#40 (50%)
“เอ่อ…” ควรจะพูดอะไร ผมอ้ำๆ อึ้งๆ เอาแต่จ้องหน้าคนที่เหมือนพี่ดีนแต่ไม่ใช่พี่ดีนมาเกือบสองนาที จนกระทั่งได้กลิ่นไหม้ของฮ็อดด็อกในกระทะนั่นแหละ ถึงได้กลับมาสนใจอาหารตรงหน้าต่อ จากนั้นผมทำทีเป็นไม่สนใจเพราะเสร็จจากฮ็อดด็อกก็หันไปจัดการกับขนมปังปิ้งซึ่งเสร็จพอดี ผมตั้งใจจะหยิบมันออกจากเตาแต่ดันใช้มือเปล่าจับขนมปังที่พึ่งปิ้งเสร็จใหม่ๆ เพราะลืมไปว่ายังร้อน ร่างกายรีบสั่งการให้ชักมือออก ด้วยความตกใจทำให้มืออีกข้างเผลอปล่อยจานที่ถืออยู่จนมันตกแตกใส่เท้า
เพล้ง!
“โอ๊ย! เจ็บๆ เจ็บ!” ผมน้ำตาเล็ด รีบก้มลงมองเท้าที่มีเลือดซึมแล้วอดที่จะร้องไม่ได้ “ฮือ”
“เป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงทุ้มว่า คนตรงประตูเดินมาจับเอวเลยกขึ้นไปวางที่อื่น เขาสั่งให้ผมนั่งลงบนเก้าอี้ก่อนที่จะหันไปจัดการกับเศษแก้วที่อยู่บนพื้น ผมปล่อยให้คนตรงหน้าจัดการกับเหตุการณ์ที่เหลือ ส่วนตัวเองนั่งมองเท้าที่มีเลือดซึมเงียบๆ จนกระทั่งเวลาผ่านไป จู่ๆ จานอาหารที่ผมทำแต่ลืมไปชั่วขณะก็ถูกวางลงตรงหน้า
พอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีทุกอย่างในห้องครัวก็ดูจะเรียบร้อยดีแล้ว
“ขอบคุณครับ” เลว่า “เลขอโทษที่ทำจานแตก แล้วก็แอบใช้ห้องครัว”
“ไม่เป็นไร” คนหน้าเหมือนพี่ดีนพูดพลางยิ้มนิดๆ ให้ผม จากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องครัวแล้วกลับมาพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาล นั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ ผม “ยกเท้าขึ้นมาสิ”
“หือ?”
“มีแผลไม่ใช่เหรอ” ผมได้แต่นั่งทำตาปริบๆ มองเท้าตัวเองสลับกับคนตรงหน้า แผลน่ะมีแต่ไม่กล้ายกเท้าตัวเองขึ้นอย่างที่อีกฝ่ายว่า
“เลเกรงใจ--เหวอ” เขาทำในสิ่งที่เหนือความคาดหมาย โดยการจับขาผมขึ้นแบบไม่บอกกล่าว วางเอาไว้บนตักแกร่งของอีกฝ่ายแล้วเริ่มต้นทำความสะอาดก่อนเป็นอันดับแรก
“กินไปด้วยสิ” ผมจิ้มฮ็อดด็อกกินตามคำสั่ง ว่าจะถามแต่คนตรงหน้าก็ชิงถามขึ้นมาก่อน “เจ้าของเสียงร้องไห้ของสองวันที่ผ่านมาเหรอ”
ผมชะงัก มือไม้อ่อนจนต้องวางสิ่งที่กำลังจะป้อนเข้าปากลงที่เดิม “เล...”
“เป็นอะไรถึงได้เศร้าขนาดนั้น” ผมเงียบ เงียบจนอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมอง “ไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร”
“เลรบกวนใช่ไหม ขอโทษนะครับ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอก เอ้า! เสร็จแล้ว”
“ขอบคุณครับ” ผมเอาเท้าลง รีบถามในขณะที่ฝ่ายนั้นกำลังเก็บอุปกรณ์เข้าที่ “เอ่อคือ… คุณเป็นใครเหรอ?”
คนตรงหน้าชะงัก เจ้าของนัยน์ตาคมเงยหน้ามองหน้าผม
“ดีนไม่ได้บอกเหรอ” ผมส่ายหน้า พี่ดีนไม่ได้บอกอะไรและตลอดสองวันมานี้ส่วนใหญ่ผมก็ไม่ได้ออกไปไหนนอกจากร้องไห้อยู่ในห้อง มีหลายครั้งที่พี่ดีนพาออกไปหากิจกรรมอย่างอื่นทำแต่ผมไม่ได้ให้ความสนใจกับมันนัก “งั้นคิดว่าเป็นใครล่ะ”
“ไม่เดาไม่ได้เหรอ”
“ลองดูสิ”
“อืม พี่ชาย?” เขาหัวเราะ “ไม่ใช่เหรอ”
“เดาผิดแล้ว”
“งั้นก็คุณน้า?” คำตอบที่ได้รับคือการส่ายหน้า “คุณลุง?”
“เอาใหม่”
“ไม่อยากเดาแล้ว! เฉลยหน่อย” ร่างสูงยิ้มแต่ไม่ยอมพูดอะไร อีกฝ่ายเดินไปชงกาแฟให้ตัวเองจากนั้นก็มานั่งเก้าอี้ตรงข้ามผม
“ชื่อเลเหรอคะ?” ผมพยักหน้า “น้องเลเป็นอะไรกับซาร่า”
“รู้จักแม่เลด้วยเหรอ”
“เป็นลูกสินะ” พยักหน้าอีก แล้วเขาก็เงียบไป เงียบนานเสียจนผมเริ่มทำตัวไม่ถูก
“เอ่อ… คุณ?”
“...”
“เลควรเรียกคุณว่าอะไรเหรอครับ”
“คุณพ่อ” นั่นไม่ใช่เสียงของคนตรงหน้า แต่เป็นเสียงอันคุ้นเคยของใครบางคนที่อยู่ด้านหลัง ผมหันกลับไปมอง เห็นพี่ดีนกำลังยืนหอบอยู่ที่หน้าประตู เจ้าตัวถอนหายใจเฮือกใหญ่ทันทีที่เจอผม “น้องเล หิวเหรอทำไมไม่ปลุกพี่ล่ะครับ”
คุณพ่อเหรอ
เลวกสายตากลับไปจ้องหน้าร่างสูงที่เหมือนพี่ดีนราวกับแกะ เจ้าของตำแหน่งคุณพ่อของพี่ดีนมองผมแล้วยกยิ้มขึ้นอีกครั้ง
พระเจ้า! นี่คุณพ่อเหรอ
สถานะที่เป็นได้แต่ผมไม่คิด คนตรงหน้าดูดีเกินไปจนไม่รู้สึกว่าจะมีลูกเป็นตัวเป็นตนแถมลูกที่ว่ายังเป็นพี่ดีน พี่ดีนอายุเท่าพี่ฮิมแล้วนะ! เทียบกับคุณลุงรายนั้นยังมีรัศมีการมีครอบครัว ไม่ใช่ว่าคุณลุงไม่หล่อ หล่อมากแต่คนตรงหน้าผมต่างหากที่ดูดีเกินไป
คุณพ่อของพี่ดีนแทบจะหล่อกว่าพี่ดีนด้วยซ้ำ
“ตกใจเหรอ” เสียงทุ้มว่า นัยน์ตาคมเฉียวจ้องผมนิ่ง เลพยักหน้ายอมรับ
“คุณพ่อหล่อจัง”
ขวับ
จู่ๆ พี่ีดีนก็เดินเข้าปิดตาผม เขาว่า “น้องเลอย่าจ้องนาน”
“อะ อะไรเหรอ”
“พ่อพี่เจ้าชู้”
“คิดอะไรอยู่น่ะดีน”
“ไม่รู้ ผมกันไว้ก่อน ไม่ให้พ่อจีบเลหรือไม่ให้น้องเลชอบพ่อ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”
“พี่ดีนมืดจัง” ผมบอก ก่อนที่พี่ดีนจะยอมปล่อยมือออก “เลขอโทษที่ไม่ได้บอก เลเห็นพี่ดีนหลับสนิท กลัวเหนื่อยอีกก็เลยไม่ได้ปลุก”
“น้องเลห่วงพี่ด้วย น่ารักจัง” ร่างสูงกอดหมับแล้วเขย่าตัวผมไปมา “พ่อออกมาทำอะไรตอนดึกๆ”
“ออกมาเติมกาแฟ” มือหนายกแก้วกาแฟขึ้น “น้องเลอิ่มหรือยังคะ”
“เลอิ่มแล้ว” หลุบตาลงมองอาหารตรงหน้าที่พร่องไปพอสมควร
“นี่ก็ดึกแล้ว ถ้าน้องเลอิ่มแล้วก็กลับไปนอนเถอะนะ” คุณพ่อพี่ดีนออกความคิดเห็น ร่างสูงลุกขึ้นไปชงอะไรสักอย่าง จากนั้นก็ยื่นมันมาให้ผม “คาโมมายล์ ทำให้หลับสบายขึ้นค่ะ”
ผมรับมาดื่มอึกๆ ลงคอ จากนั้นก็บอกลาคุณพ่อขึ้นไปนอน
“เจอกันตอนเช้าครับ”
‘น้องเลไปตีกอล์ฟกับคุณพ่อไหม’
ผมถูกคุณพ่อของพี่ดีนชวนในระหว่างที่กำลังทานอาหารเช้า ตอนนี้ก็เลยได้มาตีกอล์ฟกับคุณพ่อของพี่ดีนอยู่ที่หน้าบ้าน
ใช่ ฟังไม่ผิดหรอกครับ… หน้าบ้าน
ตอนมาไม่ได้สติ ตอนอยู่สองวันก่อนก็ไม่ได้สนใจ พึ่งมาสังเกตุวันนี้ว่าบ้านของพี่ดีนใหญ่ขนาดไหน
ใหญ่… ใหญ่มาก
ใหญ่แค่ไหน ก็ชนิดที่ว่าล้อมรอบคฤหาสน์หลังยักษ์แห่งนี้ไม่ใช่รั้วแต่เป็นสนามกอล์ฟ สนามกอล์ฟที่เป็นสนามกอล์ฟจริงๆ ซึ่งกินพื้นที่กว้างขวางสุดลูกหูลูกตา ซ้ำแล้วการเดินทางเข้ามาที่คฤหาสน์ยังต้องใช้เฮลิคอปเตอร์แทนรถ มันทำเอาผมที่เคยชินกับความยิ่งใหญ่ยังต้องอ้าปากค้าง เพราะถ้าเทียบพื้นที่กันแล้วคฤหาสน์มโหฬารของพี่ฮิมยังแพ้
“เคยเล่นหรือเปล่า” คุณพ่อถาม
“เลเคยเล่นตอนเด็กๆ แต่ตอนนี้แทบจะเล่นไม่เป็นแล้ว”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพ่อสอน” ผมยิ้มแหย เกรงเล็กน้อยตอนที่จับไม้กอล์ฟ
วันนี้พี่ดีนไม่ได้อยู่ด้วย ไม่เหมือนฮิม พี่ดีนเป็นประธานบริษัทซึ่งทำธุกิจเพชรพลอยอะไรสักอย่างเต็มตัวแล้ว ในความเป็นจริงร่างสูงต้องเข้าบริษัทตั้งแต่สองวันก่อน แต่เพราะมีผมอยู่ด้วย พี่ดีนก็เลยทิ้งงานมาอยู่กับเลแทน วันนี้คุณพ่อของพี่ดีนก็เลยบังคับให้อีกฝ่ายเข้าบริษัท เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาราวกับคนที่ยังอายุสามสิบต้นๆ บอกว่าจะดูแลผมให้เอง
พี่ดีนจำใจยอมรับแม้ว่าจะไม่อยากนัก เขากำกับเลหลายครั้งว่า
อย่าชอบคุณพ่อ อย่าชอบคุณพ่อ คุณพ่อเจ้าชู้
ปัง!
ลูกกอล์ฟสีขาวถูกตีออกไปด้วยแรงและความเร็วสูง ไปไกลเกินกว่าที่รัศมีสายตาของผมจะมองเห็น
“คุณพ่อเก่งจัง”
“เล่นบ่อยค่ะ” ไม่แน่ใจว่าคำว่าชอบของพี่ดีนมันสื่อไปในทางไหน แต่คุณพ่อน่าจะเป็นคนที่ถูกชอบง่ายจริงๆ นั่นแหละ สาเหตุก็เพราะหล่อเหลือร้าย บวกคารมณ์ด้วยส่วนหนึ่ง “น้องเลมานี้”
มือหนากวักเรียก ผมเดินไปยืนอยู่ในตำแหน่งที่ต้องตีลูก จับไม้เอาไว้โดยที่มีร่างหนาคอยจัดท่าทางให้
“ผ่อนคลายน้องเล ยื่นหน้าอก ไหล่ตรง ก้มลงตัวไป” คุณพ่อพี่ดีนโอบอยู่ทางด้านหลัง จับมือผมถือไม้กอล์ฟให้ถูกวิธีจนได้ท่าที่โอเค ร่างสูงถึงเดินถอนห่างออกไป “รู้วิธีตีอยู่ใช่ไหม”
“เลพอจำได้”
“ลองดูซิ ไม่โอเคก็ไม่เป็นไร”
ปัง!
ผมตีออกไปสุดแรงเกิด ผลที่ได้ก็น่าพอใจนิดหน่อย มันลอยไปไกลพอสมควร
“ใช้ได้” เสียงทุ้มชม เราเดินไปขึ้นรถกอล์ฟ ระหว่างที่ขับไปหาลูกกอล์ฟคุณพ่อก็ชวนคุย “เลรู้จักกับดีนได้ยังไง”
“เลไปค่ายกับเพื่อน แต่อาการไม่ดีก็เลยสลบแล้วก็ตกรถอยู่ที่ปั้ม พี่ดีนมาช่วยไว้ก็เลยได้รู้จักกันครับ”
“ดีนดีกับน้องเลหรือเปล่า”
“ดีสิ พี่ดีนเป็นพี่ชายที่ดีมากเลย”
“งั้นก็ดีแล้ว” คุณพ่อหันไปตั้งหน้าตั้งตาในการขับรถ ในขณะที่ผมมีคำถาม
“คุณพ่อพี่ดีน… รู้จักกับแม่ของเลเหรอ” ซาร่า คำแรกที่อีกฝ่ายใช้ทักเล
“รู้จักค่ะ รู้จักดีเลย”
“เป็นเพื่อนกับแม่เลเหรอ”
ร่างสูงยิ้มแต่ไม่ได้ตอบคำถามผม “น้องเลเหมือนซาร่ามากเลยนะ”
“จริงเหรอ” ผมถามพลางก้มลงมองมือของตัวเอง “มีแต่คนว่าอย่างนั้น”
“ไม่รู้ตัวเหรอ เหมือนกันอย่างกับแกะเลยล่ะ”
“เลได้อยู่กับแม่แค่ไม่กี่ปีเอง แม่เลเสียตั้งแต่เลยังเด็กมากๆ”
“เหรอครับ แล้วพ่อดูแลน้องเลดีหรือเปล่า”
“เลไม่มีพ่อหรอก”
“...”
“อ๊ะ! ลูกกอล์ฟของเล” ผมลงจากรถเมื่อเห็นลูกกอล์ฟสีขาว คุณพ่อเดินตามหลังแล้วยื่นไม้ให้ ผมรับไม้พร้อมกับคำแนะนำนิดหน่อย จากนั้นก็ดีและผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังดีดังเดิม ลูกกอล์ฟสีขาวของเลขึ้นไปอยู่บนกรีน (พื้นที่ราบรอบหลุม) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“เก่งนะเนี่ย เล่นไม่บ่อยจริงเหรอ”
“อือฮึ ปกติเลชอบแข่งรถมากกว่า”
“น้องเล… แข่งรถ?”
“เลอยากเป็นนักแข่งรถ”
“อืม มีเป้าหมายก็ดีแล้วล่ะ” ผมกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะเดินตามคุณพ่อไปขึ้นรถกอล์ฟ “มองแบบนี้ สงสัยอะไรหรือเปล่า”
“เปล่า แค่คุณพ่อไม่เหมือนคนอื่น ปกติถ้าเลพูดว่าอยากเป็นนักแข่งรถทีไรก็จะมีแต่คนบอกว่าไม่เข้ากับเลทุกทีเลย”
“ถ้าเราอยากจะทำมันไม่มีอะไรเข้าหรือไม่เข้ากับเราหรอก เรื่องของความชอบส่วนบุคคล ตัดสินจากบุคลิกของคนๆ นั้นไม่ได้” ผมยิ้มกว้างขณะพยักหน้าคล้อยตาม
“แล้วคุณพ่อชอบอะไรครับ”
“แหน่ะ ถามแบบนี้จะจีบเหรอคะ” ร่างสูงส่งสายตาแพรวพราวมาให้ มือหนายกขึ้นขยี้หัวผมเบาๆ “น้องเลอยากเดาอีกไหมล่ะว่าพ่อชอบอะไร”
“ผู้หญิงเหรอ?” ผมเผลอพูดออกไปอย่างที่คิด พอนึกถึงความเหมาะสมแล้วก็ต้องรีบยกมือปิดปาก ส่งสายตาเชิงขอโทษ ก้มหัวแรงๆ แต่เหมือนคนฟังจะไม่ติดใจอะไรมาก
“โธ่ เห็นเป็นคนยังไงเนี่ย”
“ก็พี่ดีนบอกว่าคุณพ่อเจ้าชู้ จริงหรือเปล่า”
“นั่นสินะ” เจ้าของเสียงทุ้มถอนหายใจ “พ่อเจอผู้หญิงมาเยอะ แต่น้องเลรู้ไหมในชีวิตพ่อตกหลุมรักผู้หญิงแค่สองคนเอง”
“ใครเหรอ?”
“ไม่รวมคุณย่าของดีน คนแรกก็คือแม่ของดีนนั่นแหละ”
“แล้วคนที่สองล่ะครับ” คุณพ่อไม่ตอบแต่ชี้มาทางผม
“เลเหรอ?”
“ยังไม่ถูก แต่น้องเลก็น่ารักจนอยากรักอยู่เหมือนกัน”
“รักเลไม่ได้นะ เลมีแฟนแล้ว”
“คนดีรักมันมีตั้งหลายแบบ ไม่จำเป็นว่าเราต้องรักทุกคนแบบคนรักซะหน่อย”
“งั้นเลก็รักคุณพ่อได้เหรอ?” ผมว่า “เลรู้สึกว่าคุณพ่อเข้าใจเล ถ้าเลรักคุณพ่อพี่ดีนจะว่าเลไหม”
“ดีนไม่กล้าหรอก” มือหนาเลื่อนลงมาที่หน้า บีบแก้มผมเบาๆ
“งั้นได้สินะ ดีจัง”
“ทำตัวน่ารัก” รถกอล์ฟหยุดกะทันหันเพราะมือหนาอีกข้างที่จับพวงมาลัยอยู่เปลี่ยนมาจับแก้มผมแล้วขย้ำแทน สักพักก็อยู่รวมตัวเข้ากอด ปล่อยให้คนตรงหน้าบีบๆ ตัวเล่น “มันเขี้ยว!”
“คุณพ่อว่าคันนี้เป็นไง”
“ก็โอเคนะคะ แต่มันแรงน้อยไปหน่อยหรือเปล่า”
“แต่เลชอบนะ”
“อยากได้เหรอ”
“อยากก”
“เอาไหม เดี๋ยวพ่อซื้อให้”
“จริงเหรอ ฮือออ ขอบคุณครับ”
ดีนถอนหายใจขณะมองภาพตรงหน้า ร่างขาวของใครบางคนที่เคยร้องไห้ไม่หยุดเมื่อสองวันก่อนตอนนี้กลับยิ้มกว้างแถมยังนอนกอดเอวพ่อแท้ๆ ของเขาเอาไว้แน่น ปล่อยให้มือหนาลูบศีรษะ
น้องเลของเขาไม่รอดแล้ว
พ่อเขายังหน้าตาดี ซึ่งเป็นผลมาจากการมีลูกเร็วส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งเป็นเจ้าตัวหน้าตาดีเป็นทุนเดิม
หล่อแบบเหลือร้ายเลยล่ะ
การที่เขาได้เข้าบริษัทในวันนี้ เหตุผลหลักไม่ใช่เพราะบริษัทมีปัญหาหรอก มันยังราบรื่นดีแต่ต้องเข้าไปตรวจบ้างซึ่งเลื่อนวันออกไปได้ แต่สาเหตุที่ทำให้ดีนต้องออกจากบ้านแล้วปล่อยให้น้องเลอยู่กับพ่อเขาตามลำพังอย่างนี้ก็เพราะได้รับคำสั่งต่างหาก
‘เอาน้องเลไว้กับพ่อ ดีนคอยปลอบน้องเกือบตลอด 24 ชั่วโมงตั้งสองวันยังทำให้น้องเลหยุดร้องไห้ไม่ได้ อ่อนหัดจริงๆ เลยนะดีน’
ว่ามาแบบนี้…
พ่อเป็นคนเจ้าชู้ หน้าตา ฐานะ และนิสัยทำให้เข้าถึงทุกเพศทุกวัยได้อย่างง่ายดาย คารมณ์พ่อของเขาดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เป็นผู้ชายประเภทที่ใครอยู่ใกล้ก็มักจะตกหลุมรัก
ดีนไม่อยากให้น้องเลตกหลุมพราง แต่ดูจากสภาพก็คงไม่รอดแล้ว ไม่ใช่แค่เลหรอก พ่อเขาก็เหมือนกัน
ใครที่ไหนจะซื้อรถให้ทั้งที่พึ่งเจอหน้ากันได้ไม่ถึงวันกันเล่า!
ดีนดูออกว่าพ่อเขาออกจะปลื้มน้องเลเป็นพิเศษ ส่วนสาเหตุก็น่าจะเป็นเพราะส่วนหนึ่งเลน่ารัก อีกส่วนหนึ่งคือเลหน้าเหมือนอดีตแม่เลี้ยงของเขาราวกับแกะ
ผู้หญิงคนที่สองที่พ่อตกหลุมรักแต่ดันอกหักเพราะเธอไปแต่งงานกับคนอื่น อีกทั้งการอกหักครั้งนั้น มันยังส่งผลกระทบอยู่มากโข
ถึงตอนนั้นเขาจะยังเด็ก แต่มาคิดดูดีๆ แล้ว มีความเป็นไปได้สูงมากว่าน้องเลจะเป็นลูกของอดีตแม่เลี้ยงของเขา และถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ดีนก็ได้แต่หวังว่าพ่อจะปลื้มน้องเลเพราะเลน่ารัก ไม่ใช่เห็นภาพของใครอีกคนทับซ้อน ถึงดีนจะไม่ได้เลมาเป็นแฟน เขาก็ยังอยากได้น้องมาเป็นน้อง ไม่ใช่มาเป็นแม่
ทำไมต้องกังวลขนาดนั้น? ถึงอายุระหว่างพ่อกับเลจะห่างกันเป็นสิบๆ ปีก็เถอะ ยังไงพ่อก็ยังดูไม่แก่เลยสักนิด ที่สำคัญไม่กี่สัปดาห์ก่อนเจ้าตัวก็ยังไปควงสาวบราซิลเลียนรุ่นราวคราวลูกอยู่เลย
“โอ๊ะ! พี่ดีนกลับมาแล้วเหรอ” เลเอ่ยทัก
“กลับมาแล้วครับ”
“บริษัทเป็นยังไงบ้างล่ะ” พ่อถาม คำถามที่ทำให้คนฟังต้องแสยะยิ้ม
“เรียบร้อย ราบรื่น ไม่มีปัญหา”
“ก็ดีแล้วนี่ น้องเลหิวข้าวหรือยังคะ”
“เริ่มหิวแล้วครับ”
“ให้แม่บ้านเตรียมอาหารให้ดีกว่า หรือเราจะทำกินกันดี น้องเลทำอาหารเป็นไหม”
“เป็นๆ เลทำเก่งด้วยนะ”
“จริงเหรอ” สองรุ่นต่างวัยเดินผ่านดีนไปแบบไม่แล ร่างสูงถอนหายใจ เขาตั้งใจว่าจะเดินตามถ้าเสียงโทรศัพท์ไม่ดังขึ้นมาซะก่อน มือหนาหยิบมันขึ้นมาดู พอเห็นรายชื่อของคนที่โทรมาแล้วเขาก็เปลี่ยนใจ แทนที่จะเดินตามน้องเลไป ดีนเลือกที่จะเดินออกห่างเพื่อมาคุยโทรศัพท์ด้านนอก
ช่วงเวลาของอาหารเย็น เรานั่งกินอยู่ที่ห้องอาหารพร้อมกับคุยเรื่องสัพเพเหระ คุณพ่อของพี่ดีนเป็นคนคุยสนุก รอบรู้หลายเรื่องจนผมอดทึ่งไม่ได้ ตั้งแต่รถ เรือไปจนถึงเครื่องบิน ร่างสูงรู้ข้อมูลแทบทั้งหมดแถมยังเป็นข้อมูลเชิงลึกบ่งบอกว่าไม่ได้รู้จักแค่ผิวเผิน
“คุณพ่อจบมหา’ลัยอะไรเหรอ” สงสัยจนอดถามไม่ได้
“วิศวะ MIT ค่ะ”
โอมายก็อดดดดดดดดดด!
ตกตะลึงจนเผลอทำซ้อนที่ถืออยู่หลุดมือ
MIT หรือ Massachusetts Institute of Technology ติดอันดับหนึ่งในสิบมหา’ลัยที่ดีที่สุดในโลก ถ้า Harvard โดดเด่นด้านบริหารและกฏหมาย Cambridge โดดเด่นด้านสังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ MIT ก็ถือว่าเป็นมหา’ลัยอันดับหนึ่งของโลกในด้านวิศวะหรือพวกเทคโนโลยีเลยแหละ
ห่างชั้น ห่างชั้นสุดๆ
“ถ้าน้องเลสนใจเรื่องนักแข่งรถจริงๆ พ่อมีเพื่อนในแวดวงนี้นะ ตั้งแต่การแข่งแบบไม่จริงจังจนถึงการแข่ง Formula 1” ผมตาเบิกกว้างการแข่ง Formula 1 ที่ดูแทบจะทุกวันกับพี่ฮิมในตอนเด็กฉายภาพซ้ำเข้ามาในหัว มันเป็นการแข่งรถระดับสูงสุด การจัดงานแข่งขัน Formula 1 แต่ละครั้งส่งผลด้านเศรษฐกิจ การเงินและการต่อสู้ทางการเมืองเป็นอย่างมาก ถือเป็นกีฬาที่แพงที่สุดในโลก ค่าใช้จ่ายในการแข่งขันแต่ละครั้ง หากแข่งแล้วได้ผลที่ไม่ดีนักสามารถทำให้บริษัทๆ หนึ่งล้มละลายได้เลย ถึงอย่างนั้นก็ถือว่าเป็นความฝันสูงสุดของนักแข่งรถเกือบทุกคน “ตาโตเชียว”
พี่ฮิม คุณลุงรวมถึงคุณแม่ของพี่ฮิม ทุกคนในบ้านรู้ว่าผมสนใจในด้านนี้ คุณลุงและพี่ฮิมก็เคยเปรยๆ เอาไว้บ้างแต่เหมือนพวกเขาอยากให้ผมเรียบจบก่อน เลยังไม่เคยมีโค้ชมาสอนแบบจริงจัง มีแต่พี่ฮิมนั่นแหละที่เป็นคนสอนทุกอย่างให้เล ถึงยังไม่ใช่โคชที่มีประสบการณ์จริงแต่ก็เก่งมาก เคยได้ยินคุณลุงพูดครั้งหนึ่งว่ามีหลายบริษัทเข้ามาติดต่อพี่ฮิมให้ไปเป็นนักแข่ง Formula 1 แล้วแต่เจ้าตัวไม่สนใจ ฮิมสอนพื้นฐานให้กับเล ผมรู้ทุกเทคนิค ทุกวิธีการที่อีกฝ่ายมี แต่ในการแข่งขันครั้งก่อนผมกลับยังสู้พี่ฮิมไม่ได้ ประกบการณ์อาจเป็นส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งเลเชื่อว่าพี่ฮิมเก่งจริงๆ
เลว่าไม่ใช่เพราะพี่ฮิมไม่สนใจการเป็นนักแข่งรถอย่างที่คุณลุงพูดเอาไว้ พี่ฮิมสนใจ เพียงแต่เขาอยากให้ผมเป็นแทนมากกว่า อย่างไรก็ตามนี้เป็นครั้งแรกที่มีคนพูดถึงแนวทางที่จะพาเลไปสู่จุดหมายที่ตัวเองฝันไว้แบบจริงๆ จังๆ มันก็เลยอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
“ถ้าน้องเลสนใจ เอาไว้เราค่อยคุยกันเรื่องนี้หลังจากกินข้าวเสร็จ”
“โอเค” ผมพยักหน้าตกใจ รีบตักพายที่ตัวเองทำใส่เข้าปากอย่างมีความสุข
“น้องเล” พี่ดีนที่หายตัวไปเป็นระยะหนึ่งเดินเข้ามาในห้องกินข้าว ร่างสูงเหมือนจะซ้อนใครเอาไว้จากทางด้านหลัง “มีคนมาหาครับ”
และทันทีที่คนนั้นเดินออกมา “น้องเล”
“พี่...วิน…”
(50%)
ไม่กล้าอ่านคอมเม้นท์เลยจ้า หวานสุดตอนนี้คือคุณพ่อพี่ดีน ใครอยากรับสัมผัสความหวานอีกเชิญที่จอยลดาก่อนเลยนะคะ อันนั้นหวาน แต่หวานสุดคือสเปเชี่ยวในเล่ม 555555
#วิศวะแดนแฟนมีเกียร์