปิดประตูบานสีขาวเข้าไปเจ้าของบ้านก็ตะโกนเรียกชื่อดังลั่น


“ใจเย็นครับพี่ มะนาวเป็นยังไงบ้าง?”


“ออกมาแล้วล่ะ” น้ำเสียงสั่นๆ ดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้าง


“อ่า...ทุกตัวรึยังครับ” ผมถามต่อโดยที่ตอนนี้รู้สึกตื่นเต้นที่ได้รับฟังข่าวดีจากพี่ใบไผ่


“ยังๆ แค่ตัวแรก ไปดูกัน” พี่ใบไผ่บอกก่อนจะคว้ามือผมดึงให้ตรงไปยังกรงสีฟ้าที่วางไว้ข้างโซฟาสีน้ำตาล


สุนัขพันธุ์เชคโกสโลวัคเกี้ยน วูล์ฟด็อกที่ก่อนผมจะกลับมีเพียงตัวเดียว ตอนนี้กลับเพิ่มมาเป็นสองตัว ลูกสุนัขพันธุ์เดียวกันแต่เป็นสีดำทั้งร่างนอนหลับตาอยู่บริเวณหน้าท้องของมะนาว มันเป็นภาพที่ทำยิ้มตามได้ในทันที


“สุดยอดเลย”


“อืม สุดยอดเลย” พี่ใบไผ่พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยโดยสายตายังจ้องไปยังกรงตรงหน้า


“พี่ใบไผ่ ดูนั่นๆ ออกมาอีกตัวแล้ว” ผมคว้าตัวพี่เขามาดูใกล้ๆ พร้อมกับชี้ไปยังลูกสุนัขตัวใหม่สีขาวแซมน้ำตาลปนดำนิดๆ ที่กำลังออกมาจากช่องคลอดช้าๆ


“อ่า...สีขาวน้ำตาล อ๊ะมีสีดำแซมด้วย คล้ายมะนาวเลย” ผมเห็นด้วยกับพี่ใบไผ่ ลูกสุนัขตัวที่สองนี้มีสามสีคล้ายมะนาว


“เดี๋ยวตัวสุดท้ายก็คงออกมา” ตอนนี้มือของผมกับพี่ใบไผ่กุมกันไว้แน่นอย่างลืมตัว มีเพียงแค่ความสุขและความยินดีรวมไปถึงความตื่นเต้นที่เห็นลูกสุนัขกำลังเกิดเท่านั้น


“อ๊ะ...ออกมาแล้ว สีขาวล้วนด้วย”


“ขาวจั๊วทั้งตัวเลย” ผมพูดเบาๆ เมื่อเห็นลูกสุนัขตัวสุดท้ายออกมา


ลูกสุนัขทั้งสามตัวขยับตัวเล็กน้อย ก่อนที่มะนาวขยับเข้าใกล้ๆ เพื่อเลียทำความสะอาดลูกของตัวเองทีละตัว โดยเริ่มจากตัวสีดำไปยังตัวขนสามสี และสีขาวตามลำดับ


“เราต้องทำอะไรบ้าง” พี่ใบไผ่หันมาถามเหมือนคนเพิ่งนึกขึ้นได้ คงเพราะก่อนหน้านี้ตื่นเต้นอยู่กับการได้เห็นลูกสุนัขคลอดกับตาจนลืมไปว่าต้องทำอะไร


“คิดว่าไม่ต้องแล้วครับ” ผมบอกเมื่อเห็นลูกสุนัขทั้งสามตัวเริ่มดูดนมแม่แล้ว


“กินนมด้วย น่ารักจังเลย”


พอบรรยากาศอันแสนตื่นเต้นกลับสู่สภาวะปกติ สติที่หายไปก็ค่อยๆ กลับเข้าร่างอีกครั้ง สัมผัสของมือที่กุมแน่นทำเอาผมรู้สึกเขินเล็กน้อย แล้วยิ่งเห็นใบหน้าด้านข้างที่ประดับด้วยรอยยิ้มกว้างของพี่ใบไผ่ก็พานให้หัวใจที่เต้นรัว ความตื่นเต้นเมื่อครู่กลับมาทำให้ใจเต้นรัวอีกครั้ง


สายตาอบอุ่นของพี่ใบไผ่ยังคงจ้องไปยังลูกสุนัขทั้งสามตัวโดยไม่รู้เลยว่าตัวเองก็ตกเป็นเป้าสายตาของผมเช่นกัน ผมเฝ้ามองพี่เขาราวกับมีอะไรบางอย่างดึงดูดไว้จนไม่สามารถละสายตาได้


“สุดยอดเลยต้นว่าน” ครั้งนี้ไม่ใช่แค่มือที่กุมกัน แต่พี่ใบไผ่คว้าคอผมเข้าไปกอดแน่น


“พี่ใบไผ่...” อ้อมกอดอุ่นๆ กำลังทำให้ผมทำตัวไม่ถูก


“ขอบคุณที่รีบมาหาพี่นะต้นว่าน” ทันทีที่พูดจบก็เหมือนร่างของพี่ใบไผ่เทเข้าหาผมอย่างรวดเร็วจนแทบรับร่างนั้นไว้ไม่ทัน


“พี่ใบไผ่?” ยิ่งไม่มีเสียงตอบรับยิ่งทำให้เริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี “พี่ใบไผ่? พี่...”


พอรู้ว่าคนตรงหน้าหมดสติไปเรียบร้อยแล้วผมก็รีบเปลี่ยนไปสัมผัสใบหน้าขาวที่ดูหมองลงเล็กน้อย ไม่ใช่แค่ใบหน้าแต่ใต้ตาก็คล้ำมากจนเห็นได้ชัด


นี่พี่อดนอนมากี่คืนแล้วเนี่ย? ยิ่งคิดคิ้วผมก็ยิ่งขมวดเข้าหากันแน่นมากขึ้น


“ทำไมไม่บอกกันล่ะ ถ้าพี่บอกผมจะได้มาช่วยดูไง” จะโทษพี่ใบไผ่ฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกเพราะคนที่อยู่ด้วยตลอดอย่างผมกลับไม่เคยเอะใจถึงเรื่องนี้เลย


ผมตัดสินใจอุ้มพี่ใบไผ่เข้าไปยังห้องนอนที่อยู่ไม่ไกล ด้วยร่างกายที่เป็นผู้ชายเหมือนกันทำให้ค่อนข้างหนักเวลาอุ้ม แต่ถ้าถามว่ามากไหมก็บอกได้เลยว่าไม่มากเท่าตอนที่ถูกเพื่อนกระโดดขึ้นหลังหรอก


“ฝันดีนะครับ ที่เหลือผมจะจัดการต่อเอง” ผมบอกเจ้าของบ้านที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง ก่อนจะกลับออกมาเฝ้ามะนาวและลูกของมันที่เพิ่งเกิดใหม่ทั้งสามตัวตลอดทั้งคืน



เมื่อแสงแดดยามเช้าเข้ามาทางหน้าต่าง ผมก็ทำการเลื่อนม่านเพื่อปิดไม่ให้แสงนั้นโดนมะนาวและลูกๆ อีกสามตัวมากจนเกินไป อาหารสุนัขแบบเปียกถูกจัดใส่ชามเพื่อเพิ่มแรงให้กับแม่สุนัขที่เพิ่งคลอด


“เก่งมากมะนาว เธอเก่งที่สุดเลย” ผมบอกพร้อมกับลูบขนนุ่มๆ ของมะนาวไปมา ช่วงคลอดใหม่ยังไม่ควรไปแตะลูกสุนัขมากนักเพราะมือเราอาจมีเชื้อโรคได้


แกร็ก!


เสียงเปิดประตูห้องนอนดังขึ้นพร้อมกับร่างโปร่งของพี่ใบไผ่ที่เดินงัวเงียออกมา เส้นผมสีน้ำตาลที่ยาวระต้นคอกระเซิงจนเหมือนรังนกขนาดย่อมแถมยังยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาขยี้ตาอีก...ทำท่าทางเหมือนเด็กๆ เลย


“พี่ไปนอนต่อก็ได้นะ ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว” ผมบอก


“หื้อ? ต้นว่าน! เรามาได้ยังไง” น้ำเสียงตกใจนั่นเหมือนจะบอกว่าพี่ใบไผ่ลืมสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไปแล้ว


“พี่ลืมแล้วเหรอ”


“เดี๋ยว...ขอปรับสมองแป๊บนะ ใช่ๆ เมื่อคืนพี่โทรเรียกต้นว่านมา” ผมพยักหน้าเมื่อสิ่งที่ได้ยินเป็นจริงตามนั้น “แล้วก็มะนาว...มะนาวคลอดลูก!!” ครั้งนี้พี่ใบไผ่ตะโกนพร้อมกับวิ่งตรงไปที่กรงสุนัขซึ่งภายในมีลูกๆ ของมะนาวทั้งสามตัวนอนหลับขดซ้อนอยู่บริเวณท้องของแม่มัน


“ชู่วว์... เสียงดังไปแล้วครับพี่”


“โทษที พี่ตื่นเต้นไปหน่อย” อีกฝ่ายหันมาบอกเสียงอ่อย


“พี่เปลี่ยนไปมากนะ” ถ้าเทียบกับเมื่อตอนแรกที่เจอกัน


“เปลี่ยน? ยังไง”


“ถ้าเป็นเมื่อก่อนพี่ไม่มีทางวิ่งเข้ามาหามะนาวแบบนี้หรอก ถ้าจะมีก็คงเป็นวิ่งหนีหรือกระโดดขึ้นโซฟามากกว่า” ภาพของพี่ใบไผ่ตอนกระโดดหนีมะนาวไปอยู่บนโซฟายังติดตาจนถึงทุกวันนี้ นึกถึงทีไรก็หลุดขำออกมาทุกที


“อย่าพูดแต่เรื่องน่าอายแบบนั้นสิ” ใบหน้าที่เห่อแดงขึ้นเล็กน้อยทำให้รู้ว่าพี่เขาคงอายอย่างที่พูดจริงๆ


“ตอนนี้พี่ดูไม่กลัวมะนาวแล้ว”


“อืม คงไม่กลัวเท่าเมื่อก่อน ต้องขอบคุณต้นว่านที่ทำให้พี่มีความกล้าที่จะต่อสู้กับความกลัว” อีกฝ่ายพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจในตัวเอง


“พูดเกินไปแล้วครับ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวพี่”


ใช่...มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับผม


“ไม่เลย ถ้าคนที่พี่เจอหน้าบ้านหลังนี้ไม่ใช่ต้นว่าน พี่คงไม่มีวันที่ได้เข้าใกล้สุนัขเหมือนอย่างวันนี้” คำพูดจากปากของพี่ใบไผ่ผมรับรู้ได้เลยว่ามันออกมาจากใจและความรู้สึกจริงๆ


“ผมดีใจที่ช่วยพี่ได้...” พี่เองก็ช่วยผมมามากเหมือนกัน


“อืม”


“แต่เรื่องนั้นกับเรื่องที่ผมจะพูดมันคนละเรื่องกันนะ” อยู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีเรื่องที่ต้องพูดกับคนตรงหน้าให้ได้อยู่


“เรื่องอะไร?”


“พี่รู้ตัวไหมว่าเมื่อคืนตัวเองสลบไปน่ะ”


“สลบ...พี่น่ะนะ” น้ำเสียงนั้นคล้ายจะบอกว่าไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดนัก


“ใช่ และผมเป็นคนอุ้มพี่ไปห้องนอนเอง”


“อุ้ม? เราอุ้มพี่” ดูเหมือนฝ่ายที่ได้ยินจะตกใจสุดๆ เพราะดวงตาสีสวยนั่นเบิกกว้าง แถมใบหน้าขาวๆ ก็แดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด


“ครับ หนักมากเลย” ขอเสริมอีกหน่อยละกัน


“เอ่อ ขอโทษนะ ที่ทำให้ลำบาก”


“ครับ เพราะงั้นครั้งหน้าก็อย่าฝืนตัวเองอีก ถ้าไม่ไหวก็บอกเดี๋ยวผมจะช่วยพี่เอง...เข้าใจนะ”


ใจความสำคัญทั้งหมดที่ร่ายยาวมาคือจุดนี้แหละ ผมไม่อยากให้พี่ใบไผ่ฝืนจนทรุดลงแบบนี้อีก ถ้าหากเมื่อคืนพี่ใบไผ่ไม่ได้โทรมา ผมคงได้มาเจอพี่สลบในตอนเช้าเป็นแน่


“เราทำตัวเหมือนเป็นพ่อพี่เลย” อีกฝ่ายบ่นอุบอิบแต่ใบหน้านั้นกลับยิ้มกว้างเหมือนกำลังมีความสุข


“พี่เหมือนดีใจที่ถูกบ่นนะ”


“อืม การที่บ่นก็แปลว่าต้นว่านห่วงพี่ พี่ดีใจนะ”


“ผมพูดตอนไหนว่าห่วง”


“ไม่พูดก็รู้น่า...”


ครืดดด~ ครืดดด~


แรงสั่นของเครื่องมือสื่อสารดังขึ้นขัดการสนทนาของพวกเรา


“เฮ้อ วุ่นแต่เช้าอีกแล้วเหรอเนี่ย” เสียงบ่นของพี่ใบไผ่ดังขึ้น เจ้าตัวลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์สีดำที่วางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟาด้วยใบหน้าเบื่อหน่ายแต่ไม่ได้กดรับ ดูเหมือนจะไม่ใช่สายเรียกเข้าอย่างที่คิดไว้ตอนแรก สีหน้าที่ผ่อนคลายและเต็มไปด้วยรอยยิ้มเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดในทันทีที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความ


ความรู้สึกแรกเมื่อผมเห็นใบหน้าตึงเครียดนั้นคือ...อยากช่วย


“โอ้ย สมองไม่แล่นเอาซะเลย ทำไมต้องมาพร้อมกันด้วยเนี่ย” พี่ใบไผ่ระบายเสียงแข็งพร้อมยกมือขยี้เส้นผมสีน้ำตาลของตัวเองแรงๆ จนฟูฟ่องกว่าเดิม


“พี่ใบไผ่”


“หืมม์? โทษทีนะ แต่ช่วงนี้ที่ไม่ได้นอนไม่ใช่เพราะต้องดูแลมะนาวอย่างเดียวหรอก”


“งานที่บริษัทเหรอครับ” นี่เป็นสิ่งเดียวที่คิดได้ตอนนี้


“อืม บริษัทพี่ทำเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ครั้งก่อนก็เพิ่งจะเพิ่มชนิดสินค้าในการขนส่งไป แต่ตอนนี้ดันมาเจอปัญหาทางต่างประเทศต่ออีก”


“ทำไมครับ”


“ตอนนี้มีหลายบริษัทในประเทศต่างๆ ที่ต้องการทำสัญญากับบริษัทพี่ ซึ่งถ้าปกติมันก็คงไม่ยุ่งยาก แต่เพราะระยะเวลาที่เหลื่อมล้ำกันอยู่ทำให้ไม่สามารถตกลงรับงานได้เท่าที่ควรจะเป็น”


“พี่ก็ปฏิเสธบางที่ไปสิ” เรื่องนี้ไม่น่าแก้ปัญหายากนี่


“ก็อยากทำแบบนั้นอยู่หรอก แต่มันจะทำให้ชื่อเสียงของบริษัทเสียหายน่ะสิ แค่เรื่องเวลาเหลื่อมล้ำกันก็จัดการไม่ได้” พี่ใบไผ่อธิบายต่อ


“งั้นพี่ก็จัดการขนส่งให้พวกเขาก็ได้นี่”


“อ๊ะ...ก็บอกอยู่ไงว่าเวลามันเหลื่อมกัน”


“ในเมื่อมันเหลื่อมกันพี่ก็ทำให้มันต่อกันพอดีสิครับ”


การทำเรื่องพวกนี้อาจเป็นเรื่องที่ต้องกำหนดวันและเวลาอย่างชัดเจนก็จริง แต่เราก็สามารถทำให้เป็นเรื่องง่ายๆ ได้เพียงแค่เรามีระบบการขนส่งที่รวดเร็ว


“สมมติว่าบริษัทในประเทศ A และ ประเทศ B ต้องการส่งของประเภทเดียวกันไปยังบริษัท C ในไทย แต่ของทั้งสองประเทศมาถึงไม่พร้อมกัน และกำหนดส่งงานเหลื่อมกันอยู่ 2 วัน ซึ่งพี่สามารถเลือกรับได้แค่เจ้าเดียวเท่านั้นเพราะตอนนี้ตารางงานของบริษัทแน่นมาก ก็แล้วทำไมพี่ไม่ลองคุยกับบริษัท C ดูละครับว่าเขาสามารถรอของไปส่งพร้อมกันได้หรือไม่ ส่วนมากแล้วบริษัทต่างๆ มักจะเผื่อเวลาสำหรับกรณีฉุกเฉินเอาไว้ 4-5 วันอยู่แล้ว ถ้าเราขอเลื่อนเวลาออกไปอีก 2 วัน แล้วส่งพร้อมกัน ทางนั้นน่าจะเห็นด้วยกับเรานะ เพราะนอกจากเราจะสามารถประหยัดเวลาและไม่ต้องวิ่งซ้ำสองรอบแล้ว บริษัท A, B และ C ก็ยังสามารถลดต้นทุนค่าขนส่งได้อีกด้วย” ผมลองแสดงความคิดเห็นของตัวเองดู เผื่อจะช่วยอะไรอีกฝ่ายได้บ้าง


“จริงด้วยสิ” ดูเหมือนพี่ใบไผ่จะรู้แล้วล่ะว่าสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อคืออะไร


“แบบนี้ก็ไม่เครียดแล้วนะพี่ เดี๋ยวผมทำมื้อเช้าให้” พูดจบผมก็เตรียมลุกไปเตรียมมื้อเช้าง่ายๆ แต่กลับถูกมือของอีกคนรั้งเอาไว้


“เราเรียนโลจิสติกส์เหรอ”


“เปล่าครับ ผมเรียนบริหาร”


“เรานี่เก่งมากเลยนะต้นว่าน”


“ฮะ? เอ่อ...ขอบคุณครับ” คำชมที่ได้รับทำเอาเขินอยู่หน่อยๆ


“พี่พูดจริงนะ นี่ถ้าจบแล้วมีบริษัทไหนที่เราเล็งไว้มั้ย” พี่ใบไผ่ยังคงถามต่อ


“ยังไม่มีบริษัทไหนเป็นพิเศษนะครับ เอ่อ...พี่พูดเหมือนผมเลือกงานได้เลยงั้นแหละ”


“ก็ได้น่ะสิ เราน่ะเก่งจริงๆ เลขาพี่บางคนยังไม่ได้เท่าเราเลย”


“ขอบคุณครับ” ผมเกาหัวตัวเองด้วยความเก้อเขิน


“เอาเถอะ พี่อยากกินข้าวต้มหมู มีของทำไหม” อยู่ๆ คนตรงหน้าก็เปลี่ยนเรื่อง


“มีครับ” ผมได้แต่ทำหน้างงๆ โดยไม่ได้ถามอะไรต่อ


มื้อเช้าง่ายๆ ตามความต้องการของพี่ใบไผ่ได้ผ่านไปจนถึงช่วงบ่าย โชคดีที่วันนี้ผมไม่มีเรียนเลยไม่ต้องวิ่งกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านอีกรอบเพื่อไปมหาลัยต่อ ตลอดหลายชั่วโมงที่อยู่ด้วยกัน พี่ใบไผ่เอาแต่อยู่หน้ากรงของมะนาวสลับกับดูอะไรบางอย่างในโทรศัพท์ไปด้วย


...ไม่แน่ว่าอาจจะทำงานอยู่ก็ได้


เมื่อคิดได้แบบนั้นผมเลยเดินเข้าไปนั่งข้างๆ อีกฝ่าย


“พี่ใบไผ่ไปทำงานเถอะครับ เดี๋ยวผมดูให้เอง”


“งาน? อ้อ...นี่เหรอ เปล่าๆ ไม่ได้ทำงาน” ไม่พูดเปล่า แต่ยังโบกโทรศัพท์ในมือให้ดูอีกด้วย “พี่ไม่ได้ทำงานหรอกก็เรื่องยุ่งๆ ได้เราช่วยจนเสร็จไปแล้วไง” พี่ใบไผ่บอกยิ้มๆ


“งั้นพี่ทำอะไรอยู่ครับ” ในเมื่อไม่ได้ทำงานแล้วจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาทำไม จะว่าถ่ายรูปก็ไม่ใช่เพราะเพิ่งถ่ายด้วยกันไปก่อนหน้านี้เอง


“กำลังคิดชื่อของเจ้าตัวน้อยทั้งสามอยู่น่ะ”


“ชื่อ...” ได้ยินแบบนั้นผมก็ตาลุกวาว ...จะว่าไปยังไม่ได้ตั้งชื่อเลยนี่นะ


“ใช่ๆ พี่จะให้เราช่วยตั้ง”


“ไม่ดีมั้งครับ พี่เป็นเจ้าของนะ” ผมส่ายหน้า


“เหมือนพี่จะเคยบอกแล้วนะว่าคนดูแลมะนาวมีสิทธิ์มากกว่าเจ้าของน่ะ” พี่ใบไผ่ย้อนคำพูดเดิมซึ่งเคยพูดไว้เมื่อนานมาแล้ว


“นั่นก็ใช่ แต่ว่า...”


“พี่ตั้งไว้แล้วสองตัว จะให้เราตั้งอีกตัวนะ”


เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ฟังคำพูดผมเลยสักนิด แต่เอาเถอะ การที่ได้ตั้งชื่อลูกสุนัขนี่เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นสุดๆ


“พี่ตั้งว่าอะไรครับ”


“ลองทายไหม” อีกฝ่ายบอกพร้อมยักคิ้วมาให้


“คำใบ้ล่ะครับ” ไหนๆ ก็ขอลองหน่อยละกัน


“ชื่อเหมือนพี่กับเรา”


“เหมือนผมกับพี่?” ทำไมพอได้ยินประโยคนั้นแล้วถึงรู้สึกวูบวาบที่หัวใจแปลกๆ นะ


“ใช่ เหมือนต้นว่านกับใบไผ่ สองตัวที่พี่ตั้งก็เป็นชื่อต้นไม้เหมือนกัน”


“มันเยอะนะครับ ลำดวน บัวสรรค์ จำปา จำปี เอ่อ...บุนนาค” ผมพยายามพูดชื่อต้นไม้ที่พอจะนึกออกให้มากที่สุด


“ชื่อพวกนั้นเหมือนคนรุ่นปู่เลยนะ”


“พี่เฉลยมาดีกว่าครับ” ผมนิ่งไปเมื่อได้ยินแบบนั้น แต่พอกลับมาคิดมันก็จริงอย่างที่ว่า...ชื่อที่บอกไปนี่รุ่นปู่ชัดๆ


“ก็ได้ ตัวสีดำชื่อต้นสน ส่วนตัวสีน้ำตาลขาวแซมดำชื่อราตรี ชื่อพวกนี้น่ารักไหม” บอกเสร็จก็หันมาถามความเห็นผมเสียงใส


“ครับ เหมาะมากเลย”


“ตัวสุดท้ายชื่ออะไรดีต้นว่าน?” พี่ใบไผ่ถามต่อ


“นั่นสิครับ นี่พี่คงไม่ได้คิดไม่ออกเลยโยนมาให้ผมคิดใช่ไหม”


“เปล่าสักหน่อย พี่กะจะให้เราตั้งแต่แรกแล้ว” อีกฝ่ายไม่เสียเวลาคิดคำตอบสักนิด และนั่นก็ทำให้ผมยิ้มออก


ลูกสุนัขตัวสุดท้ายเป็นสีขาวทั้งตัวทำให้มันดูบริสุทธิ์มาก เหมือนกับพี่ใบไผ่ที่มักจะทำตัวออดอ้อนเป็นเด็ก รวมทั้งยังมีรอยยิ้มที่สว่างไสวราวกับแสงอาทิตย์ ฉะนั้นชื่อของสุนัขตัวนี้ผมอยากสื่อถึงสีขาวของมันบวกกับชื่อที่ตั้งผมอยากให้เป็นต้นไม้เหมือนกับตัวอื่นๆ


“คิดได้แล้ว...” ใช้เวลาไม่นานชื่อหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาในหัว


“อะไร ชื่ออะไรล่ะ” พี่ใบไผ่ถามด้วยน้ำเสียงลุ้นๆ


“ต้นโมกครับ” ผมตอบกลับพร้อมกับส่งยิ้มไปให้คนด้านข้าง


ต้นโมก เป็นต้นไม้มงคลที่หลายคนคงรู้จักกันดี ตัวดอกสีขาวบริสุทธิ์และส่งกลิ่นหอมรัญจวนไปทั่วบริเวณที่ปลูก ไม่มีชื่อไหนเหมาะกับลูกสุนัขตัวสีขาวไปมากกว่านี้แล้วในความคิดผม


“ต้นโมก เวลาเรียกสั้นๆ คงเหลือแค่โมก...น่ารักจังเลย แบบนี้ครอบครัวของเราก็ชื่อต้นไม้เหมือนกันหมดเลยเนอะ”


พี่ใบไผ่อาจพูดมันออกมาโดยไม่ทันได้คิดถึงความหมายแฝงที่พานให้คนฟังอย่างผมใจเต้นแรงเมื่อได้ยินคำว่า...ครอบครัวของเรา เส้นกั้นระหว่างเราที่พังทลายลง ตอนนี้เหมือนภายในหัวใจถูกอีกฝ่ายลุกล้ำเข้ามาเรื่อยๆ จนยากที่จะไล่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นออกไป

...................................................

สวัสดีค่ะ

มาอัพต่อแล้ว

สำหรับตอนนี้ค่อนข้างแต่งยากเพราะส่วนตัวไม่มีประสบการณ์เห็นสุนัขคลอดลูกมาก่อน

นี่ก็แต่งสุดความสามารถแล้ว อยากจะมีสังครั้งในชีวิตที่ได้เห็นเหมือนกัน

ยิ่งแต่ยิ่งรู้สึกว่าชอบพี่ใบไผ่มากๆๆๆ

เหมือนเป็นชายในฝันของเรา 555 (มโนไปไกล)

ขอบคุณทุกคนที่คอยให้กำลังใจและคอมเม้นท์มาตลอดนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า

ปล.ขอตอบที่คุณ เสพศิลป์ คอมเม้นท์หน่อยนะคะ สำหรับเรื่องจดหมายเห็นว่าทางสนพ.อาจมีรีปริ้นอีกช่วงปีหน้าค่ะ

บ๊ายบาย


-Rewrite- >> สำหรับเรื่องพบรักตอนนี้กำลังมีการเปิดพรีออเดอร์อยู่นะคะหากสนใจสามารถเข้าไปสั่งซื้อกันได้ค่ะ >> www.bookishhouse.comหรือเข้าไปอ่านรายละเอียดในเพจเราได้ค่ะ


nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่7×▪ ◣ P.3 22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-10-2016 21:28:34
มีการใจเต้น
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่7×▪ ◣ P.3 22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-10-2016 22:53:36
พอน้องเรียนจบก็จองตัวน้องไปเป็นเลขาเลย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่7×▪ ◣ P.3 22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: darksnow ที่ 22-10-2016 22:57:58
พี่ใบไผ่จะจองตัวต้นว่านมาทำงานด้วยใช่มั้ยล้าา ส่วนต้นว่านโดนแอคแทคพี่ใบไผ่ เต็มๆแพ้หมดรูปละ 55 มาเป็นทาสพี่ใบไผ่ซะดีๆ ครอบครัวต้นไม้~~
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่7×▪ ◣ P.3 22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 22-10-2016 23:13:22
หื้อๆๆ อยากให้ลูกสาวที่บ้านท้องบ้าง อยากมีหลานๆ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่7×▪ ◣ P.3 22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 22-10-2016 23:25:48
ครอบครัวต้นไม้ น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่7×▪ ◣ P.3 22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 23-10-2016 05:25:18
                                     :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
                  เราเคยเห็นหมาที่บ้านออกลูกครั้งนึงมันออกมา3ตัวเหมือนในเรื่องเลยแต่รอดแค่2อีกตัวตาย
  ตอนนั้นที่บ้านเราลุ้นมากเพราะมันออกลูกครั้งแรกมันดูตื่นๆมากเลยร้องหยิ่งๆใหญ่เลยเวลามันปวดท้องตอนออกลูก
  อ่านตอนนี้แล้วทำให้นึกถึงตอนนั้นเลย  สนุกมากนะแย่งกันตั้งชื่อลูกหมา
  ตอนนั้นที่บ้านเราตั้งตัวผู้สีขาวว่ากล้วยหอม  ตัวเมียสีนำ้ตาลขาวว่าลำใย 
  อีกตัวส้มโอตัวนี้แหละที่ตายสีสวยมากสีน้ำตายผสมดำ
แล้วลูกของมะนาวทั้งสามตัวเพศอะไรบ้างละคนอ่านแบบเราอยากรู้ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
รออ่านตอนต่อไปนะ :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่7×▪ ◣ P.3 22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 23-10-2016 08:39:05
มาแล้ววววว
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่7×▪ ◣ P.3 22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 23-10-2016 10:18:46
เอาล่ะซิต้นว่านเริ่มหวั่นไหวแล้ว จากนี้ไปจะจัดการกับความรู้สึกตัวเองยังไงนะ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่7×▪ ◣ P.3 22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 23-10-2016 13:14:08
ครอบครัวต้นไม้~~~ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่7×▪ ◣ P.3 22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 23-10-2016 21:16:12
โอ๊ยยยย จะน่ารักและอบอุ่นอะไรเบอร์นี้  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่7×▪ ◣ P.3 22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 24-10-2016 00:39:55
แอคแทกแรงมากอะพี่ใบไผ่
ต้นว่านโดนเรื่อยๆงี้ท่าทางจะไปไหนไม่รอดแล้ว
พี่ใบไผ่จะจองตัวน้องมาทำงานล่ะสิ
แต่คงคิดได้ว่าคงไม่ยอมมาง่ายๆแน่ๆเลยไม่ชวนตรงๆ5555
มะนาวคลอดลูกแล้วว ชื่อน่ารักมากเลยแต่ละตัว
จากนี้ก้กลายเป็นครอบครัวใหญ่แล้วสิ555
รอค่ารอออ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่7×▪ ◣ P.3 22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 24-10-2016 01:01:46
 :impress3: น่ารักอบอุ่นจริง ๆ ชอบงานของคุณก้อตรงนี้แหละ อ่านแล้วมันฟีลกู้ดดีจริง ๆ และมีอะไรเกี่ยวกับสัตว์นี่ถูกใจมาก ๆ รอต่อไปน่ะจ้ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่7×▪ ◣ P.3 22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 24-10-2016 09:21:19
โอย น่ารักมากเลย
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่7×▪ ◣ P.3 22/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: xxSunShinexx ที่ 27-10-2016 19:27:14
น่ารักง่า งื้ออออ
มีความครอบครัว คุณพ่อต้นว่านกะคุณแมใบไผ่  :o8:
หัวข้อ: Re:-Rewrite- Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่8×▪ ◣ P.4 19/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 29-10-2016 14:42:31
พบรัก ▪×วันที่8×▪




หงิ๋งง~


เฮือก!


เสียงครางสูงที่ได้ยินเรียกสติของผมให้กลับเข้าร่างอย่างรวดเร็วจนเกือบหงายหลังตกโซฟา และเมื่อตั้งสติได้สองขาก็รีบก้าวตรงไปยังกรงที่ภายในมีสุนัขตัวใหญ่และลูกอีกสามตัวส่งเสียงครางหงิ๋งๆ ประสานเสียงกันอยู่


“ครั้งนี้มีอะไรอีกล่ะ” ผมถามโดยไม่ต้องการคำตอบแม้ดวงตาจะใกล้ปิดเต็มที


ตอนนี้เป็นเวลาตีสองครึ่งซึ่งสมควรแก่การนอนหลับพักผ่อนเป็นที่สุด ทว่าการดูแลลูกสุนัขในช่วงแรกเกิดนั้นจำเป็นต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้ผมต้องนั่งเฝ้าเกือบทั้งคืน ซึ่งแน่นอนว่าก็มีบ้างที่เผลอหลับไป แต่พอได้ยินเสียงครางก็จะสะดุ้งทันทีราวกับร่างกายรับรู้ได้ว่ามีสุนัขอยู่ใกล้ๆ


อันที่จริงถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะไม่กลัวสุนัขเท่าเมื่อก่อนแต่ก็ใช่ว่าจะเลิกกลัวอย่างสิ้นเชิง อย่างเวลาที่ผมออกไปข้างนอก หากพบสุนัขตัวอื่นที่ไหน ผมก็พร้อมจะเดินเลี่ยงอย่างไม่ลังเล แต่กับสุนัขที่บ้านผมไม่ได้เดินหนีอีกแล้ว แถมยังสามารถลูบหัวได้แล้วด้วย


มันสุดยอดมากๆ จนบางครั้งผมยังคิดเลยว่านี่ตัวเองกำลังฝันอยู่รึเปล่า ไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้...วันที่ผมสามารถอยู่ร่วมกับสุนัขได้โดยไม่รู้สึกอยากหลีกหนีอย่างเมื่อก่อน


“ไหนๆ ใครฉี่ออกมาเอ่ย?” ผมพูดก่อนจะเปิดกรงออกมาเพื่อทำความสะอาด แต่พออ้าประตูกรงออกได้เพียงนิดเดียว มะนาวก็เบียดจนออกมาได้ในที่สุด


“มะนาว!” เรียกไปก็เท่านั้นเพราะเจ้าของชื่อกระโดดขึ้นไปนอนบนโซฟาแทนที่ผมเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าใจว่าในกรงมันทั้งแคบทั้งแข็งแต่อย่างน้อยก็ห่วงลูกบ้างสิ ผมยกมือขึ้นกุมหน้าผากเมื่อได้ยินเสียงกรนของมะนาวดังขึ้น ...นอนเร็วจริง


หงิ๋ง~


เสียงครางเล็กๆ ดังขึ้นอีกครั้ง ผมละสายตาจากมะนาวกลับมายังกรงที่ตอนนี้เหล่าลูกสุนัขทั้งสามตัวกำลังครางเสียงแหลมพลางขยับร่างกายหมายจะตามหาแม่ที่บัดนี้ไปนอนสบายอยู่บนโซฟาด้วยขาสี่ข้างที่ยังไม่มีแรงมากพอแม้แต่จะพยุงตัว ท่าทางตอนลูกสุนัขกำลังพยายามคลานช่างน่าเอ็นดูจนผมหลุดยิ้มออกมา


“โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะ หนาวรึเปล่าฮืม” ผมถามก่อนจะอุ้มลูกสุนัขทั้งสามออกมาวางไว้บนผ้าที่จัดเตรียมไว้อย่างเบามือ


แกร็ก!


“สวัสดีครับพี่ใบไผ่” คำทักทายดังขึ้นในทันที่ประตูบ้านถูกเปิดอ้าออกพร้อมต้นว่านที่เดินเข้ามาในบ้านด้วยความคุ้นเคย


“ไงต้นว่าน มาก็ดีเลย มะนาวทิ้งลูกอีกแล้ว” ได้โอกาสก็ขอฟ้องซะหน่อย


ตั้งแต่ที่ลูกสุนัขทั้งสามตัวเกิดมา ต้นว่านก็มาช่วยดูแลอยู่เสมอแต่จะมาในช่วงประมาณตีสามแบบนี้ แล้วก็จะเฝ้ายาวถึงตอนผมตื่นเลยล่ะ


“อีกแล้วเหรอครับ เฮ้อ...” ต้นว่านถอนหายใจแล้วเดินเข้ามาหา


“แบบนี้ต้นสน ราตรี ต้นโมกจะหนาวไหมเนี่ย”


“ไม่เป็นไรหรอกครับ เรามีผ้าห่มไว้ให้แถมยังไม่ได้เปิดแอร์อีก” อีกฝ่ายบอก


“อืม แบบนั้นก็ดี” ถ้าเกิดป่วยขึ้นมาตอนนี้คงไม่มีร้านไหนเปิดแน่


“พี่ไปพักเถอะ เดี๋ยวผมดูต่อเอง” พูดจบต้นว่านก็นั่งลงข้างๆ พร้อมกับช่วยจัดการทำความสะอาดกรงต่อจากผม


“ได้ๆ จริงสิต้นว่าน พี่มีเรื่องอยากคุยด้วยน่ะ” ผมหันหลังกลับเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องที่ต้องคุยกับอีกฝ่าย ความจริงก็คิดมาหลายวันแล้วแต่เพราะเหนื่อยๆ และเบลอๆ เลยไม่ได้บอกไปเสียที


“อะไรครับ”


“เรามาตอนตีสามแบบนี้ที่บ้านไม่ว่าอะไรใช่ไหม”


“ไม่ครับ มีถามบ้างแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร”


“พี่ว่าเราไม่ควรออกบ้านมาตอนดึกๆ นะ เดี๋ยวนี้ยิ่งอันตรายอยู่”


ขนาดช่วงกลางวันยังไม่ค่อยปลอดภัยเลย นี่ตอนกลางคืนแถมยังค่อนข้างเปลี่ยวด้วย


“ถ้าผมไม่มาแล้วพี่จะดูแลไหวเหรอครับ”


“ไม่ไหว” ผมตอบแบบไม่ต้องคิด


“เห็นไหม ผมมาได้ไม่เป็นไรหรอกครับ ช่วงนี้สอบเสร็จแล้วไม่มีเรียนละ”


“งั้น...ต้นว่านก็มาค้างที่นี่สิ”


กึก! มือของอีกฝ่ายที่กำลังผูกถุงขยะชะงักค้าง


“...พี่ว่าอะไรนะครับ”


“พี่บอกว่าให้เรามาค้างที่บ้านนี้ดีไหม จะได้ไม่ต้องมาช่วงดึกๆ แบบนี้ ” ผมบอกอีกรอบ


“ไม่เป็นไรครับ ผมไหว”


“เราไหวแต่พี่เป็นห่วงนะ” เดินมาดึกๆ ดื่นๆ ผมค่อนข้างเป็นห่วง


“...พี่ใบไผ่”


“มาค้างนี่นะ ถือว่าเห็นแก่พี่เถอะต้นว่าน” ผมพูดแกมขอร้อง แต่ถ้ามันยังไม่ได้ผลคงต้องมีอ้อนกันบ้าง


การอ้อนถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าอายสำหรับผม แต่พอคนที่จะอ้อนเป็นต้นว่านกลับรู้สึกว่าไม่เป็นไร แถมหน้าตาตอนที่เห็นผมพูดเสียงอ้อนก็น่ารักมาก ...เรียกว่าใบหน้าหล่อๆ นั่นน่ารักขึ้นมาทันตา


“ถ้าตอนนี้ผมไม่ยอม ต่อไปพี่คงอ้อนสินะ”


“ก็รู้นี่...” ผมยิ้มให้กับคำพูดของคนรู้ทันและไม่มีคำแก้ตัวใดๆ


“ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมนอนโซฟาเอง”


“ไม่ๆ พี่ไม่ให้เราโซฟาแน่ จะมานอนโซฟาไม่ได้นะ ไปนอนเตียงนุ่มๆ ดีกว่า” ให้มาค้างตามความเอาแต่ใจของตัวเองแล้วยังจะให้นอนที่แคบๆ อย่างโซฟาได้ยังไงกัน อีกอย่างในบ้านนี้ก็มีห้องว่างอีกตั้งหลายห้อง อย่างห้องบนชั้นสองนั่นก็แทบจะไม่ได้ขึ้นไปเลยด้วยซ้ำ


“พี่จะให้ผมนอนในห้องเหรอ?” ต้นว่านถามย้ำ


“ใช่สิ เราเลือกเอาเลย ชั้นหนึ่งก็มีห้องเล็กอยู่นะ แต่ถ้านอนไม่สบายก็ไปชั้นสองได้”


“พี่เอาใจผมมากไปแล้วนะ”


“ไม่ได้เอาใจสักหน่อย” ผมรีบสวนกลับ การกระทำของผมบ่งบอกถึงความเอาใจตรงไหนกัน


“แบบนี้เขาเรียกเอาใจครับ ความจริงพี่ไม่จำเป็นต้องกังวลเลย ผมจะนอนยังไงก็ได้แค่มีผ้าปูหน่อยผมก็นอนได้แล้ว”


“เราพูดเหมือนพี่เป็นคนใจร้ายที่จะปล่อยให้คนในครอบครัวต้องนอนพื้นอย่างงั้นแหละ” ผมอดไม่ได้ที่จะบ่นกลับไปด้วยเสียงเคืองๆ ตอนนี้ต้นว่านถือเป็นครอบครัวของผมเพราะอย่างนั้นจะให้ไปนอนพื้นได้ยังไงกัน


มันคงแปลกที่เรียกคนที่ไม่ใช่สายเลือดว่าคอบครัวแต่มันก็เป็นคำที่เหมาะสมที่สุดแล้ว ...อีกฝ่ายอาจไม่รู้ตัว แต่ต้นว่านค่อยๆ เปิดใจผมออกทีละน้อย


ความจริงที่พูดออกไปว่าครอบครัวคงเป็นการย้ำถึงสถานะของความสัมพันธ์ที่ชัดเจนขึ้นเพราะถ้าขืนคิดว่าต้นว่านเป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่ง ผมคงไม่อาจห้ามใจตัวเองที่เริ่มชอบอีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ ได้ ผมไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้ความรู้สึกของตัวเอง แม้จะตกใจไปบ้างแต่ก็ยอมรับมันได้ในทันที


...ทว่าถึงจะรับได้ แต่ก็ไม่เคยคิดจะบอกต้นว่านให้รู้หรอก


ผมพอใจกับสถานะของพวกเราในตอนนี้ และอยากจะอยู่ในฐานะพี่น้องกับต้นว่านไปเรื่อยๆ การที่มีต้นว่านเข้ามาร่วมในการใช้ชีวิตหลังเสียพ่อกับแม่ไปทำให้ผมมีความสุขมาก


ในแต่ละวันเราพูดคุย…


เราทะเลาะ…


เรายิ้ม…


และเราหัวเราะไปด้วยกันเสมอ


สำหรับผมตอนนี้ต้นว่านเป็นคนพิเศษ


“พี่พูดว่าครอบครัวอีกแล้ว ผมไม่ใช่พี่น้องของพี่นะ” อีกฝ่ายพึมพำพร้อมก้มหน้าลง


“พี่ทำเราลำบากใจสินะ” ผมถามไปตามตรง


“เปล่า ผมดีใจ แต่พี่...”


“แค่นั้นพอแล้ว แค่รู้ว่าเราดีใจก็พอ พี่ไม่อยากฟังประโยคหลังคำว่า ‘แต่’ ” ผมต้องรีบพูดแทรกเพราะรู้ว่าหลังคำว่า ‘แต่’ คงไม่ใช่ประโยคที่น่ายินดีนัก ต้นว่านเป็นคนคิดมากและขี้กังวลโดยเฉพาะเรื่องที่ฐานะของเราแตกต่างกัน


“พี่ใบไผ่...พี่ดื้อมากนะ รู้ตัวไหม” อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาสบตา


“ดื้อ? พี่เนี่ยนะ?”


ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยมีคนบอกว่าผมดื้อก็ครั้งนี้ ขนาดพ่อกับแม่ยังไม่เคยพูดเลย มีแต่บอกว่าอยากให้ผมดื้อบ้างไม่ใช่เป็นเด็กดีทำตามคำสั่งทุกอย่างแบบนั้น


“ครับดื้อสุดๆ ไปพักเถอะพี่ใบไผ่” พูดย้ำเสร็จก็ลุกขึ้นตรงไปห้องครัวพร้อมกับถุงขยะที่คาดว่าจะเอาไปทิ้ง


“พี่ดื้อตรงไหนกัน?” ผมลุกตามไปเพื่อถามสิ่งคาใจ


“บอกสามวันก็ยังไม่หมดเลยครับ”


“ฮะ?” นี่ผมดื้อขนาดนั้นเลย


“ไม่รีบไปนอนเดี๋ยวตื่นไม่ไหวนะครับ” พูดจบอีกฝ่ายก็ดันหลังผมให้เดินไปยังห้องนอน


“เดี๋ยวสิ พี่ยัง...”


“ราตรีสวัสดิ์ครับ” อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะฟังแถมยังปิดประตูห้องนอนให้เสร็จสรรพ เจ้าของบ้านอย่างผมเลยได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความงงงวย


อะไรเนี่ย? สรุปแล้วผมยังไม่รู้เลยว่าตัวเองดื้อตรงไหน



แม้จะผ่านไปหลายสัปดาห์แล้วที่ต้นว่านเข้ามาอาศัยด้วยแต่ความงงงวยยังคงมีอยู่ วันนี้ต้นว่านออกไปมหาลัยแต่เช้าด้วยเรื่องอะไรสักอย่างซึ่งผมก็ไม่ได้ถามซักไซ้อะไร ถ้าต้นว่านอยากบอกก็คงบอกเอง


ครืดดด~


เสียงสั่นเพียงครั้งเดียวของเครื่องมือสื่อสารทำให้รู้ว่ามีคนส่งข้อความมา ผมเปิดอ่านด้วยความสงสัยแต่แล้วภาพที่แนบมาทำเอาผมถึงกับต้องรีบขยายมันออกโดยด่วน


ภาพที่ส่งมาเป็นภาพของต้นว่านขณะที่กำลังเดินอยู่บนเวทีขนาดใหญ่ และคนส่งภาพนี้มาให้คือบอล เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของต้นว่าน


ตั้งแต่แลกเบอร์กับเพื่อนๆ ของต้นว่านเมื่อคราวก่อนนั้นจนกระทั่งตอนนี้ พวกเราก็ยังไม่เคยได้ติดต่อกันเลยสักครั้ง ด้วยความสงสัยผมจึงส่งข้อความกลับไปถามว่าต้นว่านมีงานแสดงอะไรหรือเปล่าถึงได้ขึ้นไปอยู่บนเวทีแบบนั้น แต่คำตอบที่ได้ทำเอาดวงตาผมเบิกกว้างขึ้นก่อนจะหรี่ลงอย่างรวดเร็ว


‘เดือนหน้าเป็นงานรับปริญญาของพวกเราครับ’


นั่นคือข้อความที่บอลส่งกลับมา


ผมแปลกใจที่ต้นว่านไม่ได้เล่าให้ฟัง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็สัญญากันไว้แล้วแท้ๆ ว่าจะให้ผมไปด้วย ...หรือว่าอีกฝ่ายจะลืมสัญญานั่นไปแล้ว



ผมได้แต่คิดเรื่องนี้ตลอดทั้งวันไม่ว่าจะเป็นตอนทำความสะอาดกรง ตอนที่พามะนาวออกไปวิ่งเล่น หรือแม้แต่ตอนเช็ดตัวลูกสุนัขที่ตอนนี้เริ่มเดินได้ จนกระทั่งต้นว่านกลับมาก็ยังคิดเรื่องนี้อยู่ในหัวตลอด


“พี่ใบไผ่ วันนี้ผมทำกับข้าวไม่อร่อยเหรอครับ” เด็กหนุ่มตรงหน้าถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล คงเป็นเพราะผมยังคิดมากเรื่องนี้อยู่เลยทำให้กินมื้อเย็นน้อยกว่าปกติ


“เปล่า คือพี่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะ” ผมปฏิเสธไป


“เรื่องงานเหรอครับ”


“ก็ไม่เชิง” จะบอกได้ยังไงละว่าเป็นเรื่องของคนตรงหน้านั่นแหละ


“แปลว่าช่วงนี้พี่คงไม่ว่างใช่ไหมครับ” แม้ต้นว่านจะเอ่ยเสียงเบาแต่ผมกลับได้ยินคำถามนั้นอย่างชัดเจน


“ว่างสิ....ทำไมเหรอ” หรือที่ต้นว่านถามนี่เพราะกำลังจะบอกผมใช่ไหม ...เรื่องงานรับปริญญาเดือนหน้านั่นน่ะ


“คือ...พี่อาจลืมไปแล้ว แต่ผมเคยสัญญาไว้...”


ผมอยากจะส่ายหัวออกไปแรงๆ ว่าไม่ได้ลืมแต่ก็กลัวอีกฝ่ายจะรู้เลยได้แต่นิ่งไว้


“คือเดือนหน้าผมจะรับปริญญาแล้ว พี่จะไปได้ไหมครับ”


“ไปสิ...ไปแน่นอน!” ผมตอบเสียงดังจนเหมือนกับจะตะโกน พร้อมส่งยิ้มกว้างจนอีกฝ่ายสะดุ้ง แต่ตอนนี้ผมไม่สนหรอก ในที่สุดต้นว่านก็ไม่ได้ลืมสัญญาที่ให้ไว้จริงๆ ด้วย


“ผมจะรอนะพี่ใบไผ่” รอยยิ้มที่ส่งตอบมาทำให้หัวใจผมเริ่มเต้นเร็วขึ้น ความสุขที่มีมันมากจนแทบทะลัก




เดือนต่อมาหรือก็คือวันรับปริญญาของต้นว่าน ทั้งที่ผมตั้งหน้าตั้งตารอมาตลอดแต่พอถึงวันจริงก็ดันมีเรื่องเข้ามาขัดจนได้ เรื่องที่ว่าก็คือการประชุมของบริษัทนั่นเอง ถึงจะอยากเลื่อนวันประชุมออกไปมากแค่ไหนก็ไม่สามารถทำได้เพราะเป็นการประชุมว่าด้วยเรื่องของการเซ็นสัญญากับเหล่าบริษัทคู่ค้าในต่างประเทศที่มีกำหนดในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และเพราะแบบนั้นผมถึงได้นั่งกอดอกกระดิกขาไปมาด้วยอารมณ์ที่เริ่มคลุกกรุ่นจากความหงุดหงิด


ผมไม่ได้หงุดหงิดที่ต้องมาประชุมในช่วงเช้า แต่เพราะมีนัดไปงานรับปริญญาของต้นว่านเลยอยากรีบจบการประชุมนี่ให้เร็วที่สุด แต่ทว่า...


“บริษัทมาแตงของฝรั่งเศสเราควรตัดการเซ็นสัญญาออกไปดีกว่า จากการร่วมงานตลอดปีก็พอรู้แล้วนี่ว่าเป็นยังไง ขนส่งสินค้าให้ก็ช้าแถมยังมาเร่งบริษัทเราอีก” หัวหน้าฝ่ายต่างประเทศแทบจะตบโต๊ะเมื่อกล่าวถึงข้อมูลนี้ และแน่นอนว่าคนคนนี้ก็เป็นหนึ่งในเลขาผมเหมือนกัน ...คุณเปรมฤดี ศรีรัตรนหรือเปรม


เลขาของผมทุกคนมักจะพ่วงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายกันหมดที่ทำแบบนี้เพราะทำให้สามารถสอบถามข้อมูลของแต่ละแผนกได้โดยไม่ต้องวิ่งไปถามหัวหน้าฝ่ายให้เสียเวลาไปเปล่าๆ แต่การที่มีเลขาพ่วงตำแหน่งอื่นก็มีข้อเสียหลายๆ เลยอยากจะหาคนมารับตำแหน่งเลขาอีกสักคน ซึ่งก็มีเล็งๆ ไว้แล้วล่ะ...


นักศึกษาที่พึ่งจบใหม่...อย่างต้นว่านไงล่ะ


ดูจากไหวพริบและการวิเคราะห์ข้อมูลถือว่าเยี่ยมยอด เอามาฝึกงานสักระยะก็เรียกใช้ได้เลย


“ฉันไม่เห็นด้วยนะ การที่เราลดการเซ็นสัญญาจะทำให้กำไรของบริษัทตกไป จริงอยู่ที่ทางบริษัทมาแตงอาจนำสินค้ามาให้ช้าแต่พวกเราก็สามารถขนส่งสินค้าได้สำเร็จนี่” จาตุรงค์ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายโลจิสติกส์พ่วงตำแหน่งเลขาออกความเห็นบ้าง


ตอนนี้ห้องประชุมบนชั้น 6 แทบลุกเป็นไฟเมื่อเปรมกับรงมีความเห็นไม่ตรงกัน ทั้งที่ปกติสองคนนี้ออกจะเข้ากันได้ดีแท้ๆ
โอ้ย...นี่ผมรีบนะ


“คุณจาตุรงค์เอาแต่คิดถึงกำไรมากเกินไปนะคะ การที่เราไม่ต่อสัญญากับมาแตงไม่ได้ทำให้กำไรบริษัทลดลงแน่นอนเพราะมีอีกตั้งหลายบริษัทที่อยากมาเซ็นสัญญากับบริษัทเรา” เปรมค้านขึ้นมาทันควัน


“คุณเปรมฤดีก็ใจแคบเกินไปนะครับ แค่การนำสินค้ามาส่งช้า หากเราบอกทางมาแตงไป เขาก็สามารถจัดการได้อยู่แล้ว...”


“แล้วเราบอกไปกี่ครั้งแล้วล่ะ เราบอกมาทั้งปีแล้วยังไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นเลย”


“หยุด หยุดแค่นั้นแหละทั้งคู่!” สุดท้ายคนที่ทนไม่ไหวก็คือผมเอง ขืนปล่อยให้เถียงกันแบบนี้คงได้ไปงานรับปริญญาต้นว่านสายแน่


“แต่ประธาน.../บอสคะ...” ขนาดเรียกยังพร้อมกันเลย


“ผมมีนัดต่อ ไม่ได้ว่างมาฟังพวกคุณเถียงกันหรอกนะ”


สีหน้าของทั้งคู่สลดไปทันที แม้จะน่าสงสารแต่ตอนนี้ต้องรีบจบการประชุมที่ดูหาสาระไม่ได้นี่เสียก่อน


ถ้ารู้ว่าประชุมด่วนนี่คือการมานั่งเถียงกันอยู่เป็นชั่วโมงผมคงไม่เข้าหรอก


“ผมขอสรุปเลยละกัน เราจะหยุดเซ็นสัญญากับบริษัทมาแตง...”


“เยส!” เปรมฤดีถึงกับตะโกนขึ้นด้วยความดีใจ


อย่าได้แปลกใจที่พนักงานบริษัทผมเป็นแบบนี้ ผมเป็นคนบอกให้ทุกคนแสดงตัวตนของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ เมื่อเราเข้ามาอยู่ในบริษัทก็เหมือนกับมีครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีอะไรต้องบอกต้องช่วยกัน


เพียงแต่คำสั่งของหัวหน้าครอบครัวหรือประธานบริษัทอย่างผมถือเป็นที่สุด


“ผมหมายถึงหยุดเป็นการชั่วคราว ถ้าทางบริษัทมาแตงอยากเซ็นสัญญากับทางบริษัทเราอีกก็ต้องมีข้อบังคับและสัญญาที่ชัดเจนกว่าเดิมเพื่อที่เราจะได้ควบคุมคุณภาพของการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนเรื่องบริษัทอื่นๆ ก็เอาตามที่เสนอกันมาก่อนหน้านี้เลย จบการประชุม”


เมื่อพูดจบผมก็แทบจะวิ่งออกจากห้องประชุมไปยังรถของตัวเองทันที แต่ถึงจะรีบก็ยังไม่ลืมดอกไม้ช่อใหญ่ที่ถูกจัดแต่งอย่างประณีตสำหรับมอบเป็นของขวัญจบการศึกษาให้กับต้นว่าน



บรรยากาศทั้งในและนอกรั้วของมหาวิทยาลัยเป็นไปอย่างคึกคัก นอกจากจะมีเหล่านักศึกษามากมายแล้วยังเต็มไปด้วยร้านค้า ทั้งขายดอกไม้ ตุ๊กตา สายคาดและอื่นๆ อีกหลายร้าน แม้แต่ร้านอาหารยังมีมาตั้งเลย


“เลยเวลารับมาแล้วนี่นา...” ผมถอนหายใจออกมา ขนาดรีบสุดๆ แล้วยังมาไม่ทันดูต้นว่านรับปริญญาอีก แต่ไม่เป็นไรอย่างน้อยก็ขอเอาช่อดอกไม้นี่ไปให้พร้อมคำอวยพรละกัน


พูดแบบนั้นก็จริงแต่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ต้นว่านอยู่ไหน...


“ไอ้ว่าน! มาถ่ายรูปรวมกัน!” เสียงตะโกนที่ฟังดูคุ้นๆ ว่าจะเป็นเสียงเพื่อนสักคนของต้นว่านเรียกให้ผมเดินตามไป และเจอกับกลุ่มของนักศึกษาที่มีเหล่าผู้ปกครองล้อมรอบอยู่ ชุดจบการศึกษาสีฟ้าทองดูเข้ากับอีกฝ่ายมากจนเผลอยิ้มออกมา


จะเข้าไปตอนนี้ดีไหมนะหรือควรรอก่อนดี


“โอ๊ะ...นั่นพี่ไผ่นี่นา พี่ไผ่ครับ!” เสียงตะโกนเรียกดังลั่นทำเอานักศึกษาที่อยู่รอบๆ หันมามองผมเป็นตาเดียว


“เอ่อ...เรียกดังเกินไปแล้ว” ผมบ่นอุบอิบพลางก้าวยาวๆ เข้าไปหากลุ่มเด็กที่หันมาหา


ต้นว่านเองเมื่อเห็นผมก็ส่งยิ้มมาให้ทำเอาหัวใจเต้นแรงเลยล่ะ


“โหย ดอกไม้ช่อใหญ่มาก ของผมสินะ” บอลถามด้วยแววตาเป็นประกาย


“ฝันอยู่สินะไอ้บอล” กันหันไปตบหัวคนพูดประโยคเพ้อฝันเป็นการเตือน


“คิกๆ  พี่มีให้ทุกคนแหละ แต่ช่อใหญ่นี่...ยินดีด้วยที่จบการศึกษานะต้นว่าน” ผมบอกพร้อมกับยื่นช่อดอกไปสีขาวแซมสีอื่นๆ ไปให้ต้นว่านพร้อมรอยยิ้มกว้างเพื่อแสดงความยินดีในวันพิเศษ


“ขอบคุณครับพี่ใบไผ่ ผมดีใจมากที่พี่มา” คนรับช่อดอกไปตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มเช่นกัน


“อิ้ววว~ ไอ้ว่านเรายิ้มไม่หุบเลยวุ้ย” เสียงแซวนี้มาจากเป้ยเพื่อนอีกคนของต้นว่าน


“ไม่หุบบ้าอะไร” คนถูกพาดพิงหันไปบ่นเพื่อนตัวเอง


“พี่ใผ่แล้วของพวกผมล่ะ” เพื่อนสนิทของต้นว่านที่ชื่อน้ำถามพร้อมแบมืออกมาเตรียมรับของ


“น้ำ เสียมารยาทน่า พี่ไม่ต้องให้ก็ได้นะครับ” ต้นว่านรีบเข้ามาจัดการเพื่อนตัวเองแทบจะทันที


“ไม่เป็นไรๆ พี่มีให้จริงๆ อ่ะ...” พูดจบก็หยิบดอกไม้ที่ทำจากธนบัตร 1,000 ออกมาจากถุงแล้วยื่นให้กับเพื่อนสนิทของต้นว่านทีละคน


“ขอบคุณครับพี่ไผ่!” เด็กทั้งสี่คนตอบรับหน้าบานด้วยความดีใจสุดๆ


ผมถึงกับหลุดขำออกมาเมื่อเห็นใบหน้าพวกนั้น ดูจะดีใจมากยิ่งกว่าตอนสอบเข้าได้อีกมั้งเนี่ย


“พี่ใบไผ่ นั่น...”


“ไม่เอาสิ วันรับปริญญาทั้งทีอย่าบ่นพี่เลย...นะ” คนที่รู้ตัวว่ากำลังจะมีคำบ่นตามมารีบยกมือขึ้นปิดปากอีกฝ่ายเบาๆ 


ต้นว่านคงไม่พอใจที่ผมให้เป็นเงินถึงแม้ว่ามันถูกพับเป็นดอกกุหลาบก็ตาม ผมคิดว่าให้แบบนี้ดีกว่าให้ดอกไม้ธรรมดาเพราะเมื่อเวลาผ่านไปมันก็จะแห้งเหี่ยวเฉาลง อันที่จริงในช่อดอกไม้ของต้นว่านเองก็มีนะแต่ผมให้ทางร้านใส่หลบๆ เอาไว้


“ก็ได้ครับ”


ในที่สุดอีกฝ่ายก็ยอมจำนน


“ต้นว่าน” ผมหันไปมองตามเสียงของผู้หญิงวัยกลางคนที่เรียกต้นว่านด้วยความสนใจ และเห็นคนสี่คนเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม ไม่ต้องถามก็พอเดาได้ว่าพวกเขาคือครอบครัวของต้นว่าน


“พ่อ แม่ ไงดา ผา..” ต้นว่านขานรับพร้อมเดินเข้าไปกอดพวกเขาด้วยรอยยิ้ม


“ยินดีด้วยที่เรียนจบ!” ทั้งครอบครัวพูดขึ้นพร้อมกัน


“ครับ ขอบคุณมากครับ”


“จ้า ว่าแต่ช่อดอกไม้สวยๆ นี่ใครให้มา คงไม่ใช่แฟนลูกใช่ไหม”


คำถามนั้นทำเอาคนให้อย่างผมสะดุ้งพร้อมใบหน้าที่เห่อแดงเล็กน้อย


แฟนเหรอ...


“ไม่ใช่ครับแม่ ผมขอแนะนำนะ คนนี้คือพี่ใบไผ่ที่จ้างผมไปดูแลบ้านครับ” ต้นว่านแนะนำพลางเบนสายตามาหา ทุกคนหันมามองผมอย่างพร้อมเพรียงกัน


“ว้าว เทพบุตรของหนู” เด็กสาววัยรุ่นที่คาดว่าเป็นน้องของต้นว่านวิ่งเข้ามาหาผมด้วยใบหน้าแดงๆ


“สวัสดีครับ พี่ชื่อใบไผ่...”


“หนูชื่อแก้วมุกดา เรียก ‘ดา’ ก็ได้ค่ะ พี่ทั้งหล่อทั้งสวยเลย...น่ารักจังค่ะ”


“ขอบคุณ” สรุปว่าที่พูดมาคือผมหล่อ สวย หรือว่าน่ารักล่ะ ...ทั้งสามคำไม่น่าจะเอามารวมกันได้มั้ง


“เดี๋ยวเถอะดา อย่าเสียมารยาทกับผู้ใหญ่สิ สวัสดีจ้ะ ขอบใจที่เอ็นดูต้นว่านลูกชายป้านะ” คุณแม่ของต้นว่านดึงลูกสาวตัวเองให้ถอยหลังก่อนจะเดินมาทักทาย


“ผมขอเรียกคุณน้าได้ไหมครับ เพราะยังดูสาวอยู่เลย” ผมพูดพร้อมรอยยิ้ม


“แหม...พ่อหนุ่มนี่ละก็ มาเป็นลูกเขยบ้านน้าไหมล่ะ” คุณแม่ของต้นว่านเกือบจะอายม้วนแต่ก็ยังเอ่ยแซว


“นี่คุณ พูดอะไรแบบนั้นกัน ขอโทษด้วย...ลูกชายฉันคงสร้างเรื่องให้เธอเยอะเลย ยังไงก็ขอฝากเขาด้วยนะ” คุณพ่อของต้นว่านเดินมาทักทายบ้าง


“ผมสิสร้างเรื่องให้เขาตลอด ถ้าไม่มีต้นว่านผมคงแย่”


“ได้ยินแบบนั้นฉันก็ดีใจ ผาทักทายพี่เขาหน่อยสิ”


“สวัสดีครับผมชื่อจันผา เรียก ‘ผา’ ก็ได้ครับ” เด็กผู้ชายตรงหน้าดูจะเป็นพวกขี้อายเพราะแทบจะไม่สบตาเลยระหว่างพูด


“สวัสดีครับ เรียกพี่ไผ่ก็ได้นะ” ผมทักทายตอบด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม


“ครับ พี่ไผ่”


น้องผาเหมือนต้นว่านที่อยู่ในร่างเด็กน้อยน่ารักเลย


“ตอนผมเป็นเด็ก ผมไม่ได้น่ารักเหมือนผาหรอกนะ” เหมือนถูกรู้ทัน ต้นว่านพูดขึ้นโดยใช้สายตามองมายังผมประมาณว่า...‘ผมรู้นะว่าพี่คิดอะไร’


“เหรอ... แต่ตอนนี้เราน่ารักสำหรับพี่นะ” อีกฝ่ายเบนหน้าหนีเมื่อได้ยินสิ่งที่บอกออกไป


อ้าว...หันหน้าหนีกันทำไมล่ะ


“ต้นว่าน?”


“...”


“นี่...ต้นว่านครับ” ผมเรียกซ้ำเมื่ออีกฝ่ายยังไม่ยอมหันมาหาสักที “ต้น...”


“พอเลยครับ อย่าได้เรียกผมด้วยน้ำเสียงที่กำลังจะทำเชียว” ต้นว่านหันมาทำหน้าเข้มใส่ รู้ทันอีกว่าผมกำลังจะใช้เสียงอ้อนๆ


“ทำไมล่ะ”


“พี่ใบไผ่”


“ก็พี่อยากรู้นี่” ถึงจะทำสายตาน่ากลัวก็ไม่กลัวหรอกนะ


“ผมไม่คุยกับพี่แล้ว แม่ครับ...เรามาถ่ายรูปกัน” พูดจบอีกฝ่ายก็เดินไปหาแม่ตัวเอง ทิ้งให้ผมยืนอยู่คนเดียว


“หนีกันตลอด”


“คุณดูไม่เหมือนกับนายจ้างในแบบที่ฉันคิดไว้เท่าไหร่” ผมยิ้มเกร็งๆ ให้กับคำพูดของคุณพ่อต้นว่าน


นี่เห็นหมดแล้วสินะ...น่าอายจัง


“อยู่กับต้นว่านทีไร ผมก็มักเป็นแบบนี้แหละครับ เป็นนิสัยที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมี” ผมพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ


“ต้นว่านเองก็เหมือนกัน”


“ครับ?” อะไรกันที่ว่าเหมือน


“ตอนที่เขาอยู่กับคุณก็ไม่เหมือนตอนอยู่กับฉันหรือคนอื่นในบ้าน”


ผมเงยหน้าขึ้นไปสบกับดวงตาสีน้ำตาลอย่างไม่เข้าใจ


“บางทีคุณกับต้นว่าน...อาจจะใจตรงกันก็ได้นะ” พอพูดจบอีกฝ่ายก็เดินไปหาคนที่กำลังผลัดกันถ่ายรูป ปล่อยให้ผมยืนงงกว่าเดิมว่าสิ่งที่ได้ยินหมายความว่ายังไง


“ฮะ?”


“พี่ไผ่มาถ่ายรูปด้วยกันนะคะ” เสียงของดาดังขึ้นพร้อมกับมือที่คว้าตัวผมไปถ่ายรูป


ไม่ใช่แค่ดาเท่านั้น แต่คณะเพื่อนของต้นว่านก็พากันมาถ่ายด้วย ภาพถ่ายหมู่ในพิธีจบการศึกษาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสนุกสนาน


ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่ในหัวผมยังคงงงอยู่และงงต่อไปตลอดงานรับปริญญานั่นแหละ


ที่คุณอาพูดนี่หมายความว่าอย่างไรกันแน่นะ?

............................................................
สวัสดีค่ะ

อัพต่อเรียบร้อบ

มีคอมเม้นท์บอกว่าชื่อลูกมะนาวมีแต่ต้นๆทั้งเลย

เราอยากบอกว่าตัวเราค่อนข้างชอบชื่อพวกนี้แต่เวลาเรียกจริงอาขสับสนไปบ้างแหละเนอะ555

มีอีกคอมเม้นท์นึงที่อยากรู้เพศของลูกๆที่เกิดมาทั้งตัว

ต้นสน(สีดำล้วน)-เป็นตัวผู้

ราตรี(สีขาวน้ำตาลคล้ายมะนาว)-เป็นตัวเมีย

ต้นโมก(สีข้าวล้วน)-เป็นตัวเมียเช่นกันค่ะ

ตอนหน้ามาดูกันว่าใบไผ่จะทำยังไงเพื่อให้ได้ตัวต้นว่านเข้ามาอยู่ในบริษัท

ขอบคณทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังใจนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า

บ๊ายบาย^^

-Rewrite- >> สำหรับเรื่องพบรักตอนนี้กำลังมีการเปิดพรีออเดอร์อยู่นะคะหากสนใจสามารถเข้าไปสั่งซื้อกันได้ค่ะ >> www.bookishhouse.comหรือเข้าไปอ่านรายละเอียดในเพจเราได้ค่ะ

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่8×▪ ◣ P.4 29/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 29-10-2016 16:27:19
คุณพ่อรู้ใจลูกชายใช่ไหม ถึงได้พูดแบบนี้

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่8×▪ ◣ P.4 29/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-10-2016 17:11:25
 o13
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่8×▪ ◣ P.4 29/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: darksnow ที่ 29-10-2016 18:19:23
คุณอาดูออกสินะ พี่ใบไผ่ก็ชอบต้นว่าน ต้นว่านก็ชอบแต่ก็น่าจะละไว้ เพราะต่างคนต่างก็กลัว ว่าอีกฝ่ายจะคิดไงสินะ ต้นว่านเรียนจบแล้ว อิอิพี่ใบไผ่เรียกมาเป็นเลขาเลย ต้นว่านก็ย้ายมาเลยๆ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่8×▪ ◣ P.4 29/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 29-10-2016 19:12:57
น่ารัก
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่8×▪ ◣ P.4 29/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 29-10-2016 20:03:05
ใบไผ่น่ารักมุ้งมิ้งมากเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่8×▪ ◣ P.4 29/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 29-10-2016 20:09:06
ครอบครัวๆ ดี้ดี
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่8×▪ ◣ P.4 29/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 29-10-2016 20:11:28
แบบนี้จะเรียกส่า ทางสะดวก ได้รุป่าวนะ
5555555 คือแบบคุณอาซึ่งก้คือพ่อต้นว่านเป็นคนพูดออกมาเองนั่สิ
คุณกับต้นว่านอ่จจะใจตรงกันก้ได้
แหมม ก่อนหน้านี้พี่ใบไผ่เอาคำว่าครอบครัวมาย้ำเพื่ออะไร ก้หม่ยถึงอันนั้นแหละค่ะ
เขินกันไปเขินกันมา สุดท้ายก้ขาดกันไม่ได้
ไม่มีดราม่าครอบครัวแน่นอนน คุณพ่อไฟเขียวขนาดนี้
รอค่าาา
ปล.พี่ใบไผ่น่ารักกอะ แอบมีโหดๆกับลูกน้องหน่อยๆ5555
ปล2.ต้นว่านตอนเขินนี่น่ารักกกกกกกมากกอะ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่8×▪ ◣ P.4 29/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 29-10-2016 20:20:13
พี่ใบไผ่ดูท่าจะติดต้นว่านน่าดู
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่8×▪ ◣ P.4 29/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 29-10-2016 20:47:28
เนื้อเรื่องดูขัดๆนะ ตอนบนยังบอกอยู่เลยว่าเพิ่งสอบเสร็จไม่มีเรียนแต่พอมาอ่านข้างล่างกำลังจะรับปริญญา
แต่จบไวๆก็ดีอยากให้ว่านไปเป็นเลขาพี่ไผ่
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่8×▪ ◣ P.4 29/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 29-10-2016 21:18:22
เพิ่งได้มาอ่านสนุกมากเลยคับ อ่านรวดเดียวถึงตอนล่าสุดเลย หยุดไม่ได้จริงๆ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ที่ทำให้คนอ่านมีความสุขนะคับ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะติดตามแน่นอน รอตอนต่อไป..
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่8×▪ ◣ P.4 29/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 29-10-2016 21:29:24
 o13
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่8×▪ ◣ P.4 29/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 30-10-2016 00:40:08
                         :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
        งานพ่อตาก็มางานนี้ไม่ห่วงลูกด้วยสงสัยมาม่าเรื่องครอบครับรับไม่ได้คงไม่มีแน่ๆงานนี้ฟินต่อยาวๆ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่8×▪ ◣ P.4 29/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 30-10-2016 18:59:25
พึ่งมาอ่านคร้าาาาา อยากอ่านต่อจังเลย
คุณแม่คุณะอมีความชง >\\\\\<
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่8×▪ ◣ P.4 29/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 30-10-2016 23:15:58
 :impress3: น่ารักจังเลย ทำไมคุณพ่อถึงได้เซนส์ไวเชียว ผิดกับเด็ก ๆ เลยที่ยังงง ๆ กับตัวเองอยู่  :katai3: อยากอ่านตอนหน้าเร็ว ๆ จังเลย  :mew1:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่8×▪ ◣ P.4 29/10/59
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 31-10-2016 00:34:30
ทางสะดวกกกกกก~ :hao7:
หัวข้อ: Re:-Reerite- ◢ พบรัก ▪×วันที่9×▪ ◣ P.4 21/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 05-11-2016 13:56:44
-Rewrite- พบรัก ▪×วันที่9×▪




ช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์หลังจากงานรับปริญญาเป็นช่วงที่ผมต้องเค้นสมองอย่างหนักเพื่อหาคำตอบว่า ‘ทำอย่างไรจึงจะสามารถดึงคนมากความสามารถให้เข้ามาทำงานในบริษัทได้’


ถึงจะเป็นเจ้าของบริษัทก็ใช่ว่าจะรับใครก็ได้ตามอำเภอใจ ทุกอย่างต้องผ่านกระบวนการคัดเลือกอย่างถูกต้องและยุติธรรมที่สุด และเพื่อที่จะทำแบบนั้นได้ผมจึงเรียกประชุมฉุกเฉินโดยมีเพียงเลขาทั้งห้าคนเท่านั้น เมื่อมีแค่ไม่กี่คนจึงได้ใช้ห้องประชุมเล็กที่อยู่ข้างห้องทำงานที่ไม่ค่อยได้ใช้


“มากันครบแล้วสินะ” ผมพูดพลางมองไปยังเลขาทั้งห้าคนที่นั่งอย่างเป็นระเบียบ


“น่าแปลกที่บอสเป็นคนเรียกประชุมนะคะ” แก้วนภา หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์เอ่ยแซว


“จริง แถมยังเป็นประชุมฉุกเฉินอีก” พรจิราพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย


“เลิกคุยน่า” ชินภัทรหันไปปรามผู้หญิงทั้งคู่ที่หัวเราะคิกคัก


“ผู้หญิงก็แบบนี้แหละน่า ทำใจเถอะชิน” ส่วนจาตุรงค์ก็พูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย


“แบบนี้คือแบบไหนเหรอคุณจาตุรงค์” เปรมฤดี ผู้หญิงคนสุดท้ายของห้องหันไปถามเสียงเข้ม


“พอเท่านั้นแหละ วันนี้ผมมีเรื่องจะปรึกษาหน่อย” ผมรีบเข้าเรื่องก่อนที่จะเกิดสงครามระหว่างฝ่ายขึ้น ฝ่ายที่ว่าไม่ใช่ฝ่ายของสายงานแต่เป็นฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย


“ได้เลยค่ะบอส” เสียงตอบของจิราดังนำหน้าคนอื่นๆ


“พวกคุณคิดยังไงถ้าผมจะเปิดรับสมัครพนักงานเพิ่ม?” มาแต่เนื้อ น้ำๆ ไม่ต้อง


“พนักงาน? ก็ดีนะครับประธาน ตอนนี้ฝ่ายผมคนไม่ค่อยพอด้วยอยากได้เพิ่มอีกสัก 10 คน” หัวหน้าฝ่านขนส่งเห็นด้วยสินะ


“10 คน? เยอะไปมั้งแค่ขับรถ ขับเครื่องบิน ขับเรือมันใช้คนเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ” เสียงหวานๆ ของหัวหน้าฝ่ายต่างประเทศค้านขึ้นมาทันที


เอ...ผมว่าสองคนนี้เคยสนิทกันนะ


“พวกเขาไม่ถูกกันเมื่อประมาณครึ่งปีก่อนครับคุณกิต” ชินหันมากระซิบให้ฟัง


“เกิดอะไรขึ้น?”


“เห็นว่าทะเลาะกันเรื่องไข่ดาวครับ”


“ไข่ดาว?” มันมีเรื่องให้น่าทะเลาะกันด้วยรึไง


“พวกเขาเถียงกันว่าอะไรที่เหมาะจะกินกับไข่ดาวที่สุด รงบอกว่าซอสแม๊กกี้ ส่วนเปรมบอกว่าซอสมะเขือเทศ ตั้งแต่วันนั้นทั้งคู่ก็ประกาศตัวเป็นคู่กัดกันมาตลอดครับ”


“อะฮึ่ม...เข้าเรื่องกันเถอะ”


ถ้าจะทะเลาะกันด้วยสาเหตุแบบนั้นผมคงช่วยประสานความอะไรไม่ได้นอกจากให้ใส่มันทั้งสองซอสเลย ...อีกอย่างผมชอบกินเปล่าๆ ที่ไม่ใส่ซอสมากกว่า


“ครับคุณกิต”


“ผมอยากรับสมัครเลขาเพิ่มอีกคนด้วย” ผมบอกกับเลขาทุกคน


“เลขาคนใหม่เหรอคะ” แก้วนภาถามขึ้น


“ใช่ แก้วว่ายังไงล่ะ”


“ดีเลยคะ ดิฉันเห็นด้วยว่าบอสควรมีเลขาส่วนตัวสักคน”


“แล้วคนอื่นว่ายังไงล่ะ” ผมหันไปถามความเห็นกับคนที่เหลือ


“ไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธ การมีเลขาเพิ่มมันดีกับประธานด้วย” รงเป็นอีกคนที่เห็นด้วย ส่วนคนอื่นๆ ก็พยักหน้าตามๆ กัน ดังนั้นข้อสรุปนี้ถือเป็นเอกฉันท์


“งั้นก็ช่วยทำประกาศรับสมัครด้วยละจิรา วุฒิขั้นต่ำคือปริญญาตรีนะ” ผมหันไปบอกหัวหน้าฝ่ายบุคคล


“ปริญญาตรี? ไม่เอาปริญญาโทเหรอคะ?”


“เราอาจได้คนมีความสามารถจากปริญญาตรีก็ได้ พวกคุณก็น่าจะรู้ว่าวุฒิที่ได้เมื่อเข้ามาทำงานแล้วมันก็เป็นแค่เศษกระดาษเท่านั้น” ที่พูดแบบนี้เพราะหัวหน้าฝ่ายที่นั่งอยู่ตรงนี้ล้วนจบปริญญาตรีมาทั้งสิ้น


สำหรับผมไม่ได้มองคนที่ปริญญาแต่เป็นความสามารถที่อยู่ภายใน


“ตามนั้นเลยค่ะบอส”


“แล้วก็สมัครคนของฝ่ายขนส่งเพิ่มด้วย” ผมเพิ่มเติม


“ได้จริงเหรอครับ” รงถึงกับตาลุกวาวด้วยความดีใจ


“ได้สิ ฝ่ายไหนที่ขาดคนก็ไปบอกกับจิราจะได้เปิดรับสมัครพร้อมๆ กันไปเลย”


“เยี่ยมเลย!”


“รักบอสมากค่ะ!” เสียงโห่ร้องและเสียงชื่นชมดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจนผมหลุดขำออกมา


เลขาทั้งห้าคนนี่แปลกๆ ทั้งนั้น แต่ถึงจะเป็นกันแบบนี้ในตอนที่จำเป็นก็สามารถคาดหวังผลงานได้ และพึ่งพาได้สุดๆ


หลายวันผ่านไป ข่าวการประกาศรับสมัครพนักงานของบริษัทศิริวัฒนิวงศ์ถูกเผยแพร่ทั้งทางอินเตอร์เน็ตและตามสื่อต่างๆ ส่วนผู้ริเริ่มให้เปิดสมัครอย่างผมนั้นก็ได้แต่ใช้หัวคิดว่าจะทำให้ต้นว่านรู้ข้อมูลรับสมัครงานนี้ได้อย่างไร




หลังจากที่ไม่ได้แวะมาคอนโดเสียนาน พอประชุมเช้าที่บริษัทเสร็จแล้วผมก็รีบตรงกลับมานอนพักผ่อนทันที และเมื่อได้เวลาก็ขับรถกลับไปที่บ้านหลังเดิม...หลังที่มีครอบครัวรออยู่


หงิ๋ง~


บรู๊ววว~


ยังไม่ทันได้ลงจากรถ ทั้งเสียงครางและเสียงหอนก็ดังลั่นพร้อมกับสุนัขทั้ง 4 ตัวที่กระโดดมาเกาะรั้วเหล็กจนเกิดเสียงดัง เหล่าลูกสุนัขที่หัดเดินในวันวาน วันนี้กลับวิ่งเร็วยิ่งกว่าลมกรดจะจับแต่ละทีก็ลำบากซะเหลือเกิน


“ต้นว่าน!” ผมตะโกนเรียกคนดูแลบ้านที่น่าจะอยู่ไม่ไกลสุดเสียง


“ครับ มีอะไรครับพี่ใบไผ่” อีกฝ่ายวิ่งออกมาพร้อมกับคำถามที่ทำผมคิ้วกระตุก


ก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าเรียกมาทำไม แต่ที่ทำแบบนี้จะแกล้งกันสินะ


“พาพวกมะนาวเข้าบ้านไปก่อน” ผมบอกเสียงเข้ม


“อะไรครับ นี่พี่ยังไม่เลิกกลัวอีก?”


“ใครจะไปเลิกกลัวได้ง่ายๆ กัน” ผมกลัวสุนัขมาทั้งชีวิตแค่อยู่ร่วมบ้านกันได้ก็ถือว่าดีเท่าไหร่แล้ว จริงอยู่ที่ความกลัวที่มีมันลดลงไปมากแต่จะให้หายขาดเลยนี่เป็นไปได้ยากโดยเฉพาะเวลาที่ถูกสุนัขทั้งสี่ตัวเข้ามาห้อมล้อม


ถึงลูกๆ จะตัวเล็กอยู่ก็เถอะ แต่เข้ามารุมพร้อมกันก็ไม่ไหวอยู่ดี


“ผมต้มน้ำไว้ ขอไปจัดการก่อนนะครับ” พูดจบอีกฝ่ายก็ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ ก่อนจะหันหลังตรงเข้าบ้านปล่อยผมไว้หน้ารั้วกับสุนัขอีกสี่ตัว


“ต้นว่าน คนใจร้าย!” ผมตะโกนตามไปสุดเสียง


ให้ตายสิ! ต้นว่านคิดจะให้ผมฝ่าดงสุนัขเข้าไปจริงๆ ใช่ไหม


ผมทำใจสักพักใหญ่ก่อนจะผลักประตูเข้าไปท่ามกลางแรงกระโดดของสุนัขทั้งสี่ตัว ตัวเล็กๆ อาจไม่เท่าไหร่แต่พอเจอมะนาวกระโดดใส่ผมก็เซไปเหมือนกัน


“โอ้ย! ไม่นะ นั่งลง นั่งลงเดี๋ยวนี้!” ผมสั่งสุนัขที่เข้ามารุมเสียงเข้ม โชคดีที่พวกมันถูกฝึกมาอย่างดีทำให้ทำตามอย่างไม่มีอิดออด เมื่อเห็นโอกาสผมก็รีบจ้ำอ้าวเข้าบ้าน ...ไปดูหน้าคนที่บอกว่าต้มน้ำไว้ซะหน่อย


“ต้นว่าน!” ผมขึ้นเสียงเมื่อสิ่งที่เห็นคือภาพของต้นว่านกำลังนั่งอยู่บนพื้นข้างโซฟา บนโต๊ะตัวเตี้ยข้างๆ กันเต็มไปด้วยวารสารและหนังสือพิมพ์


นี่มันใช่การต้มน้ำรึไง


“พี่ทำได้เห็นไหมล่ะ พี่อย่าเอาแต่ให้ผมช่วยสิ ถ้าวันหนึ่งผมไม่อยู่ขึ้นมาแล้วพี่จะทำยังไง?”


ผมพูดไม่ออกเมื่อได้ยินแบบนั้น ความรู้สึกเจ็บที่หัวใจนี่มันคืออะไร


นั่นสิ...ต้นว่านไม่ได้จะอยู่กับผมไปตลอดนี่นะ


ที่ตอนนี้ยังอยู่เพราะยังหางานไม่ได้


แต่ถ้าหาได้ก็คง...


“พี่ใบไผ่? พี่ทำหน้าแบบนั้นทำไมครับ” อีกฝ่ายดูจะตกใจมากจนรีบลุกขึ้นมาหา


“เราจะไม่อยู่กับพี่แล้วสินะ” รู้สึกเหมือนเสียงที่พูดออกไปมันสั่นจนน่าอายจริงๆ


“พี่...ไม่ใช่นะครับ ผมจะอยู่ดูแลทั้งบ้าน ทั้งพวกมะนาว และก็พี่ไปเรื่อยๆ ไม่ได้ไปไหนสักหน่อย” ต้นว่านรีบอธิบาย


“แต่ถ้าเราทำงานก็คง...”


“ต่อให้ทำงาน พอเลิกงานผมก็จะมาหาพี่ เพราะงั้นอย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้นสิผมใจไม่ดีเลย” ท่าทางของเด็กตรงหน้าดูจะเป็นอย่างที่พูดเพราะมือไม้ต่างยกขึ้นไปมาเหมือนไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดี


“พูดแล้วนะ ห้ามผิดสัญญาด้วย” ผมพูดย้ำ


ไม่รู้ว่าต้นว่านจะได้มาอยู่บริษัทผมอย่างที่ต้องการไหม ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวต้นว่าน ผมจะไม่บังคับอะไรทั้งนั้น ถ้าต้นว่านอยากจะทำอะไรหรือที่บริษัทไหน แม้ไม่ได้อยู่บริษัทเดียวกันอย่างน้อยก็ยังได้สัญญาว่าจะมาหาบ้าง


“ผมสัญญาครับ” เสียงทุ้มรับปาก


“อืม เรากำลังหางานอยู่สินะ” ผมถามพร้อมกับนั่งลงที่พื้นระหว่างโซฟาตัวยาวกับโต๊ะญี่ปุ่นซึ่งตอนนี้มีกระดาษมากมายวางอยู่


“ครับ ขอโทษที่ทำโต๊ะพี่รก ถ้าเสร็จแล้วเดี๋ยวผมจะเก็บให้นะ”


“ตามสบายเลย เอาโน้ตบุ๊กด้วยไหม” ผมไม่รอให้อีกฝ่ายตอบแต่จัดการลุกไปเอาโน้ตบุ๊กที่อยู่ในห้องออกมาแทน


“พี่ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้” อีกฝ่ายบอกด้วยเสียงเกรงใจ


“น่าๆ นั่งลงสิ” ผมตบพื้นพรมสีขาวข้างกายเพื่อให้คนที่ยืนอยู่นั่งลงมา


“ครับ”


“เรามีที่ไหนเล็งไว้รึเปล่า”


“ไม่นะครับ”


“แล้วพวกขอบเขตของงานล่ะ”


“ก็มีนะครับ ผมอยากได้แบบไม่ไกลบ้านแล้วก็ถ้าเป็นไปได้อยากเป็นบริษัทที่มั่งคงหน่อยเพราะผมอยากไปเริ่มต้นแล้วค่อยๆ ไต่ขึ้นไปน่ะครับ”


สิ่งที่ต้นว่านต้องการทำให้ผมยิ้มออกเพราะบริษัทศิริวัฒนิวงศ์ของผมนั้นมีทุกอย่างที่เขาต้องการ ไม่ว่าจะเป็นที่ตั้งของบริษัทที่อยู่ไกลจากนี่ และใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น แถมยังเป็นบริษัทที่มีความมั่นคงสูงเพราะมีการบริหารงานที่ดี อีกทั้งยังมีความน่าเชื่อถือในระดับสูงไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศ


“ยิ้มอะไรของพี่น่ะ” คนข้างกายหันมาถามอย่างงงๆ


“ก็นิดหน่อย”


“หรือพี่มีที่ไหนแนะนำ?”


“พี่แนะนำได้เหรอ”


“ได้สิ” ผมตาลุกวาวทันทีที่ได้ยิน “พี่ว่าให้เราลองหาที่สนใจก่อนดีกว่า” ไม่แน่ว่าต้นว่านอาจเจอบริษัทดีๆ ก็ได้


“ก็ได้ครับ”


หลังจากนั้นต้นว่านก็หยิบเอกสารที่เตรียมมามากมายขึ้นมาทยอยอ่านด้วยใบหน้าจริงจัง คนที่ไม่ได้ทำอะไรแบบผมเลยได้แต่นั่งดูอีกฝ่ายนิ่งๆ ผ่านไปสักสิบนาทีความเบื่อก็เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น ผมเบนตามองไปยังใบหน้าของต้นว่านแล้วไล่ลงมาถึงบริเวณไหล่ ด้วยความที่รู้สึกเบื่อสุดขีดเลยขยับเข้าไปใกล้พร้อมกับวางคางบนไหล่อีกฝ่ายโดยสายตาก็มองไปยังหนังสือพิมพ์ที่ถูกกางไว้ในหน้าเปิดรับสมัครพนักงาน


เฮือก!


“พะ...พี่ใบไผ่” คนด้านหน้าสะดุ้งพลางขยับตัวออกห่างแต่ก็ถูกขยับตามไปเรื่อยๆ


วางคางแบบนี้ก็สบายไปอีกแบบ แม้การกระทำของตัวเองจะทำให้หัวใจที่สงบนิ่งค่อยๆ เต้นรัวขึ้นมาก็ตาม


“บริษัทพวกนี้อย่าไปเลย” ผมบอกให้คนตรงหน้าฟัง


จากที่ไล่สายตาดูชื่อบริษัทต่างๆ ซึ่งปรากฏบนหนังสือพิมพ์นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทขนาดกลางที่มีการเติบโตค่อนข้างช้า การจะสมัครงานควรจะหาจากหลายๆ ทางไม่ใช่แค่หนังสือพิมพ์อย่างเดียว แล้วก็ควรหาข้อมูลของบริษัทที่จะทำอย่างรอบคอบด้วย


“พี่ใบไผ่...”


“ถ้าขยับอีกทีพี่จะไม่ทำแค่วางคางนะ แต่จะกอดคอเลย” ผมพูดเสียงแข็งเมื่อต้นว่านทำท่าจะขยับตัวออกห่าง


ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังแต๊ะอั๋งผู้ชายที่ชอบเลย


ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งมีความสุข


ในตอนที่อยู่กับต้นว่านมันเหมือนเป็นตัวเองในแบบที่ไม่เคยรู้จัก ทั้งที่เป็นแบบนั้นกลับพอใจในตัวตนนี้เอามากๆ ไม่เคยคิดว่าการอ้อนจะทำให้รู้สึกดีขนาดนี้ ท่าทางกระอักกระอ่วนของต้นว่านทำให้ผมยิ้มออก


“แกล้งผมทำไมครับ”


“ไม่ได้แกล้งสักหน่อย” แค่แหย่เล่นเอง


“พี่ทำแบบนี้กับทุกคนเลยรึเปล่า” ต้นว่านนิ่งไปเล็กน้อยตอนพูดประโยคนี้


“ไม่ทำหรอก” อีกฝ่ายยังคงเงียบอยู่ “กับต้นว่านคนเดียวก็พอ...”


พึ่บ!


ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคร่างสูงโปร่งของต้นว่านก็หันมาคว้าตัวผมเข้าไปก่อนแน่น ด้วยความตกใจผมที่ถูกกอดเลยขยับถอยหลังไปแต่กลับสะดุดเข้ากับกองเอกสารที่วางเรียงรายอยู่ทำให้พวกเราหงายหลังลงพื้นพรมไปทั้งคู่


ตึกๆ...ตึกๆ...


เสียงหัวใจไม่ใช่แค่หนึ่งแต่เป็นสองดวงส่งเสียงดังลั่นในไม่กี่วินาทีต่อมา คนที่เป็นฝ่ายเริ่มอย่างผมได้แต่ทำตัวไม่ถูกอยู่ใต้ร่างของต้นว่านที่คร่อมอยู่โดยมือทั้งสองข้างของเขากอดรัดตัวผมไว้แน่น


“ตะ...ต้นว่าน” เสียงที่เรียกออกไปก็สั่นจนน่าอาย


“พี่ใบไผ่ ทำไมชอบทำตัวน่ารัก”


“พี่เปล่า” ใครทำตัวน่ารักกัน?


“ก็ทำอยู่นี่” เสียงทุ้มตอบอู้อี้กลับมา


“ไม่ได้ทำ”


“พี่ใบไผ่ ผมรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์อะไร แต่...”


“แต่อะไร” เขาถามย้ำเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมต่อประโยคนั้นให้จบ


“แต่พี่อย่าไปทำแบบนี้กับใครได้ไหม”


“แบบนี้คือแบบไหนล่ะ”


“อย่าให้ผมต้องพูดสิ” ต้นว่านบอกพร้อมกับซุกหน้าลงบริเวณคอผมมากขึ้น เส้นผมสีดำของอีกฝ่ายคลอเคลียไปมาจนรู้สึกจั๊กกะจี้


“ถ้าไม่พูดพี่จะรู้ไหมล่ะ” มือของผมค่อยๆ เอื้อมขึ้นไปสัมผัสเส้นผมสีดำด้านข้างอย่างเบามือ


“อย่าไปวางคางบนไหล่คนอื่น อย่าไปสัมผัสผมใครอย่างอ่อนโยน อย่าไปสบตาใครด้วยแววตาเว้าวอน และอย่าไปพูดถ้อยคำออดอ้อนให้ใครได้ฟัง” ข้อห้ามมากมายดังกระซิบขึ้นข้างหู ร่างกายถูกกระชับให้แนบสนิทยิ่งขึ้น


 “คำขอของต้นว่าน พี่คง...ทำให้ไม่ได้” แม้จะอยากทำตามที่อีกฝ่ายขอมาแค่ไหนแต่ก็คงทำไม่ได้


“พี่ใบไผ่...”


“พี่ทำไม่ได้เพราะต้นว่านเป็นคนเดียวที่พี่ทำแบบนี้ด้วย” ผมหลับตาลงเมื่อพูดประโยคแสนน่าอายนี้จบ ถ้าต้นว่านคิดสักนิดก็คงจะเข้าใจความหมายที่ผมต้องการจะสื่อออกไป


“พี่ใบไผ่ ที่พี่พูดคือ...”


“ไม่ต้องพูดอะไร พี่อยากให้เรารู้ไว้แค่นั้น เราเป็นคนพิเศษของพี่” ผมไม่อยากเสียต้นว่านไป อยากให้อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปตลอด


“พี่ใบไผ่ก็เป็นคนพิเศษของผมเหมือนกัน” ต้นว่านกระซิบประโยคซึ่งมีความหมายคล้ายคลึงกัน พร้อมกับหัวใจไม่สามารถสงบได้อีกแล้ว


ถึงจะไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง


แต่ที่รู้ตอนนี้คือ...


พวกเราต่างเป็นคนพิเศษของกันและกัน


สัมผัสอุ่นๆ ยามถูกกอดนั้นทำให้รู้สึกดีมาก และยิ่งรู้สึกดีมากกว่าเดิมหลายเท่าเมื่อคนคนนั้นคือต้นว่าน พวกเรากอดกันอยู่แบบนี้ไปสักพักก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายที่ทนไม่ไหว


การอยู่แบบนี้นานๆ มันรู้สึกดีก็ใช่ แต่อย่างไรก็รู้สึกเขินมากกว่า


“เอ่อ...ต้นว่าน”


“ครับ” คนด้านบนขานรับแต่ก็ยังไม่ยอมขยับตัวออกไป


“ลุกไปได้แล้ว” ผมบอกเสียงเบา


“อีกสักพักได้ไหมครับ”


ผมเม้มปากตัวเองแน่นเพื่อไม่ให้เผลอหลุดยิ้มออกมากับคำต่อรองนั่น


“พี่ใบไผ่ คำตอบล่ะครับ”


“ตามใจสิ” ผมไม่สามารถขัดอะไรได้หรอก แค่จะห้ามตัวเองไม่ให้เขินก็ยากเกินพอแล้ว


“พี่มีบริษัทอะไรแนะนำให้ผมเหรอครับ” อีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องทั้งที่ยังไม่ลุกจากตัวผม


“ลุกก่อนสิเราจะได้คุยกัน”


“ลุกก็ได้” สุดท้ายต้นว่านก็ลุกขึ้นไปนั่งบนพรมสีขาวอีกครั้ง ส่วนผมเองก็ลุกตามมาในเวลาไล่เลี่ยกัน




(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: -Rewrite- ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่9×▪ ◣ P.4 21/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 05-11-2016 13:57:17
(ต่อนะคะ)



บรรยากาศเงียบๆ ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปหาอีกฝ่ายก่อนจะพบว่าตอนนี้ต้นว่านหันหน้าหนีอยู่ ทว่าใบหน้าด้านข้างที่แดงขึ้นเล็กน้อยทำให้ผมหน้าขึ้นสีไม่แพ้กัน


“เอ่อ...ใช่ๆ พี่มีบริษัทที่อยากจะแนะนำล่ะ” ผมพูดทำลายความเงียบที่ยาวนานเกินไปพร้อมกับจัดการเปิดโน้ตบุ๊กเพื่อเข้าไปยังเว็บไซส์ของบริษัท ก่อนจะคลิกไปหน้าที่เปิดรับสมัครพนักงานใหม่แล้วเลื่อนให้ต้นว่านได้ดู


“บริษัทศิริวัฒนิวงค์? หมายถึงบริษัทขนส่งอันดับต้นๆ ของประเทศนั่นเหรอครับ” ต้นว่านอ่านข้อมูลไม่นานก็เงยหน้าขึ้นมาถาม


“อ่า...แล้วเป็นไงล่ะ”


“ก็น่าสนใจนะครับ บริษัทนี้ดังมากเลยแต่ผมไม่ค่อยมีข้อมูลเท่าไหร่ ทำไมพี่ถึงแนะนำที่นี่เหรอ” สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยถูกส่งมา


“ก็แบบว่า...” จะพูดยังไงดีล่ะ ให้บอกว่าเป็นเจ้าของก็ไม่ได้อีก


ขืนพูดไปแบบนั้นต้นว่านไม่ยอมมาสมัครแน่


“พี่ทำงานที่นี่สินะ” คำพูดเหมือนสรุปเรื่องทุกอย่างของต้นว่านทำให้ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ความจริงยังไม่ถูกเปิดเผย


“ใช่ๆ” ไม่ได้โกหกนะ ผมทำงานที่นี่จริงๆ แค่พ่วงตำแหน่งประธานบริษัทเข้าไปเท่านั้นเอง


“ถ้าพี่ทำงานอยู่ก็บอกผมหน่อยว่าที่บริษัทนี้เป็นยังไงบ้าง อย่างพวกกฎระเบียบ  ข้อมูลทั่วๆ ไป อ้อ...จะว่าไปต้องรู้จักประธานบริษัทด้วยนี่นะ พี่รู้จักเขาไหม”


“พวกกฎระเบียบก็เหมือนทั่วๆ ไปเข้างานตอน 8 โมง สายได้ไม่เกิน 9 โมง ส่วนเลิกงานก็ประมาณ 5 โมงเย็น แต่ถ้างานที่ได้รับเสร็จหมดแล้วจะกลับเลยก็ไม่มีปัญหา ที่บริษัทพี่ส่วนมากจะเป็นกันเอง ใครมีปัญหาอะไรสามารถพูดคุยหรือขอคำปรึกษาได้ทันที สำหรับประธาน...” คำถามมากมายที่เอ่ยขึ้นไม่ใช่เรื่องยากที่จะตอบแต่พอมาถึงเรื่องที่เกี่ยวกับประธานอยู่ๆ ก็นึกไม่ออกว่าจะบอกยังไงดี


“ประธานเขาทำไมครับ หรือว่าดุ?”


“ไม่ๆ ไม่ดุเลยสักนิดเดียว” ผมรีบตอบกลับพร้อมส่ายหัวไปมาจนเวียนหน้าไปหมด


“พี่ร้อนตัวทำไมครับ” ดวงตาสีน้ำตาลหรี่ลงอย่างสงสัยในกิริยาที่ผมแสดงออกไป


“เปล่านี่” ไม่ร้อนตัวสักหน่อย


“สรุปว่าบริษัทพี่อยู่กันเหมือนครอบครัวสินะ”


“ใช่ อย่างที่เราเข้าใจแหละ” สมแล้วที่เป็นต้นว่านอธิบายแป๊บเดียวก็เข้าใจแล้ว


“งั้นก็น่าสนใจอยู่ แถมตอนนี้มีเปิดรับหลายตำแหน่งด้วย” ต้นว่านพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนจะก้มลงไปดูรายละเอียดที่เขียนไว้หน้าเว็บ


“พี่ว่าเราสมัครเลขาดีกว่านะ” ผมรีบเสนอก่อนที่อีกฝ่ายจะไปสมัครฝ่ายอื่น คนมีความสามารถแบบนี้ควรจะอยู่ในตำแหน่งเลขามากกว่าเป็นพนักงานทั่วไป


“เลขา? ผมไม่มีประสบการณ์เลยนะ”


“ลองดูก็ได้นี่นา” ผมเชื่อว่าถ้าใครได้เห็นความสามารถที่ต้นว่านก็ต้องยอมรับและให้ผ่านการสัมภาษณ์แน่นอน


อีกอย่างการตัดสินใจสุดท้ายว่าจะรับใคร มันก็ขึ้นอยู่กับประธานอย่างผมคนเดียว


“ผมว่าลองพนักงานของฝ่ายขนส่งก่อนดีกว่า...”


“อย่าเลือกฝ่ายนั้นเลย รู้ไหมว่าฝ่ายขนส่งน่ะทำงานหนักมากนะ แถมเป็นฝ่ายที่ต้องมีทักษะเฉพาะด้านอย่างพวกขับรถคอนเทนเนอร์ เรือ หรือแม้แต่เครื่องบิน” ผมรีบค้านสิ่งที่ต้นว่านกำลังคิดอยู่


ถึงแม้คำอธิบายอาจดูเหมือนการใส่ไฟเกินความจริงไปนิดแต่ก็ยังถือว่าจริงอยู่ ทางฝ่ายขนส่งทำงานหนักจริงเพียงแต่ก็ไม่ได้มีแค่งานขับรถอย่างเดียว พวกงานเล็กๆ น้อยอย่างแพ็คของ ยกของก็มี เขาก็แค่ไม่อยากให้คนมีความสามารถอย่างต้นว่านไปทำงานแบบนั้น


“พี่ดูเหมือนอยากให้ผมสมัครตำแหน่งเลขามากเลยนะ”


“ก็พี่อยากให้เราได้ทำงานในตำแหน่งดีๆ เลขาน่ะไม่ใช่ใครก็เป็นได้หรอกนะแถมเงินเดือนยังสูงมากด้วย” ผมหว่านล้อมต่อไป


“พี่พูดเหมือนผมจะได้แน่ๆ งั้นแหละ”


“เปล่า แต่เรามีความสามารถสูง โอกาสได้น่ะมีมาก” เกือบจะคิดคำพูดไม่ออกแล้วไหมล่ะ


“มีโอกาสมากจริงเหรอ” ดูเหมือนต้นว่านจะไม่ค่อยเชื่อในคำพูดผมสักเท่าไร


“จริงสิ”


“งั้นผมลองสมัครก็ได้”


“เยส!” ทันทีที่ได้ยินมือทั้งสองข้างก็ชูขึ้นด้วยความดีใจ


“ดีใจเว่อร์ไปแล้วมั้งพี่ใบไผ่ ผมยังไม่ได้งานสักหน่อย”


“ดีใจไว้ก่อนไง”


“พี่ว่าผมควรหาข้อมูลของประธานบริษัทไว้ดีไหมนะ”


“ไม่ต้องก็ได้นะ” ขืนหาข้อมูล เรื่องที่ผมเป็นประธานก็แตกน่ะสิ


“แต่ถ้าคนสัมภาษณ์เขาถามอย่างพวกชื่ออะไรแบบนี้ล่ะ”


ที่ต้นว่านพูดก็มีเหตุผล ทางฝ่ายบุคคลถามแน่อยู่แล้วเรื่องนี้


“พี่จะบอกให้ละกัน ประธานบริษัทชื่อกิตติพิชญ์ ศิริวัฒนิวงศ์ คนในบริษัทมักเรียกคุณกิต บอส หรือท่านประธานพี่...เอ้ย...ประธานบริษัทพี่เป็นคนที่จริงจังเรื่องการทำงานอีกทั้งยังมีความรับผิดชอบและมีมนุษย์สัมพันธ์ดีจึงไม่ต้องกลัวว่าจะถูกบ่นโดยไม่มีสาเหตุ” สิ่งที่อธิบายออกไปทำให้ตัวผมรู้สึกเหมือนกำลังแนะนำตัวเองให้ต้นว่านรู้จักเลย


“บอสเหรอ? จำได้ว่าคนที่เราเจอตอนพามะนาวไปตรวจก็เรียกพี่ว่าบอสนี่”


“เอ่อ...เพราะพี่มีตำแหน่งสูงกว่าไงเลยเรียกได้”


“อ้อ...ผมจะจำชื่อของประธานไว้ ถ้าผมได้งานนี้จะพาพี่ไปเลี้ยงมื้อใหญ่เลย” ต้นว่านหันมาพูดด้วยรอยยิ้ม


“จะรอนะต้นว่าน”


หวังว่าคงไม่โกรธที่ผมไม่บอกความจริงนะ



หลายสัปดาห์ผ่านไปจนกระทั่งถึงวันสัมภาษณ์งานของบริษัทศิริวัฒนิวงศ์ วันนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่วันที่เจ้าของบริษัทอย่างผมจะเข้ามาทำงานโดยไม่มีการประชุม ทำให้เหล่าพนังงานที่เห็นต่างขมวดคิ้วพร้อมหันมามองจนคอเกือบเคล็ด


ก็แค่มาบริษัทมันจะขนาดนั้นเลย


“บอสมาบริษัท?” แก้วนภาที่เห็นผมเดินมาเอามือปิดปากพร้อมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ


“ผมมาแล้วทำไม”


“สวัสดีค่ะพนักงานทุกคน วันนี้เรามีเรื่องให้ตกตะลึงกันแต่เช้าเลยนะคะ ใครที่เดินเข้ามาทำงานแล้วเจอคนที่หน้าตาคล้ายคลึงกับประธานของบริษัทก็อย่างได้ตกใจไปว่าเป็นการปลอมตัวหรืออะไร เพราะวันนี้ท่านประธานของเรามาทำงานที่บริษัทโดยไม่การประชุมค่า!” เสียงหวานของหัวหน้าฝ่ายจัดการเปิดไมค์ประกาศเรื่องนี้ให้พนักงานทราบอย่างพร้อมเพรียง


“แก้วนภา” ผมเรียกอีกฝ่ายเสียงเข้ม


“ขาบอส” คนถูกเรียกยังหันมาด้วยรอยยิ้ม


“หักโบนัส” พูดจบผมก็เดินเข้าไปในลิฟต์โดยไม่สนใจเสียงตะโกนที่ตามหลังมา


“ขอโทษค่ะบอส อย่าหักโบนัสแก้วเลยนะคะ!”


ให้ตายสิแค่มาทำงาน มันจะแตกตื่นอะไรขนาดนั้น


ก็จริงที่มันอาจจะแปลกเพราะผมมาบริษัทโดยไม่มีการประชุม แต่จะให้อยู่เฉยๆ ได้ยังไงล่ะในเมื่อวันนี้เป็นวันสัมภาษณ์งานนี่นา
ผมไม่ได้บอกจิราว่าต้องการให้ต้นว่านมาเป็นเลขา เพราะรู้ว่าถ้าบอกไปแล้วต้นว่านเกิดได้ตำแหน่งขึ้นมาจริงๆ แล้วมารู้ทีหลังคงจะโกรธกับสิ่งที่ได้ทำไปแน่ แต่ถึงผมจะไม่บอกจิราก็มั่นใจว่าต้นว่านสามารถผ่านการสัมภาษณ์ครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน


ใช่...รู้ทั้งรู้ว่ายังไงก็ไม่พลาดแต่ก็อดไม่ได้ที่จะกังวล


จะว่าไปต้นว่านก็เคยเจอกับจิรามาก่อนไม่แน่ว่าอาจบอกเรื่องตัวจริงของผมไปแล้ว?!


พอนึกได้ขาผมก็เริ่มกระดิกไปมาด้วยความกังวล ...ลืมบอกจิราเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย



ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“คุณกิตครับ” เสียงเรียกของชินดังขึ้นหลังจากเปิดประตู


“มีอะไรชิน”


“คุณจิราแจ้งมาแล้วครับว่าให้คุณกิตลงไปหาคนที่สัมภาษณ์ผ่านที่ชั้น 4 ได้เลย”


“คนที่ผ่านมีกี่คน” ผมรีบถามกลับ


“มี 5 คนครับ”


“เข้าใจแล้ว จะไปเดี๋ยวนี้”


พอพูดจบก็รีบลงไปยังชั้น 4 ทันที ตลอดทางเดินมีพนักงานหลายคนทักทายด้วยรอยยิ้มและมีหลายคนที่ตกใจที่พบท่านประธาน ซึ่งคนที่ตกใจคือคนมาสายกว่าผมแน่นอนเพราะถ้ามาเช้ากว่าไม่มีทางที่จะไม่ได้ยินประกาศจากแก้วนภา


“...ก็ทุกอย่างที่ควรรู้ไว้ก่อนจะเจอบอสก็มีเท่านี้ อ๊ะ...บอสคะ เชิญค่ะ” น้ำเสียงจริงจังของจิราเปลี่ยนไปทันที่เห็นผมผลักประตูกระจกเข้าไปด้านใน


บุคคลที่ผ่านการสัมภาษณ์ทั้งหมด 5 คน มีทั้งชายและหญิงคละๆ กันไป ทุกคนต่างหันมาทางผมอย่างพร้อมเพรียงกัน ทว่ามีแค่คนเดียวที่เบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นผมเดินเข้าไป ไม่นานดวงตาคมสีน้ำตาลที่เบิกกว้างก็หรี่ลงราวกับกำลังประมวลความคิดอยู่


“สวัสดีทุกคน ผมกิตติพิชญ์ ศิริวัฒนิวงศ์เป็นประธานบริษัท ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาสมัครในตำแหน่งเลขา แต่ว่าตำแหน่งนี้จะมีเพียงคนเดียวที่ผ่านการสัมภาษณ์ คนที่ไม่ได้ถ้าอยากทำฝ่ายอื่นก็บอกกับจิราได้เลย” ผมพูดต่อ


“แหม...บอสใจดีอีกแล้วนะคะ”


“ถ้าอย่างนั้นผมขอพูดคุยกับพวกคุณทีละคนเป็นการส่วนตัวก่อนจะตัดสินใจ”


การพูดคุยแบบส่วนตัวถูกจัดขึ้นที่ห้องข้างๆ ซึ่งเป็นห้องเล็กๆ สำหรับรองรับแขกที่มาทำสัญญาหรือมีธุระติดต่อกับบริษัท ผู้ผ่านการสัมภาษณ์ต่างทยอยเข้ามาพูดคุยเรื่อยๆ จนจบคนที่สี่ แน่นอนว่าทั้งสี่คนไม่ใช่คนที่ผมอยากได้ แปลว่าคนสุดท้ายนี่ก็ต้องเป็น...


แกร็ก!


“ขออนุญาตครับ” เสียงทุ้มอันแสนคุ้นเคยดังขึ้น คนที่ผมรออยู่เดินมานั่งตรงหน้าอย่างเรียบร้อย


ท่าทางนิ่งๆ ที่อีกฝ่ายแสดงออกมาทำให้รู้สึกใจไม่ดีเลย แถมยังไม่ยอมมองหน้ากันด้วย


“ต้นว่าน” ท่าทางแบบนี้ผมสังหรณ์ใจไม่ดีเลย


“พี่คงสนุกมากสินะที่ได้ปั่นหัวผมเล่นแบบนี้”


ผมพูดไม่ออก ไม่รู้จะทำอย่างให้คนตรงหน้ารู้สึกกลับมาเหมือนเดิม เพราะความโกรธและความหงุดหงิดมันแสดงออกมาอย่างชัดเจนผ่านน้ำเสียงเมื่อครู่


ต้นว่านกำลังโกรธผม...


“ผมไม่ต้องการงานที่ได้มาเพราะความสงสารของพี่!” นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ต้นว่านพูด ก่อนจะลุกขึ้นเดินหันหลังออกไปจากห้องทันที


“ต้นว่าน! เดี๋ยวก่อน!” ถึงจะตะโกนเรียกอีกสักกี่ครั้ง แต่เจ้าของชื่อก็ไม่หันหลังกลับมาอยู่ดี


ไม่ใช่แค่โกรธธรรมดา แต่ต้นว่านกำลังโกรธมาก


ที่โกรธเพราะผมไม่บอกว่าเป็นเจ้าของบริษัทนี้เหรอ


แล้วที่บอกว่าไม่ต้องการงานนี้เพราะความสงสารคืออะไร


ผมไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการคัดเลือกบุคคลกรของจิราเลยสักนิด ต้นว่านกำลังเข้าใจผิดในหลายๆ อย่าง แล้วผมก็ต้องรีบไปแก้ความเข้าใจผิดก่อนที่มันจะลุกลามไปมากกว่านี้ด้วย


“จิรา ผมเลือก ‘ธนภักษ์ มั่งมีทรัพย์’ จัดการที่เหลือให้ด้วย!” ผมบอกจิราที่ดูงงๆ กับสถานการณ์ตรงหน้า


“ค่ะ แล้วบอสจะกลับเลยเหรอคะ”


“ใช่ มีเรื่องต้องไปจัดการก่อนที่จะบานปลาย!”


................................................................

สวัสดีค่ะ

มาต่อแล้ววว

ช่วงนี้ติดทำรายงานเยอะมากมาย แถมใกล้สอบแล้วด้วย

กว่าจะมีเวลาแต่งแต่ละตอนก็นานซะเหลือเกิน

หวานกันมานานเลยอยากให้มีฉากที่ผิดใจกันสักนิดเพื่อสร้างสีสัน

แต่งดราม่าไม่เก่ง เดี๋ยวตอนหน้าก็ดีกันแล้วค่ะ 555

มีคนถามมาว่าเรื่องนี้จะมีประมาณกี่ตอน

ขอตอบว่าประมาณ10ตอนต้นๆค่ะ

ถึงจะดูสั้นแต่ว่าความยาวของแต่ละตอนนั้นถือว่ามากพอดู เราคิดว่าแต่งสั้นๆมาลงแล้วมันทำให้คนอ่าน อ่านไม่อิ่ม อีกทั้งเรามาอัพแค่อาทิตย์ละครั้งเลยอยากให้ยาวๆหน่อย เนื้อหาแต่ละตอนเลยค่อนข้างเยอะ

ดีใจที่คนอ่านบอกว่าสนุกหรือชอบในผลงานนี้มากๆเลยค่ะ

ความสุขของนักเขียนคงไม่มีอะไรมีความสุขไปมากกว่าการมีคนบอกว่านิยายของตัวเองสนุก

ขอบคุณมากๆเลยนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ในตอนหน้าค่ะ

บ๊ายบาย

 :mew1:

-Rewrite- >> รีไรท์มาได้เกินครึ่งแล้วสำหรับเรื่องพบรัก อีกไม่นานก็จะรีไรท์จบแล้วนะคะ

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่9×▪ ◣ P.4 5/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 05-11-2016 14:13:04
แล้วทำไมไม่พูดล่าาา ใบไผ่
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่9×▪ ◣ P.4 5/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-11-2016 14:25:20
น่ารักกันทั้งสองคนเลย นึกไม่ออกเลยว่าใครจะกดใคร ฮา
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่9×▪ ◣ P.4 5/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-11-2016 14:32:02
เป็นเรื่อง
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่9×▪ ◣ P.4 5/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-11-2016 14:38:55
งานเข้า :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่9×▪ ◣ P.4 5/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-11-2016 14:50:15
 :hao7:   ดีกันไวไวนะจ๊ะ
ขอบคุณที่มาต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่9×▪ ◣ P.4 5/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 05-11-2016 14:59:46
 :ling1: :ling1: ค้างคา มาต้อด่วนๆเลยค้า
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่9×▪ ◣ P.4 5/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 05-11-2016 15:04:13
เอาแล้วๆ งานเข้าเลยคุณบอส ง้อด่วน!!! สนุกมากเลยคับ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่9×▪ ◣ P.4 5/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 05-11-2016 15:25:41
แง่วว ต้นว่านฟังใบไผ่ก่อนนน
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่9×▪ ◣ P.4 5/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-11-2016 15:39:18
หาทางขอโทษน้องเลย
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่9×▪ ◣ P.4 5/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: b2friend ที่ 05-11-2016 15:46:18
อ่านรวดเดียว....สนุกมากเลยค่ะ
บอสจะง้อน้องว่านยังไงน้า :impress2:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่9×▪ ◣ P.4 5/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: darksnow ที่ 05-11-2016 16:19:56
งานเข้าพี่ใบไผ่เลย... ใจเย็นๆนะต้นว่าน ฟังพี่เค้าก่อนน
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่9×▪ ◣ P.4 5/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 05-11-2016 16:42:29
งานเข้าเลยยยยยย
มาต่อน้าาาาา
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่9×▪ ◣ P.4 5/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 05-11-2016 16:44:01
งานเข้าแล้วพี่ใบไผ่
เจตนาดี แต่อธิบายไม่ได้
ต้นว่านโกรธมากเลยอะ
ไปง้อน้องเลยนะะะะ
รอค่าา
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่9×▪ ◣ P.4 5/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 05-11-2016 21:28:52
งานเข้าล้าววว
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่9×▪ ◣ P.4 5/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 05-11-2016 22:05:15
รีบตามไปจับต้นว่านกด(?)ไว้เร็ว จะได้ไม่วิ่งหนีเตลิดไปไกล~ :hao7:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่9×▪ ◣ P.4 5/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 05-11-2016 23:53:37
งานเข้าค่ะบอสสสสสส

 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่9×▪ ◣ P.4 5/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 06-11-2016 01:01:18
 :z1: ต้นไผ่เจ้าเล่ห์จนได้เรื่องเลย  :katai1: ต้นว่านเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรีไม่แปลกที่จะโกรธน่ะ ยังไงก้อรีบอธิบายซะน่ะจ้ะ ยังไงต้นว่านก้อแพ้ลูกอ้อนอยู่แล้ว อ้อนให้มากเข้าไว้จะดีเอง  :mew4:
เรื่องนี้มีแค่สิบกว่าตอนเองเรอะ อยากได้สักยี่สิบอ่ะ ชอบมาก น่ารัก  :mew3:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่9×▪ ◣ P.4 5/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 06-11-2016 17:51:50
                                 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่9×▪ ◣ P.4 5/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 08-11-2016 00:23:24
เซอร์ไพรส ไปอีกกก
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่9×▪ ◣ P.4 5/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 10-11-2016 02:19:56
รอรอรอรอรอรอรอรอคร้าบบ
หัวข้อ: Re:-Rewrite- ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่10×▪ ◣ P.5 21/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 12-11-2016 14:21:37
พบรัก ▪×วันที่10×▪



บรรยากาศยามเที่ยงที่ร้อนระอุจากดวงอาทิตย์ไม่ได้ทำให้นักศึกษาจบใหม่อย่างผมรู้สึกร้อนเท่าตอนที่ได้เห็นใบหน้าของประธานหนุ่มของบริษัทศิริวัฒนิวงศ์เลยสักนิด ความร้อนที่กำลังปะทุอยู่ในอกนั่นไม่ใช่ทั้งความโกรธและความหงุดหงิดเพราะประธานยังหนุ่มที่ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่บอกความจริง  แต่เป็นความโกรธและหงุดหงิดที่ตัวเองดูพึ่งพาไม่ได้ถึงขนาดพี่ใบไผ่ต้องยอมมาช่วยถึงขนาดนี้


การกระทำของพี่ใบไผ่เหมือนจะบอกกลายๆ ว่าถ้าไม่ใช่บริษัทของพี่เขา ต่อให้ไปสมัครที่ไหนก็ไม่มีทางได้งาน ซึ่งนั่นทำให้ผมรู้สึกสมเพชตัวเองที่ทำอะไรเองไม่ได้ ต้องคอยแต่ให้อีกฝ่ายช่วยเหลือตลอด


ยิ่งนับวัน สิ่งที่เหมือนเป็นตะกอนขุ่นๆ อยู่ภายในหัวใจก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นทีน้อย และมันเริ่มเด่นชัดขึ้นเมื่อได้ยินคำว่าคนพิเศษออกมาจากปากของพี่ใบไผ่


สำหรับผมพี่ใบไผ่เป็นคนพิเศษ...เป็นมานานแล้วด้วย


ผมไม่ใช่เด็กๆ ที่เพิ่งหัดชอบใครแล้วจะไม่รู้ใจของตัวเอง ผมรู้ตัวดีว่ากำลังคิดเกินเลยกับเจ้าของบ้านมากขึ้นทุกวันๆ ตั้งแต่ที่ได้เจอกันในวันแรกดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจนเกือบทองที่มักจะทอประกายแห่งความสุขจะเปลี่ยนเป็นเศร้าและออดอ้อนทันทีเมื่อไม่ได้สิ่งที่ต้องการ หลายๆ คนอาจไม่ชอบความเอาแต่ใจแบบนั้น แต่สำหรับผมกลับไม่ได้มองว่ามันคือความเอาแต่ใจเพราะพี่ใบไผ่บอกเองว่าทำแบบนั้นแค่กับผมเท่านั้น


พี่ใบไผ่จะอ้อนแค่กับผม...กับผมคนเดียว


ได้ยินแบบนั้นหัวใจก็เต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาจากอกด้วยความดีใจ ความรู้สึกในตอนนี้มันเกินคำว่าชอบแต่ก็ต้องระงับมันเอาไว้ ถึงจะรู้ว่าได้เป็นคนพิเศษ แต่ก็ไม่รู้ว่าพิเศษแบบไหน และผมก็ไม่กล้าที่จะคิดเข้าข้างตัวเอง


ระยะห่างของเราอาจแคบลงจนแทบไม่เหลือช่องว่าง แต่ในเรื่องของฐานะมันยังกว้างมากและกว้างขึ้นไปอีกเมื่อได้รู้ความจริงว่าพี่ใบไผ่เป็นถึงประธานของบริษัทศิริวัฒนิวงศ์ที่ผมมาสัมภาษณ์ในวันนี้


“ต้นว่าน!” พี่ใบไผ่ตะโกนเรียกชื่อผมดังลั่นหน้าบริษัทตัวเองอย่างไม่อายพนักงานโดยรอบ


“อย่าตามผมมานะ!” ผมตะโกนกลับไปโดยไม่หันไปมอง เพราะถ้าหันไปก็รู้เลยว่าตัวเองต้องหยุดรอตามที่อีกฝ่ายบอกแน่ๆ พี่ใบไผ่เป็นคนที่มีเสน่ห์ดึงดูดมาก โดยเฉพาะกับผมเสน่ห์นั่นมันดูจะมีมากเป็นพิเศษ


“ฟังพี่ก่อนสิต้นว่าน!” คนวิ่งตามมายังคงตะโกนต่อแต่ผมก็ไม่หยุดก้าวขา


ตอนนี้ยังไม่อยากเจอหน้า


ยังไม่อยากพูดคุย


ยังไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น


ขออยู่คนเดียวสักพักเมื่อสงบสติได้ผมจะไปหาพี่เองเพราะงั้น...


“กลับไปเถอะพี่ใบไผ่”


หมับ!


“พี่จะไม่กลับไปไหนทั้งนั้นถ้ายังคุยกับเราไม่รู้เรื่อง” อีกฝ่ายอาศัยจังหวะที่ผมชะลอความเร็ววิ่งเข้ามาคว้าแขนผมไปกอดไว้แน่น ราวกับจะไม่ยอมให้ผมหนีไปไหนได้อีก


“พะ...พี่ ปล่อยก่อน เดี๋ยวคนอื่นจะมองพี่ไม่ดีนะ” ผมพยายามดึงแขนที่ถูกกอดไว้ออกก่อนที่จะมีพนักงานเห็นแล้วเอาไปพูดให้พี่ใบไผ่เสียหาย


ภาพที่ท่านประธานบริษัทใหญ่โตวิ่งมากอดแขนคนธรรมดาแบบนี้ มันดูไม่ดีเอาซะเลย


“ก็ให้มองไปสิ พี่จะไม่ปล่อยจนกว่าต้นว่านจะยอมคุยกับพี่” คนตรงหน้ายังคงดื้อรั้นเหมือนอย่างทุกครั้งที่เป็น


“พี่ใบไผ่...”


“ให้พี่ได้อธิบายสิ่งที่เรากำลังเข้าใจผิดอยู่เถอะนะ พี่ไม่ได้...”


“ผมยอมแล้วๆ เราไปหาที่อื่นคุยกันเถอะ” สุดท้ายผมก็ต้องพูดแทรกก่อนที่พนักงานคนอื่นจะเข้ามามุงมากไปกว่านี้


“ได้ ไปที่ห้องทำงานพี่ก็ได้”


“ครับ ปล่อยผมด้วยพี่ใบไผ่” เป็นอีกครั้งที่ผมพยายามชักแขนออกจากการกอดนั้น


“ถ้าพี่ปล่อย เราจะไม่หนีใช่ไหม” ดูเหมือนพี่ใบไผ่จะระแวงอยู่ไม่น้อยเลยไม่ยอมปล่อยแขนง่ายๆ


“ไม่หนีครับ” ทำเหมือนผมเป็นเด็กงั้นแหละ


“พูดแล้วนะ”


“ครับ ปล่อยผมได้แล้ว” ทันทีที่แรงจากแขนถูกผ่อนลง ผมก็รีบยกแขนขึ้นแล้วเดินกลับเข้าไปในบริษัท่ามกลางสายตาของพนักงานที่มองมาอย่างงงๆ


ห้องทำงานที่พี่ใบไผ่พาไปอยู่ชั้น 8 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของตึกนี้ ภายในห้องถูกตกแต่งด้วยเครื่องเรือนแบบเรียบหรูหราเหมาะสำหรับนั่งทำงานเอกสารและต้อนรับแขก ผมเดินไปนั่งที่โซฟาสีน้ำเงินตรงข้ามกับเจ้าของห้องนี้


“ต้นว่านโกรธพี่ใช่ไหม” พี่ใบไผ่นั่งก้มหน้าพึมพำอยู่แบบนั้นทำเอาผมรู้สึกไม่ดีเลย


“ใช่ ผมโกรธพี่” แต่โกรธตัวเองมากกว่าที่ทำให้พี่ต้องมาลำบากช่วยเหลือกันอยู่ตลอด ถ้ายังเอาแต่พึ่งพาพี่ แล้วเมื่อไหร่ผมจะโตสักทีล่ะ


ผมอยากทำงานและโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่คู่ควรจะอยู่ข้างๆ พี่


“พี่อยากอธิบาย...”


“ไม่ต้องหรอกครับ ผมเข้าใจถึงความใจดีและความเป็นห่วงของพี่ดี พี่ช่วยให้ผมได้งานและอยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างมั่นคง ทั้งที่ผมควรขอบคุณที่พี่ช่วยแต่ผมกลับรู้สึกแย่ที่ไม่สามารถคว้ามันมาได้ด้วยตัวเอง ถึงแบบนั้น...”


“พอแล้วต้นว่าน หยุดพูดแค่นั้นแหละ”


“แต่...” ผมยังมีเรื่องที่อยากบอกอยู่อีกนี่


“เรากำลังเข้าใจผิดอยู่จริงๆ ด้วย”


“เข้าใจผิด?” ตรงไหนกันที่ผมเข้าใจผิด


“จริงอยู่ที่พี่เป็นเจ้าของบริษัทและเป็นคนที่เปิดรับเลขา พี่เป็นคนบอกให้เรามาสมัครโดยไม่บอกความจริงเรื่องนี้ พี่ผิด...พี่ต้องขอโทษด้วย แต่เรื่องที่ต้นว่านผ่านการสัมภาษณ์มันไม่ใช่ฝีมือพี่แน่นอน ถ้าเรายังไม่เชื่อก็ไปถามจิราที่เป็นคนสัมภาษณ์ได้เลย” คนตรงหน้าอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง


“พี่ใบไผ่...” ที่พี่พูดนี่หมายความว่า...


“พี่ไม่เคยใช้อำนาจของตัวเองเพื่อช่วยเราหรอก เพราะพี่รู้ดีว่าต้นว่านมีความสามารถมากพอที่จะมาอยู่ในตำแหน่งนี้ได้โดยที่พี่ไม่จำเป็นต้องยื่นมือไปช่วยสักนิด อย่าเข้าพี่ผิดแบบนั้นสิ”


“พี่...งั้นพี่บอกผมได้ไหมว่าทำไมถึงบอกให้ผมมาสมัครที่บริษัทนี้?” ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ต้องการจะช่วยผม


“พี่ต้องการเรานะต้นว่าน...”


“พี่...”


“พี่ต้องการมากกว่าบริษัทอื่นที่ไม่รู้ถึงความสามารถจริงๆ ของเราอีก แล้วก็...”


“แล้วก็?”


“พี่อยากให้ต้นว่านอยู่ข้างๆพี่” น้ำเสียงที่พูดประโยคนี้ดูเขินอายเล็กน้อย แต่นั่นก็ทำให้ผมยิ้มออก

 
ความรู้สึกเมื่อมีคนต้องการตัวเรานั้นมันดีจนไม่รู้จะอธิบายมันออกมายังไง รู้แค่ว่าอยากจะคว้าตัวคนตรงหน้ามากอดแน่นๆ ซะเดี๋ยวนี้เลย


“ขอบคุณครับ”


ขอบคุณที่พี่ต้องการผม


“เราจะตกลงทำงานกับพี่ใช่ไหม” คนตรงหน้าถามต่อ ดวงตาคู่สวยที่จ้องมาสั่นระริกเหมือนกำลังลุ้นคำตอบที่ผมจะบอก


“แน่นอนครับ”


โอกาสดีๆ ที่จะได้ทั้งงานและได้อยู่ใกล้ชิดกับพี่ใบไผ่มีไม่มาก ทว่าผมก็สามารถคว้ามันมาได้สำเร็จ ผมไม่ได้เชื่อในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดทั้งหมดเพราะอย่างน้อยๆ ในช่วงสัมภาษณ์ตัวต่อตัวกับเจ้าของบริษัทพี่เขาก็ต้องเจอคนที่ดีกว่าหรือถูกใจกว่าบ้างแน่ ถึงอย่างนั้นพี่ใบไผ่ก็ยังเลือกผม


แบบนี้จะไม่เรียกว่าถูกช่วยได้ยังไงล่ะจริงไหม?



วันต่อมาผมตั้งนาฬิกาปลุกรีบตื่นตั้งแต่เช้าตั้งใจจะไปทำงานเร็วๆ ถือว่าเอาฤกษ์เอาชัยในการเข้าทำงานวันแรก ทว่าก่อนจะออกจากบ้านกลับมีสายโทรศัพท์เข้า ไม่ต้องดูหน้าจอก็รู้ว่าเป็นพี่ใบไผ่แน่เพราะโทรศัพท์เครื่องนี้เมมเบอร์ไว้ยังไม่ถึงสิบคนเลย หลังจากรับสายก็ได้รู้ว่าอีกฝ่ายอยากให้ผมไปที่บ้านของเขาก่อน แม้จะงงๆ ไปบ้างแต่ก็ตอบรับไป


ตั้งแต่ลูกสุนัขสายพันธุ์หายากอายุเกินสามเดือนผมก็เลิกนอนค้างที่บ้านของพี่ใบไผ่ อย่างหนึ่งอาจเพราะไม่จำเป็นต้องดูลูกสุนัขเหล่านั้นแบบใกล้ชิดแล้ว อีกอย่างหนึ่งก็เพราะผมพยายามจะไม่เข้าใกล้เจ้าของบ้านมากเกินไป ยิ่งอยู่ใกล้เหมือนความรู้สึกที่ปกปิดไว้มันยิ่งจะระเบิดออกมา แต่แม้จะไม่ได้นอนค้างผมก็ยังต้องมาให้อาหารเช้า-เย็นอยู่ทุกวัน มีช่วงหลังๆ มานี้ที่พี่ใบไผ่เริ่มให้อาหารเม็ดในมื้อเช้าเองได้แล้ว ผมจึงไปแค่ช่วงเย็น


“ต้นว่าน” เสียงของพี่ใบไผ่ดังขึ้นก่อนจะเห็นตัวซะอีก


“พี่ใบไผ่?” ตอนแรกผมก็ยังงงๆ แต่พอมองไปที่เจ้าของบ้าน ผมก็เข้าใจได้ในทันที


เสื้อคอกลมสีฟ้าอ่อนไร้ลวดลายตอนนี้กลับมีรอยประทับสีดำเกิดขึ้นไปทั่วตัว ไม่เพียงแค่เสื้อเท่านั้นแต่กางเกงขาสามส่วนสีเนื้อก็เต็มไปด้วยร่องรอยของโคลนสีดำเปรอะเปื้อนไปหมด


“พวกมะนาวกระโดดใส่พี่”


“อ่า...ผมรู้แล้วครับ” สภาพของเสื้อผ้าเป็นหลักฐานอย่างชัดเจนเลยล่ะ


จะว่าไปช่วงเวลาประมาณตี 4 มีฝนตกลงมาค่อนข้างหนักเลยทำให้สนามหญ้ากลายเป็นแอ่งโคลน พวกสุนัขไม่ว่าสายพันธุ์ไหนก็ชอบเล่นน้ำกันทั้งนั้น และสายพันธุ์เชคโกสโลวัคเกี้ยน วูล์ฟด็อกเองก็เป็นอีกสายพันธ์หนึ่งที่ชอบเล่นน้ำมาก และพวกมันคงจะอยากบอกเจ้าของว่ารู้สึกดีแค่ไหนด้วยการมอบตราประทับไว้บนเสื้อผ้า


“ทำยังไงดีล่ะเนี่ย” พี่ใบไผ่เริ่มทำหน้ากังวล


“เอาเสื้อผ้าไปแช่น้ำก่อนซักจะช่วยได้นะครับ” ผมเสนอ ก่อนจะค่อยๆ เปิดประตูรั้วเหล็กด้านหน้าเข้าไปในตัวบ้าน


“พี่ไม่ได้ห่วงเรื่องเสื้อผ้าหรอก”


“งั้นเรื่องอะไรล่ะครับ” ผมถามกลับ


“ก็...”


บรู๊ววว~


ไม่ถึงสองวินาทีหลังจากเปิดประตู เสียงของมะนาวก็หอนดังลั่นพร้อมกับเจ้าของเสียงที่วิ่งตรงมาด้วยสภาพเนื้อตัวที่หาคำว่าสะอาดไม่เจอ ถัดไปด้านหลังของมะนาวที่วิ่งมาก็มีลูกสุนัขทั้งสามตัว ต้นสน ราตรี และดอกโมกวิ่งตามมาในสภาพที่เขรอะไม่ต่างกัน


“นั่งลงเดี๋ยวนี้!” ผมรีบสั่งเจ้าสี่ขาตรงหน้าเสียงเข้ม ถ้าพวกมันกระโดดใส่ผมพร้อมกันเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหม่ที่พึ่งซื้อต้องกลายเป็นเสื้อสีดำในพริบตาแน่


“นี่แหละที่พี่ห่วง เราช่วยอาบน้ำพวกมะนาวหน่อยได้ไหม” พี่ใบไผ่หันมาถามด้วยใบหน้าเหนื่อยๆ


“ได้สิครับ แต่ต้องเป็นตอนเย็นนะครับ”


“ทำไมต้องตอนเย็นด้วย”


“พี่คงไม่ลืมนะว่าวันนี้ผมต้องไปทำงานวันแรกน่ะ” จะให้ไปสายตั้งแต่วันแรกได้ยังไงกัน


“อ้อ...ใช่ๆ พี่ไม่ลืมหรอก แต่เราไม่ต้องไปที่บริษัทหรอกนะ”


“ฮะ?” คำพูดของคนตรงหน้าทำเอาผมถึงกับขมวดคิ้วแน่น


ไม่ให้ไปบริษัทแล้วจะทำงานยังไงกัน


“เราเป็นเลขาส่วนตัวพี่ เพราะงั้นสิ่งที่ต้องทำคือการช่วยพี่จัดการงานเอกสารทั้งหมดที่เลขาคนอื่นๆ ส่งมา”


“เพื่อจะทำแบบนั้นได้ ผมก็ต้องไปที่บริษัทสิ”


“ไม่ต้องหรอก พวกเอกสารจะถูกส่งมาทางระบบเครือข่ายของบริษัท เราใช้โน้ตบุ๊กของพี่ที่วางอยู่จัดการเรื่องงานที่ส่งมาได้เลย อีกอย่างพี่ไม่ค่อยชอบเข้าบริษัทเท่าไร ดังนั้นคนที่เป็นเลขาส่วนตัวพี่ก็ต้องทำงานนอกสถานที่แบบนี้แหละ”


“แต่แบบนั้นมันไม่แฟร์กับพนักงานคนอื่นๆ นะครับ” ผมค้านเสียงแข็ง


ก็มันจริงไหมล่ะ การที่พนักงานคนอื่นต้องมาทำงานตั้งแต่ 8 โมงเช้ายัน 5 โมงเย็น แต่ผมกลับได้มานั่งทำงานสบายๆ ที่บ้านของพี่ใบไผ่เท่านั้น


“ไม่แฟร์? ถึงจะทำงานที่นี่แต่บอกเลยว่าเหมือนทำที่บริษัททุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเวลาเข้างานที่ต้องมาก่อน 8 โมง หรือกลับได้ตอน 4 โมงครึ่ง การทำงานก็เรียกว่าหนักกว่าพนักงานคนอื่น เพราะเอกสารที่ถูกส่งมา เราต้องเป็นคนสรุปให้พี่ฟังพร้อมวิเคราะห์มาด้วยว่าควรจะจัดการตามเอกสารที่ว่ามาไหมก่อนจะเอามาให้พี่เซ็น พูดแบบนี้แล้วจะบอกว่าไม่แฟร์อีกไหม” อีกฝ่ายอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจังแถมกอดอกทำหน้านิ่งราวกับจะบอกว่าต่อให้ทำงานที่นี่ก็ไม่ได้สบายอย่างที่ผมคิด


“พี่ห้ามใจดีกับผมนะ” นี่เป็นคำขอเพียงอย่างเดียวก่อนเริ่มงาน การที่รู้จักตัวตนของพี่ใบไผ่ดีนั้นทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายใจดีมากแค่ไหน ผมกลัวว่าถ้าเกิดผมทำอะไรพลาดไป พี่ใบไผ่ก็จะปล่อยผ่านเพราะเห็นแก่ที่เรารู้จักกัน


“พี่แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้นะต้นว่าน ในเวลาทำงานพี่เป็นเจ้านายที่จะตำหนิทุกอย่างหากเราทำพลาด แต่ถ้าอยู่นอกเวลางานพี่จะเป็นพี่ใบไผ่ของต้นว่านเหมือนเดิม” คำพูดพร้อมรอยยิ้มกว้างที่ส่งมาทำให้คนฟังต้องกำมือแน่นเพื่อข่มอารมณ์ที่อยากจะคว้าตัวพี่เขามากอดไว้แน่นๆ


ครั้งแรกที่ได้กอดกันมันรู้สึกดีมากจนไม่อยากจะปล่อยคนในอ้อมกอดให้หลุดไป


อยากจะผูกขาดคนคนนี้ไว้แต่เพียงผู้เดียว


แค่ได้กอด ความรู้สึกบ้าๆ พวกนี้ก็กรูเข้ามาจนน่าโมโห เพราะรู้ว่าในตอนนี้ตัวเองไม่มีสิทธิ์อะไรที่ทำแบบนั้นได้ สิ่งที่ทำได้คือต้องเติบโตขึ้นเพื่อเป็นคนที่คู่ควรให้เร็วที่สุดเท่านั้น


“ผมจะทำให้ดีที่สุด” จะไม่ให้พี่ต้องผิดหวังที่เลือกรับผมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท


“ดีมาก มีคำสั่งและงานแรกให้เริ่มทำเดี๋ยวนี้ ได้ไหม”


“ได้สิครับ” ผมรีบตอบ งานแรกที่ต้องทำคงไม่พ้นการเปิดไฟล์งานเอกสารมาอ่าน ทำความเข้าใจ และสรุปก่อนนำมาให้พี่ใบไผ่ ถึงจะยังกังวลแต่ผมก็พร้อมที่จะทำแล้ว


“ดี ไปเปลี่ยนชุดซะ ในห้องที่เรานอนยังมีเสื้อผ้าอยู่พี่เห็น เอาเสื้อสีมืดๆ หน่อยนะ”


“พี่ใบไผ่...” ผมเรียกอีกฝ่ายเสียงอ่อยเพราะคาดการณ์ได้ว่าพี่ใบไผ่ต้องการให้ทำอะไร


“เปลี่ยนเสร็จแล้วก็ช่วยอาบน้ำพวกตัวแสบทั้งสี่ตัวด้วยนะ” พูดจบอีกฝ่ายก็ส่งรอยยิ้มกว้างมาให้


“พี่...นี่มันไม่ใช่งานของบริษัท” เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด


“ไม่ใช่แล้วเราทำให้ไม่ได้เหรอ” น้ำเสียงเศร้าๆ มันมาอีกแล้ว


“แต่มันอยู่ในเวลางาน ถ้างานพี่ไม่เสร็จขึ้นมาล่ะ”


ไม่ได้นะ จะหลงกลไม่ได้


“เรามาทำแค่งาน คงไม่อยากดูแลพวกมะนาวอีกแล้วสินะ” คนแสนงอนหรี่ตาลงเล็กน้อย นั่นยิ่งทำให้ใบหน้าดูเศร้ามากขึ้นไปอีก


“ไม่ใช่นะครับ ผมแค่เห็นว่ามันอยู่ในเวลางาน”


“เริ่มงานช้าไปชั่วโมงนึงคงไม่เป็นไรหรอก เราคงไม่อยากให้พื้นบ้านที่เพิ่งถูไปเละเทะหรอกเนอะ ช่วยอาบน้ำพวกมะนาวหน่อยนะ...นะครับต้นว่าน” เมื่อน้ำเสียงเศร้าๆ ผ่านไป น้ำเสียงออดอ้อนก็ดังขึ้นมาแทน เท่านั้นดูเหมือนจะยังไม่พอใจพี่ใบไผ่จึงได้เอื้อมมือมาจับแขนผมไว้ ก่อนจะเขย่าไปมาเบาๆ


“...ได้ครับ” ถ้าจะอ้อนขนาดนี้ใครจะไปใจแข็งได้กัน


เสียงอ้อนๆ นี่มีพลังทำลายมากกว่าคำสั่งอีก


“เยี่ยมเลย งั้นพี่จะเป็นคนทำมื้อเช้าแทนนะ”


“พี่ทำอาหารเป็นด้วยเหรอครับ?” ผมไม่ค่อยอยากเชื่อนักว่าอีกฝ่ายจะทำอาหารเป็น


“เป็นสิ ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อกันเลยนะ” พี่ใบไผ่พูดเมื่อเห็นสีหน้าผมที่แสดงออกไป


“เปล่าสักหน่อย” ก็แค่ไม่แน่ใจ


ตั้งแต่รู้จักกันมา ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่คนตรงหน้าจะเข้าครัวทำอะไรกินเอง อีกอย่างบุคลิกแบบพี่ใบไผ่ไม่เหมาะกับการยืนอยู่หน้าครัว เขาเหมาะกับนั่งอยู่หัวโต๊ะรออาหารมาเสิร์ฟถึงที่มากกว่าจะมาทำเอง


“พี่อยู่คนเดียวมานาน เรื่องการทำอาหารก็ต้องหัดกันบ้างจะให้กินแต่ร้านก็ไม่ไหวหรอก คอยดูฝีมือพี่นะ...อร่อยมากบอกเลย” พอพูดจบอีกฝ่ายก็หันหลังเปิดประตูเข้าไปในบ้าน ทิ้งผมไว้กับสุนัขทั้งสี่ตัวที่ยังคงนั่งลงตามคำสั่ง



หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จผมก็ไม่รอช้ารีบจัดการอาบน้ำสุนัขทั้งสี่ทีละตัวโดยเริ่มจากตัวเล็กทั้งสาม เมื่ออาบตัวแรกเสร็จก็จัดการเป่าขนจนแห้ง ก่อนจะปล่อยให้เข้าไปอยู่ในบ้านและเริ่มอาบตัวต่อไป จนถึงตัวสุดท้ายซึ่งก็คือมะนาว


“เฮ้อ...” ผมพาร่างอันเหนื่อยล้าจากการอาบน้ำให้สุนักทั้งสี่ตัวมานั่งทรุดฮวบที่ตรงโซฟาสีน้ำตาล


ไม่คิดเลยว่าจะเหนื่อยขนาดนี้


นี่ขนาดพวกลูกๆ ยังไม่โตเต็มที่นะเนี่ย ถ้าโตเต็มที่แล้วผมไม่อยากคิดสภาพเลย


มะนาวที่พอเห็นผมเรียกก็คิดว่าจะเล่นด้วยเลยวิ่งตรงมาพร้อมกระโจมใส่เต็มแรงขนาดบอกให้หยุดก็ยังไม่ทัน โชคดีผมใส่เสื้อสีเข้มเลยไม่มีปัญหาตอนถูกเท้าดำๆ พวกนั้นประทับตราไปทั่ว แต่กว่าจะอาบเสร็จก็เรียกได้ว่าผมเหนื่อยกว่าตอนทำงานพิเศษทั้งวันซะอีก


“อาบเสร็จแล้วเหรอ” พี่ใบไผ่โผล่หน้ามามองโดยที่สวมผ้ากันเปื้อนสีขาวสะอาดไว้


“ครับ...ขอผมพักสักแป๊บนะครับ” ผมบอกไปตามตรง แทบขยับร่างกายไม่ไหวแล้ว


“ได้สิ อาหารต้องรออีกสักพักอยู่แล้ว เรางีบไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวเสร็จแล้วพี่ปลุก”


“...ครับ” ผมไม่ขัดสิ่งที่เจ้าของบ้านเสนอ เพียงแค่เอนตัวไปพิงโซฟาด้านหลังสติที่เหลืออยู่น้อยนิดก็ลอยหายไปอย่างรวดเร็ว ส่วนสุนัขทั้งสี่ตัวที่สะอาดสะอ้านก็นอนเรียงอยู่บริเวณปลายเท้าผมเกือบทั้งหมด มีเพียงต้นสนที่เหมือนจะเดินตามหลังพี่ใบไผ่ไป


“...ต้นว่าน เสร็จแล้วนะ” เสียงตะโกนที่ได้ยินลางๆ ทำให้ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้น


“ครับ จะไปเดี๋ยวนี้”


ผมหยุดชะงักเมื่อได้กลิ่นหอมๆ ที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนลอยคลุ้งอยู่เต็มอากาศ ไม่รอช้าผมรีบลุกขึ้นเดินไปตามกลิ่นนั้นไปจนถึงห้องครัวและห้องอาหารที่อยู่ติดๆ กัน บนโต๊ะไม้สีน้ำตาลอ่อนเต็มไปด้วยอาหารหลายอย่างที่ไม่เคยเห็น


“พี่ทำเป็นแค่อาหารฝรั่งน่ะ รสชาติอาจอ่อนไปสำหรับคนไทยแต่ไม่ต้องห่วงพี่เพิ่มรสชาติให้เข้มข้นขึ้นแล้ว” พี่ใบไผ่อธิบายพร้อมกับวางจานที่มีขนมปังแผ่นใหญ่สองแผ่นมาให้


“นี่พี่ทำเองหมดจริงๆ เหรอ” ไม่ใช่จะดูถูกนะ แต่มันน่าจะใช้เวลาทำประมาณครึ่งวันไม่ใช่แค่ไม่กี่ชั่วโมงแบบนี้


“แน่นอนสิ นั่งๆ เรามากินกันดีกว่า พี่แนะนำอันนี้เลยเนื้อวัวผัดซอสกินคู่กับมันบดอบชีสอร่อยสุดๆ” พี่ใบไผ่แนะนำจบก็แสดงตัวอย่างให้ดูโดยการตักอาหารทั้งสองอย่างไปวางบนขนมปังแผ่นหนาก่อนจะยกขึ้นกัดเข้าปากคำโต


ใบหน้าฟินๆ ของพี่ใบไผ่ทำให้ผมลองทำตามดู


“อื้มม~ อร่อย...” เพียงคำแรกที่กินเข้าไปก็รู้สึกเหมือนรสชาติทุกอย่างมารวมกันอย่างลงตัว ...อร่อยสุดๆ


“บอกแล้วว่าอร่อย สูตรนี้แม่พี่สอนให้ตอนเด็กๆ เลยนะ กินเสร็จแล้วลองซุปผักโขมนี่ด้วยสิ” ใบหน้าที่ยิ้มแย้มเต็มไปด้วยความสุขเมื่อถูกชมแสดงออกมาอย่างชัดเจน ก่อนที่พี่ใบไผ่จะเลื่อนชามซุปมาตรงหน้า


มื้อเช้าของพวกเราผ่านไปอย่างเชื่องช้า กว่าจะจัดการอาหารตรงหน้าหมดก็ปาไปเกือบเที่ยงแล้ว หลังจากนั้นผมก็ได้เริ่มงานเลขาอย่างจริงจังโดยเริ่มจากการอ่านเอกสารที่ถูกส่งมาทางระบบของบริษัทพร้อมทั้งสรุปย่อยและวิเคราะห์ตามที่พี่ใบไผ่ต้องการ


การทำงานวันแรกสูบพลังงานผมไปจนแทบไม่เหลือ และเป็นอย่างที่พี่ใบไผ่พูดว่าเรื่องงานอยู่ส่วนเรื่องงาน เพราะแค่ผมสรุปผิดไปนิดเดียว แววตาที่มักจะทอประกายสดใสจะหรี่ลงอย่างน่ากลัวและจริงจังมากจนผมต้องตั้งสติแล้วทำงานให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่



การเป็นเลขาของพี่ใบไผ่มีข้อดีคือใกล้บ้าน แต่ข้อเสียคือมีหลายงานที่ต้องไปประชุมและจัดการที่บริษัทโดยตรงทว่าเจ้าของบริษัทคนนี้ก็ดันไม่ชอบเข้าบริษัทสุดๆ ทุกครั้งที่มีการประชุมก็มักจะให้ผมเข้าไปแทนแล้วสรุปรายงานการประชุมมาให้ทีหลัง เห็นบอกว่าพอมีผมมาเป็นเลขาก็ไม่จำเป็นต้องไปเข้าประชุมด้วยตัวเองอีกต่อไปแล้ว


พี่ใบไผ่เชื่อใจผมมากเกินไปจริงๆ


และถึงผมจะไม่อยากไปขนาดไหนแต่พอถูกดวงตาคู่สวยกับน้ำเสียงนุ่มๆ นั้นออดอ้อนมา ผมก็ได้แต่กรอกตาขึ้นฟ้าแล้วยอมตามใจแต่โดยดี ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่สามารถต่อกรกับมันได้จริงๆ


ทว่าวันนี้ผมจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นอีกแล้ว...


“วันนี้พี่ต้องไปประชุมตอนบ่ายโมงนะครับ เลิกทำอาหารได้แล้ว” ผมวางท่ายืนเท้าเอวบ่นคนที่ยืนต้มอะไรบางอย่างในหม้อมานานกว่า 3 ชั่วโมงแล้ว ตั้งแต่วันที่ชมว่าอาหารของพี่ใบไผ่อร่อย ผมก็ได้ชิมฝีมือระดับสุดยอดนั้นอีกเรื่อยๆ


“ประชุมอีกแล้ว ไม่เอาๆ เราไปเถอะพี่จะอยู่เคี่ยวสตูให้ได้ที่ก่อน” ท่าทางที่ไม่แยแสการประชุมใหญ่นั้นทำให้ผมยกมือขึ้นเสยผมตัวเองอย่างเหนื่อยใจ


“พี่ใบไผ่”


“อย่าทำเสียงแข็งแบบนั้นสิ”


“พี่ก็อย่าดื้อสิ ครั้งนี้เป็นการประชุมเรื่องสำคัญนะ”


“เรื่องสำคัญ? โอ๊ะ...เดือนนี้มัน เดี๋ยวพี่ขอไปแต่งตัวก่อน ฝากดูหม้อหน่อยนะ”


การที่พี่ใบไผ่ยอมง่ายๆ ควรจะทำให้ดีใจแต่ทำไมผมกลับรู้สึกแปลกๆ แทนล่ะ


พี่ใบไผ่ยอมง่ายแบบนี้มันต้องมีอะไรแน่ๆ


เดือนนี้เหรอ?


“ไปกันเถอะต้นว่าน”



หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จพวกเราก็ตรงไปยังบริษัทในช่วงเที่ยง ซึ่งก็ไปถึงก่อนเวลาประชุมสักพักใหญ่ การประชุมในวันนี้เป็นการสรุปผลกำไรและยอดส่งสินค้าทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในครึ่งปีที่ผ่านมา รวมทั้งมีการเสนอนโยบายใหม่ๆ ด้วย


“...การประชุมเป็นอันจบเท่านี้ เปรม” พอจบการประชุมเจ้าของบริษัทก็หันไปเรียกคนที่เป็นหนึ่งในเลขาของตัวเอง


คุณเปรมฤดีหรือที่เธอให้ผมเรียกว่าพี่เปรม เป็นหัวหน้าฝ่ายต่างประเทศที่มีความสามารถในระดับสูงแต่พอเป็นเรื่องของจาตุรงค์หรือคุณรง หัวหน้าฝ่ายขนส่ง เธอก็มักจะใส่อารมณ์จนเกินจริงทุกครั้งไป ไม่รู้ว่าทะเลาะอะไรกัน


“มีอะไรเหรอคะบอส”


“เจมส์ติดต่อมาหรือยัง” ชื่อของคนที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเรียกให้เลขาหมาดๆ อย่างผมหันไปมองหน้าท่านประธานอย่างงงๆ


เจมส์? ชื่อเหมือนคนต่างชาติเลย


“อ้อ...คุณเจมส์ กลาส สินะคะ เพิ่งจะติดต่อมาวันนี้เองค่ะ เห็นว่าเชิญบอสไปร่วมงานเหมือนเดิมนะค่ะ”


“วันไหนล่ะ”


“งานมีอาทิตย์หน้าค่ะ บอสจะไปไหมคะ” พี่เปรมถามด้วยรอยยิ้ม


“ไปสิ ตอบตกลงไปให้หน่อยละกัน”


“เรียบร้อยแล้วค่ะ” พี่เปรมตอบกลับทันที


“ดีมาก งั้นอาทิตย์หน้าผมจะไม่เข้าบริษัทสักสามสี่วันนะ”


“พูดเหมือนท่านประธานมาทำงานทุกวันเลยนะครับ” คำพูดของคุณรงทำเอาคนทั้งห้องพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน ไม่เว้นแม้แต่เด็กใหม่อย่างผม


คนที่มาบริษัทแค่อาทิตย์ละครั้งก็ทำหน้าจะเป็นจะตายขนาดนั้น ไม่ต้องมาบอกว่าอาทิตย์หน้าไม่เข้าบริษัทเลย...


เอ๊ะ...เดี๋ยวนะ


นี่หรือว่า…



(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: -Rewrite- ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่10×▪ ◣ P.5 21/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 12-11-2016 14:22:04
(ต่อนะคะ)


“พี่จะไม่อยู่บ้านเหรอครับ” ผมถามหลังจากที่เรากลับมาถึงบ้านแล้ว


“ใช่ ประมาณ 4 วันน่ะ” พี่ใบไผ่ตอบพลางตักน้ำสตูที่อยู่ในหม้อขึ้นมาชิม


“เป็นงานแบบไหนเหรอครับ” ผมยังคงถามต่อ


...ก็อยากรู้นี่นา แถมท่าทางที่ดูเหมือนกำลังรอคอยอะไรอยู่ของพี่ใบไผ่ทำให้ความสงสัยที่มีเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมอีก


“เป็นงานเลี้ยงสำหรับประธานบริษัทที่มีชื่อเสียงทั่วโลกเท่านั้นถึงจะเข้าร่วมได้ อืม..อร่อยใช้ได้” พี่ใบไผ่พึมพำออกมาด้วยรอยยิ้มเมื่อรสชาติของสตูเป็นไปตามที่คิด


“แล้วคุณเจมส์ กลาสที่ว่านี่...” ยิ่งพูดก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวเลย


แต่มันก็อดสงสัยไม่ได้นี่...


คนชื่อเจมส์ กลาสที่ว่า…


เป็นเพื่อน พี่น้อง ญาติ หรือเป็นอะไรกับพี่ใบไผ่กัน


ยิ่งได้เห็นท่าทางกระตือรือร้นก็รับรู้ได้ว่าพี่เขาตั้งใจที่จะไปงานนี้มาก แปลว่าคนคนนั้นคงเป็นคนที่สำคัญมาก เพียงแค่คิดแบบนั้นก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่พี่ใบไผ่ให้สำคัญมากถึงขนาดนั้น


“อ้อ หมอนั่นเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงน่ะ แล้วก็เป็นเพื่อนสนิทพี่ด้วย”


“เหรอครับ” เพื่อนสนิทของพี่ใบไผ่


อยากเจออยู่นิดๆ แฮะ


อยากรู้ว่าพี่เขาจะแสดงท่าทางยังไงตอนอยู่กับเพื่อน คงไม่ได้เหมือนตอนที่อยู่กับผมใช่ไหม


“จริงสิ เราก็ต้องไปด้วยนะ”


“พี่ว่าอะไรนะ” คำพูดเมื่อครู่คงไม่ได้เป็นอย่างที่ได้ยินจริงๆ ใช่ไหม


“พี่บอกว่าเราต้องไปกับพี่ด้วย”


“ถ้าผมไป แล้วใครจะดูแลพวกมะนาวล่ะ” ให้ไปต่างประเทศ 4 วัน แล้วเหล่าสุนัขทั้ง 4 ตัวใครจะเป็นคอยดูแลหรือให้อาหารระหว่างนั้น


“เดี๋ยวพี่จ้างคนมาดูแล”


“ไม่ได้นะ แบบนั้นถ้าเกิดอะไรขึ้นมาล่ะครับ” ผมไม่ไว้ใจคนที่ไม่รู้จักแบบนั้นหรอก


“เราไม่อยากไปกับพี่เหรอ” น้ำเสียงหง๋อยๆ ที่ตามมาทำเอาผมอยากจะวิ่งออกจากบ้านไปซะเดี๋ยวนี้เลย


“ก็ไม่ใช่ไม่อยาก แต่พวกมะนาว...”


“งั้นถ้าวานน้องสาวของต้นว่านมาดูเป็นไงล่ะ” ข้อเสนอของพี่ใบไผ่ถือว่าดีอยู่ ถ้าเป็นดาก็ไว้ใจได้


“ก็ได้ครับ แต่ผมไม่มีพาสปอร์ตนะครับ” ผมบอกปัญหาใหญ่อีกอย่างออกไป


“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เรารีบไปทำกันเถอะ”


“ทำ? หมายถึงตอนนี้เหรอครับ”


“ใช่สิ ไปกัน!”




การทำพาสปอร์ตที่กระชั้นชิดที่สุดผ่านไปด้วยดี จนถึงวันที่พวกเราต้องเดินทางไปงานเลี้ยงที่จัดขึ้น ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ครั้งแรกในชีวิตที่ได้ทั้งขึ้นเครื่องบินและเหยียบบนพื้นดินต่างประเทศนั้นสร้างความประทับใจให้แก่ผมสุดๆ ผิดกับพี่ใบไผ่ที่มีท่าทางสบายๆ เหมือนชินกับการเดินทางอยู่แล้ว


โรงแรมหรูที่เป็นสถานที่จัดงานนั้นเรียกว่าหรูกว่าในละครบ้านเราที่ดูกันซะอีก ทั้งเสื้อผ้าที่จัดเต็มแบบไม่ให้เสียชื่อโดยเฉพาะผู้หญิงที่ดูเหมือนจะแข่งขันกันให้ตัวเองโดดเด่น ส่วนผู้ชายนั้นก็ใส่สูทหลากสีกันตามปกติที่เคยเห็น แต่ถ้าคิดถึงราคาของชุดพวกนั้นคงจะทำให้ผมลมจับแน่


ของราคาถูกคงไม่มีในงานนี้


“ไม่ต้องเกร็งนะต้นว่าน” เสียงนุ่มๆ ของพี่ใบไผ่บอกพร้อมกับวางมือลงบนไหล่แทนการให้กำลังใจ


“ครับ แต่ผมดูไม่เหมาะ...”


“อย่าพูดแบบนั้นสิ เราหล่อจะตาย หล่อกว่าพี่อีกรับรองเลยว่าสาวๆ ต้องหลงกันเป็นแถวแน่” พี่ใบไผ่พูดพร้อมรอยยิ้ม


“ผมไม่ได้ต้องการให้สาวๆ หลงสักหน่อย” แต่ถ้าเป็นพี่ก็ว่าไปอย่าง


“ไม่เชื่อที่พี่พูดเหรอ เราหล่อจริงๆ นะ พี่ยังหลงเลย”


“...พี่ใบไผ่” ผมหันไปมองหน้าของคนพูดประโยคนั้นทันที ทว่าอีกฝ่ายรู้ทันเลยหันหน้าหนี แต่ก็ไม่สามารถหลบใบหูขาวๆ ที่ขึ้นสีแดงระเรื่อนั่นได้


พี่ใบไผ่เขินผมใช่ไหม


“พี่ใบ...”


“แบมรีฟ!!” เสียงตะโกนของชายคนหนึ่งดังขึ้นขัดคำพูดที่ผมกำลังจะเอ่ย แต่นั่นไม่ทำให้ผมหงุดหงิดเท่ากับการที่เห็นชายคนนั้นวิ่งเข้ามากระโดดกอดพี่ใบไผ่ด้วยรอยยิ้มกว้าง ไม่ใช่แค่กอดแต่ยังมีการหอมแก้มทั้งสองข้างอีก


หมอนั่น...เป็นใคร?


“เจมส์ บอกแล้วไงว่าฉันชื่อใบไผ่ไม่ใช่แบมรีฟ” พี่ใบไผ่หันไปพูดกับคนที่กอดตัวเองด้วยน้ำเสียงแข็งๆ


“ไม่ๆ แบมรีฟน่ารักกว่าตั้งเยอะ มาจุ๊บอีกทีเนอะ” พูดจบแก้มขาวๆ ของพี่ใบไผ่ถูกประทับอีกรอบ


ผมกำมือแน่นเพื่อข่มอารมณ์ร้อนที่กำลังปะทุ


ให้ตายสิ...ผมหวงอีกฝ่ายชะมัด


ไม่ชอบอารมณ์แบบนี้ของตัวเองเลย เด็กชะมัด แค่ควบคุมอารมณ์ตัวเองยังทำได้ยากเลย


“พอได้แล้วน่า เดี๋ยวได้โดนหรอก”


“กลัวที่ไหน ว่าแต่สุดหล่อนี่เป็นใครกัน” เจมส์ถามพี่ใบไผ่โดยสายตาหันมาหยุดอยู่ที่ผมซึ่งตอนนี้กำลังรู้สึกหวงพี่ใบไผ่อยู่เต็มอก


“เลขาส่วนตัว”


“หื้อ? ส่วนตัวขนาดไหนล่ะ” อีกฝ่ายยังคงถามพร้อมยกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาอีก


“...มากกว่าที่นายคิดละกัน”


“วิ๊ว! สวัสดีครับผมเจมส์ กลาส แล้วคุณล่ะชื่ออะไร”


“ผมต้นว่าน สวัสดีครับ” ผมแนะนำตัวกลับเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท


“โอ้ว หน่วยก้านดีหน้าตาหล่อเหลาสเป็กหนุ่มสาวในอุดมคติเลย”


“เจมส์” พี่ใบไผ่ขึ้นเสียงพลางหรี่ตามองเพื่อนสนิทของตัวเอง


“หึ...แหมๆ ไม่ต้องห่วงยังไงสเป๊กฉันก็คือแบมรีฟคนเดียวอยู่แล้ว” พูดจบพี่ใบไผ่ก็ถูกกอดแน่นอีกครั้ง


“พี่ใบไผ่” ผมเรียกอีกฝ่ายเสียงเบา ความหงุดหงิดที่มีมันกำลังจะปะทุอยู่รอมล่อ


“โทษทีนะต้นว่าน” อีกฝ่ายหันมาตอบผม “ไปที่อื่นได้แล้วมั้ง” ก่อนจะหันไปผลักคนที่กอดแน่นอย่างรำคาญ ทว่าทางนั้นก็ยังไม่ยอมปล่อย แถมดวงตาสีเขียวที่มองมายังผมเหมือนกำลังหลอกล่อกวนอารมณ์ให้ผมโมโหอย่างงั้นแหละ


“ไม่ไป วันนี้จะอยู่กับแบมรีฟทั้งคืน”


“ปล่อยพี่ใบไผ่!” ผมไม่รอแม้แต่จะให้อีกฝ่ายพูดจบ จัดการดึงตัวพี่ใบไผ่มาอยู่ด้านหลังท่ามกลางดวงตาสีเขียวสดของเจมส์ที่จ้องมา


ตอนนี้รู้แค่ว่าผมจะไม่ยอมให้ผู้ชายคนนี้ได้เข้าใกล้พี่ใบไผ่ไปมากกว่านี้แล้ว ถึงจะรู้ว่าไม่สมควรแสดงท่าทางแบบนี้ออกไปแต่จะให้ทำยังไงล่ะ


ผมไม่ชอบให้ใครมาแตะตัวพี่ใบไผ่ของผมนี่


รู้ตัวว่ากำลังสิ่งที่ไม่สมควรและรู้ว่าควรหยุด แต่เหมือนร่างกายไม่ยอมฟังคำสั่งของสมอง


“ต้นว่าน...” พี่ใบไผ่เองก็ดูจะตกใจไม่น้อยกับการกระทำของผม


“ขอโทษครับ ผมขอโทษที่ทำแบบนี้...” ผมหันไปบอกคนด้านหลังด้วยน้ำเสียงสั่นๆ อย่างหมดความอดทน ก่อนจะรีบเดินหนีออกไปจากสถานการณ์นี้


ก็รู้อยู่ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์แต่ก็ยังอยากจะเป็นเจ้าของ...


...อยากเป็นเจ้าของหัวใจของพี่ใบไผ่


“โธ่เว้ย!” น่าจะคุมตัวเองให้ได้มากกว่านี้แท้ๆ


แบบนี้จะมองหน้าพี่ใบไผ่ได้ยังไงกัน



“ต้นว่าน!” เสียงที่คุ้นเคยตะโกนตามหลังมา ทำให้ผมวิ่งเต็มกำลังเพื่อให้ออกห่างจากเสียงนั่นอีก สภาพจิตใจที่ไม่สงบแบบนี้ไม่ควรเข้าใกล้พี่ใบไผ่


ถ้าเข้าใกล้ ความรู้สึกที่กำลังจะปะทุนี่คงห้ามไม่อยู่แล้ว


“ให้ผมอยู่คนเดียวสักพักเถอะครับ” ขอเวลาสักนิดเพื่อที่จะควบคุมตัวเองไม่ให้อารมณ์หึงหวงเข้าครอบงำแบบนี้


“พี่ไม่ให้!” เสียงเด็ดขาดของพี่ใบไผ่ดังขึ้นพร้อมกับข้อมือผมที่ถูกรั้งไว้จากด้านหลัง


ทำไมวิ่งตามมาเร็วขนาดนี้เนี่ย


แม้จะพยายามขืนตัวแล้วดึงแขนออกไปมากเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล เลยได้แต่หยุดการกระทำทุกอย่างแล้วยืนนิ่งๆ โดยที่ยังหันหลังให้อีกฝ่ายอยู่เหมือนเดิม


ถ้าต้องหันไปสบตากัน สติผมคงไม่เหลือแล้ว


“ต้นว่าน...หันมาหาพี่สิ มาคุยกันดีๆ ”


“ผมไม่มีอะไรจะคุยกับพี่”


สิ่งที่อยากจะตะโกนออกไปตอนนี้มีเพียงคำว่ารัก


รักพี่ใบไผ่!


ความรู้สึกที่มีคืออยากครอบครองจนแทบทนไม่ไหว แต่สิ่งที่ทำได้มีเพียงอดกลั้นไม่ให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ผมไม่มีอะไรที่คู่ควรเลยสักอย่าง


ไม่มีแม้แต่อย่างเดียว!


“คิดว่าพี่โง่ถึงขนาดที่ดูไม่ออกรึไง บอกพี่มาว่าเป็นอะไร ปกติเราไม่ใช่คนที่พาลกับใครไปทั่วนี่นา”


“ผม...”


“พี่ไม่อยากฟังคำโกหก บอกพี่มาเถอะว่าสิ่งที่เราคิดมันคืออะไร” พี่ใบไผ่เอ่ยประโยคนั้นด้วยน้ำเสียงวิงวอนปนขอร้องแล้วเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า


ใบหน้าของผมที่ก้มอยู่ถูกสัมผัสอย่างอ่อนโอนก่อนจะถูกฝ่ามือนั่นชี้นำจนดวงตาสีน้ำตาลของผมประสานกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจนเกือบทอง เพียงแค่เห็นใบหน้าและดวงตาคู่สวยนี้ความอดทนที่มีก็พังทลายลงอย่างรวดเร็ว


ผมคว้าตัวของพี่ใบไผ่มากอดไว้แน่นพลางซุกตัวลงที่คอขาวๆ ด้วยความรู้สึกมากมายที่กำลังทะลักออกมายิ่งกว่าเขื่อนแตก


“ผมขอโทษที่ทำลายความเชื่อใจของพี่ พี่เห็นผมเป็นเหมือนน้องชายและทำดีกับผมมาตลอด แต่ความใจดีของพี่มันทำให้ความรู้สึกที่ผมมีมันมากขึ้นจนไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้อีกแล้ว...”


“ต้นว่าน...”


“พี่อาจรังเกียจผม และไม่ชอบในสิ่งที่ผมกำลังจะบอก แต่ผมทนไม่ไหวแล้วจริงๆ...”


“...”


“ผมรักพี่นะ ผมรักพี่ใบไผ่!”

.............................................................................

อ้าวๆ ทำไมตัดจบกันแบบนี้

เราคิดว่าหลายๆคนคงกำลังคิดแบบนี้อยู่ 555

ตอนนี้แต่งเพลินไปหน่อย พอรู้ตัวอีกทีต้นว่านก็สารภาพรักซะแล้ว

แต่งเองยังตกใจเองเลย

ความรู้สึกประมาณว่าอยู่ๆก็พูดเลยเรอะะะะ

ตอนหน้าใบไผ่จะตอบรับความรู้สึกของต้นว่านยังไงช่วยติดตามด้วยนะคะ

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์ที่คอยเป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ

บ๊ายบาย

-Rewrite- >> มาต่อกับรีไรท์อีกตอนค่ะ แจ้งข่าวอีกนิดใครที่สนใจเรื่องพบรักสามารถเข้าไปสั่งพรีออเดอร์ได้นะคะ รอบพรีของแถมน่ารักมากแถมยังได้ลดราคาอีก เข้าไปดูรายละเอียดในเพจเราได้นะคะ

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่10×▪ ◣ P.5 12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 12-11-2016 15:09:59
ในที่สุดก็พูดออกไปแล้ววว
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่10×▪ ◣ P.5 12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: darksnow ที่ 12-11-2016 15:30:44
สกิลความอ้อน ความอ่อยของพี่ใบไผ่รุนแรงจนต้นว่านไม่สามารถโกรธ หรืองอน ได้นานจริงๆ เจมส์ นี่ดูออกใข่มั้ยเค้ารู้สึกไงกัน แกล้งซะต้นว่านฟิลขาดดด แล้วพี่ใบไผ่จะยังไงละน้อง หลุดปากสารภาพรักแล้วนะเอออ อิอิ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่10×▪ ◣ P.5 12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 12-11-2016 15:35:07
ตัดฉึบบบ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่10×▪ ◣ P.5 12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 12-11-2016 15:36:27
 :o8:   เอาแล้วววว
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่10×▪ ◣ P.5 12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 12-11-2016 15:49:48
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
 
ต้นว่านบอกรักพี่แล้วววววว :mc4: :mc4: :mc4:

อยู่ที่ว่าพี่จะตอบน้องว่ายังไง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่10×▪ ◣ P.5 12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 12-11-2016 18:41:00
จ้าาาา
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่10×▪ ◣ P.5 12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: iranen ที่ 12-11-2016 20:27:22
โอ้เย้ สารภาพรักไปแล้ว พี่ใบไผ่รอแค่ Say Yes
 :hao3:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่10×▪ ◣ P.5 12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 12-11-2016 20:38:38
อ้าว ค้างงงงงง
ต้นว่านสารภาพไปแล้ว พี่ใบไผ่ตอบรับไปเถ้ออออออะ

 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่10×▪ ◣ P.5 12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 12-11-2016 21:45:13
 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่10×▪ ◣ P.5 12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 12-11-2016 21:45:45
ใบไผ่อ่อยมาขนาดนี้แล้วววววว
ต้องรับรักน้องนะ ห้ามแกล้งนอน >\\\\\<
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่10×▪ ◣ P.5 12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 12-11-2016 22:06:32
โถ่ พระเอกเราเอะอะเป็นวิ่งๆ แล้วนายเอกก็วิ่งเร็ว ตามทันตลอด ฮา~ :hao7:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่10×▪ ◣ P.5 12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 12-11-2016 22:37:55
อย่างกะหนังอินเดียแน่ะ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่10×▪ ◣ P.5 12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 12-11-2016 23:07:43
เข้าใจผิดทีก็วิ่งตามให้ง้อที หนูเป็นนางเอกเหรอคะต้นว่าน
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่10×▪ ◣ P.5 12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-11-2016 23:11:48
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่10×▪ ◣ P.5 12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-11-2016 23:40:13
จริงๆ เดามาตลอดว่าใครจะกดใคร เพราะบางทีพี่ใบไผ่ก็แมนเกิน
หนูต้นว่านก็ดูอ่อนไหว บอบบาง กว่าพี่ใบไผ่ในบางครั้ง
แต่นี่ท่าทางจะเป็นพระเอกแสนงอนแทนซะแล้ว คีรี
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่10×▪ ◣ P.5 12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 13-11-2016 00:02:38
อ่อยเด็กจนเด็กมันโงหัวไม่ขึ้นเชียว
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่10×▪ ◣ P.5 12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 13-11-2016 02:45:53
อ๊ากกกกก  ค้างอะ   :ling1:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่10×▪ ◣ P.5 12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 13-11-2016 22:19:08
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
อ่านรวดเดี่ยวจบเลยยยยยยยยย
รอน้าาาาา รอว่าพี่ใบไผ่ของเราจะตอบต้นว่านไปว่าอย่างไร
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่10×▪ ◣ P.5 12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 13-11-2016 23:45:30
 :impress3: ว๊าว คำสารภาพรักมาแบบคาดไม่ถึง คนอ่านยังตกใจแทนเลย 555 แต่เราคิดว่าใบไผ่น่าจะวางแผนเอาไว้แล้วแน่ ๆ อาจจะพอรู้แล้วว่าต้นว่านน่าจะมีใจให้กับตัวเองแต่ก้อยังเกร็ง ๆ ดูถูกตัวเองจนไม่กล้าแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาเลยหาเจมส์มาเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา  :katai3: แล้วก้อได้ผลจริง ๆ ยินดีด้วยน่ะจ้ะ ใบไผ่  :L2: แผนของหนูสำเร็จแล้ว ชอบจังเลยลูก ๆ ของมะนาวเนี่ย อยากได้สักตัวจังเลย  :impress2:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่10×▪ ◣ P.5 12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 13-11-2016 23:48:52
คิดถึงมะนาวและลูกๆ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่10×▪ ◣ P.5 12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 15-11-2016 13:53:37
เพิ่งเห็นชื่อคนแต่ง

เรื่องราวน่ารักอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่10×▪ ◣ P.5 12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 16-11-2016 06:56:15
 o13
หัวข้อ: Re:-Rewrite- ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่11×▪ ◣ P.6 25/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 19-11-2016 11:29:02
พบรัก ▪×วันที่11×▪



“ผมรักพี่นะ ผมรักพี่ใบไผ่!”


เสียงของต้นว่านที่ตะโกนออกมาทำให้ผมตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะรู้สึกว่าความร้อนในตัวมารวมกันอยู่ที่บริเวณใบหน้าจนแดงระเรื่อในเวลาต่อมา


ต้นว่านบอกว่า ‘รัก’


รักผม?!


“ต้นว่าน...”


เดี๋ยวก่อนนะ...ผมตามสถานการณ์ไม่ทันแล้ว


การที่ผมวิ่งตามต้นว่านมาก็เพราะอีกฝ่ายทำตัวผิดปกติ เขามองเพื่อนสนิทผมด้วยสายตาแข็งๆ พูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ แถมยังทำท่าทางแปลกๆ ราวกับกำลัง...หวง


อ่า...นั่นแหละ


แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินคำๆ นี้ออกมาจากปากของต้นว่าน


“ผมรู้ว่าตัวเองไม่มีค่าพอที่จะพูดคำนี้กับพี่ พวกเราแตกต่างกันมากไม่ว่าจะฐานะหรืออย่างอื่น” น้ำเสียงเศร้าๆ กับวงแขนที่กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นนั้นทำให้หัวใจผมรู้สึกเจ็บขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก


“เราก็เอาแต่คิดแบบนั้น คิดว่าตัวเองไม่ดี คิดว่าฐานะต่ำต้อยกว่า คิดว่าไม่มีสิทธิ เอาแต่คิดไปในทางลบเสมอ เราเคยมองข้อดีของตัวเองบ้างไหม” ผมรีบพูดแทรกโดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ น้ำเสียงผมในตอนนี้กำลังสั่นเครือจนตัวเองยังสัมผัสได้


ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็เอาแต่พูดถึงข้อเสียของตัวเองโดยไม่มองถึงข้อดีที่มีมากมายนั้นเลย ต้นว่านไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้อดีพวกนั้นทำให้ตัวผมตกหลุมรักอีกฝ่ายมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่


“ข้อดีของผม?”


“ใช่ เรารู้ไหมว่าตัวเองมีข้อดีอะไรบ้าง”


“ไม่รู้ครับ” ต้นว่านเม้มปากแน่นคล้ายกำลังคิดหนัก และสุดท้ายก็ส่ายหัวเบาๆ กลับมาแทนคำตอบ


“งั้นพี่จะบอกให้ ต้นว่านเป็นคนที่ซื่อสัตย์ จริงใจ มีเมตตา รักสัตว์ มีความรับผิดชอบ ทำอาหารเก่ง ทำงานบ้านได้ ยิ้มได้หล่อที่สุดในโลก แถมยังน่ารักมากๆ เวลาที่ถูกแหย่...”


“พี่ใบไผ่...”


“ข้อดีของเราไม่ตั้งมากมายขนาดนี้แท้ๆ แล้วทำไมถึงไม่มั่นใจในตัวเองหน่อยล่ะ” ผมถามกลับพร้อมกับยกแขนขึ้นกอดตอบอีกฝ่ายแน่นๆ


ถ้าพูดถึงข้อเสียของต้นว่านคงไม่พ้นเรื่องการคิดในแง่ลบเกินไป ไม่มีความกล้าที่จะก้าวข้ามผ่านเส้นกั้นระหว่างฐานะ ผมอยากให้เขาเปลี่ยนนิสัยตรงนี้เหมือนกัน


“...พี่”


“พี่รักต้นว่าน รักก่อนที่เราจะรักพี่อีกรู้ไหม” ผมกระซิบคำพูดนั้นออกไปเบาๆ อีกฝ่ายถึงกับนิ่งไปเลย


ทั้งที่คิดว่าจะเก็บความรู้สึกนี้ไว้ในส่วนลึกของหัวใจ แต่พอรู้ว่าพวกเราต่างก็ใจตรงกันมันก็อดไม่ได้ที่จะบอกความรู้สึกนี้ให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ต่อจากนี้ความสัมพันธ์ของเราจะเป็นยังไงก็ให้มันเป็นเรื่องของโชคชะตาแล้วกัน


“ต้นว่าน...”


“พี่ล้อเล่นใช่ไหม”


“เรื่องอะไรล่ะ” ผมถามกลับแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไร


“ที่บอกว่ารักผม”


“พี่พูดจริง พี่รักต้นว่านจริงๆ นะ” ทำไมผมต้องล้อเล่นกับความรู้สึกด้วยล่ะ


“...โกหก” น้ำเสียงสั่นๆ ของต้นว่านเหมือนกำลังจะบอกว่าไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน


“งั้นต้องทำยังไงถึงจะเชื่อใจกัน” ต้องทำยังไงถึงจะเชื่อว่าสิ่งที่พูดออกไปมันเป็นความจริง ไม่ใช่คำโกหกตามที่อีกฝ่ายเข้าใจ


“ผม...ผมไม่รู้ แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้ที่พี่จะรักผม คนแบบผม...”


“คนแบบต้นว่านแล้วยังไง พี่ไม่สนว่าฐานะของเราจะเป็นยังไงหรือแตกต่างกันแค่ไหน พี่รักที่ต้นว่านเป็นต้นว่าน” ผมไม่ได้รักใครเพราะฐานะร่ำรวยหรือยากจน ไม่ได้รักที่รูปลักษณ์หน้าตา แต่เพราะตัวตนของต้นว่านต่างหากที่ทำให้ผมรัก


“พี่ใบไผ่”


“พี่จะทำให้รู้ว่าคำที่พี่บอกมันเป็นความจริง” พอพูดจบก็เงยหน้าขึ้นไปสบกับดวงตาคมสีน้ำตาลตรงหน้าพร้อมคลี่ยิ้มออกมาบางๆ


“พี่...”


เสียงของต้นว่านหายไปทันทีที่ถูกผมปิดปากนั่นด้วยปากของตัวเอง ไม่มีการล่วงล้ำใดๆ มีเพียงสัมผัสเบาๆ บริเวณริมฝีปาก พวกเราสัมผัสกันก่อนจะผละออกในเวลาต่อมา ผมสังเกตุสีหน้าของต้นว่านว่าจะเป็นอย่างไรเมื่อถูกผมรุกขนาดนี้


“แบบนี้เชื่อพี่ได้รึยัง?”


สภาพของต้นว่านหลังถูกจูบต่างจากที่คิดไว้อย่างสิ้นเชิง ผิวสีออกแทนของอีกฝ่ายแดงระเรื่อพร้อมกับดวงตาคู่เดิมที่เบิกกว้างด้วยความตกใจ แถมยังยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้อีก


น่ารักจัง...


ผมเองก็เขินไม่ต่างกันหรอก เพียงแต่ตอนนี้ความอยากรู้มันมีมากกว่าความเขินอาย


หวังว่าจะเชื่อคำว่ารักที่พูดไปสักทีนะ


“พี่ใบไผ่...พี่รู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป” น้ำเสียงของต้นว่านเหมือนกำลังข่มอารมณ์บางอย่าง


“รู้สิ...จูบคนที่รักไง” ผมตอบเสียงเบา


พอพูดเองก็อดไม่ได้ที่จะอายนิดๆ


“จูบเหรอ ไม่ใช่สักหน่อย”


“ฮะ? ไม่ใช่ยัง...อุ๊บ อื้ออ~” ยังไม่ทันได้พูดอะไร ริมฝีปากของต้นว่านก็ประกบลงมาอีกครั้งหนึ่ง เพียงแต่ครั้งนี้สัมผัสของรสจูบกลับลึกล้ำมากกว่าเมื่อครู่จนเทียบไม่ติด คนโดนจูบอย่างผมได้แต่ใช้มือทั้งสองข้างกุมเสื้ออีกฝ่ายไว้แน่นเพื่อใช้ยึดเกาะไม่ให้ร่างของตัวเองทรุดลงไปบนพื้น ตอนนี้ขาผมสั่นจนแทบไม่มีแรงยืนเลย


ต้นว่าน...จูบเก่งจัง


“แบบนี้สิที่เรียกว่าจูบ” ต้นว่านละสัมผัสออกไปพร้อมกับกระซิบบอกเบาๆ ที่ข้างหู


“รู้แล้วน่า...” แค่พูดผิดไปหน่อยเดียวไม่เห็นต้องแสดงให้ดูเลยนี่


“ความรู้สึกของเราตรงกันจริงๆ


ใช่ไหมพี่ใบไผ่” ต้นว่านถามย้ำ


“อืม พี่รักเรานะ” ผมเองก็ตอบย้ำเพื่อให้อีกฝ่ายแน่ใจ


“ทำไมพี่ไม่เคยบอกผมเลยล่ะ”


“พี่ไม่อยากจะเสียเราไป ถ้าบอกไปเราอาจจะรังเกียจและไม่มาหาพี่อีก พี่เลยต้องเก็บความรู้สึกนี้ไว้ บอกตรงๆ ว่าจนถึงตอนนี้พี่ก็ยังไม่อยากจะบอก ความสัมพันธ์ของเราในตอนนี้มันดีมากและพี่พอใจกับมันแล้ว แต่พอได้ยินคำว่ารักจากเรา พี่ก็ไม่สามารถเก็บความรู้สึกนี้ได้อีกแล้ว” พูดเสร็จผมก็ก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาที่จ้องมา


“ผมดีใจที่ความรู้สึกเราตรงกัน” ต้นว่านพูดพร้อมยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าผมอย่างอ่อนโยน


“...อืม” ผมก็ดีใจไม่แพ้กันหรอก


ใครจะคิดล่ะว่าจะได้ยินคำว่ารักออกจากปากของคนที่เราแอบรักมาตลอดแบบนี้


“พี่ใบไผ่”


“อะไร...”


“คบกับผมไหม” คำขอซื่อๆ ของเด็กหนุ่มตรงหน้าทำให้ผมอมยิ้ม


ไม่มีทั้งความโรแมนติกหรือถ้อยคำหวานๆ แต่น้ำเสียงที่เอ่ยนั้นมันเต็มไปด้วยความรู้สึกจนสัมผัสได้อย่างชัดเจน


“เอาสิ ดูแลพี่ดีๆ ด้วยล่ะ” ผมตอบตกลงแล้วเข้าไปกอดแฟนหมาดๆ ของตัวเองแน่นด้วยความรู้สึกอันเปี่ยมไปด้วยความดีใจ


“จะดูแลทั้งชีวิตเลยครับ”



หลังจากที่พวกเรากอดกันอีกสักพักใหญ่ก็กลับไปยังห้องของตัวเองที่ถูกจัดไว้บนชั้น 25 ซึ่งเป็นชั้นที่สามารถมองเห็นวิวของลอนดอนได้อย่างชัดเจน ยิ่งตอนกลางคืนแบบนี้แสงสีจากด้านล่างนั่นดูสวยงามไม่แพ้ดวงดาวที่ทอประกายอยู่ด้านบนเลย


บรรยากาศสบายๆ ที่สัมผัสได้ทำให้ภาพตอนถูกขอเป็นแฟนผุดเข้ามาอีกครั้ง เพียงแค่นึกถึงก็ทำให้ผมยิ้ม เขินอายอย่างบอกไม่ถูก หมอนใบใหญ่ที่อยู่บนเตียงสีขาวสะอาดตาถูกยกขึ้นมาปกปิดใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความเขิน และเสียงครางที่เหมือนกรีดร้องด้วยความดีใจของตัวเอง


ตอนนี้ผมกับต้นว่านเป็นแฟนกันแล้ว


“...เป็นแฟน” แค่คิดก็เหมือนจะมีควันพุ่งออกมาจากหัวเลย


ให้ตายสิเขินสุดๆ


ก๊อกๆ


แกร็ก!


“แบมรีฟ!” เสียงเคาะประตูดังขึ้นเพียงครั้งเดียวก่อนประตูจะถูกเปิดออกด้วยฝีมือของเจ้าของโรงแรมนามว่าเจมส์ กลาส


“มาทำไม?” ผมถามเสียงแข็งพร้อมทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงนุ่มด้านข้าง อารมณ์เขินอายเมื่อครู่หายไปทันตา หมอนใบโตที่อยู่ในมือถูกวางกลับไปยังหัวเตียงเหมือนเดิม


“แหม...เดี๋ยวนี้ไม่สนใจเพื่อนรักอย่างฉันเลยนะ ใช่สิมีคนรู้ใจแล้วนี่นา”


“พะ...พูดอะไรน่ะ?” คำพูดของเจมส์ทำให้ผมหน้าแดงขึ้นอย่างรวดเร็ว


“อย่าปิดบังเพื่อนคนนี้เลย แค่เห็นสายตาที่หนุ่มต้นว่านมองฉันก็รู้แล้ว”


“รู้อะไร”


“รู้ว่าเขารักนายไง”


“...รู้ได้ยังไง” สายตาที่มองมาเหรอ


ไม่เห็นว่ามันจะต่างกันตรงไหนเลย


“รู้ละกันน่า แถมยังหึงที่ฉันเข้าไปกอดไปจูบกับนายอีก”


“หึง?”


“อะไรๆ นี่ไม่รู้ตัวเลยรึไง” เจมส์พูดยิ้มๆ ก่อนจะเดินมานั่งบนเตียงเดียวกัน


เจมส์เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของผมตั้งแต่ที่มาเรียนที่นี่ ในตอนแรกเราไม่ได้สนิทกันขนาดนี้ ทว่าพอเกิดข่าวลือเรื่องที่ผมเป็นคนจนแต่แกล้งทำเป็นรวย พวกเราก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น เจมส์เป็นคนที่อัธยาศัยดีมากจึงมีเพื่อนอยู่หลายคณะ


แต่สิ่งที่ทำให้อีกฝ่ายสนิทกับผมมากกว่าคนอื่นคงเป็นเพราะผมรู้ว่าเจมส์กำลังคบหาอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่อายุมากกว่า มันเป็นความบังเอิญที่เดินไปเจอตอนที่ทั้งคู่กำลังจูบกันแต่ผมก็ไม่ได้พูดหรือทำท่าทางรังเกียจเหมือนอย่างที่อีกฝ่ายคิดไว้จึงทำให้เจมส์ไว้ใจมากขึ้น จนถึงตอนนี้เจมส์กับแฟนคนที่ว่าก็ยังคบกันอยู่แถมยังเปิดตัวต่อหน้าทุกคนแล้วด้วย


“มานี่ไม่เป็นไรรึไง” ผมถามกลับ จำได้ว่าแฟนหนุ่มของเจมส์ก็มางานด้วย


ผมไม่อยากมีเรื่องเพราะจำได้ว่าแฟนของเจมส์นั้นขี้หึงสุดๆ


“น่าๆ ขอพักผ่อนหน่อยเถอะ” พูดจบอีกฝ่ายก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงเดียวกับที่ผมนอนอยู่


“เดี๋ยวก็มีเรื่องหรอก” ผมเอนตัวนอนลงข้างๆ บ้าง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรานอนด้วยกันจึงไม่ได้รู้สึกลำบากใจอะไร


“มีก็ดีสิ เฮอะ!”


“ทะเลาะกันสินะ” แค่เห็นท่าทางก็รู้แล้ว


“นิดหน่อยน่ะ ก็หมอนั่นแหละผิด ไปเต้นรำกับผู้หญิงคนอื่นได้ยังไง!” เจมส์ตะโกนเสียงดังเหมือนจะระบายความโกรธที่มีอยู่ออกมา


“เพื่อนรึเปล่า” ผมออกความเห็น


“เพื่อนแล้วไง? มีสิทธิอะไรมาเต้นรำกับแฟนคนอื่นแบบนี้ คอยดูนะวันนี้จะนอนกับผู้ชายคนอื่นให้ลืมคนบ้าแบบนั้นเลย”


“ผู้ชายคนอื่นที่ว่านี่...เฮ้ย! ไม่เอานะ” ผมเด้งตัวขึ้นจากเตียงทันทีที่รู้ว่าผู้ชายคนอื่นที่ว่าหมายถึงตัวเองแน่ๆ


เจมส์เป็นผู้ชายสูงโปร่งพอๆ กับผมแต่เตี้ยกว่าเล็กน้อย ใบหน้าก็ออกสวยแต่ไม่ได้ถึงกับน่ารัก สมัยเรียนก็มีข่าวออกมาว่าผมและเจมส์เป็นคู่รักกันอยู่เหมือนกัน


นี่กำลังจะลากผมไปซวยด้วยรึไง


“แบมรีฟ ช่วยเพื่อนหน่อยนะ แค่นอนเฉยๆ เองไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” อีกฝ่ายยังคงออดอ้อนพลางกลิ้งไปมาบนเตียง สายตาอ้อนๆ นั่นไม่ได้ทำให้ความรู้สึกอยากช่วยเพิ่มขึ้นสักนิด


“ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้นสักหน่อย” รู้อยู่แล้วว่านอนเฉยๆ ที่ผมเป็นห่วงคือหลังจากที่แฟนของเจมส์รู้เรื่อง ผมนี่แหละที่จะซวย


“น่าๆ มานอนด้วยกันซะดีๆ”


“เฮ้ย! ปล่อยนะเจมส์” ผมดิ้นรนสุดชีวิตเมื่อถูกเพื่อนสนิทคว้าแขนไว้จนร่างเซไปตกบนเตียง ผมพยายามที่จะผลักอีกฝ่ายออกไปแต่กลับถูกคนที่น้ำหนักน้อยกว่าอย่างเจมส์ขึ้นนั่งทับบนหน้าท้องจนรู้สึกจุก


“อย่าหนีเลยน่า แบมรีฟหนีฉันไม่พ้นหรอก” อีกฝ่ายว่าพร้อมกับแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์


“เจมส์!” ผมไม่เล่นด้วยนะ


ก๊อก ก๊อก ก๊อก...


“พี่ใบไผ่ เกิดอะไรขึ้นผมได้ยินเสียงดังมาจากห้องพี่ด้วย”


เฮือก!


เสียงทุ้มของต้นว่านทำเอาผมสะดุ้ง


ไม่ดีแน่ถ้าต้นว่านเข้ามาเห็นผมในสภาพนี้


“เจมส์ลุกไป” ผมหันไปบอกเพื่อนเสียงขุ่น


“เสียงนี่มัน...อะฮ่า! น่าสนุกจังเลยนะ เรียกเข้ามาดีไหม” ท่าทางเหมือนเจอเรื่องสนุกของเจมส์ทำเอาคนฟังอย่างผมส่ายหัวกลับไปแรงๆ


“พี่ใบไผ่ ผมเปิดเข้าไปนะ”


“เดี๋ยว...” ผมตะโกนสุดเสียง


ปัง!


ประตูบานสีน้ำตาลถูกเปิดออกอย่างรุนแรง ไม่ต้องถามก็รู้ได้ทันทีว่าฝ่ายนั้นคงใช้คีย์การ์ดสำรองเปิดเข้ามา ชายคนหนึ่งเดินนำเข้ามาโดยด้านหลังมีต้นว่านตามเข้ามาติดๆ และทันทีที่เห็นสภาพบนเตียงคิ้วสีดำเข้มก็ขมวดเข้าหากันแน่นพร้อมกับดวงตาคมสีน้ำตาลที่จ้องมาอย่างโกรธๆ


“เจมส์!” เสียงของชายคนแรกที่มีรูปร่างสูงโปร่งและใบหน้าหล่อเหล่าตามสไตล์ต่างชาติดังขึ้น พร้อมกับเข้ามาคว้าตัวของเจมส์ให้ลุกออกจากตัวผม


ถ้าจำไม่ผิดผู้ชายคนนี้คือแฟนของเจมส์


“ปล่อยนะดาส มานี่ทำไมไปอยู่กับสาวสวยของนายสิไม่ต้องมาสนฉัน!” เจมส์ดิ้นทันทีที่ถูกอีกฝ่ายจับตัวไว้แน่น


“บอกแล้วไงว่านั่นเป็นญาติฉันเอง...อย่าดื้อสิ”


“ฉันมันดื้อแล้วไงล่ะ แบมรีฟช่วยฉันด้วย!” สุดท้ายก็หันมาขอความช่วยเหลือผมที่กำลังลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียง


“สวัสดีดาส...ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” ผมไม่สนใจเจมส์แต่เอ่ยทักทายดาสแทน


“อืม”


“ฉันไม่ได้ทำอะไรเจมส์นะ จะว่าไปคนที่ถูกทำน่าจะเป็นฉันมากกว่า” ผมรีบอธิบายก่อนจะเกิดการเข้าใจผิดกัน


“รู้แล้ว ขอโทษที่เจมส์สร้างเรื่องให้”


“ไม่เป็นไร ปรับความเข้าใจกันดีๆ ล่ะ เจมส์รักนายมากนะ” ผมบอกพร้อมกับส่งยิ้มไปให้


“อืม ขอบคุณ” พูดจบร่างของเจมส์ก็ถูกอุ้มพาดบ่าออกจากห้องไป


“ไม่นะ! แบมรีฟคนทรยศ!” นั่นคือเสียงตะโกนสุดท้ายของเพื่อนสนิทผม


ขอให้พรุ่งนี้ลุกไหวนะเจมส์


เสียงโหวกเหวกที่หายไปทำให้บรรยากาศภายในห้องกลับมาเงียบอย่างรวดเร็ว...ตอนนี้ผมอยากจะมุดตัวเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มเพื่อจะได้ไม่ต้องสบตากับต้นว่าน


“พี่ใบไผ่” ต้นว่านเรียกชื่อพร้อมกับเดินมานั่งข้างๆ กันบนเตียง


“เอ่อ...พี่ไม่ได้มีอะไรกับเจมส์นะ” ผมรีบหันไปอธิบายด้วยน้ำเสียงร้อนรน


“ผมรู้แล้ว ขอโทษที่มองพี่แบบโกรธๆ ตอนแรกนึกว่าพี่นอกใจผมแล้วสิ” อีกฝ่ายพูดพร้อมกับส่งยิ้มมาให้


“ใครจะนอกใจต้นว่านกัน พี่รักต้นว่านคนเดียวนะ” ผมรีบอธิบายเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดแต่ดูจะทำให้ต้นว่านหมดความอดทน เพราะอยู่ๆ ผมก็ถูกดันราบลงกับเตียงโดยที่อีกฝ่ายขึ้นคร่อมอยู่ด้านบน


“ถ้าขืนยังพูดจาน่ารักๆ อยู่แบบนี้จะหาว่าผมไม่เตือนไม่ได้นะ” น้ำเสียงและสายตาที่ส่งมาบอกได้เลยว่าต้นว่านกำลังข่มอารมณ์บางอย่างอยู่


“...ไม่ได้น่ารักสักหน่อย”


“น่ารักสิ แก้มแดงๆ นี่ขึ้นสีเพราะผมสินะ” พูดจบต้นว่านก็ก้มลงมาจูบเบาๆ ที่แก้มทั้งสองข้างสลับกันไป


“อื้อ! อย่า...” หัวใจตอนนี้เต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมาเลย


“อย่าหยุดใช่ไหมครับ”


“อย่าแกล้งพี่!” เหมือนตัวเองกำลังจะละลายเพราะสัมผัสร้อนๆ ที่อีกฝ่ายมอบให้


“ไม่แกล้งก็ได้ เรามานอนกันดีกว่าเนอะ” ต้นว่านเปลี่ยนจากคร่อมมาเป็นนอนลงข้างๆ แทน


“นอน? เราจะนอนนี่เหรอ” ผมถามเสียงสั่น


“ใช่ครับ ผมกลัวว่าถ้าไม่เฝ้าพี่ไว้อาจมีใครย่องเข้าห้องพี่ก็ได้”


“พูดอะไรน่ะ ไม่มีหรอก”


“ก็ผมหวงของผมนี่”


ผมได้แต่ซุกหน้าลงบนหมอนเพื่อซ่อนใบหน้าที่แดงก่ำของตัวเอง


“พี่รู้ไหมว่าผมดีใจแค่ไหนที่ใจเราตรงกัน”


“...ไม่รู้”


“ผมดีใจมากจนไม่สามารถพูดมันออกมาได้ ผมแค่อยากย้ำว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่แค่ฝันที่ยาวนานของตัวเอง”


“ต้นว่าน...”


“ผมขอนอนข้างๆ พี่นะครับ”


คำขอนั่นยากที่จะปฏิเสธจริงๆ โดยเฉพาะเวลาที่ดวงตานั่นจ้องมาอย่างวิงวอน


“เอาสิ”



ค่ำคืนอันหนาวเหน็บในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ไม่ได้ทำให้คนที่นอนเคียงข้างกันในห้องพักสุดหรูรู้สึกทรมาณได้ ความรู้สึกดีๆ ในวันนี้ทำให้เราทั้งสองคนอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ เสียงหัวใจสองดวงที่เต้นประสานกันเหมือนเป็นบทเพลงที่กล่อมพวกเราให้หลับสนิทไปจนถึงเช้าของวันใหม่


งานเลี้ยงสุดหรูถูกจัดขึ้นสามวันเต็มเพื่อให้เหล่าผู้ประกอบการชั้นแนวหน้าของโลกได้พบปะพูดคุยกันเหมือนเช่นทุกครั้ง ในครั้งนี้ประธานบริษัทอย่างผมก็ได้บริษัทคู่ค้าใหม่มาอีกหลายแห่งจากการเข้าไปพูดคุยทักทายและกลายเป็นการเจรจาเรื่องงาน ส่วนต้นว่านเองก็ดูเหมือนจะใจเย็นลงมาก ไม่มีทางแข็งๆ อย่างเมื่อวันก่อนแล้ว แถมดูท่าจะสนิทกับเจมส์และดาสได้อย่างรวดเร็วด้วย





(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re:-Rewrite- ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่11×▪ ◣ P.6 25/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 19-11-2016 11:29:27
(ต่อนะคะ)


การเดินทางมาลอนดอนของพวกเราครั้งนี้เป็นไปด้วยความราบรื่นจนกระทั่งถึงวันกลับ เจมส์และดาสพาเรามาส่งที่สนามบินด้วยตัวเองและสัญญาว่าถ้ามีเวลาจะแวะไปเที่ยวที่เมืองไทยบ้าง ถุงของฝากมากมายถูกหิ้วกันคนละถุงสองถุงไปยังบริษัทเพื่อแจกจ่ายให้พนักงานทุกคน


ไม่อยากบอกว่าทุกคนต่างพร้อมใจกันละมือออกจากงานที่ทำเพื่อมาต่อแถวรับของฝากจากประธานกันอย่างพร้อมเพรียง
ตั้งใจทำงานกันจริงๆ


ไม่ใช่แค่ของฝากพนักงานเท่านั้นที่ผมซื้อมาแต่ยังมีของฝากให้พ่อกับแม่ของต้นว่านด้วย ถึงแม้จะถูกอีกฝ่ายปฏิเสธว่าไม่ต้องลำบากแต่คิดเหรอว่าผมจะยอมรามือง่ายๆ...ไม่มีทาง


สุดท้ายต้นว่านก็รับของฝากไปในที่สุด


นอกจากของฝากของให้คนแล้ว ผมยังซื้อของฝากให้สุนัขทั้งสี่ตัวด้วย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรืออาหารสำเร็จรูป ตอนขากลับนี่ต้องใช้เวลาขนนานพอดูเลย ช่วงนี้ผมสามารถให้อาหารพวกมะนาวได้แล้วจึงไม่ต้องรอให้ต้นว่านมาทำให้ในช่วงเช้า แต่ยังไงตอนเย็นผมก็ยังให้ต้นว่านจัดการอยู่ดี


ไม่รู้ว่าเพราะอะไรพวกมะนาวถึงดูจะชอบอาหารที่ต้นว่านทำนัก ทั้งๆ ที่ก็แค่ตักใส่ชามเหมือนกัน มีแค่ต้นสนตัวเดียวที่ดูจะติดผมมากกว่าตัวอื่นที่ติดต้นว่านแจ


หงิ๋ง~


นั่นไง พูดถึงก็มาพอดี


ต้นสน สุนัขขนสีดำสนิทมาคลอเคลียบริเวณขา ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงได้เห็นภาพของผมร้องลั่นพร้อมกระโดดหนีแล้วแน่ๆ แต่พอโดนเข้าหลายๆ ครั้ง ก็เหมือนจะรู้สึกชินขึ้นมา


“ไง...ไม่ไปวิ่งเล่นแล้วเหรอ” ผมถามพลางลูบเส้นขนสีดำสนิทนั่นเบาๆ


ดูเหมือนอาการกลัวสุนัขจะหายไปแล้ว แต่ต้องเป็นสุนัขที่บ้านเท่านั้นนะ ต้นสนส่งเสียงครางเบาๆ เป็นการตอบ ก่อนจะนอนลงกับพื้นข้างๆ โซฟาที่ผมนั่งอยู่ ประตูกระจกด้านข้างถูกเลื่อนเปิดไว้เพื่อให้สุนัขสามารถเข้าออกได้อย่างอิสระรวมถึงให้ลมเย็นพัดเข้ามาด้วย


ครืดดดด~


เสียงสั่นเพียงครั้งเดียวแล้วหายไปเป็นสัญญาณว่ามีข้อความเข้า ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดข้อความนั้นอ่าน รูปภาพและข้อความที่ส่งมาทำให้ผมต้องหรี่ตาลงก่อนจะถอนหายใจเบาๆ


“เฮ้อ! อีกแล้วนะต้นว่าน เกรงใจกันตลอด” ผมถอนหายใจเมื่อเห็นรูปภาพงานเลี้ยงที่มีเค้กเขียนว่า ‘สุขสันต์วันเกิดต้นว่าน’ อยู่บนนั้น พร้อมกับเพื่อสนิทอีกสี่คน


ก็ว่าอยู่ที่ขอลางานทั้งๆ ที่เป็นพวกเอาการเอางานขนาดนั้น


ขนาดเป็นแฟนกันแล้วยังเกรงใจไม่เข้าเรื่องอีก


ถ้าเพื่อนต้นว่านไม่ส่งข้อความมาบอกผมคงนั่งอยู่เฉยๆ ไปจนหมดวันโดยที่ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นสำคัญของต้นว่านแน่...ยังถือว่าโชคดีที่รู้ตอนนี้


“ไม่ยอมบอกกันแบบนี้ จะเซอร์ไพรซ์ให้หนักเลย” ผมพึมพำพร้อมยกยิ้มขึ้น


ถ้าต้นว่านบอกกันสักหน่อย ของขวัญที่ได้คงจะไม่ได้มากมายอะไรเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ชอบ แต่นี่ไม่ยอมบอกกันแบบนี้ผมก็โมโหนิดๆ เหมือนกัน ผมหันไปมองนาฬิกาที่บอกเวลา 11 โมงอย่างครุ่นคิด กว่าที่ต้นว่านจะกลับมาคงประมาณ 4-5 โมงเย็น ดังนั้นผมยังมีเวลาเหลือค่อนข้างเยอะสำหรับเตรียมงานวันเกิดให้


“เอาล่ะ ไปห้างดีกว่า” พูดจบก็จัดการเรียกให้ต้นสนออกไปอยู่ข้างนอกรวมกับแม่และพี่น้องตัวอื่น ก่อนจะขับรถยนต์มุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล



ผมมีของหลายอย่างที่ตั้งใจจะซื้อแต่ด้วยความสามารถในการถือของที่มีจำกัดเลยต้องซื้ออย่างรอบครอบ ไม่งั้นคงหอบกลับไม่ไหว ความจริงจะให้ทางห้างมาส่งก็ได้แต่ส่วนมากมักจะส่งเป็นเวลากว่าจะได้ของครบคงพรุ่งนี้ ของขวัญประมาณ 3-4 อย่างถูกเลือกซื้ออย่างดีก่อนจะบอกให้พนักงานห่อให้อย่างสวยงาม เมื่อจัดการพวกของขวัญเสร็จแล้ว ผมก็ลงมายังชั้นล่างที่เป็นซุปเปอร์มาเก็ตขนาดกลาง ตั้งใจจะทำอาหารเย็นเลี้ยงต้นว่านด้วยตัวเอง ครั้งก่อนที่ทำให้ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะชอบมากจนอดไม่ได้ที่จะทำบ่อยๆ


“อย่างแรกที่ต้องทำคือเค้ก...” วันเกิดก็ต้องมีเค้กสิ


ถึงอีกฝ่ายจะกินมาแล้วก็ไม่สนหรอก จะให้กินจนกว่าจะหมดเลยคอยดูสิ


นี่เป็นการลงโทษที่ไม่ยอมบอกว่าวันนี้เป็นวันเกิด


มีแฟนที่ไหนไม่ให้ของขวัญวันเกิดกันบ้างล่ะ


นอกจากเค้กและขนมหวานอีกสองสามอย่างที่คิดจะทำก็ยังมีพวกอาหารคาวอย่างเนื้ออบมะเขือเทศ มันบดอบผักโขม ซุปข้าวโพด และสลัดปลาแซลม่อน ถึงแม้จะทำหลายอย่างแต่ก็ไม่ได้ทำจานใหญ่มากเพราะว่ากินกันแค่สองคน ถ้าเหลือทิ้งมันจะดูไม่ดี


ทันทีที่กลับมาถึงบ้าน ผมก็ไม่รอช้ารีบจัดการเตรียมของทุกอย่างที่จะทำโดยเริ่มจากของที่ต้องใช้เวลาเยอะๆ อย่างเนื้ออบมะเขือเทศก่อน เมนูนี้ใช้เวลาอบค่อนข้างนาน ต้องใช้ความร้อนต่ำเพื่อให้เนื้อนุ่มและอร่อย ต่อมาก็ทำเค้กและคุ๊กกี้อีกสองสามชนิด ระหว่างที่อบอยู่ก็เปลี่ยนมาทำมันบดกับซุปข้าวโพด


เมื่อนาฬิกาบอกเวลาสี่โมงเย็น ผมก็เร่งมือขึ้นเล็กน้อยเพราะยังไม่ได้จัดโต๊ะ กว่าจะจัดโต๊ะ วางอาหาร และวางของขวัญก็ใช้เวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง โชคดีที่ต้นว่านยังไม่กลับมาถึงบ้าน


“วันนี้กินช้ากันหน่อยเนอะ เดี๋ยวมีของดีให้ด้วย” ผมก้มลงไปบอกสุนัขทั้งสี่ตัวที่นอนอยู่ทั้งบนและล่างของโซฟายาว


วันนี้ผมทำเนื้ออบสำหรับสุนัขที่ไม่ใส่พวกเครื่องปรุงเตรียมไว้ รอให้ต้นว่านมาเราจะได้กินฉลองด้วยกัน


“เอาล่ะ...ปิดไฟดีกว่า” ผมจัดการดับไฟที่สว่างอยู่แล้วเดินไปหลบที่ห้องครัว


จะให้เปิดเข้ามาเห็นแบบปกติก็ไม่สนุกน่ะสิ


แกร็ก!


“พี่ใบไผ่ผมกลับมา...อ๊ะ ทำไมไฟในบ้านยังไม่ได้เปิด?” เสียงทุ้มดังขึ้นเมื่อเปิดประตูเข้ามาแล้วเจอกับห้องอันมืดสนิท มีเพียงแค่สุนัขทั้งสี่ตัวที่วิ่งออกไปต้อนรับอย่างคุ้นเคย


เจ้าของบ้านอย่างผมได้แต่แอบมองผ่านชั้นวางหนังสือที่อยู่ติดกับห้องครัวอย่างตื่นเต้น


หวังว่าต้นว่านจะยังไม่เปิดไฟนะ


“ไงมะนาว ต้นสน ต้นโมก ราตรี เจ้าของบ้านของพวกเธอไปไหนหื้อ” ต้นว่านถามพลางก้มลงไปเล่นกับสุนัขทั้งสี่ตัว ไม่นานเขาก็เดินไปทางสวิทซ์ไฟ และนั่นทำให้ผมรีบวิ่งออกไปพร้อมกระโดดกอดคออีกฝ่ายไว้แน่น...


ขืนเปิดไฟก็อดเซอร์ไพรซ์สิ


“เฮ้ย! พี่ใบไผ่?” เหมือนคนตรงหน้าจะรู้ทันทีว่าเป็นใคร


“ทำไมถึงรู้” นึกว่าจะไม่รู้ซะอีก


“กลิ่นของพี่ไง แล้วสัมผัสของพี่ผมจำได้”


คำพูดหวานๆ นั่นทำให้ผมได้แต่ซุกหน้าลงที่ไหล่ของอีกฝ่ายด้วยความเขินอาย


ไปหัดพูดคำหวานๆ พวกนั้นมาจากไหนกันนะ


“ว่าแต่พี่ทำอะไร ถึงได้อยู่มืดๆ แบบนี้” อีกฝ่ายถามต่อโดยที่มือทั้งสองข้างเริ่มโอบเอวผมช้าๆ


“ก่อนที่พี่จะตอบ เรามีอะไรจะบอกพี่ไหม” ผมถามเผื่อว่าต้นว่านจะยอมบอกว่าวันนี้เป็นวันเกิด


“บอก...เรื่องอะไรครับ”


จากที่ฟังคงไม่คิดจะบอกจริงๆ สินะ


“วันนี้วันเกิดต้นว่านนี่”


“พี่รู้ได้ยังไง?” อีกฝ่ายนิ่งไปสักพัก ก่อนจะถามกลับ


“แล้วทำไมเราไม่บอกพี่ล่ะ”


“ถ้าผมบอกพี่ก็ต้องหาของขวัญอะไรให้ผมอีก ผมเกรงใจ แล้วก็...”


“แล้วอะไร?”


“แค่ผมมีพี่อยู่ข้างๆ ก็ถือเป็นของขวัญที่ดีที่สุดแล้ว”


คำตอบที่ได้ยินทำให้ผมหลุดยิ้มกว้างออกมา “ขอบคุณต้นว่าน สุขสันต์วันเกิดนะ” ผมกระซิบบอก


“ครับ ผมดีใจที่ได้ยินจากพี่”


“แต่พี่โกรธเราอยู่นะที่ไม่ยอมบอกกันแบบนี้”


หมดเวลาโรแมนติกแล้วนะต้นว่าน


“พี่...”


“ทั้งโกรธและก็เสียใจมาก เราเป็นแฟนของพี่เพราะงั้นการที่จะรู้วันเกิดแฟนมันก็เป็นเรื่องปกตินี่ ถ้าพี่ไม่รู้จากเพื่อนเรา ถามหน่อยว่าต้นว่านจะบอกพี่ไหม” ผมถามเสียงแข็งก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดไฟแล้วยืนจ้องต้นว่านเขม็ง


“ผมเกรงใจพี่”


“ตอบไม่ตรงคำถาม”


“พี่ใบไผ่”


“แปลว่าคงไม่คิดจะบอกพี่สินะ” พูดจบก็แกล้งทำหน้าเศร้า


“ผมขอโทษ ผมแค่ไม่อยากให้พี่ต้องวุ่นวายทำอะไรให้ผม” อีกฝ่ายแก้ตัวพร้อมมองมาด้วยสายตาที่สั่นระริก


“งั้นนี่ถือเป็นการทำโทษละกัน” ผมบอกยิ้มๆ


“ทำโทษ?”


“มาสิ...ทางนี้” พูดจบผมก็ดึงแขนต้นว่านให้เดินตามไปที่ห้องครัว


บนโต๊ะมีอาหารและกล่องของขวัญอยู่เต็มโต๊ะ ต้นว่านที่เห็นแบบนั้นก็รีบหันกลับมามองอย่างไม่เชื่อสายตา


“พี่ใบไผ่...”


“ห้ามบ่นพี่ด้วย คนที่ผิดคือเราที่ไม่ยอมบอก ถ้าบอกพี่ก่อนพี่คงไม่ทำเยอะขนาดนี้หรอก” ผมรีบพูดแทรกก่อนต้นว่านจะบ่นเสียก่อน


“ถึงอย่างนั้นนี่มันก็มากไป”


“พี่ไม่สน ของขวัญพวกนี้เอากลับไปให้หมดด้วย”


“พี่...”


“ไม่ฟังแล้วๆ มากินกันดีกว่า มีเค้กด้วยนะ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง


“พี่ให้ผมมากไปแล้ว” ต้นว่านพึมพำเบาๆ ทว่าสายตาที่ประสานมานั้นทอประกายดีใจจนผมต้องส่งยิ้มกลับไปให้


“พี่จะให้มากกว่านี้อีกต้นว่าน จะให้จนกว่าเราจะรู้ว่าถ้ายังขืนเกรงใจไม่เข้าเรื่องครั้งหน้าคงไม่ใช่ของเล็กๆ พวกนี้ที่จะได้กลับไป”
ใช่...ถ้ากล้าปิดบังอะไรผมอีก คราวหน้าจะไม่ใช่พวกของราคาไม่กี่พันพวกนี้แน่


“ขอบคุณครับพี่ใบไผ่”


“อืม คราวหน้าต้องบอกพี่นะ”


“ครับ จะบอกแน่นอน”


“ดีมาก” แบบนี้สิน่ารัก


“พี่ใบไผ่”


“หืมม์?”


“ผม...ผมขอจูบพี่ได้ไหม”


“ฮะ?”


“ผมอยากจูบพี่จัง” คำของร้องแกมวิงวอนทำเอาใบหน้าผมขึ้นสีอย่างรวดเร็ว


“...อยากทำก็ทำสิ” ก็ไม่ได้ห้ามสักหน่อย


“พูดแล้วนะ...”


“อืม...” คำพูดที่กำลังจะเอ่ยถูกกลืนหายไปเพราะสัมผัสอันร้อนรุ่มที่คนตรงหน้ามอบให้


มันไม่ได้รุนแรง ตรงกันข้ามมันกลับอ่อนโยนจนผมต้องยกมือขึ้นโอบคออีกฝ่ายเอาไว้หลวมๆ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นเพื่อตอบรับสัมผัสนั้นมากกว่าเดิม งานวันเกิดผ่านไปอย่างเงียบๆ ทว่าเปี่ยมไปด้วยความสุขและความทรงจำ


ผมจะจำไว้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของต้นว่าน


คอยดูเถอะ...ปีหน้าผมจะจัดงานให้ใหญ่กว่านี้แน่นอน


..............................................................................

-Rewrite- >> มารีไรท์ต่อค่ะ อีกไม่กี่ตอนจะรีไรท์จบแล้วจะมาอัพตอนพิเศษให้อ่านกันนะคะ

สวัสดีค่ะ

ก่อนอื่นมีเรื่องแจ้งสำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามเพจเรานะคะว่าเราจะงดอัพนิยาย2อาทิตย์เนื่องจากต้องจัดการงานและสอบปลายภาคให้เสร็จ

ใครที่ไม่ได้ตามเพจสามารถเข้าไปตามได้นะเวลามีเรื่องอะไรเราจะแจ้งในเพจค่ะ >>nicedog (https://www.facebook.com/novelistnicedog/)

สำหรับตอนนี้ถือเป็นตอนส่งท้ายก่อนจะหยุดอัพเลยแต่งให้ยาวหน่อยซึ่งก็ยาวตามที่คาดไว้555

เนื้อเรื่องอาจดูดำเนินเร็วไปบ้างแต่ก็จะพยายามแต่งให้ออกมาดีที่สุดค่ะ

หลายคนต่างเริ่มเปลี่ยนอยากให้ต้นว่านเป็นฝ่ายรับเนื่องจากความน่ารักและพี่ใบไผ่ที่ชอบแหย่เหลือเกิน

อยากบอกตรงๆนะคะว่าคิดฉากncคู่นี้ไม่ออกจริงๆว่าจะไปในทิศทางไหน

ดังนั้นไม่แน่ว่าอาจไม่มีฉากนั้นจนจบเรื่องเลยค่ะ 555

ถือเป็นแนวใสๆไปละกันเนอะ

ไว้เจอกันใหม่ในตอนต่อไปนะคะ

อย่าพึ่งลืมกันนะะะ

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่10×▪ ◣ P.5 12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-11-2016 11:53:55
 :-[   :mew1:  จูบแล้ว  จุดพลุเลยค่ะ
ลูกๆพร้อมแล้ว แต่พ่อแม่ล่ะพร้อมหรือยังอิอิ
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่10×▪ ◣ P.5 12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 19-11-2016 16:47:28
น่ารักเกินไปล้าวววว
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่10×▪ ◣ P.5 12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 19-11-2016 16:55:12
ไม่มีฉากนั้นจริงอ๋อ 555555 อยากดูโมเม้นเค้ากุ๊กกิ๊กกันจัง :hao6:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่10×▪ ◣ P.5 12/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: b2friend ที่ 19-11-2016 20:22:05
เป็นแนวนี้ก็น่ารัก และอบอุ่นดีค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่11×▪ ◣ P.6 19/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 19-11-2016 20:43:50
 :impress3: น่ารักมากจริง ๆ เราก้อคิดไม่ออกน่ะว่าจะให้ใครเป็นเคะดี แต่เรามองว่าให้พี่ใบไผ่ดีกว่า ต้นว่านดูน่าจะเป็นเมะที่ดีน่ะ  :mew3: แอบฟินกับคู่ของเจมส์จังเลย จะมีเปิดเรื่องของเขาด้วยไหม  :mew2: รอได้น่ะจ้ะ สู้ ๆ จ้ะ ไปทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดเลยจ้า ทางนี้รอได้เสมอ :mew1:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่11×▪ ◣ P.6 19/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-11-2016 21:10:01
 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่11×▪ ◣ P.6 19/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 19-11-2016 21:39:59
น่าร้ากกกกกกก
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่11×▪ ◣ P.6 19/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 19-11-2016 22:17:57
เอ็นดูต้นว่านมากๆ ^///^
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่11×▪ ◣ P.6 19/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 19-11-2016 22:41:18
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่11×▪ ◣ P.6 19/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 19-11-2016 22:43:31
อูยยยยยยยย เขินนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่11×▪ ◣ P.6 19/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 20-11-2016 00:28:18
น่ารักอยู่กันแบบนี้ก็น่ารัก
เลี้ยงหมาเป็นลูกกกกก :mew1:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่11×▪ ◣ P.6 19/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 20-11-2016 03:00:25
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่11×▪ ◣ P.6 19/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 20-11-2016 05:54:06
น่ารักกันเกินไปแล้วววว
รอค่าา
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่11×▪ ◣ P.6 19/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-11-2016 14:59:40
นึกภาพไม่ออกเหมือนกันค่ะ อ่าน ๆ ไปแล้วรู้สึกว่าน่ารักทั้งคู่เลย (จะสลับกันก็คงได้อยู่ ฮา)
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่11×▪ ◣ P.6 19/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 20-11-2016 16:48:30
อีกไม่นานพี่ใบไผ่โดนจัดการแน่ๆ คึคึ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่11×▪ ◣ P.6 19/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 20-11-2016 21:28:53
รอน้าาาาา~ :hao7:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่11×▪ ◣ P.6 19/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 22-11-2016 01:11:26
รอออๆๆ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่11×▪ ◣ P.6 19/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 22-11-2016 06:03:32
ต้นว่าน นิสัยเด็กไป ทำงานในตำแหน่งเลขาได้ด้วยหรอ เอะอะวิ่งหนี เอะอะโกรธ ไม่มี คิด วิเคราะห์ ไตร่ตรองแยกแยะอะไรเลย ถึงจะมาฟังทีหลังก็เถอะ แต่ถ้า มันเป็นนิสัยส่วนตัว แล้วแบบนี้เวลาอยู่ในสังคมจะทำยังไง ถ้าทำงาน แล้วโดนคนอื่นดูถูก ไม่ต่อยเขาหรอ หรือทนได้ เพราะจำทน ให้เขาโขกสับ แบบ ไม่คิดจะใช้วิธีการเชือดนิ่ม ๆ แบบใบไผ่หรอ หรือจะบอกว่าเป็นกับใบไผ่คนเดียว นิสัยแบบนี้
หัวข้อ: Re: -Rewrite- ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่12×▪ ◣ P.6 25/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 09-12-2016 14:05:48
พบรัก ▪×วันที่12×▪




งานวันเกิดที่ถูกจัดขึ้นอย่างลับๆ โดยไม่ให้เจ้าของวันเกิดอย่างผมรู้เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนนั้นเป็นงานวันเกิดที่ดีที่สุดในชีวิตของผมเลยก็ว่าได้ ทั้งที่ไม่ได้บอกแท้ๆ ว่าเป็นวันเกิดแต่ดูเหมือนจะมีเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มมาบอกและเดาไม่อยากว่าเป็นใคร


ผมได้ไม่โกรธอะไรพี่ใบไผ่แต่กลับดีใจเสียอีกที่พี่เขาจัดงานวันเกิดให้แบบนี้


ไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่มีความสุขแบบนั้น ได้เป็นทั้งคนที่ถูกห่วงใยและได้เป็นทั้งคนรัก ความรู้สึกของพวกเราตรงกัน จนถึงตอนนี้ก็ยังอดไม่ได้ที่จะดีใจทุกครั้งที่คิดถึง


“ต้นว่าน” เสียงนุ่มติดหวานของพี่ใบไผ่ดังขึ้น


“ครับ” ผมขานรับก่อนจะลุกจากโซฟาที่นั่งอยู่กับพวกมะนาวซึ่งนอนเรียงอยู่ทั้งด้านบนและด้านล่าง


“ไม่ต้องลุกๆ” เสียงเดิมดังขึ้น ไม่นานเจ้าของบ้านก็เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกล่องของขวัญสี่กล่องที่ผมยังไม่ได้เอากลับบ้านไปสักที


“พี่ไม่ต้องยกมาให้ก็ได้ครับ”


“ไม่ได้ ขืนรอให้เราไปหยิบเองคงได้แกะปีหน้านู่น” พูดจบพี่ใบไผ่ก็นั่งลงข้างๆ โดยไม่กังวลถึงสุนัขทั้งสี่ตัวที่นอนอยู่รอบๆ

เหมือนอย่างแต่ก่อน เท่าที่สังเกตมาหลายวันดูเหมือนว่าความกลัวสุนัขของพี่ใบไผ่จะหายไปแล้ว ถึงจะไม่แน่ใจว่าจะยังกลัวสุนัขข้างนอกอยู่ไหมแต่ได้แค่นี้ก็ดีมากแล้ว


“พี่ก็เว่อร์ไป”


“พี่พูดจริงนะ มาแกะกันเลยดีกว่า พี่อยากให้เราเห็นแล้วว่าพี่ซื้ออะไรให้” อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงพลางเลือกกล่องของขวัญที่จะแกะเป็นกล่องแรก


“เป็นอะไรผมก็ชอบทั้งนั้นแหละ” ผมตอบกลับไปตามตรง ถ้าได้ชื่อว่าเป็นของที่พี่ซื้อให้ต่อให้เป็นอะไรก็คงยิ้มแล้วรับมาด้วยความยินดี ผมไม่หวังว่าจะได้อะไรในวันเกิดจากพี่ใบไผ่เพราะแค่ได้มีพี่ใบไผ่อยู่ข้างๆ แบบนี้มันก็ถือเป็นของขวัญที่ดีที่สุดแล้วจริงๆ


“เปิดได้แล้ว” ใบหน้าแดงๆ นั่นทำให้ผมยิ้มออก ก่อนจะแกะกล่องของขวัญที่อีกฝ่ายยื่นมาอย่างลุ้นๆ


ถึงจะบอกว่าอะไรก็ได้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น...


ของอะไรที่พี่ใบไผ่อยากให้ในวันเกิดนะ


ผมแกะกระดาษห่อของขวัญสีเขียว และเปิดฝากล่องสีขาวที่อยู่ด้านในออกมา เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนที่มีลายเล็กๆ สีน้ำเงินดูสบายตาปรากฏขึ้น แค่สัมผัสเนื้อผ้าก็รู้ว่าราคาของมันคงมากกว่าที่คิดไว้หลายเท่าแน่


“ขอบคุณครับ ผมชอบมากเลย” ผมบอกคนที่กำลังนั่งลุ้นอยู่ข้างกาย


“จริงเหรอ พี่ไม่รู้ว่าเราชอบสีอะไรเลยเลือกสีที่กลางๆ แบบนี้มา”


ทันทีที่ชมใบหน้าลุ้นๆ ก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้างทำเอาผมอยากจะเอื้อมมือไปดึงแก้มชมพูระเรื่อตรงหน้าเล่นจริงๆ


ท่าทางดีใจของพี่ใบไผ่น่ามองมาก...


“กล่องต่อไปเป็นอะไรครับ”


“ลองเดาดูสิ” ไม่นานกล่องสีฟ้าด้านข้างก็ถูกวางลงบนตัก


กล่องทั้งสามค่อยๆ ถูกแกะออกอย่างเชื่องช้าจนได้เห็นของที่อยู่ภายในตามลำดับ นอกจากเสื้อที่ได้กล่องแรกแล้ว ยังมีกางเกงสีกรมท่าเข้ากับเสื้อเชิ้ตในกล่องแรก แค่นั้นยังไม่พอในกล่องต่อมายังมีเข็มขัดหนังและนาฬิกาสีเงินเรือนสวยอีกด้วย


“พี่ใช้เงินไปเท่าไรเนี่ย” ทั้งที่คิดว่าจะปล่อยผ่านเรื่องมูลค่ารวมแล้วเชียว แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ เท่าที่ดูคงไม่ใช่แค่พันสองพันเป็นแน่


“ก็พอสมควร” ท่าทางแบบนั้นบอกได้อย่างดีเลยว่าต้องมากกว่าที่ผมคิดไว้ชัวร์


“พี่ไม่ควรใช้เงินกับเรื่องนี้มากขนาดนั้นนะครับ”


“พี่แค่อยากให้ เราก็ควรรับไว้ด้วยความยินดีสิ” อีกฝ่ายบ่นจนหน้ามุ่ย


“ผมยินดีอยู่แล้ว แต่แค่พูดไว้เฉยๆ ครั้งหน้าไม่ต้องให้ของแพงๆ กับผมนะครับ”


ผมรู้ว่าพี่ใบไผ่มีเงิน และมีมากจนใช้ทั้งชีวิตก็ไม่หมด แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่อยากให้พี่เขาเอาเงินนั้นมาใช้สุรุ่ยสุร่ายแบบนี้


อย่าทำให้ผมเปลี่ยนไปเพราะความโลภที่อยากได้มากขึ้น


“กำลังคิดอะไรอยู่ต้นว่าน”


“เปล่าครับ” เสียงของคนด้านข้างทำให้สติกลับเข้าร่างอีกครั้ง


“พี่ดูออกว่าเรากำลังคิดมากเรื่องอะไรอยู่”


“พี่...”


“ถ้าไม่บอกพี่ แล้วพี่จะแก้ไขได้ยังไงล่ะ”


“รู้ได้ยังไงว่าผมคิดเรื่องพี่อยู่” ผมถามกลับ


“ก็เรามองมาที่พี่นี่”


ผมหมดคำโต้แย้งในทันที


“ทีนี้บอกมาได้รึยัง”


“พี่เคยคิดไหมว่าผมอาจจะหวังสมบัติพี่ก็ได้” เมื่อไม่มีทางเลือกก็ได้แต่จำต้องพูดสิ่งที่กำลังคิดอยู่ออกไปตรงๆ


“ไม่เคยคิด”


“อย่าตอบเร็วแบบนั้นสิ” พี่เขาเล่นตอบกลับมาทันทีเหมือนว่าไม่ได้คิดคำตอบเลย


“ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรนี่ พี่ไม่เคยคิดว่าเราจะเป็นแบบนั้น คำที่บอกว่ารักของต้นว่านมันเป็นเรื่องจริง”


“แต่ถ้าพี่ยังเอาแต่ให้ผมแบบนี้ สักวันหนึ่งผมอาจเกาะพี่กินนะ”


“หืมม์? เอาสิ” อีกฝ่ายพูดยิ้มๆ


“พี่ใบไผ่” ผมไม่ได้พูดเล่นนะ


“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ พี่จะบอกอะไรให้นะ ตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับต้นว่าน พี่มีความสุขมากๆ พี่อยากอยู่ข้างๆ เราตลอดเวล าอยากเห็นสีหน้าที่หลากหลายอารมณ์นั่น แต่พี่ก็กลัว...”


“กลัวอะไร” มีอะไรที่ทำให้พี่กลัวอีกงั้นเหรอ


“พี่กลัวว่าวันหนึ่งคำว่ารักที่เราบอกจะเปลี่ยนไป...”


“พี่ใบไผ่ ผมไม่...”


“อย่าพึ่งขัดสิ” คนตรงหน้ารีบเอามือมาปิดปากผมไว้ทันทีเมื่อถูกแทรก “เรายังเด็กนักต้นว่าน ยังมีเวลาอีกมากที่จะได้พบเจอคนใหม่ๆ พี่ก็แค่กลัวว่าเราจะเปลี่ยนใจไปรักคนอื่น ดังนั้นถ้ามีสิ่งที่ทำให้เราสามารถอยู่กับพี่ไปได้ตลอด ต่อให้เราเกาะพี่กินก็ไม่เป็นไร อ๊ะ...”


ผมไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ รีบดึงคนตรงหน้าเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดแล้วกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น


พี่ใบไผ่กล้าพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง


“ผมไม่เปลี่ยนใจแน่นอน”


ไม่มีทางเปลี่ยน


ผมเคยมีแฟนและเคยชอบคนอื่นมาก่อน


ดังนั้นผมรู้และแยกออกว่าชอบกับรักมันต่างกันยังไง ต่อให้พบเจอคนอีกกี่สิบล้านคนหัวใจดวงนี้ก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง


ผมรักพี่ใบไผ่


“...ต้นว่าน ต้นว่าน” เสียงเรียกชื่อดังขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมกับอ้อมแขนที่รัดร่างของพี่ใบไผ่แน่นขึ้น


“ห้ามคิดแบบนั้นอีกนะ” ผมกระซิบบอก


“อืม เราเองก็ห้ามคิดนะ มีอะไรต้องบอกพี่ด้วย ห้ามให้พี่รู้เรื่องจากคนอื่น ไม่งั้นจะโกรธจริงๆ ด้วย”


น้ำเสียงแข็งๆ นั่นไม่น่ากลัวสักนิด แต่…


 “ครับพี่” ถึงไม่น่ากลัวแต่ก็ตอบตกลงพร้อมกดจูบเบาๆ ลงที่เส้นผมสีน้ำตาลตรงหน้า


จะไม่ทำให้เสียใจเด็ดขาดเลย


ผมสัญญา




หลายวันผ่านไป ผมซึ่งเป็นเลขาส่วนตัวของประธานบริษัทศิริวัฒนิวงศ์ก็ยังคงมาทำงานที่บ้านท่านประธานสลับกับไปประชุมที่บริษัทเหมือนปกติ ช่วงเย็นหลังจากจัดการเอกสารทั้งหมดและดูแลความเป็นอยู่ของสุนัขทั้งสี่ตัวเสร็จแล้ว ผมก็เดินกลับบ้านเหมือนอย่างทุกวัน เพียงแต่วันนี้หน้าบ้านที่ไม่ควรมีอะไรจอดขวางกลับมีรถยนต์สีดำคันหนึ่งจอดอยู่ แถมยังไม่ใช่แค่คันเดียวแต่มีถึงสามคัน


ผั๊วะ!


เสียงที่เกิดขึ้นภายในบ้านทำให้ผมรีบวิ่งเข้าไปดูด้วยความกังวล ก่อนจะเห็นภาพที่พ่อถูกคนกลุ่มหนึ่งรุมซ้อมต่อหน้าต่อตา


“พ่อ!” ผมตะโกนเรียกและเตรียมจะวิ่งเข้าไปช่วย แต่กลับถูกใครสักคนดึงแขนไว้พร้อมกับเหวี่ยงหมัดใส่หน้ามาเต็มแรงจนทรุดลงไปกองอยู่กับพื้น


“ต้นว่าน!” แม่กรีดร้องทันทีที่เห็นสภาพผมลงไปกองอยู่บนพื้น


“แค่กๆ แก...ไอ้เป้” ผมเรียกชื่อของคนที่เหวี่ยงหมัดใส่ด้วยความหงุดหงิด


ปริเมตร เพชรเกษมศักดิ์ หรือเป้ เป็นคนที่คอยหาเรื่องผมมาตลอดตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยและเลิกยุ่งเกี่ยวกันตั้งแต่ได้พี่ใบไผ่ไปช่วยผมออกมาวันนั้น ทั้งที่คิดว่าจะไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันอีกแล้วเชียว แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?


“หึ ไงไอ้ว่าน ไม่ได้เจอกันนานนี่” น้ำเสียงเย้อหยันที่ได้ยินทำเอาผมกำหมัดแน่น


“ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยวะ” ทำไมต้องมาทำร้ายครอบครัวผม


“ทำอะไร? ฉันแค่มาเก็บหนี้พร้อมจัดการพวกที่ไม่ยอมย้ายออกจากที่นี่สักที ไม่คิดเลยว่านี่จะเป็นครอบครัวจนๆ ของแก สกปรก!”


ผั๊วะ!


พูดจบเป้ก็เตะเข้าที่ท้องของผมจนจุกแทบลุกไม่ขึ้น ผมไม่เชื่อหรอกที่อีกฝ่ายจะไม่รู้ว่านี่บ้านที่ครอบครัวผมอยู่ พวกมันจงใจหาเรื่องกันเห็นๆ


“แค่ก...”


“พี่!” เสียงของดาและผาตะโกนขึ้น ผมหันไปมองตามเสียงก็เห็นว่าตอนนี้ทั้งแม่ ดาและผาถูกคนกลุ่มหนึ่งจับตัวไว้โดยกดให้นั่งอยู่กับพื้นเฉยๆ


“อย่าทำอะไรครอบครัวฉัน” ผมกัดฟันพูดออกไป


“โฮ่ๆ สุภาพบุรุษจริงๆ ขอตบมือให้เลย แต่ขอโทษเถอะฉันไม่มีความจำเป็นต้องทำตาม”


“ฉันไปทำอะไรให้...”


“ทำมากจนพูดไม่หมดเลยล่ะ แกมันน่ารำคาญ!”


“...อึก!” ผมถึงกับนิ่วหน้าเมื่อถูกเท้าของคนด้านบนเหยียบลงมาอย่างแรง


“ไอ้พวกคนจน!”


“แค่ก...”


“ไอ้คนไม่มีกิน!”


“...อั่ก...”


“หึ พวกน่าสมเพช!”


เหมือนอีกฝ่ายกำลังระบายทุกอย่างที่อัดอั้นใส่ร่างผมที่ไม่สามารถขยับได้เนื่องจากความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างโดยไม่สนเสียงกรีดร้องของแม่และน้องๆ เลยสักนิด


“ไสหัวไปจากที่นี่ซะ ก่อนฉันจะจัดการกับพวกแก! ไป!” เมื่อพอใจแล้วอีกฝ่ายก็เรียกตัวลูกน้องก่อนจะพากันกลับออกไป


“ต้นว่าน! คุณคะ!” แม่ตะโกนเรียกผมและพ่อด้วยเสียงเหมือนจะขาดใจ


“พี่ว่าน” ดาเองก็เข้ามาประคองผมไว้ด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับผาที่กำลังร้องไห้อยู่


“อย่าร้อง พี่ไม่เป็นไร” ผมพยายามปลอบน้องชายด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าข้างในจะรู้สึกเจ็บปวดปานตายก็ตาม


“พี่ว่าน อึก...ผม...”


“ไม่เป็นไร” ผมยกมือขึ้นลูบหัวน้องชายคนเล็กเบาๆ


“พ่อ แม่...เกิดอะไรขึ้น” พอเริ่มพยุงตัวได้ผมก็หันกลับไปถามแม่ที่กำลังพยุงพ่อให้ขึ้นมานั่งบนโซฟา


“คือ...”


“อย่าโกหกผม” ถ้าไม่ได้ฟังความจริงก็ไม่มีความหมายอะไร


“ความจริงแล้วพวกเขาคิดจะไล่เราออกจากที่นี่ ตอนแรกพ่อกับแม่ก็ไม่ยอมเพราะงั้นเลยโดนขึ้นค่าเช่าบ้านให้แพงกว่าเดิม ช่วงแรกๆ พวกเราก็ทำงานจนสามารถส่งได้ทุกเดือน แต่พอพวกเขาเห็นแบบนั้นเลยให้ที่ทำงานไล่พ่อกับแม่ออก ตอนนี้พวกเราเลยไม่มีเงินไปจ่ายค่าเช่า ถึงจะมีเงินที่ลูกแบ่งมาให้ทุกเดือนแต่ก็ยังไม่พอ” แม่อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยใบหน้าเศร้าๆ


“ทำไมเพิ่งบอกผม”


ถ้าบอกให้เร็วกว่านี้ ผมคงสามารถช่วยได้แท้ๆ เรื่องเงินน่ะผมพอมีเก็บอยู่ค่อนข้างเยอะจากการทำงานเป็นพ่อบ้านให้พี่ใบไผ่เมื่อก่อน


“แม่ไม่อยากให้ลูกลำบาก แม่รู้ว่าลูกของเขาจ้องเล่นงานลูกอยู่ แต่ก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะบุกมาแบบนี้ แม่ขอโทษ” แม่พูดพร้อมกับร้องไห้ออกมา


“คนที่ไม่ให้บอกคือพ่อเอง” พ่อพูดเสริม


“พ่อ...”


“ทั้งที่คิดว่าไม่เป็นไร แต่สุดท้ายก็ก่อเรื่องให้แกจนได้”


“ติดหนี้อยู่เท่าไรครับ?” ผมเปลี่ยนเรื่อง


“สามแสน...”


“ฮะ? ทำไมมันมากขนาดนั้นอะพ่อ”


“พ่อก็ไม่รู้ แต่นอกจากค่าเช่าบ้านสามเดือนแล้ว ก็มีแค่หนี้ที่พ่อกู้ไปออกมอเตอร์ไซค์ไว้รับส่งน้องไปโรงเรียนแค่นั้น ไม่รู้ว่าทำไมดอกเบี้ยมันถึงเพิ่มเร็วขนาดนี้”


“แล้วที่บอกว่าจะไล่เราออกไปล่ะ”


“ถ้าไม่มีเงินจ่ายภายในสามวันนี้ก็ต้องย้ายออกไป นั่นเป็นสัญญาที่พวกเราถูกบังคับให้


เซ็น...” แม่พูดต่อแทนพ่อ


“...สามวัน” แค่สามวันจะไปหาเงินสามแสนมาได้ยังไง


แบบนั้นมันก็เหมือนถูกบังคับให้ต้องออกไปอยู่ดี สถานการณ์ในตอนนี้ถือว่าเลวร้ายมาก ต่อให้ผมพอจะมีเงินเก็บอยู่บ้างแต่ก็ไม่ถึงสามแสนหรอก


“ต้นว่าน พ่อกับแม่จะหาทาง...”


“หาไปก็ทำอะไรไม่ได้หรอกครับ”


ตอนนี้ต่อให้ทำอะไรผลก็คงออกมาเหมือนเดิม ต่อให้ดิ้นรนหาเงินสามแสนมาคืนได้ตราบใดที่ผมยังอยู่ที่นี่ ไอ้เป้ต้องหาทางทำอะไรอีกแน่ เรื่องที่เกิดในครั้งนี้ไม่ใช่เพราะพ่อกับแม่แต่เป็นตัวผมที่ทำให้ครอบครัวต้องมาเจอเรื่องร้ายๆ แบบนี้


“แต่ถ้าเราไม่ทำอะไร เราก็จะ...”


“ผมจะหาทางเอง...”


ใช่...ยังมีอีกทางที่นึกออก


แม้จะไม่อยากทำให้คนคนนั้นต้องเดือดร้อน แต่คงไม่มีทางเลือก


จะไม่ขอให้พี่เขาช่วย แต่จะไปขอคำปรึกษาในฐานะของแฟนที่สัญญาว่าจะบอก และหวังแค่ว่าจะมีทางเลือกให้ครอบครัวได้อยู่ที่ต่อไปโดยไม่โดนอะไรแบบนี้อีก


ขอแค่ครั้งนี้...


ขอพึ่งพิงพี่หน่อยได้ไหมนะ...พี่ใบไผ่

..........................................................................................

-Rewrite- >> มารีต่ออีกตอนค่ะ วันนี้กะจะรีสักสามตอนนะคะ ฝากติดตามกันด้วยน้าา ตอนนี้แก้เยอะหน่อยเพื่อจะได้เหมาะสมกับความเป็นจริงมากขึ้นค่ะ

สวัสดีค่ะ

ตอนนี้อาจสั้นไปนิดหน่อย

พอดีเราไม่ค่อยสบายเลยแต่งไม่ค่อยออก 55

ต้นว่านนิสัยอาจดูเด็กไปบ้างแต่ก็มีบางมุมที่ดูเป็นผู้ใหญ่ ด้วยนิสัยหรืออารมณ์หลายๆอย่างอาจไม่ค่อยเหมาะกับตำแหน่งเลขาสักเท่าไหร่นัก เราว่าคงต้องใช้เวลาเรียนรู้งานหน่อยละนะถึงจะเป็นโปรได้

การแต่งนิยายของเราอาจขาดตกบกพร่องอะไรไปบ้างแต่ก็จะพยายามพัฒนาฝีมือนะคะ

ขอบคุณทุกๆคำแนะนำและทุกๆคอมเม้นท์ค่า

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าซึ่งไม่นานเกินรอแน่นอน

บ๊ายบาย

ปล.คิดว่าอีกตอนสองตอนก็คงจะจบแล้วละค่ะ อิอิ

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่12×▪ ◣ P.6 19/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 09-12-2016 15:27:55
สงสารต้นว่านเลยอ่าาา
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่12×▪ ◣ P.6 19/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 10-12-2016 04:35:15
ขอร้องละคนแต่งช่วยจัดการอีเป้กับครอบครัวเลวๆของมันทีได้ไหมอย่าโลกสวยแบบให้อภัยนะขอร้องต้องจัดหนักอีครอบครัวที่ชอบเหยีบคนไม่มีจะกินคือรักต้นว่านมากและครอบครัวเค้าก็น่ารักอีเป้นี่ขาดความอบอุ่นหรือไงหาเรื่องตั่งแต่เรียนมาจนมาถึงเรียนจบแม่งอีเลววววววววว :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่12×▪ ◣ P.6 19/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 10-12-2016 17:44:36
 :impress3: ต้นว่านกับใบไผ่น่ารักจริง ๆ พ่อกับแม่คงจะไม่ค่อยรู้น่ะว่าต้นว่านทำรายได้ ๆ เยอะ เพราะไม่คิดว่าพึ่งจะเรียนจบคงไม่ได้ทำงานได้เงินอะไรเยอะนัก และก้อเป็นคนขี้เกรงใจด้วยอ่อนน้อมถ่อมตน ยังไงย้ายไปอยู่บ้านของใบไผ่ก่อนก้อได้ บ้านออกจะกว้างขวางและใบไผ่ก้อมีคอนโดด้วยนี่น่า เรามองว่าต้นว่านยังเด็กน่ะแต่ก้อรู้ความขึ้นเยอะแล้วล่ะ ทุกอย่างต้องอาศัยประสบการณ์ช่วยขัดเกลา ต้นว่านถือว่าโชคดีที่มีใบไผ่อยู่ใกล้และให้โอกาสน่ะ คนเราจะเก่งได้ก้อต้องอาศัยการเรียนรู้ขวนขวาย และถ้าอยากก้าวหน้าไวก้อต้องเสาะแสวงหาหมั่นเพียรและได้รับโอกาสที่ดี การได้โอกาสนั้นถือว่าเป็นโชคที่ยิ่งใหญ่น่ะ ดีแล้วล่ะที่ต้นว่านจะเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับใบไผ่ อย่าเกรงใจหรือหยิ่งในเรื่องที่ไม่เข้าท่า ถ้าเราได้รับทั้งโอกาสและความรักเราเพียงแค่ทุ่มเทให้กับเขากลับคืนก้อถือว่าเป็นการตอบแทนที่ดีแล้วล่ะ ความซื่อสัตย์ไม่ได้หาซื้อหรือประกาศรับสมัครได้ง่าย ๆ น่ะ คนมีเงินบางครั้งก้อมองข้ามตรงจุดนี้คิดว่าเพียงแค่จ่ายค่าตอบแทนสูง ๆ แล้วทุกอย่างจะมาเอง ลืมคิดไปว่าเรื่องของใจเงินน่ะซื้อไม่ได้หรอก  :mew2:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่12×▪ ◣ P.6 19/11/59
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 11-12-2016 13:02:55
เรื่องนี้ใสๆน่ารักๆดีต่อใจมากๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -Rewrite- ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่13×▪ ◣ P.7 25/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 15-12-2016 17:08:19
พบรัก ▪×วันที่13×▪




บรรยากาศในช่วงเช้าหนาวกว่าปกติเล็กน้อย อาจเพราะว่ากำลังเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวแล้วก็เป็นได้ ผมเดินออกมารดน้ำต้นไม้ในยามเช้าพร้อมกับสุนัขใหญ่ทั้งสี่ตัว ตอนนี้เหล่าลูกสุนัขในวันวานมีขนาดพอๆ กับตัวแม่อย่างมะนาวแล้ว ถูกกระโดดใส่ทีเป็นต้องเซ


บรู๊ววว~


“อย่าหอน ราตรี” ผมหันไปบ่นสุนัขสีขาวแซมน้ำตาลและดำที่กำลังส่งเสียงหอนรบกวนเพื่อนบ้านอยู่


ราตรีเป็นสุนัขที่ไฮเปอร์ที่สุดในสี่ตัว ทุกครั้งที่พาออกมาข้างนอกจะส่งเสียงหอนพร้อมกระดิกหางไปมาด้วยความดีใจ แค่นั้นยังไม่พอราตรียังชอบไปหาอะไรแล้วคาบมาให้ผมด้วย อย่างวันนี้ก็เป็น...


หืมม์?


นั่นมันรองเท้าข้างหนึ่งของผมที่หายไปเมื่ออาทิตย์ก่อนนี่


“เธอเป็นคนเอาไปจริงๆ สินะราตรี!” ผมขึ้นเสียงเมื่อเห็นรองเท้าสีดำที่หายไปอยู่ในปากของสุนัขตรงหน้า


หงิ๋ง!


“ไม่ต้องมาหง๋อย” คิดว่าผมจะใจอ่อนกับท่าทางแบบนั้นรึไง


บรู๊ววว~


“เฮ้ย! ไม่กระโดดนะต้นสน” ผมตะโกนพร้อมกับหลบสุนัขตัวใหญ่ขนสีดำสนิทที่กำลังจะพุ่งกระโดดใส่


ต้นสนเป็นสุนัขตัวผู้เพียงตัวเดียวที่ชอบเรียกร้องความสนใจโดยเฉพาะกับผม ถ้าผมไปสนใจตัวอื่นมากกว่าก็จะกระโดดใส่ทุกครั้งไป ...ไม่รู้ว่าจะสนใจอะไรผมนัก


ส่วนต้นโมกก็เป็นสุนัขสีขาวล้วนซึ่งได้ต้นว่านช่วยตั้งชื่อให้ อาจเพราะแบบนั้นจึงได้ชอบอ้อนต้นว่านมากกว่าผม ทุกครั้งที่ต้นว่านนั่งที่โซฟาต้นโมกก็จะกระโดดขึ้นไปนอนข้างๆ ด้วยเสมอ


หลังจากรดน้ำต้นไม้เสร็จผมก็เดินกลับเข้ามาในบ้านและตรงไปยังห้องครัวเพื่อทำมื้อเช้าง่ายๆ เพื่อรอต้นว่านที่น่าจะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า การมีต้นว่านมาเป็นเลขาส่วนตัวถือเป็นเรื่องดีมาก ต้นว่านทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่โดยไม่มีอิดออด แถมยังทำงานที่ให้ไปอย่างรอบคอบ อาจเพราะแบบนั้นประธานอย่างผมเลยไว้ใจให้ไปเข้าประชุมแทนอยู่บ่อยๆ ถึงจะถูกสายตาเคืองๆ มองมาแต่ผมก็ไม่สนใจหรอก คนที่มีความสามารถระดับนี้ต้องได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาความสามารถให้สูงขึ้นไปอีกเรื่อยๆ


“ทำอะไรดีนะ โอ๊ะ...มีไก่เหลือนี่นา” ผมตัดสินใจทำอาหารง่ายๆ อย่างขนมปังราดไก่ผัดซอสมะเขือเทศ อย่างที่เคยบอกไปว่าผมทำได้แต่พวกอาหารฝรั่ง ดังนั้นอาหารที่มักทำจึงเป็นอาหารที่ดัดแปลงจากสูตรที่รู้มาทั้งนั้น


แกร็ก!


“ต้นว่าน? วันนี้มาเร็วจัง อ๊ะ...เกิดอะไรขึ้น!”


ทันทีที่โผล่หน้าออกไปมองที่ประตูก็ต้องตกใจกับสภาพของต้นว่าน ตอนนี้ใบหน้าหล่อๆ นั่นเต็มไปด้วยบาดแผล ผมรีบหันไปปิดเตาก่อนจะวิ่งไปหาคนที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูด้วยความเป็นห่วง


“สวัสดีครับพี่ใบไผ่”


“เจ็บอยู่ก็อย่าพึ่งพูดอะไร เข้ามาก่อนสิ” ผมบอกพลางพยุงอีกฝ่ายมานั่งบนโซฟา ต้นว่านเองก็ทำเพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วทำตามที่บอกเท่านั้น


เกิดอะไรขึ้นกัน? จะบอกว่าไปมีเรื่องก็ไม่น่าใช่ ต้นว่านไม่ใช่คนที่จะไปมีเรื่องกับคนอื่นโดยไม่มีเหตุผลแบบนั้น


“กินยาแก้ปวดอะไรมารึยัง แล้วนี่ยังไม่ได้ทำแผลใช่ไหม เดี๋ยวพี่ไปหยิบกระเป๋าพยาบาลก่อนนะ” พูดจบก็รีบวิ่งไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่บนชั้นหนังสือออกมาจัดการทำแผลให้อีกฝ่ายอย่างเบามือ ระหว่างทำแผลต้นว่านก็เอาแต่นิ่งเงียบเหมือนกำลังกังวลเกี่ยวกับเรื่องอะไรบางอย่างอยู่


ก็อยากรู้...แต่ผมเชื่อว่าต้นว่านจะบอกเองเพราะเราสัญญากันแล้ว


ต้นว่านจะรักษาสัญญาแน่นอน


“...พี่ใบไผ่” เสียงทุ้มที่ออกแปลกๆ ดังขึ้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตา ริมฝีปากของอีกฝ่ายเม้มเข้าหากันแน่นเหมือนกำลังชั่งใจว่าจะพูดดีไหม


“อย่าเม้มปากแน่นขนาดนั้นสิ เรายังเจ็บอยู่ พี่รอได้...ไม่ต้องรีบหรอก” มือที่ว่างอยู่เอื้อมไปลูบเส้นผมสีดำสนิทตรงหน้าอย่างอ่อนโยน


“ผม...มีเรื่องอยากปรึกษา...ได้ไหมครับ”


“ได้สิ” ผมพยักหน้าอย่างไม่ลังเล


รู้สึกดีใจจังที่ต้นว่านมาปรึกษาผมด้วย


“พี่จำคนที่หาเรื่องผมตอนทำงานพิเศษที่ร้านสะดวกซื้อได้ไหมครับ”


“ได้สิ...” คำถามที่เริ่มเกริ่นนำทำให้เดาสิ่งที่เกิดขึ้นได้


อย่าบอกนะว่าคนที่ให้ต้นว่านเป็นแบบนี้คือ...เด็กคนนั้น?


“เขากำลังไล่ครอบครัวผมออกจากบ้าน”


“ไล่เหรอ ทำไมถึงไล่ได้ล่ะ”


ปกติถึงจะมีอำนาจขนาดไหนก็ไม่น่าจะไล่ใครออกจากบ้านได้นี่นา นอกจากจะเป็นพวกบ้านเช่าที่ตัวเองเป็นเจ้าของอยู่


“บ้านผมเป็นบ้านเช่า...”


นั่นไง...ว่าแล้วเชียว


“พวกเขาขึ้นค่าเช่าเพื่อกดดันให้พวกเราย้ายออก ช่วงแรกพ่อกับแม่ก็ทำงานมากขึ้นจนมีเงินพอจ่าย แต่ช่วงหลังถูกไล่ออกจากงานเลยค้างค่าเช่ามาหลายเดือนแล้ว”


“ตอนนี้ค้างอยู่เท่าไหร่”


เรื่องราวทั้งหมดผมเข้าใจแล้ว ไม่ต้องไปสืบก็พอจะเดาได้ว่าคนที่ไล่พ่อกับแม่ต้นว่านออกจากงานคือใคร


“...สามแสน”


คำตอนนั่นทำให้คิ้วสีน้ำตาลของผมขมวดเข้าหากันแน่น


“ค้างมากี่เดือนแล้ว?” หลักแสนนี่ไม่น่าจะแค่เดือนหรือสองแล้ว


“พ่อบอกว่าสามเดือนครับ แล้วก็ยังมีหนี้ที่ไปกู้ออกมอเตอร์ไซค์ด้วย”


“แค่สามเดือน...ยังตั้งสามแสน ถึงจะมีหนี้ค่ามอเตอร์ไซค์รวมด้วยก็ยังมากเกินไปอยู่ดี”


ถึงจะมีดอกเบี้ย แต่แบบนี้มันโกงกันเกินไปหน่อยมั้ง พูดง่ายๆ คือคิดจะทำทุกทางไม่ให้ครอบครัวของต้นว่านได้ใช้เงินคืนได้เลยสิท่า


แค่เด็กทะเลาะกัน คนเป็นผู้ใหญ่ถึงกับต้องทำขนาดนี้เลยรึไง


ในเมื่อเป็นแบบนี้ จะให้อยู่เฉยๆ คงไม่ได้


“พี่ใบไผ่ พี่ว่าผมควรไปกู้เงินดีไหม”


“ไม่จำเป็น” ผมตอบพลางเลื่อนมือที่ลูบเส้นผมสีดำสนิทไปยังใบหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผลแทน


“...แล้วพี่ว่าควรจะทำยังไงดี” ต้นว่านนิ่งไปสักพักก่อนจะถามต่ออีกรอบ


อารมณ์ของผมตอนนี้เหมือนจะเริ่มหงุดหงิดนิดหน่อยแล้วสิ


“ต้องใช้เงินคืนภายในกี่วัน” ผมไม่ตอบแต่ถามกลับแทน


“สามวันครับ นี่พี่คิดจะทำอะไร” ดูเหมือนต้นว่านจะรู้แล้วว่าผมคิดจะทำอะไรสักอย่าง


“พี่จะจัดการให้” ผมไม่ยอมให้ใครมาใช้อำนาจในทางที่ผิดแบบนี้หรอก


“ไม่ได้นะ ผมแค่มาปรึกษาพี่ ไม่ได้อยากให้พี่มาช่วย” อีกฝ่ายรีบคว้าแขนแล้วกำแน่นเหมือนจะบอกว่าไม่ยอมให้ผมทำตามใจแน่


“แล้วเราทำอะไรได้บ้างล่ะ ถึงเราจะกู้เงินเพื่อไปใช้คืน แล้วคิดว่าเรื่องมันจะจบลงง่ายๆ แบบนั้นเหรอ? ” ผมถามกลับพร้อมกับกุมมือของอีกฝ่าย


ความเงียบถือเป็นสัญญาณที่บอกว่าสิ่งที่ผมพูดไปนั้น อีกฝ่ายก็คิดอยู่เช่นกัน


ไม่มีทางเลยที่เรื่องจะจบลงเพียงแค่เอาเงินนั่นไปใช้คืน ตราบใดที่ยังไม่มีฝ่ายไหนหลาบจำ เรื่องพวกนี้ก็จะเกิดขึ้นอีกเรื่อยๆ ไม่มีวันจบ แล้วคนที่จะซวยคือต้นว่านและครอบครัว เพราะไม่มีอำนาจหรือทางเลือกมากเท่าตระกูลของเด็กคนนั้น


“เรื่องนี้เราให้พี่จัดการได้ไหม” ผมเอ่ยขอตามตรง


คนที่จะสามารถช่วยต้นว่านได้คือผมเท่านั้น ถ้าต้นว่านตกลงที่จะให้ช่วย ผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเอง


“...นี่ผมกำลังสร้างความเดือดร้อนให้พี่สินะ” เสียงทุ้มพึมพำพร้อมกับก้มหน้าลงเพื่อซ่อนใบหน้าที่เจ็บปวดเอาไว้


“ไม่เลย พี่ดีใจที่เราบอกเรื่องนี้กับพี่ มันไม่ได้ลำบากอะไรเลย” ก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่อยากทำให้ผมเดือดร้อน แต่ผมกลับคิดว่าการได้ผ่านช่วงเวลาแบบนี้ไปด้วยกันจะทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเราแน่นแฟ้นขึ้น


“พี่บอกได้ไหมว่าจะทำยังไง”


“ขอไม่บอกได้ไหม” สิ่งคิดจะทำคงไม่ใช่เรื่องที่จะบอกอีกฝ่ายได้


ถ้ารู้...ต้นว่าก็อาจคัดค้าน


“คิดจะทำอะไรที่อันตรายเหรอ” ต้นว่านถาม น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความห่วงใยจนผมคลี่ยิ้มออกมา


“ไม่แน่นอน พี่จะไม่ทำเรื่องอันตราย”


ใช่...มันไม่อันตรายสำหรับผม แต่สำหรับครอบครัวเพชรเกษมศักดิ์คงเป็นเรื่องที่อันตรายพอดูเลยล่ะ


“...ผมไม่อยากให้ครอบครัวต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก เพราะงั้น...ช่วยผมด้วยนะพี่ใบไผ่”


คำขอร้องนั่น ผมขอน้อมรับไว้ด้วยความยินดี


“แน่นอน เราพยายามมามากแล้วต้นว่าน สิ่งที่จะใช้จัดการกับอำนาจก็มีเพียงอำนาจด้วยกันเท่านั้น” ผมบอกพร้อมกับขยับเข้าไปกอดอีกฝ่ายไว้หลวมๆ ต้นว่านเองก็กอดตอบ ใบหน้าคมซุกตัวเข้าที่ต้นคอก่อนจะดันให้หลังผมติดกับเบาะโซฟาด้านล่างโดยมีต้นว่านคร่อมอยู่ด้านบน


“ผมอยากโตเร็วๆ อยากเป็นคนที่เป็นที่พึ่งให้พี่ ไม่ใช่ตัวเองมาทำให้พี่เดือดร้อนแบบนี้”


“เราเป็นที่พึ่งให้พี่ได้เสมอต้นว่าน แม้แต่ตอนนี้ที่พี่ไม่เหลือใครก็มีเราคอยช่วยอยู่ข้างกายเสมอ เราทำให้ความเศร้าที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ลำพังเปลี่ยนไป ถ้าไม่มีเราพี่ก็ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตที่เหลือจากนี้ไปเพื่อใคร”


“พี่ใบไผ่...” อีกฝ่ายกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น


“ขอบคุณที่อยู่ข้างพี่นะ ตอนนี้ให้พี่ได้ทำอะไรเพื่อเราบ้างเถอะ...นะ”


“...ครับ ขอบคุณครับพี่ใบไผ่”


เสียงกระซิบนั้นดังขึ้นหลายต่อหลายครั้ง ผมทำเพียงกอดตอบอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี...


ต้นว่านกำลังอ่อนแอและคนที่สามารถช่วยได้คือผม


ต้นว่านที่เข้มแข็งอยู่เสมอกลับหมดหนทางขนาดนี้แปลว่าคงไม่ใช่เรื่องที่จะจัดการง่ายๆ แต่ยังไงผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้หรอก
มาลองดูกันสักหน่อย...เพชรเกษมศักดิ์


ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รอยยิ้มนั้นของต้นว่านกลับคืนมา




หลังจากวันที่ต้นว่านมาขอให้ช่วยก็มาถึงวันสุดท้ายในการคืนเงิน วันนี้ผมตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อจัดเตรียมเอกสารหลายๆ อย่างที่จำเป็น รวมทั้งติดต่อเพื่อนในกลุ่มที่ค่อนข้างมีอิทธิพลให้มาช่วยเมื่อวันก่อน และตอนนี้ก็ได้ข้อมูลที่น่าสนใจมาเยอะพอสมควร
ผมเดินทางไปหาครอบครัวเพชรเกษมศักดิ์ แน่นอนว่าไม่ได้พาต้นว่านมาด้วยแต่ก็ไม่ได้มาคนเดียว สถานที่ที่ไปเยือนคือคฤหาสน์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ท้ายซอยหมูบ้าน ไม่ไกลจากบ้านที่อยู่ตอนนี้นัก ด้วยนิสัยที่ค่อนข้างชอบทำอะไรให้ใหญ่โตผมเลยขอให้เพื่อนพาลูกน้องมาด้วยซึ่งลูกน้องของเพื่อนผมนี่ก็...ค่อนข้างจะเสียงดังเล็กน้อย


“เฮ้ย! เปิดประตูเดี๋ยวนี้!” เสียงตะโกนของหนึ่งในลูกน้องของเพื่อนผมดังขึ้นพร้อมใช้เท้าถีบยันประตูรั้วสีทอง


“นี่เซน บอกให้ลูกน้องนายถอยไปก่อนดีกว่ามั้ง” ใบไผ่หันไปกระซิบเพื่อนหลังจากที่ลงรถมายืนอยู่หน้าประตูรั้ว


แบบนี้เหมือนมากับพวกยากูซ่าเลย...ถึงมันจะเป็นความจริงก็เถอะ


เซนเป็นเพื่อนสนิทที่รู้จักกันพร้อมๆ กับเจมส์ เป็นลูกของยากูซ่าที่มีอิทธิพลระดับประเทศ แม้จะเป็นแบบนั้นแต่นิสัยจริงๆ เป็นคนที่ยึดถือหลักความยุติธรรมมาก เรื่องวันนี้เองก็เหมือนกันพอผมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง เซนถึงกับของขึ้นจนต้องรีบห้ามก่อนที่ตระกูลเพชรเกษมศักดิ์จะพินาศภายในไม่กี่นาที


“ไม่เป็นไรน่า ฉันมาเองก็ต้องให้ยิ่งใหญ่หน่อยสิ” เซนบอกพลางส่งยิ้มมาให้


“เฮอะๆ เอาไงดีซัน ห้ามน้องชายนายหน่อยสิ” เมื่อพูดกับคนน้องไม่รู้เรื่องผมเลยเปลี่ยนไปคุยกับคนพี่ที่ยืนอยู่อีกข้างแทน


ด้วยใบหน้าที่เหมือนกันอย่างกับแกะทำให้หลายคนเดาได้ไม่อยากว่าทั้งคู่ต้องเป็นฝาแฝดกัน แต่เป็นฝาแฝดที่ทำอาชีพที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คนน้องเป็นผู้สืบทอดยากูซ่าต่อจากพ่อ ส่วนคนพี่เป็นผู้สืบทอดงานตำรวจต่อจากแม่แถมตอนนี้ยังเป็นถึงพลตำรวจโทอีกด้วย


“ปล่อยไปเถอะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นเดี๋ยวฉันปิดเรื่องเอง”


“นั่นไม่ใช่ปัญหามั้ง” พูดเหมือนกำลังจะไปก่อเหตุอะไรงั้นแหละ


นี่เราไม่ได้มาจับผู้ร้ายหนีข้ามประเทศนะ


“รอนานเกินไปแล้วนะ จัดการเปิดประตู” ซันหันไปบอกกับเหล่าลูกน้องในเครื่องแบบ


“ครับผม!” เหล่าลูกน้องตอบรับอย่างพร้อมเพรียงกัน ก่อนจะจัดการเปิดประตูตรงหน้าด้วยแรงถีบของตำรวจกว่า 20 นาย


“ซัน...แบบนี้มันไม่ดีมั้ง” เป็นตำรวจมาทำแบบนี้มันไม่ถูกต้องแล้ว


“เออน่า ไปกันได้แล้ว” นอกจากจะไม่ฟังแล้วยังเดินนำเข้าไปเหมือนเป็นหัวหน้าอีก


“ให้ตายสิ ใครที่เป็นยากูซ่ากันแน่เนี่ย”


“ยังไงซันก็เหมาะจะเป็นยากูซ่ามากกว่าจริงๆ นั่นแหละ น่าเสียดายที่เขาชอบเครื่องแบบตำรวจมากกว่าเลยทิ้งตำแหน่งไป” เซนบอก ก่อนจะเดินตามพี่ชายไป


“เฮ้อ...” เจ้าของเรื่องอย่างผมได้แต่ถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะตามทั้งคู่เข้าไปภายในคฤหาสน์


เมื่อเข้ามาจนถึงตัวห้องโถงขนาดใหญ่ก็มีเสียงการต่อสู้ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง


ว่าแล้วเชียวว่าต้องมีคนคุ้มกัน...


ผั๊วะ!


“ไผ่หลุดไปคนนึงจัดการเลย!” เสียงตะโกนของซันดังขึ้นพร้อมกับชายร่างยักษ์ที่วิ่งออกมา


“ถอยไปไอ้ขี้ก้าง อั๊ก!...”


โคร่ม!


ร่างของชายที่วิ่งออกมาถูกผมเตะเข้าที่ข้อเท้า ก่อนจะถูกศอกอัดเข้าที่ท้ายทอยอย่างรุนแรงจนทรุดลงไปกองกับพื้นในเวลาไม่กี่วินาที


“นายว่าใครขี้ก้างกัน” เห็นแบบนี้ผมก็เล่นพวกศิลปะป้องกันตัวนะ


“วิ๊ว! สุดยอดเลย” ซันยืนผิวปากส่งยิ้มมาให้


“จงใจให้หลุดสินะ” ผมพึมพำเบาๆ เพราะไม่มีทางที่ซันจะปล่อยให้ใครหนีออกมาได้หรอก


“น่า เข้ามาจัดการสิ ฉันมีเวลาอีกชั่วโมงก่อนจะต้องไปเคลียร์คดีต่อนะ”


“ขอแค่ 5 นาทีก็พอแล้ว” พูดจบก็เดินเข้าไปภายห้องโถงที่ตอนนี้มีครอบครัวเพชรเกษมศักดิ์นั่งอยู่กันครบ และมีผู้ชายคนหนึ่งที่หน้าตาคุ้นๆ อยู่


...รู้สึกว่าคนนี้น่าจะชื่อ ‘เป้’ ละมั้ง


“พวกแกต้องการอะไรจากฉัน?” เสียงทุ้มห้าวจากผู้ชายที่คาดว่าจะเป็นเจ้าของคฤหาสน์ดังขึ้น


“ผมมีเรื่องจะคุยด้วยนิดหน่อย ยินดีที่ได้รู้จักผมกิตติพิชญ์ ศิริวัฒนิวงศ์ คุณคงรู้จักผมจากลูกชายคุณแล้วสินะ” ผมแนะนำตัวเองอย่างมีมารยาท และมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าตลอดการแนะนำตัว


“ศิริวัฒนิวงศ์? ทำไมคนนามสกุลนั้นถึงได้มาที่นี่ นี่แกทำอะไรลงไปห๊ะ?!”


ทันทีที่รู้ว่าผมเป็นใคร เจ้าบ้านก็หันไปตะหวาดใส่ลูกชายที่นั่งตัวสั่นทันที


“ผมเปล่านะ แล้วไอ้นามสกุลนั่นมันน่ากลัวตรงไหนกัน พ่อก็จัดการมันไปเลยสิ!”


แสดงว่าเด็กนั่นไม่ได้เอานามบัตรของผมไปให้พ่อดูสินะ


ก็ว่าอยู่แล้วเชียว ถ้าเป็นคนที่อยู่ในแวดวงธุรกิจคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักผม


“ไอ้ลูกบ้า! แส่หาเรื่องดีนัก” คนเป็นพ่อหันไปตวาดลูกชาย แล้วหันมาทางผม “เอ่อ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ ถึงได้มากันถึงที่นี่ด้วยตัวเอง”


ก็อย่างว่าละนะ เมื่อก่อนนามสกุลศิริวัฒนิวงศ์อาจเป็นที่รู้จักกันในนามสกุลของบริษัทขนส่งขนาดใหญ่เพียงแค่นั้น แต่พอผมขึ้นเป็นประธานได้ไม่นานก็มีข่าวลือกันหนาหูว่าผมเป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพล อาจจะเป็นเพราะช่วงแรกผมไปไหนมาไหนกับพวกเซนและซันตลอด แถมพวกนั้นฉายเดี่ยวได้ที่ไหน ไปออกงานแต่ละทีก็ยกโขยงกันไปจนเป็นที่จับตามอง


ยิ่งไปกว่านั้น ผมยังมีนักธุรกิจต่างชาติระดับแนวหน้าอย่างเจมส์ กลาสเป็นคนหนุนหลังอีก แต่จะว่าไปก็ถือเป็นเรื่องดีเพราะมันทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่มย่ามกับผมมากนัก


“ผมเอาเงินมาคืนน่ะ” พูดจบก็ยื่นเช็คที่มีตัวเลขสามแสนเขียนเอาไว้ส่งให้เจ้าของบ้าน


“คืนเงิน? คือคุณติดเงินเราเหรอครับ”


“เปล่า ไม่ใช่ผมแต่เป็นคนรักของผม ครอบครัวมั่งมีทรัพย์ที่พวกคุณคิดจะยึดบ้านของเขาไง” ผมอธิบายให้อีกฝ่ายนึกออก


“ครอบครัวนั้น... เป้ไหนแกบอกว่าจะจัดการเองไง แล้วทำไมบ้านนั้นถึงได้รู้จักคุณกิตติห๊ะ!”


“ขอโทษครับ ผมไม่รู้”


“จะทะเลาะกันก็เอาไว้หลังจากนี้เถอะ ผมขอสัญญาที่ว่านั่นคืนด้วย ยังไงก็ใช้เงินคืนแล้ว”


“ได้สิครับ เป้ไปเอาสัญญามา”


“ครับพ่อ” อีกฝ่ายทำหน้าเซ็งก่อนจะเดินไปหยิบมาตามคำสั่ง


“อ้อ แล้วก็นี่ครับ” พูดจบผมก็หยิบเช็คอีกใบที่ใส่จำนวนเงินกว่าสามล้านยื่นให้เจ้าของบ้านอีกครั้ง


“...นี่คือ?”


“ผมขอซื้อบ้านหลังนั้นด้วยเงินสามล้าน หวังว่าคงจะพอนะ”


ผมไม่แน่ใจเรื่องราคาที่ดินของบ้านต้นว่านนักเพราะไม่เคยไป แต่จากการคาดคะเนก็ไม่น่าจะสูงมากแต่ที่จงใจให้เยอะเท่าราคาบ้านมือหนึ่งเพราะต้องการให้อีกฝ่ายขายให้อย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ


“พอแน่นอนครับ ผมจะทำเรื่องให้เดี๋ยวนี้”


“แล้วก็มีอีกอย่างหนึ่งที่อยากบอก”


“ว่ามาเลยครับ”


“อย่ามายุ่งกับครอบครัวนั้นอีก ไม่อย่างนั้นเรื่องการยักยอกเงินและหนีภาษีได้ถึงมือตำรวจแน่ โอ๊ะ...คนที่ยืนอยู่ข้างผมก็เป็นตำรวจนี่นา” ผมเอียงหน้าไปหาซันที่ยืนส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ ไม่มีทางที่ซันจะกลับมือเปล่าแน่ ยิ่งได้รู้เรื่องฉาวโฉ่ของคนตระกูลนี้แล้วยิ่งไม่มีทางปล่อย


หลังจากนี้ก็ขอปล่อยให้เป็นเรื่องของตำตรวจกับยากูซ่าก็แล้วกัน


ผมขอกลับไปเตรียมตัว ก่อนจะไปหาครอบครัวของต้นว่านดีกว่า

.................................................................................................

-Rewrite- >> มาอัพรีไรท์ตอนสุดท้ายของวันค่ะ แจ้งข่าวอีกเล็กน้อยตอนนี้เรื่องพบรักกำลังเปิดพรีอยู่สามารถเข้าไปสั่งซื้อกันได้นะคะ

สวัสดีค่า

มาอัพต่อแล้ววว

แต่งตอนนี้แล้วรู้สึกมันส์มากเลย 555

โดยส่วนตัวชอบพี่ใบไผ่มากถ้าเทียบกับตัวหลักที่เคยแต่งมา

ให้ความรู้สึกมีหลายด้านให้ค้นหาดี

สำหรับเรื่องนี้ตอนหน้าก็จะจบแล้วค่ะ

หลายคนอาจอยากให้แต่งต่อ แต่เราวางเรื่องไว้แบบนี้ถ้าแต่งต่อก็อาจดูเป็นกายืดเรื่องเพราะงั้นจะแต่งตอนพิเศษมาลงให้แทนนะคะ

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังใจค่า

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่13×▪ ◣ P.7 15/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-12-2016 17:13:00
อื้อออหือ ตื่นเต้นสะใจ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่13×▪ ◣ P.7 15/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 15-12-2016 17:42:44
เสียดายเงิน 10 ล้าน ถ้าว่านรุ้คงไม่ปลื้มแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่13×▪ ◣ P.7 15/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 15-12-2016 17:46:41
อู้วหูววพี่ใบไผ่ตอนนี้เท่สุดดอะ
ต้นว่านตอนนี้ก้น่ารักกก ดูน่าปกป้องสุดดด
และแล้วเรื่องราวก้จบลงด้วยดี
แต่ถ้าต้นว่านรู้ พี่ใบไผ่โดนบ่นแน่ๆๆ
เหลืออยู่อย่างเดียวที่ต้องทำคือเปิดตัวอย่างเปนทางการค่ะ555
ตอนหน้าจบแล้ววว ถึงจะอยากอ่านต่อไปเรื่อยๆก้เถอะ
แต่ก้อยากอ่านเรื่องต่อไปของคนเขียนเหมือนกัน555
ขะเป็นแหนตาซี น่ารัก อบอุ่น แบบไหนก้ดีงามไปหมดค่าา
รอนะคะะ รอทั้งตอนจบ ตอนพิเศษ และเรื่องหน้าด้วยเลย5555
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่13×▪ ◣ P.7 15/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: b2friend ที่ 15-12-2016 20:39:05
พี่ไผ่แมนมากกก  o13
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่13×▪ ◣ P.7 15/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 15-12-2016 20:44:08
พี่ใบไผ่นี่เป็นเคะแมนๆ ที่เท่มากกกก
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่13×▪ ◣ P.7 15/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-12-2016 21:13:56
พี่ใบไผ่ o13 o13 o13 o13 o13 o13

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่13×▪ ◣ P.7 15/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 15-12-2016 23:31:34
 :impress3: พี่ไผ่เท่มากเลย ขอแบบนี้สักคนได้ไหม  :mew3: เป็นคนที่มีอะไรคาดไม่ถึงตลอดเลยหนุ่มคนนี้ ต้นว่านนายเป็นคนดีก้อเลยเจอคนดีเลยน่ะเนี่ย  :กอด1: จะจบแล้วเรอะ ยังรู้สึกว่ามันน่าจะมีตอนหวาน ๆ มากกว่านี้น่ะ อยากให้มีตอนพิเศษของลูก ๆ ของมะนาวบ้างน่ะ ชอบจังเลย น่ารัก  :o8:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่13×▪ ◣ P.7 15/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 15-12-2016 23:55:48
นี่แหละคือนายเอกที่แท้จริง55555555
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่13×▪ ◣ P.7 15/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 16-12-2016 06:54:58
ใบไผ่เป็นคนตลก!! 5555 น่ารักด้วย
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่13×▪ ◣ P.7 15/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 16-12-2016 10:50:08
โดนซะมั่ง น่าจะให้ราคาบ้านน้อยกว่านี้หน่อย
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่13×▪ ◣ P.7 15/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 16-12-2016 11:26:52
การจัดการของใบไผ่ออกจะการ์ตูนไปเสียหน่อยนะเราว่า
ส่วนเรื่องบ้านของครอบครัวต้นว่าน ถ้ามันมีปัญหามากขนาดนั้นทำไมตอนแรกไม่หาทางแก้ไข เอาแต่ยอมให้ขึ้นค่าเช่า กดขี่อย่างไม่เป็นธรรมอยู่ได้ เห็น ๆ อยู่ว่าพวกนั้นต้องการไล่ที ถึงจะผูกพันธ์กับบ้านที่อยู่มานานขนาดไหนพอมาเจอเรื่องแบบนี้ก็ควรจะตัดใจหาที่อยู่ใหม่ไม่ใช่เหรอ เราว่าตรงนี้มันอ่านแล้วรู้สึกแปลก ๆ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่13×▪ ◣ P.7 15/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 16-12-2016 12:00:40
พี่ใบไผ่เท่ที่สุดเลยค่ะ  o13  :mew1:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่13×▪ ◣ P.7 15/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 16-12-2016 12:09:36
พี่ไผ่สุดยอดๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่13×▪ ◣ P.7 15/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 16-12-2016 12:41:29
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่13×▪ ◣ P.7 15/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 16-12-2016 17:35:04
โหหหหหหป พี่ใบไผ่อย่างเท่ จัดการได้หมดจดจิงๆ
ตอนหน้าก้อกลับไปปลอบใจต้นว่านดีกว่า อิอิ -.,-
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันที่13×▪ ◣ P.7 15/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-12-2016 07:22:54
เล่นกะใครไม่เล่นเนอะ
หัวข้อ: Re:-Rewrite- ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันสุดท้าย×▪ ◣ P.7 28/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 23-12-2016 14:23:56
พบรัก ▪×วันสุดท้าย×▪



ช่วงบ่ายหลังจากกลับมายังบ้านเดี่ยวสองชั้นก็ถูกต้อนรับจากสุนัขทั้งสี่ตัวด้วยการกระโดดใส่เต็มแรงจนผมแทบล้ม แม้จะไม่กลัวเหมือนเมื่อก่อนแต่เพียงแค่เล็บทู่ๆ นั่นจิกลงบนเนื้อผมก็แทบร้องด้วยความเจ็บปวด


“นั่งลงเดี๋ยวนี้!” ผมตะโกนขึ้นในทันใดเมื่อฝูงสุนัขขนาดใหญ่เตรียมจะกระโดดใส่อีกรอบ


แค่รอบเดียวก็เจ็บไปทั้งตัวแล้ว


หงิ๋ง~


สุนัขทั้งสี่ตัวทำตามคำสั่งอย่างพร้อมเพรียงทำให้ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่ไม่โดนกระโดดใส่อีกรอบ พอตั้งสติได้ก็หันไปมองรอบๆ แต่ก็ไม่พบกับต้นว่านที่ควรจะอยู่แถวนี้ในเวลานี้


“ต้นว่านไปไหนพวกเธอรู้ไหม” เมื่อหาไม่เจอก็เลยก้มไปถามสุนัขทั้งสี่ที่ยังคงนั่งอยู่ที่พื้น


ถ้าพวกมันตอบกลับมา ผมก็ขอวิ่งล่ะ


ผมเดินเข้าไปภายในบ้านเผื่อว่าต้นว่านจะอยู่ข้างในแต่ก็ไม่พบเลย ไม่ว่าจะในห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องน้ำ หรือห้องนอน ผมจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาอีกฝ่ายแทน


(...ครับพี่ใบไผ่)


“เราอยู่ไหนน่ะต้นว่าน” ผมถามปลายสาย


(อยู่บ้านครับ)


“บ้าน...บ้านต้นว่านเหรอ”


(ใช่ครับ พอดีพ่อกับแม่ค่อนข้างกังวลเรื่องที่วันนี้ครบกำหนดใช้หนี้แล้วน่ะครับผมเลย...)


“เรื่องนั้นพี่จัดการให้แล้วล่ะ” ผมบอกออกไป


(จัดการ? พี่จัดการให้แล้ว?)


“อ่า บอกทางไปบ้านเรามาสิ เดี๋ยวพี่ไปหา” จะให้คุยทางโทรศัพท์ก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พูดกันต่อหน้าเลยดีกว่า


(ครับ พอพี่ออกจากบ้านก็ให้ตรงมาเรื่อยๆ จากนั้นก็....)


ผมจดจำเส้นทางที่ต้นว่านบอกเอาไว้ในหัวแล้วขับรถยนต์ไปตามเส้นทางนั้น ก่อนจะเจอเข้ากับบ้านเดี่ยวชั้นเดียวที่มีพื้นที่ค่อนข้างน้อยกว่าบ้านสองชั้นของผมอยู่พอสมควร พอคิดว่าอยู่กันตั้งห้าคน สภาพภายในบ้านคงอึดอัดกันพอดู อีกอย่างบ้านหลังแค่นี้ดูยังไงค่าเช่าก็ไม่น่าแพงมากขนาดนั้น ถึงจะบอกว่าติดมาหลายเดือนแล้วก็ตาม


เอาเถอะ...ยังไงซะเรื่องนั้นก็จบแล้ว


“ต้นว่าน!” ผมตะโกนเรียกคนที่อยู่ข้างใน


“ครับ” เสียงขานรับดังขึ้นก่อนที่เจ้าของร่างสูงโปร่งจะเดินออกมาเปิดประตูรั้วและเชิญให้ผมเข้าไปด้านใน


ห้องแรกที่เจอหลังจากเข้ามาคือห้องรับแขกที่ตอนนี้มีสมาชิกในครอบครัวอยู่พร้อมหน้ากันทุกคน ไม่เว้นแม้แต่น้องๆ ของต้นว่าน ก็อย่างว่าวันนี้วันอาทิตย์ก็ควรจะนอนเล่นอยู่บ้านมากกว่าจะออกไปเที่ยวเล่นที่อื่น


“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้พ่อและแม่ของต้นว่านอย่างมีมารยาท ก่อนจะหันไปยิ้มรับน้องสาวและน้องชายของต้นว่านที่ยกมือไหว้มา


“สวัสดีจ้ะสุดหล่อ เดี๋ยวน้าไปหาเครื่องดื่มอะไรมาให้นะ” คุณแม่ของต้นว่านลุกขึ้นมาทักทายเป็นคนแรก “ว่าน...ทำไมเราไม่บอกว่าจะมีแขกล่ะ” ก่อนจะหันไปบ่นต้นว่านที่เดินตามมา


“ถ้าบอก เดี๋ยวแม่ก็ทำตัวเว่อร์อีก”


“ใครเว่อร์กัน รอแป๊บนะจ๊ะ” พูดกับลูกชายเสร็จก็หันมาส่งยิ้มหวานให้ผม


“ครับ ขอบคุณมากนะครับ”


“จ้า มารยาทดีจริงๆ เลยนะพ่อหนุ่ม” คุณน้าเดินออกจากห้องไปด้วยรอยยิ้มกว้าง


รู้สึกว่าท่านจะถูกใจผมนะ...


“นั่งก่อนสิ” เสียงทุ้มของพ่อต้นว่านดังขึ้นพร้อมกับเรียกให้ไปนั่งโซฟาอีกฝั่งที่ว่างอยู่


“ขอบคุณครับ” ผมนั่งลงโดยมีต้นว่านนั่งอยู่ข้างๆ


“พี่ไผ่ขา หนูไปนั่งด้วยได้ไหมคะ” เสียงหวานๆ ของน้องสาวเพียงคนเดียวของบ้านดังขึ้น


“ได้สิ” ไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธนี่


“เยส...ขอบคุณค่า” ทันที่อนุญาตเธอก็รีบย้ายมานั่งข้างผมแต่ยังไม่ทันนั่งก็ถูกต้นว่านดึงแขนไว้ก่อนจะบังคับให้นั่งลงด้านข้างตัวเองทำให้ตอนนี้ต้นว่านนั่งอยู่ตรงกลาง


“พี่ว่าน” น้องดาหันไปเรียกพี่ชายตัวเองเสียงห้วน


“นั่งนี่แหละ จะไปกวนพี่เขาทำไม”


“กวนที่ไหน พี่ไผ่ก็ให้แล้วไง” เธอยังคงเถียงต่อ


“นั่งนี่แหละ” เหมือนต้นว่านไม่รู้จะเถียงต่อไปยังไงเลยได้แต่ตัดบทไปทั้งๆ แบบนั้น จากนั้นไม่นานคุณน้าก็เดินเข้ามาพร้อมแก้วน้ำส้ม ผมขอบคุณรับแก้วนั้นไว้ด้วยรอยยิ้ม


ครอบครัวต้นว่านดูเป็นกันเองมาก ...รู้สึกดีจริงๆ


อยู่แบบนี้แล้วรู้สึกเหมือนตอนได้อยู่กับคุณพ่อและคุณแม่เลย


“ดูท่าคุณกับว่านจะคบกันแล้วสินะ”


คำถามง่ายๆ ดังขึ้นจากคุณอาหรือก็คือคุณพ่อของต้นว่านที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแต่ทำให้ผมและต้นว่านสะดุ้งพร้อมหันมองหน้ากันทันที


นี่ต้นว่านบอกคุณพ่อไปแล้วงั้นเหรอ?


“...ผมไม่ได้บอกนะ” ต้นว่านเหมือนจะอ่านสิ่งที่ถามทางสายตาได้เลยกระซิบตอบ


“คุณคะ...” คุณแม่เหมือนจะงงกับสิ่งที่คุณพ่อบอกเลยหันไปสะกิดเบาๆ


“คุณคงพอดูออกนะว่าลูกเราหลงรักเขาเข้าแล้ว” ระหว่างพูดคนตรงหน้าก็จับจ้องมายังผมราวกับจะค้นหาความจริงบางอย่าง


“พ่อ” คนที่ถูกพาดพิงอย่างต้นว่านถึงกับสะดุ้ง


“หรือไม่จริง?”


ความเงียบของต้นว่านดูจะเป็นคำตอบให้ทั้งครอบครัวได้เป็นอย่างดี


“นี่พี่ว่านชอบพี่ไผ่เหรอ” ดาถึงกับหันมาถามเสียงหลง


“ไม่ได้ชอบ” ต้นว่านพึมพำ


“อ้าว...ก็เห็นพ่อบอก”


“รักต่างหาก” ประโยคต่อมาของคนข้างกายทำเอาผมหน้าขึ้นสี


ไม่ได้ชอบ...แต่รักต่างหาก


ทั้งครอบครัวก็ถึงกับนิ่งไปเพราะสิ่งที่ได้ยิน


“ผมรักพี่ใบไผ่ และตอนนี้เราก็คบกันมาสักพักแล้ว ขอโทษที่ไม่ได้บอกนะครับ” ต้นว่านอธิบายทุกอย่างให้ครอบครัวฟัง


“ฉันก็ว่าอยู่แล้วเชียว” คุณอาเหมือนจะเป็นคนแรกที่ไม่ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน มีเพียงแค่ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น


“พี่ไผ่ของหนู...” แต่น้องดาเองดูจะเสียใจอยู่ไม่น้อย


“ของพี่ต่างหากละดา” ต้นว่านหันไปพูดเสียงเข้ม


“โหย...ทำหวงๆ ถ้าพี่ไผ่เป็นแฟนพี่ว่านก็เหมือนกับเป็นพี่หนูแหละ คอยดูนะหนูจะอ้อนจนพี่หึงไปเลย”


“ดา”


“พอแล้วทั้งคู่” คุณน้าที่นั่งเงียบอยู่ห้ามทัพก่อนจะทะเลาะกันหนักกว่านี้ ส่วนน้องคนสุดท้องอย่างผาก็ได้แต่นั่งรับฟังเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรเลย


“...แม่ครับ” น้ำเสียงของต้นว่านดูจะกังวลพอดู


“ทำไมเราไม่บอกแม่ก่อนล่ะว่าน”


“ผมขอโทษครับ”


“แบบนี้มันก็เหมือนลูกคบกับพี่เขาแค่เล่นๆ โดยไม่มีผู้ใหญ่รับรู้น่ะสิ ครอบครัวพี่เขาจะว่ายังไงเนี่ย”


ต้นว่านนิ่งไปเมื่อได้ยินคำพูดแบบนั้น


“พ่อกับแม่ผม...ท่านเสียไปแล้วครับ” ผมให้คำตอบแทน


“อ๊ะ...ขอโทษนะจ๊ะ”


“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ขอโทษที่ไม่ได้มาขออนุญาตอย่างเป็นทางการ ตอนนี้อาจเป็นโอกาสดีที่ผมจะได้พูดเรื่องนี้ ผมกับต้นว่านกำลังคบกันอยู่ ผมอยากให้ทุกคนรับรู้และยอมให้ผมคบกับเขาด้วยนะครับ” ถึงจะเตรียมใจมาบ้างแต่ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น


“คุณแน่ใจแล้วนะ” คุณอาพูด


“หมายความว่ายังไงครับ” ผมไม่เข้าใจ


“ก็อย่างที่คุณเห็น ครอบครัวเราไม่ได้ร่ำรวยเหมือนคุณ แถมตอนนี้ยังติดหนี้อยู่อีก ไม่รู้ว่าต้องย้ายที่อยู่รึเปล่า อีกอย่างทั้งฉันและภรรยาตอนนี้ก็ถูกไล่ออกจากงาน ครอบครัวเราไม่มีอะไรที่เหมาะสมกับคุณเลยสักนิด ได้ยินแบบนี้แล้วยังจะคบกับต้นว่านต่อไปอีกไหม”


“คุณคะ พูดอะไรน่ะ!” คุณน้ารีบเขย่าแขนสามีแรงๆ เป็นการเตือน


“พูดให้เขารู้ไงว่าสถานการณ์ที่บ้านเราเป็นไง”


“ถึงแบบนั้นก็เถอะ...”


“คำตอบของคุณคืออะไรล่ะ” คุณอาถามย้ำอีกรอบโดยที่ยังสบตากันอยู่


“พี่ใบไผ่...” ต้นว่านเองก็ทำหน้าเหมือนรอคำตอบนั้นอยู่เหมือนกัน


คำตอบของผม...มันชัดเจนมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว


ผมหันไปยิ้มให้ต้นว่านพร้อมกับเอื้อมมือไปกุมมืออีกฝ่ายไว้หลวมๆ


“ผมไม่ได้คบกับต้นว่านที่ฐานะ ตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกัน ต้นว่านก็มอบความกล้าให้ผม เพื่อไปเผชิญหน้ากับความกลัวจนสามารถผ่านมันไปได้ เขาทำให้ผมที่ไม่เหลือใครแล้วได้สัมผัสถึงคำว่าความสุข ผมไม่รู้ว่ารักเขาตั้งแต่ตอนไหน รู้แค่ว่าพอรู้ตัว หัวใจผมก็มีแต่เขาแล้ว เพราะแบบนั้นผมถึงไม่สนใจเรื่องฐานะหรือครอบครัวเลยสักนิด ที่ผมสนคือต้นว่านคนเดียวเท่านั้น” นี่คือคำตอบทั้งหมดของผม


“พี่ใบไผ่” ทันทีที่พูดจบคนข้างกายก็รวบตัวผมเข้าไปกอดไว้แน่น


“...ต้นว่าน” สัมผัสอุ่นๆ ที่คุ้นเคยเรียกให้ผมกอดตอบอีกฝ่ายตามความเคยชิน


“ว้าย พี่ใบไผ่น่ารักจัง” เสียงของดาเรียกสติของผมให้กลับเข้าร่างก่อนจะผละออกจากต้นว่าน


ให้ตายสิ ผมกอดกับต้นว่านต่อหน้าครอบครัวเลยเหรอเนี่ย


น่าอายจริงๆ


“ลูกชายเราหน้าแดงใหญ่เลย” คุณน้าล้อต้นว่านที่ตอนนี้หน้าแดงไปหมด


“หยุดพูดเถอะน่าแม่อะ”


“คำตอบแบบนี้ได้ไหมครับ” ผมถามกลับคุณอาที่นั่งส่งยิ้มมาให้


“ได้สิ ฝากลูกชายฉันด้วยนะ”


“แน่นอนครับ”


“จะว่าไป ที่พี่ใบไผ่บอกว่าจัดการแล้วคืออะไรเหรอครับ”


“ถามมาก็ดีเลย เกือบลืมไปแล้ว” เพราะมีหลายๆ อย่างเกิดขึ้นเลยลืมไปเลยว่าจะต้องคุยเรื่องนี้กับต้นว่านและครอบครัว


“จัดการอะไร” คุณอาถามขึ้นเช่นกัน


“ผมจัดการเรื่องหนี้ให้แล้วครับ” ผมตอบไปตามตรง


“หนี้? อย่าบอกนะว่า...ว่านแกไปบอกเขาเหรอ!” ต้นว่านสะดุ้ง


เสียงนั้นดูจะแฝงไปด้วยความไม่พอใจอยู่มากพอสมควร


“เอ่อ...ครับ ตอนแรกผมแค่ไปขอคำปรึกษา แต่ว่าพี่เขาอยากช่วย ผมเลย...”


“แกเลยให้แฟนตัวเองใช้หนี้ให้!” คุณอาต่อประโยคต่อไปด้วยน้ำเสียงแข็งๆ


“...ครับ” ต้นว่านก้มหน้าลงเล็กน้อยคล้ายกำลังสำนึกผิด


“ฮึ...ขอโทษด้วยนะที่ลูกชายฉันทำแบบนี้ ถึงเป็นแฟนกันแต่ให้มาใช้หนี้ของครอบครัวตั้งสามแสนมันไม่น่าดูเลยจริงๆ” คุณอาก้มหัวขอโทษ


“ไม่เป็นไรครับ ผมเองแหละที่ตื้ออยากจะช่วย ต้นว่านเวลามีอะไรชอบปิดบังเพราะเกรงใจกันตลอด แต่ผมอยากจะช่วยเหลือเขาบ้าง เรื่องนี้อาจเป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่ผมสามารถช่วยเขาได้ ดังนั้นอย่าคิดว่ามันดูไม่ดีเลยนะครับ ทุกอย่างมันเป็นความต้องการของผมเองต่อให้ต้นว่านไม่มาขอคำปรึกษา ผมก็มั่นใจว่ายังไงเรื่องก็ต้องมาถึงหูผมอยู่ดี”


“แต่สามแสนไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ เลยนะ”


“แต่มันเทียบไม่ได้กับความรู้สึกที่ผมมีต่อต้นว่านเลยครับ อย่ากังวลเรื่องเงินเลย”


“ครอบครัวเราจะหาทางใช้คืนก็แล้วกันนะ” คำพูดนั่นดูจะเหมือนเป็นคำสั่งมากว่าคำบอกเล่า


“ผมไม่รับครับ”


“คุณ...” เมื่อถูกผมตอบไปแบบนั้นอีกฝ่ายก็พูดไม่ออก


“อ้อ...แล้วผมก็มีของจะให้ด้วย” พูดจบซองเอกสารที่ถือมาด้วยก็ถูกส่งให้คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม


“พี่ใบไผ่ นั่นอะไรน่ะ” ต้นว่านกระซิบถาม


“รอดูละกัน”


“นี่มัน...” กระดาษที่อยู่ภายในถูกหยิบขึ้นมาอ่านพร้อมกับคิ้วสีดำที่ขมวดเข้าหากันมากขึ้น


“อะไรคะคุณ อ๊ะ! นี่มันโฉนดที่ดินนี่”


“พี่ใบไผ่!” เสียงทุ้มของต้นว่านดังขึ้นทันทีที่ได้ยิน ดวงตาคมสีน้ำตาลหันมามองผมอย่างเอาเรื่อง


“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” คนฟังอย่างผมเอ่ยเสียงอ่อย


“พี่เสียเงินไปเท่าไหร่” แค่ได้ยินคำว่าโฉนดก็ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจเรื่องทุกอย่างแล้ว


“...ก็นิดหน่อย”


“พี่ตอบไม่ตรงคำถาม ผมถามว่าเท่าไหร่!”


“ว่านอย่าเสียงดังใส่พี่เขาแบบนั้น” คุณน้าเข้ามาช่วยพูด


“แต่แม่...ดูสิว่าพี่เขาทำอะไร แค่ใช้หนี้สามแสนนั่นให้ผมก็รู้สึกแย่จนไม่รู้จะแย่ยังไงแล้ว แต่นี่ยังซื้อบ้านนี่ให้อีก แบบนี้จะให้ผมอยู่เฉยได้ยังไง”


“พี่ก็แค่อยากตัดปัญหา ยังไงหลังจากนี้ของที่เป็นทรัพย์สินของครอบครัวเพชรเกษมศักดิ์ก็จะถูกตรวจสอบ แล้วถ้าพบว่าทางนั้นมีความผิดจริง ครอบครัวเราอาจต้องย้ายที่อยู่นะต้นว่าน” ผมบอกไปตามตรง


ผมไม่ใช่คนที่เอะอะก็จะใช้เงินซื้อทุกสิ่ง แต่เพราะเรื่องนี้มันจะเป็นปัญหาใหญ่ ครอบครัวเพชรเกษมศักดิ์มีคดีอยู่มาก ดีไม่ดีทรัพย์สินทั้งหมดอาจถูกอายัด และถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่มีอะไรมารับประกันว่าครอบครัวของต้นว่านจะได้อยู่ที่เดิม


“พี่ทำอะไร”


“พี่เปล่านะ คนที่ทำคือตัวพวกเขาเองต่างหาก พวกเขาทำเรื่องทุจริตไว้เยอะมากทั้งยักยอกเงิน ลักลอบเอาสินค้าผิดกฎหมายมาขาย หรือแม้แต่การใช้อำนาจไม่ในทางไม่ชอบ”


“พี่แจ้งตำรวจ?”


“...ก็ไม่เชิง พอดีพี่ต้องการสืบข้อมูลของครอบครัวนั้น แต่เรื่องพวกนี้พี่ไม่ถนัดเลยให้เพื่อนช่วย และเผอิญว่าเพื่อนพี่เป็นตำรวจพอดี มันก็เท่านั้นเอง”


ถ้าทางนั้นไม่ทำอะไรก็ไม่ต้องโดนแบบนี้หรอก


ไม่มีความลับไหนที่จะปิดเงียบไปตลอด


“...”


“ต้นว่าน พี่ขอโทษที่ไม่บอกก่อน อย่าโกรธกันนะ” ผมรีบบอกเพราะต้นว่านดูเหมือนจะนิ่งๆ ไปหลังจากที่ฟังจบ


“พี่บอกมาก่อนว่าใช้เงินซื้อบ้านนี้ไปเท่าไหร่”


“ก็ประมาณ...”


“อย่าคิดโกหกผมเชียว” สายตาที่สบมานั้นทำให้ผมได้แต่ถอนหายใจแรงๆ ออกไปก่อนจะบอกความจริง


“...สามล้าน” ผมเอ่ยตอบเสียงเบาหวิว


“ฮะ? ว่าไงนะพี่ใบไผ่!”


“ว้าย...สามล้าน!” ดาที่ฟังอยู่ข้างๆ ถึงกับยกมือขึ้นปิดปาก


ผู้ใหญ่ทั้งสองคนถึงกับพูดไม่ออกได้แต่มองมาทางผมอย่างอึ้งๆ ไม่ต้องถามถึงน้องคนสุดท้องอย่างผาที่ทำตาโตส่งมาเหมือนกัน


“พี่ใบไผ่...พี่...”


“ไม่ๆ อย่าพูดๆ พี่ไม่อยากฟังคำบ่นแล้ว ยังไงพี่ก็ซื้อมาแล้วเพราะงั้นก็อย่าไปพูดถึงอดีตเลย” ผมรีบพูดแทรกก่อนที่จะได้ยินคำบ่นจากต้นว่าน


“พี่พูดเหมือนของที่พี่ให้ราคามันแค่พันสองพันงั้นแหละ นี่มันตั้งสามล้านเลยนะพี่ ถึงจะบอกว่าตัดปัญหาแต่ราคานี้มันมากไป บ้านหลังนี้ให้ล้านเดียวก็ยังว่าแพงเลยแล้วพี่ไปซื้อตั้งสามล้านเนี่ยนะ...”


สุดท้ายก็ต้องโดนต้นว่านบ่นอยู่ดี ผมก็ได้แต่นั่งทำหน้าหง๋อยรอจนอีกฝ่ายบ่นเสร็จ


“อย่ามาทำหน้าหง๋อย เรื่องนี้พี่ผิดเต็มๆ เลยนะ...”


“...ขอโทษ”


“เฮ้อ พ่อ-แม่เอายังไงดี” ต้นว่านหันไปถามพ่อแม่ตัวเอง


“นั่นสิ แกว่ายังไงล่ะ”


“ผมอยากใช้คืน แต่ยอดเยอะขนาดนั้นคงใช้ไม่หมดภายในปีหรือสองปีแน่” ต้นว่านตอบ


“เราไม่ต้องใช้คืนพี่...” ผมที่กำลังพูดรีบกลืนคำสุดท้ายลงคอเมื่อถูกดวงตาคมนั้นจ้องมา


“แม่ว่าไงครับ”


“...เห็นด้วยที่จะใช้คืนนะ แต่การทยอยจ่ายมันต้องมีดอกเบี้ยนี่”


“ก็ใช่...”


“งั้นแบบนี้ล่ะ คุณชื่อกิตติพิชญ์สินะ” คุณอาหันมาถาม


“เรียกผมว่าใบไผ่ก็ได้ครับ”


“ก็ได้ใบไผ่ เธออยากได้ดอกเบี้ยแบบไหนล่ะ”


“ครับ? คือผมไม่อยากได้ดอกเบี้ยครับ”


ในเมื่อผมให้แล้วคือให้ จะมาใช้หนี้กันทำไม


“ฉันมีข้อเสนอ”


“เอ่อ...” ฟังที่ผมพูดอยู่ใช่ไหม


“ครอบครัวเราจะใช้หนี้ทั้งหมดโดยการส่งลูกชายคนโตไปขัดดอก”


“ฮะ?”


ลูกชายคนโต...หมายถึงต้นว่าน


แล้วให้ขัดดอกหมายถึงจะให้ต้นว่านมาอยู่กับผมเหรอ?


“พ่อ...พูดอะไรถามกันก่อนสิ” ต้นว่านโวยวาย


“จะถามทำไม แกน่ะรีบไปเก็บเสื้อผ้าเตรียมย้ายไปบ้านนั้นได้แล้ว”


“พ่อ”


“ไปทำหน้าที่ขัดดอก และดูแลแฟนให้ดีล่ะ”


ประโยคสุดท้ายทำให้ต้นว่านที่อยากจะพูดอะไรเงียบอย่างรวดเร็ว


“...แต่ที่บ้าน”


“ว่าน บ้านเราก็อยู่แค่นี้ แกเดินไปกลับยังทำมาแล้ว นี่จะมาห่วงอะไร”


“พ่อๆ แบบนี้ห้องก็เป็นของหนูแล้วใช่ไหม” ดารีบลุกขึ้นไปถาม


“ผมก็อยู่ด้วยนะพี่ดา” ผารีบบอกพี่สาว


“เดี๋ยวสิ ผมยังไม่ได้ตกลง”


“แม่จะไปช่วยเก็บนะ ลูกชายออกเรือนก็แบบนี้แหละ” คุณน้าพูดติดตลก


“ออกเรือนอะไรแม่ เดี๋ยวก่อนสิ ยังไม่ต้องเก็บ...” ต้นว่านรีบวิ่งตามแม่ไปโดยทิ้งผมไว้กับครอบครัวอีกสามคน


“ความจริงไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้นะครับ ผมไม่ได้ต้องการให้ใช้เงินคืน”


“ฉันรู้”


“งั้นทำไม...” ทำไมถึงยังยืนยันว่าจะใช้คืนล่ะ


“ลูกชายฉันรักเธอจริงๆ แค่ดูก็รู้แล้ว เขาอยากอยู่ข้างเธอแต่เพราะเป็นคนที่ไม่ชอบบอกความต้องการของตัวเอ งฉันเลยต้องจัดการให้...”


“คุณอา...”


“เธออยู่คนเดียวนี่ คงเหงาน่าดูเพราะงั้นให้ว่านไปอยู่เป็นเพื่อน อ้อ...ไปอยู่เป็นแฟนละกัน”


“ขอบคุณครับ”


(มีต่อค่า)
หัวข้อ: Re: -Rewrite- ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันสุดท้าย×▪ ◣ P.7 28/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 23-12-2016 14:24:27
(ต่อนะคะ)



พอต้นว่านลงมา ทั้งครอบครัวก็ออกมาส่งกันที่หน้ารั้วบ้าน กระเป๋าเป้ใบเดียวที่อีกฝ่ายสะพายมาเหมือนกำลังจะไปออกค่ายที่ไหนสักแห่ง


ก็นะ...บ้านก็ใกล้แค่นี้ จะเดินมาเปลี่ยนยังได้เลย


“มองอะไรต้นว่าน” ผมถามเพราะรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมา


“ผมไปนอนบ้านพี่ได้จริงนะ”


“ไม่อยากไปเหรอ”


“ไม่ใช่ แค่...รู้สึกแปลกๆ”


“ยังไง”


“ก็ตอนที่ไปค้างบ้านพี่ครั้งล่าสุดเรายังไม่ได้...เป็นแฟนกัน แต่ตอนนี้...”


“ตอนนี้เราเป็นแฟนกัน” ผมต่อประโยคให้


“อืม”


“แล้ว?” ผมยังไม่เข้าใจเลยว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไร


“ผมไม่รู้ว่าถ้าอยู่กับพี่แล้วจะข่มอารมณ์ที่อยากฟัดพี่ได้รึเปล่า”


“ฟัด?”


“ผมไม่ได้คิดลามกอะไรนะ” คนข้างกายรีบอธิบายด้วยใบหน้าแดงๆ และทำให้คนที่ตอนแรกไม่ได้คิดอะไรอย่างผมหน้าแดงไปด้วยอีกคน


“รู้แล้วน่า”


พอได้ยินแบบนั้น ก็เกิดนึกขึ้นมาได้ว่าการที่พวกเราคบกันนั้นจะต้องมีสักวันที่เรา...


งื้ออ~ไม่เอาไม่คิด!


“แล้วพี่จะน่าแดงด้วยทำไม”


“ก็...ก็เราหน้าแดงก่อนนี่”


“ฮึๆ รู้สึกว่าผมจะประหม่ามากไปหน่อยแฮะ มื้อเย็นกินอะไรดีครับ” ต้นว่านเปลี่ยนเรื่อง


“ให้พี่ทำไหม” อยากให้ต้นว่านชมว่าผมทำอาหารอร่อย


“งั้นทำด้วยกันไหมล่ะครับ”


“เอาสิ”


ทำอาหารกับต้นว่าน...น่าสนุกจัง



เชื่อไหมว่าพอถึงบ้านผมก็รีบวิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลอง ก่อนจะออกมาช่วยกันคิดเมนูว่าจะทำอะไรดี และก็ได้ข้อสรุปที่เมนูอาหารไทยสามอย่าง ด้วยความที่ผมทำเป็นแต่อาหารต่างชาติเลยเป็นลูกมือต้นว่านซะส่วนใหญ่


“อื้ม รสใช้ได้...ต้นว่านคิดว่ารสนี้เป็นไง” ผมใช้ช้อนตักน้ำซุปต้มยำขึ้นมาเป่าเบาๆ ก่อนจะยื่นไปป้อนต้นว่านที่กำลังหั่นผักกาดขาวอยู่ด้านข้าง


“เอ่อ พี่...ผมชิมเองได้” ใบหน้าที่แดงขึ้นเล็กน้อยยิ่งทำให้ผมอยากแกล้งเข้าไปอีก


“ไม่อยากให้พี่ป้อนสินะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ


“ไม่ใช่ แต่ว่า...”


“งั้นชิมนะ...นะครับ”


“ขี้โกงนี่” อีกฝ่ายบ่นอุบอิบพร้อมชิมน้ำต้มยำที่ป้อน


“ต้นว่านน่ารัก” ผมบอกด้วยรอยยิ้ม


“พี่ใบไผ่ต่างหากที่น่ารัก” อีกฝ่ายสวนกลับ


“ไม่น่ารักสักหน่อย”


“น่ารักสิ...” พูดจบต้นว่านก็ขยับหน้าเข้ามาใกล้ก่อนจะฉวยโอกาสหอมแก้มผมอย่างรวดเร็ว


เมื่อโดนอีกฝ่ายหอมอย่างไม่ตั้งตัวก็ได้แต่ยืนเม้มปากหน้าแดงด้วยความเขินอาย


เล่นแบบนี้ก็แย่สิ!


“เห็นไหม น่ารักที่สุดเลย” เสียงกระซิบต่อมายิ่งทำให้หน้าผมเห่อแดงขึ้นไปอีก


“คนฉวยโอกาส”


“ครับๆ ทำอาหารต่อดีกว่า ก่อนที่ผมจะฟัดแก้มพี่อีกรอบ”


“หมายความว่าไง”


“พี่ไม่รู้ตัวเหรอว่าแก้มแดงๆ ของพี่มันเชิญชวนผมขนาดไหน” ต้นว่านบอกก่อนจะหันไปจัดการกับผักกาดขาวต่อ


ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนหัวใจมันกำลังจะเด้งออกมาจากอกเลย


ต้นว่านเล่นทำให้ผมเขินเอาๆ อยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ ...ขี้โกงนี่


อยากทำให้ต้นว่านอายบ้างจัง


ระหว่างที่คิดก็หันไปมองใบหน้าด้านข้างของอีกฝ่ายก่อนจะนึกขึ้นอะไรขึ้นได้ ในเมื่ออีกฝ่ายทำได้ ผมก็ทำได้เหมือนกัน


“ต้นว่าน”


“คะ...” ใบหน้าที่หันมาถูกผมจัดการปิดปากนั้นด้วยปากของตัวเองอย่างรวดเร็วก่อนจะผละออกแล้วขยับไปกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูคนรัก


“ใบหน้าแดงๆ ของต้นว่านก็เชิญชวนพี่เหมือนกัน ฮึๆ”


มื้อเย็นที่เต็มไปด้วยความเขินอายผ่านไปจนถึงช่วงกลางคืน พวกเราต่างแยกย้ายกันนอนตามห้องของตัวเอง ห้องของต้นว่านอยู่ชั่นล่างเหมือนกันแต่อยู่ถัดจากห้องผมไปหน่อย


ถึงจะบอกให้ไปนอนชั้นสอง แต่ต้นว่านก็ไม่ยอมอยู่ดี


ไม่รู้จะเกรงใจอะไรนักห้องที่นอนอยู่นั่นก็เล็กกว่าห้องนี้เกือบครึ่งได้


“จะว่าไปถ้าเป็นแฟนก็ควรนอนด้วยกันรึเปล่านะ?”


อยู่ๆ ก็นึกเรื่องนี้ขึ้นได้ ผ้าเช็ดตัวที่พันอยู่บนเอวถูกดึงออกพร้อมกับใส่ชุดนอนที่เตรียมไว้โดยในหัวก็ยังคิดเรื่องต้นว่านอยู่ตลอด หรือว่าผมควรจะให้ต้นว่านมานอนห้องนี้ดี ยังไงห้องนี้ก็ใหญ่อยู่แล้วแถมเตียงก็กว้างจะตาย นอนกันสองคนได้สบายๆ


“ไปก็ไปสิ”


ในที่สุดผมก็ตัดสินใจจะไปชวนต้นว่านมานอนด้วยกัน



ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“ต้นว่าน”


“ครับพี่” ประตูตรงหน้าเปิดออกพร้อมคนในห้องเดินออกมาในชุดนอนเป็นเสื้อสีเข้มกับกางเกงสามส่วนทำให้อีกฝ่ายดูดีจริงๆ


“มานอนด้วยกันไหม”


ดวงตาคมสีน้ำตาลเบิกกว้างขึ้นทันทีที่ได้ยินคำชวนนั้น


“ต้นว่าน?”


“เอ่อ พี่...” ใบหน้าแดงๆ ของต้นว่านบอกได้อย่างดีเลยว่าอีกฝ่ายแอบคิดลามกอยู่


“นี่คิดอะไรลามกอยู่สินะ” ผมแหย่คนตรงหน้า


“ฮะ?! เปล่านะพี่”


“หื้ม แต่พี่ว่าใช่นะ”


“ก็พี่เล่นมาพูดอะไรกำกวมนี่”


“สรุปว่าคิดลามกจริงๆ น่ะสิ”


“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะน่า”


“คิกๆ ได้ แต่ไหนๆ เราก็เป็นแฟนกันแล้ว มานอนห้องเดียวกันไหม ห้องนี้มันเล็กไปเดี๋ยวจะนอนไม่สบายเปล่าๆ”


“ผมไม่เป็นไร”


“แต่พี่เป็น ไปกันเถอะ”


เมื่อรู้ว่าจะถูกปฏิเสธผมก็ไม่รอช้า รีบคว้ามืออีกฝ่ายแล้วดึงไปยังห้องนอนของตัวเองทันที แม้จะมีขัดขืนบ้างแต่สุดท้ายต้นว่านก็ยอมเดินตามมาจนพวกเรานั่งอยู่บนเตียงสีฟ้าโทนสะอาดภายในห้องด้วยกันแล้ว


บรรยากาศเงียบออกแนวอึดอัดแผ่ออกมาจากต้นว่านที่ตอนนี้นั่งตัวแข็งพิงหัวเตียงอยู่


“ต้นว่าน”


“ครับพี่” ผมเห็นนะว่าอีกฝ่ายสะดุ้งนิดๆ ตอนถูกเรียกน่ะ


“เกร็งอะไรน่ะ” ผมถามพลางขยับเข้าใกล้


“อย่าเข้ามานะพี่” ต้นว่านบอกก่อนจะขยับถอยไปจนสุดเตียง


“ก็อย่าหนีพี่สิ หยุดนะต้นว่าน” เมื่อเห็นว่านอีกฝ่ายกำลังจะลุก ผมก็รีบคว้าเอวเอาไว้จนหน้าทิ่มเตียง


โชคดีที่ไม่เจ็บ


“พี่ใบไผ่ เจ็บไหมครับ”


ดูเหมือนต้นว่านจะคิดว่าผมเจ็บนะ ดีล่ะ...


“เจ็บ เจ็บจังเลย ทำไมต้องหนีพี่ด้วยล่ะ” ผมหน้ามุ่ยใส่


“ก็...นี่พี่ไม่รู้จริงๆ เหรอเนี่ย”


“ถ้ารู้แล้วจะถามทำไมล่ะ”


“พี่กำลังทำให้ผมหมดความอดทนนะ”


“หืมม์? ความอดทนอะ… อ๊ะ!” ยังไม่ทันพูดจบร่างของผมก็ถูกคนด้านข้างดันจนหงายหลังลงกับเตียงก่อนที่ต้นว่านจะขึ้นมาคร่อมไว้


“ทำตัวแบบนี้ อย่าหาว่าผมไม่เตือนนะ” เสียงทุ้มก้มลงมากระซิบ


“พี่ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”


“ทำสิ แค่ได้อยู่บ้านเดียวกับพี่ผมก็รู้สึกดีจะแย่แล้ว แต่พี่ยังให้ผมมานอนห้องเดียวกันอีก กลิ่นของพี่ที่ลอยอยู่เต็มห้องทำให้ผมอยากจะครอบครองพี่มากขึ้น”


“ต้นว่าน...”


“ไม่ต้องห่วง ผมยังไม่ทำอะไรหรอก รอให้พี่เตรียมตัวเตรียมใจก่อน” พูดจบก็ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้


“คะ...ใครจะยอมกัน?” ทำไมต้องเป็นผมที่อยู่ข้างล่างล่ะ


“พี่สู้ผมไม่ได้หรอก”


“ใครจะรู้ ไม่แน่พี่อาจเก่งกว่าก็ได้” ผมบ่นอุบอิบ


“งั้นมาลองกัน”


“ฮะ? ลองอะไร อุ๊บ...อื้ออ~”


ริมฝีปากร้อนๆ ของคนด้านบนประกบลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะลุกล้ำเข้ามาสร้างความรู้สึกแปลกๆ ให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สัมผัสอันร้อนรุ่มทำเอาผมแทบละลายได้เพราะเทคนิคที่ช่ำชองเหล่านั้น


ผมที่กำลังมัวเมาไปกับรสจูบนั้นทำได้แค่เอื้อมมือขึ้นไปโอบคออีกฝ่ายไว้หลวมๆ แล้วเงยหน้าขึ้นเพื่อรับสัมผัสนั้นให้มากขึ้นกว่านี้อีก


“อื้อออ~” เสียงครางดังขึ้นพร้อมกับความรู้สึกดีที่แล่นเข้ามาจนแทบสิ้นสติ


“ครางเสียงหวานแบบนี้จะรุกผมได้ยังไงกัน” น้ำเสียงเยาะเย้ยของต้นว่านดังขึ้นหลังจูบเสร็จ ผมจึงได้แต่เม้มปากแน่นด้วยความเขินอายที่ถูกอีกฝ่ายชักนำจนรู้สึกดีแบบนั้น


“ใบหน้าแดงๆ หลังจูบเสร็จก็น่ารัก”


“...อย่าพูด” ผมอายไปหมดแล้วเนี่ย


“พี่แกล้งผมมาเยอะ ผมขอแกล้งคืนบ้างนะครับ” พูดจบอีกฝ่ายก็ไล่จูบตั้งแต่หน้าผากลงมายังแก้มทั้งสองข้าง ก่อนจะเลื่อนลงมาที่คางและกลับมาจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากอีกครั้ง


“อื้ออ~ คนขี้แกล้ง” ผมได้แต่นอนหลับตาให้อีกฝ่ายแกล้งคืนจนพอใจ


“ก็พี่ชอบทำตัวน่ารัก แค่นี้ผมก็รักจะตายแล้ว”


“งั้นก็อย่ารัก...” ผมบอกเสียงสั่น


“พี่...”


“ถ้ารักแล้วจะตายก็อย่ารัก พี่อยากให้เราอยู่กับพี่นานๆ พี่จะรักเราเอง” ผมแทบไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกมา รู้เพียงว่าตอนนี้ผมมีความสุขเหลือเกินที่มีผู้ชายคนนี้อยู่ข้างกาย


“พี่ทำผมใจหายนะรู้ไหม”


“ไม่หายหรอก มันอยู่กับพี่เอง” เป็นอีกครั้งที่ผมหยอดคำหวานด้วยใบหน้าแดงๆ


“ใช่ มันอยู่กับพี่ และจะอยู่ตลอดไปด้วย”


“อืม...ขอบคุณที่รักกันนะ” ผมบอกพร้อมกับโอบคออีกฝ่ายไว้แน่นๆ


“ผมสิต้องขอบคุณ ขอบคุณที่รักผมครับพี่ใบไผ่”



ความรักนั้นเกิดขึ้นโดยไม่สนถึงฐานะ เพศ หรืออะไรก็ตาม มีเพียงแค่หัวใจเท่านั้นที่จะบอกได้ว่าใครที่เป็นคนที่เรารักอย่างสุดหัวใจ


สำหรับผมมันอาจเป็นโชคชะตาที่ได้ทำให้ได้เจอกับต้นว่าน


ต้นว่านทำลายความกลัวที่ผมมี...


ต้นว่านมอบความกล้าให้ผมได้ก้าวต่อ...


ต้นว่านบอกรักให้หัวใจผมนั้นเต้นรัว...


ต้นว่านเป็นเหมือนทุกๆ อย่างสำหรับผมในตอนนี้..


แค่คำว่ารักมันอาจไม่พอ แต่ก็เป็นคำคำเดียวที่สามารถสื่อความรู้สึกที่มีในตอนนี้ได้อย่างชัดเจนที่สุด


รัก...


รักต้นว่าน


“รักที่สุดเลย!”



..................................................จบบริบูรณ์............................................

-Rewrite- >> วันนี้จะเป็นการรีไรท์ครั้งสุดท้ายนะคะ อัพรีครบทุกตอนแล้วดีใจมากเลย หวังว่าการรีครั้งนี้จะทำให้การอ่านลื่นไหลขึ้นนะคะ

สวัสดีค่ะ

ในที่สุดเรื่องราวก็ได้นำเนินมาจนถึงตอนจบได้

กว่าจะแต่งตอนนี้จบก็ใช้เวลาอยู่นาน ไม่รู้จะให้จบยังไดี 55

สำหรับเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่แต่งให้ตัวละครหลักกลัวสุนัขซึ่งเราไม่ค่อยจะเข้าใจนัก(โดยส่วนตัวรักสุนัขมากมาย) ก็พยายามคิดว่าถ้ากลัวจะมีท่าทางยังไงนะ สนุกดีเหมือนกันค่ะ

แนวเรื่องสบายๆแบบนี้ทำให้ไม่รู้จะแต่งให้ดำเนินไปทางไหนดี

ไม่แน่ว่าเราอาจเหมาะกับพวกแนวแฟนตาซีมากกว่าก็เป็นได้

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังใจที่มีให้เสมอนะคะ

รู้สึกดีใจมากๆที่ได้แต่งนิยาย

เดี๋ยวจะมีส่งท้ายเล็กตามมาในอีกเร็ววันค่ะ อิอิ

บ๊ายบาย

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันสุดท้าย×▪ ◣ P.7 23/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 23-12-2016 15:12:24
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

  :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันสุดท้าย×▪ ◣ P.7 23/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 23-12-2016 15:29:53
 :-[.  มีความตัดฉากเข้าหัวเตียงนะคะพี่ต้นว่าน. ใบไผ่. อิอิอ

ขอบคุณมากค่ะ. น่ารักมากเลย
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันสุดท้าย×▪ ◣ P.7 23/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 23-12-2016 18:01:46
น่ารักที่สุดเลยยย
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันสุดท้าย×▪ ◣ P.7 23/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: b2friend ที่ 23-12-2016 19:26:51
จบแบบน่ารัก จนอยากแอบอยู่ข้างห้องด้วย :hao6:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันสุดท้าย×▪ ◣ P.7 23/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: Respire ที่ 23-12-2016 20:07:06
น่ารักมากๆ ผู้เขียนแต่งได้ดีทุกเรื่องเลยค่ะ ชอบสุดๆเลย
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันสุดท้าย×▪ ◣ P.7 23/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 23-12-2016 20:22:36
ครอบครัวต้นว่านชิลมาก ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันสุดท้าย×▪ ◣ P.7 23/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 23-12-2016 20:40:47
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:จบได้แบบน่ารัมากสมกับที่ตั้งใจอ่านมาเลยสนุกจริงๆๆแล้วจะรออ่านผลงานเขียนชิ้นอื่นต่อไปนะคร้าาาา :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันสุดท้าย×▪ ◣ P.7 23/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: zenesty ที่ 23-12-2016 21:00:18
กล้องโฟกัสที่เสาไฟฟ้าหน้าปากซอย   :-[  :-[  :-[
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันสุดท้าย×▪ ◣ P.7 23/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 23-12-2016 21:24:42
 :o8:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันสุดท้าย×▪ ◣ P.7 23/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 24-12-2016 01:24:46
 :impress3: จบแล้วเรอะ อยากอ่านต่อ อยากให้มีตอนพิเศษของครอบครัวมะนาวอ่ะ  :mew4: ชอบมาก ๆ เลยอ่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×วันสุดท้าย×▪ ◣ P.7 23/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 24-12-2016 11:40:43
จบน่ารักมากกกก
ดีงามสุดๆๆๆ
รอบทส่งท้ายค่าาา
รอเรื่องใหม่ด้วยย
หัวข้อ: Re: -Rewrite- ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×ส่งท้าย×▪ ◣ P.8 28/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 27-12-2016 20:23:19
พบรัก ▪×ส่งท้าย×▪




หลายเดือนผ่านไป


ตั้งแต่วันที่ต้นว่านย้ายเข้ามาอยู่ด้วย ทุกๆ วันก็เต็มไปด้วยสีสัน เมื่อก่อนพวกเราจะอยู่ด้วยกันช่วงเช้าถึงเย็นแต่ตอนนี้กลับอยู่ด้วยกันเกือบทั้งวัน ยกเว้นวันที่ผมให้อีกฝ่ายไปเข้าประชุมแทน


การทำงานของต้นว่านเป็นไปด้วยดีและมีพัฒนาการมากขึ้นเมื่อได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ทุกวันนี้ผมเลยชอบส่งต้นว่านไปช่วยงานของฝ่ายอื่นบ้างเพื่อให้มีประสบการณ์ในหลายๆ ด้าน แต่วันนี้เป็นวันที่พวกเราลาหยุด


ไม่สิ...ต้องบอกว่าผมถูกบังคับให้รับจดหมายลาพักร้อนทั้งๆ ที่ไม่ต้องก็ได้เพราะเหตุผลที่ต้นว่านต้องพักงานหนึ่งวันน่ะ คือ...


บรู๊ววว~


“ราตรีหยุดวิ่ง!” เสียงทุ้มของต้นว่านตะโกนขึ้นพร้อมกับวิ่งจับราตรีโดยที่ในมือมีสายจูงถืออยู่


วันนี้เป็นวันนัดฉีดวัคซีนที่คลินิกในตัวเมือง ผมก็บอกแล้วว่าจะจ้างหมอมาที่บ้านแต่ก็ถูกต้นว่านค้านหัวชนฝาเพราะเปลืองเงินมากกว่าพาไปที่ร้าน


แล้วตอนนี้เป็นไงล่ะ?


วิ่งไล่จับมาจะครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่ได้เลย


ความจริงก็เหลือแค่ราตรีตัวเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ได้ใส่สายจูง อย่างที่บอกไปว่าราตรีเป็นสุนัขที่ค่อนข้างไฮเปอร์และตื่นตัวมากเป็นพิเศษ การที่จะจับได้นั้นจำเป็นต้องใช้เวลานานกว่าตัวอื่นมาก อย่างต้นสนไม่จำเป็นต้องวิ่งไล่ขนาดนั้น แค่ผมนั่งลงที่โซฟาสุนัขขนสีดำขลับก็วิ่งมานอนแทบเท้าทำให้สามารถใส่สายจูงได้อย่างง่ายดาย พอๆ กับต้นโมกที่แค่เห็นต้นว่านก็วิ่งเข้าไปหาด้วยความดีใจ


“อย่าหนีนะ แฮ่ก...จับได้ล่ะ”


ความพยายามเกือบสามสิบนาทีในที่สุดก็สัมฤทธิ์ผลจนได้ แม้ท่าทางของต้นว่านจะดูเหนื่อยล้ามากก็ตาม


“ไหวไหมต้นว่าน พักหน่อยก็ได้นะ” ผมเดินเข้าไปหาพร้อมสายจูงอีกสองเส้นที่ถืออยู่ วันนี้จะพาไปแค่สามตัวคือต้นสน ราตรี และต้นโมก ส่วนตัวแม่อย่างมะนาวก็อยู่เฝ้าบ้าน


“ไม่เป็นไรครับ รีบจัดการให้เสร็จแล้วกลับมาพักดีกว่า”


“ได้”


พวกเราช่วยกันจูงสุนัขที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมากไปยังคลินิก โดยที่ผมจูงต้นสนเพียงตัวเดียวและให้ต้นว่านจูงสองตัว ระหว่างรอคิวก็มีสุนัขมากมายพยายามเข้ามาใกล้แต่เพราะถูกต้นสนขู่จึงทำให้ไม่มีใครนั่งใกล้ผมเลยสักคน


“ขอบคุณนะต้นสน” ผมบอกพร้อมกับลูบเส้นขนสีดำนั่นเบาๆ


ดูเหมือนต้นสนจะรู้ว่าผมกลัวสุนัขตัวอื่นเลยช่วยกันไว้


หลังจากที่สุนัขพันธุ์เชคโกสโลวัคเกี้ยน วูล์ฟด็อกทั้งสามตัวถูกฉีดวัคซีนครบทุกตัวพวกเราก็ตรงกลับบ้าน สุนัขทั้งสามตัวรีบวิ่งเข้าไปคลอเคลียผู้เป็นแม่ทันทีเมื่อเปิดประตู


“ทำไมหน้าบึ้งล่ะต้นว่าน” พอนั่งลงบนโซฟาตัวน้ำตาลกลางบ้านผมก็หันไปถามคนที่นั่งตามมาติดๆ


วันนี้ต้นว่านทำตัวแปลกๆ ตั้งแต่ตอนอยู่ที่คลินิกแล้ว


“เดี๋ยวนี้ไม่มีผมช่วยก็ไม่เป็นไรแล้วสินะ”


เสียงพึมพำเบาๆ นั่นทำให้ผมเลิกคิ้วขึ้น “พูดถึงเรื่องอะไร”


“ก็...ทุกครั้งที่เจอหมาตัวอื่นผมจะเป็นคนช่วยพี่ แต่พอมีต้นสนผมก็เหมือนถูกแย่งหน้าที่ไปเลย”


“คิกๆ ขอโทษๆ” ผมหลุดหัวเราะออกมานิดนึง ก่อนจะรีบเอ่ยคำขอโทษเพราะถูกสายตาคมๆ นั้นจ้องมา


ไม่คิดว่าจะงอนด้วยเรื่องแบบนี้เลยนะ


“ผมจริงจังนะ ทำไมเดี๋ยวนี้พี่สนิทกับต้นสนจังล่ะ”


“นี่เราหึงพี่กับต้นสน”


หึงผมกับสุนัขเนี่ยนะ


“...ก็มันน่าไหมล่ะ เดี๋ยวนี้พี่ทำอะไรก็มีต้นสนตามต้อยๆ ขนาดให้อาหารต้นสนยังต้องรอให้พี่มาให้เองเลย”


“เราเลยหึง?” ผมถามย้ำเพราะคำอธิบายนั่นไม่ได้ให้คำตอบที่ต้องการ


“ครับ ผมเหมือนเป็นคนบ้าเลยเนอะที่หึงพี่กับหมาแบบนี้น่ะ” อีกฝ่ายยอมรับเสียงอ่อย


“อืม บ้า...แต่ถึงบ้าพี่ก็รัก” พูดเสร็จก็กระโดดเข้าไปกอดอีกฝ่ายแน่นจนต้นว่านถึงกับหงายหลังนอนราบไปกับโซฟาโดยมีผมนอนทับอยู่ด้านบน


“พี่ใบไผ่...”


“ดีใจที่เราหึงพี่นะ” ผมกระซิบบอก


“แต่พี่ไม่เห็นหึงผมบ้างเลย” อีกฝ่ายตอบเสียงเบา


“จะให้พี่หึงเรากับต้นโมกเหรอ” ผมถามกลับพร้อมกับยกหัวขึ้นส่งยิ้มไปให้


“พี่จะกวนผมสินะ”


“เปล่านี่ ก็วันๆ เราเอาแต่อยู่กับพี่ มีแค่ไม่กี่ชั่วโมงที่แยกกัน แล้วพี่จะหึงต้นว่านทำไมล่ะ” ผมอธิบาย


พวกเราตัวติดกันเกือบตลอดทั้งวัน อาจมีบ้างที่แยกกันตอนที่ให้ต้นว่านไปประชุมอย่างที่บอกไปแล้ว


ในเมื่อรู้แบบนั้นจะหึงต้นว่านกับใครได้ล่ะจริงไหม


“ก็ใช่ แต่ผมก็อยากเห็นนี่ว่าพี่จะหึงผมยังไง”


“พี่ขี้หึงนะบอกเลย ถ้าเรากล้าไปคุยกับผู้หญิงคนอื่นโดยที่ไม่ใช่เรื่องงาน พี่จะลากเรามาทำโทษให้เข็ดเลย”


“ลงโทษ ...ยังไงครับ” ดูเหมือนต้นว่านจะสนใจว่าผมจะลงโทษแบบไหน


“ก็...จะจูบให้หนัก แล้วจะกอดทั้งวันไม่ให้ไปไหนเลย” นี่เป็นบทลงโทษเดียวที่คิดได้


“ฮึๆ นั่นไม่เรียกบทลงโทษหรอกนะพี่”


“ทำไมล่ะ?”


“ถ้านั่นเป็นบทโทษผมจะรีบวิ่งไปจีบผู้หญิงแถวบ้านเดี๋ยวนี้เลย พี่จะได้ลากผมไปจูบ” ต้นว่านพูดขึ้น แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความสนุกสนาน


“ห้ามไปนะ!” ถึงจะรู้ว่าต้นว่านพูดเล่นแต่ก็ไม่อยากให้เขาไปจีบผู้หญิงคนไหน ด้วยหน้าตาแบบนั้น ถ้าจะจีบใครสักคนจริงๆ ก็คงจะติดแน่ๆ


“ถ้าไม่ให้ไปก็ทำให้ผมคิดถึงแต่เรื่องของพี่เท่านั้นสิ” ฝ่ามืออุ่นเอื้อมขึ้นมาสัมผัสใบหน้าผมอย่างอ่อนโยน


“อยากให้ทำอะไรล่ะ”


“บทลงโทษนั่น ทำให้ผมดูหน่อยสิพี่ใบไผ่” คำพูดนั้นทำให้ใบหน้าที่ถูกสัมผัสอยู่เห่อแดงขึ้นทันที


“...อย่างอื่นไม่ได้เหรอ”


“ไม่ได้ครับ”


“...ก็ได้”


เมื่อไม่มีทางเลือกผมก็ขยับตัวขึ้นไปเล็กน้อยจนดวงตาของเราประสานกัน ไม่นานก็ก้มลงไปจูบคนด้านล่างเบาๆ ก่อนจะผละออก


“พี่ใบไผ่”


“อะไร...”


“นี่จูบหนักแล้วเหรอ ที่ทับตัวผมอยู่ยังหนักกว่าเลย” คำพูดนั่นทำให้ผมได้แต่เม้มปากด้วยความอาย


จะให้จูบแบบต้นว่านผมทำไม่ได้หรอก ไม่ได้เก่งขนาดนั้น ถึงจะโดดจูบบ่อยๆ ก็ตามที


“ก็พี่อายนี่”


“ผมไม่แกล้งแล้ว หยุดหน้าแดงก่อนที่พี่จะถูกผมจูบหนักๆ นะครับ”


“ใครจะหยุดได้กัน”


อย่าพูดเหมือนง่ายสิ


ให้หยุดหน้าแดงเนี่ยนะ? ยากกว่าบอกให้หน้าแดงอีก


“ไม่หยุดผมหอมแก้มนะ...” ยังไม่ทันจบประโยคต้นว่านก็ขยับหน้าขึ้นมาหอมแก้มทั้งสองข้างของผม


“...คนขี้แกล้ง” ทำไมชอบทำให้ผมอายนักนะ


“ที่แกล้งเพราะรักหรอก” รอยยิ้มถูกส่งมาพร้อมกับคำพูดหวานๆ


ผมเองก็รักต้นว่าน...


จะรักไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือในอนาคตก็ตาม...


จะรักแค่ต้นว่านคนเดียว...


“ก็รักต้นว่านเหมือนกันนั่นแหละ”

...........................................................................

-Rewrite->> ตอนสุดท้ายกันแล้วกับการรีไรท์ อีกไม่กี่วันเราจะมาอัพตอนพิเศษของเรื่องนี้ให้ได้อ่านกันนะคะ

ตอนส่งท้ายมาแล้วค่า

มาแบบน่ารักหวานๆส่งท้ายตอยสักเล็กน้อย

สำหรับเรื่องนี้ใช้เวลาแต่งไม่มากอย่างที่คิด

ความจริงช่วงกลางๆเรื่องก็คิดอยู่เลยว่าจะแต่งต่อไหวไหมนะ 555

เราเองก็เคยแต่งนิยายไม่จบมาก่อนเพราะเป็นพวกที่แต่งตามอารมณ์เลยค่อยข้างกังวลว่าจะจบไหม

พอมาถึงตอนนี้ได้รู้สึกปลื้มจริงๆนะคะ

อาจเพราะกำลังจากทุกๆคอมเม้นท์ก็ได้

เราจะปรับปรุงการแต่ง ภาษาและคำบรรยายให้มากกว่านี้เพื่อจะได้อ่านกันได้อย่างลื่นไหลมากขึ้น

หวังว่าทุกท่านจะติดตามผลงานอื่นๆของเราด้วยนะคะ

ไว้เจอในกันใหม่ในผลงานเรื่องหน้าและในตอนพิเศษของเรื่องค่า

ขอบคุณที่ติดตามและอยู่ด้วยกันเสมอค่ะ

บ๊ายบาย

 :mew1:

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×ส่งท้าย×▪ ◣ P.2 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-12-2016 21:12:39
 :L1:    ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×ส่งท้าย×▪ ◣ P.2 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 27-12-2016 21:20:24
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×ส่งท้าย×▪ ◣ P.2 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 27-12-2016 21:59:18
 :katai5:  :katai5:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×ส่งท้าย×▪ ◣ P.2 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-12-2016 22:03:52
หึงแม้กระทั่งหมา :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×ส่งท้าย×▪ ◣ P.2 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 27-12-2016 22:05:51
จบแล้วววจริงๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
ต้นว่านกับพี่ใบไผ่คือน่ารักมากกสุดๆๆเลยย
รอเรื่องหน้านะคะะ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×ส่งท้าย×▪ ◣ P.2 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 27-12-2016 22:37:59
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×ส่งท้าย×▪ ◣ P.2 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-12-2016 23:45:24
โอยยยย หึงแม้กระทั้งกับต้นสน
ไหวไหมต้นว่าน อิอิ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×ส่งท้าย×▪ ◣ P.2 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 28-12-2016 00:06:58
น่ารัก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×ส่งท้าย×▪ ◣ P.2 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 28-12-2016 07:26:54
น่ารักกกกกก
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×ส่งท้าย×▪ ◣ P.2 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 29-12-2016 17:49:25
จบแล้วว
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×ส่งท้าย×▪ ◣ P.2 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 30-12-2016 00:04:06
 :mew1: มีแต่รอยยิ้มอะ น่ารักอะ  o13
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×ส่งท้าย×▪ ◣ P.2 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 30-12-2016 11:22:55
ขอบตุณนะคะที่แต่งนิยายดีๆอบอุ่นใจมาให้กันอ่านนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×ส่งท้าย×▪ ◣ P.2 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 08-01-2017 13:37:46
เป็นนิยายฟิลกู้ดอีกเรื่องที่ให้ความอบอุ่นสำหรับคนที่ไม่เหลือใครในวันนึง ก็มีอีกคนเข้ามาช่วยเหลือด้านจิตใจ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จนเกิดความรักถึงไม่มี nc แต่ก็น่าอ่าน น่าติดตาม

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ ค่ะ รอผลงานเรื่องต่อไปนะคะ :pig4: o13
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×ส่งท้าย×▪ ◣ P.2 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 11-01-2017 13:33:46
สำลักความหวานแล้วค่า ยิ้มหน้าบานเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×ส่งท้าย×▪ ◣ P.2 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: Haruya ที่ 11-01-2017 21:14:47
ด้วยความที่เพิ่งตามมาจาก ไดโนเสาร์
ทำให้อ่านตอนแรก คิดว่า มะนาวเป็นนายเอก!!!!

5555 น่ารักดีค่ะ ตอนนี้ตามไล่อ่านอยู่นิยายของคุณอยู่ :-[
ไม่มีดราม่า อ่านแล้วดีต่อใจ
พี่ไผ่ กะ น้องว่านนน
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×ส่งท้าย×▪ ◣ P.2 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 11-01-2017 23:29:13
น่ารักจังงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×ส่งท้าย×▪ ◣ P.8 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 30-05-2017 11:55:03
ขอบคุณครับผู้แต่ง เรื่องน่ารักดีครับ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×ส่งท้าย×▪ ◣ P.8 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 31-05-2017 08:12:34
อ่าาา จบแล้วว

เราเริ่มอ่านด้วยความงง ๆ
และก็อ่านจบแบบงง ๆ

นี่ตูอ่านจบแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×ส่งท้าย×▪ ◣ P.8 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 31-05-2017 16:11:05
น่ารักดีค่ะ
ขอบคุณนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×ส่งท้าย×▪ ◣ P.8 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 31-05-2017 19:53:02
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×ส่งท้าย×▪ ◣ P.8 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 04-06-2017 10:28:41
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×ส่งท้าย×▪ ◣ P.8 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: tn ที่ 13-06-2017 16:13:40
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ปริมใจแม่จริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×ส่งท้าย×▪ ◣ P.8 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 15-06-2017 17:54:06


ว๊ายๆ

พ่อแม่เป็นใจ

เก็บของมาส่งให้เลย

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×ส่งท้าย×▪ ◣ P.8 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 19-06-2017 12:53:57
ชอบมากเลยค่า สนุกมากค่ะ เรื่องนี้ออกโรแมนติกละมุนจั๊กจี้หัวใจมากกกก ชอบว่านกับใบไผ่มากค่ะ ยิ่งเมะเด็กกว่ายิ่งชอบบบบ  :hao7: :ling1: :mew1: จะตามเรื่องต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Find Love ▪พบรัก▪ ◢ พบรัก ▪×ส่งท้าย×▪ ◣ P.8 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 18-01-2018 09:42:42
มาอ่านเป็นเรื่องที่2แล้ว
เป็นนิยายที่กู๊ดฟิลอีกแล้ว
ชอบมะนาวมากๆๆๆๆ
มีความน่ารักของน้องหมาชัดเจนมาก
เห็นผลงานเรื่องอื่นๆแล้วอยากอ่านเลย
ขอบคุณที่แต่งงานเขียนดีๆมาให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: -Rewrite- When we found love พบรัก ▪×พบรักพิเศษ×▪ P.9 5/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 05-06-2018 17:40:03
พบรัก ▪× พิเศษ ×▪ พิเศษส่งท้าย




“พี่ใบไผ่ตื่นเร็วจังครับ” เสียงแหบทุ้มเหมือนคนเพิ่งตื่นของต้นว่านดังออกมาจากประตูระเบียงด้านข้างพร้อมเจ้าตัวที่ก้าวลงมายังพื้นสนามด้านล่าง


ต้นโมกนำทีมวิ่งตรงเข้าไปหาต้นว่านพร้อมกระโจนใส่ด้วยความคิดถึงทั้งที่ไม่ได้เจอกันเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น


บรู๊ววว~


สุนัขสี่ตัวหอนใส่ต้นว่านพร้อมกระดิกหางไปมาด้วยความดีใจ วันนี้ผมตื่นค่อนข้างเช้าและไม่อยากนอนต่อแล้วจึงตัดสินใจลุกออกมาข้างนอก ช่วงเช้าอากาศค่อนข้างเย็นแต่ด้วยภูมิอากาศของประเทศไทยทำให้ผมรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องแอร์มากกว่า สำหรับพวกมะนาวแทบไม่ต้องพูดถึงเลย อากาศแค่นี้ไม่ระคายขนหรอก


“ไม่ค่อยง่วงน่ะ สงสัยเพราะเมื่อคืนนอนเร็วมั้ง” ผมตอบแล้วเบาน้ำที่กำลังรดต้นไม้นอกรั้ว


เมื่อคืนหลังจากอยู่ดูโทรทัศน์กับต้นว่านจนถึงประมาณ 4 ทุ่มพวกเราก็แยกย้ายกันเข้านอน


ฟังไม่ผิดหรอกครับ..ถึงพวกเราจะอยู่บ้านเดียวกันแต่ไม่ได้นอนด้วยกันทุกวัน


ถ้าถามถึงสาเหตุว่าทำไม ก็คงเพราะถ้านอนด้วยกันผมคงไม่ได้นอน เนื่องจากอะไรคงไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้กัน แต่ใช่ว่าจะไม่นอนเลย มีหลายวันที่พวกเรานอนด้วยกัน


“ผมช่วยรดน้ำ มาครับ” ต้นว่านพูดพร้อมเอื้อมมือมาคว้าสายยางที่ผมถืออยู่


“ไม่เป็นไร จะเสร็จแล้ว” ผมขยับสายยางหนีมืออีกฝ่ายที่หมายแย่งสายยาง


“พี่แย่งหน้าที่ผม”


“เปล่าสักหน่อย อีกอย่างนี่ไม่ใช่หน้าที่ต้นว่านสักหน่อย” อีกฝ่ายพูดเหมือนมีหน้าที่รดน้ำต้นไม้อย่างงั้นแหละ


“ผมมีหน้าที่ดูแลบ้านพี่นะครับ รดน้ำต้นไม้ก็เป็นหน้าที่ผมครับ” ต้นว่านยังไม่ยอมแพ้ สงสัยเขาจะพูดถึงในตอนแรกที่เจอกันซึ่งผมจ้างเขาให้ดูแลพวกมะนาวรวมไปถึงดูแลบ้านหลังนี้ด้วย


“นั่นเป็นเรื่องตั้งหลายปีแล้วนะ”


“ตอนนี้ผมก็ยังทำอยู่นี่ครับ”


“แต่พี่ไม่ได้ให้เงินเราแล้ว...” ผมกลืนคำพูดสุดท้ายลงคอไปเมื่อถูกดวงตาสีน้ำตาลคมๆ จ้องเขม็งมาอย่างไม่พอใจนัก


“ผมไม่ได้ทำเพราะต้องการเงินสักหน่อย”


“ขอโทษ ก็เราพูดว่าหน้าที่นี่นา ถ้าไม่ต้องการเงินก็อย่าพูดว่าหน้าที่สิ”


คำว่า ‘หน้าที่’ มันสื่อเหมือนว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง


ผมเริ่มเถียงต้นว่านเมื่อคิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เพราะคำพูดของอีกฝ่ายทำให้คิดแบบนั้น


“ก็มันเป็นสิ่งที่ผมทำเป็นประจำนี่” ต้นว่านพูดไม่ผิดหรอก ทุกวันนี้ผมได้ต้นว่านมาช่วยหลายเรื่อง ทั้งทำความสะอาดบ้าน อาบน้ำสุนัข รวมไปถึงทำอาหารและรดน้ำต้นไม้ด้วย


“ถ้ามันไม่ใช่หน้าที่ก็ไม่เห็นต้องพูดว่าแย่งเลยนี่ บ้านนี้เป็นบ้านของเรานะ”


“...พี่ใบไผ่” ผมสังเกตมาหลายครั้งแล้ว ดูเหมือนต้นว่านจะค่อนข้างอ่อนไหวกับคำว่า ‘เรา’ มากเป็นพิเศษ


“มาช่วยๆ กันดีกว่าเนอะ บางวันพี่ก็อยากมารดน้ำต้นไม้บ้าง” ผมไม่ค่อยจะได้รดต้นไม้นัก มีวันนี้แหละที่ผมนึกครึ้มอยากทำขึ้นมา


“ครับ งั้นวันนี้พี่อยากกินมื้อเช้าเป็นอะไรดีครับ ผมจะได้ทำให้”


“นั่นสินะ พี่อยากกินพวกข้าวต้มกุ๊ยจัง”


อยู่ๆ ก็คิดถึงเรื่องตอนวัยรุ่นที่แม่ทำข้าวต้มกุ๊ยให้กิน ข้าวต้มร้อนๆ กินคู่กับกับข้าวหลายๆ อย่าง


พอคิดละก็อยากกินจัง


“ข้าวต้มกุ๊ย? ได้นะครับ เมื่อวันก่อนผมซื้อผักบุ้งมา เดี๋ยวทำผัดผักบุ้ง ไข่เจียว กับต้มจืดดีไหมครับ”


“ดีนี่ พี่อยากกินต้มจืดลูกเงาะ”


“ผมไม่ใจว่ามีวุ้นเส้นอยู่ไหม เดี๋ยวไปดูก่อนนะครับ”


พออีกฝ่ายพูดจบก็รีบกลับไปในตัวบ้าน ผมเองก็รดน้ำต้นไม้เสร็จพอดีเลยเดินไปม้วนสายยางเก็บแล้วตามต้นว่านเข้าไปจนถึงห้องครัวโดยมีสุนัขทั้งสี่ตัวเดินตามมาเป็นพรวน


มีความรู้สึกเหมือนเป็นแม่ไก่ที่มีลูกเจี๊ยบเดินตามเลย


“มีไหมต้นว่าน” ผมชะโงกหน้าเข้าไปถามในห้องครัวเมื่อเห็นว่าต้นว่านกำลังเปิดตู้เพื่อหาวุ้นเส้น


“เหมือนจะไม่มีนะครับ เดี๋ยวผมออกไปซื้อก่อน...”


“เดี๋ยวพี่ออกไปซื้อให้ เราทำกับข้าวอย่างอื่นไปก่อนนะ” ผมพูดแทรกแล้วรีบหมุนตัววิ่งออกไปทางประตูทันทีโดยไม่ฟังเสียงค้านของต้นว่านเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมให้ผมเป็นคนไปซื้อง่ายๆ



บริเวณไม่ไกลจากบ้านมากนักมีร้านสะดวกซื้ออยู่ผมจึงไม่จำเป็นต้องขับรถยนต์ออกไป การเดินในช่วงเช้าๆ นี่ดีกว่าช่วงสายเยอะเนื่องจากไม่ได้มีแดดแรงถึงขนาดทำให้ผิวไหม้ ร้านสะดวกซื้อขนาดกลางนั่นเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงทำให้หมดกังวลเรื่องร้านยังไม่เปิด



ภายในร้านเปิดเครื่องปรับอากาศจนเย็นฉ่ำ ผมเดินไปยังโซนเครื่องครัวที่มีพวกเส้นๆ และเครื่องปรุง ก่อนจะเลือกหยิบวุ้นเส้นถุงใหญ่ขึ้นมาสองถุง


เอ...หรือผมควรซื้อไปเผื่อไว้ดีไหมนะ



ครืดดดด~ ครืดดดด~


แรงสั่นจากเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋าเรียกให้ผมหยิบขึ้นมามองชื่อ และกดรับทันที


“ต้นว่าน? โทรมามีอะไรรึเปล่า หรือว่าจะให้ซื้ออะไรเข้าไปอีก”


(พี่ใบไผ่! ต้นสนหายไป!) ต้นว่านตะโกนด้วยน้ำเสียงร้อนรน


“หายไป?! เกิดอะไรขึ้น” ผมรีบถามกลับด้วยความตกใจ


ต้นสนหายไป? หายได้ยังไง


(ผมเห็นประตูรั้วเปิดอยู่ พี่คงไม่ได้ใส่กลอน)


“แล้วตัวอื่นล่ะ”


(อีกสามตัวอยู่กับผมครับ คิดว่าต้นสนคงจะตามพี่ออกไป)


ตามผมออกมาเหรอ...


“เดี๋ยวพี่จะไปหาเอง”



เป็นความผิดของผมเองที่ไม่ยอมลงกลอนให้ดี ต้นสนเลยออกมาได้


เป็นเพราะผม...เพราะผมไม่ระวังและประมาทต้นสนเลยหายไป


ตอนนี้ผมไม่สนใจวุ้นเส้นที่ต้องซื้อแล้ว ผมรีบออกมาจากร้านสะดวกซื้อแล้วเตรียมกวาดตามมองไปรอบๆ แต่ในจังหวะนั้นจมูกชื้นๆ ก็มาสัมผัสบริเวณขา และเมื่อก้มลงไปมองก็พบกับสุนัขตัวใหญ่ขนสีดำสนิทที่ตามหาอยู่


“ต้นสน!” ผมก้มลงไปกอดต้นสนแน่นด้วยความดีใจที่เจอมัน


การที่ต้นสนมาอยู่นี่แปลว่าต้องเดินตามหลังผมมาตั้งแต่ที่บ้านจนถึงร้านสะดวกซื้อนี่แน่ๆ


ความวิตกกังวลและความตกใจเมื่อครู่ปลิวหายไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อเริ่มใจเย็นลงผมจึงโทรกลับไปบอกต้นว่านว่าเจอต้นสนแล้ว พอรู้ข่าวปลายสายจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก


หงิ๋ง~


ต้นสนเอียงคอเล็กน้อยหลังผมเลิกกอดแล้วเปลี่ยนมาลูบเส้นขนสีดำนั่นเบาๆ ราวกับจะถามว่ามีอะไร ...เหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้เลยว่าทำคนอื่นตกใจมากแค่ไหน


“ออกมาแบบนี้ไม่ได้รู้ไหม” ผมบ่นพลางหยิกบริเวณแก้มของต้นสนให้แรงขึ้นหน่อยแทนการลงโทษ


หงิ๋ง~


“ไม่ต้องมาเถียงนะ” ผมว่าตัวเองชักบ้าไปใหญ่แล้วที่มายืนทะเลาะกับสุนัขหน้าร้านสะดวกซื้อแบบนี้ โชคดีที่เวลานี้ไม่ดีมีคนมาเดินเยอะแต่ใช่ว่าจะไม่มีเลย มีหลายคนมองมาทางต้นสนที่นั่งแกว่งหางไปมาอยู่ข้างๆ


“รออยู่ก่อนได้ใช่ไหม เดี๋ยวจะเข้าไปซื้อวุ้นเส้นแป๊บนึง” ผมบอกต้นสนพร้อมลูบหัวมันเล่น เสียงครางต่อมาคล้ายจะสื่อว่า ‘ได้เลย’ ผมจึงรีบกลับเข้าไปซื้อวุ้นเส้นในร้านแล้วเดินกลับมาหาต้นสนที่ยังคงนั่งรออยู่ที่เดิม


ผู้คนที่เดินผ่านมีไม่น้อยที่พยายามจะเข้ามาใกล้ทว่าเสียงขู่เบาๆ รอดไรฟันนั่นนั่นทำเอาคนที่กำลังจะยื่นมือมาชักมือกลับแทบจะทันที


“ขอโทษด้วยครับ ...ต้นสนอย่าขู่” ผมก้มหัวขอโทษผู้หญิงคนนั้นก่อนจะหันไปบ่นต้นสนเสียงเบา


“ไม่เป็นค่ะ คงจะไม่คุ้นกับคนแปลกหน้า” เธอส่งยิ้มมาให้น้อยๆ แล้วเดินจากไป


จากนั้นผมจึงเดินกลับบ้านโดยมีต้นสนเดินขนาบข้างมาติดๆ เมื่อมาถึงบ้านพวกมะนาวที่อยู่ด้านในรั้วต่างก็ส่งเสียงหอนเรียกด้วยความเริงร่า แถมยังมีการกระโดดเกาะรั้วอีก สงสัยจะอิจฉาที่ต้นสนได้ออกมาตัวเดียวละมั้ง


“อย่าเบียดออกมาเชียวมะนาว” ผมต้องรีบพูดดักก่อนสุนัขตัวแม่จะมุดประตูออกมา ใช้เวลาไปไม่น้อยเลยกว่าจะให้ต้นสนกลับเข้าไปในบ้านได้เพราะตัวอื่นๆ พากันจะมุดออกประตูอยู่ตลอด


เมื่อเข้าไปในตัวบ้านได้ กลิ่นหอมๆ ของอาหารก็ลอยโชยมาจนถึงด้านประตูทางเข้า ในครัวมีต้นว่านที่กำลังผัดผักบุ้งอยู่ ด้านข้างมีหม้อต้มข้าวต้มกำลังเดือดปุดๆ


“ได้มาแล้วต้นว่าน” ผมวางถุงวุ้นเส้นบนเคาน์เตอร์


“ครับ ดีจังเลยที่ต้นสนไม่วิ่งไปไหน”


“นั่นสิ พี่ก็กังวลอยู่เหมือนกัน”



ถ้าหาไม่เจอผมคงต้องแจ้งตำรวจให้ช่วยตามหาแล้วล่ะ อ้อ... ให้พวกซันและเซนช่วยหาน่าจะดีไม่น้อยนะ


“คงอยากจะตามไปอารักขาพี่มั้ง” ต้นว่านพูดติดตลก


“คงงั้น” ผมส่งยิ้มไปให้ต้นสนที่นอนอยู่แถวโต๊ะ


“ผมชักหึงแบบจริงจังแล้วนะเนี่ย” ดวงตาสีน้ำตาลของต้นว่านเบนมาสบ


“คิกๆ พี่รักเท่ากันแหละน่า” ผมหลุดหัวเราะออกมาระหว่างเข้าไปกอดเอวต้นว่านจากด้านหลังหลวมๆ


“พี่ต้องพูดว่ารักผมมากว่าสิ” น้ำเสียงงอนๆ นั่นทำให้ผมหลุดยิ้มออกมาอีกรอบ


“ต้นว่านเป็นที่หนึ่งของพี่” ผมกอดอีกฝ่ายแน่นขึ้น


นี่ไม่ใช่คำพูดหวานๆ หรือคำหยอดแต่อย่างใด


สำหรับผมต้นว่านเป็นที่หนึ่งเสมอ


และจะเป็นตลอดไปด้วย


“...พี่เองก็เป็นที่หนึ่งของผมเหมือนกัน”


“มากกว่าราตรี?” ผมแกล้งแหย่อีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มขำๆ


“แล้วพี่ให้ผมมากกว่าต้นสนไหมล่ะครับ” ต้นหว่าพูดแหย่กลับมา


“คิกๆ...” สุดท้ายผมก็หลุดขำออกมาเมื่อพวกเราเริ่มอาการหนักอย่างยกตัวเองไปเปรียบเทียบกับพวกราตรี


“ถ้าผมไม่ได้ทำกับข้าวอยู่พี่โดนผมฟัดแน่” ต้นว่านหันไปผัดของในกระทะต่อ


“จริงเหรอ งั้นตอนนี้พี่ฟัดเราแทนก่อนดีไหม” พูดจบผมก็หอมแก้มต้นว่านแรงๆ


“พี่ใบไผ่”


สายตาของต้นว่านที่มองมาคล้ายจะบอกว่าพี่อย่าลองดีกับผม


“พี่มีความสุขมากๆ เลย ที่ได้อยู่กับต้นว่านและพวกมะนาวแบบนี้” ผมหลับตาลงแล้วซุกหน้าลงกับแผ่นหลังต้นว่าน


“อืม ผมก็เหมือนกัน”


ต่อให้ไม่ได้เห็นหน้าของต้นว่านผมก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มไม่ต่างกับผมในตอนนี้



วันเวลาที่ใช้ชีวิตกับต้นว่าน ผมเหมือนได้รับการเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายตั้งแต่พ่อและแม่จากไป ยิ่งมะนาวมีลูกออกมาถึงสามตัวก็มีทั้งความปวดหัว ความวุ่นวาย และความเริงร่าเข้ามาช่วยสร้างสีสันในชีวิตผมไม่ขาด และผมคิดว่าในแต่ละวันหลังจากนี้ ผมก็จะมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข เพราะผมมีพวกเขาอยู่เคียงข้างเสมอ


“เดี๋ยวพี่ช่วยให้อาหารพวกมะนาวนะ”


“ครับ รีบให้แล้วเรารีบกินมื้อเช้ากันเถอะ”


“วันนี้วันหยุดไม่เห็นต้องรีบนี่ หรือต้นว่านจะไปไหน”


“ไม่ไปไหนหรอกครับ ผมแค่อยากรีบฟัดพี่เร็วๆ เท่านั้นเอง”


“คนลามก!”

.............................................................

สวัสดีค่าา

ไม่ได้อัพเรื่องนี้มาตั้ง 2 ปี วันนี้มาอัพตอนพิเศษพร้อมแจ้งข่าวนะคะ

ตอนนี้เรื่อง พบรัก ได้มีการเปิดพรีอยู่ค่ะ

(https://www.img.in.th/images/f2c75895cc7683c8ebc1ac6442ffdf1c.jpg)

เปิดพรีถึงวันที่ 15 มิถุนายน 61 ค่ะ

หน้าปกสวยงามมากกก

ตอนพิเศษในเล่มมีทั้งหมด 5 ตอน + 1 ตอนที่ลงวันนี้ค่ะ

รับรองว่าอ่านตอนพิเศษกันอย่างจุใจแน่นอนค่ะเพราะว่าแต่ละตอนนั้นค่อนข้างยาวเลยทีเดียว

พิเศษเฉพาะรอบจองจะได้รับโปรสการ์ดเพิ่มและไดอารี่ Our Memories : วันดีๆ ของเราสองคน

นอกจากนี้ยังสามารถแลกซื้อสแตนดี้ในได้ราคา 130 บาทซึ่งบอกเลยว่าคุ้มมาก น่ารักขนาดนี้ใครจะอดใจไหววว

(https://www.img.in.th/images/9cdd413ee113316c6aaab41d1d4238be.jpg)

หากใครสนในสามารถเข้าไปจับจองกันได้นะคะ

อ่านลายละเอียดและสั่งจองได้ที่>> http://www.bookishhouse.com/

ขอฝากผลงานรวมเล่มไว้ด้วยนะคะ

ขอบคุณค่า

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
หัวข้อ: Re: -Rewrite- When we found love พบรัก ▪×พบรักพิเศษ×▪ P.9 5/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 06-06-2018 10:37:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: -Rewrite- When we found love พบรัก ▪×พบรักพิเศษ×▪ P.9 5/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-06-2018 14:15:05
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -Rewrite- When we found love พบรัก ▪×พบรักพิเศษ×▪ P.9 5/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 08-06-2018 14:39:22
เป็นเรื่องที่น่ารักจริงๆๆๆๆ 

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: -Rewrite- When we found love พบรัก ▪×พบรักพิเศษ×▪ P.9 5/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 12-07-2018 16:35:22
เป็นเรื่องที่น่ารักมากๆ  :give2:
หัวข้อ: Re: -Rewrite- When we found love พบรัก ▪×พบรักพิเศษ×▪ P.9 5/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Guy_BLove ที่ 18-07-2018 19:06:52
เป็นเรื่องที่น่ารักมากๆเลยค่ะ o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: -Rewrite- When we found love พบรัก ▪×พบรักพิเศษ×▪ P.9 5/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 24-09-2018 14:28:21
 o13
หัวข้อ: Re: -Rewrite- When we found love พบรัก ▪×พบรักพิเศษ×▪ P.9 5/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 28-09-2018 18:24:59
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -Rewrite- When we found love พบรัก ▪×พบรักพิเศษ×▪ P.9 5/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 28-09-2018 19:13:37
 o13
หัวข้อ: Re: -Rewrite- When we found love พบรัก ▪×พบรักพิเศษ×▪ P.9 5/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 31-10-2018 18:49:08
น่ารักมาก ๆ ครับ ต้นว่าน-พี่ใบไผ่



ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: -Rewrite- When we found love พบรัก ▪×พบรักพิเศษ×▪ P.9 5/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 17-05-2019 14:55:13
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -Rewrite- When we found love พบรัก ▪×พบรักพิเศษ×▪ P.9 5/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 02-07-2019 10:57:32
 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: -Rewrite- When we found love พบรัก ▪×พบรักพิเศษ×▪ P.9 5/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 03-07-2019 12:11:26
เป็นเรื่องที่น่ารักมากค่ะอ่านไปยิ้มไปตลอด
หัวข้อ: Re: -Rewrite- When we found love พบรัก ▪×พบรักพิเศษ×▪ P.9 5/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 11:37:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: -Rewrite- When we found love พบรัก ▪×พบรักพิเศษ×▪ P.9 5/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 12-01-2021 10:59:02
อ่านไปยิ้มไป เนื้อเรื่องน่ารักดีค่ะ ชอบครอบครัวน้องมะนาวน่ารักทุกตัว ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายดีๆนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: -Rewrite- When we found love พบรัก ▪×พบรักพิเศษ×▪ P.9 5/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 30-01-2022 18:54:02
น่ารักทั้งบ้านเลยครับ ชอบบบ
หัวข้อ: Re: -Rewrite- When we found love พบรัก ▪×พบรักพิเศษ×▪ P.9 5/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 01-02-2022 15:02:58
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: -Rewrite- When we found love พบรัก ▪×พบรักพิเศษ×▪ P.9 5/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 31-03-2022 19:58:50
 :pig4: