ตอนที่ 27
กานต์รักหลับตาลงนิ่งให้หูได้ยินเพียงเสียงอึกทึกอย่างไม่กล้ามอง ไม่นานนักการจู่โจมก็ดูเหมือนจะลดลงกว่าก่อนหน้า เปลือกตาสีอ่อนค่อยๆหรี่เปิดขึ้นกระทั่งเห็นรถคันใหญ่ประกบอยู่ด้านข้าง
“อย่าเพิ่งลุกขึ้นมานะครับ ถึงแม้จะปลอดภัยในระดับนึงแล้วแต่ก็ยังวางใจไม่ได้”
คนดูแลเอ่ยบอกขณะที่ความเร็วของรถยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆไม่ลดลง ในคำคอดูเหมือนจะแห้งผาดจนกานต์รักต้องกลืนน้ำลายลงเชื่องช้า ภาพตรงหน้ามีเพียงกระจกซึ่งเป็นรอยร้าวใกล้ทะลุ หากถูกยิงอีกเพียงไม่กี่ครั้งมันคงไม่สามารถต้านทานอะไรเอาไว้ได้
ใบหน้าหวานซบลงกับเข่าของตัวเองนั่งคุดคู้อยู่ด้านล่างระหว่างเบาะหน้าและหลัง เนิ่นนานจนแทบหลับไปด้วยความกลัว กระทั่งรถที่แล่นด้วยความเร็วหยุดชะงัก
“ถึงที่ที่ปลอดภัยแล้วครับ เชิญคุณรักเข้าไปพักผ่อนข้างบน ช่วงนี้ต้องอยู่ที่นี่ไปอีกสักระยะ”
ดวงตาโตช้อนมองผ่านกระจกที่แตกร้าวไปยังด้านนอกก่อนจะพบกับสถานที่ที่คุ้นเคย เมื่อรู้ว่าอยู่ตรงนี้ที่ไม่อาจมีอะไรมาทำร้ายได้ร่างเล็กจึงพยุงกายตัวเองขึ้นบนเบาะ สูดลมหายใจเข้าลึกพลางหลับตาลง
พลัก
เสียงประตูเปิดอย่างรวดเร็วทำให้คนใจเสียสะดุ้งสุดตัว ก่อนใบหน้าที่คุ้นเคยของคนของบิดาจะทำให้ความกลัวในคราแรกจางหายไป
“เชิญคุณรักข้างบนครับ” เรือนร่างสูงใหญ่ของบอร์ดี้การ์ดคนสนิทค้อมหัวลงให้พลางผายมือเชิญ
กานต์รักพยักหน้ารับก่อนจะก้าวขาอันสั่นเทาลงยืนบนพื้น รวบรวมสติและแรงกายที่หายไปกับเหตุการณ์เมื่อครู่ให้กลับมา แม้จะยังหวาดหวั่นแต่จังหวะการก้าวเดินก็ยังไม่แย่นักจนสามารถพาตัวเองขึ้นมาจนถึงห้องนอนได้
“พักผ่อนนะคะ อีกไม่นานคุณแพทริกจะมาค่ะ”
แม่บ้านซึ่งคอยดูแลความเรียบร้อยเอ่ยบอกพร้อมด้วยรอยยิ้ม กานต์รักรู้ดีว่าอีกฝ่ายทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะไม่อยากให้ต้องกลัวและคิดมากใบหน้าหวานจึงกดรับก่อนประตูห้องจะถูกปิดลงให้เรียบร้อย
และสองขาเล็กที่พยายามพยุงตัวเองมาอย่างยากลำบากก็ทรุดตัวลงกับพื้น มือไม้อ่อนแรงซีดขาว
กานต์รักรู้ว่าชีวิตตัวเองแขวนอยู่บนเส้นด้าย เหตุการณ์ทำนองนี้เคยเกิดขึ้นแล้วและนี่ไม่ใช่ครั้งแรก หากแต่ไม่ว่ากี่ครั้งก็ยากที่จะทำใจไม่ให้กลัว
คุณแพท...
ในห้วงความเป็นความตายนั้นคนที่รักที่สุดผุดขึ้นมาในหัว ทั้งพี่ชาย พ่อแม่ และแพทริก กานต์รักบีบมือตัวเองเอาไว้แน่น ไม่รู้ว่าจะทำยังไงหรือควรทำอะไร สมองมันมึนเบลอไปหมด ช่องทองวูบโหวงจนรู้สึกราวกับจะอ้วก อาการปวดหัวก็แล่นเข้าเล่นงาน
ดวงตาโตเหม่อลอยทั้งที่มีน้ำสีใสเอ่อคลอ ไม่รู้ว่านั่งอยู่อย่างนั้นไปนานแค่ไหนกระทั่งประตูห้องถูกเปิดผลัวะเข้ามา
“กานต์รัก!”
น้ำเสียงร้อนรนมาพร้อมกับการสาวท้าวยาวๆเข้าหา และทันทีที่ก้าวถึงตัวร่างเล็กก็ถูกตวัดกอดเข้าอก ลมหายใจร้อนจากร่างสูงถี่กระชั้น อกกว้างกระเพื่อมไหวหอบโยน
“ขอบคุณ...ขอบคุณพระเจ้า”
เสียงเอ่ยนั้นแหบพร่าสั่นไหว แพทริกแทบหยุดหายใจเมื่อลูกน้องรายงานว่ากานต์รักถูกลอบยิง ร้อนรนยิ่งกว่าครั้งไหนในชีวิตจนสติแทบไม่มี กว่าจะมาถึงตรงนี้ได้แทบฆ่าคนตายไปหลายคน
“เจ็บตรงไหนไหม โดนตรงไหนหรือเปล่า”
มือหนารั้งร่างเล็กซึ่งทรุดตัวอยู่กับพื้นให้ผละออกก่อนจะสำรวจทุกส่วนด้วยสายตาพร้อมทั้งมือหนาที่ลูบไล้ไปตามเนื้อตัว ก่อนร่างเล็กที่ยังคงมึนเบลอจะส่ายหน้าตอบ
“...ไม่ครับ” เสียงเอ่ยตอบนั้นแผ่วเบาจนแพทริกร้อนรนยิ่งกว่าเดิม กานต์รักดูเหมือนจะช็อคกับเหตุการณ์เมื่อครู่
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแล้ว ฉันอยู่ตรงนี้”
ร่างเล็กถูกรั้งเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้งยามที่ดวงตาคมนั้นแดงก่ำ เมื่อร่างกายถูกรัดแน่นความรู้สึกต่างๆจึงค่อยๆกลับมา และน้ำตาที่คลอหน่วยก็ไหลลงหากแต่ไร้ซึ่งเสียง เปลือกตาสีอ่อนหลับลงแน่น ความรู้สึกปลอดภัยที่มาจากเรือนกายสูงใหญ่ทำให้ความกลัวที่มีบรรเทาลง
“คุณแพท...”
“ฉันอยู่ตรงนี้ ไม่มีใครทำอะไรนายได้ทั้งนั้น”
ฝ่ามือใหญ่จิกเข้าหากันจนขึ้นข้อขาว พร่ำปลอบโยนคนที่ใจเสียจนกานต์รักค่อยๆสงบลง แพทริกย้ำเตือนกับตัวเองเสมอว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้ฝันไป กานต์รักยังอยู่ตรงนี้ ยังอยู่กับเขา
เนิ่นนานจนร่างเล็กผล็อยหลับไปในอ้อมกอด ความกลัว ความกังวลทุกอย่างฉุดรั้งให้ร่างกายหลุดออกจากโลกแห่งความจริง แพทริกผละใบหน้าออกทอดมองคนรักซึ่งมีรอยน้ำตาบนใบหน้า กรามแกร่มขบเข้าหากันก่อนจะค่อยๆช้อนตัวกานต์รักขึ้นมาแล้ววางร่างเล็กไว้บนเตียงแผ่วเบา
“นายอยู่ตรงนี้ ฉันยังไม่ได้สูญเสียนายไป”
ซบหน้าผากเข้าหาคนที่นอนหลับพร้อมทั้งพร่ำบอกย้ำเตือนกับตัวเอง ความกลัวที่จะสูญเสียใครสักคนไปจับจิตมันเป็นอย่างนี้แพทริกเพิ่งเข้าใจ ดวงตาคมจ้องมองคนรักไม่คลาดสายตา ไม่แม้แต่อยากกะพริบเพราะว่ากลัวสิ่งที่เห็นจะเป็นเพียงความฝัน
“ไม่ว่ามึงจะเป็นใคร กูก็จะฆ่ามึงให้ได้”
กรามแกร่งบดเข้าหากันทั้งยังคิดถึงคนที่เป็นตัวบงการอยู่ในใจ เขาไม่มีวันปล่อยมันเอาไว้และจะฆ่าพวกมันด้วยมือของตัวเอง
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
แพทริกเผลอหลับไปและสติสุดท้ายที่จำได้คือในอ้อมแขนตระกองกอดคนรักไว้ไม่ห่างตัว ทว่าเมื่อลืมตาตื่นข้างกายกลับว่างเปล่าไร้เงาของกานต์รักจนเรือนร่างสูงใหญ่ทะลึ่งพรวดลุกขึ้นเดินไปทั่ว
“กานต์รัก!” เสียงทุ้มตะโกนก้อง เรือนกายทุกส่วนเกร็งสั่นไปตามหัวใจด้วยความหวั่นกลัว
กลัวว่ามันจะเป็นเพียงฝัน หรือสิ่งที่เขาคิดว่าเห็นกานต์รักมันเป็นเพียงความฝัน
ไม่...
“กานต์รัก! รัก!”
ด้วยเพราะไม่เคยมาที่นี่มาก่อนจึงไม่รู้เลยว่าแต่ละสัดส่วนของห้องเป็นอย่างไร ไม่รู้ว่าห้องน้ำอยู่ตรงไหนจึงทำได้เพียงวิ่งวนราวกับหนูติดจั่น เหงื่อไรซึมตามกรอบหน้า หัวใจเต้นแรงด้วยจังหวะแห่งความกลัว
“คุณแพทครับ”
เสียงเล็กเอ่ยเรียกให้คนที่ใจแทบขาดราวกับเจอสวรรค์ ขายาวก้าวเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงตัว อ้อมแขนแข็งแรงตวัดรัดร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอด รัดแน่นจนกานต์รักรู้สึกเจ็บด้วยความงุนงง
“พระเจ้า”
เสียงกระซิบนั้นแผ่วเบาราวกับมีเพียงลม เมื่อครู่แพทริกรู้สึกเหมือนทุกอย่างมันว่างเปล่าราวจะขาดใจ แค่คิดว่าคนรักไม่อยู่ตรงนี้แล้วก็รู้สึกเหมือนลมหายใจถูกพรากออกไป
“คุณแพท เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
มือบางยกขึ้นลูบไล้ไหล่แกร่งที่เกร็งสั่นแผ่วเบา พอตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดคุ้นเคยกานต์รักก็รู้สึกปลอดภัยจนความกลัวก่อนหน้าบรรเทาลง เมื่อเห็นว่าร่างสูงยังไม่ตื่นจึงปล่อยให้นอนต่อขณะที่ตัวเองค่อยๆขยับตัวออกแผ่วเบาเพื่อไปเข้าห้องน้ำ
ยามเมื่อได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อตัวเองจึงรีบเดินออกมา แล้วท่าทางของแพทริกก็ทำให้ต้องเอ่ยถาม
“ฉัน...”
“...” กานต์รักรอคอยอย่างใจเย็น ขณะมือเล็กยังทำหน้าที่ปลอบโยนไม่หยุด
“ฉันตกใจที่ตื่นมาไม่เห็นนาย”
“รักไปเข้าห้องน้ำมาครับ”
คำตอบนั้นทำให้กานต์รักเข้าใจได้ในทันที เหตุการณ์นั้นไม่ใช่แค่ทำให้เขากลัวแต่แพทริกเองก็กลัวจับใจ
คงจริงอย่างที่ว่า หากมีการสูญเสีย คนที่อยู่คือคนที่เจ็บปวดและทรมานที่สุด
ไร้ซึ่งเสียงเอื้อนเอ่ยมีเพียงอ้อมกอดที่ปลอบโยนกัน และสองแขนนี้ไม่ยอมแม้แต่จะผ่อนแรงลงสักนิด ยังคงรัดแน่นราวกับกลัวว่าคนตรงหน้านี้จะหายไป ใบหน้าคมซุกเข้าหาซอกคอบาง สูดกลิ่นและแนบสัมผัสให้เนื้ออุ่นและชีพจรตอกย้ำกับตัวเองว่ากานต์รักยังอยู่ตรงนี้
“กลัวหรือเปล่า” เสียงอู้อี้เอ่ยถาม แพทริกไม่อยากผละออกห่างจากคนร่างเล็กเลยสักวินาที
“ตอนนี้ดีขึ้นแล้วครับ...เพราะคุณแพทอยู่ตรงนี้”
กานต์รักรู้ว่าตอนนี้ ที่นี่จะไม่มีใครทำอะไรได้ทั้งนั้น ยิ่งยามคนตัวโตอยู่ความรู้สึกปลอดภัยยิ่งมากขึ้นจนแทบไม่มีอาการหวั่นกลัวใดๆ...ด้วยรู้ดี หากเกิดอะไรขึ้นแพทริกจะปกป้องเขาเสมอ
“ฉันดีใจที่สุดที่ไม่อนุญาตให้นายขับรถเอง”
ถ้าวันนั้นแพทริกใจอ่อนและวันนี้กานต์รักเป็นคนขับรถเองเขาไม่อยากจะคิดเลยว่ามันจะเป็นอย่างไร เพียงแค่คิดหัวใจก็ถูกบีบรัดด้วยความรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งใจ
“ขอบคุณนะครับ รักเองก็ไม่รู้ว่าถ้าเป็นอย่างนั้น วันนี้จะเป็นยังไง”
ทักษะการเอาตัวรอดคนดูแลทั้งสองนั้นถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี การจัดการกับปัญหาเฉพาะหน้านั้นย่อมทำได้ดีกว่า เป็นกานต์รักอาจเผลอจอดรถนิ่ง ตกใจจนไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร
“ฉันขอโทษ ขอโทษที่ดูแลนายไม่ดี”
นี่ถือเป็นความบกพร่องที่แย่ที่สุดยิ่งกว่าการที่บริษัทไม่สามารถทำกำไรได้เป็นพันเท่า แม้ว่าจะกานต์รักจะปลอดภัยแต่มันก็ยังช้าไปจนเส้นความอันตรายเกือบพรากชีวิตคนรักไป ยามเมื่อเห็นสภาพรถแพทริกจึงทำได้เพียงขอบคุณต่อพระเจ้า
เขารู้ดี อีกเพียงไม่กี่นัดเท่านั้นที่กระสุนจะเจาะทะลุผ่านเข้าไปได้
“รักรู้ว่าคุณแพททำดีที่สุดแล้วนะครับ ไม่อย่างนั้นรักคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้”
แม้แต่คนของบิดายังช้ากว่าคนของแพทริก
เพราะไม่มีใครคาดคิดจึงเว้นระยะการคุ้มกันไปพอสมควรด้วยกลัวว่าถ้าตามติดมากเกินไปกานต์รักจะอึดอัด เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมานานมากจนไม่คิดว่าจะมีใครกล้าทำการอุกอาจแบบนั้น
“ถ้าดีมันคงไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น”
เพราะเวลาที่มีน้อยลง ด้วยงานและอะไรต่างๆจึงทำให้การดูแลนั้นหละหลวม อย่างน้อยถ้าเมื่อเช้าเขาไปทำงานพร้อมกานต์รักเช่นเมื่อก่อนทุกอย่างคงจะดีกว่านั้น อย่างน้อยก็ยังช่วยปกป้องคนรักได้
“มันเป็นสิ่งที่เราไม่คาดคิด อย่าโทษตัวเองเลยนะครับ”
สุ้มเสียงอ่อนหวานเอ่ยปลอบอย่างอ่อนโยน ไม่ได้นึกโทษอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย ประโยคที่ทำให้คนฟังผละออกห่างเพียงนิด กวาดสายตามองใบหน้าของคนที่ตัวเองรักราวกับกลัวว่ามันเป็นเพียงภาพฝัน
“ฉันรักนาย”
แพทริกอยากพูดก่อนที่มันจะสายเกินไป เหตุการณ์นี้มันทำให้คิดได้ว่าอย่ารีรอที่จะพูดหรือทำอะไรกับคนที่เรารัก ในวันที่ยังมีกันอยู่ก็ควรจะใช้ทุกเวลาให้มีค่า
และแม้ประโยคบอกรักไม่คาดคิดนั้นจะทำให้คนฟังนิ่งอึ้งแต่กานต์รักก็ระบายยิ้มกว้าง ในอกฟูฟ่องไม่ต่างจากทุกครั้งที่ได้ยิน
“รักก็รักคุณแพทครับ”
มือสากยกขึ้นไล้แก้มเนียนแผ่วเบาก่อนจะซบหน้าผากเข้าหาหลับตาลงรับความรู้สึกทั้งหมดที่มี
“คุณแพททานอะไรหรือยังครับ นี่ก็จะบ่ายสองแล้ว”
กานต์รักเอ่ยเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายต้องจมอยู่กับความรู้สึกผิดอีกต่อไป ไม่ว่าอย่างไรมันก็ผ่านมาแล้วและตัวเขายังปลอดภัยจึงไม่อยากจะนึกถึงมันอีก
คำถามนั้นทำให้ใบหน้าคมผละออกก่อนจะส่ายตอบ
“งั้นลงไปทานข้าวกันนะครับ”
“อืม”
เรือนร่างเล็กเป็นฝ่ายขยับผละออกก่อนจะเอื้อมมือไปจับฝ่ามือใหญ่แล้วรั้งให้ก้าวตาม ที่นี่เป็นบ้านและแหล่งกบดานที่มีความปลอดภัยสูงสุด และร่างสูงไม่เคยมาที่นี่มาก่อนกานต์รักจึงต้องนำทาง ระหว่างนั้นแพทริกก็กวาดสายตามองไปทั่ว ดูผิวเผินทุกอย่างอาจไม่ได้ต่างจากบ้านธรรมดานัก แต่กล้องวงจรปิดนั้นมีอยู่ทุกมุม และกว่าจะเข้ามาที่นี่ได้นั้นยากมากโข
ห้องอาหารกว้างถูกเตรียมอาหารไว้ให้เรียบร้อย เมื่อทั้งคู่มาถึงอาหารหน้าตาหน้าทานซึ่งเป็นของโปรดก็วางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด
“คุณแพททานเยอะๆนะครับ ช่วงนี้มัวแต่ทำงานจนไม่มีเวลาจะทานข้าวเลย” มือเล็กตักอาหารจานโปรดของคนรักให้จนถึงจานพร้อมทั้งเอ่ยบอก
“นายต่างหากที่ต้องทานเยอะๆ” คราวนี้คนโตตัวตักยำหมูยอใส่จานคืนให้
กานต์รักยิ้มกว้างรับคำเมื่อได้อาหารโปรดอยู่ตรงหน้า ทั้งสองต่างนั่งทานอาหารไปเรื่อยๆจนกระทั่งอิ่มแม่บ้านจึงนำผลไม้มาเสิร์ฟ เมื่อกินเสร็จเรียบร้อยจึงไปนั่งย่อยที่ห้องหนังสือ
ยามจิตใจฟุ้งซ่านเจอเรื่องไม่ดีจึงต้องหาอะไรอ่านเพื่อเยียวยาให้ความคิดสงบลง
“เดี๋ยวฉันมา”
แพทริกเอ่ยบอกคนรักซึ่งนั่งพิงไหล่อ่านหนังสืออยู่ข้างๆ ข้อความจากคนสนิทบ่งบอกว่าได้เรื่องที่สั่งให้ไปจัดการแล้วเรียบร้อย
“ไปไหนหรือครับ”
“เรื่องงาน...อ่านหนังสือรอฉันที่นี่ไปก่อนนะ”
แม้อีกคนจะเลี่ยงโดยอ้างว่าเป็นเรื่องงานแต่กานต์รักรู้ดีว่างานที่ว่านั้นคือเรื่องอะไร เมื่อก่อนหน้าแม่โทรเข้ามาด้วยความเป็นห่วงและเมื่อถามถึงพ่อ ผู้ให้กำเนิดก็ให้คำตอบว่าจัดการกับอะไรๆอยู่ จัดการอะไรๆของพ่อและงานของแพทริกนั่นคือเรื่องเดียวกันอย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากนั้นพร้อมกานต์ยังเงียบหายทำเพียงแค่ส่งข้อความมาหาเท่านั้น
“ครับ”
แพทริกลูบไล้หัวเล็กก่อนจะกดจูบลงมาแผ่วเบาแล้วผละออก กานต์รักเม้มปากเข้าหาแม้จะชินกับสัมผัสแนบชิดมากขึ้นแต่ก็ยังอดเขินเล็กๆไม่ได้ ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหัวให้กับท่าทางนั้นของคนรักก่อนจะรีบเดินออกจากห้องเพื่อไปจัดการกับงานของตัวเอง
งาน...
“ได้เรื่องอะไรมาบ้าง” ห้องลับที่เอาไว้สำหรับทำงานของที่นี่ถูกเปิดให้ใช้และได้รับอนุญาตโดยเจ้าของบ้านเอง
แพทริกทรุดตัวนั่งลงที่เก้าอี้หัวโต๊ะ มองดูเอกสารมากมายที่ถูกเตรียมไว้ให้ตรงหน้าพร้อมทั้งจอโปรเจคเตอร์ที่กำลังเลื่อนลงมาช้าๆ
“นอกจากคนของสเวนซึ่งบาดหมางกับเชื้อสายของคุณรักแล้วอีกหนึ่งพวกที่ให้ความร่วมมือก็คือพวกของดิคเคอร์ตันครับ”
ปัง!
“ไอ้พวกสาระเลว ฉันมีโอกาสให้มีชีวิตรอดนี่พวกมันยังไม่สำนึกกันใช่ไหม!”
กำปั้นแน่นถูกทุบลงบนโต๊ะเกิดเสียงดังก้อง เสียงทุ้มเอ่ยคำรามอย่างเคียดแค้นเมื่อเรื่องที่เขาสงสัยมันเป็นเรื่องจริง
ดิคเคอร์ตันเป็นพวกที่มีปัญหากับแพทริกมานานนมหลายปี กระทบกระทั่งกันมาบ่อยครั้งเนื่องจากทำธุรกิจคล้ายกันอยู่หลายอย่าง ครั้งล่าสุดพวกนั้นอยู่เบื้องหลังการเกิดเพลิงไหม้ของบริษัทและแพทริกเอาคืนด้วยการเผาโกดังเก็บของของฝั่งนั้นไปบางส่วน คิดว่าจะยอมรามือเมื่อเห็นเงียบหายไปแต่คราวนี้พวกมันกลับเล่นหนักจนไม่อาจปล่อยให้ลอยนวลได้อีกต่อไป
“เอกสารมีข้อมูลทุกอย่างอย่างละเอียดแล้วครับ ส่วนพวกสเวนนั้นคุณพร้อมกานต์และท่านบอกว่าจะจัดการเอง”
แพทริกพยักหน้ารับ เอื้อมมือไปหยิบเอกสารทุกอย่างมาเปิดดู ก่อนไม่นานคนไกลทั้งสองจะติดต่อมาและทั้งสามคนก็พูดคุยกันผ่านโปรเจคเตอร์
และครั้งนี้แพทริกจะไม่ยอมให้พวกดิคเคอร์ตันลอยนวลอีกต่อไป!
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
“พรุ่งนี้คุณแพทไม่ไปทำงานหรือครับ”
ร่างเล็กในอ้อมแขนเอ่ยถามคนที่ตัวเองนอนซบอยู่เมื่อแพทริกบอกว่าพรุ่งนี้จะอยู่รอต้อนรับครอบครัวของกานต์รักที่จะบินมา
“ช่วงนี้ฉันจะทำงานที่นี่ อยู่กับนาย”
“พรุ่งนี้พร้อมกับพ่อและแม่ก็จะมาแล้ว คุณแพทไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ไปทำงานเถอะ”
เพราะไม่อยากให้คนรักเสียการเสียงานจึงเอ่ยบอก เรื่องของความกลัวและความตกใจนั้นดีขึ้นมากจนแทบไม่เหลือ แม้บางคราวยามนึกถึงจะใจหวิวๆอยู่บ้างก็ตาม
“ไม่ให้ฉันห่วงได้ยังไง อย่างน้อยก็ให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อน”
เรื่องยังไม่คลี่คลายและยังไม่ได้ถูกจัดการให้เรียบร้อยแพทริกไม่มีทางไว้ใจ ทุกอย่างจะต้องวางแผนและเตรียมการจึงยังต้องใช้เวลา และระหว่างนี้ที่นี่จะเป็นที่อยู่ของเขาเช่นกัน
“ทุกคนเลยวุ่นกันหมดเลย”
พี่ชายและพ่อแม่ทิ้งงานทุกอย่างมาหาในแทบจะทันทีเมื่อรู้ข่าว พรุ่งนี้ยามเช้าทั้งสามจะเดินทางมาถึงและแว่วมาว่าผู้เป็นยายจะมาหาด้วยอีกคนเนื่องจากเป็นห่วงเช่นกัน
ครอบครัวฝั่งแม่ของกานต์รักเป็นคนไทยและเป็นคนภาคเหนือ หากแต่เกือบทั้งหมดก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศเสียส่วนใหญ่จึงไม่ได้อยู่ด้วยกันมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นตอนอยู่อังกฤษก็ยังได้เจอกันอยู่บ่อยครั้ง
“ไม่มีใครคิดอย่างนั้น ทุกคนเป็นห่วงนาย มัมและแด๊ดของฉันก็จะลงมาทันทีที่พวกเขาว่าง”
พอมัมรู้ข่าวก็ถามไถ่เสียยกใหญ่ร่ำจะบินลงมาหาทันทีแต่ติดที่ว่าแด๊ดติดงานจึงยังไม่สามารถมาเมืองไทยในตอนนี้ได้ แต่คาดว่าภายในอาทิตย์นี้ยังไงทั้งสองก็ต้องหาโอกาสมา
“จริงเหรอครับ รักคิดถึงมัมกับแด็ดอยู่พอดีเลย”
ด้วยเพราะความปลอดภัยการสื่อสารเข้าออกจึงควรลดน้อยลงกานต์รักจึงยังไม่มีโอกาสได้คุยอะไรกับมัมของแพทริก พอรู้ว่าท่านเป็นห่วงจนจะลงมาหาก็อดซาบซึ้งไม่ได้
“มัมเป็นห่วงแล้วก็คิดถึงนายมาก”
“ฝากขอบคุณมัมด้วยนะครับ แด๊ดก็ด้วย”
“ฉันจะบอกให้ แล้วนี่ยังไม่ง่วงหรือไง”
เวลาล่วงเลยมาจนเกือบจะเที่ยงคืนแต่คนในอ้อมแขนดูท่าจะยังไม่ง่วงสักที ยังเอ่ยพูดเสียงใสไม่มีความง่วงเจืออยู่เลยแม้แต่น้อย
“ก็เราหลับไปเมื่อกลางวันนี่ครับ รักยังไม่ง่วงเลย”
“หรือต้องให้ฉันทำให้ง่วง”
ร่างสูงพลิกกายให้กานต์รักลงไปนอนอยู่ใต้ร่างโดยที่อีกคนไม่ทันตั้งตัว ได้แต่เบิกตาขึ้นมองแพทริกด้วยความมึนเบลอ สบตาเข้ากับดวงตาคมซึ่งทอประกายวาววับจนเริ่มประมวลผลได้ช้าๆ
“คะ คุณแพทจะทำหรือครับ”
“เราไม่ได้
รักกันมาสักพักแล้วนะ” คำว่ารักที่เน้นหนักทำให้คนฟังหน้าแดงซ่าน
“สักพักคือ...เมื่อสามวันที่แล้วเองนะครับ”
นั่นเรียกสักพักแล้วอย่างนั้นหรือ...เพิ่งไม่กี่วันนี้เอง
“สักพักสิในเมื่อปกติคือแทบทุกวัน”
“คะ คุณแพท พูดอะไรน่าอายครับ”
ดวงตาคมที่สั่นไหวความรู้สึกของคนมองเสมอยังคงทำหน้าที่ได้เช่นทุกครั้ง เนื้อตัวพลันรู้สึกร้อนผ่านราวกับโดนแผดเผาด้วยเพียงการจ้องมอง กานต์รักไม่กล้าสบตาจนไม่รู้ว่าควรจะวางโฟกัสไว้ที่ตรงไหน ทุกนั้นอย่างดูเกะกะไปหมดในความรู้สึก
อยากจะแทรกเตียงนอนหายไปซะเลย
“น่าอายตรงไหน เรื่องธรรมชาติ”
คนพูดพูดอย่างหน้าตาเฉยพยายามไม่หลุดหัวเราะกับท่าทางลุกลี้ลุกลนของคนรักทั้งที่รู้สึกตลกไม่น้อย
ทำกันมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แค่เพียงพูดถึงเรื่องนี้ก็เขินอายราวกับเพิ่งมีอะไรกัน
“รัก...รักง่วงแล้วครับ”
คนที่ง่วงขึ้นมาฉับพลันขยับตัวน้อยๆให้คนด้านบนจำต้องผละออกห่าง แพทริกได้แต่ส่ายหน้ากับการเอาตัวรอดนั้นก่อนจะยอมพลิกตัวกลับมานอนเช่นเดิม ท่อนแขนแกร่งรั้งร่างเล็กเข้ามาในตำแหน่งคุ้นเคยและกานต์รักก็ยอมขยับตามในทันที
“ฉันไม่ทำอะไรหรอก พักผ่อนเถอะวันนี้นายเจอเรื่องมาทั้งวันแล้ว”
มือหนาเอื้อมไปปิดโคมไฟให้ทั้งห้องตกอยู่ในความมืดมิด ขณะที่ใบหน้าเล็กก็ซุกซบเข้าหา เรือนกายทั้งสองแนบสนิทจนแทบเกยกันภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่
“ขอบคุณนะครับ”
คำขอบคุณที่หมายถึงทุกอย่าง ขอบคุณที่ดูแล ปกป้อง เอาใจใส่อย่างดีที่สุด กานต์รักไม่รู้เลยว่าจะหาคำพูดไหนมาบอกกับแพทริกได้อีก
“รู้ไว้นะกานต์รัก...ฉันไม่มีทางอยู่ได้ถ้าไม่มีนาย” สัมผัสหนักๆกดลงบนกลางหัวเล็ก แน่นิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะผละออกราวกับให้การกระทำนี้ตอกย้ำคำพูดของตัวเอง
คำพูดที่ซึมลึกเข้าไปในใจคนฟังจนน้ำตาซึม
“รักก็เหมือนกันครับ”
เสียงเล็กเอ่ยอู้อี้ก่อนจะกอดรัดเอวสอบแน่นขึ้น กลิ่นกายคุ้นเคยสร้างความปลอดภัยให้จนไม่รู้สึกหวั่นกลัวต่ออะไรทั้งนั้น อ้อมกอดนี้ที่ปกป้องกานต์รักเสมอ
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
“ฝั่งนี้เราจะจัดการเอง ปล่อยให้เรื่องมันคาราคาซังมานานเหลือเกิน...ฝั่งนั้นผมปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณแล้วกัน”
พร้อมกานต์เอ่ยบอกแพทริกขณะที่ร่างสูงก็ยอมรับคำโดยง่าย ขณะนี้ชายหนุ่มทั้งสามกำลังรวมตัวกันอยู่ภายในห้องทำงานลับหลังจากที่ครอบครัวของกานต์รักบินมาถึงเมื่อเช้านี้
เรื่องที่ต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุด
“ผมอยากให้จัดการขั้นเด็ดขาด”
แพทริกเอ่ยเสียงเรียบและคนทั้งสองก็เข้าใจความหมายได้ในทันทีว่าขั้นเด็ดขาดนั้นคืออะไร
ความโหดร้ายที่ได้สัมผัสแล้วว่าสิ่งที่คนอื่นพูดมันไม่ได้เกินจริงเลยสักนิด แพทริกไม่เคยปรานีใคร...ถ้าคนคนนั้นไม่ใช่กานต์รัก
“อย่าห่วงเลย พวกนั้นจะไม่สามารถทำอะไรกานต์รักได้อีกแน่นอน...ส่วนอีกฝั่งก็แล้วแต่แพทริกจะจัดการเถอะ” ผู้อาวุโสที่สุดเอ่ยขึ้นอย่างเข้าใจความรู้สึกของคนรักลูกชายดี
ยิ่งคนอย่างแพทริกแล้วคงไม่มีทางจะจัดการด้วยวิธีเบาๆ
“ครับ มันจะต้องไม่มีทางเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้อีก”
“เอาล่ะ ถือว่าเรียบร้อยไม่มีปัญหาอะไรแล้ว...ขอบคุณที่ช่วยกานต์รักไว้นะ คนของฉันยังเข้าไปถึงช้ากว่า”
ต้องยอมรับว่าคนของแพทริกจัดการและปกป้องกานต์รักเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว แม้แต่คนดูแลซึ่งทำหน้าที่ขับรถก็เชี่ยวชาญจนบ่งบอกว่าได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
ขนาดคนของพวกเขาเป็นหน่วยรบยังทำงานได้ช้ากว่าไปถึงนาที
“มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ”
“ยังไงพวกเราก็ต้องขอบคุณ”
คราวนี้พร้อมกานต์เอ่ยขึ้น ทั้งสองสบสายตากันอย่างมั่นคงก่อนแพทริกจะพยักหน้ารับคำขอบคุณนั้น
“ออกไปกันเถอะ เดี๋ยวรักจะสงสัยว่าเราหายมาทำอะไรกัน” บิดาของกานต์รักเอ่ยขึ้นก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นให้คนทั้งสองต้องลุกตาม
กานต์รักซึ่งกำลังนั่งคุยอยู่กับมารดาและผู้เป็นยายผุดลุกขึ้นทันทีเมื่อเห็นทั้งพ่อ พี่ชายและคนรักเดินเข้าห้องรับแขกมาด้วยกัน
“คุยกันเสร็จแล้วเหรอครับ”
แม้ร่างเล็กจะย่างกรายเข้ามาหาผู้ให้กำเนิดหากแต่ดวงตาโตกลับเหลือบมองร่างสูงของแพทริกด้วยความสงสัย
“เรียบร้อยแล้วล่ะ นี่ตั้งโต๊ะกันหรือยัง เที่ยงแล้วนะ”
“ตั้งแล้วครับ”
“โอเค งั้นเราไปทานข้าวกันดีกว่า” กานต์รักพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปพยุงผู้เป็นยายให้ลุกขึ้นเดินไปยังห้องอาหาร
มื้ออาหารที่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาทำให้ความสุขรายล้อมอยู่รอบตัว กานต์รักชอบช่วงเวลานี้เหลือเกิน ชอบที่เห็นแพทริกและพร้อมกานต์คุยกัน ชอบที่พ่อกับแม่ส่งยิ้มมาให้ ชอบที่คุณยายเข้ากันกับร่างสูงได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ มื้ออาหารที่มีรอยยิ้มมากกว่าทุกวัน