❀✽ผู้เป็นที่รัก✽❀ :: รายละเอียดการจองหนังสือรอบสต็อก 26/11/2560 p.33
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❀✽ผู้เป็นที่รัก✽❀ :: รายละเอียดการจองหนังสือรอบสต็อก 26/11/2560 p.33  (อ่าน 435900 ครั้ง)

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
มาให้กำลังใจคนเขียน

เพิ่งเห็นจ้า

เดี๋ยวพรุ้งนี้มาอ่าน

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
สู้ๆนะรัก  :กอด1:

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
เพิ่งเข้ามาอ่านจ้า ฝากตัวด้วยย

หลงน้องรัก น้องน่ารัก

ออฟไลน์ ex-soulL

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-7

ตอนที่ 14

     “ทำไมกินแค่นั้น ยังไม่หายคิดมากอีกหรือไง”

     เสียงทุ้มเอ่ยถามคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเมื่อเห็นว่าอีกคนนั้นตักอาหารทานเพียงไม่กี่อย่าง มือเล็กที่จับช้อนอยู่เริ่มทำงานเชื่องช้ากระทั่งในที่สุดก็ทำเพียงเขี่ยอาหารไปมา สายตาคมจับจ้องอากัปกิริยานั้นจนเมื่อทนไม่ไหวจึงเอ่ยขึ้น

     ตั้งแต่ที่คุยกันเสร็จแพทริกก็พากานต์รักมายังร้านอาหาร ท่าทางของอีกคนดูท่าว่าจะดีขึ้นมากแล้ว แม้จะยังดูไม่สดใสอย่างเคยแต่ก็ไม่ได้น่าเป็นห่วงซักเท่าไหร่

     “รักรู้สึกดีขึ้นแล้วครับ แต่ปกติไม่ค่อยทานอาหารอิตาเลียนเท่าไหร่ กินทีเลยได้แค่เท่านี้” รอยยิ้มบางถูกจุดขึ้นบนใบหน้าหวานพร้อมกับเอ่ยอย่างเรียบเรื่อย

     กานต์รักไม่ได้คิดมากแล้ว แม้จะหลงเหลือความรู้สึกวูบโหวงอยู่จางๆทว่าก็ไม่ได้หนักหนาจนทำให้รู้สึกแย่เหมือนเมื่อครู่ อาหารตรงหน้าที่แพทริกสั่งมามากมายถูกร่างเล็กทานไปเพียงไม่กี่อย่างเพราะโดยปกติแล้วนั้นไม่ใช่คนที่ชอบทานอาหารต่างชาติมากนัก

     “ไม่ชอบ?”

     “เปล่าครับ รักกินได้เพียงแต่ไม่ได้กินบ่อย”

     ด้วยเพราะรู้สึกว่าอาหารต่างชาตินั้นค่อนข้างให้ความรู้สึกเลี่ยน เวลาทานจึงอิ่มแบบตื้อๆไม่เหมือนกับอาหารไทยที่เบาท้องมากกว่า

     “คราวหลังถ้าไม่กินอะไรก็บอกฉันได้”

     แพทริกเอ่ยบอก รู้ดีว่านิสัยของอีกคนคงไม่พูดว่าเจ้าตัวไม่ชอบอะไร นิสัยขี้ตามใจขี้เกรงใจคนอื่นของกานต์รักมันคงเป็นสิ่งที่แก้ได้ยาก

     “รักทานได้หมดจริงๆครับ ไม่ได้ไม่ชอบอะไรเลย...คุณแพททานต่อเถอะครับ”

     ใบหน้าหวานส่งยิ้มยืนยันพร้อมกับตักอาหารตรงหน้าวางลงใส่จานให้ แพทริกพยักหน้ารับอย่างไม่ได้ว่าอะไรก่อนจะลงมือทานอาหารต่อเมื่อกานต์รักยืนยันอย่างนั้น

     คนตัวเล็กชิมนู้นชิมนี่บ้างแต่ส่วนมากจะเป็นฝ่ายตักอาหารและคอยดูแลแพทริกมากกว่าทานเอง

     กระทั่งแพทริกอิ่มจึงเอ่ยย้ำให้กานต์รักทานยา แม้อาการป่วยจะดีขึ้นมากจนแทบหายเป็นปกติแต่หมอสั่งเอาไว้ว่าต้องทานให้ครบตามกำหนด อีกคนจึงรับคำแล้วทำตามอย่างว่าง่าย

     “อยากไปไหนอีก”

     หลังจากที่ทานอาหารเรียบร้อยแพทริกก็เอ่ยถามขึ้น คนทั้งสองยืนนิ่งอยู่หน้าร้าน กวาดตามองไปทั่วอย่างไม่รู้ว่าจะไปตรงไหน

     “ไปเดินดูของกันดีไหมครับ ถือว่าเป็นการย่อยอาหารไปในตัว” คนตัวเล็กเสนอพร้อมกับเอียงใบหน้ามองน้อยๆ

     “ก็ดีเหมือนกัน”

     เพราะไม่ได้ทานอาหารอิตาเลียนมาซักพักใหญ่แพทริกจึงจัดการไปไม่น้อย ตอนนี้ท้องเลยอิ่มตื้อ หากได้เดินย่อยอย่างที่อีกฝ่ายพูดก็คงดี

     ห้างสรรพสินค้าสุดหรูนั้นมีสินค้ามากมายหลากหลายอย่าง กานต์รักที่ไม่ได้ออกไปไหนบ่อยนักมองร้านค้าที่ดูหรูหราอย่างตื่นตาตื่นใจ แม้ว่าด้วยฐานะแล้วเรื่องพวกนี้จะถือว่าเล็กน้อยแต่เพราะคราวนี้ได้ออกมาเปิดหูเปิดตาจึงอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้

     “อยากจะได้อะไรหรือเปล่า”

     แพทริกเอ่ยถามคนข้างตัวที่เอาแต่มองไปรอบๆเมื่อเห็นว่าดวงตาโตนั้นมีประกายราวกับเด็กเจอของเล่น

     นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตามใจใครซักคนขนาดนี้ หากจะให้มาเดินตามแล้วถามว่าอยากได้อะไรไหมคนอย่างแพทริกไม่จำเป็นต้องทำเลยซักนิด ทว่าสำหรับกานต์รักแล้วกฎทุกอย่างมันถูกพังลงโดยง่ายดาย อะไรที่ไม่เคยทำกลับยอมทำโดยไม่ต้องนึกคิดแม้แต่น้อย

     “ยังไม่รู้เลยครับว่าอยากได้อะไร รักขอเดินดูเรื่อยๆได้ไหมครับ”

     เสียงหวานเอ่ยถามพลางขออนุญาตเนื่องด้วยเพราะกลัวว่าอีกคนจะรำคาญยามต้องเดินไปอย่างไม่มีจุดหมาย

     “ตามใจนาย ฉันบอกแล้วไงว่าอยากทำอะไรก็ทำ”

     “ขอบคุณครับ อ๊ะ...รักขอเข้าร้านนี้นะครับ”

     ขณะที่กำลังเดินไปเรื่อยๆพลันดวงตาโตก็เหลือบเห็นร้านเสื้อผ้าแบรนด์โปรด มันคือร้านแรกที่กานต์รักหมายตาว่าจะเข้า โดยส่วนมากแล้วเรื่องเสื้อผ้าหรือของใช้ต่างๆผู้เป็นแม่จะคอยจัดการให้เสมอ กานต์รักแค่มีหน้าที่เลือกจากแคทตาล็อก พอมีโอกาสมาเดินเลือกซื้อเองอย่างนี้ถึงได้อดตื่นเต้นไม่ได้

     “อืม”

     แพทริกรับคำในลำคอก่อนจะเดินตามคนที่ยิมร่าเข้าไปยังร้านเสื้อผ้า พนักงานเข้ามาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ยิ่งยามเห็นคนที่เดินเข้ามาตามหลังการบริการที่ดีเยี่ยมอยู่แล้วจึงยิ่งดีขึ้นไปอีก

     ลูกค้ากระเป๋าหนักทั้งที

     แพทริกไม่ได้อยากดูอะไรเป็นพิเศษจึงเลือกเดินมานั่งยังโซฟาต้อนรับลูกค้าแล้วปล่อยให้เด็กน้อยเลือกนู้นเลือกนี่ไปอย่างเพลิดเพลิน

     กานต์รักหยิบเสื้อตัวนั้นตัวนี้มาทาบกับตัวเองก่อนใบหน้าเล็กจะขมวดคิ้วมุ่นยามตัดสินใจไม่ได้ว่าควรจะเลือกตัวไหน และเมื่อตัดสินใจไม่ได้ท้ายที่สุดแล้วมือเล็กจึงหยิบส่งให้พนักงานซึ่งยืนรออยู่ข้างๆไปทั้งสองตัว

     เพราะจิตใจจดจ่อกับความตื่นเต้นตรงหน้าจนทำให้ลืมเลือนใครบางคนที่นั่งรออยู่เงียบๆไปเสียสนิท ลืมแม้กระทั่งความรู้สึกไม่สบายใจก่อนหน้าจากดาราสาว เหลือเพียงเด็กน้อยกานต์รักที่เดินเลือกเสื้อผ้าอย่างอารมณ์ดีในโลกส่วนตัวของตัวเอง

     “จะเหมาหมดร้านเลยหรือไง”

     แพทริกที่มองตามอีกคนอยู่ตลอดขยับกายลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาหา พนักงานหอบเสื้อผ้าที่กานต์รักยื่นส่งให้ออกไปเป็นรอบที่สามแล้ว

     “อ๊ะ คุณแพท”คนที่หลุดไปอยู่ในโลกส่วนตัวหันกลับมาก่อนจะอุทานเสียงเบา

     “งั้น...พอแค่นี้ก็ได้ครับ”

     คนพึ่งรู้ตัวหันมาเอ่ยบอกพนักงานสาวพร้อมกับส่งยิ้มแหย ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองนั้นเลือกซื้อเสื้อผ้าไปมากเท่าไหร่แล้ว

     “ทั้งห้างยังมีอีกหลายร้าน ไปดูร้านอื่นบ้างก็ได้” แพทริกเอ่ย

     “รักชอบเสื้อผ้าแบรนด์นี้มากเลยครับ พอได้มาเลือกอย่างนี้ก็เลยอยากซื้อไปทั้งหมดเลย” คนตัวเล็กเอ่ยเสียงอ่อยพร้อมกับส่งยิ้มอ้อนโดยไม่รู้ตัว

     ปกติแล้วกานต์รักไม่ได้เป็นคนสิ้นเปลืองนักหากแต่ถ้าเจออะไรที่ถูกใจก็ไม่เคยจะหักห้ามตัวเอง ถ้าได้เลือกซื้อหรืออยากได้อะไรแล้วมันจึงมักไม่มีขอบเขตซักเท่าไหร่

     แต่ก็ไม่ได้เป็นบ่อยเพราะรู้ดีว่าไม่ใช่เรื่องที่ดี

     “แค่เท่านี้ก็แทบจะหมดทั้งร้านแล้ว” แพทริกพูดพร้อมกับส่ายหน้าน้อยๆ

     “เรียบร้อยแล้วค่ะ” พนักงานเดินกลับมาพร้อมกับใบเสร็จในมือ แพทริกเป็นคนรับมาก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นจำนวนเงินสุทธิ

     ไม่น้อยเลย นี่พึ่งแค่ร้านแรกเท่านั้น

     ถึงอย่างนั้นมือหนาก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบกระเป๋าตังค์แล้วเปิดเอาบัตรเครดิตยื่นส่งให้กับพนักงาน

     “คุณแพทครับ! รักจ่ายเองนะครับ” กานต์รักรีบขยับเข้าหาคนตัวสูงแล้วเอ่ยบอกเสียงสั่น รู้ดีว่าจำนวนเงินนั้นมันประมาณเท่าไหร่

     ไม่ได้ ไม่สมควรเลยที่อีกคนจะต้องจ่ายให้

     ดวงตาโตมองตามหลังพนักงานที่เดินออกไปอย่างไม่ฟังกันก่อนจะเบือนใบหน้ากลับมาหาคนข้างตัวอย่างตื่นตระหนก

     “รักจ่ายเองนะครับ”

     เสียงเล็กเอ่ยเว้าวอนไม่ได้ทำให้คนฟังยอมตกลง แม้ว่าใจจะกวัดแกว่งไปเพราะเสียงและสีหน้าของคนที่ร้องขอก็ตาม

     “ฉันอยากจะจ่าย”

     เสียงทุ้มเอ่ยเรียบ แพทริกมองใบหน้าหวานที่ดูลำบากใจนิ่ง หากไม่พูดอย่างเด็ดขาดคนตรงหน้าจะร้องขอไม่หยุดเขารู้ดี กานต์รักขี้เกรงใจแต่เรื่องนี้มันเป็นสิ่งที่ควรทำ

     มากับแพทริก เบรนเนแกนไม่เคยมีใครต้องใช้เงินตัวเอง

     ยิ่งกับกานต์รักแล้ว แม้แต่การพกกระเป๋าตังก็ไม่จำเป็น

     “คุณแพทอย่าทำอย่างนี้เลยนะครับ...รักเกรงใจ”

     ร่างเล็กเอ่ยร้องขอ ความเกรงใจก่อเกิดขึ้นอย่างไม่อาจจะยอมรับสิ่งนี้ได้โดยง่าย ทว่าสายตานิ่งเรียบจากคนตรงหน้าก็ทำให้รู้ว่าการร้องขอนั้นคงไม่เป็นผล

     “เกรงใจทำไม”

     “เงินไม่ใช่น้อยเลยนะครับ มันเป็นเงินที่คุณแพททำงานเหนื่อยทั้งนั้น”

     ไม่มีอะไรที่ได้มาโดยง่าย รู้ดีว่าอีกคนมีเงินมากมายแต่นั่นก็หมายถึงความเหนื่อยที่มากตาม กานต์รักไม่อยากให้แพทริกต้องมาสิ้นเปลืองกับตัวเอง

     “เงินแค่นั้นฉันเหนื่อยไม่มาก”

     “แต่ว่า...”

     “อย่าขัดใจฉันกานต์รัก”

     “งั้นรักจะไม่ซื้ออะไรแล้ว”

     กานต์รักพูดออกมาเสียงอ่อยพร้อมกับก้มหน้าลงต่ำมองพื้น แพทริกมองภาพนั้นก่อนจะถอนหายใจแผ่วเบา

     มีอย่างที่ไหนคนรับหนักใจแต่คนให้กลับไม่รู้สึกอะไร ยินดีที่จะให้ด้วยซ้ำไป

     “ฉันเต็มใจที่จะให้ ถ้านายไม่รับฉันจะถือว่านายรังเกียจเงินของฉัน”

     “รักไม่ได้รังเกียจนะครับ” ใบหน้าหวานรีบเงยขึ้นมองยามได้ยินประโยคนั้น เสียงเล็กเอ่ยบอกรัวเร็วพร้อมกับส่ายหน้ายืนยันคำพูด

     กานต์รักรักคนตรงหน้าขนาดนี้จะกล้ารังเกียจได้ยังไง

     ทว่ายังไม่ทันจะได้พูดอะไรมากกว่านั้นพนักงานก็เดินเข้ามา แพทริกละสายตาจากใบหน้าหวานไปก่อนจะหยิบปากกามาตวัดเซ็น

     “เรียบร้อยแล้วค่ะ โอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะ” พนักงานยื่นบัตรเครดิตใบหรูคืนให้พร้อมกับเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

     “เดี๋ยวจะมีคนมาเอาทีหลัง” แพทริกปรายสายตามองถุงเกือบสิบใบที่พนักงานสองคนถือมาแล้วเอ่ยบอก

     “ได้ค่ะ”

     ร่างสูงหันกลับมาหาคนตัวเล็กก่อนจะขยับไปคว้ามือแล้วออกแรงรั้งให้ก้าวตาม กานต์รักมองแผ่นหลังกว้างภายใต้เสื้อเชิ้ตสีเดียวกันอย่างไม่รู้จะพูดอะไร

     “อยากจะไปดูอะไรต่อ” ขายาวผ่อนปรนให้ช้าลงก่อนจะหันมาถามคนข้างหลัง 

     หากจะซื้ออะไรก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะจ่ายให้อีก คนตัวเล็กครุ่นคิดกับตัวเองพร้อมกับกวาดสายตาไปมองร้านต่างๆรอบตัว กระทั่งเห็นร้านเสื้อผ้าอีกร้านความคิดจึงเกิดขึ้นให้ได้เอ่ยตอบ

     “รักอยากดูร้านนั้นครับ”

     สายตาคมมองตามนิ้วมือเรียวไปก่อนจะต้องเลิกคิ้วขึ้นนิดๆด้วยความแปลกใจ ทว่าเมื่ออีกคนบอกอย่างนั้นจึงไม่นึกขัด ขายาวก้าวตรงไปพร้อมกับที่กานต์รักก้าวตาม

     เมื่อมาถึงร้านมือหนาก็ผละออกให้เจ้าของความนุ่มนั้นได้เดินอย่างอิสระ

     ใบหน้าหวานระบายยิ้มน้อยๆพร้อมกับกวาดตามองไปทั่วร้าน ขาเล็กพาเจ้าของก้าวไปยังคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดก่อนจะหยิบเสื้อตัวหนึ่งขึ้นมาเมื่อรู้สึกถูกใจ

     “สวยไหมครับ” กานต์รักเดินกลับมาหาคนตัวสูงแล้วชูเสื้อในมือขึ้นถาม

     “ก็สวยดี แต่นายใส่เบอร์นี้ไม่ได้มันใหญ่เกินไป” แม้จะแปลกใจกับสไตล์ที่ดูไม่เข้ากับกานต์รักซักเท่าไหร่แต่แพทริกก็เอ่ยตอบ

     คนตัวเล็กพยักหน้าแล้ววิ่งกลับไปที่เดิมอีกครั้ง พอได้เสื้อตัวใหม่ก็เดินเข้ามาถามจนแพทริกต้องเดินตามเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายต้องวิ่งไปมา

     “จะซื้อให้ใคร”

     แพทริกอดเอ่ยถามออกมาไม่ได้เมื่อเห็นเสื้อผ้าที่กานต์รักเลือก ขนาดเสื้อนั้นใหญ่กว่าคนตัวเล็กไปถึงสองไซต์ทั้งสิ้น เป็นไปไม่ได้เลยที่อีกฝ่ายจะซื้อใส่เอง

     “ซื้อให้คุณแพทไงครับ”

     คนถูกถามหันมาตอบพร้อมด้วยรอยยิ้ม ในเมื่อคนตัวสูงจะจ่ายเงินก็ควรจ่ายให้สิ่งที่เป็นของตัวเอง กานต์รักถึงได้เลือกเดินเข้าร้านนี้เมื่อเห็นว่าสไตล์เสื้อผ้านั้นเหมาะกับแพทริก

     “ให้ฉัน?”

     “ครับ...ตัวนี้เป็นยังไงบ้างครับ คุณแพทชอบไหม”

     ใบหน้าหวานเอียงน้อยๆพร้อมกับเอ่ยถาม  แพทริกเลื่อนสายตามองไปยังสิ่งที่อยู่ในมือเล็กแล้วพยักหน้ารับ แม้ไม่รู้ว่าคนตรงหน้ากำลังจะเล่นอะไรแต่หากเป็นสิ่งที่กานต์รักพอใจเขาก็ไม่ขัด ยิ่งเห็นประกายแห่งความสุขในแววตาคู่สวยนั้นยิ่งทำให้แพทริกไม่ว่าหรือถามอะไรต่อ

     หลังจากนั้นกานต์รักก็เข้าออกร้านนู้นร้านนี้เป็นว่าเล่นโดยส่วนมากของที่ได้นั้นเป็นของอีกคนแทบทั้งสิ้น ได้มาตั้งแต่ชุดลำลองกระทั่งเสื้อเชิ้ตและเนคไท มีบ้างที่กานต์รักซื้อของให้กับตัวเองแต่ถ้าเทียบกับของแพทริกแล้วเรียกว่าเป็นเพียงแค่เสี้ยวหนึ่ง

     เพราะไม่อยากให้คุณแพทต้องจ่ายให้เขาเลย

     “คุณแพทเบื่อหรือยังครับ”

     ร่างบางหันมาถามขณะที่กำลังเดินออกจากร้านรองเท้าหรู แพทริกมองใบหน้าวานที่มีเหงื่อซึมตามไรผมเนื่องจากการเดินเข้าออกหลายร้านเป็นว่าเล่นก่อนจะส่ายหน้าตอบ

     แม้จะไม่ใช่สิ่งที่ชอบนักแต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกเบื่อ อาจเป็นเพราะคนข้างตัวจึงทำให้แพทริกไม่รู้สึกอย่างนั้น ยามเห็นอีกฝ่ายยิ้มเมื่อเขาบอกว่าชอบอะไรมันทำให้พลอยรู้สึกอยากยิ้มตาม ความสดใสที่ทำให้สบายใจทุกครั้งยามอยู่ด้วย

     “แน่นะครับ”

     “ฉันไม่เบื่อแต่นายน่ะเหนื่อยหรือยัง ป่านนี้แซมกับโจเซฟโดนทับตายเพราะถุงของไปแล้ว”

     รวมๆแล้วแพทริกแทบจำไม่ได้ว่าอีกคนซื้ออะไรไปบ้าง แต่โดยส่วนมากแล้วก็เป็นของเขาเท่านั้น ร่างเล็กแทบไม่ซื้อของของตัวเองจนแพทริกเริ่มเข้าใจสิ่งที่อีกคนคิด

     “เกรงใจคุณแซมกับคุณโจเซฟจังครับ...งั้นรักไม่ซื้ออะไรแล้ว”

     ใบหน้าหวานส่งยิ้มแหยๆให้ ทั้งเกรงใจคนตัวสูงและบอร์ดี้การ์ดทั้งสอง รวมเงินที่คุณแพทจ่ายไปวันนี้เป็นเลขเจ็ดหลักเข้าไปแล้ว แม้ว่าจะพยายามขอจ่ายเองเท่าไหร่คนตัวสูงก็ทำเพียงมองอย่างเมินเฉยกานต์รักจึงต้องเป็นฝ่ายยอมในที่สุด

     “ฉันพูดเล่น ถ้าอยากจะเข้าร้านไหนอีกก็เข้าไปเถอะ แค่นั้นสองคนนั้นไม่เหนื่อยอะไรหรอก”

     แค่ถือถุงของถ้าเหนื่อยก็คงไม่ต้องทำอะไรแล้ว กว่าจะมาเป็นลูกน้องแพทริกได้นั้นต้องถูกทดสอบมากมาย เหนื่อยกว่านี้มากจนแม้แต่การวิ่งสิบกิโลยังถือว่าเป็นงานสบาย

     “พอแล้วดีกว่าครับ รักเกรงใจคุณแพทด้วย”

     “ฉันขอซื้อคำนี้ไปทิ้งได้ไหม”

     “ฮื่อ ก็รักเกรงใจจริงๆนะครับ”

     แค่คนตัวสูงยอมเดินตามซื้อของก็รู้สึกเกรงใจมากแล้ว นี่ยังจะมาจ่ายเงินให้กันอย่างนี้กานต์รักอดรู้สึกเกรงใจไม่ได้จริงๆ

     “นายเกรงใจเหมือนว่าฉันเป็นคนอื่น”

     แพทริกพูดออกมาเสียงนิ่งจนคนฟังรู้สึกวูบโหวงขึ้นมาในอก มือเล็กในอุ้งมือใหญ่รั้งให้คนที่ก้าวอยู่ข้างหน้าหยุดเดินก่อนจะเอ่ยออกไป

     “รักไม่เคยคิดว่าคุณแพทเป็นคนอื่นนะครับ”

     “นายเอาแต่พูดว่าเกรงใจฉัน” ใบหน้าคมเบือนหันกลับมามองคนข้างหลังก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ

     “ความเกรงใจไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นเฉพาะกับคนอื่นนะครับ ยิ่งเป็นคนใกล้ชิดยิ่งควรคิดถึงความรู้สึกกันให้มาก...เพราะเป็นคุณแพทรักเลยยิ่งรู้สึกมากกว่าใครทั้งหมดเลย” เสียงเล็กเอื้อนเอ่ยอย่างช้าๆ ดวงตาโตสบนิ่งส่งผ่านความรู้สึกทั้งหมดที่นึกคิด

     กานต์รักมองว่าการเกรงใจกันและกันมันเป็นการให้เกียรติอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ว่าเพราะรู้จักกันแล้ว สนิทกันแล้วจะทำอะไรแบบไหนก็ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ควรคำนึงถึงอีกฝ่ายให้มากๆ

     คำพูดที่ทำให้แพทริกนิ่งงัน ใจแกร่งที่เคยเต้นหนักแน่นแปรเปลี่ยนเป็นถี่รัวขึ้น ประโยคที่ว่ารู้สึกมากกว่าใครทั้งหมดดังซ้ำในหัวไปมาราวกับเปิดเทป เรื่องก่อนหน้านั้นมลายหายไปจากความรู้สึกแทบจะทันที

     “คุณแพทเข้าใจรักใช่ไหมครับ”

     ไม่อยากให้อีกคนคิดว่าที่เกรงใจเพราะเป็นคนอื่น ยิ่งเป็นคุณแพทกานต์รักเลยยิ่งเกรงใจกว่าใคร เพราะรู้สึกมากไม่ว่าจะทำอะไรจึงแคร์ไปหมด

     “นายพูดแบบนี้จะให้ฉันว่าอะไรได้อีก”

     แพทริกเอ่ยตอบพร้อมกับนึกอยากจะรั้งคนตัวเล็กเข้ามาฟัดแรงๆเพราะประโยคน่ารักนั่น พอได้คิดแล้วมันก็เป็นอย่างที่อีกฝ่ายพูดทั้งหมด ความเกรงใจไม่ว่าอย่างไรก็ควรต้องมีกับทุกๆความสัมพันธ์

     “เกรงใจฉันได้แต่ก็ไม่ต้องมากมาย ถ้าฉันอนุญาตแล้วอยากทำอะไรก็ทำไป เข้าใจไหม?” เสียงทุ้มเอ่ยถามกลับ มองใบหน้าของคนที่ฉลาดพูดให้เขาไม่กล้าว่าต่ออย่างนึกหมั่นเขี้ยว

     แพ้ทางหน้าหวานๆนี้จนได้

     “ครับ”

     ใบหน้าเล็กพยักหรับหงึกหงัก ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มให้คนตรงหน้าอย่างเบาใจเมื่อเห็นว่าร่างสูงไม่ได้มีใบหน้าเรียบนิ่งอย่างเมื่อครู่

     ดีใจที่คุณแพทเข้าใจ

     “แล้วนี่จะเข้าร้านไหนอีกหรือเปล่า”

     “อืม...ไปเดินดูพวกของใช้ได้ไหมครับ รักอยากจะซื้อเข้าร้านซักหน่อย”

     “เอาสิ” ร่างสูงพยักหน้ารับง่ายดายให้ใบหน้าหวานแย้มยิ้มก่อนทั้งคู่จะเดินลงไปยังชั้นจำพวกของใช้

     วันนี้ทั้งวันแพทริกเรียกว่าเป็นวันของกานต์รัก จากร้านเสื้อผ้าก็เปลี่ยนไปดูของใช้ เครื่องครัว หรือแม้กระทั่งร้านหนังสือ ก่อนจะจบลงที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นล่างเพื่อซื้อของสดไปทำอาหารเย็น เป็นวันที่รอยยิ้มฉายอยู่บนใบหน้าหวานอย่างมีความสุข

    20.28 น.

     “ถึงกับหมดแรงเลยหรือไง”

     แพทริกเอ่ยถามคนที่นอนแผ่หลาเต็มโซฟา ตอนอยู่ห้างนั้นกานต์รักไม่รู้สึกเหนื่อยเพราะมัวแต่สนุกและตื่นเต้น ทว่าพอมาถึงห้องไม่รู้เรี่ยวแรงที่มีหายไปไหน พอเห็นโซฟาตัวกว้างร่างเล็กจึงพุ่งตัวเข้าหา ซบใบหน้าเข้ากับหมอนนุ่มแล้วหลับตานิ่ง

     “รักพึ่งรู้ตัวว่าตัวเองเหนื่อยแล้วก็เพลียมากเลยครับ”

     เสียงเล็กเอ่ยตอบอู้อี้ทั้งที่ตายังไม่ลืม แพทริกมองภาพนั้นพร้อมกับส่ายหน้าน้อยๆใส่เด็กที่เล่นจนหมดแรงแล้วก็ทำท่าจะหลับ

     เหมือนเด็กจริงๆ

     “ไปอาบน้ำให้เรียบร้อยก่อน อยากนอนค่อยนอน”

     “แต่รักยังไม่ได้ทำอาหารให้คุณแพททานเลย”

     เปลือกตาสีอ่อนหนักอึ้งถูกถ่างให้เปิดขึ้นทั้งที่ใจของเจ้าของอยากจะให้มันหลับไป แหงนมองใบหน้าคมที่ยืนอยู่ข้างตัวพลางเปลือกตาก็เคลื่อนต่ำลงราวกับจะปิด

     กานต์รักรู้สึกหิวแต่ความง่วงนั้นมีมากกว่า

     “เรื่องนั้นฉันจัดการเองได้ รีบไปอาบน้ำเถอะจะได้รีบนอน”

     เพราะแพทริกมีงานที่ต้องตรวจดูเพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถนอนพร้อมอีกคนได้ ยังไงคืนนี้กานต์รักก็ไม่ต้องรอนอนพร้อมกัน

     “อื้อ”

     คนง่วงรับคำในลำคอก่อนจะดึงตัวเองลุกขึ้นยืนอย่างโงนเงน แพทริกมองตามแผ่นหลังบางที่เดินหายเข้าไปในห้องนอนพร้อมกับส่ายหน้าน้อยๆแล้วเดินตาม เสียงน้ำไหลให้ได้ยินบ่งบอกว่ากานต์รักไม่ได้เผลอหลับอยู่ข้างใน ร่างสูงจัดการถอดเข็มขัดก่อนจะดึงชายเสื้อออกมาข้างนอก เปลี่ยนจากกางเกงยีนส์เป็นกางเกงผ้ายืดใส่สบาย

     เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยแพทริกก็นั่งรอกานต์รักอยู่ในห้องแต่งตัว ไม่นานนักร่างเล็กในชุดคลุมอาบน้ำก็เดินออกมา

     “คุณแพทจะอาบน้ำเลยไหมครับ”

     คนที่พึ่งเดินออกจากห้องน้ำเอ่ยถาม เปลือกตาที่หนักอึ้งเบาขึ้นนิดหน่อยเมื่อร่างกายได้สัมผัสกับความเย็นชืดของน้ำ

     “ฉันจะลงไปดูเอกสารก่อน คืนนี้นายนอนได้เลยไม่ต้องรอ” แพทริกนั่งรอเพื่อบอกเรื่องนี้กับอีกคน

     “นานหรือเปล่าครับ”

     “ก็อาจจะ”

     แพทริกก็บอกแน่ชัดไม่ได้ว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่ ต้องดูที่เอกสารว่ามีข้อผิดพลาดมากน้อยแค่ไหน แต่อย่างไรแล้วก็คิดว่าคงต้องใช้เวลา ไม่อยากให้อีกฝ่ายรอเพราะกานต์รักเพลียและเหนื่อยจากการเดินมาทั้งวัน

     “ก็ได้ครับ”

     ใบหน้าหวานตอบรับอย่างว่าง่ายพร้อมรอยยิ้มบาง แม้ว่ากานต์รักอยากรอนอนพร้อมคนตัวสูงแค่ไหนแต่ก็ไม่อยากขัดคำสั่งให้อีกคนต้องเหนื่อยใจ อีกอย่างร่างกายนั้นก็ดูท่าว่าจะไม่เห็นด้วย ขณะที่ยืนอยู่นี้ยังรู้สึกว่าพร้อมจะหลับได้ทุกเมื่อ

     จุ๊บ

     แพทริกสาวเท้าเข้าหาร่างบางก่อนจะแนบสัมผัสลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลาที่ชื้นด้วยน้ำเล็กน้อยด้วยความรวดเร็วแล้วผละออก

     “รีบแต่งตัวแล้วก็รีบนอนซะ”

     คนไม่ทันได้ตั้งตัวเบิกตากว้าง ก่อนใบหน้าหวานจะขึ้นสีระเรื่อเพราะสัมผัสอุ่นร้อนบนหน้าผาก ตาโตเบิกมองใบหน้าคมนิ่งก่อนจะกดลงรับคำหงึกหงักโดยที่สมองยังมึนเบลอจากทั้งความง่วงและความเขิน

     แพทริกยกยิ้มเล็กน้อยกับท่าทางนั้นก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องให้คนที่ยืนนิ่งได้แต่งตัว กว่ากานต์รักจะดึงสติกลับมาได้ก็ผ่านไปราวๆห้านาที ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ยังฉายชัดให้ใจเต้นแรงทั้งที่มากกว่านี้ก็ทำกันมาแล้ว

     ไม่ว่าจะอะไร สัมผัสจากคุณแพทก็ทำให้กานต์รักเขินได้ทั้งหมด

     แต่ก่อนจะมัวเขินไปมากกว่านั้นความง่วงก็ดึงให้ร่างเล็กต้องรีบจัดการตัวเอง กานต์รักตั้งสติก่อนจะจัดการแต่งตัวให้เรียบร้อย
 
     หลังจากก้าวขึ้นเตียงก็คว้าโทรศัพท์เพื่อรายงานตัวกับครอบครัว โดนพ่อ แม่และพร้อมซักถามเล็กน้อยก่อนจะวางสายให้ได้พักผ่อน ร่างเล็กขยับเอนกายลงนอนปิดไฟให้เหลือเพียงโคมไฟข้างหัวเตียง ทันทีที่หัวถึงหมอนสติและร่างกายอันเหนื่อยล้าก็ดับวูบ ไม่รู้แม้กระทั่งว่าอ้อมแขนแข็งแรงสอดรั้งเรือนกายให้ขยับเข้าหาตอนไหน

❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋

     

ออฟไลน์ ex-soulL

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-7
   
     (ต่อ)

     “ถ้าจะขโมยน้องพี่ไปอยู่ด้วยขนาดนี้ก็ย้ายไปอยู่ด้วยกันเลยไหมหืม”

     พร้อมกานต์ทักทายน้องชายทันทีที่เดินเข้าร้านมา มองสำรวจร่างเล็กด้วยสายตาคร่าวๆเมื่อเห็นว่ากานต์รักสบายดีก็เบาใจ

     “ถ้าย้ายไปจริงๆพร้อมจะให้ไหม”

     “เขาขอให้ไปอยู่ด้วย?” คนเป็นพี่ขยับหน้าเข้าหาพร้อมกับเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย

     “ก็...อื้อ แต่รักยังไม่ไปหรอก อยากอยู่กับพร้อมก่อน” กานต์รักตอบพร้อมกับระบายยิ้มกว้างอ้อนคนตรงหน้า

     “ไม่ต้องมาพูดเลย ตั้งแต่ที่พี่กลับมานี่เจอหน้ากันยังนับครั้งได้”

     นิ้วมือยาวบีบปลายจมูกเล็กเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะวางฝ่ามือลงบนหัวทุยแล้วโยกไปมาเล็กน้อย

     “ฮื่อ รักก็อยู่นี่แล้วไง”

     คนถูกแกล้งเอียงหัวเข้าหาอย่างออดอ้อน ท่าทางที่คนพี่นิ่งมองอย่างไม่สามารถว่าอะไรต่อได้อีกเพราะคนทำนั้นก็รู้ดีว่าพร้อมกานต์ไม่เคยดุอย่างจริงจังได้เลยซักครั้ง แค่เห็นใบหน้าเล็กอ้อนใส่ตาใสก็พร้อมจะโอ๋ นิสัยขี้ใจอ่อนที่ทำให้ต้องตามใจร่างเล็กทุกครั้งไป

     “เดี๋ยวตอนร้านปิดก็โดนฉกตัวไปอีก ตอนนี้พี่นึกว่าตัวเองเป็นเจ้าของร้านไปแล้ว”

     “ถ้าไม่มีพร้อมรักก็เปิดร้านนี้ไม่ได้ เป็นเจ้าของร้านอีกคนก็ถูกต้องแล้ว”

     ถ้าไม่มีพี่ชายคอยช่วยเหลือแนะนำหลายอย่างกานต์รักก็ไม่สามารถสร้างร้านนี้ได้โดยง่าย ไม่ว่าจะทำอะไรพร้อมกานต์ก็คอยช่วยเหลือเสมอจนบางทีก็ติดเป็นนิสัย ถ้าวันไหนที่มีปัญหาแค่มีคนเป็นพี่กานต์รักก็รู้สึกว่าทุกอย่างจะมีทางออกเสมอ

     “ไม่ต้องมาพูดเพื่อที่จะได้ทิ้งร้านให้พี่ดูบ่อยๆหรอก...อ้อ แล้วก็เมื่อวานนี้มีลูกค้าโทรมาถามรายละเอียดเรื่องจัดงานวันเกิด เขาบอกเดี๋ยวจะเข้ามาคุยที่ร้านอีกทีช่วงบ่ายนะ” พร้อมกานต์เอ่ยไปอีกเรื่องที่สำคัญเมื่อนึกขึ้นมาได้

     “โอเค ขอบคุณนะครับ...งั้นวันนี้เดี๋ยวรักจะสั่งอาหารชุดใหญ่มาเลี้ยงพร้อมเพื่อเป็นการตอบแทนเลยเนอะ”

     “แค่อาหารยังน้อยไป ขอเป็นรถคันใหม่เลยได้หรือเปล่า”

     “ถ้าอย่างนั้นรักคงต้องขายร้านนี้ไปซื้อให้พร้อมล่ะมั้ง”

     รถของพี่ชายแต่ละคันนั้นราคาสูงลิ่วจนกานต์รักแทบไม่กล้าจะยืมขับ เพราะพร้อมกานต์เป็นคนชอบรถมาก รถแต่ละรุ่นจึงไม่ใช่แค่แพงธรรมดาทั่วไป ด้วยสมรรถนะและความหายากจึงยิ่งทำให้ราคานั้นสูงขึ้นไปอีก บางคันก็มีเพียงไม่กี่คันทั่วโลก หากจะให้กานต์รักซื้อรถให้พี่ชายคงจะไม่มีอะไรกินไปหลายเดือน

     “พูดไปนั่น...ไปดูหน้าร้านได้แล้วเรา คนเริ่มเยอะแล้ว” ดวงตาโตหันมองไปยังบรรยากาศหน้าร้านก่อนจะพบว่ามีลูกค้ากลุ่มใหญ่เดินเข้ามา

     “อื้อ งั้นรักไปก่อนนะ พร้อมนั่งเล่นในนี้แหละๆ”

     กานต์รักรับคำก่อนจะรีบเดินออกจากส่วนหลังร้านไปช่วยพนักงานดูแลความเรียบร้อย แม้ช่วงนี้เจ้าของร้านจะไม่ได้อยู่บ่อยนักแต่พนักงานทุกคนก็ทำงานได้อย่างไม่มีปัญหา เราอยู่กันแบบครอบครัวสามารถไว้ใจได้ทุกคนกานต์รักจึงไม่เคยต้องห่วงอะไร

     ร้านเบเกอรี่ขึ้นชื่อมีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาตลอดกระทั่งช่วงบ่ายกานต์รักถึงได้มีเวลาพักหายใจ หลังจากให้คนอื่นๆได้พักแล้วจึงเป็นเวลาของตัวเองบ้าง

     “คนเริ่มน้อยแล้ว คุณรักไปพักเถอะค่ะ” พนักงานเอ่ยบอกยามเห็นเจ้าของร้านวิ่งวุ่นมาตั้งแต่เช้า

     “ฝากด้วยนะครับ”

     ใบหน้าหวานส่งยิ้มให้ก่อนจะรั้งปมผ้ากันเปื้อนออกแล้ววางพาดเอาไว้ ลมหายใจถูกผ่อนออกช้าๆอย่างผ่อนคลายก่อนแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋ากางเกงจะทำให้คนที่พึ่งว่างนั้นรู้สึกตัว

    KhunPat

     ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้กานต์รักต้องระบายยิ้มออกมา เมื่อเช้าเหมือนว่าอีกคนจะรีบเร่งเพราะเรื่องงานจนไม่ได้มีเวลาคุยกันมากนัก คนตัวสูงมาส่งเขาที่ร้านเรียบร้อยก็รีบกลับไปทำงานของตัวเองต่อ

     “ครับ”

     (ทำไมพึ่งรับโทรศัพท์) เสียงนิ่งเรียบติดหงุดหงิดเอ่ยขึ้นจากปลายสายทำให้คิ้วเล็กขมวดเข้าหากันอย่างพยายามนึกว่าอีกฝ่ายโทรมาตอนไหน ก่อนจะคิดได้ว่าคงเพราะมัวแต่ต้อนรับลูกค้าอยู่เลยไม่รู้สึกตัว

     “รักขอโทษนะครับ ที่ร้านยุ่งๆเลยไม่รู้ตัวเลย”

     (แล้วนี่ว่างหรือยัง) เสียงเข้มเอ่ยอ่อนลงเล็กน้อย ถ้าเป็นเพราะงานแพทริกก็เข้าใจได้ ถึงแม้ว่าจะยังรู้สึกหงุดหงิดอยู่ก็ตาม

     “ว่างแล้วครับ คุณแพทมีอะไรหรือเปล่าครับ” กายบางเปิดประตูเข้ามาในห้องส่วนตัวก่อนจะทรุดนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่

     (ฉันมีงานด่วนต้องบินไปอเมริกาเย็นนี้)

     คนฟังนิ่งงันไปชั่ววินาทียามได้ยินประโยคนั้น พลันความรู้สึกวูบโหวงก็วิ่งเข้าเล่นงานใจดวงน้อย ทว่ากานต์รักก็พยายามสงบจิตใจอันสั่นไหวของตัวเองแล้วเอ่ยถามต่อเสียงแผ่ว

     “ไปกี่วันครับ”

     (หนึ่งอาทิตย์) แพทริกตอบพร้อมกับถอนหายใจออกมา

     “ถ้าอย่างนั้นคุณแพทดูแลตัวเองดีๆนะครับ แล้วก็ขอให้งานราบรื่น ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี”

     แม้ว่าจะกะทันหันไปซักหน่อยแต่ใช่ว่าจะทำใจไม่ได้ แค่อาทิตย์เดียวมันก็ไม่ได้นานมากนัก ตั้งแต่เมื่อคืนก็เห็นคุณแพทวุ่นวายจนกานต์รักไม่อยากทำตัวให้เป็นปัญหาเพิ่ม แค่เรื่องงานอีกฝ่ายก็เหนื่อยมากแล้ว

     (แล้วฉันจะโทรหา ต้องรับสายตลอดเข้าใจไหม)

     แพทริกเอ่ยเสียงเข้ม ใจนั้นไม่อยากห่างจากคนร่างบางเลยซักนิด คราวนี้การไปทำงานมันให้ความรู้สึกไม่อยากไปยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

     “ครับ รักสัญญา ถ้าคุณแพทถึงที่นู้นแล้วโทรหาหรือไม่ก็ส่งข้อความหารักหน่อยนะครับ”

     (อืม...ช่วงที่ฉันไม่อยู่อย่าทำให้ฉันเป็นห่วงนะกานต์รัก) คำว่าเป็นห่วงของปลายสายทำให้คนฟังใจเต้นแรงจนต้องเผลอยิ้มออกมา

     “ครับ”

     (ทำอะไรก็ต้องรายงานฉันตลอด)

     “ได้ครับ”

     (ต้องคิดถึงฉันตลอดเวลา)

     ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันอย่างขัดเขินยามได้ยินประโยคจากปลายสาย ใจดวงน้อยเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมานอกอก นึกถึงใบหน้าคมที่ได้เจอเมื่อตอนเช้ายิ่งพลันทำให้ใบหน้าเห่อร้อน

     ไม่คิดเลยว่าคุณแพทจะพูดอย่างนี้

     “...ไม่บอกรักก็ทำอยู่แล้วครับ”

     นักธุรกิจหนุ่มผู้เคร่งขรึมยกยิ้มมุมปากกับคำตอบนั้นอย่างพึงพอใจ แม้อยากจะคุยกันมากกว่านี้แต่เวลาบนหน้าปัดนาฬิกาก็ย้ำเตือนว่าไม่มีเวลาอีกต่อไป

     แพทริกต้องไปเตรียมตัวก่อนจะออกเดินทางในอีกไม่ชั่วโมง

     (ฉันต้องวางแล้ว ไว้ถึงที่นู้นจะโทรหา)

     “เดินทางปลอดภัยนะครับ”

     คนฟังรับคำในลำคอก่อนสายสัญญาณจะถูกตัดไปเมื่อบอร์ดี้การ์ดเดินเข้ามา กานต์รักมองโทรศัพท์ในมือนิ่งก่อนลมหายใจจะถูกสูดเข้าปอดลึก

     ยอมรับว่ามันกะทันหันในความรู้สึกแต่งานของอีกคนก็เป็นอย่างนี้ แพทริกทำธุรกิจหลายอย่างทั้งในและต่างประเทศเรื่องบินไปทำงานแบบนี้ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเจอ แม้จะปลอบใจตัวเองอย่างนั้นแต่ก็ยังอดรู้สึกโหวงๆในอกไม่ได้

     หนึ่งอาทิตย์ที่จะไม่ได้เจอกันคิดไม่ออกเลยว่าจะเป็นยังไงบ้าง อีกคนจะมีเวลาติดต่อกันมาบ้างหรือเปล่า

     สำหรับกานต์รักแล้วแม้จะโหยหาทว่าก็คิดว่าตัวเองอดทนได้เพราะเข้าใจถึงเหตุผลดี

     “แค่อาทิตย์เดียวเองรัก” เสียงเล็กเอ่ยปลอบใจตัวเอง

    ใช่ มันแค่อาทิตย์เดียว...แต่ไม่ใช่สำหรับแพทริกเลยซักนิด

TBC.
     ตอนนี้พบกับคุณแพทสายเปย์ค่ะ มีความงอนเล็กๆด้วย :impress2: เขาจะห่างกันตั้งหนึ่งอาทิตย์ มาดูกันว่าอาการจะเป็นยังไง อิอิ  :mew3: อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะสอบไฟนอลแล้ว เพราะฉะนั้นอาจหายไปบ้างได้โปรดอย่าลืมกันนะคะ :mew6:  โปรเจคต์ก็มากมายสามล้านโปรเจคต์ ฮื่ออออ
     ขอบคุณทุกคอมเมนท์มากๆๆๆเลยค่ะ ถ้ามีเวลาก็จะพยายามมาให้ได้ ฮึบบบบบ :katai4: :katai4:


พูดคุยกัน : https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/
Follow me : https://twitter.com/exsoull_ หรือจะติดแฮ็ชแท็ก #ผู้เป็นที่รัก เป็นกำลังใจให้กันก็ได้นะคะะะะะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2016 22:35:28 โดย ex-soulL »

ออฟไลน์ Ryu7801

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ใครจะอาการหนักกว่า ตั้งหนึ่งอาทิตย์

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

ออกอาการขนาดนี้ ผู้กินกับของทำนายว่าไม่ถึงอาทิตย์ ต้องรีบกลับมาแน่นอน

อิอิ สายมโน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
คุณแพทสายเปย์ที่มีความขัดใจที่ไม่ได้เปย์....ฮาาาา
น้องรักก็น่ารัก น่าฟัดละเกินลูกกกกกก

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ระหว่างที่คุณแพทไปทำงานไม่ได้อยู่กับน้องรักอย่าเกิดเรื่องอะไรเลยนะ :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
คุณแพทป๋ามาก คึคึ

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
คุณแพทอย่าหึงนะ ตอนนี้แมวไม่อยู่ล่ะ

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
คุณแพทสายเปย์ 555555
รักน่ารักจังงง

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
คนมันขี้หวงน้อ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
กำหนดอาทิตย์นึง ไม่ถึงล่ะมั้งคุณแพท


ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
คุณแพทจะทนได้ถึงอาทิตย์เหรอคะ ไม่ใช่ว่าสี่ห้าวันก็กลับมาแล้วนะ ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ cinpetals

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
สายเปย์มากค่าาาาาา 555555

ออฟไลน์ GMJeam

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ห่างกันแปบเดียวเนอะ

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ห่างกันแบบนี้ คุณแพทกระวนกระวายแย่เลย  o13

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เป็นหนึ่งอาทิตย์ที่ทดสอบความอดทนของทั้งคู่เลยทีเดียว

ออฟไลน์ chaichan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
นอกจากทดสอบความอดทนของทั้งสองแล้ว
ยังทดสอบความอดทนของคนอ่านด้วยง่ะ
เกินอาทิตย์ไปมากโขแล้าคร่า
ใจจะขาดแล้ว
 :katai1:

ออฟไลน์ uri uri

  • เป็ดกูรู
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 251
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-2
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :o8: :o8: :o8: :o8:
 o13 o13 o13 o13

ชอบเรื่องนี้จัง
อ่านเเล้วติดเลยอ่ะ

 :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ ex-soulL

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-7

ตอนที่ 15

     “เป็นเรื่องที่ดีนะเนี้ยที่ฝรั่งนั่นไม่อยู่ พี่จะได้มีเวลาอยู่กับน้องตั้งหนึ่งอาทิตย์แหนะ”

     พร้อมกานต์ที่อยู่ในสภาพหัวชี้ฟูจากการพึ่งตื่นนอนเอ่ยขึ้น ร่างสูงนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหารซึ่งมีโจ๊กส่งกลิ่นหอมฉุยวางอยู่ตรงหน้า

     กานต์รักเลื่อนเก้าอี้ออกแล้วทรุดตัวลงนั่งอีกฝั่ง ดวงตาโตมองหน้าคนพูดก่อนจะส่ายหน้าใส่เบาๆ

     “ใช่ว่าตอนรักไม่อยู่พร้อมจะเหงาอยู่ห้องคนเดียว เห็นออกไปไหนต่อไหนทุกวันเลย”

     ช่วงเวลากลางคืนคนเป็นพี่ออกไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนตลอด พร้อมกานต์เองก็มีเพื่อนในเมืองไทยไม่น้อย ตอนกลางวันยังมีนัดทานข้าวกับเพื่อนคนอื่นๆอยู่หลายครั้ง

     “พี่น่ะออกไปเที่ยวแล้วก็กลับมา แต่เราโดนขโมยตัวไปกว่าจะถูกปล่อยก็ตอนเช้านู้น”

     หลังเลิกงานรถยนต์คันหรูจะมาจอดเทียบท่ารออยู่หน้าร้าน เช้าของอีกวันถึงได้กลับมาอีกครั้ง อย่างนี้ไม่เรียกว่าถูกขโมยตัวไปจะเรียกว่าอะไร คราวนี้ฝรั่งตัวโตไปทำงานตั้งหนึ่งอาทิตย์ ถือว่าเป็นฤกษ์งามยามดีที่พร้อมกานต์จะได้อยู่กับผู้เป็นน้องเสียที

     “พร้อมพูดอย่างกับว่าคุณแพทเป็นโจรอย่างนั้นแหละ ขโมยรักอะไรกัน” เสียงเล็กเอ่ยพูดอ้อมแอ้มอย่างไม่อาจปฏิเสธได้เต็มปาก

     “หึ น้อยไปสิ คุณแพทริกของรักน่ะยิ่งกว่าโจรเสียอีก”

     “ไม่เอาแล้ว กินข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวรักต้องรีบออกไปร้านเพราะนัดลูกค้าเอาไว้ พร้อมดูร้านให้รักมาหลายวันแล้ววันนี้ก็พักนะ”

     กานต์รักรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่พี่ชายจะพูดอะไรเข้าตัวไปมากกว่านี้

     “งั้นเดี๋ยวยังไงพี่แวะเข้าไปช่วยตอนบ่ายๆก็แล้วกัน ตอนนี้ขี้เกียจอาบน้ำ” พร้อมกานต์รู้ทันคนเป็นน้องแต่ทว่ายอมตามน้ำอย่างที่กานต์รักต้องการ

     มือหนาจึงหยิบช้อนซึ่งวางอยู่ข้างๆมาตักโจ๊กปลากะพงของโปรด ผู้เป็นน้องพยักหน้ารับก่อนต่างฝ่ายจะลงมือทานอาหารของตัวเอง

     กานต์รักรีบออกจากคอนโดมาแต่เช้าเผื่อการจราจรที่ติดขัดเนื่องจากมีนัดกับลูกค้า หนึ่งอาทิตย์ที่คนตัวโตไม่อยู่เขาเองก็คงยุ่งและหัวหมุนไม่น้อย อาจถือได้ว่าเป็นเรื่องดีเพราะเวลาว่างที่จะทำให้นึกถึงคงลดลงไปบ้าง

     “มาเช้าจังเลยครับคุณไหม” เสียงหวานเอ่ยทักทายหญิงสาวผู้เป็นผู้จัดการร้านเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมาถึงก่อนแล้ว

     “กลัวรถติดน่ะค่ะ แต่ไหมก็มาถึงก่อนคุณรักได้ไม่ถึง5นาทีนี้เอง”

     “ยังไงรักฝากเช็คความเรียบร้อยต่างๆก่อนนะครับ ว่าจะไปเตรียมขนมซักหน่อย”

     “ได้ค่ะ ฝ่ายทำขนมก็น่าจะมาครบแล้ว”

     “โอเคครับ”

     เนื่องจากวันนี้มาถึงร้านแต่เช้ากานต์รักจึงมีเวลาเตรียมขนมเอง แม้ว่าจะมีฝ่ายทำขนมอยู่แล้วทว่าหากมีเวลาก็จะลงมือทำด้วยตัวเองในบางส่วน

     ร่างเล็กเตรียมตัวเรียบร้อยก่อนจะเข้าไปในห้องทำขนม เจ้าของร้านหน้าหวานขลุกตัวอยู่ในนั้นกระทั่งถึงเวลาจึงได้ละมือให้พนักงานทำต่อ เป็นเวลากว่าสองชั่วโมงในการพูดคุยเรื่องรายละเอียดและการเซ็นสัญญา กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยเสร็จสิ้นก็ล่วงเลยไปจนถึงเที่ยงเศษๆ

     ขาเรียวสวยภายใต้กางเกงเนื้อดีสีขาวก้าวพาตัวเองเข้ามายังห้องทำงานส่วนตัวก่อนจะทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงาน สมุดเล่มเล็กสำหรับจดบันทึกถูกหยิบขึ้นมาก่อนมือบางจะเขียนแผนงานคร่าวๆลงไป ทว่ายังไม่ทันจะเรียบร้อยดีก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์เครื่องหรู

     ดวงตาโตมองชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอก่อนรอยยิ้มหวานละมุนจะค่อยๆปรากฏ

     “ครับแม่”

     ใบหน้าหวานที่คล้ายคลึงกับตัวเองปรากฏขึ้นบนหน้าจอให้กานต์รักเอ่ยทักทาย

     (รักทำอะไรอยู่ลูก ยุ่งหรือเปล่า)

     “ก็ไม่เท่าไหร่ครับ รักแค่กำลังจดรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเรื่องงาน แม่พึ่งตื่นหรือครับ”

     ด้วยเพราะชุดคลุมผ้าลื่นที่เป็นชุดนอนประจำของแม่ปรากฏให้เห็นอยู่บนกายกานต์รักจึงเอ่ยถาม แววตาสุกใสเหลือบมองนาฬิกาบนโต๊ะทำงานก่อนจะคำนวณเวลาคร่าวๆในใจ ตอนนี้ที่นู้นก็พึ่งจะหกโมงเช้าเท่านั้นเอง

     (ใช่จ้ะ คิดว่าตอนนี้ที่นั่นเที่ยงลูกน่าจะว่างพอดีแม่เลยโทรมา)

     “แล้วพ่อล่ะครับ”

     (ลงไปออกกำลังกายน่ะจ้ะ...ช่วงนี้ไม่มีเหตุการณ์อะไรดูผิดปกติใช่ไหมลูก)

     กานต์รักเข้าใจในสิ่งที่แม่ถามดี รอยยิ้มหวานจึงถูกส่งให้ปลายสายอย่างบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างที่ผู้ให้กำเนิดนึกห่วง

     “ไม่มีครับ คนของพ่อกับแม่หูตาไวยิ่งกว่าอะไร ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นพวกเขาต้องรู้แน่นอนแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ อีกอย่างก็มีพร้อมอยู่ทั้งคน”

     (แม่รู้จ้ะ แต่ก็ยังอยากถามลูกเพื่อความสบายใจ...ว่าแต่พี่เราไปไหนล่ะนั่น)

     “พร้อมกำลังจะออกมาที่นี่ครับ เห็นว่าออกมาซักพักแล้วอีกเดี๋ยวก็คงถึง”

     (เห็นพ่อบอกว่าพี่ชายเรากำลังจะซื้อรถใหม่อีกแล้ว บอกว่าเอาไว้ขับที่เมืองไทย)

     “อีกแล้วเหรอครับ”

     กานต์รักเอ่ยถามเสียงหลงเมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้เป็นแม่พูด แม้พี่ชายจะพึ่งกลับมาเมืองไทยในรอบสองปีแต่ใช่ว่าจะไม่มีรถส่วนตัว นั่นคงเป็นเพียงข้ออ้างที่อยากจะซื้อคันใหม่เสียมากกว่า

     กานต์รักคุยกับแม่ต่ออีกราวๆครึ่งชั่วโมงก่อนจะวางสาย มือเล็กหยิบสมุดจดที่ยังไม่เรียบร้อยขึ้นมาจดต่อพร้อมกับอ่านตรวจทาน

     Rrrrrrr

     เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งในเวลาต่อมา ตาโตกวาดมองรายละเอียดบนหน้ากระดาษพร้อมกับยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์มากดรับทั้งที่ไม่ได้ดูเบอร์

     แม่อาจจะลืมพูดอะไรบางอย่างถึงได้โทรมาอีกครั้ง

     “ว่าไงครับ ลืมบอกอะไรรักหรือ”

     (บอกอะไร?)

     ทว่าเสียงทุ้มนิ่งที่ตอบกลับมากลับไม่ใช่เสียงเล็กๆของผู้เป็นแม่ กานต์รักวางสมุดในมือลงพร้อมกับผละโทรศัพท์ห่างจากหูเพื่อดูเบอร์ ปลายสายเป็นหมายเลขที่ถูกโทรเข้าจากต่างประเทศเช่นเดียวกันแต่ไม่ใช่รหัสจากประเทศที่ผู้ให้กำเนิดอยู่ เป็นเบอร์เดียวกันกับที่ส่งข้อความมาบอกเขาว่าเดินทางถึงอเมริกาแล้วในเมื่อวาน

     “คุณแพทหรือครับ” เสียงหวานใสที่เอ่ยออกไปทั้งสั่นด้วยความตื่นเต้น ดีใจ และคิดถึง

     แม้ไม่อยากยอมรับแต่ก็ต้องบอกว่าเมื่อคืนยามไร้อ้อมแขนแข็งแรงคอยโอบกอดก็ทำให้กานต์รักแทบนอนไม่หลับ คนตัวสูงไปถึงนู้นแล้วก็เพียงส่งข้อความมาบอกจึงยังไม่ได้คุยกัน พออีกฝ่ายโทรมาอย่างนี้จึงอดดีใจไม่ได้

     (ก็ฉันน่ะสิ นายคิดว่าใคร เมื่อกี้คุยกับใครอยู่?)

     ยิ่งเอ่ยเสียงทุ้มยิ่งเข้มขึ้นจนกานต์รักกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแน่ทว่าใจดวงน้อยกลับเต้นถี่รัวขึ้นมาเมื่ออีกฝ่ายเคล้นถามราวกับไม่พอใจเมื่อคิดว่าเขาคุยกับใครอื่น

     จะเข้าข้างตัวเองเกินไปแล้วนะกานต์รัก

     “รักคุยกับแม่ครับ นึกว่าแม่ลืมบอกอะไรถึงได้โทรมาอีก...ไม่ได้คุยกับคนอื่นเลย”

     (อย่างนั้นก็แล้วไป แล้วนี่ทำอะไรอยู่?) ได้ยินคำตอบเสียงที่ติดเข้มจึงเอ่ยกลับมาในระดับปกติ

     “รักนั่งดูตารางงานอยู่ครับ อาทิตย์นี้ต้องทำขนมสำหรับเลี้ยงงานวันเกิดเลยจดตารางเตรียมการคร่าวๆเอาไว้”

     (แสดงว่าอาทิตย์นี้จะยุ่ง?)

     “ก็คงจะอย่างนั้นครับ แล้วคุณแพทล่ะครับทำอะไรอยู่”

     กานต์รักเป็นฝ่ายถามบ้างเพราะอยากรู้ความเป็นไปของอีกฝ่าย ที่นู้นเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้วทำไมถึงยังไม่นอน

     (ฉันพึ่งคุยงานเสร็จ กำลังจะอาบน้ำแล้วก็จะเข้านอน)

     “ที่นู้นดึกแล้วนะครับ ถ้าอย่างนั้นรักว่าคุณแพทรีบอาบน้ำแล้วก็รีบเข้านอนดีกว่า จะได้พักผ่อน”

     สุ้มเสียงหวานที่เอ่ยอย่างเป็นห่วงทำให้คนเหนื่อยกับงานมาทั้งวันรู้สึกดีขึ้นราวกับได้รับยาวิเศษ แพทริกนึกถึงใบหน้าหวานที่อยู่ในความคิดถึงพร้อมกับยกยิ้ม

     (ฉันยังอยากคุยกับนาย...คิดถึง)

     ประโยคที่ไม่ปิดบังความรู้สึกทำให้คนฟังใบหน้าเห่อร้อน ริมฝีปากสีสดขบเม้มเข้าหากันอย่างพยายามกลั้นความขัดเขิน

     “ระ รักก็คิดถึงครับ แต่ว่ารักเป็นห่วง คุณแพทคงทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้วควรจะพักนะครับ”

     แม้ว่าใจดวงน้อยจะเต้นรัวจนเสียงสั่นตามทว่ากานต์รักก็ยังกลั้นใจเอ่ยเตือนอีกฝ่ายออกไป เขาเองก็อยากคุยกันให้นานแต่ความเป็นห่วงนั้นมีมากกว่าสิ่งอื่นใด

     (นี่ไงการพักของฉัน หายเหนื่อยยิ่งกว่านอนเสียอีก)

     ไม่รู้ว่าเพราะอะไรกันแน่ที่ทำให้แพทริกปากหวานแบบนี้ อาจเพราะความห่างหรือความคิดถึงอย่างที่อีกฝ่ายบอก กานต์รักไม่แน่ใจนักรู้เพียงแค่ว่าคำพูดแต่ละคำนั้นมันส่งผลต่อหัวใจและความรู้สึกจนความร้อนลามไปทั่วร่าง ปากก็พลอยจะฉีกยิ้มอยู่เรื่อย

     “...มันจะแทนกันได้ยังไงล่ะครับ” คนหน้าหวานเอ่ยตอบเสียงอ้อมแอ้ม

     (หึ แล้วนี่กินข้าวเที่ยงรึยัง)

     เสียงหัวเราะในลำคอหลุดออกมาจากแพทริกอย่างห้ามไม่อยู่ยามนึกถึงเจ้าของเสียงที่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขินแค่ไหน เพราะรู้ว่าหากยิ่งพูดกานต์รักจะยิ่งเขินแพทริกจึงยอมเปลี่ยนไปถามถึงอีกเรื่อง

     “ยังเลยครับ รักพึ่งคุยงานเสร็จ”

     แกร๊ก

     เสียงประตูถูกเปิดดังขึ้นให้กานต์รักละความสนใจจากปลายสายไปชั่วครู่ ใบหน้าเล็กเงยขึ้นมองผู้ที่เดินเข้ามาก่อนจะพบว่าเป็นร่างสูงของพี่ชายตัวเอง พร้อมกานต์เลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นน้องกำลังคุยโทรศัพท์ มือหนาทำสัญญาณให้คุยต่อก่อนจะเดินมาทรุดตัวนั่งลงบนโซฟา

     “รักว่าคุณแพทไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อนดีไหมครับ”

     กานต์รักได้ยินเสียงปลายสายกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่จึงเอ่ยบอก แม้จะอยากคุยกันให้นานๆทว่าความเป็นห่วงก็ดึงรั้งให้ไม่อาจทำอย่างนั้น กานต์รักอยากให้อีกคนได้พัก

     (ไล่ฉันอยู่นั่น ไม่อยากคุยก็บอกมาตรงๆ)

     “ไม่ใช่นะครับ”

     เสียงเล็กเอ่ยบอกรัวเร็ว ตากลมเบิกขึ้นนิดๆอย่างตระหนกเมื่อได้ยินอีกฝ่ายคิดไปอย่างนั้น พร้อมกานต์ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่หันไปมองน้องชายซึ่งมีสีหน้ากระวนใจก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ

     จะวางฟอร์มซักหน่อยก็ไม่ ฝรั่งนั่นพูดอะไรก็ยอมไปเสียหมด

     “รักแค่เป็นห่วง อยากให้คุณแพทสบายตัวจะได้รู้สึกดีขึ้น ไม่ได้ไม่อยากคุยนะครับ”

     (...)

     แพทริกอมยิ้มกับตัวเองยามนิ่งฟังเสียงเล็กเอื้อนเอ่ย สายตาคมทอดมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวพร้อมกับนึกถึงใบหน้าหวานของคนปลายสาย เขารู้ดีถึงในสิ่งที่กานต์รักพูดเพียงแต่แค่อยากแกล้งอีกคนเท่านั้นเอง

     “คุณแพทอย่าเงียบสิครับ”

     คนร้อนรนเอ่ยด้วยเสียงง้องอน ยิ่งเห็นฝั่งนั้นเงียบไปใจดวงน้อยยิ่งวูบโหวง ไม่คิดเลยว่าแค่คำพูดนั้นจะทำให้คนตัวโตคิดไปได้ไกล

     (หึ หลอกง่าย) ท้ายสุดแล้วเสียงหัวเราะก็หลุดออกมาจากลำคอแกร่ง

     “นี่คุณแพทแกล้งรักเหรอครับ” คนพึ่งรู้ตัวเอ่ยออกไปด้วยเสียงฉงน ยังตามไม่ทันว่าแท้จริงแล้วเป็นอย่างไรกันแน่

     (ก็แค่อยากรู้ว่านายจะทำยังไง) แพทริกยอมรับ

     “คนขี้แกล้ง”

     กานต์รักเอ่ยพร้อมกับเบะปากน้อยๆราวกับเด็ก ไม่รู้ว่าทำไมคนฟังกลับไม่ได้ไม่พอใจกับเสียงเล็กที่เอ่ยเหมือนจะว่าเลยซักนิด แพทริกพอใจเสียด้วยซ้ำ มุมปากได้รูปยกขึ้นตลอดเวลาที่คุยกันบ่งบอกถึงความพึงพอใจได้เป็นอย่างดี

     ยิ่งได้คุยยิ่งอยากรีบกลับ กลิ่นหอมอ่อนๆจากเรือนกายบอบบางติดอยู่ปลายจมูกแทบจะตลอดเวลา

     (ก็นายมันน่าแกล้ง...เอาล่ะ ฉันจะไปอาบน้ำอย่างที่นายบอกแล้วเดี๋ยวคงเข้านอนเลย)

     “คุณแพทพักผ่อนเถอะครับ”

     แม้จะยังโหยหาอยากได้ยินเสียงแต่การพักผ่อนของอีกคนย่อมสำคัญกว่า เพียงแค่เท่านี้ในอกของกานต์รักก็ฟูฟ่องด้วยความเต็มตื้นมากแล้ว

     (อืม แล้วพรุ่งนี้ฉันจะโทรหาใหม่)

     “ครับ รักจะรอ”

     แพทริกระบายยิ้มบางเบาก่อนจะตอบรับในลำคอ กว่าชั่วนาทีที่ต่างฝ่ายต่างเงียบแต่กลับไม่มีใครยอมกดวางสาย กระทั่งเป็นแพทริกที่ต้องตัดใจละโทรศัพท์ออกห่างแล้วกดตัดสายไป

     กานต์รักนั่งมองโทรศัพท์ในมือนิ่งยามหน้าจอมืดสนิท ลมหายใจบางเบาถูกผ่อนออกเมื่อความรู้สึกหลายอย่างตีรวนให้วูบไหว

     คิดถึง

     “ทำหน้าอาลัยขนาดนี้บินไปหาเขาเลยดีไหม” ร่างสูงขยับเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าน้องชายก่อนจะเอ่ยเย้า

     “มะ ไม่ได้ขนาดนั้นซักหน่อย”

     ดวงตาโตเหลือบมองคนเป็นพี่ก่อนจะหลบสายตาหลุกหลิกเมื่อคิดขึ้นได้ว่าตลอดเวลาที่คุยโทรศัพท์นั้นพร้อมกานต์ได้ยินทั้งหมด

     “น้อยไปน่ะสิ”

     “พร้อมหิวหรือยัง เราไปทานข้าวกันดีกว่าเนอะ”

     กานต์รักรีบเอ่ยเปลี่ยนเรื่องก่อนจะโดนอีกคนพูดให้ความร้อนแล่นเข้าเล่นงานใบหน้าไปมากกว่านี้ รู้ตัวว่าตอนคุยกับคุณแพทตัวเองเผลอแสดงความรู้สึกออกไปยังไง หากยิ่งพูดจะยิ่งเข้าตัวเลยหาทางเลี่ยง

     “ทำมาเปลี่ยนเรื่อง”

     “บ่ายโมงแล้วหิวจะแย่ รักว่าไปทานข้าวกันดีกว่า”

     ร่างเล็กลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเข้ามาดึงแขนพี่ชายให้เดินตาม พร้อมกานต์ส่ายหน้าน้อยๆใส่คนเป็นน้องทว่าก็ยอมก้าวตามอย่างง่ายดาย คราวนี้สองคนพี่น้องเลือกไปทานข้าวที่ห้างเดิมเมื่อครั้งก่อนอีกครั้ง ถือว่าเป็นการทานข้าวนอกบ้านด้วยกันจริงๆจังๆเสียทีหลังจากที่ครั้งนั้นโดนใครอีกคนมาขัดจนพร้อมกานต์ต้องห่ออาหารกลับไปทานที่คอนโดคนเดียว

❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋

     “สวัสดีครับพี่รัก”

     เสียงใสของเด็กหนุ่มรุ่นน้องรั้งให้คนที่กำลังจัดขนมใส่ตู้เงยหน้าขึ้นมอง วันนี้เป็นวันเสาร์ วันที่มินต้องเข้ามาทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้าน

     “หวัดดีมิน มาแต่เช้าเชียว” ใบหน้าหวานเนียนใสส่งยิ้มมาให้จนคนมองยิ้มตาม

     “กลัวรถติดครับ งั้นมินขอเอาของไปเก็บแล้วเดี๋ยวออกมาเริ่มงานนะ” กานต์รักพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มก่อนจะจัดการกับงานตรงหน้าต่อ

     เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ร้านเบเกอรี่ของคนหน้าหวานจึงวุ่นวายเป็นพิเศษ พนักงานทุกคนแทบไม่ได้พักรวมไปถึงตัวกานต์รักเอง แม้แต่พร้อมกานต์ที่เข้ามาร้านในช่วงบ่ายยังไม่เว้น เสียงกระดิ่งที่ติดไว้หน้าร้านยามลูกค้าเปิดประตูเข้ามาดังขึ้นแทบจะตลอดเวลา

     “คุณรักคะ วันนี้ตอนบ่ายสาม...”

     ผู้จัดร้านเดินเข้ามาบอกเรื่องนัดขณะที่กานต์รักกำลังง่วนอยู่กับการชงชาให้ลูกค้า มือบางละจากแก้วชาก่อนจะหมุนนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา

     “โอเคครับ ถ้าอย่างนั้นรักฝากคุณไหมดูทางนี้หน่อยนะครับ”

     “ค่ะ”

     เจ้าของร้านพยักหน้ารับก่อนจะหันไปสั่งงานกับพนักงานคนอื่นๆ กระทั่งเสร็จเรียบร้อยจึงเดินเข้าไปหยิบของแล้วเตรียมตัวออกไปข้างนอก

     “พร้อม เดี๋ยวรักต้องออกไปคุยเรื่องของที่จะสั่งฝากดูร้านหน่อยนะ”

     ร่างสูงที่พึ่งเดินเอาขนมไปเสิร์ฟพยักหน้ารับ พร้อมกานต์ยังไม่ทันจะเอ่ยตอบเสียงของเด็กบางคนก็ดังขึ้นเสียก่อน

     “ไม่ต้องห่วงนะพี่รัก มีมินอยู่ซะอย่าง”

     เด็กน้อยที่วิ่งวุ่นขยับมาหาก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม ยังไม่ทันจะได้คุยอะไรต่อจากนั้นก็โดนลูกค้าเรียกไปคิดเงินจนกานต์รักมองตามพร้อมกับยิ้มบาง

     “รักไปเถอะ เดี๋ยวพี่ดูร้านให้”

     “โอเค มีอะไรก็โทรมานะ” พร้อมกานต์รับคำเรียบร้อยกานต์รักจึงเดินออกจากร้านแล้วตรงไปยังรถของตัวเอง

     กานต์รักวุ่นอยู่กับงานจนแทบไม่มีเวลาพัก ขนมปังและนมเป็นสองสิ่งที่ตกถึงท้องกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน ยามกลับเข้าร้านซึ่งมีคนเบาบางลงแล้วร่างเล็กจึงได้แต่ทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง รู้สึกมึนหัวขึ้นมาไม่น้อย

     “ไหวไหมเรา” คนเป็นพี่เดินถือแก้วน้ำเย็นๆมาส่งให้ กานต์รักส่งยิ้มขอบคุณพร้อมกับรับแก้วน้ำมาดื่มอึกใหญ่

     “เหนื่อยแต่ก็มีความสุข”

     รอยยิ้มเซียวถูกระบายขึ้นบนใบหน้าขาวซีด หลังจากไปร้านเพื่อคุยเรื่องวัตถุดิบต่างๆที่จะสั่งเสร็จกานต์รักก็ไปยังร้านนำเข้าผลไม้ต่อ กว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นก็เป็นยามที่ท้องฟ้านั้นมืดสลัว

     “ดีแล้วล่ะ สรุปเรื่องผลไม้เลือกได้หรือยังว่าจะเอาอะไรบ้าง แล้วของที่ผู้จัดเขารีเควสมามีหรือเปล่า”

     “หาได้จนครบแล้วล่ะ ผลไม้ก็เลือกได้แล้ว เจ้าของงานโอเคเรียบร้อย...แล้วงานที่ร้านเป็นยังไงบ้าง”

     กานต์รักเอ่ยตอบก่อนจะถามกลับ ตาโตกวาดมองทั่วร้านที่มีคนอยู่ประปรายแล้วหันกลับมาหาพี่ชายอีกครั้ง

     “วุ่นวายนิดหน่อยแต่ไม่มีปัญหาอะไร”

     กานต์รักหยักหน้าก่อนจะนั่งต่ออีกซักพักแล้วลุกขึ้นไปดูความเรียบร้อย กระทั่งเมื่อถึงเวลาร้านปิดจึงเรียกพนักงานทุกคนมาประชุมเพื่อคุยเรื่องงานต่างๆ กว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นก็เป็นเวลาเกือบสามทุ่ม พร้อมกานต์และกานต์รักกลับถึงคอนโดตอนสี่ทุ่มเศษ พอเดินเข้าห้องได้ก็รีบอาบน้ำ ยังไม่ทันจะได้ล้มตัวลงบนเตียงเสียงโทรศัพท์ก็สั่นครืนจนคนที่แทบลืมมันไปรีบลุกขึ้นเดินหา

     คุณแพทโทรมา...

     “ครับคุณแพท”

     (ไปไหนมา! ทำไมติดต่อไม่ได้ทั้งวัน)

     เสียงทุ้มตวาดก้องจนกานต์รักเผลอกลั้นลมหายใจนิ่ง น้ำเสียงจากปลายสายมีทั้งความโกรธและความร้อนรน

     “รักขอโทษครับ...รักทำงาน วันนี้ยุ่งทั้งวันไม่ได้จับโทรศัพท์เลย”

     (แค่จะรับสายซักสิบวินาทีแล้วบอกว่าไม่ว่างมันลำบากมากขนาดนั้นหรือไง ฉันเป็นห่วงนายจนแทบนอนไม่หลับรู้ตัวบ้างไหม)

     แพทริกเสยผมตัวเองขึ้นก่อนจะผ่อนลมหายใจที่อึดอัดออกมาแรงๆ ริมฝีปากได้รูปถูกขบเม้มเพื่อสกัดกลั้นอารมณ์ร้อน คนที่ถูกสั่งให้จับตาดูกานต์รักบอกว่าอีกฝ่ายออกไปข้างนอกและหลังจากนั้นเขาก็ติดต่อกานต์รักไม่ได้เลย

     ใจมันร้อนรนคิดไปต่างๆนาๆ ยิ่งอยู่ไกลกันอย่างนี้มันยิ่งพะวงจนแทบไม่เป็นอันทำงาน

     “รักขอโทษจริงๆครับ รักลืมไปเลย คุณแพทอย่าโกรธเลยนะครับ” กานต์รักเอ่ยเว้าวอน รู้ว่าตัวเองผิดแต่ก็ยังไม่อยากให้ปลายสายไม่พอใจ

     ไม่ชอบเลยความรู้สึกที่ต้องทะเลาะกัน

     (...) เสียงลมหายใจหนักๆถูกผ่อนออกดังจนแม้แต่กานต์รักยังได้ยิน

     “คุณแพท”

     (...)

     “ต่อไปรักจะไม่ทำแล้วครับ”

     เมื่อก่อนกานต์รักไม่ค่อยมีคนให้ติดต่อมากนักนอกจากพ่อแม่และพี่ชาย คราวนี้ลืมตัวไปว่ามันไม่ใช่แค่เท่านั้น ใจดวงน้อยวูบไหวด้วยความไม่สบายใจเมื่อปลายสายกำลังโกรธ

     (อย่าให้มันเกิดขึ้นอีกกานต์รัก อย่างน้อยแค่ข้อความมาบอกว่าไม่ว่าง กำลังทำงานหรืออะไรก็ยังดี)

     แพทริกพยายามพูดอย่างใจเย็น แค่ระยะทางที่ห่างไกลก็เป็นปัญหามากพออยู่แล้ว ไม่อยากต้องมาทำตัวเกรี้ยวกราดใส่อีกฝ่ายในยามที่ไม่เห็นแม้แต่หน้ากัน

     ความงี่เง่าเกิดขึ้นกับตัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้ากับคนอื่นแพทริกไม่เคยสนใจด้วยซ้ำว่าจะไปไหนหรือทำอะไร ไม่เคยติดต่อหาเลยซักครั้ง

     “ครับ รักสัญญา ต่อไปถ้ารักไปไหนจะรายงานคุณแพทตลอด...คุณแพทหายโกรธนะครับ” ประโยคท้ายเสียงเล็กเผลอออดอ้อนจนคนฟังรู้สึกราวกับว่าถูกน้ำเย็นชโลมดับความกรุ่นร้อนของอารมณ์

     (กลับไปฉันจะทำโทษให้เข็ด)

     แม้ว่าปลายสายจะพูดเสียงเข้มแต่ไม่รู้ทำไมกานต์รักถึงได้รู้สึกว่าความร้อนแล่นเข้ามาเล่นงานบนใบหน้ายามได้ยินคำว่า‘ทำโทษ’

     “รักยอมรับผิดทุกอย่างเลยครับ” ตอบกลับเสียงไม่ดังนัก

     (เปิดกล้อง)

     “ครับ?”

     (เปิดกล้อง อยากเห็นหน้า)

     ใบหน้าหวานแดงเรื่อขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น ก่อนจะรับคำโดยง่ายแล้วกดเปิดกล้องตามที่อีกฝ่ายบอก

     ไม่นานนักใบหน้าคมหล่อเหลาของคนที่คิดถึงก็ปรากฏขึ้น ยิ่งยามเห็นหน้าอีกฝ่ายแบบนี้กานต์รักยิ่งรู้สึกขัดเขิน ดวงตาสีเทาอมฟ้าจ้องมองมาจนใจสั่นไหว เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหน้าแพทริกผ่านทางโทรศัพท์อย่างนี้ มันชวนให้สะเทิ้นอายแปลกๆ

     (ทำอะไรอยู่) เป็นแพทริกที่เอ่ยถามขึ้นก่อนเมื่อคนหน้าหวานเอาแต่เงียบ

     “รักกำลังจะนอน คุณแพทล่ะครับ”

     (ทำงาน เตรียมตัวประชุมตอนเที่ยง...แล้ววันนี้ไปไหนมาทั้งวัน ยุ่งขนาดนั้นเลยหรือไง)

     พออีกฝ่ายเอ่ยถามกานต์รักจึงเล่าเรื่องงานวันนี้ให้ฟังว่าไปไหนทำอะไรมาบ้าง ต่างฝ่ายต่างถามไถ่คุยกันจนเวลาล่วงเลยผ่านไปเรื่อยๆ จากนาทีเป็นสิบนาที จากสิบนาทีจนกลายเป็นครึ่งชั่วโมง กระทั่งแพทริกถูกเตือนเรื่องการประชุมจึงต้องวางสายไป

     กานต์รักนึกถึงใบหน้าของคนที่พึ่งคุยกันเมื่อครู่ก่อนจะอมยิ้มกับตัวเอง กระทั่งความเหนื่อยล้าจากการทำงานทั้งวันจะแทรกเข้ามาเล่นงานให้ต้องรีบนอน ทันทีที่หัวสัมผัสถึงหมอนสติก็ดับวูบไป

❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋

     3 วันผ่านไป

     ยิ่งเวลาใกล้เข้ามาเท่าไหร่กานต์รักยิ่งแทบไม่ได้พัก เจ้าของร้านวิ่งวุ่นทำทุกอย่างจนไม่มีเวลาแม้แต่จะกินข้าว ร่างกายเหนื่อยล้าแต่ได้แต่สั่งตัวเองให้อดทน อาการมึนหัวเริ่มเล่นงานจนใบหน้าหวานขาวซีด เป็นอย่างนี้ตลอดเกือบจะทุกวัน

     “หน้าซีดๆนะรัก รู้สึกไม่สบายหรือเปล่า”

     ฝ่ามือใหญ่ของพร้อมกานต์วางแตะลงบนหน้าผากเนียน กานต์รักส่งยิ้มให้อีกฝ่ายพร้อมกับส่ายหน้าน้อยๆ

     “ไม่เป็นไรหรอกพร้อม เดี๋ยวเสร็จแล้วก็ได้พักแล้วล่ะ”

     เหลืออีกแค่บางส่วนงานของกานต์รักก็จะถือว่าเสร็จสิ้น อาการปวดหัวที่เริ่มเล่นงานจึงต้องถูกสะกดเอาไว้ และแน่นอนว่ากานต์รักไม่บอกพี่ชายเรื่องอาการของตัวเอง ไม่อย่างนั้นแล้วคงไม่พ้นถูกสั่งให้ไปพัก

     “ไหวแน่นะ”

     “อื้อ”

     หน้าเล็กพยักรับหงึกหงัก พร้อมกานต์มองหน้าน้องชายนิ่งก่อนจะปล่อยเลยตามเลย รู้ดีว่าต่อให้บังคับกานต์รักก็คงอ้อนขอว่าไม่ได้เป็นอะไร ด้วยเพราะวันนี้ต้องดูทั้งขนมที่ร้านและขนมของงานร่างเล็กเลยเหนื่อยมากเป็นพิเศษ ช่วงสองสามวันที่ผ่านมากกานต์รักได้นอนวันละไม่กี่ชั่วโมง ข้าวก็แทบไม่มีเวลากิน

     แม้แต่กับคนที่อยู่อีกซีกโลกก็ได้คุยกันวันละไม่กี่ประโยค ต่างฝ่ายต่างยุ่งจนส่วนมากจะคุยกันผ่านทางการส่งข้อความเสียมากกว่า แม้จะคิดถึงแต่งานตรงหน้าก็ทำให้ไม่มีเวลา

     “เรียบร้อยแล้วค่ะคุณรัก”

     ผู้จัดการเดินเข้ามาบอกเมื่อจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย รถของทางเจ้าของงานวันเกิดมาจอดรออยู่หน้าร้าน หลังจากลำเลียงขนมขึ้นหมดนั่นจึงจะเป็นการหมดหน้าที่ของกานต์รักจริงๆซักที

     “โอเคครับ งั้นวันนี้ปิดร้านเลย ทุกคนเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”

     เจ้าของร้านเอ่ยสั่งพร้อมรอยยิ้ม ผู้จัดการสาวจึงพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปบอกพนักงานทุกคน กานต์รักเดินตามเข้าไปในร้านได้เพียงไม่กี่ก้าวอาการปวดหัวจี๊ดก็ทวีความรุนแรงขึ้นจนต้องหยุดนิ่ง

     โรคประจำตัวกำเริบอย่างนั้นเหรอ


ออฟไลน์ ex-soulL

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-7
     
     (ต่อ)

     ลมหายใจถี่รัวถูกสูดเข้าปอดลึกก่อนจะค่อยๆผ่อนออก ขาเรียวเล็กก้าวเดินอย่างช้าๆไปในร้าน พร้อมกานต์เดินเข้ามาหาน้องชายทันทีเมื่อเห็นว่ากานต์รักดูเหมือนจะไม่สบาย

     “เป็นอะไรหรือเปล่ารัก พี่ว่าเราไม่สบายแน่ๆ”

     “โรคเดิมน่ะพร้อม” เสียงเล็กเอ่ยแผ่วเบาพร้อมกับบีบแขนของคนที่เอื้อมมือมาจับแน่น

     “รักไม่ได้เป็นมานานแล้วนี่”

     “อื้อ สงสัยเพราะช่วงนี้พักผ่อนน้อย”

     “ไปหาหมอหรือเปล่า เป็นขึ้นมาอีกอย่างนี้เผื่อว่าร่างกายจะเป็นอะไร”

     เสียงทุ้มเอ่ยบอกอย่างเป็นห่วง กานต์รักไม่มีอาการมานานจนนึกว่าหายขาด พอน้องมีอาการขึ้นมาอีกอย่างนี้เขาจึงอดกังวลไม่ได้

     “ได้พักก็คงดีขึ้นแล้วล่ะ ถ้ายังไม่หายจริงๆค่อยไปหาหมอ”

     “ถ้าอย่างนั้นก็กลับกันเถอะ”

     พร้อมกานต์ขยับเข้ามาโอบประคองคนเป็นน้องเข้ามาในอ้อมกอด พนักงานหลายคนเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงแต่เมื่อกานต์รักยืนยันว่าไม่ได้เป็นอะไรมากทุกคนจึงวางใจ เมื่อปิดร้านเรียบร้อยคนเป็นพี่ก็พาน้องกลับมาทันที

     กานต์รักรีบอาบน้ำก่อนจะเอนกายลงเตียงแล้วหลับตานิ่ง

     “รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม”

     อาการปวดหัวตุบๆยังคงเล่นงานจนริมฝีปากบางเผลอขบกัดเข้าหากัน ตากลมปรือขึ้นมองคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงก่อนจะเอ่ยตอบ

     “ดึขึ้นนิดนึง ถ้าได้นอนก็น่าจะดีขึ้น”
 
     “งั้นเดี๋ยวคืนนี้พี่มานอนด้วย ถ้าปวดมากต้องไปโรงพยาบาลนะ ให้เขาเอ็กซเรย์สมองดูเผื่อเป็นอะไร”

     “อื้อ”

     “นอนซะ”

     ฝ่ามือหนาเอื้อมมาลูบหัวเล็กอย่างแผ่วเป็นการกล่อม ตาดวงโตจึงค่อยๆปรือปิดลง พร้อมกานต์มองใบหน้าของน้องชายก่อนจะล้วงโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความบอกพ่อกับแม่ เมื่อเห็นว่าอีกคนนอนนิ่งอยู่จึงผละออกไปอาบน้ำแล้วรีบกลับเข้ามาอีกครั้ง

     ร่างเล็กนอนกระสับกระส่ายไปมาเมื่ออาการปวดยังคงไม่ทุเลา พร้อมกานต์ที่นั่งอ่านเอกสารงานของตัวเองอยู่คอยเหลือบมองเป็นระยะ

     “พะ พร้อม” กระทั่งทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกแผ่วเบาร่างสูงจึงรีบผุดลุกขึ้นแล้วเดินไปหาคนบนเตียงทันที

     “เป็นอะไรรัก ดีขึ้นไหม” น้ำเสียงร้อนรนเอ่ยถาม มือเล็กของกานต์รักถูกมือใหญ่เอื้อมไปจับเอาไว้แล้วบีบเบาๆ

     “ปวดหัว...มาก ไม่ไหว”

     กานต์รักรู้ดีว่ามาถึงจุดที่ร่างกายไม่อาจฝืนความปวดนั้นไปได้อีก น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงช้าๆจนพร้อมกานต์ไม่รีรอที่จะช้อนตัวน้องชายขึ้นในอ้อมแขน

     “อดทนหน่อยนะรัก”

     ขายาวก้าวถี่ๆเพื่อพาน้องไปยังรถ มือบางกำชายเสื้อของคนเป็นพี่เอาไว้แน่นกระทั่งเข้ามานั่งข้างใน ได้ยินเสียงพร้อมกานต์โทรบอกใครซักคนก่อนรถจะเคลื่อนที่ไปโรงพยาบาลด้วยความรวดเร็ว

     “ผลการสแกนสมองไม่มีความผิดปกติอะไรนะครับ ที่อาการกำเริบก็เพราะว่าคนไข้พักผ่อนไม่เพียงพอร่างกายจึงอ่อนแอแล้วปวดหัวขึ้นมาได้อีก ส่วนเรื่องที่ว่าอาการไม่ได้กำเริบมานานแต่เป็นขึ้นมาอีกนั้นมันสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ก็อย่างที่เรารู้กัน โรคไมเกรนนั้นเอาแน่เอานอนไม่ได้เลยว่าจะปวดขึ้นมาตอนไหน” พร้อมกานต์ฟังสิ่งที่หมอประจำตัวกานต์รักพูดนิ่ง

     “น้องไม่ได้เป็นอะไรอย่างเช่นพวกเนื้องอกในสมองอะไรอย่างนี้ใช่ไหมครับ” นี่เป็นสิ่งที่นึกกังวลมาตลอดเมื่อยามที่เห็นกานต์รักปวดหัว

     “ไม่ได้เป็นแน่นอนไม่ต้องห่วงครับ หมอยืนยันว่าเป็นเพียงอาการไมเกรนกำเริบเท่านั้น”

     “ขอบคุณครับ”

     “ตอนนี้หมอให้ยานอนหลับอ่อนๆไปคนไข้ก็น่าจะฟื้นช่วงเช้า รับรองว่าตื่นมาหายปวดหัวแน่นอน ถ้าไม่มีอะไรแล้วงั้นหมอขอตัวนะครับ”

     “ครับ ขอบคุณคุณหมอมาก”

     พร้อมกานต์ค้อมหัวลงให้คนที่แก่กว่าพร้อมกับพยาบาลทางด้านหลัง เมื่อทั้งสองเดินออกจากห้องไปร่างสูงจึงเดินกลับมานั่งข้างเตียงอีกครั้ง

     “ผมโทรรายงานท่านทั้งสองเรียบร้อยแล้วครับ”

     พร้อมกานต์พยักหน้ารับก่อนจะสั่งให้ลูกน้องแยกย้ายไปพัก ร่างสูงเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำก่อนจะมานอนเฝ้ากานต์รักที่โซฟาตัวกว้าง เมื่อมาถึงมือหมอและได้รับการยืนยันว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงพร้อมกานต์จึงเบาใจลง

❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋

     “มีอะไรแซม”

     แพทริกตวัดสายตาขึ้นมองคนที่เคาะประตูเพียงไม่กี่ครั้งก่อนจะเดินเข้ามาหาด้วยความรวดเร็ว สีหน้าที่ดูราวกับมีเรื่องอะไรบางอย่างทำให้นักธุรกิจหนุ่มเอ่ยถามพร้อมกับวางเอกสารสำคัญในมือลง

     แพทริกเหลือเคลียร์งานอีกเพียงแค่เล็กน้อย ตอนเย็นก็จะได้เวลากลับเมืองไทยแล้วหลังจากที่โหมทำงานจนไม่ต้องอยู่ถึงหนึ่งอาทิตย์ตามกำหนด

     “คุณรักเข้าโรงพยาบาลครับ”

     “กานต์รักเป็นอะไร!” ร่างสูงผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ เอกสารสำคัญตรงหน้าดูไร้ค่าไปในทันทีเมื่อหัวใจมันร้อนรุ่มยามได้ยินสิ่งที่ลูกน้องรายงาน

TBC.

     หายไป20วันนนนนน :o12: :o12: โปรเจ็คต์และสอบไฟนอลยาวต่อเนื่องมาเลยค่ะ ฮื่ออออ คิดถึงกันไหม อ่านแล้วเป็นยังไงมาให้กำลังใจคนเขียนหน่อยน๊า คนเขียนต้องไปอ่านสือแล้วค่ะ อีกไม่ถึงอาทิตย์ก็ปิดเทอมแล้ววว แล้วเจอกันนะคะ  :กอด1: :กอด1:

พูดคุยกัน : https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/
Follow me : https://twitter.com/exsoull_ หรือจะติดแฮ็ชแท็ก #ผู้เป็นที่รัก เป็นกำลังใจให้กันก็ได้นะคะะะะะ

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
คุณแพท ใจเย็นๆ
รักปลอดภัยแล้ว

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด