ตอนที่ 22
“รักลืมถามไปเลย เมนูใหม่รสชาติเป็นยังไงบ้างครับ”
เมื่อพูดคุยแล้วว่าโครงการสร้างบ้านนั้นมันเกินความจำเป็นและสิ้นเปลืองจึงถือว่าเข้าใจกันเรียบร้อยที่จะอยู่บ้านหลังเดิมของแพทริก แม้อีกคนจะถามซ้ำหลายรอบหากแต่คำตอบของกานต์รักยังคงเหมือนเดิมจนร่างสูงต้องยอมรับพับโครงการไป
“อร่อยดี ผลไม้กับช็อกโกแลตเข้ากันลงตัว รสชาติก็ไม่หวานเกินไป”
คนที่ใช้ตักบางแทนหมอนเอ่ยตอบทั้งที่เปลือกตายังคงปิดสนิท กลิ่นหอมอ่อนจากเรือนกายบางพัดมาพาให้ร่างกายและสมองอันแสนเหนื่อยล้ารู้สึกผ่อนคลาย
แพทริกชอบช่วงเวลานี้
“ไม่ได้ตอบเอาใจรักนะครับ”
“ถ้ามันไม่โอเคฉันจะบอกแน่นอน”
ที่ตอบไม่ใช่ว่าเอาใจหรือไม่กล้าบอก รสชาติของขนมนั้นมีความหวานปนขมจากช็อกโกแลตซึ่งตัดกับความเปรี้ยวของผลไม้ได้อย่างลงตัว ทุกอย่างถูกปรับปรุงและคิดค้นมาเป็นอย่างดีจึงไม่น่าแปลกใจซักนิดหากรสชาติจะออกมาพอดีอย่างไร้ที่ติ
“รักทำไว้เยอะเลย เอากลับไปให้แด๊ดกับมัมทานด้วยนะครับ”
“อืม...เห็นบ่นว่าอยากทานขนมร้านนายอยู่เหมือนกัน ติดใจฝีมือนายใหญ่”
เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านกานต์รักลงมือทำอาหารเช้าด้วยตัวเองหากแต่ไม่ได้อยู่ทานพร้อมกันเนื่องจากต้องรีบมาดูร้าน ได้ยินว่าท่านทั้งสองชอบอย่างนี้เลยทำให้รู้สึกปลื้มใจไม่น้อย
“งั้นเย็นนี้รักเข้าครัวอีกดีไหมครับ ก่อนกลับบ้านจะได้แวะตลาดสดหน่อย” เมื่อเกิดความคิดขึ้นในหัวริมปากบางก็ขยับเอื้อนเอ่ยอย่างขอความคิดเห็น
“เอาสิ”
เอ่ยตอบพลางขยับพลิกตัวซุกหน้าเข้ากับแผ่นท้องบาง ความง่วงงุนเริ่มเข้าครอบงำจนจากแค่ตั้งใจพักสายตาจะกลายเป็นหลับจริงๆ ทั้งกลิ่นหอมอ่อนและความสบายเล่นงานให้รู้สึกว่าหนังตาเริ่มหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ
“ง่วงหรือเปล่าครับ”
สุ้มเสียงอ่อนหวานเอ่ยถามยามเห็นท่าทางนั้น มือบางวางอยู่บนไหล่กว้างที่นอนตะแคงข้างพลางลูบไล้ไปมา สัมผัสนุ่มนวลยิ่งขลับให้คนง่วงแทบรั้งสติเอาไว้ไม่อยู่
“อือ” เสียงตอบรับดังอ้อแอ้ ท่าทางที่ราวกับเด็กน้อยง่วงนอนทำให้กานต์รักระบายยิ้ม
“งั้นนอนนะครับ เดี๋ยวรักปลุกอีกที”
พูดโดยไม่มีทีท่าว่าจะขยับออก เต็มใจให้อีกคนใช้ตักต่างหมอนแม้ว่าจะรู้สึกหนักไม่น้อย แพทริกไม่ได้ตอบอะไรเพราะง่วงเกินกว่าจะเอ่ย ทำเพียงแค่ขยับซุกหน้าเข้าหาความหอมนั้นก่อนจะนิ่งไป
ดวงตาโตทอดมองคนรักที่หลับใหลอยู่บนตักพร้อมกับอมยิ้ม มาเฟียผู้น่าเกรงขามนอนซุกหน้าเข้าหาราวกับเด็กอายุไม่กี่ขวบ ภาพซึ่งมีสิทธิ์ได้เห็นเพียงผู้เดียวทำให้นึกอยากจะหยิบโทรศัพท์มาบันทึกเอาไว้ทว่าไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้
แกร๊ก
“รัก...”
“ชู่ว”
สัญญาณบ่งบอกให้ลดเสียงลงทำเอาคนที่เปิดประตูเข้ามารีบปิดปากฉับ พร้อมกานต์เหลือบสายตามองไปยังร่างสูงใหญ่ซึ่งทอดตัวนอนยาวโดยมีน้องชายนั่งนิ่งให้อีกฝ่ายใช้ตักแทนหมอน ก่อนลมหายใจจะถูกถอดถอนออกมาด้วยความหมั่นไส้ หมอนก็มีเยอะแยะทำไมไม่ใช้
“ว่าไงพร้อม” กระซิบแผ่วเบาถามคนเข้ามาใหม่
“พี่จะถามว่าวันนี้เราจะกลับกี่โมง นี่พี่จะออกไปแล้วเพราะมีนัดกับเพื่อน”
พร้อมกานต์ยอมลดระดับเสียงลงอย่างที่คนเป็นน้องต้องการ แม้ว่าในใจนึกอยากจะตะโกนให้ดังจนคนนอนหลับสะดุ้งตื่นก็ตาม
“คงจะซักสี่โมงเย็นน่ะ พร้อมกลับได้เลยเดี๋ยวยังไงฝากคุณไหมกับพี่ถิงปิดร้านก็ได้”
“โอเค งั้นถ้ามีอะไรก็โทรหาพี่นะ” กานต์รักพยักหน้ารับพลางส่งยิ้มให้พี่ชายก่อนจะได้รับรอยยิ้มกลับมาพร้อมกับการโบกมือลาน้อยๆ
ลับหลังพร้อมกานต์ดวงตาโตหวานซึ้งก็เบือนกลับมายังเสี้ยวหน้าคมของคนรักบนตักอีกครั้ง เข็มวินาทีเคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้าแต่กลับไม่น่าเบื่อในความรู้สึก ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่กานต์รักนั่งอยู่อย่างนั้น แม้ขาจะชาจนปวดหนึบแต่ใจกลับอิ่มเอม มุมปากบางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มจางๆไม่ห่างหาย
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
“อืม...” เรือนร่างสูงใหญ่ขยับพลิกตัวเมื่อรู้สึกว่าได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ เปลือกตาหนาที่ปิดสนิทขยับเปิดขึ้นเชื่องช้า ภาพตรงหน้าพร่าเลือนในคราแรกก่อนการมองเห็นจะค่อยๆชัดเจนขึ้น
“ตื่นแล้วหรือครับ”
กานต์รักเอ่ยถามเมื่อดวงตาคมลืมสบกันนิ่ง คนพึ่งตื่นไม่ตอบแต่กลับหลับตาลงไปใหม่อีกครั้งแล้วขยับตัวลุกขึ้นพร้อมทั้งสะบัดหัวน้อยๆไล่ความมึนงง
“ฉันนอนไปกี่ชั่วโมง” เสียงทุ้มเอ่ยแหบพร่า
“สองชั่วโมงนิดๆครับ”
“ปวดขาหรือเปล่า”
เมื่อรู้ว่าตักเล็กๆนั้นรองรับน้ำหนักของตัวเองเอาไว้ยาวนานถึงสองชั่วโมงแพทริกจึงถามออกมาด้วยความเป็นห่วง และคำตอบที่ได้รับก็คือรอยยิ้มแหยบ่งบอกว่าเจ้าตัวคงรู้สึกปวดขาไม่น้อย
“ทีหลังถ้าปวดก็บอกฉัน ไม่ต้องอดทนเข้าใจหรือเปล่า”
ฝ่ามือหนาวางลงบนหน้าขาเรียวก่อนจะลงน้ำหนักบีบนวดให้เลือดไหลเวียนอย่างแผ่วเบา ร่างบางได้แต่มองการกระทำที่ทำให้อุ่นหัวใจนั้นด้วยรอยยิ้ม ความอ่อนโยนแสดงผ่านทางดวงตาคมโดยที่เจ้าของไม่รู้ตัว
“แค่นี้เองครับ รักไม่เป็นไร”
แพทริกเงยหน้ามองคนที่พูดพร้อมด้วยรอยยิ้มแล้วส่ายหน้าน้อยๆ เรื่องของความเกรงใจและการดูแลเอาใจใส่คนอื่นนี่ต้องยอมเขาเลยจริงๆ ไม่ว่าอย่างไรกานต์รักก็ยังคงเป็นกานต์รักอยู่เสมอ
ฝ่ามือหนายังคงนวดวนอยู่อย่างนั้นกระทั่งความชาและความปวดหนึบหายไป
“รักไปคุยเรื่องงานก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวเราค่อยไปซื้อของทำอาหารเย็นกัน” คนฟังพยักหน้ารับก่อนเรือนร่างบอบบางจะผุดลุกขึ้นเดินออกจากห้อง
แพทริกกลับมากวาดตามองทั่วห้องอีกครั้งเมื่อไม่มีอะไรทำระหว่างรอ กลิ่นอายของกานต์รักยังคงอบอวลอยู่ในนี้ท่ามกลางทุกอย่างที่บ่งบอกความเป็นตัวตน ร่างสูงหยัดตัวขึ้นยืนก่อนจะก้าวเท้าไปสำรวจรอบๆอย่างถือสิทธิ์ ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เพลิดเพลินอยู่อย่างนั้นกระทั่งประตูถูกเปิดเข้ามา
แกร๊ก
“ทำอะไรอยู่ครับ”
เจ้าของห้องเยื้องกรายเข้ามาพร้อมกับเอ่ยถามยามเห็นคนตัวโตมีกรอบรูปอยู่ในมือ คิ้วได้รูปเลิกขึ้นเล็กน้อยด้วยความสงสัย
“กำลังสำรวจห้องนาย”
เอ่ยตอบพรางยักไหล่ก่อนจะวางกรอบรูปในมือลงตำแหน่งเดิม คำตอบนั้นจุดรอยยิ้มหวานให้เกิดขึ้นก่อนเจ้าของห้องจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า
“อยากสำรวจอะไรอีกหรือเปล่าครับ”
คนถูกถามกวาดตามองไปรอบห้องอีกครั้งก่อนใบหน้าคมจะส่ายไปมาบ่งบอกว่าไม่ต้องการ กว่ากานต์รักจะเข้ามาก็นานพอสมควรที่จะทำให้สำรวจทุกอย่างได้ครบถ้วนแล้วเรียบร้อย
“งั้นเราไปซื้อของกันนะครับ”
เมื่อคิดถึงอาหารมากมายหลายชนิดและการลงมือทำก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ กานต์รักชอบอะไรแบบนี้ ชอบการจ่ายตลาด ชอบการทำอาหาร
แพทริกตอบรับในลำคอก่อนจะกอบกุมมือเล็กเอาไว้แล้วเป็นฝ่ายก้าวนำ ทั้งสองเดินเคียงคู่กันออกมาท่ามกลางสายตาของพนักงานและลูกค้าที่เมียงมองตาม รถยนต์คันหรูแล่นมาจอดตรงหน้ายามผู้เป็นนายหยุดยืนอยู่หน้าร้าน ประตูสองข้างถูกเปิดรอรับก่อนจะปิดลงในเวลาต่อมา
ตลาดคือพื้นที่ขายของซึ่งถูกจัดแบ่งออกเป็นส่วนๆเพื่อจำหน่ายสินค้าอันหลากหลาย ทั้งของสด ของคาว อาหารสำเร็จรูป และอื่นๆ กานต์รักมองสถานที่ตรงหน้าด้วยความตื่นตาเนื่องจากไม่ได้มีโอกาสบ่อยนักในการมาที่นี่ คนตัวโตซึ่งยังคงอยู่ในชุดทำงานดูไม่เหมาะจะเดินเข้าไปจนร่างเล็กต้องเอ่ยถาม
“คุณแพทเดินได้นะครับ”
ความไม่มั่นใจเป็นห่วงคนรักถูกแสดงผ่านทางสีหน้า คนถูกถามไม่ได้ตอบกลับในสิ่งที่อีกคนกังวลเกินควร แพทริกทำเพียงแค่คว้ามือเล็กแล้วก้าวเดินเข้าไปโดยไม่รั้งรอ
“ปลาสดๆจ้า พึ่งลงจากเรือใหม่ๆ สดกว่านี้ไม่มีแล้ว กิโลละ80บาทเลยจ้า”
“อาหารทะเลค่า อาหารทะเล หอย ปู หมึก กุ้ง มีหมดนะจ๊ะ ต้องการอะไรสั่งได้เลย น้ำจิ้มซีฟู๊ดเราก็ขายยย”
เสียงโฆษณาสินค้าของแต่ละร้านดังเซ็งแซ่ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามา กลิ่นคาวชวนมึนหัวทำเอานักธุรกิจซึ่งเคยเดินเพียงแค่บริษัทและห้างต้องย่นหน้าด้วยเพราะไม่คุ้นชิน ขณะที่ใบหน้าหวานระบายยิ้มบาง
“จะซื้ออะไรบ้าง”
แม้ว่าจะมึนหัวและจมูกไม่น้อยหากแต่พอเห็นคนข้างตัวไม่มีอาการใดๆแพทริกจึงอดทนนิ่ง ถ้ากานต์รักทนได้ทำไมเขาจะทนไม่ได้
“อืม...อาหารทะเลครับ”
หันมาเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม เมนูที่คิดเอาไว้ในหัวถูกวาดภาพออกมาช้าๆ ตลอดทางนั้นกานต์รักครุ่นคิดของที่ต้องซื้อไม่หยุด ก่อนจะได้ข้อสรุปว่าจะเน้นพวกสัตว์ทะเลเป็นหลัก
“ไปร้านนั้นกันครับ”
เพราะมือเล็กถูกกอบกุมเอาไว้ไม่ยอมปล่อยยามจะเคลื่อนไหวจึงต้องเอ่ยบอกอีกคน กระทั่งใบหน้าคมกดลงเป็นสัญญาณอนุญาตสองขาเรียวจึงก้าวพาคนตัวโตเดินตรงไป รอยยิ้มบางถูกส่งให้เหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่เอ่ยเรียกไม่หยุดจนทุกคนแทบเคลิ้มไปหมด
“หอย ปู หมึก กุ้ง สดๆทั้งนั้นนะคะคุณ เลือกได้ สั่งได้จ้า” ทันทีที่ก้าวมาหยุดอยู่หน้าร้านแม่ค้าวัยกลางคนก็รีบเข้ามาบริการลูกค้าทันใด
“เลือกดูได้ใช่ไหมครับ”
“ตามสบายเลยจ้า...นี่ตะกร้านะจ๊ะ”
กานต์รักยิ้มรับยามแม่ค้าส่งตะกร้ามาวางตรงหน้าแล้วหันไปเรียกลูกค้าทางด้านอื่น ใบหน้าเล็กเคลื่อนต่ำลงเพื่อมองบรรดาของสดให้ชัดก่อนมือข้างที่ว่างจะยกขึ้นมาจับกุ้งพลิกดูทีละตัว
“สดๆทั้งนั้นเลยครับคุณแพท”
คนตัวโตทำเพียงแค่ยืนนิ่งมองคนรักที่จับนู้นจับนี่ขึ้นมาดู ปากเล็กขยับพึมพำราวกับพูดด้วยหากแต่น่าจะเป็นการพูดกับตัวเองเสียมากกว่า
“เราซื้อไปเยอะหน่อยได้ไหมครับ เผื่อลูกน้องของคุณแพทด้วย อยากจะกินอะไรก็จะได้ทำกัน”
กานต์รักหันมาถามคนข้างตัวเมื่อเห็นของสดตรงหน้าแล้วนึกเผื่อแผ่ไปถึงคนอื่นๆ ทุกคนดูแลและปรนนิบัติตนไม่ต่างจากที่ทำกับแพทริกจนอยากจะตอบแทนอะไรเล็กๆน้อยๆบ้าง
“ตามใจ...เอาซักอย่างละ15กิโลพอหรือเปล่า”
“น่าจะพอครับ”
ประโยคสนทนาที่ทำให้เจ้าของร้านซึ่งกำลังจะเดินผ่านหยุดชะงัก ตาเบิกกว้างขึ้นก่อนจะรีบก้าวเข้ามาหาคนทั้งคู่ด้วยความรวดเร็ว
“ว่าไงจ๊ะ จะเอาเท่าไหร่เอ่ย”
“เอาทุกอย่างอย่างละ15กิโลครับ”
“ดะ ได้จ้ะ ได้...ไอ้ชายโว้ยยย มาเร็วโว้ย ลูกค้าเหมาร้าน”
กานต์รักสะดุ้งกับเสียงตะโกนนั้นเล็กน้อยก่อนดวงตาโตจะมองตามเจ้าของร้านซึ่งรีบเดินไปอีกทางปริบๆ จากนั้นไม่นานความโกลาหลย่อมๆก็เกิดขึ้น
“เดินไปดูอย่างอื่นต่อเถอะ เดี๋ยวให้แซมจัดการตรงนี้ไป”
พูดพร้อมกับส่งสายตาให้ลูกน้องเข้ามาจัดการต่อ คนตัวเล็กพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปอีกทางเพื่อซื้อของที่ต้องการ กานต์รักเดินดูแทบจะทุกร้าน นอกจากอาหารทะเลแล้วยังมีอีกหลายร้านที่แทบจะถูกเหมาทั้งหมด รอยยิ้มหวานประดับบนใบหน้าอยู่ตลอดแม้ว่าอากาศจะร้อนไม่น้อย ขณะที่ฝ่ามือเล็กก็ถูกกอบกุมไม่ห่าง
“คุณแพทครับ รักอยากทานอันนั้น”
เมื่อซื้อของสำหรับทำอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยตอนนี้จึงเป็นเวลาของเด็กน้อยที่วิ่งเข้าออกร้านนู้นร้านนี้เป็นว่าเล่น ส่วนมากนั้นมักจะเป็นของกินเล่นและขนมเสียมากกว่า
แพทริกมองตามมือเล็กซึ่งชี้ไปยังร้านขายขนมไทยที่เขาไม่รู้จักชื่อ ตาโตเป็นประกายวาววับก่อนอีกฝ่ายจะรั้งให้ต้องเดินตาม
“ชิมดูก่อนได้นะจ๊ะ”
เจ้าของร้านคือคุณยายที่ยังคงดูทะมัดทะแมงและท่าทางใจดี ร่างบางยิ้มรับก่อนจะลองจิ้มขนมซึ่งถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆขึ้นมาชิม ก่อนจะจิ้มอีกหนึ่งชิ้นแล้วยื่นมาจ่อริมฝีปากได้รูปของคนข้างตัว
“ลองชิมดูครับ อร่อยมากเลย”
คุณยายเจ้าของร้านมองท่าทางเอาใจใส่ของคนตัวเล็กพร้อมทั้งอมยิ้ม เธอผ่านอะไรมาเยอะเข้าใจดีว่าทุกวันนี้โลกได้เปลี่ยนแปลงไปโดยมีอิสระและเปิดกว้างมากขึ้น ไม่ได้นึกแปลกใจซักนิดยามเห็นคนทั้งสองเคียงข้างพร้อมทั้งจับมือกันไม่ห่าง คนนึงตัวโตหน้านิ่งหากแต่เดินตามและไม่ยอมปล่อยอีกคนให้ห่างตัว ขณะที่อีกคนนั้นก็ดูอ่อนโยนเรียบร้อยเหมาะสม
ปากได้รูปอ้ารับสิ่งที่คนรักป้อนก่อนจะเคี้ยวช้าๆสัมผัสรสชาติของความหอมหวาน แพทริกไม่เคยทานมันมาก่อน ทันทีที่ได้ลิ้มรสความหวาน นุ่ม หอม มัน ก็แผ่ซ่านไปทั่ว
“อืม อร่อยดี”
“งั้นซื้อไปฝากทุกคนด้วยนะครับ...เอายี่สิบกล่องครับ” ประโยคหลังคนหน้าหวานหันมาบอกกับคุณยายเจ้าของร้าน
“ได้จ้ะ”
แม่ค้าเบิกตากว้างขึ้นนิดๆก่อนจะรีบหยิบกล่องขนมใส่ถุงให้อย่างรวดเร็ว ขณะที่ร่างสูงนั้นทำเพียงแค่หยิบเงินออกมาจ่ายก่อนจะส่งให้ลูกน้องรับไปเก็บ
“ขอบคุณมากนะจ๊ะ” กานต์รักยิ้มรับพร้อมกับโค้งหัวให้คนอายุมากกว่าเล็กน้อยก่อนจะเดินต่อไปยังโซนผลไม้
สรุปแล้วกว่าจะได้กลับบ้านกานต์รักก็เดินดูของแทบจะหมดตลาด ซื้อของมากมายเสียจนต้องให้ลูกน้องเอามาเก็บที่บ้านถึงหนึ่งคันรถ
“อยากทำอะไรก็บอกแม่บ้านเขาจะได้ช่วย เยอะขนาดนี้นายทำคนเดียวคงไม่ไหว” เสียงทุ้มเอ่ยบอกขณะกำลังเดินเข้าบ้าน คนข้างตัวพยักหน้ายิ้มรับพลางคิดถึงเมนูที่จะทำไปในหัว
“กลับมากันแล้วหรือคะ”
ทว่าเสียงนุ่มอ่อนโยนของผู้มีอายุกลับรั้งให้คนที่จมอยู่กับความคิดของตัวเองกลับมาสนใจสิ่งตรงหน้า สองขาเรียวหยุดเดินก่อนดวงตาโตจะเบิกขึ้น
“ป้าน้อย!”
แม่บ้านผู้ใจดีซึ่งเคยดูแลกานต์รักเมื่อคราอยู่ห้องของแพทริกปรากฎตัวอยู่ตรงหน้า รอยยิ้มยินดีเผยออกกว้างก่อนจะขยับเดินเข้าไปหาร่างท้วมนั้นด้วยความรวดเร็ว
“สวัสดีครับ”
กล่าวทักทายพร้อมกับยกมือไหว้ผู้อาวุโสจนอีกฝ่ายรับไหว้แทบไม่ทัน ก่อนหน้านี้แพทริกบอกว่าป้าน้อยลากลับบ้านเพราะหลานไม่สบายจึงไม่มีโอกาสได้เจอ ร่างสูงเองก็ไม่รู้ว่าแม่บ้านคนเก่งจะกลับวันไหนเพราะลาแบบไม่มีกำหนด กานต์รักยังแอบเสียใจที่ไม่ได้เจอกันหากแต่วันนี้ก็ดีใจที่สุด
“สวัสดีค่ะ ดีใจที่ได้เจอคุณรักนะคะ หน้าตาดูอิ่มเอิบขึ้นเยอะเลย” หญิงชรากล่าวพร้อมรอยยิ้มเอ็นดู ร่างเล็กดูมีน้ำมีนวลหน้าตาก็บ่งบอกถึงความสุขได้เป็นอย่างดี
“รักอ้วนขึ้นครับ...คิดถึงป้าน้อยนะครับ แล้วนี่หลานเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นหรือยัง”
ประโยคห่วงใยนั้นทำเอาคนแก่ซาบซึ้งใจไม่น้อย เพราะกานต์รักเป็นอย่างนี้เธอถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายคู่ควรกับแพทริกเป็นที่สุด น่ารักทั้งกายและใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
“ดีขึ้นแล้วค่ะ...ได้ข่าวว่าวันนี้ไปเหมาตลาดมา จะเข้าครัวเลยหรือเปล่าคะ เดี๋ยวป้ากับเด็กๆจะช่วยเป็นลูกมือ”
แพทริกมองคนต่างอายุที่ยืนคุยกันพร้อมรอยยิ้มโดยไร้ซึ่งคำพูด ดวงตาคมสบกับคนแก่กว่าอย่างมีความหมาย ขณะที่คนรักก็พูดเจื้อยแจ้วไม่มีท่าทีว่าจะสนใจกัน
“ขอบคุณครับ งั้นเดี๋ยวรักขอขึ้นไปเปลี่ยนชุดก่อนนะครับ”
“ค่ะ เดี๋ยวป้าเตรียมของไว้รอที่ครัวนะคะ”
ร่างบางรับคำเสียงร่าเริงก่อนจะหันมาบอกคนตัวโตราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้ แพทริกส่ายหน้าน้อยๆยามมองตามกานต์รักไปด้วยสายตาอ่อนแสง
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะ”
คราวนี้ถึงตาตัวเองทักทายผู้เป็นแม่บ้าน ป้าน้อยถือเป็นส่วนสำคัญไม่น้อยที่ทำให้แพทริกและกานต์รักลงเอยกัน เป็นคนที่ดูแลทั้งบ้านและตัวเขามาอย่างยาวนาน
“ค่ะ ขอบคุณคุณแพทที่ช่วยจัดการทุกอย่างให้นะคะ พระคุณครั้งนี้ป้าจะไม่มีวันลืมเลย”
หลานเธอมีอาการป่วยค่อนข้างหนัก และเป็นแพทริกที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเรื่องหาหมอผู้เชี่ยวชาญและเรื่องเงินจนอาการดีขึ้นและหายสนิท ทุกอย่างคนเป็นเจ้านายจัดการให้หมดทั้งสิ้น
“อย่าพูดอย่างนั้น ป้าก็เป็นเหมือนคนในครอบครัวเรา...เอาล่ะ เข้าครัวเถอะ อีกหน่อยกานต์รักคงลงมาแล้ว”
“ค่ะคุณแพท” แม่บ้านคนเก่งโค้งตัวให้ผู้เป็นนายก่อนจะก้าวเท้าไปทางห้องครัวตามคำสั่ง ขณะที่แพทริกก็หมุนตัวก้าวขึ้นห้องตามกานต์รักไป
แกร๊ก
เสียงประตูห้องถูกเปิดและปิดดังขึ้นในความเงียบ ก่อนเรียวขาแข็งแรงภายใต้กางเกงสแล็คจะหยุดชะงักเมื่ออีกคนเดินออกมาในชุดสบายสำหรับอยู่บ้าน
“รักลงไปทำอาหารก่อนนะครับ” เอ่ยบอกพร้อมทั้งยิ้มกว้าง
“พอป้าน้อยมาก็ลืมฉันเลย”
“ไม่ใช่นะครับ”
ร่างเล็กรีบขยับตัวเข้าหาเมื่ออีกคนเอ่ยออกมาด้วยเสียงเรียบนิ่ง ใบหน้าหวานสลดลงกับคำพูดนั้น รู้ตัวว่าออกอาการดีใจจนออกนอกหน้าหากแต่ไม่เคยใส่ใจคนรักน้อยลงเลยแม้แต่น้อย
คุณแพทเหมือนจะน้อยใจ...
“เปล่าแต่พอเจอหน้าก็วิ่งเข้าหา คุยกันโดยไม่สนใจฉัน ขนาดขึ้นห้องยังไม่รอ”
“รักแค่...ดีใจที่ได้เจอกับป้าน้อยอีกครั้ง ไม่ได้ลืมคุณแพทนะครับ”
ใบหน้าหวานก้มลงต่ำจนมองเห็นเพียงปลายเท้าของอีกคน แม้จะไม่เข้าใจนักว่าตัวเองทำผิดร้ายแรงถึงขนาดต้องโดนโกรธเลยหรือแต่ก็ยอมรับผิดแต่โดยดี ไม่ว่าอย่างไรแล้วการโดนคุณแพทโกรธก็ไม่ใช่เรื่องดีทั้งนั้น
“หึ” ความเงียบดำเนินไปได้ไม่นานเสียงหัวเราะในลำคอแกร่งก็ดังขึ้นจนกานต์รักรีบเงยหน้ามอง ใบหน้าคมที่เรียบนิ่งเมื่อครู่กลับมีรอยยิ้มสนุก ดวงตาคมมีแววขบขัน
“คุณแพทแกล้งรัก”
ปากเล็กเบะออกน้อยๆจนคนขี้แกล้งหลุดหัวเราะเสียงดังอย่างไม่วางฟอร์ม แพทริกแค่อยากรู้ว่าหากเขาไม่พอใจแม้แต่เรื่องเล็กน้อยไร้สาระกานต์รักจะทำอย่างไร แค่เพียงแกล้งทำหน้านิ่งอีกฝ่ายก็คิดไปไกลทำหน้าสลดเสียแล้ว
และนั่นคือสิ่งที่แพทริกชอบใจ มันบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ากานต์รักแคร์เขามากแค่ไหน
“ก็นายมันน่าแกล้ง”
พูดไปทั้งที่ยังคงยกยิ้ม แพทริกเองก็พึ่งรู้ว่าตัวเองเป็นคนขี้แกล้งยามชอบทำมันกับคนรัก พอเห็นใบหน้าหวานที่มักดูอ่อนโยนแสดงอารมณ์ด้านอื่นก็รู้สึกสนุกไม่น้อย
“คราวหลังต่อให้คุณแพทโกรธจริงรักก็ไม่ง้อแล้ว” คำพูดราวกับโกรธทว่าใบหน้าหวานกลับทำเพียงแค่ยู่ปากน้อยๆเท่านั้น
“โอ๋ ฉันแค่แกล้งเล่น”
“ไม่พูดกับคุณแพทแล้ว...รักเตรียมเสื้อผ้าให้แล้วนะครับ เดียวรักจะลงไปทำอาหารก่อน”
แม้อาการก่อนหน้าจะดูเหมือนงอนหากแต่การดูแลก็ยังคงไม่ลดน้อยลง แพทริกพยักหน้ารับไม่ได้เย้าแหย่อีกคนต่อก่อนจะโน้มตัวไปกดจูบแก้มเนียนใสหนึ่งทีราวกับง้องอนกับเหตุการณ์เมื่อครู่
“ฉันจะรอทาน” คนโดนฉวยโอกาสเบะปากใส่เหมือนเด็กโดนแกล้งแต่สุดท้ายก็หลุดยิ้มออกมา
ทันทีที่ร่างเล็กเดินออกจากห้องแพทริกก็หมุนตัวก้าวไปทางห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากอยู่ในชุดสำหรับอยู่บ้านเรียบร้อยจึงก้าวพาตัวเองไปยังห้องทำงานระหว่างรอ พ่อ แม่ และพี่ชายกลับมา
กว่าแด๊ด มัม และปีเตอร์จะกลับบ้านก็เป็นเวลากว่าสองทุ่มเศษ กานต์รักทำอาหารทุกอย่างจนเสร็จพอดีเหลือเพียงแค่ให้แม่บ้านจัดขึ้นโต๊ะให้เรียบร้อย กรอบหน้าหวานชื้นเหงื่อจนแพทริกต้องยกข้อนิ้วขึ้นมาเช็ดออกให้แผ่วเบา
“ว๊าว น่าทานมากเลย รักทำหมดเลยเหรอจ๊ะ”
อาหารมากมายค่อยๆถูกทยอยนำมาวางบนโต๊ะ คนทำพยักหน้ารับพร้อมทั้งระบายยิ้มตอบ ไม่แน่ใจนักว่าอาหารที่ตัวเองทำนั้นจะถูกปากทุกคนหรือไม่เพราะเป็นอาหารไทยทั้งหมด
“มีคนช่วยหลายคนเลยครับ...ไม่รู้ว่าจะถูกปากกันหรือเปล่า”
“แค่เห็นมัมก็รู้แล้วว่าต้องอร่อย”
“งั้นก็รีบเลยครับ มัม แด๊ด เพราะผมหิวมาก”
ปีเตอร์พูดขึ้นพลางทรุดตัวนั่งลงในตำแหน่งของตัวเอง วันนี้ทั้งสามคนนั้นออกไปจัดการธุระกระทั่งพึ่งกลับมาเมื่อครู่ หิวจนไส้กิ่วยามเห็นอาหารหน้าตาน่าทานวางเรียงรายอยู่กระเพาะจึงส่งเสียงประท้วงทันที
ทุกคนขยับนั่งลงตำแหน่งของตัวเองเรียบร้อย ตลอดมื้ออาหารกานต์รักถูกชมเปาะไม่ขาดปากจนทำได้เพียงแค่ยิ้มรับด้วยความขัดเขิน อาหารถูกทำมากมายเผื่อแผ่ไปจนถึงลูกน้องทุกคน ส่วนหนึ่งก็ให้คนเอาไปส่งพร้อมกานต์และคนดูแลของตัวเอง เห็นทุกคนชมว่าอร่อยแค่นี้คนทำก็ปลื้มใจ
“มัม ผมจะเข้านอนแล้ว” แพทริกเอ่ยพูดกับคนเป็นแม่เมื่อตอนนี้เวลาล่วงเลยมากระทั่งถึงห้าทุ่ม มัมกักตัวคนรักของเขาเอาไว้โดยไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อยจนต้องเอ่ยปาก
“แพทก็นอนไปสิ มัมจะอยู่กับรัก...วันนี้รักไปนอนกับมัมไหมจ๊ะ เดี๋ยวให้แด๊ดไปนอนอีกห้อง”
นอกจากจะไม่ยอมคืนคนรักให้แล้วยังจะเอาตัวไปนอนด้วยอีกต่างหาก ร่างสูงรีบทรุดตัวลงนั่งก่อนจะรั้งร่างบางให้ขยับเข้าหาอย่างหวงแหน หากไม่ได้นอนกับกานต์รักแพทริกไม่มีทางยอม
“รักต้องนอนกับผมเท่านั้น”
“ถามรักก่อนดีไหม รักอาจจะอยากนอนกับมัมก็ได้”
คนเป็นแม่เอ่ยเพียงเพื่อแกล้งลูกชายเท่านั้น แต่แค่นี้แพทริกก็ออกอาการจนเธอแทบจะหลุดหัวเราะ ท่าทางดึงรั้งกานต์รักให้ขยับเข้าหานั้นราวกับเด็กหวงของไม่มีผิด
“ผมไม่ให้นอน...ถ้ามัมอยากจะคุยกับรักก็รอพรุ่งนี้ ตอนนี้มันเป็นเวลาของผม ฝันดีครับ”
พูดเพียงเท่านั้นก่อนฝ่ามือหนาจะรั้งต้นแขนเล็กให้ผุดลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว กานต์รักไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้ร่ำลามัมเลยด้วยซ้ำ
“คุณแพทครับ”
เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องส่วนตัวกานต์รักก็เอ่ยเรียกอีกคนพร้อมกับยิ้มบาง อาการหน้านิ่งบ่งบอกว่าเจ้าตัวคงหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าแพทริกเองก็มีมุมเด็กอยู่เหมือนกัน
“มัมแค่แกล้งคุณแพทเท่านั้นเองครับ”
“ใครๆก็รักนายจนแย่งเอาเวลาฉันไปหมด จับไปขังไว้ที่ห้องซะเลยดีไหม”
รั้งเอวเล็กให้ขยับเข้าหาพลางแกล้งกอดรัดอีกคนแน่นจนกานต์รักหลุดหัวเราะ แขนเรียวขยับยกขึ้นคล้องลำคอแกร่งพลางอมยิ้ม
“งั้นรักไถ่โทษด้วยการถูหลังให้ดีไหมครับ”
พูดออกมาเสียงแผ่ว ขัดเขินกับคำพูดของตัวเองไม่น้อยแต่ถึงอย่างนั้นก็อยากเอาใจคนที่รู้สึกว่าตัวเองโดนแย่งเวลาไปจนหมด
ทันทีที่ได้ยินดวงตาคมก็ทอประกายวาววับ ไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรต่อร่างเล็กก็ลอยหวือเข้าสู่อ้อมแขนแข็งแรงจนกานต์รักหลุดเสียงอุทานออกมา อีกคนสาวเท้ายาวๆอย่างมั่นคงไปทางห้องน้ำโดยไม่รีรออะไรทั้งสิ้น
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋