#engineer 38 (100%)
(แล้วตอนนี้อยู่ไหน)
“Starbuck” ผมตอบพี่วินขณะยกกาแฟในมือขึ้นดื่ม “เลมาอ่านหนังสือ”
(กูควรดีใจใช่ไหม น้องเริ่มอ่านหนังสือ)
“แต่ก่อนเลก็อ่านเถอะ”
(แล้วทำไมถึงได้อ่าน)
“ต้องมีทำไมด้วยเหรอ?”
(กูรู้ว่ามี) ผมบอกเรื่องที่คุณลุงให้บัญชีที่มีเงินกว่าหมื่นล้านถ้าเลได้เกรด 2.5 กับพี่วิน อีกฝ่ายร้องหึ! (หมื่นล้านแลกเกรด 2.5 เป็นกูต้องได้เท่าไหร่)
“แหม เก่งนักเหรอ”
(ก็ A ทุกวิชา) จ้ะ ไม่เถียงแล้ว (พี่พอรู้มาบ้างว่าพ่อเลค้าน้ำมัน แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อฮิมถึงได้ดูแล)
“เลไม่รู้หรอก เรื่องผู้ใหญ่” ขนาดตัวเองมีเงินในบัญชีหมื่นล้านยังพึ่งรู้เมื่อวานเลย “แล้วพี่วินจะมาหาน้องได้เมื่อไหร่”
(พึ่งสอบเสร็จ 1 วิชา อย่างเร็ว 1 อาทิตย์ อย่างช้า 2 อาทิตย์)
“คิดถึงพี่วิน รีบมานะ”
(พี่ต้องซื้อบ้านกับคอนโดที่อังกฤษด้วย เลไปดูไว้หน่อยสิ อยากได้แบบไหน)
“อ้าว ไม่มาอยู่กับเลเหรอ”
(บ้านไอ้ฮิมน่ะเหรอ ไม่เอา)
“อือ งั้นเดี๋ยวเลลองหาดูให้” เอาจริงผมอยากหาทางที่จะทำให้พวกเราได้อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม แต่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ดูหนทางแล้วมันก็ยาก พอโตขึ้นแต่ละคนก็ต้องไปใช้ชีวิตของตัวเอง “พี่วิน งั้นแค่นี้ก่อนนะ”
(อืม รักนะครับ)
“รักเหมือนกัน” ผมกดวางสายพร้อมกับเก็บหนังสือลงกระเป๋า เที่ยงพอดีเลยว่าจะไปหาอะไรกิน ขณะที่กำลังขับรถตะเวนหาของกินอยู่พี่ฮิมก็โทรมา
(คนดีไปกินข้าวกันไหม)
“เลกำลังหาอะไรกินอยู่เหมือนกัน พี่ฮิมอยู่ไหน”
(ร้านสเต็กซ์ แถว xxx ถนน xx มากินกับพี่หน่อย พอดีคุณพ่ออยากกิน เลยจองเอาไว้ทั้งร้านเลย)
“โอเคเลอยู่ใกล้พอดี เดี๋ยวก็ถึง” ผมเร่งเครื่อง ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็เถอะร้านที่พี่ฮิมว่า ทั้งร้านมีแค่มีคุณพ่อ พี่ฮิมและคุณแม่ที่บังเอิญมาซื้อของแถวนี้พอดีนั่งพร้อมหน้า เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ได้กินข้าวพร้อมหน้ากันช่วงเที่ยงเพราะหนึ่งอาทิตย์ต่อมาหลังจากนั้น ผมก็แทบจะไม่ได้นั่งกินข้าวพร้อมกับพี่ฮิมและคุณลุงอีกเลย…
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา
(เลเหงานะ) เสียงจากปลายสายว่ามา (เลรู้ว่าฮิมยุ่ง ไม่อยากกวนแต่น้องก็เหงา)
“ไม่เป็นไรครับ” ฮิมตอบกลับ สมาธิส่วนหนึ่งยังจดจ่อกับเอกสารตรงหน้า
(เลได้ยินเสียงกระดาษ ยังทำงานอยู่หรือเปล่า) คนฟังวางกระดาษในมือลงทันที
“เปล่า”
(โกหก) น้องว่า (ช่วงพักเที่ยงก็ยังต้องทำเหรอ พี่ฮิมกินข้าวหรือยัง)
นัยน์ตาคมหันไปมองข้าวกล่องอย่างดีที่มีคนเอามาให้ตั้งแต่สามสิบนาทีก่อน ทว่าจนตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้กิน ร่างสูงตัดสินใจโกหกออกไป “กินแล้วครับ”
(แน่นะ) น้องเงียบไปสักพัก (งั้นแค่นี้แหละ เลไม่กวนแล้ว อย่าหักโหมมากนะฮิม บอกคุณลุงด้วย)
“ไว้วันนี้พี่จะกลับไปทานข้าวเย็นด้วยนะ”
(อืม บาย รักนะ)
“รักคนดี” ปลายสายตัดไปจังหวะเดียวกันที่ประตูห้องเขาถูกเปิดออก ร่างสูงของผู้เป็นพ่อเดินเข้ามาพร้อมกับปรายตามองข้าวกล่องที่ยังไม่ได้แตะ “เลฝากมาบอกคุณลุงว่าอยากหักโหม”
“บอกฮิมเถอะ” คุณพ่อว่า “ยังไม่กินข้าวอีกเหรอ ตอนบ่ายมีประชุมนะ ไม่กินตอนนี้จะได้กินอีกทีตอนเย็นเลยนะ”
“เอกสารนี่ยังไม่เสร็จ” เขายกเอกสารที่ยังไม่ได้อ่าน เหลืออีกแค่สองสามแผ่น
“มาพักก่อน” มือหนากวักเรียกเขาไปนั่งที่โซฟาด้วยกัน อีกฝ่ายคะยั้นคะยอให้ฮิมต้องกินข้าวจนต้องยอมกิน
“พ่อทำงานเสร็จแล้วเหรอ” เขาถามขณะกินปลาแซลม่อนตรงหน้า คนที่นั่งข้างกายตอบ
“ยังไม่เสร็จ เยอะเกิน เห็นแล้วปวดหัว กำไรก็ไม่ได้สักบาท” พ่อเขาบ่น “ฮิมต้องไปบอกน้องเล ควรขอบคุณคุณลุงคนนี้มากๆ ยอมทำให้ถึงขนาดนี้”
“ฮิมยังไม่ได้บอกเลเรื่องนี้ เดี๋ยวน้องกังวล” พ่อเขาแสยะยิ้ม
“เดี๋ยวน้องกังวล” อีกฝ่ายเลียนเสียง “มีดีอะไรถึงได้ทำให้ฮิมหลงรักหัวปักหัวปำได้”
“ก็มีดีพอให้คุณพ่อต้องมาทนนั่งอ่านเอกสารอยู่นี่ไง”
ธุรกิจที่มีปัญหาซึ่งพวกเขากำลังนั่งหัวหมุนหาทางแก้อยู่คือธุรกิจน้ำมันที่จะยกให้เล ทั้งที่จริงแล้วจะปล่อยเรื่องนี้ไปก็ได้ เพราะถ้าพูดในเรื่องของธุรกิจ พวกเขาไม่ได้อะไรเลยนอกจากความเหนื่อยเนื่องจากกำไรทั้งหมด ย้ายเข้าบัญชีแต่เพียงผู้เดียว เป็นพ่อเขาเองที่ไม่ยอมปล่อย เจ้าของบ้านที่น้องเลคิดว่าเกลียดตัวเองมาตั้งแต่เด็กๆ นั่นแหละที่ยอมลำบากทำงานหัวหมุนโดยที่ไม่ได้อะไรเลย ฮิมจำคำพูดของคุณพ่อได้ดี
พ่อไม่ยอมเสียมันให้ใคร ธุรกิจน้ำมันต้องเป็นของน้องเล
“พ่อไม่ให้ของหมั้นแล้วนะ เอาหมื่นล้านนี่ไปเป็นของหมั้นก็แล้วกัน” เจ้าของเสียงทุ้มยันศอกเข้ากับโซฟา มือหนาเท้าคางมองมาที่เขา
“ฮิมไม่หมั้น ฮิมจะแต่งเลย”
“ก็สมควร กินลูกชาวบ้านเขาไปตั้งหลายครั้งซะขนาดนั้น” มือหนาที่กำลังตักข้าวเข้าปากถึงกับชะงัก ใบหน้าหล่อเหลาหันมามองพ่อของตนเอง “ถ้ายังไม่ให้แต่ง แม่เลที่อยู่บนฟ้าคงลงมาฆ่าพ่อน่ะสิ”
“พ่อรู้เหรอ” ต้นแบบนัยน์ตาคมสีดำสนิทมองนิ่งก่อนจะยกยิ้ม พูดขึ้นมาประโยคหนึ่งที่ทำให้ฮิมนิ่งไปเมื่อได้ฟัง
“เสียงดัง”
“...”
“ผนังบ้านเราไม่ได้เก็บเสียงนะฮิม”
“...”
“เอาเถอะ ว่าไม่ได้หรอกเพราะพ่อเองก็เร็วกว่าฮิมเยอะ ยังดีนะที่น้องเลท้องไม่ได้ จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องท้องก่อนแต่ง” เขาพูดอะไรไม่ออก นอกจากตักข้าวเข้าปากแบบเงียบๆ ร่างสูงของผู้เป็นพ่อลุกขึ้นยืน หันมาสั่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินออกไปจากห้อง “กินให้อิ่ม แล้วก็อย่าลืมเข้าประชุมด้วย”
“ครับ” เขาตอบได้แค่นั้นจริงๆ
“พี่ฮิมจะกินข้าวหรือยังนะ” ผมพูดกับเจ้า Alaska gaint 1 ที่กำลังกอดอยู่ ช่วงนี้พี่ฮิมยุ่ง ยุ่งมากๆ เลย ถามว่าที่บริษัทมีอะไรทำไมยุ่งขนาดนี้ก็ไม่ยอมตอบ “ไจแอ้น1 เลเป็นห่วงฮิม”
“โฮ่งๆ”
“ห่วงคุณพ่ออีกคนไหม”
“โฮ่ง”
“ไม่รู้ว่ากินข้าวยังเนาะ” มันไม่ตอบละ เจ้าตัวอ้วนเลียหน้าผมแทน น่ารักจนต้องลงไปฟัดกับพุงย้วยๆ “มั่นเขี้ยว!”
“คลาร์ก คอเปอร์เรชั่น บริษัทค้าน้ำมันยักษ์ใหญ่ที่ทำงานร่วมกับเรามานาน เกือบ 20 ปีก่อนเขาประสบปัญหาทางการเงิน ช่วงนั้นท่านประธานได้ตัดสินใจซื้อธุรกิจหมื่นล้านนี้มาจากเพื่อนสนิทพอดี แต่เราเองก็ยังใหม่ในเรื่องนี้มาก จึงมีการเจรจายื่นมือเข้าช่วยเหลือทางด้านการเงินกับบริษัท โดยที่ฝ่ายนั้นเองก็ต้องดูแลธุรกิจน้ำมันในด้านต่างๆ ของเราให้เช่นกัน”
“ผ่านมา 20 ปีทุกอย่างเข้าที่เข้าทางมากขึ้น ทางเราเองเริ่มเรียนรู้ระบบต่างๆ จนสามารถยืนหยัดด้วยตัวเองได้แล้ว ทางนั้นก็เช่นกัน ปัจจุบัน คลาร์ก คอเปอร์เรชั่น กลายเป็นบริษัทค้าน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเงินที่เขามีในตอนนี้ คาดว่าคงไม่ต้องพึ่งเราอีก แฮมินตันตัดสินใจว่าจะแยกตัวออกจากอีกฝ่าย แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นมาเสียก่อน”
“โปรเจ็กสุดท้ายที่ได้ทำร่วมกัน ทางนั้นเจอแหล่งน้ำมันขนาดยักษ์ที่เราเป็นคนให้เงินทุนในการดำเนินการ มูลค่าของมันถ้าเทียบเป็นเงินเผลอๆ อาจจะมากกว่ากำไรของแฮมินตันทั้ง 84 สาขามารวมกัน”
ร่างสูงเท้าคางมองเลขานุการคนสนิทของพ่อที่กำลังบรรยายปัญหาเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ด้านหน้า สิ้นประโยคสุดท้ายเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นทันที
มูลค่าของมันถ้าเทียบเป็นเงินอาจจะมากกว่ากำไรของแฮมินตันทั้ง 84 สาขามารวมกัน
ฮิมบอกแล้วว่าน้องเลจะรวยกว่าเขาอยู่แล้ว
“ปัญหามันอยู่ที่ว่าทางนั้นไม่อยากจะยอมรับว่าเราให้เงินทุน อีกฝ่ายต้องการจะเอาแหล่งน้ำมันนั่นเป็นของตัวเองเพียงคนเดียว อาจจะต้องมีการต่อสู้กันในศาล” คุณพ่อที่เป็นประธานซึ่งนั่งอยู่หัวโต๊ะสรุปเมื่อทุกคนเงียบลง “หลายอาทิตย์ที่ผ่านมา เราได้มีการดำเนินการเรื่องนี้ในบางส่วนแล้ว สำหรับการประชุมในวันนี้ ผมจะสรุปแผนการทั้งหมด และอยากรู้ว่าคณะกรรมการแต่ละท่านคิดยังไง มีวิธีการแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้ไหม”
“...”
“เท่านี้แหละครับ”
วันต่อมา
“วันนี้ไม่ต้องเข้าบริษัทเหรอ” ผมทักพี่ฮิมหลังจากที่ตื่นมาแล้วเห็นอีกฝ่ายนอนอยู่ข้างกายในรอบหนึ่งอาทิตย์ พี่ฮิมพยักหน้า เขาตอบ
“ไม่เข้า วันนี้จะอยู่กับเด็กขี้เหงา”
“ก็เหงาจริงๆ นี่” ผมไม่ปฏิเสธ “เล่นกับหมา อ่านหนังสือ ขับรถเล่น วนเวียนอยู่แค่นี้”
เคยชินกับการอยู่บ้านกับใครหลายๆ คน ตอนอยู่ไทยได้ยินเสียงโวยวายจากพี่ๆ ทุกวัน วันไหนไม่มีอะไรทำอย่างน้อยก็ได้นั่งดูหนังกับพวกพี่ๆ แต่อยู่เนี่ยคนเยอะก็จริง แต่ใครจะกล้ามานั่งดูหนังกับเลเล่า!
“อยากไปไหน”
“ที่ไหนก็ได้ อยู่บ้านเฉยๆ ก็ได้ แค่ได้อยู่กับฮิมก็พอ”
“อยู่แต่ในห้องกับพี่ก็ได้ใช่ไหม” ลุกหนีออกจากเตียง รู้เลยว่าเขาคิดจะทำอะไร
“เมื่อคืนก็… เยอะแล้วนะ” เจ้าของร่างหนายิ้มเมื่อเห็นผมหนีออกห่าง
“พี่ล้อเล่น” ไม่เชื่อว่าพี่ฮิมล้อเล่นอะ ถ้าผมตอบว่าได้ เขาก็คงเอาจริง “งั้นวันนี้อยู่บ้าน น้องอยากทำอะไร”
“อาบน้ำให้ไจแอ้น1 2 3” ไจแอ้น ชื่อหมาของเล
“ก็เอาสิ” พี่ฮิมลุกออกจากเตียง “ไปอาบน้ำ กินข้าว แล้วไปอาบน้ำให้ลูกชายคนดี”
“โฮ่งๆ”
“อย่าดิ้น!”
“โฮ่ง!”
“ไจแอ้น 3 อย่าดิ้น”
“โฮ่งๆ”
“หนักชิบหาย” พี่ฮิมถึงกับสบถคำหยาบ ร่างสูงมีหน้าที่จับสุนัขตัวยักษ์เอาไว้ให้มันอยู่นิ่งๆ เพื่อให้เลฉีดน้ำได้ แต่มันไม่ยอมนิ่งให้เลย จะวิ่งไปวิ่งมาอย่างเดียว “ไม่น่ารักเหมือนเปอร์เซีย”
“เปอร์เซียนั่นแหละที่ไม่น่ารัก!” ผมแว้ดใส่ “อย่าว่าลูกเลนะ”
“ครับ พี่ยอม”
“ฮิมจับนิ่งๆ อีกแปปนึงจะเสร็จแล้ว” พี่ฮิมกลั้นใจยึดตัวเจ้ายักษ์ตัวสุดท้ายเอาไว้ และในที่สุดเราก็อาบน้ำหมาจนเสร็จในสภาพทุลักทุเล “ฮึ!”
ผมหลุดขำพี่ฮิม ทั้งตัวของอีกฝ่ายเปียกตั้งแต่หัวจรดเท้าแถมยังติดแชมพูหมาอีก “ขำอะไรครับ”
“ขำพี่ฮิมไง เปียกหมดแล้ว จบกันมาดท่านประธานในอนาคต”
“คนดีไม่เปียกเลย”
“ก็เลเป็นคนฉีดน้ำ”
“...”
“พี่ฮิมจะทำอะไร” ผมถามขณะเดินถอยหลังอย่างระแวงเมื่อร่างสูงก้าวเข้ามาใกล้ พี่ฮิมไม่มีโอกาสให้ผมได้คิด ร่างสูงใช้เวลาไม่ถึงห้าวินาทีในการเดินเข้ามาอุ้มเลเดินไปยังสระน้ำที่อยู่ใกล้ๆ จากนั้นก็…
ตู้ม!
หยาดน้ำเล็กๆ สาดกระจายเมื่ออีกฝ่ายโยนเลหล่นลงกลางสระ ผมรีบว่ายขึ้นเหนือน้ำก่อนจะโวย “พี่ฮิม! มันหนาวนะ”
“หนาวเป็นเพื่อนพี่ไงครับ”
“เดี๋ยวน้องก็เป็นไข้อีก พี่ฮิมจะรับผิดชอบยังไง”
“โฮ่งๆ!” เสียงทุ้มยังไม่ตอบอะไร เจ้าหมาทั้งสามตัวที่แสนจะรักเลเสียเหลือเกินเมื่อพวกมันเห็นผมถูกโยนลงน้ำ ทั้งสามก็วิ่งลงน้ำตามอย่างง่ายดาย จนรู้สึกว่าที่ให้ฮิมออกแรงจับสามสหายไจแอ้นเอาไว้อยู่นานสองนานเพื่อฉีดน้ำให้พวกมันเมื่อสักครู่นี้แทบจะไร้ประโยชน์
“เอาน้องลงน้ำตั้งแต่แรกก็หมดเรื่องแล้ว”
“ฮิม น้องหนาว” ผมเริ่มสั่น อากาศในตอนนี้ไม่ได้อบอุ่นเหมือนอยู่ประเทศไทยหรอกนะ ร่างสูงเดินมายื่นมือให้จับเพื่อดึงผมขึ้น แต่แทนที่จะขึ้น ผมออกแรงดึงคนที่ยืนอยู่บนบกลงมาในน้ำแทน
ตู้ม!
“น้องเล”
“พี่ฮิมทำเลก่อนนี้!” ผมพยายามจะว่ายหนีขึ้นบก แต่ไม่ทันการ พี่ฮิมว่ายมาดึงขาเลเอาไว้ไม่ให้ขึ้น กักขังไม่ให้ได้ขยับด้วยการกอดจากกายหนาที่ข้างสระ “ทำแบบนี้อุ่นจัง”
ผมซบหน้าลงบ่าแกร่ง แล้วกอดตอบอีกฝ่าย พี่ฮิมย่อตัวลงไปกอดในน้ำ ยิ่งไม่เจออุณหภูมิด้านบนผมยิ่งรู้สึกอุ่นกว่าเดิม บรรยากาศเริ่มเป็นใจ แถมเจ้าสามตัวด้านข้างก็ไม่เห่ากันด้วย
สงบดีจัง
“น้องเล”
“หือ?” ผมครางรับ ยังซบหน้าอยู่ที่บ่าแกร่ง
“พี่อยากแต่งงานกับเล”
!!!!!!
เลเบิกตากว้าง รีบผละออกมาจ้องหน้าคนพูด ร่างสูงไม่มีวี่แววล้อเล่นแม้แต่น้อย ผมใจเต้น มันแทบจะพุ่งออกมาจากข้างใน “เราพึ่งเป็นแฟนกันได้ไม่กี่เดือนเองนะ”
“บอกเอาไว้ก่อน” พี่ฮิมว่า “จองเอาไว้ด้วย”
“ด้วยอะไร?”
“น้องอยากได้อะไรล่ะ”
“เดือนกับดาวได้ไหมอะ”
“สงสารพี่หน่อยสิคนดี”
“งั้นเอาพี่ฮิม ทุกอย่างของพี่ฮิมเลยได้ไหม” ฮิมเงียบ มือหนาเกลี่ยปลอยผมขึ้นทัดหูเลให้ก่อนจะตอบ
“ทุกอย่างของพี่น่ะ น้องได้มันไปตั้งนานแล้ว”
ดีจัง…
“ชอบจัง”
“อะไรหืม?”
“ชอบความรู้สึกแบบนี้ บรรยากาศแบบนี้ แล้วก็คนนี้” เสียงทุ้มหัวเราะในลำคอขณะที่ผมจิ้มนิ้วจึกๆ ลงบนอกแกร่ง
ผมจ้องหน้าพี่ฮิมเงียบๆ เลื่อนมือไปโอบรอบลำคอแกร่งแล้วลากปลายนิ้ววนหมุนส่วนเป็นต้นคอด้านหลังเบาๆ ร่างสูงลงโทษเลโดยการทาบริมฝีปาก จูบเริ่มจากแผ่วเบาก่อนจะเปลี่ยนเป็นเร้าร้อนและดูดดื่มจนแทบจะหายใจไม่ทัน มือหนาลูบไล้ไปตามลำตัว น้ำทำให้ผ้าแนบชิดติดกายมากขึ้นก็เลยรับรู้ถึงสัมผัสได้มากขึ้น พี่ฮิมทำให้ผมสั่น สั่นโดยที่ไม่ด้วยรู้ว่าเป็นเพราะหนาวหรือเพราะอะไร
ตึก! ตึก!
กึก!
เลแตะบ่าแกร่งให้หยุดเมื่อเหลือบไปเห็นว่ามีใครบางคนมายืนรออยู่ข้างสระ ในตอนที่ศีรษะซึ่งถูกบังคับให้เอียงรับจูบดุดันอยู่นั้นถูกปล่อยออกนั่นแหละ พวกเราถึงได้หันไปมองว่าใครมา
หนึ่งคือคุณลุงที่กำลังมองมาด้วยสีหน้าราบเรียบ ส่วนบุคคลที่สองไม่ใช่คนในบ้านแต่เป็นคนที่ทำให้ผมต้องตะลึงค้าง
คนที่ผมเคยถามหาทุกวันตอนเด็ก คนสำคัญที่อยู่ในความทรงจำซึ่งเลือนลางจนแทบจะมองไม่ออก แต่ผมกลับนึกออกว่าเขาคือใครทันทีที่เห็นหน้าตกตะลึงไม่แพ้กันของอีกฝ่าย
ราวกับว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ในน้ำแต่เป็นทะเลทราย อากาศไม่ได้หนาวหากเป็นร้อนระอุ เพราะลำคอของผมแห้งผากยากที่จะเปล่งเสียงเรียกสรรพนามของคนตรงหน้าออกมาว่า
“คุณ...พ่อ…”
(100%)
สวัสดีค่ะคุณพ่อ
ติดแท็ก #วิศวะแดนแฟนมีเกียร์ ด้วยนะคะ