SIDELINE. ผมเป็นเด็กเสี่ย (21.03.21) ตอนพิเศษ อาถรรพ์ดินเนอร์ (1) [Updated]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: SIDELINE. ผมเป็นเด็กเสี่ย (21.03.21) ตอนพิเศษ อาถรรพ์ดินเนอร์ (1) [Updated]  (อ่าน 129048 ครั้ง)

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ตุลย์มาถึงที่นัดหมายตั้งแต่เช้าตรู่ในวันถ่ายทำ เนื่องจากยังไม่มีประสบการณ์ ทีมงานจึงเลือกถ่ายทำฉากของเขาก่อนเพื่อให้มีเวลาแก้ไขหากเกิดความผิดพลาดขึ้น สถานที่ใช้ในการถ่ายทำครั้งนี้ คือ แหล่งช็อปปิ้งกึ่งท่องเที่ยวใจกลางเมืองเลียนแบบประเทศอังกฤษ ที่รวบรวมทั้งสถาปัตกรรมยุคเก่าและปัจจุบันเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว


ตามสตอรี่บอร์ดของผู้กำกับนั้น การถ่ายทำแบ่งออกเป็นสองส่วนแยกกัน คือ ส่วนที่ถ่ายโดยใช้โลเกชั่นทันสมัย มีตุลย์เป็นนักแสดงนำเดี่ยว และอีกส่วนที่ถ่ายทำแบบย้อนยุค โดยมีวินทร์สวมบทเป็นหนุ่มชนชั้นสูงชาวอังกฤษ โดยจุดที่เชื่อมโยงส่วนทั้งสองเข้าด้วยกัน และเป็นใจความของโฆษณานั้น คือ ‘รสชาติเข้มข้นและกลิ่นหอมของชาที่คงเดิม แม้จะผ่านไปหลายทศวรรษ’ นั่นเอง


เนื่องจากบทของตุลย์ค่อนข้างเรียบง่าย ใช้เวลาแต่งตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าร่วมกับเอ็กซ์ตร้าไม่นาน ก็พร้อมถ่ายทำ การที่เขาต้องเคลื่อนไหวต่อหน้ากล้องทำให้รู้สึกประหม่าบ้างในทีแรก จนหลายครั้งผู้กำกับต้องสั่งคัตเพื่อปรับอารมณ์และการแสดงของเขา การถ่ายทำในช่วงเช้าจึงคืบหน้าไปอย่างเชื่องช้า และกระท่อนกระแท่น แต่พอเขาคุ้นชินกับสิ่งต่างๆ มากขึ้น จุดที่ต้องปรับแก้ก็เริ่มน้อยลง ถึงอย่างนั้น กว่าจะถ่ายเสร็จกินเวลาเกือบบ่ายสองกว่า จนต้องสั่งพักกองทานข้าวก่อนจะเริ่มถ่ายทำฉากของวินทร์ต่อ


ด้วยความสั้นของโฆษณาบวกกับประสบการณ์ของดาราหนุ่ม การถ่ายทำในส่วนที่สองจึงใช้เวลาเพียงกี่ชั่วโมง แม้จำนวนนักแสดงเข้าฉากที่เยอะกว่าเขาเกือบเท่าตัว 


หลังจากบันทึกเทคต่างๆ ได้ตามแผนแล้ว ผู้กำกับก็สั่งพักกองครึ่งชั่วโมงเพื่อตรวจเช็คฉากที่ถ่ายออกมา โดยไม่ลืมเรียกนักแสดงอย่างตุลย์มานั่งดูด้วย


“ฉากนี้เล่นแข็งๆ ไปบ้าง แต่ว่าสายตา สีหน้าน้องที่เล่นกับกล้องมีเสน่ห์สมเป็นนายแบบดี พอลบล้างกันได้ ...สำหรับมือใหม่ ทำได้ขนาดนี้ถือว่าดีแล้ว”


ผู้กำกับเอ่ยพลางพาเขาไล่ดูเทคต่างๆ ทั้งที่ใช้ได้และใช้ไม่ได้


“จริงๆ พี่ก็ค่อนข้างพอใจแล้วนะ”


ตุลย์พยักหน้าหงึก โล่งใจกึ่งยินดี


ดูเหมือนว่าประสบการณ์งานถ่ายแบบของเขาจะไม่ไร้ประโยชน์ซะทีเดียว…


“เป็นไงบ้าง ราบรื่นมั้ย?”


วินทร์เพิ่งเดินกลับมาหลังจากพักดื่มน้ำ ดาราหนุ่มตบไหล่เขาสองทีเป็นเชิงให้กำลังใจ


“ก็พอไปวัดไปวาครับ แต่ว่าใช้เวลาถ่ายนานไปหน่อย”


“เอาน่า ยังมือใหม่นี่ ไม่เป็นไรหรอก” ชายหนุ่มให้กำลังใจเขา ก่อนจะหันไปหาผู้กำกับ “แล้วของผมโอเคมั้ย?”


ผู้ถูกถามไม่ตอบทันที แต่ค่อยๆ ไล่ดูทีละคลิป ก่อนจะย้อนเล่นซ้ำที่คลิปหนึ่งอยู่สองสามรอบ แล้วยกนิ้วโป้งให้ “เทคนี้อิมโพรไวส์จากบทได้ดี มีมิติ เป็นธรรมชาติ แต่ไม่แน่ใจว่ายาวเกินไปมั้ย คงต้องดูความยาวกับภาพรวมก่อนถึงจะตอบได้”


วินทร์พยักหน้ารับ


“อยากถ่ายแก้ตรงไหนมั้ยล่ะ?”


เจ้าตัวโคลงศีรษะเบาๆ “ถ้าพี่ว่าผ่าน ผมก็ผ่านครับ ผมเชื่อฝีมือพี่อยู่แล้ว”


“อาฮะ”


ได้คำตอบดังนั้น ผู้กำกับจึงหันไปคุยกับผู้ช่วยและทีมงานอยู่ครู่ใหญ่ๆ จากนั้นไม่นานก็สั่งเลิกกองเมื่อเห็นตรงกันว่าส่วนที่ถ่ายทำไว้เพียงพอสำหรับตัดเป็นโฆษณาแล้ว ทีมงานหลายชีวิตที่เกี่ยวข้องจึงเริ่มทยอยเก็บอุปกรณ์ข้าวของกลับ


“มีใครรีบกลับมั้ยครับ ผมอยากชวนไปทานข้าวฉลองปิดกอง” วินทร์โพล่งขึ้นท่ามกลางผู้คนที่เดินขวักไขว่ น้ำเสียงของเสียงดาราหนุ่มไม่ดังนัก แต่เรียกความสนใจคนรอบข้างได้ชะงัด “ผมจองโต๊ะร้าน M ให้ได้นะ”


...ร้าน M เป็นร้านมีชื่อเสียงขนาดกลางที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเล แต่นอกจากวัตถุดิบสดใหม่และอาหารรสชาติดีแล้ว ร้านนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องจองยากเป็นที่หนึ่งด้วย


“ทานอาหารทะเลบ่อยๆ ยังไม่เบื่ออีกเหรอค้า!” ทีมงานสาวตะโกนแซว


“ยังครับ ผมยังอินบาหลีอยู่เลย อยากพักนานกว่านี้ด้วยซ้ำ” วินทร์หัวเราะ ก่อนหันไปถามคนอื่นๆ “มีใครไปกับผมมั้ย? ผู้กำกับล่ะครับ?”


“เออ เอาสิๆ”



หลังจากซาวเสียงกันอยู่พักก็เป็นอันตกลงว่า จะจัดงานฉลองเล็กๆ ที่ร้าน M เนื่องจากทีมงานหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่าควรทานข้าวเย็นร่วมกันก่อนแยกย้ายกลับ ดาราหนุ่มจึงรีบโทรจองโต๊ะอย่างกระตือรือร้น โดยไม่ลืมหันมาถามตุลย์ ขณะถือโทรศัพท์รอสาย


“น้องตุลย์ ไปด้วยกันมั้ย?”


“อืม...” เขาครุ่นคิด “เดี๋ยวผมขอโทรแจ้งผู้ปกครองก่อนครับ”


ตุลย์จงใจใช้คำว่า ‘ผู้ปกครอง’ แทนที่จะบอกว่าโทรหาศานนท์เพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต เนื่องจากอีกฝ่ายออกปากไว้ตั้งแต่เช้า ว่าจะมารับเขาหลังถ่ายทำเสร็จ


“อื้ม ได้” คนฟังผงกหัวให้ จากนั้นก็กรอกเสียงใส่ปลายสาย “ฮัลโหลครับ ร้าน M ใช่มั้ยครับ? ผมอยากจองห้องจัดเลี้ยงตอนประมาณหกโมงครึ่ง...” 


ครั้นดาราหนุ่มเดินหลังไวๆ ไปสนทนาต่อในจุดที่คนไม่พลุกพล่าน ตุลย์ก็หยิบโทรศัพท์โทรหาศานนท์บ้าง ระหว่างที่ถือสายรอเขาก็เหม่อมองผู้คนไปเรื่อยเปื่อย


ทันใดนั้น สายตาก็สะดุดที่ร่างสูงของชายคนหนึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีเทา ยืนหันข้างให้ ขณะกำลังพูดคุยกับทีมงานห่างออกไปไม่ไกล  ท่าทางการเคลื่อนไหวนั้นคุ้นตา จังหวะที่ล้วงหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง ชายคนนั้นก็บังเอิญหันมาทางเขาพอดี


อา... ศานนท์นั่นเอง


หนุ่มใหญ่มาถึงกองที่เขาจะโทรบอกเสียอีก



เห็นแบบนั้น ตุลย์จึงกดตัดสายเดินเข้าไปหาเจ้าตัวแทน ฝ่ายศานนท์ก็ขอตัวกับคู่สนทนาเพื่อปลีกตัวออกมา ...จะเรียกว่าพบกันคนละครึ่งทางก็ได้


“เป็นยังไงบ้าง หืม?”


“ก็สนุกดีครับ ได้อะไรใหม่ๆ นอกจากที่คุณซินดี้สอนเยอะเหมือนกัน” ตุลย์ตอบ “ที่จริง ผมไม่คิดว่าคุณจะมาเร็วขนาดนี้...”


หนุ่มใหญ่เลิกคิ้ว “ไม่ดีเหรอ?”


นั่นน่ะสิ... เขาก็ไม่รู้ว่า ในสถานการณ์แบบนี้ มันเป็นเรื่องดี หรือไม่ดีกันแน่


“คือผมกะว่า...”


แต่ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยปากถามเรื่องงานเลี้ยง วินทร์ก็เดินสวนมาพอดี ดาราหนุ่มเผยสีหน้าแปลกใจตอนที่เห็นกรรมการบริหารอย่างศานนท์ในกองถ่าย ก่อนจะเข้ามาทักทายอย่างเป็นมิตร จากนั้นก็ถามในสิ่งเขาอยากถามแทน


“ผมกับผู้กำกับเพิ่งจองร้าน M สำหรับเลี้ยงฉลองปิดกองเล็กๆ คุณศานนท์ไปด้วยกันมั้ยครับ?” ไม่วายหันมาถามตุลย์ด้วย “เป็นไง ผู้ปกครองอนุญาตมั้ย?”


คำว่า ‘ผู้ปกครอง’ เรียกสีหน้าแปลกใจจากหนุ่มใหญ่เล็กน้อย ตุลย์ยิ้มแหยๆ ส่วนศานนท์ไม่ได้ตอบทันที แต่ก็ไม่แสดงท่าทีขัด เขาจึงก็เออออห่อหมกหันไปพยักหน้าให้วินทร์ “ผมไปครับ”


“แล้วคุณศานนท์…?”


“อื้ม” ศานนท์พยักหน้าอย่างไม่ติดใจ “ไปสิ ฉันไม่ติดอะไร”


“ครับผม ผมจองร้านไว้ประมาณหกโมง ยังไงเจอกันที่โน้นนะครับ ...แล้วน้องตุลย์อ่ะ ไปยังไง?” ท้ายประโยคนั้นเจาะจงถามเขา


“เอ่อ...”


“ฉันไปส่งให้ก็แล้วกัน” ศานนท์อาสา


แต่ตุลย์รู้ดีว่า นัยยะของประโยคนั้นคืออีกฝ่ายกำลังตอบดาราหนุ่มแทนเขาเสียมากกว่า


“โอเคครับ เจอกันที่ร้านนะครับ” วินทร์พยักหน้าให้ทีหนึ่ง ก่อนจะเดินกลับไปหากลุ่มทีมงานอย่างเป็นธรรมชาติคล้ายไม่ติดใจสงสัยอะไร


 ซึ่งนั่นก็ทำให้ตุลย์โล่งอก...


----------------------------------


ห้องอาหารร้าน M ที่วินทร์จองไว้นั้น มีทั้งโต๊ะใหญ่และโต๊ะเล็ก จำนวนที่นั่งพอสำหรับรองรับจำนวนทีมงานทั้งหมด แต่พวกเขาต้องนั่งกระจายกัน  เนื่องจากจำนวนคนมากเกินจะกระจุกกันในโต๊ะเดียว จากนั้นก็สั่งอาหารหลายชนิดมาทานปะปนกันไป เช่นเดียวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์


บรรยากาศการทานอาหารเย็นดำเนินไปอย่างเรียบง่ายและอบอุ่น เสียงดนตรีคลอเบาๆ ชวนให้ผ่อนคลายสมอง ด้วยความที่โต๊ะกระจายกัน เขาจึงนั่งแยกกับศานนท์


 หนุ่มใหญ่ที่อาวุโสกว่านั่งข้างผู้กำกับที่โต๊ะใหญ่ ส่วนเขาก็มาลงเอยที่โต๊ะแอมบาสเดอร์หนุ่มแทน ซึ่งวินทร์และทีมงานคนอื่นๆ ที่อายุไล่เรี่ยกันก็ต้อนรับเขายังอบอุ่น


“ดื่มได้แล้วเหรอ เราน่ะ” ถูกแซวตอนที่หยิบบรั่นดีมาผสม เขาก็ยิ้มแหย


“หยวนๆ ให้หน่อยพี่ อีกสองปีเอง”


“อะๆ มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย หยวนก็หยวน” คนแซวหัวเราะ “วินทร์ต้องดูแลน้องแล้วล่ะ”


“ผมเหรอ?” ดาราหนุ่มชี้นิ้วใส่ตัวเอง ก่อนจะทำหน้าเหลือเชื่อ “พี่แน่ใจเหรอว่าให้ผมดูแล”


“เออ เธอเป็นตัวอย่างที่ดีให้กันน้องมันสิ”


“โอ๊ย เจ้เลือกพลาดแล้วอ่ะ” ทีมงานสาวประเภทสองขำก๊าก “คุณวินทร์ปาร์ตี้บ่อยกว่าเจ้ไปฟิตเน็สอีกเด้อจ้า”


ได้ยินแบบนั้น ดาราหนุ่มก็หัวเราะ


“ครับ ให้ดูแลดีๆ ผมน่าจะไม่ถนัดเท่าไหร่ แต่ถ้าให้แนะนำร้าน หรือพาเที่ยว ผมไม่เกี่ยงหรอกนะ ฮ่าๆ”


“แล้วพี่แนะนำที่ไหนอ่ะ” ตุลย์ถาม ขณะกระดกเหล้าไปพลาง


เอาจริงๆ เขาก็ไม่ได้ปาร์ตี้มานานเป็นชาติแล้วเหมือนกัน


“เอาแบบไหนดีล่ะ เพลงสด นั่งชิล หรือว่าผับ? แต่ถ้าแถวๆ นี้แนะนำเป็นผับนะ มีอยู่ที่หนึ่ง ใกล้ๆ ขับต่อไม่ถึงสองกิโล นี่ผมก็ว่าจะไปต่ออยู่เหมือนกัน” เจ้าตัวร่ายยาว ไม่ลืมชวนเขากลายๆ “พี่ไปส่งที่บ้านได้นะ ถ้าจะไปต่อ ลองโทรถามผู้ปกครองดูก่อนก็ได้” 


ตุลย์ได้แต่ยิ้มเจือน


ก็ศานนท์อุตส่าห์ตามมาถึงร้าน M คืนนี้เขาคงไม่มีทางเลือกมาก


“ผมคงไม่ได้อ่ะครับ พรุ่งนี้มีเรียน ถ้ากลับเช้าแม่ฆ่าผมแน่”


“โธ่ เสียดายอ่ะ” ทีมงานหญิงที่แซวเขาถอนหายใจ “นึกว่าจะได้คุยกันนานๆ เพิ่งจะเจอกันเอง อยู่ให้ถึงโฆษณาชิ้นหน้านะน้อง”


“อย่างนี้พี่ต้องช่วยกล่อมให้เขาจ้างผมต่อแล้วล่ะ”


เธอก็หัวเราะร่ากับมุกตลกของเขา


“โอเค งั้นไว้คราวหน้าเดี๋ยวจะชวนใหม่แล้วกัน” วินทร์ตบไหล่เขาอย่างเสียดาย  “อืม... ถ้าไม่ว่าง เอาอย่างนี้มั้ยครับ ผมจัดปาร์ตี้คราวหน้าเมื่อไหร่ ผมจะโทรชวนทุกคนในโต๊ะมาเป็นแขกวีไอพีด้วย เมมเบอร์ให้ผมได้เลยนะ”


วินทร์ยื่นข้อเสนอเมื่อเห็นว่าปาร์ตี้คืนนี้ท่าจะล่มเสียแล้ว หลังจากยื่นส่งโทรศัพท์วนรอบโต๊ะให้ทุกคนเมมเบอร์โทร พวกเขาก็ทานข้าวไปคุยกันไป จนเวลาล่วงเลยไปราวๆ สามทุ่มกว่า หลายคนก็เริ่มเมา แม้แต่วินทร์เองก็หลุดเล่าเรื่องชีวิตส่วนตัวในวงสนทนาอยู่หลายครั้ง


เท่าที่จับความได้นั้น นอกจากชายหนุ่มจะชอบเที่ยวเป็นประจำ อีกฝ่ายยังปาร์ตี้สามวันครั้ง ชนิดที่บางคืนถึงขนาดไม่หลับไม่นอนแล้วตื่นมาทำงานตอนเช้าก็มี...


“แต่ผมก็ตั้งใจทำงานนะคร้าบ”


แน่นอนว่า ไม่มีใครเถียงเจ้าตัวเรื่องนี้


“พี่มันไอดอลหนูชัดๆ!” ทีมงานสาวสองตบโต๊ะฉาด



เห็นว่าเครื่องดื่มหมดเกลี้ยง เหลือแต่น้ำแข็ง ตุลย์ก็โพล่งถาม ขณะแกว่งขวดบรั่นดีเปล่าในมือ “เอาเหล้ากันมั้ยครับ ผมว่าจะไปหยิบมาเพิ่ม”


 ทุกคนในโต๊ะดูจะเห็นดีเห็นงามด้วย แต่จู่ๆ ก็เขานึกบางอย่างขึ้นได้


“มีใครเห็นคุณศานนท์มั้ยครับ?”


“คุณศานนท์เหรอ...? ไม่นะ มีอะไรหรือเปล่า?”


“ผมลืมไปว่ามีเรื่องต้องคุยกับเขานิดหน่อย งั้นเดี๋ยวผมมานะ”


ตุลย์ลุกผึงจากเก้าอี้ ก่อนจะสังเกตเห็นว่าที่นั่งหลายโต๊ะทยอยว่างลง เนื่องด้วยเวลาที่ล่วงเลยเกือบครึ่งคืน เช่นเดียวกับโต๊ะใหญ่ ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงแค่ผู้กำกับที่เริ่มกรึ่มจัดและทีมงานบางส่วนเท่านั้น


เห็นดังนั้น ตุลย์จึงเดินเข้าไปถาม


“คุณศานนนท์เรอะ ออกไปส่งทีมงานหน้าร้าน อีกเดี๋ยวก็คงกลับมา”


ตุลย์มองประตูทางออกด้านข้างที่ผู้กำกับชี้ไม้ชี้มือ ก่อนจะเดินตามออกไป มันพาเขาไปยังสวนหย่อมที่เชื่อมกับหน้าร้าน ใกล้กันนั้นมีน้ำพุใหญ่ขนาดเท่าสี่คนโอบตั้งอยู่


บรรยากาศกลางดึกในสวนค่อนข้างเงียบและเป็นส่วนตัว นอกจากเสียงสรวลเสเฮฮาไกลๆ จากห้องอาหารแล้ว ก็เหลือเพียงเสียงร้องแหลมของแมลงกลางคืน ในส่วนทางเดิน มีแค่ไฟจากสปอร์ตไลท์ใต้พุ่มไม้ขนาดเล็กและโคมสวนคอยให้แสงสว่าง สายลมโชยเอื่อยหอบทั้งความชื้นและความเย็นปะทะใบหน้า 


ใต้ความเลือนลางยามค่ำคืน เขาก็พบร่างศานนท์ใกล้กับน้ำพุ ยืนนิ่งกลืนไปกับบรรยากาศรอบตัว


“ไม่กลับเข้าไปเหรอครับ”


ผู้ถูกเรียกเผยสีหน้าแปลกใจเมื่อเห็นเขา จากนั้นก็ส่ายหัวช้าๆ


“ฉันอยากเดินเล่นหน่อย โดนยุให้ดื่มไปหลายแก้วแล้ว เดี๋ยวก็ต้องขับรถอีก เธอกลับเข้าไปก่อนเถอะ กำลังสนุกเลยนี่”


ตุลย์ชะงักไปเล็กน้อยเหมือนเพิ่งเข้าใจบางอย่าง ก่อนสาวเข้าไปใกล้น้ำพุ ทรุดตัวลงบนม้านั่งไม้ข้างๆ หนุ่มใหญ่


 “ผมคงทำให้คุณเบื่อแย่แล้ว”


“ไม่เป็นไร ฉันรอได้” น้ำเสียงของศานนท์อ่อนลงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเขาเป็นกังวล “ก็ฉันเป็นคนบอกว่าจะมารับเธอเองนี่ ...แค่เห็นว่าเธอสนุกก็พอแล้ว”


ไม่เพียงแต่พูด ศานนท์ยังเอื้อมมือมาลูบหัวเขาเบาๆ คล้ายอยากให้คลายกังวล การกระทำนั้นเหนือความคาดหมายตุลย์ เขาเงยมองเจ้าของมืออย่างแปลกใจ ความมืดทำให้เห็นสีหน้าผู้พูดได้เลือนราง แต่ก็พอมองออกว่ากำลังยิ้มบางๆ เขาจึงไม่ตอบโต้หรือขัดขืน


 “อืม... จะว่าสนุกก็สนุก แต่ถ้าเทียบกับรีวิวแล้ว ผมว่าอาหารร้าน M ก็ไม่ได้อร่อยขนาดนั้น ...อย่างน้อยก็ไม่อร่อยเท่าที่เคยกินตอนไปตกหมึกที่ใต้”


เล่าไปก็พาลนึกถึงตอนมัธยม สมัยที่เขาทำงานอย่างขมักเขม่นเพียงเพื่อจะนำเงินไปเช่าเรือ ออกตกปลาหมึกกับเพื่อนตอนดึกๆ ดื่นๆ


“สู้ไม่ได้เลยเหรอ”


“เทียบไม่ติดครับ ...ส่วนเหล้า ผมยังชอบไวน์ที่คุณพาไปดื่มที่รูฟท็อปวันนั้นมากกว่าอยู่ดี”


ศานนท์หัวเราะในคอ แต่ไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่ม เช่นเดียวกับเขา ต่างคนแค่ต่างเหม่อมองธรรมชาติ ซึมซับเสียง ความมืด และสายลมที่เคลื่อนไหวอยู่รอบๆ กาย ให้ความรู้สึกราวกับคนละซีกโลกเมื่อเทียบกับข้างใน


ตุลย์หลับตา


นานเข้า เขาก็ชักขี้เกียจกลับเข้าไป...


 “...ผมว่า วันนี้ผมพอแล้วล่ะ คุณเบื่อแล้ว ส่วนผมก็เริ่มเหนื่อยเหมือนกัน”


“งั้นก็กลับบ้านกัน”


“ครับ” เขาพยักหน้าเห็นด้วย


พลันก็นึกได้ว่า ก่อนหน้านี้ตัวเองพรวดพราดขอตัวออกมาเฉยๆ จะหายไปเลย โดยไม่กลับไปที่โต๊ะก็คงกระไรอยู่


“เมื่อกี้ผมบอกที่โต๊ะว่าจะออกมาตามหาคุณ ถ้าผมไปแล้วไม่ลา มันก็คงแปลกๆ”


...แต่ขืนเข้าไป เขาก็ไม่รู้จะรับมืออย่างไรกับคำถามว่า ‘กลับยังไง’ หรือ ‘กลับกับใคร’ โดยไม่ให้เป็นที่สงสัยอยู่ดี


ราวกับอ่านใจออก...


 “งั้นบอกไปว่า เธอติดรถฉันไปหา ‘ผู้ปกครอง’ แล้วกัน”


ทีแรกเขาคิดว่า ศานนท์คงไม่ชอบใจคำว่า ‘ผู้ปกครอง’ เท่าไหร่ แต่พอเห็นว่าหนุ่มใหญ่ใช้มันแซวเขากลับ ซ้ำยังหัวเราะ เขาก็เลิกติดใจ


“ครับ เอางั้นก็ได้”

--------------------------------------------------------
มาแว้วค่า รีบเลย ถถถถถถ เวลารีบมาแล้วไม่มั่นใจเลยค่ะ
ตอนแรกว่าจะลงตั้งแต่เมื่อวาน แต่ขัดยังไงก็ยังไม่ชอบ เลยขออนุญาตดีเลย์มาวันนึงเจ้าค่ะ

สำหรับตอนที่แล้วนักอ่านดูสงสัย คุณอัฐ ถถถ นางก็มีอะไรนะ แต่ก็ไม่ใช่ปมใหญ่ค่ะ

ช่วงนี้จะโฟกัสไปที่งานหนูตุลย์ค่อนข้างเยอะหน่อย กลัวจะน่าเบื่อเหมือนกัน แต่ทั้งนี้เพื่อช่วงหลังของเรื่องเจ้าค่ะ จะได้พีคๆ ฮี่ๆๆๆๆ
ลืมบอกทุกคนว่าเมลล่าก็เปิดขายนิยายแล้วน้า อุดหนุนได้ที่ Readawrite ตามลิ้งค์ใน FB PAGE ค่า
เปิดตอนเดียว 2 บาท ถถถถถถถถถถถถถ

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามกันมา และคอยอุดหนุนนะคะ <3
https://www.facebook.com/Iamcaramella/

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-01-2020 20:57:44 โดย Caramella »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
เรื่องของตุลย์ดูแล้วผู้กำกับน่าจะพอรู้บ้าง ถึงพยายามสอนให้ตุลย์เก่งขึ้นด้วย

ตอนนี้ให้ความรู้สึกตุลย์ก็พยายามปรับตัวให้ดีขึ้นตามศานนท์ด้วย

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ผู้ปกครองมารับแล้วค่า 5555555555555

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ชอบที่ตุลย์กับคุณศานนท์ยืนคุยกันที่สวน คือมันน่ารักอ่ะ ดูเข้าใจกันและกัน แคร์กัน น่ารักกกกกกกกก :o8:

ออฟไลน์ kimkidoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คุณศานคงกวงหน่อยๆ?ละเนาะ ก็น้องตุลย์หน้าตาดีนี่นาา
ยิ่งทำงานในวงการ ยิ่งเจอแต่คนน่าตาดีๆซะด้วยยยยย
สงสารรรรรรเสี่ยยยนเค้าเนอะ :hao7:

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
23rd Night : สปอยล์


มีคนเคยพูดว่า ‘ความโด่งดังนั้น เป็นเรื่องของโชคลาภมากกว่าความพยายาม’


ประโยคนั้น ดูท่าจะจริง…


เช้านี้พวกเขานัดทำงานกลุ่มกันที่คอนโดของศานนท์ ที่จริงตุลย์ไม่คิดว่าจะต้องใช้ห้องของหนุ่มใหญ่เป็นสถานที่ทำงานด้วยซ้ำ แต่หลังจากถกเถียงกันอยู่หลายวันว่าห้องใครสะดวกกว่ากัน สุดท้ายหวยก็ออกที่เขา เพราะนอกจากคอนโดของศานนท์จะตั้งอยู่ใจกลางเมือง ติดรถไฟฟ้าแล้ว ความที่เจ้าของห้องไม่ค่อยได้แวะมา ทำให้มันมีพื้นที่โล่ง เหมาะสำหรับใช้สอยทำประโยชน์อื่นนอกจากพักอาศัยเป็นที่สุด


ด้วยเหตุนี้ ตุลย์จึงขอคีย์การ์ดจากหนุ่มใหญ่ไว้ตั้งแต่เมื่อวาน


“ตุลย์ๆ เพจนี้ตัดโฆษณาตุลย์ไปลงด้วยแหละ”


จีจี้หันจอโน้ตบุ๊กของเธอให้ดูขณะนั่งกอดหมอนอิงบนโซฟาตัวใหญ่ เป็นจังหวะเดียวกับที่แม็กโผล่หน้าออกมาจากครัว หลังโยนของว่างที่หิ้วมาจากร้านค้าใส่ตู้เย็นเขา


“ไหนๆ ๆ ”


“นี่ไง”


ตุลย์ชะโงกหน้ามองตามที่จีจี้ชี้ คลิปที่เล่นอยู่บนหน้าจอเป็นภาพเขากำลังจิบชาดื่มด่ำ ก่อนจะหันมาส่งสายตาให้กล้องแวบหนึ่งอย่างคล้ายจะยิ้ม แต่ไม่ตั้งใจยิ้ม ซึ่งเป็นฉากสั้นๆ ในโฆษณาชาที่เพิ่งออนแอร์ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ส่วนแคปชั่นมุมขวาก็สาธยายเชิงว่าเขาเป็นนักแสดงน้องใหม่หน้าตาดี ที่พอยิ้มแล้วดูมีเสน่ห์ไม่เลว


อ่านแล้วก็พาลรู้สึกเคอะเขินตัวเองอย่างบอกไม่ถูก...


“จี้ว่าฉากนี้ตุลย์ดูดีมากนะ ไม่ได้เกินจากที่โพสต์ไว้เลย อีกหน่อยตุลย์ต้องดังแน่ๆ ”


ถูกยอ เขาก็โคลงศีรษะคล้ายไม่เชื่อ “ทำไมจี้คิดงั้น”


“ก็พักนี้ตุลย์มีงานเข้ามาตั้งเยอะนี่ เราเห็นรูปตุลย์บนนิตยสารบ่อยจะตาย ...ไม่รู้อ่ะ เราก็แค่รู้สึกอย่างงั้น แต่จะบอกให้ว่าเซนส์เราอะ แรงนะ” เธอขยิบตา


ทีแรกเขาคิดว่าหญิงสาวแค่แหย่เล่น ตุลย์จึงไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเธอ จนกระทั่งช่วงดึกคืนนั้น ขณะที่พวกเขากำลังเคลียร์ข้าวของเตรียมแยกย้ายกลับบ้าน จู่ๆ จีจี้ก็วิ่งพรวดออกมาจากครัว ทั้งที่มือยังถือขนมปังทาช็อกโกแลต


เธอชูโทรศัพท์ใส่เขา ใกล้ชนิดที่ถ้าทาบหน้าเขาได้ เธอคงทำแล้ว


“ดูนี่เร็วๆ ! จำโพสต์เมื่อเช้าได้มั้ย คลิปตุลย์ไวรัลแล้วนะ ยอดแชร์ตั้งพันกว่า ตอนนี้มีแต่คนพูดถึงตุลย์เต็มไปหมดเลย! ” พูดไปเธอก็กระโดดโลดเต้นไปรอบๆ เสมือนว่าเป็นคนดังเสียเอง


ตุลย์งุนงงไปชั่วขณะ ทีแรกเขาไม่เชื่อ แต่พอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็กดูเองก็พบว่าเธอพูดความจริง โพสต์ของเพจที่นำคลิปของเขาไปลงนั้นถูกแชร์โดยอีกเพจที่มียอดผู้ติดตามหลักล้านอีกที และเป็นโชคหรืออะไรก็ไม่ทราบ ที่ผู้คนส่วนใหญ่ชมชอบและให้ความสนใจในตัวเขามากมาย จนเกิดเป็นกระแสไวรัลในอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว


เขาพูดไม่ออก มันทั้งช็อกและท่วมท้นในความรู้สึกไปพร้อมกันๆ


ไม่ต่างจากแม็กที่ยืนหน้าเหลอหลาเหมือนสมองยังไม่ประมวลผลสิ่งที่เกิดขึ้น ชั่วครู่เดียว ก่อนที่ใบหน้าของเพื่อนสนิทก็ปรากฏรอยยิ้มแกนๆ หวดฝ่ามือใส่หลังเขาฉาดใหญ่


“เชี่ยแม่ง ไอ้เหี้ยตุลย์! อะไรของมึงเนี่ย นี่เพื่อนกูดังแล้วจริงอ่อวะ!? ”


เขาไม่รู้จะตอบอะไรเหมือนกัน ถึงได้แต่หัวเราะไม่หยุดอย่างกับคนที่เพิ่งได้ฟังเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิต


-----------------------------------


โดยปกติแล้ว ตุลย์จะลงรูปส่วนใหญ่ในอินสตาแกรมก็ต่อเมื่อเขาได้คลิปหรือรูปจากงานถ่ายแบบ ซึ่งแต่ละครั้งได้ยอดไลก์อยู่ราวๆ สองถึงสามร้อย แต่คืนนี้ต่างไป หลังจากเกิดกระแสโด่งดังในอินเทอร์เน็ต ยอดไลก์ก็เพิ่มขึ้นสองถึงสามเท่าตัว เช่นเดียวกับยอดผู้ติดตามไหลทะลักเข้ามาไม่หยุด


เขาได้รับข้อความจากเพื่อนหลายคน ทั้งที่ไม่สนิท ไม่เคยรู้จักมาก่อน หรือกระทั่งจากบุคคลที่ติดต่อเข้ามาเสนองานต่างๆ ให้จำนวนมากอย่างไม่ทันตั้งตัว


ความกะทันหันของมันทำให้เขาตัดสินใจโทรหาซินดี้เพื่อแจ้งข่าว เธอจะพอทราบเรื่องอยู่แล้ว แต่ยังติดธุระ พวกเขาจึงได้คุยกันเพียงสั้นๆ ในทีแรก จวบจนราวๆ ห้าทุ่มครึ่ง ซินดี้ก็โทรกลับ


“หล่อนอ่านข้อความได้ ตอบข้อความได้ แต่ห้ามไปสัญญิงสัญญาอะไรกับใคร หรือตอบรับงานเด็ดขาด งานพวกนี้ต้องผ่านเจ้สกรีนก่อน ถ้ารับอะไรมั่วซั่ว ชื่อเสียงหล่อนได้พุ่งลงเหวในวันเดียวแน่! ...เอาอย่างนี้ คืนนี้ตอบแค่เท่าที่จำเป็น พรุ่งนี้หล่อนค่อยไปเจอฉันที่ออฟฟิศคุณศาน แล้วเราจะคุยเรื่องงานกัน เน้นย้ำว่าแค่เท่าที่จำเป็นนะยะ เข้าใจ๊!? ”


“ครับ เข้าใจ” ตุลย์เออออห่อหมกไปกับเธอ


ณ ตอนนี้ เขากล้ายอมรับเต็มปากว่าไม่รู้จะทำตัวยังไงการเป็นกระแส



คงเพราะมัวแต่วุ่นเกี่ยวกับเรื่องของเขาทั้งคืน เช้าวันถัดมาซินดิ้ถึงโผล่มาที่ออฟฟิศด้วยใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางๆ และเสื้อเชิ้ตกางเกงขาม้า ทั้งที่ปกติเจ้าหล่อนมักจะสวมชุดตามเทรนแฟชั่นเสมอ


ซินดี้ดูรีบร้อนอยู่พอตัว พอหย่อนก้นนั่งเก้าอี้ปุ๊บ เธอก็หยิบเอกสารประกอบจากแฟ้มส่งให้เขาและศานนท์ทันที ก่อนจะเริ่มสาธยายข้อเสนอต่างๆ ได้รับมาตลอดหนึ่งวันเต็ม


“นี่เป็นลิสต์งานที่ฉันสกรีนมาแล้วเห็นว่าน่าสนใจ และปลอดภัยกับชื่อเสียงตุลย์ แต่หล่อนต้องเพิ่งระลึกไว้ว่าหล่อนเพิ่งดัง จะทำอะไรก็ต้องรักษาชื่อเสียงและกระแสไว้ให้ดี ถ้าหล่อนทำตัวเป็นข่าวฉาว หล่อนดับ ถ้าหล่อนนอกกระแส อีกเดี๋ยวหล่อนก็ดับเหมือนกัน ดังนั้น จะเลือกงานอะไรต่อจากนี้ก็ต้องคุยกับเจ้และคุณศานก่อน ภาพลักษณ์ต้องมาก่อน เข้าใจ๊? ”


เธอตวัดหางเสียงสูง มองเขาด้วยสายตาคมกริบคล้ายต้องการแน่ใจว่าเข้าใจสถานการณ์


“อะ ลองไล่ดูลิสต์ก่อน แล้วบอกเจ้ว่าหล่อนสนใจงานไหน”


งานส่วนใหญ่ที่คนเสนอให้เขา มีทั้งการขอสัมภาษณ์ ถ่ายนิตยสาร เล่นละคร และหนังสั้น ซินดี้ต้องการให้เขามุ่งเป้าไปที่งานในวงการ เนื่องจากมันทำให้เขาอยู่ในสายตาของสังคมตลอด


ส่วนงานจิปาถะอย่างอื่นที่ไม่เป็นผลดีต่อเขานัก อย่างจำพวก โฆษณาเครื่องสำอางผ่านอินเทอร์เน็ต พิธีกรชั่วคราวตามงานอีเว้นท์ หรือเว็บพนัน เธอได้คัดออกไปเกือบหมดตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว


ตุลย์มองลิสต์บนกระดาษอย่างอึ้งๆ ...


นับแต่เข้าวงการด้วยเส้นสายของศานนท์จนถึงเมื่อคืนวาน เขาไม่เคยมีโอกาสเลือกรับหรือปฏิเสธงานใดที่ซินดี้ป้อนให้ เนื่องจากข้อเสนอในวงการนั้นมีจำกัด ยิ่งไปกว่านั้น ยังต้องวางตัวอย่างระมัดระวังไม่ให้กระทบชื่อเสียงซินดี้ในฐานะเด็กปั้นของเธอด้วย


แต่ตอนนี้ สถานการณ์มันกลับตาลปัตรไปหมด…


“ผมอยากลองอะไรใหม่ๆ ...”


ตุลย์รู้ดีว่านี่คือโอกาสครั้งสำคัญ เขาต้องทะนุถนอมมันและเลือกอย่างรอบคอบ เพราะทางเลือกต่อจากนี้อาจส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานของเขาในแง่บวกหรือลบก็ย่อมได้ แต่ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาดีหรือร้าย เขาก็มั่นใจว่ามันเกินคุ้มที่จะลองเสี่ยงดู


...’วงการบันเทิง’ คือสิ่งที่เขาตะเกียกตะกายมาทั้งชีวิต แต่ทุกครั้งที่นึกถึง มันกลับเหมือนฝุ่นที่ฟุ้งกระจายในความฝัน ...เลือนรางและไม่อาจจับต้องได้มาโดยตลอด จนกระทั่งวันนี้ วันที่ความฝันของเขาเป็นรูปธรรมขึ้นมา ราวกับว่าหากเอื้อมมือคว้าเอาไว้ ก็อาจสัมผัสมันด้วยอุ้งมือตัวเองได้


ราวกับอยากไขว่คว้าไว้จริงๆ ตัวเขาที่อยู่ในห้วงภวังค์ก็เอื้อมไปหยิบนิตยสารเล่มหนึ่งใต้แฟ้มเอกสารของซินดี้อย่างไม่มีสตินัก


เพี๊ยะ!


พริบตานั้น ความเจ็บตรงหลังมือก็ฉุดตุลย์กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง


“หยุดเลย! ” ซินดี้ตีมือ คว้านิตยสารเล่มนั้นจากเขา แล้ววางแหมะลงบนโต๊ะหน้าศานนท์ราวกับคุณครูที่กำลังฟ้องผู้ปกครอง “หล่อนเพิ่งจะดัง แถมยังไม่บรรลุนิติภาวะ จะถ่ายโป๊แล้วเรอะ!? ”


พอจ้องดีๆ พบว่าเป็นนิตยสารชุดชั้นใน ตุลย์ก็หน้าเหวอ ส่วนศานนท์ได้แต่ยิ้มขำกับความสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวของเขา


“เปล่านะ ที่ว่าอะไรใหม่ๆ ผมหมายถึงละครต่างหาก ผมอยากลองทำอะไรที่รู้สึกว่าเติบโตไปพร้อมกับมันได้”


ศานนท์พยักหน้าเข้าใจ ก่อนเผยสีหน้าครุ่นคิด


“อืม... ถ้าเป็นพวกซีรีส์ละครกลางๆ อย่างพวกที่สตรีมผ่านเว็บไซต์ ฉันดันเธอเป็นนักแสดงนำได้ แต่ถ้าเป็นละครช่องดังๆ อย่างดีที่สุดก็ได้แค่บทสมทบ ฉันไม่ค่อยได้สปอนเซอร์พวกละครเท่าไหร่ คอนเนกชั่นไม่แข็งแรงพอ คงจะรับปากอะไรเธอตอนนี้ไม่ได้”


ตุลย์ส่ายหน้าหวือ


เขายังไม่มีประสบการณ์เลยด้วยซ้ำ จะให้รับบทนักแสดงนำคงไม่ไหว


“ไม่ครับ ผมไม่ได้อยากแสดงนำ แค่บทตัวละครสมทบซีรียร์กลางๆ ก็พอแล้ว”


“ซีรีส์กลางๆ ก็ดีนะคะ จะได้ดูทิศทางกระแสด้วยว่าผลตอบรับเรื่องละครออกมาดีมั้ย”


ครั้นซินดี้แสดงออกว่าเห็นด้วย หนุ่มใหญ่พยักหน้ารับทีหนึ่งเป็นเชิงอนุมัติ


จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มถกกันเรื่องข้อดีข้อเสียของงานละครและแผนรับความเสี่ยงต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจกระทบต่อชื่อเสียงของเขาชนิดเป็นฉากเป็นตอน ดูจริงจังเสียจนตุลย์ได้แต่นั่งฟังทั้งสองเงียบๆ อยู่พักใหญ่ ก่อนที่ซินดี้จะค้นเอกสารส่งให้เขาอีกชุดหนึ่ง แล้วกำชับเสียงแข็ง


“คำแนะนำของเจ้ คือ หล่อนควรเริ่มจากซีรีส์สั้น กระแสกลางๆ ที่บทสมทบน่าสนใจ อย่างสองเรื่องนี้ ลองอ่านบทดูให้ละเอียดก่อน แล้วค่อยตัดสินใจ ต้องการรายละเอียดอะไรก็โทรหาเจ้ เจ้จะหามาให้ โอเค๊? ”


“ครับ”


“ดี” เธอผงกหัวทีหนึ่ง “ตารางงานต่อจากนี้จะค่อนข้างแน่น หล่อนจะมีทั้งคิวงานถ่ายแบบ และงานละคร ดังนั้น หล่อนต้องจัดเวลาให้ดี และถ้าทุกอย่างไปได้สวย บางทีอาจจะต้องดรอปเรียนบางตัวด้วย...”


-------------------------------


หลังเป็นกระแสบนอินเทอร์เน็ต ชีวิตในมหาวิทยาลัยของตุลย์คึกคักขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก่อนหน้านั้น เขาไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก หรือหากรู้จักก็จากเรื่องเสียๆ หายๆ เป็นส่วนใหญ่ แต่พักหลังมานี้ หลายคนที่มหาวิทยาลัยเริ่มทักทายเขามากขึ้น ส่วนหนึ่งก็เพราะจำหน้าได้ มีเข้ามาขอถ่ายรูปบ้างประปราย หรือบางครั้งเขาก็ถูกเมนชั่นในไอจีสตอรี่ที่คนอื่นถ่ายติดด้วย


เห็นได้ชัดว่าผู้คนค่อยๆ ลืมภาพลักษณ์ตัวแปลกประหลาด และเริ่มจดจำเขาใหม่ในฐานะนักแสดงที่กำลังเป็นกระแสโด่งดัง


นอกจากเหนือชีวิตส่วนตัว แน่นอนว่าความโด่งดังของเขาย่อมส่งผลดีต่อยอดขายสินค้าของศานนท์ด้วย มันทำให้เขาเป็นที่รู้จักในบริษัทมากขึ้นและให้สิทธิพิเศษหลายประการ ด้วยเหตุนี้เวลาไม่มีเรียน ตุลย์จึงมาขลุกอยู่ที่ออฟฟิศหนุ่มใหญ่ และทำตัวตามสบายเหมือนอยู่บ้าน


บางวันเขาก็กดสั่งกาแฟขึ้นมาส่งหลายๆ แก้ว ดื่มเองบ้าง สั่งเผื่อศานนท์บ้าง แบ่งให้เลขาหน้าห้องของหนุ่มใหญ่บ้างเป็นการผูกมิตร พอเมนูเริ่มจำเจ ก็เปลี่ยนเป็นของทานเล่นจากร้านดังบ้าง


ที่เป็นอย่างนี้เพราะตารางงานเขาค่อนข้างวุ่น และบริษัทของศานนท์ตั้งอยู่ย่านกลางเมืองซึ่งสะดวกต่อการสัญจร มันจึงประหยัดเวลากว่าการเดินทางจากมหาวิทยาลัยหรือจากบ้านโดยตรง เวลามีคิวงานถ่ายแบบ


ฝ่ายศานนท์ก็ดูจะชมชอบความคิดนี้เอามากๆ เจ้าตัวถึงสปอยล์เขาด้วยการซื้อของติดไม้ติดมือมาฝากเวลาออกไปพบลูกค้า หรือพาเขาไปทานข้าวด้วยอยู่บ่อยๆ ส่วนวันไหนที่ไม่ว่าง ก็มักจะส่งอเนกมานั่งเล่นเป็นเพื่อน จนพักหลังนี้เขาแอบสงสารชายหนุ่มขึ้นมาหน่อยๆ


ทว่าการที่เขาเดินเพ่นพ่านทั่วชั้นยี่สิบเอ็ด หยิบจับโน่นนี่ตามอัธยาศัยจะไม่ถูกใจอัฐเท่าไหร่ เพราะชายหนุ่มเห็นเขาทีไรก็มักทักทายด้วยรอยยิ้มเย็นชาเสียทุกครั้ง


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


เสียงเคาะประตูเรียกตุลย์จากภวังค์ เขาละสายตาจากเกมในจอมือถือ ปรายมองประตูต้นเสียงทั้งที่ยังนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟา


“คุณศานนท์ไม่อยู่ครับ”


เที่ยงนี้ หนุ่มใหญ่มีนัดทานข้าวกับลูกค้าและผู้บริหารจำนวนหนึ่ง จึงจำใจต้องทิ้งเขาไว้ที่ห้องคนเดียว ส่วนเขาก็ยังไม่ค่อยหิวนักเพราะกินข้าวเช้าสาย เลยตัดสินใจว่าจะตีป้อมรอจนบ่ายแล้วค่อยลงไปหาอะไรกินเป็นมื้อกลางวัน


แต่แทนที่ผู้มาเยือนจะเป็นคนในบริษัท กลับกลายเป็นอเนกในเสื้อฮาวายสีน้ำเงินโผล่หน้ามาจากหลังประตู


“สเต๊กอกไก่มาแล้วคร้าบ คุณหนู”


“แต่ผม...” ไม่ได้สั่ง เอ่ยได้ครึ่งประโยค ตุลย์ก็ร้อง ‘อ๋อ’ เบาๆ ราวกับเพิ่งคิดออก“...คุณศานนท์ใช้ให้พี่เอกหิ้วข้าวกลางวันขึ้นมาอีกแล้วล่ะสิ”


“ถูกต้อง” ชายหนุ่มชี้นิ้วใส่เขาเหมือนตอบคำถามเกมโชว์ถูก


อเนกทิ้งตัวลงบนโซฟาขนาดคนเดียวนั่งถัดจากเขา ก่อนจะหยิบกล่องกระดาษใส่อาหารออกมาวางพร้อมช้อนส้อมพาสติก


“ลุกขึ้นมาทานเร็วครับคุณ เดี๋ยวจะเย็นหมด”


ตุลย์ดีดตัวผึง วางโทรศัพท์ลงอย่างไม่อิดออด เพราะเดิมทีเขาก็แค่เล่นฆ่าเวลาอยู่แล้ว


“ลำบากพี่แย่”


“ไม่อ่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเรื่องเข้ามา ไอ้ผมก็ว่าง นั่งๆ นอนๆ อยู่บ้านกินเงินเดือนนานเข้าก็ชักเบื่อเหมือนกัน แต่ว่า...พักนี้ เสี่ยเอาใจคุณน่าดูเลยน้า ทั้งซื้อของฝากมาให้ ทั้งพาไปดินเนอร์ ขนาดไม่ว่างยังให้ผมมานั่งกินข้าวเป็นเพื่อน” อเนกหยีตา ยิ้มกรุ้มกริ่ม


ทีแรกตุลย์จะอ้าปากเถียง แต่พอไล่เรียงดูแล้ว เขาก็ได้แต่ยิ้มแกนๆ อย่างไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร


ก็จริงอย่างว่า... พักนี้ ศานนท์สปอยล์เขาอย่างไม่คิดจะปิดบังใคร ต่อให้ไม่ใช่คนช่างสังเกตก็ดูออก ว่าเขาได้ทั้งความสนใจและสิทธิพิเศษหลายอย่างจากหนุ่มใหญ่


“เสี่ยหลงคุณจะแย่แล้วมั้งเนี่ย ผมว่า”


เรียกว่าคำพูดของอเนกเป็นลางบอกเหตุก็คงได้


เช้าวันเสาร์นั้น ตุลย์ใส่ชุดสำหรับวิ่งออกกำลังกายเดินลงบันไดมาด้านล่างแต่เช้าตรู่ เขาทำแบบนี้เป็นกิจวัตรและค่อนข้างมั่นใจว่ามันยังเช้าเกินไปกว่าแม่บ้านหรือศานนท์จะปรากฎตัว ก่อนจะพบว่าคิดผิด ตอนที่เห็นหนุ่มใหญ่ในชุดนอนกำลังง่วนอยู่กับถุงกระดาษหลายขนาด บนตู้เก็บของสะสมของเจ้าตัวตรงชานบันได


“ขนมเหรอครับ? ผมอ้วนจะตายอยู่แล้วนะ” ตุลย์เอ่ยแซว


มือที่กำลังเปิดดูถุงต่างๆ ชะงักไปครู่ เจ้าของบ้านดูจะตกใจที่เห็นเขาเดินดุ่มๆ ลงบันไดมาแต่เช้าตรู่


“อา... ไม่ใช่หรอก”


“งั้นอะไรเหรอครับ? ” ตุลย์ชะเง้อมองด้วยความสงสัย


ศานนท์ถอนหายใจเฮือกเหมือนหมดทางเลือก จากนั้นก็กวักมือเรียกให้เขาเดินมาหา “ว่าจะรอให้สายกว่านี้หน่อยค่อยบอก แต่เธอดันลงมาเห็นซะก่อน ถ้าไม่บอกตอนนี้ก็คงไม่เซอร์ไพร์ซแล้ว”


“แกะนี่ดูสิ”


หนุ่มใหญ่ส่งถุงกระดาษทรงสูงให้เขาอย่างระมัดระวัง ตุลย์รับมาถือก็รู้สึกถึงน้ำหนักประมาณหนึ่ง เขาเปิดถุง พบว่าข้างในเป็นกล่องกระดาษที่มีตราโรงแรมคุ้นๆ ติดอยู่ ครั้นพอเปิดฝากล้อง ขวดสีชาด้านในก็สะท้อนกับแสงแดดยามเช้าเกิดเป็นประกายระยิบระยับดึงดูดสายตาผู้มอง


“คุณ...”


“นี่ไวน์จากรูฟท็อปครั้งก่อนที่เธอบ่นถึง” ศานนท์คลี่ยิ้ม เมื่อเห็นว่าเขาท่าทางดีใจเอามากๆ “ชอบมั้ย? ยังมีอีกชิ้นนะ"


คนพูดหมุนตัวหยิบกล่องหนังสีเขียวเข้มขนาดเท่าฝ่ามือจากถุงกระดาษใบเล็กกว่า ก่อนจะเปิดฝาออกตรงหน้า ปรากฏนาฬิกาเรือนหนึ่งที่มีหน้าปัดสีดำกริบ ส่วนเข็มและวงจับเวลาขนาดเล็กด้านในเป็นสีเงินยวงสว่าง เช่นเดียวกับกรอบเซรามิกและสายข้อมือ


แวบแรก ตุลย์ก็รู้ทันทีว่า ของชิ้นนี้ราคาไม่ใช่น้อยๆ


“คุณให้ผมเหรอ...”


“อือฮึ เป็นของขวัญสำหรับโฆษณาชิ้นแรก เทียบกับรายได้บริษัทเดือนนี้ จะซื้อแบบนี้สักสิบเรือนก็ยังได้” ไม่ว่าเปล่า ยังยืมข้อมือเขาไปทาบสายนาฬิกาแล้วสวมให้อีก


ตุลย์ได้แต่ยืนอ้ำๆ อึ้งๆ ระคนตื่นเต้นดีใจ ตอนนั้นเขาคิดไม่ออกว่าจะตอบแทนศานนท์ยังไง จึงรั้งคอหนุ่มใหญ่มาจูบเสีย


สีหน้าศานนท์เหลอหลาอย่างเห็นได้ชัดตอนที่เขาผละจาก บ่งบอกว่าเจ้าตัวก็ไม่ได้คาดว่าจะถูกจูบเช่นกัน เขาก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆ กลบเกลื่อน


“ขอบคุณครับ แต่คุณต้องหยุดสปอยล์ผมได้แล้วนะ เดี๋ยวผมก็เสียคนพอดี”


“ถ้าเป็นเธอ มากกว่านี้ฉันก็ให้ได้...”


แววตาลุ่มลึกที่เผยความรู้สึกให้เห็นอย่างหมดเปลือก พาลให้ตุลย์หลุบตาเล็กน้อยอย่างทำตัวไม่ถูก คราวนี้ เป็นศานนท์ที่จับข้อมือเขาข้างที่สวมนาฬิกาไว้หลวมๆ เอ่ยเสียงนุ่ม


“จูบอีกทีได้มั้ย”


เขาโน้มหน้าจูบหนุ่มใหญ่ตามที่อีกฝ่ายร้องขอ ริมฝีปากทั้งคู่บดเบียดสัมผัสกันอย่างจงใจ จนเกิดเสียงเบาๆ หลายต่อหลายครั้งเวลาที่ปรับใบหน้าเปลี่ยนองศา


“อือ...”


ตุลย์ครางในคอเมื่อถูกลิ้นสอดเข้ามารุกไล่พันเกี่ยวในโพรงปาก ก่อนจะจูบตอบแบบเดียวกัน จูบที่ดูดดื่มปลุกปั่นความต้องการได้ดี จวบจนมือหนาโอบเอวเขา ลูบก้นกบใต้เนื้อผ้า


พอเห็นสีหน้าหนุ่มใหญ่ตอนที่ถอนจูบชัดๆ ตุลย์แน่ใจว่าต่างฝ่ายต่างอารมณ์เตลิดไปเรียบร้อย เขาจึงปล่อยเลยตามเลยเพราะคร้านจะห้ามปราม


...ดูท่าว่าเช้านี้ คงได้ออกกำลังกายแบบอื่นแทนซะแล้ว

-----------------------------------------
เมลล่าไปเที่ยวเชียงรายมาค่า เลยอัพช้าเพราะเอาแต่เที่ยว
เค้าขอโต๊ดดดดด
ช่วงนี้หนูตุลย์ดูวุ่นกับงานสุดๆ และก็เป็นช่วงที่คุณศานเหมือนจะหลงหนูตุลย์สุดๆ ด้วย
จะไปได้ดีมั้ยหนอ ฮี่ๆๆๆๆๆ *ยิ้มชั่วร้าย*
สำหรับ reference นาฬิกาตอนนี้ คือ rolex daytona white gold เจ้าค่ะ เมลล่าอุตส่าห์ไปนั่งจิ้มๆ เล่นในเว็บ rolex ถถถถถถ ถามว่ามีปัญญาจะซื้อมั้ย ก็ไม่


ขอให้สนุกกับนิยายนะคะ รักนักอ่านที่สุด ฮื้ออออ <3
แต่ว่าเชียงรายหนาวจังงงง มีฝุ่นด้วยย เส้ามาก แต่ก็สนุก อีกเดี๋ยวเมลล่าก็ต้องไปใช้กรรมเพราะต้องทำงานแล้ววว แต่จะเอาเรื่องนี้ให้จบให้ได้ สู้สุดใจ!
อย่าลืมไลค์เพจน้าค้า เผิื่อเมลล่าหายไปจะได้แวะไปเอ็ดได้ ถถถถถถ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-01-2020 17:43:09 โดย Caramella »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ kimkidoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เอาแล้ววววววตุลย์อ้อนละเว้ยยยยยย เริ่มใจอ่อนเห็นความดีคุณศานละใช่ไหม?
คุณศานก็นะ เด็กอ้อนหน่อยก็ไปไม่เป็น555555 มีบ้านเสียบ้านมีรถเสียรถ!!!!
รออีกครึ่งนึงน้าาาาาาาาา เอาใจช่วยจ้าาาาา :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โอ้ยๆๆๆๆ ดีต่อใจ หวานกันมากกกกกกกก อิชั้นแฮปปี้มากๆเลยค่า o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
จะสปอยล์ได้มากกว่านี้อีกมั้ย 55555555555555

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
23.5
ใช้เวลาทบทวนอยู่เกือบสัปดาห์ สุดท้ายตุลย์ก็ตกลงรับบทพระรองในซีรีส์เรื่องสั้นรักวัยรุ่นที่ดัดแปลงเค้าโครงจากนิยาย โดยที่ตัวเขารับบทเป็นหนุ่มน้อยหน้าใสวัยมหาวิทยาลัยที่แอบชอบสาวรุ่นพี่ แต่โชคร้ายที่เธอคนนั้นดันไปหลงรักพระเอกของเรื่อง ทำให้เขาต้องผันตัวมาเป็นที่ปรึกษาด้านความรักและคนดูแลหัวใจเธอ

ซึ่งบทบาทนี้ ศานนท์และซินดี้ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่ซับซ้อนเกินไปและน่าจะได้ใจคนดู


วันแรกของการออกกองเป็นอะไรที่ทั้งท้าทายและโหดหินสำหรับตุลย์ ความด้อยประสบการณ์ทำให้เขาทั้งกดดันและประหม่าเวลาอยู่หน้ากล้อง แม้จะผ่านโฆษณามาแล้ว แต่การถ่ายทำละครก็ยังเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับนักแสดงอื่น หรือเคลื่อนไหวติดต่อกันเป็นเทคยาวๆ


เขาต้องใช้เวลาระยะหนึ่งทีเดียวกว่าจะเริ่มปรับตัวให้ชิน


วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ตุลย์มีคิวถ่ายทำ สถานที่ที่ใช้ถ่ายนั้น เป็นร้านกาแฟตกแต่งสไตล์มินิมอลด้วยดอกไม้แห้ง และของกระจุกกระจิก บ่ายนี้เขาจะต้องเข้าฉากกับนักแสดงหญิงอายุใกล้เคียงกันที่รับบทเป็นสาวรุ่นพี่  เป็นฉากที่เธอนั่งทานขนมและขอคำปรึกษาเรื่องความรักจากเขา ขณะที่เขาปลอบใจเธอ


หลังจากผู้กำกับบรีฟบทให้นักแสดง การถ่ายทำก็เริ่มต้นและดำเนินไปอย่างทุกวัน บางฉากก็ราบรื่น ส่วนฉากที่ต้องใช้อารมณ์มากหน่อยก็กระท่อนกระแท่นบ้าง เพราะต่างฝ่ายต่างเป็นดาราใหม่ทั้งคู่


การถ่ายทำร่วงเลยมาราวๆ เกือบหนึ่งทุ่มครึ่ง จวบจนได้เทคครบตามที่ผู้กำกับพอใจก็สั่งเลิกกอง เหล่าทีมงานทยอยเก็บอุปกรณ์ต่างๆ ขึ้นรถอย่างกระฉับกระเฉง บางส่วนก็เร่งรีบเพราะต้องประชุมฝ่าย เตรียมความพร้อมสำหรับถ่ายทำฉากของคู่หลักต่อในวันพรุ่งนี้


เสร็จงานปุ๊บ ตุลย์ก็โทรให้เต้มารับอย่างทุกวัน แต่ถือสายรอไม่กี่วินาที เขาก็กดตัด ตอนที่เห็นป้ายแฟรนไชส์ร้านกาแฟชื่อดัง โลโก้นางเงือกที่ตนเองโปรดปรานใต้ตึกสำนักงานตรงข้ามกับคาเฟ่


วันนี้ทั้งวัน เขายังไม่ได้แตะกาแฟเลยสักแก้วเดียว มีก็แต่ขนมหวานเล็กๆ น้อยๆ ให้ชิมระหว่างเข้าฉากเท่านั้น พอเห็นร้านประจำเข้า ก็เกิดอดใจไม่ไหวขึ้นมา


จะว่าเสพติดแบรนด์ก็ได้ แต่เขาหลงรักกาแฟร้านนี้จริงๆ

กว่าจะรู้ตัว ตุลย์ก็ถูกสะกดจิตให้เดินข้ามสกายวอล์กมาลงหน้าสำนักงานเป็นที่เรียบร้อย เขาตรงไปที่เคาท์เตอร์ ต่อคิวรอสั่งเครื่องดื่มตามปกติ

ระหว่างที่รอ เขาสังเกตเห็นว่าวันนี้ มีผู้คนยืนออตรงพื้นที่ใต้ตึกหนาแน่นกว่าปกติ แต่ไม่ได้เอะใจ จนกระทั่งถูกสะกิดหลังยิกๆ ให้หลุดจากภวังค์ พอหันไปก็ต้องแปลกใจยิ่งกว่า เมื่อพบว่าเจ้าของมือคือ ดาราโทรทัศน์อย่างวินทร์

“ว่าแล้ว น้องตุลย์จริงด้วย เห็นมั้ย ผมบอกแล้วว่าใช่” ดาราหนุ่มยักไหล่ให้กลุ่มเพื่อนที่อยู่ด้านหลังราวกับจะอวดว่าทายถูก

“พี่มาทำอะไรครับเนี่ย? ”


“ถ่ายละครครับ เช่าออฟฟิศข้างบนถ่ายน่ะ เพิ่งเลิกกองเมื่อกี้เลย”


วินทร์ตอบ ไม่ลืมแนะนำเขาให้รู้จักกับกลุ่มชายหญิงห้าหกคนด้านหลัง


“นี่พี่ๆ ทีมงานจากกองถ่าย ว่าจะชวนกันไปปาร์ตี้ต่อที่คลับ”


“ปาร์ตี้บ่อยนะครับเนี่ย”


ถูกแซว วินทร์ก็หัวเราะร่วน “ใช่ ผมเป็นคนชอบปาร์ตี้ มีเงินก็ใช้ๆ ไป หาความสุขใส่ตัว น้องตุลย์ล่ะ ไปด้วยกันมั้ย? นี่ว่าจะโทรชวนคนจากกองโฆษณาคราวก่อนด้วย”


ข้อเสนอนั้นทำให้ตุลย์ลังเลอยู่บ้าง


เขามีข้ออ้างร้อยแปดพันอย่างจะปฏิเสธชายหนุ่ม แต่ลึกๆ ในใจแล้ว เขาก็อยากพักผ่อนคลายเครียดบ้างเหมือนกัน หลังจากทุ่มเทให้งานอย่างหนักติดกันมาหลายอาทิตย์


“ถ้ากลัวเดินทางไม่สะดวก นั่งรถไปด้วยกันก็ได้นะ เดี๋ยวขากลับไปส่ง”


“ครับ ก็ได้”


ยุมากๆ เข้า เขาก็พ่ายแพ้ต่อความอยากเสียหมดรูป


วินทร์พยักหน้าเชิงรับทราบ ก่อนให้เขารอที่ร้านกาแฟ ขณะที่เจ้าตัวกลับเข้าไปคุยกับทีมงานจำนวนหนึ่ง และโทรศัพท์หาใครอีกสองสามคนเพื่อบอกพิกัดร้าน จากนั้นพวกเขาก็ขึ้นรถซีดานสีขาวที่ลานจอดรถใต้สำนักงาน ขับออกมาด้วยกัน



ด้วยความเป็นคนอัธยาศัยดี ไม่ว่าหัวข้ออะไร วินทร์ก็ขุดหาเรื่องมาชวนเขาคุยอย่างไหลลื่นไม่รู้เบื่อ  เรียกว่าฆ่าเวลาระหว่างรถติดไปได้มากโข


ขณะที่กำลังรอไฟเขียว ฝ่ายนั้นก็เผอิญสะดุดตากับเครื่องประดับชิ้นใหม่บนข้อมือเขาเข้าพอดี


“หึ่ม นาฬิกาสวยนะเนี่ย เพิ่งซื้อเหรอ”


ตุลย์ชะงักเล็กน้อย


ขืนตอบตามตรงว่าใครเป็นคนซื้อให้ มีหวังได้คำถามอื่นพ่วงยาวเป็นหางว่าวแน่


 “คุณแม่ซื้อเป็นของขวัญให้น่ะครับ ในฐานะที่โฆษณาชิ้นแรกไปได้สวย”


คำตอบของเขา ทำเอาวินทร์ร้อง ‘โอ้โห’ เบาๆ อย่างแปลกใจ “แสดงว่าที่บ้านรวยน่าดูเลยนะเนี่ย”


“ไม่หรอกครับ ก็กลางๆ ชิ้นนี้ให้เนื่องในโอกาสพิเศษน่ะ ผมก็ไม่รู้ว่าราคาเท่าไหร่เหมือนกัน” ตุลย์ตอบอย่างระมัดระวัง “แล้วพี่ว่ามันต้องราคาสักเท่าไหร่อ่ะ”


“ฮ่าๆ ๆ ถามถูกคนแล้ว จริงๆ แล้วผมเป็นคนชอบเล่นนาฬิกามาก ซื้อเก็บไว้ก็หลายเรือน บางเดือนต้องกินบะหมี่ต้มเพราะเอาเงินไปซื้อนาฬิกาหมดก็มี ไหน... ลองเอามาดูก่อนซิ”


คนพูดแบมือเป็นเชิงขอดู ตุลย์ก็ถอดนาฬิกาสีเงินส่งให้ ดาราหนุ่มใช้เวลาพิจารณารูปลักษณ์ พลิกดูตัวเรือนอยู่สักครู่ใหญ่ๆ ถึงตอบด้วยน้ำเสียงค่อนข้างลังเล



“อืม... โรเล็กซ์เดโทน่า รุ่นนี้มีฟังก์ชันจับเวลา สายโลหะด้วย พูดยาก... ผมไม่ค่อยมั่นใจเรื่องราคา แต่คิดว่าในไทย เรือนนี้น่าจะตกอยู่ราวๆ ล้านสี่ ล้านห้าได้”


ล้านสี่ ล้านห้า…


ห๊า!?



วินาทีที่ได้ยินราคา สีหน้าเขาก็แข็งค้าง


...จริงอยู่ แวบแรกที่เห็น เขารู้ว่ามันเป็นของมีราคา แต่ของจำพวกเครื่องประดับ อย่างมากก็ไม่น่าเกินสามแสนใครจะรู้ว่าของที่ศานนท์ให้มาจะมีราคาพอๆ กับรถคนนึง!


ตุลย์ถอนหายใจเฮือกเพราะเหนือความคาดหมายไปมาก ก่อนจะรับ ‘นาฬิกาพิลึกที่ราคาแพงพอจะซื้อรถยุโรปดีๆ ได้’ คืนจากวินทร์อย่างด้วยท่าทางเหมือนถือระเบิดเวลาไว้ในมือ


คล้ายว่าจะขนลุกนิดๆ ตอนที่นิ้วสัมผัสถูกสายโลหะเย็นเฉียบ


“สงสัยผมคงต้องเอาไอ้เจ้านี่ไปคืนหม่อมแม่แล้ว”


ท่าทางเขาเหมือนจับโดนของร้อน เรียกเสียงหัวเราะร่าจากขนขับ


“ถ้าจะขายต่อเมื่อไหร่ก็บอกนะ ผมให้ราคาดี”


ตุลย์ได้แต่ยิ้มแหย


เขาคงไม่กล้าเอาของราคาขนาดนี้ไปขายหรอก ถ้าไม่กำลังอดตายจริงๆ


------------------------------------


พวกเขามาถึงไนต์คลับพร้อมกับทีมงานอีกจำนวนหนึ่งที่ขับตามกันมาหลังเวลาเปิดไม่นาน ลูกค้าจึงยังไม่หนาแน่น


โต๊ะที่วินทร์จองเป็นโต๊ะยาวตั้งอยู่ตรงมุมขวาใกล้กับเวทีศิลปิน และมีทางเชื่อมไปยังห้องน้ำ ทำให้เดินออกไปทำธุระได้โดยไม่ต้องเบียดเสียดกับฝูงชน


หญิงสาวสองคนนั่งจับเข่าคุยกันอยู่ที่โต๊ะก่อนแล้ว ตอนที่พวกเขามาถึง คนหนึ่งชุดเครื่องแบบยี่ห้อเบียร์ เดาว่าเป็นสาวเชียร์ ส่วนอีกคนสวมเดรสสายเดี่ยวลงกากเพชรวิบวับ หน้าตาสะสวยกว่า


ตุลย์รู้สึกคุ้นหน้าเธออยู่บ้าง แต่กลับนึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน


วินทร์เข้าไปทักทายทั้งคู่อย่างสนิทสนม ก่อนจะแนะนำพวกเธอให้ตุลย์รู้จัก สาวเชียร์เบียร์คนนั้นมีนามว่า ‘เชอร์รี่’ ส่วนอีกคนชื่อ ‘อันดา’ ซึ่งถ้าเขาจำไม่ผิด เธอคือนักแสดงสมทบจากซีรีส์ที่ไม่โด่งดังนัก


ไม่นานแขกคนอื่นๆ ที่ดาราหนุ่มเชิญไว้ก็ทยอยมา ส่วนใหญ่เป็นคนที่เขาไม่คุ้นหน้า แต่บางคนเคยคุยด้วยเพราะเป็นทีมงานจากกองถ่ายโฆษณาก็มี


“วันนี้ช่วยเปิดทาวเวอร์เยอะๆ อุดหนุนรี่หน่อยน้าค้า”


พอสาวเชียร์อ้อนเสียงหวาน เบียร์สองทาวเวอร์ถูกสั่งมาลงที่โต๊ะ โดยที่มีหลายๆ คนผลัดเวียนดื่ม


เวลาผ่านไป คนเริ่มทยอยมากันเยอะขึ้น จากสิบเพิ่มเป็นยี่สิบคน เช่นเดียวกับจำนวนลูกค้าในคลับ บรรยากาศรอบๆ ก็ครึกครื้นขึ้นถนัดตา จวบจนราวๆ สี่ทุ่มครึ่ง นักร้องนำก็ขึ้นมาร้องเพลงฮิตบนเวที เรียกให้บางคนลุกออกไปยืนโบกไม้โบกมือร้องเพลงที่ฟลอร์เต้น ขณะที่บางคนก็ยืนดื่มที่โต๊ะ ขยับโยกย้ายร่างกายไปตามจังหวะ


เขาอาจไม่มีความทรงจำดีๆ กับไนต์คลับมากนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าตัวเองคุ้นเคยกับบรรยากาศครื้นเครง แสงสีและอบายมุขเหล่านี้เหลือเกิน...


“วันนี้ไม่มีใครสั่งอะไรเพิ่มเหรอครับ” เดินรับแขกอยู่พักใหญ่ๆ วินทร์ก็กลับมาที่โต๊ะเพื่อเติมเหล้าและมิกเซอร์ โดยไม่ลืมหันไปยุเพื่อนขาดื่มใกล้ๆ “พี่ไม่เอาสักหน่อยเหรอครับคืนนี้ ยังไม่เมาเลยน้า”


“ไม่ไหวม้าง พรุ่งนี้พี่มีงาน”


“สักหน่อยสิคะ” สาวเชียร์ร่วมยุ ก่อนจะหันมาขยิบตาใส่ตุลย์ที่อยู่ตรงข้าม “น้องตุลย์ไม่เอาอะไรเพิ่มสักหน่อยเหรอ มาครั้งแรกนี่ ลูกค้าใหม่พี่ทำเรื่องลดให้ได้น้า”


“ไม่ดีกว่าครับ ผมยังไม่ยี่สิบเลย”


...ที่จริง เขาไม่ควรผ่านการ์ดเข้ามาได้ด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะวินทร์เป็นลูกค้าวีไอพี


หญิงสาวร้อง ‘เอ๊ะ’ เบาๆ ด้วยสีหน้าคล้ายตกใจ แต่ครู่เดียวเธอก็หันไปอ้อนขาดื่มเจ้าเก่าต่อ


“พี่ศักดา วันนี้ไม่เปย์เลยอ่ะ รี่ขาดทุนแย่แล้ว”


“โถ น้องรี่โอเค เปย์ก็ได้ๆ ถ้ามีคนดวลเหล้าด้วย... น้องตุลย์เด็กใหม่นี่นา มาดวลกันหน่อยมา ทาวเวอร์หรือช็อตก็ได้”


คนพูดดึงสาวเชียร์ไปโอบหลวมๆ ตอนที่เอ่ยท้าเขา อาจเพราะเขาดูเด็กที่สุดในบรรดาแขกและยังไม่บรรลุนิติภาวะ ฝ่ายนั้นจึงกะเอาชนะแบบหมูๆ อวดศักดาโชว์สาวสวยไปในตัว


...แต่ถ้าคิดว่าเขาเป็นไก่อ่อนล่ะก็บอกเลยว่าผิดถนัด


“ช็อตแล้วกันครับ”


“อ่า ช็อตก็ช็อต”


ศักดาหันไปสั่งสาวเชียร์ เธอเดินหายไปพักหนึ่ง จากนั้นก็กลับมาพร้อมถาดที่มีแก้วช็อตและเหล้าขวดใหญ่


“เต็มแก้วแล้วกันเนอะ?” เชอร์รี่เลิกคิ้วถาม ก่อนรินเครื่องดื่มให้จนเต็มเมื่อพวกเขาพยักหน้า


พอแก้วแรกถูกเลื่อนให้โดยสาวสวย ศักดาก็ยกดื่มรวดเดียวหมดราวกับจะเกทับ


เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเชิง แก้วต่อมาตุลย์จึงเป็นฝ่ายยกดื่มก่อนบ้าง เสียงฮือฮาดังจากแขกรอบๆ โต๊ะเมื่อเห็นว่ามีการดวลเหล้าเกิดขึ้น


“ต่อเลยๆ”


ศักดาโบกมือให้หญิงสาวรินเหล้าเพิ่ม เธอก็รินใส่ให้พวกเขาทั้งคู่ ก่อนส่งแก้วหนึ่งให้เขา อีกแก้วให้ขาดื่ม ตุลย์กระดกแก้วที่สามอย่างรวดเร็ว แล้วหยิบน้ำ ดื่มตามทันที


น้ำทำให้เมาช้าลง... เป็นวิธีที่ใช้กันบ่อยสำหรับสายดื่ม แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะได้ผลนัก สำหรับการดวลเหล้าที่ต้องดื่มเป็นช็อตติดๆ กัน


“รู้เรื่องเหมือนกันนะเนี่ยเรา”


ถูกแซว ตุลย์ก็ส่งแก้วน้ำเปล่าให้อีกฝ่ายทั้งที่หัวเราะ “พี่ไม่เอาหน่อยเหรอครับ เดี๋ยวจะเมาเร็วนะ”


“ยังก่อน ไอ้น้องพี่มันสายแข็ง”


“เร็วอีกๆ พักนานไปแล้ว!”


เสียงจากโห่ร้องจากด้านหลังเร่งให้สาวเชียร์รินแก้วที่สี่ ก่อนที่ต่างคนจะกระดกเครื่องดื่มของตนเอง ฝ่ายศักดา


พอเหล้าหมดแก้วก็ยกน้ำดื่มตามแก้ขมคอ พลางชูแก้วเปล่าในมือเรียกเสียงโห่เชียร์จากแขกรอบๆ โต๊ะ


“เอามาอีก!”


ดูเหมือนเหล้าที่ศักดาสั่งจะแรงพอสมควร เพราะหลังจากดื่มติดต่อกันเข้าแก้วที่ห้า ตุลย์ก็เริ่มรู้สึกมึนศีรษะ ทรงตัวได้ยาก เช่นเดียวกับที่สมองตอบสนองสิ่งเร้าช้าลง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มั่นใจว่าตัวเองยังมีสติอยู่ระดับหนึ่ง


วินทร์คงจับสังเกตได้ถึงแตะไหล่เขา “ไหวหรือเปล่า ไม่ไหวก็พอนะ”


“ไม่พี่ ผมโอเค”


ตุลย์ยืนยันด้วยการยื่นแก้วให้สาวเชียร์รินใส่เป็นครั้งที่หก รอสองสามวิจนมั่นใจว่าไหวแน่ เขาก็ดื่มมันรวดเดียวแล้วดื่มน้ำทันทีท่ามกลางเสียงเชียร์เฮฮาและเพลงสดจากเวที ก่อนที่กองเชียร์จะพุ่งเป้าไปเร่งเร้าอีกคนที่เริ่มพูดจาไม่รู้เรื่อง หมุนแก้วในมือไปๆ มาๆ ไม่ยอมดื่มเสียที


“เร็วดิพี่ ช้าแบบนี้แพ้เด็กมันนะ!”


ถูกสบประมาณ ศักดาดื่มก็กระดกแก้วที่หกตามเขา ตามด้วยแก้วที่เจ็ดติดๆ


“น้องตุลย์สู้ๆ เร็วเข้า อย่าไปยอมแพ้!”


ตุลย์ดื่มแก้วที่เจ็ดตามอย่างไม่รีบร้อน จากนั้นก็เลื่อนแก้วเปล่าให้สาวเชียร์ก็รินเพิ่ม


ทว่าดูเหมือนเขาไม่จำเป็นต้องดื่มที่เหลือ เพราะไม่ถึงห้านาทีหลังจากที่ศักดาดื่มแก้วที่เจ็ด เจ้าตัวก็ลงไปนอนฟุบโต๊ะ บ่นกระปอดกระแปดว่า ‘ไม่ไหวแล้วๆ’ ก่อนจะหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้


“โอ้โห น้องตุลย์คอแข็งเหมือนกันนะเนี่ย สุดยอดอ่ะ เจ็ดช็อตแล้วยังไม่ร่วงอีก ฮ่าๆ สายดื่มเหรอเรา”


รุ่นพี่ทีมงานจากกองโฆษณาตบไหล่เขาที ก่อนจะเข้ามากอดคอแรงๆ เหมือนมันเขี้ยว เล่นเอาตุลย์เซแถดๆ ไปชนโต๊ะ


“ก็นิดหน่อยอ่ะพี่ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ดื่มแล้ว”


พอเหล้าที่เริ่มออกฤทธิ์หนักเข้า หัวก็มึนตึงจนต้องดื่มน้ำตามอีกหลายแก้ว มีบางคนพยายามมอมเหล้าต่อ แต่โชคดีที่เขามีสติพอปฏิเสธ ขณะบางคนก็เข้ามาชวนเต้นกอดคอร้องเพลงตามจังหวะบนเวที 


หลังจากนั้น สติสัมปชัญญะของเขาเริ่มขาดๆ หายๆ เป็นช่วง รู้ตัวอีกทีก็หัวเราะไปกับมุกตลกหาสาระไม่ได้ของใครบางคนที่ไม่เคยรู้จัก


ตุลย์ไม่รู้ว่าวินทร์หายไปจากโต๊ะตั้งแต่เมื่อไหร่ ฝ่ายนั้นโผล่มาอีกทีก็ตอนดันฝ่าฝูงชนกลางฟลอร์เต้นตรง มาที่โต๊ะเพื่อเรียกเขา


“ได้เวลากลับบ้านแล้วนะครับ น้องตุลย์ ผู้ปกครองมารับโน้นแล้ว”  เอ่ยแซวขณะที่ชี้ไปในความมืดใกล้ประตูหนีไฟ


เขาเห็นร่างสูงของใครบางคนเดินลัดเลาะผู้คนตรงมา ฤทธิ์แอลกอฮอล์บวกกับแสงสีทำให้สายตาจับภาพไม่ชัด กระทั่งร่างนั้นเดินเข้ามาใกล้จนแทบประจันหน้า ตุลย์ก็ตกใจ


“...เต้?”


“ทำไมไม่รับโทรศัพท์?”


“ห๊ะ?” หน้าตุลย์มีแต่เครื่องหมายคำถาม


เขาเงียบไปเกือบครึ่งนาทีด้วยความงุนงง กว่าจะนึกออกว่าตัวเองตัดสายเต้ที่คาเฟ่ และยังไม่ได้โทรบอกอีกฝ่ายว่าไปไหนตั้งแต่เย็น


“โทษที ลืมสนิทเลย...”


คลับคล้ายว่าคู่สนทนาถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง “ห้าทุ่มแล้ว กลับได้แล้ว”


“ฉันยังไม่เมา...”


“แต่นี่อ้อแอ้แล้วนะเรา กลับได้แล้วมั๊ง” คราวนี้เป็นวินทร์เสริม


“...ผมยังไหวนะพี่”


ตุลย์ยืนกราน ก่อนจะเซแถดๆ เมื่อเต้ผลักไหล่เขาเบาๆ คล้ายทดสอบว่ายังทรงตัวได้หรือไม่ จนต้องหันไปถลึงตาใส่ฝ่ายนั้น


“นั่นแหนะ ไม่ไหวแล้วล่ะ ไปๆ กลับได้แล้ว รอบหน้าค่อยมาใหม่ ผมจัดปาร์ตี้บ่อยจะตาย” วินทร์ตบไหล่เขา


ถูกเจ้าภาพไล่ ตุลย์ก็มีทางเลือกนอกจากยอมกลับอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก


เต้พาเขาเบียดเสียดฝูงชนหนาแน่นออกจากไนต์คลับ เรียกให้ถูกคือหิ้วปลีกเสียมากกว่า เพราะพอเหล้าแผลงฤทธิ์หนักเข้า ตุลย์ก็เดินเป๋ไปเป๋มา ทำท่าเหมือนสะดุดได้กระทั่งพื้นเปล่าๆ จบลงด้วยการที่เต้ต้องจับแขนเขาคล้องคอแล้วพยุงคนเมาอ้อแอ้ออกมา



ทีแรกชายหนุ่มกะจะพาตุลย์ซ้อนมอเตอร์ไซค์คันโปรดกลับ แต่เห็นสภาพเจ้าตัวแล้ว เขาก็ตัดใจทิ้งรถไว้ โบกแท็กซี่ แล้วหย่อนอีกฝ่ายใส่เบาะหลังรถแทน


“ขึ้นเองได้น่า ไม่ต้องจับ”


ปากพูดแบบนั้น แต่พอไม่จับ หัวคนเมาก็โขกกับขอบประตูเข้าอย่างจัง เล่นเอาเจ้าตัวมึนงงไปชั่วขณะ ก่อนจะกุมศีรษะแน่นเหมือนเจ็บนักเจ็บหนา


“ขึ้นไปเร็ว ฉันต้องกลับมาเอารถอีก”


“รู้แล้วน่าๆ ๆ เป็นแม่ฉันเหรอ” ตุลย์ตอบปัดอย่างขอไปที


ท่าทางสะลึมสะลือไม่ค่อยมีสติ โดยที่มีขาขวาคาอยู่ในแท็กซี่ ทำให้เต้ต้องจับขาอีกข้างของคนเมายัดเข้าไปในรถ โดยที่ตนเองสอดตัวตามมาแล้วปิดประตูฉับ


คาดไม่ถึงว่า จู่ๆ ตุลย์จะคว้าหมับเข้าที่คอเสื้อคล้ายโมโหฟิวส์ขาดที่เขาทำแบบนั้น แรงกระชากอย่างไม่ทันตั้งตัวส่งผลให้เต้ทรงตัวไม่อยู่จนเกือบล้มหน้าคะมำใส่อีกฝ่าย


“อย่ามาจับกูยัดใส่รถ กูไม่ใช่หมูใช่หมา”


ร่างโปร่งจ้องเขาถมึงทึงเหมือนจะเอาเรื่อง พอพยายามแกะมือออก เจ้าตัวก็ยิ่งขยำปกเสื้อแน่น จนชักคอเจ็บขึ้นมาหน่อยๆ


เขารู้ว่าตุลย์ไม่ค่อยสบอารมณ์ที่อยู่ๆ ก็ถูกลากออกมาจากคลับ แต่ไม่นึกว่าจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ...


“โอเค ขอโทษ”


นานหลังเอ่ย กว่าตุลย์จะยอมปล่อยมือจากคอเขา ร่างโปร่งบ่นกระปอดกระแปดงึมงำฟังไม่ได้ศัพท์ จากนั้นเจ้าตัวก็เขยิบไปนั่งริมหน้าต่างเหมือนรำคาญ ทั้งที่สภาพตัวเองอ้อแอ้ ชนิดที่แค่นั่งตรงๆ ยังไม่ได้


พอเจ้าตัวปัญหาซบหน้าต่างหลับไป ความเงียบก็โรยตัวขณะที่รถเคลื่อนตัวออกไปตามถนนโล่งสุดระยะสายตา ครั้นแล้ว ชายหนุ่มจึงต่อสายหาอดีตเจ้านายของพ่อ


“เจอตุลย์ที่คลับแล้วเหรอ?” ปลายสายถามเรียบๆ


“ครับ กำลังพากลับ”


“อื้ม ฉันคงถึงบ้านช้ากว่า ฝากดูแลเขาจนกว่าฉันจะกลับบ้านแล้วกัน”


เหลือบมองสภาพเมายับของคนข้างๆ เต้ก็ลอบถอนหายใจเงียบๆ


"ครับ"


ถ้าไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้มีพระคุณของพ่อ และเขาถูกคาดทัณฑ์บนอยู่ ก็คงไม่ต้องมานั่งเป็นเบ๊ให้เจ้านี่หรอก...


-----------------------------------------------

เชิญทุกคนพบว่า หนูตุลย์คอทองแดงค่ะ ถถถถถถถถถถถถถถถถ
ตอนนี้รีบขัดมากก ไม่แน่เท่าไหร่ค่ะ ว่าอารมณ์ไปถึงหรือเปล่า
แถมเมลล่า ก็ป่วยด้วย ฮา แต่ไม่ได้เป็นไข้หวัดโบโรน่า เอ้ย โคโรน่า นะคะ
ไปแค่เชียงรายเอง แถมขับรถอย่างเดียว

สำหรับช่วงหลังนี้ ไม่มีคุณศานนท์ ฮื้อๆๆๆ ออกมานิดเดียว แต่ตอนหน้าเสี่ยมาเต็มตอนแน่นอนค่ะ

มีคนถามว่าเสี่ย เปย์ได้อีกมั้ย อืม... จะว่าได้ก็ได้ แต่อาการเปย์นี้อยู่ไม่ยืดค่ะ เพราะอะไร ติดตามน้า
อีกราวสองสามตอน จะเข้าสู่คลื่นลูกสุดท้ายของเรื่องแล้ว

ขอบคุณทุกคนที่คอนเม้นท์และติดตามค่ะ <3

คงไลค์เพจหมดแล้ว แต่ก็จะแปะต่อ ถถถ
I’m Caramella


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-01-2020 23:18:40 โดย Caramella »

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
แอบไปเมาอีก

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แอบหนีไปปาร์ตี้แบบนี้  ระวังเจอปาร์ตี้ยาอียาเคเข้าให้หล่ะ

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
กลับถึงบ้านคุณศานนท์จะลงโทษเด็กดื้อไหมน้าาาา :-[

ออฟไลน์ kimkidoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตุลย์เอ้ยยยยยย น่าจะบอกคุณศาลหน่อยน้าาาา
เดี๋ยวคนแก่ก็น้อยใจหรอกกกกกกกกก!!!
รอต่อไปค้าบบบบบบบ :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
จะโดนทำโทษมั้ย  :hao3:

ออฟไลน์ singalone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
เมื่อไหร่ตุลย์จะรับรักคุณศานต์แบบจริงๆซักทีน๊า

ออฟไลน์ kratai_rabbit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอ้ยย สนุกกค่ะ พึ่งเข้ามาอ่านลุ้นมากก  :hao7: :z3: ติดตามนะคะ

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
24th Night : สปอยล์ (2)


ใช้เวลาอยู่บนถนน ร่วมครึ่งชั่วโมง เต้ก็พาร่างคนเมามาถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ ท่าทางโซซัดโซเซไม่มีสติ บวกกับน้ำหนักที่ไม่น้อยของตุลย์เป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่สำหรับเขา กว่าจะกล่อมอีกฝ่ายให้เชื่อฟัง กึ่งหิ้วกึ่งลากลงจากรถผ่านลานหน้าบ้านเข้ามาได้ เต้ก็ถอนใจไปหลายต่อหลายเฮือก


มิหน้ำซ้ำเข้ามาไม่ทันไร ตุลย์ก็ยกมือปิดปากทำท่าเหมือนพร้อมอาเจียนอยู่รอมร่อ ลำบากเขาต้องรีบหิ้วอีกฝ่ายไปที่ห้องน้ำก่อนที่เจ้าตัวจะเผลออาเจียนใส่พรมห้องนั่งเล่น


หลังอาเจียนออกไปพอสมควร ตุลย์ก็เริ่มมีสติ พูดจารู้เรื่องขึ้น เขาเกือบจะวางใจแล้ว หากอีกฝ่ายไม่ลุกขึ้นมาเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วบ้านด้วยท่าทางสะโหลสะเหล ความอยู่ไม่สุขของตุลย์ทำให้เต้ต้องลากตัวอีกฝ่ายมาจับให้นั่งนิ่งๆ บนโซฟา เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าตัวจะไม่เดินเตะอะไรล้มโครมเข้าก่อนศานนท์มาถึง


“อย่าลุก” เต้เอ่ยเตือน กดไหล่คนที่พยายามฝืดแรงยืนขึ้นเป็นครั้งที่สอง


ตุลย์ย่นคิ้วอย่างถูกขัดใจ แต่นาทีต่อมาก็เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์


 “งั้นไปหยิบอะไรในตู้ให้กินหน่อยดิ”


“ได้ จะเอาอะไร? "


“อะไรก็ได้ หยิบๆ มาเหอะ”


เต้คราง ‘อืม’ ในคอเชิงรับรู้ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกมา แต่จวนจะถึงห้องครัวแล้วก็ยังไม่วายถูกร่างโปร่งตะโกนสั่ง


“เอานมกล่องมาให้ด้วย! ”


“เออๆ ”


ได้ทีก็ใช้งานเขาใหญ่เชียวนะ


ชายหนุ่มเปิดตู้เย็นกวาดสายตาดูของไม่กี่อย่างที่ถูกแช่ไว้ จากนั้นก็หยิบนมกล่องหนึ่งออกมา เขาไม่รู้จะเลือกของว่างอะไรให้ตุลย์จึงคว้าซีเรียลอาหารเช้าข้างตู้เย็นติดมือมาด้วย อย่างน้อยถ้ามีอะไรใส่ปากก็คงทำให้ร่างโปร่งนั่งสงบเสงี่ยมได้สักพัก


ทว่ายังไม่ทันคิดไปไหนไกล อยู่ๆ เจ้าตัวปัญหาก็ตะโกนเรียกชื่อเขาเสียงหลง เต้ชะโงกหน้าออกไปทั้งที่ยังมือถือซีเรียลและกล่องนม ก็เห็นคนบนโซฟานั่งหน้าตื่นอยู่ไกลๆ


“เต้ โทรศัพท์กูไปไหน!? ”


“โทรศัพท์อะไร? ”


“มือถือกูไง! สีดำๆ มันหายไปไหนวะ...”


สีหน้าตุลย์เลิ่กลั่กอย่างเห็นได้ชัด ร่างโปร่งลุกขึ้น ปาดป่ายมือไปทั่วโซฟาเหมือนกำลังค้นหาบางอย่าง แถมยังรื้อหมอนออกมาอีก


“เวร! ในนั้นมีเบอร์สำคัญๆ เต็มไปหมด รูปด้วย! ”


เต้หรี่ตามอง ‘วัตถุสีดำสี่เหลี่ยมทรงแบน’ ในมือซ้ายของร่างที่เคลื่อนไหวอย่างลุกลี้ลุกลน จวบจนแน่ใจว่ามันคือ ‘สิ่งที่ตุลย์ตามหา’ เขาก็เอ่ยถามอย่างเอือมระอา


“แล้วในมือนั่นอะไร”


“ในมือไหน? ” ตุลย์ขมวดคิ้ว ก่อนจะยกวัตถุในมือซ้ายขึ้น “ไอ้นี่อ่ะนะ ก็โทรศัพท์ไง”


“ก็ตามหาโทรศัพท์อยู่ไม่ใช่หรือไง”


“ห๊ะ? ...ไหน? ” พวกเขาจ้องหน้ากันโดยที่ต่างคนต่างงุนงงอยู่พักใหญ่ๆ กว่าตุลย์จะร้อง ‘อ๋อ’ เบาๆ แล้วทิ้งตัวลงนั่งตามเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


อะไรของเขา


เต้ได้แต่ถอนหายใจเฮือก


หากไม่ใช่เพราะวันนั้นเขาใจอ่อนพาตุลย์ไปฉลองวันเกิดเพื่อนที่ห้างสรรพสินค้า จนเป็นเหตุให้คนของศานนท์บาดเจ็บถึงขั้นต้องเข้ารับการผ่าตัดเล็กที่โรงพยาบาล ป่านนี้ก็คงไม่ต้องมานั่งเป็นพี่เลี้ยงให้อีกฝ่าย


เย็นวันนั้นหลังเกิดเรื่องและตุลย์ถูกเชิญออกไป เต้และอเนกก็โดนศานนท์ต่อว่าเป็นการใหญ่ ตัวเขาไม่เท่าไหร่เพราะเดิมทีแค่ถูก ‘ไหว้วาน’ มา


ถึงแม้ครอบครัวของเขาและศานนท์จะสนิทใกล้ชิดถึงขนาดที่รับใช้กันผ่านสายเลือดมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ แต่ศานนท์เป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ในเมื่ออีกฝ่ายให้สัจจะว่า ‘จะรามือจากวงการ’ ความสนิทชิดเชื้อระหว่างครอบครัวของเขาที่เป็นดั่งแขนขาและบ้านใหญ่ก็ย่อมถูกสะบั้นลง เสมือนว่าไม่เคยเกี่ยวดองกันมาก่อน กอปรกับการตัดสินใจลาออกของบิดาเมื่อหลายปีก่อน สถานะของเขาในตอนนี้จึงจัดว่าเป็น ‘คนนอก’ โดยสมบูรณ์


หนุ่มใหญ่ไม่มีอำนาจใดๆ เกินกว่าจะต่อว่าเขาในฐานะผู้อาวุโส ซึ่งต่างจากอเนกที่เป็นคนในและรับหน้าที่ดูแลตุลย์มาตั้งแต่แรก ถึงแม้ว่าบริษัทประกันจะรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่เจ้าตัวก็ยังถูกตัดเงินเดือนเหลือครึ่งเดียวยาวจนสิ้นปี โทษฐานที่ทำหน้าที่บกพร่องอยู่ดี


จะว่าปรานีก็ได้ เพราะถ้าเทียบกับวิธีบริหารแบบเก่าของหนุ่มใหญ่ที่เขาได้ยินมาจากพ่อ ความหละหลวมของอเนกในครั้งนั้น บวกกับอายุงานไม่ถึงสามปีซึ่งจัดว่ายังน้อย อาจทำให้ชายหนุ่มกลายเป็นไก่ที่ถูกเชือดเป็นแบบอย่างให้คนอื่นๆ อย่างไม่น่าเสียดาย แทนที่จะเลี้ยงไว้ให้เปลืองเบี้ย


แต่ปัจจุบันระบบเปลี่ยนไปในเชิงนายจ้าง-ลูกจ้างมากขึ้นเพราะศานนท์ต้องการทำทุกชั้นตอนแบบมือสะอาด ประกอบกับอเนกมีไหวพริบมากพอจะกู้สถานการณ์กลับมาได้โดยที่ตุลย์ปลอดภัยครบสามสิบสองดี ชายหนุ่มจึงยังอยู่ดีมีสุข ไม่โดนไล่ออกตราบใดที่ไม่ผิดพลาดซ้ำสอง


...แต่ถ้ามองในมุมกลับกัน สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างอเนกที่มีภาระหนี้สิน และครอบครัวต้องดูแล จู่ๆ ต้องมาใช้ชีวิตอีกเจ็ดแปดเดือนข้างหน้าด้วยเงินเดือนเพียงครึ่งเดียว ก็หนักหนาสาหัสเอาการ


คนที่มีอำนาจคาดโทษทัณฑ์บนเขาได้ในตอนนั้น ก็เห็นจะมีแต่ผู้เป็นพ่อ หลังจากทราบเรื่องที่เกิดขึ้น พ่อก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ถึงขนาดลงโทษเขาด้วยการไล่ให้ไปทำตามคำขอของศานนท์ใหม่แทนการแก้ตัว นั่นคือตามดูแลตุลย์อย่าให้ขาดตกบกพร่อง ซึ่งก็ลามมาถึงการไปรับไปส่งทุกครั้งที่อีกฝ่ายเรียกร้อง


หากเขาปฏิเสธหรือทำพลาด พ่อจะไม่ยอมให้เขาขึ้นชกบนเวทีอีก


เมื่อก่อนเขาเที่ยวต่อยตีกับเด็กคนอื่นอยู่บ่อยๆ มาเลิกได้ก็ตอนใกล้จบมัธยมเพราะแม่ขอร้อง แต่ด้วยความที่นิสัยเก่าเลิกยาก สุดท้ายเขาก็ผันตัวไปชกมือสมัครเล่นบนสังเวียนแทนตั้งแต่นั้นมา


จู่ๆ จะให้มาทิ้งมวยเอาตอนนี้ สู้เขายอมๆ เป็นเบ๊ให้ตุลย์ไปสักระยะยังดีกว่า …


เต้ยื่นซีเรียลและนมกล่องให้คนบนโซฟา ตุลย์เงยหน้ามองเขางุนงงเหมือนสมองไม่ตอบสนอง ก่อนจะรับของทั้งสองมาวางแหมะข้างตัว ด้วยเกรงว่านั่งนิ่งไม่ได้นานคงก่อเรื่องอีก เต้จึงตัดปัญหาด้วยการหยิบรีโมต กดเปิดช่องรายการบันเทิงให้อีกฝ่ายดูฆ่าเวลา ซึ่งก็คล้ายจะได้ผลเมื่อเจ้าตัวนั่งเงียบกินขนม จดจ่อกับโทรทัศน์ไปพลาง


อยู่นิ่งๆ เป็นซะบ้างก็ดี…


เต้ถอนหายใจเหนื่อยหน่ายรอบที่หลายร้อย เขาต้องคอยวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ร่างโปร่งเพราะไม่กล้าปล่อยให้คลาดสายตานาน ในใจหวังให้เจ้าของบ้านรีบมาถึงเสียที


นับเป็นโชคดีของเต้ เพราะหลังจากนั้นไม่นานศานนท์ก็กลับมาถึงบ้าน ซีดานยุโรปเปิดไฟหน้าสว่างแล่นเข้ามาจอดในพื้นที่โรงรถ สักครู่หนึ่งเสียงเครื่องยนต์ก็ดับลง จากนั้นร่างสูงของคนที่เขารอคอยก็ปรากฏตัว


ศานนท์เปิดประตูเข้ามา ที่แปลกตา คือวันนี้หนุ่มใหญ่สวมชุดสูทอังกฤษตัดจากผ้าวูลเนื้อหนาสีกรมท่าทับเชิ้ตขาวด้านใน ผูกหูกระต่าย และสวมรองเท้าหนัง ผมที่แสกข้างปาดขึ้นไปเป็นทรงทำให้เห็นเค้าโครงหน้าเด่นชัดดูภูมิฐาน


ตุลย์ทำตาโตเหมือนประหลาดใจเมื่อเห็นเจ้าของบ้านแต่งตัวเต็มยศ


“ขอบใจที่อยู่ดูแลตุลย์ให้จนฉันกลับ” หนุ่มใหญ่ยื่นแบงก์พันสองใบให้คู่สนทนา ก่อนจะตบไหล่ทีหนึ่ง


“ขอบคุณครับ”


เต้รับค่าเสียเวลามา ก่อนเอ่ยลาอดีตเจ้านายของพ่อ แล้วเดินสวนออกไปเมื่อภาระหน้าที่พี่เลี้ยงเด็กของเขาสิ้นสุดลง


ลับหลังเงาร่างบุคคลที่สาม ศานนท์ก็ตรงไปหาคนเมาบนโซฟาด้วยสีหน้านิ่งเรียบ


เขาอยู่ที่งานกาล่าตอนที่เต้โทรมาแจ้งว่าหาตุลย์ที่กองถ่ายไม่พบและติดต่อเจ้าตัวไม่ได้ เขาจึงโทรหาคนในวงการที่ใกล้ชิดกับตุลย์หลายคน หนึ่งในนั้นก็ไม่พ้นแบรนด์แอมบาสเดอร์อย่างวินทร์ ครั้นแล้วถึงได้ทราบจากปากว่า ตุลย์อยู่ที่ไนต์คลับกลางเมืองกับเจ้าตัว และปลอดภัยดี แต่เพื่อที่จะไม่ต้องรีบออกจากงานเลี้ยงก่อนเวลา เขาจึงใช้ให้เต้ไปรับฝ่ายนั้นแทน และคอยเฝ้าไว้จนกว่าตัวเองจะกลับถึงบ้าน


แต่การที่เขาไม่เร่งรีบกลับมาไม่ได้หมายความว่า ตุลย์จะทำตามใจได้ทุกอย่าง…


กลิ่นเหล้าคลุ้งเตะจมูกจากร่างที่นั่งเท้าแขนอยู่บนโซฟา เสื้อผ้าเจ้าตัวยับย่นเป็นริ้วๆ กับแววตาที่ปรือเลื่อนลอย เป็นเครื่องการันตีอย่างดีว่า ตุลย์ดื่มมาหนักเอาเรื่อง


“วันนี้คุณกลับดึกจัง...”


ศานนท์เมินสายตาสนอกสนใจคู่นั้น แล้วถามคำถามที่รู้คำตอบอยู่แก่ใจ แต่อยากฟังจากปากเจ้าตัวมากกว่า


“ไปไหนมา”


“ไปเที่ยวคลับครับ” คนเมาตอบตามตรง


“สนุกมั้ยล่ะ”


“อา... ก็ดีนะ ผมไม่ได้ค่อยดื่มหนักแบบนี้บ่อย นานๆ ทีได้ทำสักครั้งก็สนุกดีเหมือนกันครับ ”


ตุลย์ยิ้ม ทอดสายตามองไปไกลเหมือนตกอยู่ในห้วงภวังค์ สักครู่ใหญ่ๆ กว่าหันมาหาเขาคล้ายเพิ่งนึกบางอย่างได้


“ผมขอโทษที่ไม่ได้โทรบอกคุณก่อน...”


“แล้วทำไมไม่โทรบอก กลัวฉันจะไม่ให้ไปเหรอ? ” สีหน้าของศานนท์นิ่งเรียบ แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้วก็เดาได้ว่าไม่สบอารมณ์นัก


ตุลย์ส่ายหน้าเบาๆ “เปล่าครับ ผมมัวแต่เที่ยวจนลืมไปสนิท... ขอโทษ... ผมทำให้คุณวุ่นวายอีกหรือเปล่า? ”


เริ่มต้นเขาตั้งใจจะตำหนิตุลย์ที่เถลไถลจนลืมเวลา แถมยังไปไม่บอกกล่าวใคร แต่พอถูกร่างโปร่งช้อนตามองด้วยสีหน้าและน้ำเสียงแฝงความรู้สึกผิด เขากลับไม่อยากพูดต่อเสียอย่างนั้น


“.......”


ความไม่พอใจที่ยังคุอยู่จากทีแรกทำให้หนุ่มใหญ่เลือกเมินเฉย เขาถอดสูทตัวนอกและหูกระต่ายออก เหลือแค่เสื้อกั๊กเข้าชุดทับเชิ้ตตัวในเพื่อคลายร้อน การใส่เสื้อผ้าสามชั้นติดต่อกันตั้งแต่อาทิตย์ตกดินจนดึกดื่นทำให้อึดอัดเอาเรื่อง พอถอดออกไปชั้นหนึ่งจึงรู้สึกว่าเคลื่อนไหวได้อิสระขึ้นเป็นกอง


คราวนี้เป็นตุลย์ที่มองการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายอย่างยากจะละสายตา...


หนุ่มใหญ่เป็นคนสูง รูปร่างอีกฝ่ายจัดว่าอวบและมีส่วนเกินให้เห็นอย่างคนไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเป็นประจำ แต่ไม่ถึงกับอ้วน โดยปกติสูทเสื้อกั๊กจะถูกตัดให้รับกับไหล่และช่วงเอวผู้สวมใส่ พอมันอยู่บนร่างของคนที่สูงและไม่ผอมอย่างศานนท์ กลับขลับเสน่ห์น่าหลงใหลแบบคนมีอายุออกมาได้อย่างดี


“แล้วคุณล่ะครับสนุกมั้ย? ”


ประโยคที่ถามไม่มีนัยพิเศษ เขาไม่รู้ว่าตัวเองแสดงสีหน้าแบบไหน แต่กลับรู้สึกราวกับถูกหนุ่มใหญ่อ่านความรู้สึกออกอย่างทะลุปรุโปร่ง...


“ไม่สนุกเลย”


ศานนท์ตอบด้วยเสียงที่เบาราวกระซิบก่อนจะโน้มหน้าลงมาจูบ ริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกันเบาๆ ในทีแรกคล้ายลองเชิงและผละออกอย่างไม่รีบร้อน


ตุลย์เผลอสบตากับอีกฝ่ายชั่วขณะที่ใบหน้าศานนท์อยู่ห่างเขาแค่เพียงปลายนิ้วคั่น ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจ จูบถัดมาหนักหน่วงและเร่งเร้ากว่าครั้งแรก ตุลย์แหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย วาดแขนโอบลำคอรั้งศีรษะหนุ่มใหญ่ต่ำลงเพื่อให้จูบตอบได้ถนัด สัมผัสของเนื้อผ้าวูลผ่านฝ่ามือตอนที่ป่ายปัดตามลาดไหล่กว้างและแผ่นหลังยิ่งกระตุ้นความต้องการ


“อ่า...”


ทำไมศานนท์ในสูทเต็มยศแบบนี้ถึงเร้าอารมณ์นักนะ..


ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ศานนท์ทิ้งน้ำหนักลงมาจูบนัวเนียกับเขาบนโซฟา กลายเป็นว่าหนุ่มใหญ่คร่อมอยู่บนร่าง โดยที่ขาข้างหนึ่งของอีกฝ่ายคั่นอยู่ตรงกลางหว่างขาเขา ความใกล้ชิดของร่างที่เบียดอัดอยู่บนโซฟาแคบๆ ทำให้ส่วนอ่อนไหวเสียดสีหน้าขาระหว่างที่แลกจูบกันอยู่หลายครั้ง


“ผมนึกว่าคุณจะโกรธซะอีก” ตุลย์พูดออกไปตามที่คิด


ไม่ใช่แค่ฤทธิ์แอลกอฮอล์ สัมผัสปลุกเร้าทางกายยก็ทำให้เขาควบคุมสติได้ยากขึ้น


“ก็เกือบจะ แต่ว่าตอนนี้คงโกรธไม่ลง...”


ศานนท์ผละจากริมฝีปาก เปลี่ยนมาไล่กดจูบที่กกหูและซอกคอของเขาแทนอย่างที่ทำไม่บ่อย ลมหายใจร้อนๆ ลากผ่านต้นคอ ทิ้งสัมผัสอุ่นชื้นไว้ที่ครั้งที่เม้มจูบ ขณะเดียวกันก็สอดมือเข้าไปสัมผัสกล้ามเนื้อหน้าท้อง แล้วลูบต่ำลงไปใต้กางเกง


“อ้า...”


ตุลย์ครางเมื่อส่วนอ่อนไหวถูกกุมไว้ในอุ้งมือของคนเบื้องบน อุณหภูมิจากปลายนนิ้วที่เค้นคลึงมัน กระตุ้นแรงปรารถนาของเขาจนทั่วทั้งร่างร้อนผะผ่าว วินาทีนั้น เขาก็รวบรวมสติเฮือกสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิด


“คุณ... ทำบนเตียงได้มั้ย ตรงนี้มันแคบ ผมอึดอัด”


-------------------------------------


ตอนแรกเขาแน่ใจว่ามันเป็นความคิดที่ดี... แต่ตอนนี้ชักสงสัยว่าตัดสินใจผิดหรือเปล่าที่ย้ายมาบนเตียง…


ส่วนแข็งขึงคับแน่นอยู่ด้านในขยับเสียดสีกับจุดที่อ่อนไหวในร่างทำเอาเสียวซ่านจวนเจียนจะคลั่ง พื้นที่ปลายเตียงยวบยุบลงตามน้ำหนักของร่างทั้งสอง ศานนท์คร่อมอยู่บนตัวเขาโดยจับขาทั้งสองข้างแยกออก


จังหวะที่กระทั้นสอดใส่เข้ามานั้น ติดจะเร่งเร้าและหนักหน่วงจนร่างของคนเบื้องล่างเคลื่อนไหวตามแรงกระทำ มันไม่เจ็บแต่ทำให้ชาหนึบ ...ชาจนรับรู้ได้แต่ความเสียวซ่านที่แล่นไปทั่วสรรพางค์


ตุลย์จิกเท้า บิดเกลียวอยู่หลายครั้ง เมื่อศานนท์ตั้งใจสอดใส่หนักๆ เร่งให้เขาเสร็จด้วยการบดเบียดส่วนนั้นกับจุดอ่อนไหว


“อ้า อ้า ยะ อย่าเพิ่ง... อะ ฮา อย่าเพิ่ง”


รู้ตัวว่าพูดไม่รู้เรื่อง ก็ตอนที่ปรามอีกฝ่ายให้ช้าลงเพราะตนเองกำลังจะถึงฝั่งฝันก่อน


หนุ่มใหญ่ไม่เพียงไม่ฟัง แต่ยังจับข้อเท้าเขาไว้ข้างหนึ่ง อุณหภูมิร้อนจากมือที่กำรอบข้อเท้าราวกับจะผูกมัดไว้ยิ่งทำให้ตุลย์รู้สึกเหมือนถูกกระตุ้นอารมณ์ เขาหอบกระเส่า สติยุ่งเหยิง ไม่รู้รับสิ่งอื่นนอกจากว่าอยากปลดปล่อยเต็มแก่ จนต้องเอื้อมมือรูดรั้งส่วนนั้นของตนเอง


แต่ยังไม่ทันถึงไหน หนุ่มใหญ่ก็ชิงเอาไปกอบกุมไว้ในมือนิ่งๆ โดยไม่ปรนเปรอมันต่อ เหมือนยังไม่อยากให้ปลดปล่อยตอนนี้


ตุลย์ถลึงมองคนด้านบนตาแดงก่ำ แต่เขาไม่เหลือสติมากพอจะตอบโต้อีกฝ่าย นอกจากครางและหอบหายใจสลับกันเพราะแรงอารมณ์ที่พุ่งสูง เขาจิกเท้า ร่างกายกระตุกเบาๆ สมองโล่งไปชั่วขณะ ไม่รับรู้อื่นใดเว้นแต่อารามสุขสมจากความกระหายที่ถูกเติมเต็ม และลมหายใจหอบถี่


ครั้นพอคนด้านบนละมือจากส่วนกลางลำตัว เขากลับต้องแปลกใจที่ตนเองไม่ได้ปลดปล่อยอย่างคิด มีแค่ของเหลวเล็กน้อยที่หยดเปรอะเปื้อนบนหน้าท้องเท่านั้น


“...ฉันเปลี่ยนท่านะ? ”


เห็นว่าไม่ปฏิเสธ ศานนท์จึงถือโอกาสพลิกตัวเขาที่ยังอยู่ในอาการงุนงงกับร่างกายตัวเองให้คว่ำลงในท่าคลานเข่า ตุลย์ก็ร้องห้ามแทบไม่ทัน


“คุณ! ผมเพิ่งเสร็จ”


คืนนี้ศานนท์ทำตามใจเสียจนเขาชักไม่แน่ใจแล้ว ว่าอีกฝ่ายหายโกรธจริงๆ


“อะ อ้า”


แต่พอถูกแก่นกายสอดใส่เข้ามาเป็นครั้งที่สอง เขาก็เข้าใจถ่องแท้ว่าทำไมศานนท์ยังดันทุรังจะทำต่อ ร่างกายที่เพิ่งเสร็จสมทำให้เขาไวต่อความรู้สึก และกระสันต่อการถูกสัมผัสกว่าเมื่อครู่หลายเท่า


พอถูกกระทั้นบดเบียดซ้ำที่จุดอ่อนไหวติดต่อกัน เขาก็หลุดครางอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ กระแสอารมณ์แล่นซ่านไปทั่วร่าง ไม่ว่าศานนท์สัมผัสตรงไหนเขาก็รู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต


ร่างโปร่งเท้าศอกลงบนเตียง ก้มหน้าครางกระเส่าเหมือนจะขาดใจ ก่อนจะสะดุ้งตอนที่ฝ่ามืออุ่นลูบไล่ตามแนวสันหลังขึ้นมาที่ท้ายทอย แล้วกดหลังคอเขาลงเบาๆ


“ถ้าเธอไม่ไหว ก้มลงไปเลยก็ได้...”


ได้ยินแบบนั้น ตุลย์ก็คว่ำตัวซุกหน้าลงกับเตียงโดยที่บั้นท้ายถูกรั้งสูงเพื่อให้อีกฝ่ายขยับได้สะดวก ศานนท์เป็นฝ่ายกุมสะโพกเขาควบคุมจังหวะสอดใส่ มันหนักหน่วงช่วงแรก ก่อนจะผ่อนลงตอนที่หนุ่มใหญ่ทาบทับลงมาบนร่างเขา ใช้มือลูบเฟ้นท้องน้อย ก่อนจะเลื่อนต่ำลงมารูดรั้งโคนส่วนอ่อนไหว ขณะที่ค่อยๆ ขยับเคลื่อนไหวสิ่งที่แข็งขึงในตัวเขาเข้าออกลึกๆ แต่เชื่องช้า


...ปราศจากความรุนแรง แต่กลับทำให้เสียวซ่านจนร่างบิดเกลียวอยู่หลายครั้ง


ตุลย์หอบหายใจถี่ ขยำผ้าปูเตียง ก่อนจะครางหนักๆ ตอนที่ปลดปล่อยทั้งหมดออกมาในอุ้งมืออีกฝ่าย เช่นเดียวกับบางส่วนที่หยดลงบนเตียง


 


“ไหวมั้ย? ” ศานนท์ถามอย่างห่วงๆ


หลังต่างฝ่ายต่างเสร็จกิจร่างโปร่งแทบไม่ขยับไปไหน นอกจากพลิกตัวหงายแล้วนอนนิ่งๆ อยู่บนเตียง


ตุลย์เหม่อมองหนุ่มใหญ่ที่นั่งอยู่ขอบเตียง ในหัวเขาว่างเปล่าและเบาหวิวหลังจากสิ่งที่เกิดขึ้น มันยากจะประคับประคองสติแม้จะผ่านมาเกือบสิบนาที


เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายตัวเองด้วยซ้ำ…


“คุณ... เมื่อกี้มันอะไร? ”


ศานนท์เผยสีหน้างุนงง แต่ชั่วครู่เดียวเจ้าตัวก็เข้าใจสิ่งที่เขากังวล


“เธอแค่เสร็จโดยไม่หลั่งน่ะ”


...หือ?


สีหน้าจับต้นชนปลายไม่ถูกของตุลย์ เรียกรอยยิ้มจากคนที่มากประสบการณ์กว่า


“ถ้าเธอชอบ คราวหน้าลองใหม่ก็ได้นะ”


“มะ ไม่ครับ ไม่เอาแล้ว” เขาส่ายหน้าหวือ


ถึงตอนที่เสร็จจะรู้สึกดีมากๆ แต่ระหว่างทางเขาครางอย่างกับจะขาดใจตาย ถ้ามีคราวหน้าอีกคงได้ตายคาเตียงจริงๆ

 
----------------------------------------
happy valentines เจ้าค่าา
คิดซะว่าตอนนี้สำหรับวาเลนไทน์แล้วกันเจ้าค่ะ จะได้ได้บรรยากาศ ถถถถ


เมลล่าป่วยค่ะ ตั้งแต่กลับมาจากเที่ยว ยังไอเป็นหมาเห่าอยู่เลย แต่สุดท้ายก็ปั่นเสร็จจนได้
สำหรับตอนนี้ขอตั้งชื่อเดียวกับตอนเก่าเจ้าค่ะ เพราะแก่นเนื้อหายังอยู่ที่จุดเดียวกัน (ฮา)
ครึ่งหลังก็ยังเป็นเซอร์วิสหวานๆ น้าา ตอนนี้ไม่เครียดเจ้าค่ะ อิอิ

ขอบคุณที่ติดตามค่า มีนักอ่านใหม่ๆ เข้ามาด้วยย ซึ้งมากค่ะ แต่คนเก่าๆ ที่อยู่กันมานานก็จำได้น้า ถถถถถ
จะรีบปั่นตอนใหม่มาให้รับชมเจ้าค่ะ
แปะเพจเหมือนเดิม : Caramella

PS. สำหรับ reference ในตอนนี้ก็คือ dry orgasm เจ้าค่ะ ถถถ ไปนั่งศึกษาอยู่พักนึงกว่าจะได้เขียน ฮี่ๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
หวี๊ดดดด คุณศานนท์ โซ แดม ฮอต  :sad4: // คุณเค้าเทคนิคแพรวพราวมาก ประทับใจ :katai2-1:

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
24.5


ตามปกติแล้วตุลย์จะซ้อมมวยทุกช่วงสายของวันเสาร์อาทิตย์ แต่สุดสัปดาห์นั้น ตารางเรียนชกมวยของเขาถูกเลื่อนขึ้นมาเป็นเช้าตรู่เนื่องจากโค้ชติดธุระสำคัญ หลังจบคลาส และศานนท์มารับ พวกเขาจึงแวะทานมื้อกลางวันด้วยกันที่ร้านในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง


 “คุณ ก่อนกลับผมอยากดูกล้องหน่อย” เขาบอกศานนท์ หลังออกจากร้านอาหารญี่ปุ่น


 “นำไปสิ”


ที่จริงเขาและเพื่อนๆ วางแผนจะออกเที่ยวไกลๆ ด้วยกันสักครั้ง แม้จะยังหาจังหวะเวลาว่างตรงกันไม่ได้ แต่ตุลย์ก็อยากได้กล้องตัวเล็กๆ พกพาสะดวกสักตัว เอาไว้เก็บภาพบรรยากาศระหว่างท่องเที่ยว


เขากับศานนท์เดินเตร็ดเตร่ตามหากล้องที่โซนไอทีอย่างไม่รีบร้อนจนพบของที่ต้องการ ตุลย์ใช้เวลาพินิจพิเคราะห์สินค้าครู่เดียวก็ตัดสินใจซื้อมันอย่างรวดเร็ว


“หืม อันแค่นี้น่ะเหรอ? ”


ศานนท์ถามพลางหยิบกล้องราคาหมื่นห้าขนาดเท่าฝ่ามือที่พนักงานเพิ่งแกะออกจากกล่องเพื่อให้พวกเขาตรวจเช็กสินค้ามาถือไว้


ราคาไม่ใช่สาระสำคัญ แต่รูปร่างหน้าตาที่เหมือนกับกล้องของเล่นต่างหากที่ทำให้หนุ่มใหญ่เผยสีหน้าคลางแคลงจนตุลย์เห็นแล้วได้แต่หัวเราะเบาๆ


“ครับ ใหญ่กว่านี้ก็พกลำบาก เห็นเล็กๆ แบบนี้แต่เลนส์จับแสงดีมากเลยนะ เดี๋ยวผมทำให้ดู...”


ตุลย์รับกล้องจากศานนท์ กดเลือกโหมดถ่ายภาพมาตรฐาน ก่อนจะเก็บภาพมุมหนึ่งในร้านที่ค่อนข้างมืด จากนั้นเอียงหน้าจอให้หนุ่มใหญ่ดู


ศานนท์เผยสีหน้าแปลกใจตอนที่เห็นว่าภาพที่ถ่ายได้สว่างใกล้เคียงกับแสงที่มองด้วยตาเปล่า แถมยังซูมเข้าซูมออกได้ชัดอีกด้วย


“ถ่ายวิดีโอก็ชัดนะคุณ”


เขาก็ปรับกล้องเป็นโหมดภาพเคลื่อนไหวแล้วถือโอกาสใช้คนข้างกายเป็นแบบเสีย


“คุณยิ้มให้กล้องหน่อยสิ”


ตุลย์หันกล้องไปทางคู่สนทนา หนุ่มใหญ่ยิ้มให้ทีหนึ่งตามที่เขาขอ ท่าทางไม่ตื่นกล้องอย่างที่คาดไว้ แต่ก็ไม่เป็นธรรมชาตินัก ปฏิกิริยานั้นทำให้ตุลย์ยิ้มออกมาอย่างเผลอไผล


ทดลองถ่ายอยู่หลายโหมดจนพอใจ เขาถึงเปิดสิ่งที่บันทึกได้ให้หนุ่มใหญ่ดู

   
“คุณคิดว่ายังไงครับ? ”


อีกฝ่ายก็พยักหน้าเห็นดีเห็นงามด้วย

 
“ก็ดีนี่”
 

ศานนท์ให้เวลาตุลย์เดินดูส่วนเสริมอื่นๆ ของกล้องอยู่ในร้านโดยที่มีพนักงานคอยแนะนำอีกดพักหนึ่ง โดยที่ตนเดินตามเนื่องจากไม่สันทัดเรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ นัก ตุลย์ดูกระตือรือร้น สนอกสนใจกับของตรงหน้า ท่าทางมีชีวิตชีวาดี บางครั้งเจ้าตัวก็หันมาขอความเห็นซึ่งเขาได้แต่ตอบอือๆ ออๆ ไปอย่างไม่เข้าใจละเอียดนัก


วิธีที่ตุลย์ปฏิบัติตัวกับเขาต่างจากเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่เขาเปิดใจยอมเล่าอดีตของตนเองให้ฟัง


ร่างโปร่งดูโอนอ่อนผ่อนตามและยอมให้เขาเป็นฝ่ายชักนำมากขึ้น ไม่หวาดระแวดระวังตั้งแง่ไปทุกเรื่องอย่างก่อน ไม่ว่ากับกิจวัตรประจำวันอย่างการยอมตามเขาไปไหนมาไหนกับเขาง่ายๆ หรือแม้แต่กับเรื่องเซ็กซ์...


ถึงแม้ว่านิสัยดื้อแพ่ง ชอบทำอะไรตัวคนเดียวโดยภาระการของเจ้าตัวจะยังสร้างเรื่องน่าปวดหัวให้บ้าง แต่ก็นับว่าเป็นพัฒนาการทางความสัมพันธ์ด้านบวกที่เขาพึงพอใจอย่างมาก


นกที่ไม่เคยถูกขังกรง หากบังคับจับใส่กรง สบโอกาสมันก็คงหนีไป


แต่ถ้าไม่กักขังไว้ ให้อาหารจนไว้ใจ ถึงจะเถลไถลไปบ้าง แต่ท้ายที่สุดมันก็บินกลับมาหาเขาทุกครั้งอยู่ดี…


 

“เอาเท่านี้แล้วกันครับ”


ตุลย์เลือกอุปกรณ์เสริมสามชิ้นส่งให้พนักงานเพื่อนำไปคิดรวมกับตัวกล้อง จากนั้นก็เดินตามไปที่เคาท์เตอร์ชำระเงิน แต่จังหวะที่หางตาเหลือบไปเห็น โน้ตบุ๊ก สีเงินยี่ห้อดังตั้งโชว์อยู่บนโต๊ะตัวข้างๆ เขาก็หันไปเมียงมองอย่างอดไม่ได้


แบรนด์ดังกล่าวขึ้นชื่อเรื่องความเบา และขนาดกะทัดรัดพกพาสะดวกเป็นหลัก ทว่าราคาแปรผกผันกับปัจจัยข้างต้นลิบลับ


…ถ้าไม่ติดว่าตัดสินใจซื้อกล้องแล้ว เขาก็อยากได้มันอยู่


“สนใจยี่ห้อนี้เหรอครับ”


เห็นว่าตุลย์ทดลองใช้งานอย่างฟังก์ชันง่ายๆ ดู พนักงานคนเดิมที่เพิ่งรับอุปกรณ์เสริมไปก็วกกลับมาหา


“ตัวนี้ใช่รุ่นล่าสุดที่ออกใหม่มั้ยครับ? ”


“อา... ไม่ใช่ครับ ออกมาราวๆ เกือบสองปีแล้ว ถ้ารุ่นล่าสุดจะเป็นตัวนี้ครับ แพงกว่า แต่สเปคดีกว่า”


พนักงานแนะนำเขาให้ดูอีกรุ่นหนึ่งซึ่งผลิตภายใต้แบรนด์เดียวกัน แต่ตัวเครื่องหนาและขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย


“เริ่มต้นที่ประมาณสี่หมื่นสามพันครับ แต่ถ้าซื้อในราคานักศึกษาก็จะลดลงอีก”


คำตอบนั้นทำให้ตุลย์ช่างใจ


ราคาที่พนักงานบอกเป็นแค่ราคาตั้งต้นของเครื่องที่มีหน่วยความจำน้อยที่สุด ซึ่งวิชาคณะที่เขาเรียนต้องใช้พื้นที่เก็บไฟล์วิดีโอจำนวนมาก ความจุแค่นี้คงไม่พอ แต่หากเพิ่มหน่วยความจำ ราคาก็เพิ่มขึ้นตาม


ซึ่งถ้าเขาจำไม่ผิด ตัวท็อปของรุ่นนี้ที่มีความจุเพียงพอราคาอยู่ราวๆ แปดเก้าหมื่นบาทได้


สังเกตเห็นว่าคนข้างกายลังเล ศานนท์ก็เอ่ยยุ


“อยากได้อะไรก็ซื้อสิ”


“ซื้อกล้องไปผมก็ถังแตกแล้วนะ” ร่างโปร่งหัวเราะร่วน


ของที่เขาเพิ่งหยิบรวมๆ กันน่าจะราคาไม่ต่ำกว่าสองหมื่นแล้วด้วย


“ทำไมครับ ถ้าผมอยากได้ คุณจะซื้อให้ผมเหรอ”


“แล้วเธออยากได้อะไร? ”


ถูกถาม ตุลย์ก็สาธยายข้อมูลในหัวเมื่อครู่ให้ผู้ถามฟัง โดยไม่ได้หวังให้หนุ่มใหญ่เข้าใจเรื่องสเป็กคอมพิวเตอร์อะไรนัก

 
ที่คาดไม่ถึงคือ พอเล่าจนจบ ศานนท์กลับหันไปบอกพนักงานว่าเอาตามที่เขาพูด โดยให้รวมค่าโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่ไว้ในใบเสร็จเดียวกันกับกล้องและอุปกรณ์เสริม จากนั้นก็หยิบบัตรเครดิตส่งให้พนักงาน กำชับว่าให้เปลี่ยนบัตรของตุลย์ที่รับไปเมื่อสักครู่เป็นของตนแทน


“คุณ! เดี๋ยวๆ ๆ ผมล้อเล่น”


“แต่เธอเพิ่งบอกอยากให้ฉันซื้อให้นี่” ศานนท์ยิ้มมุมปาก


“ผมแค่ล้อเล่น ไม่ได้หมายความตามนั้นจริงๆ ” ร่างโปร่งมีสีหน้ายุ่งยาก ก่อนจะยิ้มแหย ตอนที่บัตรเครดิตถูกใช้รูดซื้อของราคาเหยียบแสนโดยที่ตนเองไม่เสียเงินสักบาท

 
ศานนท์เซ็นชื่อก่อนจะรับบัตรคืนจากพนักงานด้วยสีหน้าพอใจ โดยที่ปล่อยให้ตุลย์หิ้วถุงขนาดใหญ่บนเคาท์เตอร์ออกจากร้านมาพร้อมๆ กัน


คนเพิ่งถูกสปอยล์ยังดูอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่บ้าง แต่ความตื่นเต้นที่ฉายชัดในแววตาก็ทำให้ศานนท์มองอย่างเอ็นดู


...เขาชอบเวลาได้เห็นตุลย์ตื่นเต้นดีใจ ทุกครั้งที่ให้อะไรบางอย่างกับฝ่ายนั้น


เริ่มแรกมันเป็นความพึงพอใจชั่วครู่ชั่วคราวเพราะพิศวาส แต่เวลาผ่านไป ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่การได้เฝ้าดูอีกฝ่ายเติบโตขึ้นจากสิ่งที่เขาหยิบยื่นให้ กลายเป็น ‘ความรู้สึกที่พิเศษ’ กว่าแค่พอใจ...


“ขอบคุณมากๆ นะครับ”


“ไม่ต้องขอบคุณ” ศานนท์บอกปัดอย่างไม่ถือสา “จะดูอะไรอีกมั้ย? ”


“อืม... จริงๆ ผมมีอย่างอื่นที่อยากได้อีกนิดหน่อย”


ทั้งคู่แวะต่อที่ร้านเสื้อผ้าเนื่องจากตุลย์อยากได้แจ็กเกตอุ่นๆ ไว้ใส่ไปเที่ยว ใช้เวลาเลือกอยู่ไม่นานก็ได้ตัวที่ต้องการ ทว่าเดินออกมาจากร้านได้พักเดียว ร่างโปร่งก็ขอแวะซื้อรองเท้าผ้าใบอีกคู่


“เอาแค่นี้เหรอ? ” เขามองคนที่เพิ่งเลือกรองเท้าส่งให้พนักงานชำระเงิน


“ครับ”


ตุลย์ผงกหัว ศานนท์ก็ส่งบัตรเครดิตให้พนักงานเหมือนที่ทำในร้านเสื้อผ้าอย่างไม่ใส่ใจ


“แต่ก่อนกลับผมอยากพาคุณไปที่นึงก่อน...”


-----------------------


ตุลย์พาหนุ่มใหญ่ลงลิฟต์มาชั้นหนึ่งของห้างข้างทางเข้าออกใหญ่ที่เชื่อมกับรถไฟฟ้า สองฝั่งประตูเป็นร้านเสื้อผ้าและเครื่องประดับแบรนด์เนมราคาแพง ตุลย์เข้าร้านใกล้ๆ เดินตรงไปที่ฝั่งเสื้อผ้าสุภาพบุรุษ แลซ้ายมองขวาเหมือนกำลังครุ่นคิดอยู่สักครู่ เจ้าตัวก็หยุดตรงส่วนที่ขายเนกไท


“คุณเจาะจงแบบไหนเป็นพิเศษมั้ย? ”


ถามขณะที่ไล่ดูเนกไทผ้าไหมที่ถูกม้วนเรียงกันเป็นเกลียวกลมสวยมีระเบียบ อวดสีและลายอันเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน


ศานนท์เลิกคิ้ว “เธอจะซื้อให้ฉัน? ”


 “ครับ” เป็นการตอบตรงๆ ไม่อ้อมค้อมอย่างที่หนุ่มใหญ่ชอบ “วันนี้คุณซื้อของให้ผมตั้งมากมาย ถ้าไม่ซื้ออะไรตอบแทนคุณบ้าง ผมคงรู้สึกผิด”


ศานนท์ยิ้มเล็กน้อยอย่างชอบพอก่อนจะเข้ามาเลือกกับเขา


“อันนี้เป็นยังไงครับ” ตุลย์ชี้ให้ดูเนกไทโทนสีฟ้าอ่อนที่ไล่เฉดสีเป็นริ้วๆ


สีสันหลากหลายแบบเด็กๆ ของมันทำให้เขาหลุดยิ้มอีกครั้ง


“ดูแฟนซีเกินไปหน่อย ถ้าเป็นโทนน้ำเงินจะใส่ได้หลายโอกาสกว่า”


“คุณมีสีแบบนั้นตั้งหลายอันนี่นา ซื้อไปไม่ซ้ำเหรอ? ”


“แต่ฉันได้ใช้บ่อยกว่าน่ะ”


ร่างโปร่งมุ่นคิ้วช่างใจ ดูไม่ค่อยอยากจำนนกับ ‘ความซ้ำซากจำเจ’ เท่าไหร่นัก


“อืม... งั้นอันนี้ล่ะครับ? ”


เห็นว่าศานนท์คงชอบอะไรเรียบง่ายมากกว่า ตุลย์จึงเลือกเนกไทสีกรมท่าชิ้นหนึ่งที่มีตัวอักษรแรกของชื่อแบรนด์พิมพ์เป็นลวดลาย


เพราะวันนี้ต่างคนต่างสวมชุดลำลองสบายๆ ร่างโปร่งจึงต้องใช้จินตนาการมากหน่อย ตอนที่ประเมินความเข้ากันได้ของเนกไทกับคนตรงหน้า


“อันนี้ก็ดี”


“งั้นเอาอันนี้ครับ”


ตุลย์ชี้ต้นแบบให้พนักงานดู เพื่อที่ฝ่ายนั้นจะได้นำสินค้าชิ้นใหม่มาให้ จากนั้นเขาก็ตามเธอไปที่เคาท์เตอร์ชำระเงิน ก่อนจะยื่นบัตรเดบิตรูดซื้อ


หลังจากซื้อของเสร็จเรียบร้อย พวกเขาก็ออกมาที่ลานจอดรถพร้อมกัน ระหว่างทางก็เดินคุยเรื่องดินฟ้าอากาศตามปกติ แต่ครั้นพอมาถึงจุดที่จอดรถ ศานนท์กลับยืนละล้าละลัง ไปยอมขึ้นเสียที


“มีอะไรหรือเปล่าครับ”


“ขอบใจสำหรับของขวัญ” สบสายตากับหนุ่มใหญ่ตอนที่ตอบพอดิบดี


“อ่า มันไม่ได้แพงขนาดนั้นหรอกคุณ” ตุลย์เกาคางเก้อๆ ขณะชูถุงหลายขนาดในมือ “ดูของที่คุณซื้อให้ผมสิ”


เริ่มแรกเขาตั้งใจแค่มาทานและซื้อกล้อง แต่ตอนนี้สารรูปเขาเหมือนคนมาเดินช็อปปิ้งมากกว่า...


ศานนท์มองนิ่งอยู่นานหลายนาทีคล้ายกำลังพินิจพิเคราะห์บางอย่าง ก่อนจะเอื้อมมือหนาลูบศีรษะเบาๆ ทอดมองเขาด้วยแววตาลุ่มลึกอบอุ่นกว่าทุกครั้ง


“รู้มั้ย… ฉันภูมิใจนะที่เห็นเธอมาได้ไกลขนาดนี้เทียบกับตอนที่ไม่มีอะไร ...มันทำให้ฉันแน่ใจแล้วว่าให้โอกาสคนไม่ผิด”


ไม่ใช่แววตาที่ใช้มองคนที่พิศวาสชมชอบ แต่เป็นแววตาที่สะท้อนความเอ็นดูเขาในฐานะเด็กคนหนึ่งเท่านั้น


ตุลย์นิ่งงัน รู้สึกราวกับถูกกลืนกินเข้าในภวังค์ความอบอุ่นนั้น ก่อนอารมณ์หนึ่งที่เข้าไม่รู้จักจะแทรกขึ้นในอก พร้อมกับคำถาม


...เขาไม่ได้มีพรสวรรค์ ไม่ใช่คนว่านอนสอนง่าย และไม่ได้น่ารักมีเสน่ห์แบบที่ใครๆ จะเอ็นดูชมชอบ ความดึงดันหัวแข็งของเขาสร้างวีรกรรมให้ศานนท์หลายครั้ง และหลายคราเขาก็เสียใจกับการผลลัพธ์


ความด้อยประสบการณ์ทำให้เขาทำเรื่องผิดพลาดอยู่บ่อยครั้งอย่างไม่หลาบจำ...


‘แต่จากทุกสิ่งที่ผมทำลงไป คุณยังภูมิใจในตัวผมอีกเหรอ…? ’



“เป็นอะไรหรือเปล่า”


คงเห็นว่าเขายืนนิ่งไม่ตอบโต้ต่อสิ่งเร้านานเกินไป ศานนท์ถึงเอ่ยถาม ตุลย์ทำได้เพียงเสหลบตาอีกฝ่าย ยิ้มบางๆ แทนคำตอบ เพื่อไม่ให้กระแสความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นเมื่อครู่จะล้นออกมาเสียก่อน


“รีบขึ้นรถกลับบ้านเถอะ” ศานนท์ก็ดันหลังเขาไปในทิศทางตรงข้ามเบาๆ


“คุณมีนัดต่อเหรอครับ? ”


“เปล่าหรอก ฉันง่วง...” คนพูดหาววอดยืนยัน ตุลย์ก็นึกได้


เนื่องจากวันนี้คลาสเรียนของเขาจบตอนแปดโมงตรง ศานนท์คงตื่นก่อนเวลาพอสมควรเพื่อมารับเขา เพราะสถานที่ที่เขาเรียนค่อนข้างพลุกพล่าน จึงต้องใช้เวลาเดินทาง แม้ว่าการจราจรจะไม่คับคั่งเท่าวันธรรมดา


ศานนท์จะไม่มารับก็ได้ แต่อีกฝ่ายก็มา...

 
เขาได้แต่นึกขอบคุณอยู่ในใจ ก่อนจะสอดตัวเข้าไปนั่งที่นั่งข้างคนขับเพื่อไม่ให้เสียเวลาเพิ่ม
 

-------------------------

เขียนนานมากค่ะ ฮื้ออ คิดอยู่นานมากๆ จะตีความความรู้สึกของตัวละครออกมายังไง
สุดท้ายก็ออกมาเป็นแบบนี้เจ้าค่ะ ไม่รู้ว่าสื่อได้ดีหรือแย่ยังไง ช่วงนี้สมองวุ่นวายสุดๆ เลยสุด
ติชมได้นะคะ

ตอนหน้าพบกับเรื่องของเต้ และ ปมที่ไม่รู้ว่าทุกคนคาดคิดไว้หรือเปล่า ถถถ
อาจจะเซอร์ไพรส์ก็ได้ค่ะ

แจ้งข่าวนิดนึงคือ ช่องทางอื่นๆ เช่น RAW Fictionlog Tunwalai dek-d เดินทางมาถึงตอนล่าสุดพร้อมๆ กับเล้าเป็ดแล้วเจ้าค่ะ
นักอ่านสามารถเลือกช่องทางที่สะดวกติดตามกันได้น้าา

เมลล่าจะทิ้งลิ้งค์ต่างๆ ไว้ในโพสต์เจ้าค่ะ


ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเสมอมานะคะ เยิฟๆๆ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2020 20:21:12 โดย Caramella »

ออฟไลน์ kimkidoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เป็นเอ็นดูคุณศานอ่าาาา
อ่านตอนนี้และรู้สึกอบอุ่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ดีใจกับตุลย์ที่เจอคนดีๆน้าาาต่อจากนี้ก็เป็นเด็กดีนะตุลย์
รอปมเต้ต่อไปจ้าาาาาาาา

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เอาเว้ย เห็นลุงมีวัยอย่าคิดว่าลุงจะไฟมอดนะ
จับทางน้องตุลย์ซะอยู่หมัด

เด็กน้อยจะไปไหนเสีย อิอิ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เปย์หนักมากค่ะ

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
สายเปย์ก็มา น่ารักกันดีจัง

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
         ​หลังจากปิดกองละครได้ไม่นาน ตอนแรกของซีรีส์เรื่องสั้นก็ได้ออกอากาศทางเว็บไซต์ กระแสตอบรับอยู่ในเกณฑ์น่าพึงพอใจเพราะเหนือกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก ถึงแม้จะไม่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เหมือนตอนที่ตุลย์เป็นกระแสโด่งดังในอินเทอร์เน็ต แต่ก็ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในกลุ่มผู้ชมที่ติดตามละครเป็นประจำ และทางเฟซบุ๊กเพจ



         จริงอยู่ที่ตารางงานของตุลย์ค่อนข้างแน่นจนต้องดรอปเรียนบางวิชา แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเลิกใส่ใจเรื่องมหาวิทยาลัยไปโดยสิ้นเชิง



         วันนี้เป็นอีกวันที่ตุลย์มาเรียนตามปกติ พิเศษกว่าวันอื่นๆ หน่อยตรงที่เขาและแม็กถูกจีจี้ชวนไปดูการแข่งบาสเกตบอลชายกระชับมิตรระหว่างคณะ



         การแข่งขันกีฬาเพื่อจัดอันดับคณะต่างๆ จะจัดขึ้นปีละครั้ง และเย็นนี้ก็เป็นการแข่งบาสเกตบอลระหว่างคณะนิเทศศาสตร์และคณะบริหารธุรกิจ



         หลังจากเดินซื้อของทานเล่นที่หน้ามหาวิทยาลัยอยู่ราวยี่สิบนาที ตุลย์และเพื่อนๆ ก็วกกลับมาที่ยิม การแข่งขันยังไม่เริ่มต้น แต่ก็จวนเจียนจะได้เวลาเต็มแก่ ในสนามเต็มไปด้วยนักกีฬาที่วุ่นอยู่กับการวอร์มอัปสุ่มซ้อมเพื่อปรับตัวให้ชินกับสนาม



         ตุลย์ชะงักไปเล็กน้อยตอนที่เดินผ่านนักกีฬาทีมคณะตน



         สิ่งที่เขาและจีจี้ไม่ทราบมาก่อน คือกายเป็นหนึ่งในผู้เล่นด้วย…



         “จี้โอเคมั้ย? ”



         แม็กถามหญิงสาวข้างกายคล้ายอยากให้เธอยืนยันอีกครั้ง ฝ่ายจีจี้ก็พยักหน้าหนักแน่น



         “เราไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง ทำไมเราต้องหยุดดูบาสเพราะผู้ชายคนเดียวด้วย ไม่มีทาง”



         เธอเบะปากคว่ำ ตุลย์แอบชื่นชมความกล้าหาญของเธอในใจ ก่อนจะกวักมือชวน



         “งั้นไปหาที่นั่งกัน”



         พวกเขาสามคนเดินขึ้นบันไดไปที่สแตนด์กองเชียร์ ด้านบนมีทั้งเพื่อนรุ่นเดียวกันและรุ่นพี่ปีอื่นๆ นั่งอยู่ก่อนแล้ว หลายคนเป็นคนที่พวกเขาคุ้นหน้าคร่าตา มีบางส่วนที่เอ่ยทักทายเพราะจำตุลย์ได้จากซีรีส์ละคร ความครึกครื้นเป็นกันเอง ทำให้เขาพวกเลือกนั่งใกล้ๆ กันเป็นหมู่



         “ตุลย์” จีจี้สะกิดเขายิกๆ ขณะชี้ให้ดูผู้เล่นฝั่งตรงข้าม “นั่นเต้ไม่ใช่เหรอ”



         ตุลย์หรี่มองตามก็เห็นเต้อยู่ที่ขอบสนามฝั่งซ้ายดังเธอว่า



         แต่ยังไม่ทันได้ถกเถียงกันว่าทำไมชายคนนั้นถึงผันตัวมาเป็นนักกีฬาทีมบาสเกตบอล เสียงโห่เชียร์จากสแตนด์ฝั่งพวกเขาก็ดังกระหึ่ม เมื่อผู้เล่นทั้งสองทีมเดินเข้าสู่สนาม และทักทายทายกันด้วยการแตะมือ จากนั้นนักกีฬาและกรรมการก็เข้าประจำที่โดยมีผู้เล่นฝ่ายละหนึ่งคนจากแต่ละทีมยืนประจันหน้ากันกลางสนาม เตรียมพร้อมชิงลูกเปิดเกม



         กองเชียร์ฝ่ายเขาเฮลั่นอีกครั้ง เมื่อทีมคณะนิเทศศาสตร์เป็นฝ่ายชิงลูกจากการโยนของกรรมการได้ก่อน และเริ่มเกมบุก ทว่าพาบอลรุกเข้าไปในแดนของฝ่ายตรงข้ามได้ไม่เท่าไร จังหวะที่ส่งลูกไปให้กับผู้เล่นทีมตัวเองก็เกิดพลาดท่าทำให้บอลถูกชิงไปโดยทีมคณะบริหาร จึงต้องเปลี่ยนมาตั้งรับการบุกแทน



         ทั้งสองทีมสลับกันรุกรับอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งแต้มแรกถูกซู้ตลงห่วงได้สำเร็จโดยผู้เล่นจากคณะเขา เรียกเสียงโห่ร้องและเสียงกลองชุดระรัวจากทีมเชียร์ ทว่าไม่นานแต้มที่สองและที่สามของเกมก็ตามมา ต่างฝ่ายต่างผลัดสลับกันทำคะแนนตีคู่อย่างสูสี



         เกมเริ่มคึกคักและเข้มข้นขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ล่วงเลยมานาทีที่หก ผู้เล่นทั้งสองทีมก็เหงื่อโทรมกาย กระนั้นต่างก็แข่งขันกันสุดความสามารถ



         ระหว่างเกมมีเสียงนกหวีดเป่าฟาวล์ สลับกับการได้ชู้ตลูกโทษหรือเปลี่ยนฝั่งส่งลูกอยู่หลายครั้ง และทุกครั้งที่ชู้ตลงก็จะมีเสียงโห่เชียร์จากสแตนด์ฝั่งที่ทำแต้มได้ นับว่าเป็นเกมที่สนุก โดยเฉพาะเมื่อนั่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนจำนวนมากที่เอาใจช่วยฝั่งเดียวกัน



         เกมดำเนินไปจนช่วงท้ายควอเตอร์ จู่ๆ ก็มีผู้เล่นชนกันล้มอย่างแรงทำให้กรรมการต้องเป่านกหวีดเสียงดังยาว แต่แทนที่นักกีฬาจะลุกขึ้นเล่นต่อ กายซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เล่นฝั่งพวกเขากลับขึ้นเสียงโวยวายใส่กรรมการและฝ่ายตรงข้าม



         “เมื่อกี้ผมไม่ได้ชาร์จฟาวล์ เขาเข้ามาขวางผิดจังหวะ ทีมนั้นต่างหากที่ควรจะโดนฟาวล์”



         “แต่ทีมผมได้พื้นที่ก่อน เขาถึงวิ่งเข้ามาชาร์จทีหลัง”



         ผู้เล่นทีมคณะบริหารยืนยัน อาจารย์ผู้ควบตำแหน่งกรรมการก็พยักหน้าเห็นด้วยและขานผลตัดสิน



         “ชาร์จจิ้ง ฟาวล์”



         “จารย์! เห็นๆ กันอยู่ว่ามันพุ่งเข้ามาบล็อกผม” คนถูกกล่าวหาแก้ต่างด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “แบบนี้มันไม่ได้เปล่าวะ...”



         กายยืนละล้าละลังคล้ายไม่ยอมรับผลตัดสิน ขณะที่กรรมการและนักกีฬาของทีมฝ่ายตรงข้ามที่ได้สิทธิ์ส่งลูกจากข้างสนามเข้าประจำที่เตรียมเล่นต่อ เพื่อนร่วมทีมเขาของเขาบางคนก็เดินเข้ามาตบไหล่เป็นเชิงให้ยอมรับและปล่อยไป แต่เหมือนว่าชายหนุ่มจะไม่พอใจนัก



         “แบบนี้กูไม่ยอมแน่”



         “กรรมการตัดสินไปแล้วก็จบดิ”



         คนที่สวนไม่ใช่ใคร แต่เป็นเต้ที่รอทำเกมบุกอยู่ด้านหลังคนอื่นๆ



         “ตัดสินใจก็ตัดสินดิวะก็ลูกเมื่อกี้กูไม่ได้ชาร์จ ทีมมึงทำฟาวล์ต่างหาก เห็นกันอยู่โต้งๆ ” กายเค้นเสียง ‘หึ’ ในคอ ขณะปาดเหงื่อบนหน้าผาก “แค่กรรมการไม่เห็นอย่าเพิ่งได้ใจ...”



         “ยอมรับความจริงบ้างเหอะ จะโกงให้ได้เลยหรือไง”



         “มึงว่าอะไรนะ? ”



         ประโยคง่ายๆ ของเต้ยั่วโมโหคนฟังเลือดขึ้นหน้า กายเดินปรี่เข้าไปประชิดตัวคู่สนทนา ยืนจองหน้าคุมเชิงราวกับหากอีกฝ่ายพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียวก็พร้อมจะใช้กำลัง



         “มึงหาว่าใครโกง? พูดอะไรดูสารรูปทีมมึงบ้าง แม่ง! เพิ่งโกงกูโต้งๆ อยากแดกข้าวดีๆ ก็เก็บปากเหอะว่ะ”



         “ทำไม?  มึงจะทำอะไร? ” เต้จ้องหน้ากลับอย่างเชือดเฉือน



         คำพูดพาดพิงของกายสร้างความไม่พอใจให้ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามอย่างมาก จนบางคนถึงกับเลิกสนใจเกม เดินเข้ามาจุดที่ทั้งคู่ยืนคุมเชิงกัน ทำเอาผู้เล่นฝั่งนิเทศศาสตร์ต้องรีบเข้าไปห้ามกายด้วยกลัวว่าเรื่องจะบานปลาย



         ต่างฝ่ายต่างชุลมุนกันอยู่พักใหญ่กว่ากรรมการจะเข้ามาห้ามและสั่งให้นักกีฬาไปพัก



         ความขัดแย้งในสนามทำให้เกมต้องหลุดลงชั่วคราวทั้งที่เล่นไม่จบควอเตอร์ เกิดความโกลาหลย่อมๆ ขึ้นบนสแตนด์เชียร์ของทั้งสองฝ่ายเนื่องจากไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในสนาม ผู้ชมต่างตีความกันไปต่างๆ นานา ก่อนที่สนามจะว่างลงเมื่อผู้เล่นทั้งหมดทยอยแยกกันไปพักสงบสติอารมณ์ ทิ้งคำถามมากมายไว้ให้ผู้ชม



         “ออกไปซื้อน้ำกัน”



         อารมณ์ตึงเครียดจากการแข่งทำให้ตุลย์อึดอัด เขาจึงถือโอกาสชวนกลุ่มเพื่อนและคนอื่นที่นั่งใกล้ๆ ออกไปซื้อของและเดินเตร็ดเตร่สูดอากาศด้วยกัน ก่อนจะกลับมาบริเวณยิม



         แต่จังหวะที่กำลังจะเดินผ่านประตูก็บังเอิญพบเต้นั่งสงบสติอารมณ์อยู่ลำพังบนม้าหิน



         “เข้าไปก่อนเลย เดี๋ยวเราตามไป”



         เขาแยกตัวกับเพื่อนเดินตรงเข้าไปหาเต้ ก่อนยื่นขวดน้ำเปล่าที่ซื้อมาสำหรับตนเองให้อีกฝ่ายแล้วทรุดตัวนั่งบนม้าหินฝั่งตรงข้าม เต้ปรายตามองเขาแวบเดียว จากนั้นก็เอียงหน้าหนีไปทางอื่นคล้ายไม่อยู่ในอารมณ์อยากสนทนาด้วย



         “เอาน่า ปล่อยมันไปเถอะ ต่อยกับคนอย่างหมอนั่นไปก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมาหรอก”



         “นายจะไปเข้าใจอะไร อย่าพูดเหมือนรู้ดี” ผู้ฟังสวนกลับพัลวัน



         “ฉันรู้จักกายดีกว่านายแล้วกัน”



         “รู้จัก? ” เต้เค้นเสียง ‘หึ’ ในคอเยาะเย้ย สายตาปราศจากความเป็นมิตร “เจอไอ้หมอนั่นกี่ทีก็เอาแต่วิ่งหนีหางจุกตูด นี่เหรอรู้จัก? ”



         “......”



         เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ประโยคสนทนาระหว่างเขากับเต้ยาวกว่าแค่ถามคำตอบคำ และชายหนุ่มก็พูดถูกต้องทุกอย่าง



         เขามันไร้น้ำยา จะมีสิทธิ์ไปแนะนำอะไรได้...



         “ขอโทษที...” ตุลย์ถอนหายใจเบาๆ ตอนที่เอ่ยขอโทษ



         เดิมทีเขามาที่นี่เพราะเห็นใจ ไม่ใช่อยากชวนทะเลาะ



         “นายพูดถูก ฉันไม่ควรพูดเหมือนรู้ดีว่าคนอื่นควรทำยังไง ไม่ควรเอาบรรทัดฐานของตัวเองไปตัดสินใคร ฉันเข้าใจว่านายโกรธ และก็คงไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไร ถ้านายจะต่อยกับหมอนั่นหลังเกมจบ ที่ฉันพยายามจะพูดเมื่อกี้ก็แค่อยากให้ใจเย็นลงหน่อย...”



         เขาหวังเพียงให้อีกฝ่ายอารมณ์เย็นลงจนมีสติลงเล่นต่อได้ก็เท่านั้น เพราะไม่ว่ายังไงมันก็ไม่คุ้ม หากเต้จะต้องโดนทัณฑ์บนเป็นประวัติเสียเพียงเพราะมีเรื่องชกต่อยในมหาวิทยาลัยกับนักเลงอย่างกาย...



         ความเงียบโรยตัวระหว่างพวกเขาทั้งสอง เต้ทอดมองเขาด้วยสีหน้านิ่งเรียบคล้ายพินิจพิเคราะห์ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร แต่หลังจากนั้นพักใหญ่อีกฝ่ายก็เปิดขวดน้ำ กระดกดื่มรวดเดียวครึ่งหนึ่งแล้วเอ่ยปากถามสิ่งที่จี้ใจดำที่สุด



         “นายกลัวหมอนั่นใช่มั้ย? ”



         “......”



         “ทำไม? เพราะมันเคยซ้อมนาย? ”



         ตุลย์เม้มปากอย่างเคยตัว การเอ่ยถึงสิ่งที่พยายามหลีกหนีมาโดยตลอดทำให้รู้สึกกังวล อึดอัดหายใจไม่สะดวก



         “ก็ใช่...”



         “งั้นก็อัดหน้ามันซะสิ เป็นมวยไม่ใช่หรือไง นายคว่ำหมอนั่นได้สบายๆ ถ้าเอาจริง”



         ตุลย์ส่ายหน้า “มันไม่ง่ายแบบนั้น... มันไม่เกี่ยวกับว่าฉันทำอะไรได้”



         ต่อให้ตอนนั้นถือปืนอยู่ในมือ เขาก็คงเลือกหนีให้รู้สึกปลอดภัยแทนที่เผชิญหน้ากับกายตรงๆ



         “ไม่เกี่ยว? แล้วมันยังไง? ”



         ถูกเค้นความ เขาก็ขมวดคิ้ว เม้มปากแน่น



         “ฉันไม่เหมือนนาย... สำหรับฉัน หมอนั่นทำให้รู้สึกพ่ายแพ้ อับอายทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้า ฉันแค่... แค่...”



         กลัว



         กลัวคำพูดและสายตาที่หยามเหยียดเหมือนเขาเป็นสิ่งของราคาถูกไร้ค่า



         และกลัว... ที่สำนึกของตัวเองร่ำร้องบอกว่า ผู้ชายคนนั้นพูดถูกทุกอย่าง




         เต้ยังคงจ้องมองเขาราวกับรอคำตอบ แต่นอกจากความเงียบงันก็ไม่มีคำพูดใดที่ตุลย์เอ่ยจากปากได้อีก



         เสียงถอนหายใจยาวเหยียดดังขึ้น ก่อนที่เต้จะลุกขึ้นพร้อมขวดน้ำในมือ



         “หลังเกมจบมาหาฉันที่ค่าย ฉันจะสอนวิธีซัดหน้ามันให้”



-----------------------------------



         การแข่งขันบาสเกตบอลจบลงโดยที่แต่ละทีมพยายามเล่นให้กระทบกระทั่งกันน้อยที่สุดเพื่อให้เกมดำเนินต่อไปจนครบเวลา จากนั้นนักกีฬาก็แยกย้ายกันอย่างไม่ค่อยเป็นมิตร ถึงแม้การแข่งขันจะจบลงแล้ว แต่เหตุการณ์ชุลมุนที่เกิดขึ้นก็ยังคงเป็นประเด็นถกเถียงพูดถึงในหมู่นักศึกษา



         ตุลย์แยกย้ายกับเพื่อนร่วมคณะหลังเกมจบเพื่อมาหาเต้ที่ค่ายมวยตามนัด เขาประหลาดใจบ้างตอนที่พบว่าคนน้อยกว่าปกติมาก อาจเพราะเย็นนี้มีการแข่งกีฬาหลายประเภทระหว่างหลายคณะ นักศึกษาส่วนใหญ่จึงอยู่ชมการแข่งขันของคณะตนแทนที่จะซ้อมจนดึก



         เต้มาถึงไม่กี่นาทีให้หลังจากตุลย์ ชายหนุ่มสวมเสื้อกล้ามกีฬาโทรมเหงื่อและสะพายเป้ไหล่เดียว พนันว่าเพิ่งแยกกับทีมหลังแข่งจบหมาดๆ ฝ่ายนั้นเดินเลยเขาไปยังชั้นวางของข้างเวทีมวย ก่อนจะหยิบหนึ่งในนวมที่วางเรียงไว้โยนมาทางเขา



         “ใส่นวม”



         ตุลย์คว้าของที่ลอยคว้างกลางอากาศไว้ในมือ ขณะที่เต้สวมเป้าล่อ จากนั้นเจ้าตัวก็ย้อนกลับมาหาเขาที่ลานกว้างซึ่งบุแผ่นยางกันกระแทก แล้วตั้งการ์ดต่ำ



         “ชกมา ชกให้เหมือนชกหน้ามัน”



         ตุลย์ต่อยเข้าที่เป้าล่อด้วยแรงมากไม่มาก กังวลว่าจะพลาดโดนคู่ซ้อม



         “ชกแรงๆ อย่าลังเล! ”



         ถูกกำชับเสียงเข้ม ร่างโปร่งก็สวนหมัดเข้าเป้าเต็มๆ จนเกิดเสียงปะทะ เต้ก้าวถอยบ้าง สลับรุกกลับบ้างให้เขาได้โฟกัสทั้งการออกหมัดและเคลื่อนไหวหลบหลีก ตุลย์พลาดเสียท่าอยู่หลายครั้งเพราะไม่ชินกับการบุกของคู่ซ้อม ก่อนจะเริ่มเรียนรู้พลิกแพลง



         ชิมลางจนพอใจ เต้ก็บอกให้เขาหยุด ก่อนที่ฝ่ายนั้นถอดเป้าล่อ เปลี่ยนมาสวมนวมแล้วตรงไปที่กระสอบทราย จากนั้นก็อัดหมัดหนักๆ ใส่มันจนเกิดเสียงดังติดต่อกันหลายครั้ง



         ชายหนุ่มไม่แสดงสีหน้าใดนอกจากคิ้วมุ่นแน่นเป็นปม แต่เสียงแรงอัดหนักๆ ตอนที่ส่งหมัดปะทะกระสอบทรายจนแกว่งตามแรงก็เดาได้ไม่ยากว่า ฝ่ายนั้นคงต่อยระบายอารมณ์ที่ยังกรุ่นโกรธอยู่ในใจ เต้ซัดกระสอบทรายอยู่พักใหญ่ๆ จนหอบเหนื่อยและเหงื่อโชกถึงถอยออกมาเปิดทางให้เขา



         “ลองดู ถ้ากลัวมันก็ซัดหน้ามันหนักๆ อย่าให้ลุกขึ้นมาได้อีก”



         ตุลย์ยิ้มนิดๆ ตอนที่ได้ฟังประโยคนั้น



         เขาส่งหมัดเร็วใส่กระสอบทราย หมัดของเขาไม่ได้หนักเท่านักกีฬาอย่างเต้ แต่แรงปะทะที่สันมือก็ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังระเบิดอารมณ์ที่อัดอั้นในอกออกมา ปฏิเสธไม่ได้ว่าการซัดกระสอบทรายแบบใส่อารมณ์ทำให้รู้สึกผ่อนคลายเอามากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ต่อยซ้ำจนกระทั่งอารมณ์โกรธสลายไป



         “ก็ทำได้นี่” เต้ยิ้มมุมปาก ดูจะพอใจกับผลงานของเขา “เจอตัวที่ไหนก็ซัดหน้ามันแบบนั้นแหละ”



         หลังจากชกกระสอบทรายจนพอใจ เต้ก็ถือโอกาสทดสอบหน่วยก้านเขาอยู่หลายอย่าง ระหว่างนั้นเขาก็พูดคุยแลกเปลี่ยนกันหลายเรื่อง รวมถึงภูมิหลังและชีวิตส่วนตัว



         “นึกว่านายเป็นพวกลูกคุณหนู”



         “เปล่า ไม่ใช่”



         ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำนั้นเลยด้วยซ้ำ



         อาจเพราะอีกฝ่ายใช้ชีวิตมัธยมอยู่ในมุมอับสายตาของโรงเรียนรัฐบาล ที่แม้จะมีชื่อเสียงแต่ก็ซ่อนเรื่องราวไม่น่าพิสมัยไว้ เขาและเต้จึงมีประสบการณ์หลายๆ เรื่องคล้ายคลึงกัน เคยเห็นคนประเภทเดียวกัน เคยทำเรื่องโง่ๆ ที่ย้อนนึกถึงแล้วชวนให้ระอาเหมือนกัน



         พวกเขาคุยกันถูกคอกันอย่างน่าเหลือเชื่อ ถึงขนาดที่ฝ่ายนั้นยอมเป็นคู่ชกบนสังเวียนให้เพื่อที่เขาจะได้ลองต่อสู้จริงๆ ไม่ใช่แค่ซ้อมกับเป้าล่อ นับว่าเป็นประสบการณ์นอกห้องเรียนที่แปลกใหม่สำหรับตุลย์



         ซ้อมเสร็จ ทั้งคู่ก็นั่งเหยียดขาหอบหายใจอยู่บนเวทีมวยซึ่งเป็นไม่กี่จุดในค่ายที่ยังสว่างอยู่ ฟ้ามืดสนิทแล้ว คนส่วนใหญ่ก็ทยอยกลับบ้าน เหลือเพียงแค่พวกเขาและสมาชิกคนอื่นๆ อีกสามสี่คนเท่านั้น



         ตุลย์เปิดขวดน้ำดื่มที่เต้ใช้ให้เพื่อนซื้อทิ้งไว้ก่อนกลับ โดยไม่ลืมส่งอีกขวดหนึ่งให้คนข้างๆ



         “ขอบคุณที่เป็นคู่ซ้อมให้ วันนี้กูสนุกมาก ไม่ได้รู้สึกแบบนี้นานแล้ว” เอ่ยตามความรู้สึก



         ที่จริงตั้งแต่ย้ายมาอยู่ในเมือง เขาก็ไม่ได้ใช้เวลากับเพื่อนชายที่สนใจอะไรคล้ายกันอีกเลย



         “เหมือนกัน”



         ตุลย์เลิกคิ้ว “เหมือนกันนี่คือยังไง สนุกหรือว่าไม่มีคู่ซ้อม”



         “ไม่ใช่ คู่ซ้อมน่ะมี แต่มันไม่สนุกแบบนี้”



         “ถ้าอย่างงั้น ศิษย์คงต้องขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นคู่ซ้อมต่อไปยาวๆ นะขอรับ ท่านอาจารย์” ตุลย์ระเบิดเสียงหัวเราะร่วนหลังประโยคล้อเลียน เรียกยิ้มมุมปากจากเต้อย่างที่ไม่ค่อยได้เห็น



         ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเสียดายที่ ‘รู้จัก’ เต้ช้าไป คงเพราะที่ผ่านมานอกจากใช้อีกฝ่ายไปรับไปส่งเหมือนเบ๊ พวกเขาต่างก็แทบไม่คุยกัน



         “กูว่าจะไปอาบน้ำหน่อย” ตุลย์แตะไหล่เพื่อนทีหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นลงจากเวที



         เหงื่อกาฬจากการออกกำลังกายติดกันหลายชั่วโมงทำให้เขาเหนียวเนื้อเหนียวตัวจนต้องอาบน้ำ แม้จะไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยน



         จังหวะที่เดินไปทางห้องอาบน้ำเต้ก็ตะโกนเรียกชื่อ



         “มีเสื้อสองตัวอยู่ในกระเป๋ากู หยิบไปได้ตัวนึง”



         “อ่าฮะ” เขาค้นกระเป๋าเต้ก็เจอเสื้อตัวที่ว่า “ขอบใจ เดี๋ยวกูซักคืนให้”



         เต้มองแผ่นหลังก็คนที่หยิบเสื้อพาดบ่า เดินลับหายไปในโซนห้องอาบน้ำ ความรู้สึกคลุมเครือบางอย่างค่อยๆ ฝุดขึ้นในใจเขา



         ...นานแล้วที่เขาไม่ได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนเป็นจริงเป็นจัง สมัยมัธยมที่ยังคลุกคลีกับการต่อยตี เขามีเพื่อนในแก๊งมากมายที่พึ่งพาได้และพร้อมเสียสละแทนกัน แต่หลังจากถูกบังคับให้แยกตัวออกมา ความห่างเหินก็ทำให้เขาเสียเพื่อนฝูงที่เคยมีไปทีละคน นานวันเข้าก็ขาดการติดต่อไปตามกาลเวลา ในตอนนั้นเขาเสียใจมาก หากไม่ใช่เพราะคำข้อของแม่ที่รั้งไว้ เขาก็คงวิ่งโร่กลับไปหาคนเหล่านั้น



         เพราะฉะนั้น เขาจึงเข้าใจความรู้สึกของตุลย์ ตอนที่พยายามกล่อมเขาหนีไปปาร์ตี้วันเกิดของเพื่อน



         ชายหนุ่มตามเข้าไปอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายและเปลี่ยนเสื้อผ้าตามกิจวัตร พอกลับออกมาเขาก็พบร่างที่สวมเสื้อยืดตนยืนสะพายกระเป๋ารออยู่ก่อนแล้ว



         “เออ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าชาที่บ้านหมด แวะซื้อตรงแถวๆ หน้าม. ก่อนกลับได้มะ”



         เต้ขาน ‘อือ’ ในคอเป็นเชิงรับรู้ ขณะสับสวิตช์ไฟทั้งหมดลงส่งผลให้ไฟดับสนิท ท่ามกลางความมืด พวกเขาทั้งสองคนเดินออกมาด้านนอก ก่อนที่เต้จะปิดประตู คล้องแม่กุญแจล็อกมัน



         ถึงแม้ว่าความรู้สึกที่เขามีต่อตุลย์จะเปลี่ยนแปลงไป แต่ยังไงหน้าที่ของเขาต่ออีกฝ่ายก็ยังคงเดิม



         “ซื้อทำไม? ชอบแดกชา? ”



         “เปล่า ไม่ได้ชอบหรอก ของคุณศานนท์เขา กูแอบจิ๊กไปจะหมดกล่องแล้ว เลยว่าจะซื้อไปเติมให้สักหน่อย” ร่างโปร่งว่าเสมือนว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา



         ...เขาก็พอรู้อยู่แล้ว ว่าความสัมพันธ์ระหว่างตุลย์กับอดีตเจ้านายของพ่อนั้นเป็นมากกว่าผู้เลี้ยงดูปูเสื่อ



         “มาเหอะ มึงจะได้รีบกลับไปงีบ”



         เต้มองตามคนที่เดินนำลิ่วไปยังทิศทางของลาดจอดรถ พลางนึกย้อนกลับไป



         ...ในคืนเดือนมืดที่พบกันครั้งแรก เขาปรามาสตุลย์ว่าทั้งอ่อนแอและเป็นภาระอย่างไม่เคยนึกคลางแคลงใจ



         น่าแปลกที่ค่ำคืนนี้ บางอย่างในตัวของอีกฝ่ายกลับปลุกความรู้สึกหวนหาที่ฝังไว้ในส่วนลึก ให้คิดถึงคืนวันเก่าก่อน ราวกับกระจกเงาที่สะท้อนตัวตนของเขาในความทรงจำ



         พริบตานั้น ความรู้สึกบางอย่างในใจก็เริ่มแจ่มชัด ก่อนที่คำพูดของอเนกจะผุดแทรกให้ความคิดนั้นหยุดลง



        “...กับคุณหนู จะมอง จะชอบ จะอยากได้ก็ให้เก็บไว้ในใจ ตามอง มืออย่างต้อง”



         เพราะ ‘คนคนนี้เป็นของเสี่ย’



         เขาไม่อาจข้ามเส้นขีดแบ่งนี้ไปได้



         แต่หากเก็บงำซ่อนไว้เงียบๆ



         มันก็คงเป็นเรื่องของความรู้สึกในใจ...




------------------------------

 สองคนนี้คุยกันธรรมดาไม่เคยรู้เรื่องค่ะ ต้องคุยกันด้วยหมัด ถถถถถถ



เซอร์ไพร์ซมั้ยคะ หรือทุกคนคาดการณ์ไว้แล้ว

​จริงๆ มันมีเหตุผลอยู่น้า ว่าทำไมความสัมพันธ์ของตัวละครสองตัวต้องเดินมาถึงจุดนี้

แต่ไม่ใช่เหตุผลของเต้ เป็นเหตุผลของเมลล่าค่ะ ถถถถถถ

สำหรับนักอ่านที่รอคุณศานอยู่ ตอนนี้จะโผล่มานิดนึงเจ้าค่ะ แฮร่


จริงๆ ตอนนี้แค่ 50% น้า แต่เขียนหัวไม่พอเจ้าค่ะ เลยใส่เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ ฮื้ออ

ถ้าไม่มีอะไรคลาดเคลื่อน เรื่องนี้จะจบในตอนที่ 32 เป็นบทส่งท้ายเจ้าค่ะ

จะว่าใกล้ก็ใกล้ ไกลก็ไกล 5555


แต่ก็ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดนะคะ งื้ออ <3

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ว่าแล้วว่าเต้อ่ะต้องหลงเสน่ห์หนูตุลย์

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด