ตอนที่ 17
“อะ อื้อ พอแล้วครับ”
กานต์รักพยายามผละตัวออกห่างจากสัมผัสที่ชวนมัวเมาด้วยความยากลำบาก เสียงเอ่ยเตือนแผ่วเบาไร้ซึ่งน้ำหนักจนแทบไม่เป็นผล นานหลายนาทีที่สัมผัสแลกเปลี่ยนทุกความรู้สึกของกันและกัน กระทั่งสัมผัสนั้นเริ่มรุกเร้ามากขึ้นจึงต้องรีบหักห้าม
“ไม่พอ”
คำพูดแสนเอาแต่ใจถูกเอ่ยตอบพร้อมกับริมฝีปากร้ายกาจที่ยังไม่ยอมผละออก ร่ำๆจะทาบทับลงมาดูดดึงจนคนห้ามต้องพยายามเบี่ยงหลบ
“ฮื่อ พ่อกับแม่แล้วก็พี่ชายรักรออยู่ข้างนอกนะครับ”
เสียงถอดถอนลมหายใจร้อนดังขึ้นข้างซอกคอจนมือเล็กต้องเอื้อมมาลูบหลังคอแกร่งอย่างแผ่วเบาเพื่อปลอบประโลม'
กานต์รักเองก็โหยหาอีกฝ่ายไม่ต่างกัน
“เอาไว้คืนนี้นะครับ...ระ รักจะตามใจทุกอย่างเลย”
ประโยคแสนน่าอายถูกเอ่ยออกมาราวกับเป็นรางวัลของคนที่อดทน แพทริกผละออกจากซอกคอหอมกรุ่นด้วยสายตาเป็นประกายเมื่อได้ยิน ทอดมองใบหน้าหวานแดงก่ำพร้อมกับยกยิ้มพอใจ
“ก็ได้”
คราวนี้คนตัวโตยอมฟังโดยง่าย พูดจบก็กดจูบลงบนแก้มเนียนแรงๆหนึ่งทีก่อนจะผละออกไป กานต์รักมองใบหน้าคมพร้อมกับหลบสายตาเพราะรู้สึกขัดเขินกับประโยคที่ราวกับยั่วยวนของตัวเอง ใจเต้นแรงเสียจนรู้สึกเจ็บหน้าอก
“จะออกไปเลยหรือเปล่า” แพทริกเอ่ยถาม มองคนที่พยายามหลบตาอย่างเอื้อเอ็นดู
“อะ ออกไปเลยก็ได้ครับ”
กานต์รักเอ่ยตอบเสียงแผ่ว ขาเล็กหมุนพากายกลับไปยังประตูที่อยู่ด้านหลัง แต่แล้วสิ่งหนึ่งที่สงสัยและยังค้างคาก็ดังขึ้นให้ต้องหันกลับมาอีกครั้ง
“รัก...ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”
“ว่ามาสิ”
“ที่คุณแพทบอกว่า...รัก จริงหรือเปล่าครับ”
อีกฝ่ายอาจจะแค่พูดเพราะอารมณ์ชั่ววูบที่กำลังโมโหในตอนนั้น แม้ใจจะฟูฟ่องด้วยความปลื้มปริ่มยามนึกถึงแต่เสี้ยวหนึ่งของความคิดก็ทำให้ฉุกคิดว่ามันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เข้าข้างตัวเอง ประโยคคำถามที่ทำให้แพทริกขมวดคิ้วมุ่น
จริงอยู่ที่ว่าพูดเพราะโมโหแต่หากมันไม่ใช่ความรู้สึกของเขาคำๆนั้นมันไม่มีทางออกจากปากไปแน่นอน
“คิดว่าคนอย่างฉันจะพูดมันออกมาเล่นๆหรือไง” แพทริกพูดพร้อมกับสาวท้าวเข้าไปใกล้
“รักไม่...”
ริมฝีปากร้อนฉกวูบลงมาทาบทับ แพทริกไม่ได้รุกล้ำความหอมหวานไปมากกว่านั้นทำเพียงแค่กดย้ำสัมผัสอย่างแนบแน่น รู้ดีว่าคำพูดต่อมาของกานต์รักคงไม่พ้นประโยคจำพวกความไม่มั่นใจ นานเกือบนาทีถึงผละริมฝีปากออกหากแต่หน้าผากก็ยังซบอิงแอบแนบชิด
“ฉันรักนาย”
“...”
“รักกานต์รัก”
ดวงตาโตที่สบเข้ากับความมั่นคงนั้นไหววูบด้วยความปิติ น้ำตาใสเอ่อมาคลอวาววับ สุ้มเสียงที่เอ่ยอย่างหนักแน่นสลักลึกเข้าไปในหัวใจ คำบอกรักดังก้องไปทั่วจนความรู้สึกแผ่ซ่านตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ภาพใบหน้าคมที่แนบชิดเริ่มพร่ามัว
ราวกับเป็นความฝัน
“รักก็รักคุณแพทครับ อึก”
ท้ายสุดแล้วเสียงสะอื้นก็หลุดออกจากลำคอเล็กเมื่อไม่อาจห้ามความรู้สึกที่ปริ่มล้นเอาไว้ได้ น้ำตาหยดสวยค่อยๆไหลกลิ้งลงบนแก้มเนียน ข้อนิ้วแกร่งจึงยกขึ้นเช็ดมันออกอย่างแผ่วเบา
“ฉันดีใจที่เป็นนาย”
ยิ่งได้รับรู้เรื่องราวจากคนตัวเล็กทั้งหมดแพทริกยิ่งรู้สึกซึ้งใจ ข้างในมันเต็มตื้นจนไม่รู้จะเอ่ยคำไหนออกมาได้ ในชีวิตนี้เขาแทบไม่เคยคิดภาพยามมีคนรักเคียงข้างกาย และวินาทีนี้คนตรงหน้าทำให้รู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นคนที่โชคดีเหลือเกิน ทุกความรู้สึกมันบอกอย่างนั้น
“ขอบคุณนะครับ...”
กานต์รักอยากพูดมากกว่านี้แต่ไม่รู้จะเอ่ยอะไร นึกขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจในวันนั้นอย่างไม่ลังเล ความรู้สึกกว่าสิบปีมันถูกตอบรับราวกับเป็นเรื่องที่ฝันไป
“ฉันต่างหากที่ขอบคุณ”
มือหนากอบกุมใบหน้าเล็กที่มีคราบน้ำตาเอาไว้พร้อมกับส่งยิ้มบางๆ การจะรักใครคนหนึ่งมาเป็นสิบปีมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ในขณะที่เขาแทบไม่รู้ถึงการมีอยู่ของอีกคนแต่ความรู้สึกของกานต์รักกลับไม่แม้แต่จะไขว้เขวไป
“แต่ว่าตอนนี้เราควรจะออกไปข้างนอกได้แล้ว มีอะไรค่อยเอาไว้คุยกันคืนนี้”
ร่างสูงผละตัวออกก่อนมือหนาจะเลื่อนลงมาจับมือเล็ก กานต์รักพยักหน้ารับก่อนจะเป็นฝ่ายเดินตามคนที่กุมมือตัวเองเอาไว้
“เคลียร์กันแล้วสินะ” พร้อมกานต์เอ่ยขึ้นยามเห็นน้องชายเดินตามแพทริกเข้ามายังห้องนั่งเล่น
“อื้อ...แล้วแม่ไปไหนเหรอครับ”
ตอบรับพร้อมกับรีบเอ่ยเปลี่ยนเรื่องด้วยความขัดเขิน กานต์รักขยับทรุดตัวลงนั่งข้างบิดาขณะที่แพทริกนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวทางซ้ายมือ สองสายตาของคนหนุ่มเหลือบมองกันเล็กน้อย แววตาคมยังมีกระแสความไม่เป็นมิตรอยู่จางๆจนพร้อมกานต์ได้แต่ยกยิ้ม
“ทำอาหารให้เราอยู่ในครัวน่ะ” ผู้เป็นพ่อเอ่ยตอบ
“งั้นรักไปช่วยแม่ดีกว่าครับ”
“แม่เขาจัดการได้ เรานั่งคุยกับพ่อก่อนเถอะ...เป็นไงบ้างหือเรา”
สายตาของคนที่ผ่านอะไรมาก่อนเหลือบมองคนทั้งสองไปมา กานต์รักหันมามองใบหน้าคมของคนที่นั่งห่างไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงอ้อมแอ้ม
“รักโอเคแล้วครับ”
“ผมมีเรื่องที่อยากจะพูดกับท่านครับ”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นจนกานต์รักต้องหันหน้ากลับไปหาคนตัวโตอีกครั้ง อีกคนไม่ได้เหลือบมองมาเพราะหันไปสบตากับคนที่อาวุโสกว่า สองสายตาของคนต่างอายุสบกันนิ่ง
“ท่านเทิ่นอะไรกัน เรียกอย่างที่ลูกฉันเรียกเถอะ เป็นคนรักกันแล้วนี่ใช่ไหม”
ประโยคของผู้เป็นพ่อทำเอากานต์รักหันขวับกลับมามองแทบไม่ทัน แก้มเนียนทั้งสองข้างขึ้นสีระเรื่อทันที
“ครับ...คุณพ่อ ผมอยากจะขออนุญาตเป็นคนดูแลกานต์รัก ได้ไหมครับ?”
แพทริกไม่รอช้าที่จะเอ่ยเข้าเรื่องในทันที ขณะที่คนกลางนั้นนั่งหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอายเมื่อทั้งพ่อและคนตัวโตต่างพูดกันออกมาโต้งๆ มือไม้พลันรู้สึกติดขัดจนไม่รู้ว่าควรวางเอาไว้ตรงไหน
“เรื่องความรักของคนสองคนพอใจกันตรงไหนก็แล้วแต่เถอะ คนแก่ไม่อยากเข้าไปยุ่งเพราะเป็นเรื่องระหว่างทั้งสอง ให้ได้เรียนรู้กันเอง ทั้งพ่อและแม่นั้นแล้วแต่ลูกจะตัดสินใจ ขอแค่อย่าทำร้ายกันไม่ว่าจะทั้งทางกายหรือใจก็เป็นพอ”
“ผมสัญญาว่าจะไม่มีวันทำอย่างนั้น” แพทริกเอ่ยด้วยเสียงอันหนักแน่น
“ถ้าอย่างนั้นอยากทำอะไรพ่อแม่ก็ไม่ว่าหรอก ถ้าเจ้าตัวเขาพอใจ แค่ลูกมีความสุขก็พอ”
คนเป็นพ่อเหลือบมองลูกชายตัวเองพร้อมด้วยรอยยิ้มอบอุ่น กานต์รักถลาซุกตัวเข้าหาอกพ่อด้วยความตื้นตัน น้ำตาไหลมาเอ่อคลออีกรอบ
“รักรักพ่อนะครับ”
พร้อมกานต์นั่งมองภาพน้องชายตัวเล็กด้วยความเอ็นดู ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนน้องชายของเขาก็เป็นเพียงเด็กน้อยของทุกคนเสมอ นั่นคือเหตุผลที่กานต์รักเติบโตมาท่ามกลางความรักและการดูแลของทุกคน
“โตจนมีแฟนแล้วยังอ้อนพ่อเป็นเด็กอีกเหรอหืม” มือเหี่ยวย่นตามอายุยกขึ้นมาลูบไล้หัวของลูกคนเล็กไปมาอย่างแผ่วเบา
“รักจะอ้อนพ่อกับแม่ไปจนแก่เลย” กานต์รักเอ่ยตอบเสียงอู้อี้ในขณะที่แพทริกก็มองมาด้วยรอยยิ้มบาง
“อ้อนอะไรพ่อเขาอยู่น่ะหืม ได้เวลาทานข้าวแล้วจ้ะ...ทานข้าวด้วยกันนะ”
ผู้เป็นแม่เดินเข้ามาเอ่ยพูดพร้อมกับกวาดตามองทุกคนในห้องยามเอ่ยประโยคสุดท้ายกับแขก ท่าทางที่เหมือนกับกานต์รักทุกอย่างทำให้แพทริกเข้าใจได้ในทันทีว่าคนรักของตัวเองนั้นถอดแบบจากใครมา
“ไป ไปทานข้าวกัน มีอะไรไว้ค่อยคุยกันทีหลัง”
ผู้ที่มีอำนาจที่สุดเอ่ยขึ้นให้กานต์รักผละออกจากอ้อมกอดของคนเป็นพ่อแล้วลุกขึ้นยืน ตาโตวาววับด้วยน้ำหันมาสบกับร่างสูงก่อนจะส่งยิ้มให้
ทุกคนทยอยเดินตรงไปยังห้องอาหารโดยมีแพทริกและกานต์รักเดินรั้งท้าย ปลายนิ้วทั้งสองเกาะเกี่ยวกันเบาๆไปตลอดทางกระทั่งถึงโต๊ะอาหาร บรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบเรื่อยหากแต่ไร้ซึ่งความอึดอัด แพทริกได้เข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่าอะไรที่หล่อหลอมให้กานต์รักเป็นคนที่แสนอ่อนโยน
ครอบครัวอันอบอุ่น❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
“คุณแพทยังไม่หายโกรธพร้อมอีกหรือครับ”
ร่างเล็กในอ้อมกอดเอ่ยถามขึ้นยามที่ทั้งสองนอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียงภายในห้องของกานต์รัก แพทริกรู้ดีว่าหากจะพาตัวอีกคนไปนอนด้วยก็คงดูไม่ดีเพราะครอบครัวนั้นมาเยี่ยม แต่หากจะให้ต้องนอนห่างกันก็ทำไม่ได้จนสุดท้ายแล้วต้องโทรบอกให้คนเอาเสื้อผ้ามาให้
“ฉันไม่ได้โกรธ”
พอจะเข้าใจแล้วว่าที่อีกฝ่ายทำทั้งหมดนั้นเพื่ออะไร พี่ชายที่รักน้องชายคงไม่ผิดนักที่จะทำอย่างนั้น อีกอย่างตอนนี้พร้อมกานต์ก็ไม่ได้มีท่าทียียวนอีกต่อไปแพทริกจึงไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจอีก
“แล้วทำไมไม่เห็นคุยกันเลยล่ะครับ” ใบหน้าเล็กผงกผละออกจากอกกว้างแล้วเอียงหัวถามคนที่นอนพิงหัวเตียง
“ก็ไม่เห็นมีอะไรต้องคุย”
สัญชาตญาณบางอย่างมันไม่จำเป็นต้องเอื้อนเอ่ย ราวกับว่าพวกเขาสองคนเข้าใจกันดีโดยไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นให้มากความ
“ไม่โกรธพร้อมแล้วแน่นะครับ รักไม่อยากให้คุณแพทกับพี่ชายไม่ชอบหน้ากัน”
“ฉันไม่ได้ไม่ชอบพี่ชายนาย...เอาล่ะ เราคุยกันมานานแล้ว จะตามใจฉันได้หรือยังหืม”
ท่อนแขนแข็งแรงที่โอบประคองเอวเล็กรั้งให้อีกคนขยับเข้ามาแนบชิดกว่าเดิม สายตาคมวาวระยับอย่างสื่อความหมายจนกานต์รักต้องหลบตาวูบ
แพทริกอดทนรอจนตอนนี้คิดว่าคุยและปรับความเข้าใจกันในทุกเรื่องแล้วจึงได้เอ่ยทวง เกือบหนึ่งอาทิตย์ที่ไม่ได้เจอหน้า ไม่ได้สัมผัสกันมันทำให้รู้สึกเหมือนแทบจะทนไม่ไหวยามอีกคนอยู่ใกล้ชิดแบบนี้
“กะ ก็...ทำสิครับ”
ใบหน้าหวานแดงเรื่อพลางรู้สึกได้ถึงไอร้อนที่พวยพุ่งออกมาจากหน้าตัวเอง สายตาโฟกัสอยู่เพียงกระดุมเสื้อนอนเม็ดบนของคนตัวโตอย่างไม่กล้าสบตา
กระทั่งข้อนิ้วแกร่งเชยคางมนให้เงยขึ้น แพทริกมองหน้าคนในอ้อมกอดนิ่งก่อนที่ระยะห่างระหว่างทั้งสองจะสั้นลงเรื่อยๆ จวบจนท้ายที่สุดแล้วความนุ่มหยุ่นก็ทาบทับกันสนิท
แพทริกละเลียดริมฝีปากบางอย่างใจเย็น สัมผัสอย่างเชื่องช้าเพื่อซึมซับทุกความรู้สึก ลิ้นหนาไล้เลียตามขอบปากพร้อมกับกดย้ำเบาๆ ทุกอย่างไม่รีบร้อนราวกับกำลังกินไอติมในหน้าหนาว กานต์รักหลับตาลงแน่น สัมผัสชวนสั่นไหวลุกล้ำเล่นงานก่อนมันจะค่อยๆทวีความรุนแรงขึ้นตามแรงอารมณ์
ร่างเล็กถูกจับพลิกให้นอนอยู่ใต้ร่างทั้งที่สัมผัสยังไม่ละออกจากกัน ความหอมหวานถูกแทรกซึมเข้ามาภายใน เสียงดูดดึงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ กว่าจะรู้ตัวชุดนอนก็โดนถอดออกจนทั้งร่างเปลือยเปล่า ความหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศกระทบเข้ากับผิวจนขนลุกชัน มือหนาลูบไล้บีบเคล้นไปจนทั่วปลุกเร้าให้ตื่นตัว
“อะ อือ อืม” เสียงครางดังขึ้นในลำคอเล็กเมื่อถูกโหมด้วยพายุแห่งอารมณ์ ไม่นานนักทั้งสองก็เปล่าเปลือยแนบชิด ยิ่งไร้อาภรณ์ทุกอย่างยิ่งดูเหมือนจะเร่าร้อนขึ้น
ร่างเล็กนอนบิดเร้ายามนิ้วยาวสอดลึกเข้ามาภายใน ริมฝีปากกัดกันแน่นอย่างพยายามกลั้นเสียงน่าอาย ถึงอย่างนั้นก็ยังเล็ดรอดออกมาเมื่อคนตัวโตควานลึกถูกจุดกระสุน จากความเชื่องช้าแปรเปลี่ยนเป็นรัวเร็วจนตัวกานต์รักสะท้อนตามจังหวะมือที่ขยับเข้าออก
“อื้อ อ๊ะ คะ คุณแพท อะ อา”
เสียงเล็กเอ่ยเว้าวอนยามรู้ตัวว่ากำลังจะทนไม่ไหว ตาโตปรือขึ้นมองคนด้านบนทั้งยังหลุดเสียงออกมาไม่หยุด แพทริกมองภาพแสนเย้ายวนพร้อมกับยกยิ้ม ช่องทางเล็กตอดรัดแรงขึ้นจนต้องเร่งความเร็วให้กระชั้น ไม่นานนักกานต์รักก็ตัวกระตุกเกร็ง เสียงครางหวานกระเส่ายาวเมื่อปลดปล่อยออกมา
ขาเรียวเล็กถูกแยกออกจากกันก่อนแพทริกจะขยับเข้าไปแทรก ช่องทางเล็กสีสดขมิบรัดเชื้อเชิญเมื่อพึ่งจะปลอดปล่อยไปไม่นาน มือหนารูดรั้งแก่นกายตัวเองเพียงไม่กี่ทีก่อนจะสอดกายเข้าไปอย่างเชื่องช้า
“อ่ะ อะ อึก”
ยามรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งร้อนผ่าวที่แทรกผ่านเข้ามาความเสียวซ่านก็ทวีขึ้นจนเสียงครางหวานดังเล็ดรอด กระทั่งร่างกายแนบชิดกันสนิทแพทริกจึงโน้มกายลงไปกดจูบปากบางบวมเจ่อ รอจนร่างกายเล็กพรั่งพร้อมถึงได้เริ่มต้นขยับช้าๆ
ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการแห่งอารมณ์ พอจบสิ้นก็เริ่มต้นใหม่ด้วยความคิดถึงที่มากล้น เป็นอย่างนั้นไปกระทั่งฟ้าสว่างแห่งเช้าวันใหม่มาเยี่ยมเยือน
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
“อือ”
เสียงครางอื้ออึงดังขึ้นยามเจ้าตัวรู้สึกว่ากำลังถูกรบกวนด้วยสัมผัสบางอย่าง เรือนกายเล็กอ่อนระโหยจนแทบไม่มีแรงแม้แต่จะลืมตา รู้สึกเหมือนว่าพึ่งจะได้พักไปไม่นานยามถูกปลุกจึงทำเพียงขยับตัวหนีซุกหน้าเข้ากับผ้าห่มราวกับแมวขี้เซา
“ตื่นได้แล้ว”
เรียวปากได้รูปเอ่ยกระซิบชิดหูของคนที่หลับใหลก่อนจะขยับไปกดจูบตามแก้มนุ่ม ไล้เรื่อยลงมายังซอกคอบางที่มีรอยอยู่มากมาย แพทริกมองคนขี้เซาแล้วได้แต่อมยิ้ม ไม่ได้อยากจะรบกวนคนนอนทว่าตอนนี้เกือบจะเลยเวลาอาหารเที่ยงเข้าไปแล้ว
“อื้อ รักง่วง” ใบหน้าหวานหดคอหนียามถูกลิ้นสากไล้เลียดูดดึงแผ่วเบา มือหนาเริ่มซุกซนจนกระตุ้นให้รู้สึกตัว
“ตื่นก่อนแล้วค่อยมานอนต่อ”
กระซิบพูดพร้อมกับสันจมูกโด่งที่กดแนบลงสูดดมความหอมจากแก้มใส มือหนาลูบไล้ตามใบหน้าหวานอย่างแผ่วเบา เสยผมที่ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงไปข้างบนจนคนที่ไม่อยากตื่นปรือตาขึ้นมองช้าๆ
“คะ คุณแพท”
เสียงเอ่ยแหบแห้งดังขึ้นยามเห็นคนที่คร่อมตัวอยู่ด้านบนในความเลือนราง ท่อนแขนเล็กถูกยกขึ้นคล้องลำคอหนาก่อนจะซุกซบเข้าหา
“ฮื่อ รักขอนอนต่อนะครับ”
คนทำนั้นทำเพียงเพื่อให้ตัวเองได้นอนต่อโดยไม่ได้มีสติจะคำนึงเลยว่าการกระทำเช่นนั้นมันเล่นงานแพทริกแค่ไหน ท่าทางออดอ้อนทำใจแกร่งกวัดไกว่จนนึกอยากจะฟัดคนใต้ร่างให้จมเตียง ฟันขาวขบเข้าหากันอย่างพยายามข่มอารมณ์พลุกพล่าน
“ลุกมากินข้าวซักหน่อยเถอะ เดี๋ยวจะปวดท้องเอา พ่อกับแม่นายคงเป็นห่วง” ลูกชายยังไม่ออกจากห้องไปทานข้าวซักมื้อป่านนี้ท่านทั้งสองคงเป็นห่วงไม่น้อย
“อื้อ รักง่วง”
พูดแล้วก็ขยับซุกซบเข้าอีกจนลมหายใจอุ่นจากจมูกเล็กกระทบเข้ากับซอกคอ แพทริกส่ายหน้าเล็กน้อยพลางพยายามชันตัวขึ้นไม่ให้ทิ้งลงไปทับอีกคน
“ทานข้าวแล้วค่อยนอนต่อนะคนดี” เสียงทุ้มเอ่ยนุ่มเสียจนคนง่วงลืมตาพรึบ คำเอ่ยเรียกแสนหวานทำให้ความง่วงงุนแทบปลิวหาย กานต์รักตัวแข็งทื่อ ใจสั่นไหวจนแม้แต่คนที่แนบตัวใกล้ชิดยังรู้สึก แพทริกยกยิ้มกับท่าทางนั้นอย่างพอใจ ดูเหมือนว่าวิธีนี้จะได้ผล
“ตื่นหรือยัง”
แพทริกผละตัวออกห่างเพื่อมองหน้าคนใต้ร่าง ก่อนภาพตรงหน้าจะทำให้อดอมยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้ ตาโตค้างนิ่งราวกับกำลังมึนเบลอ แก้มเนียนใสแดงเรื่องน่ามอง
“ตะ ตื่นแล้ว ครับ”
ความง่วง ความขัดเขินและใจที่เต้นรัวทำเอากานต์รักมึนงงไปหมด ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าควรจะโฟกัสสายตาไปตรงไหน หากจะมองใบหน้าคมก็ดูเหมือนความร้อนจะแล่นเล่นงานใบหน้าเพิ่มขึ้นจนต้องหลบวูบ
“หึ อาบน้ำเองไหวหรือเปล่า”
เอ่ยถามพลางลูบแก้มกลมนั้นเบาๆ เมื่อคืนแพทริกไม่ได้ยั้งใจหรือยั้งอารมณ์เลยซักนิด ช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกันถูกทดแทนด้วยความเร่าร้อนจนฟ้าสว่าง ไม่รู้ว่าตอนนี้คนที่เป็นฝ่ายรองรับความต้องการอันมากล้นอย่างกานต์รักนั้นจะมีอาการหนักแค่ไหน
“”วะ ไหวครับ”
แม้จะรู้สึกว่าร่างกายร้าวรานระบมไปหมดทุกอณูทว่าความเขินอายก็มากเกินกว่าจะบอกความจริงออกไปได้ และแพทริกก็เดาท่าทางนั้นได้ทันที
คนด้านบนหยัดตัวขึ้นนั่งก่อนท่อนแขนแข็งแรงจะสอดเข้ารองรับเรือนกายเล็กแล้วก้าวลงจากเตียงด้วยความรวดเร็ว
“อ๊ะ!” แขนเล็กกวัดรัดรึงรอบคอแกร่งตามสัญชาตญาณและความตกใจ ทั้งร่างสวมเพียงเสื้อนอนตัวโคร่งที่แทบจะปิดอะไรไม่ได้ซักนิด คราวนี้กานต์รักตื่นเต็มตา
“คุณแพทครับ รักอาบเองได้” น้ำเสียงแหบพร่ากว่าเคยเอ่ยบอกเสียงสั่นขณะที่คนตัวโตก้าวย่างไปทางห้องน้ำด้วยท่าทางมั่นคง
“ฉันอยากอาบให้”
ฝ่าเท้าถูกยกขึ้นดันประตูห้องน้ำให้เปิดออก แพทริกที่สวมเพียงกางเกงนอนตัวเดียวอุ้มพาคนในอ้อมแขนเดินตรงไปยังอ่างอาบน้ำก่อนจะวางกานต์รักลงอย่างแผ่วเบา มือหนาเอื้อมไปเปิดน้ำอุ่นให้ไหลลงจนคนไม่ได้ตั้งตัวเกือบถดกายหนี
“ถอดเสื้อออกเร็ว”
“ระ รักอาบเองได้ครับ คุณแพทออกไปก่อนนะ”
อีกคนยังนั่งอยู่บนขอบอ่างอย่างนี้กานต์รักจะกล้าถอดเสื้อออกแล้วอาบน้ำตามปกติได้อย่างไร แค่แผ่นอกแกร่งที่มีร่องรอยจากความร้อนแรงก็พาใจดวงน้อยสั่นไหวไปหมด ยิ่งสายตาคมจดจ้องกันอย่างนี้ทั้งมือและแขนจึงพลันรู้สึกเหมือนเกะกะไปหมด
“ยังจะอายอะไรเห็นกันมาขนาดนี้ น้ำจะเต็มแล้วถอดเสื้อออกเร็ว”
แพทริกเอ่ยเร่ง ไม่เข้าใจนักว่าทำไมจนถึงตอนนี้แล้วกานต์รักยังคงอายยามต้องเปลือยกายต่อหน้ากัน มากกว่ามองก็ทำกันมาถึงไหนต่อไหน แต่เขาก็พยายามเข้าใจว่าธรรมชาติของเมียตัวเองนั้นเป็นคนที่ขี้อายมากกว่าคนทั่วไป กี่ครั้งก็ไม่เคยเห็นว่ากานต์รักจะชิน
กานต์รักมองใบหน้าคมของร่างสูงก่อนจะทำหน้าหนักใจ ท้ายที่สุดแล้วยามถูกสายตากดดันพร้อมกับน้ำที่ไหลเพิ่มขึ้นจนแทบถึงอกมือบางจึงเลื่อนไปจับชายเสื้ออย่างสั่นเทา กระทั่งเสื้อทั้งตัวหลุดออกจากร่างไปเหลือเพียงกายบางขาวเนียนที่มีรอยรักประปรายอยู่จนทั่ว
แพทริกไม่ได้เอ่ยหรือจ้องให้อีกฝ่ายนึกอายไปมากกว่าเดิม ทำเพียงหันไปปิดน้ำให้ก่อนจะหยิบขวดสบู่มาเทลงอ่างพร้อมกับตีให้เกิดฟองจนปกปิดร่างของคนขี้อายจนมิด
“แช่น้ำไปก่อน เดี๋ยวฉันมา”
เสียงทุ้มเอ่ยบอก แพทริกจะออกไปจัดการเตียงที่มีสภาพยุ่งเหยิงก่อนค่อยกลับมาอีกครั้ง พอดีกับที่อีกคนจะได้มีเวลาแช่น้ำให้ร่างกายได้ฟื้นตัวคลายความเมื่อยล้า
“คุณแพทจะไปไหนครับ” ทั้งน้ำอุ่นทั้งความสะเทิ้นอายเล็กๆทำให้คนผิวบางตัวแดงไปหมด ปลายจมูกเล็กแดงเรื่ออย่างน่าเอ็นดู
“ออกไปจัดการอะไรนิดหน่อย แป๊บเดียวเดี๋ยวฉันมา”
ร่างสูงผละตัวลุกขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไป กานต์รักมองตามก่อนจะหันมาขยับตัวให้ได้มุมที่ดีแล้วหลับตาลงพิงขอบอ่างเพื่อผ่อนคลายร่างกาย น้ำอุ่นช่วยให้รู้สึกดีขึ้นจนความเมื่อยล้าเริ่มหายไปทีละน้อย
ไม่นานนักแพทริกก็กลับเข้ามาอีกครั้ง สายตาคมอ่อนแสงลงยามมองไปยังร่างเล็กที่นอนทอดกายนอนพิงขอบอ่างหลับพริ้ม
“อ๊ะ” เพราะมัวแต่ดื่มด่ำกับความสบายตัวกานต์รักจึงไม่รับรู้ถึงการกลับมาของอีกคน กระทั่งมือหนากวักน้ำขึ้นมารินรดไหล่บางจึงสะดุ้งน้อยๆ
“พอแล้วล่ะ เดี๋ยวจะไม่สบาย”
มือหนาลูบไล้ไปตามลำคอและไหล่ให้โดยไม่ได้มีท่าทีลวนลาม แพทริกตั้งใจจะอาบน้ำให้อีกคนจริงๆแม้ว่าจะต้องพยายามหักห้ามใจตัวเองไม่ให้เผลอไผลไปกับความขาวเนียนนุ่มนั้นอย่างยากลำบากก็ตาม
“เดี๋ยวรักอาบเองครับ” เอ่ยตอบเสียงแผ่วทั้งที่ไม่ได้ห้ามหรือต่อต้านสัมผัสจากมือใหญ่เลยซักนิด
“อยู่เฉยๆ”
แพทริกเอ่ยราวกับกำลังดุเด็กน้อยทำให้ปากเล็กหุบฉับพลางขบเม้มเข้าหากัน มือหนาฟอกตัวให้กานต์รัก และอาบน้ำให้ทั้งหมดโดยใช้เวลาไม่นานก่อนจะอุ้มร่างบางออกมาให้แปรงฟันและแต่งตัว คราวนี้กานต์รักยืนยันหนักแน่นว่าทำได้คนตัวโตถึงได้ผละออกไปอาบน้ำ
เมื่อแต่งตัวจนเรียบร้อยก็เป็นจังหวะเดียวกับที่อีกคนออกจากห้องน้ำมาโดยมีผ้าเช็ดตัวผืนเดียวปกปิดช่วงล่าง กานต์รักมองตามด้วยหน้าแดงๆก่อนแพทริกจะเข้าไปในห้องแต่งตัว ร่างเล็กนั่งรออยู่บนเตียงที่ไร้ซึ่งผ้าปูรอไปเรื่อยๆ
“ผ้าปูที่นอนหายไปไหนครับ” กานต์รักเอ่ยถามยามแพทริกเดินเข้ามาหา ร่างสูงอยู่ในชุดสบายๆหากแต่ความดูดีกลับมากล้นจนเผลอมองไม่วางตา
“ฉันเอาออกไปใส่ตะกร้าเอาไว้ซัก แต่ปูผืนใหม่ไม่เป็นเลยปล่อยไว้อย่างนั้น”
“งั้นเดี๋ยวรักจัดการเองครับ” ใบหน้าหวานระบายยิ้มน้อยๆก่อนจะเอ่ยตอบออกไป พอจะเข้าใจว่าทำไมอีกคนถึงทำอย่างนั้น
ผ้าปูที่นอนมีสภาพไม่จืดเลย
“งั้นก็ออกไปทานข้าวได้แล้ว เดินเองได้หรือเปล่า”
หากจะให้ประคองทุกคนคงเดาได้ไม่ยากว่าเมื่อคืนแพทริกและกานต์รักไปทำอะไรมา พร้อมกานต์นั้นไม่เท่าไหร่แต่พ่อกับแม่กานต์รักนี่สิ
“ได้ครับ”
เพราะได้แช่น้ำความรู้สึกขัดๆช่วงล่างจึงเบาบางลงจนสามารถเดินเองได้ แม้จะไม่ปกตินักหากแต่ก็ไม่แย่ถึงขั้นต้องประคอง กานต์รักหยัดตัวลุกขึ้นก่อนจะก้าวนำแพทริกเดินออกไปอย่างช้าๆ
“ตื่นแล้วเหรอหืม” ผู้เป็นแม่เอ่ยถามยามเห็นคนทั้งสองเดินลงมาจากบันได สายตาอ่อนโยนที่มองมาทำให้กานต์รักยิ้มร่าก่อนจะเดินเข้าไปกอดทันที
“ตื่นแล้วครับ”
“ตื่นแล้วก็ไปทานข้าวได้แล้ว เดี๋ยวก็พากันปวดท้อง แม่ทำอาหารไว้ให้แล้วจ้ะ”
“พ่อกับพร้อมล่ะครับ”
“พากันออกไปข้างนอกทั้งคู่ บอกว่าจะไปเที่ยวกันตามประสาหนุ่มๆ”
ใบอ่อนเยาว์เกินอายุส่ายไปมาน้อยๆยามพูดถึงลูกชายคนโตและสามี พากันออกไปเที่ยวแต่เช้าแล้วอ้างว่าจะแวะไปดูร้านด้วยในภายหลัง
“พาพี่เขาไปทานข้าวได้แล้วนั่น ป่านนี้คงหิวจะแย่”
แพทริกยกยิ้มให้กับแม่ของคนรักเล็กน้อย เมื่อวานหลังจากที่ทานข้าวเรียบร้อยเขาก็ได้เข้าไปพูดคุยเรื่องของกานต์รักกับท่านอย่างที่สมควรทำ การวางตัวจึงได้สบายใจขึ้น
“ครับ”
กานต์รักรับคำก่อนจะเดินนำพาแพทริกไปยังห้องครัว อาหารมากมายที่พึ่งถูกอุ่นตั้งวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ คนตัวโตปล่อยให้กานต์รักนั่งเฉยๆก่อนตัวเองจะจัดการให้ทุกอย่าง นี่เป็นมื้ออาหารที่อิ่มใจที่สุดเท่าที่ทั้งสองได้ทานด้วยกันมา การมีอีกฝ่ายทั่งอยู่ตรงข้ามโดยไม่ต้องทนคิดถึงมันดีที่สุดจริงๆ
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋