SIDELINE. ผมเป็นเด็กเสี่ย (21.03.21) ตอนพิเศษ อาถรรพ์ดินเนอร์ (1) [Updated]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: SIDELINE. ผมเป็นเด็กเสี่ย (21.03.21) ตอนพิเศษ อาถรรพ์ดินเนอร์ (1) [Updated]  (อ่าน 128803 ครั้ง)

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
น่านนนนนนนนนนนนนน นายเต้  :ling2:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ kimkidoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ว่าแล้วเชียวววววววววเต้เอ้ยยยยย
หวังว่าแต่จะไม่ข้ามขีดความสัมพันธ์นั้นนะ
ไม่อยากให้เต้อสียใจจ ถ้าคุณศานนท์รู้(หรือจะรู้อยู่แล้ว)จะทำกรเต้ไหมเนี่ยยยยน เชื่อที่พี่ๆเค้าเตือนน้าาา
ดีนะเนี่ยที่ช่วงนี้ตุลย์เริ่มหวั่นไกวกะคุณศานนท์ไม่งั้นกลัวใจตับย์มากกก

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 415
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โอ้ยยยย เสน่ห์แรงอีกแล้ววววว  :hao7:

ออฟไลน์ tae1234

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เต้้้ชอบตุุุลย์หรือเนี่ย

ออฟไลน์ สุนิสา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
รอออ อยากเห็นคนรักกัน

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
25.5


        ขณะที่ชีวิตในวงการบันเทิงของตุลย์ราบรื่นไปได้สวย กระแสตอบรับของดาราหนุ่มรุ่นพี่อย่างวินทร์กลับดิ่งลงเหวชั่วข้ามคืน หลังถูกโจมตีอย่างหนักจากข่าวชู้สาว


         มูลเหตุของเรื่องเริ่มต้นจากเมื่อหลายปีก่อนที่วินทร์ประกาศพิธีหมั้นกับแฟนสาวนอกวงการที่คบหาดูใจมานานต่อหน้าสื่อ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่หวานชื่น กระทั่งมีข่าวลือว่าถูกตีท้ายครัวเพราะมีคนพบคลิปวิดีโอปริศนาของชายหน้าตาคล้ายวินทร์กำลังจูบนัวเนียกับสาวที่ไม่ใช่คู่หมั้น ณ สถานบันเทิง


         ข่าวลือนี้ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างจนวินทร์และต้นสังกัดต้องออกแถลงการณ์ปฏิเสธ ว่าชายคนนั้นไม่ใช่ตน และเขาไม่รู้จักกับหญิงสาวที่ปรากฏในคลิป


         นับเป็นโชคดีที่คำชี้แจงของวินทร์ได้รับความเชื่อถือจากสาธารณชน ชายหนุ่มจึงสามารถกู้คืนชื่อเสียงได้สำเร็จ ประกอบคลิปวิดีโอถูกบันทึกในที่มืดด้วยกล้องโทรศัพท์ เห็นหน้าไม่ชัด จึงไม่มีใครกล้ายืนยันว่า ชายในคลิปคือวินทร์จริง


         แต่ถึงอย่างนั้นก็คลิปดังกล่าวก็ยังถูกคนบางกลุ่มนำไปใส่สีตีความต่างๆ นานา นานวันเข้าสมมุติฐานเหล่านั้นก็หายลับเข้ากลีบเมฆไป


         จนกระทั่งเมื่อเช้าวานซืน...


         จู่ๆ รูปหลุดจำนวนหนึ่งของวินทร์กับดาราสาวหน้าตาคล้าย ‘อันดา’ เดินควงกันริมชายหาดก็ถูกแชร์ว่อนหราทั่วอินเทอร์เน็ต เหตุการณ์นั้นกระตุ้นความอยากรู้ของสาธารณชน ไม่เพียงแต่ข่าวฉาวเก่าที่ถูกขุดขึ้นมาพูดถึง ความสัมพันธ์ของวินทร์และอันดาบนโลกออนไลน์ก็ถูกจับตามองและตั้งข้อสังเกตเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออินสตราแกรมของทั้งคู่ต่างก็ลงภาพสถานที่ท่องเที่ยวในบาหลีเวลาไล่เลี่ยกัน


         สมมุติฐานนี้ทำให้ดาราสาวอย่างอันดาต้องออกมาชี้แจงกับสื่อว่า เธอได้เดินทางไปบาลีในช่วงเวลาใกล้กันจริง แต่เธอไม่ได้พบวินทร์ เนื่องจากฝ่ายชายเดินทางกลับไปก่อนเธอมาถึง หญิงสาวในรูปถ่ายจึงไม่อาจเป็นเธอไปได้


         แต่เรื่องราวไม่จบแค่นั้น เมื่อเพจดังรื้อหลักฐานขึ้นมาแฉ โดยนำรูปถ่ายในชุดว่ายน้ำของอันดาที่ถ่ายเมื่อต้นปีมาเปรียบเทียบกับรูปถ่ายของสาวปริศนาที่เป็นข่าว นอกจากชุดว่ายน้ำที่ใส่จะเป็นชุดเดียวกันแล้ว ผู้หญิงในภาพทั้งสองต่างก็มีร่องรอยบนร่างกายคล้ายคลึงกันหลายจุดจนยากจะปฏิเสธว่าเป็นคนละคน


         มิหนำซ้ำ เย็นวันนั้นแฟนสาวของวินทร์ยังประกาศถอนหมั้นผ่านอินสตราแกรมอีก แม้ไม่แจงละเอียดว่าผู้หญิงในภาพคือใคร แต่เนื้อความหลายประโยคก็สรุปได้เป็นนัยว่า ระหว่างที่ทั้งคู่หมั้นกันนั้น วินทร์คบซ้อนกับหญิงอื่นจริง


         สเตตัสนี้เป็นต้นเหตุให้เกิดกระแสแอนตี้ดาราทั้งคู่อย่างรุนแรง ความนิยมในตัวดาราทั้งสองดิ่งลงเหวและสร้างผลกระทบเชิงลูกโซ่ต่อผู้เกี่ยวข้อง ถึงขนาดที่ผู้จัดละครบางเรื่องยอมตัดวินทร์ออกจากรายชื่อนักแสดงเพื่อรักษาเรตติ้ง ขณะที่งานอีเว้นท์หลายงานของชายหนุ่มก็ทยอยถูกยกเลิก


         ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในระยะเวลาเพียงแค่สองวัน...


         ตุลย์ถอนหายใจเบาๆ วางโทรศัพท์ลงหลังจากอ่านสรุปข่าวจบ


         ไม่ใช่แค่แฟนคลับของวินทร์ที่ตกใจกับข่าวนี้ เขาเอวก็ไม่เคยคิดว่าคนที่มีเงินและความสุขพร้อมแบบวินทร์ จะเลือกเล่นชู้ลับหลังคู่หมั้นตัวเอง


         แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่เพียงทำลายชื่อเสียงของดาราหนุ่ม บริษัทของศานนท์ก็เช่นกัน สองสามวันมานี้เหล่ามดงานในบริษัทต้องวุ่นวายแต่กับข่าวฉาวของวินทร์หลังกระแสแอนตี้ลุกเป็นไฟลามมาถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับดาราหนุ่ม เนื่องจากทางบริษัทใช้วินทร์เป็น ‘ภาพลักษณ์’ ติดต่อกันตลอดหลายปี


         “เธอเห็นข่าววินทร์แล้วใช่มั้ย? ” ศานนท์เอ่ยถามหลังเดินเข้ามาในออฟฟิศ


         “ครับ เป็นยังไงบ้างครับ? ”


         หนุ่มใหญ่เพิ่งประชุมภายในเกี่ยวกับเรื่องข่าวฉาวของวินทร์เสร็จหมาดๆ ในฐานะที่เขาชื่นชมนับถือดาราหนุ่มเสมือนรุ่นพี่ ตุลย์ก็หวังว่ามันจะไม่ใช่ข่าวร้าย


         ศานนท์ส่ายหน้าเรียบๆ “ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากปลดเขาออกจากตำแหน่งแบรนด์แอมบาสเดอร์”


         “ชั่วคราว? ”


         “ตอบไม่ได้... อย่างน้อยก็จนกว่ากระแสนิยมจะดีขึ้น อาจจะสามเดือน หนึ่งปี หรือนานกว่านั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าจะจัดการกับข่าวยังไง ส่วนนั้นเป็นเรื่องของนักแสดงและผู้เกี่ยวข้อง ไม่ใช่ความรับผิดชอบของฉัน สำคัญที่สุดตอนนี้คือ จะปล่อยให้ข่าวลือทำให้ภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์เป็นลบไม่ได้ ในฐานะเจ้าของยังไงฉันก็ต้องปลดเขา มันเขียนเอาไว้ในข้อตกลงตั้งแต่เซ็นสัญญาแล้ว”


         “.........”


         คำอธิบายของหนุ่มใหญ่ตรงประเด็นเสียจนตุลย์หวั่นใจ


         ถ้าคนที่นั่งฟังประโยคนี้คือวินทร์ ไม่อยากจินตนาการเลยว่าชายหนุ่มจะหน้าชาขนาดไหน...

 
        “วงการบันเทิงก็แบบนี้แหละ...”


         ศานนท์ฉีกยิ้มเจือนเหมือนยิ้มไม่ออก ก่อนจะทิ้งตัวนั่งเอนหลังพิงพนักโซฟาข้างตุลย์อย่างเหนื่อยอ่อนระคนเกียจคร้าน


         “แต่ก็ยังมีงานบางส่วนที่ยกเลิกไม่ได้ อย่างภาพโปรโมตตัวโปรดักที่จะออกในอีกสองเดือนข้างหน้า ...หลายฝ่ายเสนอให้เปลี่ยนตัวนักแสดง แต่แทนที่จะคัดนักแสดงใหม่ ฉันอยากให้เป็นเธอมากกว่า”


         ตุลย์ขมวดคิ้วมองผู้พูด “คุณจะให้ผมถ่ายแทนเขาเหรอ? ”


         “อือฮึ” ศานนท์พยักหน้า “กระแสเธอดีกว่าถ้าเทียบกับวินทร์ อาจจะไม่ดังเป็นพลุแตก แต่คนก็เคยเห็นหน้าค่าตาบ้างแล้ว อีกอย่างมันก็เป็นโอกาสดีที่จะดันเธอให้เป็นที่รู้จักกว้างขึ้นด้วย ”


         การถูกจับใส่แทนที่ใครอีกคนเป็นข้อเสนอที่ทำให้ตุลย์รู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อย แต่ความก้าวหน้าของมันก็ทำให้ยากจะปฏิเสธ


         “ครับ ได้”


         สุดท้ายเขาก็ตอบตกลงอย่างทุกครั้ง


         “ดี... ตอนนี้คงต้องฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เธอ”


         พูดจบศานนท์ปิดเปลือกตาลงคล้ายขอเวลางีบหลับสักครู่ ด้วยไม่อยากรบกวนอีกฝ่าย ตุลย์จึงยกโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นต่อเงียบๆ


         โดยไม่รู้เลยว่า ‘ความคาดหวัง’ ที่เขารับมาอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังวันนั้น จะวกกลับมาทำร้ายตนเอง...


------------------------------------


         เนื่องจากกระแสตอบรับของละครประสบความสำเร็จเกินกว่าที่คาดไว้ และเพื่อแสดงความขอบคุณต่อนักแสดง ทีมงาน และผู้เกี่ยวข้อง ผู้จัดละครจึงตัดสินใจจัดงานฉลองส่วนตัวขึ้นบนเรือสำราญเล็ก โดยที่เรือจะออกจากท่าเพื่อล่องไปตามแม่น้ำ ผ่าใจกลางเมืองและย้อนกลับมาสิ้นสุดที่จุดเดิม


         ...แน่นอนว่าในฐานะนักแสดง ตุลย์ก็ได้รับบัตรเชิญด้วย


         เขาประหม่าอยู่บ้างตอนที่บอกเรื่องนี้กับศานนท์ด้วยกลัวว่าฝ่ายนั้นจะไม่อนุญาต แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อหนุ่มใหญ่พยักหน้ารับอย่างไม่อิดออด เพียงแค่กำชับว่า...


         “โทรบอกฉันตอนไปถึง กับตอนออกจากงานก็แล้วกัน”




         คืนนั้นรถติด ตุลย์มาถึงงานเลี้ยงอย่างเฉียดฉิวจวนจะได้เวลาออกเรือ ท่าเทียบเรือในยามราตรีสวยจับตาและคับคั่งด้วยผู้คนเนื่องจากตั้งอยู่ติดกับสถานที่ท่องเที่ยว บริเวณรอบนอกมีทั้งร้านอาหาร และร้านขายสินค้าซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติ ตลอดแนวประดับไฟสีเหลืองนวลสว่าง


         บรรยากาศงานเลี้ยงบนเรือก็ผ่อนคลายคล้ายคลึงกัน ไฟสีเหลืองสว่างตัดกับท้องฟ้ามืดสนิท ได้ยินเสียงดนตรีคลอเป็นระยะ อาหารในงานมีทั้งบุฟเฟต์และค็อกเทลให้เลือก โดยบางส่วนจัดไว้บนโต๊ะ ขณะที่บางส่วนปรุงสดจากฝีมือเชฟ ตุลย์เดินเลยมาแถวๆ พื้นที่ส่วนหัวเรือก็พบเพื่อนดารา ผู้กำกับและทีมงานกองถ่ายยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่ข้างโต๊ะกลม เขาจึงเข้าไปทักทายอย่างทุกครั้ง


         “อ้าว นึกว่าจะไม่มาซะอีก”


         “มาสิครับ แต่ก็เกือบจะตกเรือแล้ว” ตุลย์หัวเราะแก้เขิน


         “แหม แต่ก็ยังทันนี่นา”


         สาวผมสั้นวัยสามสิบในชุดเดรสเรียบสีครีมปาดไหล่ข้างเดียวเอ่ยแซว ขณะส่งยิ้มตาหยี มั่นใจว่าตุลย์คงไม่รู้จักแน่แล้ว ผู้กำกับจึงสะกิดข้างไหล่กระซิบบอก


         “...คนนี้ผู้จัดละครไง! ”


         ได้ยินปุ๊บ ตุลย์ร้อง ‘อ๋อ’ ทันใด


         “สวัสดีครับ เป็นเกียรติมากที่ได้พบครับ”


         “เป็นเกียรติเช่นกันค่ะ เล่นจนจบซีรีส์แล้วเพิ่งมีโอกาสเจอหน้ากันจริงๆ ครั้งแรก พี่ยินดีที่ได้นักแสดงน้ำดีอย่างพวกเธอมาร่วมงานนะ” เธอเอ่ยปากชมนักแสดงทุกคนอีกครั้ง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจัยหนึ่งที่ละครเรื่องนี้มีแฟนๆ จับตารอดูก็เพราะกระแสนิยมของตุลย์ด้วย


         “ผมก็ต้องขอบคุณที่ให้โอกาสได้เล่นละครเหมือนกันครับ”


         “ยินดีค่ะ”ผู้จัดละครสาวพยักหน้ายิ้มรับ “อ๋อ... พี่เพิ่งได้ข่าวว่า คุณศานนท์เลือกเธอขึ้นมาแทนตำแหน่งแอมบาสเดอร์คนก่อนเหรอ? ขอแสดงความยินดีด้วยนะ”


         “ขอบคุณครับ ผมก็แค่มาแทนชั่วคราวเท่านั้นแหละ”


         “ชั่วคราว แต่ก็เป็นตำแหน่งสำคัญนะ” เธอยิ้มกว้างขึ้นอีกหน่อย


         หลังสนทนาเรื่องสัพเพเหระต่ออยู่หลายนาที ผู้จัดสาวก็ขอปลีกตัวไปรับรองแขกคนอื่นๆ ต่อ ส่วนตุลย์ที่รู้สึกคอแห้งก็ถือโอกาสออกมาหาอะไรดื่มตรงโซนเครื่องดื่มใกล้ๆ กับบาร์เยื้องเข้าไปในตัวเรือ


         เขาไม่อยากดื่มหนักจนเมาเพราะมีงานตอนเช้าวันพรุ่งนี้ จึงดื่มแค่ค็อกเทลล์เป็นหลัก แต่ดื่มไปดื่มมา รสชาติหวานของมันก็ชักทำให้เริ่มกังวลเรื่องแคลอรี จนสุดท้ายก็จำใจเปลี่ยนเป็นน้ำเปล่า แล้วเลือกเอาพวกของว่างพลังงานต่ำใส่จานแทน


         จังหวะที่กำลังเดินกลับออกไปหัวเรือ หางตาเขาก็เหลือบไปเห็นร่างสูงคุ้นตานั่งอยู่ที่โต๊ะโซฟาขนาดหกที่นั่งตรงมุมโดยสี่ในห้าที่นั้น ถูกจับจองโดยบรรดาหญิงสาวที่ตุลย์ไม่เคยเห็นหน้า


         วินทร์อยู่ในสภาพเมามายโดยที่มีเหล่าสาวสวยอ้อล้อ แม้เจ้าตัวจะมีปฏิสัมพันธ์กลับพวกเธอ แต่กลับดูเชื่องช้าและเซื่องซึมกว่าทุกครั้ง


         วินทร์เพิ่งถูกถอนหมั้นมาหยกๆ ไม่แปลกถ้าเขาจะเสียศูนย์จนทำตัวแหลกเหลวแบบนี้...


         ตั้งแต่ปาร์ตี้ที่ไนต์คลับคราวนั้น ตุลย์ก็ไม่ได้พบวินทร์อีก ได้ข่าวอีกทีก็ตอนที่อีกฝ่ายถูกโจมตีอย่างหนักจากสาธารณชน เห็นสภาพชวนห่อเหี่ยวของคนที่นับถือ ตุลย์ก็ตรงเข้าไปหา หวังจะดื่มปรับทุกข์เป็นเพื่อนสักหน่อย ทว่าพอดาราหนุ่มเห็นเขา ฝ่ายนั้นกลับขมวดคิ้วแน่น


         “มาทำไม มีอะไรอยากจะได้อีกหรือไง”


         เสียงที่เปล่งออกมานั้น อ้อแอ้ไม่ชัดถ้อยชัดคำนัก ตามประสาคนเมา แต่เป็นคำถามที่ชวนให้คนฟังอย่างเขาขมวดคิ้วตามไปด้วย


         “ครับ? ”


         “อย่ามาทำไก๋ กูรู้หมดแล้ว ทั้งเรื่องอันดา เรื่องตำแหน่งแอมบาสเดอร์... เลียขาเก่งนักนะมึงเนี่ย”


         “พี่พูดถึงเรื่องอะไร? ”


         “จะให้พูดให้ได้ใช่มั้ยวะ ...กูรู้แล้วว่ามึงเป็นคนขุดเรื่องกูกับอันดาขึ้นมา คืนนั้นที่ผับมึงก็เจอเขา อยากได้งานคนอื่นจนตัวสั่น ถึงขนาดต้องใช้วิธีทุเรศๆ แบล็กเมล์กูแบบนี้เหรอ!? ”


         ประโยคนั้นเรียกให้ตุลย์หลุดปากร้อง ‘ห๊ะ’ เขาตกใจและสับสนมากกว่าโกรธคนตรงหน้าด้วยซ้ำ


         “พี่! ผมไม่รู้ว่าพี่ไปได้ยินอะไรมาจากใคร แต่ผมไม่ได้เป็นคนแบล็กเมล์พี่กับคุณอันดา ผมเพิ่งเจอเธอครั้งเดียวที่คลับคืนนั้น ก่อนหน้านั้นผมไม่รู้จักเธอด้วยซ้ำ แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าพี่กับเธอ...”


         มีความสัมพันธ์พิเศษอะไรกัน...


         ยังไม่ได้ทันพูดจบ วินทร์ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ความโกรธระคนเศร้าโศกกระตุ้นให้ร่างโซเซนั้น โถมเข้าใส่เขาเต็มกำลังแล้วขยำคอเสื้อ แรงปะทะทำให้ตุลย์เซไปชนตัวอีกตัว จานอาหารหลุดมือตกแตกเสียงดังเรียกความสนใจจากคนรอบๆ หันขวับมาที่ต้นเสียง


         “ไม่ใช่มึงแล้วจะเป็นใคร? ...ถ้าไม่มีกูสักคน ป่านนี้รูปมึงคงได้ขึ้นป้ายบิลบอร์ดหราแล้ว มีแต่มึงนั่นแหละที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้! ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นว่ามึงเป็นเด็กเสี่ยของตาแก่ศานนท์ หึ... นาฬิกาเรือนละเป็นล้านๆ ถ้าไม่ได้เป็นเศรษฐี ลำพังดารากิ๊กก๊อกอย่างมึงไม่มีปัญญาซื้อใส่หรอก”


         วินทร์ตะคอกใส่เสียงดังลั่นต่อหน้าคนที่ยืนมุงดูอย่างหวาดเสียว ขณะบางส่วนวิ่งเข้ามา พยายามดึงร่างดาราหนุ่มออกไปจากเขาด้วยกลัวว่าจะเกิดเรื่องชกต่อย


         “มึงทำลายชีวิตกู ไอ้เหี้ยตุลย์! ...ปล่อยกู! ”


         วินทร์สบถด่าเขาอยู่หลายคำตอนที่ถูกพนักงานและแขกช่วยกันจับแยกออกไป ทิ้งให้ตุลย์ยืนหน้าเสีย อับอายทำตัวไม่ถูกกลางวงล้อมของแขก ชั่ววินาทีหนึ่งที่เขารู้สึกอื้ออึง เหมือนหลุดจากโลกความเป็นจริงไป


         เขาคิดมาตลอด ว่าการเริ่มต้นใหม่ในวงการบันเทิงจะลบล้างชื่อเสียงเสียหายของตัวเอง


         แต่ก็เปล่าเลย... เขายังถูกมองเหมือนวัตถุไร้ราคา ต่างกันเพียงแค่ว่าตอนนี้ไม่มีใครกล้าพูดครหาต่อหน้าเขา



         “เป็นอะไรมั้ย มีใครบาดเจ็บหรือเปล่า”


         ผู้จัดละครสาววิ่งผ่าวงล้อมเข้ามาหา เธอเหลือบมองวินทร์แวบหนึ่งก่อนจะเผยสีหน้าเป็นกังวล


         “ขอโทษนะ พี่ไม่คิดว่าเชิญเขามาแล้วจะก่อเรื่องใหญ่โต วินทร์แค่เมาเลยพูดอะไรออกไปไม่คิด ช่วงนี้เขาเจอมาหนัก ทั้งกระแสโซเชียล ทั้งเรื่องงาน พี่ต้องขอโทษแทนเรื่องวุ่นวายที่เขาก่อด้วย แต่พี่อยากให้เข้าใจว่า เขาไม่ได้ตั้งใจ...”


         “.......”


         เห็นท่าทีลังเล หญิงสาวจึงดึงมือเขาไปกุม “พี่ขอร้องอย่าเอาเรื่องเขาเลย... ตอนนี้สภาพจิตใจวินทร์แย่พอแล้ว ขืนมีข่าวให้โจมตีอีก เขาต้องกู่ไม่กลับแน่ๆ แล้วก็ขอร้องอย่าเอาเรื่องนี้ไปเล่าข้างนอกเลยนะ โดยเฉพาะกับคุณศานนท์ พี่ไม่อยากให้วินทร์ไปขัดใจกับคนใหญ่คนโตแบบนั้น เดี๋ยวพี่จะกำชับทุกคนในงานไม่ให้พูดเรื่องนี้เอง สัญญาว่าจะไม่ทำให้เธอเสียหาย แต่อย่าถือสาเขาเลยนะ ถือว่าพี่ขอร้อง...”


         สายตาเว้าวอนน่าเห็นใจของเธอทำเอาตุลย์ลอบถอนหายใจเบาๆ สถานการณ์ในตอนนี้บีบให้เขาตอบได้เพียงอย่างเดียว


         “ครับ...”


         ที่ผ่านมาเขาชื่นชมวินทร์เป็นแบบอย่าง เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้ใหญ่ รู้จักวางตัว ทุ่มเทให้กับงานและชีวิตในสัดส่วนเท่าๆ กัน แต่พอได้เห็นสภาพดาราหนุ่มในมุมที่เหลวแหลกเช่นนี้ เขากลับรู้สึกหมดความนับถือและผิดหวังอย่างมาก


         ...เขาไม่คิดเลยว่าจะถูกวินทร์ใส่ร้ายเพียงเพราะเขารับบทบาทแทนอีกฝ่ายแค่ประเดี๋ยวประด๋าว


         ตุลย์เดินออกจากวงล้อมฝูงชน ก่อนจะถูกเพื่อนดาราที่เห็นเหตุการณ์ก็เข้ามาไถ่ถามว่า ‘เกิดอะไรขึ้น’ แต่เขาไม่อยากเล่าให้ใครฟังเท่าไหร่นัก ตุลย์อยู่ในงานเลี้ยงต่ออย่างไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วม ก่อนจะขอตัวกลับทันทีที่เรือวนกลับมาจอดเทียบท่าที่ฝั่ง


------------------------


         ตุลย์ถึงกองถ่ายในรุ่งเช้าวันถัดมาด้วยสภาพงัวเงียไม่สดชื่นนักเพราะมีเรื่องให้ขบคิดทั้งตลอดคืน เขาเริ่มทำงานเหมือนทุกวัน ทว่าน่าแปลกที่เช้าวันนี้ เขาบังเอิญเจอซินดี้ขณะที่เจ้าหล่อนกำลังยืนคุยอยู่กับทีมงานในกองถ่าย


         “มีธุระเหรอครับ? ”


         “มีย่ะ แต่ไม่ใช่ของหล่อน เป็นธุระของฉัน” เธอแกล้งทำเสียงจิ๊จ๊ะ ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นใบหน้าเขาในระยะประชิด “แล้วนี่เป็นอะไร ทำไมหน้าโทรมๆ ซีดๆ อย่างกับเป็นลูคีเมียล่ะ เมื่อวานปาร์ตี้หนักเหรอ? ”


         “ก็นิดหน่อยครับ เมื่อคืนกลับดึก”


         “โธ่ ไปกับวินทร์อีกล่ะสิ นังเด็กนี่ ให้มันน้อยๆ หน่อย! เขาไม่ใช่คนที่หล่อนควรเอาเป็นแบบอย่างหรอกนะจะบอกให้”


         ถูกเตือน ตุลย์ก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ หัวเราะกลบเกลื่อนอย่างอธิบายอะไรไม่ได้มาก




         งานของตุลย์ช่วงเช้าลุล่วงไปด้วยดี หลังเลิกกอง เขาก็แวะทานข้าวใกล้กับสตูดิโอ ก่อนจะตรงกลับออฟฟิศศานนท์ กดลิฟต์ขึ้นชั้นยี่สิบเอ็ดอย่างปกติวิสัย แต่จังหวะที่กำลังจะเดินเลยห้องอาหาร ตุลย์ก็สะดุดตากับร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าเครื่องชงกาแฟ


         “คาเฟอีนรอบบ่ายไม่พอเหรอครับ? ” ถามอย่างขี้เล่น


         มือที่กำลังเติมผงกาแฟลงในแก้วชะงักเล็กน้อย พอเหลียวหลังพบว่าเป็นตุลย์ ศานนท์ก็เผยสีหน้าแปลกใจ


         “เลิกงานแล้วเหรอ? ”


         “ครับ วันนี้เสร็จเร็ว ไม่มีอะไรมาก อีกอย่างผมไม่มีเรียนต่อแล้วด้วย เลยว่ามานั่งเล่นที่ออฟฟิศคุณ ก็...ถ้าผมไม่มารบกวนนะ”


         ตุลย์จงใจเติมท้ายประโยคให้ฟังดูเหมือนลังเล รู้แล้วว่าฝ่ายนั้นอยากให้เขามานั่งขลุกที่ออฟฟิศบ่อยๆ ด้วยซ้ำ ศานนท์ฟังก็ยิ้มมุมปากเล็กๆ อย่างรู้ทัน


         “แล้วนี่อะไรครับ? กาแฟเหรอ”


         เขาชะโงกดูผงสีน้ำตาลละเอียดที่อยู่ก้นแก้ว งุนงงเล็กน้อยที่อีกฝ่ายเลือกกาแฟผงทั้งที่เครื่องชงกาแฟก็อยู่ตรงหน้า


         “เย็นแล้ว ฉันไม่อยากดื่มอะไรที่เข้มมากๆ ” หนุ่มใหญ่น้ำร้อนใส่แก้ว “เธอล่ะ เอาอะไรมั้ย? ”


         “ไม่ครับ ผมเพิ่งกินมาเมื่อกลางวัน”


         ได้เครื่องดื่มแล้ว ศานนท์หยิบแก้วกาแฟเดินออกจากห้องอาหารโดยมีตุลย์ตามหลัง ทว่าจังหวะที่ผ่านประตู พวกเขาก็สวนกับอัฐอย่างพอดิบพอดี ผู้มาเยือนเห็นเขาก็เอ่ยทักทายสั้นๆ


         “สวัสดีครับ คุณหนูมีธุระที่นี่เหรอครับ? ”


         “เปล่าหรอกครับ ผมแค่ว่างเฉยๆ ”


         “อ๋อ เหรอครับ”


         ...? ...


         เป็นอันจบการสนทนากับตุลย์เพียงเท่านั้น จากนั้นอีกฝ่ายเอ่ยทักทายศานนท์ตามมารยาทโดยจงใจเมินผ่านเขาไป เพราะเสียงผู้พูดราบเรียบเสมือนประโยคทั่วไป ทำให้ตุลย์ใช้เวลาอยู่หลายวินาทีกว่าจะเข้าใจนัยของคำถามที่ว่า


         ‘ถ้าไม่มีธุระก็ไม่ต้องเสนอหน้ามา’


         ตุลย์มุ่นคิ้วอย่างไม่ชอบใจนัก กี่ครั้งๆ อัฐก็ทำตัวเย็นชาใส่เขาตลอด แม้ว่าเขาจะไม่เคยทำอะไรให้ฝ่ายนั้นเลย วินาทีนั้น เขาก็เหลือบไปเห็นแก้วกาแฟในมือผู้บริหารหนุ่ม มันกระตุ้นให้นึกอยากแกล้งอีกฝ่ายคืนขึ้นมา


         “ผมว่าผมดื่มอะไรหน่อยดีกว่า”


         ตุลย์วกกลับไปที่เค้าท์เตอร์ เขาหยิบแก้วตัดหน้าอัฐ แล้วตักผงโกโก้จากโหลใส่ จากนั้นก็แสร้งทำลังเลอยู่หน้าเครื่องทำน้ำร้อน ว่าจะใส่น้ำตาลกี่ช้อนดี ซึ่งการที่เขาเดินวนเวียนอยู่หน้าตู้นั้น ทำให้อัฐต้องยืนถือแก้วรอคิว


         “คุณว่าผมใส่อะไรเพิ่มดี” แสร้งหันไปถามศานนท์ ฝ่ายหนุ่มใหญ่มองเขาอย่างนึกขำ


         “ใส่น้ำตาลสิ”


         ตุลย์ตักน้ำตาลใส่ จากนั้นก็เผยสีหน้าลังเลคล้ายไม่รู้ว่าหวานแล้วหรือยัง


         “ใส่อีกดีมั้ยครับ? ”


         ถามก่อนจะตักใส่ลงไปอีกช้อนเมื่อศานนท์พยักหน้า


         “ใส่นมด้วยมั้ย”


        ถูกศานนท์แหย่อย่างรู้ทัน เขาก็พยักหน้าก่อนจะตักนมผงใส่ลงไปด้วย ตุลย์กดน้ำร้อนใส่แก้ว คนซ้ำๆ อยู่หลายนาที นานจนพอใจแล้ว เขาถึงหยิบแก้วกาแฟ ยอมถอยให้อัฐได้ชงต่อ


         “ผมเสร็จแล้วครับ ขอโทษด้วยถ้าผมทำให้รอนาน”


         “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่รีบ” อัฐยิ้มเย็นตอบ


         “งั้นไม่รบกวนเวลาชงกาแฟคุณดีกว่า”


         พูดจบทั้งเขาและศานนท์ก็เดินออกมาจากห้องอาหารทันที หนุ่มใหญ่ถึงกับหลุดขำกับการกระทำเมื่อครู่ของเขา ส่วนตุลย์ก็ถอนหายใจเบาๆ รู้อยู่แก่ใจว่าเพิ่งทำเรื่องกวนประสาทใส่คนของหนุ่มใหญ่ โชคดีที่ฝ่ายนั้นไม่ถือสา เขาจึงเอ่ยถามสิ่งที่คาใจอยู่


         “คุณอัฐเขามีปัญหาอะไรกับผมหรือเปล่า เขาเกลียดผมเหรอ? ”


         “เปล่า ไม่ได้เกลียด เขาแค่ไม่ค่อยพอใจที่ช่วงนี้ฉันเอาใจเธอเป็นพิเศษ”


         “ทำไมครับ? ” ตุลย์มุ่นคิ้วเล็กน้อย


         “เขาว่าเธอทำให้ฉันว่อกแว่ก ซึ่งก็จริง”


         “อา...”


         รอยยิ้มจนใจของศานนท์ทำให้ตุลย์เกาหน้าเก้ออย่างสองจิตสองใจ


         ตอนนี้เขาชักสับสนแล้ว ว่าตัวเองกำลังชักจูงศานนท์ไปในทางที่ดีขึ้น หรือแย่ลงกันแน่


         “แต่เขาล่วงเกินเธอไม่ได้หรอกถ้าฉันไม่อนุญาต ไม่ว่าด้วยคำพูดหรือการกระทำ เรื่องชีวิตส่วนตัวเป็นสิทธิ์ขาดของฉัน ดังนั้นเธอไม่ต้องเป็นกังวล”


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

สู้ ๆ นะครับ

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ชี้แจ้งเรื่องความล่าช้าของการอัป (บ่นเรื่องตัวเองเจ้าค่ะ)
: Talk :



นักอ่านที่ติดตามหลายคนอาจสงสัยว่าเมลล่าหายไปไหนตั้งเดือนนึง ไหนบอกจะมาๆ ในเพจตั้งแต่ครึ่งเดือนที่แล้ว ทำไมยังไม่มา เลยอยากพอพื้นที่ตรงนี้ชี้แจงคร่าวๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ยอมรับก่อนเลยค่ะ ว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่เมลล่าหายไปนานมากๆๆ แต่เป็นครั้งที่ร้อยแล้วที่รักษาสัญญาไม่ได้ มาช้า ปล่อยให้คนอ่านรอจนแฟนคลับหาย
(นี่คือเหตุผลว่าทำไมเรื่องนี้ถึงเขียนตั้ง 4 ปี แล้วยังไม่จบ T-T)
เมลล่าขอโทษจริงๆ ค่ะ ส่วนนี้เป็นความผิดเราเอง

เกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่มาอัพ?


ขออนุญาตเล่าค่ะ จริงๆ ปัจจัยที่ทำให้เสียศูนย์ไปก็คือเอาพลังงานไปโฟกัสเรื่องหางานนี่แหละค่ะ ถถถถ สำหรับเรามันเป็นช่วงหัวเหลียวหัวต่อชีวิต เราเรียนสี่ปีในคณะที่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบมั้ย จนวันหนึ่งเราไปฝึกงาน แล้วก็ค้นพบว่าเราเกลียดมันค่ะ เราเกลียดชีวิตแบบนี้ เพราะมันทำให้ตัวตนเราค่อยๆ หายไป ช่วงนั้นคือตื่นมาแล้วไม่รู้ว่าตื่นมาทำไม เพื่ออะไร วันนี้ลางานดีมั้ย


จุดนั้นทำให้เราเรียนรู้ว่าเราชอบงานสาย creative มาก และเรามีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ๆ งานหรือคนที่เกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ จากตรงนั้น เมลล่าเลยพยายามย้ายสายงานตัวเองเข้ามาอยู่ใกล้ๆ กับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับงาน creative อย่างพวกสื่อ สิ่งพิมพ์ ธุรกิจบันเทิง คือเราก็ยังทำตำแหน่งเดิมค่ะ แต่พยายามหางานในบ. ที่เกี่ยวกับพวกนี้


ส่วนที่แย่คือ มันแทบไม่มีตำแหน่งที่เราเรียนมาเปิดให้สมัครในบริษัทพวกนี้เลย แล้วต่อให้มันเปิด คุณสมบัติเราก็ไม่ครบ ไหนจะสถานการณ์โควิด มันคือก้าวแรกของความเป็นผู้ใหญ่ของเราแต่เป็นก้าวแรกที่อะไรก็ยากไปหมด ก็เลยเสียศูนย์ไปช่วงนึง คือไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตแบบเก่าค่ะ แต่ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง ที่บ้านก็ไม่ค่อยเห็นด้วยให้ทิ้งโอกาสงานสายตรงไปเลือกบ. สื่อที่ไม่ใช่สายตรงเท่าไหร่ ถึงไม่ว่าแต่ก็ไม่ได้สนับสนุน เลยเหมือนตัวคนเดียวสุดๆ


จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอกค่ะถ้าเทียบกับเรื่องอื่นๆ ที่หลายคนต้องเจอในช่วงโควิด แต่ก็ยอมรับว่ามันทำให้เราสับสนมากๆ ว่าจะทำยังไงต่อกับชีวิต ว่าเรามาถูกทางมั้ยที่ตัดสินใจแบบนี้ เพราะที่ผ่านมาจนอายุ 18 เป็นเด็กดีค่ะ 5555+ ใครสอนอะไรก็เชื่อหมด จนช่วงมหาวิทยาลัยที่เราได้เรียนรู้หลายเรื่องเกี่ยวกับตัวเอง เป็นตัวเองมากขึ้น การหางานครั้งนี้เลยเป็นก้าวแรกที่ต้องรับผลการกระทำของตัวเองเต็มร้อย จะได้งาน ตกงาน ไม่มีเงินให้ครอบครัวก็มาจากการตัดสินใจของตัวเองทั้งนั้น เลยกังวลไปหมด ตอนนี้ก็พยายามทำใจค่ะและรอคำตอบจากบริษัท ไม่ได้ก็ต้องมูฟออนค่ะ ถถถถ


ขอโทษนักอ่าน

ตรงนี้ เมลล่าต้องขอโทษที่ปล่อยให้รอนะคะ หลังจากนี้จะพยายามกลับมาเขียนให้มากขึ้น และจะพยายามเดินต่อค่ะ ตอนนี้ก็ตัวเองก็ใกล้จะกลับมาดี 100% เต็มแล้ว ขอบคุณนะคะที่ยังมาตามงานกัน อาจจะเข้ามาน้อย ตอบช้าไปบ้าง ต้องขออภัยด้วยค่ะ


สำหรับใครที่ชีวิตกำลังมีปัญหาในช่วงนี้ มาแชร์กัน/ ระบายกัน /พิมพ์ทิ้งไว้ ในตอนนี้ได้นะคะ (คิดซะว่าเป็นกระทู้พันทิปค่ะ ถถถ)

เมลล่าไม่รู้ว่ามันจะช่วยอะไรได้มั้ย แต่เราจะค่อยๆ มูฟออนไปพร้อมๆ กันค่ะ

เป็นกำลังใจให้นักอ่านทุกคนเช่นกันนะคะ ขอบคุณค่ะ

ให้หัวใจ <3 <3 <3 สุขสันต์ April Fool Day ค่ะ

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 415
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เป็นกำลังใจให้คุณเมลล่านะคะ  :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ดูเขาแกล้ง 5555555555555
รู้ว่ามันไม่เก็บเอามาคิดยาก แต่ก็พยายามนะตุลย์
เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ

ออฟไลน์ mochi612

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เป็นกำลังใจให้คุณไรท์ทุกๆเรื่องนะคะ รออ่านเสมอ นานแค่ไหนก็รออ

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
26th Night : ซองปริศนา Part 1


      “เล่นโทรศัพท์ไม่สนใจเลยนะ”



      “อ่า ขอโทษครับ” ถูกคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามแซว ตุลย์ก็เงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์



      วันนี้ศานนท์พาเขามาทานมื้อเย็นที่ภัตตาคารอาหารจีนชั้นนำ เพราะไม่ได้แวะมาบ่อยๆ ตุลย์จึงไม่คุ้นเคยกับชื่อเมนูต่างๆ เท่าไหร่นัก ตรงข้ามกับหนุ่มใหญ่รู้จักทุกอย่างดีถึงขนาดสั่งแทนเขาได้ มิหน้ำซ้ำรสชาติแต่ละจานยังถูกปาก



      “ทำอะไรอยู่” เห็นว่าเขาง่วนอยู่กับโทรศัพท์ ศานนท์ก็เลียบเคียงถาม



      “อ้อ คุยกับพี่ที่กองครับ เรื่องต่อจากงานเมื่อตอนเช้าน่ะ” ตอบเลี่ยงๆ



      ความจริงเขากำลังคุยผู้จัดละครคนก่อนต่างหาก...




      ที่บ่ายเบี่ยงไม่ใช่ว่าตุลย์อยากปกปิด แต่เมื่อเช้าสาวเจ้าส่งข้อความซ้ำผ่านทางแชต ขอร้องให้เขาช่วยเก็บเหตุการณ์เมื่อคืนเป็นความลับในฐานะที่วินทร์เป็นเพื่อนที่เธอคบค้าสมาคมด้วยมานาน โดยเฉพาะกับคนที่เป็นผู้จ้างรายใหญ่ และมีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องของเขาอย่างศานนท์ เพราะเกรงว่าหากความถึงหูฝ่ายนั้น ชีวิตในวงการบังเทิงของดาราหนุ่มอาจไม่ได้ผุดได้เกิด



      วินทร์เคยแนะนำอะไรให้เขาหลายอย่าง เขาไม่อยากเห็นอีกฝ่ายอนาคตดับเพียงเพราะเรื่องเมื่อคืนจริงๆ ...



      “เครียดเชียว แน่ใจนะว่าไม่เป็นไร? ”



      ศานนท์จับสังเกตได้ ตุลย์ก็ยิ้มแห้งๆ “ไม่เป็นอะไรหรอกครับ แค่เหนื่อยนิดหน่อย ผมว่าช่วงนี้ผมคงทำงานหนักเกินไป”



      “ถ้างั้นไปเที่ยวพักร้อนกับฉันมั้ยล่ะ”



      “ที่ไหนครับ? ”



      “ฝรั่งเศสดีมั้ย อย่างปารีส หรือคานส์”



      ทีแรกตุลย์คาดว่าคงเป็นที่พักตากอากาศต่างจังหวัด แต่พอได้ยินว่าต่างประเทศซ้ำยังเป็นโซนยุโรป เขาก็ปั้นหน้าไม่ถูก ซึ่งศานนท์ก็ดูจะชอบใจสีหน้าเหลอหลาของเขาเวลาถูกเซอร์ไพร์ซเสียเหลือเกิน



      “แต่ผมพูดฝรั่งเศสไม่ได้นะ”



      “เธอพูดอังกฤษพอได้ไม่ใช่เหรอ? แค่นั้นก็ใช้ได้แล้ว”



      แน่นอนว่านอกจากค่าเทอมแพงหูฉี่แล้ว ภาษาอังกฤษก็เป็นหนึ่งในทักษะที่เขาเรียนรู้จากความดันทุรังอยากเข้าคณะอินเตอร์ สภาพแวดล้อมที่แข่งขันสูงบีบบังคับให้เขาต้องทำได้เท่ากับคนอื่นๆ ซึ่งนั่นทำให้เขาฝึกฝนจนสามารถสื่อสารและเขียนตอบภาษาที่สองได้ปานกลาง



      “ไปช่วงปิดเทอมมั้ย? เธอจะได้ว่าง ที่จริงฉันกำลังหาโอกาสลาพักร้อนอยู่พอดี ไม่ได้เที่ยวติดๆ กันนานจนจำครั้งสุดท้ายไม่ได้แล้ว เรื่องงานในวงการเธอไม่ต้องห่วง ฉันจะให้ซินดี้เคลียร์เวลาช่วงนั้นไว้ให้ แบบนี้เป็นยังไง? ”



      ตุลย์ผงกหัว “ครับ โอเคครับ”



      แค่จินตนาการถึงตอนนั้นเขาก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว




      “แล้วเธออยากแพลนทริปเองมั้ย ถ้าไม่ ฉันจะให้คนแพลนให้...”



      “ใครเหรอครับ? ”



      “อัฐ”



      ได้ยินชื่อตุลย์ส่ายหน้าหวือ ส่วนศานนท์ยิ้มขำเหมือนรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องปฏิเสธ



      “ผมแพลนเองดีกว่า ถ้าให้เขาแพลน ผมกลัวจะโดนหลอกไปฝังหิมะตอนคุณไม่อยู่น่ะสิ”


-------------------------



      ออกจากร้านอาหาร ตุลย์ก็นั่งจิ้มโทรศัพท์ค้นสถานที่ท่องเที่ยวมาตลอดทาง ก่อนจะย้ายมานั่งจุ้มปุกบนเตียงที่ห้องของศานนท์หลังอาบน้ำเสร็จเพราะอยากหารือกับอีกคนต่อเรื่องทริปที่คุยกันไว้



      ตุลย์เปิดรูปสถานที่ที่เขาสนใจให้เจ้าของห้องดูเป็นระยะ แต่โดยมากแล้ว ศานนท์จะเป็นฝ่ายแนะนำเขาเสียส่วนใหญ่ เพราะหลายที่เจ้าตัวเคยเดินทางไปมาแล้ว



      พวกเขานั่งคุยกันเรื่อยเฉื่อยจนกระทั่งความใกล้ชิดทำให้เผลอจูบกัน และเริ่มเลยเถิดเมื่ออารมณ์พาไปจนตุลย์ต้องยอมวางโทรศัพท์ เปลี่ยนมาทำ ‘เรื่องอย่างอื่น’ กับหนุ่มใหญ่บนเตียงแทน เซ็กซ์กับผู้ชายคนนี้ยังทำให้รู้สึกดีจนยากจะปฏิเสธเหมือนเคย



      ความขี้เกียจลุกจากเตียงหลังมีเซ็กซ์ทำให้เขานอนเล่นจนผล็อยหลับไปตอนไหนก็ไม่ทราบ รู้สึกตัวตื่นมาอีกทีก็พบว่าห้องทั้งปิดไฟมืดสนิท ได้ยินแค่เสียงเครื่องปรับอากาศเบาๆ แต่ไร้เงาเจ้าของห้อง



      การงีบหลับสั้นๆ ทำให้ตุลย์งัวเงีย ขยี้ตาไล่ความง่วงอยู่หลายนาที กว่าจะสามารถตัวเองเดินลงมาชั้นล่างที่เปิดไฟสว่างโล่งได้



      “คุณไม่ขึ้นไปดูข้างบนเหรอ? ”



      ได้ยินน้ำเสียงแหบงัวเงียของเขา เรียกให้ศานนท์เบนสายตาจากรายการทีวี เจ้าของบ้านเอกเขนกอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นโดยที่มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ และมีของกินเล่นตั้งไว้บนโต๊ะแก้ว



      “ตื่นแล้วเหรอ? เห็นว่าเธอหลับสนิทเลยไม่อยากกวนน่ะ”



      “ผมแค่งีบ ไม่ได้กะหลับจริงๆ หรอก ...แล้วทำอะไรอยู่ครับ? ”



      “ดูแนวโน้มหุ้นน่ะ”



      ตุลย์ชะโงกดูจอมือถือของหนุ่มใหญ่ก็เห็นข่าวต่างประเทศบ้าง แท่งกราฟสีแดงๆ เขียวๆ บ้าง ซึ่งเขาไม่สันทัดเอาเสียเลย



      “ขึ้นไปดูบนห้องสิครับ”



      “โอเค ก็ได้ๆ ” ศานนท์เอื้อมมือมาลูบหัวเขาทีหนึ่งเป็นเชิงว่าจะทำตาม “แล้วจองอะไรหรือยัง? ”



      “อ่า...” ถึงตรงนี้ตุลย์ก็ชะงัก



      ที่จริงเขาเลือกเที่ยวบินและที่พักเสร็จแล้ว แต่เหตุผลที่ยังไม่ได้จองเป็นเพราะบัญชีตัวเองเหลือเงินไม่พอจ่ายกระทั่งตั๋วเครื่องบินหนึ่งที่ จริงอยู่ที่เขาสามารถเงินได้จากวงการบันเทิงได้ครั้งละมากๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่า พักหลังมานี้เขาใช้จ่ายเงินไปกับปาร์ตี้และของฟุ่มเฟือยในจำนวนที่มากพอๆ กัน



      “ยังครับ คือว่า... ผมถังแตกนิดหน่อย”



      “ปาร์ตี้หนักนะเดี๋ยวนี้”



      ถูกแซวตุลย์ก็ยิ้มแหยๆ อย่างไม่มีอะไรจะแก้ตัว ศานนท์จึงบัตรเครดิตใบหนึ่งในจำนวนหลายใบยื่นให้เขา



      “เอานี่รูดไปก่อน ขาดเหลือยังไงก็บอกฉัน ส่วนเรื่องเงินฉันโอนให้สี่หมื่นก่อนแล้วจะออกบัตรเครดิตตามให้ พรุ่งนี้ว่างหรือเปล่าล่ะ? ”



      “ก็ว่างอยู่ครับ ผมมีเรียนแค่ช่วงบ่าย”



      หนุ่มใหญ่พยักหน้า “งั้นฉันยืมตัวเธอตอนเช้าแล้วกัน”



      และเป็นไปตามที่ให้สัญญาไว้ เช้าต่อมาตุลย์ตามศานนท์ไปทำเรื่องที่ธนาคาร และไม่กี่วันถัดจากนั้น ซองบัตรเครดิตจ่าหน้าเป็นชื่อเขาก็ส่งตรงมาถึงบ้าน



      วงเงินในบัตรที่ศานนท์ออกให้มากกว่าเงินในบัญชีเขาหลายเท่า แถมฝ่ายนั้นเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด เรียกว่าใจป้ำสุดๆ ชนิดที่คำว่าขอบคุณจากเขาดูจะน้อยไปเสียด้วยซ้ำ



--------------------------



      ช่วงพักเที่ยววันหนึ่งตุลย์และแม็กยืนรอจีจี้อยู่ที่หน้าคณะ เนื่องจากเธอขอเวลาคุยกับแก๊งเพื่อนสาวก่อนตามลงมา แต่ประโยคแรกที่เจ้าหล่อนพูดหลังเจอหน้ากันนั้นเล่นเอาผู้ฟังทั้งคู่ช็อกไปตามๆ กัน



      “เมื่อกี้จี้เพิ่งบอกให้กายเลิกยุ่งกับพวกเรา”



      “ห๊ะ แล้วมันว่าไง? ”



      “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ เขาก็นิ่งๆ ไป จี้พูดเสร็จก็เดินออกมาเลย ไม่ได้อยากหักหน้ากายต่อหน้าเพื่อนเยอะๆ หรอก แต่เราทนไม่ไหวแล้วล่ะ ทำไมต้องมานั่งระแวงเขาแทนที่จะใช้ชีวิตนักศึกษาให้เต็มที่” เธอมุ่ยหน้า ปากคว่ำ



      เห็นว่าภายนอกดูสดใสไร้พิษภัย เอาเข้าจริงจีจี้ก็ใจเด็ดใช่ย่อยที่กล้าเข้าไปเคลียร์กับกายตัวต่อตัว



      “จีจี้เก่งมาก” ตุลย์ยกนิ้วให้



      ฝ่ายหญิงสาวหัวเราะแห้งๆ เหมือนยังประหม่าอยู่ “จี้ก็ไม่แน่ใจว่าทำถูกมั้ย แต่ต่อจากนี้ถ้าเกิดเรื่องอะไรกับจี้ขึ้นมา ทุกคนต้องรู้ว่าเป็นฝีมือกายแน่นอน ถึงตอนนั้นจะเอาเรื่องให้หนักเลย! ”



      “เราไม่ปล่อยให้จี้เป็นอะไรหรอกน่า” แม็กกำชับ



      เหตุผลที่กายไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามกับเธอเหมือนที่ทำกับเขา นอกจากที่จีจี้เป็นผู้หญิงแล้ว ส่วนหนึ่งก็เพราะครอบครัวของเธอเส้นสายหนาอยู่พอตัว หากผิดใจอะไรแค่ชดเชยค่าเสียหายอย่างเดียวคงไม่พอ



     จริงสิ...



      วินาทีนั้นตุลย์ก็คิดได้



      สถานะของเขาในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากจีจี้



      เขาไม่ได้ตัวคนเดียว และไม่ต้องพยายามให้มีชีวิตรอดไปวันๆ เหมือนเมื่อก่อน



      ...บางทีตอนนี้อาจถึงเวลาที่เขาต้องวางความรู้สึกหนักอึ้งในใจลงเสียที

 






      การสอบในคาบบ่ายเป็นไปตามปกติ แต่ไม่ได้ราบรื่นสำหรับทุกคน โดยเฉพาะแม็กที่เอาแต่กุมหัว บ่นกระปอดกระแปดว่า ‘ทำไม่ได้ๆ ’ ตลอดทางหลังออกจากห้อง ในขณะที่เขาและจีจี้เห็นตรงกันว่าข้อสอบไม่ยากขนาดนั้น และหากอีกฝ่ายยังสอบตกก็สมควรดรอปเรียนแล้วลงซ้ำปีหน้า



      “ก็มึงมันฉลาดนี่ มึงก็พูดได้! ” แม็กหันมาแขวะใส่เขา เล่นเอาจีจี้หัวเราะร่า



      ตุลย์แยกกับเพื่อนมารอเต้ที่ใต้ตึกคณะบริหารเพื่อกลับพร้อมกันเหมือนทุกครั้ง เขาเลื่อนจอโทรศัพท์ดูฟีตข่าว และคลิปสั้นๆ บนไทม์ไลน์ฆ่าเวลาพลางๆ จึงไม่ทันได้ยินเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาและหยุดลงตรงหน้าเขา



      “มึงพูดอะไรกับจีจี้? ”



      จู่ๆ ตุลย์ก็ถูกกระชากคอเสื้อให้ลุกขึ้น เขาไม่ทันตั้งตัวประกอบกับตกใจจึงทำโทรศัพท์หลุดมือ ก่อนกระชากเสื้อตนเองจากเงื้อมมือผู้กระทำตามสัญชาตญาณ



      ผู้ชายคนนั้นคือกาย...



      “อ้าปากตอบกูดอกพิกุลมันจะร่วงรึไง”



      ความกลัวที่เกิดจากความเคยชินทำให้ตุลย์พูดไม่ออกทีแรก แต่พอถูกสบประมาท เขาก็ได้สติ



      “กูไม่ได้พูดอะไร มันเป็นการตัดสินใจของจี้เอง มึงเลิกยุ่งกับกูได้แล้ว”



      “หึ ปากดีขึ้นนะพักนี้” กายเค้นยิ้ม มองเขาด้วยสายตาเหยียดหยัน “แค่มึงดัง มีไอ้เต้ตามติดแจ แล้วคิดว่าจะเหิมเกริมใส่กูได้เหรอ”



      เขาเม้มปากแน่น “มีแต่มึงนั่นแหละที่คิดว่าทำกับกูได้เหมือนเดิม...”



      กายทำให้เขารู้สึกประหม่าและไม่เป็นตัวเอง ตุลย์จึงเดินหนีออกมาเพราะไม่อยากต่อล้อต่อเถียง แต่จู่ๆ เขากลับถูกกระชากผมอย่างแรงจนหงายหลังใส่ผู้กระทำ ความเจ็บแปล๊บที่หนังศีรษะทำให้ตุลย์กระทุ้งศอกใส่กลางลำตัวอีกฝ่าย แล้วผละออกให้ตนเองเป็นอิสระ



       เขาสวนหมัดหนึ่งใส่กายด้วยความโกรธ แต่เพราะไม่ชำนาญในสนามจริงจึงถูกปลายคางคู่ต่อสู้แบบถากๆ แต่ก็ไล่ให้ถอยห่างไปได้สำเร็จ



      “ไอ้ลูกหมาเอ้ย! ” กายกุมคาง คำรามอย่างเกรี้ยวกราดและกำหมัดจะต่อยเขา



      แต่จังหวะที่กำปั้นพุ่งผ่านอากาศ กายกลับถูกโถมใส่จากด้านข้างจนเสียหลักก่อนจะโดนซัดเข้าเต็มๆ ที่แก้มซ้าย



      การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเต้ทำให้กลุ่มเพื่อนของกายที่ยืนอยู่วิ่งกรูเข้ามาแยก ก่อนที่คนพวกนั้นจะโดนลูกหลงจากการตะลุมบอนไปด้วย ตุลย์ปรี่เข้าไปตั้งใจจะช่วยเต้ แต่กลับโดนอีกฝ่ายผลักออกให้พ้นรัศมี



      เต้เหวี่ยงเพื่อนของกายที่เข้ามาขวางทิ้งก่อนถลาใส่ตัวการที่ถอยกรูดไปตั้งหลัก เขาโดนกายประเคนหมัดเข้าที่หน้า แต่ก็ได้โอกาสซัดฝ่ายตรงข้ามเต็มๆ เช่นกัน ความได้เปรียบด้านเทคนิคและพละกำลังทำให้กายถูกต้อนจนติดมุมเสา แต่ก่อนจะโดนเล่นงานจนถึงขั้นเลือดตกยางออก เสียงตะโกนห้ามก็ดังลั่นจากด้านหลัง



      “หยุดๆ ๆ ๆ! ผมบอกให้หยุด! ที่นี่สถานศึกษา พวกคุณเป็นนักศึกษานะไม่ใช่นักเลง! ”



      เจ้าของเสียงคือคณบดีที่ผ่านมาพร้อมกับเหล่าคณาจารย์จำนวนหนึ่ง



      อาจารย์หลายคนดูตื่นตกใจอย่างมาก ขณะที่บางคนรีบพุ่งมาห้ามและแยกพวกเขาออกจากกันในจังหวะที่ยังพอทำได้ ตำแหน่งคณบดีนั้นน่าเกรงขามพอให้ทั้งคู่เลิกล้มความตั้งใจวิวาทต่อ ถึงอย่างนั้นอารมณ์คุกรุ่นก็ยังไม่หายไป

 
-------------------------------



กลับมาแล้วค่าา หลังจากหายไปยี่สิบกว่าวัน T__T

เกรงใจมากเลยค่ะที่ปล่อยให้รอ คิดซะว่าเรื่องนี้ไว้อ่านค่าเวลาเล่นๆ ก็ได้ ฮือออ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจและคอมเม้นท์จากตอนที่แล้วมากๆ นะคะ

รักนักอ่านมากๆๆๆ ค่ะ <3 <3

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิกาย  น่าจะถูกจัดการให้สิ้นซากนะ  หลังเหตุการณ์นี้เนี่ย

ออฟไลน์ kimkidoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กายแบบพักก่อนอะไรกับตุลย์นักหนาาาาา
ตุลย์จะได้ไปเที่ยวจริงๆใช่ไหมมมขอให้ได้ไป
ส่วนซองยังไม่มาใช่ไหมนะ???????
เป็นกำลังใจให้นักเขียนน้าาาา รอเสมอจ้าาา :katai4:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เจ็บตัวจนได้  :ling2:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เป็นเรื่องอีกแล้ว เฮ้อ

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 415
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตุลย์เก่งมากลูก ซัดกายให้หน้าหงายได้ ก้าวผ่านความกลัวได้แล้วววว

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
อ่านได้เพลิน ๆ เสมอ มาอัพก็ดีใจ อัพช้าไม่ว่ากัน เพราะเราก็นาน ๆ มาที ฮ่าๆๆๆๆๆ

จากประสบการณ์นะ หลาย ๆ ครั้งงานที่ทำก็ไม่ได้ตรงกับสายงานที่เรียนมาหรอก เราเรียนสายภาษา ปริญญาโทก็ยังสายภาษา ได้ใช้ทำงานล่ามงานแปลเป็นอาชีพส่วนตัว

ส่วนงานหลักที่ทำอยู่ทุกวันคือบริหารกิจการของครอบครัว ทำทุกสิ่งตั้งแต่จัดการงานบริการลูกค้ารายวัน บัญชี การตลาด บริหารคน วางแผนระยะยาว ระยะสั้น ทั้งหมดนี้ไม่เคยเรียนเลย  มันท้าทายมาก

แต่เราสนุกกับทุกเรื่องที่ทำ เพราะมันคือการสั่งสมประสบการณ์และได้เรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ 

ไม่ว่าจะทำงานอะไร ต่อให้เป็นงานที่รัก มันก็จะมีมุมที่เราไม่ค่อยชอบหรือไม่ถนัด แต่ความสนุกและความสุขที่ได้ทำงานที่รักจะช่วยให้เรารู้สึกว่าสิ่งที่ไม่ชอบไม่ใช่เรื่องใหญ่ และยอมรับได้ง่ายว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เรารัก

ขอให้ได้งานที่ทำแล้วมีความสุขนะคะ

ออฟไลน์ LoveAlone

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
26th Night: ซองปริศนา Part 2


เหตุการณ์ชุลมุนที่เกิดขึ้นทำให้ทั้งหมดต้องมาลงเอยอยู่ที่ห้องประชุม ก่อนที่คณบดีจะวานให้เลขาโทรหาเจ้าหน้าที่กองกิจการนักศึกษาซึ่งเป็นผู้รับชอบเรื่องระเบียบให้ดำเนินการต่อ โดยระหว่างที่รอนั้น ทั้งสองฝ่ายก็ถูกเทศสั่งสอนไปตามระเบียบเพราะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมรับว่าตนผิด



ตุลย์ยืนกรานอยู่หลายรอบกว่าจะทำให้อาจารย์เชื่อได้ว่ากายเป็นฝ่ายเข้ามาหาเรื่องก่อนโดยที่เขาไม่ได้ยั่วยุ กระนั้นคนถูกกล่าวหาก็หาได้มีท่าทางทุกข์ร้อนไม่ จะมีก็แต่เพื่อนของกายที่เข้ามาช่วยห้ามเหตุแล้วถูกลูกหลงตอนชุลมุนเข้าที่ดูเป็นเดือดเป็นแค้นนัก



ไม่นานเจ้าหน้าที่จากกองกิจการนักศึกษาก็มาถึงพร้อมตำรวจยศผู้น้อยนายหนึ่ง ทั้งหมดถูกสอบสวนเบื้องต้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นกลับทำให้ตุลย์โกรธสุดๆ เพราะแทนที่จะแจ้งความ ตำรวจคนนั้นกลับพยายามไกล่เกลี่ยให้เรื่องจบตามกระบวนการของมหาวิทยาลัย แม้ว่าเขาจะยืนยันตรงกันข้าม



การเจรจาจบลงโดยที่เจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้ความช่วยเหลือพวกเขาทางคดี และปล่อยให้ทางมหาวิทยาลัยเป็นผู้จัดการดูแลแทน ตุลย์กำหมัดแน่น ทำได้แค่มองคู่กรณีเดินผ่านหน้าเขาออกไปจากห้องพร้อมกับเจ้าหน้าที่และกลุ่มเพื่อนด้วยรอยยิ้มของผู้ชนะ



ลับหลังเจ้าที่หน้า คณบดีก็ตามออกมาคุยกับพวกเขา



“ทางที่ดีที่สุด คุณควรแจ้งความไว้ก่อน ผมจะช่วยตามเรื่องให้ แต่ไม่รับประกันนะว่าจะช่วยได้แค่ไหน”



ร่างโปร่งละสายตาจากกลุ่มคนที่เดินหายไป เขามองคณบดีอย่างตั้งแง่



เมื่อกี้ผู้ชายคนนี้ไม่ได้พูดเข้าข้างพวกเขาด้วยซ้ำ



รับรู้ถึงกระแสความไม่พอใจนั้น คู่สนทนาจึงรีบแก้ต่าง “อย่าเข้าใจผิด... ผมอยากทำให้มันถูกต้อง แต่เรื่องนี้อยู่เหนืออำนาจของผม กายมีประวัติเรื่องทะเลาะวิวาทยาวเป็นหางว่าว นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโดนมหาวิทยาลัยสอบสวน แต่ก็อย่างที่คุณเห็น... เขาไม่เคยโดนลงโทษ”



“แต่มหา’ลัยควรเป็นที่ปลอดภัยสำหรับนักศึกษาไม่ใช่เหรอครับ? ”



“ก็ถูกของคุณ...” คณบดีมีสีหน้าอ่อนใจ “ถ้าคู่กรณีเป็นคนอื่น ผมมั่นใจว่าช่วยคุณได้ แต่กายเป็นลูกชายส.ส. ไชยวัฒน์... เขามีบุญคุณเส้นสายกับมหาวิทยาลัยมาตั้งแต่เก่าแต่ก่อน แม้แต่ท่านอธิการก็สนิทกับเขา พูดตามตรงเรื่องนี้เหนืออำนาจผมอยู่มาก ผมช่วยได้แค่คอยดันเรื่องคดีความให้ถ้าคุณแจ้งความ แต่คงรับประกันอะไรไม่ได้...”



ตุลย์เบ้ปาก สีหน้าผิดหวัง เขาขอแค่ความยุติธรรม แต่คำตอบของคณบดีไม่ใกล้เคียงกับสิ่งที่คาดหวังเลย



ไม่ทันได้พูดอะไรต่อไปมากกว่านั้น เขาก็ถูกเต้คว้าไหล่ไว้ สภาพของอีกฝ่ายมีแผลฟกช้ำตามใบหน้าและมุมปากประปราย แต่แววตาไร้ความกังวล



“เลิกเถียง เสียเวลา โทรหาเสี่ย”



“ห๊ะ...? ” ตุลย์มุ่นคิ้วเล็กน้อย



เดาไม่ออกว่าคนที่ถูกกล่าวถึงจะช่วยเขาอย่างไรและด้วยวิธีใด จนเต้ต้องพูดย้ำอีกรอบ



“เออน่าโทรไปก่อน... เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง เขาช่วยได้แน่”



--------------------



ฝนตั้งเค้าทะมึนก่อนจะตกกระหน่ำลงมาในเย็นวันนั้น รถซีดานยี่ห้อหรูแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณอาณาบริเวณบ้าน ก่อนที่ชายหนุ่มจะลงจากรถเหมือนทุกวัน



ผลจากการตะลุมบอนเมื่อเย็นทำให้กายได้แผลฟกช้ำมาหลายจุด อาการปวดหนึบที่ต้นแขนและแก้มขวาส่งผลให้เขานิ่วหน้าสบถด้วยความรำคาญ ก่อนจะจุดบุหรี่สูบตอนที่เดินเข้ามาใต้ชายคาคฤหาสน์หลังใหญ่สไตล์ยุโรปโอ่อ่าที่ด้านในเปิดไฟสลัว



“อะไรวะ... เดี๋ยวนี้แม่งถังแตกจนต้องประหยัดไฟแล้วเหรอ”



ร่างสูงสับสวิตช์เปิดไฟด้วยอารมณ์หงุดหงิด แสงจากหลอดนีออนขาวสว่างสาดทั่วพื้นที่บ้านเผยให้เห็นชายวัยกลางคนซึ่งนั่งนิ่งงันอยู่บนโซฟา โต๊ะด้านหน้าเขามีทั้งขวดบรั่นดีและขวดเบียร์วางระเกะระกะ ดวงตาคู่นั้นหยีเล็กเพราะไฟที่สาดลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว



“เมื่อไหร่แกจะทำตัวเป็นผู้เป็นคนเลิกสร้างปัญหาให้ฉันตามล้างตามเช็ดซะที! ”



ครั้นพอปรับสายตาได้ ผู้เป็นพ่อก็ตวาดด้วยเสียงแห้งผาก แววตาโกรธขึ้งจนสังเกตเห็นเส้นเลือดที่ขมับจ้องมายังเขา



หึ… ดูสารรูปสิ



กายเค้นเสียงในคออย่างนึกสมเพช



“มีปัญหาก็จ่ายเงินปิดปากให้มันเงียบซะสิ จะไปยากอะไร ปกติก็เลี้ยงลูกตัวเองแบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ” เขาเหยียดยิ้ม



“ไม่… แกมันโง่ แกไม่เข้าใจว่าทำอะไรอยู่... ”



ผู้เป็นพ่อส่ายหน้าก่อนจะลุกจากโซฟา เดินเข้ามาใกล้ทั้งที่ในมือถือแก้วเป็กใส่บรั่นดี



“เมื่อไหร่สมองโง่ๆ ของแกจะรู้จักคิดเรื่องอย่างอื่นนอกจากสร้างปัญหาให้ฉันไม่เว้นวันบ้างวะ!? ”



“จะหัวเสียอะไรนักหนาวะ กะอีแค่เรื่องทะเลาะวิวาท? เพราะช่างบงการอย่างงี้ไง มิน่าเมียถึงได้ทิ้ง”



เพี๊ยะ!



คาดไม่ถึงว่าคู่สนทนาจะกล้าตบหน้าเขาหลังสิ้นประโยคนั้น แก้มที่เจ็บระบมอยู่แล้วพลันชาไปชั่วขณะ กายชักสีหน้าขึงขัง ทว่าสิ่งที่ผู้เป็นพ่อพูดต่อมาเหนือความคาดหมายเขาไปมาก



“แกโดนพักการเรียนเทอมนึงรู้มั้ย! ทีนี้เข้าใจหรือยังว่าแค่เงินมันแก้ปัญหาไม่ได้! ”



“อะไรนะ!? ” กายขมวดคิ้วแน่น “มีเส้นสายตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ ก็ใช้เส้นสายไม่ได้รึไง จะมัวหวงอะไรนักหนา”



“หุบปาก! ”



ไชยวัฒน์ตวาดลั่นอย่างเหลืออด



“แกไม่รู้เลยใช่มั้ยว่ากำลังยุ่งอยู่กับใคร!? เด็กที่แกไปยุ่งด้วยมันเป็นเด็กของเสี่ยศาน ที่ฉันเป็นส.ส. ได้ทุกวันนี้ก็เพราะได้เงินทุนจากเขา ถ้าถูกตัดหางปล่อยวัดขึ้นมา แกยังคิดว่าจะนอนสบายใจในบ้านหลังนี้ได้อีกเหรอ ฉันถึงได้บอกว่าแกมันโง่! แกจะทำลายสิ่งที่ฉันสร้างมาทั้งชีวิต! ”



สิ่งที่ได้ฟังทำให้ตกใจไม่น้อย แต่ชั่วครู่เดียวมันก็เปลี่ยนเป็นความสมเพช



“เออ ก็เพราะสนใจแต่ชีวิตห่าเหวของตัวเอง บ้านมันถึงได้เหลือกันอยู่แค่นี้ไงล่ะวะ! ”



“กาย! ”



ผู้เป็นพ่อคว้าแขนแต่กายสะบัดตัวออก เขาสาวเท้าผ่านโถงห้องนั่งเล่นขึ้นบันไดไปยังห้องนอนชั้นบน ก่อนกระแทกประตูปิดเสียงดังสนั่นและขว้างกระเป๋าลงบนเตียง



แสบนักนะตุลย์!



กายกัดฟันกรอด เขาไม่ได้โกรธถูกร่างโปร่งตอบโต้ แต่โกรธที่ต้องปล่อยมือจากของรักของหวงต่างหาก



ที่ผ่านมา เขาเย้ยเยาะถากถางตุลย์ว่านอนกับคนนั้นคนนี้ก็เพราะถูกใจท่าทางที่ทำเป็นว่าเข้มแข็ง ทั้งที่แววตาหวาดหวั่น



...มันเป็นสิ่งที่กระตุ้นสัญชาตญาณดิบในตัวเขาได้ดีเสมอมา จนบางครั้งก็อดสงสัยไม่ได้ว่าต้องออกแรงบีบเค้นแค่ไหนก่อนที่เปลือกนอกอันเปราะบางนั้นบุบสลายเหลือแค่เพียงเนื้อในอันเปลือยเปล่า



และยิ่งอีกฝ่ายขัดขืนหรือพยายามตอบโต้กลับ เขาก็ยิ่งอยากเอาชนะ



เจ้านกตัวนี้ เขาเคยเป็นเจ้าของ เคยได้ครอบครองมัน เขาจึงไม่คิดจะปล่อยให้มันบินหนีจากกำมือไปง่ายๆ



ทว่าตอนนี้ใครไม่รู้กลับแย่งเอามันไปหน้าตาเฉย แถมคนคนนั้นยังเป็นนายทุนเงินหนาที่ลำพังอำนาจของพ่อเขาแตะต้องไม่ถึงอีก!



“โธ่เว้ย!! ” กายสบถ



ขวดแก้วน้ำดื่มที่วางทิ้งไว้บนชั้นวางถูกเขวี้ยงใส่ผนังจนแตกละเอียด ก่อนที่ร่างสูงจะกวาดของบนโต๊ะอีกตัวหล่นลงมากระจัดกระจายเต็มพื้นห้องระบายอารมณ์เกรี้ยวกราดกับไฟสุ่มอัดแน่นในอก



เขาไม่ยอมปล่อยตุลย์ไปง่ายๆ แน่ ไม่มีวัน!



ขณะที่พยายามคิดว่าจะทำอย่างไรต่อ กายก็เหลือบไปเห็นโทรศัพท์ที่หล่นออกมาจากกระเป๋าแบคว่ำอยู่บนเตียง นาทีนั้นเชาก็นึกบางอย่างขึ้นได้



คืนที่เจอตุลย์ในโรงแรม...



“หึ” หวนคิดถึงเรื่องคราวนั้น รอยยิ้มสบอารมณ์ปรากฏขึ้นที่มุมปาก



วิธีไหนก็ได้ ขอแค่เรื่องไม่ถึงหูนายทุนคนนั้นก็พออย่างงั้นสิ?



--------------------



เพราะว่างจากการเรียนและคิวถ่ายงาน ตุลย์จึงกลับถึงบ้านตั้งแต่บ่ายโมงโดยที่เต้มาส่ง และเพื่อไม่ให้เสียเที่ยวเปล่า ทั้งคู่จึงแวะทานข้าวกลางวันที่ห้างใกล้ๆ ระหว่างทางก่อนที่เต้จะแวะส่งเขาหน้าประตูบ้านและตีรถกลับไป



“คุณหนูคะ มีพัสดุมาค่ะ”



กลับมาถึงได้ครู่เดียว แม่บ้านก็ชะโงกหน้าเรียกเขาจากในห้องครัว สักพักใหญ่ๆ เธอจึงเดินออกมาพร้อมซองกระดาษสีน้ำตาลขนาดเท่าเอสี่ในมือ



“ให้ป้าวางไว้ตรงไหนดีคะ”



“ไว้กับผมก็ได้ครับ” ตุลย์รับพัสดุมาวางไว้ข้างตัว “ขอบคุณนะครับ”




“งั้น... ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ป้ากลับแล้วนะคะ”



“ครับ” ตุลย์ยิ้ม เอ่ยล่ำลาหญิงวัยกลางตามมารยาทเหมือนทุกครั้ง




เขามัวแต่แชตกับเพื่อนไม่ได้ให้ความสนใจกับพัสดุในทีแรก จนกระทั่งการอยู่บ้านคนเดียวเริ่มทำให้รู้สึกว่างเกินไป ตุลย์จึงหันมาแกะซองระหว่างที่หยิบขนมขบเคี้ยวยัดใส่ปากเล่นฆ่าเวลา



ความเบื่อหน่ายระคนงุนง่วงทำให้เขาไม่ทันสังเกตว่าหน้าซองปราศจากชื่อและที่อยู่ของผู้ส่ง เขาเริ่มเอะใจถึงความไม่ชอบมาพากลตอนที่พบแค่แฟลชไดรฟ์เล็กๆ ในซองพลาสติกกันน้ำด้านใน และที่สำคัญมันไม่ใช่ของเขา




“อะไรเนี่ย...” ตุลย์ขมวดคิ้ว



ความกังวลเริ่มก่อตัวขึ้นเล็กๆ เขาพยายามทบทวนความจำ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเพราะเหตุใดถึงมีแฟลชไดรฟ์จ่าหน้าซองส่งมาถึงเขา



ตุลย์ชั่งใจว่าควรทำอย่างไรกับพัสดุที่ดูไม่ชอบมาพากลตรงหน้า เพราะไม่ว่าใครก็คงไม่อยากส่งโน้ตบุ๊กเครื่องใหม่เคลมศูนย์ทั้งที่เพิ่งซื้อปีแรก แต่ลังเลอยู่พักใหญ่ที่สุดความสงสัยก็เป็นฝ่ายชนะ



ตุลย์ตัดสินใจต่อแฟลชไดรฟ์เข้ากับโน้ตบุ๊กเพื่อเปิดดูข้อมูลด้านใน ภายในโฟลเดอร์นั้นมีเพียงไฟล์วิดีโอไฟล์หนึ่งบันทึกไว้ เขาคลิกเปิดวิดีโอดังกล่าวด้วยความฉงนระคนนไม่แน่ใจ



หน้าต่างสีดำขยายใหญ่บนหน้าจอคล้ายกำลังประมวลผล วินาทีต่อมามันก็แสดงภาพเตียงคิงไซส์ในห้องเปล่าๆ ที่ตกแต่งเป็นระเบียบเรียบง่าย ดูไปดูมาแล้วคล้ายกับโรงแรมที่ยังไม่มีผู้เข้าพัก



ในคลิปมีเสียงทุ้มที่คาดว่าเป็นของผู้ชายสองสามคนกำลังคุยกันฟังไม่ได้ศัพท์ จากนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตู



ก๊อก ก๊อก ก๊อก



‘มาแล้วว่ะ’



‘กำลังรออยู่เลย…’




คำพูดเหล่านั้นเป็นหนึ่งในไม่กี่ประโยคที่ตุลย์ฟังออก จากนั้นก็ได้ยินเสียงปิดงับประตูตามหลัง ปรากฏว่าร่างร่างหนึ่งถอยเข้ามาในเฟรมพร้อมกับชายอีกสามคน ก่อนที่ร่างนั้นจะถูกหนึ่งในกลุ่มผลักหงายหลังลงบนเตียงและคร่อมเอาไว้



วินาทีที่ใบหน้าของบุคคลในวิดีโอปรากฏชัด ตุลย์เย็นวาบไปถึงกระดูก ชาดิกไปทั้งตัวเหมือนถูกแช่แข็ง



ลมหายใจเข้าออกที่เคยเป็นปกติจู่ๆ เสียดแทงปอดราวกับสิ่งที่สูดเข้าไปนั้นคือคมมีด อึดอัด หายใจไม่ออกจนรู้สึกอยากอาเจียนขึ้นมา



เพราะใบหน้าของคนในคลิปนั้น คือตัวเขาเอง...





-------------------------------------



เมลล่ากลับมาแล้วน้า กลับมาแบบเงียบๆ แฮร่
เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตที่ไร้ทิศทางสุดๆ เลยค่ะ ปรับตัวให้เข้ากับอะไรไม่ได้สักอย่าง
ตอนนี้ไม่มีสติสุดๆ เลยค่ะ 5555 รู้แค่ว่าต้องเขียนต่อ เขียนไปต่อเรื่อยๆ จนกว่าจะจบค่ะ
เป้าหมายยังเหมือนเดิมและตั้งใจว่าต้องทำให้ได้
มาตรฐานงานก็ต้องแบบเดิมด้วย!
 

ขอโทษที่ปล่อยให้รอนะคะ ตอนนี้กลับมาแล้วค่ะ
ขอบคุณสำหรับฟีตแบค และโอกาสมากมายที่นักอ่านมอบให้น้า
ขอบคุณที่เข้ามาแชร์ประสบการณ์เรื่องงานด้วยค่ะ T-T

คงไม่มีแรงออกไปโปรโมตอะไรมาก แต่หวังว่านักอ่านจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้อ่านเล่นๆ เวลาว่างกันนะคะ <3
ปีหน้าเดือนมกราจะลาออกแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ 5555555


สำหรับตอนหน้า เมลล่าเขียนไว้ในสต๊อกแล้ว เจอกันอาทิตย์หน้าเจ้าค่ะ  *กราบ*

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

 :pig2: back krab.

ป.ล. อิกายแม่งเฬวหว่ะ

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
กายเลวได้สุดจรืงๆ

ออฟไลน์ kimkidoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โถ่วตุลย์เอ้ยยยยยย
อยากให้ตุลย์มีชีวิตปกติสุขสักที
แต่ก็นะอดีตลบยาก
กายคือพักกกก สรุปชอบเค้างี้เหรอ?????
 :katai4: :katai4: รอต่อไปนะค้าบบาาาา

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
27th Night: ใต้คำโกหก Part 1



กายหมุนแก้วกาแฟในมือไปมาพลางนั่งกระดิกเท้าฆ่าเวลา เขากำลังรอคอยใครบางคนและมั่นใจว่าคนคนนั้นต้องปรากฏตัวตรงตามเวลานัดในไม่ช้านี้



และตามคาด ร่างโปร่งที่กำลังหวังว่าจะได้พบก็ผลักประตูเข้ามาด้านในร้านกาแฟชื่อดัง ตุลย์ปรากฏตัวโดยสวมผ้าปิดปากและแว่นดำปิดบังใบหน้า แต่งกายตัวเรียบง่ายธรรมดาราวกับกลัวว่าจะถูกใครจำได้



สารรูปผู้มาเยือนใหม่ทำให้กายเผยยิ้มมุมปากอย่างบันเทิงใจ ขณะที่ตุลย์ตรงเข้ามาหาที่โต๊ะริมหน้าต่างด้วยท่าทางเร่งร้อน



“นั่งก่อนสิ” กายแสร้งเชื้อเชิญตามมารยาท แต่ผู้มาใหม่ดูว่อกแว่กร้อนใจเกินกว่าจะสนใจเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ตรงข้าม



“ต้องการอะไร”



“สั่งอาหารก่อน” กายเมินคำถามนั้น เลื่อนเมนูอาหารให้แทน ฝ่ายตุลย์ก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่น



“มึงต้องการอะไรจากกูกันแน่! ”



“นั่ง แล้วทำตามที่กูบอก” กายยื่นคำขาด แววตาและน้ำเสียงแข็งกร้าวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด



ระดับเสียงสนทนาที่ดังกว่าปกติของพวกเขาเริ่มทำให้ลูกค้าบางส่วนมองมา การตกเป็นจุดสนใจในเวลานี้ทำให้ตุลย์ออกอาการประหม่า เมื่อไม่อาจต่อรองได้มากกว่านี้ เขาก็จำใจต้องนั่งลงตามที่อีกฝ่ายสั่งทั้งที่อยากจะลุกจากโต๊ะแทบใจจะขาด



“มึงทำแบบนี้ทำไม”



คนถูกถามไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “ก็เพราะกูทำได้ไง อีกอย่างมึงก็เอาคืนกูไว้แสบ เล่นซะกูโดนพักการเรียนเลยนี่หว่า”



ตุลย์เม้มปากข่มอารมณ์



กายคุกคามเขาไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง โดนเอาคืนแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ



เขาอยากพุ่งไปเขย่าคอกายใจจะขาด แต่ในสถานการณ์ที่ตกเป็นรองเช่นนี้ เงียบเสียคงเป็นประโยชน์กว่า



“มึงรู้แล้วว่ากูมีคลิป เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากให้คลิปหลุดก็ตามที่กูสั่ง”



“มึงจะให้กูทำอะไร”



กายนั่งกระดิกเท้า แสร้งทำเป็นครุ่นคิดกวนประสาทอยู่พักกว่าจะยอมพูด



“ก็ทุกอย่างตามที่กูสั่ง... หรือถ้ากูอยากให้มาหาที่ไหนเมื่อไหร่ ก็ให้มาเดี๋ยวนั้น”



ฟังดูไร้สาระเสียจนตุลย์มุ่นคิ้ว



“เพื่ออะไร...? ”



“ทำไมต้องเอาแต่ถามว่าทำไม? เพื่ออะไร? กูอยากได้อะไรจำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยเหรอวะ“ คนถูกถามชักสีหน้ารำคาญ



“แล้วถ้ากูไม่ทำ...”



“หน้าสวยๆ ของมึงก็วอนหราอยู่ตามเว็บโป๊ไง” กายเลิกยักไหล่ราวกับคำตอบมันชัดเจนอยู่แล้ว



ตุลย์ฝืนกลืนน้ำลายลงคออยากยากลำบาก ซ่อนความกังวลก่อที่ตัวไว้ใต้ใบหน้านิ่งๆ



เขากลัวจับใจ แต่ถ้ายอมให้กายชนะง่ายๆ ตอนนี้ก็เท่ากับว่า เขาเอาอนาคตของตัวเองไปเดิมพันแขวนไว้บนเส้นด้ายที่ฝ่ายนั้นขึง ซึ่งจะยิ่งทำให้ควบคุมอะไรได้ลำบากขึ้นอีก..




“มึงแบล็กเมลกูแล้วคิดว่าจะขู่ให้กูยอมทำตามอะไรก็ได้? กูไม่ใช่คนเดียวกับเมื่อก่อน แล้วก็ไม่ใช่คนที่มึงจะต่อรองอะไรก็ได้ อย่าคิดว่ากูไม่มีใครให้จัดการเรื่องนี้”



แต่แทนที่จะล่าถอย กายยิ้มกว้างเหมือนชอบใจปฏิกิริยาโต้กลับของเขาเสียด้วยซ้ำ



“หึ มึงแน่ใจแค่ไหนว่าแบ็คที่คอยคุ้มกะลาหัวของมึงจะช่วยมึงได้? ถ้ากูปล่อยคลิปให้เพจแฉยอดติดตามหลักล้าน เวลาแค่สิบห้านาทีจะมีคนกดดูกี่พันครั้ง? อะ หรือต่อให้มึงลบคลิปออกไปแล้ว คิดเหรอว่าจะไม่มีคนดูดเก็บไว้? ช่วงนี้มึงกำลังดังเป็นพลุแตกด้วยสิ ถ้าคลิปหลุดออกไปมึงได้เป็นกระแสสมใจแน่... อื้ม แต่หน้าแบบมึงเป็นดาราตามเว็บโป๊ก็ดูเข้าท่าอยู่น



คำปรามาสและสายตาพินิจพิเคราะห์ของกายทำเอาตุลย์หน้าชา



“รึไม่เชื่อ? ” กายเลิกคิ้ว หยิบโทรศัพท์ขึ้นโชว์คล้ายต้องการยืนยันว่าไม่ได้ขู่เล่นๆ “อยากให้กูปล่อยคลิปดูมั้ยล่ะ แล้วมาพิสูจน์กันว่าระหว่างเสี่ยของมึงกับชาวเน็ต ใครจะไวกว่ากัน?



“ไม่! ”



สัญชาตญาณความกลัวกระตุ้นให้ตุลย์คว้าโทรศัพท์จากอีกฝ่ายทันที กายชักมือหลบทันแบบเฉียดฉิว แต่แรงกระแทกก็ทำให้โทรศัพท์เกือบหลุดมือตกลงในแก้วกาแฟ



“เฮ้ย อย่าเหิมให้มันมาก! ”



กายขึ้นเสียงอย่างเสียอารมณ์ ลุกขึ้นติดรำคาญ นั่นทำให้ตุลย์ลุกขึ้นตามอีกฝ่ายอย่างร้อนรน ก่อนจะถูกสบประมาทในประโยคถัดมาหน้าจนหน้าเสีย



“หึ เมื่อกี้ยังทำมาเป็นปากดี พอหมดฤทธิ์ก็ตามตูดกูต้อยๆ เชียวนะ ไอ้ลูกหมา“ กายปรายมองอย่างสมเพช ก่อนจะสั่งให้เขาจ่ายค่ากาแฟสำหรับสองคน



“จำไว้ว่าถ้าไม่อยากมีปัญหาก็ทำตามที่กูสั่งง่ายๆ ”



เจ้าของคำสั่งคว้ากระเป๋า ขณะที่ตุลย์ไม่อาจทำอะไรได้มากกว่ากัดฟันและปล่อยให้อีกฝ่ายเดินออกจากร้านไปตามใจปรารถนา



-------------------------



ทันทีที่กลับถึงห้อง ตุลย์ปิดประตูโยนกระเป๋าลงบนเตียงอย่างอ่อนแรง ความรู้สึกในใจของเขาล้นบ่าราวกับกล่องต้องคำสาปที่ถูกเปิด ทั้งโกรธ กังวล และรู้สึกผิดตีรวนผสมกัน แต่ก็ได้เพียงกัดฟันลูบหน้าตัวเองแรงๆ ถอนหายใจยาวเหยียดราวกับทำเช่นนั้นแล้วจะอึดอัดน้อยลง แต่ก็เปล่าเลย



ไม่อยากเชื่อว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจริง...




หลายเดือนที่ผ่านมานี้ เส้นทางชีวิตของเขาราบรื่นและเข้ารูปเข้ารอยทั้งในเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ปราสาทที่แต่ก่อนทำได้เพียงวาดภาพไว้ในความฝันกลับกลายเป็นสิ่งที่จับต้องสัมผัสได้อย่างเหลือเชื่อ ทำให้เขาเกือบลืมความรู้สึกแรกเริ่มเดิมทีตอนที่ก้าวเข้ามาบนเส้นทางนี้ไป



ลืมว่าครั้งหนึ่งเขาเคยตัดสินใจขายร่างกายและศักดิ์ศรีให้คนอื่นเพราะหลงผิดคิดว่าอาจแลกอนาคตที่สวยสด เคยดิ้นรนกับความฝันลมๆ แร้งๆ มีชีวิตอยู่โดยเป็นทาสของเงิน เอาตัวรอดให้ถึงพรุ่งนี้ไปวันๆ เพียงเพื่อรอคอยการปิดฉากเงียบๆ ณ ที่ไหนสักแห่งในตรอกลับตาผู้คน แต่ชีวิตเขาก็กลับตาลปัตย์ตอนที่ศานนท์เข้ามา มอบโอกาสให้ทิ้งทุกอย่างและเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง



ทว่าอดีตกลับเปรียบเสมือนหมึกดำที่เปื้อนพอผ้าขาวครั้งหนึ่งแล้ว ก็ไม่อาจลบออกได้อีก



...มันกลายเป็นอาวุธย้อนกลับมาแทงข้างหลังในวันที่เขามีทุกอย่าง



ตุลย์ก้มมองเท้าเปลือยบนพื้นก่อนจะหลับตาลงอย่างยากลำบาก



เขาจำคลิปวิดีโอได้ติดตา...



ภาพของตนเองที่เคลื่อนไหวใต้เรือนร่างผู้อื่น ตอบสนองตามคำสั่งและความต้องการของคนเบื้องบนอย่างว่าง่ายราวกับเคลิบเคลิ้มพอใจในรสสัมผัสเหล่านั้น แว่บหนึ่งที่ทำให้รู้สึกละอายจนนึกรังเกียจตัวเองขึ้นมา



ศานนท์จะทำหน้ายังไงนะ ถ้าได้เห็นเขาในสภาพนั้น....



คงรังเกียจและผิดหวังถ้ารู้ว่าเนื้อแท้ของเขาไม่ต่างจากวินทร์ที่เจ้าตัวเคยปรามาสว่าทั้งฉาวโฉ่และโง่งม...



แสงไฟหน้ารถของศานนท์จากสวนด้านล่างวูบไหวผ่านหลังม่านฝ่าเข้ามาในตัวห้องอันมืดสนิท สว่างวาบชั่วขณะก่อนเลือนหายไปในเวลาใกล้เคียงกัน ตุลย์เงยหน้าเหม่อมองตามแสงราวแมลงกลางคืนที่ถูกดึงเข้าหาหลอดไฟ ก่อนจะสลัดหัวไล่ความคิดเมื่อครู่ทิ้งไปเหมือนได้สติ



ไม่… ไม่ใช่



ถ้าไม่ตัดสินใจทำเรื่องโสมมวันนั้น เขาอาจไม่ได้พบศานนท์...



ทั้งหมดนี้เป็นแค่ความคิดฟุ้งซ่านในหัวเขาเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น ศานนท์ดีกับเขามาโดยตลอด ที่เขาควรทำคือเชื่อใจอีกฝ่ายต่างหาก!



บางทีถ้าเขาใจเย็นลงแล้วค่อยๆ แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างมีสติ...



ศานนท์ต้องเข้าใจแน่…



ตุลย์หลับตาระบายลมหายใจยาวเหยียด นาทีนั้นความรู้สึกจุกแน่นในอกก็คล้ายจะเบาบางลงบ้าง เขารวบรวมความกล้าก่อนตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียง



เขาจะบอกเรื่องนี้กับศานนท์




ร่างโปร่งผลักประตูสาวเท้าลงบันไดไปที่ชั้นล่าง รับรู้ได้ว่าขาของตนหนักอึ้งและไม่มั่นคงนัก เขาได้เสียงสนทนาเบาๆ แว่วตามลมมาจากห้องนั่งเล่นด้านล่าง ลงไปถึงชานบันไดก็พบว่ากำลังศานนท์ยืนหันข้างคุยโทรศัพท์อยู่ สีหน้าและน้ำเสียงของหนุ่มใหญ่ราบเรียบเคร่งขรึมเป็นงานเป็นการ เพียงยิ้มทักทายเล็กๆ ตอนที่หันมาเห็นเขาพอดี



‘รอแป๊บนะ’



เขาอ่านปากศานนท์จับใจความได้อย่างนั้น



ศานนท์กำลังติดธุระอยู่กับปลายสาย แต่ท่ามกลางเสียงสนทนาที่ดำเนินต่อไป ระหว่างพวกเขาทั้งสองมีแค่ความเงียบที่ส่งผ่านทางสายตา



...เงียบนานจนได้ยินเสียงความกังวลร้องตะโกนให้เขาล้มเลิกที่จะเล่าและเดินหนีเสียตอนที่ยังมีโอกาส มันทำลายความฮึกเหิมในทีแรกจนพินาศ ปลดปล่อยความรู้สึกที่เขาพยายามกดซ่อนไว้ให้ฟุ้งเตลิดคิดไปถึงผลลัพธ์ที่แย่ที่สุด



“มีอะไรหรือเปล่า”



ชั่วขณะเดียวกับที่หนุ่มใหญ่วางสาย เลิกคิ้วถามไถ่อย่างห่วงใยเมื่อเห็นว่าสีหน้าไม่ค่อยดี วินาทีนั้น ใจเขาเต้นผิดจังหวะด้วยความกลัว



ตุลย์ยืนนิ่งงัน อ้ำอึ้งพูดไม่ออกราวกับคำพูดทั้งหมดจุกอยู่ที่หน้าอก ไม่อาจเปล่งผ่านลำคอออกมาเป็นคำได้



...เขากลัวจับใจว่า หากพูดออกไปตอนนี้ รอยยิ้มและน้ำเสียงที่ไถ่ถามอย่างห่วงใยจะอันตรธานหายไปกลายเป็นความเฉยชาอย่างคนแปลกหน้า…



“เปล่าครับ ไม่มีอะไรหรอก ผมแค่หิวน่ะ” กว่าจะพูดจนจบประโยคได้ ในความรู้สึกเขามันเหมือนนานนาที



“เธอยังไม่ทานมื้อเย็นเหรอ หื้ม? จริงๆ ฉันกำลังคิดว่าจะสั่งอะไรมากินพอดี ถ้างั้นออกไปหาอะไรทานด้วยกันดีมั้ย? ”



ตุลย์เหลือมองนาฬิกาข้อมือ “...สองทุ่มแล้ว ร้านจะยังไม่ปิดเหรอครับ”



“อืม ร้านประจำคงใกล้แล้ว แต่ฉันพอมีร้านขาจรที่อร่อยๆ อยู่” พูดจบหนุ่มใหญ่คว้าหยิบกุญแจรถบนโต๊ะหน้าโซฟา “เธอล่ะ อยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า? ”



ตุลย์ส่ายหน้า เม้มปากน้อยๆ ฝืนกลืนความรู้สึกและความพูดมากมายกลับลงไปอย่างฝืดคอ



“ไม่ครับ เอาที่คุณว่าอร่อยก็แล้วกัน” ร่างโปร่งยิ้มนิดๆ ก่อนจะเดินตามหนุ่มใหญ่ออกไปที่ลานจอดรถ พลางคุยสัพเพเหระกันอย่างทุกครั้งเสมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึัน



ท่าทางอบอุ่นเป็นมิตรของหนุ่มใหญ่ บทสนทนาเรื่องพื้นๆ ที่พวกเขามักพูดกันโดยไม่คิดอะไรมาก เขาไม่อยากทำลายบรรยากาศที่กำลังไปได้สวย…



เขาสัญญาว่าจะบอกศานนท์



แค่ยังไม่ใช่ตอนนี้...



----------------------------------

สองคนนี้กินข้าวด้วยกันบ่อยจังเนอะ หรือเป็นเพราะจริงๆ แล้วเมลล่าหิว ถถถถมาอัพตามสัญญาแล้วเจ้าค่ะ


กราบขอภัยที่ช้าไปนิดนึงเจ้าค่ะ ตอนแรกคิดว่าจะมาตั้งแต่วันพฤหัส แต่เสร็จไม่ทันเจ้าค่ะ 
นี่ก็ยังรู้สึกว่ารีบอัพไปหน่อย แฮร่
พยายามจะปรับปรุงอะไรหลายๆ อย่าง

แนะนำติชมกันได้เหมือนเคยะนะคะ
ขอบคุณสำหรับคำติชมและคอมเม้นท์นะคะ
ดีใจมากๆ ที่ยังเห็นนักอ่านเดิมแวะเวียนกันเข้ามาอ่านเจ้างานดองเค็มเรื่องนี้นะคะ T_T


ตอบหน้าพบกันสัปดาห์หน้าเช่นเคยนะคะ <3

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

คนเรานะ  ความตั้งใจแรก ล้มเหลวแทบทั้งนั้น

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
อ่านไปอ่านมา ผมกลับชอบตัวละครเต้มากที่สุดในเรื่องนี้นะครับ ถ้าจะชอบคาแรกเตอร์แบบไหนหรือชอบพระเอกโทนไหน ผมชอบแบบเต้เนี่ยแหละ (หัวเราะ)

ผมว่านวนิยายเรื่องนี้น่าสนใจมากนะครับ อันดับแรกเลย เพราะคนเขียนมีความพยายามและเรียนรู้ที่จะปรับปรุงตัวเองอยู่เรื่อยๆ รวมถึงมีแนวคิดที่จะเขียนเรื่องที่มันน่าให้สังคมคิดว่า...เอ๊ะ แล้วถ้ามันไม่ traditional แบบนี้ มันจะเป็นไปได้มั้ย คนเขียนมีความคิดสร้างสรรค์ที่จะทดลองเขียนอะไรใหม่ๆขึ้นมา อันนี้เป็นทักษะและ Mindset ของผู้เขียนที่ผมชอบ สังเกตจากทอล์คหลายๆครั้งที่ผ่านมา อันดับที่สองคือ คนเขียนมีการคุยกับคนอ่านบ่อยๆ มีการอธิบายเรื่องราวของตัวเองและ clarify ในหลายๆอย่างชัดเจนครับ คือถ้ามีปัญหาแล้วทำให้หยุดการเขียนไป ก็อธิบายชัดเจน อันนี้มันเป็นสิ่งที่ดี บ่งบอกความรับผิดชอบ จะไม่เหมือนนักเขียนที่นึกจะหยุดก็หยุด ไม่บอกไม่กล่าว การมี Talk เพื่ออธิบายปม อธิบายเรื่องราว อธิบายที่มาที่ไป และพูดคุยเรื่องจิปาถะกับนักอ่าน มันทำให้การอ่านนิยายกลายเป็น Two-way communication ซึ่งสำหรับผู้ที่กำลังเขียนนิยายและพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆแล้ว มันเป็นสิ่งที่ดี เพราะมันเป็นการปรับฟีดแบ๊คที่ได้รับ และแสดงความคิดของตัวเองเพื่อให้ผู้อ่านรู้ว่าเรากำลังอยากจะสื่ออะไร

ประเด็นนึงที่ทำให้นวนิยายเรื่องนี้น่าสนใจ ก็อย่างที่ผู้เขียนบอกไว้ในทอล์คตั้งแต่แรกๆ คือ เรื่องนี้ ถ้าเสี่ยไม่หล่อ ไม่ล่ำ แล้วตัวนางนิสัยแบบนี้ มันจะรักกันได้ไหม ซึ่งนี่เป็นการตั้งประเด็นที่น่าสนใจมาก สำหรับผม นวนิยายเรื่องนี้มันไม่เหมือนนิยายที่ตอนจบมันต้องจบแฮปปี้เอ็นดิ้งสุขนิยมนะครับ เพราะเราเปิดเรื่องมาด้วยแนวคิดที่ไม่ตลาด ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องจบเรื่องแบบดาษดื่นสุขนิยม มาจนถึงตอนนี้ ผมอ่านมาจนถึงตอนปัจจุบัน ผมคิดว่านวนิยายเรื่องนี้มันเหมือนการสะท้อนการเดินทางและแนวคิดชีวิตของตุลย์มากกว่า ซึ่งการเดินเรื่องแบบนี้มันน่าสนใจ

ผมชอบที่คาแรกเตอร์ตัวละครในเรื่องนี้มีพื้นหลังที่ค่อนข้างแน่น แต่ละการกระทำก็สมเหตุสมผลในสภาพความคิดของเขาเอง พล็อตอาจจะไม่ได้มีอะไรหวือหวามาก แต่ว่าเน้นเรื่องของอารมณ์ ความรู้สึก แนวคิด ปมเรื่องและพล็อตสะท้อนผลลัพธ์ที่มีผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของตัวละคร คาแรกเตอร์หลายๆตัวมีมิติของเขาเอง แต่ละคนมีปมของตัวเอง มีแบ็คกราวน์ชีวิตที่ส่งผลต่อการกระทำ มีมุมของเขาที่ทำให้นิสัยเขาเป็นอย่างที่เป็นในเนื้อเรื่อง ตรงนี้คือการสร้างนวนิยายให้แน่น ตัวละครสมจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่นวนิยายที่ดีควรจะมี และเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีครับ

มาพูดกันถึงปมเรื่องและตัวละครกันบ้าง อย่างที่บอกไปแล้ว ผมอ่านเรื่องนี้แล้วเลยรู้สึกเหมือนเป็นการสะท้อนการเดินทางชีวิตของตุลย์ ซึ่งพูดตรงๆว่าคาแรกเตอร์ตัวนางแบบนี้ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่คนเขียนทำออกมาได้สมจริงดีทีเดียวครับ และเขียนอธิบายไว้ในทอล์คช่วงแรกๆของนิยายไว้แล้ว ตุลย์เป็นคนที่อยากจะตะกายออกจากสภาพสังคมเดิมๆ ไม่ค่อยสนใจสายตาคนอื่น แต่ก็ยังรักศักดิ์ศรีและหัวดื้อเงียบระดับนึง (ฟิวส์ขาดว่าไม่เคยยอมจะอยากขายตัว แค่อยากจะหาเสี่ยรับเลี้ยงแลกผลประโยชน์กันเท่านั้น) เนื้อแท้ตุลย์ไม่ใช่คนสุภาพ ไม่ใช่คนที่มีความอดทนสูง อันนี้ผมคิดว่าอาจจะมาจากการที่โตมาอย่างแย่ๆและไม่ได้มีคนสั่งสอน ปัญหาของตุลย์คือ ตุลย์โตมาแบบ ‘กลวง’ เขาไม่ได้รู้สึกว่าจะมีหลักยึดอะไรในชีวิตที่ทำให้แก่นชีวิตเขารู้สึกมีคุณค่า เขาไม่เคยได้รับความรักแบบครอบครัว ไม่ได้มีเพื่อนที่โตมาด้วยกัน ยิ้มหัวเราะด้วยกัน ไม่ได้เรียนรู้ว่านอกจากเงินแล้ว มันจะมีอะไรที่ให้เป้าหมายในการดำรงชีวิตของเขา หรือมันมีอะไรที่จะทำให้การตะกายของเขามีคุณค่า ตุลย์ตอนแรกมองค่อนข้างสั้นคือจะตะกายออกไปจากสลัม และมีความฝันคือการเข้าวงการบันเทิง ซึ่งมันยากมากเพราะคุณเลือกเส้นทางเสี่ยเลี้ยงที่มันมีประวัติติดตัว ตุลย์รู้ดีว่าการตัดสินใจของเขามันสร้างผลลัพธ์อะไร แต่เขาก็อยากจะทำมันเพราะอยากจะตะกายออก ซึ่งมันไม่ได้ผิด แต่นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ตุลย์กลัวกายเอามากๆ

เพราะกาย ‘เห็น’ ตุลย์มาตั้งแต่แรก กายรู้ว่าตุลย์แท้จริง...ไม่มีอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นความภาคภูมิใจ ความรัก ความหวังดี ความเมตตา ทักษะที่ไม่ใช่ความรวยที่จะทำให้คนในสังคมชื่นชอบ ตุลย์ไม่มีมัน ดังนั้นต่อให้คนจะชุบตัวหรือเปลี่ยนตัวเองไปมากขนาดไหนก็ตาม การตัดสินใจของคนเรามันมีประวัติติดตัว อย่างน้อยตัวเองก็รู้ และถ้ามีคนที่ ‘รู้’ ว่าอดีตเราเคยทำอะไรมา และตัดสินใจอย่างนั้นเพราะอะไร รู้ว่าแท้จริงแล้วเราไม่มีอะไรเลยแล้วเลือกเส้นทางลัดเพราะอะไร แน่นอนว่าคนเราจะกลัวครับ ตุลย์จะกลัวกายเพราะตุลย์รู้ดีว่า กายรู้ ว่าถ้าไม่มีศานนท์ ไม่มีธวัตร ตุลย์ก็คือไม่มีอะไรเลย ตุลย์ไม่สามารถจะทำให้คนชอบเขาได้ด้วยซ้ำ เพราะเขาเป็นคนไม่ได้สุภาพ ไม่ได้มีความอดทนสูง แต่เขา ‘ฝึก’ มันได้ เพื่อให้ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ มันไม่ใช่เนื้อแท้ของตุลย์

ผมชอบตรงนี้ มันล้อกับปมชีวิตของศานนท์ในระดับหนึ่งเลย ศานนท์รู้ดีว่าทุกการตัดสินใจของเขามันนำมาซึ่งผลลัพธ์ ต่อให้ไม่ใช่ประวัติ ก็เป็นเรื่องของผลกระทบ ศานนท์ใช้เวลาตั้งเจ็ดปีในการเคลียร์ตัวเองจากสถานะที่สังคมเดียดฉันท์ในเรื่องวงการธุรกิจมือเพื่อให้ล้างมือได้เต็มที่ แล้วคิดว่าตุลย์จะใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายยิ้มรับได้ทั้งๆที่ยังมีสถานะของการเป็นเด็กเสี่ยอยู่เหรอ? สำหรับศานนท์ ผมมองว่าคาแรกเตอร์ตัวละครนี้เป็นผู้ใหญ่มาก อบอุ่น สุขุม มีความอดทน ไม่ได้หื่นกามไร้สาระแบบพระเอกนิยายเสี่ยเลี้ยงทั่วๆไป แม้ว่าจะมีปมตัวละครแบบดั้งเดิมไปหน่อย (รวย ธุรกิจใต้ดิน) แต่ผมชอบที่ผู้เขียนทำให้ศานนท์มีความเป็นมนุษย์ เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่เข้ากันได้ดี ฉลาดเหมือนกัน คุยกันรู้เรื่อง และมีความรักให้ซึ่งกันและกัน เขามีลูกสาว และเขาก็ทำร้ายครอบครัวของตัวเองจากพฤติกรรมและความไม่รู้ของตัวเอง แม้ศานนท์จะเป็นคนฉลาดตั้งแต่หนุ่ม สุขุม รอบคอบ จนได้ขึ้นมากุมบังเหียนธุรกิจ แต่คนฉลาดส่วนมากก็ไม่เคยนึกว่าผลลัพธ์ของธุรกิจสีดำมันจะย้อนมาทำร้ายตัวเอง และที่สำคัญคือมัน ‘ทำร้ายจิตใจ’ ของตัวเองได้อย่างสาหัส ซึ่งศานนท์คงไม่เคยนึกถึงมุมนี้ มันถึงทำให้เขาพังมากเมื่อเกิดเหตุการณ์ ซึ่งหลายๆเหตุการณ์ หลายๆประโยคของอดีตศานนท์ ผมชอบมากเลยนะครับ เช่น ประโยคที่แม่ภรรยาพูดกับศานนท์ เพราะมันเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้เลย ศานนท์ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน เลยทำให้น้ำท่วมปาก และพอมานึกได้ก็คือเขาเสียสิ่งๆนั้นไปแล้วอย่างหวนกลับไม่ได้ และที่สำคัญ คาแรกเตอร์ของตัวละครนี้ก็ยังชัดในแง่มุมของความเป็นผู้ใหญ่ ฉลาด สุขุม รอบคอบ เพราะพอวันนึงที่เขาคิดได้ เขาก็วางมือ ใช้เวลาและละเอียดรอบคอบ ‘พยายาม’ จะทำมันให้ถึงที่สุด เพื่อให้ตัวเองเป็นคนใหม่ ผมนับถือความเป็นผู้ใหญ่ของเขาตรงนี้

เอาจริงๆ ผมมองไม่ออกเลยว่ามันจะมีความรักแบบหนุ่มสาวเกิดขึ้นได้ยังไง ซึ่งตรงนี้ผมก็ชอบการดำเนินเรื่องของนวนิยายอีก ตรงที่ตุลย์เคยพูดไว้ว่าเขาไม่ได้รู้สึกกับศานนท์เหมือนกับเป็นคู่รัก แต่มันก้ำกึ่งเหมือนเป็นเพื่อนอาวุโสที่สนิทกันจนเหมือนจะเป็นครอบครัว แต่ก็มีอะไรกัน มันมีความบิดเบี้ยวนิดหนึ่งตรงที่เราไม่เคยมีนิยามความสัมพันธ์อะไรแบบนี้ และสถานะความรู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้นได้เพราะว่าตุลย์ไม่ได้โตมาด้วยการมีครอบครัวสุขสันต์ มีบืดามารดาคอยช่วยเหลือและแนะนำแนวทาง คอยอบรม ห้ามปราม สอนในสิ่งที่เป็นจริยธรรมมาตรฐานสังคมมนุษย์ มอบความรัก ความอบอุ่น สอนให้เห็นถึงความดีงามของมนุษย์และยืนหยัดเพื่อมัน ตุลย์เองไม่มีพ่อด้วยซ้ำ ผมคิดว่าสำหรับตุลย์ ศานนท์เป็นโพสิชันที่อยู่กึ่งกลางระหว่างพ่อ กับคนรัก เพราะด้วยอายุที่ห่างกันเกือบ 20 ปี มันทำให้ศานนท์สุขุมนุ่มลึกมากกว่า และมีความเป็นห่วงและให้ความอบอุ่นแบบครอบครัวกับตุลย์

ความจริงผมไม่มายด์เลยนะครับ ถ้าสมมุติว่าตอนจบแล้วตุลย์จะไม่ได้คู่กับศานนท์ หรือตุลย์จะไม่ได้คู่กับใครเลย เพราะว่าอย่างที่บอก ประเด็นที่ตั้งมาของนวนิยายเรื่องนี้และคาแรกเตอร์มันก็โดดเด่นและเพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจอยู่แล้ว ประกอบกับความสมจริงเข้าไปอีก ตอนจบแบบสุขนิยมไม่ได้เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมีเลย เพราะปัญหาของตุลย์ในอนาคตคือ ตอนนี้ตุลย์กำลังหลงในโอกาสที่ไหลเข้ามา และศานนท์เองก็หลงตุลย์พอสมควร ทำให้เกิดการเปย์แบบไม่สิ้นสุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงินทอง โอกาสการทำงาน คอนเนคชันส่วนตัวที่ให้เพื่อนช่วยดัน ถ้าในระดับหนึ่งมันไม่เป็นไร แต่ถ้าแบ็คหนามากๆแล้วทำจนผิดสังเกต คนที่มีประวัติชนักติดหลังแบบตุลย์ไม่จบสวยแน่ เพราะว่ามันจะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในภาพใหญ่อย่างเห็นได้ชัด ในความเป็นจริงเราช่วยทุกคนไม่ได้ แต่การช่วยแค่คนๆเดียวให้สุดจนผิดสังเกตุ มันจะยิ่งเพิ่มความเหลื่อมล้ำให้กับสังคมและเป็นเป้าในการโจมตี ยิ่งตุลย์มีเรื่องมาก่อนอยู่แล้ว ไม่แปลกใจเลยที่จะดับได้ง่ายๆ และการใช้คอนเนคชันศานนท์มาจบเรื่องก็ไม่ใช่ทางออกที่สวย เพราะคุณปิดความจริงไม่ได้ แค่ในคณะที่ตุลย์เรียน ถ้าตุลย์ดังมากขึ้นเรื่อยๆกว่าคนอื่นจนผิดหูผิดตา ก็ย่อมหลบเสียงนินทาไม่ได้ เพราะเอาจริงๆฝีมือตุลย์ด้านการแสดงก็ไม่ได้โดดเด่น อย่างที่บอกไปว่าตุลย์ไม่ได้โดดเด่นด้านไหนเลย ไม่ว่าจะเป็นการเรียน หรือการใช้ชีวิต ที่เด่นขึ้นมาได้ก็เพราะศานนท์ใช้คอนเนคชันมาโค้ชส่วนตัวกับดันเป็นกระแสจุดสนใจให้คนอื่นเห็น หรือปรับปรุงลุคกับรูปร่าง ใช้เงินทุ่มเอา ซึ่งมันเป็นข้อได้เปรียบของกลุ่มทุน

จุดเด่นของตุลย์ที่เป็นตัวเขาจริงๆ ผมกลับมองว่าคือสิ่งที่ธวัตรสอนให้ตุลย์ทำมาตั้งแต่ในอดีต คือการปรับตัวให้เข้ากับคู่ค้าหรือคู่สนทนา แล้วก็ดูแล เพื่อให้การเจรจาเป็นไปได้อย่างราบรื่น ดังนั้นถ้าเกิดมีการเปรียบเทียบหลายๆด้านในปัจจุบันของตุลย์กับคนอื่นที่มีพรสวรรค์จริงๆแต่ไม่ได้รับโอกาสขึ้นมา (การแสดง การเรียน) มันจะเห็นชัดมาก และหลบเลี่ยงการสูญเสียภาพลักษณ์ในวงใหญ่ไปไม่ได้เลย จะเกิดการเสียหายในภาพใหญ่เป็นลูกโซ่ คราวนี้ล่ะเสียกันทั้งเครือข่าย

ตอนนี้ที่ผมมองจริงๆคือ ศักยภาพของคนที่เป็นพระเอก (ตัวเอกที่แสดงคาแรกเตอร์แบบพระเอก) เป็นเต้นะครับ บุคลิกเต้เป็นอะไรที่ผมชอบ เขาพูดน้อย ไม่ค่อยเรื่องมาก ทำงานที่มอบหมายออกมาได้ดี สำหรับมิติตัวละครก็ใช้ได้ มีเรื่องราวในอดีตที่ส่งผลต่อนิสัยปัจจุบัน เต้เป็นเด็กที่ห่ามๆมาก่อน ไม่แปลกใจเพราะต้องเรียนรู้เรื่องในวงการจากพ่อ ซึ่งเป็นมือขวาของศานนท์มาก่อน และจากการที่อยู่ในแวดวงบอดี้การ์ด ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเต้ต้องฝึกฝนเรื่องแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ทำให้นิสัยเขาค่อนข้างเงียบ สุขุม พูดน้อย แต่ต่อยหนัก ซึ่งการที่มีชีวิตวัยรุ่นตีไปทั่วหน่อย อาจจะเพราะด้วยฮอร์โมนพลุ่งพล่าน และความสามารถที่เกินวัยจากการบ่มเพาะของสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับผู้นำ พระเอกในที่นี้ไม่ได้แปลว่าจำเป็นต้องคู่กับตุลย์ แต่หมายถึงตัวเอกชายที่ดำเนินเรื่องแบบสุดท้ายผงาดแบบ Heroic เอาจริงๆผมคิดว่าเต้เป็นคนที่เรียนรู้และเป็นทายาทของศานนท์ต่อแทบจะได้เลย อาจจะไม่ได้ฉลาดมาก แต่มีความคม ความนิ่ง และศักยภาพรูปร่างกับความสามารถทางกายภาพของเขาก็โดดเด่น ซึ่งเป็นเสน่ห์สำหรับผู้นำในช่วงวัยรุ่น (เอาจริง ผมอยากเห็นการบรรยายที่เน้นเต้สักบทสองบทนะครับ เพราะเรื่องปูมาว่าเขาเป็นนักมวยเพราะเอาความสามารถในอดีตที่ถูกบ่มเพาะมาใช้กับสังเวียนแทนเนื่องจากแม่ขอไว้ แต่ก็ยังไม่เห็นแท้จริงว่าศักยภาพเป็นยังไง เห็นแค่ว่าหยุดหมัดกายได้ แล้วก็มีตะลุมบอนกับหมาหมู่ของพวกกายเท่านั้น แต่ไม่เห็นผลสรุปเพราะว่ามีคนเข้ามาห้ามไว้ก่อน)

จุดสุดท้ายที่ต้องชมมากๆคือการเขียนบทบรรยายของนวนิยายเรื่องนี้ครับ อย่างที่บอกว่าบรรยายเน้นอารมณ์ ความรู้สึก ของตัวละครที่สะท้อนมาจากปมเรื่องและพล็อตเรื่อง (การตัดสินใจ) ได้ดีมาก เขียนบรรยายอารมณ์ตัวละครที่โมโห โกรธ เขียนบรรยายความรู้สึก หรือว่าดำเนินเหตุการณ์ ก็ทำได้ดี อีกทั้งฉากอัศจรรย์ก็ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมไม่น้อย ก็อยากให้คงความพยายามและ Mindset ในการพัฒนาปรับปรุงการเขียนขึ้นไปเรื่อยๆแบบนี้ครับ เป็นกำลังใจให้

ออฟไลน์ kimkidoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตุลย์รีบบอกคุณศาลเถอะ ก่อนที่จะมาจับได้เองทีหลัง
ส่วนกายคือสู่ขิตแน่ๆถ้าคุณศาลรู้
รอวันที่ฟ้าสดใสนะตุลย์ เอาใจช่วย :mew2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด