ตอนที่ 24
“เหม่ออะไรหืม”
ท่อนแขนแกร่งโอบกอดร่างเล็กเข้ามาแนบชิด ความเย็นชืดจากผิวกายบ่งบอกว่าอีกคนคงยืนดูดาวอยู่ข้างนอกมาซักพัก แรงทิ้งตัวจากคนข้างหน้าทำให้แพทริกกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น จมูกโด่งซุกซบอยู่กับลำคอบางหอมกรุ่นอย่างหลงใหล
“คิดถึงทุกคนครับ พอกลับไปแล้วรักใจหาย”
แม้บนใบหน้าหวานจะประดับด้วยรอยยิ้มบางหากแต่ความวูบไหวในอกกลับตีรวน ทั้งพร้อมกานต์และครอบครัวของแพทริกกลับไปแล้วทั้งหมด บ้านหลังใหญ่จึงกลับมาเงียบเหงาเสียจนอดคิดถึงความอบอุ่นเมื่อวันก่อนๆไม่ได้
“อีกเดี๋ยวพี่ชายนายก็กลับ ส่วนครอบครัวฉันว่างเมื่อไหร่ค่อยไปเยี่ยมดีไหม”
“งั้นไปเยี่ยมพ่อกับแม่รักด้วยนะครับ”
ยิ่งได้อยู่กับครอบครัวของแพทริกยิ่งพาให้คิดถึงครอบครัวตัวเอง กานต์รักคุยกับพ่อแม่ผ่านทางโทรศัพท์แทบทุกวันแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจเทียบกับการอยู่ด้วยกันได้ หากไม่มีอะไรผิดพลาดนอกจากพี่ชายแล้วผู้ให้กำเนิดทั้งสองก็จะกลับมาพร้อมกัน
กานต์รักแทบรอให้ถึงวันนั้นไม่ไหว
“แล้วแต่นายทุกอย่าง”
คำตอบนั้นทำให้คนฟังยิ้มกว้าง มือเล็กซึ่งวางทับอยู่บนท่อนแขนใหญ่ตบลงเบาๆเป็นจังหวะยามดวงตาโตเหม่อมองท้องฟ้าที่ประดับด้วยดาวพร่างพราว
ดวงดาวเล็กจ้อยยามเทียบกับความกว้างใหญ่ของผืนฟ้าทำให้เราได้เห็นถึงความพยายามในการเปล่งประกาย กานต์รักรู้สึกว่าต่อให้ในวันที่ฟ้ามืดหรือสว่าง แม้เราจะมองเห็นหรือไม่เห็นแต่ดวงดาวก็ยังคงทำหน้าที่นั้นอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ทุกครั้งที่มองจึงทำให้รู้สึกราวกับได้รับพลัง
“จะเข้าห้องหรือยัง ยืนตากลมนานๆเดี๋ยวจะไม่สบาย”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วง ตัวเองนั้นไม่เท่าไหร่กังวลก็แต่อีกคน ท่อนแขนใหญ่พยายามโอบกายบางให้แนบชิดเพื่อไม่ให้ลมเย็นยามค่ำคืนทำให้กานต์รักไม่สบาย
“รักแข็งแรงดี ไม่เป็นอะไรหรอกครับ”
“คนแข็งแรงทำไมโดนฉันรังแกรอบสองรอบก็หมดแรงแล้วล่ะ”
คำพูดนั้นทำให้คนฟังหน้าแดงซ่านในความมืด ร่างเล็กพลันแข็งทื่อยามนึกภาพตามจนต้องสะบัดหน้าน้อยๆ นึกค้อนคนตัวโตอยู่ในใจเพราะพูดอะไรน่าอายกลั่นแกล้งกัน
“รู้ด้วยหรือครับว่าตัวเองรังแกรัก”
กานต์รักคิดว่าร่างกายตัวเองแข็งแรงปกติไม่ได้อ่อนแอแต่อีกคนต่างหากที่แข็งแรงจนเกินไป หากเป็นเรื่องนั้นทำไปกี่รอบคุณแพทก็ดูท่าจะไม่เคยพอ แถมยังไม่มีอาการเหนื่อยหอบมีเพียงความกระปรี่กระเป่าสดชื่นไม่อ่อนแรงเหมือนเขาเลยสักนิด
“อืม...เรียกว่ารังแกไหม ก็เห็นพร้อมใจทุกครั้ง”
ฝ่ามือเล็กฟาดท่อนแขนใหญ่ซึ่งโอบรอบอยู่บนหน้าท้องเบาๆยามอีกฝ่ายพูดให้สะเทิ้นอาย เสียงเล็กหลุดอุทานเรียกชื่อคนรักพร้อมทั้งพยายามไม่สนใจใบหน้าคมที่แนบชิดอยู่ไม่ห่าง
“ไม่ยอมได้ด้วยหรือครับ” เอ่ยตอบเสียงแผ่วในลำคอ แม้จะรู้ว่าตัวเองไม่มีทางขัดใจคนตัวโตก็ตาม
“ได้ เพราะยังไงฉันก็มีวิธีทำให้นายยอมอยู่ดี” พูดไปพร้อมกับยกยิ้มเป็นต่อ
“คนเจ้าเล่ห์”
ปากเล็กยู่เข้าหากันให้กับประโยคนั้นจนคนมองอยู่ทนไม่ไหว กดริมฝีปากเข้ากับข้างแก้มนวลหนักๆด้วยความหมั่นเขี้ยวจนคนไม่ทันได้ตั้งตัวหลุดเสียงร้องอื้ออึง
“เจ้าเล่ห์แล้วรักไหม”
คนถูกถามด้วยประโยคหวานเลี่ยนเอียงใบหน้าหันมามองคนรัก สายตาคมที่ทอดมองอยู่ใกล้ชิดทำให้ดวงตาโตต้องเบือนหลบ พวงแก้มทั้งสองข้างสัมผัสได้ถึงความร้อนจางๆ แปลกใจไม่น้อยเมื่อร่างสูงเอ่ยพูดด้วยประโยคที่ไม่เข้ากับใบหน้าคมนั้นสักนิด
“คุณแพทก็รู้อยู่แล้วนี่ครับ”
“แต่ฉันอยากฟังอีก” เอ่ยพูดพร้อมทั้งแกล้งรัดท่อนแขนของตัวเองให้แน่นขึ้นจนคนหลบสายตายอมเบือนกลับมามองกันพร้อมทั้งร้องหงุงหงิงในลำคอ
“รักพูดบ่อยแล้ว คุณแพทพูดก่อนสิครับ” ถึงอย่างนั้นยังมีข้อต่อรอง กานต์รักเองก็อยากฟังคำนั้นไม่ต่างกัน
คำรักที่กว่าจะได้ยิน...
“ฉันรักนาย รักกานต์รัก”
อ้อมแขนแข็งแรงกอดกระชับพร้อมทั้งกระซิบข้างหูให้คนฟังใจเต้นแรง คำพูดหวานซึ้งที่ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็เขย่าใจดวงนี้ได้เสมอ มือบางค่อยๆสอดประสานเข้ากับมือใหญ่บนหน้าท้องพร้อมทั้งเกลี่ยหลังมือของอีกคนบางเบา
“รักก็รักคุณแพท...รักมากๆ” ไม่ใช่เพียงแค่กานต์รักที่ปลื้มใจยามได้ฟังคำนี้ แพทริกเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน
ยามนี้ใบหน้าคร้ามคมจึงระบายยิ้มกว้างกว่าครั้งไหน ลมหายใจหนักถูกสูดเข้าลึกเก็บเกี่ยวทุกความรู้สึกอุ่นๆในอก หลังจากทำงานหรือต่อสู้กับอะไรมาทั้งวันช่วงเวลาก่อนนอนสั้นๆเช่นนี้ราวกับเป็นช่วงเวลาแห่งการเติมพลัง รักษาความเหนื่อยล้าทั้งหมดด้วยสัมผัสและการกระทำแสนอ่อนหวาน
ร่างเล็กๆที่มีพลังเยียวยาอย่างยิ่งใหญ่
“เข้าห้องกันเถอะ”
“คุณแพท!” ประโยคข้างต้นนั้นพาให้คิดลึกจนคนที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับบรรยากาศหวานๆหลุดเสียงเรียกชื่อให้กับความหื่นของคนรัก
“คิดอะไรหืม ฉันแค่กลัวว่านายจะไม่สบาย”
เสียงหัวเราะดังขึ้นในลำคอแกร่ง ขยับใบหน้าเอียงมองอีกคนอย่างล้อเลียนจนคนคิดไกลหน้าแดงเรื่อไม่สบสายตา ก่อนร่างเล็กจะขยับตัวดิ้นหนีพร้อมทั้งตวัดสายตามองอย่างแง่งอน
“คนขี้แกล้ง”
ปากเล็กยู่ใส่ทิ้งท้ายก่อนจะวิ่งหนีดุ๊กดิ๊กเข้าไปในห้อง ทิ้งให้ร่างสูงได้แต่มองตามคนรักของตัวเองอย่างขบขัน เมื่อกานต์รักไม่อยู่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะอยู่ต่อ ขาเรียวยาวภายใต้กางเกงวอร์มจึงสาวเท้าตามพร้อมทั้งจัดการปิดประตูระเบียงให้เรียบร้อย
ยามกานต์รักกลับมาจากห้องน้ำทั้งห้องก็เหลือเพียงแสงสว่างจากหัวเตียง ขณะที่แพทริกนั้นกำลังนั่งเช็คว่าไม่มีอะไรด่วนจากโทรศัพท์มือถือ ร่างเล็กจึงเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะขยับขึ้นเตียงอีกฝั่ง เมื่อเสร็จเรียบร้อยมือหนาก็วางเครื่องมือสื่อสารลง สอดกายเข้าใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันแล้วเอนกายนอน อีกคนก็รู้หน้าที่ ขยับซุกตัวเข้าหาในตำแหน่งประจำก่อนท่อนแขนแกร่งจะโอบกระชับรอบกายบาง
“พรุ่งนี้ไปทานข้าวเย็นนอกบ้านกัน” ทั้งอยากเปลี่ยนบรรยากาศและไม่อยากให้คนรักต้องจมปรักอยู่กับความรู้สึกคิดถึง
“ก็ดีเหมือนกันครับ อยู่บ้านก็คิดถึงทุกคน”
อาหารค่ำเป็นมื้อที่ทุกคนได้รวมตัว บนโต๊ะอาหารกว้างจึงมักประกอบไปด้วยบทสนทนา รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะอันอบอุ่น หากต้องทานข้าวกันเพียงสองคนคงทำให้อดวูบไหวนึกถึงช่วงเวลาของเมื่อวันวานไม่ได้
แพทริกเข้าใจความรู้สึกของคนรักดี ฝ่ามือใหญ่จึงลูบไล้ไหล่มนอย่างอ่อนโยนราวกับกำลังปลอบประโลม กานต์รักถอนหายใจแผ่วก่อนจะขยับซุกซบเข้าหาอกกว้าง ปิดเปลือกตาลงตัดความรู้สึกคะนึงหาด้วยห้วงนิทรา
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
สถานที่สำหรับดินเนอร์นั้นคือร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าใจกลางกรุง กานต์รักเป็นฝ่ายร้องขอเพราะเจ้าตัวบอกว่ามีของที่ต้องการซื้อแพทริกจึงไม่นึกขัด และตอนนี้ร่างเล็กก็กำลังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดเปิดดูเมนูอาหารญี่ปุ่นที่ตัวเองนึกอยากอย่างเลือกไม่ถูก
“ถ้าเลือกยากนักก็เอามันมาทั้งหมดนั่นแหละ” แพทริกเสนอเมื่อเห็นว่าอีกคนยังตัดสินใจไม่ได้เสียที
“ฮื่อ สิ้นเปลืองเปล่าๆครับ” เอ่ยตอบทั้งที่สายตายังคงจับจ้องบรรดาภาพอาหารในมือ ท่าทางที่ทำให้ใบหน้าคมส่ายน้อยๆพร้อมทั้งยกยิ้มกับความเป็นกานต์รักก่อนจะนั่งรอย่างใจเย็น
“อืมมม งั้นเอา...”
เวลาผ่านไปอีกชั่วครู่ดูเหมือนว่าร่างเล็กจะตัดสินใจได้สักที กานต์รักใช้นิ้วมือจิ้มสั่งแทนการพูดเพราะชื่อเมนูนั้นยาวแสนยาว กระทั่งเมื่อเรียบร้อยจึงยื่นเมนูส่งคืนให้กับพนักงาน พร้อมทั้งส่งรอยยิ้มขอโทษที่ปล่อยให้อีกฝ่ายต้องรอปิดท้ายจนคนได้รับตาพร่า
ทว่าสายตาเข้มดุที่มองมาก็ทำให้ได้สติรีบโค้งกายก่อนจะเดินออกมา
“ทำไมต้องยิ้มให้หมอนั่นขนาดนั้น” เสียงทุ้มเอ่ยติดหงุดหงิด ใบหน้าก็พลันเรียบตึง คิ้วเข้มขมวดเป็นปมน้อยๆให้คนที่ไม่รู้ตัวมองมาตาปริบ
“ใครนะครับ”
“พนักงานเมื่อกี้ ทำไมนายต้องยิ้มให้ขนาดนั้น มันมองจนตาเยิ้มไม่เห็นหรือไง”
คำตอบนั้นทำให้คนฟังนิ่งงันไปชั่วครู่ก่อนต่อมาเมื่อสมองประมวลผลก็ไม่อาจกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ได้ ดวงตาโตมองสบคนรักซึ่งนั่งหน้าตูมบอกบุญไม่รับ ไม่เคยคิดเลยว่านักธุรกิจที่น่าเกรงขามจะมานั่ง
งอนกับอะไรแบบนี้
“รักก็แค่ยิ้มให้ตามมารยาท ไม่มีอะไรสักหน่อยครับ”
“มารยาทก็ไม่ต้อง”
ความหึงหวงแบบเด็กน้อยนั้นเกิดขึ้นโดยที่แพทริกไม่อาจห้าม เพราะเป็นกานต์รักเพียงแค่รอยยิ้มก็เกิดความรู้สึกหวงแหน อาจจะดูน่าขบขันในสายตาหากแต่เขายอมให้คนอื่นมองอย่างนั้นถ้าต้องแลกกับการเก็บรอยยิ้มนี้เอาไว้ดูเพียงผู้เดียว
“แค่เห็นคุณแพททุกคนก็เกร็งแล้ว ขืนรักไม่ยิ้มคงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เราแน่เลย”
“ไม่กล้าเข้าใกล้สิดี”
ใบหน้าเล็กได้แต่ส่ายน้อยๆขณะที่ระบายรอยยิ้มบาง มือนิ่มเลื่อนไปวางทับบนหลังมือใหญ่ก่อนจะกอบกุมเอาไว้อย่างไร้คำเอื้อนเอ่ย เพียงแค่นั้นดวงตาคมก็อ่อนแสงลง ยิ่งยามนิ้วมือเล็กลากไล้บนหลังมือเขียนเป็นคำความขุ่นเคืองก็หายลับ
เมื่ออีกคนเขียนจบแพทริกจึงเป็นฝ่ายพลิกฝ่ามือขึ้นทาบทับก่อนจะใช้ปลายนิ้วแกร่งลากเขียนเป็นคำตอบจนกานต์รักหลุดหัวเราะเสียงใสยามรู้ว่าคนตัวโตเขียนอะไร
สรุปแล้วระหว่างรออาหารคนทั้งสองจึงพูดคุยกันผ่านการใช้นิ้วเขียนบนหลังมือ ใบหน้าหวานแย้มยิ้มกว้างไปตลอดขณะที่มุมปากได้รูปของอีกคนก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารค่ะ”
กระทั่งเมื่อพนักงานคนใหม่เดินมาเสิร์ฟอาหารการกระทำนั้นจึงหยุดลง มือเล็กผละออกก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมาในท่าเตรียมพร้อม ดวงตาโตทอประกาย ลืมเลือนทุกสิ่งอย่างไปทันที
หลังจากทานอาหารจนเรียบร้อยกานต์รักก็เอ่ยว่าอยากจะซื้อของ ร่างสูงเคียงข้างร่างบางพร้อมทั้งกุมมือกันไม่ห่างจึงเป็นภาพที่หลายคนได้เห็นยามเดินผ่าน เมื่อมาถึงร้านที่ต้องการคิ้วเข้มก็เลิกขึ้นพลางกวดตามองจนทั่ว
ผลิตภัณฑ์บำรุงหน้า?
“สวัสดีค่ะ สนใจผลิตภัณฑ์แบบไหนเป็นพิเศษคะ”
กานต์รักยิ้มรับให้กับพนักงาน ด้วยเพราะช่วงนี้รู้สึกว่าอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยทำให้ใบหน้าแห้งกร้านจึงอยากได้ครีมบำรุงสักหน่อย แม้ปกติจะไม่ได้ใส่ใจมากนักแต่เพราะคราวนี้มันเริ่มแสบหน้าจึงไม่อาจปล่อยเอาไว้ได้
“อ่า อยากได้เป็นพวกบำรุงหน้าครับ”
“งั้นเชิญทางนี้เลยค่ะ” อีกฝ่ายเดินนำเข้าไปก่อนขณะที่กานต์รักหันมามองคนข้างตัว เรือนร่างสูงใหญ่พร้อมด้วยใบหน้าน่าเกรงขามดูไม่เข้ากับสถานที่นี้จนต้องหลุดยิ้ม
“คุณแพทรออยู่ตรงนี้นะครับ รักไปแป๊บเดียว”
ด้วยเพราะไม่อยากให้ต้องเดินลึกเข้าไปซึ่งมีคนวุ่นวายจึงหันมาเอ่ยบอก ร่างสูงตั้งท่าว่าจะปฏิเสธเพราะไม่อยากปล่อยคนรักให้ห่างตัวเป็นอันต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ชื่อบนหน้าจอคือนักธุรกิจใหญ่ซึ่งกำลังทำงานร่วมกันจึงไม่อาจปล่อยผ่าน
“ฉันจะออกไปคุยงานข้างนอก เดี๋ยวมา” ใบหน้าหวานพยักรับก่อนจะปล่อยมือออกจากกันให้คนตัวโตได้เดินออกไปหามุมคุยโทรศัพท์ ก่อนร่างเล็กจะหมุนตัวจะเดินตามพนักงานเข้าไปเพื่อดูของที่ต้องการ
กานต์รักยืนนิ่งขณะฟังพนักงานบรรยายถึงคุณสมบัติของครีมบำรุงต่างๆ เมื่ออีกฝ่ายพูดจบจึงค่อยๆดูและอ่านไปทีละตัว ที่เลือกมาซื้อที่นี่เพราะเคยเห็นมาในอินเทอร์เน็ตว่าเหมาะสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย ก่อนหน้านั้นไม่ค่อยได้ใช้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันจึงลองมาดูด้วยตัวเอง
พนักงานเดินไปอีกทางเพราะต้องดูแลลูกค้าคนอื่นและมันทำให้สบายใจกว่าเมื่อได้มีเวลาอ่านแต่ละอันไปอย่างไม่รีบเร่ง จนเมื่อตัดสินใจได้จึงส่งสายตาไปยังคนที่ว่างและพนักงานอีกคนก็เดินเข้ามาหาทันที
“เอาอันนี้ครับ”
“ได้ค่ะ...เหลืออยู่ขวดสุดท้ายพอดีเลย” พนักงานหันมาเอ่ยพูดก่อนกานต์รักจะยิ้มบางๆให้กับความโชคดีของตัวเอง
หมับ
“ฉันจะเอาขวดนี้”
ของในมือพนักงานถูกฉกออกไปโดยหญิงสาวคนหนึ่งที่เพิ่งเดินเข้ามา จนคนทั้งสองซึ่งไม่ทันได้ตั้งตัวมองตามด้วยความงุนงง ร่างบางระหงในชุดเดรสเข้ารูปพร้อมด้วยกระเป๋าแบรนด์เนมและรองเท้าส้นสูงราคาแพง ใบหน้าสวยเฉี่ยวนั้นราวกับเคยเห็นที่ไหนแต่กานต์รักก็นึกไม่ออก
“แต่ลูกค้าคนนี้มาก่อนนะคะ” พนักงานหันมามองด้วยสายตาลำบากใจ
“แต่ฉันจะเอา”
“เอ่อ ยังไงก็ไม่ได้ค่ะ คุณผู้หญิงมาทีหลัง”
“นี่! อยากถูกไล่ออกหรือยังไง ไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นใคร ถ้าฉันจะเอายังไงก็ต้องได้”
กานต์รักยืนนิ่งมองคนตรงหน้าขณะที่ลูกค้าคนอื่นๆเริ่มหันมาสนใจ ด้วยเพราะไม่อยากให้ทุกคนต้องลำบากใจและพนักงานต้องเดือดร้อนจึงขยับปากเพื่อที่จะเอ่ยบอกว่าไม่เป็นไร เพราะดูท่าแล้วอีกฝ่ายคงจะอยากได้มาก
“มีเรื่องอะไร”
ทว่าเสียงนิ่งเรียบที่ดังขึ้นก็ฉุดรั้งความสนใจจากคนทั้งหมดไปรวมถึงตัวกานต์รักเอง ดวงตาโตเบือนไปทางคนรักซึ่งเดินเข้ามาหาก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ
“ไม่มีอะไรครับ”
แพทริกเดินมาหยุดอยู่ข้างๆร่างเล็กก่อนจะกวาดสายตามองพนักงานและหญิงสาวตรงหน้า ความเยือกเย็นถูกแผ่ออกมาจนคนมองรู้สึกได้ถึงไรขนที่ลุกเกรียว ต่างจากหญิงสาวที่มองมาอย่างชื่นชมและทอดสายตาส่งให้
“แล้วเลือกได้หรือยัง” ร่างสูงหันมาเอ่ยถามอย่างไม่ได้นึกสนใจคนอื่นเลยสักนิด
“คือ...อันที่รักอยากได้มันหมดครับ เอาไว้วันหลังเดี๋ยวค่อยมาดูอีกที”
“อยากได้อันไหน”
คำถามนั้นทำให้กานต์รักนิ่งเงียบ ริมฝีปากบางถูกขบเข้าหากันอย่างไม่กล้าตอบ อะไรบางอย่างในสายตาคู่นั้นมันบ่งบอกว่าแพทริกกำลังจะทำอะไร
“คุณคนนี้เขาอยากได้อันนี้แต่ฉันมาก่อน”
เสียงแหลมเล็กจากหญิงสาวที่แทรกขึ้นทำให้ทั้งแพทริกและกานต์รักหันไปมอง สายตากึ่งยั่วเย้าถูกส่งมาให้ทว่าดวงตาคมกลับทำเพียงแค่เลื่อนมองกล่องอะไรบางอย่างซึ่งอยู่ในมือของอีกฝ่าย
“งั้นเหรอ?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นพร้อมทั้งเอ่ยตอบ “นายอยากได้อันนี้ใช่ไหม”
อีกคนหันมาถามพร้อมด้วยสายตาที่มองมาอย่างคาดคั้น ร่างบางได้แต่กลั้นหายใจก่อนใบหน้าเล็กจะกดลงอย่างจำยอม
พรึบ
“ถ้าเมียฉันอยากได้...ก็ต้องได้เหมือนกัน” กระปุกในมือของหญิงสาวถูกดึงออกมาโดยที่ไม่มีใครคาดคิด ดวงตาโตเบิกขึ้นเพราะการกระทำนั้นของคนรักก่อนร่างเล็กจะรีบขยับตัวเข้าหา
“นี่คุณ ฉันมาก่อนนะ! และฉันต้องได้ รู้หรือเปล่าว่าพ่อแม่ฉันเป็นใคร”
ประโยคฆ่าตัวตายนั้นทำให้มือบางรีบสอดเข้ารั้งฝ่ามือใหญ่ด้วยเพราะกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น สายตาทุกคู่จับจ้องมองมาทั้งหมด กานต์รักไม่อยากให้เกิดเรื่องเพราะกลัวว่ามันจะกระทบกับชื่อเสียงของแพทริก
“ผมไม่รู้ว่าพ่อแม่คุณเป็นใคร แต่รู้ว่าพวกเขาคงไม่มีเวลามากพอที่จะสั่งสอนลูกแบบคุณ”
ประโยคที่ราวกับโดนตบหน้าทำให้หญิงสาวหน้าแดงก่ำอย่างกรุ่นโกรธ แม้ทีแรกผู้ชายตรงหน้าจะโดนใจแค่ไหนหากแต่ตอนนี้วาจาร้ายกาจนั้นทำให้เธอไม่จำเป็นต้องไว้หน้า
“แล้วพ่อแม่คุณล่ะเป็นยังไงถึงได้ปล่อยให้ลูกชายเป็นพวกผิดเพศแบบนี้!”
กานต์รักไม่ได้รู้สึกโกรธหรือโมโหกับประโยคนั้นแต่กลับนึกกลัวแทนผู้หญิงตรงหน้าเสียมากกว่า กรามแกร่งถูกบดเข้าหากันจนเกิดเสียง ท่าทางที่บ่งบอกว่าร่างสูงกำลังโมโหมากแค่ไหน และแม้มือบางจะพยายามยกขึ้นมาไล้ท่อนแขนแกร่งอย่างปลอบประโลมก็ดูเหมือนว่าจะไม่ช่วยอะไร
“ก็เพราะว่าผู้หญิงอย่างคุณมันมีนิสัยและความคิดที่น่ารังเกียจแบบนี้ไงผมถึงไม่สนใจ”
“กรี๊ดดดดดดด”
“อยากได้อะไรก็ต้องได้อย่างนั้นเหรอ? ฉันจะซื้อครีมกระปุกนี้เพราะเมียฉันอยากได้ และจะเหมาทั้งหมดร้านนี้ไม่ให้ผู้หญิงคนนี้ซื้อแม้แต่อย่างเดียว!”
กานต์รักหลุดเรียกชื่อคนรักเสียงหลงก่อนจะถูกฝ่ามือใหญ่ออกแรงรั้งให้ต้องก้าวตาม แพทริกไม่อาจทนอยู่ที่นี่ต่อเพราะกลัวว่าจะเผลอทำอะไรรุนแรงลงไป
“จัดการให้เรียบร้อย แล้วไปสืบประวัติผู้หญิงคนนั้นมา”
ร่างสูงเอ่ยสั่งคนสนิทซึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก่อนจะก้าวออกจากร้านโดยไม่สนใจเสียงโวยวายและความโกลาหลทางด้านหลัง ขณะที่กานต์รักได้แต่เดินตามเร็วๆพร้อมทั้งก้มหน้ามองพื้นอย่างรู้สึกผิด
คุณแพทเลยต้องมาหงุดหงิดกับแค่เรื่องครีมที่เขาเป็นคนอยากได้
“คุณแพทครับ”
กระทั่งจังหวะการก้าวเดินของขายาวผ่อนลงร่างเล็กจึงลองเอ่ยเรียก และแพทริกยอมหยุดนิ่งเมื่อมาถึงตรงที่ไม่มีคนพลุกพล่าน ลมหายใจแห่งอารมณ์ถูกสูดเข้าลึกอย่างพยายามควบคุมก่อนจะหมุนตัวกลับมา
“ตกใจหรือเปล่า”
สุ้มเสียงที่เอ่ยถามอย่างอ่อนลงทำให้คนที่นึกเป็นกังวลกับเรื่องเมื่อครู่เงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าคมไม่หลงเหลือความน่ากลัวเช่นก่อนหน้าหากแต่ดวงตากลับมีไฟแห่งอารมณ์เจืออยู่จางๆ คำถามนั้นทำให้กานต์รักส่ายหน้าปฏิเสธ
“รักขอโทษนะครับที่เป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่อง”
“ไม่ใช่นาย แต่เป็นผู้หญิงคนนั้น”
เหตุการณ์ทั้งหมดตกอยู่ในสายตามาตั้งแต่ต้นและแพทริกรู้ดีว่าคนรักจะต้องยอมเสียสละในขณะที่เขาไม่มีทางยอม ยิ่งกับคนไม่มีมารยาทและมีนิสัยอย่างนั้นยิ่งควรได้รับการสั่งสอน ไม่ควรปล่อยผ่านให้คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่อยู่เพียงคนเดียว
“ถ้าเธออยากได้ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”
“ก็เพราะนายเป็นอย่างนี้ฉันถึงไม่ยอม”
การยอมของกานต์รักแล้วสำหรับคนอื่นอาจมองว่าไม่กล้าสู้เพราะสู้ไม่ได้ แต่แพทริกรู้ว่าคนรักแค่ไม่อยากมีเรื่องและมองไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องเอาใจไปวุ่นวายกับสิ่งเหล่านั้น แต่ผู้หญิงคนนั้นทำให้ไม่อาจปล่อยผ่านให้เข้าใจว่าร่างเล็กยอมไปได้
“คุณแพทเลยต้องมาวุ่นวายไปด้วย อย่าไปเก็บมาใส่ใจเลยนะครับ คนที่คิดไม่ดีชีวิตเขาก็จะไม่ดีเอง ถ้าเราเอาใจไปผูกติดคิดเรื่องของเขาเราเองก็จะไม่มีความสุขไปด้วย”
เรียกได้ว่ากานต์รักไม่ได้ถือสาผู้หญิงคนนั้นเพราะอีกฝ่ายไม่ได้สำคัญมากพอที่จะต้องเก็บมาคิด แม้คำว่าผิดเพศจะทำให้ใจดวงน้อยวูบไหวไปบ้างแต่ก็พยายามคิดในทางที่ดีและมองว่าจิตใจของเธอต่างหากที่ผิดปกติกว่า
“ไม่คุ้มกันเลยเห็นไหมครับ ต้องเสียเงินไปเท่าไหร่เพราะครีมกระปุกเดียว”
พูดไปแล้วก็อดระบายยิ้มออกมาอย่างขบขันไม่ได้ มือบางเอื้อมไปหยิบครีมกล่องนั้นจากมือใหญ่ที่บุบบี้ไปเพราะแรงบีบอย่างนึกตลก อีกคนก็ถือติดมือออกจากร้านทั้งอย่างนั้นมาตลอดทาง
“ไม่ว่าจะเป็นอะไรฉันก็ไม่ยอมทั้งนั้น”
แม้รอยยิ้มจากคนตรงหน้าจะทำให้ไฟโทสะในอกลดลงจนแทบไม่เหลือกหากแต่เมื่อพูดถึงแล้วแพทริกก็รู้สึกว่าต่อให้เป็นแค่ลูกอมเม็ดเดียวเขาก็ไม่ยอม ผู้หญิงคนนั้นต้องได้รับบทเรียน
“คิดไปใจเราก็ร้อนเปล่าๆ เลิกคิดนะครับ” คนตัวโตสบตามองกันนิ่งก่อนจะถอดถอนลมหายใจแล้วพยักหน้ารับอย่างจำยอม
“งั้นเรากลับกันเลยดีไหมครับ คุณแพททำงานมาเหนื่อยๆกลับบ้านไปว่ายน้ำผ่อนคลายกันสักหน่อยดีกว่า”
การว่ายน้ำเป็นกิจกรรมที่แพทริกชอบ กานต์รักไม่เคยลงสระกับอีกฝ่ายอย่างมากก็ทำเพียงแค่นั่งอยู่ขอบสระมองดูคนตัวโต คราวนี้เมื่อเจอเรื่องวุ่นวายจึงคิดว่าการว่ายน้ำคงทำให้รู้สึกดีขึ้นได้
ประโยคที่ทำให้ดวงตาคมวาววับ
“ก็ดีเหมือนกัน กลับกันเลยดีกว่า”
แม้สายตาคู่นั้นจะดูไม่น่าไว้ใจชอบกลหากแต่กานต์รักก็พยายามไม่คิดอะไรและสาวเท้าตามร่างสูงกลับไปที่รถพร้อมทั้งชวนคุยเรื่องอื่นให้เหตุการณ์ก่อนหน้าถูกลืมเลือน ขณะที่ในหัวของแพทริกนั้นกลับมีแต่ภาพร่างบางในชุดกางเกงว่ายน้ำตัวเดียวไปตลอดทาง
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋