SIDELINE. ผมเป็นเด็กเสี่ย (21.03.21) ตอนพิเศษ อาถรรพ์ดินเนอร์ (1) [Updated]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: SIDELINE. ผมเป็นเด็กเสี่ย (21.03.21) ตอนพิเศษ อาถรรพ์ดินเนอร์ (1) [Updated]  (อ่าน 128739 ครั้ง)

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
19th Night : สารภาพ


นี่เป็นครั้งแรกที่ศานนท์ยอมเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวเองเป็นชิ้นเป็นอันนับตั้งแต่เขารู้จักหนุ่มใหญ่ ตุลย์ไม่คาดคิดมาก่อนว่า เบื้องหลังฉากหน้าแสนสมบูรณ์แบบนั้น จะซ่อนเรื่องราวชวนให้หดหู่ใจไว้

“เสียใจด้วยนะครับ เรื่องลูกกับภรรยาของคุณ” เขาคงไม่อาจพูดอะไรได้มาก นอกจากปลอบใจ “มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรอก”


แต่หนุ่มใหญ่กลับเค้นเสียงหึในคอราวกับสมเพชตนเอง


“ไม่ มันเป็นความของฉันนั่นแหละ” ศานนท์กุมหน้าผาก


“นิโคล... เธอเป็นคนเข้มแข็ง ฉันรู้อยู่แก่ใจดีว่าเธอจะไม่โทรมาขอร้องให้ช่วยถ้าหากมันไม่จำเป็น  แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังเลือกงาน ทิ้งให้เธอกลับคนเดียวทั้งรู้อยู่แก่ใจว่าเธอกำลังดันทุรังเพราะไม่อยากให้ฉันต้องเสียงานเสียการเพราะเธอ จะมองมุมไหน มันก็ความผิดฉันอยู่ดี จริงมั้ยล่ะ?”


หนุ่มใหญ่เงยหน้าสบตาเขา เหยียดยิ้มเหมือเย้ยโชคชะตา ตุลย์ก็พูดอะไรไม่ออก


“เธออาจจะคิดว่า เรื่องของนิโคล มันก็แค่อุบัติเหตุไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย ต่อให้ฉันไปรับเธอ บางทีเราทั้งสองคนก็อาจประสบอุบัติเหตุทั้งคู่ก็ได้ หรือต่อให้มันเป็นความผิดของฉันจริง เวลาชีวิตของฉันก็ยังเดินต่อ มันแก้ไขอะไรไม่ได้ ...ก็ใช่ ฉันพยายามลืมแล้ว แต่บางคืน พอหลับตาก็ยังฝันถึงเรื่องวันนั้น อย่างกับมันเป็นส่วนหนึ่งของฉัน...”


ศานนท์ก้มมองฝ่ามือตัวเอง “ได้ยินแบบนี้แล้ว เธอจะเกลียดฉันหรือเปล่า...”


น้ำเสียงนั้นลังเลไม่แน่ใจคล้ายกำลังพูดกับตัวเองเสียมากกว่า


เขาไม่เคยเห็นศานนท์ในมุมนี้มาก่อน ...หนุ่มใหญ่ในมุมที่ยอมเปิดเผยความรู้สึกมากมาย เบื้องหลังความเป็นผู้ใหญ่พึงพาได้ที่ฝ่ายแสดงให้เห็น เขาก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น


แต่การสูญเสียคนที่รักเหรอ... ตุลย์ไม่รู้หรอกว่าเจ็บปวดทรมานแค่ไหน


จริงอยู่ในชีวิตของเขา มีคนมากมายผ่านเข้ามาและจากลาไป เขาได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง และสูญเสียหลายสิ่งหลายอย่างเช่นกัน แต่เหล่านั้นคงไม่อาจเทียบได้กับการจากไปอย่างถาวรของคนสำคัญ แบบที่หนุ่มใหญ่สูญเสียภรรยาให้กับอุบัติเหตุจากรถยนต์


“ผมไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินเรื่องของคุณหรอก...” ตุลย์ทรุดตัวลงนั่งบนเตียงข้างๆ ศานนท์ “ผมขอโทษที่ทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่”


ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมศานนท์ถึงได้ห่วงเขาเกินกว่าเหตุนัก


“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ”

ศานนท์เขี่ยนิ้วโป้งบนฝ่ามือตนเอง ดวงตาทอดมองพื้นราวกับยังจมอยู่ในภวังค์ความรู้สึกนึกคิด พาลให้ตุลย์รู้สึกแย่ไปด้วย เขาจึงโพล่งทำลายความเงียบ


 “เอ่อ... เรื่องที่คุณพาผมมาที่นี่ คุณบอกว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ ไม่ใช่ว่าเพราะคุณอยากเก็บผมไว้เป็นคู่นอน?”


“อือฮึ ฉันไม่เคยโกหกเธอ มีแต่เธอที่ไม่เชื่อ...”


...ก็เพราะมันเป็นเหตุผลที่ฟังดูไม่น่าเชื่อไงล่ะ ตุลย์ลอบเบ้ปากในใจ


“ช่วงนั้นฉันรู้สึกว่างเปล่า ฉันเลยพยายามทำอะไรหลายอย่าง แต่มันก็ยังไม่เติมเต็มความรู้สึกข้างใน จะเรียกว่าเหงาก็ได้มั้ง จนมาเจอเธอพอดี”  หนุ่มใหญ่ยิ้มอ่อนๆ “ตอนที่ฉันคุยกับเธอครั้งแรกก็คงเรียกว่าบังเอิญนั่นแหละ ส่วนเธอ... ก็แสดงออกชัดเจนว่าสนใจฉัน”


คำพูดของศานนท์ชวนให้หวนนึกถึงเรื่องในห้องที่ไนท์คลับ สมัยที่ตุลย์ต้องแบกหน้าด้านหน้าทน หาเรื่องร้อยแปดพันอย่างมาคุยกับศานนท์เพื่อให้เจ้าตัวไม่เมินใส่เขา


“ฉันรู้ว่าเธอทำเพราะธวัตสั่งให้ทำ แต่วิธีที่เธอพยายามเข้าหาฉัน มันน่าเอ็นดูดี”


ศานนท์ปรายตามองเขา สบสายตากับหนุ่มใหญ่ขณะที่เจ้าตัวพูดคำว่า ‘น่าเอ็นดู’ ตุลย์ก็เสหลบ พลางเกาหน้าแกร่กๆ แก้เขิน


เขาไม่ได้ใจเต้นหรอก แต่อายเรื่องตอนนั้นมากกว่า...


“จากนั้นฉันก็เลยเริ่มสนใจเธอขึ้นมา พอมีเธอไปไหนมาไหนด้วยมันไม่เหงาดี อีกอย่าง... ฉันก็ชอบเวลาที่พูดกล่อมเธอ แล้วทำให้เธอยอมตามน้ำได้ มันรู้สึกดี...”


พูดถึงตรงนี้รอยยิ้มกรุ้มกริ่มเหมือนความภาคภูมิใจเล็กๆ ก็ปรากฎขึ้นบนเสี้ยวหน้า


“ตอนที่ฉันไถ่เธอมาจากธวัต ฉันก็แค่อยากให้เธอมีชีวิตแบบคนปกติทั่วไป ไม่คิดว่าจะให้เธอมาเป็นคู่นอน หรือว่าอยู่กับฉันที่นี่ ทีแรกฉันคิดว่าอยู่ที่นี่สักพัก เดี๋ยวเธอก็คงมาขอกลับไปเอง แต่พอเธอไม่เคยพูดว่าอยากกลับบ้าน แถมยังมีปัญหาเรื่องค่าเทอมคาราคาซังอีก ฉันก็เลยคิดว่าน่าเป็นเพราะเธอไม่มีที่ให้กลับไปมากกว่า...”


จี้ใจดำ แต่ก็ต้องยอมรับว่าหนุ่มใหญ่พูดถูกเผ็ง


...ในตอนนั้น นอกจากที่พักของธวัตแล้ว เขาไม่มีที่ไหนให้กลับไป เงินที่เก็บได้จากงานพวกนั้นก็แทบไม่พอจะจ่ายค่าเทอมด้วยซ้ำ นอกจากความกลัวที่เกิดจากความไม่แน่ใจแล้ว นี่ก็เป็นหนึ่งในอีกเหตุผลที่เขาไม่พยายามหนีจากอาณัติ และยอมโอนอ่อนตามอีกฝ่าย


เพราะต่อให้หนี เขาก็เอาตัวเองไม่รอดอยู่ดี...


“...ส่วนเรื่องเซ็กส์ก็เป็นผลพลอยได้เฉยๆ”


ประโยคหลังทำเอาตุลย์แทบเอาเท้าก่ายหน้าผาก


“นี่คุณจะบอกผมว่า ที่ผ่านมาเป็นเพราะผมเสนอตัวให้ เพราะเข้าใจผิดคิดเองเออเองหมดอย่างงั้นเหรอครับ?”


“ฉันก็ย้ำออกจะบ่อยว่าไม่ได้เป็นเจ้าของเธอนี่” หนุ่มใหญ่ยิ้มเจื่อนคล้ายเอ็นดูท่าทีของเขาเสียเหลือเกิน “แต่ว่าฉันชอบเธอจริงๆ นะ มันก็คงยากหน่อยถ้าจะไม่คิดอะไร...”


สายตาที่อีกฝ่ายใช้มองเขานั้นจริงใจและแฝงด้วยการขอร้องเล็กๆ ราวกับกำลังสารภาพความในใจก็ไม่ปาน ทำเอาตุลย์เป็นฝ่ายหลบตาอย่างไม่คุ้นชิน


“เอ่อ...” ตุลย์กระอักกระอั่ว “ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี ผมดีใจที่คุณรู้สึกดีๆ กับผม ...จริงๆ นะ คุณดีกับผม คุณไม่เคยกดดันให้ผมทำสิ่งที่ไม่อยากทำ ให้โอกาสผมทำตามความฝันหลายอย่าง มันมากกว่าสิ่งที่ผมเคยได้ทั้งชีวิตรวมกันด้วยซ้ำมั้ง มากแบบที่ผมคงชดเชยให้คุณไม่ได้ แต่ว่า... เอ่อ... ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ...ผมแค่ไม่รู้สึกกับคุณในเชิงนั้น... ไม่ คือ ผมไม่ได้หมายความว่าผมไม่ชอบคุณ แต่ เอ่อ...”


“ฉันโดนปฏิเสธสินะ”


“ไม่ใช่ครับ คือ... ผมไม่ได้รังเกียจคุณ แค่... ไม่รู้สึกกับคุณลึกซึ้งจนเป็นกลายความสัมพันธ์แบบอื่นนอกจาก.. เอ่อ... ‘เพื่อน’” ตุลย์อธิบายไปก็ขยี้หัวไป


จะหมายถึงเพื่อนร่วมเตียง หรือเพื่อนร่วมชายคาก็ช่าง เขาไม่รู้จะนิยามมันยังไง ก็เลยเลือกใช่คำ ‘เพื่อน’ แทน ซึ่งทำให้มันฟังดูแย่กว่าเดิมเสียอีก


“ถูกปฏิเสธจริงด้วย” ศานนท์ยิ้มเจือน


ฝ่ายนั้นเงียบไปเหมือนปิดความผิดหวังไว้ไม่มิด ตุลย์ก็รู้สึกผิดอย่างเสียไม่ได้ “ขอโทษครับ”


“ไม่ต้องขอโทษ ...ฉันเข้าใจ” ศานนท์โบกปัด “ถ้าเธอไม่ได้รังเกียจ แปลว่าเธอยังให้โอกาสฉันล่ะสิ?”


“อา... ก็อาจจะมั้งครับ” ตุลย์ไหวไหล่ มันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะตอบได้ในตอนนี้ “แต่ว่าจากนี้ไปคุณต้องไม่ปิดบังผม เพราะถ้าคุณไม่ปิดบัง ผมก็ไม่มีเหตุผลต้องโกหกคุณอีก”


เรื่องที่เขากำลังขอ มันไม่เกี่ยวกับว่ารัก หรือไม่รัก แต่เพราะความสัมพันธ์ ต้องพึ่งพาการเชื่อใจและ หากว่าเขาจะต้องอยู่กับศานนท์ไปอีกนาน เขาก็อยากอยู่โดยที่ไม่ต้องคลางแคลงใจเรื่องใดอีก


“ได้ ถ้าเธอสัญญาว่าจะไม่ปิดบังฉันเหมือนกัน”


“แน่นอน”


“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ฉันขออะไรอย่างสิ” จู่ๆ หนุ่มใหญ่ก็เอื้อมมาดึงมือเขาไปหาตัว ทำทีเหมือนขอร้อง ตุลย์งุนงงเล็กน้อย


“อะไรครับ?”


“สัญญาก่อนว่าเธอจะตกลง...”


สบกับแววตาที่เปิดเผยความรู้สึกให้เขาเห็นอย่างหมดเปลือก ก็กลับกลายเป็นว่าเขาปฏิเสธไม่ลงเสียอย่างนั้น


“ครับๆ คุณว่ามาสิ”


---------------------------


สายตาของตุลย์จับต้องไปยังจุดสีแดงแสดตรงกึ่งกลาง พอส่งหมัดตรงเข้ากลางเป้าล่อก็เกิดเสียงกระทบแน่นหนักเป็นจังหวะ สันมือรับแรงกระแทกกับนวมทุกครั้งที่ออกหมัด แต่ความรู้สึกเจ็บปนชานี่แหละ ที่กระตุ้นสัญชาตญาณการเอาตัวรอดได้ดีนัก


เห็นว่าตุลย์ตามการเคลื่อนไหวของเป้าได้ดีและออกหมัดได้แม่นยำ โค้ชก็สลับบทบาทรุกเข้ามาพัลวัน จังหวะกระทันหันทำให้ตุลย์โยกหลบเป้ายางที่ต่อยเข้ามาอย่างไม่ค่อยมั่นคงนัก มันจึงเฉียดผ่านหน้าเขาไปถากๆ


“ให้ไวๆ!”


เริ่มตั้งสติได้ ตุลย์ก็หลบพ้นในจังหวะที่สอง และสาม พอโค้ชเปิดโอกาสให้บุกโดยเปลี่ยนมาตั้งรับ เขาก็สวนหมัดเข้ากลางเป้าล่อได้แม่นยำ


“ทำดีมาก”


ส่วนเรื่องที่ว่าเขามาทำอะไรที่นี่น่ะเหรอ? ...มันก็ต่อเนื่องมาจากสัญญาที่เขาเผลอไปรับปากคืนนั้นนั่นแหละ


ด้วยกลัวว่าเขาจะทำอะไรแผลงๆ แล้วเอาตัวไม่รอดอีก หนุ่มใหญ่เลยแก้ปัญหาด้วยการส่งเขามาเรียนศิลปะป้องกันตัว ซึ่งบอกตามตรงว่าตุลย์ไม่เห็นด้วยความคิดนี้เท่าไหร่ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ในเมื่อเขารับปากไปแล้ว


สองสามวันแรกที่เริ่มเรียน เขาได้แผลฟกช้ำกลับบ้านเต็มตัว ชนิดที่อ่วมจนแทบจะคลานขึ้นเตียง แม้แต่ซินดี้ก็หน้านิ่วคิ้วขมวดแทบทุกครั้ง เวลาที่เข้ากองถ่ายด้วยสารรูปที่มีรอยเขียวจ้ำๆ อยู่ตามตัว เพราะต้องให้ช่างแต่งหน้าตบรองพื้นกลบอยู่หลายนาทีกว่าจะเริ่มงานได้

ครั้นพอเจ้าหล่อนบ่นกระปอดกระแปด เขาก็ยุให้เธอไปคุยกับศานนท์ โดยหวังว่าบางทีเธออาจจะเปลี่ยนใจหนุ่มใหญ่ได้ แต่ผลที่ออกมาดันตรงกันข้ามเสียอย่างนั้น


“หน้าท้องหล่อนมันย้วยเกินไป ฉันจะส่งหล่อนให้เทรนเนอร์ส่วนตัวของฉัน แล้วก็คุมอาหารซะ” ว่าไปพลางก็ชี้หน้าเขา


กลายเป็นว่าแทนที่จะได้แนวร่วม เขากลับต้องทรมานตัวเองคูณสอง เพราะเจ้าหล่อนดันเห็นดีเห็นงามด้วยซะอย่างนั้น...


จากนั้นตารางชีวิตของตุลย์ถูกจัดใหม่แทบทั้งหมด วันปกติเขาต้องวิ่งตอนเช้า และคุมอาหาร เข้าฟิตเนสสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องบ้าง ขณะเดียวกันก็ต้องแบ่งเวลาให้ตารางถ่ายแบบที่ติดพันอยู่ ส่วนสุดสัปดาห์ก็เรียนศิลปะป้องกันตัวควบคู่ไป ตุลย์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจำใจหลับหูหลับตาทนทำไปตามที่ลั่นปากสัญญาไว้


...ถึงแม้ว่าไอ้ตารางบ้านี่จะทำให้เขาอยากเอาหัวฟาดผนังตายก็เถอะ


เดือนแรกเขาคิดว่าตัวเองจะขาดใจตายเสียแล้ว แต่พอให้เวลาร่างกายปรับตัวจนเคยชิน ตารางชีวิตเขาก็คล้ายจะกลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง


“วันนี้พอแค่นี้ก่อน”


ตุลย์ลดการ์ดลง  ถอดนวม  ก่อนจะล่ำลาโค้ชและขอตัวแยกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ล็อกเกอร์ด้านหลัง บ่ายนี้เขามีนัดกับศานนท์ที่สนามกอล์ฟของโรงแรมแห่งหนึ่ง ที่จริงแล้ว หนุ่มใหญ่ไม่ได้นัดกับเขาหรอก เพียงแต่อยากแนะนำเขากับใครบางคนก็เท่านั้น ซึ่งเขาเองก็ยังไม่ทราบลายละเอียดอะไรมาก เพราะอีกฝ่ายโทรมากระทันหัน


...แต่เดาๆ แล้ว ก็คงอารมณ์เหมือนเสี่ยใหญ่อยากหิ้วเด็กเลี้ยงไปอวดเพื่อนๆ ล่ะมั้ง


ตุลย์เก็บชุดออกกำลังกายใส่กระเป๋า เปลี่ยนมาสวมเสื้อยืดแขนยาวสีขาวคู่กับกางเกงดำเรียบๆ  ก่อนออกก็ๆไม่ลืมเช็คสารรูปตัวเองในกระจก


ถือว่าไม่เสียแรงเปล่าที่เขาอุตส่าห์จัดตารางเวลาและคุมอาหารอย่างเคร่งครัด เพราะรูปร่างของเขาตอนนี้จัดว่า ‘น่าพอใจในสายตาซินดี้ที่สุด’ เพราะแม้แต่เสื้อยืดกางเกงขายาวเรียบๆ ก็ยังใส่ออกมาแล้วจัดว่าดูดีเข้ากับรูปร่างมากทีเดียว


ครืด... ครืด... ครืด...


เสียงโทรศัพท์สั่นเรียกให้ตุลย์รีบสาวเท้าออกจากฟิตเนส ขณะที่กดรับสายไปพลาง


“ถึงแล้ว”


“โอเคๆ ฉันจะรีบออกไป”


ตุลย์ออกมานอกอาคาร เห็นว่าเต้ยืนพิงบิ๊กไบค์สีดำคู่ใจ รอเขาอยู่ใกล้กลับประตูทางออก เขาจึงตรงเข้าไปหาอีกฝ่ายกึ่งรีบร้อน พออีกฝ่ายเห็นเขาในระยะสายตาก็จ้องเขม็งไม่วาง


 “มีอะไร?” เขาเลิกคิ้วงุนงง ก่อนจะก้มมองตัวเองเพราะสงสัยว่าเสื้อเปื้อนคราบอะไรหรือเปล่า


“ห๊ะ? เปล่า” คนมองรู้สึกตัวก็ตอบปัดห้วนสั้น


“งั้นก็ส่งหมวกกันน็อคมาเร็วเข้า” ตุลย์กระดิกนิ้วยิกๆ เต้ส่งมันให้ตามสั่ง จากนั้นเขาก็สวมมันแล้วเหวี่ยงตัวขึ้นมอเตอร์ไซค์  ก่อนที่ ‘เจ้าคนขับรถจำเป็น’ จะเร่งเครื่องขับออกไปโดยไม่ปริปากสักคำ


ตุลย์ลอบยิ้มใต้หมวกกันน็อต เอาเข้าจริงๆ แล้ว เขาก็รู้สึกสนุกดีเหมือนกันที่ได้สั่งอีกฝ่าย เพราะหลังที่สถานะของเต้ถูกเปิดเผย พร้อมๆ กับการ์ดที่คอยตามเขามาเป็นสัปดาห์ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร อีกฝ่ายก็จะยอมทำตามเสมอ อย่างมากที่สุดก็แค่หน้านิ่วขมวดคิ้วเป็นปมถ้าไม่พอใจมากๆ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลย ว่าเขาชอบที่ได้แก้เผ็ดอีกฝ่ายแบบนี้...


เฮ้อ เขานี่มันเจ้าคิดเจ้าแค้นซะจริงๆ!





บิ๊กไบค์สีดำขับฉวัดเฉวียงแทรกผ่านช่องแคบๆ ท่ามกลางจราจรติดขัด เพราะคล่องตัวกว่า พวกเขาจึงมาถึงสนามกอล์ฟโดยไม่เสียเวลามากนัก วนรอบสนามรอบใหญ่ๆ อยู่พัก


พวกเขาก็สะดุดตากับแผ่นหลังของศานนท์ไกลๆ เจ้าตัวกำลังเดินคุยกับผู้ชายอายุอ่อนกว่าเล็กน้อย ขณะที่ในมือถือไม้กอล์ฟแขว่งไปมาตามจังหวะก้าวเท้า ด้านหลังมีแคดดี้ และชายฉกรรจ์เดินตามอย่างละสองคน


เห็นแบบนั้นเต้จึงจอดรถ ปล่อยเขาลงเดินเข้าไปด้านในสนามหญ้า นับว่าศานนท์กับชายคู่สนทนาอยู่ไกลลิบจากเขาเอาเรื่องอยู่ โชคดีที่การ์ดสะดุดตากับเขาเข้าพอดี จึงเรียกให้ศานนท์หยุด พอหนุ่มใหญ่เห็นว่าเขากำลังเดินเข้ามาหา ก็หันไปคุยกับคู่สนทนาสลับกับมองเขา


“นี่ไง เด็กของซินดี้ที่ผมพูดถึง ตุลย์ นี่คุณปัญ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด” ศานนท์แนะนำฝ่ายนั้นให้เขารู้จัก ตุลย์ก็ยกมือไหว้ตามมารยาท


คู่สนทนาพยักหน้ารับรู้ “ชื่อตุลย์ใช่มั้ย คุณศานนท์เล่าเรื่องให้ฟังเยอะมาก”


“ใช่ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ เป็นเกียรติมากๆ” ตุลย์ยิ้มรับ 


“เช่นกัน ...ดูเหมาะกับบทกว่าที่คิดไว้นะเนี่ย ยิ่งเป็นเด็กซินดี้ด้วย ท่าทางใช้ได้เชียว” คุณปัญหารือกับศานนท์ไปพลาง ก่อนจะพุ่งเป้าความสนใจมาที่เขา “ได้เรียนการแสดงมาหรือเปล่า”


“กำลังเรียนอยู่ครับ เพิ่งผ่านกลางภาคมาเมื่อเดือนที่แล้ว แต่ว่าผมพลาดละครเวทีคณะปีนี้” ตุลย์หัวเราะทีเล่นทีจริง


“ไม่มีปัญหาๆ แค่มีพื้นฐานการแสดงบ้างก็พอแล้ว” พูดกับเขาจบ ฝ่ายนั้นก็หันไปหาศานนท์ “เรื่องนี้เดี๋ยวผมขอเรียกประชุมฝ่ายก่อน จะให้คำตอบสิ้นเดือนนี้แล้วกันนะครับ คุณศาน”


“ตามสะดวกเลยครับ”


ศานนท์ปรายมองเขาแล้วยิ้มบางๆ โดยไม่พูดอะไร เป็นสัญญาณว่า ‘ธุระ’ ดังกล่าว เสร็จเรียบร้อย ตุลย์จึงขอตัวล่ำลาคุณปัญ

“เจอกันแถวล็อบบี้ตอนที่ฉันกลับไปนะ” หนุ่มใหญ่ไม่ลืมทิ้งท้าย


“ครับ เจอกันครับ”


ตุลย์แยกตัวออกมา ขณะที่สองทั้งคนนั้นเดินพลางคุยพลางไปยังจุดที่ตีลูกค้างไว้


นับว่าเป็นการสนทนาที่ทำให้เขางุนงงได้เรื่องเพราะไม่เคยทราบลายละเอียดใดๆ ล่วงหน้า แต่เดาว่าอีกฝ่ายคงกำลังพยายามดันเขาผ่านคอนเน็คของเจ้าตัวนั่นแหละ


เห็นที่เย็นนี้คงต้องถามศานนท์ให้กระจ่างเสียหน่อย


---------------------------


เต้ขับพาเขามาส่งหน้าโรงแรมก่อนที่เจ้าตัวจะเลยไปหาที่จอดมอเตอร์ไซด์คู่ใจ ตุลย์จึงเดินเข้ามารอด้านในก่อน


ล็อบบี้โรงแรมนี้จัดได้ว่าค่อนข้างใหญ่และดูโปร่งตา เนื่องจากตกแต่งด้วยกระจกใส แสงอาทิตย์ยามบ่ายที่ลอดผ่านตาม่านไม้ไผ่ทำให้ภายในสว่างนวลตา  จากมุมนี้ ซ้ายมือเขาสามารถมอเห็นสนามกอล์ฟเขียวขจีที่ทอดยาวออกไปไกล ส่วนด้านขวาเป็นโซนที่นั่งเปิดโล่งเชื่อมกับนอกอาคาร จัดไว้สำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการโดยเฉพาะ และมีเคาท์เตอร์บาร์อยู่ด้วย แต่เนื่องจากยังเป็นช่วงกลางวัน ทางโรงแรมจึงเปิดขายแค่เครื่องดื่มธรรมดาเท่านั้น


ตุลย์สังเกตุเห็นว่ามีชายราวสี่ห้าคนจับกลุ่มกันอยู่ตรงมุมหนึ่งใกล้กับประตูเชื่อมออกไปด้านนอก บ้างก็นั่งเก้าอี้ บ้างก็ยืนพิงโต๊ะ ต่างคนต่างกำลังคุยกันออกรส ก่อนที่สายตาเขาจะสะดุดกับบุคคลหนึ่งในนั้นที่คุ้นหน้าดี นั่นก็คือ ‘อเนก’


ตุลย์ก็เข้าใจทันทีว่านี่คือ 'ล็อบบี้‘ ที่ศานนท์กล่าวถึงเมื่อครู่


เห็นว่าเต้ยังมาไม่ถึง เขาจึงถือโอกาสนี้ไปที่บาร์แล้วสั่งเครื่องดื่มราวๆ สิบขวดคละกัน ก่อนจะหิวถุงตรงไปยังโต๊ะ แต่จังหวะซื้อของเสร็จแล้วกลับหลังหันก็พบว่าเต้ยืนจังก้าอยู่ห่างจากเขาสองก้าว กอดอกมองถุงในมือด้วยสีหน้าที่เหมือนจะถามว่า ‘ซื้อมาทำไมเยอะแยะ’


เห็นแบบนั้นตุลย์จึงล้วงหยิบเกลือแร่ขวดหนึ่งส่งให้อีกฝ่าย แต่แทนจะรีบรับ เต้กลับทำหน้างุนงงกว่าเดิม


“อะไรเล่า? ก็ซื้อมาให้ไง”


“...........”


หมอนี่มันเด๋อรึไง?


ตุลย์ชักมือกลับแล้วทำท่ายื่นให้อีกรอบ คราวนี้อีกฝ่ายถึงรับ


“เอาละ ไปที่โต๊ะกัน”


เต้พนักหน้าหงึกทีนึงก่อนเดินตามเขาที่โต๊ะเป้าหมาย การ์ดคนนึงสังเกตเห็นเขาก่อน คนอื่นๆ ถึงได้หันมองตามอเนกรู้ตัวแทบจะคนสุดท้าย แต่นอกเหนือจากอเนกแล้ว ตุลย์ไม่คุ้นหน้าชายฉกรรจ์เหล่านี้เท่าไหร่นัก


“อ้าว! เด็กๆ มานั่งเร็วๆ ๆ ” อเนกกวักมือเรียกยิกๆ น้ำเสียงขี้เล่นเป็นนิสัย


ตุลย์ยิ้มขำ ก่อนจะวางถุงลงบนโต๊ะกลางวงที่ว่างอยู่ “ผมซื้อมาฝาก ขอโทษพี่ๆ ที่ทำให้วุ่นวายคราวนั้นนะครับ”


“คิดมากครับ เรื่องแค่นี้จิ๊บจอย” การ์ดคนหนึ่งว่า พร้อมจีบนิ้วทำท่าประกอบว่าเล็กน้อยแค่ไหน


“ไม่ต้องกังวลหรอกครับ ไม่มีใครบาดเจ็บอะไรแล้ว” อเนกเสริม


“เอ้า ไอ้เปี๊ยก! ไม่เจอกันนานนะเนี่ย สูงขึ้นรึเปล่าวะ” จู่ๆ หนึ่งในการ์ดตวัดมือรัดคอเต้ทีเล่นทีจริง เล่นเอาอีกฝ่ายหัวสั่นหัวคลอน


“เออ ก็โตขึ้นตามเวลา” เต้รัดคอคนที่แก่กว่ากลับ


“ตอนแรกนึกว่ามึงจะแกร็นตายเท่าแค่นี้แล้วซะอีก” คนพูดทำท่าประมาณส่วนสูงเท่าเอว “แล้วเดี๋ยวนี้เลิกไปท้าตีกับเขารึยังวะ”


“เลิกแล้ว ไปชกเวทีมวยแทน”


“เอาเว้ย เข้าท่า! ไอ้เปี๊ยกมันเป็นนักมวยแล้ว”


“เปี๊ยกตรงไหนวะ มันตัวเท่ามึงแล้วเนี่ย” การ์ดอีกคนแย้ง “อีกหน่อยมึงก็กลายเป็นไอ้เปี๊ยกแทนมันแล้วมั้งน่ะ”


“หยามกูไปแล้วโว้ย! แน่จริงมางัดข้อ แพ้กูเลี้ยงข้าวยกโต๊ะเลยอะ” คนพูดว่าจบก็ถกแขนเสื้อ วางข้อศอกตั้งฉากกับพื้นโต๊ะ “มาๆ ไอเปี๊ยก! รับคำท้าเปล่า?”


“เออ ก็เอาดิ” เต้ทิ้งตัวนั่งฝั่งตรงข้าม ตั้งข้อศอกบนพื้นโต๊ะรับคำท้า


สถานการณ์เปลี่ยนปุบปับกลายเป็นลานปะลองกำลังอย่างเร็วเสียจนตุลย์ตามไม่ทัน ตอนนี้กลายเป็นว่าพวกเขากำลังมุงดูการแข็งงัดข้อของเต้กับการ์ดคนหนึ่งโดยที่มีเดินพันเป็นมื้ออาหาร คนอื่นๆ ก็เริ่มส่งเสียงฮือฮาอย่างครึกครื้น ส่วนอเนกหยิบเครื่องดื่มขวดหนึ่งจากในถุงมากระดกตื่นเพลินๆ สบายใจ


ทีแรกเขาคิดว่าเต้เป็นคนนอก แต่ดูทว่าอีกฝ่ายจะสนิทกับพวกการ์ดมากกว่าที่เขาคาด


“เต้รู้จักกับพวกพี่เหรอครับ?” ตุลย์ถามการ์ดคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา ซึ่งเป็นชายมีอายุกว่าและดูไม่ฮือฮามุงเชียร์ตามคนอื่นๆ สักเท่าไหร่


คนถูกถามละลายตามมายังเขา


“อ๋อ ไอ้เต้น่ะเหรอครับ รู้จักกันมาตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยกแหละครับ เห็นมาตั้งแต่สมัยสองขวบโน้น ส่วนใหญ่คนที่อยู่มานานก็รู้จักกันหมดนั่นแหละครับ”


ตุลย์พยักหน้าเหมือนถึงบางอ้อ เขาว่าแล้วเชียวว่ามันต้องมีอะไร


“มันเป็นลูกคุณกานต์น่ะ สมัยนั้นคุณกานต์ยุ่งตลอด เลยเอามันมาฝากให้เลี้ยงบ่อยๆ เห็นมาตั้งแต่เล็กๆ ตอนนี้ก็เลยเอ็นดูเหมือนเด็กข้างบ้านไปแล้ว”


“อ๋อ เป็นลูกชายของคนในนี้เหรอครับ”


“ครับผม ลูกคุณกานต์” เห็นเขาทำหน้าเหมือนไม่รู้ว่า ‘คุณกานต์’ คือใคร เจ้าตัวจึงขยายความต่อ “คุณหนูคงไม่รู้จักคุณกานต์เพราะเขาลาออกไปจะสี่ปีได้แล้ว คุณกานต์เป็นคนสนิทของเสี่ย...”


“เฮ้ยๆๆ เอาแล้วเว้ย”


เสียงฮือฮาดังขัดจังหวะ เมื่อการ์ดคนนั้นออกแรงงัดจนหน้าแดงหน้าดำส่งผลให้ตำแหน่งมือโอนเอียงมาอีกฝั่งและทำให้เต้ตกเป็นรอง


“หูย ไอ้ไก่แม่งตบเด็กว่ะ”
 

“เฮ้ย! ออมมือให้เด็กมันหน่อยดิวะ” การ์ดข้างตัวเขาตะโกนเชียร์


“โว้ย! เด็กห่าอะไร มึงมาลองแรงมันก่อนมั้ยล่ะ แรงเยอะเท่าควายได้มั้ง!”


เสียงหัวเราะครึกครื้นดังตามหลัง ก่อนที่การ์ดมีอายุข้างๆ เขาจะเล่าต่อ


“ถึงไหนแล้วนะครับ ..อ๋อ เรื่องคุณกานต์ เสี่ยไว้ใจคุณกานต์มาก เพราะจบนอกบริหารมา เรื่องฝั่งธุรกิจอะไรต่างๆ ของบริษัท เมื่อก่อนจะทำก็ต้องผ่านคุณกานต์หมด แต่เขาไม่ค่อยยุ่งเรื่องสีเทาเท่าไหร่ พวกนี้เสี่ยจะมีมือซ้ายอีกคนคอยจัดการแทน  ก็ถ้าให้เทียบ... ตอนนี้อเนกเป็นมือซ้าย คุณกานต์ก็เป็นอดีตมือขวาเสี่ยนั่นแหละ”


ตุลย์ขมวดคิ้วฉงนคล้ายไม่ค่อยเชื่อนัก


เต้เป็นลูกชายของมือขวาคุณศานนท์..?


เจ้าของประโยคพนักหน้าให้ เหมือนกำลังยืนยันคำถามในใจของเขา


“........”


กลายเป็นว่าคนรอบตัวเขาล้วนแต่เกี่ยวพันกับศานนท์ทั้งสิ้น แม้เต่เต้ที่คิดว่าเป็นแค่คนปากพล่อยที่เหม็นหน้าเขา ก็กลับเป็นถึงลูกชายอดีตมือขวาของศานนท์...


คิดมาถึงตรงนี้ตุลย์ก็แอบขนลุก ดูเหมือนว่า ‘โลกของศานนท์’ ที่เจ้าตัวเลิกปกปิดจากเขาจะเต็มไปด้วยเรื่องน่าพิศวงกว่าที่คิด



หลุดจากภวังค์ความคิดกลับมาจดจ่อสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ก็พบว่าเต้กำลังพยายามต้านทานแรงของคู่ต่อสู้สุดกำลัง เพื่อให้ข้อมือกลับมาอยู่ ณ จุดกึ่งกลางอีกครั้ง ทว่าต้านได้ไม่นาน ก็ถูกดันกลับลงไปในตำแหน่งที่เสียเปรียบอีก ก่อนจะหลังมือจะถูกกดแนบพื้นในเวลาต่อมา เป็นอันว่าผู้ชนะ ส่วนผู้แพ้ก็คือเต้


เต้ก็ถอนหายใจเฮือกราวกับเสียดาย “อดกินข้าวฟรีแล้วดิ”


“เออ อดบ้างเหอะ แรงเท่าควายขนาดนี้” คนชนะบ่นกระปอดกระแปด ก่อนจะมองมาที่เขา แล้วกวักมือ “คุณหนู ลองบ้างสิ”


ถูกชวนตุลย์ ตุลย์ก็ผละจากการ์ดที่มีอายุ สลับที่กับผู้ชนะแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเต้อย่างไม่อิดออด


“พี่ว่าผมแพ้หรือชนะ?”


“หืม เต้มันหมดแรงแล้ว คุณหนูชนะสบายๆ ชัวร์!”


“พี่พนันมั้ยล่ะ ถ้าผมแพ้พี่เลี้ยงข้าวทุกคน แต่ถ้าผมชนะ... ผมเลี้ยงเอง” ตุลย์ยิ้มขำที่ข้อเสนอมันกลับตาลปัตรกัน แต่ถึงอย่างนั้นคนฟังก็ดูจะเห็นดีเห็นงามกับเขา 


“เอ้าจัดไปสิครับ! ถ้าคุณแพ้ผมเปิดโต๊ะเลี้ยงเลยอะ”


“พูดแล้วพูดให้จริงนะเว้ย”


“กูเคยเบี้ยวเหรอ”


“เออ ถ้าเบี้ยวนัดกูจะฟ้องเสี่ย” คราวนี้เป็นอเนกที่ลากเก้าอี้มานั่งคั่นข้างหว่างเขากับเต้ ผันทำหน้าที่เป็นกรรมการอย่างสนอกสนใจ ตุลย์ตั้งศอกบนโต๊ะ จับกำฝ่ามือเต้ที่หน้าตาจริงจังตลอดเวลาเป็นปกติ


 “พร้อมนะ? สาม... สอง... หนึ่ง!”



สิ้นสัญญาณ พวกเขาทั้งคู่ก็เริ่มออกแรงต้านข้อมือของกันและกัน ตุลย์สูดหายใจเข้าปอดเฮือกเหมือนเต้แรงเยอะกว่าที่เขาคิด ซึ่งมันก็แน่นอยู่หรอก ชายหนุ่มชกมวยมาไม่รู้กี่ปี จะให้เทียบกับเขาที่เพิ่งเรียนได้แค่เดือนเดียว มันก็คนละชั้นเกินไป


ตุลย์ดันข้อมือเต้ให้เอียงไปหาเจ้าตัวได้นิดเดียว เต้ก็ต้านแรงคืนกลับมาได้ทุกครั้ง กลายเป็นว่าตำแหน่งมือของพวกเขาเคลื่อนไหวไปมาแค่นิดเดียวเท่านั้น จากนั้นก็จะกลับมาอยู่ตรงกึ่งกลาง แต่ยิ่งกินเวลานานตุลย์ก็ยิ่งต้านทานพละกำลังอีกฝ่ายได้น้อยลง ไม่นานเขาก็ตกเป็นรอง ก่อนที่จะถูกกดจนหลังมือแตะพื้น เป็นอันแพ้ไปในที่สุด


“พี่แย่แล้วล่ะ”


เขาหันไปยิ้มเจือนๆ ระคนขี้เล่นให้การ์ด ฝ่ายนั้นหัวเราะตอบ ก่อนจะชูมือสองข้างขนานศีรษะเป็นเชิงยอมแพ้ ท่ามกลางเสียงหัวเราะของคนอื่นๆ


“โอเคๆ ครับ เลี้ยงก็เลี้ยง นัดวันมาเลย”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-10-2019 01:00:29 โดย Caramella »

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1



หลังจากน้ำในถุงที่เขาซื้อมาเริ่มขายออกไปทีละขวดๆ ตุลย์ก็ถูกชวนคุยเรื่องสัพเพเหระต่อ เพราะการ์ดดูจะสนใจเรื่องส่วนตัวเขาอยู่มาก ตุลย์จึงถูกถามอยู่เรื่อยๆ ซึ่งเขาก็ตอบเท่าที่ตอบได้ ไม่นานจากนั้น อเนกก็ขอตัวลุกขึ้นไปยืนเส้นยืดสายเพราะนั่งมานานพอสมควร พอถูกถามว่าไปไหน เจ้าตัวก็ตอบว่า


“นั่งจนปวดก้นกบแล้ว จะไปยิงปืนเล่นซะหน่อย”


ก่อนหน้าที่จะเข้ามาที่โรงแรม ตุลย์ก็หาข้อมูลมาบ้าง โรงแรมนี้ไม่ได้ให้บริการสนามกอล์ฟออกรอบเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีสนามยิงปืนขนาดเล็กอยู่ด้วย ซึ่งเขาเองก็สนใจอยู่เหมือนกัน


“พี่เอก ผมไปด้วยดิ”


“ได้ครับ มาเร็วคุณหนู ผมจะพาไปกินขนม” ชายหนุ่มกวักมือพลางหัวเราะร่วน เขาจึงขอตัวกับคนอื่นๆ และตามอเนกไป


สนามยิงปืนอยู่ลึกเข้าไปด้านหลังของโรงแรม และเป็นพื้นที่สนามหญ้าเปิดโล่ง มีเป้ากลมสีแดง และเป้าดำลักษณะคล้ายคนตั้งอยู่ไกลๆ ส่วนจุดยืนยิงนั้นถูกกั้นเป็นคอกๆ ด้วยแผ่นตาข่ายโปร่งแสง มองเห็นทะลุถึงกันได้ ข้างๆ กันเป็นห้องเช่าอุปกรณ์ที่มีเจ้าหน้าที่ของโรงแรมให้บริการอยู่


อเนกเช่าปืนพกสั้นกับที่ครอบหูชุดหนึ่ง ตั้งท่าจะหยิบอีกชุดหนึ่งให้เขา “ลองยิงมั้ยครับ? ผมสอนให้”


ตุลย์ส่ายหน้า เขาแค่อยากเห็นเท่านั้น


 “สนุกนะครับ เล่นนานๆ ไปจะติดเหมือนผม ค่ากระสุนก็แพงแทบอ้วก” ชายหนุ่มทำท่าจุกอกเหมือนอาหารติดคอ “ ผมสอนไม่มีพลาดครับ รับประกัน ยิงนกเป็นนกตาย ยิงไม้เป็นไม้พรุน”


“เอ้า แล้วถ้าผมยิงพลาดล่ะ?”


“อืม...” อเนกลูบคางครุ่นคิด “ก็ลืมๆ ไปสิครับ คิดซะว่าผมไม่ได้สอนก็แล้วกัน”


ตุลย์หัวเราะพรืดกับมุกตลกเส้นตื้นของอีกฝ่าย “พี่ยิงเถอะ ผมดูเฉยๆ ดีกว่า”


“ครับ งั้นมขอตัวซ้อมก่อนนะ คุณก็อย่าแอบหนีไปไหนอีกล่ะ”


“ค้าบ ผมเลิกแล้ว พี่วางใจเหอะ” เขาตีหน้าเซ็ง


อเนกหัวเราะร่วน ก่อนจะหยิบปืน และที่ครอบหู โดยเอากระสุนยังใส่กระเป๋า ตรงไปยังคอกยิงใกล้ๆ โดยมีเขาจับตาดูขั้นตอนต่างๆ


เอาเข้าจริงแล้ว เขารู้สึกสบายใจทีได้อยู่ท่ามกลางผู้คนเหล่านี้มากเสียกว่าที่มหาวิทยาลัยอีก


“คุณหนู?”


น้ำเสียงไม่ค่อยแน่ใจเรียกให้เขาเอี้ยวคอมอง ก่อนจะตกใจเมื่อคนที่เดินสวนมาคือชายผิวสีน้ำผึ้ง คนเดียวกับที่คอยดึงเขาไม่ให้ก้มเก็บปากกาตอนรถวิ่งผ่านที่หน้ามหาวิทยาลัย และคือ การ์ดคนที่บาดเจ็บเพราะเขา


“เอ่อ... ผมได้ข่าวแล้วว่าคุณโดนยิงเพราะผม ขอโทษนะครับที่เป็นต้นเหตุทำให้คุณบาดเจ็บ”


คู่สนทนาดูอึ้งๆ ก่อนจะส่ายหน้าพัลวัน “ไม่ครับๆ คุณไม่ต้องขอโทษหรอก มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วที่ต้องดูแลคุณ ตอนนี้คุณปลอดภัยดีผมก็ดีใจ”


อา...


รอยยิ้มและน้ำเสียงแสนจริงใจ กับท่าทีซื่อๆ นั้นยิ่งตอกย้ำให้เขารู้สึกผิดเข้าไปใหญ่


“แล้วแผลคุณ...”


“อ๋อ แผลเหรอ” ชายหนุ่มถกแขนเสื้อสีดำให้เขาดู เผยรอยแผลถูกเย็บยาวประมาณสองเซ็นบนต้นแขนที่มีกล้ามเนื้อแข็งแรง ปากแผลปิดแล้วแต่ก็ยังดูใหม่ เดาว่าเนื้อเยื่อคงยังไม่ผสานดีเท่าไหร่


“หมอบอกว่าผมโชคดีมากๆ ที่กระสุนทะลุอย่างอื่นก่อน มันเลยฝังตัวตื้นๆ แถมไม่โดนเส้นเลือดหรือเส้นเอ็นเลยด้วย งานแรกก็ซวยแบบนี้แหละครับ แต่คุณหนูไม่ต้องห่วงนะครับ”


ตุลย์ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ ไม่รู้จะตอบยังไง


 “แล้ว... คุณหนูมายิงปืนเหรอครับ” อีกฝ่ายถามว่าขณะทำเรื่องขอเช่าปืนจากเจ้าหน้าประจำห้อง


“เปล่าครับ มาดูพี่เอกเฉยๆ ผมก็อยากลองนะ แต่ไม่เป็นจริงๆ” เขายิ้มเจือน


“ผมสอนได้นะ ถ้าคุณหนูอยากลอง”


“เมื่อกี้พี่เอกก็พูดงี้เหมือนกัน แต่พี่เขาว่าถ้าผิดยิงพลาด ก็คิดซะว่าเขาไม่ได้สอน”


ประโยคนั้นทำให้คู่สนทนาหัวเราะร่วนในคอ “พลาดก็พลาดสิครับ ไม่เป็นไรหรอก”


“เอางั้นเหรอครับ ถ้าโดนคนขึ้นมา คุกนะครับ คุก”


“ไม่โดนหรอกครับ ฝีมือผมไม่แพ้คุณเอกหรอกนะ”


ไม่ว่าเปล่า เจ้าตัวก็กวักมือเรียกให้เขาเดินตามไปที่คอกริมสุด พร้อมปืนพกกระบอกหนึ่ง  ชายหนุ่มเช็คปืนอยู่ครู่ ก่อนจะสวมแว่นตาและที่ครอบหู และยกปืนขึ้นเล็งไปยังจุดกึ่งกลางสีแดงของเป้าวงกลม จากนั้นไม่กี่วินาทีก็จะลั่นไกให้กระสุนพุ่งตรงไปยังกึ่งกลางพอดี ตามด้วยนัดที่สอง สาม สี่ และห้า ทิ้งระยะห่างจากนัดแรกที่ไม่กี่เซ็น และทุกนัดล้วนแต่ก็กระจุกตัวกันอยู่ภายในวงกลมสีแดงทั้งหมด


ตุลย์ตาวาว ดูเหมือนว่าบาดแผลที่ว่าจะไม่เป็นอุปสรรค์ต่ออีกฝ่ายจริงๆ นั่นแหละ


“ลองมั้ยครับ”


เขาพยักหน้ารับ อีกฝ่ายจึงส่งปืนให้ ตุลย์รับมา วางที่ครอบหูลงเพราะกลัวไม่ได้ยินเสียงอีกคน


“คุณหนูเห็นศูนย์ปืนนี่มั้ยครับ จุดตรงกลางสีขาว” ชายหนุ่มพยายามชี้นิ้วไปยังส่วนด้านบนก็ปืน “เล็งตรงนี้ให้อยู่ต่ำกว่าเป้าที่คุณจะยิงเล็กน้อยครับ”


“โอเคครับ”


“ใช้มือข้างที่ถนัดเหนี่ยวไกนะครับ ส่วนข้างที่ไม่ถนัดไว้ประคอง”


เขาลองทำตามคำแนะนำนั้นอย่างงงๆ ซึ่งมันก็คงดูน่างุนงงจริงๆ เพราะเมื่อเขายกปืนขึ้นเล็งด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ อีกฝ่ายก็ยิ้มแหย


“เอ่อ... ขอโทษนะครับ”


ชายหนุ่มขออนุญาตก่อนจะเข้ามาปรับท่าทางจับมือให้เขาอย่างเก้ๆ กังๆ กึ่งระมัดระวังไม่แพ้กัน “แบบนี้ครับ คุณหนูต้องจับให้มั่นนะครับ แล้วก็ขึ้นลำก่อน”


“ยังไงครับ ดึงส่วนบนขึ้นเหรอ”


“เอ่อ...” เห็นว่าหน้าเขามีแต่คำถาม ชายหนุ่มจึงเป็นช่วยขึ้นลำให้แทน กลายเป็นว่ามือพวกเขาทั้งคู่ก็วนวียน จับๆ กันอย่างงงๆ อยู่บนปืนนั่รแหละ พอได้ยินเสียง ‘กริ๊ก’ ชายหนุ่มก็ปล่อยมือจากมือเขาแทบในทันที “เอ่อ... ลองเล็งดูได้เลยครับ ระวังปืนถีบด้วยนะ”


ตุลย์พยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะลั่นไกนัดแรกออกไป แต่ด้วยความที่กะแรงถีบไม่ถูก หน้าปืนจึงปัดส่งผลให้ลูกกระสุนจึงเฉออกข้าง ไม่เฉียดเป้าเลยสักนิด การ์ดหนุ่มยุให้ตุลย์ลองดูอีกครั้ง ซึ่งเขาก็บ้าจี้ตาม แต่ผลลัพธ์ก็ยังออกมาเหมือนเดิม


เห็นทีเขาคงต้องฝึกอีกยาว


“คอกนี้คุณยิงเถอะครับ ถ้าปล่อยให้ผมยิงวืดเรื่อยๆ จะกินเวลาคุณเอา” ตุลย์ยิ้มขอตัว ไม่คิดจะกวนชายหนุ่มให้เสียความมั่นใจที่อุตส่าห์สอนเขา


เขาแยกตัวมาเช่าปืน ทดลองยิงที่คอกใกล้ๆ อย่างงูๆ ปลาๆ ผลลัพธ์ก็วืดบาง เฉียดบ้างตามประสามือใหม่หัดยิง โดยไม่ทันเห็นว่ามีผู้มาเยือนใหม่กำลังเฝ้าดูเขายิงวืดอยู่เงียบๆ


“เธอจับปืนผิดน่ะ มันเลยไม่เข้าเป้า ให้ฉันสอนมั้ย?” ศานนท์ยืนอยู่ด้านหลัง ห่างออกไปเพียงสองก้าว โดยมีการ์ดบางส่วนรออยู่นอกสนามยิงปืน และบางส่วนตามเข้ามาด้วย ดูเหมือนกับว่าทุกคนกำลังเตรียมตัวกลับ และรอพวกเขาอยู่


วันนี้ศานนท์เป็นคนที่สามแล้ว ที่อาสาสอนเขายิงปืน


“ไม่ดีกว่าครับ ผมวืดจนขายขี้หน้าแย่แล้ว” ตุลย์ว่าติดตลก ก่อนจะปลดแม็กกาซีนออก ตั้งใจจะเอาไปคืนที่ออฟฟิสเสีย เป็นจังหวะเดียวกับที่อเนกแม็กหมด และหันมาเจอพวกเขาทั้งคู่พอดี ชายหนุ่มจึงถอดที่ครอบหู ก่อนจะยิ้มมุมปาก ด้วยแววตาที่ตื่นเต้นชัดเจน


“เสี่ยแข่งกับผมตานึงสิครับ”


“เอาสิ” ศานนท์รับคำท้าแทบในทันที ก่อนหันมาหาเขา “ขอยืมปืนเธอหน่อยนะ”


“ครับ ผมกะจะเอาไปเก็บอยู่แล้วล่ะ” ตุลย์ไหวไหล่ ยื่นด้ามปืนให้


จากนั้นศานนท์ก็ตรงไปที่คอกข้างๆ คน อัดลูกกระสุนใส่แม็กกาซีนจนครบห้านัด และตรวจเช็คปืน ก่อนจะยกปืนขึ้นเล็งตรงไปที่เป้าลักษณะคล้ายคน ในเวลาไล่เลี่ยกันกับอเนกท่ามกลางสายตาของคนอื่นๆ


เสียงลั่นลูกปืนดังขึ้น เว้นจังหวะสามวินาทีและดังขึ้นอีกสลับกันไป จวบจนต่างคนต่างยิงครบห้านัด พวกเขาก็กดปุ่มเลื่อนให้เป้ากลับมาหาตนเองเพื่อเช็คคะแนน


แน่นอนว่าทั้งคู่ต่างก็เล็งโดนส่วนหัวหมดทั้งห้านัด...


“ฝีมือฉันชักจะเริ่มขึ้นสนิมแล้วมั้ง” หนุ่มใหญ่ชี้ให้ดูนัดนึงที่เฉียดผ่านส่วนหัวของเป้าไปถากๆ แต่กระนั้นก็ยังสร้างรูพรุนบนกระดาษ แม้ว่ามันจะชิดขอบจนเกือบพลาดก็ตาม


“...........”


แม่น-โคตร-โคตร


ตุลย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่


ใช่... ดูเหมือนยังมีเรื่องน่าพิศวงมีอีกมากมายที่เขายังต้องเรียนรู้เกี่ยวกับศานนท์จริงๆ นั่นแหละ

---------------------------

เมลล่ากลับมาแล้วค่า หายไปนานมากๆๆๆๆ แบบจะครึ่งปีแล้วมั้งน่ะ
พยายามเข็นๆๆ อยู่ค่ะ *เศร้าโศรก*
เปลี่ยนสไตล์การเขียนนิดหน่อยค่ะ พยายามเน้นไปที่ความไหลลื่นของฉากแล้วก็ลดส่วนไม่จำเป็นออก
ชอบแบบเก่าหรือแบบใหม่ ออกความเห็นแนะนำได้นะค้า
รักทุกคน ขอบคุณที่ติดตามกันมาค่า
นี่เพจเมลล่าเอง เข้าไปติดตามกันได้นะคะ
https://www.facebook.com/Iamcaramella/

ตอนต่อไปไม่รู้อีกนานมั้ย แต่พยายามมากๆ ที่จะไม่ให้นานเกินไปค่ะ ฝึกงานทรมานมาก สำนึกแล้วค่ะ ฮื้อออ


ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
มาอัพแล้วววว รอนะจ๊ะ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
มีเรื่องให้ว้าวเรื่อยๆเลยคุณศานนท์

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
 สงสัยต้องย้อนอ่านใหม่แต่แรก ลืม  :pigha2:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ตุลย์ไม่หวั่นไหวเหรอ เราหวั่นไหวนะ อิอิ

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
20th Night : มองได้ แต่อย่าชอบ


เมื่อศานนท์กับ ‘คุณหนู’ ของบ้านแยกไปขึ้นรถอีกคันพร้อมการ์ดสองคน ก็เป็นอันจบภาระหน้าที่วันนี้ เหล่าชายฉกรรจ์ที่เหลือรวมทั้งเต้จึงทะยอยขึ้นรถยุโรปเจ็ดที่นั่งกันจนครบ เป้าหมายไม่ใช่การกลับบ้าน แต่เผื่อถลุงกระเป๋าตังค์เพื่อนร่วมงานต่างหาก


“ตกลงเย็นนี้ร้านอะไรวะ” การ์ดคนหนึ่งโพล่งขึ้นทันทีที่ก้นแตะเบาะ


“หุบปากเลย ตามสั่งคนละจานพอ!”


“เฮ้ยๆๆ อย่างงี้มันเบี้ยวนี่หว่า” หนึ่งในเพื่อนร่วมงานชี้หน้า ท่าทีขึงขัง “เดี๋ยวมึงได้ติดแบล็กลิส”


“ก็คุณหนูไม่ได้มาด้วย จะเลี้ยงหรูๆ ไปเพื่ออะระ?”


“เพื่อพวกกูไงครับ กูที่นั่งหัวโด่นี่ไงครับ”


ประชดประชันใส่กันตลอดทาง สุดท้ายก็ไปลงเอยที่ร้านอาหารระดับกลางๆ ที่มีทั้งอาหารไทยและเทศโดยมีผู้แพ้พนันเป็นฝ่ายเลี้ยง ทว่ายังไม่ทันได้มีใครก้าวขาออกจากรถ อเนกก็เรียกทุกคนไว้ บรรยากาศทั้งรถจากที่เคยครึกครื้นกลับกลายเป็นเคร่งครึมจริงจังแทบในชั่วนาทีนั้น


“เฮ้ย ไอ้น้องใหม่”


“ครับ?”


คนถูกเรียกที่กำลังนั่งพิงกระจกยืดตัวตรง ก่อนเลิกคิ้วเล็กน้อย เนื่องจากเขาเป็นเพียงคนเดียวที่เข้ามาใหม่ในช่วงเดือนนี้ และเป็นคนเดียวที่บาดเจ็บต้องเข้ารักษาตัวจากงานแรก


“ถูกชะตากับ ‘เขา’ ใช่มั้ยล่ะ?”


“.......” คู่สนทนาดูเลิกลั่ก แม้จะแค่เล็กน้อย แต่เต้ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็จับสังเกตุได้ว่า เขากำลังถูกอเนกชี้ใจดำเข้าให้


“’คนนั้น’ น่ะ มองได้ ทำความรู้จักได้ แต่มือห้ามต้อง โอเค๊?”


คนถูกตำหนิ หน้าเหวอเล็กน้อย “แต่ผม...”


...ก็แค่สอนยิงปืนเท่านั้น ไม่ได้แตะต้องเกินเลยไปกว่านั้นเลย


“แค่เตือนไว้ จะได้ไม่เผลอทำอะไรรุ่มร่ามอีก” อเนกพูดโดยมองผ่านกระจกมองหลังด้วยสีหน้าท่าทางปกติ เนื่องเจ้าตัวนั่งอยู่ตำแหน่งข้างคนขับ


 “ถ้าเพิ่งเคยเจอคุณหนูครั้งแรก ฉันบอกไว้เลยว่าเขาเข้ากับเราง่ายเพราะคุ้นเคยกับสภาพสังคมแบบนี้ อีกอย่างมันก็ไม่ได้มีกฎข้อไหนที่ห้ามมีปฏิสัมพันธ์กับคุณหนู แต่จะมอง จะชอบ จะอยากได้ก็ให้เก็บไว้ในใจ ตามอง มืออย่างต้อง เคยฟังเพลง ‘มองได้แต่อย่างชอบ’ ของลุลาเปล่าล่ะ?”


พูดเรื่องซีเรียส แต่ไม่วายมุกทิ้งท้ายตามนิสัยของเจ้าตัว


“เอ้อ แล้วก็ไม่ได้เตือนแค่แก แต่ทุกว่าเตือนทุกคน”

ว่าจบก็กวาดสายตาผ่านกระจกจ้องนัยน์ตาของผู้โดยสารเบาะหลังทุกคนอย่างเท่าเทียม


“เข้าใจตรงกัน  เค๊? ...จบเรื่องซีเรียสครับ ปิดจ็อบแดกข้าวโลด”


ว่าจบเจ้าตัวก็เปิดประตูกระโดดลงรถทันที เสียงคุยสรวนเสเฮฮาก็กลับมาครื้นเครงอีกครั้งเมื่อทุกคนต่างทะยอยลงจากรถ ตรงเข้าไปด้านในร้านอาหาร บ้างก็ปลอบใจน้อยใหม่ผู้โชคร้ายไปด้วย

.
.

   ตุลย์ชึ้นรถมากับศานนท์หลังแยกกันเต้และการ์ด พอรถออกตัว เขาก็เริ่มถามเรื่องเมื่อบ่ายที่หนุ่มใหญ่เรียกให้ไปพบคนๆ หนึ่ง ซึ่งศานนท์ก็ยอมเล่าลายละเอียดให้ฟัง สรุปใจความได้ว่า บริษัทหนุ่มใหญ่กำลังวางแผนทำโฆษณาเพื่อโปรโมตสินค้าตัวใหม่ ซึ่งเป็นชาอังกฤษ ส่วนที่พาเขาไปพบคุณปัญก็เพื่อแนะนำตัวเขาให้อีกฝ่ายรู้จัก พูดง่ายๆ ก็คือ ศานนท์กำลังพยายามดันเขาให้ได้เป็นส่วนหนึ่งของโฆษณาชิ้นนั้นนั่นแหละ


“แต่ว่าเรื่องมันกระทันหันไปหน่อย ฉันเลยไม่ได้ให้ลายละเอียดเธอก่อน” หนุ่มใหญ่ชิงพูดเหมือนกลัวเขาจะงอนเพราะผลี้ผลามตัดสินใจเอง “ปลายสัปดาห์หนืทีมงานจะส่งบทมาให้ เธอลองอ่านดูก่อนแล้วค่อยตัดสินใจว่าอยากรับงานนี้หรือเปล่าก็ได้ ฉันไม่บังคับ”


“ผมอยากทำ” ตุลย์ตอบไม่ลังเล


มีโอกาสมายื่นให้ต่อหน้าขนาดนี้ ยังไงๆ เขาปฏิเสธมันไม่ลง


คำตอบนั้นทำเอาศานนท์ยิ้มอย่างเอ็นดู “ฉันจะบอกเขาว่าเธอตกลงแล้วกัน”


“เอ่อ แล้วเรื่องของลูกค้าคุณ... ยังไม่ลงรอยกันเหรอครับ”


การ์ดส่วนใหญ่แยกตัวกลับไปแล้ว แต่ยังมีบางส่วนที่ติดรถมากับพวกเขา นั่นคือคนขับและตำแหน่งข้างคนขับ เมื่อก่อนพวกเขาไม่จำเป็นต้องมีคนเหล่านี้ติดตามไปไหนมาด้วย ตุลย์เลยอดสงสัยไม่ได้


หนุ่มใหญ่ครุ่นคิดอยู่ครู่เหมือนกำลังเรียบเรียงเรื่องราวในหัว “ใกล้แล้ว ฉันส่งคนเข้าไปคุยแล้วแต่ยังได้ข้อสรุปไม่ลงตัว ทีแรกฉันจะตัดความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับเขา แต่ทางนั้นอยากประนีประนอมมากกว่า ในเมื่อยังคุยกันไม่จบฉันก็ไม่อยากวางใจเท่าไหร่ กลัวว่าเธอจะโดนลูกหลงอีก...”


“อื้ม ผมก็ไม่ค่อยอยากยุ่งกันเรื่องพวกนี้เหมือนกัน” ตุลย์พูดตามตรง


ไอ้การเสี่ยงโดนลูกกระสุนเจาะกะโหลกเนีย เขาไม่คิดว่ามันเป็นเรื่อน่างตื่นเต้นสักนิด...


 ที่ผ่านมาชีวิตเขาวนเวียนเกี่ยวพันกับเรื่องพวกจนรู้สึกเอียน และจะยินดีมากหากตัวเองไม่ต้องรับรู้เรื่องพวกนี้อีก


ได้ยินแบบนั้นศานนท์ก็ยิ้มเจือนเหมือนจนใจ


“งั้นพรุ่งนี้ไปทานข้าวกับฉันมั้ย?”


“ครับ?” ตุลย์งงเล็กน้อย


ไม่ใช่ว่าช่วงนี้ ศานนท์ค่อนข้างวุ่นกับงานหรอกเหรอ พวกเขาเลยไม่ค่อยเจอหน้ากัน แต่พอสบกับแววตาแบบเดียวกับตอนที่บอกชอบเขา ตุลย์หลุดหัวเราะ เสมองไปอีกทางอย่างเสียไม่ได้


“นี่คุณกำลังง้อผมเหรอเนี่ย”


“อือฮึ แล้วสำเร็จมั้ยล่ะ?”


หากเป็นเมื่อก่อนเขาอาจตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ แต่หลังจากได้รู้ว่าหนุ่มใหญ่คิดยังไงกับเขา ก็ทำเอาปฏิเสธไม่ลงเสียอย่างนั้น


ตุลย์พยักหน้า “งั้นเป็นพรุ่งนี้ประมาณทุ่มนึงได้มั้ยครับ?”


---------------------


ตามตารางงานวันนี้เขามีคิวถ่ายโปสเตอร์โปรโมทงานโอเปร่ากาล่าให้กับโรงแรมแห่งหนึ่งย่านใจกลางกรุง ตุลย์จึงต้องเข้าสตูดิโอตามที่นัดกับกองถ่ายไว้ตั้งแต่บ่ายเพียงลำพังเนื่องจากซินดี้ติดธุระ ตอนที่เขาเข้าไปถึง ทางกองถ่ายกำลังแต่งหน้าให้นางแบบอีกหนึ่งที่ต้องถ่ายคู่กัน พอทางทีมงานเห็นเขาก็รีบดึงตัวไปตบแป้งทันที


การถ่ายดำเนินไปโดยใช้เทคนิคเล่นแสงเงาจากการสาดองศาไฟใส่ฉากพื้นสีดำ เน้นรูปร่างและโครงหน้าของโมเดลโดยให้เห็นองค์ประกอบบนใบหน้าน้อยที่สุด ด้วยเหตุนี้ตุลย์จึงต้องสวมหน้ากากเลื่อมลายทองปิดครึ่งหน้าและสูทคลาสสิก


เขาถ่ายทั้งช็อตแยก และคู่กับนางแบบสาว การถ่ายทำราบรื่นและรวดเร็วเนื่องจากทีมงานมีประสบการณ์ จึงชี้นำพวกเขาได้ตรงจุด รูปที่ออกมาจึงน่าพึงพอใจ


ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทางกองถ่ายก็แจ้งว่าได้รูปที่ต้องการครบหมดแล้ว เป็นอันว่างานของเขาวันนี้เสร็จสิ้น ชั่วโมงเช่าห้องสตูดิโอที่เหลืออยู่จึงกลายเป็นว่าพวกนั่งคุยเล่น ทำความรู้จักกันแทน


ครืด... ครืด... ครืด...


เสียงโทรศัพท์ทำให้ตุลย์ต้องขอปลีกออกมา พอรับปุ๊บ ปลายสายก็ยิงคำถามใส่เสียงแหลมประหนึ่งช้อนกระแทกแก้ว


“ไหน? งานเป็นยังไงบ้างยะหล่อน เจ้ขายหน้ามั้ยตอบซิ๊?”


“ไม่ขายหน้าอยู่แล้ว ราบรื่นแล้วก็สนุกดีครับ” ตุลย์หัวเราะเบาๆ


“ดีมาก เป็นเด็กเจ้ของต้องทำตัวให้สมเป็นเด็กเจ้!” น้ำเสียงซินดี้ระรื่นขึ้นทันตา


“ที่โทรมาเนี่ยไม่ได้จะมาจิก ฉันแค่จะบอกหล่อนว่า ทางนิตยสารส่งรูปที่เคยถ่ายมาให้แล้ว ทางโน้นเขากำลังจะจัดใส่รูปเล่ม แต่ฉันอยากให้คุณศานปรู๊ฟก่อน เลยเอาส่งให้แมสเซนเจอร์ไปโยนไว้ที่ออฟฟิสละ หล่อนไปเตือนเขาด้วยแล้วกัน ฉันโทรไปแล้วฝากข้อความ สงสัยจะติดประชุม”


“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะบอกให้”


“บอกคุณศานว่าเจ้เป็นคนส่ง! ฉันอุตส่าห์คอยตาม progress ให้ หล่อนจะเอาความดีชอบไปคนเดียวไม่ได้ อย่ามากันซีน!” เธอทำเสียงจิ๊จ๊ะทีเล่นทีจริงเหมือนลำคาญเขาเสียเต็มประดา “ปรู๊ฟเสร็จแล้ว ชอบไม่ชอบก็ให้เขาโทรกลับหาฉันด้วยแล้วกัน”


“โอเคครับ รับทราบครับผม”


“ดีมาก นังเด็กหนูผี!”


ได้คำตอบที่ต้องการ ซินดี้ก็ตัดสายไป ตุลย์มองนาฬิกาบนจอโทรศัพท์ เห็นว่าหกโมงแล้ว เขาจึงกลับเข้าไปลาทีมงานและนางแบบสาว หลายคนก็ทำท่าคล้ายเสียดายเพราะกำลังเตรียมนัดจะไปกินข้าวกันต่อหลังชั่วโมงที่เช่าห้องไว้หมดลง


“พอดีเย็นนี้ผมมีธุระต่อนิดหน่อยครับ ขอโทษที”


ตุลย์ยิ้มขอโทษ จากนั้นก็ขอตัวตรงออกมาด้านนอกสตูดิโอ โทรหาเต้ให้มารับเหมือนทุกวัน ยังไงเสียเจ้าหมอนี่ก็กลายเป็นคนขับรถจำเป็นของเขาไปแล้ว


ไม่นานปลายสายก็รับ แต่พอถูกเขาถามว่าอยู่ที่ไหน ชายหนุ่มกลับให้คำตอบที่ทำให้เขาขมวดคิ้วเป็นปม


“ซ้อมมวยอยู่ที่ม.”


 เต้ตอบเรียบๆ ได้ยินเสียงหอบหายใจหนักของเจ้าตัวก็รู้ว่าไม่ได้โกหก


“ ‘เขา’ ไม่ได้บอกเหรอ ว่าจะไปรับ?”


“เขาไหน?”


เขาค้อหรือไง?


ตุลย์ถามออกไปตามสัญชาตญาณขณะที่ขาก็ก้าวฉับๆ ไปเรื่อย นาทีต่อมา เขาก็ถึงบางอ้อเมื่อรถซีดานสีดำสนิทคุ้นตาขับวนเข้ามาในที่จอดเล็กๆ ที่ตกแต่งด้วยต้นไม้ร่มรื่นสวยงาม ตุลย์วางโทรศัพท์จากเต้ทันที เดินตรงไปจุดที่รถจอดแล้วเปิดประตูสอดตัวเข้าไปนั่งข้างคนขับอย่างคุ้นเคย


“ไหนคุณว่าช่วงนี้ยุ่งไงครับ” เขาถามติดตลก ทันทีที่ก้นติดเบาะรถยนต์สีดำก็เคลื่อนตัวออกไปทันที


“จะว่ายุ่งก็ยุ่ง แต่ก็ไม่ยุ่งขนาดไม่มีเวลาขับไปรับคนที่ยอมตกลงมาทานข้าวกับฉันหรอก” ศานนท์ตอบทีเล่นทีจริง ทำเอาตุลย์ได้แต่หัวเราะร่วน


“งั้นผมก็ควรดีใจมากๆ เลยน่ะสิเนี่ย”


ศานนท์ได้ฟังก็หัวเราะตาม


“หิวรึยังล่ะ? ฉันจองร้านไว้แล้ว” ว่าพลางก็พลิกดูนาฬิกาข้อมือ “ไม่ไกลจากสตูฯ เท่าไหร่ แต่เย็นๆ แบบนี้รถคงติดหน่อย”


“ผมไม่ค่อยหิว คุณไม่ต้องห่วงหรอกครับ”


ว่าไปก็ล้วงกระเป๋าหยิบหูฟังไร้สายออกมาเชื่อมกับโทรศัพท์ฆ่าเวลา เพราะกว่าพวกเขาจะไปถึงที่หมายก็คงราวๆ ชั่วโมงได้


“ไม่ให้ห่วงเธอแล้วจะให้ฉันไปห่วงใครล่ะ”


…?


ตุลย์ผละจากจอมือถือ มองหน้าคนพูดอย่างงๆ พอเห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของศานนท์ก็รู้ว่าเจ้าตัวจงใจพูดหยอดเขา ตุลย์ก็ส่ายหัวยิ้มๆ


“คุณนี่จริงๆ เลย”


ศานนท์ในมุมนี้ที่เผยเจตนาชัดเจนแบบนี้ นับว่ารับมือยากพอตัวทีเดียว

.
.

แล้วก็เป็นดังคาดไว้ ชั่วโมงต่อมาพวกเขาก็มาถึงโรงแรมแห่งห้าดาวแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมือง ก่อนจะขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นหกสิบเอ็ดซึ่งเมื่อเดินออกมาก็พบกับห้องอาหารกึ่งบาร์ที่เป็นด่านฟ้าเปิดโล่ง ศานนท์ตรงเข้าไปหาพนักงาน ให้ชื่อตามที่จองไว้ หนึ่งในพนักงานก็นำพวกเขาผ่านโต๊ะต่างๆ ที่มีผู้คนประปรายไปยังชั้นลอยเปิดโล่งกั้นระเบียงเป็นสัดส่วนที่อยู่สูงกว่าเล็กน้อย โดยมีโต๊ะสี่เหลี่ยมพื้นผ้าอยู่ตั้งอยู่ตรงกึ่งกลาง ตกแต่งและวางอุปกรณ์เรียบร้อยพร้อมใช้งาน เหลือก็เพียงแต่จุดเทียนที่วางอยู่ตรงกลางก็เท่านั้น


จากมุมนี้ตุลย์สามารถเห็นวิวทัศน์ของเมืองกรุงและถนนเส้นต่างๆ ได้ชัดเจน แต่เนื่องจากท้องฟ้ายังไม่มืดสนิทนัก แสงไฟจากตึกและถนนจึงสว่างบ้างไม่สว่างบ้าง พอเห็นรูปทรงเค้าโครงตึกน้อยใหญ่ได้ลางๆ ถึงอย่างนั้นก็ยังนับว่าสวยงามมากทีเดียว


บนชั้นลอยขนาดกว้างพอเดินชมวิวได้นี้ มีแค่โต๊ะพวกเขาเพียงโต๊ะเดียว เทียบกับโต๊ะอื่นๆ แล้ว นับว่าพวกเขาได้ทำเลที่ดีและเป็นส่วนตัวกว่าหลายเท่า จนอดคิดไม่ได้ศานนท์จ่ายเงินเคลียร์โต๊ะอื่นๆ บนชั้นออกไปหรือเปล่า...


ตุลย์ถอนสายตาจากทิวทัศน์กลับมาผู้ชายฝั่งตรงข้าม ขณะทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้


“คุณไม่เห็นบอกผมเลย ว่าจะพามารูฟท็อป”


จริงอยู่ที่ช่วงก่อนๆ ศานนท์ชอบชวนเขาไปทานข้าวบ่อยๆ แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่หนุ่มใหญ่พามากินหรูขนาดนี้ และเพราะคาดไม่ถึง เขาเลยเลือกเสื้อยืดแขนยาวกับกางเกงผ้าใส่ลวกๆ ออกมาเมื่อเช้า นับว่าโชคดีที่ไม่ได้ลากรองเท้าแตะมาด้วย ไม่ใช่เช่นนั้น เขาคงโดนพนักงานไล่ให้ไปเปลี่ยนก่อน


“ฉันอยากเซอร์ไพร์ซ”


“คุณก็เซอร์ไพร์ซผมจริงๆ นั่นแหละ” เขายอมรับตามตรง


หากตัดเรื่องเดรสโค้ดที่ไม่เข้าพวกของเขาออกไป ทุกอย่างที่นี่ก็ดูลงตัวเอามากๆ


“ถ้าเธอชอบ คราวครั้งฉันจะพามาบ่อยๆ”


“คุณพูดเหมือนว่างเลย”


“ฉันก็ไม่ได้ยุ่งขนาดนั้นนี่” หนุ่มใหญ่ว่าพลางก็รับเมนูจากพนักงาน ก่อนที่พนักงานคนนั้นจะจุดเทียนซึ่งวางอยู่ระหว่างพวกเขา แสงสีส้มสว่างขึ้นท่ามกลางความมืด พอให้อ่านสิ่งที่เขียนอยู่บนเมนูได้


ต่างคนต่างสั่งจานหลักของตัวเองเรียบร้อย ตุลย์ก็เลือกของทานเล่นมาอย่างสองอย่างพอให้เคี้ยวฆ่าเวลา


“อยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ย” ศานนท์ปิดเมนู เงยหน้ามองเขา


ถ้าหมายถึงพวกของหวานล่ะก็...


“ไม่ครับ ผมไดเอทอยู่ แค่ซี่โครงแกะกับสลัดผักแคลอรี่ผมก็จะเกินอยู่แล้ว” ตุลย์หัวเราะ ถึงจะพูดอย่างนั้น ก็อดเปิดดูรายการเครื่องดื่มไม่ได้ “อืม... แต่ถ้าคุณไม่ว่า ผมอยากได้ไวน์ดีๆ สักขวด”


“เอาสิ” หนุ่มใหญ่หันไปหาพนักงาน “ที่นี่มีอะไรแนะนำบ้าง?”


 พนักงานไล่ชื่อไวน์ต่างๆ ตั้งแต่ไวน์พื้นฐานสำหรับทานคู่กับอาหารจานหลักอย่างไวน์ขาวและไวน์แดง ไวน์ที่มีรสซ่าจำพวกแชมเปญ ไปจนถึงค็อกเทลต่างๆ ที่มีส่วนผสมของไวน์ยี่ห้อดัง


“แต่ถ้ายังไม่ถูกใจ ทางโรงแรมมีไวน์ตัวใหม่แนะนำค่ะ เป็นสปาร์คลิงไวน์กลิ่นดอกไม้จากฝรั่งเศส แต่ผลิตภายใต้แบรนด์ของโรงแรมเอง ดื่มคู่กับสลัดหรืออาหารประเภทเนื้อสัตว์ก็ได้ค่ะ”


“ครับ งั้นเอาเป็นอันนี้ล่ะ” ตุลย์ตัดสินใจรวดเร็ว


ถึงเขาจะชอบดื่ม แต่ก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องไวน์มากนัก เพียงแค่ชอบกลิ่นและรสชาติบางอย่างของมันก็เท่านั้น


ได้ลองชิมอะไรใหม่ๆ บางก็ถือว่าเปิดโลกทัศน์ดี…


พนักงานสาวรับคำ ก่อนจะปลีกตัวออกไป ทิ้งพวกเขาไว้ตามลำพังสองคนกับความมืดและแสงเทียน


“คุณไม่กลัวผมติดเหล้าแล้วเหรอ?” ตุลย์ถามอย่างไม่จริงจัง “รอบที่แล้วคุณยังขนตู้แช่ไวน์หนีผมอยู่เลยนะ”


ศานนท์ฟังแล้วก็หัวเราะ “ฉันแค่อยากตามใจเธอวันนึง ดื่มบ้างสักขวดสองขวดก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ หรือเธอไม่ชอบบรรยากาศ?”


“คุณ... ผมไม่ได้รสนิยมสูงขนาดนั้นสักหน่อย ถ้าไม่ชอบที่นี่ ผมก็ไม่รู้จะชอบที่ไหนแล้ว”


ตุลย์หัวเราะเบาๆ เบนสายตาไปยังทิวทัศน์เมืองกรุง พอฟ้ามืดสนิทก็ปรากฎแสงสีแจ่มชัด สายลมโชยปะทะใบหน้าแผ่วๆ ไม่นานไวน์ก็ถูกนำมาเสริฟไล่เลี่ยกับของทานเล่น พวกเขาก็เริ่มลงมือทาน


“งานเมื่อบ่ายเป็นยังไงบ้างล่ะ?”


“ก็ราบรื่นครับ แล้วก็สนุกดี” เขาตอบแบบเดียวกับทีตอบซินดี้ แล้วจู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ “เอ้อ ผมเกือบลืมไปเลย คุณซินดี้โทรหาคุณเมื่อกลางวัน แต่เธอบอกว่าคุณติดประชุม”


“อืม ใช่ เมื่อกลางวันฉันไปเคลียร์เรื่องกับ ‘ลูกค้าคนนั้น’ ลงตัวเรียบร้อยแล้ว“


ตุลย์ร้องอ๋อในใจ


ถึงว่าล่ะ วันนี้ศานนท์ไม่มีบอดี้การ์ดติดตัวมาสักคน


“เรื่องรูปที่ผมถ่ายให้นิตยสาร เธอบอกว่าให้คนเอาไปส่งคุณที่ออฟฟิสแล้ว เธออยากให้คุณเช็คดูก่อนจะคอนเฟิร์มกับสำนักพิมพ์”


“อา...” หนุ่มใหญ่เกาคาง ก่อนจะถอนหายใจ “ฉันไม่ได้เข้าออฟฟิสเลยตั้งแต่บ่าย เธอมีไฟล์รูปหรือเปล่า?”


“ไม่ครับ” ตุลย์ส่ายหน้า เขาเคยเห็นจากกล้องครั้งเดียวตอนที่อยู่ในกองถ่ายเท่านั้น


“ผมแค่มาแจ้งคุณเฉยๆ ไม่ได้เร่ง ไว้ค่อยดูพรุ่งนี้ก็ทัน”


“ไม่ๆ ทานข้าวเสร็จเดี๋ยวฉันแวะกลับเข้าไปเอา” หนุ่มใหญ่ยืนกราน “เรื่องของเธอทั้งที จะให้รอถึงพรุ่งนี้ได้ยังไง”


นั่นๆ เอาอีกแล้ว...


ตุลย์ยิ้มขำ “ถ้าคุณว่างั้น ก็ตามใจคุณแล้วกัน“


จังหวะนั้น สเต็กถูกนำมาเสิร์ฟพอดี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2020 20:21:23 โดย Caramella »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ทีแรกเขาไม่ได้ชมชอบไวน์ของโรงแรมที่สั่งมาเท่าไหร่ แต่เอาเข้าจริง พอกินคู่กับซี่โครงแกะแล้ว กลับเข้ากันได้รสชาติอย่างน่าประหลาดใจ กลิ่นดอกไม้หอมอ่อนๆ อบอวลในปาก ทิ้งความซ่าตรงปลายลิ้น ยิ่งดื่มตุลย์ก็ยิ่งชอบ ศานนท์กับเขาดื่มกันไปคนละครึ่ง พอหมดขวดแรก ตุลย์ก็สั่งบริกรเปิดขวดที่สองทันที


ครั้งนี้ศานนท์ไม่ได้ปรามอย่างเคย เพียงแค่หัวเราะกับการตัดสินใจปุบปับของเขาก็เท่านั้น


ก็เจ้าตัวบอกว่าวันนี้จะตามใจเขาหนึ่งวันนี่


“ชอบเหรอ?”


“อือฮึ” เขาขานขับในคอ ขณะยกแก้วขึ้น ‘ซด’ หลังจากยัดจานหลักและจานรองลงกระเพาะจนหมดเกลี้ยง “คุณเลี้ยงเหล้าผมแบบอดๆ อยากๆ มาตั้งนาน”


“ก็พอเปิดขวดทีไร เธอก็ดื่มเหมือนน้ำเปล่า”


คนถูกกล่าวหาว่า ‘ซดเหล้าเป็นน้ำเปล่า’ เหลือบมองศานนท์ทีหนึ่ง ขณะที่ปากก็ยังกระดกอึกๆ ประหนึ่งกระหายนัก


“คุณบอกว่าคืนนี้ตามใจผม” ตุลย์ทวงสัญญา


“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยนี่” ศานนท์ไหว่ไหล่ “แล้วเมาหรือยัง”


“ยัง” ตุลย์ตอบเสียงแข็ง “ผมไม่เมา นั่งได้ยันเช้า หึ คุณทำหน้าแบบนั้นแสดงว่าไม่เชื่อล่ะสิ?”


คู่สนทนาหรี่ตาอย่างจับผิด ไม่ว่าเปล่าแต่ยกแก้วตัวเองค้างเติ่งกลางอากาศไว้เหมือนอยากให้อีกฝ่ายชนแก้วด้วย ศานนท์ทำตามคนเมา ก่อนที่เขาจะหลุดขำกับประโยคถัดมาอย่างอดไม่ได้


“คืนนี้ไม่เมาไม่กลับ! ...คุณขำอะไร เมาหรือไงครับ?”


“ขำเธอ” หนุ่มใหญ่อมยิ้ม


“ผมไม่ใช่แก๊สหัวเราะ ไม่ต้องขำ” ตุลย์เบ้ปาก


“เธอเมาแล้วขี้โมโหนะ”


“ผมเปล่า ผมก็ผมคนเดิม คุณคิดไปเองทั้งนั้นแหละ”


ตุลย์กรอกตา ก่อนจะรินไวน์ใส่แก้ว แล้วยกขึ้นดื่ม ทว่าศานนท์กลับมือที่ถือแก้วของเขาไว้เหมือนจะปราม ตุลย์ก็ขมวดคิ้ว


“ขอดื่มบ้างสิ”


ตุลย์เหลือบมองแก้วศานนท์ที่ว่างเปล่า จากนั้นก็พยักหน้า ศานนท์ไม่ได้ปล่อยมือเขา แต่โน้มหน้าเข้ามาหาปากแก้ว แล้วจรดริมฝีปากดื่ม โดยที่มีเขาเอียงปากแก้วเข้าหาอีกฝ่ายอย่างระมัดระวังไม่ให้หก


“คุณว่าไง? ผมว่ามันหอมมากเลย ผมชอบมันมาก...”


“อือฮึ” ศานนท์พยักหน้า “ชอบมากกว่า Sherry ที่ฉันคือเปิดให้เธอลองหรือเปล่า”


ย้อนถามไปถึงเหตุการณ์ที่แสนนานมาแล้ว ตุลย์ก็ชักนึกไม่ออก


“อืม... ผมชอบอันนี้ที่สุดในบรรดาไวน์ที่ผ่านๆ มาของคุณ”

เสียงแจ้งเตือนไลน์ดังขัดจังหวะ ศานนท์ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ครู่เดียวเขาก็วางมันลงบนโต๊ะ พูดด้วยท่าทางสบายๆ เหมือนไม่ได้คาดหวังให้ตุลย์เข้าใจอะไรนัก


“บทโฆษณาเสร็จเร็วที่คาดการณ์ไว้ตอนแรก คิดว่าเธอคงได้อ่านบทประมาณสุดสัปดาห์นี้”


ตุลย์ตาเป็นประกาย “ธีมอะไรครับ? คุณพอเล่าเนื้อเรื่องคร่าวๆ ได้มั้ย?”


“ไว้เธอค่อยอ่านเอาทีหลังดีว่า”


“นี่คุณ... ผมบอกแล้วไงว่าไม่ได้เมา”


ตุลย์หมุ่นคิ้วจ้องคู่สนทนาเขม็ง เมื่ออีกฝ่ายกั๊กเหมือนไม่อยากเล่าให้เขาฟังตอนกำลังกรึ่มๆ


“คุณเล่ามาเดี๋ยวนี้เลย!”


“โอเคๆ ฉันจะเล่าให้เธอฟังบนรถ” ศานนท์ยอมแพ้


พอตุลย์กระดกแก้วสุดท้ายหมด และขวดว่างเปล่า หนุ่มใหญ๋ก็รูดจ่ายค่าอาหาร แล้วทั้งคู่ก็ลงจากบันไดชั้นลอยเพื่อไปยังด้านล่าง ศานนท์จับแขนตุลย์ไว้หลวมๆ ด้วยกลัวว่าอีกคนจะเหยียบพลาด แต่ตุลย์กลับสลัดตัวออก


“ไม่ต้องจับ ผมบอกแล้วไงว่าไม่ได้เมา แค่กริ่มๆ” ว่าจบก็ก้าวลงบันไดฉับๆ ซึ่งก็เป็นดังเจ้าตัวว่า เพราะนอกจากอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของเจ้าตัวแล้ว ตุลย์ก็เดินคล่องแคล่วเหมือนคนปกติทุกอย่าง


“โอเคๆ” หนุ่มใหญ่ชูมือเป็นเชิงยอมแพ้ ก่อนเดินตามลงมา “แล้วถ้าขอจับมือเธอในฐานะที่ไม่เมาล่ะ ได้หรือเปล่า?”


“...ได้”


ตุลย์อนุญาต แต่ศานนท์ไม่ได้จับมือตามที่พูด กลับเปลี่ยนมาโอบเอวแทน สัมผัสนั้นยังให้เกียรติ มั่นคงและปราศจากการล่วงเกินเหมือนๆ กับทุกครั้ง ส่วนหนึ่งก็เพราะอยากประครองให้แน่ใจว่าตุลย์จะไม่ลงไปวัดพื้นแน่ๆ


จากนั้นพวกเขาจะลงลิฟท์กลับไปยังชั้นที่จอดรถไว้


-----------------------

EDIT: มาแก้เรื่องคำที่ผิดพลาดให้แล้วเจ้าค่าา ขอบคุณมากค่าา *กราบ*
กลับมาแล้วค่า รอกันนานหรือเปล่าเอ่ยยยยยย
เมลล่าทำพล็อตหาย ถถถถถ ต้องไล่ใหม่ทั้งหมดจนถึงตอนจบเลย 5555+ อยากร้องไห้ค่ะ
แต่ว่าตอนนี้เสร็จหมดแล้ว เย้!
ตอนนี้หนูตุลย์เหวี่ยงน่าดูเลย แต่ตอนหน้าไม่เหวี่ยงแล้วนร๊ะ น้องแค่ขาดความยับยั้งทางอารมณ์เวลาเมาค่ะ 5555+

มาย้ำอีกรอบค่ะ ว่าเปลี่ยนสไตล์การเขียนใหม่ 555+ ชอบหรือไม่ชอบ คิดว่าเคมีขาดไปหรืออะไรแปลกๆ ติชมได้ตามปกติเจ้าค่ะ เมลล่าพยายามจะทำให้ดีกว่าเดิม <3

ถ้าขี้เกียจแวะมาดูในเล้า ก็กดติดตามเพจเมลล่าได้นะคะ อัพทีก็จะแจ้งในเพจทุกครั้งค่ะ
ฝากเพจไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ไม่เคยทิ้งกันไปค่ะ

https://www.facebook.com/Iamcaramella
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2020 20:22:22 โดย Caramella »

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ไม่เมาแค่อารมณ์ไม่คงที่นิดหน่อย 55555555555

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เด็กขี้วีนเอ้ยย

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ป๋าเอาใจน่าดูเลย ตุลย์หวั่นไหวไหมมมมมมมมม เราหวั่นไหวมากกกกกก

สำนวนอ่านได้ลื่นไหลนะ ไม่สะดุดอะไร กระชับเห็นภาพดี

สะกิดนิด ๆ สองจุด:

“แต่ถ้ายังไม่ถูกใจ ทางโรงแรมมีไวน์ตัวใหม่แนะนำค่ะ เป็นสปาคกลิ้งไวน์กลิ่นดอกไม้จากฝรั่งเศส แต่ผลิตภายใต้แบรนด์ของโรงแรมเอง ทานคู่กับสลัดหรืออาหารประเภทเนื้อสัตว์ก็ได้ค่ะ”

>>> สปาร์คลิงไวน์
>>> ทานคู่กับ....   >> ดื่ม


พนักงานสาวพยักหน้า ก่อนจะปลีกตัวออกไป

>>> พนักงานสาวรับคำ >>   ร้านหรูนี่ถ้าพนักงานพยักหน้าใส่ลูกค้าคือเสียมารยาทค่ะ

รอลุ้นคุณป๋าเต๊าะเด็ก อิอิ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ kimkidoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ดีใจมากกกกกกเกือบหาเรื่องนี้ไม่เจอแล้วต้องย้อนกลับไปอ่าน
ชอบที่เค้าบอกชอบกันแล้ววววววว เขิลคุณศานนท์
รอน้าาาาาาา หวานกำลังดีเลย :katai4:

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
กลับมาตอนนี้ดูหวานขึ้นมาหน่อย จะมีปมอะไรเพิ่มอีกไหมน้า

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
21st Night : กรึ่ม


ระหว่างทางกลับออฟฟิศ ศานนท์ก็เล่าที่สคริปคร่าวๆ ให้ฟัง ตุลย์มีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะหลังฟังจบ เจ้าตัวก็อารมณ์ดีชวนเขาคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปตลอดทาง


หนุ่มใหญ่จอดรถทิ้งไว้ในลาดจอดของบริษัท ก่อนจะพาตุลย์ขึ้นลิฟท์มายังชั้นยี่เอ็ด ขณะที่คนข้างๆ คุยเรื่อยเปื่อยกับเขาไม่หยุดตั้งแต่กลับจากร้านอาหาร


“นี่คุณ... ชั้นยี่สิบห้ามีอะไรครับ?“ มองปุ่มตัวเลขซึ่งสิ้นสุดที่เลขยี่สิบห้า ตุลย์ก็อดถามไม่ได้ ในใจคาดหวังจะได้ฝันเรื่องสยองขวัญขนหัวลุกสักเรื่องสองเรื่อง


“ส่วนใหญ่เป็นห้องประชุม เอาไว้รับรองแขกที่เป็นคนนอก มีห้องผู้บริหารบ้างประปราย ทำไมล่ะ?”


“เปล่า ผมแค่นึกว่าจะได้ฟังเรื่องน่ากลัว” ตุลย์เอนหลังผิงผนังลิฟท์ ความกว้างใหญ่พอจะอัดคนสิบสองคนรวมกันได้ “อย่างพวกตำนานสยองขวัญสมัยที่ตึกเพิ่งสร้าง...”


ศานนท์ได้ฟังก็ยิ้ม “จริงๆ ตึกนี่สร้างเสร็จก่อนฉันเกิดอีก แต่เพิ่งบูรณะต่อเติมไปเมื่อประมาณสองสามปีที่แล้ว ...ถ้าอยากฟังเรื่องผี ฉันก็พอมีเล่าให้ฟังอยู่”


ตุลย์ดูกระตือรือร้นขึ้นทันตา “เกี่ยวกับชั้นยี่สิบห้าเหรอ?”


“เปล่า... เกี่ยวกับชั้นนี้นี่แหละ”


ราวกับย้ำเตือนสิ่งที่ศานนท์พูด เสียง ‘ตึ๊ง’ ของลิฟท์ก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าพวกเขามาถึงชั้นที่หมาย ก่อนที่ประตูจะเปิดออก ศานนท์กดลิฟท์รอให้เขาเดินออกไปก่อน แล้วจึงเริ่มเล่า


“คืนนั้นมีปาร์ตี้พนักงาน ฉันเป็นเจ้าภาพเปิด ...ฉันเดินๆ อยู่ในงานต่อจนประมาณเกือบเที่ยงคืนได้มั้ง แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าลืมกุญแจรถไว้ในออฟฟิศ ต้องกลับขึ้นมาเอา” เล่าไปพลางก็เดินขนาบข้างเขาตามโถงทางเดินที่เปิดไฟสว่างโล่ง “ฉันขี้นลิฟท์ตัวเมื่อกี้มา แต่ว่าคืนนั้นไฟไม่ได้สว่างแบบนี้”


ศานนท์หยุด ชี้ให้เขาดูไฟห้องทานอาหาร และห้องเบิกอุปกรณ์สำนักงานที่ยังสว่างเห็นด้านใน “ถ้าจำไม่ผิด ดวงนั้นไม่ได้เปิดหรอก พวกนี้ด้วย เปิดแค่ตรงทางเดิน...”


“ตอนนั้นฉันไม่ได้คิดอะไร ก็เดินผ่านๆ เพราะตั้งใจจะไปหยิบกุญแจ” หนุ่มใหญ่เดินนำเขาผ่านโต๊ะพนักงานที่กั้นเป็นล็อกๆ แล้วหยุดเคาะนิ้วชี้บนโต๊ะตัวหนึ่งด้านหลังตุลย์ที่ตอนนี้ว่างเปล่า ปราศจากเอกสารเช่นโต๊ะอื่นๆ “อยู่ๆ ฉันได้ยินเสียงของตก พอหันไปมองก็เห็นผู้ชายใส่เสื้อสีขาว หัวแตก เลือดท่วมตัว ยืนอยู่ตรงนี้”


คนฟังก็ขนลุกขึ้นมาเสียดื้อๆ


“แล้วคุณทำยังไง...?”


“ฉันถามเขาว่ามีอะไรหรือเปล่า...” พูดมาถึงตรงนี้ ศานนท์ก็เผยยิ้มอ่อนๆ “พอดีว่าคืนนั้นมีปาร์ตี้ฮาโลวีน เขาบอกว่าลืมของไว้เหมือนกัน เลยแวะมาเอา”


“.........” ตุลย์หน้าตึง เขาถอนหายใจ ก่อนยิ้มมุมปากราวกับโล่งอกที่โต๊ะด้านหลังเขาไม่ได้มีผีสิงอยู่จริงๆ  “คุณจะทำผมหัวใจวาย”


หนุ่มใหญ่หัวเราะในคอ “ก็เธอบอกว่าอยากฟังเรื่องผีนี่”


“น่า! ผมก็แค่อยากรู้ คุณก็กุเรื่องซะเป็นตุเป็นตะ”


“แต่เธอก็ดูสนใจออก”


ตุลย์ได้แต่หัวเราะ “ใช่ ก็เพราะผมอยากฟังเรื่องผีไง”


หางตาเหลือบไปเห็นหัวดำๆ เขาตกใจเล็กน้อยก่อนจะเบาเสียงลงเมื่อพบว่า โต๊ะทำงานหลายแถวยังมีพนักงานประจำอยู่ บางคนยังเอ่ยทักศานนท์ตามมารยาทเมื่อพวกเขาเดินผ่านอีกด้วย


เกือบสามทุ่มครึ่งแล้ว ยังไม่กลับบ้านกันอีกเหรอ...


ศานนท์พาเขาเดินตามโถงทางเดินไปที่ห้องมุมสุดของเจ้าตัว ครั้งแรกที่มาที่นี่ คือหลังจากที่เขาหนีไปงานวันเกิดของจีจี้ ตอนนั้นเขาอยู่ในอาการตกใจ จำอะไรไมได้มาก พอได้มาเป็นรอบที่สอง ตุลย์ถึงสังเกตุเห็นว่าแม้ที่นี่จะกว้างขวาง และเป็นส่วนตัว แต่ก็มีบางพื้นที่ที่ให้บรรยากาศจอแจแบบสำนักงานอยู่เช่นกัน


“ยังไม่กลับอีกเหรอครับ เสี่ย” เสียงปริศนาไม่ดังไม่เบาจนเกินไป แต่คำว่า ‘เสี่ย’ ก็เรียกความสนใจทั้งเขาและศานนท์ให้หันตามได้ชะงัด


เจ้าของเสียงเป็นชายรูปร่างสูงอายุราวสามสิบปลาย สวมเสื้อเชิ้ตสีกรมท่า ผูกเน็คไทด์เรียบร้อยภูมิฐาน ท่าทางดูเคร่งครึมเด็ดขาดแบบที่ตุลย์ไม่นึกอยากคุยเล่นด้วย


ที่ทำให้รู้สึกขัดกันสุดๆ คือการที่ผู้ชายคนนี้เรียกศานนท์ด้วยคำว่า ‘เสี่ย’ นี่ล่ะ


“แวะมาเอาเอกสาร   น่ะ“ ศานนท์ชายตามาทางเขา ก่อนจะแนะนำอีกฝ่ายให้รู้จัก “นี่คุณอัฐ กรรมการบริหารของบริษัท เขาเป็นมือขวาของฉัน”


อ๋อ... ถึงว่า


จากที่เขาจับสังเกตุมาสักพัก มีแต่คนวงในเท่านั้นที่จะเรียกศานนท์ว่าเสี่ย


“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณหนู” เป็นฝ่ายตรงข้ามที่ยี่นมือมาจับทักทายเขาก่อน รอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้า ทว่าเป็นรอยยิ้มนักธุรกิจ...


“ครับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”


เสร็จ ‘ธุระ’ กับเขา อีกฝ่ายก็คุยกับศานนท์ต่อ


“เมื่อกลางวันมีเอกสารปิดผนึกถึงคุณ คุณไม่อยู่ออฟฟิศ เลขาก็ไม่อยู่ ผมเลยเซ็นรับให้”


“จากซินดี้หรือเปล่า? หรือจากที่อื่น”


“ครับ จากคุณซินดี้”


ศานนท์พยักหน้า “อื้ม ฉันตามหาอันนั้นอยู่”


ไม่ต้องให้ทวง ผู้บริหารคนดังกล่าวก็เดินย้อนกลับไปที่ห้องตรงของตนแล้วหายเข้าไป แค่ชั่วอึดใจเดียวก็ออกมาพร้อมซองสีน้ำตาล ยื่นให้พวกเขาที่ยืนรออยู่ด้านนอก


“ขอบใจ” หนุ่มใหญ่ว่า พลางตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ “เลิกงานแล้วรีบกลับบ้านซะล่ะ”


“ครับ อีกสักครึ่งชั่วโมง ผมคงกลับ”

ศานนท์พยักหน้า ก่อนที่พวกเขาก็แยกกับอัฐ มุ่งหน้ากลับบ้าน  ระหว่างลงลิฟท์ หนุ่มใหญ่ก็ช่างน้ำหนักพัสดุในมือไปพลาง ของที่ซินดี้ส่งมาหนาและหนักพอตัว พอเหลือบตามองตุลย์ ก็เห็นว่าร่างโปร่งมองพัสดุในมือเขาอยู่เช่นกัน


เจ้าตัวยิ้ม “ผมชักสงสัยแล้วว่ามีอะไรอยู่ข้างใน”


“ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน”


--------------------


“คุณอ้วนขึ้นหรือเปล่า?”


ไม่ว่าเปล่า เจ้าของประโยคยังเอื้อมมือมาวางแหมะตรงตำแหน่ง ‘พุง’ อุณหภูมิร่างกายที่ถ่ายทอดจากฝ่ามือผ่านเนื้อผ้านั้นอุ่นจัด พาลให้หนุ่มใหญ่รู้สึกเสียหน้านิดๆ 


หลังจากกลับถึงบ้าน ตุลย์ก็ตามศานนท์เข้ามาในห้องนอน ทีแรกเข้าใจว่าเจ้าตัวต้องการของที่อยู่ในซอง แต่พอเขายืนซองให้ ร่างโปร่งกลับวางมันทิ้งไว้บนเก้าอี้อย่างหมดความสนใจ ก่อนจะเอื้อมมือมาวางบนพุงเขา แล้วเริ่มจับๆ ไขมันส่วนเกินอย่างที่เห็น


ศานนท์ถอนหายใจ จับข้อมือคนยังไม่สร่างเมาไว้ แล้วเบี่ยงตัวออก “ช่วงนี้ฉันมัวแต่ยุ่งจนไม่ได้ดูแลตัวเอง”


“เหรอ แต่คุณส่งผมไปเทรนโน้นนี่ตั้งหลายอย่าง ทั้งฟิตเน็ส ทั้งมวย ผมคุมอาหารแทบตาย แต่คุณไม่ดูแลตัวเองก็ได้ แถมกินอะไรก็ได้ แบบนี้ไม่แฟร์เลย คุณสบายกว่าผมตั้งพันเท่า”


ตุลย์เบ้หน้า ขณะที่ศานนท์ทิ้งตัวนั่งปลายเตียงตรงข้าม


“งั้นให้ฉันลดตารางเธอลงมั้ยอย่างพวก...”


“ไม่ ลดตารางแล้วยังไง คุณก็ไม่ได้ผอมลงอยู่ดีนี่”


“แล้วอยากให้ฉันทำยังไงล่ะ?”


ได้เห็นคนฟังมุ่นคิ้วอย่างไม่ค่อยเข้าใจ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นึกสนุกปรากฎขึ้นบนใบหน้า ตุลย์เดินเข้ามาใกล้ ลดระยะห่างระหว่างทั้งคู่เหลือเพียงยืนประจันหน้า


เจ้าตัวไม่หยุดแค่นั้นแต่ก้าวขึ้นมาคร่อมเอวศานนท์ พื้นที่ข้างหนุ่มใหญ่ยวบลงตามน้ำหนักของร่างโปร่ง ส่งผลให้เขาหงายหลังบนเตียง โดยมีศอกยันตัวไว้ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน บั้นท้ายตุลย์ตรึงส่วนกลางลำตัวเขาด้วยน้ำหนักเจ้าตัวที่โถมลงมา 


“มาเทรนให้คุณกันดีกว่า ...ผมเป็นเทรนเนอร์ ส่วนคุณเป็นลูกค้า เซ็กซ์เบิร์นแคลอรี่ดีจะตาย” ท้ายประโยคเอ่ยปนเสียงหัวเราะในคออย่างมีลับลมคมใน


อารมณ์แปรปรวนของเจ้าตัวทำเอาศานนท์หัวปั่นตั้งแต่เย็น แต่เมื่อมีอีกฝ่ายคร่อมทับอยู่ตรงหน้า เขาก็ไม่อยู่ในอารมณ์จะถือสาเอาความ


ริมฝีปากทั้งคู่สัมผัสบดเบียดกัน ดูดดึงจูบจนเกิดเสียงหลายครั้ง น้ำหนักตัวของตุลย์ที่คร่อมอยู่ทำให้ศานนท์ต้องยอมหงายหลังบนเตียงเพื่อจะได้ลูบแผ่นหลัง ฟ่อนเฟ้นเรือนร่างอีกฝ่ายได้อิสระ


ตุลย์เท้าศอกบนเตียง ทิ้งน้ำหนักทาบทับลงมา แล้วจู่โจมด้วยจูบที่เรียกร้อง ดุดันขึ้นกว่าครั้งก่อน ก่อนครางในคอตอนที่ศานนท์ขยับตัวกดบั้นท้ายให้เบียดเสียดกับส่วนนั้นช้าๆ แต่หนักแน่น


หนุ่มใหญ่เลิกเสื้อคนที่จูบนัวเนียอยู่กับเขาขึ้น ร่างโปร่งก็ผละออกในท่านั่งก่อนจะถลกเสื้อยืดถอดออกอย่างรู้ใจ อวดอกและหน้าท้องเปลือยเปล่าที่มีกล้ามเนื้อกำลังดี และแนวสะโพกที่เห็นเป็นรูปตัววีลางๆ เหนือขอบกางเกงชั้นใน นอกจากสรีระเจ้าตัวที่เขาอดใจให้ใช้มือสัมผัสไม่ได้ สีหน้าตุลย์ก็บอกชัดว่ากำลังได้อารมณ์เต็มที่


“เธอเซ็กซี่ขึ้นนะ...”


หนุ่มใหญ่เม้มจูบหนักใต้ชายโครง วินาทีต่อมาก็ขมวดคิ้วเมื่อตุลย์เมินการเล้าโลมของเขา แต่คว้าหมับที่เป้ากางเกงแล้วรูดซิบลงแทน


“ใจร้อนจัง วันนี้เป็นอะไร หืม?”


“ผมก็แค่อยากทำ ไม่ได้เหรอ?”


ศานนท์ได้แต่ยิ้มอ่อนแทนคำตอบ “มีถุงยางอยู่ในลิ้นชัก”


หนุ่มใหญ่ดันร่างโปร่งออกอย่างเบามือเพื่อสร้างระยะห่างระหว่างร่างกาย ก่อนจะพลิกตัวเปิดลิ้นชักข้างเตียง สุ่มหยิบซองสี่เหลี่ยมชิ้นหนึ่งออกมา แต่ยังไม่ทันได้แกะ เขาก็ถูกตุลย์ตามขึ้นมาคร่อมร่างไว้อีกรอบ


“ใจเย็นๆ ก่อน...”


“อื้ม”


ถึงเจ้าตัวจะครางในคอเป็นเชิงรับทราบ แต่ตายังจ้องเขม็งที่ส่วนแข็งขึงราวกับกำลังกดดันให้เขารีบสวมถุงยางเร็วๆ เพราะทันทีที่สวมใส่เสร็จ เจ้าตัวก็จับส่วนนั้นของเขาแทรกผ่านช่องทางเข้าไปในกายทันที


“อา...” ตุลย์ครางในคอ


การรีบร้อนสอดใส่โดยไม่เตรียมตัวทำให้เขาค่อนข้างอึดอัดพอสมควร จังหวะที่สะโพกขยับก็พาลหนืดหน่วงตามไปด้วย จนต้องใช้มือเท้าเตียง เอนกายมาด้านหน้าเพื่อให้ขยับสอดใส่ได้สะดวกขึ้น ถึงแม้ส่วนที่คับแน่นอยู่ข้างในจะทำให้อึดอัด แต่มันก็กระตุ้นอารมณ์ดิบได้ดี


เห็นว่าตุลย์เริ่มหายใจหนัก ศานนท์ก็สัมผัสเล้าโลมส่วนอ่อนไหวอย่างเอาใจ ก่อนจะแปลกใจเมื่อมันอยู่ในสภาพที่ยังไม่ตื่นตัวเต็มที่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอีกฝ่ายรีบร้อนเกินไปหรือฤทธิ์จากแอลกอฮอล์ แต่ถูกเขารูดรั้ง เค้นคลึงส่วนปลายหนักบ้างผ่อนบ้าง ร่างโปร่งก็ครางเครือด้วยแรงอารมณ์


สีหน้าตุลย์แสดงชัดว่าพึงพอใจในรสตัณหา ขณะเดียวกันก็ดูเอาแต่ใจที่ได้เป็นฝ่ายควบคุมจังหวะร่วมรักอย่างเด็ดขาด ถึงกระทั่งว่าบางทีเจ้าตัวก็กดบั้นท้ายเบียดให้ส่วนแข็งขึงเสียดสีกับจุดที่อ่อนไหวภายในกายซ้ำๆ โดยที่ช่องทางด้านหลังยังกลืนกินตัวตนของคนเบื้องล่างไว้มิด


ศานนท์ยอมรับว่าเขารู้สึกดี แต่ดูเหมือนคนที่กำลังหอบหายใจครางคงรู้สึกดีกว่าเขามากโข...


หางคิ้วชี้ลงนิดๆ กับนัยน์ตาแสนเชื่อม…


สีหน้าเคลิ้มเคลิ้มของตุลย์ยิ่งกระตุ้นแรงปรารถนาของเขา  จนมือหนาเอื้อมไปเกี่ยวกุมลำคอคนด้านบนราวกับถูกดึงดูด นิ้วโป้งลูบไล้ผ่านสันกราม และลูกกระเดือก ลากลงมาตามแผ่นอก หน้าท้อง ฟ้อนเฟ้นแก้มก้นก่อนจะเข้าคุมสะโพกร่างโปร่งให้เคลื่อนไหวสวนรับกับจังหวะของตน เปลี่ยนให้เขาเป็นฝ่ายนำ


“อืม อ้า...”


ตุลย์ครางประท้วงในคอเหมือนไม่ชอบใจในทีแรก  แต่แก่นกายที่ชำแรกเข้ามาเหนือการควบคุมของเขากลับทำให้รู้สึกกระสันยิ่งกว่า เขาหอบกระเส่าด้วยแรงอารมณ์ที่พุ่งสูง ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อส่วนอ่อนไหวถูกเกาะกุมจากอุ้งมือของศานนท์


“อ้า เดี๋ยวก่อน”


ตุลย์ยึดมือหนุ่มใหญ่ที่จับสะโพกและส่วนอ่อนไหวไว้แทบไม่ทัน รีบเอ่ยทั้งที่ยังหอบหายใจ


“ยะ หยุดก่อน อา... เร็วเกินไป ผมจะเสร็จก่อนคุณ” 


จู่ๆ ถูกหยุดกลางครัน หนุ่มใหญ่ก็ขมวดคิ้ว ครางต่ำในคอ สีหน้าอึดอัดด้วยแรงปรารถนา จนร่างโปร่งต้องโน้มตัวลงมาแลกจูบแก้ขัด ศานนท์ลูบแผ่นหลังท่อนล่างและก้นกบ ขยำบั้นท้ายเจ้าตัวอย่างหมั่นเขี้ยว เรียกเสียงครางเครือจากเจ้าของจุมพิตก่อนที่มือหนาจะแตะปากช่องทางที่เชื่อมกับแก่นกายเบาๆ เอ่ยถามด้วยเสียงแหบพร่า


“เปลี่ยนท่ามั้ย?”


“อื้อ”


ตุลย์ตกลง ศานนท์ก็ถอนกาย พลิกให้ร่างโปร่งสลับลงไปนอนบนเตียงโดยที่ตนเองอยู่ที่ท่าคุกเข่า แล้วดึงรั้งสะโพกเจ้าตัว ให้บั้นท้ายเกยบนหน้าขาจากนั้นจึงสอดใส่ ช่องทางที่ไวต่อความรู้สึกอยู่แล้วทำให้ตุลย์ครางเสียงพร่าตอนที่แก่นกายแทรกเข้ามาในร่างเป็นครั้งที่สอง พอศานนท์ขยับสะโพก ร่างเบื้องล่างก็ไหวตามแรงกระทำ จนเจ้าตัวต้องกำผ้าปูเพื่อยืดตำแหน่งตัวเองไว้กับเตียง


ตุลย์ครางกระเส่า เมื่อแก่นกายอีกฝ่ายเสียดสีกับจุดอ่อนไหวภายในจนซ่านกระสันไปทั่วร่าง ต้นเขาถูกจับพับกดแนบตัว ก่อนที่คนด้านบนจะทิ้งน้ำหนักทาบทับลงมาทั้งที่ส่วนนั้นเชื่อมต่อกัน ส่งผลที่แก่นกายถูกดันลึกเข้ามาจนสุด ลึกเสียจนสับสนว่ากำลังรู้สึกดีจนแทบคลั่งหรืออึดอัดมากกันแน่ แต่ที่แน่ใจคือ มันทำให้สัมผัสที่ได้รับหนักหน่วงขึ้นกว่าเก่ามากโข


ส่วนอ่อนไหวของตุลย์เสียดสีกับหน้าท้องของอีกฝ่ายทุกครั้งที่เคลื่อนไหว จากนั้นเขาได้ยินเพียงเสียงหอบหายใจข้างหู ขณะที่สมองเหมือนใกล้จะเลือนลางว่างเปล่า  พลันก่อนที่มันจะเกิดขึ้น ตุลย์ก็ถูกฉุดกลับลงมาบนดินจากจังหวะกระทั้นที่ผ่อนลง ใบหน้าศานนท์อยู่ใกล้ข้างแก้มเขาจนรู้สึกถึงลมหายใจหอบถี่ ท่าทีคล้ายกับกำลังดื่มด่ำรสสัมผัส บ่งบอกว่าอีกฝ่ายเพิ่งชิงเสร็จสมก่อนไปหมาดๆ


อุ้งมือหนาทาบลงบนปลายส่วนอ่อนไหวกลางลำตัวเขาราวกับกำลังชดเชยให้ กอบกุมและรูดรั้งอย่างเอาอกเอาใจ ขณะที่ขยับช่วงล่างช้าๆ ตุลย์ครางหนักๆ กระตุกบิดตัวเล็กน้อยตอนที่เสร็จสมในอุ้งมือศานนท์ กระนั้นอีกฝ่ายก็ยังคลึงสัมผัสต่อคล้ายกับอยากยืดอารมณ์สุขสมให้เขาอีกหน่อย


เขาแหงนหน้าหอบหายใจ สายตาสบสานกับหนุ่มใหญ่ แต่สมองกลับว่างเปล่าขาวโพลนชนิดที่คิดอะไรไม่ออก  จำได้ว่าศานนท์เสยผมยุ่งเหยิงให้ก่อนจะที่ริมฝีปากพวกเขาจะสัมผัสกันเบาๆ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2020 21:28:41 โดย Caramella »

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1

นิ้วยาวกดปุ่มให้หน้าจอโทรศัพท์สว่างขึ้น เต้ก้มมองเวลาบนจอมือถือ บอกเวลาสิบเอ็ดโมงครึ่ง ก่อนจะลอบถอนหายใจเบาๆ เพราะยืนรอจนเมื่อย


สัปดาห์ก่อนตุลย์ทำจอแท็บเล็ตตกแตกละเอียด เจ้าตัวเลยเอาไปส่งศูนย์ซ่อมไว้ และบอกเขาให้ไปรับเป็นเพื่อนก่อนคาบเรียนบ่าย ซึ่งวันที่นัดรับก็คือวันนี้ เขาจึงมารับอีกฝ่ายที่บ้านเร็วกว่าปกติตามที่ตกลงไว้ แต่จนแล้วจนรอดเจ้าตัวก็ไม่มีวี่แววจะโผล่หน้าออกมาจากบ้านเสียที


“เข้ามานั่งรอข้างในก่อนมั้ยคะ คุณหนูยังไม่ลงมาเลย” คุณแม่บ้านชะโงกกวักมือเรียกเขาเป็นรอบที่สาม


“ไม่เป็นไรครับ”


เต้ตอบสั้น เอนตัวพิงบิ๊กไบค์คู่ใจที่จอดอยู่บนลานหินหน้าโรงจอดรถ รถยุโรปทั้งสองคันของเจ้าของบ้านก็ยังจอดอยู่ครบ


พูดให้ถูกคือ ไม่ใช่แค่ตุลย์ แต่ยังไม่มีใครในบ้านตื่นต่างหาก


 “งั้นเดี๋ยวป้าลองขึ้นไปเรียกคุณหนูให้มั้ย?” หญิงวัยกลางคนถามอย่างห่วงใย เพราะเห็นเขายืนรอมาจวนจะครึ่งชั่วโมงแล้ว “ป้าเพิ่งอุ่นกับข้าวรอบที่สอง ถ้าอุ่นอีกรอบจะไม่อร่อยแล้ว เลยว่าจะลองขึ้นไปเรียกคุณหนูกับคุณผู้ชายอยู่เหมือนกัน”


เต้ส่ายหน้า “ผมจะลองโทรหาเขาดูก่อน”


ว่าจบก็หยิบโทรศัพท์กดหาตุลย์ ก่อนจะถือสายรอ คงเพราะเจ้าตัวยังไม่ตื่นจริงๆ เขาจึงรอสายอยู่เกือบนาทีจนตั้งใจว่าจะตัดสายแล้ว จู่ๆ ปลายสายก็กดรับ ตามด้วยเสียงกุกกักเหมือนคนพยายามเอื้อมหยิบโทรศัพท์ที่ไม่ได้อยู่ข้างตัว


“ฮัลโหล?”


เต้ขมวดคิ้ว เสียงงัวเงียปลายสายนั้นกลับไม่ใช่เสียงตุลย์ แต่วินาทีต่อมาเขาก็ร้อง ‘อ๋อ’ ในใจ...


จะเป็นใครได้อีก ในเมื่อบ้านนี้มีผู้อาศัยแค่สองคน


“...วันนี้มีเรียนเหรอ?” น้ำเสียงนั้นเบาและฟังดูไกลเหมือนไม่ได้พูดกับเต้ แต่พูดกับเจ้าของโทรศัพท์เสียมากกว่า


ก่อนที่ปลายสายจะกรอกเสียงถามเขา “ตุลย์มีเรียนกี่โมง?” 


 “บ่ายครับ แต่ว่าเขาให้มารับก่อนเพราะจะแวะไปเอาแท็บแล็ตที่ส่งซ่อม” 


 “อ๋อ...” ศานนท์เงียบไปอึดใจ “งั้นเธอล่วงหน้าไปก่อน ไม่ต้องรอ เดี๋ยวฉันไปส่งเขาเอง”


“ครับ”


เต้รับคำ ได้ยินศานนท์เรียกชื่อตุลย์อยู่ราวสองครั้ง ก่อนที่คนถูกเรียกจะขานรับด้วยน้ำเสียงงัวเงียเหมือนเพิ่งตื่น พอเดาได้ว่า เจ้าของชื่ออยู่ไม่ไกลจากโทรศัพท์และเจ้าของบ้านนัก แต่ด้วยเหตุผลอะไรนั้น ใครจะรู้


...จากนั้นสายก็ตัดไป


เสียเวลายืนรอเกือบชั่วโมง แลกกับการถูกไล่กลับดื้อๆ เต้ก็หัวเสียนิดหน่อย


แต่จะทำไงได้ ให้เขาในเมื่อเสี่ยยืนยันแบบนั้น เขาก็ว่าตามนั้นแหละ


ตัดสินใจได้ เต้ก็ขึ้นคร่อมบิ๊กไบค์ สตาร์ทรถและขับออกไปทันที


--------------------------


ตุลย์สะดุ้งตื่นเมื่อถูกเขย่าเบาๆ ซ้ำหลายครั้ง เขาครางในคอ ขยับขยุกขยิกซุกหน้าใต้ผ้าห่มเพราะถูกปลุกตอนกำลังฝัน ก่อนจะยกแขนก่ายหน้าผากเมื่อแสงลอดผ่านม่านที่ถูกแง้มไว้ชวนให้แสบตาและปวดหัวเป็นทวีคูณ


เมื่อคืนเขากรึ่มจัดได้ที่อยู่...


เขาได้ยินศานนท์ถามคำถามบางอย่าง แต่เพราะกำลังงัวเงียจึงฟังไม่ศัพท์ คล้ายอีกฝ่ายกำลังคุยกับใครบางคน ก่อนจะเรียกชื่อเขาซ้ำอีกครั้ง แล้ววางโทรศัพท์ไว้ข้างหมอน ตุลย์พลิกตัวตะแคงข้างก็พบว่าโทรศัพท์เครื่องนั้นเป็นของเขา หน้าจอสว่างหราแสดงเวลาเกือบเที่ยงตรง...


“เวร!”


 ตุลย์อุทานก่อนจะผุดลุกขึ้น สลัดผ้าห่มออก ร่างที่เปลือยเปล่าก็เหลือเพียงผ้าคลุมต้นขา


เขาเพิ่งนึกได้ว่านัดเต้ไว้ให้มารับเร็วกว่าปกติ แถมยังย้ำนักย้ำหนาว่าต้องไปเอาแท็บเล็ตให้ทันใช้งานวันนี้ แต่กลายเป็นว่าตัวเองดันนอนซมไม่ตื่นซะอย่างนั้น!


ท่าทางเขาที่เหมือนจะพุ่งกลับห้องทั้งที่เปลือยอยู่ ทำเอาศานนท์ต้องรีบเอื้อมมาคว้าแขนไว้ “เดี๋ยวก่อน ฉันบอกเต้ให้กลับไปแล้ว เดี๋ยวฉันไปส่งเธอเอง”


“บอกเมื่อไหร่ครับ?”


ภาวนาหวังให้อีกฝ่ายตอบว่า ‘ตั้งแต่สิบโมง’ แต่...


“เมื่อกี้...”


“อ่า” ตุลย์ขยี้หัว“มันต้องเผาพริกเกลือสาปแช่งผมแน่”


ก็นี่มันเลยเวลานัดมาตั้งเกือบชั่วโมงแล้ว...


“เอ่อ ผมต้องไปเอาแท็บเล็ตที่ส่งซ่อมก่อนไป  ’มหาลัยด้วย” เขาเสริม


“อือฮึ รู้แล้ว เดี๋ยวฉันพาเธอไปเอง ไปเตรียมตัวสิ”


ศานนท์ว่าแบบนั้น ตุลย์ก็พยักหน้าหงึกๆ ความง่วงทำให้สมองเขาทำงานไม่สะดวก รู้ตัวอีกทีก็เพิ่งระลึกได้ว่าเขากำลังอาบน้ำในห้องน้ำ ‘ห้องคนอื่น’ โดยไม่มีผ้าเช็ดตัว ส่วนเสื้อผ้าที่ใส่เมื่อคืนกองอยู่ข้างเตียง ชุดนักศึกษาก็แหวนอยู่ในตู้เสื้อผ้าห้องตัวเอง...


พอนึกถึงเรื่องเมื่อวานว่าทำอะไรลงไปบ้าง ตุลย์ก็ชักจะเริ่มกลัวตัวเองขึ้นมานิดหน่อย เวลากรึ่มๆ ทีไรเขามักจะปากพล่อย ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังทุกที และดูจากทรงที่เลยเถิดมาถึงขั้นนอนค้างเตียงเดียวกันแล้ว เมื่อคืนเขาคงกรึ่มจัดใช้ได้


แต่ก็นะ... ใครใช้ให้เอาใจเขาด้วยไวน์รสชาติดีขนาดนั้น


ตุลย์ถอนหายใจเฮือก ทั้งเอือมตัวนิสัยตัวเองและโล่งใจไปพร้อมกัน ร่างเปลือยแง้มประตูห้องน้ำ ชะโงกมองเจ้าของห้องที่สวมชุดคลุมนั่งอยู่ปลายเตียงด้วยสีหน้าจนใจ


“คุณ... ถ้าไม่ว่าอะไร ผมขอยืมผ้าเช็ดตัวก่อนได้มั้ย”


หลังจากแวะรับแท็บเล็ตที่ศูน   ย์ในห้างใกล้ๆ ศานนท์ก็มาส่งเขาที่มหาวิทยาลัย ระหว่างทางพวกเขาก็คุยกันตามปกติ ไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องเมื่อคืน แต่ขณะเดียวกัน ก็ไม่ได้แสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


ตุลย์แยกกับหนุ่มใหญ่ข้างๆ ลาดจอดรถ ก่อนเดินเลียบทางเท้าไปตึกคณะตามปกติ ระหว่างทางเขาเหลือบไปเห็นเต้โดยบังเอิญ แต่ฝ่ายนั้นไม่ทันสังเกตเห็นเขาเพราะมัวคุยอยู่กับเพื่อนอย่างที่เห็นไม่บ่อย


ปกติแล้วเต้มักจะอยู่คนเดียวเสมอ อาจเพราะอีกฝ่ายถูกใช้ให้ตามมารับมาส่งเขาตลอด ไหนจะวันนี้ที่โดนเขาเบี้ยวนัดอีก คิดๆ ดูก็แอบน่าสงสารอยู่เหมือนกัน... 


ครั้งนี้ ตุลย์จึงตัดสินใจเดินผ่านโดยไม่ทัก


ส่วนเรื่องเมื่อเช้า ไว้เขาค่อยไปขอโทษทีหลัง


ปี๊น!



เสียงแตรดังสั้นๆ จากด้านหลัง ทำให้ตุลย์ถอนสายตาจากใต้ตึกคณะบริหาร แล้วหันหลังกลับไปมอง ต้นเสียงมาจากรถยนตร์ที่ขับชะลอตามเขาอยู่ด้านหลังแม้ถนนข้างหน้าจะว่าง ตุลย์ขมวดคิ้วฉงน ไม่เข้าใจว่าเขาผิดอะไรเพราะขาทั้งสองข้างก็ยังเดินอยู่บนฟุตพาท


จังหวะที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ซีดานราคาแพงก็เร่งตีคู่ขึ้นมาในระดับความเร็วเดียวกับจังหวะก้าวเท้าของเขา ก่อนที่คนขับจะเลื่อนกระจกลง วินาทีนั้น หัวใจตุลย์ก็หล่นวาบไปอยู่ที่ตาตุ่ม


“ไฮ ไม่เจอกันนาน ลืมกูหรือยังล่ะ”


เป็นความรู้สึกราวกับวูบตกเหวลึก มันเกิดขึ้นเร็วกว่าสมองจะประมวลผลทัน เสมือนวันแสนสุขตลอดหลายสัปดาห์ผ่านมาเป็นแค่เรื่องโกหก


กาย…


ตุลย์หยุดกึก หันหลังถอยห่างจากถนน เลี่ยงเดินตัดใต้คณะบริหารแทน จังหวะเร่งรีบของเขาทำให้ไหล่ชนกับเต้ที่เดินสวนมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ หากอีกฝ่ายไม่เพียงแต่เดินตรงไปที่รถกาย แต่ยังรั้งตัวเขาไปด้วย


 “อะไรว้า กูทักเมียมึงแค่นี้ต้องเป็นเดือดเป็นแค้นเลยเหรอ?” กายชะโงกหน้าออกมาจากรถที่จอดแอบริมฟุตพาท ยิ้มยียวนระคนสะใจพอเห็นว่าตุลย์หน้าเสีย


“จะเอาอะไร?” เต้ถามสั้น


“ไม่ได้เอาอะไร กูก็แค่ขับรถผ่านมา บังเอิญนึกอยากคุยกับมัน” ใบหน้าของกายเปื้อนยิ้ม “หรือจะให้เอาอะไร?”


“เลิกเสือกซะ อย่ายุ่งกับตุลย์”


กายหัวเราะ ‘หึ’ “มึงนั่นแหละเสือก มึงเป็นเพื่อนมัน กูนี่ก็เพื่อนมัน มีสิทธิ์เหี้ยอะไรมาบอกกูว่าอย่าเสือก เป็นผัวมันหรือไงล่ะ?”


“.........”


“วันๆ เห็นเดินตามก้นมันต้อยๆ เอากันไปกี่ครั้งแล้ว?”


ท้ายประโยคพูดไปพลางก็เหลือบมองตุลย์ที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังเพราะถูกเต้รั้งให้ย้อนกลับมา สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเจ้าตัวนั้นดูไม่จืด


เต้สาวเท้าประชิดรถ โน้มตัวมาลงมาในระดับเดียวกับกาย มือข้างหนึ่งเท้าขอบหน้าต่าง ส่วนอีกมือเท้ากระจกข้าง


“มึงลงมาเคลียร์ อย่าดีแต่ปาก”


ยอมรับว่าพอใจที่ยั่วอารมณ์คู่สนทนาสำเร็จ แต่ท่าทีคุกคามของเต้ก็ทำให้กายรู้สึกระแคะระคายเช่นกัน ที่น่าโมโหกว่าคือมันจงใจวางมือบนรถเขา


“get your fucking hand off my car”
[เอาไอ้มือเวรนั้นออกจากรถกูเดี๋ยวนี้]


กายขู่เสียงต่ำ เต้ไม่ตอบโต้อะไร แต่จ้องเขม็งตาต่อตาราวกับจะพูดว่า ‘มีปัญญาก็มาเอาออกดิวะ’


“พอแล้ว กูจะไปเรียน”


ตุลย์ข่มน้ำเสียงโพล่งออกไปท่ามกลางบรรยากาศที่พร้อมปะทุ ก่อนดึงแขนเต้เป็นเชิงปราม แต่เจ้าของร่างกลับไม่ไหวติง เหมือนจะเอาเรื่องกายให้จนได้


“เอ้าโน้น เมียมึงสั่งแล้ว ยังไม่ไปอีก?”


คำพูดของกายทำให้เขารู้สึกอับอายขายหน้า จนอยากออกไปจากตรงนี้เต็มแก่


“อยากตีกันก็เรื่องของพวกมึง กูไปละ” เขากลั้นใจตัดบท ก่อนจะหันหลังเดินออก โดยพยายามให้จังหวะก้าวเท้าดูเป็นปกติที่สุด


เขารู้ว่าเต้มีเจตนาดี แต่นั่นยิ่งทำให้ตัวเองน่าสมเพช สมเพชที่อึ้งจนพูดอะไรไม่ออกพออยู่ต่อหน้ากาย เพราะผู้ชายคนนั้นทำให้เขารู้สึกไร้ค่าและไร้ทางสู้จนอยากหนีมากกว่าเผชิญหน้า...


เต้เหลือบหางตามองร่างที่หันหลังเดินออกไปไกลอย่างไม่เข้าใจ ก่อนยอมผละจากรถซีดาน แล้วสาวเท้าเร็วๆ ตามตุลย์ไปอย่างไม่มีทางเลือก เรียกรอยยิ้มแห่งชัยชนะและเสียงหัวเราะสะใจจากกาย


ผู้ชนะเลื่อนกระจกขึ้น ก่อนจะขับซีดานยี่ห้อหรูออกไปด้วยความรู้สึกเหนือกว่า
 


“ไม่ต้องตามมา...” ตุลย์เม้มปาก เดินฉิวเข้าไปใต้ตึกคณะนิเทศศาตร์ ก่อนขึ้นบันไดหายไป โดยที่เต้ยืนนิ่งอยู่ตรงเชิงบันได...


เขาเฝ้าดูตุลย์ตามหน้าที่มาหลายเดือน แม้ไม่ตลอด แต่อยู่ในสายตาเสมอ ร่างโปร่งไม่มีปัญหากับการที่เขาเข้าไปมีส่วนร่วมกับชีวิตส่วน แต่ไม่ใช่ครั้งนี้...


 เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตุลย์ถึงแสดงออกเหมือนไม่ต้องการให้เขายุ่งเรื่องกาย แถมยืนนิ่งไม่ตอบโต้ ปล่อยให้ฝ่ายนั้นคุกคามเสียจนเขารู้สึกยั้วะแทน


ตุลย์เป็นมวย... ถ้าสู้ขึ้นมาไม่มีทางเป็นเหยื่อให้กายเคี้ยวเล่นได้ง่ายๆ แต่อีกฝ่ายกลับเลือกจะหนีอย่างขลาดเขลา


มันเพราะอะไร...


----------------------------------------


หลังจากส่งตุลย์เสร็จ ศานนท์ก็เข้าออฟฟิสพร้อมซองเอกสารสีน้ำตาลที่นำติดมือกลับไปเมื่อวาน เพราะไม่มีโอกาสได้ดู หนุ่มใหญ่ทรุดกายนั่งบนเก้าอี้ทำงาน ก่อนจะตัดปากซอง ด้านในเป็นคอเล็คชั่นรูปที่พิมพ์ด้วยกระดาษมันและตัวอย่างนิตยสารที่จัดรูปเล่มเกือบสมบูรณ์


ความจริงแล้วซินดี้จะส่งให้เขาดูในรูปแบบไฟล์ก็ได้ แต่เจ้าหล่อนก็ไม่ทำ ซึ่งเขาก็พอเดาได้ว่าเพราะอะไร


เอาเถอะ แบบนี้ก็ดูจับต้องง่ายดี...



ศานนท์เทรูปออกมาจากซอง ทุกรูปเป็นรูปถ่ายของตุลย์ในอิริยาบถต่างกัน เช่นเดียวกับฉากหลังที่เปลี่ยนไป แล้วไล่พินิจทีละรูป เขาถูกใจรูปอยู่สองสามใบ จึงเลือกแยกกองไว้ ก่อนจะเลื่อนไปเจอใบหนึ่งที่ ‘ชอบใจเป็นพิเศษ’


มันเป็นรูปที่ตุลย์นั่งอยู่บนเก้าอี้สีดำเรียบๆ แยกขาเป็นรูปตัววี กางเกงสีน้ำตาลอ่อนขลับท่อนขาให้โดดเด่น ตัดกับเสื้อคอจีนสีกรมท่า มือข้างซ้ายที่สวมนาฬิกายกขึ้นบังแสงสีเหลือง ส่งผลให้เกิดเงาทอดลางๆ บนเครื่องหน้า นัยน์ตาสีน้ำตาลโดดเด่น ปราศจากเงาพาดทับจึงดูน่าหลงใหลราวกับถูกมนตร์สะกด


ศานนท์ช่างใจอยู่นานว่าจะเอาอย่างไรกับรูปใบดังกล่าว สุดท้ายก็ตัดสินใจใส่ลงลิ้นชักเก็บไว้เอง ก่อนจะเลือกอีกรูปที่อิริยาบถคล้ายกันแทนใส่ลงในกองแทน จากนั้นก็กดโทรศัพท์หาซินดี้


“ฉันเพิ่งดูได้รูป...”


“สวยใช้มั้ยล้า?” ซินดี้ลากเสียงหวาน “แล้วเลือกรูปที่ถูกใจได้หรือยังคะ”


“อือฮึ เลือกแล้ว แต่ว่าอยากให้ส่งไฟล์รูปมาหน่อย”


“รูปไหนคะ”


ถูกถาม ศานนท์หัวเราะร่วน “ส่งมาทั้งเซ็ตนั่นแหละ”


“โถ คุณศาน!” เธอแกล้งทำเสียงตกใจ จากนั้นก็หัวเราะขบขัน “เก็บไว้เยอะขนาดนั้น เดี๋ยวก็เครื่องเต็มพอดี!”


--------------------------------------------
กลับมาแน้ววว หายไปนานเลยเจ้าค่ะ
เมลล่าเรียนจบแล้วว แต่นิยายยังไม่จบ ถถถถ (ตลกร้ายมากๆ)
ทีนี้ก็ว่างแล้วเจ้าค่ะ ได้ใช้เวลาปั่นเด็กๆ ให้เต็มที่

สำหรับคนที่อยากรู้ว่ามีปมอีกมั้ย บอกเลยว่ามีค่ะ
แต่เป็นปมระลอกสุดท้ายแล้ววว มาลุ้นกันค่ะ ว่าจะเป็นเรื่องอะไร


https://www.facebook.com/Iamcaramella
ฝากเพจด้วยนะคะ รักทุกคนเจ้าค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

Congratulations for your graduation krab.

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
มาต่อแล้ว ดีใจ~

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
มาอ่านต่อแต่แบบลืมเรื่องไปละจับต้นชนปลายไม่ถูก สงสัยต้องอ่านใหม่ :pigha2:

ออฟไลน์ tiger2006

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 334
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ kimkidoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตุลย์ใจอ่อนให้คุณศานเถอะน้าาาแกน่ารักออก นานๆจะตกหลุมรักใครสักคน
เต้นี่ยังไง อย่านะเต้ กลัวใจตุลย์ด้วยไม่ใช่อะไร ฮือๆๆๆๆๆ สงสารลุงเค้า

ดีใจมากกกกกที่คุณนักเขียนมาต่อ ยินดีด้วยน้าาาาาที่เรียบจบแบ้ววว

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
22nd Night : ถ่ายทำ

สองสัปดาห์ให้หลัง นับจากวันที่ศานนท์เล่าเนื้อเรื่องโฆษณาคร่าวๆ หนุ่มใหญ่ก็ส่งบทฉบับเต็มให้เขาทางอีเมล ตุลย์แทบเก็บอาการตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ และยิ่งกระตือรื้อร้นขึ้นอีก ตอนที่ได้ข่าวว่าศานนท์รู้จักกับบริษัทรับถ่ายทำเป็นการส่วนตัว จึงถือโอกาสจัดเวิร์กชอปให้นักแสดงและทีมงานได้มีโอกาสรู้จักกันก่อนถ่ายทำจริง


เนื่องจากเวิร์กชอปจัดขึ้นช่วงบ่าย ตุลย์จึงถือโอกาสลาเรียนครึ่งเช้า เข้าบริษัทมานั่งจมปุกในออฟฟิศกับศานนท์ ทีแรกเขาก็ตื่นเต้นเพราะห้องหนุ่มใหญ่กว้างขวาง แถมยังมีของตกแต่งเก่าๆ แก่ๆ ตามรสนิยมเจ้าตัวเรียงอยู่ตามชั้นวาง แต่หลายชั่วโมงเข้า ก็ชักเบื่อเพราะได้แต่นั่งๆ นอนๆ อยู่บนโซฟาหนัง  ขณะที่ศานนท์อ่านนั่งเอกสารเงียบเฉียบที่โต๊ะอีกมุมหนึ่ง


ตุลย์ไถจอโทรศัพท์ที่มีแต่ฟีดเก่าเนือยๆ ก่อนจะลุกไปลากเก้าอี้ตรงมุมมานั่งตรงข้ามเจ้าของห้องอย่างคนไม่มีอะไรทำ


“มีอะไรหรือเปล่า”


ศานนท์เลิกคิ้ว ดวงตาหลังกรอบแว่นเหลือบมองเขา ที่หยิบก้อนทับกระดาษแบนๆ ใสๆ บนโต๊ะมาหมุนเล่น


“เปล่าครับๆ ผมแค่เบื่อนิดหน่อย เลยสงสัยว่าคุณทำอะไรอยู่”


“อ่านรายงานการประชุมน่ะ” 


เขาชะเง้อมองเอกสารที่เกยเรียงอยู่หลายแผ่น ก่อนจะวางตัวทับกระดาษลงหลังอ่านไปบรรทัดเดียว เพราะมันน่าปวดหัวสุดๆ


“งั้นผมยังไม่กวนคุณดีกว่า...”


“เดี๋ยวก่อน”


ศานนท์รีบรั้งแขนเขาที่ตั้งท่าจะลุกเอาเก้าอี้ไปเก็บ ท่าทีรีบร้อนทำเอาตุลย์เหวอไปเล็กน้อย แต่ก็ทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ตามที่อีกฝ่ายขอ


“รออีกแป๊บนึงฉันก็เสร็จแล้ว”


“ก็ได้ครับ ถ้าอยากให้ผมวุ่นวายกับโต๊ะคุณต่อ”


เขาว่าติดตลก ขณะที่ศานนท์ก้มอ่านเอกสาร


“กลางวันนี้อยากทานอะไรพิเศษมั้ย”


“อืม... ทำไมครับ คุณจะชวนผมไปทานข้าวอีกเหรอ?”


หนุ่มใหญ่คราง ‘อืม’ ในคอแทนคำตอบ...


หมู่นี้ศานนท์เอาใจเขาบ่อยเสียจริง...


“อะไรก็ได้ครับ ผมไม่ค่อยรู้จักร้านแถวนี้หรอก หรือคุณจะให้ผมลองเช็คในเว็บดูก็ได้” ตุลย์เท้าคาง เขี่ยจอโทรศัพท์ไปพลาง  “...ว่าแต่คุณเถอะครับ จะเสร็จทันกลางวันเหรอ อีกชั่วโมงกว่าเองนะ”


“ทำไมจะไม่ทันล่ะ?”


“ก็สภาพโต๊ะคุณไม่เหมือนจะว่างเลย” เห็นว่าศานนท์ไม่ว่าอะไร เขาเลยถือวิสาสะหยิบจับปึกเอกสารอีกฝ่ายมาเรียงเป็นตั้งใหม่อย่างเบื่อๆ


“ทันสิ ปึกนั้นไม่ได้รีบส่ง”


ศานนท์ตวัดปลายปากกาลงลายเซ็น จากนั้นก็วางปากกา เงยหน้าคุยกับเขาเหมือนกำลังยืนยันว่า ‘ทำเสร็จแล้ว’ จริงๆ


“จริงๆ แล้วฉันจะไม่ดูเอกสารพวกนี้ก็ได้ เพราะยังไงก็เป็นทั้งเจ้าของ ทั้งผู้ถือหุ้นอยู่แล้ว ต่อให้ฉันไม่ทำ อัฐก็ทำแทนอยู่ดี  แต่พอมาเป็นกรรมการด้วย ก็ไม่อยากบริหารงานส่งๆ”



ตุลย์พยักหน้ารับฟัง


“แล้วทำไมอยู่ๆ คุณถึงเป็นกรรมการล่ะ?”


สำหรับเขา การเกิดมาบนกองทรัพย์สินที่มากพอจะเลี้ยงปากท้องได้ โดยไม่ต้องทำงานนั้น เป็นลาภอันประเสริฐที่ได้แต่ฝันกลางวันถึง ดังนั้น ด้านรายได้แล้ว เขาจึงไม่เห็นความจำเป็นที่ศานนท์จะต้องมานั่งหลังขดหลังแข็ง อ่านเอกสารน่าปวดหัวพวกนี้เลย


แต่คำตอบหนุ่มใหญ่ออกจะเกิดคาดไปหน่อย


“อยู่เฉยๆ มันว่างน่ะ ทำงานก็ไม่ฟุ้งซ่านดี”


“.........”


คงเป็นชุดความคิดแบบคนรวยที่คนอย่างเขาไม่เข้าใจจริงๆ นั่นแหละ...


“เธอล่ะ เลือกร้านได้หรือยัง”    มัวแต่คิดตามเพลิน พอถูกทวง เขาก็เลื่อนดูรีวิวร้านอาหารต่อ ก่อนจะสะดุดตากับร้านมังสวีรัตใกล้ๆ พาลให้นึกถึงเรื่องคืนนั้นที่ดันปากเปราะพูดไป ว่า ‘จะให้อีกฝ่ายลดน้ำหนัก’ ขึ้นมาพอดี 


“แน่ใจนะว่าให้ผมเลือก?” ตุลย์อมยิ้ม


ท่าทางมีลับลมคมในของเขา เรียกสีหน้าเอ็นดูแกมระอาจากหนุ่มใหญ่


 “อือฮึ”


 “เมื่อกี้ผมเจอร้านอาหารวีแกนอยู่ในซอยใกล้ๆ พอดีเลย มาเถอะ ผมจะพาคุณไปทรมานด้วยอาหารคลีนเอง”


---------------------------------------------


ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ความจริงแล้ว อาหารร้านมังสวีรัตรสชาติดีกว่าที่คาดไว้มาก แม้ว่าหนุ่มใหญ่จะดูสับสนตอนเลือกเมนูอยู่บ้าง แต่เจ้าตัวก็ไม่มีสีหน้าทรมานใจตอนรับประทานอย่างที่เขาคิดไว้ในทีแรก นับว่าเป็นโชคดีของศานนท์ เพราะอาหารคลีนส่วนใหญ่ที่เขาเคยทานมักจืดชืดและน่าเบื่อ อย่างน้อยก็สำหรับลิ้นเขา   


หลังจากทานข้าวเสร็จ หนุ่มใหญ่ก็ขึ้นมาส่งเขา หน้าห้องประชุมที่ให้เลขาจองไว้สำหรับกิจกรรมเวิร์กชอป เนื่องจากประตูเป็นกระจกใส หนุ่มใหญ่จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเข้าไปทักทายทีมงานและผู้กำกับตามมารยาท ก่อนจะขอตัวแยกกับเขาและทีมงานโดยอ้างว่ามีธุระต่อช่วงบ่าย


ภายในห้องประชุมมีคนนั่งกระจายกันไม่ถึงสิบคน จัดว่าเล็กกว่าที่ตุลย์คาดมากโข แต่นั่นก็ทำให้บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเองมากเช่นกัน พอต่างคนต่างแนะนำตัวด้วยการเล่าเรื่องเกี่ยวกับตนเองสั้นๆ ผู้กำกับซึ่งเป็นชายวัยสามสิบ ก็ชวนเขาคุยเรื่องทั่วไปต่อ เช่นว่าเขามาจากมหาวิทยาลัยไหน หรือ เคยรับงานแสดงมาก่อนหรือไม่


จากนั้นก็เริ่มแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในกองถ่ายกัน โดยมีทีมงานหลายคนร่วมวงอย่างครึกครื้น


“บทน้องไม่ยากอ่ะหรอก เน้นเคลื่อนไหวเป็นธรรมชาติพอ แต่คนตัดต่ออ่ะ โต้รุ่งตายกันมาหลายรอบแล้ว”


ผู้กำกับหัวเราะร่วน ขณะโบ้ยไปทางทีมงาน เมื่อตุลย์บอกว่า เขาค่อนข้างกังวลกับการแสดง


“จริงๆ อยากบรีฟแล้วนะ แต่ก็อยากให้รอนักแสดงอีกคนก่อน ...ขานี้สายตลอด”


พูดถึง ‘นักแสดงอีกคน’ ที่จัดว่าคุ้นหน้าคุ้นตากันบนจอทีวี ตุลย์ก็ชักตื่นเต้น


“เอ้า โน้น มาพอดีเลย”


พอมองตามทิศทางที่คนในห้องชี้มือชี้ไม้ ก็เห็นร่างสูงใหญ่ของหนุ่มลูกครึ่งท่าทางภูมิฐานในเสื้อยืด กางเกงยีนสีเข้ม มือข้างหนึ่งถือแจ็กเก็ตผ้าร่มสีน้ำตาล เดินอยู่ไกลๆ ครั้นพอผู้มาใหม่ผลักประตูเข้ามา ผู้กำกับก็แซวปั๊บ


“วันนี้มาเร็วนะเนี่ย”


ดาราหนุ่มหัวเราะ “ครับ ขอโทษที่สาย ผมติดอยู่บนทางด่วนเป็นชั่วโมงเลย”


“กลับมานานหรือยังเนี่ย? สัปดาห์ที่แล้วยังเห็นอัพสตอรี่เที่ยวทะเลอยู่เลยน้า น้องวินทร์” ทีมงานสาวใหญ่ถาม   


“อยู่บาหลีจนถึงเมื่อวานครับพี่ สี่วันสามคืน อาหารอร่อย วิวดีอย่าบอกใคร เพิ่งลงเครื่องเมื่อเช้าหมาดๆ เลย”


ชายหนุ่มเล่าอย่างอารมณ์ดี พลางวางกระเป๋าเอกสารใบบางๆ ลงบนโต๊ะแล้วทรุดตัวนั่ง จังหวะนั้นเจ้าตัวเหลือบมาเห็นเขาพอดี จึงยื่นมือมาทักทายอย่างเป็นธรรมชาติ


 “ใช่ดาราที่จะแสดงโฆษณากับผมมั้ยเอ่ย?”


“ครับ ใช่” ตุลย์จับมือตอบอย่างเก็บอาการตื่นเต้นไว้ไม่ค่อยอยู่


หลังจากที่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับโฆษณา ตุลย์ก็ค้นคว้าประวัตินักแสดงอีกคนที่ต้องร่วมแสดงโฆษณาตัวเดียวกัน


 ‘วินทร์’ เป็นทั้งแบรนด์แอมบาสเดอร์ของบริษัท และดาราที่มีผลงานละครติดตาผู้คน แม้จะไม่ได้รับบทพระเอก แต่ผู้คนก็ยังจดจำภาพลักษณ์บนหน้าจอของเขาในฐานะนักแสดงสมทบเปี่ยมความสามารถ เขาถึงกระทั่งค้นงานแสดงเก่าๆ ของอีกฝ่ายมาดูเล่นด้วยซ้ำ


ดังนั้น พอได้มาเจอตัวจริงต่อหน้า ก็เลยรู้สึกประหม่าอยู่หน่อยๆ 


“สบายๆ ครับ อย่าซีเรียส” ดาราหนุ่มหัวเราะแกมเอ็นดู “ยินดีที่ได้รู้จักครับ”


“เช่นกันครับ จริงๆ แล้วผมชอบงานแสดงพี่มากๆ”


“ขอบคุณครับ” คนถูกชมเผยยิ้ม “นานๆ ได้เจอแฟนคลับสักทีนะเนี่ย อีกเดี๋ยวเราคงได้ร่วมงานกัน”


วินทร์เป็นคนอัธยาศัยดี และเข้ากับผู้คนได้อย่างเป็นธรรมชาติ บรรยากาศการสนทนาจึงยิ่งลื่นไหลเมื่อมีเขาคอยเพิ่มสีสันให้ หลังจากทำความรู้จักกันพอประมาณ ผู้กำกับก็นำพวกเขาเข้าสู่บท


ในส่วนของโฆษณานั้น บทของตุลย์ค่อนข้างสั้น และไม่ซับซ้อน ส่วนที่ต้องพูดก็มีไม่กี่ประโยค และสามารถแยกอัดในสตูดิโอได้ สิ่งที่ผู้กำกับเน้นให้เขาจึงเป็นเรื่องอารมณ์และการเคลื่อนไหวในแต่ละฉากมากกว่า


“ฉากที่ดื่มชาตรงนี้ อยากให้ดูดื่มด่ำกับบรรยากาศ รสชาติ พอกล้องแพลนเข้าไปจับสีหน้า อยากให้แสดงอารมณ์ชัดๆ เหมือนน้องกำลังบอกผู้ชมว่าน้ำในแก้วอร่อยมาก แต่ที่สำคัญคือบอกแบบเป็นธรรมชาติด้วย พอเก็ทมั้ย?”


“ครับ” ตุลย์พยักหน้า


การแสดงเป็นเรื่องใหม่สำหรับเขา เพราะนอกจากในคลาสเรียน เขาก็ไม่เคยจับงานแสดงจริงจังมาก่อน จึงต้องซ้อมให้ดูอยู่หลายครั้ง กว่าจะเป็นที่น่าพอใจ โดยระหว่างการซ้อม ผู้กำกับก็คอยแนะนำ ให้พื้นที่เขาได้ทดลองและแก้ไขอย่างใจเย็น


ตุลย์เข้าใจแจ่มแจ้งถึงคำว่า ‘ความเป็นมืออาชีพ’ ก็ตอนที่วินทร์เริ่มทดลองแสดง บทของดาราหนุ่มซับซ้อนกว่าของเขา เพราะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับเอ็กซ์ตร้าคนอื่นๆ ซึ่งไม่อยู่ที่นี่ แต่เจ้าตัวกลับแสดงคนเดียวได้อย่างไหลลื่น แค่ชี้แนะเล็กๆ น้อยๆ บางจุด ก็ออกมาสอดคล้องกับที่ผู้กำกับต้องการ


หลังจากไล่บรีฟทีละฉากจนครบ ก็ถึงช่วงพักเบรค ตุลย์อยู่คุยกับทีมงานต่อไม่นาน ก็ต้องออกมาชงกาแฟที่ห้องอาหารเพราะเริ่มง่วงงุน


เรื่องที่ว่า พอท้องอิ่ม หนังตาก็หย่อนนั้นเห็นจะจริง...


เขาลอบหาวระหว่างกดกาต้มให้น้ำร้อนไหลใส่แก้วกระดาษ ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อถูกเรียกชื่อโดยเสียงปริศนาที่ไม่คุ้น


ตุลย์หันไปก็พบว่า คนที่เรียกเขาคือกรรมการบริหารคนเดียวกับที่ศานนท์เคยแนะนำให้เขารู้จักในฐานะ ‘มือขวา’ ในมือผู้มาเยือนถือแก้วเซรามิกลายอักษรจีน


“ขอโทษครับถ้าผมทำให้ตกใจ”


“ไม่เป็นไรครับ ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ ด้วย เชิญครับ...” ตุลย์ถอยออกมาด้านข้าง เปิดทางให้ผู้มาเยือนได้ใช้น้ำร้อนบ้าง จากนั้นเขาก็ตักกาแฟใส่แก้ว


“วันนี้มาเรื่องโฆษณาเหรอครับ ได้ข่าวว่ามีเวิร์กชอปด้วย”


“ครับ ใช่ครับ” ตุลย์ตอบ “คุณอัฐมาพักเหรอครับ”


“ครับ”


“ตอนบ่ายๆ อย่างนี้ ง่วงดีจังเลยนะครับ...”


“ครับ”


“แล้ว... งานยุ่งมั้ยครับช่วงนี้?”


“ครับ”


“......?”


จากนั้นก็เกิดความเงียบอันน่ากระอักกระอ่วน ชนิดที่หากตั้งใจฟังดีๆ เขาอาจได้ยินเสียงช้อนพลาสติกตีแก้วกระดาษเวลาคนกาแฟก็เป็นได้


ทีแรกเขาตั้งใจจะชวนคุย แต่เหมือนคู่สนทนาคงไม่อยากให้ความร่วมมือเท่าไหร่ ดังนั้น เพื่อสภาพแวดล้อมทางสังคมที่ดี ตุลย์เลยชิงปลีกตัวออกจากห้องก่อน


“ถ้างั้นผมกลับไปที่ห้องประชุมก่อนนะครับ” เขารีบลา


“ครับ เชิญครับ คุณหนู”


คราวนี้อัฐยิ้มให้เขา มันเป็นรอยยิ้มแบบเดียวกับตอนทำความรู้จักกันครั้งแรกแต่เยือกเย็นกว่า ตุลย์แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ก่อนเดินลิ่วๆ ออกมา พลางถูแขนตัวเองอย่างนึกสยอง

นี่เขาเผลอไปเหยียบเท้าผู้ชายคนนี้ตอนไหนเนี่ย!? 


----------------------------------
ครึ่งตอนหน้าเป็นการถ่ายทำโฆษณาแล้วน้า
ไม่รู้จะน่าเบื่อหรือเปล่าแฮะ แต่โฆษณาชิ้นนี้ก็เป็นชิ้นสำคัญที่ส่งผลต่อเนื้อเรื่องและขาดไม่ได้ซะด้วย
เมลล่าจะรีบปั่นให้เร็วที่สุดค่า เราจะอ้วกแตกกันไปข้าง!

ช่วงนี้เมลล่ารู้สึกว่าเล้าเป็ดดูซึมๆ ไป เหมือนกับว่าบอร์ด boyslove ไม่ค่อยคึกคัก
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าเพราะเมลล่าไม่ค่อยได้เข้ามาบ่อยเหมือนตอนก่อนๆ
รอบนี้แอบสังเกตเหมือนกันว่ามีทั้งนักอ่านที่ติดตามกันมานาน และนักอ่านหน้าใหม่ด้วย
แล้วก็มีนักอ่านคนเก่าๆ ที่หายไปด้วย เศร้าา ;w;

เมลล่าจะพยายามให้ทุกคนไม่ต้องกลับไปย้อนอ่านแล้วค่า ฮื้อออ
ขอบคุณทุกคนที่มาเป็นเพื่อนเมลล่าและสำหรับคำอวยพรค่า ให้หัวใจ <3

https://www.facebook.com/Iamcaramella

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อัฐ...นี่ยังไงนะ

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 415
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คุณอัฐมีซัมธิงแน่ๆ รอลุ้นนนนน

// เพิ่งมาอ่านเรื่องนี้ค่ะ สนุกมากกกกกกกก เป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนนะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
คุณอัฐดูมีอะไรอ่ะ ตุลย์สู้ๆน้า

ออฟไลน์ kimkidoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ปวดหัวแทนตุลย์เลยมีแต่ผู้ชายมาวุ่นวาย?
แค่คุณศาลคนเดียวก็เหนื่อยละค้าบบบบ
ทั้งเต้ ทั้งกาย และยังมีอัฐอีก น้องตุลย์ฉ้านนนน!!
สู้เค้านะลูกกกกกก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด